• #เล่าเรื่อง# #วัดวรเชษฐ นอกเกาะ ...ประสบการณ์ตรงของผู้เขียนเอง...เริ่มจาก 10 ปีก่อน ผู้เขียนได้อ่านหนังสือ ของ ริชชี่ และบทความของ ดร .พระมหาสิงทน...ว่า ที่นี่คือที่ บรรจุพระบรมอัฐิ ของพระนเรศวรจริง...จึงเดินทางไป..ครั้งแรก มุ่งหน้าไปกุฏิพระมหาสิงทนก่อน ไปสนทนากับท่าน...ท่านเล่าว่า ผู้มีญาณ ไม่ใช่แค่คนไทย มาจากหลายประเทศเลย ..มาพิสูจน์ และนืนยันว่า จริง ..ดังที่กล่าว...ครั้งแรกผู้เขียนก็สักการะปกติ ได้แต่เอา 2 มือ สัมผัสองค์พระปรางค์ในภาพ แล้วตั้งจิตว่า ถ้าข้าพเจ้าเคยเป็นบริวารของท่าน ช่วยสื่อสารให้ข้าพเจ้ารับทราบมีด้วย...พอเอามือออก..ลมพัดแรงซะงั้น...ซึ่งก่อนหน้านี้เงียบสงบ..เป็นสักประมาณครึ่งนาที..แล้วก็สงบ...ก็ไม่ได้คิดอะไร....ครั้งที่ 2 มาหา พระมหาอีก ท่านแนะนำว่า ใบเสมาหน้าวิหารนะ มีพลัง ไปขอเอาสิ....พอลงจากกุฏิ..กำลังจะเดินขึ้นพระปรางค์ ก่อนเดินเข้า ยกมือไหว้..บอกท่านครับ ลูกมาแล้วครับ...ลมจากสงบ..พัดแรงขึ้นมาแบบคราวที่แล้วเลย...แล้วขนเราก็ลุกแบบไม่มีสาเหตุ...สักไม่เกินครึ่งนาที ลมก็สงบ...ก็เดินไปขึ้นพระปรางค์ในภาพแบบเดิม ก็สักการะปกติ ...ลงมา ไปหน้าพระวิหารร้าง..ที่ พระมหาบอก...ให้ไปขอพลัง....เราก็จุดธูป เอาพวงมาลัยวาง ...และเอามือ 2 มือ จับที่ใบเสมาหินทรายนั้น...แล้วตั้งจิตว่า ขอให้มือคู่นี้ ทำอะไรก็สำเร็จ ถ้าไม่ผิดศีลธรรม...สิ่งที่ไม่น่าเชื่อเกิดขึ้น....ไฟดูด...!! ..ชักมือกลับอย่างเร็ว...ตั้งสติได้ เอ ไฟมันรั่วตรงไหน ก้มเงยหายสายไฟ...จนทั่ว...ไม่มี....แล้วเมื่อครู่คืออ่ะไร? ...ข้ามไปครั้งต่อมาเลย ผู้เขียนมีนิสัยที่ดี หรือแย่ ก็ไม่ทราบ แต่ชอบชาเล้นจ์แทบทุกอย่างในชีวิต...อยุธยาผีดุเหรอ..มาๆ อยากรู้...ไปกลางคืนเลย..ไปนั่งสมาธิในวิหารร้างมืดๆ.ผี.มาสิ อยากเจอ...อ้อ สักพักภรรยา เลื่อนรถเอาไฟหน้าส่องมา บอกกลัวงู.เราก็บอกไม่เป็นไรหรอกนั่งรอในรถนั่นแหละ...ผ่านไปสัก 30 นาที ก็เข้าสมาธิไม่ได้ เนื่องจากเสียงเครื่องยนต์..ทำให้ไม่สงบ...ภรรยาจึงเดินมาบอก กลับเถอะ ...กลัวงูกัด...เราก็ไปก็ไป ..และผู้เขียนก็แวะเวียนไปตลอด ..และคำบอกกล่าวก่อนเข้าก็ทำแบบเดิม ลมก็มาแบบเดิม แปลกดีไหม?..ท่านผู้อ่านสนใจ เชิญครับ วัดวรเชษฐมีในเกาะ กับนอกเกาะ ..ที่เขียนคือ นอกเกาะครับ.
    #เล่าเรื่อง# #วัดวรเชษฐ นอกเกาะ ...ประสบการณ์ตรงของผู้เขียนเอง...เริ่มจาก 10 ปีก่อน ผู้เขียนได้อ่านหนังสือ ของ ริชชี่ และบทความของ ดร .พระมหาสิงทน...ว่า ที่นี่คือที่ บรรจุพระบรมอัฐิ ของพระนเรศวรจริง...จึงเดินทางไป..ครั้งแรก มุ่งหน้าไปกุฏิพระมหาสิงทนก่อน ไปสนทนากับท่าน...ท่านเล่าว่า ผู้มีญาณ ไม่ใช่แค่คนไทย มาจากหลายประเทศเลย ..มาพิสูจน์ และนืนยันว่า จริง ..ดังที่กล่าว...ครั้งแรกผู้เขียนก็สักการะปกติ ได้แต่เอา 2 มือ สัมผัสองค์พระปรางค์ในภาพ แล้วตั้งจิตว่า ถ้าข้าพเจ้าเคยเป็นบริวารของท่าน ช่วยสื่อสารให้ข้าพเจ้ารับทราบมีด้วย...พอเอามือออก..ลมพัดแรงซะงั้น...ซึ่งก่อนหน้านี้เงียบสงบ..เป็นสักประมาณครึ่งนาที..แล้วก็สงบ...ก็ไม่ได้คิดอะไร....ครั้งที่ 2 มาหา พระมหาอีก ท่านแนะนำว่า ใบเสมาหน้าวิหารนะ มีพลัง ไปขอเอาสิ....พอลงจากกุฏิ..กำลังจะเดินขึ้นพระปรางค์ ก่อนเดินเข้า ยกมือไหว้..บอกท่านครับ ลูกมาแล้วครับ...ลมจากสงบ..พัดแรงขึ้นมาแบบคราวที่แล้วเลย...แล้วขนเราก็ลุกแบบไม่มีสาเหตุ...สักไม่เกินครึ่งนาที ลมก็สงบ...ก็เดินไปขึ้นพระปรางค์ในภาพแบบเดิม ก็สักการะปกติ ...ลงมา ไปหน้าพระวิหารร้าง..ที่ พระมหาบอก...ให้ไปขอพลัง....เราก็จุดธูป เอาพวงมาลัยวาง ...และเอามือ 2 มือ จับที่ใบเสมาหินทรายนั้น...แล้วตั้งจิตว่า ขอให้มือคู่นี้ ทำอะไรก็สำเร็จ ถ้าไม่ผิดศีลธรรม...สิ่งที่ไม่น่าเชื่อเกิดขึ้น....ไฟดูด...!! ..ชักมือกลับอย่างเร็ว...ตั้งสติได้ เอ ไฟมันรั่วตรงไหน ก้มเงยหายสายไฟ...จนทั่ว...ไม่มี....แล้วเมื่อครู่คืออ่ะไร? ...ข้ามไปครั้งต่อมาเลย ผู้เขียนมีนิสัยที่ดี หรือแย่ ก็ไม่ทราบ แต่ชอบชาเล้นจ์แทบทุกอย่างในชีวิต...อยุธยาผีดุเหรอ..มาๆ อยากรู้...ไปกลางคืนเลย..ไปนั่งสมาธิในวิหารร้างมืดๆ.ผี.มาสิ อยากเจอ...อ้อ สักพักภรรยา เลื่อนรถเอาไฟหน้าส่องมา บอกกลัวงู.เราก็บอกไม่เป็นไรหรอกนั่งรอในรถนั่นแหละ...ผ่านไปสัก 30 นาที ก็เข้าสมาธิไม่ได้ เนื่องจากเสียงเครื่องยนต์..ทำให้ไม่สงบ...ภรรยาจึงเดินมาบอก กลับเถอะ ...กลัวงูกัด...เราก็ไปก็ไป ..และผู้เขียนก็แวะเวียนไปตลอด ..และคำบอกกล่าวก่อนเข้าก็ทำแบบเดิม ลมก็มาแบบเดิม แปลกดีไหม?..ท่านผู้อ่านสนใจ เชิญครับ วัดวรเชษฐมีในเกาะ กับนอกเกาะ ..ที่เขียนคือ นอกเกาะครับ.
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 263 Views 0 Reviews
  • #เล่าเรื่อง# #วัดวรเชษฐ นอกเกาะ ...ประสบการณ์ตรงของผู้เขียนเอง...เริ่มจาก 10 ปีก่อน ผู้เขียนได้อ่านหนังสือ ของ ริชชี่ และบทความของ ดร .พระมหาสิงทน...ว่า ที่นี่คือที่ บรรจุพระบรมอัฐิ ของพระนเรศวรจริง...จึงเดินทางไป..ครั้งแรก มุ่งหน้าไปกุฏิพระมหาสิงทนก่อน ไปสนทนากับท่าน...ท่านเล่าว่า ผู้มีญาณ ไม่ใช่แค่คนไทย มาจากหลายประเทศเลย ..มาพิสูจน์ และนืนยันว่า จริง ..ดังที่กล่าว...ครั้งแรกผู้เขียนก็สักการะปกติ ได้แต่เอา 2 มือ สัมผัสองค์พระปรางค์ในภาพ แล้วตั้งจิตว่า ถ้าข้าพเจ้าเคยเป็นบริวารของท่าน ช่วยสื่อสารให้ข้าพเจ้ารับทราบมีด้วย...พอเอามือออก..ลมพัดแรงซะงั้น...ซึ่งก่อนหน้านี้เงียบสงบ..เป็นสักประมาณครึ่งนาที..แล้วก็สงบ...ก็ไม่ได้คิดอะไร....ครั้งที่ 2 มาหา พระมหาอีก ท่านแนะนำว่า ใบเสมาหน้าวิหารนะ มีพลัง ไปขอเอาสิ....พอลงจากกุฏิ..กำลังจะเดินขึ้นพระปรางค์ ก่อนเดินเข้า ยกมือไหว้..บอกท่านครับ ลูกมาแล้วครับ...ลมจากสงบ..พัดแรงขึ้นมาแบบคราวที่แล้วเลย...แล้วขนเราก็ลุกแบบไม่มีสาเหตุ...สักไม่เกินครึ่งนาที ลมก็สงบ...ก็เดินไปขึ้นพระปรางค์ในภาพแบบเดิม ก็สักการะปกติ ...ลงมา ไปหน้าพระวิหารร้าง..ที่ พระมหาบอก...ให้ไปขอพลัง....เราก็จุดธูป เอาพวงมาลัยวาง ...และเอามือ 2 มือ จับที่ใบเสมาหินทรายนั้น...แล้วตั้งจิตว่า ขอให้มือคู่นี้ ทำอะไรก็สำเร็จ ถ้าไม่ผิดศีลธรรม...สิ่งที่ไม่น่าเชื่อเกิดขึ้น....ไฟดูด...!! ..ชักมือกลับอย่างเร็ว...ตั้งสติได้ เอ ไฟมันรั่วตรงไหน ก้มเงยหายสายไฟ...จนทั่ว...ไม่มี....แล้วเมื่อครู่คืออ่ะไร? ...ข้ามไปครั้งต่อมาเลย ผู้เขียนมีนิสัยที่ดี หรือแย่ ก็ไม่ทราบ แต่ชอบชาเล้นจ์แทบทุกอย่างในชีวิต...อยุธยาผีดุเหรอ..มาๆ อยากรู้...ไปกลางคืนเลย..ไปนั่งสมาธิในวิหารร้างมืดๆ.ผี.มาสิ อยากเจอ...อ้อ สักพักภรรยา เลื่อนรถเอาไฟหน้าส่องมา บอกกลัวงู.เราก็บอกไม่เป็นไรหรอกนั่งรอในรถนั่นแหละ...ผ่านไปสัก 30 นาที ก็เข้าสมาธิไม่ได้ เนื่องจากเสียงเครื่องยนต์..ทำให้ไม่สงบ...ภรรยาจึงเดินมาบอก กลับเถอะ ...กลัวงูกัด...เราก็ไปก็ไป ..และผู้เขียนก็แวะเวียนไปตลอด ..และคำบอกกล่าวก่อนเข้าก็ทำแบบเดิม ลมก็มาแบบเดิม แปลกดีไหม?..ท่านผู้อ่านสนใจ เชิญครับ วัดวรเชษฐมีในเกาะ กับนอกเกาะ ..ที่เขียนคือ นอกเกาะครับ.
    #เล่าเรื่อง# #วัดวรเชษฐ นอกเกาะ ...ประสบการณ์ตรงของผู้เขียนเอง...เริ่มจาก 10 ปีก่อน ผู้เขียนได้อ่านหนังสือ ของ ริชชี่ และบทความของ ดร .พระมหาสิงทน...ว่า ที่นี่คือที่ บรรจุพระบรมอัฐิ ของพระนเรศวรจริง...จึงเดินทางไป..ครั้งแรก มุ่งหน้าไปกุฏิพระมหาสิงทนก่อน ไปสนทนากับท่าน...ท่านเล่าว่า ผู้มีญาณ ไม่ใช่แค่คนไทย มาจากหลายประเทศเลย ..มาพิสูจน์ และนืนยันว่า จริง ..ดังที่กล่าว...ครั้งแรกผู้เขียนก็สักการะปกติ ได้แต่เอา 2 มือ สัมผัสองค์พระปรางค์ในภาพ แล้วตั้งจิตว่า ถ้าข้าพเจ้าเคยเป็นบริวารของท่าน ช่วยสื่อสารให้ข้าพเจ้ารับทราบมีด้วย...พอเอามือออก..ลมพัดแรงซะงั้น...ซึ่งก่อนหน้านี้เงียบสงบ..เป็นสักประมาณครึ่งนาที..แล้วก็สงบ...ก็ไม่ได้คิดอะไร....ครั้งที่ 2 มาหา พระมหาอีก ท่านแนะนำว่า ใบเสมาหน้าวิหารนะ มีพลัง ไปขอเอาสิ....พอลงจากกุฏิ..กำลังจะเดินขึ้นพระปรางค์ ก่อนเดินเข้า ยกมือไหว้..บอกท่านครับ ลูกมาแล้วครับ...ลมจากสงบ..พัดแรงขึ้นมาแบบคราวที่แล้วเลย...แล้วขนเราก็ลุกแบบไม่มีสาเหตุ...สักไม่เกินครึ่งนาที ลมก็สงบ...ก็เดินไปขึ้นพระปรางค์ในภาพแบบเดิม ก็สักการะปกติ ...ลงมา ไปหน้าพระวิหารร้าง..ที่ พระมหาบอก...ให้ไปขอพลัง....เราก็จุดธูป เอาพวงมาลัยวาง ...และเอามือ 2 มือ จับที่ใบเสมาหินทรายนั้น...แล้วตั้งจิตว่า ขอให้มือคู่นี้ ทำอะไรก็สำเร็จ ถ้าไม่ผิดศีลธรรม...สิ่งที่ไม่น่าเชื่อเกิดขึ้น....ไฟดูด...!! ..ชักมือกลับอย่างเร็ว...ตั้งสติได้ เอ ไฟมันรั่วตรงไหน ก้มเงยหายสายไฟ...จนทั่ว...ไม่มี....แล้วเมื่อครู่คืออ่ะไร? ...ข้ามไปครั้งต่อมาเลย ผู้เขียนมีนิสัยที่ดี หรือแย่ ก็ไม่ทราบ แต่ชอบชาเล้นจ์แทบทุกอย่างในชีวิต...อยุธยาผีดุเหรอ..มาๆ อยากรู้...ไปกลางคืนเลย..ไปนั่งสมาธิในวิหารร้างมืดๆ.ผี.มาสิ อยากเจอ...อ้อ สักพักภรรยา เลื่อนรถเอาไฟหน้าส่องมา บอกกลัวงู.เราก็บอกไม่เป็นไรหรอกนั่งรอในรถนั่นแหละ...ผ่านไปสัก 30 นาที ก็เข้าสมาธิไม่ได้ เนื่องจากเสียงเครื่องยนต์..ทำให้ไม่สงบ...ภรรยาจึงเดินมาบอก กลับเถอะ ...กลัวงูกัด...เราก็ไปก็ไป ..และผู้เขียนก็แวะเวียนไปตลอด ..และคำบอกกล่าวก่อนเข้าก็ทำแบบเดิม ลมก็มาแบบเดิม แปลกดีไหม?..ท่านผู้อ่านสนใจ เชิญครับ วัดวรเชษฐมีในเกาะ กับนอกเกาะ ..ที่เขียนคือ นอกเกาะครับ.
    0 Comments 0 Shares 259 Views 0 Reviews
  • ปูตินลงนาม ประกาศหลักการใช้อาวุธนิวเคลียร์ฉบับแก้ไขปรับปรุงใหม่ ซึ่งขยายเงื่อนไขที่รัสเซียจะพิจารณาใช้อาวุธนิวเคลียร์ให้กว้างขวางกว่าเดิม โดยครอบคลุมกรณีแดนหมีขาวถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธซึ่งมีมหาอำนาจนิวเคลียร์ให้การสนับสนุนด้วย ถือว่าเป็นการตอบโต้โดยตรงต่อการที่อเมริกาอนุญาตเคียฟใช้ขีปนาวุธพิสัยทำการไกลๆ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย ขณะเดียวกัน เซเลนสกี้ประกาศในวันเดียวกัน ซึ่งเป็นวันครบรอบมอสโกเปิดฉากรุกรานครบ 1,000 วัน โวลั่นยูเครนจะไม่ยอมจำนน
    .
    ยูเครนเริ่มต้นวันอังคาร (19 ) วันครบรอบ 1,000 วันที่ถูกรัสเซียรุกรานด้วยข่าวการโจมตีของมอสโกในเมืองซูมี ทางตะวันออกของประเทศ เมื่อคืนวันจันทร์ (18 พ.ย.) ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 9 คน รวมถึงเด็ก
    .
    เคียฟระบุว่า ตลอดคืนวันจันทร์ รัสเซียได้ส่งโดรน 87 ลำโจมตีทั่วยูเครน แต่ถูกยิงตก 51 ลำ นอกจากนั้นในวันจันทร์รัสเซียยังยิงขีปนาวุธโจมตีโอเดสซา เมืองท่าสำคัญทางภาคใต้ของประเทศ ซึ่งได้รับการประกาศรับรองจากยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 คน และบาดเจ็บ 55 คน
    .
    ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ เผยแพร่ภาพเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างผู้เสียชีวิตออกจากซากอาคารที่พักอาศัยในเมืองซูมี ที่ถูกโจมตี และเรียกร้องพันธมิตรบีบให้เครมลินทำข้อตกลงสันติภาพ
    .
    กระทรวงการต่างประเทศยูเครนแถลงในทิศทางเดียวกันด้วยการเรียกร้องบรรดาพันธมิตรเร่งให้การสนับสนุนทางทหารเพื่อยุติสงครามนี้ลงไปอย่าง “ยั่งยืน” และย้ำว่า เคียฟจะไม่ยอมจำนนต่อผู้รุกราน แต่กองทัพรัสเซียต้องถูกลงโทษที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
    .
    ทว่า ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียงเครมลิน ประกาศกร้าวเหมือนกันว่า ปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียต่อเคียฟจะต้องดำเนินต่อไปจนเสร็จสมบูรณ์
    .
    ถ้อยแถลงนี้มีขึ้นขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ลงนามประกาศใช้กฤษฎีกาซึ่งเป็นการขยายขอบเขตเงื่อนไขที่มอสโกจะพิจารณาใช้อาวุธนิวเคลียร์ โดยนอกจากในกรณีถูกโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ ตามที่กล่าวไว้ในหลักนิยมนิวเคลียร์ฉบับเดิมแล้ว ต่อจากนี้ไปรัสเซียจะสามารถใช้อาวุธนิวเคลียร์ได้ด้วย ในกรณีถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธตามแบบแผน โดรน หรือเครื่องบินอื่นๆ ของประเทศที่ไม่ได้ครอบครองนิวเคลียร์แต่ได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจนิวเคลียร์
    .
    นอกจากนั้นการรุกรานรัสเซียโดยประเทศที่เป็นสมาชิกแนวร่วมหรือกลุ่มพันธมิตรแห่งใดแห่งหนึ่ง จะถือว่า แนวร่วมหรือกลุ่มพันะมิตรแห่งนั้นมีส่วนร่วมในการรุกรานด้วย
    .
    เครมลินระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้มีความจำเป็นเพื่อทำให้หลักนิยมนิวเคลียร์ของรัสเซียสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
    .
    ความเคลื่อนไหวนี้ มอสโกมุ่งที่จะเตือนตะวันตกและยูเครนอย่างชัดเจน หลังจากมีรายงานว่าคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้อนุญาตให้เคียฟใช้ขีปนาวุธพิสัยทำการไกลๆ ที่อเมริกาจัดหาให้เข้าโจมตีเป้าหมายทางทหารภายในรัสเซีย
    .
    ขณะเดียวกัน เมื่อวันอังคาร โจเซฟ บอร์เรลล์ ประธานด้านนโยบายการต่างประเทศของสหภาพยุโรป ที่กำลังจะหมดวาระดำรงตำแหน่ง ได้ออกมาเรียกร้องให้ชาติสมาชิกอียูปรับแนวทางให้สอดคล้องกับวอชิงตันในการอนุญาตให้เคียฟใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลๆที่ยุโรปจัดส่งให้ ในการโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย
    .
    เปสคอฟวิจารณ์ว่า คณะบริหารของไบเดนที่กำลังจะหมดวาระต้องการยั่วยุให้ความขัดแย้งในยูเครนบานปลายขยายตัวออกไป และกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียยังออกแถลงการณ์ย้ำว่า การที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยทำการไกลๆ โจมตีดินแดนรัสเซีย จะถือว่าอเมริกาและรัฐบริวารเป็นปฏิปักษ์ต่อรัสเซีย
    .
    เกี่ยวกับสถานการณ์การสู้รบ มีรายงานว่ากองทหารยูเครนในทุกแนวรบขณะนี้อยู่ในสภาพที่ไม่สู้ดีนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองที่ถูกโจมตีอย่างหนักอย่าง คูเปียนสก์ และโปครอฟสก์ ซึ่งต่างอยู่ในแคว้นโดเนตสก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครนทั้งคู่ นอกจากนั้น กองกำลังยูเครนยังประสบความเพลี่ยงพล้ำในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย ที่พวกเขายกำลังบุกเข้าไปเมื่อหลายเดือนก่อน โดยที่มีรายงานระบุด้วยว่า มอสโกกำลังระดมทหารราว 50,000 นายเพื่อขับไล่ทหารยูเครนออกจากแคว้นดังกล่าว
    .
    ในวันอังคาร ยูเครนกล่าวหากองกำลังรัสเซียใช้สารเคมีต้องห้าม และเรียกร้องพันธมิตรตอบสนองต่อรายงานขององค์การห้ามอาวุธเคมี (โอพีซีดับเบิลยู) ที่ระบุว่า พบแก๊สควบคุมจลาจลที่ถูกแบนในตัวอย่างดินบริเวณแนวรบในยูเครน
    .
    กระทรวงการต่างประเทศยูเครนแถลงว่า การที่รัสเซียใช้สารเคมีต้องห้ามในสนามรบตอกย้ำว่า รัสเซียเพิกเฉยต่อกฎหมายระหว่างประเทศ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000111416
    ..............
    Sondhi X
    ปูตินลงนาม ประกาศหลักการใช้อาวุธนิวเคลียร์ฉบับแก้ไขปรับปรุงใหม่ ซึ่งขยายเงื่อนไขที่รัสเซียจะพิจารณาใช้อาวุธนิวเคลียร์ให้กว้างขวางกว่าเดิม โดยครอบคลุมกรณีแดนหมีขาวถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธซึ่งมีมหาอำนาจนิวเคลียร์ให้การสนับสนุนด้วย ถือว่าเป็นการตอบโต้โดยตรงต่อการที่อเมริกาอนุญาตเคียฟใช้ขีปนาวุธพิสัยทำการไกลๆ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย ขณะเดียวกัน เซเลนสกี้ประกาศในวันเดียวกัน ซึ่งเป็นวันครบรอบมอสโกเปิดฉากรุกรานครบ 1,000 วัน โวลั่นยูเครนจะไม่ยอมจำนน . ยูเครนเริ่มต้นวันอังคาร (19 ) วันครบรอบ 1,000 วันที่ถูกรัสเซียรุกรานด้วยข่าวการโจมตีของมอสโกในเมืองซูมี ทางตะวันออกของประเทศ เมื่อคืนวันจันทร์ (18 พ.ย.) ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 9 คน รวมถึงเด็ก . เคียฟระบุว่า ตลอดคืนวันจันทร์ รัสเซียได้ส่งโดรน 87 ลำโจมตีทั่วยูเครน แต่ถูกยิงตก 51 ลำ นอกจากนั้นในวันจันทร์รัสเซียยังยิงขีปนาวุธโจมตีโอเดสซา เมืองท่าสำคัญทางภาคใต้ของประเทศ ซึ่งได้รับการประกาศรับรองจากยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 คน และบาดเจ็บ 55 คน . ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ เผยแพร่ภาพเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างผู้เสียชีวิตออกจากซากอาคารที่พักอาศัยในเมืองซูมี ที่ถูกโจมตี และเรียกร้องพันธมิตรบีบให้เครมลินทำข้อตกลงสันติภาพ . กระทรวงการต่างประเทศยูเครนแถลงในทิศทางเดียวกันด้วยการเรียกร้องบรรดาพันธมิตรเร่งให้การสนับสนุนทางทหารเพื่อยุติสงครามนี้ลงไปอย่าง “ยั่งยืน” และย้ำว่า เคียฟจะไม่ยอมจำนนต่อผู้รุกราน แต่กองทัพรัสเซียต้องถูกลงโทษที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ . ทว่า ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียงเครมลิน ประกาศกร้าวเหมือนกันว่า ปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียต่อเคียฟจะต้องดำเนินต่อไปจนเสร็จสมบูรณ์ . ถ้อยแถลงนี้มีขึ้นขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ลงนามประกาศใช้กฤษฎีกาซึ่งเป็นการขยายขอบเขตเงื่อนไขที่มอสโกจะพิจารณาใช้อาวุธนิวเคลียร์ โดยนอกจากในกรณีถูกโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ ตามที่กล่าวไว้ในหลักนิยมนิวเคลียร์ฉบับเดิมแล้ว ต่อจากนี้ไปรัสเซียจะสามารถใช้อาวุธนิวเคลียร์ได้ด้วย ในกรณีถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธตามแบบแผน โดรน หรือเครื่องบินอื่นๆ ของประเทศที่ไม่ได้ครอบครองนิวเคลียร์แต่ได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจนิวเคลียร์ . นอกจากนั้นการรุกรานรัสเซียโดยประเทศที่เป็นสมาชิกแนวร่วมหรือกลุ่มพันธมิตรแห่งใดแห่งหนึ่ง จะถือว่า แนวร่วมหรือกลุ่มพันะมิตรแห่งนั้นมีส่วนร่วมในการรุกรานด้วย . เครมลินระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้มีความจำเป็นเพื่อทำให้หลักนิยมนิวเคลียร์ของรัสเซียสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน . ความเคลื่อนไหวนี้ มอสโกมุ่งที่จะเตือนตะวันตกและยูเครนอย่างชัดเจน หลังจากมีรายงานว่าคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้อนุญาตให้เคียฟใช้ขีปนาวุธพิสัยทำการไกลๆ ที่อเมริกาจัดหาให้เข้าโจมตีเป้าหมายทางทหารภายในรัสเซีย . ขณะเดียวกัน เมื่อวันอังคาร โจเซฟ บอร์เรลล์ ประธานด้านนโยบายการต่างประเทศของสหภาพยุโรป ที่กำลังจะหมดวาระดำรงตำแหน่ง ได้ออกมาเรียกร้องให้ชาติสมาชิกอียูปรับแนวทางให้สอดคล้องกับวอชิงตันในการอนุญาตให้เคียฟใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลๆที่ยุโรปจัดส่งให้ ในการโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย . เปสคอฟวิจารณ์ว่า คณะบริหารของไบเดนที่กำลังจะหมดวาระต้องการยั่วยุให้ความขัดแย้งในยูเครนบานปลายขยายตัวออกไป และกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียยังออกแถลงการณ์ย้ำว่า การที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยทำการไกลๆ โจมตีดินแดนรัสเซีย จะถือว่าอเมริกาและรัฐบริวารเป็นปฏิปักษ์ต่อรัสเซีย . เกี่ยวกับสถานการณ์การสู้รบ มีรายงานว่ากองทหารยูเครนในทุกแนวรบขณะนี้อยู่ในสภาพที่ไม่สู้ดีนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองที่ถูกโจมตีอย่างหนักอย่าง คูเปียนสก์ และโปครอฟสก์ ซึ่งต่างอยู่ในแคว้นโดเนตสก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครนทั้งคู่ นอกจากนั้น กองกำลังยูเครนยังประสบความเพลี่ยงพล้ำในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย ที่พวกเขายกำลังบุกเข้าไปเมื่อหลายเดือนก่อน โดยที่มีรายงานระบุด้วยว่า มอสโกกำลังระดมทหารราว 50,000 นายเพื่อขับไล่ทหารยูเครนออกจากแคว้นดังกล่าว . ในวันอังคาร ยูเครนกล่าวหากองกำลังรัสเซียใช้สารเคมีต้องห้าม และเรียกร้องพันธมิตรตอบสนองต่อรายงานขององค์การห้ามอาวุธเคมี (โอพีซีดับเบิลยู) ที่ระบุว่า พบแก๊สควบคุมจลาจลที่ถูกแบนในตัวอย่างดินบริเวณแนวรบในยูเครน . กระทรวงการต่างประเทศยูเครนแถลงว่า การที่รัสเซียใช้สารเคมีต้องห้ามในสนามรบตอกย้ำว่า รัสเซียเพิกเฉยต่อกฎหมายระหว่างประเทศ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000111416 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    5
    0 Comments 0 Shares 705 Views 0 Reviews
  • ประตูเปิดทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

    เดือนนี้ รับซื้อของผิดกฎหมายจะเป็นผลเสียเกิดการฟ้องร้องฟ้องศาลเป็นคดีความวุ่นวาย กระทำการสิ่งใดควรเก็บเอกสารไว้เป็นหลักฐานยืนยันเพราะมีเกณฑ์จะขัดแย้งโต้เถียงกัน ค้ำประกันให้ใครชื่อเสียงจะเสียหายจนหมดเครดิต ความคิดสร้างสรรค์ที่ถดถอยจะถูกบั่นทอนลดความสำคัญและทำลายความมั่นใจ แต่ชีวิตการงานจะเจริญก้าวหน้า มีตำแหน่ง ยศศักดิ์ อำนาจ วาสนา บารมี โชคดีทางการเงิน เพศหญิงจะต้องแบกรับภาระหนักจนเป็นเหตุให้เกิดการหย่าร้าง ความเครียดจะทำให้ตัดสินใจผิดพลาด ทั้งลูกหลานบริวารไม่ยอมเชื่อฟัง รวมทั้งโรคร้ายภัยแปลกๆ ภัยจากสิ่งเร้นลับหลอกหลอนที่ยากต่อการพิสูจน์หาคำตอบได้ โรคบางโรคเป็นได้ง่ายแต่รักษายากอาจกลายพันธ์ุเรื้อรังจนเป็นโรคที่น่ากลัว
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ประตูเปิดทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เดือนนี้ รับซื้อของผิดกฎหมายจะเป็นผลเสียเกิดการฟ้องร้องฟ้องศาลเป็นคดีความวุ่นวาย กระทำการสิ่งใดควรเก็บเอกสารไว้เป็นหลักฐานยืนยันเพราะมีเกณฑ์จะขัดแย้งโต้เถียงกัน ค้ำประกันให้ใครชื่อเสียงจะเสียหายจนหมดเครดิต ความคิดสร้างสรรค์ที่ถดถอยจะถูกบั่นทอนลดความสำคัญและทำลายความมั่นใจ แต่ชีวิตการงานจะเจริญก้าวหน้า มีตำแหน่ง ยศศักดิ์ อำนาจ วาสนา บารมี โชคดีทางการเงิน เพศหญิงจะต้องแบกรับภาระหนักจนเป็นเหตุให้เกิดการหย่าร้าง ความเครียดจะทำให้ตัดสินใจผิดพลาด ทั้งลูกหลานบริวารไม่ยอมเชื่อฟัง รวมทั้งโรคร้ายภัยแปลกๆ ภัยจากสิ่งเร้นลับหลอกหลอนที่ยากต่อการพิสูจน์หาคำตอบได้ โรคบางโรคเป็นได้ง่ายแต่รักษายากอาจกลายพันธ์ุเรื้อรังจนเป็นโรคที่น่ากลัว ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ 🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 Comments 0 Shares 259 Views 0 Reviews
  • 07-11-67/01 : หมี CNN / คัมภีร์หมี วิชัยยุทธ" EP.43 ชื่อตอนว่า "AMERICAN SURVIVE" ไอ้สัส! ไม่ได้รอดเพราะแก้ไขเศรษฐกิจดีดอกน่ะ แต่รอดตายจากส้นตรีนขาใหญ่เครมลิน ปักกิ่ง ต่างหากล่ะ? ใครรอฟังบทวิเคราะห์หมีอยู่ โปรดอ่านและตีความให้กระจ่าง? อะไรคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้ กูบอกเลยว่า "มันส์พะยะค่ะ" อียิวมันรู้ตัวแล้วว่า "ชนขั้วใหม่คือตายโหงสถานเดียว" เลือกตั้งใหญ่เหี้ย มันไม่ได้มีแค่เลือกปธน.น่ะจ๊ะ ผู้ว่าการรัฐสำคัญมุย? สส.สำคัญมุย? สว.สำคัญมุย? สภาสูง สภาล่าง ล้วนมีผลต่อการขับเคลื่อน ผลักดันกฎหมายให้เป็นรูปธรรมและใช้ได้จริง เกิดผลทันที ประเด็นคือ "อีทรัมปป์แลนด์สไลด์มาตามคาด" กวาดหมดทุกอณูฐานเสียง เป็นของอีช้างแดร๊กเรียบวุธ อำนาจเบ็ดเสร็จ อย่างงี้ มันง่ายที่จะ DO SOMETHING และเกิดพลังขับเคลื่อนพร้อมกันหมด! เอาล่ะ มันจะเกิดอะไรนับจากนี้ กูจะไล่เรียงคิวไปทีละข้อ อ่านให้เข้าใจ ตีโจทย์ให้แตก มรึงจะดวงตาแห่งธรรม?

    1.ไม่เอาสงคราม ดอกนี้ ส่งสัญญานตรงถึง NATO และฐานทัพเหี้ยทั่วโลก อาจมีการยุบบางแห่ง และโยกย้ายกำลังพลกลับแผ่นดินแม่ เพราะเปลืองงบประมาณโดยไม่ได้ประโยชน์เหี้ยอะไรเลย ที่ทำมาตลอด ก็แค่เพื่อสนองตัณหาให้บริษัทค้าอาวุธยิวเท่านั้นเอง ดอกนี้ เท่ากับหยุดความตายให้ทหารมะกันนั่นเอง โลกปฎิเสธอเมริกาแล้ว มรึงจะอยู่ต่อทำพ่อง ให้เค้ามาขับไล่เสียหมาเหรอ ไปเองดูดีกว่าเยอะ อเมริกาสิ้นเปลืองตรงจุดนี้มหาศาล นี่คือเอาเงินไปใช้อย่างอื่นดีกว่า แปลว่าอะไร อีเสี้ยนยา อีโปล อีเยรูซาเล็ม หนาวเหน็บ ใครจะป้อนอาวุธให้กูล่ะ กำลังเสริมใครจะส่ง เงินใครจะเติม? ภาษาชาวบ้านคือ "ทิ้งมรึงไงล่ะ" เมื่ออเมริกาไม่หนุน ก่อสงครามไปก็ตายห่าฟรี มันคือการเปิดโต๊ะเจรจา ไม่ใช่เพื่ออียิวรอด แต่หมายถึง อเมริกา NATO ก็จะรอดด้วย ยกชัยชนะเบ็ดเสร็จให้ขั้วใหม่ไปเลย เพราะกูจะต้องหาแดร๊กแล้ว มัวแต่ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำมาหลายปี ดอกนี้ อีทรัมปป์พาอเมริการอดตาย!

    2.สงครามการค้ามาเต็มตรีน แต่จีนฉลุย อเมริกาจะเสียค่าโง่ครั้งใหญ่ โปรดฟัง! ที่ผ่านมา มาเฟียหมารุมกินโต๊ะ เที่ยวคว่ำบาตร เที่ยวแบนสินค้าชาวบ้านเค้า เพราะหมาขี้ข้ามีเยอะ แต่วันนี้ ตอนนี้ หมาขี้ข้าหายหัวหมดเกลี้ยง เหลือแค่ขี้ข้าหมารับใช้ไม่กี่ชาติ การคว่ำบาตรของเหี้ยอ่อนกำลังลงไปเยอะ แทบไม่มีผล เพราะอะไร? โลกแห่เข้า BRICS กันหมด เพราะมันคือโรงงานผลิตโลก พลังงานโลก ทรัพยากรโลก อยู่ที่นั่น หาใช่อเมริกา ยุโรป อีกต่อไป เอเซียคือผู้กำหนดเกมส์การค้าโลก เศรษฐกิจโลกเต็มตัวไปแล้ว ดังนั้น แผนอีทรัมปป์ที่จะล่อจีน เป้าหมายจริงคือ "เอาตัวรอด" ต่างหาก จากที่ต้องเคยไปอุ้มไอ้ขี้ข้าทั้งหลาย กูชิ่งหนี เอาตัวกูเองรอดฝ่ายเดียว ไม่จ่าย NATO ไม่จ่ายก่อการร้าย ไม่ก่อสงคราม ทั้งหมดเพื่อเอาเงินที่เหลือไปผลักดันปากท้องตัวเองให้อิ่มก่อน ทำไมมันจะไม่รู้ โคตรชาติหมา 100 ชาติ ก็คว่ำบาตรจีน รัสเซีย ไม่อยู่ เพราะเค้าไม่ได้อาศัยจมูกคนอื่นหายใจ เหมือนที่พวกมรึงเป็นอยู่นั่นเอง ดูให้ดีดี สงครามการค้าแค่หน้าฉาก มันคือการสลัดภาระของอเมริกาที่ผ่านมาทั้งหมดนั่นเอง โยงสอดคล้องแผนกำจัดผู้อพยพ ลี้ภัย(ไอ้พวกขี้ข้าเหี้ย C ที่หลบหนีในอเมริกา หมดประโยชน์เตรียมถูกเฉดหัว อี 3 นิ้วครึ่ง อีล้มเจ้า มีหนาว) การค้าของขั้วใหม่คือโลกทั้งใบ แต่การค้าของอเมริกาคือกูคนเดียว นี่คือความแตกต่าง แล้วใครจะรอด? เพราะ BRICS เชื่อมโลกเข้าหากัน แต่เหี้ยเอาเฉพาะชาติบริวาร เหลือเท่าไหร่ นับหัวได้?

    3.นโยบายต่างประเทศเปลี่ยนไป อเมริกามุ่งเอาตัวเองรอดก่อน ไม่มีเวลาสนใจ ทำเรื่องไร้สาระที่ผ่านมา ใครจะได้ประโยชน์? ใครจะได้ปลดแอกเหี้ย? ดอกนี้ อีตาเพน เหี้ย C แค้นอีทรัมปป์แน่ งบประมาณหาแดร๊กกูหายชัวร์? ประเด็นคืออเมริกาไม่เหลือเงินไปคุ้มครองใครได้อีก อย่าเรียกคุ้มครองเลย เรียกค่าไถ่จะดีกว่า? ต่อให้มรึงสู้ ก็แพ้ยับ หมายังรู้! อย่าคิดว่าจะจบง่ายดาย มีเหรอ ไอ้พวกที่หาแดร๊กกับอาวุธ หากินกับความตาย มันคงจะปล่อยให้อีทรัมปป์ลอยนวลดอกน่ะ ถึงจะมีอำนาจในมือเต็มเปี่ยมก็ตาม แผนปฎิวัติใกล้ความเป็นจริงมากขึ้น เมื่อทหารเหี้ยไม่ได้แดร๊ก เมื่อพ่อค้าอาวุธอดอยากปากแห้ง จะเปลี่ยนการปกครองได้ยังไง? เมื่อแม่งมาแบบแลนด์สไลด์ เกมส์นี้ถึงต้องพึ่ง CIVIL WAR เข้ามาเพื่อบ่อนทำลายฐานอำนาจอีช้าง ไม่ต้องถามใครวางแผน อีแม่มดขาวคลินตันเนี่ยแหละ ตัวน่ากลัว! แท้จริง..มันจะลงแข่งแทนอีกะลาก็ได้ แต่กระแสอีทรัมปป์มาแรงทะลุนรก ขืนลงไปเสียของ แปลว่ามันรอเสียบหากเกิดอุบัติเหตุการเมือง แล้วใครล่ะจะจัดฉากให้เกิด ก็อีตาเพน กับเหี้ย C เนี่ยแหละ ชะตากรรมมาทรงเดียวกับอี JFK เป๊ะเด๊ะ คลื่นใต้น้ำยังมี อย่าคิดว่าปลอดภัย ทุกอย่างแค่เพิ่งจะเริ่มเท่านั้น?

    4.หมากขั้วเก่าล้มไม่เป็นท่า แผนชงไต้หวัน แผนยื้อยูเครน แผนย้ายบ้านอียิว ทั้งหมดมันถูกโยงเป็นเรื่องเดียวกัน อีไต้หวันรู้ชะตากรรมดี เฉกเช่นเดียวกับอีเสี้ยนยา รวมถึงอีเนรคุณทันยา สภาพหมาจนตรอก เมื่อเมริกาไม่รบกับรัสเซีย จีน ทางตรง เท่ากับเชิญมรึงขย่มเหี้ยให้เต็มที่ ตามสบายนั่นเอง อะไรที่เคยคุยกันไว้ รับปากไว้ เป็นโมฆะ เพราะเจ้ามือเปลี่ยนคน เกมส์บีบให้อียิวต้องเล่นให้หนัก บีบให้อีไต้หวันไม่มีทางเลือก เพราะจีน รัสเซีย เค้าอ่านออกขาดกระจุยมาตั้งแต่ต้น กูไม่จำเป็นต้องลงมือเอง เดี๋ยวพวกมรึงก็ฆ่ากันเอง "โคตรอัจฉริยะ" เมื่อยูเครนไม่มีท่อน้ำเลี้ยงส่ง อาวุธไม่มา กำลังพลไม่มี แต่รัสเซียก็ยังไม่ยอมตีเคียฟให้แตกทันที มรึงเข้าใจยัง? ฆ่าเหี้ยมันง่ายนิดเดียว แต่ให้เหี้ยเดินมากราบตรีน ยอมศิโรราบ ถวายตัว ถวายหัวรับใช้ มันเรียก "โคตรเทพ" พลิกตำราแทบไม่ทัน อียูเครนจะเจรจา ยอมหั่นครึ่งแผ่นดินให้รัสเซีย รับรอง อย่างเป็นทางการ เท่ากับรัสเซียชนะแล้ว เมื่อยุโรปไม่มีเจ้ามือเหี้ย มรึงว่ามันจะหันไปหาใครได้อีกล่ะ? ดอกนี้ จะทำให้รัสเซียเขมือบยุโรปแบบสบายตรีนด้วยความสมัครใจ เพราะไม่ว่าจะเป็นพลังงาน อาหาร การค้า ล้วนต้องมีรัสเซีย เพราะเป็นเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงยุโรป NATO จึงต้องแตกในไม่ช้า EU จึงต้องแยกย้ายในอีก 10 ปี เพราะถึงตอนนั้น BRICS เชื่อมโลกทั้งใบสำเร็จแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องแบ่งเป็นขั้วทวีปอีกต่อไป เพราะ ชาติเล็กๆ ไปอุ้มชาติใหญ่ต่อไม่ไหวนั่นเอง เมื่อคุยตรงกับเจ้ามือได้ ทำไมกูต้องจ่ายเบี้ยค่าคุ้มครองต่ออีกล่ะ? เข้า BRICS ไม่ได้จบแค่การค้า แต่มันเป็นใบการันตี พ่วงกองทัพโลกมาด้วย SCO ใหญ่ที่สุดใน 3 โลก อเมริกาแค่ขี้ตรีน!

    5.CIVIL WAR จะตามมาในไม่ช้า หากอีทรัมปป์ยิ่งเข้าเกมส์เร็ว ปรับเปลี่ยน ย่อประเทศให้เล็กลงเพื่อความอยู่รอด? ฝ่ายขั้วเก่าที่เคยแดร๊กอิ่ม แดร๊กดุ จะหาเรื่องเอง? ไม่ว่าใครจะมา แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ คือ "หนี้มหาศาล" ต่อให้โคตรพ่อทรัมปป์จะมีแผนดีอย่างไร ก็ไม่สามารถจัดการหนี้ก้อนใหญ่มหึมานี้ได้ ทางออกมีเพียงทางเดียวคือ "ล้มกระดาน" แต่จะไม่สู้โดยตรงให้ไปตายห่าฟรีดอกน่ะ แตกอเมริกาง่ายกว่าเยอะ มรึงตามไปทวงหนี้กันเองสิ ดีออก? เท็กซัส แคลิฟอร์เนีย นิวยอร์ค ไปแน่ อลาสก้า ฮาวาย กลับบ้านเก่า ใครจะรู้ ที่อเมริกาเลือกทรัมปป์มา ก็เพื่อปิดเกมส์หนีหนี้เนี่ยแหละ? อีแคนเตรียมรองรับอียิว 20 ล้านตัวทั่วโลกได้เลย แผ่นดินกว้างใหญ่ เชิญไปสุมหัวอยู่ได้เลย หลายชาติขี้ข้าจะประกาศตัวเป็นเอกราช อีวิสกี้ อีไอร์เหนือ จิงโจ้ กีวี คาตาลัน อียุ่นปี่ อีโสมขาว และอีกเยอะ มันถึงเวลาแยกตัวแล้วเพื่อน? รัฐยากจนใครจะอุ้ม คำตอบคือ เมื่ออเมริกาแตกเป็นเสี่ยงๆ ชาติอาหรับ จีน รัสเซีย จะเข้ามาช้อนซื้อเอาไว้นั่นเอง เหตุผลเดียวง่ายๆ "ความมั่นคง" เหมือนที่อียิวสอดไส้คาราเมลมาอยู่ในแผ่นดินคานาอันนั่นแหละ หนามยอกเอาหนามบ่ง จีนถึงต้องการฮาวาย รัสเซียต้องการอลาสก้าคืน ส่วน JOHN KIM ยังนึกไม่ออก กูจะเอาส่วนไหนดี แต่ชอบห้องรูปไข่ อาจจะขอทำเนียบขาวเอาไว้เป็นบ้านพักตากอากาศ ส่วนอิหร่านจ้องเมืองท่าซีแอตเติ้ล เพราะใกล้อีแคน มรึงอย่าคิดว่ากูจะปล่อยมรึงไปง่ายๆ มรึงอยู่ที่ไหน กูก็จะตามไปอยู่เป็นเพื่อน เอาศัตรูใกล้ตัว คือกลยุทธสยบมาร CIVIL WAR จะเกิดขึ้นก่อน ประกาศภาวะฉุกเฉินจะตามมา แล้วจบที่การปฎิวัติอเมริกา จบตำนานประเทศประชาธิปไตย เสรีภาพ สิทธิมนุษยชนตอแหล ภาค 1 ไปสร้างต่อที่อีแคนภาค 2

    ปล.ยังไม่จบ ยังมีต่อ โปรดติดตามตอนต่อไป ในคัมภีร์หมี วิชัยยุทธ" EP.44 "AMERICAN SURVIVE 2" ในสัปดาห์หน้า เพื่อรวบรวมความเป็นไป การเปลี่ยนแปลง กระแสโลก ที่จะเกิดขึ้นตลอดสัปดาห์นี้ ทุกอย่างแค่จุดเริ่มต้น หากไม่มีการปลดแอกโลกจากขั้วใหม่ มรึงจะไม่มีวันได้เห็นอเมริกาในสภาพนี้เด็ดขาด ขอบคุณ "ขั้วใหม่" และที่สำคัญ เค้ารู้ล่วงหน้าแล้วว่าอีทรัมปป์จะมา แผนการรับมือ และเดินหน้าต่อ มีรอไว้นานแล้ว ก็บอกแล้วว่า ปูติน สีจิ้นผิง ไม่ใช่รัฐบุรุษโลกธรรมดา แต่เป็น "ขงเบ้งกลับชาติมาเกิดใหม่" เค้าวางดอก 2..3..4..5 รอไว้นานแล้ว คิดทีเดียว 3 ชั้นครึ่ง หมุนเกลียวอีก 5 รอบ เหี้ยไอ้อีตัวไหนจะสู้ได้ เจ้ามือโลกใหม่ซะอย่าง อำนาจเปลี่ยนมือ ไม่มีอะไรง่ายดายเหมือนก่อนอีกแล้ว เหี้ยจ๋า? รอดูความเป็นไป ของไอ้อีขี้ข้าเหี้ย C ทั่วโลก ดิ้นพล่าน วิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่น ใบเสร็จตามเก็บเพี๊ยบ ใครรู้เยอะ ก็ตายห่าก่อนเพื่อน? ศรีธนญชัย 2024 เดินอย่างรัดกุม ไม่เร่งรีบ เพราะเมื่อแสงทำงาน เหี้ยมันจะเดินไปตายห่าติดกับดักเอง WWIII ยังไม่จบน่ะ อย่าคิดว่าจะไม่เกิด เพราะอย่าลืมว่า อีกฝ่าย เหี้ยซาตาน มันไม่ยอมให้โลกสงบสุขดอก อุบัติเหตุการเมืองโลกเกิดขึ้นได้เสมอ อเมริกาไม่ได้มีแค่ DEEP STATE อีเหี้ยสิงโตยังมีอีเหี้ยเรปทีเรี่ยนอยู่ มรึงคอยดูว่ามันจะดิ้นยังไง? บั๊คกิ้งแฮม เสื่อมศรัทธาแล้ว ธาตุแท้เผย ชาร์ลผู้พ่ออาจไม่ได้อยู่ต่อ วิลเลี่ยมคือร่างแท้จริงของอีเรปทีเรี่ยน อยากรู้เหมือนกัน มรึงจะมีปัญหาเอาชนะรัสเซียมั้ย? เพราะเค้าล่อมรึงแน่ กูการันตี ทนมานานแล้ว! ส่วนไอ้อีตัวประกอบ โลกเปลี่ยน มันก็เดินตามเอง เพราะหมารับใช้ ไม่มีนายใหญ่ถาวร วงจรขี้ข้า เป็นเช่นนี้มานานหลายศตวรรษแล้ว ยังมีอะไรให้มรึงช็อคกันอีกเยอะ อย่าเพิ่งรีบด่วนสรุป สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งรีบนับศพเหี้ย?

    หมี CNN(ฟ้าแจ้งจางปาง อ่านซ้ำ หากยังไม่ GET ทุกอย่างมันคือเส้นทางลิขิต ใครกำหนด ใครปลดปล่อย เหมือนบทสคริปต์จากสรวงสวรรค์ โลกผลัดใบ ไม่มีดอก ไม่เสียเลือดเนื้อ แต่ไม่ใช่ในสยามประเทศแน่ เพราะพ่อร.10 ท่านใช้พระเดชเมื่อถึงยามจำเป็นเท่านั้น ตอนนี้ให้บู๊ททหารตรีนโตนวดไปก่อน แค่นี้ เหี้ยก็อ่วมแล้ว ไม่มีอะไรง่ายดาย ทุกอย่างใช้เวลาเยียวยา)
    07 พฤศจิกายน 67
    10.25 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    07-11-67/01 : หมี CNN / คัมภีร์หมี วิชัยยุทธ" EP.43 ชื่อตอนว่า "AMERICAN SURVIVE" ไอ้สัส! ไม่ได้รอดเพราะแก้ไขเศรษฐกิจดีดอกน่ะ แต่รอดตายจากส้นตรีนขาใหญ่เครมลิน ปักกิ่ง ต่างหากล่ะ? ใครรอฟังบทวิเคราะห์หมีอยู่ โปรดอ่านและตีความให้กระจ่าง? อะไรคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้ กูบอกเลยว่า "มันส์พะยะค่ะ" อียิวมันรู้ตัวแล้วว่า "ชนขั้วใหม่คือตายโหงสถานเดียว" เลือกตั้งใหญ่เหี้ย มันไม่ได้มีแค่เลือกปธน.น่ะจ๊ะ ผู้ว่าการรัฐสำคัญมุย? สส.สำคัญมุย? สว.สำคัญมุย? สภาสูง สภาล่าง ล้วนมีผลต่อการขับเคลื่อน ผลักดันกฎหมายให้เป็นรูปธรรมและใช้ได้จริง เกิดผลทันที ประเด็นคือ "อีทรัมปป์แลนด์สไลด์มาตามคาด" กวาดหมดทุกอณูฐานเสียง เป็นของอีช้างแดร๊กเรียบวุธ อำนาจเบ็ดเสร็จ อย่างงี้ มันง่ายที่จะ DO SOMETHING และเกิดพลังขับเคลื่อนพร้อมกันหมด! เอาล่ะ มันจะเกิดอะไรนับจากนี้ กูจะไล่เรียงคิวไปทีละข้อ อ่านให้เข้าใจ ตีโจทย์ให้แตก มรึงจะดวงตาแห่งธรรม? 1.ไม่เอาสงคราม ดอกนี้ ส่งสัญญานตรงถึง NATO และฐานทัพเหี้ยทั่วโลก อาจมีการยุบบางแห่ง และโยกย้ายกำลังพลกลับแผ่นดินแม่ เพราะเปลืองงบประมาณโดยไม่ได้ประโยชน์เหี้ยอะไรเลย ที่ทำมาตลอด ก็แค่เพื่อสนองตัณหาให้บริษัทค้าอาวุธยิวเท่านั้นเอง ดอกนี้ เท่ากับหยุดความตายให้ทหารมะกันนั่นเอง โลกปฎิเสธอเมริกาแล้ว มรึงจะอยู่ต่อทำพ่อง ให้เค้ามาขับไล่เสียหมาเหรอ ไปเองดูดีกว่าเยอะ อเมริกาสิ้นเปลืองตรงจุดนี้มหาศาล นี่คือเอาเงินไปใช้อย่างอื่นดีกว่า แปลว่าอะไร อีเสี้ยนยา อีโปล อีเยรูซาเล็ม หนาวเหน็บ ใครจะป้อนอาวุธให้กูล่ะ กำลังเสริมใครจะส่ง เงินใครจะเติม? ภาษาชาวบ้านคือ "ทิ้งมรึงไงล่ะ" เมื่ออเมริกาไม่หนุน ก่อสงครามไปก็ตายห่าฟรี มันคือการเปิดโต๊ะเจรจา ไม่ใช่เพื่ออียิวรอด แต่หมายถึง อเมริกา NATO ก็จะรอดด้วย ยกชัยชนะเบ็ดเสร็จให้ขั้วใหม่ไปเลย เพราะกูจะต้องหาแดร๊กแล้ว มัวแต่ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำมาหลายปี ดอกนี้ อีทรัมปป์พาอเมริการอดตาย! 2.สงครามการค้ามาเต็มตรีน แต่จีนฉลุย อเมริกาจะเสียค่าโง่ครั้งใหญ่ โปรดฟัง! ที่ผ่านมา มาเฟียหมารุมกินโต๊ะ เที่ยวคว่ำบาตร เที่ยวแบนสินค้าชาวบ้านเค้า เพราะหมาขี้ข้ามีเยอะ แต่วันนี้ ตอนนี้ หมาขี้ข้าหายหัวหมดเกลี้ยง เหลือแค่ขี้ข้าหมารับใช้ไม่กี่ชาติ การคว่ำบาตรของเหี้ยอ่อนกำลังลงไปเยอะ แทบไม่มีผล เพราะอะไร? โลกแห่เข้า BRICS กันหมด เพราะมันคือโรงงานผลิตโลก พลังงานโลก ทรัพยากรโลก อยู่ที่นั่น หาใช่อเมริกา ยุโรป อีกต่อไป เอเซียคือผู้กำหนดเกมส์การค้าโลก เศรษฐกิจโลกเต็มตัวไปแล้ว ดังนั้น แผนอีทรัมปป์ที่จะล่อจีน เป้าหมายจริงคือ "เอาตัวรอด" ต่างหาก จากที่ต้องเคยไปอุ้มไอ้ขี้ข้าทั้งหลาย กูชิ่งหนี เอาตัวกูเองรอดฝ่ายเดียว ไม่จ่าย NATO ไม่จ่ายก่อการร้าย ไม่ก่อสงคราม ทั้งหมดเพื่อเอาเงินที่เหลือไปผลักดันปากท้องตัวเองให้อิ่มก่อน ทำไมมันจะไม่รู้ โคตรชาติหมา 100 ชาติ ก็คว่ำบาตรจีน รัสเซีย ไม่อยู่ เพราะเค้าไม่ได้อาศัยจมูกคนอื่นหายใจ เหมือนที่พวกมรึงเป็นอยู่นั่นเอง ดูให้ดีดี สงครามการค้าแค่หน้าฉาก มันคือการสลัดภาระของอเมริกาที่ผ่านมาทั้งหมดนั่นเอง โยงสอดคล้องแผนกำจัดผู้อพยพ ลี้ภัย(ไอ้พวกขี้ข้าเหี้ย C ที่หลบหนีในอเมริกา หมดประโยชน์เตรียมถูกเฉดหัว อี 3 นิ้วครึ่ง อีล้มเจ้า มีหนาว) การค้าของขั้วใหม่คือโลกทั้งใบ แต่การค้าของอเมริกาคือกูคนเดียว นี่คือความแตกต่าง แล้วใครจะรอด? เพราะ BRICS เชื่อมโลกเข้าหากัน แต่เหี้ยเอาเฉพาะชาติบริวาร เหลือเท่าไหร่ นับหัวได้? 3.นโยบายต่างประเทศเปลี่ยนไป อเมริกามุ่งเอาตัวเองรอดก่อน ไม่มีเวลาสนใจ ทำเรื่องไร้สาระที่ผ่านมา ใครจะได้ประโยชน์? ใครจะได้ปลดแอกเหี้ย? ดอกนี้ อีตาเพน เหี้ย C แค้นอีทรัมปป์แน่ งบประมาณหาแดร๊กกูหายชัวร์? ประเด็นคืออเมริกาไม่เหลือเงินไปคุ้มครองใครได้อีก อย่าเรียกคุ้มครองเลย เรียกค่าไถ่จะดีกว่า? ต่อให้มรึงสู้ ก็แพ้ยับ หมายังรู้! อย่าคิดว่าจะจบง่ายดาย มีเหรอ ไอ้พวกที่หาแดร๊กกับอาวุธ หากินกับความตาย มันคงจะปล่อยให้อีทรัมปป์ลอยนวลดอกน่ะ ถึงจะมีอำนาจในมือเต็มเปี่ยมก็ตาม แผนปฎิวัติใกล้ความเป็นจริงมากขึ้น เมื่อทหารเหี้ยไม่ได้แดร๊ก เมื่อพ่อค้าอาวุธอดอยากปากแห้ง จะเปลี่ยนการปกครองได้ยังไง? เมื่อแม่งมาแบบแลนด์สไลด์ เกมส์นี้ถึงต้องพึ่ง CIVIL WAR เข้ามาเพื่อบ่อนทำลายฐานอำนาจอีช้าง ไม่ต้องถามใครวางแผน อีแม่มดขาวคลินตันเนี่ยแหละ ตัวน่ากลัว! แท้จริง..มันจะลงแข่งแทนอีกะลาก็ได้ แต่กระแสอีทรัมปป์มาแรงทะลุนรก ขืนลงไปเสียของ แปลว่ามันรอเสียบหากเกิดอุบัติเหตุการเมือง แล้วใครล่ะจะจัดฉากให้เกิด ก็อีตาเพน กับเหี้ย C เนี่ยแหละ ชะตากรรมมาทรงเดียวกับอี JFK เป๊ะเด๊ะ คลื่นใต้น้ำยังมี อย่าคิดว่าปลอดภัย ทุกอย่างแค่เพิ่งจะเริ่มเท่านั้น? 4.หมากขั้วเก่าล้มไม่เป็นท่า แผนชงไต้หวัน แผนยื้อยูเครน แผนย้ายบ้านอียิว ทั้งหมดมันถูกโยงเป็นเรื่องเดียวกัน อีไต้หวันรู้ชะตากรรมดี เฉกเช่นเดียวกับอีเสี้ยนยา รวมถึงอีเนรคุณทันยา สภาพหมาจนตรอก เมื่อเมริกาไม่รบกับรัสเซีย จีน ทางตรง เท่ากับเชิญมรึงขย่มเหี้ยให้เต็มที่ ตามสบายนั่นเอง อะไรที่เคยคุยกันไว้ รับปากไว้ เป็นโมฆะ เพราะเจ้ามือเปลี่ยนคน เกมส์บีบให้อียิวต้องเล่นให้หนัก บีบให้อีไต้หวันไม่มีทางเลือก เพราะจีน รัสเซีย เค้าอ่านออกขาดกระจุยมาตั้งแต่ต้น กูไม่จำเป็นต้องลงมือเอง เดี๋ยวพวกมรึงก็ฆ่ากันเอง "โคตรอัจฉริยะ" เมื่อยูเครนไม่มีท่อน้ำเลี้ยงส่ง อาวุธไม่มา กำลังพลไม่มี แต่รัสเซียก็ยังไม่ยอมตีเคียฟให้แตกทันที มรึงเข้าใจยัง? ฆ่าเหี้ยมันง่ายนิดเดียว แต่ให้เหี้ยเดินมากราบตรีน ยอมศิโรราบ ถวายตัว ถวายหัวรับใช้ มันเรียก "โคตรเทพ" พลิกตำราแทบไม่ทัน อียูเครนจะเจรจา ยอมหั่นครึ่งแผ่นดินให้รัสเซีย รับรอง อย่างเป็นทางการ เท่ากับรัสเซียชนะแล้ว เมื่อยุโรปไม่มีเจ้ามือเหี้ย มรึงว่ามันจะหันไปหาใครได้อีกล่ะ? ดอกนี้ จะทำให้รัสเซียเขมือบยุโรปแบบสบายตรีนด้วยความสมัครใจ เพราะไม่ว่าจะเป็นพลังงาน อาหาร การค้า ล้วนต้องมีรัสเซีย เพราะเป็นเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงยุโรป NATO จึงต้องแตกในไม่ช้า EU จึงต้องแยกย้ายในอีก 10 ปี เพราะถึงตอนนั้น BRICS เชื่อมโลกทั้งใบสำเร็จแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องแบ่งเป็นขั้วทวีปอีกต่อไป เพราะ ชาติเล็กๆ ไปอุ้มชาติใหญ่ต่อไม่ไหวนั่นเอง เมื่อคุยตรงกับเจ้ามือได้ ทำไมกูต้องจ่ายเบี้ยค่าคุ้มครองต่ออีกล่ะ? เข้า BRICS ไม่ได้จบแค่การค้า แต่มันเป็นใบการันตี พ่วงกองทัพโลกมาด้วย SCO ใหญ่ที่สุดใน 3 โลก อเมริกาแค่ขี้ตรีน! 5.CIVIL WAR จะตามมาในไม่ช้า หากอีทรัมปป์ยิ่งเข้าเกมส์เร็ว ปรับเปลี่ยน ย่อประเทศให้เล็กลงเพื่อความอยู่รอด? ฝ่ายขั้วเก่าที่เคยแดร๊กอิ่ม แดร๊กดุ จะหาเรื่องเอง? ไม่ว่าใครจะมา แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ คือ "หนี้มหาศาล" ต่อให้โคตรพ่อทรัมปป์จะมีแผนดีอย่างไร ก็ไม่สามารถจัดการหนี้ก้อนใหญ่มหึมานี้ได้ ทางออกมีเพียงทางเดียวคือ "ล้มกระดาน" แต่จะไม่สู้โดยตรงให้ไปตายห่าฟรีดอกน่ะ แตกอเมริกาง่ายกว่าเยอะ มรึงตามไปทวงหนี้กันเองสิ ดีออก? เท็กซัส แคลิฟอร์เนีย นิวยอร์ค ไปแน่ อลาสก้า ฮาวาย กลับบ้านเก่า ใครจะรู้ ที่อเมริกาเลือกทรัมปป์มา ก็เพื่อปิดเกมส์หนีหนี้เนี่ยแหละ? อีแคนเตรียมรองรับอียิว 20 ล้านตัวทั่วโลกได้เลย แผ่นดินกว้างใหญ่ เชิญไปสุมหัวอยู่ได้เลย หลายชาติขี้ข้าจะประกาศตัวเป็นเอกราช อีวิสกี้ อีไอร์เหนือ จิงโจ้ กีวี คาตาลัน อียุ่นปี่ อีโสมขาว และอีกเยอะ มันถึงเวลาแยกตัวแล้วเพื่อน? รัฐยากจนใครจะอุ้ม คำตอบคือ เมื่ออเมริกาแตกเป็นเสี่ยงๆ ชาติอาหรับ จีน รัสเซีย จะเข้ามาช้อนซื้อเอาไว้นั่นเอง เหตุผลเดียวง่ายๆ "ความมั่นคง" เหมือนที่อียิวสอดไส้คาราเมลมาอยู่ในแผ่นดินคานาอันนั่นแหละ หนามยอกเอาหนามบ่ง จีนถึงต้องการฮาวาย รัสเซียต้องการอลาสก้าคืน ส่วน JOHN KIM ยังนึกไม่ออก กูจะเอาส่วนไหนดี แต่ชอบห้องรูปไข่ อาจจะขอทำเนียบขาวเอาไว้เป็นบ้านพักตากอากาศ ส่วนอิหร่านจ้องเมืองท่าซีแอตเติ้ล เพราะใกล้อีแคน มรึงอย่าคิดว่ากูจะปล่อยมรึงไปง่ายๆ มรึงอยู่ที่ไหน กูก็จะตามไปอยู่เป็นเพื่อน เอาศัตรูใกล้ตัว คือกลยุทธสยบมาร CIVIL WAR จะเกิดขึ้นก่อน ประกาศภาวะฉุกเฉินจะตามมา แล้วจบที่การปฎิวัติอเมริกา จบตำนานประเทศประชาธิปไตย เสรีภาพ สิทธิมนุษยชนตอแหล ภาค 1 ไปสร้างต่อที่อีแคนภาค 2 ปล.ยังไม่จบ ยังมีต่อ โปรดติดตามตอนต่อไป ในคัมภีร์หมี วิชัยยุทธ" EP.44 "AMERICAN SURVIVE 2" ในสัปดาห์หน้า เพื่อรวบรวมความเป็นไป การเปลี่ยนแปลง กระแสโลก ที่จะเกิดขึ้นตลอดสัปดาห์นี้ ทุกอย่างแค่จุดเริ่มต้น หากไม่มีการปลดแอกโลกจากขั้วใหม่ มรึงจะไม่มีวันได้เห็นอเมริกาในสภาพนี้เด็ดขาด ขอบคุณ "ขั้วใหม่" และที่สำคัญ เค้ารู้ล่วงหน้าแล้วว่าอีทรัมปป์จะมา แผนการรับมือ และเดินหน้าต่อ มีรอไว้นานแล้ว ก็บอกแล้วว่า ปูติน สีจิ้นผิง ไม่ใช่รัฐบุรุษโลกธรรมดา แต่เป็น "ขงเบ้งกลับชาติมาเกิดใหม่" เค้าวางดอก 2..3..4..5 รอไว้นานแล้ว คิดทีเดียว 3 ชั้นครึ่ง หมุนเกลียวอีก 5 รอบ เหี้ยไอ้อีตัวไหนจะสู้ได้ เจ้ามือโลกใหม่ซะอย่าง อำนาจเปลี่ยนมือ ไม่มีอะไรง่ายดายเหมือนก่อนอีกแล้ว เหี้ยจ๋า? รอดูความเป็นไป ของไอ้อีขี้ข้าเหี้ย C ทั่วโลก ดิ้นพล่าน วิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่น ใบเสร็จตามเก็บเพี๊ยบ ใครรู้เยอะ ก็ตายห่าก่อนเพื่อน? ศรีธนญชัย 2024 เดินอย่างรัดกุม ไม่เร่งรีบ เพราะเมื่อแสงทำงาน เหี้ยมันจะเดินไปตายห่าติดกับดักเอง WWIII ยังไม่จบน่ะ อย่าคิดว่าจะไม่เกิด เพราะอย่าลืมว่า อีกฝ่าย เหี้ยซาตาน มันไม่ยอมให้โลกสงบสุขดอก อุบัติเหตุการเมืองโลกเกิดขึ้นได้เสมอ อเมริกาไม่ได้มีแค่ DEEP STATE อีเหี้ยสิงโตยังมีอีเหี้ยเรปทีเรี่ยนอยู่ มรึงคอยดูว่ามันจะดิ้นยังไง? บั๊คกิ้งแฮม เสื่อมศรัทธาแล้ว ธาตุแท้เผย ชาร์ลผู้พ่ออาจไม่ได้อยู่ต่อ วิลเลี่ยมคือร่างแท้จริงของอีเรปทีเรี่ยน อยากรู้เหมือนกัน มรึงจะมีปัญหาเอาชนะรัสเซียมั้ย? เพราะเค้าล่อมรึงแน่ กูการันตี ทนมานานแล้ว! ส่วนไอ้อีตัวประกอบ โลกเปลี่ยน มันก็เดินตามเอง เพราะหมารับใช้ ไม่มีนายใหญ่ถาวร วงจรขี้ข้า เป็นเช่นนี้มานานหลายศตวรรษแล้ว ยังมีอะไรให้มรึงช็อคกันอีกเยอะ อย่าเพิ่งรีบด่วนสรุป สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งรีบนับศพเหี้ย? หมี CNN(ฟ้าแจ้งจางปาง อ่านซ้ำ หากยังไม่ GET ทุกอย่างมันคือเส้นทางลิขิต ใครกำหนด ใครปลดปล่อย เหมือนบทสคริปต์จากสรวงสวรรค์ โลกผลัดใบ ไม่มีดอก ไม่เสียเลือดเนื้อ แต่ไม่ใช่ในสยามประเทศแน่ เพราะพ่อร.10 ท่านใช้พระเดชเมื่อถึงยามจำเป็นเท่านั้น ตอนนี้ให้บู๊ททหารตรีนโตนวดไปก่อน แค่นี้ เหี้ยก็อ่วมแล้ว ไม่มีอะไรง่ายดาย ทุกอย่างใช้เวลาเยียวยา) 07 พฤศจิกายน 67 10.25 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 503 Views 0 Reviews
  • หาก โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ และพยายามยุติความขัดแย้งยูเครนอย่างเร็วที่สุด เขาอาจพบจุดจบในชะตากรรมเดียวกับ จอห์น เอฟ.เคนเนดี จากความเห็นของ ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย
    .
    ขณะเดียวกัน เมดเวเดฟ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย เชื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างวอชิงตันกับมอสโก จะยังคงตึงเครียดในระดับสูงลิ่วต่อไป ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันอังคาร (5 พ.ย.)
    .
    ระหว่างการหาเสียง ทรัมป์ ตัวแทนจากรีพับลิกัน ประกาศซ้ำๆ ว่าจะยุติสถานการณ์นองเลือดในยูเครนในเวลาอันสั้น หากได้รับเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ให้รายละเอียดอย่างเจาะจงใดๆ ในขณะที่รองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต คู่แข่งของเขา เชื่อว่า ทรัมป์ อาจบีบให้ เคียฟ ยอมจำนน
    .
    ในเรื่องนี้ ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลินก็แสดงความเคลือบแคลงสงสัยเช่นกันเกี่ยวกับความสามารถของทรัมป์ ในการหยุดความขัดแย้งในชั่วข้ามคืน พร้อมเชื่อว่าไม่มีไม้กายสิทธิ์ใดๆ ในปัจจุบันที่เขาจะทำเช่นนั้นได้
    .
    เมดเวเดฟ โพสต์ข้อความลงบนช่องเทเลแกรมเมื่อวันอาทิตย์ (3 พ.ย.) ระบุว่ามอสโกไม่ได้คาดหวังใดๆ เกี่ยวกับผลลัพธ์ของศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ พร้อมอ้างว่า "สำหรับรัสเซียแล้ว การเลือกตั้งจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไร เนื่องจากจุดยืนของผู้สมัครทั้ง 2 สะท้อนออกมาโดยสิ้นเชิงอย่างเป็นเอกฉันท์ทั้ง 2 ฝ่าย ว่าจำเป็นต้องเอาชนะประเทศของเรา"
    .
    ข้อความของเมดเวเดฟ เขียนต่อว่า แม้ในระหว่างหาเสียง ทรัมป์ พูดจากน่าเบื่อต่างๆ เกี่ยวกับโอกาสสันติภาพในยูเครน และอ้างว่าเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับบรรดาผู้นำโลก แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากได้รับเลือกตั้ง ตัวแทนจากรีพับลิกันรายนี้ "จะบังคับให้ทุกคนทำตามระบบกฎเกณฑ์ทั้งหมดทั้งมวล และจะไม่สามารถหยุดสงครามได้ ไม่ใช่แค่ภายในวันเดียว ใน 3 วัน หรือใน 3 เดือน"
    .
    "และถ้าหากเขาพยายามยุติความขัดแย้งยูเครน เขาจะกลายเป็นจอห์น เอฟ.เคนเนดี รายต่อไป" อดีตประธานาธิบดีรัสเซียเตือน อ้างถึง จอห์น เอฟ.เคนเนดี ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ถูกลอบสังหารในปี 1963
    .
    ในส่วนของแฮร์ริส เจ้าหน้าที่รัสเซียมองว่าเธอเป็น "คนโง่ ไร้ประสบการณ์ และอยู่ภายใต้การควบคุม" ขณะที่ เมดเวเดฟ ชี้ว่าหากเธอได้รัยชัยชนะ เธอจะเป็นแค่หุ่นเชิด ปล่อยให้เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ และสมาชิกในบริวารของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา คอยกุมบังเหียน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..
    ..............
    Sondhi X
    หาก โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ และพยายามยุติความขัดแย้งยูเครนอย่างเร็วที่สุด เขาอาจพบจุดจบในชะตากรรมเดียวกับ จอห์น เอฟ.เคนเนดี จากความเห็นของ ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย . ขณะเดียวกัน เมดเวเดฟ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย เชื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างวอชิงตันกับมอสโก จะยังคงตึงเครียดในระดับสูงลิ่วต่อไป ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันอังคาร (5 พ.ย.) . ระหว่างการหาเสียง ทรัมป์ ตัวแทนจากรีพับลิกัน ประกาศซ้ำๆ ว่าจะยุติสถานการณ์นองเลือดในยูเครนในเวลาอันสั้น หากได้รับเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ให้รายละเอียดอย่างเจาะจงใดๆ ในขณะที่รองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต คู่แข่งของเขา เชื่อว่า ทรัมป์ อาจบีบให้ เคียฟ ยอมจำนน . ในเรื่องนี้ ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลินก็แสดงความเคลือบแคลงสงสัยเช่นกันเกี่ยวกับความสามารถของทรัมป์ ในการหยุดความขัดแย้งในชั่วข้ามคืน พร้อมเชื่อว่าไม่มีไม้กายสิทธิ์ใดๆ ในปัจจุบันที่เขาจะทำเช่นนั้นได้ . เมดเวเดฟ โพสต์ข้อความลงบนช่องเทเลแกรมเมื่อวันอาทิตย์ (3 พ.ย.) ระบุว่ามอสโกไม่ได้คาดหวังใดๆ เกี่ยวกับผลลัพธ์ของศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ พร้อมอ้างว่า "สำหรับรัสเซียแล้ว การเลือกตั้งจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไร เนื่องจากจุดยืนของผู้สมัครทั้ง 2 สะท้อนออกมาโดยสิ้นเชิงอย่างเป็นเอกฉันท์ทั้ง 2 ฝ่าย ว่าจำเป็นต้องเอาชนะประเทศของเรา" . ข้อความของเมดเวเดฟ เขียนต่อว่า แม้ในระหว่างหาเสียง ทรัมป์ พูดจากน่าเบื่อต่างๆ เกี่ยวกับโอกาสสันติภาพในยูเครน และอ้างว่าเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับบรรดาผู้นำโลก แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากได้รับเลือกตั้ง ตัวแทนจากรีพับลิกันรายนี้ "จะบังคับให้ทุกคนทำตามระบบกฎเกณฑ์ทั้งหมดทั้งมวล และจะไม่สามารถหยุดสงครามได้ ไม่ใช่แค่ภายในวันเดียว ใน 3 วัน หรือใน 3 เดือน" . "และถ้าหากเขาพยายามยุติความขัดแย้งยูเครน เขาจะกลายเป็นจอห์น เอฟ.เคนเนดี รายต่อไป" อดีตประธานาธิบดีรัสเซียเตือน อ้างถึง จอห์น เอฟ.เคนเนดี ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ถูกลอบสังหารในปี 1963 . ในส่วนของแฮร์ริส เจ้าหน้าที่รัสเซียมองว่าเธอเป็น "คนโง่ ไร้ประสบการณ์ และอยู่ภายใต้การควบคุม" ขณะที่ เมดเวเดฟ ชี้ว่าหากเธอได้รัยชัยชนะ เธอจะเป็นแค่หุ่นเชิด ปล่อยให้เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ และสมาชิกในบริวารของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา คอยกุมบังเหียน . อ่านเพิ่มเติม.. .............. Sondhi X
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 574 Views 0 Reviews
  • หม่อมโจ้
    สิ่งที่ควรรู้เรื่องอิสราเอลหม่อมโจ้ โต้ทูตอิสราเอล ยันต้องเปิดความจริง ช่วยคนไทยพ้นภาวะทาส
    เพื่อนๆคงจะรู้จัก คุณปุ๊ก อาภัสรา หงสกุล อดีตนางงามจักรวาลชาวไทยคนแรก ที่เรียกว่ามิสยูนิเวอร์ส คุณอาภัสราจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.ศ.3) ปี 2506 จาก ร.ร.ศึกษาวิทยา ถนนสีลม แล้วไปเรียนอาชีวศึกษาที่ ร.ร.เลขานุการที่นครรัฐปีนัง ในมาเลเซีย จบชั้นปีที่ 2 เธอมาประกวดนางสาวไทย ได้ตำแหน่งปี 2507 จากนั้นไปเรียนต่อแล้วกลับมาปี 2508 เดินทางไปประกวดมิสยูนิเวอร์สที่นครไมอามี่ รัฐฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา ได้ตำแหน่งขณะมีอายุ18ปี คุณปุ๊กเกิดวันที่16 มกราคม 2490 ปีกุนปีเดียวกับผม ปี 2510 ขณะมีอายุ 20ปีได้สมรสครั้งแรกกับหม่อมราชวงศ์เกียรติคุณ กิติยากร มีบุตรชายคนแรกคือหม่อมหลวงรุ่งคุณ กิติยากร
    ปัจจุบัน หม่อมโจ้ บุตรชายคนแรกของคุณปุ๊ก อายุได้ 53 ปีแล้ว หม่อมโจ้เรียนจบจากต่างประเทศที่สหรัฐอเมริกาในระดับปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจเคยทำงานบริษัทต่างประเทศจนได้ลาออกไปอุปสมบทเป็นพระภิกษุในสายวัดป่าอยู่หลายปีได้มาซื้อที่ดินที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 45 ไร่ ปลูกพืชและผลไม้สายพันธุ์ของต่างประเทศที่ไม่มีใครทำมาก่อนจนผลไม้ขายได้ในราคาสูง หม่อมหลวงรุ่งคุณได้ศึกษาและวิเคราะห์เขียนหนังสือหลายเรื่องเกี่ยวกับอิสราเอล ไว้มากจนเป็นข่าวตอบโต้กับเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยดังนี้
    เรียน ท่านเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย นายไซม่อน โรดเด็ด
    ข้าพเจ้ารับทราบถึงความไม่พอใจของท่านกับบทความของข้าพเจ้า ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่ข้าพเจ้าได้เขียน เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของข้าพเจ้าโดยบริสุทธิ์ใจ อันเป็นสิทธิที่ข้าพเจ้าจะแสดงได้ โดยความเห็นของข้าพเจ้านั้น เป็นไปตามข้อมูลหลักฐานอันมีจริงทางประวัติศาสตร์ที่ได้มีความพยายามในการกลบและบิดเบือน
    แม้กระนั้น ท่านอาจแปลกใจคิดว่า แล้วไฉนทั้งที่ข้าพเจ้าและประเทศไทยที่ไม่ได้มีส่วนได้เสีย ข้าพเจ้าจึงต้องไปเขียนในเรื่องราวสร้างความบาดหมางให้แก่ท่าน ข้าพเจ้าจึงใคร่ที่จะชี้แจงตรงนี้ว่า ข้าพเจ้าไม่ได้เขียนเพื่อที่จะก่อความบาดหมางให้แก่ท่านหรือแก่ผู้ใด และ เรื่องราวที่ข้าพเจ้าเขียนนั้น มีความเกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าและต่อประเทศไทยอย่างไรบ้าง
    อย่างแรก 'กลุ่มทุนธนาคารยิว Zionist' ที่ข้าพเจ้าได้กล่าวถึงนั้น ข้าพเจ้ากล่าวถึงคนเพียงกลุ่มหนึ่ง มิใช่ชาวยิวทั้งหมด โดยคำว่า 'Zionist' แม้แต่ชาวยิวแท้ Orthodox Jews ที่ยึดมั่นใน Torah จำนวนมากก็ไม่ได้เห็นด้วยเลย ดังที่พวกเขาได้ออกมาประท้วง ประกาศว่า 'Zionism' ไม่ใช่ 'Judaism' เอง ท่านทูตน่าจะพอทราบอยู่ เพราะใน Israel ก็มีการจับชาวยิวแท้ ที่มีอัธยาศัยดีเหล่านี้ ไปจำคุกอยู่จำนวนหนึ่ง
    'ทุนธนาคาร Zionist' ที่ข้าพเจ้าพูดถึง หมายถึงกลุ่มทุนธนาคารที่เป็นผู้มีอำนาจที่สุดในโลก มีอำนาจเหนือรัฐหลายรัฐ รวมถึงมหาอำนาจสหรัฐอเมริกา เขาคุมการเงินโดยกลุ่มของเขาเอง เป็นเจ้าของ Federal Reserve Bank ธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา ที่พิมพ์เงินให้รัฐบาลสหรัฐฯต้องกู้ มิใช่ของประชาชนชาวอเมริกันตามที่ควรจะเป็นแต่อย่างใด กลุ่มทุนธนาคารของเขาเป็นหุ้นใหญ่ในบริษัทยักษ์ใหญ่แทบทั้งสิ้นทั่วโลก รวมถึง 6 บริษัทที่คุม 90% ของสื่อในสหรัฐอเมริกา เขาคุมแหล่งนํ้ามันและก๊าซหลัก ๆ ทั่วโลก และกำลังรุกเพื่อควบคุมผูกขาดอาหารของโลกโดยการผลิต GMO แม้แต่องค์กรโลก เช่น UN ที่ให้กำเนิด World Bank และ IMF ล้วนเป็นองค์กรที่พวกเขาจัดตั้งขึ้น และควบคุมทั้งสิ้น
    ชื่อตระกูลที่โดดเด่นมีอิทธิพลสูงสุดใน 'ทุนธนาคาร Zionist' นี้ ได้แก่ 'Rothschild' และ 'Rockefeller' ชื่อ 'Rothschild' ท่านทูตย่อมรู้จักเป็นอย่างดี โดยใน 'Independence Hall' ที่ Tel Aviv เมืองหลวงของท่านเอง ก็มีนิทรรศการเอกสารชิ้นสำคัญมากชิ้นหนึ่งเรียกว่า 'The Balfour Declaration' เป็นจดหมายจากรัฐบาลอังกฤษ จ่าหัวถึง 'Lord Rothschild' ใน 1917 แสดงถึงการที่รัฐบาลอังกฤษสนับสนุนให้เกิด บ้านอยู่ (national home) ของชาวยิว ที่ Palestine แก่ 'Lord Rothschild' Baron Edmond (Abraham Benjamin) Rothschild จึงมีสถานะเป็น "the Father of the Settlements" (Avi ha-Yishuv) หรือบิดาแห่งอิสราเอล
    ใน4บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของโลก หรือ 'The Four Horsemen of Oil' ที่อยู่เบื้องหลังนโยบายการครอบครองน้ำมันของสหรัฐฯ 2 บริษัท คือ BP Amoco และ Royal Dutch/Shell อยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูล Rothschild ที่ถือหุ้นใหญ่ ส่วน อีกสอง Exxon Mobil และ Chevron คือ บริษัทที่มาจาก Standard Oil ของ John D. Rockefeller โดยกรรมการของบริษัทน้ำมันเหล่านี้จำนวนหนึ่ง ไขว้กันเองเป็นใย และไขว้เป็นกรรมการของธนาคารยักษ์ใหญ่ เช่น JP Morgan Chase ของ Rockefeller และ Citigroup, Bank of America, Wells Fargo, N. M. Rothschild & Sons โดยตระกูล Rothschild ควบคุม และมีการเชื่อมโยงถือหุ้นไขว้กันกับกลุ่มทุนนอมินียักษ์ เช่น BlackRock, State Street, Vanguard และ Fidelity ที่ถือหุ้นใหญ่บริษัทยักษ์ใหญ่ แทบทั้งหมดในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย
    ในการสร้างอำนาจเหนือรัฐต่าง ๆ 'ทุนธนาคาร Zionist' เหล่านี้ ได้จัดตั้งองค์กร Front ของเขา เช่น The Bilderberg Group, Council on Foreign Relations (CFR) และ The Trilateral Commission (TC) โดยองค์กรเหล่านี้จะรวมกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' และบรรดาผู้มีอิทธิผล เช่น อดีตประธานาธิบดี บริวารมือขวาของเขา Henry Kissinger นักการเมืองทุกขั้ว ทหาร หัวหน้าหน่วยงานลับ ของประเทศสำคัญในยุโรป และสหรัฐฯ โดยใน Trilateral Commission จะมีสมาชิกเป็นบุคคลสำคัญของประเทศในทวีปเอเชียต่าง ๆ ที่รับใช้พวกเขา 'ทุนธนาคาร Zionist' จึงมีอิทธิพลอำนาจเหนือรัฐ เช่นมหาอำนาจสหรัฐอเมริกา
    ด้วยความละโมบของพวกเขา ในการล่าอาณานิคมยุคใหม่ โดยกำลังก็ดี โดยวิธีแห่งการให้สินบนแก่ผู้ขายชาติตนเองก็ดี โดยการบีบบังคับด้วยหนี้สินก็ดี โดยการแทรกแซงการเมืองภายในก็ดี 'ทุนธนาคาร Zionist' เหล่านี้ ได้เข้ายึดครองทรัพยากร พลังงาน เศรษฐกิจ และการเงิน ของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ทำให้ประชาชนของประเทศนั้น ๆ ตกเป็นทาสของพวกเขา โดยในประเทศไทยเอง ปรากฏหลักฐานชัดเจนถึงการกระทำ ที่ 'ทุนธนาคาร Zionist' พร้อมการร่วมมือของ 'คนไทย' ที่ได้ขายตัวขายจิตวิญญาณให้พวกเขา ได้ร่วมกระทำ ดังต่อไปนี้ (1) การปล้นโกงน้ำมันและก๊าซ จากประชาชนคนไทย (2) การทำให้ประเทศไทยเป็นหนี้ ตามด้วยการยึดครองเศรษฐกิจการเงิน (3) การชักใยอยู่เบื้องหลังทุกฝ่าย ในการสร้างความแตกแยก ตามยุทธศาสตร์ 'แบ่งแยกแล้วปกครอง' เพื่อการยึดครองประเทศเป็นเมืองขึ้นยิ่งขึ้นไป มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ :
    (1) การปล้นโกงน้ำมันและก๊าซ จากประชาชนคนไทย โดย 'ทุนธนาคาร Zionist'
    ทั้งที่ประเทศไทย มีอธิปไตยของตนเอง โดยอธิปไตย นั้นเป็นของปวงชนชาวไทย อันหมายความว่าทรัพยากรของชาตินั้นเป็นของประชาชนคนไทย แต่ปรากฏว่า กฎหมายว่าด้วยน้ำมันและก๊าซ (พ.ร.บ.ปิโตรเลียม 2514) มิได้มีการเขียนขึ้นไม่ว่าจะ 'โดย' ประชาชน หรือ 'เพื่อ' ประชาชน แต่อย่างใด แต่ได้ถูกเขียนขึ้นโดย Walter James Levi สมาชิกทั้ง CFR และ The Trilateral Commission ผู้ทำงานให้รัฐบาลสหรัฐฯ ขั้นขึ้นชื่อว่าเป็น หัวหน้าฝ่ายเศรษฐศาสตร์พลังงานของสหรัฐอเมริกา (the dean of United States oil economists) และ ได้เป็นผู้บริหารบริษัทของตระกูล Rockefeller เองคือ Standard Oil Company of New York หรือ Socony (ปัจจุบันคือ Exxon) คนที่เขียนกฎหมายนี้ของประเทศไทย ไม่ใช่คนไทย แต่คือคนของ 'ทุนธนาคาร Zionist'
    เนื้อหาของกฎหมายดังกล่าวเอง ก็เป็นไปเพื่อประโยชน์ของ 'ทุนธนาคาร Zionist' โดยมีลักษณะของกฎหมายสำหรับเมืองขึ้นอันไม่เป็นธรรม คือ น้ำมันและก๊าซทั้งหมดเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้รับสัมปทาน การได้สัมปทานเป็นไปโดยไม่มีการประมูลอย่างโปร่งใส ค่าตอบแทนเป็นไปอย่างต่ำ และ ประชาชนคนไทยที่เป็นเจ้าของโดยแท้จริง ไม่สามารถตรวจสอบรับทราบความจริงได้เลย โดยวิธีที่สามารถจะเรียกว่าโปร่งใสได้ ว่าปริมาณทรัพยากรที่มีการขุดไปนั้นมีปริมาณที่แท้จริงมากน้อยเพียงใด ประเทศไทยมีพลังงานมากน้อยแค่ไหนโดยต้องยอมรับตามตัวเลข ที่บริษัทพลังงานต่าง ๆ แจ้งเท่านั้น
    การปล้นอธิปไตยโดย 'ทุนธนาคาร Zionist' เป็นไปได้ด้วยการข่มขู่ไม่ให้ความร่วมมือ พร้อมการให้สินบนแก่ 'คนไทยที่ขายชาติตัวเอง' ซึ่งจากนั้นมา การรุกครอบครองน้ำมันและก๊าซของประชาชนคนไทย โดยวิธีการดังกล่าวได้ขยายไปเรื่อย ๆ มีการแก้ไขกฎหมายเพิ่มเติม ให้เอื้ออำนวยแก่ผู้รับสัมปทานอย่างล้นพ้นโดยภายหลังจะเห็นได้ชัดเจนถึงผู้เข้ามามีอำนาจในไทย ไม่ว่าขั้วไหน เข้ามาด้วยวิธีใด ได้สานต่อไปในทาง 'ขายชาติตัวเอง' ให้แก่ 'ทุนธนาคาร Zionist' เหล่านี้เพื่อค่าคอมมิสชั่น ถึงขั้นร่วมกันชง ส่งลูกกันข้ามรัฐบาล ยกดินแดนไทยให้กัมพูชา อันส่งผลให้พื้นที่ไทยในทะเลอ่าวไทย 27,000 ตารางกิโลเมตรอันอุดมด้วยน้ำมันและก๊าซที่สุดแห่งหนึ่ง ต้องตกกลายเป็นพื้นที่พิพาท ระหว่างไทยกับกัมพูชา
    ซึ่งในพื้นที่นี้ บริษัท Chevron คือบริษัทที่จ่อล็อกจะถือสัมปทานจากทั้ง 2 ประเทศ ในกรณีนี้ที่มีการพิพาทเรื่องพื้นที่ในอ่าวไทย หากไทยและกัมพูชา ให้สัมปทานในพื้นที่นี้ ผู้ที่จะมีอิทธิพลสูงสุดในการครอบครอง ย่อมมิใช่ไทยหรือกัมพูชาอีกทั้งนั้น แต่จะเป็นสหรัฐอเมริกาภายใต้กลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' เพราะสัมปทานจะเป็นของ Chevron โดยเอกฉันท์ ฝ่ายใดที่ให้ประโยชน์แก่สหรัฐฯ สูงสุด สหรัฐฯ ย่อมสนับสนุนฝ่ายนั้น
    ในปัจจุบัน การถูกปล้นอธิปไตย การตกเป็นอาณานิคมของ 'ทุนธนาคาร Zionist' อย่างเต็มรูปแบบในเรื่องพลังงาน ก็ประจักษ์ชัดเจนอย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยในปัจจุบัน นาย ณรงค์ชัย อัครเศรณี ผู้เข้ามาดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ก่อนเข้ามารับตำแหน่ง ได้เป็นสมาชิก The Trilateral Commission (TC) องค์กรของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' ยาวนานถึง 30 ปี โดยเมื่อเข้ามาแล้ว ก็ไม่รีรอที่จะประกาศผลักดันเปิดสัมปทานในพื้นที่ดังกล่าวอย่างเต็มที่ โดยไม่สนใจ และไม่มีการชี้แจงอันใดเกี่ยวกับการเสียดินแดนของประเทศไทย ทั้งที่มีการคัดค้าน
    ด้วยประการฉะนี้ การปล้นโกงน้ำมันและก๊าซ โดย 'ทุนธนาคาร Zionist' จึงมิได้ครอบคลุมเพียงแค่น้ำมันและก๊าซอีกต่อไป แต่ได้ขยายไปเป็นการปล้นดินแดนไทย จากประชาชนคนไทย ไปโดยเรียบร้อย
    (2) การทำให้ประเทศไทยเป็นหนี้ ตามด้วยการยึดครองเศรษฐกิจการเงินของประเทศ
    การที่เถ้าแก่สามานย์รายใดจะต้องการยึดที่ดินสวย ๆ ของชาวนา วิธีที่เขาจะกระทำคือ ให้ชาวนากู้เงิน ทำให้จ่ายหนี้ไม่ได้ เมื่อจ่ายช้าก็อายัดที่ดินนั้น บังคับขายในราคาต่ำกว่าจริงสิบเท่า แล้วเข้าซื้อเอง
    วิธีการของ 'ทุนธนาคาร Zionist' ก็เป็นเช่นนั้น ทำให้ประเทศเป็นหนี้ หลังการปล่อยกู้เงินให้แก่ประเทศไทยจำนวนมากให้คน น้อยกว่า 1% อย่างฟุ่มเฟือย George Soros สมาชิกอาวุโส CFR ได้นำกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' มาโจมตีค่าเงินบาท จาก 25 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ กลายเป็น 56 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ เพราะกู้เงินจากต่างชาติมามาก เศรษฐกิจไทยได้เข้าสู่วิกฤต มีการล่มสลายของธุรกิจจำนวนมาก(ในปี 2540 – 2542)
    ต่อมาก็เป็นไปตามแบบแผนวิธีการของ IMF และ World Bank ที่ 51% เป็นของ US Treasury ควบคุมโดย 'ทุนธนาคาร Zionist' ของ Rothschild ตามขั้นตอนที่ Joseph Stiglitz ผู้เป็นอดีตประธานที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจของ President Bill Clinton อดีตรองประธาน และ Chief Economist ของ World Bank ได้เปิดโปงให้แก่หนังสือ The Observer และ Newsweek หลังมีเอกสารลับหลุดออกมาจาก World Bank คือในการขอความช่วยเหลือทางการเงิน จำต้องเซ็นสัญญา โดยในสัญญาจะตกลงใน (a) Privatization การแปรรูป โดยรัฐจะต้องยินยอมขายสมบัติของชาติเกี่ยวเนื่องกับสิ่งจำเป็น เช่น น้ำ ไฟฟ้า น้ำมันและก๊าซ (b) Capital Market Liberalization การเปิดให้ทุนไหลเข้าออก โดยส่วนใหญ่มักจะไหลออก (c) Market-based pricing การขึ้นราคา อาหาร ไฟฟ้า น้ำมันและก๊าซ โดยอ้างว่าเป็นราคาตลาดโลก (d) Free Trade การค้าเสรี ตามกฎของ WTO และ World Bank
    Stiglitz ได้ระบุในการสัมภาษณ์อย่างชัดเจนว่า การยินยอมในการตกลงนั้นเกิดขึ้นไม่ยากโดย (ก) World Bank IMF สามารถสั่ง Financial Blockage การกีดกันทางการเงินหากไม่ร่วมมือ และ (ข) นักการเมืองในประเทศนั้น ๆ ยินดีที่จะยกบริษัท น้ำ ไฟฟ้า น้ำมันและก๊าซ ให้โดย 'เขาจะตาโตกันเลย เมือเขานึกถึงค่าคอมมิสชั่นที่เขาจะได้กัน จากการลดราคาเป็นพัน ๆ ล้านในการแปรรูป' โดยเขาจะสามารถใช้ข้ออ้างว่า ถูก World Bank IMF บังคับ
    แล้วการออกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ ก็ได้ตามมา พร้อมการขายสมบัติชาติแบบล็อกสเปคในราคาที่ต่ำกว่าทุนถึง 5 เท่า ตามด้วยการแปรรูปบริษัทน้ำมัน-ก๊าซของชาติ โดยสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่ว่าจะในกรณี การยกดินแดนให้ต่างชาติ หรือ การแปรรูป จะเกิดขึ้นโดยการร่วมมือของมากกว่าหนึ่งรัฐบาล โดยฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายชง อีกฝ่ายเป็นฝ่ายจัดการ ทั้งนี้ทั้งนั้น เป็นไปเพื่อการสามารถโยนความผิดกันไปมาได้ โดยไม่มีใครผิดเต็ม ๆ โดยในกรณีนี้ แม้ขั้วนักการเมืองกลุ่มที่รับข้อตกลงรับรายละเอียดในการออกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับจาก 'ทุนธนาคาร Zionist' นี้พยายามจะโยนความผิดให้ผู้ริเริ่มการตกลง แต่ก็ปรากฏให้เห็นได้ถึงการตอบแทน เมื่อคนของเขาได้ไปนั่งเป็นผู้อำนวยการใหญ่ WTO
    โดยการโจมตีค่าเงิน การบีบข่มขู่ การให้สินบนแก่ผู้เข้ามามีอำนาจทุกขั้ว ที่ร่วมกันขายชาติตนเอง 'ทุนธนาคาร Zionist' เช่น JP Morgan Chase, BlackRock, State Street, Vanguard และ Fidelity ได้เข้ามายึดครองควบคุม บริษัทน้ำมันก๊าซ ธนาคาร และ เศรษฐกิจการเงินของประเทศไทย ไปจากคนไทย และยังรุกคืบยิ่ง ณ ปัจจุบัน ตามข่าวการแปรรูปที่ปรากฏอยู่
    (3) การชักใยอยู่เบื้องหลัง ในการสร้างความแตกแยก ตามยุทธศาสตร์ 'แบ่งแยกแล้วปกครอง' (Divide and Conquer) เพื่อการยึดครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จ
    เป็นที่ประจักษ์ว่าไม่ว่าจะขั้วไหน เข้ามาด้วยวิธีใด ที่เข้ามามีอำนาจ ล้วนให้ความร่วมมือกับ 'ทุนธนาคาร Zionist' ในการขายทำลายชาติ โดยมีค่าคอมมิสชั่น ทั้งในทรัพยากรและในการแปรรูป เป็นตัวเชื่อม สามารถควบคุม ชักใยได้ทุกฝ่าย ยุทธศาสตร์ แบ่งแยกแล้วปกครอง เป็นยุทธศาสตร์ที่มีตัวอย่างเห็นได้ในโลกปัจจุบันมากมายในการเข้ายึดครองประเทศต่าง ๆ ของ 'ทุนธนาคาร Zionist' โดยการยุยงให้เหยื่อตีกันเอง บางกรณีให้อาวุธทั้ง 2 ฝ่าย ทำลายภูมิคุ้มกันความสามัคคีของชนชาตินั้น ๆ สร้างความแตกแยก โดยเมื่อมีรอยแตก ก็สามารถจะแทรกเข้าไป ยึดครองประเทศนั้น ๆ
    ความแตกแยก ปัญหาความขัดแย้งเสื้อสี ที่ปรากฏอยู่ในประเทศไทย ล้วนมีการชักใย มีการสนับสนุน ทั้ง 2 ฝ่ายการเมือง โดยมีกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' เป็นผู้อยู่เบื้องหลังนักการเมืองทั้ง 2 ขั้ว โดยทั้ง 2 ขั้ว นั้นล้วนมีผลประโยชน์ในเรื่องคอมมิสชั่น จากกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' และถูกชักใยให้ปลุกปั่นประชาชน ให้มาตีกันเองโดยการรู้ไม่เท่าทันของประชาชน ว่าโดยแท้จริงแล้ว นักการเมืองและผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะขั้วไหน เข้ามาด้วยวิธีใด ล้วนให้ความร่วมมือ ขายชาติตนเองแก่ 'ทุนธนาคาร Zionist' ทั้งสิ้น
    หลักฐานปรากฏชัดเจนว่าสมาชิก CFR ของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' อาทิ (a) Robert Blackville สมาชิก CFR มือขวาการต่างประเทศของ Henry Kissinger จาก Barbour Griffif & Rogers (CFR) (b) Keneth Adelman สมาชิก CFR อดีตทูต UN ของสหรัฐ จาก Baker & Botts Robert (CFR) (c) Robert Amsterdam จาก Amsterdam & Peroff (Chatham House) ได้ทำหน้าที่เป็น lobbyist ให้อดีตนักการเมืองที่หลบอยู่ที่ Dubai และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังขบวนการเสื้อแดง และองค์กร NED ได้ให้เงินสนับสนุน Website ของเสื้อแดงจำนวนมาก โดยต้องเป็นที่กล่าวว่า นักการเมืองไทยที่หลบหนีอยู่ที่ Dubai นั้น โดยแท้จริงแล้วเป็นเพียงหุ่นเชิด ที่ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' ชักใยอยู่เบื้องหลัง ซึ่งโดยลำพังเขาไม่สามารถที่จะทำเองได้เลย (นั่นคือทักษิณ ชินวัตร)
    ส่วนนักการเมืองผู้เข้ามามีอำนาจ ฝ่ายอื่น ๆ ที่โหน อ้าง ปกป้อง สถาบันสำคัญ ๆ ฝ่ายนี้ โดยการขายตัวขายชาติ การปรารถนาได้ค่าคอมมิสชั่น ทั้งในน้ำมันก๊าซ และในการแปรรูป เป็นตัวเชื่อม ก็ไม่พ้นการอยู่ภายใต้อำนาจการชักใยของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' ที่เป็นผู้กำกับการแสดง จูงทั้งสองสามฝ่าย ให้ชงและส่งลูกให้กัน เสี้ยมให้ชาติ ล่มสลาย เพื่อการปล้นยึดครองอย่างเบ็ดเสร็จ ในระหว่างที่สหรัฐ แขนขวาของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' สนับสนุนฝ่ายหนึ่ง แขนซ้าย ก็ทำตัวเข้าสนับสนุนอีกฝ่าย
    ข้าพเจ้าจึงจะประกาศ ณ ที่นี้ว่าข้าพเจ้ามิได้รังเกียจประชาชนของชนชาติใด จะเป็นชาวอเมริกันหรือชาวยิวหรือชาติใด ๆ ทั้งสิ้น แต่สิ่งที่ข้าพเจ้ารังเกียจ คือพฤติกรรม เอาเปรียบ เบียดเบียน แทรกแซง ปล้นทั้งทรัพยากรและดินแดน ทำลายชาติอื่น ที่ 'ทุนธนาคาร Zionist' นี้ได้กระทำทั่วโลก
    ดังนั้น กับคำกล่าวของท่านว่าข้าพเจ้าเหยียดชนชาติ เมื่อความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นข้าพเจ้าจึงไม่เดือดร้อนใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ว่าในโลกปัจจุบัน เท่าที่ข้าพเจ้าทราบ ข้าพเจ้าไม่เห็นว่าจะมีค่ายนักโทษอันใดที่กระทำความทารุณโหดร้ายเท่ากับที่สถานที่ชื่อ Gaza และในเมื่อประเทศของท่านเองยังกระทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาว Palestine อย่างที่กระทำอยู่ ท่านยังจะกล้าบังอาจเรียกผู้ใดว่าเหยียดชนชาติได้เสียอย่างไร
    จะเรียกใครว่าอย่างไรท่านจงมองตัวเองบ้างเสียเถิด ท่านจงสำเหนียกเสียบ้างเถิดว่า พฤติกรรมร้องทำจะเป็นจะตายว่าพวกตนถูกทำร้าย ทั้งที่พวกตนนั่นแหละคือผู้ที่กระทำชำเราเขาไปทั่ว ท่านคิดว่าอย่างไร พฤติกรรมนี้เป็นพฤติกรรมที่น่าสมเพชหรือไม่
    ไม่ว่าจะประชาชนชนชาติใด เขาก็ย่อมปรารถนาความสงบสุข เขาย่อมปรารถนาอธิปไตยในชาติของเขาเอง เขาย่อมปรารถนาที่จะตัดสินอนาคตเขาเอง เขาย่อมปรารถนาว่าทรัพยากรของเขาจะถูกนำมาใช้เพื่อประโยชน์ของเขาด้วยความเป็นธรรม เขาย่อมไม่ต้องการให้ใครมาเอาดินแดนของเขาไป แต่ในประเทศไทย ด้วยการชักใย การซื้อคนไทยที่ขายชาติตนเองทุกขั้ว การซื้อสื่อ การปลุกปั้นโดย 'ทุนธนาคาร Zionist' เป็นอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น
    ผลคือ คนไทย แทนที่จะรักใครสามัคคีกัน แทนที่จะได้รับผลประโยชน์จากสมบัติอันมีค่าของเขา แทนที่จะมีรัฐสวัสดิการ การรักษาพยาบาล การศึกษา ที่มีคุณภาพ แทนที่จะมีชีวิตที่มีคุณภาพความสุขที่พวกเขาควรได้รับ เขากลับต้องมาเกลียดชังกันเอง ทะเลาะสู้กันเอง เขากลับต้องมาเป็นทาสของ 'ทุนธนาคาร Zionist' ต้องมาเป็นทาสที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายสู้กันเอง แทนที่จะสามัคคีกันเพื่อปลดปล่อยพวกตนจากความเป็นทาส เพราะความไม่รู้เท่าทัน เพราะการหลอกลวงโดยนักการเมือง ผู้เข้ามามีอำนาจที่หิวโหย ที่ล้วนทำเพื่อตนเอง โดยรับใช้ ถูกชักใยจากนายคนเดียวกันคือ 'ทุนธนาคาร Zionist' ทั้งนั้น
    ข้าพเจ้าจึงมีความจำเป็นที่จะเปิดเผยความจริง ความจริงโดยรอบด้าน และความจริงที่จริงที่สุด โดย เมื่อประชาชนชาวไทยตื่นรู้กับความจริง การเป็นทาสที่ถูกหลอกให้สู้กันเองย่อมหมดไป ความสามัคคีย่อมกลับมา โดยสิ่งนี้สิ่งเดียว คือ การตื่นรู้เท่านั้น ที่จะทำให้ชนชาติไทยรอดพ้นภัยไปได้
    ทั้งนี้ทั้งนั้น มิใช่ว่าประชาชนชาวไทยจะต้องไปเป็นศัตรูกับใคร การตบมือข้างเดียวย่อมไม่ดังฉันใด และ เมื่อคนไทยตื่นรู้เลิกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเป็นหนึ่งอันเดียวกัน รวมกันปราบปรามเหล่าคนไทยที่ขายชาติตนเองทั้งหลายแล้ว ประเทศและประชาชนชาวไทยย่อมพ้นจากการเป็นอาณานิคม พ้นจากการเป็นเป็นทาส ไม่ว่าจะเป็น ทาสของ 'ทุนธนาคาร Zionist' หรือ กลุ่มทุนอื่นใด
    จึงเรียนมาเพื่อทราบ
    ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร
    หม่อมโจ้ สิ่งที่ควรรู้เรื่องอิสราเอลหม่อมโจ้ โต้ทูตอิสราเอล ยันต้องเปิดความจริง ช่วยคนไทยพ้นภาวะทาส เพื่อนๆคงจะรู้จัก คุณปุ๊ก อาภัสรา หงสกุล อดีตนางงามจักรวาลชาวไทยคนแรก ที่เรียกว่ามิสยูนิเวอร์ส คุณอาภัสราจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.ศ.3) ปี 2506 จาก ร.ร.ศึกษาวิทยา ถนนสีลม แล้วไปเรียนอาชีวศึกษาที่ ร.ร.เลขานุการที่นครรัฐปีนัง ในมาเลเซีย จบชั้นปีที่ 2 เธอมาประกวดนางสาวไทย ได้ตำแหน่งปี 2507 จากนั้นไปเรียนต่อแล้วกลับมาปี 2508 เดินทางไปประกวดมิสยูนิเวอร์สที่นครไมอามี่ รัฐฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา ได้ตำแหน่งขณะมีอายุ18ปี คุณปุ๊กเกิดวันที่16 มกราคม 2490 ปีกุนปีเดียวกับผม ปี 2510 ขณะมีอายุ 20ปีได้สมรสครั้งแรกกับหม่อมราชวงศ์เกียรติคุณ กิติยากร มีบุตรชายคนแรกคือหม่อมหลวงรุ่งคุณ กิติยากร ปัจจุบัน หม่อมโจ้ บุตรชายคนแรกของคุณปุ๊ก อายุได้ 53 ปีแล้ว หม่อมโจ้เรียนจบจากต่างประเทศที่สหรัฐอเมริกาในระดับปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจเคยทำงานบริษัทต่างประเทศจนได้ลาออกไปอุปสมบทเป็นพระภิกษุในสายวัดป่าอยู่หลายปีได้มาซื้อที่ดินที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 45 ไร่ ปลูกพืชและผลไม้สายพันธุ์ของต่างประเทศที่ไม่มีใครทำมาก่อนจนผลไม้ขายได้ในราคาสูง หม่อมหลวงรุ่งคุณได้ศึกษาและวิเคราะห์เขียนหนังสือหลายเรื่องเกี่ยวกับอิสราเอล ไว้มากจนเป็นข่าวตอบโต้กับเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยดังนี้ เรียน ท่านเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย นายไซม่อน โรดเด็ด ข้าพเจ้ารับทราบถึงความไม่พอใจของท่านกับบทความของข้าพเจ้า ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่ข้าพเจ้าได้เขียน เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของข้าพเจ้าโดยบริสุทธิ์ใจ อันเป็นสิทธิที่ข้าพเจ้าจะแสดงได้ โดยความเห็นของข้าพเจ้านั้น เป็นไปตามข้อมูลหลักฐานอันมีจริงทางประวัติศาสตร์ที่ได้มีความพยายามในการกลบและบิดเบือน แม้กระนั้น ท่านอาจแปลกใจคิดว่า แล้วไฉนทั้งที่ข้าพเจ้าและประเทศไทยที่ไม่ได้มีส่วนได้เสีย ข้าพเจ้าจึงต้องไปเขียนในเรื่องราวสร้างความบาดหมางให้แก่ท่าน ข้าพเจ้าจึงใคร่ที่จะชี้แจงตรงนี้ว่า ข้าพเจ้าไม่ได้เขียนเพื่อที่จะก่อความบาดหมางให้แก่ท่านหรือแก่ผู้ใด และ เรื่องราวที่ข้าพเจ้าเขียนนั้น มีความเกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าและต่อประเทศไทยอย่างไรบ้าง อย่างแรก 'กลุ่มทุนธนาคารยิว Zionist' ที่ข้าพเจ้าได้กล่าวถึงนั้น ข้าพเจ้ากล่าวถึงคนเพียงกลุ่มหนึ่ง มิใช่ชาวยิวทั้งหมด โดยคำว่า 'Zionist' แม้แต่ชาวยิวแท้ Orthodox Jews ที่ยึดมั่นใน Torah จำนวนมากก็ไม่ได้เห็นด้วยเลย ดังที่พวกเขาได้ออกมาประท้วง ประกาศว่า 'Zionism' ไม่ใช่ 'Judaism' เอง ท่านทูตน่าจะพอทราบอยู่ เพราะใน Israel ก็มีการจับชาวยิวแท้ ที่มีอัธยาศัยดีเหล่านี้ ไปจำคุกอยู่จำนวนหนึ่ง 'ทุนธนาคาร Zionist' ที่ข้าพเจ้าพูดถึง หมายถึงกลุ่มทุนธนาคารที่เป็นผู้มีอำนาจที่สุดในโลก มีอำนาจเหนือรัฐหลายรัฐ รวมถึงมหาอำนาจสหรัฐอเมริกา เขาคุมการเงินโดยกลุ่มของเขาเอง เป็นเจ้าของ Federal Reserve Bank ธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา ที่พิมพ์เงินให้รัฐบาลสหรัฐฯต้องกู้ มิใช่ของประชาชนชาวอเมริกันตามที่ควรจะเป็นแต่อย่างใด กลุ่มทุนธนาคารของเขาเป็นหุ้นใหญ่ในบริษัทยักษ์ใหญ่แทบทั้งสิ้นทั่วโลก รวมถึง 6 บริษัทที่คุม 90% ของสื่อในสหรัฐอเมริกา เขาคุมแหล่งนํ้ามันและก๊าซหลัก ๆ ทั่วโลก และกำลังรุกเพื่อควบคุมผูกขาดอาหารของโลกโดยการผลิต GMO แม้แต่องค์กรโลก เช่น UN ที่ให้กำเนิด World Bank และ IMF ล้วนเป็นองค์กรที่พวกเขาจัดตั้งขึ้น และควบคุมทั้งสิ้น ชื่อตระกูลที่โดดเด่นมีอิทธิพลสูงสุดใน 'ทุนธนาคาร Zionist' นี้ ได้แก่ 'Rothschild' และ 'Rockefeller' ชื่อ 'Rothschild' ท่านทูตย่อมรู้จักเป็นอย่างดี โดยใน 'Independence Hall' ที่ Tel Aviv เมืองหลวงของท่านเอง ก็มีนิทรรศการเอกสารชิ้นสำคัญมากชิ้นหนึ่งเรียกว่า 'The Balfour Declaration' เป็นจดหมายจากรัฐบาลอังกฤษ จ่าหัวถึง 'Lord Rothschild' ใน 1917 แสดงถึงการที่รัฐบาลอังกฤษสนับสนุนให้เกิด บ้านอยู่ (national home) ของชาวยิว ที่ Palestine แก่ 'Lord Rothschild' Baron Edmond (Abraham Benjamin) Rothschild จึงมีสถานะเป็น "the Father of the Settlements" (Avi ha-Yishuv) หรือบิดาแห่งอิสราเอล ใน4บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของโลก หรือ 'The Four Horsemen of Oil' ที่อยู่เบื้องหลังนโยบายการครอบครองน้ำมันของสหรัฐฯ 2 บริษัท คือ BP Amoco และ Royal Dutch/Shell อยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูล Rothschild ที่ถือหุ้นใหญ่ ส่วน อีกสอง Exxon Mobil และ Chevron คือ บริษัทที่มาจาก Standard Oil ของ John D. Rockefeller โดยกรรมการของบริษัทน้ำมันเหล่านี้จำนวนหนึ่ง ไขว้กันเองเป็นใย และไขว้เป็นกรรมการของธนาคารยักษ์ใหญ่ เช่น JP Morgan Chase ของ Rockefeller และ Citigroup, Bank of America, Wells Fargo, N. M. Rothschild & Sons โดยตระกูล Rothschild ควบคุม และมีการเชื่อมโยงถือหุ้นไขว้กันกับกลุ่มทุนนอมินียักษ์ เช่น BlackRock, State Street, Vanguard และ Fidelity ที่ถือหุ้นใหญ่บริษัทยักษ์ใหญ่ แทบทั้งหมดในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ในการสร้างอำนาจเหนือรัฐต่าง ๆ 'ทุนธนาคาร Zionist' เหล่านี้ ได้จัดตั้งองค์กร Front ของเขา เช่น The Bilderberg Group, Council on Foreign Relations (CFR) และ The Trilateral Commission (TC) โดยองค์กรเหล่านี้จะรวมกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' และบรรดาผู้มีอิทธิผล เช่น อดีตประธานาธิบดี บริวารมือขวาของเขา Henry Kissinger นักการเมืองทุกขั้ว ทหาร หัวหน้าหน่วยงานลับ ของประเทศสำคัญในยุโรป และสหรัฐฯ โดยใน Trilateral Commission จะมีสมาชิกเป็นบุคคลสำคัญของประเทศในทวีปเอเชียต่าง ๆ ที่รับใช้พวกเขา 'ทุนธนาคาร Zionist' จึงมีอิทธิพลอำนาจเหนือรัฐ เช่นมหาอำนาจสหรัฐอเมริกา ด้วยความละโมบของพวกเขา ในการล่าอาณานิคมยุคใหม่ โดยกำลังก็ดี โดยวิธีแห่งการให้สินบนแก่ผู้ขายชาติตนเองก็ดี โดยการบีบบังคับด้วยหนี้สินก็ดี โดยการแทรกแซงการเมืองภายในก็ดี 'ทุนธนาคาร Zionist' เหล่านี้ ได้เข้ายึดครองทรัพยากร พลังงาน เศรษฐกิจ และการเงิน ของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ทำให้ประชาชนของประเทศนั้น ๆ ตกเป็นทาสของพวกเขา โดยในประเทศไทยเอง ปรากฏหลักฐานชัดเจนถึงการกระทำ ที่ 'ทุนธนาคาร Zionist' พร้อมการร่วมมือของ 'คนไทย' ที่ได้ขายตัวขายจิตวิญญาณให้พวกเขา ได้ร่วมกระทำ ดังต่อไปนี้ (1) การปล้นโกงน้ำมันและก๊าซ จากประชาชนคนไทย (2) การทำให้ประเทศไทยเป็นหนี้ ตามด้วยการยึดครองเศรษฐกิจการเงิน (3) การชักใยอยู่เบื้องหลังทุกฝ่าย ในการสร้างความแตกแยก ตามยุทธศาสตร์ 'แบ่งแยกแล้วปกครอง' เพื่อการยึดครองประเทศเป็นเมืองขึ้นยิ่งขึ้นไป มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ : (1) การปล้นโกงน้ำมันและก๊าซ จากประชาชนคนไทย โดย 'ทุนธนาคาร Zionist' ทั้งที่ประเทศไทย มีอธิปไตยของตนเอง โดยอธิปไตย นั้นเป็นของปวงชนชาวไทย อันหมายความว่าทรัพยากรของชาตินั้นเป็นของประชาชนคนไทย แต่ปรากฏว่า กฎหมายว่าด้วยน้ำมันและก๊าซ (พ.ร.บ.ปิโตรเลียม 2514) มิได้มีการเขียนขึ้นไม่ว่าจะ 'โดย' ประชาชน หรือ 'เพื่อ' ประชาชน แต่อย่างใด แต่ได้ถูกเขียนขึ้นโดย Walter James Levi สมาชิกทั้ง CFR และ The Trilateral Commission ผู้ทำงานให้รัฐบาลสหรัฐฯ ขั้นขึ้นชื่อว่าเป็น หัวหน้าฝ่ายเศรษฐศาสตร์พลังงานของสหรัฐอเมริกา (the dean of United States oil economists) และ ได้เป็นผู้บริหารบริษัทของตระกูล Rockefeller เองคือ Standard Oil Company of New York หรือ Socony (ปัจจุบันคือ Exxon) คนที่เขียนกฎหมายนี้ของประเทศไทย ไม่ใช่คนไทย แต่คือคนของ 'ทุนธนาคาร Zionist' เนื้อหาของกฎหมายดังกล่าวเอง ก็เป็นไปเพื่อประโยชน์ของ 'ทุนธนาคาร Zionist' โดยมีลักษณะของกฎหมายสำหรับเมืองขึ้นอันไม่เป็นธรรม คือ น้ำมันและก๊าซทั้งหมดเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้รับสัมปทาน การได้สัมปทานเป็นไปโดยไม่มีการประมูลอย่างโปร่งใส ค่าตอบแทนเป็นไปอย่างต่ำ และ ประชาชนคนไทยที่เป็นเจ้าของโดยแท้จริง ไม่สามารถตรวจสอบรับทราบความจริงได้เลย โดยวิธีที่สามารถจะเรียกว่าโปร่งใสได้ ว่าปริมาณทรัพยากรที่มีการขุดไปนั้นมีปริมาณที่แท้จริงมากน้อยเพียงใด ประเทศไทยมีพลังงานมากน้อยแค่ไหนโดยต้องยอมรับตามตัวเลข ที่บริษัทพลังงานต่าง ๆ แจ้งเท่านั้น การปล้นอธิปไตยโดย 'ทุนธนาคาร Zionist' เป็นไปได้ด้วยการข่มขู่ไม่ให้ความร่วมมือ พร้อมการให้สินบนแก่ 'คนไทยที่ขายชาติตัวเอง' ซึ่งจากนั้นมา การรุกครอบครองน้ำมันและก๊าซของประชาชนคนไทย โดยวิธีการดังกล่าวได้ขยายไปเรื่อย ๆ มีการแก้ไขกฎหมายเพิ่มเติม ให้เอื้ออำนวยแก่ผู้รับสัมปทานอย่างล้นพ้นโดยภายหลังจะเห็นได้ชัดเจนถึงผู้เข้ามามีอำนาจในไทย ไม่ว่าขั้วไหน เข้ามาด้วยวิธีใด ได้สานต่อไปในทาง 'ขายชาติตัวเอง' ให้แก่ 'ทุนธนาคาร Zionist' เหล่านี้เพื่อค่าคอมมิสชั่น ถึงขั้นร่วมกันชง ส่งลูกกันข้ามรัฐบาล ยกดินแดนไทยให้กัมพูชา อันส่งผลให้พื้นที่ไทยในทะเลอ่าวไทย 27,000 ตารางกิโลเมตรอันอุดมด้วยน้ำมันและก๊าซที่สุดแห่งหนึ่ง ต้องตกกลายเป็นพื้นที่พิพาท ระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งในพื้นที่นี้ บริษัท Chevron คือบริษัทที่จ่อล็อกจะถือสัมปทานจากทั้ง 2 ประเทศ ในกรณีนี้ที่มีการพิพาทเรื่องพื้นที่ในอ่าวไทย หากไทยและกัมพูชา ให้สัมปทานในพื้นที่นี้ ผู้ที่จะมีอิทธิพลสูงสุดในการครอบครอง ย่อมมิใช่ไทยหรือกัมพูชาอีกทั้งนั้น แต่จะเป็นสหรัฐอเมริกาภายใต้กลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' เพราะสัมปทานจะเป็นของ Chevron โดยเอกฉันท์ ฝ่ายใดที่ให้ประโยชน์แก่สหรัฐฯ สูงสุด สหรัฐฯ ย่อมสนับสนุนฝ่ายนั้น ในปัจจุบัน การถูกปล้นอธิปไตย การตกเป็นอาณานิคมของ 'ทุนธนาคาร Zionist' อย่างเต็มรูปแบบในเรื่องพลังงาน ก็ประจักษ์ชัดเจนอย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยในปัจจุบัน นาย ณรงค์ชัย อัครเศรณี ผู้เข้ามาดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ก่อนเข้ามารับตำแหน่ง ได้เป็นสมาชิก The Trilateral Commission (TC) องค์กรของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' ยาวนานถึง 30 ปี โดยเมื่อเข้ามาแล้ว ก็ไม่รีรอที่จะประกาศผลักดันเปิดสัมปทานในพื้นที่ดังกล่าวอย่างเต็มที่ โดยไม่สนใจ และไม่มีการชี้แจงอันใดเกี่ยวกับการเสียดินแดนของประเทศไทย ทั้งที่มีการคัดค้าน ด้วยประการฉะนี้ การปล้นโกงน้ำมันและก๊าซ โดย 'ทุนธนาคาร Zionist' จึงมิได้ครอบคลุมเพียงแค่น้ำมันและก๊าซอีกต่อไป แต่ได้ขยายไปเป็นการปล้นดินแดนไทย จากประชาชนคนไทย ไปโดยเรียบร้อย (2) การทำให้ประเทศไทยเป็นหนี้ ตามด้วยการยึดครองเศรษฐกิจการเงินของประเทศ การที่เถ้าแก่สามานย์รายใดจะต้องการยึดที่ดินสวย ๆ ของชาวนา วิธีที่เขาจะกระทำคือ ให้ชาวนากู้เงิน ทำให้จ่ายหนี้ไม่ได้ เมื่อจ่ายช้าก็อายัดที่ดินนั้น บังคับขายในราคาต่ำกว่าจริงสิบเท่า แล้วเข้าซื้อเอง วิธีการของ 'ทุนธนาคาร Zionist' ก็เป็นเช่นนั้น ทำให้ประเทศเป็นหนี้ หลังการปล่อยกู้เงินให้แก่ประเทศไทยจำนวนมากให้คน น้อยกว่า 1% อย่างฟุ่มเฟือย George Soros สมาชิกอาวุโส CFR ได้นำกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' มาโจมตีค่าเงินบาท จาก 25 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ กลายเป็น 56 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ เพราะกู้เงินจากต่างชาติมามาก เศรษฐกิจไทยได้เข้าสู่วิกฤต มีการล่มสลายของธุรกิจจำนวนมาก(ในปี 2540 – 2542) ต่อมาก็เป็นไปตามแบบแผนวิธีการของ IMF และ World Bank ที่ 51% เป็นของ US Treasury ควบคุมโดย 'ทุนธนาคาร Zionist' ของ Rothschild ตามขั้นตอนที่ Joseph Stiglitz ผู้เป็นอดีตประธานที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจของ President Bill Clinton อดีตรองประธาน และ Chief Economist ของ World Bank ได้เปิดโปงให้แก่หนังสือ The Observer และ Newsweek หลังมีเอกสารลับหลุดออกมาจาก World Bank คือในการขอความช่วยเหลือทางการเงิน จำต้องเซ็นสัญญา โดยในสัญญาจะตกลงใน (a) Privatization การแปรรูป โดยรัฐจะต้องยินยอมขายสมบัติของชาติเกี่ยวเนื่องกับสิ่งจำเป็น เช่น น้ำ ไฟฟ้า น้ำมันและก๊าซ (b) Capital Market Liberalization การเปิดให้ทุนไหลเข้าออก โดยส่วนใหญ่มักจะไหลออก (c) Market-based pricing การขึ้นราคา อาหาร ไฟฟ้า น้ำมันและก๊าซ โดยอ้างว่าเป็นราคาตลาดโลก (d) Free Trade การค้าเสรี ตามกฎของ WTO และ World Bank Stiglitz ได้ระบุในการสัมภาษณ์อย่างชัดเจนว่า การยินยอมในการตกลงนั้นเกิดขึ้นไม่ยากโดย (ก) World Bank IMF สามารถสั่ง Financial Blockage การกีดกันทางการเงินหากไม่ร่วมมือ และ (ข) นักการเมืองในประเทศนั้น ๆ ยินดีที่จะยกบริษัท น้ำ ไฟฟ้า น้ำมันและก๊าซ ให้โดย 'เขาจะตาโตกันเลย เมือเขานึกถึงค่าคอมมิสชั่นที่เขาจะได้กัน จากการลดราคาเป็นพัน ๆ ล้านในการแปรรูป' โดยเขาจะสามารถใช้ข้ออ้างว่า ถูก World Bank IMF บังคับ แล้วการออกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ ก็ได้ตามมา พร้อมการขายสมบัติชาติแบบล็อกสเปคในราคาที่ต่ำกว่าทุนถึง 5 เท่า ตามด้วยการแปรรูปบริษัทน้ำมัน-ก๊าซของชาติ โดยสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่ว่าจะในกรณี การยกดินแดนให้ต่างชาติ หรือ การแปรรูป จะเกิดขึ้นโดยการร่วมมือของมากกว่าหนึ่งรัฐบาล โดยฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายชง อีกฝ่ายเป็นฝ่ายจัดการ ทั้งนี้ทั้งนั้น เป็นไปเพื่อการสามารถโยนความผิดกันไปมาได้ โดยไม่มีใครผิดเต็ม ๆ โดยในกรณีนี้ แม้ขั้วนักการเมืองกลุ่มที่รับข้อตกลงรับรายละเอียดในการออกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับจาก 'ทุนธนาคาร Zionist' นี้พยายามจะโยนความผิดให้ผู้ริเริ่มการตกลง แต่ก็ปรากฏให้เห็นได้ถึงการตอบแทน เมื่อคนของเขาได้ไปนั่งเป็นผู้อำนวยการใหญ่ WTO โดยการโจมตีค่าเงิน การบีบข่มขู่ การให้สินบนแก่ผู้เข้ามามีอำนาจทุกขั้ว ที่ร่วมกันขายชาติตนเอง 'ทุนธนาคาร Zionist' เช่น JP Morgan Chase, BlackRock, State Street, Vanguard และ Fidelity ได้เข้ามายึดครองควบคุม บริษัทน้ำมันก๊าซ ธนาคาร และ เศรษฐกิจการเงินของประเทศไทย ไปจากคนไทย และยังรุกคืบยิ่ง ณ ปัจจุบัน ตามข่าวการแปรรูปที่ปรากฏอยู่ (3) การชักใยอยู่เบื้องหลัง ในการสร้างความแตกแยก ตามยุทธศาสตร์ 'แบ่งแยกแล้วปกครอง' (Divide and Conquer) เพื่อการยึดครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จ เป็นที่ประจักษ์ว่าไม่ว่าจะขั้วไหน เข้ามาด้วยวิธีใด ที่เข้ามามีอำนาจ ล้วนให้ความร่วมมือกับ 'ทุนธนาคาร Zionist' ในการขายทำลายชาติ โดยมีค่าคอมมิสชั่น ทั้งในทรัพยากรและในการแปรรูป เป็นตัวเชื่อม สามารถควบคุม ชักใยได้ทุกฝ่าย ยุทธศาสตร์ แบ่งแยกแล้วปกครอง เป็นยุทธศาสตร์ที่มีตัวอย่างเห็นได้ในโลกปัจจุบันมากมายในการเข้ายึดครองประเทศต่าง ๆ ของ 'ทุนธนาคาร Zionist' โดยการยุยงให้เหยื่อตีกันเอง บางกรณีให้อาวุธทั้ง 2 ฝ่าย ทำลายภูมิคุ้มกันความสามัคคีของชนชาตินั้น ๆ สร้างความแตกแยก โดยเมื่อมีรอยแตก ก็สามารถจะแทรกเข้าไป ยึดครองประเทศนั้น ๆ ความแตกแยก ปัญหาความขัดแย้งเสื้อสี ที่ปรากฏอยู่ในประเทศไทย ล้วนมีการชักใย มีการสนับสนุน ทั้ง 2 ฝ่ายการเมือง โดยมีกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' เป็นผู้อยู่เบื้องหลังนักการเมืองทั้ง 2 ขั้ว โดยทั้ง 2 ขั้ว นั้นล้วนมีผลประโยชน์ในเรื่องคอมมิสชั่น จากกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' และถูกชักใยให้ปลุกปั่นประชาชน ให้มาตีกันเองโดยการรู้ไม่เท่าทันของประชาชน ว่าโดยแท้จริงแล้ว นักการเมืองและผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะขั้วไหน เข้ามาด้วยวิธีใด ล้วนให้ความร่วมมือ ขายชาติตนเองแก่ 'ทุนธนาคาร Zionist' ทั้งสิ้น หลักฐานปรากฏชัดเจนว่าสมาชิก CFR ของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' อาทิ (a) Robert Blackville สมาชิก CFR มือขวาการต่างประเทศของ Henry Kissinger จาก Barbour Griffif & Rogers (CFR) (b) Keneth Adelman สมาชิก CFR อดีตทูต UN ของสหรัฐ จาก Baker & Botts Robert (CFR) (c) Robert Amsterdam จาก Amsterdam & Peroff (Chatham House) ได้ทำหน้าที่เป็น lobbyist ให้อดีตนักการเมืองที่หลบอยู่ที่ Dubai และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังขบวนการเสื้อแดง และองค์กร NED ได้ให้เงินสนับสนุน Website ของเสื้อแดงจำนวนมาก โดยต้องเป็นที่กล่าวว่า นักการเมืองไทยที่หลบหนีอยู่ที่ Dubai นั้น โดยแท้จริงแล้วเป็นเพียงหุ่นเชิด ที่ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' ชักใยอยู่เบื้องหลัง ซึ่งโดยลำพังเขาไม่สามารถที่จะทำเองได้เลย (นั่นคือทักษิณ ชินวัตร) ส่วนนักการเมืองผู้เข้ามามีอำนาจ ฝ่ายอื่น ๆ ที่โหน อ้าง ปกป้อง สถาบันสำคัญ ๆ ฝ่ายนี้ โดยการขายตัวขายชาติ การปรารถนาได้ค่าคอมมิสชั่น ทั้งในน้ำมันก๊าซ และในการแปรรูป เป็นตัวเชื่อม ก็ไม่พ้นการอยู่ภายใต้อำนาจการชักใยของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' ที่เป็นผู้กำกับการแสดง จูงทั้งสองสามฝ่าย ให้ชงและส่งลูกให้กัน เสี้ยมให้ชาติ ล่มสลาย เพื่อการปล้นยึดครองอย่างเบ็ดเสร็จ ในระหว่างที่สหรัฐ แขนขวาของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' สนับสนุนฝ่ายหนึ่ง แขนซ้าย ก็ทำตัวเข้าสนับสนุนอีกฝ่าย ข้าพเจ้าจึงจะประกาศ ณ ที่นี้ว่าข้าพเจ้ามิได้รังเกียจประชาชนของชนชาติใด จะเป็นชาวอเมริกันหรือชาวยิวหรือชาติใด ๆ ทั้งสิ้น แต่สิ่งที่ข้าพเจ้ารังเกียจ คือพฤติกรรม เอาเปรียบ เบียดเบียน แทรกแซง ปล้นทั้งทรัพยากรและดินแดน ทำลายชาติอื่น ที่ 'ทุนธนาคาร Zionist' นี้ได้กระทำทั่วโลก ดังนั้น กับคำกล่าวของท่านว่าข้าพเจ้าเหยียดชนชาติ เมื่อความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นข้าพเจ้าจึงไม่เดือดร้อนใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ว่าในโลกปัจจุบัน เท่าที่ข้าพเจ้าทราบ ข้าพเจ้าไม่เห็นว่าจะมีค่ายนักโทษอันใดที่กระทำความทารุณโหดร้ายเท่ากับที่สถานที่ชื่อ Gaza และในเมื่อประเทศของท่านเองยังกระทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาว Palestine อย่างที่กระทำอยู่ ท่านยังจะกล้าบังอาจเรียกผู้ใดว่าเหยียดชนชาติได้เสียอย่างไร จะเรียกใครว่าอย่างไรท่านจงมองตัวเองบ้างเสียเถิด ท่านจงสำเหนียกเสียบ้างเถิดว่า พฤติกรรมร้องทำจะเป็นจะตายว่าพวกตนถูกทำร้าย ทั้งที่พวกตนนั่นแหละคือผู้ที่กระทำชำเราเขาไปทั่ว ท่านคิดว่าอย่างไร พฤติกรรมนี้เป็นพฤติกรรมที่น่าสมเพชหรือไม่ ไม่ว่าจะประชาชนชนชาติใด เขาก็ย่อมปรารถนาความสงบสุข เขาย่อมปรารถนาอธิปไตยในชาติของเขาเอง เขาย่อมปรารถนาที่จะตัดสินอนาคตเขาเอง เขาย่อมปรารถนาว่าทรัพยากรของเขาจะถูกนำมาใช้เพื่อประโยชน์ของเขาด้วยความเป็นธรรม เขาย่อมไม่ต้องการให้ใครมาเอาดินแดนของเขาไป แต่ในประเทศไทย ด้วยการชักใย การซื้อคนไทยที่ขายชาติตนเองทุกขั้ว การซื้อสื่อ การปลุกปั้นโดย 'ทุนธนาคาร Zionist' เป็นอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น ผลคือ คนไทย แทนที่จะรักใครสามัคคีกัน แทนที่จะได้รับผลประโยชน์จากสมบัติอันมีค่าของเขา แทนที่จะมีรัฐสวัสดิการ การรักษาพยาบาล การศึกษา ที่มีคุณภาพ แทนที่จะมีชีวิตที่มีคุณภาพความสุขที่พวกเขาควรได้รับ เขากลับต้องมาเกลียดชังกันเอง ทะเลาะสู้กันเอง เขากลับต้องมาเป็นทาสของ 'ทุนธนาคาร Zionist' ต้องมาเป็นทาสที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายสู้กันเอง แทนที่จะสามัคคีกันเพื่อปลดปล่อยพวกตนจากความเป็นทาส เพราะความไม่รู้เท่าทัน เพราะการหลอกลวงโดยนักการเมือง ผู้เข้ามามีอำนาจที่หิวโหย ที่ล้วนทำเพื่อตนเอง โดยรับใช้ ถูกชักใยจากนายคนเดียวกันคือ 'ทุนธนาคาร Zionist' ทั้งนั้น ข้าพเจ้าจึงมีความจำเป็นที่จะเปิดเผยความจริง ความจริงโดยรอบด้าน และความจริงที่จริงที่สุด โดย เมื่อประชาชนชาวไทยตื่นรู้กับความจริง การเป็นทาสที่ถูกหลอกให้สู้กันเองย่อมหมดไป ความสามัคคีย่อมกลับมา โดยสิ่งนี้สิ่งเดียว คือ การตื่นรู้เท่านั้น ที่จะทำให้ชนชาติไทยรอดพ้นภัยไปได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น มิใช่ว่าประชาชนชาวไทยจะต้องไปเป็นศัตรูกับใคร การตบมือข้างเดียวย่อมไม่ดังฉันใด และ เมื่อคนไทยตื่นรู้เลิกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเป็นหนึ่งอันเดียวกัน รวมกันปราบปรามเหล่าคนไทยที่ขายชาติตนเองทั้งหลายแล้ว ประเทศและประชาชนชาวไทยย่อมพ้นจากการเป็นอาณานิคม พ้นจากการเป็นเป็นทาส ไม่ว่าจะเป็น ทาสของ 'ทุนธนาคาร Zionist' หรือ กลุ่มทุนอื่นใด จึงเรียนมาเพื่อทราบ ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร
    0 Comments 0 Shares 561 Views 0 Reviews
  • ประตูเปิดทางทิศเหนือ

    เดือนนี้ ต้องหนักแน่นอย่าหูเบา มีโอกาสตื่นเต้นตกใจจากข่าวลือ หรือเป็นเพราะการได้ยินที่ผิดพลาดทำให้เกิดการเข้าใจผิด ความลับในองค์กรจะถูกเปิดเผยให้รั่วไหล จะเกิดการทรยศหักหลัง ทั้งศัตรูคู่แข่งขันจะคอยจ้องทำร้าย ลูกหลานบริวารไม่ยอมปฏิบัติเชื่อฟัง รวมทั้งกระทำการนอกกฎระเบียบจะถูกตัดสิทธิ์ริบเงินมัดจำ เลี้ยงสุนัขอาจจะแวงกัดจนเกิดเป็นโรคร้ายให้ต้องเสียทรัพย์เพื่อรักษาพยาบาล ชายที่ชอบเที่ยวเตร่ระวังจะเป็นโรคเลือด เดินทางไปที่ๆชื้นแฉะและมืดมิดจะเกิดอุบัติเหตุลื่นหกล้มได้รับบาดเจ็บเลือดตกยางออกได้ รวมทั้งเดินทางไกลควรระมัดระวังภัยธรรมชาติด้วย
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ประตูเปิดทางทิศเหนือ เดือนนี้ ต้องหนักแน่นอย่าหูเบา มีโอกาสตื่นเต้นตกใจจากข่าวลือ หรือเป็นเพราะการได้ยินที่ผิดพลาดทำให้เกิดการเข้าใจผิด ความลับในองค์กรจะถูกเปิดเผยให้รั่วไหล จะเกิดการทรยศหักหลัง ทั้งศัตรูคู่แข่งขันจะคอยจ้องทำร้าย ลูกหลานบริวารไม่ยอมปฏิบัติเชื่อฟัง รวมทั้งกระทำการนอกกฎระเบียบจะถูกตัดสิทธิ์ริบเงินมัดจำ เลี้ยงสุนัขอาจจะแวงกัดจนเกิดเป็นโรคร้ายให้ต้องเสียทรัพย์เพื่อรักษาพยาบาล ชายที่ชอบเที่ยวเตร่ระวังจะเป็นโรคเลือด เดินทางไปที่ๆชื้นแฉะและมืดมิดจะเกิดอุบัติเหตุลื่นหกล้มได้รับบาดเจ็บเลือดตกยางออกได้ รวมทั้งเดินทางไกลควรระมัดระวังภัยธรรมชาติด้วย ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ 🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 Comments 0 Shares 220 Views 0 Reviews

  • เบอร์โทรศัพท์ ทางโหราศาสตร์เปรียบเทียบ เป็นบริวารที่เกื้อหนุน เป็นเหมือนล่าม เหมือนทูต คนกลาง ที่ทำหน้าที่ เจรจา รับส่งสาร บอกกล่าวเจตนา ภาพลักษณ์รวม ๆ ของผู้ครอบครอง เบอร์โทรศัพท์ในทางเลขศาสตร์ก็เป็นเลขประจำตัว ...เพราะอยู่ติดตัวแทบจะตลอดเวลา..ซึ่งสามารถทำนายลักษณะอุปนิสันใจคอ พื้นดวงได้ และส่งผลให้ได้ทั้งคุณและโทษกับผู้ครอบครองหรือผู้เกี่ยวข้องโดยตรง ผลรวมเลขแต่ละตัว จะมีข้อดี บางเลขเหมาะสำหรับการบางอย่างหรือหลายอย่าง การเลือกใช้ให้พิจารณาตามอาชีพ หน้าที่ที่มอบหมาย วัตถุประสงค์ใช้งานเป็นหลักเช่นกัน ..ดูความหมายจากบทความก่อนหน้า....
    ...และเลขโทรศัพท์เป็นสิ่งนึงที่เรากำหนดและแก้ไขเองได้ ไม่เหมือนเลขบัตร เลขวันเกิด เลขที่บ้าน...ที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ..จึงต้องหาพลังของตัวเลขที่อยู่รอบๆตัวเราในลักษณะอื่นมาช่วย...
    เบอร์โทรศัพท์ ทางโหราศาสตร์เปรียบเทียบ เป็นบริวารที่เกื้อหนุน เป็นเหมือนล่าม เหมือนทูต คนกลาง ที่ทำหน้าที่ เจรจา รับส่งสาร บอกกล่าวเจตนา ภาพลักษณ์รวม ๆ ของผู้ครอบครอง เบอร์โทรศัพท์ในทางเลขศาสตร์ก็เป็นเลขประจำตัว ...เพราะอยู่ติดตัวแทบจะตลอดเวลา..ซึ่งสามารถทำนายลักษณะอุปนิสันใจคอ พื้นดวงได้ และส่งผลให้ได้ทั้งคุณและโทษกับผู้ครอบครองหรือผู้เกี่ยวข้องโดยตรง ผลรวมเลขแต่ละตัว จะมีข้อดี บางเลขเหมาะสำหรับการบางอย่างหรือหลายอย่าง การเลือกใช้ให้พิจารณาตามอาชีพ หน้าที่ที่มอบหมาย วัตถุประสงค์ใช้งานเป็นหลักเช่นกัน ..ดูความหมายจากบทความก่อนหน้า.... ...และเลขโทรศัพท์เป็นสิ่งนึงที่เรากำหนดและแก้ไขเองได้ ไม่เหมือนเลขบัตร เลขวันเกิด เลขที่บ้าน...ที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ..จึงต้องหาพลังของตัวเลขที่อยู่รอบๆตัวเราในลักษณะอื่นมาช่วย...
    0 Comments 0 Shares 76 Views 0 Reviews

  • รถ หรือ พาหนะ ในทางโหราศาสตร์ก็คือ บริวารแบบหนึ่ง ในวิถีชิวิตของบุคคลการทำอะไรมักไม่ได้ทำเองทั้งหมด จะมีบริวาร ให้การช่วยเหลือในเรื่องต่าง ๆ เสมอ ๆ การเลือกบริวาร เพื่อให้เกิดความเป็นศิริมงคล ให้มีความคล่องตัว เรียกง่ายใช้คล่อง งานมีความราบรื่น ไม่มีปัญหาอุปสรรค สำเร็จตามวัตถุประสงค์ หากเลือกได้ ก็ควรเลือกบริวารที่ถูกโฉลก ตามหลักโหราศาสตร์ เพื่อส่งเสริมเกื้อหนุนผู้ครอบครองหรือผู้ดูแล

    สำหรับรถ นอกจาก สีรถถูกโฉลก แล้ว ป้ายทะเบียนซึ่งเป็นเลขประจำตัวหรือชื่อรถ ก็มีความสำคัญ บอกภาพรวมชะตาของรถว่าเป็นอย่างไร เมื่อเอามาใช้ในงานต่าง ๆ นั้น ๆ จะดีหรือไม่ มีความคล่องตัวหรือเกิดปัญหาเรื่องใดบ้าง ซึ่งจะส่งผลโดยตรงกับ ผู้ครอบครองหรือผู้ดูแล เลขทุกตัว 0-9 ล้วนมีข้อดี แตกต่างกันไป เพียงแต่บางเลขอาจเหมาะสำหรับการบางอย่างหรือหลายอย่าง หรือบางคน ควรพิจารณาเลือกตามอาชีพ ลักษณะใช้งานเป็นหลัก หรืออาชีพผู้ครอบครอง ..ย้อนไปดูความหมายแต่ละเลข และผลรวมในบทความก่อนๆ.
    รถ หรือ พาหนะ ในทางโหราศาสตร์ก็คือ บริวารแบบหนึ่ง ในวิถีชิวิตของบุคคลการทำอะไรมักไม่ได้ทำเองทั้งหมด จะมีบริวาร ให้การช่วยเหลือในเรื่องต่าง ๆ เสมอ ๆ การเลือกบริวาร เพื่อให้เกิดความเป็นศิริมงคล ให้มีความคล่องตัว เรียกง่ายใช้คล่อง งานมีความราบรื่น ไม่มีปัญหาอุปสรรค สำเร็จตามวัตถุประสงค์ หากเลือกได้ ก็ควรเลือกบริวารที่ถูกโฉลก ตามหลักโหราศาสตร์ เพื่อส่งเสริมเกื้อหนุนผู้ครอบครองหรือผู้ดูแล สำหรับรถ นอกจาก สีรถถูกโฉลก แล้ว ป้ายทะเบียนซึ่งเป็นเลขประจำตัวหรือชื่อรถ ก็มีความสำคัญ บอกภาพรวมชะตาของรถว่าเป็นอย่างไร เมื่อเอามาใช้ในงานต่าง ๆ นั้น ๆ จะดีหรือไม่ มีความคล่องตัวหรือเกิดปัญหาเรื่องใดบ้าง ซึ่งจะส่งผลโดยตรงกับ ผู้ครอบครองหรือผู้ดูแล เลขทุกตัว 0-9 ล้วนมีข้อดี แตกต่างกันไป เพียงแต่บางเลขอาจเหมาะสำหรับการบางอย่างหรือหลายอย่าง หรือบางคน ควรพิจารณาเลือกตามอาชีพ ลักษณะใช้งานเป็นหลัก หรืออาชีพผู้ครอบครอง ..ย้อนไปดูความหมายแต่ละเลข และผลรวมในบทความก่อนๆ.
    0 Comments 0 Shares 63 Views 0 Reviews
  • ส่วนของงานกฐินนั้น ที่สำคัญอีกอย่างก็คือผู้ครองผ้ากฐิน ถ้าว่ากันโดยพระธรรมวินัยแล้ว ท่านให้บุคคลที่มีจีวรเก่าที่สุดในวัดได้ผ้านั้นไป แต่ว่าระยะหลัง ส่วนใหญ่เจ้าอาวาสมักจะเป็นผู้ครองผ้ากฐิน

    เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ บางท่านถือว่าผู้ครองกฐินจึงมีสิทธิ์ที่จะรับบริวารกฐินทั้งหมด ผู้อื่นไม่มีสิทธิ์รับ เจ้าอาวาสก็เลยมักจะครองกฐินเสียเอง แต่ความจริงแล้วเป็นการเข้าใจผิด เพราะว่าบางวัดมีพระไม่ครบ ๕ รูป ไม่สามารถที่จะรับกฐินได้ ต้องไปยืมพระวัดอื่นมา

    การไปยืมพระวัดอื่นมานั้น พระวัดอื่นที่มานั้น ไม่มีสิทธิ์ไม่มีส่วนในกฐินนั้นทั้งสิ้น ให้เฉพาะบุคคลที่จำพรรษาในวัดนั้นเท่านั้น ดังนั้น...จึงมีการเข้าใจผิดกันว่า ถ้าไม่ครองกฐินแล้วจะไม่มีโอกาสได้รับบริวารกฐิน ซึ่งก็คือไม่มีสิทธิ์รับเงิน ก็ขอให้เข้าใจให้ถูกเสียใหม่

    สำหรับวัดท่าขนุนของเรานั้น ครองกฐินกันไปตามอายุพรรษา ก็คือถ้าปีนี้ไปถึงใคร ปีหน้าท่านถัดไปก็จะรู้เองว่าถึงคิวของตนเองครองกฐินแล้ว สำหรับผู้ครองกฐินนั้นต้องรับภาระหนัก เพราะว่าต้องเป็นผู้รักษาผ้าครองแทนพระทั้งวัด ในเมื่อเป็นผู้รักษาผ้าครองแทนพระทั้งวัด บุคคลที่ได้อานิสงส์กฐินสามารถผ่อนคลายสิกขาบทได้หลายข้อ พูดง่าย ๆ ก็คือ ละเว้นให้ไม่ต้องรักษาศีลหลายข้อ อย่างเช่นว่าการเที่ยวไปโดยไม่ต้องบอกลา ซึ่งปกติแล้ววัดท่าขนุนของเราไม่ยอมให้ไปโดยไม่ต้องบอกลา ออกจากวัดไปไหนจะต้องลาทุกคน อานิสงส์กฐินข้อนี้จึงไม่มีประโยชน์สำหรับพระวัดท่าขนุน

    สามารถฉันคณะโภชนาได้ ก็คือโดยปกติแล้ว ถ้าญาติโยมบอกว่านำอาหารอะไรมาถวายพระ พระไม่สามารถที่จะฉันรวมกันตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไปได้ เพราะว่าเป็นการผิดพระวินัย สาเหตุมาจากสมัยพุทธกาล เมื่อมหาเศรษฐีท่านบอกว่าจะถวายภัตตาหารอะไร พอเป็นอาหารที่ประณีต มีรสดี บรรดาพระก็แห่กันไปจนเขาเลี้ยงไม่ไหว พระพุทธเจ้าจึงต้องตรัสห้ามไว้ว่า ถ้าเป็นอาหารที่เจ้าภาพออกชื่อ ให้ฉันได้ไม่เกิน ๓ รูปเท่านั้น ถ้าถึงรูปที่ ๔ ขึ้นไปเรียกว่าคณะ ถ้าฉันคณะโภชนาแบบนั้น โดนปรับอาบัติทุกคำที่กลืนลงไป ก็แปลว่าศีลขาดทุกคำที่กลืน แต่หากว่ารับกฐินแล้วสามารถฉันคณะโภชนาได้

    ลำดับต่อไป คือ ฉันปรัมปรโภชนาได้ คำว่า ปรัมประ ก็คือฉันจากที่หนึ่งแล้วไปฉันอีกที่หนึ่ง ซึ่งโดยปกติแล้วที่พระพุทธเจ้าทรงห้ามไว้ เพราะเกรงว่าจะฉันได้น้อย บางทีเจ้าภาพเขาก็เสียใจ แต่เรื่องนี้ไม่ต้องมาใช้กับอาตมา เพราะว่าฉันน้อยเป็นปกติอยู่แล้ว

    ข้อต่อไปท่านบอกว่า ไปไหนไม่ต้องเอาจีวรไปครบสำรับ เพราะว่ามีผู้ครองกฐินรักษาผ้าแทนเราแล้ว

    ข้อสุดท้าย ก็คือ จีวรที่เกิดขึ้นไม่ต้องทำวิกัปเป็น ๒ เจ้าของ สามารถที่จะใช้เป็นของตนเองได้เลย

    ในเมื่ออานิสงส์กฐินสามารถผ่อนคลายสิกขาบทได้หลายข้อ แต่ผู้ที่ครองกฐินจะไม่ได้อานิสงส์นี้ เพราะว่าต้องรักษาผ้ากฐินแทนผู้อื่นทั้งวัด ถ้าทำผ้าขาดครองก็ทำให้ขาดอานิสงส์กฐินทั้งวัดเหมือนกัน

    ดังนั้น...ในส่วนของผู้ครองกฐินจึงสำคัญมาก เพราะว่าห้ามเผลออย่างเด็ดขาด และอานิสงส์กฐินนี้จะมีแค่กลางเดือน ๔ เท่านั้น ถ้าท่านจำพรรษาแล้วไม่ได้รับกฐิน ได้รับอานิสงส์ ๑ เดือน ก็คือตั้งแต่แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึงกลางเดือน ๑๒ ถ้าจำพรรษาแล้วได้รับกฐิน ท่านขยายเวลาให้ถึงกลางเดือน ๔ ก็คือเพิ่มขึ้นมาอีก ๔ เดือน แต่อาตมาไม่เคยใช้อานิสงส์กฐิน เพราะว่าอานิสงส์กฐินนั้น ถ้าเผลอเราจะมักง่าย ไปไหนเอาจีวรไปครบไตรก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสจนเกินไป จีวรชุดหนึ่งก็ใช้ได้หลายปี

    ขณะเดียวกันเรื่องของคณะโภชนา ปรัมปรโภชนานั้น ถ้าเราเผลอตัวเมื่อไร เกินกลางเดือน ๔ ไปก็จะโดนอาบัติ การไปไหนปกติก็ต้องบอกอยู่แล้วว่าไปไหน เพื่อที่เจ้าอาวาสหรือเพื่อนฝูงจะได้รู้ มีอะไรเร่งด่วนจะได้ตามตัวกันได้

    เมื่อเป็นเช่นนั้น อาตมาบวชมา ๓๐ กว่าปีไม่เคยใช้อานิสงส์กฐินเลย พูดง่าย ๆ ว่าไม่ต้องรอให้กฐินเดาะ แต่เป็นคนเดาะกฐินเสียเอง แต่ว่าในส่วนอื่น บุคคลอื่น โดยเฉพาะพระอื่น ๆ ในวัดท่าขนุน อาตมาไม่ได้บังคับ ใครจะใช้อานิสงส์กฐินก็อย่าเผลอ ถ้าใครไม่ใช้อานิสงส์กฐินก็ขออนุโมทนาด้วย เนื่องเพราะว่าในเรื่องของศีลพระนั้น ไม่มีอะไรน่าหนักใจ ๒๒๗ ข้อก็สามารถรักษาได้ ทำไมต้องไปผ่อนใน ๔ - ๕ ข้อเหล่านั้น

    ในเรื่องของการขอกฐิน วัดท่าขนุนจะไม่มีเรื่องนี้ เนื่องเพราะว่าอาตมาจะตั้งกองกฐินขึ้นมาเอง หลังจากนั้นญาติโยมก็มาสมทบ ร่วมเป็นเจ้าภาพกฐินสามัคคีเท่านั้น เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว ถ้ามีวัดใดมาขอกฐิน ญาติโยมจะเป็นเจ้าภาพจะเป็นอะไรก็ตาม ให้รู้ว่าบุญกฐินนั้นโยมได้ไปเต็ม ๆ แต่อานิสงส์กฐินสำหรับพระไม่มีใครได้เลย เพราะว่าในพระวินัยท่านห้ามขอกฐิน

    ญาติโยมที่อยากจะเป็นเจ้าภาพกฐิน ให้ไปปวารณาตนแจ้งต่อเจ้าอาวาสวัดใดวัดหนึ่งที่เราจะเอากฐินไปทอด ว่าเราขอเป็นเจ้าภาพทอดกฐิน ถ้าอย่างนั้นพระในวัดท่านถึงจะได้อานิสงส์กฐินไปเต็ม ๆ

    ในส่วนของการที่พระไปขอจากญาติโยม ก็คาดว่าเกิดจาก ๒ สาเหตุด้วยกัน
    สาเหตุแรก ก็คือ ไม่รู้ว่าในพระบาลีท่านห้ามขอกฐิน
    อย่างที่ ๒ ก็คือ แกล้งไม่รู้ เพราะว่าอยากได้กฐิน เนื่องจากว่าเจ้าภาพหลายรายมาปวารณากฐินกับอาตมาแล้วถามว่า ต้องการยอดปัจจัยเท่าไร ซึ่งถ้าเป็นวัดอื่น ๆ ก็อาจจะมีการบอกว่าเท่านั้นแสน เท่านี้ล้าน แต่สำหรับวัดท่าขนุน มีโยมถามอยู่ ๒ ปี ปีแรกที่ถาม อาตมาบอกว่าเอามา ๑๖ บาท เป็นเลขมงคลโสฬสสวยดี ปีถัดมาถามอีก บอกว่าเอามา ๙ บาทก็แล้วกัน ก็เป็นอันว่าจบกันแค่นั้น เนื่องจากว่ากฐินอยู่ที่ศรัทธาของโยม ไม่ใช่ว่าพระไปตั้งยอด แล้วให้โยมตะเกียกตะกายหามาด้วยความยากลำบาก

    เรื่องของพระธรรมวินัยแล้ว ส่วนใหญ่พระเณรสมัยนี้ไม่ค่อยที่จะเข้มงวดกัน อาจจะเป็นเพราะว่าพระอุปัชฌาย์อาจารย์ของท่านไม่ได้สั่งสอนไว้ ไม่ได้อบรมไว้ หรือไม่ก็ความที่อยากได้ยอดปัจจัยกฐินมาก ๆ ก็เลยต้องไปเที่ยวขอกฐินจากญาติโยมหลาย ๆ คน เพื่อให้มารวมกันทอด

    ในส่วนของกฐิน ขอย้ำอีกครั้งว่า อานิสงส์กฐิน สำคัญที่สุดตรงผ้าไตร จะเป็นผืนเดียว หรือครบไตรก็ตาม ถ้าไม่มีผ้าไตรก็ไม่เป็นกฐิน ถ้ามีผ้าไตรแล้วบริวารกฐินอื่นไม่จำเป็นต้องมีก็ได้

    เมื่อญาติโยมทราบแล้วจะได้รู้ว่า ในเรื่องของกฐินแต่โบราณมานั้น เขาเน้นกันเรื่องผ้าไตรครองสำหรับพระ แต่ปัจจุบันนี้ผิดเพี้ยนไป กลายเป็นว่าวัดไหนทำยอดเงินได้มาก ก็ถือว่าได้บุญมาก อย่าลืมว่าเงินเป็นแค่บริวารกฐินเท่านั้น ตัวบุญกฐินเต็ม ๆ อยู่ที่ผ้าไตรต่างหาก

    เมื่อญาติโยมได้ทราบในเรื่องของกฐิน ตลอดกระทั่งแบบธรรมเนียมในการปวารณาเป็นเจ้าภาพกฐิน หรือว่าในการถวายกฐินแล้ว ต่อไปก็จะได้ปฏิบัติกันได้ถูกต้อง
    ...................................
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com
    ส่วนของงานกฐินนั้น ที่สำคัญอีกอย่างก็คือผู้ครองผ้ากฐิน ถ้าว่ากันโดยพระธรรมวินัยแล้ว ท่านให้บุคคลที่มีจีวรเก่าที่สุดในวัดได้ผ้านั้นไป แต่ว่าระยะหลัง ส่วนใหญ่เจ้าอาวาสมักจะเป็นผู้ครองผ้ากฐิน เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ บางท่านถือว่าผู้ครองกฐินจึงมีสิทธิ์ที่จะรับบริวารกฐินทั้งหมด ผู้อื่นไม่มีสิทธิ์รับ เจ้าอาวาสก็เลยมักจะครองกฐินเสียเอง แต่ความจริงแล้วเป็นการเข้าใจผิด เพราะว่าบางวัดมีพระไม่ครบ ๕ รูป ไม่สามารถที่จะรับกฐินได้ ต้องไปยืมพระวัดอื่นมา การไปยืมพระวัดอื่นมานั้น พระวัดอื่นที่มานั้น ไม่มีสิทธิ์ไม่มีส่วนในกฐินนั้นทั้งสิ้น ให้เฉพาะบุคคลที่จำพรรษาในวัดนั้นเท่านั้น ดังนั้น...จึงมีการเข้าใจผิดกันว่า ถ้าไม่ครองกฐินแล้วจะไม่มีโอกาสได้รับบริวารกฐิน ซึ่งก็คือไม่มีสิทธิ์รับเงิน ก็ขอให้เข้าใจให้ถูกเสียใหม่ สำหรับวัดท่าขนุนของเรานั้น ครองกฐินกันไปตามอายุพรรษา ก็คือถ้าปีนี้ไปถึงใคร ปีหน้าท่านถัดไปก็จะรู้เองว่าถึงคิวของตนเองครองกฐินแล้ว สำหรับผู้ครองกฐินนั้นต้องรับภาระหนัก เพราะว่าต้องเป็นผู้รักษาผ้าครองแทนพระทั้งวัด ในเมื่อเป็นผู้รักษาผ้าครองแทนพระทั้งวัด บุคคลที่ได้อานิสงส์กฐินสามารถผ่อนคลายสิกขาบทได้หลายข้อ พูดง่าย ๆ ก็คือ ละเว้นให้ไม่ต้องรักษาศีลหลายข้อ อย่างเช่นว่าการเที่ยวไปโดยไม่ต้องบอกลา ซึ่งปกติแล้ววัดท่าขนุนของเราไม่ยอมให้ไปโดยไม่ต้องบอกลา ออกจากวัดไปไหนจะต้องลาทุกคน อานิสงส์กฐินข้อนี้จึงไม่มีประโยชน์สำหรับพระวัดท่าขนุน สามารถฉันคณะโภชนาได้ ก็คือโดยปกติแล้ว ถ้าญาติโยมบอกว่านำอาหารอะไรมาถวายพระ พระไม่สามารถที่จะฉันรวมกันตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไปได้ เพราะว่าเป็นการผิดพระวินัย สาเหตุมาจากสมัยพุทธกาล เมื่อมหาเศรษฐีท่านบอกว่าจะถวายภัตตาหารอะไร พอเป็นอาหารที่ประณีต มีรสดี บรรดาพระก็แห่กันไปจนเขาเลี้ยงไม่ไหว พระพุทธเจ้าจึงต้องตรัสห้ามไว้ว่า ถ้าเป็นอาหารที่เจ้าภาพออกชื่อ ให้ฉันได้ไม่เกิน ๓ รูปเท่านั้น ถ้าถึงรูปที่ ๔ ขึ้นไปเรียกว่าคณะ ถ้าฉันคณะโภชนาแบบนั้น โดนปรับอาบัติทุกคำที่กลืนลงไป ก็แปลว่าศีลขาดทุกคำที่กลืน แต่หากว่ารับกฐินแล้วสามารถฉันคณะโภชนาได้ ลำดับต่อไป คือ ฉันปรัมปรโภชนาได้ คำว่า ปรัมประ ก็คือฉันจากที่หนึ่งแล้วไปฉันอีกที่หนึ่ง ซึ่งโดยปกติแล้วที่พระพุทธเจ้าทรงห้ามไว้ เพราะเกรงว่าจะฉันได้น้อย บางทีเจ้าภาพเขาก็เสียใจ แต่เรื่องนี้ไม่ต้องมาใช้กับอาตมา เพราะว่าฉันน้อยเป็นปกติอยู่แล้ว ข้อต่อไปท่านบอกว่า ไปไหนไม่ต้องเอาจีวรไปครบสำรับ เพราะว่ามีผู้ครองกฐินรักษาผ้าแทนเราแล้ว ข้อสุดท้าย ก็คือ จีวรที่เกิดขึ้นไม่ต้องทำวิกัปเป็น ๒ เจ้าของ สามารถที่จะใช้เป็นของตนเองได้เลย ในเมื่ออานิสงส์กฐินสามารถผ่อนคลายสิกขาบทได้หลายข้อ แต่ผู้ที่ครองกฐินจะไม่ได้อานิสงส์นี้ เพราะว่าต้องรักษาผ้ากฐินแทนผู้อื่นทั้งวัด ถ้าทำผ้าขาดครองก็ทำให้ขาดอานิสงส์กฐินทั้งวัดเหมือนกัน ดังนั้น...ในส่วนของผู้ครองกฐินจึงสำคัญมาก เพราะว่าห้ามเผลออย่างเด็ดขาด และอานิสงส์กฐินนี้จะมีแค่กลางเดือน ๔ เท่านั้น ถ้าท่านจำพรรษาแล้วไม่ได้รับกฐิน ได้รับอานิสงส์ ๑ เดือน ก็คือตั้งแต่แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึงกลางเดือน ๑๒ ถ้าจำพรรษาแล้วได้รับกฐิน ท่านขยายเวลาให้ถึงกลางเดือน ๔ ก็คือเพิ่มขึ้นมาอีก ๔ เดือน แต่อาตมาไม่เคยใช้อานิสงส์กฐิน เพราะว่าอานิสงส์กฐินนั้น ถ้าเผลอเราจะมักง่าย ไปไหนเอาจีวรไปครบไตรก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสจนเกินไป จีวรชุดหนึ่งก็ใช้ได้หลายปี ขณะเดียวกันเรื่องของคณะโภชนา ปรัมปรโภชนานั้น ถ้าเราเผลอตัวเมื่อไร เกินกลางเดือน ๔ ไปก็จะโดนอาบัติ การไปไหนปกติก็ต้องบอกอยู่แล้วว่าไปไหน เพื่อที่เจ้าอาวาสหรือเพื่อนฝูงจะได้รู้ มีอะไรเร่งด่วนจะได้ตามตัวกันได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น อาตมาบวชมา ๓๐ กว่าปีไม่เคยใช้อานิสงส์กฐินเลย พูดง่าย ๆ ว่าไม่ต้องรอให้กฐินเดาะ แต่เป็นคนเดาะกฐินเสียเอง แต่ว่าในส่วนอื่น บุคคลอื่น โดยเฉพาะพระอื่น ๆ ในวัดท่าขนุน อาตมาไม่ได้บังคับ ใครจะใช้อานิสงส์กฐินก็อย่าเผลอ ถ้าใครไม่ใช้อานิสงส์กฐินก็ขออนุโมทนาด้วย เนื่องเพราะว่าในเรื่องของศีลพระนั้น ไม่มีอะไรน่าหนักใจ ๒๒๗ ข้อก็สามารถรักษาได้ ทำไมต้องไปผ่อนใน ๔ - ๕ ข้อเหล่านั้น ในเรื่องของการขอกฐิน วัดท่าขนุนจะไม่มีเรื่องนี้ เนื่องเพราะว่าอาตมาจะตั้งกองกฐินขึ้นมาเอง หลังจากนั้นญาติโยมก็มาสมทบ ร่วมเป็นเจ้าภาพกฐินสามัคคีเท่านั้น เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว ถ้ามีวัดใดมาขอกฐิน ญาติโยมจะเป็นเจ้าภาพจะเป็นอะไรก็ตาม ให้รู้ว่าบุญกฐินนั้นโยมได้ไปเต็ม ๆ แต่อานิสงส์กฐินสำหรับพระไม่มีใครได้เลย เพราะว่าในพระวินัยท่านห้ามขอกฐิน ญาติโยมที่อยากจะเป็นเจ้าภาพกฐิน ให้ไปปวารณาตนแจ้งต่อเจ้าอาวาสวัดใดวัดหนึ่งที่เราจะเอากฐินไปทอด ว่าเราขอเป็นเจ้าภาพทอดกฐิน ถ้าอย่างนั้นพระในวัดท่านถึงจะได้อานิสงส์กฐินไปเต็ม ๆ ในส่วนของการที่พระไปขอจากญาติโยม ก็คาดว่าเกิดจาก ๒ สาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรก ก็คือ ไม่รู้ว่าในพระบาลีท่านห้ามขอกฐิน อย่างที่ ๒ ก็คือ แกล้งไม่รู้ เพราะว่าอยากได้กฐิน เนื่องจากว่าเจ้าภาพหลายรายมาปวารณากฐินกับอาตมาแล้วถามว่า ต้องการยอดปัจจัยเท่าไร ซึ่งถ้าเป็นวัดอื่น ๆ ก็อาจจะมีการบอกว่าเท่านั้นแสน เท่านี้ล้าน แต่สำหรับวัดท่าขนุน มีโยมถามอยู่ ๒ ปี ปีแรกที่ถาม อาตมาบอกว่าเอามา ๑๖ บาท เป็นเลขมงคลโสฬสสวยดี ปีถัดมาถามอีก บอกว่าเอามา ๙ บาทก็แล้วกัน ก็เป็นอันว่าจบกันแค่นั้น เนื่องจากว่ากฐินอยู่ที่ศรัทธาของโยม ไม่ใช่ว่าพระไปตั้งยอด แล้วให้โยมตะเกียกตะกายหามาด้วยความยากลำบาก เรื่องของพระธรรมวินัยแล้ว ส่วนใหญ่พระเณรสมัยนี้ไม่ค่อยที่จะเข้มงวดกัน อาจจะเป็นเพราะว่าพระอุปัชฌาย์อาจารย์ของท่านไม่ได้สั่งสอนไว้ ไม่ได้อบรมไว้ หรือไม่ก็ความที่อยากได้ยอดปัจจัยกฐินมาก ๆ ก็เลยต้องไปเที่ยวขอกฐินจากญาติโยมหลาย ๆ คน เพื่อให้มารวมกันทอด ในส่วนของกฐิน ขอย้ำอีกครั้งว่า อานิสงส์กฐิน สำคัญที่สุดตรงผ้าไตร จะเป็นผืนเดียว หรือครบไตรก็ตาม ถ้าไม่มีผ้าไตรก็ไม่เป็นกฐิน ถ้ามีผ้าไตรแล้วบริวารกฐินอื่นไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ เมื่อญาติโยมทราบแล้วจะได้รู้ว่า ในเรื่องของกฐินแต่โบราณมานั้น เขาเน้นกันเรื่องผ้าไตรครองสำหรับพระ แต่ปัจจุบันนี้ผิดเพี้ยนไป กลายเป็นว่าวัดไหนทำยอดเงินได้มาก ก็ถือว่าได้บุญมาก อย่าลืมว่าเงินเป็นแค่บริวารกฐินเท่านั้น ตัวบุญกฐินเต็ม ๆ อยู่ที่ผ้าไตรต่างหาก เมื่อญาติโยมได้ทราบในเรื่องของกฐิน ตลอดกระทั่งแบบธรรมเนียมในการปวารณาเป็นเจ้าภาพกฐิน หรือว่าในการถวายกฐินแล้ว ต่อไปก็จะได้ปฏิบัติกันได้ถูกต้อง ................................... พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน www.watthakhanun.com
    0 Comments 0 Shares 204 Views 0 Reviews
  • ส่วนของงานกฐินนั้น ที่สำคัญอีกอย่างก็คือผู้ครองผ้ากฐิน ถ้าว่ากันโดยพระธรรมวินัยแล้ว ท่านให้บุคคลที่มีจีวรเก่าที่สุดในวัดได้ผ้านั้นไป แต่ว่าระยะหลัง ส่วนใหญ่เจ้าอาวาสมักจะเป็นผู้ครองผ้ากฐิน

    เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ บางท่านถือว่าผู้ครองกฐินจึงมีสิทธิ์ที่จะรับบริวารกฐินทั้งหมด ผู้อื่นไม่มีสิทธิ์รับ เจ้าอาวาสก็เลยมักจะครองกฐินเสียเอง แต่ความจริงแล้วเป็นการเข้าใจผิด เพราะว่าบางวัดมีพระไม่ครบ ๕ รูป ไม่สามารถที่จะรับกฐินได้ ต้องไปยืมพระวัดอื่นมา

    การไปยืมพระวัดอื่นมานั้น พระวัดอื่นที่มานั้น ไม่มีสิทธิ์ไม่มีส่วนในกฐินนั้นทั้งสิ้น ให้เฉพาะบุคคลที่จำพรรษาในวัดนั้นเท่านั้น ดังนั้น...จึงมีการเข้าใจผิดกันว่า ถ้าไม่ครองกฐินแล้วจะไม่มีโอกาสได้รับบริวารกฐิน ซึ่งก็คือไม่มีสิทธิ์รับเงิน ก็ขอให้เข้าใจให้ถูกเสียใหม่

    สำหรับวัดท่าขนุนของเรานั้น ครองกฐินกันไปตามอายุพรรษา ก็คือถ้าปีนี้ไปถึงใคร ปีหน้าท่านถัดไปก็จะรู้เองว่าถึงคิวของตนเองครองกฐินแล้ว สำหรับผู้ครองกฐินนั้นต้องรับภาระหนัก เพราะว่าต้องเป็นผู้รักษาผ้าครองแทนพระทั้งวัด ในเมื่อเป็นผู้รักษาผ้าครองแทนพระทั้งวัด บุคคลที่ได้อานิสงส์กฐินสามารถผ่อนคลายสิกขาบทได้หลายข้อ พูดง่าย ๆ ก็คือ ละเว้นให้ไม่ต้องรักษาศีลหลายข้อ อย่างเช่นว่าการเที่ยวไปโดยไม่ต้องบอกลา ซึ่งปกติแล้ววัดท่าขนุนของเราไม่ยอมให้ไปโดยไม่ต้องบอกลา ออกจากวัดไปไหนจะต้องลาทุกคน อานิสงส์กฐินข้อนี้จึงไม่มีประโยชน์สำหรับพระวัดท่าขนุน

    สามารถฉันคณะโภชนาได้ ก็คือโดยปกติแล้ว ถ้าญาติโยมบอกว่านำอาหารอะไรมาถวายพระ พระไม่สามารถที่จะฉันรวมกันตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไปได้ เพราะว่าเป็นการผิดพระวินัย สาเหตุมาจากสมัยพุทธกาล เมื่อมหาเศรษฐีท่านบอกว่าจะถวายภัตตาหารอะไร พอเป็นอาหารที่ประณีต มีรสดี บรรดาพระก็แห่กันไปจนเขาเลี้ยงไม่ไหว พระพุทธเจ้าจึงต้องตรัสห้ามไว้ว่า ถ้าเป็นอาหารที่เจ้าภาพออกชื่อ ให้ฉันได้ไม่เกิน ๓ รูปเท่านั้น ถ้าถึงรูปที่ ๔ ขึ้นไปเรียกว่าคณะ ถ้าฉันคณะโภชนาแบบนั้น โดนปรับอาบัติทุกคำที่กลืนลงไป ก็แปลว่าศีลขาดทุกคำที่กลืน แต่หากว่ารับกฐินแล้วสามารถฉันคณะโภชนาได้

    ลำดับต่อไป คือ ฉันปรัมปรโภชนาได้ คำว่า ปรัมประ ก็คือฉันจากที่หนึ่งแล้วไปฉันอีกที่หนึ่ง ซึ่งโดยปกติแล้วที่พระพุทธเจ้าทรงห้ามไว้ เพราะเกรงว่าจะฉันได้น้อย บางทีเจ้าภาพเขาก็เสียใจ แต่เรื่องนี้ไม่ต้องมาใช้กับอาตมา เพราะว่าฉันน้อยเป็นปกติอยู่แล้ว

    ข้อต่อไปท่านบอกว่า ไปไหนไม่ต้องเอาจีวรไปครบสำรับ เพราะว่ามีผู้ครองกฐินรักษาผ้าแทนเราแล้ว

    ข้อสุดท้าย ก็คือ จีวรที่เกิดขึ้นไม่ต้องทำวิกัปเป็น ๒ เจ้าของ สามารถที่จะใช้เป็นของตนเองได้เลย

    ในเมื่ออานิสงส์กฐินสามารถผ่อนคลายสิกขาบทได้หลายข้อ แต่ผู้ที่ครองกฐินจะไม่ได้อานิสงส์นี้ เพราะว่าต้องรักษาผ้ากฐินแทนผู้อื่นทั้งวัด ถ้าทำผ้าขาดครองก็ทำให้ขาดอานิสงส์กฐินทั้งวัดเหมือนกัน

    ดังนั้น...ในส่วนของผู้ครองกฐินจึงสำคัญมาก เพราะว่าห้ามเผลออย่างเด็ดขาด และอานิสงส์กฐินนี้จะมีแค่กลางเดือน ๔ เท่านั้น ถ้าท่านจำพรรษาแล้วไม่ได้รับกฐิน ได้รับอานิสงส์ ๑ เดือน ก็คือตั้งแต่แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึงกลางเดือน ๑๒ ถ้าจำพรรษาแล้วได้รับกฐิน ท่านขยายเวลาให้ถึงกลางเดือน ๔ ก็คือเพิ่มขึ้นมาอีก ๔ เดือน แต่อาตมาไม่เคยใช้อานิสงส์กฐิน เพราะว่าอานิสงส์กฐินนั้น ถ้าเผลอเราจะมักง่าย ไปไหนเอาจีวรไปครบไตรก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสจนเกินไป จีวรชุดหนึ่งก็ใช้ได้หลายปี

    ขณะเดียวกันเรื่องของคณะโภชนา ปรัมปรโภชนานั้น ถ้าเราเผลอตัวเมื่อไร เกินกลางเดือน ๔ ไปก็จะโดนอาบัติ การไปไหนปกติก็ต้องบอกอยู่แล้วว่าไปไหน เพื่อที่เจ้าอาวาสหรือเพื่อนฝูงจะได้รู้ มีอะไรเร่งด่วนจะได้ตามตัวกันได้

    เมื่อเป็นเช่นนั้น อาตมาบวชมา ๓๐ กว่าปีไม่เคยใช้อานิสงส์กฐินเลย พูดง่าย ๆ ว่าไม่ต้องรอให้กฐินเดาะ แต่เป็นคนเดาะกฐินเสียเอง แต่ว่าในส่วนอื่น บุคคลอื่น โดยเฉพาะพระอื่น ๆ ในวัดท่าขนุน อาตมาไม่ได้บังคับ ใครจะใช้อานิสงส์กฐินก็อย่าเผลอ ถ้าใครไม่ใช้อานิสงส์กฐินก็ขออนุโมทนาด้วย เนื่องเพราะว่าในเรื่องของศีลพระนั้น ไม่มีอะไรน่าหนักใจ ๒๒๗ ข้อก็สามารถรักษาได้ ทำไมต้องไปผ่อนใน ๔ - ๕ ข้อเหล่านั้น

    ในเรื่องของการขอกฐิน วัดท่าขนุนจะไม่มีเรื่องนี้ เนื่องเพราะว่าอาตมาจะตั้งกองกฐินขึ้นมาเอง หลังจากนั้นญาติโยมก็มาสมทบ ร่วมเป็นเจ้าภาพกฐินสามัคคีเท่านั้น เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว ถ้ามีวัดใดมาขอกฐิน ญาติโยมจะเป็นเจ้าภาพจะเป็นอะไรก็ตาม ให้รู้ว่าบุญกฐินนั้นโยมได้ไปเต็ม ๆ แต่อานิสงส์กฐินสำหรับพระไม่มีใครได้เลย เพราะว่าในพระวินัยท่านห้ามขอกฐิน

    ญาติโยมที่อยากจะเป็นเจ้าภาพกฐิน ให้ไปปวารณาตนแจ้งต่อเจ้าอาวาสวัดใดวัดหนึ่งที่เราจะเอากฐินไปทอด ว่าเราขอเป็นเจ้าภาพทอดกฐิน ถ้าอย่างนั้นพระในวัดท่านถึงจะได้อานิสงส์กฐินไปเต็ม ๆ

    ในส่วนของการที่พระไปขอจากญาติโยม ก็คาดว่าเกิดจาก ๒ สาเหตุด้วยกัน
    สาเหตุแรก ก็คือ ไม่รู้ว่าในพระบาลีท่านห้ามขอกฐิน
    อย่างที่ ๒ ก็คือ แกล้งไม่รู้ เพราะว่าอยากได้กฐิน เนื่องจากว่าเจ้าภาพหลายรายมาปวารณากฐินกับอาตมาแล้วถามว่า ต้องการยอดปัจจัยเท่าไร ซึ่งถ้าเป็นวัดอื่น ๆ ก็อาจจะมีการบอกว่าเท่านั้นแสน เท่านี้ล้าน แต่สำหรับวัดท่าขนุน มีโยมถามอยู่ ๒ ปี ปีแรกที่ถาม อาตมาบอกว่าเอามา ๑๖ บาท เป็นเลขมงคลโสฬสสวยดี ปีถัดมาถามอีก บอกว่าเอามา ๙ บาทก็แล้วกัน ก็เป็นอันว่าจบกันแค่นั้น เนื่องจากว่ากฐินอยู่ที่ศรัทธาของโยม ไม่ใช่ว่าพระไปตั้งยอด แล้วให้โยมตะเกียกตะกายหามาด้วยความยากลำบาก

    เรื่องของพระธรรมวินัยแล้ว ส่วนใหญ่พระเณรสมัยนี้ไม่ค่อยที่จะเข้มงวดกัน อาจจะเป็นเพราะว่าพระอุปัชฌาย์อาจารย์ของท่านไม่ได้สั่งสอนไว้ ไม่ได้อบรมไว้ หรือไม่ก็ความที่อยากได้ยอดปัจจัยกฐินมาก ๆ ก็เลยต้องไปเที่ยวขอกฐินจากญาติโยมหลาย ๆ คน เพื่อให้มารวมกันทอด

    ในส่วนของกฐิน ขอย้ำอีกครั้งว่า อานิสงส์กฐิน สำคัญที่สุดตรงผ้าไตร จะเป็นผืนเดียว หรือครบไตรก็ตาม ถ้าไม่มีผ้าไตรก็ไม่เป็นกฐิน ถ้ามีผ้าไตรแล้วบริวารกฐินอื่นไม่จำเป็นต้องมีก็ได้

    เมื่อญาติโยมทราบแล้วจะได้รู้ว่า ในเรื่องของกฐินแต่โบราณมานั้น เขาเน้นกันเรื่องผ้าไตรครองสำหรับพระ แต่ปัจจุบันนี้ผิดเพี้ยนไป กลายเป็นว่าวัดไหนทำยอดเงินได้มาก ก็ถือว่าได้บุญมาก อย่าลืมว่าเงินเป็นแค่บริวารกฐินเท่านั้น ตัวบุญกฐินเต็ม ๆ อยู่ที่ผ้าไตรต่างหาก

    เมื่อญาติโยมได้ทราบในเรื่องของกฐิน ตลอดกระทั่งแบบธรรมเนียมในการปวารณาเป็นเจ้าภาพกฐิน หรือว่าในการถวายกฐินแล้ว ต่อไปก็จะได้ปฏิบัติกันได้ถูกต้อง
    ...................................
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com
    ส่วนของงานกฐินนั้น ที่สำคัญอีกอย่างก็คือผู้ครองผ้ากฐิน ถ้าว่ากันโดยพระธรรมวินัยแล้ว ท่านให้บุคคลที่มีจีวรเก่าที่สุดในวัดได้ผ้านั้นไป แต่ว่าระยะหลัง ส่วนใหญ่เจ้าอาวาสมักจะเป็นผู้ครองผ้ากฐิน เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ บางท่านถือว่าผู้ครองกฐินจึงมีสิทธิ์ที่จะรับบริวารกฐินทั้งหมด ผู้อื่นไม่มีสิทธิ์รับ เจ้าอาวาสก็เลยมักจะครองกฐินเสียเอง แต่ความจริงแล้วเป็นการเข้าใจผิด เพราะว่าบางวัดมีพระไม่ครบ ๕ รูป ไม่สามารถที่จะรับกฐินได้ ต้องไปยืมพระวัดอื่นมา การไปยืมพระวัดอื่นมานั้น พระวัดอื่นที่มานั้น ไม่มีสิทธิ์ไม่มีส่วนในกฐินนั้นทั้งสิ้น ให้เฉพาะบุคคลที่จำพรรษาในวัดนั้นเท่านั้น ดังนั้น...จึงมีการเข้าใจผิดกันว่า ถ้าไม่ครองกฐินแล้วจะไม่มีโอกาสได้รับบริวารกฐิน ซึ่งก็คือไม่มีสิทธิ์รับเงิน ก็ขอให้เข้าใจให้ถูกเสียใหม่ สำหรับวัดท่าขนุนของเรานั้น ครองกฐินกันไปตามอายุพรรษา ก็คือถ้าปีนี้ไปถึงใคร ปีหน้าท่านถัดไปก็จะรู้เองว่าถึงคิวของตนเองครองกฐินแล้ว สำหรับผู้ครองกฐินนั้นต้องรับภาระหนัก เพราะว่าต้องเป็นผู้รักษาผ้าครองแทนพระทั้งวัด ในเมื่อเป็นผู้รักษาผ้าครองแทนพระทั้งวัด บุคคลที่ได้อานิสงส์กฐินสามารถผ่อนคลายสิกขาบทได้หลายข้อ พูดง่าย ๆ ก็คือ ละเว้นให้ไม่ต้องรักษาศีลหลายข้อ อย่างเช่นว่าการเที่ยวไปโดยไม่ต้องบอกลา ซึ่งปกติแล้ววัดท่าขนุนของเราไม่ยอมให้ไปโดยไม่ต้องบอกลา ออกจากวัดไปไหนจะต้องลาทุกคน อานิสงส์กฐินข้อนี้จึงไม่มีประโยชน์สำหรับพระวัดท่าขนุน สามารถฉันคณะโภชนาได้ ก็คือโดยปกติแล้ว ถ้าญาติโยมบอกว่านำอาหารอะไรมาถวายพระ พระไม่สามารถที่จะฉันรวมกันตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไปได้ เพราะว่าเป็นการผิดพระวินัย สาเหตุมาจากสมัยพุทธกาล เมื่อมหาเศรษฐีท่านบอกว่าจะถวายภัตตาหารอะไร พอเป็นอาหารที่ประณีต มีรสดี บรรดาพระก็แห่กันไปจนเขาเลี้ยงไม่ไหว พระพุทธเจ้าจึงต้องตรัสห้ามไว้ว่า ถ้าเป็นอาหารที่เจ้าภาพออกชื่อ ให้ฉันได้ไม่เกิน ๓ รูปเท่านั้น ถ้าถึงรูปที่ ๔ ขึ้นไปเรียกว่าคณะ ถ้าฉันคณะโภชนาแบบนั้น โดนปรับอาบัติทุกคำที่กลืนลงไป ก็แปลว่าศีลขาดทุกคำที่กลืน แต่หากว่ารับกฐินแล้วสามารถฉันคณะโภชนาได้ ลำดับต่อไป คือ ฉันปรัมปรโภชนาได้ คำว่า ปรัมประ ก็คือฉันจากที่หนึ่งแล้วไปฉันอีกที่หนึ่ง ซึ่งโดยปกติแล้วที่พระพุทธเจ้าทรงห้ามไว้ เพราะเกรงว่าจะฉันได้น้อย บางทีเจ้าภาพเขาก็เสียใจ แต่เรื่องนี้ไม่ต้องมาใช้กับอาตมา เพราะว่าฉันน้อยเป็นปกติอยู่แล้ว ข้อต่อไปท่านบอกว่า ไปไหนไม่ต้องเอาจีวรไปครบสำรับ เพราะว่ามีผู้ครองกฐินรักษาผ้าแทนเราแล้ว ข้อสุดท้าย ก็คือ จีวรที่เกิดขึ้นไม่ต้องทำวิกัปเป็น ๒ เจ้าของ สามารถที่จะใช้เป็นของตนเองได้เลย ในเมื่ออานิสงส์กฐินสามารถผ่อนคลายสิกขาบทได้หลายข้อ แต่ผู้ที่ครองกฐินจะไม่ได้อานิสงส์นี้ เพราะว่าต้องรักษาผ้ากฐินแทนผู้อื่นทั้งวัด ถ้าทำผ้าขาดครองก็ทำให้ขาดอานิสงส์กฐินทั้งวัดเหมือนกัน ดังนั้น...ในส่วนของผู้ครองกฐินจึงสำคัญมาก เพราะว่าห้ามเผลออย่างเด็ดขาด และอานิสงส์กฐินนี้จะมีแค่กลางเดือน ๔ เท่านั้น ถ้าท่านจำพรรษาแล้วไม่ได้รับกฐิน ได้รับอานิสงส์ ๑ เดือน ก็คือตั้งแต่แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึงกลางเดือน ๑๒ ถ้าจำพรรษาแล้วได้รับกฐิน ท่านขยายเวลาให้ถึงกลางเดือน ๔ ก็คือเพิ่มขึ้นมาอีก ๔ เดือน แต่อาตมาไม่เคยใช้อานิสงส์กฐิน เพราะว่าอานิสงส์กฐินนั้น ถ้าเผลอเราจะมักง่าย ไปไหนเอาจีวรไปครบไตรก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสจนเกินไป จีวรชุดหนึ่งก็ใช้ได้หลายปี ขณะเดียวกันเรื่องของคณะโภชนา ปรัมปรโภชนานั้น ถ้าเราเผลอตัวเมื่อไร เกินกลางเดือน ๔ ไปก็จะโดนอาบัติ การไปไหนปกติก็ต้องบอกอยู่แล้วว่าไปไหน เพื่อที่เจ้าอาวาสหรือเพื่อนฝูงจะได้รู้ มีอะไรเร่งด่วนจะได้ตามตัวกันได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น อาตมาบวชมา ๓๐ กว่าปีไม่เคยใช้อานิสงส์กฐินเลย พูดง่าย ๆ ว่าไม่ต้องรอให้กฐินเดาะ แต่เป็นคนเดาะกฐินเสียเอง แต่ว่าในส่วนอื่น บุคคลอื่น โดยเฉพาะพระอื่น ๆ ในวัดท่าขนุน อาตมาไม่ได้บังคับ ใครจะใช้อานิสงส์กฐินก็อย่าเผลอ ถ้าใครไม่ใช้อานิสงส์กฐินก็ขออนุโมทนาด้วย เนื่องเพราะว่าในเรื่องของศีลพระนั้น ไม่มีอะไรน่าหนักใจ ๒๒๗ ข้อก็สามารถรักษาได้ ทำไมต้องไปผ่อนใน ๔ - ๕ ข้อเหล่านั้น ในเรื่องของการขอกฐิน วัดท่าขนุนจะไม่มีเรื่องนี้ เนื่องเพราะว่าอาตมาจะตั้งกองกฐินขึ้นมาเอง หลังจากนั้นญาติโยมก็มาสมทบ ร่วมเป็นเจ้าภาพกฐินสามัคคีเท่านั้น เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว ถ้ามีวัดใดมาขอกฐิน ญาติโยมจะเป็นเจ้าภาพจะเป็นอะไรก็ตาม ให้รู้ว่าบุญกฐินนั้นโยมได้ไปเต็ม ๆ แต่อานิสงส์กฐินสำหรับพระไม่มีใครได้เลย เพราะว่าในพระวินัยท่านห้ามขอกฐิน ญาติโยมที่อยากจะเป็นเจ้าภาพกฐิน ให้ไปปวารณาตนแจ้งต่อเจ้าอาวาสวัดใดวัดหนึ่งที่เราจะเอากฐินไปทอด ว่าเราขอเป็นเจ้าภาพทอดกฐิน ถ้าอย่างนั้นพระในวัดท่านถึงจะได้อานิสงส์กฐินไปเต็ม ๆ ในส่วนของการที่พระไปขอจากญาติโยม ก็คาดว่าเกิดจาก ๒ สาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรก ก็คือ ไม่รู้ว่าในพระบาลีท่านห้ามขอกฐิน อย่างที่ ๒ ก็คือ แกล้งไม่รู้ เพราะว่าอยากได้กฐิน เนื่องจากว่าเจ้าภาพหลายรายมาปวารณากฐินกับอาตมาแล้วถามว่า ต้องการยอดปัจจัยเท่าไร ซึ่งถ้าเป็นวัดอื่น ๆ ก็อาจจะมีการบอกว่าเท่านั้นแสน เท่านี้ล้าน แต่สำหรับวัดท่าขนุน มีโยมถามอยู่ ๒ ปี ปีแรกที่ถาม อาตมาบอกว่าเอามา ๑๖ บาท เป็นเลขมงคลโสฬสสวยดี ปีถัดมาถามอีก บอกว่าเอามา ๙ บาทก็แล้วกัน ก็เป็นอันว่าจบกันแค่นั้น เนื่องจากว่ากฐินอยู่ที่ศรัทธาของโยม ไม่ใช่ว่าพระไปตั้งยอด แล้วให้โยมตะเกียกตะกายหามาด้วยความยากลำบาก เรื่องของพระธรรมวินัยแล้ว ส่วนใหญ่พระเณรสมัยนี้ไม่ค่อยที่จะเข้มงวดกัน อาจจะเป็นเพราะว่าพระอุปัชฌาย์อาจารย์ของท่านไม่ได้สั่งสอนไว้ ไม่ได้อบรมไว้ หรือไม่ก็ความที่อยากได้ยอดปัจจัยกฐินมาก ๆ ก็เลยต้องไปเที่ยวขอกฐินจากญาติโยมหลาย ๆ คน เพื่อให้มารวมกันทอด ในส่วนของกฐิน ขอย้ำอีกครั้งว่า อานิสงส์กฐิน สำคัญที่สุดตรงผ้าไตร จะเป็นผืนเดียว หรือครบไตรก็ตาม ถ้าไม่มีผ้าไตรก็ไม่เป็นกฐิน ถ้ามีผ้าไตรแล้วบริวารกฐินอื่นไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ เมื่อญาติโยมทราบแล้วจะได้รู้ว่า ในเรื่องของกฐินแต่โบราณมานั้น เขาเน้นกันเรื่องผ้าไตรครองสำหรับพระ แต่ปัจจุบันนี้ผิดเพี้ยนไป กลายเป็นว่าวัดไหนทำยอดเงินได้มาก ก็ถือว่าได้บุญมาก อย่าลืมว่าเงินเป็นแค่บริวารกฐินเท่านั้น ตัวบุญกฐินเต็ม ๆ อยู่ที่ผ้าไตรต่างหาก เมื่อญาติโยมได้ทราบในเรื่องของกฐิน ตลอดกระทั่งแบบธรรมเนียมในการปวารณาเป็นเจ้าภาพกฐิน หรือว่าในการถวายกฐินแล้ว ต่อไปก็จะได้ปฏิบัติกันได้ถูกต้อง ................................... พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน www.watthakhanun.com
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 153 Views 0 Reviews
  • ..คนไทยทัังประเทศ ต่างดิ้นรนสัมมาอาชีพปกติ,แต่บรรดานักปกครองทัังหลายกับสาระพัดเลวกระทำชั่วต่อประเทศชาติและประชาชนบนแผ่นดินที่พวกมันได้ไปมีอำนาจไปมีตำแหน่งเป็นเพียงนอมินีร่วมใช้อำนาจแทนประชาชนเพื่อดูแลแผ่นดินไทยแทนคนทั้งประเทศ,มันทั้งหลายกลับทั้งทรยศแผ่นดินไทยตนเองและประชาชนที่ฝากให้พวกมันบริหารจัดการแทนจากอำนาจปกครองที่คนทั้งแผ่นดินมอบให้,พวกนี้สมควรถูกประหารชีวิตทัังหมดรวมทั้งบริวารข้ารับใช้พวกมันทุกๆคน,อิ่มท้องร่ำรวยมั่งคั่งบนความทุกข์มากมายหลากหลายมิติจากการปกครองและเขียนกฎหมายผีบ้ามากมายมากดขี่ประชาชนบังคับใช้ต่อประชาชนให้สิ้นอิสระเสรีภาพแบบเนียนๆในเจตจำนงเสรีที่ดีงามของหมู่มาก,เขียน&ออกกฎหมายมากมายเพื่อเดอะแก๊งตนโกงกินเต็มที่อย่างถูกกฎหมายที่พวกเดอะแก๊งมันเองเขียนขึ้นเปิดช่องทาง,ในส่วนชาวบ้านตาดำๆก็ตามสภาพเป็นจริงปัจจุบันที่เห็น ตกงาน ปิดกิจการ เศรษฐกิจโลกพังลามมาถึงเอเชีย,อเมริกาจุดสงครามล้างหนี้ตนก็ด้วย,,บ้านเมืองไทยเรานี้ชั่งมีผู้ปกครองที่ชั่วเลวไม่เคยหยุดชั่วจากอดีตถึงปัจจุบันได้เลยและไม่เคยมีนักปกครอง&ผู้ปกครองคนไหนถูกประหารชีวิตเพราะผลการกระทำความชั่วของเดอะแก๊งพวกมันและตัวมันจริงๆสักคนเลยในปัจจุบัน,ต่างลอยหน้าลอยตาบัดสบสิ้นดี,การปกครองที่คนสิ้นศรัทธากับบังเกิด.เป็นแบบนี้มินานชาติไทยเราจะล่มสลายแน่นอน,จากผู้ปกครองที่เลวๆนี้ล่ะบวกนักวิชากรเลวๆที่ล้างสมองคนไทยด้วย.
    ..คนบ้านนอกคอกนา และคนชนบท&ทัังประเทศจึงซวยไปด้วยจากคนพวกนี้,
    ..คนไทยทัังประเทศ ต่างดิ้นรนสัมมาอาชีพปกติ,แต่บรรดานักปกครองทัังหลายกับสาระพัดเลวกระทำชั่วต่อประเทศชาติและประชาชนบนแผ่นดินที่พวกมันได้ไปมีอำนาจไปมีตำแหน่งเป็นเพียงนอมินีร่วมใช้อำนาจแทนประชาชนเพื่อดูแลแผ่นดินไทยแทนคนทั้งประเทศ,มันทั้งหลายกลับทั้งทรยศแผ่นดินไทยตนเองและประชาชนที่ฝากให้พวกมันบริหารจัดการแทนจากอำนาจปกครองที่คนทั้งแผ่นดินมอบให้,พวกนี้สมควรถูกประหารชีวิตทัังหมดรวมทั้งบริวารข้ารับใช้พวกมันทุกๆคน,อิ่มท้องร่ำรวยมั่งคั่งบนความทุกข์มากมายหลากหลายมิติจากการปกครองและเขียนกฎหมายผีบ้ามากมายมากดขี่ประชาชนบังคับใช้ต่อประชาชนให้สิ้นอิสระเสรีภาพแบบเนียนๆในเจตจำนงเสรีที่ดีงามของหมู่มาก,เขียน&ออกกฎหมายมากมายเพื่อเดอะแก๊งตนโกงกินเต็มที่อย่างถูกกฎหมายที่พวกเดอะแก๊งมันเองเขียนขึ้นเปิดช่องทาง,ในส่วนชาวบ้านตาดำๆก็ตามสภาพเป็นจริงปัจจุบันที่เห็น ตกงาน ปิดกิจการ เศรษฐกิจโลกพังลามมาถึงเอเชีย,อเมริกาจุดสงครามล้างหนี้ตนก็ด้วย,,บ้านเมืองไทยเรานี้ชั่งมีผู้ปกครองที่ชั่วเลวไม่เคยหยุดชั่วจากอดีตถึงปัจจุบันได้เลยและไม่เคยมีนักปกครอง&ผู้ปกครองคนไหนถูกประหารชีวิตเพราะผลการกระทำความชั่วของเดอะแก๊งพวกมันและตัวมันจริงๆสักคนเลยในปัจจุบัน,ต่างลอยหน้าลอยตาบัดสบสิ้นดี,การปกครองที่คนสิ้นศรัทธากับบังเกิด.เป็นแบบนี้มินานชาติไทยเราจะล่มสลายแน่นอน,จากผู้ปกครองที่เลวๆนี้ล่ะบวกนักวิชากรเลวๆที่ล้างสมองคนไทยด้วย. ..คนบ้านนอกคอกนา และคนชนบท&ทัังประเทศจึงซวยไปด้วยจากคนพวกนี้,
    0 Comments 0 Shares 153 Views 28 0 Reviews
  • 23-10-67/01 : หมี CNN / ((( ขอสดุดี "พระปิยะมหาราช" )))

    - ไม่มีพ่อปิยะ มรึงกะกู อาจจะยังเป็นทาสอยู่ก็ได้ทุกวันนี้ ทาสในเมืองไทยไม่มีแล้ว มีแต่ทาสในอเมริกา อังกฤษ อิสราเอล แม่งไม่พัฒนาไปไหนเลย ดีออก ล่าอาณานิคมอย่างเดียว จนวันนี้ ถูกเค้าล่าคืน สาแก่ใจอีช้อยทั่วโลก!

    - ใครกันล่ะ? ที่เปลี่ยนแผ่นดินสยามให้เทียบเคียงนานาประเทศ สาเหตุคือ ไม่ให้ชาติตะวันตกมาใช้ข้ออ้างว่าล้าหลัง แล้วเข้ามายึดเป็นชาติบริวาร หมวกต้องสวม ไม้เท้าต้องมี เสื้อต้องใส่ ไม่ได้เห่อฝรั่ง แต่ไม่ให้มันมาดูถูก

    - ลูกหลานไทยฟังเอาไว้ มรึงเกิดไม่ทัน แต่ใช่ว่ามรึงจะไม่สำนึกบุญคุณพ่อปิยะ ความเจริญด้านวัตถุ สร้างง่ายดาย แต่ความเจริญด้านจิตใจ สำคัญกว่า มรึงดูชาติตะวันตก นับวันยิ่งกว่าไร้อารยธรรม สิทธิโคตรพ่อง โคตรแม่ง อ้างกันไป เพื่อเพียงสนองตัณหาตัวเองเท่านั้น แหกกฎหมายก็ได้ ฆ่าใครก็ได้ กราดยิงก็ได้ ไล่ข่มขืนใครก็ได้ กฎหมาทั้งนั้น กฎหมายทำให้คนไม่กลายเป็นสัดเดรัจฉาน กฎหมาย ทำให้ทุกคนเท่าเทียมกัน ปชต.มาเพื่อทำลายสิ่งเหล่านี้ มรึงอย่าหลงรูป รส กลิ่น เสียงให้มาก พ่อปิยะ ท่านวางถุงเงิน ถุงแดง รับไม้ต่อจากพ่อร.4 เพื่อการณ์ใหญ่ในวันข้างหน้า มาจนถึงพ่อร.10 คลังไทยถึงมีทองคำล้นพระคลัง จนมรึงจินตนาการไม่ออกดอกว่า มหาศาล! แต่ชาติปชต.จน อดอยาก เพราะก่อแต่สงคราม ไล่ล่าไม่รู้จบ หาสันติสุขไม่ได้

    - ใครที่ทำให้พ่อปิยะของกูและมรึง ต้องทนทุกข์ใจ ต้องยอมแบ่งดินแดนส่วนน้อยเพื่อรักษาพื้นแผ่นดินหลักเอาไว้ กูมิลืมเลือน จากนี้ไป นับตั้งแต่พ่อร.10 เราจะดูดคืนทุกอย่างที่เสียไป กลับคืนมา มากกว่าเดิม ยิ่งใหญ่กว่าเดิม จะไม่ทำให้พ่อปิยะ ต้องเสียใจอีกแล้ว พ่อปิยะต้องภาคภูมิใจในลูกหลานราชวงศ์จักรีแน่นอน เพราะไทยเราหรือสยามประเทศ จะกลายเป็นมหาอำนาจอาเซียนในเร็ววันนี้ TOP10 ที่นานาชาติจะต้องเกรงใจ ไม่ต้องไปปล้นแผ่นดินเค้า ไม่ต้องใช้กำลัง ชนเผ่ารอบทิศแผ่นดินจะขอมาอาศัยอยู่ ใต้ร่มโพธิ์ของพ่อหลวงชัวร์ เราจะขยายพื้นที่โดยการค้า และผนวกดินแดนเพิ่มไปเรื่อยๆ จากความสมัครใจของเพื่อนบ้าน รวมกันเราอยู่ รวมกันเราโต เพราะรากฐานการปกครองไทย พ่อปกครองลูก เป็นที่ยืนยันแน่ชัดแล้วว่า "ดีที่สุดในโลก" เชิญเอาปชต.ตอแหลอัปรีย์จัญไร ไปไกลๆ ส้นตรีนคนไทยซะ

    - นับตั้งแต่ก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ ชี้ให้เห็นชัดว่า พระอัจฉริยะภาพของพ่อหลวงท่านทุกพระองค์ สุดยอดแห่งแนวทางการปกครอง ที่ยืดหยุ่น และเมตตาธรรม ราชวงศ์จักรีถือกำเนิดบนโลก และจะกลายเป็นราชวงศ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในทุกราชวงศ์ที่เคยมีมา รวมทั้งเป็นต้นแบบโมเดล เรียกคืนราชวงศ์ต่างๆ ทั่วโลก ให้ฟื้นคืนชีพ หลังถูกปชต.จอมปลอมหลอกแดร๊กควายมาปั่นกว่าศตวรรษ ปชต.คืออียิวมันคิด เพื่อให้ควบคุมโลก ใครยังเสพปชต.อยู่ ชาตินี้ มรึงไม่มีวันได้เห็นฟ้าสีทองผ่องอำไพ แม้แต่รัสเซีย จีน ไม่มีระบบกษัตริย์แล้ว แต่สิ่งที่ปูติน สีจิ้นผิง ทำนั้น คือ "รูปแบบพ่อปกครองลูก" ชัดเจน ปูตินมาเยือนพ่อร.9 รู้เห็นทุกอย่าง เข้าใจ จึงนำไปปฎิบัติใช้จนได้ผล กลับมาส่งออกข้าวสาลีมากที่สุดในโลก ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ส่วนสีจิ้นผิง ปฎิวัติแผ่นดินครั้งใหญ่ กวาดล้างบางคอรัปชั่น ใหญ่แค่ไหนก็แค่ใต้ตรีนพรรคคอมมิวนิสค์จีน ชัดเจนว่า ผู้นำดี ชาติเจริญ ปูติน และสีจิ้นผิง เปรียบเหมือนบิดาแห่งชาติ ที่เอาส่วนรวมเป็นที่ตั้ง เอาแผ่นดินมาตุภูมิมาเป็นตัวกำหนด ทุกการกระทำ นี่คืออัตลักษณ์ของผู้นำแบบพ่อปกครองลูก เราถึงเข้ากันได้ดี เพราะเคมีมันใช่เลย ตรงกันเป๊ะเด๊ะ!

    - พ่อปิยะ คือผู้นำการเปลี่ยนสยามประเทศครั้งใหญ่ เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ จะถูกเค้ากลืนหรือจะเป็นพวกเดียวกับเค้า ทัดเทียมกัน พ่อทำสำเร็จอย่างงดงาม ไทยเราเจริญเทียบเท่าญี่ปุ่นในยุคนั้น ธรรมดาที่ไหน การสื่อสาร ขนส่ง การค้า ระเบียบสากลมาเต็ม ลูกหลานไทยไปนอก สั่งสอน มรึงคือคนไทย กูไม่ได้ส่งมรึงไปให้เป็นฝรั่ง แต่กูให้มรึงสำเหนียกเอาไว้ว่า มรึงคือคนไทยที่มีความรู้เทียบเท่าฝรั่ง ไม่ให้มันมาเอาเปรียบเราได้ รู้ทันโลก 23 ตุลาคม คือวันคล้ายวันสวรรคตของพ่อท่าน เราลูกหลานอโยธยาทุกไอ้อี ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น ไม่มีพ่อท่าน เราคงตายห่าไปนานแล้ว ไม่มีพ่อท่าน คงไม่มีพ่อหลวงร.7 ร.9 ที่ฝ่าฟันอุปสรรคนานับประการ ขอบคุณแผ่นดินสวรรค์ ที่ได้ส่งพระอัฉริยะภาพพ่อหลวงทุกพระองค์มาปกครองแผ่นดินธรรม แผ่นดินทองนี้ มรึงและกู โคตรจะมีบุญ ที่ได้มาเกิดในยุครัชสมัยพ่อร.9 "ยุคแห่งพระคุณ" และยิ่งมีบุญมากขึ้น ที่ได้ยังอยู่เห็น "ยุคพระเดช" ในรัชสมัยพ่อร.10 ดังนั้น คน 2 แผ่นดิน ไม่รักพ่อ แล้วจะให้ไปรักใครได้อีก

    ขอเชิดชู ทุกการกระทำ ทุกการเสียสละ ทุกความเพียร และการตัดสินใจครั้งใหญ่ ครั้งสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์โลก ไม่มีพ่อปิยะ ก็คงไม่มีสยามประเทศในวันนี้ ไม่มีราชวงศ์จักรี ก็คงไม่มีลูกหลานไทยให้สืบต่อไปจนชั่วกาลปาวสาน จงรักสถาบันสูงสุดยิ่งกว่าชีวิตมรึง เพราะแผ่นดินนี้ ไม่มีกษัตริย์ ไม่ได้ แผ่นดินนี้ คือแผ่นดินสวรรค์ ไอ้อี ใครคิดร้าย มรึงจะถูกธรณีสูบลงขุมนรก โดนไฟนรกแผดเผาไปตลอดกาล ทำดี ต้องได้ดี ทำเหี้ย ต้องชดใช้กรรมไม่สิ้นสุด หยุด ลด ละ เลิก ตั้งสติ และแผ่เมตตาธรรมให้ทั่วหล้า อานิสงค์แห่งบุญนี้ จะทำให้เหี้ยไอ้อีทุกตัวมันร้อนจนอยู่ต่อไม่ได้ ต้องเผ่นออกนอกกันจนหมดสิ้น ขอราชวงศ์จักรี เจริญรุ่งเรือง ไปตลอดกาลเถิด ลูกหลานไทย จะรักษาคำมั่นเอาไว้ จากลูกสู่หลาน ส่งต่อปณิธานของพ่อไม่สิ้นสุด

    หมี CNN(รักพ่อปิยะ กุหลาบแดงจัดมา บุหรี่ เหล้าพร้อมเพรียง กราบไหว้ท่าน ระลึกถึงท่าน แสดงให้ท่านรู้ ว่าพระคุณของท่านยิ่งใหญ่ ลูกหลานไทยไม่เคยลืมเลือน ปลดแอกทาส พ่อทำให้ เพื่อให้อิสระพวกมรึง อิสรภาพ เสรีภาพ ของจริงคือแผ่นดินนี้ หาใช่อเมริกา อังกฤษ ตะวันตก ตอแหล อย่าถูกเหี้ยหลอกง่าย ลูกพ่อหลวง เก่ง ฉลาด มีสติ มีปัญญา มากกว่าพวกมันเยอะ เพราะพวกเราคือคนของสวรรค์นั่นเอง ถึงได้อยู่ในแผ่นดินร่มเย็นนี้ได้)
    23 ตุลาคม 67(วันคล้ายวันสวรรคต สมเด็จพ่อปิยะ ที่รักของปวงชนชาวไทย)
    09.55 น.

    https://linevoom.line.me/post/1172965228578622743
    23-10-67/01 : หมี CNN / ((( ขอสดุดี "พระปิยะมหาราช" ))) - ไม่มีพ่อปิยะ มรึงกะกู อาจจะยังเป็นทาสอยู่ก็ได้ทุกวันนี้ ทาสในเมืองไทยไม่มีแล้ว มีแต่ทาสในอเมริกา อังกฤษ อิสราเอล แม่งไม่พัฒนาไปไหนเลย ดีออก ล่าอาณานิคมอย่างเดียว จนวันนี้ ถูกเค้าล่าคืน สาแก่ใจอีช้อยทั่วโลก! - ใครกันล่ะ? ที่เปลี่ยนแผ่นดินสยามให้เทียบเคียงนานาประเทศ สาเหตุคือ ไม่ให้ชาติตะวันตกมาใช้ข้ออ้างว่าล้าหลัง แล้วเข้ามายึดเป็นชาติบริวาร หมวกต้องสวม ไม้เท้าต้องมี เสื้อต้องใส่ ไม่ได้เห่อฝรั่ง แต่ไม่ให้มันมาดูถูก - ลูกหลานไทยฟังเอาไว้ มรึงเกิดไม่ทัน แต่ใช่ว่ามรึงจะไม่สำนึกบุญคุณพ่อปิยะ ความเจริญด้านวัตถุ สร้างง่ายดาย แต่ความเจริญด้านจิตใจ สำคัญกว่า มรึงดูชาติตะวันตก นับวันยิ่งกว่าไร้อารยธรรม สิทธิโคตรพ่อง โคตรแม่ง อ้างกันไป เพื่อเพียงสนองตัณหาตัวเองเท่านั้น แหกกฎหมายก็ได้ ฆ่าใครก็ได้ กราดยิงก็ได้ ไล่ข่มขืนใครก็ได้ กฎหมาทั้งนั้น กฎหมายทำให้คนไม่กลายเป็นสัดเดรัจฉาน กฎหมาย ทำให้ทุกคนเท่าเทียมกัน ปชต.มาเพื่อทำลายสิ่งเหล่านี้ มรึงอย่าหลงรูป รส กลิ่น เสียงให้มาก พ่อปิยะ ท่านวางถุงเงิน ถุงแดง รับไม้ต่อจากพ่อร.4 เพื่อการณ์ใหญ่ในวันข้างหน้า มาจนถึงพ่อร.10 คลังไทยถึงมีทองคำล้นพระคลัง จนมรึงจินตนาการไม่ออกดอกว่า มหาศาล! แต่ชาติปชต.จน อดอยาก เพราะก่อแต่สงคราม ไล่ล่าไม่รู้จบ หาสันติสุขไม่ได้ - ใครที่ทำให้พ่อปิยะของกูและมรึง ต้องทนทุกข์ใจ ต้องยอมแบ่งดินแดนส่วนน้อยเพื่อรักษาพื้นแผ่นดินหลักเอาไว้ กูมิลืมเลือน จากนี้ไป นับตั้งแต่พ่อร.10 เราจะดูดคืนทุกอย่างที่เสียไป กลับคืนมา มากกว่าเดิม ยิ่งใหญ่กว่าเดิม จะไม่ทำให้พ่อปิยะ ต้องเสียใจอีกแล้ว พ่อปิยะต้องภาคภูมิใจในลูกหลานราชวงศ์จักรีแน่นอน เพราะไทยเราหรือสยามประเทศ จะกลายเป็นมหาอำนาจอาเซียนในเร็ววันนี้ TOP10 ที่นานาชาติจะต้องเกรงใจ ไม่ต้องไปปล้นแผ่นดินเค้า ไม่ต้องใช้กำลัง ชนเผ่ารอบทิศแผ่นดินจะขอมาอาศัยอยู่ ใต้ร่มโพธิ์ของพ่อหลวงชัวร์ เราจะขยายพื้นที่โดยการค้า และผนวกดินแดนเพิ่มไปเรื่อยๆ จากความสมัครใจของเพื่อนบ้าน รวมกันเราอยู่ รวมกันเราโต เพราะรากฐานการปกครองไทย พ่อปกครองลูก เป็นที่ยืนยันแน่ชัดแล้วว่า "ดีที่สุดในโลก" เชิญเอาปชต.ตอแหลอัปรีย์จัญไร ไปไกลๆ ส้นตรีนคนไทยซะ - นับตั้งแต่ก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ ชี้ให้เห็นชัดว่า พระอัจฉริยะภาพของพ่อหลวงท่านทุกพระองค์ สุดยอดแห่งแนวทางการปกครอง ที่ยืดหยุ่น และเมตตาธรรม ราชวงศ์จักรีถือกำเนิดบนโลก และจะกลายเป็นราชวงศ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในทุกราชวงศ์ที่เคยมีมา รวมทั้งเป็นต้นแบบโมเดล เรียกคืนราชวงศ์ต่างๆ ทั่วโลก ให้ฟื้นคืนชีพ หลังถูกปชต.จอมปลอมหลอกแดร๊กควายมาปั่นกว่าศตวรรษ ปชต.คืออียิวมันคิด เพื่อให้ควบคุมโลก ใครยังเสพปชต.อยู่ ชาตินี้ มรึงไม่มีวันได้เห็นฟ้าสีทองผ่องอำไพ แม้แต่รัสเซีย จีน ไม่มีระบบกษัตริย์แล้ว แต่สิ่งที่ปูติน สีจิ้นผิง ทำนั้น คือ "รูปแบบพ่อปกครองลูก" ชัดเจน ปูตินมาเยือนพ่อร.9 รู้เห็นทุกอย่าง เข้าใจ จึงนำไปปฎิบัติใช้จนได้ผล กลับมาส่งออกข้าวสาลีมากที่สุดในโลก ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ส่วนสีจิ้นผิง ปฎิวัติแผ่นดินครั้งใหญ่ กวาดล้างบางคอรัปชั่น ใหญ่แค่ไหนก็แค่ใต้ตรีนพรรคคอมมิวนิสค์จีน ชัดเจนว่า ผู้นำดี ชาติเจริญ ปูติน และสีจิ้นผิง เปรียบเหมือนบิดาแห่งชาติ ที่เอาส่วนรวมเป็นที่ตั้ง เอาแผ่นดินมาตุภูมิมาเป็นตัวกำหนด ทุกการกระทำ นี่คืออัตลักษณ์ของผู้นำแบบพ่อปกครองลูก เราถึงเข้ากันได้ดี เพราะเคมีมันใช่เลย ตรงกันเป๊ะเด๊ะ! - พ่อปิยะ คือผู้นำการเปลี่ยนสยามประเทศครั้งใหญ่ เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ จะถูกเค้ากลืนหรือจะเป็นพวกเดียวกับเค้า ทัดเทียมกัน พ่อทำสำเร็จอย่างงดงาม ไทยเราเจริญเทียบเท่าญี่ปุ่นในยุคนั้น ธรรมดาที่ไหน การสื่อสาร ขนส่ง การค้า ระเบียบสากลมาเต็ม ลูกหลานไทยไปนอก สั่งสอน มรึงคือคนไทย กูไม่ได้ส่งมรึงไปให้เป็นฝรั่ง แต่กูให้มรึงสำเหนียกเอาไว้ว่า มรึงคือคนไทยที่มีความรู้เทียบเท่าฝรั่ง ไม่ให้มันมาเอาเปรียบเราได้ รู้ทันโลก 23 ตุลาคม คือวันคล้ายวันสวรรคตของพ่อท่าน เราลูกหลานอโยธยาทุกไอ้อี ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น ไม่มีพ่อท่าน เราคงตายห่าไปนานแล้ว ไม่มีพ่อท่าน คงไม่มีพ่อหลวงร.7 ร.9 ที่ฝ่าฟันอุปสรรคนานับประการ ขอบคุณแผ่นดินสวรรค์ ที่ได้ส่งพระอัฉริยะภาพพ่อหลวงทุกพระองค์มาปกครองแผ่นดินธรรม แผ่นดินทองนี้ มรึงและกู โคตรจะมีบุญ ที่ได้มาเกิดในยุครัชสมัยพ่อร.9 "ยุคแห่งพระคุณ" และยิ่งมีบุญมากขึ้น ที่ได้ยังอยู่เห็น "ยุคพระเดช" ในรัชสมัยพ่อร.10 ดังนั้น คน 2 แผ่นดิน ไม่รักพ่อ แล้วจะให้ไปรักใครได้อีก ขอเชิดชู ทุกการกระทำ ทุกการเสียสละ ทุกความเพียร และการตัดสินใจครั้งใหญ่ ครั้งสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์โลก ไม่มีพ่อปิยะ ก็คงไม่มีสยามประเทศในวันนี้ ไม่มีราชวงศ์จักรี ก็คงไม่มีลูกหลานไทยให้สืบต่อไปจนชั่วกาลปาวสาน จงรักสถาบันสูงสุดยิ่งกว่าชีวิตมรึง เพราะแผ่นดินนี้ ไม่มีกษัตริย์ ไม่ได้ แผ่นดินนี้ คือแผ่นดินสวรรค์ ไอ้อี ใครคิดร้าย มรึงจะถูกธรณีสูบลงขุมนรก โดนไฟนรกแผดเผาไปตลอดกาล ทำดี ต้องได้ดี ทำเหี้ย ต้องชดใช้กรรมไม่สิ้นสุด หยุด ลด ละ เลิก ตั้งสติ และแผ่เมตตาธรรมให้ทั่วหล้า อานิสงค์แห่งบุญนี้ จะทำให้เหี้ยไอ้อีทุกตัวมันร้อนจนอยู่ต่อไม่ได้ ต้องเผ่นออกนอกกันจนหมดสิ้น ขอราชวงศ์จักรี เจริญรุ่งเรือง ไปตลอดกาลเถิด ลูกหลานไทย จะรักษาคำมั่นเอาไว้ จากลูกสู่หลาน ส่งต่อปณิธานของพ่อไม่สิ้นสุด หมี CNN(รักพ่อปิยะ กุหลาบแดงจัดมา บุหรี่ เหล้าพร้อมเพรียง กราบไหว้ท่าน ระลึกถึงท่าน แสดงให้ท่านรู้ ว่าพระคุณของท่านยิ่งใหญ่ ลูกหลานไทยไม่เคยลืมเลือน ปลดแอกทาส พ่อทำให้ เพื่อให้อิสระพวกมรึง อิสรภาพ เสรีภาพ ของจริงคือแผ่นดินนี้ หาใช่อเมริกา อังกฤษ ตะวันตก ตอแหล อย่าถูกเหี้ยหลอกง่าย ลูกพ่อหลวง เก่ง ฉลาด มีสติ มีปัญญา มากกว่าพวกมันเยอะ เพราะพวกเราคือคนของสวรรค์นั่นเอง ถึงได้อยู่ในแผ่นดินร่มเย็นนี้ได้) 23 ตุลาคม 67(วันคล้ายวันสวรรคต สมเด็จพ่อปิยะ ที่รักของปวงชนชาวไทย) 09.55 น. https://linevoom.line.me/post/1172965228578622743
    0 Comments 0 Shares 244 Views 0 Reviews
  • พระพุทธเจ้าทรงตรัสถึงกรรมที่ทำให้มีบริวารมากและบริวารดีนั้น เกิดจากการที่ท่านเคยนำความสุขมาให้แก่คนหมู่มาก ช่วยบรรเทาความกลัวและความเดือดร้อนของผู้คน และให้ทานด้วยทรัพย์ที่หามาอย่างชอบธรรม สิ่งเหล่านี้เป็นกรรมดีที่สร้างให้ท่านมีบริวารมากในชาตินี้ เรื่องนี้ปรากฏในพระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค ว่าด้วยเรื่องการพยากรณ์มหาบุรุษ

    อย่างไรก็ตาม ความเชื่อที่ว่าการชักชวนให้ผู้อื่นทำบุญจะช่วยให้มีบริวารมากนั้น มีมาในอรรถกถา เช่นเรื่องของเศรษฐีพิฬาลปทกะ ซึ่งไม่ได้มีปรากฏในพระไตรปิฎกโดยตรง พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญการทำความดีและการชักชวนให้ผู้อื่นทำความดีตาม ซึ่งหลักการนี้สามารถพบได้ในพระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต ว่าด้วยผู้ที่รักษาศีลและชักชวนผู้อื่นให้รักษาศีลตามตน

    กรรมที่ทำให้มีบริวารมากจึงไม่ได้เกิดจากการชักชวนให้ทำบุญเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจาก "น้ำใจคิดช่วยคนหมู่มาก" ที่แท้จริง ไม่ใช่เพียงเพื่อผลลัพธ์ส่วนตน การมีน้ำใจช่วยเหลือ การมีเมตตา และการเป็นแรงบันดาลใจให้คนรอบข้างอยากทำความดีตาม เป็นเหตุที่แท้จริงที่จะทำให้เรามีบริวารที่ดี

    ในทางปฏิบัติ หากเราชักชวนให้คนทำบุญอย่างจริงใจ สร้างความรู้สึกดีและมีส่วนร่วมให้แก่พวกเขา กรรมดีก็จะส่งผลให้เรามีบริวารที่ดีได้ แต่หากชักชวนอย่างขอไปทีหรือทำให้คนอื่นอึดอัดใจ ก็ไม่ใช่หนทางที่จะทำให้เกิดบริวารที่ดีตามมา

    กฎแห่งการให้ผลของกรรมคือเรื่องที่มีความชอบธรรมและสัมพันธ์กับเหตุและผลโดยตรง การให้ความสำคัญกับน้ำใจที่มีต่อผู้อื่นและการสร้างแรงบันดาลใจที่ดี จึงเป็นแนวทางที่ถูกต้องในการสร้างบริวารที่แท้จริง
    พระพุทธเจ้าทรงตรัสถึงกรรมที่ทำให้มีบริวารมากและบริวารดีนั้น เกิดจากการที่ท่านเคยนำความสุขมาให้แก่คนหมู่มาก ช่วยบรรเทาความกลัวและความเดือดร้อนของผู้คน และให้ทานด้วยทรัพย์ที่หามาอย่างชอบธรรม สิ่งเหล่านี้เป็นกรรมดีที่สร้างให้ท่านมีบริวารมากในชาตินี้ เรื่องนี้ปรากฏในพระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค ว่าด้วยเรื่องการพยากรณ์มหาบุรุษ อย่างไรก็ตาม ความเชื่อที่ว่าการชักชวนให้ผู้อื่นทำบุญจะช่วยให้มีบริวารมากนั้น มีมาในอรรถกถา เช่นเรื่องของเศรษฐีพิฬาลปทกะ ซึ่งไม่ได้มีปรากฏในพระไตรปิฎกโดยตรง พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญการทำความดีและการชักชวนให้ผู้อื่นทำความดีตาม ซึ่งหลักการนี้สามารถพบได้ในพระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต ว่าด้วยผู้ที่รักษาศีลและชักชวนผู้อื่นให้รักษาศีลตามตน กรรมที่ทำให้มีบริวารมากจึงไม่ได้เกิดจากการชักชวนให้ทำบุญเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจาก "น้ำใจคิดช่วยคนหมู่มาก" ที่แท้จริง ไม่ใช่เพียงเพื่อผลลัพธ์ส่วนตน การมีน้ำใจช่วยเหลือ การมีเมตตา และการเป็นแรงบันดาลใจให้คนรอบข้างอยากทำความดีตาม เป็นเหตุที่แท้จริงที่จะทำให้เรามีบริวารที่ดี ในทางปฏิบัติ หากเราชักชวนให้คนทำบุญอย่างจริงใจ สร้างความรู้สึกดีและมีส่วนร่วมให้แก่พวกเขา กรรมดีก็จะส่งผลให้เรามีบริวารที่ดีได้ แต่หากชักชวนอย่างขอไปทีหรือทำให้คนอื่นอึดอัดใจ ก็ไม่ใช่หนทางที่จะทำให้เกิดบริวารที่ดีตามมา กฎแห่งการให้ผลของกรรมคือเรื่องที่มีความชอบธรรมและสัมพันธ์กับเหตุและผลโดยตรง การให้ความสำคัญกับน้ำใจที่มีต่อผู้อื่นและการสร้างแรงบันดาลใจที่ดี จึงเป็นแนวทางที่ถูกต้องในการสร้างบริวารที่แท้จริง
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 75 Views 0 Reviews
  • ประตูเปิดทางทิศตะวันออกเฉียงใต้

    เดือนนี้ จะตัดสินใจลงนามในหนังสือเอกสารสัญญาใดๆควรไตร่ตรองคิดพิจารณาให้รอบคอบรอบด้าน เป็นเพราะการเอาแต่ใจตนเองคิดเป็นใหญ่เกินตัวจะถูกฟ้องร้องฟ้องศาลให้แพ้คดีความในภายหลัง อีกทั้งลูกหลานและบริวารจะเป็นต้นเหตุให้เสียหาย รู้จักการวางเฉยปล่อยวางตั้งสติให้มั่น เพราะการคิดไม่ตกจากเรื่องที่ต้องขบคิดทำให้เกิดความเครียดเข้าครอบงำ ควรพิจารณาให้ถึงต้นสายปลายเหตุที่แท้จริงเพราะทุกๆปัญหาย่อมมีหนทางการแก้ไข อีกทั้งยามค่ำคืนควรจะหลีกเลี่ยงที่เปลี่ยวอย่าไปที่ไหนเพียงลำพังคนเดียวอาจจะเกิดเหตุโศกนาฏกรรมอุบัติเหตุเภทภัยได้ ควรรู้จักนอนหลับพักผ่อนออกกำลังกายให้พอเหมาะ สุขภาพร่างกายจะได้ไม่เจ็บป่วยไม่ต้องเสียทรัพย์ไปกับการรักษาพยาบาล
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ประตูเปิดทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เดือนนี้ จะตัดสินใจลงนามในหนังสือเอกสารสัญญาใดๆควรไตร่ตรองคิดพิจารณาให้รอบคอบรอบด้าน เป็นเพราะการเอาแต่ใจตนเองคิดเป็นใหญ่เกินตัวจะถูกฟ้องร้องฟ้องศาลให้แพ้คดีความในภายหลัง อีกทั้งลูกหลานและบริวารจะเป็นต้นเหตุให้เสียหาย รู้จักการวางเฉยปล่อยวางตั้งสติให้มั่น เพราะการคิดไม่ตกจากเรื่องที่ต้องขบคิดทำให้เกิดความเครียดเข้าครอบงำ ควรพิจารณาให้ถึงต้นสายปลายเหตุที่แท้จริงเพราะทุกๆปัญหาย่อมมีหนทางการแก้ไข อีกทั้งยามค่ำคืนควรจะหลีกเลี่ยงที่เปลี่ยวอย่าไปที่ไหนเพียงลำพังคนเดียวอาจจะเกิดเหตุโศกนาฏกรรมอุบัติเหตุเภทภัยได้ ควรรู้จักนอนหลับพักผ่อนออกกำลังกายให้พอเหมาะ สุขภาพร่างกายจะได้ไม่เจ็บป่วยไม่ต้องเสียทรัพย์ไปกับการรักษาพยาบาล ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ 🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 Comments 0 Shares 75 Views 0 Reviews
  • ประตูเปิดทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

    เดือนนี้ ทำธุรกิจค้าขายต้องรัดกุมจะถูกท้าทายอำนาจให้ตำแหน่งหยุดอยู่นิ่งกับที่ไม่ก้าวหน้า ธุรกิจอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ไอที ค้าแรงงาน จะเกิดอุปสรรคปัญหาให้ผิดพลาด ผู้บริหารจะต้องรับผิดชอบกับภาระหนักเพราะขาดสภาวะการเป็นผู้นำ คนที่เคยไว้เนื้อเชื่อใจแต่กลับไม่ซื่อสัตย์ ปล่อยเงินกู้จะเสียหายทำให้ผิดใจกัน มอบหมายงานสำคัญจำเป็นจะต้องคอยทวงถาม ลูกน้องและบริวารจะทรยศหักหลัง เพราะลูกหลานดื้อรั้นไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งผู้ใหญ่ทำให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งกัน ลูกชายจะอกตัญญูก้าวร้าวต่อพ่อแม่และผู้ใหญ่ ผู้สูงวัยหรือลูกชายคนโตจะเจ็บป่วย มีปัญหาที่ปอด กระดูก ศีรษะ ระบบเลือด หัวใจ และดวงตา ระวังมีเกณฑ์ขโมยจะขึ้นบ้านลักทรัพย์สินเงินทองควรหาวิธีป้องกัน
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ประตูเปิดทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เดือนนี้ ทำธุรกิจค้าขายต้องรัดกุมจะถูกท้าทายอำนาจให้ตำแหน่งหยุดอยู่นิ่งกับที่ไม่ก้าวหน้า ธุรกิจอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ไอที ค้าแรงงาน จะเกิดอุปสรรคปัญหาให้ผิดพลาด ผู้บริหารจะต้องรับผิดชอบกับภาระหนักเพราะขาดสภาวะการเป็นผู้นำ คนที่เคยไว้เนื้อเชื่อใจแต่กลับไม่ซื่อสัตย์ ปล่อยเงินกู้จะเสียหายทำให้ผิดใจกัน มอบหมายงานสำคัญจำเป็นจะต้องคอยทวงถาม ลูกน้องและบริวารจะทรยศหักหลัง เพราะลูกหลานดื้อรั้นไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งผู้ใหญ่ทำให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งกัน ลูกชายจะอกตัญญูก้าวร้าวต่อพ่อแม่และผู้ใหญ่ ผู้สูงวัยหรือลูกชายคนโตจะเจ็บป่วย มีปัญหาที่ปอด กระดูก ศีรษะ ระบบเลือด หัวใจ และดวงตา ระวังมีเกณฑ์ขโมยจะขึ้นบ้านลักทรัพย์สินเงินทองควรหาวิธีป้องกัน ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ 🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 Comments 0 Shares 54 Views 0 Reviews
  • 📚รีเบคก้า


    ดีใจที่ห้องสมุดมี และดีใจที่ยืมมาอ่าน แม้นอรรถรสอาจจะได้ไม่เต็มที่เพราะเคยดูหนังที่ฮิตช์ค็อกสร้างมาก่อน ถึงอย่างนั้นก็ยังสัมผัสได้ถึงความเป็นสุดยอดของนิยายยอดเยี่ยมแห่งยุคเรื่องหนึ่ง ไม่สงสัยแล้วว่าเหตุใดจึงยังไม่ถูกลืม เพราะความดีงามของเรื่องนั้นสามารถข้ามผ่านกาลเวลามาใกล้ 90 ปีเต็มที

    ขนาดพอรู้เรื่องคร่าวๆแม้นจำไม่ได้มากเพราะหนังดูไว้นานหลายปีแล้ว แต่เมื่อได้จับฉบับหนังสือก็ยังอดลุ้นระทึกตามไปกับตัวละครนำไม่ได้ ต้องสรรเสริญผู้เขียนคือ ดาฟเน ดู โมริเยร์ ที่ให้กำเนิดรีเบคก้าขึ้นมาอวดโฉมสู่สายตานักอ่านในบรรณพิภพ

    หนังสือพิมพ์ในไทยครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ.2511 ฉบับที่อ่านนี้เป็นของ สนพ.สร้างสรรค์-วิชาการ เป็นพิมพ์ครั้งที่ 7 เมื่อปี พ.ศ.2538 หนา 387 หน้า มีช่วงระหว่างหน้าที่ 283-298 ทำเอาใจวูบ เพราะกำลังดำเนินเรื่องถึงช่วงจุดสูงสุดที่จะเฉลยปม เลขหน้าข้าม ทีแรกก็เศร้าว่าหน้าหายเยอะขนาดนี้คงจะพลาดอะไรสำคัญไปเยอะ พลิกตรวจดูจึงรู้ว่า เป็นความผิดพลาดของการเข้าเล่ม ที่ทำให้ต้องเปิดพลิกกลับอ่านแบบญี่ปุ่นจากขวามาซ้ายประมาณ 16 หน้า จึงกลับสู่การอ่านแบบปกติได้ น่าจะเป็นทั้งล็อตในการพิมพ์หรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ

    สองประการที่ลดคุณค่าของนิยายเล่มนี้ในฉบับพิมพ์ของสร้างสรรค์คือ หนึ่ง ตัวอักษรที่เลือกใช้ได้ทรมานสายตาคนอ่านอย่างมากคือทั้งเล็กและบาง เมื่อบวกกับแถวยาวเหยียดที่เบียดกันเป็นพรืด นาน ๆ จึงจะพบย่อหน้าสักครั้ง จึงต้องใช้พลังสมาธิและความพยายามอย่างยิ่งกว่าจะอ่านจบ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะความดีงามในตัวของนิยายเองที่ทำให้อยากอ่านต่อ อาจยอมแพ้เสียก่อน และสอง กระดาษที่ใช้คุณภาพไม่ดีเลย ความหนาแน่นของเนื้อเยื่อกระดาษบางมาก

    🔻

    เนื้อเรื่องโดยย่อ

    หญิงสาววัยสัก20ปี ที่เป็นผู้มีบุคลิกใสซื่อ มีความเป็นตัวของตัวเองอย่างบริสุทธิ์ตามธรรมชาตินางหนึ่ง พ่อแม่ตายไปตั้งแต่ยังเล็ก จึงจำต้องหาเลี้ยงตนเองมาแบบอัตคัด จนได้มาติดตามเป็นหญิงรับใช้ให้กับคุณนายอึ่งอ่างนางหนึ่ง(ขออภัย เธอมีชื่อแต่ลักษณะภายนอกที่ถูกบรรยายทำให้นึกไปถึงอึ่งจริง ๆ นะ) ซึ่งคุณนายคนนี้ก็มีนิสัยแย่ ชอบจิกใช้งานหญิงสาว และพูดจาเหยียบย่ำน้ำใจบ่อย อีกทั้งชอบทำตัวเจ๋อแจ้น เที่ยวปั้นหน้าไปคุยกับคนในแวดวงสังคม ไม่ใช่เพื่ออะไรมากไปกว่าตักตวงข่าวสารมาพูดนินทาต่อให้คนอื่นฟังด้วยความสนุกปากตามพื้นนิสัยเดิม ซึ่งสถานที่ที่ทำให้นางเอกและพระเอกได้พบกันครั้งแรกคือที่ โรงแรมแห่งหนึ่งในมอนติคาโล คุณนายอึ่งอ่างถือวิสาสะไปคุยด้วยกับหนุ่มใหญ่เจ้าของคฤหาสน์ มันเดอลีย์ ที่กำลังอยู่ในระหว่างท่องเที่ยวเพื่อลืมเลือนเรื่องอดีตเกี่ยวกับภรรยาสาวที่เสียชีวิตไปไม่นาน ในห้องอาหารชั้นล่างซึ่งนางเอกก็จำต้องอยู่ใกล้ชิดร่วมโต๊ะแม้นไม่อยาก เพราะอับอายแทนผู้ว่าจ้างของตน ด้วยเธอเป็นคนหน้าบางและมีสมบัติผู้ดีมากกว่าคุณนายอึ่งอ่าง ทั้งที่โดนกดและดูถูกว่าเป็นพวกชั้นล่าง

    ก็การพบหน้าคราวนั้นเองคือจุดเริ่มต้นแห่งเรื่องราวชวนฝัน ที่ประจวบเหมาะว่าวันต่อมาเจ้านายเธอมีไข้ไม่สบาย หมอให้พักสักสองสัปดาห์ในห้อง จึงเป็นโอกาสให้นางเอกของเรื่องพอจะมีเวลาเป็นของตนเอง ได้ใช้ชีวิตอิสระในตอนลงมากินข้าวที่ห้องอาหารชั้นล่าง ซึ่งก็พอดีได้พบพระเอกเป็นครั้งที่สอง แม้จะเจียมตัวไม่กล้าไปทักหรือร่วมโต๊ะ แต่สุดท้ายเหตุการณ์ก็พาไปให้พระเอกคือมิสเตอร์ เดอวินเตอร์ ตะล่อมพูดจนเธอยอมมานั่งกินอาหารโต๊ะเดียวกับเขา และได้พูดคุยพอเป็นที่รู้เรื่องความเป็นมาของฝ่ายสาว และในโอกาสต่อมาจากวันนั้น กลายเป็นว่าช่วงเวลาที่คุณนายอึ่งอ่างนอนแซ่วบนเตียง ที่ก็ไม่ได้ป่วยอะไรมาก แต่อยากหาเหตุให้คนอื่นมาเยี่ยมจะได้ชวนคุยนินทาสารพัดกับเล่นไพ่นั้น เปิดโอกาสให้นางเอกได้สานความสัมพันธ์อันดีกับพระเอกที่ยังคงมีมาดสุขุม ลึกลับ ครุ่นคิดตลอดเวลา และไม่ค่อยพูดจาหรือเปิดเผยเรื่องราวของตน จนฝ่ายหญิงเริ่มมีความรู้สึกที่ดีกับฝ่ายชายอย่างมาก ถึงขั้นที่เรียกว่ารักแรก ทุกวันพระเอกจะพบกับนางเอกที่ห้องอาหาร กินด้วยกันแล้วพาไปนั่งรถแล่นกินลมชมวิวไปตามที่ต่างๆ

    แต่แล้วเมื่ออาการของเจ้านายดีขึ้น วันหนึ่งก็สั่งนางเอกว่าให้รีบไปจองตั๋วรถไฟ เพราะลูกสาวของนางติดต่อมาว่าจะไปนิวยอร์ก และเจ้านายก็จะตามไปอยู่ด้วย แน่นอนว่าต้องเอานางเอกตามไปรับใช้ เมื่อทราบข่าวเธอถึงกับหัวใจสลาย เข่าอ่อน เหมือนความสุขที่เพิ่งปรากฏไม่นานในชีวิตกำลังจะสูญสลายไปตลอดกาล เธอพยายามจะลงไปพบเจอพระเอก แต่เขาไม่อยู่ไปทำธุระ ทำให้ในเธอรุ่มร้อนเป็นไฟ ในวันเดินทางที่ถูกใช้ให้ไปเปลี่ยนตั๋วเพื่อเลื่อนเที่ยวรถให้เร็วขึ้นจากช่วงสายเป็นช่วงเช้า เธอสิ้นหวังแล้ว แต่ไม่อาจตัดใจจากไปทั้งยังไม่ได้บอกลา จึงอาศัยช่วงที่เจ้านายสั่งให้มาติดต่อเปลี่ยนเที่ยวนั้น วิ่งหน้าตั้งไปเคาะห้องที่รู้ว่าพระเอกพักอยู่เพื่อจะบอกให้ทราบ และเมื่อพระเอกได้ฟัง จึงถามว่าทำไมเธอต้องปล่อยชีวิตให้เป็นไปตามแต่เจ้านายจะบงการ เธอบอกเพราะเธอต้องใช้เงิน และการทำงานรับใช้ทั้งที่ไม่อยากก็เพื่อแลกกับค่าจ้างน้อยนิด พระเอกยื่นข้อเสนอให้เลือก ว่าเธอจะไปกับคุณนายอึ่งอ่างหรือจะไปกับเขา เธอไม่เข้าใจ เขาบอกอีกครั้งให้ชัดว่าเธอจะเลือกไปกับเขาในฐานะมิสซิส เดอวินเตอร์หรือไม่

    นั่นเอง คือการเดินทางครั้งใหม่ของนางเอก หลังเธอตกลงใจจะไปกับเขาเพราะความรัก ทั้งสองแต่งงานกันอย่างที่ไม่มีการสวมชุด เข้าโบสถ์หรือการเลี้ยงฉลอง เพราะเขาไม่ปรารถนา แล้วไปฮันนีมูนต่อที่อิตาลีอยู่หลายสัปดาห์ ก่อนที่ท้ายสุดจะตรงไปที่คฤหาสน์มันเดอลีย์อันแสนไกล งดงามตั้งตระหง่านอยู่ภายในวงล้อมของป่ารก ที่ซึ่งเธอต้องกลายจากนางสาวต็อกต๋อย ไร้ชื่อเสียง ไร้เงิน ไร้ศักดิ์ฐานะใดๆ ไปเป็นคุณนายภริยาคนใหม่ของเจ้าของคฤหาสน์หรูเก่าแก่ ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ด้วยตัวคนเดียวโดดเดี่ยว และต้องเผชิญหน้ากับการต้อนรับอันเย็นชา และน่ากลัวของหญิงสาวผู้เป็นต้นห้องคนเก่าของมิสซิส เดอวินเตอร์คนที่ตายไปแล้ว อันมีนามว่า รีเบคกา กับบริวารรับใช้ชายหญิงอีกหลายคนที่ล้วนแล้วแต่มีอะไรที่เหมือนจะให้ความรู้สึกที่ไม่น่าไว้ใจ หดหู่ เร้นลับ

    ท่ามกลางความใหญ่โตกว้างขวางของห้องหับนับไม่ถ้วน ดอกไม้ป่านานาพรรณ อีกไม้ป่ายืนต้นรกชัฏ กับชายหาดและอ่าวที่เงียบเชียบ ดูเปลี่ยวเหงาวังเวง เสียงคลื่นทะเลที่ซัดเข้าหาฝั่ง กระทบโขดหิน ความดำมืดของบรรยากาศที่ทึบทึม ผู้คนที่จะเป็นมิตรก็ไม่ใช่ จะศัตรูก็ไม่เชิง กับเงาร่างของภรรยาสาวคนเก่าที่เพิ่งตายไปไม่นานของคนรักของเธอ ที่เหมือนยังมีชีวิตและปรากฏตัวไปทั่วทุกแห่ง

    นางเอกที่ยังอายุน้อยมาก กับพระเอกในวัย42 จะฟันฝ่าอุปสรรคและนำพาชีวิตรักไปรอดหรือไม่ ในขณะที่มีพี่สาวของสามีและพี่เขย อีกทั้งผู้จัดการงานทั่วไปของสามี คล้ายจะอยู่ฝ่ายเดียวกับเธอ และเอาใจช่วยให้ชีวิตของคนทั้งคู่เดินหน้าต่อไปได้ แต่ทว่าปริศนาทั้งหลายเกี่ยวกับคุณนายคนเก่า คือรีเบคกา และอุปสรรคจากแม่บ้านที่แสดงตนชัดว่าชิงชังรังเกียจ และหาเรื่องคอยสร้างปัญหาให้ ล้วนเป็นปราการใหญ่ที่ทำให้ผู้อ่านต้องลุ้นเอาใจช่วยเธอไปอย่างตื่นเต้น

    🔶️

    เชื่อว่าคนที่ไม่เคยรู้เรื่องราว ไม่เคยดูหนังมาก่อน จะได้รับอรรถรสความสนุกเต็มที่มากสุด ส่วนผู้เคยดูหนังแล้วก็ยังคงจะได้รับความสนุกได้ ในแง่ของการได้ทบทวนเก็บเกี่ยวรายละเอียดอีกครั้ง หากใครที่มีไว้ในกองดองแต่ยังไม่ได้อ่าน น่าเสียดายอย่างมาก

    ผู้แต่งมีอัจฉริยภาพในการเขียนบรรยายฉากอย่างแท้จริง ขอชื่นชมและสรรเสริญ โดนเฉพาะฉากที่พูดถึงนกชนิดต่าง ๆ พรรณไม้หลากหลายชนิดที่ขึ้นและปลูกไว้รายรอบคฤหาสน์ รายละเอียดของชนิดอาหาร เครื่องประกอบ เฟอร์นิเจอร์ของตกแต่ง คือมีความรอบรู้อย่างลึกจริง ทำให้คนอ่านเห็นภาพตามชัดเจน ยิ่งใครที่รู้จักอาหารประเภทต่าง ๆ เหล่านั้น รู้จักดอกไม้มากมายหลายชนิดที่กล่าวถึง คงจะยิ่งดำดิ่งเห็นภาพชัดราวกับเห็นลอยอยู่ตรงหน้า

    การใช้รูปแบบของอุปมาโวหารเชิงเปรียบเทียบช่างเป็นภาษาที่งดงาม แม้จะโบราณแต่เข้ากันมากกับยุคสมัยและบรรยากาศตามท้องเรื่อง ยิ่งบวกกับโครงเรื่องและแก่นที่แน่นเปรี๊ยะ อีกทั้งวิธีการเล่าอันน่าทึ่ง ซึ่งไม่ใช่ใครที่เป็นนักเขียนโดยทั่วไปก็สามารถทำได้ แน่นอนว่านักเขียนทุกคนล้วนปรารถนาให้ตนสามารถสร้างสรรค์งานเขียนดีเยี่ยมชนิดเป็นมาสเตอร์พีซของตนเองได้สักเล่มในชั่วชีวิตที่ผลิตงาน แต่มีไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำสำเร็จ และผมเชื่อว่า ดาฟเน ดู โมริเยร์ คือหนึ่งในนั้นได้อย่างเต็มภาคภูมิ ฉบับแปลไทยนี้ทำได้ดีทีเดียว แม้จะพบว่ามีบางคำออกจะแปลก ๆ ในความรู้สึกอยู่บ้าง เช่นใช้คำว่า กระท้อน ในความหมายที่สื่อถึงการ สะท้อน และอีก 2-3 คำ แต่พอเข้าใจได้ ไม่แน่ว่าในยุคสมัยที่ผู้แปลแปลไว้ คำไทยบางคำในเวลานั้นอาจใช้และสะกดต่างไปจากปัจจุบัน ซึ่งก็ได้แต่คาดเดาเพราะผมไม่มีความรู้มากพอในด้านนี้

    เรื่องนี้ทำให้เข้าใจถึงข้อด้อยที่น่ากำจัดหรือปรับปรุงแก้ไขให้ไม่มีอยู่ในอุปนิสัยของใครคนไหนก็ตามคือ "การคิดเองเออเอง" ซึ่งจะพบเห็นได้เยอะมากในตัวตนของนางเอก แทบจะตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งเป็นจุดตายที่มีส่วนจะทำให้ชีวิตรักของนางอาจต้องถึงกาลอับปางอย่างน่าหวดเสียว และผู้หญิงส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นกันด้วยสิ ความคิดระแวง คิดเป็นตุเป็นตะ คิดหมกมุ่นเพ้อฝันไปล่วงหน้าและมักเป็นไปในทางร้ายนั้น ได้แสดงให้เห็นอิทธิพลของมันชัดเจนยิ่งในเรื่อง ว่าส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาตามมาอย่างไม่น่าเชื่อ สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากหากผู้อ่านจะนำมาสำรวจตรวจตรากับการดำเนินชีวิตตนเอง ที่จะไม่ให้มี "อิตถีภาวะ"มากเกินไปแม้ในเพศชายก็ตาม

    มีบ้างทีอ่านแล้วอาจจะรู้สึก "ลำไย" ในอุปนิสัยของนางเอก ที่เธอจะอะไรกันนักหนานะกับแทบทุกเรื่อง แต่ก็ดีที่ผู้เขียนได้สร้างเหตุแล้วให้ตัวละครของตน ได้รู้จักเรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเองแล้วพัฒนาเติบโตขึ้นในช่วงหลัง ที่ไม่อ่อนวัย ใจใสไร้เดียงสาดังเช่นตอนต้นเรื่อง

    เป็นความชาญฉลาดในการวางผังอย่างดี ที่ให้เหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์ค่อยๆเปิดเผยให้ตัวนางเอกและคนอ่านได้ค่อยๆ รู้เรื่องเกี่ยวกับรีเบคกาเพิ่มขึ้นทีละน้อย ๆ เต็มไปด้วยความหวาดระแวง แคลงใจ จนนำไปสู่ความน่าตื่นตะลึงในช่วงที่เฉลยความจริงให้นางเอกและผู้อ่านทราบไปพร้อมกัน ต่อจากนั้นอีกร้อยกว่าหน้า ก็เป็นช่วงที่ไม่ได้มีแผ่วลงเลยแม้แต่น้อย มีแต่เร่งเร้า เขย่าขวัญ สั่นประสาท ให้ต้องตามลุ้นระทึกเอาใจช่วยให้พระนางผ่านพ้นเรื่องร้ายแรงไปได้ด้วยดีเถิด แต่ละหน้า แต่ละบทสนทนาล้วนแต่พาเราให้ตื่นตัว ตื่นเต้นไปกับอุปสรรคต่อเนื่องที่ดาหน้าเข้าใส่ทั้งสองอย่างต่อเนื่อง ราวคลื่นทะเลที่ซัดหาฝั่งลูกแล้วลูกเล่า เหมือนโดนคลื่นพาลอยขึ้นไปจนสูงแล้วบัดดลก็จับโยนลงมาสู่เบื้องต่ำ ก่อนจะถูกม้วนลอยขึ้นไปที่สูงใหม่

    ที่ชอบมากที่สุดคือวิธีที่ผู้เขียนเลือกใช้ในการหาทางพาให้พระนางดิ้นรนไปตามทางที่ถูกตัวร้ายนำไป ไม่อาจเป็นตัวของตัวเอง ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า จำนนต่อสิ่งที่ปรากฏและจู่โจม แต่แล้วก็พาให้ตัวละครและเรื่องราวทั้งหมดดำเนินไปสู่จุดอันคลี่คลายอย่างชนิดที่ต้องร้องในใจว่า คิดได้ยังไง ไม่มีจุดตำหนิได้เลย เพราะไม่ใช่ตอนจบที่เหมือนไม่รู้จะจัดการกับปมที่สร้างมาอย่างไรแล้วก็ใส่วิธีจัดการเข้ามาแบบไม่สนใจอะไร แต่ทุกอย่างคือถูกวางมาแล้วแต่แรก อย่างมีระเบียบ และเงียบเชียบ บอกใบ้ไว้แต่ไม่กระโตกกระตาก มีความลุ่มลึก ที่ถ้าหากใครมีเวลามากพอ ควรอ่านอย่างช้า ๆ เพื่อเก็บละเอียดทุกประโยคแล้วจะได้พบกับความไม่ธรรมดาของนิยานเรื่องนี้ที่น่าอึ้ง ชวนหลงใหลตั้งแต่เปิดเรื่องมาด้วยท่อนอมตะที่ว่า

    "เมื่อคืนนี้ดิฉันฝันว่า ได้ไปที่คฤหาสน์มันเดอลีย์อีกครั้งหนึ่ง"

    สุดท้ายคือ การที่ตลอดทั้งเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ เรากลับไม่ได้รู้เลยว่าผู้เล่าเรื่องคือ ดิฉันนั้น แท้จริงชื่อเรียงเสียงไรกันแน่ เรารู้จักกับรีเบคกา ราวกับมีชีวิตทั้งที่ตายไปแล้ว กลับกันนางเอกหรือ ดิฉัน ที่ใกล้ชิดกับคนอ่านมากสุดราวกับคือตัวเราเองที่ยังไม่ตายนั้น เหมือนใกล้แต่ก็ไกล คือเป็นใครก็ได้ไม่ว่าผู้อ่านคือชายหรือหญิง เมื่อได้อ่านเรื่องนี้แล้วอดไม่ได้จะนำตนเองไปสวมเป็น ดิฉัน ไม่มากก็น้อย

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    ป.ล. (คนที่ยังไม่เคยอ่านหรือดูหนังมาเลย ควรข้าม)

    เรื่องนี้มีฉบับฝาแฝด ที่ได้รับแรงบันดาลใจ จนนักเขียนนิยายไทยท่านหนึ่ง นำโครงเรื่องมาดัดแปลง กลายเป็นนิยายแปลงชื่อ คุณหญิงสีวิกา ที่ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2534 สนพ.หมึกจีน เคยได้รับการนำไปสร้างเป็นละครช่อง 7 นำแสดงโดยคุณแอน อังคณา ทิมดี รับบทคุณหญิงสีวิกา และคุณจอห์นนี่ แอนโฟเน่ รับบทสามี ส่วนภรรยาสาวคนใหม่รับบทโดย คุณลูกศร ธนาภรณ์ รัตนเสน ผมยังได้รับชมเมื่อครั้งเรียนช่วงมัธยมปลายพอจำได้ ตอนนั้นก็สนุกนะ เพราะอยากทราบความจริงที่อยู่เบื้องหลัง ต้องตามอ่านจากไทยรัฐทุกวัน ซึ่งในเรื่องตัวคุณหญิงสีวิกามีอาการของคนที่ศัพท์เฉพาะใช้คำว่า "ฮิสทีเรีย" สมัยนั้นถึงกับมีดราม่ากันใหญ่โตว่าเรื่องนี้ไม่ใช่นิยายที่ควรนำมาทำเป็นละครฉายทางทีวีช่วงหลังข่าวภาคค่ำจบ ยุคนั้นละครมีประมาณชั่วโมงเดียว เริ่มสักสามทุ่มไปจบสี่ทุ่ม สุดท้ายกระแสต่อต้านเยอะจนไม่แน่ใจว่าถูกตัดทอนให้ตอนสั้นลงแล้วรีบตัดจบเอาดื้อ ๆ หรือไม่ จำไม่ค่อยได้แล้ว

    #thaitimes
    #รีเบคกา
    #นิยายแปล
    #นิยาย
    #ลึกลับ
    #ความวิปริตทางเพศ
    #มอนติคาโล
    #ท่องเที่ยว
    #บ้านริมหาด
    #คฤหาสน์
    #หนังสือดี
    #หนังสือน่าอ่าน
    #วรรณกรรมคลาสสิก
    📚รีเบคก้า ดีใจที่ห้องสมุดมี และดีใจที่ยืมมาอ่าน แม้นอรรถรสอาจจะได้ไม่เต็มที่เพราะเคยดูหนังที่ฮิตช์ค็อกสร้างมาก่อน ถึงอย่างนั้นก็ยังสัมผัสได้ถึงความเป็นสุดยอดของนิยายยอดเยี่ยมแห่งยุคเรื่องหนึ่ง ไม่สงสัยแล้วว่าเหตุใดจึงยังไม่ถูกลืม เพราะความดีงามของเรื่องนั้นสามารถข้ามผ่านกาลเวลามาใกล้ 90 ปีเต็มที ขนาดพอรู้เรื่องคร่าวๆแม้นจำไม่ได้มากเพราะหนังดูไว้นานหลายปีแล้ว แต่เมื่อได้จับฉบับหนังสือก็ยังอดลุ้นระทึกตามไปกับตัวละครนำไม่ได้ ต้องสรรเสริญผู้เขียนคือ ดาฟเน ดู โมริเยร์ ที่ให้กำเนิดรีเบคก้าขึ้นมาอวดโฉมสู่สายตานักอ่านในบรรณพิภพ หนังสือพิมพ์ในไทยครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ.2511 ฉบับที่อ่านนี้เป็นของ สนพ.สร้างสรรค์-วิชาการ เป็นพิมพ์ครั้งที่ 7 เมื่อปี พ.ศ.2538 หนา 387 หน้า มีช่วงระหว่างหน้าที่ 283-298 ทำเอาใจวูบ เพราะกำลังดำเนินเรื่องถึงช่วงจุดสูงสุดที่จะเฉลยปม เลขหน้าข้าม ทีแรกก็เศร้าว่าหน้าหายเยอะขนาดนี้คงจะพลาดอะไรสำคัญไปเยอะ พลิกตรวจดูจึงรู้ว่า เป็นความผิดพลาดของการเข้าเล่ม ที่ทำให้ต้องเปิดพลิกกลับอ่านแบบญี่ปุ่นจากขวามาซ้ายประมาณ 16 หน้า จึงกลับสู่การอ่านแบบปกติได้ น่าจะเป็นทั้งล็อตในการพิมพ์หรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ สองประการที่ลดคุณค่าของนิยายเล่มนี้ในฉบับพิมพ์ของสร้างสรรค์คือ หนึ่ง ตัวอักษรที่เลือกใช้ได้ทรมานสายตาคนอ่านอย่างมากคือทั้งเล็กและบาง เมื่อบวกกับแถวยาวเหยียดที่เบียดกันเป็นพรืด นาน ๆ จึงจะพบย่อหน้าสักครั้ง จึงต้องใช้พลังสมาธิและความพยายามอย่างยิ่งกว่าจะอ่านจบ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะความดีงามในตัวของนิยายเองที่ทำให้อยากอ่านต่อ อาจยอมแพ้เสียก่อน และสอง กระดาษที่ใช้คุณภาพไม่ดีเลย ความหนาแน่นของเนื้อเยื่อกระดาษบางมาก 🔻 เนื้อเรื่องโดยย่อ หญิงสาววัยสัก20ปี ที่เป็นผู้มีบุคลิกใสซื่อ มีความเป็นตัวของตัวเองอย่างบริสุทธิ์ตามธรรมชาตินางหนึ่ง พ่อแม่ตายไปตั้งแต่ยังเล็ก จึงจำต้องหาเลี้ยงตนเองมาแบบอัตคัด จนได้มาติดตามเป็นหญิงรับใช้ให้กับคุณนายอึ่งอ่างนางหนึ่ง(ขออภัย เธอมีชื่อแต่ลักษณะภายนอกที่ถูกบรรยายทำให้นึกไปถึงอึ่งจริง ๆ นะ) ซึ่งคุณนายคนนี้ก็มีนิสัยแย่ ชอบจิกใช้งานหญิงสาว และพูดจาเหยียบย่ำน้ำใจบ่อย อีกทั้งชอบทำตัวเจ๋อแจ้น เที่ยวปั้นหน้าไปคุยกับคนในแวดวงสังคม ไม่ใช่เพื่ออะไรมากไปกว่าตักตวงข่าวสารมาพูดนินทาต่อให้คนอื่นฟังด้วยความสนุกปากตามพื้นนิสัยเดิม ซึ่งสถานที่ที่ทำให้นางเอกและพระเอกได้พบกันครั้งแรกคือที่ โรงแรมแห่งหนึ่งในมอนติคาโล คุณนายอึ่งอ่างถือวิสาสะไปคุยด้วยกับหนุ่มใหญ่เจ้าของคฤหาสน์ มันเดอลีย์ ที่กำลังอยู่ในระหว่างท่องเที่ยวเพื่อลืมเลือนเรื่องอดีตเกี่ยวกับภรรยาสาวที่เสียชีวิตไปไม่นาน ในห้องอาหารชั้นล่างซึ่งนางเอกก็จำต้องอยู่ใกล้ชิดร่วมโต๊ะแม้นไม่อยาก เพราะอับอายแทนผู้ว่าจ้างของตน ด้วยเธอเป็นคนหน้าบางและมีสมบัติผู้ดีมากกว่าคุณนายอึ่งอ่าง ทั้งที่โดนกดและดูถูกว่าเป็นพวกชั้นล่าง ก็การพบหน้าคราวนั้นเองคือจุดเริ่มต้นแห่งเรื่องราวชวนฝัน ที่ประจวบเหมาะว่าวันต่อมาเจ้านายเธอมีไข้ไม่สบาย หมอให้พักสักสองสัปดาห์ในห้อง จึงเป็นโอกาสให้นางเอกของเรื่องพอจะมีเวลาเป็นของตนเอง ได้ใช้ชีวิตอิสระในตอนลงมากินข้าวที่ห้องอาหารชั้นล่าง ซึ่งก็พอดีได้พบพระเอกเป็นครั้งที่สอง แม้จะเจียมตัวไม่กล้าไปทักหรือร่วมโต๊ะ แต่สุดท้ายเหตุการณ์ก็พาไปให้พระเอกคือมิสเตอร์ เดอวินเตอร์ ตะล่อมพูดจนเธอยอมมานั่งกินอาหารโต๊ะเดียวกับเขา และได้พูดคุยพอเป็นที่รู้เรื่องความเป็นมาของฝ่ายสาว และในโอกาสต่อมาจากวันนั้น กลายเป็นว่าช่วงเวลาที่คุณนายอึ่งอ่างนอนแซ่วบนเตียง ที่ก็ไม่ได้ป่วยอะไรมาก แต่อยากหาเหตุให้คนอื่นมาเยี่ยมจะได้ชวนคุยนินทาสารพัดกับเล่นไพ่นั้น เปิดโอกาสให้นางเอกได้สานความสัมพันธ์อันดีกับพระเอกที่ยังคงมีมาดสุขุม ลึกลับ ครุ่นคิดตลอดเวลา และไม่ค่อยพูดจาหรือเปิดเผยเรื่องราวของตน จนฝ่ายหญิงเริ่มมีความรู้สึกที่ดีกับฝ่ายชายอย่างมาก ถึงขั้นที่เรียกว่ารักแรก ทุกวันพระเอกจะพบกับนางเอกที่ห้องอาหาร กินด้วยกันแล้วพาไปนั่งรถแล่นกินลมชมวิวไปตามที่ต่างๆ แต่แล้วเมื่ออาการของเจ้านายดีขึ้น วันหนึ่งก็สั่งนางเอกว่าให้รีบไปจองตั๋วรถไฟ เพราะลูกสาวของนางติดต่อมาว่าจะไปนิวยอร์ก และเจ้านายก็จะตามไปอยู่ด้วย แน่นอนว่าต้องเอานางเอกตามไปรับใช้ เมื่อทราบข่าวเธอถึงกับหัวใจสลาย เข่าอ่อน เหมือนความสุขที่เพิ่งปรากฏไม่นานในชีวิตกำลังจะสูญสลายไปตลอดกาล เธอพยายามจะลงไปพบเจอพระเอก แต่เขาไม่อยู่ไปทำธุระ ทำให้ในเธอรุ่มร้อนเป็นไฟ ในวันเดินทางที่ถูกใช้ให้ไปเปลี่ยนตั๋วเพื่อเลื่อนเที่ยวรถให้เร็วขึ้นจากช่วงสายเป็นช่วงเช้า เธอสิ้นหวังแล้ว แต่ไม่อาจตัดใจจากไปทั้งยังไม่ได้บอกลา จึงอาศัยช่วงที่เจ้านายสั่งให้มาติดต่อเปลี่ยนเที่ยวนั้น วิ่งหน้าตั้งไปเคาะห้องที่รู้ว่าพระเอกพักอยู่เพื่อจะบอกให้ทราบ และเมื่อพระเอกได้ฟัง จึงถามว่าทำไมเธอต้องปล่อยชีวิตให้เป็นไปตามแต่เจ้านายจะบงการ เธอบอกเพราะเธอต้องใช้เงิน และการทำงานรับใช้ทั้งที่ไม่อยากก็เพื่อแลกกับค่าจ้างน้อยนิด พระเอกยื่นข้อเสนอให้เลือก ว่าเธอจะไปกับคุณนายอึ่งอ่างหรือจะไปกับเขา เธอไม่เข้าใจ เขาบอกอีกครั้งให้ชัดว่าเธอจะเลือกไปกับเขาในฐานะมิสซิส เดอวินเตอร์หรือไม่ นั่นเอง คือการเดินทางครั้งใหม่ของนางเอก หลังเธอตกลงใจจะไปกับเขาเพราะความรัก ทั้งสองแต่งงานกันอย่างที่ไม่มีการสวมชุด เข้าโบสถ์หรือการเลี้ยงฉลอง เพราะเขาไม่ปรารถนา แล้วไปฮันนีมูนต่อที่อิตาลีอยู่หลายสัปดาห์ ก่อนที่ท้ายสุดจะตรงไปที่คฤหาสน์มันเดอลีย์อันแสนไกล งดงามตั้งตระหง่านอยู่ภายในวงล้อมของป่ารก ที่ซึ่งเธอต้องกลายจากนางสาวต็อกต๋อย ไร้ชื่อเสียง ไร้เงิน ไร้ศักดิ์ฐานะใดๆ ไปเป็นคุณนายภริยาคนใหม่ของเจ้าของคฤหาสน์หรูเก่าแก่ ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ด้วยตัวคนเดียวโดดเดี่ยว และต้องเผชิญหน้ากับการต้อนรับอันเย็นชา และน่ากลัวของหญิงสาวผู้เป็นต้นห้องคนเก่าของมิสซิส เดอวินเตอร์คนที่ตายไปแล้ว อันมีนามว่า รีเบคกา กับบริวารรับใช้ชายหญิงอีกหลายคนที่ล้วนแล้วแต่มีอะไรที่เหมือนจะให้ความรู้สึกที่ไม่น่าไว้ใจ หดหู่ เร้นลับ ท่ามกลางความใหญ่โตกว้างขวางของห้องหับนับไม่ถ้วน ดอกไม้ป่านานาพรรณ อีกไม้ป่ายืนต้นรกชัฏ กับชายหาดและอ่าวที่เงียบเชียบ ดูเปลี่ยวเหงาวังเวง เสียงคลื่นทะเลที่ซัดเข้าหาฝั่ง กระทบโขดหิน ความดำมืดของบรรยากาศที่ทึบทึม ผู้คนที่จะเป็นมิตรก็ไม่ใช่ จะศัตรูก็ไม่เชิง กับเงาร่างของภรรยาสาวคนเก่าที่เพิ่งตายไปไม่นานของคนรักของเธอ ที่เหมือนยังมีชีวิตและปรากฏตัวไปทั่วทุกแห่ง นางเอกที่ยังอายุน้อยมาก กับพระเอกในวัย42 จะฟันฝ่าอุปสรรคและนำพาชีวิตรักไปรอดหรือไม่ ในขณะที่มีพี่สาวของสามีและพี่เขย อีกทั้งผู้จัดการงานทั่วไปของสามี คล้ายจะอยู่ฝ่ายเดียวกับเธอ และเอาใจช่วยให้ชีวิตของคนทั้งคู่เดินหน้าต่อไปได้ แต่ทว่าปริศนาทั้งหลายเกี่ยวกับคุณนายคนเก่า คือรีเบคกา และอุปสรรคจากแม่บ้านที่แสดงตนชัดว่าชิงชังรังเกียจ และหาเรื่องคอยสร้างปัญหาให้ ล้วนเป็นปราการใหญ่ที่ทำให้ผู้อ่านต้องลุ้นเอาใจช่วยเธอไปอย่างตื่นเต้น 🔶️ เชื่อว่าคนที่ไม่เคยรู้เรื่องราว ไม่เคยดูหนังมาก่อน จะได้รับอรรถรสความสนุกเต็มที่มากสุด ส่วนผู้เคยดูหนังแล้วก็ยังคงจะได้รับความสนุกได้ ในแง่ของการได้ทบทวนเก็บเกี่ยวรายละเอียดอีกครั้ง หากใครที่มีไว้ในกองดองแต่ยังไม่ได้อ่าน น่าเสียดายอย่างมาก ผู้แต่งมีอัจฉริยภาพในการเขียนบรรยายฉากอย่างแท้จริง ขอชื่นชมและสรรเสริญ โดนเฉพาะฉากที่พูดถึงนกชนิดต่าง ๆ พรรณไม้หลากหลายชนิดที่ขึ้นและปลูกไว้รายรอบคฤหาสน์ รายละเอียดของชนิดอาหาร เครื่องประกอบ เฟอร์นิเจอร์ของตกแต่ง คือมีความรอบรู้อย่างลึกจริง ทำให้คนอ่านเห็นภาพตามชัดเจน ยิ่งใครที่รู้จักอาหารประเภทต่าง ๆ เหล่านั้น รู้จักดอกไม้มากมายหลายชนิดที่กล่าวถึง คงจะยิ่งดำดิ่งเห็นภาพชัดราวกับเห็นลอยอยู่ตรงหน้า การใช้รูปแบบของอุปมาโวหารเชิงเปรียบเทียบช่างเป็นภาษาที่งดงาม แม้จะโบราณแต่เข้ากันมากกับยุคสมัยและบรรยากาศตามท้องเรื่อง ยิ่งบวกกับโครงเรื่องและแก่นที่แน่นเปรี๊ยะ อีกทั้งวิธีการเล่าอันน่าทึ่ง ซึ่งไม่ใช่ใครที่เป็นนักเขียนโดยทั่วไปก็สามารถทำได้ แน่นอนว่านักเขียนทุกคนล้วนปรารถนาให้ตนสามารถสร้างสรรค์งานเขียนดีเยี่ยมชนิดเป็นมาสเตอร์พีซของตนเองได้สักเล่มในชั่วชีวิตที่ผลิตงาน แต่มีไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำสำเร็จ และผมเชื่อว่า ดาฟเน ดู โมริเยร์ คือหนึ่งในนั้นได้อย่างเต็มภาคภูมิ ฉบับแปลไทยนี้ทำได้ดีทีเดียว แม้จะพบว่ามีบางคำออกจะแปลก ๆ ในความรู้สึกอยู่บ้าง เช่นใช้คำว่า กระท้อน ในความหมายที่สื่อถึงการ สะท้อน และอีก 2-3 คำ แต่พอเข้าใจได้ ไม่แน่ว่าในยุคสมัยที่ผู้แปลแปลไว้ คำไทยบางคำในเวลานั้นอาจใช้และสะกดต่างไปจากปัจจุบัน ซึ่งก็ได้แต่คาดเดาเพราะผมไม่มีความรู้มากพอในด้านนี้ เรื่องนี้ทำให้เข้าใจถึงข้อด้อยที่น่ากำจัดหรือปรับปรุงแก้ไขให้ไม่มีอยู่ในอุปนิสัยของใครคนไหนก็ตามคือ "การคิดเองเออเอง" ซึ่งจะพบเห็นได้เยอะมากในตัวตนของนางเอก แทบจะตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งเป็นจุดตายที่มีส่วนจะทำให้ชีวิตรักของนางอาจต้องถึงกาลอับปางอย่างน่าหวดเสียว และผู้หญิงส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นกันด้วยสิ ความคิดระแวง คิดเป็นตุเป็นตะ คิดหมกมุ่นเพ้อฝันไปล่วงหน้าและมักเป็นไปในทางร้ายนั้น ได้แสดงให้เห็นอิทธิพลของมันชัดเจนยิ่งในเรื่อง ว่าส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาตามมาอย่างไม่น่าเชื่อ สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากหากผู้อ่านจะนำมาสำรวจตรวจตรากับการดำเนินชีวิตตนเอง ที่จะไม่ให้มี "อิตถีภาวะ"มากเกินไปแม้ในเพศชายก็ตาม มีบ้างทีอ่านแล้วอาจจะรู้สึก "ลำไย" ในอุปนิสัยของนางเอก ที่เธอจะอะไรกันนักหนานะกับแทบทุกเรื่อง แต่ก็ดีที่ผู้เขียนได้สร้างเหตุแล้วให้ตัวละครของตน ได้รู้จักเรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเองแล้วพัฒนาเติบโตขึ้นในช่วงหลัง ที่ไม่อ่อนวัย ใจใสไร้เดียงสาดังเช่นตอนต้นเรื่อง เป็นความชาญฉลาดในการวางผังอย่างดี ที่ให้เหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์ค่อยๆเปิดเผยให้ตัวนางเอกและคนอ่านได้ค่อยๆ รู้เรื่องเกี่ยวกับรีเบคกาเพิ่มขึ้นทีละน้อย ๆ เต็มไปด้วยความหวาดระแวง แคลงใจ จนนำไปสู่ความน่าตื่นตะลึงในช่วงที่เฉลยความจริงให้นางเอกและผู้อ่านทราบไปพร้อมกัน ต่อจากนั้นอีกร้อยกว่าหน้า ก็เป็นช่วงที่ไม่ได้มีแผ่วลงเลยแม้แต่น้อย มีแต่เร่งเร้า เขย่าขวัญ สั่นประสาท ให้ต้องตามลุ้นระทึกเอาใจช่วยให้พระนางผ่านพ้นเรื่องร้ายแรงไปได้ด้วยดีเถิด แต่ละหน้า แต่ละบทสนทนาล้วนแต่พาเราให้ตื่นตัว ตื่นเต้นไปกับอุปสรรคต่อเนื่องที่ดาหน้าเข้าใส่ทั้งสองอย่างต่อเนื่อง ราวคลื่นทะเลที่ซัดหาฝั่งลูกแล้วลูกเล่า เหมือนโดนคลื่นพาลอยขึ้นไปจนสูงแล้วบัดดลก็จับโยนลงมาสู่เบื้องต่ำ ก่อนจะถูกม้วนลอยขึ้นไปที่สูงใหม่ ที่ชอบมากที่สุดคือวิธีที่ผู้เขียนเลือกใช้ในการหาทางพาให้พระนางดิ้นรนไปตามทางที่ถูกตัวร้ายนำไป ไม่อาจเป็นตัวของตัวเอง ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า จำนนต่อสิ่งที่ปรากฏและจู่โจม แต่แล้วก็พาให้ตัวละครและเรื่องราวทั้งหมดดำเนินไปสู่จุดอันคลี่คลายอย่างชนิดที่ต้องร้องในใจว่า คิดได้ยังไง ไม่มีจุดตำหนิได้เลย เพราะไม่ใช่ตอนจบที่เหมือนไม่รู้จะจัดการกับปมที่สร้างมาอย่างไรแล้วก็ใส่วิธีจัดการเข้ามาแบบไม่สนใจอะไร แต่ทุกอย่างคือถูกวางมาแล้วแต่แรก อย่างมีระเบียบ และเงียบเชียบ บอกใบ้ไว้แต่ไม่กระโตกกระตาก มีความลุ่มลึก ที่ถ้าหากใครมีเวลามากพอ ควรอ่านอย่างช้า ๆ เพื่อเก็บละเอียดทุกประโยคแล้วจะได้พบกับความไม่ธรรมดาของนิยานเรื่องนี้ที่น่าอึ้ง ชวนหลงใหลตั้งแต่เปิดเรื่องมาด้วยท่อนอมตะที่ว่า "เมื่อคืนนี้ดิฉันฝันว่า ได้ไปที่คฤหาสน์มันเดอลีย์อีกครั้งหนึ่ง" สุดท้ายคือ การที่ตลอดทั้งเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ เรากลับไม่ได้รู้เลยว่าผู้เล่าเรื่องคือ ดิฉันนั้น แท้จริงชื่อเรียงเสียงไรกันแน่ เรารู้จักกับรีเบคกา ราวกับมีชีวิตทั้งที่ตายไปแล้ว กลับกันนางเอกหรือ ดิฉัน ที่ใกล้ชิดกับคนอ่านมากสุดราวกับคือตัวเราเองที่ยังไม่ตายนั้น เหมือนใกล้แต่ก็ไกล คือเป็นใครก็ได้ไม่ว่าผู้อ่านคือชายหรือหญิง เมื่อได้อ่านเรื่องนี้แล้วอดไม่ได้จะนำตนเองไปสวมเป็น ดิฉัน ไม่มากก็น้อย . . . . . . . . . ป.ล. (คนที่ยังไม่เคยอ่านหรือดูหนังมาเลย ควรข้าม) เรื่องนี้มีฉบับฝาแฝด ที่ได้รับแรงบันดาลใจ จนนักเขียนนิยายไทยท่านหนึ่ง นำโครงเรื่องมาดัดแปลง กลายเป็นนิยายแปลงชื่อ คุณหญิงสีวิกา ที่ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2534 สนพ.หมึกจีน เคยได้รับการนำไปสร้างเป็นละครช่อง 7 นำแสดงโดยคุณแอน อังคณา ทิมดี รับบทคุณหญิงสีวิกา และคุณจอห์นนี่ แอนโฟเน่ รับบทสามี ส่วนภรรยาสาวคนใหม่รับบทโดย คุณลูกศร ธนาภรณ์ รัตนเสน ผมยังได้รับชมเมื่อครั้งเรียนช่วงมัธยมปลายพอจำได้ ตอนนั้นก็สนุกนะ เพราะอยากทราบความจริงที่อยู่เบื้องหลัง ต้องตามอ่านจากไทยรัฐทุกวัน ซึ่งในเรื่องตัวคุณหญิงสีวิกามีอาการของคนที่ศัพท์เฉพาะใช้คำว่า "ฮิสทีเรีย" สมัยนั้นถึงกับมีดราม่ากันใหญ่โตว่าเรื่องนี้ไม่ใช่นิยายที่ควรนำมาทำเป็นละครฉายทางทีวีช่วงหลังข่าวภาคค่ำจบ ยุคนั้นละครมีประมาณชั่วโมงเดียว เริ่มสักสามทุ่มไปจบสี่ทุ่ม สุดท้ายกระแสต่อต้านเยอะจนไม่แน่ใจว่าถูกตัดทอนให้ตอนสั้นลงแล้วรีบตัดจบเอาดื้อ ๆ หรือไม่ จำไม่ค่อยได้แล้ว #thaitimes #รีเบคกา #นิยายแปล #นิยาย #ลึกลับ #ความวิปริตทางเพศ #มอนติคาโล #ท่องเที่ยว #บ้านริมหาด #คฤหาสน์ #หนังสือดี #หนังสือน่าอ่าน #วรรณกรรมคลาสสิก
    0 Comments 0 Shares 1001 Views 0 Reviews
  • อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย


    อาณาจักรสุโขทัยเริ่มต้นประวัติศาสตร์โดยมีหลักฐานชัดเจนในสมัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์(พ่อขุนบางกลางหาว พ.ศ.1781 - 1822) ต่อมาอาณาจักรสุโขทัยเจริญรุ่งเรืองสูงสุดในรัชสมัยของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช อำนาจของอาณาจักรสุโขทัยในช่วงรัชสมัยของพระองค์มีความมั่นคงจาก ทรงแผ่อาณาเขตออกไปโดยรอบ วัฒนธรรมไทยได้เจริญขึ้นทุกสาขา ดังปรากฎในศิลาจารึกหลักที่ 1 ซึ่งเจริญ ทั้งด้านประวัติศาสตร์ การสงคราม ภูมิศาสตร์ กฎหมาย ประเพณี การปกครอง การเศรษฐกิจ การสังคม ปรัชญา พระพุทธศาสนา การประดิษฐ์อักษรไทย ราชวงศ์พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ (พระร่วง หรือ สุโขทัย) ได้ปกครองอาณาจักรสุโขทัยสืบต่อมาเป็นเวลา 200 ปี ก็ถูกรวมเข้ากับ อาณาจักรอยุธยา

    ผังเมืองสุโขทัยมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร กว้างประมาณ 1.6 กิโลเมตร มีประตูเมืองอยู่ตรงกลางกำแพงเมืองแต่ละด้าน ภายในยังเหลือร่องรอยพระราชวัง และวัดมากถึง 26 แห่ง วัดที่ใหญ่ที่สุดคือวัดมหาธาตุ อุทยานประวัติศาสตร์แห่งนี้ ได้รับการบูรรปฏิสังขรณ์โดยกรมศิลปากร ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากองค์การยูเนสโก มีผู้เยี่ยมชมหลายแสนคนต่อปี นักท่องเที่ยวสามารถเดินเท้า นั่งรถราง หรือ ขี่จักรยาน เที่ยวชมได้อย่างสะดวกปลอดภัย

    ในวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ.2534 องค์การยูเนสโก ได้ประกาศให้อุทยานแห่งนี้เป็นแหล่งมรดกโลก ร่วมกับอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร และ อุทยานประวัติศาตร์ศรีสัชนาลัย ภายใต้ชื่อว่า “เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร” (Historic Town of Sukhothai and Associated Historic Towns) เนื่องจากหลักฐานที่ปรากฎแสดงให้เห็นถึงผลงานทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นนับเป็น ตัวแทนของศิลปกรรมไทยยุคแรก และเป็นต้นกำเนิดของการสร้างประเทศไทย


    นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมได้ ๓ วิธี คือ เดินเท้า ปั่นจักรยาน และ การนั่งรถรางไฟฟ้า โดยทางอุทยานฯ มีรถจักรยานให้เช่าด้วย นอกจากนี้ หน้าโบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนแต่ละแห่งยังมีป้าย OR Code สำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟน สามารถสแกนเข้าไปอ่านเรื่องราวเพิ่มเติมได้ มีให้เลือก ๔ ภาษา ได้แก่ ไทย จีน ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส

    เมืองสุโขทัย ก่อตั้งขึ้นราวกลางพุทธศตวรรษที่ ๑๘ สันนิษฐานว่าสุโขทัยในยุคแรกได้รับอิทธิพลของศิลปะแบบขอมจากละโว้หรือลพบุรี ต่อมายกฐานะเป็นราชธานี โดยมีพ่อขุนบางกลางหาว หรือพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ เป็นปฐมกษัตริย์ เป็นจุดเริ่มต้นอาณาจักรแห่งแรกของไทย ราวปี ๑๗๙๒ อาณาจักรสุโขทัยรุ่งเรืองถึงขีดสุดในสมัยพ่อขุนรามคำแหง กษัตริย์องค์ที่ ๓ บันทึกในศิลาจารึกบอกถึงเขตอาณาจักรอันกว้างขวาง ทิศเหนือจดเมืองแพร่ น่าน หลวงพระบาง ทิศใต้จดเมืองนครศรีธรรมราช ทิศตะวันออกจดเมืองเวียงจันทน์ และทิศตะวันตกจดเมืองหงสาวดี การปกครองเป็นระบบ พ่อปกครองลูก เอื้อสิทธิเสรีภาพให้ประชาชน

    จุดเด่นของผังเมืองสุโขทัยคือระบบชลประทาน เป็นระบบที่กระจายน้ำเพื่อการทำเกษตรกรรม อุปโภค บริโภคให้ชาวเมืองได้อย่างทั่วถึง และยังสามารถช่วยระบายน้ำเอ่อล้นช่วงหน้าน้ำหลากได้ดีเช่นกัน ในช่วงการปกครองของพ่อขุนรามคำแหงชาวเมืองสุโขทัยมีความเป็นอยู่อย่างสงบร่มเย็น ด้วยพระองค์ทรงมีความเอาใจใส่ทำนุบำรุงศาสนาอย่างเต็มที่ สังเกตจากลักษณะพระพักตร์ของพระพุทธรูปที่สร้างขึ้น ส่วนใหญ่จะมีพระโอษฐ์ยิ้ม สะท้อนเอกลักษณ์ของยุคสมัย และจำนวนวัดวาที่ถูกสร้างขึ้นอย่างมากมาย เมื่อปี ๒๕๓๔ องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยเป็นแหล่งมรดกโลกร่วมกับอีก ๒ แห่ง ได้แก่ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย และอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ภายใต้ชื่อว่า “เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร”
    อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย อาณาจักรสุโขทัยเริ่มต้นประวัติศาสตร์โดยมีหลักฐานชัดเจนในสมัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์(พ่อขุนบางกลางหาว พ.ศ.1781 - 1822) ต่อมาอาณาจักรสุโขทัยเจริญรุ่งเรืองสูงสุดในรัชสมัยของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช อำนาจของอาณาจักรสุโขทัยในช่วงรัชสมัยของพระองค์มีความมั่นคงจาก ทรงแผ่อาณาเขตออกไปโดยรอบ วัฒนธรรมไทยได้เจริญขึ้นทุกสาขา ดังปรากฎในศิลาจารึกหลักที่ 1 ซึ่งเจริญ ทั้งด้านประวัติศาสตร์ การสงคราม ภูมิศาสตร์ กฎหมาย ประเพณี การปกครอง การเศรษฐกิจ การสังคม ปรัชญา พระพุทธศาสนา การประดิษฐ์อักษรไทย ราชวงศ์พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ (พระร่วง หรือ สุโขทัย) ได้ปกครองอาณาจักรสุโขทัยสืบต่อมาเป็นเวลา 200 ปี ก็ถูกรวมเข้ากับ อาณาจักรอยุธยา ผังเมืองสุโขทัยมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร กว้างประมาณ 1.6 กิโลเมตร มีประตูเมืองอยู่ตรงกลางกำแพงเมืองแต่ละด้าน ภายในยังเหลือร่องรอยพระราชวัง และวัดมากถึง 26 แห่ง วัดที่ใหญ่ที่สุดคือวัดมหาธาตุ อุทยานประวัติศาสตร์แห่งนี้ ได้รับการบูรรปฏิสังขรณ์โดยกรมศิลปากร ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากองค์การยูเนสโก มีผู้เยี่ยมชมหลายแสนคนต่อปี นักท่องเที่ยวสามารถเดินเท้า นั่งรถราง หรือ ขี่จักรยาน เที่ยวชมได้อย่างสะดวกปลอดภัย ในวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ.2534 องค์การยูเนสโก ได้ประกาศให้อุทยานแห่งนี้เป็นแหล่งมรดกโลก ร่วมกับอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร และ อุทยานประวัติศาตร์ศรีสัชนาลัย ภายใต้ชื่อว่า “เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร” (Historic Town of Sukhothai and Associated Historic Towns) เนื่องจากหลักฐานที่ปรากฎแสดงให้เห็นถึงผลงานทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นนับเป็น ตัวแทนของศิลปกรรมไทยยุคแรก และเป็นต้นกำเนิดของการสร้างประเทศไทย นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมได้ ๓ วิธี คือ เดินเท้า ปั่นจักรยาน และ การนั่งรถรางไฟฟ้า โดยทางอุทยานฯ มีรถจักรยานให้เช่าด้วย นอกจากนี้ หน้าโบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนแต่ละแห่งยังมีป้าย OR Code สำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟน สามารถสแกนเข้าไปอ่านเรื่องราวเพิ่มเติมได้ มีให้เลือก ๔ ภาษา ได้แก่ ไทย จีน ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส เมืองสุโขทัย ก่อตั้งขึ้นราวกลางพุทธศตวรรษที่ ๑๘ สันนิษฐานว่าสุโขทัยในยุคแรกได้รับอิทธิพลของศิลปะแบบขอมจากละโว้หรือลพบุรี ต่อมายกฐานะเป็นราชธานี โดยมีพ่อขุนบางกลางหาว หรือพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ เป็นปฐมกษัตริย์ เป็นจุดเริ่มต้นอาณาจักรแห่งแรกของไทย ราวปี ๑๗๙๒ อาณาจักรสุโขทัยรุ่งเรืองถึงขีดสุดในสมัยพ่อขุนรามคำแหง กษัตริย์องค์ที่ ๓ บันทึกในศิลาจารึกบอกถึงเขตอาณาจักรอันกว้างขวาง ทิศเหนือจดเมืองแพร่ น่าน หลวงพระบาง ทิศใต้จดเมืองนครศรีธรรมราช ทิศตะวันออกจดเมืองเวียงจันทน์ และทิศตะวันตกจดเมืองหงสาวดี การปกครองเป็นระบบ พ่อปกครองลูก เอื้อสิทธิเสรีภาพให้ประชาชน จุดเด่นของผังเมืองสุโขทัยคือระบบชลประทาน เป็นระบบที่กระจายน้ำเพื่อการทำเกษตรกรรม อุปโภค บริโภคให้ชาวเมืองได้อย่างทั่วถึง และยังสามารถช่วยระบายน้ำเอ่อล้นช่วงหน้าน้ำหลากได้ดีเช่นกัน ในช่วงการปกครองของพ่อขุนรามคำแหงชาวเมืองสุโขทัยมีความเป็นอยู่อย่างสงบร่มเย็น ด้วยพระองค์ทรงมีความเอาใจใส่ทำนุบำรุงศาสนาอย่างเต็มที่ สังเกตจากลักษณะพระพักตร์ของพระพุทธรูปที่สร้างขึ้น ส่วนใหญ่จะมีพระโอษฐ์ยิ้ม สะท้อนเอกลักษณ์ของยุคสมัย และจำนวนวัดวาที่ถูกสร้างขึ้นอย่างมากมาย เมื่อปี ๒๕๓๔ องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยเป็นแหล่งมรดกโลกร่วมกับอีก ๒ แห่ง ได้แก่ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย และอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ภายใต้ชื่อว่า “เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร”
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 198 Views 0 Reviews
  • #ความรักของผู้หญิงเกิดวันพฤหัสบดี

    เธอเป็นคนใจดี ใจบุญ ชอบช่วยเหลือคน เป็นคนชอบออกคำสั่ง มีความซับซ้อนในจิต เป็นคนช่างเลือก ย้ำคิดย้ำทำ พูดตรงพูดแรงเก็บความรู้สึกไม่ได้ เป็นคนเจ้าอารมณ์เก็บกด ถ้าทำให้เธอโมโหบ้านต้องแตกแน่ ขี้เหวี่ยง ขี้วีน หากทำให้เธอไม่ไว้ใจ เธอจะคาดคั้นคะยั้นคะยอจะเอาความจริงจะเอาคำตอบให้ได้ เป็นคนที่มีความซื่อสัตย์ รักความยุติธรรม ...คนที่เป็นเนื้อคู่ของเธอนั้นก็จะต้องเป็นคนที่ยอมเธอทุกอย่าง เพราะเธอจะคุมทุกอย่างในบ้าน แม้กระทั่งเรื่องเงินเดือน ก็ต้องให้เธอจัดการ เป็นคนจอมบงการ เป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเอง ขี้น้อยใจ อารมณ์ขึ้นๆลงๆ เธอจะชอบคนที่มีหลักฐานการงานมั่นคง สามารถดูแลเธอและลูกได้แบบสุขสบาย ถึงแม้ว่าจะไม่หล่อ หน้าตาไม่ดี หุ่นไม่ดี ก็ไม่เป็นไร เธอชอบคนตรงไปตรงมา ชีวิตความรักของเธอนั้นถ้าดูแล้วชีวิตคู่ก็มีโอกาสว่าจะยั่งยืนและยาวนาน เพียงแต่ว่าจะต้องอยู่กันแบบอดทน อยู่แบบเป็นเพื่อนกัน เพราะมีโอกาสว่าจะมีเรื่องมือที่สามเข้ามาแทรกหรืออาจจะมีใครบางคนนอกลู่นอกทางไปทำสิ่งที่ไม่ดี อยู่ประมาณ 2-3 ครั้ง ถ้าอดทนผ่านไปได้ก็จะได้ครองรักกันยาวนาน คนที่จะอยู่กับเธอได้ยาวนานนั้นต้องเป็นคนที่ไม่มีปากมีเสียง และยอมเธอได้ทุกอย่าง ดูแล้วความรักของเธอนั้นจะไม่ค่อยมีอะไรหวือหวามาก ค่อนข้างที่จะราบเรียบส่วนเรื่องคนรักก็เช่นกันไม่ได้มีสเปคอะไรมาก ขอแค่เลี้ยงดูครอบครัวได้ จะรูปร่างหน้าตาอายุเท่าไหร่เธอรับได้หมด ส่วนใหญ่ชีวิตรักจะสุขสมบูรณ์ ไม่ได้มีอะไรขัดสน เพราะจะได้คู่ครองที่คอยอุปถัมภ์ช่วยเหลือดูแลเป็นอย่างดี จะไม่ลำบาก หรือบางคนก็อาจจะมีกิจการที่ทำร่วมกันจะมีรายได้ดี แต่อาจจะมีเรื่องทุกข์ใจเกี่ยวกับบุตรบริวารเป็นส่วนใหญ่ หรือจะมีคนอื่นนำเรื่องเดือดร้อนมาให้มากกว่า
    --------
    #ดูดวง #ดูดวงแม่นๆ #หมอดูแม่นๆ
    #ดูดวงแบบโทรคุย #ดูดวงไพ่ยิปซี #ดูดวงจิตสัมผัส #ดูดวงทางแชท
    #ดูดวงคำถามละ 9 บาท
    สนใจดูดวง แอดไลน์ @342shvrt
    #ความรักของผู้หญิงเกิดวันพฤหัสบดี เธอเป็นคนใจดี ใจบุญ ชอบช่วยเหลือคน เป็นคนชอบออกคำสั่ง มีความซับซ้อนในจิต เป็นคนช่างเลือก ย้ำคิดย้ำทำ พูดตรงพูดแรงเก็บความรู้สึกไม่ได้ เป็นคนเจ้าอารมณ์เก็บกด ถ้าทำให้เธอโมโหบ้านต้องแตกแน่ ขี้เหวี่ยง ขี้วีน หากทำให้เธอไม่ไว้ใจ เธอจะคาดคั้นคะยั้นคะยอจะเอาความจริงจะเอาคำตอบให้ได้ เป็นคนที่มีความซื่อสัตย์ รักความยุติธรรม ...คนที่เป็นเนื้อคู่ของเธอนั้นก็จะต้องเป็นคนที่ยอมเธอทุกอย่าง เพราะเธอจะคุมทุกอย่างในบ้าน แม้กระทั่งเรื่องเงินเดือน ก็ต้องให้เธอจัดการ เป็นคนจอมบงการ เป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเอง ขี้น้อยใจ อารมณ์ขึ้นๆลงๆ เธอจะชอบคนที่มีหลักฐานการงานมั่นคง สามารถดูแลเธอและลูกได้แบบสุขสบาย ถึงแม้ว่าจะไม่หล่อ หน้าตาไม่ดี หุ่นไม่ดี ก็ไม่เป็นไร เธอชอบคนตรงไปตรงมา ชีวิตความรักของเธอนั้นถ้าดูแล้วชีวิตคู่ก็มีโอกาสว่าจะยั่งยืนและยาวนาน เพียงแต่ว่าจะต้องอยู่กันแบบอดทน อยู่แบบเป็นเพื่อนกัน เพราะมีโอกาสว่าจะมีเรื่องมือที่สามเข้ามาแทรกหรืออาจจะมีใครบางคนนอกลู่นอกทางไปทำสิ่งที่ไม่ดี อยู่ประมาณ 2-3 ครั้ง ถ้าอดทนผ่านไปได้ก็จะได้ครองรักกันยาวนาน คนที่จะอยู่กับเธอได้ยาวนานนั้นต้องเป็นคนที่ไม่มีปากมีเสียง และยอมเธอได้ทุกอย่าง ดูแล้วความรักของเธอนั้นจะไม่ค่อยมีอะไรหวือหวามาก ค่อนข้างที่จะราบเรียบส่วนเรื่องคนรักก็เช่นกันไม่ได้มีสเปคอะไรมาก ขอแค่เลี้ยงดูครอบครัวได้ จะรูปร่างหน้าตาอายุเท่าไหร่เธอรับได้หมด ส่วนใหญ่ชีวิตรักจะสุขสมบูรณ์ ไม่ได้มีอะไรขัดสน เพราะจะได้คู่ครองที่คอยอุปถัมภ์ช่วยเหลือดูแลเป็นอย่างดี จะไม่ลำบาก หรือบางคนก็อาจจะมีกิจการที่ทำร่วมกันจะมีรายได้ดี แต่อาจจะมีเรื่องทุกข์ใจเกี่ยวกับบุตรบริวารเป็นส่วนใหญ่ หรือจะมีคนอื่นนำเรื่องเดือดร้อนมาให้มากกว่า -------- #ดูดวง #ดูดวงแม่นๆ #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงแบบโทรคุย #ดูดวงไพ่ยิปซี #ดูดวงจิตสัมผัส #ดูดวงทางแชท #ดูดวงคำถามละ 9 บาท สนใจดูดวง แอดไลน์ @342shvrt
    0 Comments 0 Shares 277 Views 0 Reviews
  • 🤠#สหรัฐฯ ค่อยๆ เข้ามาแทนที่อังกฤษและกลายเป็นเจ้าโลกได้อย่างไร? #การรื้ออำนาจเจ้าโลกจะมีผลกระทบอะไรบ้าง ตอน 02.🤠

    🤯สาม การพลิกกลับ🤯

    สถานการณ์สงครามโลกที่ไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้างโลกทำให้ทางการสหรัฐฯไม่พอใจอย่างมาก หลังจากที่ประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน(Woodrow Wilson伍德罗·威尔逊) ลาออกจากตำแหน่ง นโยบายต่างประเทศของรัฐบาลสหรัฐฯ ก็กลับเข้าสู่ลัทธิโดดเดี่ยวอย่างเดิม

    เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 1935 เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดซ้ำในสงครามโลกครั้งที่ 1 สภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกาจึงผ่านกฎหมายความเป็นกลาง ซึ่งกำหนดให้มีการคว่ำบาตร "อาวุธ กระสุน และยุทโธปกรณ์" ไปยังประเทศคู่สงครามทั้งหมด และห้ามเรือค้าขายของสหรัฐฯ จากการขนส่งอาวุธไปยังประเทศคู่สงคราม ขบวนการโดดเดี่ยวในสหรัฐอเมริกาถึงจุดสูงสุด

    ในเวลานี้ ท้องฟ้าเหนือยุโรปเต็มไปด้วยเมฆหมอกแห่งสงคราม นโยบายการโอนอ่อนผ่อนตามของอังกฤษและฝรั่งเศสมีส่วนทำให้เกิดความหยิ่งลำพองของเยอรมนีมีความเป็นฟาสซิสต์มากขึ้น ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1939 นาซีเยอรมนีเปิดการโจมตีแบบสายฟ้าแลบต่อโปแลนด์ และสงครามโลกครั้งที่สองก็ปะทุขึ้น

    ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1940 ฝรั่งเศสซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะมหาอำนาจโดยมีกองทัพที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปยอมจำนน ในเดือนพฤศจิกายนของปีถัดมา ญี่ปุ่นซึ่งเป็นหนึ่งในมหาอำนาจฝ่ายอักษะได้เปิดฉากโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ต่อสหรัฐอเมริกา และลากสหรัฐอเมริกาเข้าสู่วังวนแห่งสงคราม สงครามโลกครั้งที่สองและสงครามโลกครั้งที่ 1 แตกต่างกันออกไป ในเวลานี้ สหรัฐฯมีบทบาทเป็นผู้นำ โดยควบคุมในแอฟริกาเหนือ แนวรบด้านตะวันตก และสนามรบในมหาสมุทรแปซิฟิก

    ในช่วงสงคราม รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ลืมวางแผนสำหรับรูปแบบโลกหลังสงคราม และไม่ต้องการทำผิดพลาดแบบในสงครามโลกครั้งที่ 1 ซ้ำอีก

    สิ่งแรกที่ต้องจัดการคือเรื่องการครอบงำทางการเงินของโลกที่อังกฤษโดยก่อตั้งขึ้นตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรม

    ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1942 ไวท์( White) ซึ่งในขณะนั้นเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ได้เปิดตัวแผนของไวท์( White) ซึ่งเป็นแผนเศรษฐกิจในช่วงสงคราม

    แผนดังกล่าวรวมถึงการจัดตั้งสถาบันสองแห่ง ได้แก่ กองทุนรักษาเสถียรภาพแห่งชาติ (National Stabilization Fund) และธนาคารเพื่อการบูรณะและพัฒนา (Bank for Reconstruction and Development.) ทั้งสองสถาบันนี้เป็นสถาบันก่อนหน้าของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund)และธนาคารโลก (World Bank.)ในอนาคต

    เพื่อป้องกันอิทธิพลอำนาจทางการเงินของสหรัฐอเมริกาหลังสงครามและปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง สหราชอาณาจักรยังเสนอให้จัดตั้งศูนย์หักบัญชีระหว่างประเทศ (international clearing center) ตาม "ลัทธิเคนส์ (Keynesianism)" และออกแบบระบบการเงินที่มีทองคำเป็นหน่วยการชำระหนี้

    อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้สหราชอาณาจักรมีแรงใจมากล้นแต่ไม่มีกำลังกายเพียงพอ และความแข็งแกร่งทางการทหารและเศรษฐกิจทำให้อังกฤษไม่สามารถแข่งขันกับสหรัฐอเมริกาเพื่อครอบงำทางการเงินได้

    เพียงสองปีหลังจากการเสนอแผนของไวท์( White) ทางการสหรัฐฯ ได้จัดการประชุมการเงินและการเงินแห่งสหประชาชาติ (United Nations Monetary and Financial Conference)ที่เบรตตันวูดส์ (Bretton Woods) ทางการสหรัฐฯมีอำนาจเหนือการเจรจาอย่างท่วมท้น และในที่สุดประเทศต่างๆ ก็ลงนามใน "ข้อตกลงเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods Agreement)" อันโด่งดัง

    ข้อตกลงดังกล่าวเชื่อมโยงสกุลเงินของประเทศต่างๆ อย่างเป็นทางการกับดอลลาร์สหรัฐ และสร้างระบบมาตรฐานทองคำที่ดอลลาร์สหรัฐเชื่อมโยงกับทองคำ สำนักงานใหญ่ของกองทุนการเงินแห่งชาติ (National Monetary Fund)ตั้งอยู่ในวอชิงตัน (Washington) เห็นได้ชัดว่าระบบเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods system)เป็นข้อตกลงที่ลงนามโดยสหรัฐอเมริกาที่มีอำนาจมากที่สุดและเหล่าบริวารอื่น ๆ ในสภาพแวดล้อมสงครามในขณะนั้น

    แม้ว่าอังกฤษไม่เต็มใจที่จะมอบอำนาจทางการเงินของตนให้กับผู้อื่น แต่ความรุ่งโรจน์ของจักรวรรดิที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดินก็สูญสิ้นไปนานแล้ว สหรัฐฯ ขู่ว่าจะปฏิเสธคำขอกู้ยืมของอังกฤษและบังคับให้ทางการอังกฤษยอมรับข้อตกลงดังกล่าว ขณะเดียวกันพวกเขาก็ใช้การล่มสลายของระบบอาณานิคมในอนาคตเป็นข้อแก้ตัวด้วย บังคับให้ฝ่ายอังกฤษละทิ้งระบบจักรวรรดิดั้งเดิมที่ให้การปฏิบัติเระบบสิทธิพิเศษ และใช้เงินปอนด์ที่แปลงสภาพอย่างเสรี

    ในท้ายที่สุด อังกฤษก็ยอมสละอำนาจทางการเงินของตน และสหรัฐฯ ได้ขจัดอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการก้าวไปสู่อำนาจอำนาจของโลก

    🤯4. บทสรุปและการรู้แจ้ง🤯

    อารยธรรมของมนุษย์ดำรงอยู่มานานนับพันปี ในประวัติศาสตร์อันยาวนาน ประเทศที่มีอำนาจเหนือกว่าจำนวนนับไม่ถ้วนได้ถือกำเนิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่มีระบอบการปกครองใดที่สามารถรักษาความได้เปรียบของตนไว้ได้ตลอดไปในสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ซับซ้อน

    ตัวแทนของยุคอาณานิคมตอนต้น - สเปนและโปรตุเกส สเปนใช้ประโยชน์จากยุคแห่งการค้นพบ และยึดครองดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ขนาดใหญ่ในทวีปอเมริกา แต่เขาสูญเสียเรือรบทั้งหมดในการรบทางเรือกับอังกฤษ ผู้ครองอำนาจเจ้าโลกรุ่นแรกจึงจำต้องสละสิทธิทางทะเลแก่สหราชอาณาจักรด้วยประการฉะนี้นี้

    บนพื้นฐานของลัทธิล่าอาณานิคมสเปน อังกฤษได้ก่อตั้งกลุ่มอาณานิคมขึ้น เช่น บริษัทอินเดียตะวันออก และดำเนินกิจกรรมปล้นสะดมขนาดใหญ่ในแอฟริกา เอเชีย และอเมริกา ถือเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับการปฏิวัติอุตสาหกรรมในเวลาต่อมา

    ในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สอง บรรดาสุภาพบุรุษผู้สูงศักดิ์ชาวอังกฤษคอยกินบุญเก่าซึ่งมีรายชื่อในสมุดความดีความชอบมุ่งมั่นที่จะรักษาระบบอาณานิคมของตนไว้ โดยไม่สนใจการเพิ่มทวีขึ้นของจิตสำนึกแห่งชาติเผ่าของอาณานิคม และพยายามใช้วิธีการที่ต่ำทรามน่ารังเกียจต่างๆ เพื่อรักษาสถานะที่ว่าอาณาจักรที่ดวงอาทิตย์ไม่เคยตกดินของตนไว้

    ด้วยการผงาดรุ่งเรืองขึ้นของประเทศทุนนิยมเกิดใหม่ และการทำลายล้างเศรษฐกิจของอังกฤษโดยสงครามโลกครั้งที่สอง ในที่สุดอังกฤษก็ถูกบังคับให้สละอำนาจเจ้าโลกของตนในที่สุด สหรัฐฯ ผ่านการปฏิบัติการหลายประการมีการสถาปนาอำนาจนำในหลายแง่มุมซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศตน

    😎ในกระบวนการแย่งชิงอำนาจของอังกฤษโดยสหรัฐอเมริกา การรวมอำนาจทางการเมือง การขยายอาณาเขต การรักษาความสามัคคี และการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นพื้นฐานของการได้รับอำนาจเป็นเจ้าโลก😎

    เมื่อความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและความแข็งแกร่งทางการทหารมีมากกว่าประเทศอื่นๆ มาก การโอนอำนาจก็สามารถเกิดขึ้นได้ในทันที ในช่วงแรกของสงครามโลกครั้งที่สอง การเก็บตัวและสังเกตการณ์อยู่ข้างสนามและการแทรกแซงสงครามในเวลาที่เหมาะสม ล้วนแสดงให้เห็นถึงความเฉียบแหลมทางการเมืองอันยอดเยี่ยมของกลุ่มนักคิดของรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อประเทศในยุโรปไม่สามารถทำได้หากปราศจากการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา การโอนอำนาจเจ้าโลกจะเป็นเรื่องที่สำเร็จแน่นอน

    ในปัจจุบัน ขณะที่การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีครั้งที่สามกำลังจะสิ้นสุดลง และการปฏิวัติอุตสาหกรรมรอบใหม่กำลังจะแตกออก อำนาจของอเมริกาก็มาถึงทางแยกแห่งโชคชะตาเนื่องจากมีเหตุการณ์เป็นตัวเร่งคือเรื่องของการเสริมกำลังทหารและความขัดแย้งภายในของตัวเอง

    สหรัฐฯ ไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้จีนดำเนินตามขั้นตอนเดิมพัฒนาในลักษณะที่ไม่สำคัญต่อไป จากยุทธศาสตร์ปิดล้อมด้วย“สายโซ่แห่งดินแดนวงล้อมชั้นแรก” (First Island Chain)รวมกับเครือข่ายพื้นที่แผ่นดินใหญ่ในยุคโอบามา ไปจนถึงสงครามการค้ากับจีนในยุคทรัมป์ และการโจมตีจีนโดยรัฐบริวารในเอเชียในเรื่องต่างๆ จะเห็นได้ว่าความพยายามของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการรักษาสิ่งที่เรียกว่าอำนาจเป็นใหญ่นั้นเปรียบเสมือนนักรบที่ติดอยู่ในสนามประลอง

    ในยุคแห่งความขัดแย้งครั้งใหญ่นี้ การยืนหยัดบนเส้นทางของตัวเองและระวังการแทรกซึมของกองกำลังศัตรูเป็นหนทางที่จะทำลายแผนการสมรู้ร่วมคิดของสหรัฐฯ และอำนาจเจ้าโลกของสหรัฐฯ

    🤯โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🤯

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    🤠#สหรัฐฯ ค่อยๆ เข้ามาแทนที่อังกฤษและกลายเป็นเจ้าโลกได้อย่างไร? #การรื้ออำนาจเจ้าโลกจะมีผลกระทบอะไรบ้าง ตอน 02.🤠 🤯สาม การพลิกกลับ🤯 สถานการณ์สงครามโลกที่ไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้างโลกทำให้ทางการสหรัฐฯไม่พอใจอย่างมาก หลังจากที่ประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน(Woodrow Wilson伍德罗·威尔逊) ลาออกจากตำแหน่ง นโยบายต่างประเทศของรัฐบาลสหรัฐฯ ก็กลับเข้าสู่ลัทธิโดดเดี่ยวอย่างเดิม เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 1935 เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดซ้ำในสงครามโลกครั้งที่ 1 สภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกาจึงผ่านกฎหมายความเป็นกลาง ซึ่งกำหนดให้มีการคว่ำบาตร "อาวุธ กระสุน และยุทโธปกรณ์" ไปยังประเทศคู่สงครามทั้งหมด และห้ามเรือค้าขายของสหรัฐฯ จากการขนส่งอาวุธไปยังประเทศคู่สงคราม ขบวนการโดดเดี่ยวในสหรัฐอเมริกาถึงจุดสูงสุด ในเวลานี้ ท้องฟ้าเหนือยุโรปเต็มไปด้วยเมฆหมอกแห่งสงคราม นโยบายการโอนอ่อนผ่อนตามของอังกฤษและฝรั่งเศสมีส่วนทำให้เกิดความหยิ่งลำพองของเยอรมนีมีความเป็นฟาสซิสต์มากขึ้น ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1939 นาซีเยอรมนีเปิดการโจมตีแบบสายฟ้าแลบต่อโปแลนด์ และสงครามโลกครั้งที่สองก็ปะทุขึ้น ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1940 ฝรั่งเศสซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะมหาอำนาจโดยมีกองทัพที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปยอมจำนน ในเดือนพฤศจิกายนของปีถัดมา ญี่ปุ่นซึ่งเป็นหนึ่งในมหาอำนาจฝ่ายอักษะได้เปิดฉากโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ต่อสหรัฐอเมริกา และลากสหรัฐอเมริกาเข้าสู่วังวนแห่งสงคราม สงครามโลกครั้งที่สองและสงครามโลกครั้งที่ 1 แตกต่างกันออกไป ในเวลานี้ สหรัฐฯมีบทบาทเป็นผู้นำ โดยควบคุมในแอฟริกาเหนือ แนวรบด้านตะวันตก และสนามรบในมหาสมุทรแปซิฟิก ในช่วงสงคราม รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ลืมวางแผนสำหรับรูปแบบโลกหลังสงคราม และไม่ต้องการทำผิดพลาดแบบในสงครามโลกครั้งที่ 1 ซ้ำอีก สิ่งแรกที่ต้องจัดการคือเรื่องการครอบงำทางการเงินของโลกที่อังกฤษโดยก่อตั้งขึ้นตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรม ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1942 ไวท์( White) ซึ่งในขณะนั้นเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ได้เปิดตัวแผนของไวท์( White) ซึ่งเป็นแผนเศรษฐกิจในช่วงสงคราม แผนดังกล่าวรวมถึงการจัดตั้งสถาบันสองแห่ง ได้แก่ กองทุนรักษาเสถียรภาพแห่งชาติ (National Stabilization Fund) และธนาคารเพื่อการบูรณะและพัฒนา (Bank for Reconstruction and Development.) ทั้งสองสถาบันนี้เป็นสถาบันก่อนหน้าของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund)และธนาคารโลก (World Bank.)ในอนาคต เพื่อป้องกันอิทธิพลอำนาจทางการเงินของสหรัฐอเมริกาหลังสงครามและปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง สหราชอาณาจักรยังเสนอให้จัดตั้งศูนย์หักบัญชีระหว่างประเทศ (international clearing center) ตาม "ลัทธิเคนส์ (Keynesianism)" และออกแบบระบบการเงินที่มีทองคำเป็นหน่วยการชำระหนี้ อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้สหราชอาณาจักรมีแรงใจมากล้นแต่ไม่มีกำลังกายเพียงพอ และความแข็งแกร่งทางการทหารและเศรษฐกิจทำให้อังกฤษไม่สามารถแข่งขันกับสหรัฐอเมริกาเพื่อครอบงำทางการเงินได้ เพียงสองปีหลังจากการเสนอแผนของไวท์( White) ทางการสหรัฐฯ ได้จัดการประชุมการเงินและการเงินแห่งสหประชาชาติ (United Nations Monetary and Financial Conference)ที่เบรตตันวูดส์ (Bretton Woods) ทางการสหรัฐฯมีอำนาจเหนือการเจรจาอย่างท่วมท้น และในที่สุดประเทศต่างๆ ก็ลงนามใน "ข้อตกลงเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods Agreement)" อันโด่งดัง ข้อตกลงดังกล่าวเชื่อมโยงสกุลเงินของประเทศต่างๆ อย่างเป็นทางการกับดอลลาร์สหรัฐ และสร้างระบบมาตรฐานทองคำที่ดอลลาร์สหรัฐเชื่อมโยงกับทองคำ สำนักงานใหญ่ของกองทุนการเงินแห่งชาติ (National Monetary Fund)ตั้งอยู่ในวอชิงตัน (Washington) เห็นได้ชัดว่าระบบเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods system)เป็นข้อตกลงที่ลงนามโดยสหรัฐอเมริกาที่มีอำนาจมากที่สุดและเหล่าบริวารอื่น ๆ ในสภาพแวดล้อมสงครามในขณะนั้น แม้ว่าอังกฤษไม่เต็มใจที่จะมอบอำนาจทางการเงินของตนให้กับผู้อื่น แต่ความรุ่งโรจน์ของจักรวรรดิที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดินก็สูญสิ้นไปนานแล้ว สหรัฐฯ ขู่ว่าจะปฏิเสธคำขอกู้ยืมของอังกฤษและบังคับให้ทางการอังกฤษยอมรับข้อตกลงดังกล่าว ขณะเดียวกันพวกเขาก็ใช้การล่มสลายของระบบอาณานิคมในอนาคตเป็นข้อแก้ตัวด้วย บังคับให้ฝ่ายอังกฤษละทิ้งระบบจักรวรรดิดั้งเดิมที่ให้การปฏิบัติเระบบสิทธิพิเศษ และใช้เงินปอนด์ที่แปลงสภาพอย่างเสรี ในท้ายที่สุด อังกฤษก็ยอมสละอำนาจทางการเงินของตน และสหรัฐฯ ได้ขจัดอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการก้าวไปสู่อำนาจอำนาจของโลก 🤯4. บทสรุปและการรู้แจ้ง🤯 อารยธรรมของมนุษย์ดำรงอยู่มานานนับพันปี ในประวัติศาสตร์อันยาวนาน ประเทศที่มีอำนาจเหนือกว่าจำนวนนับไม่ถ้วนได้ถือกำเนิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่มีระบอบการปกครองใดที่สามารถรักษาความได้เปรียบของตนไว้ได้ตลอดไปในสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ซับซ้อน ตัวแทนของยุคอาณานิคมตอนต้น - สเปนและโปรตุเกส สเปนใช้ประโยชน์จากยุคแห่งการค้นพบ และยึดครองดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ขนาดใหญ่ในทวีปอเมริกา แต่เขาสูญเสียเรือรบทั้งหมดในการรบทางเรือกับอังกฤษ ผู้ครองอำนาจเจ้าโลกรุ่นแรกจึงจำต้องสละสิทธิทางทะเลแก่สหราชอาณาจักรด้วยประการฉะนี้นี้ บนพื้นฐานของลัทธิล่าอาณานิคมสเปน อังกฤษได้ก่อตั้งกลุ่มอาณานิคมขึ้น เช่น บริษัทอินเดียตะวันออก และดำเนินกิจกรรมปล้นสะดมขนาดใหญ่ในแอฟริกา เอเชีย และอเมริกา ถือเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับการปฏิวัติอุตสาหกรรมในเวลาต่อมา ในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สอง บรรดาสุภาพบุรุษผู้สูงศักดิ์ชาวอังกฤษคอยกินบุญเก่าซึ่งมีรายชื่อในสมุดความดีความชอบมุ่งมั่นที่จะรักษาระบบอาณานิคมของตนไว้ โดยไม่สนใจการเพิ่มทวีขึ้นของจิตสำนึกแห่งชาติเผ่าของอาณานิคม และพยายามใช้วิธีการที่ต่ำทรามน่ารังเกียจต่างๆ เพื่อรักษาสถานะที่ว่าอาณาจักรที่ดวงอาทิตย์ไม่เคยตกดินของตนไว้ ด้วยการผงาดรุ่งเรืองขึ้นของประเทศทุนนิยมเกิดใหม่ และการทำลายล้างเศรษฐกิจของอังกฤษโดยสงครามโลกครั้งที่สอง ในที่สุดอังกฤษก็ถูกบังคับให้สละอำนาจเจ้าโลกของตนในที่สุด สหรัฐฯ ผ่านการปฏิบัติการหลายประการมีการสถาปนาอำนาจนำในหลายแง่มุมซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศตน 😎ในกระบวนการแย่งชิงอำนาจของอังกฤษโดยสหรัฐอเมริกา การรวมอำนาจทางการเมือง การขยายอาณาเขต การรักษาความสามัคคี และการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นพื้นฐานของการได้รับอำนาจเป็นเจ้าโลก😎 เมื่อความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและความแข็งแกร่งทางการทหารมีมากกว่าประเทศอื่นๆ มาก การโอนอำนาจก็สามารถเกิดขึ้นได้ในทันที ในช่วงแรกของสงครามโลกครั้งที่สอง การเก็บตัวและสังเกตการณ์อยู่ข้างสนามและการแทรกแซงสงครามในเวลาที่เหมาะสม ล้วนแสดงให้เห็นถึงความเฉียบแหลมทางการเมืองอันยอดเยี่ยมของกลุ่มนักคิดของรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อประเทศในยุโรปไม่สามารถทำได้หากปราศจากการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา การโอนอำนาจเจ้าโลกจะเป็นเรื่องที่สำเร็จแน่นอน ในปัจจุบัน ขณะที่การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีครั้งที่สามกำลังจะสิ้นสุดลง และการปฏิวัติอุตสาหกรรมรอบใหม่กำลังจะแตกออก อำนาจของอเมริกาก็มาถึงทางแยกแห่งโชคชะตาเนื่องจากมีเหตุการณ์เป็นตัวเร่งคือเรื่องของการเสริมกำลังทหารและความขัดแย้งภายในของตัวเอง สหรัฐฯ ไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้จีนดำเนินตามขั้นตอนเดิมพัฒนาในลักษณะที่ไม่สำคัญต่อไป จากยุทธศาสตร์ปิดล้อมด้วย“สายโซ่แห่งดินแดนวงล้อมชั้นแรก” (First Island Chain)รวมกับเครือข่ายพื้นที่แผ่นดินใหญ่ในยุคโอบามา ไปจนถึงสงครามการค้ากับจีนในยุคทรัมป์ และการโจมตีจีนโดยรัฐบริวารในเอเชียในเรื่องต่างๆ จะเห็นได้ว่าความพยายามของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการรักษาสิ่งที่เรียกว่าอำนาจเป็นใหญ่นั้นเปรียบเสมือนนักรบที่ติดอยู่ในสนามประลอง ในยุคแห่งความขัดแย้งครั้งใหญ่นี้ การยืนหยัดบนเส้นทางของตัวเองและระวังการแทรกซึมของกองกำลังศัตรูเป็นหนทางที่จะทำลายแผนการสมรู้ร่วมคิดของสหรัฐฯ และอำนาจเจ้าโลกของสหรัฐฯ 🤯โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🤯 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 256 Views 0 Reviews
  • #ลองดูอดีตเทพเค้าคุยกัน
    DC ห้องแห่งความลับ
    ของโจ และบริวารทาศกามินเหม็น
    อีกประเด็นที่หาว่าพี่คิงส์ปั่น
    "ไม่มีนะ MvP ที่ไหนที่กระเป๋าฉีก"
    เออ นั่งข้างๆกรรรูนี่ นั่งอ่าน
    อดีตเทพเค้าพูดย้อนอดีตกัน
    มาเลย
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ลองดูอดีตเทพเค้าคุยกัน DC ห้องแห่งความลับ ของโจ และบริวารทาศกามินเหม็น อีกประเด็นที่หาว่าพี่คิงส์ปั่น "ไม่มีนะ MvP ที่ไหนที่กระเป๋าฉีก" เออ นั่งข้างๆกรรรูนี่ นั่งอ่าน อดีตเทพเค้าพูดย้อนอดีตกัน มาเลย #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    Love
    10
    0 Comments 0 Shares 1458 Views 0 Reviews
  • #วิมานลอย

    วันนี้ขออนุญาตแนะนำหนังสือที่เคยอ่าน เป็นวรรณกรรมคลาสสิกฝั่งอเมริกา และคิดว่าอย่างน้อยผู้ที่สามารถอ่านหนังสือได้ และมีโอกาส ควรหามาอ่านให้ได้สักครั้งในชีวิต แม้ส่วนตัวจะตอบได้ไม่เต็มปากนักว่าชื่นชอบเล่มนี้ แต่ยืนยันได้ว่าคือหนังสือดีมีค่าที่คู่ควรกับการสละเวลาจริง

    เชื่อว่าคุ้นหูทุกคนอยู่แล้ว แต่ไม่ทุกคนที่จะได้อ่าน เพราะด้วยความยาวของแถวอักษรยาวเหยียด ความหนาของจำนวนหน้า พาให้รู้สึกท้อต่อการที่จะหยิบมาอ่านอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเล่มที่ผมอ่านนั้น เป็นฉบับพิมพ์ครั้งที่ 7 ในไทย ของ สนพ.แพรว ปี พ.ศ. 2550 หนา 1,184 หน้า แปลโดย รอย โรจนานนท์ ซึ่งทำสวยงามเลอค่าน่าสะสมมาก ปกแข็งมีปกนอกหุ้ม เย็บกี่ ซึ่งเรื่องนี้ยืมจากห้องสมุดประชาชนมาอ่าน เพราะต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น จึงจะกระตุ้นตัวเองให้มีความเพียรพอที่จะตั้งใจอ่านจนจบเรื่องได้ ไม่อย่างนั้นคงซื้อมาแล้วก็วางไว้ก่อน แต่ต้องใช้เวลาในการอ่านและยืมต่ออยู่หลายครั้ง ถ้าจำไม่ผิดก็ 3-4 หนต่อเนื่อง

    และขอยืนยันว่าฉบับพิมพ์นี้ไม่เหมาะกับการถืออ่านขณะนอนหงาย เพราะอาจหน้าแหก ดั้งยุบ หรือสลบเหมือดคาที่ได้ ขนาดนั่งอ่านยังต้องวางหนังสือกับโต๊ะ ยกอ่านได้ไม่นานเกิดอาการล้ามาก

    เรื่องที่กล่าวถึงนี้คือ Gone With The Wind หรือชื่อไทย วิมานลอย โดยผู้เขียนนาม มาร์กาเร็ต มิตเชลล์ รู้สึกชอบชื่อเรื่องมากทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่ให้ความหมายชัดเจนดีมาก ยิ่งอ่านจบแล้วยิ่งย้ำยืนยันว่าเป็นชื่อเรื่องที่เหมาะสมที่สุด ความจริงได้ยินเสียงล่ำลือถึงเรื่องนี้มานานมากตั้งแต่เด็ก แต่ได้สัมผัสครั้งแรกจากภาพยนตร์ก่อน เมื่อช่วงเรียนจบใหม่ๆ พอได้ชมแล้วชอบจึงเริ่มอยากอ่านฉบับหนังสือว่าจะแตกต่างอย่างไรบ้าง นั่นคือจุดเริ่มต้น

    เนื้อหาของเรื่องนี้ ถูกวางฉากหลังไว้ในช่วงสงครามกลางเมืองของอเมริกา ในยุคที่มีการใช้แรงงานทาสผิวดำ การทำกสิกรรมปลูกไร่ฝ้าย ไปจนถึงความขัดแย้งของคนชาติเดียวกัน แต่ต่างที่มา ซึ่งแบ่งเป็นฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ ต่อเนื่องยาวไปจนถึงเริ่มสงคราม และสงครามสิ้นสุด รวมถึงพิษภัยจากไฟสงครามที่ลามเลียต่อเนื่อง ผลกระทบทางการเมือง สังคม เศรษฐกิจ ของฝ่ายผู้ชนะที่กระทำต่อผู้แพ้ ที่แม้คือชาติเดียวกันอย่างโหดร้าย แล้งน้ำใจ การเลิกทาส ความชุลมุน จราจลทั่วทุกหย่อมหญ้า ผ่านความคิด มุมมองและการเลือกกระทำของตัวเอกที่เป็นตัวดำเนินเรื่องหลักอย่างนางเอก คือ สการ์เลตต์ โอฮารา และตัวเดินเรื่องเสริมคือพระเอก หรือ เรตต์ บัตเลอร์

    ความจริงผมไม่ชอบสการ์เลตต์ และยิ่งไม่ชอบเรตต์ บัตเลอร์เลยจากใจจริง ออกจะเหม็นเบื่อ หมั่นไส้ และรู้สึกทุเรศทุรังกับอุปนิสัยของตัวละครทั้งสอง โดยเฉพาะช่วงแรกเริ่มได้ทำความรู้จักกันผ่านหน้าหนังสือ ด้วยเหตุที่นางเอกนั้น ช่วงต้นเป็นหญิงที่ใช้ชีวิตอย่างลูกคุณหนู สมองกลวงไปวันๆ ไม่คิดทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน คำนึงถึงแต่เรื่องผู้ชาย การได้แต่งงานกับลูกชายบ้านโน้นบ้านนี้ การแวดล้อมไปด้วยเพื่อนสาวที่มีค่านิยม แนวคิด ฝักใฝ่ความหรูหรา ติดสบาย ต้องมีคนคอยรับใช้ เกียรติยศ ความหลงใหลยึดติดกับศักดินา ข้าทาส บริวาร ชื่อเสียงตระกูล ความฟุ่มเฟือย สารพัดที่ผู้หญิงใฝ่สุขนิยมมักเป็นกัน

    ส่วนฝ่ายชายนั้นเล่าก็แบดบอย ยโสโอหัง กวนบาทา พูดจายียวน ชอบยั่วโมโห หน้าเลือด นิสัยพ่อค้าที่ทำอย่างไรตนจึงจะมีเงินไหลเข้ากระเป๋าได้เยอะสุดในภาวะสงคราม ที่คนจำนวนมากเดือดร้อนอดอยาก อายุมากกว่านางเอกหลายปี อยู่ในวัยหนุ่มใหญ่ผู้มีสายตาและประสบการณ์ที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน

    เริ่มต้นนางเอกนั้นเกลียดขี้หน้าพระเอก และก็รู้สึกอย่างนั้นในแทบทุกครั้งที่ได้พบเจอ แต่ก็แปลกที่ในยามวิกฤตกลับนึกถึงเขา เพราะใจลึกๆนั้นรู้ดีว่าชายคนนี้เชื่อถือได้ว่าสามารถนำพาเธอให้พ้นจากสถานการณ์ร้ายต่างๆอย่างแน่นอน

    ส่วนใหญ่เวลาเจอหน้ากัน มักจะเป็นการสนทนาวิวาทะ ประคารมอย่างถึงพริกถึงขิง แม้นภายในใจจะรู้สึกต่างชอบกันอยู่บ้าง แต่โชคชะตานำพาให้พลาดกันไปพลาดกันมา กว่าจะได้มาเป็นคู่ชีวิตกัน นางเอกต้องผ่านการแต่งงานมาแล้วถึง 2ครั้ง

    ผู้อ่านจะได้เห็นถึงความเติบโตของสการ์เลตต์ผ่านประสบการณ์ชีวิตซึ่ง การศึกสงครามจากด่านหน้าที่สู้รบกันของฝ่ายสมาพันธรัฐชาวใต้ที่หยิ่งผยองในเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และต้องการความเป็นอิสระในการถือครองทาส กับฝ่ายเหนือที่เป็นสหภาพซี่งยึดรัฐธรรมนูญเหนืออื่นใด ได้ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อแนวหลังที่รอคอยด้วยใจกระวนกระวายอยู่กับบ้าน ผลการแพ้ชนะแต่ละครั้ง ได้สร้างรอยแผลไว้ในใจอย่างฝังลึกยากถอดถอน

    จนถึงวันที่รู้ว่าฝ่ายของตน ดินแดนอันเป็นที่รัก เชิดชูและศรัทธา ได้แพ้พ่ายอย่างราบคาบ คนรักและรู้จัก พลเมืองจำนวนมากต่างตายไปในสงคราม ที่เหลือรอดกลับมาก็สภาพน่าอเนจอนาถ รวมถึงผลพวงหลังจากรัฐบาลกลางเข้ามากุมอำนาจ มีบทบาทตั้งกฎระเบียบต่างๆ ที่เป็นการขูดรีด เอาเปรียบ เหยียบย่ำ ฉีกทึ้ง เกียรติยศ ศักดิ์ศรีความเป็นคน การฉ้อฉลคดโกง ใช้อำนาจโดยมิชอบ รีดนาทาเล้น ปล้นฆ่า โกงสมบัติชาติเป็นของตน ของผู้มีอำนาจที่ได้รับเลือกจากรัฐบาลกลางมาปกครองดูแลชาวใต้ สมาพันธรัฐล่มสลาย ประชาชนเดือดร้อน อดอยาก แร้นแค้น เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยส่งเสริม และเปลี่ยนแปลงให้นางเอกต้องกลายสภาพจากคุณหนูผู้ไร้เดียงสา ไปเป็นผู้ทำทุกทางเพื่อจะอยู่รอดให้ได้ในยามวิกฤต เพื่อประคับประคองข้าทาสผิวดำที่ซื่อสัตย์ เพื่อรักษาบ้านและที่ดินของพ่อเอาไว้ เพราะเธอต้องขึ้นมาเป็นหัวหน้าครอบครัวแทนหลังสูญเสียพ่อไป

    ยอมกระทั่งให้คนใต้ด้วยกันหยามเหยียด รังเกียจเดียดฉันท์ เพราะเธอตัดสินใจเลือกคบค้าสมาคม ทำธุรกิจกับพวกพ่อค้า ผู้มีอำนาจ ที่มาปกครองบ้านเมืองของตน ซึ่งครั้งหนึ่งเธอรังเกียจและเจ็บแค้น เพื่อจะดำรงสถานะของครอบครัวให้ไปต่อได้

    การเติบโตทางอารมณ์ และความเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องชั่งใจเลือก ในสิ่งซึ่งขัดแย้งกับอุดมการณ์ ความศรัทธา ภาคภูมิที่ตนเชื่อมั่นมาตลอด กับความจริงตรงหน้าที่บีบคั้นให้กระทำสวนทางก็ตาม

    สการ์เลตต์ โอฮารา รวมถึง เรตต์ บัตเลอร์ จึงเป็นตัวละครที่มีความเรียลริสติก มีบุคลิกที่ใกล้เคียงความเป็นมนุษย์ปุถุชน ที่มีทั้งดีชั่วปะปน และดิ้นรนเพื่อหาทางเอาชีวิตรอดไปตามสถานการณ์ ไม่ใช่ตัวละครที่พาฝัน ภาพลักษณ์สวยงาม เป็นคนดีพร้อม ทั้งรูปสมบัติและคุณสมบัติ ที่มักพบได้ในตัวพระนางทั่วไป หากกล่าวอย่างตรงๆแล้ว ทั้งสองออกจะมีด้านที่เป็นสีเทาดำ มากกว่าสีขาวด้วยซ้ำ แต่นี่อาจเป็นเสน่ห์ที่ทำให้เรื่องนี้ยังคงอยู่ในใจของนักอ่านทั่วโลกมาอย่างยาวนานจนปัจจุบัน ถึงกับได้รับการยกย่องมากมายจากหลายสถาบัน ให้เป็นหนึ่งในวรรณกรรมคลาสสิกชิ้นเยี่ยม

    ทว่าสำหรับส่วนตัวแล้ว ไม่ได้สนใจในเรื่องนั้นเลย ยังคงยืนยันเช่นเดิมว่าไม่ชอบนางเอก และพระเอก รวมถึงไม่อาจบอกได้ว่านี่คือเรื่องที่รักชอบหลังอ่านจบ แต่สิ่งหนึ่งที่กล้ายืนยันอย่างมั่นใจอีกครั้งคือ

    นี่คือหนังสือที่ดี มีค่าเพียงพอต่อเวลาที่ต้องสละไปในการอ่าน

    ใครอ่านเรื่องนี้จบเกินกว่า 1 รอบ ขอยอมรับนับถือเลย
    สุดท้ายที่จะบอกคือ นี่เป็นหนังสือที่ดูดพลังอย่างมาก เหนื่อยที่สุดในชีวิตการเป็นนักอ่าน แม้นอ่านนิยายไทยยาวๆอย่างเพชรพระอุมา หรือนิยายจีนกำลังภายในที่ยาว 20-30 เล่ม ก็ยังไม่เคยเหนื่อยเท่า

    ป.ล. เนื่องจากไม่มีหนังสือเป็นของตน จึงขอใช้ภาพจากอินเตอร์เน็ตมาประกอบครับ

    #นิยายแปล
    #วรรณกรรมคลาสสิก
    #วิมานลอย
    #gonewiththewind
    #หนังสือน่าอ่าน
    #สงครามกลางเมือง
    #สหรัฐอเมริกา
    #ชนชั้น
    #แรงงาน
    #บริวาร
    #ทาส
    #คนผิวดำ
    #thaitimes
    #นิยาย
    #หนังสือ
    #วิมานลอย วันนี้ขออนุญาตแนะนำหนังสือที่เคยอ่าน เป็นวรรณกรรมคลาสสิกฝั่งอเมริกา และคิดว่าอย่างน้อยผู้ที่สามารถอ่านหนังสือได้ และมีโอกาส ควรหามาอ่านให้ได้สักครั้งในชีวิต แม้ส่วนตัวจะตอบได้ไม่เต็มปากนักว่าชื่นชอบเล่มนี้ แต่ยืนยันได้ว่าคือหนังสือดีมีค่าที่คู่ควรกับการสละเวลาจริง เชื่อว่าคุ้นหูทุกคนอยู่แล้ว แต่ไม่ทุกคนที่จะได้อ่าน เพราะด้วยความยาวของแถวอักษรยาวเหยียด ความหนาของจำนวนหน้า พาให้รู้สึกท้อต่อการที่จะหยิบมาอ่านอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเล่มที่ผมอ่านนั้น เป็นฉบับพิมพ์ครั้งที่ 7 ในไทย ของ สนพ.แพรว ปี พ.ศ. 2550 หนา 1,184 หน้า แปลโดย รอย โรจนานนท์ ซึ่งทำสวยงามเลอค่าน่าสะสมมาก ปกแข็งมีปกนอกหุ้ม เย็บกี่ ซึ่งเรื่องนี้ยืมจากห้องสมุดประชาชนมาอ่าน เพราะต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น จึงจะกระตุ้นตัวเองให้มีความเพียรพอที่จะตั้งใจอ่านจนจบเรื่องได้ ไม่อย่างนั้นคงซื้อมาแล้วก็วางไว้ก่อน แต่ต้องใช้เวลาในการอ่านและยืมต่ออยู่หลายครั้ง ถ้าจำไม่ผิดก็ 3-4 หนต่อเนื่อง และขอยืนยันว่าฉบับพิมพ์นี้ไม่เหมาะกับการถืออ่านขณะนอนหงาย เพราะอาจหน้าแหก ดั้งยุบ หรือสลบเหมือดคาที่ได้ ขนาดนั่งอ่านยังต้องวางหนังสือกับโต๊ะ ยกอ่านได้ไม่นานเกิดอาการล้ามาก เรื่องที่กล่าวถึงนี้คือ Gone With The Wind หรือชื่อไทย วิมานลอย โดยผู้เขียนนาม มาร์กาเร็ต มิตเชลล์ รู้สึกชอบชื่อเรื่องมากทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่ให้ความหมายชัดเจนดีมาก ยิ่งอ่านจบแล้วยิ่งย้ำยืนยันว่าเป็นชื่อเรื่องที่เหมาะสมที่สุด ความจริงได้ยินเสียงล่ำลือถึงเรื่องนี้มานานมากตั้งแต่เด็ก แต่ได้สัมผัสครั้งแรกจากภาพยนตร์ก่อน เมื่อช่วงเรียนจบใหม่ๆ พอได้ชมแล้วชอบจึงเริ่มอยากอ่านฉบับหนังสือว่าจะแตกต่างอย่างไรบ้าง นั่นคือจุดเริ่มต้น เนื้อหาของเรื่องนี้ ถูกวางฉากหลังไว้ในช่วงสงครามกลางเมืองของอเมริกา ในยุคที่มีการใช้แรงงานทาสผิวดำ การทำกสิกรรมปลูกไร่ฝ้าย ไปจนถึงความขัดแย้งของคนชาติเดียวกัน แต่ต่างที่มา ซึ่งแบ่งเป็นฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ ต่อเนื่องยาวไปจนถึงเริ่มสงคราม และสงครามสิ้นสุด รวมถึงพิษภัยจากไฟสงครามที่ลามเลียต่อเนื่อง ผลกระทบทางการเมือง สังคม เศรษฐกิจ ของฝ่ายผู้ชนะที่กระทำต่อผู้แพ้ ที่แม้คือชาติเดียวกันอย่างโหดร้าย แล้งน้ำใจ การเลิกทาส ความชุลมุน จราจลทั่วทุกหย่อมหญ้า ผ่านความคิด มุมมองและการเลือกกระทำของตัวเอกที่เป็นตัวดำเนินเรื่องหลักอย่างนางเอก คือ สการ์เลตต์ โอฮารา และตัวเดินเรื่องเสริมคือพระเอก หรือ เรตต์ บัตเลอร์ ความจริงผมไม่ชอบสการ์เลตต์ และยิ่งไม่ชอบเรตต์ บัตเลอร์เลยจากใจจริง ออกจะเหม็นเบื่อ หมั่นไส้ และรู้สึกทุเรศทุรังกับอุปนิสัยของตัวละครทั้งสอง โดยเฉพาะช่วงแรกเริ่มได้ทำความรู้จักกันผ่านหน้าหนังสือ ด้วยเหตุที่นางเอกนั้น ช่วงต้นเป็นหญิงที่ใช้ชีวิตอย่างลูกคุณหนู สมองกลวงไปวันๆ ไม่คิดทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน คำนึงถึงแต่เรื่องผู้ชาย การได้แต่งงานกับลูกชายบ้านโน้นบ้านนี้ การแวดล้อมไปด้วยเพื่อนสาวที่มีค่านิยม แนวคิด ฝักใฝ่ความหรูหรา ติดสบาย ต้องมีคนคอยรับใช้ เกียรติยศ ความหลงใหลยึดติดกับศักดินา ข้าทาส บริวาร ชื่อเสียงตระกูล ความฟุ่มเฟือย สารพัดที่ผู้หญิงใฝ่สุขนิยมมักเป็นกัน ส่วนฝ่ายชายนั้นเล่าก็แบดบอย ยโสโอหัง กวนบาทา พูดจายียวน ชอบยั่วโมโห หน้าเลือด นิสัยพ่อค้าที่ทำอย่างไรตนจึงจะมีเงินไหลเข้ากระเป๋าได้เยอะสุดในภาวะสงคราม ที่คนจำนวนมากเดือดร้อนอดอยาก อายุมากกว่านางเอกหลายปี อยู่ในวัยหนุ่มใหญ่ผู้มีสายตาและประสบการณ์ที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน เริ่มต้นนางเอกนั้นเกลียดขี้หน้าพระเอก และก็รู้สึกอย่างนั้นในแทบทุกครั้งที่ได้พบเจอ แต่ก็แปลกที่ในยามวิกฤตกลับนึกถึงเขา เพราะใจลึกๆนั้นรู้ดีว่าชายคนนี้เชื่อถือได้ว่าสามารถนำพาเธอให้พ้นจากสถานการณ์ร้ายต่างๆอย่างแน่นอน ส่วนใหญ่เวลาเจอหน้ากัน มักจะเป็นการสนทนาวิวาทะ ประคารมอย่างถึงพริกถึงขิง แม้นภายในใจจะรู้สึกต่างชอบกันอยู่บ้าง แต่โชคชะตานำพาให้พลาดกันไปพลาดกันมา กว่าจะได้มาเป็นคู่ชีวิตกัน นางเอกต้องผ่านการแต่งงานมาแล้วถึง 2ครั้ง ผู้อ่านจะได้เห็นถึงความเติบโตของสการ์เลตต์ผ่านประสบการณ์ชีวิตซึ่ง การศึกสงครามจากด่านหน้าที่สู้รบกันของฝ่ายสมาพันธรัฐชาวใต้ที่หยิ่งผยองในเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และต้องการความเป็นอิสระในการถือครองทาส กับฝ่ายเหนือที่เป็นสหภาพซี่งยึดรัฐธรรมนูญเหนืออื่นใด ได้ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อแนวหลังที่รอคอยด้วยใจกระวนกระวายอยู่กับบ้าน ผลการแพ้ชนะแต่ละครั้ง ได้สร้างรอยแผลไว้ในใจอย่างฝังลึกยากถอดถอน จนถึงวันที่รู้ว่าฝ่ายของตน ดินแดนอันเป็นที่รัก เชิดชูและศรัทธา ได้แพ้พ่ายอย่างราบคาบ คนรักและรู้จัก พลเมืองจำนวนมากต่างตายไปในสงคราม ที่เหลือรอดกลับมาก็สภาพน่าอเนจอนาถ รวมถึงผลพวงหลังจากรัฐบาลกลางเข้ามากุมอำนาจ มีบทบาทตั้งกฎระเบียบต่างๆ ที่เป็นการขูดรีด เอาเปรียบ เหยียบย่ำ ฉีกทึ้ง เกียรติยศ ศักดิ์ศรีความเป็นคน การฉ้อฉลคดโกง ใช้อำนาจโดยมิชอบ รีดนาทาเล้น ปล้นฆ่า โกงสมบัติชาติเป็นของตน ของผู้มีอำนาจที่ได้รับเลือกจากรัฐบาลกลางมาปกครองดูแลชาวใต้ สมาพันธรัฐล่มสลาย ประชาชนเดือดร้อน อดอยาก แร้นแค้น เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยส่งเสริม และเปลี่ยนแปลงให้นางเอกต้องกลายสภาพจากคุณหนูผู้ไร้เดียงสา ไปเป็นผู้ทำทุกทางเพื่อจะอยู่รอดให้ได้ในยามวิกฤต เพื่อประคับประคองข้าทาสผิวดำที่ซื่อสัตย์ เพื่อรักษาบ้านและที่ดินของพ่อเอาไว้ เพราะเธอต้องขึ้นมาเป็นหัวหน้าครอบครัวแทนหลังสูญเสียพ่อไป ยอมกระทั่งให้คนใต้ด้วยกันหยามเหยียด รังเกียจเดียดฉันท์ เพราะเธอตัดสินใจเลือกคบค้าสมาคม ทำธุรกิจกับพวกพ่อค้า ผู้มีอำนาจ ที่มาปกครองบ้านเมืองของตน ซึ่งครั้งหนึ่งเธอรังเกียจและเจ็บแค้น เพื่อจะดำรงสถานะของครอบครัวให้ไปต่อได้ การเติบโตทางอารมณ์ และความเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องชั่งใจเลือก ในสิ่งซึ่งขัดแย้งกับอุดมการณ์ ความศรัทธา ภาคภูมิที่ตนเชื่อมั่นมาตลอด กับความจริงตรงหน้าที่บีบคั้นให้กระทำสวนทางก็ตาม สการ์เลตต์ โอฮารา รวมถึง เรตต์ บัตเลอร์ จึงเป็นตัวละครที่มีความเรียลริสติก มีบุคลิกที่ใกล้เคียงความเป็นมนุษย์ปุถุชน ที่มีทั้งดีชั่วปะปน และดิ้นรนเพื่อหาทางเอาชีวิตรอดไปตามสถานการณ์ ไม่ใช่ตัวละครที่พาฝัน ภาพลักษณ์สวยงาม เป็นคนดีพร้อม ทั้งรูปสมบัติและคุณสมบัติ ที่มักพบได้ในตัวพระนางทั่วไป หากกล่าวอย่างตรงๆแล้ว ทั้งสองออกจะมีด้านที่เป็นสีเทาดำ มากกว่าสีขาวด้วยซ้ำ แต่นี่อาจเป็นเสน่ห์ที่ทำให้เรื่องนี้ยังคงอยู่ในใจของนักอ่านทั่วโลกมาอย่างยาวนานจนปัจจุบัน ถึงกับได้รับการยกย่องมากมายจากหลายสถาบัน ให้เป็นหนึ่งในวรรณกรรมคลาสสิกชิ้นเยี่ยม ทว่าสำหรับส่วนตัวแล้ว ไม่ได้สนใจในเรื่องนั้นเลย ยังคงยืนยันเช่นเดิมว่าไม่ชอบนางเอก และพระเอก รวมถึงไม่อาจบอกได้ว่านี่คือเรื่องที่รักชอบหลังอ่านจบ แต่สิ่งหนึ่งที่กล้ายืนยันอย่างมั่นใจอีกครั้งคือ นี่คือหนังสือที่ดี มีค่าเพียงพอต่อเวลาที่ต้องสละไปในการอ่าน ใครอ่านเรื่องนี้จบเกินกว่า 1 รอบ ขอยอมรับนับถือเลย สุดท้ายที่จะบอกคือ นี่เป็นหนังสือที่ดูดพลังอย่างมาก เหนื่อยที่สุดในชีวิตการเป็นนักอ่าน แม้นอ่านนิยายไทยยาวๆอย่างเพชรพระอุมา หรือนิยายจีนกำลังภายในที่ยาว 20-30 เล่ม ก็ยังไม่เคยเหนื่อยเท่า ป.ล. เนื่องจากไม่มีหนังสือเป็นของตน จึงขอใช้ภาพจากอินเตอร์เน็ตมาประกอบครับ #นิยายแปล #วรรณกรรมคลาสสิก #วิมานลอย #gonewiththewind #หนังสือน่าอ่าน #สงครามกลางเมือง #สหรัฐอเมริกา #ชนชั้น #แรงงาน #บริวาร #ทาส #คนผิวดำ #thaitimes #นิยาย #หนังสือ
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 1675 Views 0 Reviews
  • ประตูเปิดทางทิศตะวันออกเฉียงใต้

    เดือนนี้ จะมีโชคร่ำรวยเพราะที่ดิน ธุรกิจบ้านจัดสรร อสังหาริมทรัพย์ งานการเกษตร หรือค้าขายของเก่าวัตถุโบราณจะประสบสำเร็จพบโชค มีโอกาสขยายสร้างผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ทรัพย์สินเงินทองไหลเข้ามาอย่างมากมาย ปัญหาเรื่องเก่าเก็บที่คาราคาซังมานานจะสำเร็จคลี่คลายลง มีโอกาสจะรับมรดกตกทอดได้สัดส่วนๆแบ่งมากกว่าคนอื่น หากเดินทางไปทำบุญทำทานสร้างกุศลหรือไหว้พระไหว้เจ้าขอพร มีโอกาสพบกับโชคลาภแบบฟลุ๊คๆถูกหวยรวยหุ้นได้โชคลาภจากเจ้าที่ เป็นหัวหน้าครอบครัวลูกหลานบริวารจะเชื่อฟังอยู่ในโอวาทพร้อมซึ่งความสงบร่มเย็น ควรหาเวลาผ่อนคลายความเครียดบ้างจะได้ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย ไม่เป็นโรคประสาทให้เป็นภาระต่อสังคมคนรอบข้างและครอบครัว
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ประตูเปิดทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เดือนนี้ จะมีโชคร่ำรวยเพราะที่ดิน ธุรกิจบ้านจัดสรร อสังหาริมทรัพย์ งานการเกษตร หรือค้าขายของเก่าวัตถุโบราณจะประสบสำเร็จพบโชค มีโอกาสขยายสร้างผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ทรัพย์สินเงินทองไหลเข้ามาอย่างมากมาย ปัญหาเรื่องเก่าเก็บที่คาราคาซังมานานจะสำเร็จคลี่คลายลง มีโอกาสจะรับมรดกตกทอดได้สัดส่วนๆแบ่งมากกว่าคนอื่น หากเดินทางไปทำบุญทำทานสร้างกุศลหรือไหว้พระไหว้เจ้าขอพร มีโอกาสพบกับโชคลาภแบบฟลุ๊คๆถูกหวยรวยหุ้นได้โชคลาภจากเจ้าที่ เป็นหัวหน้าครอบครัวลูกหลานบริวารจะเชื่อฟังอยู่ในโอวาทพร้อมซึ่งความสงบร่มเย็น ควรหาเวลาผ่อนคลายความเครียดบ้างจะได้ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย ไม่เป็นโรคประสาทให้เป็นภาระต่อสังคมคนรอบข้างและครอบครัว ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ 🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 Comments 0 Shares 405 Views 0 Reviews
  • ขยับเข้าใกล้ความฝันอีกหน่อย:

    ขณะนี้ ประเทศปาเลสไตน์ (ผมจงใจใช้คำว่า *ประเทศ* นะครับ) ได้ที่นั่งบนเวทีสหประชาชาติแล้ว ในฐานะผู้สังเกตการณ์ ขั้นต่อไปก็คือเหล่าประเทศฝ่ายธรรมะทั้งหลายจะต้องพากันขอให้ปาเลสไตน์เป็นประเทศสมาชิกเต็มตัว แต่อิสราเอล อเมริกา อังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศสและประเทศบริวารของอเมริกาอื่นๆ จะต้องต้านกันสุดฤทธิ์แน่

    ถ้าผม *เดา* ไม่พลาด ตุลาคมนี้ รัสเซียอาจชิงไหวชิงพริบเดินเกมประกาศรับประเทศปาเลสไตน์ เป็นส่วนหนึ่งของประเทศกลุ่ม BRICS ขึ้นมา



    ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    ขยับเข้าใกล้ความฝันอีกหน่อย: ขณะนี้ ประเทศปาเลสไตน์ (ผมจงใจใช้คำว่า *ประเทศ* นะครับ) ได้ที่นั่งบนเวทีสหประชาชาติแล้ว ในฐานะผู้สังเกตการณ์ ขั้นต่อไปก็คือเหล่าประเทศฝ่ายธรรมะทั้งหลายจะต้องพากันขอให้ปาเลสไตน์เป็นประเทศสมาชิกเต็มตัว แต่อิสราเอล อเมริกา อังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศสและประเทศบริวารของอเมริกาอื่นๆ จะต้องต้านกันสุดฤทธิ์แน่ ถ้าผม *เดา* ไม่พลาด ตุลาคมนี้ รัสเซียอาจชิงไหวชิงพริบเดินเกมประกาศรับประเทศปาเลสไตน์ เป็นส่วนหนึ่งของประเทศกลุ่ม BRICS ขึ้นมา ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    0 Comments 0 Shares 203 Views 0 Reviews
More Results