• อดีตรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล โยอัฟ กัลลันต์ ระบุ ๓ เหตุผลในการปลดเขาออกจากตำแหน่ง

    หลังจากนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล แต่งตั้งรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่แทนกัลลันต์, อดีตผู้นำกองทัพกล่าวว่าเขาถูกไล่ออกเพราะ ๓ ประเด็น, ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ไทม์สออฟอิสราเอล

    ตามรายงานของหนังสือพิมพ์, ประเด็นดังกล่าวมีดังนี้

    ▪️การแบ่งปันภาระด้านกลาโหม;

    ▪️ความจำเป็นในการนำตัวประกันกลับคืนมา;

    ▪️ความจำเป็นในการเรียนรู้บทเรียนผ่านคณะกรรมการสอบสวนของรัฐเกี่ยวกับเหตุการณ์ ๗ ตุลาคม และสงครามที่เกิดขึ้นตามมา
    .
    FORMER ISRAELI DEFENSE MINISTER YOAV GALLANT IDENTIFIED THREE REASONS FOR HIS DISMISSAL

    After Israeli Prime Minister Benjamin Netanyahu appointed a new defense minister in place of Gallant, the ex military head said he was fired over three issues, the Times of Israel reports.

    According to the newspaper, the issues are:

    ▪️the sharing of the defense burden;
    ▪️the imperative to bring back the hostages;
    ▪️the need to learn lessons through a state commission of inquiry into October 7 and the war that followed.
    .
    6:01 AM · Nov 6, 2024 · 1,672 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1853935764926554347
    อดีตรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล โยอัฟ กัลลันต์ ระบุ ๓ เหตุผลในการปลดเขาออกจากตำแหน่ง หลังจากนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล แต่งตั้งรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่แทนกัลลันต์, อดีตผู้นำกองทัพกล่าวว่าเขาถูกไล่ออกเพราะ ๓ ประเด็น, ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ไทม์สออฟอิสราเอล ตามรายงานของหนังสือพิมพ์, ประเด็นดังกล่าวมีดังนี้ ▪️การแบ่งปันภาระด้านกลาโหม; ▪️ความจำเป็นในการนำตัวประกันกลับคืนมา; ▪️ความจำเป็นในการเรียนรู้บทเรียนผ่านคณะกรรมการสอบสวนของรัฐเกี่ยวกับเหตุการณ์ ๗ ตุลาคม และสงครามที่เกิดขึ้นตามมา . FORMER ISRAELI DEFENSE MINISTER YOAV GALLANT IDENTIFIED THREE REASONS FOR HIS DISMISSAL After Israeli Prime Minister Benjamin Netanyahu appointed a new defense minister in place of Gallant, the ex military head said he was fired over three issues, the Times of Israel reports. According to the newspaper, the issues are: ▪️the sharing of the defense burden; ▪️the imperative to bring back the hostages; ▪️the need to learn lessons through a state commission of inquiry into October 7 and the war that followed. . 6:01 AM · Nov 6, 2024 · 1,672 Views https://x.com/SputnikInt/status/1853935764926554347
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • 05-11-67/01 : หมี CNN / เปิดเช้าด้วย "คุณค่าของความเป็นคน" ยุคทอง ความดีก่อเกิด ศรัทธาเปี่ยมล้น ชูคนดี เหยียดคนชั่ว กลียุค ชูเงินเป็นพระเจ้า รวยคือคำตัดสิน กรณี เจ้าของ LV เข้าตึกตัวเองไม่ได้ เพราะขับรถถูกจอดหน้าตึก จะเดินเข้าถูกรปภ.ไล่ ชี้ชัด คนยุคนี้ ตัดสินด้วยเปลือก! เพราะทุนนิยมเหี้ยสามานย์ ล้างสมองควายโลก ให้ดูฐานะมาก่อนสิ่งอื่นใด รวยต้องแต่งรวยเสมอไปเหรอ รวยต้องมีคฤหาสน์เหรอ? ใครตัดสิน? เงินกู จะอยากทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง หรือส่วนรวมได้ทั้งนั้น? ดูผิวเผิน อาจจะไม่สาระ แต่มรึงดูความจริง ข้อเท็จจริง ชีวิตประจำวันมรึง แม้แต่ไปสมัครงาน แต่งตัว เครื่องประดับ ทั้งหมดเพื่อการยอมรับ ใช่หรือไม่? ไม่มีใครสนใจว่ามรึงเป็นคนดี หรือเป็นคนเก่ง มีคุณภาพต่อสังคมดอก รู้แค่ว่า มรึงรวย กูจะได้ขอเศษเงินมรึงได้ ก็เท่านั้นเอง? เข้าประเด็น จุดนี้แหละ ที่ไอ้อีไฮโซ ดารา ทุนสีเทา มันใช้ล่อเหยื่อ เพราะคุณค่าที่แต่ละคนมองไม่เหมือนกัน "เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง" ถามว่า หากมีคนใส่เสื้อผ้าขาด เก่าสกปรก จะเดินเข้าห้างหรู แม้แต่โชว์รูมรถหรู รปภ.มันถูกสั่งอยู่แล้ว ไม่ให้คนจนมาเสนอหน้า มันก็จนเหมือนเค้า แต่เป็นลูกจ้าง ปัญญาให้มาแค่นี้ มรึงจะไปโทษใครได้? แล้วทำไมคนรวยต้องแต่งจน เพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่างเหรอ? คำตอบคือ "สะท้อนสังคม" เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมา ผู้ที่จะได้รับการช่วยเหลือก่อน คือ ผู้มีอันจะกิน เพราะทุกคนคิดว่า อาจได้สินไหมทดแทนกลับบ้าง จริงเหรอ? ไม่ใช่ทุกคนที่ทำแบบนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีส่วนน้อยมากจริงๆ คนที่ดูคนที่คุณค่าของคน มรึงจะเอาเหี้ยอะไรไปปลูกฝัง ขนาดพ่อแม่มันเอง ยังเต้นเมื่อเห็นคนรวย เพราะกิเลส ครอบงำ เงินคือทุกอย่าง ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพี่ ฆ่าน้อง ก็มีมาให้เห็นแล้ว อะไรที่จะหยุดสิ่งนี้ได้ นั่นคือ "สติ" หากคนมีปัญญามากพอ โชว์รูมรถหรู เห็นยาจกเดินเข้ามา หากผู้จัดการฉลาดซักกะนิด คนจนที่ไหนจะกล้าเข้ามาซื้อรถ หากไม่ใช่ "ผ้าขี้ริ้วห่อทอง" มีเรื่องเล่า ในสวีเดนให้ฟัง กลายเป็นตำนาน เรื่องเล่าขาน ไม่มีใครรู้จริงเท็จอย่างไร เศรษฐีใหญ่เดินเข้าห้างหรู ห้างดังในสต๊อกโฮล์ม ไปดู "แชนเดอเลียร์" โคมไฟสุดหรู ลุงถามเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายว่า ราคาเท่าไหร่จ๊ะ? คนขายบอก "มันแพงน่ะ" ลุงก็ถามกลับอีกครั้งว่า "ราคาเท่าไหร่จ๊ะ" คนขายตอบ "มันแพงมากน่ะลุง" คราวนี้ ลุงถึงกับใช้ไม้เท้า เหวี่ยงจีแชนเดอเลียร์แตกกระจุยกลางห้าง เสียงดังสนั่นชั้น คนแห่มาดู เกิดอะไรขึ้น? คนขาย "หน้าซีดทันที" ลุงถามว่า "คราวนี้ เธอบอกชั้น(ฉาน)ได้รึยัง ว่าราคาเท่าไหร่?" ไม่มีใครรู้ว่า อีตาลุงคนนี้ คือเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ อสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในสวีเดน นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า "คุณค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน" แท้จริง! หากลุงไม่ตีแชนเดอเลียร์แตกยับ มรึงจะรู้มั้ยว่า "กูเป็นใคร?" คนรวยจริงไม่โอ้อวด ไม่คุยเยอะ ไอ้ที่ไม่รวย เพิ่งจะมี เพิ่งจะรวยต่างหาก ที่อยาก SHOW OFF มรึงโชว์ไปทำไม? สร้างบารมีเหรอ? งั้นกูให้อีกมุมมองนึงคิด เศรษฐีใหญ่เหมือนกัน เอาข้าว เอาน้ำ ไปแจก สร้างถนน สร้างรพ. สถานีอนามัย เพื่อชุมชนบ้านเกิด ใช้เงินตัวเอง ไม่ต้องเบียดเบียนภาษีรัฐ คนจะจดจำมรึงได้ดีกว่า เอาเงินไปแจก ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เงินมีเหมือนกัน แต่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์แตกต่างกัน นั่นคือ "คุณค่าในตัวมรึงไงล่ะ" วันนี้ นาทีนี้ มรึงกับกูอยู่ใน กลียุค ความดี เปรียบเหมือยแสงเทียน ที่แม้จะน้อยนิด แต่มันจะสว่างไสวในความมืดทมิฬ มันคือโอกาส และความหวัง ของการดำรงอยู่ หากโลกไม่มีธรรม ไม่มีเมตตา ไม่มีแบ่งปัน มันจะต่างอะไรกับขุมนรก ที่แย่งชิงกันทุกเรื่องเช้าเย็น ทุนนิยมคือดาบ 2 คม เอาเปรียบก็จบเร็ว แบ่งกันกิน ก็อยู่ยาว พูดมาถึงตรงนี้แล้ว ก็ขอบอกต่อเลยว่า "โลกยุคอนาคต" เงินไม่ได้มีความสำคัญอีกต่อไป เมื่อจิตใจถูกชำระล้างสิ่งสกปรกออกไปจนหมดเกลี้ยง ฐานะ ความเหลื่อมล้ำ จะลดลง ไม่ต้องรวย แค่มีกิน ไม่มีหนี้ ทุกคนเข้าถึงปัจจัยพื้นฐานได้หมด แล้วมรึงยังต้องการอะไรอีก? กิเลส ตัวเดียว ที่กลืนกินโลกทั้งใบได้ สติจะเรียกความเป็นคนในตัวมรึงกลับมา อะไรที่ปู่ย่าตายายสอนมา มันใช้ได้จริง ไม่มีอะไรจะอยู่ค้ำฟ้าไปตลอดกาลได้ดอก ลูกหลานไทยจะเหี้ยกว่านี้มั้ย? สังคมไทยจะฉิบหายกว่านี้มั้ย? มรึงไม่ต้องคิดมาก และกังวลไป ทุกอย่างมีทางออกของมันเอง แค่รอ "ฟ้าเปลี่ยนสี" ทุกอย่างจะกลับตาลปัตรอย่างที่มรึงไม่คาดคิด เพราะแสงทำงานได้ดีกว่าปาก!

    ปล.หลังข่าวมหาเศรษฐี กลุ่ม ELITE ทั้งหลาย เทหุ้น ถอนการลงทุน ตลาดหุ้นนิวยอร์คระส่ำทันที ดอลล่าร์กำลังจะเน่า ใครถือเยอะ ก็คือเศษกระดาษ แปรรูปสิจ๊ะ ไอ้พวกนกรู้ ELITE สายแดร๊ก ขนเงินหอบไปลงทุนเอเซียกันหมด ธนบัตร BRICS ยังไม่ทันจะออกเลย แม่งเตรียมจองไว้เพี๊ยบ คริปโต ถูกโอนถ่ายแทนเงินสด ไม่มีใครเชื่อมั่นในดอลล่าร์อีกแล้ว เพราะอีนกรู้ มันอ่านขาด มรึงจะเผาดอลล่าร์กันในไม่ช้า ใครที่ยังตามโลกตอแหลอยู่ บาทไทยอ่อน ข้าวไทยทรุด สั้นๆ น่ะ "อีตอแหล" ทองคำใครมี คือความมั่นคง ข้าวปลาใครเยอะ คือความมั่งคั่ง มีแต่เหี้ยนั่นแหละ ที่เอามุกนี้มาหลอกควายเช้าเย็น ใครกำหนดค่าเงินล่ะ? หากมรึงยังผูกดอลล่าร์ มันจะสะกดมรึงให้ 1USD=1000000THB ยังได้เลย มรึงยังจะโง่ต่อมุย? ควายยังอายแทน ใครที่ยังคิดว่าดอลล่าร์มีตัวตนอยู่? ทั้งหมดมันมีแค่ตัวเลข ของจริงไม่มีเหลือ ตัวเลขลอยกลางอากาศ แล้วไอ้โง่หน้าไหนไม่ยู้ ไปยอมรับตัวเลขควายเหล่านั้น จับต้องไม่ได้ ตลาดหุ้นคือตลาดหลอกควาย ปั่นกันไปมา สุดท้าย ก็แค่โยกย้ายกระเป๋าใส่พวก ELITE สติเท่านั้น ที่ทำให้มรึงตื่น และมองเห็นภาพความเป็นจริง ชาติที่ไม่มีวัตถุดิบ ไม่มีเหี้ยอะไรเลย สั่งเค้ามา แล้วขายต่อ มรึงเอาเหี้ยอะไรมากำหนดค่าเงินชาวบ้าน? แต่ก่อนเอาแสนยานุภาพข่มขู่ แต่วันนี้ แม้แต่หมา แมว ยังไม่กลัวมรึงเลย? รอทุกอย่างสะเด็ดน้ำก่อน ไอ้อีขี้ข้าหมารับใช้ยิวทั่วโลก จะกลายร่างเป็นปรสิต เกาะกินนายใหม่เพื่อเอาตัวรอดทั้งนั้น รัสเซีย จีน อ่านขาดหมดแล้ว ดูดเพื่อยุบขั้วเก่า แล้วค่อยเอามาบดทำน้ำยาล้างตรีนภายหลัง? ประเทศกูมี มันมีกรรม และได้ชดใช้กรรมจนเกือบหมดแล้ว จากนี้คือขาขึ้น มุ่งหน้าสู่โคชิเองชัวร์ พุ่งทะยานฟ้า เพราะขั้วใหม่เค้าใจดี วางมรึงเป็นฮับอาเซียน จะรวยกันแล้วยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ? แค่ทิ้งเหี้ยคือจบ แค่กำจัดขยะคือรอด เราเดินมาสู่โหมด "ชำระล้าง ฆ่าล้างโคตรเหี้ย กันแล้ว" จงดีใจ อย่ากังวลมากเกินไป ความมั่นคงชาติและแผ่นดิน อยู่ในมือเจ้าหน้าที่ตัวจริงหมดแล้ว เรารอดมาได้ไม่รู้กี่ครั้งเพราะพวกเค้า "ผู้ปิดทองหลังพระตัวจริง" อย่ากลัว พ่อยังอยู่ จะไม่มีอะไรทำร้ายแผ่นดินทองนี้ได้อีก พอเหอะ เลิกพูดเรื่องอีขะแมร์ซะที คนมีสติปัญญา มองเห็นหมดว่า ใครเป็นใคร? กูเคยบอกแล้วชิมิว่า ทหารอีขะแมร์มีหน้าที่จุดไฟแช็ตในตชด.ไทย มรึงยังไม่เข้าใจความหมายอีกเหรอ? พูดให้ชัดคือ "อีขะแมร์เป็นเบ๊ไทย ตั้งแต่อดีตกาล ยันไปถึงโลกอนาคต และจะเป็นเบ๊ไปยันชั่วลูกชั่วหลานของมัน จนกว่าจะถึงการรวมแผ่นดิน" ไบ้เยอะไปแล้วน่ะ แค่เห็นทหารไทย แม่งก็เยี่ยวแตกแล้ว เรียกลวกเพ่ทุกคำ ยังต้องให้กูบอกอีกมั้ยว่า มันจะบุกมายึดเกาะหมา เกาะแมว เหี้ยอะไรนี่อีก ไอ้ที่มรึงเห็นตามโซเชี่ยล "PROPAGANDA ชั้นประถม ทั้งนั้น" ฝ่ายความมั่นคงขำกลิ้ง ถามกลับ ยังมีควายหลงเชื่ออยู่อีกเหรอ? จบน่ะ อีขะแมร์แค่เบ๊ อย่าไปให้ราคาอะไรมันมาก มรึงจะไปลดตัวทำไม พูดชัดพอรึยัง? สาแก่ใจพอรึยัง?

    หมี CNN(คุณค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน รวยหรือจน อยู่ที่มรึงให้ราคา จะรวยไปเพื่อ จะจนอีกนานไปเพื่อ? รวยยิ่งต้องแบ่ง จนยิ่งต้องขยัน เรื่องไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย เปลี่ยนความคิด เรียกสติ พลังงานบวกมาทันที ทำซะน่ะ)
    05 พฤศจิกายน 67
    10.10 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    05-11-67/01 : หมี CNN / เปิดเช้าด้วย "คุณค่าของความเป็นคน" ยุคทอง ความดีก่อเกิด ศรัทธาเปี่ยมล้น ชูคนดี เหยียดคนชั่ว กลียุค ชูเงินเป็นพระเจ้า รวยคือคำตัดสิน กรณี เจ้าของ LV เข้าตึกตัวเองไม่ได้ เพราะขับรถถูกจอดหน้าตึก จะเดินเข้าถูกรปภ.ไล่ ชี้ชัด คนยุคนี้ ตัดสินด้วยเปลือก! เพราะทุนนิยมเหี้ยสามานย์ ล้างสมองควายโลก ให้ดูฐานะมาก่อนสิ่งอื่นใด รวยต้องแต่งรวยเสมอไปเหรอ รวยต้องมีคฤหาสน์เหรอ? ใครตัดสิน? เงินกู จะอยากทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง หรือส่วนรวมได้ทั้งนั้น? ดูผิวเผิน อาจจะไม่สาระ แต่มรึงดูความจริง ข้อเท็จจริง ชีวิตประจำวันมรึง แม้แต่ไปสมัครงาน แต่งตัว เครื่องประดับ ทั้งหมดเพื่อการยอมรับ ใช่หรือไม่? ไม่มีใครสนใจว่ามรึงเป็นคนดี หรือเป็นคนเก่ง มีคุณภาพต่อสังคมดอก รู้แค่ว่า มรึงรวย กูจะได้ขอเศษเงินมรึงได้ ก็เท่านั้นเอง? เข้าประเด็น จุดนี้แหละ ที่ไอ้อีไฮโซ ดารา ทุนสีเทา มันใช้ล่อเหยื่อ เพราะคุณค่าที่แต่ละคนมองไม่เหมือนกัน "เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง" ถามว่า หากมีคนใส่เสื้อผ้าขาด เก่าสกปรก จะเดินเข้าห้างหรู แม้แต่โชว์รูมรถหรู รปภ.มันถูกสั่งอยู่แล้ว ไม่ให้คนจนมาเสนอหน้า มันก็จนเหมือนเค้า แต่เป็นลูกจ้าง ปัญญาให้มาแค่นี้ มรึงจะไปโทษใครได้? แล้วทำไมคนรวยต้องแต่งจน เพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่างเหรอ? คำตอบคือ "สะท้อนสังคม" เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมา ผู้ที่จะได้รับการช่วยเหลือก่อน คือ ผู้มีอันจะกิน เพราะทุกคนคิดว่า อาจได้สินไหมทดแทนกลับบ้าง จริงเหรอ? ไม่ใช่ทุกคนที่ทำแบบนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีส่วนน้อยมากจริงๆ คนที่ดูคนที่คุณค่าของคน มรึงจะเอาเหี้ยอะไรไปปลูกฝัง ขนาดพ่อแม่มันเอง ยังเต้นเมื่อเห็นคนรวย เพราะกิเลส ครอบงำ เงินคือทุกอย่าง ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพี่ ฆ่าน้อง ก็มีมาให้เห็นแล้ว อะไรที่จะหยุดสิ่งนี้ได้ นั่นคือ "สติ" หากคนมีปัญญามากพอ โชว์รูมรถหรู เห็นยาจกเดินเข้ามา หากผู้จัดการฉลาดซักกะนิด คนจนที่ไหนจะกล้าเข้ามาซื้อรถ หากไม่ใช่ "ผ้าขี้ริ้วห่อทอง" มีเรื่องเล่า ในสวีเดนให้ฟัง กลายเป็นตำนาน เรื่องเล่าขาน ไม่มีใครรู้จริงเท็จอย่างไร เศรษฐีใหญ่เดินเข้าห้างหรู ห้างดังในสต๊อกโฮล์ม ไปดู "แชนเดอเลียร์" โคมไฟสุดหรู ลุงถามเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายว่า ราคาเท่าไหร่จ๊ะ? คนขายบอก "มันแพงน่ะ" ลุงก็ถามกลับอีกครั้งว่า "ราคาเท่าไหร่จ๊ะ" คนขายตอบ "มันแพงมากน่ะลุง" คราวนี้ ลุงถึงกับใช้ไม้เท้า เหวี่ยงจีแชนเดอเลียร์แตกกระจุยกลางห้าง เสียงดังสนั่นชั้น คนแห่มาดู เกิดอะไรขึ้น? คนขาย "หน้าซีดทันที" ลุงถามว่า "คราวนี้ เธอบอกชั้น(ฉาน)ได้รึยัง ว่าราคาเท่าไหร่?" ไม่มีใครรู้ว่า อีตาลุงคนนี้ คือเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ อสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในสวีเดน นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า "คุณค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน" แท้จริง! หากลุงไม่ตีแชนเดอเลียร์แตกยับ มรึงจะรู้มั้ยว่า "กูเป็นใคร?" คนรวยจริงไม่โอ้อวด ไม่คุยเยอะ ไอ้ที่ไม่รวย เพิ่งจะมี เพิ่งจะรวยต่างหาก ที่อยาก SHOW OFF มรึงโชว์ไปทำไม? สร้างบารมีเหรอ? งั้นกูให้อีกมุมมองนึงคิด เศรษฐีใหญ่เหมือนกัน เอาข้าว เอาน้ำ ไปแจก สร้างถนน สร้างรพ. สถานีอนามัย เพื่อชุมชนบ้านเกิด ใช้เงินตัวเอง ไม่ต้องเบียดเบียนภาษีรัฐ คนจะจดจำมรึงได้ดีกว่า เอาเงินไปแจก ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เงินมีเหมือนกัน แต่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์แตกต่างกัน นั่นคือ "คุณค่าในตัวมรึงไงล่ะ" วันนี้ นาทีนี้ มรึงกับกูอยู่ใน กลียุค ความดี เปรียบเหมือยแสงเทียน ที่แม้จะน้อยนิด แต่มันจะสว่างไสวในความมืดทมิฬ มันคือโอกาส และความหวัง ของการดำรงอยู่ หากโลกไม่มีธรรม ไม่มีเมตตา ไม่มีแบ่งปัน มันจะต่างอะไรกับขุมนรก ที่แย่งชิงกันทุกเรื่องเช้าเย็น ทุนนิยมคือดาบ 2 คม เอาเปรียบก็จบเร็ว แบ่งกันกิน ก็อยู่ยาว พูดมาถึงตรงนี้แล้ว ก็ขอบอกต่อเลยว่า "โลกยุคอนาคต" เงินไม่ได้มีความสำคัญอีกต่อไป เมื่อจิตใจถูกชำระล้างสิ่งสกปรกออกไปจนหมดเกลี้ยง ฐานะ ความเหลื่อมล้ำ จะลดลง ไม่ต้องรวย แค่มีกิน ไม่มีหนี้ ทุกคนเข้าถึงปัจจัยพื้นฐานได้หมด แล้วมรึงยังต้องการอะไรอีก? กิเลส ตัวเดียว ที่กลืนกินโลกทั้งใบได้ สติจะเรียกความเป็นคนในตัวมรึงกลับมา อะไรที่ปู่ย่าตายายสอนมา มันใช้ได้จริง ไม่มีอะไรจะอยู่ค้ำฟ้าไปตลอดกาลได้ดอก ลูกหลานไทยจะเหี้ยกว่านี้มั้ย? สังคมไทยจะฉิบหายกว่านี้มั้ย? มรึงไม่ต้องคิดมาก และกังวลไป ทุกอย่างมีทางออกของมันเอง แค่รอ "ฟ้าเปลี่ยนสี" ทุกอย่างจะกลับตาลปัตรอย่างที่มรึงไม่คาดคิด เพราะแสงทำงานได้ดีกว่าปาก! ปล.หลังข่าวมหาเศรษฐี กลุ่ม ELITE ทั้งหลาย เทหุ้น ถอนการลงทุน ตลาดหุ้นนิวยอร์คระส่ำทันที ดอลล่าร์กำลังจะเน่า ใครถือเยอะ ก็คือเศษกระดาษ แปรรูปสิจ๊ะ ไอ้พวกนกรู้ ELITE สายแดร๊ก ขนเงินหอบไปลงทุนเอเซียกันหมด ธนบัตร BRICS ยังไม่ทันจะออกเลย แม่งเตรียมจองไว้เพี๊ยบ คริปโต ถูกโอนถ่ายแทนเงินสด ไม่มีใครเชื่อมั่นในดอลล่าร์อีกแล้ว เพราะอีนกรู้ มันอ่านขาด มรึงจะเผาดอลล่าร์กันในไม่ช้า ใครที่ยังตามโลกตอแหลอยู่ บาทไทยอ่อน ข้าวไทยทรุด สั้นๆ น่ะ "อีตอแหล" ทองคำใครมี คือความมั่นคง ข้าวปลาใครเยอะ คือความมั่งคั่ง มีแต่เหี้ยนั่นแหละ ที่เอามุกนี้มาหลอกควายเช้าเย็น ใครกำหนดค่าเงินล่ะ? หากมรึงยังผูกดอลล่าร์ มันจะสะกดมรึงให้ 1USD=1000000THB ยังได้เลย มรึงยังจะโง่ต่อมุย? ควายยังอายแทน ใครที่ยังคิดว่าดอลล่าร์มีตัวตนอยู่? ทั้งหมดมันมีแค่ตัวเลข ของจริงไม่มีเหลือ ตัวเลขลอยกลางอากาศ แล้วไอ้โง่หน้าไหนไม่ยู้ ไปยอมรับตัวเลขควายเหล่านั้น จับต้องไม่ได้ ตลาดหุ้นคือตลาดหลอกควาย ปั่นกันไปมา สุดท้าย ก็แค่โยกย้ายกระเป๋าใส่พวก ELITE สติเท่านั้น ที่ทำให้มรึงตื่น และมองเห็นภาพความเป็นจริง ชาติที่ไม่มีวัตถุดิบ ไม่มีเหี้ยอะไรเลย สั่งเค้ามา แล้วขายต่อ มรึงเอาเหี้ยอะไรมากำหนดค่าเงินชาวบ้าน? แต่ก่อนเอาแสนยานุภาพข่มขู่ แต่วันนี้ แม้แต่หมา แมว ยังไม่กลัวมรึงเลย? รอทุกอย่างสะเด็ดน้ำก่อน ไอ้อีขี้ข้าหมารับใช้ยิวทั่วโลก จะกลายร่างเป็นปรสิต เกาะกินนายใหม่เพื่อเอาตัวรอดทั้งนั้น รัสเซีย จีน อ่านขาดหมดแล้ว ดูดเพื่อยุบขั้วเก่า แล้วค่อยเอามาบดทำน้ำยาล้างตรีนภายหลัง? ประเทศกูมี มันมีกรรม และได้ชดใช้กรรมจนเกือบหมดแล้ว จากนี้คือขาขึ้น มุ่งหน้าสู่โคชิเองชัวร์ พุ่งทะยานฟ้า เพราะขั้วใหม่เค้าใจดี วางมรึงเป็นฮับอาเซียน จะรวยกันแล้วยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ? แค่ทิ้งเหี้ยคือจบ แค่กำจัดขยะคือรอด เราเดินมาสู่โหมด "ชำระล้าง ฆ่าล้างโคตรเหี้ย กันแล้ว" จงดีใจ อย่ากังวลมากเกินไป ความมั่นคงชาติและแผ่นดิน อยู่ในมือเจ้าหน้าที่ตัวจริงหมดแล้ว เรารอดมาได้ไม่รู้กี่ครั้งเพราะพวกเค้า "ผู้ปิดทองหลังพระตัวจริง" อย่ากลัว พ่อยังอยู่ จะไม่มีอะไรทำร้ายแผ่นดินทองนี้ได้อีก พอเหอะ เลิกพูดเรื่องอีขะแมร์ซะที คนมีสติปัญญา มองเห็นหมดว่า ใครเป็นใคร? กูเคยบอกแล้วชิมิว่า ทหารอีขะแมร์มีหน้าที่จุดไฟแช็ตในตชด.ไทย มรึงยังไม่เข้าใจความหมายอีกเหรอ? พูดให้ชัดคือ "อีขะแมร์เป็นเบ๊ไทย ตั้งแต่อดีตกาล ยันไปถึงโลกอนาคต และจะเป็นเบ๊ไปยันชั่วลูกชั่วหลานของมัน จนกว่าจะถึงการรวมแผ่นดิน" ไบ้เยอะไปแล้วน่ะ แค่เห็นทหารไทย แม่งก็เยี่ยวแตกแล้ว เรียกลวกเพ่ทุกคำ ยังต้องให้กูบอกอีกมั้ยว่า มันจะบุกมายึดเกาะหมา เกาะแมว เหี้ยอะไรนี่อีก ไอ้ที่มรึงเห็นตามโซเชี่ยล "PROPAGANDA ชั้นประถม ทั้งนั้น" ฝ่ายความมั่นคงขำกลิ้ง ถามกลับ ยังมีควายหลงเชื่ออยู่อีกเหรอ? จบน่ะ อีขะแมร์แค่เบ๊ อย่าไปให้ราคาอะไรมันมาก มรึงจะไปลดตัวทำไม พูดชัดพอรึยัง? สาแก่ใจพอรึยัง? หมี CNN(คุณค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน รวยหรือจน อยู่ที่มรึงให้ราคา จะรวยไปเพื่อ จะจนอีกนานไปเพื่อ? รวยยิ่งต้องแบ่ง จนยิ่งต้องขยัน เรื่องไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย เปลี่ยนความคิด เรียกสติ พลังงานบวกมาทันที ทำซะน่ะ) 05 พฤศจิกายน 67 10.10 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ทนายบอสพอล" พาพยาน 20 ปาก "ดิไอคอน" ให้ปากคำดีเอสไอ ยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ซื้อขายสินค้าจริง แจงไม่มีการจัดฉากเพราะไม่คุ้มกับอนาคต

    วันนี้ (4 พ.ย.) เวลา 12.30 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ “บอสพอล” ผู้ต้องหาคดีบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป พาพยาน 20 คน ในฝั่ง "ดิไอคอน" เข้าพบ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ “กองคดีฮั้วประมูล” ดีเอสไอ เพื่อให้ปากคำยืนยันว่าดำเนินธุรกิจซื้อขายสินค้ากับบริษัทฯ จริง

    น.ส.มลญ่า (หนึ่งในพยาน) กล่าวว่า ตนและพยานจำนวนนึงเดินทางมาเป็นพยานให้กับ บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป แล้วยังคงทำธุรกิจขายสินค้ากับบริษัทฯ อยู่ เพื่อแสดงเหรียญอีกนึงด้านยืนยันความบริสุทธิ์กับตัวแทนทุกคน โดยส่วนตัวเคยได้รับความดูแลเป็นอย่างดีกับทางบริษัทฯ และบริษัทมีเมตตาถ่ายทอดวิชาการทำธุรกิจแบบออนไลน์ให้กับตนเองจนสามารถต่อยอดในหลายด้าน นำไปแบ่งปันความรู้ให้กับคนได้อีกจำนวนมาก ซึ่งตนเป็นคนสายธรรมะก็อยากตอบแทนบริษัทที่เคยช่วยเหลือตนมาก่อน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000106195

    #MGROnline #ดิไอคอน #ดิไอคอนกรุ๊ป #TheiConGroup #บอสพอล
    "ทนายบอสพอล" พาพยาน 20 ปาก "ดิไอคอน" ให้ปากคำดีเอสไอ ยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ซื้อขายสินค้าจริง แจงไม่มีการจัดฉากเพราะไม่คุ้มกับอนาคต • วันนี้ (4 พ.ย.) เวลา 12.30 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ “บอสพอล” ผู้ต้องหาคดีบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป พาพยาน 20 คน ในฝั่ง "ดิไอคอน" เข้าพบ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ “กองคดีฮั้วประมูล” ดีเอสไอ เพื่อให้ปากคำยืนยันว่าดำเนินธุรกิจซื้อขายสินค้ากับบริษัทฯ จริง • น.ส.มลญ่า (หนึ่งในพยาน) กล่าวว่า ตนและพยานจำนวนนึงเดินทางมาเป็นพยานให้กับ บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป แล้วยังคงทำธุรกิจขายสินค้ากับบริษัทฯ อยู่ เพื่อแสดงเหรียญอีกนึงด้านยืนยันความบริสุทธิ์กับตัวแทนทุกคน โดยส่วนตัวเคยได้รับความดูแลเป็นอย่างดีกับทางบริษัทฯ และบริษัทมีเมตตาถ่ายทอดวิชาการทำธุรกิจแบบออนไลน์ให้กับตนเองจนสามารถต่อยอดในหลายด้าน นำไปแบ่งปันความรู้ให้กับคนได้อีกจำนวนมาก ซึ่งตนเป็นคนสายธรรมะก็อยากตอบแทนบริษัทที่เคยช่วยเหลือตนมาก่อน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000106195 • #MGROnline #ดิไอคอน #ดิไอคอนกรุ๊ป #TheiConGroup #บอสพอล
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • อยากรู้ว่าแอ็พฯนี้ จะมีรูปแบบเหมือนพันทิปไหม ถ้าเหมือนก็ดี
    ผมชอบพันทิป ชอบอ่านไม่เคยโพสต์
    ขั้นตอนยืนยันตัวตนยุ่งยาก
    อ่านมาเป็นสิบๆปี
    แต่พักหลังกระทู้ใหม่ๆน้อยลง
    ผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาขามาแบ่งปันความรู้ลดลง
    ถ้าไทยทามมาเทียบพันทิปได้ก็จะดี
    อยากรู้ว่าแอ็พฯนี้ จะมีรูปแบบเหมือนพันทิปไหม ถ้าเหมือนก็ดี ผมชอบพันทิป ชอบอ่านไม่เคยโพสต์ ขั้นตอนยืนยันตัวตนยุ่งยาก อ่านมาเป็นสิบๆปี แต่พักหลังกระทู้ใหม่ๆน้อยลง ผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาขามาแบ่งปันความรู้ลดลง ถ้าไทยทามมาเทียบพันทิปได้ก็จะดี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/watch?v=FG9-8pqFqBY
    บทสนทนาของหมูเด้งกับครอบครัว
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาของหมูเด้งกับครอบครัวแนะนำตัวเอง
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #conversations #listeningtest #หมูเด้ง

    The conversations from the clip :

    Moo Deng: Hello everyone! My name is Moo Deng, and I’m the superstar of Khao Kheow Zoo! I was born on July 10, 2024. I have an older brother named Moo Toon; we share the same parents. I love sleeping and swimming in my pond. I have a playful personality and love nibbling on the zoo keeper's shoes!
    Jona (Mom): Hello! My name is Jona, Moo Deng’s mom. I’m 25 years old, and I’m a very loving hippo mom who always keeps Moo Deng safe and happy. I enjoy spending time with him and teaching him how to play in the water. It’s amazing to watch him grow and have fun!
    Tony (DaD): Hi there! My name is Tony, Moo Deng’s dad. I’m 24 years old, and I’m a strong hippo. I want to teach him about the world. I also enjoy relaxing by the pond and sunbathing. I hope to be playing with Moo Deng soon!
    Moo Deng: My parents are awesome! They always support me and help me become a great hippo. I love them both very much. We have so much fun together at the zoo, and I look forward to showing everyone my playful side!
    Jona: As a family, we promote awareness about the importance of wildlife conservation. We want people to understand that hippos are unique animals and that their natural habitats need protection.
    Tony: We’re proud to be part of Khao Kheow Zoo, where we get to interact with visitors and share our story. It’s wonderful to see so many people come here to learn about us!
    Moo Deng: So, come visit us at the zoo! I promise you’ll have a great time watching my playful antics and learning about hippos. Let’s have fun together at the zoo! Thank you for listening to our story!

    หมูเด้ง:สวัสดีทุกคน! ฉันชื่อหมูเด้ง และฉันเป็นซูเปอร์สตาร์ของสวนสัตว์เขาเขียว! ฉันเกิดเมื่อวันที่ 10 กรกฏาคม 2024 ฉ้นมีพี่ชาย พ่อแม่เดียวกันชื่อหมูตุ๋น ฉันชอบนอนและว่ายน้ำในบ่อของฉัน ฉันมีบุคลิกที่ขี้เล่นและชอบกัดรองเท้าของผู้ดูแลสวนสัตว์!
    โจวน่า (แม่):สวัสดีค่ะ! ฉันชื่อโจวน่า แม่ของหมูเด้ง ฉันอายุ 25 ปี ฉันเป็นฮิปโปที่รักลูกมาก และมักจะทำให้หมูเด้งปลอดภัยและมีความสุข ฉันชอบใช้เวลาร่วมกับเขาและสอนเขาเล่นในน้ำ มันยอดเยี่ยมมากที่ได้เห็นเขาเติบโตและสนุกสนาน!
    โทนี่ (พ่อ):สวัสดีครับ! ฉันชื่อโทนี่ พ่อของหมูเด้ง ฉันอายุ 24 ปี ฉันเป็นฮิปโปที่แข็งแรง ฉันอยากสอนเขาเกี่ยวกับโลก ฉันยังชอบนั่งพักผ่อนริมบ่อน้ำและอาบแดด ฉันหวังว่าจะได้เล่นกับหมูเด้งในไม่ช้า!
    หมูเด้ง:พ่อแม่ของฉันยอดเยี่ยมมาก! พวกเขาคอยสนับสนุนฉันและช่วยให้ฉันเป็นอิปโป
    ที่ดี ฉันรักพวกเขาทั้งคู่มาก เรามีความสนุกสนานมากมายที่สวนสัตว์ และฉันรอคอยที่จะแสดงด้านขี้เล่นของฉันให้ทุกคนเห็น!
    โจวน่า:ในฐานะครอบครัว เราส่งเสริมการตระหนักรู้เกี่ยวกับความสำคัญของการอนุรักษ์สัตว์ป่า เราต้องการให้ผู้คนเข้าใจว่าฮิปโปเป็นสิ่งมีชีวิตที่พิเศษและจำเป็นต้องปกป้องที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของพวกเขา
    โทนี่:เราภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งของสวนสัตว์เขาเขียว ที่เราสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เข้าชมและแบ่งปันเรื่องราวของเรา มันดีมากที่ได้เห็นผู้คนมากมายมาที่นี่เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับเรา!
    หมูเด้ง:ดังนั้น มาที่สวนสัตว์และเยี่ยมชมเรานะ! ฉันสัญญาว่าคุณจะมีช่วงเวลาที่สนุกสนานในการดูความซุกซนของฉันและเรียนรู้เกี่ยวกับฮิปโป มาสนุกด้วยกันที่สวนสัตว์! ขอบคุณที่ฟังเรื่องราวของเราค่ะ!

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Superstar (ซู-เปอร์-สตาร์) n. แปลว่า ดารา/นักแสดงที่มีชื่อเสียงมาก
    Zoo (ซู) n. แปลว่า สวนสัตว์
    Older (โอ-เดอร์) adj. แปลว่า ที่มีอายุมากกว่า
    Playful (เพล-ฟูล) adj. แปลว่า ขี้เล่น
    Personality (เพอร์-ซะ-แนล-ละ-ที) n. แปลว่า บุคลิกภาพ
    Nibble (นิบ-เบิล) v. แปลว่า กัดเล็กๆ น้อยๆ
    Keeper (คี-เพอร์) n. แปลว่า ผู้ดูแล
    Pond (พอนด์) n. แปลว่า บ่อน้ำ
    Amazing (อะ-เม-ซิง) adj. แปลว่า น่าทึ่ง
    Grow (โกรว) v. แปลว่า เติบโต
    Awareness (อะ-แวร์-เนส) n. แปลว่า การตระหนักรู้
    Conservation (คอน-เซอร์-เว-ชัน) n. แปลว่า การอนุรักษ์
    Unique (ยู-นีค) adj. แปลว่า พิเศษ/ไม่เหมือนใคร
    Habitat (แฮบ-บิ-แทท) n. แปลว่า ที่อยู่อาศัยของสัตว์
    Antics (แอน-ทิคส์) n. แปลว่า พฤติกรรม/การกระทำที่สนุกสนาน
    https://www.youtube.com/watch?v=FG9-8pqFqBY บทสนทนาของหมูเด้งกับครอบครัว (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาของหมูเด้งกับครอบครัวแนะนำตัวเอง มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #conversations #listeningtest #หมูเด้ง The conversations from the clip : Moo Deng: Hello everyone! My name is Moo Deng, and I’m the superstar of Khao Kheow Zoo! I was born on July 10, 2024. I have an older brother named Moo Toon; we share the same parents. I love sleeping and swimming in my pond. I have a playful personality and love nibbling on the zoo keeper's shoes! Jona (Mom): Hello! My name is Jona, Moo Deng’s mom. I’m 25 years old, and I’m a very loving hippo mom who always keeps Moo Deng safe and happy. I enjoy spending time with him and teaching him how to play in the water. It’s amazing to watch him grow and have fun! Tony (DaD): Hi there! My name is Tony, Moo Deng’s dad. I’m 24 years old, and I’m a strong hippo. I want to teach him about the world. I also enjoy relaxing by the pond and sunbathing. I hope to be playing with Moo Deng soon! Moo Deng: My parents are awesome! They always support me and help me become a great hippo. I love them both very much. We have so much fun together at the zoo, and I look forward to showing everyone my playful side! Jona: As a family, we promote awareness about the importance of wildlife conservation. We want people to understand that hippos are unique animals and that their natural habitats need protection. Tony: We’re proud to be part of Khao Kheow Zoo, where we get to interact with visitors and share our story. It’s wonderful to see so many people come here to learn about us! Moo Deng: So, come visit us at the zoo! I promise you’ll have a great time watching my playful antics and learning about hippos. Let’s have fun together at the zoo! Thank you for listening to our story! หมูเด้ง:สวัสดีทุกคน! ฉันชื่อหมูเด้ง และฉันเป็นซูเปอร์สตาร์ของสวนสัตว์เขาเขียว! ฉันเกิดเมื่อวันที่ 10 กรกฏาคม 2024 ฉ้นมีพี่ชาย พ่อแม่เดียวกันชื่อหมูตุ๋น ฉันชอบนอนและว่ายน้ำในบ่อของฉัน ฉันมีบุคลิกที่ขี้เล่นและชอบกัดรองเท้าของผู้ดูแลสวนสัตว์! โจวน่า (แม่):สวัสดีค่ะ! ฉันชื่อโจวน่า แม่ของหมูเด้ง ฉันอายุ 25 ปี ฉันเป็นฮิปโปที่รักลูกมาก และมักจะทำให้หมูเด้งปลอดภัยและมีความสุข ฉันชอบใช้เวลาร่วมกับเขาและสอนเขาเล่นในน้ำ มันยอดเยี่ยมมากที่ได้เห็นเขาเติบโตและสนุกสนาน! โทนี่ (พ่อ):สวัสดีครับ! ฉันชื่อโทนี่ พ่อของหมูเด้ง ฉันอายุ 24 ปี ฉันเป็นฮิปโปที่แข็งแรง ฉันอยากสอนเขาเกี่ยวกับโลก ฉันยังชอบนั่งพักผ่อนริมบ่อน้ำและอาบแดด ฉันหวังว่าจะได้เล่นกับหมูเด้งในไม่ช้า! หมูเด้ง:พ่อแม่ของฉันยอดเยี่ยมมาก! พวกเขาคอยสนับสนุนฉันและช่วยให้ฉันเป็นอิปโป ที่ดี ฉันรักพวกเขาทั้งคู่มาก เรามีความสนุกสนานมากมายที่สวนสัตว์ และฉันรอคอยที่จะแสดงด้านขี้เล่นของฉันให้ทุกคนเห็น! โจวน่า:ในฐานะครอบครัว เราส่งเสริมการตระหนักรู้เกี่ยวกับความสำคัญของการอนุรักษ์สัตว์ป่า เราต้องการให้ผู้คนเข้าใจว่าฮิปโปเป็นสิ่งมีชีวิตที่พิเศษและจำเป็นต้องปกป้องที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของพวกเขา โทนี่:เราภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งของสวนสัตว์เขาเขียว ที่เราสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เข้าชมและแบ่งปันเรื่องราวของเรา มันดีมากที่ได้เห็นผู้คนมากมายมาที่นี่เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับเรา! หมูเด้ง:ดังนั้น มาที่สวนสัตว์และเยี่ยมชมเรานะ! ฉันสัญญาว่าคุณจะมีช่วงเวลาที่สนุกสนานในการดูความซุกซนของฉันและเรียนรู้เกี่ยวกับฮิปโป มาสนุกด้วยกันที่สวนสัตว์! ขอบคุณที่ฟังเรื่องราวของเราค่ะ! Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Superstar (ซู-เปอร์-สตาร์) n. แปลว่า ดารา/นักแสดงที่มีชื่อเสียงมาก Zoo (ซู) n. แปลว่า สวนสัตว์ Older (โอ-เดอร์) adj. แปลว่า ที่มีอายุมากกว่า Playful (เพล-ฟูล) adj. แปลว่า ขี้เล่น Personality (เพอร์-ซะ-แนล-ละ-ที) n. แปลว่า บุคลิกภาพ Nibble (นิบ-เบิล) v. แปลว่า กัดเล็กๆ น้อยๆ Keeper (คี-เพอร์) n. แปลว่า ผู้ดูแล Pond (พอนด์) n. แปลว่า บ่อน้ำ Amazing (อะ-เม-ซิง) adj. แปลว่า น่าทึ่ง Grow (โกรว) v. แปลว่า เติบโต Awareness (อะ-แวร์-เนส) n. แปลว่า การตระหนักรู้ Conservation (คอน-เซอร์-เว-ชัน) n. แปลว่า การอนุรักษ์ Unique (ยู-นีค) adj. แปลว่า พิเศษ/ไม่เหมือนใคร Habitat (แฮบ-บิ-แทท) n. แปลว่า ที่อยู่อาศัยของสัตว์ Antics (แอน-ทิคส์) n. แปลว่า พฤติกรรม/การกระทำที่สนุกสนาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดร. นพ. ฮิเดกิ วาดะ แนะนำ ให้ผู้ที่มีอายุ 70 ขึ้นไป มีพฤติกรรมดังนี้ จะมีอายุยืนยาวเกิน 90 ปีแน่ๆ คือ

    1. ต้องเดินทุกวัน พยายามเดินให้ได้วันละ ไม่น้อยกว่า 15 นาที
    2. เมื่อนึกขึ้นได้เมื่อไร ให้หายใจยาวๆลึกๆ ให้ออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง
    3. พยายามยืดเส้น ยืดกล้ามเนื้อ บิดเนื้อ บิดตัวเป็นครั้งคราว
    4. จิบน้ำบ่อยๆ แม้จะไม่กระหายน้ำก็ตาม พยายามจิบน้ำให้ได้มากขึ้น
    5. อายุมากแล้ว อย่าปล่อยให้ท้องผูก กินอหารมีกากใย ลดโปรตีนจากเนื้อสัตว์ให้น้อยลง
    6. พยายามขยับปาก จะเคี้ยว จะพูด จะร้องเหลง เป็นสิ่งที่ควรทำ
    7. ความจำเสื่อมไม่ใช่เพราะอายุมาก แต่ เพราะไม่ใช้สมองเลยนั่นเอง
    8. ไม่ต้องกินยาเยอะ กินเท่าที่จำเป็น
    9. พยายามวัดความดันเลือดบ่อยๆ เพื่อคุมไม่ให้ความดันสวิง
    10. ทำอารมณ์ให้แจ่มใสเป็นนิจ
    11. พบปะ สังสรรค์กับเพื่อนผู้รู้ใจอยู่เนืองๆ
    12. ท่องเที่ยวอย่างสบายๆ ไม่โลดโผนตามโอกาส
    13. ทำในสิ่งที่ชอบ ปิดหู ปิดตา ไม่รับรู้สิ่งที่ไม่ชอบ หรือปัดทิ้งให้มากขึ้น
    14. ฝึกร้องเพลงจากระดับอนุบาล จนเข้าขั้นมหาลัย….ปอดจะแข็งแรงจนน่าทึ่ง ลดอาการเหนื่อยง่ายลงได้อย่างน่าแปลกใจ
    15.อย่านั่งนอนตลอดเวลา ให้ขยับตัวลุกเดินให้บ่อยขึ้น
    16. กินอะไรก็ได้ ที่ชอบ แต่ อย่าให้เกิดโทษต่อร่างกายนัก
    17. ทำทุกอย่าง ที่ทำให้ใจสบาย มีความสุข
    18. ปล่อยวาง ให้อภัยให้มากขึ้น
    19. รู้จักการแบ่งปันให้ผู้ขาดแคลน ด้อยโอกาส
    20. เป็นโรคอะไรอยู่ก็ตาม เรียนรู้ที่อยู่กับมัน จนคุ้นเคยจักดีกว่า
    21. มองสิ่งรอบตัวในแง่บวกเข้าไว้ เห็นอะไร ก็ดีนะ ดีที่มี ดีที่เป็น
    22. ลดความริษยา อาฆาต มาดร้าย ปลงให้เป็น เย็นให้ได้ เด๋วก็ตายจากกันแล้วววววว
    23. เคยไม่ชอบหน้าใคร ให้ลดละเลิก โดยเฉพาะเรื่องหนักๆของนักการเมืองที่ไม่ถูกใจเรา เด๋วกรรมจะจัดการมันเอง อย่าไปเครียด ประเทศไม่ใช่ของเราคนเดียว อย่าไปแบกไว้บนบ่า มันหนัก
    24. ถ้าเผลอหลับ ห้ามฝืน งีบเลย
    25. เห็นสิ่งใดดี ทำเลย สิ่งใดไม่ดี เลิกทำ ช่วยใครได้ ช่วยเลย ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ แม้แต่สลึงเดียว
    26. ให้อยู่ท่ามกลางคนดี มีจิตสาธารณะ จะมองโลกสวยงามขึ้น
    27. หา "หมอครอบครัว" อย่าเชื่อหมอที่โรงพยาบาลมากนัก
    28. อย่าบังคับตัวเองมากเกินไป ทำสิ่งที่สบายใจก่อนดีกว่า
    29.แก่แล้ว ไม่ต้องโลภ ตายแล้ว เอาอะไรไปด้วยไม่ได้ พอใจในสิ่งที่มี มีแล้วรู้จักการแบ่งปัน
    30. สิ่งใดเป็นประโยชน์ต่อผู้อิ่น ถ้าทำได้ ให้ทำทันที
    31.มองสิ่งรอบตัว ให้มีความสุข จิตเบิกบาน
    32.มีเมตตา ช่วยเหลือเกื้อกูลคน หรือ สัตว์ใดได้ ให้ทำทันที
    33. มีอะไรที่เกิดขึ้น ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นว่า มันเป็นเช่นนั้นเอง
    34. พยายามช่วยตัวเองให้ได้มากที่สุด ไม่ทำตัวให้เป็นภาระแก่ผู้อื่น
    35. ยอมรับความจริงว่า เมื่อมีสิ่งใดเกิดขึ้น มันจะอยู่ไม่นาน จะเป็นอยู่ชั่วคราว แล้วก็เปลี่ยนไป ในที่สุด ก็จะหมดไป ดับไป เป็นธรรมดา !!!!!

    ใครมีพฤติกรรมเช่นนี้ได้…..มีอายุยืนกว่า 90 ปี เป็นอย่างน้อย……แน่นอน❣️❣️❣️❣️❣️
    ดร. นพ. ฮิเดกิ วาดะ แนะนำ ให้ผู้ที่มีอายุ 70 ขึ้นไป มีพฤติกรรมดังนี้ จะมีอายุยืนยาวเกิน 90 ปีแน่ๆ คือ 1. ต้องเดินทุกวัน พยายามเดินให้ได้วันละ ไม่น้อยกว่า 15 นาที 2. เมื่อนึกขึ้นได้เมื่อไร ให้หายใจยาวๆลึกๆ ให้ออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง 3. พยายามยืดเส้น ยืดกล้ามเนื้อ บิดเนื้อ บิดตัวเป็นครั้งคราว 4. จิบน้ำบ่อยๆ แม้จะไม่กระหายน้ำก็ตาม พยายามจิบน้ำให้ได้มากขึ้น 5. อายุมากแล้ว อย่าปล่อยให้ท้องผูก กินอหารมีกากใย ลดโปรตีนจากเนื้อสัตว์ให้น้อยลง 6. พยายามขยับปาก จะเคี้ยว จะพูด จะร้องเหลง เป็นสิ่งที่ควรทำ 7. ความจำเสื่อมไม่ใช่เพราะอายุมาก แต่ เพราะไม่ใช้สมองเลยนั่นเอง 8. ไม่ต้องกินยาเยอะ กินเท่าที่จำเป็น 9. พยายามวัดความดันเลือดบ่อยๆ เพื่อคุมไม่ให้ความดันสวิง 10. ทำอารมณ์ให้แจ่มใสเป็นนิจ 11. พบปะ สังสรรค์กับเพื่อนผู้รู้ใจอยู่เนืองๆ 12. ท่องเที่ยวอย่างสบายๆ ไม่โลดโผนตามโอกาส 13. ทำในสิ่งที่ชอบ ปิดหู ปิดตา ไม่รับรู้สิ่งที่ไม่ชอบ หรือปัดทิ้งให้มากขึ้น 14. ฝึกร้องเพลงจากระดับอนุบาล จนเข้าขั้นมหาลัย….ปอดจะแข็งแรงจนน่าทึ่ง ลดอาการเหนื่อยง่ายลงได้อย่างน่าแปลกใจ 15.อย่านั่งนอนตลอดเวลา ให้ขยับตัวลุกเดินให้บ่อยขึ้น 16. กินอะไรก็ได้ ที่ชอบ แต่ อย่าให้เกิดโทษต่อร่างกายนัก 17. ทำทุกอย่าง ที่ทำให้ใจสบาย มีความสุข 18. ปล่อยวาง ให้อภัยให้มากขึ้น 19. รู้จักการแบ่งปันให้ผู้ขาดแคลน ด้อยโอกาส 20. เป็นโรคอะไรอยู่ก็ตาม เรียนรู้ที่อยู่กับมัน จนคุ้นเคยจักดีกว่า 21. มองสิ่งรอบตัวในแง่บวกเข้าไว้ เห็นอะไร ก็ดีนะ ดีที่มี ดีที่เป็น 22. ลดความริษยา อาฆาต มาดร้าย ปลงให้เป็น เย็นให้ได้ เด๋วก็ตายจากกันแล้วววววว 23. เคยไม่ชอบหน้าใคร ให้ลดละเลิก โดยเฉพาะเรื่องหนักๆของนักการเมืองที่ไม่ถูกใจเรา เด๋วกรรมจะจัดการมันเอง อย่าไปเครียด ประเทศไม่ใช่ของเราคนเดียว อย่าไปแบกไว้บนบ่า มันหนัก 24. ถ้าเผลอหลับ ห้ามฝืน งีบเลย 25. เห็นสิ่งใดดี ทำเลย สิ่งใดไม่ดี เลิกทำ ช่วยใครได้ ช่วยเลย ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ แม้แต่สลึงเดียว 26. ให้อยู่ท่ามกลางคนดี มีจิตสาธารณะ จะมองโลกสวยงามขึ้น 27. หา "หมอครอบครัว" อย่าเชื่อหมอที่โรงพยาบาลมากนัก 28. อย่าบังคับตัวเองมากเกินไป ทำสิ่งที่สบายใจก่อนดีกว่า 29.แก่แล้ว ไม่ต้องโลภ ตายแล้ว เอาอะไรไปด้วยไม่ได้ พอใจในสิ่งที่มี มีแล้วรู้จักการแบ่งปัน 30. สิ่งใดเป็นประโยชน์ต่อผู้อิ่น ถ้าทำได้ ให้ทำทันที 31.มองสิ่งรอบตัว ให้มีความสุข จิตเบิกบาน 32.มีเมตตา ช่วยเหลือเกื้อกูลคน หรือ สัตว์ใดได้ ให้ทำทันที 33. มีอะไรที่เกิดขึ้น ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นว่า มันเป็นเช่นนั้นเอง 34. พยายามช่วยตัวเองให้ได้มากที่สุด ไม่ทำตัวให้เป็นภาระแก่ผู้อื่น 35. ยอมรับความจริงว่า เมื่อมีสิ่งใดเกิดขึ้น มันจะอยู่ไม่นาน จะเป็นอยู่ชั่วคราว แล้วก็เปลี่ยนไป ในที่สุด ก็จะหมดไป ดับไป เป็นธรรมดา !!!!! ใครมีพฤติกรรมเช่นนี้ได้…..มีอายุยืนกว่า 90 ปี เป็นอย่างน้อย……แน่นอน❣️❣️❣️❣️❣️
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • "…. ถ้ากฎหมายถูกบังคับใช้อย่างเด็ดขาดเหมือนในหลายประเทศ วันนี้ตู้คีบตุ๊กตาคงจะหายไปจากบรรดาร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศไปแล้ว โดยถูกขนไปเผาทุบทำลาย เพราะเป็นอบายมุขที่บ่อนทำลายเด็กและเยาวชน

    แต่ปฏิบัติการกวาดล้างปราบปรามเครื่องเล่นการพนัน ซึ่งแฝงมาในรูปตู้คีบตุ๊กตาแทบไม่มีความคืบหน้าใดๆ

    ร้านสะดวกซื้อในหลายพื้นที่ ตู้คีบตุ๊กตายังตั้งตระหง่าน ท้าทายกฎหมายอยู่ รวมทั้งเซเว่น อีเลฟเว่นที่ถูกโจมตีมาเกือบ 2 สัปดาห์แล้ว

    อย่างไรก็ตาม การกำจัดอบายมุขให้ห่างไกลจากเด็กและเยาวชนเริ่มมีการขยับเหมือนกัน

    เพราะ CPALL เป็นบริษัทจดทะเบียน และเคยได้รับรางวัลมากมายจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมทั้งรางวัลบริษัทจดทะเบียนยอดเยี่ยมแห่งปี เมื่อนำอบายมุขมาเปิดในพื้นที่เซเว่น อีเลฟเว่น ย่อมส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์องค์กร และกระทบต่อสังคม

    …. ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำกับดูแลเฉพาะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นเท่านั้น ไม่มีอำนาจก้าวล่วงไปถึงบริษัททั่วไปที่ไร้สำนึกความรับผิดชอบต่อสังคม ปล่อยให้เครื่องเล่นการพนันเข้ามาตั้งสูบเงินจากเด็กและเยาวชน

    สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีหน้าที่โดยตรงที่จะกวดขัน จับกุม ปราบปราบอบายมุขที่ผิดกฎหมาย รวมทั้งตู้คีบไฟฟ้า แต่กลับปล่อยให้เครื่องเล่นการพนันชนิดนี้ระบาดไปทั่วประเทศ ซึ่งอาจเป็นเพราะผลประโยชน์ที่ได้รับการแบ่งปันจากเงินที่ได้จากการมอมเมาเด็กและเยาวชน

    รัฐบาลมีหน้าที่กำกับ ดูแล สอดส่อง การทำงานของตำรวจ หากละเลยการปฏิบัติหน้าที่หรือเลือกปฏิบัติ ปล่อยให้อบายมุขเต็มบ้านเต็มเมือง สามารถลงโทษตำรวจได้

    แต่ไม่เคยเห็นรัฐบาลชุดไหนใส่ใจต่ออบายมุข ในรูปตู้คีบตุ๊กตา ที่ทำให้เด็กและเยาวชนเสียคน รวมทั้งรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร"

    จากคอลัมน์ ชุมชนคนหุ้น ของสุนันท์​ ศรีจันทรา

    https://mgronline.com/stockmarket/detail/9670000105018

    #Thaitimes
    "…. ถ้ากฎหมายถูกบังคับใช้อย่างเด็ดขาดเหมือนในหลายประเทศ วันนี้ตู้คีบตุ๊กตาคงจะหายไปจากบรรดาร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศไปแล้ว โดยถูกขนไปเผาทุบทำลาย เพราะเป็นอบายมุขที่บ่อนทำลายเด็กและเยาวชน แต่ปฏิบัติการกวาดล้างปราบปรามเครื่องเล่นการพนัน ซึ่งแฝงมาในรูปตู้คีบตุ๊กตาแทบไม่มีความคืบหน้าใดๆ ร้านสะดวกซื้อในหลายพื้นที่ ตู้คีบตุ๊กตายังตั้งตระหง่าน ท้าทายกฎหมายอยู่ รวมทั้งเซเว่น อีเลฟเว่นที่ถูกโจมตีมาเกือบ 2 สัปดาห์แล้ว อย่างไรก็ตาม การกำจัดอบายมุขให้ห่างไกลจากเด็กและเยาวชนเริ่มมีการขยับเหมือนกัน เพราะ CPALL เป็นบริษัทจดทะเบียน และเคยได้รับรางวัลมากมายจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมทั้งรางวัลบริษัทจดทะเบียนยอดเยี่ยมแห่งปี เมื่อนำอบายมุขมาเปิดในพื้นที่เซเว่น อีเลฟเว่น ย่อมส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์องค์กร และกระทบต่อสังคม …. ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำกับดูแลเฉพาะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นเท่านั้น ไม่มีอำนาจก้าวล่วงไปถึงบริษัททั่วไปที่ไร้สำนึกความรับผิดชอบต่อสังคม ปล่อยให้เครื่องเล่นการพนันเข้ามาตั้งสูบเงินจากเด็กและเยาวชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีหน้าที่โดยตรงที่จะกวดขัน จับกุม ปราบปราบอบายมุขที่ผิดกฎหมาย รวมทั้งตู้คีบไฟฟ้า แต่กลับปล่อยให้เครื่องเล่นการพนันชนิดนี้ระบาดไปทั่วประเทศ ซึ่งอาจเป็นเพราะผลประโยชน์ที่ได้รับการแบ่งปันจากเงินที่ได้จากการมอมเมาเด็กและเยาวชน รัฐบาลมีหน้าที่กำกับ ดูแล สอดส่อง การทำงานของตำรวจ หากละเลยการปฏิบัติหน้าที่หรือเลือกปฏิบัติ ปล่อยให้อบายมุขเต็มบ้านเต็มเมือง สามารถลงโทษตำรวจได้ แต่ไม่เคยเห็นรัฐบาลชุดไหนใส่ใจต่ออบายมุข ในรูปตู้คีบตุ๊กตา ที่ทำให้เด็กและเยาวชนเสียคน รวมทั้งรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร" จากคอลัมน์ ชุมชนคนหุ้น ของสุนันท์​ ศรีจันทรา https://mgronline.com/stockmarket/detail/9670000105018 #Thaitimes
    MGRONLINE.COM
    CPALL ไล่ตู้คีบตุ๊กตาพ้น 7-11 / สุนันท์ ศรีจันทรา
    อีกไม่นาน ตู้คีบตุ๊กตาที่มอมเมา หลอกกินเงินเด็กและเยาวชน จะถูกกวาดล้าง ออกจากพื้นที่ร้านสะดวกซื้อ เซเว่น – อีเลฟเว่น ในทุกสาขาทั่วประเทศ หลัง บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ถูกโจมตี ในความไม่รับผิดชอบต่อสังคม
    Like
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 352 มุมมอง 0 รีวิว
  • ณ บ้านพระอาทิตย์
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

    การประกาศขีดเส้นเขตไหล่ทวีป และทะเลอาณาเขตของกัมพูชาในปี พ.ศ. 2515 ที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายทะเลสากลนั้น ได้มีการละเมิดสิทธิและอธิปไตยทางทะเลของราชอาณาจักรไทยอย่างชัดเจน และส่งผลทำให้ราชอาณาจักรไทยได้ “ปฏิเสธ” การประกาศขีดเส้นที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลของกัมพูชาไปแล้ว ด้วยการมีพระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516



    นอกจากนั้นในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้มีมติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการให้ยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างราชอาณาจักไทย-กัมพูชา เกี่ยวกับอ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทย ปี พ.ศ. 2544 (MOU 2544) ตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 อีกด้วย

    โดยมีรายละเอียด ดังนี้

    พระราชกฤษฎีกาของราชอาณาจักรกัมพูชาได้กำหนดแผนที่ “เส้นเขตไหล่ทวีป” ของราชอาณาจักรกัมพูชา ฉบับเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 ที่ลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 มาประชิดเกาะกูดด้านตะวันออก แล้วอ้อมเกาะกูดไปด้านล่างแล้ววกกลับมาเป็นรูปตัว U แล้วลากเส้นต่อเนื่องไปยังทิศตะวันตกของเกาะกูดลึกเข้าไปในอ่าวไทยก็ดี หรือพระราชกฤษฎีกาของราชอาณาจักรกัมพูชาฝ่ายเดียว ซึ่งกำหนดแผนที่แสดงการลาก “เส้นทะเลอาณาเขต” ของกัมพูชาจากหลักเขตที่ 73 ประชิดด้านทิศตะวันตกของเกาะกูด ฉบับเมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ.2515 ก็ดี ล้วนเป็นแผนที่กำหนดเส้นเขตแดนทางทะเลที่ “ละเมิดสิทธิและละเมิดอธิปไตยของประเทศไทย“ทั้งสิ้น และยังไม่เป็นไปตามกฎหมายทะเลสากล เพราะไม่เป็นไปตามบทบัญญัติอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958 อีกด้วย โดยมีผลตามมาดังนี้

    1.ละเมิด ทะเลอาณาเขต 12 ไมล์ทะเลของราชอาณาจักรไทยรอบเกาะกูด

    2.ละเมิดเขตทะเลต่อเนื่อง 24 ไมล์ทะเลของราชอาณาจักรไทยรอบเกาะกูด

    3.ละเมิดเขตเศรษฐกิจจำเพาะของราชอาณาจักรไทยที่มีการแบ่งครึ่งมุมระหว่างเกาะกูดกับเกาะกงจากหลักเขตที่ 73 จึงเป็นการละเมิดเส้นแบ่งที่ระยะทางเท่ากันระหว่างไทยและกัมพูชา (Equidistant Line)

    อย่างไรก็ตาม ราชอาณาจักรไทยได้เคย “ปฏิเสธ” การขีดเส้นทางทะเลของกัมพูชาที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลไปแล้วในเวลาต่อมา

    โดยราชอาณาจักรไทยได้มีพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 ลงราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2516 โดยมีจอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

    “พระบรมราชโองการ” ตรงกับภาษาอังกฤษคำว่า “Royal Command” ซึ่งมีความหมายว่า “คำสั่งราชการของพระมหากษัตริย์”

    พระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เป็นพระราชอำนาจภายใต้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2515 ที่เกี่ยวพันกับสถานภาพกำหนดเขตแดนทางทะเลของ “ราชอาณาจักรไทย” กับ “จอมทัพไทย” และองค์พระมหากษัตริย์ไทยผู้ทรงเป็นประมุขแห่งราชอาณาจักรไทยภายใต้รัฐธรรมนูญ ดังนี้

    “มาตรา 1 ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้

    พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย

    มาตรา 18 บรรดาบทกฎหมาย พระราชหัตถเลขา และพระบรมราชโองการใดๆ อันเกี่ยวกับราชการแผ่นดิน ต้องมีนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ”

    ดังนั้น พระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เป็นพระบรมราชโองการที่เกี่ยวกับราชการแผ่นดิน จึงมีผลตามกฎหมายและต้องมีการบังคับใช้จนถึงปัจจุบัน หากมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นต้องมีการแก้ไขด้วยพระบรมราชโองการเช่นกัน ดังนั้นจะอาศัยนักการเมืองไปตกลงกันเองตามอำเภอใจโดยขัดต่อพระบรมราชโองการนั้นไม่ได้

    ความสำคัญของพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 นอกจากจะมีความหมายถึงการ “ปฏิเสธ” เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่รุกล้ำราชอาณาเขตทะเลไทยแล้ว ยังได้ประกาศถึงเรื่อง “สิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติ” อย่างชัดเจนดังปรากฏเป็นข้อความในพระบรมราชโองการความว่า



    “เพื่อความมุ่งประสงค์ในการใช้สิทธิอธิปไตยของประเทศไทยในการสำรวจและการแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย จึงกำหนดให้เขตไหล่ทวีปตามแผนที่และพิกัดภูมิศาสตร์ของแต่ละจุดที่ประกอบเป็นเขตไหล่ทวีปของไทย ซึ่งแนบท้ายประกาศนี้เป็นเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย“

    อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมีพระบรมราชโองการฉบับนี้เป็นเวลา 2 ปี คือปี พ.ศ. 2514 และ พ.ศ. 2515 รัฐบาลราชอาณาจักรไทยได้ทำการให้สัมปทานปิโตรเลียมให้กับต่างชาติไปแล้วหลายแปลง โดยเฉพาะกลุ่มทุนจาก สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และญี่ปุ่น ที่ยึดถือการซื้อขายปิโตรเลียมเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ หรือที่เรียกว่า ปิโตรดอลลาร์

    ดังนั้น การที่กัมพูชาตราพระราชกฤษฎีกาของราชอาณาจักรกัมพูชาได้กำหนดแผนที่ “เส้นเขตไหล่ทวีป” ของราชอาณาจักรกัมพูชา ฉบับเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 ย่อมทำให้ผู้รับสัมปทานในประเทศไทยยังไม่สามารถดำเนินการให้สำรวจและแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทยได้ และอาจทำให้แหล่งปิโตรเลียมของราชอาณาจักรไทยกลายเป็นของกัมพูชาได้ด้วย

    ประกอบกับในเวลานั้นประเทศไทยได้ผ่านบทเรียนราคาแพงมาเป็นเวลา 10 ปีที่ได้สูญเสียปราสาทพระวิหารไปแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 ที่คำตัดสินของศาลโลกให้ประเทศไทยแพ้คดีด้วยเพราะ “กฎหมายปิดปาก” โดยอ้างว่าฝ่ายไทยนิ่งเฉยไม่ปฏิเสธต่อแผนที่ฝรั่งเศส อ้างว่าฝ่ายไทยนิ่งเฉยต่อการสำแดงอธิปไตยของกัมพูชา ทั้งๆ ที่ปราสาทพระวิหารตั้งอยู่บนยอดหน้าผาฝั่งราชอาณาจักรไทยซึ่งเป็นเส้นเขตแดนตามธรรมชาติที่ชัดเจน

    ดังนั้น ประเทศไทยจะดำเนินการปฏิเสธเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาฉบับปี พ.ศ. 2515 จึงต้องมีความรอบคอบ รัดกุม และคำนึงถึงการปกป้องสิทธิและอธิปไตยของชาติ ไม่ให้ถูกแย่งชิงแหล่งสัมปทานปิโตรเลียมในอ่าวไทยให้ไปเป็นของกัมพูชา ไม่ให้ซ้ำรอยการสูญเสียปราสาทพระวิหารของไทยในปี พ.ศ. 2505 ด้วย

    ดังนั้น เพื่อความสมบูรณ์และชอบธรรมในการ “ปฏิเสธ” แผนที่เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่ไม่กระทำการตามกฎหมายทะเลสากล พระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 จึงอยู่บน “มูลฐานของกฎหมายทะเลสากล” ดังความปรากฎในพระบรมราชโองการว่า

    “ในการกำหนดเขตไหล่ทวีปนี้ ได้ยึดถือมูลฐานแห่งสิทธิตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ อันเป็นที่ยอมรับนับถือกันทั่วไป และตามอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958 และประเทศไทยได้ให้สัตยาบันไว้แล้วเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2511”

    แม้ราชอาณาจักรไทยจะมีพระบรมราชโองการประกาศเส้นเขตไหล่ทวีปที่อยู่บนมูลฐานของกฎหมายสากล แต่ก็ยังมีความตระหนักด้วยว่าอาจจะต้องมีความเสี่ยงที่จะเกิดข้อพิพาท “ในอนาคต” กับเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาอย่างแน่นอน

    ราชอาณาจักรไทยจึงได้ประกาศโดยพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 กำหนดเส้นเขตไหล่ทวีปนั้น ได้วางหลักในอนาคตว่าหากจะมีการตกลงกันในวันข้างหน้าจะต้องใช้มูลฐานของกฎหมายสากลเท่านั้น

    ซึ่งแปลว่าฝ่ายราชอาณาจักรไทยนอกจากจะประกาศ “ปฏิเสธ” เส้นเขตไหล่ทวีปที่ละเมิดสิทธิและอธิปไตย ณ วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 แล้ว ยังจะต้อง “ปฏิเสธ” เส้นเขตไหล่ทวีปที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลทุกกรณีใน “อนาคต” ด้วย ดังข้อความปรากฏในพระบรมราชโองการความว่า

    “สำหรับสิทธิอธิปไตยในส่วนที่เป็นทะเลอาณาเขตซึ่งต่อเนื่องกับทะเลอาณาเขตใกล้เคียงอันจะถือเป็นจุดเริ่มของเส้นแบ่งเขตไหล่ทวีปนั้นจะเป็นไปตามที่จะได้ตกลงกัน โดยยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขตและเขตต่อเนื่อง ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958“



    หมายความว่าหากราชอาณาจักรไทยมีข้อพิพาทในอาณาเขตใกล้เคียงกันแล้วก็เปิดทางให้ตกลงกันได้ แต่ต้อง “ยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขตและเขตต่อเนื่อง ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958” เท่านั้น

    ดังเช่นกรณีพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-มาเลเซีย ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างเส้นเขตไหล่ทวีปของประเทศตัวเองให้ได้เปรียบที่สุด

    แต่เมื่อทั้ง 2 ประเทศได้ตกลงกันโดยอาศัยมูลฐานของกฎหมายทะเลสากล จึงสามารถยอมรับการอ้างสิทธิทับซ้อนเหลื่อมล้ำกันของพื้นที่ซึ่งกันและกันได้ และยังคงเป็นการดำเนินรอยตามพระบรมราชโองการสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516

    ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซียในการแบ่งปันผลผลิตปิโตรเลียม โดยการจัดตั้งองค์กรร่วมเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรในพื้นดินใต้ทะเลในบริเวณที่กำหนดของไหล่ทวีปของไทย-มาเลเซียในอ่าวไทย

    แต่เมื่อจะมีบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดตั้งองค์กรร่วมเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรในพื้นดินใต้ทะเลในบริเวณที่กำหนดของไหล่ทวีปของประเทศทั้งสองในอ่าวไทยแล้ว ก็ยังต้องอาศัยพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศใช้บันทีกความเข้าใจฉบับดังกล่าว เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2523 และรับสนองพระบรมราชโองการโดย พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี

    แต่กรณีของเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาซึ่งไม่อยู่บนฐานของมูลฐานของกฎหมายทะเลสากล ซึ่งราชอาณาจักรไทย ได้ “ปฏิเสธ” ไปแล้วโดยมีพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ได้ทรงประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 และได้ “ปฏิเสธ” การตกลงกันในอนาคตด้วย เพราะการขีดเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาดังกล่าวไม่ได้อยู่บนมูลฐานของมูลฐานแห่งบทบัญญัติของกฎหมายทะเลสากล

    ดังนั้น บันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-กัมพูชาเรื่องพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทย ปี พ.ศ. 2544 (MOU 2544) ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ลงนามกันเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2544 ได้เปลี่ยนสถานภาพในหลักการสำคัญ จากการ “ปฏิเสธ“ เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่ละเมิดสิทธิและอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย มากลายเป็น “รับรู้” และ “ไม่ปฏิเสธ” พื้นที่อ้างสิทธิเขตไหล่ทวีปของประเทศกัมพูชาที่ขีดเส้นตามอำเภอใจและไม่เป็นไปตามกฎหมายสากล

    การที่ประเทศไทย “ไม่ปฏิเสธ” การลากเส้นเขตไหล่ทวีปที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลของกัมพูชา ย่อมเท่ากับประเทศไทยเข้าสู่ภาวะสุ่มเสี่ยงที่ถูกตีความได้ว่าราชอาณาจักรไทยได้ “สละสิทธิ” จุดแข็งที่สุดคือการลากเส้นไหล่ทวีปตามกฎหมายสากลเพียงอย่างเดียว ให้กลายเป็นการยอมรับการเกิดพื้นที่ไม่แน่ชัดเหลื่อมซ้อนกันระหว่างการลากเส้นตามกฎหมายสากลของราชอาณาจักรไทย กับการลากเส้นตามอำเภอใจของกัมพูชาที่ละเมิดสิทธิและอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย

    MOU 2544 จึงอาจเข้าข่ายการฝ่าฝืนพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เนื่องด้วยมีการ “รับรู้” และ “ไม่ปฏิเสธ” การอ้างสิทธิทับซ้อนโดยอาศัยการขีดเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชาซึ่งไม่อยู่บน ”มูลฐานของกฎหมายทะเลสากล“

    เรากำลังขาดสติเดินตามรอย “กฎหมายปิดปาก”เสี่ยงสูญเสียเกาะกูดในอนาคตได้เหมือนการสูญเสียปราสาทพระวิหารในอดีตหรือไม่?

    ความสุ่มเสี่ยงดังกล่าวได้เคยเป็นปัญหาที่มีการถกเถียงกันอย่างมากระหว่างรัฐบาลไทยและภาคประชาชนต่อเนื่องมาก่อนแล้วเมื่อ 16 ปีก่อน

    จนในที่สุดในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการให้ยกเลิก MOU 2544 ไปแล้ว ดังปรากฏหลักฐานของ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผู้ได้ตอบกระทู้ของนายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2553 ความตอนหนึ่งว่า

    “ขอกราบเรียนดังนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2552 เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยและกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน ฉบับวันที่ 18 มิถุนายน 2554 แต่โดยที่เรื่องดังกล่าวต้องนำเสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบ

    จึงมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาข้อกฎหมายให้รอบคอบก่อนดำเนินการต่อไป แล้วก็กระทรวงการต่างประเทศโดยกรมสนธิสัญญาและกฎหมายกำลังดำเนินการศึกษาและพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยละเอียดก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา แล้วก็เพื่อเสนอต่อรัฐสภาต่อไป”

    โดยพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนั้นที่เห็นชอบในหลักการให้ยกเลิก MOU 2544 ประกอบไปด้วย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรครวมชาติพัฒนา พรรคกิจสังคม และพรรคมาตุภูมิ

    จริงอยู่ที่ว่าการยกเลิก MOU 2544 จนปัจจุบันยังไม่แล้วเสร็จ แต่มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 มีผลผูกพันทางกฎหมายอย่างแน่นอน และยังมีผลจนถึงปัจจุบันหากยังไม่มีมติคณะรัฐมนตรีเป็นอย่างอื่น

    ดังนั้น การปฏิบัติหน้าที่ของทุกกระทรวงจะดำเนินการไปในหลักการอื่นโดยฝ่าฝืนต่อมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 จะทำต่อไปได้อย่างไร ยกเว้นเสียแต่ว่ามีการขอความเห็นชอบต่อคณะรัฐมนตรีเสียใหม่ จริงหรือไม่?

    ดังนั้น การเดินหน้าในการแบ่งผลประโยชน์ระหว่างไทย-กัมพูชาตาม MOU 2544 ต่อไป อาจเข้าข่ายไม่เพียงเป็นการฝ่าฝืนพระบรมราชโองการสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เท่านั้น แต่ยังฝ่าฝืนต่อมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 อีกด้วย

    สำหรับ นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แทนที่จะมากล่าวหาว่าประชาชนผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการเดินหน้า MOU 2544 ว่าเป็นพวกคลั่งชาตินั้น ก็ควรจะสำรวจรัฐบาลตัวเองด้วยว่ากำลังขายชาติอยู่หรือไม่

    ด้วยจิตคารวะ
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต

    https://mgronline.com/daily/detail/9670000105530

    #Thaitimes
    ณ บ้านพระอาทิตย์ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ การประกาศขีดเส้นเขตไหล่ทวีป และทะเลอาณาเขตของกัมพูชาในปี พ.ศ. 2515 ที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายทะเลสากลนั้น ได้มีการละเมิดสิทธิและอธิปไตยทางทะเลของราชอาณาจักรไทยอย่างชัดเจน และส่งผลทำให้ราชอาณาจักรไทยได้ “ปฏิเสธ” การประกาศขีดเส้นที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลของกัมพูชาไปแล้ว ด้วยการมีพระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 นอกจากนั้นในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้มีมติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการให้ยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างราชอาณาจักไทย-กัมพูชา เกี่ยวกับอ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทย ปี พ.ศ. 2544 (MOU 2544) ตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 อีกด้วย โดยมีรายละเอียด ดังนี้ พระราชกฤษฎีกาของราชอาณาจักรกัมพูชาได้กำหนดแผนที่ “เส้นเขตไหล่ทวีป” ของราชอาณาจักรกัมพูชา ฉบับเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 ที่ลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 มาประชิดเกาะกูดด้านตะวันออก แล้วอ้อมเกาะกูดไปด้านล่างแล้ววกกลับมาเป็นรูปตัว U แล้วลากเส้นต่อเนื่องไปยังทิศตะวันตกของเกาะกูดลึกเข้าไปในอ่าวไทยก็ดี หรือพระราชกฤษฎีกาของราชอาณาจักรกัมพูชาฝ่ายเดียว ซึ่งกำหนดแผนที่แสดงการลาก “เส้นทะเลอาณาเขต” ของกัมพูชาจากหลักเขตที่ 73 ประชิดด้านทิศตะวันตกของเกาะกูด ฉบับเมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ.2515 ก็ดี ล้วนเป็นแผนที่กำหนดเส้นเขตแดนทางทะเลที่ “ละเมิดสิทธิและละเมิดอธิปไตยของประเทศไทย“ทั้งสิ้น และยังไม่เป็นไปตามกฎหมายทะเลสากล เพราะไม่เป็นไปตามบทบัญญัติอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958 อีกด้วย โดยมีผลตามมาดังนี้ 1.ละเมิด ทะเลอาณาเขต 12 ไมล์ทะเลของราชอาณาจักรไทยรอบเกาะกูด 2.ละเมิดเขตทะเลต่อเนื่อง 24 ไมล์ทะเลของราชอาณาจักรไทยรอบเกาะกูด 3.ละเมิดเขตเศรษฐกิจจำเพาะของราชอาณาจักรไทยที่มีการแบ่งครึ่งมุมระหว่างเกาะกูดกับเกาะกงจากหลักเขตที่ 73 จึงเป็นการละเมิดเส้นแบ่งที่ระยะทางเท่ากันระหว่างไทยและกัมพูชา (Equidistant Line) อย่างไรก็ตาม ราชอาณาจักรไทยได้เคย “ปฏิเสธ” การขีดเส้นทางทะเลของกัมพูชาที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลไปแล้วในเวลาต่อมา โดยราชอาณาจักรไทยได้มีพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 ลงราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2516 โดยมีจอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ “พระบรมราชโองการ” ตรงกับภาษาอังกฤษคำว่า “Royal Command” ซึ่งมีความหมายว่า “คำสั่งราชการของพระมหากษัตริย์” พระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เป็นพระราชอำนาจภายใต้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2515 ที่เกี่ยวพันกับสถานภาพกำหนดเขตแดนทางทะเลของ “ราชอาณาจักรไทย” กับ “จอมทัพไทย” และองค์พระมหากษัตริย์ไทยผู้ทรงเป็นประมุขแห่งราชอาณาจักรไทยภายใต้รัฐธรรมนูญ ดังนี้ “มาตรา 1 ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย มาตรา 18 บรรดาบทกฎหมาย พระราชหัตถเลขา และพระบรมราชโองการใดๆ อันเกี่ยวกับราชการแผ่นดิน ต้องมีนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ” ดังนั้น พระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เป็นพระบรมราชโองการที่เกี่ยวกับราชการแผ่นดิน จึงมีผลตามกฎหมายและต้องมีการบังคับใช้จนถึงปัจจุบัน หากมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นต้องมีการแก้ไขด้วยพระบรมราชโองการเช่นกัน ดังนั้นจะอาศัยนักการเมืองไปตกลงกันเองตามอำเภอใจโดยขัดต่อพระบรมราชโองการนั้นไม่ได้ ความสำคัญของพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 นอกจากจะมีความหมายถึงการ “ปฏิเสธ” เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่รุกล้ำราชอาณาเขตทะเลไทยแล้ว ยังได้ประกาศถึงเรื่อง “สิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติ” อย่างชัดเจนดังปรากฏเป็นข้อความในพระบรมราชโองการความว่า “เพื่อความมุ่งประสงค์ในการใช้สิทธิอธิปไตยของประเทศไทยในการสำรวจและการแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย จึงกำหนดให้เขตไหล่ทวีปตามแผนที่และพิกัดภูมิศาสตร์ของแต่ละจุดที่ประกอบเป็นเขตไหล่ทวีปของไทย ซึ่งแนบท้ายประกาศนี้เป็นเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย“ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมีพระบรมราชโองการฉบับนี้เป็นเวลา 2 ปี คือปี พ.ศ. 2514 และ พ.ศ. 2515 รัฐบาลราชอาณาจักรไทยได้ทำการให้สัมปทานปิโตรเลียมให้กับต่างชาติไปแล้วหลายแปลง โดยเฉพาะกลุ่มทุนจาก สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และญี่ปุ่น ที่ยึดถือการซื้อขายปิโตรเลียมเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ หรือที่เรียกว่า ปิโตรดอลลาร์ ดังนั้น การที่กัมพูชาตราพระราชกฤษฎีกาของราชอาณาจักรกัมพูชาได้กำหนดแผนที่ “เส้นเขตไหล่ทวีป” ของราชอาณาจักรกัมพูชา ฉบับเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 ย่อมทำให้ผู้รับสัมปทานในประเทศไทยยังไม่สามารถดำเนินการให้สำรวจและแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทยได้ และอาจทำให้แหล่งปิโตรเลียมของราชอาณาจักรไทยกลายเป็นของกัมพูชาได้ด้วย ประกอบกับในเวลานั้นประเทศไทยได้ผ่านบทเรียนราคาแพงมาเป็นเวลา 10 ปีที่ได้สูญเสียปราสาทพระวิหารไปแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 ที่คำตัดสินของศาลโลกให้ประเทศไทยแพ้คดีด้วยเพราะ “กฎหมายปิดปาก” โดยอ้างว่าฝ่ายไทยนิ่งเฉยไม่ปฏิเสธต่อแผนที่ฝรั่งเศส อ้างว่าฝ่ายไทยนิ่งเฉยต่อการสำแดงอธิปไตยของกัมพูชา ทั้งๆ ที่ปราสาทพระวิหารตั้งอยู่บนยอดหน้าผาฝั่งราชอาณาจักรไทยซึ่งเป็นเส้นเขตแดนตามธรรมชาติที่ชัดเจน ดังนั้น ประเทศไทยจะดำเนินการปฏิเสธเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาฉบับปี พ.ศ. 2515 จึงต้องมีความรอบคอบ รัดกุม และคำนึงถึงการปกป้องสิทธิและอธิปไตยของชาติ ไม่ให้ถูกแย่งชิงแหล่งสัมปทานปิโตรเลียมในอ่าวไทยให้ไปเป็นของกัมพูชา ไม่ให้ซ้ำรอยการสูญเสียปราสาทพระวิหารของไทยในปี พ.ศ. 2505 ด้วย ดังนั้น เพื่อความสมบูรณ์และชอบธรรมในการ “ปฏิเสธ” แผนที่เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่ไม่กระทำการตามกฎหมายทะเลสากล พระบรมราชโองการประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 จึงอยู่บน “มูลฐานของกฎหมายทะเลสากล” ดังความปรากฎในพระบรมราชโองการว่า “ในการกำหนดเขตไหล่ทวีปนี้ ได้ยึดถือมูลฐานแห่งสิทธิตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ อันเป็นที่ยอมรับนับถือกันทั่วไป และตามอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958 และประเทศไทยได้ให้สัตยาบันไว้แล้วเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2511” แม้ราชอาณาจักรไทยจะมีพระบรมราชโองการประกาศเส้นเขตไหล่ทวีปที่อยู่บนมูลฐานของกฎหมายสากล แต่ก็ยังมีความตระหนักด้วยว่าอาจจะต้องมีความเสี่ยงที่จะเกิดข้อพิพาท “ในอนาคต” กับเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาอย่างแน่นอน ราชอาณาจักรไทยจึงได้ประกาศโดยพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 กำหนดเส้นเขตไหล่ทวีปนั้น ได้วางหลักในอนาคตว่าหากจะมีการตกลงกันในวันข้างหน้าจะต้องใช้มูลฐานของกฎหมายสากลเท่านั้น ซึ่งแปลว่าฝ่ายราชอาณาจักรไทยนอกจากจะประกาศ “ปฏิเสธ” เส้นเขตไหล่ทวีปที่ละเมิดสิทธิและอธิปไตย ณ วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 แล้ว ยังจะต้อง “ปฏิเสธ” เส้นเขตไหล่ทวีปที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลทุกกรณีใน “อนาคต” ด้วย ดังข้อความปรากฏในพระบรมราชโองการความว่า “สำหรับสิทธิอธิปไตยในส่วนที่เป็นทะเลอาณาเขตซึ่งต่อเนื่องกับทะเลอาณาเขตใกล้เคียงอันจะถือเป็นจุดเริ่มของเส้นแบ่งเขตไหล่ทวีปนั้นจะเป็นไปตามที่จะได้ตกลงกัน โดยยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขตและเขตต่อเนื่อง ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958“ หมายความว่าหากราชอาณาจักรไทยมีข้อพิพาทในอาณาเขตใกล้เคียงกันแล้วก็เปิดทางให้ตกลงกันได้ แต่ต้อง “ยึดถือมูลฐานแห่งบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยทะเล อาณาเขตและเขตต่อเนื่อง ซึ่งกระทำ ณ กรุงเจนีวา ลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958” เท่านั้น ดังเช่นกรณีพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-มาเลเซีย ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างเส้นเขตไหล่ทวีปของประเทศตัวเองให้ได้เปรียบที่สุด แต่เมื่อทั้ง 2 ประเทศได้ตกลงกันโดยอาศัยมูลฐานของกฎหมายทะเลสากล จึงสามารถยอมรับการอ้างสิทธิทับซ้อนเหลื่อมล้ำกันของพื้นที่ซึ่งกันและกันได้ และยังคงเป็นการดำเนินรอยตามพระบรมราชโองการสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซียในการแบ่งปันผลผลิตปิโตรเลียม โดยการจัดตั้งองค์กรร่วมเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรในพื้นดินใต้ทะเลในบริเวณที่กำหนดของไหล่ทวีปของไทย-มาเลเซียในอ่าวไทย แต่เมื่อจะมีบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดตั้งองค์กรร่วมเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรในพื้นดินใต้ทะเลในบริเวณที่กำหนดของไหล่ทวีปของประเทศทั้งสองในอ่าวไทยแล้ว ก็ยังต้องอาศัยพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศใช้บันทีกความเข้าใจฉบับดังกล่าว เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2523 และรับสนองพระบรมราชโองการโดย พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี แต่กรณีของเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาซึ่งไม่อยู่บนฐานของมูลฐานของกฎหมายทะเลสากล ซึ่งราชอาณาจักรไทย ได้ “ปฏิเสธ” ไปแล้วโดยมีพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ได้ทรงประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 และได้ “ปฏิเสธ” การตกลงกันในอนาคตด้วย เพราะการขีดเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาดังกล่าวไม่ได้อยู่บนมูลฐานของมูลฐานแห่งบทบัญญัติของกฎหมายทะเลสากล ดังนั้น บันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-กัมพูชาเรื่องพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทย ปี พ.ศ. 2544 (MOU 2544) ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ลงนามกันเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2544 ได้เปลี่ยนสถานภาพในหลักการสำคัญ จากการ “ปฏิเสธ“ เส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาที่ละเมิดสิทธิและอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย มากลายเป็น “รับรู้” และ “ไม่ปฏิเสธ” พื้นที่อ้างสิทธิเขตไหล่ทวีปของประเทศกัมพูชาที่ขีดเส้นตามอำเภอใจและไม่เป็นไปตามกฎหมายสากล การที่ประเทศไทย “ไม่ปฏิเสธ” การลากเส้นเขตไหล่ทวีปที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายสากลของกัมพูชา ย่อมเท่ากับประเทศไทยเข้าสู่ภาวะสุ่มเสี่ยงที่ถูกตีความได้ว่าราชอาณาจักรไทยได้ “สละสิทธิ” จุดแข็งที่สุดคือการลากเส้นไหล่ทวีปตามกฎหมายสากลเพียงอย่างเดียว ให้กลายเป็นการยอมรับการเกิดพื้นที่ไม่แน่ชัดเหลื่อมซ้อนกันระหว่างการลากเส้นตามกฎหมายสากลของราชอาณาจักรไทย กับการลากเส้นตามอำเภอใจของกัมพูชาที่ละเมิดสิทธิและอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย MOU 2544 จึงอาจเข้าข่ายการฝ่าฝืนพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยของราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เนื่องด้วยมีการ “รับรู้” และ “ไม่ปฏิเสธ” การอ้างสิทธิทับซ้อนโดยอาศัยการขีดเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชาซึ่งไม่อยู่บน ”มูลฐานของกฎหมายทะเลสากล“ เรากำลังขาดสติเดินตามรอย “กฎหมายปิดปาก”เสี่ยงสูญเสียเกาะกูดในอนาคตได้เหมือนการสูญเสียปราสาทพระวิหารในอดีตหรือไม่? ความสุ่มเสี่ยงดังกล่าวได้เคยเป็นปัญหาที่มีการถกเถียงกันอย่างมากระหว่างรัฐบาลไทยและภาคประชาชนต่อเนื่องมาก่อนแล้วเมื่อ 16 ปีก่อน จนในที่สุดในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการให้ยกเลิก MOU 2544 ไปแล้ว ดังปรากฏหลักฐานของ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผู้ได้ตอบกระทู้ของนายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2553 ความตอนหนึ่งว่า “ขอกราบเรียนดังนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2552 เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยและกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน ฉบับวันที่ 18 มิถุนายน 2554 แต่โดยที่เรื่องดังกล่าวต้องนำเสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบ จึงมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาข้อกฎหมายให้รอบคอบก่อนดำเนินการต่อไป แล้วก็กระทรวงการต่างประเทศโดยกรมสนธิสัญญาและกฎหมายกำลังดำเนินการศึกษาและพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยละเอียดก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา แล้วก็เพื่อเสนอต่อรัฐสภาต่อไป” โดยพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนั้นที่เห็นชอบในหลักการให้ยกเลิก MOU 2544 ประกอบไปด้วย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรครวมชาติพัฒนา พรรคกิจสังคม และพรรคมาตุภูมิ จริงอยู่ที่ว่าการยกเลิก MOU 2544 จนปัจจุบันยังไม่แล้วเสร็จ แต่มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 มีผลผูกพันทางกฎหมายอย่างแน่นอน และยังมีผลจนถึงปัจจุบันหากยังไม่มีมติคณะรัฐมนตรีเป็นอย่างอื่น ดังนั้น การปฏิบัติหน้าที่ของทุกกระทรวงจะดำเนินการไปในหลักการอื่นโดยฝ่าฝืนต่อมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 จะทำต่อไปได้อย่างไร ยกเว้นเสียแต่ว่ามีการขอความเห็นชอบต่อคณะรัฐมนตรีเสียใหม่ จริงหรือไม่? ดังนั้น การเดินหน้าในการแบ่งผลประโยชน์ระหว่างไทย-กัมพูชาตาม MOU 2544 ต่อไป อาจเข้าข่ายไม่เพียงเป็นการฝ่าฝืนพระบรมราชโองการสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 เท่านั้น แต่ยังฝ่าฝืนต่อมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 อีกด้วย สำหรับ นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แทนที่จะมากล่าวหาว่าประชาชนผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการเดินหน้า MOU 2544 ว่าเป็นพวกคลั่งชาตินั้น ก็ควรจะสำรวจรัฐบาลตัวเองด้วยว่ากำลังขายชาติอยู่หรือไม่ ด้วยจิตคารวะ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต https://mgronline.com/daily/detail/9670000105530 #Thaitimes
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 401 มุมมอง 0 รีวิว
  • - นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ -
    ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
    กล่าวถึง "เดือนการฟังแห่งชาติ" ที่อยากให้เป็นเดือนแห่งความสุข ให้คนได้ออกไปรับฟังซึ่งกันและกัน เพื่อทำให้เกิดความสุข แล้วก็ให้เกียรติและเห็นคุณค่าของคนรอบข้าง เพื่อที่เราจะแบ่งปันกันได้มากขึ้น
    .
    ตลอดเดือนพฤศจิกายนนี้ ในวาระเดือนการฟังแห่งชาติ
    ชวนมาพบกับ 28 พื้นที่รับฟัง ที่จะมีเหล่าอาสาเพื่อนรับฟัง
    พร้อมรับฟังคุณด้วยหัวใจและไม่ตัดสิน
    .
    จัดโดย ธนาคารจิตอาสา JitArsa Bank และ ความสุขประเทศไทย ร่วมกับเครือข่ายภาคีสร้างเสริมสุขภาวะทางปัญญาหลากหลายองค์กร ด้วยการสนับสนุนจาก สสส. (สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ) : ThaiHealth
    .
    📍ดูตารางกิจกรรมและลงทะเบียน Listenian Space
    ตลอดเดือนพฤศจิกายนนี้ ได้ที่
    https://bit.ly/4eajnzF
    .
    📍 หมายเหตุ* อาสาสมัครเป็นผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมทักษะการฟังเบื้องต้นมิใช่นักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์ หากต้องการความช่วยเหลือควรปรึกษาผู้เชื่ยวชาญ
    .
    #เดือนการฟังแห่งชาติ
    #เพราะโลกนี้ต้องการคนรับฟัง
    #NationalMonthofListening
    #NMoL
    #สสส
    - นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ - ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวถึง "เดือนการฟังแห่งชาติ" ที่อยากให้เป็นเดือนแห่งความสุข ให้คนได้ออกไปรับฟังซึ่งกันและกัน เพื่อทำให้เกิดความสุข แล้วก็ให้เกียรติและเห็นคุณค่าของคนรอบข้าง เพื่อที่เราจะแบ่งปันกันได้มากขึ้น . ตลอดเดือนพฤศจิกายนนี้ ในวาระเดือนการฟังแห่งชาติ ชวนมาพบกับ 28 พื้นที่รับฟัง ที่จะมีเหล่าอาสาเพื่อนรับฟัง พร้อมรับฟังคุณด้วยหัวใจและไม่ตัดสิน . จัดโดย ธนาคารจิตอาสา JitArsa Bank และ ความสุขประเทศไทย ร่วมกับเครือข่ายภาคีสร้างเสริมสุขภาวะทางปัญญาหลากหลายองค์กร ด้วยการสนับสนุนจาก สสส. (สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ) : ThaiHealth . 📍ดูตารางกิจกรรมและลงทะเบียน Listenian Space ตลอดเดือนพฤศจิกายนนี้ ได้ที่ https://bit.ly/4eajnzF . 📍 หมายเหตุ* อาสาสมัครเป็นผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมทักษะการฟังเบื้องต้นมิใช่นักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์ หากต้องการความช่วยเหลือควรปรึกษาผู้เชื่ยวชาญ . #เดือนการฟังแห่งชาติ #เพราะโลกนี้ต้องการคนรับฟัง #NationalMonthofListening #NMoL #สสส
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 23 0 รีวิว
  • น้ำใจเป็นสิ่งที่สร้างความชุ่มชื่นให้ทั้งผู้ให้และผู้รับ และมันยังเป็นสิ่งที่ทำนายถึงทิศทางของชีวิตรักได้อย่างดี เมื่อเราแบ่งปันน้ำใจให้คนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นคนแปลกหน้าหรือคนในครอบครัว จิตใจเราจะอบอุ่นและพร้อมที่จะแบ่งปันความอบอุ่นนั้นกับคนรักในอนาคตด้วย

    1. น้ำใจต่อคนแปลกหน้า – การให้อภัยและการไม่ยึดติดในความขัดแย้งช่วยสร้างความยืดหยุ่นในความสัมพันธ์ แม้ในเวลาที่ทะเลาะกันกับคนรัก น้ำใจนี้จะทำให้เราไม่ติดใจเรื่องเล็กน้อย ไม่ยึดถือความผิดของกันและกันจนเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งจะช่วยให้ความสัมพันธ์คงอยู่ในบรรยากาศที่เบาสบายและไม่หนักหน่วง

    2. น้ำใจต่อคนในครอบครัว – การแบ่งปันและสนับสนุนกันในครอบครัวเป็นพื้นฐานของความเสียสละและการอยู่ร่วมกันได้อย่างมั่นคง หากเคยมีน้ำใจกับคนในครอบครัว การสร้างประสบการณ์ที่ดีและการแบ่งปันสิ่งดีๆ ก็จะเป็นธรรมชาติที่นำมาใช้ในความสัมพันธ์กับคนรัก เมื่อเราพร้อมจะแบ่งปันความสุขและช่วยเหลือกัน ความสัมพันธ์นั้นก็จะแข็งแรงและยืนยาว

    น้ำใจไม่ได้เป็นเพียงแค่การให้กับผู้อื่น แต่ยังสะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์ภายในจิตใจของเรา เมื่อเราสร้างและสะสมต้นทุนของน้ำใจไว้ เราก็จะมีความชุ่มเย็นนั้นเก็บไว้ใช้ในยามที่ชีวิตรักต้องการ หากเราไม่เคยสะสมน้ำใจ และไม่เคยเห็นคุณค่าของมัน ชีวิตรักก็อาจเผชิญความแห้งแล้งและขาดความชุ่มเย็นในยามที่เราต้องการที่สุด

    น้ำใจเป็นสิ่งที่สร้างความชุ่มชื่นให้ทั้งผู้ให้และผู้รับ และมันยังเป็นสิ่งที่ทำนายถึงทิศทางของชีวิตรักได้อย่างดี เมื่อเราแบ่งปันน้ำใจให้คนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นคนแปลกหน้าหรือคนในครอบครัว จิตใจเราจะอบอุ่นและพร้อมที่จะแบ่งปันความอบอุ่นนั้นกับคนรักในอนาคตด้วย 1. น้ำใจต่อคนแปลกหน้า – การให้อภัยและการไม่ยึดติดในความขัดแย้งช่วยสร้างความยืดหยุ่นในความสัมพันธ์ แม้ในเวลาที่ทะเลาะกันกับคนรัก น้ำใจนี้จะทำให้เราไม่ติดใจเรื่องเล็กน้อย ไม่ยึดถือความผิดของกันและกันจนเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งจะช่วยให้ความสัมพันธ์คงอยู่ในบรรยากาศที่เบาสบายและไม่หนักหน่วง 2. น้ำใจต่อคนในครอบครัว – การแบ่งปันและสนับสนุนกันในครอบครัวเป็นพื้นฐานของความเสียสละและการอยู่ร่วมกันได้อย่างมั่นคง หากเคยมีน้ำใจกับคนในครอบครัว การสร้างประสบการณ์ที่ดีและการแบ่งปันสิ่งดีๆ ก็จะเป็นธรรมชาติที่นำมาใช้ในความสัมพันธ์กับคนรัก เมื่อเราพร้อมจะแบ่งปันความสุขและช่วยเหลือกัน ความสัมพันธ์นั้นก็จะแข็งแรงและยืนยาว น้ำใจไม่ได้เป็นเพียงแค่การให้กับผู้อื่น แต่ยังสะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์ภายในจิตใจของเรา เมื่อเราสร้างและสะสมต้นทุนของน้ำใจไว้ เราก็จะมีความชุ่มเย็นนั้นเก็บไว้ใช้ในยามที่ชีวิตรักต้องการ หากเราไม่เคยสะสมน้ำใจ และไม่เคยเห็นคุณค่าของมัน ชีวิตรักก็อาจเผชิญความแห้งแล้งและขาดความชุ่มเย็นในยามที่เราต้องการที่สุด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • TikTokEventpass เคลียร์บ้านรับสิ้นปี! แจกพิกัด ที่บริจาคของที่ไม่ใช้ ส่งต่อให้คน ที่ขาดแคลน รวมมาครบทั้งเสื้อผ้า หนังสือ ของเล่น ตุ๊กตา เครื่องเขียน เครื่องใช้ ใครมี่ของเก่าสภาพ ดี หรือของที่เลิกใช้แล้ว อาจเป็น ประโยชน์ต่ออีกหลายคนได้นะ มาส ร้างสังคมแห่งการให้ไปด้วยกัน~ #Eventpass #แบ่งปัน #ว่างว่างก็แวะมา #Thaitimes
    TikTokEventpass เคลียร์บ้านรับสิ้นปี! แจกพิกัด ที่บริจาคของที่ไม่ใช้ ส่งต่อให้คน ที่ขาดแคลน รวมมาครบทั้งเสื้อผ้า หนังสือ ของเล่น ตุ๊กตา เครื่องเขียน เครื่องใช้ ใครมี่ของเก่าสภาพ ดี หรือของที่เลิกใช้แล้ว อาจเป็น ประโยชน์ต่ออีกหลายคนได้นะ มาส ร้างสังคมแห่งการให้ไปด้วยกัน~ #Eventpass #แบ่งปัน #ว่างว่างก็แวะมา #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 282 มุมมอง 0 รีวิว
  • TikTok@cibpolice #CIB #ตำรวจสอบสวนกลาง #จิตอาสา #เกาะลิบง #แบ่งปัน #ว่างว่างก็แวะมา #Thaitimes
    TikTok@cibpolice #CIB #ตำรวจสอบสวนกลาง #จิตอาสา #เกาะลิบง #แบ่งปัน #ว่างว่างก็แวะมา #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 362 มุมมอง 112 0 รีวิว
  • เดจาวู
    เดจาวู (Déjà Vu) เป็นคำที่มาจากภาษาฝรั่งเศส แปลว่า "เคยเห็นแล้ว" เป็นปรากฏการณ์ที่หลายคนเคยประสบ คือความรู้สึกว่าประสบการณ์ในขณะนั้นเคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้ว ทั้งที่ในความเป็นจริงมันยังไม่เคยเกิดขึ้นเลย

    ลักษณะของเดจาวู
    ความรู้สึกคุ้นเคย: รู้สึกว่าช่วงเวลานั้นเคยเกิดขึ้นมาแล้ว

    ไม่มีความทรงจำที่ชัดเจน: แม้รู้สึกคุ้นเคย แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเคยเกิดขึ้นเมื่อใดหรือที่ไหน

    เกิดขึ้นชั่วคราว: ปรากฏการณ์นี้มักเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาที

    ทฤษฎีเกี่ยวกับเดจาวู
    ทฤษฎีการทำงานของสมอง: มีการคาดการณ์ว่าการทำงานของสมองบางส่วนเกิดการสื่อสารที่ผิดพลาด ทำให้เกิดความรู้สึกว่าประสบการณ์นั้นเคยเกิดขึ้นมาก่อน

    ทฤษฎีความทรงจำ: บางทฤษฎีเชื่อว่าเดจาวูเกิดจากการที่สมองสับสนระหว่างความทรงจำระยะสั้นและระยะยาว

    ทฤษฎีของความฝัน: มีบางทฤษฎีเชื่อว่าเดจาวูอาจเกิดจากความฝันที่เคยฝันมาก่อน

    ความสำคัญของเดจาวู
    การศึกษาเกี่ยวกับสมอง: ช่วยให้เข้าใจการทำงานของสมองและความทรงจำมากขึ้น

    ประสบการณ์ส่วนบุคคล: ทำให้ผู้คนรู้สึกประหลาดใจและสนใจในธรรมชาติของจิตใจมนุษย์

    วิธีรับมือกับเดจาวู
    ไม่ต้องกังวล: เดจาวูเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่เป็นอันตราย

    พูดคุยกับผู้อื่น: การแบ่งปันประสบการณ์เดจาวูกับผู้อื่นอาจช่วยให้รู้สึกสบายใจขึ้น

    ศึกษาหาข้อมูล: การเรียนรู้เกี่ยวกับเดจาวูสามารถช่วยให้เข้าใจปรากฏการณ์นี้ดียิ่งขึ้น

    เดจาวูเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจและยังคงเป็นปริศนาที่นักวิทยาศาสตร์และนักจิตวิทยาพยายามศึกษาวิจัยต่อไป เพื่อทำความเข้าใจถึงสาเหตุและความหมายที่แท้จริงของมัน
    เดจาวู เดจาวู (Déjà Vu) เป็นคำที่มาจากภาษาฝรั่งเศส แปลว่า "เคยเห็นแล้ว" เป็นปรากฏการณ์ที่หลายคนเคยประสบ คือความรู้สึกว่าประสบการณ์ในขณะนั้นเคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้ว ทั้งที่ในความเป็นจริงมันยังไม่เคยเกิดขึ้นเลย ลักษณะของเดจาวู ความรู้สึกคุ้นเคย: รู้สึกว่าช่วงเวลานั้นเคยเกิดขึ้นมาแล้ว ไม่มีความทรงจำที่ชัดเจน: แม้รู้สึกคุ้นเคย แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเคยเกิดขึ้นเมื่อใดหรือที่ไหน เกิดขึ้นชั่วคราว: ปรากฏการณ์นี้มักเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาที ทฤษฎีเกี่ยวกับเดจาวู ทฤษฎีการทำงานของสมอง: มีการคาดการณ์ว่าการทำงานของสมองบางส่วนเกิดการสื่อสารที่ผิดพลาด ทำให้เกิดความรู้สึกว่าประสบการณ์นั้นเคยเกิดขึ้นมาก่อน ทฤษฎีความทรงจำ: บางทฤษฎีเชื่อว่าเดจาวูเกิดจากการที่สมองสับสนระหว่างความทรงจำระยะสั้นและระยะยาว ทฤษฎีของความฝัน: มีบางทฤษฎีเชื่อว่าเดจาวูอาจเกิดจากความฝันที่เคยฝันมาก่อน ความสำคัญของเดจาวู การศึกษาเกี่ยวกับสมอง: ช่วยให้เข้าใจการทำงานของสมองและความทรงจำมากขึ้น ประสบการณ์ส่วนบุคคล: ทำให้ผู้คนรู้สึกประหลาดใจและสนใจในธรรมชาติของจิตใจมนุษย์ วิธีรับมือกับเดจาวู ไม่ต้องกังวล: เดจาวูเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่เป็นอันตราย พูดคุยกับผู้อื่น: การแบ่งปันประสบการณ์เดจาวูกับผู้อื่นอาจช่วยให้รู้สึกสบายใจขึ้น ศึกษาหาข้อมูล: การเรียนรู้เกี่ยวกับเดจาวูสามารถช่วยให้เข้าใจปรากฏการณ์นี้ดียิ่งขึ้น เดจาวูเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจและยังคงเป็นปริศนาที่นักวิทยาศาสตร์และนักจิตวิทยาพยายามศึกษาวิจัยต่อไป เพื่อทำความเข้าใจถึงสาเหตุและความหมายที่แท้จริงของมัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • ราเมงไทยหัวใจแบ่งปัน ร้านราเมงอะ #กิน #หิว #อร่อย #ก๋วยเตี๋ยว #อร่อยบอกต่อ #สมุทรปราการ #พาชิม #ร้านดีบอกต่อ #พิกัดของอร่อย #เทรนด์วันนี้ #เฟรนไชส์ #กินง่ายริมทาง #food #thaitimes #kaiaminute
    ราเมงไทยหัวใจแบ่งปัน ร้านราเมงอะ #กิน #หิว #อร่อย #ก๋วยเตี๋ยว #อร่อยบอกต่อ #สมุทรปราการ #พาชิม #ร้านดีบอกต่อ #พิกัดของอร่อย #เทรนด์วันนี้ #เฟรนไชส์ #กินง่ายริมทาง #food #thaitimes #kaiaminute
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 367 มุมมอง 114 0 รีวิว
  • ⚜️ #อดีตชาติหลวงพ่อฤาษี 13 ชาติ..⚜️

    🔱#ที่เกิดตั้งแต่สมัยโยนกนคร #จนถึงรัตนโกสินทร์🔱

    ลงมาเกิดเพื่อรวมไทยให้เป็นปึกแผ่น และเพื่อช่วยเหลือคนไทย และช่วยให้พระพุทธศาสนามีอายุครบ 5000 ปี

    ✴️ #วาระที่ 1 เกิดเป็นพระเจ้ามังราย รัชกาลที่ 2 แห่งโยนกนคร เป็นลูกชายพระเจ้าอชุตราช ในชาตินั้นท่านเป็นผู้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่ดอยตุง โดยการนำมาของพระมหากัสสปะพร้อมด้วยพระอรหันต์ 500 องค์

    ✴️ #วาระที่ 2 เกิดสมัยโยนก เป็นเณรน้อยอายุ 7 ปีทรงฌานสมาบัติ แต่ได้ถูกขอมดำกระทำย่ำยี เวลานั้นขอมดำมายึดเมืองโยนกนครได้แล้ว แล้วทำการกดขี่ข่มเหงรังแกคนไทย
    เณรจึงเข้าฌานสมาบัติ ตั้งจิตอธิษฐานว่า เกิดคราวหน้าขอให้ได้เกิดมาเป็นคนไทย และได้ช่วยคนไทยทุกแง่ทุกมุม
    มิไม่ใช่เฉพาะการรบ การเศรษฐกิจ การปกครอง แม้แต่การรบทุกอย่างให้ครบถ้วน ให้คนไทยพ้นจากความเป็นทาส "พอตั้งจิตอธิษฐานก็ไม่ถอนจากฌานสมาบัติ ก็นั่งทรงฌานอย่างนั้นจนตาย แล้วไปเกิดเป็นพรหม ชั้นที่ 11

    ✴️ #การเกิดครั้งที่3 หลังจากตายจากเณรน้อย ไปเป็นพรหมชั้นที่11ได้เพียง1ปีเศษ ก็ลงมาเกิดเป็น "พระเจ้าพรหม มหาราช" เป็นโอรสของพระเจ้าพังคราช รัชกาลที่ 37 ในสมัยโยนกนคร มีพี่ชายชื่อทุกภิขะ( บริเวณพระธาตุจอมกิตติ ดอยตุง เป็นเขตเมืองโยนกนคร) เกิดพร้อมสหชาติที่เป็นพรหม เทวดา ลงมาเกิดพร้อมกัน 250 คน ทั้ง 250 คน เกิดเป็นผู้ชายทั้งหมด พรหมอีกองค์นึงเกิดเป็นช้างประกายแก้ว ช้างคู่บารมีพระเจ้าพรหม ลงมาเกิดเพื่อกู้ชาติให้พ้นความเป็นทาสจากขอมดำ และทำสำเร็จด้วย ทุกวันนี้วันอาสาฬหบูชาที่วัดท่าซุงก็มีการแห่ชัยชนะพระเจ้าพรหมทุกๆปี

    ✴️ #การเกิดในวาระที่4 หลังจากที่ตายจากการเป็นพระเจ้าพรหมสมัยโยนก แล้วเข้าฌาณตาย กลับไปเป็นพรหม เวลาผ่านไปอีก 800 ปีลงมาเกิดเป็นพระร่วงโรจนฤทธิ์ ตอนเด็กมีนามว่าอรุณกุมาร เป็นผู้ที่มีฤทธิ์มาก มีวิชาอาคม มีวาจาสิทธิ์ สามารถเสกขอมให้เป็นหินได้ และขยายอาณาเขตของประเทศไทย (ตอนนั้นยังไม่เป็นเทศไทย )กว้างใหญ่ไพศาล ยึดมอญ พม่าขอมไว้ได้หมด อาณาจักรยาวเหยียด เวลานั้นคือก่อนเมืองสุโขทัย 700 ปีเศษ ก่อนหน้าพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ 700ประมาณปีเศษ

    ✴️ #วาระที่5 เกิดเป็น"พ่อขุนศรีเมืองมาน"( เป็นพ่อของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ แห่งอณาจักรสุโขทัย) ตายจากพระร่วงโรจนฤทธิ์ก็เข้าฌานตาย กลับไปเป็นพรหมเช่นเดิม กลับมาเกิดวาระที่5 เป็นพ่อขุนศรีเมืองมาน มีสหชาติเกิดมาด้วยคือ พ่อขุนน้าวนําถมลงมาช่วยกู้ชาติไทยจากขอมดำ ขยายอาณาเขตประเทศไทยไปถึงสิงคโปร์ มีภรรยาชื่อพรรณวดีศรีโสภาศ เป็นเมียเอก และมีเมียราษฏร์อีก 29 คน พอเมียเอกตาย ก็บวชไม่สึกอีกเลย เข้าฌานตายแล้วไปเกิดเป็นพรหมตามเดิม

    ✴️ #วาระที่6 "ขุนหลวงพระงั่ว" รัชกาลที่ 3 แห่งกรุงศรีอยุธยา ต่อมาคนไทยเกิดแบ่งเป็น 2 พวก จึงต้องลงมาเกิดเพื่อรวมไทยให้เป็น1เดียว ลงมาเกิดในราชวงศ์อู่ทอง เป็น"ขุนหลวงพระงั่ว" มาปลุกจิตสำนึกคนไทยให้รู้จักบาปบุญคุณโทษ จึงนิมนต์พระสงฆ์มาร่าง"ไตรภูมิพระร่วง
    ไตรภูมิพระร่วง พระร่วงไม่ได้ทำ
    ท่านเป็นเพียงแต่ศาสนูปถัมภ์
    ไตรภูมิพระร่วง เป็นการร่วมมือกันระหว่างสุโขทัยและกรุงศรี
    และยังได้ร่วมกันสร้างพระพุทธชินราชพระพุทธชินสีห์ และพระศรีศากยมุนีขึ้นมาเป็นมิ่งขวัญของเมืองไทย เป็นการแสดงสัญลักษณ์ว่าประเทศไทยจะทรงตัวได้ด้วยเหตุ 3 อย่างด้วยกัน
    คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
    พระพุทธชินราช หมายถึง พระมหากษัตริย์ พระพุทธชินสีห์ หมายถึง พระศาสนา พระศากยมุนี หมายถึง ชาติ
    การสร้างครั้งนี้ก็เป็นหน้าที่ของท้าวโกสีย์สักกะเทวราชให้พระวิษณุกรรมมาช่วย ขุนหลวงพระงั่วได้มารวมสุโขทัยกับอยุธยาเป็นประเทศเดียวกัน

    ✴️ #เกิดวาระที่7 ต่อมาลงมาเกิดในสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงศรีฯ ครั้งนี้เป็นลูกชาวบ้าน แต่เป็นลูกมหาเศรษฐี มีแม่ชื่อปิ่นทอง พ่อชื่อกองแก้ว ท่านเองเป็นลูกชายชื่ออำไพ ลงมาช่วยคน ให้เงินให้ทอง ให้ที่ทำกิน ช่วยการเกษตร ช่วยทุกสิ่งทุกอย่าง ให้การศึกษา จนคนไทยเป็นปึกแผ่นแน่นหนาพอ ประชาชนมีความสุข และท่านก็ตายไปเกิดเป็นพรหมตามเดิม

    ✴️ #วาระที่ 8 เกิดมาในตระกูลของแม่ทัพสมเด็จพระพันวสา คือสมเด็จพระอินทราธิราช มีนามว่า "ขุนไกร" (#ขุนแผน) เป็นอันว่าชาตินี้ขุนแผนต้องรวบรวมไทยอาศัยที่มีวิชาการมาก เป็นนักรบเก่ง
    ล่องหนหายตัวได้ สะเดาะกลอนได้
    ทำหุ่นพยนต์ได้ ทำอะไรได้แปลกๆ
    การยกทัพไปก็ไม่ต้องใช้กำลังคนมาก
    ก็สามารถจะสู้ข้าศึกได้

    ✴️ #วาระที่ 9 เกิดมาเป็นลูกกษัตริย์ มีนามว่าพระบรมไตรโลกนาถ เมื่อพระบรมไตรโลกนาสวรรนคตก็ไปเป็นพรหมตามเดิมไม่ช้าไม่นานก็ต้องเสด็จลงมาเกิดอีก

    ✴️ #วาระที่10 เกิดสมัยพระนารายณ์ ท่านลงมาเกิดเป็น"ขุนเหล็ก"
    หรือพระยาโกษาเหล็ก เกิดควบคู่กับสมเด็จพระนารายณ์มหาราช รุ่นราวคราวเดียวกัน เป็นเพื่อนเล่นกัน ขุนเหล็กมีน้องชายชื่อว่าขุนปาน หรือพระยาโกษาปาน ทั้งสองพระองค์ เป็นที่ไว้วางใจของสมเด็จพระนารายณ์มาก
    #บั้นปลายชีวิตลากิจราชการไปจำศีลเจริญภาวนาวิปัสสนาญาณ ให้ทาน ตายจากเจ้าพระยาโกษาเหล็ก ก็เข้าฌานกลับไปเป็นพรหมตามเดิม
    (#ท่านไม่ได้ตายตามประวัติศาสตร์เขียนไว้หรอกนะ)

    ✴️ #วาระที่11 ลงมาเกิดมาเป็นขุนดาบคู่ใจของพระเจ้าตากสินมหาราช คือพระยาศรีสิทธิสงคราม อยู่ในกองทัพหลวงประจำองค์พระเจ้าตากสินมหาราชสมัยกรุงธนบุรี ก่อนกรุงศรีจะแตก เป็นกำนันจัน ชื่อว่า #จันหนวดเขี้ยว เป็นที่รักของประชาชน ต่อมาค่ายบางระจันแตก
    ✴️ #นายจันหนวดเขี้ยวไม่ได้ตายไปตามประวัติศาสตร์ที่เขียน
    นายจันหนวดเขี้ยวจึงมารวมกำลังกับพระเจ้าตากสินกู้ชาติ ต่อมาพระเจ้าตากสินจึงเปลี่ยนชื่อให้จากกำนันจัน มาเป็นพระยาศรีสิทธิสงคราม ประจำกองทัพหลวง (ด้วง- นายจันหนวดเขี้ยว- พระยาศรีสิทธิสงคราม -เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก-และ #สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก

    ✴️ #วาระที่12 มาเกิดเป็น รัชกาลที่ 5 แห่ง กรุงรัตนโกสินทร์

    ✴️ #วาระที่13 ชาติสุดท้ายเกิดมาเป็น
    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง

    🖋️📚หนังสือเรื่องจริงอิงนิทานพิเศษ
    ⚜️พระราชพรหมยานเถระ (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)​⚜️
    🖋️📚คัดลอกแบ่งปันเป็นธรรมทานโดย
    🧘จิตหนึ่งประภัสสร สุดยอดคือพระนิพพาน
    ⚜️ #อดีตชาติหลวงพ่อฤาษี 13 ชาติ..⚜️ 🔱#ที่เกิดตั้งแต่สมัยโยนกนคร #จนถึงรัตนโกสินทร์🔱 ลงมาเกิดเพื่อรวมไทยให้เป็นปึกแผ่น และเพื่อช่วยเหลือคนไทย และช่วยให้พระพุทธศาสนามีอายุครบ 5000 ปี ✴️ #วาระที่ 1 เกิดเป็นพระเจ้ามังราย รัชกาลที่ 2 แห่งโยนกนคร เป็นลูกชายพระเจ้าอชุตราช ในชาตินั้นท่านเป็นผู้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่ดอยตุง โดยการนำมาของพระมหากัสสปะพร้อมด้วยพระอรหันต์ 500 องค์ ✴️ #วาระที่ 2 เกิดสมัยโยนก เป็นเณรน้อยอายุ 7 ปีทรงฌานสมาบัติ แต่ได้ถูกขอมดำกระทำย่ำยี เวลานั้นขอมดำมายึดเมืองโยนกนครได้แล้ว แล้วทำการกดขี่ข่มเหงรังแกคนไทย เณรจึงเข้าฌานสมาบัติ ตั้งจิตอธิษฐานว่า เกิดคราวหน้าขอให้ได้เกิดมาเป็นคนไทย และได้ช่วยคนไทยทุกแง่ทุกมุม มิไม่ใช่เฉพาะการรบ การเศรษฐกิจ การปกครอง แม้แต่การรบทุกอย่างให้ครบถ้วน ให้คนไทยพ้นจากความเป็นทาส "พอตั้งจิตอธิษฐานก็ไม่ถอนจากฌานสมาบัติ ก็นั่งทรงฌานอย่างนั้นจนตาย แล้วไปเกิดเป็นพรหม ชั้นที่ 11 ✴️ #การเกิดครั้งที่3 หลังจากตายจากเณรน้อย ไปเป็นพรหมชั้นที่11ได้เพียง1ปีเศษ ก็ลงมาเกิดเป็น "พระเจ้าพรหม มหาราช" เป็นโอรสของพระเจ้าพังคราช รัชกาลที่ 37 ในสมัยโยนกนคร มีพี่ชายชื่อทุกภิขะ( บริเวณพระธาตุจอมกิตติ ดอยตุง เป็นเขตเมืองโยนกนคร) เกิดพร้อมสหชาติที่เป็นพรหม เทวดา ลงมาเกิดพร้อมกัน 250 คน ทั้ง 250 คน เกิดเป็นผู้ชายทั้งหมด พรหมอีกองค์นึงเกิดเป็นช้างประกายแก้ว ช้างคู่บารมีพระเจ้าพรหม ลงมาเกิดเพื่อกู้ชาติให้พ้นความเป็นทาสจากขอมดำ และทำสำเร็จด้วย ทุกวันนี้วันอาสาฬหบูชาที่วัดท่าซุงก็มีการแห่ชัยชนะพระเจ้าพรหมทุกๆปี ✴️ #การเกิดในวาระที่4 หลังจากที่ตายจากการเป็นพระเจ้าพรหมสมัยโยนก แล้วเข้าฌาณตาย กลับไปเป็นพรหม เวลาผ่านไปอีก 800 ปีลงมาเกิดเป็นพระร่วงโรจนฤทธิ์ ตอนเด็กมีนามว่าอรุณกุมาร เป็นผู้ที่มีฤทธิ์มาก มีวิชาอาคม มีวาจาสิทธิ์ สามารถเสกขอมให้เป็นหินได้ และขยายอาณาเขตของประเทศไทย (ตอนนั้นยังไม่เป็นเทศไทย )กว้างใหญ่ไพศาล ยึดมอญ พม่าขอมไว้ได้หมด อาณาจักรยาวเหยียด เวลานั้นคือก่อนเมืองสุโขทัย 700 ปีเศษ ก่อนหน้าพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ 700ประมาณปีเศษ ✴️ #วาระที่5 เกิดเป็น"พ่อขุนศรีเมืองมาน"( เป็นพ่อของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ แห่งอณาจักรสุโขทัย) ตายจากพระร่วงโรจนฤทธิ์ก็เข้าฌานตาย กลับไปเป็นพรหมเช่นเดิม กลับมาเกิดวาระที่5 เป็นพ่อขุนศรีเมืองมาน มีสหชาติเกิดมาด้วยคือ พ่อขุนน้าวนําถมลงมาช่วยกู้ชาติไทยจากขอมดำ ขยายอาณาเขตประเทศไทยไปถึงสิงคโปร์ มีภรรยาชื่อพรรณวดีศรีโสภาศ เป็นเมียเอก และมีเมียราษฏร์อีก 29 คน พอเมียเอกตาย ก็บวชไม่สึกอีกเลย เข้าฌานตายแล้วไปเกิดเป็นพรหมตามเดิม ✴️ #วาระที่6 "ขุนหลวงพระงั่ว" รัชกาลที่ 3 แห่งกรุงศรีอยุธยา ต่อมาคนไทยเกิดแบ่งเป็น 2 พวก จึงต้องลงมาเกิดเพื่อรวมไทยให้เป็น1เดียว ลงมาเกิดในราชวงศ์อู่ทอง เป็น"ขุนหลวงพระงั่ว" มาปลุกจิตสำนึกคนไทยให้รู้จักบาปบุญคุณโทษ จึงนิมนต์พระสงฆ์มาร่าง"ไตรภูมิพระร่วง ไตรภูมิพระร่วง พระร่วงไม่ได้ทำ ท่านเป็นเพียงแต่ศาสนูปถัมภ์ ไตรภูมิพระร่วง เป็นการร่วมมือกันระหว่างสุโขทัยและกรุงศรี และยังได้ร่วมกันสร้างพระพุทธชินราชพระพุทธชินสีห์ และพระศรีศากยมุนีขึ้นมาเป็นมิ่งขวัญของเมืองไทย เป็นการแสดงสัญลักษณ์ว่าประเทศไทยจะทรงตัวได้ด้วยเหตุ 3 อย่างด้วยกัน คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พระพุทธชินราช หมายถึง พระมหากษัตริย์ พระพุทธชินสีห์ หมายถึง พระศาสนา พระศากยมุนี หมายถึง ชาติ การสร้างครั้งนี้ก็เป็นหน้าที่ของท้าวโกสีย์สักกะเทวราชให้พระวิษณุกรรมมาช่วย ขุนหลวงพระงั่วได้มารวมสุโขทัยกับอยุธยาเป็นประเทศเดียวกัน ✴️ #เกิดวาระที่7 ต่อมาลงมาเกิดในสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงศรีฯ ครั้งนี้เป็นลูกชาวบ้าน แต่เป็นลูกมหาเศรษฐี มีแม่ชื่อปิ่นทอง พ่อชื่อกองแก้ว ท่านเองเป็นลูกชายชื่ออำไพ ลงมาช่วยคน ให้เงินให้ทอง ให้ที่ทำกิน ช่วยการเกษตร ช่วยทุกสิ่งทุกอย่าง ให้การศึกษา จนคนไทยเป็นปึกแผ่นแน่นหนาพอ ประชาชนมีความสุข และท่านก็ตายไปเกิดเป็นพรหมตามเดิม ✴️ #วาระที่ 8 เกิดมาในตระกูลของแม่ทัพสมเด็จพระพันวสา คือสมเด็จพระอินทราธิราช มีนามว่า "ขุนไกร" (#ขุนแผน) เป็นอันว่าชาตินี้ขุนแผนต้องรวบรวมไทยอาศัยที่มีวิชาการมาก เป็นนักรบเก่ง ล่องหนหายตัวได้ สะเดาะกลอนได้ ทำหุ่นพยนต์ได้ ทำอะไรได้แปลกๆ การยกทัพไปก็ไม่ต้องใช้กำลังคนมาก ก็สามารถจะสู้ข้าศึกได้ ✴️ #วาระที่ 9 เกิดมาเป็นลูกกษัตริย์ มีนามว่าพระบรมไตรโลกนาถ เมื่อพระบรมไตรโลกนาสวรรนคตก็ไปเป็นพรหมตามเดิมไม่ช้าไม่นานก็ต้องเสด็จลงมาเกิดอีก ✴️ #วาระที่10 เกิดสมัยพระนารายณ์ ท่านลงมาเกิดเป็น"ขุนเหล็ก" หรือพระยาโกษาเหล็ก เกิดควบคู่กับสมเด็จพระนารายณ์มหาราช รุ่นราวคราวเดียวกัน เป็นเพื่อนเล่นกัน ขุนเหล็กมีน้องชายชื่อว่าขุนปาน หรือพระยาโกษาปาน ทั้งสองพระองค์ เป็นที่ไว้วางใจของสมเด็จพระนารายณ์มาก #บั้นปลายชีวิตลากิจราชการไปจำศีลเจริญภาวนาวิปัสสนาญาณ ให้ทาน ตายจากเจ้าพระยาโกษาเหล็ก ก็เข้าฌานกลับไปเป็นพรหมตามเดิม (#ท่านไม่ได้ตายตามประวัติศาสตร์เขียนไว้หรอกนะ) ✴️ #วาระที่11 ลงมาเกิดมาเป็นขุนดาบคู่ใจของพระเจ้าตากสินมหาราช คือพระยาศรีสิทธิสงคราม อยู่ในกองทัพหลวงประจำองค์พระเจ้าตากสินมหาราชสมัยกรุงธนบุรี ก่อนกรุงศรีจะแตก เป็นกำนันจัน ชื่อว่า #จันหนวดเขี้ยว เป็นที่รักของประชาชน ต่อมาค่ายบางระจันแตก ✴️ #นายจันหนวดเขี้ยวไม่ได้ตายไปตามประวัติศาสตร์ที่เขียน นายจันหนวดเขี้ยวจึงมารวมกำลังกับพระเจ้าตากสินกู้ชาติ ต่อมาพระเจ้าตากสินจึงเปลี่ยนชื่อให้จากกำนันจัน มาเป็นพระยาศรีสิทธิสงคราม ประจำกองทัพหลวง (ด้วง- นายจันหนวดเขี้ยว- พระยาศรีสิทธิสงคราม -เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก-และ #สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ✴️ #วาระที่12 มาเกิดเป็น รัชกาลที่ 5 แห่ง กรุงรัตนโกสินทร์ ✴️ #วาระที่13 ชาติสุดท้ายเกิดมาเป็น หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง 🖋️📚หนังสือเรื่องจริงอิงนิทานพิเศษ ⚜️พระราชพรหมยานเถระ (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)​⚜️ 🖋️📚คัดลอกแบ่งปันเป็นธรรมทานโดย 🧘จิตหนึ่งประภัสสร สุดยอดคือพระนิพพาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • การแบ่งแยกระหว่าง "รักแท้" และ "การหลงยึด" อาจดูเหมือนเส้นบาง ๆ แต่สามารถสำรวจได้ด้วยการสังเกตตัวเอง โดยเฉพาะเมื่อเราพบกับความคาดหวังและความเมตตาที่แท้จริงในใจ

    รักแท้ในลักษณะของเมตตา คือ การมีความสุขจากภายในและอยากแบ่งปันความสุขนั้นให้คนที่เรารัก โดยไม่คาดหวังสิ่งตอบแทน การมีเมตตาแบบนี้ไม่สร้างแรงกดดันหรือความคาดหวังในใจ ทำให้เรามีความสุขอยู่ในความรักนั้นได้แม้ไม่ได้รับการตอบรับในทางเดียวกัน

    การหลงยึดที่เกิดจากความคาดหวัง มักมาพร้อมกับการเรียกร้องจากคนอื่นให้มาทำให้เรามีความสุข เมื่อเกิดการคาดหวังมาก ๆ ความรู้สึกของเขาที่มีต่อเราก็อาจลดน้อยลง เพราะความสัมพันธ์จะเต็มไปด้วยแรงกดดันแทนที่จะเป็นการให้ที่บริสุทธิ์

    การฝึกให้รักอย่างไม่คาดหวังผลตอบแทน คือการฝึกให้จิตใจเปิดกว้างและแผ่เมตตาออกไปด้วยความสุข การให้โดยไม่มุ่งหวังผลกลับมาจะทำให้ใจเป็นอิสระและมีสุข แม้เพียงการให้เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็สามารถทำให้ใจรู้สึกสบายอย่างแท้จริง

    สุดท้าย การตั้งคำถามกับตัวเองหลังจากเรียกร้องจากคนอื่น จะช่วยให้เราเข้าใจว่าพฤติกรรมแบบใดทำให้ความรักแข็งแกร่งขึ้น หรือกลับกันเป็นการทำลายความรัก การหมั่นถามตัวเองจะทำให้เราเห็นว่าการรักษาความรักไม่จำเป็นต้องคาดคั้นแต่เป็นการให้ด้วยความเมตตาที่แท้

    การแบ่งแยกระหว่าง "รักแท้" และ "การหลงยึด" อาจดูเหมือนเส้นบาง ๆ แต่สามารถสำรวจได้ด้วยการสังเกตตัวเอง โดยเฉพาะเมื่อเราพบกับความคาดหวังและความเมตตาที่แท้จริงในใจ รักแท้ในลักษณะของเมตตา คือ การมีความสุขจากภายในและอยากแบ่งปันความสุขนั้นให้คนที่เรารัก โดยไม่คาดหวังสิ่งตอบแทน การมีเมตตาแบบนี้ไม่สร้างแรงกดดันหรือความคาดหวังในใจ ทำให้เรามีความสุขอยู่ในความรักนั้นได้แม้ไม่ได้รับการตอบรับในทางเดียวกัน การหลงยึดที่เกิดจากความคาดหวัง มักมาพร้อมกับการเรียกร้องจากคนอื่นให้มาทำให้เรามีความสุข เมื่อเกิดการคาดหวังมาก ๆ ความรู้สึกของเขาที่มีต่อเราก็อาจลดน้อยลง เพราะความสัมพันธ์จะเต็มไปด้วยแรงกดดันแทนที่จะเป็นการให้ที่บริสุทธิ์ การฝึกให้รักอย่างไม่คาดหวังผลตอบแทน คือการฝึกให้จิตใจเปิดกว้างและแผ่เมตตาออกไปด้วยความสุข การให้โดยไม่มุ่งหวังผลกลับมาจะทำให้ใจเป็นอิสระและมีสุข แม้เพียงการให้เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็สามารถทำให้ใจรู้สึกสบายอย่างแท้จริง สุดท้าย การตั้งคำถามกับตัวเองหลังจากเรียกร้องจากคนอื่น จะช่วยให้เราเข้าใจว่าพฤติกรรมแบบใดทำให้ความรักแข็งแกร่งขึ้น หรือกลับกันเป็นการทำลายความรัก การหมั่นถามตัวเองจะทำให้เราเห็นว่าการรักษาความรักไม่จำเป็นต้องคาดคั้นแต่เป็นการให้ด้วยความเมตตาที่แท้
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดเอกสารลับ ‼️เอกสารหลุด ‼️ เขมรใช้เอกสารข้อตกลงกับไทย ไปขอเขาพระวิหารขึ้นมรดกโลก แต่ในเอกสารพูดถึงการแบ่งปันปิโตรเลียมในทะเล อธิปไตยทางทะเลและบูรณภาพแห่งดินแดนไทย จะเสียไปไม่ได้ แม้แต่ตารางนิ้วเดียว #เกาะกูด #อธิปไตยทางทะเล #เขาพระวิหาร #เขมรปลิ้นปล้อน #นักโทษเด็ดขาดขายชาติ
    เปิดเอกสารลับ ‼️เอกสารหลุด ‼️ เขมรใช้เอกสารข้อตกลงกับไทย ไปขอเขาพระวิหารขึ้นมรดกโลก แต่ในเอกสารพูดถึงการแบ่งปันปิโตรเลียมในทะเล อธิปไตยทางทะเลและบูรณภาพแห่งดินแดนไทย จะเสียไปไม่ได้ แม้แต่ตารางนิ้วเดียว #เกาะกูด #อธิปไตยทางทะเล #เขาพระวิหาร #เขมรปลิ้นปล้อน #นักโทษเด็ดขาดขายชาติ
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 24 0 รีวิว
  • ‼️เอกสารหลุด ‼️
    เขมรใช้เอกสารข้อตกลงกับไทย ไปขอเขาพระวิหารขึ้นมรดกโลก
    แต่ในเอกสารพูดถึงการแบ่งปันปิโตรเลียมในทะเล

    อธิปไตยทางทะเลและบูรณภาพแห่งดินแดนไทย จะเสียไปไม่ได้ แม้แต่ตารางนิ้วเดียว #เกาะกูด #อธิปไตยทางทะเล #เขาพระวิหาร #เขมรปลิ้นปล้อน #นักโทษเด็ดขาดขายชาติ
    ‼️เอกสารหลุด ‼️ เขมรใช้เอกสารข้อตกลงกับไทย ไปขอเขาพระวิหารขึ้นมรดกโลก แต่ในเอกสารพูดถึงการแบ่งปันปิโตรเลียมในทะเล อธิปไตยทางทะเลและบูรณภาพแห่งดินแดนไทย จะเสียไปไม่ได้ แม้แต่ตารางนิ้วเดียว #เกาะกูด #อธิปไตยทางทะเล #เขาพระวิหาร #เขมรปลิ้นปล้อน #นักโทษเด็ดขาดขายชาติ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 38 0 รีวิว
  • "เตือนตนเอง"

    ท่านคงไม่ต้องการให้ตัวท่านเอง รวมทั้งคนอื่นๆ ต้องได้รับวิบากกรรมที่ไม่ดี และมีชีวิตทุกข์ยากลำบากเข็ญใจเยี่ยงนี้.

    ดังนั้น ท่านควรกระทำเหตุปัจจัยสำหรับการดำรงชีวิตที่ถูกต้อง ตัวอย่างเช่น สัมมาอาชีวะ ซื่อสัตย์ มัธยัสถ์ การแบ่งปัน และทานบารมี เป็นต้น

    ณรงค์ คนขำ
    29/10/2567

    Location: สะพานลอย อาคารดีทแฮล์ม กรุงเทพฯ
    "เตือนตนเอง" ท่านคงไม่ต้องการให้ตัวท่านเอง รวมทั้งคนอื่นๆ ต้องได้รับวิบากกรรมที่ไม่ดี และมีชีวิตทุกข์ยากลำบากเข็ญใจเยี่ยงนี้. ดังนั้น ท่านควรกระทำเหตุปัจจัยสำหรับการดำรงชีวิตที่ถูกต้อง ตัวอย่างเช่น สัมมาอาชีวะ ซื่อสัตย์ มัธยัสถ์ การแบ่งปัน และทานบารมี เป็นต้น ณรงค์ คนขำ 29/10/2567 Location: สะพานลอย อาคารดีทแฮล์ม กรุงเทพฯ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เตือนตนเอง"

    ท่านคงไม่ต้องการให้ตัวท่านเอง รวมทั้งคนอื่นๆ ต้องได้รับวิบากกรรมที่ไม่ดี และมีชีวิตทุกข์ยากลำบากเข็ญใจเยี่ยงนี้.

    ดังนั้น ท่านควรกระทำเหตุปัจจัยสำหรับการดำรงชีวิตที่ถูกต้อง ตัวอย่างเช่น สัมมาอาชีวะ ซื่อสัตย์ มัธยัสถ์ การแบ่งปัน และทานบารมี เป็นต้น

    ณรงค์ คนขำ
    29/10/2567

    Location: สะพานลอย อาคารดีทแฮล์ม กรุงเทพฯ
    "เตือนตนเอง" ท่านคงไม่ต้องการให้ตัวท่านเอง รวมทั้งคนอื่นๆ ต้องได้รับวิบากกรรมที่ไม่ดี และมีชีวิตทุกข์ยากลำบากเข็ญใจเยี่ยงนี้. ดังนั้น ท่านควรกระทำเหตุปัจจัยสำหรับการดำรงชีวิตที่ถูกต้อง ตัวอย่างเช่น สัมมาอาชีวะ ซื่อสัตย์ มัธยัสถ์ การแบ่งปัน และทานบารมี เป็นต้น ณรงค์ คนขำ 29/10/2567 Location: สะพานลอย อาคารดีทแฮล์ม กรุงเทพฯ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพปลดแอกประชาชนจีน (PLA) เน้นย้ำกำลังพลเพิ่มการฝึกในเวลากลางคืน ส่งสัญญาณถึงความพร้อมสำหรับการสร้างเซอร์ไพรส์ ซึ่งรวมถึงสงครามที่อาจเกิดขึ้นกับไต้หวัน
    .
    หลังจากจีนเปิดฉากซ้อมรบปิดล้อมเกาะไต้หวันในชื่อรหัส Joint Sword-2024B เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ต่อมาได้ยกระดับเป็นการซ้อมยิงด้วยกระสุนจริงใกล้เกาะมังกรน้อยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    นายฟู่ เจิ้งหนัน นักวิจัยประจำสถาบันวิทยาศาสตร์การทหารของPLA มองว่า การซ้อมรบ Joint Sword (ดาบประสาน) ครั้งนี้ “เข้าใกล้การต่อสู้จริง” ยิ่งกว่าการซ้อมรบที่ผ่าน ๆ มา เมื่อดูจากการตัดสินใจซ้อมรบในเวลาการคืนและก่อนฟ้าสาง
    .
    การซ้อมรบกลางคืนไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับพญามังกร แต่หนังสือพิมพ์รายวันของPLA ได้รายงานข่าวการฝึกซ้อมกลางคืนระหว่างกองบัญชาการรบหน่วยต่าง ๆ บ่อยขึ้นจนผิดสังเกตในช่วงสองสามเดือนมานี้ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่จีนเพิ่มแรงกดดันนายไล่ ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวันคนใหม่ ซึ่งชูประเด็นเอกราชไต้หวันอย่างออกนอกหน้า
    .
    อาทิ รายงานข่าวเมื่อวันพฤหัสฯ ( 24 ต.ค.) ว่า หน่วยทหารที่71 ในสังกัดกองบัญชาการยุทธภูมิตะวันออก ซึ่งมีภารกิจรับผิดชอบเกี่ยวกับไต้หวันได้จัดการฝึกซ้อมป้องกันภัยทางอากาศร่วมกับหน่วยยามฝั่งโดยจำลองการโจมตีข้าศึกทางอากาศในระดับต่ำ หรือรายงานข่าวเมื่อวันพุธ ( 23 ต.ค.) ว่า กองบัญชาการยุทธภูมิตะวันออกฝึกซ้อมการบินกลางดึกเพื่อเสริมสร้างความอดทนสำหรับปฏิบัติการตลอด 24 ชั่วโมง
    .
    นอกจากนั้นยังมีการเผยแพร่ภาพและวิดีโอการฝึกของนักบินกองทัพเรือบนเรือบรรทุกเครื่องบินในตอนกลางคืน รวมไปถึงการฝึกซ้อมยิงปืนตอนกลางคืนของหน่วยทหารในภูมิภาคซินเจียงทางภาคตะวันตก
    .
    ด้านสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า พล.อ.จาง โย่วเสีย รองประธานคนหนึ่งของคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลางได้ไปตรวจการซ้อมยิงด้วยกระสุนจริงตอนกลางคืนในมณฑลเหอเป่ย ซึ่งอยู่ใกล้กรุงปักกิ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    นายซ่ง จงหนัน อดีตครูฝึกของPLAมองว่า การปรากฏตัวในตอนกลางคืนของนายทหารระดับอาวุโส ซึ่งมีอำนาจทางทหารรองจากประธานาธิบดี สี จิ้นผิงผู้นี้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า ปักกิ่งเตรียมพร้อมทำสงคราม
    .
    นักวิเคราะห์ในฮ่องกงผู้หนึ่งเตือนความทรงจำคราวสงครามอ่าวเปอร์เซีย 2 ครั้งในอดีตว่า สหรัฐอเมริกาก็เปิดฉากโจมตีตอนกลางคืน
    .
    นายแอนดรูว์ หยาง หัวหน้าสภาการศึกษานโยบายขั้นสูงของจีนในกรุงไทเประบุว่า ขณะนี้ไต้หวัน สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรเชื่อแล้วว่า จีนสามารถลงมือปฏิบัติการขั้นสูงได้ตลอดเวลา การซ้อมรบ Joint Sword ที่เปิดฉากขึ้นในช่วงที่กองเรือรบของสหรัฐฯ ไม่อยู่ในภูมิภาคนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า กองทัพจีนสามารถมองเห็น “ช่องโหว่” ของแนวป้องกันและใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นั้น
    .
    ไลล์ โกลด์สตีน ผู้อำนวยการฝ่ายการมีส่วนร่วมในเอเชียของสถาบันคลังสมองDefence Priorities ในกรุงวอชิงตันดี.ซี. ระบุว่า การยกระดับเตรียมความพร้อมของกองทัพจีนได้ดำเนินการมาหลายปีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นซ้อมรบอย่างเข้มข้นตอนกลางคืน รวมถึงการฝึกซ้อมที่มีอันตรายและความซับซ้อนสูง เช่นการทำสงครามสะเทินน้ำสะเทินบก ทหารที่ผ่านการฝึกขั้นสูงมาอย่างดีย่อมตระหนักถึงความได้เปรียบ หากช่วงชิงโจมตียามวิกาล
    .
    ซินหัวรายงานว่า วัตถุประสงค์อีกประการในการไปตรวจเยี่ยมการซ้อมยิงจริงของพล.อ.จาง โย่วเสียครั้งนั้นก็เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพปฏิบัติการด้านข่าวกรองของทหารหน่วยต่าง ๆ ซึ่งอาศัยระบบเครือข่ายข้อมูลข่าวสารร่วมกัน
    .
    โกลด์สตีนเชื่อว่า จีนได้ทดสอบประสิทธิภาพของระบบเครือข่ายการแบ่งปันข้อมูล เพื่อรบกวนเครือข่ายข้อมูลการบัญชาการของไต้หวันให้ได้มากที่สุด หากบุกไต้หวัน โดยจะนำบทเรียนการทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์ที่รัสเซียใช้ในการโจมตียูเครนมาศึกษาด้วย
    .
    ด้านกองทัพไต้หวันล่าสุดก็ได้หันมาเน้นการฝึกซ้อมกลางคืนเช่นกัน โดยเริ่มการซ้อมยิงด้วยกระสุนจริงบนหมู่เกาะเผิงหูในช่องแคบไต้หวัน ซึ่งเป็นจุดสำคัญทางยุทธศาสตร์ในการต้านทานข้าศึกยกพลขึ้นบก เนื่องจากอยู่ใกล้จีนแผ่นดินใหญ่มากที่สุด
    .
    ที่มา “ PLA drills in the dark show mainland China ‘ready for surprises’, such as over Taiwan” ในเซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000103988
    ..............
    Sondhi X
    กองทัพปลดแอกประชาชนจีน (PLA) เน้นย้ำกำลังพลเพิ่มการฝึกในเวลากลางคืน ส่งสัญญาณถึงความพร้อมสำหรับการสร้างเซอร์ไพรส์ ซึ่งรวมถึงสงครามที่อาจเกิดขึ้นกับไต้หวัน . หลังจากจีนเปิดฉากซ้อมรบปิดล้อมเกาะไต้หวันในชื่อรหัส Joint Sword-2024B เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ต่อมาได้ยกระดับเป็นการซ้อมยิงด้วยกระสุนจริงใกล้เกาะมังกรน้อยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว . นายฟู่ เจิ้งหนัน นักวิจัยประจำสถาบันวิทยาศาสตร์การทหารของPLA มองว่า การซ้อมรบ Joint Sword (ดาบประสาน) ครั้งนี้ “เข้าใกล้การต่อสู้จริง” ยิ่งกว่าการซ้อมรบที่ผ่าน ๆ มา เมื่อดูจากการตัดสินใจซ้อมรบในเวลาการคืนและก่อนฟ้าสาง . การซ้อมรบกลางคืนไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับพญามังกร แต่หนังสือพิมพ์รายวันของPLA ได้รายงานข่าวการฝึกซ้อมกลางคืนระหว่างกองบัญชาการรบหน่วยต่าง ๆ บ่อยขึ้นจนผิดสังเกตในช่วงสองสามเดือนมานี้ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่จีนเพิ่มแรงกดดันนายไล่ ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวันคนใหม่ ซึ่งชูประเด็นเอกราชไต้หวันอย่างออกนอกหน้า . อาทิ รายงานข่าวเมื่อวันพฤหัสฯ ( 24 ต.ค.) ว่า หน่วยทหารที่71 ในสังกัดกองบัญชาการยุทธภูมิตะวันออก ซึ่งมีภารกิจรับผิดชอบเกี่ยวกับไต้หวันได้จัดการฝึกซ้อมป้องกันภัยทางอากาศร่วมกับหน่วยยามฝั่งโดยจำลองการโจมตีข้าศึกทางอากาศในระดับต่ำ หรือรายงานข่าวเมื่อวันพุธ ( 23 ต.ค.) ว่า กองบัญชาการยุทธภูมิตะวันออกฝึกซ้อมการบินกลางดึกเพื่อเสริมสร้างความอดทนสำหรับปฏิบัติการตลอด 24 ชั่วโมง . นอกจากนั้นยังมีการเผยแพร่ภาพและวิดีโอการฝึกของนักบินกองทัพเรือบนเรือบรรทุกเครื่องบินในตอนกลางคืน รวมไปถึงการฝึกซ้อมยิงปืนตอนกลางคืนของหน่วยทหารในภูมิภาคซินเจียงทางภาคตะวันตก . ด้านสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า พล.อ.จาง โย่วเสีย รองประธานคนหนึ่งของคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลางได้ไปตรวจการซ้อมยิงด้วยกระสุนจริงตอนกลางคืนในมณฑลเหอเป่ย ซึ่งอยู่ใกล้กรุงปักกิ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว . นายซ่ง จงหนัน อดีตครูฝึกของPLAมองว่า การปรากฏตัวในตอนกลางคืนของนายทหารระดับอาวุโส ซึ่งมีอำนาจทางทหารรองจากประธานาธิบดี สี จิ้นผิงผู้นี้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า ปักกิ่งเตรียมพร้อมทำสงคราม . นักวิเคราะห์ในฮ่องกงผู้หนึ่งเตือนความทรงจำคราวสงครามอ่าวเปอร์เซีย 2 ครั้งในอดีตว่า สหรัฐอเมริกาก็เปิดฉากโจมตีตอนกลางคืน . นายแอนดรูว์ หยาง หัวหน้าสภาการศึกษานโยบายขั้นสูงของจีนในกรุงไทเประบุว่า ขณะนี้ไต้หวัน สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรเชื่อแล้วว่า จีนสามารถลงมือปฏิบัติการขั้นสูงได้ตลอดเวลา การซ้อมรบ Joint Sword ที่เปิดฉากขึ้นในช่วงที่กองเรือรบของสหรัฐฯ ไม่อยู่ในภูมิภาคนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า กองทัพจีนสามารถมองเห็น “ช่องโหว่” ของแนวป้องกันและใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นั้น . ไลล์ โกลด์สตีน ผู้อำนวยการฝ่ายการมีส่วนร่วมในเอเชียของสถาบันคลังสมองDefence Priorities ในกรุงวอชิงตันดี.ซี. ระบุว่า การยกระดับเตรียมความพร้อมของกองทัพจีนได้ดำเนินการมาหลายปีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นซ้อมรบอย่างเข้มข้นตอนกลางคืน รวมถึงการฝึกซ้อมที่มีอันตรายและความซับซ้อนสูง เช่นการทำสงครามสะเทินน้ำสะเทินบก ทหารที่ผ่านการฝึกขั้นสูงมาอย่างดีย่อมตระหนักถึงความได้เปรียบ หากช่วงชิงโจมตียามวิกาล . ซินหัวรายงานว่า วัตถุประสงค์อีกประการในการไปตรวจเยี่ยมการซ้อมยิงจริงของพล.อ.จาง โย่วเสียครั้งนั้นก็เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพปฏิบัติการด้านข่าวกรองของทหารหน่วยต่าง ๆ ซึ่งอาศัยระบบเครือข่ายข้อมูลข่าวสารร่วมกัน . โกลด์สตีนเชื่อว่า จีนได้ทดสอบประสิทธิภาพของระบบเครือข่ายการแบ่งปันข้อมูล เพื่อรบกวนเครือข่ายข้อมูลการบัญชาการของไต้หวันให้ได้มากที่สุด หากบุกไต้หวัน โดยจะนำบทเรียนการทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์ที่รัสเซียใช้ในการโจมตียูเครนมาศึกษาด้วย . ด้านกองทัพไต้หวันล่าสุดก็ได้หันมาเน้นการฝึกซ้อมกลางคืนเช่นกัน โดยเริ่มการซ้อมยิงด้วยกระสุนจริงบนหมู่เกาะเผิงหูในช่องแคบไต้หวัน ซึ่งเป็นจุดสำคัญทางยุทธศาสตร์ในการต้านทานข้าศึกยกพลขึ้นบก เนื่องจากอยู่ใกล้จีนแผ่นดินใหญ่มากที่สุด . ที่มา “ PLA drills in the dark show mainland China ‘ready for surprises’, such as over Taiwan” ในเซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000103988 .............. Sondhi X
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1169 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลุ่ม “คนรักบอนไซ” จัดตั้งขึ้นบนโลกโซเชียล สำหรับผู้ที่รักการเลี้ยง “บอนไซ”
    ร่วมพูดคุย ปรึกษา แบ่งปันข้อมูล ตลอดจนซื้อขาย-แลกเปลี่ยน กันระหว่างเพื่อนสมาชิกและบุคคลทั่วไป
    กลุ่ม “คนรักบอนไซ” จัดตั้งขึ้นบนโลกโซเชียล สำหรับผู้ที่รักการเลี้ยง “บอนไซ” ร่วมพูดคุย ปรึกษา แบ่งปันข้อมูล ตลอดจนซื้อขาย-แลกเปลี่ยน กันระหว่างเพื่อนสมาชิกและบุคคลทั่วไป
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลุ่ม “คนรักบอนไซ” จัดตั้งขึ้นบนโลกโซเชียล สำหรับผู้ที่รักการเลี้ยง “บอนไซ” ร่วมพูดคุย ปรึกษา แบ่งปันข้อมูล ตลอดจนซื้อขายแลกเปลี่ยน กันระหว่างเพื่อนสมาชิกและบุคคลทั่วไป
    กลุ่ม “คนรักบอนไซ” จัดตั้งขึ้นบนโลกโซเชียล สำหรับผู้ที่รักการเลี้ยง “บอนไซ” ร่วมพูดคุย ปรึกษา แบ่งปันข้อมูล ตลอดจนซื้อขายแลกเปลี่ยน กันระหว่างเพื่อนสมาชิกและบุคคลทั่วไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## ยก "เกาะกูด" ให้ เขมร ไม่ "กบฏ" ก็ "คนชายชาติ" ##
    ..
    ..
    เกาะกูด เป็นของประเทศไทย ชัดเจน ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน
    .
    ถ้า "นักการเมือง" มาเจรจาให้กลายเป็น "พื้นที่ทับซ้อน" แล้วไป "แบ่งปันผลประโยชน์จากทรัพยากรพลังงาน" กัน...
    .
    ก็ให้ระวังตัวไว้...!!!
    .
    ตอนนี้หลายคนก็คงเริ่มฟิตร่างกาย เตรียมรองเท้า รอไว้แล้ว...!!!
    .
    🤬🤬🤬🤬
    .
    https://youtu.be/7h0Xockidb4?si=jWjUy6sUTJ3ais50
    ## ยก "เกาะกูด" ให้ เขมร ไม่ "กบฏ" ก็ "คนชายชาติ" ## .. .. เกาะกูด เป็นของประเทศไทย ชัดเจน ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน . ถ้า "นักการเมือง" มาเจรจาให้กลายเป็น "พื้นที่ทับซ้อน" แล้วไป "แบ่งปันผลประโยชน์จากทรัพยากรพลังงาน" กัน... . ก็ให้ระวังตัวไว้...!!! . ตอนนี้หลายคนก็คงเริ่มฟิตร่างกาย เตรียมรองเท้า รอไว้แล้ว...!!! . 🤬🤬🤬🤬 . https://youtu.be/7h0Xockidb4?si=jWjUy6sUTJ3ais50
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • แบ่งปัน TikTok@singha_atheart #คนหัวใจสิงห์ #แบ่งปัน #ว่างว่างก็แวะมา #Thaitimes
    แบ่งปัน TikTok@singha_atheart #คนหัวใจสิงห์ #แบ่งปัน #ว่างว่างก็แวะมา #Thaitimes
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 402 มุมมอง 197 0 รีวิว
  • ..พันธมิตรน่าจะฟื้นคืนชีพอีกครั้ง,แล้วยึดอำนาจโดยภาคมหาประชาชนจริงครั้งแรกของประเทศไทยเลย,เสียศูนย์แล้วในยุคเก่า,หมาเอาไปแดกและเสียของด้วย,ยึดอำนาจเสร็จ เป็นนายกฯจากภาคมหาประชาชนเลย,ตัังคณะบริหารประเทศเอง ยึดคืนทรัพยากรมีค่ามากมายคืนสู่สามัญแผ่นดินไทยทั้งหมดจากทุกๆเอกชนไม่ว่าใครหน้าไหนร่วมเอกชนต่างชาติด้วย,คืนมาเป็นของแผ่นดินไทยใหม่หมด อาทิบ่อปิโตรเลียมบ่อน้ำมันทั้งบนบกบนทะเล,บ่อทองคำ เป็นต้นซึ่งมีมากมายตีมูลค่าเป็นตังทุกๆทรัพยากรมีค่าของชาติกว่าแสนล้านล้านล้านแน่นอน พื้นๆคือแสนล้านล้านบาทอย่างสบาย,เมื่อชาติเรามีวัตถุดิบเป็นของตนเองจากอดีตที่ฝรั่งปล้นชิงบ่อน้ำมันเราก็ว่าเป็นต้น เราไม่สามารถทำอะไรสะดวกรื่นไหลใดๆเลย อเมริกาฝ่ายดำอีลิทแรปทีเลี่ยนยิวผสมพันธุ์ท่านลอร์ดมันยึดครองไทยเบื้องหลังก็ว่า,เมื่อเราได้คืนทั้งหมดมันย่อมง่ายที่จะเจริญรุ่งเรืองสาระพัดทิศรอบด้านสะดวกสบายค้าขายควบคุมต้นทุนและแบ่งปันมิตรสหายชาติที่ขาดแคลนได้สบาย ในเอเชียเราเองร่วมกัน,ปัญหาในเอเชียทั้งหมดเพราะฝรั่งนี้ล่ะ ยุยงก่อกวนแทรกแซงไปทั่วแบบunมายุ่งวุ่นวายคดียุบพรรคก้าวไกลและบอกเราให้รับเลี้ยงดูคนพม่าด้วยโน้นธรรมดาที่ไหน,
    ..พันธมิตรจะมารุ่งโรจน์อีกแน่,คนเก่งคนดีๆแค่เตรียมอุดมฯขึ้นร่วมปกครองบ้านเมืองสู่ยุคศิวิไลซ์แค่นั้น,เรายังมีคนไทย คนดี คนเก่งๆคนล้ำคู่คุณธรรมความดีที่รักชาติบ้านเมืองในหมู่พันธมิตรอีกเพรียบ.,สามารถผลักดันคนรุ่นหลังเรานี้สามัคคีปกป้องชาติและแผ่นดินไทยเราได้สบายมาก.
    ..พันธมิตรน่าจะฟื้นคืนชีพอีกครั้ง,แล้วยึดอำนาจโดยภาคมหาประชาชนจริงครั้งแรกของประเทศไทยเลย,เสียศูนย์แล้วในยุคเก่า,หมาเอาไปแดกและเสียของด้วย,ยึดอำนาจเสร็จ เป็นนายกฯจากภาคมหาประชาชนเลย,ตัังคณะบริหารประเทศเอง ยึดคืนทรัพยากรมีค่ามากมายคืนสู่สามัญแผ่นดินไทยทั้งหมดจากทุกๆเอกชนไม่ว่าใครหน้าไหนร่วมเอกชนต่างชาติด้วย,คืนมาเป็นของแผ่นดินไทยใหม่หมด อาทิบ่อปิโตรเลียมบ่อน้ำมันทั้งบนบกบนทะเล,บ่อทองคำ เป็นต้นซึ่งมีมากมายตีมูลค่าเป็นตังทุกๆทรัพยากรมีค่าของชาติกว่าแสนล้านล้านล้านแน่นอน พื้นๆคือแสนล้านล้านบาทอย่างสบาย,เมื่อชาติเรามีวัตถุดิบเป็นของตนเองจากอดีตที่ฝรั่งปล้นชิงบ่อน้ำมันเราก็ว่าเป็นต้น เราไม่สามารถทำอะไรสะดวกรื่นไหลใดๆเลย อเมริกาฝ่ายดำอีลิทแรปทีเลี่ยนยิวผสมพันธุ์ท่านลอร์ดมันยึดครองไทยเบื้องหลังก็ว่า,เมื่อเราได้คืนทั้งหมดมันย่อมง่ายที่จะเจริญรุ่งเรืองสาระพัดทิศรอบด้านสะดวกสบายค้าขายควบคุมต้นทุนและแบ่งปันมิตรสหายชาติที่ขาดแคลนได้สบาย ในเอเชียเราเองร่วมกัน,ปัญหาในเอเชียทั้งหมดเพราะฝรั่งนี้ล่ะ ยุยงก่อกวนแทรกแซงไปทั่วแบบunมายุ่งวุ่นวายคดียุบพรรคก้าวไกลและบอกเราให้รับเลี้ยงดูคนพม่าด้วยโน้นธรรมดาที่ไหน, ..พันธมิตรจะมารุ่งโรจน์อีกแน่,คนเก่งคนดีๆแค่เตรียมอุดมฯขึ้นร่วมปกครองบ้านเมืองสู่ยุคศิวิไลซ์แค่นั้น,เรายังมีคนไทย คนดี คนเก่งๆคนล้ำคู่คุณธรรมความดีที่รักชาติบ้านเมืองในหมู่พันธมิตรอีกเพรียบ.,สามารถผลักดันคนรุ่นหลังเรานี้สามัคคีปกป้องชาติและแผ่นดินไทยเราได้สบายมาก.
    ความจริงมีหนึ่งเดียว#3 : การเดินครั้งสุดท้ายของสนธิ

    'สนธิ' ประกาศจะทำ 3 เรื่อง ใครทุจริตผิดจริยธรรม เจอพันธมิตรฯแน่ นอกจากนี้ สนธิยังทิ้งมรดกชิ้นสุดท้ายให้คนไทย นั่นคือ แอพพลิเคชั่น Thaitimes โซเชียลมีเดียของคนไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 2428 0 รีวิว
  • เกาหลีใต้อาจพิจารณาป้อนอาวุธให้แก่ยูเครนโดยตรง ส่วนหนึ่งในมาตรการตอบโต้ความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซีย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในวันอังคาร (22 ต.ค.) หลังกล่าวหาเปียงยางส่งทหารร่วมสู้รบเคียงข้างมอสโกในยูเครน
    .
    หน่วยงานข่าวกรองของเกาหลีใต้ระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่า เกาหลีเหนือส่งบุคลากรกองกำลังพิเศษ 1,500 นาย เข้าไปยังภูมิภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย เพื่อฝึกฝนและทำความเคยชินกับสภาพอากาศ ณ ฐานทัพท้องถิ่นหลายแห่ง ในความเป็นไปได้ที่จะร่วมสู้รบในสงครามในยูเครน
    .
    เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งประจำทำเนียบประธานาธิบดียุน ซอกยอล ระบุว่า พวกเขากำลังเตรียมการมาตรการทางการทูต เศรษฐกิจและทหาร ภายใต้สถานการณ์ต่างๆ ในความร่วมมือด้านการทหารระหว่างเปียงยางและมอสโก ในนั้นรวมถึงการจัดหาอาวุธร้ายแรงแก่ยูเครน หากสถานการณ์เลวร้ายลง
    .
    "เราจะพิจารณาจัดหาอาวุธสำหรับวัตถุประสงค์ป้องกันตนเอง แล้วแต่สถานการณ์ และถ้ามันดูเหมือนว่าพวกเขาจะกระทำการเลยเถิดจนเกินไป เราอาจพิจารณาป้อนอาวุธสำหรับการจู่โจมเช่นกัน" เจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้บอกกับพวกผู้สื่อข่าว
    .
    โซล ซึ่งผงาดขึ้นมาในฐานะผู้ผลิตอาวุธชั้นนำ ถูกกดดันมานานจากประเทศตะวันตกบางชาติและเคียฟ ให้มอบอาวุธร้ายแรงแก่ยูเครน แต่ที่ผ่านมา พวกเขามุ่งเน้นไปที่การมอบความช่วยเหลือที่ไม่เข่นฆ่าชีวิต ในนั้นรวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับปลดชนวนกับระเบิด
    .
    ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้เคยบอกว่า พวกเขาจะพิจารณาทบทวนใหม่เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการมอบอาวุธแก่ยูเครน หลังจากเกาหลีเหนือและรัสเซีย ลงนามในข้อตกลงกลาโหมร่วมเมื่อเดือนมิถุนายน แต่ความคิดเห็นล่าสุดของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าโซลเริ่มมีความกระตือรือร้นที่จะป้อนอาวุธแก่ยูเครน
    .
    ความเห็นของเจ้าหน้าที่ระดับสูงมีขึ้นหลังจากสภาความมั่นคงแห่งชาติเกาหลีใต้ (เอ็นเอสซี) จัดประชุมฉุกเฉินเพื่อสำรวจความเป็นไปได้ในการตอบโต้ความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นเรื่อยๆ ระหว่างเกาหลีเหนือกับรัสเซีย
    .
    เอ็นเอสซีระบุว่าเปียงยางทำตัวเหมือน "องค์กรอาชญากรรม" ด้วยการส่งกลุ่มชายฉกรรจ์ไปร่วมสู้รบ ในฐานะทหารรับจ้างของรัสเซีย เพิกเฉยต่อชีวิตความเป็นอยู่และสิทธิมนุษยชนของประชาชนในบ้านเกิดเมืองนอน
    .
    "รัฐบาลของเราเรียกร้องให้ถอนทหารเกาหลีเหนือออกมาในทันที และถ้าการสมคบคิดทางทหารในปัจจุบันระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซียยังคงเดินหน้าต่อไป เราจะไม่นั่งดูเฉยๆ และเราจะตอบโต้อย่างจริงจังร่วมกับประชาคมนานาชาติ" เกาหลีใต้ระบุในถ้อยแถลง
    .
    เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายนี้บอกว่าคณะทำงานเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองและกลาโหม จะเดินทางเยือนสำนักงานใหญ่ของนาโต ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และมาร์ค รุตต์ เลขาธิการนาโต กล่าวระหว่างพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดียุน เมื่อวันจันทร์ (21 ต.ค.) ร้องขอให้ส่งผู้แทนทูตไปยังสำนักงานใหญ่นาโต เพื่อยกระดับการแบ่งปันข้อมูล
    .
    ทั้งรัสเซีย และเกาหลีเหนือปฏิเสธคำกล่าวหาเกี่ยวกับการป้อนอาวุธ แต่ประกาศยกระดับความสัมพันธ์ด้านการทหาร
    .
    https://sondhitalk.com/detail/9670000102037

    #Thaitimes
    เกาหลีใต้อาจพิจารณาป้อนอาวุธให้แก่ยูเครนโดยตรง ส่วนหนึ่งในมาตรการตอบโต้ความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซีย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในวันอังคาร (22 ต.ค.) หลังกล่าวหาเปียงยางส่งทหารร่วมสู้รบเคียงข้างมอสโกในยูเครน . หน่วยงานข่าวกรองของเกาหลีใต้ระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่า เกาหลีเหนือส่งบุคลากรกองกำลังพิเศษ 1,500 นาย เข้าไปยังภูมิภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย เพื่อฝึกฝนและทำความเคยชินกับสภาพอากาศ ณ ฐานทัพท้องถิ่นหลายแห่ง ในความเป็นไปได้ที่จะร่วมสู้รบในสงครามในยูเครน . เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งประจำทำเนียบประธานาธิบดียุน ซอกยอล ระบุว่า พวกเขากำลังเตรียมการมาตรการทางการทูต เศรษฐกิจและทหาร ภายใต้สถานการณ์ต่างๆ ในความร่วมมือด้านการทหารระหว่างเปียงยางและมอสโก ในนั้นรวมถึงการจัดหาอาวุธร้ายแรงแก่ยูเครน หากสถานการณ์เลวร้ายลง . "เราจะพิจารณาจัดหาอาวุธสำหรับวัตถุประสงค์ป้องกันตนเอง แล้วแต่สถานการณ์ และถ้ามันดูเหมือนว่าพวกเขาจะกระทำการเลยเถิดจนเกินไป เราอาจพิจารณาป้อนอาวุธสำหรับการจู่โจมเช่นกัน" เจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้บอกกับพวกผู้สื่อข่าว . โซล ซึ่งผงาดขึ้นมาในฐานะผู้ผลิตอาวุธชั้นนำ ถูกกดดันมานานจากประเทศตะวันตกบางชาติและเคียฟ ให้มอบอาวุธร้ายแรงแก่ยูเครน แต่ที่ผ่านมา พวกเขามุ่งเน้นไปที่การมอบความช่วยเหลือที่ไม่เข่นฆ่าชีวิต ในนั้นรวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับปลดชนวนกับระเบิด . ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้เคยบอกว่า พวกเขาจะพิจารณาทบทวนใหม่เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการมอบอาวุธแก่ยูเครน หลังจากเกาหลีเหนือและรัสเซีย ลงนามในข้อตกลงกลาโหมร่วมเมื่อเดือนมิถุนายน แต่ความคิดเห็นล่าสุดของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าโซลเริ่มมีความกระตือรือร้นที่จะป้อนอาวุธแก่ยูเครน . ความเห็นของเจ้าหน้าที่ระดับสูงมีขึ้นหลังจากสภาความมั่นคงแห่งชาติเกาหลีใต้ (เอ็นเอสซี) จัดประชุมฉุกเฉินเพื่อสำรวจความเป็นไปได้ในการตอบโต้ความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นเรื่อยๆ ระหว่างเกาหลีเหนือกับรัสเซีย . เอ็นเอสซีระบุว่าเปียงยางทำตัวเหมือน "องค์กรอาชญากรรม" ด้วยการส่งกลุ่มชายฉกรรจ์ไปร่วมสู้รบ ในฐานะทหารรับจ้างของรัสเซีย เพิกเฉยต่อชีวิตความเป็นอยู่และสิทธิมนุษยชนของประชาชนในบ้านเกิดเมืองนอน . "รัฐบาลของเราเรียกร้องให้ถอนทหารเกาหลีเหนือออกมาในทันที และถ้าการสมคบคิดทางทหารในปัจจุบันระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซียยังคงเดินหน้าต่อไป เราจะไม่นั่งดูเฉยๆ และเราจะตอบโต้อย่างจริงจังร่วมกับประชาคมนานาชาติ" เกาหลีใต้ระบุในถ้อยแถลง . เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายนี้บอกว่าคณะทำงานเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองและกลาโหม จะเดินทางเยือนสำนักงานใหญ่ของนาโต ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และมาร์ค รุตต์ เลขาธิการนาโต กล่าวระหว่างพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดียุน เมื่อวันจันทร์ (21 ต.ค.) ร้องขอให้ส่งผู้แทนทูตไปยังสำนักงานใหญ่นาโต เพื่อยกระดับการแบ่งปันข้อมูล . ทั้งรัสเซีย และเกาหลีเหนือปฏิเสธคำกล่าวหาเกี่ยวกับการป้อนอาวุธ แต่ประกาศยกระดับความสัมพันธ์ด้านการทหาร . https://sondhitalk.com/detail/9670000102037 #Thaitimes
    SONDHITALK.COM
    ส่อลุกลาม! เกาหลีใต้ขู่จัดอาวุธร้ายแรงให้ยูเครนตรงๆ เอาคืนเกาหลีเหนือส่งทหารช่วยรัสเซีย
    เกาหลีใต้อาจพิจารณาป้อนอาวุธให้แก่ยูเครนโดยตรง ส่วนหนึ่งในมาตรการตอบโต้ความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซีย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในวันอังคาร(22ต.ค.) หลังกล่าวหาเปียงยางส่งทหารร่วมสู้รบเคียงข้
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 764 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกาหลีใต้อาจพิจารณาป้อนอาวุธให้แก่ยูเครนโดยตรง ส่วนหนึ่งในมาตรการตอบโต้ความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซีย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในวันอังคาร (22 ต.ค.) หลังกล่าวหาเปียงยางส่งทหารร่วมสู้รบเคียงข้างมอสโกในยูเครน
    .
    หน่วยงานข่าวกรองของเกาหลีใต้ระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่า เกาหลีเหนือส่งบุคลากรกองกำลังพิเศษ 1,500 นาย เข้าไปยังภูมิภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย เพื่อฝึกฝนและทำความเคยชินกับสภาพอากาศ ณ ฐานทัพท้องถิ่นหลายแห่ง ในความเป็นไปได้ที่จะร่วมสู้รบในสงครามในยูเครน
    .
    เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งประจำทำเนียบประธานาธิบดียุน ซอกยอล ระบุว่า พวกเขากำลังเตรียมการมาตรการทางการทูต เศรษฐกิจและทหาร ภายใต้สถานการณ์ต่างๆ ในความร่วมมือด้านการทหารระหว่างเปียงยางและมอสโก ในนั้นรวมถึงการจัดหาอาวุธร้ายแรงแก่ยูเครน หากสถานการณ์เลวร้ายลง
    .
    "เราจะพิจารณาจัดหาอาวุธสำหรับวัตถุประสงค์ป้องกันตนเอง แล้วแต่สถานการณ์ และถ้ามันดูเหมือนว่าพวกเขาจะกระทำการเลยเถิดจนเกินไป เราอาจพิจารณาป้อนอาวุธสำหรับการจู่โจมเช่นกัน" เจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้บอกกับพวกผู้สื่อข่าว
    .
    โซล ซึ่งผงาดขึ้นมาในฐานะผู้ผลิตอาวุธชั้นนำ ถูกกดดันมานานจากประเทศตะวันตกบางชาติและเคียฟ ให้มอบอาวุธร้ายแรงแก่ยูเครน แต่ที่ผ่านมา พวกเขามุ่งเน้นไปที่การมอบความช่วยเหลือที่ไม่เข่นฆ่าชีวิต ในนั้นรวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับปลดชนวนกับระเบิด
    .
    ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้เคยบอกว่า พวกเขาจะพิจารณาทบทวนใหม่เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการมอบอาวุธแก่ยูเครน หลังจากเกาหลีเหนือและรัสเซีย ลงนามในข้อตกลงกลาโหมร่วมเมื่อเดือนมิถุนายน แต่ความคิดเห็นล่าสุดของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าโซลเริ่มมีความกระตือรือร้นที่จะป้อนอาวุธแก่ยูเครน
    .
    ความเห็นของเจ้าหน้าที่ระดับสูงมีขึ้นหลังจากสภาความมั่นคงแห่งชาติเกาหลีใต้ (เอ็นเอสซี) จัดประชุมฉุกเฉินเพื่อสำรวจความเป็นไปได้ในการตอบโต้ความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นเรื่อยๆ ระหว่างเกาหลีเหนือกับรัสเซีย
    .
    เอ็นเอสซีระบุว่าเปียงยางทำตัวเหมือน "องค์กรอาชญากรรม" ด้วยการส่งกลุ่มชายฉกรรจ์ไปร่วมสู้รบ ในฐานะทหารรับจ้างของรัสเซีย เพิกเฉยต่อชีวิตความเป็นอยู่และสิทธิมนุษยชนของประชาชนในบ้านเกิดเมืองนอน
    .
    "รัฐบาลของเราเรียกร้องให้ถอนทหารเกาหลีเหนือออกมาในทันที และถ้าการสมคบคิดทางทหารในปัจจุบันระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซียยังคงเดินหน้าต่อไป เราจะไม่นั่งดูเฉยๆ และเราจะตอบโต้อย่างจริงจังร่วมกับประชาคมนานาชาติ" เกาหลีใต้ระบุในถ้อยแถลง
    .
    เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายนี้บอกว่าคณะทำงานเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองและกลาโหม จะเดินทางเยือนสำนักงานใหญ่ของนาโต ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และมาร์ค รุตต์ เลขาธิการนาโต กล่าวระหว่างพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดียุน เมื่อวันจันทร์ (21 ต.ค.) ร้องขอให้ส่งผู้แทนทูตไปยังสำนักงานใหญ่นาโต เพื่อยกระดับการแบ่งปันข้อมูล
    .
    ทั้งรัสเซีย และเกาหลีเหนือปฏิเสธคำกล่าวหาเกี่ยวกับการป้อนอาวุธ แต่ประกาศยกระดับความสัมพันธ์ด้านการทหาร
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000102037
    ..............
    Sondhi X
    เกาหลีใต้อาจพิจารณาป้อนอาวุธให้แก่ยูเครนโดยตรง ส่วนหนึ่งในมาตรการตอบโต้ความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซีย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในวันอังคาร (22 ต.ค.) หลังกล่าวหาเปียงยางส่งทหารร่วมสู้รบเคียงข้างมอสโกในยูเครน . หน่วยงานข่าวกรองของเกาหลีใต้ระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่า เกาหลีเหนือส่งบุคลากรกองกำลังพิเศษ 1,500 นาย เข้าไปยังภูมิภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย เพื่อฝึกฝนและทำความเคยชินกับสภาพอากาศ ณ ฐานทัพท้องถิ่นหลายแห่ง ในความเป็นไปได้ที่จะร่วมสู้รบในสงครามในยูเครน . เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งประจำทำเนียบประธานาธิบดียุน ซอกยอล ระบุว่า พวกเขากำลังเตรียมการมาตรการทางการทูต เศรษฐกิจและทหาร ภายใต้สถานการณ์ต่างๆ ในความร่วมมือด้านการทหารระหว่างเปียงยางและมอสโก ในนั้นรวมถึงการจัดหาอาวุธร้ายแรงแก่ยูเครน หากสถานการณ์เลวร้ายลง . "เราจะพิจารณาจัดหาอาวุธสำหรับวัตถุประสงค์ป้องกันตนเอง แล้วแต่สถานการณ์ และถ้ามันดูเหมือนว่าพวกเขาจะกระทำการเลยเถิดจนเกินไป เราอาจพิจารณาป้อนอาวุธสำหรับการจู่โจมเช่นกัน" เจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้บอกกับพวกผู้สื่อข่าว . โซล ซึ่งผงาดขึ้นมาในฐานะผู้ผลิตอาวุธชั้นนำ ถูกกดดันมานานจากประเทศตะวันตกบางชาติและเคียฟ ให้มอบอาวุธร้ายแรงแก่ยูเครน แต่ที่ผ่านมา พวกเขามุ่งเน้นไปที่การมอบความช่วยเหลือที่ไม่เข่นฆ่าชีวิต ในนั้นรวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับปลดชนวนกับระเบิด . ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้เคยบอกว่า พวกเขาจะพิจารณาทบทวนใหม่เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการมอบอาวุธแก่ยูเครน หลังจากเกาหลีเหนือและรัสเซีย ลงนามในข้อตกลงกลาโหมร่วมเมื่อเดือนมิถุนายน แต่ความคิดเห็นล่าสุดของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าโซลเริ่มมีความกระตือรือร้นที่จะป้อนอาวุธแก่ยูเครน . ความเห็นของเจ้าหน้าที่ระดับสูงมีขึ้นหลังจากสภาความมั่นคงแห่งชาติเกาหลีใต้ (เอ็นเอสซี) จัดประชุมฉุกเฉินเพื่อสำรวจความเป็นไปได้ในการตอบโต้ความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นเรื่อยๆ ระหว่างเกาหลีเหนือกับรัสเซีย . เอ็นเอสซีระบุว่าเปียงยางทำตัวเหมือน "องค์กรอาชญากรรม" ด้วยการส่งกลุ่มชายฉกรรจ์ไปร่วมสู้รบ ในฐานะทหารรับจ้างของรัสเซีย เพิกเฉยต่อชีวิตความเป็นอยู่และสิทธิมนุษยชนของประชาชนในบ้านเกิดเมืองนอน . "รัฐบาลของเราเรียกร้องให้ถอนทหารเกาหลีเหนือออกมาในทันที และถ้าการสมคบคิดทางทหารในปัจจุบันระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซียยังคงเดินหน้าต่อไป เราจะไม่นั่งดูเฉยๆ และเราจะตอบโต้อย่างจริงจังร่วมกับประชาคมนานาชาติ" เกาหลีใต้ระบุในถ้อยแถลง . เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายนี้บอกว่าคณะทำงานเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองและกลาโหม จะเดินทางเยือนสำนักงานใหญ่ของนาโต ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และมาร์ค รุตต์ เลขาธิการนาโต กล่าวระหว่างพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดียุน เมื่อวันจันทร์ (21 ต.ค.) ร้องขอให้ส่งผู้แทนทูตไปยังสำนักงานใหญ่นาโต เพื่อยกระดับการแบ่งปันข้อมูล . ทั้งรัสเซีย และเกาหลีเหนือปฏิเสธคำกล่าวหาเกี่ยวกับการป้อนอาวุธ แต่ประกาศยกระดับความสัมพันธ์ด้านการทหาร . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000102037 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1182 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากแหล่งช่าวในกัมพูชา คือ กัมพูชาเดลี่ และขแมร์ไทมส์ และข่าวจาก เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ ลงข่าวตรงกันว่ารัฐบาลไทยเป็นฝ่ายเร่งรีบเจรจาพื้นที่ทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชาในอ่าวไทย การกระทำเช่นนี้ย่อมเสี่ยงเป็นการยกพื้นที่ทางทะเลของไทย ให้กลายเป็นพื้นที่ทับซ้อนของไทย-กัมพูชา ผลคือเราแทบไม่ได้อะไร พลังงานที่จะตกอยู่กับผู้รับสัมปทานเดิม คือยกให้เชฟรอนของสหรัฐอเมริกาที่ได้รับสัญญาสัปทานที่ไทยเสียเปรียบเมื่อ 50 ปีก่อน โดยที่ฝ่ายไทยไม่ได้เงื่อนไขการยกเลิกสัญญาจนถึงวันนี้ โดยในขณะที่ดอลลาร์สหรัฐกำลังเสื่อมถอย และในขณะที่ BRICS กำลังสถาปนาสกุลเงินของโลกใหม่ ย่อมเท่ากับไทยประกาศให้แหล่งปิโตรเลียมขนาดใหญ่ของโลกตรึงอยู่กับเงินดอลลาร์สหรัฐ(ปิโตรดอลลาร์)ไปโดยปริยาย ดังนั้นประเทศไทยจะไม่ได้อะไรอย่างที่กล่าวอ้าง ประชาชนไม่ได้อะไรเรื่องค่าไฟฟ้า เพราะปัจจุบันปัญหาที่แท้จริงคือโรงไฟฟ้าเราก็ผลิตล้นเกินจนค่าไฟแพงมหาศาล แหล่งปิโตรเลียมราคาขายให้ประชาชนก็อิงราคาตลาดโลก ก๊าซธรรมชาติผ่านโรงแยกก๊าซก็จะมอบให้อุตสาหกรรมปิโตรเลียมก่อนประชาชน มีแต่สหรัฐอเมริกาจะอาศัยสิทธิ์ให้มีกองกำลังเข้ามาคุ้มครองแหล่งปิโตรเลียมในอ่าวไทย เหมือนกับที่จีนเข้ามาคุ้มครองท่อก๊าซธรรมชาติในเมียนมา การใช้นโยบายต่างประเทศเช่นนี้จึงป็นการชักศึกเข้าบ้านในสถานการเประาบางอ่อนไหวในทางภูมิรัฐศาสตร์ จะมาอ้างไม่ได้ว่าเป็นการเจรจาร่วมเรื่องพลังงานอย่างเดียวไม่เกี่ยวกับเขตแดน คำถามคือ แล้วแหล่งพลังงานที่เคยเป็นของไทยแท้ๆ ผู้รับสัมปทานหรือแบ่งปันผลผลิตจะเป็นการเซ็นสัญญากับชาติใด? ถ้าเป็นของไทยก็ต้องเซ็นกับรัฐบาลไทยเท่านั้น ถ้ายอมรับว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน ก็ต้องเซ็นลงนาม 2 ประเทศ การกระทำเช่นนี้จึงย่อมเท่ากับยกทรัพยากรของไทยในประเทศไทย ให้กลายเป็นของทั้ง 2 ประเทศ เป็นการสละทะเลอาณาเขตของไทย ทั้งๆที่กัมพูชาขีดเส้นทางทะเลอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายสากลคร่อมเกาะกูดประเทศไทย กองทัพเรือและประชาชนชาวไทยจะยอมได้อย่างไร

    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    22 ตุลาคม 2567

    https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1078558973637802/?
    จากแหล่งช่าวในกัมพูชา คือ กัมพูชาเดลี่ และขแมร์ไทมส์ และข่าวจาก เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ ลงข่าวตรงกันว่ารัฐบาลไทยเป็นฝ่ายเร่งรีบเจรจาพื้นที่ทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชาในอ่าวไทย การกระทำเช่นนี้ย่อมเสี่ยงเป็นการยกพื้นที่ทางทะเลของไทย ให้กลายเป็นพื้นที่ทับซ้อนของไทย-กัมพูชา ผลคือเราแทบไม่ได้อะไร พลังงานที่จะตกอยู่กับผู้รับสัมปทานเดิม คือยกให้เชฟรอนของสหรัฐอเมริกาที่ได้รับสัญญาสัปทานที่ไทยเสียเปรียบเมื่อ 50 ปีก่อน โดยที่ฝ่ายไทยไม่ได้เงื่อนไขการยกเลิกสัญญาจนถึงวันนี้ โดยในขณะที่ดอลลาร์สหรัฐกำลังเสื่อมถอย และในขณะที่ BRICS กำลังสถาปนาสกุลเงินของโลกใหม่ ย่อมเท่ากับไทยประกาศให้แหล่งปิโตรเลียมขนาดใหญ่ของโลกตรึงอยู่กับเงินดอลลาร์สหรัฐ(ปิโตรดอลลาร์)ไปโดยปริยาย ดังนั้นประเทศไทยจะไม่ได้อะไรอย่างที่กล่าวอ้าง ประชาชนไม่ได้อะไรเรื่องค่าไฟฟ้า เพราะปัจจุบันปัญหาที่แท้จริงคือโรงไฟฟ้าเราก็ผลิตล้นเกินจนค่าไฟแพงมหาศาล แหล่งปิโตรเลียมราคาขายให้ประชาชนก็อิงราคาตลาดโลก ก๊าซธรรมชาติผ่านโรงแยกก๊าซก็จะมอบให้อุตสาหกรรมปิโตรเลียมก่อนประชาชน มีแต่สหรัฐอเมริกาจะอาศัยสิทธิ์ให้มีกองกำลังเข้ามาคุ้มครองแหล่งปิโตรเลียมในอ่าวไทย เหมือนกับที่จีนเข้ามาคุ้มครองท่อก๊าซธรรมชาติในเมียนมา การใช้นโยบายต่างประเทศเช่นนี้จึงป็นการชักศึกเข้าบ้านในสถานการเประาบางอ่อนไหวในทางภูมิรัฐศาสตร์ จะมาอ้างไม่ได้ว่าเป็นการเจรจาร่วมเรื่องพลังงานอย่างเดียวไม่เกี่ยวกับเขตแดน คำถามคือ แล้วแหล่งพลังงานที่เคยเป็นของไทยแท้ๆ ผู้รับสัมปทานหรือแบ่งปันผลผลิตจะเป็นการเซ็นสัญญากับชาติใด? ถ้าเป็นของไทยก็ต้องเซ็นกับรัฐบาลไทยเท่านั้น ถ้ายอมรับว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน ก็ต้องเซ็นลงนาม 2 ประเทศ การกระทำเช่นนี้จึงย่อมเท่ากับยกทรัพยากรของไทยในประเทศไทย ให้กลายเป็นของทั้ง 2 ประเทศ เป็นการสละทะเลอาณาเขตของไทย ทั้งๆที่กัมพูชาขีดเส้นทางทะเลอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายสากลคร่อมเกาะกูดประเทศไทย กองทัพเรือและประชาชนชาวไทยจะยอมได้อย่างไร ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ 22 ตุลาคม 2567 https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1078558973637802/?
    Like
    Love
    Sad
    Angry
    15
    1 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 741 มุมมอง 0 รีวิว
  • 21-10-67/01 : หมี CNN / MANIC MONDAY ไอ้สัส! กูเกลียดวันจันทร์ เพราะอาไยก็ม่ายยู้? อย่าเสียเวลา ซัดเลยดีก่า เรียงคิวเหี้ย !!!

    อียิวถอย! ชะงัก รัสเซียซ้อมรบอิหร่าน เตือน มรึงอย่าซ่าส์! อาหรับลงแขกยังไม่หนำใจอีกเหรอ? สื่อเหี้ยตี ยิวบุก ยิวถล่ม เหี้ยมะกันส่ง B2 ถล่มคลังแสงใต้ดินเยมน เอาเข้าไป ฝันกลางวันอีกแล้ว? ดูโลกความเป็นจริง เยรูซาเล็มเละ เทลอาวีฟป่าช้า ท่าเรือไฮฟาร้างสนิท ไม่มีเรือสินค้ามาเกือบ 5 เดือนแล้ว สนามบินเหลือแห่งเดียว สรุปใครบุกใครฟ่ะเนี่ย? ใครแพ้ยับฟ่ะ ฮามาสถล่ม เฮซบอเลาะห์ยิงไม่เลี้ยง ซีเรีย อิรัก ล่อที่ราบสูงโกลานยับ นี่มรึงอยู่โลกเดียวกับกูอ่ะเป่า? คบเหี้ย เสพเหี้ย มีแต่โลกมโน? สรุปยอดเหี้ยตายห่าคาแผ่นดินคานาอัน ทะลุ 70000 แล้ว ทั้งกองกำลัง และพลเรือน นี่คือตัวเลขจากโรงพยาบาล และสื่อข่าวตะวันออกกกลาง ไม่มีให้มรึงเห็นดอกในโลกตอแหล ขีปนาวุธลงหัว 300 ลูก ตายหลัก 10 หากไม่โง่เกินควาย มรึงก็น่าจะคิดออก เหล็กยังละลาย คนจะเหลือเหรอ? ใต้ดินเหรอ อุโมงค์เหรอ ไม่มีเหลือ ขีปนาวุธเจาะเกราะ ทะลวงชั้นใต้ดิน แบบเดียวกับที่รัสเซียใช้ในมารีโอโพล ไม่ต้องถาม ย่างสด กับฝังทั้งเป็น สภาพเดียวกันเป๊ะเด๊ะ? แล้วมรึงจะไปหาตัวเลขยอดผู้เสียชีวิตแท้จริงจากไหนกันล่ะ เช็คได้แค่ที่รพ. เท่านั้น กับตัวเลขทหารสูญหาย? สรุปคือเริ่มสงครามครูเสดยุคอวสาน สื่อเหี้ยตีชา่วปาเลสไตน์ตายห่าไปกว่า 30000 ส่วนใหญ่เป็นเด็ก สตรี คนชรา คนท้อง คนพิการ เพราะอียิวมันเก่งแต่ฆ่าผู้อ่อนแอ สู้กับทหาร แพ้ยับ ตายคาตรีนเค้าตลอด! แต่ตอนนี้ เวลานี้ ตัวเลขยอดทหารรับจ้าง ทหารอียิว ทหารนาโต้ และพลเรือนยิว ตายห่าทะลุ 70000 แล้ว ด้านยูเครนหนักกว่า เพราะเกือบทะลุ 1000000 แล้วจ๊ะ อยากรู้ความจริง ให้มรึงไปดูเกณฑ์ทหารรอบที่ 4 ไม่เหลือใครมา? ทั้งอียิว ยูเครน ชะตากรรมเดียวกันเป๊ะ แนวหลังไม่โผล่ กองหนุนไม่มา จะเอาเหี้ยอะไรไปต้านเค้าได้อีก ก็ลูกยาวลงทุกชั่วโมทง มาวันละ 300-400 ลูก มรึงจะเอาเวลาที่ไหนไปพักกันล่ะ? ไซเรนดัง 24 ชม. หลอนไปหมดทั้งเมืองแล้ว อยู่ใต้ดินแบบขวัญผวา นี่ไงสภาพ! ข้าววิกมาศรีธนญชัย 2024 : มันส์ไม่แพ้กัน แผนลากอีเหลี่ยมชาติชั่วเข้าคุก ยกเลิกนิรโทษกรรม ทูลความเท็จ ทำหลักฐานปลอม เอกสารรับรองจากแพทย์ปลอม VDO CLIP หลักฐานในมือเสรี มัดจนเหี้ยหัวขาด ชั้น 124 ดิ้นตายกันเป็นแถว อีสมาคมแพทย์ถูกชำแหละ อีรพ.ตำรวจ โดนเต็มตรีน อีกรมคุก ไม่รอด หัวหน้าติดคุกซะเอง นักโทษเลียปาก ถั่วดำมาเต็ม ตากูเอาคืนมรึงบ้าง เหี้ยดีนีก หาแดร๊กกับพวกกูมาช้านาน ได้เวลาพาขึ้นสวรรค์ชั้น 14 นักโทษแม้จะเหี้ย แต่ใครคิดร้ายต่อวัง มรึงตาย! จากปากนักโทษทุกแดน เพราะทุกปีได้รับอภัยโทษ ลดโทษ บุญคุณมี ถึงจะเป็นนักเลง โจร แต่รู้ดี ถึงคำว่า "กตัญญูแผ่นดินเกิด" สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ใครล่อเจ้า มรึงตายคาตรีนคุกชัวร์! อี 3 นิ้วครึ่ง ถึงอ่วมในคุกไงล่ะ ถูกกาหัว ไม่ถูกลงแขก ก็กระทืบรายวัน พรรคพวกบอกสภาพดูไม่จืด ออกสื่อดูดี หลังฉากอิ่มตรีนทุกมื้อ ในคุกเค้ามีวิธีจัดการแบบเนียน มรึงไม่ต้องกังวลว่ามันจะออกมาฟ้อง เพราะฟ้องเมื่อไหร่ กลับเข้าไปใหม่ โดนหนักกว่าเก่า นรกสำหรับไอ้พวกเนรคุณแผ่นดิน ขอบคุณทุกฝาตรีนคนคุก มรึงอาจจะผิด แต่ได้ชดใช้กรรมตามกฎหมายแล้ว แต่หากมรึงช่วยแผ่นดินลดเหี้ย ไอ้อีจัญไรทั้งหลายลงได้ นั่นคืออานิสงค์แห่งบุญน่ะจ๊ะ กูไม่ได้เสี้ยมน่ะ อย่ากล่าวหา ดีออก? ศาลมาแรง คนชงก็แรง คนตบก็แรง พิสูจน์ชัด กรมคุก อีกากี โรงพยาบาล หมอที่อนุมัติ ขัดคำสั่งศาลให้ความช่วยเหลือนักโทษ เกินขอบเขตอำนาจ ผลคือ ตายยกรัง นอกจากขัดคำสั่งศาล ยังทูลความเท็จ กระทงนี้ หนักกว่าอีก บทเพ่เขียวบู๊ทตรีนโตจะเล่นหนัก สวรรค์ยังไม่กล้าร้องขอความปราณีให้? หมอติดคุก สัสดีติดคุก อัยการก็คุก คนทูลเสนอขอก็คุก นี่มันเทศกาลคนคุกนี่หว่า จัดเมื่อไหร่ก็ไม่บอก? คดีเข้าสู่ชั้นศาลนานแล้ว ตัดสินไม่นาน เพราะพยานหลักฐาน พยานบุคคลมีเพี๊ยบ เปิดให้หนีอ่ะเป่า? แต่ต้องทิ้งทรัพย์สินทั้งหมดไว้ที่นี่น่ะ ไปได้แต่ตัว เพราะถูกอายัดทรัพย์สินไว้หมดแล้ว อายัดบัญชี ใครเอี่ยว ถูกล็อคบัญชีด้วย DSI กระโดดลงมาเล่นเอง ปปช.ก็ต้องตามงาน ทิ้งไม่ได้ แสงทำงาน เหี้ยผวาสัส! สัญญานเต็ม กลียุคใกล้อวสานแล้วจ๊ะ มาให้หมด ออกให้เกลี้ยง ล้างบางครั้งใหญ่ เชือดเหี้ยให้เหี้ยดู! กลับคืนสู่โลกความเป็นจริงอีกครั้ง : โลกดันหยวนเต็มพิกัด โลจิสติคออกผล ค้าขายจ่ายสกุลเงินท้องถิ่น ทวิภาคีระบาด คบกันเอง ซื้อขายกันเอง ไม่ผ่านเหี้ยอีกต่อไป โมเดล BRICS มาเต็ม หลังพลังงานโลกถีบตัวสูงขึ้นอีก โลกต้องการพลังงานมากกว่าเดิม 200% เพราะเข้าหนาวแล้ว ใครรวยเละกันล่ะ? รวยแล้ว ขยายพื้นที่เพิ่ม รวยแล้ว แบ่งปันให้เพื่อนพันธมิตร มันถึงมียอดเพิ่มขึ้นทุกปี เพราะน้ำมัน แก็ส ยังต้องใช้ไปอีก 30 ปี เป็นอย่างน้อย จนพลังงานสะอาดสามารถเข้าถึงทุกบ้านได้จริง และผลิตได้มหาศาลเกินความจำเป็น นวตกรรมโลกเปลี่ยนไปเร็วมาก ตามไม่ทัน อาจตกขบวน!

    ปล.หลายคนถาม แล้วทำไม แสงไม่ทำงาน ศาลไม่ฟัน ให้มันรู้แล้วรู้รอดเลยล่ะ? รออะไรอยู่ มรึงฟัง? 1.รอความผิดสำเร็จ 2.รอใบเสร็จประจักษ์ชัด 3.รอเหี้ยออกลายให้สิ้น 4.รอควายตื่น 5.รอจังหวะและเวลาที่เหมาะสม เดินเร็วไปอาจพลาด เหี้ยรอด เดินช้าไป อาจแก้ไขไม่ทัน ทุกอย่างคือสมดุล พอดี และเวลาที่ใช่ 6.รอขั้วใหม่ล้างบางอิทธิพลขั้วเก่าให้ราบคาบก่อน จะได้ไม่มีฤทธิ์มาบ่อนทำลายใครได้อีก ดีออก? 7.ตำราพิชัยยุทธสอน จะฆ่าเชื้อร้าย มันต้องฆ่าที่ต้นตอ เมื่อเหี้ยมันล้างสมองควายต่อเนื่องกว่าครึ่งศตวรรษ มรึงคิดว่าจะเปลี่ยนความคิดควายได้ ต้องใช้เวลาแค่ไหน สิ่งที่ดีที่สุด เร็วที่สุด คือให้ควายเห็นกับตาด้วยตัวควายเอง นี่คือคีย์! 8.ราธิปไตยก้าวหน้าจะเกิดไม่ได้ หากปชต.ตอแหลไม่ล่มสลาย ให้ควายเห็นธาตูแท้ปชต.ควายก่อน ถึงจะเข้าใจว่าทำไม ต้องเปลี่ยน หากไม่เข้าใจก็เรื่องของมรึง ยังไงก็ต้องเปลี่ยน 9.การต่อสู้มันง่าย ฆ่าแกงมันง่าย และการสูญเสียตามมา ใครรับผิดชอบ สู้ด้วยสติ คือไม่ต้องให้ใครมาตาย ยกเว้น "เหี้ย" ชนะได้ด้วยความจริง ความชอบธรรม จะยั้งยืนกว่า ใช้อำนาจ ใช้กำลัง! หากมรึงสังเกตุ วิธีการที่รัสเซีย จีนใช้ตอนนี้ แบบเดียวกับที่โมเดลศรีธนญชัยฯ ใช้ คือกฎหมายเป็นตัวนำ ความจริงปรากฎชัด ความชอบธรรมจะตามมา เหี้ยไอ้อี แพ้ภัยตัวเอง ยิ่งดิ้น ยิ่งแหกกฎหมาย ทุกอย่างจึงกลับตาลปัตร เพราะกฎหมา ใช้ได้เฉพาะกับหมา กฎหมายใช้ได้เฉพาะกับคน นี่คือความแตกต่างของขั้วใหม่ และขั้วเก่า ยิ่งอียิวสู้กลับมากเท่าไหร่ จะยิ่งแพ้ราบคาบมากยิ่งขึ้น เพราะทุกอย่างมันถูกกำหนดมานานแล้ว แค่เดินไปตามวิถีแห่งกรรม เท่านั้นเอง อย่าอิน ยังไงก็ชนะ ยังไงก็มั่นคงชัวร์ ส่วนเรื่องอีขะแมร์ สื่อปั่นกันจัง กูบอกเลย สื่อเหี้ยทั้งนั้น ปั่นเข้าไปสิ เอาสั้นๆ ไทยจะกลืนขะแมร์เมื่อไหร่ก็ได้ มรึงยังจะมาถามเรื่องเกาะหมู เกาะหมาไม่เลิก นั่นแค่ละครปาหี่การเมือง เพื่อเบี่ยงเบนประเด็น หากมรึงยังอ่านภาษาไทยไม่ออก กูจะพูดให้ฟังอีกครั้ง ในรัชสมัยพ่อหลวงร.10 ไทยจะไม่เสียดินแดนเพิ่ม แม้แต่ตารางมิลลิเมตร ตรงกันข้าม ไทยจะได้แผ่นดินผนวกเพิ่มขึ้น อะไรที่ไทยสูญเสียไปตั้งแต่สมัยพ่อร.5 จะได้คืนมาเกือบหมด ไม่ได้ไปปล้นเค้าน่ะ เค้ามาเอง สมัครใจเอง เพราะอยู่กับไทยแล้วสบาย รอด มั่นคง มั่งคั่ง ชัวร์ อะไรที่มรึงคิดว่าเป็นไปไม่ได้ มันจะเกิดขึ้น จนมรึงซ่อนความดีใจเอาไว้ไม่อยู่กันไปเลย? กูไม่ได้มโน ดูสิจ๊ะ เกิดอะไรขึ้นในอาเซียนตอนนี้ แล้วเรากำลังจะกลายเป็นฮับอาเซียน ใครอยากรอด ใครอยากเกิด ใครอยากมั่นคง มรึงต้องทำยังไง? ยังต้องให้กูบอกอีกมั้ย? ไม่ต้องเป็นหมอดู ใครก็มองออกว่า อยู่กันเองอดอยาก อยู่กับใคร อิ่มหมีพีมันส์สะแด่วแห้ว ใครจะไม่อยากรวมชาติกันล่ะ ไม่อยากบอกดอกว่า ไทยจะขยายใหญ่แค่ไหน จนต้องย้ายเมืองหลวง หรือมีเมืองหลวง 2 แห่ง หลังผนวก กูไบ้ไปเยอะป่ะเนี่ย? พอก่อน ยังไม่ใช่เวลาที่ดี ที่มรึงควรจะรู้? ตกผลึกจะเข้าใจในสิ่งที่กูพูด มโนคือคิดไปเอง แต่รู้ล่วงหน้าคือมีที่มาที่ไป เพราะมีเหตุ ผลถึงตามมา คำพยากรณ์จึงก่อเกิด ใน 10 ชาติอาเซียน ใครอ่อนแอ ก็ต้องไปรวมกับชาติหลัก มันเป็นวิบากกรรมของชาติแต่ละชาติไม่เหมือนกัน แท้จริงแล้ว 5 ชาติอาเซียน อดีตก็คือแผ่นดินอโยธยานั่นแหละ แค่เปลี่ยนชื่อ ถึงเวลาก็กลับแผ่นดินแม่ เอ๊ะ..คุ้นมั้ย เหมือนยูเครน เบลารุส เซอร์เบีย ฮังการี เชก โครเอเซีย สโลวาเนียจะได้กลับบ้าน นี่ใคร COPY ใครกันแน่เนี่ย?

    หมี CNN(ชนะ ชนะ ชนะ อยู่แล้ว ล้างบางเหี้ย มันชัวร์ ชดใช้กรรมมาแน่ จิตสงบ ทุกอย่างสดใส จิตวุ่นวาย ตาก็ไม่สว่าง มองอะไรให้ถึงแก่นแท้ แล้วจะไม่อินเหี้ยอะไรทั้งนั้น พ่อร.5 รักษาแผ่นดินหลักไว้ได้ พ่อร.7 ขอสงวนอำนาจไว้เพื่อประชาชนชาวไทย พ่อร.9 พระคุณท่วมหัว ไทยเจริญมั่นคง พ่อร.10 ประกาศแสนยานุภาพ ไทยเกรียงไกร พ่อร.11-13 ยุคแสงสีทองผ่องอำไพ ศรีวิไล TOP10 โลก มรึงจะยังไม่อใจเหี้ยอะไรอีก มองข้ามเหี้ยไปได้แล้ว เพราะมันไม่คู่ควรให้มรึงจดจำ ยังไงก็ตายโหง ตายห่าชัวร์ ไม่มีรอด)
    21 ตุลาคม 67
    11.11 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    21-10-67/01 : หมี CNN / MANIC MONDAY ไอ้สัส! กูเกลียดวันจันทร์ เพราะอาไยก็ม่ายยู้? อย่าเสียเวลา ซัดเลยดีก่า เรียงคิวเหี้ย !!! อียิวถอย! ชะงัก รัสเซียซ้อมรบอิหร่าน เตือน มรึงอย่าซ่าส์! อาหรับลงแขกยังไม่หนำใจอีกเหรอ? สื่อเหี้ยตี ยิวบุก ยิวถล่ม เหี้ยมะกันส่ง B2 ถล่มคลังแสงใต้ดินเยมน เอาเข้าไป ฝันกลางวันอีกแล้ว? ดูโลกความเป็นจริง เยรูซาเล็มเละ เทลอาวีฟป่าช้า ท่าเรือไฮฟาร้างสนิท ไม่มีเรือสินค้ามาเกือบ 5 เดือนแล้ว สนามบินเหลือแห่งเดียว สรุปใครบุกใครฟ่ะเนี่ย? ใครแพ้ยับฟ่ะ ฮามาสถล่ม เฮซบอเลาะห์ยิงไม่เลี้ยง ซีเรีย อิรัก ล่อที่ราบสูงโกลานยับ นี่มรึงอยู่โลกเดียวกับกูอ่ะเป่า? คบเหี้ย เสพเหี้ย มีแต่โลกมโน? สรุปยอดเหี้ยตายห่าคาแผ่นดินคานาอัน ทะลุ 70000 แล้ว ทั้งกองกำลัง และพลเรือน นี่คือตัวเลขจากโรงพยาบาล และสื่อข่าวตะวันออกกกลาง ไม่มีให้มรึงเห็นดอกในโลกตอแหล ขีปนาวุธลงหัว 300 ลูก ตายหลัก 10 หากไม่โง่เกินควาย มรึงก็น่าจะคิดออก เหล็กยังละลาย คนจะเหลือเหรอ? ใต้ดินเหรอ อุโมงค์เหรอ ไม่มีเหลือ ขีปนาวุธเจาะเกราะ ทะลวงชั้นใต้ดิน แบบเดียวกับที่รัสเซียใช้ในมารีโอโพล ไม่ต้องถาม ย่างสด กับฝังทั้งเป็น สภาพเดียวกันเป๊ะเด๊ะ? แล้วมรึงจะไปหาตัวเลขยอดผู้เสียชีวิตแท้จริงจากไหนกันล่ะ เช็คได้แค่ที่รพ. เท่านั้น กับตัวเลขทหารสูญหาย? สรุปคือเริ่มสงครามครูเสดยุคอวสาน สื่อเหี้ยตีชา่วปาเลสไตน์ตายห่าไปกว่า 30000 ส่วนใหญ่เป็นเด็ก สตรี คนชรา คนท้อง คนพิการ เพราะอียิวมันเก่งแต่ฆ่าผู้อ่อนแอ สู้กับทหาร แพ้ยับ ตายคาตรีนเค้าตลอด! แต่ตอนนี้ เวลานี้ ตัวเลขยอดทหารรับจ้าง ทหารอียิว ทหารนาโต้ และพลเรือนยิว ตายห่าทะลุ 70000 แล้ว ด้านยูเครนหนักกว่า เพราะเกือบทะลุ 1000000 แล้วจ๊ะ อยากรู้ความจริง ให้มรึงไปดูเกณฑ์ทหารรอบที่ 4 ไม่เหลือใครมา? ทั้งอียิว ยูเครน ชะตากรรมเดียวกันเป๊ะ แนวหลังไม่โผล่ กองหนุนไม่มา จะเอาเหี้ยอะไรไปต้านเค้าได้อีก ก็ลูกยาวลงทุกชั่วโมทง มาวันละ 300-400 ลูก มรึงจะเอาเวลาที่ไหนไปพักกันล่ะ? ไซเรนดัง 24 ชม. หลอนไปหมดทั้งเมืองแล้ว อยู่ใต้ดินแบบขวัญผวา นี่ไงสภาพ! ข้าววิกมาศรีธนญชัย 2024 : มันส์ไม่แพ้กัน แผนลากอีเหลี่ยมชาติชั่วเข้าคุก ยกเลิกนิรโทษกรรม ทูลความเท็จ ทำหลักฐานปลอม เอกสารรับรองจากแพทย์ปลอม VDO CLIP หลักฐานในมือเสรี มัดจนเหี้ยหัวขาด ชั้น 124 ดิ้นตายกันเป็นแถว อีสมาคมแพทย์ถูกชำแหละ อีรพ.ตำรวจ โดนเต็มตรีน อีกรมคุก ไม่รอด หัวหน้าติดคุกซะเอง นักโทษเลียปาก ถั่วดำมาเต็ม ตากูเอาคืนมรึงบ้าง เหี้ยดีนีก หาแดร๊กกับพวกกูมาช้านาน ได้เวลาพาขึ้นสวรรค์ชั้น 14 นักโทษแม้จะเหี้ย แต่ใครคิดร้ายต่อวัง มรึงตาย! จากปากนักโทษทุกแดน เพราะทุกปีได้รับอภัยโทษ ลดโทษ บุญคุณมี ถึงจะเป็นนักเลง โจร แต่รู้ดี ถึงคำว่า "กตัญญูแผ่นดินเกิด" สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ใครล่อเจ้า มรึงตายคาตรีนคุกชัวร์! อี 3 นิ้วครึ่ง ถึงอ่วมในคุกไงล่ะ ถูกกาหัว ไม่ถูกลงแขก ก็กระทืบรายวัน พรรคพวกบอกสภาพดูไม่จืด ออกสื่อดูดี หลังฉากอิ่มตรีนทุกมื้อ ในคุกเค้ามีวิธีจัดการแบบเนียน มรึงไม่ต้องกังวลว่ามันจะออกมาฟ้อง เพราะฟ้องเมื่อไหร่ กลับเข้าไปใหม่ โดนหนักกว่าเก่า นรกสำหรับไอ้พวกเนรคุณแผ่นดิน ขอบคุณทุกฝาตรีนคนคุก มรึงอาจจะผิด แต่ได้ชดใช้กรรมตามกฎหมายแล้ว แต่หากมรึงช่วยแผ่นดินลดเหี้ย ไอ้อีจัญไรทั้งหลายลงได้ นั่นคืออานิสงค์แห่งบุญน่ะจ๊ะ กูไม่ได้เสี้ยมน่ะ อย่ากล่าวหา ดีออก? ศาลมาแรง คนชงก็แรง คนตบก็แรง พิสูจน์ชัด กรมคุก อีกากี โรงพยาบาล หมอที่อนุมัติ ขัดคำสั่งศาลให้ความช่วยเหลือนักโทษ เกินขอบเขตอำนาจ ผลคือ ตายยกรัง นอกจากขัดคำสั่งศาล ยังทูลความเท็จ กระทงนี้ หนักกว่าอีก บทเพ่เขียวบู๊ทตรีนโตจะเล่นหนัก สวรรค์ยังไม่กล้าร้องขอความปราณีให้? หมอติดคุก สัสดีติดคุก อัยการก็คุก คนทูลเสนอขอก็คุก นี่มันเทศกาลคนคุกนี่หว่า จัดเมื่อไหร่ก็ไม่บอก? คดีเข้าสู่ชั้นศาลนานแล้ว ตัดสินไม่นาน เพราะพยานหลักฐาน พยานบุคคลมีเพี๊ยบ เปิดให้หนีอ่ะเป่า? แต่ต้องทิ้งทรัพย์สินทั้งหมดไว้ที่นี่น่ะ ไปได้แต่ตัว เพราะถูกอายัดทรัพย์สินไว้หมดแล้ว อายัดบัญชี ใครเอี่ยว ถูกล็อคบัญชีด้วย DSI กระโดดลงมาเล่นเอง ปปช.ก็ต้องตามงาน ทิ้งไม่ได้ แสงทำงาน เหี้ยผวาสัส! สัญญานเต็ม กลียุคใกล้อวสานแล้วจ๊ะ มาให้หมด ออกให้เกลี้ยง ล้างบางครั้งใหญ่ เชือดเหี้ยให้เหี้ยดู! กลับคืนสู่โลกความเป็นจริงอีกครั้ง : โลกดันหยวนเต็มพิกัด โลจิสติคออกผล ค้าขายจ่ายสกุลเงินท้องถิ่น ทวิภาคีระบาด คบกันเอง ซื้อขายกันเอง ไม่ผ่านเหี้ยอีกต่อไป โมเดล BRICS มาเต็ม หลังพลังงานโลกถีบตัวสูงขึ้นอีก โลกต้องการพลังงานมากกว่าเดิม 200% เพราะเข้าหนาวแล้ว ใครรวยเละกันล่ะ? รวยแล้ว ขยายพื้นที่เพิ่ม รวยแล้ว แบ่งปันให้เพื่อนพันธมิตร มันถึงมียอดเพิ่มขึ้นทุกปี เพราะน้ำมัน แก็ส ยังต้องใช้ไปอีก 30 ปี เป็นอย่างน้อย จนพลังงานสะอาดสามารถเข้าถึงทุกบ้านได้จริง และผลิตได้มหาศาลเกินความจำเป็น นวตกรรมโลกเปลี่ยนไปเร็วมาก ตามไม่ทัน อาจตกขบวน! ปล.หลายคนถาม แล้วทำไม แสงไม่ทำงาน ศาลไม่ฟัน ให้มันรู้แล้วรู้รอดเลยล่ะ? รออะไรอยู่ มรึงฟัง? 1.รอความผิดสำเร็จ 2.รอใบเสร็จประจักษ์ชัด 3.รอเหี้ยออกลายให้สิ้น 4.รอควายตื่น 5.รอจังหวะและเวลาที่เหมาะสม เดินเร็วไปอาจพลาด เหี้ยรอด เดินช้าไป อาจแก้ไขไม่ทัน ทุกอย่างคือสมดุล พอดี และเวลาที่ใช่ 6.รอขั้วใหม่ล้างบางอิทธิพลขั้วเก่าให้ราบคาบก่อน จะได้ไม่มีฤทธิ์มาบ่อนทำลายใครได้อีก ดีออก? 7.ตำราพิชัยยุทธสอน จะฆ่าเชื้อร้าย มันต้องฆ่าที่ต้นตอ เมื่อเหี้ยมันล้างสมองควายต่อเนื่องกว่าครึ่งศตวรรษ มรึงคิดว่าจะเปลี่ยนความคิดควายได้ ต้องใช้เวลาแค่ไหน สิ่งที่ดีที่สุด เร็วที่สุด คือให้ควายเห็นกับตาด้วยตัวควายเอง นี่คือคีย์! 8.ราธิปไตยก้าวหน้าจะเกิดไม่ได้ หากปชต.ตอแหลไม่ล่มสลาย ให้ควายเห็นธาตูแท้ปชต.ควายก่อน ถึงจะเข้าใจว่าทำไม ต้องเปลี่ยน หากไม่เข้าใจก็เรื่องของมรึง ยังไงก็ต้องเปลี่ยน 9.การต่อสู้มันง่าย ฆ่าแกงมันง่าย และการสูญเสียตามมา ใครรับผิดชอบ สู้ด้วยสติ คือไม่ต้องให้ใครมาตาย ยกเว้น "เหี้ย" ชนะได้ด้วยความจริง ความชอบธรรม จะยั้งยืนกว่า ใช้อำนาจ ใช้กำลัง! หากมรึงสังเกตุ วิธีการที่รัสเซีย จีนใช้ตอนนี้ แบบเดียวกับที่โมเดลศรีธนญชัยฯ ใช้ คือกฎหมายเป็นตัวนำ ความจริงปรากฎชัด ความชอบธรรมจะตามมา เหี้ยไอ้อี แพ้ภัยตัวเอง ยิ่งดิ้น ยิ่งแหกกฎหมาย ทุกอย่างจึงกลับตาลปัตร เพราะกฎหมา ใช้ได้เฉพาะกับหมา กฎหมายใช้ได้เฉพาะกับคน นี่คือความแตกต่างของขั้วใหม่ และขั้วเก่า ยิ่งอียิวสู้กลับมากเท่าไหร่ จะยิ่งแพ้ราบคาบมากยิ่งขึ้น เพราะทุกอย่างมันถูกกำหนดมานานแล้ว แค่เดินไปตามวิถีแห่งกรรม เท่านั้นเอง อย่าอิน ยังไงก็ชนะ ยังไงก็มั่นคงชัวร์ ส่วนเรื่องอีขะแมร์ สื่อปั่นกันจัง กูบอกเลย สื่อเหี้ยทั้งนั้น ปั่นเข้าไปสิ เอาสั้นๆ ไทยจะกลืนขะแมร์เมื่อไหร่ก็ได้ มรึงยังจะมาถามเรื่องเกาะหมู เกาะหมาไม่เลิก นั่นแค่ละครปาหี่การเมือง เพื่อเบี่ยงเบนประเด็น หากมรึงยังอ่านภาษาไทยไม่ออก กูจะพูดให้ฟังอีกครั้ง ในรัชสมัยพ่อหลวงร.10 ไทยจะไม่เสียดินแดนเพิ่ม แม้แต่ตารางมิลลิเมตร ตรงกันข้าม ไทยจะได้แผ่นดินผนวกเพิ่มขึ้น อะไรที่ไทยสูญเสียไปตั้งแต่สมัยพ่อร.5 จะได้คืนมาเกือบหมด ไม่ได้ไปปล้นเค้าน่ะ เค้ามาเอง สมัครใจเอง เพราะอยู่กับไทยแล้วสบาย รอด มั่นคง มั่งคั่ง ชัวร์ อะไรที่มรึงคิดว่าเป็นไปไม่ได้ มันจะเกิดขึ้น จนมรึงซ่อนความดีใจเอาไว้ไม่อยู่กันไปเลย? กูไม่ได้มโน ดูสิจ๊ะ เกิดอะไรขึ้นในอาเซียนตอนนี้ แล้วเรากำลังจะกลายเป็นฮับอาเซียน ใครอยากรอด ใครอยากเกิด ใครอยากมั่นคง มรึงต้องทำยังไง? ยังต้องให้กูบอกอีกมั้ย? ไม่ต้องเป็นหมอดู ใครก็มองออกว่า อยู่กันเองอดอยาก อยู่กับใคร อิ่มหมีพีมันส์สะแด่วแห้ว ใครจะไม่อยากรวมชาติกันล่ะ ไม่อยากบอกดอกว่า ไทยจะขยายใหญ่แค่ไหน จนต้องย้ายเมืองหลวง หรือมีเมืองหลวง 2 แห่ง หลังผนวก กูไบ้ไปเยอะป่ะเนี่ย? พอก่อน ยังไม่ใช่เวลาที่ดี ที่มรึงควรจะรู้? ตกผลึกจะเข้าใจในสิ่งที่กูพูด มโนคือคิดไปเอง แต่รู้ล่วงหน้าคือมีที่มาที่ไป เพราะมีเหตุ ผลถึงตามมา คำพยากรณ์จึงก่อเกิด ใน 10 ชาติอาเซียน ใครอ่อนแอ ก็ต้องไปรวมกับชาติหลัก มันเป็นวิบากกรรมของชาติแต่ละชาติไม่เหมือนกัน แท้จริงแล้ว 5 ชาติอาเซียน อดีตก็คือแผ่นดินอโยธยานั่นแหละ แค่เปลี่ยนชื่อ ถึงเวลาก็กลับแผ่นดินแม่ เอ๊ะ..คุ้นมั้ย เหมือนยูเครน เบลารุส เซอร์เบีย ฮังการี เชก โครเอเซีย สโลวาเนียจะได้กลับบ้าน นี่ใคร COPY ใครกันแน่เนี่ย? หมี CNN(ชนะ ชนะ ชนะ อยู่แล้ว ล้างบางเหี้ย มันชัวร์ ชดใช้กรรมมาแน่ จิตสงบ ทุกอย่างสดใส จิตวุ่นวาย ตาก็ไม่สว่าง มองอะไรให้ถึงแก่นแท้ แล้วจะไม่อินเหี้ยอะไรทั้งนั้น พ่อร.5 รักษาแผ่นดินหลักไว้ได้ พ่อร.7 ขอสงวนอำนาจไว้เพื่อประชาชนชาวไทย พ่อร.9 พระคุณท่วมหัว ไทยเจริญมั่นคง พ่อร.10 ประกาศแสนยานุภาพ ไทยเกรียงไกร พ่อร.11-13 ยุคแสงสีทองผ่องอำไพ ศรีวิไล TOP10 โลก มรึงจะยังไม่อใจเหี้ยอะไรอีก มองข้ามเหี้ยไปได้แล้ว เพราะมันไม่คู่ควรให้มรึงจดจำ ยังไงก็ตายโหง ตายห่าชัวร์ ไม่มีรอด) 21 ตุลาคม 67 11.11 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • เตือนนายกฯครั้งที่ 5 ! นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟสบุ๊ก “Thirachai Phuvanatnaranubala – – ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล” ระบุว่า
    จดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯ เรื่องกองทุนวายุภักษ์ ๑

    ด่วนที่สุด

    วันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๗

    เรื่อง กองทุนรวมวายุภักษ์ ๑ อาจจะฝ่าฝืนกฎหมาย (ฉบับที่ ๖)

    เรียน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

    ตามที่ข้าพเจ้าได้มีหนังสือ ๕ ฉบับ ฉบับหลังสุดลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗ (ฉบับที่ ๕) ร้องเรียนกรณีกระทรวงการคลังประกาศเปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อกองทุนรวมวายุภักษ์ ๑ (กองทุนฯ) วงเงิน ๑.๕ แสนล้านบาท ในวันที่ ๑๖-๒๐ กันยายนนี้ และให้นักลงทุนสถาบันจองซื้อในวันที่ ๑๘-๒๐ กันยายนนี้

    ซึ่งข้าพเจ้ามีความเห็นว่าการดำเนินโครงการดังกล่าวอาจจะฝ่าฝืนกฎหมาย นั้น

    ข้าพเจ้าขอเรียนข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลัง ดังนี้

    ๑. พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑

    “มาตรา ๒๘ การมอบหมายให้หน่วยงานของรัฐดําเนินกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการโดยรัฐบาลรับภาระจะชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดําเนินการนั้น ให้กระทําได้เฉพาะกรณีที่อยู่ในหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของหน่วยงานของรัฐนั้น เพื่อฟื้นฟูหรือกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบอาชีพหรือยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน หรือเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัยหรือการก่อวินาศกรรม

    ในการมอบหมายตามวรรคหนึ่ง คณะรัฐมนตรีต้องพิจารณาภาระทางการคลังของรัฐที่อาจเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ผลกระทบต่อการดําเนินงานของหน่วยงานของรัฐซึ่งได้รับมอบหมายนั้น และแนวทางการบริหารจัดการภาระทางการคลังของรัฐและผลกระทบจากการดําเนินการดังกล่าว ภาระที่รัฐต้องรับชดเชยค่าใช้จ่ายในการดําเนินการตามวรรคหนึ่ง ต้องมียอดคงค้างทั้งหมดรวมกันไม่เกินอัตราที่คณะกรรมการกําหนด

    ให้หน่วยงานของรัฐซึ่งได้รับมอบหมายตามมาตรานี้ ไม่ว่าการมอบหมายนั้นจะเกิดขึ้นก่อนพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับหรือไม่ จัดทําประมาณการต้นทุนทางการเงินและการบริหารจัดการที่รัฐจะต้องรับภาระทั้งหมดสําหรับกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการนั้น ๆ และแจ้งให้คณะกรรมการและกระทรวงการคลังทราบ”

    ๒. ประเด็นที่อาจฝ่าฝืนกฎหมาย

    เนื่องจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๗ ได้รับทราบโครงการกองทุนรวมวายุภักษ์ ๑ (กองทุนฯ) และโดยที่เงื่อนไขในการประกาศเปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อกองทุนฯ

    มีผลโดยอัตโนมัติเป็นการที่กระทรวงการคลังรับภาระจะชดใช้ให้ผู้ลงทุนซึ่งถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ได้รับผลตอบแทนแต่ละปีไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๓ ต่อปี ทั้งจากรายได้แต่ละปี และจากกำไรสะสมของกระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. และมีผลโดยอัตโนมัติเป็นการที่กระทรวงการคลังรับภาระจะชดใช้ให้ผู้ลงทุนซึ่งถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ได้รับคืนเงินลงทุนก่อนหน้ากระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข.

    ข้าพเจ้าจึงเห็นว่า กรณีนี้เข้าข่ายเป็นการที่คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงการคลัง”ดําเนินกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการโดยรัฐบาลรับภาระจะชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดําเนินการนั้น” ตามวรรคหนึ่ง มาตรา ๒๘

    ๒.๑ ไม่ใช่กรณีที่อยู่ในหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของกระทรวงการคลัง

    พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ มาตรา ๑๐ กำหนดหน้าที่และอำนาจของกระทรวงการคลังไว้ว่า “กระทรวงการคลัง มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการเงินการคลังแผ่นดิน การประเมินราคาทรัพย์สิน การบริหารพัสดุภาครัฐ กิจการเกี่ยวกับที่ราชพัสดุ ทรัพย์สินของแผ่นดิน ภาษีอากร การรัษฎากร กิจการหารายได้ที่รัฐมีอำนาจดำเนินการได้แต่ผู้เดียวตามกฎหมายและไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการอื่น การบริหารหนี้สาธารณะ การบริหารและการพัฒนารัฐวิสาหกิจและหลักทรัพย์ของรัฐ และราชการอื่นตามที่มีกฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงการคลังหรือส่วนราชการที่สังกัดกระทรวงการคลัง”

    ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า เรื่องที่เสนอคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ไม่ใช่กรณีที่อยู่ในหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของกระทรวงการคลังข้างต้น จึงกระทำมิได้

    ส่วนการที่กองทุนฯ จะแบ่งปันรายได้และกำหนดลำดับสิทธิในการคืนเงินลงทุนนั้น ถึงแม้อาจจะอยู่ในหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ แต่กองทุนฯ ไม่มีหน้าที่และอำนาจที่ครอบคลุมไปถึงการดำเนินการให้มีผลเป็นการทำให้กระทรวงการคลังรับภาระจะชดใช้ให้ผู้ลงทุนซึ่งถือหน่วยลงทุนประเภท ก.

    ๒.๒ คณะรัฐมนตรีอาจมิได้พิจารณาภาระทางการคลังของรัฐที่อาจเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต หรือผลกระทบต่อการดําเนินงานของกระทรวงการคลัง

    ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า คณะรัฐมนตรีอาจมิได้พิจารณาภาระทางการคลังของรัฐที่อาจเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต หรือผลกระทบต่อการดําเนินงานของกระทรวงการคลัง อันไม่เป็นการปฏิบัติตามวรรคสองของมาตรา ๒๘ เพราะข้าพเจ้าสืบค้นไม่พบการนำเสนอตัวเลขภาระที่เกี่ยวข้องต่อคณะรัฐมนตรี

    ๒.๓ อาจไม่มีการจัดทําประมาณการต้นทุนทางการเงินและการบริหารจัดการที่รัฐจะต้องรับภาระทั้งหมดสําหรับกิจกรรมกองทุนฯ

    ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า กระทรวงการคลังอาจไม่มีการจัดทําประมาณการต้นทุนทางการเงินและการบริหารจัดการที่รัฐจะต้องรับภาระทั้งหมดสําหรับกิจกรรมกองทุนฯ เสนอต่อคณะรัฐมนตรี อันไม่เป็นการปฏิบัติตามวรรตสามของมาตรา ๒๘ เพราะข้าพเจ้าสืบค้นไม่พบการนำเสนอตัวเลขประมาณการที่เกี่ยวข้องต่อคณะรัฐมนตรี

    ๓. ขอให้สั่งการแก้ไข

    กรณีที่ถ้าหากท่านตรวจสอบแล้ว พบว่ามีการปฏิบัติที่ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ข้าพเจ้าขอเรียนว่า ท่านมีหน้าที่สั่งการให้แก้ไข และลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องโดยพลัน

    จึงขอให้ท่านโปรดพิจารณาว่าการกระทำที่เกี่ยวข้องถูกต้องตามกฎหมายและหลักธรรมาภิบาลหรือไม่

    จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา

    ขอแสดงความนับถืออย่างสูง

    (นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล)
    อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

    สำเนาเรียน
    ประธาน ป.ป.ช. เพื่อประกอบการพิจารณาหนังสือร้องเรียน ฉบับหลังสุดวันที่ ๑๔ ต.ค. ๒๕๖๗
    ประธาน ค.ต.ง. เพื่อประกอบการพิจารณาหนังสือร้องเรียน ฉบับหลังสุดวันที่ ๑๔ ต.ค. ๒๕๖๗
    ประธาน ก.ก.ต. เพื่อประกอบการพิจารณาหนังสือร้องเรียน ฉบับหลังสุดวันที่ ๑๔ ต.ค. ๒๕๖๗“
    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/Ti8aaMp5mLUDpy1U/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    เตือนนายกฯครั้งที่ 5 ! นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟสบุ๊ก “Thirachai Phuvanatnaranubala – – ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล” ระบุว่า จดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯ เรื่องกองทุนวายุภักษ์ ๑ ด่วนที่สุด วันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๗ เรื่อง กองทุนรวมวายุภักษ์ ๑ อาจจะฝ่าฝืนกฎหมาย (ฉบับที่ ๖) เรียน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามที่ข้าพเจ้าได้มีหนังสือ ๕ ฉบับ ฉบับหลังสุดลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗ (ฉบับที่ ๕) ร้องเรียนกรณีกระทรวงการคลังประกาศเปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อกองทุนรวมวายุภักษ์ ๑ (กองทุนฯ) วงเงิน ๑.๕ แสนล้านบาท ในวันที่ ๑๖-๒๐ กันยายนนี้ และให้นักลงทุนสถาบันจองซื้อในวันที่ ๑๘-๒๐ กันยายนนี้ ซึ่งข้าพเจ้ามีความเห็นว่าการดำเนินโครงการดังกล่าวอาจจะฝ่าฝืนกฎหมาย นั้น ข้าพเจ้าขอเรียนข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลัง ดังนี้ ๑. พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ “มาตรา ๒๘ การมอบหมายให้หน่วยงานของรัฐดําเนินกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการโดยรัฐบาลรับภาระจะชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดําเนินการนั้น ให้กระทําได้เฉพาะกรณีที่อยู่ในหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของหน่วยงานของรัฐนั้น เพื่อฟื้นฟูหรือกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบอาชีพหรือยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน หรือเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัยหรือการก่อวินาศกรรม ในการมอบหมายตามวรรคหนึ่ง คณะรัฐมนตรีต้องพิจารณาภาระทางการคลังของรัฐที่อาจเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ผลกระทบต่อการดําเนินงานของหน่วยงานของรัฐซึ่งได้รับมอบหมายนั้น และแนวทางการบริหารจัดการภาระทางการคลังของรัฐและผลกระทบจากการดําเนินการดังกล่าว ภาระที่รัฐต้องรับชดเชยค่าใช้จ่ายในการดําเนินการตามวรรคหนึ่ง ต้องมียอดคงค้างทั้งหมดรวมกันไม่เกินอัตราที่คณะกรรมการกําหนด ให้หน่วยงานของรัฐซึ่งได้รับมอบหมายตามมาตรานี้ ไม่ว่าการมอบหมายนั้นจะเกิดขึ้นก่อนพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับหรือไม่ จัดทําประมาณการต้นทุนทางการเงินและการบริหารจัดการที่รัฐจะต้องรับภาระทั้งหมดสําหรับกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการนั้น ๆ และแจ้งให้คณะกรรมการและกระทรวงการคลังทราบ” ๒. ประเด็นที่อาจฝ่าฝืนกฎหมาย เนื่องจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๗ ได้รับทราบโครงการกองทุนรวมวายุภักษ์ ๑ (กองทุนฯ) และโดยที่เงื่อนไขในการประกาศเปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อกองทุนฯ มีผลโดยอัตโนมัติเป็นการที่กระทรวงการคลังรับภาระจะชดใช้ให้ผู้ลงทุนซึ่งถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ได้รับผลตอบแทนแต่ละปีไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๓ ต่อปี ทั้งจากรายได้แต่ละปี และจากกำไรสะสมของกระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. และมีผลโดยอัตโนมัติเป็นการที่กระทรวงการคลังรับภาระจะชดใช้ให้ผู้ลงทุนซึ่งถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ได้รับคืนเงินลงทุนก่อนหน้ากระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. ข้าพเจ้าจึงเห็นว่า กรณีนี้เข้าข่ายเป็นการที่คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงการคลัง”ดําเนินกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการโดยรัฐบาลรับภาระจะชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดําเนินการนั้น” ตามวรรคหนึ่ง มาตรา ๒๘ ๒.๑ ไม่ใช่กรณีที่อยู่ในหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของกระทรวงการคลัง พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ มาตรา ๑๐ กำหนดหน้าที่และอำนาจของกระทรวงการคลังไว้ว่า “กระทรวงการคลัง มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการเงินการคลังแผ่นดิน การประเมินราคาทรัพย์สิน การบริหารพัสดุภาครัฐ กิจการเกี่ยวกับที่ราชพัสดุ ทรัพย์สินของแผ่นดิน ภาษีอากร การรัษฎากร กิจการหารายได้ที่รัฐมีอำนาจดำเนินการได้แต่ผู้เดียวตามกฎหมายและไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการอื่น การบริหารหนี้สาธารณะ การบริหารและการพัฒนารัฐวิสาหกิจและหลักทรัพย์ของรัฐ และราชการอื่นตามที่มีกฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงการคลังหรือส่วนราชการที่สังกัดกระทรวงการคลัง” ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า เรื่องที่เสนอคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ไม่ใช่กรณีที่อยู่ในหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของกระทรวงการคลังข้างต้น จึงกระทำมิได้ ส่วนการที่กองทุนฯ จะแบ่งปันรายได้และกำหนดลำดับสิทธิในการคืนเงินลงทุนนั้น ถึงแม้อาจจะอยู่ในหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ แต่กองทุนฯ ไม่มีหน้าที่และอำนาจที่ครอบคลุมไปถึงการดำเนินการให้มีผลเป็นการทำให้กระทรวงการคลังรับภาระจะชดใช้ให้ผู้ลงทุนซึ่งถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ๒.๒ คณะรัฐมนตรีอาจมิได้พิจารณาภาระทางการคลังของรัฐที่อาจเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต หรือผลกระทบต่อการดําเนินงานของกระทรวงการคลัง ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า คณะรัฐมนตรีอาจมิได้พิจารณาภาระทางการคลังของรัฐที่อาจเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต หรือผลกระทบต่อการดําเนินงานของกระทรวงการคลัง อันไม่เป็นการปฏิบัติตามวรรคสองของมาตรา ๒๘ เพราะข้าพเจ้าสืบค้นไม่พบการนำเสนอตัวเลขภาระที่เกี่ยวข้องต่อคณะรัฐมนตรี ๒.๓ อาจไม่มีการจัดทําประมาณการต้นทุนทางการเงินและการบริหารจัดการที่รัฐจะต้องรับภาระทั้งหมดสําหรับกิจกรรมกองทุนฯ ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า กระทรวงการคลังอาจไม่มีการจัดทําประมาณการต้นทุนทางการเงินและการบริหารจัดการที่รัฐจะต้องรับภาระทั้งหมดสําหรับกิจกรรมกองทุนฯ เสนอต่อคณะรัฐมนตรี อันไม่เป็นการปฏิบัติตามวรรตสามของมาตรา ๒๘ เพราะข้าพเจ้าสืบค้นไม่พบการนำเสนอตัวเลขประมาณการที่เกี่ยวข้องต่อคณะรัฐมนตรี ๓. ขอให้สั่งการแก้ไข กรณีที่ถ้าหากท่านตรวจสอบแล้ว พบว่ามีการปฏิบัติที่ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ข้าพเจ้าขอเรียนว่า ท่านมีหน้าที่สั่งการให้แก้ไข และลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องโดยพลัน จึงขอให้ท่านโปรดพิจารณาว่าการกระทำที่เกี่ยวข้องถูกต้องตามกฎหมายและหลักธรรมาภิบาลหรือไม่ จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา ขอแสดงความนับถืออย่างสูง (นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สำเนาเรียน ประธาน ป.ป.ช. เพื่อประกอบการพิจารณาหนังสือร้องเรียน ฉบับหลังสุดวันที่ ๑๔ ต.ค. ๒๕๖๗ ประธาน ค.ต.ง. เพื่อประกอบการพิจารณาหนังสือร้องเรียน ฉบับหลังสุดวันที่ ๑๔ ต.ค. ๒๕๖๗ ประธาน ก.ก.ต. เพื่อประกอบการพิจารณาหนังสือร้องเรียน ฉบับหลังสุดวันที่ ๑๔ ต.ค. ๒๕๖๗“ ที่มา https://www.facebook.com/share/p/Ti8aaMp5mLUDpy1U/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 278 มุมมอง 0 รีวิว
  • บู่บู๊วววว แนะนำตัว

    สวัสดี...ฉันชื่อ bubu ออกเสียงว่า บู่บู๊วววว ไม่ใช่ บูบู้ เหมือนลาบูบู้
    ฉันเปิดพื้นที่ที่นี่...เพื่อที่ว่า ฉันจะได้บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ นานา เหมือนกับที่เราจับปากกาเขียนไดอารี่ลงสมุด..แต่นี่ไม่ใช่ เพราะมันเป็นการเคาะแป้นพิมพ์ แถมยังได้แบ่งปันให้คนอื่นอ่านได้อีก

    ฉันเริ่มเขียนบันทึก ตอนที่ฉันอายุ 14 ตอนนั้นมีสมุดเปล่า ๆ อยู่เล่มนึง หน้าปกเคลือบพลาสติก ขนาดประมาณ A5 ในหน้าแรก..มีข้อความตอนหนึ่งว่า "หากฉันเขียนบันทึกไม่ได้อย่างต่อเนื่อง ชีวิตนี้ฉันคงทำอะไรไม่สำเร็จหรอก !!!"

    หลังจากนั้น ฉันก็เขียนมายาวเลย ตั้งแต่ม.2 - ม.6 หากนับรวมกันคงเกิน 20 เล่ม
    สมุดบันทึกแต่ละเล่ม มีลักษณะต่างกัน บางเล่มน่ารัก บางเล่มเล็ก กะทัดรัด เหมาะมือ
    บางเล่มก็ใหญ่ จนเขียนได้เกือบปี

    ช่วงเรียนมัธยม เขียนได้เยอะเลย
    ช่วงเรียนมหาวิทยาลัย ก็ยังไม่หยุดเขียน
    ช่วงเรียนปริญญาโท ก็ยังเขียนต่ออีก แต่เพิ่มเติมคือ มีบล็อคของตัวเองด้วย
    ตอนนั้นยังใช้สายโทรศัพท์บ้านต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ตอยู่เลย

    พอทำงาน ก็ยังเขียนอยู่ แค่รู้เลยว่า เขียนน้อยลง
    ยิ่งงานเยอะ ยิ่งเขียนน้อยลง
    ได้แต่นั่งมองสมุดบันทึกที่ตัวเองเขียน และสะสมไว้

    แต่สุดท้าย...เกิดอะไรขึ้นรู้ม๊ะ???
    ...
    ...

    ฉันตัดสินใจ ทิ้งสมุดบันทึกเหล่านั้นทิ้ง...
    ทิ้งลงในถังขยะจริง ๆ

    เพราะฉันคิดว่า....
    เรื่องราวที่อยู่ในนั้น มันไม่น่าอ่านนักหรอก
    มันเป็นเรื่องราวในใจฉันคนเดียว
    หากวันนึง มีคนในครอบครัวฉันหยิบอ่านขึ้นมา..

    พวกเค้าเหล่านั้นคงเสียใจ!!!

    เพราะงั้น ฉันเลยตัดสินใจ "ทิ้งมันไปซะ"

    ถึงจะทิ้งสมุดบันทึกเหล่านั้น แต่ฉันก็ไม่หยุดเขียนนะ
    ชอบเขียน เขียนได้อย่างอิสระ เขียนโดยไม่มีคำวิพากษ์วิจารณ์จากใคร ๆ
    เขียนไปตามหัวใจ...

    ฉันอยากเขียน..เพื่อที่ว่าวันนึงฉันอาจจะได้เป็นนักเขียนจริง ๆ ก็ได้ แฮร่!!!
    บู่บู๊วววว แนะนำตัว สวัสดี...ฉันชื่อ bubu ออกเสียงว่า บู่บู๊วววว ไม่ใช่ บูบู้ เหมือนลาบูบู้ ฉันเปิดพื้นที่ที่นี่...เพื่อที่ว่า ฉันจะได้บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ นานา เหมือนกับที่เราจับปากกาเขียนไดอารี่ลงสมุด..แต่นี่ไม่ใช่ เพราะมันเป็นการเคาะแป้นพิมพ์ แถมยังได้แบ่งปันให้คนอื่นอ่านได้อีก ฉันเริ่มเขียนบันทึก ตอนที่ฉันอายุ 14 ตอนนั้นมีสมุดเปล่า ๆ อยู่เล่มนึง หน้าปกเคลือบพลาสติก ขนาดประมาณ A5 ในหน้าแรก..มีข้อความตอนหนึ่งว่า "หากฉันเขียนบันทึกไม่ได้อย่างต่อเนื่อง ชีวิตนี้ฉันคงทำอะไรไม่สำเร็จหรอก !!!" หลังจากนั้น ฉันก็เขียนมายาวเลย ตั้งแต่ม.2 - ม.6 หากนับรวมกันคงเกิน 20 เล่ม สมุดบันทึกแต่ละเล่ม มีลักษณะต่างกัน บางเล่มน่ารัก บางเล่มเล็ก กะทัดรัด เหมาะมือ บางเล่มก็ใหญ่ จนเขียนได้เกือบปี ช่วงเรียนมัธยม เขียนได้เยอะเลย ช่วงเรียนมหาวิทยาลัย ก็ยังไม่หยุดเขียน ช่วงเรียนปริญญาโท ก็ยังเขียนต่ออีก แต่เพิ่มเติมคือ มีบล็อคของตัวเองด้วย ตอนนั้นยังใช้สายโทรศัพท์บ้านต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ตอยู่เลย พอทำงาน ก็ยังเขียนอยู่ แค่รู้เลยว่า เขียนน้อยลง ยิ่งงานเยอะ ยิ่งเขียนน้อยลง ได้แต่นั่งมองสมุดบันทึกที่ตัวเองเขียน และสะสมไว้ แต่สุดท้าย...เกิดอะไรขึ้นรู้ม๊ะ??? ... ... ฉันตัดสินใจ ทิ้งสมุดบันทึกเหล่านั้นทิ้ง... ทิ้งลงในถังขยะจริง ๆ เพราะฉันคิดว่า.... เรื่องราวที่อยู่ในนั้น มันไม่น่าอ่านนักหรอก มันเป็นเรื่องราวในใจฉันคนเดียว หากวันนึง มีคนในครอบครัวฉันหยิบอ่านขึ้นมา.. พวกเค้าเหล่านั้นคงเสียใจ!!! เพราะงั้น ฉันเลยตัดสินใจ "ทิ้งมันไปซะ" ถึงจะทิ้งสมุดบันทึกเหล่านั้น แต่ฉันก็ไม่หยุดเขียนนะ ชอบเขียน เขียนได้อย่างอิสระ เขียนโดยไม่มีคำวิพากษ์วิจารณ์จากใคร ๆ เขียนไปตามหัวใจ... ฉันอยากเขียน..เพื่อที่ว่าวันนึงฉันอาจจะได้เป็นนักเขียนจริง ๆ ก็ได้ แฮร่!!!
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • OKR Clinic - First Principle

    สาระจากการแลกเปลี่ยนแบ่งปันกับผู้สนใจใน THAILAND OKR FORUM และการแลกเปลี่ยนสาระอันเป็นกระดุมเม็ดแรกของการพัฒนา OKR ในระดับทีมและระดับองค์กร จากประสบการณ์ตรงของพันธมิตรที่ปรึกษาระดับอินเตอร์ที่ใช้ OKR ภาคปฏิบัติมามากกว่า 700 OKR Cycle

    ติดตามสาระดีๆได้ที่ https://youtu.be/IOXCFmPtDGg
    #พัฒนาคนให้เก่ง
    #สร้างทีมให้แกร่ง
    #กระบวนการเยี่ยม
    #ผลลัพธ์ยอด
    www.10-xconsulting.com
    OKR Clinic - First Principle สาระจากการแลกเปลี่ยนแบ่งปันกับผู้สนใจใน THAILAND OKR FORUM และการแลกเปลี่ยนสาระอันเป็นกระดุมเม็ดแรกของการพัฒนา OKR ในระดับทีมและระดับองค์กร จากประสบการณ์ตรงของพันธมิตรที่ปรึกษาระดับอินเตอร์ที่ใช้ OKR ภาคปฏิบัติมามากกว่า 700 OKR Cycle ติดตามสาระดีๆได้ที่ https://youtu.be/IOXCFmPtDGg #พัฒนาคนให้เก่ง #สร้างทีมให้แกร่ง #กระบวนการเยี่ยม #ผลลัพธ์ยอด www.10-xconsulting.com
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • 18-10-67/01 : หมี CNN / คัมภีร์หมี วิชัยยุทธ" EP.42 ชื่อตอนว่า "THE LAND OF NO HIA?" ไอ้สัส! โลกประกาศชัด มีโลก ไม่มีเหี้ย? ดาหน้าตายหมู่ อีมาครงปากดี จะเอาอียิวรอดหรือเผ่าพันธุ์มรึงรอดดีล่ะ? อาณานิคมจบแล้ว ยังจะเหลือเหี้ยอะไรให้แดร๊ก เจ๊งหมดทั้งภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม เบอร์ 1 ยุโรปอย่างอีเบียร์ยังทรุด จมดิ่งเหว งัดข้ออีเนรคุณทันยา ตบหน้าออกสื่อโลก "มรึงได้แผ่นดิน ตั้งรัฐยิว เพราะ UN" แถวบ้านเรียก "ทวงบุญคุณ" ไม่รีรอ อีเนรคุณทันยา ซัดกลับ กูได้เพราะไปไล่ยึดเค้ามา มติห่าอะไรก็ไม่ได้ช่วยให้กูมีแผ่นดิน หากไม่จบที่ปากกระบอกปืน ชัดพอมั้ย? ตรรกะเหี้ยชี้ชัด อยากได้ต้องใช้กำลังเท่านั้น! รัสเซีย จีน นอนกระดิกตรีนดูเหี้ยกัดกัน แม้แต่อีลูกเลิฟ สิงโตง่อย ยังหักหลังนายใหญ่ได้ หมดตูด ไม่เติม ไม่ส่ง กูจะสิ้นชาติอยู่แล้ว ช่วยตัวเองล่ะกัน นายจ๋า? โลกของเหี้ย ยามตกอับ หมาไม่แล ยามครองโลก ชะเลียเช้าเย็น นี่แหละ "โลกของทุนนิยมเหี้ยสามานย์" อย่าหวังความจริงใจในหมู่โจร! อ้าว..ไม่ช่วยอียิว พวกมรึงก็จะตายห่าด้วยน่ะ ใครบอกล่ะ? หลังม่านเหล็ก อีเศษฝรั่ง อีเบียร์ เตรียมย้ายขั้วแล้วจ๊ะ ที่มาว่าเลขา UN เตรียมไปประชุมกับ BRICS ตีโจทย์ให้แตก ใครเอาใครอยู่? สำหรับไอ้พวกเหี้ย ที่ใดคือแหล่งพลังงาน แหล่งทรัพยากร เจ้ามือโลกใหม่มา ใครไม่เกาะก็ไม่ใช่เหี้ย? คิดว่าจีน รัสเซีย จะปล่อยให้มรึงมาง่ายๆ เหรอ? ดอกนี้ มรึงต้องชดใช้กรรม เอาให้หมดสภาพ สั่งสอนที่คิด "วัดรอยตรีน" ประวัติศาสตร์มันฟ้อง รัสเซียถูก อีเบียร์ อีเศษฝรั่ง ลอบกัดมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว งวดนี้ หากกูไม่ขยี้มรึงก่อน "กูไม่ใช่ปูติน" เอาเลือดเหี้ยมาล้างตรีนกู เป็นพิธีกรรม สะกดวิญญานเหี้ยให้อยู่ใต้ตรีนขั้วใหม่ไปตลอดกาล T WHO T IT? ด้านเหี้ยมะกัน คุย แอบย่องส่ง B2 ไปถล่มคลังแสงใต้ดินเยเมน จริงดิ? "มหกรรมตอแหลรายวัน" เรือรบมรึงกลายเป็นปะการังในมหาสมุทรเกลี้ยง จะล่อลูกยาว เอาบินทิ้งระเบิดมา คิดว่าเยเมน เค้าไม่เตรียมการรอเชือดไว้ก่อนเหรอไง? ทางน้ำเข้าไม่ถึง ทางบกไม่มีสิทธิ์ ก็เหลือแค่ทางอากาศ B2 มันรุ่นไหนแล้ว เอารุ่นปู่มาขู่ แล้วระเบิดมรึงเนี่ย คุยซะมากกว่าผลลัพธ์ซะอีก เยเมนซัดกลับ "สะกิดอะไรรึจ๊ะ" ทำได้แค่นี้เองเหยอ? เดี๋ยวตากูล่อกลับ อย่าร้องขอชีวิต เสพสื่อเหี้ย ให้ตีตรงกันข้ามให้หมด แล้วมรึงจะได้ความจริง! เรื่องง่ายๆ ที่ควายคิดไม่ทัน? เยเมน มีของดี ของหนักอยู่ครบ อย่าไปห่วง เลบานอน มีกองหนุนทั้งโลกอาหรับ มุสลิม แห่กันเข้ามาในพื้นที่หมดแล้ว อียิวมีปัญญาเหรอ? ดูโลกความเป็นจริง อย่ามโนกันเยอะ? ข้ามวิกแป๊บ : อีแดง อีส้มเน่า กำลังจะเผาตัวเอง มาตามนัด ดันนิรโทษกรรม มอ 112 สุดซอย เพราะไม่เหลือเหี้ยอะไรอีกแล้ว จะตามมาด้วยคำสั่ง "ยุบพรรค" และตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต ชี้ชัดขัดรัฐธรรมนูญโดยตรง! แสดงตัวเป็นปฎิปักษ์ระบบการปกครอง ดอกนี้ ถึงขั้น "ประหารชีวิต" ทำไมเหี้ยมันจะไม่รู้? แต่เพราะพ่อยิวมันกำลังจะตาย ท่อน้ำเลี้ยงตัน เศษกระดาษขายไม่ออก ไม่ยึดไทย ก็คือจบ เข้าทางตรีนวังเต็มเหนี่ยว ได้เวลา "ราชาธิปไตยก้าวหน้า" แล้วสิน่ะ เพราะปชต.ตอแหล กำลังจะตายคาตรีนคนไทย ไทยโมเดลหอมหวล โลกรอดู จะฆ่าปชต.ตายห่ายังไงจ๊ะ? หลายชาติ แม้แต่ในยุโรป ที่เคยมีระบบกษัตริย์ ตอนนี้ แห่กันเรียกร้อง นำระบบราชาธิปไตยกลับมาอย่างถล่มทลาย เพราะรู้เช่นเห็นชาติแล้วว่า "ปชต.ตอแหล" มัน MADE IN JEW ZIONIST นี่หว่า? ควายโลกตื่นกันหมดแล้ว! เชิญแดร๊กปชต.ให้อิ่มท้องน่ะจ๊ะ เพราะพรุ่งนี้ มรึงจะไม่มีอะไรให้แดร๊กอีกต่อไป เหี้ยกับควาย คือของคู่กัน! ข้ามมาดูเกมส์โลก ลีลาปูติน ไม่ธรรมดา "อย่าน่ะ" อย่าเข้าร่วมยูเครนน่ะ NATO จะมาจริงดิ? กูกลัวจุงเบย อย่าน่ะ เดี๋ยวไม่พอตาย เพราะกูเตรียมระเบิดเกินจำนวนเหี้ยอย่างมรึงไว้เยอะเกิน คิดว่าจะมาเยอะ ที่ไหนได้ ตายห่าเกลี้ยงไปซะก่อน ฆ่าเหี้ยมันสบายตรีน กูต้องแสดงท่าทางท่าทีด้วยมุย? "กลัวแล้วจ๊ะ" อย่ามาน่ะ อย่าช้า ไอ้สัส! หลายคนสงสัย เมื่อไหร่จะล่ออีโปล ฟังสิจ๊ะ? เมื่อรัสเซียตั้งรัฐใหม่เรียบร้อย ยึดหัวหาดเบ็ดเสร็จ ครอบครองยุทธศาสตร์หลักหมดเกลี้ยง อีโปลแค่ประตูทางผ่าน เพราะไม่สามารถสกัดเหี้ยอะไรได้อีกแล้ว เป้าหมายคือลอนดอน อีฟินน์ อีสวิงกิ้ง นั่นคือขนมหวาน ที่ต้องทำก่อนตอนนี้ คือยึดพื้นที่หลักให้เกลี้ยงในยูเครน ทันที ที่กองทัพรัสเซีย เข้าไปตั้งฐานทัพใหม่สวมแทนฐานทัพเก่า นั่นแหละ "ไคร์เมียร์" ถึงจะเป็นรัสเซียโดยสมบูรณ์ เพราะจะไม่มีใครเข้าใกล้ไคร์เมียร์ได้อีกต่อไป เพราะรอบข้างถูกกวาดล้างหมดแล้ว สรุปคือ "สร้างความมั่นคงให้ไคร์เมียร์จบ เดินหน้าต่อด้วยความกระเหี้ยนกระหือรือ" ยังไง พวกมรึงไม่รอดส้นตรีนกูแน่ รอก่อน ไม่นานเกินรอ? อีโปลก็รู้ อีผีดิบยิ่งรู้ อีสมันน้อยยิ่งรู้ดีกว่าใคร มันถึงได้พยายามจะย้ายขั้วทันที ที่สบโอกาส แต่เหี้ยยังไม่เปิดโอกาสในตอนนี้ พูดง่ายๆ ภาคยุโรป "รัสเซียครองยุโรปเบ็ดเสร็จไปแล้วในเชิงพฤตินัย" ด้านตะวันออกกลาง อิหร่านและโลกอาหรับ มุสลิม ล้อมและขยี้เหี้ยยิวอย่างเมามันส์ มรึงทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว นอกจากจะเปิด "สงครามนุ๊ก" ซึ่งเยรูซาเล็ม จะหายไปจากแผนที่โลกทันที ก่อเกิด รัฐปาเลสไตน์ใหม่แทนที่ นี่คือบทสรุป ที่โลกขีดเขียนไว้ล่วงหน้าแล้ว เกจิดัง กุนซือ ระดับหัวกระทิโลก เค้ามองออก มองทะลุ อ่านขาดนานแล้ว ว่าเกมส์นี้ มันจะจบยังไง ข้ามเรื่องแป๊บ : กูเคยบอกแล้วชิมิ? กลียุค อะไรที่มรึงเคยเชื่อ อะไรที่มรึงเคยเห็น เคยเทิดทูล เคยคิดว่าดี เคยคิดว่าใช่ แสงทำงาน คือเปิดเผยความจริงทั้งหมด รู้เช่นเห็นชาติเกลี้ยง พระดี พระชั่ว พระตัณหากลับ พระปลอม โจรในคราบผ้าเหลือง มรึงจะได้เห็นหมดเปลือก "ตัณหา ราคะ กิเลส" ก็ไม่ยกเว้นพระ ไม่สำคัญว่ามรึงถือศีล จะอยู่ในเครื่องแบบไหน ความดี คิดดี มันอยู่ที่จิตใจมรึง เพราะมีสติ เพราะมีปัญญา ถึงได้ยับยั้งชั่งใจได้ หาไม่แล้ว คนก็ไม่ต่างอะไรกับสัดเดรัจฉาน ยิ่งเป็นพระ ยิ่งต้องระวังมากกว่า 100 เท่า สิ่งยั่วยวนมันเยอะ พระตบะแตกมากมาย ก็เพราะสีกาเล่นท่ายาก เสพอะไร ก็ได้อย่างนั้น กูถึงบอกไงล่ะว่า "I LOVE กลียุค" เพราะจะได้เห็นอะไรที่มรึงคาดไม่ถึงอีกเยอะ เหมือนที่ผ่านมา คนมีสติ จะแยกแยะออก เพราะมันเป็นเช่นนี้ นี่เอง? มีปม มีเหตุ จึงมีผลลัพธ์ตามมา เรื่องราวบนโลก แค่ใช้สติ ไม่มีอะไรที่มรึงแก้ไม่ได้ แค่ตรงใจมรึง หรือไม่ เท่านั้นเอง? พระดีดี พระที่มุ่งหาทางสว่าง จะไม่แตะ ไม่ต้อง สิ่งโสมมโดยไม่จำเป็น ที่ใช้คำว่าโดยไม่จำเป็น เพราะในบางสถานการณ์ หลีกเลี่ยงไม่ได้ คิดจะช่วย คิดจะทำทาน คิดจะแผ่บุญกุศล บางครั้งจำเป็นจะต้องผ่านเครื่องมือ อุปกรณ์ ต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงคนหมู่มาก เพื่ออานิสงค์แห่งธรรมไปทั่วถึง ดังนั้น พระจึงต้องมีสติมากกว่าคนทั่วไป 100 เท่า ไม่ถูกดูดเข้าไปในโลกโลกีย์ แต่เท่าที่กูเห็นพระตาม TV บอกตรง "มันใช่กิจของพระเหรอ?" เทศน์ก็เรื่อง ก่อนเทศน์ ทำให้ได้ก่อนน่ะ ศาสนาไม่ได้ผิด ผิดที่ปัจเจกบุคคล องค์คณะ ดีชั่ว ต่างรู้เห็นแจ้งกันเอง ไม่ต้องให้ใครมาบอก?

    ปล.หลายคนไม่เข้าใจ ทำไมช่วงหลัง เพ่หมี ต้องสอดไส้คาราเมล แฝง FACT ธรรม สติ ปัญญา เหมือนจะเทศก์ให้ฟัง หาได้ไม่? กูไม่ใช่พระ และกูก็คือหมีหื่น มีกิเลส ตัณหา เหมือนพวกมรึงหมดทุกคน หากแต่ว่า กูแค่ชี้ให้มรึงเห็นเต็ม 2 ตา ที่มาของทุกข์ ที่มาขอความสุขแท้จริง มันอยู่ที่มรึงเลือกทั้งนั้น ไม่มีใครไปบังคับใจมรึงได้ ใจเป็นของมรึง สติเป็นของมรึง เรื่องราวบนโลก สงคราม การเมือง แผ่นดิน คนดี คนชั่ว ล้วนถูกตัดสินจากการกระทำทั้งสิ้น ดังนั้น ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว คือสัจธรรม คือธรรมชาติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้ วันนี้ มรึงฆ่าเค้า พรุ่งนี้ เค้าก็ฆ่ามรึง ไม่รู้จบ เมื่อเข้าใจแก่นแท้ของปัญหาทั้งโลก มรึงก็จะเข้าใจชีวิต และตัวมรึงเอง ว่าจะเอายังไงกับชีวิตต่อไป? ข่าวสาร กูซัดไม่เลี้ยงอยู่แล้ว ข้อมูล วิเคราะห์ ไม่มีกั๊ก มี 100 ให้ไป 100 แต่สิ่งที่กูอยากจะให้ไม่แพ้ข้อมูลคือ "สติ" คนตามหมีมา 10 ปีกว่า ย่อมมีสติทุกคน ไม่งั้น มรึงคงได้กลายเป็นคนบ้าไปนานแล้ว เพราะเรื่องที่กูพูดมีหลายเรื่อง และแต่ละเรื่อง "มันยิ่งกว่า THE METRIX" หากไร้สติ มรึงจะไม่ GET ในสิ่งที่กูสื่อ เท่ากับกูได้คัดสรร เลือกผู้ที่คู่ควรจะได้อยู่บนโลกต่อนั่นเอง ส่วนกูจะไปดาวกุ๊กกูร่านสวาท ไปตามหาเพื่อน E.T ยามออกจากร่างเน่าเปื่อยนี้แล้ว ปิดท้ายด้วยเรื่อง "ผู้นำฮามาส" ตายอีกล่ะ กูถามคำเดียว มรึงรู้มั้ยว่า ฮามาส คือใคร? เกิดจากใคร? เป้าหมายเดียวคือ "ยึดแผ่นดินคานาอันคืนจากยิว" และไล่ฆ่าไอ้อียิวทุกตัวที่เข้ามาในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์นี้ ทุกคนคือผู้นำฮามาสได้หมด เพราะสู้กันมานานกว่า 30 ปี ดังนั้น ยามศึก ผู้นำฮามาส คือนักรบนั่นเอง หน้าฉากคือผู้นำ หลังฉากคือผู้เสียสละ เพราะไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริงว่าผู้นำฮามาส ที่สั่งการทั้งหมดคือใคร? เข้าใจยัง? ต่อให้ตั้งผู้นำฮามาส 100 คน ตายห่าพร้อมกัน ฮามาสก็ยังดำเนินแผนการรบต่อได้ปกติ เพราะสมองกล ผู้สั่งการทั้งหมด ไม่ได้ออกหน้า ที่พูดเรื่องนี้ ก็เพื่อจะบอกว่า ทั้งอิหร่าน ฮามาส เฮซบอเลาะห์ ฮูตี ใช้สูตรเดียวกันหมด ที่มาว่าทำไม รัสเซีย อเมริกา ถึงได้แพ้สงครามอัฟกานิสถาน เพราะหัวหน้าตัวจริงไม่เคยปรากฎตัวไงล่ะ เข้าใจวิถีนักรบอาหรับ เปอร์เซีย แล้วรึยัง? ไม่งั้น มรึงจะถามกูทุกวัน หัวหน้าฮามาสตาย หัวหน้าเฮซบอเลาะห์ตาย หัวหน้าฮูตีตาย? กูถามกลับคำเดียว "มรึงรู้เหรอ ใครคือหัวหน้าตัวจริง เสียงจริง?" เพราะในโลกลึกลับ ซับซ้อน มันมีอะไรที่มรึงยังไม่รู้อีกเยอะ สื่อรายงาน เพราะมาจากปากคน แล้วใครสามารถยืนยันจากปากใครได้ล่ะ? เค้าถึงเรียกว่า "ปั่น" ไงล่ะ หลอกกันไป หลอกกันมา สุดท้าย "ละครปาหี่ลวงโลกทั้งนั้น" สรุปให้ฟังคือ "โลกเปลี่ยนไปแล้ว จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว" รัสเซีย จีน จะได้นำโลกโดยสมบูรณ์ พันธมิตรขั้วใหม่จะรวยเละเทะ แบบไม่ต้องปรึกษาใคร? BRICS จะนำสันติสุขแท้จริงให้โลก เลิกฆ่าฟัน เลิกคว่ำบาตร แบ่งปัน กระจายสินค้าทั่วโลก ไม่มีกีดกันอีกต่อไป พลังงานเข้าถึงหมดทุกที่บนโลก ส่วน "ปชต.ตอแหล" จะกลายเป็นสิ่งอัปยศแก่คนรุ่นหลัง ยุคกษัตริย์จะเฟื่องฟู อยู่ให้ถึงวันนั้นน่ะ..ตะเอง ไทยคือ TOP10 โลก แม้แต่ยุโรปยังต้องกราบตรีน

    หมี CNN(เอาให้สุด ทะลุตับไตไส้พุง ไม่รู้ ต้องรู้ ไม่เชื่อ ก็ต้องเชื่อ สติมา ปัญญาเกิด คิดดีกว่าพูด พูดดีกว่าหลับ ชั่วดี ก็แค่ช่วงเวลา ผ่านมา และก็ผ่านไป อยู่กับปัจจุบัน อยู่กับความจริง เชื่อมั่นในบรรพบุรุษ เพราะเค้าผ่านอะไรมาเยอะมากกว่าเรา รักษาตนให้ดี ดูแลลูกหลานให้มั่น คือทำหน้าที่)
    18 ตุลาคม 67
    10.43 น.

    https://linevoom.line.me/post/1172931801766776937
    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    18-10-67/01 : หมี CNN / คัมภีร์หมี วิชัยยุทธ" EP.42 ชื่อตอนว่า "THE LAND OF NO HIA?" ไอ้สัส! โลกประกาศชัด มีโลก ไม่มีเหี้ย? ดาหน้าตายหมู่ อีมาครงปากดี จะเอาอียิวรอดหรือเผ่าพันธุ์มรึงรอดดีล่ะ? อาณานิคมจบแล้ว ยังจะเหลือเหี้ยอะไรให้แดร๊ก เจ๊งหมดทั้งภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม เบอร์ 1 ยุโรปอย่างอีเบียร์ยังทรุด จมดิ่งเหว งัดข้ออีเนรคุณทันยา ตบหน้าออกสื่อโลก "มรึงได้แผ่นดิน ตั้งรัฐยิว เพราะ UN" แถวบ้านเรียก "ทวงบุญคุณ" ไม่รีรอ อีเนรคุณทันยา ซัดกลับ กูได้เพราะไปไล่ยึดเค้ามา มติห่าอะไรก็ไม่ได้ช่วยให้กูมีแผ่นดิน หากไม่จบที่ปากกระบอกปืน ชัดพอมั้ย? ตรรกะเหี้ยชี้ชัด อยากได้ต้องใช้กำลังเท่านั้น! รัสเซีย จีน นอนกระดิกตรีนดูเหี้ยกัดกัน แม้แต่อีลูกเลิฟ สิงโตง่อย ยังหักหลังนายใหญ่ได้ หมดตูด ไม่เติม ไม่ส่ง กูจะสิ้นชาติอยู่แล้ว ช่วยตัวเองล่ะกัน นายจ๋า? โลกของเหี้ย ยามตกอับ หมาไม่แล ยามครองโลก ชะเลียเช้าเย็น นี่แหละ "โลกของทุนนิยมเหี้ยสามานย์" อย่าหวังความจริงใจในหมู่โจร! อ้าว..ไม่ช่วยอียิว พวกมรึงก็จะตายห่าด้วยน่ะ ใครบอกล่ะ? หลังม่านเหล็ก อีเศษฝรั่ง อีเบียร์ เตรียมย้ายขั้วแล้วจ๊ะ ที่มาว่าเลขา UN เตรียมไปประชุมกับ BRICS ตีโจทย์ให้แตก ใครเอาใครอยู่? สำหรับไอ้พวกเหี้ย ที่ใดคือแหล่งพลังงาน แหล่งทรัพยากร เจ้ามือโลกใหม่มา ใครไม่เกาะก็ไม่ใช่เหี้ย? คิดว่าจีน รัสเซีย จะปล่อยให้มรึงมาง่ายๆ เหรอ? ดอกนี้ มรึงต้องชดใช้กรรม เอาให้หมดสภาพ สั่งสอนที่คิด "วัดรอยตรีน" ประวัติศาสตร์มันฟ้อง รัสเซียถูก อีเบียร์ อีเศษฝรั่ง ลอบกัดมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว งวดนี้ หากกูไม่ขยี้มรึงก่อน "กูไม่ใช่ปูติน" เอาเลือดเหี้ยมาล้างตรีนกู เป็นพิธีกรรม สะกดวิญญานเหี้ยให้อยู่ใต้ตรีนขั้วใหม่ไปตลอดกาล T WHO T IT? ด้านเหี้ยมะกัน คุย แอบย่องส่ง B2 ไปถล่มคลังแสงใต้ดินเยเมน จริงดิ? "มหกรรมตอแหลรายวัน" เรือรบมรึงกลายเป็นปะการังในมหาสมุทรเกลี้ยง จะล่อลูกยาว เอาบินทิ้งระเบิดมา คิดว่าเยเมน เค้าไม่เตรียมการรอเชือดไว้ก่อนเหรอไง? ทางน้ำเข้าไม่ถึง ทางบกไม่มีสิทธิ์ ก็เหลือแค่ทางอากาศ B2 มันรุ่นไหนแล้ว เอารุ่นปู่มาขู่ แล้วระเบิดมรึงเนี่ย คุยซะมากกว่าผลลัพธ์ซะอีก เยเมนซัดกลับ "สะกิดอะไรรึจ๊ะ" ทำได้แค่นี้เองเหยอ? เดี๋ยวตากูล่อกลับ อย่าร้องขอชีวิต เสพสื่อเหี้ย ให้ตีตรงกันข้ามให้หมด แล้วมรึงจะได้ความจริง! เรื่องง่ายๆ ที่ควายคิดไม่ทัน? เยเมน มีของดี ของหนักอยู่ครบ อย่าไปห่วง เลบานอน มีกองหนุนทั้งโลกอาหรับ มุสลิม แห่กันเข้ามาในพื้นที่หมดแล้ว อียิวมีปัญญาเหรอ? ดูโลกความเป็นจริง อย่ามโนกันเยอะ? ข้ามวิกแป๊บ : อีแดง อีส้มเน่า กำลังจะเผาตัวเอง มาตามนัด ดันนิรโทษกรรม มอ 112 สุดซอย เพราะไม่เหลือเหี้ยอะไรอีกแล้ว จะตามมาด้วยคำสั่ง "ยุบพรรค" และตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต ชี้ชัดขัดรัฐธรรมนูญโดยตรง! แสดงตัวเป็นปฎิปักษ์ระบบการปกครอง ดอกนี้ ถึงขั้น "ประหารชีวิต" ทำไมเหี้ยมันจะไม่รู้? แต่เพราะพ่อยิวมันกำลังจะตาย ท่อน้ำเลี้ยงตัน เศษกระดาษขายไม่ออก ไม่ยึดไทย ก็คือจบ เข้าทางตรีนวังเต็มเหนี่ยว ได้เวลา "ราชาธิปไตยก้าวหน้า" แล้วสิน่ะ เพราะปชต.ตอแหล กำลังจะตายคาตรีนคนไทย ไทยโมเดลหอมหวล โลกรอดู จะฆ่าปชต.ตายห่ายังไงจ๊ะ? หลายชาติ แม้แต่ในยุโรป ที่เคยมีระบบกษัตริย์ ตอนนี้ แห่กันเรียกร้อง นำระบบราชาธิปไตยกลับมาอย่างถล่มทลาย เพราะรู้เช่นเห็นชาติแล้วว่า "ปชต.ตอแหล" มัน MADE IN JEW ZIONIST นี่หว่า? ควายโลกตื่นกันหมดแล้ว! เชิญแดร๊กปชต.ให้อิ่มท้องน่ะจ๊ะ เพราะพรุ่งนี้ มรึงจะไม่มีอะไรให้แดร๊กอีกต่อไป เหี้ยกับควาย คือของคู่กัน! ข้ามมาดูเกมส์โลก ลีลาปูติน ไม่ธรรมดา "อย่าน่ะ" อย่าเข้าร่วมยูเครนน่ะ NATO จะมาจริงดิ? กูกลัวจุงเบย อย่าน่ะ เดี๋ยวไม่พอตาย เพราะกูเตรียมระเบิดเกินจำนวนเหี้ยอย่างมรึงไว้เยอะเกิน คิดว่าจะมาเยอะ ที่ไหนได้ ตายห่าเกลี้ยงไปซะก่อน ฆ่าเหี้ยมันสบายตรีน กูต้องแสดงท่าทางท่าทีด้วยมุย? "กลัวแล้วจ๊ะ" อย่ามาน่ะ อย่าช้า ไอ้สัส! หลายคนสงสัย เมื่อไหร่จะล่ออีโปล ฟังสิจ๊ะ? เมื่อรัสเซียตั้งรัฐใหม่เรียบร้อย ยึดหัวหาดเบ็ดเสร็จ ครอบครองยุทธศาสตร์หลักหมดเกลี้ยง อีโปลแค่ประตูทางผ่าน เพราะไม่สามารถสกัดเหี้ยอะไรได้อีกแล้ว เป้าหมายคือลอนดอน อีฟินน์ อีสวิงกิ้ง นั่นคือขนมหวาน ที่ต้องทำก่อนตอนนี้ คือยึดพื้นที่หลักให้เกลี้ยงในยูเครน ทันที ที่กองทัพรัสเซีย เข้าไปตั้งฐานทัพใหม่สวมแทนฐานทัพเก่า นั่นแหละ "ไคร์เมียร์" ถึงจะเป็นรัสเซียโดยสมบูรณ์ เพราะจะไม่มีใครเข้าใกล้ไคร์เมียร์ได้อีกต่อไป เพราะรอบข้างถูกกวาดล้างหมดแล้ว สรุปคือ "สร้างความมั่นคงให้ไคร์เมียร์จบ เดินหน้าต่อด้วยความกระเหี้ยนกระหือรือ" ยังไง พวกมรึงไม่รอดส้นตรีนกูแน่ รอก่อน ไม่นานเกินรอ? อีโปลก็รู้ อีผีดิบยิ่งรู้ อีสมันน้อยยิ่งรู้ดีกว่าใคร มันถึงได้พยายามจะย้ายขั้วทันที ที่สบโอกาส แต่เหี้ยยังไม่เปิดโอกาสในตอนนี้ พูดง่ายๆ ภาคยุโรป "รัสเซียครองยุโรปเบ็ดเสร็จไปแล้วในเชิงพฤตินัย" ด้านตะวันออกกลาง อิหร่านและโลกอาหรับ มุสลิม ล้อมและขยี้เหี้ยยิวอย่างเมามันส์ มรึงทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว นอกจากจะเปิด "สงครามนุ๊ก" ซึ่งเยรูซาเล็ม จะหายไปจากแผนที่โลกทันที ก่อเกิด รัฐปาเลสไตน์ใหม่แทนที่ นี่คือบทสรุป ที่โลกขีดเขียนไว้ล่วงหน้าแล้ว เกจิดัง กุนซือ ระดับหัวกระทิโลก เค้ามองออก มองทะลุ อ่านขาดนานแล้ว ว่าเกมส์นี้ มันจะจบยังไง ข้ามเรื่องแป๊บ : กูเคยบอกแล้วชิมิ? กลียุค อะไรที่มรึงเคยเชื่อ อะไรที่มรึงเคยเห็น เคยเทิดทูล เคยคิดว่าดี เคยคิดว่าใช่ แสงทำงาน คือเปิดเผยความจริงทั้งหมด รู้เช่นเห็นชาติเกลี้ยง พระดี พระชั่ว พระตัณหากลับ พระปลอม โจรในคราบผ้าเหลือง มรึงจะได้เห็นหมดเปลือก "ตัณหา ราคะ กิเลส" ก็ไม่ยกเว้นพระ ไม่สำคัญว่ามรึงถือศีล จะอยู่ในเครื่องแบบไหน ความดี คิดดี มันอยู่ที่จิตใจมรึง เพราะมีสติ เพราะมีปัญญา ถึงได้ยับยั้งชั่งใจได้ หาไม่แล้ว คนก็ไม่ต่างอะไรกับสัดเดรัจฉาน ยิ่งเป็นพระ ยิ่งต้องระวังมากกว่า 100 เท่า สิ่งยั่วยวนมันเยอะ พระตบะแตกมากมาย ก็เพราะสีกาเล่นท่ายาก เสพอะไร ก็ได้อย่างนั้น กูถึงบอกไงล่ะว่า "I LOVE กลียุค" เพราะจะได้เห็นอะไรที่มรึงคาดไม่ถึงอีกเยอะ เหมือนที่ผ่านมา คนมีสติ จะแยกแยะออก เพราะมันเป็นเช่นนี้ นี่เอง? มีปม มีเหตุ จึงมีผลลัพธ์ตามมา เรื่องราวบนโลก แค่ใช้สติ ไม่มีอะไรที่มรึงแก้ไม่ได้ แค่ตรงใจมรึง หรือไม่ เท่านั้นเอง? พระดีดี พระที่มุ่งหาทางสว่าง จะไม่แตะ ไม่ต้อง สิ่งโสมมโดยไม่จำเป็น ที่ใช้คำว่าโดยไม่จำเป็น เพราะในบางสถานการณ์ หลีกเลี่ยงไม่ได้ คิดจะช่วย คิดจะทำทาน คิดจะแผ่บุญกุศล บางครั้งจำเป็นจะต้องผ่านเครื่องมือ อุปกรณ์ ต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงคนหมู่มาก เพื่ออานิสงค์แห่งธรรมไปทั่วถึง ดังนั้น พระจึงต้องมีสติมากกว่าคนทั่วไป 100 เท่า ไม่ถูกดูดเข้าไปในโลกโลกีย์ แต่เท่าที่กูเห็นพระตาม TV บอกตรง "มันใช่กิจของพระเหรอ?" เทศน์ก็เรื่อง ก่อนเทศน์ ทำให้ได้ก่อนน่ะ ศาสนาไม่ได้ผิด ผิดที่ปัจเจกบุคคล องค์คณะ ดีชั่ว ต่างรู้เห็นแจ้งกันเอง ไม่ต้องให้ใครมาบอก? ปล.หลายคนไม่เข้าใจ ทำไมช่วงหลัง เพ่หมี ต้องสอดไส้คาราเมล แฝง FACT ธรรม สติ ปัญญา เหมือนจะเทศก์ให้ฟัง หาได้ไม่? กูไม่ใช่พระ และกูก็คือหมีหื่น มีกิเลส ตัณหา เหมือนพวกมรึงหมดทุกคน หากแต่ว่า กูแค่ชี้ให้มรึงเห็นเต็ม 2 ตา ที่มาของทุกข์ ที่มาขอความสุขแท้จริง มันอยู่ที่มรึงเลือกทั้งนั้น ไม่มีใครไปบังคับใจมรึงได้ ใจเป็นของมรึง สติเป็นของมรึง เรื่องราวบนโลก สงคราม การเมือง แผ่นดิน คนดี คนชั่ว ล้วนถูกตัดสินจากการกระทำทั้งสิ้น ดังนั้น ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว คือสัจธรรม คือธรรมชาติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้ วันนี้ มรึงฆ่าเค้า พรุ่งนี้ เค้าก็ฆ่ามรึง ไม่รู้จบ เมื่อเข้าใจแก่นแท้ของปัญหาทั้งโลก มรึงก็จะเข้าใจชีวิต และตัวมรึงเอง ว่าจะเอายังไงกับชีวิตต่อไป? ข่าวสาร กูซัดไม่เลี้ยงอยู่แล้ว ข้อมูล วิเคราะห์ ไม่มีกั๊ก มี 100 ให้ไป 100 แต่สิ่งที่กูอยากจะให้ไม่แพ้ข้อมูลคือ "สติ" คนตามหมีมา 10 ปีกว่า ย่อมมีสติทุกคน ไม่งั้น มรึงคงได้กลายเป็นคนบ้าไปนานแล้ว เพราะเรื่องที่กูพูดมีหลายเรื่อง และแต่ละเรื่อง "มันยิ่งกว่า THE METRIX" หากไร้สติ มรึงจะไม่ GET ในสิ่งที่กูสื่อ เท่ากับกูได้คัดสรร เลือกผู้ที่คู่ควรจะได้อยู่บนโลกต่อนั่นเอง ส่วนกูจะไปดาวกุ๊กกูร่านสวาท ไปตามหาเพื่อน E.T ยามออกจากร่างเน่าเปื่อยนี้แล้ว ปิดท้ายด้วยเรื่อง "ผู้นำฮามาส" ตายอีกล่ะ กูถามคำเดียว มรึงรู้มั้ยว่า ฮามาส คือใคร? เกิดจากใคร? เป้าหมายเดียวคือ "ยึดแผ่นดินคานาอันคืนจากยิว" และไล่ฆ่าไอ้อียิวทุกตัวที่เข้ามาในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์นี้ ทุกคนคือผู้นำฮามาสได้หมด เพราะสู้กันมานานกว่า 30 ปี ดังนั้น ยามศึก ผู้นำฮามาส คือนักรบนั่นเอง หน้าฉากคือผู้นำ หลังฉากคือผู้เสียสละ เพราะไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริงว่าผู้นำฮามาส ที่สั่งการทั้งหมดคือใคร? เข้าใจยัง? ต่อให้ตั้งผู้นำฮามาส 100 คน ตายห่าพร้อมกัน ฮามาสก็ยังดำเนินแผนการรบต่อได้ปกติ เพราะสมองกล ผู้สั่งการทั้งหมด ไม่ได้ออกหน้า ที่พูดเรื่องนี้ ก็เพื่อจะบอกว่า ทั้งอิหร่าน ฮามาส เฮซบอเลาะห์ ฮูตี ใช้สูตรเดียวกันหมด ที่มาว่าทำไม รัสเซีย อเมริกา ถึงได้แพ้สงครามอัฟกานิสถาน เพราะหัวหน้าตัวจริงไม่เคยปรากฎตัวไงล่ะ เข้าใจวิถีนักรบอาหรับ เปอร์เซีย แล้วรึยัง? ไม่งั้น มรึงจะถามกูทุกวัน หัวหน้าฮามาสตาย หัวหน้าเฮซบอเลาะห์ตาย หัวหน้าฮูตีตาย? กูถามกลับคำเดียว "มรึงรู้เหรอ ใครคือหัวหน้าตัวจริง เสียงจริง?" เพราะในโลกลึกลับ ซับซ้อน มันมีอะไรที่มรึงยังไม่รู้อีกเยอะ สื่อรายงาน เพราะมาจากปากคน แล้วใครสามารถยืนยันจากปากใครได้ล่ะ? เค้าถึงเรียกว่า "ปั่น" ไงล่ะ หลอกกันไป หลอกกันมา สุดท้าย "ละครปาหี่ลวงโลกทั้งนั้น" สรุปให้ฟังคือ "โลกเปลี่ยนไปแล้ว จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว" รัสเซีย จีน จะได้นำโลกโดยสมบูรณ์ พันธมิตรขั้วใหม่จะรวยเละเทะ แบบไม่ต้องปรึกษาใคร? BRICS จะนำสันติสุขแท้จริงให้โลก เลิกฆ่าฟัน เลิกคว่ำบาตร แบ่งปัน กระจายสินค้าทั่วโลก ไม่มีกีดกันอีกต่อไป พลังงานเข้าถึงหมดทุกที่บนโลก ส่วน "ปชต.ตอแหล" จะกลายเป็นสิ่งอัปยศแก่คนรุ่นหลัง ยุคกษัตริย์จะเฟื่องฟู อยู่ให้ถึงวันนั้นน่ะ..ตะเอง ไทยคือ TOP10 โลก แม้แต่ยุโรปยังต้องกราบตรีน หมี CNN(เอาให้สุด ทะลุตับไตไส้พุง ไม่รู้ ต้องรู้ ไม่เชื่อ ก็ต้องเชื่อ สติมา ปัญญาเกิด คิดดีกว่าพูด พูดดีกว่าหลับ ชั่วดี ก็แค่ช่วงเวลา ผ่านมา และก็ผ่านไป อยู่กับปัจจุบัน อยู่กับความจริง เชื่อมั่นในบรรพบุรุษ เพราะเค้าผ่านอะไรมาเยอะมากกว่าเรา รักษาตนให้ดี ดูแลลูกหลานให้มั่น คือทำหน้าที่) 18 ตุลาคม 67 10.43 น. https://linevoom.line.me/post/1172931801766776937 ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • "Steve Jobs" กล่าวไว้ว่า บุคคลที่ทรงพลังที่สุด คือ "นักเล่าเรื่อง" คนส่วนใหญ่อาจไม่รู้วิธีเล่าเรื่องที่ดี และนี่คือ 13 เทคนิค การเล่าเรื่องที่จะทำให้โดดเด่นทั้งในเรื่องธุรกิจและชีวิตของคุณ..

    —————————

    🔥 มาร่วมฟังมุมมองพร้อมเปิดโอกาสการลงทุนของคุณไปกับ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร เจ้าของฉายา "Warren Buffett เมืองไทย" นักลงทุนระดับตำนาน ได้ในงาน Follow The Future 2024 - Unravel The New Era พร้อมพบกับวิทยากรระดับประเทศอีกมากมาย อาทิ "ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย" อดีตรองนายกรัฐมนตรี, "บรรยง พงษ์พานิช" นักการเงินชั้นแนวหน้าผู้ผ่านทุกสนามธุรกิจการเงินระดับโลก

    #ห้ามพลาดแล้วพบกันวันที่ 30 พ.ย. 2567 ณ สมาคมราชกรีฑาสโมสร ร่วมพบปะเพื่อนนักลงทุน ทานอาหารเย็นและ Networking 💥 เปิดขายบัตร Early Bird ราคาพิเศษแล้ววันนี้!! รายละเอียดซื้อบัตร ใน Comment

    —————————

    🔵 1) ให้"เริ่มด้วยประโยคที่น่าสนใจ"
    • ทำให้ผู้ฟังได้ฟังประโยคที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการฟังได้

    🔵 2) "สร้างแรงบันดาลใจ" ในประโยคสุดท้าย
    • ให้ผู้ฟังของคุณได้รับแรงบันดาลใจและมีแรงจูงใจในการดำเนินการต่อ

    🔵 3) เล่าเรื่องอย่าง "เชื่อมต่อกับวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่"
    • ข้อเสนอที่มีต่อผู้ฟัง ควรมีวัตถุประสงค์ที่ยิ่งใหญ่กว่านั่นคือแบ่งปันกับลูกค้าของคุณ

    —————————

    🔵 4) สร้างประสบการณ์ที่ดีให้ผู้ฟัง
    • ทำให้ผู้ฟังหรือผู้ชมรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับเรา แบรนด์เรา และทำให้รู้สึกพิเศษ

    🔵 5) เน้นย้ำถึงปัญหา
    • ระบุถึงปัญหาให้ผู้ฟังได้เข้าใจ และเล่าถึงการแก้ปัญหาของเราหรือแบรนด์ จะช่วยให้ผู้ฟังรู้สึกตื่นเต้นและเข้าใจกับผลลัพธ์ของแบรนด์

    🔵 6) ทำให้กลุ่มผู้ฟังรู้สึกเป็นส่วนตัว (Personal)
    • ให้ผู้ชมของคุณได้เห็นถึงเบื้องหลัง กระบวนการ หรือผลิตภัณฑ์

    —————————

    🔵 7) ใช้กลยุทธ์ การ"เล่าซ้ำที่ไม่ซ้ำ"
    • เน้นย้ำและเล่าซ้ำถึงข้อความสำคัญของคุณอย่างสร้างสรรค์ โดยหลีกเลี่ยงการใช้คำซ้ำ เพื่อให้ผู้ฟังรู้สึกว่าน่าจดจำ

    🔵 8 ) ทำให้เห็นมากกว่าพูด
    • ให้ผู้ฟังได้สัมผัสกับผลลัพธ์ หรือข้อเสนอต่าง ๆ จนนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้

    🔵 9) ฝึกฝนอย่างไม่หยยุดยั้ง
    • การเล่าที่ดีเป็นผลมาจากการฝึกฝนอย่างใจ

    —————————

    🔵 10) สร้างตัวร้ายในเรื่อง
    • วาดภาพจินตนาการบางสิ่งที่จะทำให้อุตสาหกรรมนั้นล้มเหลว และโชว์หรือเล่าถึงสนับสนุนเพื่อให้ผู้ชมได้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง

    🔵 11) ใช้ความเงียบเป็นบางช่วงขณะที่เล่าเรื่อง
    • อย่าเร่งรีบจนเกินไป ให้ผู้ชมได้มีช่วงเวลาขณะหนึ่งที่ซึมซับถึงประโยคหรือข้อความที่คุณเล่า "ความเงียบ ก็ถือได้ว่าเป็นเครื่องมือที่สุดยอด"

    🔵 12) สร้างความคาดหวังให้ผู้ฟัง
    • นอกจากทำให้มีประสบการณ์ที่ดี หรือมีส่วนร่วมด้วยแล้วนั้น การเรียงลำดับเรื่องที่สร้างความคาดหวัง จะทำให้ผู้ชมหรือผู้ฟัง อยากดูต่อไปเรื่อย ๆ

    🔵 13) เล่าไอเดียที่ยากของเราให้เข้าใจง่าย
    • ทำเรื่องเล่าให้เข้าใจง่าย ทั้งด้านการใช้การคำ การเรียงลำดับเรื่อง "ให้เด็ก อายุ 5 ขวบเข้าใจในไอเดียของคุณ" ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

    ที่มา: @matt_gray_

    #BusinessTomorrow #FollowtheFuture2024
    "Steve Jobs" กล่าวไว้ว่า บุคคลที่ทรงพลังที่สุด คือ "นักเล่าเรื่อง" คนส่วนใหญ่อาจไม่รู้วิธีเล่าเรื่องที่ดี และนี่คือ 13 เทคนิค การเล่าเรื่องที่จะทำให้โดดเด่นทั้งในเรื่องธุรกิจและชีวิตของคุณ.. ————————— 🔥 มาร่วมฟังมุมมองพร้อมเปิดโอกาสการลงทุนของคุณไปกับ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร เจ้าของฉายา "Warren Buffett เมืองไทย" นักลงทุนระดับตำนาน ได้ในงาน Follow The Future 2024 - Unravel The New Era พร้อมพบกับวิทยากรระดับประเทศอีกมากมาย อาทิ "ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย" อดีตรองนายกรัฐมนตรี, "บรรยง พงษ์พานิช" นักการเงินชั้นแนวหน้าผู้ผ่านทุกสนามธุรกิจการเงินระดับโลก #ห้ามพลาดแล้วพบกันวันที่ 30 พ.ย. 2567 ณ สมาคมราชกรีฑาสโมสร ร่วมพบปะเพื่อนนักลงทุน ทานอาหารเย็นและ Networking 💥 เปิดขายบัตร Early Bird ราคาพิเศษแล้ววันนี้!! รายละเอียดซื้อบัตร ใน Comment ————————— 🔵 1) ให้"เริ่มด้วยประโยคที่น่าสนใจ" • ทำให้ผู้ฟังได้ฟังประโยคที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการฟังได้ 🔵 2) "สร้างแรงบันดาลใจ" ในประโยคสุดท้าย • ให้ผู้ฟังของคุณได้รับแรงบันดาลใจและมีแรงจูงใจในการดำเนินการต่อ 🔵 3) เล่าเรื่องอย่าง "เชื่อมต่อกับวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่" • ข้อเสนอที่มีต่อผู้ฟัง ควรมีวัตถุประสงค์ที่ยิ่งใหญ่กว่านั่นคือแบ่งปันกับลูกค้าของคุณ ————————— 🔵 4) สร้างประสบการณ์ที่ดีให้ผู้ฟัง • ทำให้ผู้ฟังหรือผู้ชมรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับเรา แบรนด์เรา และทำให้รู้สึกพิเศษ 🔵 5) เน้นย้ำถึงปัญหา • ระบุถึงปัญหาให้ผู้ฟังได้เข้าใจ และเล่าถึงการแก้ปัญหาของเราหรือแบรนด์ จะช่วยให้ผู้ฟังรู้สึกตื่นเต้นและเข้าใจกับผลลัพธ์ของแบรนด์ 🔵 6) ทำให้กลุ่มผู้ฟังรู้สึกเป็นส่วนตัว (Personal) • ให้ผู้ชมของคุณได้เห็นถึงเบื้องหลัง กระบวนการ หรือผลิตภัณฑ์ ————————— 🔵 7) ใช้กลยุทธ์ การ"เล่าซ้ำที่ไม่ซ้ำ" • เน้นย้ำและเล่าซ้ำถึงข้อความสำคัญของคุณอย่างสร้างสรรค์ โดยหลีกเลี่ยงการใช้คำซ้ำ เพื่อให้ผู้ฟังรู้สึกว่าน่าจดจำ 🔵 8 ) ทำให้เห็นมากกว่าพูด • ให้ผู้ฟังได้สัมผัสกับผลลัพธ์ หรือข้อเสนอต่าง ๆ จนนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ 🔵 9) ฝึกฝนอย่างไม่หยยุดยั้ง • การเล่าที่ดีเป็นผลมาจากการฝึกฝนอย่างใจ ————————— 🔵 10) สร้างตัวร้ายในเรื่อง • วาดภาพจินตนาการบางสิ่งที่จะทำให้อุตสาหกรรมนั้นล้มเหลว และโชว์หรือเล่าถึงสนับสนุนเพื่อให้ผู้ชมได้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง 🔵 11) ใช้ความเงียบเป็นบางช่วงขณะที่เล่าเรื่อง • อย่าเร่งรีบจนเกินไป ให้ผู้ชมได้มีช่วงเวลาขณะหนึ่งที่ซึมซับถึงประโยคหรือข้อความที่คุณเล่า "ความเงียบ ก็ถือได้ว่าเป็นเครื่องมือที่สุดยอด" 🔵 12) สร้างความคาดหวังให้ผู้ฟัง • นอกจากทำให้มีประสบการณ์ที่ดี หรือมีส่วนร่วมด้วยแล้วนั้น การเรียงลำดับเรื่องที่สร้างความคาดหวัง จะทำให้ผู้ชมหรือผู้ฟัง อยากดูต่อไปเรื่อย ๆ 🔵 13) เล่าไอเดียที่ยากของเราให้เข้าใจง่าย • ทำเรื่องเล่าให้เข้าใจง่าย ทั้งด้านการใช้การคำ การเรียงลำดับเรื่อง "ให้เด็ก อายุ 5 ขวบเข้าใจในไอเดียของคุณ" ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ที่มา: @matt_gray_ #BusinessTomorrow #FollowtheFuture2024
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • 15/1/67

    ไข่ผำ Super Food สุดยอดของแหล่งโปรตีนทดแทน

    ไข่ผำ (Wolffia)  เป็น Super Food สุดยอดของแหล่งโปรตีนทดแทน และเป็น 1 ในพืชน้ำ อาหารแห่งอนาคต เป็นอีกหนึ่ง Mega Trend ที่มาแรงและถูกกล่าวถึงเป็นวงกว้าง ภาคอุตสาหกรรมอาหารต่างให้ความสนใจ


    ไข่ผำเป็นพืชน้ำพื้นบ้านที่พบได้ตามห้วย หนอง คลอง บึง ลักษณะเป็นเม็ดสีเขียวขนาดเล็ก มีชื่อว่า “กรีนคาเวียร์” และเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการด้านโปรตีนสูง    เป็นพืชลอยน้ำตระกูลแหน  รูปร่างเป็นเม็ดสีเขียววงกลมหรือเกือบกลมขนาดเล็ก  ไม่มีราก  เป็นพืชดอกขนาดเล็กที่สุดในโลกและขยายพันธุ์ด้วยการแตกหน่อ  ไข่ผำเป็นพืชที่มีโปรตีนและคุณค่าทางโภชนาการสูง  มีสารพฤษเคมี(Phytochemical)  ที่มีประโยชน์  ไข่ผำมีกรดอะมิโนจำเป็นที่พบมากสุด 3 อันดับแรก คือ ไลซีน ฟีนิลอะลานีน ลิวซีน (ช่วยเรื่องภูมิคุ้มกันของร่างกายและระบบประสาท)

    และเมื่อมีการวิเคราะห์กรดไขมันของไข่ผำแห้งพบว่า มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงกว่ากรดไขมันอิ่มตัวประมาณ 2 เท่า และยังพบกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายต้องการอีก 2 ชนิด คือ กรดไขมันโอเมกา 3 และ 6 ในปริมาณที่สูง ไข่ผำ เป็นอาหารแห่งอนาคต เพราะมีต้นทุนการผลิตต่ำ  มีโปรตีนสูง 20-40% มีสารต้านอนุมูลอิสระ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้ระยะเวลาเพาะเลี้ยงสั้น เก็บเกี่ยวผลผลิตได้เร็ว และศัตรูพืชน้อย  จึงทำให้ไข่ผำมีแนวโน้มเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ

    คนพระแท่นสร้างการมีส่วนร่วมจากไข่ผำ
    พี่แอ๋ว หรือ สิริวรรณ  โอภากุลวงษ์   เลขากลุ่มวิสาหกิจชุมชนวิถีพระแท่น ได้เล่าให้ฟังว่า  ตำบลพระแท่น  อำเภอท่ามะกา  จังหวัดกาญจนบุรี  มีกลุ่มชาติพรรณไทยทรงดำ  ซึ่งได้บริโภคไข่ผำเป็นอาหารพื้นถิ่นมายาวนาน 

    แต่ในกลุ่มประชาชนทั่วไปยังไม่เป็นที่รู้จักนัก  กลุ่มวิสาหกิจชุมชนวิถีพระแท่นได้หาข้อมูลคุณประโยชน์ของไข่ผำและดำเนินการขับเคลื่อนการเพาะเลี้ยงไข่ผำในชุมชน  โดยใช้งบประมาณโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีรายได้น้อย  จากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน  สนับสนุนการเลี้ยงไข่ผำในครัวเรือนผู้มีรายได้น้อย จำนวน 30 ครัวเรือน  โดยเลี้ยงในลองคอนกรีต  และทดลองเลี้ยงไข่ผำในโรงเรือนระบบปิด  โดยทั้งสองรูปแบบใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในการเพาะเลี้ยง  ผลผลิตจากการเพาะเลี้ยงในรูปแบบดังกล่าว  เพียงพอต่อการบริโภคในครัวเรือน  แต่ไม่เพียงพอต่อการเพาะเลี้ยงเชิงพานิชย์  เนื่องจากปัจจุบันไข่ผำเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น


    “ตำบลพระแท่นมีจุดเด่นทั้งในเรื่องของการสร้างตลาดสีเขียวคีย์โฮลฟาร์มเมอร์มาร์เก็ตเพื่อเป็นแหล่งอาหารปลอดภัยและสร้างรายได้ให้ครัวเรือนต่างๆ การพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์จาก “ไข่ผำ” ที่นับว่าเป็น Superfood มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก และอาศัยความร่วมมือจากคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้และทักษะเข้าร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์เชื่อมโยงคนทุกกลุ่มในชุมชนให้มีรายได้ รวมถึงระบบการจัดการขยะของคนในตำบลพระแท่นที่ให้คนทุกวัยได้เข้ามาร่วมดำเนินการจนเกิดเป็นรูปธรรมให้พื้นที่อื่นได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้”

    นวัตกรรมการจัดการระบบการเลี้ยงไข่ผำอินทรีย์แบบครบวงจร
    พี่แอ๋ว เล่าต่อไปอีกว่า การนำไข่ผำจากแหล่งน้ำธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ยังประสบปัญหาหลายประการโดยเฉพาะการที่ไม่สามารถควบคุมผลผลิตและคุณภาพของไข่ผำโดยเฉพาะคุณค่าทางโภชนาการได้ ดังนั้นการเลี้ยงไข่ผำในโรงเรือนทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพตามที่ต้องการ


    นวัตกรรมการจัดการระบบการเลี้ยงไข่ผำอินทรีย์แบบครบวงจร เป็นการเพาะเลี้ยงไข่ผำอินทรีย์ในโรงเรือนระบบปิดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะเลี้ยงไข่ผำทั้งปริมาณและคุณภาพ จึงเป็นนวัตกรรมที่ส่งเสริมให้มีความสามารถในการบริโภคในครัวเรือนรวมถึงการแข่งขันเชิงพานิชย์และพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ตำบลพระแท่น โดยมีเป้าหมายหลักในการพัฒนานวัตกรรมจากกระบวนการเพาะเลี้ยงไข่ผำ เพื่อเป็นต้นแบบการเลี้ยงในครัวเรือนและเชิงพานิชย์  และการแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม 

    เพื่อเป็นการพัฒนาอาชีพเกษตรกรให้มีความยั่งยืน  โดยเน้นการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นโดยตลอดกระบวนการพัฒนาการผลิตจะเน้นการใช้วัตถุดิบ อย่างมีประสิทธิภาพ ลดของเสียตั้งแต่ต้นทาง ลดต้นทุนการผลิต และไม่เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาวะของคนในชุมชน และการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เพื่อ ยกระดับทรัพยากรท้องถิ่น และช่วยพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็ง สามารถเป็นต้นแบบให้กับชุมชนแห่งอื่นได้

    พอช.หนุนให้ชุมชนจัดทำแผนธุรกิจชุมชน
    สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน)หรือ พอช. ได้เข้ามาสนับสนุนการอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องแผนธุรกิจชุมชน โดยสภาองค์กรชุมชนตำบลพระแท่นได้ต่อยอดนำความรู้เรื่องแผนธุกิจปรับประยุกต์ใช้กับโครงการอาหารปลอดภัย สร้างโอกาสในกิจกรรมคีโฮลการ์เด้นท์ การผลิตผักปลอดภัย คนในชุมชนได้แบ่งปันและทดลองจำหน่าย เกิดผลการเปลี่ยนแปลงต่อยอดเป็นธนาคารเมล็ดพันธุ์ จนในที่สุดมีศูนย์บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ ปัจจุบันธนาคารมีเมล็ดพันธุ์พื้นบ้าน ปี 2562 เกิดเป็นตลาดสีเขียว สถานที่ซื้อขายต้นแบบการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พัฒนาเป็นเรื่องการจัดการขยะชุมชน เรื่องอาหารปลอดภัยเป็นส่วนหนึ่งของสวัสดิการสังคมในชุมชน มีการเลี้ยงไข่ผำ อาหารที่สำคัญในชุมชน ผู้ด้อยโอกาส 30 ครัวเรือน ได้เลี้ยงและบริโภคในครัวเรือน

    ประโยชน์ของ “ไข่ผำ” พืชจิ๋วมหัศจรรย์
    พี่แอ๋ว เล่าต่ออีกว่า องค์ประกอบทางโภชนาการของไข่น้ำพบว่า มีโปรตีน เบต้า – คาโรทีน และคลอโรฟิลล์จากการสังเคราะห์แสง ไข่น้ำมีปริมาณโปรตีนในระดับเดี่ยวกับเมล็ดถั่วชนิดต่าง ๆ เมล็ดธัญพืช มีเส้นใยสูง มีปริมาณกรดอะมิโนที่จำเป็นไม่ต่างกับไข่ไก่ สาหร่ายเกลียวทอง และคลอเรลล่า นอกจากนี้คลอโรฟิลล์ในไข่น้ำสารต้านอนุมูล อิสระ (antioxidant) มากกว่าในสาหร่ายเกลียวทอง ซึ่งใช้รักษาอาการท้องผูก รักษาสภาวะซีดในคนที่เป็น โรคโลหิตจางได้ ประโยชน์ของไข่น้ำสามารนำมาใช้ปรุงอาหารพื้นบ้านทางภาคเหนือและภาคอีสาน เช่น แกงอ่อม แกงคั่ว ไข่ตุ๋น ไข่เจียว เป็นต้น รับประทานได้

    วิธีการเพาะเลี้ยงไข่ผำ
    ประพิมพ์ ศรีนวล หรือ พี่โป้ สมาชิกกลุ่มผู้เพาะเลี้ยงไข่ผำ เล่าให้ฟังถึงวิธีการเพาะเลี้ยงไข่ผำว่า  การเพาะเลี้ยงในบ่อซีเมนต์ หรือ บ่อพลาสติก ให้นำมาล้างทำความสะอาดก่อนปล่อยไข่ผำลงไปเพาะเลี้ยง เมื่อล้างบ่อจนสะอาดแล้ว เติมน้ำใส่บ่อในอัตรา 3/4 ของบ่อ หากใช้น้ำประปาหรือน้ำบาดาล แนะนำให้พักน้ำไว้สัก 2-3 วัน ก่อนที่จะปล่อยพันธุ์ผำลงไป  ผำเป็นพืชที่ชอบแสงแดดรำไร หากจำเป็นต้องเพาะเลี้ยงกลางแจ้งแนะนำให้ใช้ซาแรนพรางแสงประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ หรือจะเลี้ยงในโรงเรือนระบบปิดก็สามารถทำได้เช่นกัน


    ส่วนการบำรุงธาตุอาหาร อัตราการเติมธาตุอาหารต่อบ่อ ของที่ไร่จะใช้น้ำหมักปลาในอัตราส่วน 2 ช้อนโต๊ะต่อ 1 บ่อ เสร็จแล้วจึงค่อยใส่พันธุ์ผำลงไปปริมาณ 1/2 กิโลกรัมต่อบ่อ หรือในกรณีที่ไม่มีในส่วนของน้ำหมักปลา ก็สามารถเลือกใช้น้ำหมักชนิดอื่นๆ ได้ เช่น น้ำหมักมูลไส้เดือน น้ำหมักมูลหมู น้ำหมักมูลวัว หรือจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสามารถนำมาใช้ได้หมด แล้วแต่ความสะดวกของแต่พื้นที่  


    การดูแลหลังจากที่ปล่อยพันธุ์ผำลงไปเพาะเลี้ยงได้ครบ 1 สัปดาห์ ให้ช้อนไข่ผำที่อยู่ในบ่อขึ้นมา เพื่อปล่อยน้ำทิ้งล้างทำความสะอาดบ่อ เสร็จแล้วให้เติมน้ำใส่บ่อเข้าไปใหม่ เติมธาตุอาหารลงไป ทำเหมือนเดิมกับครั้งแรกทุกอย่าง แล้วปล่อยพันธุ์ผำลงไปเลี้ยงอีก 1 สัปดาห์ ช้อนผำที่เลี้ยงทั้งหมดมาล้างน้ำทำความสะอาด 4 ครั้ง สำหรับนำไปจำหน่ายแบบสด  เท่ากับว่าการเพาะเลี้ยงไข่ผำใช้เวลาเพียง 2 สัปดาห์ แต่ถ้าในกรณีนำไปเพาะพันธุ์ต่อ ใช้เวลาเลี้ยง 1 สัปดาห์ ก็สามารถเอาไปเพาะพันธุ์ต่อได้แล้ว  ซึ่งการเพาะเลี้ยงไม่ยุ่งยาก แต่ปัจจัยสำคัญหรืออุปสรรคที่ทำให้ผู้เพาะเลี้ยงผำไม่ประสบความสำเร็จ คือปัจจัยอุปสรรคในด้านสภาพอากาศและสารเคมี ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมได้

    ปัญหาและอุปสรรคของการเพาะเลี้ยง “ไข่ผำ”
    พี่โป้ เล่าให้ฟังอีกว่า อุปสรรคทางด้านสภาพอากาศ โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนจะส่งผลกระทบทำให้ผลผลิตลดน้อยลง “ผำ” จะชอบอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 20-26 องศา ซึ่งถ้าอากาศร้อนไปกว่านี้จะส่งผลให้ปริมาณและอัตราการขยายตัวลดน้อยลง

    สารเคมี ไม่ว่าจะเป็นยาฆ่าหญ้า หรือสารเคมีชนิดอื่นๆ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผำไม่เจริญเติบโต ผำถือเป็นพืชที่เซนซิทีฟต่อสารเคมี หรืออีกนัยหนึ่งคือ ผำถือเป็นดัชนีชี้วัดได้ว่าพื้นที่ตรงนั้นไม่มีการใช้สารเคมีจริงๆ ที่ถึงแม้ว่าต่อให้ในพื้นที่สวนของเราไม่ใช้ แต่สวนรอบข้างเราใช้ หรือมีคนอื่นมาฉีดพ่นสารเคมีในบริเวณใกล้เคียง ก็ส่งผลทำให้ผำไม่เจริญเติบโตและตายได้เช่นกัน  

    วิธีการเก็บเกี่ยวผลผลิตไข่ผำ เมื่อเพาะเลี้ยงผำจนครบ 2 สัปดาห์ แล้ววิธีการเก็บไปขาย ให้เตรียมซึ้งนึ่งอาหารมาแล้วใช้ผ้าขาวบางรอง จากนั้นนำตาข่ายสีฟ้ามาวางทับผ้าขาวบางอีกชั้น แล้วช้อนผำขึ้นมาใส่ไว้ในตาข่ายสีฟ้า ใช้น้ำประปาล้างแล้วผำจะหล่นลงไปที่ผ้าขาวบางที่รองไว้ข้างล่าง พอได้ผำมาทั้งหมดให้นำไปล้างน้ำทำความสะอาดอีก 4 ครั้ง คือล้างแล้วบิด จนครบ 4 ครั้ง ถึงจะนำไปจำหน่ายได้

    ความน่าสนใจของการเพาะเลี้ยงไข่ผำคือ ไข่ผำเป็นพืชที่ไม่ต้องใช้การดูแลมาก สามารถทำเป็นอาชีพเสริมได้สบายๆ เพาะใช้เวลาในการเพาะเลี้ยงเพียง 2 สัปดาห์ สามารถเก็บผลผลิตขายได้ และยังเป็นพืชที่มีอนาคตสดใส ด้วยคุณประโยชน์ที่ครบถ้วน

    สามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สร้างมูลค่าเพิ่มได้หลากหลาย  สำหรับไข่ผำที่ได้ทั้งสะอาดปลอดภัยจากสารเคมี พร้อมนำไปแปรรูปเป็นอาหารต่างๆ และจำหน่ายไข่ผำอินทรีย์แบบสดๆ กิโลกรัมละ 100 บาท หากแห้ง กิโลกรัมละ 2,500-3,000 บาท สามารถสร้างรายได้ทั้งขายสด และแปรรูป ให้กับชุมชนบ้านพระแท่นได้อย่างงาม เป็นหนึ่งในอาชีพที่จะสร้างการมีส่วนร่วมและความมั่นคงให้กับชุมชนได้อย่างยั่งยืน
    cr:web.codi.co.th
    15/1/67 ไข่ผำ Super Food สุดยอดของแหล่งโปรตีนทดแทน ไข่ผำ (Wolffia)  เป็น Super Food สุดยอดของแหล่งโปรตีนทดแทน และเป็น 1 ในพืชน้ำ อาหารแห่งอนาคต เป็นอีกหนึ่ง Mega Trend ที่มาแรงและถูกกล่าวถึงเป็นวงกว้าง ภาคอุตสาหกรรมอาหารต่างให้ความสนใจ ไข่ผำเป็นพืชน้ำพื้นบ้านที่พบได้ตามห้วย หนอง คลอง บึง ลักษณะเป็นเม็ดสีเขียวขนาดเล็ก มีชื่อว่า “กรีนคาเวียร์” และเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการด้านโปรตีนสูง    เป็นพืชลอยน้ำตระกูลแหน  รูปร่างเป็นเม็ดสีเขียววงกลมหรือเกือบกลมขนาดเล็ก  ไม่มีราก  เป็นพืชดอกขนาดเล็กที่สุดในโลกและขยายพันธุ์ด้วยการแตกหน่อ  ไข่ผำเป็นพืชที่มีโปรตีนและคุณค่าทางโภชนาการสูง  มีสารพฤษเคมี(Phytochemical)  ที่มีประโยชน์  ไข่ผำมีกรดอะมิโนจำเป็นที่พบมากสุด 3 อันดับแรก คือ ไลซีน ฟีนิลอะลานีน ลิวซีน (ช่วยเรื่องภูมิคุ้มกันของร่างกายและระบบประสาท) และเมื่อมีการวิเคราะห์กรดไขมันของไข่ผำแห้งพบว่า มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงกว่ากรดไขมันอิ่มตัวประมาณ 2 เท่า และยังพบกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายต้องการอีก 2 ชนิด คือ กรดไขมันโอเมกา 3 และ 6 ในปริมาณที่สูง ไข่ผำ เป็นอาหารแห่งอนาคต เพราะมีต้นทุนการผลิตต่ำ  มีโปรตีนสูง 20-40% มีสารต้านอนุมูลอิสระ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้ระยะเวลาเพาะเลี้ยงสั้น เก็บเกี่ยวผลผลิตได้เร็ว และศัตรูพืชน้อย  จึงทำให้ไข่ผำมีแนวโน้มเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ คนพระแท่นสร้างการมีส่วนร่วมจากไข่ผำ พี่แอ๋ว หรือ สิริวรรณ  โอภากุลวงษ์   เลขากลุ่มวิสาหกิจชุมชนวิถีพระแท่น ได้เล่าให้ฟังว่า  ตำบลพระแท่น  อำเภอท่ามะกา  จังหวัดกาญจนบุรี  มีกลุ่มชาติพรรณไทยทรงดำ  ซึ่งได้บริโภคไข่ผำเป็นอาหารพื้นถิ่นมายาวนาน  แต่ในกลุ่มประชาชนทั่วไปยังไม่เป็นที่รู้จักนัก  กลุ่มวิสาหกิจชุมชนวิถีพระแท่นได้หาข้อมูลคุณประโยชน์ของไข่ผำและดำเนินการขับเคลื่อนการเพาะเลี้ยงไข่ผำในชุมชน  โดยใช้งบประมาณโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีรายได้น้อย  จากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน  สนับสนุนการเลี้ยงไข่ผำในครัวเรือนผู้มีรายได้น้อย จำนวน 30 ครัวเรือน  โดยเลี้ยงในลองคอนกรีต  และทดลองเลี้ยงไข่ผำในโรงเรือนระบบปิด  โดยทั้งสองรูปแบบใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในการเพาะเลี้ยง  ผลผลิตจากการเพาะเลี้ยงในรูปแบบดังกล่าว  เพียงพอต่อการบริโภคในครัวเรือน  แต่ไม่เพียงพอต่อการเพาะเลี้ยงเชิงพานิชย์  เนื่องจากปัจจุบันไข่ผำเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น “ตำบลพระแท่นมีจุดเด่นทั้งในเรื่องของการสร้างตลาดสีเขียวคีย์โฮลฟาร์มเมอร์มาร์เก็ตเพื่อเป็นแหล่งอาหารปลอดภัยและสร้างรายได้ให้ครัวเรือนต่างๆ การพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์จาก “ไข่ผำ” ที่นับว่าเป็น Superfood มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก และอาศัยความร่วมมือจากคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้และทักษะเข้าร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์เชื่อมโยงคนทุกกลุ่มในชุมชนให้มีรายได้ รวมถึงระบบการจัดการขยะของคนในตำบลพระแท่นที่ให้คนทุกวัยได้เข้ามาร่วมดำเนินการจนเกิดเป็นรูปธรรมให้พื้นที่อื่นได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้” นวัตกรรมการจัดการระบบการเลี้ยงไข่ผำอินทรีย์แบบครบวงจร พี่แอ๋ว เล่าต่อไปอีกว่า การนำไข่ผำจากแหล่งน้ำธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ยังประสบปัญหาหลายประการโดยเฉพาะการที่ไม่สามารถควบคุมผลผลิตและคุณภาพของไข่ผำโดยเฉพาะคุณค่าทางโภชนาการได้ ดังนั้นการเลี้ยงไข่ผำในโรงเรือนทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพตามที่ต้องการ นวัตกรรมการจัดการระบบการเลี้ยงไข่ผำอินทรีย์แบบครบวงจร เป็นการเพาะเลี้ยงไข่ผำอินทรีย์ในโรงเรือนระบบปิดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะเลี้ยงไข่ผำทั้งปริมาณและคุณภาพ จึงเป็นนวัตกรรมที่ส่งเสริมให้มีความสามารถในการบริโภคในครัวเรือนรวมถึงการแข่งขันเชิงพานิชย์และพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ตำบลพระแท่น โดยมีเป้าหมายหลักในการพัฒนานวัตกรรมจากกระบวนการเพาะเลี้ยงไข่ผำ เพื่อเป็นต้นแบบการเลี้ยงในครัวเรือนและเชิงพานิชย์  และการแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม  เพื่อเป็นการพัฒนาอาชีพเกษตรกรให้มีความยั่งยืน  โดยเน้นการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นโดยตลอดกระบวนการพัฒนาการผลิตจะเน้นการใช้วัตถุดิบ อย่างมีประสิทธิภาพ ลดของเสียตั้งแต่ต้นทาง ลดต้นทุนการผลิต และไม่เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาวะของคนในชุมชน และการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เพื่อ ยกระดับทรัพยากรท้องถิ่น และช่วยพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็ง สามารถเป็นต้นแบบให้กับชุมชนแห่งอื่นได้ พอช.หนุนให้ชุมชนจัดทำแผนธุรกิจชุมชน สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน)หรือ พอช. ได้เข้ามาสนับสนุนการอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องแผนธุรกิจชุมชน โดยสภาองค์กรชุมชนตำบลพระแท่นได้ต่อยอดนำความรู้เรื่องแผนธุกิจปรับประยุกต์ใช้กับโครงการอาหารปลอดภัย สร้างโอกาสในกิจกรรมคีโฮลการ์เด้นท์ การผลิตผักปลอดภัย คนในชุมชนได้แบ่งปันและทดลองจำหน่าย เกิดผลการเปลี่ยนแปลงต่อยอดเป็นธนาคารเมล็ดพันธุ์ จนในที่สุดมีศูนย์บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ ปัจจุบันธนาคารมีเมล็ดพันธุ์พื้นบ้าน ปี 2562 เกิดเป็นตลาดสีเขียว สถานที่ซื้อขายต้นแบบการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พัฒนาเป็นเรื่องการจัดการขยะชุมชน เรื่องอาหารปลอดภัยเป็นส่วนหนึ่งของสวัสดิการสังคมในชุมชน มีการเลี้ยงไข่ผำ อาหารที่สำคัญในชุมชน ผู้ด้อยโอกาส 30 ครัวเรือน ได้เลี้ยงและบริโภคในครัวเรือน ประโยชน์ของ “ไข่ผำ” พืชจิ๋วมหัศจรรย์ พี่แอ๋ว เล่าต่ออีกว่า องค์ประกอบทางโภชนาการของไข่น้ำพบว่า มีโปรตีน เบต้า – คาโรทีน และคลอโรฟิลล์จากการสังเคราะห์แสง ไข่น้ำมีปริมาณโปรตีนในระดับเดี่ยวกับเมล็ดถั่วชนิดต่าง ๆ เมล็ดธัญพืช มีเส้นใยสูง มีปริมาณกรดอะมิโนที่จำเป็นไม่ต่างกับไข่ไก่ สาหร่ายเกลียวทอง และคลอเรลล่า นอกจากนี้คลอโรฟิลล์ในไข่น้ำสารต้านอนุมูล อิสระ (antioxidant) มากกว่าในสาหร่ายเกลียวทอง ซึ่งใช้รักษาอาการท้องผูก รักษาสภาวะซีดในคนที่เป็น โรคโลหิตจางได้ ประโยชน์ของไข่น้ำสามารนำมาใช้ปรุงอาหารพื้นบ้านทางภาคเหนือและภาคอีสาน เช่น แกงอ่อม แกงคั่ว ไข่ตุ๋น ไข่เจียว เป็นต้น รับประทานได้ วิธีการเพาะเลี้ยงไข่ผำ ประพิมพ์ ศรีนวล หรือ พี่โป้ สมาชิกกลุ่มผู้เพาะเลี้ยงไข่ผำ เล่าให้ฟังถึงวิธีการเพาะเลี้ยงไข่ผำว่า  การเพาะเลี้ยงในบ่อซีเมนต์ หรือ บ่อพลาสติก ให้นำมาล้างทำความสะอาดก่อนปล่อยไข่ผำลงไปเพาะเลี้ยง เมื่อล้างบ่อจนสะอาดแล้ว เติมน้ำใส่บ่อในอัตรา 3/4 ของบ่อ หากใช้น้ำประปาหรือน้ำบาดาล แนะนำให้พักน้ำไว้สัก 2-3 วัน ก่อนที่จะปล่อยพันธุ์ผำลงไป  ผำเป็นพืชที่ชอบแสงแดดรำไร หากจำเป็นต้องเพาะเลี้ยงกลางแจ้งแนะนำให้ใช้ซาแรนพรางแสงประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ หรือจะเลี้ยงในโรงเรือนระบบปิดก็สามารถทำได้เช่นกัน ส่วนการบำรุงธาตุอาหาร อัตราการเติมธาตุอาหารต่อบ่อ ของที่ไร่จะใช้น้ำหมักปลาในอัตราส่วน 2 ช้อนโต๊ะต่อ 1 บ่อ เสร็จแล้วจึงค่อยใส่พันธุ์ผำลงไปปริมาณ 1/2 กิโลกรัมต่อบ่อ หรือในกรณีที่ไม่มีในส่วนของน้ำหมักปลา ก็สามารถเลือกใช้น้ำหมักชนิดอื่นๆ ได้ เช่น น้ำหมักมูลไส้เดือน น้ำหมักมูลหมู น้ำหมักมูลวัว หรือจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสามารถนำมาใช้ได้หมด แล้วแต่ความสะดวกของแต่พื้นที่   การดูแลหลังจากที่ปล่อยพันธุ์ผำลงไปเพาะเลี้ยงได้ครบ 1 สัปดาห์ ให้ช้อนไข่ผำที่อยู่ในบ่อขึ้นมา เพื่อปล่อยน้ำทิ้งล้างทำความสะอาดบ่อ เสร็จแล้วให้เติมน้ำใส่บ่อเข้าไปใหม่ เติมธาตุอาหารลงไป ทำเหมือนเดิมกับครั้งแรกทุกอย่าง แล้วปล่อยพันธุ์ผำลงไปเลี้ยงอีก 1 สัปดาห์ ช้อนผำที่เลี้ยงทั้งหมดมาล้างน้ำทำความสะอาด 4 ครั้ง สำหรับนำไปจำหน่ายแบบสด  เท่ากับว่าการเพาะเลี้ยงไข่ผำใช้เวลาเพียง 2 สัปดาห์ แต่ถ้าในกรณีนำไปเพาะพันธุ์ต่อ ใช้เวลาเลี้ยง 1 สัปดาห์ ก็สามารถเอาไปเพาะพันธุ์ต่อได้แล้ว  ซึ่งการเพาะเลี้ยงไม่ยุ่งยาก แต่ปัจจัยสำคัญหรืออุปสรรคที่ทำให้ผู้เพาะเลี้ยงผำไม่ประสบความสำเร็จ คือปัจจัยอุปสรรคในด้านสภาพอากาศและสารเคมี ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมได้ ปัญหาและอุปสรรคของการเพาะเลี้ยง “ไข่ผำ” พี่โป้ เล่าให้ฟังอีกว่า อุปสรรคทางด้านสภาพอากาศ โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนจะส่งผลกระทบทำให้ผลผลิตลดน้อยลง “ผำ” จะชอบอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 20-26 องศา ซึ่งถ้าอากาศร้อนไปกว่านี้จะส่งผลให้ปริมาณและอัตราการขยายตัวลดน้อยลง สารเคมี ไม่ว่าจะเป็นยาฆ่าหญ้า หรือสารเคมีชนิดอื่นๆ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผำไม่เจริญเติบโต ผำถือเป็นพืชที่เซนซิทีฟต่อสารเคมี หรืออีกนัยหนึ่งคือ ผำถือเป็นดัชนีชี้วัดได้ว่าพื้นที่ตรงนั้นไม่มีการใช้สารเคมีจริงๆ ที่ถึงแม้ว่าต่อให้ในพื้นที่สวนของเราไม่ใช้ แต่สวนรอบข้างเราใช้ หรือมีคนอื่นมาฉีดพ่นสารเคมีในบริเวณใกล้เคียง ก็ส่งผลทำให้ผำไม่เจริญเติบโตและตายได้เช่นกัน   วิธีการเก็บเกี่ยวผลผลิตไข่ผำ เมื่อเพาะเลี้ยงผำจนครบ 2 สัปดาห์ แล้ววิธีการเก็บไปขาย ให้เตรียมซึ้งนึ่งอาหารมาแล้วใช้ผ้าขาวบางรอง จากนั้นนำตาข่ายสีฟ้ามาวางทับผ้าขาวบางอีกชั้น แล้วช้อนผำขึ้นมาใส่ไว้ในตาข่ายสีฟ้า ใช้น้ำประปาล้างแล้วผำจะหล่นลงไปที่ผ้าขาวบางที่รองไว้ข้างล่าง พอได้ผำมาทั้งหมดให้นำไปล้างน้ำทำความสะอาดอีก 4 ครั้ง คือล้างแล้วบิด จนครบ 4 ครั้ง ถึงจะนำไปจำหน่ายได้ ความน่าสนใจของการเพาะเลี้ยงไข่ผำคือ ไข่ผำเป็นพืชที่ไม่ต้องใช้การดูแลมาก สามารถทำเป็นอาชีพเสริมได้สบายๆ เพาะใช้เวลาในการเพาะเลี้ยงเพียง 2 สัปดาห์ สามารถเก็บผลผลิตขายได้ และยังเป็นพืชที่มีอนาคตสดใส ด้วยคุณประโยชน์ที่ครบถ้วน สามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สร้างมูลค่าเพิ่มได้หลากหลาย  สำหรับไข่ผำที่ได้ทั้งสะอาดปลอดภัยจากสารเคมี พร้อมนำไปแปรรูปเป็นอาหารต่างๆ และจำหน่ายไข่ผำอินทรีย์แบบสดๆ กิโลกรัมละ 100 บาท หากแห้ง กิโลกรัมละ 2,500-3,000 บาท สามารถสร้างรายได้ทั้งขายสด และแปรรูป ให้กับชุมชนบ้านพระแท่นได้อย่างงาม เป็นหนึ่งในอาชีพที่จะสร้างการมีส่วนร่วมและความมั่นคงให้กับชุมชนได้อย่างยั่งยืน cr:web.codi.co.th
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • แบ่งปัน #เหรียญแจกแม่ครัวปี21
     องค์นี้จัดว่าสวย+จมูกดี ปรอทท่วมเหรียญ
    ✴️ เงินไม่พอผ่อนได้โทรมาคุย((รับฝาก))
    ☑️ รับประกันพระแท้มาตรฐานสากล 100%
    🤙 สนใจสายด่วนสะดวกกว่า 081-7407657 สิทธิ์เสนา
    แบ่งปัน #เหรียญแจกแม่ครัวปี21  องค์นี้จัดว่าสวย+จมูกดี ปรอทท่วมเหรียญ ✴️ เงินไม่พอผ่อนได้โทรมาคุย((รับฝาก)) ☑️ รับประกันพระแท้มาตรฐานสากล 100% 🤙 สนใจสายด่วนสะดวกกว่า 081-7407657 สิทธิ์เสนา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว
  • 13/10/67

    คิดถึงพ่อ

    ในหลวง ร.9

    คลิปที่หลายๆคนไม่เคยเห็น ในหลวงเสด็จด้วยรถไฟใต้ดิน ชอบตอนที่ได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์ท่าน...ตอนใกล้ๆจบ #แบ่งปันกันนะ


    พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 – 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559) เป็นพระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรีและเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 53 ตามประวัติศาสตร์ไทย ครองราชย์ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 ด้วยพระปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร จนสวรรคต เป็นประมุขแห่งรัฐที่ครองราชย์ยาวนานมากที่สุดตลอดกาลในประเทศไทย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทวีปเอเชีย[1] พระองค์ยังเป็นประมุขแห่งรัฐที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุดในโลกในขณะทรงพระชนม์ นับตั้งแต่การสวรรคตของสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะแห่งญี่ปุ่นใน พ.ศ. 2532 กระทั่งสวรรคตใน พ.ศ. 2559[2] อีกทั้งเป็นพระมหากษัตริย์ที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุดตลอดกาลอันดับที่ 3 ของโลก ด้วยระยะเวลาในราชสมบัติทั้งสิ้น 70 ปี 126 วัน[1]


    พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
    มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
    บรมนาถบพิตร
    พระภัทรมหาราช

    พระบรมฉายาลักษณ์ พ.ศ. 2503
    พระมหากษัตริย์ไทย
    ครองราชย์
    9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 – 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559
    (70 ปี 126 วัน)
    ราชาภิเษก
    5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493
    ก่อนหน้า
    พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร
    ถัดไป
    พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
    ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
    ดูรายพระนามและรายชื่อ
    นายกรัฐมนตรี
    ดูรายชื่อ
    พระราชสมภพ
    5 ธันวาคม พ.ศ. 2470
    โรงพยาบาลเคมบริดจ์ เคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐ
    สวรรคต
    13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 (88 พรรษา)
    โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
    ถวายพระเพลิง
    26 ตุลาคม พ.ศ. 2560
    พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง
    บรรจุพระอัฐิ
    พระวิมานทองกลาง
    บนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
    พระอัครมเหสี
    สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (สมรส 2493)
    พระราชบุตร
    รายละเอียด
    ดูรายพระนาม
    วัดประจำรัชกาล
    วัดบวรนิเวศวิหาร
    ราชวงศ์
    จักรี
    ราชสกุล
    มหิดล
    พระราชบิดา
    สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก
    พระราชมารดา
    สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
    ศาสนา
    พุทธเถรวาท
    ลายพระอภิไธย

    พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
    มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
    บรมนาถบพิตร
    พระภัทรมหาราช

    พระบรมฉายาลักษณ์ พ.ศ. 2503
    พระมหากษัตริย์ไทย
    ครองราชย์
    9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 – 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559
    (70 ปี 126 วัน)
    ราชาภิเษก
    5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493
    ก่อนหน้า
    พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร
    ถัดไป
    พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
    ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
    ดูรายพระนามและรายชื่อ
    นายกรัฐมนตรี
    ดูรายชื่อ
    พระราชสมภพ
    5 ธันวาคม พ.ศ. 2470
    โรงพยาบาลเคมบริดจ์ เคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐ
    สวรรคต
    13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 (88 พรรษา)
    โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
    ถวายพระเพลิง
    26 ตุลาคม พ.ศ. 2560
    พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง
    บรรจุพระอัฐิ
    พระวิมานทองกลาง
    บนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
    พระอัครมเหสี
    สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (สมรส 2493)
    พระราชบุตร
    รายละเอียด
    ดูรายพระนาม
    วัดประจำรัชกาล
    วัดบวรนิเวศวิหาร
    ราชวงศ์
    จักรี
    ราชสกุล
    มหิดล
    พระราชบิดา
    สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก
    พระราชมารดา
    สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
    ศาสนา
    พุทธเถรวาท
    ลายพระอภิไธย

    พระสุรเสียงของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
    ระยะเวลา: 1 minute and 31 seconds1:31
    พระองค์เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 ที่โรงพยาบาลเคมบริดจ์ (ปัจจุบัน โรงพยาบาลเมาต์ออเบิร์น) เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐ เป็นพระราชโอรสพระองค์เล็กในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก กับสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และเป็นพระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า


    พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ และได้ทรงหยุดยั้งการกบฏ เช่น กบฏเมษาฮาวายใน พ.ศ. 2524 และกบฏทหารนอกราชการใน พ.ศ. 2528 กระนั้น ในสมัยของพระองค์ได้มีการทำรัฐประหารโดยทหารหลายคณะ เช่น จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ใน พ.ศ. 2500 กับพลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน ใน พ.ศ. 2549 ตลอดระยะเวลา 70 ปีที่ทรงครองราชย์ มีนายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่ง 26 คน โดยเริ่มต้นที่ปรีดี พนมยงค์ และสิ้นสุดลงที่ประยุทธ์ จันทร์โอชา[3]
    ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่เคารพพระองค์[4][5][6] อนึ่ง ตามรัฐธรรมนูญ พระมหากษัตริย์ทรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ และผู้ใดจะละเมิดมิได้ ส่วนประมวลกฎหมายอาญาบัญญัติไว้ว่า การดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรืออาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์เป็นความผิดอาญา[6] คณะรัฐมนตรีหลายชุดที่ได้รับการเลือกตั้งมาก็ถูกคณะทหารล้มล้างไปด้วยข้อกล่าวหาว่านักการเมืองผู้ใหญ่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ[7][8] กระนั้น พระองค์เองได้ตรัสเมื่อ พ.ศ. 2548 ว่า สาธารณชนพึงวิพากษ์วิจารณ์พระองค์ได้[9]
    พระองค์ทรงเป็นที่สรรเสริญในประเทศไทยเกี่ยวกับพระราชดำริในเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โคฟี แอนนัน เลขาธิการสหประชาชาติได้ถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์แด่พระองค์[10] ด้านสินทรัพย์ของพระองค์ นิตยสาร ฟอบส์ จัดอันดับให้พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ที่มีพระราชทรัพย์มากที่สุดในโลกตั้งแต่ พ.ศ. 2551 ถึง พ.ศ. 2556[11] เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2557 พระองค์มีพระราชทรัพย์ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ดูหมายเหตุด้านล่าง)[12] สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ใช้ทรัพย์สินเพื่อสวัสดิการสาธารณะ เช่น เพื่อพัฒนาเยาวชน แต่ได้รับการยกเว้นมิต้องจ่ายภาษีและให้เปิดเผยการเงินต่อพระองค์ผู้เดียว[13] พระองค์ยังทรงอุทิศพระราชทรัพย์ในโครงการพัฒนาประเทศไทยหลายโครงการ โดยเฉพาะในทางเกษตรกรรม สิ่งแวดล้อม สาธารณสุข การส่งเสริมอาชีพ ทรัพยากรน้ำ สวัสดิการทางคมนาคม และสวัสดิการสาธารณะ[14]


    พระชนม์ชีพช่วงต้น
    พระราชสมภพ
    พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชสมภพในราชสกุลมหิดลอันเป็นสายหนึ่งในราชวงศ์จักรี ณ ที่โรงพยาบาลเคมบริดจ์ (ปัจจุบัน โรงพยาบาลเมาต์ออเบิร์น) เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐ อันเป็นที่ซึ่งพระบรมราชชนกและพระบรมราชชนนีกำลังทรงศึกษาวิชาการอยู่ เมื่อวันจันทร์ ขึ้น 12 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ นพศก จ.ศ. 1289 ตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470
    พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นพระโอรสองค์ที่สามในสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ (สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ในกาลต่อมา) และหม่อมสังวาลย์ มหิดล ณ อยุธยา (สกุลเดิม ตะละภัฎ, สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในกาลต่อมา) มีพระนามเมื่อแรกประสูติอันปรากฏในสูติบัตรว่า "เบบี สงขลา" (อังกฤษ: Baby Songkla)[15] ต่อมาคือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภูมิพล อดุลเดช เมื่อได้รับพระราชทานนาม มีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงออกพระนามเรียกพระองค์เป็นการลำลองว่า "เล็ก"[16][17]
    พระนามภูมิพลอดุลเดชนั้นพระบรมราชชนนีได้รับพระราชทานทางโทรเลขจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2470 โดยทรงกำกับตัวสะกดเป็นอักษรโรมันว่า "Bhumibala Aduladeja" ทำให้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเข้าพระทัยว่าได้รับพระราชทานนามพระโอรสว่า "ภูมิบาล"[16] ในระยะแรกพระนามของพระองค์สะกดเป็นภาษาไทยว่า "ภูมิพลอดุลเดช" ต่อมา พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเองทรงเขียนว่า "ภูมิพลอดุลยเดช" โดยทรงเขียนทั้งสองแบบสลับกันไป จนมาทรงนิยมใช้แบบหลังซึ่งมีตัว "ย" สะกด[16][18]
    พระนามของพระองค์มีความหมายว่า
    ภูมิพล - ภูมิ หมายความว่า "แผ่นดิน" และ พล หมายความว่า "พลัง" รวมกันแล้วหมายถึง "พลังแห่งแผ่นดิน"
    อดุลยเดช - อดุลย หมายความว่า "ไม่อาจเทียบได้" และ เดช หมายความว่า "อำนาจ" รวมกันแล้วหมายถึง "อำนาจที่ไม่อาจเทียบได้"[19]
    เมื่อ พ.ศ. 2471 ได้เสด็จกลับสู่ประเทศไทยพร้อมพระบรมราชชนก ซึ่งทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ และสมเด็จพระเชษฐาธิราช โดยประทับ ณ วังสระปทุม ต่อมาวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2472 สมเด็จพระบรมราชชนกสวรรคต ขณะที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระชนมายุไม่ถึงสองพรรษา
    การศึกษา
    พ.ศ. 2475 เมื่อเจริญพระชนมายุได้ 4 พรรษา เสด็จเข้าศึกษาที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยจนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2476 จึงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วยพระบรมราชชนนีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเพื่อการศึกษาและพระพลานามัยของสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช จากนั้นทรงเข้าศึกษาต่อชั้นประถมศึกษา ณ โรงเรียนเมียร์มองต์ เมืองโลซาน ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2477 ทรงศึกษาวิชาภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน และภาษาอังกฤษ แล้วทรงเข้าชั้นมัธยมศึกษา ณ เอกอลนูแวลเดอลาซุอิสรอม็องด์ (École Nouvelle de la Suisse Romande) เมืองชายี-ซูร์-โลซาน (Chailly-sur-Lausanne)
    สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ

    รัชกาลที่ 8 (ซ้าย) และเจ้าฟ้าชายภูมิพล (ขวา) เสด็จพระราชดำเนินไปชมรถไฟจำลองที่สวนสราญรมย์ ที่กรุงเทพมหานคร ใน พ.ศ. 2481
    เมื่อพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์ก็ได้รับการสถาปนาฐานันดรศักดิ์เป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพล อดุลเดช เมื่อได้รับพระราชทานนาม มีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงออกพระนามเรียกพระองค์เป็นการลำลองว่า "เล็ก"[16][17]
    พระนามภูมิพลอดุลเดชนั้นพระบรมราชชนนีได้รับพระราชทานทางโทรเลขจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2470 โดยทรงกำกับตัวสะกดเป็นอักษรโรมันว่า "Bhumibala Aduladeja" ทำให้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเข้าพระทัยว่าได้รับพระราชทานนามพระโอรสว่า "ภูมิบาล"[16] ในระยะแรกพระนามของพระองค์สะกดเป็นภาษาไทยว่า "ภูมิพลอดุลเดช" ต่อมา พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเองทรงเขียนว่า "ภูมิพลอดุลยเดช" โดยทรงเขียนทั้งสองแบบสลับกันไป จนมาทรงนิยมใช้แบบหลังซึ่งมีตัว "ย" สะกด[16][18]
    พระนามของพระองค์มีความหมายว่า
    ภูมิพล - ภูมิ หมายความว่า "แผ่นดิน" และ พล หมายความว่า "พลัง" รวมกันแล้วหมายถึง "พลังแห่งแผ่นดิน"
    อดุลยเดช - อดุลย หมายความว่า "ไม่อาจเทียบได้" และ เดช หมายความว่า "อำนาจ" รวมกันแล้วหมายถึง "อำนาจที่ไม่อาจเทียบได้"[19]
    เมื่อ พ.ศ. 2471 ได้เสด็จกลับสู่ประเทศไทยพร้อมพระบรมราชชนก ซึ่งทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ และสมเด็จพระเชษฐาธิราช โดยประทับ ณ วังสระปทุม ต่อมาวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2472 สมเด็จพระบรมราชชนกสวรรคต ขณะที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระชนมายุไม่ถึงสองพรรษา
    การศึกษา
    พ.ศ. 2475 เมื่อเจริญพระชนมายุได้ 4 พรรษา เสด็จเข้าศึกษาที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยจนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2476 จึงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วยพระบรมราชชนนีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเพื่อการศึกษาและพระพลานามัยของสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช จากนั้นทรงเข้าศึกษาต่อชั้นประถมศึกษา ณ โรงเรียนเมียร์มองต์ เมืองโลซาน ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2477 ทรงศึกษาวิชาภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน และภาษาอังกฤษ แล้วทรงเข้าชั้นมัธยมศึกษา ณ เอกอลนูแวลเดอลาซุอิสรอม็องด์ (École Nouvelle de la Suisse Romande) เมืองชายี-ซูร์-โลซาน (Chailly-sur-Lausanne)
    สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ

    รัชกาลที่ 8 (ซ้าย) และเจ้าฟ้าชายภูมิพล (ขวา) เสด็จพระราชดำเนินไปชมรถไฟจำลองที่สวนสราญรมย์ ที่กรุงเทพมหานคร ใน พ.ศ. 2481
    เมื่อพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์ก็ได้รับการสถาปนาฐานันดรศักดิ์เป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพล อดุลเดช เมื่อได้รับพระราชทานนาม มีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงออกพระนามเรียกพระองค์เป็นการลำลองว่า "เล็ก"[16][17]
    พระนามภูมิพลอดุลเดชนั้นพระบรมราชชนนีได้รับพระราชทานทางโทรเลขจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2470 โดยทรงกำกับตัวสะกดเป็นอักษรโรมันว่า "Bhumibala Aduladeja" ทำให้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเข้าพระทัยว่าได้รับพระราชทานนามพระโอรสว่า "ภูมิบาล"[16] ในระยะแรกพระนามของพระองค์สะกดเป็นภาษาไทยว่า "ภูมิพลอดุลเดช" ต่อมา พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเองทรงเขียนว่า "ภูมิพลอดุลยเดช" โดยทรงเขียนทั้งสองแบบสลับกันไป จนมาทรงนิยมใช้แบบหลังซึ่งมีตัว "ย" สะกด[16][18]
    พระนามของพระองค์มีความหมายว่า
    ภูมิพล - ภูมิ หมายความว่า "แผ่นดิน" และ พล หมายความว่า "พลัง" รวมกันแล้วหมายถึง "พลังแห่งแผ่นดิน"
    อดุลยเดช - อดุลย หมายความว่า "ไม่อาจเทียบได้" และ เดช หมายความว่า "อำนาจ" รวมกันแล้วหมายถึง "อำนาจที่ไม่อาจเทียบได้"[19]
    เมื่อ พ.ศ. 2471 ได้เสด็จกลับสู่ประเทศไทยพร้อมพระบรมราชชนก ซึ่งทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ และสมเด็จพระเชษฐาธิราช โดยประทับ ณ วังสระปทุม ต่อมาวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2472 สมเด็จพระบรมราชชนกสวรรคต ขณะที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระชนมายุไม่ถึงสองพรรษา
    การศึกษา
    พ.ศ. 2475 เมื่อเจริญพระชนมายุได้ 4 พรรษา เสด็จเข้าศึกษาที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยจนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2476 จึงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วยพระบรมราชชนนีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเพื่อการศึกษาและพระพลานามัยของสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช จากนั้นทรงเข้าศึกษาต่อชั้นประถมศึกษา ณ โรงเรียนเมียร์มองต์ เมืองโลซาน ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2477 ทรงศึกษาวิชาภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน และภาษาอังกฤษ แล้วทรงเข้าชั้นมัธยมศึกษา ณ เอกอลนูแวลเดอลาซุอิสรอม็องด์ (École Nouvelle de la Suisse Romande) เมืองชายี-ซูร์-โลซาน (Chailly-sur-Lausanne)
    สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ

    รัชกาลที่ 8 (ซ้าย) และเจ้าฟ้าชายภูมิพล (ขวา) เสด็จพระราชดำเนินไปชมรถไฟจำลองที่สวนสราญรมย์ ที่กรุงเทพมหานคร ใน พ.ศ. 2481
    เมื่อพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์ก็ได้รับการสถาปนาฐานันดรศักดิ์เป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพล
    อดุลเดช เมื่อได้รับพระราชทานนาม มีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงออกพระนามเรียกพระองค์เป็นการลำลองว่า "เล็ก"[16][17]
    พระนามภูมิพลอดุลเดชนั้นพระบรมราชชนนีได้รับพระราชทานทางโทรเลขจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2470 โดยทรงกำกับตัวสะกดเป็นอักษรโรมันว่า "Bhumibala Aduladeja" ทำให้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเข้าพระทัยว่าได้รับพระราชทานนามพระโอรสว่า "ภูมิบาล"[16] ในระยะแรกพระนามของพระองค์สะกดเป็นภาษาไทยว่า "ภูมิพลอดุลเดช" ต่อมา พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเองทรงเขียนว่า "ภูมิพลอดุลยเดช" โดยทรงเขียนทั้งสองแบบสลับกันไป จนมาทรงนิยมใช้แบบหลังซึ่งมีตัว "ย" สะกด[16][18]
    พระนามของพระองค์มีความหมายว่า
    ภูมิพล - ภูมิ หมายความว่า "แผ่นดิน" และ พล หมายความว่า "พลัง" รวมกันแล้วหมายถึง "พลังแห่งแผ่นดิน"
    อดุลยเดช - อดุลย หมายความว่า "ไม่อาจเทียบได้" และ เดช หมายความว่า "อำนาจ" รวมกันแล้วหมายถึง "อำนาจที่ไม่อาจเทียบได้"[19]
    เมื่อ พ.ศ. 2471 ได้เสด็จกลับสู่ประเทศไทยพร้อมพระบรมราชชนก ซึ่งทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ และสมเด็จพระเชษฐาธิราช โดยประทับ ณ วังสระปทุม ต่อมาวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2472 สมเด็จพระบรมราชชนกสวรรคต ขณะที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระชนมายุไม่ถึงสองพรรษา
    การศึกษา
    พ.ศ. 2475 เมื่อเจริญพระชนมายุได้ 4 พรรษา เสด็จเข้าศึกษาที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยจนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2476 จึงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วยพระบรมราชชนนีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเพื่อการศึกษาและพระพลานามัยของสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช จากนั้นทรงเข้าศึกษาต่อชั้นประถมศึกษา ณ โรงเรียนเมียร์มองต์ เมืองโลซาน ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2477 ทรงศึกษาวิชาภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน และภาษาอังกฤษ แล้วทรงเข้าชั้นมัธยมศึกษา ณ เอกอลนูแวลเดอลาซุอิสรอม็องด์ (École Nouvelle de la Suisse Romande) เมืองชายี-ซูร์-โลซา น (Chailly-sur-Lausanne)
    13/10/67 คิดถึงพ่อ ในหลวง ร.9 คลิปที่หลายๆคนไม่เคยเห็น ในหลวงเสด็จด้วยรถไฟใต้ดิน ชอบตอนที่ได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์ท่าน...ตอนใกล้ๆจบ #แบ่งปันกันนะ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 – 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559) เป็นพระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรีและเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 53 ตามประวัติศาสตร์ไทย ครองราชย์ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 ด้วยพระปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร จนสวรรคต เป็นประมุขแห่งรัฐที่ครองราชย์ยาวนานมากที่สุดตลอดกาลในประเทศไทย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทวีปเอเชีย[1] พระองค์ยังเป็นประมุขแห่งรัฐที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุดในโลกในขณะทรงพระชนม์ นับตั้งแต่การสวรรคตของสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะแห่งญี่ปุ่นใน พ.ศ. 2532 กระทั่งสวรรคตใน พ.ศ. 2559[2] อีกทั้งเป็นพระมหากษัตริย์ที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุดตลอดกาลอันดับที่ 3 ของโลก ด้วยระยะเวลาในราชสมบัติทั้งสิ้น 70 ปี 126 วัน[1] พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระภัทรมหาราช พระบรมฉายาลักษณ์ พ.ศ. 2503 พระมหากษัตริย์ไทย ครองราชย์ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 – 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 (70 ปี 126 วัน) ราชาภิเษก 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 ก่อนหน้า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ถัดไป พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ดูรายพระนามและรายชื่อ นายกรัฐมนตรี ดูรายชื่อ พระราชสมภพ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 โรงพยาบาลเคมบริดจ์ เคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐ สวรรคต 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 (88 พรรษา) โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ถวายพระเพลิง 26 ตุลาคม พ.ศ. 2560 พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง บรรจุพระอัฐิ พระวิมานทองกลาง บนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระอัครมเหสี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (สมรส 2493) พระราชบุตร รายละเอียด ดูรายพระนาม วัดประจำรัชกาล วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวงศ์ จักรี ราชสกุล มหิดล พระราชบิดา สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระราชมารดา สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ศาสนา พุทธเถรวาท ลายพระอภิไธย พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระภัทรมหาราช พระบรมฉายาลักษณ์ พ.ศ. 2503 พระมหากษัตริย์ไทย ครองราชย์ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 – 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 (70 ปี 126 วัน) ราชาภิเษก 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 ก่อนหน้า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ถัดไป พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ดูรายพระนามและรายชื่อ นายกรัฐมนตรี ดูรายชื่อ พระราชสมภพ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 โรงพยาบาลเคมบริดจ์ เคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐ สวรรคต 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 (88 พรรษา) โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ถวายพระเพลิง 26 ตุลาคม พ.ศ. 2560 พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง บรรจุพระอัฐิ พระวิมานทองกลาง บนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระอัครมเหสี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (สมรส 2493) พระราชบุตร รายละเอียด ดูรายพระนาม วัดประจำรัชกาล วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวงศ์ จักรี ราชสกุล มหิดล พระราชบิดา สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระราชมารดา สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ศาสนา พุทธเถรวาท ลายพระอภิไธย พระสุรเสียงของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ระยะเวลา: 1 minute and 31 seconds1:31 พระองค์เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 ที่โรงพยาบาลเคมบริดจ์ (ปัจจุบัน โรงพยาบาลเมาต์ออเบิร์น) เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐ เป็นพระราชโอรสพระองค์เล็กในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก กับสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และเป็นพระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ และได้ทรงหยุดยั้งการกบฏ เช่น กบฏเมษาฮาวายใน พ.ศ. 2524 และกบฏทหารนอกราชการใน พ.ศ. 2528 กระนั้น ในสมัยของพระองค์ได้มีการทำรัฐประหารโดยทหารหลายคณะ เช่น จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ใน พ.ศ. 2500 กับพลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน ใน พ.ศ. 2549 ตลอดระยะเวลา 70 ปีที่ทรงครองราชย์ มีนายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่ง 26 คน โดยเริ่มต้นที่ปรีดี พนมยงค์ และสิ้นสุดลงที่ประยุทธ์ จันทร์โอชา[3] ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่เคารพพระองค์[4][5][6] อนึ่ง ตามรัฐธรรมนูญ พระมหากษัตริย์ทรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ และผู้ใดจะละเมิดมิได้ ส่วนประมวลกฎหมายอาญาบัญญัติไว้ว่า การดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรืออาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์เป็นความผิดอาญา[6] คณะรัฐมนตรีหลายชุดที่ได้รับการเลือกตั้งมาก็ถูกคณะทหารล้มล้างไปด้วยข้อกล่าวหาว่านักการเมืองผู้ใหญ่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ[7][8] กระนั้น พระองค์เองได้ตรัสเมื่อ พ.ศ. 2548 ว่า สาธารณชนพึงวิพากษ์วิจารณ์พระองค์ได้[9] พระองค์ทรงเป็นที่สรรเสริญในประเทศไทยเกี่ยวกับพระราชดำริในเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โคฟี แอนนัน เลขาธิการสหประชาชาติได้ถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์แด่พระองค์[10] ด้านสินทรัพย์ของพระองค์ นิตยสาร ฟอบส์ จัดอันดับให้พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ที่มีพระราชทรัพย์มากที่สุดในโลกตั้งแต่ พ.ศ. 2551 ถึง พ.ศ. 2556[11] เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2557 พระองค์มีพระราชทรัพย์ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ดูหมายเหตุด้านล่าง)[12] สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ใช้ทรัพย์สินเพื่อสวัสดิการสาธารณะ เช่น เพื่อพัฒนาเยาวชน แต่ได้รับการยกเว้นมิต้องจ่ายภาษีและให้เปิดเผยการเงินต่อพระองค์ผู้เดียว[13] พระองค์ยังทรงอุทิศพระราชทรัพย์ในโครงการพัฒนาประเทศไทยหลายโครงการ โดยเฉพาะในทางเกษตรกรรม สิ่งแวดล้อม สาธารณสุข การส่งเสริมอาชีพ ทรัพยากรน้ำ สวัสดิการทางคมนาคม และสวัสดิการสาธารณะ[14] พระชนม์ชีพช่วงต้น พระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชสมภพในราชสกุลมหิดลอันเป็นสายหนึ่งในราชวงศ์จักรี ณ ที่โรงพยาบาลเคมบริดจ์ (ปัจจุบัน โรงพยาบาลเมาต์ออเบิร์น) เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐ อันเป็นที่ซึ่งพระบรมราชชนกและพระบรมราชชนนีกำลังทรงศึกษาวิชาการอยู่ เมื่อวันจันทร์ ขึ้น 12 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ นพศก จ.ศ. 1289 ตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นพระโอรสองค์ที่สามในสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ (สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ในกาลต่อมา) และหม่อมสังวาลย์ มหิดล ณ อยุธยา (สกุลเดิม ตะละภัฎ, สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในกาลต่อมา) มีพระนามเมื่อแรกประสูติอันปรากฏในสูติบัตรว่า "เบบี สงขลา" (อังกฤษ: Baby Songkla)[15] ต่อมาคือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภูมิพล อดุลเดช เมื่อได้รับพระราชทานนาม มีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงออกพระนามเรียกพระองค์เป็นการลำลองว่า "เล็ก"[16][17] พระนามภูมิพลอดุลเดชนั้นพระบรมราชชนนีได้รับพระราชทานทางโทรเลขจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2470 โดยทรงกำกับตัวสะกดเป็นอักษรโรมันว่า "Bhumibala Aduladeja" ทำให้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเข้าพระทัยว่าได้รับพระราชทานนามพระโอรสว่า "ภูมิบาล"[16] ในระยะแรกพระนามของพระองค์สะกดเป็นภาษาไทยว่า "ภูมิพลอดุลเดช" ต่อมา พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเองทรงเขียนว่า "ภูมิพลอดุลยเดช" โดยทรงเขียนทั้งสองแบบสลับกันไป จนมาทรงนิยมใช้แบบหลังซึ่งมีตัว "ย" สะกด[16][18] พระนามของพระองค์มีความหมายว่า ภูมิพล - ภูมิ หมายความว่า "แผ่นดิน" และ พล หมายความว่า "พลัง" รวมกันแล้วหมายถึง "พลังแห่งแผ่นดิน" อดุลยเดช - อดุลย หมายความว่า "ไม่อาจเทียบได้" และ เดช หมายความว่า "อำนาจ" รวมกันแล้วหมายถึง "อำนาจที่ไม่อาจเทียบได้"[19] เมื่อ พ.ศ. 2471 ได้เสด็จกลับสู่ประเทศไทยพร้อมพระบรมราชชนก ซึ่งทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ และสมเด็จพระเชษฐาธิราช โดยประทับ ณ วังสระปทุม ต่อมาวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2472 สมเด็จพระบรมราชชนกสวรรคต ขณะที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระชนมายุไม่ถึงสองพรรษา การศึกษา พ.ศ. 2475 เมื่อเจริญพระชนมายุได้ 4 พรรษา เสด็จเข้าศึกษาที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยจนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2476 จึงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วยพระบรมราชชนนีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเพื่อการศึกษาและพระพลานามัยของสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช จากนั้นทรงเข้าศึกษาต่อชั้นประถมศึกษา ณ โรงเรียนเมียร์มองต์ เมืองโลซาน ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2477 ทรงศึกษาวิชาภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน และภาษาอังกฤษ แล้วทรงเข้าชั้นมัธยมศึกษา ณ เอกอลนูแวลเดอลาซุอิสรอม็องด์ (École Nouvelle de la Suisse Romande) เมืองชายี-ซูร์-โลซาน (Chailly-sur-Lausanne) สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ รัชกาลที่ 8 (ซ้าย) และเจ้าฟ้าชายภูมิพล (ขวา) เสด็จพระราชดำเนินไปชมรถไฟจำลองที่สวนสราญรมย์ ที่กรุงเทพมหานคร ใน พ.ศ. 2481 เมื่อพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์ก็ได้รับการสถาปนาฐานันดรศักดิ์เป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพล อดุลเดช เมื่อได้รับพระราชทานนาม มีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงออกพระนามเรียกพระองค์เป็นการลำลองว่า "เล็ก"[16][17] พระนามภูมิพลอดุลเดชนั้นพระบรมราชชนนีได้รับพระราชทานทางโทรเลขจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2470 โดยทรงกำกับตัวสะกดเป็นอักษรโรมันว่า "Bhumibala Aduladeja" ทำให้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเข้าพระทัยว่าได้รับพระราชทานนามพระโอรสว่า "ภูมิบาล"[16] ในระยะแรกพระนามของพระองค์สะกดเป็นภาษาไทยว่า "ภูมิพลอดุลเดช" ต่อมา พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเองทรงเขียนว่า "ภูมิพลอดุลยเดช" โดยทรงเขียนทั้งสองแบบสลับกันไป จนมาทรงนิยมใช้แบบหลังซึ่งมีตัว "ย" สะกด[16][18] พระนามของพระองค์มีความหมายว่า ภูมิพล - ภูมิ หมายความว่า "แผ่นดิน" และ พล หมายความว่า "พลัง" รวมกันแล้วหมายถึง "พลังแห่งแผ่นดิน" อดุลยเดช - อดุลย หมายความว่า "ไม่อาจเทียบได้" และ เดช หมายความว่า "อำนาจ" รวมกันแล้วหมายถึง "อำนาจที่ไม่อาจเทียบได้"[19] เมื่อ พ.ศ. 2471 ได้เสด็จกลับสู่ประเทศไทยพร้อมพระบรมราชชนก ซึ่งทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ และสมเด็จพระเชษฐาธิราช โดยประทับ ณ วังสระปทุม ต่อมาวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2472 สมเด็จพระบรมราชชนกสวรรคต ขณะที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระชนมายุไม่ถึงสองพรรษา การศึกษา พ.ศ. 2475 เมื่อเจริญพระชนมายุได้ 4 พรรษา เสด็จเข้าศึกษาที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยจนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2476 จึงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วยพระบรมราชชนนีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเพื่อการศึกษาและพระพลานามัยของสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช จากนั้นทรงเข้าศึกษาต่อชั้นประถมศึกษา ณ โรงเรียนเมียร์มองต์ เมืองโลซาน ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2477 ทรงศึกษาวิชาภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน และภาษาอังกฤษ แล้วทรงเข้าชั้นมัธยมศึกษา ณ เอกอลนูแวลเดอลาซุอิสรอม็องด์ (École Nouvelle de la Suisse Romande) เมืองชายี-ซูร์-โลซาน (Chailly-sur-Lausanne) สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ รัชกาลที่ 8 (ซ้าย) และเจ้าฟ้าชายภูมิพล (ขวา) เสด็จพระราชดำเนินไปชมรถไฟจำลองที่สวนสราญรมย์ ที่กรุงเทพมหานคร ใน พ.ศ. 2481 เมื่อพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์ก็ได้รับการสถาปนาฐานันดรศักดิ์เป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพล อดุลเดช เมื่อได้รับพระราชทานนาม มีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงออกพระนามเรียกพระองค์เป็นการลำลองว่า "เล็ก"[16][17] พระนามภูมิพลอดุลเดชนั้นพระบรมราชชนนีได้รับพระราชทานทางโทรเลขจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2470 โดยทรงกำกับตัวสะกดเป็นอักษรโรมันว่า "Bhumibala Aduladeja" ทำให้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเข้าพระทัยว่าได้รับพระราชทานนามพระโอรสว่า "ภูมิบาล"[16] ในระยะแรกพระนามของพระองค์สะกดเป็นภาษาไทยว่า "ภูมิพลอดุลเดช" ต่อมา พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเองทรงเขียนว่า "ภูมิพลอดุลยเดช" โดยทรงเขียนทั้งสองแบบสลับกันไป จนมาทรงนิยมใช้แบบหลังซึ่งมีตัว "ย" สะกด[16][18] พระนามของพระองค์มีความหมายว่า ภูมิพล - ภูมิ หมายความว่า "แผ่นดิน" และ พล หมายความว่า "พลัง" รวมกันแล้วหมายถึง "พลังแห่งแผ่นดิน" อดุลยเดช - อดุลย หมายความว่า "ไม่อาจเทียบได้" และ เดช หมายความว่า "อำนาจ" รวมกันแล้วหมายถึง "อำนาจที่ไม่อาจเทียบได้"[19] เมื่อ พ.ศ. 2471 ได้เสด็จกลับสู่ประเทศไทยพร้อมพระบรมราชชนก ซึ่งทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ และสมเด็จพระเชษฐาธิราช โดยประทับ ณ วังสระปทุม ต่อมาวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2472 สมเด็จพระบรมราชชนกสวรรคต ขณะที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระชนมายุไม่ถึงสองพรรษา การศึกษา พ.ศ. 2475 เมื่อเจริญพระชนมายุได้ 4 พรรษา เสด็จเข้าศึกษาที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยจนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2476 จึงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วยพระบรมราชชนนีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเพื่อการศึกษาและพระพลานามัยของสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช จากนั้นทรงเข้าศึกษาต่อชั้นประถมศึกษา ณ โรงเรียนเมียร์มองต์ เมืองโลซาน ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2477 ทรงศึกษาวิชาภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน และภาษาอังกฤษ แล้วทรงเข้าชั้นมัธยมศึกษา ณ เอกอลนูแวลเดอลาซุอิสรอม็องด์ (École Nouvelle de la Suisse Romande) เมืองชายี-ซูร์-โลซาน (Chailly-sur-Lausanne) สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ รัชกาลที่ 8 (ซ้าย) และเจ้าฟ้าชายภูมิพล (ขวา) เสด็จพระราชดำเนินไปชมรถไฟจำลองที่สวนสราญรมย์ ที่กรุงเทพมหานคร ใน พ.ศ. 2481 เมื่อพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์ก็ได้รับการสถาปนาฐานันดรศักดิ์เป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพล อดุลเดช เมื่อได้รับพระราชทานนาม มีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงออกพระนามเรียกพระองค์เป็นการลำลองว่า "เล็ก"[16][17] พระนามภูมิพลอดุลเดชนั้นพระบรมราชชนนีได้รับพระราชทานทางโทรเลขจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2470 โดยทรงกำกับตัวสะกดเป็นอักษรโรมันว่า "Bhumibala Aduladeja" ทำให้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเข้าพระทัยว่าได้รับพระราชทานนามพระโอรสว่า "ภูมิบาล"[16] ในระยะแรกพระนามของพระองค์สะกดเป็นภาษาไทยว่า "ภูมิพลอดุลเดช" ต่อมา พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเองทรงเขียนว่า "ภูมิพลอดุลยเดช" โดยทรงเขียนทั้งสองแบบสลับกันไป จนมาทรงนิยมใช้แบบหลังซึ่งมีตัว "ย" สะกด[16][18] พระนามของพระองค์มีความหมายว่า ภูมิพล - ภูมิ หมายความว่า "แผ่นดิน" และ พล หมายความว่า "พลัง" รวมกันแล้วหมายถึง "พลังแห่งแผ่นดิน" อดุลยเดช - อดุลย หมายความว่า "ไม่อาจเทียบได้" และ เดช หมายความว่า "อำนาจ" รวมกันแล้วหมายถึง "อำนาจที่ไม่อาจเทียบได้"[19] เมื่อ พ.ศ. 2471 ได้เสด็จกลับสู่ประเทศไทยพร้อมพระบรมราชชนก ซึ่งทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ และสมเด็จพระเชษฐาธิราช โดยประทับ ณ วังสระปทุม ต่อมาวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2472 สมเด็จพระบรมราชชนกสวรรคต ขณะที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระชนมายุไม่ถึงสองพรรษา การศึกษา พ.ศ. 2475 เมื่อเจริญพระชนมายุได้ 4 พรรษา เสด็จเข้าศึกษาที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยจนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2476 จึงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วยพระบรมราชชนนีพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเพื่อการศึกษาและพระพลานามัยของสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช จากนั้นทรงเข้าศึกษาต่อชั้นประถมศึกษา ณ โรงเรียนเมียร์มองต์ เมืองโลซาน ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2477 ทรงศึกษาวิชาภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน และภาษาอังกฤษ แล้วทรงเข้าชั้นมัธยมศึกษา ณ เอกอลนูแวลเดอลาซุอิสรอม็องด์ (École Nouvelle de la Suisse Romande) เมืองชายี-ซูร์-โลซา น (Chailly-sur-Lausanne)
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 226 มุมมอง 88 0 รีวิว
  • 11 ตุลาคม 2567 ณ กองการบิน ศูนย์การเคลื่อนย้ายกองทัพบก บางเขน มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย พร้อมด้วยหน่วยงานเครือข่าย ช่วยกันลำเลียงถุงยังชีพพระราชทานมูลนิธิฯ จำนวน 5,250 ถุง เพื่อส่งต่อไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดเชียงใหม่

    พร้อมกันนี้มึการลำเลียงสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตนำส่งไปช่วยผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงรายด้วย
    .
    .
    #มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่งภาฯยามยาก #สภากาชาดไทย #เพื่อนไม่ทิ้งกันในยามยาก #แบ่งปันพอเพียงยั่งยืน #บรรเทาทุกข์ #เชียงใหม่ #เชียงราย #ช่วยเหลือผู้ประสบภัย #อุทกภัย #thaitimes #thaitimesสยามโสภา
    11 ตุลาคม 2567 ณ กองการบิน ศูนย์การเคลื่อนย้ายกองทัพบก บางเขน มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย พร้อมด้วยหน่วยงานเครือข่าย ช่วยกันลำเลียงถุงยังชีพพระราชทานมูลนิธิฯ จำนวน 5,250 ถุง เพื่อส่งต่อไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมกันนี้มึการลำเลียงสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตนำส่งไปช่วยผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงรายด้วย . . #มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่งภาฯยามยาก #สภากาชาดไทย #เพื่อนไม่ทิ้งกันในยามยาก #แบ่งปันพอเพียงยั่งยืน #บรรเทาทุกข์ #เชียงใหม่ #เชียงราย #ช่วยเหลือผู้ประสบภัย #อุทกภัย #thaitimes #thaitimesสยามโสภา
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 428 มุมมอง 128 0 รีวิว
  • สิ่งที่เมนทอร์กล้าบอกคุณ (ซึ่งเพื่อนและเจ้านายไม่อยากบอก)
    โดย Penny Herscher ซีอีโอของ FirstRain

    ความจริงอาจเจ็บปวด แต่จําเป็นต้องได้ยินเมื่อต้องการก้าวหน้าในอาชีพ

    MPW Insider เป็นชุมชนออนไลน์ที่ชื่อที่ใหญ่ที่สุดในธุรกิจได้นำเสนอสาระในด้านอาชีพและความเป็นผู้นํา โดยหัวข้อที่นำเสนอว่าด้วยเรื่องความสำคัญของเมนทอร์ (Why is it important to have a mentor?) เขียนโดย Penny Herscher ซีอีโอของ FirstRain

    ความจริงเจ็บปวดแต่ก็เป็นสิ่งสําคัญที่สุดที่คุณต้องทราบเมื่อคุณเมื่อต้องการก้าวหน้าในอาชีพ ซึ่งแตกต่างจากการที่มีผู้สนับสนุนคุณในขณะที่คุณกำลังจะเลื่อนตําแหน่ง ส่วนเมนทอร์จะให้คําแนะนําที่ดูเหมือนไม่ถูกใจคุณ แต่สิ่งนี้จะเป็นคําแนะนําที่มีค่าอย่างแท้จริงที่เพื่อนๆ หรือแม้กระทั่งเจ้านายของคุณไม่มีใครอยากบอกคุณแต่คุณจําเป็นต้องรู้!!!

    คำถามที่น่าสนใจคือทําไมคุณถึงต้องการเมนทอร์เพื่อบอกความจริงกับคุณ (แม้ว่ามันจะเจ็บปวดก็ตาม)?

    หากคุณเป็นเหมือนคนส่วนใหญ่ ที่มีความทะเยอทะยาน คุณอาจมีไอคิวสูงกว่าค่าเฉลี่ย และสามารถรับมือได้เมื่อต้องเผชิญกับคําวิจารณ์ แต่สิ่งนี้และที่เป็นพฤติกรรมประเภทที่กีดกันผู้คนจากการให้ข้อเสนอแนะแก่คุณ บ่อยครั้งที่คนที่ประสบความสําเร็จมองไม่เห็นความผิดพลาดของตน และยุ่งกับการพุ่งไปข้างหน้าจนไม่ยอมให้ตัวเองเห็นความผิดพลาดของตัวเอง

    แต่หากคุณมีเมนทอร์ที่คุณรู้ว่าต้องการเห็นคุณประสบความสําเร็จ คุณก็สามารถเติบโตจากความคิดเห็นของเมนทอร์ได้ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้:
    -เมนทอร์สามารถดูคุณในการประชุมและแบ่งปันข้อมูลป้อนกลับแก่คุณคุณเกี่ยวกับพฤติกรรมและน้ําเสียงของคุณ
    -เมนทอร์สามารถฟังคุณบ่นและอธิบายเหตุผลต่างๆนานาที่เป็นอัตตาตัวตนของคุณ
    -เมนทอร์ท้าทายการขาดความมั่นใจของคุณและพูดคุยว่าเหตุใดการยืนหยัดจึงมีความสำคัญสําคัญ
    -เมนทอร์ให้กําลังใจคุณเมื่อคุณเหนื่อยล้า หมดพลังและใกล้จะยอมแพ้

    จากประสบการณ์ของ Penny Herscher ซีอีโอของ FirstRain พบว่าเมนทอร์คือเชียร์ลีดเดอร์ที่ซื่อสัตย์ ซึ่งบอกกล่าวต่อเธอเมื่อเธอมีสิ่งที่น่ารังเกียจ ไม่ยุติธรรม หรืออ่อนแอ และผลักดันเธอไปข้างหน้าเมื่อเธอมีความสงสัยในตนเอง ตัวอย่างเช่น เธอสงสัยว่าตัวเธอเองจะมีโอกาสได้เป็น CEO ด้านเทคโนโลยีได้หรือ แต่ถึงตอนนี้เธอประสบความสําเร็จ และส่วนหนึ่งจากเมนทอร์ของเธอ Harvey และ Bob

    บทความส่วนหนึ่งจาก WWW.FORTUNE.COM

    ในวงการพัฒนาศักยภาพในประเทศไทยการเมนทอร์ มีการกล่าวถึงแบบรวมๆ และยังไม่พบว่ามีผู้ให้บริการด้านการพัฒนาศักยภาพ เผยแพร่ให้ข้อมูล – ให้บริการด้วยกระบวนการที่เป็นมาตรฐานสากล แบรนด์ 10X Consulting แบรนด์ในเครือเดชฤทธิ์ กรุ๊ป เป็นผู้ให้บริการด้านการพัฒนาศักยภาพแบรนด์แรกในไทยที่เป็นองค์กรที่ได้รับการรับรอง (Accredited Training Organisation (ATO)) จาก International Mentoring Center (IMC) และ ศาสตราจารย์พิศิษฐ์ ดร.วสิษฐ์ พรหมบุตร และ ดร.ศรินนา แก้วสีเคน ผู้บริหารแบรนด์ 10X Consulting แบรนด์ในเครือเดชฤทธิ์ กรุ๊ป ได้รับการรับรองเป็น Certified Professional Mentor (CPM) )) จาก International Mentoring Center (IMC) https://credentials.mentoringcenter.org/credentials/928f9622-f4a1-4926-a585-cac209a32d15

    องค์กร/ผู้นำที่สนใจข้อมูลการบริการเมนทอร์ และการพัฒนาศักยภาพ ความรู้ และทักษะ สร้างเมนทอร์ในองค์กรติดต่อได้ที่ email : wasit@10-xconsulting.com
    สิ่งที่เมนทอร์กล้าบอกคุณ (ซึ่งเพื่อนและเจ้านายไม่อยากบอก) โดย Penny Herscher ซีอีโอของ FirstRain ความจริงอาจเจ็บปวด แต่จําเป็นต้องได้ยินเมื่อต้องการก้าวหน้าในอาชีพ MPW Insider เป็นชุมชนออนไลน์ที่ชื่อที่ใหญ่ที่สุดในธุรกิจได้นำเสนอสาระในด้านอาชีพและความเป็นผู้นํา โดยหัวข้อที่นำเสนอว่าด้วยเรื่องความสำคัญของเมนทอร์ (Why is it important to have a mentor?) เขียนโดย Penny Herscher ซีอีโอของ FirstRain ความจริงเจ็บปวดแต่ก็เป็นสิ่งสําคัญที่สุดที่คุณต้องทราบเมื่อคุณเมื่อต้องการก้าวหน้าในอาชีพ ซึ่งแตกต่างจากการที่มีผู้สนับสนุนคุณในขณะที่คุณกำลังจะเลื่อนตําแหน่ง ส่วนเมนทอร์จะให้คําแนะนําที่ดูเหมือนไม่ถูกใจคุณ แต่สิ่งนี้จะเป็นคําแนะนําที่มีค่าอย่างแท้จริงที่เพื่อนๆ หรือแม้กระทั่งเจ้านายของคุณไม่มีใครอยากบอกคุณแต่คุณจําเป็นต้องรู้!!! คำถามที่น่าสนใจคือทําไมคุณถึงต้องการเมนทอร์เพื่อบอกความจริงกับคุณ (แม้ว่ามันจะเจ็บปวดก็ตาม)? หากคุณเป็นเหมือนคนส่วนใหญ่ ที่มีความทะเยอทะยาน คุณอาจมีไอคิวสูงกว่าค่าเฉลี่ย และสามารถรับมือได้เมื่อต้องเผชิญกับคําวิจารณ์ แต่สิ่งนี้และที่เป็นพฤติกรรมประเภทที่กีดกันผู้คนจากการให้ข้อเสนอแนะแก่คุณ บ่อยครั้งที่คนที่ประสบความสําเร็จมองไม่เห็นความผิดพลาดของตน และยุ่งกับการพุ่งไปข้างหน้าจนไม่ยอมให้ตัวเองเห็นความผิดพลาดของตัวเอง แต่หากคุณมีเมนทอร์ที่คุณรู้ว่าต้องการเห็นคุณประสบความสําเร็จ คุณก็สามารถเติบโตจากความคิดเห็นของเมนทอร์ได้ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้: -เมนทอร์สามารถดูคุณในการประชุมและแบ่งปันข้อมูลป้อนกลับแก่คุณคุณเกี่ยวกับพฤติกรรมและน้ําเสียงของคุณ -เมนทอร์สามารถฟังคุณบ่นและอธิบายเหตุผลต่างๆนานาที่เป็นอัตตาตัวตนของคุณ -เมนทอร์ท้าทายการขาดความมั่นใจของคุณและพูดคุยว่าเหตุใดการยืนหยัดจึงมีความสำคัญสําคัญ -เมนทอร์ให้กําลังใจคุณเมื่อคุณเหนื่อยล้า หมดพลังและใกล้จะยอมแพ้ จากประสบการณ์ของ Penny Herscher ซีอีโอของ FirstRain พบว่าเมนทอร์คือเชียร์ลีดเดอร์ที่ซื่อสัตย์ ซึ่งบอกกล่าวต่อเธอเมื่อเธอมีสิ่งที่น่ารังเกียจ ไม่ยุติธรรม หรืออ่อนแอ และผลักดันเธอไปข้างหน้าเมื่อเธอมีความสงสัยในตนเอง ตัวอย่างเช่น เธอสงสัยว่าตัวเธอเองจะมีโอกาสได้เป็น CEO ด้านเทคโนโลยีได้หรือ แต่ถึงตอนนี้เธอประสบความสําเร็จ และส่วนหนึ่งจากเมนทอร์ของเธอ Harvey และ Bob บทความส่วนหนึ่งจาก WWW.FORTUNE.COM ในวงการพัฒนาศักยภาพในประเทศไทยการเมนทอร์ มีการกล่าวถึงแบบรวมๆ และยังไม่พบว่ามีผู้ให้บริการด้านการพัฒนาศักยภาพ เผยแพร่ให้ข้อมูล – ให้บริการด้วยกระบวนการที่เป็นมาตรฐานสากล แบรนด์ 10X Consulting แบรนด์ในเครือเดชฤทธิ์ กรุ๊ป เป็นผู้ให้บริการด้านการพัฒนาศักยภาพแบรนด์แรกในไทยที่เป็นองค์กรที่ได้รับการรับรอง (Accredited Training Organisation (ATO)) จาก International Mentoring Center (IMC) และ ศาสตราจารย์พิศิษฐ์ ดร.วสิษฐ์ พรหมบุตร และ ดร.ศรินนา แก้วสีเคน ผู้บริหารแบรนด์ 10X Consulting แบรนด์ในเครือเดชฤทธิ์ กรุ๊ป ได้รับการรับรองเป็น Certified Professional Mentor (CPM) )) จาก International Mentoring Center (IMC) https://credentials.mentoringcenter.org/credentials/928f9622-f4a1-4926-a585-cac209a32d15 องค์กร/ผู้นำที่สนใจข้อมูลการบริการเมนทอร์ และการพัฒนาศักยภาพ ความรู้ และทักษะ สร้างเมนทอร์ในองค์กรติดต่อได้ที่ email : wasit@10-xconsulting.com
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไมเคิล ชาเฟล..มหาเทพในตำนาน ผู้ร่ำรวยบนความฉิบหายของคนอื่น

    ท้าวความ..สมัยไมเคิลอายุได้ 16 ปี เรียนอยู่เอแบค ไมเคิลได้ไปรู้จักกับ Herbalife ในปี 2546

    ยุคนั้นคนยังไม่ค่อยรู้จัก Facebook (Facebook เปิดให้บริการครั้งแรก 2547) ยังไม่มีการยิงโฆษณา

    ไมเคิล..คือผู้มาก่อนกาลเวลาเหนือผู้ใด เรียกว่ายุคที่ยังไม่มีการขายของออนไลน์เลย Herbalife ก็คือสินค้า MLM ธรรมดา

    แต่..ไมเคิล มองออกว่าโลกออนไลน์มีพลังมากกว่าการชวนคนแบบเจอหน้าในออฟไลน์ จึงคิดแผนการตลาดขึ้นมาด้วยการที่ให้คนชวนคนบน FB.

    ต้องเข้าใจนะว่าไม่มีการยิงโฆษณาใดๆ เพราะมันเป็นยุคแรกของโลก Social แทนที่คนจะได้คุยกัน แบ่งปันเรื่องราวตามที่ Mark มันออกแบบมาต้องการให้ FB.เป็นเหมือนชุมชนเพื่อน

    แต่..ไมเคิลมันรู้ว่าสามารถเอา FB.มาเป็นร้านค้าได้ด้วยการโพสต์และแชร์ไปเรื่อยๆ ยุคนั้น Algorithm ของ FB.ยังไม่ได้ฉลาดเหมือนทุกวันนี้เลย

    ตอนนั้น FB.เพิ่งเริ่มต้นตั้งไข่ มีแต่แผนจะร่ำรวยดันตัวเองเข้าตลาดหลักทรัพย์ เลยไม่ได้สนใจในการพัฒนา AI.ตรวจจับการทำ Content ซ้ำๆ

    ถ้าพูดกันถึงยุคนี้ถ้าเราโพสต์ Content ซ้ำๆ จะโดน Algorithm ของ FB.แบนทันที เหมือนที่เราเคยเห็นตอนที่คนแชร์คลิปเพลงของ Lisa แล้ว FB.แบนนั่นแหละ

    AI มันทำหน้าที่ของมัน เพราะมันคิดว่าเป็นการกระหน่ำ Spam ระบบ หรือระบบกำลังโดนโจมตี

    แต่ยุคของไมเคิลนั้นโล่งสบาย เพราะทุกคนทำอะไรก็ได้ จะสแปมยังไงก็ได้ดังนั้นมันจึงตั้ง Herbalife Thailand ขึ้นมา

    แล้วจัดสัมมนา โดยมีหลักในการ Motivate ที่ไม่เหมือนใคร ฉีกกฎทุกกฎของคนทำ MLM ในประเทศไทย

    ไมเคิล..เก่งเรื่อง NLP ล้างสมองคนได้ ไม่ต้องมีอะไร แค่บอกว่าทำกับมันแล้วรวย วิธี Sponsor ของมันสุดติ่งมาก

    ยุคนั้น..เป็นการชวนคนแบบโพสต์ออนไลน์แล้วให้สมาชิกลากคนมาฟัง นั่งรถไฟฟ้าไปที่ศูนย์อบรมของมัน แล้วมันก็เข้าปิดการขายได้แบบ Conversion กระหน่ำจุกๆเลย
    ---------

    แผนประทุษกรรมของ..ไมเคิล

    เปิดตัวด้วยความเร้าใจ เดินเข้ามาในห้องแล้วโชว์ Black Berry แล้วถามคนในห้องว่าโทรศัพท์นี้แพงไหม ทุกคนตอบว่าแพง

    จากนั้นมันก็เขวี้ยงโทรศัพท์ Black Berry ไปที่กำแพงให้แตกแล้วพูดด้วยเสียงนิ่มๆว่า "ถ้าคุณทำธุรกิจกับผม คุณจะซื้อ Black Berry อีกกี่รอบก็ได้" ถถถ🤣

    แค่นี้ก็ทำ First Impression ให้คนในห้องแม่งตะลึงได้แล้ว จากนั้นมันก็จะใช้กลยุทธการปิดการขายโดยใช้หลักการที่เรียกว่า..ทฤษฏีห้องเปล่า

    คือทุกคนย่อมไม่มีเงินลงทุน มันบอกว่าก็ลองมองไปยังของในห้องที่คุณอยู่หรือบ้านที่คุณอยู่สิ

    คุณมีอะไรขายได้เอามาลงทุนกับผมแล้วจะรวย ขายได้ ขายให้หมด เอาเงินสดมาลงทุนกับผม แล้วผมจะพาคุณรวยไปด้วยกัน.?

    ได้ผล..คนแห่ซื้อของแม่งอย่างกับลดแลกแจกแถม เพราะอยากได้ Black Berry กี่รอบก็ได้ตามที่มันแสดง Action ให้ดู ว่าคนรวย เงินแค่นี้จิ๊บๆ

    ไมเคิล..สอนให้คนทำการตลาดด้วยการแนะนำสินค้าบน FB.ด้วยการโพสต์ และแชร์ และให้ทุกคนเริ่มต้นซื้อสินค้าของมัน

    เปิดบิลขั้นต่ำ 25,000 บาท สูงๆก็หลักแสน หลังเปิดบิลแล้วก็จะได้สต็อกของเต็มห้องหลังจากเข้าสู่วังวน“ทฤษฏีห้องเปล่า”เรียบร้อยแล้ว

    เปลี่ยนจากทรัพย์ที่มีเป็นสินค้า Herbalife เพราะคุณจะรวยไปด้วยกันกับไมเคิล ยุคนั้นเป็นยุคตื่นทอง คนไม่เคยเจออะไรแบบนี้

    เลยคิดเอาเองว่า..นี่แหละวะคือทางออกของ Passive Income และนั่นคือจุดเริ่มต้นความรวยของ..ไมเคิล ชาเฟล

    ไมเคิล..มีรถ Super Car ขับหลังจากนั้นไม่นาน รวยเร็ว รวยไว อายุน้อยร้อยล้านของแท้ แต่คนอื่นฉิบหายช่างมัน

    ใครอยากรอดตายให้ชวนคนมาต่อตูดถึงจะได้ค่าหัวคิวเปิดบิล..แชร์ลูกโซ่ชัดๆ

    ไมเคิล..เริ่มรวยหลักร้อยล้าน มันก็เริ่มคิดอยากจะมีในสิ่งที่เศรษฐีทั่วไปเขามีกันบางคนอยากได้นาฬิกาแพงๆ มันมีแล้ว

    บางคนอยากได้รถหรู มันมีแล้ว บ้านหลังใหญ่ มันมีแล้ว สิ่งที่ไมเคิลฝันนั้นสุดโต่งขึ้นตามลำดับ

    ไมเคิล..ฝันอยากได้เฮลิคอปเตอร์มันบอกเพื่อนๆว่า รถมันกระจอก กูจะมีเฮลิคอปเตอร์เอาไว้บินจากกรุงเทพไปพัทยาและ..กูจะทำให้ได้

    รอติดตาม ep.2

    สวัสดี
    @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    ไมเคิล ชาเฟล..มหาเทพในตำนาน ผู้ร่ำรวยบนความฉิบหายของคนอื่น ท้าวความ..สมัยไมเคิลอายุได้ 16 ปี เรียนอยู่เอแบค ไมเคิลได้ไปรู้จักกับ Herbalife ในปี 2546 ยุคนั้นคนยังไม่ค่อยรู้จัก Facebook (Facebook เปิดให้บริการครั้งแรก 2547) ยังไม่มีการยิงโฆษณา ไมเคิล..คือผู้มาก่อนกาลเวลาเหนือผู้ใด เรียกว่ายุคที่ยังไม่มีการขายของออนไลน์เลย Herbalife ก็คือสินค้า MLM ธรรมดา แต่..ไมเคิล มองออกว่าโลกออนไลน์มีพลังมากกว่าการชวนคนแบบเจอหน้าในออฟไลน์ จึงคิดแผนการตลาดขึ้นมาด้วยการที่ให้คนชวนคนบน FB. ต้องเข้าใจนะว่าไม่มีการยิงโฆษณาใดๆ เพราะมันเป็นยุคแรกของโลก Social แทนที่คนจะได้คุยกัน แบ่งปันเรื่องราวตามที่ Mark มันออกแบบมาต้องการให้ FB.เป็นเหมือนชุมชนเพื่อน แต่..ไมเคิลมันรู้ว่าสามารถเอา FB.มาเป็นร้านค้าได้ด้วยการโพสต์และแชร์ไปเรื่อยๆ ยุคนั้น Algorithm ของ FB.ยังไม่ได้ฉลาดเหมือนทุกวันนี้เลย ตอนนั้น FB.เพิ่งเริ่มต้นตั้งไข่ มีแต่แผนจะร่ำรวยดันตัวเองเข้าตลาดหลักทรัพย์ เลยไม่ได้สนใจในการพัฒนา AI.ตรวจจับการทำ Content ซ้ำๆ ถ้าพูดกันถึงยุคนี้ถ้าเราโพสต์ Content ซ้ำๆ จะโดน Algorithm ของ FB.แบนทันที เหมือนที่เราเคยเห็นตอนที่คนแชร์คลิปเพลงของ Lisa แล้ว FB.แบนนั่นแหละ AI มันทำหน้าที่ของมัน เพราะมันคิดว่าเป็นการกระหน่ำ Spam ระบบ หรือระบบกำลังโดนโจมตี แต่ยุคของไมเคิลนั้นโล่งสบาย เพราะทุกคนทำอะไรก็ได้ จะสแปมยังไงก็ได้ดังนั้นมันจึงตั้ง Herbalife Thailand ขึ้นมา แล้วจัดสัมมนา โดยมีหลักในการ Motivate ที่ไม่เหมือนใคร ฉีกกฎทุกกฎของคนทำ MLM ในประเทศไทย ไมเคิล..เก่งเรื่อง NLP ล้างสมองคนได้ ไม่ต้องมีอะไร แค่บอกว่าทำกับมันแล้วรวย วิธี Sponsor ของมันสุดติ่งมาก ยุคนั้น..เป็นการชวนคนแบบโพสต์ออนไลน์แล้วให้สมาชิกลากคนมาฟัง นั่งรถไฟฟ้าไปที่ศูนย์อบรมของมัน แล้วมันก็เข้าปิดการขายได้แบบ Conversion กระหน่ำจุกๆเลย --------- แผนประทุษกรรมของ..ไมเคิล เปิดตัวด้วยความเร้าใจ เดินเข้ามาในห้องแล้วโชว์ Black Berry แล้วถามคนในห้องว่าโทรศัพท์นี้แพงไหม ทุกคนตอบว่าแพง จากนั้นมันก็เขวี้ยงโทรศัพท์ Black Berry ไปที่กำแพงให้แตกแล้วพูดด้วยเสียงนิ่มๆว่า "ถ้าคุณทำธุรกิจกับผม คุณจะซื้อ Black Berry อีกกี่รอบก็ได้" ถถถ🤣 แค่นี้ก็ทำ First Impression ให้คนในห้องแม่งตะลึงได้แล้ว จากนั้นมันก็จะใช้กลยุทธการปิดการขายโดยใช้หลักการที่เรียกว่า..ทฤษฏีห้องเปล่า คือทุกคนย่อมไม่มีเงินลงทุน มันบอกว่าก็ลองมองไปยังของในห้องที่คุณอยู่หรือบ้านที่คุณอยู่สิ คุณมีอะไรขายได้เอามาลงทุนกับผมแล้วจะรวย ขายได้ ขายให้หมด เอาเงินสดมาลงทุนกับผม แล้วผมจะพาคุณรวยไปด้วยกัน.? ได้ผล..คนแห่ซื้อของแม่งอย่างกับลดแลกแจกแถม เพราะอยากได้ Black Berry กี่รอบก็ได้ตามที่มันแสดง Action ให้ดู ว่าคนรวย เงินแค่นี้จิ๊บๆ ไมเคิล..สอนให้คนทำการตลาดด้วยการแนะนำสินค้าบน FB.ด้วยการโพสต์ และแชร์ และให้ทุกคนเริ่มต้นซื้อสินค้าของมัน เปิดบิลขั้นต่ำ 25,000 บาท สูงๆก็หลักแสน หลังเปิดบิลแล้วก็จะได้สต็อกของเต็มห้องหลังจากเข้าสู่วังวน“ทฤษฏีห้องเปล่า”เรียบร้อยแล้ว เปลี่ยนจากทรัพย์ที่มีเป็นสินค้า Herbalife เพราะคุณจะรวยไปด้วยกันกับไมเคิล ยุคนั้นเป็นยุคตื่นทอง คนไม่เคยเจออะไรแบบนี้ เลยคิดเอาเองว่า..นี่แหละวะคือทางออกของ Passive Income และนั่นคือจุดเริ่มต้นความรวยของ..ไมเคิล ชาเฟล ไมเคิล..มีรถ Super Car ขับหลังจากนั้นไม่นาน รวยเร็ว รวยไว อายุน้อยร้อยล้านของแท้ แต่คนอื่นฉิบหายช่างมัน ใครอยากรอดตายให้ชวนคนมาต่อตูดถึงจะได้ค่าหัวคิวเปิดบิล..แชร์ลูกโซ่ชัดๆ ไมเคิล..เริ่มรวยหลักร้อยล้าน มันก็เริ่มคิดอยากจะมีในสิ่งที่เศรษฐีทั่วไปเขามีกันบางคนอยากได้นาฬิกาแพงๆ มันมีแล้ว บางคนอยากได้รถหรู มันมีแล้ว บ้านหลังใหญ่ มันมีแล้ว สิ่งที่ไมเคิลฝันนั้นสุดโต่งขึ้นตามลำดับ ไมเคิล..ฝันอยากได้เฮลิคอปเตอร์มันบอกเพื่อนๆว่า รถมันกระจอก กูจะมีเฮลิคอปเตอร์เอาไว้บินจากกรุงเทพไปพัทยาและ..กูจะทำให้ได้ รอติดตาม ep.2 สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • สุริยะหลุด ต้องเจรจาพื้นที่ทับซ้อนเกาะกูด ทั้งที่เคยบอกว่าจะเจรจาแค่เรื่องการแบ่งปันน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติขึ้นมาใช้ แต่แอบซ่อนเร้นเรื่องเขตแดน และเกาะกูดของไทย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #สุริยะ
    สุริยะหลุด ต้องเจรจาพื้นที่ทับซ้อนเกาะกูด ทั้งที่เคยบอกว่าจะเจรจาแค่เรื่องการแบ่งปันน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติขึ้นมาใช้ แต่แอบซ่อนเร้นเรื่องเขตแดน และเกาะกูดของไทย #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #สุริยะ
    Like
    Angry
    Haha
    Sad
    22
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 738 มุมมอง 1 รีวิว
  • แบ่งปัน
    #สมเด็จหลังรูปรุ่น 2 "หลังรูปเก่งดี"
    🔸️สภาพสมบูรณ์ไม่มีอุดหักซ่อม
    🔖รับประกันพระแท้สากล
    🔺️ตังค์ไม่พอ ผ่อนได้โทรมาคุย(รับฝาก)
    สนใจสายด่วนสะดวกกว่าครับ📞0817407657..😊
    #พระเครื่องหลวงพ่อกวย
    แบ่งปัน #สมเด็จหลังรูปรุ่น 2 "หลังรูปเก่งดี" 🔸️สภาพสมบูรณ์ไม่มีอุดหักซ่อม 🔖รับประกันพระแท้สากล 🔺️ตังค์ไม่พอ ผ่อนได้โทรมาคุย(รับฝาก) สนใจสายด่วนสะดวกกว่าครับ📞0817407657..😊 #พระเครื่องหลวงพ่อกวย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • แนะนำคอร์ส "Mini OKR + NLP Course in LEADING SELF With Love + Work "
    คอร์ส 13 ตอน สั้นๆ ที่ตั้งใจทำแบ่งปันโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

    คอร์สนี้ผสานศาสตร์การตั้งเป้าแบบ OKR กับศาสตร์ NLP (Neuro - Linguistic Programming) และการทำในสิ่งที่มีความรัก (Love + Work) เพื่อผู้ที่สนใจการพัฒนาตนเอง และทีม หรือแม้กระทั่งองค์กรสมัยใหม่ที่เน้นการใช้จิตวิทยาบวก และจุดเด่นที่เน้นจุดแกร่งนำไปใช้อย่างกว้างขวาง

    ศาสตราจารย์พิศิษฐ์ ดร.วสิษฐ์ พรหมบุตร หรือ อ.หม่อม นอกจากกลั่นสาระ และโนว์ฮาวจาก Best of the best ในศาสตร์ แล้วยังใช้ศาสตร์ที่นำมาแบ่งปันด้วยตนเองจนสามารถถอดแบบให้ผู้สนใจสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันอย่างง่ายดาย

    หากเห็นว่าสิ่งที่แบ่งปันเป็นประโยชน์กับผู้ที่ท่านรู้จัก - ปรารถนาดี แบ่งปันให้ผู้ที่ท่านรู้จักได้ติดตามสาระ และโนว์ฮาวดีๆ ได้ที่ https://youtu.be/aDlmktfRaRo ช่องทาง TikTok ในชื่อ "หม่อมเมืองช้าง" (https://www.tiktok.com/@wasitprombutr) และทาง www.lifealignmentor.com

    สนใจติดต่อศาสตราจารย์พิศิษฐ์ ดร.วสิษฐ์ พรหมบุตร หรือ อ.หม่อม ได้ที่ wasit.p@lifealignmentor.com
    แนะนำคอร์ส "Mini OKR + NLP Course in LEADING SELF With Love + Work " คอร์ส 13 ตอน สั้นๆ ที่ตั้งใจทำแบ่งปันโดยไม่มีค่าใช้จ่าย คอร์สนี้ผสานศาสตร์การตั้งเป้าแบบ OKR กับศาสตร์ NLP (Neuro - Linguistic Programming) และการทำในสิ่งที่มีความรัก (Love + Work) เพื่อผู้ที่สนใจการพัฒนาตนเอง และทีม หรือแม้กระทั่งองค์กรสมัยใหม่ที่เน้นการใช้จิตวิทยาบวก และจุดเด่นที่เน้นจุดแกร่งนำไปใช้อย่างกว้างขวาง ศาสตราจารย์พิศิษฐ์ ดร.วสิษฐ์ พรหมบุตร หรือ อ.หม่อม นอกจากกลั่นสาระ และโนว์ฮาวจาก Best of the best ในศาสตร์ แล้วยังใช้ศาสตร์ที่นำมาแบ่งปันด้วยตนเองจนสามารถถอดแบบให้ผู้สนใจสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันอย่างง่ายดาย หากเห็นว่าสิ่งที่แบ่งปันเป็นประโยชน์กับผู้ที่ท่านรู้จัก - ปรารถนาดี แบ่งปันให้ผู้ที่ท่านรู้จักได้ติดตามสาระ และโนว์ฮาวดีๆ ได้ที่ https://youtu.be/aDlmktfRaRo ช่องทาง TikTok ในชื่อ "หม่อมเมืองช้าง" (https://www.tiktok.com/@wasitprombutr) และทาง www.lifealignmentor.com สนใจติดต่อศาสตราจารย์พิศิษฐ์ ดร.วสิษฐ์ พรหมบุตร หรือ อ.หม่อม ได้ที่ wasit.p@lifealignmentor.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
  • แบ่งปัน #รูปถ่ายหลังสิงห์ ปี2500
    ✴️ เงินไม่พอผ่อนได้โทรมาคุย((รับฝาก))
    ☑️ รับประกันพระแท้มาตรฐานสากล 100%
    🤙สนใจสายด่วนสะดวกกว่า 081-7407657 สิทธิ์เสนา
    แบ่งปัน #รูปถ่ายหลังสิงห์ ปี2500 ✴️ เงินไม่พอผ่อนได้โทรมาคุย((รับฝาก)) ☑️ รับประกันพระแท้มาตรฐานสากล 100% 🤙สนใจสายด่วนสะดวกกว่า 081-7407657 สิทธิ์เสนา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🪴จำหน่ายไม้สวย ในราคาแบ่งปันไม้
    ราคาเริ่มต้นที่ 29บาท🌿
    ค่าส่ง 80 บาท
    *** รายละเอียดในคอมเม้นเลยจ้า

    #Scindapsus #พลูเกร็ดมังกร #แบรนเทียนั่ม #พลูกินหมากด่าง #พลูแอปเปิ้ล #พลูงาช้าง #พลูเสือพราน #พลูปีกนก #พลูระเบิด #พลูสนิม #พลูบราซิล #พลูอินโดหลังแดง #พลูลงยาป่า #พลูใบเงิน #พลูหินอ่อน #ไตรคัลเลอร์ #มิลล์คอนเฟตติ #เงินไหลมาด่างขาว #ออมเพชร #ไวโอลินสีทอง #ฟิโลสีทอง #ไทซันไรส์ #เบอร์เบิ้นมาร์ค #เสน่ห์จันทร์ประกายดาว #ไม้ด่างไม้ประดับมหาชัย
    #ไม้ด่าง #ไม้ประดับ #ไม้เลื้อย #ไม้ฟอกอากาศ #ไม้มงคล #บอนสี #กล้วยด่าง
    🪴จำหน่ายไม้สวย ในราคาแบ่งปันไม้ ราคาเริ่มต้นที่ 29บาท🌿 ค่าส่ง 80 บาท *** รายละเอียดในคอมเม้นเลยจ้า #Scindapsus #พลูเกร็ดมังกร #แบรนเทียนั่ม #พลูกินหมากด่าง #พลูแอปเปิ้ล #พลูงาช้าง #พลูเสือพราน #พลูปีกนก #พลูระเบิด #พลูสนิม #พลูบราซิล #พลูอินโดหลังแดง #พลูลงยาป่า #พลูใบเงิน #พลูหินอ่อน #ไตรคัลเลอร์ #มิลล์คอนเฟตติ #เงินไหลมาด่างขาว #ออมเพชร #ไวโอลินสีทอง #ฟิโลสีทอง #ไทซันไรส์ #เบอร์เบิ้นมาร์ค #เสน่ห์จันทร์ประกายดาว #ไม้ด่างไม้ประดับมหาชัย #ไม้ด่าง #ไม้ประดับ #ไม้เลื้อย #ไม้ฟอกอากาศ #ไม้มงคล #บอนสี #กล้วยด่าง
    18 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1375 มุมมอง 0 รีวิว
  • กิจกรรม: รวมพลคนบางพลัด

    วันและเวลา: 14 -ตุลาคม 2024
    สถานที่: [ระบุสถานที่จัดงาน]
    เวลา: [ระบุเวลาเริ่มและสิ้นสุด]

    วัตถุประสงค์ของกิจกรรม:

    เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพสูงวัยด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน
    เพื่อบำบัดความไม่สบายตัวด้วยการใช้จอบตุ่มและฟังคลื่นเสียงขันธิเบต
    เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ
    กิจกรรมในวันงาน:

    การบรรยายเรื่องการดูแลสุขภาพสูงวัย:

    เรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านในการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ
    เทคนิคการจัดการความไม่สบายตัวในชีวิตประจำวัน
    การทำจอบตุ่ม:

    สอนวิธีการทำจอบตุ่มเพื่อใช้ในการบำบัด
    แจกจอบตุ่มให้ผู้เข้าร่วมที่สนใจนำไปใช้ที่บ้าน
    การบำบัดด้วยคลื่นเสียงขันธิเบต:

    ฟังการบำบัดด้วยคลื่นเสียงขันธิเบต โดยมีผู้เชี่ยวชาญมานำการบำบัด
    เสียงขันธิเบตจะช่วยในการผ่อนคลายและบรรเทาความเครียด
    การเสวนาและแลกเปลี่ยนประสบการณ์:

    ให้ผู้เข้าร่วมได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพสูงวัย
    กิจกรรมสันทนาการ:

    จัดกิจกรรมสันทนาการ เช่น การร้องเพลง การเต้นรำ หรือการทำสมาธิเพื่อสร้างความสุข
    ปิดท้ายกิจกรรม:

    แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากกิจกรรม
    ให้ผู้เข้าร่วมกลับไปพร้อมกับความรู้ใหม่ ๆ และแรงบันดาลใจในการดูแลสุขภาพสูงวัยในชุมชน
    หมายเหตุ:

    ผู้เข้าร่วมสามารถนำอาหารว่างและเครื่องดื่มมาได้
    ขอแนะนำให้แต่งกายสบาย ๆ เพื่อความสะดวกในกิจกรรม
    กิจกรรม: รวมพลคนบางพลัด วันและเวลา: 14 -ตุลาคม 2024 สถานที่: [ระบุสถานที่จัดงาน] เวลา: [ระบุเวลาเริ่มและสิ้นสุด] วัตถุประสงค์ของกิจกรรม: เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพสูงวัยด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน เพื่อบำบัดความไม่สบายตัวด้วยการใช้จอบตุ่มและฟังคลื่นเสียงขันธิเบต เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ กิจกรรมในวันงาน: การบรรยายเรื่องการดูแลสุขภาพสูงวัย: เรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านในการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ เทคนิคการจัดการความไม่สบายตัวในชีวิตประจำวัน การทำจอบตุ่ม: สอนวิธีการทำจอบตุ่มเพื่อใช้ในการบำบัด แจกจอบตุ่มให้ผู้เข้าร่วมที่สนใจนำไปใช้ที่บ้าน การบำบัดด้วยคลื่นเสียงขันธิเบต: ฟังการบำบัดด้วยคลื่นเสียงขันธิเบต โดยมีผู้เชี่ยวชาญมานำการบำบัด เสียงขันธิเบตจะช่วยในการผ่อนคลายและบรรเทาความเครียด การเสวนาและแลกเปลี่ยนประสบการณ์: ให้ผู้เข้าร่วมได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพสูงวัย กิจกรรมสันทนาการ: จัดกิจกรรมสันทนาการ เช่น การร้องเพลง การเต้นรำ หรือการทำสมาธิเพื่อสร้างความสุข ปิดท้ายกิจกรรม: แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากกิจกรรม ให้ผู้เข้าร่วมกลับไปพร้อมกับความรู้ใหม่ ๆ และแรงบันดาลใจในการดูแลสุขภาพสูงวัยในชุมชน หมายเหตุ: ผู้เข้าร่วมสามารถนำอาหารว่างและเครื่องดื่มมาได้ ขอแนะนำให้แต่งกายสบาย ๆ เพื่อความสะดวกในกิจกรรม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประตูเปิดทางทิศเหนือ

    เดือนนี้ ธุรกิจที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ จะประสบความสำเร็จเฮงๆสุดขีด ทำธุรกิจค้าของเก่าวัตถุโบราณจะได้ของดีมีราคา มีชื่อเสียง โชคดีมาเยือน (หากมีคนหัวล้านมาเยือนจะทำให้ยิ่งโชคดี) มีข่าวจากแดนไกล จะมีทรัพย์สมบัติสะสมได้รับมรดกทรัพย์สมบัติเก่าแก่จากบรรพบุรุษมาแบ่งปัน อีกทั้งลูกหนี้จะกลับมาติดต่อขอชำระหนี้แต่จะถูกใส่ร้ายป้ายสีให้ติดคุกติดตะรางได้หากไปทำสัญญาปกปิดไม่เปิดเผยในที่ๆลับตา ทั้งเจ้าที่จะทวงถามคำมั่นที่เคยบนบานศาลกล่าวกันไว้ให้แก้บนแล้วก็จะดีขึ้น สุขภาพจะมีปัญหาที่ระบบย่อย เด็กรุ่นๆจะเจ็บป่วยที่ท้อง ลำไส้ แผ่นหลัง กระดูกสันหลัง แขน ขา นิ้ว สตรีเพศจะป่วยทางจิตสาเหตุจากการเป็นม่าย
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ประตูเปิดทางทิศเหนือ เดือนนี้ ธุรกิจที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ จะประสบความสำเร็จเฮงๆสุดขีด ทำธุรกิจค้าของเก่าวัตถุโบราณจะได้ของดีมีราคา มีชื่อเสียง โชคดีมาเยือน (หากมีคนหัวล้านมาเยือนจะทำให้ยิ่งโชคดี) มีข่าวจากแดนไกล จะมีทรัพย์สมบัติสะสมได้รับมรดกทรัพย์สมบัติเก่าแก่จากบรรพบุรุษมาแบ่งปัน อีกทั้งลูกหนี้จะกลับมาติดต่อขอชำระหนี้แต่จะถูกใส่ร้ายป้ายสีให้ติดคุกติดตะรางได้หากไปทำสัญญาปกปิดไม่เปิดเผยในที่ๆลับตา ทั้งเจ้าที่จะทวงถามคำมั่นที่เคยบนบานศาลกล่าวกันไว้ให้แก้บนแล้วก็จะดีขึ้น สุขภาพจะมีปัญหาที่ระบบย่อย เด็กรุ่นๆจะเจ็บป่วยที่ท้อง ลำไส้ แผ่นหลัง กระดูกสันหลัง แขน ขา นิ้ว สตรีเพศจะป่วยทางจิตสาเหตุจากการเป็นม่าย ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ 🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • Boris Johnson อดีตนายกฯอังกฤษ ละเมิดกฏสำนักพระราชวัง เขียนหนังสือเกี่ยวกับควีนเอลิซาเบธที่ 2เปิดเผยอาการประชวรโรคมะเร็งกระดูกก่อนเสด็จสวรรคต สำนักพระราชวังอังกฤษชี้ไม่ควรทำอย่างยิ่งเพราะ “ผิด” กฎราชวงศ์

    2 ตุลาคม 2567- รายงานข่าวต่างประเทศระบุว่า หนังสือบันทึกความทรงจำ Boris Johnson Unleashed ของอดีตนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันของอังกฤษที่จะออกวางจำหน่ายวันที่ 10 ตุลาคมนี้ กำลังเผชิญกระแสสังคมอย่างมาก กรณีที่เขาออกมาเปิดเผยข้อความในหนังสือบันทึกความทรงจำของเขาเกี่ยวกับพระอาการประชวรของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และช่วงเวลาสุดท้ายของพระองค์ที่เมืองบัลมอรัล ในสกอตแลนด์ว่าทรงประชวรด้วย “โรคมะเร็งกระดูก” ก่อนสวรรคต ซึ่งหลังจากสำนักพระราชวังของอังกฤษทราบเรื่องดังกล่าวก็ได้ออกมาตำหนิว่าเขาไม่ควรเปิดเผยพระอาการประชวรของพระองค์พร้อมทั้งชี้ว่านี่คือการละเมิดกฎพระราชวงศ์

    ส่วนหนึ่งในหนังสือของจอห์นสันระบุว่า “พระองค์ดูซีดและหลังค่อมขึ้น และมีรอยฝกช้ำดำเขียวที่บริเวณข้อมือ ซึ่งน่าจะเกิดจากการให้น้ำเกลือหรือฉีดยา แต่พระองค์ดูเหมือนไม่ได้รับผลกระทบจากความเจ็บปวดเลย ในระหว่างสนทนาพระองค์พระองค์ยังคงยิ้มกว้างอย่างสดใส รอยยิ้มของพระองค์ทำให้สดชื่นเป็นอย่างมาก” นอกจากนี้จอห์นสันได้ระบุว่าการที่เขาได้เฝ้าทูลละอองพระบาทของนายกรัฐมนตรีประจำสัปดาห์กับพระราชินีถือเป็น “สิทธิพิเศษ” และ “กำลังใจ” ให้กับตัวเขาเองด้วย

    ไม่เพียงเท่านี้แต่จอห์นสันยังเขียนถึงอาการประชวรของควีนเอลิซาเบธที่ 2 เอาไว้ว่า “ผมทราบมานานกว่าหนึ่งปีแล้วว่าพระองค์ทรงประชวรด้วยโรคมะเร็งกระดูก และแพทย์ก็เป็นห่วงว่าอาการของพระองค์จะทรุดลงได้ทุกเมื่อ”

    คำบอกเล่าของจอห์นสันนี้ นับว่าขัดกับสาเหตุการสิ้นพระชนม์ ที่สำนักพระราชวังแถลงว่า สาเหตุเกิดจาก “วัยชรา” และการเปิดเผยของจอหืนสันกลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาอีกครั้งเพราะตั้งแต่ที่ควีนเอลิซาเบธที่ 2 สิ้นพระชนม์ในเดือนกันยายน ปี 2022 สำนักพระราชวงศ์บักกิงแฮมก็ไม่เคยเปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับสาเหตุการสิ้นพระชนม์ของพระองค์

    อย่างไรก็ตาม จอห์นสันไม่ใช่ผู้นำอังกฤษคนแรกที่ที่เขียนบันทึกรำลึกถึงเรื่องราวในสมัยที่ดำรงตำแหน่งนายกฯที่เข้าเฝ้าพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 อดีตนายกรัฐมนตรี โทนี่ แบลร์, กอร์ดอน บราวน์, และ เดวิด คาเมรอน ต่างก็เคยเขียนหนังสือบันทึกเหตุการณ์การถวายงานกับควีนเอลิซาเบธที่2 เช่นกัน แต่เป็นการกล่าวถึงแบบโดยภาพรวม ไม่ได้มีการลงรายละเอียดที่ชัดเจนแบบเดียวกับจอห์นสัน

    ทั้งนี้ ตามธรรมเนียมปฏิบัติของราชวงศ์อังกฤษจะไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดทางการแพทย์ของสมาชิกราชวงศ์ต่อสาธารณชน จนกระทั่งในกรณีของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และ เจ้าหญิงแคทเธอรีนแห่งเวลส์ ที่ทางสำนักพระราชวังบักกิงแฮมเลือกที่จะเปิดเผยอาการประชวรและข้อมูลการรักษาตัวของพระองค์ซึ่งเป็นไปตามพระประสงค์ของทั้ง 2 พระองค์ที่ต้องการแบ่งปันประสบการณ์ส่วนพระองค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็ง

    ภาพ : จากเฟซบุ๊กBoris Johnson

    #Thaitimes
    Boris Johnson อดีตนายกฯอังกฤษ ละเมิดกฏสำนักพระราชวัง เขียนหนังสือเกี่ยวกับควีนเอลิซาเบธที่ 2เปิดเผยอาการประชวรโรคมะเร็งกระดูกก่อนเสด็จสวรรคต สำนักพระราชวังอังกฤษชี้ไม่ควรทำอย่างยิ่งเพราะ “ผิด” กฎราชวงศ์ 2 ตุลาคม 2567- รายงานข่าวต่างประเทศระบุว่า หนังสือบันทึกความทรงจำ Boris Johnson Unleashed ของอดีตนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันของอังกฤษที่จะออกวางจำหน่ายวันที่ 10 ตุลาคมนี้ กำลังเผชิญกระแสสังคมอย่างมาก กรณีที่เขาออกมาเปิดเผยข้อความในหนังสือบันทึกความทรงจำของเขาเกี่ยวกับพระอาการประชวรของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และช่วงเวลาสุดท้ายของพระองค์ที่เมืองบัลมอรัล ในสกอตแลนด์ว่าทรงประชวรด้วย “โรคมะเร็งกระดูก” ก่อนสวรรคต ซึ่งหลังจากสำนักพระราชวังของอังกฤษทราบเรื่องดังกล่าวก็ได้ออกมาตำหนิว่าเขาไม่ควรเปิดเผยพระอาการประชวรของพระองค์พร้อมทั้งชี้ว่านี่คือการละเมิดกฎพระราชวงศ์ ส่วนหนึ่งในหนังสือของจอห์นสันระบุว่า “พระองค์ดูซีดและหลังค่อมขึ้น และมีรอยฝกช้ำดำเขียวที่บริเวณข้อมือ ซึ่งน่าจะเกิดจากการให้น้ำเกลือหรือฉีดยา แต่พระองค์ดูเหมือนไม่ได้รับผลกระทบจากความเจ็บปวดเลย ในระหว่างสนทนาพระองค์พระองค์ยังคงยิ้มกว้างอย่างสดใส รอยยิ้มของพระองค์ทำให้สดชื่นเป็นอย่างมาก” นอกจากนี้จอห์นสันได้ระบุว่าการที่เขาได้เฝ้าทูลละอองพระบาทของนายกรัฐมนตรีประจำสัปดาห์กับพระราชินีถือเป็น “สิทธิพิเศษ” และ “กำลังใจ” ให้กับตัวเขาเองด้วย ไม่เพียงเท่านี้แต่จอห์นสันยังเขียนถึงอาการประชวรของควีนเอลิซาเบธที่ 2 เอาไว้ว่า “ผมทราบมานานกว่าหนึ่งปีแล้วว่าพระองค์ทรงประชวรด้วยโรคมะเร็งกระดูก และแพทย์ก็เป็นห่วงว่าอาการของพระองค์จะทรุดลงได้ทุกเมื่อ” คำบอกเล่าของจอห์นสันนี้ นับว่าขัดกับสาเหตุการสิ้นพระชนม์ ที่สำนักพระราชวังแถลงว่า สาเหตุเกิดจาก “วัยชรา” และการเปิดเผยของจอหืนสันกลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาอีกครั้งเพราะตั้งแต่ที่ควีนเอลิซาเบธที่ 2 สิ้นพระชนม์ในเดือนกันยายน ปี 2022 สำนักพระราชวงศ์บักกิงแฮมก็ไม่เคยเปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับสาเหตุการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ อย่างไรก็ตาม จอห์นสันไม่ใช่ผู้นำอังกฤษคนแรกที่ที่เขียนบันทึกรำลึกถึงเรื่องราวในสมัยที่ดำรงตำแหน่งนายกฯที่เข้าเฝ้าพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 อดีตนายกรัฐมนตรี โทนี่ แบลร์, กอร์ดอน บราวน์, และ เดวิด คาเมรอน ต่างก็เคยเขียนหนังสือบันทึกเหตุการณ์การถวายงานกับควีนเอลิซาเบธที่2 เช่นกัน แต่เป็นการกล่าวถึงแบบโดยภาพรวม ไม่ได้มีการลงรายละเอียดที่ชัดเจนแบบเดียวกับจอห์นสัน ทั้งนี้ ตามธรรมเนียมปฏิบัติของราชวงศ์อังกฤษจะไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดทางการแพทย์ของสมาชิกราชวงศ์ต่อสาธารณชน จนกระทั่งในกรณีของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และ เจ้าหญิงแคทเธอรีนแห่งเวลส์ ที่ทางสำนักพระราชวังบักกิงแฮมเลือกที่จะเปิดเผยอาการประชวรและข้อมูลการรักษาตัวของพระองค์ซึ่งเป็นไปตามพระประสงค์ของทั้ง 2 พระองค์ที่ต้องการแบ่งปันประสบการณ์ส่วนพระองค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็ง ภาพ : จากเฟซบุ๊กBoris Johnson #Thaitimes
    Like
    Sad
    4
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 560 มุมมอง 0 รีวิว