• กลายเป็นไวรัลสุดน่ารัก ของพนักงานเก็บค่าโดยสารของรถเมล์ สาย A4 ที่กำลังใช้แผ่นป้ายยืนพัดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติตัวน้อย หลังแอร์ในรถเสีย ชาวเน็ตแห่ชื่นชม มากกว่าบริการ คือ น้ำใจที่งดงาม

    วันนี้ (4 มี.ค.) สมาชิก TikTok ชื่อว่า “Sattahipbikeman" ได้โพสต์คลิปวิดีโอสุดน่ารักของพนักงานเก็บค่าโดยสารของรถเมล์ สาย A4 สนามบินดอนเมือง - สนามหลวง ที่ใช้แผ่นป้ายยืนพัดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติตัวน้อย หลังแอร์ในรถเสียระหว่างทาง

    โดยผู้โพสต์ระบุข้อความว่าในคลิปว่า “ในวันทรารถเมล์แอร์เสีย เห็นภาพนี้ของพี่กระเป๋าไม่มีใครโกรธเลย”

    หลังจากโพสต์ดังกล่าวได้เผยแพร่สู่โลกออนไลน์ มีชาวเน็ตแห่คอมเมนต์ชื่นชมพนักงานรายนี้เป็นจำนวนมาก เช่น มากกว่าบริการ คือ น้ำใจที่งดงาม , บอกเลยจากคนอยู่ต่างประเทศ แบบนี้หาได้แค่ที่ไทยเท่านั้น คนไทยมีเสน่ห์ตรงนี้แหละที่ไม่มีใครที่ไหนเหมือนเราคือความมีน้ำใจ , น่ารักจังเลยค่ะ ชาวต่างชาติส่วนมากบอกว่าคนไทยยิ้มเก่งมีน้ำใจเขาชื่นชมเรา เราเจอต่างชาติเยอะค่ะมาไหว้พระที่อยุธยา เราว่าในคลิปนี้ต่างชาติต้องประทับใจ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000020922

    #MGROnline #รถเมล์ #สายA4
    กลายเป็นไวรัลสุดน่ารัก ของพนักงานเก็บค่าโดยสารของรถเมล์ สาย A4 ที่กำลังใช้แผ่นป้ายยืนพัดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติตัวน้อย หลังแอร์ในรถเสีย ชาวเน็ตแห่ชื่นชม มากกว่าบริการ คือ น้ำใจที่งดงาม • วันนี้ (4 มี.ค.) สมาชิก TikTok ชื่อว่า “Sattahipbikeman" ได้โพสต์คลิปวิดีโอสุดน่ารักของพนักงานเก็บค่าโดยสารของรถเมล์ สาย A4 สนามบินดอนเมือง - สนามหลวง ที่ใช้แผ่นป้ายยืนพัดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติตัวน้อย หลังแอร์ในรถเสียระหว่างทาง • โดยผู้โพสต์ระบุข้อความว่าในคลิปว่า “ในวันทรารถเมล์แอร์เสีย เห็นภาพนี้ของพี่กระเป๋าไม่มีใครโกรธเลย” • หลังจากโพสต์ดังกล่าวได้เผยแพร่สู่โลกออนไลน์ มีชาวเน็ตแห่คอมเมนต์ชื่นชมพนักงานรายนี้เป็นจำนวนมาก เช่น มากกว่าบริการ คือ น้ำใจที่งดงาม , บอกเลยจากคนอยู่ต่างประเทศ แบบนี้หาได้แค่ที่ไทยเท่านั้น คนไทยมีเสน่ห์ตรงนี้แหละที่ไม่มีใครที่ไหนเหมือนเราคือความมีน้ำใจ , น่ารักจังเลยค่ะ ชาวต่างชาติส่วนมากบอกว่าคนไทยยิ้มเก่งมีน้ำใจเขาชื่นชมเรา เราเจอต่างชาติเยอะค่ะมาไหว้พระที่อยุธยา เราว่าในคลิปนี้ต่างชาติต้องประทับใจ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000020922 • #MGROnline #รถเมล์ #สายA4
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 รีวิว
  • เป็นข่าวช็อกต้อนรับเดือนมีนาคม สำหรับกรณีที่ “ลำไย ไหทองคำ” หรือ “อ้าย สุพรรณษา เวชกามา” ประกาศเลิกรากับ “ปุ้ย ศรีสกล สมทรง” นักร้องนำวง L.กฮ. ยืนยันว่าจบดี ไร้มือที่สาม และไม่ขอตอบคำถามใดๆ ด้าน ปุ้ย L.กฮ. ได้ออกมาเผยว่าความรักยังอยู่ที่เดิม แค่มุมมองไม่เหมือนเดิม พร้อมข้อความคล้ายกำลังง้อลำไยอยู่

    สำหรับเส้นทางรักของทั้งคู่ ปุ้ย รู้จักลำไยตอนฝ่ายหญิงอายุ 17 ปี ปุ้ย 26 ปี อายุห่างกัน 9 ปี เคยเห็นลำไยโคฟเวอร์เพลงคนอื่นในยูทิวบ์ ก่อนมีเพลงของตัวเอง จนวันที่ได้เห็นตัวจริงที่ จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นงานวันเกิดเจ้าภาพ ลำไยก็ไปด้วย ฝ่ายลำไยเป็นคนเข้ามาขอถ่ายรูป

    โดยลำไยชื่นชอบปุ้ยในความเป็นศิลปิน จากภาพคิดว่าน่าจะเป็นสายปาร์ตี้ ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ แต่พอได้รู้จักตัวจริง กลับตรงกันข้าม ปุ้ยบอกให้ลำไยไหว้พระสวดมนต์ก่อนขึ้นคอนเสิร์ต ให้กินอาหารมีประโยชน์ ขณะที่ปุ้ยเห็นว่าลำไยน่ารัก จึงทักเฟซบุ๊กไปหา บอกว่าตัวจริงลำไยสวย ตอนจีบใหม่ๆ บอกลำไยทุกวันว่าลำไยจะดัง แต่ลำไยไม่เชื่อ ซึ่งปุ้ยเผยว่าตนเองมองคนเก่ง ลำไยจะดังและมีชื่อเสียงประสบความสำเร็จ ใช้เวลาเกือบปีจึงได้เป็นแฟนกัน

    ทั้งคู่คบหากันตอนที่ยังไม่ดัง ชีวิตค่อนข้างลำบาก ลำไยเช่าห้องอยู่กับคุณแม่ส่วนปุ้ยเช่าห้องอยู่กับเพื่อน เป็นห้องเช่ารายวัน วันละ 300 บาท ตอนนั้นปุ้ยเริ่มเล่นคอนเสิร์ต รายได้ไม่เยอะ คบกันได้สักปี ลำไยก็ดังมาก ซึ่งปุ้ยไม่อยากให้ลำไยบอกใคร เพราะเห็นว่าชีวิตลำไยกำลังขาขึ้น อีกทั้งเผื่อว่าลำ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000020559

    #MGROnline #ลำไยไหทองคำ #ปุ้ยศรีสกล
    เป็นข่าวช็อกต้อนรับเดือนมีนาคม สำหรับกรณีที่ “ลำไย ไหทองคำ” หรือ “อ้าย สุพรรณษา เวชกามา” ประกาศเลิกรากับ “ปุ้ย ศรีสกล สมทรง” นักร้องนำวง L.กฮ. ยืนยันว่าจบดี ไร้มือที่สาม และไม่ขอตอบคำถามใดๆ ด้าน ปุ้ย L.กฮ. ได้ออกมาเผยว่าความรักยังอยู่ที่เดิม แค่มุมมองไม่เหมือนเดิม พร้อมข้อความคล้ายกำลังง้อลำไยอยู่ • สำหรับเส้นทางรักของทั้งคู่ ปุ้ย รู้จักลำไยตอนฝ่ายหญิงอายุ 17 ปี ปุ้ย 26 ปี อายุห่างกัน 9 ปี เคยเห็นลำไยโคฟเวอร์เพลงคนอื่นในยูทิวบ์ ก่อนมีเพลงของตัวเอง จนวันที่ได้เห็นตัวจริงที่ จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นงานวันเกิดเจ้าภาพ ลำไยก็ไปด้วย ฝ่ายลำไยเป็นคนเข้ามาขอถ่ายรูป • โดยลำไยชื่นชอบปุ้ยในความเป็นศิลปิน จากภาพคิดว่าน่าจะเป็นสายปาร์ตี้ ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ แต่พอได้รู้จักตัวจริง กลับตรงกันข้าม ปุ้ยบอกให้ลำไยไหว้พระสวดมนต์ก่อนขึ้นคอนเสิร์ต ให้กินอาหารมีประโยชน์ ขณะที่ปุ้ยเห็นว่าลำไยน่ารัก จึงทักเฟซบุ๊กไปหา บอกว่าตัวจริงลำไยสวย ตอนจีบใหม่ๆ บอกลำไยทุกวันว่าลำไยจะดัง แต่ลำไยไม่เชื่อ ซึ่งปุ้ยเผยว่าตนเองมองคนเก่ง ลำไยจะดังและมีชื่อเสียงประสบความสำเร็จ ใช้เวลาเกือบปีจึงได้เป็นแฟนกัน • ทั้งคู่คบหากันตอนที่ยังไม่ดัง ชีวิตค่อนข้างลำบาก ลำไยเช่าห้องอยู่กับคุณแม่ส่วนปุ้ยเช่าห้องอยู่กับเพื่อน เป็นห้องเช่ารายวัน วันละ 300 บาท ตอนนั้นปุ้ยเริ่มเล่นคอนเสิร์ต รายได้ไม่เยอะ คบกันได้สักปี ลำไยก็ดังมาก ซึ่งปุ้ยไม่อยากให้ลำไยบอกใคร เพราะเห็นว่าชีวิตลำไยกำลังขาขึ้น อีกทั้งเผื่อว่าลำ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000020559 • #MGROnline #ลำไยไหทองคำ #ปุ้ยศรีสกล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 220 มุมมอง 0 รีวิว
  • #วัดที่สี่ร้อยเก้าสิบเอ็ด
    #วัดราชคฤห์
    #กรุงเทพ

    วัดราชคฤห์​ -​ เธอจ๋า​ ๆ​ ตลาดพลู​ ไม่​ได้มีดีแค่ของอร่อยนะจ๊ะ​ เพราะย่านนี้​ ในอดีตเป็นชุมชนมอญเก่า​ เลยมีศิลปะ​วัฒนธรรม​ของชนชาวมอญปะปนอยู่​ โดยเฉพาะวัดวาอาราม​ต่าง​ ๆ​ ก็สวยงาม​ และ​น่าสนใจไม่แพ้ ย่านเก่า​ๆ​ ในพระนครเลยนะครับ​ วันนี้​ ขอ​อาสาพามาชมของดี​ ของหายากหนึ่งเดียว​ในประเทศไทย​ พระพุทธ​รูปนอนหงาย​ แห่งวัดราชคฤห์​ ตลาด​พลู​ครับ

    วัดแห่งนี้​ เล่าขานกันว่า​ สร้างสมัยอยุธยา​ตอนต้น​ ชาวบ้านร้านตลาด​ นิยมเรียกขานว่า​ วัดวังน้ำวน​ ด้วยเหตุที่​ ตั้งอยู่​จุดที่คลองสามสาย​ มาบรรจบ​กัน​ ได้แก่​ คลองท่าพระ​ คลอง​บางกอกใหญ่​ และคลองบางน้ำชน​ แถวนั้นเกิดเป็นน้ำวน​ เกิดขึ้น​ แต่คนพื้นเพเดิม​ ก็นิยมเรืยก​ วัดมอญ​ ด้วยชาวบ้านแถบนี้เป็นชุมชนชาวมอญ​

    สิ่งที่พลาดไม่ได้​ คือ​ หลวงพ่อนอนหงาย​ หรือ​พระพุทธรูป​ปางถวายเพลิง​ สันนิษฐาน​ว่า​ สร้างสมัยพระเอกาทศรถ​ ว่ากันว่าสมัยนั้น​ เกิดโรคระบาด​ เพื่อ​แก้ดวงเมือง​ จึงมีการสร้างพระพุทธรูป​ปางนอนหงาย​ ด้วย​ความเชื่อ​ว่า​ กลับคว่ำเป็นหงาย​ กลับร้ายเป็นดี​ เมื่อเดินเข้าไป​ เขาจะให้แยกชายหญิง​ไหว้คนละฝั่ง​ โดนมีป้ายบทสวดให้​ ผู้มาสักการะ​ เมื่อสวดเรียบร้อย​ ให้​ นำมือไปสัมผัสใต้พระบาท​ ของพระพุทธรูป​ อธิษฐาน​จิต​ จากนั้น​ นำมือมาสัมผัส​ศรีษะครับ​ เรื้องทุกข์​ร้อน​ใจ​ เรื่อง​ร้าย​กลับกลายเป็น​ดีครับ​

    จากนั้น​ เดินเข้าไปที่อุโบสถ​ด้านข้าง​ เพื่อกราบสักการะ​ หลวงพ่อโต​ พระประธานในอุโบสถ​ มียทสวดพาหุง​ ถ้ามีเวลาใจเย็น​ ๆ​ สงบ​ ๆ​ นั่งสวดไปจะดีมากเลยครับ​

    นอกจากนี้​ ยังสามารถเดินไปกราบรอยพระบาท​จำลอง​ ที่เขามอ​ ภูเขาจำลองด้านข้างครับ​ วิวสวย​ ผู้สูงวัย​ อาจต้องอาศัยแรงข้อเข่า​เล็กน้อยนะครับ

    นอกจากนี้​ ยังไปกราบ​ พระบรมรูป​ สมเด็จ​พระเจ้าตากสิน​ และ​ ทหารเอกคือ​พระยาพิชัยดาบ​หัก​ได้ด้วยครับ​ สำหรับใครมีแผนมาชิมอาหารอร่อย​ ๆ​ ที่ตลาดพลู​ ก็อยากให้แวะมาสักการะ​สิ่งศักดิ์สิทธิ์​ หาชมได้ยาก​ ณ​ วัดราชคฤห์​ ตลาดพลู​ กันครับ

    #ชีวิตนี้ต้องมี1000วัด #เที่ยวไทยไปกับส้มโจ #เที่ยววัด #วัด #ไหว้พระ #ทำบุญ #travel #thailand #amazingthailand #thaitour #temple #history #architecture #culture #ท่องเที่ยว #thaitemple #CultureTrip
    #วัดที่สี่ร้อยเก้าสิบเอ็ด #วัดราชคฤห์ #กรุงเทพ​ วัดราชคฤห์​ -​ เธอจ๋า​ ๆ​ ตลาดพลู​ ไม่​ได้มีดีแค่ของอร่อยนะจ๊ะ​ เพราะย่านนี้​ ในอดีตเป็นชุมชนมอญเก่า​ เลยมีศิลปะ​วัฒนธรรม​ของชนชาวมอญปะปนอยู่​ โดยเฉพาะวัดวาอาราม​ต่าง​ ๆ​ ก็สวยงาม​ และ​น่าสนใจไม่แพ้ ย่านเก่า​ๆ​ ในพระนครเลยนะครับ​ วันนี้​ ขอ​อาสาพามาชมของดี​ ของหายากหนึ่งเดียว​ในประเทศไทย​ พระพุทธ​รูปนอนหงาย​ แห่งวัดราชคฤห์​ ตลาด​พลู​ครับ วัดแห่งนี้​ เล่าขานกันว่า​ สร้างสมัยอยุธยา​ตอนต้น​ ชาวบ้านร้านตลาด​ นิยมเรียกขานว่า​ วัดวังน้ำวน​ ด้วยเหตุที่​ ตั้งอยู่​จุดที่คลองสามสาย​ มาบรรจบ​กัน​ ได้แก่​ คลองท่าพระ​ คลอง​บางกอกใหญ่​ และคลองบางน้ำชน​ แถวนั้นเกิดเป็นน้ำวน​ เกิดขึ้น​ แต่คนพื้นเพเดิม​ ก็นิยมเรืยก​ วัดมอญ​ ด้วยชาวบ้านแถบนี้เป็นชุมชนชาวมอญ​ สิ่งที่พลาดไม่ได้​ คือ​ หลวงพ่อนอนหงาย​ หรือ​พระพุทธรูป​ปางถวายเพลิง​ สันนิษฐาน​ว่า​ สร้างสมัยพระเอกาทศรถ​ ว่ากันว่าสมัยนั้น​ เกิดโรคระบาด​ เพื่อ​แก้ดวงเมือง​ จึงมีการสร้างพระพุทธรูป​ปางนอนหงาย​ ด้วย​ความเชื่อ​ว่า​ กลับคว่ำเป็นหงาย​ กลับร้ายเป็นดี​ เมื่อเดินเข้าไป​ เขาจะให้แยกชายหญิง​ไหว้คนละฝั่ง​ โดนมีป้ายบทสวดให้​ ผู้มาสักการะ​ เมื่อสวดเรียบร้อย​ ให้​ นำมือไปสัมผัสใต้พระบาท​ ของพระพุทธรูป​ อธิษฐาน​จิต​ จากนั้น​ นำมือมาสัมผัส​ศรีษะครับ​ เรื้องทุกข์​ร้อน​ใจ​ เรื่อง​ร้าย​กลับกลายเป็น​ดีครับ​ จากนั้น​ เดินเข้าไปที่อุโบสถ​ด้านข้าง​ เพื่อกราบสักการะ​ หลวงพ่อโต​ พระประธานในอุโบสถ​ มียทสวดพาหุง​ ถ้ามีเวลาใจเย็น​ ๆ​ สงบ​ ๆ​ นั่งสวดไปจะดีมากเลยครับ​ นอกจากนี้​ ยังสามารถเดินไปกราบรอยพระบาท​จำลอง​ ที่เขามอ​ ภูเขาจำลองด้านข้างครับ​ วิวสวย​ ผู้สูงวัย​ อาจต้องอาศัยแรงข้อเข่า​เล็กน้อยนะครับ นอกจากนี้​ ยังไปกราบ​ พระบรมรูป​ สมเด็จ​พระเจ้าตากสิน​ และ​ ทหารเอกคือ​พระยาพิชัยดาบ​หัก​ได้ด้วยครับ​ สำหรับใครมีแผนมาชิมอาหารอร่อย​ ๆ​ ที่ตลาดพลู​ ก็อยากให้แวะมาสักการะ​สิ่งศักดิ์สิทธิ์​ หาชมได้ยาก​ ณ​ วัดราชคฤห์​ ตลาดพลู​ กันครับ #ชีวิตนี้ต้องมี1000วัด #เที่ยวไทยไปกับส้มโจ #เที่ยววัด #วัด #ไหว้พระ #ทำบุญ #travel #thailand #amazingthailand #thaitour #temple #history #architecture #culture #ท่องเที่ยว #thaitemple #CultureTrip
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 303 มุมมอง 0 รีวิว
  • #นอกเรื่อง
    #โครงการพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสมุทรปราการ
    #วิทยากร

    เมื่อเร็วๆนี้ เราสองคนได้รับเชิญไปเป็นวิทยากร โดยการแนะนำจากเพื่อน มีอยู่วันหนึ่ง แอน เพื่อนสมัยประถมที่เราติดต่อกันอยู่เรื่อย ๆ โทรหาส้มว่าจะเชิญไปเป็นวิทยากร 2 หัวข้อ คือ การประชาสัมพันธ์และการใช้แอพพลิเคชั่นเพื่อการท่องเที่ยวและกีฬาในชุมชน และหัวข้อการเป็นเจ้าบ้านที่ดี บอกกับแอนตรง ๆ ว่า แอนคิดว่าได้หรอ แอนบอกว่า ได้ ส้มกับโจ ทำจริง ๆ แต่ เอาก็เอา เพื่อนมั่นใจ ก็อย่าทำให้ผิดหวัง

    แล้ววันอบรมก็มาถึง เราสลับคิวพูดกัน โดยโจพูดเรื่อง การเป็นเจ้าบ้านที่ดีก่อน แล้วส้มค่อยพูดต่อเรื่อง แอพพลเคชั่นที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ปิดจบด้วยการทำเวิร์คชอป ให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ จับกลุ่มตามอำเภอ แล้วส่งตัวแทนมานำเสนอว่า ของดีอะไรที่ทำให้นักท่องเที่ยวต้องมาเยือนอำเภอของพี่ โดยเราให้หลักในการแบ่งความน่าสนใจไปในส่วนต่าง ๆ ตอนบรรยาย

    บรรยากาศการจับกลุ่มทำงาน การออกมานำเสนอหน้าห้อง เริ่มด้วย บางเสาธง ที่มากลุ่มใหญ่ ต่อมา จนถึงบางบ่อ ทุกคนเริ่มเห็นภาพ วันนี้เลยขอนำภาพบางส่วนมาลง ขอบคุณคุณกฤษณ์ และน้องเมษ์ ที่ดูแลเราอย่างดีรวมถึงผู้บริหารหลาย ๆ ท่าน

    ท้ายสุดขอบคุณเพื่อนแอน ที่ทำให้เราได้มีโอกาสตรงนี้ ส้มมีบอกบางท่านไปว่า ส้มคิดจะทำอะไรกับสมุทรปราการอยู่แล้วในปีนี้ ไม่ว่าจะประเพณีรับบัว หรือพาไปกราบสักการะที่วัดอโศกราม ไปพิพิธภัณฑ์ เป็นต้น หวังว่าพวกเราจะได้ไปพบพี่ ๆ ในปีนี้นะคะ

    #ชีวิตนี้ต้องมี1000วัด #เที่ยวไทยไปกับส้มโจ #เที่ยววัด #วัด #ไหว้พระ #ทำบุญ #travel #thailand #amazingthailand #thaitour #history #architecture #culture #thaitemple #ท่องเที่ยว #CultureTrip
    #นอกเรื่อง #โครงการพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสมุทรปราการ #วิทยากร เมื่อเร็วๆนี้ เราสองคนได้รับเชิญไปเป็นวิทยากร โดยการแนะนำจากเพื่อน มีอยู่วันหนึ่ง แอน เพื่อนสมัยประถมที่เราติดต่อกันอยู่เรื่อย ๆ โทรหาส้มว่าจะเชิญไปเป็นวิทยากร 2 หัวข้อ คือ การประชาสัมพันธ์และการใช้แอพพลิเคชั่นเพื่อการท่องเที่ยวและกีฬาในชุมชน และหัวข้อการเป็นเจ้าบ้านที่ดี บอกกับแอนตรง ๆ ว่า แอนคิดว่าได้หรอ แอนบอกว่า ได้ ส้มกับโจ ทำจริง ๆ แต่ เอาก็เอา เพื่อนมั่นใจ ก็อย่าทำให้ผิดหวัง แล้ววันอบรมก็มาถึง เราสลับคิวพูดกัน โดยโจพูดเรื่อง การเป็นเจ้าบ้านที่ดีก่อน แล้วส้มค่อยพูดต่อเรื่อง แอพพลเคชั่นที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ปิดจบด้วยการทำเวิร์คชอป ให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ จับกลุ่มตามอำเภอ แล้วส่งตัวแทนมานำเสนอว่า ของดีอะไรที่ทำให้นักท่องเที่ยวต้องมาเยือนอำเภอของพี่ โดยเราให้หลักในการแบ่งความน่าสนใจไปในส่วนต่าง ๆ ตอนบรรยาย บรรยากาศการจับกลุ่มทำงาน การออกมานำเสนอหน้าห้อง เริ่มด้วย บางเสาธง ที่มากลุ่มใหญ่ ต่อมา จนถึงบางบ่อ ทุกคนเริ่มเห็นภาพ วันนี้เลยขอนำภาพบางส่วนมาลง ขอบคุณคุณกฤษณ์ และน้องเมษ์ ที่ดูแลเราอย่างดีรวมถึงผู้บริหารหลาย ๆ ท่าน ท้ายสุดขอบคุณเพื่อนแอน ที่ทำให้เราได้มีโอกาสตรงนี้ ส้มมีบอกบางท่านไปว่า ส้มคิดจะทำอะไรกับสมุทรปราการอยู่แล้วในปีนี้ ไม่ว่าจะประเพณีรับบัว หรือพาไปกราบสักการะที่วัดอโศกราม ไปพิพิธภัณฑ์ เป็นต้น หวังว่าพวกเราจะได้ไปพบพี่ ๆ ในปีนี้นะคะ #ชีวิตนี้ต้องมี1000วัด #เที่ยวไทยไปกับส้มโจ #เที่ยววัด #วัด #ไหว้พระ #ทำบุญ #travel #thailand #amazingthailand #thaitour #history #architecture #culture #thaitemple #ท่องเที่ยว #CultureTrip
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 386 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเดินทางไปไหว้พระ สวดมนต์ ภาวนาในแต่ละวัน หูตาต้องไว รถมาก รถมาเร็วมาก จะว่าเสี่ยงตายก็ใช่ แต่ใจเราสู้..
    การเดินทางไปไหว้พระ สวดมนต์ ภาวนาในแต่ละวัน หูตาต้องไว รถมาก รถมาเร็วมาก จะว่าเสี่ยงตายก็ใช่ แต่ใจเราสู้..
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • #วัดธาตุทอง
    #กรุงเทพมหานครฯ

    วัดธาตุ​ทอง​ -​ ผมว่าหลาย​ ๆ​ ท่านที่โดยสารรถไฟฟ้า​ BTS.​ เป็น​ประจำ​ เมื่อผ่านสถานีเอกมัย​ มองไปจะเห็นเจดีย์​สีทองอร่าม​ ประดิษฐาน​ อยู่​ไกล​ๆ​ สวยงามมาก ที่สำคัญ​ดู​ contrast. กับตึกรามห้างสรรพสินค้า​ที่ตั้งตรงข้ามราวกับ​ โลกในอดีตกับปัจจุบัน​ประจันหน้ากันแบบ​ ไม่เกรงใจ

    ส่วนตัว​ จำได้ว่าเคยลงภาพและเรื่องราวของวัดธาตุทองไปแล้ว​ แต่ตอนนั้น​ พระมหาเจดีย์​กำลัง​บูรณะ​ วันนี้ขอแก้ตัว​ นำภาพสวย​ ๆ​ และเรื่องราววัดในเมือง​ ของชาวสุขุมวิท​แห่งนี้กลับมาอีกครั้ง​ มาฟังกันครับ​ วัดธาตุทอง

    พื้นที่แห่งนี้​ แต่เดิมเป็นที่ตั้งของวัดหน้าพระธาตุกับวัดทองล่าง ซึ่งวัดหน้าพระธาตุเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา โดยที่มาของชื่อวัดก็มาจากหน้าวัดมีพระเจดีย์องค์ใหญ่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุอยู่ภายใน ส่วนวัดทองล่างนั้นเดิมทีเป็นสวนผลไม้ที่มีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางสวน เจ้าของสวนเห็นว่าต้นโพธิ์ควรเป็นต้นไม้ในวัดมากกว่าที่จะปลูกไว้ในบ้าน ประกอบกับไม่ต้องการโค่นทิ้ง เพราะเกรงว่าจะก่อให้เกิดอันตรายต่อตนเองและครอบครัว จึงได้บริจาคที่ดินในบริเวณนั้นเพื่อสร้างเป็นวัดเล็ก ๆ ขึ้นมาและตั้งชื่อว่า วัดโพธิ์สุวรรณาราม หรือ วัดโพธิ์ทอง ต่อมาชาวบ้านในแถบนั้นเรียกชื่ออย่างสั้น ๆ ว่า วัดทอง แต่ทว่าตามริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งตอนบนและตอนล่างมีวัดทองอยู่หลายแห่ง ชาวบ้านจึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วัดทองล่าง นั่นเอง

    ต่อมาในปี พ.ศ. 2480 รัฐบาลในสมัยนั้นต้องการขอเวนคืนพื้นที่วัดหน้าพระธาตุและวัดทองล่าง เพื่อสร้างท่าเรือกรุงเทพฯ โดยชดเชยเงินให้ทั้ง 2 วัด เพื่อไปรวมกับวัดอื่นหรือสร้างวัดใหม่ขึ้นมา ทำให้คณะสงฆ์มีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้น และมีความเห็นพ้องต้องกันในการซื้อที่ดินปัจจุบัน พร้อมกับย้ายเสนาสนะถาวรวัตถุของทั้ง 2 วัดมาปลูกสร้างรวมกันที่ตำบล คลองบ้านกล้วย โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เจ้าคณะใหญ่ธรรมยุต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นองค์อุปถัมภ์ และตั้งชื่อว่า วัดธาตุทอง โดยมีที่มาจากการนำชื่อของทั้ง 2 วัดรวมเข้าด้วยกัน เมื่อปี พ.ศ. 2481

    ในปี พ.ศ. 2550 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับวัดธาตุทองไว้ในพระอุปถัมภ์ และประทานตราสัญลักษณ์ใหม่ให้แก่วัด จากนั้นในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกให้ วัดธาตุทอง เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ มาจนถึงปัจจุบัน

    สิ่งที่ห้ามพลาด​ ไปกราบพระในพระอุโบสถ ภายใน​ ประดิษฐาน พระสัพพัญญู พระประธานประจำพระอุโบสถ มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 70 นิ้ว สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2495 พระพุทธชินินทร ที่เป็นพระประจำอุโบสถ สมัยอู่ทอง และพระพุทธมนต์ปรีชา สุโขทัย ที่เป็นพระประธานหอประชุม

    ถัดจากนั้น​เดินไปด้านหลัง​ ไปสักการะ​ พระมหาเจดีย์ 84 พรรษา ราชนครินทร์ เป็นพระเจดีย์ที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2553 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยใช้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปจากทั่วโลก รวมถึงพระบรมสารีริกธาตุจากหลวงพ่อไจทีเซา เจ้าอาวาสวัดไจทีเซา ในประเทศพม่าด้วยครับ​

    เป็น​ไงครับ​ แค่ลงรถไฟฟ้า​ สถานีเอกมัย​ มาไม่กี่ก้าว​ ก็จะพบกับ ความยิ่งใหญ่​ ความงาม​ และ​ความสงบ​ วัดธาตุ​ทอง​ ใกล้แค่นี้เอง

    #ชีวิตนี้ต้องมี1000วัด #เที่ยวไทยไปกับส้มโจ #เที่ยววัด #วัด #ไหว้พระ #ทำบุญ #travel #thailand #amazingthailand #thaitour #temple #history #architecture #culture #thaitemple #ท่องเที่ยว #CultureTrip
    #วัดธาตุทอง #กรุงเทพมหานครฯ วัดธาตุ​ทอง​ -​ ผมว่าหลาย​ ๆ​ ท่านที่โดยสารรถไฟฟ้า​ BTS.​ เป็น​ประจำ​ เมื่อผ่านสถานีเอกมัย​ มองไปจะเห็นเจดีย์​สีทองอร่าม​ ประดิษฐาน​ อยู่​ไกล​ๆ​ สวยงามมาก ที่สำคัญ​ดู​ contrast. กับตึกรามห้างสรรพสินค้า​ที่ตั้งตรงข้ามราวกับ​ โลกในอดีตกับปัจจุบัน​ประจันหน้ากันแบบ​ ไม่เกรงใจ ส่วนตัว​ จำได้ว่าเคยลงภาพและเรื่องราวของวัดธาตุทองไปแล้ว​ แต่ตอนนั้น​ พระมหาเจดีย์​กำลัง​บูรณะ​ วันนี้ขอแก้ตัว​ นำภาพสวย​ ๆ​ และเรื่องราววัดในเมือง​ ของชาวสุขุมวิท​แห่งนี้กลับมาอีกครั้ง​ มาฟังกันครับ​ วัดธาตุทอง พื้นที่แห่งนี้​ แต่เดิมเป็นที่ตั้งของวัดหน้าพระธาตุกับวัดทองล่าง ซึ่งวัดหน้าพระธาตุเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา โดยที่มาของชื่อวัดก็มาจากหน้าวัดมีพระเจดีย์องค์ใหญ่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุอยู่ภายใน ส่วนวัดทองล่างนั้นเดิมทีเป็นสวนผลไม้ที่มีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางสวน เจ้าของสวนเห็นว่าต้นโพธิ์ควรเป็นต้นไม้ในวัดมากกว่าที่จะปลูกไว้ในบ้าน ประกอบกับไม่ต้องการโค่นทิ้ง เพราะเกรงว่าจะก่อให้เกิดอันตรายต่อตนเองและครอบครัว จึงได้บริจาคที่ดินในบริเวณนั้นเพื่อสร้างเป็นวัดเล็ก ๆ ขึ้นมาและตั้งชื่อว่า วัดโพธิ์สุวรรณาราม หรือ วัดโพธิ์ทอง ต่อมาชาวบ้านในแถบนั้นเรียกชื่ออย่างสั้น ๆ ว่า วัดทอง แต่ทว่าตามริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งตอนบนและตอนล่างมีวัดทองอยู่หลายแห่ง ชาวบ้านจึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วัดทองล่าง นั่นเอง ต่อมาในปี พ.ศ. 2480 รัฐบาลในสมัยนั้นต้องการขอเวนคืนพื้นที่วัดหน้าพระธาตุและวัดทองล่าง เพื่อสร้างท่าเรือกรุงเทพฯ โดยชดเชยเงินให้ทั้ง 2 วัด เพื่อไปรวมกับวัดอื่นหรือสร้างวัดใหม่ขึ้นมา ทำให้คณะสงฆ์มีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้น และมีความเห็นพ้องต้องกันในการซื้อที่ดินปัจจุบัน พร้อมกับย้ายเสนาสนะถาวรวัตถุของทั้ง 2 วัดมาปลูกสร้างรวมกันที่ตำบล คลองบ้านกล้วย โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เจ้าคณะใหญ่ธรรมยุต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นองค์อุปถัมภ์ และตั้งชื่อว่า วัดธาตุทอง โดยมีที่มาจากการนำชื่อของทั้ง 2 วัดรวมเข้าด้วยกัน เมื่อปี พ.ศ. 2481 ในปี พ.ศ. 2550 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับวัดธาตุทองไว้ในพระอุปถัมภ์ และประทานตราสัญลักษณ์ใหม่ให้แก่วัด จากนั้นในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกให้ วัดธาตุทอง เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ มาจนถึงปัจจุบัน สิ่งที่ห้ามพลาด​ ไปกราบพระในพระอุโบสถ ภายใน​ ประดิษฐาน พระสัพพัญญู พระประธานประจำพระอุโบสถ มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 70 นิ้ว สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2495 พระพุทธชินินทร ที่เป็นพระประจำอุโบสถ สมัยอู่ทอง และพระพุทธมนต์ปรีชา สุโขทัย ที่เป็นพระประธานหอประชุม ถัดจากนั้น​เดินไปด้านหลัง​ ไปสักการะ​ พระมหาเจดีย์ 84 พรรษา ราชนครินทร์ เป็นพระเจดีย์ที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2553 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยใช้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปจากทั่วโลก รวมถึงพระบรมสารีริกธาตุจากหลวงพ่อไจทีเซา เจ้าอาวาสวัดไจทีเซา ในประเทศพม่าด้วยครับ​ เป็น​ไงครับ​ แค่ลงรถไฟฟ้า​ สถานีเอกมัย​ มาไม่กี่ก้าว​ ก็จะพบกับ ความยิ่งใหญ่​ ความงาม​ และ​ความสงบ​ วัดธาตุ​ทอง​ ใกล้แค่นี้เอง #ชีวิตนี้ต้องมี1000วัด #เที่ยวไทยไปกับส้มโจ #เที่ยววัด #วัด #ไหว้พระ #ทำบุญ #travel #thailand #amazingthailand #thaitour #temple #history #architecture #culture #thaitemple #ท่องเที่ยว #CultureTrip
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 732 มุมมอง 0 รีวิว

  • #วัดชมภูเวก
    #นนทบุรี
    #เที่ยววัด

    วัดชมภูเวก - พาไปชมวัดมอญ กับ ภาพสีฝุ่นโบราณบนผนังโบสถ์ที่ได้รับการยกย่องว่าสวยงาม และสมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย

    วัดชมภูเวก ตั้งอยู่แถวสนามบินน้ำ สันนิษฐานว่าก่อสร้างโดยชาวมอญที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ราว ๆ พศ 2300 เดิมชื่อว่า วัดชมภูวิเวก แปลว่า วัดที่ตั้งอยู่บนเนินอันเงียบสงบ ภายหลัง น่าจะเพี้ยนเป็น วัดชมภูเวก

    ทันทีที่เดินเข้ามา ก็จะเห็น พระมุดตา (ชื่อเรียกเจดีย์ที่มีศิลปะผสมผสานของมอญอยู่) สีขาว โดดเด่นสวยงามมาก ด้านหลังเจดีย์จะมีโบสถ์มหาอุด ผนังภายในมีภาพวาดสีฝุ่นที่งดงาม โดยเฉพาะภาพ พระแม่ธรณีบีบมวยผม ที่อยู่เหนือประตูโบสถ์ ทางพุทธศิลป์แล้วได้รับการยกย่อง จัดว่าเป็นภาพที่สวยงามและสมบูรณ์ที่สุด ปัจจุบันโบสถ์มหาอุดดังกล่าวได้รับการขึ้นทะเบียน เป็นโบราณสถานของชาติ

    นอกจากนี้ สายมู ห้ามพลาด ถัดไปด้านข้างโบสถ์มหาอุด เราสามารถลอดอุโบสถเพื่อสะเดาะเคราะห์ เสริมสร้างสิริมงคลให้กับชีวิตได้ โดยทางทางยังจัดให้มีการปิดทองลูกนิมิต และพระ ที่ใต้อุโบสถครับ

    เป็นไงครับ จะชมพุทธศิลป์ ก็มีของดี ระดับประเทศ จะเอาสะเดาะเคราะห์ ก็มาได้ หรือ สายถ่ายภาพก็มีมุมสวยๆ ให้ได้กดชัตเตอร์กัน ใกล้ๆ แค่ นนทบุรี นี่เอง ไม่มา ถือว่าพลาดนะครับ

    #ชีวิตนี้ต้องมี1000วัด #เที่ยวไทยไปกับส้มโจ #วัด #ไหว้พระ #ทำบุญ #teavel #temple #nonthaburi #thailand #amazingthailand #thaitour
    #วัดชมภูเวก #นนทบุรี #เที่ยววัด วัดชมภูเวก - พาไปชมวัดมอญ กับ ภาพสีฝุ่นโบราณบนผนังโบสถ์ที่ได้รับการยกย่องว่าสวยงาม และสมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย วัดชมภูเวก ตั้งอยู่แถวสนามบินน้ำ สันนิษฐานว่าก่อสร้างโดยชาวมอญที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ราว ๆ พศ 2300 เดิมชื่อว่า วัดชมภูวิเวก แปลว่า วัดที่ตั้งอยู่บนเนินอันเงียบสงบ ภายหลัง น่าจะเพี้ยนเป็น วัดชมภูเวก ทันทีที่เดินเข้ามา ก็จะเห็น พระมุดตา (ชื่อเรียกเจดีย์ที่มีศิลปะผสมผสานของมอญอยู่) สีขาว โดดเด่นสวยงามมาก ด้านหลังเจดีย์จะมีโบสถ์มหาอุด ผนังภายในมีภาพวาดสีฝุ่นที่งดงาม โดยเฉพาะภาพ พระแม่ธรณีบีบมวยผม ที่อยู่เหนือประตูโบสถ์ ทางพุทธศิลป์แล้วได้รับการยกย่อง จัดว่าเป็นภาพที่สวยงามและสมบูรณ์ที่สุด ปัจจุบันโบสถ์มหาอุดดังกล่าวได้รับการขึ้นทะเบียน เป็นโบราณสถานของชาติ นอกจากนี้ สายมู ห้ามพลาด ถัดไปด้านข้างโบสถ์มหาอุด เราสามารถลอดอุโบสถเพื่อสะเดาะเคราะห์ เสริมสร้างสิริมงคลให้กับชีวิตได้ โดยทางทางยังจัดให้มีการปิดทองลูกนิมิต และพระ ที่ใต้อุโบสถครับ เป็นไงครับ จะชมพุทธศิลป์ ก็มีของดี ระดับประเทศ จะเอาสะเดาะเคราะห์ ก็มาได้ หรือ สายถ่ายภาพก็มีมุมสวยๆ ให้ได้กดชัตเตอร์กัน ใกล้ๆ แค่ นนทบุรี นี่เอง ไม่มา ถือว่าพลาดนะครับ #ชีวิตนี้ต้องมี1000วัด #เที่ยวไทยไปกับส้มโจ #วัด #ไหว้พระ #ทำบุญ #teavel #temple #nonthaburi #thailand #amazingthailand #thaitour
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 535 มุมมอง 0 รีวิว

  • #วัดหนองป่าพง
    #อุบลราชธานี

    วัดหนองป่าพง – ย้อนรำลึกความหลัง เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน ผมได้มีโอกาสสัมผัส วัดหนองป่าพง ด้วยความไม่รู้ และไม่ลึกซึ้งถึงแวดวงพระพุทธศาสนา เลยทำให้การไปวัดหนองป่าพง ครั้งแรก ผมไม่ได้อะไรติดมือติดใจกลับมาเป็นวิทยาทานเลย จนเมื่อครั้งล่าสุดที่ไป ชีวิตมีประสบการณ์ และพอมีพื้นฐานพุทธศาสนาเพิ่มขึ้นบ้าง ครั้งนี้ เป็นการใช้เวลาอยู่ที่วัดนานขึ้น พร้อมพกพาความรู้สึก ความประทับใจที่ต่างออกไป กลับออกมาด้วยอย่างปลื้มอกปลื้มใจ ล้อมวงมาฟังกันครับ วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี (ยาวสักหน่อยนะครับ)

    คงจะไม่ถูกต้อง ถ้าจะกล่าวถึงวัดหนองป่าพง โดยไม่กล่าวถึง หลวงปู่ชา

    หลวงปู่ชา พระสำคัญผู้ก่อตั้งวัดแห่งนี้ ให้สามารถไปเผยแพร่พุทธศาสนาได้กว้างไกล ไม่เพียงแค่ในประเทศไทย หากแต่ไปไกลถึงสิบกว่าประเทศทั่วโลก หลวงปู่ชา พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท) แห่งวัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี ต้นแบบของพระป่าทั่วโลก ด้วยวัตรปฎิบัติที่เคร่งครัดสายวิปัสสนากรรมฐานที่มีต้นแบบจาก"พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต"

    หลวงปู่ชา หรือ พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท) เกิดเมื่อ วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2461 ตรงกับ วันศุกร์ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 7 ปีมะเมีย ณ บ้านจิกก่อ หมู่ที่ 9 ตำบลธาตุ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี บิดาชื่อนายมา ช่วงโชติ มารดาชื่อ นางพิมพ์ ช่วงโชติ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันจำนวน 10 คน ในวัยเด็ก หลวงปู่ชาเรียนชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนบ้านก่อ ตำบลธาตุ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี จนจบชั้นประถม 1 จึงขอลาออกเพื่อมาบวชเรียนตามความสนใจของตนเอง โดยช่วงอายุ 13 ปี หลังจากลาออกจากโรงเรียนประถมศึกษา โยมบิดาได้นำไปฝากกับเจ้าอาวาสเพื่อเรียนรู้บุพกิจเบื้องต้นเกี่ยวกับบรรพชาวิธี จึงได้รับอนุญาตให้บรรพชาเป็น “สามเณรชา โชติช่วง” จนอยู่ปฏิบัติครูอาจารย์ เป็นเวลา 3 ปี ได้แล้วจึงได้ลาสิกขาบทมาช่วยบิดามารดาทำไร่ทำนา แต่ด้วยจิตใจที่ใฝ่ในทางธรรม เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ จึงลาพ่อแม่มาบวชเป็นพระ โดยอุปสมบทเมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2482 เวลา 13.55 น. ณ พัทธสีมา วัดก่อใน ตำบลธาตุ อำเภอวารินชำราบ อุบลราชธานี พระชา สุภทฺโท ได้จำพรรษาอยู่ ณ วัดก่อนอก 2 พรรษา ตั้งใจศึกษาปริยัติธรรม ทั้งจากตำรับตำราและจากครูอาจารย์ จนสอบนักธรรมชั้นตรีได้ในสำนักวัดแห่งนี้ แต่โชคร้าย ช่วงนั้น หลวงพ่อชา ได้ว่างเว้นจากการศึกษา เพื่อไปดูแลโยมบิดาที่ป่วย แม้หลวงพ่อชา ก็เกิดความลังเลใจ พะว้าพะวง ห่วงการศึกษาก็ห่วง ห่วงโยมบิดาก็ห่วง แต่ความห่วงผู้บังเกิดเกล้ามีน้ำหนักมากกว่า เพราะโยมบิดาเป็นผู้มีพระคุณอย่างเหลือล้น หลวงปู่จึงตัดสินใจกลับไปดูแลโยมพ่อทั้งที่วันสอบนักธรรมก็ใกล้เข้ามาทุกที แต่ก็เลือกที่จะเดินในเส้นทางสายกตัญญุตา โดยที่สุด มาอยู่เฝ้าดูแลอาการป่วยของโยมพ่อนับเป็นเวลา 13 วัน โยมพ่อจึงได้ถึงแก่กรรม (ปี 2483)

    หลังจากนั้น หลวงปู่ชา ก็ได้เดินทางไปศึกษาเล่าเรียนยังที่ต่างๆ เช่น ที่สำนักของหลวงพ่อเภา วัดเขาวงกฏ จ.ลพบุรี และพระอาจารย์ชาวกัมพูชาที่เป็นพระธุดงค์ซึ่งได้พบกันที่วัดเขาวงกฏ หลวงปู่กินรี อาจารย์คำดี หลวงปู่ทองรัตน์ พระอาจารย์มั่น เป็นต้น พออินทรีย์แก่กล้าแล้วก็ออกธุดงค์ปฏิบัติธรรมต่อไปเรื่อยๆ โดยยังดำรงสมณเพศเป็นพระมหานิกายอยู่ตลอดเวลา

    กิจที่หลวงปู่ฯ โปรดปราน คือการได้ธุดงค์ไปยังที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อโปรดสานุศิษย์และเผยแพร่พุทธศาสนา จนที่สุดเมื่อคณะศิษย์ และหลวงพ่อได้เดินทางมาถึงชายดงป่าพง ตรงกับวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2497 พอเช้าวันที่ 9 มีนาคม 2497 จึงได้พากันเข้าสำรวจ สถานที่พักในดงป่านี้ และได้ช่วยกันดำเนินการสร้างวัดป่าขึ้น ซึ่งเรารู้จักในปัจจุบัน คือ “วัดหนองป่าพง”

    จนภายหลังมีสานุศิษย์มากมายทั้งไทยและเทศ ขยายไปหลายสาขา ดังที่กล่าวไปข้างต้น และท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดนี้มาโดยตลอด และถึงแก่มรณภาพเมื่อ 16 มกราคม พ.ศ. 2535 เวลา 05.20 น. ที่ วัดหนองป่าพง อย่างสงบท่ามกลางธรรมสังเวชของศิษยานุศิษย์จากทุกสารทิศทั่วโลก ด้วยความที่วัดหนองป่าพง มีพระสงฆ์ต่างชาติ เป็นจำนวนมาก เคยมีคนไปถามหลวงปู่ว่า พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แล้วจะสอนชาวต่างชาติได้อย่างไร หลวงปู่ท่านเมตตาตอบว่า น้ำร้อน ที่ฝรั่งว่ากันว่า ฮ๊อตวอเตอร์ เอามือลงไปสัมผัส ทุกชาติก็รู้ว่าร้อน ไม่เห็นต้องรู้ภาษาก่อนเลย นัยว่า ธรรมะ เรียนรู้ได้จากการสัมผัส การปฏิบัติ มิใช่การอ่านเขียนเท่านั้น

    ปัจจุบัน แม้หลวงปู่ชาฯ จะละสังขารไปแล้วกว่าสามสิบปีกว่าปี คำสอนและวัตรปฏิบัติอันดีงาม ก็ยังอยู่ในความทรงจำสานุศิษย์ทั้งหลาย เห็นได้จากการที่กลับไปสัมผัส วัดหนองป่าพง อีกครั้ง เมื่อเร็ว ๆ นี้ ความสงบ และ ความเคร่งครัด แบบพระป่า ยังคงมีให้เห็นและสัมผัสได้ มีโอกาสได้แวะเข้าไปชม พิพิธภัณฑ์พระโพธิญาณเถร (ชา สุภัทโท) โดยจะจัดแสดงเครื่องอัฐบริขารและหุ่นขี้ผึ้งของหลวงปู่ชา สุภัทโท มีเครื่องทองเหลือง พระพุทธรูป และ เจดีย์ศรีโพธิญาณ เป็นสถานที่พระราชทานเพลิงศพของหลวงปู่ชาอีกด้วย จุดเด่นที่ประทับใจ คือ ป้าย คำสอนต่าง ๆ ที่ติดไว้ตามต้นไม้ อ่านแล้วทำให้เราได้นึกทบทวนชีวิตเราไปด้วยขณะเดินชมไปเงียบ ๆ นอกจากนี้ ได้มีโอกาสเข้าไปที่ อุโบสถด้านใน ทางเข้าเขตสังฆาวาส ที่พระสงฆ์ใช้ทำวัด ทำให้พอนึกเห็นภาพบรรยากาศเมื่อสมัยก่อน ที่หลวงปู่ ลงมาเทศนาธรรม

    รวม ๆ แล้วประทับใจมาก ครับ ผมกราบเรียนเชิญ ท่านที่มีโอกาสไป อุบลราชธานี อยากให้ไปสัมผัส วัดหนองป่าพง สักครั้งครับ

    #ชีวิตนี้ต้องมี1000วัด #เที่ยวไทยไปกับส้มโจ #เที่ยววัด #วัด #ไหว้พระ #ทำบุญ #travel #thailand #amazingthailand #thaitour #temple #history #architecture #culture #thaitemple #ท่องเที่ยว #CultureTrip
    #วัดหนองป่าพง #อุบลราชธานี วัดหนองป่าพง – ย้อนรำลึกความหลัง เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน ผมได้มีโอกาสสัมผัส วัดหนองป่าพง ด้วยความไม่รู้ และไม่ลึกซึ้งถึงแวดวงพระพุทธศาสนา เลยทำให้การไปวัดหนองป่าพง ครั้งแรก ผมไม่ได้อะไรติดมือติดใจกลับมาเป็นวิทยาทานเลย จนเมื่อครั้งล่าสุดที่ไป ชีวิตมีประสบการณ์ และพอมีพื้นฐานพุทธศาสนาเพิ่มขึ้นบ้าง ครั้งนี้ เป็นการใช้เวลาอยู่ที่วัดนานขึ้น พร้อมพกพาความรู้สึก ความประทับใจที่ต่างออกไป กลับออกมาด้วยอย่างปลื้มอกปลื้มใจ ล้อมวงมาฟังกันครับ วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี (ยาวสักหน่อยนะครับ) คงจะไม่ถูกต้อง ถ้าจะกล่าวถึงวัดหนองป่าพง โดยไม่กล่าวถึง หลวงปู่ชา หลวงปู่ชา พระสำคัญผู้ก่อตั้งวัดแห่งนี้ ให้สามารถไปเผยแพร่พุทธศาสนาได้กว้างไกล ไม่เพียงแค่ในประเทศไทย หากแต่ไปไกลถึงสิบกว่าประเทศทั่วโลก หลวงปู่ชา พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท) แห่งวัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี ต้นแบบของพระป่าทั่วโลก ด้วยวัตรปฎิบัติที่เคร่งครัดสายวิปัสสนากรรมฐานที่มีต้นแบบจาก"พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต" หลวงปู่ชา หรือ พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท) เกิดเมื่อ วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2461 ตรงกับ วันศุกร์ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 7 ปีมะเมีย ณ บ้านจิกก่อ หมู่ที่ 9 ตำบลธาตุ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี บิดาชื่อนายมา ช่วงโชติ มารดาชื่อ นางพิมพ์ ช่วงโชติ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันจำนวน 10 คน ในวัยเด็ก หลวงปู่ชาเรียนชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนบ้านก่อ ตำบลธาตุ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี จนจบชั้นประถม 1 จึงขอลาออกเพื่อมาบวชเรียนตามความสนใจของตนเอง โดยช่วงอายุ 13 ปี หลังจากลาออกจากโรงเรียนประถมศึกษา โยมบิดาได้นำไปฝากกับเจ้าอาวาสเพื่อเรียนรู้บุพกิจเบื้องต้นเกี่ยวกับบรรพชาวิธี จึงได้รับอนุญาตให้บรรพชาเป็น “สามเณรชา โชติช่วง” จนอยู่ปฏิบัติครูอาจารย์ เป็นเวลา 3 ปี ได้แล้วจึงได้ลาสิกขาบทมาช่วยบิดามารดาทำไร่ทำนา แต่ด้วยจิตใจที่ใฝ่ในทางธรรม เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ จึงลาพ่อแม่มาบวชเป็นพระ โดยอุปสมบทเมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2482 เวลา 13.55 น. ณ พัทธสีมา วัดก่อใน ตำบลธาตุ อำเภอวารินชำราบ อุบลราชธานี พระชา สุภทฺโท ได้จำพรรษาอยู่ ณ วัดก่อนอก 2 พรรษา ตั้งใจศึกษาปริยัติธรรม ทั้งจากตำรับตำราและจากครูอาจารย์ จนสอบนักธรรมชั้นตรีได้ในสำนักวัดแห่งนี้ แต่โชคร้าย ช่วงนั้น หลวงพ่อชา ได้ว่างเว้นจากการศึกษา เพื่อไปดูแลโยมบิดาที่ป่วย แม้หลวงพ่อชา ก็เกิดความลังเลใจ พะว้าพะวง ห่วงการศึกษาก็ห่วง ห่วงโยมบิดาก็ห่วง แต่ความห่วงผู้บังเกิดเกล้ามีน้ำหนักมากกว่า เพราะโยมบิดาเป็นผู้มีพระคุณอย่างเหลือล้น หลวงปู่จึงตัดสินใจกลับไปดูแลโยมพ่อทั้งที่วันสอบนักธรรมก็ใกล้เข้ามาทุกที แต่ก็เลือกที่จะเดินในเส้นทางสายกตัญญุตา โดยที่สุด มาอยู่เฝ้าดูแลอาการป่วยของโยมพ่อนับเป็นเวลา 13 วัน โยมพ่อจึงได้ถึงแก่กรรม (ปี 2483) หลังจากนั้น หลวงปู่ชา ก็ได้เดินทางไปศึกษาเล่าเรียนยังที่ต่างๆ เช่น ที่สำนักของหลวงพ่อเภา วัดเขาวงกฏ จ.ลพบุรี และพระอาจารย์ชาวกัมพูชาที่เป็นพระธุดงค์ซึ่งได้พบกันที่วัดเขาวงกฏ หลวงปู่กินรี อาจารย์คำดี หลวงปู่ทองรัตน์ พระอาจารย์มั่น เป็นต้น พออินทรีย์แก่กล้าแล้วก็ออกธุดงค์ปฏิบัติธรรมต่อไปเรื่อยๆ โดยยังดำรงสมณเพศเป็นพระมหานิกายอยู่ตลอดเวลา กิจที่หลวงปู่ฯ โปรดปราน คือการได้ธุดงค์ไปยังที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อโปรดสานุศิษย์และเผยแพร่พุทธศาสนา จนที่สุดเมื่อคณะศิษย์ และหลวงพ่อได้เดินทางมาถึงชายดงป่าพง ตรงกับวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2497 พอเช้าวันที่ 9 มีนาคม 2497 จึงได้พากันเข้าสำรวจ สถานที่พักในดงป่านี้ และได้ช่วยกันดำเนินการสร้างวัดป่าขึ้น ซึ่งเรารู้จักในปัจจุบัน คือ “วัดหนองป่าพง” จนภายหลังมีสานุศิษย์มากมายทั้งไทยและเทศ ขยายไปหลายสาขา ดังที่กล่าวไปข้างต้น และท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดนี้มาโดยตลอด และถึงแก่มรณภาพเมื่อ 16 มกราคม พ.ศ. 2535 เวลา 05.20 น. ที่ วัดหนองป่าพง อย่างสงบท่ามกลางธรรมสังเวชของศิษยานุศิษย์จากทุกสารทิศทั่วโลก ด้วยความที่วัดหนองป่าพง มีพระสงฆ์ต่างชาติ เป็นจำนวนมาก เคยมีคนไปถามหลวงปู่ว่า พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แล้วจะสอนชาวต่างชาติได้อย่างไร หลวงปู่ท่านเมตตาตอบว่า น้ำร้อน ที่ฝรั่งว่ากันว่า ฮ๊อตวอเตอร์ เอามือลงไปสัมผัส ทุกชาติก็รู้ว่าร้อน ไม่เห็นต้องรู้ภาษาก่อนเลย นัยว่า ธรรมะ เรียนรู้ได้จากการสัมผัส การปฏิบัติ มิใช่การอ่านเขียนเท่านั้น ปัจจุบัน แม้หลวงปู่ชาฯ จะละสังขารไปแล้วกว่าสามสิบปีกว่าปี คำสอนและวัตรปฏิบัติอันดีงาม ก็ยังอยู่ในความทรงจำสานุศิษย์ทั้งหลาย เห็นได้จากการที่กลับไปสัมผัส วัดหนองป่าพง อีกครั้ง เมื่อเร็ว ๆ นี้ ความสงบ และ ความเคร่งครัด แบบพระป่า ยังคงมีให้เห็นและสัมผัสได้ มีโอกาสได้แวะเข้าไปชม พิพิธภัณฑ์พระโพธิญาณเถร (ชา สุภัทโท) โดยจะจัดแสดงเครื่องอัฐบริขารและหุ่นขี้ผึ้งของหลวงปู่ชา สุภัทโท มีเครื่องทองเหลือง พระพุทธรูป และ เจดีย์ศรีโพธิญาณ เป็นสถานที่พระราชทานเพลิงศพของหลวงปู่ชาอีกด้วย จุดเด่นที่ประทับใจ คือ ป้าย คำสอนต่าง ๆ ที่ติดไว้ตามต้นไม้ อ่านแล้วทำให้เราได้นึกทบทวนชีวิตเราไปด้วยขณะเดินชมไปเงียบ ๆ นอกจากนี้ ได้มีโอกาสเข้าไปที่ อุโบสถด้านใน ทางเข้าเขตสังฆาวาส ที่พระสงฆ์ใช้ทำวัด ทำให้พอนึกเห็นภาพบรรยากาศเมื่อสมัยก่อน ที่หลวงปู่ ลงมาเทศนาธรรม รวม ๆ แล้วประทับใจมาก ครับ ผมกราบเรียนเชิญ ท่านที่มีโอกาสไป อุบลราชธานี อยากให้ไปสัมผัส วัดหนองป่าพง สักครั้งครับ #ชีวิตนี้ต้องมี1000วัด #เที่ยวไทยไปกับส้มโจ #เที่ยววัด #วัด #ไหว้พระ #ทำบุญ #travel #thailand #amazingthailand #thaitour #temple #history #architecture #culture #thaitemple #ท่องเที่ยว #CultureTrip
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 793 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรรมลิขิตมาอย่างไร เราก็ฝืนลิขิตด้วยการทำบุญกุศล สวดมนต์ไหว้พระ ภาวนา ..แผ่บุญกุศลไป
    กรรมลิขิตมาอย่างไร เราก็ฝืนลิขิตด้วยการทำบุญกุศล สวดมนต์ไหว้พระ ภาวนา ..แผ่บุญกุศลไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🌸 วันแห่งความรักตามวิถีไทย วาเลนไทน์ 2568 🌸 ธรรมเนียมวัฒนธรรมตะวันตก ที่ไทยปรับใช้อย่างกลมกลืน วันที่เราต่างมีความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กัน

    🏹 เมื่อ "วาเลนไทน์" ไม่ใช่แค่ของฝรั่งอีกต่อไป 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันที่หลายคนทั่วโลก ต่างเฝ้ารอ เพราะเป็น "วันวาเลนไทน์" หรือ วันแห่งความรัก 💕 วันสำคัญที่เต็มไปด้วยดอกกุหลาบ การ์ดบอกรัก ของขวัญแทนใจ และการแสดงความรักต่อคนพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นคู่รัก เพื่อน หรือครอบครัว

    แม้ว่าวันวาเลนไทน์ จะมีต้นกำเนิดจากโลกตะวันตก แต่เมื่อเดินทางมาถึงไทย วัฒนธรรมแห่งความรักนี้ ได้ถูกปรับเปลี่ยน และหลอมรวมเข้ากับวิถีไทย อย่างกลมกลืน คนไทยให้ความสำคัญ กับความรักในทุกมิติ ไม่ใช่แค่รักโรแมนติก แต่ยังรวมถึง ความรักของครอบครัว มิตรภาพ และความเมตตาต่อกัน

    วาเลนไทน์ 2568 นี้ ไม่ใช่แค่เรื่องของความโรแมนติก ระหว่างหนุ่มสาว แต่เป็นโอกาสดี ที่จะได้มอบความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กันในทุก ๆ ความสัมพันธ์ ❤️

    🌹 จากตำนานยุคโรมัน สู่วันที่โลกจดจำ 📜
    วันวาเลนไทน์ มีที่มาจากตำนานของนักบุญ "เซนต์วาเลนไทน์" (Saint Valentine) ซึ่งเชื่อกันว่า ในช่วงศตวรรษที่ 3 จักรพรรดิคลอดิอุสที่ 2 แห่งโรมัน สั่งห้ามไม่ให้ทหารแต่งงาน เพราะเชื่อว่าทหารที่มีครอบครัว จะไม่มีสมาธิในการรบ

    แต่เซนต์วาเลนไทน์ ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งนี้ และยังคงทำพิธีแต่งงาน ให้คู่รักแบบลับ ๆ 💒 เมื่อความลับถูกเปิดเผย จึงถูกจับกุม และประหารชีวิตในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 269 ตั้งแต่นั้นมา วันแห่งความรักจึงถูกกำหนดขึ้น เพื่อรำลึกถึงการเสียสละ

    💌 จากจดหมายรัก สู่วันแห่งการบอกรัก
    ก่อนที่เซนต์วาเลนไทน์จะเสียชีวิต ได้เขียนจดหมายถึงหญิงสาวที่เขารัก และลงท้ายว่า "From your Valentine" กลายเป็นต้นแบบของ "การ์ดวาเลนไทน์" ที่ได้รับความนิยม มาจนถึงปัจจุบัน

    แม้ว่าเรื่องราวของวันวาเลนไทน์ จะเต็มไปด้วยความเศร้า แต่ได้กลายเป็น สัญลักษณ์ของความรัก และการเสียสละ ที่ถูกเฉลิมฉลองทั่วโลก 🌏

    💖 วันวาเลนไทน์ในสไตล์ไทย การปรับตัวของวัฒนธรรมแห่งความรัก
    แม้ว่าจะเป็น ธรรมเนียมจากตะวันตก แต่คนไทยได้ปรับวันวาเลนไทน์ ให้เข้ากับวิถีชีวิต และวัฒนธรรมไทย ได้อย่างลงตัว นอกจากการให้ดอกไม้ หรือของขวัญแล้ว คนไทยยังให้ความสำคัญ กับความรักที่อบอุ่น และความกตัญญูต่อผู้ใหญ่

    🌷 สัญลักษณ์วาเลนไทน์แบบไทย ๆ
    ในประเทศไทย ดอกกุหลาบสีแดง 🌹 ยังคงเป็นของขวัญยอดนิยม เพราะสื่อถึงความรักอันร้อนแรง แต่ยังมีดอกไม้อื่น ๆ ที่ใช้แทนความรู้สึกพิเศษ เช่น

    - ดอกมะลิ 🤍 สื่อถึงความรักบริสุทธิ์ และความกตัญญู นิยมมอบให้พ่อแม่
    - ดอกทานตะวัน 🌻 เป็นสัญลักษณ์ของรักแท้ที่มั่นคง ไม่ว่าสถานการณ์ใด
    - ดอกคัตเตอร์ 💜 แทนความหมายของความรัก ที่มั่นคงและซื่อสัตย์

    🍜 ฉลองวาเลนไทน์แบบไทย ๆ
    ในขณะที่บางประเทศ นิยมไปดินเนอร์หรู 🥂 คนไทยจำนวนมาก กลับเลือกใช้วันวาเลนไทน์ ในรูปแบบที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง เช่น

    - พาคนรักไปไหว้พระขอพร 🙏✨ ตามวัดดัง เช่น วัดพระแก้ว วัดอรุณ หรือวัดเล่งเน่ยยี่
    - ทำบุญร่วมกัน เพื่อเป็นสิริมงคลต่อความรัก
    - ทานข้าวกับครอบครัว 🍲 เพราะความรักในแบบไทย ไม่ได้จำกัดแค่คู่รัก แต่รวมถึงครอบครัวด้วย

    💑 วาเลนไทน์ 2568: เทรนด์ความรักยุคใหม่ ในสังคมไทย
    📱 วาเลนไทน์ในโลกดิจิทัล
    ในยุคที่เทคโนโลยีครองโลก โซเชียลมีเดีย กลายเป็นช่องทางสำคัญ ในการแสดงความรัก ไม่ว่าจะเป็นการ
    💌 ส่งข้อความหวาน ๆ ผ่านแชท
    📸 แชร์รูปคู่ลง Instagram พร้อมแคปชันสุดโรแมนติก
    🎁 สั่งดอกไม้ หรือของขวัญออนไลน์ให้คนพิเศษ

    💍 เทรนด์แต่งงานในวันวาเลนไทน์
    ทุก ๆ ปี วาเลนไทน์เป็นวันที่คู่รักหลายคู่ เลือกจดทะเบียนสมรส 💍 โดยที่ว่าการเขตบางรัก เป็นสถานที่ยอดนิยมที่สุดในไทย เพราะชื่อเขตมีความหมายดี และมักมีของที่ระลึกพิเศษ สำหรับคู่บ่าวสาว

    ❓ คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับวันวาเลนไทน์
    💘 คนไม่มีคู่ จะฉลองวาเลนไทน์ได้ไหม?
    ได้แน่นอน! เพราะวันวาเลนไทน์ ไม่ได้จำกัดแค่คู่รัก แต่เป็นวันแห่งความรัก ในทุกความสัมพันธ์ สามารถใช้เวลานี้ เพื่อดูแลตัวเอง หรือบอกรักครอบครัว และเพื่อนได้

    🌹 ดอกไม้สีอะไร เหมาะกับการให้ในวันวาเลนไทน์?
    - สีแดง ❤️ แสดงถึงความรักโรแมนติก
    - สีขาว 🤍 สื่อถึงรักที่บริสุทธิ์
    - สีชมพู 💖 หมายถึงความอ่อนหวาน และน่ารัก

    🎁 ถ้าไม่อยากให้ของขวัญแบบเดิม ๆ ควรให้อะไรดี?
    ลองเลือกของขวัญที่มีความหมาย เช่น
    จดหมายรักเขียนด้วยมือ 💌 เซอร์ไพรส์ทริปเล็ก ๆ 🚗 ทำอาหารให้คนที่คุณรัก 🍰

    🎀 ความรักไม่มีพรมแดน และไม่มีวันหมดอายุ
    ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยไหน หรือมีสถานะอะไร วาเลนไทน์คือโอกาสที่ดี ในการแสดงความรักต่อกัน ความรักไม่จำเป็นต้องแสดงออก แค่ปีละครั้ง แต่ควรเป็นสิ่งที่มอบให้กันทุกวัน 💖

    🌸 วาเลนไทน์ 2568 นี้ อย่าลืมบอกรักคนที่ห่วงใย ไม่ว่าจะเป็นคำพูด การกระทำ หรือของขวัญแทนใจ เพราะความรักคือของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุด 🎁💖

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 140905 ก.พ. 2568

    🔖 #วันวาเลนไทน์ #วาเลนไทน์2568 #ความรักไม่จำกัดรูปแบบ #ValentineThailand #LoveInThaiStyle #กุหลาบแดง #ไหว้พระขอพร #รักแท้ #รักไม่มีเงื่อนไข #บอกรักทุกวัน
    🌸 วันแห่งความรักตามวิถีไทย วาเลนไทน์ 2568 🌸 ธรรมเนียมวัฒนธรรมตะวันตก ที่ไทยปรับใช้อย่างกลมกลืน วันที่เราต่างมีความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กัน 🏹 เมื่อ "วาเลนไทน์" ไม่ใช่แค่ของฝรั่งอีกต่อไป 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันที่หลายคนทั่วโลก ต่างเฝ้ารอ เพราะเป็น "วันวาเลนไทน์" หรือ วันแห่งความรัก 💕 วันสำคัญที่เต็มไปด้วยดอกกุหลาบ การ์ดบอกรัก ของขวัญแทนใจ และการแสดงความรักต่อคนพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นคู่รัก เพื่อน หรือครอบครัว แม้ว่าวันวาเลนไทน์ จะมีต้นกำเนิดจากโลกตะวันตก แต่เมื่อเดินทางมาถึงไทย วัฒนธรรมแห่งความรักนี้ ได้ถูกปรับเปลี่ยน และหลอมรวมเข้ากับวิถีไทย อย่างกลมกลืน คนไทยให้ความสำคัญ กับความรักในทุกมิติ ไม่ใช่แค่รักโรแมนติก แต่ยังรวมถึง ความรักของครอบครัว มิตรภาพ และความเมตตาต่อกัน วาเลนไทน์ 2568 นี้ ไม่ใช่แค่เรื่องของความโรแมนติก ระหว่างหนุ่มสาว แต่เป็นโอกาสดี ที่จะได้มอบความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กันในทุก ๆ ความสัมพันธ์ ❤️ 🌹 จากตำนานยุคโรมัน สู่วันที่โลกจดจำ 📜 วันวาเลนไทน์ มีที่มาจากตำนานของนักบุญ "เซนต์วาเลนไทน์" (Saint Valentine) ซึ่งเชื่อกันว่า ในช่วงศตวรรษที่ 3 จักรพรรดิคลอดิอุสที่ 2 แห่งโรมัน สั่งห้ามไม่ให้ทหารแต่งงาน เพราะเชื่อว่าทหารที่มีครอบครัว จะไม่มีสมาธิในการรบ แต่เซนต์วาเลนไทน์ ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งนี้ และยังคงทำพิธีแต่งงาน ให้คู่รักแบบลับ ๆ 💒 เมื่อความลับถูกเปิดเผย จึงถูกจับกุม และประหารชีวิตในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 269 ตั้งแต่นั้นมา วันแห่งความรักจึงถูกกำหนดขึ้น เพื่อรำลึกถึงการเสียสละ 💌 จากจดหมายรัก สู่วันแห่งการบอกรัก ก่อนที่เซนต์วาเลนไทน์จะเสียชีวิต ได้เขียนจดหมายถึงหญิงสาวที่เขารัก และลงท้ายว่า "From your Valentine" กลายเป็นต้นแบบของ "การ์ดวาเลนไทน์" ที่ได้รับความนิยม มาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าเรื่องราวของวันวาเลนไทน์ จะเต็มไปด้วยความเศร้า แต่ได้กลายเป็น สัญลักษณ์ของความรัก และการเสียสละ ที่ถูกเฉลิมฉลองทั่วโลก 🌏 💖 วันวาเลนไทน์ในสไตล์ไทย การปรับตัวของวัฒนธรรมแห่งความรัก แม้ว่าจะเป็น ธรรมเนียมจากตะวันตก แต่คนไทยได้ปรับวันวาเลนไทน์ ให้เข้ากับวิถีชีวิต และวัฒนธรรมไทย ได้อย่างลงตัว นอกจากการให้ดอกไม้ หรือของขวัญแล้ว คนไทยยังให้ความสำคัญ กับความรักที่อบอุ่น และความกตัญญูต่อผู้ใหญ่ 🌷 สัญลักษณ์วาเลนไทน์แบบไทย ๆ ในประเทศไทย ดอกกุหลาบสีแดง 🌹 ยังคงเป็นของขวัญยอดนิยม เพราะสื่อถึงความรักอันร้อนแรง แต่ยังมีดอกไม้อื่น ๆ ที่ใช้แทนความรู้สึกพิเศษ เช่น - ดอกมะลิ 🤍 สื่อถึงความรักบริสุทธิ์ และความกตัญญู นิยมมอบให้พ่อแม่ - ดอกทานตะวัน 🌻 เป็นสัญลักษณ์ของรักแท้ที่มั่นคง ไม่ว่าสถานการณ์ใด - ดอกคัตเตอร์ 💜 แทนความหมายของความรัก ที่มั่นคงและซื่อสัตย์ 🍜 ฉลองวาเลนไทน์แบบไทย ๆ ในขณะที่บางประเทศ นิยมไปดินเนอร์หรู 🥂 คนไทยจำนวนมาก กลับเลือกใช้วันวาเลนไทน์ ในรูปแบบที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง เช่น - พาคนรักไปไหว้พระขอพร 🙏✨ ตามวัดดัง เช่น วัดพระแก้ว วัดอรุณ หรือวัดเล่งเน่ยยี่ - ทำบุญร่วมกัน เพื่อเป็นสิริมงคลต่อความรัก - ทานข้าวกับครอบครัว 🍲 เพราะความรักในแบบไทย ไม่ได้จำกัดแค่คู่รัก แต่รวมถึงครอบครัวด้วย 💑 วาเลนไทน์ 2568: เทรนด์ความรักยุคใหม่ ในสังคมไทย 📱 วาเลนไทน์ในโลกดิจิทัล ในยุคที่เทคโนโลยีครองโลก โซเชียลมีเดีย กลายเป็นช่องทางสำคัญ ในการแสดงความรัก ไม่ว่าจะเป็นการ 💌 ส่งข้อความหวาน ๆ ผ่านแชท 📸 แชร์รูปคู่ลง Instagram พร้อมแคปชันสุดโรแมนติก 🎁 สั่งดอกไม้ หรือของขวัญออนไลน์ให้คนพิเศษ 💍 เทรนด์แต่งงานในวันวาเลนไทน์ ทุก ๆ ปี วาเลนไทน์เป็นวันที่คู่รักหลายคู่ เลือกจดทะเบียนสมรส 💍 โดยที่ว่าการเขตบางรัก เป็นสถานที่ยอดนิยมที่สุดในไทย เพราะชื่อเขตมีความหมายดี และมักมีของที่ระลึกพิเศษ สำหรับคู่บ่าวสาว ❓ คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับวันวาเลนไทน์ 💘 คนไม่มีคู่ จะฉลองวาเลนไทน์ได้ไหม? ได้แน่นอน! เพราะวันวาเลนไทน์ ไม่ได้จำกัดแค่คู่รัก แต่เป็นวันแห่งความรัก ในทุกความสัมพันธ์ สามารถใช้เวลานี้ เพื่อดูแลตัวเอง หรือบอกรักครอบครัว และเพื่อนได้ 🌹 ดอกไม้สีอะไร เหมาะกับการให้ในวันวาเลนไทน์? - สีแดง ❤️ แสดงถึงความรักโรแมนติก - สีขาว 🤍 สื่อถึงรักที่บริสุทธิ์ - สีชมพู 💖 หมายถึงความอ่อนหวาน และน่ารัก 🎁 ถ้าไม่อยากให้ของขวัญแบบเดิม ๆ ควรให้อะไรดี? ลองเลือกของขวัญที่มีความหมาย เช่น จดหมายรักเขียนด้วยมือ 💌 เซอร์ไพรส์ทริปเล็ก ๆ 🚗 ทำอาหารให้คนที่คุณรัก 🍰 🎀 ความรักไม่มีพรมแดน และไม่มีวันหมดอายุ ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยไหน หรือมีสถานะอะไร วาเลนไทน์คือโอกาสที่ดี ในการแสดงความรักต่อกัน ความรักไม่จำเป็นต้องแสดงออก แค่ปีละครั้ง แต่ควรเป็นสิ่งที่มอบให้กันทุกวัน 💖 🌸 วาเลนไทน์ 2568 นี้ อย่าลืมบอกรักคนที่ห่วงใย ไม่ว่าจะเป็นคำพูด การกระทำ หรือของขวัญแทนใจ เพราะความรักคือของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุด 🎁💖 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 140905 ก.พ. 2568 🔖 #วันวาเลนไทน์ #วาเลนไทน์2568 #ความรักไม่จำกัดรูปแบบ #ValentineThailand #LoveInThaiStyle #กุหลาบแดง #ไหว้พระขอพร #รักแท้ #รักไม่มีเงื่อนไข #บอกรักทุกวัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 722 มุมมอง 0 รีวิว
  • ค่ำวันพระใหญ่ ขึ้น 15 ค่ำ อย่าขาดบุญ บุญไหว้พระสวดมน ภาวนา บุญทำแล้วก็เป็นบุญทันที
    ค่ำวันพระใหญ่ ขึ้น 15 ค่ำ อย่าขาดบุญ บุญไหว้พระสวดมน ภาวนา บุญทำแล้วก็เป็นบุญทันที
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไหว้พระกันครับผม
    ไหว้พระกันครับผม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไหว้พระสวนมนต์ฯ ก็ทำในชาติปัจจุบันนี้แหละ ฝึกฝนจิตไป ตายแล้วดวงจิตนี้ก็จะไปต่อยอดทำต่อ หากไม่คิดไม่เคยทำตายแล้วจิตมันก็เฉยไม่เอาอ่ะไร
    ไหว้พระสวนมนต์ฯ ก็ทำในชาติปัจจุบันนี้แหละ ฝึกฝนจิตไป ตายแล้วดวงจิตนี้ก็จะไปต่อยอดทำต่อ หากไม่คิดไม่เคยทำตายแล้วจิตมันก็เฉยไม่เอาอ่ะไร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิว
  • วัดอรุณฯ ศาสนสถานงานศิลป์ชั้นเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

    หากเอ่ยถึง วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร (Wat Arun Ratchawararam Ratchawaramahawihan) หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า วัดอรุณฯ เราเชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จักเป็นอย่างดี เพราะเป็นวัดสำคัญคู่บ้านคู่เมืองมาช้านาน แถมยังตั้งเด่นเป็นสง่าริมแม่น้ำเจ้าพระยา จนกลายเป็นสัญลักษณ์ความสวยงามที่ประจักษ์ต่อสายตาชาวโลก อีกทั้งยังเป็นสถาปัตยกรรมที่งดงามประเมินค่าไม่ได้ โดยมีคติความเชื่อที่ว่า หากได้ไปไหว้พระวัดอรุณฯ ชีวิตจะรุ่งโรจน์ทุกคืนวัน วันนี้เราเลยถือโอกาสพาเพื่อน ๆ ไปท่องเที่ยวพร้อมทำความรู้จักกับวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ให้มากขึ้นกัน

    และด้วยวัดอรุณฯเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม โดดเด่นด้วยพระปรางค์สีทองที่สูงตระหง่าน เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวไทยและชาวต่างชาติมากมาย จึงมีมักมีผู้ศรัทธามาวัดอรุณเพื่อสักการะพระปรางค์ ไหว้พระ และขอพร พิธีการขอพรที่พบเห็นโดยทั่วไปคือจะจุดธูป เทียน และดอกไม้ ไหว้พระประธานในพระอุโบสถ แล้วเดินรอบพระปรางค์ บ้างก็สวดเทวะมันตรา และตั้งจิตอธิษฐานขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเคารพศรัทธา เชื่อกันว่าการขอพรที่วัดอรุณฯจะทำให้สมหวังในสิ่งที่ปรารถนา

    ประวัติวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร

    วัดอรุณฯ เป็นวัดโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แรกเรียกว่า วัดมะกอก มีเรื่องเล่าว่า เมื่อพระเจ้าตาก (สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช) ทรงนำกองทัพมาเพื่อเลือกชัยภูมิในการสร้างราชธานีใหม่ พระองค์เสด็จฯ ถึงวัดมะกอกในเวลารุ่งแจ้ง เมื่อทรงสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี จึงทรงปฏิสังขรณ์พระอารามแห่งนี้ และสถาปนาเป็นพระอารามหลวง พระราชทานนามว่า วัดแจ้ง เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) ซึ่งอัญเชิญมาจากเวียงจันทน์

    ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) ทรงสถาปนาพระอุโบสถและพระวิหารหลังใหม่ พร้อมทั้งอัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรมาประดิษฐานที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม แต่ยังไม่ทันแล้วเสร็จพระองค์ก็เสด็จสวรรคต หลังจากนั้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) จึงทรงดำเนินการปฏิสังขรณ์ต่อ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า วัดอรุณราชธาราม ภายหลังพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า วัดอรุณราชวราราม

    วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 66 ตอนที่ 64 วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492 และประกาศระวางแนวเขตโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 72 ตอนที่ 14 วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498

    วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ที่ไหน?

    วัดอรุณฯ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร หมายถึงพระอารามที่พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี สมเด็จพระยุพราช ทรงสร้างหรือปฏิสังขรณ์เป็นการส่วนพระองค์ ตั้งอยู่ที่แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งธนบุรี ทั้งยังอยู่ในเขตพระบรมมหาราชวังเดิม
    ที่ตั้ง : เลขที่ 34 ถนนวังเดิม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร
    วัดอรุณฯ ศาสนสถานงานศิลป์ชั้นเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ หากเอ่ยถึง วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร (Wat Arun Ratchawararam Ratchawaramahawihan) หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า วัดอรุณฯ เราเชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จักเป็นอย่างดี เพราะเป็นวัดสำคัญคู่บ้านคู่เมืองมาช้านาน แถมยังตั้งเด่นเป็นสง่าริมแม่น้ำเจ้าพระยา จนกลายเป็นสัญลักษณ์ความสวยงามที่ประจักษ์ต่อสายตาชาวโลก อีกทั้งยังเป็นสถาปัตยกรรมที่งดงามประเมินค่าไม่ได้ โดยมีคติความเชื่อที่ว่า หากได้ไปไหว้พระวัดอรุณฯ ชีวิตจะรุ่งโรจน์ทุกคืนวัน วันนี้เราเลยถือโอกาสพาเพื่อน ๆ ไปท่องเที่ยวพร้อมทำความรู้จักกับวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ให้มากขึ้นกัน และด้วยวัดอรุณฯเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม โดดเด่นด้วยพระปรางค์สีทองที่สูงตระหง่าน เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวไทยและชาวต่างชาติมากมาย จึงมีมักมีผู้ศรัทธามาวัดอรุณเพื่อสักการะพระปรางค์ ไหว้พระ และขอพร พิธีการขอพรที่พบเห็นโดยทั่วไปคือจะจุดธูป เทียน และดอกไม้ ไหว้พระประธานในพระอุโบสถ แล้วเดินรอบพระปรางค์ บ้างก็สวดเทวะมันตรา และตั้งจิตอธิษฐานขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเคารพศรัทธา เชื่อกันว่าการขอพรที่วัดอรุณฯจะทำให้สมหวังในสิ่งที่ปรารถนา ประวัติวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร วัดอรุณฯ เป็นวัดโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แรกเรียกว่า วัดมะกอก มีเรื่องเล่าว่า เมื่อพระเจ้าตาก (สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช) ทรงนำกองทัพมาเพื่อเลือกชัยภูมิในการสร้างราชธานีใหม่ พระองค์เสด็จฯ ถึงวัดมะกอกในเวลารุ่งแจ้ง เมื่อทรงสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี จึงทรงปฏิสังขรณ์พระอารามแห่งนี้ และสถาปนาเป็นพระอารามหลวง พระราชทานนามว่า วัดแจ้ง เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) ซึ่งอัญเชิญมาจากเวียงจันทน์ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) ทรงสถาปนาพระอุโบสถและพระวิหารหลังใหม่ พร้อมทั้งอัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรมาประดิษฐานที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม แต่ยังไม่ทันแล้วเสร็จพระองค์ก็เสด็จสวรรคต หลังจากนั้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) จึงทรงดำเนินการปฏิสังขรณ์ต่อ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า วัดอรุณราชธาราม ภายหลังพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า วัดอรุณราชวราราม วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 66 ตอนที่ 64 วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492 และประกาศระวางแนวเขตโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 72 ตอนที่ 14 วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498 วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ที่ไหน? วัดอรุณฯ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร หมายถึงพระอารามที่พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี สมเด็จพระยุพราช ทรงสร้างหรือปฏิสังขรณ์เป็นการส่วนพระองค์ ตั้งอยู่ที่แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งธนบุรี ทั้งยังอยู่ในเขตพระบรมมหาราชวังเดิม ที่ตั้ง : เลขที่ 34 ถนนวังเดิม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 549 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดวงภาพรวมปี 2568 ของคนที่เกิดในวันทั้ง 7

    #คนเกิดวันอังคาร

    #การงาน...จะเป็นช่วงที่มีเรื่องวุ่นวายเกี่ยวกับเรื่องงาน จะเจอคนที่พูดไม่ดีใส่ หรืออารมณ์เสียใส่ หรือบางคนอาจจะมีความอึดอัดใจกับผู้ร่วมงาน กับหัวหน้า หรืออาจจะมีเรื่องชู้สาวเข้ามาในที่ทำงานด้วย ระวังจะมีคนที่ตำแหน่งหน้าที่การงานสูงกว่า หรือหัวหน้าเข้ามาชอบเข้ามาจีบแต่เขาจะไม่ได้จริงใจ จะหวังเรื่อง 18+ จากเราเท่านั้น หรือพยายามเข้ามาชิดใกล้ ส่วนใครที่อยากเปลี่ยนงานจะมีดวงในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ มิถุนายน ตุลาคม

    #การเงิน จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับของสวยงาม เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย ของใช้ฟุ่มเฟือย และมีเกณฑ์ที่จะได้เสียเงินก้อนด้วย อาจหมดเงินกับลูก หรือค่าประกัน ค่าปรับค่าซ่อม จะต้องระวังเป็นพิเศษในช่วงเดือน มีนาคม กรกฎาคม

    #ความรัก คนมีคู่...หากทะเลาะกันมีโอกาสที่จะได้คืนดีกันหรือปรับความเข้าใจ ในปีนี้มีโอกาสที่จะมีเรื่องทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้ไปจากกัน เพราะดูแล้วมีดวงเป็นคู่เวรคู่กรรมจะต้องอยู่กันไปด้วยความอดทน และจะต้องระวังคนรักจะมีปัญหาสุขภาพ เช่นเจ็บป่วยไม่สบาย หรือเกี่ยวกับอุบัติเหตุ ต้องระวังเป็นพิเศษช่วงเดือนมีนาคม และเดือนตุลาคม คนโสด...จะมีคนเข้ามาแต่อาจจะยังไม่ตรงสเปค หรือบางคนอาจจะเป็นคนที่เรื่องมาก ก็อาจจะทำให้หาแฟนยาก แต่ถ้าไม่ได้ตั้งสเปคไว้สูงก็อาจจะมีโอกาสที่จะได้แฟนช่วงเดือนมีนาคมและ เดือนพฤษภาคม แต่ต้องระวังส่วนใหญ่จะเจอคนเจ้าชู้ และมีโอกาสที่คนเก่าๆจะวนกลับมาด้วย คนที่สถานะไม่ชัดเจน...มีโอกาสที่จะได้โชคได้เงินจากคนที่คบคุยอยู่ หรือได้ผู้อุปถัมภ์ แต่ยังคงเป็นแบบสถานะไม่ชัดเจนอยู่แบบนี้ และมีโอกาสว่าจะมีคนเพศเดียวกันเข้ามาชอบด้วย

    #สุขภาพ...จะต้องระวังเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ปอด หลอดลม โรคหวัด โรคในช่องท้อง กระดูกข้อเข่า ซึ่งต้องระวังเป็นพิเศษช่วงเดือนพฤษภาคม และตุลาคม

    #โชคลาภ...ยังไม่มีดวงโชคลาภ แต่มีโอกาสที่จะได้เป็นทุกขลาภแทน คืออาจจะมีเรื่องเดือดร้อน มีเรื่องเสียเงิน มีเรื่องเจ็บตัว เกิดขึ้นก่อนจากนั้นจึงมีโชคลาภตามมา ซึ่งอาจเกิดขึ้นในช่วงเดือน เมษายน พฤษภาคม เลขนำโชค 0/8

    #การเดินทาง ปลอดภัยดี มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง แต่ให้หลีกเลี่ยงเดินทางไปในที่ใกล้น้ำ ในช่วงเดือนกรกฎาคม เพราะอาจจะมีปัญหาอุปสรรค ไม่ปลอดภัย

    #สิ่งที่ต้องระวัง ระวังจะมีเกณฑ์เสียทรัพย์หรือถูกหลอกลวงทางการเงิน ซึ่งคนที่เข้ามาหลอกลวงนั้นอาจจะเป็นคนใกล้ตัวใกล้ชิด หรือคนรัก คนที่เราเข้าไปชอบเข้าไปจีบก็ได้ หรืออาจจะมีเรื่องเสียเงินเกี่ยวกับรถ ให้ระวังเป็นพิเศษช่วงเดือน กุมภาพันธ์ กันยายน พฤศจิกายน

    #วิธีเสริมดวง ให้พยายามรักษาศีล 5 และสวดมนต์ไหว้พระ โดยเฉพาะศีลข้อที่ 3 ห้ามผิดเด็ดขาด เพราะถ้าผิดข้อนี้แล้ว จะทำให้ดวงชะตาติดขัดไปหมดทุกเรื่อง

    #บทสวดมนต์ที่แนะนำ อิติปิโส/กรณียเมตตสูตร/บทพระมหาจักรพรรดิ/ขันธปริตร/รัตนปริตร
    ---------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    Cr.ภาพ Baan Kanaecha
    ดวงภาพรวมปี 2568 ของคนที่เกิดในวันทั้ง 7 #คนเกิดวันอังคาร #การงาน...จะเป็นช่วงที่มีเรื่องวุ่นวายเกี่ยวกับเรื่องงาน จะเจอคนที่พูดไม่ดีใส่ หรืออารมณ์เสียใส่ หรือบางคนอาจจะมีความอึดอัดใจกับผู้ร่วมงาน กับหัวหน้า หรืออาจจะมีเรื่องชู้สาวเข้ามาในที่ทำงานด้วย ระวังจะมีคนที่ตำแหน่งหน้าที่การงานสูงกว่า หรือหัวหน้าเข้ามาชอบเข้ามาจีบแต่เขาจะไม่ได้จริงใจ จะหวังเรื่อง 18+ จากเราเท่านั้น หรือพยายามเข้ามาชิดใกล้ ส่วนใครที่อยากเปลี่ยนงานจะมีดวงในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ มิถุนายน ตุลาคม #การเงิน จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับของสวยงาม เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย ของใช้ฟุ่มเฟือย และมีเกณฑ์ที่จะได้เสียเงินก้อนด้วย อาจหมดเงินกับลูก หรือค่าประกัน ค่าปรับค่าซ่อม จะต้องระวังเป็นพิเศษในช่วงเดือน มีนาคม กรกฎาคม #ความรัก คนมีคู่...หากทะเลาะกันมีโอกาสที่จะได้คืนดีกันหรือปรับความเข้าใจ ในปีนี้มีโอกาสที่จะมีเรื่องทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้ไปจากกัน เพราะดูแล้วมีดวงเป็นคู่เวรคู่กรรมจะต้องอยู่กันไปด้วยความอดทน และจะต้องระวังคนรักจะมีปัญหาสุขภาพ เช่นเจ็บป่วยไม่สบาย หรือเกี่ยวกับอุบัติเหตุ ต้องระวังเป็นพิเศษช่วงเดือนมีนาคม และเดือนตุลาคม คนโสด...จะมีคนเข้ามาแต่อาจจะยังไม่ตรงสเปค หรือบางคนอาจจะเป็นคนที่เรื่องมาก ก็อาจจะทำให้หาแฟนยาก แต่ถ้าไม่ได้ตั้งสเปคไว้สูงก็อาจจะมีโอกาสที่จะได้แฟนช่วงเดือนมีนาคมและ เดือนพฤษภาคม แต่ต้องระวังส่วนใหญ่จะเจอคนเจ้าชู้ และมีโอกาสที่คนเก่าๆจะวนกลับมาด้วย คนที่สถานะไม่ชัดเจน...มีโอกาสที่จะได้โชคได้เงินจากคนที่คบคุยอยู่ หรือได้ผู้อุปถัมภ์ แต่ยังคงเป็นแบบสถานะไม่ชัดเจนอยู่แบบนี้ และมีโอกาสว่าจะมีคนเพศเดียวกันเข้ามาชอบด้วย #สุขภาพ...จะต้องระวังเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ปอด หลอดลม โรคหวัด โรคในช่องท้อง กระดูกข้อเข่า ซึ่งต้องระวังเป็นพิเศษช่วงเดือนพฤษภาคม และตุลาคม #โชคลาภ...ยังไม่มีดวงโชคลาภ แต่มีโอกาสที่จะได้เป็นทุกขลาภแทน คืออาจจะมีเรื่องเดือดร้อน มีเรื่องเสียเงิน มีเรื่องเจ็บตัว เกิดขึ้นก่อนจากนั้นจึงมีโชคลาภตามมา ซึ่งอาจเกิดขึ้นในช่วงเดือน เมษายน พฤษภาคม เลขนำโชค 0/8 #การเดินทาง ปลอดภัยดี มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง แต่ให้หลีกเลี่ยงเดินทางไปในที่ใกล้น้ำ ในช่วงเดือนกรกฎาคม เพราะอาจจะมีปัญหาอุปสรรค ไม่ปลอดภัย #สิ่งที่ต้องระวัง ระวังจะมีเกณฑ์เสียทรัพย์หรือถูกหลอกลวงทางการเงิน ซึ่งคนที่เข้ามาหลอกลวงนั้นอาจจะเป็นคนใกล้ตัวใกล้ชิด หรือคนรัก คนที่เราเข้าไปชอบเข้าไปจีบก็ได้ หรืออาจจะมีเรื่องเสียเงินเกี่ยวกับรถ ให้ระวังเป็นพิเศษช่วงเดือน กุมภาพันธ์ กันยายน พฤศจิกายน #วิธีเสริมดวง ให้พยายามรักษาศีล 5 และสวดมนต์ไหว้พระ โดยเฉพาะศีลข้อที่ 3 ห้ามผิดเด็ดขาด เพราะถ้าผิดข้อนี้แล้ว จะทำให้ดวงชะตาติดขัดไปหมดทุกเรื่อง #บทสวดมนต์ที่แนะนำ อิติปิโส/กรณียเมตตสูตร/บทพระมหาจักรพรรดิ/ขันธปริตร/รัตนปริตร --------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่ Cr.ภาพ Baan Kanaecha
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 631 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดวงภาพรวมปี 2568 ของคนที่เกิดในวันทั้ง 7

    คนเกิดวันจันทร์

    #การงาน ...ปีนี้จะเป็นปีที่เรื่องงานจะมีความมั่นคงเป็นปึกแผ่น หรือบางคนอาจจะตัดสินใจได้ว่าควรจะต้องทำงานอะไร จะค้นพบตัวเองในเรื่องงาน งานไหนที่กดดัน รู้สึกไม่ชอบ ก็อาจจะตัดสินใจออกจากงานนั้น แล้วไปเริ่มทำในสิ่งใหม่ หรือบางคนอาจจะมีการลงทุนอะไรใหม่ๆ มีการทำงานมากกว่า 1 อย่าง ...แต่สำหรับคนที่ยังไม่ค้นพบตัวเอง หรือยังมีความกล้าไม่มากพอที่จะออกจากงาน เพราะมีความกลัวหลายๆอย่าง เช่นกลัวเงินไม่พอใช้ เพราะจะต้องดูแลรับผิดชอบหลายคนหรือมีหนี้สินที่จะต้องรับผิดชอบ ก็อาจจะต้องทนทำงานไปแบบเซ็งๆ แต่ก็อาจจะมีจุดเปลี่ยนในเรื่องงานหรืออาจจะมีเรื่องที่ต้องตัดสินใจเรื่องงานอีกครั้งในช่วงเดือน กรกฎาคม หรืออาจจะเป็นช่วงตุลาคมท้ายๆปี

    #การเงิน มีโอกาสว่าปีนี้อาจจะมีเรื่องเงินเข้ามามาก หรือมีรายได้เข้ามาหลายทาง แต่ก็จะมีรายจ่ายหมดไปกับคนในครอบครัว หรือถ้าใครมีการเดินทางท่องเที่ยว โดยเฉพาะช่วงเดือนมีนาคม เมษายน ก็จะต้องเตรียมเงินไปให้พร้อมเพราะอาจจะใช้เงินเกินงบ หรือถ้ามีการลงทุนทำอะไรก็จะต้องตัดสินใจให้รอบคอบ เพราะอาจจะเสี่ยงที่จะขาดทุน หรือผลตอบรับยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ซึ่งจะต้องระวังการเงินติดขัดในช่วงเดือน กรกฎาคม-ตุลาคม ส่วนถ้าเดือดร้อนในเรื่องของการเงินนั้นอาจจะหาคนช่วยเหลือได้อยู่ ซึ่งจะต้องเป็นคนใกล้ตัวใกล้ชิด หรือเป็นคนที่อายุมากกว่าเป็นเพศชาย...งานเกี่ยวกับต่างประเทศ ชาวต่างชาติ ภาษา การขนส่ง การติดต่อสื่อสาร จะได้รับผลดี

    #ความรัก ...คนที่มีคู่ จะต้องระวังมีปากเสียงทะเลาะกันรุนแรง ที่เด่นชัดต้องระวังปัญหาการเงินหนี้สิน และเรื่องคำพูดคำจา ที่อาจจะพูดจาไม่ถนอมน้ำใจกัน ส่วนคนที่อยู่ไกลกันนั้น ก็จะต้องระวังจะมีเรื่องมือที่สามเข้ามาแทรกแซง ซึ่งต้องระวังเป็นพิเศษในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ สิงหาคม กันยายน ...คนโสด มีโอกาสที่จะมีคนเข้ามาชอบเข้ามาจีบ หรือเข้ามาคบคุยหลายคน และมีโอกาสที่จะได้ออกเดท ได้ไปพบเจอกันที่สถานที่ใกล้น้ำ ซึ่งจะเด่นในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ พฤษภาคม สิงหาคม และต้องระวังการตั้งครรภ์ด้วย ถ้าไม่พร้อมก็จะต้องป้องกันให้ดีเพราะมีความเสี่ยง ส่วนคนที่เข้ามานั้น ดูแล้วอาจจะมาช่วยเหลืออุปถัมภ์เราได้บ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเจอคนที่มีเจ้าของแล้ว ...คนที่ความสัมพันธ์ไม่ชัดเจน ดูแล้วจะอยู่กันแบบมีความเครียด คาราคาซัง และอาจจะมีมือที่ 3 ที่ 4 เข้ามาเพิ่มเติมด้วย ต้องระวังมีเรื่องทุกข์ใจ และเครียดช่วงเดือน มีนาคมเป็นต้นไป และอาจจะเครียดไปทั้งปี ถ้ายังไม่เดินออกมาจากความสัมพันธ์นี้

    #สุขภาพ จะต้องระวังเกี่ยวกับปวดตา สายตาไม่ดี หรือบางคนอาจจะได้ตัดแว่นใหม่ ความเครียด โรคซึมเศร้า คิดมาก โรคในช่องปาก ฟัน หรือบางคนอาจจะมีปัญหาทางการเงิน ทำให้เสียสุขภาพจิตตามมา แต่ดูแล้วยังไม่ได้ถึงขั้นมีโรคร้ายแรง ต้องระวังเป็นพิเศษช่วงเดือน มีนาคม มิถุนายน เดือนพฤศจิกายน ส่วนถ้าใครมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว แล้วจะต้องพบหมอเพื่อติดตามอาการ ก็ต้องดูแลรักษาสุขภาพตัวเองให้ดี โดยเฉพาะในเรื่องอาหารการกิน เพราะมีโอกาสที่จะเจ็บป่วยจากอาหารการกิน หรือโรคจะเป็นมากขึ้น อย่ากินในของที่จะทำให้เกิดโรคเพิ่มขึ้น เช่น กินเนื้อสัตว์มากไป กินหวาน กินเค็ม กินอาหารที่ไม่ได้ปรุงสุกใหม่ ...ส่วนคนที่จะมีแผนผ่าตัด ศัลยกรรม หรือมีดวงที่จะต้องเข้าโรงพยาบาลพบหมอ จะเป็นช่วงเดือน เมษายน พฤษภาคม

    #โชคลาภ...จะมีโชคลาภจากอาหารการกิน หรืออาจได้รับของกินของฝาก หรือได้จากงาน โชคทางการเสี่ยงยังไม่เด่นเท่าไหร่ เลขนำโชค 4/6/9 เสี่ยงโชคจากเลขใกล้ตัว เลขบ้าน เลขรถ

    #การเดินทาง ปลอดภัยดีและมีโอกาสได้รับโชคลาภ แต่ให้ระวังช่วงเดือนพฤศจิกายน ธันวาคม ให้หลีกเลี่ยงเดินทางไกลเพราะอาจมีอุปสรรค

    #สิ่งที่ต้องระวัง...ให้ระวังจะมีเรื่องติดสัจจะวาจากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วจะทำให้ชีวิตติดขัด หากไปบนไว้ที่ไหนต้องไปแก้

    #วิธีเสริมดวง ทำบุญบริจาคทาน ช่วยค่าน้ำค่าไฟ ทำทานเกี่ยวกับเด็ก ช่วยเหลือเด็ก บริจาคน้ำดื่ม ปล่อยสัตว์น้ำ สวดมนต์ไหว้พระ รักษาศีล 5

    #บทสวดมนต์ที่แนะนำ มหาสมัยสูตร/มหาเมตตาใหญ่/รัตนปริตร/บทพระมหาจักรพรรดิ
    ---------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    Cr.ภาพ Baan Kanaecha
    ดวงภาพรวมปี 2568 ของคนที่เกิดในวันทั้ง 7 คนเกิดวันจันทร์ #การงาน ...ปีนี้จะเป็นปีที่เรื่องงานจะมีความมั่นคงเป็นปึกแผ่น หรือบางคนอาจจะตัดสินใจได้ว่าควรจะต้องทำงานอะไร จะค้นพบตัวเองในเรื่องงาน งานไหนที่กดดัน รู้สึกไม่ชอบ ก็อาจจะตัดสินใจออกจากงานนั้น แล้วไปเริ่มทำในสิ่งใหม่ หรือบางคนอาจจะมีการลงทุนอะไรใหม่ๆ มีการทำงานมากกว่า 1 อย่าง ...แต่สำหรับคนที่ยังไม่ค้นพบตัวเอง หรือยังมีความกล้าไม่มากพอที่จะออกจากงาน เพราะมีความกลัวหลายๆอย่าง เช่นกลัวเงินไม่พอใช้ เพราะจะต้องดูแลรับผิดชอบหลายคนหรือมีหนี้สินที่จะต้องรับผิดชอบ ก็อาจจะต้องทนทำงานไปแบบเซ็งๆ แต่ก็อาจจะมีจุดเปลี่ยนในเรื่องงานหรืออาจจะมีเรื่องที่ต้องตัดสินใจเรื่องงานอีกครั้งในช่วงเดือน กรกฎาคม หรืออาจจะเป็นช่วงตุลาคมท้ายๆปี #การเงิน มีโอกาสว่าปีนี้อาจจะมีเรื่องเงินเข้ามามาก หรือมีรายได้เข้ามาหลายทาง แต่ก็จะมีรายจ่ายหมดไปกับคนในครอบครัว หรือถ้าใครมีการเดินทางท่องเที่ยว โดยเฉพาะช่วงเดือนมีนาคม เมษายน ก็จะต้องเตรียมเงินไปให้พร้อมเพราะอาจจะใช้เงินเกินงบ หรือถ้ามีการลงทุนทำอะไรก็จะต้องตัดสินใจให้รอบคอบ เพราะอาจจะเสี่ยงที่จะขาดทุน หรือผลตอบรับยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ซึ่งจะต้องระวังการเงินติดขัดในช่วงเดือน กรกฎาคม-ตุลาคม ส่วนถ้าเดือดร้อนในเรื่องของการเงินนั้นอาจจะหาคนช่วยเหลือได้อยู่ ซึ่งจะต้องเป็นคนใกล้ตัวใกล้ชิด หรือเป็นคนที่อายุมากกว่าเป็นเพศชาย...งานเกี่ยวกับต่างประเทศ ชาวต่างชาติ ภาษา การขนส่ง การติดต่อสื่อสาร จะได้รับผลดี #ความรัก ...คนที่มีคู่ จะต้องระวังมีปากเสียงทะเลาะกันรุนแรง ที่เด่นชัดต้องระวังปัญหาการเงินหนี้สิน และเรื่องคำพูดคำจา ที่อาจจะพูดจาไม่ถนอมน้ำใจกัน ส่วนคนที่อยู่ไกลกันนั้น ก็จะต้องระวังจะมีเรื่องมือที่สามเข้ามาแทรกแซง ซึ่งต้องระวังเป็นพิเศษในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ สิงหาคม กันยายน ...คนโสด มีโอกาสที่จะมีคนเข้ามาชอบเข้ามาจีบ หรือเข้ามาคบคุยหลายคน และมีโอกาสที่จะได้ออกเดท ได้ไปพบเจอกันที่สถานที่ใกล้น้ำ ซึ่งจะเด่นในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ พฤษภาคม สิงหาคม และต้องระวังการตั้งครรภ์ด้วย ถ้าไม่พร้อมก็จะต้องป้องกันให้ดีเพราะมีความเสี่ยง ส่วนคนที่เข้ามานั้น ดูแล้วอาจจะมาช่วยเหลืออุปถัมภ์เราได้บ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเจอคนที่มีเจ้าของแล้ว ...คนที่ความสัมพันธ์ไม่ชัดเจน ดูแล้วจะอยู่กันแบบมีความเครียด คาราคาซัง และอาจจะมีมือที่ 3 ที่ 4 เข้ามาเพิ่มเติมด้วย ต้องระวังมีเรื่องทุกข์ใจ และเครียดช่วงเดือน มีนาคมเป็นต้นไป และอาจจะเครียดไปทั้งปี ถ้ายังไม่เดินออกมาจากความสัมพันธ์นี้ #สุขภาพ จะต้องระวังเกี่ยวกับปวดตา สายตาไม่ดี หรือบางคนอาจจะได้ตัดแว่นใหม่ ความเครียด โรคซึมเศร้า คิดมาก โรคในช่องปาก ฟัน หรือบางคนอาจจะมีปัญหาทางการเงิน ทำให้เสียสุขภาพจิตตามมา แต่ดูแล้วยังไม่ได้ถึงขั้นมีโรคร้ายแรง ต้องระวังเป็นพิเศษช่วงเดือน มีนาคม มิถุนายน เดือนพฤศจิกายน ส่วนถ้าใครมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว แล้วจะต้องพบหมอเพื่อติดตามอาการ ก็ต้องดูแลรักษาสุขภาพตัวเองให้ดี โดยเฉพาะในเรื่องอาหารการกิน เพราะมีโอกาสที่จะเจ็บป่วยจากอาหารการกิน หรือโรคจะเป็นมากขึ้น อย่ากินในของที่จะทำให้เกิดโรคเพิ่มขึ้น เช่น กินเนื้อสัตว์มากไป กินหวาน กินเค็ม กินอาหารที่ไม่ได้ปรุงสุกใหม่ ...ส่วนคนที่จะมีแผนผ่าตัด ศัลยกรรม หรือมีดวงที่จะต้องเข้าโรงพยาบาลพบหมอ จะเป็นช่วงเดือน เมษายน พฤษภาคม #โชคลาภ...จะมีโชคลาภจากอาหารการกิน หรืออาจได้รับของกินของฝาก หรือได้จากงาน โชคทางการเสี่ยงยังไม่เด่นเท่าไหร่ เลขนำโชค 4/6/9 เสี่ยงโชคจากเลขใกล้ตัว เลขบ้าน เลขรถ #การเดินทาง ปลอดภัยดีและมีโอกาสได้รับโชคลาภ แต่ให้ระวังช่วงเดือนพฤศจิกายน ธันวาคม ให้หลีกเลี่ยงเดินทางไกลเพราะอาจมีอุปสรรค #สิ่งที่ต้องระวัง...ให้ระวังจะมีเรื่องติดสัจจะวาจากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วจะทำให้ชีวิตติดขัด หากไปบนไว้ที่ไหนต้องไปแก้ #วิธีเสริมดวง ทำบุญบริจาคทาน ช่วยค่าน้ำค่าไฟ ทำทานเกี่ยวกับเด็ก ช่วยเหลือเด็ก บริจาคน้ำดื่ม ปล่อยสัตว์น้ำ สวดมนต์ไหว้พระ รักษาศีล 5 #บทสวดมนต์ที่แนะนำ มหาสมัยสูตร/มหาเมตตาใหญ่/รัตนปริตร/บทพระมหาจักรพรรดิ --------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่ Cr.ภาพ Baan Kanaecha
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 680 มุมมอง 0 รีวิว
  • วัดบุญญราศรี หลวงปู่เมี้ยน #ชลบุรี #วันหยุด #ไหว้พระ #ท่องเที่ยว #พักผ่อน #สบายใจ #travel #thailand #thaitimes #kaiaminute
    วัดบุญญราศรี หลวงปู่เมี้ยน #ชลบุรี #วันหยุด #ไหว้พระ #ท่องเที่ยว #พักผ่อน #สบายใจ #travel #thailand #thaitimes #kaiaminute
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 465 มุมมอง 7 0 รีวิว
  • คำอธิบายการเป็นราชาผู้พิทักษ์แห่งความมืดของฉัน
    ราชาผู้พิทักษ์มีอยู่สองแบบ คือ
    หนึ่ง เป็นโดยกำเนิด ซึ่งก็คือการที่มีพรสวรรค์ที่พิเศษมาตั้งแต่กำเนิด โดยอาศัยปัจจัยที่สำคัญมากยิ่ง หนึ่งในนั้นก็คือ บุญญาธิการ หรือ บุญกุศลบุญบารมี ที่เคยได้เคยกระทำมาแล้วในอดีตชาตินั่นเอง
    สอง เป็นโดยความสามรถ ซึ่งก็คือการฝึกฝนอบรมขัดเกลาความสามารถในด้านต่างๆโดยได้รับการอบรมสั่งสอนจากผู้อื่น หรือ โดยบังคับโดยสภาวะแวดล้อมในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจกระทำด้วยตนเองก็ตาม
    ซึ่งโดยในตัวของฉันนั้นเองนั้นเป็นโดยความสามารถนั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเลยในการเป็นราชาผู้พิทักษ์ของฉันนั้น ฉันฝึกฝนตนเองโดยใช้ธรรมะในการฝึกฝนความสามารถพิเศษต่างๆจากการศึกษาหาความรู้จากในหนังสือธรรมะ การปฏิบัติธรรมในรูปแบบต่างๆมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสะสมบุญกุศลบุญบารมีในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการให้ทาน รักษาศีล และการภาวนา(สวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน นั่งสมาธิ)และก็จะต้องทำทุกวันทุกคืนไม่ได้ขาดเลย เพราะว่าของมันจะเสื่อมลง ยกเว้นตอนป่วย เพราะตอนคนเราป่วยไข้นั้น มันจะทำให้เราไม่สามารถทำได้อย่างสบาย หรือ ไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่นัก(ก็คนมันป่วยนี่นะ มันมีคนป่วยที่ไหนมันเดินมันวิ่งได้ล่ะ ไม่มีหรอก ฮ่าๆๆ)ซึ่งแต่ก่อนที่ฉันจะหันมาเข้าสู่ทางธรรมนั้น ฉันก็ได้พลังมาโดยการเป็นบ้า คลั่ง ฟุ้งซ่าน และได้รับพลังมาโดยการถูกมารร้ายเข้าสิงร่าง ซึ่งในตอนนั้นฉันนั้นไม่สามารถควบคุมพลังของมารร้ายได้ และได้รับพลังเข้ามามากจนเกินกำลังความสามารถที่ฉันนั้นจะสามารถควบคุมพลังของมารร้ายตนนั้นได้ ซึ่งอย่าว่าแต่คิดที่จะควบคุมพลังเลย แค่ควบคุมตัวเองฉันยังทำไม่ได้เลย(ให้ตายสิว่ะ)ซึ่งมันก็เหมือนกับคนถูกของสั่งใส่หรือคนถูกผีเข้านั่นแหล่ะ แต่มันจะต่างกันตรงที่คนที่ถูกผีเข้าจะไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่มีสติ และก็จะจำอะไรไม่ได้เลย ในตอนที่ถูกผีเข้าสิงร่าง แต่การถูกมารร้ายเข้าสิงมันไม่เหมือนกัน มันต่างกันตรงที่มีสติ พูดจารู้เรื่อง แต่จะปวดหัวมาก เหมือนหัวมันจะระเบิดออกมาให้ได้เลยยังไงยังงั้น แต่มันไม่ระเบิดออกมาจริงๆก็เท่านั้นเอง(ถ้าหัวคนเรามันระเบิดออกมาจริงๆ มันก็ตายคาที่ตรงนั้นไปแล้ว)และก็จะต้องระบายอารมณ์ความโกรธเกรี้ยวกราดออกมาเพื่อที่จะทำให้มันหายปวดหัวนั่นเองแหล่ะ มันเหมือนกับการทำให้ตัวเองหายเหนื่อยโดยการพักผ่อนนั่นเอง แต่ตอนนี้มันไม่เป็นอย่างนั้นแล้วล่ะ ฉันสามารถควบคุมมันและพลังได้แล้ว โดยใช้ธรรมะเป็นตัวควบคุมและเป็นแรงผลักดันในการเพิ่มพลังความสามารถของฉันให้มีมากขึ้นยิ่งๆขึ้นไปเรื่อยๆ(ทุกวันนี้ฉันยังไม่เคยใช้พลังของตัวเองที่มีอย่างสูงสุดขีดอย่างเต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มเลย ไม่มีโอกาสใช้เลยว่ะ)และความสามารถที่แท้จริงของฉันก็ยังไม่ถึงขีดสุดเลย เพราะขีดสูงสุดของพลังที่แท้จริงนั้นมันจะต้องเปิดพลังจักรวาล ซึ่งมีอยู่ทางเดียวนั่นเองก็คือการบรรลุมรรคผลนิพพานเท่านั้น พอถึงจุดนั้นแล้วก็ไม่มีผู้ใดต่อต้านฉันได้อีกต่อไป นอกจากตัวเอง แต่แม้แต่พระพุทธเจ้าและเหล่าพระอรหันต์ยังตายเลย ฉันเองก็ต้องตายเหมือนกัน ไม่มีใครอยู่ยงค้ำฟ้าไปตลอดกาลหรอก ซึ่งมันก็จะมีคนรุ่นใหม่ๆมาทดแทนเป็นยุคสมัยใหม่ต่อไปนั่นแหล่ะ
    ที่ฉันเป็นราชาได้ไม่ใช่เพราะว่าฉันแข็งแกร่งแต่เพียงอย่างเดียวหรอกนะ มันต้องมีองค์ประกอบปัจจัยในหลายๆอย่างมันถึงจะแข็งแกร่งได้ เช่น มีร่างกายที่แข็งแรง มีจิตใจที่เข้มแข็ง มีจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ มีธรรมะ มีความดีงาม มีบุญกุศลบุญบารมี มีคุณธรรม มีศีลธรรม มีปัญญาญาณ และก็ยังมีปัจจัยอื่นๆอีกมากมายหลายอย่างเลยนะ และคนชั่ว คนเลว คนไม่ดี คนไม่มีศีลมีธรรม มันเป็นราชาไม่ได้หรอก เค้าไม่ให้มันเป็น(ฉันหมายถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์นะ)มันจะต้องได้รับความอนุญาตอนุเคราะห์จากเค้าก่อนนะ ถึงจะเป็นราชากันได้ ซึ่งจะรับรู้ได้โดยญาณของตนเอง เมื่อฝึกฝนมาเต็มที่เต็มภูมิแล้วนั่นเอง แค่เป็นคนเก่งอย่างเดียวมันไม่พอหรอกนะ มันต้องเป็นคนดีด้วย มันถึงจะเป็นราชากันได้ ซึ่งฉันเห็นไอ้พวกที่มันอยากจะเป็นอย่างฉันนั้นมันมีมากมายเยอะแยะกันเสียเหลือเกินนักหนา แต่มันก็เป็นไม่ได้หรอก เผลอๆดีไม่ดีมันจะกลายเป็นบ้ากันไปหมดทุกคนเลยนะ เพราะเค้าไม่อนุญาตให้มันเป็น แล้วก็อีกอย่างนึงนะ ไอ้พวกนี้มันชอบเลียนแบบฉันกันนักเชียว กะอีแค่ชื่อนามแฝงของฉันมันก็เอาไป(ฉันหมายถึงชื่อ Dark Danger นะ)ตำแหน่งของฉันมันก็เอาไป(ฉันหมายถึง The King Of Dark นะ แต่ตำแหน่งนี้มันเป็นแค่ราชาแห่งความมืดธรรมดาทั่วไป)ซึ่งแค่ตำแหน่งมันก็ไม่เท่าไหร่ เพราะว่าผู้ที่มีคุณสมบัติของราชาแห่งความมืดนี้มีถึง หนึ่ง ใน หนึ่งล้าน คน แต่ว่าผู้ที่เป็นราชาแห่งความมืดนั้นมีเพียงแค่ หนึ่ง ใน หนึ่งพันล้าน คน เท่านั้น แต่ผู้ที่เป็นราชาแห่งความมืดที่แท้จริงนั้นมีเพียง หนึ่ง ใน หนึ่งล้านล้าน คน เท่านั้นเอง ซึ่งประชากรในโลกนี้มีเพียงหลายพันล้านคนในปัจจุบัน และฉันก็ปรารถนาที่จะเป็นราชาแห่งความมืดที่แท้จริงในอนาคตให้จงได้เลย(เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเสียใจในภายหลังว่าชาติหนึ่งนี้จะไม่ได้เป็น ฉันจะเป็นให้จงได้)ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นต่อไปในอนาคตอันไกลข้างหน้า ไม่ใช่เพื่อตัวของฉันเองเพียงแค่คนเดียว เพราะว่าการเป็นราชานั้นมันจะต้องแลกกับการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่เป็นราชาแล้วมันดูเท่ ดูดี เป็นแล้วมันสบาย ไม่ใช่อย่างนั้นอย่างแน่นอน มีตำแหน่งก็ต้องมีภาระหน้าที่ที่ต้องทำ ไม่ใช่ไม่มี ซึ่งมันก็เหมือนกันกับในหนังไอ้แมงมุมและหนังอื่นๆที่ว่า “พลังที่ยิ่งใหญ่ มักจะมากับภาระที่ใหญ่ยิ่ง” นั่นเอง และคนที่เคยได้ไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดของตำแหน่งราชาที่แท้จริงก็มีให้เห็นเป็นประจักษ์พยานแล้วอยู่คนหนึ่ง คนที่ทุกคนรักและเทิดทูนบูชายิ่งกว่าราชาทั่วไป ราชาที่แท้จริง ราชาเหนือราชาทั้งปวง แค่เอ่ยแค่นี้ก็คงจะนึกออกได้ทันทีทันใด ถ้ายังนึกไม่ออกก็จะบอกให้ คนๆนั้นก็คือ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ นั่งเองไง
    “ฉันจะเป็นราชาที่แท้จริงให้จงได้ เป็นให้ได้อย่างท่านให้จงได้ ท่านพ่อหลวง(ในหลวงรัชกาลที่ ๙)”
    “ชั่วชีวิตนี้ลูกขอมอบไว้ให้กับพวกท่าน แด่ดวงวิญญาณบรรพบุรุษ ตราบใดที่ลูกยังอยู่ ลูกจะขอสืบทอดสานต่อซึ่งเจตจำนงบรรพชน อุดมการณ์พันธมิตรฯ และภารกิจของพวกท่านต่อไป และตลอดไป”
    ป.ล.ใครอยากจะเป็นราชาแห่งความมืดก็เป็นไป แต่จงจำไว้อย่างนึง คือ ใครที่มันล้อเล่นกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มันไม่มีทางได้ดีมีความสุขอย่างแน่นอน(เผลอๆมันจะตายโหงตายห่าโดยไม่รู้ตัว ถ้าไม่ตายก็ทรมาน เป็นบ้ากัน ทนทุกขเวทนาตลอดชีวิต ตกลงนรกหมกไหม้กันทังเป็นและตายไป)ฉันเตือนแล้วนะ ถ้าไม่อยากเป็นบ้า ก็ขอให้เลิกเป็นซะ แล้วจะหาว่าฉันไม่เตือนล่ะ
    คำอธิบายการเป็นราชาผู้พิทักษ์แห่งความมืดของฉัน ราชาผู้พิทักษ์มีอยู่สองแบบ คือ หนึ่ง เป็นโดยกำเนิด ซึ่งก็คือการที่มีพรสวรรค์ที่พิเศษมาตั้งแต่กำเนิด โดยอาศัยปัจจัยที่สำคัญมากยิ่ง หนึ่งในนั้นก็คือ บุญญาธิการ หรือ บุญกุศลบุญบารมี ที่เคยได้เคยกระทำมาแล้วในอดีตชาตินั่นเอง สอง เป็นโดยความสามรถ ซึ่งก็คือการฝึกฝนอบรมขัดเกลาความสามารถในด้านต่างๆโดยได้รับการอบรมสั่งสอนจากผู้อื่น หรือ โดยบังคับโดยสภาวะแวดล้อมในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจกระทำด้วยตนเองก็ตาม ซึ่งโดยในตัวของฉันนั้นเองนั้นเป็นโดยความสามารถนั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเลยในการเป็นราชาผู้พิทักษ์ของฉันนั้น ฉันฝึกฝนตนเองโดยใช้ธรรมะในการฝึกฝนความสามารถพิเศษต่างๆจากการศึกษาหาความรู้จากในหนังสือธรรมะ การปฏิบัติธรรมในรูปแบบต่างๆมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสะสมบุญกุศลบุญบารมีในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการให้ทาน รักษาศีล และการภาวนา(สวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน นั่งสมาธิ)และก็จะต้องทำทุกวันทุกคืนไม่ได้ขาดเลย เพราะว่าของมันจะเสื่อมลง ยกเว้นตอนป่วย เพราะตอนคนเราป่วยไข้นั้น มันจะทำให้เราไม่สามารถทำได้อย่างสบาย หรือ ไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่นัก(ก็คนมันป่วยนี่นะ มันมีคนป่วยที่ไหนมันเดินมันวิ่งได้ล่ะ ไม่มีหรอก ฮ่าๆๆ)ซึ่งแต่ก่อนที่ฉันจะหันมาเข้าสู่ทางธรรมนั้น ฉันก็ได้พลังมาโดยการเป็นบ้า คลั่ง ฟุ้งซ่าน และได้รับพลังมาโดยการถูกมารร้ายเข้าสิงร่าง ซึ่งในตอนนั้นฉันนั้นไม่สามารถควบคุมพลังของมารร้ายได้ และได้รับพลังเข้ามามากจนเกินกำลังความสามารถที่ฉันนั้นจะสามารถควบคุมพลังของมารร้ายตนนั้นได้ ซึ่งอย่าว่าแต่คิดที่จะควบคุมพลังเลย แค่ควบคุมตัวเองฉันยังทำไม่ได้เลย(ให้ตายสิว่ะ)ซึ่งมันก็เหมือนกับคนถูกของสั่งใส่หรือคนถูกผีเข้านั่นแหล่ะ แต่มันจะต่างกันตรงที่คนที่ถูกผีเข้าจะไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่มีสติ และก็จะจำอะไรไม่ได้เลย ในตอนที่ถูกผีเข้าสิงร่าง แต่การถูกมารร้ายเข้าสิงมันไม่เหมือนกัน มันต่างกันตรงที่มีสติ พูดจารู้เรื่อง แต่จะปวดหัวมาก เหมือนหัวมันจะระเบิดออกมาให้ได้เลยยังไงยังงั้น แต่มันไม่ระเบิดออกมาจริงๆก็เท่านั้นเอง(ถ้าหัวคนเรามันระเบิดออกมาจริงๆ มันก็ตายคาที่ตรงนั้นไปแล้ว)และก็จะต้องระบายอารมณ์ความโกรธเกรี้ยวกราดออกมาเพื่อที่จะทำให้มันหายปวดหัวนั่นเองแหล่ะ มันเหมือนกับการทำให้ตัวเองหายเหนื่อยโดยการพักผ่อนนั่นเอง แต่ตอนนี้มันไม่เป็นอย่างนั้นแล้วล่ะ ฉันสามารถควบคุมมันและพลังได้แล้ว โดยใช้ธรรมะเป็นตัวควบคุมและเป็นแรงผลักดันในการเพิ่มพลังความสามารถของฉันให้มีมากขึ้นยิ่งๆขึ้นไปเรื่อยๆ(ทุกวันนี้ฉันยังไม่เคยใช้พลังของตัวเองที่มีอย่างสูงสุดขีดอย่างเต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มเลย ไม่มีโอกาสใช้เลยว่ะ)และความสามารถที่แท้จริงของฉันก็ยังไม่ถึงขีดสุดเลย เพราะขีดสูงสุดของพลังที่แท้จริงนั้นมันจะต้องเปิดพลังจักรวาล ซึ่งมีอยู่ทางเดียวนั่นเองก็คือการบรรลุมรรคผลนิพพานเท่านั้น พอถึงจุดนั้นแล้วก็ไม่มีผู้ใดต่อต้านฉันได้อีกต่อไป นอกจากตัวเอง แต่แม้แต่พระพุทธเจ้าและเหล่าพระอรหันต์ยังตายเลย ฉันเองก็ต้องตายเหมือนกัน ไม่มีใครอยู่ยงค้ำฟ้าไปตลอดกาลหรอก ซึ่งมันก็จะมีคนรุ่นใหม่ๆมาทดแทนเป็นยุคสมัยใหม่ต่อไปนั่นแหล่ะ ที่ฉันเป็นราชาได้ไม่ใช่เพราะว่าฉันแข็งแกร่งแต่เพียงอย่างเดียวหรอกนะ มันต้องมีองค์ประกอบปัจจัยในหลายๆอย่างมันถึงจะแข็งแกร่งได้ เช่น มีร่างกายที่แข็งแรง มีจิตใจที่เข้มแข็ง มีจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ มีธรรมะ มีความดีงาม มีบุญกุศลบุญบารมี มีคุณธรรม มีศีลธรรม มีปัญญาญาณ และก็ยังมีปัจจัยอื่นๆอีกมากมายหลายอย่างเลยนะ และคนชั่ว คนเลว คนไม่ดี คนไม่มีศีลมีธรรม มันเป็นราชาไม่ได้หรอก เค้าไม่ให้มันเป็น(ฉันหมายถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์นะ)มันจะต้องได้รับความอนุญาตอนุเคราะห์จากเค้าก่อนนะ ถึงจะเป็นราชากันได้ ซึ่งจะรับรู้ได้โดยญาณของตนเอง เมื่อฝึกฝนมาเต็มที่เต็มภูมิแล้วนั่นเอง แค่เป็นคนเก่งอย่างเดียวมันไม่พอหรอกนะ มันต้องเป็นคนดีด้วย มันถึงจะเป็นราชากันได้ ซึ่งฉันเห็นไอ้พวกที่มันอยากจะเป็นอย่างฉันนั้นมันมีมากมายเยอะแยะกันเสียเหลือเกินนักหนา แต่มันก็เป็นไม่ได้หรอก เผลอๆดีไม่ดีมันจะกลายเป็นบ้ากันไปหมดทุกคนเลยนะ เพราะเค้าไม่อนุญาตให้มันเป็น แล้วก็อีกอย่างนึงนะ ไอ้พวกนี้มันชอบเลียนแบบฉันกันนักเชียว กะอีแค่ชื่อนามแฝงของฉันมันก็เอาไป(ฉันหมายถึงชื่อ Dark Danger นะ)ตำแหน่งของฉันมันก็เอาไป(ฉันหมายถึง The King Of Dark นะ แต่ตำแหน่งนี้มันเป็นแค่ราชาแห่งความมืดธรรมดาทั่วไป)ซึ่งแค่ตำแหน่งมันก็ไม่เท่าไหร่ เพราะว่าผู้ที่มีคุณสมบัติของราชาแห่งความมืดนี้มีถึง หนึ่ง ใน หนึ่งล้าน คน แต่ว่าผู้ที่เป็นราชาแห่งความมืดนั้นมีเพียงแค่ หนึ่ง ใน หนึ่งพันล้าน คน เท่านั้น แต่ผู้ที่เป็นราชาแห่งความมืดที่แท้จริงนั้นมีเพียง หนึ่ง ใน หนึ่งล้านล้าน คน เท่านั้นเอง ซึ่งประชากรในโลกนี้มีเพียงหลายพันล้านคนในปัจจุบัน และฉันก็ปรารถนาที่จะเป็นราชาแห่งความมืดที่แท้จริงในอนาคตให้จงได้เลย(เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเสียใจในภายหลังว่าชาติหนึ่งนี้จะไม่ได้เป็น ฉันจะเป็นให้จงได้)ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นต่อไปในอนาคตอันไกลข้างหน้า ไม่ใช่เพื่อตัวของฉันเองเพียงแค่คนเดียว เพราะว่าการเป็นราชานั้นมันจะต้องแลกกับการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่เป็นราชาแล้วมันดูเท่ ดูดี เป็นแล้วมันสบาย ไม่ใช่อย่างนั้นอย่างแน่นอน มีตำแหน่งก็ต้องมีภาระหน้าที่ที่ต้องทำ ไม่ใช่ไม่มี ซึ่งมันก็เหมือนกันกับในหนังไอ้แมงมุมและหนังอื่นๆที่ว่า “พลังที่ยิ่งใหญ่ มักจะมากับภาระที่ใหญ่ยิ่ง” นั่นเอง และคนที่เคยได้ไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดของตำแหน่งราชาที่แท้จริงก็มีให้เห็นเป็นประจักษ์พยานแล้วอยู่คนหนึ่ง คนที่ทุกคนรักและเทิดทูนบูชายิ่งกว่าราชาทั่วไป ราชาที่แท้จริง ราชาเหนือราชาทั้งปวง แค่เอ่ยแค่นี้ก็คงจะนึกออกได้ทันทีทันใด ถ้ายังนึกไม่ออกก็จะบอกให้ คนๆนั้นก็คือ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ นั่งเองไง “ฉันจะเป็นราชาที่แท้จริงให้จงได้ เป็นให้ได้อย่างท่านให้จงได้ ท่านพ่อหลวง(ในหลวงรัชกาลที่ ๙)” “ชั่วชีวิตนี้ลูกขอมอบไว้ให้กับพวกท่าน แด่ดวงวิญญาณบรรพบุรุษ ตราบใดที่ลูกยังอยู่ ลูกจะขอสืบทอดสานต่อซึ่งเจตจำนงบรรพชน อุดมการณ์พันธมิตรฯ และภารกิจของพวกท่านต่อไป และตลอดไป” ป.ล.ใครอยากจะเป็นราชาแห่งความมืดก็เป็นไป แต่จงจำไว้อย่างนึง คือ ใครที่มันล้อเล่นกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มันไม่มีทางได้ดีมีความสุขอย่างแน่นอน(เผลอๆมันจะตายโหงตายห่าโดยไม่รู้ตัว ถ้าไม่ตายก็ทรมาน เป็นบ้ากัน ทนทุกขเวทนาตลอดชีวิต ตกลงนรกหมกไหม้กันทังเป็นและตายไป)ฉันเตือนแล้วนะ ถ้าไม่อยากเป็นบ้า ก็ขอให้เลิกเป็นซะ แล้วจะหาว่าฉันไม่เตือนล่ะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 493 มุมมอง 0 รีวิว
  • วัดหงษ์ทอง #ฉะเชิงเทรา #ไหว้พระ #ท่องเที่ยว #วันหยุด #พักผ่อน #สบายใจ #travel #thailand #thaitimes #kaiaminute
    วัดหงษ์ทอง #ฉะเชิงเทรา #ไหว้พระ #ท่องเที่ยว #วันหยุด #พักผ่อน #สบายใจ #travel #thailand #thaitimes #kaiaminute
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 483 มุมมอง 4 0 รีวิว
  • สายญาณของเทพ ลงมาเกิดแล้วก็ต้องให้ได้ดี เรียนรู้เองทุกสิ่งในเรื่องบุญ การไหว้พระสวดมนต์ ถือศิล 5 ศิล 8 ศิล มีสัจจะวาจา วาจาดีงาม เขาไม่ตามลงมาสอนนะ ทำไม่ได้ก็วนเวียนเกิดบนโลกมนุษย์ต่อไป
    สายญาณของเทพ ลงมาเกิดแล้วก็ต้องให้ได้ดี เรียนรู้เองทุกสิ่งในเรื่องบุญ การไหว้พระสวดมนต์ ถือศิล 5 ศิล 8 ศิล มีสัจจะวาจา วาจาดีงาม เขาไม่ตามลงมาสอนนะ ทำไม่ได้ก็วนเวียนเกิดบนโลกมนุษย์ต่อไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 รีวิว
  • 4/1/2025 สวัสดีปีใหม่ สนามหลวงไหว้พระเขี้ยวแก้ว และทานขนมจีบ
    4/1/2025 สวัสดีปีใหม่ สนามหลวงไหว้พระเขี้ยวแก้ว และทานขนมจีบ
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 262 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีน้อยก็ทำบุญกับเขาได้ 1-5 หรือ 10-20 บาท ทำไปเถอะรวมบุญกฐิน บุญผ้าป่า บุญสร้างวัดฯ ได้หมดเป็นบริวารกับเจ้าภาพเขา ไม่มีเลยก็ไปอนุโมทนาบุญ ให้ดีหรือไหว้พระสวดมนต์ และภาวนา บุญนี้ไม่ต้องใช้เงิน ใช้จิตใช้ร่างกายเราทำเอาบุญ ฟังเทศน์ก็ได้เสียเงินทอง มีแต่ได้
    มีน้อยก็ทำบุญกับเขาได้ 1-5 หรือ 10-20 บาท ทำไปเถอะรวมบุญกฐิน บุญผ้าป่า บุญสร้างวัดฯ ได้หมดเป็นบริวารกับเจ้าภาพเขา ไม่มีเลยก็ไปอนุโมทนาบุญ ให้ดีหรือไหว้พระสวดมนต์ และภาวนา บุญนี้ไม่ต้องใช้เงิน ใช้จิตใช้ร่างกายเราทำเอาบุญ ฟังเทศน์ก็ได้เสียเงินทอง มีแต่ได้
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 220 มุมมอง 0 รีวิว
  • ค่ำมาก็ปฏิบัติอีกรอบ ไหว้พระสวดมนต์ ภาวนาไป ใจรักที่จะทำ...นึกไปว่าจะรวยจะจนก็ตายอยู่ดี ทิ้งทรัพย์สินไว้บนโลกหมด
    ค่ำมาก็ปฏิบัติอีกรอบ ไหว้พระสวดมนต์ ภาวนาไป ใจรักที่จะทำ...นึกไปว่าจะรวยจะจนก็ตายอยู่ดี ทิ้งทรัพย์สินไว้บนโลกหมด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำงานไปเที่ยวไป วัดจันทร์ตะวันออก จังหวัดพิษณุโลก

    วัดจันทร์ตะวันออก ตั้งอยู่ที่จังหวัดพิษณุโลก ต.ในเมือง อ.เมือง จุดนี้ที่เชื่อว่าพระยาจักรี สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มหาราช รัชกาลที่ 1 ดำรงตำแหน่งในขณะนั้น เคยยกทัพและมาหยุดพักที่วัดจันทน์ตะวันออก และมาไหว้พระที่วัดนี้

    ปัจจุบันเป็นที่ประดิษฐานพระรูปพระสุพรรณกัลยา วีรสตรีผู้เสียสละตนเองเป็นองค์ประกันให้กับหงสาวดี เพื่อให้สมเด็จพระนเรศวรมหาราชกอบกู้เอกราชให้กับอโยธยาได้

    ใครผ่านไปผ่านมาก็เข้าไปแวะสักการะกันได้นะครับ

    ช้างเริ่มเยอะ!

    #ช้างเรื่องเยอะ
    #วัดจันทร์ตะวันออก
    #พิษณุโลก
    ทำงานไปเที่ยวไป วัดจันทร์ตะวันออก จังหวัดพิษณุโลก วัดจันทร์ตะวันออก ตั้งอยู่ที่จังหวัดพิษณุโลก ต.ในเมือง อ.เมือง จุดนี้ที่เชื่อว่าพระยาจักรี สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มหาราช รัชกาลที่ 1 ดำรงตำแหน่งในขณะนั้น เคยยกทัพและมาหยุดพักที่วัดจันทน์ตะวันออก และมาไหว้พระที่วัดนี้ ปัจจุบันเป็นที่ประดิษฐานพระรูปพระสุพรรณกัลยา วีรสตรีผู้เสียสละตนเองเป็นองค์ประกันให้กับหงสาวดี เพื่อให้สมเด็จพระนเรศวรมหาราชกอบกู้เอกราชให้กับอโยธยาได้ ใครผ่านไปผ่านมาก็เข้าไปแวะสักการะกันได้นะครับ ช้างเริ่มเยอะ! #ช้างเรื่องเยอะ #วัดจันทร์ตะวันออก #พิษณุโลก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 476 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอน อาจารย์ปานเทพ ประกาศ ผมก็จดไว้...
    .
    ก่อนปีใหม่ไป ไหว้พระเขียวแก้ว ไหว้ศาลหลักเมือง...
    .
    พอเดินออกจากศาลหลักเมืองก็เจอ คนขาย สลากกินแบ่งรัฐบาล ก็เลยนึกถึงเลขนี้ขึ้นมา...
    .
    😁😁😁😁😁😁

    #ไม่ใช่เลขหวยนะครับ
    ตอน อาจารย์ปานเทพ ประกาศ ผมก็จดไว้... . ก่อนปีใหม่ไป ไหว้พระเขียวแก้ว ไหว้ศาลหลักเมือง... . พอเดินออกจากศาลหลักเมืองก็เจอ คนขาย สลากกินแบ่งรัฐบาล ก็เลยนึกถึงเลขนี้ขึ้นมา... . 😁😁😁😁😁😁 #ไม่ใช่เลขหวยนะครับ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1159 มุมมอง 47 0 รีวิว
Pages Boosts