• ตัดโซ่หรือตายซาก ตอนที่ 1 – 2

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ตัดโซ่ หรือ ตายซาก”
    ตอน 1
    เรื่องหนี้ของกรีซยก 2 นี่ ถ้าเป็นหนังก็ออกรสตื่นเต้น ประเภท เกทับบลั้ฟแหลก คมเฉือนคม อะไรทำนองนั้น เพราะมันจะมีการพลิกเกมกันอยู่ตลอดเวลา ต่างฝ่ายก็เอามือล้วงกระเป๋า เหมือนมีของดีแอบอยู่ จะงัดเอาออกมาใช้เมื่อไหร่เท่า นั้น แต่จริงๆแล้ว ของดีมีจริง หรือมีปลอม ยังไม่มีใครรู้แน่ ระหว่างนั้น ก็ทำหน้าขรึม หน้าเครียดเจรจากัน สื่อก็รายงานของจริงแถมใบสั่ง เป็นโอกาสล่อให้แมงเม่าเข้าไปเล่นกองไฟ มีคนฉิบหายตายเพราะหนี้ท่วมประเทศยังไม่พอ ต้องหาแมงเม่าเข้ามาสังเวยด้วย มันถึงจะได้อารมณ์ สร้างกำไร จากความหายนะ ความคิดแบบนี้ มีทุกสัญชาติแหละครับ มากน้อย ตามสันดาน และตัณหา
    พระเอกที่จะเล่นเกมเกทับ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นรัฐบาลชุดปัจจุบันนี้ของกรีซ ที่มาจากพรรค Syriza ซึ่งเป็นพวกที่เอนไปทางสังคมนิยม ก่อต้ังเมื่อปี ค.ศ. 2004 จากการรวมตัวของกลุ่มฝ่ายซ้ายต่างๆ ประมาณ 10 กว่ากลุ่ม Syriza เคยมีชื่อเสียงว่า เป็นพวก anti establishment เป็นพวกไม่เอาทุนนิยมว่างั้นเถอะ แม้ตอนหลังพวกเขาจะไม่เน้นเรื่อ งนี้ แต่เมื่อ Syriza ชนะเลือกตั้ง เมื่อต้นปี 2015 แน่นอน ทำให้อียูเริ่มขมวดคิ้ว เพราะดูเหมือน Syriza จะมาทำให้ชาวกรีซร้องคนเพลงกับอียู ยิ่งหัวหน้าพรรคที่ชื่อ Alexis Tsipras ประกาศชัดเจนว่า “euro is not my fetish” เงินยูโรมันก็ไม่ได้วิเศษอะไรนักหนา คำประกาศเขาให้รสชาดแบบนั้นนะครับ
    ในการเลือกต้ังดังกล่าว Syriza ขาดไปแค่ 2 คะแนน ที่จะเป็นเสียงข้างมาก พวกเขาเลยต้องผสมกับพรรคอื่นตั้ง รัฐบาล แต่ยังไงก็ได้นาย Alexis Tsipras เป็นนายกรัฐมนตรีหนุ่มแน่น อายุแค่ 40 และมีนาย Yanis Varoufakis เป็นรัฐมนตรีคลัง ที่จะมาช่วยหาวิธีถอดโซ่ ที่พวกเจ้าหนี้กรีซ เอามาคล้องคอชาวกรีซออกไป หรือทำให้โซ่คล้องคอมันหลวมหน่อย ไม่ใช่รัดติ้ว ท้องกิ่ว หายใจจะไม่ออก ไม่มีจะกินกันทั้งประเทศอย่างนี้
    นาย Alexis Tsipras เป็นลูกชาวกรีซ ที่อพยพมาจากตุรกี ตามโครงการแลกเปลี่ยนประชาชน ระหว่าง 2 ประเทศ เขาเป็นคนชอบเล่นกีฬา และทำกิจกรรมมาต้ังแต่เป็นเด็กนักเรียน หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นนักเคลื่อนไหวไฟแรง แหม เหมือนกับจะเขียนเรื่องเจ้ายะใส หนุ่มหน้ามนของสาวๆแดนสยามเลยนะ แต่ยะใส คงต้องติวใหม่อีกแยะนะ เอาเรื่องนายอเล็กซิส ต่อแล้วกัน เขาเรียนจบด้านวิศวกรรมจากวิทยาลัยเทคนิคของกรีซ ระหว่างเรียน ก็เริ่มเข้ากลุ่มการเมืองฝ่ายซ้ายของกรีซ และได้เป็นหัวหน้านักศึกษาทางกิจกรรมการเมือง ก็คงเหมือน สนนท. ของบ้านเรานะครับ หลังจากนั้น ก็เข้าการเมืองท้องถิ่นเต็มตัว ก่อนลงสนามใหญ่
    เมื่อบรรดาพรรคฝ่ายซ้าย จับมือรวมกันเป็นพรรค Syriza นายอเล็กซิส ก็ไปเข้าร่วม แล้วในที่สุด ในปี คศ 2009 หนุ่มอเล็กซิส อายุ 30 กว่า ก็ได้เป็นหัวหน้าพรรค Syriza เป็นดาวรุ่งพุ่งแรง จะมีใครอุ้ม ใครดันหรือเปล่า ข่าวไม่บอก แล้วเขาก็พา Syriza เข้าลงเลือกต้ังในสนามใหญ่ ต้ังแต่ปี 2012 แม้ไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ก็ได้เข้าอยู่ในสภา ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายค้าน ไม่เบาเหมือนกันสำหรับ หนุ่มวัย 30 กว่า
    เมื่อ สภากรีซล่มในปี ค.ศ. 2014 และประกาศจะมีการเลือกต้ังใหม่ ในเดือนมกราคม ปี ค.ศ.2015 อเล็กซิส ระดมพลพรรค ประกาศลงเลือกต้ัง และประกาศ Thessaloniki Programme ในเดือนสิงหาคม ปี 2014 ซึ่งเป็นนโยบายที่เสนอให้มีการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ และการเมืองของกรีซเสียใหม่ นอกจากนี้ ยังประกาศใช้นโยบายการหาเสียงว่า พรรค Syriza ต้ังใจจะเข้าไปแก้ไขเงื่อนไขมหาโหด ในสัญญาเงินกู้ ที่บรรดาเจ้าหนี้ต่างประเทศกำหนดไว้ เหมือนเอาโซ่มาคล้องคอชาวกรีซและทำให้ชีวิตชาวกรีซสุดแสนจะลำเค็ญ
    ในส่วนนโยบายต่างประเทศ ระหว่างการหาเสียง อเล็กซิส แสดงความไม่พอใจอย่างเผ็ดร้อน กับการตัดสินใจหลายเรื่องของยุโรป ที่คัดท้ายโดยรัฐบาลเยอรมัน ภายใต้การนำของป้าเข็มขัดเหล็ก แน่นอน มันเป็นการฝาก “รอย” ให้ไว้กับป้าเข็มขัดเหล็ก ที่ทำให้การเจรจาต่อมาระหว่างอเล็กซิส ในฐานะนายกรัฐมนตรีกรีซ กับป้าเข็มขัดเหล็ก เกี่ยวกับเรื่องหนี้ของกรีซ ฝืดสิ้นดี
    เหมือนจะให้ผู้คนแน่ใจว่าเขาคิดอย่างไร เมื่อได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี งานแรกที่ Alexis Tsipras ทำ คือ เขานำดอกกุหลาบแดงช่อใหญ่ ไปวางแสดงความเคารพที่อนุสรณ์สถานของชาวกรีซ 200 คน ที่เสียชีวิตจากการฆ่าของเยอรมัน เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ.1944 ….ช่างเล่นนะไอ้หนุ่ม
    งานเดินสายต่างประเทศ รายการแรกของนายกรัฐมนตรีหนุ่ม คือ ไปพบนายกรัฐมนตรี Matteo Renzi ที่โรม เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2015 จับเข่าคุยในฐานะ คนเป็นลูกหนี้ ที่มีโซ่คล้องคอเหมือนกัน คุยกันเสร็จ นาย Renzi ก็มอบเนคไทไหมอิตาเลียน ให้เป็นที่ระลึกแก่ นายอเล็กซิส ซึ่งมีชื่อเสียงว่า ไม่นิยมการผูกเนคไท เขารับไว้ แล้วบอกว่า เขาจะผูกเนคไทนี้ ในวันที่ชาวกรีซ ตัดโซ่คล้องคอสำเร็จ… อยากได้ยินคำพูดแบบนี้ ในแดนสยามบ้างครับ
    ส่วน นาย Yanis Varoufakis มาคนละทางกับอเล็กซิส
    ยานิส ไม่ได้เป็นนักการเมือง เขาออกไปทางนักวิชาการ เป็นนักเศรษฐศาสตร์ และเป็นอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์มีชื่อเสียง แต่ใช่ว่าเขาไม่สนใจการเมือง พ่อเขาร่วมรบในสงครามกลางเมืองกรีซ โดยอยู่ฝั่งคอมมิวนิสต์ แพ้สงครามก็ถูกจับไปนอนคุกอยู่หลายปี ออกจากคุกมาทำธุรกิจ กลายเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของกรีซ ส่วนแม่ก็เป็นพวกคอการเมือง ครอบครัวนี้ สนับสนุนกลุ่มไอร์แลนด์เหนือให้สู้กับอังกฤษ พวกเขานับ Belfast เมืองหลวงของไอร์แลนด์เหนือเป็นบ้านที่ 2
    สำหรับคนรุ่นหลังๆ คงไม่ค่อยรู้จักวีรกรรมของชาวไอริช ที่ต้องการแยกตัวจากอังกฤษ นอกจากรู้จากดูหนัง จริงๆ คนไอริช หรือขบวนการ IRA เป็นขบวนการ ที่ถูกอังกฤษและพวก รวมทั้งสื่อ เรียกว่า เป็นผู้ก่อการร้าย ทั้งๆ ที่พวกเขาคิดการดี ในช่วงประมาณปี ค.ศ.1970 เป็นต้นมา ขบวนการ IRA จะเป็นข่าวเกือบรายวัน ในการวางระเบิดใส่อังกฤษ ผู้คนบาดเจ็บล้มตายมาก ตึกรามบ้านช่องพังวินาศ
    ไม่มีการต่อสู้เพื่อเอกราชใด หรือปลดพันธนาการใดจะได้มาง่ายๆ มันต้องลงแรงลงใจลงชีวิตทั้งนั้น ชาวแดนสยาม สบายจนเคยตัว บางพวกทำตัว ยิ่งกว่าตามสบาย เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัว หาความสุข สนุกไปวันๆ ไม่สนใจประเทศ และเพื่อนร่วมชาติ จนน่ารังเกียจ น่าเสียดายครับ มีของดี ไม่รู้จักคุณค่า ไม่รู้จักรักษา ชอบอยู่แต่ใน “ครอบ” ไม่อยากใช้คำว่า “คอก” ปล่อยให้มัน ฟอกย้อม ต้มตุ๋นเอาจนชิน วันไหนไม่ถูกย้อม ไม่ถูกต้ม คงกินไม่ได้นอนไม่หลับ เฮ้อ! คุยเรื่อง นายยานิสต่อดีกว่า
    เมื่อพ่อรวย ก็ส่งลูกไปเรียนที่อังกฤษ ยานิส จึงเรียน พูด และด่าเป็นภาษาอังกฤษ ได้ชัด และคมคายเอาเรื่อง สรุปว่า เขาเรียนต้ังแต่ ปริญญาตรี จนจบปริญญาเอกจากอังกฤษแล้วกัน
    เรียนจบแล้ว ก็ไปสอนหนังสือ ที่หลายมหาวิทยาลัย หลายประเทศ แล้วยังเดินทางไปดูโลกกว้างในแง่มุมของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากสร้างให้เกิด ที่ต้องมองกันอย่างลึกซึ้ง กลับมาก็เปิดบล๊อกของตัวเอง ให้ความรู้ ความเห็น สอนคนนอกมหาวิทยาลัยไปเรื่อยๆ ที่สำคัญ เขาบอกว่า เขาไม่เห็นด้วยกับการที่กรีซ ไปกู้เงินพวกเจ้าหนี้หน้าเลือดเหล่านั้น ไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขที่เจ้า หนี้ต้ัง ไม่เห็นด้วยๆๆๆ สาระพัด ไม่เห็นด้วย และบอกว่า ถ้ากรีซ ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป ชาวกรีก ก็คงแห้งตายซาก และเกาะกรีซอันสวยงาม ก็คงล่มจมหายไปในเมดิเตอร์เรเนียน อย่างน่าเสียดาย …
    เพราะเขียนในบล๊อกแบบนี้ จนดังระเบิด เมื่อ พรรค Syriza ได้เป็นรัฐบาล จึงส่งเทียบมาเชิญ ท่านพี่ยานิส ท่านอย่ามัวแต่นั่งเขียนให้คนอ่านเลย แบบนั้นมันง่าย ( เหมือนที่ลุงนิทานทำ แค่นั่งเขียนอยู่ในบ้าน) ท่านจงออกมาใช้ภูมิปัญญา ลงมือแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่าง จริงจังกับเราเถิด นายยานิส ก็ไม่เล่นตัว ไม่เรื่องมาก แค่บอกว่า พูดกันให้รู้เรื่องก่อนนะ ถ้าเอาผมไปนั่งคลัง ผมจะใช้นโยบาย อย่างที่ผมเขียน คือ เราต้องตัดโซ่ของเจ้าหนี้ ที่เอามาคล้องคอชาวกรีซ ออกเสียนะ
    นายกรัฐมนตรีหนุ่มบอก นั่นแหล่ะพี่ เราพูดเรื่องเดียวกัน พี่เอาคีมเบอร์ใหญ่สุดมาเลยนะ มาช่วยพวกผมตัดโซ่ด่วนเลย แล้วยานิสก็ไปนั่งเป็นรัฐมนตรีคลังในรัฐบาล แต่ไม่สังกัดพรรค อืม…
    เป็นต้ัง พณฯ ท่านรัฐมนตรี เขาก็ส่งทั้งรถยนต์ คนขับ ผู้ติดตาม เครื่องยศ มาให้พร้อม ยานิส ก็ส่งคืนกลับไปหมด รถยนต์ ผมมีแล้วครับ เก่าหน่อย แต่ยังวิ่งได้ดีอยู่ วันไหนอากาศดี ผมก็ไม่ใช้รถ ขี่มอร์ไซด์ไปเร็ว และประหยัดกว่า มิน่า เลยติดใส่เสื้อหนัง ส่วนผู้ติดตาม ก็ไม่จำเป็นครับ ไม่รู้จะเอามาทำอะไร ถ้าประชาชนเขาไม่พอใจผม เอาไข่ปาผมไม่กี่ที ผมก็รู้หน้าที่ว่า ควรลาออกแล้วครับ ประเทศเราจนมากนะครับ ยังมีหนี้อีกแยะ จะใช้อะไร จะทำอะไร ก็ต้องเอาแต่จำเป็น รู้จักประหยัดบ้าง รับรอง ลุงนิทานไม่ได้เขียนเอง แดกใคร คุณน้องยานิส ให้สัมภาษณ์อย่างนี้จริงๆ
    ###############
    “ตัดโซ่ หรือ ตายซาก”

    ตอน 2
    ก่อนจะเดินหน้าไปตัดโซ่ มาทบทวนกันหน่อยว่า หนี้กรีซ นี่มันอะไรนักหนา แล้วเงื่อนไขเจ้าหนี้มันทารุณเหมือนเอาโซ่มาคล้องคอชาวกรีกจริงหรือเปล่า หรือพวกหนุ่มๆ เขาเลือดร้อน ฮอร์โมนพุ่งตามวัย เห็นอะไรขัดใจนิด ขัดใจหน่อย ก็คิดชนมันซะเลย
    บรรดาขาใหญ่นักวิเคราะห์การเมือง ไม่ใช่ พวกนักวิเคราะห์การเงิน ที่เอาไว้หลอกพวกแมงเม่า บอกว่า มันไม่ใช่เป็นเรื่องว่า กรีซ ประเทศเล็กๆ ที่อยู่ในสหภาพยุโรป จะผิดนัดชำระหนี้ไหม และจะพากันจูงมือ เดินออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป หรืออียู หรือเปล่า แต่เรื่องหนี้กรีซ อาจกลายเป็นซึนามิ ทางการเงิน เศรษฐกิจ และการเมืองของยุโรปได้อย่างนึกไม่ถึง และถ้าเข้าทาง …มันอาจจะไปไกลกว่านั้น....
    ปัญหาหนี้ของกรีซ เริ่มมาต้ังแต่ปี ค.ศ.2001 ก็ต้ังแต่ กรีซ เริ่มเปลี่ยนมาใช้เงินสกุลยูโร แทนเงินสกุลดรักมาร์ของตัวเองนั่นแหละ กรีซเป็นสมาชิกอียูโซนมาต้ังแต่ปี ค.ศ.1981 แต่กรีซมีงบประมาณขาดดุลยสูงเกินเกณท์ของอียู ที่เรียกว่า Maastricht Criteria อยู่ตลอดมา ถึงจะเกินเกณท์ แต่ ปีแรกๆ ก็ไม่มีปัญหา เพราะดูเหมือนหลายประเทศในอียู ก็เกินกันทั้งนั้น และกรีซ ก็ได้ประโยชน์จากการกู้ดอกถูก ในฐานะเป็นสมาชิกอียู และมีเงินลงทุนเข้ามาเพิ่ม
    นี่คือ ความผิดพลาดของกรีซ รายการแรก ที่มองการเข้าไปอยู่ในคอกอียู แต่ด้านบวก ด้านได้ โดยไม่มองด้านลบ หรือไม่คิดว่ามีด้านลบ
    ถึง ปี ค.ศ.2004 กรีซ หลุดปากบอกว่า ตัวเองแต่งตัวเลข เพื่อไม่ให้ผิดหลักเกณฑ์อียู แต่น่าประหลาด อียูทำเหมือนไม่ได้ยิน เกิดหูบอดกระทันหันเสียอย่างนั้น ไม่เตือน ไม่ด่า ไม่ทำโทษกรีซ เพราะอะไรหรือ เพราะ ใครๆก็ทำกัน โดยเฉพาะ ฝรั่งเศส และเยอรมัน ลูกพี่ใหญ่ของอียู ด่ากรีซ ก็เหมือนด่าตัวเองด้วย แล้วถ้าจะทำโทษ จะทำอะไรล่ะ ยังไม่มีกฏกติกา เรื่องนี้เลย ไล่กรีซออกจากอียูเลยดีไหม อียูน่าจะทำได้ แต่มันจะทำให้ภาพพจน์อียู หมดท่า เหมือนแก้ผ้าประจานตัวเอง แถมตอนนั้น สมาชิกอียูยังน้อยอยู่ อยากได้ไอ้พวกพี่เบิ้ม อย่างอังกฤษ ก็ยังยักท่า หรือ รวยๆ อย่างสวีเดน เดนมาร์ก ตอนนั้น ก็ยังทำหยิ่งไม่เข้ามา นี่ถ้ารู้ว่า กรีซ แต่งตัวเลข ใครจะมา มีแต่จะไป แล้วทุกฝ่ายก็ปิดปากเงียบ หลอกตัวเอง หลอกกันเอง และหลอกคนอื่นต่อไป นี่คือความผิดส่วนของอียู ที่ไม่ได้มีเพียงครั้งเดียว
    แต่พอถึงปี ค.ศ.2009 ฝีแตก กรีซปิดต่อไปอีกไม่ไหว เพราะเงินทำท่าจะหมดประเทศ จริงๆ ก็หมดแล้ว มีแต่เงินกู้เขามา อ้อมแอ้ม ออกมาว่า มีตัวเลขงบประมาณขาดดุลย ประมาณ 12.9 % ของ จีดีพี ( ผลิตภัณท์มวลรวมภายใน ) ซึ่งเป็นตัวเลขที่เกินกว่าเกณท์ที่ อียู กำหนดไว้ ที่ 3% พูดภาษาเข้าใจง่ายๆ แปลว่า มีจ่ายจ่ายมากกว่ารายรับอยู่แยะมาก จะทำไงดีครับลูกพี่ เป็นคนธรรมดา ก็ต้องบอกว่าอยู่ในสภาพ เป็นหนี้หัวโต นอนเอามือก่ายหน้าผากจนบุบ ก็ยังไม่เห็นทางแก้ปัญหา
    ลูกพี่ยังคิดไม่ออกว่าจะใช้แผน พิฆาตชุดไหน แต่ สามหมาไน บริษัท จัดอันดับ ratings agency Standard & Poor , Fitch และ Moody’s ได้กลิ่น รีบประกาศลดอันดับความน่าเชื่อ ถือของ กรีซลงอย่างรวดเร็ว เหลือเป็นระดับ junk bond หรือระดับขยะ คือ อยู่ในสภาพล้มละลาย พันธบัตรกรีซ มีค่าไม่ต่างกับกระดาษชำระ การประกาศของ 3 หมาไน ได้ผลอย่างดียิ่ง กลางปี 2010 กรีซก็ถูกตัดขาดจากเส้นทางกู้เงินในตลาดทุนของโลก เหลือแต่เส้นทางไปสู่การเป็นประเทศล้มละลายอย่างสมบูรณ์
    กรีซแทบไม่เหลือทางเลือก จะตายช้า หรือตายเร็วเท่านั้น แล้วอัศวิน ชื่อ Troika ก็โผล่มา Troika เป็นชื่อเรียก ของสามเสือหิว IMF, ECB (European Central Bank) และ European Commission เล่นบทลูกพี่ใจดี จับมือกันจัดการให้เงินกู้ ที่อ้างว่า เป็นการช่วยฉุดกรีซขึ้นมาจากเหว รอบแรก จำนวน 340 พันล้านยูโร
    เงินจำนวนนี้ ถือว่ามากมาย และน่าจะผิดหลักเกณท์ของ IMF เสียด้วยซ้ำ แต่ทำไมอัศวิน หรือ Trioka รีบจัดการให้ สงสารกรีซมากหรือไง อ้อ ไม่ใช่ มันเป็นพวกไอ้เสือหิว มองหาเหยื่อแบบนี้ มานานแล้วต่างหาก พอเข้าใจนะครับ
    เงินกู้ ฉุดจากเหว มาพร้อมกับโซ่เหล็กคล้องคอกรีซ เป็นเงื่อนไขที่อ้างว่า เพื่อสร้างวินัยในการใช้จ่ายของกรีซ ที่กรีซ ไม่มีโอกาสต่อรอง ต้องก้มหน้ารับอย่างเดียว แต่ที่น่าสนใจ เงินกู้แลกโซ่ ควรจะมาช่วยให้สถานะของกรีซในสายตาของตลาดทุนดีขึ้น ตรงกันข้าม เงินกู้ลอยผ่านหน้ารัฐบาลกรีซ ไปเข้ากระเป๋าธนาคารต่างประเทศ ที่ให้กรีซกู้ไปก่อนหน้านี้
    เงินกู้ฉุดจากเหว กลายเป็นการใช้หนี้ ฉุดธนาคารต่างประเทศ ขึ้นมาจากเหวก่อน ชาวกรีซยังคงอยู่ในเหวต่อไป แต่มีโซ่มาคล้องคอหนักรัดติ้ว นั่งท้องกิ่วอยู่ก้นเหว ตกลงอัศวิน Troika มาช่วยใคร นี่คือ การเสียค่าโง่ครั้งที่เท่าไหร่ของกรีซ
    แล้วธนาคารต่างประเทศไหนล่ะ ที่ได้รับการชำระหนี้ไปก่อน เปิดดูอากู ก็รู้ว่า ธนาคารในอียูเองเป็นเจ้าหนี้กรี ซ ทั้งนั้น และเจ้าหนี้รายใหญ่สุด คือ เยอรมัน รองมา คือ ฝรั่งเศส พอเข้าใจแล้วนะครับว่า ทำไมนายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ถึงเอาดอกกุหลาบแดงไปวางที่อนุสรณ์สถาน
    ก่อนการให้เงินกู้ จำนวนมโหฬาร IMF หัวหน้าใหญ่ของกลุ่มเสือหิว ที่เป็นผู้นำการกำหนดเงื่อนไข ลายโซ่คล้องคอชาวกรีซ บอกว่าการใช้จ่ายของกรีซ หนักไปที่ค่าจ้าง เป็นจำนวน ถึง 75% ของงบประมาณรายจ่าย แยกเป็นค่าจ้าง พนักงานของรัฐ ทั้งประจำ และชั่วคราว ค่าจ้างแรงงานคนทำงาน ค่าสวัสดิการ ค่าเบี้ยบำนาญ ของคนที่ทำงานมาจนแก่เหลือแต่เหงือก
    ถ้ายังจำกันได้ กรีซจัดงานแข่งกีฬาโอลิมปิค ในปี ค.ศ. 2004 ยิ่งใหญ่ และสวยงาม แน่นอนก่อนจัดงาน ต้องมีการปรับปรุงสาธารณูปโภค ถนนหนทาง ไฟฟ้า น้ำประปา ทั้งประเทศรวมทั้ง การก่อสร้าง สนามกีฬา บ้านพักนักกีฬา และอีกหลายๆอย่าง เพื่อรองรับการแข่งขัน และผู้มาชม ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 ปี รายจ่ายของกรีซทั้งด้านแรงงาน และด้านก่อสร้าง ไม่บานทะโล่ ก็คงแปลกอยู่
    นอกจากนี้ยังมีหนี้ส่วนบุคคลของ ชาวกรีก ที่เห็นเป็นโอกาสที่ทำเงิน ด้วยการสร้างที่พัก สำหรับนักท่องเที่ยว ร้านอาหาร บริการรถเช่า ฯลฯ ซึ่งสร้างขึ้นมาจากเงินกู้เกือบทั้งสิ้น
    และ นี่ ก็เป็นอีกความผิดพลาด อีกรายการของกรีซ กีฬาโอลิมปิคสวยงาม สร้างชื่อเสียงให้กับกรีซ และก็สร้างหนี้ให้กับกรีซด้วย กรีซขาดทุนย่อยยับ ขายของ ไม่ได้ราคาคุ้มทุนที่ลง แถมมีหนี้ติดค้างทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน เลยเป็นโอกาสให้ IMF ผู้ชำนาญการ สั่งให้กรีซ ตัดรายการจ้างงาน และสวัสดิการ ขณะที่กรีซ พยายามขายการท่องเที่ยวประเทศของตัวเองต่อ เพื่อเอาทุนคืนจากการขาดทุนโอลิมปิค IMF ปิดประตูการจ้างงาน เปิดให้ครึ่งบานและครึ่งวัน ที่พัก ร้านอาหารเริ่มโทรม เมื่อมีลูกจ้างมาทำงานไม่พอให้บริการ นักท่องเที่ยวที่ไหน อยากจะไปเที่ยว แล้วยกกระเป๋า และ ล้างจานเอง
    ถ้าไม่แน่ใจว่า การจัดงานกีฬาโอลิมปิค ไม่ได้สร้างกำไรเสมอไป ก็ลองไปถามคุณปากจีบ นายกรัฐมนตรี ของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ได้ว่า หลังจาก กระเสือกกระสน จัดการแข่งกีฬาโอลิมปิค เมื่อปี 2012 แล้วเป็นไง ตอนนี้ เลยต้องตัดงบสาระพัด รวมทั้งงบด้านกองทัพ เล่นเอาคุณพีปูตินของผม หัวร่อ ฮิ ฮิ
    จึงไม่เป็นเรื่องน่าแปลกใจ ที่ ในปี 2010 อัตราว่างงานของกรีซ เพิ่มขึ้นเป็น 15% ทุก 7 คนกรีก จะมีคนว่างงาน 1 คน ! เริ่มมีการประท้วงรัฐบาล การเมืองง่อนแง่น และกรีซ ก็ต้อง กู้เงินจาก อัศวิน Troika เพิ่มขึ้นอีก และโซ่คล้องคอชาวกรีซ ก็หนักขึ้นทุกที ชาวกรีซ ก็จมลงในเหวลึกลงไปทุกที
    ปี ค.ศ.2011 สถานการณ์ของกรีซ แย่ลงกว่าเดิม รัฐบาลไหนมาก็แก้ปัญหาไม่ได้ ได้แต่กู้เพิ่มเพื่อเอามาใช้หนี้เก่า หมุนไปเรื่อยๆ รัฐบาลกรีซคิดหาทางทางออกไม่เจอ เขิญผู้เชี่ยวชาญมาช่วยคิด
    OECD ซึ่งเป็นหน่วยงาน ที่อ้างว่ามีหน้าที่คอยแนะนำประ เทศ ที่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจ ภายใต้เสื้อคลุม ที่ไอ้นักล่าใบตองแห้ง คิดขึ้นมาหลังจากคิดสร้าง World Bank, IMF บอกกรีซต้องหารายได้เพิ่มด้วยการเก็บภาษีเพิ่ม ใช้มาตรการเด็ดขาดกับผู้หนีภาษี และขายรัฐวิสาหกิจที่สร้างกำไรอ อกไปให้กับนักธุรกิจ และขายทรัพย์สินของประเทศ เพื่อเอามาใช้หนี้ ชาวกรีก เริ่มรู้ตัวว่า กำลังถูกแร้งลง ออกมาประท้วง ไม่ยอมให้รัฐบาลขายรัฐวิสาหกิจ กับทรัพย์สินของประเทศ บอกไปเก็บภาษีจากพวกคนรวยๆ และพวกหนี้ภาษีด่วนเลย
    กรีซ น่าจะเห็นแล้วว่า ตัวเองถูกต้ม และเป็นเหยื่อ ของเหล่านักล่า หมาไน และก่อนสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ถ้าตัดสินใจผิดอีก คราวนี้ คงถึงแร้งลง
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    26 มิ.ย. 2558
    ตัดโซ่หรือตายซาก ตอนที่ 1 – 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ตัดโซ่ หรือ ตายซาก” ตอน 1 เรื่องหนี้ของกรีซยก 2 นี่ ถ้าเป็นหนังก็ออกรสตื่นเต้น ประเภท เกทับบลั้ฟแหลก คมเฉือนคม อะไรทำนองนั้น เพราะมันจะมีการพลิกเกมกันอยู่ตลอดเวลา ต่างฝ่ายก็เอามือล้วงกระเป๋า เหมือนมีของดีแอบอยู่ จะงัดเอาออกมาใช้เมื่อไหร่เท่า นั้น แต่จริงๆแล้ว ของดีมีจริง หรือมีปลอม ยังไม่มีใครรู้แน่ ระหว่างนั้น ก็ทำหน้าขรึม หน้าเครียดเจรจากัน สื่อก็รายงานของจริงแถมใบสั่ง เป็นโอกาสล่อให้แมงเม่าเข้าไปเล่นกองไฟ มีคนฉิบหายตายเพราะหนี้ท่วมประเทศยังไม่พอ ต้องหาแมงเม่าเข้ามาสังเวยด้วย มันถึงจะได้อารมณ์ สร้างกำไร จากความหายนะ ความคิดแบบนี้ มีทุกสัญชาติแหละครับ มากน้อย ตามสันดาน และตัณหา พระเอกที่จะเล่นเกมเกทับ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นรัฐบาลชุดปัจจุบันนี้ของกรีซ ที่มาจากพรรค Syriza ซึ่งเป็นพวกที่เอนไปทางสังคมนิยม ก่อต้ังเมื่อปี ค.ศ. 2004 จากการรวมตัวของกลุ่มฝ่ายซ้ายต่างๆ ประมาณ 10 กว่ากลุ่ม Syriza เคยมีชื่อเสียงว่า เป็นพวก anti establishment เป็นพวกไม่เอาทุนนิยมว่างั้นเถอะ แม้ตอนหลังพวกเขาจะไม่เน้นเรื่อ งนี้ แต่เมื่อ Syriza ชนะเลือกตั้ง เมื่อต้นปี 2015 แน่นอน ทำให้อียูเริ่มขมวดคิ้ว เพราะดูเหมือน Syriza จะมาทำให้ชาวกรีซร้องคนเพลงกับอียู ยิ่งหัวหน้าพรรคที่ชื่อ Alexis Tsipras ประกาศชัดเจนว่า “euro is not my fetish” เงินยูโรมันก็ไม่ได้วิเศษอะไรนักหนา คำประกาศเขาให้รสชาดแบบนั้นนะครับ ในการเลือกต้ังดังกล่าว Syriza ขาดไปแค่ 2 คะแนน ที่จะเป็นเสียงข้างมาก พวกเขาเลยต้องผสมกับพรรคอื่นตั้ง รัฐบาล แต่ยังไงก็ได้นาย Alexis Tsipras เป็นนายกรัฐมนตรีหนุ่มแน่น อายุแค่ 40 และมีนาย Yanis Varoufakis เป็นรัฐมนตรีคลัง ที่จะมาช่วยหาวิธีถอดโซ่ ที่พวกเจ้าหนี้กรีซ เอามาคล้องคอชาวกรีซออกไป หรือทำให้โซ่คล้องคอมันหลวมหน่อย ไม่ใช่รัดติ้ว ท้องกิ่ว หายใจจะไม่ออก ไม่มีจะกินกันทั้งประเทศอย่างนี้ นาย Alexis Tsipras เป็นลูกชาวกรีซ ที่อพยพมาจากตุรกี ตามโครงการแลกเปลี่ยนประชาชน ระหว่าง 2 ประเทศ เขาเป็นคนชอบเล่นกีฬา และทำกิจกรรมมาต้ังแต่เป็นเด็กนักเรียน หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นนักเคลื่อนไหวไฟแรง แหม เหมือนกับจะเขียนเรื่องเจ้ายะใส หนุ่มหน้ามนของสาวๆแดนสยามเลยนะ แต่ยะใส คงต้องติวใหม่อีกแยะนะ เอาเรื่องนายอเล็กซิส ต่อแล้วกัน เขาเรียนจบด้านวิศวกรรมจากวิทยาลัยเทคนิคของกรีซ ระหว่างเรียน ก็เริ่มเข้ากลุ่มการเมืองฝ่ายซ้ายของกรีซ และได้เป็นหัวหน้านักศึกษาทางกิจกรรมการเมือง ก็คงเหมือน สนนท. ของบ้านเรานะครับ หลังจากนั้น ก็เข้าการเมืองท้องถิ่นเต็มตัว ก่อนลงสนามใหญ่ เมื่อบรรดาพรรคฝ่ายซ้าย จับมือรวมกันเป็นพรรค Syriza นายอเล็กซิส ก็ไปเข้าร่วม แล้วในที่สุด ในปี คศ 2009 หนุ่มอเล็กซิส อายุ 30 กว่า ก็ได้เป็นหัวหน้าพรรค Syriza เป็นดาวรุ่งพุ่งแรง จะมีใครอุ้ม ใครดันหรือเปล่า ข่าวไม่บอก แล้วเขาก็พา Syriza เข้าลงเลือกต้ังในสนามใหญ่ ต้ังแต่ปี 2012 แม้ไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ก็ได้เข้าอยู่ในสภา ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายค้าน ไม่เบาเหมือนกันสำหรับ หนุ่มวัย 30 กว่า เมื่อ สภากรีซล่มในปี ค.ศ. 2014 และประกาศจะมีการเลือกต้ังใหม่ ในเดือนมกราคม ปี ค.ศ.2015 อเล็กซิส ระดมพลพรรค ประกาศลงเลือกต้ัง และประกาศ Thessaloniki Programme ในเดือนสิงหาคม ปี 2014 ซึ่งเป็นนโยบายที่เสนอให้มีการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ และการเมืองของกรีซเสียใหม่ นอกจากนี้ ยังประกาศใช้นโยบายการหาเสียงว่า พรรค Syriza ต้ังใจจะเข้าไปแก้ไขเงื่อนไขมหาโหด ในสัญญาเงินกู้ ที่บรรดาเจ้าหนี้ต่างประเทศกำหนดไว้ เหมือนเอาโซ่มาคล้องคอชาวกรีซและทำให้ชีวิตชาวกรีซสุดแสนจะลำเค็ญ ในส่วนนโยบายต่างประเทศ ระหว่างการหาเสียง อเล็กซิส แสดงความไม่พอใจอย่างเผ็ดร้อน กับการตัดสินใจหลายเรื่องของยุโรป ที่คัดท้ายโดยรัฐบาลเยอรมัน ภายใต้การนำของป้าเข็มขัดเหล็ก แน่นอน มันเป็นการฝาก “รอย” ให้ไว้กับป้าเข็มขัดเหล็ก ที่ทำให้การเจรจาต่อมาระหว่างอเล็กซิส ในฐานะนายกรัฐมนตรีกรีซ กับป้าเข็มขัดเหล็ก เกี่ยวกับเรื่องหนี้ของกรีซ ฝืดสิ้นดี เหมือนจะให้ผู้คนแน่ใจว่าเขาคิดอย่างไร เมื่อได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี งานแรกที่ Alexis Tsipras ทำ คือ เขานำดอกกุหลาบแดงช่อใหญ่ ไปวางแสดงความเคารพที่อนุสรณ์สถานของชาวกรีซ 200 คน ที่เสียชีวิตจากการฆ่าของเยอรมัน เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ.1944 ….ช่างเล่นนะไอ้หนุ่ม งานเดินสายต่างประเทศ รายการแรกของนายกรัฐมนตรีหนุ่ม คือ ไปพบนายกรัฐมนตรี Matteo Renzi ที่โรม เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2015 จับเข่าคุยในฐานะ คนเป็นลูกหนี้ ที่มีโซ่คล้องคอเหมือนกัน คุยกันเสร็จ นาย Renzi ก็มอบเนคไทไหมอิตาเลียน ให้เป็นที่ระลึกแก่ นายอเล็กซิส ซึ่งมีชื่อเสียงว่า ไม่นิยมการผูกเนคไท เขารับไว้ แล้วบอกว่า เขาจะผูกเนคไทนี้ ในวันที่ชาวกรีซ ตัดโซ่คล้องคอสำเร็จ… อยากได้ยินคำพูดแบบนี้ ในแดนสยามบ้างครับ ส่วน นาย Yanis Varoufakis มาคนละทางกับอเล็กซิส ยานิส ไม่ได้เป็นนักการเมือง เขาออกไปทางนักวิชาการ เป็นนักเศรษฐศาสตร์ และเป็นอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์มีชื่อเสียง แต่ใช่ว่าเขาไม่สนใจการเมือง พ่อเขาร่วมรบในสงครามกลางเมืองกรีซ โดยอยู่ฝั่งคอมมิวนิสต์ แพ้สงครามก็ถูกจับไปนอนคุกอยู่หลายปี ออกจากคุกมาทำธุรกิจ กลายเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของกรีซ ส่วนแม่ก็เป็นพวกคอการเมือง ครอบครัวนี้ สนับสนุนกลุ่มไอร์แลนด์เหนือให้สู้กับอังกฤษ พวกเขานับ Belfast เมืองหลวงของไอร์แลนด์เหนือเป็นบ้านที่ 2 สำหรับคนรุ่นหลังๆ คงไม่ค่อยรู้จักวีรกรรมของชาวไอริช ที่ต้องการแยกตัวจากอังกฤษ นอกจากรู้จากดูหนัง จริงๆ คนไอริช หรือขบวนการ IRA เป็นขบวนการ ที่ถูกอังกฤษและพวก รวมทั้งสื่อ เรียกว่า เป็นผู้ก่อการร้าย ทั้งๆ ที่พวกเขาคิดการดี ในช่วงประมาณปี ค.ศ.1970 เป็นต้นมา ขบวนการ IRA จะเป็นข่าวเกือบรายวัน ในการวางระเบิดใส่อังกฤษ ผู้คนบาดเจ็บล้มตายมาก ตึกรามบ้านช่องพังวินาศ ไม่มีการต่อสู้เพื่อเอกราชใด หรือปลดพันธนาการใดจะได้มาง่ายๆ มันต้องลงแรงลงใจลงชีวิตทั้งนั้น ชาวแดนสยาม สบายจนเคยตัว บางพวกทำตัว ยิ่งกว่าตามสบาย เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัว หาความสุข สนุกไปวันๆ ไม่สนใจประเทศ และเพื่อนร่วมชาติ จนน่ารังเกียจ น่าเสียดายครับ มีของดี ไม่รู้จักคุณค่า ไม่รู้จักรักษา ชอบอยู่แต่ใน “ครอบ” ไม่อยากใช้คำว่า “คอก” ปล่อยให้มัน ฟอกย้อม ต้มตุ๋นเอาจนชิน วันไหนไม่ถูกย้อม ไม่ถูกต้ม คงกินไม่ได้นอนไม่หลับ เฮ้อ! คุยเรื่อง นายยานิสต่อดีกว่า เมื่อพ่อรวย ก็ส่งลูกไปเรียนที่อังกฤษ ยานิส จึงเรียน พูด และด่าเป็นภาษาอังกฤษ ได้ชัด และคมคายเอาเรื่อง สรุปว่า เขาเรียนต้ังแต่ ปริญญาตรี จนจบปริญญาเอกจากอังกฤษแล้วกัน เรียนจบแล้ว ก็ไปสอนหนังสือ ที่หลายมหาวิทยาลัย หลายประเทศ แล้วยังเดินทางไปดูโลกกว้างในแง่มุมของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากสร้างให้เกิด ที่ต้องมองกันอย่างลึกซึ้ง กลับมาก็เปิดบล๊อกของตัวเอง ให้ความรู้ ความเห็น สอนคนนอกมหาวิทยาลัยไปเรื่อยๆ ที่สำคัญ เขาบอกว่า เขาไม่เห็นด้วยกับการที่กรีซ ไปกู้เงินพวกเจ้าหนี้หน้าเลือดเหล่านั้น ไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขที่เจ้า หนี้ต้ัง ไม่เห็นด้วยๆๆๆ สาระพัด ไม่เห็นด้วย และบอกว่า ถ้ากรีซ ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป ชาวกรีก ก็คงแห้งตายซาก และเกาะกรีซอันสวยงาม ก็คงล่มจมหายไปในเมดิเตอร์เรเนียน อย่างน่าเสียดาย … เพราะเขียนในบล๊อกแบบนี้ จนดังระเบิด เมื่อ พรรค Syriza ได้เป็นรัฐบาล จึงส่งเทียบมาเชิญ ท่านพี่ยานิส ท่านอย่ามัวแต่นั่งเขียนให้คนอ่านเลย แบบนั้นมันง่าย ( เหมือนที่ลุงนิทานทำ แค่นั่งเขียนอยู่ในบ้าน) ท่านจงออกมาใช้ภูมิปัญญา ลงมือแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่าง จริงจังกับเราเถิด นายยานิส ก็ไม่เล่นตัว ไม่เรื่องมาก แค่บอกว่า พูดกันให้รู้เรื่องก่อนนะ ถ้าเอาผมไปนั่งคลัง ผมจะใช้นโยบาย อย่างที่ผมเขียน คือ เราต้องตัดโซ่ของเจ้าหนี้ ที่เอามาคล้องคอชาวกรีซ ออกเสียนะ นายกรัฐมนตรีหนุ่มบอก นั่นแหล่ะพี่ เราพูดเรื่องเดียวกัน พี่เอาคีมเบอร์ใหญ่สุดมาเลยนะ มาช่วยพวกผมตัดโซ่ด่วนเลย แล้วยานิสก็ไปนั่งเป็นรัฐมนตรีคลังในรัฐบาล แต่ไม่สังกัดพรรค อืม… เป็นต้ัง พณฯ ท่านรัฐมนตรี เขาก็ส่งทั้งรถยนต์ คนขับ ผู้ติดตาม เครื่องยศ มาให้พร้อม ยานิส ก็ส่งคืนกลับไปหมด รถยนต์ ผมมีแล้วครับ เก่าหน่อย แต่ยังวิ่งได้ดีอยู่ วันไหนอากาศดี ผมก็ไม่ใช้รถ ขี่มอร์ไซด์ไปเร็ว และประหยัดกว่า มิน่า เลยติดใส่เสื้อหนัง ส่วนผู้ติดตาม ก็ไม่จำเป็นครับ ไม่รู้จะเอามาทำอะไร ถ้าประชาชนเขาไม่พอใจผม เอาไข่ปาผมไม่กี่ที ผมก็รู้หน้าที่ว่า ควรลาออกแล้วครับ ประเทศเราจนมากนะครับ ยังมีหนี้อีกแยะ จะใช้อะไร จะทำอะไร ก็ต้องเอาแต่จำเป็น รู้จักประหยัดบ้าง รับรอง ลุงนิทานไม่ได้เขียนเอง แดกใคร คุณน้องยานิส ให้สัมภาษณ์อย่างนี้จริงๆ ############### “ตัดโซ่ หรือ ตายซาก” ตอน 2 ก่อนจะเดินหน้าไปตัดโซ่ มาทบทวนกันหน่อยว่า หนี้กรีซ นี่มันอะไรนักหนา แล้วเงื่อนไขเจ้าหนี้มันทารุณเหมือนเอาโซ่มาคล้องคอชาวกรีกจริงหรือเปล่า หรือพวกหนุ่มๆ เขาเลือดร้อน ฮอร์โมนพุ่งตามวัย เห็นอะไรขัดใจนิด ขัดใจหน่อย ก็คิดชนมันซะเลย บรรดาขาใหญ่นักวิเคราะห์การเมือง ไม่ใช่ พวกนักวิเคราะห์การเงิน ที่เอาไว้หลอกพวกแมงเม่า บอกว่า มันไม่ใช่เป็นเรื่องว่า กรีซ ประเทศเล็กๆ ที่อยู่ในสหภาพยุโรป จะผิดนัดชำระหนี้ไหม และจะพากันจูงมือ เดินออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป หรืออียู หรือเปล่า แต่เรื่องหนี้กรีซ อาจกลายเป็นซึนามิ ทางการเงิน เศรษฐกิจ และการเมืองของยุโรปได้อย่างนึกไม่ถึง และถ้าเข้าทาง …มันอาจจะไปไกลกว่านั้น.... ปัญหาหนี้ของกรีซ เริ่มมาต้ังแต่ปี ค.ศ.2001 ก็ต้ังแต่ กรีซ เริ่มเปลี่ยนมาใช้เงินสกุลยูโร แทนเงินสกุลดรักมาร์ของตัวเองนั่นแหละ กรีซเป็นสมาชิกอียูโซนมาต้ังแต่ปี ค.ศ.1981 แต่กรีซมีงบประมาณขาดดุลยสูงเกินเกณท์ของอียู ที่เรียกว่า Maastricht Criteria อยู่ตลอดมา ถึงจะเกินเกณท์ แต่ ปีแรกๆ ก็ไม่มีปัญหา เพราะดูเหมือนหลายประเทศในอียู ก็เกินกันทั้งนั้น และกรีซ ก็ได้ประโยชน์จากการกู้ดอกถูก ในฐานะเป็นสมาชิกอียู และมีเงินลงทุนเข้ามาเพิ่ม นี่คือ ความผิดพลาดของกรีซ รายการแรก ที่มองการเข้าไปอยู่ในคอกอียู แต่ด้านบวก ด้านได้ โดยไม่มองด้านลบ หรือไม่คิดว่ามีด้านลบ ถึง ปี ค.ศ.2004 กรีซ หลุดปากบอกว่า ตัวเองแต่งตัวเลข เพื่อไม่ให้ผิดหลักเกณฑ์อียู แต่น่าประหลาด อียูทำเหมือนไม่ได้ยิน เกิดหูบอดกระทันหันเสียอย่างนั้น ไม่เตือน ไม่ด่า ไม่ทำโทษกรีซ เพราะอะไรหรือ เพราะ ใครๆก็ทำกัน โดยเฉพาะ ฝรั่งเศส และเยอรมัน ลูกพี่ใหญ่ของอียู ด่ากรีซ ก็เหมือนด่าตัวเองด้วย แล้วถ้าจะทำโทษ จะทำอะไรล่ะ ยังไม่มีกฏกติกา เรื่องนี้เลย ไล่กรีซออกจากอียูเลยดีไหม อียูน่าจะทำได้ แต่มันจะทำให้ภาพพจน์อียู หมดท่า เหมือนแก้ผ้าประจานตัวเอง แถมตอนนั้น สมาชิกอียูยังน้อยอยู่ อยากได้ไอ้พวกพี่เบิ้ม อย่างอังกฤษ ก็ยังยักท่า หรือ รวยๆ อย่างสวีเดน เดนมาร์ก ตอนนั้น ก็ยังทำหยิ่งไม่เข้ามา นี่ถ้ารู้ว่า กรีซ แต่งตัวเลข ใครจะมา มีแต่จะไป แล้วทุกฝ่ายก็ปิดปากเงียบ หลอกตัวเอง หลอกกันเอง และหลอกคนอื่นต่อไป นี่คือความผิดส่วนของอียู ที่ไม่ได้มีเพียงครั้งเดียว แต่พอถึงปี ค.ศ.2009 ฝีแตก กรีซปิดต่อไปอีกไม่ไหว เพราะเงินทำท่าจะหมดประเทศ จริงๆ ก็หมดแล้ว มีแต่เงินกู้เขามา อ้อมแอ้ม ออกมาว่า มีตัวเลขงบประมาณขาดดุลย ประมาณ 12.9 % ของ จีดีพี ( ผลิตภัณท์มวลรวมภายใน ) ซึ่งเป็นตัวเลขที่เกินกว่าเกณท์ที่ อียู กำหนดไว้ ที่ 3% พูดภาษาเข้าใจง่ายๆ แปลว่า มีจ่ายจ่ายมากกว่ารายรับอยู่แยะมาก จะทำไงดีครับลูกพี่ เป็นคนธรรมดา ก็ต้องบอกว่าอยู่ในสภาพ เป็นหนี้หัวโต นอนเอามือก่ายหน้าผากจนบุบ ก็ยังไม่เห็นทางแก้ปัญหา ลูกพี่ยังคิดไม่ออกว่าจะใช้แผน พิฆาตชุดไหน แต่ สามหมาไน บริษัท จัดอันดับ ratings agency Standard & Poor , Fitch และ Moody’s ได้กลิ่น รีบประกาศลดอันดับความน่าเชื่อ ถือของ กรีซลงอย่างรวดเร็ว เหลือเป็นระดับ junk bond หรือระดับขยะ คือ อยู่ในสภาพล้มละลาย พันธบัตรกรีซ มีค่าไม่ต่างกับกระดาษชำระ การประกาศของ 3 หมาไน ได้ผลอย่างดียิ่ง กลางปี 2010 กรีซก็ถูกตัดขาดจากเส้นทางกู้เงินในตลาดทุนของโลก เหลือแต่เส้นทางไปสู่การเป็นประเทศล้มละลายอย่างสมบูรณ์ กรีซแทบไม่เหลือทางเลือก จะตายช้า หรือตายเร็วเท่านั้น แล้วอัศวิน ชื่อ Troika ก็โผล่มา Troika เป็นชื่อเรียก ของสามเสือหิว IMF, ECB (European Central Bank) และ European Commission เล่นบทลูกพี่ใจดี จับมือกันจัดการให้เงินกู้ ที่อ้างว่า เป็นการช่วยฉุดกรีซขึ้นมาจากเหว รอบแรก จำนวน 340 พันล้านยูโร เงินจำนวนนี้ ถือว่ามากมาย และน่าจะผิดหลักเกณท์ของ IMF เสียด้วยซ้ำ แต่ทำไมอัศวิน หรือ Trioka รีบจัดการให้ สงสารกรีซมากหรือไง อ้อ ไม่ใช่ มันเป็นพวกไอ้เสือหิว มองหาเหยื่อแบบนี้ มานานแล้วต่างหาก พอเข้าใจนะครับ เงินกู้ ฉุดจากเหว มาพร้อมกับโซ่เหล็กคล้องคอกรีซ เป็นเงื่อนไขที่อ้างว่า เพื่อสร้างวินัยในการใช้จ่ายของกรีซ ที่กรีซ ไม่มีโอกาสต่อรอง ต้องก้มหน้ารับอย่างเดียว แต่ที่น่าสนใจ เงินกู้แลกโซ่ ควรจะมาช่วยให้สถานะของกรีซในสายตาของตลาดทุนดีขึ้น ตรงกันข้าม เงินกู้ลอยผ่านหน้ารัฐบาลกรีซ ไปเข้ากระเป๋าธนาคารต่างประเทศ ที่ให้กรีซกู้ไปก่อนหน้านี้ เงินกู้ฉุดจากเหว กลายเป็นการใช้หนี้ ฉุดธนาคารต่างประเทศ ขึ้นมาจากเหวก่อน ชาวกรีซยังคงอยู่ในเหวต่อไป แต่มีโซ่มาคล้องคอหนักรัดติ้ว นั่งท้องกิ่วอยู่ก้นเหว ตกลงอัศวิน Troika มาช่วยใคร นี่คือ การเสียค่าโง่ครั้งที่เท่าไหร่ของกรีซ แล้วธนาคารต่างประเทศไหนล่ะ ที่ได้รับการชำระหนี้ไปก่อน เปิดดูอากู ก็รู้ว่า ธนาคารในอียูเองเป็นเจ้าหนี้กรี ซ ทั้งนั้น และเจ้าหนี้รายใหญ่สุด คือ เยอรมัน รองมา คือ ฝรั่งเศส พอเข้าใจแล้วนะครับว่า ทำไมนายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ถึงเอาดอกกุหลาบแดงไปวางที่อนุสรณ์สถาน ก่อนการให้เงินกู้ จำนวนมโหฬาร IMF หัวหน้าใหญ่ของกลุ่มเสือหิว ที่เป็นผู้นำการกำหนดเงื่อนไข ลายโซ่คล้องคอชาวกรีซ บอกว่าการใช้จ่ายของกรีซ หนักไปที่ค่าจ้าง เป็นจำนวน ถึง 75% ของงบประมาณรายจ่าย แยกเป็นค่าจ้าง พนักงานของรัฐ ทั้งประจำ และชั่วคราว ค่าจ้างแรงงานคนทำงาน ค่าสวัสดิการ ค่าเบี้ยบำนาญ ของคนที่ทำงานมาจนแก่เหลือแต่เหงือก ถ้ายังจำกันได้ กรีซจัดงานแข่งกีฬาโอลิมปิค ในปี ค.ศ. 2004 ยิ่งใหญ่ และสวยงาม แน่นอนก่อนจัดงาน ต้องมีการปรับปรุงสาธารณูปโภค ถนนหนทาง ไฟฟ้า น้ำประปา ทั้งประเทศรวมทั้ง การก่อสร้าง สนามกีฬา บ้านพักนักกีฬา และอีกหลายๆอย่าง เพื่อรองรับการแข่งขัน และผู้มาชม ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 ปี รายจ่ายของกรีซทั้งด้านแรงงาน และด้านก่อสร้าง ไม่บานทะโล่ ก็คงแปลกอยู่ นอกจากนี้ยังมีหนี้ส่วนบุคคลของ ชาวกรีก ที่เห็นเป็นโอกาสที่ทำเงิน ด้วยการสร้างที่พัก สำหรับนักท่องเที่ยว ร้านอาหาร บริการรถเช่า ฯลฯ ซึ่งสร้างขึ้นมาจากเงินกู้เกือบทั้งสิ้น และ นี่ ก็เป็นอีกความผิดพลาด อีกรายการของกรีซ กีฬาโอลิมปิคสวยงาม สร้างชื่อเสียงให้กับกรีซ และก็สร้างหนี้ให้กับกรีซด้วย กรีซขาดทุนย่อยยับ ขายของ ไม่ได้ราคาคุ้มทุนที่ลง แถมมีหนี้ติดค้างทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน เลยเป็นโอกาสให้ IMF ผู้ชำนาญการ สั่งให้กรีซ ตัดรายการจ้างงาน และสวัสดิการ ขณะที่กรีซ พยายามขายการท่องเที่ยวประเทศของตัวเองต่อ เพื่อเอาทุนคืนจากการขาดทุนโอลิมปิค IMF ปิดประตูการจ้างงาน เปิดให้ครึ่งบานและครึ่งวัน ที่พัก ร้านอาหารเริ่มโทรม เมื่อมีลูกจ้างมาทำงานไม่พอให้บริการ นักท่องเที่ยวที่ไหน อยากจะไปเที่ยว แล้วยกกระเป๋า และ ล้างจานเอง ถ้าไม่แน่ใจว่า การจัดงานกีฬาโอลิมปิค ไม่ได้สร้างกำไรเสมอไป ก็ลองไปถามคุณปากจีบ นายกรัฐมนตรี ของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ได้ว่า หลังจาก กระเสือกกระสน จัดการแข่งกีฬาโอลิมปิค เมื่อปี 2012 แล้วเป็นไง ตอนนี้ เลยต้องตัดงบสาระพัด รวมทั้งงบด้านกองทัพ เล่นเอาคุณพีปูตินของผม หัวร่อ ฮิ ฮิ จึงไม่เป็นเรื่องน่าแปลกใจ ที่ ในปี 2010 อัตราว่างงานของกรีซ เพิ่มขึ้นเป็น 15% ทุก 7 คนกรีก จะมีคนว่างงาน 1 คน ! เริ่มมีการประท้วงรัฐบาล การเมืองง่อนแง่น และกรีซ ก็ต้อง กู้เงินจาก อัศวิน Troika เพิ่มขึ้นอีก และโซ่คล้องคอชาวกรีซ ก็หนักขึ้นทุกที ชาวกรีซ ก็จมลงในเหวลึกลงไปทุกที ปี ค.ศ.2011 สถานการณ์ของกรีซ แย่ลงกว่าเดิม รัฐบาลไหนมาก็แก้ปัญหาไม่ได้ ได้แต่กู้เพิ่มเพื่อเอามาใช้หนี้เก่า หมุนไปเรื่อยๆ รัฐบาลกรีซคิดหาทางทางออกไม่เจอ เขิญผู้เชี่ยวชาญมาช่วยคิด OECD ซึ่งเป็นหน่วยงาน ที่อ้างว่ามีหน้าที่คอยแนะนำประ เทศ ที่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจ ภายใต้เสื้อคลุม ที่ไอ้นักล่าใบตองแห้ง คิดขึ้นมาหลังจากคิดสร้าง World Bank, IMF บอกกรีซต้องหารายได้เพิ่มด้วยการเก็บภาษีเพิ่ม ใช้มาตรการเด็ดขาดกับผู้หนีภาษี และขายรัฐวิสาหกิจที่สร้างกำไรอ อกไปให้กับนักธุรกิจ และขายทรัพย์สินของประเทศ เพื่อเอามาใช้หนี้ ชาวกรีก เริ่มรู้ตัวว่า กำลังถูกแร้งลง ออกมาประท้วง ไม่ยอมให้รัฐบาลขายรัฐวิสาหกิจ กับทรัพย์สินของประเทศ บอกไปเก็บภาษีจากพวกคนรวยๆ และพวกหนี้ภาษีด่วนเลย กรีซ น่าจะเห็นแล้วว่า ตัวเองถูกต้ม และเป็นเหยื่อ ของเหล่านักล่า หมาไน และก่อนสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ถ้าตัดสินใจผิดอีก คราวนี้ คงถึงแร้งลง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 26 มิ.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 22 มุมมอง 0 รีวิว
  • NVMe Destroyinator: เครื่องลบข้อมูลความเร็วสูง

    อุปกรณ์ NVMe Destroyinator ถูกออกแบบมาเพื่อการ ลบข้อมูลอย่างปลอดภัยและตรวจสอบได้ โดยสามารถจัดการไดรฟ์หลายประเภท เช่น M.2, E1.S EDSFF และไดรฟ์ 2.5 นิ้ว ทั้งแบบ SATA, SAS และ NVMe จุดเด่นคือสามารถลบข้อมูลได้พร้อมกันถึง 16 ไดรฟ์ในเวลาเดียวกัน และสร้าง ใบรับรองการลบข้อมูล (tamper-proof certificates) เพื่อยืนยันการทำงานตามมาตรฐานสากล เช่น HIPAA, NIST 800-88 และ U.S. DoD

    ความเร็วและฟีเจอร์
    Destroyinator ใช้ระบบที่ติดตั้ง Linux Mint และซอฟต์แวร์ KillDisk ทำให้สามารถลบข้อมูลด้วยความเร็วสูงสุด 64 GB/s พร้อมฟังก์ชัน Hot-swap ที่ช่วยให้สามารถเปลี่ยนไดรฟ์ได้โดยไม่ต้องปิดเครื่อง นอกจากนี้ยังมีระบบอัตโนมัติในการพิมพ์ใบรับรองและการโคลนไดรฟ์เพื่อการใช้งานต่อ

    การใช้งานในตลาด
    อุปกรณ์นี้เหมาะสำหรับ บริษัทรีไซเคิลอุปกรณ์ไอที (IT e-recyclers) และผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยข้อมูล ที่ต้องการลบข้อมูลจำนวนมากอย่างรวดเร็วและตรวจสอบได้ นอกจากการทำลายข้อมูลแล้ว ยังช่วยให้สามารถนำไดรฟ์ไปขายต่อได้โดยไม่เสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูล

    ข้อควรระวัง
    แม้ Destroyinator จะมีประสิทธิภาพสูง แต่ก็ไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป เนื่องจากราคาสูงและการใช้งานที่ซับซ้อน ผู้ใช้ทั่วไปอาจเลือกวิธีการลบข้อมูลแบบ DIY หรือใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญแทน

    สรุปสาระสำคัญ
    คุณสมบัติหลักของ NVMe Destroyinator
    ลบข้อมูลได้พร้อมกันสูงสุด 16 ไดรฟ์
    ความเร็วสูงสุด 64 GB/s
    รองรับ NVMe, SATA และ SAS

    ฟีเจอร์เสริม
    สร้างใบรับรองการลบข้อมูลที่ตรวจสอบได้
    ระบบ Hot-swap และการโคลนไดรฟ์
    ใช้ Linux Mint และ KillDisk

    การใช้งานในตลาด
    เหมาะสำหรับบริษัทรีไซเคิลอุปกรณ์ไอที
    ช่วยให้สามารถขายต่อไดรฟ์ได้โดยปลอดภัย

    ข้อควรระวัง
    ราคาสูง ไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป
    การใช้งานซับซ้อน ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ
    ผู้ใช้ทั่วไปควรเลือกวิธีการลบข้อมูลแบบอื่นที่ง่ายกว่า

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/the-nvme-destroyinator-can-wipe-16-nvme-drives-simultaneously-at-speeds-up-to-64-gb-s-it-could-be-the-data-shredder-of-your-dreams-or-nightmares
    🗜️ NVMe Destroyinator: เครื่องลบข้อมูลความเร็วสูง อุปกรณ์ NVMe Destroyinator ถูกออกแบบมาเพื่อการ ลบข้อมูลอย่างปลอดภัยและตรวจสอบได้ โดยสามารถจัดการไดรฟ์หลายประเภท เช่น M.2, E1.S EDSFF และไดรฟ์ 2.5 นิ้ว ทั้งแบบ SATA, SAS และ NVMe จุดเด่นคือสามารถลบข้อมูลได้พร้อมกันถึง 16 ไดรฟ์ในเวลาเดียวกัน และสร้าง ใบรับรองการลบข้อมูล (tamper-proof certificates) เพื่อยืนยันการทำงานตามมาตรฐานสากล เช่น HIPAA, NIST 800-88 และ U.S. DoD ⚡ ความเร็วและฟีเจอร์ Destroyinator ใช้ระบบที่ติดตั้ง Linux Mint และซอฟต์แวร์ KillDisk ทำให้สามารถลบข้อมูลด้วยความเร็วสูงสุด 64 GB/s พร้อมฟังก์ชัน Hot-swap ที่ช่วยให้สามารถเปลี่ยนไดรฟ์ได้โดยไม่ต้องปิดเครื่อง นอกจากนี้ยังมีระบบอัตโนมัติในการพิมพ์ใบรับรองและการโคลนไดรฟ์เพื่อการใช้งานต่อ 🌍 การใช้งานในตลาด อุปกรณ์นี้เหมาะสำหรับ บริษัทรีไซเคิลอุปกรณ์ไอที (IT e-recyclers) และผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยข้อมูล ที่ต้องการลบข้อมูลจำนวนมากอย่างรวดเร็วและตรวจสอบได้ นอกจากการทำลายข้อมูลแล้ว ยังช่วยให้สามารถนำไดรฟ์ไปขายต่อได้โดยไม่เสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูล ⚠️ ข้อควรระวัง แม้ Destroyinator จะมีประสิทธิภาพสูง แต่ก็ไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป เนื่องจากราคาสูงและการใช้งานที่ซับซ้อน ผู้ใช้ทั่วไปอาจเลือกวิธีการลบข้อมูลแบบ DIY หรือใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญแทน 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ คุณสมบัติหลักของ NVMe Destroyinator ➡️ ลบข้อมูลได้พร้อมกันสูงสุด 16 ไดรฟ์ ➡️ ความเร็วสูงสุด 64 GB/s ➡️ รองรับ NVMe, SATA และ SAS ✅ ฟีเจอร์เสริม ➡️ สร้างใบรับรองการลบข้อมูลที่ตรวจสอบได้ ➡️ ระบบ Hot-swap และการโคลนไดรฟ์ ➡️ ใช้ Linux Mint และ KillDisk ✅ การใช้งานในตลาด ➡️ เหมาะสำหรับบริษัทรีไซเคิลอุปกรณ์ไอที ➡️ ช่วยให้สามารถขายต่อไดรฟ์ได้โดยปลอดภัย ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ราคาสูง ไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป ⛔ การใช้งานซับซ้อน ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ ⛔ ผู้ใช้ทั่วไปควรเลือกวิธีการลบข้อมูลแบบอื่นที่ง่ายกว่า https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/the-nvme-destroyinator-can-wipe-16-nvme-drives-simultaneously-at-speeds-up-to-64-gb-s-it-could-be-the-data-shredder-of-your-dreams-or-nightmares
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Bitfarm เลิกเหมือง Bitcoin หันสู่ AI เต็มตัวภายในปี 2027”

    Bitfarm ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทเหมือง Bitcoin รายใหญ่ของโลก เผชิญปัญหาขาดทุนหนักในไตรมาส 3/2025 โดยรายงานตัวเลขขาดทุนสุทธิถึง 46 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเกือบ 91% จากปีก่อน แม้ราคา Bitcoin จะพุ่งสูงสุดในเดือนตุลาคม แต่ความผันผวนทำให้บริษัทไม่สามารถพึ่งพาได้อย่างมั่นคง อีกทั้งเครื่องขุดรุ่นใหม่ T21 rigs ก็ทำงานได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ ส่งผลให้ต้องลดเป้าหมาย Hashrate ลงถึง 14%

    เพื่อแก้ปัญหา Bitfarm จึงประกาศ Pivot ธุรกิจจาก Crypto Mining ไปสู่ AI Data Center โดยจะใช้กำลังไฟฟ้า 341 เมกะวัตต์ที่มีอยู่ในการติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ Nvidia GB300 NVL72 พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำที่ทันสมัย บริษัทเชื่อว่าการให้บริการ GPU-as-a-Service จะสร้างรายได้มากกว่าการขุด Bitcoin ที่ผ่านมา

    นอกจากศูนย์ข้อมูลในรัฐวอชิงตันแล้ว Bitfarm ยังลงทุนเพิ่มใน Panther Creek, Pennsylvania ด้วยเงินทุนกว่า 300 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลที่มีกำลังไฟฟ้าอย่างน้อย 350 เมกะวัตต์ รวมกับโครงการอื่น ๆ ทำให้บริษัทมีพลังงานใน Pipeline กว่า 1.3 กิกะวัตต์ ซึ่งอาจทำให้ Bitfarm กลายเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาด AI Data Center

    อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า อุตสาหกรรม AI อาจอยู่ในภาวะฟองสบู่ การลงทุนหลายร้อยล้านถึงพันล้านดอลลาร์เพื่อเปลี่ยนธุรกิจทั้งหมด อาจทำให้บริษัทเสี่ยงต่อการล้มละลายหากตลาด AI เกิดการชะลอตัวหรือแตกฟองสบู่

    สรุปสาระสำคัญ
    สถานการณ์ทางการเงินของ Bitfarm
    ขาดทุนสุทธิ 46 ล้านดอลลาร์ใน Q3/2025
    เครื่องขุด T21 ทำงานต่ำกว่าคาดการณ์ ลด Hashrate ลง 14%

    กลยุทธ์ Pivot สู่ AI
    จะเลิกทำเหมือง Bitcoin ภายในปี 2027
    ใช้กำลังไฟฟ้า 341 MW ติดตั้ง Nvidia GB300 NVL72
    ลงทุนเพิ่มในศูนย์ข้อมูล Pennsylvania 350 MW รวม Pipeline 1.3 GW

    คำเตือนและความเสี่ยง
    อุตสาหกรรม AI อาจอยู่ในภาวะฟองสบู่
    การลงทุนมหาศาลอาจทำให้บริษัทเสี่ยงล้มละลายหากตลาด AI ชะลอตัว
    การละทิ้งธุรกิจ Bitcoin อาจทำให้สูญเสียฐานรายได้เดิม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptomining/major-bitcoin-mining-firm-pivoting-to-ai-plans-to-fully-abandon-crypto-mining-by-2027-bitfarm-to-leverage-341-megawatt-capacity-for-ai-following-usd46-million-q3-loss
    🪙➡️⚡ “Bitfarm เลิกเหมือง Bitcoin หันสู่ AI เต็มตัวภายในปี 2027” Bitfarm ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทเหมือง Bitcoin รายใหญ่ของโลก เผชิญปัญหาขาดทุนหนักในไตรมาส 3/2025 โดยรายงานตัวเลขขาดทุนสุทธิถึง 46 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเกือบ 91% จากปีก่อน แม้ราคา Bitcoin จะพุ่งสูงสุดในเดือนตุลาคม แต่ความผันผวนทำให้บริษัทไม่สามารถพึ่งพาได้อย่างมั่นคง อีกทั้งเครื่องขุดรุ่นใหม่ T21 rigs ก็ทำงานได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ ส่งผลให้ต้องลดเป้าหมาย Hashrate ลงถึง 14% เพื่อแก้ปัญหา Bitfarm จึงประกาศ Pivot ธุรกิจจาก Crypto Mining ไปสู่ AI Data Center โดยจะใช้กำลังไฟฟ้า 341 เมกะวัตต์ที่มีอยู่ในการติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ Nvidia GB300 NVL72 พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำที่ทันสมัย บริษัทเชื่อว่าการให้บริการ GPU-as-a-Service จะสร้างรายได้มากกว่าการขุด Bitcoin ที่ผ่านมา นอกจากศูนย์ข้อมูลในรัฐวอชิงตันแล้ว Bitfarm ยังลงทุนเพิ่มใน Panther Creek, Pennsylvania ด้วยเงินทุนกว่า 300 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลที่มีกำลังไฟฟ้าอย่างน้อย 350 เมกะวัตต์ รวมกับโครงการอื่น ๆ ทำให้บริษัทมีพลังงานใน Pipeline กว่า 1.3 กิกะวัตต์ ซึ่งอาจทำให้ Bitfarm กลายเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาด AI Data Center อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า อุตสาหกรรม AI อาจอยู่ในภาวะฟองสบู่ การลงทุนหลายร้อยล้านถึงพันล้านดอลลาร์เพื่อเปลี่ยนธุรกิจทั้งหมด อาจทำให้บริษัทเสี่ยงต่อการล้มละลายหากตลาด AI เกิดการชะลอตัวหรือแตกฟองสบู่ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ สถานการณ์ทางการเงินของ Bitfarm ➡️ ขาดทุนสุทธิ 46 ล้านดอลลาร์ใน Q3/2025 ➡️ เครื่องขุด T21 ทำงานต่ำกว่าคาดการณ์ ลด Hashrate ลง 14% ✅ กลยุทธ์ Pivot สู่ AI ➡️ จะเลิกทำเหมือง Bitcoin ภายในปี 2027 ➡️ ใช้กำลังไฟฟ้า 341 MW ติดตั้ง Nvidia GB300 NVL72 ➡️ ลงทุนเพิ่มในศูนย์ข้อมูล Pennsylvania 350 MW รวม Pipeline 1.3 GW ‼️ คำเตือนและความเสี่ยง ⛔ อุตสาหกรรม AI อาจอยู่ในภาวะฟองสบู่ ⛔ การลงทุนมหาศาลอาจทำให้บริษัทเสี่ยงล้มละลายหากตลาด AI ชะลอตัว ⛔ การละทิ้งธุรกิจ Bitcoin อาจทำให้สูญเสียฐานรายได้เดิม https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptomining/major-bitcoin-mining-firm-pivoting-to-ai-plans-to-fully-abandon-crypto-mining-by-2027-bitfarm-to-leverage-341-megawatt-capacity-for-ai-following-usd46-million-q3-loss
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • “UPS เรียกเก็บภาษีผิดพลาด – ค่าธรรมเนียมสูงกว่าสินค้าเกือบสองเท่า”

    เรื่องราวเริ่มจากการที่ผู้เขียนสั่งซื้อ Apple Network Server logic board และการ์ดวิดีโอ Twin Turbo จากผู้ขายในสหภาพยุโรป รวมมูลค่า 355 ดอลลาร์พร้อมค่าขนส่ง UPS อีก 48 ดอลลาร์ สินค้าเหล่านี้เป็น New Old Stock ที่ Apple เคยผลิตแต่ไม่ได้จำหน่าย และถูกจัดเก็บไว้เป็นอะไหล่บริการ

    เมื่อสินค้าถูกส่งออก UPS แจ้งว่าต้องเสียภาษีตาม Section 232 Tariffs เกี่ยวกับเหล็กและอะลูมิเนียม แม้สินค้าจะเป็นบอร์ดวงจรที่แทบไม่มีเหล็กหรืออะลูมิเนียม ผู้เขียนจึงกรอกแบบฟอร์มระบุว่ามีเพียงเหล็กเล็กน้อยจากขอบการ์ด แต่เมื่อถึงขั้นตอนสุดท้าย UPS กลับเรียกเก็บค่าภาษีและค่าธรรมเนียมรวมกว่า 711 ดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าสินค้าเกือบสองเท่า

    ผู้เขียนจำเป็นต้องจ่ายทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเก็บสินค้าในคลัง ซึ่งจะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นอีก จากนั้นจึงติดต่อ UPS เพื่ออุทธรณ์ โดยใช้เวลาหลายวันและต้องส่งเอกสารเพิ่มเติม สุดท้าย UPS ยอมแก้ไขใบแจ้งหนี้ใหม่ โดยปรับรหัสภาษีศุลกากร (HTSUS) และลดค่าภาษีเหลือเพียง 51.30 ดอลลาร์ พร้อมสัญญาว่าจะคืนเงินส่วนต่างกว่า 600 ดอลลาร์ภายใน 2–6 สัปดาห์

    บทเรียนจากเหตุการณ์
    เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า ระบบการจัดเก็บภาษีศุลกากรมีความซับซ้อนและอาจผิดพลาดได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อบริษัทขนส่งอย่าง UPS ทำหน้าที่เป็น importer of record และคำนวณภาษีล่วงหน้าแทนลูกค้า หากลูกค้าไม่ตรวจสอบหรืออุทธรณ์ ก็อาจต้องจ่ายค่าธรรมเนียมที่ไม่ถูกต้อง

    ผู้เขียนแนะนำว่า หากเจอกรณีคล้ายกัน ควรจ่ายก่อนเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเก็บสินค้าในคลัง แต่ต้องรีบอุทธรณ์ทันที เพราะการเก็บสินค้าในคลังจะมีค่าธรรมเนียมรายวันและอาจทำให้เสียเงินมากกว่าเดิม

    สรุปสาระสำคัญ
    เหตุการณ์การเรียกเก็บภาษีผิดพลาด
    สั่งซื้ออะไหล่วินเทจมูลค่า 355 ดอลลาร์จากยุโรป
    UPS เรียกเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมรวมกว่า 711 ดอลลาร์
    หลังอุทธรณ์ ลดเหลือเพียง 51.30 ดอลลาร์

    การตอบสนองของผู้เขียน
    จ่ายทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเก็บสินค้าในคลัง
    ติดต่อ UPS หลายครั้งและส่งเอกสารอุทธรณ์
    ได้รับการแก้ไขและสัญญาคืนเงินส่วนต่าง

    คำเตือนสำหรับผู้ซื้อสินค้านำเข้า
    บริษัทขนส่งอาจคำนวณภาษีผิดพลาดและเรียกเก็บเกินจริง
    หากไม่ตรวจสอบหรืออุทธรณ์ อาจเสียเงินมากกว่ามูลค่าสินค้า
    การปล่อยให้สินค้าถูกเก็บในคลังจะมีค่าธรรมเนียมรายวันสูง

    https://oldvcr.blogspot.com/2025/11/when-ups-charged-me-684-tariff-on-355.html
    📦 “UPS เรียกเก็บภาษีผิดพลาด – ค่าธรรมเนียมสูงกว่าสินค้าเกือบสองเท่า” เรื่องราวเริ่มจากการที่ผู้เขียนสั่งซื้อ Apple Network Server logic board และการ์ดวิดีโอ Twin Turbo จากผู้ขายในสหภาพยุโรป รวมมูลค่า 355 ดอลลาร์พร้อมค่าขนส่ง UPS อีก 48 ดอลลาร์ สินค้าเหล่านี้เป็น New Old Stock ที่ Apple เคยผลิตแต่ไม่ได้จำหน่าย และถูกจัดเก็บไว้เป็นอะไหล่บริการ เมื่อสินค้าถูกส่งออก UPS แจ้งว่าต้องเสียภาษีตาม Section 232 Tariffs เกี่ยวกับเหล็กและอะลูมิเนียม แม้สินค้าจะเป็นบอร์ดวงจรที่แทบไม่มีเหล็กหรืออะลูมิเนียม ผู้เขียนจึงกรอกแบบฟอร์มระบุว่ามีเพียงเหล็กเล็กน้อยจากขอบการ์ด แต่เมื่อถึงขั้นตอนสุดท้าย UPS กลับเรียกเก็บค่าภาษีและค่าธรรมเนียมรวมกว่า 711 ดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าสินค้าเกือบสองเท่า ผู้เขียนจำเป็นต้องจ่ายทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเก็บสินค้าในคลัง ซึ่งจะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นอีก จากนั้นจึงติดต่อ UPS เพื่ออุทธรณ์ โดยใช้เวลาหลายวันและต้องส่งเอกสารเพิ่มเติม สุดท้าย UPS ยอมแก้ไขใบแจ้งหนี้ใหม่ โดยปรับรหัสภาษีศุลกากร (HTSUS) และลดค่าภาษีเหลือเพียง 51.30 ดอลลาร์ พร้อมสัญญาว่าจะคืนเงินส่วนต่างกว่า 600 ดอลลาร์ภายใน 2–6 สัปดาห์ 🛠️ บทเรียนจากเหตุการณ์ เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า ระบบการจัดเก็บภาษีศุลกากรมีความซับซ้อนและอาจผิดพลาดได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อบริษัทขนส่งอย่าง UPS ทำหน้าที่เป็น importer of record และคำนวณภาษีล่วงหน้าแทนลูกค้า หากลูกค้าไม่ตรวจสอบหรืออุทธรณ์ ก็อาจต้องจ่ายค่าธรรมเนียมที่ไม่ถูกต้อง ผู้เขียนแนะนำว่า หากเจอกรณีคล้ายกัน ควรจ่ายก่อนเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเก็บสินค้าในคลัง แต่ต้องรีบอุทธรณ์ทันที เพราะการเก็บสินค้าในคลังจะมีค่าธรรมเนียมรายวันและอาจทำให้เสียเงินมากกว่าเดิม 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ เหตุการณ์การเรียกเก็บภาษีผิดพลาด ➡️ สั่งซื้ออะไหล่วินเทจมูลค่า 355 ดอลลาร์จากยุโรป ➡️ UPS เรียกเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมรวมกว่า 711 ดอลลาร์ ➡️ หลังอุทธรณ์ ลดเหลือเพียง 51.30 ดอลลาร์ ✅ การตอบสนองของผู้เขียน ➡️ จ่ายทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเก็บสินค้าในคลัง ➡️ ติดต่อ UPS หลายครั้งและส่งเอกสารอุทธรณ์ ➡️ ได้รับการแก้ไขและสัญญาคืนเงินส่วนต่าง ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ซื้อสินค้านำเข้า ⛔ บริษัทขนส่งอาจคำนวณภาษีผิดพลาดและเรียกเก็บเกินจริง ⛔ หากไม่ตรวจสอบหรืออุทธรณ์ อาจเสียเงินมากกว่ามูลค่าสินค้า ⛔ การปล่อยให้สินค้าถูกเก็บในคลังจะมีค่าธรรมเนียมรายวันสูง https://oldvcr.blogspot.com/2025/11/when-ups-charged-me-684-tariff-on-355.html
    OLDVCR.BLOGSPOT.COM
    When UPS charged me a $684 tariff on $355 of vintage computer parts
    I try not to write anything even vaguely political on this blog because we have a variety of views on a variety of subjects and no one is ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Coinbase ถูกโจมตีข้อมูลครั้งใหญ่ – Insider Threat และการเรียกค่าไถ่ 20 ล้านดอลลาร์”

    ในเดือนมกราคม 2025 มีผู้ใช้ Coinbase รายหนึ่งถูกโจมตีด้วยอีเมลและโทรศัพท์ที่ดูเหมือนมาจากฝ่ายป้องกันการฉ้อโกงของบริษัท โดยผู้โจมตีสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว เช่น หมายเลขประกันสังคม ยอดคงเหลือ Bitcoin และรายละเอียดบัญชีที่ไม่ควรเปิดเผยได้ เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าการโจมตีไม่ได้เป็นเพียง Phishing ธรรมดา แต่เป็นการใช้ข้อมูลภายในที่ถูกขโมยมาอย่างชัดเจน

    ต่อมาในเดือนพฤษภาคม 2025 Coinbase ได้รับอีเมลจากกลุ่มแฮกเกอร์ที่อ้างว่ามีข้อมูลลูกค้าจำนวนมาก พร้อมเรียกค่าไถ่ 20 ล้านดอลลาร์เพื่อไม่ให้เปิดเผยข้อมูล บริษัทเลือกที่จะไม่จ่ายเงิน แต่กลับแจ้งต่อสาธารณะและยื่นรายงานต่อ SEC โดยยืนยันว่ามีผู้ใช้กว่า 69,000 รายได้รับผลกระทบ ข้อมูลที่ถูกขโมยรวมถึงชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ภาพบัตรประชาชน และประวัติธุรกรรม

    สิ่งที่น่ากังวลคือการโจมตีครั้งนี้เกิดจากการที่พนักงาน Outsource ในต่างประเทศถูกติดสินบนให้เปิดเผยข้อมูลภายในระบบบริการลูกค้า การรั่วไหลเช่นนี้ทำให้ผู้โจมตีสามารถสร้างการหลอกลวงที่สมจริงมากขึ้น เช่น โทรศัพท์ปลอมที่ดูเหมือนจาก Coinbase และอีเมลที่มีการตรวจสอบ DKIM ผ่าน ทำให้ผู้ใช้หลงเชื่อได้ง่าย

    แม้ Coinbase จะยืนยันว่าไม่มีรหัสผ่านหรือ Private Key ถูกขโมย แต่ข้อมูลส่วนตัวที่รั่วไหลสามารถนำไปใช้โจมตีแบบ Social Engineering ได้ในอนาคต เช่น การหลอกให้ผู้ใช้ย้ายเงินไปยัง Wallet ที่ควบคุมโดยแฮกเกอร์ หรือการโจมตีแบบ SIM-swap เพื่อยึดการยืนยันตัวตนสองชั้น เหตุการณ์นี้จึงเป็นบทเรียนสำคัญว่าการรักษาความปลอดภัยไม่ใช่แค่การป้องกันระบบ แต่ต้องควบคุมการเข้าถึงข้อมูลของบุคลากรด้วย

    สรุปสาระสำคัญ
    เหตุการณ์การโจมตีและการรั่วไหลข้อมูล
    เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคม 2025 โดยมีการใช้ข้อมูลภายในโจมตีผู้ใช้
    Coinbase เปิดเผยอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคม 2025 หลังถูกเรียกค่าไถ่ 20 ล้านดอลลาร์
    มีผู้ใช้กว่า 69,000 รายได้รับผลกระทบ ข้อมูลที่รั่วไหลรวมถึงชื่อ เบอร์โทร อีเมล และภาพบัตรประชาชน

    การตอบสนองของ Coinbase
    ปฏิเสธการจ่ายค่าไถ่ และเลือกเปิดเผยต่อสาธารณะ
    เสนอเงินรางวัล 20 ล้านดอลลาร์สำหรับข้อมูลนำไปสู่การจับกุมผู้โจมตี
    ยืนยันว่าไม่มีรหัสผ่านหรือ Private Key ถูกขโมย

    ความเสี่ยงและคำเตือนต่อผู้ใช้
    ข้อมูลส่วนตัวที่รั่วไหลสามารถนำไปใช้โจมตีแบบ Social Engineering ได้
    ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกหลอกให้ย้ายเงินไปยัง Wallet ของแฮกเกอร์
    การโจมตีแบบ SIM-swap และการปลอมแปลงอีเมล/โทรศัพท์ยังคงเป็นภัยที่ต้องระวัง

    https://jonathanclark.com/posts/coinbase-breach-timeline.html
    🛡️ “Coinbase ถูกโจมตีข้อมูลครั้งใหญ่ – Insider Threat และการเรียกค่าไถ่ 20 ล้านดอลลาร์” ในเดือนมกราคม 2025 มีผู้ใช้ Coinbase รายหนึ่งถูกโจมตีด้วยอีเมลและโทรศัพท์ที่ดูเหมือนมาจากฝ่ายป้องกันการฉ้อโกงของบริษัท โดยผู้โจมตีสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว เช่น หมายเลขประกันสังคม ยอดคงเหลือ Bitcoin และรายละเอียดบัญชีที่ไม่ควรเปิดเผยได้ เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าการโจมตีไม่ได้เป็นเพียง Phishing ธรรมดา แต่เป็นการใช้ข้อมูลภายในที่ถูกขโมยมาอย่างชัดเจน ต่อมาในเดือนพฤษภาคม 2025 Coinbase ได้รับอีเมลจากกลุ่มแฮกเกอร์ที่อ้างว่ามีข้อมูลลูกค้าจำนวนมาก พร้อมเรียกค่าไถ่ 20 ล้านดอลลาร์เพื่อไม่ให้เปิดเผยข้อมูล บริษัทเลือกที่จะไม่จ่ายเงิน แต่กลับแจ้งต่อสาธารณะและยื่นรายงานต่อ SEC โดยยืนยันว่ามีผู้ใช้กว่า 69,000 รายได้รับผลกระทบ ข้อมูลที่ถูกขโมยรวมถึงชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ภาพบัตรประชาชน และประวัติธุรกรรม สิ่งที่น่ากังวลคือการโจมตีครั้งนี้เกิดจากการที่พนักงาน Outsource ในต่างประเทศถูกติดสินบนให้เปิดเผยข้อมูลภายในระบบบริการลูกค้า การรั่วไหลเช่นนี้ทำให้ผู้โจมตีสามารถสร้างการหลอกลวงที่สมจริงมากขึ้น เช่น โทรศัพท์ปลอมที่ดูเหมือนจาก Coinbase และอีเมลที่มีการตรวจสอบ DKIM ผ่าน ทำให้ผู้ใช้หลงเชื่อได้ง่าย แม้ Coinbase จะยืนยันว่าไม่มีรหัสผ่านหรือ Private Key ถูกขโมย แต่ข้อมูลส่วนตัวที่รั่วไหลสามารถนำไปใช้โจมตีแบบ Social Engineering ได้ในอนาคต เช่น การหลอกให้ผู้ใช้ย้ายเงินไปยัง Wallet ที่ควบคุมโดยแฮกเกอร์ หรือการโจมตีแบบ SIM-swap เพื่อยึดการยืนยันตัวตนสองชั้น เหตุการณ์นี้จึงเป็นบทเรียนสำคัญว่าการรักษาความปลอดภัยไม่ใช่แค่การป้องกันระบบ แต่ต้องควบคุมการเข้าถึงข้อมูลของบุคลากรด้วย 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ เหตุการณ์การโจมตีและการรั่วไหลข้อมูล ➡️ เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคม 2025 โดยมีการใช้ข้อมูลภายในโจมตีผู้ใช้ ➡️ Coinbase เปิดเผยอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคม 2025 หลังถูกเรียกค่าไถ่ 20 ล้านดอลลาร์ ➡️ มีผู้ใช้กว่า 69,000 รายได้รับผลกระทบ ข้อมูลที่รั่วไหลรวมถึงชื่อ เบอร์โทร อีเมล และภาพบัตรประชาชน ✅ การตอบสนองของ Coinbase ➡️ ปฏิเสธการจ่ายค่าไถ่ และเลือกเปิดเผยต่อสาธารณะ ➡️ เสนอเงินรางวัล 20 ล้านดอลลาร์สำหรับข้อมูลนำไปสู่การจับกุมผู้โจมตี ➡️ ยืนยันว่าไม่มีรหัสผ่านหรือ Private Key ถูกขโมย ‼️ ความเสี่ยงและคำเตือนต่อผู้ใช้ ⛔ ข้อมูลส่วนตัวที่รั่วไหลสามารถนำไปใช้โจมตีแบบ Social Engineering ได้ ⛔ ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกหลอกให้ย้ายเงินไปยัง Wallet ของแฮกเกอร์ ⛔ การโจมตีแบบ SIM-swap และการปลอมแปลงอีเมล/โทรศัพท์ยังคงเป็นภัยที่ต้องระวัง https://jonathanclark.com/posts/coinbase-breach-timeline.html
    JONATHANCLARK.COM
    Coinbase Data Breach Timeline Doesn't Add Up
    I have recordings and emails showing attacks months before Coinbase's 'discovery'. Timeline, headers, and audio evidence.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • TCP: เสาหลักของอินเทอร์เน็ต

    บทความ “The Internet is Cool. Thank you, TCP” อธิบายว่า TCP (Transmission Control Protocol) คือกลไกสำคัญที่ทำให้ข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตถูกส่งอย่างเชื่อถือได้ แม้เครือข่ายจะมีปัญหา เช่น การสูญหายของแพ็กเก็ตหรือการจัดลำดับผิด TCP มีหน้าที่จัดการการส่งซ้ำ ตรวจสอบความถูกต้อง และรักษาลำดับข้อมูล ทำให้บริการอย่าง HTTP, SMTP, SSH ทำงานได้อย่างราบรื่น

    Flow Control และ Congestion Control
    TCP ไม่เพียงแต่รับประกันความถูกต้อง แต่ยังมีระบบ Flow Control เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องปลายทางรับข้อมูลเกินความสามารถ และ Congestion Control เพื่อหลีกเลี่ยงการล่มของเครือข่าย ตัวอย่างที่น่าสนใจคือ “Congestion Collapse” ปี 1986 ที่ทำให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตตกลงเหลือเพียง 40 bps ก่อนที่ TCP จะถูกปรับปรุงให้มีการ “back off” และ “play nice” เพื่อแก้ปัญหา

    ตัวอย่างโค้ด TCP Server
    ผู้เขียนยกตัวอย่างการสร้าง TCP Server ด้วยภาษา C ที่สามารถรับข้อความจาก client และส่งกลับข้อความ “You sent: …” เพื่อแสดงให้เห็นการทำงานแบบ duplex bidirectional link ซึ่งทั้งสองฝั่งสามารถส่งข้อมูลได้อิสระ ไม่จำเป็นต้องเป็นเพียง request/response เท่านั้น

    กลไกภายใน TCP
    TCP มีโครงสร้าง header ที่ซับซ้อน เช่น Sequence Number, Acknowledgment Number, Flags (SYN, ACK, FIN, RST) และ Window Size ซึ่งทั้งหมดทำงานร่วมกันเพื่อให้การเชื่อมต่อมีความน่าเชื่อถือ ตัวอย่างที่โด่งดังคือ 3-way handshake ที่ใช้ในการเริ่มต้นการเชื่อมต่อ และ 4-way handshake ที่ใช้ในการปิดการเชื่อมต่อ

    สรุปสาระสำคัญ
    TCP คือโปรโตคอลที่ทำให้ข้อมูลส่งได้อย่างเชื่อถือ
    ใช้ในบริการหลัก เช่น HTTP, SMTP, SSH
    มีระบบตรวจสอบและส่งซ้ำเพื่อแก้ปัญหาการสูญหาย

    Flow Control และ Congestion Control
    ป้องกันการส่งข้อมูลเกินความสามารถของเครื่องปลายทาง
    แก้ปัญหา Congestion Collapse ปี 1986

    ตัวอย่างโค้ด TCP Server
    ใช้ภาษา C สร้าง server ที่ตอบกลับข้อความ
    แสดงการทำงานแบบ duplex bidirectional link

    กลไกภายใน TCP
    มี Sequence Number และ Acknowledgment Number เพื่อรักษาลำดับข้อมูล
    ใช้ 3-way handshake และ 4-way handshake ในการเชื่อมต่อและปิดการเชื่อมต่อ

    ความเสี่ยงหากไม่มี TCP
    นักพัฒนาต้องเขียนระบบตรวจสอบและส่งซ้ำเอง
    เครือข่ายอาจเกิดการล่มหรือข้อมูลผิดพลาดบ่อยครั้ง

    https://cefboud.com/posts/tcp-deep-dive-internals/
    🌐 TCP: เสาหลักของอินเทอร์เน็ต บทความ “The Internet is Cool. Thank you, TCP” อธิบายว่า TCP (Transmission Control Protocol) คือกลไกสำคัญที่ทำให้ข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตถูกส่งอย่างเชื่อถือได้ แม้เครือข่ายจะมีปัญหา เช่น การสูญหายของแพ็กเก็ตหรือการจัดลำดับผิด TCP มีหน้าที่จัดการการส่งซ้ำ ตรวจสอบความถูกต้อง และรักษาลำดับข้อมูล ทำให้บริการอย่าง HTTP, SMTP, SSH ทำงานได้อย่างราบรื่น 📶 Flow Control และ Congestion Control TCP ไม่เพียงแต่รับประกันความถูกต้อง แต่ยังมีระบบ Flow Control เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องปลายทางรับข้อมูลเกินความสามารถ และ Congestion Control เพื่อหลีกเลี่ยงการล่มของเครือข่าย ตัวอย่างที่น่าสนใจคือ “Congestion Collapse” ปี 1986 ที่ทำให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตตกลงเหลือเพียง 40 bps ก่อนที่ TCP จะถูกปรับปรุงให้มีการ “back off” และ “play nice” เพื่อแก้ปัญหา 💻 ตัวอย่างโค้ด TCP Server ผู้เขียนยกตัวอย่างการสร้าง TCP Server ด้วยภาษา C ที่สามารถรับข้อความจาก client และส่งกลับข้อความ “You sent: …” เพื่อแสดงให้เห็นการทำงานแบบ duplex bidirectional link ซึ่งทั้งสองฝั่งสามารถส่งข้อมูลได้อิสระ ไม่จำเป็นต้องเป็นเพียง request/response เท่านั้น 🔑 กลไกภายใน TCP TCP มีโครงสร้าง header ที่ซับซ้อน เช่น Sequence Number, Acknowledgment Number, Flags (SYN, ACK, FIN, RST) และ Window Size ซึ่งทั้งหมดทำงานร่วมกันเพื่อให้การเชื่อมต่อมีความน่าเชื่อถือ ตัวอย่างที่โด่งดังคือ 3-way handshake ที่ใช้ในการเริ่มต้นการเชื่อมต่อ และ 4-way handshake ที่ใช้ในการปิดการเชื่อมต่อ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ TCP คือโปรโตคอลที่ทำให้ข้อมูลส่งได้อย่างเชื่อถือ ➡️ ใช้ในบริการหลัก เช่น HTTP, SMTP, SSH ➡️ มีระบบตรวจสอบและส่งซ้ำเพื่อแก้ปัญหาการสูญหาย ✅ Flow Control และ Congestion Control ➡️ ป้องกันการส่งข้อมูลเกินความสามารถของเครื่องปลายทาง ➡️ แก้ปัญหา Congestion Collapse ปี 1986 ✅ ตัวอย่างโค้ด TCP Server ➡️ ใช้ภาษา C สร้าง server ที่ตอบกลับข้อความ ➡️ แสดงการทำงานแบบ duplex bidirectional link ✅ กลไกภายใน TCP ➡️ มี Sequence Number และ Acknowledgment Number เพื่อรักษาลำดับข้อมูล ➡️ ใช้ 3-way handshake และ 4-way handshake ในการเชื่อมต่อและปิดการเชื่อมต่อ ‼️ ความเสี่ยงหากไม่มี TCP ⛔ นักพัฒนาต้องเขียนระบบตรวจสอบและส่งซ้ำเอง ⛔ เครือข่ายอาจเกิดการล่มหรือข้อมูลผิดพลาดบ่อยครั้ง https://cefboud.com/posts/tcp-deep-dive-internals/
    CEFBOUD.COM
    The Internet is Cool. Thank you, TCP
    An exploration of TCP, the workhorse of the internet. This deep dive includes detailed examples and a step-by-step walkthrough.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • แรงกดดันปริศนาต่อ Archive.today

    Archive.today หรือ Archive.is เป็นเว็บไซต์ที่เปิดให้ผู้ใช้บันทึก “snapshot” ของหน้าเว็บเพื่อเก็บรักษาเนื้อหาที่อาจหายไปในอนาคต แต่ล่าสุดกลับถูกกดดันจากองค์กรที่อ้างว่าต่อต้านสื่อลามกเด็กในฝรั่งเศส โดยเรียกร้องให้ผู้ให้บริการ DNS อย่าง AdGuard บล็อกการเข้าถึงเว็บไซต์นี้ เหตุผลคือมีการกล่าวหาว่า Archive.today ไม่ยอมลบเนื้อหาที่ผิดกฎหมายตั้งแต่ปี 2023

    สิ่งที่น่าสงสัยคือองค์กรที่ยื่นเรื่องนี้เพิ่งก่อตั้งขึ้นไม่นาน มีข้อมูลสาธารณะน้อยมาก และใช้วิธีการที่ดูเหมือนจะปกปิดตัวตน ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่าอาจมีการปลอมแปลงหรือแอบอ้างเพื่อสร้างแรงกดดันต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตและโครงสร้างพื้นฐาน

    กฎหมายฝรั่งเศสกับข้อถกเถียง
    ตามกฎหมายฝรั่งเศส (LCEN) บริษัทที่ได้รับแจ้งว่ามีเนื้อหาผิดกฎหมายอาจถูกบังคับให้บล็อกการเข้าถึง แม้จะไม่ใช่ผู้ให้บริการโฮสต์โดยตรง ซึ่งเป็นจุดที่ AdGuard มองว่าไม่สมเหตุสมผล เพราะการตัดสินว่าอะไรผิดกฎหมายควรเป็นหน้าที่ของศาล ไม่ใช่บริษัทเอกชนที่ถูกกดดันด้วยข้อร้องเรียนที่อาจไม่จริง

    นอกจากนี้ กฎหมายเดียวกันยังมีบทลงโทษสำหรับผู้ที่แจ้งข้อมูลเท็จ โดยอาจถูกจำคุกและปรับเงิน ทำให้กรณีนี้ยิ่งซับซ้อนขึ้น เพราะหากข้อร้องเรียนเป็นการปลอมแปลงจริง ก็อาจเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายเช่นกัน

    มิติระหว่างประเทศและการสืบสวน
    ในเวลาเดียวกัน มีรายงานว่า FBI ของสหรัฐฯ กำลังสืบสวน Archive.today โดยอ้างว่าเกี่ยวข้องกับการเผยแพร่เนื้อหาที่ผิดกฎหมาย การที่ทั้งฝรั่งเศสและสหรัฐฯ มีการเคลื่อนไหวพร้อมกัน ทำให้เกิดข้อสงสัยว่ามีแรงกดดันระดับนานาชาติที่ต้องการจำกัดการทำงานของเว็บไซต์นี้ ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการเก็บรักษาข้อมูลออนไลน์

    สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายของโลกดิจิทัล ที่เส้นแบ่งระหว่าง “การเก็บรักษาข้อมูลเพื่อประโยชน์สาธารณะ” และ “การเผยแพร่ข้อมูลที่ผิดกฎหมาย” อาจทับซ้อนกัน และกลายเป็นประเด็นถกเถียงทั้งด้านกฎหมายและจริยธรรม

    สรุปสาระสำคัญ
    Archive.today ถูกกดดันจากองค์กรฝรั่งเศส
    อ้างว่าไม่ลบเนื้อหาผิดกฎหมายตั้งแต่ปี 2023
    เรียกร้องให้ AdGuard DNS บล็อกการเข้าถึง

    กฎหมายฝรั่งเศส LCEN มีผลบังคับใช้
    บริษัทอาจต้องบล็อกเนื้อหาตามคำร้องเรียน
    มีบทลงโทษสำหรับการแจ้งข้อมูลเท็จ

    FBI สหรัฐฯ กำลังสืบสวน Archive.today
    สงสัยเกี่ยวข้องกับการเผยแพร่เนื้อหาผิดกฎหมาย
    สร้างแรงกดดันระหว่างประเทศต่อเว็บไซต์

    ข้อร้องเรียนมีความน่าสงสัย
    องค์กรเพิ่งก่อตั้งและข้อมูลสาธารณะน้อย
    อาจมีการปลอมแปลงหรือแอบอ้างเพื่อสร้างแรงกดดัน

    ความเสี่ยงต่อเสรีภาพการเก็บข้อมูลออนไลน์
    การบังคับบล็อกอาจกระทบการเข้าถึงข้อมูลที่มีคุณค่า
    เส้นแบ่งระหว่างการเก็บรักษาและการเผยแพร่ผิดกฎหมายยังไม่ชัดเจน

    https://adguard-dns.io/en/blog/archive-today-adguard-dns-block-demand.html
    🕵️‍♂️ แรงกดดันปริศนาต่อ Archive.today Archive.today หรือ Archive.is เป็นเว็บไซต์ที่เปิดให้ผู้ใช้บันทึก “snapshot” ของหน้าเว็บเพื่อเก็บรักษาเนื้อหาที่อาจหายไปในอนาคต แต่ล่าสุดกลับถูกกดดันจากองค์กรที่อ้างว่าต่อต้านสื่อลามกเด็กในฝรั่งเศส โดยเรียกร้องให้ผู้ให้บริการ DNS อย่าง AdGuard บล็อกการเข้าถึงเว็บไซต์นี้ เหตุผลคือมีการกล่าวหาว่า Archive.today ไม่ยอมลบเนื้อหาที่ผิดกฎหมายตั้งแต่ปี 2023 สิ่งที่น่าสงสัยคือองค์กรที่ยื่นเรื่องนี้เพิ่งก่อตั้งขึ้นไม่นาน มีข้อมูลสาธารณะน้อยมาก และใช้วิธีการที่ดูเหมือนจะปกปิดตัวตน ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่าอาจมีการปลอมแปลงหรือแอบอ้างเพื่อสร้างแรงกดดันต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตและโครงสร้างพื้นฐาน ⚖️ กฎหมายฝรั่งเศสกับข้อถกเถียง ตามกฎหมายฝรั่งเศส (LCEN) บริษัทที่ได้รับแจ้งว่ามีเนื้อหาผิดกฎหมายอาจถูกบังคับให้บล็อกการเข้าถึง แม้จะไม่ใช่ผู้ให้บริการโฮสต์โดยตรง ซึ่งเป็นจุดที่ AdGuard มองว่าไม่สมเหตุสมผล เพราะการตัดสินว่าอะไรผิดกฎหมายควรเป็นหน้าที่ของศาล ไม่ใช่บริษัทเอกชนที่ถูกกดดันด้วยข้อร้องเรียนที่อาจไม่จริง นอกจากนี้ กฎหมายเดียวกันยังมีบทลงโทษสำหรับผู้ที่แจ้งข้อมูลเท็จ โดยอาจถูกจำคุกและปรับเงิน ทำให้กรณีนี้ยิ่งซับซ้อนขึ้น เพราะหากข้อร้องเรียนเป็นการปลอมแปลงจริง ก็อาจเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายเช่นกัน 🌐 มิติระหว่างประเทศและการสืบสวน ในเวลาเดียวกัน มีรายงานว่า FBI ของสหรัฐฯ กำลังสืบสวน Archive.today โดยอ้างว่าเกี่ยวข้องกับการเผยแพร่เนื้อหาที่ผิดกฎหมาย การที่ทั้งฝรั่งเศสและสหรัฐฯ มีการเคลื่อนไหวพร้อมกัน ทำให้เกิดข้อสงสัยว่ามีแรงกดดันระดับนานาชาติที่ต้องการจำกัดการทำงานของเว็บไซต์นี้ ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการเก็บรักษาข้อมูลออนไลน์ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายของโลกดิจิทัล ที่เส้นแบ่งระหว่าง “การเก็บรักษาข้อมูลเพื่อประโยชน์สาธารณะ” และ “การเผยแพร่ข้อมูลที่ผิดกฎหมาย” อาจทับซ้อนกัน และกลายเป็นประเด็นถกเถียงทั้งด้านกฎหมายและจริยธรรม 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Archive.today ถูกกดดันจากองค์กรฝรั่งเศส ➡️ อ้างว่าไม่ลบเนื้อหาผิดกฎหมายตั้งแต่ปี 2023 ➡️ เรียกร้องให้ AdGuard DNS บล็อกการเข้าถึง ✅ กฎหมายฝรั่งเศส LCEN มีผลบังคับใช้ ➡️ บริษัทอาจต้องบล็อกเนื้อหาตามคำร้องเรียน ➡️ มีบทลงโทษสำหรับการแจ้งข้อมูลเท็จ ✅ FBI สหรัฐฯ กำลังสืบสวน Archive.today ➡️ สงสัยเกี่ยวข้องกับการเผยแพร่เนื้อหาผิดกฎหมาย ➡️ สร้างแรงกดดันระหว่างประเทศต่อเว็บไซต์ ‼️ ข้อร้องเรียนมีความน่าสงสัย ⛔ องค์กรเพิ่งก่อตั้งและข้อมูลสาธารณะน้อย ⛔ อาจมีการปลอมแปลงหรือแอบอ้างเพื่อสร้างแรงกดดัน ‼️ ความเสี่ยงต่อเสรีภาพการเก็บข้อมูลออนไลน์ ⛔ การบังคับบล็อกอาจกระทบการเข้าถึงข้อมูลที่มีคุณค่า ⛔ เส้นแบ่งระหว่างการเก็บรักษาและการเผยแพร่ผิดกฎหมายยังไม่ชัดเจน https://adguard-dns.io/en/blog/archive-today-adguard-dns-block-demand.html
    ADGUARD-DNS.IO
    Behind the complaints: Our investigation into the suspicious pressure on Archive.today
    Some time ago, we were contacted by a group fighting against online CSAM, demanding that AdGuard DNS blocks the Archive.today website. This was only the beginning of a much larger story…
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข้อมูลรั่วไหลจาก AIPAC – กระทบผู้ใช้งานหลายร้อยราย

    องค์กร AIPAC (American Israel Public Affairs Committee) เปิดเผยว่าเกิดเหตุ ข้อมูลรั่วไหล (data breach) หลังมีการเข้าถึงระบบจากบุคคลภายนอกโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุการณ์นี้ถูกตรวจพบเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2025 และพบว่ามีการเข้าถึงไฟล์ตั้งแต่ ตุลาคม 2024 ถึงกุมภาพันธ์ 2025

    รายละเอียดการรั่วไหล
    ไฟล์ที่ถูกเข้าถึงมีข้อมูลระบุตัวบุคคล (Personally Identifiable Information – PII) เช่น ชื่อ, ที่อยู่, อีเมล, หมายเลขบัตรประชาชน, พาสปอร์ต, ข้อมูลการชำระเงิน และข้อมูลธนาคาร รวมถึงข้อมูลที่อาจใช้ในการโจรกรรมทางการเงินหรือการปลอมแปลงตัวตน เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งาน 810 คน โดยมีผู้ที่อาศัยอยู่ในรัฐ Maine รวมอยู่ด้วย

    การตอบสนองของ AIPAC
    องค์กรได้เริ่มแจ้งผู้ที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2025 และยืนยันว่า ยังไม่พบหลักฐานการนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัย AIPAC ได้เสนอแพ็กเกจ Identity Protection ผ่าน IDX เป็นเวลา 12 เดือน ครอบคลุมการตรวจสอบเครดิต, CyberScan monitoring, ประกันภัย และบริการกู้คืนตัวตน

    มาตรการเสริมความปลอดภัย
    หลังเหตุการณ์นี้ AIPAC ได้เพิ่มมาตรการใหม่ เช่น posture controls, non-human identity controls, email data loss prevention, Microsoft 365 access controls, privilege alerts, geolocation restrictions และ audit functions เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก

    รายละเอียดเหตุการณ์
    เกิดการเข้าถึงไฟล์โดยไม่ได้รับอนุญาตระหว่าง ต.ค. 2024 – ก.พ. 2025
    ข้อมูลที่รั่วไหลรวมถึง PII และข้อมูลทางการเงิน
    ผู้ได้รับผลกระทบรวม 810 คน

    การตอบสนองของ AIPAC
    แจ้งผู้ได้รับผลกระทบตั้งแต่ 13 พ.ย. 2025
    เสนอแพ็กเกจ Identity Protection ฟรี 12 เดือน

    มาตรการใหม่เพื่อความปลอดภัย
    เพิ่มระบบตรวจสอบสิทธิ์, การป้องกันข้อมูลสูญหาย และการจำกัดการเข้าถึง

    คำเตือนและความเสี่ยง
    ข้อมูลที่รั่วไหลอาจถูกนำไปใช้ในการโจรกรรมทางการเงินหรือปลอมแปลงตัวตน
    แม้ยังไม่พบการใช้งานข้อมูล แต่ความเสี่ยงยังคงอยู่
    ผู้ได้รับผลกระทบควรตรวจสอบเครดิตและธุรกรรมทางการเงินอย่างต่อเนื่อง

    https://hackread.com/aipac-data-breach-hundreds-affected/
    🔓 ข้อมูลรั่วไหลจาก AIPAC – กระทบผู้ใช้งานหลายร้อยราย องค์กร AIPAC (American Israel Public Affairs Committee) เปิดเผยว่าเกิดเหตุ ข้อมูลรั่วไหล (data breach) หลังมีการเข้าถึงระบบจากบุคคลภายนอกโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุการณ์นี้ถูกตรวจพบเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2025 และพบว่ามีการเข้าถึงไฟล์ตั้งแต่ ตุลาคม 2024 ถึงกุมภาพันธ์ 2025 📑 รายละเอียดการรั่วไหล ไฟล์ที่ถูกเข้าถึงมีข้อมูลระบุตัวบุคคล (Personally Identifiable Information – PII) เช่น ชื่อ, ที่อยู่, อีเมล, หมายเลขบัตรประชาชน, พาสปอร์ต, ข้อมูลการชำระเงิน และข้อมูลธนาคาร รวมถึงข้อมูลที่อาจใช้ในการโจรกรรมทางการเงินหรือการปลอมแปลงตัวตน เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งาน 810 คน โดยมีผู้ที่อาศัยอยู่ในรัฐ Maine รวมอยู่ด้วย 🛡️ การตอบสนองของ AIPAC องค์กรได้เริ่มแจ้งผู้ที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2025 และยืนยันว่า ยังไม่พบหลักฐานการนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัย AIPAC ได้เสนอแพ็กเกจ Identity Protection ผ่าน IDX เป็นเวลา 12 เดือน ครอบคลุมการตรวจสอบเครดิต, CyberScan monitoring, ประกันภัย และบริการกู้คืนตัวตน 🔧 มาตรการเสริมความปลอดภัย หลังเหตุการณ์นี้ AIPAC ได้เพิ่มมาตรการใหม่ เช่น posture controls, non-human identity controls, email data loss prevention, Microsoft 365 access controls, privilege alerts, geolocation restrictions และ audit functions เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก ✅ รายละเอียดเหตุการณ์ ➡️ เกิดการเข้าถึงไฟล์โดยไม่ได้รับอนุญาตระหว่าง ต.ค. 2024 – ก.พ. 2025 ➡️ ข้อมูลที่รั่วไหลรวมถึง PII และข้อมูลทางการเงิน ➡️ ผู้ได้รับผลกระทบรวม 810 คน ✅ การตอบสนองของ AIPAC ➡️ แจ้งผู้ได้รับผลกระทบตั้งแต่ 13 พ.ย. 2025 ➡️ เสนอแพ็กเกจ Identity Protection ฟรี 12 เดือน ✅ มาตรการใหม่เพื่อความปลอดภัย ➡️ เพิ่มระบบตรวจสอบสิทธิ์, การป้องกันข้อมูลสูญหาย และการจำกัดการเข้าถึง ‼️ คำเตือนและความเสี่ยง ⛔ ข้อมูลที่รั่วไหลอาจถูกนำไปใช้ในการโจรกรรมทางการเงินหรือปลอมแปลงตัวตน ⛔ แม้ยังไม่พบการใช้งานข้อมูล แต่ความเสี่ยงยังคงอยู่ ⛔ ผู้ได้รับผลกระทบควรตรวจสอบเครดิตและธุรกรรมทางการเงินอย่างต่อเนื่อง https://hackread.com/aipac-data-breach-hundreds-affected/
    HACKREAD.COM
    AIPAC Discloses Data Breach, Says Hundreds Affected
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ร้ายแรงใน IBM AIX – เสี่ยง RCE และการขโมย Private Keys

    IBM ได้ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ร้ายแรงหลายรายการในระบบปฏิบัติการ AIX 7.2, AIX 7.3 และ VIOS 3.1/4.1 โดยหนึ่งในนั้นคือ CVE-2025-36250 ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงสุด CVSS 10.0 สามารถทำให้ผู้โจมตีจากระยะไกลรันคำสั่งอันตรายบนเซิร์ฟเวอร์ได้โดยตรง

    นอกจากนั้นยังมีช่องโหว่อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Network Installation Manager (NIM) เช่นการจัดเก็บ Private Keys ในรูปแบบที่ไม่ปลอดภัย (CVE-2025-36096) ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถดักจับและปลอมตัวเป็นระบบที่ถูกต้องได้ อีกทั้งยังมีช่องโหว่ Directory Traversal (CVE-2025-36236) ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถเขียนไฟล์อันตรายลงในระบบได้

    สิ่งที่น่ากังวลคือ ช่องโหว่เหล่านี้เกิดขึ้นในบริการสำคัญของ AIX เช่น nimsh และ nimesis ซึ่งถูกใช้ในการจัดการติดตั้งและปรับปรุงระบบ หากถูกโจมตี อาจนำไปสู่การเข้าควบคุมระบบทั้งหมด รวมถึงการเคลื่อนย้ายไปยังระบบอื่นในเครือข่ายองค์กร

    IBM ได้ออก APARs และแพ็กเกจแก้ไข สำหรับ AIX และ VIOS พร้อมคำแนะนำให้ผู้ใช้งานตรวจสอบเวอร์ชันที่ติดตั้งด้วยคำสั่ง:

    lslpp -L | grep -i bos.sysmgt.nim.client

    เพื่อยืนยันว่าระบบได้รับการอัปเดตแล้ว

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ช่องโหว่ที่ค้นพบใน IBM AIX
    CVE-2025-36250 (CVSS 10.0): Remote Code Execution ผ่านบริการ nimesis
    CVE-2025-36251 (CVSS 9.6): RCE ผ่านบริการ nimsh
    CVE-2025-36096 (CVSS 9.0): การจัดเก็บ NIM Private Keys ไม่ปลอดภัย
    CVE-2025-36236 (CVSS 8.2): Directory Traversal เขียนไฟล์อันตรายลงระบบ

    ผลกระทบต่อระบบ
    เสี่ยงต่อการถูกควบคุมระบบจากระยะไกล
    Private Keys อาจถูกขโมยและนำไปใช้ปลอมตัว
    อาจเกิดการเคลื่อนย้ายการโจมตีไปยังระบบอื่นในองค์กร

    คำเตือนและความเสี่ยง
    ช่องโหว่ทั้งหมดต้องการเพียงการเชื่อมต่อเครือข่ายเพื่อโจมตี
    หากไม่อัปเดตแพตช์ อาจถูกเข้าควบคุมระบบทั้งหมด
    การใช้ Directory Traversal อาจนำไปสู่การ defacement หรือการฝัง backdoor

    https://securityonline.info/critical-ibm-aix-rce-cve-2025-36250-cvss-10-0-flaw-exposes-nim-private-keys-and-risks-directory-traversal/
    🖥️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน IBM AIX – เสี่ยง RCE และการขโมย Private Keys IBM ได้ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ร้ายแรงหลายรายการในระบบปฏิบัติการ AIX 7.2, AIX 7.3 และ VIOS 3.1/4.1 โดยหนึ่งในนั้นคือ CVE-2025-36250 ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงสุด CVSS 10.0 สามารถทำให้ผู้โจมตีจากระยะไกลรันคำสั่งอันตรายบนเซิร์ฟเวอร์ได้โดยตรง นอกจากนั้นยังมีช่องโหว่อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Network Installation Manager (NIM) เช่นการจัดเก็บ Private Keys ในรูปแบบที่ไม่ปลอดภัย (CVE-2025-36096) ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถดักจับและปลอมตัวเป็นระบบที่ถูกต้องได้ อีกทั้งยังมีช่องโหว่ Directory Traversal (CVE-2025-36236) ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถเขียนไฟล์อันตรายลงในระบบได้ สิ่งที่น่ากังวลคือ ช่องโหว่เหล่านี้เกิดขึ้นในบริการสำคัญของ AIX เช่น nimsh และ nimesis ซึ่งถูกใช้ในการจัดการติดตั้งและปรับปรุงระบบ หากถูกโจมตี อาจนำไปสู่การเข้าควบคุมระบบทั้งหมด รวมถึงการเคลื่อนย้ายไปยังระบบอื่นในเครือข่ายองค์กร IBM ได้ออก APARs และแพ็กเกจแก้ไข สำหรับ AIX และ VIOS พร้อมคำแนะนำให้ผู้ใช้งานตรวจสอบเวอร์ชันที่ติดตั้งด้วยคำสั่ง: lslpp -L | grep -i bos.sysmgt.nim.client เพื่อยืนยันว่าระบบได้รับการอัปเดตแล้ว 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ช่องโหว่ที่ค้นพบใน IBM AIX ➡️ CVE-2025-36250 (CVSS 10.0): Remote Code Execution ผ่านบริการ nimesis ➡️ CVE-2025-36251 (CVSS 9.6): RCE ผ่านบริการ nimsh ➡️ CVE-2025-36096 (CVSS 9.0): การจัดเก็บ NIM Private Keys ไม่ปลอดภัย ➡️ CVE-2025-36236 (CVSS 8.2): Directory Traversal เขียนไฟล์อันตรายลงระบบ ✅ ผลกระทบต่อระบบ ➡️ เสี่ยงต่อการถูกควบคุมระบบจากระยะไกล ➡️ Private Keys อาจถูกขโมยและนำไปใช้ปลอมตัว ➡️ อาจเกิดการเคลื่อนย้ายการโจมตีไปยังระบบอื่นในองค์กร ‼️ คำเตือนและความเสี่ยง ⛔ ช่องโหว่ทั้งหมดต้องการเพียงการเชื่อมต่อเครือข่ายเพื่อโจมตี ⛔ หากไม่อัปเดตแพตช์ อาจถูกเข้าควบคุมระบบทั้งหมด ⛔ การใช้ Directory Traversal อาจนำไปสู่การ defacement หรือการฝัง backdoor https://securityonline.info/critical-ibm-aix-rce-cve-2025-36250-cvss-10-0-flaw-exposes-nim-private-keys-and-risks-directory-traversal/
    SECURITYONLINE.INFO
    Critical IBM AIX RCE (CVE-2025-36250, CVSS 10.0) Flaw Exposes NIM Private Keys and Risks Directory Traversal
    IBM patched four critical flaws in AIX/VIOS. The RCE (CVSS 10.0) in nimesis and CVE-2025-36096 allow remote attackers to execute commands and obtain NIM private keys. Update immediately.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกาหลีเหนือใช้ JSON Keeper และ GitLab แพร่ BeaverTail Spyware

    นักวิจัยจาก NVISO พบว่าแคมเปญ Contagious Interview ซึ่งดำเนินการโดยกลุ่ม APT ของเกาหลีเหนือ ได้พัฒนาเทคนิคใหม่ในการแพร่มัลแวร์ โดยใช้บริการเก็บข้อมูล JSON เช่น JSON Keeper, JSONsilo และ npoint.io เพื่อซ่อนโค้ดอันตราย และส่งต่อผ่านโปรเจกต์ที่ถูกปลอมแปลงบน GitLab

    กลุ่มนี้มักแอบอ้างเป็น ผู้สรรหางาน (recruiter) หรือบุคคลที่มีตำแหน่งทางการแพทย์ เพื่อหลอกล่อนักพัฒนาให้ดาวน์โหลดโปรเจกต์ที่ดูเหมือนงานทดสอบ เช่น “Real Estate Rental Platform” หรือ “Web3 Monopoly Clone” แต่ภายในมีไฟล์ที่ซ่อนตัวแปร base64 ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นลิงก์ไปยังโค้ดที่ถูกเข้ารหัสและเก็บไว้บน JSON Keeper เมื่อถอดรหัสแล้วจะโหลดมัลแวร์ BeaverTail เข้าสู่ระบบ

    BeaverTail มีความสามารถในการ ขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่าน, กระเป๋าเงินคริปโต (MetaMask, Phantom, TronLink), ข้อมูลระบบ, เอกสาร PDF และแม้กระทั่งข้อมูลจาก macOS Keychain หลังจากนั้นยังสามารถดาวน์โหลดมัลแวร์ขั้นต่อไปชื่อ InvisibleFerret ซึ่งเป็น RAT (Remote Access Trojan) ที่มีโมดูลเสริม เช่น Tsunami Payload และ Tsunami Injector เพื่อสร้าง persistence และติดตั้งแพ็กเกจ Python โดยอัตโนมัติ

    สิ่งที่น่ากังวลคือการใช้บริการที่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น GitLab, GitHub, Railway และ TOR เพื่อซ่อนการโจมตี ทำให้การตรวจจับยากขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงต่อผู้พัฒนาในสายงาน blockchain และ Web3 ที่มักต้องดาวน์โหลดโค้ดจากแหล่งภายนอกอยู่แล้ว

    สรุปประเด็นสำคัญ
    เทคนิคการโจมตีใหม่ของ Contagious Interview
    ใช้ JSON Keeper และ GitLab ในการแพร่โค้ดอันตราย
    ปลอมตัวเป็น recruiter ส่งโปรเจกต์ทดสอบให้เหยื่อดาวน์โหลด

    ความสามารถของ BeaverTail Spyware
    ขโมยรหัสผ่าน, กระเป๋าเงินคริปโต และข้อมูลระบบ
    เก็บเอกสาร, PDF, screenshot และข้อมูลจาก macOS Keychain

    การแพร่มัลแวร์ขั้นต่อไป InvisibleFerret RAT
    มีโมดูล Tsunami Payload/Injector/Infector
    สามารถสร้าง persistence และติดตั้ง Python packages โดยอัตโนมัติ

    คำเตือนและความเสี่ยง
    การใช้บริการที่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น GitLab และ JSON storage ทำให้ตรวจจับยาก
    นักพัฒนา blockchain และ Web3 เสี่ยงสูงต่อการถูกโจมตี
    การดาวน์โหลดโปรเจกต์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถืออาจนำไปสู่การติดมัลแวร์โดยไม่รู้ตัว

    https://securityonline.info/north-koreas-contagious-interview-apt-uses-json-keeper-and-gitlab-to-deliver-beavertail-spyware/
    🕵️‍♂️ เกาหลีเหนือใช้ JSON Keeper และ GitLab แพร่ BeaverTail Spyware นักวิจัยจาก NVISO พบว่าแคมเปญ Contagious Interview ซึ่งดำเนินการโดยกลุ่ม APT ของเกาหลีเหนือ ได้พัฒนาเทคนิคใหม่ในการแพร่มัลแวร์ โดยใช้บริการเก็บข้อมูล JSON เช่น JSON Keeper, JSONsilo และ npoint.io เพื่อซ่อนโค้ดอันตราย และส่งต่อผ่านโปรเจกต์ที่ถูกปลอมแปลงบน GitLab กลุ่มนี้มักแอบอ้างเป็น ผู้สรรหางาน (recruiter) หรือบุคคลที่มีตำแหน่งทางการแพทย์ เพื่อหลอกล่อนักพัฒนาให้ดาวน์โหลดโปรเจกต์ที่ดูเหมือนงานทดสอบ เช่น “Real Estate Rental Platform” หรือ “Web3 Monopoly Clone” แต่ภายในมีไฟล์ที่ซ่อนตัวแปร base64 ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นลิงก์ไปยังโค้ดที่ถูกเข้ารหัสและเก็บไว้บน JSON Keeper เมื่อถอดรหัสแล้วจะโหลดมัลแวร์ BeaverTail เข้าสู่ระบบ BeaverTail มีความสามารถในการ ขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่าน, กระเป๋าเงินคริปโต (MetaMask, Phantom, TronLink), ข้อมูลระบบ, เอกสาร PDF และแม้กระทั่งข้อมูลจาก macOS Keychain หลังจากนั้นยังสามารถดาวน์โหลดมัลแวร์ขั้นต่อไปชื่อ InvisibleFerret ซึ่งเป็น RAT (Remote Access Trojan) ที่มีโมดูลเสริม เช่น Tsunami Payload และ Tsunami Injector เพื่อสร้าง persistence และติดตั้งแพ็กเกจ Python โดยอัตโนมัติ สิ่งที่น่ากังวลคือการใช้บริการที่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น GitLab, GitHub, Railway และ TOR เพื่อซ่อนการโจมตี ทำให้การตรวจจับยากขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงต่อผู้พัฒนาในสายงาน blockchain และ Web3 ที่มักต้องดาวน์โหลดโค้ดจากแหล่งภายนอกอยู่แล้ว 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ เทคนิคการโจมตีใหม่ของ Contagious Interview ➡️ ใช้ JSON Keeper และ GitLab ในการแพร่โค้ดอันตราย ➡️ ปลอมตัวเป็น recruiter ส่งโปรเจกต์ทดสอบให้เหยื่อดาวน์โหลด ✅ ความสามารถของ BeaverTail Spyware ➡️ ขโมยรหัสผ่าน, กระเป๋าเงินคริปโต และข้อมูลระบบ ➡️ เก็บเอกสาร, PDF, screenshot และข้อมูลจาก macOS Keychain ✅ การแพร่มัลแวร์ขั้นต่อไป InvisibleFerret RAT ➡️ มีโมดูล Tsunami Payload/Injector/Infector ➡️ สามารถสร้าง persistence และติดตั้ง Python packages โดยอัตโนมัติ ‼️ คำเตือนและความเสี่ยง ⛔ การใช้บริการที่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น GitLab และ JSON storage ทำให้ตรวจจับยาก ⛔ นักพัฒนา blockchain และ Web3 เสี่ยงสูงต่อการถูกโจมตี ⛔ การดาวน์โหลดโปรเจกต์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถืออาจนำไปสู่การติดมัลแวร์โดยไม่รู้ตัว https://securityonline.info/north-koreas-contagious-interview-apt-uses-json-keeper-and-gitlab-to-deliver-beavertail-spyware/
    SECURITYONLINE.INFO
    North Korea's Contagious Interview APT Uses JSON Keeper and GitLab to Deliver BeaverTail Spyware
    NVISO exposed the Contagious Interview APT using JSON Keeper and npoint.io as covert C2 channels. The North Korean group uses fake job lures on GitLab to deploy BeaverTail to steal Web3 credentials.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • SPF Checker คืออะไร

    SPF (Sender Policy Framework) เป็นมาตรฐานที่ช่วยให้เจ้าของโดเมนกำหนดได้ว่าเซิร์ฟเวอร์ใดมีสิทธิ์ส่งอีเมลในนามของโดเมนนั้น ๆ เครื่องมือ SPF Checker หรือ SPF Validator จะทำหน้าที่ตรวจสอบว่า SPF Record ที่ตั้งค่าไว้ถูกต้องตามมาตรฐาน RFC 7208 หรือไม่ รวมถึงรายงานข้อผิดพลาดที่อาจทำให้การส่งอีเมลล้มเหลว

    วิธีการทำงานของ SPF Checker
    เมื่อผู้ใช้เรียกใช้งาน SPF Checker เครื่องมือจะทำการ DNS Lookup เพื่อดึงค่า TXT Record ของโดเมน จากนั้นจะวิเคราะห์โครงสร้าง SPF Record เช่น include, redirect, และ all พร้อมจำลองการตรวจสอบว่าอีเมลจากเซิร์ฟเวอร์ที่กำหนดจะผ่านหรือไม่ หากพบข้อผิดพลาด เช่น syntax ไม่ถูกต้อง หรือมีการใช้กลไกที่ล้าสมัย เครื่องมือจะรายงานเพื่อให้ผู้ดูแลแก้ไขทันที

    ประโยชน์ของการตรวจสอบ SPF
    การตรวจสอบ SPF อย่างสม่ำเสมอช่วยเพิ่มความปลอดภัย ป้องกันการปลอมแปลงอีเมลที่มักใช้ในการโจมตีแบบฟิชชิ่ง นอกจากนี้ยังช่วยให้ อีเมลที่ถูกต้องมีโอกาสเข้าถึงกล่องจดหมาย (Inbox) ได้มากขึ้น ไม่ถูกจัดเป็นสแปมโดยผู้ให้บริการ เช่น Google หรือ Microsoft อีกทั้งยังเสริมความน่าเชื่อถือของโดเมนเมื่อนำไปใช้ร่วมกับมาตรฐานอื่น ๆ เช่น DKIM และ DMARC

    ปัญหาที่พบบ่อย
    หลายองค์กรตั้งค่า SPF Record ไม่ถูกต้อง เช่น การใช้ +all ที่เปิดกว้างเกินไป หรือการมีหลาย TXT Record สำหรับ SPF ในโดเมนเดียว ซึ่งอาจทำให้เกิดความสับสนและลดประสิทธิภาพการตรวจสอบ การตรวจสอบด้วย SPF Checker จึงเป็นวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นใจในระบบอีเมล

    สรุปประเด็นสำคัญและคำเตือน
    SPF Checker ตรวจสอบความถูกต้องของ SPF Record
    ป้องกันการปลอมแปลงอีเมลและเพิ่มความปลอดภัย

    ทำงานโดยการดึงค่า TXT Record ผ่าน DNS Lookup
    วิเคราะห์โครงสร้างและจำลองการตรวจสอบการส่งอีเมล

    ช่วยให้อีเมลถูกต้องเข้าถึง Inbox ได้มากขึ้น
    ลดโอกาสถูกจัดเป็นสแปมโดยผู้ให้บริการอีเมล

    เสริมความน่าเชื่อถือเมื่อใช้ร่วมกับ DKIM และ DMARC
    สร้างระบบการยืนยันตัวตนของอีเมลที่แข็งแรง

    การตั้งค่า SPF Record ไม่ถูกต้องอาจสร้างช่องโหว่
    เช่น การใช้ +all ที่เปิดกว้างเกินไป

    หลาย TXT Record ในโดเมนเดียวทำให้เกิดความสับสน
    ส่งผลให้การตรวจสอบ SPF ไม่เสถียรและอีเมลถูกปฏิเสธ

    การละเลยการตรวจสอบ SPF อย่างสม่ำเสมอ
    อาจทำให้โดเมนถูกใช้ในการโจมตีฟิชชิ่งโดยไม่รู้ตัว


    https://securityonline.info/what-is-an-spf-checker-benefits-of-spf-validation-for-your-domain/
    🔐 SPF Checker คืออะไร SPF (Sender Policy Framework) เป็นมาตรฐานที่ช่วยให้เจ้าของโดเมนกำหนดได้ว่าเซิร์ฟเวอร์ใดมีสิทธิ์ส่งอีเมลในนามของโดเมนนั้น ๆ เครื่องมือ SPF Checker หรือ SPF Validator จะทำหน้าที่ตรวจสอบว่า SPF Record ที่ตั้งค่าไว้ถูกต้องตามมาตรฐาน RFC 7208 หรือไม่ รวมถึงรายงานข้อผิดพลาดที่อาจทำให้การส่งอีเมลล้มเหลว 📡 วิธีการทำงานของ SPF Checker เมื่อผู้ใช้เรียกใช้งาน SPF Checker เครื่องมือจะทำการ DNS Lookup เพื่อดึงค่า TXT Record ของโดเมน จากนั้นจะวิเคราะห์โครงสร้าง SPF Record เช่น include, redirect, และ all พร้อมจำลองการตรวจสอบว่าอีเมลจากเซิร์ฟเวอร์ที่กำหนดจะผ่านหรือไม่ หากพบข้อผิดพลาด เช่น syntax ไม่ถูกต้อง หรือมีการใช้กลไกที่ล้าสมัย เครื่องมือจะรายงานเพื่อให้ผู้ดูแลแก้ไขทันที 🌍 ประโยชน์ของการตรวจสอบ SPF การตรวจสอบ SPF อย่างสม่ำเสมอช่วยเพิ่มความปลอดภัย ป้องกันการปลอมแปลงอีเมลที่มักใช้ในการโจมตีแบบฟิชชิ่ง นอกจากนี้ยังช่วยให้ อีเมลที่ถูกต้องมีโอกาสเข้าถึงกล่องจดหมาย (Inbox) ได้มากขึ้น ไม่ถูกจัดเป็นสแปมโดยผู้ให้บริการ เช่น Google หรือ Microsoft อีกทั้งยังเสริมความน่าเชื่อถือของโดเมนเมื่อนำไปใช้ร่วมกับมาตรฐานอื่น ๆ เช่น DKIM และ DMARC ⚠️ ปัญหาที่พบบ่อย หลายองค์กรตั้งค่า SPF Record ไม่ถูกต้อง เช่น การใช้ +all ที่เปิดกว้างเกินไป หรือการมีหลาย TXT Record สำหรับ SPF ในโดเมนเดียว ซึ่งอาจทำให้เกิดความสับสนและลดประสิทธิภาพการตรวจสอบ การตรวจสอบด้วย SPF Checker จึงเป็นวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นใจในระบบอีเมล 📌 สรุปประเด็นสำคัญและคำเตือน ✅ SPF Checker ตรวจสอบความถูกต้องของ SPF Record ➡️ ป้องกันการปลอมแปลงอีเมลและเพิ่มความปลอดภัย ✅ ทำงานโดยการดึงค่า TXT Record ผ่าน DNS Lookup ➡️ วิเคราะห์โครงสร้างและจำลองการตรวจสอบการส่งอีเมล ✅ ช่วยให้อีเมลถูกต้องเข้าถึง Inbox ได้มากขึ้น ➡️ ลดโอกาสถูกจัดเป็นสแปมโดยผู้ให้บริการอีเมล ✅ เสริมความน่าเชื่อถือเมื่อใช้ร่วมกับ DKIM และ DMARC ➡️ สร้างระบบการยืนยันตัวตนของอีเมลที่แข็งแรง ‼️ การตั้งค่า SPF Record ไม่ถูกต้องอาจสร้างช่องโหว่ ⛔ เช่น การใช้ +all ที่เปิดกว้างเกินไป ‼️ หลาย TXT Record ในโดเมนเดียวทำให้เกิดความสับสน ⛔ ส่งผลให้การตรวจสอบ SPF ไม่เสถียรและอีเมลถูกปฏิเสธ ‼️ การละเลยการตรวจสอบ SPF อย่างสม่ำเสมอ ⛔ อาจทำให้โดเมนถูกใช้ในการโจมตีฟิชชิ่งโดยไม่รู้ตัว https://securityonline.info/what-is-an-spf-checker-benefits-of-spf-validation-for-your-domain/
    SECURITYONLINE.INFO
    What Is An SPF Checker? Benefits Of SPF Validation For Your Domain
    Sender Policy Framework (SPF) is a vital component of modern email authentication protocols, designed to combat email spoofing
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • Amazon Leo: ก้าวใหม่ของการสื่อสารผ่านดาวเทียม

    Amazon เปิดตัวชื่อใหม่ Amazon Leo แทนที่ชื่อเดิม Project Kuiper ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2019 โดยมีเป้าหมายสร้างเครือข่ายดาวเทียมกว่า 3,000 ดวง เพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตครอบคลุมประชากรโลกถึง 95% การเปลี่ยนชื่อครั้งนี้สะท้อนว่าโครงการได้พ้นจากสถานะ “ทดลอง” และพร้อมเข้าสู่การเป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบ

    ความคืบหน้าและการแข่งขันกับ Starlink
    แม้ Amazon จะเพิ่งส่งดาวเทียมปฏิบัติการชุดแรกจำนวน 27 ดวงขึ้นสู่วงโคจรในปีนี้ แต่คู่แข่งอย่าง SpaceX Starlink ได้เปิดบริการตั้งแต่ปี 2020 และขยายอย่างรวดเร็ว ทั้งการเชื่อมต่อกับสายการบินและผู้ให้บริการมือถือ ทำให้ Amazon Leo ยังต้องเร่งพัฒนาเพื่อไล่ตามการแข่งขันที่เข้มข้นในตลาดอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม

    เทคโนโลยีและการใช้งาน
    Amazon ได้ทดสอบเทคโนโลยีสำคัญ เช่น เครือข่ายเลเซอร์เชื่อมโยงดาวเทียม (laser mesh network) และเสาอากาศผู้ใช้ที่ออกแบบมาให้ติดตั้งง่าย การรีแบรนด์ครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่เปลี่ยนชื่อ แต่เป็นการประกาศความพร้อมที่จะให้บริการจริง ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนในเว็บไซต์ Amazon Leo เพื่อรับข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับการเปิดให้บริการในอนาคต

    มุมมองเชิงกลยุทธ์
    การเข้าสู่ตลาดดาวเทียมวงโคจรต่ำของ Amazon ไม่เพียงแต่เป็นการขยายธุรกิจด้านคลาวด์และโครงสร้างพื้นฐาน แต่ยังเป็นการสร้างระบบนิเวศที่เชื่อมโยงกับบริการอื่น ๆ ของบริษัท เช่น AWS และอีคอมเมิร์ซ การแข่งขันกับ Starlink จึงไม่ใช่แค่เรื่องความเร็วอินเทอร์เน็ต แต่ยังเป็นการวางรากฐานโครงสร้างการสื่อสารระดับโลก

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Amazon รีแบรนด์ Project Kuiper เป็น Amazon Leo
    สะท้อนการใช้ดาวเทียมวงโคจรต่ำ (LEO) และความพร้อมเชิงพาณิชย์

    เป้าหมายครอบคลุมประชากรโลก 95%
    ใช้ดาวเทียมกว่า 3,000 ดวงเพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ต

    เปิดตัวดาวเทียมปฏิบัติการชุดแรก 27 ดวงในปีนี้
    เป็นก้าวสำคัญหลังจากการทดสอบหลายปี

    เทคโนโลยี laser mesh network และเสาอากาศผู้ใช้
    ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความง่ายในการเข้าถึง

    ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนในเว็บไซต์ Amazon Leo
    เพื่อรับข้อมูลการเปิดให้บริการในอนาคต

    การแข่งขันกับ Starlink เข้มข้นมาก
    Starlink เปิดบริการตั้งแต่ปี 2020 และขยายอย่างรวดเร็ว

    ยังไม่มีการประกาศวันเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ชัดเจน
    ผู้ใช้ต้องรอติดตามข้อมูลเพิ่มเติมจาก Amazon

    ความเสี่ยงด้านการลงทุนและโครงสร้างพื้นฐาน
    การสร้างเครือข่ายดาวเทียมจำนวนมหาศาลต้องใช้เวลาและต้นทุนสูง

    https://securityonline.info/project-kuiper-is-now-amazon-leo-amazon-rebrands-satellite-initiative-for-commercial-launch/
    🚀 Amazon Leo: ก้าวใหม่ของการสื่อสารผ่านดาวเทียม Amazon เปิดตัวชื่อใหม่ Amazon Leo แทนที่ชื่อเดิม Project Kuiper ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2019 โดยมีเป้าหมายสร้างเครือข่ายดาวเทียมกว่า 3,000 ดวง เพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตครอบคลุมประชากรโลกถึง 95% การเปลี่ยนชื่อครั้งนี้สะท้อนว่าโครงการได้พ้นจากสถานะ “ทดลอง” และพร้อมเข้าสู่การเป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบ 🌐 ความคืบหน้าและการแข่งขันกับ Starlink แม้ Amazon จะเพิ่งส่งดาวเทียมปฏิบัติการชุดแรกจำนวน 27 ดวงขึ้นสู่วงโคจรในปีนี้ แต่คู่แข่งอย่าง SpaceX Starlink ได้เปิดบริการตั้งแต่ปี 2020 และขยายอย่างรวดเร็ว ทั้งการเชื่อมต่อกับสายการบินและผู้ให้บริการมือถือ ทำให้ Amazon Leo ยังต้องเร่งพัฒนาเพื่อไล่ตามการแข่งขันที่เข้มข้นในตลาดอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม 📡 เทคโนโลยีและการใช้งาน Amazon ได้ทดสอบเทคโนโลยีสำคัญ เช่น เครือข่ายเลเซอร์เชื่อมโยงดาวเทียม (laser mesh network) และเสาอากาศผู้ใช้ที่ออกแบบมาให้ติดตั้งง่าย การรีแบรนด์ครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่เปลี่ยนชื่อ แต่เป็นการประกาศความพร้อมที่จะให้บริการจริง ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนในเว็บไซต์ Amazon Leo เพื่อรับข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับการเปิดให้บริการในอนาคต ⚖️ มุมมองเชิงกลยุทธ์ การเข้าสู่ตลาดดาวเทียมวงโคจรต่ำของ Amazon ไม่เพียงแต่เป็นการขยายธุรกิจด้านคลาวด์และโครงสร้างพื้นฐาน แต่ยังเป็นการสร้างระบบนิเวศที่เชื่อมโยงกับบริการอื่น ๆ ของบริษัท เช่น AWS และอีคอมเมิร์ซ การแข่งขันกับ Starlink จึงไม่ใช่แค่เรื่องความเร็วอินเทอร์เน็ต แต่ยังเป็นการวางรากฐานโครงสร้างการสื่อสารระดับโลก 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Amazon รีแบรนด์ Project Kuiper เป็น Amazon Leo ➡️ สะท้อนการใช้ดาวเทียมวงโคจรต่ำ (LEO) และความพร้อมเชิงพาณิชย์ ✅ เป้าหมายครอบคลุมประชากรโลก 95% ➡️ ใช้ดาวเทียมกว่า 3,000 ดวงเพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ต ✅ เปิดตัวดาวเทียมปฏิบัติการชุดแรก 27 ดวงในปีนี้ ➡️ เป็นก้าวสำคัญหลังจากการทดสอบหลายปี ✅ เทคโนโลยี laser mesh network และเสาอากาศผู้ใช้ ➡️ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความง่ายในการเข้าถึง ✅ ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนในเว็บไซต์ Amazon Leo ➡️ เพื่อรับข้อมูลการเปิดให้บริการในอนาคต ‼️ การแข่งขันกับ Starlink เข้มข้นมาก ⛔ Starlink เปิดบริการตั้งแต่ปี 2020 และขยายอย่างรวดเร็ว ‼️ ยังไม่มีการประกาศวันเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ชัดเจน ⛔ ผู้ใช้ต้องรอติดตามข้อมูลเพิ่มเติมจาก Amazon ‼️ ความเสี่ยงด้านการลงทุนและโครงสร้างพื้นฐาน ⛔ การสร้างเครือข่ายดาวเทียมจำนวนมหาศาลต้องใช้เวลาและต้นทุนสูง https://securityonline.info/project-kuiper-is-now-amazon-leo-amazon-rebrands-satellite-initiative-for-commercial-launch/
    SECURITYONLINE.INFO
    Project Kuiper is Now Amazon Leo: Amazon Rebrands Satellite Initiative for Commercial Launch
    Amazon officially rebranded its LEO satellite initiative, formerly Project Kuiper, as Amazon Leo, signaling its readiness to transition the network into a commercial product.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • WhatsApp เปิดทางเชื่อมต่อ BirdyChat และ Haiket ตามกฎหมาย DMA ของสหภาพยุโรป

    Meta ประกาศความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ โดย WhatsApp จะสามารถเชื่อมต่อกับแอปแชทภายนอกอย่าง BirdyChat และ Haiket ได้ในยุโรป เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย Digital Markets Act (DMA) ของสหภาพยุโรปที่บังคับให้แพลตฟอร์มขนาดใหญ่ต้องเปิดทางให้บริการอื่นเข้ามาใช้งานร่วมกันได้ การทดสอบเบื้องต้นเสร็จสิ้นแล้ว และฟีเจอร์นี้จะเริ่มเปิดใช้งานเร็ว ๆ นี้บน Android และ iOS

    การเชื่อมต่อดังกล่าวจะทำให้ผู้ใช้สามารถส่งข้อความ ภาพ เสียง วิดีโอ และไฟล์ระหว่างแพลตฟอร์มได้อย่างราบรื่น โดยยังคงมาตรฐาน การเข้ารหัสแบบ End-to-End (E2EE) เทียบเท่ากับ WhatsApp เอง ผู้ใช้จะได้รับการแจ้งเตือนในเมนู Settings เพื่อเลือกว่าจะเปิดใช้งานหรือปิดการทำงานของการแชทข้ามแพลตฟอร์มได้ตามต้องการ ถือเป็นการให้สิทธิ์ผู้ใช้ในการควบคุมความเป็นส่วนตัวและการใช้งาน

    อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ Group Chat ข้ามแอป จะยังไม่พร้อมใช้งานในช่วงแรก เนื่องจากต้องรอให้แอปพันธมิตรมีความพร้อมทางเทคนิคก่อน นอกจากนี้ WhatsApp ยังมีแผนจะขยายการเชื่อมต่อไปยังแอปอื่น ๆ อีกในอนาคต เพื่อให้ครอบคลุมตามข้อกำหนดของ DMA ซึ่งจะช่วยเพิ่มทางเลือกและลดการผูกขาดของแพลตฟอร์มรายใหญ่

    สิ่งที่น่าสนใจคือ DMA ไม่ได้บังคับเฉพาะ WhatsApp แต่ยังครอบคลุมไปถึงแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น Apple และ Google ที่ต้องเปิดระบบให้บริการภายนอกเข้ามาใช้งานได้อย่างเท่าเทียม นี่จึงเป็นก้าวสำคัญของยุโรปในการสร้างการแข่งขันที่เป็นธรรม และเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้ในยุคที่การสื่อสารออนไลน์เป็นหัวใจหลักของชีวิตประจำวัน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    WhatsApp เปิดเชื่อมต่อกับ BirdyChat และ Haiket
    รองรับการส่งข้อความ ภาพ เสียง วิดีโอ และไฟล์ระหว่างแพลตฟอร์ม

    มาตรฐานความปลอดภัยยังคงเดิม
    ทุกแอปที่เชื่อมต่อ ต้องใช้การเข้ารหัส End-to-End เทียบเท่า WhatsApp

    ผู้ใช้สามารถเลือกเปิดหรือปิดฟีเจอร์ได้เอง
    มีการแจ้งเตือนใน Settings เพื่อควบคุมการใช้งาน

    Group Chat ข้ามแอปยังไม่พร้อมใช้งาน
    จะเปิดให้ใช้เมื่อพันธมิตรมีความพร้อมทางเทคนิค

    DMA บังคับใช้กับแพลตฟอร์มรายใหญ่ทั้งหมด
    Apple, Google และบริการอื่น ๆ ต้องเปิดระบบให้ใช้งานร่วมกัน

    ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัว
    ผู้ใช้ควรตรวจสอบนโยบายของแอปพันธมิตร เพราะอาจมีการจัดการข้อมูลต่างกัน

    ฟีเจอร์ยังจำกัดเฉพาะมือถือ
    WhatsApp Desktop และ Web ยังไม่รองรับการเชื่อมต่อข้ามแอปในช่วงแรก

    การใช้งานอาจมีข้อจำกัดบางประการ
    เช่น ฟีเจอร์สติ๊กเกอร์หรือข้อความหายอัตโนมัติ อาจไม่รองรับในการแชทข้ามแพลตฟอร์ม

    https://securityonline.info/whatsapp-interoperability-live-meta-confirms-dma-integration-with-birdychat-and-haiket/
    📱 WhatsApp เปิดทางเชื่อมต่อ BirdyChat และ Haiket ตามกฎหมาย DMA ของสหภาพยุโรป Meta ประกาศความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ โดย WhatsApp จะสามารถเชื่อมต่อกับแอปแชทภายนอกอย่าง BirdyChat และ Haiket ได้ในยุโรป เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย Digital Markets Act (DMA) ของสหภาพยุโรปที่บังคับให้แพลตฟอร์มขนาดใหญ่ต้องเปิดทางให้บริการอื่นเข้ามาใช้งานร่วมกันได้ การทดสอบเบื้องต้นเสร็จสิ้นแล้ว และฟีเจอร์นี้จะเริ่มเปิดใช้งานเร็ว ๆ นี้บน Android และ iOS การเชื่อมต่อดังกล่าวจะทำให้ผู้ใช้สามารถส่งข้อความ ภาพ เสียง วิดีโอ และไฟล์ระหว่างแพลตฟอร์มได้อย่างราบรื่น โดยยังคงมาตรฐาน การเข้ารหัสแบบ End-to-End (E2EE) เทียบเท่ากับ WhatsApp เอง ผู้ใช้จะได้รับการแจ้งเตือนในเมนู Settings เพื่อเลือกว่าจะเปิดใช้งานหรือปิดการทำงานของการแชทข้ามแพลตฟอร์มได้ตามต้องการ ถือเป็นการให้สิทธิ์ผู้ใช้ในการควบคุมความเป็นส่วนตัวและการใช้งาน อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ Group Chat ข้ามแอป จะยังไม่พร้อมใช้งานในช่วงแรก เนื่องจากต้องรอให้แอปพันธมิตรมีความพร้อมทางเทคนิคก่อน นอกจากนี้ WhatsApp ยังมีแผนจะขยายการเชื่อมต่อไปยังแอปอื่น ๆ อีกในอนาคต เพื่อให้ครอบคลุมตามข้อกำหนดของ DMA ซึ่งจะช่วยเพิ่มทางเลือกและลดการผูกขาดของแพลตฟอร์มรายใหญ่ สิ่งที่น่าสนใจคือ DMA ไม่ได้บังคับเฉพาะ WhatsApp แต่ยังครอบคลุมไปถึงแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น Apple และ Google ที่ต้องเปิดระบบให้บริการภายนอกเข้ามาใช้งานได้อย่างเท่าเทียม นี่จึงเป็นก้าวสำคัญของยุโรปในการสร้างการแข่งขันที่เป็นธรรม และเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้ในยุคที่การสื่อสารออนไลน์เป็นหัวใจหลักของชีวิตประจำวัน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ WhatsApp เปิดเชื่อมต่อกับ BirdyChat และ Haiket ➡️ รองรับการส่งข้อความ ภาพ เสียง วิดีโอ และไฟล์ระหว่างแพลตฟอร์ม ✅ มาตรฐานความปลอดภัยยังคงเดิม ➡️ ทุกแอปที่เชื่อมต่อ ต้องใช้การเข้ารหัส End-to-End เทียบเท่า WhatsApp ✅ ผู้ใช้สามารถเลือกเปิดหรือปิดฟีเจอร์ได้เอง ➡️ มีการแจ้งเตือนใน Settings เพื่อควบคุมการใช้งาน ✅ Group Chat ข้ามแอปยังไม่พร้อมใช้งาน ➡️ จะเปิดให้ใช้เมื่อพันธมิตรมีความพร้อมทางเทคนิค ✅ DMA บังคับใช้กับแพลตฟอร์มรายใหญ่ทั้งหมด ➡️ Apple, Google และบริการอื่น ๆ ต้องเปิดระบบให้ใช้งานร่วมกัน ‼️ ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัว ⛔ ผู้ใช้ควรตรวจสอบนโยบายของแอปพันธมิตร เพราะอาจมีการจัดการข้อมูลต่างกัน ‼️ ฟีเจอร์ยังจำกัดเฉพาะมือถือ ⛔ WhatsApp Desktop และ Web ยังไม่รองรับการเชื่อมต่อข้ามแอปในช่วงแรก ‼️ การใช้งานอาจมีข้อจำกัดบางประการ ⛔ เช่น ฟีเจอร์สติ๊กเกอร์หรือข้อความหายอัตโนมัติ อาจไม่รองรับในการแชทข้ามแพลตฟอร์ม https://securityonline.info/whatsapp-interoperability-live-meta-confirms-dma-integration-with-birdychat-and-haiket/
    SECURITYONLINE.INFO
    WhatsApp Interoperability Live: Meta Confirms DMA Integration with BirdyChat and Haiket
    Meta confirmed WhatsApp is ready for DMA interoperability with third-party apps BirdyChat and Haiket. European users can soon opt in to cross-platform chats.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ไว้วางใจ อนุทิน-สหรัฐฯ-มาเลเซีย

    กรณีที่สหรัฐอเมริกาขอระงับ (Suspend) การเจรจากรอบความตกลงการค้าต่างตอบแทนระหว่างไทยกับสหรัฐฯ (Agreement on Reciprocal Trade Framework) ชั่วคราว จนกว่าไทยจะกลับมาปฎิบัติตามคำแถลงร่วม (Joint Declaration) ปฎิญญาสันติภาพระหว่างไทย-กัมพูชา สร้างความไม่พอใจต่อคนไทยอย่างกว้างขวาง เพราะแม้จะลงนามคำแถลงร่วมไปแล้ว แต่กัมพูชาไม่ปฏิบัติตามและละเมิดเงื่อนไข โดยเฉพาะกรณีที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณห้วยตามาเรีย ใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.ศรีสะเกษ ทำให้ทหารไทยต้องสูญเสียข้อเท้าขวาเป็นรายที่ 7 ซึ่งพบว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่

    แม้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย อ้างว่าหนังสือจากรองผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ ส่งมาให้ไทย เกิดขึ้นก่อนการพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา แต่ไม่อาจคลายความกังวลของคนไทยทั้งประเทศ เพราะเชื่อว่าสหรัฐอเมริกาและมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนปี 2025 เข้าข้างและสนับสนุนกัมพูชา อีกทั้งนายอนุทินเรียกร้องแค่ให้กัมพูชาขอโทษต่อคนไทยกรณีทุ่นระเบิดนั้นไม่เพียงพอ เมื่อเทียบกับความสูญเสียในช่วงที่ผ่านมา

    โดยเฉพาะกรณีทหารกัมพูชาใช้เครื่องยิงจรวด BM-21 ยิงใส่เป้าหมายพลเรือนของไทยทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน ร้านสะดวกซื้อ สถานีบริการน้ำมันแบบไม่เลือกหน้า เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต 13 ราย บาดเจ็บ 32 ราย เป็นผลจากความบ้าคลั่งของ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยไร้ความรับผิดชอบอย่างจริงใจ คือต้นเหตุที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชาขาดสะบั้น สร้างบาดแผลลึกในใจคนไทย ยากที่จะกลับมาไว้วางใจได้อีก

    ข้อตกลงหยุดยิงและปฎิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา กลัดกระดุมเม็ดแรกผิด ตั้งแต่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ฉวยโอกาส ต้องการแสวงหาการยอมรับและความน่าเชื่อถือ โดยทำลายหลักการอาเซียนที่ไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศสมาชิก และความทะเยอทะยานของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการรางวัลสันติภาพเพื่อสร้างความยอมรับ แต่ไม่ดูถึงสาเหตุที่แท้จริงของความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา อีกทั้งสันติภาพที่ผู้นำกัมพูชากล่าวเป็นเพียงลมปาก ลับหลังยังคงเป็นภัยคุกคามประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง

    นอกจากนี้ ยังมีพฤติกรรมที่สำนักข่าวแห่งชาติมาเลเซีย BERNAMA รายงานข่าวว่าเป็นทุ่นระเบิดเก่า ก่อนอ้างว่าแปลจากภาษามาเลย์ผิด ถูกกัมพูชานำไปขยายผลโจมตีประเทศไทยซ้ำอีก กลายเป็นสถานการณ์ที่คนไทยต่างไม่น่าไว้วางใจทั้งนายกฯ อนุทิน ประธานอาเซียนอย่างอันวาร์ และประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ

    #Newskit
    ไม่ไว้วางใจ อนุทิน-สหรัฐฯ-มาเลเซีย กรณีที่สหรัฐอเมริกาขอระงับ (Suspend) การเจรจากรอบความตกลงการค้าต่างตอบแทนระหว่างไทยกับสหรัฐฯ (Agreement on Reciprocal Trade Framework) ชั่วคราว จนกว่าไทยจะกลับมาปฎิบัติตามคำแถลงร่วม (Joint Declaration) ปฎิญญาสันติภาพระหว่างไทย-กัมพูชา สร้างความไม่พอใจต่อคนไทยอย่างกว้างขวาง เพราะแม้จะลงนามคำแถลงร่วมไปแล้ว แต่กัมพูชาไม่ปฏิบัติตามและละเมิดเงื่อนไข โดยเฉพาะกรณีที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณห้วยตามาเรีย ใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.ศรีสะเกษ ทำให้ทหารไทยต้องสูญเสียข้อเท้าขวาเป็นรายที่ 7 ซึ่งพบว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ แม้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย อ้างว่าหนังสือจากรองผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ ส่งมาให้ไทย เกิดขึ้นก่อนการพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา แต่ไม่อาจคลายความกังวลของคนไทยทั้งประเทศ เพราะเชื่อว่าสหรัฐอเมริกาและมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนปี 2025 เข้าข้างและสนับสนุนกัมพูชา อีกทั้งนายอนุทินเรียกร้องแค่ให้กัมพูชาขอโทษต่อคนไทยกรณีทุ่นระเบิดนั้นไม่เพียงพอ เมื่อเทียบกับความสูญเสียในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะกรณีทหารกัมพูชาใช้เครื่องยิงจรวด BM-21 ยิงใส่เป้าหมายพลเรือนของไทยทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน ร้านสะดวกซื้อ สถานีบริการน้ำมันแบบไม่เลือกหน้า เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต 13 ราย บาดเจ็บ 32 ราย เป็นผลจากความบ้าคลั่งของ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยไร้ความรับผิดชอบอย่างจริงใจ คือต้นเหตุที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชาขาดสะบั้น สร้างบาดแผลลึกในใจคนไทย ยากที่จะกลับมาไว้วางใจได้อีก ข้อตกลงหยุดยิงและปฎิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา กลัดกระดุมเม็ดแรกผิด ตั้งแต่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ฉวยโอกาส ต้องการแสวงหาการยอมรับและความน่าเชื่อถือ โดยทำลายหลักการอาเซียนที่ไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศสมาชิก และความทะเยอทะยานของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการรางวัลสันติภาพเพื่อสร้างความยอมรับ แต่ไม่ดูถึงสาเหตุที่แท้จริงของความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา อีกทั้งสันติภาพที่ผู้นำกัมพูชากล่าวเป็นเพียงลมปาก ลับหลังยังคงเป็นภัยคุกคามประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีพฤติกรรมที่สำนักข่าวแห่งชาติมาเลเซีย BERNAMA รายงานข่าวว่าเป็นทุ่นระเบิดเก่า ก่อนอ้างว่าแปลจากภาษามาเลย์ผิด ถูกกัมพูชานำไปขยายผลโจมตีประเทศไทยซ้ำอีก กลายเป็นสถานการณ์ที่คนไทยต่างไม่น่าไว้วางใจทั้งนายกฯ อนุทิน ประธานอาเซียนอย่างอันวาร์ และประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ #Newskit
    Like
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 247 มุมมอง 0 รีวิว
  • บุกจับคลินิกเถื่อนกลางเมืองหาดใหญ่! , ตำรวจไซเบอร์–สสจ.สงขลารวบสาววัย 37 คาหนังคาเขาขณะกำลังฉีดเสริมความงามในบ้านพัก

    พบเปิดบริการเถื่อนมากว่า 2 ปี นัดลูกค้าผ่านไลน์เดือนละกว่า 20 ราย ยึดของกลาง 53 รายการ ตั้ง 7 ข้อหาหนักทั้งสถานพยาบาลเถื่อน–เวชกรรมเถื่อน–ขายยา/เครื่องมือแพทย์ผิดกฎหมาย

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000109289

    #News1live #News1 #คลินิกเถื่อน #เสริมความงาม #หาดใหญ่ #ตำรวจไซเบอร์ #สสจสงขลา #สถานพยาบาลผิดกฎหมาย #เครื่องมือแพทย์ผิดกฎหมาย #ข่าวอาชญากรรม #newsupdate
    บุกจับคลินิกเถื่อนกลางเมืองหาดใหญ่! , ตำรวจไซเบอร์–สสจ.สงขลารวบสาววัย 37 คาหนังคาเขาขณะกำลังฉีดเสริมความงามในบ้านพัก • พบเปิดบริการเถื่อนมากว่า 2 ปี นัดลูกค้าผ่านไลน์เดือนละกว่า 20 ราย ยึดของกลาง 53 รายการ ตั้ง 7 ข้อหาหนักทั้งสถานพยาบาลเถื่อน–เวชกรรมเถื่อน–ขายยา/เครื่องมือแพทย์ผิดกฎหมาย • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000109289 • #News1live #News1 #คลินิกเถื่อน #เสริมความงาม #หาดใหญ่ #ตำรวจไซเบอร์ #สสจสงขลา #สถานพยาบาลผิดกฎหมาย #เครื่องมือแพทย์ผิดกฎหมาย #ข่าวอาชญากรรม #newsupdate
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 251 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตัวเลขข้างสัญลักษณ์ Wi-Fi บนมือถือ Android หมายถึงอะไร?

    หลายคนอาจเคยสังเกตเห็นตัวเลขเล็ก ๆ เช่น 5, 6 หรือ 7 ปรากฏอยู่ข้างสัญลักษณ์ Wi-Fi บนหน้าจอสมาร์ทโฟน Android แล้วสงสัยว่ามันคืออะไร จริง ๆ แล้วตัวเลขเหล่านี้บอกถึง “รุ่นของมาตรฐาน Wi-Fi” ที่อุปกรณ์และเราเตอร์กำลังเชื่อมต่ออยู่ เช่น Wi-Fi 5 (802.11ac), Wi-Fi 6 (802.11ax) และ Wi-Fi 7 (802.11be) ซึ่งแต่ละรุ่นมีความแตกต่างด้านความเร็ว ความหน่วง และประสิทธิภาพในการใช้งานในพื้นที่ที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น

    Wi-Fi รุ่นใหม่ ๆ ไม่ได้หมายความว่าจะเร็วเสมอไป หากเราเตอร์ที่ใช้อยู่ยังเป็นรุ่นเก่า แม้โทรศัพท์จะรองรับ Wi-Fi 7 ก็จะเชื่อมต่อได้เพียง Wi-Fi 6 หรือ Wi-Fi 5 เท่านั้น ดังนั้นการอัปเกรดเราเตอร์จึงมีความสำคัญพอ ๆ กับการใช้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

    นอกจากนี้ บางรุ่นของสมาร์ทโฟน เช่น Xiaomi หรือ OnePlus ยังมีฟีเจอร์พิเศษที่แสดงตัวเลขวิ่งขึ้นลงข้างสัญลักษณ์ Wi-Fi ซึ่งเป็น “ตัวบ่งชี้การรับส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์” โดยตัวเลขนี้ไม่ได้บอกความเร็วสูงสุด แต่แสดงปริมาณข้อมูลที่กำลังอัปโหลดหรือดาวน์โหลดในขณะนั้น ทำให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบได้ทันทีว่ามีการใช้งานอินเทอร์เน็ตอยู่หรือไม่

    อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้เครือข่าย Wi-Fi ก็ยังต้องพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความเร็วอินเทอร์เน็ตจากผู้ให้บริการ และการเลือกย่านความถี่ที่เหมาะสม (2.4 GHz หรือ 5 GHz) เพื่อให้ได้ความเร็วและความเสถียรที่ดีที่สุด โดย Wi-Fi 7 ยังมีฟีเจอร์ Multi-Link Operation ที่ช่วยให้เชื่อมต่อหลายย่านความถี่พร้อมกัน เพิ่มความเสถียรและลดการหลุดของสัญญาณ

    สรุปสาระสำคัญ
    ตัวเลขข้างสัญลักษณ์ Wi-Fi บน Android
    บอกถึงรุ่นมาตรฐาน Wi-Fi (5, 6, 7) ที่อุปกรณ์เชื่อมต่ออยู่

    ความแตกต่างของ Wi-Fi แต่ละรุ่น
    Wi-Fi 5: ใช้ 802.11ac
    Wi-Fi 6: ใช้ 802.11ax, ลดความหน่วงและรองรับผู้ใช้มากขึ้น
    Wi-Fi 7: ใช้ 802.11be, มี Multi-Link Operation เพิ่มความเสถียร

    ฟีเจอร์เสริมในบางสมาร์ทโฟน
    ตัวเลขวิ่งขึ้นลงแสดงการรับส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์
    ฟีเจอร์ Dual Wi-Fi acceleration ในบางรุ่น เช่น OnePlus

    ข้อควรระวังในการใช้งาน Wi-Fi
    โทรศัพท์รุ่นใหม่อาจเชื่อมต่อได้เพียงมาตรฐานเก่า หากเราเตอร์ไม่รองรับ
    ความเร็วจริงขึ้นอยู่กับแพ็กเกจอินเทอร์เน็ต ไม่ใช่แค่รุ่น Wi-Fi
    การเลือกย่านความถี่ผิด (เช่นใช้ 2.4 GHz ในพื้นที่แออัด) อาจทำให้สัญญาณช้าหรือไม่เสถียร

    https://www.slashgear.com/2007604/number-next-wi-fi-symbol-meaning-android/
    📡 ตัวเลขข้างสัญลักษณ์ Wi-Fi บนมือถือ Android หมายถึงอะไร? หลายคนอาจเคยสังเกตเห็นตัวเลขเล็ก ๆ เช่น 5, 6 หรือ 7 ปรากฏอยู่ข้างสัญลักษณ์ Wi-Fi บนหน้าจอสมาร์ทโฟน Android แล้วสงสัยว่ามันคืออะไร จริง ๆ แล้วตัวเลขเหล่านี้บอกถึง “รุ่นของมาตรฐาน Wi-Fi” ที่อุปกรณ์และเราเตอร์กำลังเชื่อมต่ออยู่ เช่น Wi-Fi 5 (802.11ac), Wi-Fi 6 (802.11ax) และ Wi-Fi 7 (802.11be) ซึ่งแต่ละรุ่นมีความแตกต่างด้านความเร็ว ความหน่วง และประสิทธิภาพในการใช้งานในพื้นที่ที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น 📶 Wi-Fi รุ่นใหม่ ๆ ไม่ได้หมายความว่าจะเร็วเสมอไป หากเราเตอร์ที่ใช้อยู่ยังเป็นรุ่นเก่า แม้โทรศัพท์จะรองรับ Wi-Fi 7 ก็จะเชื่อมต่อได้เพียง Wi-Fi 6 หรือ Wi-Fi 5 เท่านั้น ดังนั้นการอัปเกรดเราเตอร์จึงมีความสำคัญพอ ๆ กับการใช้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต 🌐 นอกจากนี้ บางรุ่นของสมาร์ทโฟน เช่น Xiaomi หรือ OnePlus ยังมีฟีเจอร์พิเศษที่แสดงตัวเลขวิ่งขึ้นลงข้างสัญลักษณ์ Wi-Fi ซึ่งเป็น “ตัวบ่งชี้การรับส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์” โดยตัวเลขนี้ไม่ได้บอกความเร็วสูงสุด แต่แสดงปริมาณข้อมูลที่กำลังอัปโหลดหรือดาวน์โหลดในขณะนั้น ทำให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบได้ทันทีว่ามีการใช้งานอินเทอร์เน็ตอยู่หรือไม่ ⚠️ อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้เครือข่าย Wi-Fi ก็ยังต้องพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความเร็วอินเทอร์เน็ตจากผู้ให้บริการ และการเลือกย่านความถี่ที่เหมาะสม (2.4 GHz หรือ 5 GHz) เพื่อให้ได้ความเร็วและความเสถียรที่ดีที่สุด โดย Wi-Fi 7 ยังมีฟีเจอร์ Multi-Link Operation ที่ช่วยให้เชื่อมต่อหลายย่านความถี่พร้อมกัน เพิ่มความเสถียรและลดการหลุดของสัญญาณ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ตัวเลขข้างสัญลักษณ์ Wi-Fi บน Android ➡️ บอกถึงรุ่นมาตรฐาน Wi-Fi (5, 6, 7) ที่อุปกรณ์เชื่อมต่ออยู่ ✅ ความแตกต่างของ Wi-Fi แต่ละรุ่น ➡️ Wi-Fi 5: ใช้ 802.11ac ➡️ Wi-Fi 6: ใช้ 802.11ax, ลดความหน่วงและรองรับผู้ใช้มากขึ้น ➡️ Wi-Fi 7: ใช้ 802.11be, มี Multi-Link Operation เพิ่มความเสถียร ✅ ฟีเจอร์เสริมในบางสมาร์ทโฟน ➡️ ตัวเลขวิ่งขึ้นลงแสดงการรับส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ ➡️ ฟีเจอร์ Dual Wi-Fi acceleration ในบางรุ่น เช่น OnePlus ‼️ ข้อควรระวังในการใช้งาน Wi-Fi ⛔ โทรศัพท์รุ่นใหม่อาจเชื่อมต่อได้เพียงมาตรฐานเก่า หากเราเตอร์ไม่รองรับ ⛔ ความเร็วจริงขึ้นอยู่กับแพ็กเกจอินเทอร์เน็ต ไม่ใช่แค่รุ่น Wi-Fi ⛔ การเลือกย่านความถี่ผิด (เช่นใช้ 2.4 GHz ในพื้นที่แออัด) อาจทำให้สัญญาณช้าหรือไม่เสถียร https://www.slashgear.com/2007604/number-next-wi-fi-symbol-meaning-android/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Here's What The Number Next To The Wi-Fi Symbol On Your Android Device Means - SlashGear
    Wi-Fi generations previously used confusing number and letter names, but things are much simpler today. Here's what the number next to the Wi-Fi symbol means.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 รีวิว
  • Ubuntu LTS ได้รับการสนับสนุนยาวนานถึง 15 ปี

    Canonical ผู้พัฒนา Ubuntu ได้เปิดตัวการขยายระยะเวลาการสนับสนุนใหม่สำหรับ Ubuntu Long-Term Support (LTS) โดยเพิ่มการดูแลความปลอดภัยและการบำรุงรักษาเป็น 15 ปีเต็ม ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับระบบปฏิบัติการที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายในองค์กรและโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีทั่วโลก

    ก่อนหน้านี้ Ubuntu LTS มีการสนับสนุนมาตรฐาน 5 ปี และสามารถขยายได้อีก 5 ปีผ่านบริการ Expanded Security Maintenance (ESM) รวมเป็น 10 ปี แต่ในปี 2024 Canonical ได้เปิดตัว Legacy add-on ที่เพิ่มการสนับสนุนอีก 2 ปี รวมเป็น 12 ปี และล่าสุดได้ขยายเพิ่มอีก 3 ปี ทำให้รวมทั้งหมดเป็น 15 ปี

    การเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มต้นกับ Ubuntu 14.04 LTS ซึ่งจะได้รับการดูแลต่อเนื่องจนถึง เมษายน 2029 โดยองค์กรที่ต้องการใช้ Legacy add-on จะต้องจ่ายค่าบริการเพิ่มขึ้น 50% จาก Ubuntu Pro ปกติ และสามารถติดต่อทีมขายของ Canonical เพื่อเปิดใช้งานได้

    นโยบายใหม่นี้สะท้อนถึงความต้องการขององค์กรที่ใช้ระบบระยะยาว เช่น ภาคการเงิน, การผลิต, และโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ที่ไม่สามารถเปลี่ยนระบบได้บ่อย การสนับสนุน 15 ปีจึงช่วยลดความเสี่ยงและต้นทุนในการอัปเกรดระบบบ่อยครั้ง พร้อมสร้างความมั่นใจในเสถียรภาพของแพลตฟอร์ม

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Ubuntu LTS ได้รับการสนับสนุน 15 ปี
    5 ปีมาตรฐาน + 5 ปี ESM + 5 ปี Legacy add-on
    เริ่มใช้กับ Ubuntu 14.04 LTS และรุ่นถัดไปทั้งหมด

    รายละเอียดการใช้งาน Legacy add-on
    มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม 50% จาก Ubuntu Pro
    ต้องติดต่อทีมขายหรือ Account Manager ของ Canonical

    ผลกระทบต่อองค์กร
    ลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนระบบบ่อย
    เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการเสถียรภาพระยะยาว เช่น ภาคการเงินและพลังงาน

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้งาน
    หากไม่ต่ออายุ Legacy add-on ระบบจะหมดการสนับสนุนหลัง 10 ปี
    การละเลยการอัปเดตอาจทำให้เสี่ยงต่อช่องโหว่ความปลอดภัยในระบบที่ยังใช้งานอยู่

    https://itsfoss.com/news/ubuntu-15-year-support-commitment/
    🐧 Ubuntu LTS ได้รับการสนับสนุนยาวนานถึง 15 ปี Canonical ผู้พัฒนา Ubuntu ได้เปิดตัวการขยายระยะเวลาการสนับสนุนใหม่สำหรับ Ubuntu Long-Term Support (LTS) โดยเพิ่มการดูแลความปลอดภัยและการบำรุงรักษาเป็น 15 ปีเต็ม ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับระบบปฏิบัติการที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายในองค์กรและโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีทั่วโลก ก่อนหน้านี้ Ubuntu LTS มีการสนับสนุนมาตรฐาน 5 ปี และสามารถขยายได้อีก 5 ปีผ่านบริการ Expanded Security Maintenance (ESM) รวมเป็น 10 ปี แต่ในปี 2024 Canonical ได้เปิดตัว Legacy add-on ที่เพิ่มการสนับสนุนอีก 2 ปี รวมเป็น 12 ปี และล่าสุดได้ขยายเพิ่มอีก 3 ปี ทำให้รวมทั้งหมดเป็น 15 ปี การเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มต้นกับ Ubuntu 14.04 LTS ซึ่งจะได้รับการดูแลต่อเนื่องจนถึง เมษายน 2029 โดยองค์กรที่ต้องการใช้ Legacy add-on จะต้องจ่ายค่าบริการเพิ่มขึ้น 50% จาก Ubuntu Pro ปกติ และสามารถติดต่อทีมขายของ Canonical เพื่อเปิดใช้งานได้ นโยบายใหม่นี้สะท้อนถึงความต้องการขององค์กรที่ใช้ระบบระยะยาว เช่น ภาคการเงิน, การผลิต, และโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ที่ไม่สามารถเปลี่ยนระบบได้บ่อย การสนับสนุน 15 ปีจึงช่วยลดความเสี่ยงและต้นทุนในการอัปเกรดระบบบ่อยครั้ง พร้อมสร้างความมั่นใจในเสถียรภาพของแพลตฟอร์ม 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Ubuntu LTS ได้รับการสนับสนุน 15 ปี ➡️ 5 ปีมาตรฐาน + 5 ปี ESM + 5 ปี Legacy add-on ➡️ เริ่มใช้กับ Ubuntu 14.04 LTS และรุ่นถัดไปทั้งหมด ✅ รายละเอียดการใช้งาน Legacy add-on ➡️ มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม 50% จาก Ubuntu Pro ➡️ ต้องติดต่อทีมขายหรือ Account Manager ของ Canonical ✅ ผลกระทบต่อองค์กร ➡️ ลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนระบบบ่อย ➡️ เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการเสถียรภาพระยะยาว เช่น ภาคการเงินและพลังงาน ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้งาน ⛔ หากไม่ต่ออายุ Legacy add-on ระบบจะหมดการสนับสนุนหลัง 10 ปี ⛔ การละเลยการอัปเดตอาจทำให้เสี่ยงต่อช่องโหว่ความปลอดภัยในระบบที่ยังใช้งานอยู่ https://itsfoss.com/news/ubuntu-15-year-support-commitment/
    ITSFOSS.COM
    Ubuntu's New 15-Year Commitment Targets Long-Lived Enterprise Systems
    Legacy add-on extended to five years, starting with Ubuntu 14.04 LTS.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple ลดค่าคอมมิชชั่น App Store สำหรับ Mini Apps

    Apple ได้เปิดตัว Mini Apps Partner Program โดยลดค่าคอมมิชชั่นจากเดิม 30% เหลือเพียง 15% สำหรับนักพัฒนาที่สร้าง Mini Apps ซึ่งเป็นแอปย่อยที่ทำงานภายในแอปหลัก เช่น เกมหรือบริการเสริมที่ฝังอยู่ในแพลตฟอร์มใหญ่ การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นการปรับโครงสร้างครั้งสำคัญของ App Store ที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างแรงจูงใจให้นักพัฒนาและลดแรงกดดันจากข้อกล่าวหาว่า Apple มีพฤติกรรมผูกขาด

    เพื่อให้ได้รับสิทธิ์ค่าคอมมิชชั่นที่ลดลง นักพัฒนาต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดใหม่ เช่น รองรับการทำงานทั้ง iOS และ iPadOS, ใช้ Advanced Commerce API ของ Apple และต้องระบุ Declared Age Range API เพื่อป้องกันการเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมโดยผู้ใช้งานที่อายุน้อยกว่า

    การปรับลดค่าคอมมิชชั่นครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ Apple กำลังเผชิญแรงกดดันจากหลายฝ่าย ทั้งการฟ้องร้องจาก Epic Games และการตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศ การลดค่าธรรมเนียมจึงถูกมองว่าเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกต่อทั้งนักพัฒนาและรัฐบาลว่า Apple พร้อมปรับตัวเพื่อสร้างความโปร่งใสและแข่งขันอย่างเป็นธรรม

    ในภาพรวม การเปลี่ยนแปลงนี้อาจช่วยให้ Mini Apps เติบโตมากขึ้น และเปิดโอกาสให้นักพัฒนารายเล็กสามารถสร้างรายได้โดยไม่ถูกกดดันจากค่าธรรมเนียมสูง ขณะเดียวกัน Apple ยังคงรักษาการควบคุมระบบนิเวศของตนไว้ได้อย่างเข้มแข็ง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Apple เปิดตัว Mini Apps Partner Program
    ลดค่าคอมมิชชั่นจาก 30% เหลือ 15% สำหรับ Mini Apps
    มุ่งสร้างแรงจูงใจให้นักพัฒนาและลดแรงกดดันจากข้อกล่าวหาผูกขาด

    เงื่อนไขสำหรับนักพัฒนา
    ต้องรองรับการทำงานทั้ง iOS และ iPadOS
    ใช้ Advanced Commerce API และ Declared Age Range API

    บริบททางธุรกิจและกฎหมาย
    Apple กำลังเผชิญแรงกดดันจาก Epic Games และหน่วยงานกำกับดูแล
    การลดค่าธรรมเนียมถูกมองว่าเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกต่อทั้งนักพัฒนาและรัฐบาล

    คำเตือนต่อผู้พัฒนา
    หากไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดใหม่ จะไม่ได้รับสิทธิ์ค่าคอมมิชชั่นที่ลดลง
    การพึ่งพา Mini Apps โดยไม่อัปเดตตามนโยบาย อาจทำให้เสี่ยงต่อการถูกปฏิเสธการเผยแพร่ใน App Store

    https://securityonline.info/app-store-cuts-commission-to-15-for-mini-apps-to-expand-services/
    🍎 Apple ลดค่าคอมมิชชั่น App Store สำหรับ Mini Apps Apple ได้เปิดตัว Mini Apps Partner Program โดยลดค่าคอมมิชชั่นจากเดิม 30% เหลือเพียง 15% สำหรับนักพัฒนาที่สร้าง Mini Apps ซึ่งเป็นแอปย่อยที่ทำงานภายในแอปหลัก เช่น เกมหรือบริการเสริมที่ฝังอยู่ในแพลตฟอร์มใหญ่ การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นการปรับโครงสร้างครั้งสำคัญของ App Store ที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างแรงจูงใจให้นักพัฒนาและลดแรงกดดันจากข้อกล่าวหาว่า Apple มีพฤติกรรมผูกขาด เพื่อให้ได้รับสิทธิ์ค่าคอมมิชชั่นที่ลดลง นักพัฒนาต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดใหม่ เช่น รองรับการทำงานทั้ง iOS และ iPadOS, ใช้ Advanced Commerce API ของ Apple และต้องระบุ Declared Age Range API เพื่อป้องกันการเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมโดยผู้ใช้งานที่อายุน้อยกว่า การปรับลดค่าคอมมิชชั่นครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ Apple กำลังเผชิญแรงกดดันจากหลายฝ่าย ทั้งการฟ้องร้องจาก Epic Games และการตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศ การลดค่าธรรมเนียมจึงถูกมองว่าเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกต่อทั้งนักพัฒนาและรัฐบาลว่า Apple พร้อมปรับตัวเพื่อสร้างความโปร่งใสและแข่งขันอย่างเป็นธรรม ในภาพรวม การเปลี่ยนแปลงนี้อาจช่วยให้ Mini Apps เติบโตมากขึ้น และเปิดโอกาสให้นักพัฒนารายเล็กสามารถสร้างรายได้โดยไม่ถูกกดดันจากค่าธรรมเนียมสูง ขณะเดียวกัน Apple ยังคงรักษาการควบคุมระบบนิเวศของตนไว้ได้อย่างเข้มแข็ง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Apple เปิดตัว Mini Apps Partner Program ➡️ ลดค่าคอมมิชชั่นจาก 30% เหลือ 15% สำหรับ Mini Apps ➡️ มุ่งสร้างแรงจูงใจให้นักพัฒนาและลดแรงกดดันจากข้อกล่าวหาผูกขาด ✅ เงื่อนไขสำหรับนักพัฒนา ➡️ ต้องรองรับการทำงานทั้ง iOS และ iPadOS ➡️ ใช้ Advanced Commerce API และ Declared Age Range API ✅ บริบททางธุรกิจและกฎหมาย ➡️ Apple กำลังเผชิญแรงกดดันจาก Epic Games และหน่วยงานกำกับดูแล ➡️ การลดค่าธรรมเนียมถูกมองว่าเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกต่อทั้งนักพัฒนาและรัฐบาล ‼️ คำเตือนต่อผู้พัฒนา ⛔ หากไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดใหม่ จะไม่ได้รับสิทธิ์ค่าคอมมิชชั่นที่ลดลง ⛔ การพึ่งพา Mini Apps โดยไม่อัปเดตตามนโยบาย อาจทำให้เสี่ยงต่อการถูกปฏิเสธการเผยแพร่ใน App Store https://securityonline.info/app-store-cuts-commission-to-15-for-mini-apps-to-expand-services/
    SECURITYONLINE.INFO
    App Store Cuts Commission to 15% for Mini Apps to Expand Services
    Apple launched the Mini Apps Partner Program, cutting the App Store commission fee in half—from 30% to 15%—for eligible developers of self-contained web-based services.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ร้ายแรงใน ASUS DSL Router (CVE-2025-59367)

    ASUS ได้ประกาศเตือนผู้ใช้งานเกี่ยวกับช่องโหว่ Authentication Bypass ในเราเตอร์ตระกูล DSL ซึ่งถูกระบุว่าเป็น CVE-2025-59367 โดยมีคะแนนความรุนแรง CVSS 9.3 ถือว่าอยู่ในระดับ Critical ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงระบบได้โดยไม่ต้องใช้รหัสผ่าน ทำให้สามารถแก้ไขการตั้งค่า, ดักจับข้อมูล, ติดตั้งมัลแวร์ หรือแม้กระทั่งนำอุปกรณ์ไปเข้าร่วมใน Botnet

    ASUS ได้ออกเฟิร์มแวร์ใหม่เพื่อแก้ไขปัญหานี้สำหรับรุ่นที่ยังได้รับการสนับสนุน เช่น DSL-AC51, DSL-N16 และ DSL-AC750 โดยผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดได้จากหน้า Support ของ ASUS เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น

    สำหรับรุ่นที่หมดอายุการสนับสนุน (EOL) ASUS แนะนำให้ผู้ใช้ปิดบริการที่เข้าถึงจากอินเทอร์เน็ต เช่น Remote Access, Port Forwarding, DDNS, VPN Server, DMZ และ FTP เพื่อจำกัดความเสี่ยง แม้จะไม่สามารถแก้ไขได้ทั้งหมด แต่ก็ช่วยลดโอกาสการถูกโจมตีลง

    เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการอัปเดตเฟิร์มแวร์และการจัดการความปลอดภัยในอุปกรณ์เครือข่ายภายในบ้านและธุรกิจขนาดเล็ก เพราะการละเลยเพียงเล็กน้อยอาจนำไปสู่การสูญเสียข้อมูลหรือการถูกควบคุมระบบโดยผู้ไม่หวังดี

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ช่องโหว่ CVE-2025-59367
    เป็นช่องโหว่ Authentication Bypass ที่เปิดให้เข้าถึงระบบโดยไม่ต้องใช้รหัสผ่าน
    มีคะแนน CVSS 9.3 ระดับ Critical

    การแก้ไขจาก ASUS
    ออกเฟิร์มแวร์ใหม่สำหรับรุ่น DSL-AC51, DSL-N16 และ DSL-AC750
    ผู้ใช้ควรอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการโจมตี

    คำแนะนำสำหรับรุ่น EOL
    ปิดบริการที่เข้าถึงจากอินเทอร์เน็ต เช่น Remote Access และ Port Forwarding
    ใช้รหัสผ่านที่ซับซ้อนและไม่ซ้ำกับบริการอื่น

    คำเตือนต่อผู้ใช้งาน
    หากไม่อัปเดตหรือไม่ปิดบริการเสี่ยง อุปกรณ์อาจถูกโจมตีและเข้าร่วม Botnet
    การละเลยการจัดการความปลอดภัยอาจนำไปสู่การสูญเสียข้อมูลและการถูกควบคุมระบบ

    https://securityonline.info/critical-asus-dsl-router-flaw-cve-2025-59367-cvss-9-3-allows-unauthenticated-remote-access/
    🚨 ช่องโหว่ร้ายแรงใน ASUS DSL Router (CVE-2025-59367) ASUS ได้ประกาศเตือนผู้ใช้งานเกี่ยวกับช่องโหว่ Authentication Bypass ในเราเตอร์ตระกูล DSL ซึ่งถูกระบุว่าเป็น CVE-2025-59367 โดยมีคะแนนความรุนแรง CVSS 9.3 ถือว่าอยู่ในระดับ Critical ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงระบบได้โดยไม่ต้องใช้รหัสผ่าน ทำให้สามารถแก้ไขการตั้งค่า, ดักจับข้อมูล, ติดตั้งมัลแวร์ หรือแม้กระทั่งนำอุปกรณ์ไปเข้าร่วมใน Botnet ASUS ได้ออกเฟิร์มแวร์ใหม่เพื่อแก้ไขปัญหานี้สำหรับรุ่นที่ยังได้รับการสนับสนุน เช่น DSL-AC51, DSL-N16 และ DSL-AC750 โดยผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดได้จากหน้า Support ของ ASUS เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น สำหรับรุ่นที่หมดอายุการสนับสนุน (EOL) ASUS แนะนำให้ผู้ใช้ปิดบริการที่เข้าถึงจากอินเทอร์เน็ต เช่น Remote Access, Port Forwarding, DDNS, VPN Server, DMZ และ FTP เพื่อจำกัดความเสี่ยง แม้จะไม่สามารถแก้ไขได้ทั้งหมด แต่ก็ช่วยลดโอกาสการถูกโจมตีลง เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการอัปเดตเฟิร์มแวร์และการจัดการความปลอดภัยในอุปกรณ์เครือข่ายภายในบ้านและธุรกิจขนาดเล็ก เพราะการละเลยเพียงเล็กน้อยอาจนำไปสู่การสูญเสียข้อมูลหรือการถูกควบคุมระบบโดยผู้ไม่หวังดี 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ช่องโหว่ CVE-2025-59367 ➡️ เป็นช่องโหว่ Authentication Bypass ที่เปิดให้เข้าถึงระบบโดยไม่ต้องใช้รหัสผ่าน ➡️ มีคะแนน CVSS 9.3 ระดับ Critical ✅ การแก้ไขจาก ASUS ➡️ ออกเฟิร์มแวร์ใหม่สำหรับรุ่น DSL-AC51, DSL-N16 และ DSL-AC750 ➡️ ผู้ใช้ควรอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการโจมตี ✅ คำแนะนำสำหรับรุ่น EOL ➡️ ปิดบริการที่เข้าถึงจากอินเทอร์เน็ต เช่น Remote Access และ Port Forwarding ➡️ ใช้รหัสผ่านที่ซับซ้อนและไม่ซ้ำกับบริการอื่น ‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้งาน ⛔ หากไม่อัปเดตหรือไม่ปิดบริการเสี่ยง อุปกรณ์อาจถูกโจมตีและเข้าร่วม Botnet ⛔ การละเลยการจัดการความปลอดภัยอาจนำไปสู่การสูญเสียข้อมูลและการถูกควบคุมระบบ https://securityonline.info/critical-asus-dsl-router-flaw-cve-2025-59367-cvss-9-3-allows-unauthenticated-remote-access/
    SECURITYONLINE.INFO
    Critical ASUS DSL Router Flaw (CVE-2025-59367, CVSS 9.3) Allows Unauthenticated Remote Access
    ASUS released an urgent patch for a Critical (CVSS 9.3) Auth Bypass flaw (CVE-2025-59367) in its DSL Series Routers. The bug allows remote attackers to gain unauthorized access without credentials. Update firmware immediately.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • Tesla Megapack – ทางออกสำหรับศูนย์ข้อมูล AI

    Tesla เปิดตัวการตลาดใหม่สำหรับ Megapack แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับศูนย์ข้อมูล AI ซึ่งมีการใช้พลังงานแบบผันผวนสูง โดยเฉพาะการฝึกโมเดลที่ใช้ GPU นับพันตัวพร้อมกัน ทำให้โหลดไฟฟ้าอาจแกว่งขึ้นลงถึง 90% ภายในเสี้ยววินาที Megapack ถูกออกแบบมาเพื่อดูดซับความผันผวนเหล่านี้และรักษาเสถียรภาพของแรงดันไฟฟ้าและความถี่

    ปัญหาความเสถียรของโครงข่ายไฟฟ้า
    รายงานจาก North American Electric Reliability Corporation (NERC) เตือนว่าศูนย์ข้อมูล AI กำลังสร้างแรงกดดันต่อโครงข่ายไฟฟ้าแบบไม่เคยมีมาก่อน การซิงโครไนซ์ข้อมูลและการ checkpoint ของโมเดลทำให้โหลดไฟฟ้าเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งระบบไฟฟ้าแบบเดิมไม่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับ Tesla จึงนำเสนอ Megapack เป็น “buffer” ที่ตอบสนองทันทีโดยไม่ต้องพึ่งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเชิงกล

    ความคุ้มค่าเชิงเศรษฐศาสตร์
    Tesla อ้างว่า Megapack ให้ “outsized value” โดยสามารถสร้างมูลค่าได้ถึง 50 พันล้านดอลลาร์ต่อกิกะวัตต์ สำหรับระบบที่ทำงาน 2 ชั่วโมงตลอดอายุการใช้งาน 20 ปี จุดเด่นอีกอย่างคือการผลิตและส่งมอบได้รวดเร็ว ซึ่งช่วยตอบโจทย์นักพัฒนา AI ที่กำลังรอคิวเชื่อมต่อไฟฟ้าจำนวนมากในสหรัฐฯ

    คำถามที่ยังค้างคา
    แม้ Megapack จะถูกมองว่าเป็นทางออก แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะถูกบูรณาการเข้ากับโครงสร้างไฟฟ้าเดิมในรูปแบบใด เช่น จะใช้เป็น UPS ภายในศูนย์ข้อมูล หรือเป็น front-of-meter grid support รวมถึงประเด็นด้านค่าใช้จ่ายจริงและการคิดค่าบริการไฟฟ้า (demand charges) ที่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Tesla เปิดตัว Megapack สำหรับศูนย์ข้อมูล AI
    ลดความผันผวนของโหลดไฟฟ้าได้ถึง 90%

    ปัญหาความเสถียรของโครงข่ายไฟฟ้า
    AI workloads ทำให้โหลดไฟฟ้าแกว่งขึ้นลงหลายเมกะวัตต์ในเสี้ยววินาที

    ความคุ้มค่าเชิงเศรษฐศาสตร์
    มูลค่า 50 พันล้านดอลลาร์ต่อกิกะวัตต์ในระบบ 2 ชั่วโมง อายุใช้งาน 20 ปี

    คำถามเรื่องการบูรณาการระบบ
    ยังไม่ชัดว่าจะใช้เป็น UPS หรือ grid support

    ความไม่โปร่งใสด้านต้นทุนจริง
    ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนเรื่อง demand charges และค่าใช้จ่ายรวม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/tesla-targets-ai-data-centers-with-megapack-as-grid-strain-fears-grow
    🔋 Tesla Megapack – ทางออกสำหรับศูนย์ข้อมูล AI Tesla เปิดตัวการตลาดใหม่สำหรับ Megapack แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับศูนย์ข้อมูล AI ซึ่งมีการใช้พลังงานแบบผันผวนสูง โดยเฉพาะการฝึกโมเดลที่ใช้ GPU นับพันตัวพร้อมกัน ทำให้โหลดไฟฟ้าอาจแกว่งขึ้นลงถึง 90% ภายในเสี้ยววินาที Megapack ถูกออกแบบมาเพื่อดูดซับความผันผวนเหล่านี้และรักษาเสถียรภาพของแรงดันไฟฟ้าและความถี่ ⚡ ปัญหาความเสถียรของโครงข่ายไฟฟ้า รายงานจาก North American Electric Reliability Corporation (NERC) เตือนว่าศูนย์ข้อมูล AI กำลังสร้างแรงกดดันต่อโครงข่ายไฟฟ้าแบบไม่เคยมีมาก่อน การซิงโครไนซ์ข้อมูลและการ checkpoint ของโมเดลทำให้โหลดไฟฟ้าเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งระบบไฟฟ้าแบบเดิมไม่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับ Tesla จึงนำเสนอ Megapack เป็น “buffer” ที่ตอบสนองทันทีโดยไม่ต้องพึ่งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเชิงกล 💰 ความคุ้มค่าเชิงเศรษฐศาสตร์ Tesla อ้างว่า Megapack ให้ “outsized value” โดยสามารถสร้างมูลค่าได้ถึง 50 พันล้านดอลลาร์ต่อกิกะวัตต์ สำหรับระบบที่ทำงาน 2 ชั่วโมงตลอดอายุการใช้งาน 20 ปี จุดเด่นอีกอย่างคือการผลิตและส่งมอบได้รวดเร็ว ซึ่งช่วยตอบโจทย์นักพัฒนา AI ที่กำลังรอคิวเชื่อมต่อไฟฟ้าจำนวนมากในสหรัฐฯ 🏗️ คำถามที่ยังค้างคา แม้ Megapack จะถูกมองว่าเป็นทางออก แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะถูกบูรณาการเข้ากับโครงสร้างไฟฟ้าเดิมในรูปแบบใด เช่น จะใช้เป็น UPS ภายในศูนย์ข้อมูล หรือเป็น front-of-meter grid support รวมถึงประเด็นด้านค่าใช้จ่ายจริงและการคิดค่าบริการไฟฟ้า (demand charges) ที่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Tesla เปิดตัว Megapack สำหรับศูนย์ข้อมูล AI ➡️ ลดความผันผวนของโหลดไฟฟ้าได้ถึง 90% ✅ ปัญหาความเสถียรของโครงข่ายไฟฟ้า ➡️ AI workloads ทำให้โหลดไฟฟ้าแกว่งขึ้นลงหลายเมกะวัตต์ในเสี้ยววินาที ✅ ความคุ้มค่าเชิงเศรษฐศาสตร์ ➡️ มูลค่า 50 พันล้านดอลลาร์ต่อกิกะวัตต์ในระบบ 2 ชั่วโมง อายุใช้งาน 20 ปี ‼️ คำถามเรื่องการบูรณาการระบบ ⛔ ยังไม่ชัดว่าจะใช้เป็น UPS หรือ grid support ‼️ความไม่โปร่งใสด้านต้นทุนจริง ⛔ ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนเรื่อง demand charges และค่าใช้จ่ายรวม https://www.tomshardware.com/tech-industry/tesla-targets-ai-data-centers-with-megapack-as-grid-strain-fears-grow
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
  • เครื่องสไลด์อาหารแช่แข็ง 13 นิ้ว AUTO
    เปลี่ยนงานสไลด์ที่ยุ่งยากให้เป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว ด้วย เครื่องสไลด์อาหารแช่แข็ง (FROZEN FOOD SLICER) 13 นิ้ว AUTO จาก หจก.ย่งฮะเฮง!

    คุณสมบัติเด่นที่ทำให้งานคุณง่ายขึ้น:
    เส้นผ่าศูนย์กลางใบมีด: 32 ซม.
    กำลังการผลิตสูง: สไลด์ได้ถึง 45 ชิ้น/นาที เร็วทันใจ
    ปรับความหนา-บางได้ตามต้องการ: ตั้งแต่ 1-15 mm เพื่อความหลากหลายของเมนู
    มอเตอร์ทรงพลัง: 1,100 วัตต์ ทำงานต่อเนื่องไม่มีสะดุด

    เหมาะสำหรับ: ร้านอาหาร โรงแรม ธุรกิจแปรรูปเนื้อสัตว์ หรือผู้ที่ต้องการความรวดเร็วและมาตรฐานในการสไลด์อาหารแช่แข็ง!

    ติดต่อและเยี่ยมชมสินค้า
    มาดูเครื่องจริงได้ที่ร้าน ย. ย่งฮะเฮง! เราพร้อมให้คำแนะนำเครื่องจักรคุณภาพสำหรับธุรกิจคุณ

    เปิดบริการ:
    จันทร์-ศุกร์: 8.00 - 17.00 น.
    เสาร์: 8.00 - 16.00 น.
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/En3Rw6JCCjnFHnoT7
    สอบถาม/สั่งซื้อ
    โทร: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    แชท Messenger: m.me/yonghahheng
    LINE: @yonghahheng
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com

    #เครื่องสไลด์ #เครื่องสไลด์เนื้อ #เครื่องสไลด์อาหารแช่แข็ง #FrozenFoodSlicer #อุปกรณ์ร้านอาหาร #ย่งฮะเฮง #เครื่องครัว #เครื่องครัวมืออาชีพ #เนื้อสไลด์ #หมูกระทะ #ชาบู #บุฟเฟ่ต์ #ร้านอาหาร #อุปกรณ์ครัว #เครื่องจักรอาหาร #แปรรูปเนื้อสัตว์ #เครื่องสไลด์ออโต้ #ครัวมืออาชีพ #วัตถุดิบอาหาร #ทำอาหาร #ขายเนื้อ #อุปกรณ์ทำอาหาร #FrozenFood #Slicer #เครื่องตัดเนื้อ #FoodProcessing #เครื่องสไลด์หมู #โรงงานอาหาร
    🥩 เครื่องสไลด์อาหารแช่แข็ง 13 นิ้ว AUTO 💯 เปลี่ยนงานสไลด์ที่ยุ่งยากให้เป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว ด้วย เครื่องสไลด์อาหารแช่แข็ง (FROZEN FOOD SLICER) 13 นิ้ว AUTO จาก หจก.ย่งฮะเฮง! ✨ คุณสมบัติเด่นที่ทำให้งานคุณง่ายขึ้น: เส้นผ่าศูนย์กลางใบมีด: 32 ซม. กำลังการผลิตสูง: สไลด์ได้ถึง 45 ชิ้น/นาที เร็วทันใจ 🚀 ปรับความหนา-บางได้ตามต้องการ: ตั้งแต่ 1-15 mm เพื่อความหลากหลายของเมนู มอเตอร์ทรงพลัง: 1,100 วัตต์ ทำงานต่อเนื่องไม่มีสะดุด 📌 เหมาะสำหรับ: ร้านอาหาร โรงแรม ธุรกิจแปรรูปเนื้อสัตว์ หรือผู้ที่ต้องการความรวดเร็วและมาตรฐานในการสไลด์อาหารแช่แข็ง! 📍 ติดต่อและเยี่ยมชมสินค้า มาดูเครื่องจริงได้ที่ร้าน ย. ย่งฮะเฮง! เราพร้อมให้คำแนะนำเครื่องจักรคุณภาพสำหรับธุรกิจคุณ เปิดบริการ: จันทร์-ศุกร์: 8.00 - 17.00 น. เสาร์: 8.00 - 16.00 น. แผนที่: https://maps.app.goo.gl/En3Rw6JCCjnFHnoT7 📞 สอบถาม/สั่งซื้อ โทร: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 แชท Messenger: m.me/yonghahheng LINE: @yonghahheng เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com #เครื่องสไลด์ #เครื่องสไลด์เนื้อ #เครื่องสไลด์อาหารแช่แข็ง #FrozenFoodSlicer #อุปกรณ์ร้านอาหาร #ย่งฮะเฮง #เครื่องครัว #เครื่องครัวมืออาชีพ #เนื้อสไลด์ #หมูกระทะ #ชาบู #บุฟเฟ่ต์ #ร้านอาหาร #อุปกรณ์ครัว #เครื่องจักรอาหาร #แปรรูปเนื้อสัตว์ #เครื่องสไลด์ออโต้ #ครัวมืออาชีพ #วัตถุดิบอาหาร #ทำอาหาร #ขายเนื้อ #อุปกรณ์ทำอาหาร #FrozenFood #Slicer #เครื่องตัดเนื้อ #FoodProcessing #เครื่องสไลด์หมู #โรงงานอาหาร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 250 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD และปัญหา SSD เขียนข้อมูลไม่หยุด

    เรื่องนี้เริ่มจากผู้ใช้รายหนึ่งพบว่าไดรเวอร์ของ AMD มีพฤติกรรมแปลก ๆ คือทุกครั้งที่ขยับหรือปรับขนาดหน้าต่างบนจอ ระบบจะเขียนข้อมูลลงไฟล์ log อย่างต่อเนื่องราวกับ “ยิงกระสุนข้อมูล” ไปที่ SSD ตลอดเวลา แม้จะเป็นข้อมูลเล็ก ๆ แต่ก็ทำให้หลายคนกังวลว่าอาจส่งผลต่ออายุการใช้งานของ SSD ได้ในระยะยาว

    นักวิศวกรบางคนอธิบายว่า การเขียนข้อมูลลักษณะนี้อาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะ SSD สมัยใหม่มีระบบ cache ที่ช่วยลดการเขียนจริงลงแผ่น NAND แต่สิ่งที่น่าสนใจคือไฟล์ log นี้เกี่ยวข้องกับบริการที่ชื่อว่า AMD External Events Utility ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับฟีเจอร์ FreeSync หากปิดบริการนี้ก็จะหยุดการเขียนไฟล์ได้ แต่ก็ยังไม่แน่ชัดว่าจะกระทบกับการทำงานของ FreeSync หรือไม่

    AMD ยังไม่ได้ออกคำชี้แจงอย่างเป็นทางการ แต่ผู้ใช้บางรายก็หาทางแก้ชั่วคราว เช่น redirect การเขียนไฟล์ไปที่ nul: เพื่อไม่ให้ข้อมูลถูกบันทึกลง SSD จริง ๆ อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ก็มีความเสี่ยง เพราะอาจทำให้ระบบทำงานผิดพลาดในบางกรณี

    สรุปประเด็น
    พฤติกรรมไดรเวอร์ AMD เขียนไฟล์ log ทุกครั้งที่ขยับหน้าต่าง
    เกิดจากบริการ AMD External Events Utility

    การเขียนข้อมูลมีขนาดเล็กและอาจไม่กระทบ SSD มากนัก
    SSD รุ่นใหม่มีระบบ cache ลดการเขียนจริง

    การปิดบริการอาจกระทบ FreeSync
    ยังไม่มีการยืนยันผลกระทบจาก AMD

    การ redirect ไฟล์ไป nul: อาจเสี่ยงต่อระบบ
    ผู้ใช้ควรระวังและทดสอบก่อนใช้งานจริง

    https://www.tomshardware.com/software/windows/amd-users-flag-heavy-ssd-write-activity-tied-to-chipset-driver-incessant-log-file-writes-observed-every-time-a-window-is-moved-or-resized
    🖥️ AMD และปัญหา SSD เขียนข้อมูลไม่หยุด เรื่องนี้เริ่มจากผู้ใช้รายหนึ่งพบว่าไดรเวอร์ของ AMD มีพฤติกรรมแปลก ๆ คือทุกครั้งที่ขยับหรือปรับขนาดหน้าต่างบนจอ ระบบจะเขียนข้อมูลลงไฟล์ log อย่างต่อเนื่องราวกับ “ยิงกระสุนข้อมูล” ไปที่ SSD ตลอดเวลา แม้จะเป็นข้อมูลเล็ก ๆ แต่ก็ทำให้หลายคนกังวลว่าอาจส่งผลต่ออายุการใช้งานของ SSD ได้ในระยะยาว นักวิศวกรบางคนอธิบายว่า การเขียนข้อมูลลักษณะนี้อาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะ SSD สมัยใหม่มีระบบ cache ที่ช่วยลดการเขียนจริงลงแผ่น NAND แต่สิ่งที่น่าสนใจคือไฟล์ log นี้เกี่ยวข้องกับบริการที่ชื่อว่า AMD External Events Utility ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับฟีเจอร์ FreeSync หากปิดบริการนี้ก็จะหยุดการเขียนไฟล์ได้ แต่ก็ยังไม่แน่ชัดว่าจะกระทบกับการทำงานของ FreeSync หรือไม่ AMD ยังไม่ได้ออกคำชี้แจงอย่างเป็นทางการ แต่ผู้ใช้บางรายก็หาทางแก้ชั่วคราว เช่น redirect การเขียนไฟล์ไปที่ nul: เพื่อไม่ให้ข้อมูลถูกบันทึกลง SSD จริง ๆ อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ก็มีความเสี่ยง เพราะอาจทำให้ระบบทำงานผิดพลาดในบางกรณี 📌 สรุปประเด็น ✅ พฤติกรรมไดรเวอร์ AMD เขียนไฟล์ log ทุกครั้งที่ขยับหน้าต่าง ➡️ เกิดจากบริการ AMD External Events Utility ✅ การเขียนข้อมูลมีขนาดเล็กและอาจไม่กระทบ SSD มากนัก ➡️ SSD รุ่นใหม่มีระบบ cache ลดการเขียนจริง ‼️ การปิดบริการอาจกระทบ FreeSync ⛔ ยังไม่มีการยืนยันผลกระทบจาก AMD ‼️ การ redirect ไฟล์ไป nul: อาจเสี่ยงต่อระบบ ⛔ ผู้ใช้ควรระวังและทดสอบก่อนใช้งานจริง https://www.tomshardware.com/software/windows/amd-users-flag-heavy-ssd-write-activity-tied-to-chipset-driver-incessant-log-file-writes-observed-every-time-a-window-is-moved-or-resized
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    AMD users flag heavy SSD write activity tied to chipset driver — incessant log file writes observed every time a window is moved or resized
    Disabling the AMD External Events Utility service appears to be a workaround, but with modern disk caching, we aren’t sure there’s a tangible problem.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 0 รีวิว
  • “การแปรรูปรถไฟอังกฤษที่ล้มเหลว”

    เรื่องราวนี้เล่าถึงการแปรรูปรถไฟอังกฤษในช่วงปี 1990s ที่ถูกขายออกไปให้เอกชน โดยหวังว่าจะสร้างการแข่งขันและยกระดับคุณภาพ แต่ผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม ระบบรถไฟที่เคยมีประสิทธิภาพสูงกลับเผชิญปัญหามากมาย ทั้งอุบัติเหตุร้ายแรง การขาดการลงทุน และการจัดการที่ซับซ้อนเกินไป จนท้ายที่สุดต้องกลับเข้าสู่การดูแลของรัฐอีกครั้งในรูปแบบใหม่ที่ชื่อว่า Great British Railways (GBR)

    การเล่าเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า การแปรรูปไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัยและความต่อเนื่องของบริการสาธารณะ แต่กลับเน้นผลประโยชน์ทางการเงินของเอกชน ทำให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพยากรอย่างมหาศาล ปัจจุบันแม้ประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุนการกลับมาเป็นของรัฐ แต่ก็ยังมีความไม่แน่ใจว่าระบบใหม่จะสามารถแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่

    สรุปเป็นหัวข้อ:
    การแปรรูปรถไฟอังกฤษในปี 1990s
    ถูกขายให้เอกชนหลายบริษัท ทั้งโครงสร้างพื้นฐานและขบวนรถ
    เกิดการจัดการที่ซับซ้อนและไม่ต่อเนื่อง

    ผลกระทบหลังแปรรูป
    เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงหลายครั้ง เช่น Southall, Ladbroke Grove, Hatfield
    ผู้โดยสารเผชิญปัญหาความปลอดภัยและความล่าช้า

    การกลับสู่รัฐ
    ก่อตั้ง Network Rail และต่อมา Great British Railways
    ประชาชน 75% สนับสนุนการเป็นของรัฐ

    คำเตือน
    การแปรรูปโดยไม่คำนึงถึงบริการสาธารณะอาจสร้างหายนะ
    การเมืองและผลประโยชน์อาจทำให้การปฏิรูปไม่ยั่งยืน

    https://www.rosalux.de/en/news/id/53917/britains-railway-privatization-was-an-abject-failure
    🚆 “การแปรรูปรถไฟอังกฤษที่ล้มเหลว” เรื่องราวนี้เล่าถึงการแปรรูปรถไฟอังกฤษในช่วงปี 1990s ที่ถูกขายออกไปให้เอกชน โดยหวังว่าจะสร้างการแข่งขันและยกระดับคุณภาพ แต่ผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม ระบบรถไฟที่เคยมีประสิทธิภาพสูงกลับเผชิญปัญหามากมาย ทั้งอุบัติเหตุร้ายแรง การขาดการลงทุน และการจัดการที่ซับซ้อนเกินไป จนท้ายที่สุดต้องกลับเข้าสู่การดูแลของรัฐอีกครั้งในรูปแบบใหม่ที่ชื่อว่า Great British Railways (GBR) การเล่าเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า การแปรรูปไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัยและความต่อเนื่องของบริการสาธารณะ แต่กลับเน้นผลประโยชน์ทางการเงินของเอกชน ทำให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพยากรอย่างมหาศาล ปัจจุบันแม้ประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุนการกลับมาเป็นของรัฐ แต่ก็ยังมีความไม่แน่ใจว่าระบบใหม่จะสามารถแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่ 📌 สรุปเป็นหัวข้อ: ✅ การแปรรูปรถไฟอังกฤษในปี 1990s ➡️ ถูกขายให้เอกชนหลายบริษัท ทั้งโครงสร้างพื้นฐานและขบวนรถ ➡️ เกิดการจัดการที่ซับซ้อนและไม่ต่อเนื่อง ✅ ผลกระทบหลังแปรรูป ➡️ เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงหลายครั้ง เช่น Southall, Ladbroke Grove, Hatfield ➡️ ผู้โดยสารเผชิญปัญหาความปลอดภัยและความล่าช้า ✅ การกลับสู่รัฐ ➡️ ก่อตั้ง Network Rail และต่อมา Great British Railways ➡️ ประชาชน 75% สนับสนุนการเป็นของรัฐ ‼️ คำเตือน ⛔ การแปรรูปโดยไม่คำนึงถึงบริการสาธารณะอาจสร้างหายนะ ⛔ การเมืองและผลประโยชน์อาจทำให้การปฏิรูปไม่ยั่งยืน https://www.rosalux.de/en/news/id/53917/britains-railway-privatization-was-an-abject-failure
    WWW.ROSALUX.DE
    Britain’s Railway Privatization Was an Abject Failure - Rosa-Luxemburg-Stiftung
    Sold off in the 1990s, the UK’s railways are returning to public hands — but at what cost?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว
  • "MCP Servers – เทคโนโลยีใหม่ที่มาแรง แต่ยังมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย"

    MCP (Model Context Protocol) กำลังกลายเป็นมาตรฐานสำคัญที่ช่วยให้ AI agents สามารถเชื่อมต่อกับข้อมูลและเครื่องมือภายนอกได้สะดวกขึ้น แต่ความนิยมที่เพิ่มขึ้นก็มาพร้อมกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่หลากหลาย เช่น prompt injection, token theft และการโจมตีข้ามเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งอาจทำให้ข้อมูลภายในองค์กรรั่วไหลได้หากไม่มีมาตรการป้องกันที่ดีพอ

    ในช่วงปีที่ผ่านมา มีการปรับปรุงมาตรฐาน MCP อย่างต่อเนื่อง เช่น การเพิ่มการรองรับ OAuth และระบบ third-party authentication อย่าง Auth0 หรือ Okta รวมถึงการเปิดตัว MCP Registry เพื่อป้องกันการปลอมแปลงเซิร์ฟเวอร์ อย่างไรก็ตาม การยืนยันตัวตนยังคงเป็นเพียง "ทางเลือก" ไม่ใช่ข้อบังคับ ทำให้หลายองค์กรยังคงเผชิญความเสี่ยงสูง

    ผู้ให้บริการรายใหญ่ เช่น AWS, Microsoft และ Google Cloud ต่างก็ออกเครื่องมือเสริมเพื่อช่วยป้องกัน MCP servers เช่น ระบบ Zero Trust, การตรวจจับ prompt injection และการจัดเก็บข้อมูลลับใน Secret Manager ขณะเดียวกัน ผู้เล่นหน้าใหม่และสตาร์ทอัพก็เข้ามาเสนอโซลูชันเฉพาะทาง เช่น การสแกนหา MCP servers ที่ซ่อนอยู่ในองค์กร หรือการสร้าง proxy เพื่อกันข้อมูลรั่วไหล

    สิ่งที่น่าสนใจคือ หลายบริษัทใหญ่ เช่น PayPal, Slack และ GitHub ได้เปิดตัว MCP servers ของตนเองแล้ว เพื่อให้ AI agents เชื่อมต่อกับบริการได้โดยตรง ขณะที่ผู้ให้บริการ third-party อย่าง Zapier ก็เปิดให้เชื่อมต่อกับแอปกว่า 8,000 ตัว ซึ่งสะท้อนว่า MCP กำลังกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของโลก AI แต่ก็ยังต้องการการป้องกันที่เข้มงวดกว่านี้

    สรุปสาระสำคัญ
    การพัฒนาและการใช้งาน MCP Servers
    MCP ช่วยให้ AI agents เข้าถึงข้อมูลและเครื่องมือได้สะดวก
    มีการเพิ่ม OAuth และระบบยืนยันตัวตนจาก third-party เช่น Okta, Auth0
    เปิดตัว MCP Registry เพื่อป้องกันการปลอมแปลงเซิร์ฟเวอร์

    ผู้ให้บริการรายใหญ่และสตาร์ทอัพเข้ามาเสริมความปลอดภัย
    AWS, Microsoft, Google Cloud เพิ่มระบบ Zero Trust และการตรวจจับ prompt injection
    สตาร์ทอัพเสนอเครื่องมือสแกน MCP servers และ proxy ป้องกันข้อมูลรั่วไหล

    การใช้งานจริงในองค์กรและแพลตฟอร์มต่างๆ
    PayPal, Slack, GitHub เปิดตัว MCP servers ของตนเอง
    Zapier ให้เชื่อมต่อกับกว่า 8,000 แอปพลิเคชัน

    ความเสี่ยงและช่องโหว่ที่ยังคงอยู่
    Authentication ยังเป็นเพียงทางเลือก ไม่ใช่ข้อบังคับ
    เสี่ยงต่อ prompt injection, token theft และการโจมตีข้ามเซิร์ฟเวอร์
    MCP servers ที่ไม่เป็นทางการอาจไม่ปลอดภัยและเสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูล

    https://www.csoonline.com/article/4087656/what-cisos-need-to-know-about-new-tools-for-securing-mcp-servers.html
    🛡️ "MCP Servers – เทคโนโลยีใหม่ที่มาแรง แต่ยังมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย" MCP (Model Context Protocol) กำลังกลายเป็นมาตรฐานสำคัญที่ช่วยให้ AI agents สามารถเชื่อมต่อกับข้อมูลและเครื่องมือภายนอกได้สะดวกขึ้น แต่ความนิยมที่เพิ่มขึ้นก็มาพร้อมกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่หลากหลาย เช่น prompt injection, token theft และการโจมตีข้ามเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งอาจทำให้ข้อมูลภายในองค์กรรั่วไหลได้หากไม่มีมาตรการป้องกันที่ดีพอ ในช่วงปีที่ผ่านมา มีการปรับปรุงมาตรฐาน MCP อย่างต่อเนื่อง เช่น การเพิ่มการรองรับ OAuth และระบบ third-party authentication อย่าง Auth0 หรือ Okta รวมถึงการเปิดตัว MCP Registry เพื่อป้องกันการปลอมแปลงเซิร์ฟเวอร์ อย่างไรก็ตาม การยืนยันตัวตนยังคงเป็นเพียง "ทางเลือก" ไม่ใช่ข้อบังคับ ทำให้หลายองค์กรยังคงเผชิญความเสี่ยงสูง ผู้ให้บริการรายใหญ่ เช่น AWS, Microsoft และ Google Cloud ต่างก็ออกเครื่องมือเสริมเพื่อช่วยป้องกัน MCP servers เช่น ระบบ Zero Trust, การตรวจจับ prompt injection และการจัดเก็บข้อมูลลับใน Secret Manager ขณะเดียวกัน ผู้เล่นหน้าใหม่และสตาร์ทอัพก็เข้ามาเสนอโซลูชันเฉพาะทาง เช่น การสแกนหา MCP servers ที่ซ่อนอยู่ในองค์กร หรือการสร้าง proxy เพื่อกันข้อมูลรั่วไหล สิ่งที่น่าสนใจคือ หลายบริษัทใหญ่ เช่น PayPal, Slack และ GitHub ได้เปิดตัว MCP servers ของตนเองแล้ว เพื่อให้ AI agents เชื่อมต่อกับบริการได้โดยตรง ขณะที่ผู้ให้บริการ third-party อย่าง Zapier ก็เปิดให้เชื่อมต่อกับแอปกว่า 8,000 ตัว ซึ่งสะท้อนว่า MCP กำลังกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของโลก AI แต่ก็ยังต้องการการป้องกันที่เข้มงวดกว่านี้ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การพัฒนาและการใช้งาน MCP Servers ➡️ MCP ช่วยให้ AI agents เข้าถึงข้อมูลและเครื่องมือได้สะดวก ➡️ มีการเพิ่ม OAuth และระบบยืนยันตัวตนจาก third-party เช่น Okta, Auth0 ➡️ เปิดตัว MCP Registry เพื่อป้องกันการปลอมแปลงเซิร์ฟเวอร์ ✅ ผู้ให้บริการรายใหญ่และสตาร์ทอัพเข้ามาเสริมความปลอดภัย ➡️ AWS, Microsoft, Google Cloud เพิ่มระบบ Zero Trust และการตรวจจับ prompt injection ➡️ สตาร์ทอัพเสนอเครื่องมือสแกน MCP servers และ proxy ป้องกันข้อมูลรั่วไหล ✅ การใช้งานจริงในองค์กรและแพลตฟอร์มต่างๆ ➡️ PayPal, Slack, GitHub เปิดตัว MCP servers ของตนเอง ➡️ Zapier ให้เชื่อมต่อกับกว่า 8,000 แอปพลิเคชัน ‼️ ความเสี่ยงและช่องโหว่ที่ยังคงอยู่ ⛔ Authentication ยังเป็นเพียงทางเลือก ไม่ใช่ข้อบังคับ ⛔ เสี่ยงต่อ prompt injection, token theft และการโจมตีข้ามเซิร์ฟเวอร์ ⛔ MCP servers ที่ไม่เป็นทางการอาจไม่ปลอดภัยและเสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูล https://www.csoonline.com/article/4087656/what-cisos-need-to-know-about-new-tools-for-securing-mcp-servers.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    What CISOs need to know about new tools for securing MCP servers
    As MCP servers become more popular, so do the risks. To address some of the risks many vendors have started to offer products meant to secure the use of MCP servers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • Operation Endgame – ปฏิบัติการระดับโลกยึดเซิร์ฟเวอร์ 1,025 เครื่อง ปราบสามแก๊งมัลแวร์

    ในเดือนพฤศจิกายน 2025 หน่วยงาน Europol และพันธมิตรจาก 11 ประเทศ ได้ร่วมกันเปิดปฏิบัติการ Operation Endgame ที่สามารถยึดเซิร์ฟเวอร์กว่า 1,025 เครื่อง และจับกุมผู้ต้องสงสัยรายสำคัญในกรีซ การปฏิบัติการนี้มุ่งเป้าไปที่กลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์ที่ใช้เครื่องมือมัลแวร์ชื่อดัง ได้แก่ Rhadamanthys (Infostealer), VenomRAT (Remote Access Tool) และ Elysium Botnet

    การเข้าจู่โจมครั้งนี้ไม่เพียงแต่ยึดโดเมนที่ใช้โจมตี แต่ยังค้นพบข้อมูลที่ถูกขโมยมหาศาล เช่น รหัสล็อกอินหลายล้านรายการ และกระเป๋าเงินคริปโตมากกว่า 100,000 ใบที่ถูกควบคุมโดยผู้ต้องสงสัย ซึ่งอาจมีมูลค่าหลายล้านยูโร

    สิ่งที่น่าสนใจคือการร่วมมือกันของทั้งหน่วยงานรัฐและบริษัทเอกชน เช่น CrowdStrike, Proofpoint และ Bitdefender ที่ช่วยสนับสนุนการสืบสวนและปิดระบบที่เกี่ยวข้อง การปฏิบัติการนี้ยังต่อยอดจากการปราบปรามก่อนหน้า เช่น Smokeloader และ IcedID ในปี 2024–2025 แสดงให้เห็นว่าหน่วยงานกำลังไล่ล่าทั้งผู้สร้างและผู้ใช้บริการมัลแวร์อย่างจริงจัง

    ประชาชนทั่วไปที่กังวลว่าตัวเองอาจถูกติดมัลแวร์ สามารถตรวจสอบได้ผ่านเครื่องมือฟรีที่ตำรวจยุโรปเผยแพร่ เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจว่าระบบของตนปลอดภัยจากการโจมตี

    สรุปเป็นหัวข้อ:
    รายละเอียดของ Operation Endgame
    ยึดเซิร์ฟเวอร์ 1,025 เครื่อง, จับผู้ต้องสงสัยในกรีซ

    มัลแวร์ที่ถูกปราบปราม
    Rhadamanthys, VenomRAT, Elysium Botnet

    ความร่วมมือระหว่างประเทศและเอกชน
    Europol, CrowdStrike, Proofpoint, Bitdefender

    ความเสี่ยงที่ผู้ใช้ทั่วไปควรตรวจสอบ
    ใช้เครื่องมือฟรีตรวจสอบ, ระวังข้อมูลล็อกอินและกระเป๋าเงินคริปโตถูกขโมย

    https://hackread.com/operation-endgame-rhadamanthys-venomrat-elysium-malware/
    🌐 Operation Endgame – ปฏิบัติการระดับโลกยึดเซิร์ฟเวอร์ 1,025 เครื่อง ปราบสามแก๊งมัลแวร์ ในเดือนพฤศจิกายน 2025 หน่วยงาน Europol และพันธมิตรจาก 11 ประเทศ ได้ร่วมกันเปิดปฏิบัติการ Operation Endgame ที่สามารถยึดเซิร์ฟเวอร์กว่า 1,025 เครื่อง และจับกุมผู้ต้องสงสัยรายสำคัญในกรีซ การปฏิบัติการนี้มุ่งเป้าไปที่กลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์ที่ใช้เครื่องมือมัลแวร์ชื่อดัง ได้แก่ Rhadamanthys (Infostealer), VenomRAT (Remote Access Tool) และ Elysium Botnet การเข้าจู่โจมครั้งนี้ไม่เพียงแต่ยึดโดเมนที่ใช้โจมตี แต่ยังค้นพบข้อมูลที่ถูกขโมยมหาศาล เช่น รหัสล็อกอินหลายล้านรายการ และกระเป๋าเงินคริปโตมากกว่า 100,000 ใบที่ถูกควบคุมโดยผู้ต้องสงสัย ซึ่งอาจมีมูลค่าหลายล้านยูโร สิ่งที่น่าสนใจคือการร่วมมือกันของทั้งหน่วยงานรัฐและบริษัทเอกชน เช่น CrowdStrike, Proofpoint และ Bitdefender ที่ช่วยสนับสนุนการสืบสวนและปิดระบบที่เกี่ยวข้อง การปฏิบัติการนี้ยังต่อยอดจากการปราบปรามก่อนหน้า เช่น Smokeloader และ IcedID ในปี 2024–2025 แสดงให้เห็นว่าหน่วยงานกำลังไล่ล่าทั้งผู้สร้างและผู้ใช้บริการมัลแวร์อย่างจริงจัง ประชาชนทั่วไปที่กังวลว่าตัวเองอาจถูกติดมัลแวร์ สามารถตรวจสอบได้ผ่านเครื่องมือฟรีที่ตำรวจยุโรปเผยแพร่ เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจว่าระบบของตนปลอดภัยจากการโจมตี 📌 สรุปเป็นหัวข้อ: ✅ รายละเอียดของ Operation Endgame ➡️ ยึดเซิร์ฟเวอร์ 1,025 เครื่อง, จับผู้ต้องสงสัยในกรีซ ✅ มัลแวร์ที่ถูกปราบปราม ➡️ Rhadamanthys, VenomRAT, Elysium Botnet ✅ ความร่วมมือระหว่างประเทศและเอกชน ➡️ Europol, CrowdStrike, Proofpoint, Bitdefender ‼️ ความเสี่ยงที่ผู้ใช้ทั่วไปควรตรวจสอบ ⛔ ใช้เครื่องมือฟรีตรวจสอบ, ระวังข้อมูลล็อกอินและกระเป๋าเงินคริปโตถูกขโมย https://hackread.com/operation-endgame-rhadamanthys-venomrat-elysium-malware/
    HACKREAD.COM
    Operation Endgame Hits Rhadamanthys, VenomRAT, Elysium Malware, seize 1025 servers
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts