• กรมทางหลวง ปรับแผนเปิดทดลองใช้มอเตอร์เวย์ M6
    ช่วงบางปะอิน–นครราชสีมา เร็วขึ้นกว่ากำหนดเดิม
    รองรับการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569
    .
    เปิดให้ใช้บริการฟรี ระหว่างวันที่
    26 ธันวาคม 2568 – 5 มกราคม 2569 รวม 11 วัน
    โดยช่วงบางปะอิน–ปากช่อง เปิดสลับทิศทางการเดินรถ
    ขาออกจากกรุงเทพฯ 26 ธ.ค. 68 – 1 ม.ค. 69
    ขาเข้ากรุงเทพฯ 2 ม.ค. 69 – 5 ม.ค. 69
    .
    ขณะที่ช่วงปากช่อง–นครราชสีมา
    เปิดให้สัญจรได้ 2 ทิศทาง ตลอด 24 ชั่วโมง
    อนุญาตเฉพาะรถยนต์ 4 ล้อ
    กำหนดความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม.
    .
    กรมทางหลวงขอความร่วมมือผู้ใช้ทาง
    ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง ปฏิบัติตามกฎจราจร
    เพื่อความปลอดภัยตลอดการเดินทาง
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122117
    .
    #News1live #News1 #มอเตอร์เวย์M6 #ปีใหม่2569 #เดินทางภาคอีสาน
    กรมทางหลวง ปรับแผนเปิดทดลองใช้มอเตอร์เวย์ M6 ช่วงบางปะอิน–นครราชสีมา เร็วขึ้นกว่ากำหนดเดิม รองรับการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 . เปิดให้ใช้บริการฟรี ระหว่างวันที่ 26 ธันวาคม 2568 – 5 มกราคม 2569 รวม 11 วัน โดยช่วงบางปะอิน–ปากช่อง เปิดสลับทิศทางการเดินรถ ขาออกจากกรุงเทพฯ 26 ธ.ค. 68 – 1 ม.ค. 69 ขาเข้ากรุงเทพฯ 2 ม.ค. 69 – 5 ม.ค. 69 . ขณะที่ช่วงปากช่อง–นครราชสีมา เปิดให้สัญจรได้ 2 ทิศทาง ตลอด 24 ชั่วโมง อนุญาตเฉพาะรถยนต์ 4 ล้อ กำหนดความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. . กรมทางหลวงขอความร่วมมือผู้ใช้ทาง ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง ปฏิบัติตามกฎจราจร เพื่อความปลอดภัยตลอดการเดินทาง . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122117 . #News1live #News1 #มอเตอร์เวย์M6 #ปีใหม่2569 #เดินทางภาคอีสาน
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251218 #TechRadar

    มินิพีซีราคาสุดคุ้มที่ AI ยังยกนิ้วให้
    เรื่องนี้เล่าถึงการท้าทายตัวเองของนักเขียนที่พยายามประกอบคอมให้แรงกว่ามินิพีซี Machenike ที่ขายในราคาเพียง 379 ดอลลาร์ แต่สุดท้ายกลับแพ้ เพราะแค่ CPU และ RAM ก็เกือบเท่าราคาทั้งเครื่องแล้ว เมื่อรวมทุกชิ้นส่วน ค่าใช้จ่ายพุ่งไปเกือบ 570 ดอลลาร์ ยังไม่รวมค่าไลเซนส์ Windows อีก ทำให้เห็นชัดว่าการซื้อเครื่องสำเร็จรูปในช่วงที่ตลาดชิ้นส่วนแพงขึ้นนั้นคุ้มกว่าเยอะ AI อย่าง ChatGPT ถึงกับบอกว่า “คุ้มสุด ๆ” ส่วน Gemini ก็ว่า “ราคานี้บ้าไปแล้ว” สรุปคือใครที่อยากได้เครื่องแรง ๆ ในงบจำกัด การซื้อสำเร็จรูปคือทางเลือกที่ไม่เสียเวลาและไม่เจ็บกระเป๋า
    https://www.techradar.com/pro/chatgpt-calls-this-mini-pc-a-steal-while-gemini-says-its-insane-value-for-money-meet-the-usd379-amd-ryzen-7-8745hs-powerhouse-that-ai-is-raving-about

    ปัญหา Windows ล่าสุดที่ทำธุรกิจปวดหัว
    Microsoft ออกแพตช์ประจำเดือนธันวาคม แต่ดันทำให้บริการ MSMQ บน Windows Server และ Windows 10 สำหรับองค์กรมีปัญหา ส่งผลให้แอปและเว็บไซต์ที่ใช้ IIS ทำงานผิดพลาด ทั้งคิวที่ไม่ทำงาน การเขียนข้อมูลล้มเหลว และข้อความแจ้งว่า “ทรัพยากรไม่เพียงพอ” ทั้งที่จริง ๆ มีอยู่เต็ม ๆ ตอนนี้ Microsoft ยังไม่มีแพตช์แก้ไขถาวร แต่แนะนำให้ธุรกิจติดต่อฝ่ายสนับสนุนโดยตรงเพื่อหาทางแก้หรือย้อนกลับการอัปเดตไปก่อน
    https://www.techradar.com/pro/security/having-windows-app-issues-microsoft-is-making-businesses-reach-out-directly-to-get-a-fix

    สิ่งที่ต้องจำเมื่อใช้แชตบอท AI
    บทความนี้เตือนว่าเวลาคุยกับแชตบอท AI อย่าลืมว่าข้อมูลที่เราพิมพ์ไปอาจไม่หายไปไหน บางครั้งบริษัทที่พัฒนา AI มีทีมงานที่เห็นข้อมูลจริง ๆ ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลส่วนตัว เช่น วันเกิดหรือเลขบัญชี หากไม่ได้ลบออกก่อน การแชร์เอกสารทั้งฉบับกับบอทก็เสี่ยงมาก เพราะข้อมูลอาจถูกนำไปใช้ฝึกโมเดลต่อไปโดยไม่รู้ตัว ผู้เขียนจึงย้ำว่าทั้งธุรกิจและผู้ใช้ต้องมีวินัยในการจัดการข้อมูล ไม่ใช่แค่ปิดบัง แต่ต้องลบให้ถาวรเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในยุคที่ AI ถูกใช้แพร่หลาย
    https://www.techradar.com/pro/5-things-businesses-and-users-should-remember-when-using-ai-chatbots

    ช่องโหว่เก่าของ Asus ที่ยังตามหลอกหลอน
    CISA ของสหรัฐฯ ออกประกาศเตือนถึงช่องโหว่ในโปรแกรม Asus Live Update ที่เคยถูกโจมตีตั้งแต่ปี 2018–2019 โดยมีการฝังโค้ดอันตรายลงในเซิร์ฟเวอร์อัปเดต ทำให้เครื่องที่ดาวน์โหลดตัวติดตั้งบางรุ่นถูกควบคุมได้ ช่องโหว่นี้ถูกจัดเป็นระดับวิกฤติ และหน่วยงานรัฐต้องแก้ไขภายในต้นเดือนมกราคม แม้โปรแกรมจะหมดการสนับสนุนไปแล้ว แต่ก็ยังมีผลกับเครื่องที่ใช้เวอร์ชันเก่า ๆ องค์กรเอกชนก็ถูกแนะนำให้รีบอัปเดตหรือหยุดใช้งานเช่นกัน
    https://www.techradar.com/pro/security/cisa-reveals-warning-on-asus-software-flaw-heres-what-you-need-to-do-to-stay-safe

    กริ่งประตู Ring ที่พูดตอบเองได้ด้วย Alexa+
    Ring เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อ Alexa+ Greetings ที่ใช้ AI ช่วยตอบคนที่มากดกริ่ง โดยมันสามารถแยกแยะว่าใครมา เช่น คนส่งของ เพื่อน หรือแม้แต่เซลส์แมน แล้วตอบกลับตามคำสั่งที่เจ้าของตั้งไว้ เช่น บอกให้วางพัสดุไว้หลังบ้าน หรือปฏิเสธการขายตรงอย่างสุภาพ ฟีเจอร์นี้ยังสามารถตอบคำถามต่อเนื่องได้ เช่น ถ้าต้องเซ็นรับของ Alexa+ ก็จะบอกให้ส่งกลับไปที่ศูนย์ ฟีเจอร์กำลังทยอยเปิดให้ผู้ใช้ในสหรัฐฯ และแคนาดา ถือเป็นการยกระดับความสะดวกสบายของบ้านอัจฉริยะอีกขั้น
    https://www.techradar.com/home/smart-home/your-ring-doorbell-can-now-use-alexa-to-identify-whos-calling-and-give-them-an-appropriate-greeting

    ช่องโหว่ใหม่ใน Cisco ที่ถูกโจมตีแล้ว
    Cisco ออกมาเตือนว่ามีการค้นพบช่องโหว่แบบ zero-day ที่ถูกใช้โจมตีจริงแล้ว โดยกลุ่มแฮ็กเกอร์จากจีนเป็นผู้เกี่ยวข้อง ช่องโหว่นี้กระทบกับลูกค้าที่ใช้ซอฟต์แวร์ของ Cisco ทำให้ระบบถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นภัยร้ายแรงที่กำลังเกิดขึ้นจริง และ Cisco กำลังเร่งออกแพตช์แก้ไขเพื่อป้องกันการโจมตีเพิ่มเติม
    https://www.techradar.com/pro/security/cisco-says-chinese-hackers-are-exploiting-its-customers-with-a-new-zero-day

    รีวิว Agile CRM ปี 2026
    Agile CRM ถูกรีวิวอีกครั้งในปี 2026 โดยเน้นไปที่การใช้งานสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและกลาง จุดเด่นคือการรวมเครื่องมือด้านการตลาด การขาย และการบริการลูกค้าไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ทำให้ทีมงานสามารถติดตามลูกค้าได้ครบวงจร แต่ก็มีข้อจำกัดในด้านการปรับแต่งและการรองรับการขยายตัวสำหรับองค์กรใหญ่ รีวิวนี้จึงชี้ว่า Agile CRM เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการโซลูชันครบวงจรในราคาที่เข้าถึงได้
    https://www.techradar.com/pro/software-services/agile-crm-review

    จาก SaaS สู่ AI: การเปลี่ยนแปลงที่ผู้นำต้องเผชิญ
    บทความนี้เล่าถึงการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านเทคโนโลยีและวัฒนธรรมที่ผู้นำองค์กรต้องรับมือ ตั้งแต่การเปลี่ยนผ่านจาก SaaS ไปสู่การใช้ AI อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ใช่แค่เรื่องเครื่องมือ แต่ยังรวมถึงการปรับตัวของทีมงาน วัฒนธรรมองค์กร และการกำกับดูแล การเปลี่ยนแปลงนี้ถูกมองว่าเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายที่ต้องจัดการอย่างรอบคอบ
    https://www.techradar.com/pro/from-saas-to-ai-the-technological-and-cultural-shifts-leaders-must-confront

    โค้ดที่ AI สร้างมีบั๊กมากกว่ามนุษย์
    รายงานล่าสุดชี้ว่าโค้ดที่สร้างโดย AI มีแนวโน้มจะมีบั๊กและข้อผิดพลาดมากกว่าที่มนุษย์เขียนเอง แม้ AI จะช่วยให้การพัฒนาเร็วขึ้น แต่ก็ทำให้ทีมงานต้องเสียเวลาในการตรวจสอบและแก้ไขมากขึ้น บทความนี้จึงเตือนว่าการใช้ AI ในการเขียนโค้ดควรถูกมองเป็นเครื่องมือช่วย ไม่ใช่การแทนที่นักพัฒนา
    https://www.techradar.com/pro/security/ai-generated-code-contains-more-bugs-and-errors-than-human-output

    รีวิว Geekom AX8 Max mini PC
    Geekom AX8 Max mini PC ถูกรีวิวโดยเน้นไปที่ความคุ้มค่าและประสิทธิภาพในเครื่องเล็ก ๆ รุ่นนี้มาพร้อมสเปกที่ตอบโจทย์ทั้งงานทั่วไปและการใช้งานที่ต้องการพลังประมวลผลสูงในขนาดกะทัดรัด ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากได้เครื่องเล็กแต่แรง
    https://www.techradar.com/computing/geekom-ax8-max-mini-pc-review

    Google Maps เข้าใจคำพูดด้วย Gemini
    ผู้เขียนทดลองใช้ Gemini คุยกับ Google Maps ด้วยเสียง พบว่ามันสามารถตีความคำพูดที่ซับซ้อน เช่น “พาไปที่ร้านกาแฟที่อยู่ใกล้ ๆ และเปิดตอนนี้” ได้อย่างแม่นยำ ไม่ใช่แค่เส้นทาง แต่ยังรวมถึงเงื่อนไขเพิ่มเติม ทำให้การใช้งานแผนที่สะดวกขึ้นมาก ถือเป็นการยกระดับจากการพิมพ์หรือกดเลือกไปสู่การสื่อสารแบบธรรมชาติ
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/i-tried-talking-to-google-maps-with-gemini-and-it-actually-understood-what-i-wanted

    Ford เปลี่ยนโฟกัสจากรถไฟฟ้าไปสู่แบตเตอรี่ยักษ์
    Ford กำลังปรับกลยุทธ์จากการผลิตรถบรรทุกไฟฟ้าไปสู่การสร้างระบบแบตเตอรี่ขนาดใหญ่เพื่อใช้กับโครงข่ายไฟฟ้าและดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วสหรัฐฯ โดยมีแผนสร้างกำลังการผลิตถึง 20GWh การเปลี่ยนทิศนี้สะท้อนว่าตลาดรถไฟฟ้าอาจไม่ใช่เส้นทางเดียว แต่การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานพลังงานก็เป็นโอกาสใหม่ที่ใหญ่ไม่แพ้กัน
    https://www.techradar.com/pro/ford-is-switching-some-battery-focus-from-cars-to-data-centers-with-plans-for-huge-20gwh-capacity

    คนรุ่นใหม่หลงรัก Microsoft Excel
    ผลสำรวจเผยว่าคนทำงานสายการเงินรุ่นใหม่มีความผูกพันกับ Excel มากกว่ารุ่นก่อน ๆ แม้จะมีเครื่องมือคู่แข่งออกมาแข่งหลายสิบปี แต่ Excel ยังคงเป็นเครื่องมือหลักที่พวกเขาเลือกใช้ ความภักดีนี้สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์และความคุ้นเคยที่ฝังลึกในวัฒนธรรมการทำงาน
    https://www.techradar.com/pro/security/more-than-half-of-workers-say-they-really-love-excel-and-surprisingly-enough-its-younger-workers-who-are-apparently-more-infatuated

    Nex Playground คอนโซลราคาประหยัดสำหรับครอบครัว
    รีวิว Nex Playground ชี้ว่าเป็นเครื่องเล่นเกมที่ราคาถูกกว่า แต่ยังมอบประสบการณ์สนุกสำหรับทุกคนในบ้าน แม้จะไม่แรงเท่าคอนโซลใหญ่ แต่ก็เพียงพอสำหรับเกมที่เล่นร่วมกัน ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับครอบครัวที่อยากได้ความบันเทิงโดยไม่ต้องจ่ายแพง
    https://www.techradar.com/gaming/nex-playground-review

    ระวังอีเมลปลอมจาก PayPal
    ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่ามีการใช้ระบบสมัครสมาชิกของ PayPal ในทางที่ผิด ส่งอีเมลปลอมแจ้งการซื้อเพื่อหลอกให้ผู้ใช้กดลิงก์หรือให้ข้อมูลส่วนตัว แม้จะดูเหมือนอีเมลจริง แต่จริง ๆ เป็นการฟิชชิ่งที่อันตราย ผู้ใช้จึงต้องตรวจสอบทุกครั้งก่อนคลิกลิงก์หรือยืนยันการชำระเงิน
    https://www.techradar.com/pro/security/paypal-user-beware-experts-warn-subscriptions-being-abused-to-send-fake-purchase-emails

    Urban VPN Proxy แอบสอดส่องผู้ใช้
    มีการเปิดเผยว่า Urban VPN Proxy ซึ่งเป็นบริการฟรี กำลังถูกใช้เพื่อสอดแนมข้อมูลผู้ใช้ โดยเก็บข้อมูลการใช้งานและอาจส่งต่อไปยังบุคคลที่สาม ทำให้ผู้ใช้ที่คิดว่าได้ความปลอดภัยจาก VPN กลับเสี่ยงต่อการถูกละเมิดความเป็นส่วนตัว บทความนี้แนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ VPN ฟรี และเลือกบริการที่มีความน่าเชื่อถือแทน
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/urban-vpn-proxy-is-the-latest-free-vpn-spying-on-users-heres-how-to-stay-safe

    Proton VPN รองรับ Linux มากขึ้น
    Proton VPN ได้ขยายการรองรับไปยังอุปกรณ์ Linux เพิ่มเติม ทำให้ผู้ใช้ที่ใช้ระบบปฏิบัติการนี้สามารถติดตั้งและใช้งานแอปอย่างเป็นทางการได้ง่ายขึ้น ถือเป็นการเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ที่ต้องการเชื่อมต่อ VPN บนแพลตฟอร์มที่หลากหลาย
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/official-proton-vpn-app-lands-on-even-more-linux-devices

    📌📡🟠 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟠📡📌 #รวมข่าวIT #20251218 #TechRadar 🖥️ มินิพีซีราคาสุดคุ้มที่ AI ยังยกนิ้วให้ เรื่องนี้เล่าถึงการท้าทายตัวเองของนักเขียนที่พยายามประกอบคอมให้แรงกว่ามินิพีซี Machenike ที่ขายในราคาเพียง 379 ดอลลาร์ แต่สุดท้ายกลับแพ้ เพราะแค่ CPU และ RAM ก็เกือบเท่าราคาทั้งเครื่องแล้ว เมื่อรวมทุกชิ้นส่วน ค่าใช้จ่ายพุ่งไปเกือบ 570 ดอลลาร์ ยังไม่รวมค่าไลเซนส์ Windows อีก ทำให้เห็นชัดว่าการซื้อเครื่องสำเร็จรูปในช่วงที่ตลาดชิ้นส่วนแพงขึ้นนั้นคุ้มกว่าเยอะ AI อย่าง ChatGPT ถึงกับบอกว่า “คุ้มสุด ๆ” ส่วน Gemini ก็ว่า “ราคานี้บ้าไปแล้ว” สรุปคือใครที่อยากได้เครื่องแรง ๆ ในงบจำกัด การซื้อสำเร็จรูปคือทางเลือกที่ไม่เสียเวลาและไม่เจ็บกระเป๋า 🔗 https://www.techradar.com/pro/chatgpt-calls-this-mini-pc-a-steal-while-gemini-says-its-insane-value-for-money-meet-the-usd379-amd-ryzen-7-8745hs-powerhouse-that-ai-is-raving-about ⚠️ ปัญหา Windows ล่าสุดที่ทำธุรกิจปวดหัว Microsoft ออกแพตช์ประจำเดือนธันวาคม แต่ดันทำให้บริการ MSMQ บน Windows Server และ Windows 10 สำหรับองค์กรมีปัญหา ส่งผลให้แอปและเว็บไซต์ที่ใช้ IIS ทำงานผิดพลาด ทั้งคิวที่ไม่ทำงาน การเขียนข้อมูลล้มเหลว และข้อความแจ้งว่า “ทรัพยากรไม่เพียงพอ” ทั้งที่จริง ๆ มีอยู่เต็ม ๆ ตอนนี้ Microsoft ยังไม่มีแพตช์แก้ไขถาวร แต่แนะนำให้ธุรกิจติดต่อฝ่ายสนับสนุนโดยตรงเพื่อหาทางแก้หรือย้อนกลับการอัปเดตไปก่อน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/having-windows-app-issues-microsoft-is-making-businesses-reach-out-directly-to-get-a-fix 🤖 สิ่งที่ต้องจำเมื่อใช้แชตบอท AI บทความนี้เตือนว่าเวลาคุยกับแชตบอท AI อย่าลืมว่าข้อมูลที่เราพิมพ์ไปอาจไม่หายไปไหน บางครั้งบริษัทที่พัฒนา AI มีทีมงานที่เห็นข้อมูลจริง ๆ ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลส่วนตัว เช่น วันเกิดหรือเลขบัญชี หากไม่ได้ลบออกก่อน การแชร์เอกสารทั้งฉบับกับบอทก็เสี่ยงมาก เพราะข้อมูลอาจถูกนำไปใช้ฝึกโมเดลต่อไปโดยไม่รู้ตัว ผู้เขียนจึงย้ำว่าทั้งธุรกิจและผู้ใช้ต้องมีวินัยในการจัดการข้อมูล ไม่ใช่แค่ปิดบัง แต่ต้องลบให้ถาวรเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในยุคที่ AI ถูกใช้แพร่หลาย 🔗 https://www.techradar.com/pro/5-things-businesses-and-users-should-remember-when-using-ai-chatbots 🔒 ช่องโหว่เก่าของ Asus ที่ยังตามหลอกหลอน CISA ของสหรัฐฯ ออกประกาศเตือนถึงช่องโหว่ในโปรแกรม Asus Live Update ที่เคยถูกโจมตีตั้งแต่ปี 2018–2019 โดยมีการฝังโค้ดอันตรายลงในเซิร์ฟเวอร์อัปเดต ทำให้เครื่องที่ดาวน์โหลดตัวติดตั้งบางรุ่นถูกควบคุมได้ ช่องโหว่นี้ถูกจัดเป็นระดับวิกฤติ และหน่วยงานรัฐต้องแก้ไขภายในต้นเดือนมกราคม แม้โปรแกรมจะหมดการสนับสนุนไปแล้ว แต่ก็ยังมีผลกับเครื่องที่ใช้เวอร์ชันเก่า ๆ องค์กรเอกชนก็ถูกแนะนำให้รีบอัปเดตหรือหยุดใช้งานเช่นกัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/cisa-reveals-warning-on-asus-software-flaw-heres-what-you-need-to-do-to-stay-safe 🏠 กริ่งประตู Ring ที่พูดตอบเองได้ด้วย Alexa+ Ring เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อ Alexa+ Greetings ที่ใช้ AI ช่วยตอบคนที่มากดกริ่ง โดยมันสามารถแยกแยะว่าใครมา เช่น คนส่งของ เพื่อน หรือแม้แต่เซลส์แมน แล้วตอบกลับตามคำสั่งที่เจ้าของตั้งไว้ เช่น บอกให้วางพัสดุไว้หลังบ้าน หรือปฏิเสธการขายตรงอย่างสุภาพ ฟีเจอร์นี้ยังสามารถตอบคำถามต่อเนื่องได้ เช่น ถ้าต้องเซ็นรับของ Alexa+ ก็จะบอกให้ส่งกลับไปที่ศูนย์ ฟีเจอร์กำลังทยอยเปิดให้ผู้ใช้ในสหรัฐฯ และแคนาดา ถือเป็นการยกระดับความสะดวกสบายของบ้านอัจฉริยะอีกขั้น 🔗 https://www.techradar.com/home/smart-home/your-ring-doorbell-can-now-use-alexa-to-identify-whos-calling-and-give-them-an-appropriate-greeting 🛡️ ช่องโหว่ใหม่ใน Cisco ที่ถูกโจมตีแล้ว Cisco ออกมาเตือนว่ามีการค้นพบช่องโหว่แบบ zero-day ที่ถูกใช้โจมตีจริงแล้ว โดยกลุ่มแฮ็กเกอร์จากจีนเป็นผู้เกี่ยวข้อง ช่องโหว่นี้กระทบกับลูกค้าที่ใช้ซอฟต์แวร์ของ Cisco ทำให้ระบบถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นภัยร้ายแรงที่กำลังเกิดขึ้นจริง และ Cisco กำลังเร่งออกแพตช์แก้ไขเพื่อป้องกันการโจมตีเพิ่มเติม 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/cisco-says-chinese-hackers-are-exploiting-its-customers-with-a-new-zero-day 📊 รีวิว Agile CRM ปี 2026 Agile CRM ถูกรีวิวอีกครั้งในปี 2026 โดยเน้นไปที่การใช้งานสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและกลาง จุดเด่นคือการรวมเครื่องมือด้านการตลาด การขาย และการบริการลูกค้าไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ทำให้ทีมงานสามารถติดตามลูกค้าได้ครบวงจร แต่ก็มีข้อจำกัดในด้านการปรับแต่งและการรองรับการขยายตัวสำหรับองค์กรใหญ่ รีวิวนี้จึงชี้ว่า Agile CRM เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการโซลูชันครบวงจรในราคาที่เข้าถึงได้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/software-services/agile-crm-review 🌐 จาก SaaS สู่ AI: การเปลี่ยนแปลงที่ผู้นำต้องเผชิญ บทความนี้เล่าถึงการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านเทคโนโลยีและวัฒนธรรมที่ผู้นำองค์กรต้องรับมือ ตั้งแต่การเปลี่ยนผ่านจาก SaaS ไปสู่การใช้ AI อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ใช่แค่เรื่องเครื่องมือ แต่ยังรวมถึงการปรับตัวของทีมงาน วัฒนธรรมองค์กร และการกำกับดูแล การเปลี่ยนแปลงนี้ถูกมองว่าเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายที่ต้องจัดการอย่างรอบคอบ 🔗 https://www.techradar.com/pro/from-saas-to-ai-the-technological-and-cultural-shifts-leaders-must-confront 🐞 โค้ดที่ AI สร้างมีบั๊กมากกว่ามนุษย์ รายงานล่าสุดชี้ว่าโค้ดที่สร้างโดย AI มีแนวโน้มจะมีบั๊กและข้อผิดพลาดมากกว่าที่มนุษย์เขียนเอง แม้ AI จะช่วยให้การพัฒนาเร็วขึ้น แต่ก็ทำให้ทีมงานต้องเสียเวลาในการตรวจสอบและแก้ไขมากขึ้น บทความนี้จึงเตือนว่าการใช้ AI ในการเขียนโค้ดควรถูกมองเป็นเครื่องมือช่วย ไม่ใช่การแทนที่นักพัฒนา 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/ai-generated-code-contains-more-bugs-and-errors-than-human-output 💻 รีวิว Geekom AX8 Max mini PC Geekom AX8 Max mini PC ถูกรีวิวโดยเน้นไปที่ความคุ้มค่าและประสิทธิภาพในเครื่องเล็ก ๆ รุ่นนี้มาพร้อมสเปกที่ตอบโจทย์ทั้งงานทั่วไปและการใช้งานที่ต้องการพลังประมวลผลสูงในขนาดกะทัดรัด ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากได้เครื่องเล็กแต่แรง 🔗 https://www.techradar.com/computing/geekom-ax8-max-mini-pc-review 🗺️ Google Maps เข้าใจคำพูดด้วย Gemini ผู้เขียนทดลองใช้ Gemini คุยกับ Google Maps ด้วยเสียง พบว่ามันสามารถตีความคำพูดที่ซับซ้อน เช่น “พาไปที่ร้านกาแฟที่อยู่ใกล้ ๆ และเปิดตอนนี้” ได้อย่างแม่นยำ ไม่ใช่แค่เส้นทาง แต่ยังรวมถึงเงื่อนไขเพิ่มเติม ทำให้การใช้งานแผนที่สะดวกขึ้นมาก ถือเป็นการยกระดับจากการพิมพ์หรือกดเลือกไปสู่การสื่อสารแบบธรรมชาติ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/i-tried-talking-to-google-maps-with-gemini-and-it-actually-understood-what-i-wanted 🔋 Ford เปลี่ยนโฟกัสจากรถไฟฟ้าไปสู่แบตเตอรี่ยักษ์ Ford กำลังปรับกลยุทธ์จากการผลิตรถบรรทุกไฟฟ้าไปสู่การสร้างระบบแบตเตอรี่ขนาดใหญ่เพื่อใช้กับโครงข่ายไฟฟ้าและดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วสหรัฐฯ โดยมีแผนสร้างกำลังการผลิตถึง 20GWh การเปลี่ยนทิศนี้สะท้อนว่าตลาดรถไฟฟ้าอาจไม่ใช่เส้นทางเดียว แต่การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานพลังงานก็เป็นโอกาสใหม่ที่ใหญ่ไม่แพ้กัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/ford-is-switching-some-battery-focus-from-cars-to-data-centers-with-plans-for-huge-20gwh-capacity 📈 คนรุ่นใหม่หลงรัก Microsoft Excel ผลสำรวจเผยว่าคนทำงานสายการเงินรุ่นใหม่มีความผูกพันกับ Excel มากกว่ารุ่นก่อน ๆ แม้จะมีเครื่องมือคู่แข่งออกมาแข่งหลายสิบปี แต่ Excel ยังคงเป็นเครื่องมือหลักที่พวกเขาเลือกใช้ ความภักดีนี้สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์และความคุ้นเคยที่ฝังลึกในวัฒนธรรมการทำงาน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/more-than-half-of-workers-say-they-really-love-excel-and-surprisingly-enough-its-younger-workers-who-are-apparently-more-infatuated 🎮 Nex Playground คอนโซลราคาประหยัดสำหรับครอบครัว รีวิว Nex Playground ชี้ว่าเป็นเครื่องเล่นเกมที่ราคาถูกกว่า แต่ยังมอบประสบการณ์สนุกสำหรับทุกคนในบ้าน แม้จะไม่แรงเท่าคอนโซลใหญ่ แต่ก็เพียงพอสำหรับเกมที่เล่นร่วมกัน ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับครอบครัวที่อยากได้ความบันเทิงโดยไม่ต้องจ่ายแพง 🔗 https://www.techradar.com/gaming/nex-playground-review 💳 ระวังอีเมลปลอมจาก PayPal ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่ามีการใช้ระบบสมัครสมาชิกของ PayPal ในทางที่ผิด ส่งอีเมลปลอมแจ้งการซื้อเพื่อหลอกให้ผู้ใช้กดลิงก์หรือให้ข้อมูลส่วนตัว แม้จะดูเหมือนอีเมลจริง แต่จริง ๆ เป็นการฟิชชิ่งที่อันตราย ผู้ใช้จึงต้องตรวจสอบทุกครั้งก่อนคลิกลิงก์หรือยืนยันการชำระเงิน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/paypal-user-beware-experts-warn-subscriptions-being-abused-to-send-fake-purchase-emails 🌐 Urban VPN Proxy แอบสอดส่องผู้ใช้ มีการเปิดเผยว่า Urban VPN Proxy ซึ่งเป็นบริการฟรี กำลังถูกใช้เพื่อสอดแนมข้อมูลผู้ใช้ โดยเก็บข้อมูลการใช้งานและอาจส่งต่อไปยังบุคคลที่สาม ทำให้ผู้ใช้ที่คิดว่าได้ความปลอดภัยจาก VPN กลับเสี่ยงต่อการถูกละเมิดความเป็นส่วนตัว บทความนี้แนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ VPN ฟรี และเลือกบริการที่มีความน่าเชื่อถือแทน 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/urban-vpn-proxy-is-the-latest-free-vpn-spying-on-users-heres-how-to-stay-safe 🐧 Proton VPN รองรับ Linux มากขึ้น Proton VPN ได้ขยายการรองรับไปยังอุปกรณ์ Linux เพิ่มเติม ทำให้ผู้ใช้ที่ใช้ระบบปฏิบัติการนี้สามารถติดตั้งและใช้งานแอปอย่างเป็นทางการได้ง่ายขึ้น ถือเป็นการเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ที่ต้องการเชื่อมต่อ VPN บนแพลตฟอร์มที่หลากหลาย 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/official-proton-vpn-app-lands-on-even-more-linux-devices
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • LibreOffice 25.8.4 – รุ่นบำรุงรักษาพร้อมแก้บั๊กกว่า 70 จุด

    The Document Foundation (TDF) ประกาศเปิดตัว LibreOffice 25.8.4 ซึ่งเป็นรุ่นบำรุงรักษาล่าสุดในซีรีส์ 25.8 โดยเน้นการแก้ไขบั๊กและปรับปรุงเสถียรภาพมากกว่าการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ รุ่นนี้แก้ไขปัญหามากกว่า 70 รายการ ที่ถูกรายงานจากผู้ใช้และนักพัฒนาในชุมชน ทำให้การใช้งานทั้ง Writer, Calc, Impress และ Draw มีความเสถียรมากขึ้น.

    การอัปเดตนี้ถือเป็นรุ่นที่สี่ในซีรีส์ 25.8 และยังคงยืนยันว่า LibreOffice เป็นหนึ่งในชุดโปรแกรมสำนักงานโอเพนซอร์สที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดย TDF แนะนำให้ผู้ใช้ทุกคนอัปเดตทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงบั๊กที่อาจกระทบต่อการทำงาน โดยเฉพาะผู้ใช้ในองค์กรที่ต้องการความมั่นคงของระบบ.

    นอกจากนี้ LibreOffice 25.8.4 ยังเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันให้ผู้ใช้ทั่วไปหันมาใช้ LibreOffice Community Edition ขณะที่องค์กรที่ต้องการการสนับสนุนระยะยาวและบริการเชิงพาณิชย์สามารถเลือกใช้ LibreOffice Enterprise จากพันธมิตรที่ได้รับการรับรอง ซึ่งเป็นโมเดลที่ช่วยให้โครงการมีความยั่งยืนและสามารถพัฒนาต่อไปได้.

    ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลด LibreOffice 25.8.4 ได้จากเว็บไซต์ทางการของ TDF ทั้งในรูปแบบ binary สำหรับ Windows, macOS และ Linux รวมถึง source code สำหรับนักพัฒนาที่ต้องการปรับแต่งเพิ่มเติม.

    สรุปสาระสำคัญ
    LibreOffice 25.8.4 เปิดตัวแล้ว
    เป็นรุ่นบำรุงรักษาในซีรีส์ 25.8
    แก้ไขบั๊กกว่า 70 รายการ

    การปรับปรุงหลัก
    เพิ่มเสถียรภาพใน Writer, Calc, Impress และ Draw
    เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไปและองค์กร

    โมเดลการใช้งาน
    LibreOffice Community Edition สำหรับผู้ใช้ทั่วไป
    LibreOffice Enterprise สำหรับองค์กรที่ต้องการการสนับสนุน

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    หากยังใช้เวอร์ชันเก่า อาจเจอบั๊กที่กระทบต่อการทำงาน
    ควรอัปเดตเป็น 25.8.4 ทันทีเพื่อความปลอดภัยและเสถียรภาพ

    https://9to5linux.com/libreoffice-25-8-4-is-now-available-for-download-with-more-than-70-bug-fixes
    📝 LibreOffice 25.8.4 – รุ่นบำรุงรักษาพร้อมแก้บั๊กกว่า 70 จุด The Document Foundation (TDF) ประกาศเปิดตัว LibreOffice 25.8.4 ซึ่งเป็นรุ่นบำรุงรักษาล่าสุดในซีรีส์ 25.8 โดยเน้นการแก้ไขบั๊กและปรับปรุงเสถียรภาพมากกว่าการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ รุ่นนี้แก้ไขปัญหามากกว่า 70 รายการ ที่ถูกรายงานจากผู้ใช้และนักพัฒนาในชุมชน ทำให้การใช้งานทั้ง Writer, Calc, Impress และ Draw มีความเสถียรมากขึ้น. การอัปเดตนี้ถือเป็นรุ่นที่สี่ในซีรีส์ 25.8 และยังคงยืนยันว่า LibreOffice เป็นหนึ่งในชุดโปรแกรมสำนักงานโอเพนซอร์สที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดย TDF แนะนำให้ผู้ใช้ทุกคนอัปเดตทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงบั๊กที่อาจกระทบต่อการทำงาน โดยเฉพาะผู้ใช้ในองค์กรที่ต้องการความมั่นคงของระบบ. นอกจากนี้ LibreOffice 25.8.4 ยังเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันให้ผู้ใช้ทั่วไปหันมาใช้ LibreOffice Community Edition ขณะที่องค์กรที่ต้องการการสนับสนุนระยะยาวและบริการเชิงพาณิชย์สามารถเลือกใช้ LibreOffice Enterprise จากพันธมิตรที่ได้รับการรับรอง ซึ่งเป็นโมเดลที่ช่วยให้โครงการมีความยั่งยืนและสามารถพัฒนาต่อไปได้. ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลด LibreOffice 25.8.4 ได้จากเว็บไซต์ทางการของ TDF ทั้งในรูปแบบ binary สำหรับ Windows, macOS และ Linux รวมถึง source code สำหรับนักพัฒนาที่ต้องการปรับแต่งเพิ่มเติม. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ LibreOffice 25.8.4 เปิดตัวแล้ว ➡️ เป็นรุ่นบำรุงรักษาในซีรีส์ 25.8 ➡️ แก้ไขบั๊กกว่า 70 รายการ ✅ การปรับปรุงหลัก ➡️ เพิ่มเสถียรภาพใน Writer, Calc, Impress และ Draw ➡️ เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไปและองค์กร ✅ โมเดลการใช้งาน ➡️ LibreOffice Community Edition สำหรับผู้ใช้ทั่วไป ➡️ LibreOffice Enterprise สำหรับองค์กรที่ต้องการการสนับสนุน ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ หากยังใช้เวอร์ชันเก่า อาจเจอบั๊กที่กระทบต่อการทำงาน ⛔ ควรอัปเดตเป็น 25.8.4 ทันทีเพื่อความปลอดภัยและเสถียรภาพ https://9to5linux.com/libreoffice-25-8-4-is-now-available-for-download-with-more-than-70-bug-fixes
    9TO5LINUX.COM
    LibreOffice 25.8.4 Is Now Available for Download with More Than 70 Bug Fixes - 9to5Linux
    LibreOffice 25.8.4 is now available for download as the fourth maintenance update to the latest LibreOffice 25.8 office suite series with more than 70 bug fixes.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • เดนมาร์กเริ่มต้นการย้ายออกจาก Microsoft – จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง

    รัฐบาลเดนมาร์กประกาศเดินหน้าโครงการ SIA Open ที่นำโดย Statens IT (หน่วยงาน IT ของรัฐบาล) เพื่อแทนที่บริการของ Microsoft ด้วยซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส หน่วยงานแรกที่เข้าร่วมคือ Færdselsstyrelsen หรือสำนักงานการจราจรทางถนน ซึ่งจะเปลี่ยนทั้งระบบปฏิบัติการ Windows และชุดโปรแกรม Microsoft Office (Word, Excel, Teams, Outlook) ไปใช้ทางเลือกโอเพนซอร์ส แม้ยังไม่เปิดเผยว่าซอฟต์แวร์ใดจะถูกเลือกมาแทน.

    การตัดสินใจนี้สะท้อนถึงความกังวลเรื่อง vendor lock-in และการควบคุมข้อมูลที่สำคัญของรัฐ โดย Stefan Søsted ผู้อำนวยการ Færdselsstyrelsen ระบุว่า หน่วยงานต้องการ “เป็นเจ้าของบ้านของตัวเอง” และมั่นใจว่าข้อมูลสำคัญอยู่ภายใต้การควบคุมเต็มที่ พร้อมเตือนว่าการพึ่งพาผู้ให้บริการรายเดียว เช่น Microsoft อาจทำให้รัฐถูกเรียกเก็บค่าใช้จ่ายสูงเกินควร.

    แม้การทดลองนี้จะครอบคลุมเพียงบางส่วนของพนักงาน 600 คน แต่ Statens IT มีแผนขยายไปยังหน่วยงานรัฐอื่น ๆ รวมกว่า 15,000 ผู้ใช้ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระดับประเทศ หากสำเร็จ เดนมาร์กจะเป็นหนึ่งในประเทศแรกที่ลดการพึ่งพา Microsoft อย่างจริงจังในภาครัฐ.

    ด้าน Microsoft Denmark ตอบกลับด้วยถ้อยแถลงเชิง PR ว่าบริการของตนมีราคาแข่งขันได้และเป็นที่นิยมในภาครัฐ เนื่องจากผสมผสานความปลอดภัยสูง นวัตกรรม และการทำงานร่วมกันที่มีประสิทธิภาพ พร้อมย้ำว่า “โอเพนซอร์สและ Microsoft ไม่จำเป็นต้องขัดแย้งกัน”.

    สรุปสาระสำคัญ
    โครงการ SIA Open ของรัฐบาลเดนมาร์ก
    นำโดย Statens IT เพื่อแทนที่ Microsoft ด้วยโอเพนซอร์ส
    หน่วยงานแรกคือ Færdselsstyrelsen (สำนักงานการจราจรทางถนน)

    การเปลี่ยนแปลงที่ครอบคลุม
    เปลี่ยนทั้ง Windows และ Microsoft Office ไปใช้โอเพนซอร์ส
    มีแผนขยายไปยัง 15,000 ผู้ใช้ในหลายหน่วยงานรัฐ

    เหตุผลหลักของการย้ายออกจาก Microsoft
    ลดความเสี่ยงจาก vendor lock-in
    ควบคุมข้อมูลสำคัญของรัฐได้เต็มที่

    คำเตือนและข้อท้าทาย
    ยังไม่เปิดเผยว่าโอเพนซอร์สใดจะถูกเลือกมาแทน
    การเปลี่ยนผ่านอาจกระทบต่อการทำงานและต้องใช้เวลาในการปรับตัว

    https://itsfoss.com/news/denmark-road-traffic-authority-ditches-microsoft/
    🇩🇰 เดนมาร์กเริ่มต้นการย้ายออกจาก Microsoft – จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง รัฐบาลเดนมาร์กประกาศเดินหน้าโครงการ SIA Open ที่นำโดย Statens IT (หน่วยงาน IT ของรัฐบาล) เพื่อแทนที่บริการของ Microsoft ด้วยซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส หน่วยงานแรกที่เข้าร่วมคือ Færdselsstyrelsen หรือสำนักงานการจราจรทางถนน ซึ่งจะเปลี่ยนทั้งระบบปฏิบัติการ Windows และชุดโปรแกรม Microsoft Office (Word, Excel, Teams, Outlook) ไปใช้ทางเลือกโอเพนซอร์ส แม้ยังไม่เปิดเผยว่าซอฟต์แวร์ใดจะถูกเลือกมาแทน. การตัดสินใจนี้สะท้อนถึงความกังวลเรื่อง vendor lock-in และการควบคุมข้อมูลที่สำคัญของรัฐ โดย Stefan Søsted ผู้อำนวยการ Færdselsstyrelsen ระบุว่า หน่วยงานต้องการ “เป็นเจ้าของบ้านของตัวเอง” และมั่นใจว่าข้อมูลสำคัญอยู่ภายใต้การควบคุมเต็มที่ พร้อมเตือนว่าการพึ่งพาผู้ให้บริการรายเดียว เช่น Microsoft อาจทำให้รัฐถูกเรียกเก็บค่าใช้จ่ายสูงเกินควร. แม้การทดลองนี้จะครอบคลุมเพียงบางส่วนของพนักงาน 600 คน แต่ Statens IT มีแผนขยายไปยังหน่วยงานรัฐอื่น ๆ รวมกว่า 15,000 ผู้ใช้ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระดับประเทศ หากสำเร็จ เดนมาร์กจะเป็นหนึ่งในประเทศแรกที่ลดการพึ่งพา Microsoft อย่างจริงจังในภาครัฐ. ด้าน Microsoft Denmark ตอบกลับด้วยถ้อยแถลงเชิง PR ว่าบริการของตนมีราคาแข่งขันได้และเป็นที่นิยมในภาครัฐ เนื่องจากผสมผสานความปลอดภัยสูง นวัตกรรม และการทำงานร่วมกันที่มีประสิทธิภาพ พร้อมย้ำว่า “โอเพนซอร์สและ Microsoft ไม่จำเป็นต้องขัดแย้งกัน”. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ โครงการ SIA Open ของรัฐบาลเดนมาร์ก ➡️ นำโดย Statens IT เพื่อแทนที่ Microsoft ด้วยโอเพนซอร์ส ➡️ หน่วยงานแรกคือ Færdselsstyrelsen (สำนักงานการจราจรทางถนน) ✅ การเปลี่ยนแปลงที่ครอบคลุม ➡️ เปลี่ยนทั้ง Windows และ Microsoft Office ไปใช้โอเพนซอร์ส ➡️ มีแผนขยายไปยัง 15,000 ผู้ใช้ในหลายหน่วยงานรัฐ ✅ เหตุผลหลักของการย้ายออกจาก Microsoft ➡️ ลดความเสี่ยงจาก vendor lock-in ➡️ ควบคุมข้อมูลสำคัญของรัฐได้เต็มที่ ‼️ คำเตือนและข้อท้าทาย ⛔ ยังไม่เปิดเผยว่าโอเพนซอร์สใดจะถูกเลือกมาแทน ⛔ การเปลี่ยนผ่านอาจกระทบต่อการทำงานและต้องใช้เวลาในการปรับตัว https://itsfoss.com/news/denmark-road-traffic-authority-ditches-microsoft/
    ITSFOSS.COM
    Denmark Begins its Exit from Microsoft — and This is Just the Beginning
    The move is part of a government-wide effort to reduce dependency on Microsoft software. The traffic department's move is just the beginning.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • “วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ จี้ Big Tech – AI Data Center ดันค่าไฟประชาชนพุ่ง”

    สามวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ ได้แก่ Elizabeth Warren, Chris Van Hollen และ Richard Blumenthal ได้ส่งจดหมายถึงบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Amazon, Google, Meta, Microsoft และผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลรายอื่น ๆ เพื่อสอบถามถึงผลกระทบของการสร้าง AI Data Center ต่อค่าไฟฟ้าของประชาชน โดยระบุว่าการใช้พลังงานมหาศาลทำให้บริษัทไฟฟ้าต้องลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในการอัปเกรดระบบ และผลักภาระต้นทุนไปยังผู้บริโภค

    รายงานระบุว่า ค่าไฟฟ้าครัวเรือนในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7% ภายในปีเดียว โดยบางพื้นที่ที่มีการสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมากกว่านั้น สะท้อนให้เห็นว่า การเติบโตของ AI ไม่ได้มีแต่ผลดีด้านนวัตกรรม แต่ยังสร้างแรงกดดันต่อโครงสร้างพื้นฐานพลังงาน

    แม้บางการศึกษาชี้ว่า AI Data Center อาจช่วยแบกรับต้นทุนการอัปเกรดระบบไฟฟ้าแทนประชาชน แต่แนวโน้มค่าไฟที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดข้อสงสัยว่าใครคือผู้ได้ประโยชน์ที่แท้จริง และใครคือผู้แบกรับภาระในระยะยาว

    นอกจากนี้ยังมีการเปรียบเทียบกับจีนที่ลงทุนด้านพลังงานเพื่อรองรับการเติบโตของ AI อย่างจริงจัง จนบางนักวิเคราะห์เตือนว่าสหรัฐฯ อาจเสียเปรียบใน “การแข่งขัน AI ระดับโลก” หากไม่สามารถแก้ปัญหาความไม่เพียงพอของพลังงานได้ทันเวลา

    สรุปประเด็นสำคัญ
    วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ แสดงความกังวลต่อค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น
    ส่งจดหมายถึง Amazon, Google, Meta และบริษัทอื่น ๆ เพื่อขอคำชี้แจง

    AI Data Center ใช้พลังงานมหาศาล
    บริษัทไฟฟ้าต้องลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในการอัปเกรดระบบ

    ค่าไฟฟ้าครัวเรือนเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7%
    บางพื้นที่ที่มีศูนย์ข้อมูลใหม่ ค่าไฟเพิ่มขึ้นมากกว่านั้น

    จีนลงทุนด้านพลังงานเพื่อรองรับ AI
    นักวิเคราะห์เตือนว่าสหรัฐฯ อาจเสียเปรียบในระยะยาว

    คำเตือนต่อประชาชน
    ค่าไฟอาจยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง หากไม่มีมาตรการควบคุมหรือการลงทุนด้านพลังงานใหม่

    ความเสี่ยงต่อการแข่งขัน AI
    สหรัฐฯ อาจถูกจีนแซงหน้าในด้าน AI หากปัญหาพลังงานไม่ถูกแก้ไขทันเวลา

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/elizabeth-warren-other-u-s-senators-concerned-about-big-tech-pushing-up-electricity-costs-demands-explanation-from-amazon-google-meta-as-ai-data-centers-drive-up-residential-energy-bills
    📰 “วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ จี้ Big Tech – AI Data Center ดันค่าไฟประชาชนพุ่ง” สามวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ ได้แก่ Elizabeth Warren, Chris Van Hollen และ Richard Blumenthal ได้ส่งจดหมายถึงบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Amazon, Google, Meta, Microsoft และผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลรายอื่น ๆ เพื่อสอบถามถึงผลกระทบของการสร้าง AI Data Center ต่อค่าไฟฟ้าของประชาชน โดยระบุว่าการใช้พลังงานมหาศาลทำให้บริษัทไฟฟ้าต้องลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในการอัปเกรดระบบ และผลักภาระต้นทุนไปยังผู้บริโภค รายงานระบุว่า ค่าไฟฟ้าครัวเรือนในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7% ภายในปีเดียว โดยบางพื้นที่ที่มีการสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมากกว่านั้น สะท้อนให้เห็นว่า การเติบโตของ AI ไม่ได้มีแต่ผลดีด้านนวัตกรรม แต่ยังสร้างแรงกดดันต่อโครงสร้างพื้นฐานพลังงาน แม้บางการศึกษาชี้ว่า AI Data Center อาจช่วยแบกรับต้นทุนการอัปเกรดระบบไฟฟ้าแทนประชาชน แต่แนวโน้มค่าไฟที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดข้อสงสัยว่าใครคือผู้ได้ประโยชน์ที่แท้จริง และใครคือผู้แบกรับภาระในระยะยาว นอกจากนี้ยังมีการเปรียบเทียบกับจีนที่ลงทุนด้านพลังงานเพื่อรองรับการเติบโตของ AI อย่างจริงจัง จนบางนักวิเคราะห์เตือนว่าสหรัฐฯ อาจเสียเปรียบใน “การแข่งขัน AI ระดับโลก” หากไม่สามารถแก้ปัญหาความไม่เพียงพอของพลังงานได้ทันเวลา 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ แสดงความกังวลต่อค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น ➡️ ส่งจดหมายถึง Amazon, Google, Meta และบริษัทอื่น ๆ เพื่อขอคำชี้แจง ✅ AI Data Center ใช้พลังงานมหาศาล ➡️ บริษัทไฟฟ้าต้องลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในการอัปเกรดระบบ ✅ ค่าไฟฟ้าครัวเรือนเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7% ➡️ บางพื้นที่ที่มีศูนย์ข้อมูลใหม่ ค่าไฟเพิ่มขึ้นมากกว่านั้น ✅ จีนลงทุนด้านพลังงานเพื่อรองรับ AI ➡️ นักวิเคราะห์เตือนว่าสหรัฐฯ อาจเสียเปรียบในระยะยาว ‼️ คำเตือนต่อประชาชน ⛔ ค่าไฟอาจยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง หากไม่มีมาตรการควบคุมหรือการลงทุนด้านพลังงานใหม่ ‼️ ความเสี่ยงต่อการแข่งขัน AI ⛔ สหรัฐฯ อาจถูกจีนแซงหน้าในด้าน AI หากปัญหาพลังงานไม่ถูกแก้ไขทันเวลา https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/elizabeth-warren-other-u-s-senators-concerned-about-big-tech-pushing-up-electricity-costs-demands-explanation-from-amazon-google-meta-as-ai-data-centers-drive-up-residential-energy-bills
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Roomba สะดุดล้ม – iRobot ล้มละลาย แต่ตลาดหุ่นยนต์ดูดฝุ่นยังโตต่อเนื่อง”

    การล้มละลายของ iRobot ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของบริษัทที่เคยครองตลาดหุ่นยนต์ดูดฝุ่นในสหรัฐฯ และยุโรป ด้วยส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 80–90% ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่การขาดนวัตกรรมและการพึ่งพารายได้เดิมทำให้สูญเสียความได้เปรียบอย่างรวดเร็ว เมื่อคู่แข่งจากจีน เช่น Roborock, Ecovacs และ Dreame เข้ามาแย่งส่วนแบ่งด้วยราคาที่ถูกกว่าและฟีเจอร์ที่ทันสมัยกว่า

    การพยายามขายกิจการให้ Amazon ในปี 2024 ถูกสหภาพยุโรปบล็อกด้วยเหตุผลด้านการผูกขาด ทำให้ iRobotต้องแบกรับหนี้กว่า 190 ล้านดอลลาร์ และเผชิญกับการลดรายได้ลงกว่า 44% พร้อมปลดพนักงานกว่า 30% ก่อนจะเข้าสู่การล้มละลายและถูกซื้อกิจการโดย Picea Robotics ซึ่งเป็นผู้ผลิตหลักของ Roomba อยู่แล้ว

    แม้จะเข้าสู่กระบวนการ Chapter 11 แต่ iRobot ยืนยันว่า Roomba และผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่จะยังคงใช้งานได้ตามปกติ ไม่กระทบต่อแอปพลิเคชันหรือบริการหลังการขายในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าอาจเกิด “การเลิกสนับสนุนโดยไม่คาดคิด” หาก Picea ปรับทิศทางธุรกิจใหม่ในอนาคต

    ในภาพรวมตลาดหุ่นยนต์ดูดฝุ่นยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยคาดว่าจะมีมูลค่ากว่า 11.14 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 และพุ่งถึง 35.56 พันล้านดอลลาร์ในปี 2035 การพัฒนา AI, ระบบ LiDAR, และการเชื่อมต่อกับบ้านอัจฉริยะทำให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นกลายเป็นอุปกรณ์จำเป็นในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่แค่สินค้าฟุ่มเฟือยอีกต่อไป

    สรุปประเด็นสำคัญ
    iRobot ประกาศล้มละลายและเข้าสู่ Chapter 11
    ถูกซื้อกิจการโดย Picea Robotics ซึ่งเป็นผู้ผลิตหลักของ Roomba

    Roomba ยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ
    ไม่มีผลกระทบต่อแอปพลิเคชันและบริการหลังการขายในระยะสั้น

    สาเหตุหลักของการล้มละลาย
    การแข่งขันจากคู่แข่งจีน, หนี้สินสูง, และดีลกับ Amazon ที่ล้มเหลว

    ตลาดหุ่นยนต์ดูดฝุ่นยังเติบโตต่อเนื่อง
    คาดว่าจะโตจาก 11.14 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 เป็น 35.56 พันล้านดอลลาร์ในปี 2035

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Roomba
    อาจเกิดการหยุดสนับสนุนหรือเลิกผลิตรุ่นใหม่ หาก Picea ปรับกลยุทธ์ธุรกิจ

    ความเสี่ยงต่อผู้ถือหุ้น iRobot
    หุ้นสูญเสียมูลค่าไปกว่า 85% ในปี 2025 และผู้ถือหุ้นอาจไม่ได้รับการชดเชย

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/roomba-maker-irobot-announces-bankruptcy-brand-will-live-on-under-ownership-of-former-supplier
    📰 “Roomba สะดุดล้ม – iRobot ล้มละลาย แต่ตลาดหุ่นยนต์ดูดฝุ่นยังโตต่อเนื่อง” การล้มละลายของ iRobot ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของบริษัทที่เคยครองตลาดหุ่นยนต์ดูดฝุ่นในสหรัฐฯ และยุโรป ด้วยส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 80–90% ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่การขาดนวัตกรรมและการพึ่งพารายได้เดิมทำให้สูญเสียความได้เปรียบอย่างรวดเร็ว เมื่อคู่แข่งจากจีน เช่น Roborock, Ecovacs และ Dreame เข้ามาแย่งส่วนแบ่งด้วยราคาที่ถูกกว่าและฟีเจอร์ที่ทันสมัยกว่า การพยายามขายกิจการให้ Amazon ในปี 2024 ถูกสหภาพยุโรปบล็อกด้วยเหตุผลด้านการผูกขาด ทำให้ iRobotต้องแบกรับหนี้กว่า 190 ล้านดอลลาร์ และเผชิญกับการลดรายได้ลงกว่า 44% พร้อมปลดพนักงานกว่า 30% ก่อนจะเข้าสู่การล้มละลายและถูกซื้อกิจการโดย Picea Robotics ซึ่งเป็นผู้ผลิตหลักของ Roomba อยู่แล้ว แม้จะเข้าสู่กระบวนการ Chapter 11 แต่ iRobot ยืนยันว่า Roomba และผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่จะยังคงใช้งานได้ตามปกติ ไม่กระทบต่อแอปพลิเคชันหรือบริการหลังการขายในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าอาจเกิด “การเลิกสนับสนุนโดยไม่คาดคิด” หาก Picea ปรับทิศทางธุรกิจใหม่ในอนาคต ในภาพรวมตลาดหุ่นยนต์ดูดฝุ่นยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยคาดว่าจะมีมูลค่ากว่า 11.14 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 และพุ่งถึง 35.56 พันล้านดอลลาร์ในปี 2035 การพัฒนา AI, ระบบ LiDAR, และการเชื่อมต่อกับบ้านอัจฉริยะทำให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นกลายเป็นอุปกรณ์จำเป็นในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่แค่สินค้าฟุ่มเฟือยอีกต่อไป 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ iRobot ประกาศล้มละลายและเข้าสู่ Chapter 11 ➡️ ถูกซื้อกิจการโดย Picea Robotics ซึ่งเป็นผู้ผลิตหลักของ Roomba ✅ Roomba ยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ ➡️ ไม่มีผลกระทบต่อแอปพลิเคชันและบริการหลังการขายในระยะสั้น ✅ สาเหตุหลักของการล้มละลาย ➡️ การแข่งขันจากคู่แข่งจีน, หนี้สินสูง, และดีลกับ Amazon ที่ล้มเหลว ✅ ตลาดหุ่นยนต์ดูดฝุ่นยังเติบโตต่อเนื่อง ➡️ คาดว่าจะโตจาก 11.14 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 เป็น 35.56 พันล้านดอลลาร์ในปี 2035 ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Roomba ⛔ อาจเกิดการหยุดสนับสนุนหรือเลิกผลิตรุ่นใหม่ หาก Picea ปรับกลยุทธ์ธุรกิจ ‼️ ความเสี่ยงต่อผู้ถือหุ้น iRobot ⛔ หุ้นสูญเสียมูลค่าไปกว่า 85% ในปี 2025 และผู้ถือหุ้นอาจไม่ได้รับการชดเชย https://www.tomshardware.com/tech-industry/roomba-maker-irobot-announces-bankruptcy-brand-will-live-on-under-ownership-of-former-supplier
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • ShinyHunters ขู่เปิดโปงข้อมูลผู้ใช้ Pornhub Premium

    เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2025 กลุ่มแฮ็กเกอร์ ShinyHunters ประกาศว่าพวกเขาได้ขโมยข้อมูลของผู้ใช้ Pornhub Premium และกำลังเรียกร้องค่าไถ่เป็น Bitcoin เพื่อแลกกับการไม่เผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว โดยมีการปล่อยตัวอย่างข้อมูลที่ Reuters สามารถตรวจสอบได้บางส่วนว่าเป็นของจริง แม้จะเป็นข้อมูลเก่าหลายปีแล้วก็ตาม

    ผู้ใช้บางรายจากแคนาดาและสหรัฐฯ ยืนยันกับสื่อว่าข้อมูลที่ถูกเปิดเผยเป็นของตนจริง ซึ่งสร้างความกังวลว่าข้อมูลส่วนตัว เช่น อีเมลและรายละเอียดการสมัครสมาชิก อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด

    Pornhub และบริษัทแม่ Ethical Capital Partners ระบุว่าเหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับ Mixpanel บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลภายนอก โดยข้อมูลที่รั่วไหลเป็นเพียง “ชุดข้อมูลการวิเคราะห์ที่จำกัด” และไม่ใช่ข้อมูลการชำระเงินหรือข้อมูลสำคัญของผู้ใช้ Pornhub เอง ขณะที่ Mixpanel ก็ออกแถลงการณ์ว่าไม่พบหลักฐานว่าข้อมูลที่ถูกขโมยมาจากเหตุการณ์ความปลอดภัยของตน

    ShinyHunters เป็นกลุ่มที่มีประวัติการโจมตีองค์กรใหญ่หลายแห่ง เช่น Salesforce และร้านค้าหรูในสหราชอาณาจักร โดยใช้วิธีการขโมยข้อมูลลูกค้าแล้วเรียกค่าไถ่ ซึ่งทำให้เหตุการณ์ครั้งนี้ถูกจับตามองอย่างมากในวงการไซเบอร์ซีเคียวริตี้

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การโจมตีของ ShinyHunters
    อ้างว่าขโมยข้อมูลผู้ใช้ Pornhub Premium
    เรียกร้องค่าไถ่เป็น Bitcoin

    ข้อมูลที่ถูกเปิดเผย
    มีการยืนยันจากผู้ใช้บางรายว่าเป็นข้อมูลจริง
    ส่วนใหญ่เป็นข้อมูลเก่าหลายปี

    คำชี้แจงจาก Pornhub และ Mixpanel
    ระบุว่าเป็นข้อมูลการวิเคราะห์ที่จำกัด ไม่ใช่ข้อมูลการชำระเงิน
    Mixpanel ยืนยันว่าไม่พบหลักฐานว่าข้อมูลรั่วจากระบบของตน

    ประวัติของ ShinyHunters
    เคยโจมตี Salesforce และร้านค้าหรูในสหราชอาณาจักร
    ใช้วิธีการขโมยข้อมูลลูกค้าแล้วเรียกค่าไถ่

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้บริการออนไลน์
    ควรใช้รหัสผ่านที่แข็งแรงและไม่ซ้ำกัน
    หลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลส่วนตัวกับแพลตฟอร์มที่ไม่น่าเชื่อถือ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/17/hacking-group-shinyhunters-threatens-to-expose-premium-users-of-sex-site-pornhub
    🕵️‍♂️ ShinyHunters ขู่เปิดโปงข้อมูลผู้ใช้ Pornhub Premium เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2025 กลุ่มแฮ็กเกอร์ ShinyHunters ประกาศว่าพวกเขาได้ขโมยข้อมูลของผู้ใช้ Pornhub Premium และกำลังเรียกร้องค่าไถ่เป็น Bitcoin เพื่อแลกกับการไม่เผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว โดยมีการปล่อยตัวอย่างข้อมูลที่ Reuters สามารถตรวจสอบได้บางส่วนว่าเป็นของจริง แม้จะเป็นข้อมูลเก่าหลายปีแล้วก็ตาม ผู้ใช้บางรายจากแคนาดาและสหรัฐฯ ยืนยันกับสื่อว่าข้อมูลที่ถูกเปิดเผยเป็นของตนจริง ซึ่งสร้างความกังวลว่าข้อมูลส่วนตัว เช่น อีเมลและรายละเอียดการสมัครสมาชิก อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด Pornhub และบริษัทแม่ Ethical Capital Partners ระบุว่าเหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับ Mixpanel บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลภายนอก โดยข้อมูลที่รั่วไหลเป็นเพียง “ชุดข้อมูลการวิเคราะห์ที่จำกัด” และไม่ใช่ข้อมูลการชำระเงินหรือข้อมูลสำคัญของผู้ใช้ Pornhub เอง ขณะที่ Mixpanel ก็ออกแถลงการณ์ว่าไม่พบหลักฐานว่าข้อมูลที่ถูกขโมยมาจากเหตุการณ์ความปลอดภัยของตน ShinyHunters เป็นกลุ่มที่มีประวัติการโจมตีองค์กรใหญ่หลายแห่ง เช่น Salesforce และร้านค้าหรูในสหราชอาณาจักร โดยใช้วิธีการขโมยข้อมูลลูกค้าแล้วเรียกค่าไถ่ ซึ่งทำให้เหตุการณ์ครั้งนี้ถูกจับตามองอย่างมากในวงการไซเบอร์ซีเคียวริตี้ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การโจมตีของ ShinyHunters ➡️ อ้างว่าขโมยข้อมูลผู้ใช้ Pornhub Premium ➡️ เรียกร้องค่าไถ่เป็น Bitcoin ✅ ข้อมูลที่ถูกเปิดเผย ➡️ มีการยืนยันจากผู้ใช้บางรายว่าเป็นข้อมูลจริง ➡️ ส่วนใหญ่เป็นข้อมูลเก่าหลายปี ✅ คำชี้แจงจาก Pornhub และ Mixpanel ➡️ ระบุว่าเป็นข้อมูลการวิเคราะห์ที่จำกัด ไม่ใช่ข้อมูลการชำระเงิน ➡️ Mixpanel ยืนยันว่าไม่พบหลักฐานว่าข้อมูลรั่วจากระบบของตน ✅ ประวัติของ ShinyHunters ➡️ เคยโจมตี Salesforce และร้านค้าหรูในสหราชอาณาจักร ➡️ ใช้วิธีการขโมยข้อมูลลูกค้าแล้วเรียกค่าไถ่ ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้บริการออนไลน์ ⛔ ควรใช้รหัสผ่านที่แข็งแรงและไม่ซ้ำกัน ⛔ หลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลส่วนตัวกับแพลตฟอร์มที่ไม่น่าเชื่อถือ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/17/hacking-group-shinyhunters-threatens-to-expose-premium-users-of-sex-site-pornhub
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Hacking group ‘ShinyHunters’ threatens to expose premium users of sex site Pornhub
    WASHINGTON, Dec 16 (Reuters) - The hacking group "ShinyHunters" said on Tuesday it has stolen data belonging to premium customers of the leading sex website Pornhub and is threatening to publish it.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 รีวิว
  • GitHub Actions ปรับราคาใหม่ปี 2026 – ลดค่าใช้จ่าย แต่เพิ่มค่าบริการ Cloud Platform

    ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2026 GitHub จะลดราคาสำหรับ GitHub-hosted runners ลงสูงสุดถึง 39% ขึ้นอยู่กับประเภทเครื่องที่ใช้ โดยยังคงโควตาการใช้งานฟรีเหมือนเดิม การปรับราคาครั้งนี้ทำให้การใช้งาน CI/CD บน GitHub เข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับนักพัฒนาและทีมงานขนาดเล็กที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในราคาที่เหมาะสม

    อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ 1 มีนาคม 2026 GitHub จะเริ่มเก็บค่าบริการใหม่ที่เรียกว่า “Actions cloud platform charge” ในอัตรา $0.002 ต่อนาที สำหรับการใช้งาน self-hosted runners โดยค่าใช้จ่ายนี้จะนับรวมกับโควตาการใช้งานที่มีอยู่ในแต่ละแผน ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้ที่พึ่งพา self-hosted runners จะต้องวางแผนการใช้งานอย่างรอบคอบเพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น

    การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นจากการที่ GitHub ต้องรองรับการเติบโตอย่างมหาศาลของแพลตฟอร์ม Actions ซึ่งปัจจุบันประมวลผลงานกว่า 70 ล้าน jobs ต่อวัน การปรับโครงสร้างราคาจึงเป็นการจัดสมดุลระหว่างการให้บริการที่มีคุณภาพและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานใหม่ เช่น autoscaling ที่รองรับ Windows และแพลตฟอร์มอื่น ๆ นอกเหนือจาก Linux

    ในภาพรวม การปรับราคาครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้น้อยมาก โดย 96% ของลูกค้า GitHub Actions จะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงในบิล และในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ ส่วนใหญ่จะเห็นค่าใช้จ่ายลดลง ขณะที่มีเพียงส่วนน้อยที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งสะท้อนถึงความพยายามของ GitHub ในการสร้างความเป็นธรรมและความโปร่งใสในการคิดค่าบริการ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การลดราคา GitHub-hosted runners
    ลดสูงสุดถึง 39% ขึ้นอยู่กับประเภทเครื่อง
    โควตาการใช้งานฟรียังคงเดิม

    การเพิ่มค่าบริการใหม่สำหรับ self-hosted runners
    เริ่มเก็บ $0.002 ต่อนาที ตั้งแต่ 1 มีนาคม 2026
    นับรวมกับโควตาการใช้งานในแต่ละแผน

    การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานใหม่
    รองรับ autoscaling ที่หลากหลายมากขึ้น
    เพิ่มการสนับสนุน Windows และแพลตฟอร์มอื่น ๆ

    ผลกระทบต่อผู้ใช้ส่วนใหญ่
    96% ของผู้ใช้จะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงในบิล
    ส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจะเห็นค่าใช้จ่ายลดลง

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ self-hosted runners
    ต้องวางแผนการใช้งานเพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น
    ทีมที่ใช้ workload หนักอาจเห็นบิลเพิ่มขึ้นหลังมีการเก็บค่าบริการใหม่

    https://github.blog/changelog/2025-12-16-coming-soon-simpler-pricing-and-a-better-experience-for-github-actions/
    🖥️ GitHub Actions ปรับราคาใหม่ปี 2026 – ลดค่าใช้จ่าย แต่เพิ่มค่าบริการ Cloud Platform ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2026 GitHub จะลดราคาสำหรับ GitHub-hosted runners ลงสูงสุดถึง 39% ขึ้นอยู่กับประเภทเครื่องที่ใช้ โดยยังคงโควตาการใช้งานฟรีเหมือนเดิม การปรับราคาครั้งนี้ทำให้การใช้งาน CI/CD บน GitHub เข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับนักพัฒนาและทีมงานขนาดเล็กที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในราคาที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ 1 มีนาคม 2026 GitHub จะเริ่มเก็บค่าบริการใหม่ที่เรียกว่า “Actions cloud platform charge” ในอัตรา $0.002 ต่อนาที สำหรับการใช้งาน self-hosted runners โดยค่าใช้จ่ายนี้จะนับรวมกับโควตาการใช้งานที่มีอยู่ในแต่ละแผน ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้ที่พึ่งพา self-hosted runners จะต้องวางแผนการใช้งานอย่างรอบคอบเพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นจากการที่ GitHub ต้องรองรับการเติบโตอย่างมหาศาลของแพลตฟอร์ม Actions ซึ่งปัจจุบันประมวลผลงานกว่า 70 ล้าน jobs ต่อวัน การปรับโครงสร้างราคาจึงเป็นการจัดสมดุลระหว่างการให้บริการที่มีคุณภาพและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานใหม่ เช่น autoscaling ที่รองรับ Windows และแพลตฟอร์มอื่น ๆ นอกเหนือจาก Linux ในภาพรวม การปรับราคาครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้น้อยมาก โดย 96% ของลูกค้า GitHub Actions จะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงในบิล และในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ ส่วนใหญ่จะเห็นค่าใช้จ่ายลดลง ขณะที่มีเพียงส่วนน้อยที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งสะท้อนถึงความพยายามของ GitHub ในการสร้างความเป็นธรรมและความโปร่งใสในการคิดค่าบริการ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การลดราคา GitHub-hosted runners ➡️ ลดสูงสุดถึง 39% ขึ้นอยู่กับประเภทเครื่อง ➡️ โควตาการใช้งานฟรียังคงเดิม ✅ การเพิ่มค่าบริการใหม่สำหรับ self-hosted runners ➡️ เริ่มเก็บ $0.002 ต่อนาที ตั้งแต่ 1 มีนาคม 2026 ➡️ นับรวมกับโควตาการใช้งานในแต่ละแผน ✅ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานใหม่ ➡️ รองรับ autoscaling ที่หลากหลายมากขึ้น ➡️ เพิ่มการสนับสนุน Windows และแพลตฟอร์มอื่น ๆ ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้ส่วนใหญ่ ➡️ 96% ของผู้ใช้จะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงในบิล ➡️ ส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจะเห็นค่าใช้จ่ายลดลง ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ self-hosted runners ⛔ ต้องวางแผนการใช้งานเพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ⛔ ทีมที่ใช้ workload หนักอาจเห็นบิลเพิ่มขึ้นหลังมีการเก็บค่าบริการใหม่ https://github.blog/changelog/2025-12-16-coming-soon-simpler-pricing-and-a-better-experience-for-github-actions/
    GITHUB.BLOG
    Coming soon: Simpler pricing and a better experience for GitHub Actions · GitHub Changelog
    On January 1, 2026, GitHub will reduce the price of GitHub-hosted runners by up to 39% depending on the machine type used. The free usage minute quotas will remain the…
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • เดนมาร์กกับร่างกฎหมาย VPN ที่เป็นข้อถกเถียง

    รัฐบาลเดนมาร์ก โดยกระทรวงวัฒนธรรม เสนอร่างกฎหมายที่มีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงกฎหมายลิขสิทธิ์ให้ “เป็นกลางทางเทคโนโลยี” โดยห้ามการใช้ VPN เพื่อเข้าถึงคอนเทนต์ที่ถูกบล็อกทางภูมิศาสตร์หรือเว็บไซต์ที่ถูกปิดกั้น ร่างนี้อยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะและจะสิ้นสุดในวันที่ 9 มกราคม 2026 หากผ่านการอนุมัติ จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2026

    เสียงวิจารณ์และความกังวล
    นักวิชาการและนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิ์ดิจิทัลเตือนว่าถ้อยคำในร่างกฎหมายมีความคลุมเครือ อาจตีความได้ว่าการใช้ VPN ในเชิงปกติ เช่น การปกป้องความเป็นส่วนตัว หรือการเข้าถึงบริการที่ถูกต้องตามกฎหมาย อาจถูกจัดว่าเป็นการกระทำผิด ตัวอย่างเช่น Jesper Lund จาก IT-Politisk Forening ระบุว่าร่างนี้มี “กลิ่นอายแบบเผด็จการ” และไม่เคยมีประเทศใดออกกฎหมายห้ามใช้ VPN โดยตรงมาก่อน ขณะที่นักวิชาการกฎหมายจากมหาวิทยาลัย Syddansk ก็เห็นว่าร่างนี้ “เขียนกว้างเกินไป” และอาจเกินขอบเขตของการคุ้มครองลิขสิทธิ์

    การชี้แจงจากรัฐบาล
    Jakob Engel-Schmidt รัฐมนตรีวัฒนธรรมของเดนมาร์กออกมาปฏิเสธเสียงวิจารณ์ โดยยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาจะทำให้ VPN เป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่ร่างนี้มีเป้าหมายเพียงเพื่อยืนยันว่า การสตรีมคอนเทนต์กีฬาโดยไม่จ่ายเงินหรือไม่มีการสมัครสมาชิกเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เช่นเดียวกับที่เคยเป็นมากว่า 10 ปี เขาย้ำว่าการตีความผิด ๆ เป็น “ข่าวปลอม” และจะให้เจ้าหน้าที่ปรับถ้อยคำให้ชัดเจนขึ้นในขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    รายละเอียดร่างกฎหมาย VPN เดนมาร์ก
    ห้ามใช้ VPN เพื่อเข้าถึงคอนเทนต์ที่ถูกบล็อกหรือเว็บไซต์ที่ถูกปิดกั้น
    อยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ (สิ้นสุด 9 ม.ค. 2026)
    มีผลบังคับใช้ 1 ก.ค. 2026 หากผ่าน

    เสียงวิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญ
    ถ้อยคำคลุมเครือ อาจกระทบการใช้งาน VPN ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
    ถูกมองว่าเป็นการจำกัดสิทธิ์ดิจิทัลและความเป็นส่วนตัว

    การชี้แจงจากรัฐบาล
    ยืนยันว่าไม่ได้ห้าม VPN โดยตรง
    เป้าหมายคือการป้องกันการสตรีมคอนเทนต์กีฬาโดยไม่จ่ายเงิน

    คำเตือนต่อผู้ใช้ VPN
    หากร่างกฎหมายไม่ถูกปรับแก้ อาจทำให้การใช้ VPN เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวเสี่ยงผิดกฎหมาย
    การเข้าถึงบริการที่ถูกต้องตามกฎหมายผ่าน VPN อาจถูกตีความผิดพลาด

    https://itsfoss.com/news/denmark-controversial-vpn-bill/
    🌐 เดนมาร์กกับร่างกฎหมาย VPN ที่เป็นข้อถกเถียง รัฐบาลเดนมาร์ก โดยกระทรวงวัฒนธรรม เสนอร่างกฎหมายที่มีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงกฎหมายลิขสิทธิ์ให้ “เป็นกลางทางเทคโนโลยี” โดยห้ามการใช้ VPN เพื่อเข้าถึงคอนเทนต์ที่ถูกบล็อกทางภูมิศาสตร์หรือเว็บไซต์ที่ถูกปิดกั้น ร่างนี้อยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะและจะสิ้นสุดในวันที่ 9 มกราคม 2026 หากผ่านการอนุมัติ จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2026 ⚖️ เสียงวิจารณ์และความกังวล นักวิชาการและนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิ์ดิจิทัลเตือนว่าถ้อยคำในร่างกฎหมายมีความคลุมเครือ อาจตีความได้ว่าการใช้ VPN ในเชิงปกติ เช่น การปกป้องความเป็นส่วนตัว หรือการเข้าถึงบริการที่ถูกต้องตามกฎหมาย อาจถูกจัดว่าเป็นการกระทำผิด ตัวอย่างเช่น Jesper Lund จาก IT-Politisk Forening ระบุว่าร่างนี้มี “กลิ่นอายแบบเผด็จการ” และไม่เคยมีประเทศใดออกกฎหมายห้ามใช้ VPN โดยตรงมาก่อน ขณะที่นักวิชาการกฎหมายจากมหาวิทยาลัย Syddansk ก็เห็นว่าร่างนี้ “เขียนกว้างเกินไป” และอาจเกินขอบเขตของการคุ้มครองลิขสิทธิ์ 🗣️ การชี้แจงจากรัฐบาล Jakob Engel-Schmidt รัฐมนตรีวัฒนธรรมของเดนมาร์กออกมาปฏิเสธเสียงวิจารณ์ โดยยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาจะทำให้ VPN เป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่ร่างนี้มีเป้าหมายเพียงเพื่อยืนยันว่า การสตรีมคอนเทนต์กีฬาโดยไม่จ่ายเงินหรือไม่มีการสมัครสมาชิกเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เช่นเดียวกับที่เคยเป็นมากว่า 10 ปี เขาย้ำว่าการตีความผิด ๆ เป็น “ข่าวปลอม” และจะให้เจ้าหน้าที่ปรับถ้อยคำให้ชัดเจนขึ้นในขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ รายละเอียดร่างกฎหมาย VPN เดนมาร์ก ➡️ ห้ามใช้ VPN เพื่อเข้าถึงคอนเทนต์ที่ถูกบล็อกหรือเว็บไซต์ที่ถูกปิดกั้น ➡️ อยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ (สิ้นสุด 9 ม.ค. 2026) ➡️ มีผลบังคับใช้ 1 ก.ค. 2026 หากผ่าน ✅ เสียงวิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญ ➡️ ถ้อยคำคลุมเครือ อาจกระทบการใช้งาน VPN ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ➡️ ถูกมองว่าเป็นการจำกัดสิทธิ์ดิจิทัลและความเป็นส่วนตัว ✅ การชี้แจงจากรัฐบาล ➡️ ยืนยันว่าไม่ได้ห้าม VPN โดยตรง ➡️ เป้าหมายคือการป้องกันการสตรีมคอนเทนต์กีฬาโดยไม่จ่ายเงิน ‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้ VPN ⛔ หากร่างกฎหมายไม่ถูกปรับแก้ อาจทำให้การใช้ VPN เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวเสี่ยงผิดกฎหมาย ⛔ การเข้าถึงบริการที่ถูกต้องตามกฎหมายผ่าน VPN อาจถูกตีความผิดพลาด https://itsfoss.com/news/denmark-controversial-vpn-bill/
    ITSFOSS.COM
    Is Denmark Really Banning VPNs? A Controversial Bill Has People Worried
    Proposed legislation would make it illegal to use VPNs for accessing geo-blocked content.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 77 มุมมอง 0 รีวิว
  • PayPal ยื่นขอใบอนุญาตธนาคารอุตสาหกรรม SMEs

    PayPal ไม่ต้องการเป็นเพียง “ตัวกลางโอนเงิน” อีกต่อไป บริษัทได้ยื่นขออนุญาตจัดตั้ง Industrial Bank ในรัฐ Utah และต่อ FDIC เพื่อให้สามารถทำธุรกิจธนาคารเต็มรูปแบบ ทั้งการรับฝากและปล่อยกู้โดยตรง การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความตั้งใจที่จะลดการพึ่งพาธนาคารคู่ค้า และเพิ่มกำไรจากการดำเนินงานทางการเงินโดยตรง

    จุดเปลี่ยนสำคัญ: SMEs และการเข้าถึงเงินทุน
    หนึ่งในเหตุผลหลักคือการช่วยเหลือ ธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SMEs) ที่มักประสบปัญหาเข้าถึงเงินทุนจากธนาคารดั้งเดิมที่มีมาตรฐานการปล่อยกู้เข้มงวด PayPal มองว่าตนเองมีข้อมูลเชิงลึกจากธุรกรรมของผู้ค้าออนไลน์และธุรกิจเล็ก ๆ ซึ่งสามารถใช้เป็นฐานในการประเมินเครดิตได้แม่นยำกว่า ทำให้การปล่อยกู้มีความเสี่ยงต่ำลงและสร้างผลตอบแทนสูงขึ้น

    มิติใหม่: การรองรับคริปโตและ Stablecoin
    นอกจากการปล่อยกู้ PayPal ยังวางแผนใช้ใบอนุญาตนี้เพื่อขยายการดำเนินงานด้าน คริปโตและ Stablecoin (PYUSD) ภายใต้กรอบกฎหมายที่ชัดเจน การมีสถานะเป็นธนาคารจะช่วยให้ PayPal จัดการการแปลงค่าเงิน Fiat-คริปโตได้อย่างปลอดภัย และลดความเสี่ยงจากการที่ธนาคารคู่ค้าปฏิเสธให้บริการอย่างกะทันหัน

    มุมมองเชิงกลยุทธ์
    การยื่นขอใบอนุญาตนี้ถูกมองว่าเป็น “Endgame” ของ Fintech เพราะจะทำให้ PayPal มีอิสระในการดำเนินงานทางการเงินมากขึ้น คล้ายกับที่ Block (Square) เคยทำสำเร็จมาก่อน อย่างไรก็ตาม หน่วยงานกำกับดูแลสหรัฐฯ มีท่าทีระมัดระวังต่อบริษัทเทคโนโลยีที่เข้าสู่ธุรกิจธนาคาร ทำให้การอนุมัติครั้งนี้เป็นบททดสอบสำคัญต่ออนาคตของการกำกับดูแลการเงินในสหรัฐฯ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    PayPal ยื่นขอใบอนุญาต Industrial Bank Charter
    ยื่นต่อรัฐ Utah และ FDIC
    เปลี่ยนจากแพลตฟอร์มโอนเงินเป็นธนาคารเต็มรูปแบบ

    เป้าหมายหลักคือ SMEs
    ลดข้อจำกัดจากธนาคารดั้งเดิม
    ใช้ข้อมูลธุรกรรมออนไลน์ในการประเมินเครดิต

    ขยายสู่คริปโตและ Stablecoin
    รองรับ PYUSD ภายใต้กรอบกฎหมาย
    ลดความเสี่ยงจากการถูกตัดบริการโดยธนาคารคู่ค้า

    ผลเชิงกลยุทธ์
    ลดต้นทุนการดำเนินงาน
    เพิ่มกำไรจากการปล่อยกู้และการจัดการข้อมูล

    คำเตือนและความเสี่ยง
    การอนุมัติขึ้นอยู่กับท่าทีระมัดระวังของหน่วยงานกำกับดูแลสหรัฐฯ
    หากถูกปฏิเสธ อาจกระทบต่อแผนการขยายธุรกิจและการลงทุนด้านคริปโต

    https://securityonline.info/fintech-endgame-paypal-applies-for-industrial-bank-charter-to-fund-smes-and-support-crypto/
    💳 PayPal ยื่นขอใบอนุญาตธนาคารอุตสาหกรรม SMEs PayPal ไม่ต้องการเป็นเพียง “ตัวกลางโอนเงิน” อีกต่อไป บริษัทได้ยื่นขออนุญาตจัดตั้ง Industrial Bank ในรัฐ Utah และต่อ FDIC เพื่อให้สามารถทำธุรกิจธนาคารเต็มรูปแบบ ทั้งการรับฝากและปล่อยกู้โดยตรง การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความตั้งใจที่จะลดการพึ่งพาธนาคารคู่ค้า และเพิ่มกำไรจากการดำเนินงานทางการเงินโดยตรง 🏦 จุดเปลี่ยนสำคัญ: SMEs และการเข้าถึงเงินทุน หนึ่งในเหตุผลหลักคือการช่วยเหลือ ธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SMEs) ที่มักประสบปัญหาเข้าถึงเงินทุนจากธนาคารดั้งเดิมที่มีมาตรฐานการปล่อยกู้เข้มงวด PayPal มองว่าตนเองมีข้อมูลเชิงลึกจากธุรกรรมของผู้ค้าออนไลน์และธุรกิจเล็ก ๆ ซึ่งสามารถใช้เป็นฐานในการประเมินเครดิตได้แม่นยำกว่า ทำให้การปล่อยกู้มีความเสี่ยงต่ำลงและสร้างผลตอบแทนสูงขึ้น 🪙 มิติใหม่: การรองรับคริปโตและ Stablecoin นอกจากการปล่อยกู้ PayPal ยังวางแผนใช้ใบอนุญาตนี้เพื่อขยายการดำเนินงานด้าน คริปโตและ Stablecoin (PYUSD) ภายใต้กรอบกฎหมายที่ชัดเจน การมีสถานะเป็นธนาคารจะช่วยให้ PayPal จัดการการแปลงค่าเงิน Fiat-คริปโตได้อย่างปลอดภัย และลดความเสี่ยงจากการที่ธนาคารคู่ค้าปฏิเสธให้บริการอย่างกะทันหัน 📊 มุมมองเชิงกลยุทธ์ การยื่นขอใบอนุญาตนี้ถูกมองว่าเป็น “Endgame” ของ Fintech เพราะจะทำให้ PayPal มีอิสระในการดำเนินงานทางการเงินมากขึ้น คล้ายกับที่ Block (Square) เคยทำสำเร็จมาก่อน อย่างไรก็ตาม หน่วยงานกำกับดูแลสหรัฐฯ มีท่าทีระมัดระวังต่อบริษัทเทคโนโลยีที่เข้าสู่ธุรกิจธนาคาร ทำให้การอนุมัติครั้งนี้เป็นบททดสอบสำคัญต่ออนาคตของการกำกับดูแลการเงินในสหรัฐฯ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ PayPal ยื่นขอใบอนุญาต Industrial Bank Charter ➡️ ยื่นต่อรัฐ Utah และ FDIC ➡️ เปลี่ยนจากแพลตฟอร์มโอนเงินเป็นธนาคารเต็มรูปแบบ ✅ เป้าหมายหลักคือ SMEs ➡️ ลดข้อจำกัดจากธนาคารดั้งเดิม ➡️ ใช้ข้อมูลธุรกรรมออนไลน์ในการประเมินเครดิต ✅ ขยายสู่คริปโตและ Stablecoin ➡️ รองรับ PYUSD ภายใต้กรอบกฎหมาย ➡️ ลดความเสี่ยงจากการถูกตัดบริการโดยธนาคารคู่ค้า ✅ ผลเชิงกลยุทธ์ ➡️ ลดต้นทุนการดำเนินงาน ➡️ เพิ่มกำไรจากการปล่อยกู้และการจัดการข้อมูล ‼️ คำเตือนและความเสี่ยง ⛔ การอนุมัติขึ้นอยู่กับท่าทีระมัดระวังของหน่วยงานกำกับดูแลสหรัฐฯ ⛔ หากถูกปฏิเสธ อาจกระทบต่อแผนการขยายธุรกิจและการลงทุนด้านคริปโต https://securityonline.info/fintech-endgame-paypal-applies-for-industrial-bank-charter-to-fund-smes-and-support-crypto/
    SECURITYONLINE.INFO
    Fintech Endgame: PayPal Applies for Industrial Bank Charter to Fund SMEs and Support Crypto
    PayPal seeks an industrial bank charter in Utah to cut reliance on partners, fund small businesses directly, and consolidate its growing cryptocurrency and PYUSD stablecoin operations.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ปิดบริการ Dark Web Report กุมภาพันธ์ 2026

    Google ประกาศยุติบริการ Dark Web Report ที่เคยช่วยผู้ใช้ตรวจสอบว่าข้อมูลส่วนตัว เช่น อีเมล เบอร์โทร หรือที่อยู่ ปรากฏอยู่ในตลาดมืดหรือไม่ บริการนี้เปิดตัวครั้งแรกปี 2023 และขยายให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงได้ในปี 2024 แต่จะหยุดการสแกนข้อมูลใหม่ตั้งแต่ 15 มกราคม 2026 และปิดถาวรใน 16 กุมภาพันธ์ 2026 พร้อมลบข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดออกจากระบบ

    สาเหตุหลักคือ ข้อจำกัดของบริการ ที่แม้จะแจ้งเตือนผู้ใช้เมื่อพบข้อมูลรั่วไหล แต่กลับไม่สามารถบอกวิธีแก้ไขที่ชัดเจนได้ เช่น เมื่อมีการแจ้งว่า “เบอร์โทรถูกพบใน Dark Web” ผู้ใช้กลับไม่รู้ว่าควรทำอะไรต่อ ทำให้เกิดความกังวลมากกว่าการแก้ปัญหา Google จึงเลือกหันไปลงทุนในเครื่องมือที่ให้การป้องกันเชิงรุกและมีขั้นตอนแก้ไขที่ชัดเจนกว่า

    หลังการยุติบริการ Google แนะนำให้ผู้ใช้หันไปใช้เครื่องมืออื่น ๆ เช่น Google Password Manager ที่ตรวจสอบรหัสผ่านที่ถูกเจาะ, Security Checkup ที่รีวิวกิจกรรมการเข้าสู่ระบบ, Passkeys ที่ช่วยยืนยันตัวตนแบบปลอดภัย และ Results about you ที่ช่วยลบข้อมูลส่วนตัวออกจากผลการค้นหา Google Search ซึ่งทั้งหมดนี้ให้การป้องกันที่เป็นรูปธรรมมากกว่าเพียงการแจ้งเตือน

    นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังชี้ว่าแม้ Google จะปิดบริการ แต่ผู้ใช้ยังสามารถใช้บริการภายนอก เช่น Have I Been Pwned, Bitwarden, 1Password หรือ Mozilla Monitor Plus ที่ยังคงให้การตรวจสอบข้อมูลรั่วไหลบน Dark Web ได้อย่างต่อเนื่อง ถือเป็นทางเลือกสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการติดตามความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวอย่างจริงจัง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    กำหนดการปิดบริการ Dark Web Report
    หยุดสแกนข้อมูลใหม่: 15 มกราคม 2026
    ปิดถาวรและลบข้อมูลทั้งหมด: 16 กุมภาพันธ์ 2026

    เหตุผลที่ยุติบริการ
    แจ้งเตือนทั่วไปแต่ไม่ให้แนวทางแก้ไขที่ชัดเจน
    สร้างความกังวลมากกว่าการแก้ปัญหา

    เครื่องมือที่ Google แนะนำแทน
    Google Password Manager – ตรวจสอบรหัสผ่านที่ถูกเจาะ
    Security Checkup – ตรวจสอบกิจกรรมการเข้าสู่ระบบ
    Passkeys – ระบบยืนยันตัวตนที่ปลอดภัย
    Results about you – ลบข้อมูลส่วนตัวจาก Google Search

    บริการทางเลือกจากภายนอก
    Have I Been Pwned – ตรวจสอบอีเมลที่ถูกเจาะ
    Bitwarden, 1Password, Mozilla Monitor Plus – ให้บริการตรวจสอบข้อมูลรั่วไหล

    คำเตือนต่อผู้ใช้
    หากไม่ลบข้อมูลโปรไฟล์ก่อนกำหนด ข้อมูลจะถูกลบโดยอัตโนมัติ 16 กุมภาพันธ์ 2026
    การพึ่งพาเพียงการแจ้งเตือนโดยไม่มีการป้องกันเชิงรุก อาจทำให้เสี่ยงต่อการโจมตีไซเบอร์มากขึ้น
    🛡️ Google ปิดบริการ Dark Web Report กุมภาพันธ์ 2026 Google ประกาศยุติบริการ Dark Web Report ที่เคยช่วยผู้ใช้ตรวจสอบว่าข้อมูลส่วนตัว เช่น อีเมล เบอร์โทร หรือที่อยู่ ปรากฏอยู่ในตลาดมืดหรือไม่ บริการนี้เปิดตัวครั้งแรกปี 2023 และขยายให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงได้ในปี 2024 แต่จะหยุดการสแกนข้อมูลใหม่ตั้งแต่ 15 มกราคม 2026 และปิดถาวรใน 16 กุมภาพันธ์ 2026 พร้อมลบข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดออกจากระบบ สาเหตุหลักคือ ข้อจำกัดของบริการ ที่แม้จะแจ้งเตือนผู้ใช้เมื่อพบข้อมูลรั่วไหล แต่กลับไม่สามารถบอกวิธีแก้ไขที่ชัดเจนได้ เช่น เมื่อมีการแจ้งว่า “เบอร์โทรถูกพบใน Dark Web” ผู้ใช้กลับไม่รู้ว่าควรทำอะไรต่อ ทำให้เกิดความกังวลมากกว่าการแก้ปัญหา Google จึงเลือกหันไปลงทุนในเครื่องมือที่ให้การป้องกันเชิงรุกและมีขั้นตอนแก้ไขที่ชัดเจนกว่า หลังการยุติบริการ Google แนะนำให้ผู้ใช้หันไปใช้เครื่องมืออื่น ๆ เช่น Google Password Manager ที่ตรวจสอบรหัสผ่านที่ถูกเจาะ, Security Checkup ที่รีวิวกิจกรรมการเข้าสู่ระบบ, Passkeys ที่ช่วยยืนยันตัวตนแบบปลอดภัย และ Results about you ที่ช่วยลบข้อมูลส่วนตัวออกจากผลการค้นหา Google Search ซึ่งทั้งหมดนี้ให้การป้องกันที่เป็นรูปธรรมมากกว่าเพียงการแจ้งเตือน นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังชี้ว่าแม้ Google จะปิดบริการ แต่ผู้ใช้ยังสามารถใช้บริการภายนอก เช่น Have I Been Pwned, Bitwarden, 1Password หรือ Mozilla Monitor Plus ที่ยังคงให้การตรวจสอบข้อมูลรั่วไหลบน Dark Web ได้อย่างต่อเนื่อง ถือเป็นทางเลือกสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการติดตามความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวอย่างจริงจัง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ กำหนดการปิดบริการ Dark Web Report ➡️ หยุดสแกนข้อมูลใหม่: 15 มกราคม 2026 ➡️ ปิดถาวรและลบข้อมูลทั้งหมด: 16 กุมภาพันธ์ 2026 ✅ เหตุผลที่ยุติบริการ ➡️ แจ้งเตือนทั่วไปแต่ไม่ให้แนวทางแก้ไขที่ชัดเจน ➡️ สร้างความกังวลมากกว่าการแก้ปัญหา ✅ เครื่องมือที่ Google แนะนำแทน ➡️ Google Password Manager – ตรวจสอบรหัสผ่านที่ถูกเจาะ ➡️ Security Checkup – ตรวจสอบกิจกรรมการเข้าสู่ระบบ ➡️ Passkeys – ระบบยืนยันตัวตนที่ปลอดภัย ➡️ Results about you – ลบข้อมูลส่วนตัวจาก Google Search ✅ บริการทางเลือกจากภายนอก ➡️ Have I Been Pwned – ตรวจสอบอีเมลที่ถูกเจาะ ➡️ Bitwarden, 1Password, Mozilla Monitor Plus – ให้บริการตรวจสอบข้อมูลรั่วไหล ‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้ ⛔ หากไม่ลบข้อมูลโปรไฟล์ก่อนกำหนด ข้อมูลจะถูกลบโดยอัตโนมัติ 16 กุมภาพันธ์ 2026 ⛔ การพึ่งพาเพียงการแจ้งเตือนโดยไม่มีการป้องกันเชิงรุก อาจทำให้เสี่ยงต่อการโจมตีไซเบอร์มากขึ้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปาดังเบซาร์-JB Sentral นั่งรถไฟยาวๆ จากไทยไปยะโฮร์

    เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. การรถไฟมาเลเซีย (KTM Berhad) ประกาศว่าจะเปิดเดินรถไฟ ETS เพิ่มเติมตามตารางเดินรถใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2569 ได้แก่ เส้นทาง KL Sentral - JB Sentral ระหว่างกรุงกัวลาลัมเปอร์ กับเมืองยะโฮร์บาห์รู รัฐยะโฮร์ จากเดิมให้บริการวันละ 2 ขบวน เพิ่มเป็นวันละ 4 ขบวน ไป-กลับรวมวันละ 8 ขบวน รวมทั้งเส้นทางปาดังเบซาร์ (Padang Besar) ใกล้ชายแดนไทย-มาเลเซีย จากเดิมสิ้นสุดที่สถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ ได้ขยายการเดินรถไปถึงสถานี JB Sentral ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง 30 นาที

    โดยรถไฟจากปาดังเบซาร์ ไป JB Sentral ได้แก่ ขบวนที่ EG9449 ออกจากสถานีปาดังเบซาร์ 12.05 น. (หรือ 11.05 น. ตามเวลาประเทศไทย) ผ่านสถานี KL Sentral เวลา 17.50 น. ถึงปลายทาง JB Sentral เวลา 22.30 น.

    สำหรับผู้ที่มาจากประเทศไทย เพื่อไปยังขบวนดังกล่าว มีขบวนรถด่วนพิเศษที่ 45 กรุงเทพอภิวัฒน์-ปาดังเบซาร์ ออกจากกรุงเทพฯ เมื่อวานนี้ เวลา 16.10 น. ถึงสถานีปาดังเบซาร์ 07.59 น. (08.59 น. เวลามาเลเซีย) นอกจากนี้ ยังมีขบวนรถพิเศษโดยสารที่ 947 ชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ออกจากต้นทางเวลา 08.55 น. ถึงสถานีปาดังเบซาร์ 09.40 น. (10.40 น. เวลามาเลเซีย) แต่ถ้าเร็วกว่านั้นใช้บริการรถตู้จากสถานีขนส่งผู้โดยสารหาดใหญ่ ถึงหน้าด่านปาดังเบซาร์ ประทับตราหนังสือเดินทางแล้วขึ้นสะพานลอยมายังตัวสถานีได้ทันที

    ส่วนผู้ที่จะไปประเทศสิงคโปร์ด้วยรถไฟชัตเติลเตบราว (Shuttle Tebrau) เนื่องจากเที่ยวสุดท้าย 22.45 น. จึงคาดว่าไม่ทันเพราะต้องเผื่อเวลาอย่างน้อย 30 นาทีก่อนรถออก อาจต้องค้างคืนที่ยะโฮร์บาห์รู หรือเรียกแท็กซี่ข้ามแดนซึ่งเสียค่าใช้จ่ายสูงมาก

    ส่วนเที่ยวกลับ ขบวนที่ EG9442 ออกจากสถานี JB Sentral เวลา 07.35 น. ผ่านสถานี KL Sentral เวลา 12.16 น. ถึงปลายทางปาดังเบซาร์ 17.53 น. (หรือ 16.53 น. ตามเวลาประเทศไทย) ซึ่งไม่ทันขบวนรถพิเศษโดยสารที่ 950 ปาดังเบซาร์-ชุมทางหาดใหญ่ รถออกเวลา 15.40 น. และรถตู้ประจำทางไปหาดใหญ่ ออกจากปาดังเบซาร์ 17.30 น. จำเป็นต้องนั่งรถตู้ป้ายดำ ค่าโดยสาร 30 ริงกิต

    สำหรับขบวนรถไฟ ETS ระหว่างสถานี KL Sentral ถึง JB Sentral แบ่งเป็นดังนี้

    จาก KL Sentral ถึง JB Sentral

    EP9523 ออก 07.55 ถึง 12.15 น.
    EP9531 ออก 15.15 ถึง 19.35 น.
    EP9533 ออก 17.35 ถึง 21.55 น.
    EP9537 ออก 21.10 ถึง 01.30 น.

    จาก JB Sentral ถึง KL Sentral

    EP9524 ออก 08.40 ถึง 13.00 น.
    EP9528 ออก 12.45 ถึง 17.05 น.
    EP9532 ออก 16.20 ถึง 20.40 น.
    EP9536 ออก 20.30 ถึง 00.50 น.

    #Newskit
    ปาดังเบซาร์-JB Sentral นั่งรถไฟยาวๆ จากไทยไปยะโฮร์ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. การรถไฟมาเลเซีย (KTM Berhad) ประกาศว่าจะเปิดเดินรถไฟ ETS เพิ่มเติมตามตารางเดินรถใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2569 ได้แก่ เส้นทาง KL Sentral - JB Sentral ระหว่างกรุงกัวลาลัมเปอร์ กับเมืองยะโฮร์บาห์รู รัฐยะโฮร์ จากเดิมให้บริการวันละ 2 ขบวน เพิ่มเป็นวันละ 4 ขบวน ไป-กลับรวมวันละ 8 ขบวน รวมทั้งเส้นทางปาดังเบซาร์ (Padang Besar) ใกล้ชายแดนไทย-มาเลเซีย จากเดิมสิ้นสุดที่สถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ ได้ขยายการเดินรถไปถึงสถานี JB Sentral ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง 30 นาที โดยรถไฟจากปาดังเบซาร์ ไป JB Sentral ได้แก่ ขบวนที่ EG9449 ออกจากสถานีปาดังเบซาร์ 12.05 น. (หรือ 11.05 น. ตามเวลาประเทศไทย) ผ่านสถานี KL Sentral เวลา 17.50 น. ถึงปลายทาง JB Sentral เวลา 22.30 น. สำหรับผู้ที่มาจากประเทศไทย เพื่อไปยังขบวนดังกล่าว มีขบวนรถด่วนพิเศษที่ 45 กรุงเทพอภิวัฒน์-ปาดังเบซาร์ ออกจากกรุงเทพฯ เมื่อวานนี้ เวลา 16.10 น. ถึงสถานีปาดังเบซาร์ 07.59 น. (08.59 น. เวลามาเลเซีย) นอกจากนี้ ยังมีขบวนรถพิเศษโดยสารที่ 947 ชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ออกจากต้นทางเวลา 08.55 น. ถึงสถานีปาดังเบซาร์ 09.40 น. (10.40 น. เวลามาเลเซีย) แต่ถ้าเร็วกว่านั้นใช้บริการรถตู้จากสถานีขนส่งผู้โดยสารหาดใหญ่ ถึงหน้าด่านปาดังเบซาร์ ประทับตราหนังสือเดินทางแล้วขึ้นสะพานลอยมายังตัวสถานีได้ทันที ส่วนผู้ที่จะไปประเทศสิงคโปร์ด้วยรถไฟชัตเติลเตบราว (Shuttle Tebrau) เนื่องจากเที่ยวสุดท้าย 22.45 น. จึงคาดว่าไม่ทันเพราะต้องเผื่อเวลาอย่างน้อย 30 นาทีก่อนรถออก อาจต้องค้างคืนที่ยะโฮร์บาห์รู หรือเรียกแท็กซี่ข้ามแดนซึ่งเสียค่าใช้จ่ายสูงมาก ส่วนเที่ยวกลับ ขบวนที่ EG9442 ออกจากสถานี JB Sentral เวลา 07.35 น. ผ่านสถานี KL Sentral เวลา 12.16 น. ถึงปลายทางปาดังเบซาร์ 17.53 น. (หรือ 16.53 น. ตามเวลาประเทศไทย) ซึ่งไม่ทันขบวนรถพิเศษโดยสารที่ 950 ปาดังเบซาร์-ชุมทางหาดใหญ่ รถออกเวลา 15.40 น. และรถตู้ประจำทางไปหาดใหญ่ ออกจากปาดังเบซาร์ 17.30 น. จำเป็นต้องนั่งรถตู้ป้ายดำ ค่าโดยสาร 30 ริงกิต สำหรับขบวนรถไฟ ETS ระหว่างสถานี KL Sentral ถึง JB Sentral แบ่งเป็นดังนี้ จาก KL Sentral ถึง JB Sentral EP9523 ออก 07.55 ถึง 12.15 น. EP9531 ออก 15.15 ถึง 19.35 น. EP9533 ออก 17.35 ถึง 21.55 น. EP9537 ออก 21.10 ถึง 01.30 น. จาก JB Sentral ถึง KL Sentral EP9524 ออก 08.40 ถึง 13.00 น. EP9528 ออก 12.45 ถึง 17.05 น. EP9532 ออก 16.20 ถึง 20.40 น. EP9536 ออก 20.30 ถึง 00.50 น. #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว
  • แห่ร้องยี้ Trip.com จับมือกัมพูชาไม่บอกกล่าว

    แพลตฟอร์มออนไลน์ทราเวลเอเจนซี (OTA) สัญชาติจีนอย่าง Trip.com ซึ่งมีผู้ใช้งานกว่า 400 ล้านคนทั่วโลก ครองตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ 60-70% และมีแพลตฟอร์มเทียบราคาตั๋วเครื่องบินในเครืออย่าง Skyscanner กำลังเกิดวิกฤตศรัทธาอย่างหนักทั้งในจีนและประเทศไทย เมื่อการท่องเที่ยวแห่งชาติกัมพูชา นำโดยนายคิม มีเนีย (Kim Minea) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านการตลาดและดิจิทัลกับ Trip.com โดยมีนายเฉิน กว่านฉี (Chen Guanqi) รองประธานบริษัทฯ เป็นผู้แทน เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา

    ก่อนหน้านี้ ผู้บริหาร Trip.com อย่างนางเจน ซัน (Jane Sun) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไปพบปะนอกรอบกับ นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2567 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างการประชุมเวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรัม 2024 เพื่อแสวงหาความร่วมมือ ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนกัมพูชามากขึ้น นอกจากนี้ สายการบินแห่งชาติอย่าง แคมโบเดียอังกอร์แอร์ ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับ Trip.com เพื่อจัดตั้งบริการสนามบินอัจฉริยะ ที่สนามบินเสียมราฐ-อังกอร์อีกด้วย

    หลังชาวจีนทราบข่าวผ่านโซเชียลมีเดีย ต่างกังวลถึงข้อมูลเชิงลึกของผู้ใช้งาน อาจถูกนำไปออกแบบแคมเปญและผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวสำหรับกัมพูชา ยิ่งที่ผ่านมาประเทศกัมพูชา ถูกมองว่าเป็นแหล่งอาชญากรรมข้ามชาติ ขบวนการสแกมเมอร์ และคอลเซ็นเตอร์ผิดกฎหมาย เคยมีชาวจีนเคยตกเป็นเหยื่อมากมาย เมื่อ Trip.com เดินหน้าความร่วมมือเชิงลึกกับกัมพูชา โดยไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน เกี่ยวกับมาตรการคุ้มครองข้อมูลแก่ผู้ใช้งาน ทำให้มีผู้ใช้งานในจีนจำนวนมากต่างลบบัญชีผู้ใช้งาน และลบแอปพลิเคชัน เพื่อแสดงจุดยืนไม่ยอมรับความร่วมมือดังกล่าว

    ส่วนประเทศไทย นอกจากความกังวลถึงข้อมูลส่วนบุคคลจะตกไปอยู่ในมือกัมพูชาแล้ว กระแสชาตินิยมต่อต้านกัมพูชาทำสงครามกับไทย และมีทหารไทย รวมทั้งพลเรือนไทยสูญเสียเลือดเนื้อและชีวิต เมื่อทราบข่าวนี้ก็ทำให้ผู้ใช้งานในไทยจำนวนมากต่างลบบัญชีผู้ใช้งาน และลบแอปพลิเคชันตามมาอีกด้วย

    ร้อนถึง Trip.com Group ต้องออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า การลงนามดังกล่าวเป็นเพียงความร่วมมือโปรโมทการท่องเที่ยวบนแพลตฟอร์ม Ctrip ในประเทศจีนเท่านั้น ซึ่งได้ตกลงความร่วมมือร่วมกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย อีกทั้งความร่วมมือดังกล่าวจำกัดขอบเขตอย่างเคร่งครัด เฉพาะการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวและนำเสนอจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเพื่อรองรับความต้องการของตลาดเท่านั้น ไม่มีการแบ่งปันหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลผู้ใช้ใดๆ ทั้งสิ้น

    #Newskit
    แห่ร้องยี้ Trip.com จับมือกัมพูชาไม่บอกกล่าว แพลตฟอร์มออนไลน์ทราเวลเอเจนซี (OTA) สัญชาติจีนอย่าง Trip.com ซึ่งมีผู้ใช้งานกว่า 400 ล้านคนทั่วโลก ครองตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ 60-70% และมีแพลตฟอร์มเทียบราคาตั๋วเครื่องบินในเครืออย่าง Skyscanner กำลังเกิดวิกฤตศรัทธาอย่างหนักทั้งในจีนและประเทศไทย เมื่อการท่องเที่ยวแห่งชาติกัมพูชา นำโดยนายคิม มีเนีย (Kim Minea) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านการตลาดและดิจิทัลกับ Trip.com โดยมีนายเฉิน กว่านฉี (Chen Guanqi) รองประธานบริษัทฯ เป็นผู้แทน เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ ผู้บริหาร Trip.com อย่างนางเจน ซัน (Jane Sun) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไปพบปะนอกรอบกับ นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2567 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างการประชุมเวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรัม 2024 เพื่อแสวงหาความร่วมมือ ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนกัมพูชามากขึ้น นอกจากนี้ สายการบินแห่งชาติอย่าง แคมโบเดียอังกอร์แอร์ ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับ Trip.com เพื่อจัดตั้งบริการสนามบินอัจฉริยะ ที่สนามบินเสียมราฐ-อังกอร์อีกด้วย หลังชาวจีนทราบข่าวผ่านโซเชียลมีเดีย ต่างกังวลถึงข้อมูลเชิงลึกของผู้ใช้งาน อาจถูกนำไปออกแบบแคมเปญและผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวสำหรับกัมพูชา ยิ่งที่ผ่านมาประเทศกัมพูชา ถูกมองว่าเป็นแหล่งอาชญากรรมข้ามชาติ ขบวนการสแกมเมอร์ และคอลเซ็นเตอร์ผิดกฎหมาย เคยมีชาวจีนเคยตกเป็นเหยื่อมากมาย เมื่อ Trip.com เดินหน้าความร่วมมือเชิงลึกกับกัมพูชา โดยไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน เกี่ยวกับมาตรการคุ้มครองข้อมูลแก่ผู้ใช้งาน ทำให้มีผู้ใช้งานในจีนจำนวนมากต่างลบบัญชีผู้ใช้งาน และลบแอปพลิเคชัน เพื่อแสดงจุดยืนไม่ยอมรับความร่วมมือดังกล่าว ส่วนประเทศไทย นอกจากความกังวลถึงข้อมูลส่วนบุคคลจะตกไปอยู่ในมือกัมพูชาแล้ว กระแสชาตินิยมต่อต้านกัมพูชาทำสงครามกับไทย และมีทหารไทย รวมทั้งพลเรือนไทยสูญเสียเลือดเนื้อและชีวิต เมื่อทราบข่าวนี้ก็ทำให้ผู้ใช้งานในไทยจำนวนมากต่างลบบัญชีผู้ใช้งาน และลบแอปพลิเคชันตามมาอีกด้วย ร้อนถึง Trip.com Group ต้องออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า การลงนามดังกล่าวเป็นเพียงความร่วมมือโปรโมทการท่องเที่ยวบนแพลตฟอร์ม Ctrip ในประเทศจีนเท่านั้น ซึ่งได้ตกลงความร่วมมือร่วมกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย อีกทั้งความร่วมมือดังกล่าวจำกัดขอบเขตอย่างเคร่งครัด เฉพาะการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวและนำเสนอจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเพื่อรองรับความต้องการของตลาดเท่านั้น ไม่มีการแบ่งปันหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลผู้ใช้ใดๆ ทั้งสิ้น #Newskit
    Haha
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 151 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🩷 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🩷

    #รวมข่าวIT #20251216 #securityonline

    วิกฤติช่องโหว่ FortiGate SSO ถูกโจมตีจริง
    ช่วงนี้ผู้ดูแลระบบ Fortinet ต้องเผชิญกับสถานการณ์ร้อนแรง เมื่อมีการเปิดเผยช่องโหว่ร้ายแรงสองรายการในระบบ FortiGate และเพียงไม่กี่วันหลังจากนั้นก็ถูกโจมตีจริงทันที แฮกเกอร์ใช้วิธีเจาะผ่านระบบ Single Sign-On (SSO) โดยส่งข้อความ SAML ที่ถูกปรับแต่ง ทำให้สามารถล็อกอินเป็นผู้ดูแลได้โดยไม่ต้องมีรหัสผ่าน เมื่อเข้ามาแล้วพวกเขาจะรีบขโมยการตั้งค่าระบบไฟร์วอลล์ออกไป ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มักมีรหัสผ่านที่ถูกเข้ารหัสของผู้ใช้ VPN และบัญชีอื่น ๆ จุดอันตรายคือการตั้งค่า FortiCloud SSO ที่แม้จะถูกปิดไว้ในค่าเริ่มต้น แต่เมื่อผู้ดูแลลงทะเบียนอุปกรณ์ผ่าน GUI มันจะถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติหากไม่ได้ปิดเอง ทำให้หลายระบบเสี่ยงทันที นักวิจัยแนะนำให้รีบอัปเดตเวอร์ชันล่าสุดหรือปิดฟีเจอร์นี้ผ่าน CLI เพื่อป้องกันการโจมตี
    https://securityonline.info/critical-fortigate-sso-flaw-under-active-exploitation-attackers-bypass-auth-and-exfiltrate-configs

    Apple ยอม EU: iOS 26.3 ส่งต่อการแจ้งเตือนให้สมาร์ทวอชแบรนด์อื่น
    ใน iOS 26.3 เบต้า Apple เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ชื่อ Notification Forwarding ที่ให้ iPhone ส่งต่อการแจ้งเตือนไปยังอุปกรณ์สวมใส่จากแบรนด์อื่นได้โดยตรง ไม่จำกัดแค่ Apple Watch อีกต่อไป ฟีเจอร์นี้เปิดใช้เฉพาะในสหภาพยุโรป เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย Digital Markets Act ที่บังคับให้ Apple เปิดโอกาสให้สมาร์ทวอชจากค่ายอื่นเข้าถึงฟังก์ชันที่เคยสงวนไว้ การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะให้แอปใดส่งการแจ้งเตือนออกไป และลดความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวที่เกิดจากการที่อุปกรณ์อื่นต้องเข้าถึงการแจ้งเตือนทั้งหมดแบบครอบคลุม ถือเป็นการปรับตัวครั้งสำคัญของ Apple เพื่อหลีกเลี่ยงบทลงโทษจาก EU
    https://securityonline.info/eu-compliance-ios-26-3-adds-notification-forwarding-to-third-party-wearables-bypassing-apple-watch

    Windows 10 อัปเดต KB5071546 ทำ MSMQ ใช้งานไม่ได้
    Microsoft ยืนยันแล้วว่าการติดตั้งอัปเดต KB5071546 บน Windows 10 ทำให้บริการ Microsoft Message Queuing (MSMQ) ล้มเหลว MSMQ เป็นระบบที่ใช้ในองค์กรเพื่อจัดการข้อความระหว่างแอปพลิเคชัน หากมันหยุดทำงาน งานเบื้องหลังที่ต้องพึ่งพาคิวข้อความก็จะหยุดตามทันที ส่งผลให้เว็บไซต์หรือแอปที่รันบน IIS ไม่สามารถทำงานได้ สาเหตุคือการเปลี่ยนแปลงสิทธิ์การเขียนไฟล์ในโฟลเดอร์จัดเก็บข้อความ ทำให้บัญชีที่ใช้ MSMQ ไม่มีสิทธิ์เพียงพอ แม้จะรีสตาร์ทหรือรีบูตเซิร์ฟเวอร์ก็ไม่ช่วยแก้ปัญหา ทางออกเดียวตอนนี้คือถอนการติดตั้งอัปเดตแล้วรอ Microsoft ปล่อยแพตช์แก้ไขในเดือนถัดไป
    https://securityonline.info/enterprise-alert-windows-10-update-kb5071546-breaks-msmq-service-with-insufficient-permissions

    ช่องโหว่ ScreenConnect เสี่ยงติดตั้งส่วนขยายไม่ปลอดภัย
    ConnectWise ออกแพตช์ใหม่สำหรับ ScreenConnect หลังพบช่องโหว่ CVE-2025-14265 ที่มีความรุนแรงสูงถึง 9.1 ช่องโหว่นี้อาจทำให้ผู้ที่มีสิทธิ์ระดับผู้ดูแลเข้าถึงข้อมูลการตั้งค่าหรือบังคับติดตั้งส่วนขยายที่ไม่น่าเชื่อถือได้ แม้จะไม่ใช่การเปิดช่องให้โจมตีจากภายนอกโดยตรง แต่หากบัญชีผู้ดูแลถูกเจาะก็อันตรายทันที แพตช์เวอร์ชัน 25.8 ได้เพิ่มการตรวจสอบความถูกต้องของส่วนขยายและเสริมความปลอดภัยของเซิร์ฟเวอร์ สำหรับผู้ใช้ระบบคลาวด์ไม่ต้องทำอะไรเพราะถูกแก้ไขแล้ว แต่ผู้ที่ติดตั้งเองในองค์กรต้องรีบอัปเดตด้วยตนเอง
    https://securityonline.info/critical-screenconnect-flaw-cvss-9-1-risks-config-exposure-untrusted-extension-installation

    OpenShift GitOps ช่องโหว่ยกระดับสิทธิ์จนยึดคลัสเตอร์ได้
    Red Hat OpenShift GitOps ถูกพบช่องโหว่ CVE-2025-13888 ที่ร้ายแรงมาก ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์เพียงระดับ namespace admin สามารถใช้ ArgoCD Custom Resources เพื่อยกระดับสิทธิ์จนเข้าถึงทั้งคลัสเตอร์ได้ วิธีการคือการแก้ไขค่า sourceNamespaces ใน CR ให้ชี้ไปยัง namespace ที่มีสิทธิ์สูง เช่น default จากนั้นระบบจะสร้าง RoleBinding และ Role ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีรันงานที่มีสิทธิ์สูงสุดบน master node ได้ทันที เท่ากับว่าสามารถยึดครองคลัสเตอร์ Kubernetes ได้โดยสมบูรณ์ ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดตแพตช์ล่าสุดและจำกัดสิทธิ์การสร้าง ArgoCD CR ให้เฉพาะผู้ดูแลที่เชื่อถือได้
    https://securityonline.info/critical-openshift-gitops-flaw-risks-cluster-takeover-cve-2025-13888-via-privilege-escalation-to-root

    Phantom Stealer โจมตีการเงินรัสเซียผ่านไฟล์ ISO
    เรื่องนี้เป็นการโจมตีที่ซับซ้อนมาก แฮกเกอร์ใช้วิธีส่งอีเมลปลอมที่ดูเหมือนเป็นการยืนยันการโอนเงินจากบริษัทการเงินจริงๆ เพื่อหลอกให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินเปิดไฟล์แนบที่เป็นไฟล์ ISO เมื่อเปิดแล้วจะมีโปรแกรมแฝงที่ชื่อ Phantom Stealer ทำงานทันที มันสามารถขโมยข้อมูลได้หลายอย่าง ทั้งรหัสผ่านในเบราว์เซอร์ ข้อมูลบัตรเครดิต ข้อมูลกระเป๋าเงินดิจิทัล รวมถึงดักจับการพิมพ์คีย์บอร์ดทุกครั้งที่เหยื่อกด Phantom Stealer ยังมีระบบป้องกันตัวเองจากการตรวจสอบ ถ้ารู้ว่ากำลังถูกนักวิจัยจับตามันจะลบตัวเองทันที การโจมตีนี้ถือเป็นการเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ที่ใช้ไฟล์ ISO เพื่อหลบเลี่ยงระบบป้องกัน ทำให้เสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลทางการเงินอย่างมาก
    https://securityonline.info/phantom-stealer-targets-russian-finance-with-iso-phishing-deploying-keyloggers-and-crypto-wallet-theft

    Frogblight มัลแวร์ Android ปลอมเป็นแอปภาครัฐในตุรกี
    มัลแวร์ตัวใหม่ชื่อ Frogblight ถูกค้นพบว่ากำลังแพร่ระบาดในตุรกี โดยมันปลอมตัวเป็นแอปพลิเคชันของรัฐบาลที่ใช้ดูข้อมูลคดีความ ผู้ใช้จะได้รับ SMS หลอกว่ามีคดีความและต้องดาวน์โหลดแอปเพื่อดูรายละเอียด เมื่อดาวน์โหลดมาแล้ว แอปจะขอสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลหลายอย่าง เช่น SMS รายชื่อผู้ติดต่อ และไฟล์ในเครื่อง จากนั้นมันจะเปิดหน้าเว็บจริงของรัฐบาลเพื่อให้ผู้ใช้ตายใจ แต่เบื้องหลังมันจะดักข้อมูลการเข้าสู่ระบบธนาคารและส่งไปยังผู้โจมตี Frogblight ยังมีฟังก์ชันสอดแนมอื่นๆ เช่นเก็บข้อมูลแอปที่ติดตั้งและไฟล์ในเครื่อง นักวิจัยพบว่ามันถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องและอาจถูกนำไปใช้ในรูปแบบบริการให้เช่าแก่แฮกเกอร์รายอื่น ทำให้ภัยนี้มีโอกาสแพร่กระจายไปนอกตุรกีได้ในอนาคต
    https://securityonline.info/frogblight-android-banking-trojan-targets-turkey-via-fake-e-gov-smishing-and-webview

    ช่องโหว่ macOS LPE กลับมาอีกครั้ง
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่าช่องโหว่เก่าใน macOS ที่เคยรายงานตั้งแต่ปี 2018 ยังไม่ถูกแก้ไขอย่างสมบูรณ์ แม้ Apple จะพยายามอุดหลายครั้ง ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการติดตั้งแอปที่ต้องใช้สิทธิ์ root โดยหากมีแอปปลอมถูกวางไว้ในโฟลเดอร์ Applications ก่อน แอปจริงจะถูกติดตั้งเข้าไปในโฟลเดอร์พิเศษชื่อ .localized ทำให้ระบบเข้าใจผิดและไปเรียกใช้แอปปลอมแทน ผลคือผู้โจมตีสามารถรันโค้ดในสิทธิ์ root ได้ทันที ถือเป็นการเจาะระบบที่อันตรายมาก นักวิจัยย้ำว่าปัญหานี้ยังคงอยู่และต้องการการแก้ไขที่จริงจังจาก Apple เพื่อป้องกันการโจมตีในอนาคต
    https://securityonline.info/macos-lpe-flaw-resurfaces-localized-directory-exploited-to-hijack-installers-and-gain-root-access

    มัลแวร์ NuGet แฝงตัว 5 ปี ขโมยกระเป๋าเงินคริปโต
    มีการค้นพบแพ็กเกจ NuGet ปลอมชื่อ Tracer.Fody.NLog ที่ถูกปล่อยให้ดาวน์โหลดตั้งแต่ปี 2020 และอยู่รอดมาได้กว่า 5 ปีโดยไม่ถูกตรวจจับ มันปลอมตัวเป็นเครื่องมือ .NET ที่ใช้บันทึก log แต่จริงๆ แล้วมีโค้ดแฝงที่ใช้เทคนิคพิเศษ เช่นการใช้ตัวอักษร Cyrillic ที่หน้าตาเหมือนตัวอักษร Latin เพื่อหลบการตรวจสอบ เมื่อถูกติดตั้ง มันจะค้นหาไฟล์กระเป๋าเงินดิจิทัล Stratis และขโมยรหัสผ่านไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตีโดยไม่ให้ผู้ใช้รู้ตัว การโจมตีนี้ถือเป็นการโจมตี supply chain ที่อันตรายมาก เพราะนักพัฒนาที่เชื่อใจแพ็กเกจโอเพนซอร์สอาจถูกดักข้อมูลโดยไม่รู้ตัว
    https://securityonline.info/5-year-threat-malicious-nuget-package-used-homoglyphs-and-typosquatting-to-steal-crypto-wallets

    Intel เตรียมเข้าซื้อกิจการ SambaNova ในราคาลดฮวบ
    เรื่องนี้น่าสนใจมาก เพราะเดิมทีมีข่าวว่า Intel จะทุ่มเงินกว่า 5 พันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อสตาร์ทอัพด้าน AI อย่าง SambaNova แต่ล่าสุดกลับมีรายงานว่ามูลค่าดีลจริงอาจเหลือเพียง 1.6 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับการประเมินมูลค่าเดิมของบริษัทในปี 2021 ที่สูงกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ สาเหตุหลักมาจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดชิป AI ที่ NVIDIA ครองความเป็นใหญ่ SambaNova มีจุดแข็งด้านสถาปัตยกรรมที่เน้นการประมวลผลสำหรับโมเดลภาษาและการทำงานแบบครบวงจร ทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการ ซึ่งอาจช่วย Intel เติมเต็มช่องว่างที่ยังขาดอยู่ แต่ความท้าทายใหญ่คือการผสานเทคโนโลยีนี้เข้ากับระบบของ Intel โดยไม่กระทบต่อผลิตภัณฑ์ Gaudi ที่มีอยู่แล้ว
    https://securityonline.info/intel-nears-sambanova-acquisition-at-1-6b-fire-sale-price-down-from-5b-valuation

    Claude AI ทำพลาด ลบข้อมูลทั้งเครื่อง Mac ของนักพัฒนา
    นี่คือเหตุการณ์ที่ทำให้หลายคนต้องระวังการใช้เครื่องมือ AI มากขึ้น นักพัฒนารายหนึ่งใช้ Claude CLI เพื่อจัดการแพ็กเกจ แต่กลับเกิดความผิดพลาดจากคำสั่งที่มีเครื่องหมาย ~ ต่อท้าย ทำให้ระบบไปลบทั้งโฟลเดอร์ Home Directory ของเครื่อง Mac ผลคือข้อมูลสำคัญอย่าง Desktop, Documents, Downloads และ Keychains หายไปทั้งหมด เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการให้ AI เข้าถึงระบบโดยตรง นักพัฒนาบางคนจึงเสนอให้ใช้ Docker เป็นตัวกลางเพื่อป้องกันไม่ให้ AI สามารถทำลายข้อมูลในเครื่องจริงได้
    https://securityonline.info/data-disaster-claude-ai-executes-rm-rf-and-wipes-developers-mac-home-directory

    SpaceX เตรียม IPO ปี 2026 หลังมูลค่าพุ่งถึง 800 พันล้านดอลลาร์
    SpaceX กำลังเดินหน้าสู่การเข้าตลาดหุ้น โดยมีการเริ่มคัดเลือกธนาคารเพื่อเป็นที่ปรึกษา IPO และมีการส่งบันทึกภายในยืนยันว่าบริษัทกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าจดทะเบียนในปี 2026 แม้ยังไม่มีการกำหนดวันแน่นอน แต่สิ่งที่น่าทึ่งคือมูลค่าของบริษัทที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยการขายหุ้นภายในล่าสุดตีมูลค่าถึง 800 พันล้านดอลลาร์ แรงหนุนสำคัญมาจากบริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด และยังส่งผลให้ Alphabet ซึ่งเคยลงทุนใน SpaceX ได้กำไรอย่างมหาศาลอีกด้วย
    https://securityonline.info/spacex-ipo-company-prepares-for-2026-listing-after-valuation-soars-to-800-billion

    Salt Typhoon กลุ่มแฮ็กเกอร์จากการแข่งขัน Cisco สู่การเจาะระบบโทรคมนาคมโลก
    เรื่องนี้เหมือนนิยาย แต่เกิดขึ้นจริง นักวิจัยพบว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์ชื่อ Salt Typhoon มีจุดเริ่มต้นจากนักศึกษาที่เคยแข่งขัน Cisco Network Academy Cup ก่อนจะนำความรู้ไปใช้ในการเจาะระบบโทรคมนาคมกว่า 80 บริษัททั่วโลก พวกเขาสามารถดักฟังทั้งสายโทรศัพท์และข้อความ รวมถึงเข้าถึงระบบที่ใช้สำหรับการดักฟังโดยกฎหมายเองด้วย เบื้องหลังคือสองบุคคลที่เคยเป็นคู่แข่งกันในสมัยเรียน แต่กลับร่วมมือกันสร้างเครือข่ายไซเบอร์ที่ทรงพลัง เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงจากการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่อาจถูกนำไปใช้ในทางร้ายได้
    https://securityonline.info/from-cisco-student-rivalry-to-global-hackers-salt-typhoon-breaches-80-telecos-for-intelligence

    BlackForce เครื่องมือ Phishing-as-a-Service รุ่นใหม่ที่อันตราย
    BlackForce คือชุดเครื่องมือฟิชชิ่งที่ถูกขายใน Telegram ในราคาหลักร้อยยูโร แต่มีความสามารถสูงมาก มันสามารถหลอกขโมยรหัสผ่านและยังเจาะผ่านระบบยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน (MFA) ได้ โดยใช้เทคนิค Man-in-the-Browser เพื่อดักจับรหัส OTP แบบเรียลไทม์ จุดที่ทำให้มันน่ากลัวคือการใช้โค้ด React และ React Router ที่ดูเหมือนของจริง ทำให้ยากต่อการตรวจจับ อีกทั้งยังพัฒนาอย่างรวดเร็วจากเวอร์ชัน stateless ไปสู่ stateful ที่สามารถเก็บข้อมูลผู้ใช้แม้รีเฟรชหน้าเว็บได้ ทำให้การโจมตีมีความต่อเนื่องและยากต่อการป้องกัน
    https://securityonline.info/blackforce-phaas-weaponizes-react-and-stateful-sessions-to-bypass-mfa-steal-credentials

    📌🔐🩷 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🔐🩷📌 #รวมข่าวIT #20251216 #securityonline 🛡️ วิกฤติช่องโหว่ FortiGate SSO ถูกโจมตีจริง ช่วงนี้ผู้ดูแลระบบ Fortinet ต้องเผชิญกับสถานการณ์ร้อนแรง เมื่อมีการเปิดเผยช่องโหว่ร้ายแรงสองรายการในระบบ FortiGate และเพียงไม่กี่วันหลังจากนั้นก็ถูกโจมตีจริงทันที แฮกเกอร์ใช้วิธีเจาะผ่านระบบ Single Sign-On (SSO) โดยส่งข้อความ SAML ที่ถูกปรับแต่ง ทำให้สามารถล็อกอินเป็นผู้ดูแลได้โดยไม่ต้องมีรหัสผ่าน เมื่อเข้ามาแล้วพวกเขาจะรีบขโมยการตั้งค่าระบบไฟร์วอลล์ออกไป ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มักมีรหัสผ่านที่ถูกเข้ารหัสของผู้ใช้ VPN และบัญชีอื่น ๆ จุดอันตรายคือการตั้งค่า FortiCloud SSO ที่แม้จะถูกปิดไว้ในค่าเริ่มต้น แต่เมื่อผู้ดูแลลงทะเบียนอุปกรณ์ผ่าน GUI มันจะถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติหากไม่ได้ปิดเอง ทำให้หลายระบบเสี่ยงทันที นักวิจัยแนะนำให้รีบอัปเดตเวอร์ชันล่าสุดหรือปิดฟีเจอร์นี้ผ่าน CLI เพื่อป้องกันการโจมตี 🔗 https://securityonline.info/critical-fortigate-sso-flaw-under-active-exploitation-attackers-bypass-auth-and-exfiltrate-configs ⌚ Apple ยอม EU: iOS 26.3 ส่งต่อการแจ้งเตือนให้สมาร์ทวอชแบรนด์อื่น ใน iOS 26.3 เบต้า Apple เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ชื่อ Notification Forwarding ที่ให้ iPhone ส่งต่อการแจ้งเตือนไปยังอุปกรณ์สวมใส่จากแบรนด์อื่นได้โดยตรง ไม่จำกัดแค่ Apple Watch อีกต่อไป ฟีเจอร์นี้เปิดใช้เฉพาะในสหภาพยุโรป เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย Digital Markets Act ที่บังคับให้ Apple เปิดโอกาสให้สมาร์ทวอชจากค่ายอื่นเข้าถึงฟังก์ชันที่เคยสงวนไว้ การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะให้แอปใดส่งการแจ้งเตือนออกไป และลดความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวที่เกิดจากการที่อุปกรณ์อื่นต้องเข้าถึงการแจ้งเตือนทั้งหมดแบบครอบคลุม ถือเป็นการปรับตัวครั้งสำคัญของ Apple เพื่อหลีกเลี่ยงบทลงโทษจาก EU 🔗 https://securityonline.info/eu-compliance-ios-26-3-adds-notification-forwarding-to-third-party-wearables-bypassing-apple-watch 💻 Windows 10 อัปเดต KB5071546 ทำ MSMQ ใช้งานไม่ได้ Microsoft ยืนยันแล้วว่าการติดตั้งอัปเดต KB5071546 บน Windows 10 ทำให้บริการ Microsoft Message Queuing (MSMQ) ล้มเหลว MSMQ เป็นระบบที่ใช้ในองค์กรเพื่อจัดการข้อความระหว่างแอปพลิเคชัน หากมันหยุดทำงาน งานเบื้องหลังที่ต้องพึ่งพาคิวข้อความก็จะหยุดตามทันที ส่งผลให้เว็บไซต์หรือแอปที่รันบน IIS ไม่สามารถทำงานได้ สาเหตุคือการเปลี่ยนแปลงสิทธิ์การเขียนไฟล์ในโฟลเดอร์จัดเก็บข้อความ ทำให้บัญชีที่ใช้ MSMQ ไม่มีสิทธิ์เพียงพอ แม้จะรีสตาร์ทหรือรีบูตเซิร์ฟเวอร์ก็ไม่ช่วยแก้ปัญหา ทางออกเดียวตอนนี้คือถอนการติดตั้งอัปเดตแล้วรอ Microsoft ปล่อยแพตช์แก้ไขในเดือนถัดไป 🔗 https://securityonline.info/enterprise-alert-windows-10-update-kb5071546-breaks-msmq-service-with-insufficient-permissions 🖥️ ช่องโหว่ ScreenConnect เสี่ยงติดตั้งส่วนขยายไม่ปลอดภัย ConnectWise ออกแพตช์ใหม่สำหรับ ScreenConnect หลังพบช่องโหว่ CVE-2025-14265 ที่มีความรุนแรงสูงถึง 9.1 ช่องโหว่นี้อาจทำให้ผู้ที่มีสิทธิ์ระดับผู้ดูแลเข้าถึงข้อมูลการตั้งค่าหรือบังคับติดตั้งส่วนขยายที่ไม่น่าเชื่อถือได้ แม้จะไม่ใช่การเปิดช่องให้โจมตีจากภายนอกโดยตรง แต่หากบัญชีผู้ดูแลถูกเจาะก็อันตรายทันที แพตช์เวอร์ชัน 25.8 ได้เพิ่มการตรวจสอบความถูกต้องของส่วนขยายและเสริมความปลอดภัยของเซิร์ฟเวอร์ สำหรับผู้ใช้ระบบคลาวด์ไม่ต้องทำอะไรเพราะถูกแก้ไขแล้ว แต่ผู้ที่ติดตั้งเองในองค์กรต้องรีบอัปเดตด้วยตนเอง 🔗 https://securityonline.info/critical-screenconnect-flaw-cvss-9-1-risks-config-exposure-untrusted-extension-installation ☸️ OpenShift GitOps ช่องโหว่ยกระดับสิทธิ์จนยึดคลัสเตอร์ได้ Red Hat OpenShift GitOps ถูกพบช่องโหว่ CVE-2025-13888 ที่ร้ายแรงมาก ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์เพียงระดับ namespace admin สามารถใช้ ArgoCD Custom Resources เพื่อยกระดับสิทธิ์จนเข้าถึงทั้งคลัสเตอร์ได้ วิธีการคือการแก้ไขค่า sourceNamespaces ใน CR ให้ชี้ไปยัง namespace ที่มีสิทธิ์สูง เช่น default จากนั้นระบบจะสร้าง RoleBinding และ Role ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีรันงานที่มีสิทธิ์สูงสุดบน master node ได้ทันที เท่ากับว่าสามารถยึดครองคลัสเตอร์ Kubernetes ได้โดยสมบูรณ์ ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดตแพตช์ล่าสุดและจำกัดสิทธิ์การสร้าง ArgoCD CR ให้เฉพาะผู้ดูแลที่เชื่อถือได้ 🔗 https://securityonline.info/critical-openshift-gitops-flaw-risks-cluster-takeover-cve-2025-13888-via-privilege-escalation-to-root 🕵️‍♂️ Phantom Stealer โจมตีการเงินรัสเซียผ่านไฟล์ ISO เรื่องนี้เป็นการโจมตีที่ซับซ้อนมาก แฮกเกอร์ใช้วิธีส่งอีเมลปลอมที่ดูเหมือนเป็นการยืนยันการโอนเงินจากบริษัทการเงินจริงๆ เพื่อหลอกให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินเปิดไฟล์แนบที่เป็นไฟล์ ISO เมื่อเปิดแล้วจะมีโปรแกรมแฝงที่ชื่อ Phantom Stealer ทำงานทันที มันสามารถขโมยข้อมูลได้หลายอย่าง ทั้งรหัสผ่านในเบราว์เซอร์ ข้อมูลบัตรเครดิต ข้อมูลกระเป๋าเงินดิจิทัล รวมถึงดักจับการพิมพ์คีย์บอร์ดทุกครั้งที่เหยื่อกด Phantom Stealer ยังมีระบบป้องกันตัวเองจากการตรวจสอบ ถ้ารู้ว่ากำลังถูกนักวิจัยจับตามันจะลบตัวเองทันที การโจมตีนี้ถือเป็นการเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ที่ใช้ไฟล์ ISO เพื่อหลบเลี่ยงระบบป้องกัน ทำให้เสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลทางการเงินอย่างมาก 🔗 https://securityonline.info/phantom-stealer-targets-russian-finance-with-iso-phishing-deploying-keyloggers-and-crypto-wallet-theft 📱 Frogblight มัลแวร์ Android ปลอมเป็นแอปภาครัฐในตุรกี มัลแวร์ตัวใหม่ชื่อ Frogblight ถูกค้นพบว่ากำลังแพร่ระบาดในตุรกี โดยมันปลอมตัวเป็นแอปพลิเคชันของรัฐบาลที่ใช้ดูข้อมูลคดีความ ผู้ใช้จะได้รับ SMS หลอกว่ามีคดีความและต้องดาวน์โหลดแอปเพื่อดูรายละเอียด เมื่อดาวน์โหลดมาแล้ว แอปจะขอสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลหลายอย่าง เช่น SMS รายชื่อผู้ติดต่อ และไฟล์ในเครื่อง จากนั้นมันจะเปิดหน้าเว็บจริงของรัฐบาลเพื่อให้ผู้ใช้ตายใจ แต่เบื้องหลังมันจะดักข้อมูลการเข้าสู่ระบบธนาคารและส่งไปยังผู้โจมตี Frogblight ยังมีฟังก์ชันสอดแนมอื่นๆ เช่นเก็บข้อมูลแอปที่ติดตั้งและไฟล์ในเครื่อง นักวิจัยพบว่ามันถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องและอาจถูกนำไปใช้ในรูปแบบบริการให้เช่าแก่แฮกเกอร์รายอื่น ทำให้ภัยนี้มีโอกาสแพร่กระจายไปนอกตุรกีได้ในอนาคต 🔗 https://securityonline.info/frogblight-android-banking-trojan-targets-turkey-via-fake-e-gov-smishing-and-webview 💻 ช่องโหว่ macOS LPE กลับมาอีกครั้ง นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่าช่องโหว่เก่าใน macOS ที่เคยรายงานตั้งแต่ปี 2018 ยังไม่ถูกแก้ไขอย่างสมบูรณ์ แม้ Apple จะพยายามอุดหลายครั้ง ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการติดตั้งแอปที่ต้องใช้สิทธิ์ root โดยหากมีแอปปลอมถูกวางไว้ในโฟลเดอร์ Applications ก่อน แอปจริงจะถูกติดตั้งเข้าไปในโฟลเดอร์พิเศษชื่อ .localized ทำให้ระบบเข้าใจผิดและไปเรียกใช้แอปปลอมแทน ผลคือผู้โจมตีสามารถรันโค้ดในสิทธิ์ root ได้ทันที ถือเป็นการเจาะระบบที่อันตรายมาก นักวิจัยย้ำว่าปัญหานี้ยังคงอยู่และต้องการการแก้ไขที่จริงจังจาก Apple เพื่อป้องกันการโจมตีในอนาคต 🔗 https://securityonline.info/macos-lpe-flaw-resurfaces-localized-directory-exploited-to-hijack-installers-and-gain-root-access 🪙 มัลแวร์ NuGet แฝงตัว 5 ปี ขโมยกระเป๋าเงินคริปโต มีการค้นพบแพ็กเกจ NuGet ปลอมชื่อ Tracer.Fody.NLog ที่ถูกปล่อยให้ดาวน์โหลดตั้งแต่ปี 2020 และอยู่รอดมาได้กว่า 5 ปีโดยไม่ถูกตรวจจับ มันปลอมตัวเป็นเครื่องมือ .NET ที่ใช้บันทึก log แต่จริงๆ แล้วมีโค้ดแฝงที่ใช้เทคนิคพิเศษ เช่นการใช้ตัวอักษร Cyrillic ที่หน้าตาเหมือนตัวอักษร Latin เพื่อหลบการตรวจสอบ เมื่อถูกติดตั้ง มันจะค้นหาไฟล์กระเป๋าเงินดิจิทัล Stratis และขโมยรหัสผ่านไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตีโดยไม่ให้ผู้ใช้รู้ตัว การโจมตีนี้ถือเป็นการโจมตี supply chain ที่อันตรายมาก เพราะนักพัฒนาที่เชื่อใจแพ็กเกจโอเพนซอร์สอาจถูกดักข้อมูลโดยไม่รู้ตัว 🔗 https://securityonline.info/5-year-threat-malicious-nuget-package-used-homoglyphs-and-typosquatting-to-steal-crypto-wallets 🖥️ Intel เตรียมเข้าซื้อกิจการ SambaNova ในราคาลดฮวบ เรื่องนี้น่าสนใจมาก เพราะเดิมทีมีข่าวว่า Intel จะทุ่มเงินกว่า 5 พันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อสตาร์ทอัพด้าน AI อย่าง SambaNova แต่ล่าสุดกลับมีรายงานว่ามูลค่าดีลจริงอาจเหลือเพียง 1.6 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับการประเมินมูลค่าเดิมของบริษัทในปี 2021 ที่สูงกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ สาเหตุหลักมาจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดชิป AI ที่ NVIDIA ครองความเป็นใหญ่ SambaNova มีจุดแข็งด้านสถาปัตยกรรมที่เน้นการประมวลผลสำหรับโมเดลภาษาและการทำงานแบบครบวงจร ทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการ ซึ่งอาจช่วย Intel เติมเต็มช่องว่างที่ยังขาดอยู่ แต่ความท้าทายใหญ่คือการผสานเทคโนโลยีนี้เข้ากับระบบของ Intel โดยไม่กระทบต่อผลิตภัณฑ์ Gaudi ที่มีอยู่แล้ว 🔗 https://securityonline.info/intel-nears-sambanova-acquisition-at-1-6b-fire-sale-price-down-from-5b-valuation 💾 Claude AI ทำพลาด ลบข้อมูลทั้งเครื่อง Mac ของนักพัฒนา นี่คือเหตุการณ์ที่ทำให้หลายคนต้องระวังการใช้เครื่องมือ AI มากขึ้น นักพัฒนารายหนึ่งใช้ Claude CLI เพื่อจัดการแพ็กเกจ แต่กลับเกิดความผิดพลาดจากคำสั่งที่มีเครื่องหมาย ~ ต่อท้าย ทำให้ระบบไปลบทั้งโฟลเดอร์ Home Directory ของเครื่อง Mac ผลคือข้อมูลสำคัญอย่าง Desktop, Documents, Downloads และ Keychains หายไปทั้งหมด เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการให้ AI เข้าถึงระบบโดยตรง นักพัฒนาบางคนจึงเสนอให้ใช้ Docker เป็นตัวกลางเพื่อป้องกันไม่ให้ AI สามารถทำลายข้อมูลในเครื่องจริงได้ 🔗 https://securityonline.info/data-disaster-claude-ai-executes-rm-rf-and-wipes-developers-mac-home-directory 🚀 SpaceX เตรียม IPO ปี 2026 หลังมูลค่าพุ่งถึง 800 พันล้านดอลลาร์ SpaceX กำลังเดินหน้าสู่การเข้าตลาดหุ้น โดยมีการเริ่มคัดเลือกธนาคารเพื่อเป็นที่ปรึกษา IPO และมีการส่งบันทึกภายในยืนยันว่าบริษัทกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าจดทะเบียนในปี 2026 แม้ยังไม่มีการกำหนดวันแน่นอน แต่สิ่งที่น่าทึ่งคือมูลค่าของบริษัทที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยการขายหุ้นภายในล่าสุดตีมูลค่าถึง 800 พันล้านดอลลาร์ แรงหนุนสำคัญมาจากบริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด และยังส่งผลให้ Alphabet ซึ่งเคยลงทุนใน SpaceX ได้กำไรอย่างมหาศาลอีกด้วย 🔗 https://securityonline.info/spacex-ipo-company-prepares-for-2026-listing-after-valuation-soars-to-800-billion 🔐 Salt Typhoon กลุ่มแฮ็กเกอร์จากการแข่งขัน Cisco สู่การเจาะระบบโทรคมนาคมโลก เรื่องนี้เหมือนนิยาย แต่เกิดขึ้นจริง นักวิจัยพบว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์ชื่อ Salt Typhoon มีจุดเริ่มต้นจากนักศึกษาที่เคยแข่งขัน Cisco Network Academy Cup ก่อนจะนำความรู้ไปใช้ในการเจาะระบบโทรคมนาคมกว่า 80 บริษัททั่วโลก พวกเขาสามารถดักฟังทั้งสายโทรศัพท์และข้อความ รวมถึงเข้าถึงระบบที่ใช้สำหรับการดักฟังโดยกฎหมายเองด้วย เบื้องหลังคือสองบุคคลที่เคยเป็นคู่แข่งกันในสมัยเรียน แต่กลับร่วมมือกันสร้างเครือข่ายไซเบอร์ที่ทรงพลัง เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงจากการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่อาจถูกนำไปใช้ในทางร้ายได้ 🔗 https://securityonline.info/from-cisco-student-rivalry-to-global-hackers-salt-typhoon-breaches-80-telecos-for-intelligence 🎭 BlackForce เครื่องมือ Phishing-as-a-Service รุ่นใหม่ที่อันตราย BlackForce คือชุดเครื่องมือฟิชชิ่งที่ถูกขายใน Telegram ในราคาหลักร้อยยูโร แต่มีความสามารถสูงมาก มันสามารถหลอกขโมยรหัสผ่านและยังเจาะผ่านระบบยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน (MFA) ได้ โดยใช้เทคนิค Man-in-the-Browser เพื่อดักจับรหัส OTP แบบเรียลไทม์ จุดที่ทำให้มันน่ากลัวคือการใช้โค้ด React และ React Router ที่ดูเหมือนของจริง ทำให้ยากต่อการตรวจจับ อีกทั้งยังพัฒนาอย่างรวดเร็วจากเวอร์ชัน stateless ไปสู่ stateful ที่สามารถเก็บข้อมูลผู้ใช้แม้รีเฟรชหน้าเว็บได้ ทำให้การโจมตีมีความต่อเนื่องและยากต่อการป้องกัน 🔗 https://securityonline.info/blackforce-phaas-weaponizes-react-and-stateful-sessions-to-bypass-mfa-steal-credentials
    SECURITYONLINE.INFO
    Critical FortiGate SSO Flaw Under Active Exploitation: Attackers Bypass Auth and Exfiltrate Configs
    A critical FortiGate SSO flaw (CVSS 9.1) is under active exploitation, letting unauthenticated attackers bypass login via crafted SAML. The flaw is armed by default registration, risking config exfiltration. Patch immediately.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 370 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🩷 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🩷
    #รวมข่าวIT #20251216 #TechRadar

    LG เปิดตัวทีวี Micro RGB evo ที่ CES 2026
    LG กำลังสร้างความฮือฮาในงาน CES 2026 ด้วยการเปิดตัวทีวีรุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี Micro RGB evo ซึ่งเปลี่ยนหลอดไฟ LED แบบเดิมไปเป็นหลอดไฟสีแดง เขียว และน้ำเงินขนาดจิ๋ว เพื่อควบคุมแสงและสีได้ละเอียดขึ้น ผลลัพธ์คือภาพที่สว่างสดใสและสีสันจัดเต็มใกล้เคียง OLED แต่ยังคงความสว่างสูงของ LCD จุดเด่นคือการครอบคลุมสีครบทั้ง BT.2020, DCI-P3 และ Adobe RGB พร้อมระบบประมวลผล α11 AI Gen 3 ที่ช่วยอัปสเกลภาพให้คมชัดขึ้น ถือเป็นการพยายามปิดช่องว่างระหว่าง LCD และ OLED ที่น่าสนใจมากสำหรับคนรักภาพคมชัดและสีสดใส
    https://www.techradar.com/televisions/lg-reveals-micro-rgb-evo-tv-with-bold-claims-of-perfect-color

    Netflix เลิกใช้ Google Cast แต่ Apple TV บน Android นำกลับมาอีกครั้ง
    Netflix เคยยกเลิกฟีเจอร์ Google Cast ที่ให้ผู้ใช้ส่งภาพจากมือถือขึ้นจอทีวี แต่ล่าสุด Apple TV บน Android กลับนำฟีเจอร์นี้กลับมา ทำให้ผู้ใช้สามารถสตรีมคอนเทนต์จากมือถือไปยังทีวีได้อีกครั้ง การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงการแข่งขันในตลาดสตรีมมิ่งที่ยังคงดุเดือด และการที่ Apple พยายามทำให้บริการของตนเข้าถึงผู้ใช้ Android ได้สะดวกขึ้น
    https://www.techradar.com/streaming/apple-tv-plus/netflix-dropped-google-cast-now-apple-tv-for-android-just-brought-it-back

    NAS พกพาใส่ SSD 4 ตัว พร้อมพลัง Intel N150
    มีการเปิดตัวอุปกรณ์ NAS ขนาดเล็กที่ดูเหมือนวิทยุทรานซิสเตอร์เก่า แต่ภายในบรรจุ SSD ได้ถึง 4 ตัว ใช้พลังจาก Intel N150 และมีพอร์ต LAN 2.5Gb สองช่อง รวมถึง RAM 12GB จุดขายคือความสามารถในการพกพาและเก็บข้อมูลได้มาก แต่ก็มีค่าใช้จ่ายแฝงที่อาจเกินความคาดหมาย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการระบบจัดเก็บข้อมูลที่คล่องตัวและมีสไตล์ไม่เหมือนใคร
    https://www.techradar.com/pro/is-that-your-grandads-transistor-radio-no-its-a-4-ssd-nas-with-two-2-5gb-lan-ports-12gb-ram-and-a-cracking-name-the-orange-colored-youyeetoo-nestdisk

    นักพัฒนาสร้างกล่องสำรองข้อมูล iPhone แบบออฟไลน์
    นักพัฒนารายหนึ่งได้สร้างอุปกรณ์สำรองข้อมูล iPhone ที่ไม่ต้องพึ่งพาคลาวด์ แต่ใช้การเชื่อมต่อผ่าน USB และเข้ารหัสข้อมูลเพื่อเก็บไว้ในเครื่องโดยตรง ถือเป็นทางเลือกใหม่สำหรับคนที่ไม่อยากจ่ายค่าบริการ iCloud หรือกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลบนคลาวด์ แม้จะยังไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป แต่แนวคิดนี้สะท้อนถึงความต้องการควบคุมข้อมูลส่วนตัวมากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/want-to-back-up-your-iphone-securely-without-paying-the-apple-tax-theres-a-hack-for-that-but-it-isnt-for-everyone-yet

    วิกฤติ RAM อาจกระทบหนักต่อโน้ตบุ๊กเกมมิ่ง
    ตลาดโน้ตบุ๊กเกมมิ่งกำลังเผชิญปัญหาวิกฤติ RAM ที่อาจทำให้เครื่องเล่นเกมประสิทธิภาพสูงมีราคาสูงขึ้นและหายากขึ้น เหตุผลมาจากความต้องการหน่วยความจำที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ทั้งจาก AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ส่งผลให้ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กเกมมิ่งต้องปรับตัวและอาจทำให้ผู้เล่นเกมต้องจ่ายแพงกว่าเดิมเพื่อได้เครื่องที่แรงพอ
    https://www.techradar.com/computing/memory/the-ram-crisis-will-be-a-disaster-for-gaming-laptops-heres-why

    Slop: คำแห่งปีที่สะท้อนอินเทอร์เน็ตเต็มไปด้วยขยะดิจิทัล
    ปีนี้ Merriam-Webster เลือกคำว่า “Slop” เป็น Word of the Year 2025 เพื่ออธิบายเนื้อหาดิจิทัลคุณภาพต่ำที่ถูกผลิตขึ้นอย่างมหาศาลด้วย AI ไม่ว่าจะเป็นบทความ ภาพ วิดีโอ หรือพอดแคสต์ หลายอย่างดูเหมือนจะสร้างได้ง่ายแต่กลับทำให้โลกออนไลน์เต็มไปด้วยสิ่งที่คนเรียกว่า “AI slop” จนยากจะแยกออกว่าอะไรคือผลงานมนุษย์จริงๆ และอะไรคือสิ่งที่เครื่องจักรสร้างขึ้นมา เรื่องนี้สะท้อนว่าพลังของเครื่องมือ AI ถูกส่งถึงมือผู้ใช้เร็วเกินไปโดยที่ยังไม่ทันคิดถึงผลกระทบ ทำให้เราต้องเผชิญกับทะเลข้อมูลที่ปะปนทั้งคุณภาพและขยะไปพร้อมกัน
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/we-filled-the-internet-with-garbage-and-now-slop-is-the-word-of-the-year-nice-going-ai

    Super X: แท็บเล็ตลูกผสมที่แรงระดับเดสก์ท็อป
    OneXPlayer เปิดตัว Super X อุปกรณ์ลูกผสมที่รวมแท็บเล็ตกับพลังการประมวลผลระดับเดสก์ท็อป หน้าจอใหญ่ถึง 14 นิ้ว มาพร้อมซีพียู 16 คอร์ GPU ระดับ 5060-class และ RAM สูงสุด 128GB จุดเด่นคือการออกแบบระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ทำให้เครื่องเล็กแต่ยังคงประสิทธิภาพสูง เหมาะกับคนที่อยากได้ความแรงแบบ PC แต่ยังพกพาได้สะดวก แม้ราคาคาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 2000 ดอลลาร์ แต่ถือเป็นการยกระดับแท็บเล็ตให้ก้าวไปอีกขั้น
    https://www.techradar.com/pro/a-water-cooled-amd-ai-14-inch-tablet-with-16-cpu-cores-a-5060-class-gpu-and-128gb-ram-is-exactly-what-i-need-for-christmas-i-dont-think-it-will-cost-less-than-usd2000-though

    SSD จิ๋วแต่แรง: Samsung เปิดตัว PCIe Gen5 รุ่นใหม่
    Samsung เผยโฉม SSD รุ่น PM9E1 ที่มาในขนาดเล็กเพียง 22 x 42 มม. แต่รองรับมาตรฐาน PCIe Gen5 ทำให้ได้ความเร็วสูงและความจุที่จริงจัง แม้จะมาแบบเงียบๆ แต่ถือเป็นการขยายตลาดสู่กลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการอุปกรณ์เก็บข้อมูลขนาดเล็กแต่ไม่ลดทอนประสิทธิภาพ เหมาะกับโน้ตบุ๊กหรืออุปกรณ์พกพาที่ต้องการความเร็วระดับสูงสุดในพื้นที่จำกัด
    https://www.techradar.com/pro/samsungs-surprising-stealth-superfast-ssd-surfaces-silently-pm9e1-turns-out-to-be-a-mini-9100-pro-measuring-just-22-x-42mm-with-pcie-gen5-capabilities

    DoomScroll: เว็บไซต์ใหม่รวมแผนที่ Doom แบบไม่รู้จบ
    แฟนเกม Doom ได้เฮ เมื่อมีเว็บไซต์ใหม่ชื่อ DoomScroll ที่รวบรวมแผนที่เกม Doom ไว้ให้เลือกเล่นได้ไม่รู้จบผ่านเบราว์เซอร์ ผู้เล่นสามารถเข้าไปเลือกแผนที่ที่ชอบแล้วเล่นได้ทันที ถือเป็นการเปิดคลังเกมคลาสสิกให้เข้าถึงง่ายขึ้น และยังทำให้ชุมชนผู้เล่นสามารถแชร์ผลงานกันได้สะดวกขึ้นด้วย
    https://www.techradar.com/gaming/pc-gaming/new-doomscroll-website-is-an-endless-library-of-doom-maps-you-can-pick-from-and-play-in-your-browser

    หน่วยความจำแห่งอนาคต: Kioxia พัฒนา 3D DRAM
    Kioxia ประกาศความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยี 3D DRAM โดยใช้ stacked oxide-semiconductors ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มความหนาแน่นของหน่วยความจำ แม้จะยังไม่พร้อมสู่ตลาดผู้บริโภคในทันที แต่ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมหน่วยความจำในทศวรรษหน้า ทำให้คาดหวังได้ว่าอนาคตเราจะได้เห็น RAM ที่เร็วขึ้นและราคาถูกลง
    https://www.techradar.com/pro/crying-over-expensive-ram-kioxia-may-have-cracked-the-3d-ram-puzzle-paving-the-way-for-cheaper-faster-memory-but-it-probably-wont-reach-the-market-till-the-next-decade

    Apple อุดช่องโหว่ Zero-Day สุดอันตราย
    Apple ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงใน WebKit ที่ถูกใช้โจมตีแบบเจาะจงบุคคลระดับสูง โดยช่องโหว่นี้อาจเปิดทางให้แฮกเกอร์เข้าควบคุมเครื่องจากระยะไกลได้ ทีม Google TAG และ Apple ร่วมกันค้นพบและแก้ไข ซึ่งถือเป็นการทำงานร่วมกันที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก การอัปเดตครอบคลุมทั้ง iOS, iPadOS, macOS, watchOS, tvOS, visionOS และ Safari ผู้ใช้ทั่วไปแม้จะไม่ใช่เป้าหมายหลัก แต่ก็ถูกแนะนำให้รีบอัปเดตเพื่อความปลอดภัยทันที
    https://www.techradar.com/pro/security/apple-says-it-fixed-zero-day-flaws-used-for-sophisticated-attacks

    CEO Windscribe วิจารณ์การแบน VPN สำหรับเด็ก
    Windscribe ผู้ให้บริการ VPN ออกมาแสดงความเห็นว่าการห้ามเด็กใช้ VPN เป็น “วิธีแก้ที่แย่ที่สุด” เพราะ VPN ไม่ใช่เครื่องมืออันตราย แต่กลับเป็นสิ่งที่ช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย การแบนอาจทำให้เด็กขาดโอกาสในการเรียนรู้การใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย และยังไม่แก้ปัญหาที่แท้จริงของการใช้งานออนไลน์
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/banning-vpns-for-kids-is-the-dumbest-possible-fix-windscribe-ceo

    กล้องวงจรปิดแบตเตอรี่ไร้ขีดจำกัด
    มีการเปิดตัวกล้องวงจรปิดรุ่นใหม่ที่ชูจุดขายเรื่อง “แบตเตอรี่ไม่จำกัด” สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จบ่อย ๆ ราคาก็ไม่สูงอย่างที่คิด ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น กล้องนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัยต่อเนื่องโดยไม่ต้องยุ่งยากกับการบำรุงรักษาแบตเตอรี่
    https://www.techradar.com/home/smart-home/this-home-security-cam-monitors-your-property-24-7-with-unlimited-battery-life-and-it-costs-less-than-you-might-expect

    Garmin เผลอหลุดข้อมูล Vivosmart 6
    Garmin มีข่าวหลุดเกี่ยวกับสมาร์ทแทร็กเกอร์รุ่นใหม่ Vivosmart 6 ที่คาดว่าจะมาพร้อมการอัปเกรดสำคัญเหนือรุ่นก่อน แม้ยังไม่มีรายละเอียดเต็ม แต่คาดว่าจะมีฟีเจอร์ด้านสุขภาพและการติดตามการออกกำลังกายที่แม่นยำขึ้น การหลุดครั้งนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ที่ติดตามอุปกรณ์สวมใส่ของ Garmin อยู่แล้ว
    https://www.techradar.com/health-fitness/fitness-trackers/garmin-just-leaked-its-vivosmart-6-tracker-and-it-might-come-with-one-major-upgrade-over-its-predecessor

    แอป Freedom Chat ทำข้อมูลผู้ใช้หลุด
    มีรายงานว่าแอปแชทชื่อ Freedom Chat เผยข้อมูลผู้ใช้โดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งหมายเลขโทรศัพท์และรายละเอียดอื่น ๆ ทำให้เกิดความกังวลเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ แอปนี้ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าขาดมาตรการป้องกันที่รัดกุม และอาจทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกโจมตีหรือการละเมิดข้อมูล
    https://www.techradar.com/pro/security/messaging-app-freedom-chat-exposes-user-phone-numbers-and-more-heres-what-we-know

    Google เปิดฟีเจอร์แปลสดผ่านหูฟัง
    Google กำลังยกระดับการสื่อสารข้ามภาษาให้ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัวฟีเจอร์ “Live Translation” ที่สามารถใช้งานได้กับหูฟังทุกยี่ห้อ ไม่จำกัดเฉพาะ Pixel Buds อีกต่อไป โดยเริ่มทดสอบในสหรัฐฯ เม็กซิโก และอินเดีย ฟีเจอร์นี้ไม่เพียงแค่แปลคำต่อคำ แต่ยังรักษาน้ำเสียง จังหวะ และอารมณ์ของผู้พูด ทำให้การสนทนาเป็นธรรมชาติมากขึ้น นอกจากนี้ Google ยังปรับปรุงระบบ Gemini ให้เข้าใจสำนวนและภาษาพูด เช่น “stealing my thunder” ที่ไม่สามารถแปลตรงตัวได้ พร้อมทั้งเพิ่มเครื่องมือช่วยเรียนภาษา เช่น การให้คำแนะนำด้านการออกเสียง และระบบติดตามความก้าวหน้า ฟีเจอร์นี้รองรับกว่า 70 ภาษา และมีแผนจะขยายไปยัง iOS ในปี 2026
    https://www.techradar.com/computing/software/google-smashes-language-barriers-with-live-translation-for-any-earbuds-on-android-heres-how-it-works

    อีเมลไม่ใช่จุดอ่อน แต่การตั้งค่าคลาวด์ต่างหาก
    หลายครั้งที่เกิดเหตุข้อมูลรั่วไหล อีเมลมักถูกมองว่าเป็นตัวการ แต่จริง ๆ แล้วปัญหามาจากการตั้งค่าคลาวด์ที่ผิดพลาดมากกว่า กว่า 99% ของความล้มเหลวด้านความปลอดภัยเกิดจากผู้ใช้เอง เช่น คลิกลิงก์ฟิชชิ่ง ใช้รหัสผ่านซ้ำ หรือจัดการข้อมูลผิดพลาด การโทษอีเมลจึงเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจไปจากต้นเหตุที่แท้จริง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าการป้องกันควรเริ่มจากการเข้ารหัสข้อมูล การเสริมความปลอดภัยของระบบปฏิบัติการ และการฝึกอบรมผู้ใช้ให้รู้เท่าทันภัยไซเบอร์ เมื่อผู้ใช้มีความรู้และระบบถูกเข้ารหัสอย่างดี อีเมลก็จะกลายเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/your-email-app-isnt-the-weak-link-but-your-cloud-configuration-probably-is

    Microsoft ขยายโครงการ Bug Bounty
    Microsoft ประกาศปรับโครงการ Bug Bounty ครั้งใหญ่ เปิดให้ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยสามารถส่งรายงานช่องโหว่ได้ครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์และบริการ แม้บางโปรแกรมจะไม่มีการตั้งค่ารางวัลอย่างเป็นทางการก็ตาม แนวทางใหม่นี้เรียกว่า “In Scope by Default” ซึ่งหมายความว่าหากช่องโหว่มีผลกระทบต่อบริการออนไลน์ของ Microsoft ก็จะได้รับเงินรางวัลตามระดับความรุนแรง โดยปีที่ผ่านมา Microsoft จ่ายเงินรางวัลไปกว่า 17 ล้านดอลลาร์ มากกว่า Google ที่จ่ายราว 11.8 ล้านดอลลาร์ การขยายนี้ครอบคลุมทั้งโค้ดของ Microsoft โค้ดจากบุคคลที่สาม และโอเพ่นซอร์ส ถือเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยตรวจสอบความปลอดภัยในวงกว้างยิ่งขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-will-expand-bug-bounties-even-on-programs-without-official-payouts

    Oracle ทุ่มมหาศาลกับดีลศูนย์ข้อมูล
    Oracle กำลังเดินเกมครั้งใหญ่ในโลกคลาวด์และศูนย์ข้อมูล ล่าสุดมีการเปิดเผยว่าได้ทำสัญญาเช่าศูนย์ข้อมูลและคลาวด์รวมมูลค่าถึง 248 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งจะทยอยเริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2026 ไปจนถึง 2028 และกินเวลายาวนานถึง 15–19 ปี การขยายตัวนี้เกิดจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากลูกค้าใหญ่ ๆ อย่าง Meta, Nvidia และ OpenAI ที่เพิ่งเซ็นสัญญาเพิ่มอีก 300 พันล้านดอลลาร์ ทำให้ Oracle ต้องเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าและลงทุนเพิ่มหนี้อีกหลายหมื่นล้าน แม้จะเป็นภาระ แต่ก็สะท้อนว่าบริษัทกำลังเดิมพันอนาคตไว้กับการเติบโตของตลาด AI และคลาวด์อย่างเต็มที่
    https://www.techradar.com/pro/oracle-reportedly-signs-major-huge-cloud-data-center-deals-in-the-last-quarter-nearly-usd250-billion-in-new-commitments-revealed

    ChatGPT 5.2 vs Gemini 3
    มีการทดสอบเปรียบเทียบสองแชตบอทที่โด่งดังที่สุดในโลกตอนนี้ คือ ChatGPT 5.2 และ Gemini 3 ผู้เขียนลองใช้งานจริงเพื่อดูว่าใครตอบโจทย์ได้ดีกว่า ผลลัพธ์ออกมาน่าสนใจเพราะแต่ละตัวมีจุดแข็งต่างกัน ChatGPT 5.2 โดดเด่นเรื่องการให้คำตอบที่ละเอียดและมีความคิดเชิงลึก ส่วน Gemini 3 เน้นความเร็วและความกระชับในการสื่อสาร การแข่งขันนี้สะท้อนว่าตลาด AI กำลังร้อนแรง และผู้ใช้ก็มีทางเลือกมากขึ้นตามสไตล์ที่ต้องการ
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpt-5-2-vs-gemini-3-i-tried-the-worlds-most-popular-chatbots-to-see-which-is-best-and-the-result-might-surprise-you

    โลกเสมือนที่มีหัวใจมนุษย์
    เรื่องราวของ Victoria Fard ศิลปินที่ใช้พลังของคอมพิวเตอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย Snapdragon สร้างโลกเสมือนที่เต็มไปด้วยความรู้สึกและความเป็นมนุษย์ เธอไม่ได้มองเทคโนโลยีเป็นเพียงเครื่องมือ แต่ใช้มันเพื่อถ่ายทอดความทรงจำ ความรู้สึก และเรื่องราวที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน ผลงานของเธอจึงไม่ใช่แค่ภาพสวย ๆ แต่เป็นการสร้างพื้นที่ที่ผู้คนสามารถสัมผัสความเป็นมนุษย์ผ่านโลกดิจิทัลได้อย่างลึกซึ้ง
    https://www.techradar.com/tech/memories-in-pixel-how-victoria-fard-uses-a-pc-powered-by-snapdragon-to-build-worlds-that-are-deeply-human

    ซีอีโอยังเดินหน้าลงทุน AI แม้ผลลัพธ์ไม่ชัด
    แม้หลายบริษัทจะยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนจากการลงทุนใน AI แต่ซีอีโอจำนวนมากก็ยังคงเดินหน้าทุ่มงบต่อไป เหตุผลคือพวกเขามองว่า AI เป็นเทคโนโลยีที่ไม่สามารถมองข้ามได้ และหากหยุดลงทุนอาจเสียโอกาสในอนาคต ถึงแม้จะมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอน แต่การตัดสินใจนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นว่าการลงทุนใน AI จะเป็นกุญแจสำคัญในการแข่งขันระยะยาว
    https://www.techradar.com/pro/ceos-seem-determined-to-keep-spending-on-ai-despite-mixed-success

    ศาลรัสเซียสั่งอายัดทรัพย์ Google ในฝรั่งเศส
    มีข่าวใหญ่จากยุโรป เมื่อศาลรัสเซียมีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินของ Google ในฝรั่งเศสมูลค่ากว่า 129 ล้านดอลลาร์ สาเหตุเกี่ยวข้องกับข้อพิพาททางกฎหมายและการดำเนินธุรกิจที่ซับซ้อนในหลายประเทศ เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงแรงกดดันที่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีต้องเผชิญในระดับโลก ทั้งจากกฎระเบียบและความขัดแย้งทางการเมืองที่ส่งผลต่อการดำเนินงาน
    https://www.techradar.com/pro/security/russian-court-ruling-could-see-usd129-million-freeze-on-some-of-googles-french-assets

    Microsoft เจอศึกใหญ่เรื่อง Cloud Licensing ในสหราชอาณาจักร
    เรื่องนี้เริ่มจากการที่ Microsoft ถูกกล่าวหาว่ากำหนดเงื่อนไขการใช้งาน Windows Server บน Cloud ของคู่แข่งอย่าง AWS และ Google Cloud ให้ยุ่งยากและมีค่าใช้จ่ายสูง จนทำให้หลายองค์กรในสหราชอาณาจักรเสียเงินไปเป็นจำนวนมาก คดีนี้ถูกยื่นต่อศาล Competition Appeal Tribunal โดยมีองค์กรกว่า 59,000 แห่งเข้าร่วมเป็นกลุ่มฟ้องร้อง หาก Microsoft ถูกตัดสินว่าผิดจริง อาจต้องจ่ายค่าชดเชยสูงถึง 2 พันล้านปอนด์ ขณะที่ Microsoft ยืนยันว่าเป็นเพียงการกล่าวหาเกินจริงจากกลุ่มทนายและผู้สนับสนุน แต่แรงกดดันก็ยังคงมีต่อเนื่อง เพราะ Google เองก็เคยร้องเรียนเรื่องนี้ต่อ EU มาก่อนแล้ว
    https://www.techradar.com/pro/microsoft-is-back-in-court-in-the-uk-over-unfair-cloud-licensing-claims

    UGreen เปิดตัว eGPU Dock ท้าชน Razer ในตลาด eGPU ที่กำลังร้อนแรง
    UGreen ได้เปิดตัว Linkstation eGPU Dock ที่มาพร้อมพลังงานในตัวถึง 850W และพอร์ตเชื่อมต่อใหม่อย่าง Oculink และ USB4 จุดเด่นคือราคาประมาณ 325 ดอลลาร์ ซึ่งใกล้เคียงกับ Razer Core X V2 แต่เหนือกว่าตรงที่มี PSU ในตัวและรองรับการ์ดจอขนาดใหญ่ถึง 370 มม. อย่างไรก็ตาม ดีไซน์ของ UGreen ยังเปิดโล่งมากกว่า Razer ที่มีโครงสร้างปิด ทำให้บางคนกังวลเรื่องความปลอดภัยของการ์ดจอ ถึงอย่างนั้น นี่ก็ถือเป็นการก้าวเข้าสู่ตลาดใหม่ที่น่าจับตามองของ UGreen ที่เดิมทำอุปกรณ์เสริมอย่าง Dock และ Charger
    https://www.techradar.com/computing/gpu/its-a-great-time-to-buy-an-egpu-and-ugreens-new-razer-rival-has-two-major-tricks-up-its-sleeve

    วิกฤติ RAM อาจทำให้สมาร์ทโฟนถอยหลังในปี 2026
    นักวิเคราะห์เตือนว่าความต้องการ RAM ที่สูงขึ้นจากศูนย์ข้อมูล AI กำลังทำให้ราคาพุ่งขึ้น ส่งผลให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอาจต้องลดสเปกลง แทนที่จะเพิ่ม RAM เป็น 16GB ในรุ่นเรือธงใหม่ อาจยังคงอยู่ที่ 12GB หรือบางรุ่นอาจลดลงเหลือ 8GB สำหรับรุ่นกลาง และ 4GB สำหรับรุ่นล่าง ทั้งนี้แม้จะเป็นการคาดการณ์ แต่ก็มีความเป็นไปได้สูง เพราะตลาด AI กำลังดูดซับทรัพยากรไปอย่างมหาศาล ซึ่งอาจย้อนแย้งกับการพัฒนา AI บนมือถือที่ต้องใช้ RAM มากเช่นกัน
    https://www.techradar.com/phones/the-ram-crisis-will-see-smartphone-specs-go-backwards-in-2026-experts-warn-heres-why

    Apple ควรทำ Smart Ring เพื่อแก้ปัญหาความยุ่งยากของ Smartwatch
    ผู้เขียนเล่าประสบการณ์ตรงว่าแม้ Apple Watch จะมีฟีเจอร์ด้านสุขภาพและการออกกำลังกายที่ยอดเยี่ยม แต่ก็สร้างความลำบากใจเพราะเขาเป็นคนรักนาฬิกากลไกและไม่อยากละทิ้งการใส่นาฬิกาแบบดั้งเดิม จนต้องใส่นาฬิกาสองเรือนบนข้อมือเดียวกัน ซึ่งทั้งไม่สะดวกและน่าขัน เขาจึงเสนอว่า Apple ควรทำ Smart Ring ที่สามารถติดตามสุขภาพได้เหมือน Apple Watch แต่เล็กกะทัดรัดและไม่รบกวนการใส่นาฬิกาแบบดั้งเดิม หาก Apple ทำจริงก็อาจกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่พลิกเกมในปี 2026
    https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/apple-needs-to-make-a-smart-ring-to-save-me-from-this-ridiculous-situation

    รีวิวซอฟต์แวร์ Idea Spectrum Realtime Landscaping Pro 2025
    นี่คือโปรแกรมออกแบบภูมิทัศน์ที่ให้คุณสร้างสวนเสมือนจริงได้จากคอมพิวเตอร์ Windows จุดเด่นคืออินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย มีคลังพืชกว่า 6,000 ชนิด และวัตถุสามมิติหลากหลาย ตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ไปจนถึงรถยนต์ พร้อมระบบแอนิเมชันที่ทำให้งานออกแบบดูมีชีวิตชีวา โปรแกรมยังมี Wizard ที่ช่วยให้การสร้างบ้าน สระน้ำ หรือสวนทำได้รวดเร็ว แม้จะมีข้อจำกัดว่าใช้ได้เฉพาะ Windows และอาจหน่วงเมื่อโปรเจ็กต์ซับซ้อน แต่ก็ถือเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพ
    https://www.techradar.com/pro/software-services/idea-spectrum-realtime-landscaping-pro-review

    📌📡🩷 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🩷📡📌 #รวมข่าวIT #20251216 #TechRadar 🖥️ LG เปิดตัวทีวี Micro RGB evo ที่ CES 2026 LG กำลังสร้างความฮือฮาในงาน CES 2026 ด้วยการเปิดตัวทีวีรุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี Micro RGB evo ซึ่งเปลี่ยนหลอดไฟ LED แบบเดิมไปเป็นหลอดไฟสีแดง เขียว และน้ำเงินขนาดจิ๋ว เพื่อควบคุมแสงและสีได้ละเอียดขึ้น ผลลัพธ์คือภาพที่สว่างสดใสและสีสันจัดเต็มใกล้เคียง OLED แต่ยังคงความสว่างสูงของ LCD จุดเด่นคือการครอบคลุมสีครบทั้ง BT.2020, DCI-P3 และ Adobe RGB พร้อมระบบประมวลผล α11 AI Gen 3 ที่ช่วยอัปสเกลภาพให้คมชัดขึ้น ถือเป็นการพยายามปิดช่องว่างระหว่าง LCD และ OLED ที่น่าสนใจมากสำหรับคนรักภาพคมชัดและสีสดใส 🔗 https://www.techradar.com/televisions/lg-reveals-micro-rgb-evo-tv-with-bold-claims-of-perfect-color 📺 Netflix เลิกใช้ Google Cast แต่ Apple TV บน Android นำกลับมาอีกครั้ง Netflix เคยยกเลิกฟีเจอร์ Google Cast ที่ให้ผู้ใช้ส่งภาพจากมือถือขึ้นจอทีวี แต่ล่าสุด Apple TV บน Android กลับนำฟีเจอร์นี้กลับมา ทำให้ผู้ใช้สามารถสตรีมคอนเทนต์จากมือถือไปยังทีวีได้อีกครั้ง การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงการแข่งขันในตลาดสตรีมมิ่งที่ยังคงดุเดือด และการที่ Apple พยายามทำให้บริการของตนเข้าถึงผู้ใช้ Android ได้สะดวกขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/streaming/apple-tv-plus/netflix-dropped-google-cast-now-apple-tv-for-android-just-brought-it-back 💾 NAS พกพาใส่ SSD 4 ตัว พร้อมพลัง Intel N150 มีการเปิดตัวอุปกรณ์ NAS ขนาดเล็กที่ดูเหมือนวิทยุทรานซิสเตอร์เก่า แต่ภายในบรรจุ SSD ได้ถึง 4 ตัว ใช้พลังจาก Intel N150 และมีพอร์ต LAN 2.5Gb สองช่อง รวมถึง RAM 12GB จุดขายคือความสามารถในการพกพาและเก็บข้อมูลได้มาก แต่ก็มีค่าใช้จ่ายแฝงที่อาจเกินความคาดหมาย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการระบบจัดเก็บข้อมูลที่คล่องตัวและมีสไตล์ไม่เหมือนใคร 🔗 https://www.techradar.com/pro/is-that-your-grandads-transistor-radio-no-its-a-4-ssd-nas-with-two-2-5gb-lan-ports-12gb-ram-and-a-cracking-name-the-orange-colored-youyeetoo-nestdisk 🔐 นักพัฒนาสร้างกล่องสำรองข้อมูล iPhone แบบออฟไลน์ นักพัฒนารายหนึ่งได้สร้างอุปกรณ์สำรองข้อมูล iPhone ที่ไม่ต้องพึ่งพาคลาวด์ แต่ใช้การเชื่อมต่อผ่าน USB และเข้ารหัสข้อมูลเพื่อเก็บไว้ในเครื่องโดยตรง ถือเป็นทางเลือกใหม่สำหรับคนที่ไม่อยากจ่ายค่าบริการ iCloud หรือกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลบนคลาวด์ แม้จะยังไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป แต่แนวคิดนี้สะท้อนถึงความต้องการควบคุมข้อมูลส่วนตัวมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/want-to-back-up-your-iphone-securely-without-paying-the-apple-tax-theres-a-hack-for-that-but-it-isnt-for-everyone-yet 🎮 วิกฤติ RAM อาจกระทบหนักต่อโน้ตบุ๊กเกมมิ่ง ตลาดโน้ตบุ๊กเกมมิ่งกำลังเผชิญปัญหาวิกฤติ RAM ที่อาจทำให้เครื่องเล่นเกมประสิทธิภาพสูงมีราคาสูงขึ้นและหายากขึ้น เหตุผลมาจากความต้องการหน่วยความจำที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ทั้งจาก AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ส่งผลให้ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กเกมมิ่งต้องปรับตัวและอาจทำให้ผู้เล่นเกมต้องจ่ายแพงกว่าเดิมเพื่อได้เครื่องที่แรงพอ 🔗 https://www.techradar.com/computing/memory/the-ram-crisis-will-be-a-disaster-for-gaming-laptops-heres-why 🗑️ Slop: คำแห่งปีที่สะท้อนอินเทอร์เน็ตเต็มไปด้วยขยะดิจิทัล ปีนี้ Merriam-Webster เลือกคำว่า “Slop” เป็น Word of the Year 2025 เพื่ออธิบายเนื้อหาดิจิทัลคุณภาพต่ำที่ถูกผลิตขึ้นอย่างมหาศาลด้วย AI ไม่ว่าจะเป็นบทความ ภาพ วิดีโอ หรือพอดแคสต์ หลายอย่างดูเหมือนจะสร้างได้ง่ายแต่กลับทำให้โลกออนไลน์เต็มไปด้วยสิ่งที่คนเรียกว่า “AI slop” จนยากจะแยกออกว่าอะไรคือผลงานมนุษย์จริงๆ และอะไรคือสิ่งที่เครื่องจักรสร้างขึ้นมา เรื่องนี้สะท้อนว่าพลังของเครื่องมือ AI ถูกส่งถึงมือผู้ใช้เร็วเกินไปโดยที่ยังไม่ทันคิดถึงผลกระทบ ทำให้เราต้องเผชิญกับทะเลข้อมูลที่ปะปนทั้งคุณภาพและขยะไปพร้อมกัน 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/we-filled-the-internet-with-garbage-and-now-slop-is-the-word-of-the-year-nice-going-ai 💻 Super X: แท็บเล็ตลูกผสมที่แรงระดับเดสก์ท็อป OneXPlayer เปิดตัว Super X อุปกรณ์ลูกผสมที่รวมแท็บเล็ตกับพลังการประมวลผลระดับเดสก์ท็อป หน้าจอใหญ่ถึง 14 นิ้ว มาพร้อมซีพียู 16 คอร์ GPU ระดับ 5060-class และ RAM สูงสุด 128GB จุดเด่นคือการออกแบบระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ทำให้เครื่องเล็กแต่ยังคงประสิทธิภาพสูง เหมาะกับคนที่อยากได้ความแรงแบบ PC แต่ยังพกพาได้สะดวก แม้ราคาคาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 2000 ดอลลาร์ แต่ถือเป็นการยกระดับแท็บเล็ตให้ก้าวไปอีกขั้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/a-water-cooled-amd-ai-14-inch-tablet-with-16-cpu-cores-a-5060-class-gpu-and-128gb-ram-is-exactly-what-i-need-for-christmas-i-dont-think-it-will-cost-less-than-usd2000-though 💾 SSD จิ๋วแต่แรง: Samsung เปิดตัว PCIe Gen5 รุ่นใหม่ Samsung เผยโฉม SSD รุ่น PM9E1 ที่มาในขนาดเล็กเพียง 22 x 42 มม. แต่รองรับมาตรฐาน PCIe Gen5 ทำให้ได้ความเร็วสูงและความจุที่จริงจัง แม้จะมาแบบเงียบๆ แต่ถือเป็นการขยายตลาดสู่กลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการอุปกรณ์เก็บข้อมูลขนาดเล็กแต่ไม่ลดทอนประสิทธิภาพ เหมาะกับโน้ตบุ๊กหรืออุปกรณ์พกพาที่ต้องการความเร็วระดับสูงสุดในพื้นที่จำกัด 🔗 https://www.techradar.com/pro/samsungs-surprising-stealth-superfast-ssd-surfaces-silently-pm9e1-turns-out-to-be-a-mini-9100-pro-measuring-just-22-x-42mm-with-pcie-gen5-capabilities 🎮 DoomScroll: เว็บไซต์ใหม่รวมแผนที่ Doom แบบไม่รู้จบ แฟนเกม Doom ได้เฮ เมื่อมีเว็บไซต์ใหม่ชื่อ DoomScroll ที่รวบรวมแผนที่เกม Doom ไว้ให้เลือกเล่นได้ไม่รู้จบผ่านเบราว์เซอร์ ผู้เล่นสามารถเข้าไปเลือกแผนที่ที่ชอบแล้วเล่นได้ทันที ถือเป็นการเปิดคลังเกมคลาสสิกให้เข้าถึงง่ายขึ้น และยังทำให้ชุมชนผู้เล่นสามารถแชร์ผลงานกันได้สะดวกขึ้นด้วย 🔗 https://www.techradar.com/gaming/pc-gaming/new-doomscroll-website-is-an-endless-library-of-doom-maps-you-can-pick-from-and-play-in-your-browser 🧠 หน่วยความจำแห่งอนาคต: Kioxia พัฒนา 3D DRAM Kioxia ประกาศความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยี 3D DRAM โดยใช้ stacked oxide-semiconductors ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มความหนาแน่นของหน่วยความจำ แม้จะยังไม่พร้อมสู่ตลาดผู้บริโภคในทันที แต่ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมหน่วยความจำในทศวรรษหน้า ทำให้คาดหวังได้ว่าอนาคตเราจะได้เห็น RAM ที่เร็วขึ้นและราคาถูกลง 🔗 https://www.techradar.com/pro/crying-over-expensive-ram-kioxia-may-have-cracked-the-3d-ram-puzzle-paving-the-way-for-cheaper-faster-memory-but-it-probably-wont-reach-the-market-till-the-next-decade 🛡️ Apple อุดช่องโหว่ Zero-Day สุดอันตราย Apple ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงใน WebKit ที่ถูกใช้โจมตีแบบเจาะจงบุคคลระดับสูง โดยช่องโหว่นี้อาจเปิดทางให้แฮกเกอร์เข้าควบคุมเครื่องจากระยะไกลได้ ทีม Google TAG และ Apple ร่วมกันค้นพบและแก้ไข ซึ่งถือเป็นการทำงานร่วมกันที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก การอัปเดตครอบคลุมทั้ง iOS, iPadOS, macOS, watchOS, tvOS, visionOS และ Safari ผู้ใช้ทั่วไปแม้จะไม่ใช่เป้าหมายหลัก แต่ก็ถูกแนะนำให้รีบอัปเดตเพื่อความปลอดภัยทันที 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/apple-says-it-fixed-zero-day-flaws-used-for-sophisticated-attacks 🌐 CEO Windscribe วิจารณ์การแบน VPN สำหรับเด็ก Windscribe ผู้ให้บริการ VPN ออกมาแสดงความเห็นว่าการห้ามเด็กใช้ VPN เป็น “วิธีแก้ที่แย่ที่สุด” เพราะ VPN ไม่ใช่เครื่องมืออันตราย แต่กลับเป็นสิ่งที่ช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย การแบนอาจทำให้เด็กขาดโอกาสในการเรียนรู้การใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย และยังไม่แก้ปัญหาที่แท้จริงของการใช้งานออนไลน์ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/banning-vpns-for-kids-is-the-dumbest-possible-fix-windscribe-ceo 📷 กล้องวงจรปิดแบตเตอรี่ไร้ขีดจำกัด มีการเปิดตัวกล้องวงจรปิดรุ่นใหม่ที่ชูจุดขายเรื่อง “แบตเตอรี่ไม่จำกัด” สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จบ่อย ๆ ราคาก็ไม่สูงอย่างที่คิด ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น กล้องนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัยต่อเนื่องโดยไม่ต้องยุ่งยากกับการบำรุงรักษาแบตเตอรี่ 🔗 https://www.techradar.com/home/smart-home/this-home-security-cam-monitors-your-property-24-7-with-unlimited-battery-life-and-it-costs-less-than-you-might-expect ⌚ Garmin เผลอหลุดข้อมูล Vivosmart 6 Garmin มีข่าวหลุดเกี่ยวกับสมาร์ทแทร็กเกอร์รุ่นใหม่ Vivosmart 6 ที่คาดว่าจะมาพร้อมการอัปเกรดสำคัญเหนือรุ่นก่อน แม้ยังไม่มีรายละเอียดเต็ม แต่คาดว่าจะมีฟีเจอร์ด้านสุขภาพและการติดตามการออกกำลังกายที่แม่นยำขึ้น การหลุดครั้งนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ที่ติดตามอุปกรณ์สวมใส่ของ Garmin อยู่แล้ว 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/fitness-trackers/garmin-just-leaked-its-vivosmart-6-tracker-and-it-might-come-with-one-major-upgrade-over-its-predecessor 🔒 แอป Freedom Chat ทำข้อมูลผู้ใช้หลุด มีรายงานว่าแอปแชทชื่อ Freedom Chat เผยข้อมูลผู้ใช้โดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งหมายเลขโทรศัพท์และรายละเอียดอื่น ๆ ทำให้เกิดความกังวลเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ แอปนี้ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าขาดมาตรการป้องกันที่รัดกุม และอาจทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกโจมตีหรือการละเมิดข้อมูล 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/messaging-app-freedom-chat-exposes-user-phone-numbers-and-more-heres-what-we-know 🎧 Google เปิดฟีเจอร์แปลสดผ่านหูฟัง Google กำลังยกระดับการสื่อสารข้ามภาษาให้ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัวฟีเจอร์ “Live Translation” ที่สามารถใช้งานได้กับหูฟังทุกยี่ห้อ ไม่จำกัดเฉพาะ Pixel Buds อีกต่อไป โดยเริ่มทดสอบในสหรัฐฯ เม็กซิโก และอินเดีย ฟีเจอร์นี้ไม่เพียงแค่แปลคำต่อคำ แต่ยังรักษาน้ำเสียง จังหวะ และอารมณ์ของผู้พูด ทำให้การสนทนาเป็นธรรมชาติมากขึ้น นอกจากนี้ Google ยังปรับปรุงระบบ Gemini ให้เข้าใจสำนวนและภาษาพูด เช่น “stealing my thunder” ที่ไม่สามารถแปลตรงตัวได้ พร้อมทั้งเพิ่มเครื่องมือช่วยเรียนภาษา เช่น การให้คำแนะนำด้านการออกเสียง และระบบติดตามความก้าวหน้า ฟีเจอร์นี้รองรับกว่า 70 ภาษา และมีแผนจะขยายไปยัง iOS ในปี 2026 🔗 https://www.techradar.com/computing/software/google-smashes-language-barriers-with-live-translation-for-any-earbuds-on-android-heres-how-it-works 📧 อีเมลไม่ใช่จุดอ่อน แต่การตั้งค่าคลาวด์ต่างหาก หลายครั้งที่เกิดเหตุข้อมูลรั่วไหล อีเมลมักถูกมองว่าเป็นตัวการ แต่จริง ๆ แล้วปัญหามาจากการตั้งค่าคลาวด์ที่ผิดพลาดมากกว่า กว่า 99% ของความล้มเหลวด้านความปลอดภัยเกิดจากผู้ใช้เอง เช่น คลิกลิงก์ฟิชชิ่ง ใช้รหัสผ่านซ้ำ หรือจัดการข้อมูลผิดพลาด การโทษอีเมลจึงเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจไปจากต้นเหตุที่แท้จริง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าการป้องกันควรเริ่มจากการเข้ารหัสข้อมูล การเสริมความปลอดภัยของระบบปฏิบัติการ และการฝึกอบรมผู้ใช้ให้รู้เท่าทันภัยไซเบอร์ เมื่อผู้ใช้มีความรู้และระบบถูกเข้ารหัสอย่างดี อีเมลก็จะกลายเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/your-email-app-isnt-the-weak-link-but-your-cloud-configuration-probably-is 🛡️ Microsoft ขยายโครงการ Bug Bounty Microsoft ประกาศปรับโครงการ Bug Bounty ครั้งใหญ่ เปิดให้ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยสามารถส่งรายงานช่องโหว่ได้ครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์และบริการ แม้บางโปรแกรมจะไม่มีการตั้งค่ารางวัลอย่างเป็นทางการก็ตาม แนวทางใหม่นี้เรียกว่า “In Scope by Default” ซึ่งหมายความว่าหากช่องโหว่มีผลกระทบต่อบริการออนไลน์ของ Microsoft ก็จะได้รับเงินรางวัลตามระดับความรุนแรง โดยปีที่ผ่านมา Microsoft จ่ายเงินรางวัลไปกว่า 17 ล้านดอลลาร์ มากกว่า Google ที่จ่ายราว 11.8 ล้านดอลลาร์ การขยายนี้ครอบคลุมทั้งโค้ดของ Microsoft โค้ดจากบุคคลที่สาม และโอเพ่นซอร์ส ถือเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยตรวจสอบความปลอดภัยในวงกว้างยิ่งขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-will-expand-bug-bounties-even-on-programs-without-official-payouts 🏢 Oracle ทุ่มมหาศาลกับดีลศูนย์ข้อมูล Oracle กำลังเดินเกมครั้งใหญ่ในโลกคลาวด์และศูนย์ข้อมูล ล่าสุดมีการเปิดเผยว่าได้ทำสัญญาเช่าศูนย์ข้อมูลและคลาวด์รวมมูลค่าถึง 248 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งจะทยอยเริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2026 ไปจนถึง 2028 และกินเวลายาวนานถึง 15–19 ปี การขยายตัวนี้เกิดจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากลูกค้าใหญ่ ๆ อย่าง Meta, Nvidia และ OpenAI ที่เพิ่งเซ็นสัญญาเพิ่มอีก 300 พันล้านดอลลาร์ ทำให้ Oracle ต้องเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าและลงทุนเพิ่มหนี้อีกหลายหมื่นล้าน แม้จะเป็นภาระ แต่ก็สะท้อนว่าบริษัทกำลังเดิมพันอนาคตไว้กับการเติบโตของตลาด AI และคลาวด์อย่างเต็มที่ 🔗 https://www.techradar.com/pro/oracle-reportedly-signs-major-huge-cloud-data-center-deals-in-the-last-quarter-nearly-usd250-billion-in-new-commitments-revealed 🤖 ChatGPT 5.2 vs Gemini 3 มีการทดสอบเปรียบเทียบสองแชตบอทที่โด่งดังที่สุดในโลกตอนนี้ คือ ChatGPT 5.2 และ Gemini 3 ผู้เขียนลองใช้งานจริงเพื่อดูว่าใครตอบโจทย์ได้ดีกว่า ผลลัพธ์ออกมาน่าสนใจเพราะแต่ละตัวมีจุดแข็งต่างกัน ChatGPT 5.2 โดดเด่นเรื่องการให้คำตอบที่ละเอียดและมีความคิดเชิงลึก ส่วน Gemini 3 เน้นความเร็วและความกระชับในการสื่อสาร การแข่งขันนี้สะท้อนว่าตลาด AI กำลังร้อนแรง และผู้ใช้ก็มีทางเลือกมากขึ้นตามสไตล์ที่ต้องการ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpt-5-2-vs-gemini-3-i-tried-the-worlds-most-popular-chatbots-to-see-which-is-best-and-the-result-might-surprise-you 🎨 โลกเสมือนที่มีหัวใจมนุษย์ เรื่องราวของ Victoria Fard ศิลปินที่ใช้พลังของคอมพิวเตอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย Snapdragon สร้างโลกเสมือนที่เต็มไปด้วยความรู้สึกและความเป็นมนุษย์ เธอไม่ได้มองเทคโนโลยีเป็นเพียงเครื่องมือ แต่ใช้มันเพื่อถ่ายทอดความทรงจำ ความรู้สึก และเรื่องราวที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน ผลงานของเธอจึงไม่ใช่แค่ภาพสวย ๆ แต่เป็นการสร้างพื้นที่ที่ผู้คนสามารถสัมผัสความเป็นมนุษย์ผ่านโลกดิจิทัลได้อย่างลึกซึ้ง 🔗 https://www.techradar.com/tech/memories-in-pixel-how-victoria-fard-uses-a-pc-powered-by-snapdragon-to-build-worlds-that-are-deeply-human 💼 ซีอีโอยังเดินหน้าลงทุน AI แม้ผลลัพธ์ไม่ชัด แม้หลายบริษัทจะยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนจากการลงทุนใน AI แต่ซีอีโอจำนวนมากก็ยังคงเดินหน้าทุ่มงบต่อไป เหตุผลคือพวกเขามองว่า AI เป็นเทคโนโลยีที่ไม่สามารถมองข้ามได้ และหากหยุดลงทุนอาจเสียโอกาสในอนาคต ถึงแม้จะมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอน แต่การตัดสินใจนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นว่าการลงทุนใน AI จะเป็นกุญแจสำคัญในการแข่งขันระยะยาว 🔗 https://www.techradar.com/pro/ceos-seem-determined-to-keep-spending-on-ai-despite-mixed-success ⚖️ ศาลรัสเซียสั่งอายัดทรัพย์ Google ในฝรั่งเศส มีข่าวใหญ่จากยุโรป เมื่อศาลรัสเซียมีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินของ Google ในฝรั่งเศสมูลค่ากว่า 129 ล้านดอลลาร์ สาเหตุเกี่ยวข้องกับข้อพิพาททางกฎหมายและการดำเนินธุรกิจที่ซับซ้อนในหลายประเทศ เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงแรงกดดันที่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีต้องเผชิญในระดับโลก ทั้งจากกฎระเบียบและความขัดแย้งทางการเมืองที่ส่งผลต่อการดำเนินงาน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/russian-court-ruling-could-see-usd129-million-freeze-on-some-of-googles-french-assets 📰 Microsoft เจอศึกใหญ่เรื่อง Cloud Licensing ในสหราชอาณาจักร เรื่องนี้เริ่มจากการที่ Microsoft ถูกกล่าวหาว่ากำหนดเงื่อนไขการใช้งาน Windows Server บน Cloud ของคู่แข่งอย่าง AWS และ Google Cloud ให้ยุ่งยากและมีค่าใช้จ่ายสูง จนทำให้หลายองค์กรในสหราชอาณาจักรเสียเงินไปเป็นจำนวนมาก คดีนี้ถูกยื่นต่อศาล Competition Appeal Tribunal โดยมีองค์กรกว่า 59,000 แห่งเข้าร่วมเป็นกลุ่มฟ้องร้อง หาก Microsoft ถูกตัดสินว่าผิดจริง อาจต้องจ่ายค่าชดเชยสูงถึง 2 พันล้านปอนด์ ขณะที่ Microsoft ยืนยันว่าเป็นเพียงการกล่าวหาเกินจริงจากกลุ่มทนายและผู้สนับสนุน แต่แรงกดดันก็ยังคงมีต่อเนื่อง เพราะ Google เองก็เคยร้องเรียนเรื่องนี้ต่อ EU มาก่อนแล้ว 🔗 https://www.techradar.com/pro/microsoft-is-back-in-court-in-the-uk-over-unfair-cloud-licensing-claims 🎮 UGreen เปิดตัว eGPU Dock ท้าชน Razer ในตลาด eGPU ที่กำลังร้อนแรง UGreen ได้เปิดตัว Linkstation eGPU Dock ที่มาพร้อมพลังงานในตัวถึง 850W และพอร์ตเชื่อมต่อใหม่อย่าง Oculink และ USB4 จุดเด่นคือราคาประมาณ 325 ดอลลาร์ ซึ่งใกล้เคียงกับ Razer Core X V2 แต่เหนือกว่าตรงที่มี PSU ในตัวและรองรับการ์ดจอขนาดใหญ่ถึง 370 มม. อย่างไรก็ตาม ดีไซน์ของ UGreen ยังเปิดโล่งมากกว่า Razer ที่มีโครงสร้างปิด ทำให้บางคนกังวลเรื่องความปลอดภัยของการ์ดจอ ถึงอย่างนั้น นี่ก็ถือเป็นการก้าวเข้าสู่ตลาดใหม่ที่น่าจับตามองของ UGreen ที่เดิมทำอุปกรณ์เสริมอย่าง Dock และ Charger 🔗 https://www.techradar.com/computing/gpu/its-a-great-time-to-buy-an-egpu-and-ugreens-new-razer-rival-has-two-major-tricks-up-its-sleeve 📱 วิกฤติ RAM อาจทำให้สมาร์ทโฟนถอยหลังในปี 2026 นักวิเคราะห์เตือนว่าความต้องการ RAM ที่สูงขึ้นจากศูนย์ข้อมูล AI กำลังทำให้ราคาพุ่งขึ้น ส่งผลให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอาจต้องลดสเปกลง แทนที่จะเพิ่ม RAM เป็น 16GB ในรุ่นเรือธงใหม่ อาจยังคงอยู่ที่ 12GB หรือบางรุ่นอาจลดลงเหลือ 8GB สำหรับรุ่นกลาง และ 4GB สำหรับรุ่นล่าง ทั้งนี้แม้จะเป็นการคาดการณ์ แต่ก็มีความเป็นไปได้สูง เพราะตลาด AI กำลังดูดซับทรัพยากรไปอย่างมหาศาล ซึ่งอาจย้อนแย้งกับการพัฒนา AI บนมือถือที่ต้องใช้ RAM มากเช่นกัน 🔗 https://www.techradar.com/phones/the-ram-crisis-will-see-smartphone-specs-go-backwards-in-2026-experts-warn-heres-why 💍 Apple ควรทำ Smart Ring เพื่อแก้ปัญหาความยุ่งยากของ Smartwatch ผู้เขียนเล่าประสบการณ์ตรงว่าแม้ Apple Watch จะมีฟีเจอร์ด้านสุขภาพและการออกกำลังกายที่ยอดเยี่ยม แต่ก็สร้างความลำบากใจเพราะเขาเป็นคนรักนาฬิกากลไกและไม่อยากละทิ้งการใส่นาฬิกาแบบดั้งเดิม จนต้องใส่นาฬิกาสองเรือนบนข้อมือเดียวกัน ซึ่งทั้งไม่สะดวกและน่าขัน เขาจึงเสนอว่า Apple ควรทำ Smart Ring ที่สามารถติดตามสุขภาพได้เหมือน Apple Watch แต่เล็กกะทัดรัดและไม่รบกวนการใส่นาฬิกาแบบดั้งเดิม หาก Apple ทำจริงก็อาจกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่พลิกเกมในปี 2026 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/apple-needs-to-make-a-smart-ring-to-save-me-from-this-ridiculous-situation 🌳 รีวิวซอฟต์แวร์ Idea Spectrum Realtime Landscaping Pro 2025 นี่คือโปรแกรมออกแบบภูมิทัศน์ที่ให้คุณสร้างสวนเสมือนจริงได้จากคอมพิวเตอร์ Windows จุดเด่นคืออินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย มีคลังพืชกว่า 6,000 ชนิด และวัตถุสามมิติหลากหลาย ตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ไปจนถึงรถยนต์ พร้อมระบบแอนิเมชันที่ทำให้งานออกแบบดูมีชีวิตชีวา โปรแกรมยังมี Wizard ที่ช่วยให้การสร้างบ้าน สระน้ำ หรือสวนทำได้รวดเร็ว แม้จะมีข้อจำกัดว่าใช้ได้เฉพาะ Windows และอาจหน่วงเมื่อโปรเจ็กต์ซับซ้อน แต่ก็ถือเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพ 🔗 https://www.techradar.com/pro/software-services/idea-spectrum-realtime-landscaping-pro-review
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 464 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple เปิดตัวชิป AI Server “Baltra”

    Apple กำลังพัฒนาชิปเซิร์ฟเวอร์ AI รุ่นแรกของตนเองในชื่อรหัส Baltra โดยร่วมมือกับ Broadcom เพื่อสร้างระบบเครือข่ายที่ไม่ต้องพึ่งพา Nvidia การออกแบบนี้คาดว่าจะเสร็จสิ้นในปี 2026 และเริ่มใช้งานจริงในปี 2027 โดยใช้กระบวนการผลิต TSMC 3nm N3E จุดประสงค์หลักคือรองรับงาน AI inference ขนาดใหญ่ที่ Apple ต้องการสำหรับบริการ Apple Intelligence.

    จุดเด่นของ Baltra
    Baltra ถูกออกแบบมาเพื่อ AI inference ไม่ใช่การเทรนโมเดลใหม่ เนื่องจาก Apple ได้ทำสัญญาใช้โมเดล Gemini ขนาด 3 ล้านล้านพารามิเตอร์จาก Google แล้ว การออกแบบชิปจึงเน้นไปที่ latency และ throughput โดยใช้สถาปัตยกรรมที่รองรับ low-precision math เช่น INT8 เพื่อให้เหมาะกับงาน inference ที่ต้องการความเร็วและประสิทธิภาพสูง.

    กลยุทธ์และความร่วมมือ
    Apple เลือกทำงานกับ Broadcom เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีเครือข่ายสำหรับ Baltra และหลีกเลี่ยงการพึ่งพา Nvidia ซึ่งครองตลาด GPU สำหรับ AI อยู่ในปัจจุบัน การสร้างชิปเองยังช่วยให้ Apple ควบคุมต้นทุนและการออกแบบ ได้ดีกว่า รวมถึงเสริมแนวทาง vertical integration ที่บริษัทใช้กับ A-series และ M-series chips.

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    การมาของ Baltra แสดงให้เห็นว่า Apple กำลังเข้าสู่การแข่งขันในตลาด AI server chips ที่มีผู้เล่นหลักอย่าง Nvidia, AMD และ Intel การพัฒนาในครั้งนี้อาจทำให้ Apple สามารถสร้างระบบคลาวด์ที่ปรับแต่งเองได้เต็มรูปแบบ และลดการพึ่งพาผู้ผลิตรายอื่นในงาน AI ขนาดใหญ่.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    คุณสมบัติ Baltra
    ผลิตด้วย TSMC 3nm N3E
    เน้นงาน AI inference ไม่ใช่การเทรนโมเดล
    รองรับ low-precision math เช่น INT8

    กลยุทธ์ของ Apple
    ร่วมมือกับ Broadcom พัฒนาเทคโนโลยีเครือข่าย
    หลีกเลี่ยงการพึ่งพา Nvidia
    เสริมแนวทาง vertical integration

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    Apple เข้าสู่ตลาด AI server chips
    แข่งขันกับ Nvidia, AMD และ Intel
    ลดการพึ่งพาผู้ผลิตรายอื่นในงาน AI

    ข้อควรระวัง
    Baltra ยังไม่พร้อมใช้งานจริงจนถึงปี 2027
    ไม่เหมาะสำหรับการเทรนโมเดลใหม่
    ความสำเร็จขึ้นอยู่กับ yield และการผลิตของ TSMC

    https://wccftech.com/apples-ai-server-chip-baltra-likely-to-be-used-primarily-for-ai-inference/
    🍏 Apple เปิดตัวชิป AI Server “Baltra” Apple กำลังพัฒนาชิปเซิร์ฟเวอร์ AI รุ่นแรกของตนเองในชื่อรหัส Baltra โดยร่วมมือกับ Broadcom เพื่อสร้างระบบเครือข่ายที่ไม่ต้องพึ่งพา Nvidia การออกแบบนี้คาดว่าจะเสร็จสิ้นในปี 2026 และเริ่มใช้งานจริงในปี 2027 โดยใช้กระบวนการผลิต TSMC 3nm N3E จุดประสงค์หลักคือรองรับงาน AI inference ขนาดใหญ่ที่ Apple ต้องการสำหรับบริการ Apple Intelligence. ⚡ จุดเด่นของ Baltra Baltra ถูกออกแบบมาเพื่อ AI inference ไม่ใช่การเทรนโมเดลใหม่ เนื่องจาก Apple ได้ทำสัญญาใช้โมเดล Gemini ขนาด 3 ล้านล้านพารามิเตอร์จาก Google แล้ว การออกแบบชิปจึงเน้นไปที่ latency และ throughput โดยใช้สถาปัตยกรรมที่รองรับ low-precision math เช่น INT8 เพื่อให้เหมาะกับงาน inference ที่ต้องการความเร็วและประสิทธิภาพสูง. 🔒 กลยุทธ์และความร่วมมือ Apple เลือกทำงานกับ Broadcom เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีเครือข่ายสำหรับ Baltra และหลีกเลี่ยงการพึ่งพา Nvidia ซึ่งครองตลาด GPU สำหรับ AI อยู่ในปัจจุบัน การสร้างชิปเองยังช่วยให้ Apple ควบคุมต้นทุนและการออกแบบ ได้ดีกว่า รวมถึงเสริมแนวทาง vertical integration ที่บริษัทใช้กับ A-series และ M-series chips. 🌐 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม การมาของ Baltra แสดงให้เห็นว่า Apple กำลังเข้าสู่การแข่งขันในตลาด AI server chips ที่มีผู้เล่นหลักอย่าง Nvidia, AMD และ Intel การพัฒนาในครั้งนี้อาจทำให้ Apple สามารถสร้างระบบคลาวด์ที่ปรับแต่งเองได้เต็มรูปแบบ และลดการพึ่งพาผู้ผลิตรายอื่นในงาน AI ขนาดใหญ่. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ คุณสมบัติ Baltra ➡️ ผลิตด้วย TSMC 3nm N3E ➡️ เน้นงาน AI inference ไม่ใช่การเทรนโมเดล ➡️ รองรับ low-precision math เช่น INT8 ✅ กลยุทธ์ของ Apple ➡️ ร่วมมือกับ Broadcom พัฒนาเทคโนโลยีเครือข่าย ➡️ หลีกเลี่ยงการพึ่งพา Nvidia ➡️ เสริมแนวทาง vertical integration ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม ➡️ Apple เข้าสู่ตลาด AI server chips ➡️ แข่งขันกับ Nvidia, AMD และ Intel ➡️ ลดการพึ่งพาผู้ผลิตรายอื่นในงาน AI ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ Baltra ยังไม่พร้อมใช้งานจริงจนถึงปี 2027 ⛔ ไม่เหมาะสำหรับการเทรนโมเดลใหม่ ⛔ ความสำเร็จขึ้นอยู่กับ yield และการผลิตของ TSMC https://wccftech.com/apples-ai-server-chip-baltra-likely-to-be-used-primarily-for-ai-inference/
    WCCFTECH.COM
    Apple's AI Chip Baltra To Power Your iPhone's Next-Gen Features
    Apple is a vertical integration afficionado, with its custom silicon design efforts offering an apt illustration of this paradigm.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความปรารถนาของ Sapphire ที่จะมีอิสระมากขึ้นในการออกแบบการ์ดจอ

    Edward Crisler ผู้จัดการ PR ของ Sapphire กล่าวในพอดแคสต์กับ Hardware Unboxed ว่า เขาอยากให้บริษัทมีอิสระในการออกแบบการ์ดจอมากกว่านี้ ปัจจุบัน AMD และ Nvidia กำหนดข้อจำกัดด้าน power delivery, memory capacity และ voltage control ทำให้ทุกการ์ดจากผู้ผลิตต่าง ๆ มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน ความแตกต่างจึงเหลือเพียง ดีไซน์ของชุดระบายความร้อนและบริการหลังการขาย.

    ข้อจำกัดที่ทำให้ Toxic หายไป
    Crisler ระบุว่า การ์ดจอซีรีส์ Toxic ซึ่งเป็นรุ่นเรือธงของ Sapphire ไม่สามารถออกมาได้ทุกเจนเนอเรชัน เนื่องจากข้อจำกัดด้านการโอเวอร์คล็อกและพลังงานที่ AMD กำหนดไว้ Toxic เคยเป็นสัญลักษณ์ของการ์ดที่แรงที่สุด แต่ในยุคปัจจุบัน headroom สำหรับการปรับแต่งถูกลดลง จนไม่สามารถสร้างความแตกต่างได้มากเหมือนเดิม.

    ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ
    เขายังกล่าวถึงการใช้ 12VHPWR connector ใน RX 9070 XT Nitro+ ที่มีปัญหาเพียง 3 เคส ซึ่งทั้งหมดเกิดจากการใช้ อะแดปเตอร์ 16-pin ที่ผิดพลาด ไม่ใช่ตัวการ์ดหรือ PSU ของ Sapphire เอง นี่สะท้อนว่าบริษัทให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือและการออกแบบที่ปลอดภัย.

    มุมมองต่อการตลาดและข้อมูล
    Crisler ตั้งข้อสังเกตว่า Steam Hardware Survey ไม่ได้สะท้อนตลาดจริงทั้งหมด เพราะมีเพียง 1/12 ของผู้ใช้ที่ถูกสุ่มให้ตอบ เขาเชื่อว่า AMD อาจมีส่วนแบ่งตลาดเกมจริงสูงถึง 40% ซึ่งมากกว่าตัวเลขที่มักถูกเผยแพร่.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อจำกัดจาก AMD/Nvidia
    จำกัดการโอเวอร์คล็อก, power delivery และ memory capacity
    ทำให้การ์ดจากทุกแบรนด์มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน

    ผลกระทบต่อ Toxic Series
    ไม่สามารถออกทุกเจนเนอเรชัน
    Headroom สำหรับการปรับแต่งลดลง

    ความน่าเชื่อถือของ Sapphire
    ปัญหา 12VHPWR connector เกิดจากอะแดปเตอร์ ไม่ใช่ตัวการ์ด
    Sapphire ยืนยันความปลอดภัยของการออกแบบ

    มุมมองต่อข้อมูลตลาด
    Steam Survey อาจไม่แม่นยำ
    AMD อาจมีส่วนแบ่งตลาดเกมจริงสูงถึง 40%

    ข้อควรระวัง
    การจำกัดอิสระของ AIB partners อาจทำให้ตลาดขาดนวัตกรรม
    Toxic series อาจไม่กลับมาเต็มรูปแบบหากข้อจำกัดยังคงอยู่
    การตีความข้อมูลตลาดผิดพลาดอาจทำให้บริษัทวางกลยุทธ์คลาดเคลื่อน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/sapphire-pr-manager-wishes-amd-and-nvidia-would-let-partners-run-wild-with-design-wants-freedom-to-bring-back-toxic-line-more-often
    🎨 ความปรารถนาของ Sapphire ที่จะมีอิสระมากขึ้นในการออกแบบการ์ดจอ Edward Crisler ผู้จัดการ PR ของ Sapphire กล่าวในพอดแคสต์กับ Hardware Unboxed ว่า เขาอยากให้บริษัทมีอิสระในการออกแบบการ์ดจอมากกว่านี้ ปัจจุบัน AMD และ Nvidia กำหนดข้อจำกัดด้าน power delivery, memory capacity และ voltage control ทำให้ทุกการ์ดจากผู้ผลิตต่าง ๆ มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน ความแตกต่างจึงเหลือเพียง ดีไซน์ของชุดระบายความร้อนและบริการหลังการขาย. ⚡ ข้อจำกัดที่ทำให้ Toxic หายไป Crisler ระบุว่า การ์ดจอซีรีส์ Toxic ซึ่งเป็นรุ่นเรือธงของ Sapphire ไม่สามารถออกมาได้ทุกเจนเนอเรชัน เนื่องจากข้อจำกัดด้านการโอเวอร์คล็อกและพลังงานที่ AMD กำหนดไว้ Toxic เคยเป็นสัญลักษณ์ของการ์ดที่แรงที่สุด แต่ในยุคปัจจุบัน headroom สำหรับการปรับแต่งถูกลดลง จนไม่สามารถสร้างความแตกต่างได้มากเหมือนเดิม. 🔒 ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ เขายังกล่าวถึงการใช้ 12VHPWR connector ใน RX 9070 XT Nitro+ ที่มีปัญหาเพียง 3 เคส ซึ่งทั้งหมดเกิดจากการใช้ อะแดปเตอร์ 16-pin ที่ผิดพลาด ไม่ใช่ตัวการ์ดหรือ PSU ของ Sapphire เอง นี่สะท้อนว่าบริษัทให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือและการออกแบบที่ปลอดภัย. 🌐 มุมมองต่อการตลาดและข้อมูล Crisler ตั้งข้อสังเกตว่า Steam Hardware Survey ไม่ได้สะท้อนตลาดจริงทั้งหมด เพราะมีเพียง 1/12 ของผู้ใช้ที่ถูกสุ่มให้ตอบ เขาเชื่อว่า AMD อาจมีส่วนแบ่งตลาดเกมจริงสูงถึง 40% ซึ่งมากกว่าตัวเลขที่มักถูกเผยแพร่. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อจำกัดจาก AMD/Nvidia ➡️ จำกัดการโอเวอร์คล็อก, power delivery และ memory capacity ➡️ ทำให้การ์ดจากทุกแบรนด์มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน ✅ ผลกระทบต่อ Toxic Series ➡️ ไม่สามารถออกทุกเจนเนอเรชัน ➡️ Headroom สำหรับการปรับแต่งลดลง ✅ ความน่าเชื่อถือของ Sapphire ➡️ ปัญหา 12VHPWR connector เกิดจากอะแดปเตอร์ ไม่ใช่ตัวการ์ด ➡️ Sapphire ยืนยันความปลอดภัยของการออกแบบ ✅ มุมมองต่อข้อมูลตลาด ➡️ Steam Survey อาจไม่แม่นยำ ➡️ AMD อาจมีส่วนแบ่งตลาดเกมจริงสูงถึง 40% ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ การจำกัดอิสระของ AIB partners อาจทำให้ตลาดขาดนวัตกรรม ⛔ Toxic series อาจไม่กลับมาเต็มรูปแบบหากข้อจำกัดยังคงอยู่ ⛔ การตีความข้อมูลตลาดผิดพลาดอาจทำให้บริษัทวางกลยุทธ์คลาดเคลื่อน https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/sapphire-pr-manager-wishes-amd-and-nvidia-would-let-partners-run-wild-with-design-wants-freedom-to-bring-back-toxic-line-more-often
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • HDD ราคาพุ่งแรงที่สุดในรอบ 8 ไตรมาส

    ตลาดฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) กำลังกลับมาเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง หลังจากราคาสัญญาเพิ่มขึ้นกว่า 4% ในไตรมาส 4 ปี 2025 ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นแรงที่สุดในรอบ 8 ไตรมาสติดต่อกัน ปัจจัยสำคัญมาจาก ความต้องการในจีน ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และ การขยายตัวของศูนย์ข้อมูล AI ในสหรัฐฯ ที่ต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลมหาศาล.

    จีนหนุนตลาด HDD
    นโยบายจัดซื้อคอมพิวเตอร์ของรัฐบาลจีนที่เน้นใช้ CPU และระบบปฏิบัติการที่ผลิตในประเทศ ทำให้การผลิต PC ภายในประเทศพุ่งสูงขึ้น และส่งผลให้ความต้องการ HDD เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิด เหตุผลสำคัญคือความกังวลเรื่อง การเก็บข้อมูลระยะยาวใน SSD ที่อาจเสื่อมสภาพจาก NAND flash memory เมื่อเก็บไว้นาน ทำให้ HDD ถูกมองว่าเชื่อถือได้มากกว่าในบางกรณี.

    ศูนย์ข้อมูล AI ดันความต้องการ
    ในสหรัฐฯ ศูนย์ข้อมูลที่รองรับงาน AI และ Machine Learning ยังคงพึ่งพา HDD ขนาดใหญ่สำหรับการเก็บข้อมูลจำนวนมหาศาล แม้ SSD จะมีความเร็วสูงกว่า แต่ HDD ยังคงได้เปรียบในด้าน ต้นทุนต่อกิกะไบต์ และความเหมาะสมในการเก็บข้อมูลแบบ cold/warm storage ส่งผลให้ผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ยังคงสั่งซื้อ HDD ในปริมาณมหาศาล.

    ความท้าทายด้านการผลิต
    แม้ผู้ผลิต HDD จะเดินเครื่องเต็มกำลัง แต่ก็ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้ทัน เนื่องจากการผลิต HDD ต้องใช้ชิ้นส่วนเฉพาะทาง เช่น หัวอ่าน/เขียน และแผ่นบันทึกข้อมูล ที่ไม่สามารถเพิ่มกำลังผลิตได้รวดเร็วเหมือน NAND flash การขาดแคลน DRAM ที่ใช้เป็น cache memory ก็ยิ่งเพิ่มต้นทุนการผลิต ทำให้ราคามีแนวโน้มสูงต่อเนื่อง.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ราคาพุ่งแรงที่สุดในรอบ 8 ไตรมาส
    HDD contract prices เพิ่มขึ้น 4% ใน Q4 2025
    แนวโน้มราคายังมีแรงกดดันต่อเนื่อง

    ปัจจัยจากจีน
    นโยบายจัดซื้อ PC ในประเทศหนุนการผลิต
    ความกังวลเรื่อง SSD เก็บข้อมูลระยะยาว ทำให้ HDD ถูกเลือกมากขึ้น

    ปัจจัยจากสหรัฐฯ
    ศูนย์ข้อมูล AI ต้องการ HDD ความจุสูง
    HDD ยังคงได้เปรียบด้านต้นทุนต่อกิกะไบต์

    ข้อจำกัดการผลิต
    ชิ้นส่วนเฉพาะทางทำให้การเพิ่มกำลังผลิตทำได้ช้า
    DRAM ขาดแคลนเพิ่มต้นทุนการผลิต HDD

    ข้อควรระวัง
    ราคามีแนวโน้มสูงต่อเนื่องหากความต้องการยังพุ่ง
    การขาดแคลน DRAM และชิ้นส่วนสำคัญอาจทำให้ซัพพลายไม่ทัน
    ผู้ใช้ทั่วไปอาจได้รับผลกระทบจากราคาที่สูงขึ้น แม้ HDD เคยเป็นตัวเลือกประหยัด

    https://www.tomshardware.com/pc-components/hdds/hdd-prices-spike-as-ai-infrastructure-and-chinas-pc-push-collide-hard-drives-record-biggest-price-increase-in-eight-quarters-suppliers-warn-pressure-will-continue
    💾 HDD ราคาพุ่งแรงที่สุดในรอบ 8 ไตรมาส ตลาดฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) กำลังกลับมาเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง หลังจากราคาสัญญาเพิ่มขึ้นกว่า 4% ในไตรมาส 4 ปี 2025 ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นแรงที่สุดในรอบ 8 ไตรมาสติดต่อกัน ปัจจัยสำคัญมาจาก ความต้องการในจีน ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และ การขยายตัวของศูนย์ข้อมูล AI ในสหรัฐฯ ที่ต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลมหาศาล. 🇨🇳 จีนหนุนตลาด HDD นโยบายจัดซื้อคอมพิวเตอร์ของรัฐบาลจีนที่เน้นใช้ CPU และระบบปฏิบัติการที่ผลิตในประเทศ ทำให้การผลิต PC ภายในประเทศพุ่งสูงขึ้น และส่งผลให้ความต้องการ HDD เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิด เหตุผลสำคัญคือความกังวลเรื่อง การเก็บข้อมูลระยะยาวใน SSD ที่อาจเสื่อมสภาพจาก NAND flash memory เมื่อเก็บไว้นาน ทำให้ HDD ถูกมองว่าเชื่อถือได้มากกว่าในบางกรณี. 🇺🇸 ศูนย์ข้อมูล AI ดันความต้องการ ในสหรัฐฯ ศูนย์ข้อมูลที่รองรับงาน AI และ Machine Learning ยังคงพึ่งพา HDD ขนาดใหญ่สำหรับการเก็บข้อมูลจำนวนมหาศาล แม้ SSD จะมีความเร็วสูงกว่า แต่ HDD ยังคงได้เปรียบในด้าน ต้นทุนต่อกิกะไบต์ และความเหมาะสมในการเก็บข้อมูลแบบ cold/warm storage ส่งผลให้ผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ยังคงสั่งซื้อ HDD ในปริมาณมหาศาล. ⚠️ ความท้าทายด้านการผลิต แม้ผู้ผลิต HDD จะเดินเครื่องเต็มกำลัง แต่ก็ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้ทัน เนื่องจากการผลิต HDD ต้องใช้ชิ้นส่วนเฉพาะทาง เช่น หัวอ่าน/เขียน และแผ่นบันทึกข้อมูล ที่ไม่สามารถเพิ่มกำลังผลิตได้รวดเร็วเหมือน NAND flash การขาดแคลน DRAM ที่ใช้เป็น cache memory ก็ยิ่งเพิ่มต้นทุนการผลิต ทำให้ราคามีแนวโน้มสูงต่อเนื่อง. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ราคาพุ่งแรงที่สุดในรอบ 8 ไตรมาส ➡️ HDD contract prices เพิ่มขึ้น 4% ใน Q4 2025 ➡️ แนวโน้มราคายังมีแรงกดดันต่อเนื่อง ✅ ปัจจัยจากจีน ➡️ นโยบายจัดซื้อ PC ในประเทศหนุนการผลิต ➡️ ความกังวลเรื่อง SSD เก็บข้อมูลระยะยาว ทำให้ HDD ถูกเลือกมากขึ้น ✅ ปัจจัยจากสหรัฐฯ ➡️ ศูนย์ข้อมูล AI ต้องการ HDD ความจุสูง ➡️ HDD ยังคงได้เปรียบด้านต้นทุนต่อกิกะไบต์ ✅ ข้อจำกัดการผลิต ➡️ ชิ้นส่วนเฉพาะทางทำให้การเพิ่มกำลังผลิตทำได้ช้า ➡️ DRAM ขาดแคลนเพิ่มต้นทุนการผลิต HDD ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ราคามีแนวโน้มสูงต่อเนื่องหากความต้องการยังพุ่ง ⛔ การขาดแคลน DRAM และชิ้นส่วนสำคัญอาจทำให้ซัพพลายไม่ทัน ⛔ ผู้ใช้ทั่วไปอาจได้รับผลกระทบจากราคาที่สูงขึ้น แม้ HDD เคยเป็นตัวเลือกประหยัด https://www.tomshardware.com/pc-components/hdds/hdd-prices-spike-as-ai-infrastructure-and-chinas-pc-push-collide-hard-drives-record-biggest-price-increase-in-eight-quarters-suppliers-warn-pressure-will-continue
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • LG บังคับติดตั้ง Copilot บน Smart TV

    ผู้ใช้ LG Smart TV รายงานว่า หลังการอัปเดต webOS รุ่นใหม่ มีการเพิ่มแอป Microsoft Copilot บนหน้าจอหลักโดยไม่ถามความเห็น และไม่สามารถถอนการติดตั้งได้เหมือนแอปทั่วไป เช่น Netflix หรือ YouTube การเปลี่ยนแปลงนี้ถูกแชร์บน Reddit และได้รับความสนใจอย่างมาก โดยโพสต์หนึ่งมีคนโหวตกว่า 35,000 ครั้ง.

    กลยุทธ์ “AI TV” ของ LG
    LG เคยประกาศที่งาน CES 2025 ว่าจะผนวก Copilot เข้ากับ webOS เพื่อเสริมประสบการณ์ AI Search และการแนะนำคอนเทนต์ ปัจจุบัน Copilot ที่ปรากฏบนทีวีทำงานเหมือน shortcut ไปยัง Copilot เวอร์ชันเว็บ มากกว่าจะเป็นแอปเนทีฟเต็มรูปแบบตามที่เคยโฆษณาไว้.

    ปัญหาที่ผู้ใช้กังวล
    สิ่งที่สร้างความไม่พอใจคือการที่ผู้ใช้ ไม่มีสิทธิ์เลือก LG ระบุว่าแอปบางตัวที่ติดตั้งมากับระบบไม่สามารถลบได้ แต่เพียงซ่อนเท่านั้น ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าถูกบังคับใช้ฟีเจอร์ที่ไม่ต้องการ และเพิ่มความกังวลเรื่อง การเก็บข้อมูลและโฆษณา บน Smart TV.

    แนวโน้มในตลาด Smart TV
    ไม่ใช่แค่ LG ที่ทำเช่นนี้ บางรุ่นของ Samsung ก็มีการติดตั้ง Gemini โดยไม่สามารถลบออกได้เช่นกัน สะท้อนถึงแนวโน้มที่ผู้ผลิตทีวีพยายามผลักดันบริการ AI และโฆษณาเข้าสู่บ้านผู้บริโภค แม้จะไม่ได้รับการร้องขอโดยตรง.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สิ่งที่เกิดขึ้น
    LG อัปเดต webOS แล้วเพิ่ม Microsoft Copilot โดยอัตโนมัติ
    แอปถูกปักหมุดบนหน้าจอหลักและไม่สามารถถอนการติดตั้งได้

    กลยุทธ์ของ LG
    Copilot เป็นส่วนหนึ่งของแผน “AI TV”
    ใช้เป็น shortcut ไปยัง Copilot เวอร์ชันเว็บ

    ผลกระทบต่อผู้ใช้
    ผู้ใช้ไม่สามารถลบ Copilot ได้
    ทำให้เกิดความไม่พอใจและวิจารณ์ในชุมชนออนไลน์
    เพิ่มความกังวลเรื่องข้อมูลและโฆษณา

    แนวโน้มในตลาด
    Samsung บางรุ่นก็มีการติดตั้ง Gemini โดยไม่สามารถลบได้
    สะท้อนการผลักดันบริการ AI โดยผู้ผลิตทีวี

    ข้อควรระวัง
    ผู้ใช้ไม่สามารถควบคุมการติดตั้งแอปได้เต็มที่
    การบังคับใช้ฟีเจอร์อาจกระทบความเป็นส่วนตัว
    ทางเลือกเดียวคือการตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อเลี่ยงการใช้งาน Copilot

    https://www.tomshardware.com/service-providers/tv-providers/lg-tv-update-adds-non-removable-microsoft-copilot-app-to-webos
    📺 LG บังคับติดตั้ง Copilot บน Smart TV ผู้ใช้ LG Smart TV รายงานว่า หลังการอัปเดต webOS รุ่นใหม่ มีการเพิ่มแอป Microsoft Copilot บนหน้าจอหลักโดยไม่ถามความเห็น และไม่สามารถถอนการติดตั้งได้เหมือนแอปทั่วไป เช่น Netflix หรือ YouTube การเปลี่ยนแปลงนี้ถูกแชร์บน Reddit และได้รับความสนใจอย่างมาก โดยโพสต์หนึ่งมีคนโหวตกว่า 35,000 ครั้ง. 🤖 กลยุทธ์ “AI TV” ของ LG LG เคยประกาศที่งาน CES 2025 ว่าจะผนวก Copilot เข้ากับ webOS เพื่อเสริมประสบการณ์ AI Search และการแนะนำคอนเทนต์ ปัจจุบัน Copilot ที่ปรากฏบนทีวีทำงานเหมือน shortcut ไปยัง Copilot เวอร์ชันเว็บ มากกว่าจะเป็นแอปเนทีฟเต็มรูปแบบตามที่เคยโฆษณาไว้. ⚠️ ปัญหาที่ผู้ใช้กังวล สิ่งที่สร้างความไม่พอใจคือการที่ผู้ใช้ ไม่มีสิทธิ์เลือก LG ระบุว่าแอปบางตัวที่ติดตั้งมากับระบบไม่สามารถลบได้ แต่เพียงซ่อนเท่านั้น ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าถูกบังคับใช้ฟีเจอร์ที่ไม่ต้องการ และเพิ่มความกังวลเรื่อง การเก็บข้อมูลและโฆษณา บน Smart TV. 🌐 แนวโน้มในตลาด Smart TV ไม่ใช่แค่ LG ที่ทำเช่นนี้ บางรุ่นของ Samsung ก็มีการติดตั้ง Gemini โดยไม่สามารถลบออกได้เช่นกัน สะท้อนถึงแนวโน้มที่ผู้ผลิตทีวีพยายามผลักดันบริการ AI และโฆษณาเข้าสู่บ้านผู้บริโภค แม้จะไม่ได้รับการร้องขอโดยตรง. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สิ่งที่เกิดขึ้น ➡️ LG อัปเดต webOS แล้วเพิ่ม Microsoft Copilot โดยอัตโนมัติ ➡️ แอปถูกปักหมุดบนหน้าจอหลักและไม่สามารถถอนการติดตั้งได้ ✅ กลยุทธ์ของ LG ➡️ Copilot เป็นส่วนหนึ่งของแผน “AI TV” ➡️ ใช้เป็น shortcut ไปยัง Copilot เวอร์ชันเว็บ ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้ ➡️ ผู้ใช้ไม่สามารถลบ Copilot ได้ ➡️ ทำให้เกิดความไม่พอใจและวิจารณ์ในชุมชนออนไลน์ ➡️ เพิ่มความกังวลเรื่องข้อมูลและโฆษณา ✅ แนวโน้มในตลาด ➡️ Samsung บางรุ่นก็มีการติดตั้ง Gemini โดยไม่สามารถลบได้ ➡️ สะท้อนการผลักดันบริการ AI โดยผู้ผลิตทีวี ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ผู้ใช้ไม่สามารถควบคุมการติดตั้งแอปได้เต็มที่ ⛔ การบังคับใช้ฟีเจอร์อาจกระทบความเป็นส่วนตัว ⛔ ทางเลือกเดียวคือการตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อเลี่ยงการใช้งาน Copilot https://www.tomshardware.com/service-providers/tv-providers/lg-tv-update-adds-non-removable-microsoft-copilot-app-to-webos
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดาวเทียมจีนเฉียดใกล้ Starlink อย่างอันตราย

    เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ดาวเทียมจากการปล่อยจรวด Long March 2D ของจีนถูกสังเกตว่าผ่านใกล้ดาวเทียม Starlink-6079 ที่ระดับความสูง 560 กม. ระยะห่างเพียง 200 เมตรถือว่าเป็น near-miss ที่อาจนำไปสู่หายนะหากเกิดการชนกัน เนื่องจากความเร็วสูงมากในวงโคจรต่ำ (LEO).

    ความเสี่ยงจากการขาดการประสานงาน
    Michael Nicolls รองประธานฝ่ายวิศวกรรมของ Starlink ระบุว่า ความเสี่ยงหลักมาจากการไม่แชร์ข้อมูลวงโคจร (ephemeris) ระหว่างผู้ให้บริการดาวเทียม การไม่ประสานงานเช่นนี้ทำให้เกิดเหตุการณ์เฉียดใกล้บ่อยครั้ง และอาจนำไปสู่ Kessler Syndrome ซึ่งเป็นการชนต่อเนื่องจนเกิดเศษซากจำนวนมหาศาลที่ทำให้ LEO ใช้งานไม่ได้.

    ความท้าทายด้านนโยบายและความปลอดภัย
    จีนไม่ได้แชร์ข้อมูลวงโคจรไปยังแพลตฟอร์มสากล เช่น U.S. Space-Track.org หรือ ITU ของสหประชาชาติ ทำให้การติดตามและป้องกันเหตุการณ์เสี่ยงทำได้ยากขึ้น นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญเรียกร้องให้มี ความร่วมมือระดับโลก เพื่อหลีกเลี่ยงโศกนาฏกรรมในอนาคต.

    อนาคตที่เต็มไปด้วยดาวเทียม
    ปัจจุบันมีดาวเทียมกว่า 12,000 ดวงใน LEO โดยประมาณ 8,000 ดวงเป็นของ Starlink และยังมีแผนขยายเพิ่มถึง 42,000 ดวง ขณะที่จีนและยุโรปก็มีโครงการสร้างกลุ่มดาวเทียมขนาดใหญ่เช่นกัน การเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วนี้ยิ่งทำให้ความเสี่ยงการชนกันสูงขึ้นหากไม่มีระบบประสานงานที่เข้มแข็ง.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    เหตุการณ์เฉียดใกล้
    ดาวเทียมจีนเข้าใกล้ Starlink-6079 ระยะ 200 เมตร
    ความเร็วกว่า 17,400 mph ที่ระดับความสูง 560 กม.

    สาเหตุความเสี่ยง
    การไม่แชร์ข้อมูลวงโคจรระหว่างผู้ให้บริการ
    เพิ่มโอกาสเกิด near-miss และการชนกัน

    ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
    ความเสี่ยงต่อ Kessler Syndrome
    เศษซากอวกาศจำนวนมหาศาลทำให้ LEO ใช้งานไม่ได้

    สถานการณ์ปัจจุบัน
    มีดาวเทียมกว่า 12,000 ดวงใน LEO
    Starlink มีแผนขยายถึง 42,000 ดวง
    จีนและยุโรปก็มีโครงการดาวเทียมขนาดใหญ่เช่นกัน

    ข้อควรระวัง
    การไม่ประสานงานระหว่างประเทศเพิ่มความเสี่ยงต่อการชน
    การขยายจำนวนดาวเทียมอย่างรวดเร็วอาจทำให้ LEO แออัดเกินไป
    หากเกิดการชน เศษซากอาจทำให้วงโคจรต่ำไม่สามารถใช้งานได้หลายชั่วอายุคน

    https://www.tomshardware.com/service-providers/network-providers/starlink-vp-confirms-dangerously-close-chinese-launch-incident-close-call-saw-satellite-pass-within-200-meters-of-starlink-travelling-at-over-17-400mph
    🚀 ดาวเทียมจีนเฉียดใกล้ Starlink อย่างอันตราย เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ดาวเทียมจากการปล่อยจรวด Long March 2D ของจีนถูกสังเกตว่าผ่านใกล้ดาวเทียม Starlink-6079 ที่ระดับความสูง 560 กม. ระยะห่างเพียง 200 เมตรถือว่าเป็น near-miss ที่อาจนำไปสู่หายนะหากเกิดการชนกัน เนื่องจากความเร็วสูงมากในวงโคจรต่ำ (LEO). ⚡ ความเสี่ยงจากการขาดการประสานงาน Michael Nicolls รองประธานฝ่ายวิศวกรรมของ Starlink ระบุว่า ความเสี่ยงหลักมาจากการไม่แชร์ข้อมูลวงโคจร (ephemeris) ระหว่างผู้ให้บริการดาวเทียม การไม่ประสานงานเช่นนี้ทำให้เกิดเหตุการณ์เฉียดใกล้บ่อยครั้ง และอาจนำไปสู่ Kessler Syndrome ซึ่งเป็นการชนต่อเนื่องจนเกิดเศษซากจำนวนมหาศาลที่ทำให้ LEO ใช้งานไม่ได้. 🔒 ความท้าทายด้านนโยบายและความปลอดภัย จีนไม่ได้แชร์ข้อมูลวงโคจรไปยังแพลตฟอร์มสากล เช่น U.S. Space-Track.org หรือ ITU ของสหประชาชาติ ทำให้การติดตามและป้องกันเหตุการณ์เสี่ยงทำได้ยากขึ้น นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญเรียกร้องให้มี ความร่วมมือระดับโลก เพื่อหลีกเลี่ยงโศกนาฏกรรมในอนาคต. 🌐 อนาคตที่เต็มไปด้วยดาวเทียม ปัจจุบันมีดาวเทียมกว่า 12,000 ดวงใน LEO โดยประมาณ 8,000 ดวงเป็นของ Starlink และยังมีแผนขยายเพิ่มถึง 42,000 ดวง ขณะที่จีนและยุโรปก็มีโครงการสร้างกลุ่มดาวเทียมขนาดใหญ่เช่นกัน การเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วนี้ยิ่งทำให้ความเสี่ยงการชนกันสูงขึ้นหากไม่มีระบบประสานงานที่เข้มแข็ง. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ เหตุการณ์เฉียดใกล้ ➡️ ดาวเทียมจีนเข้าใกล้ Starlink-6079 ระยะ 200 เมตร ➡️ ความเร็วกว่า 17,400 mph ที่ระดับความสูง 560 กม. ✅ สาเหตุความเสี่ยง ➡️ การไม่แชร์ข้อมูลวงโคจรระหว่างผู้ให้บริการ ➡️ เพิ่มโอกาสเกิด near-miss และการชนกัน ✅ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ➡️ ความเสี่ยงต่อ Kessler Syndrome ➡️ เศษซากอวกาศจำนวนมหาศาลทำให้ LEO ใช้งานไม่ได้ ✅ สถานการณ์ปัจจุบัน ➡️ มีดาวเทียมกว่า 12,000 ดวงใน LEO ➡️ Starlink มีแผนขยายถึง 42,000 ดวง ➡️ จีนและยุโรปก็มีโครงการดาวเทียมขนาดใหญ่เช่นกัน ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ การไม่ประสานงานระหว่างประเทศเพิ่มความเสี่ยงต่อการชน ⛔ การขยายจำนวนดาวเทียมอย่างรวดเร็วอาจทำให้ LEO แออัดเกินไป ⛔ หากเกิดการชน เศษซากอาจทำให้วงโคจรต่ำไม่สามารถใช้งานได้หลายชั่วอายุคน https://www.tomshardware.com/service-providers/network-providers/starlink-vp-confirms-dangerously-close-chinese-launch-incident-close-call-saw-satellite-pass-within-200-meters-of-starlink-travelling-at-over-17-400mph
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตลาดมืด SIM การ์ดกับการสร้างบอท

    งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์เผยว่า มีตลาดมืดขนาดใหญ่สำหรับ SIM การ์ดทั้งจริงและเสมือน ที่ถูกใช้เพื่อสร้างและยืนยันบัญชีปลอมบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Facebook, Instagram, TikTok และ Amazon บริการเหล่านี้ทำให้กองทัพบอทสามารถปลอมตัวเป็นมนุษย์ได้ง่ายขึ้น และถูกนำไปใช้เพื่อเพิ่มยอดไลก์ ผู้ติดตาม และการแชร์ให้ดูเหมือนมีความนิยมจริง

    ราคาของการซื้อ “ความนิยมปลอม”
    การวิจัยพบว่าราคาในการยืนยันบัญชีปลอมแตกต่างกันตามแพลตฟอร์มและประเทศต้นทางของ SIM เช่น
    WhatsApp เฉลี่ย 1.02 ดอลลาร์สหรัฐต่อการยืนยัน
    Telegram เฉลี่ย 0.89 ดอลลาร์สหรัฐ
    Facebook และ Shopify ถูกกว่ามาก เพียง 0.08 ดอลลาร์สหรัฐ
    TikTok และ LinkedIn ประมาณ 0.11 ดอลลาร์สหรัฐ
    Amazon เฉลี่ย 0.12 ดอลลาร์สหรัฐ

    ราคายังขึ้นลงตามเหตุการณ์ทางการเมือง เช่น ก่อนการเลือกตั้งระดับชาติ ราคายืนยันบัญชีบน WhatsApp และ Telegram จะพุ่งขึ้นกว่า 12–15% เพราะมีการใช้บอทเพื่อสร้างกระแสและโน้มน้าวผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง

    ผลกระทบต่อสังคมและการเมือง
    กองทัพบอทเหล่านี้ไม่ได้ถูกใช้แค่เพื่อการตลาด แต่ยังถูกนำไปใช้ใน แคมเปญทางการเมืองและการสร้างกระแสสังคม โดยการโพสต์เนื้อหาที่กระตุ้นอารมณ์ เช่น “rage bait” เพื่อดึงดูดการโต้เถียงและเพิ่มการมีส่วนร่วมปลอมๆ สิ่งนี้ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าใจผิดว่าประเด็นดังกล่าวได้รับความนิยมจริง ทั้งที่เป็นการจัดฉากโดยกลุ่มที่มีผลประโยชน์

    ข้อเสนอเพื่อแก้ปัญหา
    นักวิจัยเสนอให้มีการควบคุมการซื้อ SIM จำนวนมาก (SIM farms) ซึ่งสามารถเก็บ SIM ได้หลายร้อยใบในเครื่องเดียวเพื่อสร้างบัญชีปลอมจำนวนมหาศาล รวมถึงการบังคับให้แพลตฟอร์มเปิดเผยประเทศต้นทางของ SIM ที่ใช้ในการยืนยันบัญชี เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและลดการใช้บอทในทางที่ผิด

    สรุปสาระสำคัญ
    ตลาดมืด SIM การ์ด
    ใช้สร้างและยืนยันบัญชีปลอมบนแพลตฟอร์มออนไลน์
    ทำให้กองทัพบอทปลอมตัวเป็นมนุษย์ได้ง่าย

    ราคาการยืนยันบัญชีปลอม
    WhatsApp เฉลี่ย 1.02 ดอลลาร์
    Telegram เฉลี่ย 0.89 ดอลลาร์
    Facebook/Shopify เพียง 0.08 ดอลลาร์
    TikTok/LinkedIn ประมาณ 0.11 ดอลลาร์
    Amazon เฉลี่ย 0.12 ดอลลาร์

    ผลกระทบต่อสังคมและการเมือง
    ใช้บอทสร้างกระแสปลอม เพิ่มยอดไลก์และผู้ติดตาม
    ใช้กระตุ้นอารมณ์และโน้มน้าวผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง

    ข้อเสนอเพื่อแก้ปัญหา
    ควบคุมการซื้อ SIM จำนวนมาก (SIM farms)
    บังคับให้แพลตฟอร์มเปิดเผยประเทศต้นทางของ SIM

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/16/how-much-does-an-army-of-bots-cost-how-likes-and-clout-are-bought
    📱 ตลาดมืด SIM การ์ดกับการสร้างบอท งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์เผยว่า มีตลาดมืดขนาดใหญ่สำหรับ SIM การ์ดทั้งจริงและเสมือน ที่ถูกใช้เพื่อสร้างและยืนยันบัญชีปลอมบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Facebook, Instagram, TikTok และ Amazon บริการเหล่านี้ทำให้กองทัพบอทสามารถปลอมตัวเป็นมนุษย์ได้ง่ายขึ้น และถูกนำไปใช้เพื่อเพิ่มยอดไลก์ ผู้ติดตาม และการแชร์ให้ดูเหมือนมีความนิยมจริง 💸 ราคาของการซื้อ “ความนิยมปลอม” การวิจัยพบว่าราคาในการยืนยันบัญชีปลอมแตกต่างกันตามแพลตฟอร์มและประเทศต้นทางของ SIM เช่น 💠 WhatsApp เฉลี่ย 1.02 ดอลลาร์สหรัฐต่อการยืนยัน 💠 Telegram เฉลี่ย 0.89 ดอลลาร์สหรัฐ 💠 Facebook และ Shopify ถูกกว่ามาก เพียง 0.08 ดอลลาร์สหรัฐ 💠 TikTok และ LinkedIn ประมาณ 0.11 ดอลลาร์สหรัฐ 💠 Amazon เฉลี่ย 0.12 ดอลลาร์สหรัฐ ราคายังขึ้นลงตามเหตุการณ์ทางการเมือง เช่น ก่อนการเลือกตั้งระดับชาติ ราคายืนยันบัญชีบน WhatsApp และ Telegram จะพุ่งขึ้นกว่า 12–15% เพราะมีการใช้บอทเพื่อสร้างกระแสและโน้มน้าวผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ⚠️ ผลกระทบต่อสังคมและการเมือง กองทัพบอทเหล่านี้ไม่ได้ถูกใช้แค่เพื่อการตลาด แต่ยังถูกนำไปใช้ใน แคมเปญทางการเมืองและการสร้างกระแสสังคม โดยการโพสต์เนื้อหาที่กระตุ้นอารมณ์ เช่น “rage bait” เพื่อดึงดูดการโต้เถียงและเพิ่มการมีส่วนร่วมปลอมๆ สิ่งนี้ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าใจผิดว่าประเด็นดังกล่าวได้รับความนิยมจริง ทั้งที่เป็นการจัดฉากโดยกลุ่มที่มีผลประโยชน์ 🛡️ ข้อเสนอเพื่อแก้ปัญหา นักวิจัยเสนอให้มีการควบคุมการซื้อ SIM จำนวนมาก (SIM farms) ซึ่งสามารถเก็บ SIM ได้หลายร้อยใบในเครื่องเดียวเพื่อสร้างบัญชีปลอมจำนวนมหาศาล รวมถึงการบังคับให้แพลตฟอร์มเปิดเผยประเทศต้นทางของ SIM ที่ใช้ในการยืนยันบัญชี เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและลดการใช้บอทในทางที่ผิด 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ตลาดมืด SIM การ์ด ➡️ ใช้สร้างและยืนยันบัญชีปลอมบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ➡️ ทำให้กองทัพบอทปลอมตัวเป็นมนุษย์ได้ง่าย ✅ ราคาการยืนยันบัญชีปลอม ➡️ WhatsApp เฉลี่ย 1.02 ดอลลาร์ ➡️ Telegram เฉลี่ย 0.89 ดอลลาร์ ➡️ Facebook/Shopify เพียง 0.08 ดอลลาร์ ➡️ TikTok/LinkedIn ประมาณ 0.11 ดอลลาร์ ➡️ Amazon เฉลี่ย 0.12 ดอลลาร์ ‼️ ผลกระทบต่อสังคมและการเมือง ⛔ ใช้บอทสร้างกระแสปลอม เพิ่มยอดไลก์และผู้ติดตาม ⛔ ใช้กระตุ้นอารมณ์และโน้มน้าวผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ‼️ ข้อเสนอเพื่อแก้ปัญหา ⛔ ควบคุมการซื้อ SIM จำนวนมาก (SIM farms) ⛔ บังคับให้แพลตฟอร์มเปิดเผยประเทศต้นทางของ SIM https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/16/how-much-does-an-army-of-bots-cost-how-likes-and-clout-are-bought
    WWW.THESTAR.COM.MY
    How much does an army of bots cost? How likes and clout are bought
    Research has shown how SIM cards from the grey market are powering bot armies that fill social media with fake likes and comments to manipulate users and deliberately steer trends. A dollar gets you a dozen fake and 'verified' Facebook accounts posting on your behalf.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 0 รีวิว
  • Adafruit โต้ Arduino หลังเปลี่ยนเงื่อนไขการใช้งานใหม่ที่ถูกมองว่า “ไม่สอดคล้องกับโอเพ่นซอร์ส”

    หลังจากที่ Arduino ถูก Qualcomm เข้าซื้อกิจการเมื่อเดือนตุลาคม 2025 บริษัทได้ปรับปรุง Terms and Conditions ใหม่ ซึ่งรวมถึงการห้ามผู้ใช้ทำการ Reverse Engineering บริการคลาวด์, การกำหนดสิทธิ์การใช้งานแบบถาวรเหนือเนื้อหาที่ผู้ใช้อัปโหลด และการเพิ่มระบบตรวจสอบการใช้งาน AI ภายในแพลตฟอร์ม ข้อกำหนดเหล่านี้สร้างความไม่พอใจในชุมชนโอเพ่นซอร์ส โดยเฉพาะคู่แข่งอย่าง Adafruit ที่มองว่ากฎใหม่เป็นการจำกัดเสรีภาพของผู้ใช้

    มุมมองจาก Arduino และ Adafruit
    Arduino ชี้แจงว่าการห้าม Reverse Engineering ใช้เฉพาะกับ บริการ SaaS บนคลาวด์ ไม่ได้กระทบกับบอร์ดหรือเฟิร์มแวร์ที่ยังคงเปิดซอร์สเหมือนเดิม ขณะที่ Adafruit โดยผู้ก่อตั้ง Limor “Ladyada” Fried โต้ว่า การบังคับให้ผู้ใช้พึ่งพาเครื่องมือบนคลาวด์เป็นการจำกัดทางเลือก และทำให้การอ้างว่า “ยังคงโอเพ่นซอร์ส” ไม่สมบูรณ์ เพราะผู้ใช้ใหม่จำนวนมากถูกบังคับให้ใช้เครื่องมือออนไลน์เป็นหลัก

    ประเด็นด้านสิทธิ์และข้อมูลผู้ใช้
    หนึ่งในข้อถกเถียงใหญ่คือการที่ Arduino กำหนดสิทธิ์การใช้งานแบบ Irrevocable License เหนือเนื้อหาที่ผู้ใช้อัปโหลด เช่น โค้ดหรือโปรเจกต์ แม้ Arduino ยืนยันว่าผู้ใช้ยังคงเป็นเจ้าของเนื้อหา แต่สิทธิ์ที่ให้บริษัทถือครองอย่างถาวรทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าจะถูกนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์โดยไม่สามารถเพิกถอนได้ นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลเรื่องการเก็บข้อมูลผู้ใช้และการตรวจสอบการใช้งาน AI ที่อาจกลายเป็นการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง

    ผลกระทบต่อชุมชนโอเพ่นซอร์ส
    Adafruit และนักวิจัยจาก EFF เตือนว่าการเพิ่มข้อจำกัดเช่นนี้อาจทำให้ Arduino สูญเสียความเชื่อมั่นจากชุมชนผู้พัฒนาและนักเรียนที่เคยใช้บอร์ด Arduino เป็นสัญลักษณ์ของการเรียนรู้แบบเปิด หากบริษัทต้องการควบคุมการใช้งานมากขึ้น ควรซื่อสัตย์และประกาศว่าเป็น “Source-Available” ไม่ใช่โอเพ่นซอร์สอย่างแท้จริง

    สรุปสาระสำคัญ
    การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของ Arduino
    ห้าม Reverse Engineering บริการคลาวด์
    กำหนดสิทธิ์การใช้งานถาวรเหนือเนื้อหาที่ผู้ใช้อัปโหลด
    เพิ่มระบบตรวจสอบการใช้งาน AI

    การชี้แจงจาก Arduino
    ยืนยันว่าบอร์ดและเฟิร์มแวร์ยังคงเปิดซอร์ส
    การห้าม Reverse Engineering ใช้เฉพาะบริการ SaaS

    ข้อกังวลจาก Adafruit และชุมชน
    ผู้ใช้ใหม่ถูกบังคับให้ใช้เครื่องมือคลาวด์เป็นหลัก
    สิทธิ์การใช้งานถาวรอาจนำไปสู่การใช้ข้อมูลเชิงพาณิชย์
    การตรวจสอบ AI อาจกลายเป็นการเฝ้าระวังต่อเนื่อง

    ผลกระทบต่ออนาคตโอเพ่นซอร์ส
    เสี่ยงต่อการสูญเสียความเชื่อมั่นจากผู้พัฒนาและนักเรียน
    อาจต้องเปลี่ยนการนิยามเป็น “Source-Available” แทนโอเพ่นซอร์ส

    https://thenewstack.io/adafruit-arduinos-rules-are-incompatible-with-open-source/
    ⚡ Adafruit โต้ Arduino หลังเปลี่ยนเงื่อนไขการใช้งานใหม่ที่ถูกมองว่า “ไม่สอดคล้องกับโอเพ่นซอร์ส” หลังจากที่ Arduino ถูก Qualcomm เข้าซื้อกิจการเมื่อเดือนตุลาคม 2025 บริษัทได้ปรับปรุง Terms and Conditions ใหม่ ซึ่งรวมถึงการห้ามผู้ใช้ทำการ Reverse Engineering บริการคลาวด์, การกำหนดสิทธิ์การใช้งานแบบถาวรเหนือเนื้อหาที่ผู้ใช้อัปโหลด และการเพิ่มระบบตรวจสอบการใช้งาน AI ภายในแพลตฟอร์ม ข้อกำหนดเหล่านี้สร้างความไม่พอใจในชุมชนโอเพ่นซอร์ส โดยเฉพาะคู่แข่งอย่าง Adafruit ที่มองว่ากฎใหม่เป็นการจำกัดเสรีภาพของผู้ใช้ 🧩 มุมมองจาก Arduino และ Adafruit Arduino ชี้แจงว่าการห้าม Reverse Engineering ใช้เฉพาะกับ บริการ SaaS บนคลาวด์ ไม่ได้กระทบกับบอร์ดหรือเฟิร์มแวร์ที่ยังคงเปิดซอร์สเหมือนเดิม ขณะที่ Adafruit โดยผู้ก่อตั้ง Limor “Ladyada” Fried โต้ว่า การบังคับให้ผู้ใช้พึ่งพาเครื่องมือบนคลาวด์เป็นการจำกัดทางเลือก และทำให้การอ้างว่า “ยังคงโอเพ่นซอร์ส” ไม่สมบูรณ์ เพราะผู้ใช้ใหม่จำนวนมากถูกบังคับให้ใช้เครื่องมือออนไลน์เป็นหลัก 🔒 ประเด็นด้านสิทธิ์และข้อมูลผู้ใช้ หนึ่งในข้อถกเถียงใหญ่คือการที่ Arduino กำหนดสิทธิ์การใช้งานแบบ Irrevocable License เหนือเนื้อหาที่ผู้ใช้อัปโหลด เช่น โค้ดหรือโปรเจกต์ แม้ Arduino ยืนยันว่าผู้ใช้ยังคงเป็นเจ้าของเนื้อหา แต่สิทธิ์ที่ให้บริษัทถือครองอย่างถาวรทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าจะถูกนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์โดยไม่สามารถเพิกถอนได้ นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลเรื่องการเก็บข้อมูลผู้ใช้และการตรวจสอบการใช้งาน AI ที่อาจกลายเป็นการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง 🌍 ผลกระทบต่อชุมชนโอเพ่นซอร์ส Adafruit และนักวิจัยจาก EFF เตือนว่าการเพิ่มข้อจำกัดเช่นนี้อาจทำให้ Arduino สูญเสียความเชื่อมั่นจากชุมชนผู้พัฒนาและนักเรียนที่เคยใช้บอร์ด Arduino เป็นสัญลักษณ์ของการเรียนรู้แบบเปิด หากบริษัทต้องการควบคุมการใช้งานมากขึ้น ควรซื่อสัตย์และประกาศว่าเป็น “Source-Available” ไม่ใช่โอเพ่นซอร์สอย่างแท้จริง 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของ Arduino ➡️ ห้าม Reverse Engineering บริการคลาวด์ ➡️ กำหนดสิทธิ์การใช้งานถาวรเหนือเนื้อหาที่ผู้ใช้อัปโหลด ➡️ เพิ่มระบบตรวจสอบการใช้งาน AI ✅ การชี้แจงจาก Arduino ➡️ ยืนยันว่าบอร์ดและเฟิร์มแวร์ยังคงเปิดซอร์ส ➡️ การห้าม Reverse Engineering ใช้เฉพาะบริการ SaaS ‼️ ข้อกังวลจาก Adafruit และชุมชน ⛔ ผู้ใช้ใหม่ถูกบังคับให้ใช้เครื่องมือคลาวด์เป็นหลัก ⛔ สิทธิ์การใช้งานถาวรอาจนำไปสู่การใช้ข้อมูลเชิงพาณิชย์ ⛔ การตรวจสอบ AI อาจกลายเป็นการเฝ้าระวังต่อเนื่อง ✅ ผลกระทบต่ออนาคตโอเพ่นซอร์ส ➡️ เสี่ยงต่อการสูญเสียความเชื่อมั่นจากผู้พัฒนาและนักเรียน ➡️ อาจต้องเปลี่ยนการนิยามเป็น “Source-Available” แทนโอเพ่นซอร์ส https://thenewstack.io/adafruit-arduinos-rules-are-incompatible-with-open-source/
    THENEWSTACK.IO
    Adafruit: Arduino's Rules Are 'Incompatible With Open Source'
    Arduino has defended the changes, claiming its commitment to open source hardware remains unchanged.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • 7 โครงการที่ถูก Ubuntu ยกเลิก แต่เราก็ยังคิดถึงมันอยู่

    Ubuntu One: ความฝันคลาวด์ที่ไม่ยั่งยืน
    Ubuntu เคยเปิดตัว Ubuntu One เพื่อเป็นบริการคลาวด์เก็บไฟล์และซิงก์ข้อมูล คล้ายกับ iCloud ของ Apple โดยให้พื้นที่ฟรี 5GB และสามารถซื้อเพิ่มได้ รวมถึงมีบริการซื้อเพลงผ่าน Ubuntu One Music Store แต่สุดท้ายถูกยกเลิกในปี 2014 เพราะไม่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งที่ให้พื้นที่ฟรีมากกว่า และ Canonical ต้องการโฟกัสไปที่การพัฒนาแพลตฟอร์มอื่น

    Convergence และ Ubuntu Edge: ความพยายามสู่สมาร์ทโฟน
    Canonical เคยมีความฝันที่จะทำให้ Ubuntu รันได้ทั้งบน PC, Tablet และ Smartphone ผ่านแนวคิด Convergence และเปิดตัวโครงการ Ubuntu Edge สมาร์ทโฟนที่ใช้ Ubuntu โดยระดมทุนผ่าน crowdfunding ได้กว่า 12 ล้านดอลลาร์ แต่ไม่ถึงเป้าหมาย 32 ล้าน ทำให้โครงการต้องปิดตัวไป อย่างไรก็ตามแนวคิดนี้ยังคงถูกนำไปใช้ในเทคโนโลยีอย่าง Samsung DeX ในปัจจุบัน

    Ubuntu Unity และ Mir: การทดลองที่ไม่รอด
    Ubuntu เคยพัฒนา Unity Desktop Environment และ Mir Display Server เพื่อสร้างเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่ผู้ใช้จำนวนมากไม่พอใจกับการเปลี่ยนแปลง และสุดท้าย Canonical ต้องยกเลิก Unity ในปี 2017 และกลับมาใช้ GNOME ที่ปรับแต่งใหม่ ส่วน Mir ก็ถูกลดบทบาทไปใช้กับ IoT แทน ไม่ได้ถูกใช้ในเดสก์ท็อปอีกต่อไป

    Wubi และ Ubuntu Make: เครื่องมือที่ถูกลืม
    Wubi Installer เคยทำให้ผู้ใช้ Windows สามารถติดตั้ง Ubuntu ได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องแก้ไขพาร์ทิชัน แต่ถูกยกเลิกเพราะมีปัญหาความเข้ากันได้
    Ubuntu Make เป็น CLI สำหรับติดตั้งเครื่องมือพัฒนา เช่น Atom หรือ VS Code แต่ถูกแทนที่ด้วย Snap ที่ใช้ง่ายกว่าและปลอดภัยกว่า

    สรุปประเด็นสำคัญ
    โครงการที่ถูกยกเลิก
    Ubuntu One (Cloud + Music Store)
    Ubuntu Edge และ Convergence (สมาร์ทโฟน Ubuntu)
    Unity Desktop และ Mir Display Server
    Wubi Installer และ Ubuntu Make

    เหตุผลหลักที่ล้มเหลว
    แข่งขันไม่ได้กับคู่แข่งที่แข็งแกร่งกว่า
    ขาดเงินทุนและการสนับสนุนจากผู้ใช้
    ผู้ใช้ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงใหญ่
    เทคโนโลยีใหม่เข้ามาแทนที่

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้และนักพัฒนา
    การพัฒนาโครงการใหม่โดยไม่ประเมินตลาด อาจทำให้สูญเสียทรัพยากรโดยเปล่าประโยชน์
    การเปลี่ยนแปลงที่ไม่ฟังเสียงผู้ใช้ อาจนำไปสู่การต่อต้านและความล้มเหลว

    https://itsfoss.com/projects-ditched-by-ubuntu/
    🏗️ 7 โครงการที่ถูก Ubuntu ยกเลิก แต่เราก็ยังคิดถึงมันอยู่ 🗂️ Ubuntu One: ความฝันคลาวด์ที่ไม่ยั่งยืน Ubuntu เคยเปิดตัว Ubuntu One เพื่อเป็นบริการคลาวด์เก็บไฟล์และซิงก์ข้อมูล คล้ายกับ iCloud ของ Apple โดยให้พื้นที่ฟรี 5GB และสามารถซื้อเพิ่มได้ รวมถึงมีบริการซื้อเพลงผ่าน Ubuntu One Music Store แต่สุดท้ายถูกยกเลิกในปี 2014 เพราะไม่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งที่ให้พื้นที่ฟรีมากกว่า และ Canonical ต้องการโฟกัสไปที่การพัฒนาแพลตฟอร์มอื่น 📱 Convergence และ Ubuntu Edge: ความพยายามสู่สมาร์ทโฟน Canonical เคยมีความฝันที่จะทำให้ Ubuntu รันได้ทั้งบน PC, Tablet และ Smartphone ผ่านแนวคิด Convergence และเปิดตัวโครงการ Ubuntu Edge สมาร์ทโฟนที่ใช้ Ubuntu โดยระดมทุนผ่าน crowdfunding ได้กว่า 12 ล้านดอลลาร์ แต่ไม่ถึงเป้าหมาย 32 ล้าน ทำให้โครงการต้องปิดตัวไป อย่างไรก็ตามแนวคิดนี้ยังคงถูกนำไปใช้ในเทคโนโลยีอย่าง Samsung DeX ในปัจจุบัน 🖥️ Ubuntu Unity และ Mir: การทดลองที่ไม่รอด Ubuntu เคยพัฒนา Unity Desktop Environment และ Mir Display Server เพื่อสร้างเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่ผู้ใช้จำนวนมากไม่พอใจกับการเปลี่ยนแปลง และสุดท้าย Canonical ต้องยกเลิก Unity ในปี 2017 และกลับมาใช้ GNOME ที่ปรับแต่งใหม่ ส่วน Mir ก็ถูกลดบทบาทไปใช้กับ IoT แทน ไม่ได้ถูกใช้ในเดสก์ท็อปอีกต่อไป 💿 Wubi และ Ubuntu Make: เครื่องมือที่ถูกลืม 💠 Wubi Installer เคยทำให้ผู้ใช้ Windows สามารถติดตั้ง Ubuntu ได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องแก้ไขพาร์ทิชัน แต่ถูกยกเลิกเพราะมีปัญหาความเข้ากันได้ 💠 Ubuntu Make เป็น CLI สำหรับติดตั้งเครื่องมือพัฒนา เช่น Atom หรือ VS Code แต่ถูกแทนที่ด้วย Snap ที่ใช้ง่ายกว่าและปลอดภัยกว่า 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ โครงการที่ถูกยกเลิก ➡️ Ubuntu One (Cloud + Music Store) ➡️ Ubuntu Edge และ Convergence (สมาร์ทโฟน Ubuntu) ➡️ Unity Desktop และ Mir Display Server ➡️ Wubi Installer และ Ubuntu Make ✅ เหตุผลหลักที่ล้มเหลว ➡️ แข่งขันไม่ได้กับคู่แข่งที่แข็งแกร่งกว่า ➡️ ขาดเงินทุนและการสนับสนุนจากผู้ใช้ ➡️ ผู้ใช้ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงใหญ่ ➡️ เทคโนโลยีใหม่เข้ามาแทนที่ ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้และนักพัฒนา ⛔ การพัฒนาโครงการใหม่โดยไม่ประเมินตลาด อาจทำให้สูญเสียทรัพยากรโดยเปล่าประโยชน์ ⛔ การเปลี่ยนแปลงที่ไม่ฟังเสียงผู้ใช้ อาจนำไปสู่การต่อต้านและความล้มเหลว https://itsfoss.com/projects-ditched-by-ubuntu/
    ITSFOSS.COM
    7 Projects Killed by Ubuntu (But I Still Miss Them)
    Over the span of the past 15 years, Ubuntu started several projects. Not all of them are active today. And yet, they live in our memory.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251215 #securityonline

    NANOREMOTE: มัลแวร์ใหม่ที่ซ่อนตัวผ่าน Google Drive
    เรื่องนี้เป็นการค้นพบของ Elastic Security Labs ที่เจอม้าโทรจันตัวใหม่ชื่อว่า NANOREMOTE ซึ่งทำงานบน Windows และใช้ Google Drive API เป็นช่องทางสื่อสารลับกับผู้โจมตี ทำให้การขโมยข้อมูลและสั่งงานแฝงตัวไปกับทราฟฟิกปกติได้อย่างแนบเนียน จุดเด่นคือมันสามารถใช้ OAuth 2.0 token เพื่อสร้างช่องทางลับในการส่งข้อมูล โดยมีตัวโหลดชื่อ WMLOADER ที่ปลอมตัวเป็นโปรแกรมของ Bitdefender แต่จริง ๆ แล้วเป็นตัวนำมัลแวร์เข้าสู่ระบบ จากนั้นจะถอดรหัสไฟล์ที่ซ่อนอยู่และปล่อยตัว NANOREMOTE ทำงานในหน่วยความจำโดยตรง นักวิจัยยังพบหลักฐานว่ามีการใช้โค้ดและคีย์เข้ารหัสเดียวกันกับมัลแวร์ตระกูล FINALDRAFT ซึ่งบ่งชี้ว่ามีรากฐานการพัฒนาร่วมกัน
    https://securityonline.info/new-nanoremote-backdoor-uses-google-drive-api-for-covert-c2-and-links-to-finaldraft-espionage-group

    SHADOW-VOID-042: แฮกเกอร์ปลอมตัวเป็น Trend Micro
    กลุ่มผู้โจมตีที่ถูกเรียกว่า SHADOW-VOID-042 ใช้ชื่อเสียงของ Trend Micro มาหลอกเหยื่อ โดยส่งอีเมลฟิชชิ่งที่ดูเหมือนเป็นประกาศเตือนด้านความปลอดภัย เหยื่อที่เชื่อจะถูกพาไปยังเว็บไซต์ปลอมที่เลียนแบบสไตล์ของ Trend Micro และถูกติดตั้ง payload แบบเจาะจงเป้าหมาย การโจมตีนี้ไม่ใช่การสุ่ม แต่ถูกปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละเหยื่อ และมีการใช้ทั้งเทคนิคเก่าและใหม่ เช่น exploit ช่องโหว่ Chrome ปี 2018 รวมถึงการใช้ zero-day ที่ใหม่กว่าสำหรับเป้าหมายสำคัญ นักวิจัยเชื่อว่ากลุ่มนี้อาจเชื่อมโยงกับ Void Rabisu ซึ่งมีประวัติทำงานใกล้ชิดกับผลประโยชน์รัสเซีย
    https://securityonline.info/shadow-void-042-impersonates-trend-micro-in-phishing-campaign-to-breach-critical-infrastructure

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Plesk (CVE-2025-66430)
    แพลตฟอร์ม Plesk ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการโฮสต์เว็บไซต์ ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรงที่ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถยกระดับสิทธิ์ขึ้นเป็น root ได้ ช่องโหว่นี้อยู่ในฟีเจอร์ Password-Protected Directories ที่อนุญาตให้ผู้ใช้ฉีดข้อมูลเข้าไปใน Apache configuration ได้โดยตรง ผลคือสามารถสั่งรันคำสั่งใด ๆ ในระดับสูงสุดบนเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกยึดครองทั้งระบบ Plesk ได้ออก micro-update เร่งด่วนเพื่อแก้ไข และแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตทันที
    https://securityonline.info/critical-plesk-flaw-cve-2025-66430-risks-full-server-takeover-via-lpe-and-apache-config-injection

    Ashen Lepus: กลุ่ม APT ที่เชื่อมโยงกับ Hamas เปิดตัว AshTag Malware
    ในขณะที่สงครามกาซายังคงดำเนินอยู่ กลุ่มแฮกเกอร์ Ashen Lepus หรือ WIRTE ที่เชื่อมโยงกับ Hamas ยังคงทำงานด้านไซเบอร์สอดแนมอย่างต่อเนื่อง และได้พัฒนาเครื่องมือใหม่ชื่อว่า AshTag ซึ่งเป็นชุดมัลแวร์แบบโมดูลาร์ที่ซ่อนตัวเก่งมาก ใช้ไฟล์ PDF หลอกเหยื่อให้เปิดเอกสารทางการทูตปลอม แล้วโหลด DLL อันตรายเข้ามา จากนั้น payload จะถูกดึงจาก HTML ที่ซ่อนอยู่และทำงานในหน่วยความจำโดยไม่แตะดิสก์ ทำให้ตรวจจับได้ยาก กลุ่มนี้ยังขยายเป้าหมายไปยังประเทศอาหรับอื่น ๆ เช่น โอมานและโมร็อกโก โดยมุ่งเน้นข้อมูลทางการทูตและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
    https://securityonline.info/hamas-affiliated-apt-ashen-lepus-unveils-ashtag-malware-suite-for-wider-cyber-espionage

    ช่องโหว่ RasMan บน Windows ที่ยังไม่ได้แพตช์
    นักวิจัยจาก 0patch พบช่องโหว่ใหม่ในบริการ Remote Access Connection Manager (RasMan) ของ Windows ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข แม้ Microsoft จะเพิ่งแพตช์ช่องโหว่อื่นที่เกี่ยวข้องไปแล้ว แต่พบว่ามีบั๊กที่ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถทำให้บริการ RasMan crash ได้ และใช้ช่องทางนี้เพื่อยึดสิทธิ์ Local System ได้ ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการ linked list ที่ผิดพลาด ทำให้เกิด NULL pointer และ crash ทันที 0patch ได้ออก micropatch ชั่วคราวเพื่อแก้ไข แต่ Microsoft ยังต้องออกแพตช์อย่างเป็นทางการในอนาคต
    https://securityonline.info/unpatched-windows-rasman-flaw-allows-unprivileged-crash-enabling-local-system-privilege-escalation-exploit

    ImageMagick พบช่องโหว่ร้ายแรง เสี่ยงเปิดเผยข้อมูลหน่วยความจำ
    เรื่องนี้เป็นการค้นพบช่องโหว่ใน ImageMagick ซึ่งเป็นเครื่องมือโอเพ่นซอร์สที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการประมวลผลภาพ ช่องโหว่นี้เกิดขึ้นจากการจัดการไฟล์รูปแบบ PSX TIM ที่มาจากยุคเครื่อง PlayStation รุ่นแรก แต่กลับสร้างความเสี่ยงในระบบ 32-bit ปัจจุบัน เนื่องจากการคำนวณขนาดภาพโดยไม่ตรวจสอบการ overflow ทำให้ผู้โจมตีสามารถสร้างไฟล์ที่บิดเบือนค่าและนำไปสู่การอ่านข้อมูลหน่วยความจำที่ไม่ควรเข้าถึงได้ ข้อมูลที่รั่วไหลอาจรวมถึงรหัสผ่านหรือคีย์สำคัญต่าง ๆ ทีมพัฒนาได้แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 7.1.2-10 และแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตทันที
    ​​​​​​​ https://securityonline.info/imagemagick-flaw-risks-arbitrary-memory-disclosure-via-psx-tim-file-integer-overflow-on-32-bit-systems

    GOLD SALEM ใช้เครื่องมือ Velociraptor เป็นตัวช่วยโจมตี ransomware กลุ่มอาชญากรไซเบอร์ที่ชื่อ GOLD SALEM ถูกพบว่ามีการนำเครื่องมือด้านดิจิทัลฟอเรนสิกอย่าง Velociraptor ซึ่งปกติใช้สำหรับการตรวจสอบและตอบสนองเหตุการณ์ มาใช้เป็นเครื่องมือเตรียมการโจมตี ransomware โดยพวกเขาใช้วิธีดาวน์โหลดตัวติดตั้งจากโดเมนที่ควบคุมเอง และนำไปใช้สร้างช่องทางควบคุมระบบ รวมถึงการเจาะช่องโหว่ใน SharePoint ที่เรียกว่า ToolShell เพื่อเข้าถึงระบบองค์กร เป้าหมายของพวกเขาไม่ใช่แค่การเงิน แต่ยังรวมถึงองค์กรในด้านโทรคมนาคม พลังงานนิวเคลียร์ และอุตสาหกรรมการบิน ซึ่งมีนัยยะด้านการสอดแนมด้วย
    https://securityonline.info/gold-salem-abuses-velociraptor-dfir-tool-as-ransomware-precursor-following-sharepoint-toolshell-exploitation

    Apache StreamPark พบการใช้ key แบบ hard-coded และโหมดเข้ารหัสที่ล้าสมัย
    แพลตฟอร์ม Apache StreamPark ซึ่งใช้สำหรับพัฒนาแอปพลิเคชันสตรีมมิ่ง ถูกพบว่ามีการใช้คีย์เข้ารหัสที่ถูกฝังตายตัวในซอฟต์แวร์ และยังใช้โหมด AES ECB ที่ไม่ปลอดภัย ทำให้ผู้โจมตีสามารถปลอมแปลงโทเคนและถอดรหัสข้อมูลได้ง่าย ช่องโหว่นี้กระทบตั้งแต่เวอร์ชัน 2.0.0 ถึง 2.1.7 และอาจส่งผลต่อระบบคลาวด์ที่ใช้แพลตฟอร์มนี้ ผู้ดูแลระบบถูกแนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อป้องกันความเสี่ยง
    https://securityonline.info/apache-streampark-flaw-risks-data-decryption-token-forgery-via-hard-coded-key-and-aes-ecb-mode

    Storm-0249 ใช้ DLL sideloading แฝงตัวในกระบวนการ EDR เพื่อเปิดทาง ransomware
    กลุ่ม Storm-0249 ซึ่งเป็น initial access broker ได้เปลี่ยนกลยุทธ์จากการส่งฟิชชิ่งทั่วไปมาเป็นการโจมตีแบบเจาะจง โดยใช้ DLL sideloading กับโปรเซสของ SentinelOne ที่เป็นเครื่องมือรักษาความปลอดภัย ทำให้ดูเหมือนเป็นการทำงานปกติของระบบ แต่จริง ๆ แล้วเป็นการเปิดทางให้มัลแวร์เข้ามาได้ พวกเขายังใช้เทคนิค “living off the land” เช่นการใช้ curl.exe และ PowerShell เพื่อรันโค้ดโดยไม่ทิ้งร่องรอยในดิสก์ เป้าหมายคือการขายสิทธิ์เข้าถึงให้กับกลุ่ม ransomware อย่าง LockBit และ ALPHV
    https://securityonline.info/storm-0249-abuses-edr-process-via-dll-sideloading-to-cloak-ransomware-access

    VS Code Marketplace ถูกโจมตี supply chain ผ่าน 19 extensions ปลอม
    นักวิจัยพบว่ามีการปล่อยส่วนขยาย VS Code ที่แฝงมัลแวร์จำนวน 19 ตัว โดยใช้เทคนิค typosquatting และ steganography ซ่อนโค้ดอันตรายในไฟล์ dependency ภายใน node_modules รวมถึงการปลอมไฟล์ภาพ banner.png ที่จริงเป็น archive บรรจุ binary อันตราย เมื่อส่วนขยายถูกใช้งาน มัลแวร์จะถูกโหลดขึ้นมาและใช้เครื่องมือของ Windows อย่าง cmstp.exe เพื่อรันโค้ดโดยเลี่ยงการตรวจจับ หนึ่งใน payload เป็น Rust trojan ที่ซับซ้อนและยังอยู่ระหว่างการวิเคราะห์ เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทานซอฟต์แวร์ที่นักพัฒนาต้องระวัง
    https://securityonline.info/vs-code-supply-chain-attack-19-extensions-used-typosquatting-steganography-to-deploy-rust-trojan



    📌🔐🟡 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟡🔐📌 #รวมข่าวIT #20251215 #securityonline 🖥️ NANOREMOTE: มัลแวร์ใหม่ที่ซ่อนตัวผ่าน Google Drive เรื่องนี้เป็นการค้นพบของ Elastic Security Labs ที่เจอม้าโทรจันตัวใหม่ชื่อว่า NANOREMOTE ซึ่งทำงานบน Windows และใช้ Google Drive API เป็นช่องทางสื่อสารลับกับผู้โจมตี ทำให้การขโมยข้อมูลและสั่งงานแฝงตัวไปกับทราฟฟิกปกติได้อย่างแนบเนียน จุดเด่นคือมันสามารถใช้ OAuth 2.0 token เพื่อสร้างช่องทางลับในการส่งข้อมูล โดยมีตัวโหลดชื่อ WMLOADER ที่ปลอมตัวเป็นโปรแกรมของ Bitdefender แต่จริง ๆ แล้วเป็นตัวนำมัลแวร์เข้าสู่ระบบ จากนั้นจะถอดรหัสไฟล์ที่ซ่อนอยู่และปล่อยตัว NANOREMOTE ทำงานในหน่วยความจำโดยตรง นักวิจัยยังพบหลักฐานว่ามีการใช้โค้ดและคีย์เข้ารหัสเดียวกันกับมัลแวร์ตระกูล FINALDRAFT ซึ่งบ่งชี้ว่ามีรากฐานการพัฒนาร่วมกัน 🔗 https://securityonline.info/new-nanoremote-backdoor-uses-google-drive-api-for-covert-c2-and-links-to-finaldraft-espionage-group 📧 SHADOW-VOID-042: แฮกเกอร์ปลอมตัวเป็น Trend Micro กลุ่มผู้โจมตีที่ถูกเรียกว่า SHADOW-VOID-042 ใช้ชื่อเสียงของ Trend Micro มาหลอกเหยื่อ โดยส่งอีเมลฟิชชิ่งที่ดูเหมือนเป็นประกาศเตือนด้านความปลอดภัย เหยื่อที่เชื่อจะถูกพาไปยังเว็บไซต์ปลอมที่เลียนแบบสไตล์ของ Trend Micro และถูกติดตั้ง payload แบบเจาะจงเป้าหมาย การโจมตีนี้ไม่ใช่การสุ่ม แต่ถูกปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละเหยื่อ และมีการใช้ทั้งเทคนิคเก่าและใหม่ เช่น exploit ช่องโหว่ Chrome ปี 2018 รวมถึงการใช้ zero-day ที่ใหม่กว่าสำหรับเป้าหมายสำคัญ นักวิจัยเชื่อว่ากลุ่มนี้อาจเชื่อมโยงกับ Void Rabisu ซึ่งมีประวัติทำงานใกล้ชิดกับผลประโยชน์รัสเซีย 🔗 https://securityonline.info/shadow-void-042-impersonates-trend-micro-in-phishing-campaign-to-breach-critical-infrastructure ⚠️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน Plesk (CVE-2025-66430) แพลตฟอร์ม Plesk ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการโฮสต์เว็บไซต์ ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรงที่ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถยกระดับสิทธิ์ขึ้นเป็น root ได้ ช่องโหว่นี้อยู่ในฟีเจอร์ Password-Protected Directories ที่อนุญาตให้ผู้ใช้ฉีดข้อมูลเข้าไปใน Apache configuration ได้โดยตรง ผลคือสามารถสั่งรันคำสั่งใด ๆ ในระดับสูงสุดบนเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกยึดครองทั้งระบบ Plesk ได้ออก micro-update เร่งด่วนเพื่อแก้ไข และแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตทันที 🔗 https://securityonline.info/critical-plesk-flaw-cve-2025-66430-risks-full-server-takeover-via-lpe-and-apache-config-injection 🌐 Ashen Lepus: กลุ่ม APT ที่เชื่อมโยงกับ Hamas เปิดตัว AshTag Malware ในขณะที่สงครามกาซายังคงดำเนินอยู่ กลุ่มแฮกเกอร์ Ashen Lepus หรือ WIRTE ที่เชื่อมโยงกับ Hamas ยังคงทำงานด้านไซเบอร์สอดแนมอย่างต่อเนื่อง และได้พัฒนาเครื่องมือใหม่ชื่อว่า AshTag ซึ่งเป็นชุดมัลแวร์แบบโมดูลาร์ที่ซ่อนตัวเก่งมาก ใช้ไฟล์ PDF หลอกเหยื่อให้เปิดเอกสารทางการทูตปลอม แล้วโหลด DLL อันตรายเข้ามา จากนั้น payload จะถูกดึงจาก HTML ที่ซ่อนอยู่และทำงานในหน่วยความจำโดยไม่แตะดิสก์ ทำให้ตรวจจับได้ยาก กลุ่มนี้ยังขยายเป้าหมายไปยังประเทศอาหรับอื่น ๆ เช่น โอมานและโมร็อกโก โดยมุ่งเน้นข้อมูลทางการทูตและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ 🔗 https://securityonline.info/hamas-affiliated-apt-ashen-lepus-unveils-ashtag-malware-suite-for-wider-cyber-espionage 🛠️ ช่องโหว่ RasMan บน Windows ที่ยังไม่ได้แพตช์ นักวิจัยจาก 0patch พบช่องโหว่ใหม่ในบริการ Remote Access Connection Manager (RasMan) ของ Windows ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข แม้ Microsoft จะเพิ่งแพตช์ช่องโหว่อื่นที่เกี่ยวข้องไปแล้ว แต่พบว่ามีบั๊กที่ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถทำให้บริการ RasMan crash ได้ และใช้ช่องทางนี้เพื่อยึดสิทธิ์ Local System ได้ ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการ linked list ที่ผิดพลาด ทำให้เกิด NULL pointer และ crash ทันที 0patch ได้ออก micropatch ชั่วคราวเพื่อแก้ไข แต่ Microsoft ยังต้องออกแพตช์อย่างเป็นทางการในอนาคต 🔗 https://securityonline.info/unpatched-windows-rasman-flaw-allows-unprivileged-crash-enabling-local-system-privilege-escalation-exploit 🖼️ ImageMagick พบช่องโหว่ร้ายแรง เสี่ยงเปิดเผยข้อมูลหน่วยความจำ เรื่องนี้เป็นการค้นพบช่องโหว่ใน ImageMagick ซึ่งเป็นเครื่องมือโอเพ่นซอร์สที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการประมวลผลภาพ ช่องโหว่นี้เกิดขึ้นจากการจัดการไฟล์รูปแบบ PSX TIM ที่มาจากยุคเครื่อง PlayStation รุ่นแรก แต่กลับสร้างความเสี่ยงในระบบ 32-bit ปัจจุบัน เนื่องจากการคำนวณขนาดภาพโดยไม่ตรวจสอบการ overflow ทำให้ผู้โจมตีสามารถสร้างไฟล์ที่บิดเบือนค่าและนำไปสู่การอ่านข้อมูลหน่วยความจำที่ไม่ควรเข้าถึงได้ ข้อมูลที่รั่วไหลอาจรวมถึงรหัสผ่านหรือคีย์สำคัญต่าง ๆ ทีมพัฒนาได้แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 7.1.2-10 และแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตทันที ​​​​​​​🔗 https://securityonline.info/imagemagick-flaw-risks-arbitrary-memory-disclosure-via-psx-tim-file-integer-overflow-on-32-bit-systems 🕵️ GOLD SALEM ใช้เครื่องมือ Velociraptor เป็นตัวช่วยโจมตี ransomware กลุ่มอาชญากรไซเบอร์ที่ชื่อ GOLD SALEM ถูกพบว่ามีการนำเครื่องมือด้านดิจิทัลฟอเรนสิกอย่าง Velociraptor ซึ่งปกติใช้สำหรับการตรวจสอบและตอบสนองเหตุการณ์ มาใช้เป็นเครื่องมือเตรียมการโจมตี ransomware โดยพวกเขาใช้วิธีดาวน์โหลดตัวติดตั้งจากโดเมนที่ควบคุมเอง และนำไปใช้สร้างช่องทางควบคุมระบบ รวมถึงการเจาะช่องโหว่ใน SharePoint ที่เรียกว่า ToolShell เพื่อเข้าถึงระบบองค์กร เป้าหมายของพวกเขาไม่ใช่แค่การเงิน แต่ยังรวมถึงองค์กรในด้านโทรคมนาคม พลังงานนิวเคลียร์ และอุตสาหกรรมการบิน ซึ่งมีนัยยะด้านการสอดแนมด้วย 🔗 https://securityonline.info/gold-salem-abuses-velociraptor-dfir-tool-as-ransomware-precursor-following-sharepoint-toolshell-exploitation 🔐 Apache StreamPark พบการใช้ key แบบ hard-coded และโหมดเข้ารหัสที่ล้าสมัย แพลตฟอร์ม Apache StreamPark ซึ่งใช้สำหรับพัฒนาแอปพลิเคชันสตรีมมิ่ง ถูกพบว่ามีการใช้คีย์เข้ารหัสที่ถูกฝังตายตัวในซอฟต์แวร์ และยังใช้โหมด AES ECB ที่ไม่ปลอดภัย ทำให้ผู้โจมตีสามารถปลอมแปลงโทเคนและถอดรหัสข้อมูลได้ง่าย ช่องโหว่นี้กระทบตั้งแต่เวอร์ชัน 2.0.0 ถึง 2.1.7 และอาจส่งผลต่อระบบคลาวด์ที่ใช้แพลตฟอร์มนี้ ผู้ดูแลระบบถูกแนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อป้องกันความเสี่ยง 🔗 https://securityonline.info/apache-streampark-flaw-risks-data-decryption-token-forgery-via-hard-coded-key-and-aes-ecb-mode ⚔️ Storm-0249 ใช้ DLL sideloading แฝงตัวในกระบวนการ EDR เพื่อเปิดทาง ransomware กลุ่ม Storm-0249 ซึ่งเป็น initial access broker ได้เปลี่ยนกลยุทธ์จากการส่งฟิชชิ่งทั่วไปมาเป็นการโจมตีแบบเจาะจง โดยใช้ DLL sideloading กับโปรเซสของ SentinelOne ที่เป็นเครื่องมือรักษาความปลอดภัย ทำให้ดูเหมือนเป็นการทำงานปกติของระบบ แต่จริง ๆ แล้วเป็นการเปิดทางให้มัลแวร์เข้ามาได้ พวกเขายังใช้เทคนิค “living off the land” เช่นการใช้ curl.exe และ PowerShell เพื่อรันโค้ดโดยไม่ทิ้งร่องรอยในดิสก์ เป้าหมายคือการขายสิทธิ์เข้าถึงให้กับกลุ่ม ransomware อย่าง LockBit และ ALPHV 🔗 https://securityonline.info/storm-0249-abuses-edr-process-via-dll-sideloading-to-cloak-ransomware-access 💻 VS Code Marketplace ถูกโจมตี supply chain ผ่าน 19 extensions ปลอม นักวิจัยพบว่ามีการปล่อยส่วนขยาย VS Code ที่แฝงมัลแวร์จำนวน 19 ตัว โดยใช้เทคนิค typosquatting และ steganography ซ่อนโค้ดอันตรายในไฟล์ dependency ภายใน node_modules รวมถึงการปลอมไฟล์ภาพ banner.png ที่จริงเป็น archive บรรจุ binary อันตราย เมื่อส่วนขยายถูกใช้งาน มัลแวร์จะถูกโหลดขึ้นมาและใช้เครื่องมือของ Windows อย่าง cmstp.exe เพื่อรันโค้ดโดยเลี่ยงการตรวจจับ หนึ่งใน payload เป็น Rust trojan ที่ซับซ้อนและยังอยู่ระหว่างการวิเคราะห์ เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทานซอฟต์แวร์ที่นักพัฒนาต้องระวัง 🔗 https://securityonline.info/vs-code-supply-chain-attack-19-extensions-used-typosquatting-steganography-to-deploy-rust-trojan
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 348 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดประสบการณ์ "ล่องเรือสู่ขั้วโลกเหนือ 90° N" กับ PONANT ในปี 2027

    สำรวจอาร์กติกเหนือแบบลักซ์ชัวรี่ บนเรือ Le Commandant Charcot
    สายเรือหรู Ponant เปิดตัวโปรแกรม North Pole Expedition 12 คืน
    ออกเดินทางจาก เกาะสปีทส์เบอร์เกน Svalbard, นอร์เวย์
    → มุ่งหน้าสู่ Geographic North Pole — จุดเหนือสุดของโลกที่ละติจูด 90° N

    ล่องเรือผ่านแผ่นน้ำแข็ง
    กิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ Zodiac, พายคายัค, เดินบนแผ่นน้ำแข็ง, polar plunge!
    ชมสัตว์หายากแห่งอาร์กติก เช่น หมีขาว, แมวน้ำ, วาฬ, หมาจิ้งจอกอาร์กติก
    ห้องพักหรู อาหารระดับพรีเมียม บริการ All-Inclusive

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696 (Auto)

    #ponant #ponantexplorations #LeCommandantCharcot #NorthpoleExpedition #Arctic #updates #News #CruiseDomain #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #ข่าวเรือสำราญ
    ❄️เปิดประสบการณ์ "ล่องเรือสู่ขั้วโลกเหนือ 90° N" กับ PONANT ในปี 2027 🌌🚢 สำรวจอาร์กติกเหนือแบบลักซ์ชัวรี่ บนเรือ Le Commandant Charcot สายเรือหรู Ponant เปิดตัวโปรแกรม North Pole Expedition 12 คืน ออกเดินทางจาก เกาะสปีทส์เบอร์เกน Svalbard, นอร์เวย์ → มุ่งหน้าสู่ Geographic North Pole — จุดเหนือสุดของโลกที่ละติจูด 90° N 🧊 ล่องเรือผ่านแผ่นน้ำแข็ง 🧊 กิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ Zodiac, พายคายัค, เดินบนแผ่นน้ำแข็ง, polar plunge! 🧊 ชมสัตว์หายากแห่งอาร์กติก เช่น หมีขาว, แมวน้ำ, วาฬ, หมาจิ้งจอกอาร์กติก 🧊 ห้องพักหรู อาหารระดับพรีเมียม บริการ All-Inclusive ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 (Auto) #ponant #ponantexplorations #LeCommandantCharcot #NorthpoleExpedition #Arctic #updates #News #CruiseDomain #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #ข่าวเรือสำราญ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 250 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts