• 🌿 เพื่อนแท้ กับ เส้นทางกรรม

    มนุษย์ไม่ได้ต้องการเพื่อนมากมาย
    แค่ “ไม่กี่คน” ที่จริงใจ
    ก็พอให้ใจไม่รู้สึกเคว้งคว้าง
    กลางโลกที่หมุนเร็วและว่างเปล่า

    แต่เพื่อนแท้...
    ไม่ได้มีไว้แค่ปลอบใจ
    หรือให้ยืมไหล่ยามร้องไห้
    เพื่อนแท้... มีผลต่อเส้นทางกรรมของเรา

    เพื่อนบางคน
    คือผู้ ‘หักเห’ ทางชีวิต
    ให้เราหลงผิด ล้มลุก และพลาดพลั้ง
    แต่เพื่อนบางคน
    คือผู้ ‘ส่งเสริม’
    ให้เราเดินบนทางที่ถูกต้อง
    มีศีล มีปัญญา มีเมตตา
    และมีโอกาสได้ดีทั้งทางโลกและทางธรรม

    ---

    👣 จะพิสูจน์เพื่อนแท้...วัดที่อะไร?

    ไม่ใช่วัดว่า “พร้อมตายไปด้วยกันไหม”
    แต่วัดว่า “พร้อมทำบุญไปด้วยกันไหม?”

    เพื่อนแท้ คือคนที่กล้าตักเตือน
    เมื่อเราหลงผิด
    ไม่ปล่อยให้เราลงเหว
    แม้ตัวเองจะเจ็บใจที่ต้องพูดความจริง
    แต่ก็ยังยอมพูด… เพราะรัก

    แม้วันหนึ่งจะผิดใจกัน
    แต่ “บุญร่วมกัน”
    จะกลายเป็นสายใยอ่อนโยน
    ดึงให้กลับมาเข้าใจกันอีกครั้ง

    ---

    🪷 กัลยาณมิตร...ไม่ใช่สิ่งที่หาเจอ แต่คือสิ่งที่ “สร้างขึ้น”

    เราไม่พบเพื่อนแท้โดยบังเอิญ
    แต่จะ “มีโอกาสพบ” ก็ต่อเมื่อ
    เรา “จริงใจ” กับใคร ๆ มาก่อน

    อย่ารอให้ใครดีต่อคุณ
    ให้คุณเริ่มเป็นฝ่ายดีต่อคนอื่นก่อน
    วันหนึ่ง…
    คุณจะมีใจที่สะอาดของตนเองเป็นเพื่อนแท้
    และในภพต่อไป
    คุณจะไม่ต้องอยู่ในหมู่คนอสัตย์

    ---

    🕯 พระพุทธเจ้าตรัสไว้
    ว่าอรุณรุ่งของชีวิตทางธรรม
    คือการได้พบ “กัลยาณมิตร”

    กัลยาณมิตรทางธรรม
    ชี้ให้เห็นกฎของกรรม
    นำเราออกจากเส้นทางเวียนว่าย

    ส่วนเพื่อนแท้ในตัวเอง
    คือ “สติ”
    ที่เตือนเราทุกขณะให้ไม่หลงไป

    ---

    เพื่อนแท้ที่ดี คือบุญ
    เพื่อนแท้ทางธรรม คือทางพ้นทุกข์
    และเพื่อนแท้ในตัวเอง
    คือแสงสว่างในยามที่ไม่มีใครเข้าใจ

    จงสร้างเพื่อนแท้ขึ้นเอง
    และเป็นเพื่อนแท้ให้ใครบางคน
    ก่อนที่โลกจะทำให้ทุกคนเย็นชาเกินเยียวยา

    #เพื่อนแท้
    #กัลยาณมิตร
    #เส้นทางกรรม
    #ธรรมะเข้าใจชีวิต
    #สติคือเพื่อนแท้ในตัวเอง
    🌿 เพื่อนแท้ กับ เส้นทางกรรม มนุษย์ไม่ได้ต้องการเพื่อนมากมาย แค่ “ไม่กี่คน” ที่จริงใจ ก็พอให้ใจไม่รู้สึกเคว้งคว้าง กลางโลกที่หมุนเร็วและว่างเปล่า แต่เพื่อนแท้... ไม่ได้มีไว้แค่ปลอบใจ หรือให้ยืมไหล่ยามร้องไห้ เพื่อนแท้... มีผลต่อเส้นทางกรรมของเรา เพื่อนบางคน คือผู้ ‘หักเห’ ทางชีวิต ให้เราหลงผิด ล้มลุก และพลาดพลั้ง แต่เพื่อนบางคน คือผู้ ‘ส่งเสริม’ ให้เราเดินบนทางที่ถูกต้อง มีศีล มีปัญญา มีเมตตา และมีโอกาสได้ดีทั้งทางโลกและทางธรรม --- 👣 จะพิสูจน์เพื่อนแท้...วัดที่อะไร? ไม่ใช่วัดว่า “พร้อมตายไปด้วยกันไหม” แต่วัดว่า “พร้อมทำบุญไปด้วยกันไหม?” เพื่อนแท้ คือคนที่กล้าตักเตือน เมื่อเราหลงผิด ไม่ปล่อยให้เราลงเหว แม้ตัวเองจะเจ็บใจที่ต้องพูดความจริง แต่ก็ยังยอมพูด… เพราะรัก แม้วันหนึ่งจะผิดใจกัน แต่ “บุญร่วมกัน” จะกลายเป็นสายใยอ่อนโยน ดึงให้กลับมาเข้าใจกันอีกครั้ง --- 🪷 กัลยาณมิตร...ไม่ใช่สิ่งที่หาเจอ แต่คือสิ่งที่ “สร้างขึ้น” เราไม่พบเพื่อนแท้โดยบังเอิญ แต่จะ “มีโอกาสพบ” ก็ต่อเมื่อ เรา “จริงใจ” กับใคร ๆ มาก่อน อย่ารอให้ใครดีต่อคุณ ให้คุณเริ่มเป็นฝ่ายดีต่อคนอื่นก่อน วันหนึ่ง… คุณจะมีใจที่สะอาดของตนเองเป็นเพื่อนแท้ และในภพต่อไป คุณจะไม่ต้องอยู่ในหมู่คนอสัตย์ --- 🕯 พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ว่าอรุณรุ่งของชีวิตทางธรรม คือการได้พบ “กัลยาณมิตร” กัลยาณมิตรทางธรรม ชี้ให้เห็นกฎของกรรม นำเราออกจากเส้นทางเวียนว่าย ส่วนเพื่อนแท้ในตัวเอง คือ “สติ” ที่เตือนเราทุกขณะให้ไม่หลงไป --- เพื่อนแท้ที่ดี คือบุญ เพื่อนแท้ทางธรรม คือทางพ้นทุกข์ และเพื่อนแท้ในตัวเอง คือแสงสว่างในยามที่ไม่มีใครเข้าใจ จงสร้างเพื่อนแท้ขึ้นเอง และเป็นเพื่อนแท้ให้ใครบางคน ก่อนที่โลกจะทำให้ทุกคนเย็นชาเกินเยียวยา #เพื่อนแท้ #กัลยาณมิตร #เส้นทางกรรม #ธรรมะเข้าใจชีวิต #สติคือเพื่อนแท้ในตัวเอง
    0 Comments 0 Shares 23 Views 0 Reviews
  • 🌿 เพื่อนแท้ กับ เส้นทางกรรม

    มนุษย์ไม่ได้ต้องการเพื่อนมากมาย
    แค่ “ไม่กี่คน” ที่จริงใจ
    ก็พอให้ใจไม่รู้สึกเคว้งคว้าง
    กลางโลกที่หมุนเร็วและว่างเปล่า

    แต่เพื่อนแท้...
    ไม่ได้มีไว้แค่ปลอบใจ
    หรือให้ยืมไหล่ยามร้องไห้
    เพื่อนแท้... มีผลต่อเส้นทางกรรมของเรา

    เพื่อนบางคน
    คือผู้ ‘หักเห’ ทางชีวิต
    ให้เราหลงผิด ล้มลุก และพลาดพลั้ง
    แต่เพื่อนบางคน
    คือผู้ ‘ส่งเสริม’
    ให้เราเดินบนทางที่ถูกต้อง
    มีศีล มีปัญญา มีเมตตา
    และมีโอกาสได้ดีทั้งทางโลกและทางธรรม

    ---

    👣 จะพิสูจน์เพื่อนแท้...วัดที่อะไร?

    ไม่ใช่วัดว่า “พร้อมตายไปด้วยกันไหม”
    แต่วัดว่า “พร้อมทำบุญไปด้วยกันไหม?”

    เพื่อนแท้ คือคนที่กล้าตักเตือน
    เมื่อเราหลงผิด
    ไม่ปล่อยให้เราลงเหว
    แม้ตัวเองจะเจ็บใจที่ต้องพูดความจริง
    แต่ก็ยังยอมพูด… เพราะรัก

    แม้วันหนึ่งจะผิดใจกัน
    แต่ “บุญร่วมกัน”
    จะกลายเป็นสายใยอ่อนโยน
    ดึงให้กลับมาเข้าใจกันอีกครั้ง

    ---

    🪷 กัลยาณมิตร...ไม่ใช่สิ่งที่หาเจอ แต่คือสิ่งที่ “สร้างขึ้น”

    เราไม่พบเพื่อนแท้โดยบังเอิญ
    แต่จะ “มีโอกาสพบ” ก็ต่อเมื่อ
    เรา “จริงใจ” กับใคร ๆ มาก่อน

    อย่ารอให้ใครดีต่อคุณ
    ให้คุณเริ่มเป็นฝ่ายดีต่อคนอื่นก่อน
    วันหนึ่ง…
    คุณจะมีใจที่สะอาดของตนเองเป็นเพื่อนแท้
    และในภพต่อไป
    คุณจะไม่ต้องอยู่ในหมู่คนอสัตย์

    ---

    🕯 พระพุทธเจ้าตรัสไว้
    ว่าอรุณรุ่งของชีวิตทางธรรม
    คือการได้พบ “กัลยาณมิตร”

    กัลยาณมิตรทางธรรม
    ชี้ให้เห็นกฎของกรรม
    นำเราออกจากเส้นทางเวียนว่าย

    ส่วนเพื่อนแท้ในตัวเอง
    คือ “สติ”
    ที่เตือนเราทุกขณะให้ไม่หลงไป

    ---

    เพื่อนแท้ที่ดี คือบุญ
    เพื่อนแท้ทางธรรม คือทางพ้นทุกข์
    และเพื่อนแท้ในตัวเอง
    คือแสงสว่างในยามที่ไม่มีใครเข้าใจ

    จงสร้างเพื่อนแท้ขึ้นเอง
    และเป็นเพื่อนแท้ให้ใครบางคน
    ก่อนที่โลกจะทำให้ทุกคนเย็นชาเกินเยียวยา

    #เพื่อนแท้
    #กัลยาณมิตร
    #เส้นทางกรรม
    #ธรรมะเข้าใจชีวิต
    #สติคือเพื่อนแท้ในตัวเอง
    🌿 เพื่อนแท้ กับ เส้นทางกรรม มนุษย์ไม่ได้ต้องการเพื่อนมากมาย แค่ “ไม่กี่คน” ที่จริงใจ ก็พอให้ใจไม่รู้สึกเคว้งคว้าง กลางโลกที่หมุนเร็วและว่างเปล่า แต่เพื่อนแท้... ไม่ได้มีไว้แค่ปลอบใจ หรือให้ยืมไหล่ยามร้องไห้ เพื่อนแท้... มีผลต่อเส้นทางกรรมของเรา เพื่อนบางคน คือผู้ ‘หักเห’ ทางชีวิต ให้เราหลงผิด ล้มลุก และพลาดพลั้ง แต่เพื่อนบางคน คือผู้ ‘ส่งเสริม’ ให้เราเดินบนทางที่ถูกต้อง มีศีล มีปัญญา มีเมตตา และมีโอกาสได้ดีทั้งทางโลกและทางธรรม --- 👣 จะพิสูจน์เพื่อนแท้...วัดที่อะไร? ไม่ใช่วัดว่า “พร้อมตายไปด้วยกันไหม” แต่วัดว่า “พร้อมทำบุญไปด้วยกันไหม?” เพื่อนแท้ คือคนที่กล้าตักเตือน เมื่อเราหลงผิด ไม่ปล่อยให้เราลงเหว แม้ตัวเองจะเจ็บใจที่ต้องพูดความจริง แต่ก็ยังยอมพูด… เพราะรัก แม้วันหนึ่งจะผิดใจกัน แต่ “บุญร่วมกัน” จะกลายเป็นสายใยอ่อนโยน ดึงให้กลับมาเข้าใจกันอีกครั้ง --- 🪷 กัลยาณมิตร...ไม่ใช่สิ่งที่หาเจอ แต่คือสิ่งที่ “สร้างขึ้น” เราไม่พบเพื่อนแท้โดยบังเอิญ แต่จะ “มีโอกาสพบ” ก็ต่อเมื่อ เรา “จริงใจ” กับใคร ๆ มาก่อน อย่ารอให้ใครดีต่อคุณ ให้คุณเริ่มเป็นฝ่ายดีต่อคนอื่นก่อน วันหนึ่ง… คุณจะมีใจที่สะอาดของตนเองเป็นเพื่อนแท้ และในภพต่อไป คุณจะไม่ต้องอยู่ในหมู่คนอสัตย์ --- 🕯 พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ว่าอรุณรุ่งของชีวิตทางธรรม คือการได้พบ “กัลยาณมิตร” กัลยาณมิตรทางธรรม ชี้ให้เห็นกฎของกรรม นำเราออกจากเส้นทางเวียนว่าย ส่วนเพื่อนแท้ในตัวเอง คือ “สติ” ที่เตือนเราทุกขณะให้ไม่หลงไป --- เพื่อนแท้ที่ดี คือบุญ เพื่อนแท้ทางธรรม คือทางพ้นทุกข์ และเพื่อนแท้ในตัวเอง คือแสงสว่างในยามที่ไม่มีใครเข้าใจ จงสร้างเพื่อนแท้ขึ้นเอง และเป็นเพื่อนแท้ให้ใครบางคน ก่อนที่โลกจะทำให้ทุกคนเย็นชาเกินเยียวยา #เพื่อนแท้ #กัลยาณมิตร #เส้นทางกรรม #ธรรมะเข้าใจชีวิต #สติคือเพื่อนแท้ในตัวเอง
    0 Comments 0 Shares 24 Views 0 Reviews
  • *****.....พระปิดตา.....เหนือดวง.....สายเขาอ้อ.....ปี.....2555.....*****

    *****.....ต่อไป..จะต้องเป็น...ตำนาน.... ในการจัดสร้างวัตถุมงคล...รุ่นเหนือดวง...ครั้งแรก...ของการปลุกเสกด้วย...ตำราพิชัยสมบัติ...พิชัยสงคราม...ว่าด้วย...วิชาเหนือดวง...อัญเชิญ...เทพเทวดา...มหาเทพ... พระอรหันต์...บรรจุลงในองค์พระ...พลิก...ชีวิต...พลิก...ดวงชะตา...เปิดตำนาน...สำนักตักศิลาเขาอ้อ...วิชาเหนือดวง...สำนักเขาอ้อเป็น...สำนักสอนวิชา...ไสยศาสตร์...มาตั้งแต่ครั้งสมัยศรีวิชัย...จนถึงสมัยสุโขทัย...สมัยศรีอยุธยา...กรุงธนบุรี...จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์...ในปัจจุบัน...พระอาจารย์สำนัก...เขาอ้อ...ทุกๆองค์...เป็นปรมาจารย์อันเลื่องลือ...ของชาวพุทธภาคใต้...ตั้งแต่เมืองไชยา...ลงไปถึงแหลมมาลายู...ปรากฏว่า...ไปเรียนวิชาไสยศาสตร์ จากสำนักเขาอ้อ...หรือใช้ตำราที่มาจากสำนักเขาอ้อทั้งหมด...พระอาจารย์สำนักเขาอ้อ...ทุกๆองค์...จะมีความรู้...ความสามารถ...คล้ายคลึงกัน...เพราะได้ศึกษาต่อกันมาไม่ขาดระยะ...ตำราและความรู้ที่เป็นหลัก...คือ...พระอาจารย์เขาอ้อทุกองค์...สอนเวทย์มนต์...คาถา...ที่เป็นหลักเริ่มตั้งแต่...ธาตุ4 ธาตุทั้ง5 แม่ธาตุ...การตั้งธาตุ...หนุนธาตุ...แปลงธาตุ...และ...ตรวจธาตุ...วิชาคงกระพันชาตรี... แคล้วคลาด...มหาอุตฆ์...สอนให้รู้ถึงที่มาของ...เลขยันต์...อักขระยันต์ต่างๆ...ซึ่งต้องใช้ความพยายาม...และต้องอยู่ปฏิบัติอาจารย์...จนอาจารย์...เห็นความพยายาม...ที่รักในวิชาของศิษย์...จึงจะสอนให้...และยังสอนวิชาความรู้เกี่ยวกับ...ยารักษาโรค...วิชาไสยศาสตร์...ที่เป็นหลักของสำนักเขาอ้อ...ซึ่งเป็นคุณวิเศษประจำพระอาจารย์ทุกๆองค์ ...(ยกตัวอย่าง)...ดังนี้.....1.เสกน้ำมันงาดิบ...ให้เดือด...ให้แข็ง...ทำพิธีป้อนให้ศิษย์เป็นคงกระพัน.....2.อาบน้ำว่าน แช่ยา...เป็นคงกระพันกันโรคภัย.....3.หุงข้าวเหนียวดำ...เป็นคงกระพันอายุวัฒนะ...และ...อีกหลายวิชา...ครั้งแรก...ของการปลุกเสก...ว่าด้วยวิชา.....เหนือดวง.....ตามตำราวิชาสำนักเขาอ้อ...ว่าด้วย วิชากำเนิด 3 คือ.....1.ดวงกำเนิดมนุษย์หญิง-ชาย.....2.ดวงกำเนิดเทวดา.....3.ดวงกำเนิดพระอรหันต์...ยันต์ดวงกำเนิดมนุษย์หญิง-ชาย ใช้ได้...ทุกผู้ทุกนาม ฯลฯ...เมื่อท่านใช้อาราธนา...ด้วยอำนาจแห่งครูอาจารย์เขาอ้อ.....อาจารย์คล้อย อโนโม.....ด้วยอำนาจแห่งวิชา... เหมือนท่านได้เกิดใหม่อีกครั้ง...ด้วยอำนาจแห่งคุณ...พระพุทธ...ยันต์ดวงกำเนิดเทวา...เป็นการอัญเชิญ...เทวดา...องค์เทพ...องค์มหาเทพ มาประจำองค์พระ...เพื่อเป็นเทวดา...ปกป้อง...คุ้มครอง...หนุนดวงชะตา...ให้กับร้ายกลายเป็นดี...ส่งเสริมให้มีเกรียติยศ...และ...ชื่อเสียง ฯลฯ...แล้วแต่จะอธิฐานต่อ... ยันต์องค์กำเนิดพระอรหัน...เป็นการอัญเชิญ...ขอบารมี...ของพระพุทธเจ้า...พระอรหันต์...ลงมาปกป้องคุ้มครอง...ประทานพร...ประทานอำนาจ...วาสนา...บารมี...ฯลฯ.....*****

    *****.....ไอดี ไลน์.....oak_999.....ข้อความ.....หรือโทร...089-471-5666.....*****

    #พระเก๊มีทุกรุ่น #พระใหม่ดีกว่าพระเก๊แน่นอน #พระใหม่พิธีดี #เจตนาการสร้างดี #พระใหม่ยอดนิยม #พระสายใต้ #พระเครื่อง #พระเครื่องยอดนิยม #พระปิดตา #รับประกันพระแท้ตลอดชีพ #ทุกเหรียญตอกโค๊ดตอกเลขรันนัมเบอร์
    *****.....พระปิดตา.....เหนือดวง.....สายเขาอ้อ.....ปี.....2555.....***** *****.....ต่อไป..จะต้องเป็น...ตำนาน.... ในการจัดสร้างวัตถุมงคล...รุ่นเหนือดวง...ครั้งแรก...ของการปลุกเสกด้วย...ตำราพิชัยสมบัติ...พิชัยสงคราม...ว่าด้วย...วิชาเหนือดวง...อัญเชิญ...เทพเทวดา...มหาเทพ... พระอรหันต์...บรรจุลงในองค์พระ...พลิก...ชีวิต...พลิก...ดวงชะตา...เปิดตำนาน...สำนักตักศิลาเขาอ้อ...วิชาเหนือดวง...สำนักเขาอ้อเป็น...สำนักสอนวิชา...ไสยศาสตร์...มาตั้งแต่ครั้งสมัยศรีวิชัย...จนถึงสมัยสุโขทัย...สมัยศรีอยุธยา...กรุงธนบุรี...จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์...ในปัจจุบัน...พระอาจารย์สำนัก...เขาอ้อ...ทุกๆองค์...เป็นปรมาจารย์อันเลื่องลือ...ของชาวพุทธภาคใต้...ตั้งแต่เมืองไชยา...ลงไปถึงแหลมมาลายู...ปรากฏว่า...ไปเรียนวิชาไสยศาสตร์ จากสำนักเขาอ้อ...หรือใช้ตำราที่มาจากสำนักเขาอ้อทั้งหมด...พระอาจารย์สำนักเขาอ้อ...ทุกๆองค์...จะมีความรู้...ความสามารถ...คล้ายคลึงกัน...เพราะได้ศึกษาต่อกันมาไม่ขาดระยะ...ตำราและความรู้ที่เป็นหลัก...คือ...พระอาจารย์เขาอ้อทุกองค์...สอนเวทย์มนต์...คาถา...ที่เป็นหลักเริ่มตั้งแต่...ธาตุ4 ธาตุทั้ง5 แม่ธาตุ...การตั้งธาตุ...หนุนธาตุ...แปลงธาตุ...และ...ตรวจธาตุ...วิชาคงกระพันชาตรี... แคล้วคลาด...มหาอุตฆ์...สอนให้รู้ถึงที่มาของ...เลขยันต์...อักขระยันต์ต่างๆ...ซึ่งต้องใช้ความพยายาม...และต้องอยู่ปฏิบัติอาจารย์...จนอาจารย์...เห็นความพยายาม...ที่รักในวิชาของศิษย์...จึงจะสอนให้...และยังสอนวิชาความรู้เกี่ยวกับ...ยารักษาโรค...วิชาไสยศาสตร์...ที่เป็นหลักของสำนักเขาอ้อ...ซึ่งเป็นคุณวิเศษประจำพระอาจารย์ทุกๆองค์ ...(ยกตัวอย่าง)...ดังนี้.....1.เสกน้ำมันงาดิบ...ให้เดือด...ให้แข็ง...ทำพิธีป้อนให้ศิษย์เป็นคงกระพัน.....2.อาบน้ำว่าน แช่ยา...เป็นคงกระพันกันโรคภัย.....3.หุงข้าวเหนียวดำ...เป็นคงกระพันอายุวัฒนะ...และ...อีกหลายวิชา...ครั้งแรก...ของการปลุกเสก...ว่าด้วยวิชา.....เหนือดวง.....ตามตำราวิชาสำนักเขาอ้อ...ว่าด้วย วิชากำเนิด 3 คือ.....1.ดวงกำเนิดมนุษย์หญิง-ชาย.....2.ดวงกำเนิดเทวดา.....3.ดวงกำเนิดพระอรหันต์...ยันต์ดวงกำเนิดมนุษย์หญิง-ชาย ใช้ได้...ทุกผู้ทุกนาม ฯลฯ...เมื่อท่านใช้อาราธนา...ด้วยอำนาจแห่งครูอาจารย์เขาอ้อ.....อาจารย์คล้อย อโนโม.....ด้วยอำนาจแห่งวิชา... เหมือนท่านได้เกิดใหม่อีกครั้ง...ด้วยอำนาจแห่งคุณ...พระพุทธ...ยันต์ดวงกำเนิดเทวา...เป็นการอัญเชิญ...เทวดา...องค์เทพ...องค์มหาเทพ มาประจำองค์พระ...เพื่อเป็นเทวดา...ปกป้อง...คุ้มครอง...หนุนดวงชะตา...ให้กับร้ายกลายเป็นดี...ส่งเสริมให้มีเกรียติยศ...และ...ชื่อเสียง ฯลฯ...แล้วแต่จะอธิฐานต่อ... ยันต์องค์กำเนิดพระอรหัน...เป็นการอัญเชิญ...ขอบารมี...ของพระพุทธเจ้า...พระอรหันต์...ลงมาปกป้องคุ้มครอง...ประทานพร...ประทานอำนาจ...วาสนา...บารมี...ฯลฯ.....***** *****.....ไอดี ไลน์.....oak_999.....ข้อความ.....หรือโทร...089-471-5666.....***** #พระเก๊มีทุกรุ่น #พระใหม่ดีกว่าพระเก๊แน่นอน #พระใหม่พิธีดี #เจตนาการสร้างดี #พระใหม่ยอดนิยม #พระสายใต้ #พระเครื่อง #พระเครื่องยอดนิยม #พระปิดตา #รับประกันพระแท้ตลอดชีพ #ทุกเหรียญตอกโค๊ดตอกเลขรันนัมเบอร์
    0 Comments 0 Shares 89 Views 0 Reviews
  • หลวงพ่อทวด พระบรมธาตุ นครศรีธรรมราช ปี2543
    หลวงพ่อทวด พิมพ์ใหญ่ เนื้อว่านทาบรอนซ์ทอง วัดพระบรมธาตุ จ.นครศรีธรรมราช ปี2543 // พระดีพิธีใหญ่ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณครบเครื่อง "แคล้วคาดปลอดภัย มหาอุด" เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ดีนัก.กันเสนียดจัญไร เป็นมหามงคลและสุดยอดนิรันตราย ประสบการณ์มากมาย >>

    พระบรมธาตุ ที่ วัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร ชาวนครเรียกว่า วัดพระธาตุ เป็นโบราณสถานสถานศักดิ์สิทธิ์ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งพระบรมธาตุเจดีย์นั้นเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ทำให้มีพุทธศาสนิกชนจากทั่วทุกมุมโลกแวะเวียนมาสักการะกันอย่างไม่ขาดสาย >>

    * พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    หลวงพ่อทวด พระบรมธาตุ นครศรีธรรมราช ปี2543 หลวงพ่อทวด พิมพ์ใหญ่ เนื้อว่านทาบรอนซ์ทอง วัดพระบรมธาตุ จ.นครศรีธรรมราช ปี2543 // พระดีพิธีใหญ่ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณครบเครื่อง "แคล้วคาดปลอดภัย มหาอุด" เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ดีนัก.กันเสนียดจัญไร เป็นมหามงคลและสุดยอดนิรันตราย ประสบการณ์มากมาย >> พระบรมธาตุ ที่ วัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร ชาวนครเรียกว่า วัดพระธาตุ เป็นโบราณสถานสถานศักดิ์สิทธิ์ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งพระบรมธาตุเจดีย์นั้นเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ทำให้มีพุทธศาสนิกชนจากทั่วทุกมุมโลกแวะเวียนมาสักการะกันอย่างไม่ขาดสาย >> * พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 99 Views 0 Reviews

  • ทรงพระเจริญ
    .
    ๐ สว่างวัตร ฉัตรไสว ไอศวรรย์
    สวัสดิ์ขวัญปกเกศพิเชฐฉาย
    เสลาเลิศเรืองศรัณย์พรรณราย
    มิเสื่อมคลายสลักจิตสถิตไทย
    .
    ๐ พราวผุดผาดผ่องเพ็ญเป็นพรั่งพร้อม
    ทรงอ่อนน้อมสมสง่าอัชฌาสัย
    เป็นไพบูลย์เคียงคู่ภูวไนย
    เสริมไสวปิ่นฟ้าบารมี
    .
    ๐ สามมิถุนายน วิมลมาศ
    เลืศโอภาสมงคลพระชนม์ศรี
    น้อมอัญเชิญมังคลา ณ ธาตรี
    ดลเกษมเปรมปรีดิ์ทุกทิวา
    .
    ๐ ขวัญเอย ขวัญเกล้าของชาวไทย
    ขอพระองค์นิรามัยทุกทิศา
    ขอสมเด็จพระราชินีสุทิดา
    วัฒนามงคลพระชนม์เทอญ
    .
    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม
    ข้าพระพุทธเจ้า นายชโลธร ควรหาเวช
    ผู้ใช้นามปากกา เพลงผ้า ปรพากย์
    ๓ มิถุนายน ๒๕๖๘
    ทรงพระเจริญ . ๐ สว่างวัตร ฉัตรไสว ไอศวรรย์ สวัสดิ์ขวัญปกเกศพิเชฐฉาย เสลาเลิศเรืองศรัณย์พรรณราย มิเสื่อมคลายสลักจิตสถิตไทย . ๐ พราวผุดผาดผ่องเพ็ญเป็นพรั่งพร้อม ทรงอ่อนน้อมสมสง่าอัชฌาสัย เป็นไพบูลย์เคียงคู่ภูวไนย เสริมไสวปิ่นฟ้าบารมี . ๐ สามมิถุนายน วิมลมาศ เลืศโอภาสมงคลพระชนม์ศรี น้อมอัญเชิญมังคลา ณ ธาตรี ดลเกษมเปรมปรีดิ์ทุกทิวา . ๐ ขวัญเอย ขวัญเกล้าของชาวไทย ขอพระองค์นิรามัยทุกทิศา ขอสมเด็จพระราชินีสุทิดา วัฒนามงคลพระชนม์เทอญ . ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า นายชโลธร ควรหาเวช ผู้ใช้นามปากกา เพลงผ้า ปรพากย์ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๘
    0 Comments 0 Shares 86 Views 0 Reviews
  • มีพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ท่านไม่รังเกียจเรา ..บุญกุศลที่เราทำไว้ในแต่ละชาติก็มีบุญเป็นเพื่อน ทุกข์ยากก็นึกถึงบุญ เกิดมาใช้กรรมให้เจ้ากรรมเขา แต่ไม่ละเลิกจะสร้างกรรมดีคือบุญกุศล
    มีพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ท่านไม่รังเกียจเรา ..บุญกุศลที่เราทำไว้ในแต่ละชาติก็มีบุญเป็นเพื่อน ทุกข์ยากก็นึกถึงบุญ เกิดมาใช้กรรมให้เจ้ากรรมเขา แต่ไม่ละเลิกจะสร้างกรรมดีคือบุญกุศล
    0 Comments 0 Shares 47 Views 0 Reviews
  • 🌍 โลกที่เต็มไปด้วยคน “ครึ่งดี ครึ่งร้าย”

    ในโลกนี้...
    แม้แต่โจร หรือผู้ก่อการร้าย
    ยังมีมุมดีๆ ให้กับลูกเมีย พวกพ้อง
    ไม่มีใครร้ายล้วน — ไม่มีใครดีล้วน
    เราเองก็เช่นกัน
    ---

    แต่ถ้ามองโลกด้วยใจระแวง
    เราจะค่อยๆ เชื่อว่า

    "ถ้าไม่เป็นเสือ ก็ต้องเป็นเหยื่อ"

    แล้วพอใครขย้ำเรา
    เราก็จะอยากขย้ำเขาคืน
    หรือเผลอขย้ำใครต่อไปอีก…
    ---

    👣 ทางของผู้รู้กรรม

    ต่อให้คุณทำดีได้เท่าพระพุทธเจ้า
    ก็ยังต้องเจอ “พระเทวทัต” และ “นางจิญจมาณวิกา”
    เพราะแม้แต่พระองค์ยังต้องใช้กรรมเก่า
    ที่เคยทำมาในภพชาตินับไม่ถ้วน

    อย่าคิดว่าการทำดีวันนี้
    จะกันภัยได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
    แต่จงรู้ว่า...

    ความดีวันนี้ กำลังสะสม “เขตปลอดภัย” ของตนในวันข้างหน้า
    ---

    🔒 จงเป็น “พื้นที่ปลอดภัย” ของโลก

    เมื่อรู้ว่าโลกไม่ปลอดภัย
    อย่าไปรอให้คนอื่นหยุดร้าย
    แต่จงเริ่มจาก “เราหยุดร้าย” ให้ได้ก่อน

    รักษาศีล เพื่อไม่เป็นภัยกับใคร

    ให้ทาน เพื่อคลายทุกข์ให้ผู้อื่น

    ปล่อยวาง เพื่อไม่จองเวรต่อกัน
    ---

    🕯️ เมื่อทำดีเป็นนิจ
    ใจจะเห็นความดีในตัวเอง
    มากกว่าจับผิดความเลวของคนอื่น

    คุณจะรู้จักระวังภัย
    โดยไม่เผลอเป็นภัย
    นี่แหละ...คนที่เริ่ม “เป็นแสงสว่าง” ให้โลก
    🌍 โลกที่เต็มไปด้วยคน “ครึ่งดี ครึ่งร้าย” ในโลกนี้... แม้แต่โจร หรือผู้ก่อการร้าย ยังมีมุมดีๆ ให้กับลูกเมีย พวกพ้อง ไม่มีใครร้ายล้วน — ไม่มีใครดีล้วน เราเองก็เช่นกัน --- แต่ถ้ามองโลกด้วยใจระแวง เราจะค่อยๆ เชื่อว่า "ถ้าไม่เป็นเสือ ก็ต้องเป็นเหยื่อ" แล้วพอใครขย้ำเรา เราก็จะอยากขย้ำเขาคืน หรือเผลอขย้ำใครต่อไปอีก… --- 👣 ทางของผู้รู้กรรม ต่อให้คุณทำดีได้เท่าพระพุทธเจ้า ก็ยังต้องเจอ “พระเทวทัต” และ “นางจิญจมาณวิกา” เพราะแม้แต่พระองค์ยังต้องใช้กรรมเก่า ที่เคยทำมาในภพชาตินับไม่ถ้วน อย่าคิดว่าการทำดีวันนี้ จะกันภัยได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่จงรู้ว่า... ความดีวันนี้ กำลังสะสม “เขตปลอดภัย” ของตนในวันข้างหน้า --- 🔒 จงเป็น “พื้นที่ปลอดภัย” ของโลก เมื่อรู้ว่าโลกไม่ปลอดภัย อย่าไปรอให้คนอื่นหยุดร้าย แต่จงเริ่มจาก “เราหยุดร้าย” ให้ได้ก่อน รักษาศีล เพื่อไม่เป็นภัยกับใคร ให้ทาน เพื่อคลายทุกข์ให้ผู้อื่น ปล่อยวาง เพื่อไม่จองเวรต่อกัน --- 🕯️ เมื่อทำดีเป็นนิจ ใจจะเห็นความดีในตัวเอง มากกว่าจับผิดความเลวของคนอื่น คุณจะรู้จักระวังภัย โดยไม่เผลอเป็นภัย นี่แหละ...คนที่เริ่ม “เป็นแสงสว่าง” ให้โลก
    0 Comments 0 Shares 83 Views 0 Reviews
  • เชื่อในบาปบุญ เราละเลิกบาปทั้งหลาย หมั่นเพียรสร้างบุญความดีเอาไว้ ถือศีล ถือธรรมะของพระพุทธเจ้าไว้ให้ตาลอดไป
    เชื่อในบาปบุญ เราละเลิกบาปทั้งหลาย หมั่นเพียรสร้างบุญความดีเอาไว้ ถือศีล ถือธรรมะของพระพุทธเจ้าไว้ให้ตาลอดไป
    0 Comments 0 Shares 48 Views 0 Reviews
  • อย่าเบื่อธรรมะ หรือเสียงพระเทศน์ ธรรมะพระพุทธเจ้ามีมานานเนินนานบนโลก ท่านได้เห็นยมทูตทั้ง 4 เกิด แก่ เจ็บ ตาย ธรรมะของพุทธพระเจ้าล้ำเลิศแล้ว หลวงปู่หลวงพ่อกี่ยุคสมัยก็สอนธรรมของเก่าที่มีมา
    อย่าเบื่อธรรมะ หรือเสียงพระเทศน์ ธรรมะพระพุทธเจ้ามีมานานเนินนานบนโลก ท่านได้เห็นยมทูตทั้ง 4 เกิด แก่ เจ็บ ตาย ธรรมะของพุทธพระเจ้าล้ำเลิศแล้ว หลวงปู่หลวงพ่อกี่ยุคสมัยก็สอนธรรมของเก่าที่มีมา
    0 Comments 0 Shares 72 Views 0 Reviews
  • พระพุทธเจ้าสอนหลักธรรมว่าด้วยเหตุปัจจัย ซี่งเป็นเรื่องของความเป็นไปสืบต่อเนื่องกัน ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เมื่อเราพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ว่ามีเหตุปัจจัยอย่างไร เราก็ต้องสืบสาวย้อนหลังไปในอดีต นี่ก็แสดงชัดว่าคำสอนในพระพุทธศาสนาว่าด้วยเหตุปัจจัยนั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับอดีตด้วย

    อีกด้านหนึ่ง พระพุทธเจ้าทรงสอนหลักธรรมเรื่องความไม่ประมาท ความไม่ประมาทนั้นเป็นเรื่องของการที่ต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับอนาคต และความไม่ประมาทนี้เป็นหลักธรรมที่สำคัญมากในพระพุทธศาสนา
    พระพุทธเจ้าสอนหลักธรรมว่าด้วยเหตุปัจจัย ซี่งเป็นเรื่องของความเป็นไปสืบต่อเนื่องกัน ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เมื่อเราพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ว่ามีเหตุปัจจัยอย่างไร เราก็ต้องสืบสาวย้อนหลังไปในอดีต นี่ก็แสดงชัดว่าคำสอนในพระพุทธศาสนาว่าด้วยเหตุปัจจัยนั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับอดีตด้วย อีกด้านหนึ่ง พระพุทธเจ้าทรงสอนหลักธรรมเรื่องความไม่ประมาท ความไม่ประมาทนั้นเป็นเรื่องของการที่ต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับอนาคต และความไม่ประมาทนี้เป็นหลักธรรมที่สำคัญมากในพระพุทธศาสนา
    0 Comments 0 Shares 82 Views 0 Reviews
  • เกิดมาไม่เคยมีหนีสินกับเขาก็เป็นสิ่งดี สุขใจดี..มีศิลธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นที่ยึดเหนี่ยว
    เกิดมาไม่เคยมีหนีสินกับเขาก็เป็นสิ่งดี สุขใจดี..มีศิลธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นที่ยึดเหนี่ยว
    0 Comments 0 Shares 47 Views 0 Reviews
  • ตายไม่สูญ..แล้วไปไหน

    “ ตายแล้วไม่สูญ ” และ “ ตายแล้วไปไหน ” นี้ไม่น่าจะเป็นข้องใจของท่านเลยเพราะพระพุทธเจ้าตรัสไว้แล้วอย่างละเอียดว่าเมื่อตายจากโลกนี้ไปแล้ว ทางที่ไปก็มี 5 สาย คือ

    • อบายภูมิ ได้แก่ เกิดเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย และเป็นสัตว์เดรัจฉาน

    • เกิดเป็นมนุษย์

    • เกิดเป็นเทวดา หรือนางฟ้าอยู่บนสวรรค์

    • เกิดเป็นพรหม

    • ไปพระนิพพาน

    ท่านที่ตายแล้วจะไปเกิดที่ใด พระพุทธเจ้าก็ตรัสบอกเหตุที่จะไปเกิดไว้ครบถ้วนตามกฎของกรรม คือการกระทำ ได้แก่ความประพฤติดีหรือชั่ว ในสมัยที่เกิดเป็นมนุษย์นี้เอง กฎของกรรมหรือความประพฤติดีหรือชั่ว ที่จะพาไปเกิดในที่ใดที่หนึ่งตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ 5 ทางนั้น ท่านว่าไว้อย่างนี้
    ตายไม่สูญ..แล้วไปไหน “ ตายแล้วไม่สูญ ” และ “ ตายแล้วไปไหน ” นี้ไม่น่าจะเป็นข้องใจของท่านเลยเพราะพระพุทธเจ้าตรัสไว้แล้วอย่างละเอียดว่าเมื่อตายจากโลกนี้ไปแล้ว ทางที่ไปก็มี 5 สาย คือ • อบายภูมิ ได้แก่ เกิดเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย และเป็นสัตว์เดรัจฉาน • เกิดเป็นมนุษย์ • เกิดเป็นเทวดา หรือนางฟ้าอยู่บนสวรรค์ • เกิดเป็นพรหม • ไปพระนิพพาน ท่านที่ตายแล้วจะไปเกิดที่ใด พระพุทธเจ้าก็ตรัสบอกเหตุที่จะไปเกิดไว้ครบถ้วนตามกฎของกรรม คือการกระทำ ได้แก่ความประพฤติดีหรือชั่ว ในสมัยที่เกิดเป็นมนุษย์นี้เอง กฎของกรรมหรือความประพฤติดีหรือชั่ว ที่จะพาไปเกิดในที่ใดที่หนึ่งตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ 5 ทางนั้น ท่านว่าไว้อย่างนี้
    0 Comments 0 Shares 63 Views 0 Reviews
  • อมตะ จิ๋นซีฮ่องเต้ก็ยังไม่เป็นอมตะ ฟาโรห์ก็ยังไม่เป็นอมตะ..มีธรรมของพระพุทธเจ้านั่นแหละเป็นอมตะ
    อมตะ จิ๋นซีฮ่องเต้ก็ยังไม่เป็นอมตะ ฟาโรห์ก็ยังไม่เป็นอมตะ..มีธรรมของพระพุทธเจ้านั่นแหละเป็นอมตะ
    0 Comments 0 Shares 46 Views 0 Reviews
  • อมตะ จิ๋นซีฮ่องเต้ก็ยังไม่เป็นอมตะ ฟาโรห์ก็ยังไม่เป็นอมตะ..มีธรรมของพระพุทธเจ้านั่นแหละเป็นอมตะ
    อมตะ จิ๋นซีฮ่องเต้ก็ยังไม่เป็นอมตะ ฟาโรห์ก็ยังไม่เป็นอมตะ..มีธรรมของพระพุทธเจ้านั่นแหละเป็นอมตะ
    0 Comments 0 Shares 46 Views 0 Reviews
  • วันพระ ใจน้อมถึงพระพุทธเจ้า เราก็น้อมใจถึงพระพุทธเจ้าทุกวันเช้าค่ำ..พุทโธไป อย่าเลิกทำ
    วันพระ ใจน้อมถึงพระพุทธเจ้า เราก็น้อมใจถึงพระพุทธเจ้าทุกวันเช้าค่ำ..พุทโธไป อย่าเลิกทำ
    0 Comments 0 Shares 40 Views 0 Reviews
  • แบบฝึกหัดของชีวิต คือเครื่องยืนยันว่าเรากำลัง “สูงขึ้น”

    คนที่มองเรื่องร้ายเป็นแบบฝึกหัด
    คือคนที่กำลังเดินขึ้นที่สูง
    ไม่ว่าทางโลก หรือทางธรรม
    ย่อมมีแรงเสียดทานเสมอ
    แต่ยิ่งเหนื่อยมากเท่าไหร่
    ก็ยิ่งพิสูจน์ความเป็น “ของจริง” ได้ชัดเท่านั้น

    เราควบคุมไม่ได้
    ว่าจะต้องเจอกับคนไม่ดีมากแค่ไหน
    แต่เราควบคุมได้
    ว่าจะไม่เลวตาม
    ไม่เติมไฟ ไม่ส่งพิษ
    แค่พอเจอก็รู้ว่า “กำลังเข้าสอบ”
    ถ้าผ่านไปได้...ก็สอบผ่านไปอีกหนึ่งด่าน

    ทุกวันเต็มไปด้วยข้อสอบจากชีวิต
    อยู่ที่ว่า...เราจะตอบแบบเดิม
    หรือจะลองตอบด้วย “สติ” แบบใหม่?

    เพราะถ้าเราเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดีไม่ได้
    เรื่องร้ายนั่นแหละจะค่อย ๆ เปลี่ยนเราให้ร้ายขึ้นตามมัน!

    คำสอนของพระพุทธเจ้าไม่ซับซ้อนเลยครับ...

    ชนะคนโกหกด้วยคำจริง

    ชนะคนโกรธด้วยเมตตา

    ชนะคนร้ายด้วยความดี

    พูดง่าย ๆ คือ
    เขาร้ายมาอย่างไร...เรากลับไปอย่างดีอย่างนั้น
    ไม่หวังให้เขาเปลี่ยน
    แต่หวังให้เรารอด!

    ยิ่งถูกทดสอบหนักแค่ไหน
    ยิ่งเหมือนถูกท้าทายว่า
    คุณคือเพชร หรือแค่ตมในร่างคำพูดธรรมะ?

    และเมื่อคุณผ่านแบบทดสอบยาก ๆ
    คุณจะรู้สึกชัดขึ้นว่า
    “เราคือของจริง”
    “เรามีธรรมะอยู่ในตัวจริง ๆ”
    แบบฝึกหัดของชีวิต คือเครื่องยืนยันว่าเรากำลัง “สูงขึ้น” คนที่มองเรื่องร้ายเป็นแบบฝึกหัด คือคนที่กำลังเดินขึ้นที่สูง ไม่ว่าทางโลก หรือทางธรรม ย่อมมีแรงเสียดทานเสมอ แต่ยิ่งเหนื่อยมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งพิสูจน์ความเป็น “ของจริง” ได้ชัดเท่านั้น เราควบคุมไม่ได้ ว่าจะต้องเจอกับคนไม่ดีมากแค่ไหน แต่เราควบคุมได้ ว่าจะไม่เลวตาม ไม่เติมไฟ ไม่ส่งพิษ แค่พอเจอก็รู้ว่า “กำลังเข้าสอบ” ถ้าผ่านไปได้...ก็สอบผ่านไปอีกหนึ่งด่าน ทุกวันเต็มไปด้วยข้อสอบจากชีวิต อยู่ที่ว่า...เราจะตอบแบบเดิม หรือจะลองตอบด้วย “สติ” แบบใหม่? เพราะถ้าเราเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดีไม่ได้ เรื่องร้ายนั่นแหละจะค่อย ๆ เปลี่ยนเราให้ร้ายขึ้นตามมัน! คำสอนของพระพุทธเจ้าไม่ซับซ้อนเลยครับ... ชนะคนโกหกด้วยคำจริง ชนะคนโกรธด้วยเมตตา ชนะคนร้ายด้วยความดี พูดง่าย ๆ คือ เขาร้ายมาอย่างไร...เรากลับไปอย่างดีอย่างนั้น ไม่หวังให้เขาเปลี่ยน แต่หวังให้เรารอด! ยิ่งถูกทดสอบหนักแค่ไหน ยิ่งเหมือนถูกท้าทายว่า คุณคือเพชร หรือแค่ตมในร่างคำพูดธรรมะ? และเมื่อคุณผ่านแบบทดสอบยาก ๆ คุณจะรู้สึกชัดขึ้นว่า “เราคือของจริง” “เรามีธรรมะอยู่ในตัวจริง ๆ”
    0 Comments 0 Shares 133 Views 0 Reviews
  • วันนี้เรามาคุยถึงเครื่องประดับชนิดหนึ่งในสมัยราชวงศ์ชิงที่ดูจะไม่ค่อยมีใครกล่าวถึง แต่เพื่อนเพจที่ได้ดูละครของยุคสมัยนั้นอย่างเช่น <หรูอี้ จอมนางเคียงบัลลังก์> หรือ <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> จะเห็นนางในมีสร้อยประคำผูกไว้ที่คอเสื้อ จริงๆ แล้วมันก็คือสร้อยประคำมือ เรียกว่า ‘สือปาจื่อ’ (十八子)

    ความมีอยู่ว่า
    ... โจวเซิงเฉินเดินออกมาพอดี เห็นสร้อยประคำมือหยก 18 เม็ดบนข้อมือของเธอ ในแววตาปรากฏความแปลกใจแวบหนึ่ง ในระหว่างเดินทางกลับ เขาค่อยเล่าให้ฟังถึงที่มาของสร้อยประคำนี้: “ยาว 28ซม. เม็ดประคำหยกสิบแปดเม็ด” เขาชี้นิ้วไล่ตามเชือกใต้เม็ดปะการังสีแดง “พลอยทัวร์มารีนสีชมพูแกะสลักเป็นดอกไม้ แล้วยังมีเม็ดปะการังและไข่มุก...เป็นของจากสมัยปลายราชวงศ์หมิงต้นราชวงศ์ชิง”...
    - จาก <ทุกชาติภพ กระดูกงดงาม> ผู้แต่ง โม่เป่าเฟยเป่า (บทความ Storyฯ แปลเองจ้า)

    สร้อยประคำมือที่กล่าวถึงในบทความข้างต้นนั้นมีลูกประคำ 18 เม็ด ซึ่งมีความหมายทางศาสนาพุทธ บ้างก็ว่าหมายถึง 18 อรหันต์ แต่ข้อมูลส่วนใหญ่ที่ Storyฯ ค้นพบจะบอกว่าหมายถึง 6 ผัสสะซึ่งก็คือ:
    1. จักขุสัมผัส หมายถึง ความกระทบทางตา คือ ตา+รูป+จักขุวิญญาณ
    2. โสตสัมผัส หมายถึง ความกระทบทางหู คือ หู+เสียง+โสตวิญญาณ
    3. ฆานสัมผัส หมายถึง ความกระทบทางจมูก คือ จมูก+กลิ่น+ฆานวิญญาณ
    4. ชิวหาสัมผัส หมายถึง ความกระทบทางลิ้น คือ ลิ้น+รส+ชิวหาวิญญาณ
    5. กายสัมผัส หมายถึง ความกระทบทางกาย คือ กาย+โผฏฐัพพะ (เช่น ร้อน เย็น อ่อน แข็ง) +กายวิญญาณ
    6. มโนสัมผัส หมายถึง ความกระทบทางใจ คือ ใจ+ธรรมารมณ์ (สิ่งที่ใจนึกคิด) +มโนวิญญาณ

    สร้อยประคำมือนี้เดิมมีไว้ใช้ตอนสวดมนต์ ต่อมากลายเป็นเครื่องประดับในสมัยราชวงศ์ชิง การนำมาใช้เป็นเครื่องประดับนี้เริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่แน่ชัด รู้แต่ว่าในสมัยกลางของราชวงศ์ชิงยังไม่มีการกล่าวถึงนัก ต่อมาจึงเห็นจากภาพวาดในช่วงปลายราชวงศ์ชิงว่ามันได้กลายเป็นเครื่องประดับติดกายที่นิยมอย่างมากทั้งในหญิงและชาย (ดูรูปแรก)

    แรกเริ่มใช้กันในวัง แต่มันไม่ใช่เครื่องประดับอย่างเป็นทางการ ดังนั้นจึงใช้ได้ทุกระดับยศและเลือกใช้วัสดุได้หลากหลาย แต่แน่นอนว่ายศยิ่งสูง วัสดุที่ใช้ก็ยิ่งเลอค่า ต่อมาความนิยมนี้แพร่หลายออกมานอกวัง แต่ยังอยู่เฉพาะในกลุ่มชนชั้นสูงอย่างเช่นคนในตระกูลกองธงต่างๆ รูปแบบหรือองค์ประกอบของสร้อยก็มีการแปลงง่ายลงโดยคงไว้ซึ่งส่วนสำคัญของสร้อยประคำเท่านั้น ซึ่งก็คือส่วนที่เรียกว่าเศียรพระพุทธเจ้า เม็ดคั่น และเม็ดหลัก 18 เม็ด (ดูรูปสองบน)

    ตำแหน่งที่แขวนสร้อยประคำมือเป็นเครื่องประดับนั้น หากเป็นเสื้อสาบเฉียงให้ห้อยไว้ทางด้านขวา หากเป็นสาบตรงให้ห้อยไว้ที่กระดุมเม็ดที่สองข้างหน้า

    ใครตามละครเรื่องราวในวังยุคสมัยราชวงศ์ชิงอยู่ลองสังเกตดูนะคะ Storyฯ เห็นอยู่ในหลายเรื่องเลย

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.sohu.com/a/491583437_515879
    https://kknews.cc/collect/jjzjqoe.html
    https://m.xing73.com/zt/yiL5Lmo5Q2a5Q_o5p_I6Q2a5rWY5B2Y5.html
    https://kknews.cc/culture/6er9xv.html
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://new.qq.com/omn/20191012/20191012A0N7RC00.html
    https://www.sohu.com/a/249960097_105772
    https://kknews.cc/collect/q5k3bvb.html
    https://kknews.cc/collect/jjzjqoe.html
    https://www.baanjomyut.com/pratripidok/41.html

    #กระดูกงดงาม #สร้อยประคำมือ #สือปาจื่อ #ผัสสะ #เครื่องแต่งกายสตรีจีนโบราณ #ราชวงศ์ชิง
    วันนี้เรามาคุยถึงเครื่องประดับชนิดหนึ่งในสมัยราชวงศ์ชิงที่ดูจะไม่ค่อยมีใครกล่าวถึง แต่เพื่อนเพจที่ได้ดูละครของยุคสมัยนั้นอย่างเช่น <หรูอี้ จอมนางเคียงบัลลังก์> หรือ <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> จะเห็นนางในมีสร้อยประคำผูกไว้ที่คอเสื้อ จริงๆ แล้วมันก็คือสร้อยประคำมือ เรียกว่า ‘สือปาจื่อ’ (十八子) ความมีอยู่ว่า ... โจวเซิงเฉินเดินออกมาพอดี เห็นสร้อยประคำมือหยก 18 เม็ดบนข้อมือของเธอ ในแววตาปรากฏความแปลกใจแวบหนึ่ง ในระหว่างเดินทางกลับ เขาค่อยเล่าให้ฟังถึงที่มาของสร้อยประคำนี้: “ยาว 28ซม. เม็ดประคำหยกสิบแปดเม็ด” เขาชี้นิ้วไล่ตามเชือกใต้เม็ดปะการังสีแดง “พลอยทัวร์มารีนสีชมพูแกะสลักเป็นดอกไม้ แล้วยังมีเม็ดปะการังและไข่มุก...เป็นของจากสมัยปลายราชวงศ์หมิงต้นราชวงศ์ชิง”... - จาก <ทุกชาติภพ กระดูกงดงาม> ผู้แต่ง โม่เป่าเฟยเป่า (บทความ Storyฯ แปลเองจ้า) สร้อยประคำมือที่กล่าวถึงในบทความข้างต้นนั้นมีลูกประคำ 18 เม็ด ซึ่งมีความหมายทางศาสนาพุทธ บ้างก็ว่าหมายถึง 18 อรหันต์ แต่ข้อมูลส่วนใหญ่ที่ Storyฯ ค้นพบจะบอกว่าหมายถึง 6 ผัสสะซึ่งก็คือ: 1. จักขุสัมผัส หมายถึง ความกระทบทางตา คือ ตา+รูป+จักขุวิญญาณ 2. โสตสัมผัส หมายถึง ความกระทบทางหู คือ หู+เสียง+โสตวิญญาณ 3. ฆานสัมผัส หมายถึง ความกระทบทางจมูก คือ จมูก+กลิ่น+ฆานวิญญาณ 4. ชิวหาสัมผัส หมายถึง ความกระทบทางลิ้น คือ ลิ้น+รส+ชิวหาวิญญาณ 5. กายสัมผัส หมายถึง ความกระทบทางกาย คือ กาย+โผฏฐัพพะ (เช่น ร้อน เย็น อ่อน แข็ง) +กายวิญญาณ 6. มโนสัมผัส หมายถึง ความกระทบทางใจ คือ ใจ+ธรรมารมณ์ (สิ่งที่ใจนึกคิด) +มโนวิญญาณ สร้อยประคำมือนี้เดิมมีไว้ใช้ตอนสวดมนต์ ต่อมากลายเป็นเครื่องประดับในสมัยราชวงศ์ชิง การนำมาใช้เป็นเครื่องประดับนี้เริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่แน่ชัด รู้แต่ว่าในสมัยกลางของราชวงศ์ชิงยังไม่มีการกล่าวถึงนัก ต่อมาจึงเห็นจากภาพวาดในช่วงปลายราชวงศ์ชิงว่ามันได้กลายเป็นเครื่องประดับติดกายที่นิยมอย่างมากทั้งในหญิงและชาย (ดูรูปแรก) แรกเริ่มใช้กันในวัง แต่มันไม่ใช่เครื่องประดับอย่างเป็นทางการ ดังนั้นจึงใช้ได้ทุกระดับยศและเลือกใช้วัสดุได้หลากหลาย แต่แน่นอนว่ายศยิ่งสูง วัสดุที่ใช้ก็ยิ่งเลอค่า ต่อมาความนิยมนี้แพร่หลายออกมานอกวัง แต่ยังอยู่เฉพาะในกลุ่มชนชั้นสูงอย่างเช่นคนในตระกูลกองธงต่างๆ รูปแบบหรือองค์ประกอบของสร้อยก็มีการแปลงง่ายลงโดยคงไว้ซึ่งส่วนสำคัญของสร้อยประคำเท่านั้น ซึ่งก็คือส่วนที่เรียกว่าเศียรพระพุทธเจ้า เม็ดคั่น และเม็ดหลัก 18 เม็ด (ดูรูปสองบน) ตำแหน่งที่แขวนสร้อยประคำมือเป็นเครื่องประดับนั้น หากเป็นเสื้อสาบเฉียงให้ห้อยไว้ทางด้านขวา หากเป็นสาบตรงให้ห้อยไว้ที่กระดุมเม็ดที่สองข้างหน้า ใครตามละครเรื่องราวในวังยุคสมัยราชวงศ์ชิงอยู่ลองสังเกตดูนะคะ Storyฯ เห็นอยู่ในหลายเรื่องเลย (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.sohu.com/a/491583437_515879 https://kknews.cc/collect/jjzjqoe.html https://m.xing73.com/zt/yiL5Lmo5Q2a5Q_o5p_I6Q2a5rWY5B2Y5.html https://kknews.cc/culture/6er9xv.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://new.qq.com/omn/20191012/20191012A0N7RC00.html https://www.sohu.com/a/249960097_105772 https://kknews.cc/collect/q5k3bvb.html https://kknews.cc/collect/jjzjqoe.html https://www.baanjomyut.com/pratripidok/41.html #กระดูกงดงาม #สร้อยประคำมือ #สือปาจื่อ #ผัสสะ #เครื่องแต่งกายสตรีจีนโบราณ #ราชวงศ์ชิง
    2 Comments 0 Shares 372 Views 0 Reviews
  • แสงในสมาธิ...ไม่ใช่แสงของตา แต่คือแสงของใจ

    แสงที่ใจสว่าง ไม่ต้องมาจากดวงอาทิตย์
    แต่เป็นแสงที่ฉายจากความสงบเย็นของจิต
    ไม่ต้องรอเห็นด้วยตา แค่รู้สึกด้วยใจ…ก็พอแล้ว

    ---

    แสงแบบแรก: แสงอ่อนจากจิตที่ปลอดโปร่ง

    หากคุณหลับตา
    แล้วรู้สึกเหมือนใจโล่งขึ้นกว่าปกติ
    ไม่หนักหัว ไม่อึดอัด ไม่มืดหม่น
    จิตเหมือนมีพื้นที่ว่างขาวนวลให้หายใจ
    นั่นแหละ คือแสงในสมาธิแบบเริ่มต้น

    พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า

    “จิตโดยธรรมชาติมีความประภัสสร (สว่างอยู่แล้ว)”
    แต่ถูกกิเลสบัง จึงมืดมัว
    พอจิตคลายจากฟุ้งซ่าน คลายจากกังวล
    แสงเดิมๆ ที่เคยถูกบัง ก็เผยตัวออกมา

    ---

    แสงแบบลึก: แสงโอภาสจากจิตที่ตั้งมั่น

    ถ้าฝึกไปถึงจุดที่จิต “ตั้งมั่น” จริง
    เช่นในอุปจารสมาธิ หรือฌานเบื้องต้น
    คุณจะเริ่มสัมผัสได้ถึง
    แสงสว่างที่กว้างขวาง เย็น วิเวก และเปี่ยมสุข

    แสงนี้ไม่ได้เกิดจากการเพ่ง
    แต่เป็นผลพลอยได้จากจิตที่รวมกำลังเข้าดวงเดียว
    คล้ายพระจันทร์เต็มดวงที่ส่องแสงสะท้อนความสงบในฟ้าไร้เมฆ

    ---

    แต่จำไว้…ยิ่งสว่างมาก ยิ่งมีโอกาสติดใจมาก

    จุดเปลี่ยนสำคัญคือ

    ถ้าเห็นแสงแล้วอยากให้มันอยู่ตลอด
    ถ้าเริ่มคิดว่าความสุขจากแสงคือที่สุดแล้ว
    จิตจะวนกลับไปหาความอยากอีก

    พระพุทธเจ้าจึงสอนว่า

    “แม้แสง แม้ความสุข ก็ไม่เที่ยง”
    สังเกตอย่างรู้ทันว่า
    มันมา มันอยู่ มันไป
    แล้วถอยจิตออกมาดูว่า “นี่ไม่ใช่เรา”

    ---

    สิ่งที่ควรติดใจ…ไม่ใช่แสง แต่คือปัญญาที่เห็นว่าแสงก็ไม่เที่ยง

    ถ้าคุณเริ่มมีความสุขจากแสง
    แล้วเห็นว่ามันจางไปเพราะความคิดแทรก
    แต่ก็กลับมาใหม่เมื่อจิตนิ่งอีกครั้ง
    และสังเกตไปเรื่อยๆ ว่า...

    สว่างก็ชั่วคราว
    มืดก็ชั่วคราว
    ฟุ้งซ่านก็ชั่วคราว
    ใจนิ่งก็ชั่วคราว

    คุณจะเริ่มสัมผัส “ทางออก” จากการยึดถือ
    นั่นแหละคือ ความรู้จริง ที่เกิดจากสมาธิที่ไม่หลงรูปแบบ

    ---

    แสงในสมาธิที่แท้…คือป้ายบอกทาง ไม่ใช่ที่หมาย

    อย่าหลงรักป้ายจนไม่ยอมเดินต่อ
    ให้แสงนำพาเราไปสู่การเห็นธรรม
    เห็นกายใจตามความเป็นจริง
    ไม่ใช่แค่เห็นแสง แล้วอยากหยุดอยู่ตรงนั้น

    เพราะสุดท้าย ไม่ใช่คนเห็นแสงจะพ้นทุกข์
    แต่คือคนที่เห็นว่า “แม้แสง ก็ไม่มีตัวตน” ต่างหาก
    จึงจะหลุดพ้นได้จริง!
    แสงในสมาธิ...ไม่ใช่แสงของตา แต่คือแสงของใจ แสงที่ใจสว่าง ไม่ต้องมาจากดวงอาทิตย์ แต่เป็นแสงที่ฉายจากความสงบเย็นของจิต ไม่ต้องรอเห็นด้วยตา แค่รู้สึกด้วยใจ…ก็พอแล้ว --- แสงแบบแรก: แสงอ่อนจากจิตที่ปลอดโปร่ง หากคุณหลับตา แล้วรู้สึกเหมือนใจโล่งขึ้นกว่าปกติ ไม่หนักหัว ไม่อึดอัด ไม่มืดหม่น จิตเหมือนมีพื้นที่ว่างขาวนวลให้หายใจ นั่นแหละ คือแสงในสมาธิแบบเริ่มต้น พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า “จิตโดยธรรมชาติมีความประภัสสร (สว่างอยู่แล้ว)” แต่ถูกกิเลสบัง จึงมืดมัว พอจิตคลายจากฟุ้งซ่าน คลายจากกังวล แสงเดิมๆ ที่เคยถูกบัง ก็เผยตัวออกมา --- แสงแบบลึก: แสงโอภาสจากจิตที่ตั้งมั่น ถ้าฝึกไปถึงจุดที่จิต “ตั้งมั่น” จริง เช่นในอุปจารสมาธิ หรือฌานเบื้องต้น คุณจะเริ่มสัมผัสได้ถึง แสงสว่างที่กว้างขวาง เย็น วิเวก และเปี่ยมสุข แสงนี้ไม่ได้เกิดจากการเพ่ง แต่เป็นผลพลอยได้จากจิตที่รวมกำลังเข้าดวงเดียว คล้ายพระจันทร์เต็มดวงที่ส่องแสงสะท้อนความสงบในฟ้าไร้เมฆ --- แต่จำไว้…ยิ่งสว่างมาก ยิ่งมีโอกาสติดใจมาก จุดเปลี่ยนสำคัญคือ ถ้าเห็นแสงแล้วอยากให้มันอยู่ตลอด ถ้าเริ่มคิดว่าความสุขจากแสงคือที่สุดแล้ว จิตจะวนกลับไปหาความอยากอีก พระพุทธเจ้าจึงสอนว่า “แม้แสง แม้ความสุข ก็ไม่เที่ยง” สังเกตอย่างรู้ทันว่า มันมา มันอยู่ มันไป แล้วถอยจิตออกมาดูว่า “นี่ไม่ใช่เรา” --- สิ่งที่ควรติดใจ…ไม่ใช่แสง แต่คือปัญญาที่เห็นว่าแสงก็ไม่เที่ยง ถ้าคุณเริ่มมีความสุขจากแสง แล้วเห็นว่ามันจางไปเพราะความคิดแทรก แต่ก็กลับมาใหม่เมื่อจิตนิ่งอีกครั้ง และสังเกตไปเรื่อยๆ ว่า... สว่างก็ชั่วคราว มืดก็ชั่วคราว ฟุ้งซ่านก็ชั่วคราว ใจนิ่งก็ชั่วคราว คุณจะเริ่มสัมผัส “ทางออก” จากการยึดถือ นั่นแหละคือ ความรู้จริง ที่เกิดจากสมาธิที่ไม่หลงรูปแบบ --- แสงในสมาธิที่แท้…คือป้ายบอกทาง ไม่ใช่ที่หมาย อย่าหลงรักป้ายจนไม่ยอมเดินต่อ ให้แสงนำพาเราไปสู่การเห็นธรรม เห็นกายใจตามความเป็นจริง ไม่ใช่แค่เห็นแสง แล้วอยากหยุดอยู่ตรงนั้น เพราะสุดท้าย ไม่ใช่คนเห็นแสงจะพ้นทุกข์ แต่คือคนที่เห็นว่า “แม้แสง ก็ไม่มีตัวตน” ต่างหาก จึงจะหลุดพ้นได้จริง!
    0 Comments 0 Shares 174 Views 0 Reviews
  • สมาธิ…ไม่ใช่แค่พักใจ แต่คือก้าวแรกของการหลุดพ้น

    หลายคนอยากมีสมาธิ
    แต่ไม่รู้เลยว่า “สมาธิที่ใช่”
    จะพาให้ชีวิตเปลี่ยนจากโลกที่ผูกพัน
    ไปสู่โลกที่ใจเบาสบายไร้พันธนาการ

    ---

    คนทั่วไป…มีแต่จิตฟุ้งซ่าน

    เราถูกสอนให้ใช้สมองคิด
    แต่ไม่เคยถูกสอนให้รู้ว่า “สมองที่คิดเรื่อยเปื่อย”
    ก็คือ จิตฟุ้งซ่าน รูปแบบหนึ่ง

    คนจำนวนมาก
    เข้าใจว่าการมีชีวิตคือการไขว่คว้า
    จิตจึงไม่รู้จักนิ่ง ไม่รู้จักหยุด
    วิ่งตาม “ความอยาก” โดยไม่มีวันถึงฝั่ง

    ---

    แต่ถ้าจิตรวมเป็นสมาธิเมื่อใด…โลกใหม่จะเปิดออกทันที

    สมาธิที่แท้ คือจิตที่นิ่ง เด่น ดวงเดียว
    ตั้งมั่นพอจนไม่ไหลตามความอยาก
    ไม่ฟุ้งตามความกลัว
    ไม่เหวี่ยงไปตามเรื่องเล่าในหัว

    สมาธิไม่ใช่การ “คิดให้น้อยลง”
    แต่คือการ “คิดแบบมีทิศทาง”
    คือคิดแบบเห็นโลกตามที่มันเป็น
    ไม่ใช่แบบที่เราอยากให้มันเป็น

    ---

    พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในมหาจัตตารีสกสูตรว่า

    สมาธิที่เป็นสัมมาสมาธิ
    ต้องมี สัมมาทิฏฐิ เป็นประธาน
    ไม่ใช่สมาธิแบบคิดจะใช้จิตไปทำร้ายใคร
    หรือสมาธิเพื่อขอพลังพิเศษเอาชนะคนอื่น

    ---

    สัมมาทิฏฐิ คือหัวใจของการปฏิบัติธรรม

    ถ้าคุณนั่งสมาธิ แล้วใจยังเชื่อว่า

    ทำดีไม่มีผล

    ตายแล้วสูญ

    กรรมไม่มีผล

    พระพุทธเจ้าไม่มีจริง

    โลกหน้าคือเรื่องหลอกเด็ก

    สมาธิของคุณจะเหมือนปลูกต้นไม้ในดินเค็ม
    ไม่มีวันเติบโตไปถึงนิพพานได้

    ---

    แต่ถ้าคุณนั่งสมาธิแล้วเห็นว่า...

    โลกนี้มีผลแห่งกรรมจริง

    สิ่งที่เกิดล้วนเป็นผลของเหตุ

    กายใจนี้ไม่ใช่ของเราจริง

    ทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

    และแม้ความคิดในหัว…ก็แค่แวบหนึ่งของกระแสธรรมดา

    คุณจะเริ่มเข้าใจว่า “ภพ” ไม่ได้อยู่ที่ไหน
    ภพอยู่ตรงที่คุณยึดติดกับกายนี้ ใจนี้ ความคิดนี้ว่าเป็น “ตัวเรา”

    ---

    สมาธิที่แท้…จึงไม่ใช่แค่หลบความเครียด

    แต่คือการค่อยๆ

    ถอดออกจากอุปาทาน

    ปลดจากพันธนาการของความเชื่อผิด

    ปลุกตนให้ตื่นจากภวังค์ของความเป็นตัวตน

    เมื่อสมาธิมาพร้อมสัมมาทิฏฐิ
    แม้กระทั่งความคิดที่ผ่านสมอง
    ก็จะกลายเป็นแค่ “ภาพมายา” ที่มาแล้วไป
    ไม่ใช่คำสั่งสุดท้ายของชีวิตอีกต่อไป

    ---

    ชาตินี้…กายใจนี้ อาจกลายเป็นกุญแจปลดล็อกทุกภพชาติ

    สมาธิแบบนี้
    คือสมาธิที่พระพุทธเจ้ารับรอง
    ว่าเป็นทางเข้าสู่มรรคผลนิพพานได้จริง

    ไม่ใช่สมาธิที่มีไว้แค่พักใจ
    แต่คือ “ลูกไฟที่เผาผลาญกิเลส”
    พร้อมเปิดทางให้คุณเป็นอิสระจากทุกภพทุกชาติ
    สมาธิ…ไม่ใช่แค่พักใจ แต่คือก้าวแรกของการหลุดพ้น หลายคนอยากมีสมาธิ แต่ไม่รู้เลยว่า “สมาธิที่ใช่” จะพาให้ชีวิตเปลี่ยนจากโลกที่ผูกพัน ไปสู่โลกที่ใจเบาสบายไร้พันธนาการ --- คนทั่วไป…มีแต่จิตฟุ้งซ่าน เราถูกสอนให้ใช้สมองคิด แต่ไม่เคยถูกสอนให้รู้ว่า “สมองที่คิดเรื่อยเปื่อย” ก็คือ จิตฟุ้งซ่าน รูปแบบหนึ่ง คนจำนวนมาก เข้าใจว่าการมีชีวิตคือการไขว่คว้า จิตจึงไม่รู้จักนิ่ง ไม่รู้จักหยุด วิ่งตาม “ความอยาก” โดยไม่มีวันถึงฝั่ง --- แต่ถ้าจิตรวมเป็นสมาธิเมื่อใด…โลกใหม่จะเปิดออกทันที สมาธิที่แท้ คือจิตที่นิ่ง เด่น ดวงเดียว ตั้งมั่นพอจนไม่ไหลตามความอยาก ไม่ฟุ้งตามความกลัว ไม่เหวี่ยงไปตามเรื่องเล่าในหัว สมาธิไม่ใช่การ “คิดให้น้อยลง” แต่คือการ “คิดแบบมีทิศทาง” คือคิดแบบเห็นโลกตามที่มันเป็น ไม่ใช่แบบที่เราอยากให้มันเป็น --- พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในมหาจัตตารีสกสูตรว่า สมาธิที่เป็นสัมมาสมาธิ ต้องมี สัมมาทิฏฐิ เป็นประธาน ไม่ใช่สมาธิแบบคิดจะใช้จิตไปทำร้ายใคร หรือสมาธิเพื่อขอพลังพิเศษเอาชนะคนอื่น --- สัมมาทิฏฐิ คือหัวใจของการปฏิบัติธรรม ถ้าคุณนั่งสมาธิ แล้วใจยังเชื่อว่า ทำดีไม่มีผล ตายแล้วสูญ กรรมไม่มีผล พระพุทธเจ้าไม่มีจริง โลกหน้าคือเรื่องหลอกเด็ก สมาธิของคุณจะเหมือนปลูกต้นไม้ในดินเค็ม ไม่มีวันเติบโตไปถึงนิพพานได้ --- แต่ถ้าคุณนั่งสมาธิแล้วเห็นว่า... โลกนี้มีผลแห่งกรรมจริง สิ่งที่เกิดล้วนเป็นผลของเหตุ กายใจนี้ไม่ใช่ของเราจริง ทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป และแม้ความคิดในหัว…ก็แค่แวบหนึ่งของกระแสธรรมดา คุณจะเริ่มเข้าใจว่า “ภพ” ไม่ได้อยู่ที่ไหน ภพอยู่ตรงที่คุณยึดติดกับกายนี้ ใจนี้ ความคิดนี้ว่าเป็น “ตัวเรา” --- สมาธิที่แท้…จึงไม่ใช่แค่หลบความเครียด แต่คือการค่อยๆ ถอดออกจากอุปาทาน ปลดจากพันธนาการของความเชื่อผิด ปลุกตนให้ตื่นจากภวังค์ของความเป็นตัวตน เมื่อสมาธิมาพร้อมสัมมาทิฏฐิ แม้กระทั่งความคิดที่ผ่านสมอง ก็จะกลายเป็นแค่ “ภาพมายา” ที่มาแล้วไป ไม่ใช่คำสั่งสุดท้ายของชีวิตอีกต่อไป --- ชาตินี้…กายใจนี้ อาจกลายเป็นกุญแจปลดล็อกทุกภพชาติ สมาธิแบบนี้ คือสมาธิที่พระพุทธเจ้ารับรอง ว่าเป็นทางเข้าสู่มรรคผลนิพพานได้จริง ไม่ใช่สมาธิที่มีไว้แค่พักใจ แต่คือ “ลูกไฟที่เผาผลาญกิเลส” พร้อมเปิดทางให้คุณเป็นอิสระจากทุกภพทุกชาติ
    0 Comments 0 Shares 221 Views 0 Reviews
  • ฉลองพระองค์ไทยอมรินทร์ ผ้าไหมพื้นเรียบปักลูกปัด
    พระภูษาผ้าไหมยกดอก ลายกลีบบงกช

    ภูฏานเป็นเพียงประเทศเดียวในโลกที่ยอมรับนับถือพุทธศาสนามหายานแบบตันตระ เป็นศาสนาประจำชาติอย่างเป็นทางการ นิกายตันตรยานหรือวัชรยานถือกำเนิดขึ้นในช่วงสุดท้ายของพัฒนาการอันยาวนานของพุทธศาสนา พุทธศาสนาตันตรายานสูญหายไปจากอินเดียซึ่งเป็นดินแดนต้นกำเนิดในช่วงที่พวกมุสลิมยกมารุกรานในต้นศตวรรษที่ ๑๓ และไปรุ่งเรืองอยู่ในทิเบต ลาดัคห์ สิกขิม มองโกเลีย ภาคเหนือของเนปาล ภูฏาน จีน และญี่ปุ่นแทน

    สิ่งที่ชาวภูฏานถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความมงคล ๘ ประการ ของชีวิตตามความเชื่อและความศรัทธา ซึ่งสิ่งเหล่านี้มักจะปรากฎเป็นรูปเคารพตามโบราณสถาน ตลอดจนในบ้านเรือน ของผู้นับถือพุทธศาสนามหายานแบบตันตระ หนึ่งสิ่งนั้นคือ ปัทมะ

    ปัทมะ หรือ ดอกบัว (Lotus หรือ meto pema) ดอกบัวมีความหมายเหมือนสังข์ขาว ดอกบัวถือเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้า ดังพุทธวัจนะที่ว่า “ดอกบัวเกิดแต่โคลนตมในนน้ำ แต่ไม่เปียกน้ำ พระพุทธเจ้าก็เช่นกัน เกิดในโลก แต่ไม่เปรอะเปื้อนด้วยมลทินของโลกฉันนั้น”
    -------
    HER ROYAL ATTIRE IN THAI AMARIN
    EMBROIDERED BEADS LUMPHUN BROCADE SILK
    PETALS OF LOTUS MOTIF

    Bhutan is the only country in the world to accept Tantric Mahayana Buddhism as its official state religion. Tantric or Vajrayana Buddhism emerged at the end of a long development of Buddhism. Tantric Buddhism disappeared from its homeland of India during the Muslim invasions in the early 13th century and flourished instead in Tibet, Ladakh, Sikkim, Mongolia, northern Nepal, Bhutan, China and Japan.

    The Bhutanese believe in the Eight Auspicious Symbols of Life, which are often depicted in ancient monuments and in the homes of Tantric Mahayana Buddhists. One of these is the Padma.

    The Padma or Lotus (meto pema) is like a white conch shell. The lotus is considered to represent the Buddha, as the Buddha said: “A lotus flower is born from the mud in the water, but it is not wet with water. Similarly, the Buddha was born in the world, but it was not stained by the world’s impurities.”
    _________________________________
    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    Cr. FB : สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี : We Love Her Majesty Queen Suthida Fanpage
    ฉลองพระองค์ไทยอมรินทร์ ผ้าไหมพื้นเรียบปักลูกปัด พระภูษาผ้าไหมยกดอก ลายกลีบบงกช ภูฏานเป็นเพียงประเทศเดียวในโลกที่ยอมรับนับถือพุทธศาสนามหายานแบบตันตระ เป็นศาสนาประจำชาติอย่างเป็นทางการ นิกายตันตรยานหรือวัชรยานถือกำเนิดขึ้นในช่วงสุดท้ายของพัฒนาการอันยาวนานของพุทธศาสนา พุทธศาสนาตันตรายานสูญหายไปจากอินเดียซึ่งเป็นดินแดนต้นกำเนิดในช่วงที่พวกมุสลิมยกมารุกรานในต้นศตวรรษที่ ๑๓ และไปรุ่งเรืองอยู่ในทิเบต ลาดัคห์ สิกขิม มองโกเลีย ภาคเหนือของเนปาล ภูฏาน จีน และญี่ปุ่นแทน สิ่งที่ชาวภูฏานถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความมงคล ๘ ประการ ของชีวิตตามความเชื่อและความศรัทธา ซึ่งสิ่งเหล่านี้มักจะปรากฎเป็นรูปเคารพตามโบราณสถาน ตลอดจนในบ้านเรือน ของผู้นับถือพุทธศาสนามหายานแบบตันตระ หนึ่งสิ่งนั้นคือ ปัทมะ ปัทมะ หรือ ดอกบัว (Lotus หรือ meto pema) ดอกบัวมีความหมายเหมือนสังข์ขาว ดอกบัวถือเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้า ดังพุทธวัจนะที่ว่า “ดอกบัวเกิดแต่โคลนตมในนน้ำ แต่ไม่เปียกน้ำ พระพุทธเจ้าก็เช่นกัน เกิดในโลก แต่ไม่เปรอะเปื้อนด้วยมลทินของโลกฉันนั้น” ------- HER ROYAL ATTIRE IN THAI AMARIN EMBROIDERED BEADS LUMPHUN BROCADE SILK PETALS OF LOTUS MOTIF Bhutan is the only country in the world to accept Tantric Mahayana Buddhism as its official state religion. Tantric or Vajrayana Buddhism emerged at the end of a long development of Buddhism. Tantric Buddhism disappeared from its homeland of India during the Muslim invasions in the early 13th century and flourished instead in Tibet, Ladakh, Sikkim, Mongolia, northern Nepal, Bhutan, China and Japan. The Bhutanese believe in the Eight Auspicious Symbols of Life, which are often depicted in ancient monuments and in the homes of Tantric Mahayana Buddhists. One of these is the Padma. The Padma or Lotus (meto pema) is like a white conch shell. The lotus is considered to represent the Buddha, as the Buddha said: “A lotus flower is born from the mud in the water, but it is not wet with water. Similarly, the Buddha was born in the world, but it was not stained by the world’s impurities.” _________________________________ #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida Cr. FB : สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี : We Love Her Majesty Queen Suthida Fanpage
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 478 Views 0 Reviews
  • เทพเทวดาฯ ก็อยากได้บุญกุศล (ในภพเทวดาอาจจะทำบุญไม่ได้แต่หาวิธีทำจนได้)
    พญามุจลินท์ เห็นพระพุทธเจ้าศรัทธาในพระพุทธเจ้าท่านมาปกปักษ์รักษาทันที ได้ฟังเทศน์ฟังธรรมของพระพุทธเจ้า อัศจรรย์

    ครั้งล่วง 7 วัน ฝนหายขาดแล้ว พญานาคก็คลายขนดจำแลงกายเป็นมาณพ เข้าไปถวายอัญชลีเฉพาะพระพักตร์ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเปล่งอุทานวาจาว่า"ความสงัดเป็นสุข สำหรับบุคคลผู้มีธรรมอันเห็นแล้ว ยินดีอยู่ในที่สงัด รู้เห็นตามความเป็นจริง ความไม่เบียดเบียน คือความสำรวมในสัตว์ทั้งหลาย และความปราศจากความกำหนัด คือความล่วงกามทั้งหลายเสียได้ด้วยประการทั้งปวง เป็นสุขในโลก ความนำอัสมิมานะ คือความถือตัวออกให้หมดไปเป็นสุขอย่างยิ่ง"
    เทพเทวดาฯ ก็อยากได้บุญกุศล (ในภพเทวดาอาจจะทำบุญไม่ได้แต่หาวิธีทำจนได้) พญามุจลินท์ เห็นพระพุทธเจ้าศรัทธาในพระพุทธเจ้าท่านมาปกปักษ์รักษาทันที ได้ฟังเทศน์ฟังธรรมของพระพุทธเจ้า อัศจรรย์ ครั้งล่วง 7 วัน ฝนหายขาดแล้ว พญานาคก็คลายขนดจำแลงกายเป็นมาณพ เข้าไปถวายอัญชลีเฉพาะพระพักตร์ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเปล่งอุทานวาจาว่า"ความสงัดเป็นสุข สำหรับบุคคลผู้มีธรรมอันเห็นแล้ว ยินดีอยู่ในที่สงัด รู้เห็นตามความเป็นจริง ความไม่เบียดเบียน คือความสำรวมในสัตว์ทั้งหลาย และความปราศจากความกำหนัด คือความล่วงกามทั้งหลายเสียได้ด้วยประการทั้งปวง เป็นสุขในโลก ความนำอัสมิมานะ คือความถือตัวออกให้หมดไปเป็นสุขอย่างยิ่ง"
    0 Comments 0 Shares 120 Views 0 Reviews
  • ผีบุญยุค 2568 มันรับตั้งศาล ไล่ผีเจ้าเทวดาออกจากศาล มันเอาพระพุทธรูปใส่ไปแทน..
    พระพุทธรูปต้องไว้บนหิ้งหอพระในบ้าน พระพุทธเจ้าอยู่เหนือสามโลกธาตุ ไปเป็นเจ้าที่ไม่ได้
    ผีบุญยุค 2568 มันรับตั้งศาล ไล่ผีเจ้าเทวดาออกจากศาล มันเอาพระพุทธรูปใส่ไปแทน.. พระพุทธรูปต้องไว้บนหิ้งหอพระในบ้าน พระพุทธเจ้าอยู่เหนือสามโลกธาตุ ไปเป็นเจ้าที่ไม่ได้
    0 Comments 0 Shares 94 Views 0 Reviews
  • วิริยะคือความเพียร วิริยะอุตสาหะ คือความเพียรพยายาม.. ในตัวเราต่างมีความเพียร เอาใช้ในการทำความดี สวดมนต์ ภาวนา รักษาศิล ปฏิบัติทำไปทุก 365 วัน คูณ 50 ปี ก็เป็น 18,250 วัน หาก 100 ปีละ 36,500 วัน เพียรพยามทำ พราหมณ์แค่มาบอกเล่าบอกกล่าว ชวนทำดี พราหมณ์แก่ก็ปรารถนาทำบุญกับพระพุทธเจ้า
    วิริยะคือความเพียร วิริยะอุตสาหะ คือความเพียรพยายาม.. ในตัวเราต่างมีความเพียร เอาใช้ในการทำความดี สวดมนต์ ภาวนา รักษาศิล ปฏิบัติทำไปทุก 365 วัน คูณ 50 ปี ก็เป็น 18,250 วัน หาก 100 ปีละ 36,500 วัน เพียรพยามทำ พราหมณ์แค่มาบอกเล่าบอกกล่าว ชวนทำดี พราหมณ์แก่ก็ปรารถนาทำบุญกับพระพุทธเจ้า
    0 Comments 0 Shares 92 Views 0 Reviews
  • ตามคำสั่งสอนในอริยสัจ 4 พระพุทธเจ้าตรัสว่า สาเหตุของความทุกข์คือ ตัณหา ซึ่งหมายถึงความทะยานอยาก ตัณหาแบ่งออกเป็น 3 อย่างได้แก่ กามตัณหา ภวตัณหา และ วิภวตัณหา อย่างไรก็ตาม ตัณหาก็คือ ลักษณะอย่างหนึ่งกิเลส ซึ่งอยู่ภายในจิตใจของมนุษย์ฉะนั้นจึง กล่าวได้ว่า กิเลส คือ สาเหตุของความทุกข์ทั้งปวง
    ตามคำสั่งสอนในอริยสัจ 4 พระพุทธเจ้าตรัสว่า สาเหตุของความทุกข์คือ ตัณหา ซึ่งหมายถึงความทะยานอยาก ตัณหาแบ่งออกเป็น 3 อย่างได้แก่ กามตัณหา ภวตัณหา และ วิภวตัณหา อย่างไรก็ตาม ตัณหาก็คือ ลักษณะอย่างหนึ่งกิเลส ซึ่งอยู่ภายในจิตใจของมนุษย์ฉะนั้นจึง กล่าวได้ว่า กิเลส คือ สาเหตุของความทุกข์ทั้งปวง
    0 Comments 0 Shares 98 Views 0 Reviews
  • เมื่อพ่อแม่พูดบั่นทอนใจ...เราจะรักษาใจอย่างไรดี?

    > ถ้าคุณเคยได้ยินคำพูดจากพ่อแม่ เช่น
    “เธอจะลำบากแน่”
    “เธอคงไม่มีอนาคต”
    “เธอจะไม่มีทางไปถึงฝั่งฝันได้หรอก”

    และคำพูดเหล่านี้ฝังแน่นอยู่ในใจคุณ
    จนทำให้เกิดความกังวล หวั่นไหว สะเทือนความเชื่อมั่น
    อย่าเพิ่งท้อครับ
    คุณไม่ใช่คนเดียวที่เจอแบบนี้ และคุณมีทางรอดที่งดงามกว่าโต้ตอบหรือหลบหนี

    ---

    1. หยุดคาดหวังว่าพ่อแม่จะต้องสมบูรณ์แบบเสมอ

    ในโลกนี้ พ่อแม่หลายคนเป็นพ่อแม่เพราะ “ตามสัญชาตญาณ”
    ไม่ใช่เพราะเข้าใจบทบาทหรือมีสัมมาทิฏฐิ
    พ่อแม่บางคนคาดหวังมากเกินไป บางคนพูดจากความกลัว
    หรือบางคนอาจไม่รู้เลยว่า “คำพูด” ของตัวเองทำร้ายลูกแค่ไหน

    ---

    2. เปลี่ยนจากความน้อยใจ → เป็นแรงใจให้เริ่มยกครอบครัวขึ้น

    พระพุทธเจ้าตรัสว่า

    > “การตอบแทนบุญคุณพ่อแม่อย่างแท้จริง
    คือการช่วยให้ท่านมีความเห็นถูก (สัมมาทิฏฐิ)”

    หากเรารู้ธรรมะก่อนท่าน มีความเข้าใจถูกก่อนท่าน
    เรามีสิทธิ์เป็น ผู้นำทางจิตวิญญาณในครอบครัว
    ไม่ใช่เพราะท่านอ่อนแอ แต่เพราะเรา “มีกำลังใจจะเริ่มก่อน”

    ---

    3. หยุดดูถูกตัวเองว่าเป็น ‘เหยื่อ’ แล้วตั้งใจจะเป็น ‘ผู้เปลี่ยน’

    ทุกครั้งที่โดนคำพูดลบๆ ให้ย้อนมามองที่ใจ
    อย่าคิดแค่ “ทำไมพ่อแม่ถึงพูดแบบนี้กับเรา”
    แต่ให้ถามใหม่ว่า

    > “เราจะรักษาความดีในใจตัวเองไว้ได้ไหม?”
    “เราจะเป็นคนดับไฟด้วยน้ำเย็นได้หรือเปล่า?”

    อย่ารอให้เขาหยุดพูดก่อนถึงจะใจดี
    แต่ให้เริ่มใจดีก่อน แม้เขายังพูดไม่ดี

    ---

    4. สร้างใจให้สตรอง ด้วยธรรมะที่เป็นของจริงในใจ

    ไม่ต้องท่องศีลห้า ไม่ต้องท่องบทเมตตา
    แต่ ขอแค่มีธรรมะในใจจริงๆ
    คือ มีเจตนาจะไม่โต้ตอบด้วยโทสะ
    มีสติรู้ทันว่ากำลังจะโกรธ แล้วกลับมาสงบ
    มีเมตตาเพียงพอจะไม่ตอกกลับ

    ถ้าทำได้บ่อยๆ คุณจะกลายเป็นคนที่มีสกิลสูงขึ้นเรื่อยๆ
    ในการรับมือกับไฟ ด้วยน้ำ

    ---

    5. จงภูมิใจในบทบาท “ผู้เริ่มต้น”

    แม้จะเหนื่อยบ้าง แต่คุณคือคนที่ “เริ่มทำให้บ้านมีธรรมะ”
    คุณอาจจะยังไม่ทำให้เขาเปลี่ยนได้วันนี้
    แต่คุณกำลังสร้างคลื่นเล็กๆ ที่อาจเปลี่ยนทั้งครอบครัวในวันหน้า

    > เพราะคำพูดของพ่อแม่ ไม่ใช่คำทำนายชีวิตคุณ
    แต่ ใจของคุณต่างหาก ที่กำลังออกแบบชีวิตใหม่…ทุกวัน

    ---

    จงอย่ารอให้พ่อแม่เปลี่ยนก่อน
    แต่ให้ตัวคุณเป็นแสงแรกที่เริ่มสว่าง…เพื่อทั้งตัวคุณ และเขา

    เมื่อพ่อแม่พูดบั่นทอนใจ...เราจะรักษาใจอย่างไรดี? > ถ้าคุณเคยได้ยินคำพูดจากพ่อแม่ เช่น “เธอจะลำบากแน่” “เธอคงไม่มีอนาคต” “เธอจะไม่มีทางไปถึงฝั่งฝันได้หรอก” และคำพูดเหล่านี้ฝังแน่นอยู่ในใจคุณ จนทำให้เกิดความกังวล หวั่นไหว สะเทือนความเชื่อมั่น อย่าเพิ่งท้อครับ คุณไม่ใช่คนเดียวที่เจอแบบนี้ และคุณมีทางรอดที่งดงามกว่าโต้ตอบหรือหลบหนี --- 1. หยุดคาดหวังว่าพ่อแม่จะต้องสมบูรณ์แบบเสมอ ในโลกนี้ พ่อแม่หลายคนเป็นพ่อแม่เพราะ “ตามสัญชาตญาณ” ไม่ใช่เพราะเข้าใจบทบาทหรือมีสัมมาทิฏฐิ พ่อแม่บางคนคาดหวังมากเกินไป บางคนพูดจากความกลัว หรือบางคนอาจไม่รู้เลยว่า “คำพูด” ของตัวเองทำร้ายลูกแค่ไหน --- 2. เปลี่ยนจากความน้อยใจ → เป็นแรงใจให้เริ่มยกครอบครัวขึ้น พระพุทธเจ้าตรัสว่า > “การตอบแทนบุญคุณพ่อแม่อย่างแท้จริง คือการช่วยให้ท่านมีความเห็นถูก (สัมมาทิฏฐิ)” หากเรารู้ธรรมะก่อนท่าน มีความเข้าใจถูกก่อนท่าน เรามีสิทธิ์เป็น ผู้นำทางจิตวิญญาณในครอบครัว ไม่ใช่เพราะท่านอ่อนแอ แต่เพราะเรา “มีกำลังใจจะเริ่มก่อน” --- 3. หยุดดูถูกตัวเองว่าเป็น ‘เหยื่อ’ แล้วตั้งใจจะเป็น ‘ผู้เปลี่ยน’ ทุกครั้งที่โดนคำพูดลบๆ ให้ย้อนมามองที่ใจ อย่าคิดแค่ “ทำไมพ่อแม่ถึงพูดแบบนี้กับเรา” แต่ให้ถามใหม่ว่า > “เราจะรักษาความดีในใจตัวเองไว้ได้ไหม?” “เราจะเป็นคนดับไฟด้วยน้ำเย็นได้หรือเปล่า?” อย่ารอให้เขาหยุดพูดก่อนถึงจะใจดี แต่ให้เริ่มใจดีก่อน แม้เขายังพูดไม่ดี --- 4. สร้างใจให้สตรอง ด้วยธรรมะที่เป็นของจริงในใจ ไม่ต้องท่องศีลห้า ไม่ต้องท่องบทเมตตา แต่ ขอแค่มีธรรมะในใจจริงๆ คือ มีเจตนาจะไม่โต้ตอบด้วยโทสะ มีสติรู้ทันว่ากำลังจะโกรธ แล้วกลับมาสงบ มีเมตตาเพียงพอจะไม่ตอกกลับ ถ้าทำได้บ่อยๆ คุณจะกลายเป็นคนที่มีสกิลสูงขึ้นเรื่อยๆ ในการรับมือกับไฟ ด้วยน้ำ --- 5. จงภูมิใจในบทบาท “ผู้เริ่มต้น” แม้จะเหนื่อยบ้าง แต่คุณคือคนที่ “เริ่มทำให้บ้านมีธรรมะ” คุณอาจจะยังไม่ทำให้เขาเปลี่ยนได้วันนี้ แต่คุณกำลังสร้างคลื่นเล็กๆ ที่อาจเปลี่ยนทั้งครอบครัวในวันหน้า > เพราะคำพูดของพ่อแม่ ไม่ใช่คำทำนายชีวิตคุณ แต่ ใจของคุณต่างหาก ที่กำลังออกแบบชีวิตใหม่…ทุกวัน --- จงอย่ารอให้พ่อแม่เปลี่ยนก่อน แต่ให้ตัวคุณเป็นแสงแรกที่เริ่มสว่าง…เพื่อทั้งตัวคุณ และเขา —
    0 Comments 0 Shares 253 Views 0 Reviews
More Results