• อาเซียนฮีลใจ ปันน้ำใจให้ไรเดอร์ และร้านอาหารในอินโดนีเซีย

    ผู้ขับขี่จักรยานยนต์รับจ้างออนไลน์ หรือ โอโจล (Ojol) ในอินโดนีเซีย รวมถึงร้านอาหาร และผู้ค้าอาหารรายย่อย ต่างดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอด ท่ามกลางเศรษฐกิจตกต่ำ ปัญหาข้าวยากหมากแพง ความไม่เป็นธรรมจากรัฐบาลและนักการเมือง นำไปสู่การชุมนุมของชาวอินโดนีเซีย

    การแสดงน้ำใจแม้เพียงเล็กน้อย ก็เป็นพลังให้พวกเขายืนหยัดสู้ชีวิตต่อไป ผู้ใช้งาน Grab ในไทย รวมถึงมาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และอื่นๆ สามารถสั่งออเดอร์อาหารหรือสิ่งของจำเป็น ไปยังไรเดอร์ชาวอินโดนีเซีย เพื่อเป็นกำลังใจให้พวกเขาในยามที่ยากลำบาก พร้อมกับช่วยเหลือร้านอาหาร และร้านค้ารายย่อย ที่ยอดขายหายไปจากสภาวะเศรษฐกิจ

    #BravePinkHeroGreen
    อาเซียนฮีลใจ ปันน้ำใจให้ไรเดอร์ และร้านอาหารในอินโดนีเซีย ผู้ขับขี่จักรยานยนต์รับจ้างออนไลน์ หรือ โอโจล (Ojol) ในอินโดนีเซีย รวมถึงร้านอาหาร และผู้ค้าอาหารรายย่อย ต่างดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอด ท่ามกลางเศรษฐกิจตกต่ำ ปัญหาข้าวยากหมากแพง ความไม่เป็นธรรมจากรัฐบาลและนักการเมือง นำไปสู่การชุมนุมของชาวอินโดนีเซีย การแสดงน้ำใจแม้เพียงเล็กน้อย ก็เป็นพลังให้พวกเขายืนหยัดสู้ชีวิตต่อไป ผู้ใช้งาน Grab ในไทย รวมถึงมาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และอื่นๆ สามารถสั่งออเดอร์อาหารหรือสิ่งของจำเป็น ไปยังไรเดอร์ชาวอินโดนีเซีย เพื่อเป็นกำลังใจให้พวกเขาในยามที่ยากลำบาก พร้อมกับช่วยเหลือร้านอาหาร และร้านค้ารายย่อย ที่ยอดขายหายไปจากสภาวะเศรษฐกิจ #BravePinkHeroGreen
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 187 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก Wall Street: เมื่อหุ้นควอนตัมแยกเป็นสองขั้ว—บางตัวร่วงหนัก บางตัวกลับฟื้นตัวสวนตลาด

    ในวันที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถูกกดดันจากความไม่แน่นอนด้านภาษีและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่พุ่งสูง นักลงทุนพากันหนีจากสินทรัพย์เสี่ยงไปหาหุ้นปลอดภัยอย่าง Unilever, P&G และ J&J ที่กลับมาเขียวสวนกระแส แต่หุ้นควอนตัมกลับถูกเทขายอย่างหนัก โดยเฉพาะบริษัทที่เน้น “ฮาร์ดแวร์” เป็นหลัก

    Quantum Computing Inc. และ Rigetti Computing สูญเสียมูลค่าหุ้นไปเกือบ 6% ในวันเดียว ขณะที่ IonQ และ D-Wave Quantum ซึ่งมี exposure ด้าน “ซอฟต์แวร์” มากกว่า กลับฟื้นตัวในช่วงท้ายวัน โดย D-Wave ปิดลดลงเพียง 0.15% และ IonQ ลดลง 0.35%

    นักวิเคราะห์มองว่า ความแตกต่างนี้สะท้อนถึง “ความยืดหยุ่นของโมเดลธุรกิจ” ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย—ซอฟต์แวร์ที่มี margin สูงและสามารถ deploy ผ่าน cloud ได้ง่าย ย่อมมีโอกาสรอดมากกว่าฮาร์ดแวร์ที่ต้องใช้เงินลงทุนสูงและมี cycle การพัฒนาแบบยาว

    แม้จะมีแรงเทขายในระยะสั้น แต่ ETF อย่าง QTUM ที่รวมหุ้นควอนตัมหลายตัวไว้ ก็ยังบวกอยู่ 13.9% ตั้งแต่ต้นปี แสดงว่าความเชื่อมั่นในระยะยาวยังไม่หายไป เพียงแต่ต้องเลือก “จังหวะและตัวเล่น” ให้ถูก

    ภาพรวมตลาดหุ้นควอนตัมในเดือนกันยายน 2025
    Quantum Computing Inc. และ Rigetti ร่วง ~6% จากแรงเทขายในกลุ่มฮาร์ดแวร์
    IonQ และ D-Wave ปรับตัวลงเล็กน้อย แต่ฟื้นตัวในช่วงท้ายวัน
    นักลงทุนเทไปหาหุ้นปลอดภัย เช่น J&J, P&G, Unilever

    ความแตกต่างระหว่างบริษัทฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
    IonQ และ D-Wave มีโมเดลที่เน้นซอฟต์แวร์และ cloud deployment
    Quantum Computing Inc. และ Rigetti ยังเน้นการพัฒนาอุปกรณ์ควอนตัมโดยตรง
    ซอฟต์แวร์มี margin สูงกว่าและปรับตัวได้ง่ายในภาวะงบประมาณจำกัด

    ความเคลื่อนไหวของ ETF และแนวโน้มระยะยาว
    QTUM ETF ยังบวก 13.9% ตั้งแต่ต้นปี แม้จะลดลง 1.4% ในวันเดียว
    นักลงทุนยังเชื่อในศักยภาพระยะยาวของควอนตัม แต่ต้องระวัง volatility
    การเลือกหุ้นควอนตัมต้องดูทั้งเทคโนโลยีและโมเดลธุรกิจ

    https://wccftech.com/quantum-computing-stocks-split-in-two-as-they-battle-tough-risk-off-market-conditions-some-lose-5-while-others-in-the-green/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Wall Street: เมื่อหุ้นควอนตัมแยกเป็นสองขั้ว—บางตัวร่วงหนัก บางตัวกลับฟื้นตัวสวนตลาด ในวันที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถูกกดดันจากความไม่แน่นอนด้านภาษีและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่พุ่งสูง นักลงทุนพากันหนีจากสินทรัพย์เสี่ยงไปหาหุ้นปลอดภัยอย่าง Unilever, P&G และ J&J ที่กลับมาเขียวสวนกระแส แต่หุ้นควอนตัมกลับถูกเทขายอย่างหนัก โดยเฉพาะบริษัทที่เน้น “ฮาร์ดแวร์” เป็นหลัก Quantum Computing Inc. และ Rigetti Computing สูญเสียมูลค่าหุ้นไปเกือบ 6% ในวันเดียว ขณะที่ IonQ และ D-Wave Quantum ซึ่งมี exposure ด้าน “ซอฟต์แวร์” มากกว่า กลับฟื้นตัวในช่วงท้ายวัน โดย D-Wave ปิดลดลงเพียง 0.15% และ IonQ ลดลง 0.35% นักวิเคราะห์มองว่า ความแตกต่างนี้สะท้อนถึง “ความยืดหยุ่นของโมเดลธุรกิจ” ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย—ซอฟต์แวร์ที่มี margin สูงและสามารถ deploy ผ่าน cloud ได้ง่าย ย่อมมีโอกาสรอดมากกว่าฮาร์ดแวร์ที่ต้องใช้เงินลงทุนสูงและมี cycle การพัฒนาแบบยาว แม้จะมีแรงเทขายในระยะสั้น แต่ ETF อย่าง QTUM ที่รวมหุ้นควอนตัมหลายตัวไว้ ก็ยังบวกอยู่ 13.9% ตั้งแต่ต้นปี แสดงว่าความเชื่อมั่นในระยะยาวยังไม่หายไป เพียงแต่ต้องเลือก “จังหวะและตัวเล่น” ให้ถูก ✅ ภาพรวมตลาดหุ้นควอนตัมในเดือนกันยายน 2025 ➡️ Quantum Computing Inc. และ Rigetti ร่วง ~6% จากแรงเทขายในกลุ่มฮาร์ดแวร์ ➡️ IonQ และ D-Wave ปรับตัวลงเล็กน้อย แต่ฟื้นตัวในช่วงท้ายวัน ➡️ นักลงทุนเทไปหาหุ้นปลอดภัย เช่น J&J, P&G, Unilever ✅ ความแตกต่างระหว่างบริษัทฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ➡️ IonQ และ D-Wave มีโมเดลที่เน้นซอฟต์แวร์และ cloud deployment ➡️ Quantum Computing Inc. และ Rigetti ยังเน้นการพัฒนาอุปกรณ์ควอนตัมโดยตรง ➡️ ซอฟต์แวร์มี margin สูงกว่าและปรับตัวได้ง่ายในภาวะงบประมาณจำกัด ✅ ความเคลื่อนไหวของ ETF และแนวโน้มระยะยาว ➡️ QTUM ETF ยังบวก 13.9% ตั้งแต่ต้นปี แม้จะลดลง 1.4% ในวันเดียว ➡️ นักลงทุนยังเชื่อในศักยภาพระยะยาวของควอนตัม แต่ต้องระวัง volatility ➡️ การเลือกหุ้นควอนตัมต้องดูทั้งเทคโนโลยีและโมเดลธุรกิจ https://wccftech.com/quantum-computing-stocks-split-in-two-as-they-battle-tough-risk-off-market-conditions-some-lose-5-while-others-in-the-green/
    WCCFTECH.COM
    Quantum Computing Stocks Split In Two As They Battle Tough & Risk-Off Market Conditions - Some Lose 5% While Others In The Green
    Quantum computing stocks fell nearly 6% as Quantum Computing Inc and Rigetti led losses amidst bearish market sentiment.
    0 Comments 0 Shares 168 Views 0 Reviews
  • อาเซียนฮีลใจ สั่งแกร็บเลี้ยงไรเดอร์อินโดฯ

    แม้การชุมนุมในอินโดนีเซียจะนำมาซึ่งความสูญเสีย แต่ก็เกิดธารน้ำใจหลั่งไหลสู่ไรเดอร์ ที่ชาวอินโดนีเซียเรียกว่าโอโจล (Ojol) ในภาวะที่ยากลำบาก พร้อมกับช่วยเหลือร้านอาหารขนาดเล็กในอินโดนีเซีย ที่ยอดขายหายไปจากสภาวะเศรษฐกิจ และผลจากการบริหารประเทศของประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต เมื่อผู้ใช้แพลตฟอร์มสั่งอาหารออนไลน์ แกร็บ (Grab) และโกเจ็ก (Gojek) ในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย และประเทศอื่นๆ สั่งอาหารจากร้านอาหารขนาดเล็กในอินโดนีเซียเพื่อเลี้ยงไรเดอร์

    ที่ผ่านมาพบว่ามีผู้ใช้งานแกร็บและโกเจ็กในหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ต่างช่วยเหลือไรเดอร์ และร้านอาหารในอินโดนีเซีย รวมทั้งบางคนซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคให้ไรเดอร์ผ่านบริการ Grabmart ของแกร็บ หรือ GoMart ของโกเจ็ก โดยไรเดอร์ที่ได้รับอาหารต่างขอบคุณและอวยพรกลับมา ทั้งส่งข้อความส่วนตัวในแพลตฟอร์ม หรือโพสต์คลิปลงในแพลตฟอร์มโซเชียลฯ เช่น เอ็กซ์ ติ๊กต็อก เธรด อินสตาแกรม ฯลฯ เพื่อเป็นหลักฐานว่าได้รับอาหารแล้ว และขอบคุณในน้ำใจที่มีให้ แสดงให้เห็นว่าน้ำใจเกิดขึ้นได้โดยไม่มีพรมแดน และกระชับความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนร่วมชาติสมาชิกประชาคมอาเซียน

    ผู้ใช้งานแกร็บในประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ไทย เมียนมา และกัมพูชา สามารถเลือกประเทศอินโดนีเซีย เพื่อสั่งอาหารช่วยเหลือไรเดอร์ข้ามประเทศได้ โดยชำระผ่านบัตรเครดิต ระบุข้อความถึงร้านอาหาร และข้อความถึงคนขับ เป็นภาษาอินโดนีเซียว่า "Pak/Bu, makanannya untuk abang/kakak driver & teman-teman" (คุณครับ อาหารนี้สำหรับคนขับและเพื่อนๆ ครับ) เพื่อให้ทราบว่าอาหารดังกล่าวสำหรับคนขับไรเดอร์และเพื่อนๆ

    อีกด้านหนึ่ง เมื่อวันที่ 1 ก.ย. นายแอนโทนี ตัน (Anthony Tan) ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งแกร็บ เดินทางจากสิงคโปร์มายังเมืองมากัสซาร์ จังหวัดซูลาเวซีใต้ เพื่อเยี่ยมครอบครัวของนายรุสดัมเดียนสยาห์ (Rusdamdiansyah) หรือ ดันดี (Dandi) ชายวัย 26 ปี ไรเดอร์แกร็บซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 29 ส.ค. โดยจะให้การช่วยเหลือทางการเงินและอื่นๆ ในระยะยาว พร้อมกันนี้ยังได้เปิดสายด่วนฉุกเฉินเกอร์เซป (GERCEP หรือ Grab Respon Cepat) และโครงการตรักเตียร์ ไดร์ฟเวอร์ (Traktir Driver) ให้ผู้ใช้งานสามารถซื้ออาหารให้กับไรเดอร์โดยตรงได้อีกด้วย

    สำหรับผู้เสียชีวิตจากการชุมนุมอย่างน้อย 6 คน นอกจากนายรุสดัมเดียนสยาห์แล้ว ยังมีนายอัฟฟาน คูรเนียวัน (Affan Kurniawan) วัย 21 ปี ผู้ขับขี่แพลตฟอร์มโกเจ็ก ถูกรถหุ้มเกราะควบคุมฝูงชน (Brimob) พุ่งชนเสียชีวิตเมื่อค่ำวันที่ 28 ส.ค.ที่ที่กรุงจาการ์ตา

    #Newskit
    อาเซียนฮีลใจ สั่งแกร็บเลี้ยงไรเดอร์อินโดฯ แม้การชุมนุมในอินโดนีเซียจะนำมาซึ่งความสูญเสีย แต่ก็เกิดธารน้ำใจหลั่งไหลสู่ไรเดอร์ ที่ชาวอินโดนีเซียเรียกว่าโอโจล (Ojol) ในภาวะที่ยากลำบาก พร้อมกับช่วยเหลือร้านอาหารขนาดเล็กในอินโดนีเซีย ที่ยอดขายหายไปจากสภาวะเศรษฐกิจ และผลจากการบริหารประเทศของประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต เมื่อผู้ใช้แพลตฟอร์มสั่งอาหารออนไลน์ แกร็บ (Grab) และโกเจ็ก (Gojek) ในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย และประเทศอื่นๆ สั่งอาหารจากร้านอาหารขนาดเล็กในอินโดนีเซียเพื่อเลี้ยงไรเดอร์ ที่ผ่านมาพบว่ามีผู้ใช้งานแกร็บและโกเจ็กในหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ต่างช่วยเหลือไรเดอร์ และร้านอาหารในอินโดนีเซีย รวมทั้งบางคนซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคให้ไรเดอร์ผ่านบริการ Grabmart ของแกร็บ หรือ GoMart ของโกเจ็ก โดยไรเดอร์ที่ได้รับอาหารต่างขอบคุณและอวยพรกลับมา ทั้งส่งข้อความส่วนตัวในแพลตฟอร์ม หรือโพสต์คลิปลงในแพลตฟอร์มโซเชียลฯ เช่น เอ็กซ์ ติ๊กต็อก เธรด อินสตาแกรม ฯลฯ เพื่อเป็นหลักฐานว่าได้รับอาหารแล้ว และขอบคุณในน้ำใจที่มีให้ แสดงให้เห็นว่าน้ำใจเกิดขึ้นได้โดยไม่มีพรมแดน และกระชับความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนร่วมชาติสมาชิกประชาคมอาเซียน ผู้ใช้งานแกร็บในประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ไทย เมียนมา และกัมพูชา สามารถเลือกประเทศอินโดนีเซีย เพื่อสั่งอาหารช่วยเหลือไรเดอร์ข้ามประเทศได้ โดยชำระผ่านบัตรเครดิต ระบุข้อความถึงร้านอาหาร และข้อความถึงคนขับ เป็นภาษาอินโดนีเซียว่า "Pak/Bu, makanannya untuk abang/kakak driver & teman-teman" (คุณครับ อาหารนี้สำหรับคนขับและเพื่อนๆ ครับ) เพื่อให้ทราบว่าอาหารดังกล่าวสำหรับคนขับไรเดอร์และเพื่อนๆ อีกด้านหนึ่ง เมื่อวันที่ 1 ก.ย. นายแอนโทนี ตัน (Anthony Tan) ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งแกร็บ เดินทางจากสิงคโปร์มายังเมืองมากัสซาร์ จังหวัดซูลาเวซีใต้ เพื่อเยี่ยมครอบครัวของนายรุสดัมเดียนสยาห์ (Rusdamdiansyah) หรือ ดันดี (Dandi) ชายวัย 26 ปี ไรเดอร์แกร็บซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 29 ส.ค. โดยจะให้การช่วยเหลือทางการเงินและอื่นๆ ในระยะยาว พร้อมกันนี้ยังได้เปิดสายด่วนฉุกเฉินเกอร์เซป (GERCEP หรือ Grab Respon Cepat) และโครงการตรักเตียร์ ไดร์ฟเวอร์ (Traktir Driver) ให้ผู้ใช้งานสามารถซื้ออาหารให้กับไรเดอร์โดยตรงได้อีกด้วย สำหรับผู้เสียชีวิตจากการชุมนุมอย่างน้อย 6 คน นอกจากนายรุสดัมเดียนสยาห์แล้ว ยังมีนายอัฟฟาน คูรเนียวัน (Affan Kurniawan) วัย 21 ปี ผู้ขับขี่แพลตฟอร์มโกเจ็ก ถูกรถหุ้มเกราะควบคุมฝูงชน (Brimob) พุ่งชนเสียชีวิตเมื่อค่ำวันที่ 28 ส.ค.ที่ที่กรุงจาการ์ตา #Newskit
    1 Comments 0 Shares 224 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากสแตนฟอร์ด: เมื่อ AI กลายเป็นตัวกรองคนเข้าสู่โลกการทำงาน

    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Generative AI อย่าง ChatGPT, Claude และเครื่องมืออัตโนมัติอื่น ๆ ได้เข้ามาเปลี่ยนวิธีทำงานในหลายอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว แต่ผลกระทบที่หลายคนยังไม่ทันตั้งตัว คือการ “ลดโอกาส” ของคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นอาชีพ

    งานวิจัยจาก Stanford Digital Economy Lab วิเคราะห์ข้อมูลจาก ADP ซึ่งเป็นผู้ให้บริการระบบเงินเดือนรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ พบว่า ตั้งแต่ปลายปี 2022 ถึงกลางปี 2025 การจ้างงานของคนอายุ 22–25 ปีในสายงานที่ “เสี่ยงต่อการถูกแทนที่ด้วย AI” เช่น customer service, accounting และ software development ลดลงถึง 13% ขณะที่คนอายุ 35 ปีขึ้นไปในสายงานเดียวกันกลับมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น

    เหตุผลหลักคือ AI สามารถแทนที่ “ความรู้แบบท่องจำ” หรือ codified knowledge ที่คนรุ่นใหม่เพิ่งเรียนจบมาได้ง่าย แต่ยังไม่สามารถแทนที่ “ความรู้จากประสบการณ์” หรือ tacit knowledge ที่คนทำงานมานานสะสมไว้ได้

    นอกจากนี้ งานวิจัยยังพบว่าในสายงานที่ AI “เสริม” การทำงาน เช่น การช่วยตรวจสอบโค้ดหรือจัดการข้อมูล การจ้างงานกลับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีทักษะผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและการตัดสินใจ

    ผลกระทบของ AI ต่อแรงงานอายุน้อย
    คนอายุ 22–25 ปีในสายงานที่เสี่ยงต่อการถูกแทนที่ด้วย AI มีการจ้างงานลดลง 13%
    สายงานที่ได้รับผลกระทบมาก ได้แก่ customer service, accounting, software development
    ในขณะที่คนอายุ 35 ปีขึ้นไปในสายงานเดียวกันมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น

    ความแตกต่างระหว่าง codified กับ tacit knowledge
    AI สามารถแทนที่ความรู้แบบท่องจำจากการศึกษาได้ง่าย
    แต่ยังไม่สามารถแทนที่ความรู้จากประสบการณ์ที่ไม่ได้เขียนไว้ในตำรา

    สายงานที่ AI เสริมมากกว่าทดแทน
    ในงานที่ AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลหรือช่วยเขียนโค้ด
    การจ้างงานยังคงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีทักษะผสม

    ความพยายามควบคุมตัวแปรอื่น
    งานวิจัยพยายามตัดปัจจัยแทรก เช่น remote work, การจ้างงานภายนอก, หรือภาวะเศรษฐกิจ
    ผลลัพธ์ยังคงชี้ชัดว่า AI เป็นตัวแปรหลักที่ส่งผลต่อการจ้างงานของคนรุ่นใหม่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    การใช้ AI ในองค์กรยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น หมายความว่าผลกระทบอาจเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต
    นักเศรษฐศาสตร์จาก Goldman Sachs ยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงเริ่มปรากฏในข้อมูลแรงงานแล้ว


    https://www.cnbc.com/2025/08/28/generative-ai-reshapes-us-job-market-stanford-study-shows-entry-level-young-workers.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากสแตนฟอร์ด: เมื่อ AI กลายเป็นตัวกรองคนเข้าสู่โลกการทำงาน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Generative AI อย่าง ChatGPT, Claude และเครื่องมืออัตโนมัติอื่น ๆ ได้เข้ามาเปลี่ยนวิธีทำงานในหลายอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว แต่ผลกระทบที่หลายคนยังไม่ทันตั้งตัว คือการ “ลดโอกาส” ของคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นอาชีพ งานวิจัยจาก Stanford Digital Economy Lab วิเคราะห์ข้อมูลจาก ADP ซึ่งเป็นผู้ให้บริการระบบเงินเดือนรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ พบว่า ตั้งแต่ปลายปี 2022 ถึงกลางปี 2025 การจ้างงานของคนอายุ 22–25 ปีในสายงานที่ “เสี่ยงต่อการถูกแทนที่ด้วย AI” เช่น customer service, accounting และ software development ลดลงถึง 13% ขณะที่คนอายุ 35 ปีขึ้นไปในสายงานเดียวกันกลับมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น เหตุผลหลักคือ AI สามารถแทนที่ “ความรู้แบบท่องจำ” หรือ codified knowledge ที่คนรุ่นใหม่เพิ่งเรียนจบมาได้ง่าย แต่ยังไม่สามารถแทนที่ “ความรู้จากประสบการณ์” หรือ tacit knowledge ที่คนทำงานมานานสะสมไว้ได้ นอกจากนี้ งานวิจัยยังพบว่าในสายงานที่ AI “เสริม” การทำงาน เช่น การช่วยตรวจสอบโค้ดหรือจัดการข้อมูล การจ้างงานกลับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีทักษะผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและการตัดสินใจ ✅ ผลกระทบของ AI ต่อแรงงานอายุน้อย ➡️ คนอายุ 22–25 ปีในสายงานที่เสี่ยงต่อการถูกแทนที่ด้วย AI มีการจ้างงานลดลง 13% ➡️ สายงานที่ได้รับผลกระทบมาก ได้แก่ customer service, accounting, software development ➡️ ในขณะที่คนอายุ 35 ปีขึ้นไปในสายงานเดียวกันมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น ✅ ความแตกต่างระหว่าง codified กับ tacit knowledge ➡️ AI สามารถแทนที่ความรู้แบบท่องจำจากการศึกษาได้ง่าย ➡️ แต่ยังไม่สามารถแทนที่ความรู้จากประสบการณ์ที่ไม่ได้เขียนไว้ในตำรา ✅ สายงานที่ AI เสริมมากกว่าทดแทน ➡️ ในงานที่ AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลหรือช่วยเขียนโค้ด ➡️ การจ้างงานยังคงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีทักษะผสม ✅ ความพยายามควบคุมตัวแปรอื่น ➡️ งานวิจัยพยายามตัดปัจจัยแทรก เช่น remote work, การจ้างงานภายนอก, หรือภาวะเศรษฐกิจ ➡️ ผลลัพธ์ยังคงชี้ชัดว่า AI เป็นตัวแปรหลักที่ส่งผลต่อการจ้างงานของคนรุ่นใหม่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ การใช้ AI ในองค์กรยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น หมายความว่าผลกระทบอาจเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต ➡️ นักเศรษฐศาสตร์จาก Goldman Sachs ยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงเริ่มปรากฏในข้อมูลแรงงานแล้ว https://www.cnbc.com/2025/08/28/generative-ai-reshapes-us-job-market-stanford-study-shows-entry-level-young-workers.html
    WWW.CNBC.COM
    AI adoption linked to 13% decline in jobs for young U.S. workers, Stanford study reveals
    A Standford study has found evidence that the widespread adoption of generative AI is impacting the job prospects of early career workers.
    0 Comments 0 Shares 173 Views 0 Reviews

  • ส่วนตัวเคยพูดบ่อยและนานแล้ว กฎอัยการศึกทั่วไทยต้องประกาศทันที,แต่ก็ไม่ทำ,เพราะผู้ถืออำนาจมิใช่แบบแม่ทัพภาค2 ,จากเปิดช่องลากยาวลุกลามถึงปัจจุบัน,
    ..เขมรจริงๆในภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำขนาดนี้และฮุนเซนเปิดสงครามกับไทยด้วย,เราในนามทหารที่ประกาศกฎอัยการศึกต้องผลักดันเขมรออกจากประเทศไทยทั้งหมดทันทีจริงๆ,ไปปล่อยเกาะก่อนสงครามสงบศึกก็ได้ เอกชนไทยป้อนงานโดยทหารสนับสนุนขนส่งได้,ภัยอธิปไตยชาติต้องมาก่อน,สันดานคนเขมรไว้ใจไม่ได้ของจริง,พร้อมทำร้ายทำลายเราตลอดเวลา,ส่วนตัวใครจะว่าใจดำก็ตาม ค่าจริงคือคนไทยเราต้องรอดปลอดภัยก่อน,คุณมีประเทศตนเองแล้วต้องหลับไปจัดการแก้ไขเอง,ให้เราเลี้ยงดูไม่ถูกต้อง,และฝ่ายทหารไทยต้องวางรั้วลวดหนามชั่วคราวทันทีห่างจุดเขตแนวจริงอาจ10-15เมตรก็ได้เพื่อจะได้สร้างรั้วลวดหนามถาวรจริงในอนาคตอันใกล้ต่อไป มีเท่าไรทำเท่านั้นก่อนในจุดพื้นที่ราบแบบบ้านหนองจานมีหลักเขตแดนชัดเจน,ห้ามคนไทยเลวชั่ว คนเขมรอัปรีย์จัญไรเดินทางเข้าออกผ่านทางธรรมชาติแบบเดิมๆง่ายๆอีกต่อไป,ลักลอบเข้าประเทศไม่ง่ายแล้วนั่นเองตัดตอนนัยยะชั่วๆเลวๆหลากหลายมากมายภัยภายในชาติไทยและชุมชนสังคมกันเลยทีเดียว,หยุดผีบ้าอ้างมนุษยธรรมเหี้ยๆกันคนสันดานแบบเขมรนี้เลย แม้ลาว เวียดนาม จีน รัสเชีย เกาหลีเหนือรบกับเขมร เป้าหมายเขาคือเด็ดหัวฮุนเซนฮุนมาเนตหรือทหารเขมรชั่วเลวปกติที่สู้กับเขา,ประชาชนเขาไม่ฆ่าสังหารอยู่แล้วนอกจากไปปลอมตัวเป็นชาวบ้านเคลมชาวบ้านเสือกหันปืนใส่เขา เขาไม่เก็บไว้ทำซากหรอก,เขาไม่ได้ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ชาวเขมรแบบนั้น,เสือกจะรับเข้ามาเลี้ยงดูเป็นภาระทำซากอะไร แบบหนองจาน2ฝันเลย มรึงก็แห่เทคนไปอยู่ที่ปลอดภัยอพยพในโซนแผ่นดินเขมรมรึงเองที่ปลอดภัยสิ,เข้ามาใกล้ไทย ไทยยิงระเบิดในรัศมีใส่ให้ด้วย,กูประเทศไทยไม่เอามึงไม่รับพวกมรึงในทุกๆกรณีแล้ว,มาบีบน้ำตาขอความเมตตากรุณาหน้าด่านก็ฝันไปเถอะ,ตายหมดประเทศเพราะพวกมรึงทำมึงเอง,โน้นเชียร์บินรบมรึงมาถล่มไทยโน้น ประชาชนทั่วประเทศกดชื่นชอบเกือบหมดประเทศหมายเครื่องรบมรึงบินมาทำลายประเทศไทยกู กดชอบกดตกลงซื้อกดสนับสนุนมาฆ่าสังหารไทยโน้น เหยียบธงชาติไทยเป็นว่าเล่นตอนที่ตนเชื่อว่าเหนือกว่า เชื่อว่าไทยกาก รบชนะไทยยึดไทยได้แน่นอน,คนไทยเราทั้งประเทศอย่าลืม,มนุษยธรรมแค่พวกอยากได้โล่ก่อการใหญ่เพื่อยึดผลประโยชน์ของมันอย่างเท่แค่นั้นบังหน้าว่าพ่อพระว่าเป็นพระเจ้ามาโปรด,เขมรมิใช่สงครามยุคฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไทยด้วยซ้ำจะบุกเด็ดหัวฮุนเซนฮุนมาเนตให้จบจริงในรุ่นเรา,ถ้าทหารไทยไม่เข้าร่วมเด็ดหัวเขมรผู้รุกรานคุกคามอธิปไตยไทยสร้างประวัติศาสตร์ครั้งนี้ร่วมกำจัดภัยอาชญากรรมระดับโลกด้วย เสียของมาก,เพราะเรื่องทั้งหมดมาจากมันเขมรเปิดใส่ไทยก่อน ต้องกำจัดเขมรให้สิ้นซากด้วย จะให้ลาวให้เวียดนามเป็นแม่งาน บ้าไปแล้วเหรอ,มีแต่เราจะแบ่งพื้นที่เขมรให้ลาวให้เวียดนามอย่างไร เราเอาแค่เคยเป็นของเราส่วนใดๆ,ฮุนเซนฮุนมาเนตไม่ตายในยุคนี้ การไล่ล่าทางสงครามก็ยังไม่จบ,การแบ่งดินแดนเขมรคือความจริง ภูมิภาคเขตโซนนี้จะเหลือแค่ไทย ลาว เวียดนามเท่านั้น,
    ..เรา..ประชาชนคนไทยจะไม่ใจอ่อนใจเมตตาใดๆกับคนทรยศเนรคุณหักหลังแบบสาระพัดสันดานเลวเขมรนี้อีกต่อไป,เจ็บครั้งนี้ต้องจำ,เด็กๆเราไม่รู้เรื่องอะไรเลย เสือกยิงระเบิดมาสังหารเกือบหมดครอบครัวเสีย,ประชาชนเราตาย ทหารเราขาขาดทั้งที่อยู่บนแผ่นดินไทย แต่ประชาชนเขมรทั้งประเทศกลับยินดีปรีดาใจดีอกดีใจที่ทหารไทยเราขาขาดมันใข่เหรอ,ดีอกดีใจจะมีเครื่องบินมาฆ่าคนไทยโจรสยามเสียทีีมันว่า,ประชาชนคนไทยยังจะปิดรั้วลวดหนามรอรับเลี้ยงดูปูสื่อมันอย่างดีอกดีใจเหรอ กูประเทศไทยมีมนุษยธรรมเห็นมั้ย,เราแค่อยากอวดว่าดีเหรอ,แม้ถีบกลับปิดรั้วเลยดีกว่า,มรึงจะอพยพไปตายที่ไหนก็เรื่องของมรึง ไปมาเลย์โน้น ลอยคอข้ามฝั่งไปเกาะมาเลย์เลย,เรือรบมาเลย์ขนาดใหญ่ บรรทุกคนที่ท่าเรือเรียมขึ้นฝั่งมาเลย์สบาย เรือรบพ่อทรัมป์อเมริกามรึงเองก็ด้วย ขนคนทีละหมื่นละแสนคนสบาย,,คนไทยเราอย่าโลกสวยเลย,คลิปนี้สไตล์คนกำลังจะอยากเป็นนักการเมืองพรรคการเมืองอีกพรรคแค่นั้น ใจจริงท่านอยากถีบลงทะเลหมดก็ได้,แต่สำหรับเรา..ประชาชน ถีบมันไปเกาะมาเลย์เลย อาจไปยึดพื้นที่มาเลย์สร้างบ้านเรือนผู้อพยพแบบบ้านหนองจานนั้นล่ะ ยึดมาเลย์ยึดบ่อน้ำมันมาเลย์กับอินโดที่แย่งกันเกือบตายแต่เขมรเข้าไป มันอ้างว่าเป็นของมันทั้งหมดเสียก็ว่าในเวลานั้นใครจะรู้,สันดานนอนใจติดไปกับมันจนตาย ลอยคอกลางทะเลข้ามทะเลอพยพไปเกาะมาเลย์มันก็หายทิ้งในสันดานเดิมมันไม่ได้หรอก,แบบนี้ค่าจริง มาเลย์ต้องลองเอง เอามันไปเลี้ยงดูที่เกาะมาเลย์ติดบรูไนนั้นล่ะ จะมีเพื่อนเขมรเพิ่มขึ้นบนเกาะ,เราไทยลาวเวียดนามถีบมันไปปล่อยเกาะมาเลย์เลยขี้ข้าอเมริกาซาอุฯของจริง,




    https://youtube.com/watch?v=T-dZ1xJ6vCA&si=HqOC3UckL55XTROF
    ส่วนตัวเคยพูดบ่อยและนานแล้ว กฎอัยการศึกทั่วไทยต้องประกาศทันที,แต่ก็ไม่ทำ,เพราะผู้ถืออำนาจมิใช่แบบแม่ทัพภาค2 ,จากเปิดช่องลากยาวลุกลามถึงปัจจุบัน, ..เขมรจริงๆในภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำขนาดนี้และฮุนเซนเปิดสงครามกับไทยด้วย,เราในนามทหารที่ประกาศกฎอัยการศึกต้องผลักดันเขมรออกจากประเทศไทยทั้งหมดทันทีจริงๆ,ไปปล่อยเกาะก่อนสงครามสงบศึกก็ได้ เอกชนไทยป้อนงานโดยทหารสนับสนุนขนส่งได้,ภัยอธิปไตยชาติต้องมาก่อน,สันดานคนเขมรไว้ใจไม่ได้ของจริง,พร้อมทำร้ายทำลายเราตลอดเวลา,ส่วนตัวใครจะว่าใจดำก็ตาม ค่าจริงคือคนไทยเราต้องรอดปลอดภัยก่อน,คุณมีประเทศตนเองแล้วต้องหลับไปจัดการแก้ไขเอง,ให้เราเลี้ยงดูไม่ถูกต้อง,และฝ่ายทหารไทยต้องวางรั้วลวดหนามชั่วคราวทันทีห่างจุดเขตแนวจริงอาจ10-15เมตรก็ได้เพื่อจะได้สร้างรั้วลวดหนามถาวรจริงในอนาคตอันใกล้ต่อไป มีเท่าไรทำเท่านั้นก่อนในจุดพื้นที่ราบแบบบ้านหนองจานมีหลักเขตแดนชัดเจน,ห้ามคนไทยเลวชั่ว คนเขมรอัปรีย์จัญไรเดินทางเข้าออกผ่านทางธรรมชาติแบบเดิมๆง่ายๆอีกต่อไป,ลักลอบเข้าประเทศไม่ง่ายแล้วนั่นเองตัดตอนนัยยะชั่วๆเลวๆหลากหลายมากมายภัยภายในชาติไทยและชุมชนสังคมกันเลยทีเดียว,หยุดผีบ้าอ้างมนุษยธรรมเหี้ยๆกันคนสันดานแบบเขมรนี้เลย แม้ลาว เวียดนาม จีน รัสเชีย เกาหลีเหนือรบกับเขมร เป้าหมายเขาคือเด็ดหัวฮุนเซนฮุนมาเนตหรือทหารเขมรชั่วเลวปกติที่สู้กับเขา,ประชาชนเขาไม่ฆ่าสังหารอยู่แล้วนอกจากไปปลอมตัวเป็นชาวบ้านเคลมชาวบ้านเสือกหันปืนใส่เขา เขาไม่เก็บไว้ทำซากหรอก,เขาไม่ได้ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ชาวเขมรแบบนั้น,เสือกจะรับเข้ามาเลี้ยงดูเป็นภาระทำซากอะไร แบบหนองจาน2ฝันเลย มรึงก็แห่เทคนไปอยู่ที่ปลอดภัยอพยพในโซนแผ่นดินเขมรมรึงเองที่ปลอดภัยสิ,เข้ามาใกล้ไทย ไทยยิงระเบิดในรัศมีใส่ให้ด้วย,กูประเทศไทยไม่เอามึงไม่รับพวกมรึงในทุกๆกรณีแล้ว,มาบีบน้ำตาขอความเมตตากรุณาหน้าด่านก็ฝันไปเถอะ,ตายหมดประเทศเพราะพวกมรึงทำมึงเอง,โน้นเชียร์บินรบมรึงมาถล่มไทยโน้น ประชาชนทั่วประเทศกดชื่นชอบเกือบหมดประเทศหมายเครื่องรบมรึงบินมาทำลายประเทศไทยกู กดชอบกดตกลงซื้อกดสนับสนุนมาฆ่าสังหารไทยโน้น เหยียบธงชาติไทยเป็นว่าเล่นตอนที่ตนเชื่อว่าเหนือกว่า เชื่อว่าไทยกาก รบชนะไทยยึดไทยได้แน่นอน,คนไทยเราทั้งประเทศอย่าลืม,มนุษยธรรมแค่พวกอยากได้โล่ก่อการใหญ่เพื่อยึดผลประโยชน์ของมันอย่างเท่แค่นั้นบังหน้าว่าพ่อพระว่าเป็นพระเจ้ามาโปรด,เขมรมิใช่สงครามยุคฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไทยด้วยซ้ำจะบุกเด็ดหัวฮุนเซนฮุนมาเนตให้จบจริงในรุ่นเรา,ถ้าทหารไทยไม่เข้าร่วมเด็ดหัวเขมรผู้รุกรานคุกคามอธิปไตยไทยสร้างประวัติศาสตร์ครั้งนี้ร่วมกำจัดภัยอาชญากรรมระดับโลกด้วย เสียของมาก,เพราะเรื่องทั้งหมดมาจากมันเขมรเปิดใส่ไทยก่อน ต้องกำจัดเขมรให้สิ้นซากด้วย จะให้ลาวให้เวียดนามเป็นแม่งาน บ้าไปแล้วเหรอ,มีแต่เราจะแบ่งพื้นที่เขมรให้ลาวให้เวียดนามอย่างไร เราเอาแค่เคยเป็นของเราส่วนใดๆ,ฮุนเซนฮุนมาเนตไม่ตายในยุคนี้ การไล่ล่าทางสงครามก็ยังไม่จบ,การแบ่งดินแดนเขมรคือความจริง ภูมิภาคเขตโซนนี้จะเหลือแค่ไทย ลาว เวียดนามเท่านั้น, ..เรา..ประชาชนคนไทยจะไม่ใจอ่อนใจเมตตาใดๆกับคนทรยศเนรคุณหักหลังแบบสาระพัดสันดานเลวเขมรนี้อีกต่อไป,เจ็บครั้งนี้ต้องจำ,เด็กๆเราไม่รู้เรื่องอะไรเลย เสือกยิงระเบิดมาสังหารเกือบหมดครอบครัวเสีย,ประชาชนเราตาย ทหารเราขาขาดทั้งที่อยู่บนแผ่นดินไทย แต่ประชาชนเขมรทั้งประเทศกลับยินดีปรีดาใจดีอกดีใจที่ทหารไทยเราขาขาดมันใข่เหรอ,ดีอกดีใจจะมีเครื่องบินมาฆ่าคนไทยโจรสยามเสียทีีมันว่า,ประชาชนคนไทยยังจะปิดรั้วลวดหนามรอรับเลี้ยงดูปูสื่อมันอย่างดีอกดีใจเหรอ กูประเทศไทยมีมนุษยธรรมเห็นมั้ย,เราแค่อยากอวดว่าดีเหรอ,แม้ถีบกลับปิดรั้วเลยดีกว่า,มรึงจะอพยพไปตายที่ไหนก็เรื่องของมรึง ไปมาเลย์โน้น ลอยคอข้ามฝั่งไปเกาะมาเลย์เลย,เรือรบมาเลย์ขนาดใหญ่ บรรทุกคนที่ท่าเรือเรียมขึ้นฝั่งมาเลย์สบาย เรือรบพ่อทรัมป์อเมริกามรึงเองก็ด้วย ขนคนทีละหมื่นละแสนคนสบาย,,คนไทยเราอย่าโลกสวยเลย,คลิปนี้สไตล์คนกำลังจะอยากเป็นนักการเมืองพรรคการเมืองอีกพรรคแค่นั้น ใจจริงท่านอยากถีบลงทะเลหมดก็ได้,แต่สำหรับเรา..ประชาชน ถีบมันไปเกาะมาเลย์เลย อาจไปยึดพื้นที่มาเลย์สร้างบ้านเรือนผู้อพยพแบบบ้านหนองจานนั้นล่ะ ยึดมาเลย์ยึดบ่อน้ำมันมาเลย์กับอินโดที่แย่งกันเกือบตายแต่เขมรเข้าไป มันอ้างว่าเป็นของมันทั้งหมดเสียก็ว่าในเวลานั้นใครจะรู้,สันดานนอนใจติดไปกับมันจนตาย ลอยคอกลางทะเลข้ามทะเลอพยพไปเกาะมาเลย์มันก็หายทิ้งในสันดานเดิมมันไม่ได้หรอก,แบบนี้ค่าจริง มาเลย์ต้องลองเอง เอามันไปเลี้ยงดูที่เกาะมาเลย์ติดบรูไนนั้นล่ะ จะมีเพื่อนเขมรเพิ่มขึ้นบนเกาะ,เราไทยลาวเวียดนามถีบมันไปปล่อยเกาะมาเลย์เลยขี้ข้าอเมริกาซาอุฯของจริง, https://youtube.com/watch?v=T-dZ1xJ6vCA&si=HqOC3UckL55XTROF
    0 Comments 0 Shares 308 Views 0 Reviews
  • วัฏจักรดอกเบี้ย ขาลง? : [Biz Talk]
    มีผลทันที 13 ส.ค.68 ดอกเบี้ยนโยบายของไทย ลด 0.25% จาก 1.75% มาอยู่ที่ 1.50% พยุงเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง ที่มีแนวโน้มชะลอตัวจากภาษีสหรัฐ โดยรอบปีที่ผ่านมา กนง.ลดดอกเบี้ยนโยบายแล้ว 4 ครั้ง รวม 1.00% เพื่อบรรเทาผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงภายนอก ไม่ใช่ทิศทางดอกเบี้ยขาลง(Easing Cycle) จากภาวะเศรษฐกิจที่แย่!
    วัฏจักรดอกเบี้ย ขาลง? : [Biz Talk] มีผลทันที 13 ส.ค.68 ดอกเบี้ยนโยบายของไทย ลด 0.25% จาก 1.75% มาอยู่ที่ 1.50% พยุงเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง ที่มีแนวโน้มชะลอตัวจากภาษีสหรัฐ โดยรอบปีที่ผ่านมา กนง.ลดดอกเบี้ยนโยบายแล้ว 4 ครั้ง รวม 1.00% เพื่อบรรเทาผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงภายนอก ไม่ใช่ทิศทางดอกเบี้ยขาลง(Easing Cycle) จากภาวะเศรษฐกิจที่แย่!
    Like
    Love
    3
    0 Comments 0 Shares 430 Views 0 0 Reviews
  • ตอน 16
    จิ๊กโก๋๋ประกบติดไทยแลนด์สยามเมืองยิ้ม ตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงสงครามเวียตนามเลิก (ค.ศ.1950 – 1976) เพราะแผนของจิ๊กโก๋๋ ฉากหน้า กูเป็นจิ๊กโก๋๋ใหญ่ ปกป้องชาวซอย ที่ถูกจิ๊กโก๋๋ตาตี่หน้าเหลือง คือ ระบอบคอมมิวนิสต์ แผ่ขยายมากลืนกินประชาชาติแถบนี้
    แต่ฉากของจริง คือ ไอ้จิ๊กโก๋๋ผมทอง มันกลัวว่า ไอ้ตาตี่มันจะมาชิงลูกค้าเราไป เราจะยอมมันได้ไง หมดสงครามเวียตนาม ความต้องการใช้ไทยแลนด์ แดนสยามก็หยุดลงชั่วคราว
    จิ๊กโก๋๋จำเป็นต้องไปหากินซอยอื่น เพราะว่า การใช้น้ำมันทั่วโลกกำลังพุ่งแรงจากการขยายตัวของอุตสาหกรรม หรือพูดให้ชัดจากทุนนิยมที่เร่งขยายตัว
    จิ๊กโก๋๋ก็ต้องหาทางเอาน้ำมัน มาเป็นของตนเองให้มากที่สุด ก็เลยไปขุดเผือกขุดน้ำมันแถวบ้านคุณอาที่มีน้ำมัน จำได้ไหม แล้วก็เผ่นไปยุ่งถึงอเมริกาใต้ เกิดเรื่องอิหร่าน คอนทร้า (Iran Contra) จนวุ่นไปหมด
    มันไปหมดทุกแห่งที่จะล้วงกระเป๋าเขาได้ มาจนถึงปี ค.ศ.1997 จิ๊กโก๋๋เองขนาดล้วงกระเป๋าเขามา 50 ปี ก็จนเป็นเหมือนกัน เกิดภาวะเศรษฐกิจตกสะเก็ด การเพ่นพ่านของจิ๊กโก๋๋ ก็สงบลงเล็กน้อย เพราะมัวแต่จัดระเบียบบ้านตัวเอง
    ขณะเดียวกันประเทศที่ได้เอกราชใหม่ๆ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เช่น อินเดีย หรือประเทศที่เปลี่ยน แปลงวิธีบริหารประเทศของตัวเอง เช่น ประเทศจีน ก็ก้มหน้าก้มตาพัฒนาประเทศตัวเอง อย่างเร่งรีบ แต่เงียบเชียบ
    อเมริกาไม่เคยเห็นคนอื่นอยู่ในสายตา จับมืออยู่กันแต่ในกลุ่มหัว 3 เกลอหัวแข็งเท่านั้น บวกเอาญาติโยม และพวกฝ่ายผมทองเข้าไปด้วยเฉพาะที่ เห็นว่าพอจะคุยกันรู้เรื่อง ถึงได้เกิด EU สหภาพยุโรป G7, G8 อะไรนู่น เอาญี่ปุ่นตาตี่ไปรวมด้วย (เพราะเป็นภาระของสหรัฐโดยตรง ก็ทะลึ่งไปบอมบ์เขานี่นะ ก็เลยต้องพ่วงเป็นลูก บุญธรรมไปด้วยตลอดเวลา) ที่เหลือมันเหยื่อนักล่านักล้วงทั้งนั้นแหละ
    อเมริกาเมินภูมิภาคแถบนี้ไปนาน เพราะคิดว่าเหลือแต่ซากหลังสงครามเวียตนาม เหมือนแถบยุโรปตะวันออกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
    หันมาอีกที ต๊กกะใจ ว้าย ตาเถร ไอ้ตาตี่ทำไมมันโตเร็วกลายเป็น อาเฮียพุงพลุ้ยเดินโปรยเงินไปทั่ว จีนโตเร็วและทำท่าจะโตไปเรื่อยๆ บวกกับอินเดียและที่รวมตัวกันเรียกว่า กลุ่มประเทศที่เกิดใหม่ทางเศรษฐกิจ คือ กลุ่ม BRICS บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน อาฟริกาใต้
    คิดง่ายๆ แค่จีนกับอินเดียรวมกันมีประชากร 3 พันกว่าล้านคน ทั้งโลกนี้มีประชากร 7 พันกว่าล้านคน แค่ 2 ประเทศ ก็เกือบครึ่งโลกแล้ว กำลังซื้อมันจะขนาดไหน แค่นัดกระทืบเท้าพร้อมกัน โลกก็เอียงแล้ว (น่าลองดูนะ ซ่ามากๆ ก็ถล่มมันชะเลย)
    จิ๊กโก๋๋คิดแล้วก็หัวหมุนกลับ หันมาไทยแลนด์แดนสยามอีกครั้ง ในปี พ.ศ.2542 /ค.ศ.1999 ตรงกับปีที่เศรษฐกิจจีนเริ่มโตอย่างชัดเจน
    แล้วทำไงดีล่ะ ตัวทิ้งเค้าไปตั้งนาน อยู่ๆ จะกลับมา จ้ะๆ จ๋าๆ เหมือนเดิมกันง่ายๆ แบบนั้น เค้าไม่ใช่ หญิงคนชั่วเร่ขายชาตินะยะ แล้วตัวจำได้มั้ย ตอนเค้าตูดขาดเหลือแต่คลัง เงินไม่มีให้คงไว้น่ะ เพราะรัฐบาลน้าจิ๋ว กะรัฐบาลปี๋ชวนทำซะบักโกรกน่ะ เขาส่งอ้ายน้อยไปหาตัว ตัวทำอะไรกับเขา เขาจำได้นะ ให้ไอ้ IMF มันโหดกะเค้ายังไง ไปถามพวกเจ้าของธนาคาร หวั่งหลี ล่ำซำ หรือคุณป๋าประชัยแห่ง TPI หรือเฮียหวัดเจ้าของวลี ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ดูก็แล้วกันว่าหายช้ำหรือยัง
    อเมริกาจะกลับมาภูมิภาคนี้ใหม่ ก็ต้องกลับมาแบบไม่ให้เสียเชิง ไม่เสียฟอร์มนักทฤษฎี นักสร้างฉาก ลองทายดูซิ จิ๊กโก๋๋จะกลับมาแบบไหน กลับมาแบบเท่ห์ๆ น่ะ ฮา
    ช่วงสงครามเวียตนาม อเมริกาคบกับทหารไทย นักวิ่งผลัดจนรู้เช่นเห็นชาติ ว่าชอบกินอาหารจานด่วนแบบไหน หลอกล่อ ต่อรอง เห่กล่อม อย่างไร ถึงจะไม่งอแง พอเลิกใช้บริการนักวิ่งผลัด พี่เบิ้มก็ไปใช้พวกเด็กในคาถา good boy technocrat
    ดังนั้นเวลาหวนกลับ มันก็ไม่พ้นประตู 2 ช่องนี่แหละ จะพูดกับใครรู้เรื่องไปกว่าพวกที่เคยมือ รู้ใจกัน
    ว่าแล้วจิ๊กโก๋๋ก็เรียก good boy มาสัมภาษณ์ทีละคน โดยทำเป็นเชิญมาทานข้าวบ้าง ดื่มน้ำชาบ้าง ไล่ไปตั้งกะใหญ่โต ระดับองคมนตรี ข้าราชการ นักวิชาการ นักการเมืองทุกค่าย นักธุรกิจ จนถึงสื่อ
    ถามทุกเรื่องลับแบบเจาะลึก ท่านต่างๆ ก็ช่างตอบกันดีนัก อย่างกะขึ้นสังกัดกับเขา บางเรื่องเป็นเรื่องในบ้านเราแท้ๆ ไม่เห็นเกี่ยวกับคนนอกเลย ก็ตอบเขาเอา ตอบเอา (ขอขอบคุณ อภินันทนาการ เอกสารรั่ววิกิลีกส์ ทำให้รู้ว่า ใครช่างจ้อ ขนาดไหน)
    นอกจากนี้ก็ให้พวกซี ในคราบเจ้าหน้าที่สถานทูต เดินไปตามงานเลี้ยงไฮโซต่างๆ เก็บข่าวทุกวัน ใครกำลังขึ้น ใครกำลังลง พระราชวงศ์จะเป็นอย่างไร ใบไม้ใบไหนกำลังออกใหม่ ใบไหนกำลังจะร่วง ถามมันไปหมดทุกเรื่องนะแหละ
    เขาเล่ากันว่าสถานทูตสหรัฐในไทยนะใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก อันดับ 1 อยู่ที่อียิปต์ ที่ประเทศไทยนี้มีพนักงานประจำการอยู่กว่า 2 พันคน และที่ไม่ประจำอีกกว่า 2 พันคน โว้ย! มันเอามาทำไรแยะขนาดนี้ กะจะนับใบไม้ทุกใบหรือไงวะ ก็คงตกค้างตั้งกะสมัยรบสงครามเวียตนามน่ะนะ ตอนนั้นใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์ กลางบัญชาการรบ ก็จะให้พวกพี่เขาไปอยู่ที่ไหนล่ะ แถบนี้ ใครมันจะเจริญ แถมแสงสีเสียงครบแบบไทยแลนด์ล่ะ
    หลังจากทั้งซัก ทั้งฟอก เด็กในคาถา เดินสำรวจตามงานหรู ไม่ว่าของราชการ ไฮโซ สปอร์ตคลับฯลฯ หลายรอบ พี่เบิ้มก็ถอนใจ
    อู้ย จากไปไม่เท่าไหร่ ไม่คุมเอง ทำไม ไทยแลนด์ มันไม่ใช่แดนสยามเมืองยิ้ม อย่างเมื่อก่อนนะ นี่มันดันกลายเป็นสนามประลองกีฬาสีนี่นา แต่กีฬาสีนี้มันหนักน่ะ ใครจะอยู่ใครจะไป ไอยังไม่แน่ใจ
    อย่ากระนั้นเลย เอาที่แน่ๆ กลับไปที่นักกีฬาวิ่งผลัดดีกว่า เออ! เพิ่งนึกออก บ้านเรานี่มันนักกีฬาแยะนะ ไม่วิ่งผลัด ก็กีฬาสี 5 5 5
    อเมริกาส่งแม่ทัพเรือภาคที่ 7 ที่ประจำอยู่ที่โอกินาวาของลูกกะเป๋ง มาเยี่ยมไทยแลนด์ ทบทวนความ สัมพันธ์ที่มีมานานกว่า 50 ปี เรียกว่าเป็นมิตรรักระดับเดียวกับ พวกนาโต (NATO) ร่วมซ้อมรบด้วยกัน ทุกปีในนามของคอบบร้า โกลด์ (Cobra Gold) ขึ้นบกทีไร น้องหนูแถวพัทยา ภูเก็ตก็แฮ้ปปี้กระดี้กระด้า นอกจากนั้นในช่วงเกิดเหตุการณ์ ซึนามิ ไทยแลนด์ก็ใจดีให้ใช้อู่ตะเภาเป็นสนามบินที่ใช้ในการช่วยบรรเทาทุก แต่ข่าวที่ไม่เปิดเผยคือ ช่วงรัฐบาลทักษิณ ไทยเราอนุญาตให้เครื่องบินอเมริกัน บินขึ้นลงจากอู่ตะเภาเพื่อไปปฏิบัติการรบในอิรักและอาฟกานิสถานด้วยนะ (สมันน้อยไม่เข็ด!)
    แล้วอเมริกาทำไมถึงอยากกลับมายุ่งในภูมิภาคนี้ใหม่ โดยเฉพาะเข้ามาเดินกร่างในไทยแลนด์เหมือน เดิม แค่เรื่องอาเฮีย จากนั่งแทะเม็ดกวยจี๋ กลายเป็นเจ้าสัวกระเป๋าหนัก มันเกี่ยวอะไรกะสมันน้อยด้วยล่ะ

    คนเล่านิทาน
    ตอน 16 จิ๊กโก๋๋ประกบติดไทยแลนด์สยามเมืองยิ้ม ตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงสงครามเวียตนามเลิก (ค.ศ.1950 – 1976) เพราะแผนของจิ๊กโก๋๋ ฉากหน้า กูเป็นจิ๊กโก๋๋ใหญ่ ปกป้องชาวซอย ที่ถูกจิ๊กโก๋๋ตาตี่หน้าเหลือง คือ ระบอบคอมมิวนิสต์ แผ่ขยายมากลืนกินประชาชาติแถบนี้ แต่ฉากของจริง คือ ไอ้จิ๊กโก๋๋ผมทอง มันกลัวว่า ไอ้ตาตี่มันจะมาชิงลูกค้าเราไป เราจะยอมมันได้ไง หมดสงครามเวียตนาม ความต้องการใช้ไทยแลนด์ แดนสยามก็หยุดลงชั่วคราว จิ๊กโก๋๋จำเป็นต้องไปหากินซอยอื่น เพราะว่า การใช้น้ำมันทั่วโลกกำลังพุ่งแรงจากการขยายตัวของอุตสาหกรรม หรือพูดให้ชัดจากทุนนิยมที่เร่งขยายตัว จิ๊กโก๋๋ก็ต้องหาทางเอาน้ำมัน มาเป็นของตนเองให้มากที่สุด ก็เลยไปขุดเผือกขุดน้ำมันแถวบ้านคุณอาที่มีน้ำมัน จำได้ไหม แล้วก็เผ่นไปยุ่งถึงอเมริกาใต้ เกิดเรื่องอิหร่าน คอนทร้า (Iran Contra) จนวุ่นไปหมด มันไปหมดทุกแห่งที่จะล้วงกระเป๋าเขาได้ มาจนถึงปี ค.ศ.1997 จิ๊กโก๋๋เองขนาดล้วงกระเป๋าเขามา 50 ปี ก็จนเป็นเหมือนกัน เกิดภาวะเศรษฐกิจตกสะเก็ด การเพ่นพ่านของจิ๊กโก๋๋ ก็สงบลงเล็กน้อย เพราะมัวแต่จัดระเบียบบ้านตัวเอง ขณะเดียวกันประเทศที่ได้เอกราชใหม่ๆ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เช่น อินเดีย หรือประเทศที่เปลี่ยน แปลงวิธีบริหารประเทศของตัวเอง เช่น ประเทศจีน ก็ก้มหน้าก้มตาพัฒนาประเทศตัวเอง อย่างเร่งรีบ แต่เงียบเชียบ อเมริกาไม่เคยเห็นคนอื่นอยู่ในสายตา จับมืออยู่กันแต่ในกลุ่มหัว 3 เกลอหัวแข็งเท่านั้น บวกเอาญาติโยม และพวกฝ่ายผมทองเข้าไปด้วยเฉพาะที่ เห็นว่าพอจะคุยกันรู้เรื่อง ถึงได้เกิด EU สหภาพยุโรป G7, G8 อะไรนู่น เอาญี่ปุ่นตาตี่ไปรวมด้วย (เพราะเป็นภาระของสหรัฐโดยตรง ก็ทะลึ่งไปบอมบ์เขานี่นะ ก็เลยต้องพ่วงเป็นลูก บุญธรรมไปด้วยตลอดเวลา) ที่เหลือมันเหยื่อนักล่านักล้วงทั้งนั้นแหละ อเมริกาเมินภูมิภาคแถบนี้ไปนาน เพราะคิดว่าเหลือแต่ซากหลังสงครามเวียตนาม เหมือนแถบยุโรปตะวันออกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 หันมาอีกที ต๊กกะใจ ว้าย ตาเถร ไอ้ตาตี่ทำไมมันโตเร็วกลายเป็น อาเฮียพุงพลุ้ยเดินโปรยเงินไปทั่ว จีนโตเร็วและทำท่าจะโตไปเรื่อยๆ บวกกับอินเดียและที่รวมตัวกันเรียกว่า กลุ่มประเทศที่เกิดใหม่ทางเศรษฐกิจ คือ กลุ่ม BRICS บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน อาฟริกาใต้ คิดง่ายๆ แค่จีนกับอินเดียรวมกันมีประชากร 3 พันกว่าล้านคน ทั้งโลกนี้มีประชากร 7 พันกว่าล้านคน แค่ 2 ประเทศ ก็เกือบครึ่งโลกแล้ว กำลังซื้อมันจะขนาดไหน แค่นัดกระทืบเท้าพร้อมกัน โลกก็เอียงแล้ว (น่าลองดูนะ ซ่ามากๆ ก็ถล่มมันชะเลย) จิ๊กโก๋๋คิดแล้วก็หัวหมุนกลับ หันมาไทยแลนด์แดนสยามอีกครั้ง ในปี พ.ศ.2542 /ค.ศ.1999 ตรงกับปีที่เศรษฐกิจจีนเริ่มโตอย่างชัดเจน แล้วทำไงดีล่ะ ตัวทิ้งเค้าไปตั้งนาน อยู่ๆ จะกลับมา จ้ะๆ จ๋าๆ เหมือนเดิมกันง่ายๆ แบบนั้น เค้าไม่ใช่ หญิงคนชั่วเร่ขายชาตินะยะ แล้วตัวจำได้มั้ย ตอนเค้าตูดขาดเหลือแต่คลัง เงินไม่มีให้คงไว้น่ะ เพราะรัฐบาลน้าจิ๋ว กะรัฐบาลปี๋ชวนทำซะบักโกรกน่ะ เขาส่งอ้ายน้อยไปหาตัว ตัวทำอะไรกับเขา เขาจำได้นะ ให้ไอ้ IMF มันโหดกะเค้ายังไง ไปถามพวกเจ้าของธนาคาร หวั่งหลี ล่ำซำ หรือคุณป๋าประชัยแห่ง TPI หรือเฮียหวัดเจ้าของวลี ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ดูก็แล้วกันว่าหายช้ำหรือยัง อเมริกาจะกลับมาภูมิภาคนี้ใหม่ ก็ต้องกลับมาแบบไม่ให้เสียเชิง ไม่เสียฟอร์มนักทฤษฎี นักสร้างฉาก ลองทายดูซิ จิ๊กโก๋๋จะกลับมาแบบไหน กลับมาแบบเท่ห์ๆ น่ะ ฮา ช่วงสงครามเวียตนาม อเมริกาคบกับทหารไทย นักวิ่งผลัดจนรู้เช่นเห็นชาติ ว่าชอบกินอาหารจานด่วนแบบไหน หลอกล่อ ต่อรอง เห่กล่อม อย่างไร ถึงจะไม่งอแง พอเลิกใช้บริการนักวิ่งผลัด พี่เบิ้มก็ไปใช้พวกเด็กในคาถา good boy technocrat ดังนั้นเวลาหวนกลับ มันก็ไม่พ้นประตู 2 ช่องนี่แหละ จะพูดกับใครรู้เรื่องไปกว่าพวกที่เคยมือ รู้ใจกัน ว่าแล้วจิ๊กโก๋๋ก็เรียก good boy มาสัมภาษณ์ทีละคน โดยทำเป็นเชิญมาทานข้าวบ้าง ดื่มน้ำชาบ้าง ไล่ไปตั้งกะใหญ่โต ระดับองคมนตรี ข้าราชการ นักวิชาการ นักการเมืองทุกค่าย นักธุรกิจ จนถึงสื่อ ถามทุกเรื่องลับแบบเจาะลึก ท่านต่างๆ ก็ช่างตอบกันดีนัก อย่างกะขึ้นสังกัดกับเขา บางเรื่องเป็นเรื่องในบ้านเราแท้ๆ ไม่เห็นเกี่ยวกับคนนอกเลย ก็ตอบเขาเอา ตอบเอา (ขอขอบคุณ อภินันทนาการ เอกสารรั่ววิกิลีกส์ ทำให้รู้ว่า ใครช่างจ้อ ขนาดไหน) นอกจากนี้ก็ให้พวกซี ในคราบเจ้าหน้าที่สถานทูต เดินไปตามงานเลี้ยงไฮโซต่างๆ เก็บข่าวทุกวัน ใครกำลังขึ้น ใครกำลังลง พระราชวงศ์จะเป็นอย่างไร ใบไม้ใบไหนกำลังออกใหม่ ใบไหนกำลังจะร่วง ถามมันไปหมดทุกเรื่องนะแหละ เขาเล่ากันว่าสถานทูตสหรัฐในไทยนะใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก อันดับ 1 อยู่ที่อียิปต์ ที่ประเทศไทยนี้มีพนักงานประจำการอยู่กว่า 2 พันคน และที่ไม่ประจำอีกกว่า 2 พันคน โว้ย! มันเอามาทำไรแยะขนาดนี้ กะจะนับใบไม้ทุกใบหรือไงวะ ก็คงตกค้างตั้งกะสมัยรบสงครามเวียตนามน่ะนะ ตอนนั้นใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์ กลางบัญชาการรบ ก็จะให้พวกพี่เขาไปอยู่ที่ไหนล่ะ แถบนี้ ใครมันจะเจริญ แถมแสงสีเสียงครบแบบไทยแลนด์ล่ะ หลังจากทั้งซัก ทั้งฟอก เด็กในคาถา เดินสำรวจตามงานหรู ไม่ว่าของราชการ ไฮโซ สปอร์ตคลับฯลฯ หลายรอบ พี่เบิ้มก็ถอนใจ อู้ย จากไปไม่เท่าไหร่ ไม่คุมเอง ทำไม ไทยแลนด์ มันไม่ใช่แดนสยามเมืองยิ้ม อย่างเมื่อก่อนนะ นี่มันดันกลายเป็นสนามประลองกีฬาสีนี่นา แต่กีฬาสีนี้มันหนักน่ะ ใครจะอยู่ใครจะไป ไอยังไม่แน่ใจ อย่ากระนั้นเลย เอาที่แน่ๆ กลับไปที่นักกีฬาวิ่งผลัดดีกว่า เออ! เพิ่งนึกออก บ้านเรานี่มันนักกีฬาแยะนะ ไม่วิ่งผลัด ก็กีฬาสี 5 5 5 อเมริกาส่งแม่ทัพเรือภาคที่ 7 ที่ประจำอยู่ที่โอกินาวาของลูกกะเป๋ง มาเยี่ยมไทยแลนด์ ทบทวนความ สัมพันธ์ที่มีมานานกว่า 50 ปี เรียกว่าเป็นมิตรรักระดับเดียวกับ พวกนาโต (NATO) ร่วมซ้อมรบด้วยกัน ทุกปีในนามของคอบบร้า โกลด์ (Cobra Gold) ขึ้นบกทีไร น้องหนูแถวพัทยา ภูเก็ตก็แฮ้ปปี้กระดี้กระด้า นอกจากนั้นในช่วงเกิดเหตุการณ์ ซึนามิ ไทยแลนด์ก็ใจดีให้ใช้อู่ตะเภาเป็นสนามบินที่ใช้ในการช่วยบรรเทาทุก แต่ข่าวที่ไม่เปิดเผยคือ ช่วงรัฐบาลทักษิณ ไทยเราอนุญาตให้เครื่องบินอเมริกัน บินขึ้นลงจากอู่ตะเภาเพื่อไปปฏิบัติการรบในอิรักและอาฟกานิสถานด้วยนะ (สมันน้อยไม่เข็ด!) แล้วอเมริกาทำไมถึงอยากกลับมายุ่งในภูมิภาคนี้ใหม่ โดยเฉพาะเข้ามาเดินกร่างในไทยแลนด์เหมือน เดิม แค่เรื่องอาเฮีย จากนั่งแทะเม็ดกวยจี๋ กลายเป็นเจ้าสัวกระเป๋าหนัก มันเกี่ยวอะไรกะสมันน้อยด้วยล่ะ คนเล่านิทาน
    2 Comments 0 Shares 463 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากข่าว: Dollar Tree ปฏิเสธการถูกแฮก—แต่ข้อมูลที่หลุดอาจมาจากอดีตคู่แข่งที่ล้มละลาย

    INC Ransom ซึ่งเป็นกลุ่มแรนซัมแวร์ที่มีประวัติการโจมตีองค์กรทั่วโลก ได้โพสต์ชื่อ Dollar Tree บนเว็บไซต์ของตน พร้อมอ้างว่าได้ขโมยข้อมูลกว่า 1.2TB ซึ่งรวมถึงเอกสารสำคัญและข้อมูลส่วนบุคคล เช่น สแกนหนังสือเดินทาง และขู่ว่าจะเปิดเผยหากไม่จ่ายค่าไถ่

    แต่ Dollar Tree ออกแถลงการณ์ปฏิเสธทันที โดยระบุว่า “ข้อมูลที่หลุดนั้นเป็นของ 99 Cents Only” ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งที่ล้มละลายไปในปี 2024 และ Dollar Tree ได้ซื้อสิทธิ์การเช่าอาคารบางแห่งมาเปิดร้านใหม่เท่านั้น ไม่ได้ซื้อระบบหรือฐานข้อมูลของบริษัทนั้นแต่อย่างใด

    99 Cents Only ปิดกิจการทั้งหมด 371 สาขา และไม่มีช่องทางติดต่อแล้ว ทำให้ไม่สามารถยืนยันข้อมูลจากฝั่งนั้นได้ ขณะที่ Dollar Tree ยืนยันว่า “ไม่มีการเจาะระบบของเรา” และ “ไม่มีการซื้อข้อมูลหรือระบบจาก 99 Cents Only”

    INC Ransom อ้างว่าเจาะระบบ Dollar Tree และขโมยข้อมูล 1.2TB
    รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคล เช่น สแกนหนังสือเดินทาง
    ขู่ว่าจะเปิดเผยข้อมูลหากไม่จ่ายค่าไถ่

    Dollar Tree ปฏิเสธการถูกแฮก และระบุว่าข้อมูลนั้นเป็นของ 99 Cents Only
    บริษัทคู่แข่งที่ล้มละลายไปในปี 2024
    Dollar Tree ซื้อแค่สิทธิ์การเช่าอาคาร ไม่ได้ซื้อระบบหรือข้อมูล

    99 Cents Only ปิดกิจการทั้งหมด 371 สาขา และไม่มีช่องทางติดต่อแล้ว
    Dollar Tree เปิดร้านใหม่ในอาคารเดิม 170 แห่ง
    ไม่มีการรวมระบบหรือฐานข้อมูลของบริษัทเดิม

    Dollar Tree เป็นบริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่ มีรายได้กว่า $17.6 พันล้านในปี 2024
    มีสาขากว่า 15,000 แห่งในสหรัฐฯ และแคนาดา
    มีพนักงานมากกว่า 65,000 คน

    INC Ransom เป็นกลุ่มแรนซัมแวร์แบบ multi-extortion ที่โจมตีองค์กรทั่วโลก
    เคยโจมตีองค์กรในภาครัฐ การศึกษา และสุขภาพ
    ใช้เทคนิคขู่เปิดเผยข้อมูลเพื่อเรียกค่าไถ่

    99 Cents Only ยื่นล้มละลายในเดือนเมษายน 2024 จากผลกระทบของเงินเฟ้อ โควิด และการแข่งขันที่รุนแรง
    ปิดกิจการทั้งหมดภายในกลางปี 2024
    เป็นหนึ่งในบริษัทค้าปลีกที่ล้มละลายจากภาวะเศรษฐกิจ

    INC Ransom เคยโจมตีองค์กรระดับสูง เช่น Stark AeroSpace และ Xerox Corporation
    ไม่เลือกเป้าหมายเฉพาะเจาะจง
    มีเหยื่อมากกว่า 200 รายในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา

    การโจมตีแบบ multi-extortion คือการขโมยข้อมูล + ขู่เปิดเผย + เรียกค่าไถ่ เป็นรูปแบบที่เพิ่มแรงกดดันให้เหยื่อยอมจ่าย ต้องมีระบบป้องกันและแผนตอบสนองที่ชัดเจน

    การซื้อกิจการหรือทรัพย์สินจากบริษัทที่ล้มละลายต้องมีการตรวจสอบความปลอดภัยของข้อมูลอย่างเข้มงวด
    ไม่ใช่แค่ตรวจสอบทรัพย์สินทางกายภาพ แต่ต้องรวมถึงระบบดิจิทัล
    ควรมีการล้างข้อมูลและ audit ก่อนนำมาใช้งาน

    แม้ Dollar Tree จะไม่ถูกเจาะโดยตรง แต่ข้อมูลจาก 99 Cents Only อาจมีความเกี่ยวข้องกับลูกค้าเดิมหรือพนักงานที่ยังมีผลกระทบ
    หากข้อมูลนั้นยังมีความเชื่อมโยงกับระบบที่ Dollar Tree ใช้ อาจเกิดความเสี่ยง
    ต้องตรวจสอบว่าไม่มีการนำข้อมูลเดิมมาใช้ซ้ำในระบบใหม่

    การซื้อสิทธิ์เช่าอาคารโดยไม่ซื้อระบบ ไม่ได้หมายความว่าข้อมูลจะปลอดภัยเสมอไป
    หากมีการโอนอุปกรณ์หรือเซิร์ฟเวอร์โดยไม่ได้ล้างข้อมูล อาจเกิดการรั่วไหล
    ต้องมีการตรวจสอบทรัพย์สินดิจิทัลอย่างละเอียดก่อนนำมาใช้งาน

    การปฏิเสธการถูกแฮกอาจไม่เพียงพอ หากไม่มีการตรวจสอบระบบอย่างโปร่งใส
    ควรมีการเปิดเผยผลการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญภายนอก
    เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าและพันธมิตร

    การโจมตีแบบ multi-extortion ของ INC Ransom อาจยังดำเนินต่อไป แม้บริษัทจะไม่จ่ายค่าไถ่
    ข้อมูลอาจถูกเปิดเผยในอนาคตเพื่อกดดันเพิ่มเติม
    ต้องเตรียมแผนรับมือด้านสื่อและกฎหมายล่วงหน้า

    https://www.techradar.com/pro/security/dollar-tree-denies-data-breach-says-hacker-targeted-its-rival-instead
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: Dollar Tree ปฏิเสธการถูกแฮก—แต่ข้อมูลที่หลุดอาจมาจากอดีตคู่แข่งที่ล้มละลาย INC Ransom ซึ่งเป็นกลุ่มแรนซัมแวร์ที่มีประวัติการโจมตีองค์กรทั่วโลก ได้โพสต์ชื่อ Dollar Tree บนเว็บไซต์ของตน พร้อมอ้างว่าได้ขโมยข้อมูลกว่า 1.2TB ซึ่งรวมถึงเอกสารสำคัญและข้อมูลส่วนบุคคล เช่น สแกนหนังสือเดินทาง และขู่ว่าจะเปิดเผยหากไม่จ่ายค่าไถ่ แต่ Dollar Tree ออกแถลงการณ์ปฏิเสธทันที โดยระบุว่า “ข้อมูลที่หลุดนั้นเป็นของ 99 Cents Only” ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งที่ล้มละลายไปในปี 2024 และ Dollar Tree ได้ซื้อสิทธิ์การเช่าอาคารบางแห่งมาเปิดร้านใหม่เท่านั้น ไม่ได้ซื้อระบบหรือฐานข้อมูลของบริษัทนั้นแต่อย่างใด 99 Cents Only ปิดกิจการทั้งหมด 371 สาขา และไม่มีช่องทางติดต่อแล้ว ทำให้ไม่สามารถยืนยันข้อมูลจากฝั่งนั้นได้ ขณะที่ Dollar Tree ยืนยันว่า “ไม่มีการเจาะระบบของเรา” และ “ไม่มีการซื้อข้อมูลหรือระบบจาก 99 Cents Only” ✅ INC Ransom อ้างว่าเจาะระบบ Dollar Tree และขโมยข้อมูล 1.2TB ➡️ รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคล เช่น สแกนหนังสือเดินทาง ➡️ ขู่ว่าจะเปิดเผยข้อมูลหากไม่จ่ายค่าไถ่ ✅ Dollar Tree ปฏิเสธการถูกแฮก และระบุว่าข้อมูลนั้นเป็นของ 99 Cents Only ➡️ บริษัทคู่แข่งที่ล้มละลายไปในปี 2024 ➡️ Dollar Tree ซื้อแค่สิทธิ์การเช่าอาคาร ไม่ได้ซื้อระบบหรือข้อมูล ✅ 99 Cents Only ปิดกิจการทั้งหมด 371 สาขา และไม่มีช่องทางติดต่อแล้ว ➡️ Dollar Tree เปิดร้านใหม่ในอาคารเดิม 170 แห่ง ➡️ ไม่มีการรวมระบบหรือฐานข้อมูลของบริษัทเดิม ✅ Dollar Tree เป็นบริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่ มีรายได้กว่า $17.6 พันล้านในปี 2024 ➡️ มีสาขากว่า 15,000 แห่งในสหรัฐฯ และแคนาดา ➡️ มีพนักงานมากกว่า 65,000 คน ✅ INC Ransom เป็นกลุ่มแรนซัมแวร์แบบ multi-extortion ที่โจมตีองค์กรทั่วโลก ➡️ เคยโจมตีองค์กรในภาครัฐ การศึกษา และสุขภาพ ➡️ ใช้เทคนิคขู่เปิดเผยข้อมูลเพื่อเรียกค่าไถ่ ✅ 99 Cents Only ยื่นล้มละลายในเดือนเมษายน 2024 จากผลกระทบของเงินเฟ้อ โควิด และการแข่งขันที่รุนแรง ➡️ ปิดกิจการทั้งหมดภายในกลางปี 2024 ➡️ เป็นหนึ่งในบริษัทค้าปลีกที่ล้มละลายจากภาวะเศรษฐกิจ ✅ INC Ransom เคยโจมตีองค์กรระดับสูง เช่น Stark AeroSpace และ Xerox Corporation ➡️ ไม่เลือกเป้าหมายเฉพาะเจาะจง ➡️ มีเหยื่อมากกว่า 200 รายในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ✅ การโจมตีแบบ multi-extortion คือการขโมยข้อมูล + ขู่เปิดเผย + เรียกค่าไถ่ ➡️ เป็นรูปแบบที่เพิ่มแรงกดดันให้เหยื่อยอมจ่าย ➡️ ต้องมีระบบป้องกันและแผนตอบสนองที่ชัดเจน ✅ การซื้อกิจการหรือทรัพย์สินจากบริษัทที่ล้มละลายต้องมีการตรวจสอบความปลอดภัยของข้อมูลอย่างเข้มงวด ➡️ ไม่ใช่แค่ตรวจสอบทรัพย์สินทางกายภาพ แต่ต้องรวมถึงระบบดิจิทัล ➡️ ควรมีการล้างข้อมูลและ audit ก่อนนำมาใช้งาน ‼️ แม้ Dollar Tree จะไม่ถูกเจาะโดยตรง แต่ข้อมูลจาก 99 Cents Only อาจมีความเกี่ยวข้องกับลูกค้าเดิมหรือพนักงานที่ยังมีผลกระทบ ⛔ หากข้อมูลนั้นยังมีความเชื่อมโยงกับระบบที่ Dollar Tree ใช้ อาจเกิดความเสี่ยง ⛔ ต้องตรวจสอบว่าไม่มีการนำข้อมูลเดิมมาใช้ซ้ำในระบบใหม่ ‼️ การซื้อสิทธิ์เช่าอาคารโดยไม่ซื้อระบบ ไม่ได้หมายความว่าข้อมูลจะปลอดภัยเสมอไป ⛔ หากมีการโอนอุปกรณ์หรือเซิร์ฟเวอร์โดยไม่ได้ล้างข้อมูล อาจเกิดการรั่วไหล ⛔ ต้องมีการตรวจสอบทรัพย์สินดิจิทัลอย่างละเอียดก่อนนำมาใช้งาน ‼️ การปฏิเสธการถูกแฮกอาจไม่เพียงพอ หากไม่มีการตรวจสอบระบบอย่างโปร่งใส ⛔ ควรมีการเปิดเผยผลการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญภายนอก ⛔ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าและพันธมิตร ‼️ การโจมตีแบบ multi-extortion ของ INC Ransom อาจยังดำเนินต่อไป แม้บริษัทจะไม่จ่ายค่าไถ่ ⛔ ข้อมูลอาจถูกเปิดเผยในอนาคตเพื่อกดดันเพิ่มเติม ⛔ ต้องเตรียมแผนรับมือด้านสื่อและกฎหมายล่วงหน้า https://www.techradar.com/pro/security/dollar-tree-denies-data-breach-says-hacker-targeted-its-rival-instead
    0 Comments 0 Shares 354 Views 0 Reviews
  • ยุโรปตะวันตก "กำลังพ่ายแพ้" ในการแข่งขันทางเศรษฐกิจกับ 2 คู่แข่งสำคัญ จีนและสหรัฐฯ และกำลังประสบปัญหาขาดแคลนบริษัทที่มีความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก จากความเห็นของเจมี ดิมอน ซีอีโอของสถาบันการเงินเจพีมอร์แกน เชส

    นับตั้งแต่ปี 2022 ครั้งที่สหภาพยุโรป(อียู) กำหนดมาตรการคว่ำบาตรอย่างครอบคลุมเล่นงานพลังงานรัสเซีย ลงโทษเกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครน การเติบโตทั่วทั้งกลุ่มอยู่ในภาวะซบเซา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เยอรมนี ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นพลังขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ กำลังประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน

    มอสโก ระบุว่ามาตรการจำกัดต่างๆของอียูเป็นการกระทำที่นำไปสู่ความพ่ายแพ้ของตนเอง กระพือราคาพลังงานพุ่งสูงและก่อความอ่อนแอแก่เศรษฐกิจของทางกลุ่ม

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000065526

    #Thaitimes #MGROnline #ยุโรปตะวันตก #สหภาพยุโรป #อียู
    ยุโรปตะวันตก "กำลังพ่ายแพ้" ในการแข่งขันทางเศรษฐกิจกับ 2 คู่แข่งสำคัญ จีนและสหรัฐฯ และกำลังประสบปัญหาขาดแคลนบริษัทที่มีความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก จากความเห็นของเจมี ดิมอน ซีอีโอของสถาบันการเงินเจพีมอร์แกน เชส • นับตั้งแต่ปี 2022 ครั้งที่สหภาพยุโรป(อียู) กำหนดมาตรการคว่ำบาตรอย่างครอบคลุมเล่นงานพลังงานรัสเซีย ลงโทษเกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครน การเติบโตทั่วทั้งกลุ่มอยู่ในภาวะซบเซา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เยอรมนี ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นพลังขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ กำลังประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน • มอสโก ระบุว่ามาตรการจำกัดต่างๆของอียูเป็นการกระทำที่นำไปสู่ความพ่ายแพ้ของตนเอง กระพือราคาพลังงานพุ่งสูงและก่อความอ่อนแอแก่เศรษฐกิจของทางกลุ่ม • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000065526 • #Thaitimes #MGROnline #ยุโรปตะวันตก #สหภาพยุโรป #อียู
    0 Comments 0 Shares 378 Views 0 Reviews
  • รีโพสต์เพจ สรยุทธ์ สุทัศนจินดา 9/7/68

    “‘ทักษิณ’ ลั่นเมืองไทยไม่มีทางตัน แค่มีคนอุดไว้ บอก นายกฯ อิ๊งค์ ยังอยากให้ภูมิใจไทยร่วมรัฐบาล แต่เขาใช้คลิปฮุนเซน เป็นจังหวะเตะลูก พร้อมแฉกลฮั้วสว.วางแผนตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง สส. รับตกใจเห็นวิสัยทัศน์แยบยล ขาย สส.พ่วง สว. มั่นใจความบริสุทธิ์ลูกสาว หวังศาลรับฟัง ไม่ปิดประตู มีโอกาสกลืนเลือด 4 ปี๊บ จูบปาก ‘ภท.’ รอบสาม หากติดคณิตศาสตร์การเมือง ลั่น ผมหมูจะตาย มีแต่ช่วยคน จะกลัวผมทำไม ชี้ ผมต้องช่วยประเทศ จะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ เผย ไม่ได้คุยกับ ‘เนวิน - อนุทิน’ เลย มอง ภท. เป็นฝ่ายแค้นมากกว่าฝ่ายค้าน ลั่น พ่อนายกอยู่นี่ เชื่อการเมืองไม่มีสูญญากาศ แม้ ‘อิ๊งค์’ ถูกสั่งพักงาน ชม มท.1 คนใหม่ มาถูกทาง สั่งโยกย้ายทันทีหลังเริ่มงาน บอก river of no return หากจะรีเทิร์นต้องรอสมัยหน้า

    เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 9 กรกฎาคม ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาร่วมเป็นแขกรับเชิญในรายการ 55 ปี เนชั่น ผ่าทางตันประเทศไทย เอ็กซ์คลูซีฟ ทอล์ก กับ 4 ผู้นำทางความคิด ร่วมชี้ทางรอดการเมือง ทางออกประเทศไทย 3 บก. ถาม บก.ที่ 4 ตอบ

    โดยก่อนเริ่มถ่ายทอดสด พิธีกรได้เชิญนายทักษิณขึ้นบนเวที โดยนายทักษิณ กล่าวว่า วันนี้มาในฐานะพ่อนายกฯ ขณะเดียวกันพิธีได้ถามนายทักษิณว่า ไปไหนมาไหนต้องมีลูกสาวเกาะติดเป็นผู้ติดตามตลอด

    นายทักษิณ ยิ้มและกล่าวว่า “ผมเป็นคนที่ใกล้ชิดลูกๆ 17 ปีที่ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดลูกๆ กลับมาเขาก็ต้องมาคอยเป็นห่วงเป็นใย”

    จากนั้นเข้าสู่การถ่ายทอดสด โดยพิธีได้ถามว่า วันนี้ประเทศถึงทางตันหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “แสดงว่ามีคนอุดไว้ มันถึงจะตัน เหตุเกิดที่ไหนดับที่นั่น”

    ส่วนเป็นกลุ่มใด องค์กรใดที่ไปอุดไว้ทำให้เกิดทางตัน นายทักษิณ กล่าวว่า เราต้องเข้าใจก่อนว่า เมืองไทยเรานี้ คนอยากเป็นนายกฯ ก็เยอะ ลูกชายไปเที่ยวเมืองนอกก็ประกาศเลยว่า พ่อจะต้องเป็นนายกฯ ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ตนจะเล่าให้ฟังคนที่อยากไปเป็นนายกฯ นี่ เขายอมทำทุกอย่าง เพราะอยากให้หมอดูแม่น เดี๋ยวหมอดูจะไม่แม่นไป

    เมื่อถามว่า เขาทำเพื่อหมอดูหรือเพื่อตัวเอง นายทักษิณ กล่าวว่า ก็ด้วยกัน ส่วนจะได้เป็นนายกหรือไม่นั้นตนไม่รู้เพราะเห็นว่าลูกชายพูดแบบนั้น

    จากนั้นพิธีกร ถามว่าในแคนดิเดตนายกฯ ส่วนใหญ่มีแต่ลูกสาว แต่มีอยู่คนเดียว คือ น.หนูอนุทินแน่ๆ นายทักษิณ กล่าวว่า ตนไม่ได้พูดนะ

    พิธีย้อนถามถึงปัญหาทางตันที่เกิดขึ้น นายทักษิณ กล่าวว่า การเมืองมีหลายรูปแบบโดยเฉพาะเรื่องนิติสงครามเข้ามาด้วย บางทีก็เป็นเรื่องของตัวเลขในสภาฯ ซึ่งเป็นคณิตศาสตร์ทางการเมือง ทุกคนเก่งคณิตคณิตศาสตร์หมด มันไม่มีอะไรเกินกว่าที่ไม่สามารถแก้ได้ ตนบอกเลยว่าไม่ตัน

    เมื่อถามถึง การเอาที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ออกจากรัฐบาลจะทำให้เกิดทางตันหรือไม่ นายทักษิณ ย้ำว่าไม่ได้ขอให้ออก เพียงแต่ว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทย เป็นรัฐบาลที่ต้องมีผลงานเพราะชอบสู้ด้วยนโยบาย เพราะแถลงไปแล้วมันเป็นไปตามที่แถลงก็ต้องพยามผลักดัน แต่มันไปติดที่กระทรวงมหาดไทย ก็นโยบายหลายเรื่องทั้งยาเสพติดและการแก้ไขปัญหาความยากจน ทุกอย่างเรื่องหนี้ เรื่องโอทอป มันต้องอาศัยกลไกของมหาดไทยทั้งนั้น เเม้กระทั่ง เรื่องสร้างบ้านให้คนไทย ที่ต้องทำสัญญา 99 ปีก็ต้องไปผ่านมหาดไทย

    ”พูดให้ชัดเจน พรรคเพื่อไทยบอกว่าขอมหาดไทยคืน แต่เขาไม่ตกลง เราก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะออกหรือไม่ นายกเล่าให้ตนฟังว่า ยังอยากให้เขาอยู่ตรงนี้ อยู่ทำด้วยกัน พอดีมีเหตุฮุนเซน ก็ได้จังหวะเตะลูกพร้อม“

    พิธีกร ถามว่า เขามีการคอนเน็คติ้งกันหรือไม่ ระหว่างกัมพูชา ในไทยกับกัมพูชาในกัมพูชา นายทักษิณ กล่าวว่า ผมไม่กลัาจะไปปรักปรำใคร มันบังเอิญ

    นายทักษิณ ยังย้ำว่าการแก้ไขทางตันนั้นไม่มีปัญหาอะไรต้องแก้ไปด้วยคณิตศาสตร์ทางการเมือง พร้อมยืนยันเสถียรภาพรัฐบาล ยังไม่ใช่ตันเลย

    พิธีกรได้ถามถึงพรรคภูมิใจไทยที่ออกไปเป็นฝ่ายค้านแล้วขย่มร่วมกับกลไกของ สว. จนทำให้นายกฯ ต้องพักการปฏิบัติหน้าที่ นายทักษิณ กล่าวว่า ตนจะเล่าให้ฟัง เรื่องการฮั้วสว. ซึ่งสวโดนกล่าวหา ว่ามีการฮั้ว ซึ่งพูดเพราะไปนะ ต้องใช้คำว่าโกงเลือกตั้ง เรื่องนี้จริยธรรมมันไม่มีแล้ว แล้วจะมาร้องจริยธรรมทำไม ในเมื่อคนร้องไม่มีจริยธรรมแล้วจะมาร้องจริยธรรมคนอื่น เป็นเรื่องที่จะทำยังไงให้รัฐบาลล่ม ให้ทันกรกฎาคน มันกลายเป็นว่า zero-sum game แล้วเป็น Race Against Time

    “ผมถามเรื่องสว.พรรคร่วมรัฐบาลจะเอายังไงกันดี ทุกคนบอกไม่มีใครยุ่ง แต่ตนเห็นมีรายงานการสืบสวนที่เขาเล่าให้ผมฟัง ว่ามีเตรียมการตั้งแต่เลือกตั้งสส. ตนตกใจสุดขีดว่าวิสัยทัศน์เขาดีมาก ที่สส.เลือกตั้งก่อน แล้วใครคุมสส. 15 คนจะได้โควตา สว.หนึ่งคน นายทักษิณ กล่าว

    พิธีกร ย้อนถามเรื่องเสียงในสภาฯ ที่ปริ่มน้ำจะต้องทำยังไง นายทักษิณ กล่าวว่าก็ต้องบริหารและเพิ่มคนไป เดี๋ยวก็ต้องร้องเพลง ” ฉันป่าวนะเขามาเอง“ก็ไม่มีปัญหา พวกเราเป็นเบิร์ด เพราะรักทุกๆคน ปัญหาเขามีไว้ให้แก้เขาไม่ได้มีไว้ให้แบก ตนมองปัญหาเป็นความท้าทาย ถ้าคิดว่าเป็นปัญหาก็เครียดตายไม่ต้องนอน

    “ เราอยู่ในโลกที่มีกติกาก็ต้องเคารพกติกาแต่เมื่อศาลบอกว่าให้พักปฎิบัติหน้าที่เราก็พักซะ แต่คนมีหน้าที่ก็ทำไป เป็นเรื่องที่เราต้องทำตามกติกา ถ้าเราไม่เคารพกติกาไปบิดเบี้ยวกติกา มันก็อยู่ด้วยกันยาก “ นายทักษิณ กล่าว

    ส่วนถ้าคนชกนอกกติกา นายทักษิณ กล่าวว่า ตนก็กระทืบเท้าเขา จะกระทืบตัวเองทำไม

    นายทักษิณ กล่าวด้วยว่า สมัยนี้นิติสงครามไม่เหมือนเดิม ไม่แรงกว่าเดิม สมัยก่อนมีระบบคอมแมนคอนโทรล สมัยนี้ร้องและทำหน้าที่พิจารณา แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำตาม ระบบยังมีกติกาของมันอยู่ แม้จะหยุมหยิม แต่มีหลักมีเกณฑ์กว่าสมัยก่อน ส่วนที่องค์กรอิสระไม่กี่คนมาตัดสิน จริงๆ แล้ว ก็ไม่ควรเป็นเช่นนี้ แต่ถ้าเราเข้ามาแล้วมีกติกาแบบนี้ ก็ต้องเดินไปก่อน โดนจนชินแล้ว เป็นเรื่องที่เราก็ต้องสู้ไป แก้ไป อะไรแก้ได้ก็แก้ อะไรแก้ไม่ได้ก็ต้องอยู่ในกติกานั้น

    นายทักษิณ มองว่าการหยุดปฏิบัติหน้าที่ของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเพื่อลดกระแสมากกว่า คนละเรื่องกับการตัดสิน ส่วนวิตกกังวลหรือไม่ว่าน.ส.แพทองธารจะพ้นจากหน้าที่นายกรัฐมนตรี แล้วทำให้เกมการเมืองถึงขั้นยุบสภาฯ นายทักษิณยืนยันว่าตนมั่นใจตามข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริงและมั่นใจความบริสุทธิ์ใจของลูกสาว เชื่อว่าศาลน่าจะรับฟังด้วยเหตุและผลว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ก็อธิบายได้หมดทุกอย่าง ส่วนพรรคที่ออกไป เพราะคิดว่าน.ส.แพทองธารไม่รอดนั้น ตนก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่รู้ว่าใครไปทำอะไรหรือไม่

    หากเขาไปสุมหัวจะตั้งรัฐบาลแล้ว นายทักษิณ บอกว่าจงเป็นสุขเป็นสุขเถิด ตนเดาอยู่แล้ว ผมไม่อยากให้เขาออก แต่เขาอยากออก แต่ในเมื่อตัดสินใจแล้ว ก็อย่าไปเสียใจกับมัน เราไม่สามารถควบคุมได้เพราะเราชวนเขาแล้ว เขาไม่เอา ไม่เอาก็ช่วยไม่ได้ ไม่รู้จะทำอย่างไร เราก็อยู่ได้ เพราะแลกกระทรวงอื่นเขาก็ไม่เอา เขาจะเอากระทรวงมหาดไทยกับคมนาคม ส่วนเหตุผลที่ไม่ให้นั้นเพราะเรารู้อดีตเขา

    สำหรับกรณีที่หากย้อนกลับไปแล้วผิดหวังกับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) โดยรอบแรกปี 2551 ที่พรรค ภท. ไปตั้งพรรคของตัวเองแล้วไปร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อีกขั้วหนึ่ง ส่วนรอบนี้ก็ผิดหวังอีกนั้น นายทักษิณ บอกว่าการเมืองต้องเข้าใจว่าการเมืองบ้านเรามีกฎไว้เลี่ยง ผมกลับมาลืมอดีตหมดแล้ว พยายามจะเริ่มต้นใหม่ ส่วนจะมีรอบที่สามกับภูมิใจไทยหรือไม่นั้น นายทักษิณ บอกว่า การเมืองบ้านเรา วันนี้เป็นการออกแบบการเมืองที่แย่ที่สุด ตั้งแต่ทหารปฏิวัติมาเนี่ยแหละ เวลาเขาเขียนรัฐธรรมนูญ เขาเห็นหน้าผมอยู่ กันผมในทุกรูปแบบ กันจนผลสุดท้ายบ้านเมืองมีปัญหา การเมืองแบบหัวแตก พรรคเล็กพรรคน้อยเยอะแยะ ทำงานยาก ไม่เหมือนตอนตนแก้ปัญหาต้มยำกุ้ง เพราะเป็นพรรคใหญ่ ไม่มีระบบสัมปทานกระทรวง มาวันนี้มันแย่แล้ว ให้ไปบริหารแต่กับไปทำธุรการกับธุรกิจ ธุรการคือแต่งตั้งโยกย้าย ธุรกิจคือวางไข่ออกไข่ วันนี้กติกาแบบนี้สร้างวัฒนธรรม ไม่ทำไม่ผิด เมื่อถามย้ำ จะมีรอบสาม กับภูมิใจไทย หรือไม่ นายทักษิณ ระบุการเมืองไทย ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร เมื่อการเมืองออกแบบแบบนี้ ไม่สามารถที่จะบอกว่าจะอยู่คนเดียวในรัฐบาลนี้ สูตรคณิตศาสตร์ไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ ดังนั้นก็ต้องกลืนเลือด ซัก 3-4 ปี๊ป ก็ว่าไป ไม่ปิดโอกาสร่วมมือพรรคส้ม แต่วันนี้ยังไม่จำเป็น บอกสีน้ำเงินส้ม จับมือกันได้หลวมๆ เหตุเป็นปลาคนละน้ำ ชี้บริบทรัฐบาล มีหลายออฟชั่น

    นายทักษิณ ยังตอบคำถามกรณีตนเองเป็นทางตันหรือไม่ และปัญหาทั้งหมดเกิดเพราะท่านหรือไม่นั้น ว่า หลายคนอาจจะไม่ชอบหน้าเป็นพิเศษ จึงทำให้ตนมีขาประจำ ซึ่งตนเมินขาประจำที่เป็นมา 20 ปี พ่อเสียชีวิตก็ลืมถามว่าพ่อของใครมีปัญหากับพ่อของเขาหรือไม่ ส่วนที่เหตุใดจึงไม่สามารถโน้มน้าวคนกลุ่มนี้ได้นั้น ตนมองว่าหากคนกลุ่มนี้มาพูดคุยกับตน ซึ่งบางคนไม่รู้จักตนด้วยซ้ำ ไม่เคยเจอเห็นแต่ในทีวี แต่เมื่อเห็นก็รู้สึกหมั่นไส้แล้ว ซึ่งตนเป็นคนที่สร้างตัวจากไม่มีอะไรมาด้วยตัวเอง จึงไม่ค่อยอะไร

    ส่วนมาถามว่าเพราะอะไรถึงเห็นในทีวีแล้วหมั่นไส้ นายทักษิณ ระบุว่า ตนยังคงงงอยู่ ส่วนนายกฯ แพทองธาร เคยถามหรือไม่ว่าไปทำอะไรให้คนกลุ่มนั้น ถึงมาเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน นายทักษิณ ตอบสั้นๆ ว่า “ผมก็กวาดน้ำ อย่าไปคิดอะไรมาก”

    ส่วนในฐานะที่คลุกคลีกับการเมืองมา 51 ปี โอกาสที่พรรคสีแดงอย่างพรรคเพื่อไทยจะไปผสมกับพรรคประชาชนนายทักษิณ ระบุว่า “ในวันนี้ยังไม่มีมีความจำ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นศรัตรูกับพรรคใดพรรคหนึ่ง ยืนยันว่าไม่ได้เป็น แต่การจะทำงานกับใครต้องมั่นใจว่าเราไปด้วยกันได้ และไม่ขัดนโยบายหลักๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสถาบัน เรื่องเจ้านาย เพราะตนได้รับพระเมตตาสูงสุด ดังนั้นตนจะไม่มีทางที่จะไปทำงานกับใครที่กระทบกระเทือนกับสถาบัน

    หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาสีส้มไม่ได้มีการพูดถึงประเด็นมาตรา 112 จะสามารถร่วมมือกันได้หรือไม่ นายทักษิณ ตอบ ”ไม่รู้ เพราะไม่ได้คุยกันเลย“

    สำหรับสีน้ำเงินกับสีส้มมีโอกาสจับมือกันได้หรือไม่ในขณะที่เป็น ตนมองว่า หากจะจับก็จับหลวมๆ เพราะเป็นปลาคนละน้ำ ส่วนน้ำของแดงกับส้มใกล้เคียงกว่ากันนั้นหรือไม่ หากพูดความจริงเป็นพรรคที่เกิดจากนโยบายพรรคที่เกิดจากการหาเสียงมาสไตล์เดียวกัน ถ้าเห็นไทยรักไทยอย่างไรพรรคส้มก็คล้ายๆ กัน

    อย่างนั้นส้มกับน้ำเงินปลาคนละน้ำ แต่แดงกับส้มปลาน้ำกันใช่หรือไม่ นายทักษิณ บอกว่า เป็นวงสีธรรมชาติ สีส้มเกิดจากสีแดงรวมกับสีเหลือง ถ้าแดงแยกไปประสมกับน้ำเงินจะเป็นสีม่วง และสีเหลืองผสมสีน้ำเงินเป็นสีเขียว ถ้าสีม่วงกับสีเหลืองไปผสมกันจะเป็นสีช้ำเลือดช้ำหนอง สีไม่สวย ส่วนสีแดงผสมกับสีส้มจะเป็นสีแสด ซึ่งสีแสดมันแรงไป

    ส่วนที่อดีตนายกวิเคราะห์ ยังไม่จำเป็นที่จะจับมือกับสีส้ม เสียงอย่างพอ โดยนายทักษิณระบุว่า พรรคแกนนำรัฐบาลยังมีความสามัคคีทำงานด้วยกันได้ ไม่มีปัญหา เพียงแต่ว่าต้องคุมในสภามาให้โดสภาแค่นั้นเอง ไม่ให้โดดกฎหมายสำคัญ
    ส่วนหลังจากนั้นหนูเปล่านะเขามาเอง

    ส่วนกลไกการเมืองในปัจจุบัน เป็นอุปสรรคต่อรัฐบาลในปัจจุบัน นายทักษิณ ระบุว่า มีปัญหาไว้ให้แก้เมื่อมีอุปสรรคต้องแก้ไป หากถามว่าถึงทางตันหรือไม่ไม่ตัน ส่วนกลไกบริบทปัจจุบันทำให้นายกรัฐมนตรีไปสู่การติดกับดัก และรักการนายกฯ ต้องประคองต่อ หรือหากไม่ลาออกก็ต้องยุบสภา รัฐบาลจะอายุสั้น นายทักษิณ ระบุว่า มีหลาย option 1.คือนายกแพทองธารทองคำรอด ก็สามารถกลับไปทำงานเต็มที่และทำยาว 2. แต่ถ้าสมมุติว่าไม่รอดมี 2 ทางเลือก คือเสนอนายชัยเกษม นิติสิริ หรือยุบสภา และตอนนี้นายชัยเกษมก็ยังฟิต อยู่ตีกอล์ฟสบายมาก

    เมื่อถามว่า ท่านดูอารมณ์ของคนไทย ที่ถูกตั้งคำถามเหมือนกัน เพื่อไทยที่เป็นแกนนำ มีอาวุธอยู่สองอาวุธ คือ นายเศรษฐา ทวีสิน ติดกับดักจริยธรรมของ ศาลรัฐธรรมนูญ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ติดกับดักของศาลรัฐธรรมนูญเข้าไปอีก ท่านคิดว่านายชัยเกษม ที่เป็นกลไกที่สาม จะเป็นทางรอดของประเทศหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ผมยังอยู่เอาออกไม่ได้ ตนยังเป็นสทร. เหมือนเดิม ผมไม่ยอม อายุ 76 ปียังหนุ่มอยู่ ขอให้บ้านเมืองรอด เอาเรื่องบ้านเมืองเป็นหลัก

    เมื่อถามว่า ถ้าเทียบกับช่วงสิงหาคมปี 2566 มีทัวร์ลงเยอะ วิบากกรรมเยอะขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ก็ไม่เป็นไร ตื่นเช้ามาวันนี้ต้องขึ้นศาลก็ขึ้นไป มันแก่แล้วปล่อยวางไปเยอะแล้ว ผมหยุดแล้วแต่ท่านไม่หยุด ตนต้องทำให้บ้านเมือง จะให้ทำอย่างไร ภาวะเศรษฐกิจในวันนี้ ถ้าตนไม่เสือกแล้วใครจะเสือก มันยากนะ วันนี้ปัญหาบ้านเมืองตนอยู่เฉยไม่ได้ ในฐานะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีและลูกเป็นนายกรัฐมนตรี มีอะไรก็ต้องช่วยกัน วันนี้ประชุมว่าจะเอาอย่างไร ซึ่งตนออกนอกประเทศไม่ได้ถ้าออกได้จะสนุกกว่านี้

    เมื่อถามว่าอยากจะออกไปช่วย แล้วมีคดีมองว่าเหมือนมีใครมาล่ามขาไว้หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า เป็นเรื่องต่อเนื่องจากคราวที่แล้ว ตอนที่ปฏิวัติปี 2549 คดีของตนจะหมดอายุความก็เลยล็อคไว้ก่อน โดยใช้การสัมภาษณ์ที่เกี่ยวข้องกับม. 112 ที่เกาหลีใต้ ซึ่งตนไม่กังวล เราไม่มีอะไรเลย ซึ่งถ้าเป็นภาวะปกติ ก็คงไม่มีการตั้งข้อกล่าวหาแต่เป็นภาวะพิเศษ

    เมื่อถามว่า ในกลไกบริบททางการเมือง ในปัจจุบันทั้งกลไกเรื่องฝ่ายค้าน กลไกนิติสงครามทางข้อกฎหมาย กลไกองค์การอิสระ จะมีกลไกมีอำนาจอะไรที่เหนือกว่าสิ่งเหล่านี้หรือไม่ ที่จะทำให้การทำงานของรัฐบาลเดินต่อไปไม่ค่อยได้ สะดุดตลอด นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่มีอะไรเลย มีแต่ความหยุมหยิมของระบบ ซึ่งต้องแก้ระบบการเมืองที่วางไว้ องค์การอิสระที่อนุญาตให้ใครก็ได้มาร้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่คดีหลบไปหมด ซึ่งอาจจะส่งเสริมอาชีพนักร้อง บางคนรับจ้างร้องหรือบางคนรับจ้างหยุดร้อง

    เมื่อถามว่า การกลับมาเป็น สทร. กลัวจะมีอำนาจอะไรหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า อย่ามากลัวตน หมูเรียกพี่ใครเจอตน ผมหมูจะตาย ไม่เคยฆ่าใครมีแต่ช่วยคน

    เมื่อถามว่า สายน้ำเงิน บอกว่าไม่กลัวลูกแต่กลัวพ่อนายทักษิณ กล่าวว่า ตนคุยชัดเจนจะตาย ถ้าชัดเจนแบบที่ตนบอกก็จบไปแล้ว

    เมื่อถามว่า มีการพูดคุยกับนายเนวิน หรือนายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่าไม่ได้คุยเลย เพราะเขาไม่คุยกับตน พรรคที่ร่วมรัฐบาล แปลสภาพมาเป็นฝ่ายค้าน

    เมื่อถามว่า ไม่รู้จะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายแค้น นายทักษิณ กล่าวว่า น่าจะแค้นมากกว่าค้าน เมื่อถามถึงเรื่องการทำงาน โดยเฉพาะในส่วนกระทรวงมหาดไทยที่เข้าไปดูแลกรมที่ดิน ประเมินเรื่องเขากระโดงอย่างไร นายทักษิณกล่าวว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามกติกา และกฎหมาย ซึ่งที่ดินอัลไพน์ก็โดนสั่งถอน ว่ากันไปตามกติกามีสิทธิ์ก็รักษาสิทธิ์ไป ใครนั่งทับสิ่งที่ไม่ถูกต้องก็ต้องโดน ม. 157 และเดี๋ยวอีกไม่นานก็ต้องมีคนมาร้อง มท.1ใหม่ ซึ่งตอนนี้ก็มาแล้ว เป็นอย่างที่เขาบอกว่าบ้านเมืองเราไม่ใช่ผู้เสียหายก็ร้องได้เลอะเทอะไปหมด

    ส่วนเรื่องการทำงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ มีการโยกย้ายทันที ถือว่ามาถูกทางหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่าต้องเห็นใจ เขามาจากกระทรวงกลาโหม มาถึงตรงนี้ต้องเด็ดขาด และมองว่ากลไกกระทรวงมหาดไทยเริ่มทำงานแล้ว ได้ข่าวรัฐมนตรีบอกว่าจะดุเอง บอกว่าไม่ต้องมาต้อนรับ หากผู้ว่าฯไม่ทำงานก็จะโดน

    ส่วนในแง่การทำงานระหว่างที่นางสาวแพทองธารถูกพักการทำหน้าที่ จะสร้างความมั่นใจให้คนอย่างไรว่ารัฐบาลยังไม่ถึงจุดอับ ทักษิณกล่าวว่า

    “พ่อนายกอยู่นี่ ยังไงก็ดูแลบ้านเมืองเต็มที่ มีอะไรก็บอกให้รัฐมนตรีช่วยกันทำเชื่อว่าไม่มีสูญญากาศ ส่วนที่บอกว่าข้าราชการจะเกียร์ว่างนั้นไม่ต้องว่าง ไม่ต้องรอสถานการณ์การเมือง อย่าไปคิดว่า river จะ return”

    เมื่อถามว่าระบบราชการหลังรัฐประหารเปลี่ยนไป นายทักษิณยอมรับว่า เปลี่ยนไป ข้าราชการบางคนบอกว่าจะกลับมา แต่ตนขอบอกว่า river of no return จะรีเทิร์นต้องรอเลือกตั้งสมัยหน้า

    เมื่อถามว่าคะแนนนิยมที่ลดลง น่าห่วงหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า การเมืองเป็นกระแส ต้องดูว่าในภาวะการณ์ไหน หากโดนรุมอย่างนี้ หากเป็นทางโซเชียลมีเดีย ซอมบี้ทั้งหลาย ก็จะมีการปั่นกันโกรธกัน สักเดี๋ยวก็หยุด

    ส่วนจะขับเคลื่อนโครงการใหญ่ได้อย่างไร ในช่วงที่การเมืองไม่มีเสถียรภาพ นายทักษิณกล่าวว่าอะไรที่เคลื่อนได้ก็ต้องเคลื่อน อะไรที่เป็นรูทีนก็ต้องขับเคลื่อนทั้งเรื่องยาเสพติดการแก้หนี้การเพิ่มรายได้ให้ประชาชนต้องทำอย่างต่อเนื่อง แต่เรื่องโครงการใหญ่ใหญ่อยู่ในแนยทางอยู่แล้วก็ต้องทำไปส่วนเรื่องเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์วันนี้ถอนออกมาเพราะไม่อยากให้สับสน ซึ่งช่วงนี้ต้องเรียงลำดับความสำคัญก็ไม่เป็นไร”
    รีโพสต์เพจ สรยุทธ์ สุทัศนจินดา 9/7/68 “‘ทักษิณ’ ลั่นเมืองไทยไม่มีทางตัน แค่มีคนอุดไว้ บอก นายกฯ อิ๊งค์ ยังอยากให้ภูมิใจไทยร่วมรัฐบาล แต่เขาใช้คลิปฮุนเซน เป็นจังหวะเตะลูก พร้อมแฉกลฮั้วสว.วางแผนตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง สส. รับตกใจเห็นวิสัยทัศน์แยบยล ขาย สส.พ่วง สว. มั่นใจความบริสุทธิ์ลูกสาว หวังศาลรับฟัง ไม่ปิดประตู มีโอกาสกลืนเลือด 4 ปี๊บ จูบปาก ‘ภท.’ รอบสาม หากติดคณิตศาสตร์การเมือง ลั่น ผมหมูจะตาย มีแต่ช่วยคน จะกลัวผมทำไม ชี้ ผมต้องช่วยประเทศ จะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ เผย ไม่ได้คุยกับ ‘เนวิน - อนุทิน’ เลย มอง ภท. เป็นฝ่ายแค้นมากกว่าฝ่ายค้าน ลั่น พ่อนายกอยู่นี่ เชื่อการเมืองไม่มีสูญญากาศ แม้ ‘อิ๊งค์’ ถูกสั่งพักงาน ชม มท.1 คนใหม่ มาถูกทาง สั่งโยกย้ายทันทีหลังเริ่มงาน บอก river of no return หากจะรีเทิร์นต้องรอสมัยหน้า เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 9 กรกฎาคม ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาร่วมเป็นแขกรับเชิญในรายการ 55 ปี เนชั่น ผ่าทางตันประเทศไทย เอ็กซ์คลูซีฟ ทอล์ก กับ 4 ผู้นำทางความคิด ร่วมชี้ทางรอดการเมือง ทางออกประเทศไทย 3 บก. ถาม บก.ที่ 4 ตอบ โดยก่อนเริ่มถ่ายทอดสด พิธีกรได้เชิญนายทักษิณขึ้นบนเวที โดยนายทักษิณ กล่าวว่า วันนี้มาในฐานะพ่อนายกฯ ขณะเดียวกันพิธีได้ถามนายทักษิณว่า ไปไหนมาไหนต้องมีลูกสาวเกาะติดเป็นผู้ติดตามตลอด นายทักษิณ ยิ้มและกล่าวว่า “ผมเป็นคนที่ใกล้ชิดลูกๆ 17 ปีที่ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดลูกๆ กลับมาเขาก็ต้องมาคอยเป็นห่วงเป็นใย” จากนั้นเข้าสู่การถ่ายทอดสด โดยพิธีได้ถามว่า วันนี้ประเทศถึงทางตันหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “แสดงว่ามีคนอุดไว้ มันถึงจะตัน เหตุเกิดที่ไหนดับที่นั่น” ส่วนเป็นกลุ่มใด องค์กรใดที่ไปอุดไว้ทำให้เกิดทางตัน นายทักษิณ กล่าวว่า เราต้องเข้าใจก่อนว่า เมืองไทยเรานี้ คนอยากเป็นนายกฯ ก็เยอะ ลูกชายไปเที่ยวเมืองนอกก็ประกาศเลยว่า พ่อจะต้องเป็นนายกฯ ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ตนจะเล่าให้ฟังคนที่อยากไปเป็นนายกฯ นี่ เขายอมทำทุกอย่าง เพราะอยากให้หมอดูแม่น เดี๋ยวหมอดูจะไม่แม่นไป เมื่อถามว่า เขาทำเพื่อหมอดูหรือเพื่อตัวเอง นายทักษิณ กล่าวว่า ก็ด้วยกัน ส่วนจะได้เป็นนายกหรือไม่นั้นตนไม่รู้เพราะเห็นว่าลูกชายพูดแบบนั้น จากนั้นพิธีกร ถามว่าในแคนดิเดตนายกฯ ส่วนใหญ่มีแต่ลูกสาว แต่มีอยู่คนเดียว คือ น.หนูอนุทินแน่ๆ นายทักษิณ กล่าวว่า ตนไม่ได้พูดนะ พิธีย้อนถามถึงปัญหาทางตันที่เกิดขึ้น นายทักษิณ กล่าวว่า การเมืองมีหลายรูปแบบโดยเฉพาะเรื่องนิติสงครามเข้ามาด้วย บางทีก็เป็นเรื่องของตัวเลขในสภาฯ ซึ่งเป็นคณิตศาสตร์ทางการเมือง ทุกคนเก่งคณิตคณิตศาสตร์หมด มันไม่มีอะไรเกินกว่าที่ไม่สามารถแก้ได้ ตนบอกเลยว่าไม่ตัน เมื่อถามถึง การเอาที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ออกจากรัฐบาลจะทำให้เกิดทางตันหรือไม่ นายทักษิณ ย้ำว่าไม่ได้ขอให้ออก เพียงแต่ว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทย เป็นรัฐบาลที่ต้องมีผลงานเพราะชอบสู้ด้วยนโยบาย เพราะแถลงไปแล้วมันเป็นไปตามที่แถลงก็ต้องพยามผลักดัน แต่มันไปติดที่กระทรวงมหาดไทย ก็นโยบายหลายเรื่องทั้งยาเสพติดและการแก้ไขปัญหาความยากจน ทุกอย่างเรื่องหนี้ เรื่องโอทอป มันต้องอาศัยกลไกของมหาดไทยทั้งนั้น เเม้กระทั่ง เรื่องสร้างบ้านให้คนไทย ที่ต้องทำสัญญา 99 ปีก็ต้องไปผ่านมหาดไทย ”พูดให้ชัดเจน พรรคเพื่อไทยบอกว่าขอมหาดไทยคืน แต่เขาไม่ตกลง เราก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะออกหรือไม่ นายกเล่าให้ตนฟังว่า ยังอยากให้เขาอยู่ตรงนี้ อยู่ทำด้วยกัน พอดีมีเหตุฮุนเซน ก็ได้จังหวะเตะลูกพร้อม“ พิธีกร ถามว่า เขามีการคอนเน็คติ้งกันหรือไม่ ระหว่างกัมพูชา ในไทยกับกัมพูชาในกัมพูชา นายทักษิณ กล่าวว่า ผมไม่กลัาจะไปปรักปรำใคร มันบังเอิญ นายทักษิณ ยังย้ำว่าการแก้ไขทางตันนั้นไม่มีปัญหาอะไรต้องแก้ไปด้วยคณิตศาสตร์ทางการเมือง พร้อมยืนยันเสถียรภาพรัฐบาล ยังไม่ใช่ตันเลย พิธีกรได้ถามถึงพรรคภูมิใจไทยที่ออกไปเป็นฝ่ายค้านแล้วขย่มร่วมกับกลไกของ สว. จนทำให้นายกฯ ต้องพักการปฏิบัติหน้าที่ นายทักษิณ กล่าวว่า ตนจะเล่าให้ฟัง เรื่องการฮั้วสว. ซึ่งสวโดนกล่าวหา ว่ามีการฮั้ว ซึ่งพูดเพราะไปนะ ต้องใช้คำว่าโกงเลือกตั้ง เรื่องนี้จริยธรรมมันไม่มีแล้ว แล้วจะมาร้องจริยธรรมทำไม ในเมื่อคนร้องไม่มีจริยธรรมแล้วจะมาร้องจริยธรรมคนอื่น เป็นเรื่องที่จะทำยังไงให้รัฐบาลล่ม ให้ทันกรกฎาคน มันกลายเป็นว่า zero-sum game แล้วเป็น Race Against Time “ผมถามเรื่องสว.พรรคร่วมรัฐบาลจะเอายังไงกันดี ทุกคนบอกไม่มีใครยุ่ง แต่ตนเห็นมีรายงานการสืบสวนที่เขาเล่าให้ผมฟัง ว่ามีเตรียมการตั้งแต่เลือกตั้งสส. ตนตกใจสุดขีดว่าวิสัยทัศน์เขาดีมาก ที่สส.เลือกตั้งก่อน แล้วใครคุมสส. 15 คนจะได้โควตา สว.หนึ่งคน นายทักษิณ กล่าว พิธีกร ย้อนถามเรื่องเสียงในสภาฯ ที่ปริ่มน้ำจะต้องทำยังไง นายทักษิณ กล่าวว่าก็ต้องบริหารและเพิ่มคนไป เดี๋ยวก็ต้องร้องเพลง ” ฉันป่าวนะเขามาเอง“ก็ไม่มีปัญหา พวกเราเป็นเบิร์ด เพราะรักทุกๆคน ปัญหาเขามีไว้ให้แก้เขาไม่ได้มีไว้ให้แบก ตนมองปัญหาเป็นความท้าทาย ถ้าคิดว่าเป็นปัญหาก็เครียดตายไม่ต้องนอน “ เราอยู่ในโลกที่มีกติกาก็ต้องเคารพกติกาแต่เมื่อศาลบอกว่าให้พักปฎิบัติหน้าที่เราก็พักซะ แต่คนมีหน้าที่ก็ทำไป เป็นเรื่องที่เราต้องทำตามกติกา ถ้าเราไม่เคารพกติกาไปบิดเบี้ยวกติกา มันก็อยู่ด้วยกันยาก “ นายทักษิณ กล่าว ส่วนถ้าคนชกนอกกติกา นายทักษิณ กล่าวว่า ตนก็กระทืบเท้าเขา จะกระทืบตัวเองทำไม นายทักษิณ กล่าวด้วยว่า สมัยนี้นิติสงครามไม่เหมือนเดิม ไม่แรงกว่าเดิม สมัยก่อนมีระบบคอมแมนคอนโทรล สมัยนี้ร้องและทำหน้าที่พิจารณา แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำตาม ระบบยังมีกติกาของมันอยู่ แม้จะหยุมหยิม แต่มีหลักมีเกณฑ์กว่าสมัยก่อน ส่วนที่องค์กรอิสระไม่กี่คนมาตัดสิน จริงๆ แล้ว ก็ไม่ควรเป็นเช่นนี้ แต่ถ้าเราเข้ามาแล้วมีกติกาแบบนี้ ก็ต้องเดินไปก่อน โดนจนชินแล้ว เป็นเรื่องที่เราก็ต้องสู้ไป แก้ไป อะไรแก้ได้ก็แก้ อะไรแก้ไม่ได้ก็ต้องอยู่ในกติกานั้น นายทักษิณ มองว่าการหยุดปฏิบัติหน้าที่ของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเพื่อลดกระแสมากกว่า คนละเรื่องกับการตัดสิน ส่วนวิตกกังวลหรือไม่ว่าน.ส.แพทองธารจะพ้นจากหน้าที่นายกรัฐมนตรี แล้วทำให้เกมการเมืองถึงขั้นยุบสภาฯ นายทักษิณยืนยันว่าตนมั่นใจตามข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริงและมั่นใจความบริสุทธิ์ใจของลูกสาว เชื่อว่าศาลน่าจะรับฟังด้วยเหตุและผลว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ก็อธิบายได้หมดทุกอย่าง ส่วนพรรคที่ออกไป เพราะคิดว่าน.ส.แพทองธารไม่รอดนั้น ตนก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่รู้ว่าใครไปทำอะไรหรือไม่ หากเขาไปสุมหัวจะตั้งรัฐบาลแล้ว นายทักษิณ บอกว่าจงเป็นสุขเป็นสุขเถิด ตนเดาอยู่แล้ว ผมไม่อยากให้เขาออก แต่เขาอยากออก แต่ในเมื่อตัดสินใจแล้ว ก็อย่าไปเสียใจกับมัน เราไม่สามารถควบคุมได้เพราะเราชวนเขาแล้ว เขาไม่เอา ไม่เอาก็ช่วยไม่ได้ ไม่รู้จะทำอย่างไร เราก็อยู่ได้ เพราะแลกกระทรวงอื่นเขาก็ไม่เอา เขาจะเอากระทรวงมหาดไทยกับคมนาคม ส่วนเหตุผลที่ไม่ให้นั้นเพราะเรารู้อดีตเขา สำหรับกรณีที่หากย้อนกลับไปแล้วผิดหวังกับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) โดยรอบแรกปี 2551 ที่พรรค ภท. ไปตั้งพรรคของตัวเองแล้วไปร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อีกขั้วหนึ่ง ส่วนรอบนี้ก็ผิดหวังอีกนั้น นายทักษิณ บอกว่าการเมืองต้องเข้าใจว่าการเมืองบ้านเรามีกฎไว้เลี่ยง ผมกลับมาลืมอดีตหมดแล้ว พยายามจะเริ่มต้นใหม่ ส่วนจะมีรอบที่สามกับภูมิใจไทยหรือไม่นั้น นายทักษิณ บอกว่า การเมืองบ้านเรา วันนี้เป็นการออกแบบการเมืองที่แย่ที่สุด ตั้งแต่ทหารปฏิวัติมาเนี่ยแหละ เวลาเขาเขียนรัฐธรรมนูญ เขาเห็นหน้าผมอยู่ กันผมในทุกรูปแบบ กันจนผลสุดท้ายบ้านเมืองมีปัญหา การเมืองแบบหัวแตก พรรคเล็กพรรคน้อยเยอะแยะ ทำงานยาก ไม่เหมือนตอนตนแก้ปัญหาต้มยำกุ้ง เพราะเป็นพรรคใหญ่ ไม่มีระบบสัมปทานกระทรวง มาวันนี้มันแย่แล้ว ให้ไปบริหารแต่กับไปทำธุรการกับธุรกิจ ธุรการคือแต่งตั้งโยกย้าย ธุรกิจคือวางไข่ออกไข่ วันนี้กติกาแบบนี้สร้างวัฒนธรรม ไม่ทำไม่ผิด เมื่อถามย้ำ จะมีรอบสาม กับภูมิใจไทย หรือไม่ นายทักษิณ ระบุการเมืองไทย ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร เมื่อการเมืองออกแบบแบบนี้ ไม่สามารถที่จะบอกว่าจะอยู่คนเดียวในรัฐบาลนี้ สูตรคณิตศาสตร์ไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ ดังนั้นก็ต้องกลืนเลือด ซัก 3-4 ปี๊ป ก็ว่าไป ไม่ปิดโอกาสร่วมมือพรรคส้ม แต่วันนี้ยังไม่จำเป็น บอกสีน้ำเงินส้ม จับมือกันได้หลวมๆ เหตุเป็นปลาคนละน้ำ ชี้บริบทรัฐบาล มีหลายออฟชั่น นายทักษิณ ยังตอบคำถามกรณีตนเองเป็นทางตันหรือไม่ และปัญหาทั้งหมดเกิดเพราะท่านหรือไม่นั้น ว่า หลายคนอาจจะไม่ชอบหน้าเป็นพิเศษ จึงทำให้ตนมีขาประจำ ซึ่งตนเมินขาประจำที่เป็นมา 20 ปี พ่อเสียชีวิตก็ลืมถามว่าพ่อของใครมีปัญหากับพ่อของเขาหรือไม่ ส่วนที่เหตุใดจึงไม่สามารถโน้มน้าวคนกลุ่มนี้ได้นั้น ตนมองว่าหากคนกลุ่มนี้มาพูดคุยกับตน ซึ่งบางคนไม่รู้จักตนด้วยซ้ำ ไม่เคยเจอเห็นแต่ในทีวี แต่เมื่อเห็นก็รู้สึกหมั่นไส้แล้ว ซึ่งตนเป็นคนที่สร้างตัวจากไม่มีอะไรมาด้วยตัวเอง จึงไม่ค่อยอะไร ส่วนมาถามว่าเพราะอะไรถึงเห็นในทีวีแล้วหมั่นไส้ นายทักษิณ ระบุว่า ตนยังคงงงอยู่ ส่วนนายกฯ แพทองธาร เคยถามหรือไม่ว่าไปทำอะไรให้คนกลุ่มนั้น ถึงมาเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน นายทักษิณ ตอบสั้นๆ ว่า “ผมก็กวาดน้ำ อย่าไปคิดอะไรมาก” ส่วนในฐานะที่คลุกคลีกับการเมืองมา 51 ปี โอกาสที่พรรคสีแดงอย่างพรรคเพื่อไทยจะไปผสมกับพรรคประชาชนนายทักษิณ ระบุว่า “ในวันนี้ยังไม่มีมีความจำ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นศรัตรูกับพรรคใดพรรคหนึ่ง ยืนยันว่าไม่ได้เป็น แต่การจะทำงานกับใครต้องมั่นใจว่าเราไปด้วยกันได้ และไม่ขัดนโยบายหลักๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสถาบัน เรื่องเจ้านาย เพราะตนได้รับพระเมตตาสูงสุด ดังนั้นตนจะไม่มีทางที่จะไปทำงานกับใครที่กระทบกระเทือนกับสถาบัน หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาสีส้มไม่ได้มีการพูดถึงประเด็นมาตรา 112 จะสามารถร่วมมือกันได้หรือไม่ นายทักษิณ ตอบ ”ไม่รู้ เพราะไม่ได้คุยกันเลย“ สำหรับสีน้ำเงินกับสีส้มมีโอกาสจับมือกันได้หรือไม่ในขณะที่เป็น ตนมองว่า หากจะจับก็จับหลวมๆ เพราะเป็นปลาคนละน้ำ ส่วนน้ำของแดงกับส้มใกล้เคียงกว่ากันนั้นหรือไม่ หากพูดความจริงเป็นพรรคที่เกิดจากนโยบายพรรคที่เกิดจากการหาเสียงมาสไตล์เดียวกัน ถ้าเห็นไทยรักไทยอย่างไรพรรคส้มก็คล้ายๆ กัน อย่างนั้นส้มกับน้ำเงินปลาคนละน้ำ แต่แดงกับส้มปลาน้ำกันใช่หรือไม่ นายทักษิณ บอกว่า เป็นวงสีธรรมชาติ สีส้มเกิดจากสีแดงรวมกับสีเหลือง ถ้าแดงแยกไปประสมกับน้ำเงินจะเป็นสีม่วง และสีเหลืองผสมสีน้ำเงินเป็นสีเขียว ถ้าสีม่วงกับสีเหลืองไปผสมกันจะเป็นสีช้ำเลือดช้ำหนอง สีไม่สวย ส่วนสีแดงผสมกับสีส้มจะเป็นสีแสด ซึ่งสีแสดมันแรงไป ส่วนที่อดีตนายกวิเคราะห์ ยังไม่จำเป็นที่จะจับมือกับสีส้ม เสียงอย่างพอ โดยนายทักษิณระบุว่า พรรคแกนนำรัฐบาลยังมีความสามัคคีทำงานด้วยกันได้ ไม่มีปัญหา เพียงแต่ว่าต้องคุมในสภามาให้โดสภาแค่นั้นเอง ไม่ให้โดดกฎหมายสำคัญ ส่วนหลังจากนั้นหนูเปล่านะเขามาเอง ส่วนกลไกการเมืองในปัจจุบัน เป็นอุปสรรคต่อรัฐบาลในปัจจุบัน นายทักษิณ ระบุว่า มีปัญหาไว้ให้แก้เมื่อมีอุปสรรคต้องแก้ไป หากถามว่าถึงทางตันหรือไม่ไม่ตัน ส่วนกลไกบริบทปัจจุบันทำให้นายกรัฐมนตรีไปสู่การติดกับดัก และรักการนายกฯ ต้องประคองต่อ หรือหากไม่ลาออกก็ต้องยุบสภา รัฐบาลจะอายุสั้น นายทักษิณ ระบุว่า มีหลาย option 1.คือนายกแพทองธารทองคำรอด ก็สามารถกลับไปทำงานเต็มที่และทำยาว 2. แต่ถ้าสมมุติว่าไม่รอดมี 2 ทางเลือก คือเสนอนายชัยเกษม นิติสิริ หรือยุบสภา และตอนนี้นายชัยเกษมก็ยังฟิต อยู่ตีกอล์ฟสบายมาก เมื่อถามว่า ท่านดูอารมณ์ของคนไทย ที่ถูกตั้งคำถามเหมือนกัน เพื่อไทยที่เป็นแกนนำ มีอาวุธอยู่สองอาวุธ คือ นายเศรษฐา ทวีสิน ติดกับดักจริยธรรมของ ศาลรัฐธรรมนูญ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ติดกับดักของศาลรัฐธรรมนูญเข้าไปอีก ท่านคิดว่านายชัยเกษม ที่เป็นกลไกที่สาม จะเป็นทางรอดของประเทศหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ผมยังอยู่เอาออกไม่ได้ ตนยังเป็นสทร. เหมือนเดิม ผมไม่ยอม อายุ 76 ปียังหนุ่มอยู่ ขอให้บ้านเมืองรอด เอาเรื่องบ้านเมืองเป็นหลัก เมื่อถามว่า ถ้าเทียบกับช่วงสิงหาคมปี 2566 มีทัวร์ลงเยอะ วิบากกรรมเยอะขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ก็ไม่เป็นไร ตื่นเช้ามาวันนี้ต้องขึ้นศาลก็ขึ้นไป มันแก่แล้วปล่อยวางไปเยอะแล้ว ผมหยุดแล้วแต่ท่านไม่หยุด ตนต้องทำให้บ้านเมือง จะให้ทำอย่างไร ภาวะเศรษฐกิจในวันนี้ ถ้าตนไม่เสือกแล้วใครจะเสือก มันยากนะ วันนี้ปัญหาบ้านเมืองตนอยู่เฉยไม่ได้ ในฐานะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีและลูกเป็นนายกรัฐมนตรี มีอะไรก็ต้องช่วยกัน วันนี้ประชุมว่าจะเอาอย่างไร ซึ่งตนออกนอกประเทศไม่ได้ถ้าออกได้จะสนุกกว่านี้ เมื่อถามว่าอยากจะออกไปช่วย แล้วมีคดีมองว่าเหมือนมีใครมาล่ามขาไว้หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า เป็นเรื่องต่อเนื่องจากคราวที่แล้ว ตอนที่ปฏิวัติปี 2549 คดีของตนจะหมดอายุความก็เลยล็อคไว้ก่อน โดยใช้การสัมภาษณ์ที่เกี่ยวข้องกับม. 112 ที่เกาหลีใต้ ซึ่งตนไม่กังวล เราไม่มีอะไรเลย ซึ่งถ้าเป็นภาวะปกติ ก็คงไม่มีการตั้งข้อกล่าวหาแต่เป็นภาวะพิเศษ เมื่อถามว่า ในกลไกบริบททางการเมือง ในปัจจุบันทั้งกลไกเรื่องฝ่ายค้าน กลไกนิติสงครามทางข้อกฎหมาย กลไกองค์การอิสระ จะมีกลไกมีอำนาจอะไรที่เหนือกว่าสิ่งเหล่านี้หรือไม่ ที่จะทำให้การทำงานของรัฐบาลเดินต่อไปไม่ค่อยได้ สะดุดตลอด นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่มีอะไรเลย มีแต่ความหยุมหยิมของระบบ ซึ่งต้องแก้ระบบการเมืองที่วางไว้ องค์การอิสระที่อนุญาตให้ใครก็ได้มาร้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่คดีหลบไปหมด ซึ่งอาจจะส่งเสริมอาชีพนักร้อง บางคนรับจ้างร้องหรือบางคนรับจ้างหยุดร้อง เมื่อถามว่า การกลับมาเป็น สทร. กลัวจะมีอำนาจอะไรหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า อย่ามากลัวตน หมูเรียกพี่ใครเจอตน ผมหมูจะตาย ไม่เคยฆ่าใครมีแต่ช่วยคน เมื่อถามว่า สายน้ำเงิน บอกว่าไม่กลัวลูกแต่กลัวพ่อนายทักษิณ กล่าวว่า ตนคุยชัดเจนจะตาย ถ้าชัดเจนแบบที่ตนบอกก็จบไปแล้ว เมื่อถามว่า มีการพูดคุยกับนายเนวิน หรือนายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่าไม่ได้คุยเลย เพราะเขาไม่คุยกับตน พรรคที่ร่วมรัฐบาล แปลสภาพมาเป็นฝ่ายค้าน เมื่อถามว่า ไม่รู้จะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายแค้น นายทักษิณ กล่าวว่า น่าจะแค้นมากกว่าค้าน เมื่อถามถึงเรื่องการทำงาน โดยเฉพาะในส่วนกระทรวงมหาดไทยที่เข้าไปดูแลกรมที่ดิน ประเมินเรื่องเขากระโดงอย่างไร นายทักษิณกล่าวว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามกติกา และกฎหมาย ซึ่งที่ดินอัลไพน์ก็โดนสั่งถอน ว่ากันไปตามกติกามีสิทธิ์ก็รักษาสิทธิ์ไป ใครนั่งทับสิ่งที่ไม่ถูกต้องก็ต้องโดน ม. 157 และเดี๋ยวอีกไม่นานก็ต้องมีคนมาร้อง มท.1ใหม่ ซึ่งตอนนี้ก็มาแล้ว เป็นอย่างที่เขาบอกว่าบ้านเมืองเราไม่ใช่ผู้เสียหายก็ร้องได้เลอะเทอะไปหมด ส่วนเรื่องการทำงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ มีการโยกย้ายทันที ถือว่ามาถูกทางหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่าต้องเห็นใจ เขามาจากกระทรวงกลาโหม มาถึงตรงนี้ต้องเด็ดขาด และมองว่ากลไกกระทรวงมหาดไทยเริ่มทำงานแล้ว ได้ข่าวรัฐมนตรีบอกว่าจะดุเอง บอกว่าไม่ต้องมาต้อนรับ หากผู้ว่าฯไม่ทำงานก็จะโดน ส่วนในแง่การทำงานระหว่างที่นางสาวแพทองธารถูกพักการทำหน้าที่ จะสร้างความมั่นใจให้คนอย่างไรว่ารัฐบาลยังไม่ถึงจุดอับ ทักษิณกล่าวว่า “พ่อนายกอยู่นี่ ยังไงก็ดูแลบ้านเมืองเต็มที่ มีอะไรก็บอกให้รัฐมนตรีช่วยกันทำเชื่อว่าไม่มีสูญญากาศ ส่วนที่บอกว่าข้าราชการจะเกียร์ว่างนั้นไม่ต้องว่าง ไม่ต้องรอสถานการณ์การเมือง อย่าไปคิดว่า river จะ return” เมื่อถามว่าระบบราชการหลังรัฐประหารเปลี่ยนไป นายทักษิณยอมรับว่า เปลี่ยนไป ข้าราชการบางคนบอกว่าจะกลับมา แต่ตนขอบอกว่า river of no return จะรีเทิร์นต้องรอเลือกตั้งสมัยหน้า เมื่อถามว่าคะแนนนิยมที่ลดลง น่าห่วงหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า การเมืองเป็นกระแส ต้องดูว่าในภาวะการณ์ไหน หากโดนรุมอย่างนี้ หากเป็นทางโซเชียลมีเดีย ซอมบี้ทั้งหลาย ก็จะมีการปั่นกันโกรธกัน สักเดี๋ยวก็หยุด ส่วนจะขับเคลื่อนโครงการใหญ่ได้อย่างไร ในช่วงที่การเมืองไม่มีเสถียรภาพ นายทักษิณกล่าวว่าอะไรที่เคลื่อนได้ก็ต้องเคลื่อน อะไรที่เป็นรูทีนก็ต้องขับเคลื่อนทั้งเรื่องยาเสพติดการแก้หนี้การเพิ่มรายได้ให้ประชาชนต้องทำอย่างต่อเนื่อง แต่เรื่องโครงการใหญ่ใหญ่อยู่ในแนยทางอยู่แล้วก็ต้องทำไปส่วนเรื่องเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์วันนี้ถอนออกมาเพราะไม่อยากให้สับสน ซึ่งช่วงนี้ต้องเรียงลำดับความสำคัญก็ไม่เป็นไร”
    0 Comments 0 Shares 1088 Views 0 Reviews
  • ลงทุนอะไรดีในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ?
    ลงทุนอะไรดีในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ?
    0 Comments 0 Shares 84 Views 0 0 Reviews
  • เรียน ทุกท่าน

    แบงก์ชาติอีสาน ขอนำส่งสรุปภาวะเศรษฐกิจอีสาน เดือนพฤษภาคม 2568 มาเพื่อทราบ ดังนี้

    ประเด็นสำคัญ "กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม กลับมาหดตัวจากเดือนก่อน"

    ในเดือนก่อน กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมกลับมาขยายตัวจากเดือนก่อน ตามการบริโภคภาคเอกชนที่กลับมาขยายตัวในช่วงวันหยุดยาวและเทศกาลสงกรานต์ สอดคล้องกับภาคบริการท่องเที่ยวที่ขยายตัวตามการจัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งรายได้เกษตรกรที่ขยายตัวตามผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวย ช่วยสนับสนุนการบริโภค ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมกลับมาหดตัวหลังเร่งผลิตไปในเดือนก่อน

    เดือนนี้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมกลับมาหดตัวจากเดือนก่อน ตามการบริโภคภาคเอกชนที่กลับมาหดตัว หลังเร่งไปในช่วงวันหยุดยาวและเทศกาลสงกรานต์ สอดคล้องกับภาคบริการท่องเที่ยวที่กลับมาหดตัว ขณะที่รายได้เกษตรกรชะลอลงตามผลผลิตข้าวนาปรังที่เร่งเก็บเกี่ยวไปในเดือนก่อน ช่วยสนับสนุนการบริโภคได้น้อยลง ด้านการผลิตภาคอุตสาหกรรมกลับมาขยายตัวตามการเร่งผลิตเพื่อส่งออกก่อนการบังคับใช้มาตรการภาษีของสหรัฐฯ

    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในรูปแบบอินโฟกราฟิก ได้ที่ https://www.bot.or.th/th/thai-economy/regional-economy/northeastern-economy/the-state-of-northeastern-economy/2025-m05-ne-press-and-table.html
    เรียน ทุกท่าน แบงก์ชาติอีสาน ขอนำส่งสรุปภาวะเศรษฐกิจอีสาน เดือนพฤษภาคม 2568 มาเพื่อทราบ ดังนี้ 📉ประเด็นสำคัญ "กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม กลับมาหดตัวจากเดือนก่อน" ในเดือนก่อน กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมกลับมาขยายตัวจากเดือนก่อน ตามการบริโภคภาคเอกชนที่กลับมาขยายตัวในช่วงวันหยุดยาวและเทศกาลสงกรานต์ สอดคล้องกับภาคบริการท่องเที่ยวที่ขยายตัวตามการจัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งรายได้เกษตรกรที่ขยายตัวตามผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวย ช่วยสนับสนุนการบริโภค ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมกลับมาหดตัวหลังเร่งผลิตไปในเดือนก่อน เดือนนี้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมกลับมาหดตัวจากเดือนก่อน ตามการบริโภคภาคเอกชนที่กลับมาหดตัว หลังเร่งไปในช่วงวันหยุดยาวและเทศกาลสงกรานต์ สอดคล้องกับภาคบริการท่องเที่ยวที่กลับมาหดตัว ขณะที่รายได้เกษตรกรชะลอลงตามผลผลิตข้าวนาปรังที่เร่งเก็บเกี่ยวไปในเดือนก่อน ช่วยสนับสนุนการบริโภคได้น้อยลง ด้านการผลิตภาคอุตสาหกรรมกลับมาขยายตัวตามการเร่งผลิตเพื่อส่งออกก่อนการบังคับใช้มาตรการภาษีของสหรัฐฯ 📖 อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในรูปแบบอินโฟกราฟิก ได้ที่ https://www.bot.or.th/th/thai-economy/regional-economy/northeastern-economy/the-state-of-northeastern-economy/2025-m05-ne-press-and-table.html
    0 Comments 0 Shares 513 Views 0 Reviews
  • อัตราว่างงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5
    รายงานล่าสุดจาก Janco Associates ระบุว่า อัตราว่างงานของผู้เชี่ยวชาญด้าน IT ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 5.5% ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ และเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5

    สาเหตุของการเพิ่มขึ้นของอัตราว่างงาน
    การเติบโตของ AI และระบบอัตโนมัติ ส่งผลให้ ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นในอุตสาหกรรม IT ลดลง โดยเฉพาะใน ภาคโทรคมนาคม, การรายงานข้อมูล และการสนับสนุนด้านเทคนิค

    ข้อมูลจากข่าว
    - อัตราว่างงานของผู้เชี่ยวชาญด้าน IT ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 5.5% ในเดือนพฤษภาคม
    - ตำแหน่งงานที่เกี่ยวข้องกับ AI, Blockchain และ Omnichannel Commerce ยังคงมีความต้องการสูง
    - ตำแหน่งงานที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือในภาคโทรคมนาคมและการรายงานข้อมูล
    - ผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะ "Legacy" ในเมืองเล็ก เช่น Nashville และ Tulsa ได้รับผลกระทบมากกว่าผู้ที่อยู่ในเมืองใหญ่ เช่น New York และ Dallas
    - AI ถูกใช้แทนพนักงานในงานด้านการรายงานและการตรวจสอบข้อมูล

    ผลกระทบของ AI ต่อการจ้างงาน
    แม้ว่าผู้บริหารหลายคนจะกล่าวว่า AI มีไว้เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ไม่ใช่แทนที่พนักงาน แต่ในทางปฏิบัติ AI ได้เข้ามาแทนที่งานระดับเริ่มต้นจำนวนมาก

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - AI อาจทำให้ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นในอุตสาหกรรม IT ลดลงอย่างต่อเนื่อง
    - บริษัทต่าง ๆ กำลังใช้ AI เพื่อแทนที่พนักงานในงานที่เกี่ยวข้องกับการรายงานและการตรวจสอบข้อมูล
    - Sebastian Siemiatkowski ซีอีโอของ Klarna เชื่อว่า AI อาจทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
    - Dario Amodei ซีอีโอของ Anthropic คาดการณ์ว่า AI อาจทำให้ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นหายไปถึง 50% ในอีก 5 ปีข้างหน้า

    แม้ว่าตำแหน่งงานบางประเภทจะลดลง แต่ความต้องการผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ยังคงเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อเศรษฐกิจและตลาดแรงงานในระยะยาวอย่างไร

    https://www.techspot.com/news/108275-us-unemployment-rate-climbs-fifth-consecutive-month-55.html
    📉 อัตราว่างงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 รายงานล่าสุดจาก Janco Associates ระบุว่า อัตราว่างงานของผู้เชี่ยวชาญด้าน IT ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 5.5% ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ และเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 🔍 สาเหตุของการเพิ่มขึ้นของอัตราว่างงาน การเติบโตของ AI และระบบอัตโนมัติ ส่งผลให้ ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นในอุตสาหกรรม IT ลดลง โดยเฉพาะใน ภาคโทรคมนาคม, การรายงานข้อมูล และการสนับสนุนด้านเทคนิค ✅ ข้อมูลจากข่าว - อัตราว่างงานของผู้เชี่ยวชาญด้าน IT ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 5.5% ในเดือนพฤษภาคม - ตำแหน่งงานที่เกี่ยวข้องกับ AI, Blockchain และ Omnichannel Commerce ยังคงมีความต้องการสูง - ตำแหน่งงานที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือในภาคโทรคมนาคมและการรายงานข้อมูล - ผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะ "Legacy" ในเมืองเล็ก เช่น Nashville และ Tulsa ได้รับผลกระทบมากกว่าผู้ที่อยู่ในเมืองใหญ่ เช่น New York และ Dallas - AI ถูกใช้แทนพนักงานในงานด้านการรายงานและการตรวจสอบข้อมูล 🔥 ผลกระทบของ AI ต่อการจ้างงาน แม้ว่าผู้บริหารหลายคนจะกล่าวว่า AI มีไว้เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ไม่ใช่แทนที่พนักงาน แต่ในทางปฏิบัติ AI ได้เข้ามาแทนที่งานระดับเริ่มต้นจำนวนมาก ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - AI อาจทำให้ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นในอุตสาหกรรม IT ลดลงอย่างต่อเนื่อง - บริษัทต่าง ๆ กำลังใช้ AI เพื่อแทนที่พนักงานในงานที่เกี่ยวข้องกับการรายงานและการตรวจสอบข้อมูล - Sebastian Siemiatkowski ซีอีโอของ Klarna เชื่อว่า AI อาจทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย - Dario Amodei ซีอีโอของ Anthropic คาดการณ์ว่า AI อาจทำให้ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นหายไปถึง 50% ในอีก 5 ปีข้างหน้า แม้ว่าตำแหน่งงานบางประเภทจะลดลง แต่ความต้องการผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ยังคงเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อเศรษฐกิจและตลาดแรงงานในระยะยาวอย่างไร https://www.techspot.com/news/108275-us-unemployment-rate-climbs-fifth-consecutive-month-55.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Tech unemployment in the US climbs for fifth consecutive month to 5.5%, AI blamed for job losses
    The report, from IT management consulting company Janco, states that the unemployment rate for IT pros in the United States jumped 0.9% from 4.6% in April to 5.5% in May.
    0 Comments 0 Shares 275 Views 0 Reviews
  • แบงก์ชาติอีสาน ขอนำส่งสรุปภาวะเศรษฐกิจอีสาน เดือนเมษายน 2568 มาเพื่อทราบ ดังนี้

    ประเด็นสำคัญ "กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม กลับมาขยายตัวจากเดือนก่อน"

    ในเดือนก่อน กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมหดตัว จากกำลังซื้อที่ฟื้นตัวช้า ส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนหดตัวในทุกหมวดสินค้า เช่นเดียวกับภาคบริการท่องเที่ยวที่กลับมาหดตัวหลังเร่งไปในเดือนก่อน ขณะที่รายได้เกษตรกรขยายตัวตามผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวย ส่งผลให้การผลิตแปรรูปสินค้าเกษตรในภาคอุตสาหกรรมขยายตัว

    เดือนนี้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมกลับมาขยายตัวจากเดือนก่อน ตามการบริโภคภาคเอกชนที่กลับมาขยายตัวในช่วงวันหยุดยาวและเทศกาลสงกรานต์ สอดคล้องกับภาคบริการท่องเที่ยวที่ขยายตัวตามการจัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งรายได้เกษตรกรที่ขยายตัวตามผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวย ช่วยสนับสนุนการบริโภค ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมกลับมาหดตัวหลังเร่งผลิตไปในเดือนก่อน

    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในรูปแบบอินโฟกราฟิก ได้ที่ https://www.bot.or.th/th/thai-economy/regional-economy/northeastern-economy/the-state-of-northeastern-economy/2025-m04-ne-press-and-table.html
    แบงก์ชาติอีสาน ขอนำส่งสรุปภาวะเศรษฐกิจอีสาน เดือนเมษายน 2568 มาเพื่อทราบ ดังนี้ 📈ประเด็นสำคัญ "กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม กลับมาขยายตัวจากเดือนก่อน" ในเดือนก่อน กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมหดตัว จากกำลังซื้อที่ฟื้นตัวช้า ส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนหดตัวในทุกหมวดสินค้า เช่นเดียวกับภาคบริการท่องเที่ยวที่กลับมาหดตัวหลังเร่งไปในเดือนก่อน ขณะที่รายได้เกษตรกรขยายตัวตามผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวย ส่งผลให้การผลิตแปรรูปสินค้าเกษตรในภาคอุตสาหกรรมขยายตัว เดือนนี้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมกลับมาขยายตัวจากเดือนก่อน ตามการบริโภคภาคเอกชนที่กลับมาขยายตัวในช่วงวันหยุดยาวและเทศกาลสงกรานต์ สอดคล้องกับภาคบริการท่องเที่ยวที่ขยายตัวตามการจัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งรายได้เกษตรกรที่ขยายตัวตามผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวย ช่วยสนับสนุนการบริโภค ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมกลับมาหดตัวหลังเร่งผลิตไปในเดือนก่อน 📖 อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในรูปแบบอินโฟกราฟิก ได้ที่ https://www.bot.or.th/th/thai-economy/regional-economy/northeastern-economy/the-state-of-northeastern-economy/2025-m04-ne-press-and-table.html
    0 Comments 0 Shares 466 Views 0 Reviews
  • แบงก์ชาติอีสาน ขอนำส่งสรุปภาวะเศรษฐกิจอีสาน เดือนเมษายน 2568 มาเพื่อทราบ ดังนี้

    ประเด็นสำคัญ "กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม กลับมาขยายตัวจากเดือนก่อน"

    ในเดือนก่อน กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมหดตัว จากกำลังซื้อที่ฟื้นตัวช้า ส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนหดตัวในทุกหมวดสินค้า เช่นเดียวกับภาคบริการท่องเที่ยวที่กลับมาหดตัวหลังเร่งไปในเดือนก่อน ขณะที่รายได้เกษตรกรขยายตัวตามผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวย ส่งผลให้การผลิตแปรรูปสินค้าเกษตรในภาคอุตสาหกรรมขยายตัว

    เดือนนี้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมกลับมาขยายตัวจากเดือนก่อน ตามการบริโภคภาคเอกชนที่กลับมาขยายตัวในช่วงวันหยุดยาวและเทศกาลสงกรานต์ สอดคล้องกับภาคบริการท่องเที่ยวที่ขยายตัวตามการจัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งรายได้เกษตรกรที่ขยายตัวตามผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวย ช่วยสนับสนุนการบริโภค ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมกลับมาหดตัวหลังเร่งผลิตไปในเดือนก่อน

    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในรูปแบบอินโฟกราฟิก ได้ที่ https://www.bot.or.th/th/thai-economy/regional-economy/northeastern-economy/the-state-of-northeastern-economy/2025-m04-ne-press-and-table.html
    แบงก์ชาติอีสาน ขอนำส่งสรุปภาวะเศรษฐกิจอีสาน เดือนเมษายน 2568 มาเพื่อทราบ ดังนี้ 📈ประเด็นสำคัญ "กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม กลับมาขยายตัวจากเดือนก่อน" ในเดือนก่อน กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมหดตัว จากกำลังซื้อที่ฟื้นตัวช้า ส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนหดตัวในทุกหมวดสินค้า เช่นเดียวกับภาคบริการท่องเที่ยวที่กลับมาหดตัวหลังเร่งไปในเดือนก่อน ขณะที่รายได้เกษตรกรขยายตัวตามผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวย ส่งผลให้การผลิตแปรรูปสินค้าเกษตรในภาคอุตสาหกรรมขยายตัว เดือนนี้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมกลับมาขยายตัวจากเดือนก่อน ตามการบริโภคภาคเอกชนที่กลับมาขยายตัวในช่วงวันหยุดยาวและเทศกาลสงกรานต์ สอดคล้องกับภาคบริการท่องเที่ยวที่ขยายตัวตามการจัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งรายได้เกษตรกรที่ขยายตัวตามผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวย ช่วยสนับสนุนการบริโภค ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมกลับมาหดตัวหลังเร่งผลิตไปในเดือนก่อน 📖 อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในรูปแบบอินโฟกราฟิก ได้ที่ https://www.bot.or.th/th/thai-economy/regional-economy/northeastern-economy/the-state-of-northeastern-economy/2025-m04-ne-press-and-table.html
    0 Comments 0 Shares 466 Views 0 Reviews
  • Alibaba รายงานรายได้ไตรมาสล่าสุดต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

    Alibaba ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซของจีน รายงานรายได้ไตรมาสล่าสุดต่ำกว่าคาดการณ์ของ Wall Street เนื่องจากบริษัทกำลังปรับกลยุทธ์เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค ท่ามกลาง ภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอและความไม่แน่นอนทางการค้าโลก

    Alibaba รายงานรายได้ไตรมาสที่ 4 ปีงบประมาณ 2025 อยู่ที่ 236.45 พันล้านหยวน ($32.79 พันล้านดอลลาร์)
    - ต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 237.24 พันล้านหยวน

    บริษัทกำลังปรับกลยุทธ์เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค
    - เนื่องจาก เศรษฐกิจจีนยังคงเผชิญความท้าทาย

    Alibaba เผชิญแรงกดดันจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดอีคอมเมิร์ซ
    - คู่แข่งอย่าง JD.com และ Pinduoduo กำลังขยายตลาดอย่างรวดเร็ว

    นักลงทุนจับตาดูแนวโน้มของ Alibaba ในไตรมาสถัดไป
    - คาดว่า บริษัทอาจต้องปรับกลยุทธ์เพิ่มเติมเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/15/alibaba-misses-quarterly-revenue-estimates
    Alibaba รายงานรายได้ไตรมาสล่าสุดต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ Alibaba ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซของจีน รายงานรายได้ไตรมาสล่าสุดต่ำกว่าคาดการณ์ของ Wall Street เนื่องจากบริษัทกำลังปรับกลยุทธ์เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค ท่ามกลาง ภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอและความไม่แน่นอนทางการค้าโลก ✅ Alibaba รายงานรายได้ไตรมาสที่ 4 ปีงบประมาณ 2025 อยู่ที่ 236.45 พันล้านหยวน ($32.79 พันล้านดอลลาร์) - ต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 237.24 พันล้านหยวน ✅ บริษัทกำลังปรับกลยุทธ์เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค - เนื่องจาก เศรษฐกิจจีนยังคงเผชิญความท้าทาย ✅ Alibaba เผชิญแรงกดดันจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดอีคอมเมิร์ซ - คู่แข่งอย่าง JD.com และ Pinduoduo กำลังขยายตลาดอย่างรวดเร็ว ✅ นักลงทุนจับตาดูแนวโน้มของ Alibaba ในไตรมาสถัดไป - คาดว่า บริษัทอาจต้องปรับกลยุทธ์เพิ่มเติมเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/15/alibaba-misses-quarterly-revenue-estimates
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Alibaba misses quarterly revenue estimates
    (Reuters) -Chinese e-commerce giant Alibaba reported quarterly revenue that missed Wall Street estimates on Thursday, as the firm works on new strategies to keep consumers spending amid persistent economic weakness and global trade uncertainties.
    0 Comments 0 Shares 337 Views 0 Reviews
  • เรียน ทุกท่าน

    แบงก์ชาติอีสาน ขอนำส่งสรุปภาวะเศรษฐกิจอีสาน ไตรมาส 1 ปี 2568 มาเพื่อทราบ ดังนี้

    ประเด็นสำคัญ "กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม หดตัวจากไตรมาสก่อน"

    ตามการบริโภคภาคเอกชนที่กลับมาหดตัวหลังเร่งใช้จ่ายไปในไตรมาสก่อนและกำลังซื้อที่ฟื้นตัวช้า กอปรกับรายได้เกษตรกรที่หดตัวจากปัจจัยด้านราคา ช่วยพยุงการบริโภคได้ลดลง อย่างไรก็ดี ภาคบริการท่องเที่ยวขยายตัวต่อเนื่อง ตามการจัดกิจกรรมขนาดใหญ่เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในหลายพื้นที่ และการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวตามการแปรรูปสินค้าเกษตร

    อัตราเงินเฟ้อปรับเพิ่มขึ้น ตามราคาอาหารสดเป็นสำคัญ ด้านตลาดแรงงานปรับลดลง ตามการจ้างงานในภาคเกษตร การผลิต และก่อสร้างที่ปรับลดลง อย่างไรก็ดี การจ้างงานในภาคบริการปรับดีขึ้น ตามสถานการณ์การท่องเที่ยวที่ขยายตัว

    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในรูปแบบอินโฟกราฟิก ได้ที่ https://www.bot.or.th/th/news-and-media/news/news-bot-ne-20250507.html
    เรียน ทุกท่าน แบงก์ชาติอีสาน ขอนำส่งสรุปภาวะเศรษฐกิจอีสาน ไตรมาส 1 ปี 2568 มาเพื่อทราบ ดังนี้ 📉 ประเด็นสำคัญ "กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม หดตัวจากไตรมาสก่อน" ตามการบริโภคภาคเอกชนที่กลับมาหดตัวหลังเร่งใช้จ่ายไปในไตรมาสก่อนและกำลังซื้อที่ฟื้นตัวช้า กอปรกับรายได้เกษตรกรที่หดตัวจากปัจจัยด้านราคา ช่วยพยุงการบริโภคได้ลดลง อย่างไรก็ดี ภาคบริการท่องเที่ยวขยายตัวต่อเนื่อง ตามการจัดกิจกรรมขนาดใหญ่เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในหลายพื้นที่ และการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวตามการแปรรูปสินค้าเกษตร อัตราเงินเฟ้อปรับเพิ่มขึ้น ตามราคาอาหารสดเป็นสำคัญ ด้านตลาดแรงงานปรับลดลง ตามการจ้างงานในภาคเกษตร การผลิต และก่อสร้างที่ปรับลดลง อย่างไรก็ดี การจ้างงานในภาคบริการปรับดีขึ้น ตามสถานการณ์การท่องเที่ยวที่ขยายตัว 📖 อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในรูปแบบอินโฟกราฟิก ได้ที่ https://www.bot.or.th/th/news-and-media/news/news-bot-ne-20250507.html
    WWW.BOT.OR.TH
    แถลงข่าวเศรษฐกิจและการเงินภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไตรมาสที่ 1 ปี 2568
    แถลงข่าวเศรษฐกิจและการเงินภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไตรมาสที่ 1 ปี 2568
    0 Comments 0 Shares 421 Views 0 Reviews
  • เปิดเทอม ภาระผู้ปกครองตรึมจริงๆ,ยิ่งภาวะเศรษฐกิจขนาดนี้,แถมบางโรงเรียนมีนโยบายตนเองเปิดหลักสูตรห้องพิเศษโปรแกรมต่างๆเก็บค่าเทอมอีกซึ่งภาระจริงๆคือรัฐ(คนยากจนไม่ต้องแห่ไปโรงเรียนเอกชนจ่ายค่าเล่าเรียนแพงๆเพื่อหวังเข้าทำงานดีๆในภาครัฐหรือภาคเอกชนเองแบบผู้ปกครองพ่อแม่ซึ่งส่วนใหญ่คือคนข้าราชการตำแหน่งดีๆมีตังใหญ่โตพอจ่ายค่าเทอมนั้นนั้นล่ะหรือคนค้าขายมำกิจการพอมีตังก็ว่า)ต้องเปิดหลักสูตรพื้นฐานเป็นหลักและเสริมอื่นๆเป็นรองในแบบฟรีๆเช่นกันจะภาษาจะการเล่าเรียนยุคAIต่างๆให้ทุกๆเยาวชนไทยเล่าเรียนสะดวกสบายเต็มที่หรือไร้กังวลค่าใช้จ่ายใดๆเกี่ยวกับการศึกษาของเยาวชน โดยเฉพาะอุปกรณ์การเรียนการศึกษา อาทิเครื่องเขียนแบบเรียนชุดนักเรียนต่างๆจะเป็นชุดนักเรียนธรรมดาชุดพละชุดลูกเสือใ้ดๆต้องฝ่ายรัฐจัดหาให้ทันทีเมื่อเยาวชนไทยเข้าศึกษาในสถาบันการเรียนของรัฐขั้นพื้นฐานคือจริงๆต้อง อนุบาลถึงม.ปลายหรือวิทยาลัยอาชีพ ปวช.ก็ว่า,เรามีบ่อทองคำ บ่อน้ำมันเต็มประเทศขายทำกำไรเองได้มหาศาล,มิใช่ยากจนเหมือนในอดีตก่อนขุดสำรวจเจอน้ำมันเลย,นี้คือการปกครองที่ผู้นำล้มเหลว วิถีปกครองที่ผิดพลาด ไม่ปรับปรุงใดๆในความล้มเหลวนั้น เช่นโมฆะสัมปาทานปิโตรเลียมทาสที่ถูกปล้นชิงไปจากคนไทยทั้งหมดแล้วคิดอ่านทำใหม่ทั้งไม่เปิดสัมปทานใดๆอีกแก่ต่างชาติต้องทำเอง แม้ยุคทหารที่ยึดอำนาจล่าสุดก็ยังเปิดสัมปทานต่างชาติในอ่าวไทยถึง2แปลงที่เป็นข่าวใหญ่โต จนประเทศซาอุฯแอ็คชั่นรับไม้ต่อหมายสร้างคลังน้ำมันขนาดใหญ่ยักษ์ที่ประเทศไทยเป็นฮับแหล่งคลังน้ำมันของเอเชียและอาจส่งออกทั่วโลก ทั้งยึดคลองคลองคอดกระหรือแลนด์บริดจ์ในตัวด้วย,ชาวนามีข้าวมากมายจึงสร้างคลังฉางข้าวกักเก็บไว้จากที่เหลือหรือมีมากมายในไร่นาประชาชน,อันเดียวกัน น้ำมันหรือเนื้อปิโตรเลียมเรามีมากมายมหาศาลเช่นกันจึงสามารถสร้างคลังแสงขนาดใหญ่รอรับเนื้อน้ำมันนี้ทั้งผีบ้าอะไร ไทยจะมีโรงกลั่นมากมายกว่า5-6โรง กลั่นน้ำมันอะไรบ้าคลั่งขนาดนั้น เพราะมีน้ำมันมากนั้นเอง,นี้คือการปกครองที่ผิดพลาด ไม่ยึดประโยชน์ประชาชนห่าอะไร กอบโกยโดยรัฐฐะที่ผิดจรรยาบรรณเสียเอง ไม่ซื่อสัตย์เสียเองจนนำพาประชาชนตนยากจนทั่วทั้งประเทศ ค่าครองชีพก็แพงจากต้นทุนพื้นฐานคือพลังงานแพง ขนส่งอ้างน้ำมันแพง ปรับราคาสินค้าขึ้น ร้านค้าอ้างน้ำมันแพงขนส่งแพงปรับราคาสินค้าขึ้น,โรงงานผู้ผลิตฮั่วกันทั้งประเทศอ้างน้ำมันแพงปรับราคาสินค้าขึ้น ซึ่งเราเห็นๆกันจริงชัดเจนจากอดีตถึงปัจจุบันตั้งพันธมิตรชุมนุมประท้วงขับไล่โทนี่หรือหลังปตท.เข้าตลาดหุ้นก็ด้วยจาก ร.9 ถึง ร.10 เราประเทศไทยเสียอธิปไตยบ่อปิโตรเลียมไปได้คืนมาจริงทั้งหมดกี่บ่อกี่หลุมเจาะ ,อิหร่านมีบ่อน้ำมันน้อยกว่าไทยทำไมขายถูกๆได้ที่ลิตรละ1-2บาทไม่ผสมเอทานอลอะไรด้วยทั้งเบนซินดีเชลก็ลิตรละ1-2บาท,วิถีการปกครองเราควรยุบทิ้งมั้ยแบบนี้,
    ..การศึกษาคือปัญญาสร้างชาติในอนาคต
    ..รัฐฐะเราทำลายการศึกษาตนเองคือทำลายชาติชัดเจน
    ..ประชาชนเติบโตมาจนเป็นชาติก็ผ่านกระบวนการเรียนผิดเรียนจากสถานศึกษาก่อน แม้การดำรงชีวิตคือระหว่างทางของการเรียนรู้ศึกษาจริงตลอดเวลา แต่ก้าวแรกต้องผ่านพื้นฐานนี้หมดร่วมกันจึงต่อยอดใครมันในอนาคตร่วมกันดำรงชาติไทยต่อไปได้.
    ..นี้อะไร บ้านเมืองถูกแทรกแซงการปกครองตลอด วุ่นวายโกลาหล ทำให้ประชาชนลำบากบวกยากจนลงต่ำตลอดเวลาถึงปัจจุบัน,จนเข้าสู่ยุคล้ำๆรุ่นAIหุ่นยนต์ก็ยังแบบเดิมๆไม่พัฒนาให้คนไทยร่ำรวยมั่งคั่งจนใครชาติไหนหรือนักการเมืองใดๆไม่สามารถเอาเศษตังมาซื้อเสียง เอาตังจากต่างประเทศมาซื้อคนไทยย่ำยีคนทั้งชาติง่ายดายแบบปัจจุบันขนาดนี้,สงครามตังสงครามเงินแท้ๆตังคืออาวุธของยุคนี้ เศรษฐกิจชื่อสมมุตินี้คือมุ่งหาทำตังทำเงินนี้ล่ะวลีบาลีบิดคำแค่นั้น,แต่วิถีปกครองคนนำปกครองเสือกไร้สมองคิดอ่านไปยกอาวุธตน ทิ้งอาวุธตนในการปกป้องตนเองทิ้งเสีย ทิ้งตังทิ้งความร่ำรวยมั่งคั่งของคนทั้งแผ่นดินไทย ปล่อยคนไทยพบเจอความยากจนแทนบนใต้ตีนคนปกครองที่เหยียบความจนเองในโคต,รเหง้าตระกูลบรมโคตรมันเองเสวยความร่ำรวยมั่งคั่งในโคตรเหง้าบรมตระกูลชนชั้นมันที่ผูกขาดความร่ำรวยมั่งคั่งเอง ทั้งมาในมุกเอกชนผูกขาดเอง&อ้างทำในนามกึ่งเอกชนหรือเอกชนเต็มๆทั้งสไตล์เอกชนไทย มุกสไตล์เอกชนต่างชาติก็ด้วยหรือคนไทยชั่วๆเลวๆตัวดีตัวเลวตัวชั่วของแท้เองนี้ล่ะทำทีเป็นต่างชาติ&มาในมุกคนต่างชาติเอกชนต่างชาติหรือนอมินีตัวแทนคนต่างชาติหรือเหี้ยถือหุ้นต่างชาติร่วมกับต่างชาติหรือของมันเองทั้งหมดมาในฟอร์มต่างชาติปลอมๆมายึดแดกครอบครองผูกขาดเองก็ด้วย จะบ่อน้ำมันบ่อทองคำ แหล่งแร่ทรัพยากรมีค่ามากมายอื่นๆหรือสัมปทานผูกขาดสไตล์มวลรวมมวลชนคนใช้มากๆทัังหมดของประเทศมันนี้ล่ะจะยึดครองก็ว่า อาทิราคาน้ำมันขึ้นลงตามใจมันก็ด้วยในอดีต,จนอะไรๆแพงทั้งแผ่นดิน ชุดนักเรียนแพง ค่าใช้จ่ายแพง เงินเฟ้อขึ้นไร้ค่า ก๋วยเตี๋ยวปกติชามละ10-20บาทปัจจุบัน50-80บาท ข้าวจานละ15-20บาท ปัจจุบัน45-80บาท
    ..ทั้งหมดคือวิถีปกครองในประเทศไทยเราเองที่ผิดพลาด จนนักเรียนแม้ผ่านการเล่าเรียนขั้นพื้นฐานจำเป็นต้องกู้กยศ.เป็นหนี้เป็นสินล้นพ้นตัวเป็นจำนวนมาก จบมาตกงานมหาศาลทั้งกิจการมากมายต่างด้าวเอาทดแทนเป็นอย่างมากแย่งงานคนไทยแม้ระดับโรงงานทั่วไปต่างด้าวยังเต็มโรงงาน ,กิจการมากมายถูกต่างชาติต่างด้าวกลืนกินยึดครองบวกผูกขาดทั้งทางตรงและทางอ้อมอีก,มันคือการปกครองที่ล้มเหลว เสี่ยงต่อภัยด้านความมั่นคงของประชาชนคนไทยภายในด้วย.ประชาชนถูกทอดทิ้งในระดับมหาภาคชัดเจนถึงระดับย่อย,พบเจอต่อปัญหาการเงินของทั้งส่วนตัวและระดับครอบครัวเป็นอันมาก รวมถึงคนของระบบราชการเองที่หนี้สินเงินกู้ยืมมีไม่น้อย หนี้บ้านหนี้รถคนพวกนี้หลายคนแทบไปรอดเช่นกัน ขับเคลื่อนด้วยหนี้ทั้งประเทศซึ่งเป็นการเติบโตที่ผิด&ไร้ความมั่นคง,เพียงสมดุลพัง ระบบราชการจะพังทันที เช่นรัฐบาลไม่มีตังจ่ายเงินเดือนคนราชการ คลังตังหมด ทุนสำรองประเทศหมดสิ้นหรือคิดใช้ซื้อBTCคริปโตฯต่างๆแทนตังทุนสำรองประเทศ นี้ก็เหี้ยแล้ว,ประชาชนเงินฝืดบวกหนี้ทั้งในระบบที่กู้ไปก็ใช้คืนไม่ทันไม่ได้เช่นพวกธกส.ชาวนาชาวไร่ชาวสวนต่างๆ ข้าว&พืชไร่พืชสวนพื้นฐานอื่นๆแบบข้าวราคาตันไม่กี่พัน มันคืออะไร,จนมาเทนมทิ้งเทน้ำมันพืชทิ้งประท้วงล่าสุด,
    ..การศึกษามันสำคัญและเดอะแก๊งไม่ดีมากมายหาประโยชน์ในระบบการศึกษานี้ทั้งมาในมุกล้างสมองทำลายเยาวชนไทยล้มสถาบันก็ว่า,ทัังกอบโกยรายได้จากการค้าระบบการศึกษาอีกผ่านช่องทางมากมายในกระบวนการศึกษาและกับสถานศึกษาเองต่างๆทั่วประเทศ,เม็ดเงินมหาศาลจริงๆที่ได้จากระบบการศึกษาของไทยเรา,ไม่ต่างจากเม็ดเงินมหาศาลที่ได้จากการขายยาตั้งแต่ยุคฉีดวัคซีนโควิดจนขายยามากมายสาระพัดต่อคนอักเสบและถึงตายจากคนไทยเราที่ต้องถูกบังคับฉีดวัคซีนทั้งทางตรงและทางอ้อมที่มาใช้มุกทัังเชิญชวนทั้งกึ่งบังคับ&บังคับในรูปแบบต่างๆที่ไม่เป็นทางการเพราะถ้าเป็นทางการและเปิดเผยจะถือว่าผิดกฎหมายสากลนูเร็มเบิร์กฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ตนภายในประเทศตนเองได้และทุกๆคนที่เกี่ยวข้องจะสามารถถูกตัดสินสากลให้มีความจริงชัดเจนได้ทันทีบวกสามารถจับลงโทษระดับโลกทันทีได้ที่กฎหมายในแต่ละประเทศนั้นๆไม่สามารถปกป้องพวกนี้ได้.,แม้กระนั้นถึงกลัวตายก็บังคับฉีดทางอ้อมทางกลไกสังคมมาอ้างชอบธรรมแก่พวกมันฉีดคนไทยครบกว่า60ล้านคน,ซึ่งคนพวกนี้สมควรถูกกวาดล้างแต่ก็ยังไม่เห็นใครที่เกี่ยวข้องโดนลงโทษจริงจังสักคนในไทยและทำให้เป็นข่าวจริงอย่างเปืดเผยผ่านสื่อหลักไทยเรา,ชาติไทยเราหากไม่พลิกจริงจัง ไม่เปลี่ยนแปลงจริงจัง ไม่นานสิ้นชาติไทยแน่นอน อาจเป็นสาขาหนึ่งของชาติพม่าสาขาหนึ่งของชาติเขมรหรือมลฑลหนึ่งของจีนในอนาคตที่deep state ไม่ต้องออกตัวออกหน้าโชว์ลงมือ,แบบเช่นblackrock vanguardไม่ต้องออกตัวออกหน้ายึดครองประเทศไทยทางเศรษฐกิจหรือการลงทุนใดๆให้สมุนขี้ข้ารับใช้กิจการเครือข่ายลูกหลานมันจัดการประเทศไทยก็จบแล้วเพราะเกือบทุกๆบริษัทใหญ่ๆแบรนด์ใหญ่ๆระดับโลกในประเทศไทยล้วนคือขี้ข้ากิจการทาสสมุนรับใช้ทุนใหญ่หลังฉากอย่างvanguardหรือblackrockที่ต้องการยึดภาคใต้ยึดครองแลนด์บริดจ์ไทยคลองคอดกระไทยหรืออ่าวไทยทะเลสองฝั่งไทยเราสิ้น.,แค่มันใช้มุกขนคนมาอยู่ไทยเช่นต่างชาติเอยพม่าเอยอยู่กระจายทั่วทั้งภาคใต้ก็อนาถแล้วและไร้มาตรการจริงจังผลักดันถีบออกจากประเทศไทยจริงจังเลย,แย่งพื้นที่การศึกษาเยาวชนไทยตนเองอีก,ต่างชาติใดอยากส่งเสริมสนับสนุนลูกหลานคนต่างด้าวต่างชาติก็พาคนต่างชาติต่างด้าวออกไปสร้างที่ประเทศตนเองส่งเสริมสนับสนุนกันที่ชาติมรึงเต็มที่อย่ามาใช้แผ่นดินไทยสร้างสถานที่ส่งเสริมนั้นนี้บนแผ่นดินไทยเราและมิได้ส่งเสริมสนับสนุนคนไทยเยาวชนไทยเราด้วย,นี้คือการช่วบเลี้ยงดูคนต่างชาติต่างด้าวในบ้านเราเองจากนั้นก็เริ่มขบวนการยึดบ้านเจ้าของคนนั้นๆเช่นมุกออกลูกออกหลานมากๆในบ้านหลังนั้นจากนั้นก็จะได้กรรมสิทธิ์เต็มที่ร่วมกันลูกหลานคนเจ้าของบ้านเดิมที่ตนถูกเลี้ยงดูจากพวกต่างชาติที่สนับสนุนตนก็ว่าตอนเริ่มต้น,พม่ามาอยู่ไทย เขมรลาวแกวมาอยู่ไทย แขกอินเดียแขกอาหรับยิวอิสราเอลมาอยู่ไทยออกลูกออกหลานเต็มแผ่นดินไทยได้สัญชาติไทยได้สิทธิในที่ดินแผ่นดินเต็มสมบูรณ์กว่า20-30ล้านคนใน20ปีข้างหน้าเป็น100-200ล้านคน ชาติไทยจะเหลือแผ่นดินไทยให้คนไทยจริงๆเท่าไร ,ดูแกวดูจีนสมัยก่อนมุกแบบสงครามพม่าปัจจุบันอพยพมาอยู่ไทยออกลูกออกหลานตรึมได้สัญชาติไทยยึดไทยไม่ต้องรบหรือใช้อาวุธอะไร,ส่งเสริมสนับสนุนช่วยเหลือลูกหลานแกวจีนยึดตำแหน่งปกครองใหญ่โตในระบบราชการไทยและกิจการใหญ่โตสายเลือดใหญ่ในไทย ไทยก็เสร็จนะสิ,เขาระดมทุนผ่านสมาคมจีนสมาคมแกวได้สบาย แกวจีนส่งตังมหาศาลให้สมาคมนี้เอาไปใช้ยึดกิจการไทยส่งลูกหลานคนจีนแกวเข้าทำงานในตำแหน่งใหญ่ให้ได้บนแผ่นดินไทยบอกว่ารักประเทศไทยรักสถาบันไทยก็จบแล้ว,ร้านทองเจ๊กจีนแกวยึดค้าขาย แบบพม่าในปัจจุบันยึดตลาดคนไทยค้าขายแทน ทวงหนี้นอกระบบก็ด้วย,สมาคมพลัดถิ่นรักบ้านเกิดเมืองนอนตนพะนะจีนเอยแกวเอยให้ตังสนับสนุนคนจีนแกวในไทยที่อพยพหนี้ตายมาไทยสมันสงครามก็ว่า,เหยียบย่ำคนไทยเนียนๆเชือดนิ่มๆยึดที่ดินผ่านร้านทองจำนองจำนำตรึม ยึดผ่านแบงค์ต่างๆอีกที่ค้ำประกันเงินกู้โดยใช้ที่ดินค้ำประกัน,ยุคนี้ถ้าผู้ปกครองยังโง่เขลากากกระจอกไม่ล้ำสมัยในสงครามตังนี้อันตรายมากๆ สงครามตังคือสงครามหลักโดยใช้AIเป็นทหารยิงกระสุนแทนอีก,เพราะไม่ว่าจะล้ำจะใช้AIล้ำๆขนาดไหน มันก็ขับเคลื่อนด้วยตังนี้ล่ะ,ตังกระดาษตังดิจิดัลก็คือตัง,เล่าเรียนก็ใช้ตังทุกๆขณะที่ดำเนินขณะภาคเรียนใดๆ.ประเทศไทยเราได้เปรียบมากมาย ตังมีมหาศาลผ่านทรัพยากรบนแผ่นดินไทยและไม่ใช่แค่บ่อน้ำมันหรือบ่อทองคำ เราต่อยอดต่างๆได้ตังมหาศาลแทบไม่แตะต้องทรัพยากรมีค่าอีกก็ได้ นำออกมาใช้ยามจำเป็นฉุกเฉินขาดแคลนก็ได้,เราสามารถสร้างประเทศไทยสร้างชาติสร้างคนไทยทั้งประเทศให้แข็งแกร่งพร้อมเข้าสนามรบสงครามพันทางกับศัตรูของชาติไทยได้อย่างสบายๆแม้มารอบด้านก็ได้,ข้าวปากอาหารเต็มประเทศอีก,แต่คนปกครองเรามันกาก&เหี้ยจริงๆนะ ,เราไม่สมควรดำรงรักษาคนแบบนี้ไว้เลย,นำพาประชาชนทั้งแผ่นดินไทยมั่นคงในความยากจนนานพอแล้ว.และการเล่าเรียนของเยาวชนรวมทั้งของคนไทยทุกๆคนสามารถเล่าเรียนฟรีๆถึงป.เอกได้หรือเรียนรู้ตลอดชีวิตแม้จบสถานศึกษาขั้นปกติก็ตาม ,ฝึกอบรมสัมมาอาชีพพร้อมทุนตั้งตัวตั้งตนเริ่มต้นเพื่อยืนด้วยขาตนเองใครมันคนไทยร่วมกันก็สามารถส่งเสริมได้,เราใช้ตังในชาติไทยเราช่วยเหลือคนไทยเราทำไมจะทำไม่ได้.,เพราะเหี้ยไปยกตังมหาศาลมากมายให้คนอื่นไง.,ตย.ง่ายๆแบบยกบ่อน้ำมันบ่อทองคำตัวทำตังของประเทศไทยให้คนอื่นยึดครอง,ตนไม่มีวัตถุดิบทำตังเลยบนแผ่นดินตนเองแท้ๆมันคือเหี้ยอะไรล่ะ,นี้ไงจึงต้องฉีกทิ้งสัญญาทั้งหมดที่ทำไว้ในอดีตกับต่างชาติและอยุติธรรมเอาเปรียบ&ปล้นชิงแย่งชิงเราในรูปแบบสัญญาต่างๆนั้น,โมฆะทั้งหมด,เราก็จะคืนธิปไตยเรามาทั้งหมด,จากนั้นจับมือจริงจังกับมิตรดีสหายดีทั่วโลกกันใหม่,ทำสัญญาดีๆไม่เอาเปรียบปล้นชิงแย่งชิงกันและกันใหม่,เป็นคู่ค้าคู่มิตรดีทั่วโลกใหม่,ใครเหี้ยก็เลิกคบจบ,ยุคนี้ต้องแบบนี้,ล้ำสมัยต้องแบบนี้,นี้เสือกมั่นคง คงไว้ในกฎหมายที่เอาเปรียบชาติตนเองปล้นตนเอง ล้ำสมัยห่าอะไร,แบบยึดอำนาจเสียของในอดีตนั้นล่ะรัฐประหารเสียของ,ฉลาดฉีกนักกฎหมายรัฐธรรมนูญเสือกไม่ฉีกกฎหมายทาสสัญญาทาสโมฆะมันทิังที่เอาเปรียบประชาชนตนไทยและชาติไทยตนเองแบบสัมปทานบ่อปิโตรเลียมนั้นล่ะที่เป็นตย.ชัดเจนมาก กูรูมากมายแฉในอดีตตรึม ทั้งปกปิดค่าจริงความจริงอีกว่าประเทศไทยไม่มีบ่อน้ำมัน มีแต่น้อย แล้วเสือกแย่งชิงการสัมปทานตรึมหรือต้องได้รับการต่ออายุสัมปทานเดิมให้ได้.,ยุคเราสมควรจบความระยำบัดสบนี้จริงๆ.
    https://youtube.com/live/-I_7Ne9jNvs?si=ZuGvcgZ3Ang7J3-_
    เปิดเทอม ภาระผู้ปกครองตรึมจริงๆ,ยิ่งภาวะเศรษฐกิจขนาดนี้,แถมบางโรงเรียนมีนโยบายตนเองเปิดหลักสูตรห้องพิเศษโปรแกรมต่างๆเก็บค่าเทอมอีกซึ่งภาระจริงๆคือรัฐ(คนยากจนไม่ต้องแห่ไปโรงเรียนเอกชนจ่ายค่าเล่าเรียนแพงๆเพื่อหวังเข้าทำงานดีๆในภาครัฐหรือภาคเอกชนเองแบบผู้ปกครองพ่อแม่ซึ่งส่วนใหญ่คือคนข้าราชการตำแหน่งดีๆมีตังใหญ่โตพอจ่ายค่าเทอมนั้นนั้นล่ะหรือคนค้าขายมำกิจการพอมีตังก็ว่า)ต้องเปิดหลักสูตรพื้นฐานเป็นหลักและเสริมอื่นๆเป็นรองในแบบฟรีๆเช่นกันจะภาษาจะการเล่าเรียนยุคAIต่างๆให้ทุกๆเยาวชนไทยเล่าเรียนสะดวกสบายเต็มที่หรือไร้กังวลค่าใช้จ่ายใดๆเกี่ยวกับการศึกษาของเยาวชน โดยเฉพาะอุปกรณ์การเรียนการศึกษา อาทิเครื่องเขียนแบบเรียนชุดนักเรียนต่างๆจะเป็นชุดนักเรียนธรรมดาชุดพละชุดลูกเสือใ้ดๆต้องฝ่ายรัฐจัดหาให้ทันทีเมื่อเยาวชนไทยเข้าศึกษาในสถาบันการเรียนของรัฐขั้นพื้นฐานคือจริงๆต้อง อนุบาลถึงม.ปลายหรือวิทยาลัยอาชีพ ปวช.ก็ว่า,เรามีบ่อทองคำ บ่อน้ำมันเต็มประเทศขายทำกำไรเองได้มหาศาล,มิใช่ยากจนเหมือนในอดีตก่อนขุดสำรวจเจอน้ำมันเลย,นี้คือการปกครองที่ผู้นำล้มเหลว วิถีปกครองที่ผิดพลาด ไม่ปรับปรุงใดๆในความล้มเหลวนั้น เช่นโมฆะสัมปาทานปิโตรเลียมทาสที่ถูกปล้นชิงไปจากคนไทยทั้งหมดแล้วคิดอ่านทำใหม่ทั้งไม่เปิดสัมปทานใดๆอีกแก่ต่างชาติต้องทำเอง แม้ยุคทหารที่ยึดอำนาจล่าสุดก็ยังเปิดสัมปทานต่างชาติในอ่าวไทยถึง2แปลงที่เป็นข่าวใหญ่โต จนประเทศซาอุฯแอ็คชั่นรับไม้ต่อหมายสร้างคลังน้ำมันขนาดใหญ่ยักษ์ที่ประเทศไทยเป็นฮับแหล่งคลังน้ำมันของเอเชียและอาจส่งออกทั่วโลก ทั้งยึดคลองคลองคอดกระหรือแลนด์บริดจ์ในตัวด้วย,ชาวนามีข้าวมากมายจึงสร้างคลังฉางข้าวกักเก็บไว้จากที่เหลือหรือมีมากมายในไร่นาประชาชน,อันเดียวกัน น้ำมันหรือเนื้อปิโตรเลียมเรามีมากมายมหาศาลเช่นกันจึงสามารถสร้างคลังแสงขนาดใหญ่รอรับเนื้อน้ำมันนี้ทั้งผีบ้าอะไร ไทยจะมีโรงกลั่นมากมายกว่า5-6โรง กลั่นน้ำมันอะไรบ้าคลั่งขนาดนั้น เพราะมีน้ำมันมากนั้นเอง,นี้คือการปกครองที่ผิดพลาด ไม่ยึดประโยชน์ประชาชนห่าอะไร กอบโกยโดยรัฐฐะที่ผิดจรรยาบรรณเสียเอง ไม่ซื่อสัตย์เสียเองจนนำพาประชาชนตนยากจนทั่วทั้งประเทศ ค่าครองชีพก็แพงจากต้นทุนพื้นฐานคือพลังงานแพง ขนส่งอ้างน้ำมันแพง ปรับราคาสินค้าขึ้น ร้านค้าอ้างน้ำมันแพงขนส่งแพงปรับราคาสินค้าขึ้น,โรงงานผู้ผลิตฮั่วกันทั้งประเทศอ้างน้ำมันแพงปรับราคาสินค้าขึ้น ซึ่งเราเห็นๆกันจริงชัดเจนจากอดีตถึงปัจจุบันตั้งพันธมิตรชุมนุมประท้วงขับไล่โทนี่หรือหลังปตท.เข้าตลาดหุ้นก็ด้วยจาก ร.9 ถึง ร.10 เราประเทศไทยเสียอธิปไตยบ่อปิโตรเลียมไปได้คืนมาจริงทั้งหมดกี่บ่อกี่หลุมเจาะ ,อิหร่านมีบ่อน้ำมันน้อยกว่าไทยทำไมขายถูกๆได้ที่ลิตรละ1-2บาทไม่ผสมเอทานอลอะไรด้วยทั้งเบนซินดีเชลก็ลิตรละ1-2บาท,วิถีการปกครองเราควรยุบทิ้งมั้ยแบบนี้, ..การศึกษาคือปัญญาสร้างชาติในอนาคต ..รัฐฐะเราทำลายการศึกษาตนเองคือทำลายชาติชัดเจน ..ประชาชนเติบโตมาจนเป็นชาติก็ผ่านกระบวนการเรียนผิดเรียนจากสถานศึกษาก่อน แม้การดำรงชีวิตคือระหว่างทางของการเรียนรู้ศึกษาจริงตลอดเวลา แต่ก้าวแรกต้องผ่านพื้นฐานนี้หมดร่วมกันจึงต่อยอดใครมันในอนาคตร่วมกันดำรงชาติไทยต่อไปได้. ..นี้อะไร บ้านเมืองถูกแทรกแซงการปกครองตลอด วุ่นวายโกลาหล ทำให้ประชาชนลำบากบวกยากจนลงต่ำตลอดเวลาถึงปัจจุบัน,จนเข้าสู่ยุคล้ำๆรุ่นAIหุ่นยนต์ก็ยังแบบเดิมๆไม่พัฒนาให้คนไทยร่ำรวยมั่งคั่งจนใครชาติไหนหรือนักการเมืองใดๆไม่สามารถเอาเศษตังมาซื้อเสียง เอาตังจากต่างประเทศมาซื้อคนไทยย่ำยีคนทั้งชาติง่ายดายแบบปัจจุบันขนาดนี้,สงครามตังสงครามเงินแท้ๆตังคืออาวุธของยุคนี้ เศรษฐกิจชื่อสมมุตินี้คือมุ่งหาทำตังทำเงินนี้ล่ะวลีบาลีบิดคำแค่นั้น,แต่วิถีปกครองคนนำปกครองเสือกไร้สมองคิดอ่านไปยกอาวุธตน ทิ้งอาวุธตนในการปกป้องตนเองทิ้งเสีย ทิ้งตังทิ้งความร่ำรวยมั่งคั่งของคนทั้งแผ่นดินไทย ปล่อยคนไทยพบเจอความยากจนแทนบนใต้ตีนคนปกครองที่เหยียบความจนเองในโคต,รเหง้าตระกูลบรมโคตรมันเองเสวยความร่ำรวยมั่งคั่งในโคตรเหง้าบรมตระกูลชนชั้นมันที่ผูกขาดความร่ำรวยมั่งคั่งเอง ทั้งมาในมุกเอกชนผูกขาดเอง&อ้างทำในนามกึ่งเอกชนหรือเอกชนเต็มๆทั้งสไตล์เอกชนไทย มุกสไตล์เอกชนต่างชาติก็ด้วยหรือคนไทยชั่วๆเลวๆตัวดีตัวเลวตัวชั่วของแท้เองนี้ล่ะทำทีเป็นต่างชาติ&มาในมุกคนต่างชาติเอกชนต่างชาติหรือนอมินีตัวแทนคนต่างชาติหรือเหี้ยถือหุ้นต่างชาติร่วมกับต่างชาติหรือของมันเองทั้งหมดมาในฟอร์มต่างชาติปลอมๆมายึดแดกครอบครองผูกขาดเองก็ด้วย จะบ่อน้ำมันบ่อทองคำ แหล่งแร่ทรัพยากรมีค่ามากมายอื่นๆหรือสัมปทานผูกขาดสไตล์มวลรวมมวลชนคนใช้มากๆทัังหมดของประเทศมันนี้ล่ะจะยึดครองก็ว่า อาทิราคาน้ำมันขึ้นลงตามใจมันก็ด้วยในอดีต,จนอะไรๆแพงทั้งแผ่นดิน ชุดนักเรียนแพง ค่าใช้จ่ายแพง เงินเฟ้อขึ้นไร้ค่า ก๋วยเตี๋ยวปกติชามละ10-20บาทปัจจุบัน50-80บาท ข้าวจานละ15-20บาท ปัจจุบัน45-80บาท ..ทั้งหมดคือวิถีปกครองในประเทศไทยเราเองที่ผิดพลาด จนนักเรียนแม้ผ่านการเล่าเรียนขั้นพื้นฐานจำเป็นต้องกู้กยศ.เป็นหนี้เป็นสินล้นพ้นตัวเป็นจำนวนมาก จบมาตกงานมหาศาลทั้งกิจการมากมายต่างด้าวเอาทดแทนเป็นอย่างมากแย่งงานคนไทยแม้ระดับโรงงานทั่วไปต่างด้าวยังเต็มโรงงาน ,กิจการมากมายถูกต่างชาติต่างด้าวกลืนกินยึดครองบวกผูกขาดทั้งทางตรงและทางอ้อมอีก,มันคือการปกครองที่ล้มเหลว เสี่ยงต่อภัยด้านความมั่นคงของประชาชนคนไทยภายในด้วย.ประชาชนถูกทอดทิ้งในระดับมหาภาคชัดเจนถึงระดับย่อย,พบเจอต่อปัญหาการเงินของทั้งส่วนตัวและระดับครอบครัวเป็นอันมาก รวมถึงคนของระบบราชการเองที่หนี้สินเงินกู้ยืมมีไม่น้อย หนี้บ้านหนี้รถคนพวกนี้หลายคนแทบไปรอดเช่นกัน ขับเคลื่อนด้วยหนี้ทั้งประเทศซึ่งเป็นการเติบโตที่ผิด&ไร้ความมั่นคง,เพียงสมดุลพัง ระบบราชการจะพังทันที เช่นรัฐบาลไม่มีตังจ่ายเงินเดือนคนราชการ คลังตังหมด ทุนสำรองประเทศหมดสิ้นหรือคิดใช้ซื้อBTCคริปโตฯต่างๆแทนตังทุนสำรองประเทศ นี้ก็เหี้ยแล้ว,ประชาชนเงินฝืดบวกหนี้ทั้งในระบบที่กู้ไปก็ใช้คืนไม่ทันไม่ได้เช่นพวกธกส.ชาวนาชาวไร่ชาวสวนต่างๆ ข้าว&พืชไร่พืชสวนพื้นฐานอื่นๆแบบข้าวราคาตันไม่กี่พัน มันคืออะไร,จนมาเทนมทิ้งเทน้ำมันพืชทิ้งประท้วงล่าสุด, ..การศึกษามันสำคัญและเดอะแก๊งไม่ดีมากมายหาประโยชน์ในระบบการศึกษานี้ทั้งมาในมุกล้างสมองทำลายเยาวชนไทยล้มสถาบันก็ว่า,ทัังกอบโกยรายได้จากการค้าระบบการศึกษาอีกผ่านช่องทางมากมายในกระบวนการศึกษาและกับสถานศึกษาเองต่างๆทั่วประเทศ,เม็ดเงินมหาศาลจริงๆที่ได้จากระบบการศึกษาของไทยเรา,ไม่ต่างจากเม็ดเงินมหาศาลที่ได้จากการขายยาตั้งแต่ยุคฉีดวัคซีนโควิดจนขายยามากมายสาระพัดต่อคนอักเสบและถึงตายจากคนไทยเราที่ต้องถูกบังคับฉีดวัคซีนทั้งทางตรงและทางอ้อมที่มาใช้มุกทัังเชิญชวนทั้งกึ่งบังคับ&บังคับในรูปแบบต่างๆที่ไม่เป็นทางการเพราะถ้าเป็นทางการและเปิดเผยจะถือว่าผิดกฎหมายสากลนูเร็มเบิร์กฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ตนภายในประเทศตนเองได้และทุกๆคนที่เกี่ยวข้องจะสามารถถูกตัดสินสากลให้มีความจริงชัดเจนได้ทันทีบวกสามารถจับลงโทษระดับโลกทันทีได้ที่กฎหมายในแต่ละประเทศนั้นๆไม่สามารถปกป้องพวกนี้ได้.,แม้กระนั้นถึงกลัวตายก็บังคับฉีดทางอ้อมทางกลไกสังคมมาอ้างชอบธรรมแก่พวกมันฉีดคนไทยครบกว่า60ล้านคน,ซึ่งคนพวกนี้สมควรถูกกวาดล้างแต่ก็ยังไม่เห็นใครที่เกี่ยวข้องโดนลงโทษจริงจังสักคนในไทยและทำให้เป็นข่าวจริงอย่างเปืดเผยผ่านสื่อหลักไทยเรา,ชาติไทยเราหากไม่พลิกจริงจัง ไม่เปลี่ยนแปลงจริงจัง ไม่นานสิ้นชาติไทยแน่นอน อาจเป็นสาขาหนึ่งของชาติพม่าสาขาหนึ่งของชาติเขมรหรือมลฑลหนึ่งของจีนในอนาคตที่deep state ไม่ต้องออกตัวออกหน้าโชว์ลงมือ,แบบเช่นblackrock vanguardไม่ต้องออกตัวออกหน้ายึดครองประเทศไทยทางเศรษฐกิจหรือการลงทุนใดๆให้สมุนขี้ข้ารับใช้กิจการเครือข่ายลูกหลานมันจัดการประเทศไทยก็จบแล้วเพราะเกือบทุกๆบริษัทใหญ่ๆแบรนด์ใหญ่ๆระดับโลกในประเทศไทยล้วนคือขี้ข้ากิจการทาสสมุนรับใช้ทุนใหญ่หลังฉากอย่างvanguardหรือblackrockที่ต้องการยึดภาคใต้ยึดครองแลนด์บริดจ์ไทยคลองคอดกระไทยหรืออ่าวไทยทะเลสองฝั่งไทยเราสิ้น.,แค่มันใช้มุกขนคนมาอยู่ไทยเช่นต่างชาติเอยพม่าเอยอยู่กระจายทั่วทั้งภาคใต้ก็อนาถแล้วและไร้มาตรการจริงจังผลักดันถีบออกจากประเทศไทยจริงจังเลย,แย่งพื้นที่การศึกษาเยาวชนไทยตนเองอีก,ต่างชาติใดอยากส่งเสริมสนับสนุนลูกหลานคนต่างด้าวต่างชาติก็พาคนต่างชาติต่างด้าวออกไปสร้างที่ประเทศตนเองส่งเสริมสนับสนุนกันที่ชาติมรึงเต็มที่อย่ามาใช้แผ่นดินไทยสร้างสถานที่ส่งเสริมนั้นนี้บนแผ่นดินไทยเราและมิได้ส่งเสริมสนับสนุนคนไทยเยาวชนไทยเราด้วย,นี้คือการช่วบเลี้ยงดูคนต่างชาติต่างด้าวในบ้านเราเองจากนั้นก็เริ่มขบวนการยึดบ้านเจ้าของคนนั้นๆเช่นมุกออกลูกออกหลานมากๆในบ้านหลังนั้นจากนั้นก็จะได้กรรมสิทธิ์เต็มที่ร่วมกันลูกหลานคนเจ้าของบ้านเดิมที่ตนถูกเลี้ยงดูจากพวกต่างชาติที่สนับสนุนตนก็ว่าตอนเริ่มต้น,พม่ามาอยู่ไทย เขมรลาวแกวมาอยู่ไทย แขกอินเดียแขกอาหรับยิวอิสราเอลมาอยู่ไทยออกลูกออกหลานเต็มแผ่นดินไทยได้สัญชาติไทยได้สิทธิในที่ดินแผ่นดินเต็มสมบูรณ์กว่า20-30ล้านคนใน20ปีข้างหน้าเป็น100-200ล้านคน ชาติไทยจะเหลือแผ่นดินไทยให้คนไทยจริงๆเท่าไร ,ดูแกวดูจีนสมัยก่อนมุกแบบสงครามพม่าปัจจุบันอพยพมาอยู่ไทยออกลูกออกหลานตรึมได้สัญชาติไทยยึดไทยไม่ต้องรบหรือใช้อาวุธอะไร,ส่งเสริมสนับสนุนช่วยเหลือลูกหลานแกวจีนยึดตำแหน่งปกครองใหญ่โตในระบบราชการไทยและกิจการใหญ่โตสายเลือดใหญ่ในไทย ไทยก็เสร็จนะสิ,เขาระดมทุนผ่านสมาคมจีนสมาคมแกวได้สบาย แกวจีนส่งตังมหาศาลให้สมาคมนี้เอาไปใช้ยึดกิจการไทยส่งลูกหลานคนจีนแกวเข้าทำงานในตำแหน่งใหญ่ให้ได้บนแผ่นดินไทยบอกว่ารักประเทศไทยรักสถาบันไทยก็จบแล้ว,ร้านทองเจ๊กจีนแกวยึดค้าขาย แบบพม่าในปัจจุบันยึดตลาดคนไทยค้าขายแทน ทวงหนี้นอกระบบก็ด้วย,สมาคมพลัดถิ่นรักบ้านเกิดเมืองนอนตนพะนะจีนเอยแกวเอยให้ตังสนับสนุนคนจีนแกวในไทยที่อพยพหนี้ตายมาไทยสมันสงครามก็ว่า,เหยียบย่ำคนไทยเนียนๆเชือดนิ่มๆยึดที่ดินผ่านร้านทองจำนองจำนำตรึม ยึดผ่านแบงค์ต่างๆอีกที่ค้ำประกันเงินกู้โดยใช้ที่ดินค้ำประกัน,ยุคนี้ถ้าผู้ปกครองยังโง่เขลากากกระจอกไม่ล้ำสมัยในสงครามตังนี้อันตรายมากๆ สงครามตังคือสงครามหลักโดยใช้AIเป็นทหารยิงกระสุนแทนอีก,เพราะไม่ว่าจะล้ำจะใช้AIล้ำๆขนาดไหน มันก็ขับเคลื่อนด้วยตังนี้ล่ะ,ตังกระดาษตังดิจิดัลก็คือตัง,เล่าเรียนก็ใช้ตังทุกๆขณะที่ดำเนินขณะภาคเรียนใดๆ.ประเทศไทยเราได้เปรียบมากมาย ตังมีมหาศาลผ่านทรัพยากรบนแผ่นดินไทยและไม่ใช่แค่บ่อน้ำมันหรือบ่อทองคำ เราต่อยอดต่างๆได้ตังมหาศาลแทบไม่แตะต้องทรัพยากรมีค่าอีกก็ได้ นำออกมาใช้ยามจำเป็นฉุกเฉินขาดแคลนก็ได้,เราสามารถสร้างประเทศไทยสร้างชาติสร้างคนไทยทั้งประเทศให้แข็งแกร่งพร้อมเข้าสนามรบสงครามพันทางกับศัตรูของชาติไทยได้อย่างสบายๆแม้มารอบด้านก็ได้,ข้าวปากอาหารเต็มประเทศอีก,แต่คนปกครองเรามันกาก&เหี้ยจริงๆนะ ,เราไม่สมควรดำรงรักษาคนแบบนี้ไว้เลย,นำพาประชาชนทั้งแผ่นดินไทยมั่นคงในความยากจนนานพอแล้ว.และการเล่าเรียนของเยาวชนรวมทั้งของคนไทยทุกๆคนสามารถเล่าเรียนฟรีๆถึงป.เอกได้หรือเรียนรู้ตลอดชีวิตแม้จบสถานศึกษาขั้นปกติก็ตาม ,ฝึกอบรมสัมมาอาชีพพร้อมทุนตั้งตัวตั้งตนเริ่มต้นเพื่อยืนด้วยขาตนเองใครมันคนไทยร่วมกันก็สามารถส่งเสริมได้,เราใช้ตังในชาติไทยเราช่วยเหลือคนไทยเราทำไมจะทำไม่ได้.,เพราะเหี้ยไปยกตังมหาศาลมากมายให้คนอื่นไง.,ตย.ง่ายๆแบบยกบ่อน้ำมันบ่อทองคำตัวทำตังของประเทศไทยให้คนอื่นยึดครอง,ตนไม่มีวัตถุดิบทำตังเลยบนแผ่นดินตนเองแท้ๆมันคือเหี้ยอะไรล่ะ,นี้ไงจึงต้องฉีกทิ้งสัญญาทั้งหมดที่ทำไว้ในอดีตกับต่างชาติและอยุติธรรมเอาเปรียบ&ปล้นชิงแย่งชิงเราในรูปแบบสัญญาต่างๆนั้น,โมฆะทั้งหมด,เราก็จะคืนธิปไตยเรามาทั้งหมด,จากนั้นจับมือจริงจังกับมิตรดีสหายดีทั่วโลกกันใหม่,ทำสัญญาดีๆไม่เอาเปรียบปล้นชิงแย่งชิงกันและกันใหม่,เป็นคู่ค้าคู่มิตรดีทั่วโลกใหม่,ใครเหี้ยก็เลิกคบจบ,ยุคนี้ต้องแบบนี้,ล้ำสมัยต้องแบบนี้,นี้เสือกมั่นคง คงไว้ในกฎหมายที่เอาเปรียบชาติตนเองปล้นตนเอง ล้ำสมัยห่าอะไร,แบบยึดอำนาจเสียของในอดีตนั้นล่ะรัฐประหารเสียของ,ฉลาดฉีกนักกฎหมายรัฐธรรมนูญเสือกไม่ฉีกกฎหมายทาสสัญญาทาสโมฆะมันทิังที่เอาเปรียบประชาชนตนไทยและชาติไทยตนเองแบบสัมปทานบ่อปิโตรเลียมนั้นล่ะที่เป็นตย.ชัดเจนมาก กูรูมากมายแฉในอดีตตรึม ทั้งปกปิดค่าจริงความจริงอีกว่าประเทศไทยไม่มีบ่อน้ำมัน มีแต่น้อย แล้วเสือกแย่งชิงการสัมปทานตรึมหรือต้องได้รับการต่ออายุสัมปทานเดิมให้ได้.,ยุคเราสมควรจบความระยำบัดสบนี้จริงๆ. https://youtube.com/live/-I_7Ne9jNvs?si=ZuGvcgZ3Ang7J3-_
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 Comments 0 Shares 1113 Views 0 Reviews
  • สรุปเช็คเด้งในวงการพระ...หลัก พันล้าน บาท...อ่านจบ..เข้าใจทันที...
    ..คือการซื้อพระหลักล้าน..ไม่ว่าชิ้นเดียว หรือหล่ยชิ้นรวมกัน...ที่กระทำกันมาตลอด..คือ ซอยเช็คซื้อ...คือ เอาพระมาขายก่อน..สมมุติ ซื้อ 10 ล้าน..ซอยเช็ค 10 ใบๆ ละ ล้าน..ทุก 15 วัน...เจ้าของพระอยากขายได้ ก็ยอม...ทีนี้ เวลาไปขาย คนซื้อ..ก็ขอ ซอยเช็ค ล่วงหน้า เช่นกัน....ทีนี้ก็อยู่ที่ระบบริหารจัดการ "หลังบ้าน" แล้ว......ทีนี้เมื่อผู้จายรับเช็คมา...หลายคนก็ไม่รอ ดิวเช็ค..คือ ขายลดเช็คไปเลย..มีกันตั้งแต่ หัก3-10% ...ขึ้นอยู่ที่ว่าใครรับ...และข้อตกลงระหว่างกัน....ทีนี้ ขายมาก ก็ซื้อมาก..หมุนไปมา..ก็จะไม่มีปัญหา..ถ้าเช็คไม่เด้ง.....ทีนี้สภาวะเศรษฐกิจแบบที่เราเห็น...เช็คผู้ซื้อเด้ง....ก็ทำให้เช็คผู้ขายที่ตีให้คนอื่นไป..เด้งด้วย...เช็คที่ขายลดเช็คไปก็เด้ง.....บางคนถามทำไมยอดไปถึงพันล้าน...ต้องบอกว่า ..ก็เป็นการ "เอืัอสภาพคล่องกัน" เพื่อแลกกับผลประโยชน์ จากกำไรที่ขายของได้ ...กำไรจากรับขายลดเช็ค..ก็ปล่อยยอดไป...ทีนี้ ดินพอกหางหมู....ที่หวังว่าจะมียอดมาเติม..ก็ไม่มี...และก็เหมือนทุกธุรกิจ...คือถ้าหมดสภาพคล่องเมื่อไหร่...ก็ไปต่อไม่ได้....
    ...และถามว่าจะจบอย่างไร? ..ก็คงต้องประนอมยืดหยุ่นกันไป...เพราะปัจจุบัน พรบ.เช็ค ..ไม่เป็นคดีอาญาแล้ว (ถ้าไม่ใช่เช็คที่ชำระหนี้..ที่มีสัญญาชัดเจน) ...พอเป็นคดีแพ่ง..การบังคับคดี..ก็มีความเสี่ยงมากขึ้น...
    #ทั้งหมดมาจาก2 เหตุผลหลักคือ
    1. สภาวะเศรษฐกิจ
    2. ระบบบริหารจัดการ..หน้าบ้าน หลังบ้าน...ไม่ดีพอ ...
    สรุปเช็คเด้งในวงการพระ...หลัก พันล้าน บาท...อ่านจบ..เข้าใจทันที... ..คือการซื้อพระหลักล้าน..ไม่ว่าชิ้นเดียว หรือหล่ยชิ้นรวมกัน...ที่กระทำกันมาตลอด..คือ ซอยเช็คซื้อ...คือ เอาพระมาขายก่อน..สมมุติ ซื้อ 10 ล้าน..ซอยเช็ค 10 ใบๆ ละ ล้าน..ทุก 15 วัน...เจ้าของพระอยากขายได้ ก็ยอม...ทีนี้ เวลาไปขาย คนซื้อ..ก็ขอ ซอยเช็ค ล่วงหน้า เช่นกัน....ทีนี้ก็อยู่ที่ระบบริหารจัดการ "หลังบ้าน" แล้ว......ทีนี้เมื่อผู้จายรับเช็คมา...หลายคนก็ไม่รอ ดิวเช็ค..คือ ขายลดเช็คไปเลย..มีกันตั้งแต่ หัก3-10% ...ขึ้นอยู่ที่ว่าใครรับ...และข้อตกลงระหว่างกัน....ทีนี้ ขายมาก ก็ซื้อมาก..หมุนไปมา..ก็จะไม่มีปัญหา..ถ้าเช็คไม่เด้ง.....ทีนี้สภาวะเศรษฐกิจแบบที่เราเห็น...เช็คผู้ซื้อเด้ง....ก็ทำให้เช็คผู้ขายที่ตีให้คนอื่นไป..เด้งด้วย...เช็คที่ขายลดเช็คไปก็เด้ง.....บางคนถามทำไมยอดไปถึงพันล้าน...ต้องบอกว่า ..ก็เป็นการ "เอืัอสภาพคล่องกัน" เพื่อแลกกับผลประโยชน์ จากกำไรที่ขายของได้ ...กำไรจากรับขายลดเช็ค..ก็ปล่อยยอดไป...ทีนี้ ดินพอกหางหมู....ที่หวังว่าจะมียอดมาเติม..ก็ไม่มี...และก็เหมือนทุกธุรกิจ...คือถ้าหมดสภาพคล่องเมื่อไหร่...ก็ไปต่อไม่ได้.... ...และถามว่าจะจบอย่างไร? ..ก็คงต้องประนอมยืดหยุ่นกันไป...เพราะปัจจุบัน พรบ.เช็ค ..ไม่เป็นคดีอาญาแล้ว (ถ้าไม่ใช่เช็คที่ชำระหนี้..ที่มีสัญญาชัดเจน) ...พอเป็นคดีแพ่ง..การบังคับคดี..ก็มีความเสี่ยงมากขึ้น... #ทั้งหมดมาจาก2 เหตุผลหลักคือ 1. สภาวะเศรษฐกิจ 2. ระบบบริหารจัดการ..หน้าบ้าน หลังบ้าน...ไม่ดีพอ ...
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 350 Views 0 Reviews
  • รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 13 ความสำคัญของการมีเงินออม
    .
    การเปลี่ยนการออมเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาดและได้รับผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจจนอาจเรียกได้ว่า “เงินทำงานรับใช้” นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายดังพูด มีหลายประเด็นดังต่อไปนี้ที่ควรใคร่ครวญ
    .
    บ่อยครั้งที่เงินออมของเรามีไม่เพียงพอ จึงต้องกู้ยืมเพิ่มเติมเพื่อผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กว่าดอกเบี้ยเงินกู้ บางครั้งการกู้ยืมและผ่อนชำระก็ถือได้ว่าเป็นเงินออมอย่างหนึ่งดังกรณีของบ้านและรถยนต์ บ้านเป็นสิ่งที่ให้คุณค่าในการอยู่อาศัย การผ่อนชำระหนี้บ้านทำให้ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน และเกิดความหวังว่าจะได้เป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย มีความรู้สึกว่าเป็นอิสระเพราะไม่ต้องพึ่งพิงคนอื่น ส่วนรถยนต์เป็นสิ่งสร้างความสะดวกสะบายที่ช่วยลดโสหุ้ยในเรื่องเวลาและการเดินทาง
    .
    อย่างไรก็ดี มีความเสี่ยงอยุ่ไม่น้อยในการกู้และผ่อนชำระจนครบ หรือพูดอีกอย่างนึงว่า กว่าจะออมจนประสบผลสำเร็จสามารถมีบ้านเป็นของตนเอง ข้อเท็จจริงหนึ่งที่สำคัญเมื่อกู้ยืมและผ่อนชำระบ้านหรือรถยนต์หรือโรงงานก็คือ แท้จริงแล้วทรัพย์สินเหล่านี้ยังไม่ใช่ของผู้กู้ตามกฏหมาย เนื่องจากโฉนดและเอกสารแสดงสิทธิความเป็นเจ้าของยังมิได้ระบุตนเองเป็นเจ้าของ ซึ่งความเป็นเจ้าของอย่างแท้จริงจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อได้ผ่อนชำระครบแล้วเท่านั้น ข้อเท็จจริงนี้ผู้กู้จะต้องตระหนักอยู่เสมอ จะได้มีพฤติกรรมอันเหมาะสมในการใช้จ่ายเงินในระหว่างที่เป็นหนี้
    .
    ความไม่ได้เป็นเจ้าของทรัพย์สินอย่างแท้จริงดังกล่าว เป็นความเสี่ยงที่ผู้กู้ควรตระหนัก เพราะ “อุบัติเหตุ” หลายประการดังต่อไปนี้อาจเกิดขึ้นได้ตลอดช่วงเวลาของการกู้ยืม โดยเฉพาะการกู้ยืมที่มีระยะเวลายาวนาน นั่นก็คือ (1) รายจ่ายของครอบครัวอาจสูงขึ้นอย่างไม่คาดคิดอ้นเนื่องมาจากความเจ็บป่วยของสมาชิกในครอบครัว หรือมีความจำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่ หรือมีภาระผูกพันทางการเงินเพิ่มขึ้นอีก (2) รายได้ไม่ได้เพิ่มขึ้นดังที่หวังไว้ แต่อาจลดลงเพราะตกงานหรือเปลี่ยนงาน หรือสภาวะเศรษฐกิจผันผวนจนทำให้ธุรกิจที่เคยรุ่งโรจน์ซบเซา หรือธุรกิจต้องการเงินลงทุนเพิ่มขึ้น (3) อัตราดอกเบี้ยอาจสูงขึ้นในช่วงเวลาต่อมาจนต้องผ่อนชำระในแต่ละเดือนด้วยเงินก้อนใหญ่ขึ้น
    .
    อุทาหรณ์ในเรื่องนี้ก็คือ ก่อนการกู้ยืมควรใคร่ครวญให้รอบคอบและเลือกผ่อนซื้อสิ่งที่มีมูลค่าสอดคล้องกับฐานะของตนเองอย่างแท้จริงเท่านั้น มีข้อแนะนำว่าเพื่อความปลอดภัยจาก “อุบัติเหตุ” ดังกล่าว จึงไม่ควรกู้เงินซื้อบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ซึ่งมีมูลค่าสูงเกินกว่าหนึ่งเท่าของรายได้ครัวเรือนในหนึ่งปี
    .
    เมื่อมีเงินออมและจะนำไปลงทุน มีข้อเท็จจริงหลายประการที่ควรทราบ ดังนี้
    (1) การลงทุนบางอย่างไม่ก่อให้เกิดรายได้ในระหว่างที่ถือครองอยู่ แต่อาจมีมูลค่าสูงเมื่อเลิกการถือครองแล้วก็เป็นได้เช่น ทองคำ ที่ดิน เพชรนิลจินดา ของเก่ามีค่า เป็นต้น สิ่งที่ต้องยอมสละไประหว่างการถือครองก็คือดอกเบี้ย เงินปันผล หรือผลตอบแทนรูปอื่นที่อาจเกิดขึ้นจากการนำเงินจำนวนเดียวกันนี้ไปลงทุนในหลักทรัพย์หรือการลงทุนอย่างอื่น นอกจากนี้เจ้าของเองอาจไม่มีโอกาสได้เก็บเกี่ยวดอกผลจากมูลค่าที่สูงขึ้นเพราะเสียชีวิตไปก่อนก็เป็นได้
    (2) การลงทุนบางอย่างได้รับผลตอบแทนระหว่างที่ครอง แต่อาจมีมูลค่าไม่สูงดังคาดหวังเมื่อจบสิ้นช่วงเวลาหนึ่งก็เป็นได้ เช่น หุ้น บ้านหรืออพาร์ตเมนต์หรือคอนโดมิเนียมให้เช่า อย่างไรก็ดีแม้ผลตอบแทนจากการถือครองอาจไม่สูงนัก แต่ก็สามารถนำไปลงทุนต่อเพื่อให้เกิดเงิน “ชั้นลูกชั้นหลาน” ขึ้นมาได้
    (3) ความเสี่ยงในการลงทุนไม่เท่ากันระหว่างประเภทของการลงทุน เช่น หุ้นกับพันธบัตร หรือที่ดินกับกองทุนรวม ฯลฯ ทั้งนี้เนื่องจากธรรมชาติของการเกิดผลตอบแทนนั้นแตกต่างกัน นอกจากนี้ความเสี่ยงจากการลงทุนในประเภทเดียวกันของการลงทุนแต่ละอย่างก็แตกต่างกันอีกด้วย เช่น การลงทุนซื้อหุ้นธนาคาร ก. อาจมีความเสี่ยงมากกว่าธนาคาร ข. อาจเนื่องมาจากธนาคาร ข. มีระบบการบริการงานที่มีประสิทธิภาพกว่า และมีธรรมาภิบาลสูงกว่าก็เป็นได้
    (4) ในการตัดสินใจว่าร่วมลงทุนในกิจการใด ไม่ว่าในรูปของการลงทุนร่วมประกอบการ SME’s หรือซื้อหุ้นโดยตรง พึงพิจารณาคุณภาพของการบริหารกิจการนั้นเป็นสำคัญระวังการหลงติดกับภาพลักษณ์และการโฆษณาชวนเชื่อให้ร่วมลงทุน การบริหารที่มีคุณภาพสูงประกอบด้วยผู้นำที่มีความรู้ ความสามารถ มีประวัติดี มีคุณธรรม มีประวัติของความสำเร็จ มีทีมงานที่แข็งขันสนับสนุนกิจการ มีนโยบายและการปฏิบัติอย่างจริงจังในเรื่องธรรมาภิบาลอย่างเป็นที่ประจักษ์
    (5) คำพูดที่ว่า “เสี่ยงสูง – ผลตอบแทนสูง” นั้นหมายถึงว่า เมื่อผู้ลงทุนคาดหวังผลตอบแทนที่สูง ก็จำเป็นต้องลงทุนในกิจการที่มีความเสี่ยงสูงเป็นธรรมดา มิได้หมายความว่าถ้ากิจการมีความเสี่ยงสูงแล้วจะได้รับผลตอบแทนสูงเสมอไป
    .
    เมื่อข้อเท็จจริงในเรื่องการลงทุนเป็นเช่นนี้ จึงสมควรใช้เงินออมไปลงทุนในหลากหลายประเภทและหลากหลายหน่วยธุรกิจ เพราะความผันผวนในทางลบจากการลงทุนหนึ่งอาจถูกคานไว้ด้วยความผันผวนในด้านบวกจากอีกการลงทุนหนึ่ง
    .
    การลงทุนขึ้นอยู่กับโชค แต่ภายในขอบเขตหนึ่ง หากเลือกลงทุนอย่างมีเหตุมีผลแล้ว ตัวแปรสร้างความผันผวนที่ชื่อว่า “โชค” อาจลดอิทธิฤทธิ์ลงไปได้มากทีเดียว
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 13 ความสำคัญของการมีเงินออม . การเปลี่ยนการออมเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาดและได้รับผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจจนอาจเรียกได้ว่า “เงินทำงานรับใช้” นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายดังพูด มีหลายประเด็นดังต่อไปนี้ที่ควรใคร่ครวญ . บ่อยครั้งที่เงินออมของเรามีไม่เพียงพอ จึงต้องกู้ยืมเพิ่มเติมเพื่อผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กว่าดอกเบี้ยเงินกู้ บางครั้งการกู้ยืมและผ่อนชำระก็ถือได้ว่าเป็นเงินออมอย่างหนึ่งดังกรณีของบ้านและรถยนต์ บ้านเป็นสิ่งที่ให้คุณค่าในการอยู่อาศัย การผ่อนชำระหนี้บ้านทำให้ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน และเกิดความหวังว่าจะได้เป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย มีความรู้สึกว่าเป็นอิสระเพราะไม่ต้องพึ่งพิงคนอื่น ส่วนรถยนต์เป็นสิ่งสร้างความสะดวกสะบายที่ช่วยลดโสหุ้ยในเรื่องเวลาและการเดินทาง . อย่างไรก็ดี มีความเสี่ยงอยุ่ไม่น้อยในการกู้และผ่อนชำระจนครบ หรือพูดอีกอย่างนึงว่า กว่าจะออมจนประสบผลสำเร็จสามารถมีบ้านเป็นของตนเอง ข้อเท็จจริงหนึ่งที่สำคัญเมื่อกู้ยืมและผ่อนชำระบ้านหรือรถยนต์หรือโรงงานก็คือ แท้จริงแล้วทรัพย์สินเหล่านี้ยังไม่ใช่ของผู้กู้ตามกฏหมาย เนื่องจากโฉนดและเอกสารแสดงสิทธิความเป็นเจ้าของยังมิได้ระบุตนเองเป็นเจ้าของ ซึ่งความเป็นเจ้าของอย่างแท้จริงจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อได้ผ่อนชำระครบแล้วเท่านั้น ข้อเท็จจริงนี้ผู้กู้จะต้องตระหนักอยู่เสมอ จะได้มีพฤติกรรมอันเหมาะสมในการใช้จ่ายเงินในระหว่างที่เป็นหนี้ . ความไม่ได้เป็นเจ้าของทรัพย์สินอย่างแท้จริงดังกล่าว เป็นความเสี่ยงที่ผู้กู้ควรตระหนัก เพราะ “อุบัติเหตุ” หลายประการดังต่อไปนี้อาจเกิดขึ้นได้ตลอดช่วงเวลาของการกู้ยืม โดยเฉพาะการกู้ยืมที่มีระยะเวลายาวนาน นั่นก็คือ (1) รายจ่ายของครอบครัวอาจสูงขึ้นอย่างไม่คาดคิดอ้นเนื่องมาจากความเจ็บป่วยของสมาชิกในครอบครัว หรือมีความจำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่ หรือมีภาระผูกพันทางการเงินเพิ่มขึ้นอีก (2) รายได้ไม่ได้เพิ่มขึ้นดังที่หวังไว้ แต่อาจลดลงเพราะตกงานหรือเปลี่ยนงาน หรือสภาวะเศรษฐกิจผันผวนจนทำให้ธุรกิจที่เคยรุ่งโรจน์ซบเซา หรือธุรกิจต้องการเงินลงทุนเพิ่มขึ้น (3) อัตราดอกเบี้ยอาจสูงขึ้นในช่วงเวลาต่อมาจนต้องผ่อนชำระในแต่ละเดือนด้วยเงินก้อนใหญ่ขึ้น . อุทาหรณ์ในเรื่องนี้ก็คือ ก่อนการกู้ยืมควรใคร่ครวญให้รอบคอบและเลือกผ่อนซื้อสิ่งที่มีมูลค่าสอดคล้องกับฐานะของตนเองอย่างแท้จริงเท่านั้น มีข้อแนะนำว่าเพื่อความปลอดภัยจาก “อุบัติเหตุ” ดังกล่าว จึงไม่ควรกู้เงินซื้อบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ซึ่งมีมูลค่าสูงเกินกว่าหนึ่งเท่าของรายได้ครัวเรือนในหนึ่งปี . เมื่อมีเงินออมและจะนำไปลงทุน มีข้อเท็จจริงหลายประการที่ควรทราบ ดังนี้ (1) การลงทุนบางอย่างไม่ก่อให้เกิดรายได้ในระหว่างที่ถือครองอยู่ แต่อาจมีมูลค่าสูงเมื่อเลิกการถือครองแล้วก็เป็นได้เช่น ทองคำ ที่ดิน เพชรนิลจินดา ของเก่ามีค่า เป็นต้น สิ่งที่ต้องยอมสละไประหว่างการถือครองก็คือดอกเบี้ย เงินปันผล หรือผลตอบแทนรูปอื่นที่อาจเกิดขึ้นจากการนำเงินจำนวนเดียวกันนี้ไปลงทุนในหลักทรัพย์หรือการลงทุนอย่างอื่น นอกจากนี้เจ้าของเองอาจไม่มีโอกาสได้เก็บเกี่ยวดอกผลจากมูลค่าที่สูงขึ้นเพราะเสียชีวิตไปก่อนก็เป็นได้ (2) การลงทุนบางอย่างได้รับผลตอบแทนระหว่างที่ครอง แต่อาจมีมูลค่าไม่สูงดังคาดหวังเมื่อจบสิ้นช่วงเวลาหนึ่งก็เป็นได้ เช่น หุ้น บ้านหรืออพาร์ตเมนต์หรือคอนโดมิเนียมให้เช่า อย่างไรก็ดีแม้ผลตอบแทนจากการถือครองอาจไม่สูงนัก แต่ก็สามารถนำไปลงทุนต่อเพื่อให้เกิดเงิน “ชั้นลูกชั้นหลาน” ขึ้นมาได้ (3) ความเสี่ยงในการลงทุนไม่เท่ากันระหว่างประเภทของการลงทุน เช่น หุ้นกับพันธบัตร หรือที่ดินกับกองทุนรวม ฯลฯ ทั้งนี้เนื่องจากธรรมชาติของการเกิดผลตอบแทนนั้นแตกต่างกัน นอกจากนี้ความเสี่ยงจากการลงทุนในประเภทเดียวกันของการลงทุนแต่ละอย่างก็แตกต่างกันอีกด้วย เช่น การลงทุนซื้อหุ้นธนาคาร ก. อาจมีความเสี่ยงมากกว่าธนาคาร ข. อาจเนื่องมาจากธนาคาร ข. มีระบบการบริการงานที่มีประสิทธิภาพกว่า และมีธรรมาภิบาลสูงกว่าก็เป็นได้ (4) ในการตัดสินใจว่าร่วมลงทุนในกิจการใด ไม่ว่าในรูปของการลงทุนร่วมประกอบการ SME’s หรือซื้อหุ้นโดยตรง พึงพิจารณาคุณภาพของการบริหารกิจการนั้นเป็นสำคัญระวังการหลงติดกับภาพลักษณ์และการโฆษณาชวนเชื่อให้ร่วมลงทุน การบริหารที่มีคุณภาพสูงประกอบด้วยผู้นำที่มีความรู้ ความสามารถ มีประวัติดี มีคุณธรรม มีประวัติของความสำเร็จ มีทีมงานที่แข็งขันสนับสนุนกิจการ มีนโยบายและการปฏิบัติอย่างจริงจังในเรื่องธรรมาภิบาลอย่างเป็นที่ประจักษ์ (5) คำพูดที่ว่า “เสี่ยงสูง – ผลตอบแทนสูง” นั้นหมายถึงว่า เมื่อผู้ลงทุนคาดหวังผลตอบแทนที่สูง ก็จำเป็นต้องลงทุนในกิจการที่มีความเสี่ยงสูงเป็นธรรมดา มิได้หมายความว่าถ้ากิจการมีความเสี่ยงสูงแล้วจะได้รับผลตอบแทนสูงเสมอไป . เมื่อข้อเท็จจริงในเรื่องการลงทุนเป็นเช่นนี้ จึงสมควรใช้เงินออมไปลงทุนในหลากหลายประเภทและหลากหลายหน่วยธุรกิจ เพราะความผันผวนในทางลบจากการลงทุนหนึ่งอาจถูกคานไว้ด้วยความผันผวนในด้านบวกจากอีกการลงทุนหนึ่ง . การลงทุนขึ้นอยู่กับโชค แต่ภายในขอบเขตหนึ่ง หากเลือกลงทุนอย่างมีเหตุมีผลแล้ว ตัวแปรสร้างความผันผวนที่ชื่อว่า “โชค” อาจลดอิทธิฤทธิ์ลงไปได้มากทีเดียว
    0 Comments 0 Shares 686 Views 0 Reviews
  • บทวิเคราะห์ของ สมหมาย ภาษี อดีตรัฐมนตรีคลัง “นโยบายปรับภาษี (Tariff) ของ Trump จะทำให้โลกใบนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วพัฒนาการของการค้าโลกในช่วงประมาณ 50 ปีที่ผ่านมา มีการตั้งองค์การด้านการค้าโลกขึ้น เริ่มด้วยการตั้ง GATTS แล้วต่อมาปรับเป็น WTO (World Trade Organization) เพื่อสร้างกฎเกณฑ์การค้าขายระหว่างประเทศและกำกับให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามแนวทางการค้าเสรี ช่วงนี้จะมีประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา รัสเซีย ประเทศใหญ่ๆในยุโรป และประเทศญี่ปุ่นได้ปรับตัวให้ตนเองมั่งคั่งและสะสมความร่ำรวย เข้าไปควบคุมตลาดเงินและสกุลเงินตราสำคัญ รวมทั้งควบคุมตลาดการค้าหลักๆให้เป็นระเบียบและเอื้อต่อการขยายตัวของการค้าขายของแต่ละประเทศเพื่อประโยชน์ต่อตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ .แต่แล้วในช่วงดังกล่าวนี้ประเทศจีนเสือหลับแห่งเอเชีย ที่ได้ผู้นำประเทศที่ขึ้นมาพลิกผันประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรมได้รวดเร็วและต่อเนื่อง ชื่อ เติ้ง เสี่ยวผิง เติ้งได้ทำการปฏิวัติและปฏิรูปประเทศในทุกด้านโดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมตั้งแต่แบบเก่าจนแบบที่ต้องใช้เทคนิคล้ำหน้า จนขณะนี้จีนภายใต้ผู้นำชื่อ สี จิ้น ผิง ที่เข้มแข็ง มือสะอาด มีฝีมือ มีคุณธรรม มีความตั้งใจจริง เข้ามาบริหารประเทศที่มีพลเมืองมากที่สุดให้ใหญ่โตจนทัดเทียมกับประเทศสหรัฐอเมริกาในทุกด้าน จนผู้นำของสหรัฐอย่าง Trump รู้สึกเสียหน้ามาก. ที่มาของการใช้มาตรการทำสงครามการค้าของ Trump ความแข็งแกร่งของจีนในขณะนี้ Trump ได้เฝ้าดูแลมาร่วม 8 ปี เมื่อเขาสามารถเข้ามาเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอีกครั้งก็ไม่รีรอที่จะลงมือนำนโยบายปรับภาษีสินค้านำเข้าและส่งออก (Tariff) ชนิดสุดโต่งและจำเพาะเจาะจงมาใช้กับประเทศจีนโดยทันที ขณะเดียวกันก็ได้ประกาศใช้กับประเทศคู่ค้าอื่นๆ ทั่วโลกด้วย แต่มาตรการจะเบากว่าที่ใช้กับจีน. สิ่งที่เห็นตามที่เป็นข่าวอยู่ทุกวันนี้ก็คือ การเกิดแรงกระแทกอย่างมากต่อวิถีการค้าระหว่างประเทศที่เป็นอยู่ทั่วโลก ไม่ต้องถามว่าทำไม Trump ต้องทำแบบนี้ เพราะเขาเองเห็นชัดว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาของเขากำลังตกต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดดุลการค้าอย่างมากที่เกิดต่อเนื่องมานานและมีหนี้สาธารณะสูงมาก .Trump ยังได้เห็นชัดว่า ฝ่ายของจีนมีพวกพ้องมากขึ้น โดยเฉพาะการจัดตั้งกลุ่ม BRICS ประกอบด้วย Brazil, Russia, India, China และ South Africa รวมหัวกันทำการค้าต่อกันอย่างใกล้ชิด คิดใช้สกุลเงินตราของตนเอง โดยหันหน้าหนีการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ.เท่านั้นยังไม่พอ กลุ่ม BRICS ยังค่อยๆลดการลงทุนในพันธบัตรของสหรัฐที่แต่ละประเทศถือไว้มากมายลงไปโดยการขายออก และหันไปซื้อทองคำหรือกระจายการลงทุนเป็นอย่างอื่น ขณะเดียวกันนักลงทุนรายใหญ่อื่นๆ ในตลาดเงินก็ทำการทิ้งพันธบัตรสหรัฐตามกันไปด้วย มีผลทำให้พันธบัตรซึ่งเป็นสินทรัพย์ในอนาคตจำนวนมากของสหรัฐด้อยค่าลงมากอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน.สรุปได้ว่า Trump ได้มองเห็นอย่างชัดเจนว่าสหรัฐอเมริกาตอนนี้ได้ต่ำต้อยลงอย่างรวดเร็วมาก ตัวเองจึงจำเป็นต้องทำตัวเป็นอัศวินขี่ม้าขาวเข้ามากู้ประเทศให้พลิกผันให้สหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งอย่างเต็มตัวต่อไป ที่ Trump ตั้งใจจะทำก่อนและให้แรงมากคือเล่นงานด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าของสินค้าจีนอย่างบ้าระห่ำ ซึ่งจีนก็ได้ตอบโต้ด้วยมาตรการทำนองเดียวกัน แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน นี่เป็นแค่ยกแรกแค่นั้น.ประเทศน้อยใหญ่ และสถาบันการเงินระหว่างประเทศทั้งหลายต่างก็มองการกระทำของ Trump ในแง่ลบ แม้แต่ประธาน Federal Reserve ของสหรัฐเองอย่าง Jerome Powell เองก็มีอาการกึ่งช็อคกึ่งหัวหมุนกับนโยบายประเภทบ้าบิ่นที่ประธานาธิบดีของเขาจัดมาเป็นชุดๆ Powell ถึงกับกล่าวว่านโยบายของ Trump ที่นำออกมาใช้นี้จะเป็นสิ่งกระตุ้นให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ภาวะเศรษฐกิจจะตกต่ำและการว่างงานจะมีมากขึ้น ตลาดหลักทรัพย์หรือตลาดหุ้นก็จะปั่นป่วนมาก ความตั้งใจที่ Fed จะลดดอกเบี้ยลงจึงทำได้ยากขึ้นซึ่งความเห็นของประธาน Fed ดังกล่าว Trump ไม่พอใจมากเพราะเขาอยากให้มีการลดดอกเบี้ยถึงกับเอ่ยออกมาว่าคงต้องคิดเรื่องการเด้งประธาน Fed ซะแล้ว ฟังคล้ายกำลังจะเอาอย่างประเทศไทย.แนวทางของไทยที่จะรับมือเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประเทศทุกประเทศที่โดนผลกระทบในเรื่องการขึ้น Tariff ของ Trump ต่างก็กำลังระดมความคิดและเตรียมตัวที่จะส่งผู้แทนไปเจรจา ยกเว้นจีนประเทศเดียวที่ขึ้นป้ายจะสู้กับสหรัฐอย่างแน่วแน่.สำหรับประเทศไทย ยังฟังไม่ได้ศัพท์จากฝ่ายรัฐบาลว่าจะมีกลยุทธ์ในการรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร ชี้ให้เห็นชัดว่าศักยภาพของรัฐบาลไทยในการแก้ปัญหาใหญ่ต่ำมาก ฟังความได้อย่างเดียวจากท่านนายกรัฐมนตรีว่าจะใช้นโยบายและแนวทางเหมือนกับประเทศอาเซียนอื่นๆเท่านั้นตอนนี้ก็เห็นภาพชัดขึ้นอีกจากคณะผู้แทนที่เตรียมการจะไปเจรจา โดยจะไปบอกทางสหรัฐว่าไทยเราจะซื้อสินค้าจากเขามากขึ้น เช่น LNG ข้าวโพด ถั่วเหลือง เป็นต้น ถ้าจะเดาก็จะขอให้ทางสหรัฐบันยะบันยังกับการเพิ่มภาษีสินค้าที่นำเข้าจากไทยที่มีมูลค่าถึง 18 % ของมูลค่าการส่งออกของไทยทั้งหมด.ส่วนผลกระทบต่อไทย เท่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พยายามจะบอกพอสังเขป สรุปได้ว่าการส่งออกของไทยจะโดนกระทบมากโดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า และอาหารแปรรูป และจะทำให้การเติบโตของ GDP ในปีนี้ลดต่ำกว่าเป้าเหลือโตไม่ถึง 2.5 % และอัตราเงินเฟ้อของไทยก็จะชะลอลงด้วย นี่ยังไม่พูดถึงผลกระทบในปีหน้าและต่อๆไป ว่าจะรุนแรงสักแค่ไหน เชื่อได้เถอะครับมันแรงเกินคาด.ความเห็นผมนั้น เห็นว่าไทยเราจะโดนหนักกว่าที่รัฐบาลและหน่วยราชการไทยประเมินไว้มาก เกินศักยภาพของรัฐบาลไทยชุดนี้จะรับมือได้ วิกฤตที่จะเกิดขึ้นจากเรื่อง Tariff หนนี้ ไม่ใช่ Covid 19 นะครับ มันเป็นเรื่องประเทศใครประเทศมัน ใครมีผู้นำเก่งก็ทำให้เบาได้ สามารถเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้.แนวทางในการคิดแก้วิกฤตของประเทศขนาดเล็กผมอยากนำท่านผู้อ่านไปดูว่าผู้นำของสิงคโปร์อย่างอดีตนายกลี เซียนลุง ได้พูดเมื่อไม่กี่วันมานี้ซึ่งดีมาก เขาเริ่มบอกประชาชนรวมทั้งคณะรัฐมนตรีที่บริหารประเทศและนักธุรกิจ นักลงทุนของเขาว่าแม้จะมีความไม่แน่นอนในช่วง 90 วันที่ Trump จะให้ประเทศอื่นๆ นอกจากจีนไปคิดกันให้ดี แต่ก็ต้องมองให้ออกว่าทุกอย่างจะไม่กลับไปเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว ดังนั้น เราต้องกังวลและคิดให้ตกว่ามันจะส่งผลกับเรามากแค่ไหน ต้องตระหนักให้ได้ว่าวิกฤตที่จะเกิดทั่วโลกนี้ บางสิ่งบางอย่างที่สำคัญมันแตกต่างไปจากเดิมมาก .ลี เซียนลุง ชี้ให้เห็นชัดว่า การขึ้นภาษีหรือ Tariff ไปทั่วโลกครั้งนี้มันจะก่อกวนต่อการผลิตมากกว่าที่คิด เพราะ Supply Chain หรือ ห่วงโซ่การผลิตทุกอย่างจะหยุดชะงัก แผนการผลิตเดิมทุกอย่างจะหายไป และจะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ (Recession) อย่างรวดเร็ว และขอให้คาดหวังไว้ได้เลยว่า ปัญหานี้จะอยู่กับเราไปอีกนาน.หลังจากลี เซียนลุง พูดเรื่องนี้ได้ไม่กี่วัน นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ที่มีเสียงสนับสนุนหนาแน่นอยู่ได้ประเทศยุบสภาไปเมื่อวันที่ 18 เมษายน นี้เอง เหตุผลเพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเลือกผู้นำใหม่ขึ้นมา นี่คือสิงคโปร์ นี่คือสิ่งที่เขาเป็นชาติที่เจริญได้อย่างรวดเร็วและมั่นคงจนเราไม่สามารถแหงนหน้าขึ้นไปมองเขาได้แล้ว.ทางรอดของไทยจะเป็นอย่างไร ท้ายที่สุดนี้ เรามาดูว่าประเทศไทยเราจะมีทางรอดแค่ไหนก่อนเราต้องส่องกระจกดูตัวเอง และต้องฟังดูว่ามีใครมองเราอย่างไรบ้างให้ชัดก่อน เมื่อไม่กี่เดือนมานี้เองได้มีการชี้แนะจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศแห่งหนึ่งว่า “ประเทศไทยนั้นมีเรื่องคอร์รัปชั่นเป็นตัวหลักที่ทำให้การบริหารประเทศในทุกด้านเดินหน้าไม่ได้” และเมื่อมีนาคม 2568 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยน่าห่วงเทียบได้เป็น “คนป่วยแห่งเอเชีย”เป็นคนป่วยยังไงหรือ ทางด้านเศรษฐกิจก็เห็นกันชัดอยู่แล้วว่าไทยเรา กำลังเผชิญกับหนี้สาธารณะสูงมาก ภาษีเก็บได้น้อย ช่องทางในการหาเงินมาบริหารประเทศยังชักหน้าไม่ถึงหลัง อนาคตด้านการคลังริบหรี่ ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจเรื่องหนี้ครัวเรือนก็ไม่มีทางจะแก้ให้เบาบางลงได้ แม้ไม่มีเรื่องการปรับ Tariff ของ Trump ประเทศไทยเราก็มีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมากเกินอยู่แล้ว นี่คืออาการของคนป่วยเรื้อรังแห่งเอเชีย.ไม่ต้องสาธยายกันมาก อีกเรื่องทุกคนก็รู้ดีอยู่ว่า การเมืองของไทยยักแย่ยักยันอยู่ในปลักโคลนตมเดิมจนโงหัวไม่ขึ้นมานานแล้ว การเล่นการเมืองของนักการเมืองไทยเด็กๆก็รู้ว่าเพื่ออำนาจและผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องเท่านั้น ใครจะเห็นต่างกี่คนก็บอกมา.เมื่อองคาพยพของการเมืองไทยซึ่งมีการแต่งตั้งคณะรัฐบาลมาบริหารประเทศจากรากเหง้าเก่าๆที่รู้กันอยู่ เมื่อเจอกับปัญหาใหญ่ระดับโลกชนิดที่ว่าหันไปทางไหนก็มากระทบเราทั้งนั้น ท่านผู้ที่ได้ใช้สิทธิใช้เสียงเลือกพวกเขาเข้ามาบริหารประเทศ เชื่อและมั่นใจหรือไม่ว่าเขาจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมากระทบประเทศเราได้ .หันไปดูนโยบายของพรรคการเมืองผู้กุมอำนาจบริหารประเทศอยู่ในขณะนี้ก็จะเห็นชัดเจนว่า ตอนนี้นโยบายของพวกเขาเหล่านั้น มันเน่าบูดกันแทบหมดแล้วครับ ถ้าจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมีแรงกระแทกก่อให้เกิดวิกฤตที่ใหญ่เกินคาด ด้วยการปรับ ครม. แต่ยังดันทุรังคงสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ไว้ น่าจะไม่เป็นการกระทำของผู้นำที่รักชาติจริง”
    บทวิเคราะห์ของ สมหมาย ภาษี อดีตรัฐมนตรีคลัง “นโยบายปรับภาษี (Tariff) ของ Trump จะทำให้โลกใบนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วพัฒนาการของการค้าโลกในช่วงประมาณ 50 ปีที่ผ่านมา มีการตั้งองค์การด้านการค้าโลกขึ้น เริ่มด้วยการตั้ง GATTS แล้วต่อมาปรับเป็น WTO (World Trade Organization) เพื่อสร้างกฎเกณฑ์การค้าขายระหว่างประเทศและกำกับให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามแนวทางการค้าเสรี ช่วงนี้จะมีประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา รัสเซีย ประเทศใหญ่ๆในยุโรป และประเทศญี่ปุ่นได้ปรับตัวให้ตนเองมั่งคั่งและสะสมความร่ำรวย เข้าไปควบคุมตลาดเงินและสกุลเงินตราสำคัญ รวมทั้งควบคุมตลาดการค้าหลักๆให้เป็นระเบียบและเอื้อต่อการขยายตัวของการค้าขายของแต่ละประเทศเพื่อประโยชน์ต่อตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ .แต่แล้วในช่วงดังกล่าวนี้ประเทศจีนเสือหลับแห่งเอเชีย ที่ได้ผู้นำประเทศที่ขึ้นมาพลิกผันประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรมได้รวดเร็วและต่อเนื่อง ชื่อ เติ้ง เสี่ยวผิง เติ้งได้ทำการปฏิวัติและปฏิรูปประเทศในทุกด้านโดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมตั้งแต่แบบเก่าจนแบบที่ต้องใช้เทคนิคล้ำหน้า จนขณะนี้จีนภายใต้ผู้นำชื่อ สี จิ้น ผิง ที่เข้มแข็ง มือสะอาด มีฝีมือ มีคุณธรรม มีความตั้งใจจริง เข้ามาบริหารประเทศที่มีพลเมืองมากที่สุดให้ใหญ่โตจนทัดเทียมกับประเทศสหรัฐอเมริกาในทุกด้าน จนผู้นำของสหรัฐอย่าง Trump รู้สึกเสียหน้ามาก. ที่มาของการใช้มาตรการทำสงครามการค้าของ Trump ความแข็งแกร่งของจีนในขณะนี้ Trump ได้เฝ้าดูแลมาร่วม 8 ปี เมื่อเขาสามารถเข้ามาเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอีกครั้งก็ไม่รีรอที่จะลงมือนำนโยบายปรับภาษีสินค้านำเข้าและส่งออก (Tariff) ชนิดสุดโต่งและจำเพาะเจาะจงมาใช้กับประเทศจีนโดยทันที ขณะเดียวกันก็ได้ประกาศใช้กับประเทศคู่ค้าอื่นๆ ทั่วโลกด้วย แต่มาตรการจะเบากว่าที่ใช้กับจีน. สิ่งที่เห็นตามที่เป็นข่าวอยู่ทุกวันนี้ก็คือ การเกิดแรงกระแทกอย่างมากต่อวิถีการค้าระหว่างประเทศที่เป็นอยู่ทั่วโลก ไม่ต้องถามว่าทำไม Trump ต้องทำแบบนี้ เพราะเขาเองเห็นชัดว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาของเขากำลังตกต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดดุลการค้าอย่างมากที่เกิดต่อเนื่องมานานและมีหนี้สาธารณะสูงมาก .Trump ยังได้เห็นชัดว่า ฝ่ายของจีนมีพวกพ้องมากขึ้น โดยเฉพาะการจัดตั้งกลุ่ม BRICS ประกอบด้วย Brazil, Russia, India, China และ South Africa รวมหัวกันทำการค้าต่อกันอย่างใกล้ชิด คิดใช้สกุลเงินตราของตนเอง โดยหันหน้าหนีการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ.เท่านั้นยังไม่พอ กลุ่ม BRICS ยังค่อยๆลดการลงทุนในพันธบัตรของสหรัฐที่แต่ละประเทศถือไว้มากมายลงไปโดยการขายออก และหันไปซื้อทองคำหรือกระจายการลงทุนเป็นอย่างอื่น ขณะเดียวกันนักลงทุนรายใหญ่อื่นๆ ในตลาดเงินก็ทำการทิ้งพันธบัตรสหรัฐตามกันไปด้วย มีผลทำให้พันธบัตรซึ่งเป็นสินทรัพย์ในอนาคตจำนวนมากของสหรัฐด้อยค่าลงมากอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน.สรุปได้ว่า Trump ได้มองเห็นอย่างชัดเจนว่าสหรัฐอเมริกาตอนนี้ได้ต่ำต้อยลงอย่างรวดเร็วมาก ตัวเองจึงจำเป็นต้องทำตัวเป็นอัศวินขี่ม้าขาวเข้ามากู้ประเทศให้พลิกผันให้สหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งอย่างเต็มตัวต่อไป ที่ Trump ตั้งใจจะทำก่อนและให้แรงมากคือเล่นงานด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าของสินค้าจีนอย่างบ้าระห่ำ ซึ่งจีนก็ได้ตอบโต้ด้วยมาตรการทำนองเดียวกัน แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน นี่เป็นแค่ยกแรกแค่นั้น.ประเทศน้อยใหญ่ และสถาบันการเงินระหว่างประเทศทั้งหลายต่างก็มองการกระทำของ Trump ในแง่ลบ แม้แต่ประธาน Federal Reserve ของสหรัฐเองอย่าง Jerome Powell เองก็มีอาการกึ่งช็อคกึ่งหัวหมุนกับนโยบายประเภทบ้าบิ่นที่ประธานาธิบดีของเขาจัดมาเป็นชุดๆ Powell ถึงกับกล่าวว่านโยบายของ Trump ที่นำออกมาใช้นี้จะเป็นสิ่งกระตุ้นให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ภาวะเศรษฐกิจจะตกต่ำและการว่างงานจะมีมากขึ้น ตลาดหลักทรัพย์หรือตลาดหุ้นก็จะปั่นป่วนมาก ความตั้งใจที่ Fed จะลดดอกเบี้ยลงจึงทำได้ยากขึ้นซึ่งความเห็นของประธาน Fed ดังกล่าว Trump ไม่พอใจมากเพราะเขาอยากให้มีการลดดอกเบี้ยถึงกับเอ่ยออกมาว่าคงต้องคิดเรื่องการเด้งประธาน Fed ซะแล้ว ฟังคล้ายกำลังจะเอาอย่างประเทศไทย.แนวทางของไทยที่จะรับมือเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประเทศทุกประเทศที่โดนผลกระทบในเรื่องการขึ้น Tariff ของ Trump ต่างก็กำลังระดมความคิดและเตรียมตัวที่จะส่งผู้แทนไปเจรจา ยกเว้นจีนประเทศเดียวที่ขึ้นป้ายจะสู้กับสหรัฐอย่างแน่วแน่.สำหรับประเทศไทย ยังฟังไม่ได้ศัพท์จากฝ่ายรัฐบาลว่าจะมีกลยุทธ์ในการรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร ชี้ให้เห็นชัดว่าศักยภาพของรัฐบาลไทยในการแก้ปัญหาใหญ่ต่ำมาก ฟังความได้อย่างเดียวจากท่านนายกรัฐมนตรีว่าจะใช้นโยบายและแนวทางเหมือนกับประเทศอาเซียนอื่นๆเท่านั้นตอนนี้ก็เห็นภาพชัดขึ้นอีกจากคณะผู้แทนที่เตรียมการจะไปเจรจา โดยจะไปบอกทางสหรัฐว่าไทยเราจะซื้อสินค้าจากเขามากขึ้น เช่น LNG ข้าวโพด ถั่วเหลือง เป็นต้น ถ้าจะเดาก็จะขอให้ทางสหรัฐบันยะบันยังกับการเพิ่มภาษีสินค้าที่นำเข้าจากไทยที่มีมูลค่าถึง 18 % ของมูลค่าการส่งออกของไทยทั้งหมด.ส่วนผลกระทบต่อไทย เท่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พยายามจะบอกพอสังเขป สรุปได้ว่าการส่งออกของไทยจะโดนกระทบมากโดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า และอาหารแปรรูป และจะทำให้การเติบโตของ GDP ในปีนี้ลดต่ำกว่าเป้าเหลือโตไม่ถึง 2.5 % และอัตราเงินเฟ้อของไทยก็จะชะลอลงด้วย นี่ยังไม่พูดถึงผลกระทบในปีหน้าและต่อๆไป ว่าจะรุนแรงสักแค่ไหน เชื่อได้เถอะครับมันแรงเกินคาด.ความเห็นผมนั้น เห็นว่าไทยเราจะโดนหนักกว่าที่รัฐบาลและหน่วยราชการไทยประเมินไว้มาก เกินศักยภาพของรัฐบาลไทยชุดนี้จะรับมือได้ วิกฤตที่จะเกิดขึ้นจากเรื่อง Tariff หนนี้ ไม่ใช่ Covid 19 นะครับ มันเป็นเรื่องประเทศใครประเทศมัน ใครมีผู้นำเก่งก็ทำให้เบาได้ สามารถเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้.แนวทางในการคิดแก้วิกฤตของประเทศขนาดเล็กผมอยากนำท่านผู้อ่านไปดูว่าผู้นำของสิงคโปร์อย่างอดีตนายกลี เซียนลุง ได้พูดเมื่อไม่กี่วันมานี้ซึ่งดีมาก เขาเริ่มบอกประชาชนรวมทั้งคณะรัฐมนตรีที่บริหารประเทศและนักธุรกิจ นักลงทุนของเขาว่าแม้จะมีความไม่แน่นอนในช่วง 90 วันที่ Trump จะให้ประเทศอื่นๆ นอกจากจีนไปคิดกันให้ดี แต่ก็ต้องมองให้ออกว่าทุกอย่างจะไม่กลับไปเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว ดังนั้น เราต้องกังวลและคิดให้ตกว่ามันจะส่งผลกับเรามากแค่ไหน ต้องตระหนักให้ได้ว่าวิกฤตที่จะเกิดทั่วโลกนี้ บางสิ่งบางอย่างที่สำคัญมันแตกต่างไปจากเดิมมาก .ลี เซียนลุง ชี้ให้เห็นชัดว่า การขึ้นภาษีหรือ Tariff ไปทั่วโลกครั้งนี้มันจะก่อกวนต่อการผลิตมากกว่าที่คิด เพราะ Supply Chain หรือ ห่วงโซ่การผลิตทุกอย่างจะหยุดชะงัก แผนการผลิตเดิมทุกอย่างจะหายไป และจะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ (Recession) อย่างรวดเร็ว และขอให้คาดหวังไว้ได้เลยว่า ปัญหานี้จะอยู่กับเราไปอีกนาน.หลังจากลี เซียนลุง พูดเรื่องนี้ได้ไม่กี่วัน นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ที่มีเสียงสนับสนุนหนาแน่นอยู่ได้ประเทศยุบสภาไปเมื่อวันที่ 18 เมษายน นี้เอง เหตุผลเพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเลือกผู้นำใหม่ขึ้นมา นี่คือสิงคโปร์ นี่คือสิ่งที่เขาเป็นชาติที่เจริญได้อย่างรวดเร็วและมั่นคงจนเราไม่สามารถแหงนหน้าขึ้นไปมองเขาได้แล้ว.ทางรอดของไทยจะเป็นอย่างไร ท้ายที่สุดนี้ เรามาดูว่าประเทศไทยเราจะมีทางรอดแค่ไหนก่อนเราต้องส่องกระจกดูตัวเอง และต้องฟังดูว่ามีใครมองเราอย่างไรบ้างให้ชัดก่อน เมื่อไม่กี่เดือนมานี้เองได้มีการชี้แนะจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศแห่งหนึ่งว่า “ประเทศไทยนั้นมีเรื่องคอร์รัปชั่นเป็นตัวหลักที่ทำให้การบริหารประเทศในทุกด้านเดินหน้าไม่ได้” และเมื่อมีนาคม 2568 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยน่าห่วงเทียบได้เป็น “คนป่วยแห่งเอเชีย”เป็นคนป่วยยังไงหรือ ทางด้านเศรษฐกิจก็เห็นกันชัดอยู่แล้วว่าไทยเรา กำลังเผชิญกับหนี้สาธารณะสูงมาก ภาษีเก็บได้น้อย ช่องทางในการหาเงินมาบริหารประเทศยังชักหน้าไม่ถึงหลัง อนาคตด้านการคลังริบหรี่ ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจเรื่องหนี้ครัวเรือนก็ไม่มีทางจะแก้ให้เบาบางลงได้ แม้ไม่มีเรื่องการปรับ Tariff ของ Trump ประเทศไทยเราก็มีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมากเกินอยู่แล้ว นี่คืออาการของคนป่วยเรื้อรังแห่งเอเชีย.ไม่ต้องสาธยายกันมาก อีกเรื่องทุกคนก็รู้ดีอยู่ว่า การเมืองของไทยยักแย่ยักยันอยู่ในปลักโคลนตมเดิมจนโงหัวไม่ขึ้นมานานแล้ว การเล่นการเมืองของนักการเมืองไทยเด็กๆก็รู้ว่าเพื่ออำนาจและผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องเท่านั้น ใครจะเห็นต่างกี่คนก็บอกมา.เมื่อองคาพยพของการเมืองไทยซึ่งมีการแต่งตั้งคณะรัฐบาลมาบริหารประเทศจากรากเหง้าเก่าๆที่รู้กันอยู่ เมื่อเจอกับปัญหาใหญ่ระดับโลกชนิดที่ว่าหันไปทางไหนก็มากระทบเราทั้งนั้น ท่านผู้ที่ได้ใช้สิทธิใช้เสียงเลือกพวกเขาเข้ามาบริหารประเทศ เชื่อและมั่นใจหรือไม่ว่าเขาจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมากระทบประเทศเราได้ .หันไปดูนโยบายของพรรคการเมืองผู้กุมอำนาจบริหารประเทศอยู่ในขณะนี้ก็จะเห็นชัดเจนว่า ตอนนี้นโยบายของพวกเขาเหล่านั้น มันเน่าบูดกันแทบหมดแล้วครับ ถ้าจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมีแรงกระแทกก่อให้เกิดวิกฤตที่ใหญ่เกินคาด ด้วยการปรับ ครม. แต่ยังดันทุรังคงสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ไว้ น่าจะไม่เป็นการกระทำของผู้นำที่รักชาติจริง”
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 1204 Views 0 Reviews
  • ราคาทอง (96.5%) ขายปลีกในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All Time High) ตามสถานการณ์ราคาทองในตลาดโลก โดยสมาคมค้าทองคำ รายงานว่า เปิดตลาดเช้านี้เมื่อเวลา 09.05 น. ราคาทองแท่งรับซื้อบาททองคำละ 51,250 ขายออกบาททองคำละ 51,350 ส่วนทองรูปพรรณรับซื้อบาททองคำละ 50,331.20 ขายออกทองคำละ 52,150 โดยราคาขายปลีกปรับตัวเพิ่มขึ้นจากวันศุกร์ (11 เม.ย.) อีกบาททองคำละ 150

    บทวเคราะห์ของบริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ระบุว่า เมื่อวันศุกร์ราคาทองในตลาดโลกปิดทะยานอีก 61.31 ดอลลาร์ หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.93% โดยทำ New All Time High ใหม่ที่ที่ระดับ 3,245 ดอลลาร์ โดยได้รับแรงหนุนจากดอลลาร์อ่อนค่า หลังสหรัฐฯ เผยดัชนี PPI และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจาก ม.มิชิแกนที่ออกมาแย่กว่าคาด ด้านสงครามการค้าระหว่าสหรัฐฯ กับจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น หลังจีนเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เป็น 125% กระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอย หนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/stockmarket/detail/9680000035464

    #MGROnline #สมาคมค้าทองคำ
    ราคาทอง (96.5%) ขายปลีกในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All Time High) ตามสถานการณ์ราคาทองในตลาดโลก โดยสมาคมค้าทองคำ รายงานว่า เปิดตลาดเช้านี้เมื่อเวลา 09.05 น. ราคาทองแท่งรับซื้อบาททองคำละ 51,250 ขายออกบาททองคำละ 51,350 ส่วนทองรูปพรรณรับซื้อบาททองคำละ 50,331.20 ขายออกทองคำละ 52,150 โดยราคาขายปลีกปรับตัวเพิ่มขึ้นจากวันศุกร์ (11 เม.ย.) อีกบาททองคำละ 150 • บทวเคราะห์ของบริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ระบุว่า เมื่อวันศุกร์ราคาทองในตลาดโลกปิดทะยานอีก 61.31 ดอลลาร์ หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.93% โดยทำ New All Time High ใหม่ที่ที่ระดับ 3,245 ดอลลาร์ โดยได้รับแรงหนุนจากดอลลาร์อ่อนค่า หลังสหรัฐฯ เผยดัชนี PPI และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจาก ม.มิชิแกนที่ออกมาแย่กว่าคาด ด้านสงครามการค้าระหว่าสหรัฐฯ กับจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น หลังจีนเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เป็น 125% กระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอย หนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/stockmarket/detail/9680000035464 • #MGROnline #สมาคมค้าทองคำ
    Like
    1
    0 Comments 1 Shares 524 Views 0 Reviews
  • ตลกเจ็บๆถึงตายเลยล่ะ,เดือนนีัพะนะ...เงินของคุณเป็นของปลอมอาหารของคุณเป็นของปลอมข่าวของคุณเป็นของปลอมยาของคุณคือยาพิษสงครามมีพื้นฐานมาจากคำโกหกสำหรับพวกเขา คุณคือปศุสัตว์เรากำลังเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติผู้เล่นรายใหญ่หลายรายใช้เวลาหลายสิบปีในการเตรียมตัวสำหรับเดือนที่จะมาถึง
    ตลกเจ็บๆถึงตายเลยล่ะ,เดือนนีัพะนะ...เงินของคุณเป็นของปลอมอาหารของคุณเป็นของปลอมข่าวของคุณเป็นของปลอมยาของคุณคือยาพิษสงครามมีพื้นฐานมาจากคำโกหกสำหรับพวกเขา คุณคือปศุสัตว์เรากำลังเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติผู้เล่นรายใหญ่หลายรายใช้เวลาหลายสิบปีในการเตรียมตัวสำหรับเดือนที่จะมาถึง
    0 Comments 0 Shares 216 Views 0 0 Reviews
  • ตลาดหุ้นไต้หวัน ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงถึง 10% ในวันเดียว หลังจากการประกาศมาตรการภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump ซึ่งเพิ่มอัตราภาษีสำหรับสินค้านำเข้าจากไต้หวันถึง 32% มาตรการนี้กระทบกับ TSMC และ Foxconn บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของไต้หวันโดยตรง ซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจในประเทศ

    == ผลกระทบที่สำคัญต่อบริษัทใหญ่ ==
    Foxconn:
    - Foxconn รับผิดชอบการประกอบสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เช่น iPhone, MacBook และ AI Servers
    - ด้วยอัตราภาษีใหม่ Foxconn เผชิญต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น กระทบต่อ กำไรและขีดความสามารถในการแข่งขัน อย่างชัดเจน

    TSMC:
    - แม้ว่าชิปเซมิคอนดักเตอร์จะไม่ได้ถูกรวมในภาษีรอบนี้ แต่รายได้ของ TSMC มีความเชื่อมโยงกับสินค้าที่ใช้ชิป ซึ่งการลดลงของยอดขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อาจส่งผลกระทบอย่างมากในอนาคต

    == การตอบสนองจากรัฐบาลและความช่วยเหลือในประเทศ ==
    กองทุนช่วยเหลือ:
    - รัฐบาลไต้หวันจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือมูลค่า 2.65 พันล้านดอลลาร์ เพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากภาษีสหรัฐฯ

    มาตรการควบคุมตลาด:
    - มีการจำกัดการขายชอร์ต (Short Selling) เพื่อควบคุมความผันผวนของตลาด

    คำมั่นจากผู้นำประเทศ:
    - ประธานาธิบดี Lai Ching-te ให้คำมั่นในการเพิ่มความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างไต้หวันและสหรัฐฯ เพื่อบรรเทาความตึงเครียด และมุ่งหวังให้เกิดการลดภาษีในอนาคต

    == คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ ==
    นักวิเคราะห์เตือนถึง ความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจถดถอย หากสถานการณ์ยืดเยื้อ Goldman Sachs ถึงขั้นลดอันดับความน่าเชื่อถือของไต้หวันในเอเชีย พร้อมเน้นถึงการพึ่งพาการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ที่อาจเป็นจุดอ่อนในระยะยาว

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/tsmc-and-foxconn-hit-hard-in-taiwan-following-trumps-tariffs-announcement
    ตลาดหุ้นไต้หวัน ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงถึง 10% ในวันเดียว หลังจากการประกาศมาตรการภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump ซึ่งเพิ่มอัตราภาษีสำหรับสินค้านำเข้าจากไต้หวันถึง 32% มาตรการนี้กระทบกับ TSMC และ Foxconn บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของไต้หวันโดยตรง ซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจในประเทศ == ผลกระทบที่สำคัญต่อบริษัทใหญ่ == ✅ Foxconn: - Foxconn รับผิดชอบการประกอบสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เช่น iPhone, MacBook และ AI Servers - ด้วยอัตราภาษีใหม่ Foxconn เผชิญต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น กระทบต่อ กำไรและขีดความสามารถในการแข่งขัน อย่างชัดเจน ✅ TSMC: - แม้ว่าชิปเซมิคอนดักเตอร์จะไม่ได้ถูกรวมในภาษีรอบนี้ แต่รายได้ของ TSMC มีความเชื่อมโยงกับสินค้าที่ใช้ชิป ซึ่งการลดลงของยอดขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อาจส่งผลกระทบอย่างมากในอนาคต == การตอบสนองจากรัฐบาลและความช่วยเหลือในประเทศ == ✅ กองทุนช่วยเหลือ: - รัฐบาลไต้หวันจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือมูลค่า 2.65 พันล้านดอลลาร์ เพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากภาษีสหรัฐฯ ✅ มาตรการควบคุมตลาด: - มีการจำกัดการขายชอร์ต (Short Selling) เพื่อควบคุมความผันผวนของตลาด ✅ คำมั่นจากผู้นำประเทศ: - ประธานาธิบดี Lai Ching-te ให้คำมั่นในการเพิ่มความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างไต้หวันและสหรัฐฯ เพื่อบรรเทาความตึงเครียด และมุ่งหวังให้เกิดการลดภาษีในอนาคต == คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ == ✅ นักวิเคราะห์เตือนถึง ความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจถดถอย หากสถานการณ์ยืดเยื้อ Goldman Sachs ถึงขั้นลดอันดับความน่าเชื่อถือของไต้หวันในเอเชีย พร้อมเน้นถึงการพึ่งพาการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ที่อาจเป็นจุดอ่อนในระยะยาว https://www.tomshardware.com/tech-industry/tsmc-and-foxconn-hit-hard-in-taiwan-following-trumps-tariffs-announcement
    0 Comments 0 Shares 463 Views 0 Reviews
  • บริษัทฟินเทคชั้นนำอย่าง Robinhood และ Affirm กำลังเผชิญกับผลกระทบทางการเงินอย่างรุนแรง หลังจากประธานาธิบดี Donald Trump ออกมาตรการภาษีนำเข้าสินค้าทุกประเทศที่ 10% เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2025 สร้างความวิตกกังวลในตลาดโลกเกี่ยวกับต้นทุนที่สูงขึ้นและความเป็นไปได้ของภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ

    ความกังวลด้านผู้บริโภคและสินเชื่อ:
    - Fintech อย่าง Affirm และ SoFi พึ่งพาผู้บริโภคที่มีความสามารถในการชำระเงินคืนเป็นหลัก แต่นโยบายภาษีนี้สร้างความกดดันต่อเศรษฐกิจครัวเรือน ทำให้ยอดการชำระหนี้ล่าช้าเพิ่มขึ้น

    การชะลอตัวของหุ้นฟินเทค:
    - หุ้น Affirm ลดลงกว่า 21%, Robinhood ลดลง 17%, และ SoFi ลดลง 20% ตั้งแต่นโยบายภาษีมีผล

    การเปรียบเทียบกับธนาคาร:
    - ธนาคารมีฐานลูกค้าที่หลากหลายและสามารถกระจายความเสี่ยงได้มากกว่า ต่างจากฟินเทคที่มุ่งเน้นไปที่ผู้บริโภคระดับกลางถึงล่างซึ่งมีโอกาสได้รับผลกระทบหนักจากภาวะเศรษฐกิจ

    มุมมองเชิงบวกในอนาคต:
    - หากมาตรการภาษีทำให้ Treasury Yields ลดลง อาจทำให้ต้นทุนการกู้ยืมสำหรับบริษัทลดลง ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/08/fintech-companies-caught-up-in-tariff-turmoil
    บริษัทฟินเทคชั้นนำอย่าง Robinhood และ Affirm กำลังเผชิญกับผลกระทบทางการเงินอย่างรุนแรง หลังจากประธานาธิบดี Donald Trump ออกมาตรการภาษีนำเข้าสินค้าทุกประเทศที่ 10% เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2025 สร้างความวิตกกังวลในตลาดโลกเกี่ยวกับต้นทุนที่สูงขึ้นและความเป็นไปได้ของภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ ✅ ความกังวลด้านผู้บริโภคและสินเชื่อ: - Fintech อย่าง Affirm และ SoFi พึ่งพาผู้บริโภคที่มีความสามารถในการชำระเงินคืนเป็นหลัก แต่นโยบายภาษีนี้สร้างความกดดันต่อเศรษฐกิจครัวเรือน ทำให้ยอดการชำระหนี้ล่าช้าเพิ่มขึ้น ✅ การชะลอตัวของหุ้นฟินเทค: - หุ้น Affirm ลดลงกว่า 21%, Robinhood ลดลง 17%, และ SoFi ลดลง 20% ตั้งแต่นโยบายภาษีมีผล ✅ การเปรียบเทียบกับธนาคาร: - ธนาคารมีฐานลูกค้าที่หลากหลายและสามารถกระจายความเสี่ยงได้มากกว่า ต่างจากฟินเทคที่มุ่งเน้นไปที่ผู้บริโภคระดับกลางถึงล่างซึ่งมีโอกาสได้รับผลกระทบหนักจากภาวะเศรษฐกิจ ✅ มุมมองเชิงบวกในอนาคต: - หากมาตรการภาษีทำให้ Treasury Yields ลดลง อาจทำให้ต้นทุนการกู้ยืมสำหรับบริษัทลดลง ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/08/fintech-companies-caught-up-in-tariff-turmoil
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Fintech companies caught up in tariff turmoil
    (Reuters) -Financial technology companies like Robinhood and buy now, pay later provider Affirm have been caught in the whirlwind of President Donald Trump's sweeping tariffs, sending shares sharply downward amid fears about worsening consumer finances.
    0 Comments 0 Shares 429 Views 0 Reviews
More Results