เปิดเอกสารสัญญา-หลักฐานถึงพี่เมียทนายตั้ม
.
วันนี้ผมเปิดเผยเอกสารชิ้นหนึ่งที่หลายๆ คนเฝ้ารอ และยังไม่มีใครเปิดเผยมาก่อน เอกสารชิ้นนี้คือสัญญาและหลักฐานสำคัญในการจ้างที่ปรึกษาดูแลผลประโยชน์ทางธุรกิจ ระหว่างคุณจตุพร อุบลเลิศ กับบริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม อ้างอิงอยู่ในใบบันทึกคำให้การผู้กล่าวหา หรือใบแจ้งความของคุณจตุพร อุบลเลิศ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567
.
สิ่งที่น่าสนใจของสัญญาฉบับนี้ สัญญาฉบับนี้มีระยะเวลา 1 ปีตั้งแต่เมษายน 2565 มีการจ่ายเงินค่าจ้างเดือนละ 3 แสนบาท และจ่ายเงินค่าจ้างงวดสุดท้ายเมื่อเดือนมีนาคม 2566 ทำจดหมายยกเลิกสัญญาจ้างอย่างเป็นทางการ เนื่องจากสำนักทนายความของทนายตั้มไม่ได้ทำอะไรสมกับค่าจ้างที่ได้รับไปและยังขนครอบครัวไปต่างประเทศแทบทุกเดือน ไปพักโรงแรมหรูๆ แล้วให้เขารับผิดชอบค่าใช้จ่าย
.
แต่ประเด็นที่น่าสนใจมากคือ หลักฐานการเงินระบุชัดเจนว่าฝั่งพี่อ้อยไม่เคยโอนเงินเข้าบริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม แต่ษิทราระบุว่าให้โอนเข้าบัญชีของบุคคลที่ชื่อ ปิณฑิรา การิวัลย์ โดยตลอด มีเพจ CSILA ที่ไม่กี่วันมานี้ ออกมาตั้งคำถามว่า "อยากให้ตำรวจและนักข่าวตรวจสอบพี่สาวเมียทนายตั้ม น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ ซึ่งมีอาชีพคือคนใช้กับเลี้ยงลูกตั้ม แต่เงินในบัญชีเยอะมาก ถ้าตรวจสอบเส้นเงินได้ก็เกมส์"
.
เมื่อเราไปเปิดดูงบการเงินบริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม ตั้งอยู่ที่อาคารเอ็มไพร์ทาวเวอร์ ถนนสาทร แจ้งงบการเงิน 5 ปีย้อนหลัง มีรายได้รวมประมาณ 37 ล้านบาท มีรายได้ดีอยู่ปีเดียว คือปี 2565 ซึ่งมีรายได้รวม 21.9 ล้านบาท ก่อนหน้านั้นรายได้อยู่ในระดับประมาณ 2 ล้านบาทและขาดทุนมากกว่า
.
หลายคนถามว่า คุณษิทราเอาเงินที่ไหนไปซื้อบ้านราคาหลายสิบล้าน มีรถหรูอีกหลายคัน นาฬิกาหรู เสื้อแบรนด์เนมอีกเพียบ ส่วนที่ไปเที่ยวเมืองนอกบ่อยๆ คุณรู้แล้วใช่ไหมว่าคุณใช้เงินของพี่อ้อยนั่นเอง
.
ผมเอารูปรถให้ดูนะครับ Porsche Cayenne ที่ทนายตั้มขับมาที่กองปราบ วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน 2567 รถหรูราคาแพงที่นายษิทราใช้อยู่นั้น ซื้อด้วยเงินสด แต่ไม่มีชื่อนายษิทราเป็นเจ้าของเลยแม้แต่คันเดียว อนุมานได้ไหมครับคุณษิทรา ว่าคุณกำลังซ่อนเร้นเรื่องเงินก้อนนี้อยู่ โดยที่ให้คนอื่นมาเป็นเจ้าของรถแทนคุณ มันเป็นวิธีการง่ายๆ ของคนที่ชอบฟอกเงินในอดีต
.
ด้วยเหตุนี้ มีผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีจึงชี้ให้เห็นว่า การกระทำของทนายตั้มในการรับค่าจ้างที่ปรึกษาพี่อ้อย แต่กลับโอนเงินเข้าคนอื่น ในทางภาษี ในทางกฎหมาย มันเข้าข่ายเลี่ยงภาษีอย่างชัดเจน
.
เรื่องนี้เป็นเหตุบังเอิญอย่างร้ายกาจ เรื่องราวที่คุณชูวิทย์เล่าเมื่อปีที่แล้ว มันช่างคล้ายๆ กับทนายแบรนด์เนมคนหนึ่งซึ่งผมไม่รู้ว่าเป็นใคร จะใช่ทนายตั้ม ษิทรา สำนักกฎหมายษิทรา ลอว์เฟิร์ม กับพี่สาวภรรยาที่ขึ้นต้นด้วย ป. ที่ชื่อ ปิณฑิรา การิวัลย์ หรือไม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ กรุณาช่วยสืบค้นข้อเท็จจริงเรื่องนี้ให้ผมหน่อย
.
และผมอยากให้กรมสรรพากร ซึ่งผมจะไปยื่นเรื่องร้องเรียนอย่างเป็นทางการว่าคุณปิณฑิราได้รับเงินมาจากแหล่งที่มาที่ไม่ทราบ เป็นประจำเดือน มีหลักฐานเงินโอนเข้าบัญชีให้ เดือนละ 3 แสนบาท ปีหนึ่งเป็นเงิน 3 ล้าน 6 แสนบาท ผมใคร่จะถามด้วยความเคารพว่า ผู้รับเงินรายได้นี้ ได้เสียภาษีเงินได้หรือเปล่า ถ้าไม่ได้เสียเลยเป็นเวลา 12 เดือน ควรจะต้องถูกเสียภาษีย้อนหลังประมาณเท่าไร และจะต้องถูกเบี้ยปรับอีกเท่าไร ถ้าตอบผมได้ก็จะเป็นพระคุณยิ่ง อันนี้เข้าข่ายในการฟอกเงินหรือเปล่า ขึ้นอยู่กับผู้เกี่ยวข้องที่ดูแลกฎหมายอยู่จะต้องเป็นคนตัดสินใจครับ
.
วันนี้ผมเปิดเผยเอกสารชิ้นหนึ่งที่หลายๆ คนเฝ้ารอ และยังไม่มีใครเปิดเผยมาก่อน เอกสารชิ้นนี้คือสัญญาและหลักฐานสำคัญในการจ้างที่ปรึกษาดูแลผลประโยชน์ทางธุรกิจ ระหว่างคุณจตุพร อุบลเลิศ กับบริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม อ้างอิงอยู่ในใบบันทึกคำให้การผู้กล่าวหา หรือใบแจ้งความของคุณจตุพร อุบลเลิศ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567
.
สิ่งที่น่าสนใจของสัญญาฉบับนี้ สัญญาฉบับนี้มีระยะเวลา 1 ปีตั้งแต่เมษายน 2565 มีการจ่ายเงินค่าจ้างเดือนละ 3 แสนบาท และจ่ายเงินค่าจ้างงวดสุดท้ายเมื่อเดือนมีนาคม 2566 ทำจดหมายยกเลิกสัญญาจ้างอย่างเป็นทางการ เนื่องจากสำนักทนายความของทนายตั้มไม่ได้ทำอะไรสมกับค่าจ้างที่ได้รับไปและยังขนครอบครัวไปต่างประเทศแทบทุกเดือน ไปพักโรงแรมหรูๆ แล้วให้เขารับผิดชอบค่าใช้จ่าย
.
แต่ประเด็นที่น่าสนใจมากคือ หลักฐานการเงินระบุชัดเจนว่าฝั่งพี่อ้อยไม่เคยโอนเงินเข้าบริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม แต่ษิทราระบุว่าให้โอนเข้าบัญชีของบุคคลที่ชื่อ ปิณฑิรา การิวัลย์ โดยตลอด มีเพจ CSILA ที่ไม่กี่วันมานี้ ออกมาตั้งคำถามว่า "อยากให้ตำรวจและนักข่าวตรวจสอบพี่สาวเมียทนายตั้ม น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ ซึ่งมีอาชีพคือคนใช้กับเลี้ยงลูกตั้ม แต่เงินในบัญชีเยอะมาก ถ้าตรวจสอบเส้นเงินได้ก็เกมส์"
.
เมื่อเราไปเปิดดูงบการเงินบริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม ตั้งอยู่ที่อาคารเอ็มไพร์ทาวเวอร์ ถนนสาทร แจ้งงบการเงิน 5 ปีย้อนหลัง มีรายได้รวมประมาณ 37 ล้านบาท มีรายได้ดีอยู่ปีเดียว คือปี 2565 ซึ่งมีรายได้รวม 21.9 ล้านบาท ก่อนหน้านั้นรายได้อยู่ในระดับประมาณ 2 ล้านบาทและขาดทุนมากกว่า
.
หลายคนถามว่า คุณษิทราเอาเงินที่ไหนไปซื้อบ้านราคาหลายสิบล้าน มีรถหรูอีกหลายคัน นาฬิกาหรู เสื้อแบรนด์เนมอีกเพียบ ส่วนที่ไปเที่ยวเมืองนอกบ่อยๆ คุณรู้แล้วใช่ไหมว่าคุณใช้เงินของพี่อ้อยนั่นเอง
.
ผมเอารูปรถให้ดูนะครับ Porsche Cayenne ที่ทนายตั้มขับมาที่กองปราบ วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน 2567 รถหรูราคาแพงที่นายษิทราใช้อยู่นั้น ซื้อด้วยเงินสด แต่ไม่มีชื่อนายษิทราเป็นเจ้าของเลยแม้แต่คันเดียว อนุมานได้ไหมครับคุณษิทรา ว่าคุณกำลังซ่อนเร้นเรื่องเงินก้อนนี้อยู่ โดยที่ให้คนอื่นมาเป็นเจ้าของรถแทนคุณ มันเป็นวิธีการง่ายๆ ของคนที่ชอบฟอกเงินในอดีต
.
ด้วยเหตุนี้ มีผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีจึงชี้ให้เห็นว่า การกระทำของทนายตั้มในการรับค่าจ้างที่ปรึกษาพี่อ้อย แต่กลับโอนเงินเข้าคนอื่น ในทางภาษี ในทางกฎหมาย มันเข้าข่ายเลี่ยงภาษีอย่างชัดเจน
.
เรื่องนี้เป็นเหตุบังเอิญอย่างร้ายกาจ เรื่องราวที่คุณชูวิทย์เล่าเมื่อปีที่แล้ว มันช่างคล้ายๆ กับทนายแบรนด์เนมคนหนึ่งซึ่งผมไม่รู้ว่าเป็นใคร จะใช่ทนายตั้ม ษิทรา สำนักกฎหมายษิทรา ลอว์เฟิร์ม กับพี่สาวภรรยาที่ขึ้นต้นด้วย ป. ที่ชื่อ ปิณฑิรา การิวัลย์ หรือไม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ กรุณาช่วยสืบค้นข้อเท็จจริงเรื่องนี้ให้ผมหน่อย
.
และผมอยากให้กรมสรรพากร ซึ่งผมจะไปยื่นเรื่องร้องเรียนอย่างเป็นทางการว่าคุณปิณฑิราได้รับเงินมาจากแหล่งที่มาที่ไม่ทราบ เป็นประจำเดือน มีหลักฐานเงินโอนเข้าบัญชีให้ เดือนละ 3 แสนบาท ปีหนึ่งเป็นเงิน 3 ล้าน 6 แสนบาท ผมใคร่จะถามด้วยความเคารพว่า ผู้รับเงินรายได้นี้ ได้เสียภาษีเงินได้หรือเปล่า ถ้าไม่ได้เสียเลยเป็นเวลา 12 เดือน ควรจะต้องถูกเสียภาษีย้อนหลังประมาณเท่าไร และจะต้องถูกเบี้ยปรับอีกเท่าไร ถ้าตอบผมได้ก็จะเป็นพระคุณยิ่ง อันนี้เข้าข่ายในการฟอกเงินหรือเปล่า ขึ้นอยู่กับผู้เกี่ยวข้องที่ดูแลกฎหมายอยู่จะต้องเป็นคนตัดสินใจครับ
เปิดเอกสารสัญญา-หลักฐานถึงพี่เมียทนายตั้ม
.
วันนี้ผมเปิดเผยเอกสารชิ้นหนึ่งที่หลายๆ คนเฝ้ารอ และยังไม่มีใครเปิดเผยมาก่อน เอกสารชิ้นนี้คือสัญญาและหลักฐานสำคัญในการจ้างที่ปรึกษาดูแลผลประโยชน์ทางธุรกิจ ระหว่างคุณจตุพร อุบลเลิศ กับบริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม อ้างอิงอยู่ในใบบันทึกคำให้การผู้กล่าวหา หรือใบแจ้งความของคุณจตุพร อุบลเลิศ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567
.
สิ่งที่น่าสนใจของสัญญาฉบับนี้ สัญญาฉบับนี้มีระยะเวลา 1 ปีตั้งแต่เมษายน 2565 มีการจ่ายเงินค่าจ้างเดือนละ 3 แสนบาท และจ่ายเงินค่าจ้างงวดสุดท้ายเมื่อเดือนมีนาคม 2566 ทำจดหมายยกเลิกสัญญาจ้างอย่างเป็นทางการ เนื่องจากสำนักทนายความของทนายตั้มไม่ได้ทำอะไรสมกับค่าจ้างที่ได้รับไปและยังขนครอบครัวไปต่างประเทศแทบทุกเดือน ไปพักโรงแรมหรูๆ แล้วให้เขารับผิดชอบค่าใช้จ่าย
.
แต่ประเด็นที่น่าสนใจมากคือ หลักฐานการเงินระบุชัดเจนว่าฝั่งพี่อ้อยไม่เคยโอนเงินเข้าบริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม แต่ษิทราระบุว่าให้โอนเข้าบัญชีของบุคคลที่ชื่อ ปิณฑิรา การิวัลย์ โดยตลอด มีเพจ CSILA ที่ไม่กี่วันมานี้ ออกมาตั้งคำถามว่า "อยากให้ตำรวจและนักข่าวตรวจสอบพี่สาวเมียทนายตั้ม น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ ซึ่งมีอาชีพคือคนใช้กับเลี้ยงลูกตั้ม แต่เงินในบัญชีเยอะมาก ถ้าตรวจสอบเส้นเงินได้ก็เกมส์"
.
เมื่อเราไปเปิดดูงบการเงินบริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม ตั้งอยู่ที่อาคารเอ็มไพร์ทาวเวอร์ ถนนสาทร แจ้งงบการเงิน 5 ปีย้อนหลัง มีรายได้รวมประมาณ 37 ล้านบาท มีรายได้ดีอยู่ปีเดียว คือปี 2565 ซึ่งมีรายได้รวม 21.9 ล้านบาท ก่อนหน้านั้นรายได้อยู่ในระดับประมาณ 2 ล้านบาทและขาดทุนมากกว่า
.
หลายคนถามว่า คุณษิทราเอาเงินที่ไหนไปซื้อบ้านราคาหลายสิบล้าน มีรถหรูอีกหลายคัน นาฬิกาหรู เสื้อแบรนด์เนมอีกเพียบ ส่วนที่ไปเที่ยวเมืองนอกบ่อยๆ คุณรู้แล้วใช่ไหมว่าคุณใช้เงินของพี่อ้อยนั่นเอง
.
ผมเอารูปรถให้ดูนะครับ Porsche Cayenne ที่ทนายตั้มขับมาที่กองปราบ วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน 2567 รถหรูราคาแพงที่นายษิทราใช้อยู่นั้น ซื้อด้วยเงินสด แต่ไม่มีชื่อนายษิทราเป็นเจ้าของเลยแม้แต่คันเดียว อนุมานได้ไหมครับคุณษิทรา ว่าคุณกำลังซ่อนเร้นเรื่องเงินก้อนนี้อยู่ โดยที่ให้คนอื่นมาเป็นเจ้าของรถแทนคุณ มันเป็นวิธีการง่ายๆ ของคนที่ชอบฟอกเงินในอดีต
.
ด้วยเหตุนี้ มีผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีจึงชี้ให้เห็นว่า การกระทำของทนายตั้มในการรับค่าจ้างที่ปรึกษาพี่อ้อย แต่กลับโอนเงินเข้าคนอื่น ในทางภาษี ในทางกฎหมาย มันเข้าข่ายเลี่ยงภาษีอย่างชัดเจน
.
เรื่องนี้เป็นเหตุบังเอิญอย่างร้ายกาจ เรื่องราวที่คุณชูวิทย์เล่าเมื่อปีที่แล้ว มันช่างคล้ายๆ กับทนายแบรนด์เนมคนหนึ่งซึ่งผมไม่รู้ว่าเป็นใคร จะใช่ทนายตั้ม ษิทรา สำนักกฎหมายษิทรา ลอว์เฟิร์ม กับพี่สาวภรรยาที่ขึ้นต้นด้วย ป. ที่ชื่อ ปิณฑิรา การิวัลย์ หรือไม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ กรุณาช่วยสืบค้นข้อเท็จจริงเรื่องนี้ให้ผมหน่อย
.
และผมอยากให้กรมสรรพากร ซึ่งผมจะไปยื่นเรื่องร้องเรียนอย่างเป็นทางการว่าคุณปิณฑิราได้รับเงินมาจากแหล่งที่มาที่ไม่ทราบ เป็นประจำเดือน มีหลักฐานเงินโอนเข้าบัญชีให้ เดือนละ 3 แสนบาท ปีหนึ่งเป็นเงิน 3 ล้าน 6 แสนบาท ผมใคร่จะถามด้วยความเคารพว่า ผู้รับเงินรายได้นี้ ได้เสียภาษีเงินได้หรือเปล่า ถ้าไม่ได้เสียเลยเป็นเวลา 12 เดือน ควรจะต้องถูกเสียภาษีย้อนหลังประมาณเท่าไร และจะต้องถูกเบี้ยปรับอีกเท่าไร ถ้าตอบผมได้ก็จะเป็นพระคุณยิ่ง อันนี้เข้าข่ายในการฟอกเงินหรือเปล่า ขึ้นอยู่กับผู้เกี่ยวข้องที่ดูแลกฎหมายอยู่จะต้องเป็นคนตัดสินใจครับ