• Google ได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับพันธมิตรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพื่อเสริมสร้างการป้องกันการหลอกลวงออนไลน์ โดยในปี 2024 ผู้เสียหายจากการหลอกลวงในภูมิภาคนี้สูญเสียเงินรวมกว่า 688 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นสองในสามของการสูญเสียทั่วโลก

    Google ได้จัดงาน Online Safety Dialogue ในไต้หวัน โดยร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลของไต้หวันเพื่อพัฒนาการแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มการหลอกลวง การประสานงานระหว่างประเทศ การพัฒนาเครื่องมือตรวจจับขั้นสูง และการลงทุนในแคมเปญการศึกษาเพื่อป้องกันการหลอกลวง

    นอกจากนี้ Google.org ยังได้จัดสรรเงินทุน 5 ล้านดอลลาร์ สำหรับโครงการป้องกันการหลอกลวงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในปี 2025 โดยก่อนหน้านี้ได้มอบเงินทุน 2 ล้านดอลลาร์ ให้กับองค์กรในสิงคโปร์ และ 1 ล้านดอลลาร์ ให้กับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในไต้หวัน

    Google ยังได้ขยายแพลตฟอร์ม Global Signals Exchange (GSE) ซึ่งเปิดตัวในปี 2024 เพื่อแบ่งปันสัญญาณและการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการหลอกลวงแบบเรียลไทม์ โดยมีพันธมิตร 20 รายที่ร่วมแบ่งปันสัญญาณกว่า 180 ล้านรายการ

    สุดท้าย Google เตรียมเปิดตัวเกม ShieldUp! ในออสเตรเลีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และไทยในปี 2025 ซึ่งเป็นเกมที่ช่วยให้ผู้เล่นเรียนรู้วิธีป้องกันการหลอกลวงผ่านการจำลองสถานการณ์แบบอินเทอร์แอคทีฟ

    ✅ ความร่วมมือกับพันธมิตรในภูมิภาค
    - Google ร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลของไต้หวันเพื่อแบ่งปันข้อมูลและพัฒนาเครื่องมือตรวจจับ
    - การลงทุนในแคมเปญการศึกษาเพื่อป้องกันการหลอกลวง

    ✅ การจัดสรรเงินทุน
    - Google.org จัดสรรเงินทุน 5 ล้านดอลลาร์สำหรับโครงการป้องกันการหลอกลวงในปี 2025
    - เงินทุนก่อนหน้านี้รวมถึง 2 ล้านดอลลาร์ในสิงคโปร์ และ 1 ล้านดอลลาร์ในไต้หวัน

    ✅ การขยายแพลตฟอร์ม Global Signals Exchange (GSE)
    - แพลตฟอร์ม GSE มีพันธมิตร 20 รายที่แบ่งปันสัญญาณกว่า 180 ล้านรายการ
    - การขยายแพลตฟอร์มช่วยเพิ่มการแบ่งปันข้อมูลแบบเรียลไทม์

    ✅ การเปิดตัวเกม ShieldUp!
    - เกม ShieldUp! จะเปิดตัวในออสเตรเลีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และไทยในปี 2025

    https://www.neowin.net/news/google-bolsters-its-anti-scam-efforts-across-asia-pacific/
    Google ได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับพันธมิตรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพื่อเสริมสร้างการป้องกันการหลอกลวงออนไลน์ โดยในปี 2024 ผู้เสียหายจากการหลอกลวงในภูมิภาคนี้สูญเสียเงินรวมกว่า 688 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นสองในสามของการสูญเสียทั่วโลก Google ได้จัดงาน Online Safety Dialogue ในไต้หวัน โดยร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลของไต้หวันเพื่อพัฒนาการแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มการหลอกลวง การประสานงานระหว่างประเทศ การพัฒนาเครื่องมือตรวจจับขั้นสูง และการลงทุนในแคมเปญการศึกษาเพื่อป้องกันการหลอกลวง นอกจากนี้ Google.org ยังได้จัดสรรเงินทุน 5 ล้านดอลลาร์ สำหรับโครงการป้องกันการหลอกลวงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในปี 2025 โดยก่อนหน้านี้ได้มอบเงินทุน 2 ล้านดอลลาร์ ให้กับองค์กรในสิงคโปร์ และ 1 ล้านดอลลาร์ ให้กับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในไต้หวัน Google ยังได้ขยายแพลตฟอร์ม Global Signals Exchange (GSE) ซึ่งเปิดตัวในปี 2024 เพื่อแบ่งปันสัญญาณและการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการหลอกลวงแบบเรียลไทม์ โดยมีพันธมิตร 20 รายที่ร่วมแบ่งปันสัญญาณกว่า 180 ล้านรายการ สุดท้าย Google เตรียมเปิดตัวเกม ShieldUp! ในออสเตรเลีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และไทยในปี 2025 ซึ่งเป็นเกมที่ช่วยให้ผู้เล่นเรียนรู้วิธีป้องกันการหลอกลวงผ่านการจำลองสถานการณ์แบบอินเทอร์แอคทีฟ ✅ ความร่วมมือกับพันธมิตรในภูมิภาค - Google ร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลของไต้หวันเพื่อแบ่งปันข้อมูลและพัฒนาเครื่องมือตรวจจับ - การลงทุนในแคมเปญการศึกษาเพื่อป้องกันการหลอกลวง ✅ การจัดสรรเงินทุน - Google.org จัดสรรเงินทุน 5 ล้านดอลลาร์สำหรับโครงการป้องกันการหลอกลวงในปี 2025 - เงินทุนก่อนหน้านี้รวมถึง 2 ล้านดอลลาร์ในสิงคโปร์ และ 1 ล้านดอลลาร์ในไต้หวัน ✅ การขยายแพลตฟอร์ม Global Signals Exchange (GSE) - แพลตฟอร์ม GSE มีพันธมิตร 20 รายที่แบ่งปันสัญญาณกว่า 180 ล้านรายการ - การขยายแพลตฟอร์มช่วยเพิ่มการแบ่งปันข้อมูลแบบเรียลไทม์ ✅ การเปิดตัวเกม ShieldUp! - เกม ShieldUp! จะเปิดตัวในออสเตรเลีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และไทยในปี 2025 https://www.neowin.net/news/google-bolsters-its-anti-scam-efforts-across-asia-pacific/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google bolsters its anti-scam efforts across Asia-Pacific
    In 2024, customers across Asia-Pacific lost 688 billion USD to scams. At Taiwan's Online Safety Dialogue, Google unveiled new partnerships, grants, and real-time tools to fight back.
    0 Comments 0 Shares 53 Views 0 Reviews
  • Google ได้ทำข้อตกลงกับ Samsung เพื่อให้ Gemini AI ซึ่งเป็นแชทบอท AI ของ Google ถูกติดตั้งล่วงหน้าบนอุปกรณ์มือถือรุ่นใหม่ของ Samsung โดยข้อตกลงนี้มีระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปี และ Google จะจ่ายเงินให้ Samsung เป็นรายเดือนสำหรับอุปกรณ์ที่ติดตั้ง Gemini AI นอกจากนี้ Samsung ยังได้รับส่วนแบ่งรายได้จากการสมัครสมาชิกแบบชำระเงินและรายได้จากโฆษณาในอนาคต

    Gemini AI ยังไม่มีโฆษณาในขณะนี้ แต่ Google กำลังพิจารณาเพิ่มฟีเจอร์นี้ในอนาคตเพื่อเพิ่มรายได้ อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงนี้อาจต้องถูกพิจารณาใหม่ เนื่องจาก Google กำลังเผชิญกับคดีการผูกขาดทางโฆษณาในศาลสหรัฐฯ

    ✅ Gemini AI ถูกติดตั้งล่วงหน้าบนอุปกรณ์ Samsung
    - ข้อตกลงมีระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปี
    - Google จ่ายเงินให้ Samsung เป็นรายเดือนสำหรับอุปกรณ์ที่ติดตั้ง Gemini AI

    ✅ ส่วนแบ่งรายได้จากการสมัครสมาชิกและโฆษณา
    - Samsung ได้รับส่วนแบ่งรายได้จากการสมัครสมาชิกแบบชำระเงิน
    - รายได้จากโฆษณาในอนาคตจะถูกแบ่งปันกับ Samsung

    ✅ การพิจารณาเพิ่มโฆษณาใน Gemini AI
    - Google กำลังพิจารณาเพิ่มโฆษณาใน Gemini AI เพื่อเพิ่มรายได้
    - การตัดสินใจนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของแชทบอทในการช่วยเหลือผู้ใช้งาน

    ✅ การแข่งขันในตลาด AI
    - Samsung ได้รับข้อเสนอจากบริษัทอื่นก่อนที่จะเลือก Google

    https://www.techspot.com/news/107664-google-shelling-out-big-bucks-put-gemini-ai.html
    Google ได้ทำข้อตกลงกับ Samsung เพื่อให้ Gemini AI ซึ่งเป็นแชทบอท AI ของ Google ถูกติดตั้งล่วงหน้าบนอุปกรณ์มือถือรุ่นใหม่ของ Samsung โดยข้อตกลงนี้มีระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปี และ Google จะจ่ายเงินให้ Samsung เป็นรายเดือนสำหรับอุปกรณ์ที่ติดตั้ง Gemini AI นอกจากนี้ Samsung ยังได้รับส่วนแบ่งรายได้จากการสมัครสมาชิกแบบชำระเงินและรายได้จากโฆษณาในอนาคต Gemini AI ยังไม่มีโฆษณาในขณะนี้ แต่ Google กำลังพิจารณาเพิ่มฟีเจอร์นี้ในอนาคตเพื่อเพิ่มรายได้ อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงนี้อาจต้องถูกพิจารณาใหม่ เนื่องจาก Google กำลังเผชิญกับคดีการผูกขาดทางโฆษณาในศาลสหรัฐฯ ✅ Gemini AI ถูกติดตั้งล่วงหน้าบนอุปกรณ์ Samsung - ข้อตกลงมีระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปี - Google จ่ายเงินให้ Samsung เป็นรายเดือนสำหรับอุปกรณ์ที่ติดตั้ง Gemini AI ✅ ส่วนแบ่งรายได้จากการสมัครสมาชิกและโฆษณา - Samsung ได้รับส่วนแบ่งรายได้จากการสมัครสมาชิกแบบชำระเงิน - รายได้จากโฆษณาในอนาคตจะถูกแบ่งปันกับ Samsung ✅ การพิจารณาเพิ่มโฆษณาใน Gemini AI - Google กำลังพิจารณาเพิ่มโฆษณาใน Gemini AI เพื่อเพิ่มรายได้ - การตัดสินใจนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของแชทบอทในการช่วยเหลือผู้ใช้งาน ✅ การแข่งขันในตลาด AI - Samsung ได้รับข้อเสนอจากบริษัทอื่นก่อนที่จะเลือก Google https://www.techspot.com/news/107664-google-shelling-out-big-bucks-put-gemini-ai.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google is shelling out big bucks to put Gemini AI on Samsung devices
    Alphabet is spending an "enormous sum of money" to keep its Gemini chatbot preinstalled on Samsung phones. According to Google's vice president of platforms and device partnerships,...
    0 Comments 0 Shares 66 Views 0 Reviews
  • 63 ปี "ครูรวม วงศ์พันธ์" จากลูกชาวนา สู่เป้าประหารชีวิต “คอมมิวนิสต์” คนแรกของไทย 🔥

    ย้อนไปสู่เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ที่ยังคงสะเทือนใจคนรุ่นหลัง “ครูรวม วงศ์พันธ์” ครูผู้ใฝ่รู้ ผู้กลายเป็นนักโทษคอมมิวนิสต์คนแรกที่ถูกยิงเป้า ประหารชีวิตตามคำสั่งมาตรา 17 ของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์

    🟦 จากลูกชาวนาแห่งสุพรรณบุรี สู่ผู้ต้องหาคดีคอมมิวนิสต์คนแรกของไทย ที่ถูกประหารชีวิต เรื่องราวสะท้อนยุคสมัย ที่อุดมการณ์นำมาสู่ชะตากรรม อันน่าเศร้า

    🔶 ช่วงเวลาหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทย ในยุคสงครามเย็น มีบุคคลหนึ่งที่ชื่อ “รวม วงศ์พันธ์” ถูกจารึกไว้ว่าเป็น “ผู้กระทำการอันเป็นคอมมิวนิสต์” คนแรกที่ถูกประหารชีวิต ตามกฎหมายมาตรา 17 ของธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรปี พ.ศ. 2502 ✍️

    จะพาย้อนกลับไป 63 ปี ที่ผ่านมา เพื่อศึกษาทั้งชีวิตของครูรวม เบื้องหลังคำสั่งประหาร และบริบทของการเมืองไทยยุคนั้น 🕯️

    🟤 จากลูกชาวนา...สู่ครูใหญ่โรงเรียนจีน 👨‍🏫 “รวม วงศ์พันธ์” เกิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2465 ที่บ้านมะขามล้ม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นบุตรชายของนายอยู่ และนางไร มีพี่น้องทั้งหมด 6 คน เติบโตในครอบครัวชาวนาธรรมดา แต่เต็มไปด้วยความใฝ่เรียน 📚

    เรียนหนังสือจากโรงเรียนวัดเล็กๆ ใกล้บ้าน ต่อมาได้เข้าเรียนโรงเรียนชื่อดังในกรุงเทพฯ อย่างสวนกุหลาบวิทยาลัย และพาณิชยการพระนคร ก่อนเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งในยุคนั้น ถือเป็นแหล่งเพาะบ่มความคิดเสรี ของนักศึกษาไทย 🇹🇭

    ความรักในการเรียน รักในการสอน ครูรวมเริ่มต้นอาชีพครูในโรงเรียนจีน “กวงกงสวย” ก่อนก้าวขึ้นเป็นครูใหญ่ฝ่ายไทย เป็นที่เคารพรักของนักเรียน และครูร่วมงานจำนวนมาก นอกจากนี้ยังได้แต่งงานกับ "ครูประดิษฐ์ สุทธิจิตร์" คู่ชีวิตผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุข ในชีวิตอุดมการณ์ 💞

    🟥 สถานการณ์โลกกับภัยคอมมิวนิสต์ 🌍 ช่วงปี 2460–2500 โลกกำลังเผชิญกับ ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อรัสเซียกลายเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ จีนถูกยึดครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ นำโดย "เหมา เจ๋อตง" และในหลายประเทศอุดมการณ์นี้แผ่ขยายเข้าสู่ สังคมชนบทและแรงงาน 🛠️

    ความกลัวในสายตารัฐ ประเทศไทยในยุคนั้น อยู่ภายใต้ความตื่นกลัวต่อภัย “แดง” หรือภัยคอมมิวนิสต์จากต่างประเทศ รัฐบาลในหลายยุค รวมถึงยุคของ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" จึงเลือกใช้มาตรการเด็ดขาด เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม ⛔

    🟩 แม้รัฐจะมีกฎหมายควบคุมแนวคิดคอมมิวนิสต์ มาตั้งแต่ปี 2476 แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งการแพร่กระจายได้ โดยเฉพาะในหมู่ชนชั้นแรงงาน ชาวนา และครู ซึ่งเป็นกลุ่มที่เข้าถึง ปัญหาความเหลื่อมล้ำโดยตรง 👩‍🌾

    ครูรวมเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เชื่อ ในอุดมการณ์ความเท่าเทียม และใช้วิธีการพูดคุย แบ่งปันความรู้กับชาวบ้านในชนบท รวมถึงสร้าง “ไร่รวม” ที่กาญจนบุรี เพื่อเป็นโรงเรียนการเมืองอย่างลับๆ 🏕️

    🟦 การจับกุม คำพิพากษา และคำสั่งประหาร ⚖️ ในปี พ.ศ. 2505 รัฐบาลจับกุมครูรวม จากการสืบสวน และคำให้การของพยานร่วมกลุ่ม กล่าวหาว่า เป็นผู้นำเครือข่ายคอมมิวนิสต์ ลอบรับคำสั่งจากต่างชาติ และพยายามล้มล้างสถาบันชาติ

    จอมพลสฤษดิ์ใช้อำนาจตาม “มาตรา 17” สั่งให้ประหารชีวิตทันที โดยไม่ต้องขึ้นศาล ⛓️

    🕕 ค่ำวันอังคารที่ 24 เมษายน 2505 เวลา 18.00 น. ที่เรือนจำกลางบางขวาง ครูรวมถูกยิงเป้าจนเสียชีวิต นับเป็นครั้งแรก ที่มีการประหารผู้ต้องหาคอมมิวนิสต์ ในประวัติศาสตร์ไทย 🇹🇭⚰️

    🟨 วิเคราะห์คดีครูรวม ในบริบทสังคมไทย “ฮีโร่” หรือ “กบฏ”? กรณีของครูรวม สะท้อนถึงยุคสมัยที่ “ความเชื่อ” อาจถูกตีความว่าเป็น “ภัย” การกระทำของครูรวมในสายตารัฐ เป็นอันตรายต่อความมั่นคง แต่ในสายตาของชาวบ้าน และนักศึกษาในยุคต่อมา คือผู้จุดประกายความคิด เพื่อเสรีภาพ 🕊️

    🟪 มรดกแห่งความทรงจำ กว่า 33 ปีหลังการประหาร ศพของครูรวมเพิ่งถูกพบ ที่วัดมกุฏกษัตริยาราม โดยไร้ป้ายบอกชื่อ เป็นอีกหนึ่งเครื่องหมายคำถาม ที่สะท้อนว่า... เรื่องราวนี้ อาจไม่ได้รับความยุติธรรมเท่าที่ควร ❗

    แม้จะเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่ชื่อของ “ครูรวม วงศ์พันธ์” ยังคงเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับคนรุ่นใหม่ ที่เชื่อในอุดมการณ์ เสรีภาพ และความเสมอภาค

    🧭 ครูรวมไม่ใช่แค่ครูธรรมดา แต่เป็นบุคคลหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตอย่างแน่วแน่ เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต

    ✊ แม้ถูกประหารในฐานะ “คอมมิวนิสต์” แต่ยังคงเป็น “ครูของประชาชน” ในความทรงจำของผู้คนมากมาย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241115 เม.ย. 2568

    🔖 #ครูรวมวงศ์พันธ์ #คอมมิวนิสต์ไทย #คดีประหารชีวิต #ประวัติศาสตร์การเมืองไทย #มาตรา17 #ยุคสงครามเย็น #การศึกษากับอุดมการณ์ #ครูไทยในอดีต #ประหารชีวิต #วีรบุรุษประชาชน
    63 ปี "ครูรวม วงศ์พันธ์" จากลูกชาวนา สู่เป้าประหารชีวิต “คอมมิวนิสต์” คนแรกของไทย 🔥 ย้อนไปสู่เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ที่ยังคงสะเทือนใจคนรุ่นหลัง “ครูรวม วงศ์พันธ์” ครูผู้ใฝ่รู้ ผู้กลายเป็นนักโทษคอมมิวนิสต์คนแรกที่ถูกยิงเป้า ประหารชีวิตตามคำสั่งมาตรา 17 ของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ 🟦 จากลูกชาวนาแห่งสุพรรณบุรี สู่ผู้ต้องหาคดีคอมมิวนิสต์คนแรกของไทย ที่ถูกประหารชีวิต เรื่องราวสะท้อนยุคสมัย ที่อุดมการณ์นำมาสู่ชะตากรรม อันน่าเศร้า 🔶 ช่วงเวลาหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทย ในยุคสงครามเย็น มีบุคคลหนึ่งที่ชื่อ “รวม วงศ์พันธ์” ถูกจารึกไว้ว่าเป็น “ผู้กระทำการอันเป็นคอมมิวนิสต์” คนแรกที่ถูกประหารชีวิต ตามกฎหมายมาตรา 17 ของธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรปี พ.ศ. 2502 ✍️ จะพาย้อนกลับไป 63 ปี ที่ผ่านมา เพื่อศึกษาทั้งชีวิตของครูรวม เบื้องหลังคำสั่งประหาร และบริบทของการเมืองไทยยุคนั้น 🕯️ 🟤 จากลูกชาวนา...สู่ครูใหญ่โรงเรียนจีน 👨‍🏫 “รวม วงศ์พันธ์” เกิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2465 ที่บ้านมะขามล้ม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นบุตรชายของนายอยู่ และนางไร มีพี่น้องทั้งหมด 6 คน เติบโตในครอบครัวชาวนาธรรมดา แต่เต็มไปด้วยความใฝ่เรียน 📚 เรียนหนังสือจากโรงเรียนวัดเล็กๆ ใกล้บ้าน ต่อมาได้เข้าเรียนโรงเรียนชื่อดังในกรุงเทพฯ อย่างสวนกุหลาบวิทยาลัย และพาณิชยการพระนคร ก่อนเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งในยุคนั้น ถือเป็นแหล่งเพาะบ่มความคิดเสรี ของนักศึกษาไทย 🇹🇭 ความรักในการเรียน รักในการสอน ครูรวมเริ่มต้นอาชีพครูในโรงเรียนจีน “กวงกงสวย” ก่อนก้าวขึ้นเป็นครูใหญ่ฝ่ายไทย เป็นที่เคารพรักของนักเรียน และครูร่วมงานจำนวนมาก นอกจากนี้ยังได้แต่งงานกับ "ครูประดิษฐ์ สุทธิจิตร์" คู่ชีวิตผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุข ในชีวิตอุดมการณ์ 💞 🟥 สถานการณ์โลกกับภัยคอมมิวนิสต์ 🌍 ช่วงปี 2460–2500 โลกกำลังเผชิญกับ ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อรัสเซียกลายเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ จีนถูกยึดครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ นำโดย "เหมา เจ๋อตง" และในหลายประเทศอุดมการณ์นี้แผ่ขยายเข้าสู่ สังคมชนบทและแรงงาน 🛠️ ความกลัวในสายตารัฐ ประเทศไทยในยุคนั้น อยู่ภายใต้ความตื่นกลัวต่อภัย “แดง” หรือภัยคอมมิวนิสต์จากต่างประเทศ รัฐบาลในหลายยุค รวมถึงยุคของ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" จึงเลือกใช้มาตรการเด็ดขาด เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม ⛔ 🟩 แม้รัฐจะมีกฎหมายควบคุมแนวคิดคอมมิวนิสต์ มาตั้งแต่ปี 2476 แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งการแพร่กระจายได้ โดยเฉพาะในหมู่ชนชั้นแรงงาน ชาวนา และครู ซึ่งเป็นกลุ่มที่เข้าถึง ปัญหาความเหลื่อมล้ำโดยตรง 👩‍🌾 ครูรวมเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เชื่อ ในอุดมการณ์ความเท่าเทียม และใช้วิธีการพูดคุย แบ่งปันความรู้กับชาวบ้านในชนบท รวมถึงสร้าง “ไร่รวม” ที่กาญจนบุรี เพื่อเป็นโรงเรียนการเมืองอย่างลับๆ 🏕️ 🟦 การจับกุม คำพิพากษา และคำสั่งประหาร ⚖️ ในปี พ.ศ. 2505 รัฐบาลจับกุมครูรวม จากการสืบสวน และคำให้การของพยานร่วมกลุ่ม กล่าวหาว่า เป็นผู้นำเครือข่ายคอมมิวนิสต์ ลอบรับคำสั่งจากต่างชาติ และพยายามล้มล้างสถาบันชาติ จอมพลสฤษดิ์ใช้อำนาจตาม “มาตรา 17” สั่งให้ประหารชีวิตทันที โดยไม่ต้องขึ้นศาล ⛓️ 🕕 ค่ำวันอังคารที่ 24 เมษายน 2505 เวลา 18.00 น. ที่เรือนจำกลางบางขวาง ครูรวมถูกยิงเป้าจนเสียชีวิต นับเป็นครั้งแรก ที่มีการประหารผู้ต้องหาคอมมิวนิสต์ ในประวัติศาสตร์ไทย 🇹🇭⚰️ 🟨 วิเคราะห์คดีครูรวม ในบริบทสังคมไทย “ฮีโร่” หรือ “กบฏ”? กรณีของครูรวม สะท้อนถึงยุคสมัยที่ “ความเชื่อ” อาจถูกตีความว่าเป็น “ภัย” การกระทำของครูรวมในสายตารัฐ เป็นอันตรายต่อความมั่นคง แต่ในสายตาของชาวบ้าน และนักศึกษาในยุคต่อมา คือผู้จุดประกายความคิด เพื่อเสรีภาพ 🕊️ 🟪 มรดกแห่งความทรงจำ กว่า 33 ปีหลังการประหาร ศพของครูรวมเพิ่งถูกพบ ที่วัดมกุฏกษัตริยาราม โดยไร้ป้ายบอกชื่อ เป็นอีกหนึ่งเครื่องหมายคำถาม ที่สะท้อนว่า... เรื่องราวนี้ อาจไม่ได้รับความยุติธรรมเท่าที่ควร ❗ แม้จะเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่ชื่อของ “ครูรวม วงศ์พันธ์” ยังคงเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับคนรุ่นใหม่ ที่เชื่อในอุดมการณ์ เสรีภาพ และความเสมอภาค 🧭 ครูรวมไม่ใช่แค่ครูธรรมดา แต่เป็นบุคคลหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตอย่างแน่วแน่ เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต ✊ แม้ถูกประหารในฐานะ “คอมมิวนิสต์” แต่ยังคงเป็น “ครูของประชาชน” ในความทรงจำของผู้คนมากมาย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241115 เม.ย. 2568 🔖 #ครูรวมวงศ์พันธ์ #คอมมิวนิสต์ไทย #คดีประหารชีวิต #ประวัติศาสตร์การเมืองไทย #มาตรา17 #ยุคสงครามเย็น #การศึกษากับอุดมการณ์ #ครูไทยในอดีต #ประหารชีวิต #วีรบุรุษประชาชน
    0 Comments 0 Shares 222 Views 0 Reviews
  • มีหรือแค่...โอ้อวด? 🤔 สำรวจพฤติกรรม "อวดเก่ง อวดรวย อวดสุข" ที่อาจทำให้เสียโอกาส พลาดการเติบโต

    จิตวิทยาความอยากอวดในยุคโซเชียล ทั้งอวดเก่ง อวดรวย อวดสุข มันคือความภูมิใจ หรือแค่สร้างภาพ? แล้วจะเติบโตโดยไม่ต้องโชว์ยังไง?

    จะพาสำรวจพฤติกรรมการโอ้อวด ในสังคมยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการอวดเก่ง อวดรวย หรืออวดความสุข พร้อมแนะแนวทางการเติบโตอย่างมั่นคง โดยไม่ต้องใช้การโชว์เป็นเครื่องมือ

    🌐 โลกยุคแชร์ได้ในพริบตา ในโลกที่โซเชียลมีเดีย กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เราทุกคนต่างก็มี “เวที” เป็นของตัวเอง ✨ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram หรือ TikTok ใครๆ ก็สามารถโพสต์ แชร์ และบอกเล่าเรื่องราวของตัวเอง ได้แบบเรียลไทม์

    แต่เคยสงสัยไหมว่า...
    ทำไมบางโพสต์ถึงรู้สึกเหมือนเป็น "การโชว์"?
    ทำไมบางคนดูเหมือนต้อง “ยืนยัน” ตัวเองตลอดเวลา?

    อวดว่าเก่ง
    อวดว่าได้เงิน
    อวดว่าแฮปปี้สุดๆ 🏆💰😊

    แล้วสิ่งเหล่านี้สะท้อน "ตัวตนจริง" หรือเป็นแค่ "ภาพที่สร้างขึ้น"? จะพาเจาะลึกเรื่องราวเหล่านี้ พร้อมเสนอแนวทางใหม่ ในการเติบโตอย่างมั่นคง โดยไม่ต้องโชว์ให้ใครเห็น 💡

    🌱 ความแตกต่างระหว่าง "ความภูมิใจที่แท้จริง" กับ "การโอ้อวด" 🌟 ก่อนที่เราจะลงลึก สำคัญมากที่เราจะต้องแยกให้ออกก่อนว่า...

    ความภูมิใจที่แท้จริง = ความรู้สึกดีในสิ่งที่เราสร้างขึ้น ด้วยความพยายาม

    การโอ้อวด = การแสดงออกเพื่อให้คนอื่นเห็นและยอมรับ แม้บางครั้งจะไม่ได้มาจากความจริงภายใน

    ความภูมิใจคือ การ "รู้ว่าเราทำได้"

    การอวดคือ การ "อยากให้คนอื่นรู้ว่าเราทำได้" 😌✨

    ลองถามตัวเอง...

    🔍 ฉันโพสต์สิ่งนี้ เพราะภูมิใจในตัวเอง หรือเพราะอยากให้คนอื่นชื่นชม? คำตอบนั้น จะบอกได้เลยว่า เรากำลัง “เติบโต” หรือแค่ “แสดงตัวตน”

    พฤติกรรม “อวดเก่ง” 😎 ที่ต้องบอกว่าเราเก่ง? เพราะ...

    ความต้องการการยอมรับ มนุษย์ทุกคนล้วนมีความต้องการพื้นฐานคือ “การได้รับการยอมรับ” จากสังคม 🧠 ในยุคที่ใครๆ ก็แชร์ได้ การโพสต์ความสำเร็จ กลายเป็นเครื่องมือเรียกร้องความสนใจ ได้ง่ายที่สุด

    แต่คำถามคือ... ❓ ถ้าเราเก่งจริง เราต้องบอกทุกคนตลอดเวลาหรือเปล่า?

    อวดเก่ง = หยุดพัฒนา คนที่มัวแต่ “อวดว่าเก่ง” มักจะลืมไปว่า “การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด” เพราะพอได้รับคำชมแล้ว อาจทำให้รู้สึกว่า "เราดีอยู่แล้ว ไม่ต้องพัฒนาอีก" 😵‍💫

    สัญญาณที่ควรเช็กตัวเอง โพสต์ความสำเร็จ บ่อยกว่าความพยายามหรือเปล่า? เวลาคุยกับคนอื่น มักจะเน้นว่า “เราทำอะไรได้ดี” มากกว่าการ “เรียนรู้จากคนอื่น” หรือไม่?

    💬 หากคำตอบคือ "ใช่"... บางทีเรากำลังหลงอยู่กับภาพของตัวเอง

    พฤติกรรม “อวดรวย” 💸 ความมั่งคั่งที่แท้จริง ต้องโชว์หรือไม่?

    ความรวยที่แท้จริง "เงียบ" เสมอ จากงานวิจัยของ "มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด" พบว่า คนที่มีความมั่นคงทางการเงิน มักไม่รู้สึกต้องโชว์ เพราะพวกเขา “ไม่ได้ต้องการพิสูจน์อะไรให้ใครเห็น” 💼

    ✅ รวยจริง = มั่นใจ
    ❌ อวดรวย = แสวงหาการยอมรับ

    การอวดมักมาจาก “ความขาด” หลายครั้งที่การอวดเรื่องเงินทอง มาจาก "ความรู้สึกไม่เพียงพอ" ภายในใจ 🥺 คนที่เคยลำบาก อาจรู้สึกต้องโชว์ว่าตัวเอง "มีแล้ว" คนที่ยังกลัวความจน มักจะแสดงออกเพื่อปกปิดความกลัว

    พฤติกรรมที่เห็นได้ชัดคือ อวดของแบรนด์เนม แต่มีหนี้บัตรเครดิต 😬 โชว์ไลฟ์สไตล์หรู แต่ไม่มีการลงทุนในความรู้ หรือสุขภาพของตัวเอง

    พฤติกรรม “อวดสุข” 😊🌈 มีความสุขจริง หรือแค่ต้องการให้คนอื่นอิจฉา?

    ความสุขที่แท้จริง ไม่ต้องโชว์ คนที่มีความสุขจริง มักอยู่กับตัวเองหรือคนที่รัก ไม่รู้สึกจำเป็นต้องแชร์ทุกโมเมนต์ เพราะเขาไม่ต้องการการยืนยันจากคนอื่น 💖

    เมื่อ “อวดสุข” = “ฉันเหนือกว่า” โพสต์อาหารดี วิวสวย หรือชีวิตคู่สุดโรแมนติกตลอดเวลา... บางครั้งอาจกลายเป็นการแข่งขันทางอารมณ์ ที่หลอกตัวเองว่า “ฉันชนะแล้ว”

    🚨 นั่นคือกับดักของการเปรียบเทียบ!

    🚪 การ “อวด” ทำให้เสียโอกาส ❌ ไม่มีเวลาเรียนรู้ การมัวแต่สร้างภาพ ทำให้ไม่มีเวลา “เรียนรู้จริง” เพราะใช้พลังไปกับ การทำให้คนอื่นเชื่อว่าเราเก่ง เรารวย เรามีความสุข 😓

    ติดกับดักคำชม เมื่อเราต้องการคำชมมากเกินไป เราจะเริ่ม “ทำทุกอย่างเพื่อให้คนชอบ” แทนที่จะ “ทำในสิ่งที่เรารัก”

    เครียดจากการเปรียบเทียบ เมื่อเราอยากชนะจากการเปรียบเทียบ มันสร้างความกดดันให้เราต้อง “ดูดีกว่า” อยู่เสมอ ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตอย่างมาก 😵‍💫

    จะเติบโตได้ยังไง โดยไม่ต้องโชว์? 🌿🚀

    ✅ ฟกัสที่ “การเติบโต” ไม่ใช่ “ภาพลักษณ์” ถามตัวเองบ่อยๆ ว่า... สิ่งที่ฉันทำวันนี้ มันช่วยให้ฉันดีขึ้นจริงไหม? หรือแค่ทำเพื่อให้คนอื่นเห็น?

    ✅ สื่อสารแบบ “ภูมิใจ” ไม่ใช่ “โอ้อวด” ความภูมิใจคือ การแบ่งปันประสบการณ์ เพื่อ “สร้างแรงบันดาลใจ” ไม่ใช่เพื่อ “ข่มคนอื่น” 🗣️

    ✅ มีความสุขแบบไม่ต้องโชว์ ลองอยู่กับตัวเอง ใช้เวลากับสิ่งเล็กๆ เช่น อ่านหนังสือ ทำอาหาร หรือเดินเล่น โดยไม่ต้องถ่ายรูปแชร์ทุกครั้ง 🍃📚

    ✅ เปลี่ยนคำถามในใจ จาก “คนอื่นจะคิดยังไง?” 👉 เป็น “สิ่งนี้ทำให้ฉันเติบโตไหม?” หรือ “สิ่งนี้สะท้อนตัวตนของฉันจริงหรือเปล่า?”

    🧘‍♂️ ในยุคที่ใครๆ ก็สามารถสร้างภาพได้ คนที่ “เงียบแต่ลึก” กลับน่าสนใจกว่า

    จงเป็นคนที่ มี มากกว่าคนที่ต้อง โชว์ว่ามี เพราะสุดท้าย... ความสุขจริง ไม่ได้อยู่ที่สายตาคนอื่น แต่มันอยู่ที่ใจของเราเอง 💖

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231249 เม.ย. 2568

    📲 #อวดเก่ง #อวดรวย #อวดสุข #ภูมิใจไม่อวด #เติบโตจากภายใน #ไม่ต้องโชว์ก็สุขได้ #สุขแบบเงียบๆ #ชีวิตเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง #แค่มีไม่ต้องโชว์ #จิตวิทยาโซเชียล
    มีหรือแค่...โอ้อวด? 🤔 สำรวจพฤติกรรม "อวดเก่ง อวดรวย อวดสุข" ที่อาจทำให้เสียโอกาส พลาดการเติบโต จิตวิทยาความอยากอวดในยุคโซเชียล ทั้งอวดเก่ง อวดรวย อวดสุข มันคือความภูมิใจ หรือแค่สร้างภาพ? แล้วจะเติบโตโดยไม่ต้องโชว์ยังไง? จะพาสำรวจพฤติกรรมการโอ้อวด ในสังคมยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการอวดเก่ง อวดรวย หรืออวดความสุข พร้อมแนะแนวทางการเติบโตอย่างมั่นคง โดยไม่ต้องใช้การโชว์เป็นเครื่องมือ 🌐 โลกยุคแชร์ได้ในพริบตา ในโลกที่โซเชียลมีเดีย กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เราทุกคนต่างก็มี “เวที” เป็นของตัวเอง ✨ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram หรือ TikTok ใครๆ ก็สามารถโพสต์ แชร์ และบอกเล่าเรื่องราวของตัวเอง ได้แบบเรียลไทม์ แต่เคยสงสัยไหมว่า... ทำไมบางโพสต์ถึงรู้สึกเหมือนเป็น "การโชว์"? ทำไมบางคนดูเหมือนต้อง “ยืนยัน” ตัวเองตลอดเวลา? อวดว่าเก่ง อวดว่าได้เงิน อวดว่าแฮปปี้สุดๆ 🏆💰😊 แล้วสิ่งเหล่านี้สะท้อน "ตัวตนจริง" หรือเป็นแค่ "ภาพที่สร้างขึ้น"? จะพาเจาะลึกเรื่องราวเหล่านี้ พร้อมเสนอแนวทางใหม่ ในการเติบโตอย่างมั่นคง โดยไม่ต้องโชว์ให้ใครเห็น 💡 🌱 ความแตกต่างระหว่าง "ความภูมิใจที่แท้จริง" กับ "การโอ้อวด" 🌟 ก่อนที่เราจะลงลึก สำคัญมากที่เราจะต้องแยกให้ออกก่อนว่า... ความภูมิใจที่แท้จริง = ความรู้สึกดีในสิ่งที่เราสร้างขึ้น ด้วยความพยายาม การโอ้อวด = การแสดงออกเพื่อให้คนอื่นเห็นและยอมรับ แม้บางครั้งจะไม่ได้มาจากความจริงภายใน ความภูมิใจคือ การ "รู้ว่าเราทำได้" การอวดคือ การ "อยากให้คนอื่นรู้ว่าเราทำได้" 😌✨ ลองถามตัวเอง... 🔍 ฉันโพสต์สิ่งนี้ เพราะภูมิใจในตัวเอง หรือเพราะอยากให้คนอื่นชื่นชม? คำตอบนั้น จะบอกได้เลยว่า เรากำลัง “เติบโต” หรือแค่ “แสดงตัวตน” พฤติกรรม “อวดเก่ง” 😎 ที่ต้องบอกว่าเราเก่ง? เพราะ... ความต้องการการยอมรับ มนุษย์ทุกคนล้วนมีความต้องการพื้นฐานคือ “การได้รับการยอมรับ” จากสังคม 🧠 ในยุคที่ใครๆ ก็แชร์ได้ การโพสต์ความสำเร็จ กลายเป็นเครื่องมือเรียกร้องความสนใจ ได้ง่ายที่สุด แต่คำถามคือ... ❓ ถ้าเราเก่งจริง เราต้องบอกทุกคนตลอดเวลาหรือเปล่า? อวดเก่ง = หยุดพัฒนา คนที่มัวแต่ “อวดว่าเก่ง” มักจะลืมไปว่า “การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด” เพราะพอได้รับคำชมแล้ว อาจทำให้รู้สึกว่า "เราดีอยู่แล้ว ไม่ต้องพัฒนาอีก" 😵‍💫 สัญญาณที่ควรเช็กตัวเอง โพสต์ความสำเร็จ บ่อยกว่าความพยายามหรือเปล่า? เวลาคุยกับคนอื่น มักจะเน้นว่า “เราทำอะไรได้ดี” มากกว่าการ “เรียนรู้จากคนอื่น” หรือไม่? 💬 หากคำตอบคือ "ใช่"... บางทีเรากำลังหลงอยู่กับภาพของตัวเอง พฤติกรรม “อวดรวย” 💸 ความมั่งคั่งที่แท้จริง ต้องโชว์หรือไม่? ความรวยที่แท้จริง "เงียบ" เสมอ จากงานวิจัยของ "มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด" พบว่า คนที่มีความมั่นคงทางการเงิน มักไม่รู้สึกต้องโชว์ เพราะพวกเขา “ไม่ได้ต้องการพิสูจน์อะไรให้ใครเห็น” 💼 ✅ รวยจริง = มั่นใจ ❌ อวดรวย = แสวงหาการยอมรับ การอวดมักมาจาก “ความขาด” หลายครั้งที่การอวดเรื่องเงินทอง มาจาก "ความรู้สึกไม่เพียงพอ" ภายในใจ 🥺 คนที่เคยลำบาก อาจรู้สึกต้องโชว์ว่าตัวเอง "มีแล้ว" คนที่ยังกลัวความจน มักจะแสดงออกเพื่อปกปิดความกลัว พฤติกรรมที่เห็นได้ชัดคือ อวดของแบรนด์เนม แต่มีหนี้บัตรเครดิต 😬 โชว์ไลฟ์สไตล์หรู แต่ไม่มีการลงทุนในความรู้ หรือสุขภาพของตัวเอง พฤติกรรม “อวดสุข” 😊🌈 มีความสุขจริง หรือแค่ต้องการให้คนอื่นอิจฉา? ความสุขที่แท้จริง ไม่ต้องโชว์ คนที่มีความสุขจริง มักอยู่กับตัวเองหรือคนที่รัก ไม่รู้สึกจำเป็นต้องแชร์ทุกโมเมนต์ เพราะเขาไม่ต้องการการยืนยันจากคนอื่น 💖 เมื่อ “อวดสุข” = “ฉันเหนือกว่า” โพสต์อาหารดี วิวสวย หรือชีวิตคู่สุดโรแมนติกตลอดเวลา... บางครั้งอาจกลายเป็นการแข่งขันทางอารมณ์ ที่หลอกตัวเองว่า “ฉันชนะแล้ว” 🚨 นั่นคือกับดักของการเปรียบเทียบ! 🚪 การ “อวด” ทำให้เสียโอกาส ❌ ไม่มีเวลาเรียนรู้ การมัวแต่สร้างภาพ ทำให้ไม่มีเวลา “เรียนรู้จริง” เพราะใช้พลังไปกับ การทำให้คนอื่นเชื่อว่าเราเก่ง เรารวย เรามีความสุข 😓 ติดกับดักคำชม เมื่อเราต้องการคำชมมากเกินไป เราจะเริ่ม “ทำทุกอย่างเพื่อให้คนชอบ” แทนที่จะ “ทำในสิ่งที่เรารัก” เครียดจากการเปรียบเทียบ เมื่อเราอยากชนะจากการเปรียบเทียบ มันสร้างความกดดันให้เราต้อง “ดูดีกว่า” อยู่เสมอ ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตอย่างมาก 😵‍💫 จะเติบโตได้ยังไง โดยไม่ต้องโชว์? 🌿🚀 ✅ ฟกัสที่ “การเติบโต” ไม่ใช่ “ภาพลักษณ์” ถามตัวเองบ่อยๆ ว่า... สิ่งที่ฉันทำวันนี้ มันช่วยให้ฉันดีขึ้นจริงไหม? หรือแค่ทำเพื่อให้คนอื่นเห็น? ✅ สื่อสารแบบ “ภูมิใจ” ไม่ใช่ “โอ้อวด” ความภูมิใจคือ การแบ่งปันประสบการณ์ เพื่อ “สร้างแรงบันดาลใจ” ไม่ใช่เพื่อ “ข่มคนอื่น” 🗣️ ✅ มีความสุขแบบไม่ต้องโชว์ ลองอยู่กับตัวเอง ใช้เวลากับสิ่งเล็กๆ เช่น อ่านหนังสือ ทำอาหาร หรือเดินเล่น โดยไม่ต้องถ่ายรูปแชร์ทุกครั้ง 🍃📚 ✅ เปลี่ยนคำถามในใจ จาก “คนอื่นจะคิดยังไง?” 👉 เป็น “สิ่งนี้ทำให้ฉันเติบโตไหม?” หรือ “สิ่งนี้สะท้อนตัวตนของฉันจริงหรือเปล่า?” 🧘‍♂️ ในยุคที่ใครๆ ก็สามารถสร้างภาพได้ คนที่ “เงียบแต่ลึก” กลับน่าสนใจกว่า จงเป็นคนที่ มี มากกว่าคนที่ต้อง โชว์ว่ามี เพราะสุดท้าย... ความสุขจริง ไม่ได้อยู่ที่สายตาคนอื่น แต่มันอยู่ที่ใจของเราเอง 💖 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231249 เม.ย. 2568 📲 #อวดเก่ง #อวดรวย #อวดสุข #ภูมิใจไม่อวด #เติบโตจากภายใน #ไม่ต้องโชว์ก็สุขได้ #สุขแบบเงียบๆ #ชีวิตเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง #แค่มีไม่ต้องโชว์ #จิตวิทยาโซเชียล
    0 Comments 0 Shares 181 Views 0 Reviews
  • สลามเมืองไทย EP16 | วันอีฎิลฟิตริ สิ้นสุดการถือศีลอดเดือนรอมฎอน

    "อีฎิลฟิตริ วันแห่งความสุข ความสามัคคี และการขอบคุณพระเจ้า"

    วันอีฎิลฟิตริ (Eid al-Fitr) เป็นวันสำคัญทางศาสนาอิสลามที่เกิดขึ้นทันทีหลังจากสิ้นสุดเดือนรอมฎอน เป็นวันเฉลิมฉลองหลังจากการถือศีลอดตลอดทั้งเดือน มุสลิมทั่วโลกจะร่วมละหมาดอีฎิ รับประทานอาหารร่วมกัน และแบ่งปันความสุขกับครอบครัว ชุมชน รวมถึงผู้ยากไร้

    "จากการอดทนสู่การเฉลิมฉลอง"
    วันอีฎิลฟิตริไม่ได้เป็นเพียงวันหยุด แต่เป็น การเฉลิมฉลองจิตใจที่บริสุทธิ์ และความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับพระเจ้าและผู้อื่น พร้อมการให้อภัย แสดงความรัก และการคืนดีกันในสังคม

    EP นี้ พาไปรู้จักกับบรรยากาศของวันอีฎิในชุมชนมุสลิมไทย พร้อมเรื่องราวของการเตรียมตัว ตักบาตรซะกาต ฟังคุตบะฮ์ และการรวมพลังแห่งความศรัทธาในวันสุดพิเศษนี้

    #สลามเมืองไทย #EP16 #วันอีฎิลฟิตริ #EidAlFitr #สิ้นสุดรอมฎอน #MuslimCelebration #IslamicFaith #ละหมาดอีฎิ #ศรัทธาและสามัคคี #ThaiMuslim #ThaiTimes
    สลามเมืองไทย EP16 | วันอีฎิลฟิตริ สิ้นสุดการถือศีลอดเดือนรอมฎอน "อีฎิลฟิตริ วันแห่งความสุข ความสามัคคี และการขอบคุณพระเจ้า" วันอีฎิลฟิตริ (Eid al-Fitr) เป็นวันสำคัญทางศาสนาอิสลามที่เกิดขึ้นทันทีหลังจากสิ้นสุดเดือนรอมฎอน เป็นวันเฉลิมฉลองหลังจากการถือศีลอดตลอดทั้งเดือน มุสลิมทั่วโลกจะร่วมละหมาดอีฎิ รับประทานอาหารร่วมกัน และแบ่งปันความสุขกับครอบครัว ชุมชน รวมถึงผู้ยากไร้ "จากการอดทนสู่การเฉลิมฉลอง" วันอีฎิลฟิตริไม่ได้เป็นเพียงวันหยุด แต่เป็น การเฉลิมฉลองจิตใจที่บริสุทธิ์ และความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับพระเจ้าและผู้อื่น พร้อมการให้อภัย แสดงความรัก และการคืนดีกันในสังคม EP นี้ พาไปรู้จักกับบรรยากาศของวันอีฎิในชุมชนมุสลิมไทย พร้อมเรื่องราวของการเตรียมตัว ตักบาตรซะกาต ฟังคุตบะฮ์ และการรวมพลังแห่งความศรัทธาในวันสุดพิเศษนี้ #สลามเมืองไทย #EP16 #วันอีฎิลฟิตริ #EidAlFitr #สิ้นสุดรอมฎอน #MuslimCelebration #IslamicFaith #ละหมาดอีฎิ #ศรัทธาและสามัคคี #ThaiMuslim #ThaiTimes
    0 Comments 0 Shares 241 Views 2 0 Reviews
  • สวัสดี ไทยไทม์ ช่องทางใหม่ ที่จะใช้ แชร์ แบ่งปัน เรื่องราวชีวิตการเป็นมนุษย์ที่ตื่นรู้ จิตวิญญาณ ด้วยตัวเอง ครั้งใหญ่หลวง ในชาติภพ ปัจจุบันนี้ ที่เกิดเป็น ผู้หญิงในภาพ ที่คุณเห็นอยู่นี้ #ลิช่าณราวดี #ริช่าปาริชาต
    สวัสดี ไทยไทม์ ช่องทางใหม่ ที่จะใช้ แชร์ แบ่งปัน เรื่องราวชีวิตการเป็นมนุษย์ที่ตื่นรู้ จิตวิญญาณ ด้วยตัวเอง ครั้งใหญ่หลวง ในชาติภพ ปัจจุบันนี้ ที่เกิดเป็น ผู้หญิงในภาพ ที่คุณเห็นอยู่นี้ #ลิช่าณราวดี #ริช่าปาริชาต
    0 Comments 0 Shares 213 Views 0 Reviews
  • 5 สัญญาณที่บ่งชี้ว่าคุณอาจต้องการเมนทอร์

    1.คุณมีเป้าหมายใหญ่ แต่ไม่มีแผนที่ชัดเจนในการทำให้สำเร็จ
    การมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่เป็นเรื่องที่น่าชื่นชม แต่หากปราศจากแผนการที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมในการดำเนินการ เป้าหมายเหล่านั้นก็มีแนวโน้มที่จะยังคงเป็นเพียงความฝัน การขาดแผนที่นำทางที่ชัดเจนอาจทำให้คุณรู้สึกสับสน ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหน หรือดำเนินการอย่างไรต่อไป

    เมนทอร์ที่มีประสบการณ์สามารถช่วยคุณในการกำหนดขั้นตอนที่จำเป็นในการบรรลุเป้าหมายเหล่านั้น โดยให้คำแนะนำในการวางแผน กลยุทธ์ และการจัดลำดับความสำคัญ เพื่อเปลี่ยนเป้าหมายที่ดูเหมือนเป็นนามธรรมให้กลายเป็นเส้นทางที่สามารถปฏิบัติได้จริง

    2.คุณรู้สึกว่าตัวเองติดอยู่ในวังวน
    เมื่อคุณรู้สึกว่าตัวเองติดอยู่ในวังวน ไม่สามารถก้าวหน้าไปได้ ไม่ว่าจะเป็นในชีวิตส่วนตัวหรือการทำงาน
    นั่นเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่ามุมมองและแนวทางที่คุณใช้อยู่อาจไม่เพียงพออีกต่อไป ความรู้สึกเหมือนถูกจำกัดหรือขาดแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเอง อาจเป็นเพราะคุณขาดความรู้ใหม่ๆ กลยุทธ์ที่แตกต่าง หรือแม้แต่การชี้แนะจากผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่า

    เมนทอร์สามารถช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆ ท้าทายความคิดเดิมๆ และให้คำแนะนำที่ช่วยให้คุณหลุดพ้นจากสภาวะที่หยุดนิ่งนี้ เพื่อให้คุณสามารถกลับมาเติบโตและก้าวหน้าได้อีกครั้ง

    3.คุณทำผิดพลาดซ้ำๆ โดยไม่เห็นความคืบหน้าใดๆ
    การทำผิดพลาดซ้ำๆ โดยไม่เห็นความคืบหน้าใดๆ บ่งชี้ว่าคุณอาจขาดความเข้าใจในสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา หรือขาดมุมมองใหม่ๆ ในการแก้ไขสถานการณ์ การที่คุณไม่สามารถเรียนรู้จากความผิดพลาดเดิมๆ อาจเป็นเพราะคุณขาดการไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง หรือไม่มีใครชี้แนะให้เห็นถึงจุดบอดของคุณ

    เมนทอร์สามารถช่วยให้คุณระบุรูปแบบของความผิดพลาด วิเคราะห์หาสาเหตุ และนำเสนอแนวทางแก้ไขที่แตกต่างออกไป เพื่อให้คุณสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์และเริ่มก้าวไปข้างหน้าได้อย่างแท้จริง

    4.การเดินทางในฐานะผู้นำอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายและโดดเดี่ยว
    การเดินทางในฐานะผู้นำอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายและโดดเดี่ยวได้ โดยเฉพาะเมื่อคุณเผชิญกับความรับผิดชอบที่หนักอึ้ง การตัดสินใจที่ซับซ้อน หรือความรู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจความกดดันที่คุณกำลังเผชิญอยู่ ความเหงาในเส้นทางผู้นำอาจนำไปสู่ความไม่มั่นใจ ความเครียด และการขาดมุมมองที่หลากหลาย

    เมนทอร์ที่มีประสบการณ์ในการเป็นผู้นำสามารถเป็นแหล่งสนับสนุนที่สำคัญ พวกเขาสามารถมอบคำแนะนำที่เป็นกลาง แบ่งปันประสบการณ์ และช่วยให้คุณรู้สึกว่าไม่ได้เผชิญกับความท้าทายเหล่านี้เพียงลำพัง การมีเมนทอร์จึงเป็นการสร้างเครือข่ายและมีคู่คิดที่จะช่วยให้คุณเติบโตเป็นผู้นำที่เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

    5.ความชัดเจนในเป้าหมายและวิธีการ
    ประโยคนี้สรุปถึงคุณสมบัติหลักที่เมนทอร์สามารถมอบให้ได้ นั่นคือ ความชัดเจนในเป้าหมายและวิธีการ ความมีทิศทางในการดำเนินงาน และความรับผิดชอบในการลงมือทำ เมื่อคุณรู้สึกสับสน ไม่แน่ใจในเส้นทาง หรือขาดแรงจูงใจในการผลักดันตัวเอง

    เมนทอร์จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมได้ชัดเจนขึ้น กำหนดทิศทางที่ถูกต้อง และช่วยติดตามความคืบหน้าของคุณ เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณกำลังเดินหน้าไปสู่เป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ

    ดูสาระดีๆ ของ How-to สำหรับพัฒนาการจัดการทั้งระดับบุคคล ทีม และองค์กร ได้ที่ WWW.10-XCONSULTING.COM และ WWW.LIFEALIGNMENTOR.COM
    5 สัญญาณที่บ่งชี้ว่าคุณอาจต้องการเมนทอร์ 1.คุณมีเป้าหมายใหญ่ แต่ไม่มีแผนที่ชัดเจนในการทำให้สำเร็จ การมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่เป็นเรื่องที่น่าชื่นชม แต่หากปราศจากแผนการที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมในการดำเนินการ เป้าหมายเหล่านั้นก็มีแนวโน้มที่จะยังคงเป็นเพียงความฝัน การขาดแผนที่นำทางที่ชัดเจนอาจทำให้คุณรู้สึกสับสน ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหน หรือดำเนินการอย่างไรต่อไป เมนทอร์ที่มีประสบการณ์สามารถช่วยคุณในการกำหนดขั้นตอนที่จำเป็นในการบรรลุเป้าหมายเหล่านั้น โดยให้คำแนะนำในการวางแผน กลยุทธ์ และการจัดลำดับความสำคัญ เพื่อเปลี่ยนเป้าหมายที่ดูเหมือนเป็นนามธรรมให้กลายเป็นเส้นทางที่สามารถปฏิบัติได้จริง 2.คุณรู้สึกว่าตัวเองติดอยู่ในวังวน เมื่อคุณรู้สึกว่าตัวเองติดอยู่ในวังวน ไม่สามารถก้าวหน้าไปได้ ไม่ว่าจะเป็นในชีวิตส่วนตัวหรือการทำงาน นั่นเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่ามุมมองและแนวทางที่คุณใช้อยู่อาจไม่เพียงพออีกต่อไป ความรู้สึกเหมือนถูกจำกัดหรือขาดแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเอง อาจเป็นเพราะคุณขาดความรู้ใหม่ๆ กลยุทธ์ที่แตกต่าง หรือแม้แต่การชี้แนะจากผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่า เมนทอร์สามารถช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆ ท้าทายความคิดเดิมๆ และให้คำแนะนำที่ช่วยให้คุณหลุดพ้นจากสภาวะที่หยุดนิ่งนี้ เพื่อให้คุณสามารถกลับมาเติบโตและก้าวหน้าได้อีกครั้ง 3.คุณทำผิดพลาดซ้ำๆ โดยไม่เห็นความคืบหน้าใดๆ การทำผิดพลาดซ้ำๆ โดยไม่เห็นความคืบหน้าใดๆ บ่งชี้ว่าคุณอาจขาดความเข้าใจในสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา หรือขาดมุมมองใหม่ๆ ในการแก้ไขสถานการณ์ การที่คุณไม่สามารถเรียนรู้จากความผิดพลาดเดิมๆ อาจเป็นเพราะคุณขาดการไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง หรือไม่มีใครชี้แนะให้เห็นถึงจุดบอดของคุณ เมนทอร์สามารถช่วยให้คุณระบุรูปแบบของความผิดพลาด วิเคราะห์หาสาเหตุ และนำเสนอแนวทางแก้ไขที่แตกต่างออกไป เพื่อให้คุณสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์และเริ่มก้าวไปข้างหน้าได้อย่างแท้จริง 4.การเดินทางในฐานะผู้นำอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายและโดดเดี่ยว การเดินทางในฐานะผู้นำอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายและโดดเดี่ยวได้ โดยเฉพาะเมื่อคุณเผชิญกับความรับผิดชอบที่หนักอึ้ง การตัดสินใจที่ซับซ้อน หรือความรู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจความกดดันที่คุณกำลังเผชิญอยู่ ความเหงาในเส้นทางผู้นำอาจนำไปสู่ความไม่มั่นใจ ความเครียด และการขาดมุมมองที่หลากหลาย เมนทอร์ที่มีประสบการณ์ในการเป็นผู้นำสามารถเป็นแหล่งสนับสนุนที่สำคัญ พวกเขาสามารถมอบคำแนะนำที่เป็นกลาง แบ่งปันประสบการณ์ และช่วยให้คุณรู้สึกว่าไม่ได้เผชิญกับความท้าทายเหล่านี้เพียงลำพัง การมีเมนทอร์จึงเป็นการสร้างเครือข่ายและมีคู่คิดที่จะช่วยให้คุณเติบโตเป็นผู้นำที่เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 5.ความชัดเจนในเป้าหมายและวิธีการ ประโยคนี้สรุปถึงคุณสมบัติหลักที่เมนทอร์สามารถมอบให้ได้ นั่นคือ ความชัดเจนในเป้าหมายและวิธีการ ความมีทิศทางในการดำเนินงาน และความรับผิดชอบในการลงมือทำ เมื่อคุณรู้สึกสับสน ไม่แน่ใจในเส้นทาง หรือขาดแรงจูงใจในการผลักดันตัวเอง เมนทอร์จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมได้ชัดเจนขึ้น กำหนดทิศทางที่ถูกต้อง และช่วยติดตามความคืบหน้าของคุณ เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณกำลังเดินหน้าไปสู่เป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ดูสาระดีๆ ของ How-to สำหรับพัฒนาการจัดการทั้งระดับบุคคล ทีม และองค์กร ได้ที่ WWW.10-XCONSULTING.COM และ WWW.LIFEALIGNMENTOR.COM
    0 Comments 0 Shares 270 Views 0 Reviews
  • Seagate อ้างว่า ฮาร์ดไดรฟ์ (HDDs) เป็นตัวเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า SSDs เนื่องจากมีการปล่อยคาร์บอนต่ำกว่า โดยผลการศึกษาพบว่า ฮาร์ดไดรฟ์มีการปล่อยคาร์บอนต่อปีต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับ SSDs และ LTO tapes

    ✅ Seagate วิเคราะห์การปล่อยคาร์บอนของ HDDs, SSDs และ LTO tapes
    - SSDs มีการปล่อยคาร์บอนสูงสุดที่ 4,915 กิโลกรัม CO² ต่อผลิตภัณฑ์
    - LTO tapes มีการปล่อยคาร์บอน 48 กิโลกรัม CO² ต่อผลิตภัณฑ์
    - HDDs มีการปล่อยคาร์บอนต่ำสุดที่ 29.7 กิโลกรัม CO² ต่อผลิตภัณฑ์

    ✅ ฮาร์ดไดรฟ์มีการปล่อยคาร์บอนต่อปีต่ำที่สุด
    - SSDs ปล่อยคาร์บอน 32 กิโลกรัม CO² ต่อ TB ต่อปี
    - LTO tapes ปล่อยคาร์บอน <0.6 กิโลกรัม CO² ต่อ TB ต่อปี
    - HDDs ปล่อยคาร์บอน <0.2 กิโลกรัม CO² ต่อ TB ต่อปี

    ✅ Seagate เสนอแนวทางลดการปล่อยคาร์บอนในศูนย์ข้อมูล
    - เพิ่มการใช้ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวและ HVAC ที่มีประสิทธิภาพสูง
    - ขยายอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ผ่านการรีเฟอร์บิชและนำกลับมาใช้ใหม่
    - แบ่งปันความรับผิดชอบด้านการปล่อยคาร์บอนในระบบนิเวศของศูนย์ข้อมูล

    ✅ Seagate ยังคงพัฒนา HDDs ที่มีความจุสูงขึ้น
    - เปิดตัว Mozaic 3+ HDDs ที่ใช้เทคโนโลยี HAMR และมีความจุ สูงสุด 36TB

    https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/seagate-claims-hard-drives-are-more-environmentally-friendly-than-ssds
    Seagate อ้างว่า ฮาร์ดไดรฟ์ (HDDs) เป็นตัวเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า SSDs เนื่องจากมีการปล่อยคาร์บอนต่ำกว่า โดยผลการศึกษาพบว่า ฮาร์ดไดรฟ์มีการปล่อยคาร์บอนต่อปีต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับ SSDs และ LTO tapes ✅ Seagate วิเคราะห์การปล่อยคาร์บอนของ HDDs, SSDs และ LTO tapes - SSDs มีการปล่อยคาร์บอนสูงสุดที่ 4,915 กิโลกรัม CO² ต่อผลิตภัณฑ์ - LTO tapes มีการปล่อยคาร์บอน 48 กิโลกรัม CO² ต่อผลิตภัณฑ์ - HDDs มีการปล่อยคาร์บอนต่ำสุดที่ 29.7 กิโลกรัม CO² ต่อผลิตภัณฑ์ ✅ ฮาร์ดไดรฟ์มีการปล่อยคาร์บอนต่อปีต่ำที่สุด - SSDs ปล่อยคาร์บอน 32 กิโลกรัม CO² ต่อ TB ต่อปี - LTO tapes ปล่อยคาร์บอน <0.6 กิโลกรัม CO² ต่อ TB ต่อปี - HDDs ปล่อยคาร์บอน <0.2 กิโลกรัม CO² ต่อ TB ต่อปี ✅ Seagate เสนอแนวทางลดการปล่อยคาร์บอนในศูนย์ข้อมูล - เพิ่มการใช้ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวและ HVAC ที่มีประสิทธิภาพสูง - ขยายอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ผ่านการรีเฟอร์บิชและนำกลับมาใช้ใหม่ - แบ่งปันความรับผิดชอบด้านการปล่อยคาร์บอนในระบบนิเวศของศูนย์ข้อมูล ✅ Seagate ยังคงพัฒนา HDDs ที่มีความจุสูงขึ้น - เปิดตัว Mozaic 3+ HDDs ที่ใช้เทคโนโลยี HAMR และมีความจุ สูงสุด 36TB https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/seagate-claims-hard-drives-are-more-environmentally-friendly-than-ssds
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Seagate claims hard drives are more environmentally friendly than SSDs
    Spinning platters are allegedly the best storage method to reduce carbon emissions.
    0 Comments 0 Shares 127 Views 0 Reviews
  • ** บทกวีทับทิมจาก <ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ>**

    สวัสดีค่ะ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้เราได้คุยถึงเรื่องสีแดงในเรื่อง <ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ> เพื่อนเพจที่ได้ดูซีรีส์เรื่องนี้คงจะจำได้ว่าพ่อของนางเอกทิ้งสูตรเกี่ยวกับการผสมสีแดงของตระกูลไว้ในบทกวีที่เกี่ยวกับทับทิม Storyฯ เห็นว่ามีเกร็ดประวัติศาสตร์เล็กๆ สอดแทรกอยู่ในนี้ที่เพื่อนเพจคงไม่รู้ เลยมาแบ่งปันให้ฟัง... เป็นเรื่องราวชีวิตคู่ของหลี่ไป๋

    บทกวีดังกล่าวมีชื่อว่า ‘หย่งหลินหนี่ว์ตงชวงไห่สือหลิ่ว’ (咏邻女东窗海石榴 แปลได้ประมาณว่า ชื่นชมสตรีข้างบ้านผ่านหน้าต่างและต้นทับทิม) เป็นผลงานของหลี่ไป๋ เซียนกวีแห่งราชวงศ์ถัง ถูกประพันธ์ขึ้นสมัยที่เขาพำนักอยู่ในเขตซานตง ใจความบรรยายถึงความงามของสตรีข้างบ้านที่เขามองเห็นผ่านหน้าต่าง ซึ่งเขาเรียกในบทกวีว่า ‘สตรีจากแดนหลู่’ ความงามของนางถูกเสริมด้วยความงามของต้นทับทิมที่มีดอกสีแดงจัดตัดกับใบเขียว เขาถึงกับรำพันว่าจะยอมเป็นกิ่งทับทิมที่ทอดเกยอาภรณ์ของนางเพื่อขอเพียงให้ได้ใกล้ชิดอนงค์นาง แต่จนใจได้แต่ชะเง้อมองผ่านหน้าต่าง

    แน่นอนว่ามันเป็นกลอนบอกรัก และสตรีดังกล่าวเป็นหนึ่งในภรรรยาของหลี่ไป๋

    เพื่อนเพจหลายท่านอาจไม่คุ้นเคยกับชีวประวัติของหลี่ไป๋และคงไม่ทราบว่าหลี่ไป๋มีภรรยาสี่คน จริงๆ แล้วเขาแต่งงานอย่างถูกต้องตามธรรมเนียมสองครั้ง ส่วนภรรยาอีกสองคนไม่ได้แต่งงานแต่อยู่กินด้วยกันเฉยๆ

    เขาแต่งงานครั้งแรกเมื่ออายุยี่สิบเจ็ดปีกับภรรยาคนแรกคือสตรีสกุลสวี่ผู้เป็นหลานของอดีตอัครเสนาบดีในรัชสมัยขององค์ถังเกาจง ถูกรับเข้าจวนสกุลสวี่เป็นเขยแต่งเข้าหรือที่เรียกว่า ‘จุ้ยซวี่’ มีลูกด้วยกันสองคน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง แต่ลูกทั้งสองได้ใช้แซ่หลี่ตามหลี่ไป๋ผู้เป็นบิดา (อนึ่ง ปกติจุ้ยซวี่แต่งเข้าเรือนของสตรี เมื่อมีลูกก็จะใช้แซ่ของผู้เป็นมารดาไม่ใช่บิดา Storyฯ เคยเขียนถึงแล้ว แปะลิ้งค์ไว้ให้อ่านใหม่ที่ท้ายเรื่อง) ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันกับนางสกุลสวี่นี้ หลี่ไป๋มีชีวิตค่อนข้างสบายเพราะฝ่ายหญิงมีฐานะดีและเขามีอิสระที่จะเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ ตามใจหมาย ว่ากันว่าเขารักภรรยาคนนี้มากแต่นางป่วยตายหลังจากใช้ชีวิตคู่ด้วยกันนานสิบเอ็ดปี

    เมื่อสิ้นภรรยาคนแรก หลี่ไป๋ก็พาลูกจากจวนสกุลสวี่ออกเดินทาง มาหยุดพำนักที่บริเวณพื้นที่แถบซานตง หลังจากนั้นหนึ่งปีเขาก็อยู่กินกับนางสกุลหลิว ว่ากันว่าเป็นเพราะต้องการหาคนมาช่วยเลี้ยงลูกเพื่อว่าตนเองจะได้มีอิสระในการเดินทาง ส่วนนางสกุลหลิวเองก็คาดหวังว่าหลี่ไป๋จะมีอนาคตขุนนางสวยงาม แต่ หลี่ไป๋ก็ยังไม่ได้เข้ารับราชการเสียที สุดท้ายนางทนไม่ได้กับความเป็นกวีขี้เมาของหลี่ไป๋ ทั้งสองจึงแยกทางกันอย่างไม่แฮปปี้

    ต่อมาอีกประมาณหกปี หลี่ไป๋ยังคงอยู่ในละแวกพื้นที่ซานตงหรือที่เรียกว่าพื้นที่หลู่นี้ และได้อยู่กินกับภรรยาคนที่สาม ซึ่งก็คือ ‘สตรีจากแดนหลู่’ ในบทกวีข้างต้นนั่นเอง เขาซื้อที่ดินทำกินให้นางดูแลทรัพย์สินอย่างไว้ใจ นางเองก็ขยันขันแข็งทำมาหากิน ส่วนตัวเขายังคงออกเดินทางไปตามพื้นที่ต่างๆ และใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในเมืองหลวง พวกเขามีบุตรชายด้วยกันหนึ่งคน แต่ไม่มีการบันทึกถึงรายละเอียดว่าเกิดอะไรกับลูกชายคนนี้ และไม่มีหลักฐานปรากฏด้วยซ้ำว่าสตรีนางนี้มีชื่อสกุลใด บ้างว่านางเป็นแม่หม้ายบ้างว่านางได้หมั้นหมายแล้วแต่คู่หมายหายไปหลายปีกลายเป็นหม้ายขันหมาก แต่ที่แน่ๆ คือนางอยู่ข้างบ้าน มองกันไปมองกันมาก็เกิดปิ๊งกันเลยอยู่กินกัน เล่าขานกันต่อมาเพียงว่าอยู่ด้วยกันเพียงห้าปีนางก็ตายจากไป

    หลี่ไป๋แต่งงานครั้งที่สองกับภรรยาคนสุดท้ายคือสตรีสกุลจง เป็นหลานปู่ของจงฉู่เค่อ อดีตอัครเสนาบดีอีกท่านหนึ่งและเขาแต่งเข้าเรือนฝ่ายหญิงอีกครั้ง อยู่ด้วยกันสิบปีอย่างสมบูรณ์พูนสุขแต่ไม่มีบุตร แต่สุดท้ายหลี่ไป๋เข้าไปพัวพันกับคดีการเมืองและนางเสียชีวิตลง ส่วนเขาถูกเนรเทศและแม้ว่าในบั้นปลายชีวิตจะได้รับอิสรภาพแต่ก็ต้องจบชีวิตลงอย่างเดียวดาย

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    บทความในอดีตเกี่ยวกับเจ้าบ่าวจุ้ยซวี่ https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/134357391983589

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.gdzjdaily.com.cn/p/2903387.html
    https://www.photophoto.cn/pic/11693708.html
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://m.thepaper.cn/baijiahao_7753758
    https://gushici.china.com/srgushi/10.html
    https://www.163.com/dy/article/G328S2640543SC39.html
    https://baike.baidu.com/item/咏邻女东窗海石榴/9436296
    https://www.sohu.com/a/341251009_100053536

    #ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ #กวีเอก #หลี่ไป๋ #เซียนกวี #ราชวงศ์ถัง #สาระจีน
    ** บทกวีทับทิมจาก <ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ>** สวัสดีค่ะ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้เราได้คุยถึงเรื่องสีแดงในเรื่อง <ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ> เพื่อนเพจที่ได้ดูซีรีส์เรื่องนี้คงจะจำได้ว่าพ่อของนางเอกทิ้งสูตรเกี่ยวกับการผสมสีแดงของตระกูลไว้ในบทกวีที่เกี่ยวกับทับทิม Storyฯ เห็นว่ามีเกร็ดประวัติศาสตร์เล็กๆ สอดแทรกอยู่ในนี้ที่เพื่อนเพจคงไม่รู้ เลยมาแบ่งปันให้ฟัง... เป็นเรื่องราวชีวิตคู่ของหลี่ไป๋ บทกวีดังกล่าวมีชื่อว่า ‘หย่งหลินหนี่ว์ตงชวงไห่สือหลิ่ว’ (咏邻女东窗海石榴 แปลได้ประมาณว่า ชื่นชมสตรีข้างบ้านผ่านหน้าต่างและต้นทับทิม) เป็นผลงานของหลี่ไป๋ เซียนกวีแห่งราชวงศ์ถัง ถูกประพันธ์ขึ้นสมัยที่เขาพำนักอยู่ในเขตซานตง ใจความบรรยายถึงความงามของสตรีข้างบ้านที่เขามองเห็นผ่านหน้าต่าง ซึ่งเขาเรียกในบทกวีว่า ‘สตรีจากแดนหลู่’ ความงามของนางถูกเสริมด้วยความงามของต้นทับทิมที่มีดอกสีแดงจัดตัดกับใบเขียว เขาถึงกับรำพันว่าจะยอมเป็นกิ่งทับทิมที่ทอดเกยอาภรณ์ของนางเพื่อขอเพียงให้ได้ใกล้ชิดอนงค์นาง แต่จนใจได้แต่ชะเง้อมองผ่านหน้าต่าง แน่นอนว่ามันเป็นกลอนบอกรัก และสตรีดังกล่าวเป็นหนึ่งในภรรรยาของหลี่ไป๋ เพื่อนเพจหลายท่านอาจไม่คุ้นเคยกับชีวประวัติของหลี่ไป๋และคงไม่ทราบว่าหลี่ไป๋มีภรรยาสี่คน จริงๆ แล้วเขาแต่งงานอย่างถูกต้องตามธรรมเนียมสองครั้ง ส่วนภรรยาอีกสองคนไม่ได้แต่งงานแต่อยู่กินด้วยกันเฉยๆ เขาแต่งงานครั้งแรกเมื่ออายุยี่สิบเจ็ดปีกับภรรยาคนแรกคือสตรีสกุลสวี่ผู้เป็นหลานของอดีตอัครเสนาบดีในรัชสมัยขององค์ถังเกาจง ถูกรับเข้าจวนสกุลสวี่เป็นเขยแต่งเข้าหรือที่เรียกว่า ‘จุ้ยซวี่’ มีลูกด้วยกันสองคน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง แต่ลูกทั้งสองได้ใช้แซ่หลี่ตามหลี่ไป๋ผู้เป็นบิดา (อนึ่ง ปกติจุ้ยซวี่แต่งเข้าเรือนของสตรี เมื่อมีลูกก็จะใช้แซ่ของผู้เป็นมารดาไม่ใช่บิดา Storyฯ เคยเขียนถึงแล้ว แปะลิ้งค์ไว้ให้อ่านใหม่ที่ท้ายเรื่อง) ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันกับนางสกุลสวี่นี้ หลี่ไป๋มีชีวิตค่อนข้างสบายเพราะฝ่ายหญิงมีฐานะดีและเขามีอิสระที่จะเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ ตามใจหมาย ว่ากันว่าเขารักภรรยาคนนี้มากแต่นางป่วยตายหลังจากใช้ชีวิตคู่ด้วยกันนานสิบเอ็ดปี เมื่อสิ้นภรรยาคนแรก หลี่ไป๋ก็พาลูกจากจวนสกุลสวี่ออกเดินทาง มาหยุดพำนักที่บริเวณพื้นที่แถบซานตง หลังจากนั้นหนึ่งปีเขาก็อยู่กินกับนางสกุลหลิว ว่ากันว่าเป็นเพราะต้องการหาคนมาช่วยเลี้ยงลูกเพื่อว่าตนเองจะได้มีอิสระในการเดินทาง ส่วนนางสกุลหลิวเองก็คาดหวังว่าหลี่ไป๋จะมีอนาคตขุนนางสวยงาม แต่ หลี่ไป๋ก็ยังไม่ได้เข้ารับราชการเสียที สุดท้ายนางทนไม่ได้กับความเป็นกวีขี้เมาของหลี่ไป๋ ทั้งสองจึงแยกทางกันอย่างไม่แฮปปี้ ต่อมาอีกประมาณหกปี หลี่ไป๋ยังคงอยู่ในละแวกพื้นที่ซานตงหรือที่เรียกว่าพื้นที่หลู่นี้ และได้อยู่กินกับภรรยาคนที่สาม ซึ่งก็คือ ‘สตรีจากแดนหลู่’ ในบทกวีข้างต้นนั่นเอง เขาซื้อที่ดินทำกินให้นางดูแลทรัพย์สินอย่างไว้ใจ นางเองก็ขยันขันแข็งทำมาหากิน ส่วนตัวเขายังคงออกเดินทางไปตามพื้นที่ต่างๆ และใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในเมืองหลวง พวกเขามีบุตรชายด้วยกันหนึ่งคน แต่ไม่มีการบันทึกถึงรายละเอียดว่าเกิดอะไรกับลูกชายคนนี้ และไม่มีหลักฐานปรากฏด้วยซ้ำว่าสตรีนางนี้มีชื่อสกุลใด บ้างว่านางเป็นแม่หม้ายบ้างว่านางได้หมั้นหมายแล้วแต่คู่หมายหายไปหลายปีกลายเป็นหม้ายขันหมาก แต่ที่แน่ๆ คือนางอยู่ข้างบ้าน มองกันไปมองกันมาก็เกิดปิ๊งกันเลยอยู่กินกัน เล่าขานกันต่อมาเพียงว่าอยู่ด้วยกันเพียงห้าปีนางก็ตายจากไป หลี่ไป๋แต่งงานครั้งที่สองกับภรรยาคนสุดท้ายคือสตรีสกุลจง เป็นหลานปู่ของจงฉู่เค่อ อดีตอัครเสนาบดีอีกท่านหนึ่งและเขาแต่งเข้าเรือนฝ่ายหญิงอีกครั้ง อยู่ด้วยกันสิบปีอย่างสมบูรณ์พูนสุขแต่ไม่มีบุตร แต่สุดท้ายหลี่ไป๋เข้าไปพัวพันกับคดีการเมืองและนางเสียชีวิตลง ส่วนเขาถูกเนรเทศและแม้ว่าในบั้นปลายชีวิตจะได้รับอิสรภาพแต่ก็ต้องจบชีวิตลงอย่างเดียวดาย (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) บทความในอดีตเกี่ยวกับเจ้าบ่าวจุ้ยซวี่ https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/134357391983589 Credit รูปภาพจาก: https://www.gdzjdaily.com.cn/p/2903387.html https://www.photophoto.cn/pic/11693708.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://m.thepaper.cn/baijiahao_7753758 https://gushici.china.com/srgushi/10.html https://www.163.com/dy/article/G328S2640543SC39.html https://baike.baidu.com/item/咏邻女东窗海石榴/9436296 https://www.sohu.com/a/341251009_100053536 #ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ #กวีเอก #หลี่ไป๋ #เซียนกวี #ราชวงศ์ถัง #สาระจีน
    1 Comments 0 Shares 387 Views 0 Reviews
  • แบ่งปันสภาวะ
    แบ่งปันสภาวะ
    0 Comments 0 Shares 40 Views 0 Reviews
  • AMD ได้ประกาศจัดงาน “Advancing AI 2025” ซึ่งจะเป็นทั้งงานประชุมในสถานที่และสตรีมสดในวันที่ 12 มิถุนายน 2025 โดยงานนี้จะนำเสนอวิสัยทัศน์ล่าสุดของ AMD ในโลก AI พร้อมเปิดตัว AMD Instinct GPUs รุ่นถัดไป และความก้าวหน้าในซอฟต์แวร์ ROCm open ecosystem

    ✅ เป้าหมายที่ครอบคลุมกลุ่มต่าง ๆ:
    - AMD ไม่ได้จำกัดการนำเสนอแค่กลุ่มนักพัฒนาเท่านั้น แต่ยังรวมถึง องค์กร hyperscalers, ธุรกิจ, สตาร์ทอัพ และนักพัฒนา AI

    ✅ การเปิดตัวฮาร์ดแวร์ใหม่:
    - AMD Instinct GPUs รุ่นใหม่จะถูกนำเสนอ พร้อมความสามารถที่มุ่งเน้น ประสิทธิภาพในการประมวลผล AI และการพัฒนาโมเดลที่ซับซ้อน

    ✅ ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาเพิ่มขึ้น:
    - ROCm ecosystem จะขยายความร่วมมือ และเพิ่มฟีเจอร์ที่ช่วยนักพัฒนาได้สร้างโซลูชัน AI ได้สะดวกและทรงพลังขึ้น

    ✅ วิสัยทัศน์จาก Dr. Lisa Su:
    - ภายในงาน คุณ Dr. Lisa Su, CEO ของ AMD จะร่วมแบ่งปันวิสัยทัศน์เกี่ยวกับทิศทางของ AI ที่ AMD กำลังสร้างขึ้น พร้อมเปิดเวทีให้ พันธมิตร, ลูกค้า, และนักพัฒนาซอฟต์แวร์ AI ได้ร่วมแสดงมุมมอง

    https://www.techpowerup.com/335245/amd-announces-advancing-ai-2025
    AMD ได้ประกาศจัดงาน “Advancing AI 2025” ซึ่งจะเป็นทั้งงานประชุมในสถานที่และสตรีมสดในวันที่ 12 มิถุนายน 2025 โดยงานนี้จะนำเสนอวิสัยทัศน์ล่าสุดของ AMD ในโลก AI พร้อมเปิดตัว AMD Instinct GPUs รุ่นถัดไป และความก้าวหน้าในซอฟต์แวร์ ROCm open ecosystem ✅ เป้าหมายที่ครอบคลุมกลุ่มต่าง ๆ: - AMD ไม่ได้จำกัดการนำเสนอแค่กลุ่มนักพัฒนาเท่านั้น แต่ยังรวมถึง องค์กร hyperscalers, ธุรกิจ, สตาร์ทอัพ และนักพัฒนา AI ✅ การเปิดตัวฮาร์ดแวร์ใหม่: - AMD Instinct GPUs รุ่นใหม่จะถูกนำเสนอ พร้อมความสามารถที่มุ่งเน้น ประสิทธิภาพในการประมวลผล AI และการพัฒนาโมเดลที่ซับซ้อน ✅ ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาเพิ่มขึ้น: - ROCm ecosystem จะขยายความร่วมมือ และเพิ่มฟีเจอร์ที่ช่วยนักพัฒนาได้สร้างโซลูชัน AI ได้สะดวกและทรงพลังขึ้น ✅ วิสัยทัศน์จาก Dr. Lisa Su: - ภายในงาน คุณ Dr. Lisa Su, CEO ของ AMD จะร่วมแบ่งปันวิสัยทัศน์เกี่ยวกับทิศทางของ AI ที่ AMD กำลังสร้างขึ้น พร้อมเปิดเวทีให้ พันธมิตร, ลูกค้า, และนักพัฒนาซอฟต์แวร์ AI ได้ร่วมแสดงมุมมอง https://www.techpowerup.com/335245/amd-announces-advancing-ai-2025
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    AMD Announces Advancing AI 2025
    Today, AMD (NASDAQ: AMD) announced "Advancing AI 2025," an in-person and livestreamed event on June 12, 2025. The industry event will showcase the company's bold vision for AI, announce the next generation of AMD Instinct GPUs, AMD ROCm open software ecosystem progress, and reveal details on AI solu...
    0 Comments 0 Shares 198 Views 0 Reviews
  • Wed. Apr. 9, 2025

    กู...ชอบแกล้งคนเพื่อความบันเทิง
    กู...ไม่ใช่คนที่อยู่ในศีลในธรรม
    กู...เล่นหวยใต้ดิน ไม่เล่นหวยรัฐ
    กู...ชอบดูโชว์และคอนเสิร์ตในที่โล่งแจ้ง
    กู...เกลียดสวนน้ำ แต่ตอนเด็กกูไปสวนสยามนะ
    กู...ขอต่อต้านทุกสิ่งที่ทำให้มนุษย์รู้สึกเหลื่อมล้ำกัน
    กู...รังเกียจคนที่รวยจากน้ำแรงคนจนและไม่แบ่งปัน
    กู...รังเกียจคนที่รวยจากการหลอกล่อคนให้หลงผิด
    กู...ขอต่อสู้ไม่ให้คนชั่วเปลี่ยนดำเป็นขาวให้จงได้
    กู...เกลียดคนที่ดูหมิ่นเหยียดหยามคนด้วยกัน
    กู...เกลียดคนทำความผิดโดยไร้ซึ่งความอาย
    กู...เกลียดมึง...ไอ้รัฐบาลชั่ว🖕
    วันนี้ sorry for my language นะคะ
    Wed. Apr. 9, 2025 กู...ชอบแกล้งคนเพื่อความบันเทิง กู...ไม่ใช่คนที่อยู่ในศีลในธรรม กู...เล่นหวยใต้ดิน ไม่เล่นหวยรัฐ กู...ชอบดูโชว์และคอนเสิร์ตในที่โล่งแจ้ง กู...เกลียดสวนน้ำ แต่ตอนเด็กกูไปสวนสยามนะ กู...ขอต่อต้านทุกสิ่งที่ทำให้มนุษย์รู้สึกเหลื่อมล้ำกัน กู...รังเกียจคนที่รวยจากน้ำแรงคนจนและไม่แบ่งปัน กู...รังเกียจคนที่รวยจากการหลอกล่อคนให้หลงผิด กู...ขอต่อสู้ไม่ให้คนชั่วเปลี่ยนดำเป็นขาวให้จงได้ กู...เกลียดคนที่ดูหมิ่นเหยียดหยามคนด้วยกัน กู...เกลียดคนทำความผิดโดยไร้ซึ่งความอาย กู...เกลียดมึง...ไอ้รัฐบาลชั่ว🖕 วันนี้ sorry for my language นะคะ
    0 Comments 0 Shares 143 Views 0 Reviews
  • ฟิชชิ่งในปัจจุบันพัฒนาไปไกลกว่าเดิมด้วยเทคโนโลยี AI ที่ทำให้อีเมลฟิชชิ่งดูน่าเชื่อถือมากขึ้น หากเผลอคลิกลิงก์ อย่าตกใจ! หยุดพิมพ์ทันที ตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และเปลี่ยนรหัสผ่านของคุณ พร้อมเปิดใช้งาน 2FA เพื่อเพิ่มชั้นความปลอดภัย การแจ้ง IT และสแกนหาไวรัสยังเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยปกป้องข้อมูลของคุณ

    == สรุปขั้นตอนที่สำคัญที่สุด ==
    1) หยุดพิมพ์ทันที!
    - หากยังไม่ได้กรอกข้อมูลใด ๆ ให้ปิดแท็บเบราว์เซอร์หรือแอปที่เปิดอยู่ทันที และเคลียร์แคชในกรณีที่ลิงก์อาจฝังข้อมูลติดตาม

    2) ตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
    - หากคุณสงสัยว่าลิงก์มีความเสี่ยงต่อการติดตั้งมัลแวร์ ให้ปิด Wi-Fi หรือเปิดโหมดเครื่องบินเพื่อป้องกันการเชื่อมต่อ

    3) แจ้ง IT หากใช้เครื่องขององค์กร
    - หากเป็นอุปกรณ์สำหรับงาน ให้รีบแจ้งฝ่าย IT เพื่อช่วยตรวจสอบและจำกัดผลกระทบ พร้อมให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา

    4) เปลี่ยนรหัสผ่านและเปิดใช้งาน 2FA
    - หากกรอกข้อมูลเข้าสู่ระบบในเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย ให้รีบเปลี่ยนรหัสผ่านทันที และเปิดใช้งาน Two-factor Authentication (2FA) เพื่อเพิ่มความปลอดภัย

    5) สแกนหามัลแวร์
    - ใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส เช่น Microsoft Safety Scanner เพื่อสแกนหาและลบซอฟต์แวร์ที่ไม่พึงประสงค์

    6) ตรวจสอบกิจกรรมที่น่าสงสัย
    - ตรวจสอบบัญชี Microsoft, Google หรือ Apple สำหรับกิจกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาต และลงชื่อออกจากอุปกรณ์อื่นที่อาจเชื่อมต่อ

    7) อย่าอายที่จะขอความช่วยเหลือ
    - ฟิชชิ่งเป็นอาชญากรรมที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แบ่งปันประสบการณ์นี้เพื่อช่วยให้คนอื่นหลีกเลี่ยงอันตราย

    https://www.zdnet.com/article/clicked-on-a-phishing-link-7-steps-to-take-immediately-to-protect-your-accounts/
    ฟิชชิ่งในปัจจุบันพัฒนาไปไกลกว่าเดิมด้วยเทคโนโลยี AI ที่ทำให้อีเมลฟิชชิ่งดูน่าเชื่อถือมากขึ้น หากเผลอคลิกลิงก์ อย่าตกใจ! หยุดพิมพ์ทันที ตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และเปลี่ยนรหัสผ่านของคุณ พร้อมเปิดใช้งาน 2FA เพื่อเพิ่มชั้นความปลอดภัย การแจ้ง IT และสแกนหาไวรัสยังเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยปกป้องข้อมูลของคุณ == สรุปขั้นตอนที่สำคัญที่สุด == 1) หยุดพิมพ์ทันที! - หากยังไม่ได้กรอกข้อมูลใด ๆ ให้ปิดแท็บเบราว์เซอร์หรือแอปที่เปิดอยู่ทันที และเคลียร์แคชในกรณีที่ลิงก์อาจฝังข้อมูลติดตาม 2) ตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต - หากคุณสงสัยว่าลิงก์มีความเสี่ยงต่อการติดตั้งมัลแวร์ ให้ปิด Wi-Fi หรือเปิดโหมดเครื่องบินเพื่อป้องกันการเชื่อมต่อ 3) แจ้ง IT หากใช้เครื่องขององค์กร - หากเป็นอุปกรณ์สำหรับงาน ให้รีบแจ้งฝ่าย IT เพื่อช่วยตรวจสอบและจำกัดผลกระทบ พร้อมให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา 4) เปลี่ยนรหัสผ่านและเปิดใช้งาน 2FA - หากกรอกข้อมูลเข้าสู่ระบบในเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย ให้รีบเปลี่ยนรหัสผ่านทันที และเปิดใช้งาน Two-factor Authentication (2FA) เพื่อเพิ่มความปลอดภัย 5) สแกนหามัลแวร์ - ใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส เช่น Microsoft Safety Scanner เพื่อสแกนหาและลบซอฟต์แวร์ที่ไม่พึงประสงค์ 6) ตรวจสอบกิจกรรมที่น่าสงสัย - ตรวจสอบบัญชี Microsoft, Google หรือ Apple สำหรับกิจกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาต และลงชื่อออกจากอุปกรณ์อื่นที่อาจเชื่อมต่อ 7) อย่าอายที่จะขอความช่วยเหลือ - ฟิชชิ่งเป็นอาชญากรรมที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แบ่งปันประสบการณ์นี้เพื่อช่วยให้คนอื่นหลีกเลี่ยงอันตราย https://www.zdnet.com/article/clicked-on-a-phishing-link-7-steps-to-take-immediately-to-protect-your-accounts/
    WWW.ZDNET.COM
    Clicked on a phishing link? 7 steps to take immediately to protect your accounts
    Phishing scams are becoming brutally effective, and even technically sophisticated people can be fooled. Here's how to limit the damage immediately and what to do next.
    0 Comments 0 Shares 164 Views 0 Reviews
  • นักวิจัยจาก MIT กำลังปฏิวัติวงการควอนตัมคอมพิวเตอร์ด้วยการพัฒนาอุปกรณ์ที่ช่วยให้ ชิปควอนตัมสามารถสื่อสารกันได้โดยไม่ต้องใช้การเชื่อมต่อทางกายภาพ เทคนิคใหม่นี้นับเป็นความก้าวหน้าสำคัญในโลกควอนตัม โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาใหญ่ของการแบ่งปันข้อมูลระหว่างหน่วยประมวลผลในระบบควอนตัมคอมพิวเตอร์

    == หัวใจของเทคโนโลยีนี้ ==
    ✅ การใช้ Microwave Photons เป็นตัวกลาง
    - ระบบใหม่ใช้ คลื่นไมโครเวฟ (Microwave Photons) ในการส่งข้อมูลระหว่างชิปควอนตัมโดยตรง
    - ด้วยการสร้าง waveguide ซึ่งเป็นสายไฟแบบ superconducting ที่ทำหน้าที่เหมือนถนนควอนตัม ช่วยให้ชิปสื่อสารกันได้โดยไม่มี "ตัวกลาง"

    ✅ กระบวนการสร้าง Remote Entanglement
    - Remote Entanglement เป็นหลักการทางควอนตัมที่ช่วยให้สองชิปสามารถสร้างความสัมพันธ์เชิงควอนตัมแบบเรียลไทม์ โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกัน
    - วิธีการใหม่ทำให้การส่งและรับโฟตอนเกิดขึ้นได้ในสถานะ “ครึ่งหนึ่ง” ซึ่งโฟตอนอยู่ในสถานะที่ปล่อยและเก็บไว้พร้อมกัน

    ✅ การปรับรูปทรงโฟตอนเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
    - การเดินทางของโฟตอนผ่าน waveguide อาจเกิดความผิดเพี้ยน นักวิจัยจึงใช้ อัลกอริทึมเพื่อปรับแต่งรูปร่างของโฟตอน ส่งผลให้อัตราความสำเร็จในการสร้าง Entanglement สูงถึง 60%

    == ผลกระทบต่อโลกควอนตัมและเทคโนโลยีในอนาคต ==
    ✅ เปิดประตูสู่ Quantum Supercomputer ขนาดใหญ่
    - ระบบใหม่รองรับ “All-to-All Connectivity” ซึ่งช่วยให้หน่วยประมวลผลทุกชิปสามารถสื่อสารกันได้โดยตรง
    - อนาคตอาจมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพิ่มเติม เช่น 3D Integration หรือ โปรโตคอลที่เร็วขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

    ✅ การสนับสนุนจากหน่วยงานสำคัญ
    - โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนโดยหน่วยงานเช่น US Army Research Office, AWS Center for Quantum Computing และ US Air Force Office of Scientific Research

    ✅ ความสำคัญต่อ Quantum Internet
    - นอกจากการพัฒนา Quantum Computer ระบบใหม่นี้ยังสามารถขยายไปยัง Quantum Internet ซึ่งเป็นเครือข่ายที่เชื่อมโยงควอนตัมคอมพิวเตอร์ทั่วโลก

    https://www.techspot.com/news/107436-mit-showcases-quantum-chip-communication-without-physical-contact.html
    นักวิจัยจาก MIT กำลังปฏิวัติวงการควอนตัมคอมพิวเตอร์ด้วยการพัฒนาอุปกรณ์ที่ช่วยให้ ชิปควอนตัมสามารถสื่อสารกันได้โดยไม่ต้องใช้การเชื่อมต่อทางกายภาพ เทคนิคใหม่นี้นับเป็นความก้าวหน้าสำคัญในโลกควอนตัม โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาใหญ่ของการแบ่งปันข้อมูลระหว่างหน่วยประมวลผลในระบบควอนตัมคอมพิวเตอร์ == หัวใจของเทคโนโลยีนี้ == ✅ การใช้ Microwave Photons เป็นตัวกลาง - ระบบใหม่ใช้ คลื่นไมโครเวฟ (Microwave Photons) ในการส่งข้อมูลระหว่างชิปควอนตัมโดยตรง - ด้วยการสร้าง waveguide ซึ่งเป็นสายไฟแบบ superconducting ที่ทำหน้าที่เหมือนถนนควอนตัม ช่วยให้ชิปสื่อสารกันได้โดยไม่มี "ตัวกลาง" ✅ กระบวนการสร้าง Remote Entanglement - Remote Entanglement เป็นหลักการทางควอนตัมที่ช่วยให้สองชิปสามารถสร้างความสัมพันธ์เชิงควอนตัมแบบเรียลไทม์ โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกัน - วิธีการใหม่ทำให้การส่งและรับโฟตอนเกิดขึ้นได้ในสถานะ “ครึ่งหนึ่ง” ซึ่งโฟตอนอยู่ในสถานะที่ปล่อยและเก็บไว้พร้อมกัน ✅ การปรับรูปทรงโฟตอนเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด - การเดินทางของโฟตอนผ่าน waveguide อาจเกิดความผิดเพี้ยน นักวิจัยจึงใช้ อัลกอริทึมเพื่อปรับแต่งรูปร่างของโฟตอน ส่งผลให้อัตราความสำเร็จในการสร้าง Entanglement สูงถึง 60% == ผลกระทบต่อโลกควอนตัมและเทคโนโลยีในอนาคต == ✅ เปิดประตูสู่ Quantum Supercomputer ขนาดใหญ่ - ระบบใหม่รองรับ “All-to-All Connectivity” ซึ่งช่วยให้หน่วยประมวลผลทุกชิปสามารถสื่อสารกันได้โดยตรง - อนาคตอาจมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพิ่มเติม เช่น 3D Integration หรือ โปรโตคอลที่เร็วขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ✅ การสนับสนุนจากหน่วยงานสำคัญ - โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนโดยหน่วยงานเช่น US Army Research Office, AWS Center for Quantum Computing และ US Air Force Office of Scientific Research ✅ ความสำคัญต่อ Quantum Internet - นอกจากการพัฒนา Quantum Computer ระบบใหม่นี้ยังสามารถขยายไปยัง Quantum Internet ซึ่งเป็นเครือข่ายที่เชื่อมโยงควอนตัมคอมพิวเตอร์ทั่วโลก https://www.techspot.com/news/107436-mit-showcases-quantum-chip-communication-without-physical-contact.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    MIT showcases quantum chip communication without physical contact
    Current quantum-computing systems rely on clunky "point-to-point" connections, where data is transferred in a chain and has to jump between nodes. Unfortunately, each hop also increases the...
    0 Comments 0 Shares 249 Views 1 Reviews
  • นายกฯ สิงคโปร์เตือน โลกเข้าสู่ยุค “ไร้เสถียรภาพ” ชี้ยุคการค้าเสรีสิ้นสุดแล้ว หลังสหรัฐทำลายระบบที่ตัวเองสร้าง  แนะประชาชนเตรียมพร้อมรับมือ .นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ส่งสัญญาณเตือนถึงความท้าทายครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเวทีโลก โดยระบุว่า ความสงบและเสถียรภาพที่โลกเคยรู้จักนั้น "จะไม่กลับมาในเร็ววันนี้" และสิงคโปร์ในฐานะประเทศขนาดเล็กจำเป็นต้องเตรียมพร้อมทั้งทางเศรษฐกิจและจิตใจ เพื่อเผชิญกับยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน.ลอเรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ โพสต์คลิปวีดีโอกล่าวถึงมาตรการตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐว่า“พี่น้องชาวสิงคโปร์ทั้งหลาย ฉันเคยพูดไว้แล้วว่าโลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปในทางที่จะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจเปิดขนาดเล็กอย่างสิงคโปร์ ก่อนหน้านี้บางคนเคยตั้งคำถามเกี่ยวกับการคาดการณ์นี้ แต่การประกาศวันปลดปล่อยของสหรัฐฯ เมื่อไม่นานนี้ทำให้ไม่ต้องสงสัยใดๆ ทั้งสิ้น นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในระเบียบโลก ยุคของโลกาภิวัตน์ที่ยึดตามกฎเกณฑ์และการค้าเสรีได้สิ้นสุดลงแล้ว เรากำลังเข้าสู่ช่วงใหม่ ซึ่งเป็นช่วงที่มีการกระทำตามอำเภอใจ กีดกันทางการค้า และเป็นอันตรายมากขึ้น สหรัฐฯ เป็นรากฐานของเศรษฐกิจตลาดเสรีของโลกมานานหลายทศวรรษ สหรัฐฯ เป็นผู้นำการค้าเสรีและผลักดันความพยายามในการสร้างระบบการค้าพหุภาคีที่ยึดโยงกับกฎเกณฑ์และบรรทัดฐานที่ชัดเจน ซึ่งประเทศต่างๆ จะได้รับผลประโยชน์ร่วมกันผ่านการค้า ระบบ WTO นี้ทำให้โลกและสหรัฐฯ เองมีเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน พูดให้ชัดเจนก็คือ ระบบนี้ไม่ได้สมบูรณ์แบบ สิงคโปร์และอีกหลายประเทศเรียกร้องให้มีการปฏิรูปเพื่อปรับปรุงกฎเกณฑ์และปรับปรุงระบบให้ดีขึ้น แต่สิ่งที่สหรัฐฯ กำลังทำอยู่ตอนนี้ไม่ใช่การปฏิรูป แต่เป็นการละทิ้งระบบทั้งหมดที่ตนสร้างขึ้น แนวทางใหม่ในการเรียกเก็บภาษีศุลกากรแบบตอบแทนประเทศต่อประเทศถือเป็นการปฏิเสธกรอบการทำงานขององค์การการค้าโลกอย่างสมบูรณ์ สหรัฐฯ ได้จัดให้สิงคโปร์อยู่ในฐานที่ต่ำที่สุด ด้วยอัตราภาษี 10%ดังนั้นผลกระทบโดยตรงต่อเราอาจจะจำกัดอยู่เพียงเท่านี้ในตอนนี้ แต่จะมีผลกระทบในวงกว้างและลึกซึ้งกว่านั้นหากประเทศอื่นๆ ใช้แนวทางเดียวกันกับสหรัฐอเมริกา นั่นก็คือ ละทิ้ง WTO และทำการค้าเฉพาะในประเทศที่มีเงื่อนไขที่ต้องการเท่านั้นจะนำมาซึ่งปัญหาแก่ประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศเล็กๆ เช่น สิงคโปร์ เราเสี่ยงต่อการถูกบีบให้ออก ถูกละเลย และถูกทิ้งไว้ข้างหลัง นอกจากนี้ เรายังคาดหวังการตอบโต้จากทั่วโลกอย่างรุนแรงต่อภาษีของอเมริกา สิงคโปร์ได้ตัดสินใจที่จะไม่เรียกเก็บภาษีตอบโต้แต่ประเทศอื่นอาจไม่ใช้มาตรการควบคุมเช่นเดียวกัน ความเป็นไปได้ของสงครามการค้าโลกที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผลกระทบจากภาษีที่สูงขึ้น รวมถึงความไม่แน่นอนว่าประเทศอื่นจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบอย่างหนักการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศจะได้รับผลกระทบและการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว สิงคโปร์จะได้รับผลกระทบมากกว่าประเทศอื่นๆ เนื่องจากประเทศนี้พึ่งพาการค้าเป็นอย่างมากครั้งสุดท้ายที่โลกประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้คือในช่วงทศวรรษที่ 1930 สงครามการค้าทวีความรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นความขัดแย้งด้วยอาวุธ และในที่สุดก็กลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าสถานการณ์ในปัจจุบันจะเป็นอย่างไรในอีกไม่กี่เดือนหรือไม่กี่ปีข้างหน้าแต่เราต้องตระหนักถึงอันตรายที่กำลังก่อตัวขึ้นในโลกนี้ สถาบันระดับโลกกำลังอ่อนแอลง บรรทัดฐานระหว่างประเทศกำลังเสื่อมถอย ประเทศต่างๆ จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จะกระทำการโดยยึดถือผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นหลัก และใช้กำลังหรือความสุขเพื่อแสวงหาสิ่งที่ตนต้องการนี่คือความจริงอันโหดร้ายของโลกเราในปัจจุบัน เราจะเฝ้าระวัง เราจะสร้างศักยภาพของเรา เราจะเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับประเทศที่มีแนวคิดเดียวกัน เรามีความพร้อมมากกว่าประเทศอื่นๆ มากมาย ทั้งในด้านเงินทุนสำรอง ความสามัคคี และความมุ่งมั่น แต่เราต้องเตรียมรับมือกับความตกตะลึงที่จะเกิดขึ้นอีกในอนาคตความสงบและเสถียรภาพของโลกที่เราเคยรู้จักในอดีตจะไม่กลับมาอีกในเร็วๆ นี้ เราไม่สามารถคาดหวังว่ากฎเกณฑ์ที่ปกป้องรัฐเล็กๆ จะยังคงอยู่ต่อไปได้ ฉันแบ่งปันสิ่งนี้กับคุณเพื่อให้เราทุกคนเตรียมใจไว้เพื่อที่เราจะไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ทันตั้งตัว อย่าปล่อยให้ตัวเองหลงระเริง ความเสี่ยงเป็นเรื่องจริงและเดิมพันก็สูง เส้นทางข้างหน้าจะยากขึ้น แต่หากเรายังคงแน่วแน่และเป็นหนึ่งเดียว สิงคโปร์จะยังคงยืนหยัดได้ในโลกที่วุ่นวายแห่งนี้”https://youtu.be/xOUbUxa3PVk?si=A1KGjvpj008UtF_b
    นายกฯ สิงคโปร์เตือน โลกเข้าสู่ยุค “ไร้เสถียรภาพ” ชี้ยุคการค้าเสรีสิ้นสุดแล้ว หลังสหรัฐทำลายระบบที่ตัวเองสร้าง  แนะประชาชนเตรียมพร้อมรับมือ .นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ส่งสัญญาณเตือนถึงความท้าทายครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเวทีโลก โดยระบุว่า ความสงบและเสถียรภาพที่โลกเคยรู้จักนั้น "จะไม่กลับมาในเร็ววันนี้" และสิงคโปร์ในฐานะประเทศขนาดเล็กจำเป็นต้องเตรียมพร้อมทั้งทางเศรษฐกิจและจิตใจ เพื่อเผชิญกับยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน.ลอเรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ โพสต์คลิปวีดีโอกล่าวถึงมาตรการตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐว่า“พี่น้องชาวสิงคโปร์ทั้งหลาย ฉันเคยพูดไว้แล้วว่าโลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปในทางที่จะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจเปิดขนาดเล็กอย่างสิงคโปร์ ก่อนหน้านี้บางคนเคยตั้งคำถามเกี่ยวกับการคาดการณ์นี้ แต่การประกาศวันปลดปล่อยของสหรัฐฯ เมื่อไม่นานนี้ทำให้ไม่ต้องสงสัยใดๆ ทั้งสิ้น นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในระเบียบโลก ยุคของโลกาภิวัตน์ที่ยึดตามกฎเกณฑ์และการค้าเสรีได้สิ้นสุดลงแล้ว เรากำลังเข้าสู่ช่วงใหม่ ซึ่งเป็นช่วงที่มีการกระทำตามอำเภอใจ กีดกันทางการค้า และเป็นอันตรายมากขึ้น สหรัฐฯ เป็นรากฐานของเศรษฐกิจตลาดเสรีของโลกมานานหลายทศวรรษ สหรัฐฯ เป็นผู้นำการค้าเสรีและผลักดันความพยายามในการสร้างระบบการค้าพหุภาคีที่ยึดโยงกับกฎเกณฑ์และบรรทัดฐานที่ชัดเจน ซึ่งประเทศต่างๆ จะได้รับผลประโยชน์ร่วมกันผ่านการค้า ระบบ WTO นี้ทำให้โลกและสหรัฐฯ เองมีเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน พูดให้ชัดเจนก็คือ ระบบนี้ไม่ได้สมบูรณ์แบบ สิงคโปร์และอีกหลายประเทศเรียกร้องให้มีการปฏิรูปเพื่อปรับปรุงกฎเกณฑ์และปรับปรุงระบบให้ดีขึ้น แต่สิ่งที่สหรัฐฯ กำลังทำอยู่ตอนนี้ไม่ใช่การปฏิรูป แต่เป็นการละทิ้งระบบทั้งหมดที่ตนสร้างขึ้น แนวทางใหม่ในการเรียกเก็บภาษีศุลกากรแบบตอบแทนประเทศต่อประเทศถือเป็นการปฏิเสธกรอบการทำงานขององค์การการค้าโลกอย่างสมบูรณ์ สหรัฐฯ ได้จัดให้สิงคโปร์อยู่ในฐานที่ต่ำที่สุด ด้วยอัตราภาษี 10%ดังนั้นผลกระทบโดยตรงต่อเราอาจจะจำกัดอยู่เพียงเท่านี้ในตอนนี้ แต่จะมีผลกระทบในวงกว้างและลึกซึ้งกว่านั้นหากประเทศอื่นๆ ใช้แนวทางเดียวกันกับสหรัฐอเมริกา นั่นก็คือ ละทิ้ง WTO และทำการค้าเฉพาะในประเทศที่มีเงื่อนไขที่ต้องการเท่านั้นจะนำมาซึ่งปัญหาแก่ประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศเล็กๆ เช่น สิงคโปร์ เราเสี่ยงต่อการถูกบีบให้ออก ถูกละเลย และถูกทิ้งไว้ข้างหลัง นอกจากนี้ เรายังคาดหวังการตอบโต้จากทั่วโลกอย่างรุนแรงต่อภาษีของอเมริกา สิงคโปร์ได้ตัดสินใจที่จะไม่เรียกเก็บภาษีตอบโต้แต่ประเทศอื่นอาจไม่ใช้มาตรการควบคุมเช่นเดียวกัน ความเป็นไปได้ของสงครามการค้าโลกที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผลกระทบจากภาษีที่สูงขึ้น รวมถึงความไม่แน่นอนว่าประเทศอื่นจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบอย่างหนักการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศจะได้รับผลกระทบและการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว สิงคโปร์จะได้รับผลกระทบมากกว่าประเทศอื่นๆ เนื่องจากประเทศนี้พึ่งพาการค้าเป็นอย่างมากครั้งสุดท้ายที่โลกประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้คือในช่วงทศวรรษที่ 1930 สงครามการค้าทวีความรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นความขัดแย้งด้วยอาวุธ และในที่สุดก็กลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าสถานการณ์ในปัจจุบันจะเป็นอย่างไรในอีกไม่กี่เดือนหรือไม่กี่ปีข้างหน้าแต่เราต้องตระหนักถึงอันตรายที่กำลังก่อตัวขึ้นในโลกนี้ สถาบันระดับโลกกำลังอ่อนแอลง บรรทัดฐานระหว่างประเทศกำลังเสื่อมถอย ประเทศต่างๆ จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จะกระทำการโดยยึดถือผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นหลัก และใช้กำลังหรือความสุขเพื่อแสวงหาสิ่งที่ตนต้องการนี่คือความจริงอันโหดร้ายของโลกเราในปัจจุบัน เราจะเฝ้าระวัง เราจะสร้างศักยภาพของเรา เราจะเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับประเทศที่มีแนวคิดเดียวกัน เรามีความพร้อมมากกว่าประเทศอื่นๆ มากมาย ทั้งในด้านเงินทุนสำรอง ความสามัคคี และความมุ่งมั่น แต่เราต้องเตรียมรับมือกับความตกตะลึงที่จะเกิดขึ้นอีกในอนาคตความสงบและเสถียรภาพของโลกที่เราเคยรู้จักในอดีตจะไม่กลับมาอีกในเร็วๆ นี้ เราไม่สามารถคาดหวังว่ากฎเกณฑ์ที่ปกป้องรัฐเล็กๆ จะยังคงอยู่ต่อไปได้ ฉันแบ่งปันสิ่งนี้กับคุณเพื่อให้เราทุกคนเตรียมใจไว้เพื่อที่เราจะไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ทันตั้งตัว อย่าปล่อยให้ตัวเองหลงระเริง ความเสี่ยงเป็นเรื่องจริงและเดิมพันก็สูง เส้นทางข้างหน้าจะยากขึ้น แต่หากเรายังคงแน่วแน่และเป็นหนึ่งเดียว สิงคโปร์จะยังคงยืนหยัดได้ในโลกที่วุ่นวายแห่งนี้”https://youtu.be/xOUbUxa3PVk?si=A1KGjvpj008UtF_b
    0 Comments 0 Shares 392 Views 0 Reviews
  • คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) กำลังพัฒนายุทธศาสตร์ใหม่ด้านความปลอดภัยภายใน "ProtectEU" โดยมีเป้าหมาย ป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์ อาชญากรรม และการก่อการร้าย อย่างไรก็ตาม หนึ่งในข้อเสนอที่ถูกวิจารณ์มากที่สุดคือ แนวคิดให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ถูกเข้ารหัส ซึ่งอาจเป็นภัยต่อความเป็นส่วนตัว

    ✅ ProtectEU ตั้งเป้าปรับปรุงระบบข่าวกรองและขยายอำนาจ Europol
    - มีการเสนอให้ สร้างแพลตฟอร์ม Single Intelligence Analysis Capacity เพื่อช่วยให้ประเทศสมาชิกแบ่งปันข้อมูลกันได้ง่ายขึ้น
    - Europol อาจถูกพัฒนาเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทคล้าย FBI ของยุโรป

    ✅ ข้อถกเถียงเกี่ยวกับช่องทางเข้าถึงข้อมูลที่ถูกเข้ารหัส
    - คณะกรรมาธิการยุโรปเสนอให้มี "การเข้าถึงข้อมูลอย่างถูกกฎหมาย" สำหรับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย
    - นักวิจัยด้านความปลอดภัยเตือนว่า การสร้างช่องทางพิเศษ (backdoor) ให้รัฐบาล อาจเปิดช่องให้แฮกเกอร์ใช้ประโยชน์ได้

    ✅ ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าแนวคิดนี้มีข้อบกพร่องทางเทคนิค
    - ช่องทางเข้าถึงข้อมูลที่ถูกเข้ารหัส ไม่สามารถทำให้ปลอดภัยได้ 100%
    - มีกรณีในอดีตที่ช่องโหว่ดังกล่าวถูกกลุ่มแฮกเกอร์และอาชญากรไซเบอร์ใช้โจมตี

    ✅ ProtectEU ยังรวมข้อเสนออื่น เช่น การควบคุมอาชญากรรมออนไลน์และความร่วมมือกับประเทศนอก EU
    - มีแผน สร้างระบบป้องกันภัยไซเบอร์ให้แข็งแกร่งขึ้น และเพิ่มกฎระเบียบที่เข้มงวดกับเครือข่ายอาชญากรรม
    - ความร่วมมือจะขยายไปยัง ละตินอเมริกาและเมดิเตอร์เรเนียน แต่ไม่มีการกล่าวถึงสหรัฐฯ

    https://www.techspot.com/news/107408-europe-proposes-backdoors-encrypted-platforms-under-new-security.html
    คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) กำลังพัฒนายุทธศาสตร์ใหม่ด้านความปลอดภัยภายใน "ProtectEU" โดยมีเป้าหมาย ป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์ อาชญากรรม และการก่อการร้าย อย่างไรก็ตาม หนึ่งในข้อเสนอที่ถูกวิจารณ์มากที่สุดคือ แนวคิดให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ถูกเข้ารหัส ซึ่งอาจเป็นภัยต่อความเป็นส่วนตัว ✅ ProtectEU ตั้งเป้าปรับปรุงระบบข่าวกรองและขยายอำนาจ Europol - มีการเสนอให้ สร้างแพลตฟอร์ม Single Intelligence Analysis Capacity เพื่อช่วยให้ประเทศสมาชิกแบ่งปันข้อมูลกันได้ง่ายขึ้น - Europol อาจถูกพัฒนาเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทคล้าย FBI ของยุโรป ✅ ข้อถกเถียงเกี่ยวกับช่องทางเข้าถึงข้อมูลที่ถูกเข้ารหัส - คณะกรรมาธิการยุโรปเสนอให้มี "การเข้าถึงข้อมูลอย่างถูกกฎหมาย" สำหรับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย - นักวิจัยด้านความปลอดภัยเตือนว่า การสร้างช่องทางพิเศษ (backdoor) ให้รัฐบาล อาจเปิดช่องให้แฮกเกอร์ใช้ประโยชน์ได้ ✅ ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าแนวคิดนี้มีข้อบกพร่องทางเทคนิค - ช่องทางเข้าถึงข้อมูลที่ถูกเข้ารหัส ไม่สามารถทำให้ปลอดภัยได้ 100% - มีกรณีในอดีตที่ช่องโหว่ดังกล่าวถูกกลุ่มแฮกเกอร์และอาชญากรไซเบอร์ใช้โจมตี ✅ ProtectEU ยังรวมข้อเสนออื่น เช่น การควบคุมอาชญากรรมออนไลน์และความร่วมมือกับประเทศนอก EU - มีแผน สร้างระบบป้องกันภัยไซเบอร์ให้แข็งแกร่งขึ้น และเพิ่มกฎระเบียบที่เข้มงวดกับเครือข่ายอาชญากรรม - ความร่วมมือจะขยายไปยัง ละตินอเมริกาและเมดิเตอร์เรเนียน แต่ไม่มีการกล่าวถึงสหรัฐฯ https://www.techspot.com/news/107408-europe-proposes-backdoors-encrypted-platforms-under-new-security.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Europe proposes backdoors in encrypted platforms under new security strategy
    The recently announced ProtectEU plan aims to safeguard Europe from internal threats, European Commission President Ursula von der Leyen stated, emphasizing that security is a fundamental pillar...
    0 Comments 0 Shares 275 Views 0 Reviews
  • นักลงทุนคริปโตกำลังผลักดันให้สภาคองเกรสอนุญาตให้ Stablecoins จ่ายดอกเบี้ย เพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมเติบโต นักลงทุนมองว่า นี่จะทำให้คริปโตสามารถแข่งขันกับระบบธนาคารได้โดยตรง ขณะที่ฝ่ายคัดค้านเตือนว่า อาจทำให้เงินฝากไหลออกจากธนาคารและสร้างความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ ขณะนี้มีร่างกฎหมาย Stablecoins ที่กำลังพิจารณาในสภา และฝ่ายสนับสนุนยังคงผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงก่อนการผ่านกฎหมาย

    ✅ Stablecoins มีโอกาสสร้างระบบการเงินที่รวดเร็วขึ้น
    - Stablecoins เช่น USDT และ USDC มีบทบาทสำคัญในการทำธุรกรรมคริปโต
    - นักลงทุนบางส่วนมองว่า หากสามารถจ่ายดอกเบี้ยได้ อาจช่วยให้ Stablecoins กลายเป็นเครื่องมือการชำระเงินหลัก

    ✅ Coinbase และ Solidus Labs หนุนให้จ่ายดอกเบี้ย
    - CEO Brian Armstrong ของ Coinbase กล่าวว่า รัฐบาลไม่ควรเลือกปฏิบัติต่ออุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง
    - Chen Arad จาก Solidus Labs เห็นว่าผู้ให้บริการ Stablecoins ควรสามารถแบ่งปันผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่พวกเขาถือครองได้

    ✅ ฝ่ายคัดค้านเตือนว่าส่งผลกระทบต่อระบบธนาคาร
    - นักวิจัยและนักเศรษฐศาสตร์บางคนเตือนว่า Stablecoins ที่สามารถจ่ายดอกเบี้ยอาจทำให้เงินฝากไหลออกจากธนาคารแบบดั้งเดิม
    - Arthur Wilmarth จากมหาวิทยาลัย George Washington ระบุว่านี่อาจเป็น "ภัยคุกคามต่ออุตสาหกรรมธนาคารโดยตรง"

    ✅ ความเคลื่อนไหวทางกฎหมายในสภาคองเกรส
    - ร่างกฎหมายของ สภาผู้แทนราษฎร ห้าม Stablecoins จ่ายดอกเบี้ย แต่ร่างของ วุฒิสภา ยังมีจุดที่ไม่ชัดเจน
    - ฝ่ายสนับสนุนกำลังผลักดันให้ สภาคองเกรสเพิ่มข้อกำหนดอนุญาตการจ่ายดอกเบี้ยในร่างกฎหมายฉบับสุดท้าย

    ✅ อุตสาหกรรมคริปโตมีอิทธิพลเพิ่มขึ้นในวอชิงตัน
    - กลุ่มผู้สนับสนุนคริปโต ใช้เงินกว่า $119 ล้าน ในการสนับสนุนผู้สมัครที่สนับสนุนคริปโต ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา
    - มีข่าวว่าทำเนียบขาวต้องการให้ร่างกฎหมาย Stablecoin ผ่านภายในเดือนสิงหาคม 2025

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/03/crypto-execs-ask-congress-to-let-stablecoins-pay-interest-as-bill-set-to-advance
    นักลงทุนคริปโตกำลังผลักดันให้สภาคองเกรสอนุญาตให้ Stablecoins จ่ายดอกเบี้ย เพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมเติบโต นักลงทุนมองว่า นี่จะทำให้คริปโตสามารถแข่งขันกับระบบธนาคารได้โดยตรง ขณะที่ฝ่ายคัดค้านเตือนว่า อาจทำให้เงินฝากไหลออกจากธนาคารและสร้างความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ ขณะนี้มีร่างกฎหมาย Stablecoins ที่กำลังพิจารณาในสภา และฝ่ายสนับสนุนยังคงผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงก่อนการผ่านกฎหมาย ✅ Stablecoins มีโอกาสสร้างระบบการเงินที่รวดเร็วขึ้น - Stablecoins เช่น USDT และ USDC มีบทบาทสำคัญในการทำธุรกรรมคริปโต - นักลงทุนบางส่วนมองว่า หากสามารถจ่ายดอกเบี้ยได้ อาจช่วยให้ Stablecoins กลายเป็นเครื่องมือการชำระเงินหลัก ✅ Coinbase และ Solidus Labs หนุนให้จ่ายดอกเบี้ย - CEO Brian Armstrong ของ Coinbase กล่าวว่า รัฐบาลไม่ควรเลือกปฏิบัติต่ออุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง - Chen Arad จาก Solidus Labs เห็นว่าผู้ให้บริการ Stablecoins ควรสามารถแบ่งปันผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่พวกเขาถือครองได้ ✅ ฝ่ายคัดค้านเตือนว่าส่งผลกระทบต่อระบบธนาคาร - นักวิจัยและนักเศรษฐศาสตร์บางคนเตือนว่า Stablecoins ที่สามารถจ่ายดอกเบี้ยอาจทำให้เงินฝากไหลออกจากธนาคารแบบดั้งเดิม - Arthur Wilmarth จากมหาวิทยาลัย George Washington ระบุว่านี่อาจเป็น "ภัยคุกคามต่ออุตสาหกรรมธนาคารโดยตรง" ✅ ความเคลื่อนไหวทางกฎหมายในสภาคองเกรส - ร่างกฎหมายของ สภาผู้แทนราษฎร ห้าม Stablecoins จ่ายดอกเบี้ย แต่ร่างของ วุฒิสภา ยังมีจุดที่ไม่ชัดเจน - ฝ่ายสนับสนุนกำลังผลักดันให้ สภาคองเกรสเพิ่มข้อกำหนดอนุญาตการจ่ายดอกเบี้ยในร่างกฎหมายฉบับสุดท้าย ✅ อุตสาหกรรมคริปโตมีอิทธิพลเพิ่มขึ้นในวอชิงตัน - กลุ่มผู้สนับสนุนคริปโต ใช้เงินกว่า $119 ล้าน ในการสนับสนุนผู้สมัครที่สนับสนุนคริปโต ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา - มีข่าวว่าทำเนียบขาวต้องการให้ร่างกฎหมาย Stablecoin ผ่านภายในเดือนสิงหาคม 2025 https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/03/crypto-execs-ask-congress-to-let-stablecoins-pay-interest-as-bill-set-to-advance
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Crypto execs ask Congress to let stablecoins pay interest as bill set to advance
    (Reuters) - Some influential cryptocurrency executives are making a last-minute pitch to Congress to allow interest to be paid on U.S. dollar-pegged tokens as part of popular legislation establishing a regulatory framework for stablecoins.
    0 Comments 0 Shares 295 Views 0 Reviews
  • 10 แนวทางบริหารจัดการช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่ CISOs แนะนำ 🔒🛡️

    ปัจจุบันองค์กรทั่วโลกให้ความสำคัญกับ การจัดการช่องโหว่ด้านความปลอดภัย (Vulnerability Management) มากขึ้น เนื่องจากการละเลยในอดีตทำให้เกิด ความเสี่ยงทางธุรกิจ อย่างมหาศาล โดย CISOs (Chief Information Security Officers) หลายคนได้แบ่งปันบทเรียนและแนวทางที่ช่วยให้องค์กรสามารถลดความเสี่ยงจากช่องโหว่ทางไซเบอร์ได้

    ✅ 1. สร้างวัฒนธรรมไซเบอร์ซีเคียวริตี้ในองค์กร
    - องค์กรต้องมี แนวคิดที่เน้นความปลอดภัย โดยเฉพาะหลังเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง เช่น การโจมตี Log4J หรือ Ransomware
    - CISOs ย้ำว่า ต้องทำให้ความปลอดภัยเป็นวาระสำคัญระดับ CEO และคณะกรรมการบริษัท

    ✅ 2. เอกสารและกระบวนการที่ชัดเจน
    - ทุกขั้นตอนต้องมีการ บันทึกและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงการบริหารจัดการช่องโหว่

    ✅ 3. กำหนดกระบวนการที่เป็นมาตรฐาน
    - หลายองค์กรใช้กรอบงาน NIST หรือ ISO 27001 และปรับให้เข้ากับความต้องการขององค์กร
    - บางบริษัทมี ระบบบูรณาการที่สามารถปรับเปลี่ยนได้เมื่อมีการควบรวมกิจการ

    ✅ 4. ระบุข้อมูลความปลอดภัยที่จำเป็น
    - ไม่ใช่แค่การตรวจสอบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ แต่ต้องกำหนด ข้อมูลที่จำเป็นต่อการบริหารความเสี่ยง

    ✅ 5. บูรณาการข้อมูลให้เป็นระบบ
    - CISOs ต้องเข้าใจว่า ข้อมูลเกี่ยวกับช่องโหว่ควรส่งถึงใครบ้าง และต้องดำเนินการอย่างไรเมื่อได้รับข้อมูล

    ✅ 6. ตั้งค่ามาตรวัดเพื่อจัดลำดับความสำคัญ
    - ระบบต้องมีการ ประเมินมูลค่าธุรกิจของสินทรัพย์ที่มีช่องโหว่ และพิจารณาว่า มีมาตรการป้องกันที่เพียงพอหรือไม่

    ✅ 7. ตั้งค่า SLA เพื่อกำหนดขอบเขตเวลาแก้ไขปัญหา
    - ต้องมี Service Level Agreements (SLA) เพื่อกำหนดระยะเวลาที่ต้องแก้ไขช่องโหว่
    - หากทีมไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ตามกำหนด ต้องมีการตรวจสอบและปรับปรุงกระบวนการต่อไป

    ✅ 8. พัฒนาแผนฉุกเฉินสำหรับแพตช์ระบบ
    - กรณี Log4Shell และ SolarWinds เป็นบทเรียนว่าองค์กรต้องมี แผนฉุกเฉินสำหรับการแพตช์ระบบในเหตุการณ์เร่งด่วน

    ✅ 9. ปรับเป้าหมายและแรงจูงใจให้สอดคล้องกัน
    - ต้องมี การทำงานร่วมกันระหว่างฝ่าย IT, DevOps, Security และฝ่ายธุรกิจ
    - บางองค์กรใช้ ค่าตอบแทนและโบนัสเพื่อกระตุ้นให้ทุกฝ่ายให้ความสำคัญกับความปลอดภัย

    ✅ 10. ทดสอบความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง
    - เปลี่ยนจาก Penetration Testing แบบรายปี เป็น Continuous Security Testing
    - ใช้แนวทาง Threat-Informed Defense เพื่อ ทดสอบความสามารถของมาตรการป้องกัน

    https://www.csoonline.com/article/3853759/10-best-practices-for-vulnerability-management-according-to-cisos.html
    10 แนวทางบริหารจัดการช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่ CISOs แนะนำ 🔒🛡️ ปัจจุบันองค์กรทั่วโลกให้ความสำคัญกับ การจัดการช่องโหว่ด้านความปลอดภัย (Vulnerability Management) มากขึ้น เนื่องจากการละเลยในอดีตทำให้เกิด ความเสี่ยงทางธุรกิจ อย่างมหาศาล โดย CISOs (Chief Information Security Officers) หลายคนได้แบ่งปันบทเรียนและแนวทางที่ช่วยให้องค์กรสามารถลดความเสี่ยงจากช่องโหว่ทางไซเบอร์ได้ ✅ 1. สร้างวัฒนธรรมไซเบอร์ซีเคียวริตี้ในองค์กร - องค์กรต้องมี แนวคิดที่เน้นความปลอดภัย โดยเฉพาะหลังเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง เช่น การโจมตี Log4J หรือ Ransomware - CISOs ย้ำว่า ต้องทำให้ความปลอดภัยเป็นวาระสำคัญระดับ CEO และคณะกรรมการบริษัท ✅ 2. เอกสารและกระบวนการที่ชัดเจน - ทุกขั้นตอนต้องมีการ บันทึกและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงการบริหารจัดการช่องโหว่ ✅ 3. กำหนดกระบวนการที่เป็นมาตรฐาน - หลายองค์กรใช้กรอบงาน NIST หรือ ISO 27001 และปรับให้เข้ากับความต้องการขององค์กร - บางบริษัทมี ระบบบูรณาการที่สามารถปรับเปลี่ยนได้เมื่อมีการควบรวมกิจการ ✅ 4. ระบุข้อมูลความปลอดภัยที่จำเป็น - ไม่ใช่แค่การตรวจสอบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ แต่ต้องกำหนด ข้อมูลที่จำเป็นต่อการบริหารความเสี่ยง ✅ 5. บูรณาการข้อมูลให้เป็นระบบ - CISOs ต้องเข้าใจว่า ข้อมูลเกี่ยวกับช่องโหว่ควรส่งถึงใครบ้าง และต้องดำเนินการอย่างไรเมื่อได้รับข้อมูล ✅ 6. ตั้งค่ามาตรวัดเพื่อจัดลำดับความสำคัญ - ระบบต้องมีการ ประเมินมูลค่าธุรกิจของสินทรัพย์ที่มีช่องโหว่ และพิจารณาว่า มีมาตรการป้องกันที่เพียงพอหรือไม่ ✅ 7. ตั้งค่า SLA เพื่อกำหนดขอบเขตเวลาแก้ไขปัญหา - ต้องมี Service Level Agreements (SLA) เพื่อกำหนดระยะเวลาที่ต้องแก้ไขช่องโหว่ - หากทีมไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ตามกำหนด ต้องมีการตรวจสอบและปรับปรุงกระบวนการต่อไป ✅ 8. พัฒนาแผนฉุกเฉินสำหรับแพตช์ระบบ - กรณี Log4Shell และ SolarWinds เป็นบทเรียนว่าองค์กรต้องมี แผนฉุกเฉินสำหรับการแพตช์ระบบในเหตุการณ์เร่งด่วน ✅ 9. ปรับเป้าหมายและแรงจูงใจให้สอดคล้องกัน - ต้องมี การทำงานร่วมกันระหว่างฝ่าย IT, DevOps, Security และฝ่ายธุรกิจ - บางองค์กรใช้ ค่าตอบแทนและโบนัสเพื่อกระตุ้นให้ทุกฝ่ายให้ความสำคัญกับความปลอดภัย ✅ 10. ทดสอบความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง - เปลี่ยนจาก Penetration Testing แบบรายปี เป็น Continuous Security Testing - ใช้แนวทาง Threat-Informed Defense เพื่อ ทดสอบความสามารถของมาตรการป้องกัน https://www.csoonline.com/article/3853759/10-best-practices-for-vulnerability-management-according-to-cisos.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    10 best practices for vulnerability management according to CISOs
    After years of neglect, organizations are investing in vulnerability management programs to address business risk. A dozen CISOs offer lessons learned and best practices.
    0 Comments 0 Shares 369 Views 0 Reviews
  • ถ้าหาก USAID ที่เป็นสำนักงานให้ความช่วยเหลือต่างประเทศของสหรัฐฯ ยังคงปฏิบัติงานอยู่ตามปกติ ไม่ถูกสั่งปลดเจ้าหน้าที่แทบทั้งหมดและกระทั่งสั่งยุบหน่วยงานนี้ไปเลยตามนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ USAID ก็น่าจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการวินิจฉัยกำหนดพื้นที่ซึ่งจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือมากที่สุดภายหลังแผ่นดินไหวใหญ่ในพม่าคราวนี้ รวมทั้งมีบทบาทในการแบ่งปันจัดสรรความช่วยเหลือฉุกเฉินที่ทรงความสำคัญอย่างยิ่งยวด

    เมื่อตอนต้นปี 2021 หลังจากหนึ่งทศวรรษของการปฏิรูปทางการเมืองและทางเศรษฐกิจ พม่าแลดูเหมือนกับว่าในที่สุดแล้วพวกเขาก็กำลังเริ่มต้น Choawalit Chotwattanaphong ที่จะเขย่าพิษตกค้างของการถูกปกครองโดยคณะทหารมานานหลายทศวรรษให้หลุดออกไปได้เสียที ในตอนนั้นการลงทุนจากต่างประเทศกำลังเติบโตขยายตัว และมาตรฐานชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนกำลังกระเตื้องดีขึ้นมาอย่างช้าๆ

    อย่างไรก็ตาม ในเดือนกุมภาพันธ์ของปีนั้นเอง คณะทหารก็กลับมายึดอำนาจเอาไว้อีกคำรบหนึ่ง หลังจากขับไล่ [2] รัฐบาลที่ผ่านการเลือกตั้งอย่างเป็นประชาธิปไตยของ อองซานซูจี ออกไปด้วยการทำรัฐประหารยึดอำนาจ เรื่องนี้ได้ผลักไสให้ประเทศนี้หมุนคว้างดำดิ่งลงสู่สงครามกลางเมือง [3] และความพังพินาศทางสังคมและทางเศรษฐกิจ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/around/detail/9680000030661

    #MGROnline #โดนัลด์ทรัมป์ #USAID
    ถ้าหาก USAID ที่เป็นสำนักงานให้ความช่วยเหลือต่างประเทศของสหรัฐฯ ยังคงปฏิบัติงานอยู่ตามปกติ ไม่ถูกสั่งปลดเจ้าหน้าที่แทบทั้งหมดและกระทั่งสั่งยุบหน่วยงานนี้ไปเลยตามนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ USAID ก็น่าจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการวินิจฉัยกำหนดพื้นที่ซึ่งจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือมากที่สุดภายหลังแผ่นดินไหวใหญ่ในพม่าคราวนี้ รวมทั้งมีบทบาทในการแบ่งปันจัดสรรความช่วยเหลือฉุกเฉินที่ทรงความสำคัญอย่างยิ่งยวด • เมื่อตอนต้นปี 2021 หลังจากหนึ่งทศวรรษของการปฏิรูปทางการเมืองและทางเศรษฐกิจ พม่าแลดูเหมือนกับว่าในที่สุดแล้วพวกเขาก็กำลังเริ่มต้น [1] ที่จะเขย่าพิษตกค้างของการถูกปกครองโดยคณะทหารมานานหลายทศวรรษให้หลุดออกไปได้เสียที ในตอนนั้นการลงทุนจากต่างประเทศกำลังเติบโตขยายตัว และมาตรฐานชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนกำลังกระเตื้องดีขึ้นมาอย่างช้าๆ • อย่างไรก็ตาม ในเดือนกุมภาพันธ์ของปีนั้นเอง คณะทหารก็กลับมายึดอำนาจเอาไว้อีกคำรบหนึ่ง หลังจากขับไล่ [2] รัฐบาลที่ผ่านการเลือกตั้งอย่างเป็นประชาธิปไตยของ อองซานซูจี ออกไปด้วยการทำรัฐประหารยึดอำนาจ เรื่องนี้ได้ผลักไสให้ประเทศนี้หมุนคว้างดำดิ่งลงสู่สงครามกลางเมือง [3] และความพังพินาศทางสังคมและทางเศรษฐกิจ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/around/detail/9680000030661 • #MGROnline #โดนัลด์ทรัมป์ #USAID
    0 Comments 0 Shares 488 Views 0 Reviews
  • บอกลูกต้นผลไม้ ป๋าคิดว่าตัดเตี้ยเลี้ยงแบบนี้ดีนะต้นละ10-15ผล 100ต้นก้อ1000-1500 ผล กินทานแบ่งปันเพื่อนบ้าน ดีนะ ที่นี่ได้ส้มโอ เวอรี่ กล้วย มะม่วง ลิ้นจี้ ชะอม ตำลึง มะนาว พริก หอม โหระพา กะเพรา ขาดอะไรก้อหาซื้อเอา
    บอกลูกต้นผลไม้ ป๋าคิดว่าตัดเตี้ยเลี้ยงแบบนี้ดีนะต้นละ10-15ผล 100ต้นก้อ1000-1500 ผล กินทานแบ่งปันเพื่อนบ้าน ดีนะ ที่นี่ได้ส้มโอ เวอรี่ กล้วย มะม่วง ลิ้นจี้ ชะอม ตำลึง มะนาว พริก หอม โหระพา กะเพรา ขาดอะไรก้อหาซื้อเอา
    0 Comments 0 Shares 191 Views 0 Reviews
  • เซิร์ฟเวอร์เฉพาะเป็นตัวเลือกที่ช่วยให้ทรัพยากรทั้งหมดบนเซิร์ฟเวอร์อยู่ในมือผู้ใช้เพียงคนเดียว จึงเหมาะสำหรับงานที่ต้องการความปลอดภัยสูงหรือการประมวลผลที่ทรงพลัง การเลือกใช้งานเซิร์ฟเวอร์ขึ้นอยู่กับความต้องการและความเชี่ยวชาญของแต่ละธุรกิจ โดยโฮสต์แบบ Managed และ Unmanaged มีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน

    เหตุผลที่ยังคงเลือกใช้เซิร์ฟเวอร์เฉพาะ:
    - แม้โฮสต์แบบคลาวด์จะได้รับความนิยมมากขึ้น เซิร์ฟเวอร์เฉพาะยังมีบทบาทสำคัญในสถานการณ์ที่ทรัพยากรต้องไม่แบ่งปัน เช่น การประมวลผลระดับสูงสำหรับ AI และงานที่ใช้คอมพิวเตอร์จำนวนมาก.

    ความแตกต่างระหว่างการจัดการเซิร์ฟเวอร์:
    - โฮสต์แบบ Managed Dedicated Servers ช่วยลดความยุ่งยากในการจัดการเซิร์ฟเวอร์ สำหรับผู้ใช้งานที่ไม่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคนิค ขณะที่ Unmanaged Hosting เหมาะสำหรับองค์กรที่มีทีมไอทีที่พร้อมจัดการเซิร์ฟเวอร์เอง.

    ข้อดีเฉพาะตัวของเซิร์ฟเวอร์เฉพาะ:
    - เซิร์ฟเวอร์เฉพาะเหมาะสำหรับธุรกิจที่มีทราฟฟิกคงที่ เพราะช่วยลดค่าใช้จ่ายเมื่อเทียบกับโฮสต์คลาวด์ที่มีระบบคิดค่าใช้จ่ายแบบ Pay-as-you-go.

    การตัดสินใจเลือกเซิร์ฟเวอร์:
    - ธุรกิจที่มีงบประมาณจำกัดและมีทราฟฟิกที่ไม่แน่นอน อาจเลือกใช้เซิร์ฟเวอร์แชร์หรือคลาวด์ แต่เซิร์ฟเวอร์เฉพาะมีความเหมาะสมสำหรับองค์กรที่ต้องการควบคุมทรัพยากรอย่างเต็มที่.

    https://www.techradar.com/news/what-is-a-dedicated-server
    เซิร์ฟเวอร์เฉพาะเป็นตัวเลือกที่ช่วยให้ทรัพยากรทั้งหมดบนเซิร์ฟเวอร์อยู่ในมือผู้ใช้เพียงคนเดียว จึงเหมาะสำหรับงานที่ต้องการความปลอดภัยสูงหรือการประมวลผลที่ทรงพลัง การเลือกใช้งานเซิร์ฟเวอร์ขึ้นอยู่กับความต้องการและความเชี่ยวชาญของแต่ละธุรกิจ โดยโฮสต์แบบ Managed และ Unmanaged มีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน เหตุผลที่ยังคงเลือกใช้เซิร์ฟเวอร์เฉพาะ: - แม้โฮสต์แบบคลาวด์จะได้รับความนิยมมากขึ้น เซิร์ฟเวอร์เฉพาะยังมีบทบาทสำคัญในสถานการณ์ที่ทรัพยากรต้องไม่แบ่งปัน เช่น การประมวลผลระดับสูงสำหรับ AI และงานที่ใช้คอมพิวเตอร์จำนวนมาก. ความแตกต่างระหว่างการจัดการเซิร์ฟเวอร์: - โฮสต์แบบ Managed Dedicated Servers ช่วยลดความยุ่งยากในการจัดการเซิร์ฟเวอร์ สำหรับผู้ใช้งานที่ไม่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคนิค ขณะที่ Unmanaged Hosting เหมาะสำหรับองค์กรที่มีทีมไอทีที่พร้อมจัดการเซิร์ฟเวอร์เอง. ข้อดีเฉพาะตัวของเซิร์ฟเวอร์เฉพาะ: - เซิร์ฟเวอร์เฉพาะเหมาะสำหรับธุรกิจที่มีทราฟฟิกคงที่ เพราะช่วยลดค่าใช้จ่ายเมื่อเทียบกับโฮสต์คลาวด์ที่มีระบบคิดค่าใช้จ่ายแบบ Pay-as-you-go. การตัดสินใจเลือกเซิร์ฟเวอร์: - ธุรกิจที่มีงบประมาณจำกัดและมีทราฟฟิกที่ไม่แน่นอน อาจเลือกใช้เซิร์ฟเวอร์แชร์หรือคลาวด์ แต่เซิร์ฟเวอร์เฉพาะมีความเหมาะสมสำหรับองค์กรที่ต้องการควบคุมทรัพยากรอย่างเต็มที่. https://www.techradar.com/news/what-is-a-dedicated-server
    WWW.TECHRADAR.COM
    What is a dedicated server?
    Sometimes you need your own space
    0 Comments 0 Shares 278 Views 0 Reviews
  • Nintendo กำลังนำเสนอนวัตกรรมใหม่ที่จะทำให้เกมดิจิทัลมีความคล้ายคลึงกับเกมแบบกล่องมากขึ้น ด้วยการเปิดตัวฟีเจอร์ Virtual Game Cards ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถยืมและแบ่งปันเกมที่ซื้อผ่านระบบดิจิทัลได้อย่างสะดวก นวัตกรรมนี้เตรียมพร้อมเปิดใช้งานในปลายเดือนเมษายนผ่านการอัปเดตซอฟต์แวร์สำหรับ Nintendo Switch และจะรองรับ Switch 2 ตั้งแต่เปิดตัว

    การใช้งาน Virtual Game Cards:
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถย้ายเกมระหว่างอุปกรณ์โดยการเชื่อมต่อผ่าน WiFi เพียงครั้งเดียว โดยรองรับทั้ง Switch รุ่นปกติ Lite และ Switch 2 รวมถึงการแบ่งปันเกมกับสมาชิกในกลุ่มครอบครัวที่มีได้สูงสุดถึง 8 อุปกรณ์.

    ข้อจำกัดและรูปแบบการใช้งาน:
    - ผู้ใช้งานสามารถ "ยืม" เกมให้ผู้อื่นได้ทีละหนึ่งเกมเท่านั้น โดยจะใช้งานได้ 14 วัน หลังจากนั้นเกมจะถูกส่งคืนให้เจ้าของอัตโนมัติ และในช่วงที่เกมถูกยืม ผู้ให้ยืมจะไม่สามารถเล่นเกมนั้นได้.

    การเปลี่ยนแปลงด้านการจัดการสิทธิ์ดิจิทัล (DRM):
    - Virtual Game Cards ถูกออกแบบมาให้จัดการลิขสิทธิ์เกมได้อย่างง่ายขึ้น และทำให้การย้ายเกมไปยังอุปกรณ์ใหม่ เช่น Switch 2 เป็นเรื่องง่าย พร้อมกับช่วยลดความยุ่งยากในระบบ DRM ของ Nintendo.

    https://www.techspot.com/news/107319-nintendo-soon-you-loan-digital-games-friends.html
    Nintendo กำลังนำเสนอนวัตกรรมใหม่ที่จะทำให้เกมดิจิทัลมีความคล้ายคลึงกับเกมแบบกล่องมากขึ้น ด้วยการเปิดตัวฟีเจอร์ Virtual Game Cards ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถยืมและแบ่งปันเกมที่ซื้อผ่านระบบดิจิทัลได้อย่างสะดวก นวัตกรรมนี้เตรียมพร้อมเปิดใช้งานในปลายเดือนเมษายนผ่านการอัปเดตซอฟต์แวร์สำหรับ Nintendo Switch และจะรองรับ Switch 2 ตั้งแต่เปิดตัว การใช้งาน Virtual Game Cards: - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถย้ายเกมระหว่างอุปกรณ์โดยการเชื่อมต่อผ่าน WiFi เพียงครั้งเดียว โดยรองรับทั้ง Switch รุ่นปกติ Lite และ Switch 2 รวมถึงการแบ่งปันเกมกับสมาชิกในกลุ่มครอบครัวที่มีได้สูงสุดถึง 8 อุปกรณ์. ข้อจำกัดและรูปแบบการใช้งาน: - ผู้ใช้งานสามารถ "ยืม" เกมให้ผู้อื่นได้ทีละหนึ่งเกมเท่านั้น โดยจะใช้งานได้ 14 วัน หลังจากนั้นเกมจะถูกส่งคืนให้เจ้าของอัตโนมัติ และในช่วงที่เกมถูกยืม ผู้ให้ยืมจะไม่สามารถเล่นเกมนั้นได้. การเปลี่ยนแปลงด้านการจัดการสิทธิ์ดิจิทัล (DRM): - Virtual Game Cards ถูกออกแบบมาให้จัดการลิขสิทธิ์เกมได้อย่างง่ายขึ้น และทำให้การย้ายเกมไปยังอุปกรณ์ใหม่ เช่น Switch 2 เป็นเรื่องง่าย พร้อมกับช่วยลดความยุ่งยากในระบบ DRM ของ Nintendo. https://www.techspot.com/news/107319-nintendo-soon-you-loan-digital-games-friends.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Nintendo will soon let you loan your digital games to your friends
    For the first time ever, Nintendo is hosting two Nintendo Direct events almost back-to-back. The first was today, featuring everything coming to the Switch (masthead). The second...
    0 Comments 0 Shares 183 Views 0 Reviews
  • ทูตสหรัฐฯ ชี้ปัญหา 'ช้างในห้อง' ของการเจรจาสันติภาพคือการยกดินแดนยูเครนให้รัสเซีย

    ทูตพิเศษสหรัฐฯ Steve Witkoff เผยว่าอุปสรรคใหญ่สุดในการแก้ไขสงครามยูเครนคือสถานะของไครเมียและสี่ภูมิภาคที่รัสเซียยึดครอง โดยเรียกประเด็นนี้ว่า "ช้างในห้อง" ของการเจรจาสันติภาพ

    ในการให้สัมภาษณ์กับ Tucker Carlson Witkoff อ้างว่าการลงประชามติในภูมิภาค Donetsk, Luhansk, Zaporizhzhia และ Kherson แสดงว่าประชาชนต้องการอยู่ภายใต้รัสเซีย

    "รัสเซียควบคุมดินแดนเหล่านี้อยู่แล้วตามข้อเท็จจริง คำถามคือ
    โลกจะยอมรับหรือไม่ว่านั่นเป็นดินแดนรัสเซีย?
    Zelensky จะอยู่รอดทางการเมืองหรือไม่ถ้ายอมรับ?
    นี่คือประเด็นสำคัญในความขัดแย้ง" Witkoff กล่าว

    ขณะที่ Zelensky ยืนยันว่า "เราไม่ยอมรับดินแดนยูเครนที่ถูกยึดครองเป็นของรัสเซีย"

    ทูตพิเศษยังเปิดเผยว่า Vladimir Putin สั่งวาดภาพเหมือนอันงดงามของประธานาธิบดี Donald Trump โดยศิลปินชั้นนำของรัสเซีย ซึ่ง Witkoff นำกลับไปให้ประธานาธิบดี และเล่าว่า Putin ยังสวดมนต์เพื่อ Trump หลังถูกลอบสังหาร
    "ไม่ใช่เพราะเขา...อาจกลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่เพราะ พวกเขาเป็นเพื่อนกัน" ซึ่ง Trump ก็ "ซาบซึ้งใจอย่างชัดเจน" กับการแสดงออกของ Putin

    Witkoff ประทับใจในความ "สุภาพ" และ "สติปัญญา" ของ Putin
    โดยเสริมว่าการแก้ไขสงครามอาจนำไปสู่ความร่วมมือทั้งด้านพลังงานในอาร์กติก การแบ่งปันเส้นทางทะเล และการส่งก๊าซธรรมชาติเหลวเข้ายุโรปร่วมกัน
    ทูตสหรัฐฯ ชี้ปัญหา 'ช้างในห้อง' ของการเจรจาสันติภาพคือการยกดินแดนยูเครนให้รัสเซีย ทูตพิเศษสหรัฐฯ Steve Witkoff เผยว่าอุปสรรคใหญ่สุดในการแก้ไขสงครามยูเครนคือสถานะของไครเมียและสี่ภูมิภาคที่รัสเซียยึดครอง โดยเรียกประเด็นนี้ว่า "ช้างในห้อง" ของการเจรจาสันติภาพ ในการให้สัมภาษณ์กับ Tucker Carlson Witkoff อ้างว่าการลงประชามติในภูมิภาค Donetsk, Luhansk, Zaporizhzhia และ Kherson แสดงว่าประชาชนต้องการอยู่ภายใต้รัสเซีย "รัสเซียควบคุมดินแดนเหล่านี้อยู่แล้วตามข้อเท็จจริง คำถามคือ โลกจะยอมรับหรือไม่ว่านั่นเป็นดินแดนรัสเซีย? Zelensky จะอยู่รอดทางการเมืองหรือไม่ถ้ายอมรับ? นี่คือประเด็นสำคัญในความขัดแย้ง" Witkoff กล่าว ขณะที่ Zelensky ยืนยันว่า "เราไม่ยอมรับดินแดนยูเครนที่ถูกยึดครองเป็นของรัสเซีย" ทูตพิเศษยังเปิดเผยว่า Vladimir Putin สั่งวาดภาพเหมือนอันงดงามของประธานาธิบดี Donald Trump โดยศิลปินชั้นนำของรัสเซีย ซึ่ง Witkoff นำกลับไปให้ประธานาธิบดี และเล่าว่า Putin ยังสวดมนต์เพื่อ Trump หลังถูกลอบสังหาร "ไม่ใช่เพราะเขา...อาจกลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่เพราะ พวกเขาเป็นเพื่อนกัน" ซึ่ง Trump ก็ "ซาบซึ้งใจอย่างชัดเจน" กับการแสดงออกของ Putin Witkoff ประทับใจในความ "สุภาพ" และ "สติปัญญา" ของ Putin โดยเสริมว่าการแก้ไขสงครามอาจนำไปสู่ความร่วมมือทั้งด้านพลังงานในอาร์กติก การแบ่งปันเส้นทางทะเล และการส่งก๊าซธรรมชาติเหลวเข้ายุโรปร่วมกัน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 610 Views 0 Reviews
  • ค่ำคืนคืนนี้มีใจที่ไหนบ้างเอ่ย
    น้องหนาวจังเลยหนาวใจอยากหาใจห่ม
    หนาวในน้ำค้างอีกทั้งหนาวในสายลม
    ซุกใต้ผ้าห่มไม่หายหนาวกายหนาวใจ
    อันว่าหนาวลมห่มผ้าก็ซาลงแล้ว
    ได้นอนกอดแมวประทังก็ยังพอไหว
    ถ้าหากเหน็บหนาวหนักจริงก็จะผิงไฟ
    แต่หนาวที่ใจหน๊าวหนาวเกินจะกล่าวความ
    ค่ำคืนคืนนี้มีใจที่ไหนบ้างหนอ
    น้องนอนหนาวรอหัวใจมันเฝ้าไถ่ถาม
    จะมีมั่งไหมหากทราบจะขอทาบทาม
    อยากจะติดตามติดต่อใจหล่อหล่อสักใจ
    คอยเหม่อมองหาหัวใจของใครคนนั้น
    พี่จะแบ่งปันสักห้องให้น้องได้ไหม
    น้องนี้เหน็บหนาวเฝ้าคอยเหนื่อยนอยด์ทรวงใน
    พี่จะเห็นใจให้ใจน้องไหมคนดี
    ค่ำคืนคืนนี้มีใจที่ไหนบ้างเอ่ย น้องหนาวจังเลยหนาวใจอยากหาใจห่ม หนาวในน้ำค้างอีกทั้งหนาวในสายลม ซุกใต้ผ้าห่มไม่หายหนาวกายหนาวใจ อันว่าหนาวลมห่มผ้าก็ซาลงแล้ว ได้นอนกอดแมวประทังก็ยังพอไหว ถ้าหากเหน็บหนาวหนักจริงก็จะผิงไฟ แต่หนาวที่ใจหน๊าวหนาวเกินจะกล่าวความ ค่ำคืนคืนนี้มีใจที่ไหนบ้างหนอ น้องนอนหนาวรอหัวใจมันเฝ้าไถ่ถาม จะมีมั่งไหมหากทราบจะขอทาบทาม อยากจะติดตามติดต่อใจหล่อหล่อสักใจ คอยเหม่อมองหาหัวใจของใครคนนั้น พี่จะแบ่งปันสักห้องให้น้องได้ไหม น้องนี้เหน็บหนาวเฝ้าคอยเหนื่อยนอยด์ทรวงใน พี่จะเห็นใจให้ใจน้องไหมคนดี
    0 Comments 0 Shares 276 Views 0 Reviews
  • ทำเนียบขาวเปิดเผยหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ พูดคุยกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี เป็นครั้งแรก หลังจากการปะทะคารมอย่างดุเดือดที่ทำเนียบขาวเมื่อเดือนที่แล้ว โดยสหรัฐจะยืนยันจะยังคงแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองกับยูเครนต่อไป "เพื่อวัตถุประสงค์ด้านการป้องกันประเทศ"

    นอกจากนี้ ทรัมป์ยังบอกกับเซเลนสกีอีกว่าสหรัฐพร้อมที่จะเข้ามาช่วยจัดการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ซาโปริซเซีย (Zaporizhzhia Nuclear Power - ZNPP) ในภูมิภาคซาโปริซเซีย ซึ่งขณะนี้อยู่ในการควบคุมของรัสเซีย

    โรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้นับเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป และเป็นหนึ่งในสิบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ของโลก

    ทำเนียบขาวเผยว่า หากสหรัฐเป็นเจ้าของโครงสร้างด้านพลังงานของยูเครน นั่นจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานของยูเครนเช่นกัน!
    ทำเนียบขาวเปิดเผยหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ พูดคุยกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี เป็นครั้งแรก หลังจากการปะทะคารมอย่างดุเดือดที่ทำเนียบขาวเมื่อเดือนที่แล้ว โดยสหรัฐจะยืนยันจะยังคงแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองกับยูเครนต่อไป "เพื่อวัตถุประสงค์ด้านการป้องกันประเทศ" นอกจากนี้ ทรัมป์ยังบอกกับเซเลนสกีอีกว่าสหรัฐพร้อมที่จะเข้ามาช่วยจัดการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ซาโปริซเซีย (Zaporizhzhia Nuclear Power - ZNPP) ในภูมิภาคซาโปริซเซีย ซึ่งขณะนี้อยู่ในการควบคุมของรัสเซีย โรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้นับเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป และเป็นหนึ่งในสิบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ของโลก ทำเนียบขาวเผยว่า หากสหรัฐเป็นเจ้าของโครงสร้างด้านพลังงานของยูเครน นั่นจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานของยูเครนเช่นกัน!
    0 Comments 0 Shares 323 Views 0 Reviews
More Results