• คอร์สเรียนตัดผมชายแนวคลาสสิค ที่คุณไม่ควรพลาด‼

    คอร์สสำหรับช่างที่ชอบงานคลาสสิค งานธรรมชาติ งานศิลปะ+อารมณ์

    "Classic Oldschool Schorem Barber Course"

    ยกระดับฝีมือสู่มาตรฐานระดับโลก กับคอร์สเรียนตัดผมชายแนวคลาสสิคที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่างตัดผมโดยเฉพาะ ไม่ว่าคุณจะเป็นช่างตัดผมหน้าใหม่หรือช่างเก่าที่ต้องการเพิ่มพูนทักษะ มาร่วมเรียนรู้และพัฒนาฝีมือกับ ช่างผู้มีประสบการณ์ตรงจาก Schorem ร้านตัดผมชายระดับตำนานจากประเทศเนเธอร์แลนด์!

    สิ่งที่คุณจะได้รับจากคอร์สนี้:
    ✂️ เรียนรู้เทคนิคการตัดผมชายแนวคลาสสิคโดยตรงจากช่างที่จบจาก Schorem
    ✂️ แชร์ประสบการณ์การทำงานกับแบรนด์ระดับโลก อย่าง Wahl และ Uppercut Deluxe
    ✂️ เน้นการพัฒนาฝีมือและเสริมสร้างความมั่นใจในการทำงาน ด้วยความรู้ที่ถูกต้องจากต้นตำรับ

    รายละเอียดคอร์ส:
    🗓 เปิดสอน รอบละ 10-15 ท่านเท่านั้น
    📅 ระยะเวลา: 3 วัน (อังคาร, พุธ, พฤหัสบดี)
    ⏰ เวลา: 10.00 น. - 15.00 น.
    📅 เริ่มเดือนพฤศจิกายน 2567
    📅เปิค 4 รอบ ตามวันที่นี้ (5 - 7) , (12 - 14) , (19 - 21) , (26 - 28)

    💲โปรโมชั่นพิเศษ
    ราคาคอร์ส 3 วันจาก 9,900 บาท ลดเหลือเพียง 5,999 บาท
    สำหรับช่างที่จองสิทธิ์พร้อมมัดจำ 2,999 บาท แถมฟรี‼ คู่มือเรียนที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณทำงานได้อย่างมืออาชีพ

    📌 วิธีสมัคร
    ✅ มัดจำ 2,900 บาท (ไม่คืนมัดจำทุกกรณี)
    ✅ ผ่านพร้อมเพย์ 092-6414877 จิรายุ สุขเต็ม
    ✅ ส่งสลิปยืนยันทางเพจ
    ✅ รับสมัครจำนวนจำกัด รอบละ 10 ท่านเท่านั้น
    ✅ เรียนจบคอร์ส รับใบประกาศจากสถาบัน

    💥โอกาสทองที่จะทำให้คุณก้าวเข้าสู่โลกของการตัดผมชายระดับคลาสสิค อย่าพลาด! รับสมัครจำนวนจำกัด ‼จองด่วน‼

    ติดต่อเราเพื่อสมัครและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่...

    📱 ติดตามเราได้ที่
    Facebook: เรียนตัดผมชาย Charisma Academy
    Instagram: charismaacademy2020
    Tiktok: charismaacademy
    Line: @320nepdo
    โทร: 092-6414877

    #เรียนตัดผมชาย #ร้านตัดผมชาย #สอนตัดผม #ตัดผม #เรียนเสริมสวย #รังสิต #ปทุมธานี
    คอร์สเรียนตัดผมชายแนวคลาสสิค ที่คุณไม่ควรพลาด‼ คอร์สสำหรับช่างที่ชอบงานคลาสสิค งานธรรมชาติ งานศิลปะ+อารมณ์ "Classic Oldschool Schorem Barber Course" ยกระดับฝีมือสู่มาตรฐานระดับโลก กับคอร์สเรียนตัดผมชายแนวคลาสสิคที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่างตัดผมโดยเฉพาะ ไม่ว่าคุณจะเป็นช่างตัดผมหน้าใหม่หรือช่างเก่าที่ต้องการเพิ่มพูนทักษะ มาร่วมเรียนรู้และพัฒนาฝีมือกับ ช่างผู้มีประสบการณ์ตรงจาก Schorem ร้านตัดผมชายระดับตำนานจากประเทศเนเธอร์แลนด์! สิ่งที่คุณจะได้รับจากคอร์สนี้: ✂️ เรียนรู้เทคนิคการตัดผมชายแนวคลาสสิคโดยตรงจากช่างที่จบจาก Schorem ✂️ แชร์ประสบการณ์การทำงานกับแบรนด์ระดับโลก อย่าง Wahl และ Uppercut Deluxe ✂️ เน้นการพัฒนาฝีมือและเสริมสร้างความมั่นใจในการทำงาน ด้วยความรู้ที่ถูกต้องจากต้นตำรับ รายละเอียดคอร์ส: 🗓 เปิดสอน รอบละ 10-15 ท่านเท่านั้น 📅 ระยะเวลา: 3 วัน (อังคาร, พุธ, พฤหัสบดี) ⏰ เวลา: 10.00 น. - 15.00 น. 📅 เริ่มเดือนพฤศจิกายน 2567 📅เปิค 4 รอบ ตามวันที่นี้ (5 - 7) , (12 - 14) , (19 - 21) , (26 - 28) 💲โปรโมชั่นพิเศษ ราคาคอร์ส 3 วันจาก 9,900 บาท ลดเหลือเพียง 5,999 บาท สำหรับช่างที่จองสิทธิ์พร้อมมัดจำ 2,999 บาท แถมฟรี‼ คู่มือเรียนที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณทำงานได้อย่างมืออาชีพ 📌 วิธีสมัคร ✅ มัดจำ 2,900 บาท (ไม่คืนมัดจำทุกกรณี) ✅ ผ่านพร้อมเพย์ 092-6414877 จิรายุ สุขเต็ม ✅ ส่งสลิปยืนยันทางเพจ ✅ รับสมัครจำนวนจำกัด รอบละ 10 ท่านเท่านั้น ✅ เรียนจบคอร์ส รับใบประกาศจากสถาบัน 💥โอกาสทองที่จะทำให้คุณก้าวเข้าสู่โลกของการตัดผมชายระดับคลาสสิค อย่าพลาด! รับสมัครจำนวนจำกัด ‼จองด่วน‼ ติดต่อเราเพื่อสมัครและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่... 📱 ติดตามเราได้ที่ Facebook: เรียนตัดผมชาย Charisma Academy Instagram: charismaacademy2020 Tiktok: charismaacademy Line: @320nepdo โทร: 092-6414877 #เรียนตัดผมชาย #ร้านตัดผมชาย #สอนตัดผม #ตัดผม #เรียนเสริมสวย #รังสิต #ปทุมธานี
    0 Comments 0 Shares 58 Views 19 0 Reviews
  • ⭐️การพบกันครั้งแรก คุณหมอ 3 ท่านผู้ตื่นรู้คู่จริยธรรม
    และ 1 นักวิชาการอิสระกับงาน

    🔥ฟังคุณหมอเล่านิทาน (เรื่องที่เล่าบนสื่อทั่วไปไม่ได้) ep1🔥
    วัคซีนทำให้ป่วยเป็นอะไร?
    แก้ไขได้อย่างไร?

    ⭐️พบกันวันที่ 24 พฤศจิกายน โรงแรมใบหยกสกาย ชั้น 17 ห้องเรนโบว์ เวลา 9:00-17:00 (เริ่มลงทะเบียน 8:30)

    ที่นั่งจำกัดเพียง 120 ที่นั่ง
    ราคา 2,222 บาท

    60 ท่านแรกได้ราคาพิเศษเพียง 1,666 บาท

    สนใจซื้อบัตรร่วมงานกดลิ้งค์ 👇
    https://www.thaipithaksith.com/awakening-ep-1

    ดำเนินรายการโดย
    นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

    และคุณอดิเทพ จาวลาห์ (ซันนี่) นักวิชาการอิสระ

    https://vt.tiktok.com/ZS2bmsJbR/

    https://vt.tiktok.com/ZS2budhA2/

    รายชื่อ Guest speaker
    ศ.นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    เชี่ยวชาญสาขาอายุรศาสตร์ และสาขาระบบสมอง และระบบภูมิคุ้มกันและติดเชื้อของสมอง
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต

    https://vt.tiktok.com/ZS2budstF/

    ดร.นพ.ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านภูมิคุ้มกันผิวหนัง

    https://mgronline.com/qol/detail/9670000050851

    ⭐️สถานที่โรงแรมใบหยกสกาย ชั้น 17 ห้องเรนโบว์ เวลา 9:00-17:00 (เริ่มลงทะเบียน 8:30)
    https://maps.app.goo.gl/7SFH7CRL1xkR9XPZ7?g_st=il

    ⭐️เว๊บไซด์ “คนไทยพิทักษ์สิทธิ์”
    www.thaipithaksith.com

    ⭐️กดติดตาม twitter หรือ x ของคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ในช่อง platform นี้ขอสักประมาณ 500 ติดตาม ขอบคุณครับ
    https://x.com/Thaipithaksith?t=Tq54plOEwFL_-4ysGa3kSA&s=09
    ⭐️การพบกันครั้งแรก คุณหมอ 3 ท่านผู้ตื่นรู้คู่จริยธรรม และ 1 นักวิชาการอิสระกับงาน 🔥ฟังคุณหมอเล่านิทาน (เรื่องที่เล่าบนสื่อทั่วไปไม่ได้) ep1🔥 วัคซีนทำให้ป่วยเป็นอะไร? แก้ไขได้อย่างไร? ⭐️พบกันวันที่ 24 พฤศจิกายน โรงแรมใบหยกสกาย ชั้น 17 ห้องเรนโบว์ เวลา 9:00-17:00 (เริ่มลงทะเบียน 8:30) ที่นั่งจำกัดเพียง 120 ที่นั่ง ราคา 2,222 บาท 60 ท่านแรกได้ราคาพิเศษเพียง 1,666 บาท สนใจซื้อบัตรร่วมงานกดลิ้งค์ 👇 https://www.thaipithaksith.com/awakening-ep-1 ดำเนินรายการโดย นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคุณอดิเทพ จาวลาห์ (ซันนี่) นักวิชาการอิสระ https://vt.tiktok.com/ZS2bmsJbR/ https://vt.tiktok.com/ZS2budhA2/ รายชื่อ Guest speaker ศ.นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา เชี่ยวชาญสาขาอายุรศาสตร์ และสาขาระบบสมอง และระบบภูมิคุ้มกันและติดเชื้อของสมอง ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต https://vt.tiktok.com/ZS2budstF/ ดร.นพ.ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านภูมิคุ้มกันผิวหนัง https://mgronline.com/qol/detail/9670000050851 ⭐️สถานที่โรงแรมใบหยกสกาย ชั้น 17 ห้องเรนโบว์ เวลา 9:00-17:00 (เริ่มลงทะเบียน 8:30) https://maps.app.goo.gl/7SFH7CRL1xkR9XPZ7?g_st=il ⭐️เว๊บไซด์ “คนไทยพิทักษ์สิทธิ์” www.thaipithaksith.com ⭐️กดติดตาม twitter หรือ x ของคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ในช่อง platform นี้ขอสักประมาณ 500 ติดตาม ขอบคุณครับ https://x.com/Thaipithaksith?t=Tq54plOEwFL_-4ysGa3kSA&s=09
    Like
    Love
    2
    0 Comments 0 Shares 45 Views 0 Reviews
  • รพ.ธรรมศาสตร์ฯแถลงผลการรักษาเด็กนักเรียนหญิงสองรายอายุ 7 ขวบและ9 ขวบได้รับบาดเจ็บกรณีเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ รถบัสทัศนศึกษา โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ได้รับการส่งต่อผู้ป่วยจากโรงพยาบาลแพทย์รังสิต 2 ราย ล่าสุด(13:00น.) แพทย์ได้ประเมินอาการ ดังนี้
    .
    รายที่ 1 เด็กหญิงอายุ 7 ปี แพทย์ประเมินแล้วว่า ร่างกายถูกไฟไหม้บริเวณใบหน้า และลำตัว แผลไหม้ ระดับ ที่ 2 ทั้งหมดประมาณ 13% สัญญาณชีพปกติ หยุดการให้ยากระตุ้นความดันโลหิต ผู้ป่วยหายใจผ่านท่อช่วยหายใจโดยการใช้เครื่องช่วยหายใจ สามารถลดการช่วยเหลือจากเครื่องช่วยหายใจ ให้ยาแก้ปวด และให้ยานอนหลับต่อเนื่อง ปัสสาวะออกปกติ เริ่มรับอาหารทางการแพทย์ผ่านสายให้อาหารทางจมูกได้ ได้รับการประเมินทางเดินหายใจด้วยการส่องกล้องทางเดินหายใจโดยกุมารแพทย์ด้านระบบทางเดินหายใจ พบทางเดินหายใจบวมลดลง ใช้อุปกรณ์บีบคลายขาทั้ง 2 ข้าง เพื่อป้องกันลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำส่วนลึกอุดตัน แผลดี ปากบวมลดลง ไม่พบการติดเชื้อของแผล และยังคงต้องทำความสะอาดแผลและป้ายยาต้านจุลชีพวันละครั้ง ทีมแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูใช้เฝือกร่วมกับอุปกรณ์ประคองมือและแขนสูง เพื่อช่วยลดบวม และมีแผนใส่อุปกรณ์รัดลดแผลเป็นในลำดับถัดไป เปลือกตาและเยื่อตายุบบวมลง สามารถหลับตาลืมตาพอได้ เยื่อหุ้มรก และ eye corneal shield อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ทั้ง 2 ข้าง
    .
    รายที่ 2 เด็กหญิงอายุ 9 ปี แพทย์ประเมินแล้วว่า ร่างกายถูกไฟไหม้บริเวณใบหน้า คอ แขน และมือ ทั้ง 2 ข้าง แผลไหม้ระดับที่สอง ทั้งหมดประมาณ 30% สัญญาณชีพปกติ แต่ยังคงต้องใส่ท่อช่วยหายใจ สามารถลดการช่วยเหลือจากเครื่องช่วยหายใจได้ เริ่มรับอาหารทางการแพทย์ผ่านสายให้อาหารทางจมูกได้ ให้ยาแก้ปวด และให้ยานอนหลับต่อเนื่อง สามารถลดการให้สารน้ำและเกลือแร่ทดแทนเข้าทางหลอดเลือดดำได้ โดยประเมินสารน้ำในร่างกายมีภาวะน้ำเกิน เริ่มให้ยาขับปัสสาวะทางหลอดเลือดดำ บาดแผลบริเวณใบหน้ายุบบวมลง ความดันบริเวณแขนทั้ง 2 ข้างลดลง เนื้อเยื่อผิวหนังดีขึ้น กระบวนการอักเสบลดลง มีการฟื้นฟูของเนื้อเยื่อ ผิวหนัง ทีมแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูใช้เฝือกร่วมกับอุปกรณ์ประคองมือและแขนสูง เพื่อช่วยลดบวม ในส่วนของเปลือกตาและเยื่อตายุบบวมลง สามารถหลับตา ลืมตาพอได้ เยื่อหุ้มรก และ eye corneal shield อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมทั้ง 2 ข้าง

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/8eyigjYBqXrF5ePG/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    รพ.ธรรมศาสตร์ฯแถลงผลการรักษาเด็กนักเรียนหญิงสองรายอายุ 7 ขวบและ9 ขวบได้รับบาดเจ็บกรณีเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ รถบัสทัศนศึกษา โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ได้รับการส่งต่อผู้ป่วยจากโรงพยาบาลแพทย์รังสิต 2 ราย ล่าสุด(13:00น.) แพทย์ได้ประเมินอาการ ดังนี้ . รายที่ 1 เด็กหญิงอายุ 7 ปี แพทย์ประเมินแล้วว่า ร่างกายถูกไฟไหม้บริเวณใบหน้า และลำตัว แผลไหม้ ระดับ ที่ 2 ทั้งหมดประมาณ 13% สัญญาณชีพปกติ หยุดการให้ยากระตุ้นความดันโลหิต ผู้ป่วยหายใจผ่านท่อช่วยหายใจโดยการใช้เครื่องช่วยหายใจ สามารถลดการช่วยเหลือจากเครื่องช่วยหายใจ ให้ยาแก้ปวด และให้ยานอนหลับต่อเนื่อง ปัสสาวะออกปกติ เริ่มรับอาหารทางการแพทย์ผ่านสายให้อาหารทางจมูกได้ ได้รับการประเมินทางเดินหายใจด้วยการส่องกล้องทางเดินหายใจโดยกุมารแพทย์ด้านระบบทางเดินหายใจ พบทางเดินหายใจบวมลดลง ใช้อุปกรณ์บีบคลายขาทั้ง 2 ข้าง เพื่อป้องกันลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำส่วนลึกอุดตัน แผลดี ปากบวมลดลง ไม่พบการติดเชื้อของแผล และยังคงต้องทำความสะอาดแผลและป้ายยาต้านจุลชีพวันละครั้ง ทีมแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูใช้เฝือกร่วมกับอุปกรณ์ประคองมือและแขนสูง เพื่อช่วยลดบวม และมีแผนใส่อุปกรณ์รัดลดแผลเป็นในลำดับถัดไป เปลือกตาและเยื่อตายุบบวมลง สามารถหลับตาลืมตาพอได้ เยื่อหุ้มรก และ eye corneal shield อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ทั้ง 2 ข้าง . รายที่ 2 เด็กหญิงอายุ 9 ปี แพทย์ประเมินแล้วว่า ร่างกายถูกไฟไหม้บริเวณใบหน้า คอ แขน และมือ ทั้ง 2 ข้าง แผลไหม้ระดับที่สอง ทั้งหมดประมาณ 30% สัญญาณชีพปกติ แต่ยังคงต้องใส่ท่อช่วยหายใจ สามารถลดการช่วยเหลือจากเครื่องช่วยหายใจได้ เริ่มรับอาหารทางการแพทย์ผ่านสายให้อาหารทางจมูกได้ ให้ยาแก้ปวด และให้ยานอนหลับต่อเนื่อง สามารถลดการให้สารน้ำและเกลือแร่ทดแทนเข้าทางหลอดเลือดดำได้ โดยประเมินสารน้ำในร่างกายมีภาวะน้ำเกิน เริ่มให้ยาขับปัสสาวะทางหลอดเลือดดำ บาดแผลบริเวณใบหน้ายุบบวมลง ความดันบริเวณแขนทั้ง 2 ข้างลดลง เนื้อเยื่อผิวหนังดีขึ้น กระบวนการอักเสบลดลง มีการฟื้นฟูของเนื้อเยื่อ ผิวหนัง ทีมแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูใช้เฝือกร่วมกับอุปกรณ์ประคองมือและแขนสูง เพื่อช่วยลดบวม ในส่วนของเปลือกตาและเยื่อตายุบบวมลง สามารถหลับตา ลืมตาพอได้ เยื่อหุ้มรก และ eye corneal shield อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมทั้ง 2 ข้าง ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/8eyigjYBqXrF5ePG/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    Love
    13
    0 Comments 0 Shares 872 Views 0 Reviews
  • ยิ่งฉีดมาก กลับอ่อนแอ

    IgG4 เป็นชนิดหนึ่ง
    ของอิมมูโนกลอบูลิน ที่มีจำนวนน้อย และถ้ามีจำนวนมากขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น จะทำให้ระบบต่อสู้เชื้อโรคของมนุษย์ ที่เป็นระบบนักฆ่าอ่อนแอ

    ในเวลาที่ผ่านมาพบว่าปริมาณ IgG4 ทั้งหมด รวมทั้ง ที่เจาะจงที่ส่วนของโปรตีนหนามของวัคซีนโควิด S1 เพิ่มขึ้นจากสามถึง 4% ตามปกติ เป็น 10 เป็น 25 และมากกว่า 50 ถึง 60% หลังจากที่ฉีดไปหนึ่ง สอง และสามเข็มของ mRNA
    ทั้งนี้ เป็นที่มาจากการศึกษาหลายชิ้นรวมทั้งรายงานนี้ในวารสาร BMC Immunity&Ageing 14 กันยายน 2024
    ทั้งนี้โดยตั้งคำถามสำคัญว่า คนที่สูงวัย อายุ มากกว่า 65 ปี จนถึง 84 ปี ที่ถูกจัดเป็นประเภทกลุ่มเปราะบาง และต้องได้วัคซีนโควิดครบ และต้องมีการฉีดกระตุ้น อยู่ตลอด
    แท้จริงแล้ว จะได้ประโยชน์จริงหรือไม่ และจะมีผลในทางลบนั่นก็คือทำให้ร่างกายต้านทานเชื้อโรคแย่ลงหรือไม่ ทั้งนี้โดยการวัดระดับของ IgG ทุกชนิด 1-4 และ IgG จำเพาะ ต่อ โควิด และจากการที่ IgG4 มีอิทธิพลต่อ ระบบนักฆ่า ทั้ง NK และ เซลล์อื่นๆที่สามารถกลืนกัดกิน ย่อย เชื้อโรค รวมระบบ complement

    ผลปรากฏว่า ในกลุ่มสูงอายุขึ้นนี้เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มอายุต่างๆตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เมื่อฉีดไปตั้งแต่เข็มที่หนึ่งจนกระทั่งหลังเข็มที่สาม ระบบป้องกันภัย innate ที่เป็นตัวสำคัญแนวหน้าป้องกันการรุกรานโดยสามารถทำงานได้ทันทีในระยะเวลา เป็นชั่วโมงและไม่จำเพาะเจาะจงว่าจะต้องเป็นเชื้อไหน
    ทั้งหมดของระบบดังกล่าวอ่อนแอมากกว่าก่อนฉีด และแปรตาม IgG4 ที่เพิ่มขึ้น โดย กระทบ Fc-mediated antibody effector functionality.

    ข้อมูลของการศึกษานี้มีผลเช่นเดียวกับการศึกษาก่อนหน้านั้น ในคนอายุน้อย และผู้รายงานเหล่านี้สรุปในทิศทางเดียวกันว่าวัคซีนจำเป็นต้องมีการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าและไม่ด้อยค่าระบบป้องกันภัยของร่างกายโดยจะกลายเป็นภาวะเกี่ยวพันลูกโซ่ที่ทำให้ติดโรคง่ายหรือทำให้เชื้อดั้งเดิมเช่นเริม งูสวัด(คือไข้อีสุกอีใสเดิมที่หายแล้วแต่ซ่อนตัวอยู่) กลับปะทุขึ้น

    อนี่ง เราได้เคยรายงานก่อนหน้านี้ ในคนที่ติดโควิดและยังไม่ได้ฉีดวัคซีนใด ในผู้ที่ต้องเข้าโรงพยาบาลทั้งหมด และมีการกระตุ้นระบบนักฆ่า complement ตั้งแต่ต้น (s C5b-9) พบว่าไม่มีผู้ใดเสียชีวิต ทั้งนี้ระบบนักฆ่า ที่ทำให้มีการอักเสบถูกที่ ถูกเวลาตั้งแต่ต้นเป็นผลดี

    นอกจากนั้นยังมีกลไกอีกมากมายที่พิสูจน์แล้วว่าวัคซีนโควิดแม้ว่าจะปรับแต่งให้เป็นต่อสายพันธุ์ล่าสุดก็ตาม แต่ระบบภูมิคุ้มกันในมนุษย์กลับตอบสนองต่อต้นสายกำเนิดอู่ฮั่นทำให้ภูมิแทบจะไม่มี (hybrid immune damping) และยังทำให้ไม่เกิดมี long lived plasma cell ที่ทำให้ยังมีภูมิอยู่นาน เลยบริษัทต้องให้มนุษย์ต้องฉีดทุกสามเดือน

    และเมื่อฉีดมากเข็มตัวโครงสร้างของวัคซีนเอง การแปลรหัสการสร้างโปรตีน การคงอยู่ในมนุษย์ได้นานกว่าตัวไวรัส จากอนุภาคนาโนไขมันเอง และมีการบงการให้สร้างสิ่งที่ไม่พึงประสงค์อื่นๆเลยทำให้เกิดภาวะแปรปรวนทางระบบภูมิคุ้มกัน มากไป น้อยไป การอักเสบในตัวเซลล์และเนื้อเยื่ออวัยวะเฉพาะที่ เช่นในหัวใจ ตายกระทันหันเฉียบพลันในคนอายุน้อย โรคสมองเสื่อม สมองอักเสบ ภาวะแปรปรวนทางจิตอารมณ์
    และรายงานการตรวจชันสูตรศพจากการ ฉีดวัคซีน ระบุขั้นตอนกลไกเหล่านี้อย่างละเอียดแล้ว
    (รายงานในวารการแพทย์และทางวิทยาศาสตร์ ได้ระบุสิ่งเหล่านี้แล้ว)

    https://immunityageing.biomedcentral.com/articles/10.1186/s12979-024-00466-9?utm_source=substack&utm_medium=email

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    ยิ่งฉีดมาก กลับอ่อนแอ IgG4 เป็นชนิดหนึ่ง ของอิมมูโนกลอบูลิน ที่มีจำนวนน้อย และถ้ามีจำนวนมากขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น จะทำให้ระบบต่อสู้เชื้อโรคของมนุษย์ ที่เป็นระบบนักฆ่าอ่อนแอ ในเวลาที่ผ่านมาพบว่าปริมาณ IgG4 ทั้งหมด รวมทั้ง ที่เจาะจงที่ส่วนของโปรตีนหนามของวัคซีนโควิด S1 เพิ่มขึ้นจากสามถึง 4% ตามปกติ เป็น 10 เป็น 25 และมากกว่า 50 ถึง 60% หลังจากที่ฉีดไปหนึ่ง สอง และสามเข็มของ mRNA ทั้งนี้ เป็นที่มาจากการศึกษาหลายชิ้นรวมทั้งรายงานนี้ในวารสาร BMC Immunity&Ageing 14 กันยายน 2024 ทั้งนี้โดยตั้งคำถามสำคัญว่า คนที่สูงวัย อายุ มากกว่า 65 ปี จนถึง 84 ปี ที่ถูกจัดเป็นประเภทกลุ่มเปราะบาง และต้องได้วัคซีนโควิดครบ และต้องมีการฉีดกระตุ้น อยู่ตลอด แท้จริงแล้ว จะได้ประโยชน์จริงหรือไม่ และจะมีผลในทางลบนั่นก็คือทำให้ร่างกายต้านทานเชื้อโรคแย่ลงหรือไม่ ทั้งนี้โดยการวัดระดับของ IgG ทุกชนิด 1-4 และ IgG จำเพาะ ต่อ โควิด และจากการที่ IgG4 มีอิทธิพลต่อ ระบบนักฆ่า ทั้ง NK และ เซลล์อื่นๆที่สามารถกลืนกัดกิน ย่อย เชื้อโรค รวมระบบ complement ผลปรากฏว่า ในกลุ่มสูงอายุขึ้นนี้เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มอายุต่างๆตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เมื่อฉีดไปตั้งแต่เข็มที่หนึ่งจนกระทั่งหลังเข็มที่สาม ระบบป้องกันภัย innate ที่เป็นตัวสำคัญแนวหน้าป้องกันการรุกรานโดยสามารถทำงานได้ทันทีในระยะเวลา เป็นชั่วโมงและไม่จำเพาะเจาะจงว่าจะต้องเป็นเชื้อไหน ทั้งหมดของระบบดังกล่าวอ่อนแอมากกว่าก่อนฉีด และแปรตาม IgG4 ที่เพิ่มขึ้น โดย กระทบ Fc-mediated antibody effector functionality. ข้อมูลของการศึกษานี้มีผลเช่นเดียวกับการศึกษาก่อนหน้านั้น ในคนอายุน้อย และผู้รายงานเหล่านี้สรุปในทิศทางเดียวกันว่าวัคซีนจำเป็นต้องมีการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าและไม่ด้อยค่าระบบป้องกันภัยของร่างกายโดยจะกลายเป็นภาวะเกี่ยวพันลูกโซ่ที่ทำให้ติดโรคง่ายหรือทำให้เชื้อดั้งเดิมเช่นเริม งูสวัด(คือไข้อีสุกอีใสเดิมที่หายแล้วแต่ซ่อนตัวอยู่) กลับปะทุขึ้น อนี่ง เราได้เคยรายงานก่อนหน้านี้ ในคนที่ติดโควิดและยังไม่ได้ฉีดวัคซีนใด ในผู้ที่ต้องเข้าโรงพยาบาลทั้งหมด และมีการกระตุ้นระบบนักฆ่า complement ตั้งแต่ต้น (s C5b-9) พบว่าไม่มีผู้ใดเสียชีวิต ทั้งนี้ระบบนักฆ่า ที่ทำให้มีการอักเสบถูกที่ ถูกเวลาตั้งแต่ต้นเป็นผลดี นอกจากนั้นยังมีกลไกอีกมากมายที่พิสูจน์แล้วว่าวัคซีนโควิดแม้ว่าจะปรับแต่งให้เป็นต่อสายพันธุ์ล่าสุดก็ตาม แต่ระบบภูมิคุ้มกันในมนุษย์กลับตอบสนองต่อต้นสายกำเนิดอู่ฮั่นทำให้ภูมิแทบจะไม่มี (hybrid immune damping) และยังทำให้ไม่เกิดมี long lived plasma cell ที่ทำให้ยังมีภูมิอยู่นาน เลยบริษัทต้องให้มนุษย์ต้องฉีดทุกสามเดือน และเมื่อฉีดมากเข็มตัวโครงสร้างของวัคซีนเอง การแปลรหัสการสร้างโปรตีน การคงอยู่ในมนุษย์ได้นานกว่าตัวไวรัส จากอนุภาคนาโนไขมันเอง และมีการบงการให้สร้างสิ่งที่ไม่พึงประสงค์อื่นๆเลยทำให้เกิดภาวะแปรปรวนทางระบบภูมิคุ้มกัน มากไป น้อยไป การอักเสบในตัวเซลล์และเนื้อเยื่ออวัยวะเฉพาะที่ เช่นในหัวใจ ตายกระทันหันเฉียบพลันในคนอายุน้อย โรคสมองเสื่อม สมองอักเสบ ภาวะแปรปรวนทางจิตอารมณ์ และรายงานการตรวจชันสูตรศพจากการ ฉีดวัคซีน ระบุขั้นตอนกลไกเหล่านี้อย่างละเอียดแล้ว (รายงานในวารการแพทย์และทางวิทยาศาสตร์ ได้ระบุสิ่งเหล่านี้แล้ว) https://immunityageing.biomedcentral.com/articles/10.1186/s12979-024-00466-9?utm_source=substack&utm_medium=email ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    Like
    Love
    12
    1 Comments 3 Shares 321 Views 1 Reviews
  • ยิ่งไม่สามารถใช้ดอกเบี้ยสูงตรึงเงินดอลลาร์ได้ ยิ่งเร่งสงครามโลกและสงครามโรคเร็วขึ้น/ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

    ความขัดแย้งกันในเรื่องภูมิรัฐศาสตร์นั้น ต้องพิจารณาในยุคนี้ด้วยว่า นอกจากมาตรการตอบโต้กันทางด้านการเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ สงครรามทุนระหว่างประเทศ สงครามค่าเงิน ถึงขนาดที่เรียกว่าเรื่องนี้อาจมีจุดจบที่ต้องมีฝ่ายใดแพ้หรือฝ่ายใดชนะกันไปข้างหนึ่ง

    โดยเฉพาะสถานภาพของเงินสกุลสหรัฐอเมริกา ก็ไม่สามารถดำรงสถานภาพเป็นเงินสกุลหลักของโลกได้เหมือนเดิมอีกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้าขายปิโตรเลียมที่ไม่ได้ยึถถือเงินสกุลดอลลาร์ (ปิโตรดอลลาร์)แต่เพียงสกุลเดียวได้เหมือนเดิม แต่ถึงกระนั้นสหรัฐอเมริกาก็เลือกหนทางในการทำให้เกิดการโจมตีแหล่งปิโตรเลียมที่ไม่ใช่พันธมิตรอเมริกาทั่วโลก เพื่อให้ราคาปิโตรเลียมของธุรกิจในเครือสหรัฐอเมริกายังคงดำรงสถานภาพปิโตรดอลลาร์ต่อไป

    อย่างไรก็ตามการเปลี่ยแปลงเงินสกุลหลักของโลกแม้จะมีการเปลี่ยนแปลง แต่ก็ยังมีขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงแบบยืดเยื้อ โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่ยังคงใช้เงินดอลลาร์สหรัฐเป็นเครื่องมือเป็นเงินกู้เข้าแทรกแซงช่วยเหลืออยู่หลายประเทศ โดยสถานภาพของกองทุนการเงินระหว่างประเทศเป็นเจ้าหนี้ของประเทศต่างๆที่มีพันธะผูกพันจำนวน 94 ประเทศ มีมูลค่าหนี้คงค้างกว่า 112 ล้านเหรียญสหรัฐ[1]

    นอกจากนั้นทุนสำรองระหว่างประเทศของทุกประเทศทั่วโลกยังคงเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐอเมริกามากถึงร้อยละ 54.06[2] โดยส่วนใหญ่อยู่ในรูปพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ซึ่งสหรัฐอเมริกาก็กลายเป็นประเทศที่ออกพันธบัตรก่อหนี้มหาศาลมากถึง 35 ล้านล้านเหรียญสหรัฐแล้ว[3] โดยยังไม่เพียงแค่ปัญหาว่าสหรัฐอเมริกาจะมีทางว่าจะชำระหนี้คืนได้อย่างไรเท่านั้น แต่ยังไม่มีแนวโน้มว่าสหรัฐอเมริกาจะหยุดการก่อหนี้เพิ่มขึ้นได้อย่างไร

    การที่สหรัฐอเมริกาก่อหนี้อย่างมหาศาล อีกทั้งธนาคารกลางหลายประเทศเทขายพันธบัตรสหรัฐอเมริกา ส่งผลทำให้ปริมาณอุปทานเงินดอลลาร์สหรัฐล้นระบบเกินความต้องการของอุปสงค์เงินดอลลาร์สหรัฐในตลาดเงิน และทำให้ธนาคารกลางได้เพิ่มสัดส่วนเงินสกุลของคู่ค้าประเทศอื่นๆและทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ

    ปัญหาที่แท้จริงในเรื่องนี้คือปัญหา “ความไม่เชื่อมั่น” ในเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ที่ก่อหนี้ไม่หยุด หรือไม่หยุดการพิมพ์ธนบัตรดอลลาร์ออกมาโดยที่ไม่มีอะไรหนุนหลัง

    ส่งผลทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐเสื่อมค่าลง ทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ข้าวยากหมากแพง และทำให้ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาต้องตัดสินใจเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลานานในช่วงเวลาที่ผ่านมา เพื่อดึงเงินจากทั่วโลกให้ยังคงรักษาเงินดอลลาร์สหรัฐให้เป็นที่ต้องการในทุนสำรองระหว่างประเทศต่อไป

    แต่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงของสหรัฐอเมริกา กลับทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจอีกด้านหนึ่ง ด้วยเพราะทำให้ธุรกิจเอกชนในสหรัฐอเมริกาประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง หนี้สินครัวเรือน และหนี้สินส่วนบุคคลเพิ่มสูงขึ้น นำไปสู่การก่อหนี้เสีย ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อสถานภาพธนาคารในสหรัฐอเมริกาด้วย

    ปรากฏการณ์เพียงแค่ธนาคารกลางผ่อนปรนลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคาคารกลางลงเท่านั้น เม็ดเงินทั่วโลกก็ได้ทยอยเทขายทรัพย์สินในเงินดอลลาร์สหรัฐไหลไปสู่ทรัพย์สินที่มั่นคงกว่าทันที และทำให้ดัชนีดอลลาร์สหรัฐอ่อนลงฉับพลันและยังมีแนวโน้มว่าจะเสื่อมค่าอย่างต่อเนื่องด้วย

    และนั่นทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐถูกเปลี่ยนมาลงทุนหุ้นในภูมิภาคเอเชีย และทำให้ดัชนีราคาหุ้นเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง ค่าเงินสกุลหลายประเทศในเอเชียจึงแข็งค่าขึ้น

    โดยเฉพาะประเทศไทยที่มีธนาคารแห่งประเทศไทยใช้นโยบายเพิ่มสัดส่วนทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศติดอันดับโลก ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นเป็นเป้าหมายในการลงทุนไปด้วย ดัชนีราคาหุ้นเพิ่มสูงขึ้นทะยานต่อเนื่อง และค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น หรืออีกนัยหนึ่งคือเงินดอลลาร์ที่กำลังเสื่อมค่าถูกนำมาแปลงสภาพผ่านทุนเคลื่อนย้ายสุทธิเข้าในตลาดหุ้น กองทุน หรือพันธบัตรในเอเชีย ก็ยิ่งทำให้ธนาคารกลางของประเทศที่เป็นเป้าหมายในการลงทุนกลับยิ่งมีเงินดอลลาร์ในทุนสำรองระหว่างประเทศมากขึ้นเพิ่มมากขึ้น ก็ยิ่งทำให้ธนาคารกลางต้องเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินทองคำเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

    ราคาทองคำจึงมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์

    และเมื่อมีแนวโน้มว่าอิสราเอลจะตั้งเป้าโจมตีทำลายแหล่งปิโตรเลียมอิหร่าน ก็ยิ่งทำให้ราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติทั่วโลกราคาเพิ่มสูงขึ้น

    อย่างไรก็ตาม ด้วยเพราะธนาคารกลางของหลายประเทศทั่วโลกพยายามจะได้พยายามลดการถือครองพันธบัตร เพื่อหวังจะทำให้การเปลี่ยนสัดส่วนทุนสำรองระหว่างประเทศจากเงินดอลลาร์สหรัฐให้น้อยลง แล้วเปลี่ยนเป็นสกุลเงินอื่นๆ หรือทองคำนั้นให้มากขึ้นนั้น เป็นการคิดพร้อมๆกันของหลายประเทศทั่วโลก จึงทำให้หลายประเทศไม่สามารถจะเปลี่ยนได้ตามใจชอบ

    อย่างไรก็ตามประเทศใดมีทุนสำรองระหว่างประเทศที่มีเงินดอลลาร์สหรัฐมากขึ้นเท่าไหร่ ย่อมเท่ากับว่าประเทศนั้นถือครองทรัพย์สินที่อ่อนค่าลงมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งก็ย่อมทำให้สกุลเงินในประเทศที่มีทรัพย์สินเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐด้อยค่าไปด้วยอยู่ดี

    เมื่อถึงสถานการณ์ที่นโยบายดอกเบี้ยสูงของธนาคารกลางกลายเป็นข้อจำกัด และถูกบีบให้ลดอัตราดอกเบี้ยลง หากสหรัฐอเมริกาจะยังคงสถานภาพเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อไปได้ ก็ต่อเมื่อต้องบีบให้ทุกประเทศทั่วโลกมีความต้องการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาให้มากที่สุด

    สถานการณ์ใกล้ตีบตันแล้ว จึงเหลือหนทางแค่ 2 ทางเท่านั้น

    หนทางที่หนึ่ง คือ “ก่อสงคราม” เพื่อทำให้ประเทศที่มีสงครามต้องสั่งซื้อ สั่งผลิต อาวุธยุทโธปกรณ์จากสหรัฐอเมริกาให้มากขึ้น และเมื่ออาวุธ ยุทโธปกรณ์เหล่านี้ขายในรูปของดอลลาร์สหรัฐ จึงเป็นผลทำให้ประเทศคู่ขัดแย้งมีความต้องการเงินดอลลาร์ศหรัฐมากขึ้น

    การสร้างสถานการณ์เพื่อทำให้เกิดสงครามยังจะเป็นผลทำให้ราคาปิโตรเลียมทั่วโลกราคาสูงขึ้น และทำให้ดึงความมั่งคั่งของโลกมาซื้อทรัพยากรปิโตรเลียมของสหรัฐอเมริกามากขึ้น

    ตัวอย่างสมรภูมิที่เกิดขึ้นระหว่างยูเครน กับรัสเซีย ชี้ชัดว่าสหรัฐอเมริการสามารถทำกำไรอย่างมหาศาลทั้งจากธุรกิจอาวุธ ยุทโธปกรณ์ และธุรกิจน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ รวมถึงการสมรู้ร่วมคิดสนับสนุนอิสราเอลเพื่อก่อสงครามในตะวันออกลาง ก็เพื่อเร่งการซื้ออาวุธ ยุทโธปกรณ์ ให้มากขึ้น

    อย่างไรก็ตามแสนยานุภาพของมหาอำนาจหลายขั้วอยู่ในระดับที่ไม่แพ้กัน ทำให้การก่อสงครามด้วยสหรัฐอเมริกาเป็นลักษณะของการจำกัดพื้นที่ ”ในประเทศอื่นๆ“ และให้มีความยืดเยื้อ และมีเป้าหมายในการทำลายแหล่งปิโตรเลียมที่ไม่ใช้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ

    หนทางที่สอง “ก่อโรคระบาดใหม่” เพื่อทำให้ทุกประเทศต้องก่อหนี้สินมหาศาลในการช่วยเหลือประชาชน หากล้มละลาย และยังเป็นการดูดความมั่งคั่งเหล่านี้ไปซื้อวัคซีน และยารักษาโรคจากสหรัฐอเมริกาและยุโรป

    หากประเทศเหล่านั้นยากจนเงินไม่เพียงพอ ก็ต้องให้มีการกู้ยืมเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งก็เป็นหนทางในการบีบให้ต้องการเงินดอลลาร์สหรัฐในประเทศนั้นๆอยู่ดี

    และเป็นที่แน่ชัดว่า เมื่อธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินดอลลาร์สหรัฐ ย่อมเท่ากับยอมรับว่าไม่สามารถใช้อัตราดอกเบี้ยสูงในการรักษาการยอมรับเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา “แบบสันติวิธี” ได้นานกว่านี้ได้แล้ว

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากข้อมูลของดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐได้พิสูจน์ว่าสถานการณ์ความขัดแย้งในระดับที่ก่อสงคราม หรือการเกิดโรคระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลทำให้เกิดการก่อหนี้อันมหาศาลของหลายประเทศนั้น ได้ส่งผลดำให้ดัชนีเงินดอลลาร์สูงขึ้นอย่างชัดเจน และยังคงเป็นยุทธวิธีที่ดำรงสถานภาพของเงินดอลลาร์สหรัฐได้[4]

    โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง[4] สถานการณ์นี้เป็นตัวนบีบเงื่อนไขในรักษาเงินดอลลาร์ “มีเวลาน้อยลง” เรื่อยๆ

    ดังนั้นโลกกำลังเข้าสู่ความเสี่ยงในการเร่งทำสงครามจำกัดพื้นที่แต่ยืดเยื้ออย่างชัดเจนขึ้น โดยมีเป้าหมายในการทำลาายแหล่งปิโตรเลียมของประเทศที่ออกจากการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ

    แต่หากความเสียหายเกิดขึ้นเกินกว่าที่ประเทศที่ถูกอิสราเอลหรือนาโต้จะรับได้ ทั้งต่อประเทศในตะวันออกกลางคู่ขัดแย้งกับอิสราเอล หรือ การทำสงครามรัสเซียกับยูเครนก็ตาม “ความยืดเยื้อ” ในระหว่างประเทศอาจถูกทำให้ยุติ ได้ด้วยการตอบโต้ที่รุนแรงและเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ซึ่งรวมถึงความเสี่ยงในการทำสงครามด้วยอาวุธนิวเคลียร์ด้วย

    ซึ่งเชื่อว่าประเทศมหาอำนาจทั่วโลกพยายามยับยั้งชั่งใจไม่ให้สถานการณ์บานปลายไปสู่สงครามที่ใช้อาวุธนิวเคลียร์​

    เพราะหากถึงจุดนั้น ก็เท่ากับสงครามต้อง “หมดยก” และต้องยุติลงด้วยชัยชนะหรือพ่ายแพ้กันไปข้างหนึ่ง และทำให้สงครามเศรษฐกิจที่เพิ่มความต้องการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐต้องยุติลงฉับพลันเช่นกัน

    เมื่อสถานการณ์การเร่งสถานการณ์สงครามมีความเสี่ยงที่ทุกฝ่ายต้องยับยั้งชั่งใจในมิติการก่อสงคราม จึงเหลืออีกหนทางหนึ่งคือ “การก่อโรคระบาด” ที่อาจจะเป็นหนทางสุดท้ายที่ทำให้ทั่วโลกต้องมาหาเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกามาซื้อวัคซีนหรือยารักษาโรคที่มีราคาแพงจากสหรัฐอเมริกา

    ในสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์-เศรษฐกิจเป็นเช่นนี้ ประเทศไทยควรจะมีผู้นำที่มาชี้นำทางความคิดในการเตรียมตัวในการรับมือกับสถานการณสงครามโลก สงครามโรค ในสงครามความโลภทั้งหลาย

    โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมทางด้าน ”ความมั่นคงทางพลังงาน, ความมั่นคงทางอาหาร และความมั่นคงทางยาสมุนไพรเพื่อการพี่งพาตนเอง“

    เอาจริงๆแล้วยังไม่เห็นรัฐบาลเตรียมความพร้อมในเรื่องเหล่านี้เลย

    ด้วยความปรารถนาดี
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    4 ตุลาคม 2567

    อ้างอิง
    [1] INTERNATIONAL MONETARY FUND, Total IMF Credit Outstanding �Movement From September 01, 2024 to October 01
    https://www.imf.org/external/np/fin/tad/balmov2.aspx?type=TOTAL

    [2] INTERNATIONAL MONETARY FUND, Currency Composition of Official Foreign Exchange Reserve (COFER), World allocated Reserves by Currency for 2023 Q2
    https://data.imf.org/?sk=e6a5f467-c14b-4aa8-9f6d-5a09ec4e62a4

    [3] Peterson G. Foundation, What is the National Debt Today?,
    https://www.pgpf.org/national-debt-clock?gad_source=1&gbraid=0AAAAABdefgYCJ8Ko6Ivna9fcfHx0Y_lqt&gclid=EAIaIQobChMIhbGExczxiAMVyqpLBR2NuhvEEAAYASAAEgJXjvD_BwE

    [4] marketwatch, US Dollar Index(DXY)
    https://www.marketwatch.com/investing/index/dxy
    ยิ่งไม่สามารถใช้ดอกเบี้ยสูงตรึงเงินดอลลาร์ได้ ยิ่งเร่งสงครามโลกและสงครามโรคเร็วขึ้น/ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ความขัดแย้งกันในเรื่องภูมิรัฐศาสตร์นั้น ต้องพิจารณาในยุคนี้ด้วยว่า นอกจากมาตรการตอบโต้กันทางด้านการเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ สงครรามทุนระหว่างประเทศ สงครามค่าเงิน ถึงขนาดที่เรียกว่าเรื่องนี้อาจมีจุดจบที่ต้องมีฝ่ายใดแพ้หรือฝ่ายใดชนะกันไปข้างหนึ่ง โดยเฉพาะสถานภาพของเงินสกุลสหรัฐอเมริกา ก็ไม่สามารถดำรงสถานภาพเป็นเงินสกุลหลักของโลกได้เหมือนเดิมอีกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้าขายปิโตรเลียมที่ไม่ได้ยึถถือเงินสกุลดอลลาร์ (ปิโตรดอลลาร์)แต่เพียงสกุลเดียวได้เหมือนเดิม แต่ถึงกระนั้นสหรัฐอเมริกาก็เลือกหนทางในการทำให้เกิดการโจมตีแหล่งปิโตรเลียมที่ไม่ใช่พันธมิตรอเมริกาทั่วโลก เพื่อให้ราคาปิโตรเลียมของธุรกิจในเครือสหรัฐอเมริกายังคงดำรงสถานภาพปิโตรดอลลาร์ต่อไป อย่างไรก็ตามการเปลี่ยแปลงเงินสกุลหลักของโลกแม้จะมีการเปลี่ยนแปลง แต่ก็ยังมีขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงแบบยืดเยื้อ โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่ยังคงใช้เงินดอลลาร์สหรัฐเป็นเครื่องมือเป็นเงินกู้เข้าแทรกแซงช่วยเหลืออยู่หลายประเทศ โดยสถานภาพของกองทุนการเงินระหว่างประเทศเป็นเจ้าหนี้ของประเทศต่างๆที่มีพันธะผูกพันจำนวน 94 ประเทศ มีมูลค่าหนี้คงค้างกว่า 112 ล้านเหรียญสหรัฐ[1] นอกจากนั้นทุนสำรองระหว่างประเทศของทุกประเทศทั่วโลกยังคงเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐอเมริกามากถึงร้อยละ 54.06[2] โดยส่วนใหญ่อยู่ในรูปพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ซึ่งสหรัฐอเมริกาก็กลายเป็นประเทศที่ออกพันธบัตรก่อหนี้มหาศาลมากถึง 35 ล้านล้านเหรียญสหรัฐแล้ว[3] โดยยังไม่เพียงแค่ปัญหาว่าสหรัฐอเมริกาจะมีทางว่าจะชำระหนี้คืนได้อย่างไรเท่านั้น แต่ยังไม่มีแนวโน้มว่าสหรัฐอเมริกาจะหยุดการก่อหนี้เพิ่มขึ้นได้อย่างไร การที่สหรัฐอเมริกาก่อหนี้อย่างมหาศาล อีกทั้งธนาคารกลางหลายประเทศเทขายพันธบัตรสหรัฐอเมริกา ส่งผลทำให้ปริมาณอุปทานเงินดอลลาร์สหรัฐล้นระบบเกินความต้องการของอุปสงค์เงินดอลลาร์สหรัฐในตลาดเงิน และทำให้ธนาคารกลางได้เพิ่มสัดส่วนเงินสกุลของคู่ค้าประเทศอื่นๆและทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ ปัญหาที่แท้จริงในเรื่องนี้คือปัญหา “ความไม่เชื่อมั่น” ในเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ที่ก่อหนี้ไม่หยุด หรือไม่หยุดการพิมพ์ธนบัตรดอลลาร์ออกมาโดยที่ไม่มีอะไรหนุนหลัง ส่งผลทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐเสื่อมค่าลง ทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ข้าวยากหมากแพง และทำให้ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาต้องตัดสินใจเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลานานในช่วงเวลาที่ผ่านมา เพื่อดึงเงินจากทั่วโลกให้ยังคงรักษาเงินดอลลาร์สหรัฐให้เป็นที่ต้องการในทุนสำรองระหว่างประเทศต่อไป แต่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงของสหรัฐอเมริกา กลับทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจอีกด้านหนึ่ง ด้วยเพราะทำให้ธุรกิจเอกชนในสหรัฐอเมริกาประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง หนี้สินครัวเรือน และหนี้สินส่วนบุคคลเพิ่มสูงขึ้น นำไปสู่การก่อหนี้เสีย ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อสถานภาพธนาคารในสหรัฐอเมริกาด้วย ปรากฏการณ์เพียงแค่ธนาคารกลางผ่อนปรนลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคาคารกลางลงเท่านั้น เม็ดเงินทั่วโลกก็ได้ทยอยเทขายทรัพย์สินในเงินดอลลาร์สหรัฐไหลไปสู่ทรัพย์สินที่มั่นคงกว่าทันที และทำให้ดัชนีดอลลาร์สหรัฐอ่อนลงฉับพลันและยังมีแนวโน้มว่าจะเสื่อมค่าอย่างต่อเนื่องด้วย และนั่นทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐถูกเปลี่ยนมาลงทุนหุ้นในภูมิภาคเอเชีย และทำให้ดัชนีราคาหุ้นเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง ค่าเงินสกุลหลายประเทศในเอเชียจึงแข็งค่าขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทยที่มีธนาคารแห่งประเทศไทยใช้นโยบายเพิ่มสัดส่วนทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศติดอันดับโลก ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นเป็นเป้าหมายในการลงทุนไปด้วย ดัชนีราคาหุ้นเพิ่มสูงขึ้นทะยานต่อเนื่อง และค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น หรืออีกนัยหนึ่งคือเงินดอลลาร์ที่กำลังเสื่อมค่าถูกนำมาแปลงสภาพผ่านทุนเคลื่อนย้ายสุทธิเข้าในตลาดหุ้น กองทุน หรือพันธบัตรในเอเชีย ก็ยิ่งทำให้ธนาคารกลางของประเทศที่เป็นเป้าหมายในการลงทุนกลับยิ่งมีเงินดอลลาร์ในทุนสำรองระหว่างประเทศมากขึ้นเพิ่มมากขึ้น ก็ยิ่งทำให้ธนาคารกลางต้องเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินทองคำเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ราคาทองคำจึงมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ และเมื่อมีแนวโน้มว่าอิสราเอลจะตั้งเป้าโจมตีทำลายแหล่งปิโตรเลียมอิหร่าน ก็ยิ่งทำให้ราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติทั่วโลกราคาเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ด้วยเพราะธนาคารกลางของหลายประเทศทั่วโลกพยายามจะได้พยายามลดการถือครองพันธบัตร เพื่อหวังจะทำให้การเปลี่ยนสัดส่วนทุนสำรองระหว่างประเทศจากเงินดอลลาร์สหรัฐให้น้อยลง แล้วเปลี่ยนเป็นสกุลเงินอื่นๆ หรือทองคำนั้นให้มากขึ้นนั้น เป็นการคิดพร้อมๆกันของหลายประเทศทั่วโลก จึงทำให้หลายประเทศไม่สามารถจะเปลี่ยนได้ตามใจชอบ อย่างไรก็ตามประเทศใดมีทุนสำรองระหว่างประเทศที่มีเงินดอลลาร์สหรัฐมากขึ้นเท่าไหร่ ย่อมเท่ากับว่าประเทศนั้นถือครองทรัพย์สินที่อ่อนค่าลงมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งก็ย่อมทำให้สกุลเงินในประเทศที่มีทรัพย์สินเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐด้อยค่าไปด้วยอยู่ดี เมื่อถึงสถานการณ์ที่นโยบายดอกเบี้ยสูงของธนาคารกลางกลายเป็นข้อจำกัด และถูกบีบให้ลดอัตราดอกเบี้ยลง หากสหรัฐอเมริกาจะยังคงสถานภาพเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อไปได้ ก็ต่อเมื่อต้องบีบให้ทุกประเทศทั่วโลกมีความต้องการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาให้มากที่สุด สถานการณ์ใกล้ตีบตันแล้ว จึงเหลือหนทางแค่ 2 ทางเท่านั้น หนทางที่หนึ่ง คือ “ก่อสงคราม” เพื่อทำให้ประเทศที่มีสงครามต้องสั่งซื้อ สั่งผลิต อาวุธยุทโธปกรณ์จากสหรัฐอเมริกาให้มากขึ้น และเมื่ออาวุธ ยุทโธปกรณ์เหล่านี้ขายในรูปของดอลลาร์สหรัฐ จึงเป็นผลทำให้ประเทศคู่ขัดแย้งมีความต้องการเงินดอลลาร์ศหรัฐมากขึ้น การสร้างสถานการณ์เพื่อทำให้เกิดสงครามยังจะเป็นผลทำให้ราคาปิโตรเลียมทั่วโลกราคาสูงขึ้น และทำให้ดึงความมั่งคั่งของโลกมาซื้อทรัพยากรปิโตรเลียมของสหรัฐอเมริกามากขึ้น ตัวอย่างสมรภูมิที่เกิดขึ้นระหว่างยูเครน กับรัสเซีย ชี้ชัดว่าสหรัฐอเมริการสามารถทำกำไรอย่างมหาศาลทั้งจากธุรกิจอาวุธ ยุทโธปกรณ์ และธุรกิจน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ รวมถึงการสมรู้ร่วมคิดสนับสนุนอิสราเอลเพื่อก่อสงครามในตะวันออกลาง ก็เพื่อเร่งการซื้ออาวุธ ยุทโธปกรณ์ ให้มากขึ้น อย่างไรก็ตามแสนยานุภาพของมหาอำนาจหลายขั้วอยู่ในระดับที่ไม่แพ้กัน ทำให้การก่อสงครามด้วยสหรัฐอเมริกาเป็นลักษณะของการจำกัดพื้นที่ ”ในประเทศอื่นๆ“ และให้มีความยืดเยื้อ และมีเป้าหมายในการทำลายแหล่งปิโตรเลียมที่ไม่ใช้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ หนทางที่สอง “ก่อโรคระบาดใหม่” เพื่อทำให้ทุกประเทศต้องก่อหนี้สินมหาศาลในการช่วยเหลือประชาชน หากล้มละลาย และยังเป็นการดูดความมั่งคั่งเหล่านี้ไปซื้อวัคซีน และยารักษาโรคจากสหรัฐอเมริกาและยุโรป หากประเทศเหล่านั้นยากจนเงินไม่เพียงพอ ก็ต้องให้มีการกู้ยืมเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งก็เป็นหนทางในการบีบให้ต้องการเงินดอลลาร์สหรัฐในประเทศนั้นๆอยู่ดี และเป็นที่แน่ชัดว่า เมื่อธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินดอลลาร์สหรัฐ ย่อมเท่ากับยอมรับว่าไม่สามารถใช้อัตราดอกเบี้ยสูงในการรักษาการยอมรับเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา “แบบสันติวิธี” ได้นานกว่านี้ได้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากข้อมูลของดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐได้พิสูจน์ว่าสถานการณ์ความขัดแย้งในระดับที่ก่อสงคราม หรือการเกิดโรคระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลทำให้เกิดการก่อหนี้อันมหาศาลของหลายประเทศนั้น ได้ส่งผลดำให้ดัชนีเงินดอลลาร์สูงขึ้นอย่างชัดเจน และยังคงเป็นยุทธวิธีที่ดำรงสถานภาพของเงินดอลลาร์สหรัฐได้[4] โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง[4] สถานการณ์นี้เป็นตัวนบีบเงื่อนไขในรักษาเงินดอลลาร์ “มีเวลาน้อยลง” เรื่อยๆ ดังนั้นโลกกำลังเข้าสู่ความเสี่ยงในการเร่งทำสงครามจำกัดพื้นที่แต่ยืดเยื้ออย่างชัดเจนขึ้น โดยมีเป้าหมายในการทำลาายแหล่งปิโตรเลียมของประเทศที่ออกจากการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ แต่หากความเสียหายเกิดขึ้นเกินกว่าที่ประเทศที่ถูกอิสราเอลหรือนาโต้จะรับได้ ทั้งต่อประเทศในตะวันออกกลางคู่ขัดแย้งกับอิสราเอล หรือ การทำสงครามรัสเซียกับยูเครนก็ตาม “ความยืดเยื้อ” ในระหว่างประเทศอาจถูกทำให้ยุติ ได้ด้วยการตอบโต้ที่รุนแรงและเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ซึ่งรวมถึงความเสี่ยงในการทำสงครามด้วยอาวุธนิวเคลียร์ด้วย ซึ่งเชื่อว่าประเทศมหาอำนาจทั่วโลกพยายามยับยั้งชั่งใจไม่ให้สถานการณ์บานปลายไปสู่สงครามที่ใช้อาวุธนิวเคลียร์​ เพราะหากถึงจุดนั้น ก็เท่ากับสงครามต้อง “หมดยก” และต้องยุติลงด้วยชัยชนะหรือพ่ายแพ้กันไปข้างหนึ่ง และทำให้สงครามเศรษฐกิจที่เพิ่มความต้องการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐต้องยุติลงฉับพลันเช่นกัน เมื่อสถานการณ์การเร่งสถานการณ์สงครามมีความเสี่ยงที่ทุกฝ่ายต้องยับยั้งชั่งใจในมิติการก่อสงคราม จึงเหลืออีกหนทางหนึ่งคือ “การก่อโรคระบาด” ที่อาจจะเป็นหนทางสุดท้ายที่ทำให้ทั่วโลกต้องมาหาเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกามาซื้อวัคซีนหรือยารักษาโรคที่มีราคาแพงจากสหรัฐอเมริกา ในสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์-เศรษฐกิจเป็นเช่นนี้ ประเทศไทยควรจะมีผู้นำที่มาชี้นำทางความคิดในการเตรียมตัวในการรับมือกับสถานการณสงครามโลก สงครามโรค ในสงครามความโลภทั้งหลาย โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมทางด้าน ”ความมั่นคงทางพลังงาน, ความมั่นคงทางอาหาร และความมั่นคงทางยาสมุนไพรเพื่อการพี่งพาตนเอง“ เอาจริงๆแล้วยังไม่เห็นรัฐบาลเตรียมความพร้อมในเรื่องเหล่านี้เลย ด้วยความปรารถนาดี ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 4 ตุลาคม 2567 อ้างอิง [1] INTERNATIONAL MONETARY FUND, Total IMF Credit Outstanding �Movement From September 01, 2024 to October 01 https://www.imf.org/external/np/fin/tad/balmov2.aspx?type=TOTAL [2] INTERNATIONAL MONETARY FUND, Currency Composition of Official Foreign Exchange Reserve (COFER), World allocated Reserves by Currency for 2023 Q2 https://data.imf.org/?sk=e6a5f467-c14b-4aa8-9f6d-5a09ec4e62a4 [3] Peterson G. Foundation, What is the National Debt Today?, https://www.pgpf.org/national-debt-clock?gad_source=1&gbraid=0AAAAABdefgYCJ8Ko6Ivna9fcfHx0Y_lqt&gclid=EAIaIQobChMIhbGExczxiAMVyqpLBR2NuhvEEAAYASAAEgJXjvD_BwE [4] marketwatch, US Dollar Index(DXY) https://www.marketwatch.com/investing/index/dxy
    Like
    Love
    Yay
    45
    4 Comments 3 Shares 620 Views 1 Reviews
  • การพบกันครั้งแรก คุณหมอ 3 ท่านผู้ตื่นรู้คู่จริยธรรม
    และ 1 นักวิชาการอิสระกับงาน

    🔥ฟังคุณหมอเล่านิทาน (เรื่องที่เล่าบนสื่อทั่วไปไม่ได้) ep1🔥
    วัคซีนทำให้ป่วยเป็นอะไร?
    แก้ไขได้อย่างไร?

    ⭐️พบกันวันที่ 24 พฤศจิกายน โรงแรมใบหยกสกาย ชั้น 17 ห้องเรนโบว์ เวลา 9:00-17:00 (เริ่มลงทะเบียน 8:30)

    ที่นั่งจำกัดเพียง 120 ที่นั่ง
    ราคา 2,222 บาท

    60 ท่านแรกได้ราคาพิเศษเพียง 1,666 บาท

    สนใจซื้อบัตรร่วมงานกดลิ้งค์ 👇
    https://www.thaipithaksith.com/awakening-ep-1

    ดำเนินรายการโดย
    นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

    และคุณอดิเทพ จาวลาห์ (ซันนี่) นักวิชาการอิสระ

    https://vt.tiktok.com/ZS2bmsJbR/

    https://vt.tiktok.com/ZS2budhA2/

    รายชื่อ Guest speaker
    ศ.นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    เชี่ยวชาญสาขาอายุรศาสตร์ และสาขาระบบสมอง และระบบภูมิคุ้มกันและติดเชื้อของสมอง
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต

    https://vt.tiktok.com/ZS2budstF/

    ดร.นพ.ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านภูมิคุ้มกันผิวหนัง

    https://mgronline.com/qol/detail/9670000050851

    ⭐️สถานที่โรงแรมใบหยกสกาย ชั้น 17 ห้องเรนโบว์ เวลา 9:00-17:00 (เริ่มลงทะเบียน 8:30)
    https://maps.app.goo.gl/7SFH7CRL1xkR9XPZ7?g_st=il

    ⭐️เว๊บไซด์ “คนไทยพิทักษ์สิทธิ์”
    www.thaipithaksith.com

    ⭐️กดติดตาม twitter หรือ x ของคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ในช่อง platform นี้ขอสักประมาณ 500 ติดตาม ขอบคุณครับ
    https://x.com/Thaipithaksith?t=Tq54plOEwFL_-4ysGa3kSA&s=09
    การพบกันครั้งแรก คุณหมอ 3 ท่านผู้ตื่นรู้คู่จริยธรรม และ 1 นักวิชาการอิสระกับงาน 🔥ฟังคุณหมอเล่านิทาน (เรื่องที่เล่าบนสื่อทั่วไปไม่ได้) ep1🔥 วัคซีนทำให้ป่วยเป็นอะไร? แก้ไขได้อย่างไร? ⭐️พบกันวันที่ 24 พฤศจิกายน โรงแรมใบหยกสกาย ชั้น 17 ห้องเรนโบว์ เวลา 9:00-17:00 (เริ่มลงทะเบียน 8:30) ที่นั่งจำกัดเพียง 120 ที่นั่ง ราคา 2,222 บาท 60 ท่านแรกได้ราคาพิเศษเพียง 1,666 บาท สนใจซื้อบัตรร่วมงานกดลิ้งค์ 👇 https://www.thaipithaksith.com/awakening-ep-1 ดำเนินรายการโดย นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคุณอดิเทพ จาวลาห์ (ซันนี่) นักวิชาการอิสระ https://vt.tiktok.com/ZS2bmsJbR/ https://vt.tiktok.com/ZS2budhA2/ รายชื่อ Guest speaker ศ.นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา เชี่ยวชาญสาขาอายุรศาสตร์ และสาขาระบบสมอง และระบบภูมิคุ้มกันและติดเชื้อของสมอง ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต https://vt.tiktok.com/ZS2budstF/ ดร.นพ.ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านภูมิคุ้มกันผิวหนัง https://mgronline.com/qol/detail/9670000050851 ⭐️สถานที่โรงแรมใบหยกสกาย ชั้น 17 ห้องเรนโบว์ เวลา 9:00-17:00 (เริ่มลงทะเบียน 8:30) https://maps.app.goo.gl/7SFH7CRL1xkR9XPZ7?g_st=il ⭐️เว๊บไซด์ “คนไทยพิทักษ์สิทธิ์” www.thaipithaksith.com ⭐️กดติดตาม twitter หรือ x ของคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ในช่อง platform นี้ขอสักประมาณ 500 ติดตาม ขอบคุณครับ https://x.com/Thaipithaksith?t=Tq54plOEwFL_-4ysGa3kSA&s=09
    การบาดเจ็บจากวัคซีน
    รายงานการบาดเจ็บจากวัคซีนของคุณที่นี่ และรับความช่วยเหลือจากแพทย์ของเรา
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 94 Views 0 Reviews
  • Really?!?! ขนส่งสิงห์บุรีสบายดีหรือ หลังขนส่งแจงรถบัสมรณะ ตรวจสภาพประตูฉุกเฉินล่าสุด 23 พ.ค.67 ยังแข็งแรงดี ใช้งานได้ปกติ รถติดถังแก๊ส 15 ปีแล้ว หมดอายุ 2569 ทำประกันชั้น 3 ไว้

    จากกรณีโศกนาฏกรรมรถบัสทัศนศึกษานักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี เกิดเหตุเพลิงไหม้ บริเวณถนนพหลโยธินขาเข้า ช่วงบริเวณหน้าเซียร์รังสิต ช่องทางขวา ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เสียชีวิต และสูญหายจำนวนมาก เหตุเกิดช่วงเที่ยงวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา

    ด้าน นายสมาน จันทร์พุฒ อายุ 48 ปี คนขับรถบัสคันเกิดเหตุ ซึ่งหนีไปบ้านภรรยา จ.อ่างทอง เข้าพบตำรวจ สภ.วิเศษชัยชาญ ก่อนนำตัวมาสอบปากคำ สภ.คูคต แล้ว เบื้องต้นแจ้งข้อหา

    1.ขับรถโดยประมาท หรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ

    2.ขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล แล้วไม่หยุดรถให้การช่วยเหลือ ไม่แสดงตัวและไม่แจ้งเหตุต่อเจ้าพนักงาน เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 และพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43(4), 78, 157, 160 วรรค 2

    ล่าสุด เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ที่ ต.ท่าข้าม อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี นายจิรภัทร ทายาทเจ้าของรถบัสมรณะ เปิดเผยกับสื่อว่า กิจการในเครือบริษัทเกี่ยวกับรถทัวร์ดังกล่าวเป็นธุรกิจของคุณพ่อ เบื้องต้นทราบว่าได้รับเหมารถทัวร์ไปทัศนศึกษา จำนวน 4 คัน โดยมี 1 คันที่เกิดปัญหา ปกติรถทัวร์ทุกคันจะจอดอยู่ที่ว่างเปล่าฝั่งตรงข้ามของถนน

    จากนั้นพบกับ นายพยับ อายุ 57 ปี ซึ่งเปิดแผงเช่าพระอยู่บริเวณดังกล่าว เล่าว่า เปิดแผงเช่าพระตรงที่นี้มาประมาณ 5 ปี ซึ่งรถทัวร์ทั้งหมดมาจอดอยู่ประจำ ถ้ามีคนเหมาไปก็จะมีไปบ้าง ถ้าไม่มีก็จะจอดซ่อมบำรุงอยู่บริเวณพื้นที่ว่างเปล่า ซึ่งเป็นพื้นที่ของชลประทาน

    ต่อมา สื่อได้สัมภาษณ์นางอัจฉรา เจ้าหน้าที่ขนส่งจังหวัดสิงห์บุรี กล่าวว่า จากการเช็ก GPS ของรถคันเกิดเหตุทราบว่า รถบัสคันที่เกิดเหตุหมายเลขทะเบียน 30-0423 สิงห์บุรี เป็นของผู้ประกอบการชื่อ น.ส.ปาณิสรา ชินบุตร เลขที่ใบอนุญาต สห.1/2564 วันสิ้นอายุภาษี 30 มิถุนายน 2568

    นางอัจฉรากล่าวว่า สำหรับ ประตูรถฉุกเฉิน ได้มาตรวจสภาพครั้งล่าสุดวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 โดยมีสภาพแข็งแรง ใช้งานได้ตามปกติ และขณะเกิดเหตุเวลา 12.07 น. รถใช้ความเร็วในการขับอยู่ที่ 81 กม./ชม. รถคันนี้ใช้แก๊ส NGV โดยถังแก๊สนี้ใช้งานมาแล้ว 15 ปี และจะหมดอายุในปี 2569

    นางอัจฉราเผยอีกว่า สำหรับสาเหตุในการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ต้องรถผลการพิสูจน์หลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้งว่าเกิดจากสาเหตุอะไร แต่รถคันนี้ได้ทำประกันชั้น 3 ไว้

    #Thaitimes

    #Thaitimes
    Really?!?! ขนส่งสิงห์บุรีสบายดีหรือ หลังขนส่งแจงรถบัสมรณะ ตรวจสภาพประตูฉุกเฉินล่าสุด 23 พ.ค.67 ยังแข็งแรงดี ใช้งานได้ปกติ รถติดถังแก๊ส 15 ปีแล้ว หมดอายุ 2569 ทำประกันชั้น 3 ไว้ จากกรณีโศกนาฏกรรมรถบัสทัศนศึกษานักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี เกิดเหตุเพลิงไหม้ บริเวณถนนพหลโยธินขาเข้า ช่วงบริเวณหน้าเซียร์รังสิต ช่องทางขวา ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เสียชีวิต และสูญหายจำนวนมาก เหตุเกิดช่วงเที่ยงวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ด้าน นายสมาน จันทร์พุฒ อายุ 48 ปี คนขับรถบัสคันเกิดเหตุ ซึ่งหนีไปบ้านภรรยา จ.อ่างทอง เข้าพบตำรวจ สภ.วิเศษชัยชาญ ก่อนนำตัวมาสอบปากคำ สภ.คูคต แล้ว เบื้องต้นแจ้งข้อหา 1.ขับรถโดยประมาท หรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ 2.ขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล แล้วไม่หยุดรถให้การช่วยเหลือ ไม่แสดงตัวและไม่แจ้งเหตุต่อเจ้าพนักงาน เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 และพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43(4), 78, 157, 160 วรรค 2 ล่าสุด เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ที่ ต.ท่าข้าม อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี นายจิรภัทร ทายาทเจ้าของรถบัสมรณะ เปิดเผยกับสื่อว่า กิจการในเครือบริษัทเกี่ยวกับรถทัวร์ดังกล่าวเป็นธุรกิจของคุณพ่อ เบื้องต้นทราบว่าได้รับเหมารถทัวร์ไปทัศนศึกษา จำนวน 4 คัน โดยมี 1 คันที่เกิดปัญหา ปกติรถทัวร์ทุกคันจะจอดอยู่ที่ว่างเปล่าฝั่งตรงข้ามของถนน จากนั้นพบกับ นายพยับ อายุ 57 ปี ซึ่งเปิดแผงเช่าพระอยู่บริเวณดังกล่าว เล่าว่า เปิดแผงเช่าพระตรงที่นี้มาประมาณ 5 ปี ซึ่งรถทัวร์ทั้งหมดมาจอดอยู่ประจำ ถ้ามีคนเหมาไปก็จะมีไปบ้าง ถ้าไม่มีก็จะจอดซ่อมบำรุงอยู่บริเวณพื้นที่ว่างเปล่า ซึ่งเป็นพื้นที่ของชลประทาน ต่อมา สื่อได้สัมภาษณ์นางอัจฉรา เจ้าหน้าที่ขนส่งจังหวัดสิงห์บุรี กล่าวว่า จากการเช็ก GPS ของรถคันเกิดเหตุทราบว่า รถบัสคันที่เกิดเหตุหมายเลขทะเบียน 30-0423 สิงห์บุรี เป็นของผู้ประกอบการชื่อ น.ส.ปาณิสรา ชินบุตร เลขที่ใบอนุญาต สห.1/2564 วันสิ้นอายุภาษี 30 มิถุนายน 2568 นางอัจฉรากล่าวว่า สำหรับ ประตูรถฉุกเฉิน ได้มาตรวจสภาพครั้งล่าสุดวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 โดยมีสภาพแข็งแรง ใช้งานได้ตามปกติ และขณะเกิดเหตุเวลา 12.07 น. รถใช้ความเร็วในการขับอยู่ที่ 81 กม./ชม. รถคันนี้ใช้แก๊ส NGV โดยถังแก๊สนี้ใช้งานมาแล้ว 15 ปี และจะหมดอายุในปี 2569 นางอัจฉราเผยอีกว่า สำหรับสาเหตุในการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ต้องรถผลการพิสูจน์หลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้งว่าเกิดจากสาเหตุอะไร แต่รถคันนี้ได้ทำประกันชั้น 3 ไว้ #Thaitimes #Thaitimes
    Sad
    Like
    9
    0 Comments 0 Shares 464 Views 0 Reviews
  • #หมดอายุใบรับรอง??

    @ดาวแปดแฉก

    ผู้ติดตามส่งข้อความเอกสารฉบับนี้ให้แอดมินดู หลังเกิดเหตุโศกนาฏกรรม รถบัสไฟไหม้ทำให้นักเรียนและครู โรงเรียนแห่งหนึ่ง จ.อุทัยธานี เสียชีวิต

    เอกสารฉบับนี้มีรายละเอียดของรถบัสคันที่เกิดเหตุเกือบทั้งหมด ทั้งวันที่ตรวจสภาพครั้งแรก 5/8/56 วันที่จดทะเบียน 26/10/2561 วันสิ้นอายุภาษี 30/6/2568 สถานะปกติ แต่ตรงหัวข้อ ประตูฉุกเฉินด้านข้าง/ด้านท้าย ระบุเครื่องหมาย / บาน โดยไม่ได้ระบุตัวเลข ??

    อีกทั้งเอกสาร) ฉบับนี้น่าสนใจและตั้งข้อสังเกตตรงที่ ถังก๊าซ จำนวนก๊าซ 3 ถัง วันหมดอายุใบรับรอง 18/6/2567 ระบุหมายเลขถังก๊าซ ??

    เอกสารฉบับนี้ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่ก็สอดคล้องกับภาพที่ตำรวจภูธรภาค 1 ระหว่างตรวจที่เกิดเหตุ พบถังก๊าซติดตั้งอยู่บริเวณด้านหลังที่นั่งผู้ขับขี่ในห้องโดยสาร สอดคล้องกลับภาพจากกล้องวงจรปิดที่รถบัส วิ่งบน ถ.วิภาวดีรังสิต ก่อนเฉี่ยวชนกับรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ สีดำ และภาพจากกล้องวงจรปิดที่ไฟลุกไหม้ บริเวณด้านหน้ารถบัส คนขับรีบลงจากรถ

    ประเด็นนี้คงต้องให้ตำรวจ , เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และผู้เกี่ยวข้อง ตรวจสอบ เพื่อให้คลายข้อสงสัยที่ประชาชนตั้งข้อสังเกต เพื่อประโยชน์ต่อสาธารณชน.

    ขอบคุณภาพ :: เจ้าของภาพ #ไฟไหม้รถบัส #โศกนาฏกรรม #รถบัส #ตำรวจคูคต #พิสูจน์หลักฐาน

    https://www.facebook.com/share/4YvusW9D2wHJsQMR/?mibextid=oFDknk
    #หมดอายุใบรับรอง?? @ดาวแปดแฉก ผู้ติดตามส่งข้อความเอกสารฉบับนี้ให้แอดมินดู หลังเกิดเหตุโศกนาฏกรรม รถบัสไฟไหม้ทำให้นักเรียนและครู โรงเรียนแห่งหนึ่ง จ.อุทัยธานี เสียชีวิต เอกสารฉบับนี้มีรายละเอียดของรถบัสคันที่เกิดเหตุเกือบทั้งหมด ทั้งวันที่ตรวจสภาพครั้งแรก 5/8/56 วันที่จดทะเบียน 26/10/2561 วันสิ้นอายุภาษี 30/6/2568 สถานะปกติ แต่ตรงหัวข้อ ประตูฉุกเฉินด้านข้าง/ด้านท้าย ระบุเครื่องหมาย / บาน โดยไม่ได้ระบุตัวเลข ?? อีกทั้งเอกสาร) ฉบับนี้น่าสนใจและตั้งข้อสังเกตตรงที่ ถังก๊าซ จำนวนก๊าซ 3 ถัง วันหมดอายุใบรับรอง 18/6/2567 ระบุหมายเลขถังก๊าซ ?? เอกสารฉบับนี้ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่ก็สอดคล้องกับภาพที่ตำรวจภูธรภาค 1 ระหว่างตรวจที่เกิดเหตุ พบถังก๊าซติดตั้งอยู่บริเวณด้านหลังที่นั่งผู้ขับขี่ในห้องโดยสาร สอดคล้องกลับภาพจากกล้องวงจรปิดที่รถบัส วิ่งบน ถ.วิภาวดีรังสิต ก่อนเฉี่ยวชนกับรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ สีดำ และภาพจากกล้องวงจรปิดที่ไฟลุกไหม้ บริเวณด้านหน้ารถบัส คนขับรีบลงจากรถ ประเด็นนี้คงต้องให้ตำรวจ , เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และผู้เกี่ยวข้อง ตรวจสอบ เพื่อให้คลายข้อสงสัยที่ประชาชนตั้งข้อสังเกต เพื่อประโยชน์ต่อสาธารณชน. ขอบคุณภาพ :: เจ้าของภาพ #ไฟไหม้รถบัส #โศกนาฏกรรม #รถบัส #ตำรวจคูคต #พิสูจน์หลักฐาน https://www.facebook.com/share/4YvusW9D2wHJsQMR/?mibextid=oFDknk
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 41 Views 0 Reviews
  • จะต้องอีกกี่ครั้งนะประเทศนี้ ในชีวิตข้าพเจ้าตั้งแต่เด็กจนผ่านมาค่อนชีวิตแล้ว เห็นข่าวทำนองนี้มานับไม่ถ้วน ช่วงหนึ่งมีรถโรงเรียนประสบอุบัติเหตุถี่มาก และข่าวรถไฟลุกท่วมก็บ่อย ไม่นานก็ถูกลืม รอจนเกิดเหตุครั้งใหม่ก็ครึกโครมสักพัก ประเดี๋ยวก็ค่อย ๆ เงียบไปอีก

    เพราะองคาพยพทุกภาคส่วนในประเทศนี้มันพิกลพิการ คอร์รัปชันในทุกระดับตั้งแต่ตัวเล็กที่อยู่ล่างไปจนตัวใหญ่ที่อยู่สูงขึ้นไป ทั้งพลเมือง ทั้งข้าราชการ ทั้งนักการเมือง จึงไม่เคยที่จะแก้ปัญหาใดในสังคมได้อย่างเที่ยงแท้ถาวร

    มีแต่ตั้งคณะทำงานขึ้นมา ประชุมอยู่นั่นแล้ว แต่ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงอะไรได้

    #thaitimes
    #อุบัติเหตุ
    #วิภาวดี
    #ไฟไหม้รถบัส
    #ทัศนศึกษา
    #เด็กอนุบาล
    #รันทดหดหู่
    #เซียร์รังสิต

    จะต้องอีกกี่ครั้งนะประเทศนี้ ในชีวิตข้าพเจ้าตั้งแต่เด็กจนผ่านมาค่อนชีวิตแล้ว เห็นข่าวทำนองนี้มานับไม่ถ้วน ช่วงหนึ่งมีรถโรงเรียนประสบอุบัติเหตุถี่มาก และข่าวรถไฟลุกท่วมก็บ่อย ไม่นานก็ถูกลืม รอจนเกิดเหตุครั้งใหม่ก็ครึกโครมสักพัก ประเดี๋ยวก็ค่อย ๆ เงียบไปอีก เพราะองคาพยพทุกภาคส่วนในประเทศนี้มันพิกลพิการ คอร์รัปชันในทุกระดับตั้งแต่ตัวเล็กที่อยู่ล่างไปจนตัวใหญ่ที่อยู่สูงขึ้นไป ทั้งพลเมือง ทั้งข้าราชการ ทั้งนักการเมือง จึงไม่เคยที่จะแก้ปัญหาใดในสังคมได้อย่างเที่ยงแท้ถาวร มีแต่ตั้งคณะทำงานขึ้นมา ประชุมอยู่นั่นแล้ว แต่ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงอะไรได้ #thaitimes #อุบัติเหตุ #วิภาวดี #ไฟไหม้รถบัส #ทัศนศึกษา #เด็กอนุบาล #รันทดหดหู่ #เซียร์รังสิต
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 340 Views 0 Reviews
  • บีบหัวใจ

    โศกนาฎกรรมเพลิงไหม้รถโดยสารบนถนนวิภาวดีรังสิต ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 1 ต.ค. 2567 ขณะนำครูและนักเรียน โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ออกจากอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา กำลังไปยังศูนย์การเรียนรู้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟฝ.) สำนักงานกลาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ตามโครงการทัศนศึกษาแหล่งเรียนรู้นอกสถานที่ ประจำปีการศึกษา 2567 ทำให้นักเรียนและครูเสียชีวิต 23 ราย

    ความสูญเสียครั้งนี้บีบหัวใจคนไทยทั้งประเทศ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. กล่าวว่า เบื้องต้นสอบถามครูและตำรวจในพื้นที่เกิดเหตุ ทราบว่ารถเกิดยางระเบิด แล้วเสียการควบคุมไปชนรถเบนซ์ แล้วชนแบริเออร์เกิดไฟลุกท่วมขึ้นมา สอดคล้องกับนายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีต รมช.มหาดไทย เปิดเผยว่า ครูเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่าสาเหตุมาจากรถเกิดยางระเบิด ทำให้เสียหลักไปชนกระแทกกับแบริเออร์ข้างทาง กระแทกถูกถังก๊าซพอดี จึงทำให้เกิดประกายไฟขึ้น

    แต่ข้อมูลที่เผยแพร่ผ่านสื่อ พบว่ารถโดยสารคันเกิดเหตุ จดทะเบียนครั้งแรก 19 ก.พ. 2513 หรือเมื่อ 54 ปีก่อน ระบุว่าเป็นรถโดยสารไม่ประจำทาง จำนวน 41 ที่นั่ง ดัดแปลงจากรถอีซูซุ แล้วเอาเครืองยนต์เบนซ์มาใส่ และในประวัติรถพบว่ามีถังก๊าซ 3 ถัง วันหมดอายุใบรับรองเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2567 จึงถูกตั้งคำถามว่ารถโดยสารได้มาตรฐานหรือไม่ ถึงกระนั้น นายทรงวิทย์ ชินบุตร เจ้าของชินบุตรทัวร์ ยืนยันว่า รถคันเกิดเหตุผ่านการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย 2 ครั้งต่อปีทุกครั้งก่อนต่อภาษี

    อีกด้านหนึ่ง ยังมีคนในสังคมเบี่ยงประเด็น เรียกร้องให้โรงเรียนยกเลิกทัศนศึกษาไปเลย อ้างว่าไม่มีประโยชน์ ทั้งที่การทัศนศึกษา คือกิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียน ซึ่งไม่ได้จัดขึ้นบ่อยครั้ง สถานที่บางแห่งอนุญาตเข้าชมเฉพาะหมู่คณะเท่านั้น และยังเป็นโอกาสดีที่เพื่อนทั้งห้องจะได้เที่ยวด้วยกัน เพราะบางครอบครัวไม่มีเวลา ไม่มีโอกาส ไม่มีกำลังทรัพย์พอที่จะเที่ยว ปัญหาที่แท้จริงจึงเกิดจากรถโดยสารที่ทางโรงเรียนจ้างมาไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีความปลอดภัย

    ปัญหาก็คือ รถโดยสารที่ได้มาตรฐานนั้นมีราคาแพง บางโรงเรียนที่มีงบประมาณจำกัด จึงเลือกผู้ประกอบการถูกที่สุดหรือที่คุ้นเคย ไม่นับรวมผู้ประกอบการต่างก็บอกว่ารถตัวเองได้มาตรฐาน แต่อาจประมาทที่ไม่ได้ตรวจสอบสภาพรถ สภาพคนขับรถ หรือพูดความจริงไม่หมด จึงเป็นโจทย์ที่แต่ละโรงเรียนจะต้องพิจารณารูปแบบการจัดกิจกรรม การคัดเลือกรถโดยสารจากผู้ประกอบการที่ได้มาตรฐานความปลอดภัย และองค์ประกอบอื่นๆ เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยกับโศกนาฎกรรมเช่นนี้อีก

    #Newskit #รถบัสทัศนศึกษา
    บีบหัวใจ โศกนาฎกรรมเพลิงไหม้รถโดยสารบนถนนวิภาวดีรังสิต ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 1 ต.ค. 2567 ขณะนำครูและนักเรียน โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ออกจากอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา กำลังไปยังศูนย์การเรียนรู้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟฝ.) สำนักงานกลาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ตามโครงการทัศนศึกษาแหล่งเรียนรู้นอกสถานที่ ประจำปีการศึกษา 2567 ทำให้นักเรียนและครูเสียชีวิต 23 ราย ความสูญเสียครั้งนี้บีบหัวใจคนไทยทั้งประเทศ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. กล่าวว่า เบื้องต้นสอบถามครูและตำรวจในพื้นที่เกิดเหตุ ทราบว่ารถเกิดยางระเบิด แล้วเสียการควบคุมไปชนรถเบนซ์ แล้วชนแบริเออร์เกิดไฟลุกท่วมขึ้นมา สอดคล้องกับนายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีต รมช.มหาดไทย เปิดเผยว่า ครูเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่าสาเหตุมาจากรถเกิดยางระเบิด ทำให้เสียหลักไปชนกระแทกกับแบริเออร์ข้างทาง กระแทกถูกถังก๊าซพอดี จึงทำให้เกิดประกายไฟขึ้น แต่ข้อมูลที่เผยแพร่ผ่านสื่อ พบว่ารถโดยสารคันเกิดเหตุ จดทะเบียนครั้งแรก 19 ก.พ. 2513 หรือเมื่อ 54 ปีก่อน ระบุว่าเป็นรถโดยสารไม่ประจำทาง จำนวน 41 ที่นั่ง ดัดแปลงจากรถอีซูซุ แล้วเอาเครืองยนต์เบนซ์มาใส่ และในประวัติรถพบว่ามีถังก๊าซ 3 ถัง วันหมดอายุใบรับรองเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2567 จึงถูกตั้งคำถามว่ารถโดยสารได้มาตรฐานหรือไม่ ถึงกระนั้น นายทรงวิทย์ ชินบุตร เจ้าของชินบุตรทัวร์ ยืนยันว่า รถคันเกิดเหตุผ่านการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย 2 ครั้งต่อปีทุกครั้งก่อนต่อภาษี อีกด้านหนึ่ง ยังมีคนในสังคมเบี่ยงประเด็น เรียกร้องให้โรงเรียนยกเลิกทัศนศึกษาไปเลย อ้างว่าไม่มีประโยชน์ ทั้งที่การทัศนศึกษา คือกิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียน ซึ่งไม่ได้จัดขึ้นบ่อยครั้ง สถานที่บางแห่งอนุญาตเข้าชมเฉพาะหมู่คณะเท่านั้น และยังเป็นโอกาสดีที่เพื่อนทั้งห้องจะได้เที่ยวด้วยกัน เพราะบางครอบครัวไม่มีเวลา ไม่มีโอกาส ไม่มีกำลังทรัพย์พอที่จะเที่ยว ปัญหาที่แท้จริงจึงเกิดจากรถโดยสารที่ทางโรงเรียนจ้างมาไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีความปลอดภัย ปัญหาก็คือ รถโดยสารที่ได้มาตรฐานนั้นมีราคาแพง บางโรงเรียนที่มีงบประมาณจำกัด จึงเลือกผู้ประกอบการถูกที่สุดหรือที่คุ้นเคย ไม่นับรวมผู้ประกอบการต่างก็บอกว่ารถตัวเองได้มาตรฐาน แต่อาจประมาทที่ไม่ได้ตรวจสอบสภาพรถ สภาพคนขับรถ หรือพูดความจริงไม่หมด จึงเป็นโจทย์ที่แต่ละโรงเรียนจะต้องพิจารณารูปแบบการจัดกิจกรรม การคัดเลือกรถโดยสารจากผู้ประกอบการที่ได้มาตรฐานความปลอดภัย และองค์ประกอบอื่นๆ เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยกับโศกนาฎกรรมเช่นนี้อีก #Newskit #รถบัสทัศนศึกษา
    Sad
    Like
    14
    0 Comments 1 Shares 357 Views 1 Reviews
  • สะเทือนใจ...เปิดรายชื่อครู-นักเรียนเสียชีวิต รถบัสทัศนศึษาไฟไหม้ ยอดรวม 23 ราย ไฟลวกเจ็บสาหัสอีก 3 ราย
    .
    วันนี้( 1 ต.ค.)เปิดรายชื่อนักเรียน-ครู โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม เสียชีวิตเหตุรถบัสทัศนศึกษาไฟไหม้ทั้งคัน ยอดรวม นักเรียน 20 ราย ครูประจำรถบัสคันเกิดเหตุ 3 ราย บาดเจ็บสาหัสถูกไฟลวก 3 ราย รายละเอียดดังนี้
    .
    รถบัสคันที่ 2 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ด.ช.ธีระพงศ์ ,ด.ญ.ปฏิณญา ,ด.ญ.อัจรา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ด.ช.ณัฐพงศ์ ,ด.ช.พัสกร ,ด.ช.พีรภัทร ,ด.ช.องอาจ ,ด.ช.อาชวิน, ด.ญ.ฐิติมา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ด.ช.ชาคริต ,ด.ช.ณัฐพัชร์ ,ด.ช.ชนกฤต ,ด.ช.บวรศักดิ์ , ด.ช.ฤตรวัช ด.ช.พีรฉัตร มัธยมศึกษาปีที่ 2 ด.ช.สิริณัฎฐ์ ,ด.ช.กฤษดา มันธยมศึกษาปีที่ 3 ด.ญ.ปาณชินทร์ ,ด.ญ.พิมพ์ชนก ,ด.ญ.สุนิชา
    .
    ครูประจำรถบัสคันที่ 2 น.ส.พิมพ์ทอง สมบัติ(ครูจอย) ,ศรัญญา หอมเกสร (ครูมิ้ม) ,น.ส.กนกวรรณ ศรีพร(ครูสาวน้อย)
    .
    ส่วนที่ได้รับบาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาลแพทย์รังสิต นักเรียน 3 ราย
    .
    1.ด.ญ.อารดา จิรายุ อายุ 7 ปี เรียนชั้น ป.2 (ใส่ท่อช่วยหายใจ) 2.ด.ญ.พิมพ์ธาดา พิมพ์ไพทูร อายุ 9 ปี เรียนชั้น ป.3 มีผลไหม้ตามร่างกาย 10% 3.ด.ญ.นฤพร รัตนเกาสันต์ อายุ 14 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีแผลไหม้ตามร่างกาย 20%
    ................
    Sondhi X
    สะเทือนใจ...เปิดรายชื่อครู-นักเรียนเสียชีวิต รถบัสทัศนศึษาไฟไหม้ ยอดรวม 23 ราย ไฟลวกเจ็บสาหัสอีก 3 ราย . วันนี้( 1 ต.ค.)เปิดรายชื่อนักเรียน-ครู โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม เสียชีวิตเหตุรถบัสทัศนศึกษาไฟไหม้ทั้งคัน ยอดรวม นักเรียน 20 ราย ครูประจำรถบัสคันเกิดเหตุ 3 ราย บาดเจ็บสาหัสถูกไฟลวก 3 ราย รายละเอียดดังนี้ . รถบัสคันที่ 2 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ด.ช.ธีระพงศ์ ,ด.ญ.ปฏิณญา ,ด.ญ.อัจรา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ด.ช.ณัฐพงศ์ ,ด.ช.พัสกร ,ด.ช.พีรภัทร ,ด.ช.องอาจ ,ด.ช.อาชวิน, ด.ญ.ฐิติมา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ด.ช.ชาคริต ,ด.ช.ณัฐพัชร์ ,ด.ช.ชนกฤต ,ด.ช.บวรศักดิ์ , ด.ช.ฤตรวัช ด.ช.พีรฉัตร มัธยมศึกษาปีที่ 2 ด.ช.สิริณัฎฐ์ ,ด.ช.กฤษดา มันธยมศึกษาปีที่ 3 ด.ญ.ปาณชินทร์ ,ด.ญ.พิมพ์ชนก ,ด.ญ.สุนิชา . ครูประจำรถบัสคันที่ 2 น.ส.พิมพ์ทอง สมบัติ(ครูจอย) ,ศรัญญา หอมเกสร (ครูมิ้ม) ,น.ส.กนกวรรณ ศรีพร(ครูสาวน้อย) . ส่วนที่ได้รับบาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาลแพทย์รังสิต นักเรียน 3 ราย . 1.ด.ญ.อารดา จิรายุ อายุ 7 ปี เรียนชั้น ป.2 (ใส่ท่อช่วยหายใจ) 2.ด.ญ.พิมพ์ธาดา พิมพ์ไพทูร อายุ 9 ปี เรียนชั้น ป.3 มีผลไหม้ตามร่างกาย 10% 3.ด.ญ.นฤพร รัตนเกาสันต์ อายุ 14 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีแผลไหม้ตามร่างกาย 20% ................ Sondhi X
    Sad
    Like
    Angry
    16
    0 Comments 0 Shares 736 Views 1 Reviews
  • 1 ตุลาคม 2567-อ.สนธิ คชวัตรได้โพสต์ถึง มาตรฐานรถบัสทัศนศึกษาในยุโรปกับโศกนาฎกรรมไฟไหม้รถบัสนักเรียนจากจ.อุทัยธานี

    1.กรณีรถบัสทัศนศึกษาจากโรงเรียนใน จ.อุทัยธานี เกิดไฟไหม้ ทั้งคัน ที่ถนนวิภาวดีรังสิต
    1.1.สิ่งพบในเหตุการณ์คือ ไฟไหม้จากล้อหน้ายางแตก นักเรียนได้กินแก๊สในห้องโดยสาร รถบัสดังกล่าวใช้แก๊ส NGV เป็นเชื้อเพลิง ประตูทางออกฉุกเฉินไม่สามารถเปิดได้ นักเรียนและคุณครูเสียชีวิตหลายคนส่วนใหญ่อยู่ทางด้านหลังรถบัส
    1.2.เชื้อเพลิงNGVของรถบัส (ส่วนใหญ่เป็นก๊าซมีเทนนำมาอัดจนมีความดันสูง ประมาณ 3,000 ปอนด์/ตารางนิ้วแล้วนำไปเก็บในถังบรรจุที่มีความแข็งแรงทน ทานสูงเป็นพิเศษ) ลักษณะจะเบากว่าอา กาศหากมีการรั่วไหลก็อาจจะลอยสะสมขึ้นบนที่ฝ้าเพดานรถและอาจเกิดไฟไหม้ได้เมื่อมีความร้อนหรือไฟที่ระดับหนึ่งมีช่วงของการติดไฟที่ร้อยละ 5-15 ของปริมาตรในอากาศ อาจเป็นสาเหตุของไฟไหม้รถบัสได้

    2.กรณีระบบความปลอดภัยของรถบัสในประเทศยุโรป
    2.1.ระบบความปลอดภัยของตัวรถบัสเพื่อใช้ทัศนศึกษาในประเทศแถบยุโรป..
    2.1.1.ติดเซ็นเซอร์ป้องกันประตูปิดขณะผู้โดยสารขึ้นและลงจากรถ
    2.1.2 ตัวถังเป็นโครงสร้างเหล็ก galvanized ซึ่งมีความแข็งแกร่งมากกว่าเหล็กทั่วไป
    2.1.3.กระจกผ้าม่านในรถและพื้นยางปูรถต้องทำจากวัสดุป้องกันไฟลามตามมาตร ฐานของ EU
    2.1.4.ในแต่ละที่นั่งมีเข็มขัดนิรภัย 2 จุด
    2.1.5.มีระบบเบรกอัจฉริยะ Anti-Lock Braking System. (ABS)
    2.1.6.ทางออกฉุกเฉินของรถบัสให้มีถึง 3 ที่ ได้แก่ ท้ายรถด้านขวามีประตูฉุกเฉินพร้อมป้าย EXIT บานกระจกเป็นกระจกนิร ภัยTempered glass ซึ่งสามารถใช้เป็นทางออกฉุกเฉินได้ ช่องพัดลมดูดอากาศใช้เป็นทางออกฉุกเฉินได้ด้วย

    2.2.ความปลอดภัยด้านป้องกันไฟไหม้ของยุโรป
    2.2.1.มีระบบดับเพลิงอัตโนมัติในห้องเครื่องยนต์
    2.2.2. ถังดับเพลิง 2 ถัง
    2.3.3 ค้อนทุบกระจก 4-6 อัน

    2.3.เชื้อเพลิงที่ใช้สำหรับรถบัสยุโรป จะใช้น้ำมันดีเซลEuro5 ไม่ใช่แก๊ส เพราะปลอด ภัยกว่าและไม่ปล่อยฝุ่น2.5

    2.4.ยางรถยนต์รถบัสยุโรปต้องยึดเกาะถนนได้ดีตามมาตรฐานEuro

    2.5.พนักงานขับรถในยุโรปต้องมีใบขับขี่รถบัสหรือได้ Certificated และมีประสบ การณ์ขับขี่ สามารถยืนยันตัวตนได้

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/svH6f69WqCVLtQPQ/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    1 ตุลาคม 2567-อ.สนธิ คชวัตรได้โพสต์ถึง มาตรฐานรถบัสทัศนศึกษาในยุโรปกับโศกนาฎกรรมไฟไหม้รถบัสนักเรียนจากจ.อุทัยธานี 1.กรณีรถบัสทัศนศึกษาจากโรงเรียนใน จ.อุทัยธานี เกิดไฟไหม้ ทั้งคัน ที่ถนนวิภาวดีรังสิต 1.1.สิ่งพบในเหตุการณ์คือ ไฟไหม้จากล้อหน้ายางแตก นักเรียนได้กินแก๊สในห้องโดยสาร รถบัสดังกล่าวใช้แก๊ส NGV เป็นเชื้อเพลิง ประตูทางออกฉุกเฉินไม่สามารถเปิดได้ นักเรียนและคุณครูเสียชีวิตหลายคนส่วนใหญ่อยู่ทางด้านหลังรถบัส 1.2.เชื้อเพลิงNGVของรถบัส (ส่วนใหญ่เป็นก๊าซมีเทนนำมาอัดจนมีความดันสูง ประมาณ 3,000 ปอนด์/ตารางนิ้วแล้วนำไปเก็บในถังบรรจุที่มีความแข็งแรงทน ทานสูงเป็นพิเศษ) ลักษณะจะเบากว่าอา กาศหากมีการรั่วไหลก็อาจจะลอยสะสมขึ้นบนที่ฝ้าเพดานรถและอาจเกิดไฟไหม้ได้เมื่อมีความร้อนหรือไฟที่ระดับหนึ่งมีช่วงของการติดไฟที่ร้อยละ 5-15 ของปริมาตรในอากาศ อาจเป็นสาเหตุของไฟไหม้รถบัสได้ 2.กรณีระบบความปลอดภัยของรถบัสในประเทศยุโรป 2.1.ระบบความปลอดภัยของตัวรถบัสเพื่อใช้ทัศนศึกษาในประเทศแถบยุโรป.. 2.1.1.ติดเซ็นเซอร์ป้องกันประตูปิดขณะผู้โดยสารขึ้นและลงจากรถ 2.1.2 ตัวถังเป็นโครงสร้างเหล็ก galvanized ซึ่งมีความแข็งแกร่งมากกว่าเหล็กทั่วไป 2.1.3.กระจกผ้าม่านในรถและพื้นยางปูรถต้องทำจากวัสดุป้องกันไฟลามตามมาตร ฐานของ EU 2.1.4.ในแต่ละที่นั่งมีเข็มขัดนิรภัย 2 จุด 2.1.5.มีระบบเบรกอัจฉริยะ Anti-Lock Braking System. (ABS) 2.1.6.ทางออกฉุกเฉินของรถบัสให้มีถึง 3 ที่ ได้แก่ ท้ายรถด้านขวามีประตูฉุกเฉินพร้อมป้าย EXIT บานกระจกเป็นกระจกนิร ภัยTempered glass ซึ่งสามารถใช้เป็นทางออกฉุกเฉินได้ ช่องพัดลมดูดอากาศใช้เป็นทางออกฉุกเฉินได้ด้วย 2.2.ความปลอดภัยด้านป้องกันไฟไหม้ของยุโรป 2.2.1.มีระบบดับเพลิงอัตโนมัติในห้องเครื่องยนต์ 2.2.2. ถังดับเพลิง 2 ถัง 2.3.3 ค้อนทุบกระจก 4-6 อัน 2.3.เชื้อเพลิงที่ใช้สำหรับรถบัสยุโรป จะใช้น้ำมันดีเซลEuro5 ไม่ใช่แก๊ส เพราะปลอด ภัยกว่าและไม่ปล่อยฝุ่น2.5 2.4.ยางรถยนต์รถบัสยุโรปต้องยึดเกาะถนนได้ดีตามมาตรฐานEuro 2.5.พนักงานขับรถในยุโรปต้องมีใบขับขี่รถบัสหรือได้ Certificated และมีประสบ การณ์ขับขี่ สามารถยืนยันตัวตนได้ ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/svH6f69WqCVLtQPQ/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    5
    0 Comments 0 Shares 714 Views 0 Reviews
  • สส.อุทัยฯ เผยครูเล่า ยางรถระเบิด จนเสียหลักชนแบริเออร์โดนท่อก๊าซ จนเกิดประกายไฟ ส่วนคนขับกระโดดหนีเพราะรถถูกล็อค คาดอุบัติเหตุไม่เกี่ยวสภาพรถ ตอนนี้รักษาแค่ที่ รพ.แพทย์รังสิต เตรียมส่งต่อ รพ.ธรรมศาสตร์

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000092626

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    สส.อุทัยฯ เผยครูเล่า ยางรถระเบิด จนเสียหลักชนแบริเออร์โดนท่อก๊าซ จนเกิดประกายไฟ ส่วนคนขับกระโดดหนีเพราะรถถูกล็อค คาดอุบัติเหตุไม่เกี่ยวสภาพรถ ตอนนี้รักษาแค่ที่ รพ.แพทย์รังสิต เตรียมส่งต่อ รพ.ธรรมศาสตร์ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000092626 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Sad
    Like
    Angry
    Love
    Wow
    39
    2 Comments 0 Shares 2757 Views 0 Reviews
  • พลเมืองดีเล่าละเอียด เข้าช่วยสุดกำลัง เด็กไม่ร้อง-ไฟโหมแรง-เกิดไวมาก
    .
    พลเมืองดีเล่าละเอียดมาก! จากกรณี อุบัติเหตุ รถบัสทะเบียน 30-0423 สิงห์บุรี ที่นำ นักเรียนและครูโรงเรียนวัดเขาพระยา จ.อุทัยธานี ไปทัศนศึกษายังอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา และศูนย์การเรียนรู้ กฟผ.ส่วนกลาง เกิดอุบัติเหตุไฟลุกไหม้ บริเวณหน้าเซียร์รังสิต ตรงข้ามซอยพหลโยธิน 72 บริเวณถนนวิภาวดี เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิต 10 ราย
    .
    มีพลเมืองดีเป็นชายวัยกลางคนรายหนึ่ง (ยังไม่ทราบชื่อ) เล่าว่าขณะเกิดเหตุเขาได้ขับรถมาในระยะใกล้เคียงลักษณะตีคู่กับรถบัสนักเรียนที่เกิดเหตุ แต่คนละเลน เห็นรถบัสสั่นเล็กน้อย ไม่นานก็เห็นควันเต็มรถ มีเสียงดังขึ้น ไม่แน่ใจว่าเสียงอะไร และเกิดเพลิงลุกไหม้ จึงรีบจอดรถลงไปช่วยเหลือ ประตูเปิด มีเด็กวิ่งสวนลงมา บางคนร่างติดไฟ มีพลเมืองดีที่ลงมาช่วยกันอุ้มพาส่งโรงพยาบาล โดยพลเมืองดีรายดังกล่าวได้เข้าไปช่วยดับเพลิงจากถังดับเพลิงที่โบกรถเมล์คนอื่นๆ แล้วขอถังดับเพลิงมาช่วย โดยมีแกร๊บพลเมืองดีอีกรายที่อยู่ในเหตุการณ์ น่าเสียดายที่ไฟโหมแรงมาก เมื่อสารดับเพลิงหมด ไฟก็เริ่มลุกอีกครั้ง และเกิดขึ้นไวมาก เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีเสียงเด็กร้องไหม พลเมืองดีรายนี้ตอบว่า ไม่มีเสียงเด็กเลย เงียบมาก

    #ไฟไหม้ #ไฟไหม้รถ #ไฟไหม้รถบัส #ไฟไหม้รถนักเรียน #นักเรียน #ทัศนศึกษา #ข่าวด่วน

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/v/7tdqTckpGzPp9XGM/?mibextid=oFDknk
    พลเมืองดีเล่าละเอียด เข้าช่วยสุดกำลัง เด็กไม่ร้อง-ไฟโหมแรง-เกิดไวมาก . พลเมืองดีเล่าละเอียดมาก! จากกรณี อุบัติเหตุ รถบัสทะเบียน 30-0423 สิงห์บุรี ที่นำ นักเรียนและครูโรงเรียนวัดเขาพระยา จ.อุทัยธานี ไปทัศนศึกษายังอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา และศูนย์การเรียนรู้ กฟผ.ส่วนกลาง เกิดอุบัติเหตุไฟลุกไหม้ บริเวณหน้าเซียร์รังสิต ตรงข้ามซอยพหลโยธิน 72 บริเวณถนนวิภาวดี เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิต 10 ราย . มีพลเมืองดีเป็นชายวัยกลางคนรายหนึ่ง (ยังไม่ทราบชื่อ) เล่าว่าขณะเกิดเหตุเขาได้ขับรถมาในระยะใกล้เคียงลักษณะตีคู่กับรถบัสนักเรียนที่เกิดเหตุ แต่คนละเลน เห็นรถบัสสั่นเล็กน้อย ไม่นานก็เห็นควันเต็มรถ มีเสียงดังขึ้น ไม่แน่ใจว่าเสียงอะไร และเกิดเพลิงลุกไหม้ จึงรีบจอดรถลงไปช่วยเหลือ ประตูเปิด มีเด็กวิ่งสวนลงมา บางคนร่างติดไฟ มีพลเมืองดีที่ลงมาช่วยกันอุ้มพาส่งโรงพยาบาล โดยพลเมืองดีรายดังกล่าวได้เข้าไปช่วยดับเพลิงจากถังดับเพลิงที่โบกรถเมล์คนอื่นๆ แล้วขอถังดับเพลิงมาช่วย โดยมีแกร๊บพลเมืองดีอีกรายที่อยู่ในเหตุการณ์ น่าเสียดายที่ไฟโหมแรงมาก เมื่อสารดับเพลิงหมด ไฟก็เริ่มลุกอีกครั้ง และเกิดขึ้นไวมาก เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีเสียงเด็กร้องไหม พลเมืองดีรายนี้ตอบว่า ไม่มีเสียงเด็กเลย เงียบมาก #ไฟไหม้ #ไฟไหม้รถ #ไฟไหม้รถบัส #ไฟไหม้รถนักเรียน #นักเรียน #ทัศนศึกษา #ข่าวด่วน ที่มา : https://www.facebook.com/share/v/7tdqTckpGzPp9XGM/?mibextid=oFDknk
    Like
    Sad
    2
    0 Comments 0 Shares 217 Views 140 0 Reviews
  • 1 ตุลาคม 2567-เวลา12.29 น.เกิด เหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา นร.อนุบาล บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต กิโลเมตรที่ 28+236 (เสาตอม่อดอนเมืองโทลล์เวย์ที่ 792) ก่อนถึงอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ที่เกิดเหตุ พบรถบัสปรับอากาศทะเบียน 30-0423 สิงห์บุรี ของชินบุตรทัวร์ ประกอบการโดย กนิษฐา ชินบุตร เกิดเพลิงลุกไหม้บริเวณตอนกลางลามไปถึงด้านหลังรถวอดทั้งคัน การจราจรติดขัดท้ายแถวสะสมถึงโรงพยาบาลราชวิถี 2 รังสิต เจ้าหน้าที่และหน่วยกู้ภัยช่วยกันดับเพลิงและช่วยเหลือผู้ที่ดิตอยู่ในรถออกมา แต่ไม่หมด

    รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า รถบัสคันดังกล่าวนำครูและนักเรียน โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี มาทัศนศึกษาจำนวน 3 คันรถบัส กำลังเดินทางมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพมหานคร โดยรถบัสคันดังกล่าวเป็นคันที่ 2 มีครูและนักเรียนรวมกัน 42 คน รับแจ้งเบื้องต้นสามารถอพยพลงมาได้ 19 ราย ผู้บาดเจ็บ 6 ราย ถูกนำส่งโรงพยาบาลแพทย์รังสิต ส่วนที่เหลือคาดว่าเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 10 ราย สภาพถูกไฟคลอก ขณะนี้มูลนิธิร่วมกตัญญูกำลังลำเลียงร่างผู้เสียชีวิตลงมาจากรถ พร้อมทั้งยังมีเจ้าหน้าที่ฉีดน้ำหล่อเลี้ยง เนื่องจากยังมีก๊าซรั่วอยู่

    https://sondhitalk.com/detail/9670000092502

    #Thaitimes
    1 ตุลาคม 2567-เวลา12.29 น.เกิด เหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา นร.อนุบาล บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต กิโลเมตรที่ 28+236 (เสาตอม่อดอนเมืองโทลล์เวย์ที่ 792) ก่อนถึงอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ที่เกิดเหตุ พบรถบัสปรับอากาศทะเบียน 30-0423 สิงห์บุรี ของชินบุตรทัวร์ ประกอบการโดย กนิษฐา ชินบุตร เกิดเพลิงลุกไหม้บริเวณตอนกลางลามไปถึงด้านหลังรถวอดทั้งคัน การจราจรติดขัดท้ายแถวสะสมถึงโรงพยาบาลราชวิถี 2 รังสิต เจ้าหน้าที่และหน่วยกู้ภัยช่วยกันดับเพลิงและช่วยเหลือผู้ที่ดิตอยู่ในรถออกมา แต่ไม่หมด รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า รถบัสคันดังกล่าวนำครูและนักเรียน โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี มาทัศนศึกษาจำนวน 3 คันรถบัส กำลังเดินทางมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพมหานคร โดยรถบัสคันดังกล่าวเป็นคันที่ 2 มีครูและนักเรียนรวมกัน 42 คน รับแจ้งเบื้องต้นสามารถอพยพลงมาได้ 19 ราย ผู้บาดเจ็บ 6 ราย ถูกนำส่งโรงพยาบาลแพทย์รังสิต ส่วนที่เหลือคาดว่าเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 10 ราย สภาพถูกไฟคลอก ขณะนี้มูลนิธิร่วมกตัญญูกำลังลำเลียงร่างผู้เสียชีวิตลงมาจากรถ พร้อมทั้งยังมีเจ้าหน้าที่ฉีดน้ำหล่อเลี้ยง เนื่องจากยังมีก๊าซรั่วอยู่ https://sondhitalk.com/detail/9670000092502 #Thaitimes
    📢อัฟเดตสถานการณ์!!!

    เหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา นร.อนุบาล บริเวณ ถ.วิภาวดีรังสิตขาเข้า หน้าอนุสรณ์สถาน เป็นรถบัสนักเรียนทัศนศึกษา นักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยา จ.อุทัยธานี เดินทางมารวม 3 คัน รถบัสคันที่เกิดเหตุ เป็นคันที่ 3 ทะเบียน 30-0423 สิงห์บุรี จำนวนครูและนักเรียนบนรถ 42 คน รับแจ้งเบื้องต้น สามารถอพยพลงมาได้ 19 ราย บาดเจ็บนำส่งรพ. แพทย์รังสิตแล้ว 6 ราย พบร่างผู้เสียชีวิต 10ราย ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างตรวจสอบ 😢😢😥
    Like
    Sad
    2
    0 Comments 0 Shares 713 Views 0 Reviews
  • 📢อัฟเดตสถานการณ์!!!

    เหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา นร.อนุบาล บริเวณ ถ.วิภาวดีรังสิตขาเข้า หน้าอนุสรณ์สถาน เป็นรถบัสนักเรียนทัศนศึกษา นักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยา จ.อุทัยธานี เดินทางมารวม 3 คัน รถบัสคันที่เกิดเหตุ เป็นคันที่ 3 ทะเบียน 30-0423 สิงห์บุรี จำนวนครูและนักเรียนบนรถ 42 คน รับแจ้งเบื้องต้น สามารถอพยพลงมาได้ 19 ราย บาดเจ็บนำส่งรพ. แพทย์รังสิตแล้ว 6 ราย พบร่างผู้เสียชีวิต 10ราย ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างตรวจสอบ 😢😢😥
    📢อัฟเดตสถานการณ์!!! เหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา นร.อนุบาล บริเวณ ถ.วิภาวดีรังสิตขาเข้า หน้าอนุสรณ์สถาน เป็นรถบัสนักเรียนทัศนศึกษา นักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยา จ.อุทัยธานี เดินทางมารวม 3 คัน รถบัสคันที่เกิดเหตุ เป็นคันที่ 3 ทะเบียน 30-0423 สิงห์บุรี จำนวนครูและนักเรียนบนรถ 42 คน รับแจ้งเบื้องต้น สามารถอพยพลงมาได้ 19 ราย บาดเจ็บนำส่งรพ. แพทย์รังสิตแล้ว 6 ราย พบร่างผู้เสียชีวิต 10ราย ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างตรวจสอบ 😢😢😥
    Like
    Sad
    2
    0 Comments 1 Shares 725 Views 0 Reviews
  • เกิดเหตุรถบัสทัศนศึกษาโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จังหวัดอุทัยธานี ไฟลุกไหม้บริเวณหน้าอนุสรณ์สถาน ใต้สะพาน ตรงเชียร์รังสิต เบื้องต้นเจ็บ 6 ราย กู้ภัยช่วยเหลือได้ 19 ราย คาดเสียชีวิตนับ 10 ราย
    .
    วันนี้( 1 ต.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุรถบัสทัศนศึกษาวัดเขาพระยา จังหวัดอุทัย ไฟไหมระหว่างเดินทาง เหตุเกิดพื้นที่ สภ.คูคต หน้าอนุสรณ์สถาน ใต้สะพาน ตรงเชียร์รังสิต ถนนพหลโยธิน เขาเข้าดอนเมือง
    .
    เบื้องต้นภายในรถบัส ทะเบียน 30-0423 สิงห์บุรี จำนวนครูและนักเรียนบนรถ 42 คน สามารถอพยพลงมาได้ 19 ราย พบศพเด็กนักเรียนกองรวมกันอยู่บริเวณท้ายรถคาดมี 10 ศพ ส่วนที่เหลือได้รับบาดเจ็บ 6 ราย เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำส่งโรงพยาบใกล้เคียง และยังมีเด็กนักเรียน ที่รอดจากเหตุการณดังกล่าว อยู่ในที่เกิดเหตุโดยมีเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิด เบื้องต้นพบรถคันเกิดเหตุ ติดตังระบบแก็ส NGV ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังฉีกน้ำหล่อเลี้ยงไม่ให้แก๊สฟุงกระจ่าย
    .................
    Sondhi X
    เกิดเหตุรถบัสทัศนศึกษาโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จังหวัดอุทัยธานี ไฟลุกไหม้บริเวณหน้าอนุสรณ์สถาน ใต้สะพาน ตรงเชียร์รังสิต เบื้องต้นเจ็บ 6 ราย กู้ภัยช่วยเหลือได้ 19 ราย คาดเสียชีวิตนับ 10 ราย . วันนี้( 1 ต.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุรถบัสทัศนศึกษาวัดเขาพระยา จังหวัดอุทัย ไฟไหมระหว่างเดินทาง เหตุเกิดพื้นที่ สภ.คูคต หน้าอนุสรณ์สถาน ใต้สะพาน ตรงเชียร์รังสิต ถนนพหลโยธิน เขาเข้าดอนเมือง . เบื้องต้นภายในรถบัส ทะเบียน 30-0423 สิงห์บุรี จำนวนครูและนักเรียนบนรถ 42 คน สามารถอพยพลงมาได้ 19 ราย พบศพเด็กนักเรียนกองรวมกันอยู่บริเวณท้ายรถคาดมี 10 ศพ ส่วนที่เหลือได้รับบาดเจ็บ 6 ราย เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำส่งโรงพยาบใกล้เคียง และยังมีเด็กนักเรียน ที่รอดจากเหตุการณดังกล่าว อยู่ในที่เกิดเหตุโดยมีเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิด เบื้องต้นพบรถคันเกิดเหตุ ติดตังระบบแก็ส NGV ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังฉีกน้ำหล่อเลี้ยงไม่ให้แก๊สฟุงกระจ่าย ................. Sondhi X
    Sad
    10
    0 Comments 0 Shares 753 Views 0 Reviews
  • เกิดเหตุเพลิงไหม้รถบัสทัศนศึกษษของนักเรียน เหตุเกิดถนนพหลโยธิน ขาเข้า หน้าห้างฯ เซียร์รังสิต ก่อนถึงอนุสรณ์สถาน เบื้องต้นมีรายงานว่า มีเด็กนักเรียนเสียชีวิต และบาดเจ็บหลายราย
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000092482

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เกิดเหตุเพลิงไหม้รถบัสทัศนศึกษษของนักเรียน เหตุเกิดถนนพหลโยธิน ขาเข้า หน้าห้างฯ เซียร์รังสิต ก่อนถึงอนุสรณ์สถาน เบื้องต้นมีรายงานว่า มีเด็กนักเรียนเสียชีวิต และบาดเจ็บหลายราย อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000092482 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Sad
    Like
    Love
    Haha
    Angry
    44
    2 Comments 1 Shares 2590 Views 1 Reviews
  • #คืบหน้า กรณี เหตุเพลิงไหม้รถบัสโดยสารนักเรียน บนถนนวิภาวดีรังสิต ตรงข้ามพหลโยธิน 72 หลังเพลิงสงบ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบผู้เสียชีวิตจำนวน 10 ราย อยู่บนรถ

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/UdGo5UcRHajfy95p/?mibextid=oFDknk
    #คืบหน้า กรณี เหตุเพลิงไหม้รถบัสโดยสารนักเรียน บนถนนวิภาวดีรังสิต ตรงข้ามพหลโยธิน 72 หลังเพลิงสงบ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบผู้เสียชีวิตจำนวน 10 ราย อยู่บนรถ ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/UdGo5UcRHajfy95p/?mibextid=oFDknk
    Sad
    1
    0 Comments 0 Shares 36 Views 0 Reviews
  • ด่วน!! ไฟไหม้รถบัสโดยสารนักเรียน ถนนวิภาวดีรังสิต


    เวลา 12.20 น.ที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้รถบัสโดยสารนักเรียน บนถนนวิภาวดีรังสิต ตรงข้ามพหลโยธิน 72

    เบื้องต้นรับแจ้งรถบัสคันดังกล่าว เป็นรถของโรงเรียน วัดเขาพระยา จ.อุทัยธานี กำลังพานักเรียนไปทัศนศึกษา รายงานมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตยังไม่ทราบจำนวน เจ้าหน้าที่ระงับเหตุเพลิงสงบ รายละเอียดเพิ่มเติมระหว่างตรวจสอบ

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/v/XuxeLG6RaJF5Hn52/?mibextid=oFDknk
    ด่วน!! ไฟไหม้รถบัสโดยสารนักเรียน ถนนวิภาวดีรังสิต  เวลา 12.20 น.ที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้รถบัสโดยสารนักเรียน บนถนนวิภาวดีรังสิต ตรงข้ามพหลโยธิน 72 เบื้องต้นรับแจ้งรถบัสคันดังกล่าว เป็นรถของโรงเรียน วัดเขาพระยา จ.อุทัยธานี กำลังพานักเรียนไปทัศนศึกษา รายงานมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตยังไม่ทราบจำนวน เจ้าหน้าที่ระงับเหตุเพลิงสงบ รายละเอียดเพิ่มเติมระหว่างตรวจสอบ ที่มา : https://www.facebook.com/share/v/XuxeLG6RaJF5Hn52/?mibextid=oFDknk
    0 Comments 0 Shares 149 Views 120 0 Reviews
  • ไฟกลับมาแล้ว 🎉
    สาเหตุเกิดจากพายุฝนและลมแรงที่ทำให้ป้ายโฆษณาล้มลงมาและไปโดนสายส่งไฟฟ้าแรงสูงในเขต รังสิต-ธัญบุรี จนทำให้เกิดไฟฟ้าดับ
    ไฟกลับมาแล้ว 🎉 สาเหตุเกิดจากพายุฝนและลมแรงที่ทำให้ป้ายโฆษณาล้มลงมาและไปโดนสายส่งไฟฟ้าแรงสูงในเขต รังสิต-ธัญบุรี จนทำให้เกิดไฟฟ้าดับ
    Like
    6
    0 Comments 0 Shares 101 Views 0 Reviews
  • ฝนตกหนัก “ไฟดับ”
    สะพานใหม่ , รังสิต200ปี ,
    ฝั่งคลอง1,2,3,4ดับ
    ยังไม่ทราบสาเหตุ ?
    ฝนตกหนัก “ไฟดับ” สะพานใหม่ , รังสิต200ปี , ฝั่งคลอง1,2,3,4ดับ ยังไม่ทราบสาเหตุ ?
    Like
    Sad
    4
    0 Comments 0 Shares 102 Views 0 Reviews
  • เปิดตัว Thaitimes โซเชียลฯ สำหรับคนไทย

    นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือผู้จัดการ และผู้ดำเนินรายการ คุยทุกเรื่องกับสนธิ เปิดตัวแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ "ไทยไทมส์" (Thaitimes) อย่างเป็นทางการ ที่หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 29 ก.ย. โดยได้แนะนำนายอาทิตย์ เซกาล และนายกฤษณะ ผู้อยู่เบื้องหลังในการพัฒนาแพลตฟอร์มดังกล่าวบนเวทีอีกด้วย คาดว่าภายในสิ้นปี 2567 จะมีผู้ใช้งานมากกว่า 5 หมื่นคน และปีหน้า (2568) จะมีสมาชิกหลักแสนคน

    นายสนธิ กล่าวว่า ได้เปิดทดลองใช้แอปพลิเคชัน Thaitimes เป็นครั้งแรกตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา ถึงปัจจุบันเป็นเวลาประมาณ 1 เดือน มีผู้สมัครเข้าใช้แอปพลิเคชันนี้แล้วมากกว่า 2 หมื่นราย จุดเด่นของแอปพลิเคชันไทยไทมส์ คือ มีความเป็นสากลและความเป็นท้องถิ่นอยู่ในตัวเอง ซึ่งสิ่งโซเชียลมีเดียของต่างชาติขาดหายไป คือการใช้มาตรฐานเดียวกันหมดทั่วโลก ทั้งที่ทั่วโลกต้องการความหลากหลาย

    "สิ่งที่สำคัญคือ โซเชียลมีเดียต่างชาตินั้น รับงานรัฐบาลของตัวเองปิดกั้นข้อมูลข้อเท็จจริง ที่คนไทยหรือคนทั่วโลกควรรับรู้อย่างเช่น เรื่องโควิด-19 วัคซีน ผลกระทบของวัคซีน ซึ่งเป็นเรื่องความเป็นความตายของผู้คนทั่วโลก ... ทุกคนมั่นใจว่าแอปฯ นี้จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนไทย ในยุคที่แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ต่างประเทศเซ็นเซอร์ ปิดกั้นข้อมูลข้อเท็จจริง และแสวงหากำไรเกินควร" นายสนธิ ระบุ

    สำหรับแอปพลิเคชัน Thaitimes นอกจากจะมีหน้าโปร์ไฟล์สำหรับแบ่งปันเรื่องราวแล้ว ยังมีเพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" จากรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ เพจ "ความจริงมีหนึ่งเดียว" ถ่ายทอดสดงานความจริงมีหนึ่งเดียว เพจ "News1" ของสถานีข่าวนิวส์วัน เพจ "Thanong Fanclub" ของนายทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญด้านข่าวต่างประเทศ เรื่องราวด้านสุขภาพจากเพจ "ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์" ของ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต และเพจ "Thiravat Hemachudha" ของ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เป็นต้น

    ผู้ใช้งานสามารถสมัครฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ที่ App Store และ Google Play Store หากพบปัญหาการใช้งาน หรือดูวิธีการสมัครต่างๆ แจ้งได้ที่เพจ Thaitimes Help Center หรือแจ้งปัญหาการใช้งานได้ที่ไลน์ @sondhitalk

    #Newskit #Thaitimes #ไทยไทมส์
    เปิดตัว Thaitimes โซเชียลฯ สำหรับคนไทย นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือผู้จัดการ และผู้ดำเนินรายการ คุยทุกเรื่องกับสนธิ เปิดตัวแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ "ไทยไทมส์" (Thaitimes) อย่างเป็นทางการ ที่หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 29 ก.ย. โดยได้แนะนำนายอาทิตย์ เซกาล และนายกฤษณะ ผู้อยู่เบื้องหลังในการพัฒนาแพลตฟอร์มดังกล่าวบนเวทีอีกด้วย คาดว่าภายในสิ้นปี 2567 จะมีผู้ใช้งานมากกว่า 5 หมื่นคน และปีหน้า (2568) จะมีสมาชิกหลักแสนคน นายสนธิ กล่าวว่า ได้เปิดทดลองใช้แอปพลิเคชัน Thaitimes เป็นครั้งแรกตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา ถึงปัจจุบันเป็นเวลาประมาณ 1 เดือน มีผู้สมัครเข้าใช้แอปพลิเคชันนี้แล้วมากกว่า 2 หมื่นราย จุดเด่นของแอปพลิเคชันไทยไทมส์ คือ มีความเป็นสากลและความเป็นท้องถิ่นอยู่ในตัวเอง ซึ่งสิ่งโซเชียลมีเดียของต่างชาติขาดหายไป คือการใช้มาตรฐานเดียวกันหมดทั่วโลก ทั้งที่ทั่วโลกต้องการความหลากหลาย "สิ่งที่สำคัญคือ โซเชียลมีเดียต่างชาตินั้น รับงานรัฐบาลของตัวเองปิดกั้นข้อมูลข้อเท็จจริง ที่คนไทยหรือคนทั่วโลกควรรับรู้อย่างเช่น เรื่องโควิด-19 วัคซีน ผลกระทบของวัคซีน ซึ่งเป็นเรื่องความเป็นความตายของผู้คนทั่วโลก ... ทุกคนมั่นใจว่าแอปฯ นี้จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนไทย ในยุคที่แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ต่างประเทศเซ็นเซอร์ ปิดกั้นข้อมูลข้อเท็จจริง และแสวงหากำไรเกินควร" นายสนธิ ระบุ สำหรับแอปพลิเคชัน Thaitimes นอกจากจะมีหน้าโปร์ไฟล์สำหรับแบ่งปันเรื่องราวแล้ว ยังมีเพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" จากรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ เพจ "ความจริงมีหนึ่งเดียว" ถ่ายทอดสดงานความจริงมีหนึ่งเดียว เพจ "News1" ของสถานีข่าวนิวส์วัน เพจ "Thanong Fanclub" ของนายทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญด้านข่าวต่างประเทศ เรื่องราวด้านสุขภาพจากเพจ "ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์" ของ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต และเพจ "Thiravat Hemachudha" ของ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เป็นต้น ผู้ใช้งานสามารถสมัครฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ที่ App Store และ Google Play Store หากพบปัญหาการใช้งาน หรือดูวิธีการสมัครต่างๆ แจ้งได้ที่เพจ Thaitimes Help Center หรือแจ้งปัญหาการใช้งานได้ที่ไลน์ @sondhitalk #Newskit #Thaitimes #ไทยไทมส์
    Like
    Love
    Haha
    Yay
    132
    10 Comments 4 Shares 3376 Views 5 Reviews
  • 》》วันเดย์ทริป พิชิตน้ำตกโกรกอีดก สระบุรี
    ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
    ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด
    ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร
    ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่
    》》
    ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม
    ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959
    ☆เพจ
    》》
    https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg
    《《
    ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ
    ●●●●●●●●●●●●●●●●●●
    ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ
    คนละ 600 บาท
    (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท)
    วันละ 24 คน เท่านั้น!!
    》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532
    ไอดีไลน์ : 0899332762p
    ●●●●●●●●●●●●●●●●●●
    น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก
    ■■■■■■■
    #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก
    #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    》》วันเดย์ทริป พิชิตน้ำตกโกรกอีดก สระบุรี ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่ 》》 ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959 ☆เพจ 》》 https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg 《《 ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ ●●●●●●●●●●●●●●●●●● ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ คนละ 600 บาท (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท) วันละ 24 คน เท่านั้น!! 》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532 ไอดีไลน์ : 0899332762p ●●●●●●●●●●●●●●●●●● น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก ■■■■■■■ #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    Like
    Love
    Yay
    13
    0 Comments 0 Shares 1716 Views 859 0 Reviews
  • 29 กันยายน 2567-รายงานจากเฟซบุ๊ก ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ กล่าวขอแสดงความยินดีกับ ศาสตราจารย์นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ได้รับการประกาศยกย่องให้เป็นสุดยอดนักวิทยาศาสตร์ 2% ของโลก คนใหม่ล่าสุดเดือนกันยายน 2567 ที่มีผลงานที่ส่งผลกระทบในการอ้างอิงทางวิชาการตลอดชีพสูงที่สุด (career-long citation impact) โดยมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกา

    ด้วยความยินดีอย่างยิ่ง
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    29 กันยายน 2567

    https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1061956778631355/?

    #Thaitimes
    29 กันยายน 2567-รายงานจากเฟซบุ๊ก ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ กล่าวขอแสดงความยินดีกับ ศาสตราจารย์นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ได้รับการประกาศยกย่องให้เป็นสุดยอดนักวิทยาศาสตร์ 2% ของโลก คนใหม่ล่าสุดเดือนกันยายน 2567 ที่มีผลงานที่ส่งผลกระทบในการอ้างอิงทางวิชาการตลอดชีพสูงที่สุด (career-long citation impact) โดยมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกา ด้วยความยินดีอย่างยิ่ง ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 29 กันยายน 2567 https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1061956778631355/? #Thaitimes
    Like
    Love
    Yay
    Angry
    41
    5 Comments 0 Shares 1673 Views 1 Reviews
  • ขอแสดงความยินดีกับ ศาสตราจารย์นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ได้รับการประกาศยกย่องให้เป็นสุดยอดนักวิทยาศาสตร์ 2% ของโลก คนใหม่ล่าสุดเดือนกันยายน 2567 ที่มีผลงานที่ส่งผลกระทบในการอ้างอิงทางวิชาการตลอดชีพสูงที่สุด (career-long citation impact) โดยมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกา

    ด้วยความยินดีอย่างยิ่ง
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    29 กันยายน 2567
    ขอแสดงความยินดีกับ ศาสตราจารย์นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ได้รับการประกาศยกย่องให้เป็นสุดยอดนักวิทยาศาสตร์ 2% ของโลก คนใหม่ล่าสุดเดือนกันยายน 2567 ที่มีผลงานที่ส่งผลกระทบในการอ้างอิงทางวิชาการตลอดชีพสูงที่สุด (career-long citation impact) โดยมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกา ด้วยความยินดีอย่างยิ่ง ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 29 กันยายน 2567
    Like
    Love
    Yay
    Wow
    Haha
    145
    3 Comments 7 Shares 1115 Views 1 Reviews
  • เสนอกฎหมายเพื่อฟ้อง บริษัทยายักษ์ใหญ่

    Gosar สมาชิกสภาคองเกรส สหรัฐ เสนอกฎหมายเพื่อฟ้อง บริษัทยายักษ์ใหญ่ (Big Pharma) สําหรับการบาดเจ็บจากวัคซีน
    วอชิงตัน ดี.ซี. 26 กันยายน 2024

    สมาชิกสภาคองเกรส พอล เอ. โกซาร์, ดี.ดี.เอส. (AZ-09) ออกแถลงการณ์ ต่อไปนี้ หลังจากเสนอ H.R. 9828 พระราชบัญญัติระงับ การปกป้อง ผู้ผลิตวัคซีนจากการที่ไม่ต้องรับผิดชอบ End the Vaccine Carveout Act (https://www.congress.gov/bill/118th-congress/house-bill/9828#:~:text=Summary%20of%20H.R.9828%20-%20118th%20Congress)
    เป็นร่างกฎหมายที่จะถอดผู้ผลิตวัคซีนออกจากโล่ความที่ไม่ต้องรับผิด ส่งผลให้มีกําไรหลายแสนล้านดอลลาร์สำหรับ Big Pharma ในขณะที่ทำให้ผู้คนหลายหมื่นคนไม่สามารถแสวงหาความยุติธรรมทางกฎหมาย และ การชดเชยการบาดเจ็บที่เกิดจากวัคซีน
    และมีการแถลง press release ดังต่อไปนี้

    “แม้ว่าข้าราชการของรัฐบาลกลางและ Big Pharma จะยืนยันว่าวัคซีนนั้นปลอดภัย แต่ก็น่าเสียดายที่ขาดวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีน ตัวอย่างเช่น การทบทวนเอกสารทางวิทยาศาสตร์ 12,000 ฉบับโดยสถาบันการแพทย์ ที่ตีพิมพ์ในปี 2555 พบว่า 98% ของการบาดเจ็บที่ศึกษานั้น เกิดจากหรืออาจเกิดจากวัคซีน การศึกษาของรัฐบาลอีกชิ้นหนึ่ง พบว่า ในขณะที่วัคซีนทำให้เกิดการบาดเจ็บใน 10 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วย มีเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ได้รับรายงาน ซึ่งหมายความว่าจำนวนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากวัคซีนถูกนับน้อยไปอย่างมาก

    นอกจากนี้ ตามระบบการรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากวัคซีนของศูนย์ควบคุมโรค มีรายงานว่าชาวอเมริกันเกือบ 20,000 คนตายโดยวัคซีนโควิด-19 ซึ่งเท่ากับ การเสียชีวิต หนึ่งรายต่อทุกๆ 14,000 คน ที่ได้รับวัคซีน ซึ่งสูงกว่าหนึ่งในล้านของการเสียชีวิต ที่ปกติมีการอ้างถึงอันตรายจากวัคซีน

    ข้าราชการและนักวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลที่รับผิดชอบในการอนุมัติวัคซีนอยู่บนเตียงกับ Big Pharma ซึ่งมักเป็นเจ้าของหุ้นยา โดยมีหน้าที่เป็นที่ปรึกษา และรับสัญญาที่ร่ํารวยจากบริษัทยาที่กดดันให้พวกเขาสร้างผลลัพธ์ที่ดีซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายของรัฐบาลกลางโดยตรง

    ที่แย่กว่านั้น นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยหลายคนในหน่วยงานของรัฐพัฒนาสิทธิบัตรสําหรับวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานที่พวกเขาทํางาน สร้างความขัดแย้งทางผลประโยชน์และก่อให้เกิดคําถามร้ายแรงเกี่ยวกับความเป็นธรรมของการตัดสินใจของพวกเขา

    ภายใต้กฎหมายปัจจุบัน แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ ผู้ผลิตวัคซีนจะต้องรับผิดชอบต่อการบาดเจ็บที่เกิดจากวัคซีน เนื่องจากกฎหมายปี 1986 ที่สร้างภูมิคุ้มกันพิเศษอย่างไม่เป็นธรรมสําหรับ Big Pharma ทําให้เหยื่อที่ได้รับบาดเจ็บจากวัคซีนชนะในศาลได้ยากมาก

    กฎหมายนี้ยกเลิกบทบัญญัติภูมิคุ้มกันในปัจจุบันที่ปกป้อง Big Pharma อย่างไม่เป็นธรรม จากอันตรายที่เกิดจากผลิตภัณฑ์ของตน และอนุญาตให้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากวัคซีนดําเนินคดีทางแพ่งในศาลของรัฐหรือรัฐบาลกลาง Big Pharma ไม่สมควรได้รับบัตรปลอดคุกสําหรับการบาดเจ็บที่เกิดจากวัคซีนที่เป็นอันตราย” สมาชิกสภาคองเกรส Gosar กล่าวสรุป

    โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ผู้ก่อตั้ง Children's Health Defense และประธานคณะกรรมการ Leave กล่าวว่า “ผู้ผลิตวัคซีนชาวอเมริกันทั้งสี่รายเป็นองค์กรอาชญากรรมที่จ่ายค่าปรับทางอาญาหลายหมื่นล้านในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยการปลดปล่อยพวกเขาจากความรับผิดสําหรับความประมาทเลินเล่อ กฎเกณฑ์ปี 1986 ได้ลบสิ่งจูงใจใด ๆ สําหรับบริษัทเหล่านี้ในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย หากเราต้องการวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เราจําเป็นต้องยุติเกราะป้องกันความรับผิด”

    แมรี่ ฮอลแลนด์ ประธานฝ่ายป้องกันสุขภาพเด็กกล่าวเสริมว่า “ขอบคุณสมาชิกสภาคองเกรสโกซาร์ที่แนะนํากฎหมายประวัติศาสตร์และจําเป็นอย่างเร่งด่วนนี้ เป็นเวลากว่า 35 ปีแล้วที่ผู้ปกครองของเด็กที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากวัคซีนที่รัฐบาลแนะนําถูกทิ้งไว้โดยไม่มีการเยียวยาที่มีความหมาย -- มีเพียงโครงการชดเชยที่ซับซ้อนและหลอกลวงที่ทําให้ครอบครัวที่เสียใจต่อต้านรัฐบาล ในขณะที่ Big Pharma ไม่มีความรับผิด ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ภาวะสุขภาพเรื้อรังในเด็ก - ออทิสติก สมาธิสั้น โรคภูมิแพ้รุนแรง หอบหืด - ได้พุ่งสูงขึ้น กฎหมายนี้จะช่วยยุติการปกครองของ Big Pharma เหนือรัฐบาล ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนที่ทุจริตของพระราชบัญญัติการบาดเจ็บจากวัคซีนในวัยเด็กแห่งชาติปี 1986 ได้ปราบปรามวิทยาศาสตร์ ขัดขวางครอบครัว โค่นล้มตลาดการตรวจสอบและถ่วงดุลแบบประชาธิปไตย และลบสิทธิของพลเมืองในการพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุน ชาวอเมริกันสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้”

    ความเป็นมา:
    ในปี 1986 สภาคองเกรสได้ผ่านพระราชบัญญัติการบาดเจ็บจากวัคซีนในวัยเด็กแห่งชาติ (NVCIA) ซึ่งปกป้องผู้ผลิตวัคซีนจากอันตรายที่เกิดจากผลิตภัณฑ์ของตน ทําให้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้บาดเจ็บจากวัคซีนจะชนะในศาล โจทก์ต้องพิสูจน์ว่าผู้ผลิตวัคซีนจงใจ "[ระงับ] ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยหรือประสิทธิภาพของวัคซีน" มีส่วนร่วมใน "กิจกรรมทางอาญาหรือผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีน" หรือ "โดยหลักฐานที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือ... ล้มเหลวในการใช้ความระมัดระวังอย่างเหมาะสม"การปฏิบัติตามข้อกําหนดเหล่านี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

    ศูนย์ควบคุมโรค (CDC) และสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) ได้รับมอบหมายให้อนุมัติวัคซีน น่าเศร้าที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างมาก เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์ที่ทํางานในหน่วยงานเหล่านี้ออกใบอนุญาตสิทธิบัตรให้กับผู้ผลิตวัคซีน และในการทําเช่นนั้น ได้รับค่าลิขสิทธิ์สูงถึง 150,000 ดอลลาร์นอกจากนี้ สมาชิกที่ลงคะแนนเสียงในคณะกรรมการที่ให้คําแนะนําแก่ CDC และ NIH เป็นเจ้าของหุ้นของผู้ผลิตวัคซีน มีส่วนร่วมในงานสัญญาสําหรับผู้ผลิตวัคซีน และได้รับเงินช่วยเหลือจากผู้ผลิตวัคซีน

    ผู้สนับสนุนร่วมในปัจจุบัน:
    Representatives Andy Biggs, Lauren Boebert, Josh Brecheen, Tim Burchett, Eric Burlison, Mike Collins, Eli Crane, Warren Davidson, Byron Donalds, Matt Gaetz, Bob Good, Marjorie Taylor Greene, Harriet Hageman, Andy Harris, Clay Higgins, Ronny Jackson, Anna Paulina Luna, Nancy Mace, Thomas Massie, Mary E. Miller, Cory Mills, Barry Moore, Troy E. Nehls, Ralph Norman, Andy Ogles, Bill Posey, Chip Roy, Keith Self, Victoria Spartz, and Randy K. Weber Sr.

    ถอดความภาษาไทยโดย

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    เสนอกฎหมายเพื่อฟ้อง บริษัทยายักษ์ใหญ่ Gosar สมาชิกสภาคองเกรส สหรัฐ เสนอกฎหมายเพื่อฟ้อง บริษัทยายักษ์ใหญ่ (Big Pharma) สําหรับการบาดเจ็บจากวัคซีน วอชิงตัน ดี.ซี. 26 กันยายน 2024 สมาชิกสภาคองเกรส พอล เอ. โกซาร์, ดี.ดี.เอส. (AZ-09) ออกแถลงการณ์ ต่อไปนี้ หลังจากเสนอ H.R. 9828 พระราชบัญญัติระงับ การปกป้อง ผู้ผลิตวัคซีนจากการที่ไม่ต้องรับผิดชอบ End the Vaccine Carveout Act (https://www.congress.gov/bill/118th-congress/house-bill/9828#:~:text=Summary%20of%20H.R.9828%20-%20118th%20Congress) เป็นร่างกฎหมายที่จะถอดผู้ผลิตวัคซีนออกจากโล่ความที่ไม่ต้องรับผิด ส่งผลให้มีกําไรหลายแสนล้านดอลลาร์สำหรับ Big Pharma ในขณะที่ทำให้ผู้คนหลายหมื่นคนไม่สามารถแสวงหาความยุติธรรมทางกฎหมาย และ การชดเชยการบาดเจ็บที่เกิดจากวัคซีน และมีการแถลง press release ดังต่อไปนี้ “แม้ว่าข้าราชการของรัฐบาลกลางและ Big Pharma จะยืนยันว่าวัคซีนนั้นปลอดภัย แต่ก็น่าเสียดายที่ขาดวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีน ตัวอย่างเช่น การทบทวนเอกสารทางวิทยาศาสตร์ 12,000 ฉบับโดยสถาบันการแพทย์ ที่ตีพิมพ์ในปี 2555 พบว่า 98% ของการบาดเจ็บที่ศึกษานั้น เกิดจากหรืออาจเกิดจากวัคซีน การศึกษาของรัฐบาลอีกชิ้นหนึ่ง พบว่า ในขณะที่วัคซีนทำให้เกิดการบาดเจ็บใน 10 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วย มีเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ได้รับรายงาน ซึ่งหมายความว่าจำนวนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากวัคซีนถูกนับน้อยไปอย่างมาก นอกจากนี้ ตามระบบการรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากวัคซีนของศูนย์ควบคุมโรค มีรายงานว่าชาวอเมริกันเกือบ 20,000 คนตายโดยวัคซีนโควิด-19 ซึ่งเท่ากับ การเสียชีวิต หนึ่งรายต่อทุกๆ 14,000 คน ที่ได้รับวัคซีน ซึ่งสูงกว่าหนึ่งในล้านของการเสียชีวิต ที่ปกติมีการอ้างถึงอันตรายจากวัคซีน ข้าราชการและนักวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลที่รับผิดชอบในการอนุมัติวัคซีนอยู่บนเตียงกับ Big Pharma ซึ่งมักเป็นเจ้าของหุ้นยา โดยมีหน้าที่เป็นที่ปรึกษา และรับสัญญาที่ร่ํารวยจากบริษัทยาที่กดดันให้พวกเขาสร้างผลลัพธ์ที่ดีซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายของรัฐบาลกลางโดยตรง ที่แย่กว่านั้น นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยหลายคนในหน่วยงานของรัฐพัฒนาสิทธิบัตรสําหรับวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานที่พวกเขาทํางาน สร้างความขัดแย้งทางผลประโยชน์และก่อให้เกิดคําถามร้ายแรงเกี่ยวกับความเป็นธรรมของการตัดสินใจของพวกเขา ภายใต้กฎหมายปัจจุบัน แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ ผู้ผลิตวัคซีนจะต้องรับผิดชอบต่อการบาดเจ็บที่เกิดจากวัคซีน เนื่องจากกฎหมายปี 1986 ที่สร้างภูมิคุ้มกันพิเศษอย่างไม่เป็นธรรมสําหรับ Big Pharma ทําให้เหยื่อที่ได้รับบาดเจ็บจากวัคซีนชนะในศาลได้ยากมาก กฎหมายนี้ยกเลิกบทบัญญัติภูมิคุ้มกันในปัจจุบันที่ปกป้อง Big Pharma อย่างไม่เป็นธรรม จากอันตรายที่เกิดจากผลิตภัณฑ์ของตน และอนุญาตให้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากวัคซีนดําเนินคดีทางแพ่งในศาลของรัฐหรือรัฐบาลกลาง Big Pharma ไม่สมควรได้รับบัตรปลอดคุกสําหรับการบาดเจ็บที่เกิดจากวัคซีนที่เป็นอันตราย” สมาชิกสภาคองเกรส Gosar กล่าวสรุป โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ผู้ก่อตั้ง Children's Health Defense และประธานคณะกรรมการ Leave กล่าวว่า “ผู้ผลิตวัคซีนชาวอเมริกันทั้งสี่รายเป็นองค์กรอาชญากรรมที่จ่ายค่าปรับทางอาญาหลายหมื่นล้านในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยการปลดปล่อยพวกเขาจากความรับผิดสําหรับความประมาทเลินเล่อ กฎเกณฑ์ปี 1986 ได้ลบสิ่งจูงใจใด ๆ สําหรับบริษัทเหล่านี้ในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย หากเราต้องการวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เราจําเป็นต้องยุติเกราะป้องกันความรับผิด” แมรี่ ฮอลแลนด์ ประธานฝ่ายป้องกันสุขภาพเด็กกล่าวเสริมว่า “ขอบคุณสมาชิกสภาคองเกรสโกซาร์ที่แนะนํากฎหมายประวัติศาสตร์และจําเป็นอย่างเร่งด่วนนี้ เป็นเวลากว่า 35 ปีแล้วที่ผู้ปกครองของเด็กที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากวัคซีนที่รัฐบาลแนะนําถูกทิ้งไว้โดยไม่มีการเยียวยาที่มีความหมาย -- มีเพียงโครงการชดเชยที่ซับซ้อนและหลอกลวงที่ทําให้ครอบครัวที่เสียใจต่อต้านรัฐบาล ในขณะที่ Big Pharma ไม่มีความรับผิด ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ภาวะสุขภาพเรื้อรังในเด็ก - ออทิสติก สมาธิสั้น โรคภูมิแพ้รุนแรง หอบหืด - ได้พุ่งสูงขึ้น กฎหมายนี้จะช่วยยุติการปกครองของ Big Pharma เหนือรัฐบาล ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนที่ทุจริตของพระราชบัญญัติการบาดเจ็บจากวัคซีนในวัยเด็กแห่งชาติปี 1986 ได้ปราบปรามวิทยาศาสตร์ ขัดขวางครอบครัว โค่นล้มตลาดการตรวจสอบและถ่วงดุลแบบประชาธิปไตย และลบสิทธิของพลเมืองในการพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุน ชาวอเมริกันสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้” ความเป็นมา: ในปี 1986 สภาคองเกรสได้ผ่านพระราชบัญญัติการบาดเจ็บจากวัคซีนในวัยเด็กแห่งชาติ (NVCIA) ซึ่งปกป้องผู้ผลิตวัคซีนจากอันตรายที่เกิดจากผลิตภัณฑ์ของตน ทําให้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้บาดเจ็บจากวัคซีนจะชนะในศาล โจทก์ต้องพิสูจน์ว่าผู้ผลิตวัคซีนจงใจ "[ระงับ] ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยหรือประสิทธิภาพของวัคซีน" มีส่วนร่วมใน "กิจกรรมทางอาญาหรือผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีน" หรือ "โดยหลักฐานที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือ... ล้มเหลวในการใช้ความระมัดระวังอย่างเหมาะสม"การปฏิบัติตามข้อกําหนดเหล่านี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ศูนย์ควบคุมโรค (CDC) และสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) ได้รับมอบหมายให้อนุมัติวัคซีน น่าเศร้าที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างมาก เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์ที่ทํางานในหน่วยงานเหล่านี้ออกใบอนุญาตสิทธิบัตรให้กับผู้ผลิตวัคซีน และในการทําเช่นนั้น ได้รับค่าลิขสิทธิ์สูงถึง 150,000 ดอลลาร์นอกจากนี้ สมาชิกที่ลงคะแนนเสียงในคณะกรรมการที่ให้คําแนะนําแก่ CDC และ NIH เป็นเจ้าของหุ้นของผู้ผลิตวัคซีน มีส่วนร่วมในงานสัญญาสําหรับผู้ผลิตวัคซีน และได้รับเงินช่วยเหลือจากผู้ผลิตวัคซีน ผู้สนับสนุนร่วมในปัจจุบัน: Representatives Andy Biggs, Lauren Boebert, Josh Brecheen, Tim Burchett, Eric Burlison, Mike Collins, Eli Crane, Warren Davidson, Byron Donalds, Matt Gaetz, Bob Good, Marjorie Taylor Greene, Harriet Hageman, Andy Harris, Clay Higgins, Ronny Jackson, Anna Paulina Luna, Nancy Mace, Thomas Massie, Mary E. Miller, Cory Mills, Barry Moore, Troy E. Nehls, Ralph Norman, Andy Ogles, Bill Posey, Chip Roy, Keith Self, Victoria Spartz, and Randy K. Weber Sr. ถอดความภาษาไทยโดย ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 267 Views 0 Reviews
  • รีโพสต์เพจเฟซบุ๊กของ ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    “สิ่งที่ถูกที่ควร
    ต้องหยุดการให้ ประชาชนฉีด วัคซีนด้วยเทคโนโลยี mRNA ซึ่งขณะนี้ยังมีการบริการ และให้ทหารเข้าใหม่และนักศึกษามีการฉีดวัคซีน

    ซึ่งถ้าประชาชนเป็นอะไรประชาชนต้องรับทราบว่าสามารถฟ้องร้องได้และเรียกค่ารักษาพยาบาลและทุพพลภาพได้

    ประการสำคัญก็คือถ้าหน่วยงานนั้นต้องให้ฉีดวัคซีนประชาชนควรจะยืนยันว่าต้องมีบันทึกให้คนที่ได้รับวัคซีนเก็บไว้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นทางหน่วยงาน ที่บังคับหรือส่งเสริมให้ฉีด โดยถ้าไม่ฉีดจะไม่ได้เรียนหรือไม่ได้เข้างาน “ต้องชดใช้ค่าเสียหาย”

    ต้องหยุดเทคโนโลยีนี้จนกว่าจะปรับปรุงแก้ไขให้ปลอดภัยเพราะวัคซีนมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันโรคช่วยชีวิตมนุษย์ไม่ใช่ตายเสียเอง

    อย่ามุ่งหวังแต่จะเอาทุนจะเอาชื่อเสียงจากชีวิตมนุษย์
    ในเมื่อมนุษย์กลายเป็นหนูทดลองทั่วโลกไปแล้วและทราบผลกันไปแล้ว ว่าตาย เจ็บ ป่วยมากมาย
    ทำไมไม่พัฒนาให้ประสิทธิภาพดีจริงๆ และ ปลอดภัยจริงๆ”

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/xVokYHJEXktx9s2W/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    รีโพสต์เพจเฟซบุ๊กของ ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา “สิ่งที่ถูกที่ควร ต้องหยุดการให้ ประชาชนฉีด วัคซีนด้วยเทคโนโลยี mRNA ซึ่งขณะนี้ยังมีการบริการ และให้ทหารเข้าใหม่และนักศึกษามีการฉีดวัคซีน ซึ่งถ้าประชาชนเป็นอะไรประชาชนต้องรับทราบว่าสามารถฟ้องร้องได้และเรียกค่ารักษาพยาบาลและทุพพลภาพได้ ประการสำคัญก็คือถ้าหน่วยงานนั้นต้องให้ฉีดวัคซีนประชาชนควรจะยืนยันว่าต้องมีบันทึกให้คนที่ได้รับวัคซีนเก็บไว้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นทางหน่วยงาน ที่บังคับหรือส่งเสริมให้ฉีด โดยถ้าไม่ฉีดจะไม่ได้เรียนหรือไม่ได้เข้างาน “ต้องชดใช้ค่าเสียหาย” ต้องหยุดเทคโนโลยีนี้จนกว่าจะปรับปรุงแก้ไขให้ปลอดภัยเพราะวัคซีนมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันโรคช่วยชีวิตมนุษย์ไม่ใช่ตายเสียเอง อย่ามุ่งหวังแต่จะเอาทุนจะเอาชื่อเสียงจากชีวิตมนุษย์ ในเมื่อมนุษย์กลายเป็นหนูทดลองทั่วโลกไปแล้วและทราบผลกันไปแล้ว ว่าตาย เจ็บ ป่วยมากมาย ทำไมไม่พัฒนาให้ประสิทธิภาพดีจริงๆ และ ปลอดภัยจริงๆ” ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/xVokYHJEXktx9s2W/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    Love
    5
    0 Comments 0 Shares 654 Views 0 Reviews
  • ร้านอร่อยชื่อดัง ที่ทั้งปังและแซ่บ นิตยาไก่ย่าง ที่มีหลายสาขาทั่วกรุงเทพฯ การันตีความอร่อยเด็ดยาวนานมาเป็น 10 ปี มีทั้งอาหารไทย และอาหารอีสานหลายเมนู ส้มตำ ไก่ย่างสูตรเฉพาะที่หลายคนไปแล้วต้องติดใจ ปลาช่อนริมสวน น้ำพริกหนุ่ม ไส้อั่ว และภายในร้านยังสะอาด นั่งสบายอีกด้วย เหมาะกับมื้อร่อยของครอบครัวมากๆ ทีเดียว

    พิกัด : สาขาห้างธัญญาพาร์ค ถ.ศรีนครินทร์, สาขาถนนประชาชื่น, สาขาสี่แยกประชานุกูล, สาขาแยกสะพานพระนั่งเกล้า, สาขาเมืองทองธานี, สาขาพหลโยธิน 8 (ซอยสายลม), สาขาปิ่นเกล้า, สาขารังสิต คลอง 2 ธัญบุรี, สาขาถนนนวมินทร์ 53, สาขาปตท. ไลฟ์พลาซ่า ถนนกาญจนาภิเษก, สาขาเดอะคริสตัล ปตท. (ชั้น 1) ถนนชัยพฤกษ์, สาขาสวนเพลิน มาร์เก็ต (ชั้น 1) ถนนพระราม 4
    ร้านเปิดบริการ : 10.00-21.30 น.
    โทร : 08-9135-1230

    #ส้มตำในกรุงเทพ #กินสารระนัวร์ #ของอร่อย #Thaitimes
    ร้านอร่อยชื่อดัง ที่ทั้งปังและแซ่บ นิตยาไก่ย่าง ที่มีหลายสาขาทั่วกรุงเทพฯ การันตีความอร่อยเด็ดยาวนานมาเป็น 10 ปี มีทั้งอาหารไทย และอาหารอีสานหลายเมนู ส้มตำ ไก่ย่างสูตรเฉพาะที่หลายคนไปแล้วต้องติดใจ ปลาช่อนริมสวน น้ำพริกหนุ่ม ไส้อั่ว และภายในร้านยังสะอาด นั่งสบายอีกด้วย เหมาะกับมื้อร่อยของครอบครัวมากๆ ทีเดียว พิกัด : สาขาห้างธัญญาพาร์ค ถ.ศรีนครินทร์, สาขาถนนประชาชื่น, สาขาสี่แยกประชานุกูล, สาขาแยกสะพานพระนั่งเกล้า, สาขาเมืองทองธานี, สาขาพหลโยธิน 8 (ซอยสายลม), สาขาปิ่นเกล้า, สาขารังสิต คลอง 2 ธัญบุรี, สาขาถนนนวมินทร์ 53, สาขาปตท. ไลฟ์พลาซ่า ถนนกาญจนาภิเษก, สาขาเดอะคริสตัล ปตท. (ชั้น 1) ถนนชัยพฤกษ์, สาขาสวนเพลิน มาร์เก็ต (ชั้น 1) ถนนพระราม 4 ร้านเปิดบริการ : 10.00-21.30 น. โทร : 08-9135-1230 #ส้มตำในกรุงเทพ #กินสารระนัวร์ #ของอร่อย #Thaitimes
    Like
    Yay
    6
    0 Comments 0 Shares 646 Views 0 Reviews
  • เสวนา "ดนตรีของพระเจ้าแผ่นดิน" น้อมสำนึกพระอัจฉริยภาพดนตรี กษัตริย์ไทยราชวงศ์จักรี

    โดยสำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม The Publisher ร่วมกับกองดุริยางค์กองบัญชาการกองทัพไทย จัดกิจกรรมแสดงดนตรีและเสวนาหัวข้อ "ดนตรีของพระเจ้าแผ่นดิน" เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ไทย ในราชวงศ์จักรี ซึ่งทุกพระองค์ทรงมีพระอัจฉริยภาพทางด้านดนตรีไทย-สากล ผ่านแต่ละยุคสมัยลุล่วงจนถึงปัจจุบัน

    ณ หอประชุมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ถนนวิภาวดีรังสิต
    #จิบกาแฟแลสยาม #สยามโสภา #Thaitimes #ดนตรีของพระเจ้าแผ่นดิน #กองบัญชาการกองทัพไทย #จงรักภักดี
    เสวนา "ดนตรีของพระเจ้าแผ่นดิน" น้อมสำนึกพระอัจฉริยภาพดนตรี กษัตริย์ไทยราชวงศ์จักรี โดยสำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม The Publisher ร่วมกับกองดุริยางค์กองบัญชาการกองทัพไทย จัดกิจกรรมแสดงดนตรีและเสวนาหัวข้อ "ดนตรีของพระเจ้าแผ่นดิน" เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ไทย ในราชวงศ์จักรี ซึ่งทุกพระองค์ทรงมีพระอัจฉริยภาพทางด้านดนตรีไทย-สากล ผ่านแต่ละยุคสมัยลุล่วงจนถึงปัจจุบัน ณ หอประชุมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ถนนวิภาวดีรังสิต #จิบกาแฟแลสยาม #สยามโสภา #Thaitimes #ดนตรีของพระเจ้าแผ่นดิน #กองบัญชาการกองทัพไทย #จงรักภักดี
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 694 Views 254 0 Reviews
  • (ว่าที่) เซ็นทรัล บางรัก โรบินสันในตำนาน

    เมื่อวันก่อนร้านแมคโดนัลด์ ภายในอาคารโรบินสัน บางรัก เปิดสาขาโฉมใหม่ใช้ชื่อว่า สาขาเซ็นทรัล บางรัก ออกแบบดีไซน์ ‘Geometry’ พร้อมเครื่องสั่งอาหารอัตโนมัติ (SOK- Self Ordering Kiosk), บริการชำระเงินแบบไร้เงินสด, พนักงานต้อนรับ (GEL – Guest Experience Leader), บริการเสิร์ฟอาหารที่โต๊ะ (Table Service) และ บริการฟรี Wifi เปิดบริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง เมนูอาหารเช้าเริ่มจำหน่ายเวลา 05.00-11.00 น. และเมนูไก่ทอดแมคเริ่มจำหน่ายเวลา 11.00-05.00 น.

    เหตุผลที่แมคโดนัลด์ใช้คำว่าสาขาเซ็นทรัล บางรัก เพราะอีกไม่นาน ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน บางรัก ที่มีอายุประมาณ 32 ปี จะเปลี่ยนเป็นห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล บางรัก ตามกลยุทธ์ของกลุ่มเซ็นทรัล ที่ทยอยเปลี่ยนห้างโรบินสันบางสาขาเป็นห้างเซ็นทรัล มาตั้งแต่ปี 2563 เพื่อให้เข้ากับสภาพตลาดและทำเล เน้นไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยทำงานมีกำลังซื้อค่อนข้างสูง เริ่มจากสาขาแรกเมกาบางนา ตามมาด้วยสาขาอุดรธานี ขอนแก่น และแฟชั่นไอส์แลนด์

    ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน บางรัก เปิดสาขาเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2535 เป็นอาคารห้างสรรพสินค้าขนาด 5 ชั้น (รวมชั้นใต้ดิน) ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง ที่ผ่านมาได้ทยอยปรับปรุงพื้นที่มาตั้งแต่กลางปี 2567 โดยใช้อัตลักษณ์องค์กร (Corporate Identity) ของห้างเซ็นทรัลแทน เป็นสาขาในกลุ่ม Black Tier ระดับเดียวกับสาขาลาดพร้าว ปิ่นเกล้า บางนา จับกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ เป็นรองก็แค่สาขาชิดลมที่้เป็นระดับ Rose Gold Tier ที่เจาะกลุ่มลูกค้าระดับ A+ ขึ้นไปและลูกค้าชาวต่างชาติ

    การปรับโฉมครั้งนี้ทำให้ห้างโรบินสัน ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เหลือสาขาพระราม 9 สุขุมวิท ลาดกระบัง รังสิต ศรีสมาน ราชพฤกษ์ และสมุทรปราการ ซึ่งก่อนหน้านี้ปิดสาขาศรีนครินทร์ เพราะไม่ต่อสัญญาเช่ากับศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ถึงกระนั้นห้างเซ็นทรัลและโรบินสัน ยังคงจัดโปรโมชันร่วมกัน มีบริการผู้ช่วยช้อปปิ้งส่วนตัว (Personal Shopper) โทร. 1425 การจำหน่ายสินค้าผ่านเซ็นทรัลออนไลน์ และ Central App

    ทำเลห้างโรบินสัน บางรักในปัจจุบัน อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สะพานตากสิน และท่าเรือสาทร ใกล้แหล่งอาคารสำนักงานย่านสีลมและสาทร ใกล้โรงแรมหรูอย่างโรงแรมแชงกรีล่า โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล โรงแรมเลอบัว แอท สเตททาวเวอร์ ใกล้สถานศึกษาอย่างโรงเรียนอัสสัมชัญ รวมทั้งฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยายังมีศูนย์การค้าไอคอนสยาม ที่มีเรือเฟอร์รี่จากท่าเรือสาทร ถือเป็นอีกหนึ่งทำเลที่กลุ่มเซ็นทรัลไม่ปล่อยให้หลุดมือง่ายๆ

    #Newskit #CentralBangrak #RobinsonBangrak
    (ว่าที่) เซ็นทรัล บางรัก โรบินสันในตำนาน เมื่อวันก่อนร้านแมคโดนัลด์ ภายในอาคารโรบินสัน บางรัก เปิดสาขาโฉมใหม่ใช้ชื่อว่า สาขาเซ็นทรัล บางรัก ออกแบบดีไซน์ ‘Geometry’ พร้อมเครื่องสั่งอาหารอัตโนมัติ (SOK- Self Ordering Kiosk), บริการชำระเงินแบบไร้เงินสด, พนักงานต้อนรับ (GEL – Guest Experience Leader), บริการเสิร์ฟอาหารที่โต๊ะ (Table Service) และ บริการฟรี Wifi เปิดบริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง เมนูอาหารเช้าเริ่มจำหน่ายเวลา 05.00-11.00 น. และเมนูไก่ทอดแมคเริ่มจำหน่ายเวลา 11.00-05.00 น. เหตุผลที่แมคโดนัลด์ใช้คำว่าสาขาเซ็นทรัล บางรัก เพราะอีกไม่นาน ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน บางรัก ที่มีอายุประมาณ 32 ปี จะเปลี่ยนเป็นห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล บางรัก ตามกลยุทธ์ของกลุ่มเซ็นทรัล ที่ทยอยเปลี่ยนห้างโรบินสันบางสาขาเป็นห้างเซ็นทรัล มาตั้งแต่ปี 2563 เพื่อให้เข้ากับสภาพตลาดและทำเล เน้นไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยทำงานมีกำลังซื้อค่อนข้างสูง เริ่มจากสาขาแรกเมกาบางนา ตามมาด้วยสาขาอุดรธานี ขอนแก่น และแฟชั่นไอส์แลนด์ ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน บางรัก เปิดสาขาเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2535 เป็นอาคารห้างสรรพสินค้าขนาด 5 ชั้น (รวมชั้นใต้ดิน) ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง ที่ผ่านมาได้ทยอยปรับปรุงพื้นที่มาตั้งแต่กลางปี 2567 โดยใช้อัตลักษณ์องค์กร (Corporate Identity) ของห้างเซ็นทรัลแทน เป็นสาขาในกลุ่ม Black Tier ระดับเดียวกับสาขาลาดพร้าว ปิ่นเกล้า บางนา จับกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ เป็นรองก็แค่สาขาชิดลมที่้เป็นระดับ Rose Gold Tier ที่เจาะกลุ่มลูกค้าระดับ A+ ขึ้นไปและลูกค้าชาวต่างชาติ การปรับโฉมครั้งนี้ทำให้ห้างโรบินสัน ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เหลือสาขาพระราม 9 สุขุมวิท ลาดกระบัง รังสิต ศรีสมาน ราชพฤกษ์ และสมุทรปราการ ซึ่งก่อนหน้านี้ปิดสาขาศรีนครินทร์ เพราะไม่ต่อสัญญาเช่ากับศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ถึงกระนั้นห้างเซ็นทรัลและโรบินสัน ยังคงจัดโปรโมชันร่วมกัน มีบริการผู้ช่วยช้อปปิ้งส่วนตัว (Personal Shopper) โทร. 1425 การจำหน่ายสินค้าผ่านเซ็นทรัลออนไลน์ และ Central App ทำเลห้างโรบินสัน บางรักในปัจจุบัน อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สะพานตากสิน และท่าเรือสาทร ใกล้แหล่งอาคารสำนักงานย่านสีลมและสาทร ใกล้โรงแรมหรูอย่างโรงแรมแชงกรีล่า โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล โรงแรมเลอบัว แอท สเตททาวเวอร์ ใกล้สถานศึกษาอย่างโรงเรียนอัสสัมชัญ รวมทั้งฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยายังมีศูนย์การค้าไอคอนสยาม ที่มีเรือเฟอร์รี่จากท่าเรือสาทร ถือเป็นอีกหนึ่งทำเลที่กลุ่มเซ็นทรัลไม่ปล่อยให้หลุดมือง่ายๆ #Newskit #CentralBangrak #RobinsonBangrak
    Like
    Wow
    5
    0 Comments 0 Shares 601 Views 0 Reviews
  • ยาฆ่าพยาธิ ฤทธิ์ ต้านไวรัส และ ร่วมต้านมะเร็ง และร่วมรักษาพาร์กินสัน
    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต

    ยาที่ได้รับการรับรองในเรื่องความปลอดภัยและหมดสิทธิบัตร ราคาถูกเข้าถึงได้ทั่ว โดยที่ ปรากฏว่ามีสรรพคุณนอกเหนือจากที่เคยรู้กันและนำมาใช้ในบริบทที่ต่างออกไป เป็นสิ่งที่ควรให้ความสนใจ ในการเป็น repurpose drug

    และอีกทั้งยาพื้นบ้านสมุนไพรไทยและยาแผนตะวันออกรวมทั้งวิธีควบการรักษาอื่นๆควรต้องเปิดใจและ ศึกษาอย่างจริงจังและในที่สุดสามารถร่วมใช้ด้วยกันกับยาแผนปัจจุบันตะวันตก

    ตัวอย่างเช่นยาฆ่าพยาธิ ยา ไอเวอร์เมคตินตัวนี้ Satoshi ōmura และ William C. Campbell ได้รางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยาและอายุรกรรม ในปี 2015 ในการคันพบ ว่าเป็นยาที่มีประสิทธิภาพมากในการรักษา โรคพยาธิต่างๆและช่วยชีวิตคนในทวีปแอฟริกาได้มากมาย ในช่วงระยะเวลาต่อมามีการศึกษา ฤทธิ์และกลไกของยาตัวนี้ จนกระทั่งได้พบว่ายาตัวนี้มีสรรพคุณในการยับยั้งการติดเชื้อรวมกระทั่งถึงการรักษาการติดเชื้อไวรัสโดยเฉพาะที่เป็น กลุ่ม RNA อาทิเช่นไวรัสโควิด จนกระทั่งมีการนำมาใช้ใน หลายทวีป ในประเทศอินเดีย แอฟริกา แม้กระทั่ง ในญี่ปุ่น อังกฤษและสหรัฐอเมริกา

    แต่อย่างไรก็ตามได้ถูกต่อต้านอย่างรุนแรงและมีการเซ็นเซอร์รวมทั้งมีการเพิกถอนใบประกอบอาชีพของแพทย์ และองค์กรกลางของสหรัฐ FDA ได้กล่าวดูถูกถากถาง แต่ในที่สุดแพ้คดีต่อศาลสูงสุดของสหรัฐ ให้ลบการประนาม ข้อความในสื่อทั้งหมด ที่ให้ร้ายยาฆ่าพยาธิดังกล่าว และแพทย์ชนะคดี

    เย็นวันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม 2024 คดีในศาลที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยศาลได้ตัดสินให้ FDA ของสหรัฐอเมริกาซึ่งนำโดย Robert Califf ซึ่งเป็นแพทย์โรคหัวใจ ถอดถอนคำกล่าวอ้างที่เป็นเท็จและทำให้เกิดความเข้าใจผิดทั้งหมดเกี่ยวกับยา ivermectin ยานี้เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ตามมาตรฐานชุมชนในการดูแลรักษาโรคโควิด-19 โดยมีประวัติความปลอดภัยที่ดีเยี่ยมและหลักฐานคุณประโยชน์ในการศึกษาไม่น้อยกว่า 101 รายการ

    ในช่วงปี 2021 สิ่งที่เรียกว่า"สงครามกับยาไอเวอร์เมกติน" FDA ของสหรัฐอเมริกาได้โพสต์ทวีตอันเป็นเท็จและทำให้เข้าใจผิด และการส่งข้อความสาธารณะเพื่อห้ามปรามแพทย์ เภสัชกร และผู้ป่วยจากการใช้ยา และ ส่งผลให้แพทย์ที่สั่งใช้ถูกสั่งให้ยุติ การทำงาน ถอดถอนใบอนุญาติ และนำมาสู่การฟ้องร้องซึ่ง FDA แพ้ในที่สุด

    ช่วงเวลาก่อนโควิด ระยะที่มีการระบาด และหลังจากที่การระบาดสงบลงมีความสนใจในกลไกของยาฆ่าพยาธิตัวนี้ที่สามารถออกฤทธิ์ต่อมะเร็งหลายชนิดได้ ทั้งในด้านการระงับการเจริญเติบโต การแพร่กระจาย และยับยั้งการสร้างเส้นเลือดที่มาเลี้ยงก้อนมะเร็งต่างๆ ทั้งนี้ยังรวมถึงผ่อนเบา สถานการณ์ดื้อยาของมะเร็งชนิดต่างๆต่อการรักษาและยาเคมีบำบัด และมีการใช้ผสมควบรวมกันทั้งนี้เพื่อควบคุมมะเร็งได้ดีขึ้น

    กลไกสำคัญที่มีการศึกษาไปแล้วนั้น คือความสามารถที่จะทำให้มะเร็งตายโดยกระบวนการ ที่เรียกว่า programmed cell death autophagy และ pyroptosis โดยผ่านเส้นทางของ PAK1 kinase และอื่นๆ

    จุดประสงค์ของการศึกษายานี้กับมะเร็งเพื่อช่วยให้เป็นยาประกอบกับยาเคมีบำบัดเพื่อให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

    ยกตัวอย่างบทความบางส่วนที่ศึกษายาตัวนี้กับมะเร็ง ชนิดต่างๆเช่น
    มะเร็งเต้านมโดยเฉพาะในกลุ่มที่เรียกว่า triple negative โดยทีไม่มี estrogen, progesterone receptor และ human epidermal growth factor receptors 2 (HER2) และเป็นมะเร็งที่เติบโตและลุกลามเร็วที่สุด โดยที่ไอเวอร์เมคตินทำหน้าที่เป็นตัวควบคุม ในระดับเหนือพันธุกรรม (epigenetic regulator) และยังทำให้มะเร็งชนิดนี้กลับมาตอบสนองกับยาปกติ tamoxifen
    การศึกษาหลายรายงานยังพบว่าไอเวอร์เมคติน ช่วยทำให้เซลล์มะเร็งตายได้ดีขึ้นโดยการปรับสภาวะแวดล้อมของเซลล์มะเร็ง(tumor microenvironment )จากการปล่อย high mobility group box-1 protein (HMGB1) ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางระบบเซลล์ภูมิคุ้มกันที่ทำให้เกิดการอักเสบและการตายของเซลล์มะเร็ง

    ในส่วนมะเร็งกระเพาะอาหารพบว่าไอเวอเมคติน สามารถ ยับยั้งการ เติบโตของเซลล์ผ่าน Yes-associated protein 1 (YAP1) และกระบวนการนี้ยังใช้อธิบายผลต่อมะเร็งตับ มะเร็งท่อน้ำดี

    และยายังช่วยมะเร็งที่ดื้อ gemcitabine ซึ่งเป็นยาเคมีบำบัดสำหรับรักษา มะเร็งลำไส้ใหญ่ทำให้เกิดเซลล์ตายในกระบวนการapoptosis จากการขัดขวาง Wnt/beta catenin pathway

    นอกจากนั้นยังมีผลช่วยในกรณีของมะเร็งของไต (renal cell carcinoma) โดยไม่กระทบต่อเซลล์ปกติทั้งนี้โดยการขัดขวางหน้าที่ของmitochondria

    ยายังมีส่วนช่วยมะเร็งต่อมลูกหมากโดยที่เพิ่มการออกฤทธิ์ของ ยาต้าน ฮอร์โมนแอนโดเจน enzalutamide และปรับเซลล์มะเร็งที่ดื้อ ยาdocetaxel ให้กลับมาตอบสนองใหม่

    มะเร็งของเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมีย ยาช่วยฆ่ามะเร็ง ในขนาดยาที่ไม่สูง และไม่กระทบเซลล์ปกติ ทั้งนี้โดยการเหนียวนำให้เกิดอนุมูลอิสระ และมีผลส่งเสริมการออกฤทธิ์ของยา cytarabine และ daunorubicin
    นอกจากนั้นยังมีผลกับมะเร็งชนิดไม่เฉียบพลัน chronic myeloid leukemia และช่วยการทำงานของยา dasatinib ให้ดีขึ้น

    มะเร็งปากมดลูกและมะเร็งรังไข่ ยามีส่วนช่วยในการทำให้ยาเคมีบำบัดออกฤทธิ์ได้ดีขึ้นเช่นเดียวกัน
    เนื้องอกสมอง ยามีส่วนช่วยรักษา glioblastoma ผ่านกลไกที่ทำให้เซลล์ตายและยับยั้งการสร้างเส้นเลือดมาเลี้ยงก้อนเนื้องอกและการกระจายของเซลล์มะเร็ง
    อย่างไรก็ตามยาไอเวเมคติน ไม่สามารถผ่านผนังกั้นหลอดเลือดกับสมองได้ดี ดังนั้น อาจเป็นข้อจำกัดในการใช้ยานี้กับเนื้องอกในสมองยกเว้นแต่ว่าต้องสามารถเปิดให้มีรูหรือช่องว่างของผนังกั้นนี้ได้อย่างพอเพียงโดยที่ไม่เกิดขึ้นอย่างถาวร

    มะเร็งในช่วงโพรงจมูกทางด้านหลัง มะเร็งปอด และ มะเร็งร้ายแรงของผิวหนัง melanoma ยาดังกล่าวนี้สามารถช่วยการรักษาที่เป็นมาตรฐานให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

    ลิงค์ที่แนบแสดงถึงการรายงานประสิทธิภาพและกลไกของยา ต่อเนื้องอกมะเร็งแบบต่างๆ เช่น
    วารสาร

    Nature 2021https://www.nature.com/articles/s41523-021-00229-5
    Nature 2022https://www.nature.com/articles/s41419-022-05182-0
    และวารสารอื่นๆhttps://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S1043661820315152https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7505114/https://www.frontiersin.org/journals/pharmacology/articles/10.3389/fphar.2021.717529/fullhttps://journals.sagepub.com/doi/full/10.1177/09603271221143693https://www.mdpi.com/2079-9721/11/1/49https://www.frontiersin.org/journals/pharmacology/articles/10.3389/fphar.2022.934746/fullhttps://ar.iiarjournals.org/content/39/9/4837

    การศึกษาในสัตว์ทดลองที่ปรับแต่งเป็นมะเร็งที่ไม่มีตัวรับใดๆทั้งสิ้น และเมื่อได้รับ Ivermectin ทำให้ตัวมะเร็งนั้นแสดงตัวให้เห็นและยาฆ่ามะเร็ง immune check point inhibitor แสดงฤทธิ์ได้เต็มที่
    Ivermectin converts cold tumors hot and synergizes with immune checkpoint blockade for treatment of breast cancer

    https://www.nature.com/articles/s41523-021-00229-5

    https://www.frontiersin.org/journals/molecular-neuroscience/articles/10.3389/fnmol.2023.1138798/full

    ในอีกบริบทหนึ่งปรากฏว่ายังสามารถช่วยให้การรักษา พาร์กินสัน มีประสิทธิภาพได้ดียิ่งขึ้นในห้อง ปฏิบัติการ อีกดังรายงานในปี 2024 และเนื่องจากความปลอดภัยแม้ว่าจะใช้ในขณะสูงเป็นเวลาหลายเดือนยังมีทางเป็นไปได้ในการรักษาเยียวยาในมนุษย์

    https://www.sciencedirect.com/science/article/abs/pii/S0166432820305039?fr=RR-2&ref=pdf_download&rr=

    IVM is increasing striatal dopamine release through enhanced cholinergic activity on dopamine terminals.

    https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC11025261/

    เหล่านี้เป็นตัวอย่างของยาที่มีสรรพคุณมากหลาย นอกเหนือจากที่ค้นพบตั้งแต่ต้น กลายเป็น ที่เราเรียกว่า repurpose drug

    และน่าจะสะท้อนให้เห็นถึงสภาวการณ์ของสมุนไพรไทย และรวม กันชงและกัญชา ที่ครอบครัวของผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยแล้วว่ารักษาไม่ได้และให้ประคับประคองอย่างเดียวได้นำมาใช้เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดทรมานนอนไม่ได้กินไม่ไหว แต่สามารถมีชีวิตอย่างเกือบปกติและใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวโดยทุกคนค่อยๆยอมรับ และในที่สุด แม้ผู้ป่วยจะจากไป แต่ไม่ได้ทนทุกข์ทรมาน

    ทั้งนี้ผู้ป่วยเหล่านี้ต่างได้รับยาแก้ปวดมอร์ฟีนทั้งชนิดกิน ฉีด แต่ไม่สามารถบรรเทาอาการได้ ในขณะเดียวกันมีผู้ป่วยมะเร็งเป็นจำนวนมากที่ได้รับการวินิจฉัยยืนยันชนิดของมะเร็งรวมกระทั่งถึงระยะลุกลามขั้นสุดท้าย
    เมื่อได้ยากันชงกัญชา โดยการให้ที่ถูกต้องและเหมาะสม กลับมีชีวิตยืนยาวได้มากกว่าปกติตามที่คาดคะเนจากการรักษาแบบมาตรฐาน

    ควรหรือไม่ที่จะเริ่มพิจารณาอย่างจริงจังที่จะนำสมุนไพรต่างๆ รวมทั้งการแพทย์แผนตะวันออกเช่นแพทย์แผนจีน เข้ามาศึกษาและยกระดับความเข้าใจรวมทั้งสามารถระบุปฏิกิริยา รวมทั้งข้อห้ามใช้เมื่อใช้ร่วมกับยาแผนปัจจุบัน ตัวไหนบ้างเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ป่วยและเป็นการประหยัดและทำให้ประชาชนคนป่วยเข้าถึงได้อย่างเต็มที่

    #Thaitimes
    ยาฆ่าพยาธิ ฤทธิ์ ต้านไวรัส และ ร่วมต้านมะเร็ง และร่วมรักษาพาร์กินสัน ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ยาที่ได้รับการรับรองในเรื่องความปลอดภัยและหมดสิทธิบัตร ราคาถูกเข้าถึงได้ทั่ว โดยที่ ปรากฏว่ามีสรรพคุณนอกเหนือจากที่เคยรู้กันและนำมาใช้ในบริบทที่ต่างออกไป เป็นสิ่งที่ควรให้ความสนใจ ในการเป็น repurpose drug และอีกทั้งยาพื้นบ้านสมุนไพรไทยและยาแผนตะวันออกรวมทั้งวิธีควบการรักษาอื่นๆควรต้องเปิดใจและ ศึกษาอย่างจริงจังและในที่สุดสามารถร่วมใช้ด้วยกันกับยาแผนปัจจุบันตะวันตก ตัวอย่างเช่นยาฆ่าพยาธิ ยา ไอเวอร์เมคตินตัวนี้ Satoshi ōmura และ William C. Campbell ได้รางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยาและอายุรกรรม ในปี 2015 ในการคันพบ ว่าเป็นยาที่มีประสิทธิภาพมากในการรักษา โรคพยาธิต่างๆและช่วยชีวิตคนในทวีปแอฟริกาได้มากมาย ในช่วงระยะเวลาต่อมามีการศึกษา ฤทธิ์และกลไกของยาตัวนี้ จนกระทั่งได้พบว่ายาตัวนี้มีสรรพคุณในการยับยั้งการติดเชื้อรวมกระทั่งถึงการรักษาการติดเชื้อไวรัสโดยเฉพาะที่เป็น กลุ่ม RNA อาทิเช่นไวรัสโควิด จนกระทั่งมีการนำมาใช้ใน หลายทวีป ในประเทศอินเดีย แอฟริกา แม้กระทั่ง ในญี่ปุ่น อังกฤษและสหรัฐอเมริกา แต่อย่างไรก็ตามได้ถูกต่อต้านอย่างรุนแรงและมีการเซ็นเซอร์รวมทั้งมีการเพิกถอนใบประกอบอาชีพของแพทย์ และองค์กรกลางของสหรัฐ FDA ได้กล่าวดูถูกถากถาง แต่ในที่สุดแพ้คดีต่อศาลสูงสุดของสหรัฐ ให้ลบการประนาม ข้อความในสื่อทั้งหมด ที่ให้ร้ายยาฆ่าพยาธิดังกล่าว และแพทย์ชนะคดี เย็นวันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม 2024 คดีในศาลที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยศาลได้ตัดสินให้ FDA ของสหรัฐอเมริกาซึ่งนำโดย Robert Califf ซึ่งเป็นแพทย์โรคหัวใจ ถอดถอนคำกล่าวอ้างที่เป็นเท็จและทำให้เกิดความเข้าใจผิดทั้งหมดเกี่ยวกับยา ivermectin ยานี้เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ตามมาตรฐานชุมชนในการดูแลรักษาโรคโควิด-19 โดยมีประวัติความปลอดภัยที่ดีเยี่ยมและหลักฐานคุณประโยชน์ในการศึกษาไม่น้อยกว่า 101 รายการ ในช่วงปี 2021 สิ่งที่เรียกว่า"สงครามกับยาไอเวอร์เมกติน" FDA ของสหรัฐอเมริกาได้โพสต์ทวีตอันเป็นเท็จและทำให้เข้าใจผิด และการส่งข้อความสาธารณะเพื่อห้ามปรามแพทย์ เภสัชกร และผู้ป่วยจากการใช้ยา และ ส่งผลให้แพทย์ที่สั่งใช้ถูกสั่งให้ยุติ การทำงาน ถอดถอนใบอนุญาติ และนำมาสู่การฟ้องร้องซึ่ง FDA แพ้ในที่สุด ช่วงเวลาก่อนโควิด ระยะที่มีการระบาด และหลังจากที่การระบาดสงบลงมีความสนใจในกลไกของยาฆ่าพยาธิตัวนี้ที่สามารถออกฤทธิ์ต่อมะเร็งหลายชนิดได้ ทั้งในด้านการระงับการเจริญเติบโต การแพร่กระจาย และยับยั้งการสร้างเส้นเลือดที่มาเลี้ยงก้อนมะเร็งต่างๆ ทั้งนี้ยังรวมถึงผ่อนเบา สถานการณ์ดื้อยาของมะเร็งชนิดต่างๆต่อการรักษาและยาเคมีบำบัด และมีการใช้ผสมควบรวมกันทั้งนี้เพื่อควบคุมมะเร็งได้ดีขึ้น กลไกสำคัญที่มีการศึกษาไปแล้วนั้น คือความสามารถที่จะทำให้มะเร็งตายโดยกระบวนการ ที่เรียกว่า programmed cell death autophagy และ pyroptosis โดยผ่านเส้นทางของ PAK1 kinase และอื่นๆ จุดประสงค์ของการศึกษายานี้กับมะเร็งเพื่อช่วยให้เป็นยาประกอบกับยาเคมีบำบัดเพื่อให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างบทความบางส่วนที่ศึกษายาตัวนี้กับมะเร็ง ชนิดต่างๆเช่น มะเร็งเต้านมโดยเฉพาะในกลุ่มที่เรียกว่า triple negative โดยทีไม่มี estrogen, progesterone receptor และ human epidermal growth factor receptors 2 (HER2) และเป็นมะเร็งที่เติบโตและลุกลามเร็วที่สุด โดยที่ไอเวอร์เมคตินทำหน้าที่เป็นตัวควบคุม ในระดับเหนือพันธุกรรม (epigenetic regulator) และยังทำให้มะเร็งชนิดนี้กลับมาตอบสนองกับยาปกติ tamoxifen การศึกษาหลายรายงานยังพบว่าไอเวอร์เมคติน ช่วยทำให้เซลล์มะเร็งตายได้ดีขึ้นโดยการปรับสภาวะแวดล้อมของเซลล์มะเร็ง(tumor microenvironment )จากการปล่อย high mobility group box-1 protein (HMGB1) ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางระบบเซลล์ภูมิคุ้มกันที่ทำให้เกิดการอักเสบและการตายของเซลล์มะเร็ง ในส่วนมะเร็งกระเพาะอาหารพบว่าไอเวอเมคติน สามารถ ยับยั้งการ เติบโตของเซลล์ผ่าน Yes-associated protein 1 (YAP1) และกระบวนการนี้ยังใช้อธิบายผลต่อมะเร็งตับ มะเร็งท่อน้ำดี และยายังช่วยมะเร็งที่ดื้อ gemcitabine ซึ่งเป็นยาเคมีบำบัดสำหรับรักษา มะเร็งลำไส้ใหญ่ทำให้เกิดเซลล์ตายในกระบวนการapoptosis จากการขัดขวาง Wnt/beta catenin pathway นอกจากนั้นยังมีผลช่วยในกรณีของมะเร็งของไต (renal cell carcinoma) โดยไม่กระทบต่อเซลล์ปกติทั้งนี้โดยการขัดขวางหน้าที่ของmitochondria ยายังมีส่วนช่วยมะเร็งต่อมลูกหมากโดยที่เพิ่มการออกฤทธิ์ของ ยาต้าน ฮอร์โมนแอนโดเจน enzalutamide และปรับเซลล์มะเร็งที่ดื้อ ยาdocetaxel ให้กลับมาตอบสนองใหม่ มะเร็งของเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมีย ยาช่วยฆ่ามะเร็ง ในขนาดยาที่ไม่สูง และไม่กระทบเซลล์ปกติ ทั้งนี้โดยการเหนียวนำให้เกิดอนุมูลอิสระ และมีผลส่งเสริมการออกฤทธิ์ของยา cytarabine และ daunorubicin นอกจากนั้นยังมีผลกับมะเร็งชนิดไม่เฉียบพลัน chronic myeloid leukemia และช่วยการทำงานของยา dasatinib ให้ดีขึ้น มะเร็งปากมดลูกและมะเร็งรังไข่ ยามีส่วนช่วยในการทำให้ยาเคมีบำบัดออกฤทธิ์ได้ดีขึ้นเช่นเดียวกัน เนื้องอกสมอง ยามีส่วนช่วยรักษา glioblastoma ผ่านกลไกที่ทำให้เซลล์ตายและยับยั้งการสร้างเส้นเลือดมาเลี้ยงก้อนเนื้องอกและการกระจายของเซลล์มะเร็ง อย่างไรก็ตามยาไอเวเมคติน ไม่สามารถผ่านผนังกั้นหลอดเลือดกับสมองได้ดี ดังนั้น อาจเป็นข้อจำกัดในการใช้ยานี้กับเนื้องอกในสมองยกเว้นแต่ว่าต้องสามารถเปิดให้มีรูหรือช่องว่างของผนังกั้นนี้ได้อย่างพอเพียงโดยที่ไม่เกิดขึ้นอย่างถาวร มะเร็งในช่วงโพรงจมูกทางด้านหลัง มะเร็งปอด และ มะเร็งร้ายแรงของผิวหนัง melanoma ยาดังกล่าวนี้สามารถช่วยการรักษาที่เป็นมาตรฐานให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ลิงค์ที่แนบแสดงถึงการรายงานประสิทธิภาพและกลไกของยา ต่อเนื้องอกมะเร็งแบบต่างๆ เช่น วารสาร Nature 2021https://www.nature.com/articles/s41523-021-00229-5 Nature 2022https://www.nature.com/articles/s41419-022-05182-0 และวารสารอื่นๆhttps://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S1043661820315152https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7505114/https://www.frontiersin.org/journals/pharmacology/articles/10.3389/fphar.2021.717529/fullhttps://journals.sagepub.com/doi/full/10.1177/09603271221143693https://www.mdpi.com/2079-9721/11/1/49https://www.frontiersin.org/journals/pharmacology/articles/10.3389/fphar.2022.934746/fullhttps://ar.iiarjournals.org/content/39/9/4837 การศึกษาในสัตว์ทดลองที่ปรับแต่งเป็นมะเร็งที่ไม่มีตัวรับใดๆทั้งสิ้น และเมื่อได้รับ Ivermectin ทำให้ตัวมะเร็งนั้นแสดงตัวให้เห็นและยาฆ่ามะเร็ง immune check point inhibitor แสดงฤทธิ์ได้เต็มที่ Ivermectin converts cold tumors hot and synergizes with immune checkpoint blockade for treatment of breast cancer https://www.nature.com/articles/s41523-021-00229-5 https://www.frontiersin.org/journals/molecular-neuroscience/articles/10.3389/fnmol.2023.1138798/full ในอีกบริบทหนึ่งปรากฏว่ายังสามารถช่วยให้การรักษา พาร์กินสัน มีประสิทธิภาพได้ดียิ่งขึ้นในห้อง ปฏิบัติการ อีกดังรายงานในปี 2024 และเนื่องจากความปลอดภัยแม้ว่าจะใช้ในขณะสูงเป็นเวลาหลายเดือนยังมีทางเป็นไปได้ในการรักษาเยียวยาในมนุษย์ https://www.sciencedirect.com/science/article/abs/pii/S0166432820305039?fr=RR-2&ref=pdf_download&rr= IVM is increasing striatal dopamine release through enhanced cholinergic activity on dopamine terminals. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC11025261/ เหล่านี้เป็นตัวอย่างของยาที่มีสรรพคุณมากหลาย นอกเหนือจากที่ค้นพบตั้งแต่ต้น กลายเป็น ที่เราเรียกว่า repurpose drug และน่าจะสะท้อนให้เห็นถึงสภาวการณ์ของสมุนไพรไทย และรวม กันชงและกัญชา ที่ครอบครัวของผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยแล้วว่ารักษาไม่ได้และให้ประคับประคองอย่างเดียวได้นำมาใช้เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดทรมานนอนไม่ได้กินไม่ไหว แต่สามารถมีชีวิตอย่างเกือบปกติและใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวโดยทุกคนค่อยๆยอมรับ และในที่สุด แม้ผู้ป่วยจะจากไป แต่ไม่ได้ทนทุกข์ทรมาน ทั้งนี้ผู้ป่วยเหล่านี้ต่างได้รับยาแก้ปวดมอร์ฟีนทั้งชนิดกิน ฉีด แต่ไม่สามารถบรรเทาอาการได้ ในขณะเดียวกันมีผู้ป่วยมะเร็งเป็นจำนวนมากที่ได้รับการวินิจฉัยยืนยันชนิดของมะเร็งรวมกระทั่งถึงระยะลุกลามขั้นสุดท้าย เมื่อได้ยากันชงกัญชา โดยการให้ที่ถูกต้องและเหมาะสม กลับมีชีวิตยืนยาวได้มากกว่าปกติตามที่คาดคะเนจากการรักษาแบบมาตรฐาน ควรหรือไม่ที่จะเริ่มพิจารณาอย่างจริงจังที่จะนำสมุนไพรต่างๆ รวมทั้งการแพทย์แผนตะวันออกเช่นแพทย์แผนจีน เข้ามาศึกษาและยกระดับความเข้าใจรวมทั้งสามารถระบุปฏิกิริยา รวมทั้งข้อห้ามใช้เมื่อใช้ร่วมกับยาแผนปัจจุบัน ตัวไหนบ้างเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ป่วยและเป็นการประหยัดและทำให้ประชาชนคนป่วยเข้าถึงได้อย่างเต็มที่ #Thaitimes
    WWW.NATURE.COM
    Ivermectin converts cold tumors hot and synergizes with immune checkpoint blockade for treatment of breast cancer - npj Breast Cancer
    npj Breast Cancer - Ivermectin converts cold tumors hot and synergizes with immune checkpoint blockade for treatment of breast cancer
    Like
    Love
    6
    0 Comments 2 Shares 1318 Views 0 Reviews
  • คนละ 300 บาท คุณก็ได้ประสบการณ์ เดินป่า ขึ้นเขา เล่นน้ำตก แบบนี้!!!
    》1 ปี มีแค่ช่วงฤดูฝนเท่านั้น《
    ●●●●●●●●●●●●●●
    ☆ชมวีดีโอฉบับเต็มของทริป
    EP.1
    》》
    https://youtu.be/OB-pj853V78?si=-LreFZ0odWwF-ACJ
    EP.2
    》》
    https://youtu.be/EredihI1aU4?si=TZjEs1ZZjguAQnYk
    EP.3
    》》
    https://youtu.be/JaDDJV5sD1o?si=xhEyXnCAM7ma5AUa
    ●●●●●●●●●●●●●●●●
    ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
    ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด
    ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร
    ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่
    》》
    ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม
    ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959
    ☆เพจ
    》》
    https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg
    《《
    ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ
    ●●●●●●●●●●●●
    ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ
    คนละ 600 บาท
    (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท)
    วันละ 24 คน เท่านั้น!!
    》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532
    ไอดีไลน์ : 0899332762p
    ●●●●●●●●●●●●
    น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก

    #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก #thaitimes #thaitimesmanowjourney #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesเที่ยวไทย
    คนละ 300 บาท คุณก็ได้ประสบการณ์ เดินป่า ขึ้นเขา เล่นน้ำตก แบบนี้!!! 》1 ปี มีแค่ช่วงฤดูฝนเท่านั้น《 ●●●●●●●●●●●●●● ☆ชมวีดีโอฉบับเต็มของทริป EP.1 》》 https://youtu.be/OB-pj853V78?si=-LreFZ0odWwF-ACJ EP.2 》》 https://youtu.be/EredihI1aU4?si=TZjEs1ZZjguAQnYk EP.3 》》 https://youtu.be/JaDDJV5sD1o?si=xhEyXnCAM7ma5AUa ●●●●●●●●●●●●●●●● ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่ 》》 ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959 ☆เพจ 》》 https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg 《《 ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ ●●●●●●●●●●●● ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ คนละ 600 บาท (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท) วันละ 24 คน เท่านั้น!! 》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532 ไอดีไลน์ : 0899332762p ●●●●●●●●●●●● น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก #thaitimes #thaitimesmanowjourney #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesเที่ยวไทย
    Like
    Love
    8
    0 Comments 0 Shares 1768 Views 502 0 Reviews
  • ตอนทำงานร้านซูชิ ในตลาด
    แถวรังสิตคลอง 4
    มีพม่า ลาว เขมร เยอะมาก
    (แต่พม่าเยอะสุด
    ที่รู้เพราะชาติอื่นมันคงไม่นุ่ง
    โสร่งเดินตอนค่ำๆ
    ช่วงก่อนเราปิดร้าน)

    ใกล้ๆ กันก็จะมีตึกที่ติดป้าย
    รับต่อ รับทำใบอนุญาตทำงาน
    เส้นนั้นมีตำรวจตระเวนบ่อย
    จับคนต่างด้าวอยู่เรื่อย
    แต่ก็ยังมีมาอยู่เรื่อย

    ก็น่าสงสัยว่า หรือมันมาจับ
    แต่พอเป็นพิธี หรือ
    มันมีบางคนที่จ่ายหนักพอ
    จะออกบัตรจริงมาได้
    หลังจากหนีมาทำงาน

    เพราะงั้น ถึงจะมาคอนเฟิร์มว่า
    "ลูกค้า ลูกจ้าง มีบัตรจริง"
    ก็ขออนุญาตไม่เชื่อละกัน
    เพราะเคยเจอชุมชนพวกนี้มาจริงๆ
    และมันมีพิรุธมากเหลือเกิน

    🤔🤔🤔🤔🤔🤔

    #แบน #พม่า #ต่างด้าว
    #ต่อต้าน #พรรคประชาชนพม่า
    ตอนทำงานร้านซูชิ ในตลาด แถวรังสิตคลอง 4 มีพม่า ลาว เขมร เยอะมาก (แต่พม่าเยอะสุด ที่รู้เพราะชาติอื่นมันคงไม่นุ่ง โสร่งเดินตอนค่ำๆ ช่วงก่อนเราปิดร้าน) ใกล้ๆ กันก็จะมีตึกที่ติดป้าย รับต่อ รับทำใบอนุญาตทำงาน เส้นนั้นมีตำรวจตระเวนบ่อย จับคนต่างด้าวอยู่เรื่อย แต่ก็ยังมีมาอยู่เรื่อย ก็น่าสงสัยว่า หรือมันมาจับ แต่พอเป็นพิธี หรือ มันมีบางคนที่จ่ายหนักพอ จะออกบัตรจริงมาได้ หลังจากหนีมาทำงาน เพราะงั้น ถึงจะมาคอนเฟิร์มว่า "ลูกค้า ลูกจ้าง มีบัตรจริง" ก็ขออนุญาตไม่เชื่อละกัน เพราะเคยเจอชุมชนพวกนี้มาจริงๆ และมันมีพิรุธมากเหลือเกิน 🤔🤔🤔🤔🤔🤔 #แบน #พม่า #ต่างด้าว #ต่อต้าน #พรรคประชาชนพม่า
    0 Comments 0 Shares 212 Views 0 Reviews
  • คนละ 300 บาท คุณก็ได้ประสบการณ์ เดินป่า ขึ้นเขา เล่นน้ำตก แบบนี้!!!
    》1 ปี มีแค่ช่วงฤดูฝนเท่านั้น《
    ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
    ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด
    ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร
    ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่
    》》
    ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม
    ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959
    ☆เพจ
    》》
    https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg
    《《
    ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ
    ●●●●●●●●●●●●
    ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ
    คนละ 600 บาท
    (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท)
    วันละ 24 คน เท่านั้น!!
    》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532
    ไอดีไลน์ : 0899332762p
    ●●●●●●●●●●●●
    น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก
    ■■■■■■
    ☆ชมวีดีโอช่วงออกเดินทางถึงคลอง3
    》》
    https://youtu.be/OB-pj853V78?si=GvgJ2tgO99Ap5kbN

    ☆ชมวีดีโอช่วงคลอง 3 ไปน้ำตกชั้น 5
    》》
    https://youtu.be/EredihI1aU4?si=cqdoUpKu2TBYJpFC

    ☆ชมวีดีโอช่วงน้ำตกชั้น5ไป 7 และ ขาลง
    》》
    https://youtu.be/JaDDJV5sD1o?si=Wp-f9O13sj71XX3v
    ■■■■■■■■■■
    #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก #thaitimes #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney #thaitimesเที่ยวไทย
    คนละ 300 บาท คุณก็ได้ประสบการณ์ เดินป่า ขึ้นเขา เล่นน้ำตก แบบนี้!!! 》1 ปี มีแค่ช่วงฤดูฝนเท่านั้น《 ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่ 》》 ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959 ☆เพจ 》》 https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg 《《 ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ ●●●●●●●●●●●● ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ คนละ 600 บาท (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท) วันละ 24 คน เท่านั้น!! 》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532 ไอดีไลน์ : 0899332762p ●●●●●●●●●●●● น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก ■■■■■■ ☆ชมวีดีโอช่วงออกเดินทางถึงคลอง3 》》 https://youtu.be/OB-pj853V78?si=GvgJ2tgO99Ap5kbN ☆ชมวีดีโอช่วงคลอง 3 ไปน้ำตกชั้น 5 》》 https://youtu.be/EredihI1aU4?si=cqdoUpKu2TBYJpFC ☆ชมวีดีโอช่วงน้ำตกชั้น5ไป 7 และ ขาลง 》》 https://youtu.be/JaDDJV5sD1o?si=Wp-f9O13sj71XX3v ■■■■■■■■■■ #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก #thaitimes #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney #thaitimesเที่ยวไทย
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 1615 Views 361 0 Reviews
  • Jin Wellbeing County : จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้, ปทุมธานี

    คอนโด Jin Wellbeing County ทางเลือกใหม่คอนโดสำหรับผู้สูงอายุ ที่มาพร้อมกับการดูแลสุขภาพแบบบูรณาการ พร้อมมการดูแลจากแพทย์ พยาบาล 24 ชั่วโมง รองรับผู้สูงวัยอย่างแท้จริงบนถนนพหลโยธิน โซนรังสิต ตั้งอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยกรุงเทพรังสิต จ.ปทุมธานี

    ✦ จุดเด่น ✦
    ▸ จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ ทางเลือกใหม่ของการใช้ชีวิต
    ▸โครงการภายใต้การดำเนินงานของกลุ่มธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป หรือ THG ที่มีประสบการณ์ด้านโรงพยาบาล และการดูแลสุขภาพมากกว่า 40 ปี
    ▸โครงการจิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ (Jin Wellbeing County) ที่พักอาศัยรูปแบบใหม่ที่มาพร้อมกับการดูแลสุขภาพแบบบูรณาการ (Integrative Healthcare ) และการดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคล (Personalized Medicine) ที่เหมาะสำหรับผู้สูงวัย

    นอกจากนี้เพื่อตอบโจทย์ที่อยู่อาศัยของวัยผู้สูงอายุอย่างแท้จริงทางโครงการยังมีบริการทางการแพทย์รองรับด้วย ได้แก่

    (1) การดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐาน ที่ให้บริการแนะนำและการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลด้วยทีมแพทย์และพยาบาลที่มากประสบการณ์ และยังมีการแนะนำโภชนาการสำหรับผู้สูงวัยโดยเฉพาะอีกด้วย
    (2) การดูแลสมดุลร่างกายจากภายใน เป็นการดูแลโดยนักจิตบำบัดที่ช่วยการปรับสมดุลด้านอารมณ์และจิตใจ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการบำบัดความเครียดและอาการซึมเศร้า พร้อมกับมีกิจกรรมต่างๆ ที่ช่วยผ่อนคลายจิตใจ
    (3) การดูแลความแข็งแรงและสร้างเสริมสมรรถภาพของร่างกายด้วยการออกกำลังกายอย่างถูกวิธี และเวชศาสตร์ฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายด้านต่างๆที่ถูกออกแบบตามปัญหาแต่ละบุคคล

    ▸ ภายในพื้นที่ 140 ไร่ ประกอบด้วยอาคารที่พักอาศัยแบบ Low Rise 7 ชั้น จำนวน 5 อาคาร โดยแบ่งเป็น Cluster 1 จำนวน 2 อาคาร คือ อาคาร 1-AM และ
    อาคาร 1-C1Cluster 2 จำนวน 3 อาคาร คือ อาคาร 2-AM, อาคาร 2-C1 และอาคาร 2-D1

    ✦ จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ ทางเลือกใหม่ของการใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบอย่างครบวงจรแห่งแรกของเมืองไทยในโครงการที่เราอยู่ได้ตลอดไป ✦

    ▸ ที่สุด.. แห่งการใช้ชีวิตในสิ่งแวดล้อมที่ผ่อนคลายท่ามกลางธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบ
    ▸ ที่สุด.. แห่งการออกแบบ Universal Design รองรับผู้สูงวัยอย่างแท้จริง
    ▸ ที่สุดแห่งการดูแลสุขภาพที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้สูงวัย
    ▸ ที่สุด.. แห่งความปลอดภัยในการใช้ชีวิตของผู้พักอาศัย
    ▸ ที่สุด.. แห่งสังคมคุณภาพ ผ่านการให้
    การรับและการแบ่งปัน
    ▸ ที่สุด.. แห่งประสบการณ์ใช้ชีวิตที่เหนือระดับ

    -------------------------------------------
    สนใจสอบถามข้อมูลที่
    โทร.081-822-6553
    รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์
    ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้
    พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ
    จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    Jin Wellbeing County : จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้, ปทุมธานี คอนโด Jin Wellbeing County ทางเลือกใหม่คอนโดสำหรับผู้สูงอายุ ที่มาพร้อมกับการดูแลสุขภาพแบบบูรณาการ พร้อมมการดูแลจากแพทย์ พยาบาล 24 ชั่วโมง รองรับผู้สูงวัยอย่างแท้จริงบนถนนพหลโยธิน โซนรังสิต ตั้งอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยกรุงเทพรังสิต จ.ปทุมธานี ✦ จุดเด่น ✦ ▸ จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ ทางเลือกใหม่ของการใช้ชีวิต ▸โครงการภายใต้การดำเนินงานของกลุ่มธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป หรือ THG ที่มีประสบการณ์ด้านโรงพยาบาล และการดูแลสุขภาพมากกว่า 40 ปี ▸โครงการจิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ (Jin Wellbeing County) ที่พักอาศัยรูปแบบใหม่ที่มาพร้อมกับการดูแลสุขภาพแบบบูรณาการ (Integrative Healthcare ) และการดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคล (Personalized Medicine) ที่เหมาะสำหรับผู้สูงวัย นอกจากนี้เพื่อตอบโจทย์ที่อยู่อาศัยของวัยผู้สูงอายุอย่างแท้จริงทางโครงการยังมีบริการทางการแพทย์รองรับด้วย ได้แก่ (1) การดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐาน ที่ให้บริการแนะนำและการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลด้วยทีมแพทย์และพยาบาลที่มากประสบการณ์ และยังมีการแนะนำโภชนาการสำหรับผู้สูงวัยโดยเฉพาะอีกด้วย (2) การดูแลสมดุลร่างกายจากภายใน เป็นการดูแลโดยนักจิตบำบัดที่ช่วยการปรับสมดุลด้านอารมณ์และจิตใจ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการบำบัดความเครียดและอาการซึมเศร้า พร้อมกับมีกิจกรรมต่างๆ ที่ช่วยผ่อนคลายจิตใจ (3) การดูแลความแข็งแรงและสร้างเสริมสมรรถภาพของร่างกายด้วยการออกกำลังกายอย่างถูกวิธี และเวชศาสตร์ฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายด้านต่างๆที่ถูกออกแบบตามปัญหาแต่ละบุคคล ▸ ภายในพื้นที่ 140 ไร่ ประกอบด้วยอาคารที่พักอาศัยแบบ Low Rise 7 ชั้น จำนวน 5 อาคาร โดยแบ่งเป็น Cluster 1 จำนวน 2 อาคาร คือ อาคาร 1-AM และ อาคาร 1-C1Cluster 2 จำนวน 3 อาคาร คือ อาคาร 2-AM, อาคาร 2-C1 และอาคาร 2-D1 ✦ จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ ทางเลือกใหม่ของการใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบอย่างครบวงจรแห่งแรกของเมืองไทยในโครงการที่เราอยู่ได้ตลอดไป ✦ ▸ ที่สุด.. แห่งการใช้ชีวิตในสิ่งแวดล้อมที่ผ่อนคลายท่ามกลางธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบ ▸ ที่สุด.. แห่งการออกแบบ Universal Design รองรับผู้สูงวัยอย่างแท้จริง ▸ ที่สุดแห่งการดูแลสุขภาพที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้สูงวัย ▸ ที่สุด.. แห่งความปลอดภัยในการใช้ชีวิตของผู้พักอาศัย ▸ ที่สุด.. แห่งสังคมคุณภาพ ผ่านการให้ การรับและการแบ่งปัน ▸ ที่สุด.. แห่งประสบการณ์ใช้ชีวิตที่เหนือระดับ ------------------------------------------- สนใจสอบถามข้อมูลที่ โทร.081-822-6553 รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์ ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้ พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    0 Comments 0 Shares 459 Views 0 Reviews
  • GRENE Don Mueang Song Prapha : คอนโด กรีเน่ สรงประภา เฟส 2

    คอนโดตั้งอยู่ในทําเลที่สะดวกต่อการเดินทาง เชื่อมต่อกับถนนสําคัญหลายสาย เช่น ถนนศรีสมาน ถนนวิภาวดีรังสิต ทางด่วนศรีสมาน ดอนเมืองโทลล์เวย์ และรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีดอนเมือง นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม บนพื้นที่เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร

    ** จุดเด่น **

    คอนโดสไตล์รีสอร์ทใกล้ทะเล Miami มีบรรยากาศรีสอร์ทติดชายฝั่ง ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเหมือนได้พักรีสอร์ทหรู คอนโดนี้เป็นอาคารสูง 8 ชั้น ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติและบนถนนสรงประภา แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ใกล้กับห้างสรรพสินค้า ตลาด สถานศึกษา ศูนย์การแพทย์ สถานที่ราชการ และสํานักงานต่างๆ มากมาย

    ** สิ่งอํานวยความสะดวกภายในโครงการ **

    - สระว่ายน้ํา ยาว 29 เมตร
    - จากุซซี่
    - สวนหย่อมแบบรีสอร์ท
    - ลานเล่นเด็ก
    - โถงอบไอน้ํา
    - ลู่วิ่ง ยาว 1 กม.
    - สนามบาสเกตบอล
    - ห้องฟิตเนส
    - ห้องนั่งเล่น
    - ห้องประชุม
    - ล็อบบี้
    - ตู้ไปรษณีย์
    - ห้องซักรีด
    - ระบบควบคุมการเข้าออกด้วยบัตร
    - กล้อง CCTV
    - เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชม.

    ** สถานที่ใกล้เคียง **

    ห้างสรรพสินค้า และตลาด

    - ตลาดบุญอนันต์ : 250 ม.
    - Happy Avenue : 550 ม.
    - ตลาดโอโซนวัน : 850 ม.
    - ตลาดใหม่ดอนเมือง : 3 กม.
    - Robinson ศรีสมาน : 4.5 กม.
    - IT Square : 6.1 กม.
    - Impact Arena เมืองทองธานี : 6.6 กม.
    - Lotus’s แจ้งวัฒนะ : 7.2 กม.
    - The Avenue แจ้งวัฒนะ : 7.3 กม.
    - Big C แจ้งวัฒนะ : 7.9 กม.
    - Makro แจ้งวัฒนะ : 8.1 กม.
    - ตลาดสี่มุมเมือง : 8.8 กม.
    - CentralPlaza แจ้งวัฒนะ : 9.4 กม.
    - Future Park Rangsit & Zpell : 14 กม.

    สถานศึกษา

    - รร.พระหฤทัยดอนเมือง : 450 ม.
    - รร.นานาชาติ Harrow : 2.7 กม.
    - รร.หอวัง : 4.4 กม.
    - รร.เซนต์ฟรังซีสเซเวียร์ : 5.1 กม.
    - รร.พระหฤทัย นนทบุรี : 6.1 กม.
    - ม.รังสิต : 7.3 กม.

    ศูนย์การแพทย์

    - รพ.จุฬาภรณ์ : 6.4 กม.
    - รพ.มงกุฎวัฒนะ : 7.8 กม.
    - รพ.บี.แคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์ : 10.9 กม.
    - รพ.แพทย์รังสิต : 10.9 กม.
    - รพ.วิภาวดี : 14.6 กม.
    - รพ.ภูมิพลอดุลยเดช : 15.0 กม.

    อื่น ๆ

    - ท่าอากาศยานดอนเมือง : 5.1 กม.
    - สถานที่ราชการและอาคารสำนักงาน
    - สำนักงานเขตดอนเมือง : 2.8 กม.
    - ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ : 9.0 กม.

    ----------------------
    สนใจสอบถามข้อมูลที่
    โทร.081-822-6553
    รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์
    ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้
    พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ
    จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    GRENE Don Mueang Song Prapha : คอนโด กรีเน่ สรงประภา เฟส 2 คอนโดตั้งอยู่ในทําเลที่สะดวกต่อการเดินทาง เชื่อมต่อกับถนนสําคัญหลายสาย เช่น ถนนศรีสมาน ถนนวิภาวดีรังสิต ทางด่วนศรีสมาน ดอนเมืองโทลล์เวย์ และรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีดอนเมือง นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม บนพื้นที่เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ** จุดเด่น ** คอนโดสไตล์รีสอร์ทใกล้ทะเล Miami มีบรรยากาศรีสอร์ทติดชายฝั่ง ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเหมือนได้พักรีสอร์ทหรู คอนโดนี้เป็นอาคารสูง 8 ชั้น ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติและบนถนนสรงประภา แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ใกล้กับห้างสรรพสินค้า ตลาด สถานศึกษา ศูนย์การแพทย์ สถานที่ราชการ และสํานักงานต่างๆ มากมาย ** สิ่งอํานวยความสะดวกภายในโครงการ ** - สระว่ายน้ํา ยาว 29 เมตร - จากุซซี่ - สวนหย่อมแบบรีสอร์ท - ลานเล่นเด็ก - โถงอบไอน้ํา - ลู่วิ่ง ยาว 1 กม. - สนามบาสเกตบอล - ห้องฟิตเนส - ห้องนั่งเล่น - ห้องประชุม - ล็อบบี้ - ตู้ไปรษณีย์ - ห้องซักรีด - ระบบควบคุมการเข้าออกด้วยบัตร - กล้อง CCTV - เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชม. ** สถานที่ใกล้เคียง ** ห้างสรรพสินค้า และตลาด - ตลาดบุญอนันต์ : 250 ม. - Happy Avenue : 550 ม. - ตลาดโอโซนวัน : 850 ม. - ตลาดใหม่ดอนเมือง : 3 กม. - Robinson ศรีสมาน : 4.5 กม. - IT Square : 6.1 กม. - Impact Arena เมืองทองธานี : 6.6 กม. - Lotus’s แจ้งวัฒนะ : 7.2 กม. - The Avenue แจ้งวัฒนะ : 7.3 กม. - Big C แจ้งวัฒนะ : 7.9 กม. - Makro แจ้งวัฒนะ : 8.1 กม. - ตลาดสี่มุมเมือง : 8.8 กม. - CentralPlaza แจ้งวัฒนะ : 9.4 กม. - Future Park Rangsit & Zpell : 14 กม. สถานศึกษา - รร.พระหฤทัยดอนเมือง : 450 ม. - รร.นานาชาติ Harrow : 2.7 กม. - รร.หอวัง : 4.4 กม. - รร.เซนต์ฟรังซีสเซเวียร์ : 5.1 กม. - รร.พระหฤทัย นนทบุรี : 6.1 กม. - ม.รังสิต : 7.3 กม. ศูนย์การแพทย์ - รพ.จุฬาภรณ์ : 6.4 กม. - รพ.มงกุฎวัฒนะ : 7.8 กม. - รพ.บี.แคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์ : 10.9 กม. - รพ.แพทย์รังสิต : 10.9 กม. - รพ.วิภาวดี : 14.6 กม. - รพ.ภูมิพลอดุลยเดช : 15.0 กม. อื่น ๆ - ท่าอากาศยานดอนเมือง : 5.1 กม. - สถานที่ราชการและอาคารสำนักงาน - สำนักงานเขตดอนเมือง : 2.8 กม. - ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ : 9.0 กม. ---------------------- สนใจสอบถามข้อมูลที่ โทร.081-822-6553 รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์ ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้ พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    0 Comments 0 Shares 391 Views 0 Reviews
  • 》》น้ำตกโกรกอีดกชั้น2《《
    ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
    ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด
    ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร
    ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่
    》》
    ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม
    ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959
    ☆เพจ
    》》
    https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg
    《《
    ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ
    ●●●●●●●●●●●●●●●●●●
    ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ
    คนละ 600 บาท
    (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท)
    วันละ 24 คน เท่านั้น!!
    》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532
    ไอดีไลน์ : 0899332762p
    ●●●●●●●●●●●●
    น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก

    #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesmanowjourney
    》》น้ำตกโกรกอีดกชั้น2《《 ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่ 》》 ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959 ☆เพจ 》》 https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg 《《 ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ ●●●●●●●●●●●●●●●●●● ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ คนละ 600 บาท (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท) วันละ 24 คน เท่านั้น!! 》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532 ไอดีไลน์ : 0899332762p ●●●●●●●●●●●● น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesmanowjourney
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 1251 Views 326 0 Reviews
  • กิจกรรมจิบกาแฟแลสยาม“ดนตรีของพระเจ้าแผ่นดิน” รวมพลคนรักดนตรี
    บอกเล่าเรื่องราวสุดประทับหัวใจคนไทยผ่านเสียงดนตรี
    ณ หอประชุมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ถนนวิภาวดีรังสิต
    .
    #ThePublisher #จิบกาแฟแลสยาม #ดนตรีของพระเจ้าแผ่นดิน
    #ผู้พันเบิร์ด #thaitimes
    กิจกรรมจิบกาแฟแลสยาม“ดนตรีของพระเจ้าแผ่นดิน” รวมพลคนรักดนตรี บอกเล่าเรื่องราวสุดประทับหัวใจคนไทยผ่านเสียงดนตรี ณ หอประชุมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ถนนวิภาวดีรังสิต . #ThePublisher #จิบกาแฟแลสยาม #ดนตรีของพระเจ้าแผ่นดิน #ผู้พันเบิร์ด #thaitimes
    Like
    Love
    5
    0 Comments 0 Shares 956 Views 325 1 Reviews
  • รีวิว พิชิตน้ำตกโกรกอีดก สระบุรี
    ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
    ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด
    ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร
    ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่
    》》
    ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม
    ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959
    ☆เพจ
    》》
    https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg
    《《
    ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ
    ●●●●●●●●●●●●●●●●●●
    ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ
    คนละ 600 บาท
    (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท)
    วันละ 24 คน เท่านั้น!!
    》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532
    ไอดีไลน์ : 0899332762p
    ●●●●●●●●●●●●●●●●●●
    น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก
    ■■■■■■■■■■■
    ♡ชมวีดีโอฉลับเต็ม
    》Ep.1
    https://youtu.be/OB-pj853V78?si=rTWVhVPm9jhJagXS
    》Ep.2
    https://youtu.be/EredihI1aU4?si=kvGAvQdR8OJbYXK0
    》Ep.3
    https://youtu.be/JaDDJV5sD1o?si=DBkghkVrLVzdZjYp
    ■■■■■■■■■■■■■
    #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก #thaitimes #thaitimesjourney #thaitimesmanowjourney #thaitimesเที่ยวไทย
    รีวิว พิชิตน้ำตกโกรกอีดก สระบุรี ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่ 》》 ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959 ☆เพจ 》》 https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg 《《 ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ ●●●●●●●●●●●●●●●●●● ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ คนละ 600 บาท (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท) วันละ 24 คน เท่านั้น!! 》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532 ไอดีไลน์ : 0899332762p ●●●●●●●●●●●●●●●●●● น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก ■■■■■■■■■■■ ♡ชมวีดีโอฉลับเต็ม 》Ep.1 https://youtu.be/OB-pj853V78?si=rTWVhVPm9jhJagXS 》Ep.2 https://youtu.be/EredihI1aU4?si=kvGAvQdR8OJbYXK0 》Ep.3 https://youtu.be/JaDDJV5sD1o?si=DBkghkVrLVzdZjYp ■■■■■■■■■■■■■ #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก #thaitimes #thaitimesjourney #thaitimesmanowjourney #thaitimesเที่ยวไทย
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 1120 Views 275 0 Reviews
  • กิจกรรมจิบกาแฟแลสยาม“ดนตรีของพระเจ้าแผ่นดิน” รวมพลคนรักดนตรี
    บอกเล่าเรื่องราวสุดประทับหัวใจคนไทยผ่านเสียงดนตรี
    ณ หอประชุมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ถนนวิภาวดีรังสิต
    .
    #ThePublisher #จิบกาแฟแลสยาม #ดนตรีของพระเจ้าแผ่นดิน
    #ผู้พันเบิร์ด #thaitimes
    กิจกรรมจิบกาแฟแลสยาม“ดนตรีของพระเจ้าแผ่นดิน” รวมพลคนรักดนตรี บอกเล่าเรื่องราวสุดประทับหัวใจคนไทยผ่านเสียงดนตรี ณ หอประชุมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ถนนวิภาวดีรังสิต . #ThePublisher #จิบกาแฟแลสยาม #ดนตรีของพระเจ้าแผ่นดิน #ผู้พันเบิร์ด #thaitimes
    Like
    2
    0 Comments 1 Shares 936 Views 262 0 Reviews
  • คนละ 300 บาท คุณก็ได้ประสบการณ์ เดินป่า ขึ้นเขา เล่นน้ำตก แบบนี้!!!
    》1 ปี มีแค่ช่วงฤดูฝนเท่านั้น《
    ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
    ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด
    ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร
    ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่
    》》
    ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม
    ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959
    ☆เพจ
    》》
    https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg
    《《
    ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ
    ●●●●●●●●●●●●
    ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ
    คนละ 600 บาท
    (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท)
    วันละ 24 คน เท่านั้น!!
    》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532
    ไอดีไลน์ : 0899332762p
    ●●●●●●●●●●●●
    น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก

    #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก
    คนละ 300 บาท คุณก็ได้ประสบการณ์ เดินป่า ขึ้นเขา เล่นน้ำตก แบบนี้!!! 》1 ปี มีแค่ช่วงฤดูฝนเท่านั้น《 ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่ 》》 ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959 ☆เพจ 》》 https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg 《《 ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ ●●●●●●●●●●●● ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ คนละ 600 บาท (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท) วันละ 24 คน เท่านั้น!! 》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532 ไอดีไลน์ : 0899332762p ●●●●●●●●●●●● น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก
    Like
    Love
    2
    1 Comments 0 Shares 321 Views 37 0 Reviews
  • คนละ 300 บาท คุณก็ได้ประสบการณ์ เดินป่า ขึ้นเขา เล่นน้ำตก แบบนี้!!!
    》1 ปี มีแค่ช่วงฤดูฝนเท่านั้น《
    ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
    ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด
    ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร
    ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่
    》》
    ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม
    ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959
    ☆เพจ
    》》
    https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg
    《《
    ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ
    ●●●●●●●●●●●●
    ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ
    คนละ 600 บาท
    (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท)
    วันละ 24 คน เท่านั้น!!
    》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532
    ไอดีไลน์ : 0899332762p
    ●●●●●●●●●●●●
    น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก

    #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก
    คนละ 300 บาท คุณก็ได้ประสบการณ์ เดินป่า ขึ้นเขา เล่นน้ำตก แบบนี้!!! 》1 ปี มีแค่ช่วงฤดูฝนเท่านั้น《 ■น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ■น้ำตกโกรกอีดก ที่เที่ยวสระบุรี ชวนไปเที่ยวเดินป่า ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตามล่าหาเห็ดแชมเปญสีส้ม ชมความงามของน้ำตกโกรกอีดก ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาด ■เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก จะเป็นเส้นทางเดินเท้าเข้าไปกลางป่าลึก ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร เป็นระยะทางไป 4 กิโลเมตร และกลับอีก 4 กิโลเมตร ■ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน ดังนั้นใครที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตก จึงต้องติดต่อและจองล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่ 》》 ☆วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม ☆เบอร์ติดต่อ 065-706-2959 ☆เพจ 》》 https://www.facebook.com/share/HVejY83ZBrSQpsFC/?mibextid=qi2Omg 《《 ■โดยจะมีค่าลงทะเบียนจองคนละ 300 บาท (ต่างชาติ 600 บาท) เป็นค่าเข้าอุทยาน ไกด์นำทาง บริการรถรับ-ส่ง และประกันอุบัติเหตุ ●●●●●●●●●●●● ■รถตู้รับส่งจากหมอชิต -รังสิต - จุดลงทะเบียนขึ้นน้ำตกโกรกอีดก ไป-กลับ คนละ 600 บาท (ไม่รวมค่าลงทะเบียนขึ้นน้ำตก 300 บาท) วันละ 24 คน เท่านั้น!! 》เช็ควันว่าง 📞เบอร์ติดต่อรถตู้ 092-429-1532 ไอดีไลน์ : 0899332762p ●●●●●●●●●●●● น้ำตกโกรกอีดก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยมีความสูงอยู่ที่ 350 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี และช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยวที่นี่คือ ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกันยายน เนื่องจากในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำเยอะไหลเต็มหน้าผา เป็นภาพที่ดูงดงามตระการตาหาชมได้ยาก #มะนาวก้าวเดิน #น้ำตกโกรกอีดก #เดินป่าขึ้นเขาเล่นน้ำตกโกรกอีดก #ที่เที่ยวสระบุรี #วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม #เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกโกรกอีดก
    Love
    2
    0 Comments 0 Shares 235 Views 0 Reviews
  • บ้านเดี่ยว สไตล์มินิมอล หลังมุม หน้าบ้านและด้านข้างเป็นสวน ไม่ติดใคร👍
    ทำเลศักยภาพ เดินทางสะดวก รีโนเวทใหม่ พร้อมอยู่

    🔹เดอะทรัสต์วิลล์ วัชรพล-หทัยราษฎร์🔹

    เพียง 4.79 ล้านบาท

    ✅️รีโนเวทใหม่
    ✅️ฟรีค่าโอน
    ✅️ฟรีบริการยื่นสินเชื่อ
    —————————————————————
    สนใจสอบถามรายละเอียด ,นัดชม
    ติดต่อ: 081-855-8162 (ป๊อก)
    Line: juthamanee_b
    —————————————————————

    ♦️ เนื้อที่ขนาด 52.4 ตร.วา
    ♦️ พื้นที่ใช้สอย 160 ตร.ม.
    ♦️ 3 ห้องนอน / 2 ห้องน้ำ
    ♦️ 1 ห้องอเนกประสงค์ (ชั้นล่าง) / 1 ห้องครัว / 1 ห้องนั่งเล่น
    ♦️ หน้าบ้านหันทิศใต้
    ♦️ โครงการสร้างเสร็จ 2012
    ♦️ ค่าส่วนกลาง 25 บาท/ตร.วา

    🆓ฟรี🆓
    ต่อเติมโซนซักล้าง และโซนครัวไทยไว้แล้ว
    ผ้าม่านและมูลี่
    เคาเตอร์ครัว
    แอร์ 1 เครื่อง
    ปั้มน้ำและแท้งค์น้ำ

    ====================
    การเดินทาง
    เข้าถึงหลายเส้นทาง ถนนหทัยราษฎร์ ถนนลำลูกกา ถนนสายไหม ถนนเลียบคลองสอง และถนนคู้บอน
    5 นาที ถึงมอเตอร์เวย์ (ขึ้นเหนือ ลงใต้ อีสาน ตะวันออก สะดวก)
    10 นาที ถึงทางด่วนจตุโชติ
    อนาคตมีแผนก่อสร้างรถไฟฟ้าสถานีวงแหวนตะวันออก (ต่อจากสถานีคูคต)

    ====================
    สิ่งอำนวยความสะดวก
    สวนสาธารณะ , คลับเฮาส์ , สระว่ายน้ำ, รปภ., CCTV
    ====================

    สถานที่สำคัญใกล้เคียง
    ▪ ใกล้ 3 ตลาดใหญ่รอบหมู่บ้าน ตลาดวงศกร ตลาดมารวย ตลาดมั่งมีทรัพย์
    ▪ ใกล้ห้างสรรพสินค้า บิ๊กซี โลตัส โฮมโปร แม๊กซ์แวลู แฟชั่นไอส์แลนด์ ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต
    แม๊กซ์แวลู, สายไหมอะเวนิว
    ▪ เทศบาลลำลูกกา สถานีตำรวจลำลูกกา ไปรษณีย์ลำลูกกา
    ▪ รร.สารสาสน์สายไหม, รร.สาธิตพัฒนา
    ▪ รพ.ซีจีเอช สายไหม รพ.สินแพทย์ลำลูกกา
    ▪ ซาฟารีเวิล์ด

    #ขายบ้านวัชรพล #บ้านมือสอง #บ้านมือสองรีโนเวท #บ้านมือสองสภาพดี #ขายบ้านหทัยราษฎร์ #บ้านรีโนเวทพร้อมอยู่ #บ้านพร้อมอยู่ #ขายบ้านลำลูกกา #บ้านสายไหม #รีโนเวท #บ้านมินิมอล #บ้านสไตล์มินิมอล #บ้านเดี่ยวราคาถูก
    บ้านเดี่ยว สไตล์มินิมอล หลังมุม หน้าบ้านและด้านข้างเป็นสวน ไม่ติดใคร👍 ทำเลศักยภาพ เดินทางสะดวก รีโนเวทใหม่ พร้อมอยู่ 🔹เดอะทรัสต์วิลล์ วัชรพล-หทัยราษฎร์🔹 เพียง 4.79 ล้านบาท ✅️รีโนเวทใหม่ ✅️ฟรีค่าโอน ✅️ฟรีบริการยื่นสินเชื่อ ————————————————————— สนใจสอบถามรายละเอียด ,นัดชม ติดต่อ: 081-855-8162 (ป๊อก) Line: juthamanee_b ————————————————————— ♦️ เนื้อที่ขนาด 52.4 ตร.วา ♦️ พื้นที่ใช้สอย 160 ตร.ม. ♦️ 3 ห้องนอน / 2 ห้องน้ำ ♦️ 1 ห้องอเนกประสงค์ (ชั้นล่าง) / 1 ห้องครัว / 1 ห้องนั่งเล่น ♦️ หน้าบ้านหันทิศใต้ ♦️ โครงการสร้างเสร็จ 2012 ♦️ ค่าส่วนกลาง 25 บาท/ตร.วา 🆓ฟรี🆓 ต่อเติมโซนซักล้าง และโซนครัวไทยไว้แล้ว ผ้าม่านและมูลี่ เคาเตอร์ครัว แอร์ 1 เครื่อง ปั้มน้ำและแท้งค์น้ำ ==================== การเดินทาง เข้าถึงหลายเส้นทาง ถนนหทัยราษฎร์ ถนนลำลูกกา ถนนสายไหม ถนนเลียบคลองสอง และถนนคู้บอน 5 นาที ถึงมอเตอร์เวย์ (ขึ้นเหนือ ลงใต้ อีสาน ตะวันออก สะดวก) 10 นาที ถึงทางด่วนจตุโชติ อนาคตมีแผนก่อสร้างรถไฟฟ้าสถานีวงแหวนตะวันออก (ต่อจากสถานีคูคต) ==================== สิ่งอำนวยความสะดวก สวนสาธารณะ , คลับเฮาส์ , สระว่ายน้ำ, รปภ., CCTV ==================== สถานที่สำคัญใกล้เคียง ▪ ใกล้ 3 ตลาดใหญ่รอบหมู่บ้าน ตลาดวงศกร ตลาดมารวย ตลาดมั่งมีทรัพย์ ▪ ใกล้ห้างสรรพสินค้า บิ๊กซี โลตัส โฮมโปร แม๊กซ์แวลู แฟชั่นไอส์แลนด์ ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต แม๊กซ์แวลู, สายไหมอะเวนิว ▪ เทศบาลลำลูกกา สถานีตำรวจลำลูกกา ไปรษณีย์ลำลูกกา ▪ รร.สารสาสน์สายไหม, รร.สาธิตพัฒนา ▪ รพ.ซีจีเอช สายไหม รพ.สินแพทย์ลำลูกกา ▪ ซาฟารีเวิล์ด #ขายบ้านวัชรพล #บ้านมือสอง #บ้านมือสองรีโนเวท #บ้านมือสองสภาพดี #ขายบ้านหทัยราษฎร์ #บ้านรีโนเวทพร้อมอยู่ #บ้านพร้อมอยู่ #ขายบ้านลำลูกกา #บ้านสายไหม #รีโนเวท #บ้านมินิมอล #บ้านสไตล์มินิมอล #บ้านเดี่ยวราคาถูก
    0 Comments 0 Shares 357 Views 0 Reviews
  • ฉีดวัคซีนฝีดาษลิงดีหรือไม่ ในยุคไวรัสฝีมือมนุษย์? / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

    “ไข้ทรพิษ” หรือฝีดาษเป็นโรคติดต่อร้ายแรง มีลักษณะเฉพาะคือมีผื่นขึ้นตามตัว ไข้สูง ปวดศีรษะ ชัก และอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน มีอัตราการเสียชีวิต 30% เกิดจากเชื้อไวรัส แบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ

    1.ไข้ทรพิษชนิดร้ายแรง เกิดจากเชื้อ “วาริโอลา เมเจอร์” (Variola major or classical smallpox)

    2.ไข้ทรพิษชนิดอ่อน ซึ่งมีความรุนแรงน้อยกว่าชนิดแรก เกิดจากเชื้อ “วาริโอลา ไมเนอร์”  (Variola minor or alastrim)[1]

    เว็บไซต์กรมควบคุมโรค สหรัฐอเมริกา ได้รายงานหลักฐานแรกสุดของโรคนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตศักราชในอียิปต์[2] และเมื่อเวลาผ่านไปก็ทยอยลุกลามไปทั่วโลก

    ทั้งนี้เชื้อไวรัสฝีดาษ (Variolar) นี้สามารถแพร่กระจายไปในอากาศ จากละอองสิ่งคัดหลั่งจากคนที่เป็นโรค เช่น น้ำมูก, น้ำลาย หรือจากการสัมผัสกับผิวหนังที่มีแผลฝีดาษ เชื้อนี้มีความคงทนต่อสภาพอากาศ สามารถแพร่ได้ไม่ว่าจะอากาศร้อนหรือหนาว และสามารถติดต่อจากคนไปสู่คนได้โดยง่าย

    อย่างไรก็ตาม การรณรงค์ฉีดวัคซีนกวาดล้างโรคฝีดาษ ตลอดศตวรรษที่ 19-20 โดยการประสานงานขององค์การอนามัยโลก เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510-2518 ทำให้ผู้ป่วยฝีดาษทั่วโลกลดลงอย่างมาก ตามรายงานขององค์การอนามัยโลกแจ้งว่ามีผู้ป่วยเป็นโรคฝีดาษรายสุดท้าย เกิดขึ้นที่ ประเทศโซมาเลีย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ.2520

    ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศว่า ฝีดาษถูกกวาดล้าง (eradicate) หมดไปจากโลกในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2523[2]

    จึงถือว่าเป็นโรคระบาดที่มนุษย์สามารถเอาชนะได้หลังจากใช้เวลานานกว่า 3,000 ปี

    อย่างไรก็ตามแม้ว่าโรคจะถูกกวาดล้างไปแล้ว แต่เชื้อไวรัสฝีดาษยังถูกเก็บไว้ในห้องปฏิบัติการและอยู่ในความดูแลอย่างเข้มงวดที่ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งชาติ (CDC) เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกาและที่ State Research Centre of Virology and Biotechnology สหพันธ์สาธารณรัฐ รัสเซีย ซึ่งหน่วยงานทั้ง 2 แห่งในประเทศนี้ได้รับอนุญาตจาก WHA ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2542 ให้เป็นที่เก็บไวรัส Variola ที่มีชีวิตเพื่อนำมาใช้ในการศึกษาวิจัยในกรณีที่อาจมีโรคฝีดาษอุบัติใหม่ขึ้นมา[3],[4]

    ซึ่งแปลว่าคนในโลกนี้ควรจะปลอดจากเชื้อฝีดาษไปตลอดกาลแล้ว นับตั้งแต่ปี พ.ศ.​2523 หากไม่มีการรั่วไหล หรือมีวาระซ่อนเร้นในการทำธุรกิจกับชีวิตของมนุษยชาติ จริงหรือไม่?

    อย่างไรก็ตาม ได้มีเหตุการณ์พบขวดทดลองที่มีลักษณะแห้งและแช่แข็งบรรจุเชื้อไข้ทรพิษจำนวน 6 ขวด เก็บอยู่ในกล่องในห้องเก็บของที่มีการควบคุมอุณหภูมิไว้ที่ 5 องศาเซลเซียส ของสถาบันเพื่อสุขภาพแห่งชาติอเมริกา (National Institutes of Health: NIH) ในสังกัดองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ในเบเธสดา รัฐแมรีแลนด์ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ที่ผ่านมา[3]

    เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความตระหนกแก่ประชาชนที่ทราบข่าว เนื่องจากความกลัวว่าจะมีการนำเชื้อไข้ทรพิษเป็นอาวุธชีวภาพ ทำให้มีการกำหนดมาตรฐานการเก็บรักษาเชื้อไวรัสไข้ทรพิษหรือฝีดาษ ว่าจะต้องถูกเก็บรักษาไว้ใน BSL-4 หรือแล็บความปลอดภัยด้านชีวภาพระดับ 4[3]

    แต่ห้องเก็บของที่พบกล่องบรรจุขวดเชื้อไวรัสฝีดาษไม่เข้ามาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูง ทำให้มีการสอบสวนที่มาที่ไปของขวดตัวอย่างที่พบและนำเข้าสู่ระบบการทำลายเชื้อ เพื่อให้เกิดความแน่ใจว่าจะไม่มีการนำไปใช้ในทางที่ผิด อันเนื่องมาจากความรุนแรงของโรคที่เคยปรากฏในอดีตที่ผ่านมา[3]

    คำถามที่ตามมามีอยู่ว่าในเมื่อเชื้อฝีดาษหายไปจากโลกกว่า 40 ปี และเชื้อตัวอย่างยังคงหลงเหลืออยู่เพียงแค่ห้องปฏิบัติการ 2 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา กับ รัสเซีย หากฝีดาษจะมีการกลับมาระบาดอีกครั้งในโลก ย่อมต้องถูกตั้งข้อสงสัยว่ามาจากสหรัฐอเมริกา หรือ รัสเซียกันแน่

    ปรากฏในรายงานผลการสอบสวนของกรรมาธิการของวุฒิสภาในสหรัฐอเมริกาฉบับเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2567[5] พบว่าฝีดาษลิงที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ อาจเป็นปัญหาที่ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่เป็นการประดิษฐ์ขึ้นโดยมนุษย์

    เรื่องดังกล่าวนี้ทำให้ศาสตราจารย์นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567[6] นำรายงานผลการสอบสวนดังกล่าว และโพสต์ข้อความว่า

    “ไวรัสฝีดาษตัวใหม่ที่่ทั่วโลกกำลังตื่นตระหนก จากการประกาศขององค์การอนามัยโลกประสานกับองค์กรของสหรัฐฯ และพยายามจะให้มีการสะสมวัคซีนตลอดจนให้มีการใช้ทั่วโลก เป็นการเกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือมีการประดิษฐ์มีการตรวจสอบโดยกรรมาธิการเฉพาะของวุฒิสภาสหรัฐฯ โดยกรรมาธิการดังกล่าวออกรายงาน 73 หน้า ในวันที่ 11 มิถุนายน 2024 เป็นการสอบสวนการทำวิจัยไวรัสฝีดาษลิง ที่มีความเสี่ยงสูงโดยทำให้มีความรุนแรงมากขึ้นและติดต่อได้ง่ายขึ้นระหว่างคนสู่คน

    ขั้นตอนติดต่อส่วนของไวรัสในกลุ่มที่สอง ไปยังกลุ่มที่หนึ่งปรากฏว่าความรุนแรงลดลง

    ดังนั้นเลยมีกระบวนการที่ทำโดยเอาส่วนที่หนึ่งเสียบไปยังกลุ่มที่สองจนได้ผลสำเร็จ มีความรุนแรงมากขึ้นและแพร่ได้เร็ว เกิดการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    สืบจนพบว่าเป็นการอนุมัติทุนในองค์กร NIH NIAID ของสหรัฐฯ ในปี 2015 และรายงานความสำเร็จในปี 2022 ซึ่งในขณะนั้นเอง ก่อให้เกิดความวิตกกังวลของนักวิทยาศาสตร์ทั่วไปถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น

    และนำไปสู่การสืบสวนจนกระทั่งถึงผู้อนุมัติสนับสนุนงานสร้างไวรัสใหม่ คือ ดร.เฟาซี (ดร.แอนโทนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อระดับแนวหน้าของสหรัฐฯ และหัวหน้าทีมที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขของประธานาธิบดี โจ ไบเดน)

    และเหตุการณ์ที่คล้องจอง คือการฝึกซ้อมรับมือผู้ก่อการร้าย โดยสมมุติว่ามีการใช้อาวุธชีวภาพ คือไวรัสฝีดาษลิงที่ตัดต่อพันธุกรรม ชื่อ Akhmeta ทั้งในปี 2021 และในปี 2022 โดยสร้างฉากทัศน์ เริ่มจากการปล่อยไวรัสจนกระทั่งมีการระบาดทั่วโลกและล้มตายไปหลายร้อยล้านคนและในขณะเดียวกันมีการตระเตรียมยาและวัคซีน

    เหตุการณ์ที่เกิดในปัจจุบันที่มีการติดเชื้อฝีดาษลิงในมนุษย์ที่ง่ายขึ้น เริ่มเกิดขึ้นในปี 2021 และ 2022 และทยอยแพร่ไปทั่วโลก

    จนองค์การอนามัยโลกประกาศเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินและผลักดันให้มีการฉีดวัคซีนทั่วโลก[6]

    ส่วนประเทศไทยได้ปรากฏข้อมูลที่รวมรวมโดยเว็บไซต์ Hfocus รายงานว่าการเกิดโรคฝีดาษในไทยพบหลักฐานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ดังปรากฎในพระราชพงศาวดารสมัยกรุงศรีอยุธยาว่า

    ถึงขนาดว่ามีพระมหากษัตริย์ไทยสวรรคตด้วยฝีดาษ 2 พระองค์  ได้แก่ สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 หน่อพุทธางกูร พระมหากษัตริย์ ลำดับที่ 11 ของกรุงศรีอยุธยา ทรงพระประชวรด้วยโรคไข้ทรพิษ และเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2076 หรือประมาณ 491 ปีที่แล้ว

    อีก 72 ปีต่อมา สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้ประชวรที่เมืองหาง (เมืองห้างหลวง ในรัฐฉาน) เป็นฝีละลอกขึ้นที่พระพักตร์ กลายเป็นพิษ และสวรรคต เมื่อ 25 เมษายน พ.ศ. 2148 ซึ่งตรงกับช่วงศตวรรษที่ 16 มีการระบาดครั้งใหญ่ทั่วโลก และยังมีการระบาดในพ.ศ. 2292 สมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ที่ทำให้มีคนตายมาก[3]

    โรคฝีดาษ หรือ ไข้ทรพิษ ในอดีตนั้นมีความร้ายแรง เพราะยังถึงขั้นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาเสด็จสวรรคตถึง 2 พระองค์ได้ จึงมีความแตกต่างจากโรคระบาดชนิดอื่นๆ

    ดังนั้นในเวลาต่อๆมา โรคฝีดาษ หรือ ไข้ทรพิษ จึงเป็นโรคระบาดที่สำคัญที่ต้องมีการพัฒนาอย่างเร่งด่วน ทั้งการป้องกันการเกิดโรคระบาด จนถึงขั้นการรักษาโรค

    ในสมัยรัตนโกสินทร์ มีการระบาดของฝีดาษเช่นกัน จากบันทึกของหมอบรัดเลย์ ที่ระบุว่าในสมัยรัชกาลที่ 3 มีการระบาดของฝีดาษอย่างหนัก ทำให้หมอบรัดเลย์ริเริ่มการปลูกฝีบำบัดโรคฝีดาษเป็นครั้งแรกในไทยในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2379 โดยใช้เชื้อหนองฝีโคที่นำเข้ามาจากอเมริกา และได้เขียนตำราชื่อ “ตำราปลูกฝีให้กันโรคธระพิศม์ไม่ให้ขึ้นได้” ปรากฏมาจนถึงทุกวันนี้[3]

    ในระยะ พ.ศ. 2460 – 2504 ยังมีการระบาดของฝีดาษเกิดขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2488 – 2489 ช่วงการเกิดสงครามมีการระบาดของฝีดาษครั้งใหญ่สุดเริ่มต้นจากเชลยพม่าที่ทหารญี่ปุ่นจับมาสร้างทางรถไฟสายมรณะข้ามแม่นํ้าแควป่วยเป็นไข้ทรพิษและแพร่ไปยังกลุ่มกรรมกรไทยจากภาคต่างๆที่มารับจ้างทํางานในแถบนั้น เมื่อแยกย้ายกันกลับบ้าน ได้นําโรคกลับไปแพร่ระบาดใหญ่ทั่วประเทศ มีผู้ป่วยมากถึง 62,837 คน และเสียชีวิต 15,621 คน[3]

    การระบาดเกิดขึ้นอีกครั้งในปี พ.ศ. 2502 ทำให้มีผู้ป่วย 1,548 คน ตาย 272 คน และการระบาดครั้งสุดท้ายมีการบันทึกไว้ว่าเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2504 ที่อําเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย มีผู้ป่วย 34 ราย ตาย 5 ราย โดยรับเชื้อมาจากรัฐเชียงตุงของพม่า ทำให้กระทรวงสาธารณสุขเริ่มโครงการกวาดล้างไข้ทรพิษหรือฝีดาษในประเทศไทย รณรงค์ปลูกฝีป้องกันโรค จนปีพ.ศ. 2523 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศว่าฝีดาษได้ถูกกวาดล้างแล้วจึงหยุดการปลูกฝีป้องกันโรค   และนับแต่นั้นมาไม่เคยปรากฏว่ามีฝีดาษเกิดขึ้นในประเทศไทย[3]

    นี่คือเหตุผลว่าประเทศไทยได้ทำการปลูกฝี เพื่อป้องกันโรคฝีดาษ หรือไข้ทรพิษในปี พ.ศ. 2532 เป็นปีสุดท้าย หรือเมื่อประมาณ 44 ปีที่แล้ว ดังนั้นประชาชนไทยที่อายุมากกว่า 44 ปีขึ้นไป ก็น่าจะได้รับการปลูกฝีไปเกือบทั้งหมดแล้ว

    แต่เมื่อฝีดาษลิงกลับมาระบาดอีกครั้ง ก็ทำให้เกิดคำถามว่าประเทศไทยจะรับมืออย่างไร และเราควรจะฉีดวัคซีนหรือไม่? และคนที่มีอายุเกิน 44 ปี (ซึ่งส่วนใหญ่ได้ปลูกฝีไข้ทรพิษมาแล้ว)จะมีคนติดเชื้อโรคฝีดาษลิงหรือไม่

    โดยวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2567 เว็บไซต์ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้รายงานสถานการณ์ฝีดาษวานร (ฝีดาษลิง)จนถึงปัจจุบันว่า มีผู้ป่วยฝีดาษลิงในประเทศไทย จำนวน 835 ราย เป็นเพศชายเกือบทั้งหมดมากถึง 814 ราย คิดเป็นร้อยละ 97.49 ในขณะที่เป็นเพศหญิง 21 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.51 เท่านั้น[7]

    ซึ่งถือว่าโอกาสติดเชื้อฝีดาษลิงในผู้หญิงน้อยมาก

    แต่ที่น่าสนใจคือ กลุ่มคนวัยหนุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ป่วยเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เอชไอวี อย่างไรก็ตามกลุ่มคนที่เคยปลูกฝีไข้ทรพิษแล้วยังสามารถติดเชื้อฝีดาษลิงได้อยู่ดีแต่น้อยกว่าคนที่ไม่ได้ปลูกฝี ดังนี้

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 0-14 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 2 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.36 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมด

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 15-19 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 3 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.24 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 20-24 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 81 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.70 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 25-29 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 172 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20.59 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 30-39 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 347 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 41.56 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 40-49 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 174 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20.83 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ในกลุ่มนี้หากพิจารณาแยกแยะผู้ที่มีอายุ 40-44 ปี ซึ่งไม่เคยได้รับการปลูกฝีมาก่อนมีจำนวน 130 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 15.65 ในขณะที่ผู้ที่มีอายุมากกว่า 45-49 ที่เชื่อว่าน่าจะได้รับการปลูกฝีแล้วติดเชื้อฝีดาษลิงแล้ว 44 ราย คิดเป็นเพียงร้อยละ 5.27 เท่านั้น

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 50-59 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 29 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.47 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ติดเชื้อฝีดาษลิง 8 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.95 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย[7]

    จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ในประเทศไทยผู้ที่มีอายุมากกว่า 45 ปีขึ้นไปซึ่งน่าจะมีการปลูกฝีไข้ทรพิษไปแล้วก็ยังมีโอกาสติดเชื้อฝีดาษลิงได้ เพียงแต่มีสัดส่วนน้อยกว่าประชากรที่ยังไม่เคยได้รับการปลูกฝี คือ ผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 44 ปีลงมา มีผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงจำนวน 754 รายคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 90.30 ในขณะที่ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้น (ซึ่งส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดได้รับการปลูกฝีไปแล้ว)มีผู้ป่วยติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งสิ้น 81 รายคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.70 ราย

    อย่างไรก็ตามในภาวะดังกล่าว มีคำแถลงจากนายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ความเห็นเอาไว้เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567 ความว่า

    “โดยจริงๆ วัคซีนไม่จำเป็นต้องฉีดทุกคน ไม่มีการระบาดทั่วไป เพราะอัตราการระบาดต่ำ แต่จะพบในผู้ป่วยเฉพาะ เช่น ผู้ขายบริการทางเพศ และชายรักชาย อีกทั้ง ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากผู้ป่วยเอชไอวี และไม่ทานยาทั้งหมด 13 รายที่ผ่านมา (เชื้อเคลด2)”[8]

    นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ยังได้

    “คณะอนุกรรมการฯ พิจารณาเห็นว่า เพื่อเป็นการควบคุมโรค แต่เนื่องจากวัคซีนป้องกันฝีดาษวานรยังไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนในประเทศไทย ทางกรมควบคุมโรคจึงใช้ มาตรา 13(5) เพื่อการควบคุมโรค ตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510  จะมีการใช้งบประมาณ กรมควบคุมโรค วงเงิน 21 ล้านบาท เพื่อการจัดซื้อวัคซีนดังกล่าว รวม 3,000 โดส  เพื่อฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยง  3 กลุ่ม ประกอบด้วย  

    1. บุคลากรทางการแพทย์ที่เสี่ยงต่อการติดโรค อาทิ ไปสัมผัสเสี่ยงสูง คือ สัมผัสคนติดเชื้อ

    2. กลุ่มไปสัมผัสโรค เสี่ยงว่าจะติดเชื้อ ก็จะฉีดภายใน 4 วัน

    และ3. มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดคนติดเชื้อ เช่น คนในครอบครัวที่ติดเชื้อ ซึ่ง 3 กลุ่มเสี่ยงนี้ กรมควบคุมโรคจะดูแลโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย“[8]

    เรื่องดังกล่าวนี้ทำให้ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิตให้ความเห็น เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2567 ในเรื่องความพยายามกระพือข่าวให้กลัวเพื่อให้เกิดการระดมฉีดวัคซีน ความว่า

    “กรมควบคุมโรคประกาศแล้ว ฝีดาษลิงอัตราการระบาดต่ำ ทั้งประเทศมีประมาณ 800 ราย และที่เสียชีวิตนั้น เพราะมีติดเชื้อไวรัสเอดส์ และโรคทางเพศสัมพันธ์อื่น การติดตามของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ผู้ติดเชื้อปลอดภัยดี

    วัคซีนขณะนี้ “ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน” และกระทรวงสาธารณสุข จะจัดการให้ฉีดฟรีใน “กลุ่มเสี่ยง” เท่านั้น ได้แก่

    1. บุคลากรทางการแพทย์ที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อ
    2. คนที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อโดยต้องฉีดภายใน 4 วัน

    ทั้งสองกลุ่มนี้ฟรี
    ส่วนกลุ่มที่ต้องเดินทางในพื้นที่เสี่ยงนั้น การฉีดนั้นต้องจ่ายเงิน

    “กลุ่มที่กระพือข่าวให้น่ากลัว โดยไม่ยึดความจริง และอาจทำให้นำไปสู่การค้าวัคซีน ควรต้องจับตามองอย่างเข้มข้น””[9]

    อย่างไรก็ตามแม้ว่าฝีดาษลิงจะเป็นเชื้อที่ยังติดได้ยาก ส่วนใหญ่พบในผู้ป่วยเฉพาะคือ ขายบริการทางเพศ และชายรักชาย อีกทั้งผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากผู้ป่วยเอชไอวีที่ไม่ทานยาทั้งหมด ส่วนการติดนั้นต้องอาศัยการสัมผัสผิวใกล้ชิด อัตราการเสียชีวิตอยู่ในระดับต่ำ คนส่วนใหญ่จึงยังไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนแต่ประการใด

    อย่างไรก็ตามเนื่องจากโรคฝีดาษที่กลับมาระบาดอีกครั้งในรอบ 44 ปี ทำให้ความรู้ในการรักษาผู้ป่วยขาดตอนไป คงเหลือแต่การค้นคว้ากรรมวิธีการรักษาในประวัติศาสตร์ของคนไทยว่าใช้วิธีการรักษาอย่างไร

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า “โรคฝีดาษ” เป็นโรคที่มีความจำเพาะ ถึงขนาดทำให้พระมหากษัตริย์สมัยอยุธยาเสด็จสวรรคตถึง 2 พระองค์

    จึงปรากฏเรื่องของตำรับยาและสมุนไพรที่เกี่ยวกับการรักษา “โรคฝีดาษ” แยกออกมาต่างหากจากโรคระบาดอื่นๆ บันทึกปรากฏอยู่ในแผ่นศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 2 ของจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร[10]-[12] และอยู่ในแผ่นศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 3 ในแผ่นศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม[10],[13]-[15]

    นอกจากนั้น โรคฝีดาษไม่ใช่เป็นโรคระบาดอื่นๆที่ใช้ “ยาขาว”ที่ใช้กับโรคระบาดหลายชนิดในตำรับยาเดียว ที่ปรากฏในศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 3 ในแผ่นศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามอีกด้วย[16]

    หลักฐานที่ว่า “โรคฝีดาษ” ไม่ใช่โรคระบาดทั่วไปนั้น จะเห็นได้จากพระคัมภีร์ตักกะศิลาที่บันทึกภูมิปัญญามาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 และบันทึกมาโดยเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ที่ตกทอดมาถึงตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวงในสมัยรัชกาลที่ 5 หรือตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ในสมัยรัชกาลที่ 5 ไม่พบการกล่าวถึงคำว่า “ฝีดาษ” แต่ประการใด

    แต่ในที่สุดก็ได้พบตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวงในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่ระบุคัมภีร์ชื่อ “พระตำหรับแผนฝีดาษ” บันทึกในสมุดไทย มีรายละเอียดจำนวนมากเกี่ยวกับโรคฝีดาษเป็นการเฉพาะ และมีจำนวนมากถึง 3 เล่ม จนไม่สามารถที่จะถ่ายทอดมาให้อ่านในหมดในบทความนี้

    โดย “พระตำหรับแผนฝีดาษ” ในสมัยรัชกาลที่ 5 นั้น มีการกล่าวถึงลักษณะของฝีแต่ละชนิด และจุดที่เกิดฝีว่าบริเวณใดเป็นแล้วไม่เสียชีวิต รวมถึงบริเวณใดจะทำให้เสียชีวิตภายในกี่วัน จึงได้มีการแบ่งแยกวิธีการรักษาอย่างละเอียดยิบ

    อย่างไรก็ตามก็มีวาง “หลักการ“ ถึงวิธีการรักษาโรคฝีดาษปรากฏอยู่ใน ”พระตำหรับแผนฝีดาษ เล่ม 2“ ที่ระบุความตอนหนึ่งว่า

    ”๏ สิทธิการิยะ พระตำราประสะฝีดาษทั้งปวง ถ้าแพทย์ผู้ใดจะรักษาฝีดาษ ถ้าเห็นศีศะรู้ว่าเปนฝีดาษแน่แล้ว ให้กินยาล้อมตับดับพิศม์และให้กินยารุเสีย แลกินยาแปรภายใน พ่นยาแปรภายนอกแลกินยากะทุ้ง…“[17]

    หลังจากนั้นพอวันเวลาเปลี่ยนไปก็มีตำรับยาเฉพาะที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆจนรักษาฝีดาษจนหายในที่สุด

    ซึ่งในโอกาสอันสมควรก็น่าจะมีการรื้อฟื้น ศึกษา พระตำหรับแผนฝีดาษ สมัยรัชกาลที่ 5 แล้วทำการวิจัย พัฒนา เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับโรคฝีดาษในยุคปัจจุบันต่อไป

    ด้วยความปรารถนาดี
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    12 กันยายน 2567

    อ้างอิง
    [1] Ryan KJ, Ray CG, บ.ก. (2004). Sherris Medical Microbiology (4th ed.). McGraw Hill. pp. 525–28. ISBN 978-0-8385-8529-0.

    [2] CDC, History of Smallpox, 25 July 2017
    https://www.cdc.gov/smallpox/history/history.html

    [3] Hfocus, โรคระบาดร้ายแรงในอดีต ตอนที่ 3 โรคไข้ทรพิษ (ฝีดาษ), วันที่ 26 สิงหาคม 2558
    https://www.hfocus.org/content/2014/08/7977

    [4] World Health Organization, Small Pox, Media Center
    https://web.archive.org/web/20070921235036/http://www.who.int/mediacentre/factsheets/smallpox/en/

    [5] U.S. House of Representatives, Interim Staff Report on Investigation into Risky MPXV Experiment at the National Institute of Allergy and Infectious Diseases, June 14 2024
    https://d1dth6e84htgma.cloudfront.net/Mpox_Memo_Rpt_correction_18e95e3204.pdf?utm_source=substack&utm_medium=email&fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTAAAR0YlqstCXKzOUttRicgqQ6lG00dtMnZ_9pFf4FqtlBbSAyw5uR-tGR6QIM_aem_ZXPXy1XgTiGCTixSJJ-aFg

    [6] ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา, “หมอธีระวัฒน์” เปิดผลสอบสวน “ฝีดาษลิง” ธรรมชาติสร้างหรือมนุษย์ประดิษฐ์, ผู้จัดการออนไลน์, 6 กันยายน 2567
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000082903

    [7] กรมควบคุมโรค, รายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อฝีดาษวานร (Mpox), 12 กันยายน 2567
    https://ddc.moph.go.th/monkeypox/dashboard.php

    [8] Hfocus, กรมควบคุมโรค ทุ่มงบ 21 ล้านบาท จัดหา “วัคซีนฝีดาษวานร” 3 พันโดสให้เฉพาะ 3 กลุ่มเสี่ยง, 6 กันยายน 2567
    https://www.hfocus.org/content/2024/09/31577

    [9] ผู้จัดการออนไลน์, “หมอธีระวัฒน์” แนะจับตาพวกกระพือข่าวให้ตื่นกลัวฝีดาษลิง หวังค้าวัคซีน หลังกรมควบคุมโรคยืนยันแล้วอัตราระบาดต่ำ, 7 กันยายน 2567
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000083178

    [10] ผู้จัดการออนไลน์, “ปานเทพ” เผยตำรับยาแก้ “ฝีดาษ” ในศิลาจารึก แนะวิจัยสมุนไพรไทยต่อยอดไว้สู้ “ฝีดาษลิง”, เผยแพร่: 5 กันยายน 2567
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000082615

    [11] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 18 ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2557( อัพเดทเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2567)
    https://db.sac.or.th/inscript.../inscribe/image_detail/14798

    [12] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 46 (ยาผายเลือด) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อ โพสต์เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2558
    https://db.sac.or.th/inscript.../inscribe/image_detail/16335

    [13] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(ว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวง แผ่นที่ 22 ยาแก้จักษุโรคคือต้อ(5), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2560
    https://db.sac.or.th/.../file/22-chaksurok-to5-tr2.pdf

    [14] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 7 ท้าวยายม่อม ข่าใหญ่ ข่าลิง กระทือ ไพล กระชาย หอม และกระเทียม) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564
    https://db.sac.or.th/.../7-thaoyaimom-khayai-khaling-tr1.pdf

    [15] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม, จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 แตงหนู ชิงชี่ บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี บอระเพ็ดพุงช้าง ผักปอดตัวเมีย ผักปอดตัวผู้ และพลูแก), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567
    https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/detail/17723

    [16] โรงเรียนแพทย์แผนโบราณ วัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์), ตำรายา ศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) พระนคร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จารึกไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕ ฉบับสมบูรณ์ ฉบับ พ.ศ.​๒๕๑๖ หน้า ๖๒ - ๖๔

    [17] คณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒, ตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒

    ฉีดวัคซีนฝีดาษลิงดีหรือไม่ ในยุคไวรัสฝีมือมนุษย์? / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ “ไข้ทรพิษ” หรือฝีดาษเป็นโรคติดต่อร้ายแรง มีลักษณะเฉพาะคือมีผื่นขึ้นตามตัว ไข้สูง ปวดศีรษะ ชัก และอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน มีอัตราการเสียชีวิต 30% เกิดจากเชื้อไวรัส แบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ 1.ไข้ทรพิษชนิดร้ายแรง เกิดจากเชื้อ “วาริโอลา เมเจอร์” (Variola major or classical smallpox) 2.ไข้ทรพิษชนิดอ่อน ซึ่งมีความรุนแรงน้อยกว่าชนิดแรก เกิดจากเชื้อ “วาริโอลา ไมเนอร์”  (Variola minor or alastrim)[1] เว็บไซต์กรมควบคุมโรค สหรัฐอเมริกา ได้รายงานหลักฐานแรกสุดของโรคนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตศักราชในอียิปต์[2] และเมื่อเวลาผ่านไปก็ทยอยลุกลามไปทั่วโลก ทั้งนี้เชื้อไวรัสฝีดาษ (Variolar) นี้สามารถแพร่กระจายไปในอากาศ จากละอองสิ่งคัดหลั่งจากคนที่เป็นโรค เช่น น้ำมูก, น้ำลาย หรือจากการสัมผัสกับผิวหนังที่มีแผลฝีดาษ เชื้อนี้มีความคงทนต่อสภาพอากาศ สามารถแพร่ได้ไม่ว่าจะอากาศร้อนหรือหนาว และสามารถติดต่อจากคนไปสู่คนได้โดยง่าย อย่างไรก็ตาม การรณรงค์ฉีดวัคซีนกวาดล้างโรคฝีดาษ ตลอดศตวรรษที่ 19-20 โดยการประสานงานขององค์การอนามัยโลก เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510-2518 ทำให้ผู้ป่วยฝีดาษทั่วโลกลดลงอย่างมาก ตามรายงานขององค์การอนามัยโลกแจ้งว่ามีผู้ป่วยเป็นโรคฝีดาษรายสุดท้าย เกิดขึ้นที่ ประเทศโซมาเลีย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ.2520 ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศว่า ฝีดาษถูกกวาดล้าง (eradicate) หมดไปจากโลกในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2523[2] จึงถือว่าเป็นโรคระบาดที่มนุษย์สามารถเอาชนะได้หลังจากใช้เวลานานกว่า 3,000 ปี อย่างไรก็ตามแม้ว่าโรคจะถูกกวาดล้างไปแล้ว แต่เชื้อไวรัสฝีดาษยังถูกเก็บไว้ในห้องปฏิบัติการและอยู่ในความดูแลอย่างเข้มงวดที่ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งชาติ (CDC) เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกาและที่ State Research Centre of Virology and Biotechnology สหพันธ์สาธารณรัฐ รัสเซีย ซึ่งหน่วยงานทั้ง 2 แห่งในประเทศนี้ได้รับอนุญาตจาก WHA ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2542 ให้เป็นที่เก็บไวรัส Variola ที่มีชีวิตเพื่อนำมาใช้ในการศึกษาวิจัยในกรณีที่อาจมีโรคฝีดาษอุบัติใหม่ขึ้นมา[3],[4] ซึ่งแปลว่าคนในโลกนี้ควรจะปลอดจากเชื้อฝีดาษไปตลอดกาลแล้ว นับตั้งแต่ปี พ.ศ.​2523 หากไม่มีการรั่วไหล หรือมีวาระซ่อนเร้นในการทำธุรกิจกับชีวิตของมนุษยชาติ จริงหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ได้มีเหตุการณ์พบขวดทดลองที่มีลักษณะแห้งและแช่แข็งบรรจุเชื้อไข้ทรพิษจำนวน 6 ขวด เก็บอยู่ในกล่องในห้องเก็บของที่มีการควบคุมอุณหภูมิไว้ที่ 5 องศาเซลเซียส ของสถาบันเพื่อสุขภาพแห่งชาติอเมริกา (National Institutes of Health: NIH) ในสังกัดองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ในเบเธสดา รัฐแมรีแลนด์ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ที่ผ่านมา[3] เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความตระหนกแก่ประชาชนที่ทราบข่าว เนื่องจากความกลัวว่าจะมีการนำเชื้อไข้ทรพิษเป็นอาวุธชีวภาพ ทำให้มีการกำหนดมาตรฐานการเก็บรักษาเชื้อไวรัสไข้ทรพิษหรือฝีดาษ ว่าจะต้องถูกเก็บรักษาไว้ใน BSL-4 หรือแล็บความปลอดภัยด้านชีวภาพระดับ 4[3] แต่ห้องเก็บของที่พบกล่องบรรจุขวดเชื้อไวรัสฝีดาษไม่เข้ามาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูง ทำให้มีการสอบสวนที่มาที่ไปของขวดตัวอย่างที่พบและนำเข้าสู่ระบบการทำลายเชื้อ เพื่อให้เกิดความแน่ใจว่าจะไม่มีการนำไปใช้ในทางที่ผิด อันเนื่องมาจากความรุนแรงของโรคที่เคยปรากฏในอดีตที่ผ่านมา[3] คำถามที่ตามมามีอยู่ว่าในเมื่อเชื้อฝีดาษหายไปจากโลกกว่า 40 ปี และเชื้อตัวอย่างยังคงหลงเหลืออยู่เพียงแค่ห้องปฏิบัติการ 2 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา กับ รัสเซีย หากฝีดาษจะมีการกลับมาระบาดอีกครั้งในโลก ย่อมต้องถูกตั้งข้อสงสัยว่ามาจากสหรัฐอเมริกา หรือ รัสเซียกันแน่ ปรากฏในรายงานผลการสอบสวนของกรรมาธิการของวุฒิสภาในสหรัฐอเมริกาฉบับเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2567[5] พบว่าฝีดาษลิงที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ อาจเป็นปัญหาที่ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่เป็นการประดิษฐ์ขึ้นโดยมนุษย์ เรื่องดังกล่าวนี้ทำให้ศาสตราจารย์นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567[6] นำรายงานผลการสอบสวนดังกล่าว และโพสต์ข้อความว่า “ไวรัสฝีดาษตัวใหม่ที่่ทั่วโลกกำลังตื่นตระหนก จากการประกาศขององค์การอนามัยโลกประสานกับองค์กรของสหรัฐฯ และพยายามจะให้มีการสะสมวัคซีนตลอดจนให้มีการใช้ทั่วโลก เป็นการเกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือมีการประดิษฐ์มีการตรวจสอบโดยกรรมาธิการเฉพาะของวุฒิสภาสหรัฐฯ โดยกรรมาธิการดังกล่าวออกรายงาน 73 หน้า ในวันที่ 11 มิถุนายน 2024 เป็นการสอบสวนการทำวิจัยไวรัสฝีดาษลิง ที่มีความเสี่ยงสูงโดยทำให้มีความรุนแรงมากขึ้นและติดต่อได้ง่ายขึ้นระหว่างคนสู่คน ขั้นตอนติดต่อส่วนของไวรัสในกลุ่มที่สอง ไปยังกลุ่มที่หนึ่งปรากฏว่าความรุนแรงลดลง ดังนั้นเลยมีกระบวนการที่ทำโดยเอาส่วนที่หนึ่งเสียบไปยังกลุ่มที่สองจนได้ผลสำเร็จ มีความรุนแรงมากขึ้นและแพร่ได้เร็ว เกิดการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สืบจนพบว่าเป็นการอนุมัติทุนในองค์กร NIH NIAID ของสหรัฐฯ ในปี 2015 และรายงานความสำเร็จในปี 2022 ซึ่งในขณะนั้นเอง ก่อให้เกิดความวิตกกังวลของนักวิทยาศาสตร์ทั่วไปถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น และนำไปสู่การสืบสวนจนกระทั่งถึงผู้อนุมัติสนับสนุนงานสร้างไวรัสใหม่ คือ ดร.เฟาซี (ดร.แอนโทนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อระดับแนวหน้าของสหรัฐฯ และหัวหน้าทีมที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขของประธานาธิบดี โจ ไบเดน) และเหตุการณ์ที่คล้องจอง คือการฝึกซ้อมรับมือผู้ก่อการร้าย โดยสมมุติว่ามีการใช้อาวุธชีวภาพ คือไวรัสฝีดาษลิงที่ตัดต่อพันธุกรรม ชื่อ Akhmeta ทั้งในปี 2021 และในปี 2022 โดยสร้างฉากทัศน์ เริ่มจากการปล่อยไวรัสจนกระทั่งมีการระบาดทั่วโลกและล้มตายไปหลายร้อยล้านคนและในขณะเดียวกันมีการตระเตรียมยาและวัคซีน เหตุการณ์ที่เกิดในปัจจุบันที่มีการติดเชื้อฝีดาษลิงในมนุษย์ที่ง่ายขึ้น เริ่มเกิดขึ้นในปี 2021 และ 2022 และทยอยแพร่ไปทั่วโลก จนองค์การอนามัยโลกประกาศเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินและผลักดันให้มีการฉีดวัคซีนทั่วโลก[6] ส่วนประเทศไทยได้ปรากฏข้อมูลที่รวมรวมโดยเว็บไซต์ Hfocus รายงานว่าการเกิดโรคฝีดาษในไทยพบหลักฐานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ดังปรากฎในพระราชพงศาวดารสมัยกรุงศรีอยุธยาว่า ถึงขนาดว่ามีพระมหากษัตริย์ไทยสวรรคตด้วยฝีดาษ 2 พระองค์  ได้แก่ สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 หน่อพุทธางกูร พระมหากษัตริย์ ลำดับที่ 11 ของกรุงศรีอยุธยา ทรงพระประชวรด้วยโรคไข้ทรพิษ และเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2076 หรือประมาณ 491 ปีที่แล้ว อีก 72 ปีต่อมา สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้ประชวรที่เมืองหาง (เมืองห้างหลวง ในรัฐฉาน) เป็นฝีละลอกขึ้นที่พระพักตร์ กลายเป็นพิษ และสวรรคต เมื่อ 25 เมษายน พ.ศ. 2148 ซึ่งตรงกับช่วงศตวรรษที่ 16 มีการระบาดครั้งใหญ่ทั่วโลก และยังมีการระบาดในพ.ศ. 2292 สมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ที่ทำให้มีคนตายมาก[3] โรคฝีดาษ หรือ ไข้ทรพิษ ในอดีตนั้นมีความร้ายแรง เพราะยังถึงขั้นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาเสด็จสวรรคตถึง 2 พระองค์ได้ จึงมีความแตกต่างจากโรคระบาดชนิดอื่นๆ ดังนั้นในเวลาต่อๆมา โรคฝีดาษ หรือ ไข้ทรพิษ จึงเป็นโรคระบาดที่สำคัญที่ต้องมีการพัฒนาอย่างเร่งด่วน ทั้งการป้องกันการเกิดโรคระบาด จนถึงขั้นการรักษาโรค ในสมัยรัตนโกสินทร์ มีการระบาดของฝีดาษเช่นกัน จากบันทึกของหมอบรัดเลย์ ที่ระบุว่าในสมัยรัชกาลที่ 3 มีการระบาดของฝีดาษอย่างหนัก ทำให้หมอบรัดเลย์ริเริ่มการปลูกฝีบำบัดโรคฝีดาษเป็นครั้งแรกในไทยในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2379 โดยใช้เชื้อหนองฝีโคที่นำเข้ามาจากอเมริกา และได้เขียนตำราชื่อ “ตำราปลูกฝีให้กันโรคธระพิศม์ไม่ให้ขึ้นได้” ปรากฏมาจนถึงทุกวันนี้[3] ในระยะ พ.ศ. 2460 – 2504 ยังมีการระบาดของฝีดาษเกิดขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2488 – 2489 ช่วงการเกิดสงครามมีการระบาดของฝีดาษครั้งใหญ่สุดเริ่มต้นจากเชลยพม่าที่ทหารญี่ปุ่นจับมาสร้างทางรถไฟสายมรณะข้ามแม่นํ้าแควป่วยเป็นไข้ทรพิษและแพร่ไปยังกลุ่มกรรมกรไทยจากภาคต่างๆที่มารับจ้างทํางานในแถบนั้น เมื่อแยกย้ายกันกลับบ้าน ได้นําโรคกลับไปแพร่ระบาดใหญ่ทั่วประเทศ มีผู้ป่วยมากถึง 62,837 คน และเสียชีวิต 15,621 คน[3] การระบาดเกิดขึ้นอีกครั้งในปี พ.ศ. 2502 ทำให้มีผู้ป่วย 1,548 คน ตาย 272 คน และการระบาดครั้งสุดท้ายมีการบันทึกไว้ว่าเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2504 ที่อําเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย มีผู้ป่วย 34 ราย ตาย 5 ราย โดยรับเชื้อมาจากรัฐเชียงตุงของพม่า ทำให้กระทรวงสาธารณสุขเริ่มโครงการกวาดล้างไข้ทรพิษหรือฝีดาษในประเทศไทย รณรงค์ปลูกฝีป้องกันโรค จนปีพ.ศ. 2523 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศว่าฝีดาษได้ถูกกวาดล้างแล้วจึงหยุดการปลูกฝีป้องกันโรค   และนับแต่นั้นมาไม่เคยปรากฏว่ามีฝีดาษเกิดขึ้นในประเทศไทย[3] นี่คือเหตุผลว่าประเทศไทยได้ทำการปลูกฝี เพื่อป้องกันโรคฝีดาษ หรือไข้ทรพิษในปี พ.ศ. 2532 เป็นปีสุดท้าย หรือเมื่อประมาณ 44 ปีที่แล้ว ดังนั้นประชาชนไทยที่อายุมากกว่า 44 ปีขึ้นไป ก็น่าจะได้รับการปลูกฝีไปเกือบทั้งหมดแล้ว แต่เมื่อฝีดาษลิงกลับมาระบาดอีกครั้ง ก็ทำให้เกิดคำถามว่าประเทศไทยจะรับมืออย่างไร และเราควรจะฉีดวัคซีนหรือไม่? และคนที่มีอายุเกิน 44 ปี (ซึ่งส่วนใหญ่ได้ปลูกฝีไข้ทรพิษมาแล้ว)จะมีคนติดเชื้อโรคฝีดาษลิงหรือไม่ โดยวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2567 เว็บไซต์ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้รายงานสถานการณ์ฝีดาษวานร (ฝีดาษลิง)จนถึงปัจจุบันว่า มีผู้ป่วยฝีดาษลิงในประเทศไทย จำนวน 835 ราย เป็นเพศชายเกือบทั้งหมดมากถึง 814 ราย คิดเป็นร้อยละ 97.49 ในขณะที่เป็นเพศหญิง 21 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.51 เท่านั้น[7] ซึ่งถือว่าโอกาสติดเชื้อฝีดาษลิงในผู้หญิงน้อยมาก แต่ที่น่าสนใจคือ กลุ่มคนวัยหนุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ป่วยเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เอชไอวี อย่างไรก็ตามกลุ่มคนที่เคยปลูกฝีไข้ทรพิษแล้วยังสามารถติดเชื้อฝีดาษลิงได้อยู่ดีแต่น้อยกว่าคนที่ไม่ได้ปลูกฝี ดังนี้ ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 0-14 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 2 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.36 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมด ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 15-19 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 3 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.24 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 20-24 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 81 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.70 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 25-29 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 172 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20.59 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 30-39 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 347 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 41.56 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 40-49 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 174 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20.83 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ในกลุ่มนี้หากพิจารณาแยกแยะผู้ที่มีอายุ 40-44 ปี ซึ่งไม่เคยได้รับการปลูกฝีมาก่อนมีจำนวน 130 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 15.65 ในขณะที่ผู้ที่มีอายุมากกว่า 45-49 ที่เชื่อว่าน่าจะได้รับการปลูกฝีแล้วติดเชื้อฝีดาษลิงแล้ว 44 ราย คิดเป็นเพียงร้อยละ 5.27 เท่านั้น ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 50-59 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 29 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.47 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ติดเชื้อฝีดาษลิง 8 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.95 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย[7] จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ในประเทศไทยผู้ที่มีอายุมากกว่า 45 ปีขึ้นไปซึ่งน่าจะมีการปลูกฝีไข้ทรพิษไปแล้วก็ยังมีโอกาสติดเชื้อฝีดาษลิงได้ เพียงแต่มีสัดส่วนน้อยกว่าประชากรที่ยังไม่เคยได้รับการปลูกฝี คือ ผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 44 ปีลงมา มีผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงจำนวน 754 รายคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 90.30 ในขณะที่ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้น (ซึ่งส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดได้รับการปลูกฝีไปแล้ว)มีผู้ป่วยติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งสิ้น 81 รายคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.70 ราย อย่างไรก็ตามในภาวะดังกล่าว มีคำแถลงจากนายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ความเห็นเอาไว้เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567 ความว่า “โดยจริงๆ วัคซีนไม่จำเป็นต้องฉีดทุกคน ไม่มีการระบาดทั่วไป เพราะอัตราการระบาดต่ำ แต่จะพบในผู้ป่วยเฉพาะ เช่น ผู้ขายบริการทางเพศ และชายรักชาย อีกทั้ง ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากผู้ป่วยเอชไอวี และไม่ทานยาทั้งหมด 13 รายที่ผ่านมา (เชื้อเคลด2)”[8] นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ยังได้ “คณะอนุกรรมการฯ พิจารณาเห็นว่า เพื่อเป็นการควบคุมโรค แต่เนื่องจากวัคซีนป้องกันฝีดาษวานรยังไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนในประเทศไทย ทางกรมควบคุมโรคจึงใช้ มาตรา 13(5) เพื่อการควบคุมโรค ตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510  จะมีการใช้งบประมาณ กรมควบคุมโรค วงเงิน 21 ล้านบาท เพื่อการจัดซื้อวัคซีนดังกล่าว รวม 3,000 โดส  เพื่อฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยง  3 กลุ่ม ประกอบด้วย   1. บุคลากรทางการแพทย์ที่เสี่ยงต่อการติดโรค อาทิ ไปสัมผัสเสี่ยงสูง คือ สัมผัสคนติดเชื้อ 2. กลุ่มไปสัมผัสโรค เสี่ยงว่าจะติดเชื้อ ก็จะฉีดภายใน 4 วัน และ3. มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดคนติดเชื้อ เช่น คนในครอบครัวที่ติดเชื้อ ซึ่ง 3 กลุ่มเสี่ยงนี้ กรมควบคุมโรคจะดูแลโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย“[8] เรื่องดังกล่าวนี้ทำให้ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิตให้ความเห็น เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2567 ในเรื่องความพยายามกระพือข่าวให้กลัวเพื่อให้เกิดการระดมฉีดวัคซีน ความว่า “กรมควบคุมโรคประกาศแล้ว ฝีดาษลิงอัตราการระบาดต่ำ ทั้งประเทศมีประมาณ 800 ราย และที่เสียชีวิตนั้น เพราะมีติดเชื้อไวรัสเอดส์ และโรคทางเพศสัมพันธ์อื่น การติดตามของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ผู้ติดเชื้อปลอดภัยดี วัคซีนขณะนี้ “ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน” และกระทรวงสาธารณสุข จะจัดการให้ฉีดฟรีใน “กลุ่มเสี่ยง” เท่านั้น ได้แก่ 1. บุคลากรทางการแพทย์ที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อ 2. คนที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อโดยต้องฉีดภายใน 4 วัน ทั้งสองกลุ่มนี้ฟรี ส่วนกลุ่มที่ต้องเดินทางในพื้นที่เสี่ยงนั้น การฉีดนั้นต้องจ่ายเงิน “กลุ่มที่กระพือข่าวให้น่ากลัว โดยไม่ยึดความจริง และอาจทำให้นำไปสู่การค้าวัคซีน ควรต้องจับตามองอย่างเข้มข้น””[9] อย่างไรก็ตามแม้ว่าฝีดาษลิงจะเป็นเชื้อที่ยังติดได้ยาก ส่วนใหญ่พบในผู้ป่วยเฉพาะคือ ขายบริการทางเพศ และชายรักชาย อีกทั้งผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากผู้ป่วยเอชไอวีที่ไม่ทานยาทั้งหมด ส่วนการติดนั้นต้องอาศัยการสัมผัสผิวใกล้ชิด อัตราการเสียชีวิตอยู่ในระดับต่ำ คนส่วนใหญ่จึงยังไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนแต่ประการใด อย่างไรก็ตามเนื่องจากโรคฝีดาษที่กลับมาระบาดอีกครั้งในรอบ 44 ปี ทำให้ความรู้ในการรักษาผู้ป่วยขาดตอนไป คงเหลือแต่การค้นคว้ากรรมวิธีการรักษาในประวัติศาสตร์ของคนไทยว่าใช้วิธีการรักษาอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า “โรคฝีดาษ” เป็นโรคที่มีความจำเพาะ ถึงขนาดทำให้พระมหากษัตริย์สมัยอยุธยาเสด็จสวรรคตถึง 2 พระองค์ จึงปรากฏเรื่องของตำรับยาและสมุนไพรที่เกี่ยวกับการรักษา “โรคฝีดาษ” แยกออกมาต่างหากจากโรคระบาดอื่นๆ บันทึกปรากฏอยู่ในแผ่นศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 2 ของจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร[10]-[12] และอยู่ในแผ่นศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 3 ในแผ่นศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม[10],[13]-[15] นอกจากนั้น โรคฝีดาษไม่ใช่เป็นโรคระบาดอื่นๆที่ใช้ “ยาขาว”ที่ใช้กับโรคระบาดหลายชนิดในตำรับยาเดียว ที่ปรากฏในศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 3 ในแผ่นศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามอีกด้วย[16] หลักฐานที่ว่า “โรคฝีดาษ” ไม่ใช่โรคระบาดทั่วไปนั้น จะเห็นได้จากพระคัมภีร์ตักกะศิลาที่บันทึกภูมิปัญญามาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 และบันทึกมาโดยเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ที่ตกทอดมาถึงตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวงในสมัยรัชกาลที่ 5 หรือตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ในสมัยรัชกาลที่ 5 ไม่พบการกล่าวถึงคำว่า “ฝีดาษ” แต่ประการใด แต่ในที่สุดก็ได้พบตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวงในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่ระบุคัมภีร์ชื่อ “พระตำหรับแผนฝีดาษ” บันทึกในสมุดไทย มีรายละเอียดจำนวนมากเกี่ยวกับโรคฝีดาษเป็นการเฉพาะ และมีจำนวนมากถึง 3 เล่ม จนไม่สามารถที่จะถ่ายทอดมาให้อ่านในหมดในบทความนี้ โดย “พระตำหรับแผนฝีดาษ” ในสมัยรัชกาลที่ 5 นั้น มีการกล่าวถึงลักษณะของฝีแต่ละชนิด และจุดที่เกิดฝีว่าบริเวณใดเป็นแล้วไม่เสียชีวิต รวมถึงบริเวณใดจะทำให้เสียชีวิตภายในกี่วัน จึงได้มีการแบ่งแยกวิธีการรักษาอย่างละเอียดยิบ อย่างไรก็ตามก็มีวาง “หลักการ“ ถึงวิธีการรักษาโรคฝีดาษปรากฏอยู่ใน ”พระตำหรับแผนฝีดาษ เล่ม 2“ ที่ระบุความตอนหนึ่งว่า ”๏ สิทธิการิยะ พระตำราประสะฝีดาษทั้งปวง ถ้าแพทย์ผู้ใดจะรักษาฝีดาษ ถ้าเห็นศีศะรู้ว่าเปนฝีดาษแน่แล้ว ให้กินยาล้อมตับดับพิศม์และให้กินยารุเสีย แลกินยาแปรภายใน พ่นยาแปรภายนอกแลกินยากะทุ้ง…“[17] หลังจากนั้นพอวันเวลาเปลี่ยนไปก็มีตำรับยาเฉพาะที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆจนรักษาฝีดาษจนหายในที่สุด ซึ่งในโอกาสอันสมควรก็น่าจะมีการรื้อฟื้น ศึกษา พระตำหรับแผนฝีดาษ สมัยรัชกาลที่ 5 แล้วทำการวิจัย พัฒนา เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับโรคฝีดาษในยุคปัจจุบันต่อไป ด้วยความปรารถนาดี ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 12 กันยายน 2567 อ้างอิง [1] Ryan KJ, Ray CG, บ.ก. (2004). Sherris Medical Microbiology (4th ed.). McGraw Hill. pp. 525–28. ISBN 978-0-8385-8529-0. [2] CDC, History of Smallpox, 25 July 2017 https://www.cdc.gov/smallpox/history/history.html [3] Hfocus, โรคระบาดร้ายแรงในอดีต ตอนที่ 3 โรคไข้ทรพิษ (ฝีดาษ), วันที่ 26 สิงหาคม 2558 https://www.hfocus.org/content/2014/08/7977 [4] World Health Organization, Small Pox, Media Center https://web.archive.org/web/20070921235036/http://www.who.int/mediacentre/factsheets/smallpox/en/ [5] U.S. House of Representatives, Interim Staff Report on Investigation into Risky MPXV Experiment at the National Institute of Allergy and Infectious Diseases, June 14 2024 https://d1dth6e84htgma.cloudfront.net/Mpox_Memo_Rpt_correction_18e95e3204.pdf?utm_source=substack&utm_medium=email&fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTAAAR0YlqstCXKzOUttRicgqQ6lG00dtMnZ_9pFf4FqtlBbSAyw5uR-tGR6QIM_aem_ZXPXy1XgTiGCTixSJJ-aFg [6] ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา, “หมอธีระวัฒน์” เปิดผลสอบสวน “ฝีดาษลิง” ธรรมชาติสร้างหรือมนุษย์ประดิษฐ์, ผู้จัดการออนไลน์, 6 กันยายน 2567 https://mgronline.com/qol/detail/9670000082903 [7] กรมควบคุมโรค, รายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อฝีดาษวานร (Mpox), 12 กันยายน 2567 https://ddc.moph.go.th/monkeypox/dashboard.php [8] Hfocus, กรมควบคุมโรค ทุ่มงบ 21 ล้านบาท จัดหา “วัคซีนฝีดาษวานร” 3 พันโดสให้เฉพาะ 3 กลุ่มเสี่ยง, 6 กันยายน 2567 https://www.hfocus.org/content/2024/09/31577 [9] ผู้จัดการออนไลน์, “หมอธีระวัฒน์” แนะจับตาพวกกระพือข่าวให้ตื่นกลัวฝีดาษลิง หวังค้าวัคซีน หลังกรมควบคุมโรคยืนยันแล้วอัตราระบาดต่ำ, 7 กันยายน 2567 https://mgronline.com/qol/detail/9670000083178 [10] ผู้จัดการออนไลน์, “ปานเทพ” เผยตำรับยาแก้ “ฝีดาษ” ในศิลาจารึก แนะวิจัยสมุนไพรไทยต่อยอดไว้สู้ “ฝีดาษลิง”, เผยแพร่: 5 กันยายน 2567 https://mgronline.com/qol/detail/9670000082615 [11] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 18 ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2557( อัพเดทเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2567) https://db.sac.or.th/inscript.../inscribe/image_detail/14798 [12] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 46 (ยาผายเลือด) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อ โพสต์เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2558 https://db.sac.or.th/inscript.../inscribe/image_detail/16335 [13] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(ว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวง แผ่นที่ 22 ยาแก้จักษุโรคคือต้อ(5), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2560 https://db.sac.or.th/.../file/22-chaksurok-to5-tr2.pdf [14] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 7 ท้าวยายม่อม ข่าใหญ่ ข่าลิง กระทือ ไพล กระชาย หอม และกระเทียม) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564 https://db.sac.or.th/.../7-thaoyaimom-khayai-khaling-tr1.pdf [15] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม, จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 แตงหนู ชิงชี่ บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี บอระเพ็ดพุงช้าง ผักปอดตัวเมีย ผักปอดตัวผู้ และพลูแก), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567 https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/detail/17723 [16] โรงเรียนแพทย์แผนโบราณ วัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์), ตำรายา ศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) พระนคร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จารึกไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕ ฉบับสมบูรณ์ ฉบับ พ.ศ.​๒๕๑๖ หน้า ๖๒ - ๖๔ [17] คณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒, ตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒
    Like
    Love
    Yay
    133
    3 Comments 4 Shares 3456 Views 3 Reviews
  • ปิดฉากบิ๊กซีราษฎร์บูรณะ ไม่ต่อที่ดินกลุ่มเซ็นทรัล

    ก่อนหน้านี้ห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จะปิดถาวร 2 สาขา ได้แก่ บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า สุขาภิบาล 3 (แยกบ้านม้า) และบิ๊กซี รังสิต 2 (ตลาดสี่มุมเมือง) ซึ่งเคยเป็นห้างคาร์ฟูร์ในอดีต ล่าสุด นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บิ๊กซี ราษฎร์บูรณะ จะเปิดให้บริการ 31 ต.ค.เป็นวันสุดท้าย ซึ่งจะย้ายไปยังทำเลใหม่ที่ใกล้เคียง เป็นทำเลทองติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา และเป็นที่ดิน Freehold (ที่ดินกรรมสิทธิ์) ในกลุ่มบีเจซี บิ๊กซี คาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการภายในปี 2568

    นับเป็นการเปิดฉากยุติสัญญาเช่าที่ดินกับกลุ่มเซ็นทรัลอย่างชัดเจน พร้อมกับปิดตำนานห้างบิ๊กซี ราษฎร์บูรณะ ที่เปิดให้บริการมานานเกือบ 30 ปี นับตั้งแต่เปิดวันแรก 10 พ.ย. 2537 เดิมคือห้างเซ็นทรัล ซูเปอร์สโตร์ สาขาที่สองต่อจากสาขาวงศ์สว่าง แต่เมื่อกลุ่มเซ็นทรัลเปิดห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ เป็นสาขาแรก เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2537 จึงต้องเปลี่ยนเป็นบิ๊กซี จากรายงานประจำปี 2556 ของบิ๊กซี พบว่าบริษัท เซ็นทรัลซูเปอร์สโตร์ จำกัด เช่าที่ดินกับบริษัท เซ็นทรัล ธนบุรี จำกัด บริษัทในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป สัญญา 30 ปี เริ่ม 1 พ.ค. 2538 ถึง 30 เม.ย. 2568

    น่าสังเกตว่า ห้างบิ๊กซีบนที่ดินและสิทธิการเช่าของกลุ่มเซ็นทรัลจะอยู่หรือไป เช่น บิ๊กซี โคราช จ.นครราชสีมา เช่ากับบริษัท เตียง จิราธิวัฒน์ จำกัด สัญญา 30 ปี เริ่ม 1 ธ.ค. 2539 ถึง 30 พ.ย. 2569 บิ๊กซี ขอนแก่น เช่ากับ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา ขอนแก่น จำกัด สัญญา 30 ปี เริ่ม 17 ก.ค. 2539 (ถึง 16 ก.ค. 2569) และยังมีบิ๊กซี วงศ์สว่าง ในมาร์เก็ตเพลสวงศ์สว่าง บิ๊กซี หัวหมาก ในหัวหมากทาวน์เซ็นเตอร์ บิ๊กซี แฟชั่นไอส์แลนด์ ที่้เช่าช่วงจากสรรพสินค้าเซ็นทรัล บิ๊กซี พัทยาในเซ็นทรัลมารีน่า และบิ๊กซี ชลบุรี 3 ในเซ็นทรัล ชลบุรี (อดีตห้างคาร์ฟูร์) เป็นต้น

    ในหนังสือชี้ชวนเสนอขายหลักทรัพย์ บริษัท บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) พบว่าร้านค้าขนาดใหญ่ (Big Format) ตั้งอยู่บนที่ดินที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของ มีจำนวน 66 แห่ง ส่วนร้านค้าขนาดใหญ่และร้านค้าปลีกสมัยใหม่ตั้งอยู่บนที่ดินที่บริษัทฯ เช่า มีจำนวน 123 แห่ง และจากการสืบค้นข้อมูลในแบบ 56-1 เมื่อปี 2558 พบว่าสาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่บิ๊กซีเป็นเจ้าของที่ดินมีประมาณ 10 สาขา ได้แก่ แจ้งวัฒนะ ลาดพร้าว บางปะกอก สุขสวัสดิ์ ติวานนท์ บางใหญ่ ลำลูกกา นวนคร สมุทรปราการ บางพลี เป็นต้น

    #Newskit #บิ๊กซีราษฎร์บูรณะ #กลุ่มเซ็นทรัล
    ปิดฉากบิ๊กซีราษฎร์บูรณะ ไม่ต่อที่ดินกลุ่มเซ็นทรัล ก่อนหน้านี้ห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จะปิดถาวร 2 สาขา ได้แก่ บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า สุขาภิบาล 3 (แยกบ้านม้า) และบิ๊กซี รังสิต 2 (ตลาดสี่มุมเมือง) ซึ่งเคยเป็นห้างคาร์ฟูร์ในอดีต ล่าสุด นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บิ๊กซี ราษฎร์บูรณะ จะเปิดให้บริการ 31 ต.ค.เป็นวันสุดท้าย ซึ่งจะย้ายไปยังทำเลใหม่ที่ใกล้เคียง เป็นทำเลทองติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา และเป็นที่ดิน Freehold (ที่ดินกรรมสิทธิ์) ในกลุ่มบีเจซี บิ๊กซี คาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการภายในปี 2568 นับเป็นการเปิดฉากยุติสัญญาเช่าที่ดินกับกลุ่มเซ็นทรัลอย่างชัดเจน พร้อมกับปิดตำนานห้างบิ๊กซี ราษฎร์บูรณะ ที่เปิดให้บริการมานานเกือบ 30 ปี นับตั้งแต่เปิดวันแรก 10 พ.ย. 2537 เดิมคือห้างเซ็นทรัล ซูเปอร์สโตร์ สาขาที่สองต่อจากสาขาวงศ์สว่าง แต่เมื่อกลุ่มเซ็นทรัลเปิดห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ เป็นสาขาแรก เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2537 จึงต้องเปลี่ยนเป็นบิ๊กซี จากรายงานประจำปี 2556 ของบิ๊กซี พบว่าบริษัท เซ็นทรัลซูเปอร์สโตร์ จำกัด เช่าที่ดินกับบริษัท เซ็นทรัล ธนบุรี จำกัด บริษัทในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป สัญญา 30 ปี เริ่ม 1 พ.ค. 2538 ถึง 30 เม.ย. 2568 น่าสังเกตว่า ห้างบิ๊กซีบนที่ดินและสิทธิการเช่าของกลุ่มเซ็นทรัลจะอยู่หรือไป เช่น บิ๊กซี โคราช จ.นครราชสีมา เช่ากับบริษัท เตียง จิราธิวัฒน์ จำกัด สัญญา 30 ปี เริ่ม 1 ธ.ค. 2539 ถึง 30 พ.ย. 2569 บิ๊กซี ขอนแก่น เช่ากับ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา ขอนแก่น จำกัด สัญญา 30 ปี เริ่ม 17 ก.ค. 2539 (ถึง 16 ก.ค. 2569) และยังมีบิ๊กซี วงศ์สว่าง ในมาร์เก็ตเพลสวงศ์สว่าง บิ๊กซี หัวหมาก ในหัวหมากทาวน์เซ็นเตอร์ บิ๊กซี แฟชั่นไอส์แลนด์ ที่้เช่าช่วงจากสรรพสินค้าเซ็นทรัล บิ๊กซี พัทยาในเซ็นทรัลมารีน่า และบิ๊กซี ชลบุรี 3 ในเซ็นทรัล ชลบุรี (อดีตห้างคาร์ฟูร์) เป็นต้น ในหนังสือชี้ชวนเสนอขายหลักทรัพย์ บริษัท บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) พบว่าร้านค้าขนาดใหญ่ (Big Format) ตั้งอยู่บนที่ดินที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของ มีจำนวน 66 แห่ง ส่วนร้านค้าขนาดใหญ่และร้านค้าปลีกสมัยใหม่ตั้งอยู่บนที่ดินที่บริษัทฯ เช่า มีจำนวน 123 แห่ง และจากการสืบค้นข้อมูลในแบบ 56-1 เมื่อปี 2558 พบว่าสาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่บิ๊กซีเป็นเจ้าของที่ดินมีประมาณ 10 สาขา ได้แก่ แจ้งวัฒนะ ลาดพร้าว บางปะกอก สุขสวัสดิ์ ติวานนท์ บางใหญ่ ลำลูกกา นวนคร สมุทรปราการ บางพลี เป็นต้น #Newskit #บิ๊กซีราษฎร์บูรณะ #กลุ่มเซ็นทรัล
    Like
    6
    1 Comments 0 Shares 752 Views 0 Reviews
  • ความจริงมีหนึ่งเดียว
    ความชั่วเผย ประจักษ์

    เช้าวันนี้ 11 กันยายน ได้รับอีเมลจากคุณเดวิด วิลแมน (David Willman) นักข่าวรางวัลพูลิตเซอร์ ที่สัมภาษณ์เรา และตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์
    เรื่องที่เรายุติการรับทุน จาก กระทรวงกลาโหมสหรัฐ CDC USAID DARPA DTRA ผ่านทาง EcoHealth alliance หาไวรัสจากค้างคาว และสัตว์ป่ารวมทั้งทำลายตัวอย่างเหล่านี้หมดสิ้น

    โดยเช้านี้ ได้ส่งเรื่องของ คุณ Matt Ridley และ Alina Chan ตีพิมพ์หนังสือเปิดโปงไวรัสโควิดจากห้องแลป การตัดต่อพันธุกรรม ให้ไวรัสธรรมดา รุนแรงขึ้นและจนกระทั่งหลุดออกไประบาดทั่วโลก คนตายหลาย 10,000,000 คน

    และเหตุผลว่าทำไมนักวิทยาศาสตร์ของสหรัฐรวมทั้งบรรณาธิการของวารสารดัง อันดับหนึ่งของสหรัฐและอังกฤษ ปิดปากเงียบ และเอนเอียงเถียงว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะหลุดออกมาจากห้อง แลป และมีการสร้างตัดต่อไวรัสใหม่

    โยงความเกี่ยวพันไปถึง NIH NIAID Fauci Collins Daszak ที่ถูกสอบสวนไปแล้วในรัฐสภาสหรัฐ และEcoHealth alliance ถูกยุติระงับการให้ทุนตั้งแต่ 15 พฤษภาคม 2567

    คนที่ตีแผ่เรื่องนี้ในหนังสือที่เขียน ท้าดีเบต กับนักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐ แต่คนดังๆหลบหมด และเผยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และกระบวนการเชื่อมโยงการให้ทุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการสร้างไวรัสใหม่ปรากฏชัดแจ่มแจ้ง

    ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่าวัคซีนโควิดนั้นจดสิทธิบัตรตั้งแต่ปี 2018 ก่อนหน้าการระบาดในปลายปี 2019 และเทคโนโลยีนี้มีผลกระทบข้างเคียงต่อเนื่องยาวนานซึ่งทั่วโลกดำเนินการฟ้องร้องอยู่

    และเทคโนโลยีนี้ นำมาใช้กับวัคซีนอื่นๆในทุกเชื้อโรค โดยปฏิเสธว่าไม่ต้องทำการประเมินความปลอดภัยอีก เพราะเทคโนโลยีนี้ใช้ไปแล้วกับ วัคซีนโควิด ทั่วโลก และ เป็นที่มา ที่ไม่มีใครยอมรับผลข้างเคียงผลแทรกซ้อนของวัคซีน

    แม้กระทั่งกระทรวงสาธารณสุขของไทยประกาศเมื่อ เดือนมกราคม 2567 นี้ว่า วัคซีนโควิดเกิดผลกระทบร้ายแรงเพียงห้ารายเท่านั้นในประเทศไทย

    หมายเหตุ:
    หมอได้ไปบรรยายในที่ต่างๆ เรื่องที่ เราได้รับทุน ทั้งนี้ เราได้รับทราบข้อมูลโดยตรงว่ามีการตัดต่อพันธุกรรมสร้างไวรัสใหม่และมีจุดมุ่งหมายสร้างไวรัสตัวอื่นที่ร้ายแรงขึ้น ทั้งไวรัสในกลุ่มไข้หวัดใหญ่ อีโบลา นิปาห์ โคโรนา

    ทั้งนี้ ไวรัสฝีดาษลิง มีการให้ทุนจาก Fauci แก่ Moss ใน NIH ในปี 2015 ทำให้ฝีดาษลิงรุนแรงและแพร่ได้ดีกว่าเดิมและทำสำเร็จในปี 2021 และการวางแผนจำลองว่ามีการระบาดทั่วโลกในปี 2021 และ 2022 รวมทั้งเริ่มจัดเตรียมวัคซีนฝีดาษลิง และ ถึงกับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในปี 2024 จาก clade Ib
    ทั้งที่อัตราการระบาดต่ำและไม่ได้สูงมาก อย่างที่หวัง และเกิดจากการสัมผัสต้องใกล้ชิดแนบแน่นนัวเนียและเพศสัมพันธ์ และแน่นอนไม่มีการติดต่อทางอากาศ airborne เหมือนที่พยายามจะให้มีการจำกัดเขตและใส่หน้ากากเว้นระยะห่างกันอีก

    และมีความพยายามที่จะให้ฉีดวัคซีนฝีดาษลิงตั้งแต่เด็กไปจนกระทั่งถึงสูงวัย โดยประกาศว่าคนในประเทศไทยมีความเสี่ยง และให้ติดต่อขอรับวัคซีนโดยเสียเงินและ จนกระทั่งกระทรวงสาธารณสุขออกมาประกาศว่าฉีดเฉพาะบุคลากรสาธารณสุขที่ต้องดูแลผู้ติดเชื้อ และฉีดคนที่สัมผัสอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่ติดเชื้อไปแล้ว และคนจะเดินทางไปยังทวีปที่มีการระบาดต้นตอ
    โดยที่วัคซีนฝีดาษลิงนั้น ไม่ว่าจะเป็น ตัวใหม่สุดยังมีอัตราหัวใจอักเสบอยู่ที่แปดใน 10,000 รายไม่นับผลแทรกซ้อนอื่น

    ส่วน ไข้หวัดนกมีการให้ทุนเช่นเดียวกันจาก Fauci และทำสำเร็จในปี 2012 และ พัฒนาต่อเรื่อยๆ
    รวมทั้งพัฒนาวัคซีนและยาสำหรับไข้หวัดนกและมีการประกาศให้เตรียมตัวการระบาดไข้หวัดนกรวมทั้งฉีดวัคซีน เช่นเดียวกับฝีดาษลิง

    ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่า
    ในประเทศไทย มีรายงานการรับทุนจากต่างประเทศในเรื่องเหล่านี้อยู่ด้วย

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    อายุรกรรม และ ระบบสมองและประสาทและโรคติดเชื้อทางสมอง

    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/cr5oyzaPKk9qo29t/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    ความจริงมีหนึ่งเดียว ความชั่วเผย ประจักษ์ เช้าวันนี้ 11 กันยายน ได้รับอีเมลจากคุณเดวิด วิลแมน (David Willman) นักข่าวรางวัลพูลิตเซอร์ ที่สัมภาษณ์เรา และตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ เรื่องที่เรายุติการรับทุน จาก กระทรวงกลาโหมสหรัฐ CDC USAID DARPA DTRA ผ่านทาง EcoHealth alliance หาไวรัสจากค้างคาว และสัตว์ป่ารวมทั้งทำลายตัวอย่างเหล่านี้หมดสิ้น โดยเช้านี้ ได้ส่งเรื่องของ คุณ Matt Ridley และ Alina Chan ตีพิมพ์หนังสือเปิดโปงไวรัสโควิดจากห้องแลป การตัดต่อพันธุกรรม ให้ไวรัสธรรมดา รุนแรงขึ้นและจนกระทั่งหลุดออกไประบาดทั่วโลก คนตายหลาย 10,000,000 คน และเหตุผลว่าทำไมนักวิทยาศาสตร์ของสหรัฐรวมทั้งบรรณาธิการของวารสารดัง อันดับหนึ่งของสหรัฐและอังกฤษ ปิดปากเงียบ และเอนเอียงเถียงว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะหลุดออกมาจากห้อง แลป และมีการสร้างตัดต่อไวรัสใหม่ โยงความเกี่ยวพันไปถึง NIH NIAID Fauci Collins Daszak ที่ถูกสอบสวนไปแล้วในรัฐสภาสหรัฐ และEcoHealth alliance ถูกยุติระงับการให้ทุนตั้งแต่ 15 พฤษภาคม 2567 คนที่ตีแผ่เรื่องนี้ในหนังสือที่เขียน ท้าดีเบต กับนักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐ แต่คนดังๆหลบหมด และเผยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และกระบวนการเชื่อมโยงการให้ทุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการสร้างไวรัสใหม่ปรากฏชัดแจ่มแจ้ง ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่าวัคซีนโควิดนั้นจดสิทธิบัตรตั้งแต่ปี 2018 ก่อนหน้าการระบาดในปลายปี 2019 และเทคโนโลยีนี้มีผลกระทบข้างเคียงต่อเนื่องยาวนานซึ่งทั่วโลกดำเนินการฟ้องร้องอยู่ และเทคโนโลยีนี้ นำมาใช้กับวัคซีนอื่นๆในทุกเชื้อโรค โดยปฏิเสธว่าไม่ต้องทำการประเมินความปลอดภัยอีก เพราะเทคโนโลยีนี้ใช้ไปแล้วกับ วัคซีนโควิด ทั่วโลก และ เป็นที่มา ที่ไม่มีใครยอมรับผลข้างเคียงผลแทรกซ้อนของวัคซีน แม้กระทั่งกระทรวงสาธารณสุขของไทยประกาศเมื่อ เดือนมกราคม 2567 นี้ว่า วัคซีนโควิดเกิดผลกระทบร้ายแรงเพียงห้ารายเท่านั้นในประเทศไทย หมายเหตุ: หมอได้ไปบรรยายในที่ต่างๆ เรื่องที่ เราได้รับทุน ทั้งนี้ เราได้รับทราบข้อมูลโดยตรงว่ามีการตัดต่อพันธุกรรมสร้างไวรัสใหม่และมีจุดมุ่งหมายสร้างไวรัสตัวอื่นที่ร้ายแรงขึ้น ทั้งไวรัสในกลุ่มไข้หวัดใหญ่ อีโบลา นิปาห์ โคโรนา ทั้งนี้ ไวรัสฝีดาษลิง มีการให้ทุนจาก Fauci แก่ Moss ใน NIH ในปี 2015 ทำให้ฝีดาษลิงรุนแรงและแพร่ได้ดีกว่าเดิมและทำสำเร็จในปี 2021 และการวางแผนจำลองว่ามีการระบาดทั่วโลกในปี 2021 และ 2022 รวมทั้งเริ่มจัดเตรียมวัคซีนฝีดาษลิง และ ถึงกับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในปี 2024 จาก clade Ib ทั้งที่อัตราการระบาดต่ำและไม่ได้สูงมาก อย่างที่หวัง และเกิดจากการสัมผัสต้องใกล้ชิดแนบแน่นนัวเนียและเพศสัมพันธ์ และแน่นอนไม่มีการติดต่อทางอากาศ airborne เหมือนที่พยายามจะให้มีการจำกัดเขตและใส่หน้ากากเว้นระยะห่างกันอีก และมีความพยายามที่จะให้ฉีดวัคซีนฝีดาษลิงตั้งแต่เด็กไปจนกระทั่งถึงสูงวัย โดยประกาศว่าคนในประเทศไทยมีความเสี่ยง และให้ติดต่อขอรับวัคซีนโดยเสียเงินและ จนกระทั่งกระทรวงสาธารณสุขออกมาประกาศว่าฉีดเฉพาะบุคลากรสาธารณสุขที่ต้องดูแลผู้ติดเชื้อ และฉีดคนที่สัมผัสอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่ติดเชื้อไปแล้ว และคนจะเดินทางไปยังทวีปที่มีการระบาดต้นตอ โดยที่วัคซีนฝีดาษลิงนั้น ไม่ว่าจะเป็น ตัวใหม่สุดยังมีอัตราหัวใจอักเสบอยู่ที่แปดใน 10,000 รายไม่นับผลแทรกซ้อนอื่น ส่วน ไข้หวัดนกมีการให้ทุนเช่นเดียวกันจาก Fauci และทำสำเร็จในปี 2012 และ พัฒนาต่อเรื่อยๆ รวมทั้งพัฒนาวัคซีนและยาสำหรับไข้หวัดนกและมีการประกาศให้เตรียมตัวการระบาดไข้หวัดนกรวมทั้งฉีดวัคซีน เช่นเดียวกับฝีดาษลิง ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่า ในประเทศไทย มีรายงานการรับทุนจากต่างประเทศในเรื่องเหล่านี้อยู่ด้วย ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา อายุรกรรม และ ระบบสมองและประสาทและโรคติดเชื้อทางสมอง ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/cr5oyzaPKk9qo29t/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    Love
    3
    0 Comments 0 Shares 1935 Views 0 Reviews
  • มาแล้วลูกจ๋า รถเมล์บอนลัคที่หนูอยากได้

    เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2567 องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) นำรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) ยี่ห้อบอนลัค (BLK) มาให้บริการล็อตแรก 100 คัน หลังจากกลุ่มร่วมทำงาน วินสตาร์ และ ดี.ที.ซี.ชนะการประกวดราคาจ้างเหมาซ่อมรถรุ่นดังกล่าว ซึ่งมีอายุการใช้งาน 7 ปี เสนอราคาเป็นเงิน 963.35 ล้านบาท ระยะเวลาสัญญา 3 ปี สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 2570 และได้ดำเนินการซ่อมแซมรถให้พร้อมใช้งาน หลังจากหยุดใช้รถ (ตัดจอด) ไปเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2567 ที่ผ่านมา

    ตามแผนงานลำดับถัดไป จะต้องซ่อมแซมรถพร้อมให้บริการรวม 380 คันภายใน 90 วัน และกลับมาให้บริการได้ครบจำนวน 486 คันภายใน 120 วัน พร้อมดูแลซ่อมบำรุงเป็นเวลา 3 ปี

    สำหรับการให้บริการรถโดยสารปรับอากาศ NGV ล็อตแรก 100 คัน แบ่งเป็นเขตการเดินรถละ 25 คัน ได้แก่ เขตการเดินรถที่ 1 สาย 510 (1-19) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (รังสิต)-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 13 คัน สาย A2 ท่าอากาศยานดอนเมือง-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ทางด่วน) 5 คัน สาย A1 ท่าอากาศยานดอนเมือง-หมอชิต 2 (ทางด่วน) สาย 522 (1-22E) รังสิต-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ทางด่วน) 2 คัน และสาย A3 ท่าอากาศยานดอนเมือง-สวนลุมพินี 1 คัน

    เขตการเดินรถที่ 2 สาย 168 (1-50) เคหะร่มเกล้า-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 15 คัน สาย 60 (1-38) สวนสยาม-สถานีรถไฟฟ้าสนามไชย 8 คัน และสาย 26 (1-36) มีนบุรี-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 2 คัน เขตการเดินรถที่ 3 สาย 142 (3-17E) ปากน้ำ-แสมดำ (ทางด่วน) 9 คัน สาย 511 (3-22E) ปากน้ำ-สายใต้ใหม่ ตลิ่งชัน (ทางด่วน) 8 คัน สาย 23E (3-4E) ปากน้ำ-เทเวศร์ (ทางด่วน) 3 คัน สาย 102 (3-12E) แพรกษา-เซ็นทรัลพระราม 3 (ทางด่วน) 3 คัน และสาย 145 (3-18) แพรกษา-หมอชิต 2 2 คัน

    เขตการเดินรถที่ 5 สาย 105 (4-18) สมุทรสาคร-สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี 5 คัน สาย 138 (4-22E) พระประแดง (อู่ราชประชา)-หมอชิต 2 5 คัน สาย 21E (4-7E) วัดคู่สร้าง-จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 4 คัน สาย 76 (4-14) แสมดำ-ประตูน้ำ 3 คัน สาย 141 (4-24E) แสมดำ-จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 3 คัน สาย 20 (4-4) ป้อมพระจุลจอมเกล้า-ท่าเรือท่าดินแดง 2 คัน สาย 37 (4-9) ท่าน้ำพระประแดง-จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2 คัน และสาย 21 (4-6) วัดคู่สร้าง-มหานาค 1 คัน

    ค่าโดยสารคิดตามระยะทาง เริ่มต้น 15 บาท สูงสุด 25 บาท (รถขึ้นทางด่วนเพิ่ม 2 บาท) รับชำระทั้งเงินสด บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรเครดิต บัตรเดบิต สแกนคิวอาร์โค้ด ตรวจสอบพิกัดรถเมล์ได้ที่แอปพลิเคชัน VIABUS สังเกตที่สัญลักษณ์วีลแชร์ หมายถึงรถโดยสารแบบชานต่ำรองรับผู้พิการ

    #Newskit #ขสมก #บอนลัค
    มาแล้วลูกจ๋า รถเมล์บอนลัคที่หนูอยากได้ เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2567 องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) นำรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) ยี่ห้อบอนลัค (BLK) มาให้บริการล็อตแรก 100 คัน หลังจากกลุ่มร่วมทำงาน วินสตาร์ และ ดี.ที.ซี.ชนะการประกวดราคาจ้างเหมาซ่อมรถรุ่นดังกล่าว ซึ่งมีอายุการใช้งาน 7 ปี เสนอราคาเป็นเงิน 963.35 ล้านบาท ระยะเวลาสัญญา 3 ปี สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 2570 และได้ดำเนินการซ่อมแซมรถให้พร้อมใช้งาน หลังจากหยุดใช้รถ (ตัดจอด) ไปเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2567 ที่ผ่านมา ตามแผนงานลำดับถัดไป จะต้องซ่อมแซมรถพร้อมให้บริการรวม 380 คันภายใน 90 วัน และกลับมาให้บริการได้ครบจำนวน 486 คันภายใน 120 วัน พร้อมดูแลซ่อมบำรุงเป็นเวลา 3 ปี สำหรับการให้บริการรถโดยสารปรับอากาศ NGV ล็อตแรก 100 คัน แบ่งเป็นเขตการเดินรถละ 25 คัน ได้แก่ เขตการเดินรถที่ 1 สาย 510 (1-19) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (รังสิต)-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 13 คัน สาย A2 ท่าอากาศยานดอนเมือง-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ทางด่วน) 5 คัน สาย A1 ท่าอากาศยานดอนเมือง-หมอชิต 2 (ทางด่วน) สาย 522 (1-22E) รังสิต-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ทางด่วน) 2 คัน และสาย A3 ท่าอากาศยานดอนเมือง-สวนลุมพินี 1 คัน เขตการเดินรถที่ 2 สาย 168 (1-50) เคหะร่มเกล้า-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 15 คัน สาย 60 (1-38) สวนสยาม-สถานีรถไฟฟ้าสนามไชย 8 คัน และสาย 26 (1-36) มีนบุรี-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 2 คัน เขตการเดินรถที่ 3 สาย 142 (3-17E) ปากน้ำ-แสมดำ (ทางด่วน) 9 คัน สาย 511 (3-22E) ปากน้ำ-สายใต้ใหม่ ตลิ่งชัน (ทางด่วน) 8 คัน สาย 23E (3-4E) ปากน้ำ-เทเวศร์ (ทางด่วน) 3 คัน สาย 102 (3-12E) แพรกษา-เซ็นทรัลพระราม 3 (ทางด่วน) 3 คัน และสาย 145 (3-18) แพรกษา-หมอชิต 2 2 คัน เขตการเดินรถที่ 5 สาย 105 (4-18) สมุทรสาคร-สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี 5 คัน สาย 138 (4-22E) พระประแดง (อู่ราชประชา)-หมอชิต 2 5 คัน สาย 21E (4-7E) วัดคู่สร้าง-จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 4 คัน สาย 76 (4-14) แสมดำ-ประตูน้ำ 3 คัน สาย 141 (4-24E) แสมดำ-จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 3 คัน สาย 20 (4-4) ป้อมพระจุลจอมเกล้า-ท่าเรือท่าดินแดง 2 คัน สาย 37 (4-9) ท่าน้ำพระประแดง-จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2 คัน และสาย 21 (4-6) วัดคู่สร้าง-มหานาค 1 คัน ค่าโดยสารคิดตามระยะทาง เริ่มต้น 15 บาท สูงสุด 25 บาท (รถขึ้นทางด่วนเพิ่ม 2 บาท) รับชำระทั้งเงินสด บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรเครดิต บัตรเดบิต สแกนคิวอาร์โค้ด ตรวจสอบพิกัดรถเมล์ได้ที่แอปพลิเคชัน VIABUS สังเกตที่สัญลักษณ์วีลแชร์ หมายถึงรถโดยสารแบบชานต่ำรองรับผู้พิการ #Newskit #ขสมก #บอนลัค
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 712 Views 0 Reviews
  • อำลาบิ๊กซี สุขาภิบาล 3 คาร์ฟูร์สาขาแรกในไทย

    เดือนกันยายน 2567 ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จะปิดสาขาถาวร 2 สาขา ได้แก่ บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า สุขาภิบาล 3 (แยกบ้านม้า) เปิดให้บริการวันสุดท้าย 15 ก.ย. 2567 และบิ๊กซี รังสิต 2 (ตลาดสี่มุมเมือง) เปิดวันสุดท้าย 30 ก.ย. 2567 ทั้งสองสาขาอดีตเคยเป็นห้างคาร์ฟูร์ 7 สาขา ในยุคที่กลุ่มเซ็นทรัลร่วมทุนกับคาร์ฟูร์ ฝรั่งเศส ก่อนที่กลุ่มเซ็นทรัลจะขายหุ้นออกไปในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 เพราะไม่สามารถเพิ่มทุนจดทะเบียนตามที่บริษัทแม่ต้องการเพื่อขยายสาขาได้

    ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2539 ห้างคาร์ฟูร์ เปิดสาขาแรกที่ถนนสุขาภิบาล 3 ก่อนขยายสาขาในช่วงปี 2539-2541 ได้แก่ ศรีนครินทร์ สุวินทวงศ์ บางใหญ่ รังสิต เชียงใหม่ (หนองป่าครั่ง) และเพชรเกษม (หนองแขม) เมื่อคาร์ฟูร์ ฝรั่งเศส เป็นเจ้าของเต็มตัว ในช่วงปี 2542-2543 จึงได้ขยายสาขารามอินทรา ตามมาด้วยแจ้งวัฒนะ รัตนาธิเบศร์ ที่ฮือฮามากที่สุดคือ สาขาพระราม 4 เปิดประจันหน้ากับห้างเทสโก้ โลตัส และต่อมายังเช่าที่ดินใจกลางเมืองระยะยาว 30 ปี เปิดห้างคาร์ฟูร์ รัชดาภิเษก

    ผ่านมา 13 ปี เปิดสาขาไปแล้ว 42 สาขา มาถึงปี 2553 คาร์ฟูร์ขายกิจการให้กลุ่มกาสิโนกรุ๊ป เจ้าของห้างบิ๊กซี ด้วยมูลค่า 35,500 ล้านบาท ทำให้ห้างคาร์ฟูร์กลายสภาพเป็นบิ๊กซีในรูปแบบต่างๆ เช่น บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า, บิ๊กซี จัมโบ้ กระทั่งกลุ่มกาสิโน กรุ๊ป ขายกิจการให้กับกลุ่มบีเจซี ของตระกูลสิริวัฒนภักดี เจ้าของธุรกิจเครื่องดื่มและอสังหาริมทรัพย์ เมื่อปี 2559 ประกอบด้วยไฮเปอร์มาร์เก็ต 125 สาขา ซูเปอร์มาร์เก็ต 55 สาขา ร้านสะดวกซื้อ 391 สาขา

    ปัจจุบัน บิ๊กซีกำลังจะกลับมาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใต้ชื่อ บริษัท บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ BRC จากข้อมูลเมื่อปี 2565 บิ๊กซี รีเทล มีร้านค้าขนาดใหญ่ (Big Format) บนที่ดินของบริษัทฯ 66 แห่ง เช่าที่ดิน 123 แห่ง และตลาด Open-Air ที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของที่ดิน 2 แห่ง และเช่าที่ดิน 5 แห่ง

    สำหรับบิ๊กซี สมัยที่กลุ่มเซ็นทรัลเป็นเจ้าของ บางสาขาเช่าที่ดินระยะยาวกับกลุ่มเซ็นทรัล 30 ปี กำลังจะหมดสัญญาในปี 2568-2569 ได้แก่ ราษฎร์บูรณะ โคราช และขอนแก่น ส่วนบางสาขายังคงเช่าพื้นที่ต่อเนื่อง ได้แก่ วงศ์สว่าง (เซ็นทรัล ซูเปอร์สโตร์ เดิม) หัวหมาก แฟชั่นไอส์แลนด์ ชลบุรี (เซ็นทรัล ชลบุรี) และพัทยา (เซ็นทรัลมารีน่า) จึงไม่น่าแปลกใจหากนับจากนี้จะได้พบเห็นการปิดสาขาบิ๊กซี เพราะหลังบิ๊กซีซื้อกิจการคาร์ฟูร์ในยุคนั้น มีทำเลของทั้งสองห้างซ้ำซ้อนกันหลายสาขา

    #Newskit #บิ๊กซีสุขาภิบาล3 #คาร์ฟูร์
    อำลาบิ๊กซี สุขาภิบาล 3 คาร์ฟูร์สาขาแรกในไทย เดือนกันยายน 2567 ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จะปิดสาขาถาวร 2 สาขา ได้แก่ บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า สุขาภิบาล 3 (แยกบ้านม้า) เปิดให้บริการวันสุดท้าย 15 ก.ย. 2567 และบิ๊กซี รังสิต 2 (ตลาดสี่มุมเมือง) เปิดวันสุดท้าย 30 ก.ย. 2567 ทั้งสองสาขาอดีตเคยเป็นห้างคาร์ฟูร์ 7 สาขา ในยุคที่กลุ่มเซ็นทรัลร่วมทุนกับคาร์ฟูร์ ฝรั่งเศส ก่อนที่กลุ่มเซ็นทรัลจะขายหุ้นออกไปในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 เพราะไม่สามารถเพิ่มทุนจดทะเบียนตามที่บริษัทแม่ต้องการเพื่อขยายสาขาได้ ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2539 ห้างคาร์ฟูร์ เปิดสาขาแรกที่ถนนสุขาภิบาล 3 ก่อนขยายสาขาในช่วงปี 2539-2541 ได้แก่ ศรีนครินทร์ สุวินทวงศ์ บางใหญ่ รังสิต เชียงใหม่ (หนองป่าครั่ง) และเพชรเกษม (หนองแขม) เมื่อคาร์ฟูร์ ฝรั่งเศส เป็นเจ้าของเต็มตัว ในช่วงปี 2542-2543 จึงได้ขยายสาขารามอินทรา ตามมาด้วยแจ้งวัฒนะ รัตนาธิเบศร์ ที่ฮือฮามากที่สุดคือ สาขาพระราม 4 เปิดประจันหน้ากับห้างเทสโก้ โลตัส และต่อมายังเช่าที่ดินใจกลางเมืองระยะยาว 30 ปี เปิดห้างคาร์ฟูร์ รัชดาภิเษก ผ่านมา 13 ปี เปิดสาขาไปแล้ว 42 สาขา มาถึงปี 2553 คาร์ฟูร์ขายกิจการให้กลุ่มกาสิโนกรุ๊ป เจ้าของห้างบิ๊กซี ด้วยมูลค่า 35,500 ล้านบาท ทำให้ห้างคาร์ฟูร์กลายสภาพเป็นบิ๊กซีในรูปแบบต่างๆ เช่น บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า, บิ๊กซี จัมโบ้ กระทั่งกลุ่มกาสิโน กรุ๊ป ขายกิจการให้กับกลุ่มบีเจซี ของตระกูลสิริวัฒนภักดี เจ้าของธุรกิจเครื่องดื่มและอสังหาริมทรัพย์ เมื่อปี 2559 ประกอบด้วยไฮเปอร์มาร์เก็ต 125 สาขา ซูเปอร์มาร์เก็ต 55 สาขา ร้านสะดวกซื้อ 391 สาขา ปัจจุบัน บิ๊กซีกำลังจะกลับมาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใต้ชื่อ บริษัท บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ BRC จากข้อมูลเมื่อปี 2565 บิ๊กซี รีเทล มีร้านค้าขนาดใหญ่ (Big Format) บนที่ดินของบริษัทฯ 66 แห่ง เช่าที่ดิน 123 แห่ง และตลาด Open-Air ที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของที่ดิน 2 แห่ง และเช่าที่ดิน 5 แห่ง สำหรับบิ๊กซี สมัยที่กลุ่มเซ็นทรัลเป็นเจ้าของ บางสาขาเช่าที่ดินระยะยาวกับกลุ่มเซ็นทรัล 30 ปี กำลังจะหมดสัญญาในปี 2568-2569 ได้แก่ ราษฎร์บูรณะ โคราช และขอนแก่น ส่วนบางสาขายังคงเช่าพื้นที่ต่อเนื่อง ได้แก่ วงศ์สว่าง (เซ็นทรัล ซูเปอร์สโตร์ เดิม) หัวหมาก แฟชั่นไอส์แลนด์ ชลบุรี (เซ็นทรัล ชลบุรี) และพัทยา (เซ็นทรัลมารีน่า) จึงไม่น่าแปลกใจหากนับจากนี้จะได้พบเห็นการปิดสาขาบิ๊กซี เพราะหลังบิ๊กซีซื้อกิจการคาร์ฟูร์ในยุคนั้น มีทำเลของทั้งสองห้างซ้ำซ้อนกันหลายสาขา #Newskit #บิ๊กซีสุขาภิบาล3 #คาร์ฟูร์
    Like
    Sad
    4
    0 Comments 0 Shares 797 Views 0 Reviews
  • 📣สงครามไฮบริด💥 คือ อะไร ⁉️ ทำไม คนไทย ต้องรู้จัก🔥💣

    💣สงครามที่เรา รู้จักกัน ไม่ว่า จะเป็นสงครามในอดีต หรือในปัจจุบัน ล้วนเกี่ยวข้องกับการ แย่งชิง หรือ ยึดครอง ทรัพยากร ของคู่ต่อสู้ ตัวอย่างชัดๆ คือ วิกฤต รศ.112 ที่ฝรั่งเศสเอาเรือปืน เอากองทัพมา “ปล้น” แผ่นดินสยาม แถมเรียกค่าปฏิกรณ์สงครามเป็น “ เงินถุงแดง” 🔺
    🔥ในปัจจุบันก็ไม่ต่างกัน ตัวอย่างชัดๆ คือ สงครามในอิสราเอล ที่แย่งชิงพื้นที่ทำกิน พื้นที่อาศัย ระหว่าง เจ้าของพื้นที่ ชาวปาเลสไตน์ กับ ชาวคาซาร์เรียน ยิว (Khazarian ) ที่ อ้างว่าเป็นชาวอิสราเอล ที่เอากองทัพมาเข่นฆ่า เด็ก สตรี และคนชรา ทำแม้แต่ทิ้งระเบิดถล่ม โรงพยาบาล เพื่อขับไล่คนปาเลสไตน์ออกจากพื้นที่ ที่ต้องการยึดครอง

    💥แต่นอกจากสงคราม “ในรูปแบบ ” ตามที่ยกตัวอย่างแล้ว ยังมี สงคราม “นอกรูปแบบ” ที่ใช้กลยุทธ์ ผสมผสาน (hybrid) ที่มีวัตถุประสงค์เดียวกัน คือ “ยึดครองทรัพยากร”
    เทียบให้เห็นภาพชัดๆ คือ สมัยก่อน โจรจะปล้น ก็เอาปืนจี้ แต่ปัจจุบันนี้ ใช้วิธี ฉ้อโกง หลอกลวง คอลเซนเตอร์ ไซเบอร์แอทแทก ฯลฯ เพื่อปล้นทรัพย์ ในระดับ ประเทศก็ไม่ต่างกัน
    สงครามดังกล่าวมีตั้งแต่
    1.สงครามการเงิน ตัวอย่างเช่น วิกฤติต้มยำกุ้ง 💵
    2. สงครามข้อมูลข่าวสาร ให้ข้อมูลที่บิดเบือน หรือ ดึงความสนใจให้ไปสนใจเรื่องอื่นที่ไม่สำคัญ เพื่อทำเรื่องที่ต้องการ 📰
    3. สงครามไซเบอร์ ตย เช่น กรณีระบบ คอมพิวเตอร์ที่พึ่งล่ม ทำคนติดค้างในสนามบิน🖥️

    แต่สงครามที่พึ่ง สร้างความเสียหายให้กับหลายประเทศทั่วโลก เร็วๆ นี้ คือ “สงครามชีวภาพ” สงครามที่ใช้ “เชื้อโรค” ใช้ “ยา” เป็นอาวุธ 💉😷
    สงครามที่เรารู้จัก กันว่า “การระบาดของโควิด”🦠
    ซึ่ง มีข้อมูลชัดเจนว่า กระทรวงกลาโหม สหรัฐ เป็นผู้ให้ทุนวิจัย
    และ บริษัทยายักษ์ใหญ่ เป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ บริษัทที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็น กลุ่มเดียวกันกับ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ อุตสากรรมอาวุธ ของอเมริกา

    อาจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ ได้นำหลักฐานที่ยืนยันว่า การระบาดครั้งนี้มีการเตรียม การล่วงหน้า มีการให้ทุนสนับสนุน มีการ ถอนทุนคืน มาตีแผ่ เป็นบทความสาม ตอน ที่ คนไทยทุกคน และฝ่ายความมั่นคงควร “ต้องอ่าน”

    ✍️ ลับ ลวง พราง ชั่วร้าย ยาและวัคซีน โดย หมอดื้อ
    (ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต )

    (ตอนที่ 1)
    https://mgronline.com/daily/detail/9670000053749

    (ตอนที่ 2)
    https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2797034

    (ตอนที่ 3)
    https://mgronline.com/daily/detail/9670000057723
    📣สงครามไฮบริด💥 คือ อะไร ⁉️ ทำไม คนไทย ต้องรู้จัก🔥💣 💣สงครามที่เรา รู้จักกัน ไม่ว่า จะเป็นสงครามในอดีต หรือในปัจจุบัน ล้วนเกี่ยวข้องกับการ แย่งชิง หรือ ยึดครอง ทรัพยากร ของคู่ต่อสู้ ตัวอย่างชัดๆ คือ วิกฤต รศ.112 ที่ฝรั่งเศสเอาเรือปืน เอากองทัพมา “ปล้น” แผ่นดินสยาม แถมเรียกค่าปฏิกรณ์สงครามเป็น “ เงินถุงแดง” 🔺 🔥ในปัจจุบันก็ไม่ต่างกัน ตัวอย่างชัดๆ คือ สงครามในอิสราเอล ที่แย่งชิงพื้นที่ทำกิน พื้นที่อาศัย ระหว่าง เจ้าของพื้นที่ ชาวปาเลสไตน์ กับ ชาวคาซาร์เรียน ยิว (Khazarian ) ที่ อ้างว่าเป็นชาวอิสราเอล ที่เอากองทัพมาเข่นฆ่า เด็ก สตรี และคนชรา ทำแม้แต่ทิ้งระเบิดถล่ม โรงพยาบาล เพื่อขับไล่คนปาเลสไตน์ออกจากพื้นที่ ที่ต้องการยึดครอง 💥แต่นอกจากสงคราม “ในรูปแบบ ” ตามที่ยกตัวอย่างแล้ว ยังมี สงคราม “นอกรูปแบบ” ที่ใช้กลยุทธ์ ผสมผสาน (hybrid) ที่มีวัตถุประสงค์เดียวกัน คือ “ยึดครองทรัพยากร” เทียบให้เห็นภาพชัดๆ คือ สมัยก่อน โจรจะปล้น ก็เอาปืนจี้ แต่ปัจจุบันนี้ ใช้วิธี ฉ้อโกง หลอกลวง คอลเซนเตอร์ ไซเบอร์แอทแทก ฯลฯ เพื่อปล้นทรัพย์ ในระดับ ประเทศก็ไม่ต่างกัน สงครามดังกล่าวมีตั้งแต่ 1.สงครามการเงิน ตัวอย่างเช่น วิกฤติต้มยำกุ้ง 💵 2. สงครามข้อมูลข่าวสาร ให้ข้อมูลที่บิดเบือน หรือ ดึงความสนใจให้ไปสนใจเรื่องอื่นที่ไม่สำคัญ เพื่อทำเรื่องที่ต้องการ 📰 3. สงครามไซเบอร์ ตย เช่น กรณีระบบ คอมพิวเตอร์ที่พึ่งล่ม ทำคนติดค้างในสนามบิน🖥️ แต่สงครามที่พึ่ง สร้างความเสียหายให้กับหลายประเทศทั่วโลก เร็วๆ นี้ คือ “สงครามชีวภาพ” สงครามที่ใช้ “เชื้อโรค” ใช้ “ยา” เป็นอาวุธ 💉😷 สงครามที่เรารู้จัก กันว่า “การระบาดของโควิด”🦠 ซึ่ง มีข้อมูลชัดเจนว่า กระทรวงกลาโหม สหรัฐ เป็นผู้ให้ทุนวิจัย และ บริษัทยายักษ์ใหญ่ เป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ บริษัทที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็น กลุ่มเดียวกันกับ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ อุตสากรรมอาวุธ ของอเมริกา อาจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ ได้นำหลักฐานที่ยืนยันว่า การระบาดครั้งนี้มีการเตรียม การล่วงหน้า มีการให้ทุนสนับสนุน มีการ ถอนทุนคืน มาตีแผ่ เป็นบทความสาม ตอน ที่ คนไทยทุกคน และฝ่ายความมั่นคงควร “ต้องอ่าน” ✍️ ลับ ลวง พราง ชั่วร้าย ยาและวัคซีน โดย หมอดื้อ (ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ) (ตอนที่ 1) https://mgronline.com/daily/detail/9670000053749 (ตอนที่ 2) https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2797034 (ตอนที่ 3) https://mgronline.com/daily/detail/9670000057723
    Like
    7
    0 Comments 1 Shares 798 Views 220 0 Reviews
More Results