• ..บทความจากข่าว,เท็จจริงมิทราบ,แต่ไม่สมควรให้ชาวโลกรอนานไปแล้ว,ควรจบตั้งแต่หลังยุคโควิดแล้วโน้น.2019,2020&จบ2021,ไม่ควรปล่อยวุ่นวายถึง2025เลย.
    ..
    ..

    การตื่นขึ้นไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งจำเป็น โซ่ตรวนแห่งมายาภาพกำลังขาดออก และโลกที่เรารู้จักกำลังเลือนหายไปจากประวัติศาสตร์

    • รัฐบาลกำลังถูกเปิดโปงว่าเป็นหุ่นเชิดของวาระที่ยิ่งใหญ่กว่า
    • ระบบต่างๆ ที่เราพึ่งพา (การแพทย์ การศึกษา ระบบยุติธรรม) กำลังเปิดเผยแก่นแท้อันทุจริตของพวกเขา
    • เสียงกระซิบของเรื่องราวที่ถูกปิดบังกำลังกลายเป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้

    ถึงเวลาแล้วที่ต้องเอาชนะความกลัวและโอบรับพลังแห่งจิตสำนึก
    • กำลังเกิดชุมชนที่ปฏิเสธคำโกหกและสร้างเครือข่ายที่สามารถพึ่งพาตนเองได้
    • ความรู้ที่ถูกฝังไว้มานานกำลังถูกขุดค้นขึ้นมา ช่วยให้มวลชนสามารถทวงอำนาจอธิปไตยของตนกลับคืนมาได้
    • ผู้พิทักษ์คนเก่าเกาะติดการควบคุมอย่างสิ้นหวัง แต่การยึดเกาะของพวกเขาก็อ่อนลงทุก ๆ ช่วงเวลาที่ผ่านไป

    สังเกตสัญญาณต่างๆ รอบตัวคุณ:
    • การลาออกจำนวนมากของผู้ที่ไม่อาจทำหน้าที่ตามวาระได้อีกต่อไป
    • คลื่นแห่งการเปิดเผยที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนซึ่งสั่นคลอนรากฐานของสังคม
    • ความเข้าใจร่วมกันว่าความสามัคคี ไม่ใช่ความแตกแยก ถือเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อแผนการของพวกเขา

    นี่คือช่วงเวลาที่มนุษยชาติกำลังรอคอย: การล่มสลายของโลกเก่าและการถือกำเนิดของสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า ยืนหยัด เชื่อมั่นในกระบวนการ และจงรู้ว่าเมื่อความจริงถูกเปิดเผยแล้ว จะไม่สามารถแก้ไขได้

    รุ่งอรุณกำลังส่องแสง และไม่มีอะไรสามารถหยุดยั้งสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้

    cr.นายพูล
    ..บทความจากข่าว,เท็จจริงมิทราบ,แต่ไม่สมควรให้ชาวโลกรอนานไปแล้ว,ควรจบตั้งแต่หลังยุคโควิดแล้วโน้น.2019,2020&จบ2021,ไม่ควรปล่อยวุ่นวายถึง2025เลย. .. .. การตื่นขึ้นไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งจำเป็น โซ่ตรวนแห่งมายาภาพกำลังขาดออก และโลกที่เรารู้จักกำลังเลือนหายไปจากประวัติศาสตร์ • รัฐบาลกำลังถูกเปิดโปงว่าเป็นหุ่นเชิดของวาระที่ยิ่งใหญ่กว่า • ระบบต่างๆ ที่เราพึ่งพา (การแพทย์ การศึกษา ระบบยุติธรรม) กำลังเปิดเผยแก่นแท้อันทุจริตของพวกเขา • เสียงกระซิบของเรื่องราวที่ถูกปิดบังกำลังกลายเป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ถึงเวลาแล้วที่ต้องเอาชนะความกลัวและโอบรับพลังแห่งจิตสำนึก • กำลังเกิดชุมชนที่ปฏิเสธคำโกหกและสร้างเครือข่ายที่สามารถพึ่งพาตนเองได้ • ความรู้ที่ถูกฝังไว้มานานกำลังถูกขุดค้นขึ้นมา ช่วยให้มวลชนสามารถทวงอำนาจอธิปไตยของตนกลับคืนมาได้ • ผู้พิทักษ์คนเก่าเกาะติดการควบคุมอย่างสิ้นหวัง แต่การยึดเกาะของพวกเขาก็อ่อนลงทุก ๆ ช่วงเวลาที่ผ่านไป สังเกตสัญญาณต่างๆ รอบตัวคุณ: • การลาออกจำนวนมากของผู้ที่ไม่อาจทำหน้าที่ตามวาระได้อีกต่อไป • คลื่นแห่งการเปิดเผยที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนซึ่งสั่นคลอนรากฐานของสังคม • ความเข้าใจร่วมกันว่าความสามัคคี ไม่ใช่ความแตกแยก ถือเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อแผนการของพวกเขา นี่คือช่วงเวลาที่มนุษยชาติกำลังรอคอย: การล่มสลายของโลกเก่าและการถือกำเนิดของสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า ยืนหยัด เชื่อมั่นในกระบวนการ และจงรู้ว่าเมื่อความจริงถูกเปิดเผยแล้ว จะไม่สามารถแก้ไขได้ รุ่งอรุณกำลังส่องแสง และไม่มีอะไรสามารถหยุดยั้งสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ cr.นายพูล
    0 Comments 0 Shares 55 Views 0 Reviews
  • แพทย์ทิ้งเสื้อกาวน์ แบกรับภาระล้นมือ สธ.หมดปัญญาแก้ไข : ถอนหมุดข่าว 21/04/68
    แพทย์ทิ้งเสื้อกาวน์ แบกรับภาระล้นมือ สธ.หมดปัญญาแก้ไข : ถอนหมุดข่าว 21/04/68
    Sad
    1
    0 Comments 1 Shares 62 Views 0 0 Reviews
  • ไร้คนประณาม!

    หลังจากผ่านไปร่วมหนึ่งเดือน ในที่สุดอิสราเอลเพิ่งออกมายอมรับข้อผิดพลาดเหตุยิงถล่มขบวนรถหน่วยฉุกเฉินและกาชาดของปาเลสไตน์ แต่ยังยืนยันไม่เคยคิดปกปิดเหตุการณ์ในครั้งนั้น

    อิสราเอล ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 20 เมษายน ว่า ผลจากการตรวจสอบข้อมูลของกรณีการสังหารเจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉิน 15 คน ในฉนวนกาซ่า เมื่อเดือนที่แล้ว พบว่าเป็นความผิดพลาดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่อิสราเอล โดยมีการละเมิดคำสั่ง

    เหตุการณ์เกิดขึ้นคืนเมื่อวันที่ 23 มีนาคม กลุ่มขบวนรถของเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ของปาเลสไตน์ ถูกยิงเสียชีวิตรวม 15 คน ใกล้เมืองราฟาห์ ทางใต้ของฉนวนกาซ่า ก่อนจะถูกฝังกลบแบบเร่งรีบหลุมตื้นๆ โดยร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมดถูกค้นพบในอีก1สัปดาห์ต่อมา

    👉 ขณะที่ภาพคลิปเหตุการณ์ที่กู้มาจากมือถือของหนึ่งในกลุ่มเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ทรี่เสียชีวิต เผยให้เห็นว่าบรรดาเจ้าหน้าที่สวมเครื่องแบบทางการแพทย์และมีป้ายบอกชัดเจนติดที่รถพยาบาลและรถบรรทุก พร้อมเปิดไฟหน้ารถชัดเจน ซึ่งขัดแย้งอย่างสิ้นเชิงจากข้อแก้ตัวของอิสราเอลก่อนหน้าคลิปจะถูกเปิดเผย ที่ระบุว่าขบวนรถหน่วยฉุกเฉินและกาชาดของปาเลสไตน์ วิ่งเข้ามาใกล้อย่างน่าสงสัย "รวมทั้งไม่เปิดไฟหน้ารถ" จึงยิงสกัดออกไปและยังอ้างด้วยว่าในขบวนรถของเจ้าหน้าที่แพทย์ มีสมาชิกกลุ่มฮามาสอยู่ในขบวนรถด้วย
    ไร้คนประณาม! หลังจากผ่านไปร่วมหนึ่งเดือน ในที่สุดอิสราเอลเพิ่งออกมายอมรับข้อผิดพลาดเหตุยิงถล่มขบวนรถหน่วยฉุกเฉินและกาชาดของปาเลสไตน์ แต่ยังยืนยันไม่เคยคิดปกปิดเหตุการณ์ในครั้งนั้น อิสราเอล ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 20 เมษายน ว่า ผลจากการตรวจสอบข้อมูลของกรณีการสังหารเจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉิน 15 คน ในฉนวนกาซ่า เมื่อเดือนที่แล้ว พบว่าเป็นความผิดพลาดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่อิสราเอล โดยมีการละเมิดคำสั่ง เหตุการณ์เกิดขึ้นคืนเมื่อวันที่ 23 มีนาคม กลุ่มขบวนรถของเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ของปาเลสไตน์ ถูกยิงเสียชีวิตรวม 15 คน ใกล้เมืองราฟาห์ ทางใต้ของฉนวนกาซ่า ก่อนจะถูกฝังกลบแบบเร่งรีบหลุมตื้นๆ โดยร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมดถูกค้นพบในอีก1สัปดาห์ต่อมา 👉 ขณะที่ภาพคลิปเหตุการณ์ที่กู้มาจากมือถือของหนึ่งในกลุ่มเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ทรี่เสียชีวิต เผยให้เห็นว่าบรรดาเจ้าหน้าที่สวมเครื่องแบบทางการแพทย์และมีป้ายบอกชัดเจนติดที่รถพยาบาลและรถบรรทุก พร้อมเปิดไฟหน้ารถชัดเจน ซึ่งขัดแย้งอย่างสิ้นเชิงจากข้อแก้ตัวของอิสราเอลก่อนหน้าคลิปจะถูกเปิดเผย ที่ระบุว่าขบวนรถหน่วยฉุกเฉินและกาชาดของปาเลสไตน์ วิ่งเข้ามาใกล้อย่างน่าสงสัย "รวมทั้งไม่เปิดไฟหน้ารถ" จึงยิงสกัดออกไปและยังอ้างด้วยว่าในขบวนรถของเจ้าหน้าที่แพทย์ มีสมาชิกกลุ่มฮามาสอยู่ในขบวนรถด้วย
    0 Comments 0 Shares 161 Views 28 0 Reviews
  • บทความนี้กล่าวถึงการศึกษาเปรียบเทียบความสามารถในการวินิจฉัยโรคของ AI กับแพทย์ โดยทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยโอซาก้าได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลจาก 18,371 งานวิจัย และคัดเลือก 83 งานวิจัย เพื่อศึกษารายละเอียด พบว่า AI มีความแม่นยำในการวินิจฉัยโรคเฉลี่ย 52.1% ซึ่งใกล้เคียงกับแพทย์ทั่วไป แต่ยังคงมีช่องว่างเมื่อเทียบกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

    ✅ AI มีความแม่นยำในการวินิจฉัยโรคเฉลี่ย 52.1%
    - ผลการศึกษาพบว่า AI มีความแม่นยำใกล้เคียงกับแพทย์ทั่วไป
    - แพทย์ผู้เชี่ยวชาญยังคงมีความแม่นยำสูงกว่า AI ประมาณ 15.8%

    ✅ GPT-4 เป็นโมเดลที่ถูกศึกษามากที่สุด
    - นอกจาก GPT-4 ยังมีการศึกษาโมเดลอื่น เช่น Llama3 70B, Gemini 1.5 Pro และ Claude 3 Sonnet

    ✅ AI มีประสิทธิภาพสูงในสาขาโรคผิวหนัง
    - เนื่องจากโรคผิวหนังต้องอาศัยการจดจำรูปแบบ ซึ่งเป็นจุดแข็งของ AI
    - อย่างไรก็ตาม การวินิจฉัยโรคผิวหนังยังต้องใช้เหตุผลเชิงซับซ้อน ซึ่ง AI ยังมีข้อจำกัด

    ✅ AI อาจมีบทบาทสำคัญในการศึกษาแพทย์
    - สามารถใช้ AI เพื่อจำลองกรณีศึกษาและช่วยฝึกฝนแพทย์ฝึกหัด

    https://www.neowin.net/news/detailed-studycompares-ai-vs-doctors-and-its-closer-than-what-doctors-may-like/
    บทความนี้กล่าวถึงการศึกษาเปรียบเทียบความสามารถในการวินิจฉัยโรคของ AI กับแพทย์ โดยทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยโอซาก้าได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลจาก 18,371 งานวิจัย และคัดเลือก 83 งานวิจัย เพื่อศึกษารายละเอียด พบว่า AI มีความแม่นยำในการวินิจฉัยโรคเฉลี่ย 52.1% ซึ่งใกล้เคียงกับแพทย์ทั่วไป แต่ยังคงมีช่องว่างเมื่อเทียบกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ✅ AI มีความแม่นยำในการวินิจฉัยโรคเฉลี่ย 52.1% - ผลการศึกษาพบว่า AI มีความแม่นยำใกล้เคียงกับแพทย์ทั่วไป - แพทย์ผู้เชี่ยวชาญยังคงมีความแม่นยำสูงกว่า AI ประมาณ 15.8% ✅ GPT-4 เป็นโมเดลที่ถูกศึกษามากที่สุด - นอกจาก GPT-4 ยังมีการศึกษาโมเดลอื่น เช่น Llama3 70B, Gemini 1.5 Pro และ Claude 3 Sonnet ✅ AI มีประสิทธิภาพสูงในสาขาโรคผิวหนัง - เนื่องจากโรคผิวหนังต้องอาศัยการจดจำรูปแบบ ซึ่งเป็นจุดแข็งของ AI - อย่างไรก็ตาม การวินิจฉัยโรคผิวหนังยังต้องใช้เหตุผลเชิงซับซ้อน ซึ่ง AI ยังมีข้อจำกัด ✅ AI อาจมีบทบาทสำคัญในการศึกษาแพทย์ - สามารถใช้ AI เพื่อจำลองกรณีศึกษาและช่วยฝึกฝนแพทย์ฝึกหัด https://www.neowin.net/news/detailed-studycompares-ai-vs-doctors-and-its-closer-than-what-doctors-may-like/
    WWW.NEOWIN.NET
    Detailed study compares AI vs doctors and it's closer than what doctors may like
    AI took on doctors in a scientific evaluation and the results are much closer than what doctors may have wanted to see.
    0 Comments 0 Shares 89 Views 0 Reviews
  • ลุ้น! แพทยสภา ถก 8 พ.ค. ปมชั้น 14 ‘หมอตุลย์’ ชี้หากไม่ผิดมาตรฐานจริยธรรม เรื่องใหญ่วงการแพทย์
    https://www.thai-tai.tv/news/18239/
    ลุ้น! แพทยสภา ถก 8 พ.ค. ปมชั้น 14 ‘หมอตุลย์’ ชี้หากไม่ผิดมาตรฐานจริยธรรม เรื่องใหญ่วงการแพทย์ https://www.thai-tai.tv/news/18239/
    0 Comments 0 Shares 64 Views 0 Reviews
  • หลวงพ่อทวดหลังเตารีด เจริญพร59 เลื่อนสมณศักดิ์ วัดทรายขาว จ.ปัตตานี
    หลวงพ่อทวดหลังเตารีด เจริญพร59 เลื่อนสมณศักดิ์ ( ตอกโค็ด หมายเลข ๒๗ ) วัดทรายขาว จ.ปัตตานี // พระดีพิธีใหญ่ จำนวนการสร้าง 2999 องค์ มีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังสายหลวงพ่อทวด-สายเขาอ้อ ร่วมกันประกอบพิธี // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิมๆจากวัด หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ "แคล้วคาดปลอดภัย" เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ประสบการณ์มากมาย ทั้งระเบิดด้าน รถคว่ำ ตกตึก รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >>

    ** ประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์ วาระที่ 1 เมื่อวันศุกร์ที่ 27 พ.ค.2559 ณ สถูปหลวงพ่อทวด ที่วัดช้างให้ ท่ามกลางปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลดตลอดพิธี ตามด้วยพิธีมหาพุทธาภิเษก ณ อุโบสถวัดทรายขาว เมื่อวันเสาร์ที่ 3 ก.ย.2559 พ่อท่านเพ็ง เป็นประธานในพิธีฝ่ายสงฆ์ พล.อ.ประสูตร รัศมีแพทย์ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานพิธีฝ่ายฆราวาส และประธานอุปถัมภ์

    ** โดยนิมนต์พระเกจิอาจารย์ชื่อดังและพระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่อทวดกว่า 39 รูป นั่งปรกอธิษฐานจิต อาทิ พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ, พ่อท่านพรหม วัดพลานุภาพ, พ่อท่านจ่าง วัดศรีมหาโพธิ์, พ่อท่านพล วัดนาประดู่, พ่อท่านเอียด วัดโคกแย้ม, พระอาจารย์แดง วัดไร่, พ่อท่านบุญให้ วัดท่าม่วง, พระอาจารย์อุทัย วัดวิหารสูง, พ่อท่านผล วัดทุ่งนารี, พ่อท่านผ่อง วัดแจ้ง, พ่อท่านล้าน วัดขนาย, พ่อท่านห้อง วัดเขาอ้อ ฯลฯ ภายหลังเสร็จพิธีมีการทำลายบล็อกแม่พิมพ์ต่อหน้าประชาชน ผู้มาร่วมพิธี หลังจากนั้น มีพิธีปลุกเสกเดี่ยวอีกหลายวาระ >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิมๆจากวัด หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    หลวงพ่อทวดหลังเตารีด เจริญพร59 เลื่อนสมณศักดิ์ วัดทรายขาว จ.ปัตตานี หลวงพ่อทวดหลังเตารีด เจริญพร59 เลื่อนสมณศักดิ์ ( ตอกโค็ด หมายเลข ๒๗ ) วัดทรายขาว จ.ปัตตานี // พระดีพิธีใหญ่ จำนวนการสร้าง 2999 องค์ มีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังสายหลวงพ่อทวด-สายเขาอ้อ ร่วมกันประกอบพิธี // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิมๆจากวัด หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ "แคล้วคาดปลอดภัย" เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ประสบการณ์มากมาย ทั้งระเบิดด้าน รถคว่ำ ตกตึก รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >> ** ประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์ วาระที่ 1 เมื่อวันศุกร์ที่ 27 พ.ค.2559 ณ สถูปหลวงพ่อทวด ที่วัดช้างให้ ท่ามกลางปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลดตลอดพิธี ตามด้วยพิธีมหาพุทธาภิเษก ณ อุโบสถวัดทรายขาว เมื่อวันเสาร์ที่ 3 ก.ย.2559 พ่อท่านเพ็ง เป็นประธานในพิธีฝ่ายสงฆ์ พล.อ.ประสูตร รัศมีแพทย์ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานพิธีฝ่ายฆราวาส และประธานอุปถัมภ์ ** โดยนิมนต์พระเกจิอาจารย์ชื่อดังและพระเกจิอาจารย์สายหลวงพ่อทวดกว่า 39 รูป นั่งปรกอธิษฐานจิต อาทิ พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ, พ่อท่านพรหม วัดพลานุภาพ, พ่อท่านจ่าง วัดศรีมหาโพธิ์, พ่อท่านพล วัดนาประดู่, พ่อท่านเอียด วัดโคกแย้ม, พระอาจารย์แดง วัดไร่, พ่อท่านบุญให้ วัดท่าม่วง, พระอาจารย์อุทัย วัดวิหารสูง, พ่อท่านผล วัดทุ่งนารี, พ่อท่านผ่อง วัดแจ้ง, พ่อท่านล้าน วัดขนาย, พ่อท่านห้อง วัดเขาอ้อ ฯลฯ ภายหลังเสร็จพิธีมีการทำลายบล็อกแม่พิมพ์ต่อหน้าประชาชน ผู้มาร่วมพิธี หลังจากนั้น มีพิธีปลุกเสกเดี่ยวอีกหลายวาระ >> ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิมๆจากวัด หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 138 Views 0 Reviews
  • 🌿 20 เมษา “วันกัญชาโลก” เดอะวอลโดส โค้ดลับ โฟร์ทเวนตี ต่างชาติหลงใหลกัญชาไทย เสน่ห์ใหม่ หรือว่า… ปัญหางอก! จากรหัสลับ สู่สนามถกเถียงระดับโลก

    จากเรื่องเล่ากลุ่มวัยรุ่น The Waldos สู่กระแสร่วมสมัยในไทย การใช้กัญชาควรเป็นเสรีภาพเพื่อสุขภาพ หรือแค่แฟชั่นเสพติด?

    🔍 หากเคยเห็นคำว่า “420” หรือ “4/20” บนเสื้อผ้า โซเชียลมีเดีย หรือในบทสนทนาระหว่างกลุ่มวัยรุ่น และสงสัยว่า... หมายถึงอะไร? คำตอบคือ 420 คือรหัสลับของผู้ใช้กัญชาทั่วโลก ที่ถูกยกระดับให้กลายเป็น "วันกัญชาโลก" หรือ "World Cannabis Day" 🗓️

    ทุกวันที่ 20 เมษายน (20/4) ของทุกปี กลายเป็นวันเฉลิมฉลอง ของผู้สนับสนุนเสรีภาพในการใช้กัญชา ทั้งในด้านการแพทย์ การพักผ่อน และการรณรงค์ให้กฎหมายในแต่ละประเทศ เปิดใจยอมรับพืชชนิดนี้มากขึ้น 📢

    แต่... การเฉลิมฉลองนั้น ควรมีขอบเขตแค่ไหน? เสรีภาพจะพาไปสู่โอกาส หรือปัญหางอกไม่รู้จบ?

    🧠 จุดเริ่มต้นจากกลุ่ม The Waldos สู่วัฒนธรรมสมัยนิยม เรื่องราวของ “420” เริ่มต้นในปี 2514 จากกลุ่มวัยรุ่นชื่อ "The Waldos" ที่เมืองซานราฟาเอล รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา พวกเขานัดเจอกันทุกวันเวลา 16.20 น. หรือ 4:20 PM เพื่อออกตามหาต้นกัญชาลึกลับ ในค่ายทหาร "abandoned" โดยใช้เวลา 4:20 เป็นรหัสลับระหว่างกัน 🕓

    แม้จะไม่เจอต้นกัญชานั้นจริงๆ แต่คำว่า “420” กลายเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ใช้กัญชา โดยถูกผลักดันจากวงดนตรี "Grateful Dead" และต่อมากลายเป็นวัฒนธรรมย่อย ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก 🌍

    📅 วันที่ 20 เมษายน หรือ “4/20” ตามรูปแบบการเขียนเดือนและวัน ของสหรัฐฯ ถูกยกระดับให้เป็น วันแห่งการเฉลิมฉลองกัญชา โดยผู้ใช้กัญชาทั่วโลก จะออกมารวมตัวจัดกิจกรรม สังสรรค์ หรือแม้แต่ประท้วง เรียกร้องให้มีการออกกฎหมายที่เป็นธรรม เกี่ยวกับการใช้กัญชา ✊

    🌿 ประโยชน์ของกัญชาทางการแพทย์ แม้กัญชาจะเคยถูกจัดเป็นยาเสพติดให้โทษ แต่ด้วยการวิจัยทางการแพทย์ล่าสุด กัญชาถูกมองใหม่ในฐานะ “สมุนไพรทางเลือก” ที่มี CBD และ THC เป็นสารออกฤทธิ์สำคัญ ซึ่งช่วยรักษาอาการ ได้หลายประเภท 🧪

    ✅ ประโยชน์ที่ได้รับการยอมรับ ลดอาการคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด 🤢 บรรเทาอาการปวดเรื้อรัง เช่น ปวดประสาท ปวดข้อ 🤕 ช่วยให้ผู้ป่วยหลับสบายขึ้น 💤 ลดอาการวิตกกังวล เฉพาะบางกรณี 😟➡️🙂

    📌 ทั้งนี้.... การใช้ต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น

    ❌ ความเสี่ยงที่ต้องเข้าใจ กัญชาไม่ใช่ยาวิเศษ เพราะมันมีผลข้างเคียงหากใช้อย่างไม่ถูกต้อง เสี่ยงต่อการเสพติด หากใช้ต่อเนื่องในปริมาณมาก 🔄 ส่งผลต่อสมอง โดยเฉพาะในวัยรุ่น 🧠 อาจก่อให้เกิดความจำสั้น สมาธิสั้น และอารมณ์แปรปรวน 😵 มีความเสี่ยงต่อภาวะจิตประสาท ในบางราย 🧨

    🇹🇭 "กัญชาไทย" จากปลดล็อกสู่การควบคุม ปี 2565 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประเทศไทย เมื่อรัฐบาลประกาศ “ปลดล็อกกัญชา” ออกจากบัญชียาเสพติด เพื่อเปิดโอกาสให้ใช้เพื่อการแพทย์ และเศรษฐกิจภายในครัวเรือน 👩‍⚕️🏠

    แต่เมื่อขาดกฎหมายควบคุมที่ชัดเจน ปัญหาจึงตามมา เยาวชนเข้าถึงได้ง่ายเกินไป 👦👧 โฆษณาเกินจริงบนโลกออนไลน์ 💻 และการใช้ในเชิงสันทนาการ โดยไม่ตระหนักถึงผลเสีย 🚬

    📈 ธุรกิจกัญชาไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว มีมูลค่าตลาดคาดการณ์สูงถึง 20,000 ล้านบาท หากสามารถจัดการได้ดี 💸

    🧩 เสรีภาพ กับความปลอดภัย สมดุลที่ต้องคิดให้รอบด้าน คำถามใหญ่ที่สังคมไทยกำลังเผชิญในปี 2568 คือ...

    “กัญชาเป็นเสรีภาพใหม่ หรือปัญหางอก?”

    แม้หลายฝ่ายจะชูธงเรื่องสิทธิเสรีภาพ แต่กลุ่มทางการแพทย์และผู้ปกครอง กลับกังวลถึงผลกระทบระยะยาวต่อเด็ก และเยาวชน โดยเฉพาะเมื่อไม่มีพระราชบัญญัติ ควบคุมที่ชัดเจน 😰

    🔒 ล่าสุด รัฐบาลมีแนวโน้มจะออก "พระราชบัญญัติกัญชา" เพื่อควบคุมให้ใช้เพื่อสุขภาพ และการแพทย์เท่านั้น ไม่ใช่เพื่อความบันเทิง

    👶 เยาวชนคือกลุ่มเสี่ยงที่สุด ผลกระทบต่อสมองและพฤติกรรม การพัฒนาสมองถูกรบกวนโดยสาร THC 🧠 เพิ่มความเสี่ยงโรคซึมเศร้า โรคจิตเภท และอาการหลอน 😨 พฤติกรรมเสี่ยงมากขึ้น เช่น การลองยาเสพติดอื่น 🔗

    แนวทางป้องกันคือ ให้ความรู้ในโรงเรียน 🏫 ควบคุมการโฆษณา และจำหน่ายอย่างเคร่งครัด 🔞 จำกัดอายุขั้นต่ำ ในการซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชา 🚫

    ✈️ ต่างชาติหลงใหล “กัญชาไทย” หรือแค่... โบนัสท่องเที่ยว? หลังปลดล็อกกัญชาในปี 2565 ไทยกลายเป็น “จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวสายเขียว” 🌍💚

    โดยเฉพาะจากประเทศที่มีกฎหมายยาเสพติดเข้มงวด เช่น 🇯🇵 ญี่ปุ่น 🇰🇷 เกาหลีใต้ นักท่องเที่ยวบางคนมองว่า กัญชาไทยเป็นเสน่ห์ใหม่ ของการท่องเที่ยว แต่บางส่วนกลับกังวลว่า อาจบ่อนทำลายภาพลักษณ์ไทย ในสายตาชาวโลก

    📢 กฎหมายของไทย อาจไม่ตรงกับกฎหมายในประเทศต้นทาง นักท่องเที่ยวจึงควรตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์กัญชา!

    💼 เศรษฐกิจกัญชา โอกาสทองหรือความเสี่ยงซ่อนเร้น? ประเทศที่ปลดล็อกกัญชาแล้วประสบความสำเร็จ เช่น 🇨🇦 แคนาดา 🇺🇾 อุรุกวัย 🇲🇹 มอลตา ล้วนมีระบบควบคุมกัญชาเข้มงวด ควบคู่กับการส่งเสริมเศรษฐกิจ

    📉 หากไม่มีการควบคุมที่ดี เศรษฐกิจกัญชาจะกลายเป็นดาบสองคม ทำให้ปัญหาสังคมลุกลาม และลดความน่าเชื่อถือของประเทศได้

    🧑‍⚕️ แพทย์เตือน กัญชาเป็น “เครื่องมือ” ไม่ใช่ “ของเล่น” วงการแพทย์ย้ำว่า...

    “กัญชาใช้รักษาโรคได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุม และไม่ควรใช้แบบสันทนาการทั่วไป”

    กลุ่มโรคที่อาจได้ประโยชน์จากกัญชาคือ ผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ที่ปวดเรื้อรัง ผู้ที่นอนไม่หลับ และผู้ป่วยจิตเวชบางกลุ่ม

    อย่างไรก็ตาม การใช้ต้องอาศัยการวินิจฉัยจากแพทย์ และข้อมูลวิจัยเพิ่มเติม 🔍

    📚 ควรฉลองหรือทบทวน? วันกัญชาโลก (420) คือโอกาสให้เราหยุดคิด ทบทวน และสร้างบทสนทนาที่มีคุณภาพ ในสังคมไทย ไม่ใช่แค่การเฉลิมฉลอง 🎉

    สิ่งที่สังคมควรย้ำคือ

    ✅ สนับสนุนการใช้กัญชา เพื่อการแพทย์และสุขภาพ

    ❌ ต่อต้านการใช้ในเชิงสันทนาการ โดยไม่มีการควบคุม

    ⚖️ สร้างสมดุลระหว่างสิทธิเสรีภาพ และความปลอดภัยของสาธารณชน

    "กัญชาอาจเป็นพืชมหัศจรรย์... ถ้าเราใช้ด้วยความรู้ ไม่ใช่แค่ตามกระแส" 🌱

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 200924 เม.ย. 2568

    📌 #วันกัญชาโลก #420ไทย #โฟร์ทเวนตี้ #กัญชาเพื่อการแพทย์
    #กัญชาไทย #เสรีภาพไม่ใช่สันทนาการ #TheWaldos #กัญชากับเยาวชน
    #สังคมกับกัญชา #กัญชาอย่างปลอดภัย
    🌿 20 เมษา “วันกัญชาโลก” เดอะวอลโดส โค้ดลับ โฟร์ทเวนตี ต่างชาติหลงใหลกัญชาไทย เสน่ห์ใหม่ หรือว่า… ปัญหางอก! จากรหัสลับ สู่สนามถกเถียงระดับโลก จากเรื่องเล่ากลุ่มวัยรุ่น The Waldos สู่กระแสร่วมสมัยในไทย การใช้กัญชาควรเป็นเสรีภาพเพื่อสุขภาพ หรือแค่แฟชั่นเสพติด? 🔍 หากเคยเห็นคำว่า “420” หรือ “4/20” บนเสื้อผ้า โซเชียลมีเดีย หรือในบทสนทนาระหว่างกลุ่มวัยรุ่น และสงสัยว่า... หมายถึงอะไร? คำตอบคือ 420 คือรหัสลับของผู้ใช้กัญชาทั่วโลก ที่ถูกยกระดับให้กลายเป็น "วันกัญชาโลก" หรือ "World Cannabis Day" 🗓️ ทุกวันที่ 20 เมษายน (20/4) ของทุกปี กลายเป็นวันเฉลิมฉลอง ของผู้สนับสนุนเสรีภาพในการใช้กัญชา ทั้งในด้านการแพทย์ การพักผ่อน และการรณรงค์ให้กฎหมายในแต่ละประเทศ เปิดใจยอมรับพืชชนิดนี้มากขึ้น 📢 แต่... การเฉลิมฉลองนั้น ควรมีขอบเขตแค่ไหน? เสรีภาพจะพาไปสู่โอกาส หรือปัญหางอกไม่รู้จบ? 🧠 จุดเริ่มต้นจากกลุ่ม The Waldos สู่วัฒนธรรมสมัยนิยม เรื่องราวของ “420” เริ่มต้นในปี 2514 จากกลุ่มวัยรุ่นชื่อ "The Waldos" ที่เมืองซานราฟาเอล รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา พวกเขานัดเจอกันทุกวันเวลา 16.20 น. หรือ 4:20 PM เพื่อออกตามหาต้นกัญชาลึกลับ ในค่ายทหาร "abandoned" โดยใช้เวลา 4:20 เป็นรหัสลับระหว่างกัน 🕓 แม้จะไม่เจอต้นกัญชานั้นจริงๆ แต่คำว่า “420” กลายเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ใช้กัญชา โดยถูกผลักดันจากวงดนตรี "Grateful Dead" และต่อมากลายเป็นวัฒนธรรมย่อย ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก 🌍 📅 วันที่ 20 เมษายน หรือ “4/20” ตามรูปแบบการเขียนเดือนและวัน ของสหรัฐฯ ถูกยกระดับให้เป็น วันแห่งการเฉลิมฉลองกัญชา โดยผู้ใช้กัญชาทั่วโลก จะออกมารวมตัวจัดกิจกรรม สังสรรค์ หรือแม้แต่ประท้วง เรียกร้องให้มีการออกกฎหมายที่เป็นธรรม เกี่ยวกับการใช้กัญชา ✊ 🌿 ประโยชน์ของกัญชาทางการแพทย์ แม้กัญชาจะเคยถูกจัดเป็นยาเสพติดให้โทษ แต่ด้วยการวิจัยทางการแพทย์ล่าสุด กัญชาถูกมองใหม่ในฐานะ “สมุนไพรทางเลือก” ที่มี CBD และ THC เป็นสารออกฤทธิ์สำคัญ ซึ่งช่วยรักษาอาการ ได้หลายประเภท 🧪 ✅ ประโยชน์ที่ได้รับการยอมรับ ลดอาการคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด 🤢 บรรเทาอาการปวดเรื้อรัง เช่น ปวดประสาท ปวดข้อ 🤕 ช่วยให้ผู้ป่วยหลับสบายขึ้น 💤 ลดอาการวิตกกังวล เฉพาะบางกรณี 😟➡️🙂 📌 ทั้งนี้.... การใช้ต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น ❌ ความเสี่ยงที่ต้องเข้าใจ กัญชาไม่ใช่ยาวิเศษ เพราะมันมีผลข้างเคียงหากใช้อย่างไม่ถูกต้อง เสี่ยงต่อการเสพติด หากใช้ต่อเนื่องในปริมาณมาก 🔄 ส่งผลต่อสมอง โดยเฉพาะในวัยรุ่น 🧠 อาจก่อให้เกิดความจำสั้น สมาธิสั้น และอารมณ์แปรปรวน 😵 มีความเสี่ยงต่อภาวะจิตประสาท ในบางราย 🧨 🇹🇭 "กัญชาไทย" จากปลดล็อกสู่การควบคุม ปี 2565 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประเทศไทย เมื่อรัฐบาลประกาศ “ปลดล็อกกัญชา” ออกจากบัญชียาเสพติด เพื่อเปิดโอกาสให้ใช้เพื่อการแพทย์ และเศรษฐกิจภายในครัวเรือน 👩‍⚕️🏠 แต่เมื่อขาดกฎหมายควบคุมที่ชัดเจน ปัญหาจึงตามมา เยาวชนเข้าถึงได้ง่ายเกินไป 👦👧 โฆษณาเกินจริงบนโลกออนไลน์ 💻 และการใช้ในเชิงสันทนาการ โดยไม่ตระหนักถึงผลเสีย 🚬 📈 ธุรกิจกัญชาไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว มีมูลค่าตลาดคาดการณ์สูงถึง 20,000 ล้านบาท หากสามารถจัดการได้ดี 💸 🧩 เสรีภาพ กับความปลอดภัย สมดุลที่ต้องคิดให้รอบด้าน คำถามใหญ่ที่สังคมไทยกำลังเผชิญในปี 2568 คือ... “กัญชาเป็นเสรีภาพใหม่ หรือปัญหางอก?” แม้หลายฝ่ายจะชูธงเรื่องสิทธิเสรีภาพ แต่กลุ่มทางการแพทย์และผู้ปกครอง กลับกังวลถึงผลกระทบระยะยาวต่อเด็ก และเยาวชน โดยเฉพาะเมื่อไม่มีพระราชบัญญัติ ควบคุมที่ชัดเจน 😰 🔒 ล่าสุด รัฐบาลมีแนวโน้มจะออก "พระราชบัญญัติกัญชา" เพื่อควบคุมให้ใช้เพื่อสุขภาพ และการแพทย์เท่านั้น ไม่ใช่เพื่อความบันเทิง 👶 เยาวชนคือกลุ่มเสี่ยงที่สุด ผลกระทบต่อสมองและพฤติกรรม การพัฒนาสมองถูกรบกวนโดยสาร THC 🧠 เพิ่มความเสี่ยงโรคซึมเศร้า โรคจิตเภท และอาการหลอน 😨 พฤติกรรมเสี่ยงมากขึ้น เช่น การลองยาเสพติดอื่น 🔗 แนวทางป้องกันคือ ให้ความรู้ในโรงเรียน 🏫 ควบคุมการโฆษณา และจำหน่ายอย่างเคร่งครัด 🔞 จำกัดอายุขั้นต่ำ ในการซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชา 🚫 ✈️ ต่างชาติหลงใหล “กัญชาไทย” หรือแค่... โบนัสท่องเที่ยว? หลังปลดล็อกกัญชาในปี 2565 ไทยกลายเป็น “จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวสายเขียว” 🌍💚 โดยเฉพาะจากประเทศที่มีกฎหมายยาเสพติดเข้มงวด เช่น 🇯🇵 ญี่ปุ่น 🇰🇷 เกาหลีใต้ นักท่องเที่ยวบางคนมองว่า กัญชาไทยเป็นเสน่ห์ใหม่ ของการท่องเที่ยว แต่บางส่วนกลับกังวลว่า อาจบ่อนทำลายภาพลักษณ์ไทย ในสายตาชาวโลก 📢 กฎหมายของไทย อาจไม่ตรงกับกฎหมายในประเทศต้นทาง นักท่องเที่ยวจึงควรตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์กัญชา! 💼 เศรษฐกิจกัญชา โอกาสทองหรือความเสี่ยงซ่อนเร้น? ประเทศที่ปลดล็อกกัญชาแล้วประสบความสำเร็จ เช่น 🇨🇦 แคนาดา 🇺🇾 อุรุกวัย 🇲🇹 มอลตา ล้วนมีระบบควบคุมกัญชาเข้มงวด ควบคู่กับการส่งเสริมเศรษฐกิจ 📉 หากไม่มีการควบคุมที่ดี เศรษฐกิจกัญชาจะกลายเป็นดาบสองคม ทำให้ปัญหาสังคมลุกลาม และลดความน่าเชื่อถือของประเทศได้ 🧑‍⚕️ แพทย์เตือน กัญชาเป็น “เครื่องมือ” ไม่ใช่ “ของเล่น” วงการแพทย์ย้ำว่า... “กัญชาใช้รักษาโรคได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุม และไม่ควรใช้แบบสันทนาการทั่วไป” กลุ่มโรคที่อาจได้ประโยชน์จากกัญชาคือ ผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ที่ปวดเรื้อรัง ผู้ที่นอนไม่หลับ และผู้ป่วยจิตเวชบางกลุ่ม อย่างไรก็ตาม การใช้ต้องอาศัยการวินิจฉัยจากแพทย์ และข้อมูลวิจัยเพิ่มเติม 🔍 📚 ควรฉลองหรือทบทวน? วันกัญชาโลก (420) คือโอกาสให้เราหยุดคิด ทบทวน และสร้างบทสนทนาที่มีคุณภาพ ในสังคมไทย ไม่ใช่แค่การเฉลิมฉลอง 🎉 สิ่งที่สังคมควรย้ำคือ ✅ สนับสนุนการใช้กัญชา เพื่อการแพทย์และสุขภาพ ❌ ต่อต้านการใช้ในเชิงสันทนาการ โดยไม่มีการควบคุม ⚖️ สร้างสมดุลระหว่างสิทธิเสรีภาพ และความปลอดภัยของสาธารณชน "กัญชาอาจเป็นพืชมหัศจรรย์... ถ้าเราใช้ด้วยความรู้ ไม่ใช่แค่ตามกระแส" 🌱 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 200924 เม.ย. 2568 📌 #วันกัญชาโลก #420ไทย #โฟร์ทเวนตี้ #กัญชาเพื่อการแพทย์ #กัญชาไทย #เสรีภาพไม่ใช่สันทนาการ #TheWaldos #กัญชากับเยาวชน #สังคมกับกัญชา #กัญชาอย่างปลอดภัย
    0 Comments 0 Shares 276 Views 0 Reviews
  • ผบ.ตร. สั่งการตำรวจลำลูกกา สอบปากคำ "ลุงป้า" คู่กรณี "พีช BMW" ถึงโรงพยาบาล ย้ำชัดตำรวจเอาจริง ไม่มีช่วยเหลือใคร ล่าสุดแพทย์เผยลุงประจักษ์ยังนอน ICU ให้ปากคำไม่ได้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000036789

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผบ.ตร. สั่งการตำรวจลำลูกกา สอบปากคำ "ลุงป้า" คู่กรณี "พีช BMW" ถึงโรงพยาบาล ย้ำชัดตำรวจเอาจริง ไม่มีช่วยเหลือใคร ล่าสุดแพทย์เผยลุงประจักษ์ยังนอน ICU ให้ปากคำไม่ได้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000036789 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    4
    0 Comments 1 Shares 625 Views 0 Reviews
  • 91 ปี “เนสซี” เผยโฉม 🐉 สัตว์ประหลาดแห่งล็อคเนสส์ ตำนานลวงโลก หรือปริศนาแห่งความจริง?

    จากภาพลวงตา สู่ปริศนาระดับโลก ✨ ตำนานแห่งทะเลสาบล็อคเนสส์ ที่แม้ถูกแฉว่า "หลอกลวง" แต่ก็ยังไม่มีใครหยุดตามหาได้

    ✨ ตำนานที่ยังมีชีวิต ทุกคนคงเคยได้ยินชื่อ "เนสซี" 🐲 หรือ สัตว์ประหลาดแห่งล็อคเนสส์ (Loch Ness Monster) อย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต ไม่ว่าจะผ่านสารคดี รายการทีวี หนังสือพิมพ์ หรือแม้แต่การ์ตูน เนสซีได้กลายเป็น สัญลักษณ์ของความลึกลับ ที่ดึงดูดจินตนาการของคนทั่วโลก มานานกว่า 9 ทศวรรษ 🕰️

    ปีนี้ พ.ศ. 2568 เป็นวาระครบ 91 ปี ของเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ที่ทำให้ชื่อของเนสซี กลายเป็นตำนานระดับโลก นั่นคือ ภาพถ่าย “Surgeon's Photograph” อันโด่งดังในปี 2477 ซึ่งกลายเป็น "หลักฐาน" แรก ที่ทำให้คนทั้งโลกเชื่อว่า สัตว์ประหลาดในทะเลสาบมีอยู่จริง...

    แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความจริงบางอย่างก็ค่อยๆ ปรากฏ จนกลายเป็นคำถามว่า… “เนสซี” มีอยู่จริง หรือเป็นแค่ เรื่องแต่ง?

    🐉 "เนสซี" หรือ Loch Ness Monster เป็นชื่อเรียกของสัตว์ประหลาดลึกลับ ที่เชื่อกันว่า อาศัยอยู่ในทะเลสาบล็อคเนสส์ (Loch Ness) ทางตอนเหนือของประเทศสก็อตแลนด์ ลักษณะที่ถูกบรรยายมักเป็นสัตว์คอยาว 🦕 ตัวใหญ่คล้ายไดโนเสาร์น้ำโบราณ

    จุดเริ่มต้นของตำนานนี้ มาจากเหตุการณ์ในวันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2477 เมื่อ "โรเบิร์ต เคนเน็ธ วิลสัน" (Robert Kenneth Wilson) สูตินรีแพทย์ชาวอังกฤษ ได้ถ่ายภาพที่ดูเหมือนหัว และคอของสัตว์ประหลาดโผล่พ้นผิวน้ำ ภาพนี้ถูกตีพิมพ์ไปทั่วโลกในชื่อว่า “Surgeon’s Photograph” 📸 และกลายเป็นไวรัลในยุคนั้น!

    ภาพนั้นคือสิ่งที่เปลี่ยน เรื่องเล่าในท้องถิ่น ให้กลายเป็นข่าวระดับโลกทันที แต่กว่า 60 ปี ต่อมา ความจริงก็ถูกเปิดเผย… 📜

    🕵️‍♂️ ภาพปลอมที่สร้างความเชื่อทั้งโลก ในปี 2541 ความจริงที่สะเทือนโลกก็เปิดเผยโดย "คริสเตียน สเปอร์ลิง" (Christian Spurling) หนึ่งในผู้เกี่ยวข้องกับภาพถ่ายว่า แท้จริงแล้วภาพนั้นคือ “ของปลอม” ❌

    พวกเขาใช้หุ่นจำลอง ติดกับเรือดำน้ำของเล่น แล้วจัดฉากถ่ายภาพเพื่อหลอกผู้คน ซึ่งพวกเขาทำเพราะต้องการ “เอาคืน” สื่อที่เคยทำให้ญาติของเขาเสียชื่อเสียง

    แม้จะเป็นเรื่องโกหก... แต่กลับไม่มีใครหยุดตามหา "เนสซี" ได้เลย 🧭

    🔍 ไม่มีหลักฐานชัดเจน แต่ยังคงมี “ความเชื่อ” จนถึงปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ ยังไม่สามารถหาหลักฐานชัดเจนว่า เนสซีมีตัวตนอยู่จริง ไม่ว่าจะเป็น...

    🦴 โครงกระดูก

    🐋 ซากสัตว์

    📷 ภาพถ่าย หรือวิดีโอที่ชัด 100%

    🧬 DNA ของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ชนิดใหม่

    แต่ในทางกลับกัน “เนสซี” ก็ไม่ใช่แค่เรื่องเล่านิทาน เพราะยังมี... 📚 หลักฐานและข้อเท็จจริง ที่ทำให้คนยังเชื่อ

    ✅ รายงานการพบเห็นกว่า 1,100 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2476 จนถึงปัจจุบัน มีการบันทึกการพบเห็น "เนสซี" มากกว่า 1,159 ครั้ง และบางครั้งยังมีภาพถ่าย วิดีโอ หรือการจับสัญญาณแปลกๆ จากโซนาร์

    ✅ ภาพถ่ายและคลิปที่ยังอธิบายไม่ได้ แม้บางภาพจะไม่ชัดเจน หรือเป็นของปลอม แต่ก็มีหลายภาพ ที่ยังไม่สามารถหาคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ได้ จนถึงปัจจุบัน

    ✅ โซนาร์จับวัตถุขนาดใหญ่ใต้น้ำ มีรายงานว่า โซนาร์ตรวจจับวัตถุเคลื่อนที่ขนาดใหญ่ ในทะเลสาบได้ โดยเฉพาะบริเวณจุดลึกกลางทะเลสาบ

    ✅ นักวิทยาศาสตร์บางส่วน “ไม่ปฏิเสธ” นักวิจัยบางคนยังเชื่อว่า อาจมีสิ่งมีชีวิตที่ยังไม่ถูกค้นพบ อาศัยอยู่ในทะเลสาบ ที่กว้างและลึกแห่งนี้

    🔬 ทฤษฎีปลาไหลยักษ์ คำอธิบายที่เป็นไปได้มากที่สุด? ในปี 2562 มีการศึกษาด้วยวิธี eDNA (Environmental DNA) จากทีมของ "ศาสตราจารย์ Neil Gemmell" ที่เก็บตัวอย่างน้ำกว่า 250 จุดในทะเลสาบล็อกเนสส์ เพื่อดูว่ามี DNA ของสิ่งมีชีวิตชนิดใดอยู่บ้าง

    ผลลัพธ์คือ พบ DNA ของ ปลาไหลยุโรป (European Eel) จำนวนมาก แต่ไม่พบ DNA ของไดโนเสาร์ หรือสัตว์เลื้อยคลานโบราณ อีกทั้งยังไม่พบหลักฐาน ของสัตว์ทะเลขนาดใหญ่เช่น วาฬ

    📌 ความเป็นไปได้ ของทฤษฎีปลาไหลยักษ์คือ มีรูปร่างคล้ายที่พยานบรรยาย มีอยู่จริงในทะเลสาบ และมีพฤติกรรมว่ายน้ำลึกลับ

    📌 แต่ก็มีข้อโต้แย้งคือ ไม่เคยพบปลาไหลที่ยาวกว่า 2 เมตรจริงๆ ปลาไหลไม่ค่อยโผล่พ้นน้ำแบบสัตว์คอยาว หากมีปลาไหลยักษ์อยู่จริง ควรมีคนถ่ายภาพได้ชัดกว่านี้

    🌍 จุดที่พบเห็น "เนสซี" บ่อยที่สุด

    🏰 Urquhart Bay ใกล้ปราสาท Urquhart จุดชมวิวที่ได้รับรายงานพบเห็น มากที่สุดในประวัติศาสตร์

    ใกล้หมู่บ้าน Drumnadrochit มีพิพิธภัณฑ์ Loch Ness Centre และมีผู้เชี่ยวชาญประจำ

    ใจกลางทะเลสาบ ลึกกว่า 200 เมตร โซนาร์ตรวจพบวัตถุลึกลับบ่อยครั้ง

    ริมทะเลสาบฝั่งเมือง Inverness มีถนน A82 เลียบทะเลสาบ ผ่านผู้คนมาก ทำให้มีรายงานมากในอดีต

    🧠 ปรากฏการณ์ทางจิตวิทยา? นักวิทยาศาสตร์หลายคนเสนอว่า เนสซีอาจเป็นผลของปรากฏการณ์ ที่เรียกว่า Pareidolia คือ... “สมองของมนุษย์พยายามตีความภาพที่ไม่ชัดเจน ให้กลายเป็นสิ่งที่คุ้นเคย เช่น รูปสัตว์ หน้าคน หรือร่างลึกลับ” 👀 บวกกับความลึกลับ บรรยากาศหมอกปกคลุม และการคาดหวัง ก็ทำให้ผู้คน "เชื่อ" ได้ง่ายขึ้น

    📖 10 ข้อเท็จจริงที่ไม่ใช่แค่ตำนาน
    1. ทะเลสาบล็อคเนสส์ยาว 37 กม. ลึกเกือบ 230 เมตร
    2. ภาพ "Surgeon's Photograph" ถูกพิสูจน์ว่าเป็นของปลอม
    3. ตรวจพบ eDNA ของปลาไหลในปริมาณมาก
    4. ใช้โซนาร์ตรวจสอบหลายรอบ แต่ยังไม่พบสัตว์ประหลาด
    5. ล็อคเนสส์ไม่มีทางเชื่อมกับทะเล เปิดโอกาสการมีสัตว์ทะเลต่ำ
    6. รายงานพบเห็นเพิ่มขึ้น หลังมีถนนเลียบทะเลสาบ
    7. BBC เคยทำสารคดีพิสูจน์เรื่องนี้โดยตรง
    5. หลายกรณีพบว่าเป็นฟองอากาศ ท่อนไม้ หรือนกน้ำ
    9. การพบเห็นล่าสุดยังมีอยู่ทุกปี
    10. เนสซีเป็นตัวดึงดูดการท่องเที่ยวสำคัญ ของสก็อตแลนด์ 💰

    🎯 ตำนานอมตะที่ยังไม่มีบทจบ “เนสซี” ไม่ได้เป็นแค่เรื่องเล่า แต่เป็นสัญลักษณ์ของ ความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์ ที่ไม่เคยหยุดตามหาความจริง 🔍

    แม้จะไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าเนสซีมีอยู่จริง แต่ “ปริศนา” นี้ก็ยังไม่มีใครไขได้ทั้งหมด

    นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ “เนสซี” ยังคง มีชีวิตในจินตนาการของผู้คน และอาจจะยังอยู่ในคลื่นลึก ของทะเลสาบล็อคเนสส์... หรือในหัวใจของคนที่อยากเชื่อว่า “สิ่งลึกลับ” ยังมีอยู่จริงในโลกใบนี้ 🌍💙

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 191553 เม.ย. 2568

    📣 #Nessie #LochNessMonster #เนสซี #ตำนานเนสซี #สัตว์ประหลาดล็อคเนสส์
    #LochNess #MysteryOfNessie #ค้นหาความจริง #เนสซีมีอยู่จริงไหม #ภาพหลอนหรือตัวจริง
    91 ปี “เนสซี” เผยโฉม 🐉 สัตว์ประหลาดแห่งล็อคเนสส์ ตำนานลวงโลก หรือปริศนาแห่งความจริง? จากภาพลวงตา สู่ปริศนาระดับโลก ✨ ตำนานแห่งทะเลสาบล็อคเนสส์ ที่แม้ถูกแฉว่า "หลอกลวง" แต่ก็ยังไม่มีใครหยุดตามหาได้ ✨ ตำนานที่ยังมีชีวิต ทุกคนคงเคยได้ยินชื่อ "เนสซี" 🐲 หรือ สัตว์ประหลาดแห่งล็อคเนสส์ (Loch Ness Monster) อย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต ไม่ว่าจะผ่านสารคดี รายการทีวี หนังสือพิมพ์ หรือแม้แต่การ์ตูน เนสซีได้กลายเป็น สัญลักษณ์ของความลึกลับ ที่ดึงดูดจินตนาการของคนทั่วโลก มานานกว่า 9 ทศวรรษ 🕰️ ปีนี้ พ.ศ. 2568 เป็นวาระครบ 91 ปี ของเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ที่ทำให้ชื่อของเนสซี กลายเป็นตำนานระดับโลก นั่นคือ ภาพถ่าย “Surgeon's Photograph” อันโด่งดังในปี 2477 ซึ่งกลายเป็น "หลักฐาน" แรก ที่ทำให้คนทั้งโลกเชื่อว่า สัตว์ประหลาดในทะเลสาบมีอยู่จริง... แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความจริงบางอย่างก็ค่อยๆ ปรากฏ จนกลายเป็นคำถามว่า… “เนสซี” มีอยู่จริง หรือเป็นแค่ เรื่องแต่ง? 🐉 "เนสซี" หรือ Loch Ness Monster เป็นชื่อเรียกของสัตว์ประหลาดลึกลับ ที่เชื่อกันว่า อาศัยอยู่ในทะเลสาบล็อคเนสส์ (Loch Ness) ทางตอนเหนือของประเทศสก็อตแลนด์ ลักษณะที่ถูกบรรยายมักเป็นสัตว์คอยาว 🦕 ตัวใหญ่คล้ายไดโนเสาร์น้ำโบราณ จุดเริ่มต้นของตำนานนี้ มาจากเหตุการณ์ในวันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2477 เมื่อ "โรเบิร์ต เคนเน็ธ วิลสัน" (Robert Kenneth Wilson) สูตินรีแพทย์ชาวอังกฤษ ได้ถ่ายภาพที่ดูเหมือนหัว และคอของสัตว์ประหลาดโผล่พ้นผิวน้ำ ภาพนี้ถูกตีพิมพ์ไปทั่วโลกในชื่อว่า “Surgeon’s Photograph” 📸 และกลายเป็นไวรัลในยุคนั้น! ภาพนั้นคือสิ่งที่เปลี่ยน เรื่องเล่าในท้องถิ่น ให้กลายเป็นข่าวระดับโลกทันที แต่กว่า 60 ปี ต่อมา ความจริงก็ถูกเปิดเผย… 📜 🕵️‍♂️ ภาพปลอมที่สร้างความเชื่อทั้งโลก ในปี 2541 ความจริงที่สะเทือนโลกก็เปิดเผยโดย "คริสเตียน สเปอร์ลิง" (Christian Spurling) หนึ่งในผู้เกี่ยวข้องกับภาพถ่ายว่า แท้จริงแล้วภาพนั้นคือ “ของปลอม” ❌ พวกเขาใช้หุ่นจำลอง ติดกับเรือดำน้ำของเล่น แล้วจัดฉากถ่ายภาพเพื่อหลอกผู้คน ซึ่งพวกเขาทำเพราะต้องการ “เอาคืน” สื่อที่เคยทำให้ญาติของเขาเสียชื่อเสียง แม้จะเป็นเรื่องโกหก... แต่กลับไม่มีใครหยุดตามหา "เนสซี" ได้เลย 🧭 🔍 ไม่มีหลักฐานชัดเจน แต่ยังคงมี “ความเชื่อ” จนถึงปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ ยังไม่สามารถหาหลักฐานชัดเจนว่า เนสซีมีตัวตนอยู่จริง ไม่ว่าจะเป็น... 🦴 โครงกระดูก 🐋 ซากสัตว์ 📷 ภาพถ่าย หรือวิดีโอที่ชัด 100% 🧬 DNA ของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ชนิดใหม่ แต่ในทางกลับกัน “เนสซี” ก็ไม่ใช่แค่เรื่องเล่านิทาน เพราะยังมี... 📚 หลักฐานและข้อเท็จจริง ที่ทำให้คนยังเชื่อ ✅ รายงานการพบเห็นกว่า 1,100 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2476 จนถึงปัจจุบัน มีการบันทึกการพบเห็น "เนสซี" มากกว่า 1,159 ครั้ง และบางครั้งยังมีภาพถ่าย วิดีโอ หรือการจับสัญญาณแปลกๆ จากโซนาร์ ✅ ภาพถ่ายและคลิปที่ยังอธิบายไม่ได้ แม้บางภาพจะไม่ชัดเจน หรือเป็นของปลอม แต่ก็มีหลายภาพ ที่ยังไม่สามารถหาคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ได้ จนถึงปัจจุบัน ✅ โซนาร์จับวัตถุขนาดใหญ่ใต้น้ำ มีรายงานว่า โซนาร์ตรวจจับวัตถุเคลื่อนที่ขนาดใหญ่ ในทะเลสาบได้ โดยเฉพาะบริเวณจุดลึกกลางทะเลสาบ ✅ นักวิทยาศาสตร์บางส่วน “ไม่ปฏิเสธ” นักวิจัยบางคนยังเชื่อว่า อาจมีสิ่งมีชีวิตที่ยังไม่ถูกค้นพบ อาศัยอยู่ในทะเลสาบ ที่กว้างและลึกแห่งนี้ 🔬 ทฤษฎีปลาไหลยักษ์ คำอธิบายที่เป็นไปได้มากที่สุด? ในปี 2562 มีการศึกษาด้วยวิธี eDNA (Environmental DNA) จากทีมของ "ศาสตราจารย์ Neil Gemmell" ที่เก็บตัวอย่างน้ำกว่า 250 จุดในทะเลสาบล็อกเนสส์ เพื่อดูว่ามี DNA ของสิ่งมีชีวิตชนิดใดอยู่บ้าง ผลลัพธ์คือ พบ DNA ของ ปลาไหลยุโรป (European Eel) จำนวนมาก แต่ไม่พบ DNA ของไดโนเสาร์ หรือสัตว์เลื้อยคลานโบราณ อีกทั้งยังไม่พบหลักฐาน ของสัตว์ทะเลขนาดใหญ่เช่น วาฬ 📌 ความเป็นไปได้ ของทฤษฎีปลาไหลยักษ์คือ มีรูปร่างคล้ายที่พยานบรรยาย มีอยู่จริงในทะเลสาบ และมีพฤติกรรมว่ายน้ำลึกลับ 📌 แต่ก็มีข้อโต้แย้งคือ ไม่เคยพบปลาไหลที่ยาวกว่า 2 เมตรจริงๆ ปลาไหลไม่ค่อยโผล่พ้นน้ำแบบสัตว์คอยาว หากมีปลาไหลยักษ์อยู่จริง ควรมีคนถ่ายภาพได้ชัดกว่านี้ 🌍 จุดที่พบเห็น "เนสซี" บ่อยที่สุด 🏰 Urquhart Bay ใกล้ปราสาท Urquhart จุดชมวิวที่ได้รับรายงานพบเห็น มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ใกล้หมู่บ้าน Drumnadrochit มีพิพิธภัณฑ์ Loch Ness Centre และมีผู้เชี่ยวชาญประจำ ใจกลางทะเลสาบ ลึกกว่า 200 เมตร โซนาร์ตรวจพบวัตถุลึกลับบ่อยครั้ง ริมทะเลสาบฝั่งเมือง Inverness มีถนน A82 เลียบทะเลสาบ ผ่านผู้คนมาก ทำให้มีรายงานมากในอดีต 🧠 ปรากฏการณ์ทางจิตวิทยา? นักวิทยาศาสตร์หลายคนเสนอว่า เนสซีอาจเป็นผลของปรากฏการณ์ ที่เรียกว่า Pareidolia คือ... “สมองของมนุษย์พยายามตีความภาพที่ไม่ชัดเจน ให้กลายเป็นสิ่งที่คุ้นเคย เช่น รูปสัตว์ หน้าคน หรือร่างลึกลับ” 👀 บวกกับความลึกลับ บรรยากาศหมอกปกคลุม และการคาดหวัง ก็ทำให้ผู้คน "เชื่อ" ได้ง่ายขึ้น 📖 10 ข้อเท็จจริงที่ไม่ใช่แค่ตำนาน 1. ทะเลสาบล็อคเนสส์ยาว 37 กม. ลึกเกือบ 230 เมตร 2. ภาพ "Surgeon's Photograph" ถูกพิสูจน์ว่าเป็นของปลอม 3. ตรวจพบ eDNA ของปลาไหลในปริมาณมาก 4. ใช้โซนาร์ตรวจสอบหลายรอบ แต่ยังไม่พบสัตว์ประหลาด 5. ล็อคเนสส์ไม่มีทางเชื่อมกับทะเล เปิดโอกาสการมีสัตว์ทะเลต่ำ 6. รายงานพบเห็นเพิ่มขึ้น หลังมีถนนเลียบทะเลสาบ 7. BBC เคยทำสารคดีพิสูจน์เรื่องนี้โดยตรง 5. หลายกรณีพบว่าเป็นฟองอากาศ ท่อนไม้ หรือนกน้ำ 9. การพบเห็นล่าสุดยังมีอยู่ทุกปี 10. เนสซีเป็นตัวดึงดูดการท่องเที่ยวสำคัญ ของสก็อตแลนด์ 💰 🎯 ตำนานอมตะที่ยังไม่มีบทจบ “เนสซี” ไม่ได้เป็นแค่เรื่องเล่า แต่เป็นสัญลักษณ์ของ ความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์ ที่ไม่เคยหยุดตามหาความจริง 🔍 แม้จะไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าเนสซีมีอยู่จริง แต่ “ปริศนา” นี้ก็ยังไม่มีใครไขได้ทั้งหมด นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ “เนสซี” ยังคง มีชีวิตในจินตนาการของผู้คน และอาจจะยังอยู่ในคลื่นลึก ของทะเลสาบล็อคเนสส์... หรือในหัวใจของคนที่อยากเชื่อว่า “สิ่งลึกลับ” ยังมีอยู่จริงในโลกใบนี้ 🌍💙 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 191553 เม.ย. 2568 📣 #Nessie #LochNessMonster #เนสซี #ตำนานเนสซี #สัตว์ประหลาดล็อคเนสส์ #LochNess #MysteryOfNessie #ค้นหาความจริง #เนสซีมีอยู่จริงไหม #ภาพหลอนหรือตัวจริง
    0 Comments 0 Shares 303 Views 0 Reviews
  • บิล เกตส์ ผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์ ได้แสดงความเห็นในพอดแคสต์ "People by WTF" ว่า ปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในสายงานแพทย์และครู ซึ่งเป็นปัญหาที่มีมานานในหลายประเทศทั่วโลก โดยเขาเชื่อว่า AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในงานต่างๆ และเปลี่ยนแปลงลักษณะการทำงานในอนาคต

    ✅ AI จะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในสายงานแพทย์และครู
    - เกตส์ระบุว่า AI จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัยโรคและลดภาระงานที่ซ้ำซ้อน เช่น การจัดการเอกสาร
    - ตัวอย่างเช่น สตาร์ทอัพด้าน AI อย่าง Suki และ Zephyr AI ได้พัฒนาเครื่องมือที่ช่วยลดภาระงานในโรงพยาบาล

    ✅ AI จะเปลี่ยนแปลงลักษณะการทำงานในสายงานอื่นๆ
    - เกตส์เชื่อว่า AI และหุ่นยนต์จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในงานก่อสร้างและงานบริการ
    - บริษัทเทคโนโลยี เช่น Nvidia กำลังลงทุนในหุ่นยนต์ที่สามารถทำงานในคลังสินค้าและทำความสะอาด

    ✅ AI อาจช่วยให้คนทำงานน้อยลงและเกษียณเร็วขึ้น
    - เกตส์กล่าวว่า AI อาจช่วยลดชั่วโมงการทำงานต่อสัปดาห์ และทำให้คนมีเวลาว่างมากขึ้น
    - เขาอ้างถึงนักเศรษฐศาสตร์ John Maynard Keynes ที่เคยคาดการณ์ว่าเทคโนโลยีจะลดชั่วโมงการทำงานลง

    ✅ AI จะช่วยเพิ่มผลิตภาพในอุตสาหกรรมต่างๆ
    - การศึกษาของ McKinsey ระบุว่า AI อาจเพิ่มผลิตภาพในอุตสาหกรรมการแพทย์และเภสัชกรรมได้ถึง $370 พันล้าน

    https://www.techspot.com/news/107603-bill-gates-ai-end-doctor-teacher-shortages-transform.html
    บิล เกตส์ ผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์ ได้แสดงความเห็นในพอดแคสต์ "People by WTF" ว่า ปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในสายงานแพทย์และครู ซึ่งเป็นปัญหาที่มีมานานในหลายประเทศทั่วโลก โดยเขาเชื่อว่า AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในงานต่างๆ และเปลี่ยนแปลงลักษณะการทำงานในอนาคต ✅ AI จะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในสายงานแพทย์และครู - เกตส์ระบุว่า AI จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัยโรคและลดภาระงานที่ซ้ำซ้อน เช่น การจัดการเอกสาร - ตัวอย่างเช่น สตาร์ทอัพด้าน AI อย่าง Suki และ Zephyr AI ได้พัฒนาเครื่องมือที่ช่วยลดภาระงานในโรงพยาบาล ✅ AI จะเปลี่ยนแปลงลักษณะการทำงานในสายงานอื่นๆ - เกตส์เชื่อว่า AI และหุ่นยนต์จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในงานก่อสร้างและงานบริการ - บริษัทเทคโนโลยี เช่น Nvidia กำลังลงทุนในหุ่นยนต์ที่สามารถทำงานในคลังสินค้าและทำความสะอาด ✅ AI อาจช่วยให้คนทำงานน้อยลงและเกษียณเร็วขึ้น - เกตส์กล่าวว่า AI อาจช่วยลดชั่วโมงการทำงานต่อสัปดาห์ และทำให้คนมีเวลาว่างมากขึ้น - เขาอ้างถึงนักเศรษฐศาสตร์ John Maynard Keynes ที่เคยคาดการณ์ว่าเทคโนโลยีจะลดชั่วโมงการทำงานลง ✅ AI จะช่วยเพิ่มผลิตภาพในอุตสาหกรรมต่างๆ - การศึกษาของ McKinsey ระบุว่า AI อาจเพิ่มผลิตภาพในอุตสาหกรรมการแพทย์และเภสัชกรรมได้ถึง $370 พันล้าน https://www.techspot.com/news/107603-bill-gates-ai-end-doctor-teacher-shortages-transform.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Bill Gates says AI will end doctor and teacher shortages, transform the future of work
    "AI will come in and provide medical IQ, and there won't be a shortage," Gates said, pointing to nations like India and those across Africa where the...
    0 Comments 0 Shares 144 Views 0 Reviews
  • งานวิจัยที่เผยแพร่ใน IEEE Access เตือนถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของ เทคโนโลยีการจัดลำดับ DNA รุ่นใหม่ (Next-Generation Sequencing - NGS) ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญใน การแพทย์แม่นยำ (Precision Medicine) และการวิจัยโรคมะเร็ง โดยนักวิจัยระบุว่า หากไม่มีการปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัย เทคโนโลยีนี้อาจตกเป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์ นำไปสู่ การโจรกรรมข้อมูลและภัยคุกคามทางชีวภาพ

    ✅ NGS เป็นเครื่องมือสำคัญในหลายสาขา
    - ใช้ใน การพัฒนายา, วิทยาศาสตร์นิติวิทยา และการเกษตร
    - ช่วยให้การจัดลำดับ DNA และ RNA เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีต้นทุนต่ำ

    ✅ กระบวนการจัดลำดับ DNA มีหลายขั้นตอนที่ซับซ้อน
    - รวมถึง การเตรียมตัวอย่าง, การจัดลำดับ และการวิเคราะห์ข้อมูล
    - แต่ละขั้นตอนพึ่งพา เครื่องมือซอฟต์แวร์และระบบที่เชื่อมต่อกัน ซึ่งเปิดโอกาสให้เกิดการโจมตีทางไซเบอร์

    ✅ ภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นจากการโจมตี NGS
    - การโจมตีแบบ Targeted Re-identification เพื่อระบุตัวบุคคลจากข้อมูลพันธุกรรม
    - การใช้ มัลแวร์ใน DNA สังเคราะห์ เพื่อโจมตีระบบ
    - การปรับเปลี่ยนข้อมูลพันธุกรรมด้วย AI ซึ่งอาจนำไปสู่ การวิจัยที่ผิดจรรยาบรรณ

    ✅ นักวิจัยเสนอแนวทางแก้ไขเพื่อเพิ่มความปลอดภัย
    - ใช้ วิธีการจัดลำดับที่ปลอดภัยและการเข้ารหัสข้อมูล
    - พัฒนา AI เพื่อตรวจจับกิจกรรมที่ผิดปกติ
    - ส่งเสริมความร่วมมือระหว่าง วิทยาการคอมพิวเตอร์, เทคโนโลยีชีวภาพ และความปลอดภัย

    https://www.neowin.net/news/research-warns-that-your-dna-data-can-be-hacked-and-used-against-you/
    งานวิจัยที่เผยแพร่ใน IEEE Access เตือนถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของ เทคโนโลยีการจัดลำดับ DNA รุ่นใหม่ (Next-Generation Sequencing - NGS) ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญใน การแพทย์แม่นยำ (Precision Medicine) และการวิจัยโรคมะเร็ง โดยนักวิจัยระบุว่า หากไม่มีการปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัย เทคโนโลยีนี้อาจตกเป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์ นำไปสู่ การโจรกรรมข้อมูลและภัยคุกคามทางชีวภาพ ✅ NGS เป็นเครื่องมือสำคัญในหลายสาขา - ใช้ใน การพัฒนายา, วิทยาศาสตร์นิติวิทยา และการเกษตร - ช่วยให้การจัดลำดับ DNA และ RNA เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีต้นทุนต่ำ ✅ กระบวนการจัดลำดับ DNA มีหลายขั้นตอนที่ซับซ้อน - รวมถึง การเตรียมตัวอย่าง, การจัดลำดับ และการวิเคราะห์ข้อมูล - แต่ละขั้นตอนพึ่งพา เครื่องมือซอฟต์แวร์และระบบที่เชื่อมต่อกัน ซึ่งเปิดโอกาสให้เกิดการโจมตีทางไซเบอร์ ✅ ภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นจากการโจมตี NGS - การโจมตีแบบ Targeted Re-identification เพื่อระบุตัวบุคคลจากข้อมูลพันธุกรรม - การใช้ มัลแวร์ใน DNA สังเคราะห์ เพื่อโจมตีระบบ - การปรับเปลี่ยนข้อมูลพันธุกรรมด้วย AI ซึ่งอาจนำไปสู่ การวิจัยที่ผิดจรรยาบรรณ ✅ นักวิจัยเสนอแนวทางแก้ไขเพื่อเพิ่มความปลอดภัย - ใช้ วิธีการจัดลำดับที่ปลอดภัยและการเข้ารหัสข้อมูล - พัฒนา AI เพื่อตรวจจับกิจกรรมที่ผิดปกติ - ส่งเสริมความร่วมมือระหว่าง วิทยาการคอมพิวเตอร์, เทคโนโลยีชีวภาพ และความปลอดภัย https://www.neowin.net/news/research-warns-that-your-dna-data-can-be-hacked-and-used-against-you/
    WWW.NEOWIN.NET
    Research warns that your DNA data can be hacked and used against you
    Research has warned that your DNA data can be hacked into and used against you by exploiting certain vulnerabilities in modern techniques.
    0 Comments 0 Shares 152 Views 0 Reviews
  • เรื่องงาน World Expo ที่โอซาก้า มี feedback หลากหลาย เด่นสุดของคนที่เข้าชมให้ความเห็นตรงกันว่า มีความสวยด้านสถาปัตยกรรม แต่การสื่อสาร เมสเสจที่อยากจะสื่อกลับเป็นในรูปแบบ "เปลือกเอกชน เนื้อในข้าราชการ" การนำเสนอไม่เชื่อมโยง และหน่วยงานนั้นคือกระทรวงสาธารณสุขที่ใช้งบประมาณไปทำกว่า 1,000 ล้าน!เหตุผลที่บอกว่าต้องเป็นสธ. เพื่อไปโฆษณา medical hub, wellness ในขณะที่ไทยตอนนี้ข่าวที่ลุกโชนที่สุดคือข่าวบุคลากรทางการแพทย์แห่กันลาออกรัฐมนตรีของสวีเดนเคยพูดว่า หมอ 1 คนที่ออกไปรักษาคนไข้เอกชน-wellness คือหมอ 1 คนที่สูญเสียไปจากการรักษาคนไข้ในระบบรัฐ ในขณะที่ไทยโหมโฆษณาเรื่อง medical hub ได้มองเรื่องการโยกย้ายของแรงงานภาคสุขภาพหรือไม่? โรงพยาบาลภาครัฐปัจจุบันนี้ คนไข้คนไทยอาการหนักยังหาเตียงแทบไม่ได้ OPD ยังต้องต่อคิวเกือบทั้งวัน ในขณะที่โรงพยาบาลเอกชนที่รัฐพยายามพาไปโฆษณา กำไรปีละ 4,000 ล้านต่อปี และผู้ถือหุ้น ก็แทบจะต่างประเทศเกือบหมดงบ 1,000 ล้านนี้ เราทำอะไรได้บ้าง- งบ 1,000 ล้านนี้ คืองบประมาณคนไข้ล้างไตเกือบปีของประกันสังคม- 55 เท่าของงบประมาณดูแลสุขภาพจิตของเด็กในโรงเรียนทั้งประเทศ- เกือบ 1,000 เท่า ของงบที่ไว้รับมือ PM2.5 ของสธ.- งบประมาณที่จ้างหมอเต็มเวลาได้อีก 1,660 คน/ปี- เป็นค่าแรงที่กดขี่จนแย่กว่าค่าแรงขั้นต่ำตามพรบ.คุ้มครองแรงงานของพี่ๆผู้ช่วยพยาบาลมากถึง 7,200 คนต่อปีการลงทุนในการโปรโมทประเทศไทยเป็นเรื่องดี แต่ต้องระวังในการสื่อสารและใช้งบประมาณให้เหมาะสม ท่ามกลางข่าววิกฤตศรัทธาในรัฐข้าราชการ การใช้งบประมาณระดับพันล้านเพื่อโปรโมทในเรื่องที่อนาคตจะทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพไปอีก ต้องทำอย่างระมัดระวังและไม่เหยียบหัวคนทำงานหน้างานจนรู้สึกว่า เงินเดือนจากงานที่เขาทำจนเผาเวลาชีวิต ร่างกายไป เป็นเพียงเศษเงินเมื่อเทียบกับโครงการใช้ครั้งเดียวจบของกระทรวงเพิ่มเติม: มีเรื่องที่มาบริษัทที่รับทำ เป็นการสรรหาแบบจำเพาะเจาะจง ต้องติดตามว่า บริษัทที่รับจัดงาน 800 ล้านจากภาษีเราเป็นใคร———— ขอขอบคุณ คุณหมอนิรนามที่ส่งมาให้ครับ
    เรื่องงาน World Expo ที่โอซาก้า มี feedback หลากหลาย เด่นสุดของคนที่เข้าชมให้ความเห็นตรงกันว่า มีความสวยด้านสถาปัตยกรรม แต่การสื่อสาร เมสเสจที่อยากจะสื่อกลับเป็นในรูปแบบ "เปลือกเอกชน เนื้อในข้าราชการ" การนำเสนอไม่เชื่อมโยง และหน่วยงานนั้นคือกระทรวงสาธารณสุขที่ใช้งบประมาณไปทำกว่า 1,000 ล้าน!เหตุผลที่บอกว่าต้องเป็นสธ. เพื่อไปโฆษณา medical hub, wellness ในขณะที่ไทยตอนนี้ข่าวที่ลุกโชนที่สุดคือข่าวบุคลากรทางการแพทย์แห่กันลาออกรัฐมนตรีของสวีเดนเคยพูดว่า หมอ 1 คนที่ออกไปรักษาคนไข้เอกชน-wellness คือหมอ 1 คนที่สูญเสียไปจากการรักษาคนไข้ในระบบรัฐ ในขณะที่ไทยโหมโฆษณาเรื่อง medical hub ได้มองเรื่องการโยกย้ายของแรงงานภาคสุขภาพหรือไม่? โรงพยาบาลภาครัฐปัจจุบันนี้ คนไข้คนไทยอาการหนักยังหาเตียงแทบไม่ได้ OPD ยังต้องต่อคิวเกือบทั้งวัน ในขณะที่โรงพยาบาลเอกชนที่รัฐพยายามพาไปโฆษณา กำไรปีละ 4,000 ล้านต่อปี และผู้ถือหุ้น ก็แทบจะต่างประเทศเกือบหมดงบ 1,000 ล้านนี้ เราทำอะไรได้บ้าง- งบ 1,000 ล้านนี้ คืองบประมาณคนไข้ล้างไตเกือบปีของประกันสังคม- 55 เท่าของงบประมาณดูแลสุขภาพจิตของเด็กในโรงเรียนทั้งประเทศ- เกือบ 1,000 เท่า ของงบที่ไว้รับมือ PM2.5 ของสธ.- งบประมาณที่จ้างหมอเต็มเวลาได้อีก 1,660 คน/ปี- เป็นค่าแรงที่กดขี่จนแย่กว่าค่าแรงขั้นต่ำตามพรบ.คุ้มครองแรงงานของพี่ๆผู้ช่วยพยาบาลมากถึง 7,200 คนต่อปีการลงทุนในการโปรโมทประเทศไทยเป็นเรื่องดี แต่ต้องระวังในการสื่อสารและใช้งบประมาณให้เหมาะสม ท่ามกลางข่าววิกฤตศรัทธาในรัฐข้าราชการ การใช้งบประมาณระดับพันล้านเพื่อโปรโมทในเรื่องที่อนาคตจะทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพไปอีก ต้องทำอย่างระมัดระวังและไม่เหยียบหัวคนทำงานหน้างานจนรู้สึกว่า เงินเดือนจากงานที่เขาทำจนเผาเวลาชีวิต ร่างกายไป เป็นเพียงเศษเงินเมื่อเทียบกับโครงการใช้ครั้งเดียวจบของกระทรวงเพิ่มเติม: มีเรื่องที่มาบริษัทที่รับทำ เป็นการสรรหาแบบจำเพาะเจาะจง ต้องติดตามว่า บริษัทที่รับจัดงาน 800 ล้านจากภาษีเราเป็นใคร———— ขอขอบคุณ คุณหมอนิรนามที่ส่งมาให้ครับ
    0 Comments 0 Shares 280 Views 0 Reviews
  • อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน พร้อมผู้เสียหายยื่นหนังสือให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาดำเนินคดีความอาญากับผู้เกี่ยวข้องในคดีที่ผู้เสียหาย ซื้อทองไม่ได้ทอง ขายทองไม่ได้เงิน ฝากทองไม่ได้คืน ลงทุนไม่ได้อะไร กับบริษัท SCT วันนึ้ และจะประชุมคดีเพื่อดำเนินการในรายละเอียดต่อไป

    จึงเรียนมาเพื่อทราบ
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    ในฐานะประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน
    18 เมษายน 2568

    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1202527974574234&id=100044511276276
    อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน พร้อมผู้เสียหายยื่นหนังสือให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาดำเนินคดีความอาญากับผู้เกี่ยวข้องในคดีที่ผู้เสียหาย ซื้อทองไม่ได้ทอง ขายทองไม่ได้เงิน ฝากทองไม่ได้คืน ลงทุนไม่ได้อะไร กับบริษัท SCT วันนึ้ และจะประชุมคดีเพื่อดำเนินการในรายละเอียดต่อไป จึงเรียนมาเพื่อทราบ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ในฐานะประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน 18 เมษายน 2568 https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1202527974574234&id=100044511276276
    0 Comments 0 Shares 183 Views 0 Reviews
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพแก่สตรี แม่เลี้ยงเดี่ยวหรือด้อยโอกาส ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี พร้อมมอบรถเข็นวีลแชร์แก่ผู้พิการด้อยโอกาส มอบจักรยานให้แก่โรงเรียนในพื้นที่ชนบท และนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการประชาชนฟรี
    .
    วันนี้ (วันศุกร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก นางชุติมา ตันติศิริวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการ นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ และ นางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมลงพื้นที่จังหวัดชลบุรี มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่สตรีที่มีรายได้น้อยมีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม มีความรู้ความสามารถ แต่ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ จำนวน 6 ราย พร้อมมอบรถเข็นวีลแชร์แก่ผู้พิการด้อยโอกาส จำนวน 10 ราย และมอบจักรยาน แก่โรงเรียนชนบทที่ขาดแคลน จำนวน 2 โรงเรียน รวมจำนวน 20 คัน พร้อมกระบอกน้ำขนาด 1 ลิตร รวมมูลค่าการดำเนินการช่วยเหลือชาวชลบุรีในครั้งนี้ทั้งสิ้น 184,072 บาท (หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นแปดพันห้าร้อยยี่สิบบาทถ้วน) พร้อมกันนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้นำทีมหน่วยแพทย์ฯ ลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น ฯลฯ โดยมี นายพงศ์ธสิษฐ์ ปิจนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วย นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว นายนัธทวัฒน์ ธนโชติชัยพัชร์ ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ 36 พรรษา จังหวัดชลบุรี และนางสาวอัญชลี จงคดีกิจ (ปุ๊-อัญชลี) อาสาสมัครศิลปินมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมในพิธี ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ 36 พรรษา จังหวัดชลบุรี
    .
    นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ เปิดเผยว่า โครงการส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรีและครอบครัว มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ฐานะยากจน ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ โดยเราได้รับความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวและสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จำนวน 12 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ชลบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูน ลำปาง เชียงราย และพิษณุโลก
    .
    ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    .
    ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    ## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##
    #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพแก่สตรี แม่เลี้ยงเดี่ยวหรือด้อยโอกาส ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี พร้อมมอบรถเข็นวีลแชร์แก่ผู้พิการด้อยโอกาส มอบจักรยานให้แก่โรงเรียนในพื้นที่ชนบท และนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการประชาชนฟรี . วันนี้ (วันศุกร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก นางชุติมา ตันติศิริวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการ นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ และ นางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมลงพื้นที่จังหวัดชลบุรี มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่สตรีที่มีรายได้น้อยมีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม มีความรู้ความสามารถ แต่ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ จำนวน 6 ราย พร้อมมอบรถเข็นวีลแชร์แก่ผู้พิการด้อยโอกาส จำนวน 10 ราย และมอบจักรยาน แก่โรงเรียนชนบทที่ขาดแคลน จำนวน 2 โรงเรียน รวมจำนวน 20 คัน พร้อมกระบอกน้ำขนาด 1 ลิตร รวมมูลค่าการดำเนินการช่วยเหลือชาวชลบุรีในครั้งนี้ทั้งสิ้น 184,072 บาท (หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นแปดพันห้าร้อยยี่สิบบาทถ้วน) พร้อมกันนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้นำทีมหน่วยแพทย์ฯ ลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น ฯลฯ โดยมี นายพงศ์ธสิษฐ์ ปิจนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วย นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว นายนัธทวัฒน์ ธนโชติชัยพัชร์ ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ 36 พรรษา จังหวัดชลบุรี และนางสาวอัญชลี จงคดีกิจ (ปุ๊-อัญชลี) อาสาสมัครศิลปินมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมในพิธี ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ 36 พรรษา จังหวัดชลบุรี . นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ เปิดเผยว่า โครงการส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรีและครอบครัว มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ฐานะยากจน ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ โดยเราได้รับความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวและสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จำนวน 12 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ชลบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูน ลำปาง เชียงราย และพิษณุโลก . ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” . ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . ## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ## #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    0 Comments 0 Shares 351 Views 0 Reviews
  • งูสวัดมีเรื่อง อันตรายอีกเยอะนอกจากผื่น.

    • ไนตำแหน่งหน้า ศีรษะ คอ บ่าไหล่ ไม่ว่าจะอายุเท่าไร เป็นภูมิคุ้มกันปกติก็ตาม
    เป็นเรื่องต้องให้การรักษาทันที โอกาศไวรัสลามเข้าสมองผ่านทางเส้นเลือดสูงมาก

    ถ้ามาช้า และเริ่มผิดปกติมากกว่านอกจากที่ผิวหนัง มีไข้ ปวดหัว ไม่ต้องรอให้โคม่า หรือตาบอด หรือเส้นเลือดอักเสบตัน ให้เป็น IV acyclovir 10 mg/kg ทุก 8 ชั่วโมงทันที ไป 14 วัน

    ในขณะที่ตำแหน่งอื่นอาจใช้เป็นยากินแทน
    และ acyclovir กิน แม้ว่าต้องกินวันละห้าครั้งทุก 4 ชั่วโมงไปเป็นเวลาอย่างน้อยเจ็ดวันและอาจถึง 14 วัน ประสิทธิภาพดีกว่า ยาที่ทาน วันละสองครั้ง เพราะสามารถควบคุมไม่ให้ไวรัสวิ่งย้อนกลับเข้าไปตามเส้นประสาทเข้าในไขสันหลัง หรือสมอง

    ยกเว้นการมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ต้องเป็นยาฉีดทั้งหมด

    • และงูสวัดไม่ว่าอยู่ตำแหน่งใดของร่างกายมีความเสี่ยงอัมพฤกษ์ เส้นเลือดหัวใจตัน ถึง 6 เดือน จนถึงหลายปี

    ประการสำคัญ การรักษาไม่ใช่พอใจที่ทายาพอกที่ผื่น แม้ว่าทาแล้วหายเร็ว ก็ตาม
    อยู่ที่การป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบที่ปมประสาท และจะเจ็บปวดไปหลายเดือน ปี หรือไม่หาย
    และเพื่อต้องกันไม่ให้ไวรัสย้อนกลับตามเส้นประสาทเข้าไปที่ไขสันหลัง เกิตขาอัมพาต เข้าสมอง ติดเกิดเส้นเลือดอักเสบ และไวรัสทะลักเข้าไปติดเชื้อในสมอง

    • ย้ำๆๆๆ ไม่ว่างูสวัดขึ้นที่ใดต้องรักษาทั้งสิ้น ไม่ใช่เพื่อผื่นหายอย่างเดียวเท่านั้นเช่นจาก ยาทา พอก หรือกินยาสมุนไพร ต้องกันที่ร้ายแรงกว่านั้นอีกเยอะ

    • ในปัจจุบันมีวัคซีนงูสวัดที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงที่เป็นโปรตีนสับยูนิต และสามารถใช้ได้กับคนที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ต่างจากวัคซีนยุคแรกที่เป็นเชื้ออ่อนกำลัง แต่อย่างไรก็ตามสารที่กระตุ้นภูมิคุ้มกันดีมาก จนอาจทำให้มีปฏิกิริยาข้างเคียง ระดับน้อยจนรุนแรงแต่ไม่ได้เกิดทุกคน และในบางกรณีเกิดการกระตุ้นทำให้เกิดเส้นประสาทอักเสบได้
    • ดังนั้นการได้วัคซีน ควรต้องให้แพทย์ ให้คำแนะนำ และถ้าเกิดมีปฏิกิริยาข้างเคียงจะได้รีบรักษาได้ทัน

    ลักษณะอาการของงูสวัดและผลแทรกซ้อนไม่ได้เกิดขึ้นแต่ในระยะนั้นอย่างเดียว จะเกิดขึ้นตามหลังได้อย่างน้อยหกเดือนและอาจเป็นปีโดยเฉพาะออกอาการเป็นเส้นเลือดในสมองและเส้นเลือดในหัวใจตัน

    เพราะฉะนั้นถ้าเกิดมีอาการของเส้นเลือดหัวใจเจ็บหน้าอก หรือเส้นเลือดสมองอัมพฤกษ์ ต้องบอกคุณหมอว่าเคยเป็นงูสวัดในช่วงก่อนหน้า ซึ่งต้องพิจารณาว่าควรต้องรักษางูสวัดควบคู่กันไปด้วย ให้ทางเส้นเลือด ร่วมกับการรักษาสมองหรือหัวใจที่ผิดปกติ
    ทั้งนี้เนื่องจากยังมีความเป็นไปได้ว่าไวรัสยังไม่ได้สงบเสงี่ยมนิ่งอยู่กับที่ แต่ ยังมีการกระตุ้นการอักเสบอยู่เรื่อยๆ จนเกิดเส้นเลือดหัวใจหรือสมองตัน

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข
    และ
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    งูสวัดมีเรื่อง อันตรายอีกเยอะนอกจากผื่น. • ไนตำแหน่งหน้า ศีรษะ คอ บ่าไหล่ ไม่ว่าจะอายุเท่าไร เป็นภูมิคุ้มกันปกติก็ตาม เป็นเรื่องต้องให้การรักษาทันที โอกาศไวรัสลามเข้าสมองผ่านทางเส้นเลือดสูงมาก ถ้ามาช้า และเริ่มผิดปกติมากกว่านอกจากที่ผิวหนัง มีไข้ ปวดหัว ไม่ต้องรอให้โคม่า หรือตาบอด หรือเส้นเลือดอักเสบตัน ให้เป็น IV acyclovir 10 mg/kg ทุก 8 ชั่วโมงทันที ไป 14 วัน ในขณะที่ตำแหน่งอื่นอาจใช้เป็นยากินแทน และ acyclovir กิน แม้ว่าต้องกินวันละห้าครั้งทุก 4 ชั่วโมงไปเป็นเวลาอย่างน้อยเจ็ดวันและอาจถึง 14 วัน ประสิทธิภาพดีกว่า ยาที่ทาน วันละสองครั้ง เพราะสามารถควบคุมไม่ให้ไวรัสวิ่งย้อนกลับเข้าไปตามเส้นประสาทเข้าในไขสันหลัง หรือสมอง ยกเว้นการมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ต้องเป็นยาฉีดทั้งหมด • และงูสวัดไม่ว่าอยู่ตำแหน่งใดของร่างกายมีความเสี่ยงอัมพฤกษ์ เส้นเลือดหัวใจตัน ถึง 6 เดือน จนถึงหลายปี ประการสำคัญ การรักษาไม่ใช่พอใจที่ทายาพอกที่ผื่น แม้ว่าทาแล้วหายเร็ว ก็ตาม อยู่ที่การป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบที่ปมประสาท และจะเจ็บปวดไปหลายเดือน ปี หรือไม่หาย และเพื่อต้องกันไม่ให้ไวรัสย้อนกลับตามเส้นประสาทเข้าไปที่ไขสันหลัง เกิตขาอัมพาต เข้าสมอง ติดเกิดเส้นเลือดอักเสบ และไวรัสทะลักเข้าไปติดเชื้อในสมอง • ย้ำๆๆๆ ไม่ว่างูสวัดขึ้นที่ใดต้องรักษาทั้งสิ้น ไม่ใช่เพื่อผื่นหายอย่างเดียวเท่านั้นเช่นจาก ยาทา พอก หรือกินยาสมุนไพร ต้องกันที่ร้ายแรงกว่านั้นอีกเยอะ • ในปัจจุบันมีวัคซีนงูสวัดที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงที่เป็นโปรตีนสับยูนิต และสามารถใช้ได้กับคนที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ต่างจากวัคซีนยุคแรกที่เป็นเชื้ออ่อนกำลัง แต่อย่างไรก็ตามสารที่กระตุ้นภูมิคุ้มกันดีมาก จนอาจทำให้มีปฏิกิริยาข้างเคียง ระดับน้อยจนรุนแรงแต่ไม่ได้เกิดทุกคน และในบางกรณีเกิดการกระตุ้นทำให้เกิดเส้นประสาทอักเสบได้ • ดังนั้นการได้วัคซีน ควรต้องให้แพทย์ ให้คำแนะนำ และถ้าเกิดมีปฏิกิริยาข้างเคียงจะได้รีบรักษาได้ทัน ลักษณะอาการของงูสวัดและผลแทรกซ้อนไม่ได้เกิดขึ้นแต่ในระยะนั้นอย่างเดียว จะเกิดขึ้นตามหลังได้อย่างน้อยหกเดือนและอาจเป็นปีโดยเฉพาะออกอาการเป็นเส้นเลือดในสมองและเส้นเลือดในหัวใจตัน เพราะฉะนั้นถ้าเกิดมีอาการของเส้นเลือดหัวใจเจ็บหน้าอก หรือเส้นเลือดสมองอัมพฤกษ์ ต้องบอกคุณหมอว่าเคยเป็นงูสวัดในช่วงก่อนหน้า ซึ่งต้องพิจารณาว่าควรต้องรักษางูสวัดควบคู่กันไปด้วย ให้ทางเส้นเลือด ร่วมกับการรักษาสมองหรือหัวใจที่ผิดปกติ ทั้งนี้เนื่องจากยังมีความเป็นไปได้ว่าไวรัสยังไม่ได้สงบเสงี่ยมนิ่งอยู่กับที่ แต่ ยังมีการกระตุ้นการอักเสบอยู่เรื่อยๆ จนเกิดเส้นเลือดหัวใจหรือสมองตัน ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข และ ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    0 Comments 1 Shares 236 Views 0 Reviews
  • เราไม่ได้บิดเบือน พรบ.เอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ แต่เราอยากให้ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ต้องไม่มีคาสิโนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว แต่ให้มีศูนย์การศึกษา ศูนย์การแพทย์ ศูนย์การพัฒนาซอฟท์แวร์ ศูนย์พัฒนาเกมส์สตูดิโอ ได้ เพราะพนันมีแต่เสียกับเสีย ส่วน E-Sport วัดกันที่สมอง กึ๋นและทักษะการเล่นที่เหนือชั้น ไม่มีกีฬาไหนๆทำให้เสียอย่างเดียว การพนันมีแต่เสียอย่างเดียว
    เราไม่ได้บิดเบือน พรบ.เอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ แต่เราอยากให้ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ต้องไม่มีคาสิโนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว แต่ให้มีศูนย์การศึกษา ศูนย์การแพทย์ ศูนย์การพัฒนาซอฟท์แวร์ ศูนย์พัฒนาเกมส์สตูดิโอ ได้ เพราะพนันมีแต่เสียกับเสีย ส่วน E-Sport วัดกันที่สมอง กึ๋นและทักษะการเล่นที่เหนือชั้น ไม่มีกีฬาไหนๆทำให้เสียอย่างเดียว การพนันมีแต่เสียอย่างเดียว
    “ทักษิณ”ลั่น อย่ากังวลการเมือง เชื่อไม่มีปัญหา ซัดคนค้านจ้อบิดเบือน กม.คอมเพล็กซ์ บอกความแย้งกับ ภท.ยังอยูคุยกันได้ เน็ตภูมิใจไทยก็คือภูมิใจไทย มั่นใจเสียงรัฐบาลเพียงพอ ฝ่าด่านสว. ยอมรับการเมือง ฟอร์มรุ่นใหม่ยากต้องอาศัยคนรุ่นเก่าช่วยคุย ชี้ปรับครม. เป็นอำนาจนายกฯ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000035265

    #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    0 Comments 0 Shares 117 Views 0 Reviews
  • “หมอโบว์” ลูกกตัญญู-นางฟ้าใจบุญ ทั้งดูแลแม่ป่วย ทั้งรักษาช้างฟรีทั่วภาคใต้ ภูมิใจ ได้ต่อชีวิตช้างป่วยและครอบครัวคนเลี้ยงช้าง!

    “ช้างเป็นสัตว์ที่เจ้าของเลี้ยงเหมือนคนในครอบครัว ช้างบางเชือกเลี้ยงไว้เพื่อประกอบอาชีพ ช้างบางเชือกส่งลูกเรียนจนจบปริญญา ช้างบางเชือกเจือจุนครอบครัวของคนที่เลี้ยงช้าง เรารู้สึกว่า การรักษาช้าง 1 เชือกให้หายป่วย ไม่ใช่แค่การต่อชีวิตช้างอย่างเดียว แต่เป็นการต่อชีวิตของคนที่เลี้ยงช้างด้วย”

    นั่นคือเหตุผลและความภาคภูมิใจที่ทำให้ “หมอโบว์” สัตวแพทย์หญิง รัชดาภรณ์ ศรีสมุทร อยากเป็นหมอรักษาช้าง ทั้งที่ช้างเป็นสัตว์ใหญ่ หากพลาดอาจเสี่ยงต่ออันตรายถึงชีวิตได้

    แม้หมอโบว์จะไม่ได้เติบโตมาในครอบครัวที่ร่ำรวย โดยแม่เป็นครู ส่วนพ่อทำสวน และแม่ต้องกู้เงินเพื่อส่งหมอโบว์เรียนสัตวแพทย์ถึง 6 ปี แต่หมอโบว์ก็ไม่ได้ตั้งเป้าหรือมุ่งเน้นทำงานเพื่อความมั่นคงหรือฐานะการเงินของตนเอง เพราะหากต้องการความร่ำรวย หมอโบว์คงเลือกเป็นหมอรักษาสัตว์เล็กอย่างแมวหรือสุนัข ที่สามารถเปิดคลินิกของตัวเองได้ แต่ช้างเป็นสัตว์ใหญ่ การรักษาและค่ายาสูงมากตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักแสน ไม่สามารถเปิดคลินิกเพื่อรักษาได้ เพราะเก็บค่ารักษายาก แต่หมอโบว์กลับเลือกเส้นทางนี้ เพื่อรักษาช้างฟรี

    “บางท่านก็มีทุนในการจ่ายให้เราได้ แต่โบว์มองว่า บางคนเขาเป็นเจ้าของช้าง เขาเลี้ยงช้างเอง แล้วช้างเขาก็ทำงาน และรายได้เขาไม่ได้เยอะมาก ถ้าเราไปเก็บค่ารักษา เขาอาจไม่มีเงินจ่าย และเขาอาจไม่เรียกเราไปรักษา เขาอาจปล่อยให้ช้างนั้นป่วยหรือรักษาเอง ทำให้รู้สึกว่าเขาอาจไม่ได้เต็มที่กับการรักษา แล้วจะให้เราไปเก็บเงินจากปางช้างที่มีทุน คนนี้เก็บ คนนี้ไม่เก็บ ก็ไม่ได้ โบว์เลยรักษาฟรีให้หมดเลย”

    แม้เสี่ยงอันตราย แต่ไม่ถอดใจ!

    “ครั้งแรกที่เจอช้าง ตอนนั้นเป็นเด็กฝึกงาน เรียนอยู่ปี 6 เจอช้างชื่อ พลายสุดหล่อ เขาเจ็บตาด้านซ้าย เราไม่รู้จักการเข้าหาช้างเลย คิดว่าช้างมันก็น่ารักเหมือนหมาแมวแหละ เข้าไปลูบหัวได้ เราเข้าไปจะหยอดตาปุ๊บ สุดหล่อใช้งาสะบัด โบว์กระเด็นไปโน่นเลย กระเด็นไปเลยด้วยแรงช้าง ตอนนั้นเป็นเหตุการณ์ที่โบว์รู้สึกว่า เราจะไปต่อสายนี้ดีไหมนะ หรือเราจะพอแล้ว เพราะมันดูน่ากลัว แต่พอวันหนึ่งเรามองกลับไปว่า ถ้าเราไม่ทำต่อ เราจะไม่ได้เห็นช้างที่น่ารักๆ อีกหลายเชือกเลยนะ ไม่ได้เห็นช้างที่เขาหายป่วยอีกหลายเชือกเลยนะ เลยเป็นแรงบันดาลใจทำให้เรามุ่งมั่นต่อไป”

    หลังเรียนจบสัตวแพทย์ หมอโบว์ได้ทำงานรักษาช้างฟรีที่ รพ.ช้างกระบี่ แม้จะได้ทำงานที่ตัวเองรัก แต่อีกด้าน กลับมีเรื่องที่น่าเสียใจ เพราะแม่ที่คุณหมอรักมากป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ โรคที่ทำให้ผู้ป่วยจำอะไรไม่ได้และไม่มีทางรักษา

    “ตอนนั้นเราไม่เชื่อว่าแม่จะลืมเรา โบว์พยายามจะฟื้นฟูความจำ เช่น พยายามบอกชื่อเราเองทุกวัน นี่โบว์นะ นี่แม่ หรือเอาสูตรคูณมาตั้ง 2-1 อะไร เมื่อก่อนเขาเป็นครูสอนที่เก่งมาก สูตรคูณเขาจำได้หมด แต่พอป่วย เขาเริ่มไม่รู้แล้ว โบว์มีการให้เขาท่อง ก ไก่ ถึง ฮ นกฮูก หรือทำโจทย์เลขง่ายๆ ตอนนั้นเรายังมีความหวัง เราไม่รู้ว่าโรคนี้อาจไม่มีความหวัง ก็พยายามทำตรงนั้น แต่สุดท้าย เขาก็ลืมเราลงเรื่อยๆ”

    ในที่สุด เมื่อพัฒนาการของโรคอัลไซเมอร์ ทำให้แม่แย่ลงเรื่อยๆ จึงถึงจุดที่หมอโบว์ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ “แม่เริ่มป่วยตั้งแต่โบว์เริ่มทำงาน ตอนทำงานที่ รพ.ช้างกระบี่ พาแม่ไปอยู่ด้วยที่บ้านพักของ รพ. ดูแลแม่ด้วย รักษาช้างด้วย โบว์ดูแลแม่คนเดียว เช้ามา ทำกับข้าวก่อน บางทีแม่เป็นอัลไซเมอร์หนักๆ ปุ๊บ อึฉี่เรี่ยราดแล้ว ต้องเก็บ หรือเปิดน้ำท่วมบ้านแล้ว เช้ามา โห น้ำ บ้านหรือทะเล คือแม่เปิดน้ำทิ้งไว้ ท่วมบ้านแล้ว นี่คือสิ่งที่โบว์ต้องจัดการในทุกเช้า และหลังๆ มา ก็รู้สึกว่าแม่ไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ เหมือนกับเราไปทำงานไม่ได้เลย เขาอาจจะเปิดน้ำอีก หรือเขาอาจเกิดอันตราย เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้โบว์ลาออกจาก รพ.ช้าง”

    หมอโบว์ตัดสินใจลาออกจาก รพ.ช้างกระบี่หลังทำงานได้ 5 ปี ก่อนพาแม่กลับมาดูแลที่บ้านที่ จ.ภูเก็ต ถึงวันนี้เกือบ 2 ปีแล้วที่หมอโบว์พยายามดูแลแม่อย่างดีที่สุด ควบคู่กับการเป็นหมอช้างจิตอาสาที่พร้อมรักษาช้างฟรีทั่วภาคใต้ “(ถาม-ตอนนี้อาการแม่เป็นยังไงบ้าง?) คุยไม่รู้เรื่อง อ้อแอเหมือนเด็กเลย เดินได้น้อยลง เดินได้ไม่กี่ก้าวก็จะนั่ง ทำกิจวัตรไม่ได้ ต้องทำให้ตลอด แต่เรื่องกิน แม่ชอบ กินง่าย สุขภาพแข็งแรงดี ยกเว้นความจำ (ถาม-ตอนนี้หมอบริหารเวลายังไงกับการดูแลแม่และรักษาช้าง?) ถ้าโบว์อยู่บ้าน โบว์จะดูแลแม่เอง แต่ถ้าต้องออกไปรักษาช้าง จะมีพี่เลี้ยงคอยดูแล”

    การเป็นหมอรักษาช้างโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ทำให้หมอโบว์ต้องผลิตสินค้าช่วยช้างขึ้นมาจำหน่ายเพื่อหารายได้มารักษาช้างฟรี เช่น เสื้อยืด หมวก ถุงผ้า “ด้วยความที่เรามีฐานแฟนคลับอยู่แล้วจากโซเชียลมีเดีย โบว์เลยเอาสินค้าขึ้นมาขาย เป็นของที่ระลึก สินค้านี้ถ้าคุณได้ซื้อไป คุณจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการที่จะสนับสนุนพวกน้ำเกลือค่ายาให้กับช้าง แต่ถามว่า โบว์มีรายได้ไหมทุกวันนี้ โบว์มีรายได้จากการทำอย่างอื่น เช่น เป็นอินฟลูเอนเซอร์ รีวิวสินค้า เพราะโบว์มีโซเชียลมีเดียที่มีผู้ติดตามค่อนข้างมาก เลยทำให้โบว์สามารถมีรายได้ตรงนี้มาจุนเจือครอบครัว ดูแลแม่ได้”

    ถึงวันนี้ 7 ปีแล้วที่หมอโบว์ได้ให้การรักษาช้างป่วยนับพันเชือก ซึ่งล่าสุด หมอโบว์ยังได้ช่วยรักษาช้างป่วย ช้างชรา ช้างพิการ ในปางช้างที่ จ.ภูเก็ต (Phuket Elephant Sanctuary) ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็น รพ.ที่ดูแลช้างฟรีอีกด้วย “รู้สึกว่า ถ้าเราได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือบั้นปลายชีวิตของช้าง จะเป็นอะไรที่ดีมากๆ เหมือนกับที่เราได้ดูแลแม่ในวัยชราเหมือนกัน ชีวิตตอนนี้มีความสุขมาก สุขจากการที่เราได้อยู่กับสิ่งที่เรารักทั้ง 2 สิ่ง คือแม่และช้าง เป็นความสุขที่สุดแล้ว”

    ขณะที่ “กาญจน์ณฐาน์ ธรรมวนาสินทร์” ผู้จัดการปางช้าง Following Giants Krabi ที่หมอโบว์เคยเดินทางไปรักษาช้างฟรี พูดถึงความประทับใจที่มีต่อหมอโบว์ว่า “รู้สึกขอบคุณที่มีหมอแบบนี้ดูแลช้าง อยากให้มีเยอะๆ เพราะบางเคสต้องเร่งด่วน บางทีหมอโบว์ก็แยกร่างไม่ทัน เราอยากได้หมอโบว์สัก 20 คนในประเทศ อยากให้หมอโบว์ทำอย่างนี้ต่อไป ทุกคนต้องการหมอโบว์”

    ติดตามเรื่องราวของหมอโบว์ ลูกกตัญญูและนางฟ้าใจบุญรักษาช้างฟรีได้
    ในรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “หมอโบว์...นางฟ้าใจบุญ”
    วันเสาร์ที่ 19 เมษายน 2568 เวลา 11.30-12.00 น.
    ทาง NEWS1 (กล่อง IPTV ของ NT ช่อง 64 / กล่อง AIS Play Box ช่อง 615 / กล่อง True ID ช่อง 19)

    และเฟซบุ๊ก / ยูทูบ / ติ๊กต็อก : ฅนจริงใจไม่ท้อ

    (หากท่านใดต้องการอุดหนุนสินค้าช่วยช้าง เพื่อสนับสนุนและเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาช้างฟรีของหมอโบว์ ติดต่อได้ที่เฟซบุ๊ก “หมอโบว์” หรือติ๊กต็อก “หมอโบว์ รักษาช้าง”)

    #หมอโบว์ #หมอโบว์รักษาช้าง #รักษาช้างฟรี #หมอตัวเล็กกับคนไข้ตัวใหญ่ #นางฟ้าใจบุญ #ลูกกตัญญู
    “หมอโบว์” ลูกกตัญญู-นางฟ้าใจบุญ ทั้งดูแลแม่ป่วย ทั้งรักษาช้างฟรีทั่วภาคใต้ ภูมิใจ ได้ต่อชีวิตช้างป่วยและครอบครัวคนเลี้ยงช้าง! “ช้างเป็นสัตว์ที่เจ้าของเลี้ยงเหมือนคนในครอบครัว ช้างบางเชือกเลี้ยงไว้เพื่อประกอบอาชีพ ช้างบางเชือกส่งลูกเรียนจนจบปริญญา ช้างบางเชือกเจือจุนครอบครัวของคนที่เลี้ยงช้าง เรารู้สึกว่า การรักษาช้าง 1 เชือกให้หายป่วย ไม่ใช่แค่การต่อชีวิตช้างอย่างเดียว แต่เป็นการต่อชีวิตของคนที่เลี้ยงช้างด้วย” นั่นคือเหตุผลและความภาคภูมิใจที่ทำให้ “หมอโบว์” สัตวแพทย์หญิง รัชดาภรณ์ ศรีสมุทร อยากเป็นหมอรักษาช้าง ทั้งที่ช้างเป็นสัตว์ใหญ่ หากพลาดอาจเสี่ยงต่ออันตรายถึงชีวิตได้ แม้หมอโบว์จะไม่ได้เติบโตมาในครอบครัวที่ร่ำรวย โดยแม่เป็นครู ส่วนพ่อทำสวน และแม่ต้องกู้เงินเพื่อส่งหมอโบว์เรียนสัตวแพทย์ถึง 6 ปี แต่หมอโบว์ก็ไม่ได้ตั้งเป้าหรือมุ่งเน้นทำงานเพื่อความมั่นคงหรือฐานะการเงินของตนเอง เพราะหากต้องการความร่ำรวย หมอโบว์คงเลือกเป็นหมอรักษาสัตว์เล็กอย่างแมวหรือสุนัข ที่สามารถเปิดคลินิกของตัวเองได้ แต่ช้างเป็นสัตว์ใหญ่ การรักษาและค่ายาสูงมากตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักแสน ไม่สามารถเปิดคลินิกเพื่อรักษาได้ เพราะเก็บค่ารักษายาก แต่หมอโบว์กลับเลือกเส้นทางนี้ เพื่อรักษาช้างฟรี “บางท่านก็มีทุนในการจ่ายให้เราได้ แต่โบว์มองว่า บางคนเขาเป็นเจ้าของช้าง เขาเลี้ยงช้างเอง แล้วช้างเขาก็ทำงาน และรายได้เขาไม่ได้เยอะมาก ถ้าเราไปเก็บค่ารักษา เขาอาจไม่มีเงินจ่าย และเขาอาจไม่เรียกเราไปรักษา เขาอาจปล่อยให้ช้างนั้นป่วยหรือรักษาเอง ทำให้รู้สึกว่าเขาอาจไม่ได้เต็มที่กับการรักษา แล้วจะให้เราไปเก็บเงินจากปางช้างที่มีทุน คนนี้เก็บ คนนี้ไม่เก็บ ก็ไม่ได้ โบว์เลยรักษาฟรีให้หมดเลย” แม้เสี่ยงอันตราย แต่ไม่ถอดใจ! “ครั้งแรกที่เจอช้าง ตอนนั้นเป็นเด็กฝึกงาน เรียนอยู่ปี 6 เจอช้างชื่อ พลายสุดหล่อ เขาเจ็บตาด้านซ้าย เราไม่รู้จักการเข้าหาช้างเลย คิดว่าช้างมันก็น่ารักเหมือนหมาแมวแหละ เข้าไปลูบหัวได้ เราเข้าไปจะหยอดตาปุ๊บ สุดหล่อใช้งาสะบัด โบว์กระเด็นไปโน่นเลย กระเด็นไปเลยด้วยแรงช้าง ตอนนั้นเป็นเหตุการณ์ที่โบว์รู้สึกว่า เราจะไปต่อสายนี้ดีไหมนะ หรือเราจะพอแล้ว เพราะมันดูน่ากลัว แต่พอวันหนึ่งเรามองกลับไปว่า ถ้าเราไม่ทำต่อ เราจะไม่ได้เห็นช้างที่น่ารักๆ อีกหลายเชือกเลยนะ ไม่ได้เห็นช้างที่เขาหายป่วยอีกหลายเชือกเลยนะ เลยเป็นแรงบันดาลใจทำให้เรามุ่งมั่นต่อไป” หลังเรียนจบสัตวแพทย์ หมอโบว์ได้ทำงานรักษาช้างฟรีที่ รพ.ช้างกระบี่ แม้จะได้ทำงานที่ตัวเองรัก แต่อีกด้าน กลับมีเรื่องที่น่าเสียใจ เพราะแม่ที่คุณหมอรักมากป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ โรคที่ทำให้ผู้ป่วยจำอะไรไม่ได้และไม่มีทางรักษา “ตอนนั้นเราไม่เชื่อว่าแม่จะลืมเรา โบว์พยายามจะฟื้นฟูความจำ เช่น พยายามบอกชื่อเราเองทุกวัน นี่โบว์นะ นี่แม่ หรือเอาสูตรคูณมาตั้ง 2-1 อะไร เมื่อก่อนเขาเป็นครูสอนที่เก่งมาก สูตรคูณเขาจำได้หมด แต่พอป่วย เขาเริ่มไม่รู้แล้ว โบว์มีการให้เขาท่อง ก ไก่ ถึง ฮ นกฮูก หรือทำโจทย์เลขง่ายๆ ตอนนั้นเรายังมีความหวัง เราไม่รู้ว่าโรคนี้อาจไม่มีความหวัง ก็พยายามทำตรงนั้น แต่สุดท้าย เขาก็ลืมเราลงเรื่อยๆ” ในที่สุด เมื่อพัฒนาการของโรคอัลไซเมอร์ ทำให้แม่แย่ลงเรื่อยๆ จึงถึงจุดที่หมอโบว์ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ “แม่เริ่มป่วยตั้งแต่โบว์เริ่มทำงาน ตอนทำงานที่ รพ.ช้างกระบี่ พาแม่ไปอยู่ด้วยที่บ้านพักของ รพ. ดูแลแม่ด้วย รักษาช้างด้วย โบว์ดูแลแม่คนเดียว เช้ามา ทำกับข้าวก่อน บางทีแม่เป็นอัลไซเมอร์หนักๆ ปุ๊บ อึฉี่เรี่ยราดแล้ว ต้องเก็บ หรือเปิดน้ำท่วมบ้านแล้ว เช้ามา โห น้ำ บ้านหรือทะเล คือแม่เปิดน้ำทิ้งไว้ ท่วมบ้านแล้ว นี่คือสิ่งที่โบว์ต้องจัดการในทุกเช้า และหลังๆ มา ก็รู้สึกว่าแม่ไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ เหมือนกับเราไปทำงานไม่ได้เลย เขาอาจจะเปิดน้ำอีก หรือเขาอาจเกิดอันตราย เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้โบว์ลาออกจาก รพ.ช้าง” หมอโบว์ตัดสินใจลาออกจาก รพ.ช้างกระบี่หลังทำงานได้ 5 ปี ก่อนพาแม่กลับมาดูแลที่บ้านที่ จ.ภูเก็ต ถึงวันนี้เกือบ 2 ปีแล้วที่หมอโบว์พยายามดูแลแม่อย่างดีที่สุด ควบคู่กับการเป็นหมอช้างจิตอาสาที่พร้อมรักษาช้างฟรีทั่วภาคใต้ “(ถาม-ตอนนี้อาการแม่เป็นยังไงบ้าง?) คุยไม่รู้เรื่อง อ้อแอเหมือนเด็กเลย เดินได้น้อยลง เดินได้ไม่กี่ก้าวก็จะนั่ง ทำกิจวัตรไม่ได้ ต้องทำให้ตลอด แต่เรื่องกิน แม่ชอบ กินง่าย สุขภาพแข็งแรงดี ยกเว้นความจำ (ถาม-ตอนนี้หมอบริหารเวลายังไงกับการดูแลแม่และรักษาช้าง?) ถ้าโบว์อยู่บ้าน โบว์จะดูแลแม่เอง แต่ถ้าต้องออกไปรักษาช้าง จะมีพี่เลี้ยงคอยดูแล” การเป็นหมอรักษาช้างโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ทำให้หมอโบว์ต้องผลิตสินค้าช่วยช้างขึ้นมาจำหน่ายเพื่อหารายได้มารักษาช้างฟรี เช่น เสื้อยืด หมวก ถุงผ้า “ด้วยความที่เรามีฐานแฟนคลับอยู่แล้วจากโซเชียลมีเดีย โบว์เลยเอาสินค้าขึ้นมาขาย เป็นของที่ระลึก สินค้านี้ถ้าคุณได้ซื้อไป คุณจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการที่จะสนับสนุนพวกน้ำเกลือค่ายาให้กับช้าง แต่ถามว่า โบว์มีรายได้ไหมทุกวันนี้ โบว์มีรายได้จากการทำอย่างอื่น เช่น เป็นอินฟลูเอนเซอร์ รีวิวสินค้า เพราะโบว์มีโซเชียลมีเดียที่มีผู้ติดตามค่อนข้างมาก เลยทำให้โบว์สามารถมีรายได้ตรงนี้มาจุนเจือครอบครัว ดูแลแม่ได้” ถึงวันนี้ 7 ปีแล้วที่หมอโบว์ได้ให้การรักษาช้างป่วยนับพันเชือก ซึ่งล่าสุด หมอโบว์ยังได้ช่วยรักษาช้างป่วย ช้างชรา ช้างพิการ ในปางช้างที่ จ.ภูเก็ต (Phuket Elephant Sanctuary) ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็น รพ.ที่ดูแลช้างฟรีอีกด้วย “รู้สึกว่า ถ้าเราได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือบั้นปลายชีวิตของช้าง จะเป็นอะไรที่ดีมากๆ เหมือนกับที่เราได้ดูแลแม่ในวัยชราเหมือนกัน ชีวิตตอนนี้มีความสุขมาก สุขจากการที่เราได้อยู่กับสิ่งที่เรารักทั้ง 2 สิ่ง คือแม่และช้าง เป็นความสุขที่สุดแล้ว” ขณะที่ “กาญจน์ณฐาน์ ธรรมวนาสินทร์” ผู้จัดการปางช้าง Following Giants Krabi ที่หมอโบว์เคยเดินทางไปรักษาช้างฟรี พูดถึงความประทับใจที่มีต่อหมอโบว์ว่า “รู้สึกขอบคุณที่มีหมอแบบนี้ดูแลช้าง อยากให้มีเยอะๆ เพราะบางเคสต้องเร่งด่วน บางทีหมอโบว์ก็แยกร่างไม่ทัน เราอยากได้หมอโบว์สัก 20 คนในประเทศ อยากให้หมอโบว์ทำอย่างนี้ต่อไป ทุกคนต้องการหมอโบว์” ติดตามเรื่องราวของหมอโบว์ ลูกกตัญญูและนางฟ้าใจบุญรักษาช้างฟรีได้ ในรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “หมอโบว์...นางฟ้าใจบุญ” วันเสาร์ที่ 19 เมษายน 2568 เวลา 11.30-12.00 น. ทาง NEWS1 (กล่อง IPTV ของ NT ช่อง 64 / กล่อง AIS Play Box ช่อง 615 / กล่อง True ID ช่อง 19) และเฟซบุ๊ก / ยูทูบ / ติ๊กต็อก : ฅนจริงใจไม่ท้อ (หากท่านใดต้องการอุดหนุนสินค้าช่วยช้าง เพื่อสนับสนุนและเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาช้างฟรีของหมอโบว์ ติดต่อได้ที่เฟซบุ๊ก “หมอโบว์” หรือติ๊กต็อก “หมอโบว์ รักษาช้าง”) #หมอโบว์ #หมอโบว์รักษาช้าง #รักษาช้างฟรี #หมอตัวเล็กกับคนไข้ตัวใหญ่ #นางฟ้าใจบุญ #ลูกกตัญญู
    0 Comments 0 Shares 387 Views 0 Reviews
  • นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทวิทยา และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้ออกมาโพสต์ข้อความแสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์การลาออกของแพทย์ในประเทศไทย โดยระบุว่าระบบสาธารณสุขไทยกำลังเผชิญปัญหาหนัก และบุคลากรทางการแพทย์ทุกระดับ ตั้งแต่แพทย์ พยาบาล เภสัชกร เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ไปจนถึงเจ้าหน้าที่เวรเปล กำลังแบกรับภาระงานที่เพิ่มขึ้นโดยไม่ได้รับการสนับสนุนที่เพียงพอ

    วันนี้ (16 เม.ย.) นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทวิทยา และสมาชิกวุฒิสภาออกมาโพสต์ข้อความแสดงความกังวลเกี่ยวกับปัญหาแพทย์ลาออก ชี้ระบบสาธารณสุขไทยกำลังมีปัญหา บุคลากรทางการแพทย์ทุกระดับกำลังเผชิญภาระงานที่หนักขึ้นโดยไม่ได้รับการสนับสนุนที่เพียงพอ โดยเฉพาะแพทย์กำลังลาออกเนื่องจากปัญหาเรื่องการเงิน ระบบที่ไม่เห็นคุณค่า ภาระงานที่มากเกินไป และนโยบายที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง หากไม่เร่งแก้ไข ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์จะรุนแรงขึ้นจนส่งผลกระทบต่อการรักษาผู้ป่วยในที่สุด ผู้โพสต์ในฐานะแพทย์และวุฒิสมาชิกยืนยันที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาเหล่านี้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000035970

    #MGROnline #แพทย์ #สมาชิกวุฒิสภา
    นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทวิทยา และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้ออกมาโพสต์ข้อความแสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์การลาออกของแพทย์ในประเทศไทย โดยระบุว่าระบบสาธารณสุขไทยกำลังเผชิญปัญหาหนัก และบุคลากรทางการแพทย์ทุกระดับ ตั้งแต่แพทย์ พยาบาล เภสัชกร เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ไปจนถึงเจ้าหน้าที่เวรเปล กำลังแบกรับภาระงานที่เพิ่มขึ้นโดยไม่ได้รับการสนับสนุนที่เพียงพอ • วันนี้ (16 เม.ย.) นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทวิทยา และสมาชิกวุฒิสภาออกมาโพสต์ข้อความแสดงความกังวลเกี่ยวกับปัญหาแพทย์ลาออก ชี้ระบบสาธารณสุขไทยกำลังมีปัญหา บุคลากรทางการแพทย์ทุกระดับกำลังเผชิญภาระงานที่หนักขึ้นโดยไม่ได้รับการสนับสนุนที่เพียงพอ โดยเฉพาะแพทย์กำลังลาออกเนื่องจากปัญหาเรื่องการเงิน ระบบที่ไม่เห็นคุณค่า ภาระงานที่มากเกินไป และนโยบายที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง หากไม่เร่งแก้ไข ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์จะรุนแรงขึ้นจนส่งผลกระทบต่อการรักษาผู้ป่วยในที่สุด ผู้โพสต์ในฐานะแพทย์และวุฒิสมาชิกยืนยันที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000035970 • #MGROnline #แพทย์ #สมาชิกวุฒิสภา
    0 Comments 0 Shares 293 Views 0 Reviews
  • นักวิทยาศาสตร์จาก University of Massachusetts Amherst ได้พัฒนาเทคนิคใหม่สำหรับ การจัดตำแหน่งชิปในระดับอะตอม โดยใช้ เลเซอร์และ metalenses ซึ่งอาจช่วยลดต้นทุนการผลิตชิปและเพิ่มความแม่นยำในการจัดวางชั้นของเซมิคอนดักเตอร์

    ✅ เทคนิคใหม่ใช้เลเซอร์และ metalenses เพื่อจัดตำแหน่งชิป
    - เมื่อเลเซอร์ฉายลงบน metalenses จะเกิด รูปแบบการรบกวนแบบโฮโลกราฟิก
    - นักวิจัยสามารถวิเคราะห์รูปแบบเหล่านี้เพื่อวัด การเยื้องศูนย์ของชั้นชิปในทุกแกน

    ✅ ความแม่นยำสูงกว่าระบบเดิม
    - สามารถตรวจจับ การเยื้องศูนย์ด้านข้างได้ถึง 0.017 นาโนเมตร และ การเยื้องศูนย์แนวตั้งได้ถึง 0.134 นาโนเมตร
    - แม่นยำกว่าระบบ optical metrology ที่ใช้ในปัจจุบัน ซึ่งมีข้อจำกัดที่ 2-2.5 นาโนเมตร

    ✅ ผลกระทบต่อการผลิตชิปและการออกแบบ 3D chiplet
    - ช่วยลดข้อผิดพลาดในการจัดตำแหน่งชั้นของชิปที่ต้องผ่าน กว่า 4,000 ขั้นตอนการผลิต
    - อาจช่วยให้การออกแบบ multi-chiplet 3D มีความแม่นยำมากขึ้น

    ✅ การใช้งานนอกเหนือจากอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    - เทคโนโลยีนี้สามารถใช้ตรวจจับ การเคลื่อนที่ของพื้นผิวจากแรงกดหรือการสั่นสะเทือน
    - อาจนำไปใช้ใน การตรวจสอบสิ่งแวดล้อม, การวิเคราะห์อุตสาหกรรม และการวินิจฉัยทางชีวการแพทย์

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/atomic-scale-chip-alignment-laser-holograms-could-set-new-standard-for-3d-semiconductor-overlay-accuracy
    นักวิทยาศาสตร์จาก University of Massachusetts Amherst ได้พัฒนาเทคนิคใหม่สำหรับ การจัดตำแหน่งชิปในระดับอะตอม โดยใช้ เลเซอร์และ metalenses ซึ่งอาจช่วยลดต้นทุนการผลิตชิปและเพิ่มความแม่นยำในการจัดวางชั้นของเซมิคอนดักเตอร์ ✅ เทคนิคใหม่ใช้เลเซอร์และ metalenses เพื่อจัดตำแหน่งชิป - เมื่อเลเซอร์ฉายลงบน metalenses จะเกิด รูปแบบการรบกวนแบบโฮโลกราฟิก - นักวิจัยสามารถวิเคราะห์รูปแบบเหล่านี้เพื่อวัด การเยื้องศูนย์ของชั้นชิปในทุกแกน ✅ ความแม่นยำสูงกว่าระบบเดิม - สามารถตรวจจับ การเยื้องศูนย์ด้านข้างได้ถึง 0.017 นาโนเมตร และ การเยื้องศูนย์แนวตั้งได้ถึง 0.134 นาโนเมตร - แม่นยำกว่าระบบ optical metrology ที่ใช้ในปัจจุบัน ซึ่งมีข้อจำกัดที่ 2-2.5 นาโนเมตร ✅ ผลกระทบต่อการผลิตชิปและการออกแบบ 3D chiplet - ช่วยลดข้อผิดพลาดในการจัดตำแหน่งชั้นของชิปที่ต้องผ่าน กว่า 4,000 ขั้นตอนการผลิต - อาจช่วยให้การออกแบบ multi-chiplet 3D มีความแม่นยำมากขึ้น ✅ การใช้งานนอกเหนือจากอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ - เทคโนโลยีนี้สามารถใช้ตรวจจับ การเคลื่อนที่ของพื้นผิวจากแรงกดหรือการสั่นสะเทือน - อาจนำไปใช้ใน การตรวจสอบสิ่งแวดล้อม, การวิเคราะห์อุตสาหกรรม และการวินิจฉัยทางชีวการแพทย์ https://www.tomshardware.com/tech-industry/atomic-scale-chip-alignment-laser-holograms-could-set-new-standard-for-3d-semiconductor-overlay-accuracy
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Atomic-scale chip alignment: Laser holograms could set new standard for 3D semiconductor overlay accuracy
    Tech could lower manufacturing costs by simplifying one of the most complex steps in chip production and 3D chip integration.
    0 Comments 0 Shares 199 Views 0 Reviews
  • ..คนไทยต้องตื่น เหมือนตื่นเล่นสงกรานต์จริงๆนะ ทั่วไทยเลย แชร์ต่อๆกันไปนะครับที่เข้ามาเห็น มาอ่านดูข่าวนี้.

    หมอดื้อ :-

    📢🚩 สนธิสัญญาองค์การอนามัยโลก ถ้ายอมรับสั่งอย่างไรต้องทำตาม เอาเช่นนั้นหรือ
    ________________________________________________________________________________

    คนไทยต้อง ทราบขณะนี้ ถ้าทำตามสั่งคือความเสียหาย เรียกร้องจากองค์การอนามัยโลกไม่ได้ ว่าถือว่ายอมไปแล้ว

    ช่วยกันกระจายข่าวไปให้ได้มากที่สุด เพื่อให้คนไทยรับทราบ ว่ากระทรวงสาธารณสุขกำลังจะทำอะไรคนไทยครับ

    องค์การอนามัยโลกยื่นสนธิสัญญา WHO treaty มาให้ประเทศต่างๆ ยอมรับและเซ็นสัญญา หลังจากที่ถูกคัดค้านอย่างหนักมาในรอบแรก

    ● รอบนี้เดือนเมษายน 2025 กระทรวงสาธารณสุข อาจจะมีแนวโน้มทำตามองค์การอนามัยโลกทุกอย่าง
    นั่นหมายความว่า องค์การอนามัยโลกสามารถบงการได้ทุกสิ่งอย่าง

    ● สามารถประกาศให้โรคอะไรก็ตาม ที่แม้ยังไม่มีความเสี่ยงชัดเจน กลายเป็นโรคระบาด และเริ่มเห็นแล้วในกรณีของฝีดาษลิง ที่ให้ข่าวทั่วโลก ว่าจะเกิดระบาดแน่ และมีวัคซีนฝีดาษลิงออกมา แต่ในที่สุด ไม่สำเร็จที่จะบังคับให้คนทั้งโลกฉีดอีกครั้ง วัคซีนฝีดาษลิง มีผลข้างเคียงกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเช่นกัน

    ● และในปัจจุบันคือเรื่องไข้หวัดนก โดยที่มีการพัฒนา mRNA วัคซีน จากกลุ่มเดิมที่ทำวัคซีนโควิด และได้รับทุนสนับสนุนจากกลุ่มเดิม ทั้ง NIH BARDA และถ้าร่วมอยู่ในภาคีสนธิสัญญานี้ อาจจะลงเอยที่ทุกคนต้องได้รับวัคซีน ทั้งๆที่ mRNA เทคโนโลยีเป็นของเดิม และไม่มีข้อพิสูจน์ว่าปลอดภัยกว่าที่ผ่านมา โดยผู้เสียชีวิตและพิการ ต่างถูกปฏิเสธจากรัฐบาลในประเทศต่างๆ กระทั่งในสหรัฐอเมริกาเอง มีหลายมลรัฐที่ยื่นฟ้อง เฟาซี และพวก 12 คน และหน่วยงานของรัฐ ที่บังคับให้ฉีดวัคซีน โดยเป็นข้อหาอาชญากรรม ประทุษร้ายต่อชีวิตเป็นต้น

    🇹🇭 การคัดค้านสนธิสัญญานี้ โดยกลุ่มคนไทย แพทย์และนักวิทยาศาสตร์ รวมทั้ง เครือข่ายสมาพันธ์ชาวนา สี่ถึง 50,000 ราย
    เกรงว่าในช่วงสงกรานต์นี้ กระทรวงสาธารณสุขอาจจะดำเนินการเอง และหมายความว่า ไม่ใช่แต่เพียงเรื่องของการต้องฉีดวัคซีนตามสั่ง แต่ต้องทำการกักกันออกจากบ้าน การเดินทาง ต้องมีพาสปอร์ตวัคซีน ไม่สามารถเรียกร้องความเสียหายจากวัคซีน และยาต้องเป็นไปตามสั่ง ไม่สามารถใช้ยาอื่น ที่ทราบว่ามีคุณสมบัติในการต่อต้าน และรักษาไวรัสนี้ได้ ทั้งนี้ยังรวมถึงสมุนไพรต่างๆ ที่ประเทศไทยมีอยู่แล้ว และได้รับการพิสูจน์ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์แล้วด้วย

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข
    และ ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต

    https://www.rookon.com/?p=696 กรณีมีคนจะร่วมลงชื่อเพิ่มครับ

    https://www.facebook.com/share/1DJ8XxPqN8/

    คัดค้าน WHO 24 พฤษภาคม 2567
    https://www.facebook.com/share/p/1BDG459tAu/
    ..คนไทยต้องตื่น เหมือนตื่นเล่นสงกรานต์จริงๆนะ ทั่วไทยเลย แชร์ต่อๆกันไปนะครับที่เข้ามาเห็น มาอ่านดูข่าวนี้. หมอดื้อ :- 📢🚩 สนธิสัญญาองค์การอนามัยโลก ถ้ายอมรับสั่งอย่างไรต้องทำตาม เอาเช่นนั้นหรือ ________________________________________________________________________________ คนไทยต้อง ทราบขณะนี้ ถ้าทำตามสั่งคือความเสียหาย เรียกร้องจากองค์การอนามัยโลกไม่ได้ ว่าถือว่ายอมไปแล้ว ช่วยกันกระจายข่าวไปให้ได้มากที่สุด เพื่อให้คนไทยรับทราบ ว่ากระทรวงสาธารณสุขกำลังจะทำอะไรคนไทยครับ องค์การอนามัยโลกยื่นสนธิสัญญา WHO treaty มาให้ประเทศต่างๆ ยอมรับและเซ็นสัญญา หลังจากที่ถูกคัดค้านอย่างหนักมาในรอบแรก ● รอบนี้เดือนเมษายน 2025 กระทรวงสาธารณสุข อาจจะมีแนวโน้มทำตามองค์การอนามัยโลกทุกอย่าง นั่นหมายความว่า องค์การอนามัยโลกสามารถบงการได้ทุกสิ่งอย่าง ● สามารถประกาศให้โรคอะไรก็ตาม ที่แม้ยังไม่มีความเสี่ยงชัดเจน กลายเป็นโรคระบาด และเริ่มเห็นแล้วในกรณีของฝีดาษลิง ที่ให้ข่าวทั่วโลก ว่าจะเกิดระบาดแน่ และมีวัคซีนฝีดาษลิงออกมา แต่ในที่สุด ไม่สำเร็จที่จะบังคับให้คนทั้งโลกฉีดอีกครั้ง วัคซีนฝีดาษลิง มีผลข้างเคียงกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเช่นกัน ● และในปัจจุบันคือเรื่องไข้หวัดนก โดยที่มีการพัฒนา mRNA วัคซีน จากกลุ่มเดิมที่ทำวัคซีนโควิด และได้รับทุนสนับสนุนจากกลุ่มเดิม ทั้ง NIH BARDA และถ้าร่วมอยู่ในภาคีสนธิสัญญานี้ อาจจะลงเอยที่ทุกคนต้องได้รับวัคซีน ทั้งๆที่ mRNA เทคโนโลยีเป็นของเดิม และไม่มีข้อพิสูจน์ว่าปลอดภัยกว่าที่ผ่านมา โดยผู้เสียชีวิตและพิการ ต่างถูกปฏิเสธจากรัฐบาลในประเทศต่างๆ กระทั่งในสหรัฐอเมริกาเอง มีหลายมลรัฐที่ยื่นฟ้อง เฟาซี และพวก 12 คน และหน่วยงานของรัฐ ที่บังคับให้ฉีดวัคซีน โดยเป็นข้อหาอาชญากรรม ประทุษร้ายต่อชีวิตเป็นต้น 🇹🇭 การคัดค้านสนธิสัญญานี้ โดยกลุ่มคนไทย แพทย์และนักวิทยาศาสตร์ รวมทั้ง เครือข่ายสมาพันธ์ชาวนา สี่ถึง 50,000 ราย เกรงว่าในช่วงสงกรานต์นี้ กระทรวงสาธารณสุขอาจจะดำเนินการเอง และหมายความว่า ไม่ใช่แต่เพียงเรื่องของการต้องฉีดวัคซีนตามสั่ง แต่ต้องทำการกักกันออกจากบ้าน การเดินทาง ต้องมีพาสปอร์ตวัคซีน ไม่สามารถเรียกร้องความเสียหายจากวัคซีน และยาต้องเป็นไปตามสั่ง ไม่สามารถใช้ยาอื่น ที่ทราบว่ามีคุณสมบัติในการต่อต้าน และรักษาไวรัสนี้ได้ ทั้งนี้ยังรวมถึงสมุนไพรต่างๆ ที่ประเทศไทยมีอยู่แล้ว และได้รับการพิสูจน์ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์แล้วด้วย ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข และ ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต https://www.rookon.com/?p=696 กรณีมีคนจะร่วมลงชื่อเพิ่มครับ https://www.facebook.com/share/1DJ8XxPqN8/ คัดค้าน WHO 24 พฤษภาคม 2567 https://www.facebook.com/share/p/1BDG459tAu/
    0 Comments 0 Shares 338 Views 0 Reviews
  • **นิยายเรื่อง *The Seven Heirs: Bonds of the Compass*

    ### **Prologue: เงามรณะบนพิธีกรรม
    **สถานที่ : วิหารลับใต้ภูเขาหลวงพระบาง, ลาว**
    **เวลา : 1632 ปีก่อน**

    หมอกควันพิษสีม่วงคลุ้งรอบแท่นบูชาหิน บรรพบุรุษแห่ง 7 ตระกูลยืนเป็นวงกลมรอบ **"ดวงแก้วจตุรภุช"** แสงแก้วสะท้อนภาพหญิงสาวในชุดขาวถูกมัดไว้กลางแท่น—เธอคือ **หยวนเยี่ยน** หญิงร่างวิญญาณอมตะ

    **"เลือดบริสุทธิ์ของเธอจะผนึกคำสาปให้เราชั่วนิรันดร์!"** หัวหน้าตระกูลหลงร้องประกาศ แต่แล้วดวงแก้วก็ระเบิดเป็นแสงวาบวับ ภาพสุดท้ายที่ทุกคนเห็นคือหยวนเยี่ยนยิ้มอย่างเศร้าสร้อย ก่อนวิญญาณทั้งหมดถูกดูดเข้าไปในประตูมิติ...

    ---

    ### **ตอนที่ 1 : เสี้ยวผลึกแก้วแห่งโชคชะตา**
    **สถานที่ : ปักกิ่ง, จีน**
    **เวลา : ปัจจุบัน - 3 วันหลังพิธีล่มสลาย**

    **หลงเหมย** ฝันเห็นแม่ตาบอดส่งเสียงร้องในความมืด เธอตื่นขึ้นมาในห้องแล็บใต้ดินของตระกูลหลง ที่แขนขวาถูกติดตั้งท่อส่งเลือดสีม่วงเชื่อมกับ **หลงเจี้ยน**

    **"เลือดของฉันมีพิษ...พี่จะตายเพราะช่วยฉัน!"** เหมยพยายามดึงสายยางออก
    เจี้ยนจับมือเธอไว้แน่น : **"นี่คือคำขอโทษ...สำหรับเรื่องที่พี่ทำกับหยวนเยี่ยน"**

    บนจอคอมพิวเตอร์ ภาพแผนที่ 7 ทิศเริ่มเชื่อมโยงกัน แสดงตำแหน่ง **"ผอบศิลาทิศเหนือ"** ซ่อนอยู่ใน **ห้องอ่านหนังสือต้องห้าม** ของพระราชวังโบราณ แต่แล้วสัญญาณก็ถูกขัดจังหวะด้วยข้อความจาก **อสรพิษดำ*(blakeMemba)
    *"ม้ามืดคือผู้อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง...และเธอไว้ใจเขา!"*

    ---

    ### **ตอนที่ 2 : ดาบสลักรักที่เกียวโต**
    **สถานที่ : ปราสาทนินจาลับ, เกียวโต**
    **เวลา : ฤดูร้อนคืนจันทร์เสี้ยว**

    **ทาเคดะ ฮารุโตะ** ฝึกดาบกับเงาสีแดงที่ปรากฏในกระจก ทุกครั้งที่ฟันถูกต้อง เงาจะกลายเป็นภาพ **ซากุระ** น้องสาวตัวเองที่ถูกแทงกลางใจ

    **"หยุดเล่นละครเสียที!"** ซากุระกระโจนเข้ามาหยุดพี่ชาย พร้อมชูสมุดภาพวาดโบราณที่เพิ่งขโมยมาได้ : **"ดูสิ...ราชปุตกับทาเคดะเคยเป็นพันธมิตร!"**

    ภาพในสมุดแสดงพิธี **"สละสายเลือด"** เมื่อ 500 ปีก่อน หญิงชาวอินเดียในชุดกิโมโนกำลังตัดเส้นเลือดบนแขนสองเด็กชาย—ฮารุโตะจำได้ทันทีว่านั้นคือแม่ของเขา!

    ทันใดนั้น กระจกทุกบานในห้องแตกเป็นเสี่ยงๆ **วีร ราชปุต** ปรากฏตัวพร้อมปืนจ่อมาที่หัวฮารุโตะ :
    *"ยอมแพ้...หรืออยากรู้ความจริงว่าทำไมเลือดเราจึงดึงดูดกัน?"*

    ---

    ### **ตอนที่ 3 : ไฟใต้ธุลีวงเวียน**
    **สถานที่ : ตลาดเครื่องเทศมุมไบ, อินเดีย**
    **เวลา : ตอนเที่ยงวันที่แดดร้อนแรงที่สุด**

    **เดีย วิชายา** ซ่อนตัวอยู่หลังรถบรรทุกเครื่องเทศ ตามหาพยานหลักฐานที่เชื่อมโยง **อานยา** น้องสาวกับองค์กรอสรพิษดำ(blakeMemba) เธอใช้กล้องส่องเห็น **อานยา** กำลังเจาะห้องนิรภัยในตึกระฟ้า

    **"นั่นไม่ใช่น้องฉัน..."** เดียกระซิบด้วยความหวาดหวั่นเมื่อเห็นอานยาฉีดสารสีดำเข้าหลอดเลือดตัวเอง ก่อนที่ร่างเธอจะบิดเบี้ยวเหมือนงูยักษ์

    เดียรีบส่งข้อมูลให้ **อาริ** พี่ชายในบาหลี แต่กลับถูกจับกุมโดย **เหงียนล็อง** สถาปนิกหนุ่มผู้ถือพิมพ์เขียวประหลาด :
    *"คุณคือตัวเชื่อม...แผนที่ทุกอันชี้มาที่คุณ!"*

    ---

    ### **ตอนที่ 4 : ศึกสายฟ้าในสายฝน**
    **สถานที่ : เกาะภูเขาไฟบาหลี, อินโดนีเซีย**
    **เวลา : ขณะภูเขาไฟเริ่มคำรามปะทุ**

    **อาริ วิชายา** ต่อสู้กับปีศาจุตนุคลายเต่าตัวขนาดใหญ่มีเกล็ดแขงปกคลุมทั่วตัวที่หลุดมาจากพิธีกรรมโบราณ เขาใช้มีดกรีดแขนตัวเองให้เลือดไหลลงลาวา :
    *"กินฉันไป...แต่ปล่อยน้องสาวฉันด้วย!"*

    ปีศาจตนุหัวเราะคราง : *"มนุษย์จอมปลอม...เจ้าคือลูกหลานของข้าเอง!"*
    ภาพหลอนแสดงให้อาริเห็นว่า เขาคือทายาทรุ่นที่ 100 ของการผสมพันธุ์ระหว่างมนุษย์กับปีศาจ

    ท่ามกลางความสับสน **เหงียนลาน** ปรากฏตัวพร้อมกระทะไฟ :
    *"ช่วยกันทำอาหารปราบปีศาจศักดิ์สิทธิ์ไหม? สูตรนี้ต้องใช้เลือดคนรักแท้...ซึ่งเราทั้งคู่ไม่มี!"*

    ---

    ### **ตอนที่ 5 : เพลงคำสาปในวงวัตธจักรโคจร**
    **สถานที่ : ห้องสตูดิโอใต้ดินโซล, เกาหลีใต้**
    **เวลา : ตอนเที่ยงคืนตรง**

    **คิมจีอู** กำลังอัดเพลงลับ *"Starlight Requiem"** ในห้องซาวด์พรูฟที่เต็มไปด้วยเครื่องมือแพทย์ **แทฮยอน** นั่งเฝ้าอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่แฮ็กข้อมูลจากดาวเทียม

    **"Oppa...ฉันได้ยินเสียงแม่ในไมโครโฟน"** จีอูสะอื้นขณะเสียงประสานหลอนเริ่มดังขึ้น
    แทฮยอนสแกนคลื่นเสียงแล้วตกใจ : **"นี่ไม่ใช่เสียงแม่...มันเป็นคำสาปจากผลึกดวงแก้ว!"**

    จอคอมพิวเตอร์ระเบิดเป็นไฟสีคราม **อสรพิษดำ**(bmb) บุกเข้ามาพร้อมประกาศ :
    *"เราจะใช้เพลงนี้เปิดประตูมิติ...และนางจะตายในวันที่เสียงเพลงจบลง!"*

    ---

    ### **ตอนที่ 6 : ระบำไฟแห่งอาถรรพณ์**
    **สถานที่ : เรือนแพกลางแม่น้ำเจ้าพระยา, ไทย**
    **เวลา : งานสงกรานต์**

    **ณัฐ ศรีสุวรรณ** ต่อสู้กับนักมวยปริศนาบนสะพานเรือ ทุกหมัดที่ต่อยโดนทำให้เขามองเห็นภาพ **พิมพ์ลดา** น้องสาวกำลังเต้นระบำหน้ากากกลางไฟ

    **"นี่ไม่ใช่การต่อสู้...แต่เป็นการเซ่นสังเวย!"** ณัฐตะโกนขณะรอยสักนาคราชลุกเป็นไฟ
    เขาใช้หมัดสุดท้ายทุบแท่นบูชา จนชิ้นแก้วทิศใต้หลุดออกมา—แต่กลับพบศพ **เดีย วิชายา** ถูกมัดไว้ใต้แท่น!

    พิมพ์ลดาปรากฏตัวในร่างเทพธิดา :
    *"เลือกเถิด...ระหว่างชีวิตนาง กับพลังปราบอสรพิษ?"*

    ---

    ### **ตอนที่ 7 : จุดชนวนอรุณกรรม**
    **สถานที่ : ยอดเขาหลวงพระบาง**
    **เวลา : รุ่งสางวันที่ดวงอาทิตย์อ่อนแสง

    ทุกตระกูลมาบรรจบกันที่ปล่องไฟโบราณ **เหงียนล็อง** ต่อจิ๊กซอว์ชิ้นผลึกแก้วจนสมบูรณ์ แต่กลับพบว่าต้องการ **"เลือดบริสุทธิ์ 7 หยดจากผู้มีรักแท้"**

    - **เจี้ยนกับหยวนเยี่ยน** : แม้เป็นศัตรูแต่เลือดกลับเข้ากัน
    - **ฮารุโตะกับวีร** : พี่น้องต่างมารดาที่เกลียดชังกัน
    - **จีอูกับแทฮยอน** : ความรักพี่น้องที่เกินขอบเขต
    - **ณัฐกับพิมพ์ลดา** : รักที่ถูกสาปให้เป็นสายเลือด
    - **ล็องกับลาน** : ผู้เห็นความฝันร้ายของกันและกัน

    เมื่อเลือดหยดสุดท้ายถูกเติมเต็ม **ประตูมิติวิญญาณ** เปิดออก เผยให้เห็น **หยวนเยี่ยนตัวจริง** ที่ถูกกักขังมานับพันปี :
    *"ขอบคุณ...ที่ทำให้ฉันได้ตายอย่างมนุษย์คนหนึ่งเสียที*

    ---

    ### **Epilogue: สายลมใหม่แห่งเอเชีย**
    **1 ปีต่อมา**
    - **เจี้ยน** เปิดโรงเรียนสอนแพทย์แผนโบราณที่ปักกิ่ง โดยมี **เหมย** เป็นผู้ช่วย
    - **ฮารุโตะกับวีร** ร่วมกันสร้างพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ตระกูลที่เกียวโต
    - **จีอู** กลายเป็นครูสอนดนตรีให้เด็กด้อยโอกาส โดยมี **แทฮยอน** คอยปกป้อง
    - **ณัฐ** สร้างคณะระบำหน้ากากที่ใช้การเต้นรักษาคำสาป
    - **ล็องกับลาน** ค้นพบสูตรอาหารที่ช่วยลบความฝันร้าย

    บนยอดเขาหลวงพระบาง **ดวงแก้วจตุรภุช** ถูกแปรสภาพเป็นอนุสาวรีย์แก้วสีรุ้ง ที่ฐานเขียนไว้ว่า :
    *"ชะตากรรมไม่ใช่สิ่งที่กำหนดไว้...แต่คือสิ่งที่เราเลือกจะเชื่อ"*

    ---

    **Preview ตอนต่อไป :**
    - ความลับสุดท้ายของ "ม้ามืด" ที่แฝงตัวใน 7 ตระกูล
    - การกลับมาของพลังปีศาจตนุในร่างใหม่
    - ความสัมพันธ์ลึกลับระหว่างพิมพ์ลดากับจีอูข้ามชาติภพ...
    **นิยายเรื่อง *The Seven Heirs: Bonds of the Compass* ### **Prologue: เงามรณะบนพิธีกรรม **สถานที่ : วิหารลับใต้ภูเขาหลวงพระบาง, ลาว** **เวลา : 1632 ปีก่อน** หมอกควันพิษสีม่วงคลุ้งรอบแท่นบูชาหิน บรรพบุรุษแห่ง 7 ตระกูลยืนเป็นวงกลมรอบ **"ดวงแก้วจตุรภุช"** แสงแก้วสะท้อนภาพหญิงสาวในชุดขาวถูกมัดไว้กลางแท่น—เธอคือ **หยวนเยี่ยน** หญิงร่างวิญญาณอมตะ **"เลือดบริสุทธิ์ของเธอจะผนึกคำสาปให้เราชั่วนิรันดร์!"** หัวหน้าตระกูลหลงร้องประกาศ แต่แล้วดวงแก้วก็ระเบิดเป็นแสงวาบวับ ภาพสุดท้ายที่ทุกคนเห็นคือหยวนเยี่ยนยิ้มอย่างเศร้าสร้อย ก่อนวิญญาณทั้งหมดถูกดูดเข้าไปในประตูมิติ... --- ### **ตอนที่ 1 : เสี้ยวผลึกแก้วแห่งโชคชะตา** **สถานที่ : ปักกิ่ง, จีน** **เวลา : ปัจจุบัน - 3 วันหลังพิธีล่มสลาย** **หลงเหมย** ฝันเห็นแม่ตาบอดส่งเสียงร้องในความมืด เธอตื่นขึ้นมาในห้องแล็บใต้ดินของตระกูลหลง ที่แขนขวาถูกติดตั้งท่อส่งเลือดสีม่วงเชื่อมกับ **หลงเจี้ยน** **"เลือดของฉันมีพิษ...พี่จะตายเพราะช่วยฉัน!"** เหมยพยายามดึงสายยางออก เจี้ยนจับมือเธอไว้แน่น : **"นี่คือคำขอโทษ...สำหรับเรื่องที่พี่ทำกับหยวนเยี่ยน"** บนจอคอมพิวเตอร์ ภาพแผนที่ 7 ทิศเริ่มเชื่อมโยงกัน แสดงตำแหน่ง **"ผอบศิลาทิศเหนือ"** ซ่อนอยู่ใน **ห้องอ่านหนังสือต้องห้าม** ของพระราชวังโบราณ แต่แล้วสัญญาณก็ถูกขัดจังหวะด้วยข้อความจาก **อสรพิษดำ*(blakeMemba) *"ม้ามืดคือผู้อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง...และเธอไว้ใจเขา!"* --- ### **ตอนที่ 2 : ดาบสลักรักที่เกียวโต** **สถานที่ : ปราสาทนินจาลับ, เกียวโต** **เวลา : ฤดูร้อนคืนจันทร์เสี้ยว** **ทาเคดะ ฮารุโตะ** ฝึกดาบกับเงาสีแดงที่ปรากฏในกระจก ทุกครั้งที่ฟันถูกต้อง เงาจะกลายเป็นภาพ **ซากุระ** น้องสาวตัวเองที่ถูกแทงกลางใจ **"หยุดเล่นละครเสียที!"** ซากุระกระโจนเข้ามาหยุดพี่ชาย พร้อมชูสมุดภาพวาดโบราณที่เพิ่งขโมยมาได้ : **"ดูสิ...ราชปุตกับทาเคดะเคยเป็นพันธมิตร!"** ภาพในสมุดแสดงพิธี **"สละสายเลือด"** เมื่อ 500 ปีก่อน หญิงชาวอินเดียในชุดกิโมโนกำลังตัดเส้นเลือดบนแขนสองเด็กชาย—ฮารุโตะจำได้ทันทีว่านั้นคือแม่ของเขา! ทันใดนั้น กระจกทุกบานในห้องแตกเป็นเสี่ยงๆ **วีร ราชปุต** ปรากฏตัวพร้อมปืนจ่อมาที่หัวฮารุโตะ : *"ยอมแพ้...หรืออยากรู้ความจริงว่าทำไมเลือดเราจึงดึงดูดกัน?"* --- ### **ตอนที่ 3 : ไฟใต้ธุลีวงเวียน** **สถานที่ : ตลาดเครื่องเทศมุมไบ, อินเดีย** **เวลา : ตอนเที่ยงวันที่แดดร้อนแรงที่สุด** **เดีย วิชายา** ซ่อนตัวอยู่หลังรถบรรทุกเครื่องเทศ ตามหาพยานหลักฐานที่เชื่อมโยง **อานยา** น้องสาวกับองค์กรอสรพิษดำ(blakeMemba) เธอใช้กล้องส่องเห็น **อานยา** กำลังเจาะห้องนิรภัยในตึกระฟ้า **"นั่นไม่ใช่น้องฉัน..."** เดียกระซิบด้วยความหวาดหวั่นเมื่อเห็นอานยาฉีดสารสีดำเข้าหลอดเลือดตัวเอง ก่อนที่ร่างเธอจะบิดเบี้ยวเหมือนงูยักษ์ เดียรีบส่งข้อมูลให้ **อาริ** พี่ชายในบาหลี แต่กลับถูกจับกุมโดย **เหงียนล็อง** สถาปนิกหนุ่มผู้ถือพิมพ์เขียวประหลาด : *"คุณคือตัวเชื่อม...แผนที่ทุกอันชี้มาที่คุณ!"* --- ### **ตอนที่ 4 : ศึกสายฟ้าในสายฝน** **สถานที่ : เกาะภูเขาไฟบาหลี, อินโดนีเซีย** **เวลา : ขณะภูเขาไฟเริ่มคำรามปะทุ** **อาริ วิชายา** ต่อสู้กับปีศาจุตนุคลายเต่าตัวขนาดใหญ่มีเกล็ดแขงปกคลุมทั่วตัวที่หลุดมาจากพิธีกรรมโบราณ เขาใช้มีดกรีดแขนตัวเองให้เลือดไหลลงลาวา : *"กินฉันไป...แต่ปล่อยน้องสาวฉันด้วย!"* ปีศาจตนุหัวเราะคราง : *"มนุษย์จอมปลอม...เจ้าคือลูกหลานของข้าเอง!"* ภาพหลอนแสดงให้อาริเห็นว่า เขาคือทายาทรุ่นที่ 100 ของการผสมพันธุ์ระหว่างมนุษย์กับปีศาจ ท่ามกลางความสับสน **เหงียนลาน** ปรากฏตัวพร้อมกระทะไฟ : *"ช่วยกันทำอาหารปราบปีศาจศักดิ์สิทธิ์ไหม? สูตรนี้ต้องใช้เลือดคนรักแท้...ซึ่งเราทั้งคู่ไม่มี!"* --- ### **ตอนที่ 5 : เพลงคำสาปในวงวัตธจักรโคจร** **สถานที่ : ห้องสตูดิโอใต้ดินโซล, เกาหลีใต้** **เวลา : ตอนเที่ยงคืนตรง** **คิมจีอู** กำลังอัดเพลงลับ *"Starlight Requiem"** ในห้องซาวด์พรูฟที่เต็มไปด้วยเครื่องมือแพทย์ **แทฮยอน** นั่งเฝ้าอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่แฮ็กข้อมูลจากดาวเทียม **"Oppa...ฉันได้ยินเสียงแม่ในไมโครโฟน"** จีอูสะอื้นขณะเสียงประสานหลอนเริ่มดังขึ้น แทฮยอนสแกนคลื่นเสียงแล้วตกใจ : **"นี่ไม่ใช่เสียงแม่...มันเป็นคำสาปจากผลึกดวงแก้ว!"** จอคอมพิวเตอร์ระเบิดเป็นไฟสีคราม **อสรพิษดำ**(bmb) บุกเข้ามาพร้อมประกาศ : *"เราจะใช้เพลงนี้เปิดประตูมิติ...และนางจะตายในวันที่เสียงเพลงจบลง!"* --- ### **ตอนที่ 6 : ระบำไฟแห่งอาถรรพณ์** **สถานที่ : เรือนแพกลางแม่น้ำเจ้าพระยา, ไทย** **เวลา : งานสงกรานต์** **ณัฐ ศรีสุวรรณ** ต่อสู้กับนักมวยปริศนาบนสะพานเรือ ทุกหมัดที่ต่อยโดนทำให้เขามองเห็นภาพ **พิมพ์ลดา** น้องสาวกำลังเต้นระบำหน้ากากกลางไฟ **"นี่ไม่ใช่การต่อสู้...แต่เป็นการเซ่นสังเวย!"** ณัฐตะโกนขณะรอยสักนาคราชลุกเป็นไฟ เขาใช้หมัดสุดท้ายทุบแท่นบูชา จนชิ้นแก้วทิศใต้หลุดออกมา—แต่กลับพบศพ **เดีย วิชายา** ถูกมัดไว้ใต้แท่น! พิมพ์ลดาปรากฏตัวในร่างเทพธิดา : *"เลือกเถิด...ระหว่างชีวิตนาง กับพลังปราบอสรพิษ?"* --- ### **ตอนที่ 7 : จุดชนวนอรุณกรรม** **สถานที่ : ยอดเขาหลวงพระบาง** **เวลา : รุ่งสางวันที่ดวงอาทิตย์อ่อนแสง ทุกตระกูลมาบรรจบกันที่ปล่องไฟโบราณ **เหงียนล็อง** ต่อจิ๊กซอว์ชิ้นผลึกแก้วจนสมบูรณ์ แต่กลับพบว่าต้องการ **"เลือดบริสุทธิ์ 7 หยดจากผู้มีรักแท้"** - **เจี้ยนกับหยวนเยี่ยน** : แม้เป็นศัตรูแต่เลือดกลับเข้ากัน - **ฮารุโตะกับวีร** : พี่น้องต่างมารดาที่เกลียดชังกัน - **จีอูกับแทฮยอน** : ความรักพี่น้องที่เกินขอบเขต - **ณัฐกับพิมพ์ลดา** : รักที่ถูกสาปให้เป็นสายเลือด - **ล็องกับลาน** : ผู้เห็นความฝันร้ายของกันและกัน เมื่อเลือดหยดสุดท้ายถูกเติมเต็ม **ประตูมิติวิญญาณ** เปิดออก เผยให้เห็น **หยวนเยี่ยนตัวจริง** ที่ถูกกักขังมานับพันปี : *"ขอบคุณ...ที่ทำให้ฉันได้ตายอย่างมนุษย์คนหนึ่งเสียที* --- ### **Epilogue: สายลมใหม่แห่งเอเชีย** **1 ปีต่อมา** - **เจี้ยน** เปิดโรงเรียนสอนแพทย์แผนโบราณที่ปักกิ่ง โดยมี **เหมย** เป็นผู้ช่วย - **ฮารุโตะกับวีร** ร่วมกันสร้างพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ตระกูลที่เกียวโต - **จีอู** กลายเป็นครูสอนดนตรีให้เด็กด้อยโอกาส โดยมี **แทฮยอน** คอยปกป้อง - **ณัฐ** สร้างคณะระบำหน้ากากที่ใช้การเต้นรักษาคำสาป - **ล็องกับลาน** ค้นพบสูตรอาหารที่ช่วยลบความฝันร้าย บนยอดเขาหลวงพระบาง **ดวงแก้วจตุรภุช** ถูกแปรสภาพเป็นอนุสาวรีย์แก้วสีรุ้ง ที่ฐานเขียนไว้ว่า : *"ชะตากรรมไม่ใช่สิ่งที่กำหนดไว้...แต่คือสิ่งที่เราเลือกจะเชื่อ"* --- **Preview ตอนต่อไป :** - ความลับสุดท้ายของ "ม้ามืด" ที่แฝงตัวใน 7 ตระกูล - การกลับมาของพลังปีศาจตนุในร่างใหม่ - ความสัมพันธ์ลึกลับระหว่างพิมพ์ลดากับจีอูข้ามชาติภพ...
    Yay
    1
    0 Comments 0 Shares 396 Views 0 Reviews
  • นอกจาก “แร่หายาก” 7 ชนิด ที่จีนใช้เป็นอาวุธในการตอบโต้ทรัมป์ จีนยังได้ประกาศยกเลิกการสั่งเนื้อวัวจากสหรัฐ และหันไปซื้อจากออสเตรเลียสูงถึง 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

    แร่หายาก 7 ชนิด ซึ่งจีนผลิตได้ประมาณ 70% ของโลก ถือเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยแร่หายากทั้ง 7 ชนิด ได้แก่:

    👉Samarium (ซาแมเรียม) ใช้ในแม่เหล็ก (magnets), เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ (nuclear reactors), และการรักษามะเร็ง (cancer treatments)

    👉Gadolinium (แกโดลิเนียม) ใช้ในตัวแทนความคมชัดของ MRI (MRI contrast agents), การป้องกันรังสีนิวเคลียร์ (nuclear shielding), และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (electronics)

    👉Terbium (เทอร์เบียม) ใช้ในฟอสเฟอร์ในระบบแสงสว่าง (phosphors in lighting), จอแสดงผล (displays), และการผลิตแม่เหล็ก (magnet production)

    👉Dysprosium (ดิสโพรเซียม) ใช้ในแม่เหล็กประสิทธิภาพสูงสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (high-performance magnets for electric vehicles) และกังหันลม (wind turbines)

    👉Lutetium (ลูทีเซียม) ใช้ในการถ่ายภาพทางการแพทย์ (medical imaging), การรักษามะเร็ง (cancer therapy), และตัวเร่งปฏิกิริยา (catalysts)

    👉Scandium (สแกนเดียม) ใช้ในเพิ่มความแข็งแรงในโลหะผสมอะลูมิเนียมสำหรับการบินและอวกาศ (enhances strength in aluminum alloys for aerospace) และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (electronics)

    👉Yttrium (อิตเทรียม) ใช้ในฟอสเฟอร์ในไฟ LED (phosphors in LEDs), เลเซอร์ (lasers), และตัวนำยิ่งยวด (superconductors)

    นอกจากนี้ จีนเพิ่งลงนามข้อตกลงกับออสเตรเลียในการนำเข้าเนื้อวัวมูลค่า 2,500 ล้านเหรียญ แต่ราคาเนื้อวัวของออสเตรเลียมีราคาแพงกว่าเนื้อวัวที่นำเข้าจากสหรัฐ คงต้องติดตามดูต่อไปว่าจีนจะสามารถรักษาราคาเนื้อวัวในประเทศให้อนู่ในระดับที่ไม่กระทบต่อประชาชนได้หรือไม่
    นอกจาก “แร่หายาก” 7 ชนิด ที่จีนใช้เป็นอาวุธในการตอบโต้ทรัมป์ จีนยังได้ประกาศยกเลิกการสั่งเนื้อวัวจากสหรัฐ และหันไปซื้อจากออสเตรเลียสูงถึง 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แร่หายาก 7 ชนิด ซึ่งจีนผลิตได้ประมาณ 70% ของโลก ถือเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยแร่หายากทั้ง 7 ชนิด ได้แก่: 👉Samarium (ซาแมเรียม) ใช้ในแม่เหล็ก (magnets), เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ (nuclear reactors), และการรักษามะเร็ง (cancer treatments) 👉Gadolinium (แกโดลิเนียม) ใช้ในตัวแทนความคมชัดของ MRI (MRI contrast agents), การป้องกันรังสีนิวเคลียร์ (nuclear shielding), และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (electronics) 👉Terbium (เทอร์เบียม) ใช้ในฟอสเฟอร์ในระบบแสงสว่าง (phosphors in lighting), จอแสดงผล (displays), และการผลิตแม่เหล็ก (magnet production) 👉Dysprosium (ดิสโพรเซียม) ใช้ในแม่เหล็กประสิทธิภาพสูงสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (high-performance magnets for electric vehicles) และกังหันลม (wind turbines) 👉Lutetium (ลูทีเซียม) ใช้ในการถ่ายภาพทางการแพทย์ (medical imaging), การรักษามะเร็ง (cancer therapy), และตัวเร่งปฏิกิริยา (catalysts) 👉Scandium (สแกนเดียม) ใช้ในเพิ่มความแข็งแรงในโลหะผสมอะลูมิเนียมสำหรับการบินและอวกาศ (enhances strength in aluminum alloys for aerospace) และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (electronics) 👉Yttrium (อิตเทรียม) ใช้ในฟอสเฟอร์ในไฟ LED (phosphors in LEDs), เลเซอร์ (lasers), และตัวนำยิ่งยวด (superconductors) นอกจากนี้ จีนเพิ่งลงนามข้อตกลงกับออสเตรเลียในการนำเข้าเนื้อวัวมูลค่า 2,500 ล้านเหรียญ แต่ราคาเนื้อวัวของออสเตรเลียมีราคาแพงกว่าเนื้อวัวที่นำเข้าจากสหรัฐ คงต้องติดตามดูต่อไปว่าจีนจะสามารถรักษาราคาเนื้อวัวในประเทศให้อนู่ในระดับที่ไม่กระทบต่อประชาชนได้หรือไม่
    Like
    1
    0 Comments 1 Shares 352 Views 0 Reviews
  • บริษัท Laboratory Services Cooperative (LSC) ซึ่งเป็นหนึ่งในห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ทางการแพทย์รายใหญ่ของสหรัฐฯ ได้เปิดเผยว่าเกิดเหตุ ข้อมูลรั่วไหล ส่งผลกระทบต่อข้อมูลส่วนตัวของ 1.6 ล้านคน โดยข้อมูลที่ถูกขโมยอาจรวมถึง ข้อมูลทางการแพทย์, ข้อมูลการชำระเงิน และข้อมูลระบุตัวตน

    ✅ LSC ตรวจพบกิจกรรมต้องสงสัยในระบบเมื่อเดือนตุลาคม 2024
    - บริษัทแจ้งตำรวจและนำผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์เข้ามาตรวจสอบ
    - การสอบสวนเสร็จสิ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 และพบว่าข้อมูลบางส่วนอาจได้รับผลกระทบ

    ✅ ข้อมูลที่ถูกขโมยมีหลายประเภท
    - ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์, อีเมล
    - ข้อมูลทางการแพทย์ เช่น วันที่รับบริการ, การวินิจฉัยโรค, ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
    - ข้อมูลประกันสุขภาพ เช่น ชื่อแผนประกัน, หมายเลขสมาชิก
    - ข้อมูลการชำระเงิน เช่น หมายเลขบัญชีธนาคาร, รายละเอียดบัตรเครดิต

    ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้บริการ
    - ผู้ที่เข้ารับการตรวจผ่าน Planned Parenthood ซึ่งใช้บริการของ LSC อาจได้รับผลกระทบ
    - ข้อมูลของพนักงาน LSC และบุคคลในครอบครัวของพนักงานอาจถูกขโมยด้วย

    ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ℹ️ ข้อมูลยังไม่ถูกเผยแพร่บน Dark Web
    - ขณะนี้ยังไม่มีรายงานว่าข้อมูลที่ถูกขโมยถูกนำไปขายหรือเผยแพร่
    - แต่ผู้ใช้ควรเฝ้าระวังการโจรกรรมข้อมูลส่วนตัว

    ℹ️ ความเสี่ยงด้านการเงินและการฉ้อโกง
    - ข้อมูลการชำระเงินที่ถูกขโมยอาจถูกนำไปใช้ในการฉ้อโกง
    - ผู้ใช้ควรตรวจสอบบัญชีธนาคารและบัตรเครดิตอย่างสม่ำเสมอ

    ℹ️ แนวโน้มของภัยคุกคามไซเบอร์ในอุตสาหกรรมสุขภาพ
    - การโจมตีทางไซเบอร์ต่อองค์กรด้านสุขภาพมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
    - บริษัทต่างๆ ต้องลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูลมากขึ้น

    https://www.techradar.com/pro/security/top-us-lab-testing-firm-hit-with-major-data-leak-exposes-health-info-on-1-6-million-users
    บริษัท Laboratory Services Cooperative (LSC) ซึ่งเป็นหนึ่งในห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ทางการแพทย์รายใหญ่ของสหรัฐฯ ได้เปิดเผยว่าเกิดเหตุ ข้อมูลรั่วไหล ส่งผลกระทบต่อข้อมูลส่วนตัวของ 1.6 ล้านคน โดยข้อมูลที่ถูกขโมยอาจรวมถึง ข้อมูลทางการแพทย์, ข้อมูลการชำระเงิน และข้อมูลระบุตัวตน ✅ LSC ตรวจพบกิจกรรมต้องสงสัยในระบบเมื่อเดือนตุลาคม 2024 - บริษัทแจ้งตำรวจและนำผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์เข้ามาตรวจสอบ - การสอบสวนเสร็จสิ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 และพบว่าข้อมูลบางส่วนอาจได้รับผลกระทบ ✅ ข้อมูลที่ถูกขโมยมีหลายประเภท - ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์, อีเมล - ข้อมูลทางการแพทย์ เช่น วันที่รับบริการ, การวินิจฉัยโรค, ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ - ข้อมูลประกันสุขภาพ เช่น ชื่อแผนประกัน, หมายเลขสมาชิก - ข้อมูลการชำระเงิน เช่น หมายเลขบัญชีธนาคาร, รายละเอียดบัตรเครดิต ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้บริการ - ผู้ที่เข้ารับการตรวจผ่าน Planned Parenthood ซึ่งใช้บริการของ LSC อาจได้รับผลกระทบ - ข้อมูลของพนักงาน LSC และบุคคลในครอบครัวของพนักงานอาจถูกขโมยด้วย ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ ข้อมูลยังไม่ถูกเผยแพร่บน Dark Web - ขณะนี้ยังไม่มีรายงานว่าข้อมูลที่ถูกขโมยถูกนำไปขายหรือเผยแพร่ - แต่ผู้ใช้ควรเฝ้าระวังการโจรกรรมข้อมูลส่วนตัว ℹ️ ความเสี่ยงด้านการเงินและการฉ้อโกง - ข้อมูลการชำระเงินที่ถูกขโมยอาจถูกนำไปใช้ในการฉ้อโกง - ผู้ใช้ควรตรวจสอบบัญชีธนาคารและบัตรเครดิตอย่างสม่ำเสมอ ℹ️ แนวโน้มของภัยคุกคามไซเบอร์ในอุตสาหกรรมสุขภาพ - การโจมตีทางไซเบอร์ต่อองค์กรด้านสุขภาพมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น - บริษัทต่างๆ ต้องลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูลมากขึ้น https://www.techradar.com/pro/security/top-us-lab-testing-firm-hit-with-major-data-leak-exposes-health-info-on-1-6-million-users
    0 Comments 0 Shares 305 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้เล่าถึงการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดย Pat Gelsinger อดีต CEO ของ Intel ได้เข้าร่วมกับบริษัท xLight ในฐานะประธานกรรมการบริหาร เพื่อพัฒนาแหล่งกำเนิดแสงแบบ Free Electron Laser (FEL) สำหรับระบบลิโทกราฟี Extreme Ultraviolet (EUV) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตชิป

    xLight กำลังพัฒนาแหล่งกำเนิดแสง FEL ที่ใช้เทคโนโลยีเครื่องเร่งอนุภาค (Particle Accelerator) เพื่อสร้างแสงที่มีความยาวคลื่นสั้นมาก (13.5 นาโนเมตร) ซึ่งเหมาะสำหรับการผลิตชิปที่มีความละเอียดสูงถึง 8 นาโนเมตร เทคโนโลยีนี้มีศักยภาพในการลดต้นทุนการผลิตต่อแผ่นเวเฟอร์ลงถึง 50% และลดค่าใช้จ่ายทั้งด้านทุนและการดำเนินงานถึงสามเท่า

    นอกจากนี้ xLight ยังตั้งเป้าที่จะทำให้แหล่งกำเนิดแสง FEL นี้สามารถใช้งานร่วมกับเครื่องลิโทกราฟีของ ASML ได้ภายในปี 2028 โดยเทคโนโลยีนี้ยังมีศักยภาพในการนำไปใช้ในด้านอื่นๆ เช่น การตรวจวัดพลังงานสูง การควบคุมเศษซากในอวกาศ และการวิจัยทางการแพทย์

    ✅ การพัฒนาแหล่งกำเนิดแสง FEL
    - ใช้เทคโนโลยีเครื่องเร่งอนุภาคเพื่อสร้างแสงที่มีความยาวคลื่น 13.5 นาโนเมตร
    - เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตชิปที่มีความละเอียดสูงถึง 8 นาโนเมตร

    ✅ เป้าหมายของ xLight
    - ลดต้นทุนการผลิตต่อแผ่นเวเฟอร์ลงถึง 50%
    - ลดค่าใช้จ่ายทั้งด้านทุนและการดำเนินงานถึงสามเท่า

    ✅ การใช้งานในอนาคต
    - ใช้งานร่วมกับเครื่องลิโทกราฟีของ ASML ภายในปี 2028
    - มีศักยภาพในการนำไปใช้ในด้านพลังงาน อวกาศ และการแพทย์

    ℹ️ ข้อจำกัดของเทคโนโลยี FEL
    - ขนาดของเครื่องเร่งอนุภาคอาจไม่เหมาะสมกับโรงงานผลิตชิปในปัจจุบัน
    - การพัฒนาเทคโนโลยีนี้อาจต้องใช้เวลาและทรัพยากรเพิ่มเติม

    ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    - การแข่งขันในอุตสาหกรรมอาจเพิ่มขึ้นจากการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่
    - ความสำเร็จของ xLight อาจเปลี่ยนแปลงโครงสร้างต้นทุนในอุตสาหกรรม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/pat-gelsinger-turns-to-particle-accelerators-for-a-new-way-to-make-chips-joins-xlight
    ข่าวนี้เล่าถึงการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดย Pat Gelsinger อดีต CEO ของ Intel ได้เข้าร่วมกับบริษัท xLight ในฐานะประธานกรรมการบริหาร เพื่อพัฒนาแหล่งกำเนิดแสงแบบ Free Electron Laser (FEL) สำหรับระบบลิโทกราฟี Extreme Ultraviolet (EUV) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตชิป xLight กำลังพัฒนาแหล่งกำเนิดแสง FEL ที่ใช้เทคโนโลยีเครื่องเร่งอนุภาค (Particle Accelerator) เพื่อสร้างแสงที่มีความยาวคลื่นสั้นมาก (13.5 นาโนเมตร) ซึ่งเหมาะสำหรับการผลิตชิปที่มีความละเอียดสูงถึง 8 นาโนเมตร เทคโนโลยีนี้มีศักยภาพในการลดต้นทุนการผลิตต่อแผ่นเวเฟอร์ลงถึง 50% และลดค่าใช้จ่ายทั้งด้านทุนและการดำเนินงานถึงสามเท่า นอกจากนี้ xLight ยังตั้งเป้าที่จะทำให้แหล่งกำเนิดแสง FEL นี้สามารถใช้งานร่วมกับเครื่องลิโทกราฟีของ ASML ได้ภายในปี 2028 โดยเทคโนโลยีนี้ยังมีศักยภาพในการนำไปใช้ในด้านอื่นๆ เช่น การตรวจวัดพลังงานสูง การควบคุมเศษซากในอวกาศ และการวิจัยทางการแพทย์ ✅ การพัฒนาแหล่งกำเนิดแสง FEL - ใช้เทคโนโลยีเครื่องเร่งอนุภาคเพื่อสร้างแสงที่มีความยาวคลื่น 13.5 นาโนเมตร - เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตชิปที่มีความละเอียดสูงถึง 8 นาโนเมตร ✅ เป้าหมายของ xLight - ลดต้นทุนการผลิตต่อแผ่นเวเฟอร์ลงถึง 50% - ลดค่าใช้จ่ายทั้งด้านทุนและการดำเนินงานถึงสามเท่า ✅ การใช้งานในอนาคต - ใช้งานร่วมกับเครื่องลิโทกราฟีของ ASML ภายในปี 2028 - มีศักยภาพในการนำไปใช้ในด้านพลังงาน อวกาศ และการแพทย์ ℹ️ ข้อจำกัดของเทคโนโลยี FEL - ขนาดของเครื่องเร่งอนุภาคอาจไม่เหมาะสมกับโรงงานผลิตชิปในปัจจุบัน - การพัฒนาเทคโนโลยีนี้อาจต้องใช้เวลาและทรัพยากรเพิ่มเติม ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ - การแข่งขันในอุตสาหกรรมอาจเพิ่มขึ้นจากการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ - ความสำเร็จของ xLight อาจเปลี่ยนแปลงโครงสร้างต้นทุนในอุตสาหกรรม https://www.tomshardware.com/tech-industry/pat-gelsinger-turns-to-particle-accelerators-for-a-new-way-to-make-chips-joins-xlight
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Pat Gelsinger turns to particle accelerators for a new way to make chips, joins xLight
    xLight aims to deliver a powerful alternative LPP source for ASML EUV tools by 2028.
    0 Comments 0 Shares 175 Views 0 Reviews
  • เครื่องกระตุ้นหัวใจนี้มีขนาดเล็กกว่าเมล็ดข้าว และสามารถฉีดเข้าสู่ร่างกายได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ตัวเครื่องถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานชั่วคราว โดยเฉพาะในเด็กแรกเกิดที่มีปัญหาหัวใจพิการแต่กำเนิด อุปกรณ์นี้ทำงานร่วมกับอุปกรณ์สวมใส่แบบไร้สายที่ติดอยู่บนหน้าอกของผู้ป่วย ซึ่งจะตรวจจับการเต้นของหัวใจและส่งสัญญาณแสงเพื่อกระตุ้นเครื่องกระตุ้นหัวใจเมื่อพบการเต้นผิดปกติ

    จุดเด่นของเครื่องกระตุ้นหัวใจนี้คือความสามารถในการละลายตัวเองเมื่อหมดหน้าที่ โดยวัสดุที่ใช้ทั้งหมดเป็นวัสดุที่เข้ากันได้กับร่างกายมนุษย์ ทำให้ไม่ต้องมีการผ่าตัดเพื่อเอาออก

    การพัฒนานี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือเด็กแรกเกิดที่ต้องการการกระตุ้นหัวใจชั่วคราวหลังการผ่าตัด ซึ่งในช่วงเวลาประมาณ 7 วัน หัวใจของเด็กส่วนใหญ่จะสามารถฟื้นตัวได้เอง

    ✅ การพัฒนาเครื่องกระตุ้นหัวใจขนาดเล็กที่สุดในโลก
    - เครื่องกระตุ้นหัวใจมีขนาดเล็กกว่าเมล็ดข้าวและสามารถฉีดเข้าสู่ร่างกายได้
    - ใช้พลังงานจากแสงและทำงานร่วมกับอุปกรณ์สวมใส่แบบไร้สาย

    ✅ จุดเด่นของเครื่องกระตุ้นหัวใจ
    - สามารถละลายตัวเองเมื่อหมดหน้าที่
    - วัสดุที่ใช้เป็นวัสดุที่เข้ากันได้กับร่างกายมนุษย์

    ✅ การใช้งานในเด็กแรกเกิด
    - ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือเด็กแรกเกิดที่มีปัญหาหัวใจพิการแต่กำเนิด
    - ช่วยกระตุ้นหัวใจในช่วงเวลาประมาณ 7 วันหลังการผ่าตัด

    ℹ️ ข้อจำกัดของเทคโนโลยี
    - การใช้งานต้องมีอุปกรณ์สวมใส่แบบไร้สายที่ติดอยู่บนหน้าอก
    - อาจต้องมีการปรับปรุงเพื่อรองรับการใช้งานในผู้ป่วยกลุ่มอื่น

    ℹ️ ผลกระทบต่อวงการแพทย์
    - เทคโนโลยีนี้อาจช่วยลดความเสี่ยงจากการผ่าตัดเอาเครื่องกระตุ้นหัวใจออก
    - การพัฒนาเพิ่มเติมอาจช่วยให้เทคโนโลยีนี้เข้าถึงผู้ป่วยได้มากขึ้น

    https://www.neowin.net/news/this-smaller-than-a-single-grain-of-rice-light-powered-pacemaker-is-the-worlds-smallest/
    เครื่องกระตุ้นหัวใจนี้มีขนาดเล็กกว่าเมล็ดข้าว และสามารถฉีดเข้าสู่ร่างกายได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ตัวเครื่องถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานชั่วคราว โดยเฉพาะในเด็กแรกเกิดที่มีปัญหาหัวใจพิการแต่กำเนิด อุปกรณ์นี้ทำงานร่วมกับอุปกรณ์สวมใส่แบบไร้สายที่ติดอยู่บนหน้าอกของผู้ป่วย ซึ่งจะตรวจจับการเต้นของหัวใจและส่งสัญญาณแสงเพื่อกระตุ้นเครื่องกระตุ้นหัวใจเมื่อพบการเต้นผิดปกติ จุดเด่นของเครื่องกระตุ้นหัวใจนี้คือความสามารถในการละลายตัวเองเมื่อหมดหน้าที่ โดยวัสดุที่ใช้ทั้งหมดเป็นวัสดุที่เข้ากันได้กับร่างกายมนุษย์ ทำให้ไม่ต้องมีการผ่าตัดเพื่อเอาออก การพัฒนานี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือเด็กแรกเกิดที่ต้องการการกระตุ้นหัวใจชั่วคราวหลังการผ่าตัด ซึ่งในช่วงเวลาประมาณ 7 วัน หัวใจของเด็กส่วนใหญ่จะสามารถฟื้นตัวได้เอง ✅ การพัฒนาเครื่องกระตุ้นหัวใจขนาดเล็กที่สุดในโลก - เครื่องกระตุ้นหัวใจมีขนาดเล็กกว่าเมล็ดข้าวและสามารถฉีดเข้าสู่ร่างกายได้ - ใช้พลังงานจากแสงและทำงานร่วมกับอุปกรณ์สวมใส่แบบไร้สาย ✅ จุดเด่นของเครื่องกระตุ้นหัวใจ - สามารถละลายตัวเองเมื่อหมดหน้าที่ - วัสดุที่ใช้เป็นวัสดุที่เข้ากันได้กับร่างกายมนุษย์ ✅ การใช้งานในเด็กแรกเกิด - ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือเด็กแรกเกิดที่มีปัญหาหัวใจพิการแต่กำเนิด - ช่วยกระตุ้นหัวใจในช่วงเวลาประมาณ 7 วันหลังการผ่าตัด ℹ️ ข้อจำกัดของเทคโนโลยี - การใช้งานต้องมีอุปกรณ์สวมใส่แบบไร้สายที่ติดอยู่บนหน้าอก - อาจต้องมีการปรับปรุงเพื่อรองรับการใช้งานในผู้ป่วยกลุ่มอื่น ℹ️ ผลกระทบต่อวงการแพทย์ - เทคโนโลยีนี้อาจช่วยลดความเสี่ยงจากการผ่าตัดเอาเครื่องกระตุ้นหัวใจออก - การพัฒนาเพิ่มเติมอาจช่วยให้เทคโนโลยีนี้เข้าถึงผู้ป่วยได้มากขึ้น https://www.neowin.net/news/this-smaller-than-a-single-grain-of-rice-light-powered-pacemaker-is-the-worlds-smallest/
    WWW.NEOWIN.NET
    This "smaller than a single grain of rice" light-powered pacemaker is the world's smallest
    The "world's smallest pacemaker" has been developed, and it is even "smaller than a single grain of rice". It needs light for activation.
    0 Comments 0 Shares 108 Views 0 Reviews
More Results