• ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ พูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และแนะนำผู้นำรัสเซียอย่าทำให้สงครามยูคเรนลุกลามบานปลาย แหล่งข่าวใกล้ชิดกับการสนทนาเปิดเผยกับรอยเตอร์ ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีแผนเรียกร้อง ทรัมป์ อย่าได้ทอดทิ้งเคียฟ
    .
    แหล่งข่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ทรัมป์และปูติน พูดคุยกันเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน ทรัมป์ ก็ได้หารือกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ในวันพุธ (6 พ.ย.) ทั้งนี้ ทรัมป์ เคยวิพากษ์จารณ์ขอบเขตที่สหรัฐฯ มอบแรงสนับสนุนทั้งทางการเงินและทางทหารแก่เคียฟ และประกาศยุติสงครามอย่างรวดเร็ว แต่ไม่บอกว่าด้วยวิธีการใด
    .
    กระทรวงการต่างประเทศยูเครนบอกว่าพวกเขาไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าเกี่ยวกับการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างทรัมป์กับปูติน ดังนั้นจึงไม่อาจเห็นด้วยหรือคัดค้าน
    .
    ส่วน สตีเวน เฉิง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทรัมป์ ตอบคำถามเมื่อถูกถามเกี่ยวกับการโทรศัพท์หารือระหว่าง ทรัมป์ กับ ปูติน โดยบอกว่า "เราไม่ขอแสดงความคิดเห็นต่อการพูดคุยแบบส่วนตัวระหว่างว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ และบรรดาผู้นำโลกคนอื่นๆ" ขณะที่สถานทูตรัสเซียในวอชิงตัน ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้
    .
    ทรัมป์ ตัวแทนจากรีพับลิกันจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม หลังเอาชนะรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 5 พฤศจิกายน และล่าสุดทำเนียบขาวเผยว่า ไบเดน เชิญ ทรัมป์ เข้ามาหารือที่ห้องทำงานรูปไข่ในวันพุธ (13 พ.ย.) ที่จะถึงนี้
    .
    เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุในวันอาทิตย์ (10 ก.ย.) ว่าสารสำคัญสุดของไบเดน คือจะเป็นการรับปากถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ และเขาจะพูดคุยกับ ทรัมป์ เกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง
    .
    "ประธานาธิบดีไบเดน จะใช้โอกาสในช่วง 70 วันที่เหลืออยู่ เสนอแนะสภาคองเกรสและว่าที่รัฐบาลใหม่ ว่าสหรัฐฯ ไม่ควรตีจากยูเครน การทอดทิ้งยูเครนจะหมายถึงภาวะไร้เสถียรภาพในยุโรป" ซัลลิแวน บอกกับซีบีเอสนิวส์
    .
    ความเห็นของซัลลิแวน มีขึ้นในขณะที่ยูเครนโจมตีกรุงมอสโกด้วยโดรนอย่างน้อยๆ 34 ลำ เมื่อวันอาทิตย์ (10 พ.ย.) ซึ่งถือเป็นปฏิบัติการโดรนโจมตีเล่นงานเมืองหลวงของรัสเซียครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น
    .
    วอชิงตันมอบความช่วยเหลือทั้งทางทหารและทางเศรษฐกิจแก่ยูเครนไปแล้วหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่ถูกรัสเซียรุกรานในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 เงินจำนวนมหาศาลที่ ทรัมป์ เสียงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ซ้ำๆ และถูกต่อต้านจากบรรดาสมาชิกสภาคองเกรสจากรีพับลิกันคนอื่นๆ
    .
    ทรัมป์ กล่าวอ้างเมื่อปีที่แล้ว ว่า ปูติน จะไม่มีวันรุกรานยูเครน หากว่าเขาอยู่ในทำเนียบขาวในช่วงเวลาดังกล่าว และเขาบอกกับรอยเตอร์ว่า ยูเครนอาจจำเป็นต้องยอมสละดินแดนเพื่อบรรลุข้อตกลงสันติภาพ บางอย่างที่เคียฟปฏิเสธและทางไบเดน ก็ไม่เคยชี้แนะไปในทิศทางนี้
    .
    เซเลนสกี ระบุเมื่อวันพฤหัสบดี (7 พ.ย.) เขาไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับแผนของทรัมป์ ในการยุติสงครามยูเครนอย่างรวดเร็ว และเขาเชื่อว่าการยุติสงครามอย่างรวดเร็ว จะหมายถึงการที่เคียฟต้องยอมอ่อนข้อครั้งใหญ่
    .
    อ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานความรับผิดชอบของรัฐบาลสหรัฐฯ (GAO) พบว่าภายใต้การบริหารงานของไบเดน สภาคองเกรสจัดสรรงบประมาณไปให้ยูเครนแล้วกว่า 174,000 ล้านดอลลาร์ แต่คาดหมายว่าจำนวนดังกล่าวจะลดลงอย่างมาก ภายใต้การนำของทรัมป์ ในขณะที่พรรครีพับลิกันก็ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน
    .
    ในส่วนของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าใครจะครองเสียงข้างมาก ด้วยยังอยู่ระหว่างการนับคะแนนเสียงบางส่วน เวลานี้รีพับลิกันได้ไปแล้วอย่างน้อย 213 ที่นั่ง และต้องการอีกเพียงอย่างน้อย 5 ที่นั่ง เพื่อให้ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำของการครองเสียงข้างมากในสภาล่าง คืออย่างน้อย 218 ที่นั่ง
    .
    ถ้ารีพับลิกันครองเสียงข้างมากทั้ง 2 สภา นั่นจะหมายความว่าวาระต่างๆ ส่วนใหญ่ของทรัมป์ น่าจะผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสแบบง่ายดาย
    .
    บิล ฮาเกอร์ตี วุฒิสมาชิกจากรีพับลิกัน พันธมิตรของทรัมป์ ที่ถูกมองว่าเป็นตัวเต็งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ วิพากษ์วิจารณ์เงินสนับสนุนที่อเมริกามอบให้ยูเครน ผ่านการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีบีเอส "ประชาชนชาวอเมริกาต้องการปกป้องอธิปไตยที่นี่ ในอเมริกา ก่อนที่เราจะใช้งบประมาณของเราและทรัพยากรของเรา ปกป้องอธิปไตยของประเทศอื่น" ฮาเกอร์ตีกล่าว
    .
    ปัจจุบัน กองกำลังมอสโกยึดครองพื้นที่ราว 1 ใน 5 ของยูเครน และรัสเซียประกาศแข็งกร้าวว่าสงครามจะไม่อาจหยุดลง จนกว่าดินแดนต่างๆ ที่พวกเขาผนวกนั้นได้รับการรับรองแล้ว ในขณะที่ยูเครนเรียกร้องให้คืนดินแดนทั้งหมด จุดยืนที่ได้รับการสนับสนุนจากบรรดาพันธมิตรตะวันตกเป็นส่วนใหญ่
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108315
    ..............
    Sondhi X
    ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ พูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และแนะนำผู้นำรัสเซียอย่าทำให้สงครามยูคเรนลุกลามบานปลาย แหล่งข่าวใกล้ชิดกับการสนทนาเปิดเผยกับรอยเตอร์ ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีแผนเรียกร้อง ทรัมป์ อย่าได้ทอดทิ้งเคียฟ . แหล่งข่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ทรัมป์และปูติน พูดคุยกันเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน ทรัมป์ ก็ได้หารือกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ในวันพุธ (6 พ.ย.) ทั้งนี้ ทรัมป์ เคยวิพากษ์จารณ์ขอบเขตที่สหรัฐฯ มอบแรงสนับสนุนทั้งทางการเงินและทางทหารแก่เคียฟ และประกาศยุติสงครามอย่างรวดเร็ว แต่ไม่บอกว่าด้วยวิธีการใด . กระทรวงการต่างประเทศยูเครนบอกว่าพวกเขาไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าเกี่ยวกับการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างทรัมป์กับปูติน ดังนั้นจึงไม่อาจเห็นด้วยหรือคัดค้าน . ส่วน สตีเวน เฉิง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทรัมป์ ตอบคำถามเมื่อถูกถามเกี่ยวกับการโทรศัพท์หารือระหว่าง ทรัมป์ กับ ปูติน โดยบอกว่า "เราไม่ขอแสดงความคิดเห็นต่อการพูดคุยแบบส่วนตัวระหว่างว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ และบรรดาผู้นำโลกคนอื่นๆ" ขณะที่สถานทูตรัสเซียในวอชิงตัน ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ . ทรัมป์ ตัวแทนจากรีพับลิกันจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม หลังเอาชนะรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 5 พฤศจิกายน และล่าสุดทำเนียบขาวเผยว่า ไบเดน เชิญ ทรัมป์ เข้ามาหารือที่ห้องทำงานรูปไข่ในวันพุธ (13 พ.ย.) ที่จะถึงนี้ . เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุในวันอาทิตย์ (10 ก.ย.) ว่าสารสำคัญสุดของไบเดน คือจะเป็นการรับปากถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ และเขาจะพูดคุยกับ ทรัมป์ เกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง . "ประธานาธิบดีไบเดน จะใช้โอกาสในช่วง 70 วันที่เหลืออยู่ เสนอแนะสภาคองเกรสและว่าที่รัฐบาลใหม่ ว่าสหรัฐฯ ไม่ควรตีจากยูเครน การทอดทิ้งยูเครนจะหมายถึงภาวะไร้เสถียรภาพในยุโรป" ซัลลิแวน บอกกับซีบีเอสนิวส์ . ความเห็นของซัลลิแวน มีขึ้นในขณะที่ยูเครนโจมตีกรุงมอสโกด้วยโดรนอย่างน้อยๆ 34 ลำ เมื่อวันอาทิตย์ (10 พ.ย.) ซึ่งถือเป็นปฏิบัติการโดรนโจมตีเล่นงานเมืองหลวงของรัสเซียครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น . วอชิงตันมอบความช่วยเหลือทั้งทางทหารและทางเศรษฐกิจแก่ยูเครนไปแล้วหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่ถูกรัสเซียรุกรานในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 เงินจำนวนมหาศาลที่ ทรัมป์ เสียงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ซ้ำๆ และถูกต่อต้านจากบรรดาสมาชิกสภาคองเกรสจากรีพับลิกันคนอื่นๆ . ทรัมป์ กล่าวอ้างเมื่อปีที่แล้ว ว่า ปูติน จะไม่มีวันรุกรานยูเครน หากว่าเขาอยู่ในทำเนียบขาวในช่วงเวลาดังกล่าว และเขาบอกกับรอยเตอร์ว่า ยูเครนอาจจำเป็นต้องยอมสละดินแดนเพื่อบรรลุข้อตกลงสันติภาพ บางอย่างที่เคียฟปฏิเสธและทางไบเดน ก็ไม่เคยชี้แนะไปในทิศทางนี้ . เซเลนสกี ระบุเมื่อวันพฤหัสบดี (7 พ.ย.) เขาไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับแผนของทรัมป์ ในการยุติสงครามยูเครนอย่างรวดเร็ว และเขาเชื่อว่าการยุติสงครามอย่างรวดเร็ว จะหมายถึงการที่เคียฟต้องยอมอ่อนข้อครั้งใหญ่ . อ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานความรับผิดชอบของรัฐบาลสหรัฐฯ (GAO) พบว่าภายใต้การบริหารงานของไบเดน สภาคองเกรสจัดสรรงบประมาณไปให้ยูเครนแล้วกว่า 174,000 ล้านดอลลาร์ แต่คาดหมายว่าจำนวนดังกล่าวจะลดลงอย่างมาก ภายใต้การนำของทรัมป์ ในขณะที่พรรครีพับลิกันก็ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน . ในส่วนของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าใครจะครองเสียงข้างมาก ด้วยยังอยู่ระหว่างการนับคะแนนเสียงบางส่วน เวลานี้รีพับลิกันได้ไปแล้วอย่างน้อย 213 ที่นั่ง และต้องการอีกเพียงอย่างน้อย 5 ที่นั่ง เพื่อให้ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำของการครองเสียงข้างมากในสภาล่าง คืออย่างน้อย 218 ที่นั่ง . ถ้ารีพับลิกันครองเสียงข้างมากทั้ง 2 สภา นั่นจะหมายความว่าวาระต่างๆ ส่วนใหญ่ของทรัมป์ น่าจะผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสแบบง่ายดาย . บิล ฮาเกอร์ตี วุฒิสมาชิกจากรีพับลิกัน พันธมิตรของทรัมป์ ที่ถูกมองว่าเป็นตัวเต็งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ วิพากษ์วิจารณ์เงินสนับสนุนที่อเมริกามอบให้ยูเครน ผ่านการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีบีเอส "ประชาชนชาวอเมริกาต้องการปกป้องอธิปไตยที่นี่ ในอเมริกา ก่อนที่เราจะใช้งบประมาณของเราและทรัพยากรของเรา ปกป้องอธิปไตยของประเทศอื่น" ฮาเกอร์ตีกล่าว . ปัจจุบัน กองกำลังมอสโกยึดครองพื้นที่ราว 1 ใน 5 ของยูเครน และรัสเซียประกาศแข็งกร้าวว่าสงครามจะไม่อาจหยุดลง จนกว่าดินแดนต่างๆ ที่พวกเขาผนวกนั้นได้รับการรับรองแล้ว ในขณะที่ยูเครนเรียกร้องให้คืนดินแดนทั้งหมด จุดยืนที่ได้รับการสนับสนุนจากบรรดาพันธมิตรตะวันตกเป็นส่วนใหญ่ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108315 .............. Sondhi X
    Like
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 830 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกันเชื้อสายอิสราเอล โอเมอร์ บาร์ตอฟ ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้านการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของโลก และศาสตราจารย์ด้านการศึกษาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และฮอโลคอสต์ที่มหาวิทยาลัยบราวน์ กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซาตอนเหนือ

    “นี่คือแผนที่ร่างขึ้นโดยนายพลเกษียณอายุราชการ Giora Eiland ซึ่งสื่อของอิสราเอลได้พูดถึงเรื่องนี้มาหลายเดือนแล้ว โดยมีเป้าหมายที่จะกำจัดพลเรือนออกจากพื้นที่ดังกล่าวโดยใช้แรงกดดันทางทหารและความอดอยาก … นี่เป็นก้าวแรกสู่การผนวกดินแดนทางตอนเหนือของ Netzarim Corridor ซึ่งจะทำให้ชาวยิวเข้ามาตั้งถิ่นฐาน และจะเป็นเพียงขั้นตอนแรกของการค่อยๆ ยึดครองพื้นที่บางส่วนของฉนวนกาซาบ โดยบีบให้พลเรือนต้องอพยพไปอยู่ในพื้นที่ที่หดตัวลงเรื่อยๆ และในที่สุดก็จะบังคับให้พวกเขาออกจากฉนวนกาซาบ หรือทำให้มีผู้เสียชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ กล่าวโดยสรุป นี่คือแผนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์”

    เขาเชื่อว่าปฏิบัติการปัจจุบันในฉนวนกาซาตอนเหนือเพียงอย่างเดียวเข้าข่ายการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์: "เป็นไปได้ที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศจะมองว่าปฏิบัติการนี้เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แม้ว่าจะขัดขวางสงครามในฉนวนกาซาโดยรวมก็ตาม"

    ที่มาhttps://www.theguardian.com/commentisfree/2024/nov/06/we-are-witnessing-the-final-stage-of-genocide-in-gaza

    #Thaitimes
    นักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกันเชื้อสายอิสราเอล โอเมอร์ บาร์ตอฟ ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้านการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของโลก และศาสตราจารย์ด้านการศึกษาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และฮอโลคอสต์ที่มหาวิทยาลัยบราวน์ กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซาตอนเหนือ “นี่คือแผนที่ร่างขึ้นโดยนายพลเกษียณอายุราชการ Giora Eiland ซึ่งสื่อของอิสราเอลได้พูดถึงเรื่องนี้มาหลายเดือนแล้ว โดยมีเป้าหมายที่จะกำจัดพลเรือนออกจากพื้นที่ดังกล่าวโดยใช้แรงกดดันทางทหารและความอดอยาก … นี่เป็นก้าวแรกสู่การผนวกดินแดนทางตอนเหนือของ Netzarim Corridor ซึ่งจะทำให้ชาวยิวเข้ามาตั้งถิ่นฐาน และจะเป็นเพียงขั้นตอนแรกของการค่อยๆ ยึดครองพื้นที่บางส่วนของฉนวนกาซาบ โดยบีบให้พลเรือนต้องอพยพไปอยู่ในพื้นที่ที่หดตัวลงเรื่อยๆ และในที่สุดก็จะบังคับให้พวกเขาออกจากฉนวนกาซาบ หรือทำให้มีผู้เสียชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ กล่าวโดยสรุป นี่คือแผนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” เขาเชื่อว่าปฏิบัติการปัจจุบันในฉนวนกาซาตอนเหนือเพียงอย่างเดียวเข้าข่ายการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์: "เป็นไปได้ที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศจะมองว่าปฏิบัติการนี้เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แม้ว่าจะขัดขวางสงครามในฉนวนกาซาโดยรวมก็ตาม" ที่มาhttps://www.theguardian.com/commentisfree/2024/nov/06/we-are-witnessing-the-final-stage-of-genocide-in-gaza #Thaitimes
    WWW.THEGUARDIAN.COM
    We are witnessing the final stage of genocide in Gaza | Arwa Mahdawi
    Omer Bartov is an Israeli-American professor of Holocaust and genocide studies. He has issued a grim warning on Gaza
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 677 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำไมกัมพูชาไม่ยอมรับกฎเกณฑ์ UNCLOS 1982 ที่ประเทศทั่วโลกยอมรับและยึดถือกว่า 160 ประเทศ เป็นกฎหมายจารีตประเพณีที่เป็นหลักในการเจรจาความเมืองใด ๆ เกี่ยวกับทะเล

    ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณได้เขียนเรื่อง “ความลับกัมพูชาที่คนไทยทุกคนควรต้องรู้ ”เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567ไว้ว่า

    “กัมพูชาเป็นเพียงประเทศเดียวในภูมิภาคแถบนี้ ที่ไม่ยอมเข้าร่วมอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 หรือ United Nations Convention on the Law Of the Sea (UNCLOS) อ่านออกเสียงตัวอักษรย่อ UNCLOS ว่า "อันโคลซ" ซึ่งปัจจุบันนับได้ว่าเป็นอนุสัญญาสหประชาชาติสำคัญ เป็นที่ยอมรับในการแบ่งเขตแดนทางทะเลของแต่ละประเทศอันเป็นหลักสากล โปร่งใส และมีความเป็นธรรม สามารถช่วยแก้ไข ตลอดจนระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับการแบ่งเขตแดนทางทะเลระหว่างประเทศได้อย่างสันติ

    เหตุผลประการสำคัญที่กัมพูชาไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS เป็นเพราะทางกัมพูชาทราบดีว่าจะเสียเปรียบในการเจรจาแบ่งเขตแดนทางทะเลกับประเทศเพื่อนบ้าน โดย ดร.วันนาริธ ชเฮียง นักวิชาการชื่อดังชาวกัมพูชาเป็นผู้ยอมรับเอง ยืนยันว่ารัฐบาลกัมพูชากลัวการเข้าร่วมอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล UNCLOS จะทำให้กัมพูชาเสียเปรียบในการเจรจากำหนดเขตแดนทางทะเลกับประเทศเพื่อนบ้าน ดังที่กัมพูชาพยายามอ้างสิทธิ์ตามเส้นเขตแดนที่ลากขึ้นในสมัยที่ยังเป็นรัฐอารักขาของประเทศฝรั่งเศส

    เมื่อทราบความจริงดังนี้ ประเทศไทยของเราจึงไม่ควรเจรจากับกัมพูชาเป็นอย่างยิ่งตราบใดที่กัมพูชายังไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS เพราะไทยจะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบเสียเองหากยังคงยึดข้อพิพาทเดิมตามแนวทาง MOU 2544 ที่ล้าสมัยไปแล้ว ขนาดรัฐบาลกัมพูชายังไม่ยอมเสียเปรียบไทย ถ้ารัฐบาลไทยยอมเสียเปรียบกัมพูชา ยอมยกผลประโยชน์ของประเทศชาติและปวงชนชาวไทยมูลค่านับล้านล้านบาทให้กับกัมพูชา กล้าเสนอหน้าไปเจรจาโดยที่กัมพูชายังไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS จะเรียกว่า "โง่" หรือ "ขายชาติ" ดีครับ?

    ดังนั้น UNCLOS จึงเป็นหลักสำคัญในการเจรจาระหว่างไทยและกัมพูชา ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนจะจบลงทันที เพราะเส้นเขตแดนทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชาภายใต้ UNCLOS เป็นสากลอยู่แล้ว สิ่งที่เหลือให้ไทยและกัมพูชายังต้องเจรจาตกลงกัน คือ หลุมน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่วางตัวอยู่ในแนวเส้นแบ่งเขตแดนทางทะเลของทั้งสองประเทศ นอกจากไทยเราจะไม่เสียเกาะกูดเป็นแน่แล้ว ยังจะสามารถครองพื้นที่ส่วนใหญ่ที่เป็นข้อพิพาท รวมถึงทรัพยากรธรรมชาติในท้องทะเล ทั้งน้ำมันดิบและก๊าชธรรมชาติส่วนใหญ่จะตกเป็นของไทย

    ขนาดนักวิชาการกัมพูชายังยืนยันชัดเจนว่ารัฐบาลกัมพูชาไม่เข้าร่วม UNCLOS เพราะกลัวเสียเปรียบ พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนจึงควรตระหนักรู้เกี่ยวกับ UNCLOS เพื่อให้รัฐบาลไทยยื่นข้อเสนอให้กัมพูชาเข้าร่วม UNCLOS เสียก่อนเท่านั้น แล้วจึงค่อยเปิดการเจรจาที่เป็นธรรม!

    ที่มา https://www.facebook.com/share/15FAF2zRds/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    ทำไมกัมพูชาไม่ยอมรับกฎเกณฑ์ UNCLOS 1982 ที่ประเทศทั่วโลกยอมรับและยึดถือกว่า 160 ประเทศ เป็นกฎหมายจารีตประเพณีที่เป็นหลักในการเจรจาความเมืองใด ๆ เกี่ยวกับทะเล ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณได้เขียนเรื่อง “ความลับกัมพูชาที่คนไทยทุกคนควรต้องรู้ ”เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567ไว้ว่า “กัมพูชาเป็นเพียงประเทศเดียวในภูมิภาคแถบนี้ ที่ไม่ยอมเข้าร่วมอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 หรือ United Nations Convention on the Law Of the Sea (UNCLOS) อ่านออกเสียงตัวอักษรย่อ UNCLOS ว่า "อันโคลซ" ซึ่งปัจจุบันนับได้ว่าเป็นอนุสัญญาสหประชาชาติสำคัญ เป็นที่ยอมรับในการแบ่งเขตแดนทางทะเลของแต่ละประเทศอันเป็นหลักสากล โปร่งใส และมีความเป็นธรรม สามารถช่วยแก้ไข ตลอดจนระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับการแบ่งเขตแดนทางทะเลระหว่างประเทศได้อย่างสันติ เหตุผลประการสำคัญที่กัมพูชาไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS เป็นเพราะทางกัมพูชาทราบดีว่าจะเสียเปรียบในการเจรจาแบ่งเขตแดนทางทะเลกับประเทศเพื่อนบ้าน โดย ดร.วันนาริธ ชเฮียง นักวิชาการชื่อดังชาวกัมพูชาเป็นผู้ยอมรับเอง ยืนยันว่ารัฐบาลกัมพูชากลัวการเข้าร่วมอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล UNCLOS จะทำให้กัมพูชาเสียเปรียบในการเจรจากำหนดเขตแดนทางทะเลกับประเทศเพื่อนบ้าน ดังที่กัมพูชาพยายามอ้างสิทธิ์ตามเส้นเขตแดนที่ลากขึ้นในสมัยที่ยังเป็นรัฐอารักขาของประเทศฝรั่งเศส เมื่อทราบความจริงดังนี้ ประเทศไทยของเราจึงไม่ควรเจรจากับกัมพูชาเป็นอย่างยิ่งตราบใดที่กัมพูชายังไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS เพราะไทยจะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบเสียเองหากยังคงยึดข้อพิพาทเดิมตามแนวทาง MOU 2544 ที่ล้าสมัยไปแล้ว ขนาดรัฐบาลกัมพูชายังไม่ยอมเสียเปรียบไทย ถ้ารัฐบาลไทยยอมเสียเปรียบกัมพูชา ยอมยกผลประโยชน์ของประเทศชาติและปวงชนชาวไทยมูลค่านับล้านล้านบาทให้กับกัมพูชา กล้าเสนอหน้าไปเจรจาโดยที่กัมพูชายังไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS จะเรียกว่า "โง่" หรือ "ขายชาติ" ดีครับ? ดังนั้น UNCLOS จึงเป็นหลักสำคัญในการเจรจาระหว่างไทยและกัมพูชา ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนจะจบลงทันที เพราะเส้นเขตแดนทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชาภายใต้ UNCLOS เป็นสากลอยู่แล้ว สิ่งที่เหลือให้ไทยและกัมพูชายังต้องเจรจาตกลงกัน คือ หลุมน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่วางตัวอยู่ในแนวเส้นแบ่งเขตแดนทางทะเลของทั้งสองประเทศ นอกจากไทยเราจะไม่เสียเกาะกูดเป็นแน่แล้ว ยังจะสามารถครองพื้นที่ส่วนใหญ่ที่เป็นข้อพิพาท รวมถึงทรัพยากรธรรมชาติในท้องทะเล ทั้งน้ำมันดิบและก๊าชธรรมชาติส่วนใหญ่จะตกเป็นของไทย ขนาดนักวิชาการกัมพูชายังยืนยันชัดเจนว่ารัฐบาลกัมพูชาไม่เข้าร่วม UNCLOS เพราะกลัวเสียเปรียบ พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนจึงควรตระหนักรู้เกี่ยวกับ UNCLOS เพื่อให้รัฐบาลไทยยื่นข้อเสนอให้กัมพูชาเข้าร่วม UNCLOS เสียก่อนเท่านั้น แล้วจึงค่อยเปิดการเจรจาที่เป็นธรรม! ที่มา https://www.facebook.com/share/15FAF2zRds/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    Yay
    Angry
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 355 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ดร.นิว' แฉความลับกัมพูชาที่คนไทยควรรู้!

    31 ต.ค.2567 - ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “ความลับกัมพูชาที่คนไทยทุกคนควรต้องรู้” ระบุว่า กัมพูชาเป็นเพียงประเทศเดียวในภูมิภาคแทบนี้ ที่ไม่ยอมเข้าร่วมอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 หรือ United Nations Convention on the Law Of the Sea (UNCLOS) อ่านออกเสียงตัวอักษรย่อ UNCLOS ว่า "อันโคลซ" ซึ่งปัจจุบันนับได้ว่าเป็นอนุสัญญาสหประชาชาติสำคัญ เป็นที่ยอมรับในการแบ่งเขตแดนทางทะเลของแต่ละประเทศอันเป็นหลักสากล โปร่งใส และมีความเป็นธรรม สามารถช่วยแก้ไข ตลอดจนระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับการแบ่งเขตแดนทางทะเลระหว่างประเทศได้อย่างสันติ

    เหตุผลประการสำคัญที่กัมพูชาไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS เป็นเพราะทางกัมพูชาทราบดีว่าจะเสียเปรียบในการเจรจาแบ่งเขตแดนทางทะเลกับประเทศเพื่อนบ้าน โดย ดร.วันนาริธ ชเฮียง นักวิชาการชื่อดังชาวกัมพูชาเป็นผู้ยอมรับเอง ยืนยันว่ารัฐบาลกัมพูชากลัวการเข้าร่วมอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล UNCLOS จะทำให้กัมพูชาเสียเปรียบในการเจรจากำหนดเขตแดนทางทะเลกับประเทศเพื่อนบ้าน ดังที่กัมพูชาพยายามอ้างสิทธิ์ตามเส้นเขตแดนที่ลากขึ้นในสมัยที่ยังเป็นรัฐอารักขาของประเทศฝรั่งเศส

    เมื่อทราบความจริงดังนี้ ประเทศไทยของเราจึงไม่ควรเจรจากับกัมพูชาเป็นอย่างยิ่งตราบใดที่กัมพูชายังไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS เพราะไทยจะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบเสียเองหากยังคงยึดข้อพิพาทเดิมตามแนวทาง MOU 2544 ที่ล้าสมัยไปแล้ว ขนาดรัฐบาลกัมพูชายังไม่ยอมเสียเปรียบไทย ถ้ารัฐบาลไทยยอมเสียเปรียบกัมพูชา ยอมยกผลประโยชน์ของประเทศชาติและปวงชนชาวไทยมูลค่านับล้านล้านบาทให้กับกัมพูชา กล้าเสนอหน้าไปเจรจาโดยที่กัมพูชายังไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS จะเรียกว่า "โง่" หรือ "ขายชาติ" ดีครับ?

    ดังนั้น UNCLOS จึงเป็นหลักสำคัญในการเจรจาระหว่างไทยและกัมพูชา ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนจะจบลงทันที เพราะเส้นเขตแดนทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชาภายใต้ UNCLOS เป็นสากลอยู่แล้ว สิ่งที่เหลือให้ไทยและกัมพูชายังต้องเจรจาตกลงกัน คือ หลุมน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่วางตัวอยู่ในแนวเส้นแบ่งเขตแดนทางทะเลของทั้งสองประเทศ นอกจากไทยเราจะไม่เสียเกาะกูดเป็นแน่แล้ว ยังจะสามารถครองพื้นที่ส่วนใหญ่ที่เป็นข้อพิพาท รวมถึงทรัพยากรธรรมชาติในท้องทะเล ทั้งน้ำมันดิบและก๊าชธรรมชาติส่วนใหญ่จะตกเป็นของไทย
    ขนาดนักวิชาการกัมพูชายังยืนยันชัดเจนว่ารัฐบาลกัมพูชาไม่เข้าร่วม UNCLOS เพราะกลัวเสียเปรียบ พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนจึงควรตระหนักรู้เกี่ยวกับ UNCLOS เพื่อให้รัฐบาลไทยยื่นข้อเสนอให้กัมพูชาเข้าร่วม UNCLOS เสียก่อนเท่านั้น แล้วจึงค่อยเปิดการเจรจาที่เป็นธรรม!

    ที่มา https://www.thaipost.net/x-cite-news/682589/

    #Thaitimes
    'ดร.นิว' แฉความลับกัมพูชาที่คนไทยควรรู้! 31 ต.ค.2567 - ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “ความลับกัมพูชาที่คนไทยทุกคนควรต้องรู้” ระบุว่า กัมพูชาเป็นเพียงประเทศเดียวในภูมิภาคแทบนี้ ที่ไม่ยอมเข้าร่วมอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 หรือ United Nations Convention on the Law Of the Sea (UNCLOS) อ่านออกเสียงตัวอักษรย่อ UNCLOS ว่า "อันโคลซ" ซึ่งปัจจุบันนับได้ว่าเป็นอนุสัญญาสหประชาชาติสำคัญ เป็นที่ยอมรับในการแบ่งเขตแดนทางทะเลของแต่ละประเทศอันเป็นหลักสากล โปร่งใส และมีความเป็นธรรม สามารถช่วยแก้ไข ตลอดจนระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับการแบ่งเขตแดนทางทะเลระหว่างประเทศได้อย่างสันติ เหตุผลประการสำคัญที่กัมพูชาไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS เป็นเพราะทางกัมพูชาทราบดีว่าจะเสียเปรียบในการเจรจาแบ่งเขตแดนทางทะเลกับประเทศเพื่อนบ้าน โดย ดร.วันนาริธ ชเฮียง นักวิชาการชื่อดังชาวกัมพูชาเป็นผู้ยอมรับเอง ยืนยันว่ารัฐบาลกัมพูชากลัวการเข้าร่วมอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล UNCLOS จะทำให้กัมพูชาเสียเปรียบในการเจรจากำหนดเขตแดนทางทะเลกับประเทศเพื่อนบ้าน ดังที่กัมพูชาพยายามอ้างสิทธิ์ตามเส้นเขตแดนที่ลากขึ้นในสมัยที่ยังเป็นรัฐอารักขาของประเทศฝรั่งเศส เมื่อทราบความจริงดังนี้ ประเทศไทยของเราจึงไม่ควรเจรจากับกัมพูชาเป็นอย่างยิ่งตราบใดที่กัมพูชายังไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS เพราะไทยจะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบเสียเองหากยังคงยึดข้อพิพาทเดิมตามแนวทาง MOU 2544 ที่ล้าสมัยไปแล้ว ขนาดรัฐบาลกัมพูชายังไม่ยอมเสียเปรียบไทย ถ้ารัฐบาลไทยยอมเสียเปรียบกัมพูชา ยอมยกผลประโยชน์ของประเทศชาติและปวงชนชาวไทยมูลค่านับล้านล้านบาทให้กับกัมพูชา กล้าเสนอหน้าไปเจรจาโดยที่กัมพูชายังไม่ยอมเข้าร่วม UNCLOS จะเรียกว่า "โง่" หรือ "ขายชาติ" ดีครับ? ดังนั้น UNCLOS จึงเป็นหลักสำคัญในการเจรจาระหว่างไทยและกัมพูชา ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนจะจบลงทันที เพราะเส้นเขตแดนทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชาภายใต้ UNCLOS เป็นสากลอยู่แล้ว สิ่งที่เหลือให้ไทยและกัมพูชายังต้องเจรจาตกลงกัน คือ หลุมน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่วางตัวอยู่ในแนวเส้นแบ่งเขตแดนทางทะเลของทั้งสองประเทศ นอกจากไทยเราจะไม่เสียเกาะกูดเป็นแน่แล้ว ยังจะสามารถครองพื้นที่ส่วนใหญ่ที่เป็นข้อพิพาท รวมถึงทรัพยากรธรรมชาติในท้องทะเล ทั้งน้ำมันดิบและก๊าชธรรมชาติส่วนใหญ่จะตกเป็นของไทย ขนาดนักวิชาการกัมพูชายังยืนยันชัดเจนว่ารัฐบาลกัมพูชาไม่เข้าร่วม UNCLOS เพราะกลัวเสียเปรียบ พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนจึงควรตระหนักรู้เกี่ยวกับ UNCLOS เพื่อให้รัฐบาลไทยยื่นข้อเสนอให้กัมพูชาเข้าร่วม UNCLOS เสียก่อนเท่านั้น แล้วจึงค่อยเปิดการเจรจาที่เป็นธรรม! ที่มา https://www.thaipost.net/x-cite-news/682589/ #Thaitimes
    WWW.THAIPOST.NET
    'ดร.นิว' แฉความลับกัมพูชาที่คนไทยควรรู้!
    ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 3 การแบ่งปัน 520 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมถึง 25 ตุลาคม จำนวนความเสียหายของรถถัง Merkava ของกองกำลังอิสราเอล มีมากถึง 38 คัน

    หากนับจนถึงวันนี้ (29 ตุลาคม) มีมากกว่า 40 คัน (อย่างไม่เป็นทางการ)

    นอกจากนี้ ระยะทางจากชายแดนลึกเข้ามาในพื้นที่เลบานอน กองกำลังอิสราเอลสามารถบุกเข้ามาได้เพียง 1 กิโลเมตรกว่า และไม่สามารถครอบครองพื้นที่เอาไว้ได้เลย

    มีข้อมูลว่า สงครามเมื่อปี 2006 อิสราเอลใช้เวลา 20 วัน ในการบุกเลบานอนลึกเข้าไป 12 กม. จากชายเแดน
    รายงานตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมถึง 25 ตุลาคม จำนวนความเสียหายของรถถัง Merkava ของกองกำลังอิสราเอล มีมากถึง 38 คัน หากนับจนถึงวันนี้ (29 ตุลาคม) มีมากกว่า 40 คัน (อย่างไม่เป็นทางการ) นอกจากนี้ ระยะทางจากชายแดนลึกเข้ามาในพื้นที่เลบานอน กองกำลังอิสราเอลสามารถบุกเข้ามาได้เพียง 1 กิโลเมตรกว่า และไม่สามารถครอบครองพื้นที่เอาไว้ได้เลย มีข้อมูลว่า สงครามเมื่อปี 2006 อิสราเอลใช้เวลา 20 วัน ในการบุกเลบานอนลึกเข้าไป 12 กม. จากชายเแดน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทิศทาง Selydove

    สำหรับสถานการณ์ในเมือง Selydove กองทัพรัสเซียถอดธงชาติยูเครนอที่ทำการสภาเมืองออกในเขตกลางเมืองออก ขณะนี้รัสเซียครอบครองพื้นที่ได้ 100% แล้ว และกำลังเคลียร์พื้นที่อีกเพียงเล็กน้อย เหลือเพียงการชูธงและประกาศอย่างเป็นทางการ
    ทิศทาง Selydove สำหรับสถานการณ์ในเมือง Selydove กองทัพรัสเซียถอดธงชาติยูเครนอที่ทำการสภาเมืองออกในเขตกลางเมืองออก ขณะนี้รัสเซียครอบครองพื้นที่ได้ 100% แล้ว และกำลังเคลียร์พื้นที่อีกเพียงเล็กน้อย เหลือเพียงการชูธงและประกาศอย่างเป็นทางการ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพรัสเซียกำลังรีบใช้ประโยชน์จากการล่มสลายขอแนวป้องกันของยูเครนในทิศทางคูราโฮเว(Kurakhove) และน่าจะยึดเมืองฮิร์นิก(Hirnyk)ได้ภายในหนึ่งถึงสองวันนี้

    ขณะเดียวกันทิศทาง Selydove กองทัพรัสเซียสามารถยึดครองพื้นที่ได้ทั้งหมดแล้ว เหลือเวลาเพียงชูธง และประกาศอย่างเป็นทางการเท่านั้น

    (รูปที่สอง)ขณะที่แนวหน้าจาก Selydove ทอดยาวไปจนถึงทิศทาง Vuhledar กองทัพรัสเซียกำลังสร้าง "หม้อต้ม" ใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง
    กองทัพรัสเซียกำลังรีบใช้ประโยชน์จากการล่มสลายขอแนวป้องกันของยูเครนในทิศทางคูราโฮเว(Kurakhove) และน่าจะยึดเมืองฮิร์นิก(Hirnyk)ได้ภายในหนึ่งถึงสองวันนี้ ขณะเดียวกันทิศทาง Selydove กองทัพรัสเซียสามารถยึดครองพื้นที่ได้ทั้งหมดแล้ว เหลือเวลาเพียงชูธง และประกาศอย่างเป็นทางการเท่านั้น (รูปที่สอง)ขณะที่แนวหน้าจาก Selydove ทอดยาวไปจนถึงทิศทาง Vuhledar กองทัพรัสเซียกำลังสร้าง "หม้อต้ม" ใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ เปิดเผยเป็นครั้งแรก พวกเขาพบเห็นหลักฐานที่ชี้ชัดว่าเกาหลีเหนือส่งทหาร 3,000 นายไปยังรัสเซีย สำหรับความเป็นไปได้เข้าประจำการในยูเครน ความเคลื่อนไหวที่อาจทำให้สงครามระหว่างมอสโกกับเคียฟลุกลามบานปลายครั้งใหญ่
    .
    ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวในกรุงโรม ว่า "มันจะเป็นเรื่องร้ายแรงมากๆ ถ้าเกาหลีเหนือเตรียมการสู้รบเคียงข้างรัสเซียในยูเครน ตามที่เคียฟกล่าวหา" อย่างไรก็ตาม เขาบอกว่ายังคงต้องดูว่าทหารเหล่นั้นเข้าไปทำอะไรในรัสเซีย "มีหลักฐานว่าทหารเกาหลีเหนืออยู่ในรัสเซีย" เขาบอกกับผู้สื่อข่าว
    .
    จอห์น เคอร์บี โฆษกทำเนียบข่าวให้สัมภาษณ์กับพวกผู้สื่อข่าวในเวลาต่อมาในวันพุธ (23 ต.ค.) ระบุสหรัฐฯ เชื่อว่ามีทหารเกาหลีเหนืออย่างน้อย 3,000 นายกำลังฝึกฝนที่ฐานทัพ 3 แห่ง ทางตะวันออกของรัสเซีย
    .
    เคอร์บี ระบุต่อว่าสหรัฐฯ ได้ข้อสรุปว่า ทหารเกาหลีเหนือถูกลำเลียงทางเรือจากภูมิภาคว็อนซันของเกาหลีเหนือ ไปยังเมืองวลาดิวอสต็อกของรัสเซีย ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนจนถึงกลางเดือนตุลาคม ก่อนเคลื่อนย้ายไปยังศูนย์ฝึกทหาร 3 แห่งทางตะวันออกของยูเครน
    .
    ในกรุงโซล บรรดาสมาชิกรัฐสภาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวหลังได้รับรายงานสรุปจากสำนักข่าวกรองแห่งชาติเกาหลีใต้ ระบุว่าเบื้องต้นเปียงยางส่งทหารเข้าไปยังรัสเซียแล้ว 3,000 นาย และคาดหมายว่ารวมแล้วจะมีกำลังพลเกาหลีเหนือทั้งสิ้นราว 10,000 นาย เมื่อการประจำการเสร็จสมบูรณ์ในเดือนธันวาคม
    .
    ความขัดแย้งในยูเครนปะทุขึ้นมา หลังจากรัสเซียเปิดฉากรุกรานประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 และนับตั้งแต่นั้นมันได้พัฒนาการเข้าสงครามหนึ่งที่การสู้รบส่วนใหญ่เกิดขึ้นในแนวหน้าทางตะวันออกของยูเครน และทั้งสองฝ่ายสูญเสียกำลังพลไปอย่างมหาศาล
    .
    สหรัฐฯ บอกว่าการประจำการของทหารเกาหลีเหนือ อาจเป็นหลักฐานเพิ่มเติมที่บ่งชี้ว่ากองทัพรัสเซียกำลังมีปัญหาด้านกำลังพล หลังจากก่อนหน้านี้พวกเจ้าหน้าที่อเมริกาเคยกล่าวอ้างว่ามีทหารของมอสโกเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บในสงครามยูเครนไปแล้วมากกว่า 600,000 นาย
    .
    วังเครมลินปฏิเสธคำกล่าวหาโซลเกี่ยวกับการประจำการทหารเกาหลีเหนือว่าเป็น "ข่าวปลอม" และตัวแทนรายหนึ่งของเกาหลีเหนือประจำสหประชาชาติ เรียกมันว่าเป็นข่าวลือที่ไร้หลักฐาน
    .
    ที่ผ่านมา ทั้งมอสโกและเปียงยางปฏิเสธเช่นกันเกี่ยวกับการส่งมอบอาวุธ แต่พวกเขาประกาศยกระดับความสัมพันธ์ทางทหาร และลงนามในสนธิสัญญากลาโหมร่วม ณ ที่ประชุมซัมมิต เมื่อเดือนมิถุนายน
    .
    คำกล่าวอ้างล่าสุดเกี่ยวกับการประจำการทหารเกาหลีเหนือในรัสเซีย มีขึ้นหลังจากหน่วยข่าวกรองแห่งชาติของโซล ระบุเมื่อวันศุกร์ (18 ต.ค.) ว่าเกาหลีเหนือได้ขนส่งทางเรือ พาบุคลากรกองกำลังพิเศษราว 1,500 นายไปยังรัสเซีย และมีความเป็นไปได้ว่ากำลังพลเหล่านี้จะถูกส่งเข้าประจำการเพื่อสู้รบในสงครามในยุเครน หลังผ่านการฝึกฝนและมีความเคยชินกับสภาพอากาศแล้ว
    .
    ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวหาเช่นกันว่า เปียงยางกำลังส่งทหาร 10,000 นาย ไปยังรัสเซีย และในวันอังคาร (22 ต.ค.) เขาเรียกร้องให้บรรดาพันธมิตรตอบสนองต่อหลักฐานที่ว่า เกาหลีเหนือเข้ามาพัวพันในสงครามของรัสเซียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    .
    ในเรื่องนี้ โฆษกของนาโตบอกว่าเหล่าพันธมิตรนาโตกำลังปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับกรณีเกาหลีเหนือส่งทหารเข้าประจำการในรัสเซีย
    .
    เจ้าหน้าที่รายหนึ่งในรัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน บอกว่ามอสโกอาจส่งทหารเกาหลีเหนือไปยังภาคตะวันออกของยูเครน หรือในแคว้นคูร์สก์ของตนเอง ดินแดนที่ทหารรัสเซียกำลังสู้รบขับไล่กองกำลังยูเครนที่ยึดครองพื้นที่หนึ่งๆ ที่พวกเขายึดมาได้ในปฏิบัติการรุกรานตอบโต้ ที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
    .
    ไมค์ เทอร์เนอร์ ประธานคณะกรรมาธิการข่าวกรองของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลง เรียกร้องให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ไฟเขียวเคียฟตอบโต้ด้วยอาวุธที่จัดหาให้โดยอเมริกา หากว่าทหารเกาหลีเหนือโจมตียูเครนมาจากดินแดนของรัสเซีย
    .
    "ถ้าทหารเกาหลีเหนือรุกรานเข้าสู่ดินแดนอธิปไตยของยูเครน สหรัฐฯ จำเป็นต้องพิจารณาอย่างจริงจังในการใช้ปฏิบัติการทางทหารโดยตรงกับกองกำลังเกาหลีเหนือ" เทอร์เนอร์กล่าว
    .
    เมื่อวันอังคาร (22 ต.ค.) ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เรียกร้องให้เกาหลีเหนือถอนทหารออกจากรัสเซียในทันที พร้อมเตือนว่าพวกเขาอาจพิจารณาป้อนอาวุธร้ายแรงแก่ยูเครนเช่นกัน หากว่าความสัมพันธ์ทางทหารระหว่าง 2 ชาตินั้นเลยเถิดเกินไป
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000102308
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯ เปิดเผยเป็นครั้งแรก พวกเขาพบเห็นหลักฐานที่ชี้ชัดว่าเกาหลีเหนือส่งทหาร 3,000 นายไปยังรัสเซีย สำหรับความเป็นไปได้เข้าประจำการในยูเครน ความเคลื่อนไหวที่อาจทำให้สงครามระหว่างมอสโกกับเคียฟลุกลามบานปลายครั้งใหญ่ . ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวในกรุงโรม ว่า "มันจะเป็นเรื่องร้ายแรงมากๆ ถ้าเกาหลีเหนือเตรียมการสู้รบเคียงข้างรัสเซียในยูเครน ตามที่เคียฟกล่าวหา" อย่างไรก็ตาม เขาบอกว่ายังคงต้องดูว่าทหารเหล่นั้นเข้าไปทำอะไรในรัสเซีย "มีหลักฐานว่าทหารเกาหลีเหนืออยู่ในรัสเซีย" เขาบอกกับผู้สื่อข่าว . จอห์น เคอร์บี โฆษกทำเนียบข่าวให้สัมภาษณ์กับพวกผู้สื่อข่าวในเวลาต่อมาในวันพุธ (23 ต.ค.) ระบุสหรัฐฯ เชื่อว่ามีทหารเกาหลีเหนืออย่างน้อย 3,000 นายกำลังฝึกฝนที่ฐานทัพ 3 แห่ง ทางตะวันออกของรัสเซีย . เคอร์บี ระบุต่อว่าสหรัฐฯ ได้ข้อสรุปว่า ทหารเกาหลีเหนือถูกลำเลียงทางเรือจากภูมิภาคว็อนซันของเกาหลีเหนือ ไปยังเมืองวลาดิวอสต็อกของรัสเซีย ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนจนถึงกลางเดือนตุลาคม ก่อนเคลื่อนย้ายไปยังศูนย์ฝึกทหาร 3 แห่งทางตะวันออกของยูเครน . ในกรุงโซล บรรดาสมาชิกรัฐสภาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวหลังได้รับรายงานสรุปจากสำนักข่าวกรองแห่งชาติเกาหลีใต้ ระบุว่าเบื้องต้นเปียงยางส่งทหารเข้าไปยังรัสเซียแล้ว 3,000 นาย และคาดหมายว่ารวมแล้วจะมีกำลังพลเกาหลีเหนือทั้งสิ้นราว 10,000 นาย เมื่อการประจำการเสร็จสมบูรณ์ในเดือนธันวาคม . ความขัดแย้งในยูเครนปะทุขึ้นมา หลังจากรัสเซียเปิดฉากรุกรานประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 และนับตั้งแต่นั้นมันได้พัฒนาการเข้าสงครามหนึ่งที่การสู้รบส่วนใหญ่เกิดขึ้นในแนวหน้าทางตะวันออกของยูเครน และทั้งสองฝ่ายสูญเสียกำลังพลไปอย่างมหาศาล . สหรัฐฯ บอกว่าการประจำการของทหารเกาหลีเหนือ อาจเป็นหลักฐานเพิ่มเติมที่บ่งชี้ว่ากองทัพรัสเซียกำลังมีปัญหาด้านกำลังพล หลังจากก่อนหน้านี้พวกเจ้าหน้าที่อเมริกาเคยกล่าวอ้างว่ามีทหารของมอสโกเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บในสงครามยูเครนไปแล้วมากกว่า 600,000 นาย . วังเครมลินปฏิเสธคำกล่าวหาโซลเกี่ยวกับการประจำการทหารเกาหลีเหนือว่าเป็น "ข่าวปลอม" และตัวแทนรายหนึ่งของเกาหลีเหนือประจำสหประชาชาติ เรียกมันว่าเป็นข่าวลือที่ไร้หลักฐาน . ที่ผ่านมา ทั้งมอสโกและเปียงยางปฏิเสธเช่นกันเกี่ยวกับการส่งมอบอาวุธ แต่พวกเขาประกาศยกระดับความสัมพันธ์ทางทหาร และลงนามในสนธิสัญญากลาโหมร่วม ณ ที่ประชุมซัมมิต เมื่อเดือนมิถุนายน . คำกล่าวอ้างล่าสุดเกี่ยวกับการประจำการทหารเกาหลีเหนือในรัสเซีย มีขึ้นหลังจากหน่วยข่าวกรองแห่งชาติของโซล ระบุเมื่อวันศุกร์ (18 ต.ค.) ว่าเกาหลีเหนือได้ขนส่งทางเรือ พาบุคลากรกองกำลังพิเศษราว 1,500 นายไปยังรัสเซีย และมีความเป็นไปได้ว่ากำลังพลเหล่านี้จะถูกส่งเข้าประจำการเพื่อสู้รบในสงครามในยุเครน หลังผ่านการฝึกฝนและมีความเคยชินกับสภาพอากาศแล้ว . ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวหาเช่นกันว่า เปียงยางกำลังส่งทหาร 10,000 นาย ไปยังรัสเซีย และในวันอังคาร (22 ต.ค.) เขาเรียกร้องให้บรรดาพันธมิตรตอบสนองต่อหลักฐานที่ว่า เกาหลีเหนือเข้ามาพัวพันในสงครามของรัสเซียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว . ในเรื่องนี้ โฆษกของนาโตบอกว่าเหล่าพันธมิตรนาโตกำลังปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับกรณีเกาหลีเหนือส่งทหารเข้าประจำการในรัสเซีย . เจ้าหน้าที่รายหนึ่งในรัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน บอกว่ามอสโกอาจส่งทหารเกาหลีเหนือไปยังภาคตะวันออกของยูเครน หรือในแคว้นคูร์สก์ของตนเอง ดินแดนที่ทหารรัสเซียกำลังสู้รบขับไล่กองกำลังยูเครนที่ยึดครองพื้นที่หนึ่งๆ ที่พวกเขายึดมาได้ในปฏิบัติการรุกรานตอบโต้ ที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา . ไมค์ เทอร์เนอร์ ประธานคณะกรรมาธิการข่าวกรองของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลง เรียกร้องให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ไฟเขียวเคียฟตอบโต้ด้วยอาวุธที่จัดหาให้โดยอเมริกา หากว่าทหารเกาหลีเหนือโจมตียูเครนมาจากดินแดนของรัสเซีย . "ถ้าทหารเกาหลีเหนือรุกรานเข้าสู่ดินแดนอธิปไตยของยูเครน สหรัฐฯ จำเป็นต้องพิจารณาอย่างจริงจังในการใช้ปฏิบัติการทางทหารโดยตรงกับกองกำลังเกาหลีเหนือ" เทอร์เนอร์กล่าว . เมื่อวันอังคาร (22 ต.ค.) ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เรียกร้องให้เกาหลีเหนือถอนทหารออกจากรัสเซียในทันที พร้อมเตือนว่าพวกเขาอาจพิจารณาป้อนอาวุธร้ายแรงแก่ยูเครนเช่นกัน หากว่าความสัมพันธ์ทางทหารระหว่าง 2 ชาตินั้นเลยเถิดเกินไป . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000102308 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Sad
    7
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1962 มุมมอง 0 รีวิว
  • Q1905 Legends
    PLATINUM
    Men's Sneaker Platinum - White Grey
    Size. US 9.5 /UK 9 / EUR 43 /27.5 cm

    🔥 Price 450฿

    Q1905 แบรนด์กีฬาชื่อดังของเนเธอร์แลนด์ที่มีมาตั้งแต่ปี 1905 รองเท้าผ้าใบจาก Q1905 มาในรุ่น Platinum ที่ขึ้นชื่อในเรื่องความเรียบง่ายที่ไม่เหมือนใคร สำหรับใส่ในชีวิตประจำวัน หรือการพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์มาสู่ท้องถนน

    👉 รายละเอียด :-
    🔹ผลิตจากหนังนูบัค(หนังหมู)เนื้อนุ่ม
    🔹ปลายเท้าและส้นเท้าเสริมความแข็งแรง
    🔹ลิ้นรองเท้าขึ้นรูป
    🔹แผ่นรองพื้นรองเท้าแบบถอดได้
    🔹พื้นรองเท้าชั้นนอกทำจากยางแบบมีริ้วลายก้างปลาเพื่อการยึดเกาะและความคล่องตัว
    🔹เครื่องหมายการค้าหนังแถบคู่ที่เป็นเอกลักษณ์
    Q1905 Legends PLATINUM Men's Sneaker Platinum - White Grey Size. US 9.5 /UK 9 / EUR 43 /27.5 cm 🔥 Price 450฿ Q1905 แบรนด์กีฬาชื่อดังของเนเธอร์แลนด์ที่มีมาตั้งแต่ปี 1905 รองเท้าผ้าใบจาก Q1905 มาในรุ่น Platinum ที่ขึ้นชื่อในเรื่องความเรียบง่ายที่ไม่เหมือนใคร สำหรับใส่ในชีวิตประจำวัน หรือการพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์มาสู่ท้องถนน 👉 รายละเอียด :- 🔹ผลิตจากหนังนูบัค(หนังหมู)เนื้อนุ่ม 🔹ปลายเท้าและส้นเท้าเสริมความแข็งแรง 🔹ลิ้นรองเท้าขึ้นรูป 🔹แผ่นรองพื้นรองเท้าแบบถอดได้ 🔹พื้นรองเท้าชั้นนอกทำจากยางแบบมีริ้วลายก้างปลาเพื่อการยึดเกาะและความคล่องตัว 🔹เครื่องหมายการค้าหนังแถบคู่ที่เป็นเอกลักษณ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇮🇷 อิหร่าน กินดีหมี 🐻 หัวใจเสือ 🐯 มาหรือยังไง ⁉ 😆

    อิหร่านยิงขีปนาวุธถล่มอิสราเอล 😜
    .
    #IRGC กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม อ้างว่า : อิหร่านได้เปิดฉากโจมตีอิสราเอลครั้งใหญ่ ได้ยิงขีปนาวุธ "หลายสิบลูก" ไปที่เป้าหมายทางทหารทั่วประเทศ

    ▪▪▪ IRGC แถลงการณ์หลังจากยิงถล่มขีปนาวุธลูกแรก ประมาณ 30 นาที : การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อตอบโต้ ▪▪▪

    • การลอบสังหารอิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำของกลุ่มฮามาสในปาเลสไตน์ ซึ่งถูกสังหารในกรุงเตหะราน เมื่อเดือนกรกฎาคม
    • การสังหาร ฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ ผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ในเลบานอน
    • การสังหาร พลจัตวาอับบาส นิลโฟรชาน รองผู้บัญชาการฝ่ายปฏิบัติการของ IRGC ซึ่งกำลังประชุมกับนาสรัลเลาะห์ เมื่อเครื่องบินรบของอิสราเอล ถล่มอาคารบังเกอร์ในเบรุต

    ....... แถลงการณ์ดังกล่าว ระบุเพิ่มเติม .......

    ➡➡ • อิหร่านเตือนอิสราเอลไม่ให้ตอบโต้ และสัญญาว่าจะตอบโต้อย่างรุนแรงหากมีการดำเนินการใดๆ

    “If the #Zionist regime responds to our attack, our next strikes will be more destructive"
    .
    #คณะผู้แทนอิหร่าน UN, NY แถลงการณ์ที่โพสต์บน X

    " การตอบสนองทางกฎหมาย เหตุผล และความชอบธรรมของอิหร่าน ต่อการก่อการร้ายของ #ระบอบไซออนิสต์ ........
    ........ และการละเมิดอำนาจอธิปไตยของชาติสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน "ได้รับการดำเนินการอย่างเหมาะสมแล้ว"
    หากระบอบไซออนิสต์กล้าตอบโต้ หรือกระทำการอันชั่วร้ายต่อไป การตอบสนองที่รุนแรงก็จะเกิดขึ้นตามมา ....... "😆
    .
    🚀🚀🚀🚀

    🔘 #ขีปนาวุธ หลายลูกที่ยิงออกไปเมื่อ 1 ต.ค. สามารถทะลุผ่านระบบป้องกันภัยทางอากาศ ที่ "#โอ้อวด" เอาไว้เยอะของ สหรัฐ-อิสราเอล ได้😂

    • วิดีโอบางคลิป ดูเหมือนจะแสดงการสกัดกั้นจรวดที่กำลังเข้ามาเอาไว้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยขนาดของการโจมตี ทำให้อิหร่านสามารถเจาะแนวป้องกันได้ .... โดยสังเกตเห็นได้ว่ามีการโจมตีหลายครั้งบนพื้นดิน

    • รายงานยังระบุว่า นอกจากจะเปิดใช้งานระบบป้องกันภัยภาคพื้นดินแล้ว อิสราเอลยังได้ส่งเครื่องบินรบ F-15 จำนวน 25 ลำขึ้นบิน เพื่อตอบโต้การโจมตีครั้งนี้
    .
    🔘 #IRGC อ้างว่าได้ใช้จรวด Fattah-2 ที่ทันสมัยเพื่อหลีกเลี่ยงเรดาร์ของอิสราเอล

    • ขีปนาวุธ Fattah-2 80-90% ที่ใช้ในปฏิบัติการ Honest Promise 2 โจมตีเป้าหมายได้ ซึ่งรวมถึงฐานทัพอากาศเทลโนฟ Tel Nof ใกล้เทลอาวีฟ
    • ในพื้นที่เน็ตซาริม Netsarim ใกล้กาซา ซึ่ง IRGC อ้างว่า “ได้ทำลายรถถังของอิสราเอลจำนวนมาก”
    • และ อิหร่านยังอ้างว่า : ได้ทำลายเครื่องบิน F-35 ของอิสราเอลหลายลำ ที่ฐานทัพอากาศเนวาติม Nevatim

    🚀 #Fattah 2 : ขีปนาวุธพิสัยไกลความเร็วสูง มีระบบขับเคลื่อนเป็นเชื้อเพลิงเหลว พิสัยการยิงสูงสุด 1,500 กม. พร้อมหัวรบขนาด 450 กก.
    .
    🇮🇱 ⚔️ 🇮🇷 อิสราเอลต้องใช้ระบบป้องกันที่ซับซ้อนและมีราคาแพง ในการหยุดการโจมตีของอิหร่าน

    #IDF ประเมินว่า : ขีปนาวุธที่พุ่งเข้ามามีทั้งหมด 180 ลูก

    ▪▪▪ ขีปนาวุธอิหร่านกำลังมุ่งหน้าสู่อิสราเอล โดยมองเห็นได้จากหลายประเทศในตะวันออกกลาง ▪▪▪ 😆
    .
    #ลูกขีปนาวุธ สกัดกั้นของระบบป้องกันภัยทางอากาศอิสราเอลนั้น มีราคาแพง เนื่องจากมีความซับซ้อนและมูลค่าก็ไม่แน่นอน

    ◉ การหยุดยั้งขีปนาวุธ #ระยะไกล เป็นหน้าที่หลักของระบบ Arrow 3 และ Arrow 2 ของสหรัฐฯ-อิสราเอล ซึ่งใช้ครั้งแรกในสงครามอิสราเอล-ฮามาส
    • มีราคาปกติลูกละ 3.5 ล้านดอลล่าห์

    #ระยะกลาง ใช้ระบบ David's Sling ลูกละ 1 ล้านดอลล่าห์

    ◉ แต่ #ขีปนาวุธอิหร่าน ลูกละ 80,000 ปอนด์ (106,300 ดอลลาร์) ขึ้นไป😁
    .
    📌 การสกัดป้องกันขีปนาวุธ 100 ลูกขึ้นไป จะทำให้อิสราเอลมีค่าใช้จ่ายหลายร้อยล้านดอลลาร์😆
    .
    ••• ผมก็ไม่กล้าทำตัวเป็นกูรู กูรู้😁 วิเคราะห์ วิจารณ์อะไร ในเรื่องนี้นะครับ 😆•••
    • มันแปลกมาก แม้ว่าการยิงถล่มด้วยขีปนาวุธ [ไม่ใช่จรวด] 180 ลูก ภายในครั้งเดียว อาจจะสะท้อนให้เห็นว่า #คลังแสง อิหร่าน มีจำนวนขีปนาวุธรวมทุกรุ่นมากมายขนาดไหน❓ อย่างเช่น ขีปนาวุธพิสัยกลาง (IRBM) Ghadr พิสัย 1,600 – 1,950 กม. , Emad พิสัย 1,700 กม.

    • ประมาณการณ์ที่สหรัฐฯคำนวณไว้ตั้งแต่ 2 ปีครึ่งที่แล้ว อิหร่านมีคลังอาวุธขีปนาวุธ ประมาณ 3,000 ลูก ... แต่จำนวนดังกล่าวอาจสูงกว่านั้นก็ได้

    • เตหะรานต้องการคงคลังอาวุธส่วนใหญ่เอาไว้ ในกรณีที่ความขัดแย้งกับอิสราเอลทวีความรุนแรง จนกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ

    • แต่การท้าทายครั้งนี้ อิหร่านพร้อมที่จะรับมือ #Airstrike การโจมตีทางอากาศของอิสราเอล หรือ❓ ที่มีทั้ง F-35, F-15, F-16 📍 นอกจากนั้น ที่สำคัญคือการสนับสนุนจาก 🛰 ดาวเทียมตะวันตก ซึ่งเป็นเรื่องน่ากลัวมาก

    ...............................................................................
    🇮🇱 #ผู้รุกราน กองทัพ #IDF ยึดครองพื้นที่บางส่วนทางตอนใต้ของเลบานอนตั้งแต่ปีพ.ศ. 2525 ถึง 2543 ในเหตุการณ์ที่ต่อมาเรียกว่า สงครามเลบานอนครั้งแรกกับอิสราเอล

    🇮🇱 #อิสราเอลรุกราน เลบานอนอีกครั้งในปี 2549 ซึ่งส่งผลให้เกิดความขัดแย้งกับกลุ่มฮิซบัลเลาะห์เป็นเวลา 34 วัน
    .
    คณะผู้แทนอิหร่าน UN, NY
    https://x.com/Iran_UN/status/1841162849286308106

    https://www.theguardian.com/world/2024/oct/01/israel-vows-to-retaliate-after-iran-launches-unprecedented-missile-attack

    https://www.theguardian.com/world/2024/oct/01/stopping-iran-attack-would-have-forced-israel-to-use-sophisticated-and-expensive-defences

    https://en.wikipedia.org/wiki/Israeli_occupation_of_Southern_Lebanon#

    https://en.wikipedia.org/wiki/1982_Lebanon_War


    Noraseth Tuntasiri
    🇮🇷 อิหร่าน กินดีหมี 🐻 หัวใจเสือ 🐯 มาหรือยังไง ⁉ 😆 อิหร่านยิงขีปนาวุธถล่มอิสราเอล 😜 . #IRGC กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม อ้างว่า : อิหร่านได้เปิดฉากโจมตีอิสราเอลครั้งใหญ่ ได้ยิงขีปนาวุธ "หลายสิบลูก" ไปที่เป้าหมายทางทหารทั่วประเทศ ▪▪▪ IRGC แถลงการณ์หลังจากยิงถล่มขีปนาวุธลูกแรก ประมาณ 30 นาที : การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อตอบโต้ ▪▪▪ • การลอบสังหารอิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำของกลุ่มฮามาสในปาเลสไตน์ ซึ่งถูกสังหารในกรุงเตหะราน เมื่อเดือนกรกฎาคม • การสังหาร ฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ ผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ในเลบานอน • การสังหาร พลจัตวาอับบาส นิลโฟรชาน รองผู้บัญชาการฝ่ายปฏิบัติการของ IRGC ซึ่งกำลังประชุมกับนาสรัลเลาะห์ เมื่อเครื่องบินรบของอิสราเอล ถล่มอาคารบังเกอร์ในเบรุต ....... แถลงการณ์ดังกล่าว ระบุเพิ่มเติม ....... ➡➡ • อิหร่านเตือนอิสราเอลไม่ให้ตอบโต้ และสัญญาว่าจะตอบโต้อย่างรุนแรงหากมีการดำเนินการใดๆ “If the #Zionist regime responds to our attack, our next strikes will be more destructive" . #คณะผู้แทนอิหร่าน UN, NY แถลงการณ์ที่โพสต์บน X " การตอบสนองทางกฎหมาย เหตุผล และความชอบธรรมของอิหร่าน ต่อการก่อการร้ายของ #ระบอบไซออนิสต์ ........ ........ และการละเมิดอำนาจอธิปไตยของชาติสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน "ได้รับการดำเนินการอย่างเหมาะสมแล้ว" หากระบอบไซออนิสต์กล้าตอบโต้ หรือกระทำการอันชั่วร้ายต่อไป การตอบสนองที่รุนแรงก็จะเกิดขึ้นตามมา ....... "😆 . 🚀🚀🚀🚀 🔘 #ขีปนาวุธ หลายลูกที่ยิงออกไปเมื่อ 1 ต.ค. สามารถทะลุผ่านระบบป้องกันภัยทางอากาศ ที่ "#โอ้อวด" เอาไว้เยอะของ สหรัฐ-อิสราเอล ได้😂 • วิดีโอบางคลิป ดูเหมือนจะแสดงการสกัดกั้นจรวดที่กำลังเข้ามาเอาไว้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยขนาดของการโจมตี ทำให้อิหร่านสามารถเจาะแนวป้องกันได้ .... โดยสังเกตเห็นได้ว่ามีการโจมตีหลายครั้งบนพื้นดิน • รายงานยังระบุว่า นอกจากจะเปิดใช้งานระบบป้องกันภัยภาคพื้นดินแล้ว อิสราเอลยังได้ส่งเครื่องบินรบ F-15 จำนวน 25 ลำขึ้นบิน เพื่อตอบโต้การโจมตีครั้งนี้ . 🔘 #IRGC อ้างว่าได้ใช้จรวด Fattah-2 ที่ทันสมัยเพื่อหลีกเลี่ยงเรดาร์ของอิสราเอล • ขีปนาวุธ Fattah-2 80-90% ที่ใช้ในปฏิบัติการ Honest Promise 2 โจมตีเป้าหมายได้ ซึ่งรวมถึงฐานทัพอากาศเทลโนฟ Tel Nof ใกล้เทลอาวีฟ • ในพื้นที่เน็ตซาริม Netsarim ใกล้กาซา ซึ่ง IRGC อ้างว่า “ได้ทำลายรถถังของอิสราเอลจำนวนมาก” • และ อิหร่านยังอ้างว่า : ได้ทำลายเครื่องบิน F-35 ของอิสราเอลหลายลำ ที่ฐานทัพอากาศเนวาติม Nevatim 🚀 #Fattah 2 : ขีปนาวุธพิสัยไกลความเร็วสูง มีระบบขับเคลื่อนเป็นเชื้อเพลิงเหลว พิสัยการยิงสูงสุด 1,500 กม. พร้อมหัวรบขนาด 450 กก. . 🇮🇱 ⚔️ 🇮🇷 อิสราเอลต้องใช้ระบบป้องกันที่ซับซ้อนและมีราคาแพง ในการหยุดการโจมตีของอิหร่าน #IDF ประเมินว่า : ขีปนาวุธที่พุ่งเข้ามามีทั้งหมด 180 ลูก ▪▪▪ ขีปนาวุธอิหร่านกำลังมุ่งหน้าสู่อิสราเอล โดยมองเห็นได้จากหลายประเทศในตะวันออกกลาง ▪▪▪ 😆 . #ลูกขีปนาวุธ สกัดกั้นของระบบป้องกันภัยทางอากาศอิสราเอลนั้น มีราคาแพง เนื่องจากมีความซับซ้อนและมูลค่าก็ไม่แน่นอน ◉ การหยุดยั้งขีปนาวุธ #ระยะไกล เป็นหน้าที่หลักของระบบ Arrow 3 และ Arrow 2 ของสหรัฐฯ-อิสราเอล ซึ่งใช้ครั้งแรกในสงครามอิสราเอล-ฮามาส • มีราคาปกติลูกละ 3.5 ล้านดอลล่าห์ ◉ #ระยะกลาง ใช้ระบบ David's Sling ลูกละ 1 ล้านดอลล่าห์ ◉ แต่ #ขีปนาวุธอิหร่าน ลูกละ 80,000 ปอนด์ (106,300 ดอลลาร์) ขึ้นไป😁 . 📌 การสกัดป้องกันขีปนาวุธ 100 ลูกขึ้นไป จะทำให้อิสราเอลมีค่าใช้จ่ายหลายร้อยล้านดอลลาร์😆 . ••• ผมก็ไม่กล้าทำตัวเป็นกูรู กูรู้😁 วิเคราะห์ วิจารณ์อะไร ในเรื่องนี้นะครับ 😆••• • มันแปลกมาก แม้ว่าการยิงถล่มด้วยขีปนาวุธ [ไม่ใช่จรวด] 180 ลูก ภายในครั้งเดียว อาจจะสะท้อนให้เห็นว่า #คลังแสง อิหร่าน มีจำนวนขีปนาวุธรวมทุกรุ่นมากมายขนาดไหน❓ อย่างเช่น ขีปนาวุธพิสัยกลาง (IRBM) Ghadr พิสัย 1,600 – 1,950 กม. , Emad พิสัย 1,700 กม. • ประมาณการณ์ที่สหรัฐฯคำนวณไว้ตั้งแต่ 2 ปีครึ่งที่แล้ว อิหร่านมีคลังอาวุธขีปนาวุธ ประมาณ 3,000 ลูก ... แต่จำนวนดังกล่าวอาจสูงกว่านั้นก็ได้ • เตหะรานต้องการคงคลังอาวุธส่วนใหญ่เอาไว้ ในกรณีที่ความขัดแย้งกับอิสราเอลทวีความรุนแรง จนกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ • แต่การท้าทายครั้งนี้ อิหร่านพร้อมที่จะรับมือ #Airstrike การโจมตีทางอากาศของอิสราเอล หรือ❓ ที่มีทั้ง F-35, F-15, F-16 📍 นอกจากนั้น ที่สำคัญคือการสนับสนุนจาก 🛰 ดาวเทียมตะวันตก ซึ่งเป็นเรื่องน่ากลัวมาก ............................................................................... 🇮🇱 #ผู้รุกราน กองทัพ #IDF ยึดครองพื้นที่บางส่วนทางตอนใต้ของเลบานอนตั้งแต่ปีพ.ศ. 2525 ถึง 2543 ในเหตุการณ์ที่ต่อมาเรียกว่า สงครามเลบานอนครั้งแรกกับอิสราเอล 🇮🇱 #อิสราเอลรุกราน เลบานอนอีกครั้งในปี 2549 ซึ่งส่งผลให้เกิดความขัดแย้งกับกลุ่มฮิซบัลเลาะห์เป็นเวลา 34 วัน . คณะผู้แทนอิหร่าน UN, NY https://x.com/Iran_UN/status/1841162849286308106 https://www.theguardian.com/world/2024/oct/01/israel-vows-to-retaliate-after-iran-launches-unprecedented-missile-attack https://www.theguardian.com/world/2024/oct/01/stopping-iran-attack-would-have-forced-israel-to-use-sophisticated-and-expensive-defences https://en.wikipedia.org/wiki/Israeli_occupation_of_Southern_Lebanon# https://en.wikipedia.org/wiki/1982_Lebanon_War Noraseth Tuntasiri
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 242 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇮🇷 อิหร่าน กินดีหมี 🐻 หัวใจเสือ 🐯 มาหรือยังไง ⁉ 😆

    อิหร่านยิงขีปนาวุธถล่มอิสราเอล 😜
    .
    #IRGC กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม อ้างว่า : อิหร่านได้เปิดฉากโจมตีอิสราเอลครั้งใหญ่ ได้ยิงขีปนาวุธ "หลายสิบลูก" ไปที่เป้าหมายทางทหารทั่วประเทศ

    ▪▪▪ IRGC แถลงการณ์หลังจากยิงถล่มขีปนาวุธลูกแรก ประมาณ 30 นาที : การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อตอบโต้ ▪▪▪

    • การลอบสังหารอิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำของกลุ่มฮามาสในปาเลสไตน์ ซึ่งถูกสังหารในกรุงเตหะราน เมื่อเดือนกรกฎาคม
    • การสังหาร ฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ ผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ในเลบานอน
    • การสังหาร พลจัตวาอับบาส นิลโฟรชาน รองผู้บัญชาการฝ่ายปฏิบัติการของ IRGC ซึ่งกำลังประชุมกับนาสรัลเลาะห์ เมื่อเครื่องบินรบของอิสราเอล ถล่มอาคารบังเกอร์ในเบรุต

    ....... แถลงการณ์ดังกล่าว ระบุเพิ่มเติม .......

    ➡➡ • อิหร่านเตือนอิสราเอลไม่ให้ตอบโต้ และสัญญาว่าจะตอบโต้อย่างรุนแรงหากมีการดำเนินการใดๆ

    “If the #Zionist regime responds to our attack, our next strikes will be more destructive"
    .
    #คณะผู้แทนอิหร่าน UN, NY แถลงการณ์ที่โพสต์บน X

    " การตอบสนองทางกฎหมาย เหตุผล และความชอบธรรมของอิหร่าน ต่อการก่อการร้ายของ #ระบอบไซออนิสต์ ........
    ........ และการละเมิดอำนาจอธิปไตยของชาติสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน "ได้รับการดำเนินการอย่างเหมาะสมแล้ว"
    หากระบอบไซออนิสต์กล้าตอบโต้ หรือกระทำการอันชั่วร้ายต่อไป การตอบสนองที่รุนแรงก็จะเกิดขึ้นตามมา ....... "😆
    .
    🚀🚀🚀🚀

    🔘 #ขีปนาวุธ หลายลูกที่ยิงออกไปเมื่อ 1 ต.ค. สามารถทะลุผ่านระบบป้องกันภัยทางอากาศ ที่ "#โอ้อวด" เอาไว้เยอะของ สหรัฐ-อิสราเอล ได้😂

    • วิดีโอบางคลิป ดูเหมือนจะแสดงการสกัดกั้นจรวดที่กำลังเข้ามาเอาไว้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยขนาดของการโจมตี ทำให้อิหร่านสามารถเจาะแนวป้องกันได้ .... โดยสังเกตเห็นได้ว่ามีการโจมตีหลายครั้งบนพื้นดิน

    • รายงานยังระบุว่า นอกจากจะเปิดใช้งานระบบป้องกันภัยภาคพื้นดินแล้ว อิสราเอลยังได้ส่งเครื่องบินรบ F-15 จำนวน 25 ลำขึ้นบิน เพื่อตอบโต้การโจมตีครั้งนี้
    .
    🔘 #IRGC อ้างว่าได้ใช้จรวด Fattah-2 ที่ทันสมัยเพื่อหลีกเลี่ยงเรดาร์ของอิสราเอล

    • ขีปนาวุธ Fattah-2 80-90% ที่ใช้ในปฏิบัติการ Honest Promise 2 โจมตีเป้าหมายได้ ซึ่งรวมถึงฐานทัพอากาศเทลโนฟ Tel Nof ใกล้เทลอาวีฟ
    • ในพื้นที่เน็ตซาริม Netsarim ใกล้กาซา ซึ่ง IRGC อ้างว่า “ได้ทำลายรถถังของอิสราเอลจำนวนมาก”
    • และ อิหร่านยังอ้างว่า : ได้ทำลายเครื่องบิน F-35 ของอิสราเอลหลายลำ ที่ฐานทัพอากาศเนวาติม Nevatim

    🚀 #Fattah 2 : ขีปนาวุธพิสัยไกลความเร็วสูง มีระบบขับเคลื่อนเป็นเชื้อเพลิงเหลว พิสัยการยิงสูงสุด 1,500 กม. พร้อมหัวรบขนาด 450 กก.
    .
    🇮🇱 ⚔️ 🇮🇷 อิสราเอลต้องใช้ระบบป้องกันที่ซับซ้อนและมีราคาแพง ในการหยุดการโจมตีของอิหร่าน

    #IDF ประเมินว่า : ขีปนาวุธที่พุ่งเข้ามามีทั้งหมด 180 ลูก

    ▪▪▪ ขีปนาวุธอิหร่านกำลังมุ่งหน้าสู่อิสราเอล โดยมองเห็นได้จากหลายประเทศในตะวันออกกลาง ▪▪▪ 😆
    .
    #ลูกขีปนาวุธ สกัดกั้นของระบบป้องกันภัยทางอากาศอิสราเอลนั้น มีราคาแพง เนื่องจากมีความซับซ้อนและมูลค่าก็ไม่แน่นอน

    ◉ การหยุดยั้งขีปนาวุธ #ระยะไกล เป็นหน้าที่หลักของระบบ Arrow 3 และ Arrow 2 ของสหรัฐฯ-อิสราเอล ซึ่งใช้ครั้งแรกในสงครามอิสราเอล-ฮามาส
    • มีราคาปกติลูกละ 3.5 ล้านดอลล่าห์

    #ระยะกลาง ใช้ระบบ David's Sling ลูกละ 1 ล้านดอลล่าห์

    ◉ แต่ #ขีปนาวุธอิหร่าน ลูกละ 80,000 ปอนด์ (106,300 ดอลลาร์) ขึ้นไป😁
    .
    📌 การสกัดป้องกันขีปนาวุธ 100 ลูกขึ้นไป จะทำให้อิสราเอลมีค่าใช้จ่ายหลายร้อยล้านดอลลาร์😆
    .
    ••• ผมก็ไม่กล้าทำตัวเป็นกูรู กูรู้😁 วิเคราะห์ วิจารณ์อะไร ในเรื่องนี้นะครับ 😆•••
    • มันแปลกมาก แม้ว่าการยิงถล่มด้วยขีปนาวุธ [ไม่ใช่จรวด] 180 ลูก ภายในครั้งเดียว อาจจะสะท้อนให้เห็นว่า #คลังแสง อิหร่าน มีจำนวนขีปนาวุธรวมทุกรุ่นมากมายขนาดไหน❓ อย่างเช่น ขีปนาวุธพิสัยกลาง (IRBM) Ghadr พิสัย 1,600 – 1,950 กม. , Emad พิสัย 1,700 กม.

    • ประมาณการณ์ที่สหรัฐฯคำนวณไว้ตั้งแต่ 2 ปีครึ่งที่แล้ว อิหร่านมีคลังอาวุธขีปนาวุธ ประมาณ 3,000 ลูก ... แต่จำนวนดังกล่าวอาจสูงกว่านั้นก็ได้

    • เตหะรานต้องการคงคลังอาวุธส่วนใหญ่เอาไว้ ในกรณีที่ความขัดแย้งกับอิสราเอลทวีความรุนแรง จนกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ

    • แต่การท้าทายครั้งนี้ อิหร่านพร้อมที่จะรับมือ #Airstrike การโจมตีทางอากาศของอิสราเอล หรือ❓ ที่มีทั้ง F-35, F-15, F-16 📍 นอกจากนั้น ที่สำคัญคือการสนับสนุนจาก 🛰 ดาวเทียมตะวันตก ซึ่งเป็นเรื่องน่ากลัวมาก

    ...............................................................................
    🇮🇱 #ผู้รุกราน กองทัพ #IDF ยึดครองพื้นที่บางส่วนทางตอนใต้ของเลบานอนตั้งแต่ปีพ.ศ. 2525 ถึง 2543 ในเหตุการณ์ที่ต่อมาเรียกว่า สงครามเลบานอนครั้งแรกกับอิสราเอล

    🇮🇱 #อิสราเอลรุกราน เลบานอนอีกครั้งในปี 2549 ซึ่งส่งผลให้เกิดความขัดแย้งกับกลุ่มฮิซบัลเลาะห์เป็นเวลา 34 วัน
    .
    คณะผู้แทนอิหร่าน UN, NY
    https://x.com/Iran_UN/status/1841162849286308106

    https://www.theguardian.com/world/2024/oct/01/israel-vows-to-retaliate-after-iran-launches-unprecedented-missile-attack

    https://www.theguardian.com/world/2024/oct/01/stopping-iran-attack-would-have-forced-israel-to-use-sophisticated-and-expensive-defences

    https://en.wikipedia.org/wiki/Israeli_occupation_of_Southern_Lebanon#

    https://en.wikipedia.org/wiki/1982_Lebanon_War


    Noraseth Tuntasiri
    🇮🇷 อิหร่าน กินดีหมี 🐻 หัวใจเสือ 🐯 มาหรือยังไง ⁉ 😆 อิหร่านยิงขีปนาวุธถล่มอิสราเอล 😜 . #IRGC กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม อ้างว่า : อิหร่านได้เปิดฉากโจมตีอิสราเอลครั้งใหญ่ ได้ยิงขีปนาวุธ "หลายสิบลูก" ไปที่เป้าหมายทางทหารทั่วประเทศ ▪▪▪ IRGC แถลงการณ์หลังจากยิงถล่มขีปนาวุธลูกแรก ประมาณ 30 นาที : การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อตอบโต้ ▪▪▪ • การลอบสังหารอิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำของกลุ่มฮามาสในปาเลสไตน์ ซึ่งถูกสังหารในกรุงเตหะราน เมื่อเดือนกรกฎาคม • การสังหาร ฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ ผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ในเลบานอน • การสังหาร พลจัตวาอับบาส นิลโฟรชาน รองผู้บัญชาการฝ่ายปฏิบัติการของ IRGC ซึ่งกำลังประชุมกับนาสรัลเลาะห์ เมื่อเครื่องบินรบของอิสราเอล ถล่มอาคารบังเกอร์ในเบรุต ....... แถลงการณ์ดังกล่าว ระบุเพิ่มเติม ....... ➡➡ • อิหร่านเตือนอิสราเอลไม่ให้ตอบโต้ และสัญญาว่าจะตอบโต้อย่างรุนแรงหากมีการดำเนินการใดๆ “If the #Zionist regime responds to our attack, our next strikes will be more destructive" . #คณะผู้แทนอิหร่าน UN, NY แถลงการณ์ที่โพสต์บน X " การตอบสนองทางกฎหมาย เหตุผล และความชอบธรรมของอิหร่าน ต่อการก่อการร้ายของ #ระบอบไซออนิสต์ ........ ........ และการละเมิดอำนาจอธิปไตยของชาติสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน "ได้รับการดำเนินการอย่างเหมาะสมแล้ว" หากระบอบไซออนิสต์กล้าตอบโต้ หรือกระทำการอันชั่วร้ายต่อไป การตอบสนองที่รุนแรงก็จะเกิดขึ้นตามมา ....... "😆 . 🚀🚀🚀🚀 🔘 #ขีปนาวุธ หลายลูกที่ยิงออกไปเมื่อ 1 ต.ค. สามารถทะลุผ่านระบบป้องกันภัยทางอากาศ ที่ "#โอ้อวด" เอาไว้เยอะของ สหรัฐ-อิสราเอล ได้😂 • วิดีโอบางคลิป ดูเหมือนจะแสดงการสกัดกั้นจรวดที่กำลังเข้ามาเอาไว้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยขนาดของการโจมตี ทำให้อิหร่านสามารถเจาะแนวป้องกันได้ .... โดยสังเกตเห็นได้ว่ามีการโจมตีหลายครั้งบนพื้นดิน • รายงานยังระบุว่า นอกจากจะเปิดใช้งานระบบป้องกันภัยภาคพื้นดินแล้ว อิสราเอลยังได้ส่งเครื่องบินรบ F-15 จำนวน 25 ลำขึ้นบิน เพื่อตอบโต้การโจมตีครั้งนี้ . 🔘 #IRGC อ้างว่าได้ใช้จรวด Fattah-2 ที่ทันสมัยเพื่อหลีกเลี่ยงเรดาร์ของอิสราเอล • ขีปนาวุธ Fattah-2 80-90% ที่ใช้ในปฏิบัติการ Honest Promise 2 โจมตีเป้าหมายได้ ซึ่งรวมถึงฐานทัพอากาศเทลโนฟ Tel Nof ใกล้เทลอาวีฟ • ในพื้นที่เน็ตซาริม Netsarim ใกล้กาซา ซึ่ง IRGC อ้างว่า “ได้ทำลายรถถังของอิสราเอลจำนวนมาก” • และ อิหร่านยังอ้างว่า : ได้ทำลายเครื่องบิน F-35 ของอิสราเอลหลายลำ ที่ฐานทัพอากาศเนวาติม Nevatim 🚀 #Fattah 2 : ขีปนาวุธพิสัยไกลความเร็วสูง มีระบบขับเคลื่อนเป็นเชื้อเพลิงเหลว พิสัยการยิงสูงสุด 1,500 กม. พร้อมหัวรบขนาด 450 กก. . 🇮🇱 ⚔️ 🇮🇷 อิสราเอลต้องใช้ระบบป้องกันที่ซับซ้อนและมีราคาแพง ในการหยุดการโจมตีของอิหร่าน #IDF ประเมินว่า : ขีปนาวุธที่พุ่งเข้ามามีทั้งหมด 180 ลูก ▪▪▪ ขีปนาวุธอิหร่านกำลังมุ่งหน้าสู่อิสราเอล โดยมองเห็นได้จากหลายประเทศในตะวันออกกลาง ▪▪▪ 😆 . #ลูกขีปนาวุธ สกัดกั้นของระบบป้องกันภัยทางอากาศอิสราเอลนั้น มีราคาแพง เนื่องจากมีความซับซ้อนและมูลค่าก็ไม่แน่นอน ◉ การหยุดยั้งขีปนาวุธ #ระยะไกล เป็นหน้าที่หลักของระบบ Arrow 3 และ Arrow 2 ของสหรัฐฯ-อิสราเอล ซึ่งใช้ครั้งแรกในสงครามอิสราเอล-ฮามาส • มีราคาปกติลูกละ 3.5 ล้านดอลล่าห์ ◉ #ระยะกลาง ใช้ระบบ David's Sling ลูกละ 1 ล้านดอลล่าห์ ◉ แต่ #ขีปนาวุธอิหร่าน ลูกละ 80,000 ปอนด์ (106,300 ดอลลาร์) ขึ้นไป😁 . 📌 การสกัดป้องกันขีปนาวุธ 100 ลูกขึ้นไป จะทำให้อิสราเอลมีค่าใช้จ่ายหลายร้อยล้านดอลลาร์😆 . ••• ผมก็ไม่กล้าทำตัวเป็นกูรู กูรู้😁 วิเคราะห์ วิจารณ์อะไร ในเรื่องนี้นะครับ 😆••• • มันแปลกมาก แม้ว่าการยิงถล่มด้วยขีปนาวุธ [ไม่ใช่จรวด] 180 ลูก ภายในครั้งเดียว อาจจะสะท้อนให้เห็นว่า #คลังแสง อิหร่าน มีจำนวนขีปนาวุธรวมทุกรุ่นมากมายขนาดไหน❓ อย่างเช่น ขีปนาวุธพิสัยกลาง (IRBM) Ghadr พิสัย 1,600 – 1,950 กม. , Emad พิสัย 1,700 กม. • ประมาณการณ์ที่สหรัฐฯคำนวณไว้ตั้งแต่ 2 ปีครึ่งที่แล้ว อิหร่านมีคลังอาวุธขีปนาวุธ ประมาณ 3,000 ลูก ... แต่จำนวนดังกล่าวอาจสูงกว่านั้นก็ได้ • เตหะรานต้องการคงคลังอาวุธส่วนใหญ่เอาไว้ ในกรณีที่ความขัดแย้งกับอิสราเอลทวีความรุนแรง จนกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ • แต่การท้าทายครั้งนี้ อิหร่านพร้อมที่จะรับมือ #Airstrike การโจมตีทางอากาศของอิสราเอล หรือ❓ ที่มีทั้ง F-35, F-15, F-16 📍 นอกจากนั้น ที่สำคัญคือการสนับสนุนจาก 🛰 ดาวเทียมตะวันตก ซึ่งเป็นเรื่องน่ากลัวมาก ............................................................................... 🇮🇱 #ผู้รุกราน กองทัพ #IDF ยึดครองพื้นที่บางส่วนทางตอนใต้ของเลบานอนตั้งแต่ปีพ.ศ. 2525 ถึง 2543 ในเหตุการณ์ที่ต่อมาเรียกว่า สงครามเลบานอนครั้งแรกกับอิสราเอล 🇮🇱 #อิสราเอลรุกราน เลบานอนอีกครั้งในปี 2549 ซึ่งส่งผลให้เกิดความขัดแย้งกับกลุ่มฮิซบัลเลาะห์เป็นเวลา 34 วัน . คณะผู้แทนอิหร่าน UN, NY https://x.com/Iran_UN/status/1841162849286308106 https://www.theguardian.com/world/2024/oct/01/israel-vows-to-retaliate-after-iran-launches-unprecedented-missile-attack https://www.theguardian.com/world/2024/oct/01/stopping-iran-attack-would-have-forced-israel-to-use-sophisticated-and-expensive-defences https://en.wikipedia.org/wiki/Israeli_occupation_of_Southern_Lebanon# https://en.wikipedia.org/wiki/1982_Lebanon_War Noraseth Tuntasiri
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 237 มุมมอง 0 รีวิว
  • พัฟแป้งรองรับการกระแทกหัวแม่มือขนาดเล็กผงไม่ติดผงไม่กินของเหลวคอนซีลเลอร์แห้งและเปียกรองพื้นเหลวบีบีครีมเครื่องมือแต่งหน้า
    พิกัด: https://s.lazada.co.th/s.J0HvD?cc
    พัฟแป้งรองรับการกระแทกหัวแม่มือขนาดเล็กผงไม่ติดผงไม่กินของเหลวคอนซีลเลอร์แห้งและเปียกรองพื้นเหลวบีบีครีมเครื่องมือแต่งหน้า พิกัด: https://s.lazada.co.th/s.J0HvD?cc
    Wow
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤠#เบื้องหลังทำไมชววอินเดียมีหลากสีผิว ตอน 02.🤠

    🤯3. ภายใต้การปกครองอาณานิคมของอังกฤษ🤯

    ในศตวรรษที่ 17 อินเดียได้รับการสนับสนุนจากชาวอังกฤษผิวขาว

    บริเตนเคยเป็นที่รู้จักในนามจักรวรรดิที่ดวงอาทิตย์ไม่เคยตกดิน เพราะกษัตริย์พระองค์หนึ่งของเขาตรัสว่า ที่ใดดวงอาทิตย์ส่องแสงไปถึง ที่นั่นก็มีที่ดินอยู่ภายใต้เขตอำนาจของอังกฤษ

    โดยผ่านการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรกและการปฏิรูปสังคม สหราชอาณาจักรเติบโตอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นประเทศที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก และเริ่มขยายอาณานิคมไปทั่วโลก

    การขับเคลื่อนเป็นพลังช่วยด้วยสถานะระหว่างประเทศที่เข้มแข็งและการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรก อังกฤษเปิดฉากสงครามกับอินเดียครั้งแรกในปี ค.ศ. 1757 ด้วยการใช้ยุทโธปกรณ์ทางทหารขั้นสูงและติดสินบนเจ้าหน้าที่อินเดียด้วยเงินจำนวนมาก อังกฤษจึงเข้ายึดครองแคว้นเบงกอลของอินเดียโดยใช้กองกำลังจำนวนน้อยมาก

    แม้ว่าอินเดียจะเป็นประเทศอารยธรรมโบราณ แต่อยู่ในภาวะแบ่งแยกมาเป็นเวลาช้านานแล้ว โดยมีประเทศเล็กๆ จำนวนมากอยู่ภายในขอบเขตของตน ประเทศเล็กๆ เหล่านี้ยังคงดำเนินกิจการปกครองอย่างเป็นอิสระ และสงครามก็ปะทุขึ้นเป็นครั้งคราว ดังนั้น พวกเขาจึงไม่สามารถรวมพลังเป็นเอกภาพได้เลย

    หลังจากที่เจ้าอาณานิคมอังกฤษเข้าสู่อินเดีย ต่างจากชาวอารยันผู้โหดร้ายรุนแรง ไม่มีการเร่งรีบที่จะรวมชาวอินเดียเข้าด้วยกัน พวกเขากลับไปเยือนประเทศต่างๆ ด้วยทัศนคติที่เป็นมิตร และใช้เส้นทางวิธีแห่งการติดสินบน การแบ่งแยก และการโจมตี

    ในตอนแรกพวกเขาสร้างพันธมิตรกับกองกำลังอินเดียที่ทรงอำนาจมากกว่า จากนั้นเอาชนะกองกำลังอินเดียที่อ่อนแอกว่า และยังคงสร้างความขัดแย้งเพื่อให้กองกำลังอินเดียในท้องถิ่นโจมตีกันเอง ในขณะเดียวกันก็เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ตามไปด้วยไปด้วย

    ภายใต้ระบบวรรณะดั้งเดิมของอินเดีย ผู้คนในวรรณะ ศูทร จะไม่ได้รับอนุญาตให้เป็นทหาร ส่งผลให้อินเดียมีกำลังทหารที่อ่อนแอ

    เพื่อเสริมสร้างการปกครองทางทหารในอินเดีย อังกฤษได้ยกเว้นและรวมคนวรรณะ ศูทร เหล่านี้เข้าในกองทัพ เพื่อเพิ่มขนาดของกองทัพ ด้วยความแข็งแกร่งทางศักยภาพการทหารที่เข้มแข็งและวิถีทางทางการเมืองที่ยืดหยุ่น โดยมีบริษัทอินเดียตะวันออกเป็นกำลังหลัก จึงค่อย ๆ รุกล้ำเข้าไปในหลายภูมิภาคในอินเดีย

    จนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 1858 สหราชอาณาจักรได้จำแนกอินเดียเป็นอาณานิคมของอังกฤษโดยสมบูรณ์ ซึ่งใช้เวลาเกือบร้อยปี

    การปกครองอาณานิคมของอังกฤษในอินเดียมีไว้เพื่อพัฒนาทรัพยากรในท้องถิ่นและอำนวยความสะดวกทางการค้าเท่านั้น พวกเขาไม่ต้องการให้ความรู้แก่ประชาชน และไม่ต้องการครอบครองพื้นที่ขนาดใหญ่ พวกเขาเพียงแค่สร้างระบบบางอย่างและสร้างสภาพแวดล้อมการค้าขายที่มีคุณภาพสูง

    เนื่องจากอินเดียถูกปกครองโดยชาวอารยัน และจากนั้นก็ถูกพิชิตและปกครองโดยชาวกรีกและมองโกลที่มีอำนาจอย่างต่อเนื่อง กระดูกสันหลังรากเหง้าของชาติเผ่าพันธุ์ถูกทำลายไปนานแล้ว โดยได้ปรับตัวให้เข้ากับการปกครองของอังกฤษอย่างรวดเร็วและไม่มีความรู้สึกต่อต้านเลย

    รวมทั้งเมื่อประกอบกับศาสนาที่หลากหลาย พวกเขาเผยแพร่ลัทธิเวรกรรมของการกลับชาติมาเกิด ทำให้ผู้คนสามารถอดทนต่อความทุกข์ทรมานของชีวิตนี้ได้อย่างมีสติ และตั้งตารอชีวิตที่ไร้สาระและมีความสุขในชีวิตหน้า ผู้คนถูกผูกมัดความคิดที่ต่อต้านจากภายนอกด้วยศาสนาเอาไว้ และไม่สนใจการเมืองที่เป็นอยู่ในมือ ซึ่งก็ไม่ต้องพูดถึงการพัฒนาเศรษฐกิจเลย

    คนผิวขาวส่วนใหญ่ในอินเดียมาจากวรรณะบน และพวกเขามีความเคารพอย่างลึกซึ้งและการเชื่อฟังต่อชาวอังกฤษซึ่งเป็นคนผิวขาวเช่นกัน

    อังกฤษปกครองอินเดียโดยได้รับเครื่องเทศ ยางไม้ น้ำตาล และทรัพยากรอื่นๆ จากอินเดียอย่างง่ายดายและต่อเนื่อง ต่อมาพวกเขาได้พัฒนาอินเดียให้เป็นอุตสาหกรรมและได้รับทรัพยากรทางอุตสาหกรรมจำนวนมาก

    🤯4. จำนวนคนผิวขาวยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง🤯

    ด้วยการปกครองของอังกฤษในอินเดียคนผิวขาวเข้ามาในประเทศอินเดียมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดคลื่นลูกใหม่ของคนผิวขาวและเพิ่มการบูรณาการทางเชื้อชาติ

    อาณานิคมของอังกฤษตระหนักดีถึงระบบเชื้อชาติของอินเดีย ซึ่งเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ต่างๆ ละเลยซึ่งกันและกัน และความมั่งคั่งและเสียงส่วนใหญ่อยู่ในมือของคนที่มีวรรณะสูง ตราบใดที่วรรณะบนสนับสนุนการปกครองของตน วรรณะอื่นๆ ก็จะปฏิบัติตาม

    ดังนั้น ในระหว่างการปกครองในอินเดีย ชาวอังกฤษจึงให้การปฏิบัติอันเป็นที่ชื่นชอบแก่คนวรรณะสูงมากมาย และสร้างพันธมิตรที่เป็นมิตรกับพวกเขา

    เพื่อแสดงความเคารพต่อคนวรรณะสูงของอังกฤษ เจ้าหน้าที่อาวุโสของอังกฤษบางคนจะแต่งงานกับผู้หญิงอินเดียวรรณะสูงเป็นภรรยา ด้วยเหตุนี้จึงบรรลุความร่วมมือกับวรรณะบนและบรรลุผลประโยชน์ที่มากขึ้น

    คนอังกฤษซึ่งฐานะเป็นผู้ปกครองหลังจากเข้าสู่อินเดียจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มวรรณะสูงโดยอัตโนมัติ ผู้สูงศักดิ์อินเดียก็มีความยินดีที่ได้แต่งงานกับพวกเขาเช่นกัน การแต่งงานระหว่างเจ้าหน้าที่อังกฤษและผู้สูงศักดิ์อินเดียในลักษณะนี้ ส่วนผสมของเลือดของชาวอินเดียมีเพิ่มมากขึ้น ช่วยเพิ่มการผสมผสานระหว่างสายเลือดของชาวอินเดียอย่างมาก และยังช่วยยกสถานะของอินเดียนผิวขาวด้วย

    นักธุรกิจชาวอังกฤษผู้มีอิทธิพลบางคนเห็นเจ้าหน้าที่ข้าราชการแต่งงานกับผู้หญิงอินเดียเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าและชีวิตความเป็นอยู่ พวกเขาจึงปฏิบัติทำตามและแต่งงานกับผู้หญิงอินเดียในท้องถิ่นและมีลูกหลาน

    นอกจากนี้ยังมีชาวอังกฤษบางคนที่อาศัยสถานะของตนในฐานะชาวอาณานิคมมีชีวิตในอินเดียแย่มาก จะเลี้ยงดูผู้หญิงอินเดียที่สวยงามไว้บางคน

    แม้ว่าชาวอังกฤษจะเป็นคนผิวขาวเช่นกัน แต่ไม่เหมือนชาวอารยันซึ่งมีความรู้สึกที่แข็งแกร่งเข้มงวดในเรื่องของสายเลือด มองการแต่งงานกับคนอินเดียเป็นการทรยศชั่วร้าย ในทางตรงกันข้าม รู้สึกว่าการแต่งงานกับคนอินเดียเป็นการผสมผสานทางวัฒนธรรมแบบหนึ่ง

    ในช่วง 200 ปีแห่งการปกครองอาณานิคมของอังกฤษ ชาวอินเดียยังคงผสมกันในสายเลือดกับชาวอังกฤษผิวขาวอยู่ไม่ขาด และเด็กผสมเชื้อชาติผิวขาวจำนวนมากก็ปรากฏตัวขึ้น

    อินเดียได้รับความนิยมมากกว่าในประเทศตะวันตก สาเหตุส่วนใหญ่เป็นเพราะว่าพวกเขาเชื่อว่าชาวอินเดียมีสายเลือดคนผิวขาวอยู่ในร่างกาย จึงมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับพวกเขา

    เนื่องจากมีเชื้อสายยุโรปจึงมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างชาวอินเดียกับผู้คนจากประเทศในเอเชียตะวันออก แม้ว่าผมของพวกเขาจะเป็นสีดำ แต่ใบหน้าของพวกเขามีมิติมากกว่า โดยส่วนใหญ่เป็นสันจมูกตรงและตาโต

    บางครั้งเมื่อคุณเห็นคนผิวขาวในอินเดีย คุณอาจคิดว่าพวกเขาเป็นคนยุโรป แต่จริงๆ แล้วพวกเขาเป็นเพียงอินเดียวรรณะพราหมณ์และกษัตริย์ที่มีผิวขาวเท่านั้น

    แต่ไม่ใช่ว่าคนผิวขาวทุกคนจะมีวรรณะสูง เด็กลูกผสมบางคนเกิดจากคู่รักชาวอังกฤษและอินเดีย แม้ว่าเด็กเหล่านี้จะเป็นคนผิวขาว แต่ก็เป็นเพียงลูกนอกสมรสชนชั้นต่ำเท่านั้น

    เด็กเชื้อชาติผสมผิวขาววรรณะต่ำเหล่านี้ไม่เพียงแต่ไม่มีสิทธิในการรับมรดกตามกฎหมาย แต่ยังถูกเลือกปฏิบัติในสังคมด้วย เนื่องจากการศึกษาที่พวกเขาได้รับแตกต่างจากการศึกษาในท้องถิ่น

    เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง อินเดียประกาศอิสรภาพ และอังกฤษก็ถอนตัวออกจากอินเดีย เด็กอินเดียผิวขาวที่เหลือไม่สามารถกลับไปอังกฤษเพื่อมีอัตลักษณ์ของอังกฤษได้ และไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมอินเดียซึ่งมีวัฒนธรรมดั้งเดิมที่เข้มแข็ง มาเป็นแพะรับบาปให้กับอินเดียเพื่อระบายความอัปยศอดสูและความสิ้นหวังในประวัติศาสตร์ของตัวเอง

    โลกอันกว้างใหญ่ไพศาลมีชีวิตอกำเนิดขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แม่น้ำแห่งประวัติศาสตร์ที่ทอดยาวไหลไปข้างหน้า การแลกเปลี่ยนและการบูรณาการระหว่างเชื้อชาติไม่เพียงแต่มีด้านที่โหดร้ายเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมความมั่งคั่งร่ำรวยและความหลากหลายของอารยธรรมอีกด้วย

    ปัจจุบันอินเดียเป็นประเทศที่มีหลายเชื้อชาติรวมเป็นเอกภาพซึ่งคนผิวเหลือง คนผิวดำ และคนผิวขาวจำนวนมากจากทั่วทุกมุมโลกจะไปที่นั่นเพื่อพัฒนา

    เมื่อเดินไปตามถนนหนทางจะไม่มีใครรู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นคนผิวสีต่างๆอีกต่อไป

    แม้ว่าด้วยเหตุผลทางประวัติศาสตร์ คนผิวขาวส่วนใหญ่ในอินเดียยังคงมีสภาพเศรษฐกิจที่ค่อนข้างดีแต่ผู้คนกลับไม่มองว่าสีผิวเป็นสิ่งซึ่งใช้ในการโอ่อวดอีกต่อไป

    ด้วยความก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องของอารยธรรม ประเพณีพื้นบ้านมีความเป็นอารยะมากขึ้น และทุกคนก็มีสติสัมปชัญญะสำนึกในเหตุผลมากขึ้นพวกเขาไม่ตัดสินคนจากสีผิวอีกต่อไป ผู้คนทุกสีผิวจะต้องทำงานหนักเพื่อที่จะกลายเป็นชนชั้นสูงของสังคม

    ต้องรู้ว่าทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกันและไม่สามารถแยกแยะตามสีผิว ชาติพันธุ์ เพศ หรือความเชื่อได้ ควรปฏิบัติต่อทุกสิ่งด้วยทัศนคติที่ไม่แบ่งแยก

    🥳โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    🤠#เบื้องหลังทำไมชววอินเดียมีหลากสีผิว ตอน 02.🤠 🤯3. ภายใต้การปกครองอาณานิคมของอังกฤษ🤯 ในศตวรรษที่ 17 อินเดียได้รับการสนับสนุนจากชาวอังกฤษผิวขาว บริเตนเคยเป็นที่รู้จักในนามจักรวรรดิที่ดวงอาทิตย์ไม่เคยตกดิน เพราะกษัตริย์พระองค์หนึ่งของเขาตรัสว่า ที่ใดดวงอาทิตย์ส่องแสงไปถึง ที่นั่นก็มีที่ดินอยู่ภายใต้เขตอำนาจของอังกฤษ โดยผ่านการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรกและการปฏิรูปสังคม สหราชอาณาจักรเติบโตอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นประเทศที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก และเริ่มขยายอาณานิคมไปทั่วโลก การขับเคลื่อนเป็นพลังช่วยด้วยสถานะระหว่างประเทศที่เข้มแข็งและการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรก อังกฤษเปิดฉากสงครามกับอินเดียครั้งแรกในปี ค.ศ. 1757 ด้วยการใช้ยุทโธปกรณ์ทางทหารขั้นสูงและติดสินบนเจ้าหน้าที่อินเดียด้วยเงินจำนวนมาก อังกฤษจึงเข้ายึดครองแคว้นเบงกอลของอินเดียโดยใช้กองกำลังจำนวนน้อยมาก แม้ว่าอินเดียจะเป็นประเทศอารยธรรมโบราณ แต่อยู่ในภาวะแบ่งแยกมาเป็นเวลาช้านานแล้ว โดยมีประเทศเล็กๆ จำนวนมากอยู่ภายในขอบเขตของตน ประเทศเล็กๆ เหล่านี้ยังคงดำเนินกิจการปกครองอย่างเป็นอิสระ และสงครามก็ปะทุขึ้นเป็นครั้งคราว ดังนั้น พวกเขาจึงไม่สามารถรวมพลังเป็นเอกภาพได้เลย หลังจากที่เจ้าอาณานิคมอังกฤษเข้าสู่อินเดีย ต่างจากชาวอารยันผู้โหดร้ายรุนแรง ไม่มีการเร่งรีบที่จะรวมชาวอินเดียเข้าด้วยกัน พวกเขากลับไปเยือนประเทศต่างๆ ด้วยทัศนคติที่เป็นมิตร และใช้เส้นทางวิธีแห่งการติดสินบน การแบ่งแยก และการโจมตี ในตอนแรกพวกเขาสร้างพันธมิตรกับกองกำลังอินเดียที่ทรงอำนาจมากกว่า จากนั้นเอาชนะกองกำลังอินเดียที่อ่อนแอกว่า และยังคงสร้างความขัดแย้งเพื่อให้กองกำลังอินเดียในท้องถิ่นโจมตีกันเอง ในขณะเดียวกันก็เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ตามไปด้วยไปด้วย ภายใต้ระบบวรรณะดั้งเดิมของอินเดีย ผู้คนในวรรณะ ศูทร จะไม่ได้รับอนุญาตให้เป็นทหาร ส่งผลให้อินเดียมีกำลังทหารที่อ่อนแอ เพื่อเสริมสร้างการปกครองทางทหารในอินเดีย อังกฤษได้ยกเว้นและรวมคนวรรณะ ศูทร เหล่านี้เข้าในกองทัพ เพื่อเพิ่มขนาดของกองทัพ ด้วยความแข็งแกร่งทางศักยภาพการทหารที่เข้มแข็งและวิถีทางทางการเมืองที่ยืดหยุ่น โดยมีบริษัทอินเดียตะวันออกเป็นกำลังหลัก จึงค่อย ๆ รุกล้ำเข้าไปในหลายภูมิภาคในอินเดีย จนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 1858 สหราชอาณาจักรได้จำแนกอินเดียเป็นอาณานิคมของอังกฤษโดยสมบูรณ์ ซึ่งใช้เวลาเกือบร้อยปี การปกครองอาณานิคมของอังกฤษในอินเดียมีไว้เพื่อพัฒนาทรัพยากรในท้องถิ่นและอำนวยความสะดวกทางการค้าเท่านั้น พวกเขาไม่ต้องการให้ความรู้แก่ประชาชน และไม่ต้องการครอบครองพื้นที่ขนาดใหญ่ พวกเขาเพียงแค่สร้างระบบบางอย่างและสร้างสภาพแวดล้อมการค้าขายที่มีคุณภาพสูง เนื่องจากอินเดียถูกปกครองโดยชาวอารยัน และจากนั้นก็ถูกพิชิตและปกครองโดยชาวกรีกและมองโกลที่มีอำนาจอย่างต่อเนื่อง กระดูกสันหลังรากเหง้าของชาติเผ่าพันธุ์ถูกทำลายไปนานแล้ว โดยได้ปรับตัวให้เข้ากับการปกครองของอังกฤษอย่างรวดเร็วและไม่มีความรู้สึกต่อต้านเลย รวมทั้งเมื่อประกอบกับศาสนาที่หลากหลาย พวกเขาเผยแพร่ลัทธิเวรกรรมของการกลับชาติมาเกิด ทำให้ผู้คนสามารถอดทนต่อความทุกข์ทรมานของชีวิตนี้ได้อย่างมีสติ และตั้งตารอชีวิตที่ไร้สาระและมีความสุขในชีวิตหน้า ผู้คนถูกผูกมัดความคิดที่ต่อต้านจากภายนอกด้วยศาสนาเอาไว้ และไม่สนใจการเมืองที่เป็นอยู่ในมือ ซึ่งก็ไม่ต้องพูดถึงการพัฒนาเศรษฐกิจเลย คนผิวขาวส่วนใหญ่ในอินเดียมาจากวรรณะบน และพวกเขามีความเคารพอย่างลึกซึ้งและการเชื่อฟังต่อชาวอังกฤษซึ่งเป็นคนผิวขาวเช่นกัน อังกฤษปกครองอินเดียโดยได้รับเครื่องเทศ ยางไม้ น้ำตาล และทรัพยากรอื่นๆ จากอินเดียอย่างง่ายดายและต่อเนื่อง ต่อมาพวกเขาได้พัฒนาอินเดียให้เป็นอุตสาหกรรมและได้รับทรัพยากรทางอุตสาหกรรมจำนวนมาก 🤯4. จำนวนคนผิวขาวยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง🤯 ด้วยการปกครองของอังกฤษในอินเดียคนผิวขาวเข้ามาในประเทศอินเดียมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดคลื่นลูกใหม่ของคนผิวขาวและเพิ่มการบูรณาการทางเชื้อชาติ อาณานิคมของอังกฤษตระหนักดีถึงระบบเชื้อชาติของอินเดีย ซึ่งเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ต่างๆ ละเลยซึ่งกันและกัน และความมั่งคั่งและเสียงส่วนใหญ่อยู่ในมือของคนที่มีวรรณะสูง ตราบใดที่วรรณะบนสนับสนุนการปกครองของตน วรรณะอื่นๆ ก็จะปฏิบัติตาม ดังนั้น ในระหว่างการปกครองในอินเดีย ชาวอังกฤษจึงให้การปฏิบัติอันเป็นที่ชื่นชอบแก่คนวรรณะสูงมากมาย และสร้างพันธมิตรที่เป็นมิตรกับพวกเขา เพื่อแสดงความเคารพต่อคนวรรณะสูงของอังกฤษ เจ้าหน้าที่อาวุโสของอังกฤษบางคนจะแต่งงานกับผู้หญิงอินเดียวรรณะสูงเป็นภรรยา ด้วยเหตุนี้จึงบรรลุความร่วมมือกับวรรณะบนและบรรลุผลประโยชน์ที่มากขึ้น คนอังกฤษซึ่งฐานะเป็นผู้ปกครองหลังจากเข้าสู่อินเดียจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มวรรณะสูงโดยอัตโนมัติ ผู้สูงศักดิ์อินเดียก็มีความยินดีที่ได้แต่งงานกับพวกเขาเช่นกัน การแต่งงานระหว่างเจ้าหน้าที่อังกฤษและผู้สูงศักดิ์อินเดียในลักษณะนี้ ส่วนผสมของเลือดของชาวอินเดียมีเพิ่มมากขึ้น ช่วยเพิ่มการผสมผสานระหว่างสายเลือดของชาวอินเดียอย่างมาก และยังช่วยยกสถานะของอินเดียนผิวขาวด้วย นักธุรกิจชาวอังกฤษผู้มีอิทธิพลบางคนเห็นเจ้าหน้าที่ข้าราชการแต่งงานกับผู้หญิงอินเดียเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าและชีวิตความเป็นอยู่ พวกเขาจึงปฏิบัติทำตามและแต่งงานกับผู้หญิงอินเดียในท้องถิ่นและมีลูกหลาน นอกจากนี้ยังมีชาวอังกฤษบางคนที่อาศัยสถานะของตนในฐานะชาวอาณานิคมมีชีวิตในอินเดียแย่มาก จะเลี้ยงดูผู้หญิงอินเดียที่สวยงามไว้บางคน แม้ว่าชาวอังกฤษจะเป็นคนผิวขาวเช่นกัน แต่ไม่เหมือนชาวอารยันซึ่งมีความรู้สึกที่แข็งแกร่งเข้มงวดในเรื่องของสายเลือด มองการแต่งงานกับคนอินเดียเป็นการทรยศชั่วร้าย ในทางตรงกันข้าม รู้สึกว่าการแต่งงานกับคนอินเดียเป็นการผสมผสานทางวัฒนธรรมแบบหนึ่ง ในช่วง 200 ปีแห่งการปกครองอาณานิคมของอังกฤษ ชาวอินเดียยังคงผสมกันในสายเลือดกับชาวอังกฤษผิวขาวอยู่ไม่ขาด และเด็กผสมเชื้อชาติผิวขาวจำนวนมากก็ปรากฏตัวขึ้น อินเดียได้รับความนิยมมากกว่าในประเทศตะวันตก สาเหตุส่วนใหญ่เป็นเพราะว่าพวกเขาเชื่อว่าชาวอินเดียมีสายเลือดคนผิวขาวอยู่ในร่างกาย จึงมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับพวกเขา เนื่องจากมีเชื้อสายยุโรปจึงมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างชาวอินเดียกับผู้คนจากประเทศในเอเชียตะวันออก แม้ว่าผมของพวกเขาจะเป็นสีดำ แต่ใบหน้าของพวกเขามีมิติมากกว่า โดยส่วนใหญ่เป็นสันจมูกตรงและตาโต บางครั้งเมื่อคุณเห็นคนผิวขาวในอินเดีย คุณอาจคิดว่าพวกเขาเป็นคนยุโรป แต่จริงๆ แล้วพวกเขาเป็นเพียงอินเดียวรรณะพราหมณ์และกษัตริย์ที่มีผิวขาวเท่านั้น แต่ไม่ใช่ว่าคนผิวขาวทุกคนจะมีวรรณะสูง เด็กลูกผสมบางคนเกิดจากคู่รักชาวอังกฤษและอินเดีย แม้ว่าเด็กเหล่านี้จะเป็นคนผิวขาว แต่ก็เป็นเพียงลูกนอกสมรสชนชั้นต่ำเท่านั้น เด็กเชื้อชาติผสมผิวขาววรรณะต่ำเหล่านี้ไม่เพียงแต่ไม่มีสิทธิในการรับมรดกตามกฎหมาย แต่ยังถูกเลือกปฏิบัติในสังคมด้วย เนื่องจากการศึกษาที่พวกเขาได้รับแตกต่างจากการศึกษาในท้องถิ่น เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง อินเดียประกาศอิสรภาพ และอังกฤษก็ถอนตัวออกจากอินเดีย เด็กอินเดียผิวขาวที่เหลือไม่สามารถกลับไปอังกฤษเพื่อมีอัตลักษณ์ของอังกฤษได้ และไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมอินเดียซึ่งมีวัฒนธรรมดั้งเดิมที่เข้มแข็ง มาเป็นแพะรับบาปให้กับอินเดียเพื่อระบายความอัปยศอดสูและความสิ้นหวังในประวัติศาสตร์ของตัวเอง โลกอันกว้างใหญ่ไพศาลมีชีวิตอกำเนิดขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แม่น้ำแห่งประวัติศาสตร์ที่ทอดยาวไหลไปข้างหน้า การแลกเปลี่ยนและการบูรณาการระหว่างเชื้อชาติไม่เพียงแต่มีด้านที่โหดร้ายเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมความมั่งคั่งร่ำรวยและความหลากหลายของอารยธรรมอีกด้วย ปัจจุบันอินเดียเป็นประเทศที่มีหลายเชื้อชาติรวมเป็นเอกภาพซึ่งคนผิวเหลือง คนผิวดำ และคนผิวขาวจำนวนมากจากทั่วทุกมุมโลกจะไปที่นั่นเพื่อพัฒนา เมื่อเดินไปตามถนนหนทางจะไม่มีใครรู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นคนผิวสีต่างๆอีกต่อไป แม้ว่าด้วยเหตุผลทางประวัติศาสตร์ คนผิวขาวส่วนใหญ่ในอินเดียยังคงมีสภาพเศรษฐกิจที่ค่อนข้างดีแต่ผู้คนกลับไม่มองว่าสีผิวเป็นสิ่งซึ่งใช้ในการโอ่อวดอีกต่อไป ด้วยความก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องของอารยธรรม ประเพณีพื้นบ้านมีความเป็นอารยะมากขึ้น และทุกคนก็มีสติสัมปชัญญะสำนึกในเหตุผลมากขึ้นพวกเขาไม่ตัดสินคนจากสีผิวอีกต่อไป ผู้คนทุกสีผิวจะต้องทำงานหนักเพื่อที่จะกลายเป็นชนชั้นสูงของสังคม ต้องรู้ว่าทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกันและไม่สามารถแยกแยะตามสีผิว ชาติพันธุ์ เพศ หรือความเชื่อได้ ควรปฏิบัติต่อทุกสิ่งด้วยทัศนคติที่ไม่แบ่งแยก 🥳โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 159 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇷🇺 ⚔️ 🇺🇦 จุดจบใกล้เข้ามาแล้วหรือไม่?
    • นี่คือสิ่งที่กองทัพรัสเซียประสบความสำเร็จในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา😁
    • กองทัพมอสโกกำลังสร้างผลกำไรใน 3 แนวรบสำคัญ ขณะที่เคียฟพยายามหาทางตอบโต้อย่างสิ้นหวัง😆
    .
    #แนวรบความขัดแย้ง ในยูเครนได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม เมื่อพิจารณาจากเวลา 7 สัปดาห์ที่ผ่านไป ตอนนี้สามารถสรุปผลเบื้องต้นได้บางส่วน ในพื้นที่สำคัญของแนวรบตั้งแต่เหนือจรดใต้
    .
    🔺🔺 แนวรบเคิร์สก์
    เมื่อ 6 ส.ค. กองทัพยูเครนได้เปิดฉากบุกโจมตีแคว้นเคิร์สก์ เมื่อมองเผินๆ ก็ดูเหมือนการโจมตีข้ามพรมแดนอีกครั้ง ซึ่งคล้ายกับหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าก็เห็นได้ชัดว่าปฏิบัติการนี้มีความสำคัญมากกว่า

    ◉ ในครั้งนี้ AFU ได้รุกคืบ และตั้งเป้าที่จะทำซ้ำความสำเร็จที่เคยทำในแคว้นคาร์คิฟ ในฤดูใบไม้ร่วงปี 65 อย่างชัดเจน
    #กลยุทธ์ คือการฝ่าแนวรบที่ค่อนข้างอ่อนแอ (เมื่อเทียบกับดอนบาสและซาปอริซเซีย) ยึดพื้นที่ขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว และบังคับให้กองทัพรัสเซียล่าถอยโดยไม่สู้รบ

    ◉ แม้ว่าในช่วงแรกจะมีกำลังพลเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีก็หยุดชะงักในไม่ช้า **ความสำเร็จสูงสุดของกองทัพยูเครนคือการยึดเมืองต.ซูดจา Sudzha** ซึ่งมีประชากรประมาณ 5,000 คน กองทัพยูเครนยังยึดครองพื้นที่ที่ค่อนข้างใหญ่แต่มีประชากรเบาบางประมาณ 1,200 - 1,300 ตร.กม.ได้
    • โดยพื้นฐานแล้ว ประโยชน์เดียวที่เคียฟได้รับจากปฏิบัติการนี้คือการขยายแนวหน้าออกไปอีกประมาณ 130 กม.

    ◉ ตลอดเดือน ก.ย. AFU พยายามขยายพื้นที่ควบคุมไปทางตะวันตกสู่ อ.กลุชคอฟสกี้ ซึ่งสามารถตั้งแนวป้องกันที่แข็งแกร่งริมแม่น้ำ Seim ได้
    • กองทัพรัสเซีย ได้เข้าขัดขวางและเปิดฉากโจมตีตอบโต้ ซึ่งไม่อนุญาตให้กองกำลังยูเครนขนอุปกรณ์ทางทหารหนักเข้ามา หรือสร้างโครงสร้างป้องกัน
    .
    ⏺⏺สถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไร?⏺⏺
    ◙ วันที่ 10 กันยายน ได้ยินข่าวการโต้กลับของรัสเซียเป็นครั้งแรก โดยอาศัยจุดอ่อนในกองทัพยูเครน .... กองทัพมอสโกว์ได้รุกคืบอย่างรวดเร็วและตัดฐานที่มั่นบางแห่งของยูเครนออกจากเส้นทางส่งกำลังบำรุงได้สำเร็จ
    • ในเวลา 2 วัน กองทัพรัสเซียสามารถปลดปล่อยหมู่บ้าน 10 แห่งและรุกคืบได้ 15 กิโลเมตร ตามแนวรบยาว 25 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าคืบหน้าไปมากเมื่อเทียบกับมาตรฐานของความขัดแย้งนี้
    • ในวันต่อมา กองกำลังรัสเซียยังคงรุกคืบไปทางตะวันออก มุ่งหน้าสู่ ม.ลิวบิมอฟกา และทางหลวง Sudzha-Korenevo

    📍 อันที่จริงการปฏิบัติการนี้ค่อนข้างผิดปกติในบริบทของการสงครามตามตำแหน่ง .... เนื่องจากปฏิบัติการนี้ได้ใช้กลยุทธ์ต่างๆ เช่น การข้ามแม่น้ำอย่างลับๆ เพื่อรวบรวมกำลังพล, การโจมตีด้วยขบวนยานเกราะแบบดั้งเดิม และหน่วยพลร่มในเมืองต่างๆ ที่ถูกศัตรูยึดครอง

    ◙ ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน กองทัพ AFU ได้เปิดฉากโจมตีข้ามพรมแดนหลายครั้งเพื่อเข้าใกล้แนวหลังของกองทัพรัสเซียที่กำลังรุกคืบ แม้ว่าสถานการณ์จะไม่แน่นอน แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ
    .
    🔺🔺 พื้นที่โปโครฟส์
    การรุกคืบของรัสเซียอย่างช้าๆ ในทิศทางโปครอฟส์ เริ่มขึ้นในฤดูหนาวปี 2566 โดยเป็นการสานต่อปฏิบัติการอัฟดิฟกา

    ◉ แกนหลักของการรุกคืบครั้งนี้คือเส้นทางรถไฟสายหลัก ช่วงเวลาสำคัญมาถึงในเดือน เม.ษ. 67 เมื่อยึดหมู่บ้านเล็กๆ โอเชเรติโนได้ หลังจากความก้าวหน้าครั้งนี้ กองทัพรัสเซียก็เดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
    .
    📍 #เรื่องน่าสนใจ : ตั้งแต่เม.ษ. ถึง ก.ย. กองทัพรัสเซียได้รุกคืบไป 25 กม. ในแนวรบที่มีความยาวเท่ากัน (เปรียบเทียบกับแนวรบเคิร์สก์)

    ◉ เมื่อเริ่มปฏิบัติการเคิร์สก์ของยูเครน ความก้าวหน้าของกองทัพรัสเซียในแนวรบโปครอฟส์ก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
    • กองทัพภาค "กลาง" ของรัสเซีย ซึ่งปฏิบัติการในพื้นที่นี้ กำลังได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ที่สุดในขณะนี้ นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มบุกโจมตีเมื่อ ก.พ. 65
    • การโจมตีจะเริ่มต้นด้วยการยิงปืนใหญ่ และการโจมตีทางอากาศโดยใช้ระเบิดนำวิถี ก่อนที่หน่วยจู่โจมจะรุกคืบโดยส่วนใหญ่ด้วยการเดินเท้าเพื่อแทรกซึมเข้าไปในป้อมปราการของยูเครน

    ◉ การป้องกันของยูเครนที่อ่อนแอลงได้ “แตกร้าว” ในบางพื้นที่ ตัวอย่างเช่น ในช่วงปลายเดือน ส.ค. กองทัพรัสเซียสามารถยึดเมือง ต.โนโวโรดิฟกา (ประชากรก่อนเกิดสงคราม 15,000 คน) ได้เกือบจะโดยไม่ต้องสู้รบ
    • ในขณะที่ในสถานการณ์อื่นๆ เมืองนี้สามารถทำหน้าที่เป็นฐานที่มั่นในการป้องกันได้นานหลายเดือน
    .
    ⏺⏺สถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไร?⏺⏺
    ◙ หลังจากภัยพิบัติที่ Novohrodivka กองกำลังยูเครนได้ถูกส่งไปประจำการใหม่ในทิศทางโปครอฟส์ ซึ่งทำให้การรุกคืบของรัสเซียช้าลง แม้ว่าจะยังคงเร็วเกินกว่าที่เห็นในช่วงเดือนมิ.ย.และก.ค.ก็ตาม

    ◙ ปัจจุบันการสู้รบกำลังเกิดขึ้นในเขตชานเมืองของเขตเมือง อ.โปครอฟส์ - ต.เซลิโดฟ Selydove ซึ่งมีประชากรประมาณ 200,000 คน
    • นี่คือเขตเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ใน Donbass รองจาก อ.ครามาทอร์ส Kramatorsk - ต.สโลเวียนส์ Sloviansk ซึ่งยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของ AFU
    • เมื่อค่ำวันที่ 17 ก.ย. มีรายงานว่าเมือง Ukrainsk (ปชก. 10,000 คน) ถูก RF ยึดครอง

    ◙ เป้าหมายในทันทีของรัสเซียคือการยึดเมืองเซลิโดฟ ซึ่งต่างจากเมืองฮโรดิฟกา Hrodivka หรือ Grodivka ที่ไม่สามารถยึดได้ในทันที
    • กองทัพรัสเซียกำลังพยายามปิดล้อมเซลิโดฟ โดยเข้าใกล้ผ่านเมืองกอร์เนียก Gorniak ในขณะเดียวกัน กองทัพยูเครนกำลังดำเนินการโจมตีตอบโต้ตลอดแนวรบ แต่จนถึงขณะนี้ยังประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อย
    .
    📌📌 โดยทั่วไป หากกองกำลังรัสเซียยึดโปครอฟส์ได้ก่อนฤดูหนาว นั่นจะถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญ และเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความท้าทายครั้งใหญ่ที่กองทัพยูเครนต้องเผชิญ
    .
    🔺🔺 มารินก้า Marinka อ.โปครอฟส์ และ วูห์เลดาร์ Vuhledar อ.โวลโนวาคา
    ความสำเร็จล่าสุดในพื้นที่โปครอฟส์ ที่อยู่ใกล้เคียงได้"เขย่า"แนวรบที่นี่ด้วยเช่นกัน ในเวลาเพียง 1 เดือน หน่วยทหารของรัสเซียได้ก้าวหน้ามากกว่าในช่วง 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา

    ◉ ทางตอนใต้ บริเวณจุดตัดระหว่างแนวรบโดเนตส์และซาปอริซเซีย คือเมืองเหมืองแร่วูห์เลดาร์ ซึ่งเคยเป็นที่อาศัยของผู้คนราว 15,000 คนก่อนเกิดสงคราม
    • เมืองนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่สูง และเป็นฐานที่มั่นที่ยากจะเข้าถึงได้ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิปี 2565 และรอดพ้นจากความพยายามโจมตีหลายครั้ง
    • อย่างไรก็ตาม หลังจากที่กองบัญชาการยูเครนถอนกองพลที่พร้อมรบที่สุดออกจากพื้นที่นี้ สถานการณ์ในส่วนนี้ของแนวรบก็เปลี่ยนไปเช่นกัน

    #ข้อมูลที่น่าสนใจ : ฐานที่มั่นสำคัญรอบๆ Vuhledar ตั้งอยู่ในโครงเหล็กของเหมืองถ่านหิน โครงสร้างคอนกรีตขนาดใหญ่เหล่านี้มีความสูงกว่า 100 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ทุ่งหญ้าโดยรอบ ให้ทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยม
    .
    ⏺⏺สถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไร?⏺⏺
    ◙ พื้นที่ขนาดใหญ่ระหว่างเมือง ต.ครัสโนโฮริฟกา Krasnohorivka และแนวสันดอน Pokrovsk กำลังจะถูก RF ยึดครอง
    • รายงานระบุว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว AFU ได้ถอนทัพออกจากฐานที่มั่นในพื้นที่นี้โดยไม่สู้รบ เนื่องจากอาจเกิดการปิดล้อมโจมตี

    ◙ ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา RF ได้ปิดล้อมเมืองวูห์เลดาร์บางส่วน และยึดครองหมู่บ้านหลายแห่งทางเหนือ และตะวันตกของเมือง
    • หาก RF ตัดเส้นทางไปยัง ม.โบไฮอาฟเลนกา Bohoyavlenka เมืองวูห์เลดาร์ก็จะถูกปิดล้อม

    Noraseth Tuntasiri
    🇷🇺 ⚔️ 🇺🇦 จุดจบใกล้เข้ามาแล้วหรือไม่? • นี่คือสิ่งที่กองทัพรัสเซียประสบความสำเร็จในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา😁 • กองทัพมอสโกกำลังสร้างผลกำไรใน 3 แนวรบสำคัญ ขณะที่เคียฟพยายามหาทางตอบโต้อย่างสิ้นหวัง😆 . #แนวรบความขัดแย้ง ในยูเครนได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม เมื่อพิจารณาจากเวลา 7 สัปดาห์ที่ผ่านไป ตอนนี้สามารถสรุปผลเบื้องต้นได้บางส่วน ในพื้นที่สำคัญของแนวรบตั้งแต่เหนือจรดใต้ . 🔺🔺 แนวรบเคิร์สก์ เมื่อ 6 ส.ค. กองทัพยูเครนได้เปิดฉากบุกโจมตีแคว้นเคิร์สก์ เมื่อมองเผินๆ ก็ดูเหมือนการโจมตีข้ามพรมแดนอีกครั้ง ซึ่งคล้ายกับหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าก็เห็นได้ชัดว่าปฏิบัติการนี้มีความสำคัญมากกว่า ◉ ในครั้งนี้ AFU ได้รุกคืบ และตั้งเป้าที่จะทำซ้ำความสำเร็จที่เคยทำในแคว้นคาร์คิฟ ในฤดูใบไม้ร่วงปี 65 อย่างชัดเจน • #กลยุทธ์ คือการฝ่าแนวรบที่ค่อนข้างอ่อนแอ (เมื่อเทียบกับดอนบาสและซาปอริซเซีย) ยึดพื้นที่ขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว และบังคับให้กองทัพรัสเซียล่าถอยโดยไม่สู้รบ ◉ แม้ว่าในช่วงแรกจะมีกำลังพลเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีก็หยุดชะงักในไม่ช้า **ความสำเร็จสูงสุดของกองทัพยูเครนคือการยึดเมืองต.ซูดจา Sudzha** ซึ่งมีประชากรประมาณ 5,000 คน กองทัพยูเครนยังยึดครองพื้นที่ที่ค่อนข้างใหญ่แต่มีประชากรเบาบางประมาณ 1,200 - 1,300 ตร.กม.ได้ • โดยพื้นฐานแล้ว ประโยชน์เดียวที่เคียฟได้รับจากปฏิบัติการนี้คือการขยายแนวหน้าออกไปอีกประมาณ 130 กม. ◉ ตลอดเดือน ก.ย. AFU พยายามขยายพื้นที่ควบคุมไปทางตะวันตกสู่ อ.กลุชคอฟสกี้ ซึ่งสามารถตั้งแนวป้องกันที่แข็งแกร่งริมแม่น้ำ Seim ได้ • กองทัพรัสเซีย ได้เข้าขัดขวางและเปิดฉากโจมตีตอบโต้ ซึ่งไม่อนุญาตให้กองกำลังยูเครนขนอุปกรณ์ทางทหารหนักเข้ามา หรือสร้างโครงสร้างป้องกัน . ⏺⏺สถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไร?⏺⏺ ◙ วันที่ 10 กันยายน ได้ยินข่าวการโต้กลับของรัสเซียเป็นครั้งแรก โดยอาศัยจุดอ่อนในกองทัพยูเครน .... กองทัพมอสโกว์ได้รุกคืบอย่างรวดเร็วและตัดฐานที่มั่นบางแห่งของยูเครนออกจากเส้นทางส่งกำลังบำรุงได้สำเร็จ • ในเวลา 2 วัน กองทัพรัสเซียสามารถปลดปล่อยหมู่บ้าน 10 แห่งและรุกคืบได้ 15 กิโลเมตร ตามแนวรบยาว 25 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าคืบหน้าไปมากเมื่อเทียบกับมาตรฐานของความขัดแย้งนี้ • ในวันต่อมา กองกำลังรัสเซียยังคงรุกคืบไปทางตะวันออก มุ่งหน้าสู่ ม.ลิวบิมอฟกา และทางหลวง Sudzha-Korenevo 📍 อันที่จริงการปฏิบัติการนี้ค่อนข้างผิดปกติในบริบทของการสงครามตามตำแหน่ง .... เนื่องจากปฏิบัติการนี้ได้ใช้กลยุทธ์ต่างๆ เช่น การข้ามแม่น้ำอย่างลับๆ เพื่อรวบรวมกำลังพล, การโจมตีด้วยขบวนยานเกราะแบบดั้งเดิม และหน่วยพลร่มในเมืองต่างๆ ที่ถูกศัตรูยึดครอง ◙ ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน กองทัพ AFU ได้เปิดฉากโจมตีข้ามพรมแดนหลายครั้งเพื่อเข้าใกล้แนวหลังของกองทัพรัสเซียที่กำลังรุกคืบ แม้ว่าสถานการณ์จะไม่แน่นอน แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ . 🔺🔺 พื้นที่โปโครฟส์ การรุกคืบของรัสเซียอย่างช้าๆ ในทิศทางโปครอฟส์ เริ่มขึ้นในฤดูหนาวปี 2566 โดยเป็นการสานต่อปฏิบัติการอัฟดิฟกา ◉ แกนหลักของการรุกคืบครั้งนี้คือเส้นทางรถไฟสายหลัก ช่วงเวลาสำคัญมาถึงในเดือน เม.ษ. 67 เมื่อยึดหมู่บ้านเล็กๆ โอเชเรติโนได้ หลังจากความก้าวหน้าครั้งนี้ กองทัพรัสเซียก็เดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง . 📍 #เรื่องน่าสนใจ : ตั้งแต่เม.ษ. ถึง ก.ย. กองทัพรัสเซียได้รุกคืบไป 25 กม. ในแนวรบที่มีความยาวเท่ากัน (เปรียบเทียบกับแนวรบเคิร์สก์) ◉ เมื่อเริ่มปฏิบัติการเคิร์สก์ของยูเครน ความก้าวหน้าของกองทัพรัสเซียในแนวรบโปครอฟส์ก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด • กองทัพภาค "กลาง" ของรัสเซีย ซึ่งปฏิบัติการในพื้นที่นี้ กำลังได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ที่สุดในขณะนี้ นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มบุกโจมตีเมื่อ ก.พ. 65 • การโจมตีจะเริ่มต้นด้วยการยิงปืนใหญ่ และการโจมตีทางอากาศโดยใช้ระเบิดนำวิถี ก่อนที่หน่วยจู่โจมจะรุกคืบโดยส่วนใหญ่ด้วยการเดินเท้าเพื่อแทรกซึมเข้าไปในป้อมปราการของยูเครน ◉ การป้องกันของยูเครนที่อ่อนแอลงได้ “แตกร้าว” ในบางพื้นที่ ตัวอย่างเช่น ในช่วงปลายเดือน ส.ค. กองทัพรัสเซียสามารถยึดเมือง ต.โนโวโรดิฟกา (ประชากรก่อนเกิดสงคราม 15,000 คน) ได้เกือบจะโดยไม่ต้องสู้รบ • ในขณะที่ในสถานการณ์อื่นๆ เมืองนี้สามารถทำหน้าที่เป็นฐานที่มั่นในการป้องกันได้นานหลายเดือน . ⏺⏺สถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไร?⏺⏺ ◙ หลังจากภัยพิบัติที่ Novohrodivka กองกำลังยูเครนได้ถูกส่งไปประจำการใหม่ในทิศทางโปครอฟส์ ซึ่งทำให้การรุกคืบของรัสเซียช้าลง แม้ว่าจะยังคงเร็วเกินกว่าที่เห็นในช่วงเดือนมิ.ย.และก.ค.ก็ตาม ◙ ปัจจุบันการสู้รบกำลังเกิดขึ้นในเขตชานเมืองของเขตเมือง อ.โปครอฟส์ - ต.เซลิโดฟ Selydove ซึ่งมีประชากรประมาณ 200,000 คน • นี่คือเขตเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ใน Donbass รองจาก อ.ครามาทอร์ส Kramatorsk - ต.สโลเวียนส์ Sloviansk ซึ่งยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของ AFU • เมื่อค่ำวันที่ 17 ก.ย. มีรายงานว่าเมือง Ukrainsk (ปชก. 10,000 คน) ถูก RF ยึดครอง ◙ เป้าหมายในทันทีของรัสเซียคือการยึดเมืองเซลิโดฟ ซึ่งต่างจากเมืองฮโรดิฟกา Hrodivka หรือ Grodivka ที่ไม่สามารถยึดได้ในทันที • กองทัพรัสเซียกำลังพยายามปิดล้อมเซลิโดฟ โดยเข้าใกล้ผ่านเมืองกอร์เนียก Gorniak ในขณะเดียวกัน กองทัพยูเครนกำลังดำเนินการโจมตีตอบโต้ตลอดแนวรบ แต่จนถึงขณะนี้ยังประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อย . 📌📌 โดยทั่วไป หากกองกำลังรัสเซียยึดโปครอฟส์ได้ก่อนฤดูหนาว นั่นจะถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญ และเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความท้าทายครั้งใหญ่ที่กองทัพยูเครนต้องเผชิญ . 🔺🔺 มารินก้า Marinka อ.โปครอฟส์ และ วูห์เลดาร์ Vuhledar อ.โวลโนวาคา ความสำเร็จล่าสุดในพื้นที่โปครอฟส์ ที่อยู่ใกล้เคียงได้"เขย่า"แนวรบที่นี่ด้วยเช่นกัน ในเวลาเพียง 1 เดือน หน่วยทหารของรัสเซียได้ก้าวหน้ามากกว่าในช่วง 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา ◉ ทางตอนใต้ บริเวณจุดตัดระหว่างแนวรบโดเนตส์และซาปอริซเซีย คือเมืองเหมืองแร่วูห์เลดาร์ ซึ่งเคยเป็นที่อาศัยของผู้คนราว 15,000 คนก่อนเกิดสงคราม • เมืองนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่สูง และเป็นฐานที่มั่นที่ยากจะเข้าถึงได้ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิปี 2565 และรอดพ้นจากความพยายามโจมตีหลายครั้ง • อย่างไรก็ตาม หลังจากที่กองบัญชาการยูเครนถอนกองพลที่พร้อมรบที่สุดออกจากพื้นที่นี้ สถานการณ์ในส่วนนี้ของแนวรบก็เปลี่ยนไปเช่นกัน #ข้อมูลที่น่าสนใจ : ฐานที่มั่นสำคัญรอบๆ Vuhledar ตั้งอยู่ในโครงเหล็กของเหมืองถ่านหิน โครงสร้างคอนกรีตขนาดใหญ่เหล่านี้มีความสูงกว่า 100 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ทุ่งหญ้าโดยรอบ ให้ทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยม . ⏺⏺สถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไร?⏺⏺ ◙ พื้นที่ขนาดใหญ่ระหว่างเมือง ต.ครัสโนโฮริฟกา Krasnohorivka และแนวสันดอน Pokrovsk กำลังจะถูก RF ยึดครอง • รายงานระบุว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว AFU ได้ถอนทัพออกจากฐานที่มั่นในพื้นที่นี้โดยไม่สู้รบ เนื่องจากอาจเกิดการปิดล้อมโจมตี ◙ ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา RF ได้ปิดล้อมเมืองวูห์เลดาร์บางส่วน และยึดครองหมู่บ้านหลายแห่งทางเหนือ และตะวันตกของเมือง • หาก RF ตัดเส้นทางไปยัง ม.โบไฮอาฟเลนกา Bohoyavlenka เมืองวูห์เลดาร์ก็จะถูกปิดล้อม Noraseth Tuntasiri
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 558 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาร่วมแสดงความยินดีกับท่านนายกรัฐมนตรีพี่ปูหน่อยค่าาาา….ติ่งขาาาาา……!!!!

    ตอนเก้า………บุญหล่นทับ……จนนักเลงสายลับรับแทบไม่ทัน……!!!

    จากกรณีท่านอัยการ ทำให้มีการปลดออกอีกหลายคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง บางคนก็มีการไว้หน้า เช่น เสนอให้ไปทำงานที่สถานทูตที่เดนมาร์คบ้าง ฟินแลนด์บ้าง
    และเยลซินได้มอบหมายให้ปูตินดูแลรับผิดชอบในฝ่ายอารักขาส่วนตัวควบคู่ไปกับเป็นผู้อำนวยการของ FSB
    ปูตินได้ถือโอกาสนี้…ขออำนาจเด็ดขาดในการบริหารงานและตัดสินใจ
    ซึ่งเขาก็ได้ตามนั้น
    นั่นเท่ากับ……ปูตินได้เข้ามาอยู่ใน”วงใน” ของเยลซินไปโดยปริยาย ในระยะเวลาเพียงสองปีครึ่งของการทำงานในมอสโคว์
    แต่เวลาในการผงาดของปูติน มันเป็นเวลาเดียวกันกับความอ่อนเปลี้ยของเยลซิน ที่รุมเร้าด้วยสุขภาพ และความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำอีกกับการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพของทีมที่เลือกมา

    วันที่ 5 มีนาคม 1999 ได้เกิดเหตุขึ้น นายพล Gennady Shpigun แห่งกระทรวงกลาโหม ที่ได้มีภาระกิจที่เมือง Grozny, Chechen (Chechen Republic of Ichkeria) ได้ถูกลักพาตัวไปเมื่อทันที่ที่ถึงสนามบิน โดยกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ใส่หน้ากากคลุมหน้าคลุมตา พร้อมอาวุธเต็มพิกัด
    โดยปรกติสถานะการณ์ในเชเชนนั้น ร้อนระอุมาตั้งแต่หลังจากที่ได้รับการปลดปล่อยให้เป็นเอกราชในปี 1991 จากรัสเซีย แต่ก็เป็นแบบครึ่งๆกลางๆ
    การต่อต้านจึงลุกฮือขึ้นอีก ในปี 1993 เยลซินจึงให้นายพล Lebed ขี้เก๊กยกทัพไปปราบ
    แต่ปรากฏว่าแพ้ยับกลับมาในปี 1996
    ทางเชเชนก็เสียหายไม่น้อย บ้านเมืองพังพินาศ
    ทำได้แค่สงบศึก ต่างคนต่างอยู่
    เพราะต่างก็เสียทหารไปจำนวนมาก แต่รัสเซียยังคอยแทรกแซง หรือกำไว้แบบหลวม……
    จึงได้เกิดขบวนการต่อต้านรัสเซีย ที่ก่อความไม่สงบ มีการจับตัวคนนั้นคนนี้ไปบ่อยๆ
    เพียงแต่คราวนี้เหิมเกริม……อุกอาจจับตัวรัฐมนตรีกลาโหมไป พร้อมเรียกร้องค่าไถ่ตัวถึง สิบห้าล้านยูเอสดอลล่าร์
    ตามาด้วยการระเบิดที่ใจกลางเมือง Vladikavkas ทางคอเคซัส มีคนตายถึง 60 คน

    เยลซินสั่งการให้ปูตินและ Seigei Stepashin นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งมาหมาดๆ ( แทน Yevgeny Primakov) ให้ไปดูสถานะการณ์ที่เมือง Vladikavkas โดยด่วน
    เพื่อไปพบกับ Aslan Maskhadov ประธานาธิบดีเชเชนที่ยังมีสัมพันธภาพที่ดีกับรัสเซีย
    การไปพบครั้งนี้ อัสลานได้มีทีท่าแปลกๆ เขาพูดว่า
    “ได้ข่าวมาว่า ทางรัสเซียได้มอบหมายให้”หน่วยงานพิเศษ” จะเข้ามาปฎิบัติการสังหารผม เพื่อที่จะได้เป็นข้ออ้างที่จะประกาศเป็นสถานะการณ์ฉุกเฉิน แล้วยกทัพเข้ามาควบคุมพื้นที่ ……”
    ปูตินได้ยินดังนั้น…โกรธจนหูกระดิก เพราะไอ้หน่วยงานพิเศษที่ว่านั้น มันก็หมายถึง FSB ที่เขาดูแลอยู่
    และอีกประการหนึ่ง ในเรื่องที่รัสเซียแพ้สงครามในเชเชนทั้งๆที่มีกำลังมากกว่าถึงสามเท่านั้น มันก็น่าอับอายพออยู่แล้ว
    เป็นอันว่า….เรื่องการเจรจานั้น……เลิกคิดไปได้เลย
    ถึงแม้ว่า……จะตระหนักดีในความจริงที่ว่า รัสเซียจะไม่ได้รบกับกบฏเชเชน แต่…มันอาจจะเป็นการรบกับ NATO ศัตรูดั้งเดิมก็ได้
    ที่ทำให้ปูตินต้องหาทางเจรจากับเยลซิน……

    ฝ่ายกลาโหมได้ตั้งรับแนวปะทะ ฝ่ายกบฏเชเชนได้ล่วงล้ำไปใน Dagestan และได้รับข่าวร้ายว่าได้พบกับร่างที่หมดลมหายใจของนายพล Shpigun ที่ถูกลักพาตัวไปแล้ว

    ทางกองทัพรัสเซียได้ทำการเตรียมการมาตั้งแต่เดือนมีนาคม
    ปูตินได้เดินทางไปพบกับกองกำลังของรัสเซียที่รัฐดาเกสถาน
    หลายครั้งเพื่อความมั่นใจว่า แม่ทัพ Anatoly Kvashnin มีความพร้อม

    วันที่ 5 สิงหาคม เยลซินได้มีคำสั่งให้ปูตินเข้าพบในบ้านพัก
    ชายขอบกรุงมอสโคว์
    พอนั่งลงเสร็จ เยลซินได้จ้องหน้าปูติน และกล่าวขึ้นมาว่า
    “ฉันตัดสินใจแล้วนะ ที่เรียกเธอมาในวันนี้ คือ ฉันอยากจะแต่งตั้งเธอให้เป็นนายกรัฐมนตรี…”
    ปูตินเงียบไปอึดใจหนึ่ง ฟังเยลซินได้บรรยายปัญหาของภาระของรัสเซียแบกไว้ในคอเคซัส
    ให้ปูตินฟัง ถึงเรื่อง เศรษฐกิจ สภาพเงินเฟ้อ และที่เขากังวลเป็นอย่างมากคือ ปัญหาของโครงสร้างและบุคลากรสภาที่ไม่แข็งแรงพอกับการที่จะมีเลือกตั้งในสี่เดือนข้างหน้า
    เขาเคยมีความหวังกับ Yury Luzhkov หรือไม่ก็ Yevgeny Primakov
    แต่ต้องมาพบกับหลังบ้านของ Luzhkov ทำธุรกิจที่อิงการเมือง
    จนร่ำรวยมหาศาล ในขณะที่บ้านเมืองยังอยู่ในสภาพอดมื้อกินมื้อ
    แถมตัวสามี Yury ก็เถียงแทนเมียฉอดๆ ว่า
    “ก็ชั้นทำงานให้กับเครมลิน…ไม่ได้ทำเพื่อชาติ…”

    เยลซินถามขึ้นมาว่า
    “เธอจะทำได้ไหม ทำในสิ่งที่ฉันต้องการที่จะเห็น นั่นคือ พาประเทศชาติของเราให้เจริญอยู่ยงอย่างแข็งแรงต่อไป..”
    ปูตินอึกอัก “กระผมไม่แน่ใจ เรื่องงาน กระผมไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น
    แต่ถ้าจะต้องไปหาเสียง……ไปโฆษณาตัวเอง กระผมไม่ชอบ”
    “นั่นไม่ต้องห่วงอะไรทั้งสิ้น เป็นธุระของทางเราเอง”
    “ถ้าเช่นนั้น ก็แล้วแต่ท่านจะกรุณา…”
    “ไม่ต้องกังวล เธอเตรียมตัวไว้ได้เลย เพราะเธอจะไปไกลกว่านี้แน่นอน”

    วันที่ 9 สิงหาคม เยลซินได้ออกทีวี ประกาศว่า
    “เราได้เลือกได้บุคคลที่เหมาะสมที่จะมาทำงานรับใช้ประเทศชาติแล้ว ขอให้ท่านเชื่อใจได้เลยว่า เขาเป็นคนที่มีประสบการณ์อย่างมากมาย
    และมีความสามารถเหลือล้น”

    ข่าวนี้ได้สร้างความฮือฮาประหลาดใจกับทุกคนในเครมลิน ที่ส่วนใหญ่มองไปในด้านลบ เพราะ ปูตินไอ้หน้าจืดเนี่ยนะ………นายกรัฐมนตรี ?!!!
    มีประสบการณ์อะไรมา……นี่เท่ากับว่าส่งมาลงนรก หมดอนาคตต่อไปเชียว
    อย่างมากก็สามเดือน จะถึงหรือเปล่าก็ไม่รู้…?!!
    ช่วงนั้นเป็นช่วงที่หนักหน่วงของปูติน เพราะวลาดิเมียร์ผู้พ่ออยู่ในสภาพเจ็บหนัก ที่เขาต้องไปเยี่ยมเดือนละครั้งหรือสองครั้ง ส่วนมาเรีย มารดาได้จากไปเมื่อสองปีที่แล้ว
    และทุกครั้งที่พ่อเห็นเขา…พ่อจะพูดว่า ….”ลูกชายของพ่อ เจ้าช่างเหมือนกับซาร์เลยเชียวนะ……”
    วลาดิเมียร์ได้ถึงแก่กรรมในวันที่ 2 สิงหาคม ไม่ทันที่จะได้รับรู้ว่าลูกชายจะได้เป็นถึงนายกรัฐมนตรีในกาลอันใกล้

    ปูตินเองก็มานั่งทบทวนดู ว่า อนาคตเขาอาจจะไม่ต่างไปจากเหล่าอดีตนายกรัฐมนตรีคนอื่นๆของเยลซิน ที่ล้วนมีอายุราชการสั้น สามเดือน หกเดือน เหมือนอย่างที่เกิดขึ้นกับ Stepashin, Ptimakov และ Kiriyenko
    แต่อีกใจหนึ่ง เขาก็คิดว่า ช่างมันประไร เขามีอายุเพียงสี่สิบหก
    และจะได้รับงานที่เป็นการท้าทายความสามารถ มีอำนาจเด็ดขาด
    ที่จะได้ทำในสิ่งที่อยากทำ โดยเฉพาะเรื่องสงครามที่เชเชน ที่เขาจะต้องกู้ชื่อเสียงกลับมาให้ได้ …
    เท่ากับว่า……เขาไม่ได้ลงทุนอะไรเลย และเขาได้คิดถึงในสมัยที่ยังเป็นเด็กหนุ่มที่วิ่งเข้าวิ่งออกในอาคารสงเคราะห์ ที่ไม่เคยกลัวใคร
    ไม่เคยรอเสียเวลาในการถกเถียง….เปิดฉากปะทะก่อนทุกครั้ง…
    และครั้งนี้…ในคอเคซัส….เขาจะไปให้พวกมันเห็นว่านรกมีจริงงงง……!!!

    ปูตินได้รับการผ่านในการเสนอชื่อในสภาเพื่อเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 16 สิงหาคม
    สิ่งแรกที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่หมาดๆทำ คือ แต่งตัวลำลอง บินไปชายแดนเชเชน ไปพบปะพูดคุยกับทหารหาญ ไปมอบเหรียญกล้าหาญ

    ทางฝ่ายกบฏเชเชนได้ทำการท้าทายอำนาจใหม่อย่างเหิมเกริม นั่นคือการวางระเบิดอพาร์ตเมนต์ในเมือง Volgodonsk มีคนเสียชีวิตนับสิบ

    วันที่ 23 สิงหาคม ฝูงบินจากรัสเซียส่งเข้าไปถล่มถึงกลางกรุง Grozny
    ถล่มโรงกลั่นน้ำมันจนราบเป็นหน้ากลอง เป็นการถล่มแบบนอกตำรายุทธการ เพราะมาแบบล้างแค้นสถานเดียว
    ปูตินอยู่สังเกตการณ์ทั้งหมด มีนักข่าวไปถามว่า
    “บอมบ์เพื่อหวังผลอะไร..?”
    ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน เพราะปูตินพูดจาด้วยภาษานักเลงแบบที่ได้ยินตามมุมถนน เขาตอบว่า
    “เบื่อโคตรๆ ที่ต้องมาตอบอะไรซ้ำซากแบบนี้ เราถล่มเฉพาะจุดที่เรารู้ว่าพวกไอ้เลวนั่นมันสุมหัวอยู่กัน โทษทีนะ ถ้าพบว่ามันนั่งอยู่ในส้วม ก็จะส่งมันลงท่อไปตรงนั้นเลย…”

    หลังจากที่ถล่มจนราบแล้ว วันที่ 29 กันยายน ปูตินได้ถามกับ ประธานาธิบดีเชเชน Aslan Maskhadov ว่า..
    “ถ้านายพร้อมที่จะเจรจา……เรามีทางเลือกให้สถานเดียวคือ ส่งตัวไอ้อาชญากรสงคราม Basayev กับ Khattab และไอ้พวกหัวกระทิตามบัญชีรายชื่อทั้งหลายมา และ นี่ไม่ใช่ข้อแลกเปลี่ยน……แต่เป็นคำสั่ง..!!”
    ทางอัสลาน ก็ได้แต่ปฏิเสธ บอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการวางระเบิด……
    และเรื่องที่จะส่งตัว คนพวกนั้นก็ทำไม่ได้อีก เพราะมันจะกลายเป็นการหักหลังกัน…”
    คือสรุปว่า….เขาเลือกที่จะอยู่ตรงข้ามกับรัสเซีย

    วันรุ่งขึ้น…กองทัพรัสเซียกว่า แปดหมื่นนายบุกประชิดเชเชน มีสำรองไว้อีก 93,000 แทบจะเป็นขนาดเดียวกันกับที่รัสเซียบุกอาฟกานิสถาน ที่ใหญ่กว่าเชเชนสี่สิบเท่า…
    วันที่ 1 ตุลาคม รัสเซียไม่ยอมรับรัฐบาลของอัสลาน
    วันที่ 5 ตุลาคม…รัสเซียเข้าครองพื้นที่กว่าครึ่งของทางเหนือ และ วันต่อมาก็ข้ามแม่น้ำไปยังเมืองหลวง Grozny
    ปูตินไม่ยอมเสียกำลังทหารในการบุก
    เขาให้สัมภาษณ์ว่า……
    เราใช้การส่งฝูงบินโจมตีเป็นส่วนใหญ่ ส่วนทหาร เอาไว้เข้าตามเก็บกวาดให้เรียบ เพราะการรบสมัยใหม่นี้
    มีเครื่องทุ่นแรงเยอะ ไม่ใช่อย่างสมัยสงครามโลก……”
    นักข่าวถามว่า “ ถ้าฝูงบินไม่สำเร็จผลล่ะ……”
    “เราก็ชนะอยู่ดี………เพราะในตำราของเรา……ไม่มีคำว่า…ถ้า……”

    *** สงครามเชเชนครั้งนี้คือครั้งที่สอง จาก ครั้งแรกในปี1996
    ครั้งนี้เริ่มในวันที่ 7 สิงหาคม 1999 ถึง 30 เมษายน 2000
    ที่รัสเซียได้ชัยชนะ……
    แต่ยังมีการปราบปรามกลุ่มต่อต้าน ที่มารูปของการก่อวินาศกรรมอีก ตั้งแต่ ปี 2000-2009 ที่หัวหน้าใหญ่อย่าง Aslan Maskhadov (อดีตประธานาธิบดี) ที่หนีไปอยู่ในถ้ำ ยังถูกตามเก็บจนหมด ส่วนเหล่าลูกน้องก็สลายตัวไปปนอยู่ในกลุ่มของ ISIS
    บัดนี้ คือ สาธารณรัฐเชเชน (หรือ เซซเนีย) คือ สาธารณรัฐหนึ่งของรัสเซีย ที่มี นายกรัฐมนตรี คือ Ramzan Kadyrov เป็นลูกชายของอดีตประธานาธิบดีคนแรกของเชเชน Akhmad Kadyrov ที่ได้มีโอกาสเป็น ประธานาธิบดีเพียงไม่กี่เดือน ก็ถูกลอบสังหาร..

    NATO ได้ยื่นมือเข้ามาตามเคยในการที่จะเรียกร้องหาความยุติธรรม และเรื่องเจรจาสงบศึก ทางรัสเซียก็ย้อนกลับไปว่า แล้วกองทัพนาโต้ที่เข้าไปบอมบ์ Kosovo เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน (1999) มีชาวยูโกสลาฟตายกว่า 500 คน
    ไหนล่ะ…ความยุติธรรม……???

    Wiwanda W. Vichit
    มาร่วมแสดงความยินดีกับท่านนายกรัฐมนตรีพี่ปูหน่อยค่าาาา….ติ่งขาาาาา……!!!! ตอนเก้า………บุญหล่นทับ……จนนักเลงสายลับรับแทบไม่ทัน……!!! จากกรณีท่านอัยการ ทำให้มีการปลดออกอีกหลายคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง บางคนก็มีการไว้หน้า เช่น เสนอให้ไปทำงานที่สถานทูตที่เดนมาร์คบ้าง ฟินแลนด์บ้าง และเยลซินได้มอบหมายให้ปูตินดูแลรับผิดชอบในฝ่ายอารักขาส่วนตัวควบคู่ไปกับเป็นผู้อำนวยการของ FSB ปูตินได้ถือโอกาสนี้…ขออำนาจเด็ดขาดในการบริหารงานและตัดสินใจ ซึ่งเขาก็ได้ตามนั้น นั่นเท่ากับ……ปูตินได้เข้ามาอยู่ใน”วงใน” ของเยลซินไปโดยปริยาย ในระยะเวลาเพียงสองปีครึ่งของการทำงานในมอสโคว์ แต่เวลาในการผงาดของปูติน มันเป็นเวลาเดียวกันกับความอ่อนเปลี้ยของเยลซิน ที่รุมเร้าด้วยสุขภาพ และความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำอีกกับการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพของทีมที่เลือกมา วันที่ 5 มีนาคม 1999 ได้เกิดเหตุขึ้น นายพล Gennady Shpigun แห่งกระทรวงกลาโหม ที่ได้มีภาระกิจที่เมือง Grozny, Chechen (Chechen Republic of Ichkeria) ได้ถูกลักพาตัวไปเมื่อทันที่ที่ถึงสนามบิน โดยกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ใส่หน้ากากคลุมหน้าคลุมตา พร้อมอาวุธเต็มพิกัด โดยปรกติสถานะการณ์ในเชเชนนั้น ร้อนระอุมาตั้งแต่หลังจากที่ได้รับการปลดปล่อยให้เป็นเอกราชในปี 1991 จากรัสเซีย แต่ก็เป็นแบบครึ่งๆกลางๆ การต่อต้านจึงลุกฮือขึ้นอีก ในปี 1993 เยลซินจึงให้นายพล Lebed ขี้เก๊กยกทัพไปปราบ แต่ปรากฏว่าแพ้ยับกลับมาในปี 1996 ทางเชเชนก็เสียหายไม่น้อย บ้านเมืองพังพินาศ ทำได้แค่สงบศึก ต่างคนต่างอยู่ เพราะต่างก็เสียทหารไปจำนวนมาก แต่รัสเซียยังคอยแทรกแซง หรือกำไว้แบบหลวม…… จึงได้เกิดขบวนการต่อต้านรัสเซีย ที่ก่อความไม่สงบ มีการจับตัวคนนั้นคนนี้ไปบ่อยๆ เพียงแต่คราวนี้เหิมเกริม……อุกอาจจับตัวรัฐมนตรีกลาโหมไป พร้อมเรียกร้องค่าไถ่ตัวถึง สิบห้าล้านยูเอสดอลล่าร์ ตามาด้วยการระเบิดที่ใจกลางเมือง Vladikavkas ทางคอเคซัส มีคนตายถึง 60 คน เยลซินสั่งการให้ปูตินและ Seigei Stepashin นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งมาหมาดๆ ( แทน Yevgeny Primakov) ให้ไปดูสถานะการณ์ที่เมือง Vladikavkas โดยด่วน เพื่อไปพบกับ Aslan Maskhadov ประธานาธิบดีเชเชนที่ยังมีสัมพันธภาพที่ดีกับรัสเซีย การไปพบครั้งนี้ อัสลานได้มีทีท่าแปลกๆ เขาพูดว่า “ได้ข่าวมาว่า ทางรัสเซียได้มอบหมายให้”หน่วยงานพิเศษ” จะเข้ามาปฎิบัติการสังหารผม เพื่อที่จะได้เป็นข้ออ้างที่จะประกาศเป็นสถานะการณ์ฉุกเฉิน แล้วยกทัพเข้ามาควบคุมพื้นที่ ……” ปูตินได้ยินดังนั้น…โกรธจนหูกระดิก เพราะไอ้หน่วยงานพิเศษที่ว่านั้น มันก็หมายถึง FSB ที่เขาดูแลอยู่ และอีกประการหนึ่ง ในเรื่องที่รัสเซียแพ้สงครามในเชเชนทั้งๆที่มีกำลังมากกว่าถึงสามเท่านั้น มันก็น่าอับอายพออยู่แล้ว เป็นอันว่า….เรื่องการเจรจานั้น……เลิกคิดไปได้เลย ถึงแม้ว่า……จะตระหนักดีในความจริงที่ว่า รัสเซียจะไม่ได้รบกับกบฏเชเชน แต่…มันอาจจะเป็นการรบกับ NATO ศัตรูดั้งเดิมก็ได้ ที่ทำให้ปูตินต้องหาทางเจรจากับเยลซิน…… ฝ่ายกลาโหมได้ตั้งรับแนวปะทะ ฝ่ายกบฏเชเชนได้ล่วงล้ำไปใน Dagestan และได้รับข่าวร้ายว่าได้พบกับร่างที่หมดลมหายใจของนายพล Shpigun ที่ถูกลักพาตัวไปแล้ว ทางกองทัพรัสเซียได้ทำการเตรียมการมาตั้งแต่เดือนมีนาคม ปูตินได้เดินทางไปพบกับกองกำลังของรัสเซียที่รัฐดาเกสถาน หลายครั้งเพื่อความมั่นใจว่า แม่ทัพ Anatoly Kvashnin มีความพร้อม วันที่ 5 สิงหาคม เยลซินได้มีคำสั่งให้ปูตินเข้าพบในบ้านพัก ชายขอบกรุงมอสโคว์ พอนั่งลงเสร็จ เยลซินได้จ้องหน้าปูติน และกล่าวขึ้นมาว่า “ฉันตัดสินใจแล้วนะ ที่เรียกเธอมาในวันนี้ คือ ฉันอยากจะแต่งตั้งเธอให้เป็นนายกรัฐมนตรี…” ปูตินเงียบไปอึดใจหนึ่ง ฟังเยลซินได้บรรยายปัญหาของภาระของรัสเซียแบกไว้ในคอเคซัส ให้ปูตินฟัง ถึงเรื่อง เศรษฐกิจ สภาพเงินเฟ้อ และที่เขากังวลเป็นอย่างมากคือ ปัญหาของโครงสร้างและบุคลากรสภาที่ไม่แข็งแรงพอกับการที่จะมีเลือกตั้งในสี่เดือนข้างหน้า เขาเคยมีความหวังกับ Yury Luzhkov หรือไม่ก็ Yevgeny Primakov แต่ต้องมาพบกับหลังบ้านของ Luzhkov ทำธุรกิจที่อิงการเมือง จนร่ำรวยมหาศาล ในขณะที่บ้านเมืองยังอยู่ในสภาพอดมื้อกินมื้อ แถมตัวสามี Yury ก็เถียงแทนเมียฉอดๆ ว่า “ก็ชั้นทำงานให้กับเครมลิน…ไม่ได้ทำเพื่อชาติ…” เยลซินถามขึ้นมาว่า “เธอจะทำได้ไหม ทำในสิ่งที่ฉันต้องการที่จะเห็น นั่นคือ พาประเทศชาติของเราให้เจริญอยู่ยงอย่างแข็งแรงต่อไป..” ปูตินอึกอัก “กระผมไม่แน่ใจ เรื่องงาน กระผมไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น แต่ถ้าจะต้องไปหาเสียง……ไปโฆษณาตัวเอง กระผมไม่ชอบ” “นั่นไม่ต้องห่วงอะไรทั้งสิ้น เป็นธุระของทางเราเอง” “ถ้าเช่นนั้น ก็แล้วแต่ท่านจะกรุณา…” “ไม่ต้องกังวล เธอเตรียมตัวไว้ได้เลย เพราะเธอจะไปไกลกว่านี้แน่นอน” วันที่ 9 สิงหาคม เยลซินได้ออกทีวี ประกาศว่า “เราได้เลือกได้บุคคลที่เหมาะสมที่จะมาทำงานรับใช้ประเทศชาติแล้ว ขอให้ท่านเชื่อใจได้เลยว่า เขาเป็นคนที่มีประสบการณ์อย่างมากมาย และมีความสามารถเหลือล้น” ข่าวนี้ได้สร้างความฮือฮาประหลาดใจกับทุกคนในเครมลิน ที่ส่วนใหญ่มองไปในด้านลบ เพราะ ปูตินไอ้หน้าจืดเนี่ยนะ………นายกรัฐมนตรี ?!!! มีประสบการณ์อะไรมา……นี่เท่ากับว่าส่งมาลงนรก หมดอนาคตต่อไปเชียว อย่างมากก็สามเดือน จะถึงหรือเปล่าก็ไม่รู้…?!! ช่วงนั้นเป็นช่วงที่หนักหน่วงของปูติน เพราะวลาดิเมียร์ผู้พ่ออยู่ในสภาพเจ็บหนัก ที่เขาต้องไปเยี่ยมเดือนละครั้งหรือสองครั้ง ส่วนมาเรีย มารดาได้จากไปเมื่อสองปีที่แล้ว และทุกครั้งที่พ่อเห็นเขา…พ่อจะพูดว่า ….”ลูกชายของพ่อ เจ้าช่างเหมือนกับซาร์เลยเชียวนะ……” วลาดิเมียร์ได้ถึงแก่กรรมในวันที่ 2 สิงหาคม ไม่ทันที่จะได้รับรู้ว่าลูกชายจะได้เป็นถึงนายกรัฐมนตรีในกาลอันใกล้ ปูตินเองก็มานั่งทบทวนดู ว่า อนาคตเขาอาจจะไม่ต่างไปจากเหล่าอดีตนายกรัฐมนตรีคนอื่นๆของเยลซิน ที่ล้วนมีอายุราชการสั้น สามเดือน หกเดือน เหมือนอย่างที่เกิดขึ้นกับ Stepashin, Ptimakov และ Kiriyenko แต่อีกใจหนึ่ง เขาก็คิดว่า ช่างมันประไร เขามีอายุเพียงสี่สิบหก และจะได้รับงานที่เป็นการท้าทายความสามารถ มีอำนาจเด็ดขาด ที่จะได้ทำในสิ่งที่อยากทำ โดยเฉพาะเรื่องสงครามที่เชเชน ที่เขาจะต้องกู้ชื่อเสียงกลับมาให้ได้ … เท่ากับว่า……เขาไม่ได้ลงทุนอะไรเลย และเขาได้คิดถึงในสมัยที่ยังเป็นเด็กหนุ่มที่วิ่งเข้าวิ่งออกในอาคารสงเคราะห์ ที่ไม่เคยกลัวใคร ไม่เคยรอเสียเวลาในการถกเถียง….เปิดฉากปะทะก่อนทุกครั้ง… และครั้งนี้…ในคอเคซัส….เขาจะไปให้พวกมันเห็นว่านรกมีจริงงงง……!!! ปูตินได้รับการผ่านในการเสนอชื่อในสภาเพื่อเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 16 สิงหาคม สิ่งแรกที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่หมาดๆทำ คือ แต่งตัวลำลอง บินไปชายแดนเชเชน ไปพบปะพูดคุยกับทหารหาญ ไปมอบเหรียญกล้าหาญ ทางฝ่ายกบฏเชเชนได้ทำการท้าทายอำนาจใหม่อย่างเหิมเกริม นั่นคือการวางระเบิดอพาร์ตเมนต์ในเมือง Volgodonsk มีคนเสียชีวิตนับสิบ วันที่ 23 สิงหาคม ฝูงบินจากรัสเซียส่งเข้าไปถล่มถึงกลางกรุง Grozny ถล่มโรงกลั่นน้ำมันจนราบเป็นหน้ากลอง เป็นการถล่มแบบนอกตำรายุทธการ เพราะมาแบบล้างแค้นสถานเดียว ปูตินอยู่สังเกตการณ์ทั้งหมด มีนักข่าวไปถามว่า “บอมบ์เพื่อหวังผลอะไร..?” ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน เพราะปูตินพูดจาด้วยภาษานักเลงแบบที่ได้ยินตามมุมถนน เขาตอบว่า “เบื่อโคตรๆ ที่ต้องมาตอบอะไรซ้ำซากแบบนี้ เราถล่มเฉพาะจุดที่เรารู้ว่าพวกไอ้เลวนั่นมันสุมหัวอยู่กัน โทษทีนะ ถ้าพบว่ามันนั่งอยู่ในส้วม ก็จะส่งมันลงท่อไปตรงนั้นเลย…” หลังจากที่ถล่มจนราบแล้ว วันที่ 29 กันยายน ปูตินได้ถามกับ ประธานาธิบดีเชเชน Aslan Maskhadov ว่า.. “ถ้านายพร้อมที่จะเจรจา……เรามีทางเลือกให้สถานเดียวคือ ส่งตัวไอ้อาชญากรสงคราม Basayev กับ Khattab และไอ้พวกหัวกระทิตามบัญชีรายชื่อทั้งหลายมา และ นี่ไม่ใช่ข้อแลกเปลี่ยน……แต่เป็นคำสั่ง..!!” ทางอัสลาน ก็ได้แต่ปฏิเสธ บอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการวางระเบิด…… และเรื่องที่จะส่งตัว คนพวกนั้นก็ทำไม่ได้อีก เพราะมันจะกลายเป็นการหักหลังกัน…” คือสรุปว่า….เขาเลือกที่จะอยู่ตรงข้ามกับรัสเซีย วันรุ่งขึ้น…กองทัพรัสเซียกว่า แปดหมื่นนายบุกประชิดเชเชน มีสำรองไว้อีก 93,000 แทบจะเป็นขนาดเดียวกันกับที่รัสเซียบุกอาฟกานิสถาน ที่ใหญ่กว่าเชเชนสี่สิบเท่า… วันที่ 1 ตุลาคม รัสเซียไม่ยอมรับรัฐบาลของอัสลาน วันที่ 5 ตุลาคม…รัสเซียเข้าครองพื้นที่กว่าครึ่งของทางเหนือ และ วันต่อมาก็ข้ามแม่น้ำไปยังเมืองหลวง Grozny ปูตินไม่ยอมเสียกำลังทหารในการบุก เขาให้สัมภาษณ์ว่า…… เราใช้การส่งฝูงบินโจมตีเป็นส่วนใหญ่ ส่วนทหาร เอาไว้เข้าตามเก็บกวาดให้เรียบ เพราะการรบสมัยใหม่นี้ มีเครื่องทุ่นแรงเยอะ ไม่ใช่อย่างสมัยสงครามโลก……” นักข่าวถามว่า “ ถ้าฝูงบินไม่สำเร็จผลล่ะ……” “เราก็ชนะอยู่ดี………เพราะในตำราของเรา……ไม่มีคำว่า…ถ้า……” *** สงครามเชเชนครั้งนี้คือครั้งที่สอง จาก ครั้งแรกในปี1996 ครั้งนี้เริ่มในวันที่ 7 สิงหาคม 1999 ถึง 30 เมษายน 2000 ที่รัสเซียได้ชัยชนะ…… แต่ยังมีการปราบปรามกลุ่มต่อต้าน ที่มารูปของการก่อวินาศกรรมอีก ตั้งแต่ ปี 2000-2009 ที่หัวหน้าใหญ่อย่าง Aslan Maskhadov (อดีตประธานาธิบดี) ที่หนีไปอยู่ในถ้ำ ยังถูกตามเก็บจนหมด ส่วนเหล่าลูกน้องก็สลายตัวไปปนอยู่ในกลุ่มของ ISIS บัดนี้ คือ สาธารณรัฐเชเชน (หรือ เซซเนีย) คือ สาธารณรัฐหนึ่งของรัสเซีย ที่มี นายกรัฐมนตรี คือ Ramzan Kadyrov เป็นลูกชายของอดีตประธานาธิบดีคนแรกของเชเชน Akhmad Kadyrov ที่ได้มีโอกาสเป็น ประธานาธิบดีเพียงไม่กี่เดือน ก็ถูกลอบสังหาร.. NATO ได้ยื่นมือเข้ามาตามเคยในการที่จะเรียกร้องหาความยุติธรรม และเรื่องเจรจาสงบศึก ทางรัสเซียก็ย้อนกลับไปว่า แล้วกองทัพนาโต้ที่เข้าไปบอมบ์ Kosovo เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน (1999) มีชาวยูโกสลาฟตายกว่า 500 คน ไหนล่ะ…ความยุติธรรม……??? Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 779 มุมมอง 0 รีวิว
  • NOBULL
    Men's Dress Shoes Black Leather Perforated
    (Design in USA)
    Size. US 12.5 /UK 11.5 /EUR 47 /30.5 cm

    🔥 Price : 890฿

    👉 คุณสมบัติ :-
    🔹Upper : หนังแท้แบบฟูลเกรนคุณภาพระดับพรีเมียม ฉลุรูระบายอากาศ ปั๊มนูนโลโก้แบรนด์ด้านข้างส้นเท้า
    🔹พื้นรองเท้าชั้นกลาง : EVA มีน้ำหนักเบาและสวมใส่สบาย ช่วยรองรับการยืนหรือเดินเป็นระยะเวลานานๆ
    🔹แผ่นรองพื้นรองเท้าชนิด EVA แบบเรียบขึ้นรูปที่สามารถถอดออกได้
    🔹พื้นรองเท้าชั้นนอก : เป็นชนิด Gum Rubber ปั๊มนูนแบรนด์โลโก้

    👉 เรื่องราว :-
    NoBull เป็นแบรนด์ รองเท้าและเครื่องแต่งกายสำหรับกีฬาจากสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 โดยกลุ่มผู้ที่หลงใหลในโลกฟิตเนสและต้องการสร้างรองเท้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักกีฬาจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการฝึก Crossfit ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในเรื่องความเข้มข้นและหลากหลายของการออกกำลังกายโดยเฉพาะ ปัจจุบันได้ขยายไลน์ผลิตภัณฑ์รองเท้าแบบทางการ (dress shoes) เช่น รองเท้าหนังสำหรับใส่ทำงาน หรือรองเท้าสไตล์ formal โดยยังคงจุดเด่นในเรื่องวัสดุการตัดเย็บเพื่อความทนทานในการใช้งาน

    🔹วัสดุและเทคโนโลยี : รองเท้า NoBull มักใช้วัสดุที่ทนทานและมีเทคโนโลยีที่ช่วยรองรับและป้องกันการบาดเจ็บ ซึ่งไม่เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันทั่วไป
    🔹ดีไซน์ : ดีไซน์ของรองเท้า NoBull มักเน้นความเรียบง่ายและฟังก์ชันการใช้งานมากกว่าความหรูหราหรือแฟชั่น
    🔹ฟังก์ชันการใช้งาน : NoBull ให้ความสำคัญกับฟังก์ชันการใช้งานเป็นหลัก ถูกออกแบบมาให้ทนทาน รองรับแรงกระแทกได้ดี และเหมาะสำหรับการเคลื่อนไหวที่หลากหลาย
    🔹ขยายตลาด : หลังจากประสบความสำเร็จในกลุ่มนัก Crossfit NoBull ก็เริ่มขยายตลาดไปสู่กลุ่มผู้ใช้อื่นๆ เช่น นักวิ่ง นักยกน้ำหนัก นักกอล์ฟ และคนทำงาน
    🔹ไลน์ผลิตภัณฑ์ : นอกจากรองเท้าแล้ว NoBull ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น เสื้อผ้า และอุปกรณ์เสริมสำหรับการออกกำลังกาย
    NOBULL Men's Dress Shoes Black Leather Perforated (Design in USA) Size. US 12.5 /UK 11.5 /EUR 47 /30.5 cm 🔥 Price : 890฿ 👉 คุณสมบัติ :- 🔹Upper : หนังแท้แบบฟูลเกรนคุณภาพระดับพรีเมียม ฉลุรูระบายอากาศ ปั๊มนูนโลโก้แบรนด์ด้านข้างส้นเท้า 🔹พื้นรองเท้าชั้นกลาง : EVA มีน้ำหนักเบาและสวมใส่สบาย ช่วยรองรับการยืนหรือเดินเป็นระยะเวลานานๆ 🔹แผ่นรองพื้นรองเท้าชนิด EVA แบบเรียบขึ้นรูปที่สามารถถอดออกได้ 🔹พื้นรองเท้าชั้นนอก : เป็นชนิด Gum Rubber ปั๊มนูนแบรนด์โลโก้ 👉 เรื่องราว :- NoBull เป็นแบรนด์ รองเท้าและเครื่องแต่งกายสำหรับกีฬาจากสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 โดยกลุ่มผู้ที่หลงใหลในโลกฟิตเนสและต้องการสร้างรองเท้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักกีฬาจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการฝึก Crossfit ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในเรื่องความเข้มข้นและหลากหลายของการออกกำลังกายโดยเฉพาะ ปัจจุบันได้ขยายไลน์ผลิตภัณฑ์รองเท้าแบบทางการ (dress shoes) เช่น รองเท้าหนังสำหรับใส่ทำงาน หรือรองเท้าสไตล์ formal โดยยังคงจุดเด่นในเรื่องวัสดุการตัดเย็บเพื่อความทนทานในการใช้งาน 🔹วัสดุและเทคโนโลยี : รองเท้า NoBull มักใช้วัสดุที่ทนทานและมีเทคโนโลยีที่ช่วยรองรับและป้องกันการบาดเจ็บ ซึ่งไม่เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันทั่วไป 🔹ดีไซน์ : ดีไซน์ของรองเท้า NoBull มักเน้นความเรียบง่ายและฟังก์ชันการใช้งานมากกว่าความหรูหราหรือแฟชั่น 🔹ฟังก์ชันการใช้งาน : NoBull ให้ความสำคัญกับฟังก์ชันการใช้งานเป็นหลัก ถูกออกแบบมาให้ทนทาน รองรับแรงกระแทกได้ดี และเหมาะสำหรับการเคลื่อนไหวที่หลากหลาย 🔹ขยายตลาด : หลังจากประสบความสำเร็จในกลุ่มนัก Crossfit NoBull ก็เริ่มขยายตลาดไปสู่กลุ่มผู้ใช้อื่นๆ เช่น นักวิ่ง นักยกน้ำหนัก นักกอล์ฟ และคนทำงาน 🔹ไลน์ผลิตภัณฑ์ : นอกจากรองเท้าแล้ว NoBull ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น เสื้อผ้า และอุปกรณ์เสริมสำหรับการออกกำลังกาย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 307 มุมมอง 0 รีวิว
  • Clarks
    “CloudSteppers”
    Women’s Lightweight Fly Knitting Slip-on Casual Comfort Shoes
    Size. US 7.5W /UK 5 /EUR 38 /23.5 cm

    🔥 Price : 790฿

    รองเท้า Clarks CloudSteppers รองเท้าใส่บายสุดหรูสำหรับคุณสาวๆ

    🔹ทรงสลิปออน
    🔹สี มอคค่าตัดด้วยสีดำ
    🔹วัสดุส่วนบน :ใช้ผ้า Fly Knit ที่โปร่งสบายระบายอากาศและความชื้นได้เป็นอย่างดี มีน้ำหนักที่เบามาก
    🔹แผ่นรองพื้นรองเท้า : แบบ 3 ชั้น มาพร้อมเทคโนโลยี Cushion Soft ที่ที่กล้าการันตีเลยว่าให้ความนุ่มสบายเท้าแบบสุดๆ
    🔹พื้นรองเท้าเป็น EVA Foam หนา 2.5 cm มีน้ำหนักเบาและนุ่มช่วยยึดเกาะพื้นผิวได้ดี
    🔹ความสูงของรองเท้ารวม 9.5 ซม
    Clarks “CloudSteppers” Women’s Lightweight Fly Knitting Slip-on Casual Comfort Shoes Size. US 7.5W /UK 5 /EUR 38 /23.5 cm 🔥 Price : 790฿ รองเท้า Clarks CloudSteppers รองเท้าใส่บายสุดหรูสำหรับคุณสาวๆ 🔹ทรงสลิปออน 🔹สี มอคค่าตัดด้วยสีดำ 🔹วัสดุส่วนบน :ใช้ผ้า Fly Knit ที่โปร่งสบายระบายอากาศและความชื้นได้เป็นอย่างดี มีน้ำหนักที่เบามาก 🔹แผ่นรองพื้นรองเท้า : แบบ 3 ชั้น มาพร้อมเทคโนโลยี Cushion Soft ที่ที่กล้าการันตีเลยว่าให้ความนุ่มสบายเท้าแบบสุดๆ 🔹พื้นรองเท้าเป็น EVA Foam หนา 2.5 cm มีน้ำหนักเบาและนุ่มช่วยยึดเกาะพื้นผิวได้ดี 🔹ความสูงของรองเท้ารวม 9.5 ซม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • SUSTAIN
    by ZARA
    Size. EUR 39 /25(25.5) cm
    ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ Good Condition

    🔥 Price : 590฿

    รองเท้าสนีกเกอร์แนวสปอร์ตลำลองจากสเปน ออกแบบโดย ZARA โดยการนำ ZARA รุ่น 91379458 มาสายเนอร์เชนจ์ อัพเปอร์ส่วนหน้าเป็นหนังแท้สีขาว ตัดส่วนหลังสีแดงสกรีนบิ๊กโลโก้ ทำให้มีลุคที่ดูเท่สไตล์สปอร์ต แผ่นรองพื้นในเป็นยางนุ่มๆปิดทับด้วยหนังแท้สกรีนโลโก้ พื้นชั้นนอกเป็นยางวัลคาไนซ์ลายตารางเต็มพื้นให้การยึดเกาะพื้นผิวได้ดี
    SUSTAIN by ZARA Size. EUR 39 /25(25.5) cm ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ Good Condition 🔥 Price : 590฿ รองเท้าสนีกเกอร์แนวสปอร์ตลำลองจากสเปน ออกแบบโดย ZARA โดยการนำ ZARA รุ่น 91379458 มาสายเนอร์เชนจ์ อัพเปอร์ส่วนหน้าเป็นหนังแท้สีขาว ตัดส่วนหลังสีแดงสกรีนบิ๊กโลโก้ ทำให้มีลุคที่ดูเท่สไตล์สปอร์ต แผ่นรองพื้นในเป็นยางนุ่มๆปิดทับด้วยหนังแท้สกรีนโลโก้ พื้นชั้นนอกเป็นยางวัลคาไนซ์ลายตารางเต็มพื้นให้การยึดเกาะพื้นผิวได้ดี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • BIRKENSTOCK
    FOOTPRINTS Unisex Torrance Suede Mocha Shoes
    Size. EUR 39 /25(25.5)cm

    🔥 Price : 970฿

    Birkenstock Licensed Footprints Shoes เป็นแบรนด์รองเท้าทรง Moc สไตล์ลำลองที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยเป็นไลน์รองเท้าที่ผลิตขึ้นภายใต้แบรนด์ Birkenstock ซึ่งเป็นแบรนด์รองเท้าที่มีประวัติยาวนานและเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของรองเท้าที่มีคุณภาพสูงและดีไซน์ที่โดดเด่น เหมาะกับทั้งชายและหญิง สวมใส่สบายๆ ผสมผสานความคลาสสิกและความทันสมัยเข้าด้วยกัน โดยมีจุดเด่นอยู่ที่วัสดุหนังกลับสีมอคค่าที่ให้สัมผัสที่นุ่มนวลและดูมีระดับ ดีไซน์ของรองเท้ารุ่นนี้เน้นความเรียบง่ายแต่สวยงาม พร้อมทั้งยังมีพื้นรองเท้าที่ออกแบบมาให้กระชับและรองรับสรีระเท้าได้เป็นอย่างดี

    🔹ส่วนบน : ทำจากหนังกลับ
    🔹แผ่นรองพื้นรองเท้า : ทำจากไม้ก๊อกธรรมชาติที่เข้ารูปกับรูปร่างเท้า
    ปิดด้านบนด้วยหนังแท้
    🔹พื้นรองเท้าชั้นนอก : ทำจากโพลียูรีเทน
    🔹แบบผูกเชือก

    👉 เรื่องราว :-
    Birkenstock เป็นแบรนด์ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศเยอรมนี ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1774 โดย Johann Adam Birkenstock ซึ่งเป็นช่างทำรองเท้า ทำให้ Birkenstock เป็นหนึ่งในแบรนด์รองเท้าที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และยังคงรักษาชื่อเสียงในเรื่องของการผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและความใส่ใจในรายละเอียดมาจนถึงปัจจุบัน
    BIRKENSTOCK FOOTPRINTS Unisex Torrance Suede Mocha Shoes Size. EUR 39 /25(25.5)cm 🔥 Price : 970฿ Birkenstock Licensed Footprints Shoes เป็นแบรนด์รองเท้าทรง Moc สไตล์ลำลองที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยเป็นไลน์รองเท้าที่ผลิตขึ้นภายใต้แบรนด์ Birkenstock ซึ่งเป็นแบรนด์รองเท้าที่มีประวัติยาวนานและเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของรองเท้าที่มีคุณภาพสูงและดีไซน์ที่โดดเด่น เหมาะกับทั้งชายและหญิง สวมใส่สบายๆ ผสมผสานความคลาสสิกและความทันสมัยเข้าด้วยกัน โดยมีจุดเด่นอยู่ที่วัสดุหนังกลับสีมอคค่าที่ให้สัมผัสที่นุ่มนวลและดูมีระดับ ดีไซน์ของรองเท้ารุ่นนี้เน้นความเรียบง่ายแต่สวยงาม พร้อมทั้งยังมีพื้นรองเท้าที่ออกแบบมาให้กระชับและรองรับสรีระเท้าได้เป็นอย่างดี 🔹ส่วนบน : ทำจากหนังกลับ 🔹แผ่นรองพื้นรองเท้า : ทำจากไม้ก๊อกธรรมชาติที่เข้ารูปกับรูปร่างเท้า ปิดด้านบนด้วยหนังแท้ 🔹พื้นรองเท้าชั้นนอก : ทำจากโพลียูรีเทน 🔹แบบผูกเชือก 👉 เรื่องราว :- Birkenstock เป็นแบรนด์ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศเยอรมนี ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1774 โดย Johann Adam Birkenstock ซึ่งเป็นช่างทำรองเท้า ทำให้ Birkenstock เป็นหนึ่งในแบรนด์รองเท้าที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และยังคงรักษาชื่อเสียงในเรื่องของการผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและความใส่ใจในรายละเอียดมาจนถึงปัจจุบัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 216 มุมมอง 0 รีวิว
  • BLACKSTONE
    Men’s Genuine Leather Boat Shoes
    Size. US 9 /EUR 42 /26.5(27) cm

    🔥 Price : 690฿

    รองเท้าหนังแท้ทรง Boat Shoes แบรนด์คุณภาพจากประเทศเนเธอร์แลนด์ วัสดุและการตัดเย็บดีมาก อัพเปอร์ทั้งภายนอกภายในใช้หนังแท้เกรดพรีเมี่ยม มาพร้อมปลอกนวมหุ้มข้อด้วยหนังแท้ช่วยให้ใส่กระชับข้อเท้า แผ่นรองพื้นรองเท้าเป็นยางปิดด้วยหนังแท้ พื้นรองเท้าด้านนอกเป็นยางและหนังกลับ สภาพโดยรวม 85%+ ทรงนี้ใส่เท่สามารถแมทช์กับสไตล์การแต่งตัวทั้งแบบทางการ และไม่ทางการได้

    👉 เรื่องราว :-
    🔹ปี 1926 : บริษัทการค้าหนังของ J.A. de Bruijn ก่อตั้งขึ้นที่เมือง Gouda ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยมีภารกิจในการจัดหาหนังคุณภาพดีที่สุดให้กับผู้ผลิตและช่างทำรองเท้าในท้องถิ่น
    🔹ปี 1992 : Blackstone Footwear ก่อตั้งขึ้น โดยเริ่มต้นด้วยการออกแบบและผลิตรองเท้าทำงานคุณภาพสูง ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จของแบรนด์
    🔹ปี 2003 : Blackstone ได้ขยายการผลิตเพื่อเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ โดยนำเสนอชุดรองเท้าและแฟชั่นเพิ่มเติม ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้นในโลกของแฟชั่นและรองเท้า
    🔹ปี 2010 : Blackstone ได้กลับมาที่จุดเริ่มต้น โดยเน้นการใช้หนังธรรมชาติและออกแบบรองเท้าที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภค
    🔹ปี 2018 : Blackstone ได้แนะนำรองเท้าที่มีเอกลักษณ์ใหม่ๆ เช่น รองเท้าหนังแกะและรองเท้า 6" Original boot ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูง
    🔹ปี 2023 : Blackstone ได้ประกาศการเปิดตัวเว็บไซต์ใหม่เพื่อเฉลิมฉลองประวัติศาสตร์ของแบรนด์และการมีอยู่ทั่วโลก โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลก
    BLACKSTONE Men’s Genuine Leather Boat Shoes Size. US 9 /EUR 42 /26.5(27) cm 🔥 Price : 690฿ รองเท้าหนังแท้ทรง Boat Shoes แบรนด์คุณภาพจากประเทศเนเธอร์แลนด์ วัสดุและการตัดเย็บดีมาก อัพเปอร์ทั้งภายนอกภายในใช้หนังแท้เกรดพรีเมี่ยม มาพร้อมปลอกนวมหุ้มข้อด้วยหนังแท้ช่วยให้ใส่กระชับข้อเท้า แผ่นรองพื้นรองเท้าเป็นยางปิดด้วยหนังแท้ พื้นรองเท้าด้านนอกเป็นยางและหนังกลับ สภาพโดยรวม 85%+ ทรงนี้ใส่เท่สามารถแมทช์กับสไตล์การแต่งตัวทั้งแบบทางการ และไม่ทางการได้ 👉 เรื่องราว :- 🔹ปี 1926 : บริษัทการค้าหนังของ J.A. de Bruijn ก่อตั้งขึ้นที่เมือง Gouda ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยมีภารกิจในการจัดหาหนังคุณภาพดีที่สุดให้กับผู้ผลิตและช่างทำรองเท้าในท้องถิ่น 🔹ปี 1992 : Blackstone Footwear ก่อตั้งขึ้น โดยเริ่มต้นด้วยการออกแบบและผลิตรองเท้าทำงานคุณภาพสูง ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จของแบรนด์ 🔹ปี 2003 : Blackstone ได้ขยายการผลิตเพื่อเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ โดยนำเสนอชุดรองเท้าและแฟชั่นเพิ่มเติม ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้นในโลกของแฟชั่นและรองเท้า 🔹ปี 2010 : Blackstone ได้กลับมาที่จุดเริ่มต้น โดยเน้นการใช้หนังธรรมชาติและออกแบบรองเท้าที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภค 🔹ปี 2018 : Blackstone ได้แนะนำรองเท้าที่มีเอกลักษณ์ใหม่ๆ เช่น รองเท้าหนังแกะและรองเท้า 6" Original boot ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูง 🔹ปี 2023 : Blackstone ได้ประกาศการเปิดตัวเว็บไซต์ใหม่เพื่อเฉลิมฉลองประวัติศาสตร์ของแบรนด์และการมีอยู่ทั่วโลก โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 302 มุมมอง 0 รีวิว
  • เป็นคนดีต้องให้ความยุติธรรม
    #ไม่อยากให้ใครว่าเจี๊ยบอมเกียร์แบบผิดๆ
    ความเข้าใจผิดจะพาให้เกิดอคติ
    จริงๆแล้ว ที่เห็นหน้าเจี๊ยบหนาๆ
    หลายคนบอกว่าเป็นรองพื้นที่หนามาก
    มันไม่ใช่นะเคอะ มันคือหนังหน้าหนาๆด้านๆของเจี๊ยบ
    หนังแท้ ที่กร้านแดด กร้านฝน กร้านความซั่ว
    ล้มล้างการปกครอง มุ่งคับแ-ค้-น แทนผัวเก่าชื่อสุรชัย แซ่ด่าน
    ดังนั้น ห้ามเข้าใจผิดเด็ดขาด
    ว่าหน้าหนาเพราะรองพื้น
    ตามนั้นคือ จบ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    เป็นคนดีต้องให้ความยุติธรรม #ไม่อยากให้ใครว่าเจี๊ยบอมเกียร์แบบผิดๆ ความเข้าใจผิดจะพาให้เกิดอคติ จริงๆแล้ว ที่เห็นหน้าเจี๊ยบหนาๆ หลายคนบอกว่าเป็นรองพื้นที่หนามาก มันไม่ใช่นะเคอะ มันคือหนังหน้าหนาๆด้านๆของเจี๊ยบ หนังแท้ ที่กร้านแดด กร้านฝน กร้านความซั่ว ล้มล้างการปกครอง มุ่งคับแ-ค้-น แทนผัวเก่าชื่อสุรชัย แซ่ด่าน ดังนั้น ห้ามเข้าใจผิดเด็ดขาด ว่าหน้าหนาเพราะรองพื้น ตามนั้นคือ จบ #คิงส์โพธิ์แดง
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 472 มุมมอง 0 รีวิว
  • เข้าใจความแตกต่างระหว่าง #คุชชั่น กับ #รองพื้น ต่างกันยังไง

    บทความนี้ จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงรายละเอียดของผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด ความแตกต่าง ความเหมาะสมกับผิว สถานการณ์ และความต้องการ ช่วยให้คุณตัดสินใจได้แบบตัดจบว่าเลือกใช้คุชชั่นหรือรองพื้นดี

    https://s.shopee.co.th/7KdVECR22M

    #เครื่องสำอาง

    เข้าใจความแตกต่างระหว่าง #คุชชั่น กับ #รองพื้น ต่างกันยังไง บทความนี้ จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงรายละเอียดของผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด ความแตกต่าง ความเหมาะสมกับผิว สถานการณ์ และความต้องการ ช่วยให้คุณตัดสินใจได้แบบตัดจบว่าเลือกใช้คุชชั่นหรือรองพื้นดี https://s.shopee.co.th/7KdVECR22M #เครื่องสำอาง
    S.SHOPEE.CO.TH
    เข้าใจความแตกต่างระหว่างคุชชั่นกับรองพื้นต่างกันยังไง
    ถ้าเคยเอ๊ะว่า คุชชั่นกับรองพื้นต่างกันยังไง ใช้คุชชั่นหรือรองพื้นดี คุชชั่นกับรองพื้นลงอันไหนก่อนดี บทความนี้จะตอบทุกข้อสงสัย พร้อมแนะนำคุชชั่นกับรองพื้นตัวเด็ด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 255 มุมมอง 0 รีวิว