• ศาลแพ่งยกฟ้อง "ม.ร.ว.ปรียนันทนา"ฟ้อง"ณัฐพล-สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน" เขียนวิทยานิพนธ์-ทำหนังสือ พาดพิงบรรพบุรุษ เรียก 50 ล้าน ชี้ไม่มีอำนาจฟ้อง

    13 พฤศจิกายน 2567- เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก นัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ พ1135/2564 ที่ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต เป็นโจทก์ฟ้อง ผศ.ดร.ณัฐพล ใจจริง ผู้เขียนวิทยานิพนธ์และหนังสือ เป็นจำเลยที่ 1 รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด อดีตอาจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เป็นจำเลยที่ 2 นายชัยธวัช ตุลาธน บรรณาธิการหนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ เป็นจำเลยที่ 3 น.ส.อัญชลี มณีโรจน์ บรรณาธิการหนังสือ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี เป็นจำเลยที่ 4 ห้างหุ้นส่วนจำกัดสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ผู้จัดพิมพ์หนังสือทั้ง 2 เล่ม เป็นจำเลยที่ 5 นายธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน เป็นจำเลยที่ 6 ในข้อหา “ละเมิดไขข่าวด้วยข้อความฝ่าฝืนความจริง” และเรียกค่าเสียหายจำนวน 50 ล้านบาท

    กรณีจำเลยเกี่ยวข้องกับวิทยานิพนธ์ การเมืองไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2491-2500), หนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อและ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี

    ต่อมาเมื่อเดือน มิถุนายน 2566 โจทก์ได้ถอนฟ้อง รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด

    ศาลแพ่ง พิเคราะห์ประเด็นข้อพิพาทที่ต้องวินิจฉัยประการแรกมีว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งหกร่วมกันรับผิดฐานละเมิดโดยอ้างว่าร่วมกันกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายแก่ชื่อเสียง เกียรติคุณ ทางทำมาหาได้ และทางเจริญของโจทก์ การกระทำจะเป็นการละเมิดและจำเลยทั้งหกต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ ต่อเมื่อข้อความที่กล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายฝ่าฝืนความจริงและโจทก์ได้รับความเสียหายจากข้อความดังกล่าว ซึ่งหมายถึงเป็นความเสียหายแก่โจทก์ผู้ฟ้องโดยเฉพาะ มิใช่ความเสียหายแก่ผู้อื่นผู้ใด แต่ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์กล่าวว่าเมื่อปี 2552 จนถึงปัจจุบัน จำเลยทั้งหกร่วมกันบิดเบือนข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์โดยนำข้อความอันเป็นเท็จจัดทำเอกสารไขข่าวแพร่หลายสู่สาธารณะเพื่อมุ่งประสงค์กล่าวหาให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์โดยทำเป็นกระบวนการเพื่อใช้ในการปลุกระดมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เริ่มจากจำเลยที่ 1 โดยความเห็นชอบและร่วมมือของจำเลยที่ 2 ปั้นแต่งความเท็จขึ้นใส่ความสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ขณะที่ทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการว่าทรงประพฤติตนไม่สมต่อตำแหน่งหน้าที่ ทั้งการใช้พระราชอำนาจสนับสนุนรับรองการรัฐประหารปี 2490 และการเข้าแทรกแซงการปกครองในสมัยรัฐบาลจอมพล ป.เพื่อปูทางการเมืองที่ราบรื่นให้แก่สถาบันกษัตริย์ โดยเจตนาเพื่อให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยการทำวิทยานิพนธ์ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ และโจทก์ได้บรรยายฟ้องระบุถึงข้อความอันเป็นเท็จในวิทยานิพนธ์ หน้า 63 วรรคแรก และหน้า 105 วรรคแรก และบรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 นำข้อความอันเป็นเท็จในวิทยานิพนธ์ไปพูดในการเสวนาที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2553 กล่าวหากรมขุนชัยนาทนเรนทรว่าก้าวก่ายรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ด้วยการเข้าไปนั่งเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี อันเป็นความเท็จ และเมื่อปี 2556 จำเลยที่ 1 เขียนหนังสือ ขอฝันใฝ่ในผันอันเหลือเชื่อ : ความเคลื่อนไหวของขบวนการปฏิปักษ์ปฏิวัติสยาม (พ.ศ.2475-2500) เนื้อหาโจมตีให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 9) ต่อเนื่องจนถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ด้วยความเท็จ และโจทก์บรรยายฟ้องถึงข้อความอันเป็นเท็จ เนื้อหาหน้า 120 -121 และหน้า 124-125 และเมื่อปี 2563 จำเลยที่ 1 เขียนหนังสือ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี กล่าวหาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร และมีข้อความโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร หลายแห่ง และโจทก์บรรยายฟ้องข้อความอันเป็นเท็จที่หน้า 60,63,66,73,77และข้อความเท็จใต้ภาพสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร หน้า 69 และโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 แต่งความเท็จใส่ร้ายกล่าวหาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร และสถาบันพระมหากษัตริย์ในหนังสือต่างประเทศที่จำหน่ายทั่วโลก ชื่อ “Saying the Unsayable Monarchy and Democracy in Thailand” ใส่ร้ายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรว่ามีส่วนร่วมในการรัฐประหาร ปี 2490 แทรกแซงการเมืองโดยการเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี

    เมื่อข้อความอันเป็นเท็จตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ มิได้กล่าวพาดพิงถึงโจทก์หรือความเป็นอยู่ส่วนตัวของโจทก์และครอบครัว ทั้งเรื่องการรับรองรัฐประหาร ปี 2490 และการเข้าแทรกแซงการเมืองสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ก็ไม่ปรากฏว่ามีความเกี่ยวข้องกับโจทก์ อันจะทำให้ผู้ที่อ่านข้อความในวิทยานิพนธ์และในหนังสือที่จำเลยที่ 1 เขียนดังกล่าวเข้าใจผิดในตัวโจทก์ ซึ่งโจทก์ก็บรรยายฟ้องว่าการที่จำเลยที่ 1 เขียนข้อความเท็จในวิทยานิพนธ์และหนังสือดังกล่าว ทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดว่าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร เป็นผู้ไม่นิยมการปกครองระบอบประชาธิปไตย ฝักใฝ่อำนาจทางการเมือง สนับสนุนการรัฐประหาร กระทำการก้าวก่ายการบริหารราชการของรัฐบาล ฟ้องของโจทก์จึงมิได้กล่าวอ้างว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากข้อความดังกล่าว ทั้งการบรรยายฟ้องของโจทก์ที่ระบุว่าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ได้รับความเสียหาย แต่เมื่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ได้สิ้นพระชนม์แล้วก่อนที่จะมีการกระทำอันเป็นละเมิดตามคำฟ้อง จึงเป็นฟ้องที่กล่าวอ้างว่ามีการกระทำละเมิดต่อหรือความเสียหายของผู้ที่ไม่มีสภาพบุคคลแล้ว แม้โจทก์เป็นหลานของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรซึ่งสิ้นพระชนม์แล้วและข้อความกล่าวพาดพิงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร

    แม้หากฟังได้ว่าข้อความดังกล่าวบิดเบือนไม่เป็นความจริงตามที่โจทก์บรรยายฟ้อง และทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ก็ไม่ได้เสียหายต่อโจทก์ทายาทชั้นหลานด้วย เพราะข้อความตามคำบรรยายฟ้องมิได้กล่าวหรือแสดงเรื่องราวที่ไม่ตรงต่อความจริงเกี่ยวกับโจทก์และครอบครัวและไม่ได้สื่อความหมายเกี่ยวกับโจทก์ ซึ่งโจทก์ก็เบิกความตอบทนายจำเลยที่ 1 ถามค้านว่าหนังสือขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี หนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ รวมถึงวิทยานิพนธ์ของจำเลยที่ 1 กล่าวถึงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ไม่ได้กล่าวถึงโจทก์และทายาทของโจทก์ ข้อเท็จจริงตามข้อความในวิทยานิพนธ์ดังกล่าวจะเป็นความจริงหรือไม่ โจทก์ไม่ทราบเนื่องจากขณะนั้นโจทก์ยังไม่เกิด ดังนั้น เมื่อข้อความที่จำเลยที่ 1 แสดงในวิทยานิพนธ์ ในหนังสือ และที่จำเลยที่ 1 นำไปพูดตามคำฟ้องไม่ได้สื่อความหมายถึงโจทก์ ย่อมไม่อาจทำให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังเข้าใจผิดในตัวโจทก์ซึ่งเป็นทายาทชั้นหลานอันจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือเกียรติคุณ และทางทำมาหาได้หรือทางเจริญ

    ส่วนที่โจทก์เบิกความว่ามีการชุมนุมและอาฆาดมาดร้ายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร โดยมีผู้นำสีแดงมาสาดใส่ที่พระอนุสาวรีย์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรซึ่งประดิษฐานอยู่ที่กระทรวงสาธารณสุขนั้น เหตุการณ์ตามภาพข่าวและสถานที่เกิดเหตุไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเสียหายของโจทก์ ไม่ปรากฏว่าบุคคลผู้ก่อเหตุเป็นใครและการกระทำสืบเนื่องมาจากสาเหตุใด และที่โจทก์เบิกความว่ามีการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนที่ถนนวิภาวดีรังสิตปลุกระดมให้มีการยกเลิกชื่อถนนซึ่งเป็นพระนามของพระเจ้าวงวงศ์เธอพระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต ก็มิได้ระบุว่าเป็นการชุมนุมปลุกระดมสืบเนื่องจากข้อความในวิทยานิพนธ์หรือในหนังสือคดีนี้และไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเสียหายของโจทก์โดยตรง

    ทั้งการฟ้องเรียกค่าเสียหายของโจทก์ โจทก์เบิกความตอบทนายจำเลยที่ 1 ถามค้านถึงมูลเหตุที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 50,000,000 บาท เนื่องจากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ทรงทำคุณความดีและประโยชน์ให้ประเทศไทยเป็นจำนวนมากมายมหาศาล การฟ้องเรียกค่าเสียหายของโจทก์จึงมิได้มีความสัมพันธ์กับที่โจทก์ระบุในฟ้องว่าโจทก์ได้รับความเสียหาย ดังนั้น โจทก์จึงมิใช่ผู้ได้รับความเสียหายจากข้อความของจำเลยที่ 1 ตามคำฟ้องและไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิ

    ส่วนที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริงตามคำฟ้องทำให้ราชสกุลรังสิต รวมถึงโจทก์ผู้สืบราชสกุลและเป็นผู้แทนราชสกุลได้รับความเสียหายนั้น เห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์มิได้ว่าระบุว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้โดยได้รับมอบอำนาจจากบุคคลอื่นในราชสกุลรังสิตด้วย ทั้งราชสกุลรังสิตก็ไม่ปรากฏว่ามีสภาพบุคคลตามกฎหมายทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล เมื่อโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายคดีนี้ในฐานะส่วนตัว มิได้เป็นการฟ้องโดยได้รับมอบอำนาจจากบุคคลอื่นด้วย โจทก์จึงมิอาจกล่าวอ้างความเสียหายของราชสกุลรังสิตซึ่งไม่มีสภาพบุคคล ส่วนที่โจทก์ฟ้องและเบิกความว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 ทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธาต่อมูลนิธิวิภาวดีรังสิต ที่โจทก์เป็นประธานและมูลนิธิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ซึ่งโจทก์เป็นกรรมการ กระทบต่อการหารายได้โดยการรับบริจาคเงินจากสาธารณชนซึ่งรายได้นำไปช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสนั้น เมื่อมูลนิธิดังกล่าวมีสภาพเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายต่างหากจากโจทก์ และโจทก์ฟ้องคดีนี้ในฐานะส่วนตัวไม่ได้ฟ้องโดยได้รับมอบอำนาจจากมูลนิธิ

    โจทก์จึงไม่อาจอ้างว่ามูลนิธิดังกล่าว ซึ่งมิได้เป็นคู่ความในคดีนี้ได้รับความเสียหายเพื่อให้มีการใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ เมื่อโจทก์ไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง เมื่อฟังว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องแล้ว ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นต่อไป พิพากษายกฟ้อง

    https://mgronline.com/crime/detail/9670000109449#google_vignette

    #Thaitimes
    ศาลแพ่งยกฟ้อง "ม.ร.ว.ปรียนันทนา"ฟ้อง"ณัฐพล-สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน" เขียนวิทยานิพนธ์-ทำหนังสือ พาดพิงบรรพบุรุษ เรียก 50 ล้าน ชี้ไม่มีอำนาจฟ้อง 13 พฤศจิกายน 2567- เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก นัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ พ1135/2564 ที่ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต เป็นโจทก์ฟ้อง ผศ.ดร.ณัฐพล ใจจริง ผู้เขียนวิทยานิพนธ์และหนังสือ เป็นจำเลยที่ 1 รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด อดีตอาจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เป็นจำเลยที่ 2 นายชัยธวัช ตุลาธน บรรณาธิการหนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ เป็นจำเลยที่ 3 น.ส.อัญชลี มณีโรจน์ บรรณาธิการหนังสือ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี เป็นจำเลยที่ 4 ห้างหุ้นส่วนจำกัดสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ผู้จัดพิมพ์หนังสือทั้ง 2 เล่ม เป็นจำเลยที่ 5 นายธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน เป็นจำเลยที่ 6 ในข้อหา “ละเมิดไขข่าวด้วยข้อความฝ่าฝืนความจริง” และเรียกค่าเสียหายจำนวน 50 ล้านบาท กรณีจำเลยเกี่ยวข้องกับวิทยานิพนธ์ การเมืองไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2491-2500), หนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อและ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี ต่อมาเมื่อเดือน มิถุนายน 2566 โจทก์ได้ถอนฟ้อง รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด ศาลแพ่ง พิเคราะห์ประเด็นข้อพิพาทที่ต้องวินิจฉัยประการแรกมีว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งหกร่วมกันรับผิดฐานละเมิดโดยอ้างว่าร่วมกันกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายแก่ชื่อเสียง เกียรติคุณ ทางทำมาหาได้ และทางเจริญของโจทก์ การกระทำจะเป็นการละเมิดและจำเลยทั้งหกต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ ต่อเมื่อข้อความที่กล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายฝ่าฝืนความจริงและโจทก์ได้รับความเสียหายจากข้อความดังกล่าว ซึ่งหมายถึงเป็นความเสียหายแก่โจทก์ผู้ฟ้องโดยเฉพาะ มิใช่ความเสียหายแก่ผู้อื่นผู้ใด แต่ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์กล่าวว่าเมื่อปี 2552 จนถึงปัจจุบัน จำเลยทั้งหกร่วมกันบิดเบือนข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์โดยนำข้อความอันเป็นเท็จจัดทำเอกสารไขข่าวแพร่หลายสู่สาธารณะเพื่อมุ่งประสงค์กล่าวหาให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์โดยทำเป็นกระบวนการเพื่อใช้ในการปลุกระดมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เริ่มจากจำเลยที่ 1 โดยความเห็นชอบและร่วมมือของจำเลยที่ 2 ปั้นแต่งความเท็จขึ้นใส่ความสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ขณะที่ทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการว่าทรงประพฤติตนไม่สมต่อตำแหน่งหน้าที่ ทั้งการใช้พระราชอำนาจสนับสนุนรับรองการรัฐประหารปี 2490 และการเข้าแทรกแซงการปกครองในสมัยรัฐบาลจอมพล ป.เพื่อปูทางการเมืองที่ราบรื่นให้แก่สถาบันกษัตริย์ โดยเจตนาเพื่อให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยการทำวิทยานิพนธ์ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ และโจทก์ได้บรรยายฟ้องระบุถึงข้อความอันเป็นเท็จในวิทยานิพนธ์ หน้า 63 วรรคแรก และหน้า 105 วรรคแรก และบรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 นำข้อความอันเป็นเท็จในวิทยานิพนธ์ไปพูดในการเสวนาที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2553 กล่าวหากรมขุนชัยนาทนเรนทรว่าก้าวก่ายรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ด้วยการเข้าไปนั่งเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี อันเป็นความเท็จ และเมื่อปี 2556 จำเลยที่ 1 เขียนหนังสือ ขอฝันใฝ่ในผันอันเหลือเชื่อ : ความเคลื่อนไหวของขบวนการปฏิปักษ์ปฏิวัติสยาม (พ.ศ.2475-2500) เนื้อหาโจมตีให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 9) ต่อเนื่องจนถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ด้วยความเท็จ และโจทก์บรรยายฟ้องถึงข้อความอันเป็นเท็จ เนื้อหาหน้า 120 -121 และหน้า 124-125 และเมื่อปี 2563 จำเลยที่ 1 เขียนหนังสือ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี กล่าวหาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร และมีข้อความโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร หลายแห่ง และโจทก์บรรยายฟ้องข้อความอันเป็นเท็จที่หน้า 60,63,66,73,77และข้อความเท็จใต้ภาพสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร หน้า 69 และโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 แต่งความเท็จใส่ร้ายกล่าวหาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร และสถาบันพระมหากษัตริย์ในหนังสือต่างประเทศที่จำหน่ายทั่วโลก ชื่อ “Saying the Unsayable Monarchy and Democracy in Thailand” ใส่ร้ายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรว่ามีส่วนร่วมในการรัฐประหาร ปี 2490 แทรกแซงการเมืองโดยการเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อข้อความอันเป็นเท็จตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ มิได้กล่าวพาดพิงถึงโจทก์หรือความเป็นอยู่ส่วนตัวของโจทก์และครอบครัว ทั้งเรื่องการรับรองรัฐประหาร ปี 2490 และการเข้าแทรกแซงการเมืองสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ก็ไม่ปรากฏว่ามีความเกี่ยวข้องกับโจทก์ อันจะทำให้ผู้ที่อ่านข้อความในวิทยานิพนธ์และในหนังสือที่จำเลยที่ 1 เขียนดังกล่าวเข้าใจผิดในตัวโจทก์ ซึ่งโจทก์ก็บรรยายฟ้องว่าการที่จำเลยที่ 1 เขียนข้อความเท็จในวิทยานิพนธ์และหนังสือดังกล่าว ทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดว่าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร เป็นผู้ไม่นิยมการปกครองระบอบประชาธิปไตย ฝักใฝ่อำนาจทางการเมือง สนับสนุนการรัฐประหาร กระทำการก้าวก่ายการบริหารราชการของรัฐบาล ฟ้องของโจทก์จึงมิได้กล่าวอ้างว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากข้อความดังกล่าว ทั้งการบรรยายฟ้องของโจทก์ที่ระบุว่าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ได้รับความเสียหาย แต่เมื่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ได้สิ้นพระชนม์แล้วก่อนที่จะมีการกระทำอันเป็นละเมิดตามคำฟ้อง จึงเป็นฟ้องที่กล่าวอ้างว่ามีการกระทำละเมิดต่อหรือความเสียหายของผู้ที่ไม่มีสภาพบุคคลแล้ว แม้โจทก์เป็นหลานของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรซึ่งสิ้นพระชนม์แล้วและข้อความกล่าวพาดพิงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร แม้หากฟังได้ว่าข้อความดังกล่าวบิดเบือนไม่เป็นความจริงตามที่โจทก์บรรยายฟ้อง และทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ก็ไม่ได้เสียหายต่อโจทก์ทายาทชั้นหลานด้วย เพราะข้อความตามคำบรรยายฟ้องมิได้กล่าวหรือแสดงเรื่องราวที่ไม่ตรงต่อความจริงเกี่ยวกับโจทก์และครอบครัวและไม่ได้สื่อความหมายเกี่ยวกับโจทก์ ซึ่งโจทก์ก็เบิกความตอบทนายจำเลยที่ 1 ถามค้านว่าหนังสือขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี หนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ รวมถึงวิทยานิพนธ์ของจำเลยที่ 1 กล่าวถึงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ไม่ได้กล่าวถึงโจทก์และทายาทของโจทก์ ข้อเท็จจริงตามข้อความในวิทยานิพนธ์ดังกล่าวจะเป็นความจริงหรือไม่ โจทก์ไม่ทราบเนื่องจากขณะนั้นโจทก์ยังไม่เกิด ดังนั้น เมื่อข้อความที่จำเลยที่ 1 แสดงในวิทยานิพนธ์ ในหนังสือ และที่จำเลยที่ 1 นำไปพูดตามคำฟ้องไม่ได้สื่อความหมายถึงโจทก์ ย่อมไม่อาจทำให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังเข้าใจผิดในตัวโจทก์ซึ่งเป็นทายาทชั้นหลานอันจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือเกียรติคุณ และทางทำมาหาได้หรือทางเจริญ ส่วนที่โจทก์เบิกความว่ามีการชุมนุมและอาฆาดมาดร้ายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร โดยมีผู้นำสีแดงมาสาดใส่ที่พระอนุสาวรีย์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรซึ่งประดิษฐานอยู่ที่กระทรวงสาธารณสุขนั้น เหตุการณ์ตามภาพข่าวและสถานที่เกิดเหตุไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเสียหายของโจทก์ ไม่ปรากฏว่าบุคคลผู้ก่อเหตุเป็นใครและการกระทำสืบเนื่องมาจากสาเหตุใด และที่โจทก์เบิกความว่ามีการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนที่ถนนวิภาวดีรังสิตปลุกระดมให้มีการยกเลิกชื่อถนนซึ่งเป็นพระนามของพระเจ้าวงวงศ์เธอพระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต ก็มิได้ระบุว่าเป็นการชุมนุมปลุกระดมสืบเนื่องจากข้อความในวิทยานิพนธ์หรือในหนังสือคดีนี้และไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเสียหายของโจทก์โดยตรง ทั้งการฟ้องเรียกค่าเสียหายของโจทก์ โจทก์เบิกความตอบทนายจำเลยที่ 1 ถามค้านถึงมูลเหตุที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 50,000,000 บาท เนื่องจากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ทรงทำคุณความดีและประโยชน์ให้ประเทศไทยเป็นจำนวนมากมายมหาศาล การฟ้องเรียกค่าเสียหายของโจทก์จึงมิได้มีความสัมพันธ์กับที่โจทก์ระบุในฟ้องว่าโจทก์ได้รับความเสียหาย ดังนั้น โจทก์จึงมิใช่ผู้ได้รับความเสียหายจากข้อความของจำเลยที่ 1 ตามคำฟ้องและไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิ ส่วนที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริงตามคำฟ้องทำให้ราชสกุลรังสิต รวมถึงโจทก์ผู้สืบราชสกุลและเป็นผู้แทนราชสกุลได้รับความเสียหายนั้น เห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์มิได้ว่าระบุว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้โดยได้รับมอบอำนาจจากบุคคลอื่นในราชสกุลรังสิตด้วย ทั้งราชสกุลรังสิตก็ไม่ปรากฏว่ามีสภาพบุคคลตามกฎหมายทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล เมื่อโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายคดีนี้ในฐานะส่วนตัว มิได้เป็นการฟ้องโดยได้รับมอบอำนาจจากบุคคลอื่นด้วย โจทก์จึงมิอาจกล่าวอ้างความเสียหายของราชสกุลรังสิตซึ่งไม่มีสภาพบุคคล ส่วนที่โจทก์ฟ้องและเบิกความว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 ทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธาต่อมูลนิธิวิภาวดีรังสิต ที่โจทก์เป็นประธานและมูลนิธิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ซึ่งโจทก์เป็นกรรมการ กระทบต่อการหารายได้โดยการรับบริจาคเงินจากสาธารณชนซึ่งรายได้นำไปช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสนั้น เมื่อมูลนิธิดังกล่าวมีสภาพเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายต่างหากจากโจทก์ และโจทก์ฟ้องคดีนี้ในฐานะส่วนตัวไม่ได้ฟ้องโดยได้รับมอบอำนาจจากมูลนิธิ โจทก์จึงไม่อาจอ้างว่ามูลนิธิดังกล่าว ซึ่งมิได้เป็นคู่ความในคดีนี้ได้รับความเสียหายเพื่อให้มีการใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ เมื่อโจทก์ไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง เมื่อฟังว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องแล้ว ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นต่อไป พิพากษายกฟ้อง https://mgronline.com/crime/detail/9670000109449#google_vignette #Thaitimes
    MGRONLINE.COM
    ศาลแพ่งยกฟ้อง "ม.ร.ว.ปรียนันทนา" ฟ้อง"ณัฐพล-ฟ้าเดียวกัน" เขียนวิทยานิพนธ์-ทำหนังสือ พาดพิงบรรพบุรุษ ชี้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
    ศาลแพ่งยกฟ้อง ม.ร.ว.ปรียนันทนาฟ้องณัฐพล-สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน เขียนวิทยานิพนธ์-ทำหนังสือ พาดพิงบรรพบุรุษ เรียก 50 ล้าน ชี้ไม่มีอำนาจฟ้อง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📽 #วันนี้ในอดีต.... 13 พฤศจิกายน 2498 📽
    กำเนิด "ภาพดอกไม้แห่งหัวใจ" คุณยายตุ้ม จันทนิตย์
    (ภาพสแกนจากต้นฉบับภาพถ่ายขนาด 10x12 นิ้ว)

    หญิงชราวัย 102 ปี (เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2396) บ้านธาตุน้อย ตำบลพระกลางทุ่ง อำเภอธาตุพนม ห่างจากจุดที่ทางราชการกำหนดให้เป็นจุดรับเสด็จ ประมาณ 700 เมตร ก็ไม่ต่างจากครอบครัวอื่นๆ ที่ลูกหลานได้นำ "คุณยายตุ้ม จันทนิตย์" ไปรอรับเสด็จด้วย โดยตามคำบอกเล่าของ นางเพ็ง จันทนิตย์ (ลูกสะใภ้) และนางหอม แสงพระธาตุ (น้องสาวของนางเพ็ง) ได้ความว่า ลูกหลานได้นำคุณยายตุ้มไปรอบรับเสด็จตั้งแต่เช้าโดยนางหอมฯ เป็นผู้จัด "ดอกบัวสีชมพู" ให้แก่คุณยายจำนวน 3 ดอก เพื่อนำขึ้นจบบูชาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพาออกไปรอเฝ้ารับเสด็จที่แถวหน้าสุดเพื่อให้ได้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เป็นที่ชาวไทยคุ้นตา ประทับใจในหัวใจเป็นที่สุด

    และตามที่ท่านเจ้าคุณพระราชธีราจารย์ เจ้าคณะจังหวัดนครพนม/เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ให้ความรู้ “ ดอกบัวในใจยังคงบานไม่มีโรยรา ” บนเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินทางสามแยกชยางกูร- เรณูนคร ตำบลพระกลางทุ่ง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนมเมื่อบ่ายวันที่ 13 พฤศจิกายน 2498 เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรภาคอีสานเป็นครั้งแรก คุณยายไปรอรับเสด็จพร้อมดอกบัวสายสีชมพู จำนวนสามดอก ตั้งแต่เช้าจนบ่าย แสงแดดแผดเผาจนดอกบัวสายในมือเหี่ยวโรย แต่หัวใจความจงรักภักดีของหญิงชรา ยังคงเบิกบาน

    เมื่อในหลวงเสด็จมาถึง ตรงมาที่คุณยายได้ยกดอกบัวสายโรยราสามดอกนั้นขึ้นจนเหนือศีรษะ แสดงความจงรักภักดีอย่างสุดซึ้ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงโน้มพระองค์ลงมาจนพระพักตร์ เกือบชิดกับศีรษะของคุณยาย ทรงแย้มพระสรวลอย่างอ่อนโยน พระหัตถ์แตะมือกร้านคล้ำของเกษตรกรชาวภาคอีสานอย่างนุ่มนวล ไม่มีใครรู้ว่าทรงกระซิบคำใดกับคุณยาย แต่แน่นอนว่า คุณยายไม่มีวันลืมเช่นเดียวกับที่ในหลวงไม่ทรงลืมราษฎรคนสำคัญที่ทรงพบริมถนนวันนั้น

    หลังจากที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพฯ แล้วทางสำนักพระราชวัง ได้ส่งภาพรับเสด็จของคุณยายตุ้ม พร้อมพระบรมรูปหล่อด้วยปูนพาสเตอร์ ผ่านมาทางอำเภอธาตุพนม ให้คุณยายตุ้มไว้เป็นที่ระลึกพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้นี้ อาจมีส่วนชุบชูชีวิตให้คุณยายอายุยืนยาวขึ้นอีกด้วย ความสุขต่อมาอีก 3 ปี เต็ม ๆ โดยคุณยายตุ้ม จันทนิตย์ ถังแก่กรรมเมื่อปี พ.ศ. 2501 หลังจากนั้นลูกหลานได้สร้างธาตุเจดีย์บรรจุอัฐิคุณยายตุ้ม จันทนิตย์ ไว้ ณ หน้าบ้านเลขที่ 22 หมู่ที่ 11 ตำบลพระกลางทุ่ง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ในบริเวณพื้นที่ 2 งาน โดยยกผืนดินดังกล่าวให้เป็นที่สาธารณประโยชน์ สมบัติของแผ่นดิน ภาพที่คุณยายตุ้ม จันทนิตย์ ทูลเกล้าฯถวายดอกบัวสามดอก ถ่ายโดยหัวหน้าช่างภาพส่วนพระองค์ อาณัติ บุนนาค ได้บันทึกภาพวินาทีสำคัญที่ถูกเรียกว่า "ภาพดอกไม้แห่งหัวใจ" ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นภาพประวัติศาสตร์ภาพหนึ่งของประเทศไทย และเป็นภาพที่ใช้แทนคำพูดได้มากกว่าหนึ่งล้านคำ

    ขอบคุณข้อมูลจาก www.nakhonphanom.go.th

    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1204518543071397&id=929668850556369
    📽 #วันนี้ในอดีต.... 13 พฤศจิกายน 2498 📽 กำเนิด "ภาพดอกไม้แห่งหัวใจ" คุณยายตุ้ม จันทนิตย์ (ภาพสแกนจากต้นฉบับภาพถ่ายขนาด 10x12 นิ้ว) หญิงชราวัย 102 ปี (เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2396) บ้านธาตุน้อย ตำบลพระกลางทุ่ง อำเภอธาตุพนม ห่างจากจุดที่ทางราชการกำหนดให้เป็นจุดรับเสด็จ ประมาณ 700 เมตร ก็ไม่ต่างจากครอบครัวอื่นๆ ที่ลูกหลานได้นำ "คุณยายตุ้ม จันทนิตย์" ไปรอรับเสด็จด้วย โดยตามคำบอกเล่าของ นางเพ็ง จันทนิตย์ (ลูกสะใภ้) และนางหอม แสงพระธาตุ (น้องสาวของนางเพ็ง) ได้ความว่า ลูกหลานได้นำคุณยายตุ้มไปรอบรับเสด็จตั้งแต่เช้าโดยนางหอมฯ เป็นผู้จัด "ดอกบัวสีชมพู" ให้แก่คุณยายจำนวน 3 ดอก เพื่อนำขึ้นจบบูชาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพาออกไปรอเฝ้ารับเสด็จที่แถวหน้าสุดเพื่อให้ได้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เป็นที่ชาวไทยคุ้นตา ประทับใจในหัวใจเป็นที่สุด และตามที่ท่านเจ้าคุณพระราชธีราจารย์ เจ้าคณะจังหวัดนครพนม/เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ให้ความรู้ “ ดอกบัวในใจยังคงบานไม่มีโรยรา ” บนเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินทางสามแยกชยางกูร- เรณูนคร ตำบลพระกลางทุ่ง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนมเมื่อบ่ายวันที่ 13 พฤศจิกายน 2498 เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรภาคอีสานเป็นครั้งแรก คุณยายไปรอรับเสด็จพร้อมดอกบัวสายสีชมพู จำนวนสามดอก ตั้งแต่เช้าจนบ่าย แสงแดดแผดเผาจนดอกบัวสายในมือเหี่ยวโรย แต่หัวใจความจงรักภักดีของหญิงชรา ยังคงเบิกบาน เมื่อในหลวงเสด็จมาถึง ตรงมาที่คุณยายได้ยกดอกบัวสายโรยราสามดอกนั้นขึ้นจนเหนือศีรษะ แสดงความจงรักภักดีอย่างสุดซึ้ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงโน้มพระองค์ลงมาจนพระพักตร์ เกือบชิดกับศีรษะของคุณยาย ทรงแย้มพระสรวลอย่างอ่อนโยน พระหัตถ์แตะมือกร้านคล้ำของเกษตรกรชาวภาคอีสานอย่างนุ่มนวล ไม่มีใครรู้ว่าทรงกระซิบคำใดกับคุณยาย แต่แน่นอนว่า คุณยายไม่มีวันลืมเช่นเดียวกับที่ในหลวงไม่ทรงลืมราษฎรคนสำคัญที่ทรงพบริมถนนวันนั้น หลังจากที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพฯ แล้วทางสำนักพระราชวัง ได้ส่งภาพรับเสด็จของคุณยายตุ้ม พร้อมพระบรมรูปหล่อด้วยปูนพาสเตอร์ ผ่านมาทางอำเภอธาตุพนม ให้คุณยายตุ้มไว้เป็นที่ระลึกพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้นี้ อาจมีส่วนชุบชูชีวิตให้คุณยายอายุยืนยาวขึ้นอีกด้วย ความสุขต่อมาอีก 3 ปี เต็ม ๆ โดยคุณยายตุ้ม จันทนิตย์ ถังแก่กรรมเมื่อปี พ.ศ. 2501 หลังจากนั้นลูกหลานได้สร้างธาตุเจดีย์บรรจุอัฐิคุณยายตุ้ม จันทนิตย์ ไว้ ณ หน้าบ้านเลขที่ 22 หมู่ที่ 11 ตำบลพระกลางทุ่ง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ในบริเวณพื้นที่ 2 งาน โดยยกผืนดินดังกล่าวให้เป็นที่สาธารณประโยชน์ สมบัติของแผ่นดิน ภาพที่คุณยายตุ้ม จันทนิตย์ ทูลเกล้าฯถวายดอกบัวสามดอก ถ่ายโดยหัวหน้าช่างภาพส่วนพระองค์ อาณัติ บุนนาค ได้บันทึกภาพวินาทีสำคัญที่ถูกเรียกว่า "ภาพดอกไม้แห่งหัวใจ" ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นภาพประวัติศาสตร์ภาพหนึ่งของประเทศไทย และเป็นภาพที่ใช้แทนคำพูดได้มากกว่าหนึ่งล้านคำ ขอบคุณข้อมูลจาก www.nakhonphanom.go.th https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1204518543071397&id=929668850556369
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • กวนอู..
    ก่อนอื่น ทำความเข้าใจก่อน เทพเจ้าของคนจีน ไม่ได้เหมือน เทวดา ของเรา...
    ผู้ที่ได้รับการยกย่องเป็นเทพเจ้า ของชาวจีน เป็นใครก็ได้ ที่ทำคุณงามความดี...ความซื่อสัตย์ และทำสิ่งดีดีอื่น จนเป็นที่ประจักษ์ ...
    ...ท่่านมีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ยุคปลายราชวงศ์ฮั่น....
    ...แต่เพิ่งมาถูกยกย่องเป็นเทพเจ้า ในสมัยราชวงศ์ชิง ซึ่งเป็นแมนจู....เนื่องจาก อ้างอิงความ จงรักภักดี แบบกวนอู เป็นแบบอย่าง...ชาวฮั่น จะได้ถูกปกครองได้โดยง่าย... (นัยยะทางการเมือง)
    ข้ามมาปัจจุบันเลย เดี๋ยวยาว...

    กวนอูเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นคนฉลาด กล้าหาญ ซื่อสัตย์ และแข็งแกร่งมากพอที่จะต่อสู้กับคนนับหมื่นคนได้ในคราวเดียว นักธุรกิจระดับมหาเศรษฐีชาวจีนกลุ่มนึง....ในเมืองอะไร...จำไม่ได้แล้ว...ยกย่องนับถือท่านมาก...ทีนี้ คนก็ เอ้า พวก เศรษฐีบูชาแล้วรวยนี่....ฉันเอาด้วย...ทีนี้ความเชื่อ จากความภักดี กล้าหาญ ซื่อสัตย์ ก็เลยได้ เรื่องความมั่งคั่งเข้าไปด้วย......ชาวจีนก็เลยต่างบูชาท่านเพื่อทำตามตัวอย่างและสร้างความมั่งคั่งบนพื้นฐานของความแข็งแกร่ง ความกล้าหาญ
    กวนอู.. ก่อนอื่น ทำความเข้าใจก่อน เทพเจ้าของคนจีน ไม่ได้เหมือน เทวดา ของเรา... ผู้ที่ได้รับการยกย่องเป็นเทพเจ้า ของชาวจีน เป็นใครก็ได้ ที่ทำคุณงามความดี...ความซื่อสัตย์ และทำสิ่งดีดีอื่น จนเป็นที่ประจักษ์ ... ...ท่่านมีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ยุคปลายราชวงศ์ฮั่น.... ...แต่เพิ่งมาถูกยกย่องเป็นเทพเจ้า ในสมัยราชวงศ์ชิง ซึ่งเป็นแมนจู....เนื่องจาก อ้างอิงความ จงรักภักดี แบบกวนอู เป็นแบบอย่าง...ชาวฮั่น จะได้ถูกปกครองได้โดยง่าย... (นัยยะทางการเมือง) ข้ามมาปัจจุบันเลย เดี๋ยวยาว... กวนอูเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นคนฉลาด กล้าหาญ ซื่อสัตย์ และแข็งแกร่งมากพอที่จะต่อสู้กับคนนับหมื่นคนได้ในคราวเดียว นักธุรกิจระดับมหาเศรษฐีชาวจีนกลุ่มนึง....ในเมืองอะไร...จำไม่ได้แล้ว...ยกย่องนับถือท่านมาก...ทีนี้ คนก็ เอ้า พวก เศรษฐีบูชาแล้วรวยนี่....ฉันเอาด้วย...ทีนี้ความเชื่อ จากความภักดี กล้าหาญ ซื่อสัตย์ ก็เลยได้ เรื่องความมั่งคั่งเข้าไปด้วย......ชาวจีนก็เลยต่างบูชาท่านเพื่อทำตามตัวอย่างและสร้างความมั่งคั่งบนพื้นฐานของความแข็งแกร่ง ความกล้าหาญ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 51 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องของท้าวศรีสุดาจันทร์เป็นตอนหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่ถูกทำเป็น 'วัฒนธรรมป๊อป' มากที่สุดตอนหนึ่ง มีทั้งนิยาย ภาพยนต์ และล่าสุดคือละครหรือซีรีส์

    อาจเป็นเพราะเรื่องของท้าวศรีสุดาจันทร์ให้อารมณ์หวาบหวิวจากการแอบลอบคบชู้กับพันบุตรศรีเทพ (ขุนวรวงศาธิราช) ทำให้มีการขยายความตอนนี้เป็นพิเศษ ทั้งๆ ประวัติศาสตร์ก็ไม่ได้บอกอะไรมากนักเรื่องนี้เพียง

    ในเวลาต่อมาคอนเทนท์บันเทิงบางยุคเริ่มมีการใช้คำว่า 'แม่หยัว' เรียกท้าวศรีสุดาจันทร์ ทำให้คนเข้าใจผิดไม่น้อยว่า 'แม่หยัว' น่าจะหมายถึงอาการยั่วยวนเรื่องกามราคะ แต่ความจริง 'แม่หยัว' หมายถึง 'แม่อยู่หัว' ที่หมายถึงมเหสีของพระเจ้าแผ่นดิน

    คำว่าแม่อยู่หัวนั้นในบันทึกโบราณเรียกเพี้ยนเป็น แม่อยัว แม่หญัว แม่อยั่ว ฯลฯ แต่พอตอนนี้ของประวัติศาสตร์ถูกวัฒนธรรมป๊อปปั้นภาพลักษณ์ยั่วยวนของท้าวศรีสุดาจันทร์ขึ้นมา ทำให้คนเข้าใจคำว่า 'แม่หยัว' ผิดไป

    แต่นั้นมาคำว่า 'แม่หยัว' ก็กลายเป็นเครื่องหมายการค้าของเรื่องท้าวศรีสุดาจันทร์ เพียงแต่มันเกิดจากภาพจำผิดๆ ที่ 'นิยายอิงประวัติศาสตร์' สร้างขึ้นมา

    ย้ำอีกครั้งว่าเรื่องท้าวศรีสุดาจันทร์นั้นมีเนื้อหาไม่มากนักในทางประวัติศาสตร์ ดังนั้นถ้าจะทำเป็นคอนเทนต์บันเทิง จึงหลีกกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้อง "มโนเอาเอง" กันบ้าง เรื่องนี้เกิดขึ้นกับการสร้างคอนเทนต์บันเทิงกับบุคคลทางประวัติศาสตร์บางคนด้วย

    ที่เขียนมาทั้งหมดนี้เพื่อจะเท้าความ 'กรณีพิพาท' ระหว่างที่คนคิดว่าการทำละครอิงประวัติศาสตร์แบบเรื่อง 'แม่หยัว' ไม่เห็นจะต้องทำให้ตรงประวัติศาสตร์เป๊ะๆ กับฝ่ายที่ย้ำว่าไม่ควรที่จะมโนกันเกินไป

    ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าการทำ Historical fiction เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนถกเถียงกันมาโดยตลอดว่า มันมี "ความถูกต้องตามประวัติศาสตร์" (Historically Accurate) แค่ไหน? เพราะนิยายอิงประวัติศาสตร์จะต้องอาศัยการมโนในสัดส่วนที่มากพอสมควร เพื่อปลุกเร้าอารมณ์ผู้เสพ

    ในกรณีของแม่หยัว อย่าไปถามเรื่อง "ความถูกต้องตามประวัติศาสตร์" เพราะเนื้อหาในประวัติศาสตร์มีนิดเดียว ดังนั้นจึงมีพื้นที่ให้จินตนาการได้มากมาย

    แต่การมโนก็ต้องดูสภาพแวดล้อมของทางประวัติศาสตร์ด้วย ไม่อย่างนั้นมันจะไม่เนียน เช่น ท้างศรีสุดาจันทร์เป็นเหตุการณ์สมัยอยุธยาตอนกลาง แต่ถ้าไปจับแม่อยู่หัวไปสวมมงกุฏสมัยละโว้มันก็หาได้เนียนไม่ เพราะเมื่อถึงยุค 'แม่หยัว' เขาเลิกใส่เครื่องหัวแบบนั้นกันแล้ว แล้วยังมีกฎมณเฑียรบาลที่ตราไว้ในสมัยอยุธยาตอนนั้นระบุการแต่งกายของแม่อยู่หัวเอาไว้แล้ว และยังมีภาพเขียนในสมุดภาพไตรภูมิสมัยอยุธยา (ที่ผมเชื่อว่าคัดมาจากต้นฉบับสมัยอยุธยาตอนต้น) ชี้ทางเอาไว้แล้วว่าสตรีชั้นสูงยุคนั้นแต่งตัวอย่างไร

    ความไม่เนียนแบบนี้เองที่จะทำให้ Historical fiction กลายเป็น Historical fantasy ซึ่งมีความเป็นประวัติศาสตร์อย่างเดียวคือฉากย้อนยุค ส่วนเรื่องอื่นๆ มโนตามใจฉัน

    แต่ในเมืองไทยเรื่องความเนียนไม่เนียนทางประวัติศาสตร์ยังไม่เรื่องใหญ่ระดับชาติ เพราะประวัติศาสร์บ้านเรากระท่อนกระแท่นและคนไทยแคร์ประวัติศาสตร์มากเท่ากับคนในประเทศเอเชียตะวันออก เช่น จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ประเทศพวกนี้นอกจากต้องทำละครให้เนียนแบบ Historically Accurate แล้ว ยังต้องทำให้ถูกต้องในแบบ Politically correct ด้วย

    ผมจะยกตัวอย่างการสังเกตส่วนตัวจากกรณีของเกาหลีใต้ที่สร้างซีรีส์ย้อนยุคอยู่บ่อยๆ และมักเกิดกรณี "ซีรีส์เรื่องนี้บิดเบือนประวัติศาสตร์"

    ตัวอย่างเช่นซีรีส์เรื่อง Queen Seondeok ในปี 2009 ซึ่งสร้างจากยุคที่บันทึกประวัติศาสตร์ไม่ละเอียดมากนัก แต่สามารถยืดออกได้มากถึง 62 ตอน ในแง่ของความถูกต้องทางประวัติศาสตร์มีน้อย แถมคอสตูมยังไม่ถูกต้อง เรื่องนี้ถูกตำหนิในเกาหลีว่า "มโนประวัติศาสตร์" มากเกินไป และยังอ้างบันทึกประวัติศาสตร์ที่ถูกกล่าวหาว่าถูกปลอมขึ้นมา

    Queen Seondeok ถูกผู้มีความรู้ทางประวัติศาสตร์ตำหนิอย่างมาก เพราะแม้ว่าบันทึกสมัยชิลลาจะมีไม่มาก แต่มันก็เป็นบันทึกที่เที่ยงแท้ในทางประวัติศาสร์ การจะบิดเบือนความสัมพันธ์ของ 'ตัวละคร' หรือพฤติกรรมที่ถูกบันทึกไว้จริงๆ จึงไม่ควรจะเกิดขึ้น แต่มันก็เกิดขึ้น ความจริงแล้ว Queen Seondeok ควรจะเดินตามเส้นตรงของประวัติศาสตร์ เพราะโอกาสที่จะออกนอกประวัติศาสตร์มีแต่บทสนทนาเท่านั้น

    โปรดสังเกตว่าเรื่องนี้สร้างก่อนยุคโซเชียลจะแพร่หลาย

    พอโซเชียลมีเดียทรงพลังขึ้นมา การโจมตีซีรีส์อิงประวัติศาสตร์เริ่มจะสะเปะสะปะขึ้นทุกวัน เพราะแทนที่จะโจมตีความถูกต้อง กลับไปโจมตีเรื่องการเมือง

    ตัวอย่างเช่น Joseon Exorcist เมื่อปี 2021 ที่ฉายได้แค่ 2 ตอนก็แท้งซะก่อน เพราะถูกตำหนิว่าใช้ฉากประกอบที่อ้างว่าไม่ตรงกับความจริงทางประวัติศาสตร์ เช่น ใช้ อุปกรณ์ของจีนในเกาหลีโบราณ

    ในปี 2022 เกิดกรณี Under the Queen's Umbrella ถูกตำหนิว่า บิดเบือนประวัติศาสตร์ เพราะใช้ตัวอักษรจีนแบบตัวย่อ (ที่เพิ่งประดิษฐ์ขึ้นในยุคสมัยใหม่ ส่วนเกาหลีใช้อักษรจีนตัวเต็ม)

    ในปี 2024 มีกรณี Queen Woo ถูกตำหนิว่าเครื่องแต่งกายของตัวละครมีความเป็นจีนมากเกินไป ไม่น่าจะสอดคล้องกับคนเกาหลีในยุคโคกูรยอ (ทั้งที่โคกูรยอก็รับวัฒนธรรมจากจีน)

    กรณีเหล่านี้มีอะไรเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง คือ 'กระแสต่อต้านจีน' ในเกาหลีใต้ ทั้งๆ ที่เกาหลีเป็นเขตอิทธิพลของวัฒนธรรมจีนมาแต่โบราณ แค่เรื่องนี้เป็น 'อคติ' ของผู้ชมเกาหลีใต้เองที่เกลียด เหยียด และกลัวจีนมากขึ้น

    แต่ในแง่เนื้อหาทางประวัติศาสตร์ กรณีพวกนี้เหมือนกันอย่างหนึ่ง คือ เกิดขึ้นในยุคโชซอน ซึ่งมีการบันทึกประวัติศาสตร์ทางการอย่างละเอียด กระทั่งบันทึกไว้ว่ากษัตริย์ตรัสถ้อยคำไว้อย่างไร

    ในยุคสมัยที่บันทึกละเอียดแบบนี้การมโนจึงทำไม่ได้ เพราะไม่มีพื้นที่ว่างให้จินตนาการได้อีก ตรงกันข้ามกับเรื่อง Queen Woo ซึ่งเกิดในยุคโคกูรยอ ซึ่งมีประวัติศาสตร์บันทึกกระท่อนกระแท่นเหมือนประวัติศาสตร์ไทย ดังนั้นจึงมีพื้นที่ให้มโนได้มากตามใจปรารถนา

    แต่ถึงจะมโนได้มาก แต่อารมณ์ชาตินิยมที่รุนแรงในเกาหลีใต้ไม่อนุญาตให้มโนได้ตามใจชอบอีก ไม่ใช่เพราะผู้สร้างบิดเบือนประวัติศาสตร์ แต่ทำงานออกมาไม่ถูกใจพวกชาตินิยมสุดโต่งต่างหาก

    ดังนั้น ในโลกของนิยายอิงประวัติศาสตร์ จึงไม่มีคำว่าถูกต้องเป๊ะๆ ยิ่งในปัจจุบันมีแต่คำว่า "ถูกใจคนดูหรือไม่" โดยที่ความถูกใจของคนดูไม่ใช่ถูกใจเพราะดาราแสดงดี หรือเครื่องแต่งกายสวย แต่ยังต้องคล้องจองกับ 'วาระทางการเมือง' ของคนดูด้วย

    ยกตัวอย่างจีน ซึ่งบางคนยังเชื่อว่าจีนทำซีรีส์พีเรียดมากมายเพราะอนุญาตให้มโนได้ ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด

    สังคมจีนและสถาบันรัฐจีน (ที่ชาตินิยมขึ้นทุกวัน) ไม่ได้อนุญาตให้มโนประวัติศาสตร์ได้ สิ่งที่คนไทยเห็นว่าจีนจินตนาการประวัติศาสตร์นั้น คือ สิ่งที่เรียกว่า Historical fantasy คือใช้ฉากย้อนยุคที่กำกวม ใช้คอสตูมที่อาจจะอยู่ในยุคที่คาดเดาได้ แต่ไม่มีเหตุการณ์นั้นจริงๆ เช่นเรื่อง Nirvana In Fire เมื่อปี 2015 ที่ทำให้เชื่อว่าอยู่ในยุคหนานเป่ยเฉา แต่เอาจริงๆ มันไม่มีสถานการณ์จริงและตัวบุคคลจริงอยู่เลย

    หากมีซีรีส์ที่ทำเนื้อหาจริงๆ ทางประวัติศาสตร์ หากเลินเล่อเกินไปก็จะถูกโจมตีอย่างหนัก เช่น Legend of Miyue ที่อิงประวัติศาสตร์ยุคจ้านกั๋ว แต่ถูกวิจารณ์เรื่องข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ เรื่องนี้มีความเห็นที่น่าสนใจจาก หลีเสี่ยวเหว่ย บรรณาธิการบริหารของ "จงกั๋วชิงเหนียนหว่าง" (中国青年网) ของทางการจีน ตอนที่ซีรีส์เรื่องนี้ถูกตำหนิ เขากล่าวว่า

    "จักรพรรดินีองค์แรกของจีนในเรื่อง "Legend of Miyue" ซีรีส์ทางทีวีใช้ตัวละครและเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่ถูกต้อง แต่ไม่ได้ติดตามข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์พื้นฐาน และถึงกับแต่งเรื่องขึ้นมาด้วยซ้ำ ปรากฏการณ์นี้ช่างน่าเป็นห่วง ประการแรก มันจะนำพาผู้คนให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และก่อให้เกิดข่าวลือ ประการที่สอง นี่คือทิศทางที่ผิดปกติของการพัฒนาละครประวัติศาสตร์ ซึ่งจะนำไปสู่ความเสื่อมถอยของละครประวัติศาสตร์ในที่สุด"

    ในเรื่องนี้ทางเกาหลีก็เห็นด้วยกับจีน

    จากกรณีของ Queen Seondeok อีจองโฮ ผู้สื่อข่าวของ "ยอนเซ ชุนชู" (연세춘추) สื่อของมหาวิทยาลัยยอนเซ ถึงกับบอกว่า "Queen Seondeok คือเรื่องโกหก" และได้สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญซึ่งชี้แนะว่า"ตามที่ศาสตราจารย์ ชาฮเยวอน (ภาควิชาศิลปศาสตร์ ประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิงของจีน) กล่าวไว้ ละครประวัติศาสตร์จีนมักจะมีความเที่ยงตรงต่อข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งแตกต่างจากละครประวัติศาสตร์เกาหลี ความจริงของละครประวัติศาสตร์เกาหลีคือความจริงทางประวัติศาสตร์ถูกละเลยเพื่อความบันเทิงและเรตติ้งผู้ชม เพื่อแก้ปัญหานี้ จำเป็นต้องมีการไตร่ตรองภายในอุตสาหกรรมการออกอากาศ"

    แม้ว่าประเทศไทยจะมีประวัติศาสตร์ที่เบาบางต่างจากจีนและเกาหลี แต่เราสามารถใช้มาตรฐานแบบนี้ได้เหมือนกัน สิ่งที่ต้องเป๊ะคือแกนหลักในประวัติศาสตร์ อย่าตีความมากเกินไปเพราะต้องเคารพ "ผู้ที่ตายไปแล้วซึ่งไม่มีโอกาสร้องอุทรณ์แก้ต่างให้ตัวเอง" ด้วย ส่วนสิ่งที่จินตนาการได้ก็ควรทำให้ตรงกับบริบทแวดล้อมของยุคนั้น

    หากทำเอาสนุกอย่างเดียว ก็ "จะนำไปสู่ความเสื่อมถอยของละครประวัติศาสตร์ในที่สุด"

    บทความทัศนะโดย กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร และบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better
    ภาพโปสเตอร์โปรโมทซีรีส์เรื่อง แม่หยัว และ Queen Seondeok

    ที่มา https://www.thebetter.co.th/news/world/23351?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR3w6ch-KVjjFiWzTmp8gh2-HSMqAh7UX0lxC3jm2_5RD0J97vIDxYCrljo_aem_wMoYw4S-NqnmnAfELQfeSA

    #Thaitimes
    เรื่องของท้าวศรีสุดาจันทร์เป็นตอนหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่ถูกทำเป็น 'วัฒนธรรมป๊อป' มากที่สุดตอนหนึ่ง มีทั้งนิยาย ภาพยนต์ และล่าสุดคือละครหรือซีรีส์ อาจเป็นเพราะเรื่องของท้าวศรีสุดาจันทร์ให้อารมณ์หวาบหวิวจากการแอบลอบคบชู้กับพันบุตรศรีเทพ (ขุนวรวงศาธิราช) ทำให้มีการขยายความตอนนี้เป็นพิเศษ ทั้งๆ ประวัติศาสตร์ก็ไม่ได้บอกอะไรมากนักเรื่องนี้เพียง ในเวลาต่อมาคอนเทนท์บันเทิงบางยุคเริ่มมีการใช้คำว่า 'แม่หยัว' เรียกท้าวศรีสุดาจันทร์ ทำให้คนเข้าใจผิดไม่น้อยว่า 'แม่หยัว' น่าจะหมายถึงอาการยั่วยวนเรื่องกามราคะ แต่ความจริง 'แม่หยัว' หมายถึง 'แม่อยู่หัว' ที่หมายถึงมเหสีของพระเจ้าแผ่นดิน คำว่าแม่อยู่หัวนั้นในบันทึกโบราณเรียกเพี้ยนเป็น แม่อยัว แม่หญัว แม่อยั่ว ฯลฯ แต่พอตอนนี้ของประวัติศาสตร์ถูกวัฒนธรรมป๊อปปั้นภาพลักษณ์ยั่วยวนของท้าวศรีสุดาจันทร์ขึ้นมา ทำให้คนเข้าใจคำว่า 'แม่หยัว' ผิดไป แต่นั้นมาคำว่า 'แม่หยัว' ก็กลายเป็นเครื่องหมายการค้าของเรื่องท้าวศรีสุดาจันทร์ เพียงแต่มันเกิดจากภาพจำผิดๆ ที่ 'นิยายอิงประวัติศาสตร์' สร้างขึ้นมา ย้ำอีกครั้งว่าเรื่องท้าวศรีสุดาจันทร์นั้นมีเนื้อหาไม่มากนักในทางประวัติศาสตร์ ดังนั้นถ้าจะทำเป็นคอนเทนต์บันเทิง จึงหลีกกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้อง "มโนเอาเอง" กันบ้าง เรื่องนี้เกิดขึ้นกับการสร้างคอนเทนต์บันเทิงกับบุคคลทางประวัติศาสตร์บางคนด้วย ที่เขียนมาทั้งหมดนี้เพื่อจะเท้าความ 'กรณีพิพาท' ระหว่างที่คนคิดว่าการทำละครอิงประวัติศาสตร์แบบเรื่อง 'แม่หยัว' ไม่เห็นจะต้องทำให้ตรงประวัติศาสตร์เป๊ะๆ กับฝ่ายที่ย้ำว่าไม่ควรที่จะมโนกันเกินไป ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าการทำ Historical fiction เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนถกเถียงกันมาโดยตลอดว่า มันมี "ความถูกต้องตามประวัติศาสตร์" (Historically Accurate) แค่ไหน? เพราะนิยายอิงประวัติศาสตร์จะต้องอาศัยการมโนในสัดส่วนที่มากพอสมควร เพื่อปลุกเร้าอารมณ์ผู้เสพ ในกรณีของแม่หยัว อย่าไปถามเรื่อง "ความถูกต้องตามประวัติศาสตร์" เพราะเนื้อหาในประวัติศาสตร์มีนิดเดียว ดังนั้นจึงมีพื้นที่ให้จินตนาการได้มากมาย แต่การมโนก็ต้องดูสภาพแวดล้อมของทางประวัติศาสตร์ด้วย ไม่อย่างนั้นมันจะไม่เนียน เช่น ท้างศรีสุดาจันทร์เป็นเหตุการณ์สมัยอยุธยาตอนกลาง แต่ถ้าไปจับแม่อยู่หัวไปสวมมงกุฏสมัยละโว้มันก็หาได้เนียนไม่ เพราะเมื่อถึงยุค 'แม่หยัว' เขาเลิกใส่เครื่องหัวแบบนั้นกันแล้ว แล้วยังมีกฎมณเฑียรบาลที่ตราไว้ในสมัยอยุธยาตอนนั้นระบุการแต่งกายของแม่อยู่หัวเอาไว้แล้ว และยังมีภาพเขียนในสมุดภาพไตรภูมิสมัยอยุธยา (ที่ผมเชื่อว่าคัดมาจากต้นฉบับสมัยอยุธยาตอนต้น) ชี้ทางเอาไว้แล้วว่าสตรีชั้นสูงยุคนั้นแต่งตัวอย่างไร ความไม่เนียนแบบนี้เองที่จะทำให้ Historical fiction กลายเป็น Historical fantasy ซึ่งมีความเป็นประวัติศาสตร์อย่างเดียวคือฉากย้อนยุค ส่วนเรื่องอื่นๆ มโนตามใจฉัน แต่ในเมืองไทยเรื่องความเนียนไม่เนียนทางประวัติศาสตร์ยังไม่เรื่องใหญ่ระดับชาติ เพราะประวัติศาสร์บ้านเรากระท่อนกระแท่นและคนไทยแคร์ประวัติศาสตร์มากเท่ากับคนในประเทศเอเชียตะวันออก เช่น จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ประเทศพวกนี้นอกจากต้องทำละครให้เนียนแบบ Historically Accurate แล้ว ยังต้องทำให้ถูกต้องในแบบ Politically correct ด้วย ผมจะยกตัวอย่างการสังเกตส่วนตัวจากกรณีของเกาหลีใต้ที่สร้างซีรีส์ย้อนยุคอยู่บ่อยๆ และมักเกิดกรณี "ซีรีส์เรื่องนี้บิดเบือนประวัติศาสตร์" ตัวอย่างเช่นซีรีส์เรื่อง Queen Seondeok ในปี 2009 ซึ่งสร้างจากยุคที่บันทึกประวัติศาสตร์ไม่ละเอียดมากนัก แต่สามารถยืดออกได้มากถึง 62 ตอน ในแง่ของความถูกต้องทางประวัติศาสตร์มีน้อย แถมคอสตูมยังไม่ถูกต้อง เรื่องนี้ถูกตำหนิในเกาหลีว่า "มโนประวัติศาสตร์" มากเกินไป และยังอ้างบันทึกประวัติศาสตร์ที่ถูกกล่าวหาว่าถูกปลอมขึ้นมา Queen Seondeok ถูกผู้มีความรู้ทางประวัติศาสตร์ตำหนิอย่างมาก เพราะแม้ว่าบันทึกสมัยชิลลาจะมีไม่มาก แต่มันก็เป็นบันทึกที่เที่ยงแท้ในทางประวัติศาสร์ การจะบิดเบือนความสัมพันธ์ของ 'ตัวละคร' หรือพฤติกรรมที่ถูกบันทึกไว้จริงๆ จึงไม่ควรจะเกิดขึ้น แต่มันก็เกิดขึ้น ความจริงแล้ว Queen Seondeok ควรจะเดินตามเส้นตรงของประวัติศาสตร์ เพราะโอกาสที่จะออกนอกประวัติศาสตร์มีแต่บทสนทนาเท่านั้น โปรดสังเกตว่าเรื่องนี้สร้างก่อนยุคโซเชียลจะแพร่หลาย พอโซเชียลมีเดียทรงพลังขึ้นมา การโจมตีซีรีส์อิงประวัติศาสตร์เริ่มจะสะเปะสะปะขึ้นทุกวัน เพราะแทนที่จะโจมตีความถูกต้อง กลับไปโจมตีเรื่องการเมือง ตัวอย่างเช่น Joseon Exorcist เมื่อปี 2021 ที่ฉายได้แค่ 2 ตอนก็แท้งซะก่อน เพราะถูกตำหนิว่าใช้ฉากประกอบที่อ้างว่าไม่ตรงกับความจริงทางประวัติศาสตร์ เช่น ใช้ อุปกรณ์ของจีนในเกาหลีโบราณ ในปี 2022 เกิดกรณี Under the Queen's Umbrella ถูกตำหนิว่า บิดเบือนประวัติศาสตร์ เพราะใช้ตัวอักษรจีนแบบตัวย่อ (ที่เพิ่งประดิษฐ์ขึ้นในยุคสมัยใหม่ ส่วนเกาหลีใช้อักษรจีนตัวเต็ม) ในปี 2024 มีกรณี Queen Woo ถูกตำหนิว่าเครื่องแต่งกายของตัวละครมีความเป็นจีนมากเกินไป ไม่น่าจะสอดคล้องกับคนเกาหลีในยุคโคกูรยอ (ทั้งที่โคกูรยอก็รับวัฒนธรรมจากจีน) กรณีเหล่านี้มีอะไรเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง คือ 'กระแสต่อต้านจีน' ในเกาหลีใต้ ทั้งๆ ที่เกาหลีเป็นเขตอิทธิพลของวัฒนธรรมจีนมาแต่โบราณ แค่เรื่องนี้เป็น 'อคติ' ของผู้ชมเกาหลีใต้เองที่เกลียด เหยียด และกลัวจีนมากขึ้น แต่ในแง่เนื้อหาทางประวัติศาสตร์ กรณีพวกนี้เหมือนกันอย่างหนึ่ง คือ เกิดขึ้นในยุคโชซอน ซึ่งมีการบันทึกประวัติศาสตร์ทางการอย่างละเอียด กระทั่งบันทึกไว้ว่ากษัตริย์ตรัสถ้อยคำไว้อย่างไร ในยุคสมัยที่บันทึกละเอียดแบบนี้การมโนจึงทำไม่ได้ เพราะไม่มีพื้นที่ว่างให้จินตนาการได้อีก ตรงกันข้ามกับเรื่อง Queen Woo ซึ่งเกิดในยุคโคกูรยอ ซึ่งมีประวัติศาสตร์บันทึกกระท่อนกระแท่นเหมือนประวัติศาสตร์ไทย ดังนั้นจึงมีพื้นที่ให้มโนได้มากตามใจปรารถนา แต่ถึงจะมโนได้มาก แต่อารมณ์ชาตินิยมที่รุนแรงในเกาหลีใต้ไม่อนุญาตให้มโนได้ตามใจชอบอีก ไม่ใช่เพราะผู้สร้างบิดเบือนประวัติศาสตร์ แต่ทำงานออกมาไม่ถูกใจพวกชาตินิยมสุดโต่งต่างหาก ดังนั้น ในโลกของนิยายอิงประวัติศาสตร์ จึงไม่มีคำว่าถูกต้องเป๊ะๆ ยิ่งในปัจจุบันมีแต่คำว่า "ถูกใจคนดูหรือไม่" โดยที่ความถูกใจของคนดูไม่ใช่ถูกใจเพราะดาราแสดงดี หรือเครื่องแต่งกายสวย แต่ยังต้องคล้องจองกับ 'วาระทางการเมือง' ของคนดูด้วย ยกตัวอย่างจีน ซึ่งบางคนยังเชื่อว่าจีนทำซีรีส์พีเรียดมากมายเพราะอนุญาตให้มโนได้ ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด สังคมจีนและสถาบันรัฐจีน (ที่ชาตินิยมขึ้นทุกวัน) ไม่ได้อนุญาตให้มโนประวัติศาสตร์ได้ สิ่งที่คนไทยเห็นว่าจีนจินตนาการประวัติศาสตร์นั้น คือ สิ่งที่เรียกว่า Historical fantasy คือใช้ฉากย้อนยุคที่กำกวม ใช้คอสตูมที่อาจจะอยู่ในยุคที่คาดเดาได้ แต่ไม่มีเหตุการณ์นั้นจริงๆ เช่นเรื่อง Nirvana In Fire เมื่อปี 2015 ที่ทำให้เชื่อว่าอยู่ในยุคหนานเป่ยเฉา แต่เอาจริงๆ มันไม่มีสถานการณ์จริงและตัวบุคคลจริงอยู่เลย หากมีซีรีส์ที่ทำเนื้อหาจริงๆ ทางประวัติศาสตร์ หากเลินเล่อเกินไปก็จะถูกโจมตีอย่างหนัก เช่น Legend of Miyue ที่อิงประวัติศาสตร์ยุคจ้านกั๋ว แต่ถูกวิจารณ์เรื่องข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ เรื่องนี้มีความเห็นที่น่าสนใจจาก หลีเสี่ยวเหว่ย บรรณาธิการบริหารของ "จงกั๋วชิงเหนียนหว่าง" (中国青年网) ของทางการจีน ตอนที่ซีรีส์เรื่องนี้ถูกตำหนิ เขากล่าวว่า "จักรพรรดินีองค์แรกของจีนในเรื่อง "Legend of Miyue" ซีรีส์ทางทีวีใช้ตัวละครและเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่ถูกต้อง แต่ไม่ได้ติดตามข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์พื้นฐาน และถึงกับแต่งเรื่องขึ้นมาด้วยซ้ำ ปรากฏการณ์นี้ช่างน่าเป็นห่วง ประการแรก มันจะนำพาผู้คนให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และก่อให้เกิดข่าวลือ ประการที่สอง นี่คือทิศทางที่ผิดปกติของการพัฒนาละครประวัติศาสตร์ ซึ่งจะนำไปสู่ความเสื่อมถอยของละครประวัติศาสตร์ในที่สุด" ในเรื่องนี้ทางเกาหลีก็เห็นด้วยกับจีน จากกรณีของ Queen Seondeok อีจองโฮ ผู้สื่อข่าวของ "ยอนเซ ชุนชู" (연세춘추) สื่อของมหาวิทยาลัยยอนเซ ถึงกับบอกว่า "Queen Seondeok คือเรื่องโกหก" และได้สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญซึ่งชี้แนะว่า"ตามที่ศาสตราจารย์ ชาฮเยวอน (ภาควิชาศิลปศาสตร์ ประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิงของจีน) กล่าวไว้ ละครประวัติศาสตร์จีนมักจะมีความเที่ยงตรงต่อข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งแตกต่างจากละครประวัติศาสตร์เกาหลี ความจริงของละครประวัติศาสตร์เกาหลีคือความจริงทางประวัติศาสตร์ถูกละเลยเพื่อความบันเทิงและเรตติ้งผู้ชม เพื่อแก้ปัญหานี้ จำเป็นต้องมีการไตร่ตรองภายในอุตสาหกรรมการออกอากาศ" แม้ว่าประเทศไทยจะมีประวัติศาสตร์ที่เบาบางต่างจากจีนและเกาหลี แต่เราสามารถใช้มาตรฐานแบบนี้ได้เหมือนกัน สิ่งที่ต้องเป๊ะคือแกนหลักในประวัติศาสตร์ อย่าตีความมากเกินไปเพราะต้องเคารพ "ผู้ที่ตายไปแล้วซึ่งไม่มีโอกาสร้องอุทรณ์แก้ต่างให้ตัวเอง" ด้วย ส่วนสิ่งที่จินตนาการได้ก็ควรทำให้ตรงกับบริบทแวดล้อมของยุคนั้น หากทำเอาสนุกอย่างเดียว ก็ "จะนำไปสู่ความเสื่อมถอยของละครประวัติศาสตร์ในที่สุด" บทความทัศนะโดย กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร และบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better ภาพโปสเตอร์โปรโมทซีรีส์เรื่อง แม่หยัว และ Queen Seondeok ที่มา https://www.thebetter.co.th/news/world/23351?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR3w6ch-KVjjFiWzTmp8gh2-HSMqAh7UX0lxC3jm2_5RD0J97vIDxYCrljo_aem_wMoYw4S-NqnmnAfELQfeSA #Thaitimes
    WWW.THEBETTER.CO.TH
    ความไม่เนียนของ'ซีรีส์อิงประวัติศาสตร์' ต้องเป๊ะประวัติศาสตร์แค่ไหน?
    ความไม่เนียนของ'ซีรีส์อิงประวัติศาสตร์' ต้องเป๊ะประวัติศาสตร์แค่ไหน?
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 274 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความลับใต้ดินของวาติกัน: อุโมงค์ยาว 1,500 ไมล์ของวาติกันไปยังเยรูซาเล็มและคลังทองคำลับที่ถูกโอนไปยังฟอร์ตนอกซ์! การเปิดเผยที่ทำลายประวัติศาสตร์! เปิดเผยความลับอันน่าตกตะลึงของวาติกัน: อุโมงค์ยาว 1,500 ไมล์ที่ซ่อนอยู่ซึ่งทอดยาวไปยังเยรูซาเล็มและเต็มไปด้วยทองคำที่ไม่อาจจินตนาการได้ นี่ไม่ใช่การสมคบคิด แต่เป็นความจริงอันน่าตกตะลึงที่เปิดเผยถึงอำนาจและความมั่งคั่งของวาติกัน ดำดิ่งสู่โลกแห่งเทคโนโลยีโบราณ สมบัติล้ำค่าที่ซ่อนอยู่ และการเปิดเผยที่ท้าทายประวัติศาสตร์ เตรียมตั้งคำถามกับทุกสิ่ง!
    https://amg-news.com/the-vaticans-underground-secrets-the-vaticans-1500-mile-tunnel-to-jerusalem-and-the-secret-gold-stash-transferred-to-fort-knox-a-revelation-that-shatters-history/
    ความลับใต้ดินของวาติกัน: อุโมงค์ยาว 1,500 ไมล์ของวาติกันไปยังเยรูซาเล็มและคลังทองคำลับที่ถูกโอนไปยังฟอร์ตนอกซ์! การเปิดเผยที่ทำลายประวัติศาสตร์! เปิดเผยความลับอันน่าตกตะลึงของวาติกัน: อุโมงค์ยาว 1,500 ไมล์ที่ซ่อนอยู่ซึ่งทอดยาวไปยังเยรูซาเล็มและเต็มไปด้วยทองคำที่ไม่อาจจินตนาการได้ นี่ไม่ใช่การสมคบคิด แต่เป็นความจริงอันน่าตกตะลึงที่เปิดเผยถึงอำนาจและความมั่งคั่งของวาติกัน ดำดิ่งสู่โลกแห่งเทคโนโลยีโบราณ สมบัติล้ำค่าที่ซ่อนอยู่ และการเปิดเผยที่ท้าทายประวัติศาสตร์ เตรียมตั้งคำถามกับทุกสิ่ง! https://amg-news.com/the-vaticans-underground-secrets-the-vaticans-1500-mile-tunnel-to-jerusalem-and-the-secret-gold-stash-transferred-to-fort-knox-a-revelation-that-shatters-history/
    AMG-NEWS.COM
    The Vatican’s Underground Secrets: The Vatican’s 1,500-Mile Tunnel to Jerusalem and the Secret Gold Stash Transferred to Fort Knox! A Revelation That Shatters History! - amg-news.com - American Media Group
    Uncover the Vatican's explosive secret: a hidden 1,500-mile tunnel stretching to Jerusalem, packed with unimaginable gold. This is no conspiracy—it’s a shocking truth that reveals the Vatican's grip on wealth and power. Dive deep into a world of ancient technology, hidden treasures, and a revelation that defies history. Prepare to question everything!
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปเซชเคียน และ โมฮัมหมัด บิน ซัลมาน พูดคุยทางโทรศัพท์

    มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบียตรัสว่า 'ความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านและซาอุดีอาระเบียอยู่ในจุดประวัติศาสตร์'

    ผู้บัญชาการกองทัพซาอุดีอาระเบียเยือนอิหร่านในวันนี้ด้วย
    .
    ⚡️JUST IN

    Pezeshkian and Mohammad Bin Salman held a phone call

    The Saudi Crown Prince said 'The relations between Iran and Saudi Arabia are at a historical point'

    The Chief of Saudi's Armed Forces also visited Iran today
    .
    1:42 AM · Nov 11, 2024 · 108.5K Views
    https://x.com/IranObserver0/status/1855682497180295328
    เปเซชเคียน และ โมฮัมหมัด บิน ซัลมาน พูดคุยทางโทรศัพท์ มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบียตรัสว่า 'ความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านและซาอุดีอาระเบียอยู่ในจุดประวัติศาสตร์' ผู้บัญชาการกองทัพซาอุดีอาระเบียเยือนอิหร่านในวันนี้ด้วย . ⚡️JUST IN Pezeshkian and Mohammad Bin Salman held a phone call The Saudi Crown Prince said 'The relations between Iran and Saudi Arabia are at a historical point' The Chief of Saudi's Armed Forces also visited Iran today . 1:42 AM · Nov 11, 2024 · 108.5K Views https://x.com/IranObserver0/status/1855682497180295328
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇨🇳🇺🇸 จีนกล่าวว่า ความสัมพันธ์ที่ดีกับสหรัฐฯเป็นผลประโยชน์สูงสุดของทั้งสองประเทศ

    “ประวัติศาสตร์บอกเราว่าทั้งสองประเทศจะได้ประโยชน์จากความร่วมมือและสูญเสียจากการเผชิญหน้า ความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯที่มีเสถียรภาพ, แข็งแรง, และการพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ”
    .
    🇨🇳🇺🇸 China says good relations with the United States are in the best interests of both countries.

    "History tells us that both countries stand to gain from cooperation and lose from confrontation. A China-U.S. relationship with stable, healthy and sustainable development serves the common interests of the two countries."
    .
    12:28 AM · Nov 11, 2024 · 110K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1855663937527685533
    🇨🇳🇺🇸 จีนกล่าวว่า ความสัมพันธ์ที่ดีกับสหรัฐฯเป็นผลประโยชน์สูงสุดของทั้งสองประเทศ “ประวัติศาสตร์บอกเราว่าทั้งสองประเทศจะได้ประโยชน์จากความร่วมมือและสูญเสียจากการเผชิญหน้า ความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯที่มีเสถียรภาพ, แข็งแรง, และการพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ” . 🇨🇳🇺🇸 China says good relations with the United States are in the best interests of both countries. "History tells us that both countries stand to gain from cooperation and lose from confrontation. A China-U.S. relationship with stable, healthy and sustainable development serves the common interests of the two countries." . 12:28 AM · Nov 11, 2024 · 110K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1855663937527685533
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 รีวิว
  • TikTok@wang_gao7 #มูลนิธิกาญจนบารมี #การแพทย์ #รัชการที่10 #ราชวงศ์จักรี #TikTokUni #ประวัติศาสตร์ #วังเก่า #ว่างว่างก็แวะมา #Thaitimes
    TikTok@wang_gao7 #มูลนิธิกาญจนบารมี #การแพทย์ #รัชการที่10 #ราชวงศ์จักรี #TikTokUni #ประวัติศาสตร์ #วังเก่า #ว่างว่างก็แวะมา #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 140 0 รีวิว
  • บทบรรณาธิการซินหัวชี้กฎหมายของฟิลิปปินส์ทำให้สถานการณ์ในทะเลจีนใต้ซับซ้อนขึ้น

    10 พฤศจิกายน 2567 -รายงานข่าวซินหัวระบุว่า ฟิลิปปินส์ก่อปัญหาอีกครั้งด้วยการตรากฎหมายในประเทศ 2 ฉบับ ซึ่งละเมิดอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนและสิทธิทางทะเลและผลประโยชน์ของจีนในทะเลจีนใต้ ทำให้เกิดการประณามอย่างรุนแรงและการประท้วงจากปักกิ่งอย่างรุนแรง

    กฎหมายที่เรียกว่า "เขตน่านน้ำทางทะเลของฟิลิปปินส์" ได้รวมเกาะหวงหยานของจีน เกาะและแนวปะการังส่วนใหญ่ในหนานซา คุนเต่าของจีน และน่านน้ำที่เกี่ยวข้องเข้าไปในเขตน่านน้ำทางทะเลของฟิลิปปินส์โดยผิดกฎหมาย ส่วนต่างๆ ของ "กฎหมายเส้นทางเดินเรือหมู่เกาะฟิลิปปินส์" ไม่สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศและมติขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ

    ฟิลิปปินส์กลายเป็นผู้แสวงหาผลประโยชน์และใช้ประโยชน์จากกฎหมายระหว่างประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ โดยอ้างว่าเป็นพันธมิตรกับฟิลิปปินส์ และเป็นผู้ก่อปัญหาและผู้ทำลายสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค

    การอ้างคำตัดสินที่ผิดกฎหมายของอนุญาโตตุลาการทะเลจีนใต้เป็นพื้นฐานของกฎหมาย การเคลื่อนไหวล่าสุดของมะนิลาเพียงแค่ซ้ำเติมความผิดพลาดของตนในการทำให้การเรียกร้องทางทะเลที่ผิดกฎหมายของตนมีความชอบธรรม โดยเสี่ยงต่อการเพิ่มความตึงเครียดในภูมิภาคอย่างรุนแรง คำตัดสินที่เรียกว่าอนุญาโตตุลาการทะเลจีนใต้เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายและเป็นโมฆะ คณะอนุญาโตตุลาการได้พิจารณาคดีนี้โดยเกินขอบเขตอำนาจหน้าที่และตัดสินให้คำตัดสินบิดเบือนกฎหมาย ดังนั้น คำตัดสินดังกล่าวจึงละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล (UNCLOS)

    กระบวนการอนุญาโตตุลาการทั้งหมดเป็นเรื่องตลกทางการเมืองโดยสิ้นเชิง จีนไม่ยอมรับหรือมีส่วนร่วมในการอนุญาโตตุลาการ และจีนก็ไม่ยอมรับหรือรับรองคำตัดสินดังกล่าว กฎหมายที่เรียกว่าของฟิลิปปินส์พยายามที่จะกำหนดให้คำตัดสินที่ผิดกฎหมายของอนุญาโตตุลาการทะเลจีนใต้เป็นกฎหมายในประเทศ จีนจะไม่ยอมรับการเรียกร้องหรือการดำเนินการใดๆ ที่อิงตามคำตัดสินดังกล่าว

    โดยพื้นฐานแล้ว กฎหมายเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การออกกฎหมายเท่านั้น แต่เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองของฝ่ายฟิลิปปินส์เพื่อบรรลุเป้าหมายการขยายดินแดนและเพื่อผลประโยชน์ทางภูมิรัฐศาสตร์ของประเทศภายนอกบางประเทศ การเคลื่อนไหวที่ไร้ความรอบคอบของมะนิลาถือเป็นการละเมิดปฏิญญาว่าด้วยการปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้โดยเจตนา

    ผลกระทบเชิงลบของกฎหมายเหล่านี้มีให้เห็นอย่างชัดเจนและอาจเกิดขึ้นในระยะยาว นอกจากนี้ยังส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีและสันติภาพในภูมิภาคอีกด้วย หากมะนิลาดำเนินการใดๆ ตามกฎหมายทั้งสองฉบับนี้ ก็จะส่งผลให้เกิดเหตุการณ์เผชิญหน้ากันมากขึ้น การนำกฎหมายเหล่านี้มาใช้จะทำให้ข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ทวีความรุนแรงขึ้น และจำกัดพื้นที่ในการแก้ไขข้อพิพาทผ่านการเจรจาและปรึกษาหารือระหว่างทั้งสองประเทศ

    อำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนของจีน สิทธิทางทะเล และผลประโยชน์ในทะเลจีนใต้มีรากฐานที่มั่นคงในประวัติศาสตร์และกฎหมาย สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึง UNCLOS และจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากการบังคับใช้กฎหมายของมะนิลา

    จีนมุ่งมั่นที่จะจัดการปัญหาทางทะเลกับฟิลิปปินส์อย่างเหมาะสมผ่านการเจรจาและปรึกษาหารือ อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ของฟิลิปปินส์ในการส่งไวน์และขายน้ำส้มสายชูเพื่อบิดเบือนกฎหมายทางทะเลและละเมิดอำนาจอธิปไตยของผู้อื่นนั้นต้องถูกปฏิเสธ ในการเจรจาครั้งก่อน ฟิลิปปินส์
    ตกลงที่จะรักษาสถานการณ์ทางทะเลและความสัมพันธ์ทวิภาคีโดยรวมให้มั่นคงโดยร่วมมือกับจีน อย่างไรก็ตาม การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวบ่งชี้ว่าฟิลิปปินส์ทำสิ่งต่างๆ ในทิศทางตรงกันข้าม

    การละเมิดโดยเจตนาและการยั่วยุที่ไม่สมเหตุสมผลต่อจีนจะส่งผลให้ผู้ริเริ่มยิงเท้าตัวเอง จีนจะดำเนินการที่เหมาะสมและมาตรการตอบโต้ที่ถูกต้องเพื่อปกป้องสิทธิของตน

    https://english.news.cn/20241110/7bf252deefff4b06a0de32134db5406e/c.html

    #Thaitimes
    บทบรรณาธิการซินหัวชี้กฎหมายของฟิลิปปินส์ทำให้สถานการณ์ในทะเลจีนใต้ซับซ้อนขึ้น 10 พฤศจิกายน 2567 -รายงานข่าวซินหัวระบุว่า ฟิลิปปินส์ก่อปัญหาอีกครั้งด้วยการตรากฎหมายในประเทศ 2 ฉบับ ซึ่งละเมิดอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนและสิทธิทางทะเลและผลประโยชน์ของจีนในทะเลจีนใต้ ทำให้เกิดการประณามอย่างรุนแรงและการประท้วงจากปักกิ่งอย่างรุนแรง กฎหมายที่เรียกว่า "เขตน่านน้ำทางทะเลของฟิลิปปินส์" ได้รวมเกาะหวงหยานของจีน เกาะและแนวปะการังส่วนใหญ่ในหนานซา คุนเต่าของจีน และน่านน้ำที่เกี่ยวข้องเข้าไปในเขตน่านน้ำทางทะเลของฟิลิปปินส์โดยผิดกฎหมาย ส่วนต่างๆ ของ "กฎหมายเส้นทางเดินเรือหมู่เกาะฟิลิปปินส์" ไม่สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศและมติขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ ฟิลิปปินส์กลายเป็นผู้แสวงหาผลประโยชน์และใช้ประโยชน์จากกฎหมายระหว่างประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ โดยอ้างว่าเป็นพันธมิตรกับฟิลิปปินส์ และเป็นผู้ก่อปัญหาและผู้ทำลายสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค การอ้างคำตัดสินที่ผิดกฎหมายของอนุญาโตตุลาการทะเลจีนใต้เป็นพื้นฐานของกฎหมาย การเคลื่อนไหวล่าสุดของมะนิลาเพียงแค่ซ้ำเติมความผิดพลาดของตนในการทำให้การเรียกร้องทางทะเลที่ผิดกฎหมายของตนมีความชอบธรรม โดยเสี่ยงต่อการเพิ่มความตึงเครียดในภูมิภาคอย่างรุนแรง คำตัดสินที่เรียกว่าอนุญาโตตุลาการทะเลจีนใต้เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายและเป็นโมฆะ คณะอนุญาโตตุลาการได้พิจารณาคดีนี้โดยเกินขอบเขตอำนาจหน้าที่และตัดสินให้คำตัดสินบิดเบือนกฎหมาย ดังนั้น คำตัดสินดังกล่าวจึงละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล (UNCLOS) กระบวนการอนุญาโตตุลาการทั้งหมดเป็นเรื่องตลกทางการเมืองโดยสิ้นเชิง จีนไม่ยอมรับหรือมีส่วนร่วมในการอนุญาโตตุลาการ และจีนก็ไม่ยอมรับหรือรับรองคำตัดสินดังกล่าว กฎหมายที่เรียกว่าของฟิลิปปินส์พยายามที่จะกำหนดให้คำตัดสินที่ผิดกฎหมายของอนุญาโตตุลาการทะเลจีนใต้เป็นกฎหมายในประเทศ จีนจะไม่ยอมรับการเรียกร้องหรือการดำเนินการใดๆ ที่อิงตามคำตัดสินดังกล่าว โดยพื้นฐานแล้ว กฎหมายเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การออกกฎหมายเท่านั้น แต่เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองของฝ่ายฟิลิปปินส์เพื่อบรรลุเป้าหมายการขยายดินแดนและเพื่อผลประโยชน์ทางภูมิรัฐศาสตร์ของประเทศภายนอกบางประเทศ การเคลื่อนไหวที่ไร้ความรอบคอบของมะนิลาถือเป็นการละเมิดปฏิญญาว่าด้วยการปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้โดยเจตนา ผลกระทบเชิงลบของกฎหมายเหล่านี้มีให้เห็นอย่างชัดเจนและอาจเกิดขึ้นในระยะยาว นอกจากนี้ยังส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีและสันติภาพในภูมิภาคอีกด้วย หากมะนิลาดำเนินการใดๆ ตามกฎหมายทั้งสองฉบับนี้ ก็จะส่งผลให้เกิดเหตุการณ์เผชิญหน้ากันมากขึ้น การนำกฎหมายเหล่านี้มาใช้จะทำให้ข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ทวีความรุนแรงขึ้น และจำกัดพื้นที่ในการแก้ไขข้อพิพาทผ่านการเจรจาและปรึกษาหารือระหว่างทั้งสองประเทศ อำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนของจีน สิทธิทางทะเล และผลประโยชน์ในทะเลจีนใต้มีรากฐานที่มั่นคงในประวัติศาสตร์และกฎหมาย สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึง UNCLOS และจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากการบังคับใช้กฎหมายของมะนิลา จีนมุ่งมั่นที่จะจัดการปัญหาทางทะเลกับฟิลิปปินส์อย่างเหมาะสมผ่านการเจรจาและปรึกษาหารือ อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ของฟิลิปปินส์ในการส่งไวน์และขายน้ำส้มสายชูเพื่อบิดเบือนกฎหมายทางทะเลและละเมิดอำนาจอธิปไตยของผู้อื่นนั้นต้องถูกปฏิเสธ ในการเจรจาครั้งก่อน ฟิลิปปินส์ ตกลงที่จะรักษาสถานการณ์ทางทะเลและความสัมพันธ์ทวิภาคีโดยรวมให้มั่นคงโดยร่วมมือกับจีน อย่างไรก็ตาม การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวบ่งชี้ว่าฟิลิปปินส์ทำสิ่งต่างๆ ในทิศทางตรงกันข้าม การละเมิดโดยเจตนาและการยั่วยุที่ไม่สมเหตุสมผลต่อจีนจะส่งผลให้ผู้ริเริ่มยิงเท้าตัวเอง จีนจะดำเนินการที่เหมาะสมและมาตรการตอบโต้ที่ถูกต้องเพื่อปกป้องสิทธิของตน https://english.news.cn/20241110/7bf252deefff4b06a0de32134db5406e/c.html #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 258 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพประวัติศาสตร์!

    ฟายยาด อัล รูไวลี (Fayyadh Al Ruwaili) ผู้บัญชาการกองทัพซาอุดีอาระเบีย พบกับ โมฮัมหมัด บาเกรี (Mohammad Bagheri) ผู้บัญชาการกองทัพอิหร่าน ในวันนี้ ณ กรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน
    ภาพประวัติศาสตร์! ฟายยาด อัล รูไวลี (Fayyadh Al Ruwaili) ผู้บัญชาการกองทัพซาอุดีอาระเบีย พบกับ โมฮัมหมัด บาเกรี (Mohammad Bagheri) ผู้บัญชาการกองทัพอิหร่าน ในวันนี้ ณ กรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • #Bitcoin กำลังซื้อขายสูงกว่า ๘๐,๐๐๐ ดอลลาร์ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

    ปัจจุบัน Bitcoin มีมูลค่าตลาดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ ๑.๕๗ ล้านล้านดอลลาร์
    .
    BREAKING: #Bitcoin is now trading above $80,000 for the first time in history.

    Bitcoin now has a record high market cap of $1.57 TRILLION.
    .
    7:56 PM · Nov 10, 2024 · 168.8K Views
    https://x.com/KobeissiLetter/status/1855595305346937264
    #Bitcoin กำลังซื้อขายสูงกว่า ๘๐,๐๐๐ ดอลลาร์ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ปัจจุบัน Bitcoin มีมูลค่าตลาดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ ๑.๕๗ ล้านล้านดอลลาร์ . BREAKING: #Bitcoin is now trading above $80,000 for the first time in history. Bitcoin now has a record high market cap of $1.57 TRILLION. . 7:56 PM · Nov 10, 2024 · 168.8K Views https://x.com/KobeissiLetter/status/1855595305346937264
    Wow
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • "มหากาพย์ไมดาน จุดเริ่มต้นของสงครามตัวแทนและ Hybrid War" ตอนที่ 1
    ล้างแค้น 30 ปีก็ไม่สาย ลูกผู้ชายชื่อปูตินตั้งสัจจะเอาไว้ว่าตราบใดที่รัสเซียยังไม่กินอิ่มนอนอุ่น ตราบนั้นโลกตะวันตกจงอย่าได้ย่างกรายมาเพ่นพ่านแถวขอบรั้วรัสเซีย
    ***เนื้อหานำเสนออีกด้านหนึ่งของข้อมูล ส่วนจะเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่นั้น? โปรดพิจารณาเอาเอง สมองใครสมองมัน ไม่ต้องมาเถียงกับผม ผมไม่มีเวลาเถียงด้วย จะเชื่อหรือไม่เชื่อเงินในบัญชีผมก็เท่าเดิม คือร้อยกว่าบาท 555 ฉะนั้นผมไม่แคร์ว่าจะมีใครเชื่อ
    ***เนื้อหาทั้งหมดผมแคปมาจากสารคดีซึ่งผลิตโดยช่องข่าว RT ของรัสเซีย และช่อง RUPTLY ซึ่งผมไม่มีส่วนได้เสียในการสร้าง การนำเสนอ นอกจากชี้ให้เห็นอีกแง่มุมหนึ่ง และขอให้คนไทยเรียนรู้และปรับใช้เพื่อเอาชาติให้รอด ใครชังชาติ...จะปล่อยชาติล่มจมก็ไม่ควรอ่าน เสียเวลาคุณ คุณควรเอาเวลาไปบ่อนทำลายชาติจะตรงจุดประสงค์คุณมากกว่า
    ***เนื้อหาเรียงลำดับตามที่ปรากฏในสารคดี ซึ่งเมื่อลดทอนเป็นเพียงภาพบางช่วง อาจจะไม่สามารถเล่าเรื่องทั้งหมด หรือเข้าถึงอารมณ์ ความรู้สึกได้ ต้องขออภัยไว้ก่อน หากทาง RT อนุญาต ผมจะนำ VDO ชุดนี้มาเผยแพร่ต่อไป
    ***การรับชม คลิกที่รูปภาพ เนื้อหาอยู่ในคำบรรยายแต่ละภาพเรียงลำดับกันไป
    ผมไม่อยากบอกว่า "ขอให้สนุก" เพราะเนื้อหามันสะเทือนใจและตรงกับความจริงหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทยที่คนไทยถูกยุแยงให้แตกแยกทางความคิด เราเชื่อกันคนละอย่างและนำไปสู่ความเกลียดชังสุดขั้ว
    ไทยเรากำลังอยู่บนปากเหวอย่างเช่นที่อูเครนเคยอยู่มาก่อน...เชื่อผมเถอะ!
    "มหากาพย์ไมดาน จุดเริ่มต้นของสงครามตัวแทนและ Hybrid War" ตอนที่ 1 ล้างแค้น 30 ปีก็ไม่สาย ลูกผู้ชายชื่อปูตินตั้งสัจจะเอาไว้ว่าตราบใดที่รัสเซียยังไม่กินอิ่มนอนอุ่น ตราบนั้นโลกตะวันตกจงอย่าได้ย่างกรายมาเพ่นพ่านแถวขอบรั้วรัสเซีย ***เนื้อหานำเสนออีกด้านหนึ่งของข้อมูล ส่วนจะเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่นั้น? โปรดพิจารณาเอาเอง สมองใครสมองมัน ไม่ต้องมาเถียงกับผม ผมไม่มีเวลาเถียงด้วย จะเชื่อหรือไม่เชื่อเงินในบัญชีผมก็เท่าเดิม คือร้อยกว่าบาท 555 ฉะนั้นผมไม่แคร์ว่าจะมีใครเชื่อ ***เนื้อหาทั้งหมดผมแคปมาจากสารคดีซึ่งผลิตโดยช่องข่าว RT ของรัสเซีย และช่อง RUPTLY ซึ่งผมไม่มีส่วนได้เสียในการสร้าง การนำเสนอ นอกจากชี้ให้เห็นอีกแง่มุมหนึ่ง และขอให้คนไทยเรียนรู้และปรับใช้เพื่อเอาชาติให้รอด ใครชังชาติ...จะปล่อยชาติล่มจมก็ไม่ควรอ่าน เสียเวลาคุณ คุณควรเอาเวลาไปบ่อนทำลายชาติจะตรงจุดประสงค์คุณมากกว่า ***เนื้อหาเรียงลำดับตามที่ปรากฏในสารคดี ซึ่งเมื่อลดทอนเป็นเพียงภาพบางช่วง อาจจะไม่สามารถเล่าเรื่องทั้งหมด หรือเข้าถึงอารมณ์ ความรู้สึกได้ ต้องขออภัยไว้ก่อน หากทาง RT อนุญาต ผมจะนำ VDO ชุดนี้มาเผยแพร่ต่อไป ***การรับชม คลิกที่รูปภาพ เนื้อหาอยู่ในคำบรรยายแต่ละภาพเรียงลำดับกันไป ผมไม่อยากบอกว่า "ขอให้สนุก" เพราะเนื้อหามันสะเทือนใจและตรงกับความจริงหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทยที่คนไทยถูกยุแยงให้แตกแยกทางความคิด เราเชื่อกันคนละอย่างและนำไปสู่ความเกลียดชังสุดขั้ว ไทยเรากำลังอยู่บนปากเหวอย่างเช่นที่อูเครนเคยอยู่มาก่อน...เชื่อผมเถอะ!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/SBLNIE5hsEg?si=T8Os0blDAonW_Tes
    ประวัติศาสตร์ชาติอเมริกา...พฤติกรรมเหมือนตั๊กแตนย้ายถิ่นฐาน กัดกินทรัพยากร และทำลายไปเรื่อยๆ
    https://youtu.be/SBLNIE5hsEg?si=T8Os0blDAonW_Tes ประวัติศาสตร์ชาติอเมริกา...พฤติกรรมเหมือนตั๊กแตนย้ายถิ่นฐาน กัดกินทรัพยากร และทำลายไปเรื่อยๆ
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขนลุก! อัยการชี้ "ทนายตั้ม" เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่โดนแจ้งข้อหานี้! (10/11/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ฟอกเงิน #ร่วมกันฟอกเงิน #หมายจับทนายตั้ม #ฉ้อโกงอันเป็นปกติธุระ
    ขนลุก! อัยการชี้ "ทนายตั้ม" เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่โดนแจ้งข้อหานี้! (10/11/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ฟอกเงิน #ร่วมกันฟอกเงิน #หมายจับทนายตั้ม #ฉ้อโกงอันเป็นปกติธุระ
    Like
    Haha
    Love
    Angry
    24
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1038 มุมมอง 782 0 รีวิว
  • TikTok@wang.gao7 #วังเก่า #พระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร #พระบรมราชวัง #ประวัติศาสตร์ #ไทย #ว่างว่างก็แวะมา #Thaitimes
    TikTok@wang.gao7 #วังเก่า #พระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร #พระบรมราชวัง #ประวัติศาสตร์ #ไทย #ว่างว่างก็แวะมา #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 315 มุมมอง 228 0 รีวิว
  • หัวอกเดียวกัน!
    "ฮิลลารี คลินตัน" และ "คามาลา แฮร์ริส" ที่พ่ายแพ้ให้กับ โดนัลด์ ทรัมป์ ทั้งคู่ อดเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐ
    หัวอกเดียวกัน! "ฮิลลารี คลินตัน" และ "คามาลา แฮร์ริส" ที่พ่ายแพ้ให้กับ โดนัลด์ ทรัมป์ ทั้งคู่ อดเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ลอยกระทงสุโขทัย๒๕๖๗

    เริ่มแล้ว...
    งานประเพณีลอยกระทง
    เผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย ประจำปี ๒๕๖๗
    จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๘ - ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
    (การแสดงวันที่ ๘ - ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๗)
    ณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
    เมืองเก่าสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย

    จองรอบการแสดงได้ที่
    https://m.thaiticketmajor.com/performance/ngaan-loi-gra-tong-pao-tiian-len-fai-jang-wat-su-koh-tai-2566.html

    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
    ● โทรศัพท์ ๐๖๑-๒๒๖๖๖๕๔, ๐๒-๒๖๒๓๔๕๖
    ● ID Line: @LS2023 หรือ https://lin.ee/9dQFNbz หรือสแกน QR CODE ในข้อความความคิดเห็นแรก
    #ลอยกระทงสุโขทัย๒๕๖๗ เริ่มแล้ว... งานประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย ประจำปี ๒๕๖๗ จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๘ - ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ (การแสดงวันที่ ๘ - ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๗) ณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เมืองเก่าสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย จองรอบการแสดงได้ที่ https://m.thaiticketmajor.com/performance/ngaan-loi-gra-tong-pao-tiian-len-fai-jang-wat-su-koh-tai-2566.html สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ● โทรศัพท์ ๐๖๑-๒๒๖๖๖๕๔, ๐๒-๒๖๒๓๔๕๖ ● ID Line: @LS2023 หรือ https://lin.ee/9dQFNbz หรือสแกน QR CODE ในข้อความความคิดเห็นแรก
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพยนตร์ 2475 จากหนังสู่การ์ตูน

    แม้ว่าภาพยนตร์แอนิเมชัน 2475 Dawn of Revolution รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ จะมียอดผู้ชมกว่า 1.2 ล้านครั้ง หลังเผยแพร่ในยูทูบเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2567 แต่ความตั้งใจที่ต้องการทำให้ผลงานสมบูรณ์แบบมากขึ้น นำมาซึ่งหนังสือการ์ตูนหนา 488 หน้า ปกแข็ง พิมพ์สี่สีทั้งเล่ม โดยได้จัดงานเปิดตัวที่คลิคเอ็กซ์ สามย่าน ศูนย์การค้าแอมพาร์ค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2567 ที่ผ่านมา

    ซัง วิวัธน์ จิโรจน์กุล ผู้กำกับภาพยนตร์ กล่าวถึงที่มาของหนังสือการ์ตูนว่า ต้องการเพิ่มเติมเนื้อหาที่ไม่มีในภาพยนตร์ ด้วยข้อจำกัดที่หลายฉากไม่ได้ใส่เข้าไป หรือหาทางแก้ไขยาก อีกทั้งเห็นว่าหนังสืออยู่ได้นับร้อยปีในห้องสมุดโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ แม้จะมีผู้ชมภาพยนตร์จำนวนมาก แต่รายได้จากยูทูบเล็กน้อยเมื่อเทียบกับที่ลงทุนกว่า 20 ล้านบาท จึงเป็นอีกทางเลือกที่จะเป็นรายได้ให้ผู้สร้างภาพยนตร์และทีมงาน

    "ระหว่างทำแอนิเมชัน เราเคยคิดเรื่องการดัดแปลงเป็นหนังสือการ์ตูน แต่ภาพยังไม่ค่อยชัดมาก ตอนนั้นคิดแค่ว่าเอาแอนิเมชันให้จบก่อน พอจบแล้วเสียงตอบรับดี เนื้อหาของเรื่องมันได้ บทที่ใส่ไปในเรื่องมันพร้อมที่จะทำ คิดว่าถ้ามันประสบผลสำเร็จ ก็จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะเป็นรายได้ให้กับพวกเราด้วย แต่ผมก็ไม่อยากที่จะให้หนังสือมันแพงมาก ผมต้องการให้หนังสือมีคุณค่า ผมจึงทำเป็นปกแข็งและทำสี่สีทั้งเล่ม"

    หนังสือการ์ตูนดังกล่าวใช้เวลาจัดทำ 4 เดือน ถือว่าเร็วเมื่อเทียบกับการวาดการ์ตูนใหม่ทั้งหมด ฉากไหนไม่สมบูรณ์ก็นำมาวาดเพิ่ม โดยได้ เก่ง สุทธิ บุญมนัส วาดการ์ตูนและวางโครงเรื่องแบบการ์ตูนญี่ปุ่น ย่อยเนื้อหาให้เข้าใจง่าย อ่านได้ทุกวัยโดยเฉพาะเด็ก เป็นอีกสื่อการสอนแก่ครูสอนวิชาประวัติศาตร์และสังคมศึกษา ที่ช่วยให้นักเรียนเข้าใจประวัติศาสตร์มากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยความผิดพลาดในอดีต

    สิ่งที่ซัง วิวัธน์ภูมิใจมากที่สุด คือ เด็กอ่านแล้วรู้เรื่อง อ่านแล้วสนุก มีผู้ปกครองรายหนึ่งส่งรูปมาให้ดูว่าลูกชาย ป.5 นั่งอ่านการ์ตูนโดยที่วางไม่ลง รู้สึกหายเหนื่อยในสิ่งที่ทำมาได้ประโยชน์จริง ซึ่งความตั้งใจก็คือทำให้ผลงานมีประโยชน์กับสังคม สามารถคลี่คลายความขัดแย้ง ตั้งใจว่ายังมีหลายเรื่องที่เด็กๆ ควรรู้ว่าบูรพกษัตริย์ทรงมีพระปรีชาสามารถอย่างไร ทำไมประเทศไทยต้องมีสถาบันฯ ถ้าเด็กๆ รู้รากที่มาที่ไป จะเป็นคนที่รากแข็งแรงและหยัดยืนเติบโตได้

    สำหรับหนังสือการ์ตูน 2475 Dawn of Revolution ราคาเล่มละ 555 บาท สั่งซื้อได้ที่เฟซบุ๊ก 2475 Dawn of Revolution

    #Newskit #2475animation #24มิถุนา
    ภาพยนตร์ 2475 จากหนังสู่การ์ตูน แม้ว่าภาพยนตร์แอนิเมชัน 2475 Dawn of Revolution รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ จะมียอดผู้ชมกว่า 1.2 ล้านครั้ง หลังเผยแพร่ในยูทูบเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2567 แต่ความตั้งใจที่ต้องการทำให้ผลงานสมบูรณ์แบบมากขึ้น นำมาซึ่งหนังสือการ์ตูนหนา 488 หน้า ปกแข็ง พิมพ์สี่สีทั้งเล่ม โดยได้จัดงานเปิดตัวที่คลิคเอ็กซ์ สามย่าน ศูนย์การค้าแอมพาร์ค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2567 ที่ผ่านมา ซัง วิวัธน์ จิโรจน์กุล ผู้กำกับภาพยนตร์ กล่าวถึงที่มาของหนังสือการ์ตูนว่า ต้องการเพิ่มเติมเนื้อหาที่ไม่มีในภาพยนตร์ ด้วยข้อจำกัดที่หลายฉากไม่ได้ใส่เข้าไป หรือหาทางแก้ไขยาก อีกทั้งเห็นว่าหนังสืออยู่ได้นับร้อยปีในห้องสมุดโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ แม้จะมีผู้ชมภาพยนตร์จำนวนมาก แต่รายได้จากยูทูบเล็กน้อยเมื่อเทียบกับที่ลงทุนกว่า 20 ล้านบาท จึงเป็นอีกทางเลือกที่จะเป็นรายได้ให้ผู้สร้างภาพยนตร์และทีมงาน "ระหว่างทำแอนิเมชัน เราเคยคิดเรื่องการดัดแปลงเป็นหนังสือการ์ตูน แต่ภาพยังไม่ค่อยชัดมาก ตอนนั้นคิดแค่ว่าเอาแอนิเมชันให้จบก่อน พอจบแล้วเสียงตอบรับดี เนื้อหาของเรื่องมันได้ บทที่ใส่ไปในเรื่องมันพร้อมที่จะทำ คิดว่าถ้ามันประสบผลสำเร็จ ก็จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะเป็นรายได้ให้กับพวกเราด้วย แต่ผมก็ไม่อยากที่จะให้หนังสือมันแพงมาก ผมต้องการให้หนังสือมีคุณค่า ผมจึงทำเป็นปกแข็งและทำสี่สีทั้งเล่ม" หนังสือการ์ตูนดังกล่าวใช้เวลาจัดทำ 4 เดือน ถือว่าเร็วเมื่อเทียบกับการวาดการ์ตูนใหม่ทั้งหมด ฉากไหนไม่สมบูรณ์ก็นำมาวาดเพิ่ม โดยได้ เก่ง สุทธิ บุญมนัส วาดการ์ตูนและวางโครงเรื่องแบบการ์ตูนญี่ปุ่น ย่อยเนื้อหาให้เข้าใจง่าย อ่านได้ทุกวัยโดยเฉพาะเด็ก เป็นอีกสื่อการสอนแก่ครูสอนวิชาประวัติศาตร์และสังคมศึกษา ที่ช่วยให้นักเรียนเข้าใจประวัติศาสตร์มากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยความผิดพลาดในอดีต สิ่งที่ซัง วิวัธน์ภูมิใจมากที่สุด คือ เด็กอ่านแล้วรู้เรื่อง อ่านแล้วสนุก มีผู้ปกครองรายหนึ่งส่งรูปมาให้ดูว่าลูกชาย ป.5 นั่งอ่านการ์ตูนโดยที่วางไม่ลง รู้สึกหายเหนื่อยในสิ่งที่ทำมาได้ประโยชน์จริง ซึ่งความตั้งใจก็คือทำให้ผลงานมีประโยชน์กับสังคม สามารถคลี่คลายความขัดแย้ง ตั้งใจว่ายังมีหลายเรื่องที่เด็กๆ ควรรู้ว่าบูรพกษัตริย์ทรงมีพระปรีชาสามารถอย่างไร ทำไมประเทศไทยต้องมีสถาบันฯ ถ้าเด็กๆ รู้รากที่มาที่ไป จะเป็นคนที่รากแข็งแรงและหยัดยืนเติบโตได้ สำหรับหนังสือการ์ตูน 2475 Dawn of Revolution ราคาเล่มละ 555 บาท สั่งซื้อได้ที่เฟซบุ๊ก 2475 Dawn of Revolution #Newskit #2475animation #24มิถุนา
    Like
    Love
    16
    0 ความคิดเห็น 3 การแบ่งปัน 371 มุมมอง 0 รีวิว
  • โฉมหน้าเจ้าตัวร้าย
    “กฤษฎีกากัมพูชา 1972”
    รุกล้ำอธิปไตยเกาะ/น่านน้ำไทย !
    ________
    .
    ใครที่บอกว่ากัมพูชาไม่เคย ”พูด“ อ้างกรรมสิทธิเหนือเกาะกูด และบรรดาคนไทยที่นำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นคือพวกคลั่งชาติ ลองพิจารณาอ่านเรื่องนี้สักนิด…
    .
    กัมพูชาอาจจะไม่เคย ”พูด“ อย่างเป็นทางการในนามรัฐบาล ไม่ว่าในยุคไหนระบอบอะไร แต่กัมพูชาลงมือ “ทำ” เลยอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเมื่อ 52 ปีก่อนในช่วงสั้น ๆ ของรัฐบาลระบอบสาธารณรัฐ
    .
    และ “ผลแห่งการกระทำ” นั้นยังคงอยู่ !
    .
    “กฤษฎีกาที่ 439/72/PRK กำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย ค.ศ. 1972”
    .
    วันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1972
    .
    จอมพลลอนนอลลงนามในฐานะประธานาธิบดีสาธารณรัฐกัมพูชา หลังรัฐประหารโค่นล้มระบอบกษัตริย์ 2 ปี และก่อนพนมเปญแตกพ่ายแพ้ต่อคอมมิวนิสต์เขมรแดง 3 ปี
    .
    สารัตถะสำคัญอยู่ในมาตราแรก (Article Premier) ผมสรุปมาจากที่ดร.ประจิตต์ โรจนพฤกษ์เขียนไว้ในบทความของท่านเมื่อปี 2554 รวมทั้งการเสวนาที่สยามสมาคมในปีเดียวกันนั้น
    .
    วรรคแรกเป็นการอ้างฐานทางกฎหมาย
    .
    (1) อนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีปลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958
    .
    (2) สนธิสัญญาสยามฝรั่งเศสลงวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1907 และ…
    .
    (3) บันทึกการปักปันเขตแดนสยามฝรั่งเศสลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1908 รวมทั้ง…
    .
    (4) แผนที่เดินเรือของฝรั่งเศส 1972 มาตราส่วน 1:1,096,000
    .
    กฤษฎีกา 1972 ระบุพิกัดของเขตไหล่ทวีปตามจุดอ้างอิงที่เกี่ยวกับ “เกาะกูด” รวมทั้ง “ทะเลอาณาเขต(ของไทย)“ โดยตรง
    .
    โดยในวรรคสอง (ย่อหน้าล่างสุดของกฤษฎีกาหน้าแรก) กล่าวว่าได้มีการปักปันเขตไหล่ทวีประหว่างไทยกับฝรั่งเศสแล้ว โดยทางทิศเหนือ ใช้เส้นตรงเชื่อมจุดชายแดนแผ่นดินที่จุด “A” (ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นที่ตั้งหลักเขตที่ 73) มายังจุดสูงสุดบนเกาะกูดที่เรียกว่าจุด “S” (ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นการอ้างอิงจากหนังสือแนบท้ายสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 ข้อ 1) และลากต่อออกทะเลไปยังกึ่งกลางอ่าวไทยที่เรียกว่าจุด “P”
    .
    โดยในตารางท้ายมาตราแรก (อยู่ตอนต้นของกฤษฎีกาหน้า 2) ได้กำหนดรายละเอียดของจุด “A“ และ “P” ไว้
    .
    จุด ”A” คือจุดใต้สุดของการแบ่งเขตแดนทางบกตามสนธิสัญญาค.ศ. 1907 ก็คือหลักเขตที่ 73 นั่นเอง
    .
    จุด “P” กึ่งกลางอ่าวไทยนั้น กฤษฎีการะบุว่าเป็นจุดมัธยะ (หรือกึ่งกลาง) ระหว่างไหล่ทวีปของกัมพูชากับไทย
    .
    มาตราแรกโดยเฉพาะวรรคสองนี่แหละ “เท็จ” โดยสิ้นเชิง
    .
    เพราะไม่เคยมีการปักปันเขตแดนทางทะเลระหว่างสยามกับอินโดจีนของฝรั่งเศสกันมาก่อน โดยเฉพาะในช่วงค.ศ. 1907 หรือ 1908 ไม่เคยมีสนธิสัญญาเกี่ยวกับการนี้ ประวัติศาสตร์ฉบับไหนก็ไม่เคยระบุ กฎหมายระหว่างประเทศหรือกฎเกณฑ์เกี่ยวกับอาณาเขตทางทะเลที่นานาชาติยึดถือกันเมื่อ 127 ปีก่อนก็ต่างกับปัจจุบัน ยุคนั้นยังไม่มีสิ่งที่นานาชาติกำหนดอาณาเขตทางทะเลขึ้นมาให้รัฐชายฝั่งมีสิทธิอธิปไตยเหนือแล้วเรียกว่า “ไหล่ทวีป” เสียด้วยซ้ำ ไม่มีเขตต่อเนื่อง ไม่มีเขตเศรษฐกิจจำเพาะ มีแค่ทะเลอาณาเขตระยะ 3 ไมล์ทะเลจากชายฝั่ง พ้นออกมาเป็นเขตทะเลหลวงที่เป็นเขตทะเลเสรีไม่มีประเทศใดมีสิทธิถือครองเป็นเจ้าของได้
    .
    แต่สมมติแม้จะยึดกฎเกณฑ์ในยุคสมัยค.ศ. 1907 หากจะปักปันเขตแดนทางทะเลกัน การขีดเส้นแนว “A-S-P” เป็นอาณาเขตทางทะเลของอินโดจีนฝรั่งเศสก็ไม่ถูกและไม่มีกฎเกณฑ์ใดรองรับอยู่ดี เพราะระยะทางจากชายฝั่งถึงเกาะกูดประมาณ 19 ไมล์ทะเล เกิน 3 ไมล์ทะเลตั้งเยอะ อินโดจีนฝรั่งเศสจะไปถือสิทธิครอบครองเขตทะเลหลวงได้อย่างไร
    .
    การจงใจระบุพิกัดเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาเมื่อค.ศ. 1972 เช่นนี้คือการกระทำที่ละเมิดอธิปไตยไทยเหนือเกาะกูด ทั้งตัวเกาะ และทะเลอาณาเขต
    .
    ดร.ประจิตต์ โรจนพฤกษ์ กล่าวไว้ในงานเขียนของท่านว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการแบ่งเขตไหล่ทวีปโดยเส้นผ่าเกาะกูดซึ่งเป็นดินแดนทางบก เพราะไหล่ทวีปหมายถึงพื้นดินใต้ทะเลและใต้พื้นดินใต้ทะเล
    .
    ดังนั้น โอกาสที่แนว “A-S-P” จะถูกต้องมีอยู่เงื่อนไขเดียวเท่านั้น…
    .
    คือตัวเกาะกูดต้องเป็นของกัมพูชาครึ่งหนึ่ง !
    .
    ขอย้ำอีกครั้งว่า แนว “A-S-P” อันเป็นเส้นเขตไหล่ทวีปด้านเหนือของกัมพูชาตามกฤษฎีกา 1972 จะถูกต้องก็ต่อเมื่อตัวเกาะกูดเป็นของกัมพูชาครึ่งหนึ่งเท่านั้น !!
    .
    แล้วประเทศไทยผู้ถูกรุกล้ำอธิปไตยจะ “ยอมรับ” ได้อย่างไร ?
    .
    แม้จะไม่ใช่การยอมรับใน “ความถูกต้อง” แค่ยอมรับ “การมีอยู่”, “การคงอยู่” เพื่อเป็นเพียง “กรอบ” ในการ “เจรจาเรื่องอื่น” ก็เถอะ !!
    .
    ตรงนี้จำเป็นต้องมีการพูดถึงแผนที่หรือแผนผัง 2 (+1) ฉบับที่นำมาลงเป็นภาพประกอบไว้
    .
    ฉบับที่ 1 คือแผนที่เดินเรือฝรั่งเศสที่ใช้แนบท้ายกฤษฎีกา 1972 ไม่ได้มีการเขียนลากเส้นบนแผนที่พาดผ่านตัวเกาะกูดโดยตรง หากแต่ลากเป็นเส้นตรงออกมาจากชายฝั่งทะเลจังหวัดตราดสุดเขตแดนทางบกของไทยกับกัมพูชามาหยุดที่ตัวเกาะกูดด้านทิศตะวันออก แล้วลากเส้นตรงใหม่จากตัวเกาะกูดด้านทิศตะวันตกตรงไปกลางอ่าวไทย แผนที่ทำนองนี้โดยทั่วไปเป็นแผนที่ใช้สำหรับกิจการในกองทัพเรือรวมถึงการเดินเรือไม่ใช่แผนที่แสดงเขตแดนใด ๆ ทั้งสิ้น เส้นตรงที่ลากผ่านเกาะกูดไปยังกลางอ่าวไทยในแผนที่นี้ก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นเส้นอะไร แต่กระนั้นตรงชื่อเกาะกูด (Koh Kut) ก็ยังมีวงเล็บต่อท้ายว่า “(Siam)” อย่างที่พอเห็นได้ จึงแสดงให้เห็นว่าในปีค.ศ. 1907 จนกระทั่งถึงวันคืนเอกราชให้ 3 ประเทศอินโดจีน ฝรั่งเศสไม่ได้มีความพยายาม “เคลม” กรรมสิทธิ์เหนือเกาะกูดแต่ประการใด เพราะในสนธิสัญญา 1907 ข้อ 2 อันเป็นสัญญาหลัก ระบุไว้ชัดเจนแล้วว่าเขายกให้เรา แลกกับ 3 มณฑลใหญ่ของกัมพูชาดังที่ทราบกันดี
    .
    ฉบับที่ 2 เป็นแผนที่ที่กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาจัดทำขึ้นแจกแก่ผู้สื่อข่าวเพื่อชี้แจงกฤษฎีกา 1972 ให้ชัดเจนขึ้น คราวนี้นอกจากตัดรายละเอียดที่ไม่จำเป็นออกไปเพื่อขับเน้นเฉพาะเส้นที่เสกสรรค์ปั้นแต่งว่าเป็นเขตไหล่ทวีปของตนแล้ว ยังเขียนเส้นพาดผ่านผ่ากลางแบ่งครึ่งเกาะกูดโดยตรง
    .
    แผนที่ฉบับหลังนี้เข้าใจว่าเมื่อกระทรวงการต่างประเทศไทยได้รับ ก็นำมาทำใหม่เพื่อประกอบการศึกษาภายใน มีภาษาไทยกำกับ ยังคงแสดงเส้นพาดผ่านผ่ากลางแบ่งครึ่งเกาะกูดโดยตรงตามเจตนาของต้นฉบับที่ฝ่ายกันพูชาจัดทำ
    .
    เช่นนี้แล้ว ใครที่ออกตัวรับรองว่ากัมพูชาไม่เคย “พูด” ไม่เคยอ้างสิทธิเหนือเกาะกูดน่ะจะว่าอย่างไร ?
    .
    เพราะการที่กัมพูชาลงมือ “ทำ” โดยกฤษฎีกา 1972 ตามที่เล่ามานี้มันยิ่งกว่า “พูด” เสียอีก !
    .
    ไม่เคยได้ยินภาษิตที่ว่า “การกระทำดังกว่าคำพูด” หรือ ?!!
    .
    ณ ปีค.ศ. 1907 มีแต่การปักปันเขตแดนทางบกระหว่างสยามกับอินโดจีนฝรั่งเศส
    .
    แต่แน่ละ มีการกล่าวถึงเกาะกูดไว้ในหนังสือติดท้ายสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 ข้อ 1 จริง แต่ก็เพียงเพื่อใช้เป็นจุดเล็งไปยังจุดใดจุดหนึ่งบนแผ่นดินชายหาดที่จะกำหนดให้ป็นหลักเขตที่ 73 เพราะบนแผ่นดินชายหาดบริเวณนั้นไม่มีภูมิประเทศใดที่ยั่งยืนพอให้เป็นที่สังเกตได้
    .
    “เขตแดนในระหว่างกรุงสยามกับอินโดจีนฝรั่งเศสนั้น ตั้งแต่ชายทะเลที่ตรงข้ามกับยอดเขาสูงที่สุดของเกาะกูดเป็นหลักแล้ว ตั้งแต่นี้ต่อไปทางตะวันออกเฉียงเหนือถึงสันเขาพนมกระวาน….“
    .
    แค่ข้อความที่ระบุว่า “ตั้งแต่ชายทะเล…” วิญญูชนย่อมเข้าใจได้ว่าหมายถึงแผ่นดิน-ไม่ใช่ทะเล แต่กัมพูชาในยุคจอมพลลอนนอลในปีค.ศ. 1972 ไปตีขลุมว่ามีการปักปันเขตแดนทางทะเลแล้วในอดีต แล้วก็ตีเส้นตามอำเภอใจ เพื่อตีกินพื้นที่ทรัพยากรในอ่าวไทย
    .
    โดยในอีกทางหนึ่งก็ไปหยิบเอา ”เส้นประ“ (- - - - - - -) ระหว่างเกาะกูดกับแผ่นดินชายหาดจังหวัดตราดในแผนที่ประกอบหนังสือติดท้ายสนธิสัญญาค.ศ. 1907 มาเป็นประเด็นอธิบายการแถระดับโลกของตัวเอง
    .
    หากดูภาพสุดท้ายจะพบมีเส้น ++++++ อันเป็นสัญลักษณ์สากลของเส้นแบ่งเขตแดน (boundary line) ตลอดแนวเขตแดนทางบกไทยกัมพูชา ขณะที่เส้นประ (dotted line) - - - - - - มีอยู่เพียงสั้น ๆ ระหว่างเกาะกูดกับแผ่นดินชายทะเลจังหวัดตราดเท่านั้น ซึ่งเมื่อดูในบริบทของสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 วิญญูชนก็ย่อมเข้าใจได้ไม่ยากอีกเช่นกันว่าเป็นการแสดงจุดเล็งไปยังแผ่นดินเพื่อหาจุดที่ตั้งหลักเขตที่ 73
    .
    การแถดังกล่าวกลายเป็นกรณีศึกษาทางวิชาการกันพอสมควรหลังปีค.ศ. 1972 และก็มีการยืนยันในข้อเท็จจริงแล้วอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะจากบุคคลระดับชนชั้นนำของกัมพูชาเอง
    .
    ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่ากฤษฎีกา 1972 ของกัมพูชานี้ยังคงดำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน ในฐานะที่เป็นประกาศของประมุขแห่งรัฐ
    .
    การที่แผนผังแนบท้าย MOU 2544 มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ คือเส้นแนว “A-S-P” กำหนดเขตไหล่ทวีปด้านบนของกัมพูชาไม่ได้เขียนแบบลากพาดผ่าน หรือเขียนแบบหยุดเว้นตัวเกาะ แต่เขียนประชิดติดตัวเกาะเว้าเป็นรูปตัว ”U” ทางทิศใต้แล้วก็ตาม นั่นหาเป็นผลแปรเปลี่ยนใด ๆ ไม่ เพราะด้านหนึ่งตัวกฤษฎีกา 1972 ยังคงอยู่ อีกด้านหนึ่งแนวเส้น “A-S-P” ยังคงอยู่ การละเมิดอธิปไตยเหนือตัวเกาะกูดและทะเลอาณาเขตของไทยยังคงอยู่
    .
    มีหนำซ้ำเนื้อหาใน MOU 2544 ข้อ 5 ก็ระบุไว้ว่าการตกลงใด ๆ หากจะมีขึ้นไม่กระทบกระเทือนการอ้างสิทธิของแต่ละฝ่าย
    .
    พระอัจฉริยภาพและพระมหากรุณาธิคุณต่อคนไทยจังหวัดจันทบุรีและตราดในองค์พระปิยมหาราชเจ้าช่วงวิกฤตกับฝรั่งเศสระหว่าง ร.ศ. 112 - 125 ทำให้ประเทศไทย ณ วันนี้มีฝั่งทะเลตะวันออกด้านอ่าวไทยยาวเหยียดจนแทบจะโอบล้อมแหล่งทรัพยากรไว้ได้ทั้งหมด - คนไทยต้องรักษาไว้
    .
    ประกาศพระบรมราชโองการกำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 ของล้นเกล้าฯในหลวงรัชกาลที่ 9 สืบทอดพระราชปณิธานของสมเด็จพระอัยกา - คนไทยต้องรักษาไว้
    .
    .
    คำนูณ สิทธิสมาน
    4 พฤศจิกายน 2567

    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/15CSsZXGkk/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    โฉมหน้าเจ้าตัวร้าย “กฤษฎีกากัมพูชา 1972” รุกล้ำอธิปไตยเกาะ/น่านน้ำไทย ! ________ . ใครที่บอกว่ากัมพูชาไม่เคย ”พูด“ อ้างกรรมสิทธิเหนือเกาะกูด และบรรดาคนไทยที่นำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นคือพวกคลั่งชาติ ลองพิจารณาอ่านเรื่องนี้สักนิด… . กัมพูชาอาจจะไม่เคย ”พูด“ อย่างเป็นทางการในนามรัฐบาล ไม่ว่าในยุคไหนระบอบอะไร แต่กัมพูชาลงมือ “ทำ” เลยอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเมื่อ 52 ปีก่อนในช่วงสั้น ๆ ของรัฐบาลระบอบสาธารณรัฐ . และ “ผลแห่งการกระทำ” นั้นยังคงอยู่ ! . “กฤษฎีกาที่ 439/72/PRK กำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย ค.ศ. 1972” . วันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1972 . จอมพลลอนนอลลงนามในฐานะประธานาธิบดีสาธารณรัฐกัมพูชา หลังรัฐประหารโค่นล้มระบอบกษัตริย์ 2 ปี และก่อนพนมเปญแตกพ่ายแพ้ต่อคอมมิวนิสต์เขมรแดง 3 ปี . สารัตถะสำคัญอยู่ในมาตราแรก (Article Premier) ผมสรุปมาจากที่ดร.ประจิตต์ โรจนพฤกษ์เขียนไว้ในบทความของท่านเมื่อปี 2554 รวมทั้งการเสวนาที่สยามสมาคมในปีเดียวกันนั้น . วรรคแรกเป็นการอ้างฐานทางกฎหมาย . (1) อนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีปลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958 . (2) สนธิสัญญาสยามฝรั่งเศสลงวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1907 และ… . (3) บันทึกการปักปันเขตแดนสยามฝรั่งเศสลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1908 รวมทั้ง… . (4) แผนที่เดินเรือของฝรั่งเศส 1972 มาตราส่วน 1:1,096,000 . กฤษฎีกา 1972 ระบุพิกัดของเขตไหล่ทวีปตามจุดอ้างอิงที่เกี่ยวกับ “เกาะกูด” รวมทั้ง “ทะเลอาณาเขต(ของไทย)“ โดยตรง . โดยในวรรคสอง (ย่อหน้าล่างสุดของกฤษฎีกาหน้าแรก) กล่าวว่าได้มีการปักปันเขตไหล่ทวีประหว่างไทยกับฝรั่งเศสแล้ว โดยทางทิศเหนือ ใช้เส้นตรงเชื่อมจุดชายแดนแผ่นดินที่จุด “A” (ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นที่ตั้งหลักเขตที่ 73) มายังจุดสูงสุดบนเกาะกูดที่เรียกว่าจุด “S” (ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นการอ้างอิงจากหนังสือแนบท้ายสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 ข้อ 1) และลากต่อออกทะเลไปยังกึ่งกลางอ่าวไทยที่เรียกว่าจุด “P” . โดยในตารางท้ายมาตราแรก (อยู่ตอนต้นของกฤษฎีกาหน้า 2) ได้กำหนดรายละเอียดของจุด “A“ และ “P” ไว้ . จุด ”A” คือจุดใต้สุดของการแบ่งเขตแดนทางบกตามสนธิสัญญาค.ศ. 1907 ก็คือหลักเขตที่ 73 นั่นเอง . จุด “P” กึ่งกลางอ่าวไทยนั้น กฤษฎีการะบุว่าเป็นจุดมัธยะ (หรือกึ่งกลาง) ระหว่างไหล่ทวีปของกัมพูชากับไทย . มาตราแรกโดยเฉพาะวรรคสองนี่แหละ “เท็จ” โดยสิ้นเชิง . เพราะไม่เคยมีการปักปันเขตแดนทางทะเลระหว่างสยามกับอินโดจีนของฝรั่งเศสกันมาก่อน โดยเฉพาะในช่วงค.ศ. 1907 หรือ 1908 ไม่เคยมีสนธิสัญญาเกี่ยวกับการนี้ ประวัติศาสตร์ฉบับไหนก็ไม่เคยระบุ กฎหมายระหว่างประเทศหรือกฎเกณฑ์เกี่ยวกับอาณาเขตทางทะเลที่นานาชาติยึดถือกันเมื่อ 127 ปีก่อนก็ต่างกับปัจจุบัน ยุคนั้นยังไม่มีสิ่งที่นานาชาติกำหนดอาณาเขตทางทะเลขึ้นมาให้รัฐชายฝั่งมีสิทธิอธิปไตยเหนือแล้วเรียกว่า “ไหล่ทวีป” เสียด้วยซ้ำ ไม่มีเขตต่อเนื่อง ไม่มีเขตเศรษฐกิจจำเพาะ มีแค่ทะเลอาณาเขตระยะ 3 ไมล์ทะเลจากชายฝั่ง พ้นออกมาเป็นเขตทะเลหลวงที่เป็นเขตทะเลเสรีไม่มีประเทศใดมีสิทธิถือครองเป็นเจ้าของได้ . แต่สมมติแม้จะยึดกฎเกณฑ์ในยุคสมัยค.ศ. 1907 หากจะปักปันเขตแดนทางทะเลกัน การขีดเส้นแนว “A-S-P” เป็นอาณาเขตทางทะเลของอินโดจีนฝรั่งเศสก็ไม่ถูกและไม่มีกฎเกณฑ์ใดรองรับอยู่ดี เพราะระยะทางจากชายฝั่งถึงเกาะกูดประมาณ 19 ไมล์ทะเล เกิน 3 ไมล์ทะเลตั้งเยอะ อินโดจีนฝรั่งเศสจะไปถือสิทธิครอบครองเขตทะเลหลวงได้อย่างไร . การจงใจระบุพิกัดเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาเมื่อค.ศ. 1972 เช่นนี้คือการกระทำที่ละเมิดอธิปไตยไทยเหนือเกาะกูด ทั้งตัวเกาะ และทะเลอาณาเขต . ดร.ประจิตต์ โรจนพฤกษ์ กล่าวไว้ในงานเขียนของท่านว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการแบ่งเขตไหล่ทวีปโดยเส้นผ่าเกาะกูดซึ่งเป็นดินแดนทางบก เพราะไหล่ทวีปหมายถึงพื้นดินใต้ทะเลและใต้พื้นดินใต้ทะเล . ดังนั้น โอกาสที่แนว “A-S-P” จะถูกต้องมีอยู่เงื่อนไขเดียวเท่านั้น… . คือตัวเกาะกูดต้องเป็นของกัมพูชาครึ่งหนึ่ง ! . ขอย้ำอีกครั้งว่า แนว “A-S-P” อันเป็นเส้นเขตไหล่ทวีปด้านเหนือของกัมพูชาตามกฤษฎีกา 1972 จะถูกต้องก็ต่อเมื่อตัวเกาะกูดเป็นของกัมพูชาครึ่งหนึ่งเท่านั้น !! . แล้วประเทศไทยผู้ถูกรุกล้ำอธิปไตยจะ “ยอมรับ” ได้อย่างไร ? . แม้จะไม่ใช่การยอมรับใน “ความถูกต้อง” แค่ยอมรับ “การมีอยู่”, “การคงอยู่” เพื่อเป็นเพียง “กรอบ” ในการ “เจรจาเรื่องอื่น” ก็เถอะ !! . ตรงนี้จำเป็นต้องมีการพูดถึงแผนที่หรือแผนผัง 2 (+1) ฉบับที่นำมาลงเป็นภาพประกอบไว้ . ฉบับที่ 1 คือแผนที่เดินเรือฝรั่งเศสที่ใช้แนบท้ายกฤษฎีกา 1972 ไม่ได้มีการเขียนลากเส้นบนแผนที่พาดผ่านตัวเกาะกูดโดยตรง หากแต่ลากเป็นเส้นตรงออกมาจากชายฝั่งทะเลจังหวัดตราดสุดเขตแดนทางบกของไทยกับกัมพูชามาหยุดที่ตัวเกาะกูดด้านทิศตะวันออก แล้วลากเส้นตรงใหม่จากตัวเกาะกูดด้านทิศตะวันตกตรงไปกลางอ่าวไทย แผนที่ทำนองนี้โดยทั่วไปเป็นแผนที่ใช้สำหรับกิจการในกองทัพเรือรวมถึงการเดินเรือไม่ใช่แผนที่แสดงเขตแดนใด ๆ ทั้งสิ้น เส้นตรงที่ลากผ่านเกาะกูดไปยังกลางอ่าวไทยในแผนที่นี้ก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นเส้นอะไร แต่กระนั้นตรงชื่อเกาะกูด (Koh Kut) ก็ยังมีวงเล็บต่อท้ายว่า “(Siam)” อย่างที่พอเห็นได้ จึงแสดงให้เห็นว่าในปีค.ศ. 1907 จนกระทั่งถึงวันคืนเอกราชให้ 3 ประเทศอินโดจีน ฝรั่งเศสไม่ได้มีความพยายาม “เคลม” กรรมสิทธิ์เหนือเกาะกูดแต่ประการใด เพราะในสนธิสัญญา 1907 ข้อ 2 อันเป็นสัญญาหลัก ระบุไว้ชัดเจนแล้วว่าเขายกให้เรา แลกกับ 3 มณฑลใหญ่ของกัมพูชาดังที่ทราบกันดี . ฉบับที่ 2 เป็นแผนที่ที่กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาจัดทำขึ้นแจกแก่ผู้สื่อข่าวเพื่อชี้แจงกฤษฎีกา 1972 ให้ชัดเจนขึ้น คราวนี้นอกจากตัดรายละเอียดที่ไม่จำเป็นออกไปเพื่อขับเน้นเฉพาะเส้นที่เสกสรรค์ปั้นแต่งว่าเป็นเขตไหล่ทวีปของตนแล้ว ยังเขียนเส้นพาดผ่านผ่ากลางแบ่งครึ่งเกาะกูดโดยตรง . แผนที่ฉบับหลังนี้เข้าใจว่าเมื่อกระทรวงการต่างประเทศไทยได้รับ ก็นำมาทำใหม่เพื่อประกอบการศึกษาภายใน มีภาษาไทยกำกับ ยังคงแสดงเส้นพาดผ่านผ่ากลางแบ่งครึ่งเกาะกูดโดยตรงตามเจตนาของต้นฉบับที่ฝ่ายกันพูชาจัดทำ . เช่นนี้แล้ว ใครที่ออกตัวรับรองว่ากัมพูชาไม่เคย “พูด” ไม่เคยอ้างสิทธิเหนือเกาะกูดน่ะจะว่าอย่างไร ? . เพราะการที่กัมพูชาลงมือ “ทำ” โดยกฤษฎีกา 1972 ตามที่เล่ามานี้มันยิ่งกว่า “พูด” เสียอีก ! . ไม่เคยได้ยินภาษิตที่ว่า “การกระทำดังกว่าคำพูด” หรือ ?!! . ณ ปีค.ศ. 1907 มีแต่การปักปันเขตแดนทางบกระหว่างสยามกับอินโดจีนฝรั่งเศส . แต่แน่ละ มีการกล่าวถึงเกาะกูดไว้ในหนังสือติดท้ายสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 ข้อ 1 จริง แต่ก็เพียงเพื่อใช้เป็นจุดเล็งไปยังจุดใดจุดหนึ่งบนแผ่นดินชายหาดที่จะกำหนดให้ป็นหลักเขตที่ 73 เพราะบนแผ่นดินชายหาดบริเวณนั้นไม่มีภูมิประเทศใดที่ยั่งยืนพอให้เป็นที่สังเกตได้ . “เขตแดนในระหว่างกรุงสยามกับอินโดจีนฝรั่งเศสนั้น ตั้งแต่ชายทะเลที่ตรงข้ามกับยอดเขาสูงที่สุดของเกาะกูดเป็นหลักแล้ว ตั้งแต่นี้ต่อไปทางตะวันออกเฉียงเหนือถึงสันเขาพนมกระวาน….“ . แค่ข้อความที่ระบุว่า “ตั้งแต่ชายทะเล…” วิญญูชนย่อมเข้าใจได้ว่าหมายถึงแผ่นดิน-ไม่ใช่ทะเล แต่กัมพูชาในยุคจอมพลลอนนอลในปีค.ศ. 1972 ไปตีขลุมว่ามีการปักปันเขตแดนทางทะเลแล้วในอดีต แล้วก็ตีเส้นตามอำเภอใจ เพื่อตีกินพื้นที่ทรัพยากรในอ่าวไทย . โดยในอีกทางหนึ่งก็ไปหยิบเอา ”เส้นประ“ (- - - - - - -) ระหว่างเกาะกูดกับแผ่นดินชายหาดจังหวัดตราดในแผนที่ประกอบหนังสือติดท้ายสนธิสัญญาค.ศ. 1907 มาเป็นประเด็นอธิบายการแถระดับโลกของตัวเอง . หากดูภาพสุดท้ายจะพบมีเส้น ++++++ อันเป็นสัญลักษณ์สากลของเส้นแบ่งเขตแดน (boundary line) ตลอดแนวเขตแดนทางบกไทยกัมพูชา ขณะที่เส้นประ (dotted line) - - - - - - มีอยู่เพียงสั้น ๆ ระหว่างเกาะกูดกับแผ่นดินชายทะเลจังหวัดตราดเท่านั้น ซึ่งเมื่อดูในบริบทของสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 วิญญูชนก็ย่อมเข้าใจได้ไม่ยากอีกเช่นกันว่าเป็นการแสดงจุดเล็งไปยังแผ่นดินเพื่อหาจุดที่ตั้งหลักเขตที่ 73 . การแถดังกล่าวกลายเป็นกรณีศึกษาทางวิชาการกันพอสมควรหลังปีค.ศ. 1972 และก็มีการยืนยันในข้อเท็จจริงแล้วอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะจากบุคคลระดับชนชั้นนำของกัมพูชาเอง . ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่ากฤษฎีกา 1972 ของกัมพูชานี้ยังคงดำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน ในฐานะที่เป็นประกาศของประมุขแห่งรัฐ . การที่แผนผังแนบท้าย MOU 2544 มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ คือเส้นแนว “A-S-P” กำหนดเขตไหล่ทวีปด้านบนของกัมพูชาไม่ได้เขียนแบบลากพาดผ่าน หรือเขียนแบบหยุดเว้นตัวเกาะ แต่เขียนประชิดติดตัวเกาะเว้าเป็นรูปตัว ”U” ทางทิศใต้แล้วก็ตาม นั่นหาเป็นผลแปรเปลี่ยนใด ๆ ไม่ เพราะด้านหนึ่งตัวกฤษฎีกา 1972 ยังคงอยู่ อีกด้านหนึ่งแนวเส้น “A-S-P” ยังคงอยู่ การละเมิดอธิปไตยเหนือตัวเกาะกูดและทะเลอาณาเขตของไทยยังคงอยู่ . มีหนำซ้ำเนื้อหาใน MOU 2544 ข้อ 5 ก็ระบุไว้ว่าการตกลงใด ๆ หากจะมีขึ้นไม่กระทบกระเทือนการอ้างสิทธิของแต่ละฝ่าย . พระอัจฉริยภาพและพระมหากรุณาธิคุณต่อคนไทยจังหวัดจันทบุรีและตราดในองค์พระปิยมหาราชเจ้าช่วงวิกฤตกับฝรั่งเศสระหว่าง ร.ศ. 112 - 125 ทำให้ประเทศไทย ณ วันนี้มีฝั่งทะเลตะวันออกด้านอ่าวไทยยาวเหยียดจนแทบจะโอบล้อมแหล่งทรัพยากรไว้ได้ทั้งหมด - คนไทยต้องรักษาไว้ . ประกาศพระบรมราชโองการกำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 ของล้นเกล้าฯในหลวงรัชกาลที่ 9 สืบทอดพระราชปณิธานของสมเด็จพระอัยกา - คนไทยต้องรักษาไว้ . . คำนูณ สิทธิสมาน 4 พฤศจิกายน 2567 ที่มา https://www.facebook.com/share/p/15CSsZXGkk/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    Sad
    5
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 798 มุมมอง 0 รีวิว
  • 08-11-67/01 : หมี CNN / "ROCK N ROLL" EP.88 ชื่อตอน "STORM WILL COMING" ไอ้สัส! นี่..ขนาดยังไม่ได้ขึ้นรับตำแหน่งสาบานตนเลยน่ะ ดีออก? แม่งเร่งเครื่องกันจัง กลัวแผ่นดินจะไม่แตก เหรอจ๊ะ? มาตามนัด ม็อบเติมเงินอีลา ขับไล่ทรัมปป์มาทันที อีทรัมปป์ก็ใช่ย่อย สิ่งแรกที่จะทำ ไม่ใช่เรื่องที่พูดหาเสียง แต่เป็นไล่เก็บบัญชีแค้น 50 หัวหมา มรึงยัดคดีกู 100 กว่าคดี ล่อกูจนสุดซอย ตากูบ้างล่ะ? งานนี้ ศาลแตก หน่วยความมั่นคงกระจุย อีทรัมปป์คลั่ง! จะเก็บกูเหรอ? งั้นเดี๋ยวกูเก็บมรึงก่อนดีกว่ามุย? อีตาเพน อีเหี้ย C กูไม่ใช่ JFK น่ะเฟ้ย? ปูติน สีจิ้นผิง นั่งเลียไอติมอย่างเอร็ดอร่อย คอยดูเหี้ยงับกันเละเทะ รายการทวงแค้นคืน บัญชียาวเป็นหางว่าว ล่าสุด ไอ้อีขี้ข้าปชต.ทั้งหลาย อี 3 นิ้วครึ่ง ที่ลี้ภัยไปอยู่ที่นั่น เตรียมย้ายบ้านหนีแล้วจ๊ะ อเมริกา เค้าไม่ให้มรึงอยู่ต่อไปอีกแล้ว ฝ่ายกฎหมายอีทรัมปป์ฉลาดเป็นกรด อ้างหมายศาล หมายจับ นานาชาติ ที่หนีมาลี้ภัยในแผ่นดินต้องคำสาปนี้ จับไล่ เขี่ยทิ้ง ถีบกระเด็นออกไปจากแผ่นดินทันที เหี้ย C มีกรี๊ด เหี้ย F มีชะงัก สายใคร สายมัน โดยเฉพาะต่างชาติ ที่ไม่มี WORK PERMIT ใครได้สิทธิ์พิเศษ แม่งตัดสิทธิ์หมดเรียบวุธ หมดเวลาฮันนีมูนแล้วมรึงเอ๋ย? ผู้ลี้ภัยตามพรมแดน ค่ายผู้ลี้ภัยตามเมืองต่างๆ โดนเรียกตัวแล้วจ๊ะ แปลว่า ที่มันเร่ง เพราะต้องการผลงานเป็นที่ประจักษ์ เนื้อแท้คือ ไอ้พวกที่อพยพเข้ามา จากอเมริกากลาง ทั้งหมดเป็นฝีมือมาจากเหี้ยจอร์จ โซรอส เกณฑ์มาเพื่อเป็นหัวคะแนนให้อีลาไงล่ะ ทำไมอีช้างลาก XXX มันจะไม่รู้ ทันกันเสมอ ดอกนี้ อีกไม่นาน ศรีธนญชัยอาจนำไปใช้บ้าง? เกมส์เปิดหน้าแลกแล้ว ไม่ต้องรอนาน อีลาเตรียมเข็นคนลงถนน อีทรัมปป์เตรียมใช้กฎหมาในมือเต็มกำลังศึก มรึงว่าจะเละแค่ไหน? ฉากหน้าคือการต่อสู้ อีลา vs อีช้าง ฉากหลังคือ "แตกแผ่นดินให้อียิวย้ายเข้า" ด้านอีตาเพน ไม่ต้องถาม? มันอยู่ฝั่งนายทุนบริษัทค้าอาวุธชัวร์! สายอีลาทั้งนั้น เมื่ออำนาจบริหาร สั่งอำนาจตุลากรได้ แต่สั่งอำนาจทางกองทัพไม่ได้ มรึงว่า งานนี้ อีทรัมปป์จะล่อใครก่อน? เพื่อเชือดเหี้ยให้เหี้ยดู สั่งสอน ใครคือหัวหน้ามรึง! แก่นคือ "อีทรัมปป์ กำลังจะเล่นเกมส์อันตราย เกมส์แรงกับ DEEP STATE" เพราะคิดจะตั้งตนเป็น KING นั่นเอง ความแตกต่างของเหี้ย กับวังไทยคือ กองทัพไทยขึ้นตรงกับแม่ทัพใหญ่ผู้เดียว นั่นคือ "พระมหากษัตริย์" แต่กองทัพเหี้ย ขึ้นตรงกับเยรูซาเล็ม ไม่ได้มีจุดยึดมั่น ศรัทธา แต่อย่างใด โอกาสที่กองทัพจะชนกับฝ่ายบริหาร สูงมาก นั่นแหละคือ "จุกแตกหักอเมริกา" โดยผ่านเกมส์บนท้องถนน ประกาศภาวะฉุกเฉิน ผู้คนขนปืนลงมาฆ่าตำรวจ ทหาร หน่วยความมั่นคง เพราะอาวุธที่บ้านนี้เมืองนี้ หาง่ายยิ่งกว่าไอติมรสหมีหื่นซะอีก? กูยังจำได้ หาปืนในอเมริกา $20 ก็ยังมี ไอ้สัส! ไม่ต้องไปไหนไกล ได้พวก HOMELESS แม่งมีกันเพี๊ยบ เก็บได้ตามถังขยะทุกวัน หลักฐานไม่ต้องไปหา ขุ้ยถังขยะเจอหมด! อุปส์ ปชต.เบ่งบานฉิบหาย ชอบมั้ยล่ะ? EU ลายออกทันควัน หลังอีทรัมปป์มายกแผง บีบอีเสี้ยนยาแบ่งแผ่นดินคืนให้ปูตินไปเหอะ กูไม่อยากจะซวย จบที่มรึงดีกว่าเขมือบยาวมาโดนกูด้วย รักกันจริงจุงเบย ยุโรปเนี่ย? อีฟินน์ อีสวิงกิ้ง อีลอนดอน หายซ่าส์ หลังรัสเซียปรับยุทธศาสตร์หัวรบนิวเคลียร์แทนจุดล่อแหลมพรมแดน นัยยะคือ "พร้อมตายยัง?" อียุ่นปี่ อีโสมขาว ลายออกทันทีเช่นกัน "ปลดแอกขี้ข้า ถูกตราหน้าเบ๊อเมริกา" ย่องหาสีจิ้นผิงทั้งคู่ เข้าทางตรีนสิจ๊ะ? เวลาแสงทำงาน อะไรที่มรึงไม่เคยเชื่อว่าจะเกิดขึ้น มันจะมาหมด ยังมีเรื่องให้มรึงช็อคอีกเยอะ เหี้ยแค่ไหนก็กลัวตายเป็น? เหมือนที่มรึงเห็นอยู่ตอนนี้ ในละครบ้านทรายทองไงล่ะ? อย่าดูถูกแสงทำงาน เพราะแสงคือความจริง ความถูกต้อง ความชอบธรรม อาวุธเดียวที่จะฆ่าเหี้ยไอ้อีในสากลโลกได้จริง! อีทรัมปป์รู้ชะตาดี งานนี้ วัดใจ สู้หลังผิงกำแพง หากมรึงอยากจะเป็น KING ได้สำเร็จ มรึงต้องกำจัดอิทธิพลอียิวเหี้ยไซออนนิสต์ ในหน่วยงานความมั่นคงรัฐบาลทั้งหมด ที่มาว่า อีทรัมปป์ใช้หน่วยรบพิเศษ BODYGUARD ระดับชาติ คุ้มครองบ้านพักทุกหลัง ครอบครัวทุกบ้าน เพราะอีตาเพน เหี้ย C มันกำลังจะใช้แผน JFK กับมรึงแน่? ในการหาเสียง ทรัมปปืพูดชัดออกสื่อ "กูจะกำจัด DEEP STATE" นั่นคือพลังเงียบที่ออกมาโหวตให้มรึงไงล่ะ ไอ้สัส! เพราะอเมริกันควายมันเอือมกับอี DEEP STATE มาเป็นชาติแล้ว ทรัมปป์จะเปลี่ยนได้หรือไม่ อยู่ที่ใจมรึงเหี้ยมพอแค่ไหน? สุดท้าย สมบัติผลัดกันชม เหี้ยไป จัญไรมา ก็แค่อำนาจที่มันไม่เคยปราณีใคร? มาถึงจุดนี้ อีทรัมปป์เจออะไรมาเยอะแล้ว รู้ดีว่า จะทำยังไง ถึงจะฆ่าล้างโคตรอีลาให้อยู่หมัด กูบอกเลยว่า บริษัทค้าอาวุธ ตลาดหุ้น ธนาคารกลาง นี่คือสิ่งที่อีทรัมปป์จะเข้าไปแตะ ไปขยี้ในไม่ช้านี้ ด้วยจริตของมัน กูบอกเลยว่า "แตกหักไม่มีงอ" ยิ่งอำนาจเต็มมือ เต็มฝ่าตรีนซะขนาดนี้ คลั่งอำนาจกันให้สุดซอยกันไปเลย รัสเซีย จีน โสมแดง ปรบมือให้ ฆ่าให้เกลี้ยงน่ะจ๊ะ อย่าออมมือ แผนขั้วใหม่ ตัดอเมริกาออกจากสารบบ ไม่สนว่ามรึงจะทำอะไร มรึงกับกู อยู่คนละโลกเดียวกัน! เป้าหมายแท้จริงของอีทรัมปป์คือเผาอเมริกาก่อน ไม่แก้ที่ต้นเหตุ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เพราะมันรู้ดีว่า หากพลาดโอกาสทองครั้งนี้แล้ว ลงจากบังลังก์เมื่อไหร่ กูตายกับตายสถานเดียวแน่นอน มรึงจะได้เห็นการจัดการแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เผด็จการสุดขั้ว ล้างบางศัตรู แบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน? ด้านอีแม่มดขาวคลินตัน อีลิงดำ มีเหรอ จะอยู่เฉยๆ มันก็ถูกกาหัวหมาเช่นกัน เกมส์ภายในอเมริกานับจากนี้ ไม่แตกต่างจากตอนสมัยปฎิวัติอเมริกาใหม่ๆ ฝ่ายเหนือ ฝ่ายใต้ นี่มันย้อนรอยประวัติศาสตร์ชัดๆ ถามว่า หลังอีทรัมปป์มา EU NATO จะทำยังไงต่อดี? คำตอบอยู่ตรงหน้า เมื่อมรึงทิ้งได้ กูก็ทิ้งตามสิจ๊ะ? ใครจะโง่แบก ใครจะยอมจ่ายค่าปฎิกรรมสงคราม แยกย้าย เอาตัวรอด ยิ่งทำให้ยุโรปจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งยิ่งชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพราะฝั่งตะวันออก ประกาศชัด พลังงานรัสเซีย คือทางรอดเดียว และเป็นความมั่นคงชาติ ใครไม่เอา ก็เรื่องของมรึง? จุดเปลี่ยนเกมส์โลกอยู่ที่ "ยูเครนประกาศยอมแพ้ ผนวกแผ่นดิน" อย่าคิดว่าอเมริกาจะรอด ขั้วใหม่เดินหน้าฟ้องอเมริกา ผู้อยู่เบื้องหลังระเบิดท่อแก็สนอร์ทสตรีม ทำความเสียหายให้ทั้งยุโรป พ่วงฟ้องอิสราเอล ผู้อยู่เบื้องหลังก่อการร้ายโลก และฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ ดอกนี้ มรึงจะได้เห็น โลกรวมเป็นหนึ่งเดียว องค์กรสากลเหี้ยโลกจะเปลี่ยนสี รับหยวนแทนสิจ๊ะ! อเมริกาจะเจอทั้งศึกนอก ศึกใน ไม่ต้องถามต่อน่ะ "ว่ามันจะแตกมั้ย?" ส่วนไอ้อีขี้ข้าตัวปลากรอบฉาก ทัังอีแคน อีจิงโจ้ จะถือโอกาสที่อเมริกาผ่อนรบ ประกาศเอกราช ปลดแอกสมาคมขี้ข้าเหี้ยโลก แผนนี้ชงมาจากเยรูซาเล็ม บีบให้รัฐบาลอีทรัมปป์ไม่เป็นที่ยอมรับในหมู่เพื่อนบ้านเหี้ยไงล่ะจ๊ะ? มรึงเอาตัวรอดตัวเดียวได้ยังไง? อีแคน คืออีแอบมาช้านาน คอยเสียบ หากอเมริกาล่มสลาย เพราะทั้งหมด มันอยู่ในแผนตั้งรัฐยิวใหม่ในอนาคตนั่นเอง

    ปล.ภาพชูวิทย์กอดลุงสนธิ นาทีสุดท้ายของชีวิต อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน เพราะไม่รู้ จะโกรธแค้นข้ามภพกันไปเพื่อ? ใครทำอะไรก็ได้อย่างงั้น? เวรกรรมตามเช็คบิลหมด อย่าดูถูกเวรกรรม ใครคิดว่าอีเหลี่ยมเหี้ยจะรอด? กูสงสารมันมากกว่า ว่าจะทรมานก่อนตายซะขนาดไหน? อีทนายโจร สิ้นฤทธิ์ ท้าใครไม่ท้า ท้าลุงสนธิ มีอันเป็นไปหมด? โดนข้อหาหนัก จะหนีเหรอจ๊ะ? แสงทำงาน ความจริงปรากฎ ใครหมกเม็ดเหี้ยอะไรเอาไว้ แสงแฉหมดเปลือก ความลับไม่มีในโลก หลักฐานคาตา หลักกูมาเต็ม ไบ้แดร๊ก คุกรออยู่เบื้องหน้า ใครที่หาแดร๊กบนความทุกข์ร้อนของชาวบ้าน? ไม่เลิกคือตาย ไม่หยุดคือคุก หยุดทำกรรมชั่วได้แล้ว เพื่อตัวมรึงเอง! ศรีธนญชัย 2024 ของจริง เชื้อชั่วออกลายแล้ว ขี้ข้าหางโผล่เป็นแถว เกาะหมา เกาะแมว ขะแมร์อยากได้ บู๊ทเขียวตรีนโตไทยรออยู่ เข้ามาเมื่อไหร่ กูใช้ข้ออ้างยึดคืนแม่งไปถึงพนญเปญ ดอกนี้ อีฮุนเซนทำไมจะไม่รู้ ขะแมร์แค่ขี้ตรีนไทย ฟังชัดๆ อีกที ขะแมร์แค่เบ๊ กองทัพบกไทยคืออันดับ 1 อาเซียน ยังต้องถามต่อมุย? อย่าเอาเรื่องไกลความเป็นจริงมาพูด อายหมามัน? ไทยไม่พูด ไม่คุย ไม่กร่าง ใช่ว่าจะอยู่เฉย เรามีดีในตัว วงใน หน่วยข่าวกรองเค้ารู้กัน ถึงกันหมด ใครแข็งโป๊ก ใครอ่อนยวบ? สื่อขายชาติแค่ปั่น ของจริงกล้าเข้ามามั้ยล่ะ? ไม่อยากจะไบ้ต่อว่า อย่าว่าจะเสียดินแดนเลย หลังฟ้าเปลี่ยนสี โลกผลัดใบ แม้แต่เขาพระวิหาร ไทยเราจะได้คืนมาทั้งหมด พ่วงบางส่วนอีกต่างหาก ทั้งหมดที่ผ่านมา ไทยแค่เล่นละคร สมยอมกับอีขะแมร์ เพื่อให้เหี้ยตะวันตกไม่เข้ามาเสือก เพราะเราคุยกันเองได้ คนนอกไม่ต้องมายุ่ง อีขะแมร์ต้องอาศัยทุกอย่างจากไทย ไทยตัดขาด มันตายห่าก่อนใครเพื่อน? อย่าเอาไอ้อีกระจอกมาเทียบกองทัพไทย มันห่างกันหลายปีแสง เอาให้ใกล้เคียงความเป็นจริงหน่อย? กูฟังแล้วรำคาญ! อะไรน่ะ อีฮุนเซน มันจะบุกยึดวอชิงตัน อ๋อ..เหรอ? ไม่รอด หากแสงทำงาน! อีสมศักดิ์โดนแล้ว เอื้อชั้น 14 ยาพิษมาเต็ม ดิ้นพล่าน อีเพ่นู๋ ใครสั่งมรึงให้ไปยุ่งพรมแดนไทย ชี้เป้าขะแมร์ อีเน ชิมิ? ทหารเค้ารู้หมดเกลี้ยง? อีวัน ที่ลุ้นลูกชายรอดคุกกับประหารชีวิต ลายออก คิดแยกดินแดน ไอ้อสรพิษ รู้งานต้องทำยังไง? เบื้องบนสั่ง อยากรอด แฉสิจ๊ะ พ่วงหลักฐาน เอาให้ตายทั้งขบวนการแยกดินแดน สาวไส้ไปมา จบที่วอชิงตัน ท่อน้ำเลี้ยง NED เบื้องลึกทหารรู้หมดเปลือก มรึงไม่ต้องกังวลอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว ทหารไทยไม่ได้โง่ ที่ผ่านมาแค่หลับตา แกล้งโง่ รอเหยื่อกินเบ็ด อย่าให้กูพูดต่อเดี๋ยวปรี๊ดแตก! วังรู้ ทุกอย่าง แล้วมรึงคิดว่า จะมีใครหวงแหนแผ่นดินนี้มากไปกว่าพระองค์ท่านอีกล่ะ? แผนการเค้ามี หมากล่อเค้าวาง มรึงจะให้แฉอออกหมดเปลือกเลยเหรอ? แกล้งโง่บ้างก็ได้ อะไรที่พูดได้ก็พูดเพื่อให้เข้าใจตรงกัน อะไรที่พูดแล้วเสี่ยงตาย จะพูดไปเพื่อ? กูชี้จุดหมายปลายทางไปหมดแล้ว อยากรู้ กลับไปอ่านทั้งหมดที่กูโพส ย้อนหลังไป 3 เดือน อ่านครบแล้ว ยังไม่เข้าใจอีก ให้อ่านซ้ำอีก 2 รอบ รับรอง "ตกผลึกชัวร์" เลิกเป็นคริสตอลได้แล้ว ตามกูมานานซะขนาดนี้ มันต้องเป็น "เพชร" เท่านั้น คุณภาพปัญญาชนไทย สร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกหลานไทย มรึงกลายร่างเป็นเพชรกันหมดทั้งแผ่นดิน งานกูคือจบ "จะได้พักซักที"

    หมี CNN(จะ 17 ปี แล้วน่ะ ตั้งแต่หมี CNN จุติบนโลก มีใครที่ตามหมีมาตั้งแต่เริ่มต้นบ้าง มรึงคงรู้ดีว่า เรามาไกลเกินกว่าจะถอยหลังได้อีกแล้ว เดินหน้าประเทศไทย สู้เพื่อลูกหลานไทย ฝากไว้ในแผ่นดิน เกิดมาก็ต้องตาย แต่ก่อนตาย ขอคืนคุณแผ่นดินเกิดให้สาสมใจก่อน อายุจะยืนยาว หากมีเป้าหมายเพื่อรอคอย กูจะยังตายไม่ได้ จนกว่าจะได้เห็นฟ้าสีทอง ผ่องอำไพ แผ่นดินทอง อโยธยารุ่งเรืองดั่งเก่าก่อน กับตาตัวเองซักครั้งก่อนตาย)
    08 พฤศจิกายน 67
    13.54 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    08-11-67/01 : หมี CNN / "ROCK N ROLL" EP.88 ชื่อตอน "STORM WILL COMING" ไอ้สัส! นี่..ขนาดยังไม่ได้ขึ้นรับตำแหน่งสาบานตนเลยน่ะ ดีออก? แม่งเร่งเครื่องกันจัง กลัวแผ่นดินจะไม่แตก เหรอจ๊ะ? มาตามนัด ม็อบเติมเงินอีลา ขับไล่ทรัมปป์มาทันที อีทรัมปป์ก็ใช่ย่อย สิ่งแรกที่จะทำ ไม่ใช่เรื่องที่พูดหาเสียง แต่เป็นไล่เก็บบัญชีแค้น 50 หัวหมา มรึงยัดคดีกู 100 กว่าคดี ล่อกูจนสุดซอย ตากูบ้างล่ะ? งานนี้ ศาลแตก หน่วยความมั่นคงกระจุย อีทรัมปป์คลั่ง! จะเก็บกูเหรอ? งั้นเดี๋ยวกูเก็บมรึงก่อนดีกว่ามุย? อีตาเพน อีเหี้ย C กูไม่ใช่ JFK น่ะเฟ้ย? ปูติน สีจิ้นผิง นั่งเลียไอติมอย่างเอร็ดอร่อย คอยดูเหี้ยงับกันเละเทะ รายการทวงแค้นคืน บัญชียาวเป็นหางว่าว ล่าสุด ไอ้อีขี้ข้าปชต.ทั้งหลาย อี 3 นิ้วครึ่ง ที่ลี้ภัยไปอยู่ที่นั่น เตรียมย้ายบ้านหนีแล้วจ๊ะ อเมริกา เค้าไม่ให้มรึงอยู่ต่อไปอีกแล้ว ฝ่ายกฎหมายอีทรัมปป์ฉลาดเป็นกรด อ้างหมายศาล หมายจับ นานาชาติ ที่หนีมาลี้ภัยในแผ่นดินต้องคำสาปนี้ จับไล่ เขี่ยทิ้ง ถีบกระเด็นออกไปจากแผ่นดินทันที เหี้ย C มีกรี๊ด เหี้ย F มีชะงัก สายใคร สายมัน โดยเฉพาะต่างชาติ ที่ไม่มี WORK PERMIT ใครได้สิทธิ์พิเศษ แม่งตัดสิทธิ์หมดเรียบวุธ หมดเวลาฮันนีมูนแล้วมรึงเอ๋ย? ผู้ลี้ภัยตามพรมแดน ค่ายผู้ลี้ภัยตามเมืองต่างๆ โดนเรียกตัวแล้วจ๊ะ แปลว่า ที่มันเร่ง เพราะต้องการผลงานเป็นที่ประจักษ์ เนื้อแท้คือ ไอ้พวกที่อพยพเข้ามา จากอเมริกากลาง ทั้งหมดเป็นฝีมือมาจากเหี้ยจอร์จ โซรอส เกณฑ์มาเพื่อเป็นหัวคะแนนให้อีลาไงล่ะ ทำไมอีช้างลาก XXX มันจะไม่รู้ ทันกันเสมอ ดอกนี้ อีกไม่นาน ศรีธนญชัยอาจนำไปใช้บ้าง? เกมส์เปิดหน้าแลกแล้ว ไม่ต้องรอนาน อีลาเตรียมเข็นคนลงถนน อีทรัมปป์เตรียมใช้กฎหมาในมือเต็มกำลังศึก มรึงว่าจะเละแค่ไหน? ฉากหน้าคือการต่อสู้ อีลา vs อีช้าง ฉากหลังคือ "แตกแผ่นดินให้อียิวย้ายเข้า" ด้านอีตาเพน ไม่ต้องถาม? มันอยู่ฝั่งนายทุนบริษัทค้าอาวุธชัวร์! สายอีลาทั้งนั้น เมื่ออำนาจบริหาร สั่งอำนาจตุลากรได้ แต่สั่งอำนาจทางกองทัพไม่ได้ มรึงว่า งานนี้ อีทรัมปป์จะล่อใครก่อน? เพื่อเชือดเหี้ยให้เหี้ยดู สั่งสอน ใครคือหัวหน้ามรึง! แก่นคือ "อีทรัมปป์ กำลังจะเล่นเกมส์อันตราย เกมส์แรงกับ DEEP STATE" เพราะคิดจะตั้งตนเป็น KING นั่นเอง ความแตกต่างของเหี้ย กับวังไทยคือ กองทัพไทยขึ้นตรงกับแม่ทัพใหญ่ผู้เดียว นั่นคือ "พระมหากษัตริย์" แต่กองทัพเหี้ย ขึ้นตรงกับเยรูซาเล็ม ไม่ได้มีจุดยึดมั่น ศรัทธา แต่อย่างใด โอกาสที่กองทัพจะชนกับฝ่ายบริหาร สูงมาก นั่นแหละคือ "จุกแตกหักอเมริกา" โดยผ่านเกมส์บนท้องถนน ประกาศภาวะฉุกเฉิน ผู้คนขนปืนลงมาฆ่าตำรวจ ทหาร หน่วยความมั่นคง เพราะอาวุธที่บ้านนี้เมืองนี้ หาง่ายยิ่งกว่าไอติมรสหมีหื่นซะอีก? กูยังจำได้ หาปืนในอเมริกา $20 ก็ยังมี ไอ้สัส! ไม่ต้องไปไหนไกล ได้พวก HOMELESS แม่งมีกันเพี๊ยบ เก็บได้ตามถังขยะทุกวัน หลักฐานไม่ต้องไปหา ขุ้ยถังขยะเจอหมด! อุปส์ ปชต.เบ่งบานฉิบหาย ชอบมั้ยล่ะ? EU ลายออกทันควัน หลังอีทรัมปป์มายกแผง บีบอีเสี้ยนยาแบ่งแผ่นดินคืนให้ปูตินไปเหอะ กูไม่อยากจะซวย จบที่มรึงดีกว่าเขมือบยาวมาโดนกูด้วย รักกันจริงจุงเบย ยุโรปเนี่ย? อีฟินน์ อีสวิงกิ้ง อีลอนดอน หายซ่าส์ หลังรัสเซียปรับยุทธศาสตร์หัวรบนิวเคลียร์แทนจุดล่อแหลมพรมแดน นัยยะคือ "พร้อมตายยัง?" อียุ่นปี่ อีโสมขาว ลายออกทันทีเช่นกัน "ปลดแอกขี้ข้า ถูกตราหน้าเบ๊อเมริกา" ย่องหาสีจิ้นผิงทั้งคู่ เข้าทางตรีนสิจ๊ะ? เวลาแสงทำงาน อะไรที่มรึงไม่เคยเชื่อว่าจะเกิดขึ้น มันจะมาหมด ยังมีเรื่องให้มรึงช็อคอีกเยอะ เหี้ยแค่ไหนก็กลัวตายเป็น? เหมือนที่มรึงเห็นอยู่ตอนนี้ ในละครบ้านทรายทองไงล่ะ? อย่าดูถูกแสงทำงาน เพราะแสงคือความจริง ความถูกต้อง ความชอบธรรม อาวุธเดียวที่จะฆ่าเหี้ยไอ้อีในสากลโลกได้จริง! อีทรัมปป์รู้ชะตาดี งานนี้ วัดใจ สู้หลังผิงกำแพง หากมรึงอยากจะเป็น KING ได้สำเร็จ มรึงต้องกำจัดอิทธิพลอียิวเหี้ยไซออนนิสต์ ในหน่วยงานความมั่นคงรัฐบาลทั้งหมด ที่มาว่า อีทรัมปป์ใช้หน่วยรบพิเศษ BODYGUARD ระดับชาติ คุ้มครองบ้านพักทุกหลัง ครอบครัวทุกบ้าน เพราะอีตาเพน เหี้ย C มันกำลังจะใช้แผน JFK กับมรึงแน่? ในการหาเสียง ทรัมปปืพูดชัดออกสื่อ "กูจะกำจัด DEEP STATE" นั่นคือพลังเงียบที่ออกมาโหวตให้มรึงไงล่ะ ไอ้สัส! เพราะอเมริกันควายมันเอือมกับอี DEEP STATE มาเป็นชาติแล้ว ทรัมปป์จะเปลี่ยนได้หรือไม่ อยู่ที่ใจมรึงเหี้ยมพอแค่ไหน? สุดท้าย สมบัติผลัดกันชม เหี้ยไป จัญไรมา ก็แค่อำนาจที่มันไม่เคยปราณีใคร? มาถึงจุดนี้ อีทรัมปป์เจออะไรมาเยอะแล้ว รู้ดีว่า จะทำยังไง ถึงจะฆ่าล้างโคตรอีลาให้อยู่หมัด กูบอกเลยว่า บริษัทค้าอาวุธ ตลาดหุ้น ธนาคารกลาง นี่คือสิ่งที่อีทรัมปป์จะเข้าไปแตะ ไปขยี้ในไม่ช้านี้ ด้วยจริตของมัน กูบอกเลยว่า "แตกหักไม่มีงอ" ยิ่งอำนาจเต็มมือ เต็มฝ่าตรีนซะขนาดนี้ คลั่งอำนาจกันให้สุดซอยกันไปเลย รัสเซีย จีน โสมแดง ปรบมือให้ ฆ่าให้เกลี้ยงน่ะจ๊ะ อย่าออมมือ แผนขั้วใหม่ ตัดอเมริกาออกจากสารบบ ไม่สนว่ามรึงจะทำอะไร มรึงกับกู อยู่คนละโลกเดียวกัน! เป้าหมายแท้จริงของอีทรัมปป์คือเผาอเมริกาก่อน ไม่แก้ที่ต้นเหตุ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เพราะมันรู้ดีว่า หากพลาดโอกาสทองครั้งนี้แล้ว ลงจากบังลังก์เมื่อไหร่ กูตายกับตายสถานเดียวแน่นอน มรึงจะได้เห็นการจัดการแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เผด็จการสุดขั้ว ล้างบางศัตรู แบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน? ด้านอีแม่มดขาวคลินตัน อีลิงดำ มีเหรอ จะอยู่เฉยๆ มันก็ถูกกาหัวหมาเช่นกัน เกมส์ภายในอเมริกานับจากนี้ ไม่แตกต่างจากตอนสมัยปฎิวัติอเมริกาใหม่ๆ ฝ่ายเหนือ ฝ่ายใต้ นี่มันย้อนรอยประวัติศาสตร์ชัดๆ ถามว่า หลังอีทรัมปป์มา EU NATO จะทำยังไงต่อดี? คำตอบอยู่ตรงหน้า เมื่อมรึงทิ้งได้ กูก็ทิ้งตามสิจ๊ะ? ใครจะโง่แบก ใครจะยอมจ่ายค่าปฎิกรรมสงคราม แยกย้าย เอาตัวรอด ยิ่งทำให้ยุโรปจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งยิ่งชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพราะฝั่งตะวันออก ประกาศชัด พลังงานรัสเซีย คือทางรอดเดียว และเป็นความมั่นคงชาติ ใครไม่เอา ก็เรื่องของมรึง? จุดเปลี่ยนเกมส์โลกอยู่ที่ "ยูเครนประกาศยอมแพ้ ผนวกแผ่นดิน" อย่าคิดว่าอเมริกาจะรอด ขั้วใหม่เดินหน้าฟ้องอเมริกา ผู้อยู่เบื้องหลังระเบิดท่อแก็สนอร์ทสตรีม ทำความเสียหายให้ทั้งยุโรป พ่วงฟ้องอิสราเอล ผู้อยู่เบื้องหลังก่อการร้ายโลก และฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ ดอกนี้ มรึงจะได้เห็น โลกรวมเป็นหนึ่งเดียว องค์กรสากลเหี้ยโลกจะเปลี่ยนสี รับหยวนแทนสิจ๊ะ! อเมริกาจะเจอทั้งศึกนอก ศึกใน ไม่ต้องถามต่อน่ะ "ว่ามันจะแตกมั้ย?" ส่วนไอ้อีขี้ข้าตัวปลากรอบฉาก ทัังอีแคน อีจิงโจ้ จะถือโอกาสที่อเมริกาผ่อนรบ ประกาศเอกราช ปลดแอกสมาคมขี้ข้าเหี้ยโลก แผนนี้ชงมาจากเยรูซาเล็ม บีบให้รัฐบาลอีทรัมปป์ไม่เป็นที่ยอมรับในหมู่เพื่อนบ้านเหี้ยไงล่ะจ๊ะ? มรึงเอาตัวรอดตัวเดียวได้ยังไง? อีแคน คืออีแอบมาช้านาน คอยเสียบ หากอเมริกาล่มสลาย เพราะทั้งหมด มันอยู่ในแผนตั้งรัฐยิวใหม่ในอนาคตนั่นเอง ปล.ภาพชูวิทย์กอดลุงสนธิ นาทีสุดท้ายของชีวิต อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน เพราะไม่รู้ จะโกรธแค้นข้ามภพกันไปเพื่อ? ใครทำอะไรก็ได้อย่างงั้น? เวรกรรมตามเช็คบิลหมด อย่าดูถูกเวรกรรม ใครคิดว่าอีเหลี่ยมเหี้ยจะรอด? กูสงสารมันมากกว่า ว่าจะทรมานก่อนตายซะขนาดไหน? อีทนายโจร สิ้นฤทธิ์ ท้าใครไม่ท้า ท้าลุงสนธิ มีอันเป็นไปหมด? โดนข้อหาหนัก จะหนีเหรอจ๊ะ? แสงทำงาน ความจริงปรากฎ ใครหมกเม็ดเหี้ยอะไรเอาไว้ แสงแฉหมดเปลือก ความลับไม่มีในโลก หลักฐานคาตา หลักกูมาเต็ม ไบ้แดร๊ก คุกรออยู่เบื้องหน้า ใครที่หาแดร๊กบนความทุกข์ร้อนของชาวบ้าน? ไม่เลิกคือตาย ไม่หยุดคือคุก หยุดทำกรรมชั่วได้แล้ว เพื่อตัวมรึงเอง! ศรีธนญชัย 2024 ของจริง เชื้อชั่วออกลายแล้ว ขี้ข้าหางโผล่เป็นแถว เกาะหมา เกาะแมว ขะแมร์อยากได้ บู๊ทเขียวตรีนโตไทยรออยู่ เข้ามาเมื่อไหร่ กูใช้ข้ออ้างยึดคืนแม่งไปถึงพนญเปญ ดอกนี้ อีฮุนเซนทำไมจะไม่รู้ ขะแมร์แค่ขี้ตรีนไทย ฟังชัดๆ อีกที ขะแมร์แค่เบ๊ กองทัพบกไทยคืออันดับ 1 อาเซียน ยังต้องถามต่อมุย? อย่าเอาเรื่องไกลความเป็นจริงมาพูด อายหมามัน? ไทยไม่พูด ไม่คุย ไม่กร่าง ใช่ว่าจะอยู่เฉย เรามีดีในตัว วงใน หน่วยข่าวกรองเค้ารู้กัน ถึงกันหมด ใครแข็งโป๊ก ใครอ่อนยวบ? สื่อขายชาติแค่ปั่น ของจริงกล้าเข้ามามั้ยล่ะ? ไม่อยากจะไบ้ต่อว่า อย่าว่าจะเสียดินแดนเลย หลังฟ้าเปลี่ยนสี โลกผลัดใบ แม้แต่เขาพระวิหาร ไทยเราจะได้คืนมาทั้งหมด พ่วงบางส่วนอีกต่างหาก ทั้งหมดที่ผ่านมา ไทยแค่เล่นละคร สมยอมกับอีขะแมร์ เพื่อให้เหี้ยตะวันตกไม่เข้ามาเสือก เพราะเราคุยกันเองได้ คนนอกไม่ต้องมายุ่ง อีขะแมร์ต้องอาศัยทุกอย่างจากไทย ไทยตัดขาด มันตายห่าก่อนใครเพื่อน? อย่าเอาไอ้อีกระจอกมาเทียบกองทัพไทย มันห่างกันหลายปีแสง เอาให้ใกล้เคียงความเป็นจริงหน่อย? กูฟังแล้วรำคาญ! อะไรน่ะ อีฮุนเซน มันจะบุกยึดวอชิงตัน อ๋อ..เหรอ? ไม่รอด หากแสงทำงาน! อีสมศักดิ์โดนแล้ว เอื้อชั้น 14 ยาพิษมาเต็ม ดิ้นพล่าน อีเพ่นู๋ ใครสั่งมรึงให้ไปยุ่งพรมแดนไทย ชี้เป้าขะแมร์ อีเน ชิมิ? ทหารเค้ารู้หมดเกลี้ยง? อีวัน ที่ลุ้นลูกชายรอดคุกกับประหารชีวิต ลายออก คิดแยกดินแดน ไอ้อสรพิษ รู้งานต้องทำยังไง? เบื้องบนสั่ง อยากรอด แฉสิจ๊ะ พ่วงหลักฐาน เอาให้ตายทั้งขบวนการแยกดินแดน สาวไส้ไปมา จบที่วอชิงตัน ท่อน้ำเลี้ยง NED เบื้องลึกทหารรู้หมดเปลือก มรึงไม่ต้องกังวลอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว ทหารไทยไม่ได้โง่ ที่ผ่านมาแค่หลับตา แกล้งโง่ รอเหยื่อกินเบ็ด อย่าให้กูพูดต่อเดี๋ยวปรี๊ดแตก! วังรู้ ทุกอย่าง แล้วมรึงคิดว่า จะมีใครหวงแหนแผ่นดินนี้มากไปกว่าพระองค์ท่านอีกล่ะ? แผนการเค้ามี หมากล่อเค้าวาง มรึงจะให้แฉอออกหมดเปลือกเลยเหรอ? แกล้งโง่บ้างก็ได้ อะไรที่พูดได้ก็พูดเพื่อให้เข้าใจตรงกัน อะไรที่พูดแล้วเสี่ยงตาย จะพูดไปเพื่อ? กูชี้จุดหมายปลายทางไปหมดแล้ว อยากรู้ กลับไปอ่านทั้งหมดที่กูโพส ย้อนหลังไป 3 เดือน อ่านครบแล้ว ยังไม่เข้าใจอีก ให้อ่านซ้ำอีก 2 รอบ รับรอง "ตกผลึกชัวร์" เลิกเป็นคริสตอลได้แล้ว ตามกูมานานซะขนาดนี้ มันต้องเป็น "เพชร" เท่านั้น คุณภาพปัญญาชนไทย สร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกหลานไทย มรึงกลายร่างเป็นเพชรกันหมดทั้งแผ่นดิน งานกูคือจบ "จะได้พักซักที" หมี CNN(จะ 17 ปี แล้วน่ะ ตั้งแต่หมี CNN จุติบนโลก มีใครที่ตามหมีมาตั้งแต่เริ่มต้นบ้าง มรึงคงรู้ดีว่า เรามาไกลเกินกว่าจะถอยหลังได้อีกแล้ว เดินหน้าประเทศไทย สู้เพื่อลูกหลานไทย ฝากไว้ในแผ่นดิน เกิดมาก็ต้องตาย แต่ก่อนตาย ขอคืนคุณแผ่นดินเกิดให้สาสมใจก่อน อายุจะยืนยาว หากมีเป้าหมายเพื่อรอคอย กูจะยังตายไม่ได้ จนกว่าจะได้เห็นฟ้าสีทอง ผ่องอำไพ แผ่นดินทอง อโยธยารุ่งเรืองดั่งเก่าก่อน กับตาตัวเองซักครั้งก่อนตาย) 08 พฤศจิกายน 67 13.54 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 370 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพประธานาธิบดีโรมาเนีย Klaus Lohannis มาเข้าร่วมการประชุมสุดยอดประชาคมการเมืองยุโรปในกรุง Budapest แต่ไม่ต้องการจับมือทักทายผู้นำฮังการีตามธรรมเนียม

    ดูท่าทางของ "วิกเตอร์ ออร์บัน" เขาสนุกกับการได้เห็นทักษะการทูตของเด็กอนุบาล 4 ขวบ

    มีความตึงเครียดทางประวัติศาสตร์ระหว่างโรมาเนียและฮังการีมายาวนานเกี่ยวกับภูมิภาคทรานซิลเวเนียของโรมาเนียซึ่งมีชนกลุ่มน้อยชาวฮังการีจำนวนมากอาศัยอยู่ รัฐบาลของ Orban สนับสนุนการเรียกร้องเอกราชในทรานซิลเวเนีย
    ภาพประธานาธิบดีโรมาเนีย Klaus Lohannis มาเข้าร่วมการประชุมสุดยอดประชาคมการเมืองยุโรปในกรุง Budapest แต่ไม่ต้องการจับมือทักทายผู้นำฮังการีตามธรรมเนียม ดูท่าทางของ "วิกเตอร์ ออร์บัน" เขาสนุกกับการได้เห็นทักษะการทูตของเด็กอนุบาล 4 ขวบ มีความตึงเครียดทางประวัติศาสตร์ระหว่างโรมาเนียและฮังการีมายาวนานเกี่ยวกับภูมิภาคทรานซิลเวเนียของโรมาเนียซึ่งมีชนกลุ่มน้อยชาวฮังการีจำนวนมากอาศัยอยู่ รัฐบาลของ Orban สนับสนุนการเรียกร้องเอกราชในทรานซิลเวเนีย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 20 0 รีวิว
  • หลังจากที่ รถถัง จิตรเมืองนนท์ ทำเข็มขัดแชมป์โลกมวยไทย ONE รุ่นฟลายเวต กระเด็นบนตาชั่ง เมื่อไม่ผ่านการทำน้ำหนัก เกินมา 0.5 ปอนด์ ทั้งที่มีไฟต์ใหญ่ในการป้องกันตำแหน่งกับ จาค็อบ สมิธ ในศึก ONE 169 เช้าวันเสาร์ที่ 9 พ.ย.นี้ จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

    เลียม แฮร์ริสัน นักชกชื่อดังจากสหราชอาณาจักร ที่เพิ่งประกาศแขวนนวมไปเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา รุ่นพี่ร่วมชาติของ จาค็อบ สมิธ ก็ออกมาจวกหนักใส่กำปั้นชาวไทยรายนี้ โดยชี้ว่า รถถัง ไม่มีความเป็นมืออาชีพ สวนทางกับการเป็นนักมวยไทยที่ได้รับค่าตัวสูงสุดในประวัติศาสตร์ของ ONE แต่สู้นักมวยที่ได้รับค่าตัวน้อยกว่าตัวเอง 20 เท่า ไม่ได้
    หลังจากที่ รถถัง จิตรเมืองนนท์ ทำเข็มขัดแชมป์โลกมวยไทย ONE รุ่นฟลายเวต กระเด็นบนตาชั่ง เมื่อไม่ผ่านการทำน้ำหนัก เกินมา 0.5 ปอนด์ ทั้งที่มีไฟต์ใหญ่ในการป้องกันตำแหน่งกับ จาค็อบ สมิธ ในศึก ONE 169 เช้าวันเสาร์ที่ 9 พ.ย.นี้ จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เลียม แฮร์ริสัน นักชกชื่อดังจากสหราชอาณาจักร ที่เพิ่งประกาศแขวนนวมไปเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา รุ่นพี่ร่วมชาติของ จาค็อบ สมิธ ก็ออกมาจวกหนักใส่กำปั้นชาวไทยรายนี้ โดยชี้ว่า รถถัง ไม่มีความเป็นมืออาชีพ สวนทางกับการเป็นนักมวยไทยที่ได้รับค่าตัวสูงสุดในประวัติศาสตร์ของ ONE แต่สู้นักมวยที่ได้รับค่าตัวน้อยกว่าตัวเอง 20 เท่า ไม่ได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์เริ่มคัดเลือกทีมผู้บริหารประจำทำเนียบขาวแล้ว!
    ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศแต่งตั้ง “ซูซี่ ไวลส์” (SUSIE WILES) เป็นหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาว (White House chief of staff)

    ซูซี่ ไวลส์ วัย 67 ปี คือผู้จัดการการรณรงค์หาเสียงที่ทำให้ทรัมป์ได้รับชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์เหนือคามาลา แฮร์ริส

    เธอกลายเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้สำหรับประธานาธิบดีสหรัฐ

    ก่อนหน้านี้ หลายฝ่ายคาดว่า "เควิน แม็กคาร์ธี" อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร จะได้เข้ารับตำแหน่งนี้
    ทรัมป์เริ่มคัดเลือกทีมผู้บริหารประจำทำเนียบขาวแล้ว! ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศแต่งตั้ง “ซูซี่ ไวลส์” (SUSIE WILES) เป็นหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาว (White House chief of staff) ซูซี่ ไวลส์ วัย 67 ปี คือผู้จัดการการรณรงค์หาเสียงที่ทำให้ทรัมป์ได้รับชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์เหนือคามาลา แฮร์ริส เธอกลายเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้สำหรับประธานาธิบดีสหรัฐ ก่อนหน้านี้ หลายฝ่ายคาดว่า "เควิน แม็กคาร์ธี" อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร จะได้เข้ารับตำแหน่งนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 71 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปูติน: มาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกล้มเหลว, โลกยังคงต้องการรัสเซีย

    มาตรการคว่ำบาตรของรัสเซียของชาติตะวันตกไม่ได้ผล; โลกต้องการรัสเซีย, และไม่มีการตัดสินใจใดๆของผู้นำชาติตะวันตกหรืออเมริกาที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ได้

    “มาตรการคว่ำบาตรและการลงโทษที่ใช้กับประเทศของเรานั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ ฝ่ายตรงข้ามของเราสันนิษฐานว่าพวกเขาจะโจมตีรัสเซียอย่างรุนแรงจนหมดทางสู้, ซึ่งรัสเซียจะไม่สามารถฟื้นตัวจากการโจมตีนั้นได้, และจะไม่เป็นผู้เล่นสำคัญบนเวทีโลกอีกต่อไป... โลกต้องการรัสเซีย—และไม่มีการตัดสินใจใดๆของผู้นำในวอชิงตันหรือบรัสเซลส์ที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ได้,” วลาดิมีร์ ปูติน กล่าวในการประชุมของ Valdai International Discussion Club
    .
    Putin: Western sanctions failed, the world still needs Russia

    Western sanctions against Russia have had no effect; the world needs Russia, and no decisions by Western or American leaders can change this.

    "The scale of sanctions and punitive measures applied against our country is unprecedented in history. Our opponents assumed they would deliver a crushing, knockout blow to Russia, one from which it would not recover, ceasing to be a key player on the global stage... The world needs Russia—and no decisions by leaders in Washington or Brussels can alter that," the Vladimir Putin said at a session of the Valdai International Discussion Club.
    .
    Last edited 12:10 AM · Nov 8, 2024 · 2,432 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1854572089443057721
    ปูติน: มาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกล้มเหลว, โลกยังคงต้องการรัสเซีย มาตรการคว่ำบาตรของรัสเซียของชาติตะวันตกไม่ได้ผล; โลกต้องการรัสเซีย, และไม่มีการตัดสินใจใดๆของผู้นำชาติตะวันตกหรืออเมริกาที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ได้ “มาตรการคว่ำบาตรและการลงโทษที่ใช้กับประเทศของเรานั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ ฝ่ายตรงข้ามของเราสันนิษฐานว่าพวกเขาจะโจมตีรัสเซียอย่างรุนแรงจนหมดทางสู้, ซึ่งรัสเซียจะไม่สามารถฟื้นตัวจากการโจมตีนั้นได้, และจะไม่เป็นผู้เล่นสำคัญบนเวทีโลกอีกต่อไป... โลกต้องการรัสเซีย—และไม่มีการตัดสินใจใดๆของผู้นำในวอชิงตันหรือบรัสเซลส์ที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ได้,” วลาดิมีร์ ปูติน กล่าวในการประชุมของ Valdai International Discussion Club . Putin: Western sanctions failed, the world still needs Russia Western sanctions against Russia have had no effect; the world needs Russia, and no decisions by Western or American leaders can change this. "The scale of sanctions and punitive measures applied against our country is unprecedented in history. Our opponents assumed they would deliver a crushing, knockout blow to Russia, one from which it would not recover, ceasing to be a key player on the global stage... The world needs Russia—and no decisions by leaders in Washington or Brussels can alter that," the Vladimir Putin said at a session of the Valdai International Discussion Club. . Last edited 12:10 AM · Nov 8, 2024 · 2,432 Views https://x.com/SputnikInt/status/1854572089443057721
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกันเชื้อสายอิสราเอล โอเมอร์ บาร์ตอฟ ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้านการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของโลก และศาสตราจารย์ด้านการศึกษาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และฮอโลคอสต์ที่มหาวิทยาลัยบราวน์ กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซาตอนเหนือ

    “นี่คือแผนที่ร่างขึ้นโดยนายพลเกษียณอายุราชการ Giora Eiland ซึ่งสื่อของอิสราเอลได้พูดถึงเรื่องนี้มาหลายเดือนแล้ว โดยมีเป้าหมายที่จะกำจัดพลเรือนออกจากพื้นที่ดังกล่าวโดยใช้แรงกดดันทางทหารและความอดอยาก … นี่เป็นก้าวแรกสู่การผนวกดินแดนทางตอนเหนือของ Netzarim Corridor ซึ่งจะทำให้ชาวยิวเข้ามาตั้งถิ่นฐาน และจะเป็นเพียงขั้นตอนแรกของการค่อยๆ ยึดครองพื้นที่บางส่วนของฉนวนกาซาบ โดยบีบให้พลเรือนต้องอพยพไปอยู่ในพื้นที่ที่หดตัวลงเรื่อยๆ และในที่สุดก็จะบังคับให้พวกเขาออกจากฉนวนกาซาบ หรือทำให้มีผู้เสียชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ กล่าวโดยสรุป นี่คือแผนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์”

    เขาเชื่อว่าปฏิบัติการปัจจุบันในฉนวนกาซาตอนเหนือเพียงอย่างเดียวเข้าข่ายการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์: "เป็นไปได้ที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศจะมองว่าปฏิบัติการนี้เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แม้ว่าจะขัดขวางสงครามในฉนวนกาซาโดยรวมก็ตาม"

    ที่มาhttps://www.theguardian.com/commentisfree/2024/nov/06/we-are-witnessing-the-final-stage-of-genocide-in-gaza

    #Thaitimes
    นักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกันเชื้อสายอิสราเอล โอเมอร์ บาร์ตอฟ ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้านการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของโลก และศาสตราจารย์ด้านการศึกษาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และฮอโลคอสต์ที่มหาวิทยาลัยบราวน์ กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซาตอนเหนือ “นี่คือแผนที่ร่างขึ้นโดยนายพลเกษียณอายุราชการ Giora Eiland ซึ่งสื่อของอิสราเอลได้พูดถึงเรื่องนี้มาหลายเดือนแล้ว โดยมีเป้าหมายที่จะกำจัดพลเรือนออกจากพื้นที่ดังกล่าวโดยใช้แรงกดดันทางทหารและความอดอยาก … นี่เป็นก้าวแรกสู่การผนวกดินแดนทางตอนเหนือของ Netzarim Corridor ซึ่งจะทำให้ชาวยิวเข้ามาตั้งถิ่นฐาน และจะเป็นเพียงขั้นตอนแรกของการค่อยๆ ยึดครองพื้นที่บางส่วนของฉนวนกาซาบ โดยบีบให้พลเรือนต้องอพยพไปอยู่ในพื้นที่ที่หดตัวลงเรื่อยๆ และในที่สุดก็จะบังคับให้พวกเขาออกจากฉนวนกาซาบ หรือทำให้มีผู้เสียชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ กล่าวโดยสรุป นี่คือแผนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” เขาเชื่อว่าปฏิบัติการปัจจุบันในฉนวนกาซาตอนเหนือเพียงอย่างเดียวเข้าข่ายการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์: "เป็นไปได้ที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศจะมองว่าปฏิบัติการนี้เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แม้ว่าจะขัดขวางสงครามในฉนวนกาซาโดยรวมก็ตาม" ที่มาhttps://www.theguardian.com/commentisfree/2024/nov/06/we-are-witnessing-the-final-stage-of-genocide-in-gaza #Thaitimes
    WWW.THEGUARDIAN.COM
    We are witnessing the final stage of genocide in Gaza | Arwa Mahdawi
    Omer Bartov is an Israeli-American professor of Holocaust and genocide studies. He has issued a grim warning on Gaza
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 572 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts