• "สิ้นเชลยศึก"

    เสียงปืนดังกลางลมแรง วีรกรรมแห่งนักรบไทย เวียดนามจับเป็นเชลย แต่หัวใจ ยังคงยืนหยัด...ไม่เคยสั่นไหว

    ฮานอยฮิลตันคือนรก ทุกข์ทรมานเกินกล่าวไป เกือบสิบปีในเงาไฟ แต่ศรัทธาไม่เคยจางหาย

    * สิ้นเชลยศึก แต่อเมริกายังจำ เกียรติภูมิยังยืนยง กล้าหาญแม้ยามเงียบงัน ดั่งสายฟ้าในใจของผู้คน ชัยชาญ คือดวงดาวส่องทาง

    มือที่อ่อนล้าเคาะกำแพง ส่งสัญญาณสมิตตีให้พ้นภัย แม้เสี่ยงตายก็ยอมไดh เพราะหัวใจยังภักดี
    เสียงรหัสเคาะก้องในรัตติกาล บอกเรื่องราวของวีรชน เสรีภาพคือจิตวิญญาณ ไม่มีพันธนาการใด ขังไว้ได้

    ซ้ำ *

    แม้วันนี้ลาลับไป แต่ชื่อยังจารึก พันเอกชัยชาญ หาญนาวี ผู้เป็นตำนาน...ไม่รู้ลืม

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 041825 ก.พ. 2568

    #สิ้นเชลยศึก #พันเอกชัยชาญ #นักรบผู้กล้า #สงครามเวียดนาม #HanoiHilton #เกียรติศักดิ์ทหารไทย #ตำนานวีรบุรุษ #เชลยศึก #รหัสเคาะ #HallOfHeroes
    "สิ้นเชลยศึก" เสียงปืนดังกลางลมแรง วีรกรรมแห่งนักรบไทย เวียดนามจับเป็นเชลย แต่หัวใจ ยังคงยืนหยัด...ไม่เคยสั่นไหว ฮานอยฮิลตันคือนรก ทุกข์ทรมานเกินกล่าวไป เกือบสิบปีในเงาไฟ แต่ศรัทธาไม่เคยจางหาย * สิ้นเชลยศึก แต่อเมริกายังจำ เกียรติภูมิยังยืนยง กล้าหาญแม้ยามเงียบงัน ดั่งสายฟ้าในใจของผู้คน ชัยชาญ คือดวงดาวส่องทาง มือที่อ่อนล้าเคาะกำแพง ส่งสัญญาณสมิตตีให้พ้นภัย แม้เสี่ยงตายก็ยอมไดh เพราะหัวใจยังภักดี เสียงรหัสเคาะก้องในรัตติกาล บอกเรื่องราวของวีรชน เสรีภาพคือจิตวิญญาณ ไม่มีพันธนาการใด ขังไว้ได้ ซ้ำ * แม้วันนี้ลาลับไป แต่ชื่อยังจารึก พันเอกชัยชาญ หาญนาวี ผู้เป็นตำนาน...ไม่รู้ลืม ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 041825 ก.พ. 2568 #สิ้นเชลยศึก #พันเอกชัยชาญ #นักรบผู้กล้า #สงครามเวียดนาม #HanoiHilton #เกียรติศักดิ์ทหารไทย #ตำนานวีรบุรุษ #เชลยศึก #รหัสเคาะ #HallOfHeroes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 201 Views 3 0 Reviews
  • 7 ปี สิ้นเชลยศึกชาวไทย “พันเอกชัยชาญ หาญนาวี” วีรบุรุษทหารรบพิเศษไทย ในสงครามเวียดนาม ที่อเมริกายกย่องเชิดชู

    📅 ย้อนไปเมื่อ 7 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 ถือเป็นวันที่ประเทศไทย สูญเสียบุคคลสำคัญคนหนึ่ง ที่มีประวัติอันน่าจดจำ และเป็นที่เคารพในหมู่ทหารอเมริกัน ผู้ชายคนนั้นคือ “พันเอกชัยชาญ หาญนาวี” ทหารรบพิเศษไทย ที่ถูกจับเป็นเชลยศึกในสงครามเวียดนาม นานถึง 9 ปี 4 เดือน 8 วัน และได้รับการเชิดชูเกียรติ จากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ด้วยเหรียญกล้าหาญ Silver Star และ Legion of Merit 🏅

    แม้ว่าหลายคนในไทย อาจไม่คุ้นชื่อของพันเอกชัยชาญ แต่สำหรับทหารอเมริกันในยุคนั้น ชัยชาญคือวีรบุรุษที่ช่วยชีวิตเชลยศึกสหรัฐฯ มากมาย แม้ต้องเผชิญกับการทรมาน อันโหดร้ายในเรือนจำ "ฮานอยฮิลตัน" (Hỏa Lò Prison) ในกรุงฮานอย ประเทศเวียดนามเหนือ 🇹🇭🇺🇸

    👦 จากชาวอยุธยา สู่ทหารรบพิเศษไทย 🔴
    พันเอกชัยชาญ หาญนาวี เกิดที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเข้ารับราชการทหาร ในหน่วยกองรบพิเศษที่ 1 ค่ายวชิราลงกรณ์ จังหวัดลพบุรี ซึ่งเป็นหน่วยที่ฝึกอบรมทหารไทย ให้สามารถปฏิบัติภารกิจพิเศษ ร่วมกับกองทัพสหรัฐฯ

    ด้วยทักษะที่โดดเด่น ชัยชาญถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจ ที่ประเทศลาว ในช่วงสงครามเวียดนาม ทำหน้าที่เป็นพลวิทยุ ให้กับหน่วยรบพิเศษไทย-อเมริกัน

    ✈️ ภารกิจที่ผิดพลาด นำไปสู่การเป็นเชลยศึก
    📅 วันที่ 21 พฤษภาคม 2508 เป็นวันหยุด ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของพันเอกชัยชาญ ไปตลอดกาล เมื่อถูกชวนขึ้นเครื่องบินของ Air America (สายการบินลับของ CIA) เพื่อไปทำหน้าที่เป็น Spotter หรือผู้ระบุตำแหน่งข้าศึก

    ขณะที่เครื่องบินกำลังบินจากเชียงลม แขวงไชยะบุรี ประเทศลาว เพื่อส่งเสบียงให้ฐานปฏิบัติการ เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เครื่องถูกยิงตกกลางป่า ทหารอมริกันเสียชีวิตทั้งหมดทันที พันเอกชัยชาญและนักบินรอดชีวิต และพยายามหลบหนี แต่สุดท้ายถูกจับกุม โดยกองทัพเวียดนามเหนือ

    ชัยชาญถูกส่งไปยังค่ายเชลย ที่มีชื่อเสียงจากภาพยนตร์เรื่อง "แหกค่ายนรกเดียนเบียนฟู" ที่ซึ่งการทรมานนักโทษ ถือเป็นเรื่องปกติ...

    🏚️ จากเดียนเบียนฟู สู่ฮานอยฮิลตัน ⚠️
    หลังจากถูกขังอยู่ที่เดียนเบียนฟู นานเกือบ 3 ปี ชัยชาญถูกย้ายไปยังเรือนจำ "ฮานอยฮิลตัน" (Hỏa Lò Prison) ซึ่งเป็นคุกที่เลื่องชื่อ ในหมู่เชลยศึกอเมริกัน

    📌 ที่นี่ชัยชาญถูกขังเดี่ยว 5 ปี ถูกซ้อมทรมานเป็นประจำ ถูกมัดติดขื่อไม้ และต้องนอนเกลือกกลั้ว อยู่กับอุจจาระ และปัสสาวะของตัวเอง ได้รับอนุญาตให้อาบน้ำ เพียงเดือนละครั้ง 😞

    🔥 แต่ถึงจะถูกทรมานแค่ไหน ชัยชาญก็ยังไม่ละทิ้งศักดิ์ศรี ของทหารไทย

    🔑 Tap Code สื่อสารลับช่วยเชลยศึกอเมริกัน
    หนึ่งในวีรกรรมสำคัญ ของพันเอกชัยชาญคือ การใช้รหัสเคาะกำแพง (Tap Code) เพื่อส่งข้อมูลให้เชลยศึกอเมริกัน 🛑🔨

    🔹 Tap Code คืออะไร?
    เป็นรหัสลับที่เชลยศึกอเมริกัน พัฒนาเพื่อใช้สื่อสารกัน โดยการเคาะกำแพง ตามจังหวะที่กำหนด เพื่อแทนตัวอักษร คล้ายกับรหัสมอร์ส หรือรหัสแตะ สามารถส่งได้หลายวิธี และในสภาพแวดล้อม ที่ยากลำบาก

    รหัสเคาะเป็นวิธีง่ายๆ ในการเข้ารหัสข้อความ ข้อความจะถูกส่ง โดยการแปลตัวอักษรเป็นเสียงเคาะ ซึ่งนักโทษในเวียดนามใช้รหัสนี้ และบางครั้งเรียกว่ารหัสเคาะหรือรหัสสมิทตี้ รหัสนี้ใช้สี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาด 5x5 เพื่อกำหนดตัวเลขสองตัว (แถวและคอลัมน์) ให้กับตัวอักษรแต่ละตัว จากนั้นผู้ส่งจะเคาะหลายครั้งตามจำนวนตัวเลขแต่ละตัว และหยุดชั่วคราวระหว่างตัวเลข

    🔹 ชัยชาญใช้รหัสเคาะอย่างไร?
    ชัยชาญเรียนรู้รหัสนี้ จากเชลยเวียดนามใต้ และใช้ส่งข้อความให้ทหารอเมริกัน แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับแผนการทรมาน และให้กำลังใจเพื่อนเชลย

    ☠️ ถ้าถูกจับได้ อาจต้องจบชีวิตทันที แต่ชัยชาญยอมเสี่ยง เพื่อช่วยเหลือเพื่อนเชลย

    หนึ่งในเชลยศึก ที่ได้รับความช่วยเหลือจากชัยชาญคือ "จอห์น แมกเคน" (John McCain) นักบินรบของกองทัพเรือสหรัฐฯ และผู้สมัครชิงตำแหน่ง ประธานาธิบดีสหรัฐอมเริกา ในเวลาต่อมา 🇺🇸

    🏅 เกียรติยศสูงสุด จากกองทัพสหรัฐฯ
    📅 หลังจากถูกกักขัง ยาวนานกว่า 9 ปี พันเอกชัยชาญได้รับการปล่อยตัว ในปี 2517 จากการเจรจาระหว่างไทย-สหรัฐฯ และเวียดนามเหนือ

    💔 แต่เมื่อกลับมาถึงมาตุภูมิ ชัยชาญพบว่า ภรรยาแต่งงานใหม่ไปแล้ว ซึ่งตอนกลับมาได้รับพระราชทาน ยศชั้นนายพันแล้ว เพราะกองทัพไทยคิดว่า คงหายสาบสูญไป ในสงครามแล้ว แต่เมื่อยังมีชีวิตอยู่ ก็ได้กลับมารับราชการเหมือนเดิม ไม่มีใครกล้าถอดยศพระราชทาน

    แม้ว่าชีวิตส่วนตัวจะพังพินาศ แต่เกียรติยศของชัยชาญ กลับได้รับการยกย่อง จากกองทัพสหรัฐฯ สหรัฐอเมริกามอบเหรียญกล้าหาญ "Silver Star" และ "Legion of Merit" ให้ชาญชัย พร้อมจัดพิธีเชิดชูเกียรติที่ Pentagon

    🔹 Hall of Heroes ที่ Pentagon
    พันเอกชัยชาญเป็น "ทหารต่างชาติเพียงคนเดียว" ที่ได้รับเกียรติให้มีรูปถ่าย แขวนอยู่ใน Hall of Heroes ณ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ

    ✈️ นอกจากนี้ชัยชาญ ยังได้รับเชิญให้ไปศึกษาต่อ ที่ฐานทัพ Lackland Air Force Base และ Fort Bragg ศูนย์สงครามพิเศษของสหรัฐฯ

    🕊️ วันสุดท้ายของวีรบุรุษไทย
    📅 วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 พันเอกชัยชาญ เสียชีวิตอย่างสงบในวัย 87 ปี เนื่องจากเส้นเลือดสมองอุดตัน

    🇹🇭 แม้พันเอกชัยชาญ จะเป็นที่รู้จักในวงแคบของคนไทย แต่สำหรับอเมริกา ชัยชาญคือหนึ่งในบุคคล ที่มีเกียรติสูงสุด ในหมู่เชลยศึก

    ✨ วีรกรรมของชัยชาญ จะถูกจารึกในประวัติศาสตร์ ตลอดไป ✨
    ✅ พันเอกชัยชาญ หาญนาวี คือหนึ่งในเชลยศึก ที่ถูกคุมขังนานที่สุด ในสงครามเวียดนาม
    ✅ มีบทบาทสำคัญ ในการช่วยเหลือเชลยศึกอเมริกัน
    ✅ ได้รับเหรียญกล้าหาญ จากรัฐบาลสหรัฐฯ
    ✅ เป็นคนไทยเพียงคนเดียว ที่ได้รับเกียรติใน Hall of Heroes

    แม้กายจะลับไป แต่ชื่อของ "ชัยชาญ หาญนาวี" จะคงอยู่ในประวัติศาสตร์ไทย และโลกตลอดไป 🙏🇹🇭

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 041344 ก.พ. 2568

    📢 #พันเอกชัยชาญหาญนาวี #เชลยศึกเวียดนาม #วีรบุรุษไทย #สงครามเวียดนาม #HanoiHilton #TapCode #JohnMcCain #ThaiMilitary #SilverStar #LegionOfMerit
    7 ปี สิ้นเชลยศึกชาวไทย “พันเอกชัยชาญ หาญนาวี” วีรบุรุษทหารรบพิเศษไทย ในสงครามเวียดนาม ที่อเมริกายกย่องเชิดชู 📅 ย้อนไปเมื่อ 7 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 ถือเป็นวันที่ประเทศไทย สูญเสียบุคคลสำคัญคนหนึ่ง ที่มีประวัติอันน่าจดจำ และเป็นที่เคารพในหมู่ทหารอเมริกัน ผู้ชายคนนั้นคือ “พันเอกชัยชาญ หาญนาวี” ทหารรบพิเศษไทย ที่ถูกจับเป็นเชลยศึกในสงครามเวียดนาม นานถึง 9 ปี 4 เดือน 8 วัน และได้รับการเชิดชูเกียรติ จากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ด้วยเหรียญกล้าหาญ Silver Star และ Legion of Merit 🏅 แม้ว่าหลายคนในไทย อาจไม่คุ้นชื่อของพันเอกชัยชาญ แต่สำหรับทหารอเมริกันในยุคนั้น ชัยชาญคือวีรบุรุษที่ช่วยชีวิตเชลยศึกสหรัฐฯ มากมาย แม้ต้องเผชิญกับการทรมาน อันโหดร้ายในเรือนจำ "ฮานอยฮิลตัน" (Hỏa Lò Prison) ในกรุงฮานอย ประเทศเวียดนามเหนือ 🇹🇭🇺🇸 👦 จากชาวอยุธยา สู่ทหารรบพิเศษไทย 🔴 พันเอกชัยชาญ หาญนาวี เกิดที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเข้ารับราชการทหาร ในหน่วยกองรบพิเศษที่ 1 ค่ายวชิราลงกรณ์ จังหวัดลพบุรี ซึ่งเป็นหน่วยที่ฝึกอบรมทหารไทย ให้สามารถปฏิบัติภารกิจพิเศษ ร่วมกับกองทัพสหรัฐฯ ด้วยทักษะที่โดดเด่น ชัยชาญถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจ ที่ประเทศลาว ในช่วงสงครามเวียดนาม ทำหน้าที่เป็นพลวิทยุ ให้กับหน่วยรบพิเศษไทย-อเมริกัน ✈️ ภารกิจที่ผิดพลาด นำไปสู่การเป็นเชลยศึก 📅 วันที่ 21 พฤษภาคม 2508 เป็นวันหยุด ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของพันเอกชัยชาญ ไปตลอดกาล เมื่อถูกชวนขึ้นเครื่องบินของ Air America (สายการบินลับของ CIA) เพื่อไปทำหน้าที่เป็น Spotter หรือผู้ระบุตำแหน่งข้าศึก ขณะที่เครื่องบินกำลังบินจากเชียงลม แขวงไชยะบุรี ประเทศลาว เพื่อส่งเสบียงให้ฐานปฏิบัติการ เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เครื่องถูกยิงตกกลางป่า ทหารอมริกันเสียชีวิตทั้งหมดทันที พันเอกชัยชาญและนักบินรอดชีวิต และพยายามหลบหนี แต่สุดท้ายถูกจับกุม โดยกองทัพเวียดนามเหนือ ชัยชาญถูกส่งไปยังค่ายเชลย ที่มีชื่อเสียงจากภาพยนตร์เรื่อง "แหกค่ายนรกเดียนเบียนฟู" ที่ซึ่งการทรมานนักโทษ ถือเป็นเรื่องปกติ... 🏚️ จากเดียนเบียนฟู สู่ฮานอยฮิลตัน ⚠️ หลังจากถูกขังอยู่ที่เดียนเบียนฟู นานเกือบ 3 ปี ชัยชาญถูกย้ายไปยังเรือนจำ "ฮานอยฮิลตัน" (Hỏa Lò Prison) ซึ่งเป็นคุกที่เลื่องชื่อ ในหมู่เชลยศึกอเมริกัน 📌 ที่นี่ชัยชาญถูกขังเดี่ยว 5 ปี ถูกซ้อมทรมานเป็นประจำ ถูกมัดติดขื่อไม้ และต้องนอนเกลือกกลั้ว อยู่กับอุจจาระ และปัสสาวะของตัวเอง ได้รับอนุญาตให้อาบน้ำ เพียงเดือนละครั้ง 😞 🔥 แต่ถึงจะถูกทรมานแค่ไหน ชัยชาญก็ยังไม่ละทิ้งศักดิ์ศรี ของทหารไทย 🔑 Tap Code สื่อสารลับช่วยเชลยศึกอเมริกัน หนึ่งในวีรกรรมสำคัญ ของพันเอกชัยชาญคือ การใช้รหัสเคาะกำแพง (Tap Code) เพื่อส่งข้อมูลให้เชลยศึกอเมริกัน 🛑🔨 🔹 Tap Code คืออะไร? เป็นรหัสลับที่เชลยศึกอเมริกัน พัฒนาเพื่อใช้สื่อสารกัน โดยการเคาะกำแพง ตามจังหวะที่กำหนด เพื่อแทนตัวอักษร คล้ายกับรหัสมอร์ส หรือรหัสแตะ สามารถส่งได้หลายวิธี และในสภาพแวดล้อม ที่ยากลำบาก รหัสเคาะเป็นวิธีง่ายๆ ในการเข้ารหัสข้อความ ข้อความจะถูกส่ง โดยการแปลตัวอักษรเป็นเสียงเคาะ ซึ่งนักโทษในเวียดนามใช้รหัสนี้ และบางครั้งเรียกว่ารหัสเคาะหรือรหัสสมิทตี้ รหัสนี้ใช้สี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาด 5x5 เพื่อกำหนดตัวเลขสองตัว (แถวและคอลัมน์) ให้กับตัวอักษรแต่ละตัว จากนั้นผู้ส่งจะเคาะหลายครั้งตามจำนวนตัวเลขแต่ละตัว และหยุดชั่วคราวระหว่างตัวเลข 🔹 ชัยชาญใช้รหัสเคาะอย่างไร? ชัยชาญเรียนรู้รหัสนี้ จากเชลยเวียดนามใต้ และใช้ส่งข้อความให้ทหารอเมริกัน แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับแผนการทรมาน และให้กำลังใจเพื่อนเชลย ☠️ ถ้าถูกจับได้ อาจต้องจบชีวิตทันที แต่ชัยชาญยอมเสี่ยง เพื่อช่วยเหลือเพื่อนเชลย หนึ่งในเชลยศึก ที่ได้รับความช่วยเหลือจากชัยชาญคือ "จอห์น แมกเคน" (John McCain) นักบินรบของกองทัพเรือสหรัฐฯ และผู้สมัครชิงตำแหน่ง ประธานาธิบดีสหรัฐอมเริกา ในเวลาต่อมา 🇺🇸 🏅 เกียรติยศสูงสุด จากกองทัพสหรัฐฯ 📅 หลังจากถูกกักขัง ยาวนานกว่า 9 ปี พันเอกชัยชาญได้รับการปล่อยตัว ในปี 2517 จากการเจรจาระหว่างไทย-สหรัฐฯ และเวียดนามเหนือ 💔 แต่เมื่อกลับมาถึงมาตุภูมิ ชัยชาญพบว่า ภรรยาแต่งงานใหม่ไปแล้ว ซึ่งตอนกลับมาได้รับพระราชทาน ยศชั้นนายพันแล้ว เพราะกองทัพไทยคิดว่า คงหายสาบสูญไป ในสงครามแล้ว แต่เมื่อยังมีชีวิตอยู่ ก็ได้กลับมารับราชการเหมือนเดิม ไม่มีใครกล้าถอดยศพระราชทาน แม้ว่าชีวิตส่วนตัวจะพังพินาศ แต่เกียรติยศของชัยชาญ กลับได้รับการยกย่อง จากกองทัพสหรัฐฯ สหรัฐอเมริกามอบเหรียญกล้าหาญ "Silver Star" และ "Legion of Merit" ให้ชาญชัย พร้อมจัดพิธีเชิดชูเกียรติที่ Pentagon 🔹 Hall of Heroes ที่ Pentagon พันเอกชัยชาญเป็น "ทหารต่างชาติเพียงคนเดียว" ที่ได้รับเกียรติให้มีรูปถ่าย แขวนอยู่ใน Hall of Heroes ณ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ✈️ นอกจากนี้ชัยชาญ ยังได้รับเชิญให้ไปศึกษาต่อ ที่ฐานทัพ Lackland Air Force Base และ Fort Bragg ศูนย์สงครามพิเศษของสหรัฐฯ 🕊️ วันสุดท้ายของวีรบุรุษไทย 📅 วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 พันเอกชัยชาญ เสียชีวิตอย่างสงบในวัย 87 ปี เนื่องจากเส้นเลือดสมองอุดตัน 🇹🇭 แม้พันเอกชัยชาญ จะเป็นที่รู้จักในวงแคบของคนไทย แต่สำหรับอเมริกา ชัยชาญคือหนึ่งในบุคคล ที่มีเกียรติสูงสุด ในหมู่เชลยศึก ✨ วีรกรรมของชัยชาญ จะถูกจารึกในประวัติศาสตร์ ตลอดไป ✨ ✅ พันเอกชัยชาญ หาญนาวี คือหนึ่งในเชลยศึก ที่ถูกคุมขังนานที่สุด ในสงครามเวียดนาม ✅ มีบทบาทสำคัญ ในการช่วยเหลือเชลยศึกอเมริกัน ✅ ได้รับเหรียญกล้าหาญ จากรัฐบาลสหรัฐฯ ✅ เป็นคนไทยเพียงคนเดียว ที่ได้รับเกียรติใน Hall of Heroes แม้กายจะลับไป แต่ชื่อของ "ชัยชาญ หาญนาวี" จะคงอยู่ในประวัติศาสตร์ไทย และโลกตลอดไป 🙏🇹🇭 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 041344 ก.พ. 2568 📢 #พันเอกชัยชาญหาญนาวี #เชลยศึกเวียดนาม #วีรบุรุษไทย #สงครามเวียดนาม #HanoiHilton #TapCode #JohnMcCain #ThaiMilitary #SilverStar #LegionOfMerit
    0 Comments 0 Shares 220 Views 0 Reviews
  • เซเลนสกีเพิ่งโพสต์ข้อความเกี่ยวกับการจับกุมทหารเกาหลีเหนือ 2 ราย ในภูมิภาค Kursk

    มีการโพสต์รูปถ่ายทหารที่อ้างว่าเป็นทหารเกาหลีเหนือ ขณะถูกคุมขังอยู่ในสถานกักขังเชลยศึกที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ SBU ในกรุงเคียฟ และยังโพสต์บัตรประจำตัวทหารรายนี้อีกด้วย

    เซเลนสกียังประกาศอีกว่า เขาได้อนุญาตให้นักข่าวเข้ามาสัมภาษณ์นักโทษรายนี้ หลังจากนั้นจะนำเนื้อหาการสัมภาษณ์เผยแพร่ไปทั่วโลก

    แต่!!!
    มีการตั้งข้อสงสัยหลายประการจากคำกล่าวอ้างของเซเลนสกี คือ:
    จากรูปถ่ายเอกสารระบุว่านี่คือ "บัตรประจำตัวทหาร" (Военный билет) ไม่ใช่หนังสือเดินทาง

    ในบัตรประจำตัวทหาร (Военный билет) ระบุสถานที่เกิดคือ สาธารณรัฐตูวา (Tuva Republic) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียอยู่ทางใต้ไซบีเรีย และมีเขตติดต่อกับมองโกเลีย

    ชื่อทหารที่ระบุไว้ในบัตรประจำตัวทหาร (Военный билет) คือ "อารันซิน อันโตนิน อายาโซวิช"

    นอกจากนี้ในบัตรประจำตัวทหาร (Военный билет) โดยปกติจะต้องติดรูปถ่ายของเจ้าของบัตรเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ แต่สำหรับครั้งนี้ไม่มีรูปถ่ายติดบัตรแต่อย่างใด

    ยังมีการเปรียบเทียบรูปถ่ายของประธานาธิบดีปูตินในขณะถ่ายรูปร่วมกับนักเรียนนายร้อยพลเมืองของตูวา ใน Kyzyl เมืองหลวงของสาธารณรัฐตูวา เมื่อปี 2024 อีกด้วย เพื่อเปรียบเทียบลักษณะหน้าตาของพลเมืองตูวา
    เซเลนสกีเพิ่งโพสต์ข้อความเกี่ยวกับการจับกุมทหารเกาหลีเหนือ 2 ราย ในภูมิภาค Kursk มีการโพสต์รูปถ่ายทหารที่อ้างว่าเป็นทหารเกาหลีเหนือ ขณะถูกคุมขังอยู่ในสถานกักขังเชลยศึกที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ SBU ในกรุงเคียฟ และยังโพสต์บัตรประจำตัวทหารรายนี้อีกด้วย เซเลนสกียังประกาศอีกว่า เขาได้อนุญาตให้นักข่าวเข้ามาสัมภาษณ์นักโทษรายนี้ หลังจากนั้นจะนำเนื้อหาการสัมภาษณ์เผยแพร่ไปทั่วโลก แต่!!! มีการตั้งข้อสงสัยหลายประการจากคำกล่าวอ้างของเซเลนสกี คือ: จากรูปถ่ายเอกสารระบุว่านี่คือ "บัตรประจำตัวทหาร" (Военный билет) ไม่ใช่หนังสือเดินทาง ในบัตรประจำตัวทหาร (Военный билет) ระบุสถานที่เกิดคือ สาธารณรัฐตูวา (Tuva Republic) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียอยู่ทางใต้ไซบีเรีย และมีเขตติดต่อกับมองโกเลีย ชื่อทหารที่ระบุไว้ในบัตรประจำตัวทหาร (Военный билет) คือ "อารันซิน อันโตนิน อายาโซวิช" นอกจากนี้ในบัตรประจำตัวทหาร (Военный билет) โดยปกติจะต้องติดรูปถ่ายของเจ้าของบัตรเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ แต่สำหรับครั้งนี้ไม่มีรูปถ่ายติดบัตรแต่อย่างใด ยังมีการเปรียบเทียบรูปถ่ายของประธานาธิบดีปูตินในขณะถ่ายรูปร่วมกับนักเรียนนายร้อยพลเมืองของตูวา ใน Kyzyl เมืองหลวงของสาธารณรัฐตูวา เมื่อปี 2024 อีกด้วย เพื่อเปรียบเทียบลักษณะหน้าตาของพลเมืองตูวา
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 299 Views 0 Reviews
  • ทิศทางเคิร์ส

    ภาพเชลยศึกชาวยูเครนซึ่งเป็นทหารจากกองพลที่ 82 ของกองทัพยูเครน ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นหน่วยรบฝีมือดี
    ทิศทางเคิร์ส ภาพเชลยศึกชาวยูเครนซึ่งเป็นทหารจากกองพลที่ 82 ของกองทัพยูเครน ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นหน่วยรบฝีมือดี
    0 Comments 0 Shares 337 Views 16 0 Reviews
  • กองทัพยูเครนสูญเสียทหารไปมากกว่า ๔๐๐ นาย ในพื้นที่เคิร์สก์ในช่วงวันที่ผ่านมา, โดยมีทหารยูเครน ๑๑ นาย ยอมมอบตัวเป็นเชลยศึก, กระทรวงกลาโหมรัสเซีย รายงาน:
    .
    The Ukrainian armed forces have lost more than 400 troops in the Kursk area over the past day, with eleven Ukrainian servicemen surrendering as prisoners of war, the Russian Defense Ministry reported:
    https://tass.com/politics/1875271
    .
    8:53 PM · Nov 20, 2024 · 3,168 Views
    https://x.com/tassagency_en/status/1859233549741707514
    กองทัพยูเครนสูญเสียทหารไปมากกว่า ๔๐๐ นาย ในพื้นที่เคิร์สก์ในช่วงวันที่ผ่านมา, โดยมีทหารยูเครน ๑๑ นาย ยอมมอบตัวเป็นเชลยศึก, กระทรวงกลาโหมรัสเซีย รายงาน: . The Ukrainian armed forces have lost more than 400 troops in the Kursk area over the past day, with eleven Ukrainian servicemen surrendering as prisoners of war, the Russian Defense Ministry reported: https://tass.com/politics/1875271 . 8:53 PM · Nov 20, 2024 · 3,168 Views https://x.com/tassagency_en/status/1859233549741707514
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 189 Views 0 Reviews
  • ถ้ำกระแซ ทางรถไฟสายมรณะ ที่เที่ยวกาญจนบุรี สุดหวาดเสียวว
    ถ้ำกระแซ
    ต.วังโพธิ์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี

    สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของกาญจนบุรี ที่ห้ามพลาด คือ ถ้ำกระแซ เพราะตั้งอยู่ติดกับเส้นทางรถไฟสายมรณะอันเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และถ้ำนี้เป็นถ้ำที่เคยเป็นที่พักของเชลยศึกเมื่อครั้งสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะจากไทยไปพม่า ตัวถ้ำติดกับเส้นทางรถไฟสายกาญจนบุรี-น้ำตก เป็นทางรถไฟสายประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบันสิ้นสุดที่สถานีรถไฟน้ำตก ภายในถ้ำโปร่ง และมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่ มองจากปากถ้ำมาที่บริเวณทางรถไฟจะเห็นทิวทัศน์ที่งดงามและมองเห็นแม่น้ำแควน้อยอยู่เบื้องล่าง บริเวณนี้เป็นจุดที่สร้างทางรถไฟยากที่สุด เนื่องจากเส้นทางโค้งเลียบเขา

    หลังจากรถไฟเทียบชานชาลาที่ สถานี ถ้ำกระแซ กาญจนบุรี ความตื่นเต้นที่หายไปนานด้วยความวุ่นวายในเมืองใหญ่ ได้กลับมาให้หัวใจได้เต้นตูมตามอีกครั้ง กลิ่นใบไม้ ใบหญ้า กลิ่นดินจากความสดชื่นของป่าใหญ่อันดับต้นๆ ของเมืองไทยช่วยดีท็อกซ์ความเหนื่อยล้าให้หายเป็นปลิดทิ้งเลยทีเดียว

    ลังจากรถไฟทิ้งสถานีมุ่งหน้าเดินทางต่อไป ความคึกครื้นของนักท่องเที่ยวทั้งไทย และต่างชาติก็เริ่มกลับมา เราเดินมุ่งหน้าไปที่ ถ้ำกระแซ ค่ะ ซึ่งถ้ำนี้เคยเป็น ที่พักของเชลยศึก เมื่อครั้งสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะจากไทยไปพม่า และภายในถ้ำยังมี พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ประดิษฐานอยู่ด้วย ความรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ไปเหยียบสถานที่ที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์โลก

    หลังจากเดินชมถ้ำกระแซเรียบร้อย ขอไปถ่ายรูปสวยๆ ที่รางรถไฟดูบ้าง ตรงจุดนี้คือจุดที่เรียกว่า ทางรถไฟสายมรณะ ค่ะ ถือว่าเป็นจุดที่สวยที่สุด และอันตรายที่สุดของเส้นทางรถไฟ ด้วยความสูงมากๆ และติดเลียบหน้าผาทำให้เสียวสันหลังเล็กๆ มองลงไปด้านล่างทำเอาเข่าเกือบทรุด เพราะเป็นแม่น้ำแควที่ไหลเอื่อยๆ อย่างสงบ แต่ก็ต้องใจกล้าค่ะ เพราะอยากได้ภาพสวยๆ กลับมาเป็นที่ระลึกอีกด้วย
    ถ้ำกระแซ ทางรถไฟสายมรณะ ที่เที่ยวกาญจนบุรี สุดหวาดเสียวว ถ้ำกระแซ ต.วังโพธิ์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของกาญจนบุรี ที่ห้ามพลาด คือ ถ้ำกระแซ เพราะตั้งอยู่ติดกับเส้นทางรถไฟสายมรณะอันเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และถ้ำนี้เป็นถ้ำที่เคยเป็นที่พักของเชลยศึกเมื่อครั้งสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะจากไทยไปพม่า ตัวถ้ำติดกับเส้นทางรถไฟสายกาญจนบุรี-น้ำตก เป็นทางรถไฟสายประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบันสิ้นสุดที่สถานีรถไฟน้ำตก ภายในถ้ำโปร่ง และมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่ มองจากปากถ้ำมาที่บริเวณทางรถไฟจะเห็นทิวทัศน์ที่งดงามและมองเห็นแม่น้ำแควน้อยอยู่เบื้องล่าง บริเวณนี้เป็นจุดที่สร้างทางรถไฟยากที่สุด เนื่องจากเส้นทางโค้งเลียบเขา หลังจากรถไฟเทียบชานชาลาที่ สถานี ถ้ำกระแซ กาญจนบุรี ความตื่นเต้นที่หายไปนานด้วยความวุ่นวายในเมืองใหญ่ ได้กลับมาให้หัวใจได้เต้นตูมตามอีกครั้ง กลิ่นใบไม้ ใบหญ้า กลิ่นดินจากความสดชื่นของป่าใหญ่อันดับต้นๆ ของเมืองไทยช่วยดีท็อกซ์ความเหนื่อยล้าให้หายเป็นปลิดทิ้งเลยทีเดียว ลังจากรถไฟทิ้งสถานีมุ่งหน้าเดินทางต่อไป ความคึกครื้นของนักท่องเที่ยวทั้งไทย และต่างชาติก็เริ่มกลับมา เราเดินมุ่งหน้าไปที่ ถ้ำกระแซ ค่ะ ซึ่งถ้ำนี้เคยเป็น ที่พักของเชลยศึก เมื่อครั้งสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะจากไทยไปพม่า และภายในถ้ำยังมี พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ประดิษฐานอยู่ด้วย ความรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ไปเหยียบสถานที่ที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์โลก หลังจากเดินชมถ้ำกระแซเรียบร้อย ขอไปถ่ายรูปสวยๆ ที่รางรถไฟดูบ้าง ตรงจุดนี้คือจุดที่เรียกว่า ทางรถไฟสายมรณะ ค่ะ ถือว่าเป็นจุดที่สวยที่สุด และอันตรายที่สุดของเส้นทางรถไฟ ด้วยความสูงมากๆ และติดเลียบหน้าผาทำให้เสียวสันหลังเล็กๆ มองลงไปด้านล่างทำเอาเข่าเกือบทรุด เพราะเป็นแม่น้ำแควที่ไหลเอื่อยๆ อย่างสงบ แต่ก็ต้องใจกล้าค่ะ เพราะอยากได้ภาพสวยๆ กลับมาเป็นที่ระลึกอีกด้วย
    0 Comments 0 Shares 422 Views 0 Reviews
  • เชลยศึกชาวยูเครนหลายรายไม่อยากกลับไปเคียฟ พร้อมร้องขอใบอนุญาตพำนักในรัสเซียถาวร!

    สื่อของรัสเซียรายงานว่า ในระหว่างที่เชลยศึกชาวยูเครนได้พบกับญาติพี่น้องของพวกเขา ซึ่งหลายคนถูกจับเป็นเชลยตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของความขัดแย้งและยังเป็นนักโทษจนถึงตอนนี้ เพราะพวกเขาร้องขอกับญาติๆไม่ให้ทำเรื่องแลกเปลี่ยนตัวเชลยศึก ไม่เพียงเท่านั้นยังขอให้ญาติดำเนินการเพื่อขอรับใบอนุญาตพำนักในรัสเซียอย่างถาวรอีกด้วย

    “เชลยศึกชาวยูเครนหลายคนได้รับการปล่อยตัว และอนุญาตให้พำนักในรัสเซียเพิ่มขึ้น หลังจากพวกเขาผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียดจากเจ้าหน้าที่จนแน่ใจแล้วว่า พวกเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมสงครามใดๆ และพวกเขาไม่ได้ก่ออาชญากรรมรุนแรงต่อพลเรือนรัสเซียใดๆ พวกจึงได้รับอนุญาตให้พำนักอยู่ในดินแดนของสหพันธรัฐรัสเซียได้” มาริน่า อาชิฟินา อาสาสมัครกล่าวกับสื่อของรัสเซีย
    เชลยศึกชาวยูเครนหลายรายไม่อยากกลับไปเคียฟ พร้อมร้องขอใบอนุญาตพำนักในรัสเซียถาวร! สื่อของรัสเซียรายงานว่า ในระหว่างที่เชลยศึกชาวยูเครนได้พบกับญาติพี่น้องของพวกเขา ซึ่งหลายคนถูกจับเป็นเชลยตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของความขัดแย้งและยังเป็นนักโทษจนถึงตอนนี้ เพราะพวกเขาร้องขอกับญาติๆไม่ให้ทำเรื่องแลกเปลี่ยนตัวเชลยศึก ไม่เพียงเท่านั้นยังขอให้ญาติดำเนินการเพื่อขอรับใบอนุญาตพำนักในรัสเซียอย่างถาวรอีกด้วย “เชลยศึกชาวยูเครนหลายคนได้รับการปล่อยตัว และอนุญาตให้พำนักในรัสเซียเพิ่มขึ้น หลังจากพวกเขาผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียดจากเจ้าหน้าที่จนแน่ใจแล้วว่า พวกเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมสงครามใดๆ และพวกเขาไม่ได้ก่ออาชญากรรมรุนแรงต่อพลเรือนรัสเซียใดๆ พวกจึงได้รับอนุญาตให้พำนักอยู่ในดินแดนของสหพันธรัฐรัสเซียได้” มาริน่า อาชิฟินา อาสาสมัครกล่าวกับสื่อของรัสเซีย
    0 Comments 0 Shares 217 Views 40 0 Reviews
  • สำนักงานข่าวกรองเกาหลีใต้ NIS เปิดเผย เปียงยางส่งกำลังรบไปรัสเซีย 3,000 นาย ท่ามกลางรายงานโซลกำลังพิจารณาส่งทหารเกาหลีใต้เข้ายูเครนเพื่อจับตาความเคลื่อนไหวทหารเกาหลีเหนือ
    .
    สำนักข่าวยอนฮับของเกาหลีใต้รายงานวันพุธ (23 ต.ค.) ว่า สำนักข่าวกรองเกาหลีใต้ NIS รายงานต่อรัฐสภาแดนโสมวันพุธ (23) เชื่อว่ามีทหารเกาหลีเหนือถูกส่งเข้ารัสเซียร่วม 3,000 นาย และภายในธันวาคมนี้คาดจะมี 10,000 นายส่งเข้าไปเพิ่ม
    .
    เป็นการรายงานแบบประชุมลับต่อหน้าคณะกรรมาธิการข่าวกรองประจำรัฐสภาเกาหลีใต้ อ้างอิงจากแหล่งข่าว
    .
    โดยรอบแรกเปียงยางส่งไปจำนวน 1,500 นายในสัปดาห์ที่ผ่านมา
    .
    ยอนฮับรายงานว่าแหล่งข่าวรัฐบาลประธานาธิบดียุน ซอกยอล ได้เปิดเผยวันอังคาร (22) ว่า รัฐบาลกำลังอยู่ระหว่างการตัดสินใจในการส่งทหารเกาหลีใต้เข้าสู่ดินแดนยูเครนเพื่อจับตาความเคลื่อนไหวทหารเกาหลีเหนือ
    .
    “มีความเป็นไปได้ที่ทหารเกาหลีใต้จะถูกส่งไปยังยูเครนเพื่อจับตายุทธวิธีและความสามารถทางการรบของหน่วยรบพิเศษเกาหลีเหนือที่ส่งออกไปเพื่อช่วยรัสเซีย” แหล่งข่าววงในกล่าว
    .
    และเสริมต่อว่า หากว่ามีการส่งไปจริง ทีมที่จะส่งไปน่าจะประกอบไปด้วยนายทหารจากหน่วยข่าวกรองลับกองทัพที่สามารถวิเคราะห์ยุทธวิธีการรบของเกาหลีเหนือ หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสอบสวนเชลยศึกเกาหลีเหนือ
    .
    ยอนฮับกล่าวว่า โซลยังอยู่ระหว่างการพิจารณาการเปลี่ยนนโยบายในการส่งยุทโธปกรณ์อาวุธให้ยูเครนที่อาจหันไปมอบอาวุธทำลายล้างแทน
    .
    “ในขณะที่มองเห็นสัญญาณในความร่วมมือทางการทหารระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซีย มาตรการตอบโต้จะถูกนำมาใช้อย่างเป็นขั้นตอน” แหล่งข่าวรัฐบาลโซลกล่าว
    .
    ทั้งนี้ เกาหลีใต้มียุทโธปกรณ์ทางการป้องกันมากมาย รวมระบบต่อต้านอากาศยานพิสัยกลางแบบภาคพื้นสู่อากาศ Cheongung-II
    .
    ขณะเดียวกัน ในงานแถลงข่าวโฆษกกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ ประเมินว่า รัสเซียไม่น่าจะส่งกำลังพลมาที่กรุงเปียงยางในการตอบแทนสำหรับการส่งกำลังทหารแดนโสมเข้าไปรบในยูเครน แต่มอสโกน่าจะช่วยเหลือทางด้านการเงินและมอบความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทางการทหารแทน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000102303
    ..............
    Sondhi X
    สำนักงานข่าวกรองเกาหลีใต้ NIS เปิดเผย เปียงยางส่งกำลังรบไปรัสเซีย 3,000 นาย ท่ามกลางรายงานโซลกำลังพิจารณาส่งทหารเกาหลีใต้เข้ายูเครนเพื่อจับตาความเคลื่อนไหวทหารเกาหลีเหนือ . สำนักข่าวยอนฮับของเกาหลีใต้รายงานวันพุธ (23 ต.ค.) ว่า สำนักข่าวกรองเกาหลีใต้ NIS รายงานต่อรัฐสภาแดนโสมวันพุธ (23) เชื่อว่ามีทหารเกาหลีเหนือถูกส่งเข้ารัสเซียร่วม 3,000 นาย และภายในธันวาคมนี้คาดจะมี 10,000 นายส่งเข้าไปเพิ่ม . เป็นการรายงานแบบประชุมลับต่อหน้าคณะกรรมาธิการข่าวกรองประจำรัฐสภาเกาหลีใต้ อ้างอิงจากแหล่งข่าว . โดยรอบแรกเปียงยางส่งไปจำนวน 1,500 นายในสัปดาห์ที่ผ่านมา . ยอนฮับรายงานว่าแหล่งข่าวรัฐบาลประธานาธิบดียุน ซอกยอล ได้เปิดเผยวันอังคาร (22) ว่า รัฐบาลกำลังอยู่ระหว่างการตัดสินใจในการส่งทหารเกาหลีใต้เข้าสู่ดินแดนยูเครนเพื่อจับตาความเคลื่อนไหวทหารเกาหลีเหนือ . “มีความเป็นไปได้ที่ทหารเกาหลีใต้จะถูกส่งไปยังยูเครนเพื่อจับตายุทธวิธีและความสามารถทางการรบของหน่วยรบพิเศษเกาหลีเหนือที่ส่งออกไปเพื่อช่วยรัสเซีย” แหล่งข่าววงในกล่าว . และเสริมต่อว่า หากว่ามีการส่งไปจริง ทีมที่จะส่งไปน่าจะประกอบไปด้วยนายทหารจากหน่วยข่าวกรองลับกองทัพที่สามารถวิเคราะห์ยุทธวิธีการรบของเกาหลีเหนือ หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสอบสวนเชลยศึกเกาหลีเหนือ . ยอนฮับกล่าวว่า โซลยังอยู่ระหว่างการพิจารณาการเปลี่ยนนโยบายในการส่งยุทโธปกรณ์อาวุธให้ยูเครนที่อาจหันไปมอบอาวุธทำลายล้างแทน . “ในขณะที่มองเห็นสัญญาณในความร่วมมือทางการทหารระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซีย มาตรการตอบโต้จะถูกนำมาใช้อย่างเป็นขั้นตอน” แหล่งข่าวรัฐบาลโซลกล่าว . ทั้งนี้ เกาหลีใต้มียุทโธปกรณ์ทางการป้องกันมากมาย รวมระบบต่อต้านอากาศยานพิสัยกลางแบบภาคพื้นสู่อากาศ Cheongung-II . ขณะเดียวกัน ในงานแถลงข่าวโฆษกกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ ประเมินว่า รัสเซียไม่น่าจะส่งกำลังพลมาที่กรุงเปียงยางในการตอบแทนสำหรับการส่งกำลังทหารแดนโสมเข้าไปรบในยูเครน แต่มอสโกน่าจะช่วยเหลือทางด้านการเงินและมอบความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทางการทหารแทน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000102303 .............. Sondhi X
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 1833 Views 0 Reviews
  • 🤠#สงครามเกาหลีมีผลกระทบต่อสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นอย่างไร ตอน01.🤠

    เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 1953 ผู้แทนจากสหรัฐอเมริกา จีน และเกาหลีเหนือลงนามข้อตกลงสงบศึกที่พันมุนจ็อม(Panmunjom板門店)

    สงครามอันยาวนานและโหดร้ายสิ้นสุดลงแล้ว แต่ดูเหมือนว่าโลกจะยังไม่ตอบสนอง

    สงครามครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อทุกประเทศที่เข้าร่วม จีนและเกาหลีเหนือได้รับชัยชนะในสภาพแวดล้อมที่สงบสุข สำหรับสหรัฐอเมริกา ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ถือเป็นความอัปยศอดสูอย่างยิ่ง ประเทศเหล่านั้นที่ปฏิบัติตามการนำของสหรัฐอเมริกาเพียงอย่างเดียวไม่สามารถเชื่อได้ว่าสหรัฐอเมริกาจะกลายเป็นผู้แพ้

    😎การเจรจาต่อรองที่ยืดเยื้อ😎

    ในความเป็นจริง จีนและสหรัฐอเมริกาได้เจรจาสงบศึกมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1951 แต่สิ่งต่างๆ กลับไม่ราบรื่น

    เนื่องจากเป็นเรื่องยากสำหรับสหรัฐฯ ที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ของตนเอง จนกระทั่งปี ค.ศ. 1953 เมื่อความสมดุลแห่งชัยชนะในสงครามเกาหลีเอียงไปทางจีนและเกาหลีเหนือโดยสิ้นเชิง ในที่สุดสหรัฐฯ ก็ยอมรับความจริงและตกลงที่จะเจรจา .

    อย่างไรก็ตาม โต๊ะเจรจายังคงเต็มไปด้วยกลิ่นอายของดินปืนอันแรงกล้า

    สหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับใบหน้าของตนเองเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ปีค.ศ. 1950 ซึ่งเป็นช่วงที่สงครามดำเนินไปในสภาพที่เลวร้าย ประธานาธิบดีแฮร์รี เอส. ทรูแมน (Harry S. Truman哈里·S·杜鲁门) ของสหรัฐฯ ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่ากองทหารสหรัฐฯ จะสามารถถอนตัวออกจากเกาหลีเหนืออย่างมีศักดิ์ศรี

    อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ก็พ่ายแพ้ ความเหมาะสมมาจากไหน?

    ด้วยเหตุนี้ ทรูแมน(Truman)เกิดความคิดที่อุกอาจชนิดซึ่งไม่คำนึงถึงความไม่พอใจของชาวโลก เขาประกาศต่อสาธารณะว่าเขาจะใช้ระเบิดปรมาณูต่อจีน

    คำพูดที่น่าตกตะลึงของทรูแมน(Truman)ไม่เพียงทำให้จีนตกใจเท่านั้น แต่ยังทำให้คนทั้งโลกตื่นตระหนกอีกด้วย

    บุคคลแรกที่แสดงการต่อต้านเรื่องนี้คือสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นพันธมิตรของสหรัฐอเมริกา

    เนื่องจากอังกฤษรู้ดีว่า ทันทีที่สหรัฐฯใช้ระเบิดปรมาณูต่อจีน สหภาพโซเวียตก็สามารถใช้ระเบิดปรมาณูต่อประเทศในยุโรปได้เช่นกัน เมื่อถึงเวลาหากประตูเมืองเกิดเพลิงไหม้และปลาในบ่อได้รับผลกระทบ ราคาค่าตอบแทนไม่ใช่สิ่งที่ประเทศในยุโรปจะสามารถยอมรับได้

    อีกทั้งประกอบกับความพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่องของกองทหารสหประชาชาติในสนามรบเกาหลี ประเทศในยุโรปได้รับความสูญเสียอย่างหนัก ดังนั้น นายกรัฐมนตรีอังกฤษจึงบินไปสหรัฐอเมริกาทันทีและจัดการเจรจากับทรูแมน(Truman)5 ครั้ง โดยหวังว่าทรูแมน(Truman)จะยอมรับเงื่อนไขที่จีนและเกาหลีเหนือเสนอมาและทำการอ่อนข้อลง

    แต่ทรูแมน(Truman)กล่าวว่าแม้ว่าเขาจะสามารถยอมรับการเจรจาสันติภาพและการถอนทหารได้ แต่เขาก็จะไม่มีวันละทิ้งผลประโยชน์ใดๆ

    เพื่อให้เป็นไปตามคำร้องขอของประธานาธิบดี คณะผู้แทนที่ส่งมาจากสหรัฐอเมริกาก็ใช้สมองอย่างหนักเช่นกัน โชคดีที่เวลานี้จีนและสหภาพโซเวียตก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะส่งเสริมการสงบศึก ดังนั้น คณะผู้แทนอเมริกาจึงส่งคำพูดข้อความสื่อสารผ่านสหภาพโซเวียต โดยหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะหยุดยิงและถอนทหารออกจากเส้นขนานที่ 38 .

    จีนมีข้อตอบโต้ในทางสาธารณะอย่างรวดเร็วบนหนังสือพิมพ์ โดยแสดงความเห็นด้วยกับความเห็นของสหรัฐอเมริกา

    ทั้งสองฝ่ายถอยคนละก้าวกลับไปเจรจา ในที่สุดก็ได้มองเห็นแสงสว่าง ทรูแมน(Truman)จึงได้แถลงการณ์ต่อสาธารณะอย่างรวดเร็วที่จะมีการเจรจาอย่างตรงไปตรงมากับจีน

    อย่างไรก็ตาม ประธานเหมาได้คาดการณ์ไว้แล้วถึงความไม่แน่นอนของสหรัฐอเมริกา ประธานเหมาเสนอว่ากลยุทธ์ของเราสำหรับสถานการณ์ปัจจุบันคือ: “การต่อสู้ทางการเมืองและการทหารเป็นของคู่กันให้ดำเนินการพร้อมกันสองทาง คือ มุ่งมั่นเพื่อสันติภาพ ไม่กลัวสงคราม และเตรียมพร้อมที่จะชะลอลากยาว อดทนในการเจรจา เด็ดเดี่ยวในการรบต่อสู้ และถกเถียงช่วงชิงกันอย่างมีเหตุผล จนกว่าจะมีการสงบศึกที่ยุติธรรมและสมเหตุสมผล” "

    😎เกมจิตวิทยา😎

    หลังสงครามครั้งที่ 5 ผลลัพธ์ก็ชัดเจนอยู่แล้ว และสหรัฐฯ ก็แสดงเจตจำนงอย่างแรงกล้าที่จะเจรจาอีกครั้ง ทั้งสองฝ่ายจึงได้สรุปสถานที่เจรจาที่พันมุนจ็อม(Panmunjom板門店)

    อย่างไรก็ตาม พวกเขาประสบปัญหาตั้งแต่เริ่มต้น เพราะทั้งสองฝ่ายต้องแก้ไขปัญหาที่สำคัญที่สุดประการหนึ่ง ซึ่งก็คือการวาดเส้นแบ่งเขตทางทหารระหว่างทั้งสองฝ่าย

    จีนเสนอให้ใช้เส้นขนานที่ 38 เป็นเขตแดน แต่สหรัฐฯ ปฏิเสธอย่างแม่นมั่น เนื่องจากเมื่อใช้เส้นขนานที่ 38 เป็นเส้นแบ่งเขต หมายความว่าผลประโยชน์ที่สหรัฐฯ เคยได้รับมาก่อนหน้านี้จะได้รับความเสียหาย ซึ่งฝ่าฝืนข้อกำหนดก่อนหน้าของทรูแมน(Truman)ซึ่งเสนอไว้

    ทั้งสองฝ่ายปฏิเสธที่จะยอมต่อกัน และบรรยากาศที่โต๊ะเจรจาก็เย็นวูบลงและเงื่อนไขก็แสดงชัดเจน

    แล้วจากนั้นไม่มีใครพูดอะไร และพวกเขาก็เริ่มนั่งเงียบๆ เกมนี้เป็นเกมเงียบ ใครถอยก่อน คนนั้นแพ้

    แล้วจากนั้นผลก็คือการนั่งนิ่งอยู่นั้นกินเวลานานกว่าสองชั่วโมง

    ในช่วงเวลานี้ แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะพยายามสงบสติอารมณ์อย่างเต็มที่ แต่ในใจของพวกเขาก็ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวแทนของฝ่ายจีนสูญเสียสมาธิความสงบ หลี่เค่อหนง(李克农)ซึ่งเป็นผู้นำทีมได้ส่งจดหมายน้อยข้อความอย่างเงียบ ๆ เพื่อแนะนำให้ผู้ที่อยู่ในสถานที่สงบสติอารมณ์

    อาการความสงบของฝ่ายจีนตลอดกระบวนการทั้งหมดทำให้สหรัฐอเมริกาประหลาดใจมาก

    ท้ายที่สุด พลโทชาร์ลส์ เทิร์นเนอร์ จอย(Charles Turner Joy查尔斯·特纳·乔伊)ผู้แทนสหรัฐฯหมดความอดทน และประกาศเลิกประชุม การเจรจาวันแรกจบลงอย่างไม่น่าพอใจ

    อย่างไรก็ตาม การผัดวันประกันพรุ่งเพียงแค่นั่งเฉยๆ ก็ยังไม่ได้ผล วันรุ่งขึ้นปัญหายังคงอยู่และต้องมีการเจรจา

    วันรุ่งขึ้น ฝ่ายเกาหลีเหนือมีหน้าที่เป็นประธานในการเจรจา ทั้งสองฝ่ายนั่งลงเป็นเวลา 25 วินาทีโดยไม่พูดอะไรสักคำ ตัวแทนเกาหลีเหนือประกาศว่าหยุดการเจรจา ซึ่งทำให้แผนของกองทัพสหรัฐฯ หยุดชะงักกะทันหัน

    ตอนนั้นเองที่สหรัฐฯ ตระหนักได้ว่า จีนและเกาหลีเหนือไม่เพียงแต่เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อกองทัพสหรัฐฯ ในสนามรบเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีอิทธิพลผลกระทบอย่างรุนแรงที่โต๊ะเจรจาด้วย

    เมื่อการเจรจาไม่ราบรื่น และทั้งสองฝ่ายยังคงเข้าสู่โหมดสงครามต่อไป ภายในเวลาไม่นาน กองทัพสหรัฐฯ สูญเสียผู้คนไปอีก 150,000 คนในสงคราม สิ่งนี้บังคับให้สหรัฐฯ พิจารณาให้ยอมอ่อนข้อมากขึ้น กล่าวคือ เห็นด้วยกับเส้นแบ่งเขตทางทหารที่เสนอโดยจีน

    หลังจากปัญหานี้ได้รับการแก้ไข หลี่เค่อหนง(李克农)มีความดีใจมาก และเชื่อว่าการสงบศึกโดยสมบูรณ์จะเกิดขึ้นในไม่ช้า อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครคาดคิดว่าการเจรจาครั้งนี้จะยืดเยื้อถึง 747 วันเต็ม

    เพื่อใช้คำพูดของคณะผู้แทนของจีนมาอธิบาย สหรัฐอเมริกาขณะเจรจาสงบศึกก็ต้องการจะรบต่อ และเมื่อพวกเขาเริ่มรบกันพวกเขาก็อยากจะเจรจาสงบศึกอีกครั้ง ทัศนคติความคิดของพวกเขาไม่อาจคาดเดาได้ ความทะเยอทะยานโลภมากของพวกเขามักจะกำจัดให้หายไปได้ยาก ซึ่งทำให้ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่ายไม่ได้รับการแก้ไข

    แม้ว่าปัญหาที่ร้ายแรงที่สุดคือเส้นแบ่งเขตทางทหารจะได้รับการแก้ไข แต่ในไม่ช้าความขัดแย้งก็เกิดขึ้นระหว่างทั้งสองฝ่ายในเรื่องการกำจัดเชลยศึก

    ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าจำนวนเชลยศึกในมือของทั้งสองฝ่ายไม่เท่ากันในขณะนั้น ทางฝั่งจีนมีนักโทษทหารสหรัฐฯ มากกว่า 10,000 คน อย่างไรก็ตามทางฝั่งกองทัพสหรัฐฯมีนักโทษรวม 130,000 คน

    ตามบทบัญญัติของอนุสัญญาระหว่างประเทศเจนีวา หลังจากการสงบศึก ทั้งสองฝ่ายควรปล่อยเชลยศึกทั้งหมด แต่กองทัพสหรัฐฯ ยืนกรานให้มีการแลกเปลี่ยนแบบตัวต่อตัว ซึ่งหมายความว่าเชลยศึก 120,000 คนจะไม่สามารถปล่อยตัวได้

    นี่มันจึงเป็นเรื่องไร้สาระ อเมริกากระทำแบบเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังจับตัวไว้เป็นตัวประกัน ฝ่ายจีนมุ่งมั่นที่จะไม่ยอมแพ้ในประเด็นนี้ และสหรัฐอเมริกาก็หันไปใช้กลอุบายเก่า ๆ อีกครั้ง เมื่อการเจรจาไม่เป็นไปด้วยดี พวกเขาก็เดินออกจากเต็นท์ทันที และประกาศเลื่อนการประชุม

    นี่ยังคงเป็นการท้ารบทางสงครามจิตวิทยาต่อจีนเช่นเดิม คณะผู้แทนของจีนจึงหารือล่วงหน้าว่า เมื่อต้องเผชิญกับพฤติกรรมเช่นนี้ของกองทัพสหรัฐฯ จะต้องไม่ตื่นตระหนก ในทางกลับกัน จะต้องให้ทำตัวสงบและผ่อนคลาย พูดคุยอารมณ์ดี ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำลายการป้องกันทางจิตวิทยาของกองทัพสหรัฐฯ ได้

    เหตุการณ์ลากยาวไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1953 เมื่อดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์(Dwight D. Eisenhower德怀特·艾森豪威尔) ได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา

    หลังจากเข้ารับตำแหน่ง ไอเซนฮาวร์(Eisenhower)ก็ตระหนักถึงปัญหาหนึ่ง ในสงครามเกาหลี สหรัฐฯ ลงทุนมากเกินไป บัดนี้ ยิ่งยืดเยื้อนานเท่าไรก็ยิ่งส่งผลเสียต่อสหรัฐฯ มากขึ้นเท่านั้น และอาจถึงขั้นสั่นคลอนการปกครองของรัฐบาลสหรัฐฯ ด้วยซ้ำ

    ด้วยเหตุนี้ ไอเซนฮาวร์(Eisenhower)จึงหวังที่จะยุติสงครามโดยเร็วที่สุด ดังนั้นในเดือนกุมภาพันธ์ของปีนั้น สหรัฐฯ จึงส่งข้อความสื่อสารไปยังจีนและตกลงที่จะแลกเปลี่ยนนักโทษที่บาดเจ็บบางส่วนก่อน

    ในเวลานี้สตาลินผู้นำสหภาพโซเวียตได้ถึงแก่กรรมแล้ว และจีนต้องแก้ไขปัญหานี้โดยเร็วที่สุด ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงบรรลุข้อตกลงในประเด็นเรื่องเชลยศึกในที่สุด ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1953 ทั้งสองฝ่ายได้จัดพิธีส่งมอบแลกเปลี่ยนนักโทษที่เมืองพันมุนจ็อม(Panmunjom板門店)

    ต่อจากนั้นทั้งสองฝ่ายตัดสินใจลงนามข้อตกลงสงบศึกอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ค.ศ. 1953 ตัวแทนของกองทัพสหรัฐฯ คือ พลโทวิลเลียม เคลลี่ แฮร์ริสัน จูเนียร์(William Kelly Harrison Jr. 小威廉·凱利·哈里森)และตัวแทนของเกาหลีเหนือคือ นายพลนัม อิล(Nam Il南日)

    ขณะนั้นบรรยากาศในที่เกิดเหตุน่าอับอายมาก โดยเฉพาะฝั่งคณะผู้แทนสหรัฐฯ ที่น่าสังเวช

    🥳โปรดติดตามบทความ #สงครามเกาหลีมีผลกระทบต่อสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นอย่างไร ตอน02.ที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    🤠#สงครามเกาหลีมีผลกระทบต่อสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นอย่างไร ตอน01.🤠 เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 1953 ผู้แทนจากสหรัฐอเมริกา จีน และเกาหลีเหนือลงนามข้อตกลงสงบศึกที่พันมุนจ็อม(Panmunjom板門店) สงครามอันยาวนานและโหดร้ายสิ้นสุดลงแล้ว แต่ดูเหมือนว่าโลกจะยังไม่ตอบสนอง สงครามครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อทุกประเทศที่เข้าร่วม จีนและเกาหลีเหนือได้รับชัยชนะในสภาพแวดล้อมที่สงบสุข สำหรับสหรัฐอเมริกา ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ถือเป็นความอัปยศอดสูอย่างยิ่ง ประเทศเหล่านั้นที่ปฏิบัติตามการนำของสหรัฐอเมริกาเพียงอย่างเดียวไม่สามารถเชื่อได้ว่าสหรัฐอเมริกาจะกลายเป็นผู้แพ้ 😎การเจรจาต่อรองที่ยืดเยื้อ😎 ในความเป็นจริง จีนและสหรัฐอเมริกาได้เจรจาสงบศึกมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1951 แต่สิ่งต่างๆ กลับไม่ราบรื่น เนื่องจากเป็นเรื่องยากสำหรับสหรัฐฯ ที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ของตนเอง จนกระทั่งปี ค.ศ. 1953 เมื่อความสมดุลแห่งชัยชนะในสงครามเกาหลีเอียงไปทางจีนและเกาหลีเหนือโดยสิ้นเชิง ในที่สุดสหรัฐฯ ก็ยอมรับความจริงและตกลงที่จะเจรจา . อย่างไรก็ตาม โต๊ะเจรจายังคงเต็มไปด้วยกลิ่นอายของดินปืนอันแรงกล้า สหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับใบหน้าของตนเองเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ปีค.ศ. 1950 ซึ่งเป็นช่วงที่สงครามดำเนินไปในสภาพที่เลวร้าย ประธานาธิบดีแฮร์รี เอส. ทรูแมน (Harry S. Truman哈里·S·杜鲁门) ของสหรัฐฯ ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่ากองทหารสหรัฐฯ จะสามารถถอนตัวออกจากเกาหลีเหนืออย่างมีศักดิ์ศรี อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ก็พ่ายแพ้ ความเหมาะสมมาจากไหน? ด้วยเหตุนี้ ทรูแมน(Truman)เกิดความคิดที่อุกอาจชนิดซึ่งไม่คำนึงถึงความไม่พอใจของชาวโลก เขาประกาศต่อสาธารณะว่าเขาจะใช้ระเบิดปรมาณูต่อจีน คำพูดที่น่าตกตะลึงของทรูแมน(Truman)ไม่เพียงทำให้จีนตกใจเท่านั้น แต่ยังทำให้คนทั้งโลกตื่นตระหนกอีกด้วย บุคคลแรกที่แสดงการต่อต้านเรื่องนี้คือสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นพันธมิตรของสหรัฐอเมริกา เนื่องจากอังกฤษรู้ดีว่า ทันทีที่สหรัฐฯใช้ระเบิดปรมาณูต่อจีน สหภาพโซเวียตก็สามารถใช้ระเบิดปรมาณูต่อประเทศในยุโรปได้เช่นกัน เมื่อถึงเวลาหากประตูเมืองเกิดเพลิงไหม้และปลาในบ่อได้รับผลกระทบ ราคาค่าตอบแทนไม่ใช่สิ่งที่ประเทศในยุโรปจะสามารถยอมรับได้ อีกทั้งประกอบกับความพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่องของกองทหารสหประชาชาติในสนามรบเกาหลี ประเทศในยุโรปได้รับความสูญเสียอย่างหนัก ดังนั้น นายกรัฐมนตรีอังกฤษจึงบินไปสหรัฐอเมริกาทันทีและจัดการเจรจากับทรูแมน(Truman)5 ครั้ง โดยหวังว่าทรูแมน(Truman)จะยอมรับเงื่อนไขที่จีนและเกาหลีเหนือเสนอมาและทำการอ่อนข้อลง แต่ทรูแมน(Truman)กล่าวว่าแม้ว่าเขาจะสามารถยอมรับการเจรจาสันติภาพและการถอนทหารได้ แต่เขาก็จะไม่มีวันละทิ้งผลประโยชน์ใดๆ เพื่อให้เป็นไปตามคำร้องขอของประธานาธิบดี คณะผู้แทนที่ส่งมาจากสหรัฐอเมริกาก็ใช้สมองอย่างหนักเช่นกัน โชคดีที่เวลานี้จีนและสหภาพโซเวียตก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะส่งเสริมการสงบศึก ดังนั้น คณะผู้แทนอเมริกาจึงส่งคำพูดข้อความสื่อสารผ่านสหภาพโซเวียต โดยหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะหยุดยิงและถอนทหารออกจากเส้นขนานที่ 38 . จีนมีข้อตอบโต้ในทางสาธารณะอย่างรวดเร็วบนหนังสือพิมพ์ โดยแสดงความเห็นด้วยกับความเห็นของสหรัฐอเมริกา ทั้งสองฝ่ายถอยคนละก้าวกลับไปเจรจา ในที่สุดก็ได้มองเห็นแสงสว่าง ทรูแมน(Truman)จึงได้แถลงการณ์ต่อสาธารณะอย่างรวดเร็วที่จะมีการเจรจาอย่างตรงไปตรงมากับจีน อย่างไรก็ตาม ประธานเหมาได้คาดการณ์ไว้แล้วถึงความไม่แน่นอนของสหรัฐอเมริกา ประธานเหมาเสนอว่ากลยุทธ์ของเราสำหรับสถานการณ์ปัจจุบันคือ: “การต่อสู้ทางการเมืองและการทหารเป็นของคู่กันให้ดำเนินการพร้อมกันสองทาง คือ มุ่งมั่นเพื่อสันติภาพ ไม่กลัวสงคราม และเตรียมพร้อมที่จะชะลอลากยาว อดทนในการเจรจา เด็ดเดี่ยวในการรบต่อสู้ และถกเถียงช่วงชิงกันอย่างมีเหตุผล จนกว่าจะมีการสงบศึกที่ยุติธรรมและสมเหตุสมผล” " 😎เกมจิตวิทยา😎 หลังสงครามครั้งที่ 5 ผลลัพธ์ก็ชัดเจนอยู่แล้ว และสหรัฐฯ ก็แสดงเจตจำนงอย่างแรงกล้าที่จะเจรจาอีกครั้ง ทั้งสองฝ่ายจึงได้สรุปสถานที่เจรจาที่พันมุนจ็อม(Panmunjom板門店) อย่างไรก็ตาม พวกเขาประสบปัญหาตั้งแต่เริ่มต้น เพราะทั้งสองฝ่ายต้องแก้ไขปัญหาที่สำคัญที่สุดประการหนึ่ง ซึ่งก็คือการวาดเส้นแบ่งเขตทางทหารระหว่างทั้งสองฝ่าย จีนเสนอให้ใช้เส้นขนานที่ 38 เป็นเขตแดน แต่สหรัฐฯ ปฏิเสธอย่างแม่นมั่น เนื่องจากเมื่อใช้เส้นขนานที่ 38 เป็นเส้นแบ่งเขต หมายความว่าผลประโยชน์ที่สหรัฐฯ เคยได้รับมาก่อนหน้านี้จะได้รับความเสียหาย ซึ่งฝ่าฝืนข้อกำหนดก่อนหน้าของทรูแมน(Truman)ซึ่งเสนอไว้ ทั้งสองฝ่ายปฏิเสธที่จะยอมต่อกัน และบรรยากาศที่โต๊ะเจรจาก็เย็นวูบลงและเงื่อนไขก็แสดงชัดเจน แล้วจากนั้นไม่มีใครพูดอะไร และพวกเขาก็เริ่มนั่งเงียบๆ เกมนี้เป็นเกมเงียบ ใครถอยก่อน คนนั้นแพ้ แล้วจากนั้นผลก็คือการนั่งนิ่งอยู่นั้นกินเวลานานกว่าสองชั่วโมง ในช่วงเวลานี้ แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะพยายามสงบสติอารมณ์อย่างเต็มที่ แต่ในใจของพวกเขาก็ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวแทนของฝ่ายจีนสูญเสียสมาธิความสงบ หลี่เค่อหนง(李克农)ซึ่งเป็นผู้นำทีมได้ส่งจดหมายน้อยข้อความอย่างเงียบ ๆ เพื่อแนะนำให้ผู้ที่อยู่ในสถานที่สงบสติอารมณ์ อาการความสงบของฝ่ายจีนตลอดกระบวนการทั้งหมดทำให้สหรัฐอเมริกาประหลาดใจมาก ท้ายที่สุด พลโทชาร์ลส์ เทิร์นเนอร์ จอย(Charles Turner Joy查尔斯·特纳·乔伊)ผู้แทนสหรัฐฯหมดความอดทน และประกาศเลิกประชุม การเจรจาวันแรกจบลงอย่างไม่น่าพอใจ อย่างไรก็ตาม การผัดวันประกันพรุ่งเพียงแค่นั่งเฉยๆ ก็ยังไม่ได้ผล วันรุ่งขึ้นปัญหายังคงอยู่และต้องมีการเจรจา วันรุ่งขึ้น ฝ่ายเกาหลีเหนือมีหน้าที่เป็นประธานในการเจรจา ทั้งสองฝ่ายนั่งลงเป็นเวลา 25 วินาทีโดยไม่พูดอะไรสักคำ ตัวแทนเกาหลีเหนือประกาศว่าหยุดการเจรจา ซึ่งทำให้แผนของกองทัพสหรัฐฯ หยุดชะงักกะทันหัน ตอนนั้นเองที่สหรัฐฯ ตระหนักได้ว่า จีนและเกาหลีเหนือไม่เพียงแต่เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อกองทัพสหรัฐฯ ในสนามรบเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีอิทธิพลผลกระทบอย่างรุนแรงที่โต๊ะเจรจาด้วย เมื่อการเจรจาไม่ราบรื่น และทั้งสองฝ่ายยังคงเข้าสู่โหมดสงครามต่อไป ภายในเวลาไม่นาน กองทัพสหรัฐฯ สูญเสียผู้คนไปอีก 150,000 คนในสงคราม สิ่งนี้บังคับให้สหรัฐฯ พิจารณาให้ยอมอ่อนข้อมากขึ้น กล่าวคือ เห็นด้วยกับเส้นแบ่งเขตทางทหารที่เสนอโดยจีน หลังจากปัญหานี้ได้รับการแก้ไข หลี่เค่อหนง(李克农)มีความดีใจมาก และเชื่อว่าการสงบศึกโดยสมบูรณ์จะเกิดขึ้นในไม่ช้า อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครคาดคิดว่าการเจรจาครั้งนี้จะยืดเยื้อถึง 747 วันเต็ม เพื่อใช้คำพูดของคณะผู้แทนของจีนมาอธิบาย สหรัฐอเมริกาขณะเจรจาสงบศึกก็ต้องการจะรบต่อ และเมื่อพวกเขาเริ่มรบกันพวกเขาก็อยากจะเจรจาสงบศึกอีกครั้ง ทัศนคติความคิดของพวกเขาไม่อาจคาดเดาได้ ความทะเยอทะยานโลภมากของพวกเขามักจะกำจัดให้หายไปได้ยาก ซึ่งทำให้ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่ายไม่ได้รับการแก้ไข แม้ว่าปัญหาที่ร้ายแรงที่สุดคือเส้นแบ่งเขตทางทหารจะได้รับการแก้ไข แต่ในไม่ช้าความขัดแย้งก็เกิดขึ้นระหว่างทั้งสองฝ่ายในเรื่องการกำจัดเชลยศึก ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าจำนวนเชลยศึกในมือของทั้งสองฝ่ายไม่เท่ากันในขณะนั้น ทางฝั่งจีนมีนักโทษทหารสหรัฐฯ มากกว่า 10,000 คน อย่างไรก็ตามทางฝั่งกองทัพสหรัฐฯมีนักโทษรวม 130,000 คน ตามบทบัญญัติของอนุสัญญาระหว่างประเทศเจนีวา หลังจากการสงบศึก ทั้งสองฝ่ายควรปล่อยเชลยศึกทั้งหมด แต่กองทัพสหรัฐฯ ยืนกรานให้มีการแลกเปลี่ยนแบบตัวต่อตัว ซึ่งหมายความว่าเชลยศึก 120,000 คนจะไม่สามารถปล่อยตัวได้ นี่มันจึงเป็นเรื่องไร้สาระ อเมริกากระทำแบบเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังจับตัวไว้เป็นตัวประกัน ฝ่ายจีนมุ่งมั่นที่จะไม่ยอมแพ้ในประเด็นนี้ และสหรัฐอเมริกาก็หันไปใช้กลอุบายเก่า ๆ อีกครั้ง เมื่อการเจรจาไม่เป็นไปด้วยดี พวกเขาก็เดินออกจากเต็นท์ทันที และประกาศเลื่อนการประชุม นี่ยังคงเป็นการท้ารบทางสงครามจิตวิทยาต่อจีนเช่นเดิม คณะผู้แทนของจีนจึงหารือล่วงหน้าว่า เมื่อต้องเผชิญกับพฤติกรรมเช่นนี้ของกองทัพสหรัฐฯ จะต้องไม่ตื่นตระหนก ในทางกลับกัน จะต้องให้ทำตัวสงบและผ่อนคลาย พูดคุยอารมณ์ดี ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำลายการป้องกันทางจิตวิทยาของกองทัพสหรัฐฯ ได้ เหตุการณ์ลากยาวไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1953 เมื่อดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์(Dwight D. Eisenhower德怀特·艾森豪威尔) ได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา หลังจากเข้ารับตำแหน่ง ไอเซนฮาวร์(Eisenhower)ก็ตระหนักถึงปัญหาหนึ่ง ในสงครามเกาหลี สหรัฐฯ ลงทุนมากเกินไป บัดนี้ ยิ่งยืดเยื้อนานเท่าไรก็ยิ่งส่งผลเสียต่อสหรัฐฯ มากขึ้นเท่านั้น และอาจถึงขั้นสั่นคลอนการปกครองของรัฐบาลสหรัฐฯ ด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนี้ ไอเซนฮาวร์(Eisenhower)จึงหวังที่จะยุติสงครามโดยเร็วที่สุด ดังนั้นในเดือนกุมภาพันธ์ของปีนั้น สหรัฐฯ จึงส่งข้อความสื่อสารไปยังจีนและตกลงที่จะแลกเปลี่ยนนักโทษที่บาดเจ็บบางส่วนก่อน ในเวลานี้สตาลินผู้นำสหภาพโซเวียตได้ถึงแก่กรรมแล้ว และจีนต้องแก้ไขปัญหานี้โดยเร็วที่สุด ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงบรรลุข้อตกลงในประเด็นเรื่องเชลยศึกในที่สุด ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1953 ทั้งสองฝ่ายได้จัดพิธีส่งมอบแลกเปลี่ยนนักโทษที่เมืองพันมุนจ็อม(Panmunjom板門店) ต่อจากนั้นทั้งสองฝ่ายตัดสินใจลงนามข้อตกลงสงบศึกอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ค.ศ. 1953 ตัวแทนของกองทัพสหรัฐฯ คือ พลโทวิลเลียม เคลลี่ แฮร์ริสัน จูเนียร์(William Kelly Harrison Jr. 小威廉·凱利·哈里森)และตัวแทนของเกาหลีเหนือคือ นายพลนัม อิล(Nam Il南日) ขณะนั้นบรรยากาศในที่เกิดเหตุน่าอับอายมาก โดยเฉพาะฝั่งคณะผู้แทนสหรัฐฯ ที่น่าสังเวช 🥳โปรดติดตามบทความ #สงครามเกาหลีมีผลกระทบต่อสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นอย่างไร ตอน02.ที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 580 Views 0 Reviews
  • (Ch024.065) : ไร้เกียรติ

    ต่อจากเมื่อวาน กรณีเครื่องเพจเจอร์ระเบิดที่เลบานอน
    ถัดมาวันนี้ก็มีกรณีเครื่องรับส่งวิทยุวอคกี้-ท้อคกี้ระเบิดตามมาอีกระลอก
    ทั้งสองกรณีนี้ทำให้มีคนตายนับสิบและคนเจ็บอีกหลายร้อยคน ตามข่าวว่าพุ่งเป้าไปที่กลุ่มฮิทบอเลาะห์ซึ่งใช้เครื่องมือสื่อสารเหล่านี้

    ในวงการทหารไม่ว่า CIA, MI5, Seal หรือหน่วยอะไรก็แล้วแต่ต่างทึ่งถึงในยุทธวิธีทำลายคู่ต่อสู้เหนือเมฆแบบนี้
    บ้างก็ลงข่าวว่า มอสสาด หรือ ซินแบ็ด ซึ่งเป็นหน่วยจารกรรมลับของอิสราเอลเก่งกาจสุดยอดที่สามารถแทรกสอดเข้าไปในโครงข่ายการสื่อสารของกลุ่มฮิทบอเลาะห์

    ผมจึงไปค้นหาภาพสงครามโบราณที่เข้าแถวยืนเรียงแล้วก็ยิงใส่กันตามที่เห็น
    มีหลายสมรภูมิในสงครามโบราณที่ทำแบบนี้ ใครอยากจะฆ่ากันก็เชิญมาที่ทุ่งสังหารนี้ส่วนคนที่ไม่เกี่ยวก็ไม่บาดเจ็บล้มตาย
    แต่กรณีที่เพจเจอร์ระเบิดและเครื่องวอคกี้-ท้อคกี้ระเบิดมันเป็นวิธีการโจมตีแบบไม่เลือกเป้าหมาย หมายความว่าใครก็ตามที่อยู่ตรงนั้นมีสิทธิ์ตายได้หมดไม่ว่าจะเป็นเด็กที่ไม่มีทางสู้ คนแก่ นักรบ หรือคนขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ชาวนา
    วิธีการแบบนี้จึงจัดได้ว่าเป็นวิธีการทำสงครามที่ต่ำทรามที่สุด ไร้เกียรติไร้ศักดิ์ศรี ไม่ควรจะเกิดขึ้นไม่ว่าสมรภูมิรบที่ไหน ๆในโลก คุณส่งสัญญาณไปฆ่าโดยไม่รู้ว่าเป้าหมายที่ต้องการกำจัดคือใคร

    นึกเล่น ๆ ถ้าใครจะโจมตีประเทศไทยก็ส่งรหัสลับเข้ามาในมือถือและโทรศัพท์ทุกเครื่องที่อยู่ในประเทศไทยก็ระเบิดใส่คนที่อยู่ใกล้ ๆ แบบนี้มันไม่โหดไปหน่อยเหรอ จะไม่ให้เรียกว่าเป็นวิธีการที่ต่ำช้าหรือว่าอย่างไร

    ขนาดรัสเซียกับยูเครนยิงจรวดถล่มกันแทบตายไม่เว้นแต่ละวัน แต่ก็ยังมีการแลกเปลี่ยนเชลยศึกในสงครามกันอยู่เป็นช่วง ๆ การโจมตีด้วยจรวดล็อคเป้าหมายที่แม่นยำชัดเจน บางครั้งมีการประกาศล่วงหน้าให้ทราบว่าจะโจมตีตรงนั้นตรงนี้ ไม่ใช่ว่าใช้วิธีการสกปรกไม่เลือกรูปแบบ เหมือนที่เอามาใช้ที่เลบานอนแบบนี้ การกระทำแบบนี้สมควรจะโดนประณาม มันไม่ใช่วิธีที่มนุษย์พึงกระทำกับมนุษย์ ไร้เกียรติไร้ศักดิ์ศรีสิ้นดี เป็นการกระทำที่เลวระยำไม่สมควรยกย่อง

    ความขัดแย้งมีอยู่ทั่วโลกไม่ว่าขนาดเล็กหรือใหญ่ แต่ผู้ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วยก็ไม่สมควรจะมารับผลกระทบเหล่านี้ ทั้งการทิ้งระเบิดใส่ตึกรามบ้านช่องโดยไม่เลือกเป้าไม่สนใจว่าใครจะอาศัยอยู่ตรงนั้นในค่ายอพยพ อย่างนี้ชีวิตคนมันก็คือผักปลา คือมดปลวกหรือเชื้อโรคที่พ่นยาแล้วก็ฆ่าทิ้งเท่านั้นเอง แล้วเราจะสรรเสริญถึงวิธีการทำลายล้างชีวิตมนุษย์ด้วยกันกระนั้นหรือ

    ที่เขียนมายืดยาวเพราะเหลืออดจริงๆ.

    ......
    (Ch024.065) : ไร้เกียรติ ต่อจากเมื่อวาน กรณีเครื่องเพจเจอร์ระเบิดที่เลบานอน ถัดมาวันนี้ก็มีกรณีเครื่องรับส่งวิทยุวอคกี้-ท้อคกี้ระเบิดตามมาอีกระลอก ทั้งสองกรณีนี้ทำให้มีคนตายนับสิบและคนเจ็บอีกหลายร้อยคน ตามข่าวว่าพุ่งเป้าไปที่กลุ่มฮิทบอเลาะห์ซึ่งใช้เครื่องมือสื่อสารเหล่านี้ ในวงการทหารไม่ว่า CIA, MI5, Seal หรือหน่วยอะไรก็แล้วแต่ต่างทึ่งถึงในยุทธวิธีทำลายคู่ต่อสู้เหนือเมฆแบบนี้ บ้างก็ลงข่าวว่า มอสสาด หรือ ซินแบ็ด ซึ่งเป็นหน่วยจารกรรมลับของอิสราเอลเก่งกาจสุดยอดที่สามารถแทรกสอดเข้าไปในโครงข่ายการสื่อสารของกลุ่มฮิทบอเลาะห์ ผมจึงไปค้นหาภาพสงครามโบราณที่เข้าแถวยืนเรียงแล้วก็ยิงใส่กันตามที่เห็น มีหลายสมรภูมิในสงครามโบราณที่ทำแบบนี้ ใครอยากจะฆ่ากันก็เชิญมาที่ทุ่งสังหารนี้ส่วนคนที่ไม่เกี่ยวก็ไม่บาดเจ็บล้มตาย แต่กรณีที่เพจเจอร์ระเบิดและเครื่องวอคกี้-ท้อคกี้ระเบิดมันเป็นวิธีการโจมตีแบบไม่เลือกเป้าหมาย หมายความว่าใครก็ตามที่อยู่ตรงนั้นมีสิทธิ์ตายได้หมดไม่ว่าจะเป็นเด็กที่ไม่มีทางสู้ คนแก่ นักรบ หรือคนขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ชาวนา วิธีการแบบนี้จึงจัดได้ว่าเป็นวิธีการทำสงครามที่ต่ำทรามที่สุด ไร้เกียรติไร้ศักดิ์ศรี ไม่ควรจะเกิดขึ้นไม่ว่าสมรภูมิรบที่ไหน ๆในโลก คุณส่งสัญญาณไปฆ่าโดยไม่รู้ว่าเป้าหมายที่ต้องการกำจัดคือใคร นึกเล่น ๆ ถ้าใครจะโจมตีประเทศไทยก็ส่งรหัสลับเข้ามาในมือถือและโทรศัพท์ทุกเครื่องที่อยู่ในประเทศไทยก็ระเบิดใส่คนที่อยู่ใกล้ ๆ แบบนี้มันไม่โหดไปหน่อยเหรอ จะไม่ให้เรียกว่าเป็นวิธีการที่ต่ำช้าหรือว่าอย่างไร ขนาดรัสเซียกับยูเครนยิงจรวดถล่มกันแทบตายไม่เว้นแต่ละวัน แต่ก็ยังมีการแลกเปลี่ยนเชลยศึกในสงครามกันอยู่เป็นช่วง ๆ การโจมตีด้วยจรวดล็อคเป้าหมายที่แม่นยำชัดเจน บางครั้งมีการประกาศล่วงหน้าให้ทราบว่าจะโจมตีตรงนั้นตรงนี้ ไม่ใช่ว่าใช้วิธีการสกปรกไม่เลือกรูปแบบ เหมือนที่เอามาใช้ที่เลบานอนแบบนี้ การกระทำแบบนี้สมควรจะโดนประณาม มันไม่ใช่วิธีที่มนุษย์พึงกระทำกับมนุษย์ ไร้เกียรติไร้ศักดิ์ศรีสิ้นดี เป็นการกระทำที่เลวระยำไม่สมควรยกย่อง ความขัดแย้งมีอยู่ทั่วโลกไม่ว่าขนาดเล็กหรือใหญ่ แต่ผู้ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วยก็ไม่สมควรจะมารับผลกระทบเหล่านี้ ทั้งการทิ้งระเบิดใส่ตึกรามบ้านช่องโดยไม่เลือกเป้าไม่สนใจว่าใครจะอาศัยอยู่ตรงนั้นในค่ายอพยพ อย่างนี้ชีวิตคนมันก็คือผักปลา คือมดปลวกหรือเชื้อโรคที่พ่นยาแล้วก็ฆ่าทิ้งเท่านั้นเอง แล้วเราจะสรรเสริญถึงวิธีการทำลายล้างชีวิตมนุษย์ด้วยกันกระนั้นหรือ ที่เขียนมายืดยาวเพราะเหลืออดจริงๆ. ......
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 500 Views 0 Reviews
  • เนทันยังคงยืนกรานที่จะใช้กำลังทหารแก้ปัญหาความขัดแย้งกาซา
    เจ้าหน้าที่เอลบางคนกล่าวว่านายกรัฐมนตรีเบนจามิน ยืนกรานว่าการกดดันทางทหารเป็นหนทางเดียวที่จะนำไปสู่การปล่อยตัวผู้ถูกกักขังได้
    เนทันยาฮูกล่าวว่ากลุ่มผู้ปกป้องปาเลสดับชีพเชลยศึกเหล่านี้ และกลุ่มนี้ไม่สนใจข้อตกลงนี้ แต่เนทันยาฮูมีจุดยืนที่แข็งกร้าวมายาวนาน ซึ่งก่อให้เกิดความตึงเครียดอย่างมากภายในรัฐบาลของเขาเอง
    นอกจากนี้ ยังมีแรงกดดันจากครอบครัวของเชลยศึกด้วย ซึ่งเราเห็นมาตั้งแต่การรุกรานเริ่มต้นขึ้น พวกเขากล่าวว่าเนทันยาฮูไม่มีความสามารถและไม่เต็มใจที่จะทำข้อตกลงใดๆ และนั่นยังคงเป็นความเชื่อของพวกเขาว่าเนทันยาฮูกำลังยืดเวลาของการรุกรานเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวและทางการเมือง
    เขาบอกว่าทางออกทางการทหารเป็นหนทางเดียวที่จะดำเนินความขัดแย้งนี้ต่อไปได้
    .
    #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews
    #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง
    -------------------------------
    สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    เนทันยังคงยืนกรานที่จะใช้กำลังทหารแก้ปัญหาความขัดแย้งกาซา เจ้าหน้าที่เอลบางคนกล่าวว่านายกรัฐมนตรีเบนจามิน ยืนกรานว่าการกดดันทางทหารเป็นหนทางเดียวที่จะนำไปสู่การปล่อยตัวผู้ถูกกักขังได้ เนทันยาฮูกล่าวว่ากลุ่มผู้ปกป้องปาเลสดับชีพเชลยศึกเหล่านี้ และกลุ่มนี้ไม่สนใจข้อตกลงนี้ แต่เนทันยาฮูมีจุดยืนที่แข็งกร้าวมายาวนาน ซึ่งก่อให้เกิดความตึงเครียดอย่างมากภายในรัฐบาลของเขาเอง นอกจากนี้ ยังมีแรงกดดันจากครอบครัวของเชลยศึกด้วย ซึ่งเราเห็นมาตั้งแต่การรุกรานเริ่มต้นขึ้น พวกเขากล่าวว่าเนทันยาฮูไม่มีความสามารถและไม่เต็มใจที่จะทำข้อตกลงใดๆ และนั่นยังคงเป็นความเชื่อของพวกเขาว่าเนทันยาฮูกำลังยืดเวลาของการรุกรานเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวและทางการเมือง เขาบอกว่าทางออกทางการทหารเป็นหนทางเดียวที่จะดำเนินความขัดแย้งนี้ต่อไปได้ . #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง ------------------------------- สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 762 Views 0 Reviews
  • ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ เสนอแนะนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูของอเอลกำลังยืดเวลาการปฏิบัติการรุกรานกับกาซาด้วยเหตุผลทางการเมือง ในขณะที่ฝ่ายบริหารของเขาผลักดันให้เกิดข้อตกลงพักรบและการแลกเปลี่ยนเชลยศึกกับกลุ่มปกป้องดินแดนปาเลส ซึ่งวอชิงตันกล่าวว่าจะนำไปสู่ ​​“การหยุดยิงที่ยั่งยืน”

    เนทันยาฮูกล่าวว่าข้อตกลงดังกล่าวจะ “ช่วยให้เอลทำสงครามต่อไปได้จนกว่าวัตถุประสงค์ทั้งหมดจะบรรลุผล รวมถึงการทำลายขีดความสามารถทางการทหารและการปกครองของกลุ่มผู้ปกป้องดินเเดน”

    .
    #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews
    #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน
    #การยืดเยื้อ #ผลประโยชน์ #กลุ่มปกป้อง
    -------------------------------
    สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ เสนอแนะนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูของอเอลกำลังยืดเวลาการปฏิบัติการรุกรานกับกาซาด้วยเหตุผลทางการเมือง ในขณะที่ฝ่ายบริหารของเขาผลักดันให้เกิดข้อตกลงพักรบและการแลกเปลี่ยนเชลยศึกกับกลุ่มปกป้องดินแดนปาเลส ซึ่งวอชิงตันกล่าวว่าจะนำไปสู่ ​​“การหยุดยิงที่ยั่งยืน” เนทันยาฮูกล่าวว่าข้อตกลงดังกล่าวจะ “ช่วยให้เอลทำสงครามต่อไปได้จนกว่าวัตถุประสงค์ทั้งหมดจะบรรลุผล รวมถึงการทำลายขีดความสามารถทางการทหารและการปกครองของกลุ่มผู้ปกป้องดินเเดน” . #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #การยืดเยื้อ #ผลประโยชน์ #กลุ่มปกป้อง ------------------------------- สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    0 Comments 0 Shares 411 Views 0 Reviews