• "อนุทิน" ลุยเยี่ยมทหาร ด่านสายตะกู-ฐานแม่งป่อง พาชี้จุด สร้างรั้วชายแดน จ.บุรีรัมย์ ลั่นวางหีบหนามสลับกำแพงตลอดแนว ตามภูมิประเทศ ขณะที่ชาวบ้านน้ำตาซึม หลังนายกฯบอก 6 ต.ค. เงินเยียวยาได้แน่ ย้ำไม่เปิดชายแดนแน่นอน ยอมรับสงสารทหารได้มาเห็นกับตา พร้อมหนุนทุกคำขอ ตบแขนทหารให้กำลังใจ ”โชคดีแคล้วคลาด ปลอดภัยเด้อ“ ร้องเพลงปลุกใจ “เรารบจนใจขาด เพื่อชาติของไทย”

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000095018

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    "อนุทิน" ลุยเยี่ยมทหาร ด่านสายตะกู-ฐานแม่งป่อง พาชี้จุด สร้างรั้วชายแดน จ.บุรีรัมย์ ลั่นวางหีบหนามสลับกำแพงตลอดแนว ตามภูมิประเทศ ขณะที่ชาวบ้านน้ำตาซึม หลังนายกฯบอก 6 ต.ค. เงินเยียวยาได้แน่ ย้ำไม่เปิดชายแดนแน่นอน ยอมรับสงสารทหารได้มาเห็นกับตา พร้อมหนุนทุกคำขอ ตบแขนทหารให้กำลังใจ ”โชคดีแคล้วคลาด ปลอดภัยเด้อ“ ร้องเพลงปลุกใจ “เรารบจนใจขาด เพื่อชาติของไทย” อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000095018 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 64 Views 0 Reviews
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 2 – อิรัก 1
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 2”
    อิรัก 1
ระหว่างที่ฝรั่งตะวันตกผู้ชนะสงคราม กำลังวุ่นอยู่กับการแบ่งสมบัติที่ไปได้ มาจากการหลอกต้มเหยื่อ เหยื่อก็นั่งเหม่อ มึนงง สับสน ตกลงพวกเราจะได้เป็นเจ้าของดินแดนไหมหนอ อย่าว่าจะเป็นเจ้าของเลย จะมีที่ให้หย่อนก้น ปักหลักตั้งกระโจม ตรงไหนก็ยังไม่รู้เล้ย
    ข้อตกลงที่ปารีส Paris Conference และโดยสันนิบาตชาติ ที่ตกลงจะแบ่งดินแดนของเหยื่อ ระหว่างผู้ล่า ทำท่าจะล่ม
    ข้อตกลงที่ตุรกี จะยอมตัดทิ้งดินแดนหลายส่วน ซึ่งลงนามโดยซากของรัฐบาลออตโตมาน ในที่สุด ก็ไม่ได้รับการยินยอมจากพวกยังเตอร์ก ที่เริ่มก่อการและปฏิวัติแยกตุรกีออกมาเป็นรัฐอิสระหลังจากสงครามโลกจบลง
    แต่อังกฤษกับฝรั่งเศสก็ยังเดินหน้าแบ่งสมบัติกันต่อ อย่างไม่ลงตัว ฝรั่งเศสบอก อังกฤษตกลงอะไรแล้วเบี้ยวตลอด ก็คงจะจริง นาน ๆ ผมจะเห็นด้วยกับฝรั่งเศสเสียที เห็นด้วย แต่ไม่ได้เห็นใจนะครับ
    ในที่สุดอังกฤษก็ตัดใจ บอกให้ฝรั่งเศสเอาซีเรียกับเลบานอนไปก็แล้วกัน
    แต่ขณะนั้น Faisal ลูกชายของ Sharif Hussein ยังปักหลักผู้ที่เมืองดามัสกัส หลังจากอุตส่าห์ไปยึดเมืองมาให้เขาเบี้ยว อังกฤษบอกอยู่ไปเถอะ พวกท่านออกแรงนี่หนา เป็นรางวัลปลอบใจอย่างจอมปลอม หลังจากโกหกตอแหล ไม่หาอาณาจักรอาหรับให้ Sharif Hussein
    อังกฤษปล่อยให้ Faisal ตั้งกระโจม อยู่กลางเมืองดามัสกัส เหมือนอังกฤษจะรู้ว่า ต่อไปดามัสกัสจะเป็นของใคร ยืมมือคนอื่นฆ่ามิตร เป็นอีกสันดานที่ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ถนัดทำ !
    แล้วมันก็เป็นไปตามแผนของชาวเกาะ เมื่อฝรั่งเศสเข้าไปในดามัสกัส สิ่งแรกที่ฝรั่งเศสทำคือ บอกไม่รับรู้ เรื่องการตั้งกระโจมอยู่กลางดามัสกัสของ Faisal นั่นมันเป็นเรื่องของอังกฤษ เราไม่เคยไปตกลงอะไรกับท่านฝรั่งเศสไม่เคยเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นจงรีบขนของขึ้นอูฐย้ายออกไป ด่วน !
    Faisal หน้าตก อพยพหอบลูกจูงหลาน บริวารอีกหลายร้อย แถวยาวไปตามเนินทราย มุ่งหน้าไปปาเลสไตน์ที่อังกฤษดูแลอยู่ หวังจะให้อังกฤษช่วย
    อึ่ม ! เข้าทาง ! อิรัก กำลังวุ่นวาย อังกฤษจะออกหน้าก็กระไรอยู่ เดี๋ยวจะหาว่ามาล่าอาณานิคมอีก แค่เอาบ่อน้ำมันเขาไป ชาวบ้านก็นินทาจมหูแล้ว อังกฤษบอก Faisal เอางี้ เดี๋ยวเราจะจัดการให้ท่านเป็นกษัตริย์ ปกครองอิรักแล้วกัน โอ้ ! ในที่สุดเพื่อนก็ไม่ทิ้งเรา Faisal รำพึงเสียงเครือ
    อิรักต้องมีคนปกครอง แต่ถ้าเป็นชาวอิรัก อำนาจอังกฤษในอิรักอาจจะน้อยล ง จะไว้ใจได้แค่ไหน สู้เอาคนต่างถิ่น ต่างเผ่ามาปกครองดีกว่า Faisal น่าจะเหมาะสม แม้จะเป็นอาหรับด้วยกัน แต่ต่างเผ่าพันธ์กัน ชาวอิรักก็มอง Faisal เหมือนคนต่างชาติ ที่แย่กว่านั้น ชาวอิรักมอง Faisal ว่าเป็นหุ่น เป็นขี้ข้าฝรั่ง ยิ่งรังเกียจ Faisal หนักขึ้น และนั่นแหละ Faisal จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในสายตาของอังกฤษ เพราะ Faisal จะปกครองอิรักโดยลำพังไม่ได้ ต้องพึ่งอังกฤษตลอดไป คนอิรักก็ไม่รับ Faisal และ Faisal ก็ใช้คนอิรักไม่ได้เต็มที่ ที่ปรึกษาชาวอังกฤษจึงเต็มอิรักไปหมด
    เมื่อทุกอย่างเข้าทางตามแผน อังกฤษก็อพยพเหมือนกัน แต่เป็นการอพยพ เอากลุ่มที่ปรึกษาชาวอังกฤษ เข้าไปเต็มเมืองอิรัก จริง ๆ ก็คือการเข้าไปปกครองอิรัก เหมือนอิรักเป็นอาณานิคม รูปแบบใหม่นั่นแหละ แต่คราวนี้ แม้อิรักจะไม่ได้เป็นกล่องดวง ใจ แบบอินเดีย แต่ก็มีของมีค่ามหาศาล ยังไม่รู้ว่า มหาศาลขนาดไหน ฝั่งตัวอยู่ใต้ดิน เผลอๆ อาจจะมีค่ามากกว่า อินเดีย กล่องดวงใจเสียอีก อังกฤษจำเป็นต้องอยู่ในอิรักให้นานที่สุด และมั่นคงที่สุด กว่ายักษ์ใต้ดินจะเติบโตใช้สอยดังใจหวัง
    ราชวงศ์ Hashemite ของ Faisal จึงเป็นเหมือนหุ่นเชิดของอังกฤษ แม้จะบอกว่าเป็นประเทศเอกราช แต่ผู้เชี่ยวชาญอังกฤษ ที่ปรึกษาอังกฤษ เป็นผู้ปกครองอิรักโดยพฤตินัย คนอังกฤษไปอยู่อิรัก ขนทั้งคนและระบบอังกฤษติดตัวตามไปหมด ตั้งแต่ตั้งโรงเรียนแบบอังกฤษ บ้านช่องการเป็นอยู่อย่างอังกฤษ เด็ก ๆ ลูกที่ปรึกษา ก็ต้องมีพี่เลี้ยง (nanny) แบบลูกผู้ดีที่เกาะอังกฤษเขาทำกัน nanny ชาวพื้นเมืองหน้าดำ ใส่เอี้ยม คลุมหัว คอยเดินตามเช็ดมือเช็ดเท้าให้คุณหนูผมทอง ฯลฯ
    นอกเหนือจากการบริหารประเทศแล้ว อังกฤษยังตั้งฐานทัพ และสนามบินไว้ที่อิรัก ทั้งหมดเป็นการอำนวยความสดวก และการป้องกัน ให้การขุดเจาะน้ำมันของ The Turkish Petroleum Company ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Iraqi Petroleum Company ซึ่งถือหุ้นโดย Anglo – Persian Oil Company ที่อังกฤษมอบหมายให้หน้าที่เสมือนเป็นข้าหลวงใหญ่ของอังกฤษประจำอิรักอีกด้วย เดินไปอย่างราบรื่นไม่มีสดุด ไม่มีติดขัด
    Turkish Petroleum ทำเงินให้อังกฤษมากมาย รวมทั้งรัฐบาลอิรักด้วย แต่แทนที่รัฐบาลอิรัก จะนำไปปรับปรุงประเทศ กลับนำไปใช้ในการซื้ออาวุธให้กองทัพของอิรัก ซึ่งอยู่ในความดูแลของกองทหารอังกฤษ ประชาชนชาวอิรักก็หน้าแห้ง ท้องกิ่ว เหมือนเดิม
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
12 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 2 – อิรัก 1 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 2” อิรัก 1
ระหว่างที่ฝรั่งตะวันตกผู้ชนะสงคราม กำลังวุ่นอยู่กับการแบ่งสมบัติที่ไปได้ มาจากการหลอกต้มเหยื่อ เหยื่อก็นั่งเหม่อ มึนงง สับสน ตกลงพวกเราจะได้เป็นเจ้าของดินแดนไหมหนอ อย่าว่าจะเป็นเจ้าของเลย จะมีที่ให้หย่อนก้น ปักหลักตั้งกระโจม ตรงไหนก็ยังไม่รู้เล้ย ข้อตกลงที่ปารีส Paris Conference และโดยสันนิบาตชาติ ที่ตกลงจะแบ่งดินแดนของเหยื่อ ระหว่างผู้ล่า ทำท่าจะล่ม ข้อตกลงที่ตุรกี จะยอมตัดทิ้งดินแดนหลายส่วน ซึ่งลงนามโดยซากของรัฐบาลออตโตมาน ในที่สุด ก็ไม่ได้รับการยินยอมจากพวกยังเตอร์ก ที่เริ่มก่อการและปฏิวัติแยกตุรกีออกมาเป็นรัฐอิสระหลังจากสงครามโลกจบลง แต่อังกฤษกับฝรั่งเศสก็ยังเดินหน้าแบ่งสมบัติกันต่อ อย่างไม่ลงตัว ฝรั่งเศสบอก อังกฤษตกลงอะไรแล้วเบี้ยวตลอด ก็คงจะจริง นาน ๆ ผมจะเห็นด้วยกับฝรั่งเศสเสียที เห็นด้วย แต่ไม่ได้เห็นใจนะครับ ในที่สุดอังกฤษก็ตัดใจ บอกให้ฝรั่งเศสเอาซีเรียกับเลบานอนไปก็แล้วกัน แต่ขณะนั้น Faisal ลูกชายของ Sharif Hussein ยังปักหลักผู้ที่เมืองดามัสกัส หลังจากอุตส่าห์ไปยึดเมืองมาให้เขาเบี้ยว อังกฤษบอกอยู่ไปเถอะ พวกท่านออกแรงนี่หนา เป็นรางวัลปลอบใจอย่างจอมปลอม หลังจากโกหกตอแหล ไม่หาอาณาจักรอาหรับให้ Sharif Hussein อังกฤษปล่อยให้ Faisal ตั้งกระโจม อยู่กลางเมืองดามัสกัส เหมือนอังกฤษจะรู้ว่า ต่อไปดามัสกัสจะเป็นของใคร ยืมมือคนอื่นฆ่ามิตร เป็นอีกสันดานที่ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ถนัดทำ ! แล้วมันก็เป็นไปตามแผนของชาวเกาะ เมื่อฝรั่งเศสเข้าไปในดามัสกัส สิ่งแรกที่ฝรั่งเศสทำคือ บอกไม่รับรู้ เรื่องการตั้งกระโจมอยู่กลางดามัสกัสของ Faisal นั่นมันเป็นเรื่องของอังกฤษ เราไม่เคยไปตกลงอะไรกับท่านฝรั่งเศสไม่เคยเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นจงรีบขนของขึ้นอูฐย้ายออกไป ด่วน ! Faisal หน้าตก อพยพหอบลูกจูงหลาน บริวารอีกหลายร้อย แถวยาวไปตามเนินทราย มุ่งหน้าไปปาเลสไตน์ที่อังกฤษดูแลอยู่ หวังจะให้อังกฤษช่วย อึ่ม ! เข้าทาง ! อิรัก กำลังวุ่นวาย อังกฤษจะออกหน้าก็กระไรอยู่ เดี๋ยวจะหาว่ามาล่าอาณานิคมอีก แค่เอาบ่อน้ำมันเขาไป ชาวบ้านก็นินทาจมหูแล้ว อังกฤษบอก Faisal เอางี้ เดี๋ยวเราจะจัดการให้ท่านเป็นกษัตริย์ ปกครองอิรักแล้วกัน โอ้ ! ในที่สุดเพื่อนก็ไม่ทิ้งเรา Faisal รำพึงเสียงเครือ อิรักต้องมีคนปกครอง แต่ถ้าเป็นชาวอิรัก อำนาจอังกฤษในอิรักอาจจะน้อยล ง จะไว้ใจได้แค่ไหน สู้เอาคนต่างถิ่น ต่างเผ่ามาปกครองดีกว่า Faisal น่าจะเหมาะสม แม้จะเป็นอาหรับด้วยกัน แต่ต่างเผ่าพันธ์กัน ชาวอิรักก็มอง Faisal เหมือนคนต่างชาติ ที่แย่กว่านั้น ชาวอิรักมอง Faisal ว่าเป็นหุ่น เป็นขี้ข้าฝรั่ง ยิ่งรังเกียจ Faisal หนักขึ้น และนั่นแหละ Faisal จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในสายตาของอังกฤษ เพราะ Faisal จะปกครองอิรักโดยลำพังไม่ได้ ต้องพึ่งอังกฤษตลอดไป คนอิรักก็ไม่รับ Faisal และ Faisal ก็ใช้คนอิรักไม่ได้เต็มที่ ที่ปรึกษาชาวอังกฤษจึงเต็มอิรักไปหมด เมื่อทุกอย่างเข้าทางตามแผน อังกฤษก็อพยพเหมือนกัน แต่เป็นการอพยพ เอากลุ่มที่ปรึกษาชาวอังกฤษ เข้าไปเต็มเมืองอิรัก จริง ๆ ก็คือการเข้าไปปกครองอิรัก เหมือนอิรักเป็นอาณานิคม รูปแบบใหม่นั่นแหละ แต่คราวนี้ แม้อิรักจะไม่ได้เป็นกล่องดวง ใจ แบบอินเดีย แต่ก็มีของมีค่ามหาศาล ยังไม่รู้ว่า มหาศาลขนาดไหน ฝั่งตัวอยู่ใต้ดิน เผลอๆ อาจจะมีค่ามากกว่า อินเดีย กล่องดวงใจเสียอีก อังกฤษจำเป็นต้องอยู่ในอิรักให้นานที่สุด และมั่นคงที่สุด กว่ายักษ์ใต้ดินจะเติบโตใช้สอยดังใจหวัง ราชวงศ์ Hashemite ของ Faisal จึงเป็นเหมือนหุ่นเชิดของอังกฤษ แม้จะบอกว่าเป็นประเทศเอกราช แต่ผู้เชี่ยวชาญอังกฤษ ที่ปรึกษาอังกฤษ เป็นผู้ปกครองอิรักโดยพฤตินัย คนอังกฤษไปอยู่อิรัก ขนทั้งคนและระบบอังกฤษติดตัวตามไปหมด ตั้งแต่ตั้งโรงเรียนแบบอังกฤษ บ้านช่องการเป็นอยู่อย่างอังกฤษ เด็ก ๆ ลูกที่ปรึกษา ก็ต้องมีพี่เลี้ยง (nanny) แบบลูกผู้ดีที่เกาะอังกฤษเขาทำกัน nanny ชาวพื้นเมืองหน้าดำ ใส่เอี้ยม คลุมหัว คอยเดินตามเช็ดมือเช็ดเท้าให้คุณหนูผมทอง ฯลฯ นอกเหนือจากการบริหารประเทศแล้ว อังกฤษยังตั้งฐานทัพ และสนามบินไว้ที่อิรัก ทั้งหมดเป็นการอำนวยความสดวก และการป้องกัน ให้การขุดเจาะน้ำมันของ The Turkish Petroleum Company ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Iraqi Petroleum Company ซึ่งถือหุ้นโดย Anglo – Persian Oil Company ที่อังกฤษมอบหมายให้หน้าที่เสมือนเป็นข้าหลวงใหญ่ของอังกฤษประจำอิรักอีกด้วย เดินไปอย่างราบรื่นไม่มีสดุด ไม่มีติดขัด Turkish Petroleum ทำเงินให้อังกฤษมากมาย รวมทั้งรัฐบาลอิรักด้วย แต่แทนที่รัฐบาลอิรัก จะนำไปปรับปรุงประเทศ กลับนำไปใช้ในการซื้ออาวุธให้กองทัพของอิรัก ซึ่งอยู่ในความดูแลของกองทหารอังกฤษ ประชาชนชาวอิรักก็หน้าแห้ง ท้องกิ่ว เหมือนเดิม สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
12 ก.ย. 57
    0 Comments 0 Shares 47 Views 0 Reviews
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 1
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 1”
    การแบ่งเค้กตะวันออกกลาง ระหว่างประเทศผู้ชนะสงคราม ดูเหมือนจะยังไม่ลงตัว เดือนเมษายน ค.ศ. 1920 รัฐมนตรีต่างประเทศที่ชนะสงคราม แอบจัดประชุมกันอีกที่ San Remo ประเทศอิตาลี โดยไม่มีผู้แทนของอเมริกาได้รับเชิญให้เข้าประชุมด้วย !

ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ หัวเรือใหญ่บอก อเมริกามาที่หลัง ไม่เกี่ยวกับเรื่องการแบ่งเค้กที่ได้มาจากการทะลายออตโตมานนี่นา เขามาเกี่ยวตรงไหน เราเป็นคนคิดริเริ่มนะ (เอะ ! พูดแบบนี้ เดี๋ยวสวยแน่ อเมริกาเพิ่งเขี้ยวงอกก็จริง แต่เป็นเขี้ยวเล็กและแหลมคม อย่าได้ประมาทเชียว) การประชุมที่ San Remo จึงเป็นการกำหนดและการกำกับ โดย นายกรัฐมนตรีอังกฤษ Lloyd George และประธานาธิบดีฝรั่งเศส Alexander Millerand ซึ่งไว้ใจกันเองมาก ถึงขนาดเดินประกบกันทุกฝีก้าว เข้าใจว่าใครไปเข้าห้องน้ำ อีกคนคงต้องตามไปด้วย
    เพื่อเป็นการปิดปากฝรั่งเศส อังกฤษตัดใจประกาศอย่างเป็นทางการ ต่อหน้าที่ประชุม เรา อังกฤษ ยินดียกหุ้นในบริษัทที่ได้สัมปทานน้ำมันในเมโสโปเตเมีย ให้แก่ฝรั่งเศส มิตรรักร่วมรบ เอาไปเลย 25% ของบริษัท เป็นของขวัญจากเรา แต่เมโสโปเตเมีย ต้องอยู่ในความดูแลของเราอังกฤษ ตกลงตามนี้นะ
    มันเป็นหุ้น 25% ของ Turkish Petroleum Gesellshaft ที่ Deutsche Bank ตั้งขึ้นภายหลังที่ออตโตมานให้ สิทธิ 20 กิโลเมตร 2 ข้างทางรถไฟ (Right of way) ของเส้นทาง Berlin Bagdad ส่วนอีก 75% แน่นอน ชาวเกาะบอก ต้องเป็นของเรา โดยมอบให้ Anglo Persian Oil ที่ไปหลอกต้มมาจาก นาย D’Arcy ผู้น่าสมเพชนั่นแหละ เป็นผู้รับโอนไป
    นี่มันทั้งขยี้เขา แล้วยังขโมยของในบ้านเขาต่ออีกด้วย สันดานแบบนี้ เป็นคนก็คบไม่ได้เลย
    San Remo Agreement เป็นฝีมือวางแผนของคน ที่ได้ชื่อต่อมาว่า เป็นผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในเกาะใหญ่ เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย ในสมัยนั้น เขาคือ Sir Henry Deterding
    นาย Deterding เป็นชาวดัชท์ เขาเป็นอีกคนหนึ่ง นอกเหนือจากกัปตัน Fisher ที่เห็นคุณค่า และอานุภาพของน้ำมัน ว่าจะเป็นทรัพยากรที่จะเป็นอาวุธสำคัญ ในการเปลี่ยนแปลงโลกนี้ !
    นาย Deterding ทำงานให้รัฐบาลดัชท์ ในบริษัท Dutch East Indies ที่เกาะสุมาตรา ซึ่งเป็นอาณานิคมของดัชท์ขณะนั้น สุมาตราก็มีน้ำมันตะเกียง นาย Deterding จึงตั้งบริษัทผลิตน้ำมันตะเกียง จากน้ำมันอินโดนีเซีย ชื่อบริษัท Royal Dutch Oil Company
    เมื่อธุรกิจนำมันของเขาก้าวหน้า มากขึ้น ค.ศ. 1897 นาย Deterding ตัดสินใจควบบริษัท Royal Dutch Oil Company เข้ากับบริษัท Shell Transport & Trading Company ของนาย Marcus Samuel (ซึ่งต่อมาได้เป็น Lord Bearsted) ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการเรือขนส่งสินค้า และเป็นผู้ริเริ่มสร้างแท้งค์บรรจุน้ำมัน การควบรวมบริษัทนี้ ทำให้เกิดเป็นบริษัท Royal Dutch Shell Company ยักษ์ใหญ่ในวงการน้ำมันของอังกฤษ และทำให้อังกฤษผงาดขึ้นมาเป็นผู้ค้าน้ำมันระดับโลก และในที่สุด เป็นคู่แข่งแบบเผ็ดร้อนกับ Standard Oil Group ของตระกูล Rockefeller ในอเมริกา
    ความสำเร็จของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ในกิจการน้ำมัน มาจากการวางแผนและสนับสนุนเกินร้อยของรัฐบาลอังกฤษ ภายใต้แผนการใช้ตัวแทน ให้เข้าไปดำเนินการฝังตัวตามที่ต่าง ๆ เพื่อหาข่าวกรอง และปฎิบัติการลับไปเกือบทุกแห่งในโลก นาย Deterding เองนั้น ภายหลังก็มีข่าวหลุดมาว่า แท้จริงแล้ว เขาสังกัดอยู่ในหน่วยราชการลับของอังกฤษตั้งแต่ต้น ถูกส่งให้ไปทำงานตั้งแต่ที่เกาะสุมาตรา ไม่งั้นมันจะไปควบรวม บริษัทใหญ่อย่างนั้นได้ ง่าย ๆ อย่างไร
    ค.ศ. 1912 ก่อนเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษมีส่วนแบ่งในตลาดน้ำมันโลก เพียง 12 % หลังสงครามโลก ภายหลังจากการล่าเหยื่อ หลอกเหยื่อ ขยี้เหยื่อ จนเหลือแต่ซากแล้ว ค.ศ. 1925 อังกฤษกลายเป็นขาใหญ่ในวงการน้ำมันโลก ที่กำลังจะมาแรง
    ปฎิบัติการ San Remo นาย Deterding ทำงานร่วมกับ Sir John Cadman ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาลอังกฤษ เข้าไปดูแล Anglo Persian Oil Company ทั้ง 2 คน เดินสายนอกรอบ ทั้งหว่าน ทั้งล้อมฝรั่งเศส ให้ฝรั่งเศสรับ 25% ของหุ้นใน Turkish Petroleum ไป แทนการเอาเมือง Mosul ฝรั่งเศส เหมือนเด็กได้อมยิ้มไป 1 กล่องในวันเดียว ดีใจเกือบตาย แทนที่จะได้ทั้งกล่องทุกวันไปตลอดชีวิต
    และด้วยอมยิ้ม 1 กล่อง ฝรั่งเศสใจป้ำ ตกลงว่าถ้าขุดน้ำมันเจอจริง และจะต้องวางท่อส่งน้ำมัน ผ่านมาทางซีเรีย ซึ่งฝรั่งเศสได้สิทธิปกครอง ฝรั่งเศสบอกเรายินดีนะ และภาษีอะไรที่ต้องมีเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฝรั่งเศสยกเว้นให้หมด เป็นการตอบแทน เอ้อ ! เซ่อได้สมใจ เคี้ยวนุ่มอร่อยนาน
    อังกฤษมองไกล ต่อไปนี้ ตะวันออกกลาง เค้กทั้งก้อน ไม่ใช่แค่ชิ้นเดียว ต้องไม่พ้นมือเรา
    San Remo Agreement ยังใส่เงื่อนไขไว้ในสัญญาด้วยอีกว่า ต่างชาติอื่นนอกเหนือไปจากนี้ ไม่มีสิทธิมาขุดเจาะ เสาะหาน้ำมันในอาณาบริเวณเมโส โปเตเมีย เขียนแบบนี้ แปลว่า อเมริกาอย่ามาแหยม ! ไม่เชิญเขามาร่วมประชุม ก็หน้าด้านมากพอ แต่นี่ถึงขนาดตัดขาด จากการงานกินเค้ก ในอนาคตด้วยนี่ มันชักส่ออาการตระกรามมากไป
    นอกจากกันอเมริกาออกไปแล้ว San Remo Agreement ยังระบุด้วยว่า ในเรื่องน้ำมันที่โรมาเนีย และที่รัสเซีย ฝรั่งเศสจะต้องให้ความร่วมมือกับอังกฤษ ตามที่อังกฤษจูงอีกด้วย ข้อตกลงแบบนี้เหมือนการปฏิวัติเงียบ เกี่ยวกับน้ำมันในเมโสโปเตเมีย โดยชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อย ฯ เลยทีเดียว
    เมื่อกระทรวงต่างประเทศของอเมริกา รู้เรื่องการวางไม้ขวางของอังกฤษ จึงทำหนังสือประท้วงการตัดสิทธิของ American Standard Oil ออกไปจากสัมปทานในเมโสโปเตเมีย รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ขณะนั้น Lord Curzon ทำหนังสือลงวันที่ 21 เมษายน ค.ศ. 1921 แจ้งไปยังทูตอังกฤษที่ประจำอยู่ในวอชิตัน ให้ไปแจ้งต่ออเมริกาว่า อังกฤษเสียใจจริง ๆ ที่ไม่สามารถจะจัดการให้บริษัทน้ำมันอเมริกัน ได้รับสัมปทานในตะวันออกกลางได้
    เด็ดขาดจริงลูกพี่ ! เขียนได้เด็ด ! แต่จะขาดกันแค่ไหน เห็นจะต้องดูกันต่อไป นั่นมันเรื่อง 100 ปีมาแล้ว
    San Remo Agreement น่าจะเป็นหัวเชื้อ ในการทำสงครามชิงน้ำมัน ในตะวันออกกลางระหว่างอังกฤษกับอเมริกา ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา โดยเหยื่อที่เป็นเจ้าของน้ำมันตัวจริง ในตะวันออกกลางคงยังกำลังงง ไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรกับพวกตน และดินแดนของพวกตน และไม่รู้ว่าบัดนี้ยังจะเข้าใจกันมากน้อยแค่ไหน ! ?
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
11 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 1 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 1” การแบ่งเค้กตะวันออกกลาง ระหว่างประเทศผู้ชนะสงคราม ดูเหมือนจะยังไม่ลงตัว เดือนเมษายน ค.ศ. 1920 รัฐมนตรีต่างประเทศที่ชนะสงคราม แอบจัดประชุมกันอีกที่ San Remo ประเทศอิตาลี โดยไม่มีผู้แทนของอเมริกาได้รับเชิญให้เข้าประชุมด้วย !

ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ หัวเรือใหญ่บอก อเมริกามาที่หลัง ไม่เกี่ยวกับเรื่องการแบ่งเค้กที่ได้มาจากการทะลายออตโตมานนี่นา เขามาเกี่ยวตรงไหน เราเป็นคนคิดริเริ่มนะ (เอะ ! พูดแบบนี้ เดี๋ยวสวยแน่ อเมริกาเพิ่งเขี้ยวงอกก็จริง แต่เป็นเขี้ยวเล็กและแหลมคม อย่าได้ประมาทเชียว) การประชุมที่ San Remo จึงเป็นการกำหนดและการกำกับ โดย นายกรัฐมนตรีอังกฤษ Lloyd George และประธานาธิบดีฝรั่งเศส Alexander Millerand ซึ่งไว้ใจกันเองมาก ถึงขนาดเดินประกบกันทุกฝีก้าว เข้าใจว่าใครไปเข้าห้องน้ำ อีกคนคงต้องตามไปด้วย เพื่อเป็นการปิดปากฝรั่งเศส อังกฤษตัดใจประกาศอย่างเป็นทางการ ต่อหน้าที่ประชุม เรา อังกฤษ ยินดียกหุ้นในบริษัทที่ได้สัมปทานน้ำมันในเมโสโปเตเมีย ให้แก่ฝรั่งเศส มิตรรักร่วมรบ เอาไปเลย 25% ของบริษัท เป็นของขวัญจากเรา แต่เมโสโปเตเมีย ต้องอยู่ในความดูแลของเราอังกฤษ ตกลงตามนี้นะ มันเป็นหุ้น 25% ของ Turkish Petroleum Gesellshaft ที่ Deutsche Bank ตั้งขึ้นภายหลังที่ออตโตมานให้ สิทธิ 20 กิโลเมตร 2 ข้างทางรถไฟ (Right of way) ของเส้นทาง Berlin Bagdad ส่วนอีก 75% แน่นอน ชาวเกาะบอก ต้องเป็นของเรา โดยมอบให้ Anglo Persian Oil ที่ไปหลอกต้มมาจาก นาย D’Arcy ผู้น่าสมเพชนั่นแหละ เป็นผู้รับโอนไป นี่มันทั้งขยี้เขา แล้วยังขโมยของในบ้านเขาต่ออีกด้วย สันดานแบบนี้ เป็นคนก็คบไม่ได้เลย San Remo Agreement เป็นฝีมือวางแผนของคน ที่ได้ชื่อต่อมาว่า เป็นผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในเกาะใหญ่ เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย ในสมัยนั้น เขาคือ Sir Henry Deterding นาย Deterding เป็นชาวดัชท์ เขาเป็นอีกคนหนึ่ง นอกเหนือจากกัปตัน Fisher ที่เห็นคุณค่า และอานุภาพของน้ำมัน ว่าจะเป็นทรัพยากรที่จะเป็นอาวุธสำคัญ ในการเปลี่ยนแปลงโลกนี้ ! นาย Deterding ทำงานให้รัฐบาลดัชท์ ในบริษัท Dutch East Indies ที่เกาะสุมาตรา ซึ่งเป็นอาณานิคมของดัชท์ขณะนั้น สุมาตราก็มีน้ำมันตะเกียง นาย Deterding จึงตั้งบริษัทผลิตน้ำมันตะเกียง จากน้ำมันอินโดนีเซีย ชื่อบริษัท Royal Dutch Oil Company เมื่อธุรกิจนำมันของเขาก้าวหน้า มากขึ้น ค.ศ. 1897 นาย Deterding ตัดสินใจควบบริษัท Royal Dutch Oil Company เข้ากับบริษัท Shell Transport & Trading Company ของนาย Marcus Samuel (ซึ่งต่อมาได้เป็น Lord Bearsted) ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการเรือขนส่งสินค้า และเป็นผู้ริเริ่มสร้างแท้งค์บรรจุน้ำมัน การควบรวมบริษัทนี้ ทำให้เกิดเป็นบริษัท Royal Dutch Shell Company ยักษ์ใหญ่ในวงการน้ำมันของอังกฤษ และทำให้อังกฤษผงาดขึ้นมาเป็นผู้ค้าน้ำมันระดับโลก และในที่สุด เป็นคู่แข่งแบบเผ็ดร้อนกับ Standard Oil Group ของตระกูล Rockefeller ในอเมริกา ความสำเร็จของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ในกิจการน้ำมัน มาจากการวางแผนและสนับสนุนเกินร้อยของรัฐบาลอังกฤษ ภายใต้แผนการใช้ตัวแทน ให้เข้าไปดำเนินการฝังตัวตามที่ต่าง ๆ เพื่อหาข่าวกรอง และปฎิบัติการลับไปเกือบทุกแห่งในโลก นาย Deterding เองนั้น ภายหลังก็มีข่าวหลุดมาว่า แท้จริงแล้ว เขาสังกัดอยู่ในหน่วยราชการลับของอังกฤษตั้งแต่ต้น ถูกส่งให้ไปทำงานตั้งแต่ที่เกาะสุมาตรา ไม่งั้นมันจะไปควบรวม บริษัทใหญ่อย่างนั้นได้ ง่าย ๆ อย่างไร ค.ศ. 1912 ก่อนเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษมีส่วนแบ่งในตลาดน้ำมันโลก เพียง 12 % หลังสงครามโลก ภายหลังจากการล่าเหยื่อ หลอกเหยื่อ ขยี้เหยื่อ จนเหลือแต่ซากแล้ว ค.ศ. 1925 อังกฤษกลายเป็นขาใหญ่ในวงการน้ำมันโลก ที่กำลังจะมาแรง ปฎิบัติการ San Remo นาย Deterding ทำงานร่วมกับ Sir John Cadman ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาลอังกฤษ เข้าไปดูแล Anglo Persian Oil Company ทั้ง 2 คน เดินสายนอกรอบ ทั้งหว่าน ทั้งล้อมฝรั่งเศส ให้ฝรั่งเศสรับ 25% ของหุ้นใน Turkish Petroleum ไป แทนการเอาเมือง Mosul ฝรั่งเศส เหมือนเด็กได้อมยิ้มไป 1 กล่องในวันเดียว ดีใจเกือบตาย แทนที่จะได้ทั้งกล่องทุกวันไปตลอดชีวิต และด้วยอมยิ้ม 1 กล่อง ฝรั่งเศสใจป้ำ ตกลงว่าถ้าขุดน้ำมันเจอจริง และจะต้องวางท่อส่งน้ำมัน ผ่านมาทางซีเรีย ซึ่งฝรั่งเศสได้สิทธิปกครอง ฝรั่งเศสบอกเรายินดีนะ และภาษีอะไรที่ต้องมีเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฝรั่งเศสยกเว้นให้หมด เป็นการตอบแทน เอ้อ ! เซ่อได้สมใจ เคี้ยวนุ่มอร่อยนาน อังกฤษมองไกล ต่อไปนี้ ตะวันออกกลาง เค้กทั้งก้อน ไม่ใช่แค่ชิ้นเดียว ต้องไม่พ้นมือเรา San Remo Agreement ยังใส่เงื่อนไขไว้ในสัญญาด้วยอีกว่า ต่างชาติอื่นนอกเหนือไปจากนี้ ไม่มีสิทธิมาขุดเจาะ เสาะหาน้ำมันในอาณาบริเวณเมโส โปเตเมีย เขียนแบบนี้ แปลว่า อเมริกาอย่ามาแหยม ! ไม่เชิญเขามาร่วมประชุม ก็หน้าด้านมากพอ แต่นี่ถึงขนาดตัดขาด จากการงานกินเค้ก ในอนาคตด้วยนี่ มันชักส่ออาการตระกรามมากไป นอกจากกันอเมริกาออกไปแล้ว San Remo Agreement ยังระบุด้วยว่า ในเรื่องน้ำมันที่โรมาเนีย และที่รัสเซีย ฝรั่งเศสจะต้องให้ความร่วมมือกับอังกฤษ ตามที่อังกฤษจูงอีกด้วย ข้อตกลงแบบนี้เหมือนการปฏิวัติเงียบ เกี่ยวกับน้ำมันในเมโสโปเตเมีย โดยชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อย ฯ เลยทีเดียว เมื่อกระทรวงต่างประเทศของอเมริกา รู้เรื่องการวางไม้ขวางของอังกฤษ จึงทำหนังสือประท้วงการตัดสิทธิของ American Standard Oil ออกไปจากสัมปทานในเมโสโปเตเมีย รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ขณะนั้น Lord Curzon ทำหนังสือลงวันที่ 21 เมษายน ค.ศ. 1921 แจ้งไปยังทูตอังกฤษที่ประจำอยู่ในวอชิตัน ให้ไปแจ้งต่ออเมริกาว่า อังกฤษเสียใจจริง ๆ ที่ไม่สามารถจะจัดการให้บริษัทน้ำมันอเมริกัน ได้รับสัมปทานในตะวันออกกลางได้ เด็ดขาดจริงลูกพี่ ! เขียนได้เด็ด ! แต่จะขาดกันแค่ไหน เห็นจะต้องดูกันต่อไป นั่นมันเรื่อง 100 ปีมาแล้ว San Remo Agreement น่าจะเป็นหัวเชื้อ ในการทำสงครามชิงน้ำมัน ในตะวันออกกลางระหว่างอังกฤษกับอเมริกา ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา โดยเหยื่อที่เป็นเจ้าของน้ำมันตัวจริง ในตะวันออกกลางคงยังกำลังงง ไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรกับพวกตน และดินแดนของพวกตน และไม่รู้ว่าบัดนี้ยังจะเข้าใจกันมากน้อยแค่ไหน ! ? สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
11 ก.ย. 57
    0 Comments 0 Shares 62 Views 0 Reviews
  • ..เหี้ยใครไปญาติดีกับเขมรในยุคนี้หรือนับจากนี้ไปอีก100ปี มรึงย้ายประเทศไปเขมรเลย,ตายไปก็อย่ามาเกิดบนแผ่นดินไทยอีกเลย,เขมรเหี้ย มันไว้ใจไม่ได้,ทหารเขมรแบบเขมรแดงหลงยุคด้วยยิ่งบัดสบ,หรือพวกลัทธินี้ล่ะ, คนมันทรยศและเนรคุณ,งูเห่าก็สมชื่อมันด้วยล่ะ,ฉกกัดคนไปทั่ว เอาถึงตายได้แม้คนนั้นจะให้ข้าวให้น้ำเลี้ยงดูมันดีขนาดไหนเพียงใด.
    ..เขมรอันตรายต่อคนดี,1ในล้านคนอาจหลุดจากสันดานอุบาทก์นี้.

    ..มันจึงกล้ายิงเด็ก กล้ายิงประชาชนผู้บริสุทธิ์เราตาย,ตายเกือบหมดครอบครัวด้วย.,เวลานี้เรา..มิอาจรับการกระทำของเขมรได้,ประชาชนใันก็กระหายสงครามนะ สนับสนุนสงครามชัดเจนด้วย,ถ้าเราแพ้ทหารเขมรนะ ประชาชนเขมรผู้อ้างตัวตนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ในชนชาติเขมรมันจะเหยียบย่ำเรา..ประชาชนคนไทยทันที,เพราะเขมรมันไม่ซื่อ ไม่สมควรไว้วางใจด้วย.

    https://youtube.com/watch?v=5hoG4YfOoOo&si=noiHCybPsEYa85i2
    ..เหี้ยใครไปญาติดีกับเขมรในยุคนี้หรือนับจากนี้ไปอีก100ปี มรึงย้ายประเทศไปเขมรเลย,ตายไปก็อย่ามาเกิดบนแผ่นดินไทยอีกเลย,เขมรเหี้ย มันไว้ใจไม่ได้,ทหารเขมรแบบเขมรแดงหลงยุคด้วยยิ่งบัดสบ,หรือพวกลัทธินี้ล่ะ, คนมันทรยศและเนรคุณ,งูเห่าก็สมชื่อมันด้วยล่ะ,ฉกกัดคนไปทั่ว เอาถึงตายได้แม้คนนั้นจะให้ข้าวให้น้ำเลี้ยงดูมันดีขนาดไหนเพียงใด. ..เขมรอันตรายต่อคนดี,1ในล้านคนอาจหลุดจากสันดานอุบาทก์นี้. ..มันจึงกล้ายิงเด็ก กล้ายิงประชาชนผู้บริสุทธิ์เราตาย,ตายเกือบหมดครอบครัวด้วย.,เวลานี้เรา..มิอาจรับการกระทำของเขมรได้,ประชาชนใันก็กระหายสงครามนะ สนับสนุนสงครามชัดเจนด้วย,ถ้าเราแพ้ทหารเขมรนะ ประชาชนเขมรผู้อ้างตัวตนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ในชนชาติเขมรมันจะเหยียบย่ำเรา..ประชาชนคนไทยทันที,เพราะเขมรมันไม่ซื่อ ไม่สมควรไว้วางใจด้วย. https://youtube.com/watch?v=5hoG4YfOoOo&si=noiHCybPsEYa85i2
    0 Comments 0 Shares 28 Views 0 Reviews
  • ผบ.ทร. ลุยตรวจพื้นที่ชายแดนจันทบุรี ตั้งแต่หลักเขตที่ 52–59 อ.โป่งน้ำร้อน เตรียมความพร้อมสร้างกำแพงรั้วความมั่นคงถาวร ตามมติ สมช. ชื่นชมโครงการ "คนจันท์ไม่ทิ้งใคร คนไทยไม่ทิ้งกัน"ร่วมสร้างถนนเลียบแนวชายแดน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000094964

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    ผบ.ทร. ลุยตรวจพื้นที่ชายแดนจันทบุรี ตั้งแต่หลักเขตที่ 52–59 อ.โป่งน้ำร้อน เตรียมความพร้อมสร้างกำแพงรั้วความมั่นคงถาวร ตามมติ สมช. ชื่นชมโครงการ "คนจันท์ไม่ทิ้งใคร คนไทยไม่ทิ้งกัน"ร่วมสร้างถนนเลียบแนวชายแดน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000094964 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 116 Views 0 Reviews
  • ดาวเหินจรคู่ผสมระหว่างปีและเดือน ประจำเดือนตุลาคม 2568

    ตั้งแต่วันพุธที่ 8 เดือนตุลาคม ไปจนถึง วันพฤหัสบดีที่ 6 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2568 เป็นเดือนจอไฟ丙戌 (เปียสุก) ธาตุดิน มีกระแสพลังดาวธาตุไม้ 三碧 (ซาเพ็ก) ดาวแห่งการฟ้องร้อง ต่อสู้ แย่งชิง ทะเลาะวิวาท เสียทรัพย์ ทำร้ายกระแสพลังดาว二黑 (หยี่เฮก) ธาตุดิน ดาวป่วยไข้ ดาวแห่งโรคภัย ดาวแห่ง ความเสื่อม ถดถอย ประจำอยู่ที่ปีจรมะเส็งไม้ 乙巳 (อิกจี๋) ธาตุไฟ

    ส่งผลให้บ้านเมืองจะพบอุปสรรคปัญหาจากกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่ยังคงคอยแสวงหาโอกาสเพื่อช่วงชิงอำนาจและผลประโยชน์เข้าพวกตัวเอง ด้วยการสร้างสถานการณ์ให้ไม่สงบบั่นทอนความเชื่อมั่นให้ไม่มั่นใจต่อความเรียบร้อยปลอดภัย พยายามปลุกปั่นกระแสมวลชนให้เกิดความขัดแย้งทะเลาะเบาะแว้งให้ไม่ปรองดองต่อกัน ฝ่ายคุมอำนาจจำเป็นต้องใช้อำนาจทางกฎหมายเข้าควบคุมจัดการบริหารตามสถานการณ์อย่างจริงจังเพื่อป้องปรามให้ไม่เกิดประเด็นบานปลายให้วุ่นวาย ประเทศชาติจะได้ไม่ต้องอมทุกข์เสมือนผู้ป่วยไข้ที่นอนรอรับการรักษา ทั้งเศรษฐกิจและสังคมที่คงอยู่ทุกวันนี้จะได้หลุดพ้นจากหล่มขึ้นจากโคลนตม ส่วนการเดินทางควรตรวจสอบสภาพภูมิอากาศก่อนทุกครั้งเพื่อระมัดระวังอุบัติเหตุเภทภัยทางอากาศ ทางน้ำ หรือแม้แต่ทางรถยนต์ก็ตาม

    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    ดาวเหินจรคู่ผสมระหว่างปีและเดือน ประจำเดือนตุลาคม 2568 ตั้งแต่วันพุธที่ 8 เดือนตุลาคม ไปจนถึง วันพฤหัสบดีที่ 6 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2568 เป็นเดือนจอไฟ丙戌 (เปียสุก) ธาตุดิน มีกระแสพลังดาวธาตุไม้ 三碧 (ซาเพ็ก) ดาวแห่งการฟ้องร้อง ต่อสู้ แย่งชิง ทะเลาะวิวาท เสียทรัพย์ ทำร้ายกระแสพลังดาว二黑 (หยี่เฮก) ธาตุดิน ดาวป่วยไข้ ดาวแห่งโรคภัย ดาวแห่ง ความเสื่อม ถดถอย ประจำอยู่ที่ปีจรมะเส็งไม้ 乙巳 (อิกจี๋) ธาตุไฟ ส่งผลให้บ้านเมืองจะพบอุปสรรคปัญหาจากกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่ยังคงคอยแสวงหาโอกาสเพื่อช่วงชิงอำนาจและผลประโยชน์เข้าพวกตัวเอง ด้วยการสร้างสถานการณ์ให้ไม่สงบบั่นทอนความเชื่อมั่นให้ไม่มั่นใจต่อความเรียบร้อยปลอดภัย พยายามปลุกปั่นกระแสมวลชนให้เกิดความขัดแย้งทะเลาะเบาะแว้งให้ไม่ปรองดองต่อกัน ฝ่ายคุมอำนาจจำเป็นต้องใช้อำนาจทางกฎหมายเข้าควบคุมจัดการบริหารตามสถานการณ์อย่างจริงจังเพื่อป้องปรามให้ไม่เกิดประเด็นบานปลายให้วุ่นวาย ประเทศชาติจะได้ไม่ต้องอมทุกข์เสมือนผู้ป่วยไข้ที่นอนรอรับการรักษา ทั้งเศรษฐกิจและสังคมที่คงอยู่ทุกวันนี้จะได้หลุดพ้นจากหล่มขึ้นจากโคลนตม ส่วนการเดินทางควรตรวจสอบสภาพภูมิอากาศก่อนทุกครั้งเพื่อระมัดระวังอุบัติเหตุเภทภัยทางอากาศ ทางน้ำ หรือแม้แต่ทางรถยนต์ก็ตาม ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    0 Comments 0 Shares 55 Views 0 Reviews
  • “ระบบอุตสาหกรรมกว่า 200,000 จุดเสี่ยงถูกแฮก — รายงานชี้ความประมาทและความสะดวกกลายเป็นภัยไซเบอร์ระดับชาติ”

    หลังจากหลายปีที่มีความพยายามลดความเสี่ยงด้านไซเบอร์ในระบบควบคุมอุตสาหกรรม (ICS/OT) รายงานล่าสุดจาก Bitsight กลับพบว่าแนวโน้มการเปิดเผยระบบต่ออินเทอร์เน็ตกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง โดยในปี 2024 จำนวนอุปกรณ์ที่เข้าถึงได้จากสาธารณะเพิ่มขึ้นจาก 160,000 เป็น 180,000 จุด หรือเพิ่มขึ้น 12% และคาดว่าจะทะลุ 200,000 จุดภายในสิ้นปี 2025

    ระบบเหล่านี้รวมถึงอุปกรณ์ควบคุมโรงงานน้ำ, ระบบอัตโนมัติในอาคาร, และเครื่องวัดระดับถังน้ำมันที่ไม่มีระบบยืนยันตัวตน ซึ่งหลายตัวมีช่องโหว่ระดับ CVSS 10.0 ที่สามารถถูกโจมตีได้ง่าย โดยมัลแวร์ใหม่อย่าง FrostyGoop และ Fuxnet ถูกออกแบบมาเพื่อเจาะระบบ ICS โดยเฉพาะ

    Pedro Umbelino นักวิจัยจาก Bitsight เตือนว่า “นี่ไม่ใช่แค่ความผิดพลาด — แต่มันคือความเสี่ยงเชิงระบบที่ไม่อาจให้อภัยได้” เพราะการเปิดระบบเหล่านี้ต่ออินเทอร์เน็ตมักเกิดจากความสะดวก เช่น การติดตั้งเร็ว, การเข้าถึงจากระยะไกล, หรือการเชื่อมต่อทุกอย่างไว้ในระบบเดียว โดยไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัย

    AI ก็มีบทบาททั้งด้านดีและร้าย — ฝั่งผู้ป้องกันใช้ machine learning เพื่อสแกนและตรวจจับความผิดปกติในระบบ แต่ฝั่งผู้โจมตีก็ใช้ LLM เพื่อสร้างมัลแวร์และหาช่องโหว่ได้เร็วขึ้น โดยไม่ต้องใช้ทรัพยากรสูง เช่น GPU farm อีกต่อไป

    รายงานแนะนำให้ผู้ดูแลระบบ ICS/OT ดำเนินการทันที เช่น ปิดการเข้าถึงจากสาธารณะ, กำหนดค่าเริ่มต้นของผู้ขายให้ปลอดภัยขึ้น, และร่วมมือกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เพราะระบบเหล่านี้ไม่ได้แค่ควบคุมเครื่องจักร — แต่ควบคุม “ความไว้วางใจ” ของสังคม

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    จำนวนระบบ ICS/OT ที่เปิดเผยต่ออินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น 12% ในปี 2024
    คาดว่าจะทะลุ 200,000 จุดภายในสิ้นปี 2025 หากไม่มีการแก้ไข
    ระบบที่เสี่ยงรวมถึงอุปกรณ์ควบคุมโรงงานน้ำ, ระบบอัตโนมัติในอาคาร, และเครื่องวัดถังน้ำมัน
    หลายระบบมีช่องโหว่ระดับ CVSS 10.0 ที่สามารถถูกโจมตีได้ง่าย
    มัลแวร์ใหม่ เช่น FrostyGoop และ Fuxnet ถูกออกแบบมาเพื่อเจาะ ICS โดยเฉพาะ
    AI ช่วยทั้งฝั่งป้องกันและโจมตี โดยลดต้นทุนการค้นหาช่องโหว่
    การเปิดเผยระบบมักเกิดจากความสะดวก เช่น การติดตั้งเร็วและการเข้าถึงจากระยะไกล
    รายงานแนะนำให้ปิดการเข้าถึงสาธารณะและปรับค่าความปลอดภัยของผู้ขาย
    ระบบ ICS/OT ควบคุมมากกว่าเครื่องจักร — มันควบคุมความไว้วางใจของสังคม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ICS (Industrial Control Systems) คือระบบที่ใช้ควบคุมกระบวนการในโรงงานและโครงสร้างพื้นฐาน
    OT (Operational Technology) คือเทคโนโลยีที่ใช้ในการควบคุมและตรวจสอบอุปกรณ์ทางกายภาพ
    CVSS (Common Vulnerability Scoring System) ใช้ประเมินความรุนแรงของช่องโหว่
    FrostyGoop ใช้โปรโตคอล Modbus TCP เพื่อควบคุมอุปกรณ์ ICS โดยตรง
    ประเทศที่มีอัตราการเปิดเผยสูงสุดต่อจำนวนบริษัทคืออิตาลีและสเปน ส่วนสหรัฐฯ มีจำนวนรวมสูงสุด

    https://www.techradar.com/pro/security/unforgivable-exposure-more-than-200-000-industrial-systems-are-needlessly-exposed-to-the-web-and-hackers-and-theres-no-absolutely-excuse
    🌐 “ระบบอุตสาหกรรมกว่า 200,000 จุดเสี่ยงถูกแฮก — รายงานชี้ความประมาทและความสะดวกกลายเป็นภัยไซเบอร์ระดับชาติ” หลังจากหลายปีที่มีความพยายามลดความเสี่ยงด้านไซเบอร์ในระบบควบคุมอุตสาหกรรม (ICS/OT) รายงานล่าสุดจาก Bitsight กลับพบว่าแนวโน้มการเปิดเผยระบบต่ออินเทอร์เน็ตกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง โดยในปี 2024 จำนวนอุปกรณ์ที่เข้าถึงได้จากสาธารณะเพิ่มขึ้นจาก 160,000 เป็น 180,000 จุด หรือเพิ่มขึ้น 12% และคาดว่าจะทะลุ 200,000 จุดภายในสิ้นปี 2025 ระบบเหล่านี้รวมถึงอุปกรณ์ควบคุมโรงงานน้ำ, ระบบอัตโนมัติในอาคาร, และเครื่องวัดระดับถังน้ำมันที่ไม่มีระบบยืนยันตัวตน ซึ่งหลายตัวมีช่องโหว่ระดับ CVSS 10.0 ที่สามารถถูกโจมตีได้ง่าย โดยมัลแวร์ใหม่อย่าง FrostyGoop และ Fuxnet ถูกออกแบบมาเพื่อเจาะระบบ ICS โดยเฉพาะ Pedro Umbelino นักวิจัยจาก Bitsight เตือนว่า “นี่ไม่ใช่แค่ความผิดพลาด — แต่มันคือความเสี่ยงเชิงระบบที่ไม่อาจให้อภัยได้” เพราะการเปิดระบบเหล่านี้ต่ออินเทอร์เน็ตมักเกิดจากความสะดวก เช่น การติดตั้งเร็ว, การเข้าถึงจากระยะไกล, หรือการเชื่อมต่อทุกอย่างไว้ในระบบเดียว โดยไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัย AI ก็มีบทบาททั้งด้านดีและร้าย — ฝั่งผู้ป้องกันใช้ machine learning เพื่อสแกนและตรวจจับความผิดปกติในระบบ แต่ฝั่งผู้โจมตีก็ใช้ LLM เพื่อสร้างมัลแวร์และหาช่องโหว่ได้เร็วขึ้น โดยไม่ต้องใช้ทรัพยากรสูง เช่น GPU farm อีกต่อไป รายงานแนะนำให้ผู้ดูแลระบบ ICS/OT ดำเนินการทันที เช่น ปิดการเข้าถึงจากสาธารณะ, กำหนดค่าเริ่มต้นของผู้ขายให้ปลอดภัยขึ้น, และร่วมมือกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เพราะระบบเหล่านี้ไม่ได้แค่ควบคุมเครื่องจักร — แต่ควบคุม “ความไว้วางใจ” ของสังคม ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ จำนวนระบบ ICS/OT ที่เปิดเผยต่ออินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น 12% ในปี 2024 ➡️ คาดว่าจะทะลุ 200,000 จุดภายในสิ้นปี 2025 หากไม่มีการแก้ไข ➡️ ระบบที่เสี่ยงรวมถึงอุปกรณ์ควบคุมโรงงานน้ำ, ระบบอัตโนมัติในอาคาร, และเครื่องวัดถังน้ำมัน ➡️ หลายระบบมีช่องโหว่ระดับ CVSS 10.0 ที่สามารถถูกโจมตีได้ง่าย ➡️ มัลแวร์ใหม่ เช่น FrostyGoop และ Fuxnet ถูกออกแบบมาเพื่อเจาะ ICS โดยเฉพาะ ➡️ AI ช่วยทั้งฝั่งป้องกันและโจมตี โดยลดต้นทุนการค้นหาช่องโหว่ ➡️ การเปิดเผยระบบมักเกิดจากความสะดวก เช่น การติดตั้งเร็วและการเข้าถึงจากระยะไกล ➡️ รายงานแนะนำให้ปิดการเข้าถึงสาธารณะและปรับค่าความปลอดภัยของผู้ขาย ➡️ ระบบ ICS/OT ควบคุมมากกว่าเครื่องจักร — มันควบคุมความไว้วางใจของสังคม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ICS (Industrial Control Systems) คือระบบที่ใช้ควบคุมกระบวนการในโรงงานและโครงสร้างพื้นฐาน ➡️ OT (Operational Technology) คือเทคโนโลยีที่ใช้ในการควบคุมและตรวจสอบอุปกรณ์ทางกายภาพ ➡️ CVSS (Common Vulnerability Scoring System) ใช้ประเมินความรุนแรงของช่องโหว่ ➡️ FrostyGoop ใช้โปรโตคอล Modbus TCP เพื่อควบคุมอุปกรณ์ ICS โดยตรง ➡️ ประเทศที่มีอัตราการเปิดเผยสูงสุดต่อจำนวนบริษัทคืออิตาลีและสเปน ส่วนสหรัฐฯ มีจำนวนรวมสูงสุด https://www.techradar.com/pro/security/unforgivable-exposure-more-than-200-000-industrial-systems-are-needlessly-exposed-to-the-web-and-hackers-and-theres-no-absolutely-excuse
    0 Comments 0 Shares 107 Views 0 Reviews
  • “AIC เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ SB407-VA รองรับฮาร์ดดิสก์ 70 ลูก — จุข้อมูลได้เกือบ 3PB พร้อมฟีเจอร์ระดับศูนย์ข้อมูลยุค AI”

    AIC ผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ระดับองค์กรเปิดตัว SB407-VA เซิร์ฟเวอร์แบบ 4U ความหนาแน่นสูง ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงานด้าน AI, การวิเคราะห์ข้อมูล และการจัดการคลัสเตอร์ขนาดใหญ่ โดยจุดเด่นคือสามารถติดตั้งฮาร์ดดิสก์และ SSD ได้รวมถึง 70 ลูก รองรับความจุรวมเกือบ 3PB (เปตะไบต์) แบบ raw storage

    ตัวเครื่องรองรับฮาร์ดดิสก์ขนาด 3.5 นิ้วแบบ hot-swappable ได้ถึง 60 ช่อง, SSD ขนาด 2.5 นิ้วอีก 8 ช่อง และ M.2 อีก 2 ช่อง พร้อมระบบระบายความร้อนแบบ front-to-back airflow, พัดลมสำรองแบบ hot-swap และแหล่งจ่ายไฟสำรอง 800W เพื่อความเสถียรในการทำงานต่อเนื่อง

    ภายในใช้ซีพียู Intel Xeon Scalable Gen 4 และ Gen 5 รองรับ DDR5 และ PCIe Gen5 ทำให้สามารถเชื่อมต่อ NVMe, SAS และ SATA ได้หลากหลาย พร้อมช่อง PCIe Gen5 หลายช่องสำหรับการขยายระบบ

    แม้จะมีช่องใส่ฮาร์ดดิสก์ขนาด 3.5 นิ้วจำนวนมาก แต่ผู้เขียนบทความตั้งข้อสังเกตว่า “ทำไมไม่มี SSD ขนาด 3.5 นิ้วเลย?” ซึ่งคำตอบคือ SSD ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่มาก เพราะชิปแฟลชและคอนโทรลเลอร์มีขนาดเล็กมาก การเพิ่มขนาดจะทำให้ต้นทุนสูงขึ้นโดยไม่เพิ่มประสิทธิภาพ และศูนย์ข้อมูลยุคใหม่ก็หันมาใช้ SSD ขนาด 2.5 นิ้วเพื่อประหยัดพื้นที่และเพิ่มความจุต่อแร็ค

    ด้วยขนาด 434 x 853 x 176 มม. และน้ำหนักประมาณ 80 กิโลกรัม SB407-VA จึงเป็นเซิร์ฟเวอร์ที่อัดแน่นทั้งพลังประมวลผลและความจุในพื้นที่เดียว เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการระบบจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่พร้อมความยืดหยุ่นในการเชื่อมต่อและการจัดการ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    AIC เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ SB407-VA แบบ 4U รองรับฮาร์ดดิสก์และ SSD รวม 70 ลูก
    รองรับ 60 ช่องใส่ฮาร์ดดิสก์ 3.5 นิ้ว, 8 ช่อง SSD 2.5 นิ้ว และ 2 ช่อง M.2
    ใช้ซีพียู Intel Xeon Scalable Gen 4 และ Gen 5 พร้อม DDR5 และ PCIe Gen5
    รองรับการเชื่อมต่อ NVMe, SAS และ SATA
    ระบบระบายความร้อนแบบ front-to-back airflow และพัดลมสำรอง hot-swap
    แหล่งจ่ายไฟสำรอง 800W เพื่อความเสถียร
    ความจุรวมเกือบ 3PB แบบ raw storage
    ขนาดเครื่อง 434 x 853 x 176 มม. น้ำหนักประมาณ 80 กิโลกรัม
    เหมาะสำหรับงานด้าน AI, data analytics และ data lake ขนาดใหญ่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    SSD ขนาด 3.5 นิ้วไม่เป็นที่นิยม เพราะชิปแฟลชใช้พื้นที่น้อยและต้นทุนสูงหากขยายขนาด
    SSD ขนาด 2.5 นิ้วช่วยให้ศูนย์ข้อมูลเพิ่มความจุในพื้นที่จำกัดได้ดีกว่า
    PCIe Gen5 มีแบนด์วิดธ์สูงถึง 64GB/s เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วสูง
    Xeon Scalable Gen 5 รองรับการประมวลผลแบบ multi-socket และ AI acceleration
    ระบบ hot-swap ช่วยให้เปลี่ยนอุปกรณ์ได้โดยไม่ต้องปิดเครื่อง ลด downtime

    https://www.techradar.com/pro/you-can-put-70-ssds-and-hdds-in-this-case-to-deliver-almost-3pb-capacity-and-it-got-me-thinking-why-arent-there-any-3-5-inch-ssds
    🧮 “AIC เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ SB407-VA รองรับฮาร์ดดิสก์ 70 ลูก — จุข้อมูลได้เกือบ 3PB พร้อมฟีเจอร์ระดับศูนย์ข้อมูลยุค AI” AIC ผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ระดับองค์กรเปิดตัว SB407-VA เซิร์ฟเวอร์แบบ 4U ความหนาแน่นสูง ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงานด้าน AI, การวิเคราะห์ข้อมูล และการจัดการคลัสเตอร์ขนาดใหญ่ โดยจุดเด่นคือสามารถติดตั้งฮาร์ดดิสก์และ SSD ได้รวมถึง 70 ลูก รองรับความจุรวมเกือบ 3PB (เปตะไบต์) แบบ raw storage ตัวเครื่องรองรับฮาร์ดดิสก์ขนาด 3.5 นิ้วแบบ hot-swappable ได้ถึง 60 ช่อง, SSD ขนาด 2.5 นิ้วอีก 8 ช่อง และ M.2 อีก 2 ช่อง พร้อมระบบระบายความร้อนแบบ front-to-back airflow, พัดลมสำรองแบบ hot-swap และแหล่งจ่ายไฟสำรอง 800W เพื่อความเสถียรในการทำงานต่อเนื่อง ภายในใช้ซีพียู Intel Xeon Scalable Gen 4 และ Gen 5 รองรับ DDR5 และ PCIe Gen5 ทำให้สามารถเชื่อมต่อ NVMe, SAS และ SATA ได้หลากหลาย พร้อมช่อง PCIe Gen5 หลายช่องสำหรับการขยายระบบ แม้จะมีช่องใส่ฮาร์ดดิสก์ขนาด 3.5 นิ้วจำนวนมาก แต่ผู้เขียนบทความตั้งข้อสังเกตว่า “ทำไมไม่มี SSD ขนาด 3.5 นิ้วเลย?” ซึ่งคำตอบคือ SSD ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่มาก เพราะชิปแฟลชและคอนโทรลเลอร์มีขนาดเล็กมาก การเพิ่มขนาดจะทำให้ต้นทุนสูงขึ้นโดยไม่เพิ่มประสิทธิภาพ และศูนย์ข้อมูลยุคใหม่ก็หันมาใช้ SSD ขนาด 2.5 นิ้วเพื่อประหยัดพื้นที่และเพิ่มความจุต่อแร็ค ด้วยขนาด 434 x 853 x 176 มม. และน้ำหนักประมาณ 80 กิโลกรัม SB407-VA จึงเป็นเซิร์ฟเวอร์ที่อัดแน่นทั้งพลังประมวลผลและความจุในพื้นที่เดียว เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการระบบจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่พร้อมความยืดหยุ่นในการเชื่อมต่อและการจัดการ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ AIC เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ SB407-VA แบบ 4U รองรับฮาร์ดดิสก์และ SSD รวม 70 ลูก ➡️ รองรับ 60 ช่องใส่ฮาร์ดดิสก์ 3.5 นิ้ว, 8 ช่อง SSD 2.5 นิ้ว และ 2 ช่อง M.2 ➡️ ใช้ซีพียู Intel Xeon Scalable Gen 4 และ Gen 5 พร้อม DDR5 และ PCIe Gen5 ➡️ รองรับการเชื่อมต่อ NVMe, SAS และ SATA ➡️ ระบบระบายความร้อนแบบ front-to-back airflow และพัดลมสำรอง hot-swap ➡️ แหล่งจ่ายไฟสำรอง 800W เพื่อความเสถียร ➡️ ความจุรวมเกือบ 3PB แบบ raw storage ➡️ ขนาดเครื่อง 434 x 853 x 176 มม. น้ำหนักประมาณ 80 กิโลกรัม ➡️ เหมาะสำหรับงานด้าน AI, data analytics และ data lake ขนาดใหญ่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ SSD ขนาด 3.5 นิ้วไม่เป็นที่นิยม เพราะชิปแฟลชใช้พื้นที่น้อยและต้นทุนสูงหากขยายขนาด ➡️ SSD ขนาด 2.5 นิ้วช่วยให้ศูนย์ข้อมูลเพิ่มความจุในพื้นที่จำกัดได้ดีกว่า ➡️ PCIe Gen5 มีแบนด์วิดธ์สูงถึง 64GB/s เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วสูง ➡️ Xeon Scalable Gen 5 รองรับการประมวลผลแบบ multi-socket และ AI acceleration ➡️ ระบบ hot-swap ช่วยให้เปลี่ยนอุปกรณ์ได้โดยไม่ต้องปิดเครื่อง ลด downtime https://www.techradar.com/pro/you-can-put-70-ssds-and-hdds-in-this-case-to-deliver-almost-3pb-capacity-and-it-got-me-thinking-why-arent-there-any-3-5-inch-ssds
    WWW.TECHRADAR.COM
    With 60 HDD bays and 8 SSD slots, AIC's SB407-VA delivers almost 3PB capacity
    AIC's SB407-VA server supports NVMe, SAS, SATA connectivity with scalable drive options
    0 Comments 0 Shares 93 Views 0 Reviews
  • “Jeff Bezos วาดภาพศูนย์ข้อมูลในอวกาศภายใน 20 ปี — พลังงานแสงอาทิตย์ 24/7 และระบบระบายความร้อนตามธรรมชาติ”

    ในงาน Italian Tech Week ที่เมืองตูริน ประเทศอิตาลี Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon และ Blue Origin ได้เปิดเผยวิสัยทัศน์ที่น่าตื่นตาเกี่ยวกับอนาคตของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล โดยเขาคาดว่าในอีก 10–20 ปีข้างหน้า เราจะเริ่มสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดกิกะวัตต์ในวงโคจรของโลก ซึ่งจะใช้พลังงานแสงอาทิตย์อย่างต่อเนื่องและระบายความร้อนได้ง่ายกว่าบนโลก

    เหตุผลหลักคือในอวกาศไม่มีเมฆ ไม่มีฝน และไม่มีรอบกลางวันกลางคืน ทำให้สามารถผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานที่ต้องใช้พลังงานมหาศาล เช่น การฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่ หรือการประมวลผลแบบคลัสเตอร์

    นอกจากนี้ อุณหภูมิในอวกาศที่ต่ำมาก (ถึง -270°C ในเงามืด) ช่วยให้การระบายความร้อนของเซิร์ฟเวอร์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องใช้ระบบทำความเย็นที่กินไฟมหาศาลเหมือนศูนย์ข้อมูลบนโลก

    อย่างไรก็ตาม การสร้างศูนย์ข้อมูลในอวกาศยังมีอุปสรรคใหญ่มาก ทั้งด้านวิศวกรรม เศรษฐศาสตร์ และโลจิสติกส์ เช่น ต้องใช้แผงโซลาร์เซลล์ขนาด 2.4–3.3 ล้านตารางเมตร ซึ่งหนักกว่า 9,000 ตัน และต้องใช้จรวดมากกว่า 150 เที่ยวในการขนส่งขึ้นสู่วงโคจร รวมถึงระบบหม้อน้ำขนาดมหึมาเพื่อระบายความร้อน และอุปกรณ์เซิร์ฟเวอร์ที่หนักหลายหมื่นตัน

    Bezos เชื่อว่า Blue Origin จะสามารถพัฒนาเทคโนโลยีจรวดที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ เพื่อทำให้การขนส่งอุปกรณ์ขึ้นสู่อวกาศมีต้นทุนต่ำลง และเขายังมองว่าในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า จะมี “ผู้คนหลายล้านคนอาศัยอยู่ในอวกาศ” ซึ่งจะเป็นการขยายขอบเขตของอุตสาหกรรมมนุษย์ออกไปนอกโลก

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Jeff Bezos คาดว่าในอีก 10–20 ปีจะมีศูนย์ข้อมูลขนาดกิกะวัตต์ในวงโคจรของโลก
    พลังงานแสงอาทิตย์ในอวกาศสามารถผลิตได้ต่อเนื่อง 24/7 เพราะไม่มีเมฆหรือกลางคืน
    อุณหภูมิในอวกาศช่วยให้ระบายความร้อนได้ง่ายกว่าบนโลก
    เหมาะสำหรับงานที่ใช้พลังงานสูง เช่น การฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่
    ต้องใช้แผงโซลาร์เซลล์ขนาด 2.4–3.3 ล้านตารางเมตร น้ำหนักกว่า 9,000 ตัน
    ต้องใช้จรวดมากกว่า 150 เที่ยวในการขนส่งขึ้นสู่วงโคจร
    ระบบหม้อน้ำต้องมีพื้นที่หลายล้านตารางเมตรเพื่อระบายความร้อน
    Bezos เชื่อว่า Blue Origin จะพัฒนาจรวดนำกลับมาใช้ใหม่ได้
    เขามองว่าในอนาคตจะมีผู้คนหลายล้านคนอาศัยอยู่ในอวกาศ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    พลังงานแสงอาทิตย์ในอวกาศมีความเข้มข้นสูงกว่าและเสถียรกว่าบนโลก
    การระบายความร้อนในอวกาศใช้การแผ่รังสี (radiative cooling) แทนการพาความร้อน
    การใช้เลเซอร์หรือคลื่นวิทยุสามารถส่งข้อมูลจากอวกาศกลับมายังโลกได้
    บริษัทอื่น เช่น Lumen Orbit ก็เริ่มพัฒนาแนวคิดศูนย์ข้อมูลในอวกาศ
    ความต้องการพลังงานของศูนย์ข้อมูล AI บนโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการแสวงหาทางเลือกใหม่

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/jeff-bezos-envisions-space-based-data-centers-in-10-to-20-years-could-allow-for-natural-cooling-and-more-effective-solar-power
    🚀 “Jeff Bezos วาดภาพศูนย์ข้อมูลในอวกาศภายใน 20 ปี — พลังงานแสงอาทิตย์ 24/7 และระบบระบายความร้อนตามธรรมชาติ” ในงาน Italian Tech Week ที่เมืองตูริน ประเทศอิตาลี Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon และ Blue Origin ได้เปิดเผยวิสัยทัศน์ที่น่าตื่นตาเกี่ยวกับอนาคตของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล โดยเขาคาดว่าในอีก 10–20 ปีข้างหน้า เราจะเริ่มสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดกิกะวัตต์ในวงโคจรของโลก ซึ่งจะใช้พลังงานแสงอาทิตย์อย่างต่อเนื่องและระบายความร้อนได้ง่ายกว่าบนโลก เหตุผลหลักคือในอวกาศไม่มีเมฆ ไม่มีฝน และไม่มีรอบกลางวันกลางคืน ทำให้สามารถผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานที่ต้องใช้พลังงานมหาศาล เช่น การฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่ หรือการประมวลผลแบบคลัสเตอร์ นอกจากนี้ อุณหภูมิในอวกาศที่ต่ำมาก (ถึง -270°C ในเงามืด) ช่วยให้การระบายความร้อนของเซิร์ฟเวอร์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องใช้ระบบทำความเย็นที่กินไฟมหาศาลเหมือนศูนย์ข้อมูลบนโลก อย่างไรก็ตาม การสร้างศูนย์ข้อมูลในอวกาศยังมีอุปสรรคใหญ่มาก ทั้งด้านวิศวกรรม เศรษฐศาสตร์ และโลจิสติกส์ เช่น ต้องใช้แผงโซลาร์เซลล์ขนาด 2.4–3.3 ล้านตารางเมตร ซึ่งหนักกว่า 9,000 ตัน และต้องใช้จรวดมากกว่า 150 เที่ยวในการขนส่งขึ้นสู่วงโคจร รวมถึงระบบหม้อน้ำขนาดมหึมาเพื่อระบายความร้อน และอุปกรณ์เซิร์ฟเวอร์ที่หนักหลายหมื่นตัน Bezos เชื่อว่า Blue Origin จะสามารถพัฒนาเทคโนโลยีจรวดที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ เพื่อทำให้การขนส่งอุปกรณ์ขึ้นสู่อวกาศมีต้นทุนต่ำลง และเขายังมองว่าในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า จะมี “ผู้คนหลายล้านคนอาศัยอยู่ในอวกาศ” ซึ่งจะเป็นการขยายขอบเขตของอุตสาหกรรมมนุษย์ออกไปนอกโลก ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Jeff Bezos คาดว่าในอีก 10–20 ปีจะมีศูนย์ข้อมูลขนาดกิกะวัตต์ในวงโคจรของโลก ➡️ พลังงานแสงอาทิตย์ในอวกาศสามารถผลิตได้ต่อเนื่อง 24/7 เพราะไม่มีเมฆหรือกลางคืน ➡️ อุณหภูมิในอวกาศช่วยให้ระบายความร้อนได้ง่ายกว่าบนโลก ➡️ เหมาะสำหรับงานที่ใช้พลังงานสูง เช่น การฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่ ➡️ ต้องใช้แผงโซลาร์เซลล์ขนาด 2.4–3.3 ล้านตารางเมตร น้ำหนักกว่า 9,000 ตัน ➡️ ต้องใช้จรวดมากกว่า 150 เที่ยวในการขนส่งขึ้นสู่วงโคจร ➡️ ระบบหม้อน้ำต้องมีพื้นที่หลายล้านตารางเมตรเพื่อระบายความร้อน ➡️ Bezos เชื่อว่า Blue Origin จะพัฒนาจรวดนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ➡️ เขามองว่าในอนาคตจะมีผู้คนหลายล้านคนอาศัยอยู่ในอวกาศ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ พลังงานแสงอาทิตย์ในอวกาศมีความเข้มข้นสูงกว่าและเสถียรกว่าบนโลก ➡️ การระบายความร้อนในอวกาศใช้การแผ่รังสี (radiative cooling) แทนการพาความร้อน ➡️ การใช้เลเซอร์หรือคลื่นวิทยุสามารถส่งข้อมูลจากอวกาศกลับมายังโลกได้ ➡️ บริษัทอื่น เช่น Lumen Orbit ก็เริ่มพัฒนาแนวคิดศูนย์ข้อมูลในอวกาศ ➡️ ความต้องการพลังงานของศูนย์ข้อมูล AI บนโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการแสวงหาทางเลือกใหม่ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/jeff-bezos-envisions-space-based-data-centers-in-10-to-20-years-could-allow-for-natural-cooling-and-more-effective-solar-power
    0 Comments 0 Shares 90 Views 0 Reviews
  • “จีนเปิดตัวศูนย์ข้อมูลใต้น้ำเชิงพาณิชย์แห่งแรก — ใช้พลังงานลดลง 90% พร้อมพลังงานหมุนเวียน 95%”

    ในยุคที่ AI และคลาวด์ต้องการพลังงานมหาศาล ศูนย์ข้อมูลกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่กินไฟมากที่สุดแห่งหนึ่ง ล่าสุดบริษัท Highlander จากจีนได้เปิดตัวโครงการศูนย์ข้อมูลใต้น้ำเชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลก บริเวณชายฝั่งเซี่ยงไฮ้ โดยจะเริ่มดำเนินการในเดือนตุลาคม 2025

    แนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ — Microsoft เคยทดลองวางเซิร์ฟเวอร์ใต้น้ำที่สกอตแลนด์ในปี 2018 แต่ไม่ได้นำมาใช้เชิงพาณิชย์ ส่วนจีนเริ่มโครงการแรกที่เกาะไหหลำในปี 2022 และยังดำเนินการอยู่จนถึงปัจจุบัน

    ศูนย์ข้อมูลใต้น้ำของ Highlander ใช้แคปซูลเหล็กเคลือบเกล็ดแก้วเพื่อป้องกันการกัดกร่อนจากน้ำทะเล และเชื่อมต่อกับโครงสร้างเหนือผิวน้ำผ่านลิฟต์สำหรับการบำรุงรักษา โดยใช้พลังงานจากฟาร์มกังหันลมใกล้ชายฝั่ง ทำให้กว่า 95% ของพลังงานทั้งหมดมาจากแหล่งหมุนเวียน

    ข้อได้เปรียบหลักคือการใช้กระแสน้ำทะเลในการระบายความร้อน ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานสำหรับระบบทำความเย็นได้ถึง 90% เมื่อเทียบกับศูนย์ข้อมูลบนบกที่ต้องใช้ระบบปรับอากาศหรือการระเหยน้ำ

    ลูกค้ารายแรกของโครงการนี้คือ China Telecom และบริษัทคอมพิวติ้ง AI ของรัฐ โดยรัฐบาลจีนสนับสนุนโครงการนี้ผ่านเงินอุดหนุนกว่า 40 ล้านหยวนในโครงการที่ไหหลำ และมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ “East Data, West Computing” เพื่อกระจายการประมวลผลทั่วประเทศ

    อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลเตือนว่า การปล่อยความร้อนจากเซิร์ฟเวอร์ใต้น้ำอาจส่งผลต่อระบบนิเวศ เช่น ดึงดูดหรือผลักไสสัตว์น้ำบางชนิด และยังมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เช่น การโจมตีด้วยคลื่นเสียงผ่านน้ำ ซึ่งยังไม่มีการศึกษาครอบคลุมในระดับมหภาค

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Highlander เปิดตัวศูนย์ข้อมูลใต้น้ำเชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลกที่เซี่ยงไฮ้
    ใช้แคปซูลเหล็กเคลือบเกล็ดแก้วเพื่อป้องกันการกัดกร่อนจากน้ำทะเล
    เชื่อมต่อกับโครงสร้างเหนือผิวน้ำผ่านลิฟต์สำหรับการบำรุงรักษา
    ใช้พลังงานจากฟาร์มกังหันลมใกล้ชายฝั่ง โดยกว่า 95% มาจากแหล่งหมุนเวียน
    ลดการใช้พลังงานสำหรับระบบทำความเย็นได้ถึง 90%
    ลูกค้ารายแรกคือ China Telecom และบริษัท AI ของรัฐ
    โครงการได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลจีนกว่า 40 ล้านหยวน
    เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ “East Data, West Computing”
    Microsoft เคยทดลองแนวคิดนี้ในปี 2018 แต่ไม่ได้นำมาใช้เชิงพาณิชย์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ศูนย์ข้อมูลใต้น้ำช่วยลดการใช้พื้นที่บนบกและมีความเสถียรด้านอุณหภูมิ
    การใช้พลังงานหมุนเวียนช่วยลดคาร์บอนฟุตพรินต์ของอุตสาหกรรมดิจิทัล
    การวางเซิร์ฟเวอร์ใกล้ชายฝั่งช่วยลด latency ในการให้บริการ
    Microsoft พบว่าเซิร์ฟเวอร์ใต้น้ำมีอัตราความเสียหายน้อยกว่าบนบก
    การออกแบบแคปซูลต้องคำนึงถึงแรงดันน้ำ ความเค็ม และการสั่นสะเทือน

    https://www.tomshardware.com/desktops/servers/china-to-launch-commercial-underwater-data-center-facility-expected-to-consume-90-percent-less-power-for-cooling
    🌊 “จีนเปิดตัวศูนย์ข้อมูลใต้น้ำเชิงพาณิชย์แห่งแรก — ใช้พลังงานลดลง 90% พร้อมพลังงานหมุนเวียน 95%” ในยุคที่ AI และคลาวด์ต้องการพลังงานมหาศาล ศูนย์ข้อมูลกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่กินไฟมากที่สุดแห่งหนึ่ง ล่าสุดบริษัท Highlander จากจีนได้เปิดตัวโครงการศูนย์ข้อมูลใต้น้ำเชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลก บริเวณชายฝั่งเซี่ยงไฮ้ โดยจะเริ่มดำเนินการในเดือนตุลาคม 2025 แนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ — Microsoft เคยทดลองวางเซิร์ฟเวอร์ใต้น้ำที่สกอตแลนด์ในปี 2018 แต่ไม่ได้นำมาใช้เชิงพาณิชย์ ส่วนจีนเริ่มโครงการแรกที่เกาะไหหลำในปี 2022 และยังดำเนินการอยู่จนถึงปัจจุบัน ศูนย์ข้อมูลใต้น้ำของ Highlander ใช้แคปซูลเหล็กเคลือบเกล็ดแก้วเพื่อป้องกันการกัดกร่อนจากน้ำทะเล และเชื่อมต่อกับโครงสร้างเหนือผิวน้ำผ่านลิฟต์สำหรับการบำรุงรักษา โดยใช้พลังงานจากฟาร์มกังหันลมใกล้ชายฝั่ง ทำให้กว่า 95% ของพลังงานทั้งหมดมาจากแหล่งหมุนเวียน ข้อได้เปรียบหลักคือการใช้กระแสน้ำทะเลในการระบายความร้อน ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานสำหรับระบบทำความเย็นได้ถึง 90% เมื่อเทียบกับศูนย์ข้อมูลบนบกที่ต้องใช้ระบบปรับอากาศหรือการระเหยน้ำ ลูกค้ารายแรกของโครงการนี้คือ China Telecom และบริษัทคอมพิวติ้ง AI ของรัฐ โดยรัฐบาลจีนสนับสนุนโครงการนี้ผ่านเงินอุดหนุนกว่า 40 ล้านหยวนในโครงการที่ไหหลำ และมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ “East Data, West Computing” เพื่อกระจายการประมวลผลทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลเตือนว่า การปล่อยความร้อนจากเซิร์ฟเวอร์ใต้น้ำอาจส่งผลต่อระบบนิเวศ เช่น ดึงดูดหรือผลักไสสัตว์น้ำบางชนิด และยังมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เช่น การโจมตีด้วยคลื่นเสียงผ่านน้ำ ซึ่งยังไม่มีการศึกษาครอบคลุมในระดับมหภาค ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Highlander เปิดตัวศูนย์ข้อมูลใต้น้ำเชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลกที่เซี่ยงไฮ้ ➡️ ใช้แคปซูลเหล็กเคลือบเกล็ดแก้วเพื่อป้องกันการกัดกร่อนจากน้ำทะเล ➡️ เชื่อมต่อกับโครงสร้างเหนือผิวน้ำผ่านลิฟต์สำหรับการบำรุงรักษา ➡️ ใช้พลังงานจากฟาร์มกังหันลมใกล้ชายฝั่ง โดยกว่า 95% มาจากแหล่งหมุนเวียน ➡️ ลดการใช้พลังงานสำหรับระบบทำความเย็นได้ถึง 90% ➡️ ลูกค้ารายแรกคือ China Telecom และบริษัท AI ของรัฐ ➡️ โครงการได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลจีนกว่า 40 ล้านหยวน ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ “East Data, West Computing” ➡️ Microsoft เคยทดลองแนวคิดนี้ในปี 2018 แต่ไม่ได้นำมาใช้เชิงพาณิชย์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ศูนย์ข้อมูลใต้น้ำช่วยลดการใช้พื้นที่บนบกและมีความเสถียรด้านอุณหภูมิ ➡️ การใช้พลังงานหมุนเวียนช่วยลดคาร์บอนฟุตพรินต์ของอุตสาหกรรมดิจิทัล ➡️ การวางเซิร์ฟเวอร์ใกล้ชายฝั่งช่วยลด latency ในการให้บริการ ➡️ Microsoft พบว่าเซิร์ฟเวอร์ใต้น้ำมีอัตราความเสียหายน้อยกว่าบนบก ➡️ การออกแบบแคปซูลต้องคำนึงถึงแรงดันน้ำ ความเค็ม และการสั่นสะเทือน https://www.tomshardware.com/desktops/servers/china-to-launch-commercial-underwater-data-center-facility-expected-to-consume-90-percent-less-power-for-cooling
    0 Comments 0 Shares 88 Views 0 Reviews
  • “SpaceX เตรียมปล่อยดาวเทียม Starlink กลุ่มใหม่ — พร้อมทดสอบ Starship ครั้งที่ 5 เพื่อภารกิจสู่ดวงจันทร์และดาวอังคาร”

    หลังจากเพิ่งปล่อยดาวเทียม Starlink ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน SpaceX ก็ไม่รอช้า เตรียมภารกิจใหม่ในวันที่ 3 ตุลาคม 2025 โดยจะปล่อยจรวด Falcon 9 จากฐานยิง SLC-4E ที่ Vandenberg Space Force Base รัฐแคลิฟอร์เนีย เวลา 6:00 น. PDT (13:00 UTC) ภารกิจนี้มีชื่อว่า Starlink Group 11-39 ซึ่งจะนำดาวเทียม Starlink V2 Mini จำนวน 28 ดวงเข้าสู่วงโคจรระดับต่ำที่ความสูงประมาณ 595 กิโลเมตร

    แม้จะเป็นภารกิจลำดับที่ 39 ของกลุ่มนี้ แต่จริง ๆ แล้วนี่คือการปล่อยครั้งที่ 15 สำหรับวงโคจรเฉพาะนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมประสิทธิภาพและขยายพื้นที่ครอบคลุมของเครือข่ายอินเทอร์เน็ต Starlink ที่ปัจจุบันมีดาวเทียมทำงานอยู่แล้วกว่า 8,460 ดวงทั่วโลก

    หลังจากปล่อยดาวเทียมแล้ว บูสเตอร์ขั้นแรกของ Falcon 9 จะพยายามลงจอดบนเรือโดรน “Of Course I Still Love You” ที่ลอยอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งอาจทำให้เกิดเสียงโซนิคบูมในพื้นที่ Santa Barbara, San Luis Obispo และ Ventura

    นอกจากภารกิจ Starlink แล้ว SpaceX ยังเตรียมทดสอบจรวด Starship ครั้งที่ 5 ในวันที่ 13 ตุลาคม 2025 จากฐาน Starbase ในรัฐเท็กซัส โดยจรวด Starship ถือเป็นจรวดที่ทรงพลังที่สุดในโลก และเป็นหัวใจของแผนการพามนุษย์กลับไปดวงจันทร์และเดินทางสู่ดาวอังคารในอนาคต

    การทดสอบครั้งก่อนในเดือนสิงหาคมประสบความสำเร็จ ขณะที่การทดสอบในเดือนมิถุนายนจบลงด้วยการระเบิด แต่ Elon Musk ยืนยันว่าจะเร่งรอบการทดสอบให้เร็วขึ้น หลังได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล

    ผู้สนใจสามารถติดตามการถ่ายทอดสดได้ผ่านเว็บไซต์ SpaceX, แอป X TV หรือบัญชี @SpaceX บนแพลตฟอร์ม X โดยการถ่ายทอดจะเริ่มประมาณ 5 นาทีก่อนปล่อยจรวด และสามารถใช้เครื่องมืออย่าง Satellite Tracker, SkySafari หรือ Stellarium เพื่อติดตามตำแหน่งของดาวเทียม Starlink ได้แบบเรียลไทม์

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    SpaceX เตรียมปล่อยจรวด Falcon 9 ภารกิจ Starlink Group 11-39 วันที่ 3 ตุลาคม 2025
    ปล่อยจากฐาน SLC-4E ที่ Vandenberg Space Force Base เวลา 6:00 น. PDT
    บรรทุกดาวเทียม Starlink V2 Mini จำนวน 28 ดวง เข้าสู่วงโคจรต่ำที่ 595 กม.
    เป็นการปล่อยครั้งที่ 15 สำหรับวงโคจรเฉพาะนี้ แม้จะเป็นภารกิจลำดับที่ 39
    ปัจจุบันมีดาวเทียม Starlink ทำงานอยู่แล้วกว่า 8,460 ดวง
    บูสเตอร์ขั้นแรกจะลงจอดบนเรือโดรน “Of Course I Still Love You” ในมหาสมุทรแปซิฟิก
    อาจเกิดเสียงโซนิคบูมในพื้นที่ Santa Barbara, San Luis Obispo และ Ventura
    SpaceX เตรียมทดสอบจรวด Starship ครั้งที่ 5 วันที่ 13 ตุลาคม 2025 ที่ Starbase, Texas
    Starship เป็นจรวดที่ทรงพลังที่สุดในโลก ใช้สำหรับภารกิจดวงจันทร์และดาวอังคาร
    การถ่ายทอดสดสามารถดูได้ผ่านเว็บไซต์ SpaceX, แอป X TV และบัญชี @SpaceX

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Starlink V2 Mini มีขนาดเล็กลงแต่ประสิทธิภาพสูงขึ้น รองรับการเชื่อมต่อในพื้นที่ห่างไกล
    เรือโดรน “Of Course I Still Love You” เป็นหนึ่งในระบบลงจอดอัตโนมัติของ SpaceX
    Starship มีความสูงกว่า 120 เมตร และสามารถบรรทุกน้ำหนักได้มากกว่า 100 ตัน
    การทดสอบ Starship เป็นขั้นตอนสำคัญก่อนภารกิจ Artemis ของ NASA
    การติดตามดาวเทียม Starlink สามารถทำได้ผ่านแอปมือถือและเว็บไซต์เฉพาะทาง

    https://www.slashgear.com/1984666/how-to-see-when-and-where-next-spacex-launch-is/
    🚀 “SpaceX เตรียมปล่อยดาวเทียม Starlink กลุ่มใหม่ — พร้อมทดสอบ Starship ครั้งที่ 5 เพื่อภารกิจสู่ดวงจันทร์และดาวอังคาร” หลังจากเพิ่งปล่อยดาวเทียม Starlink ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน SpaceX ก็ไม่รอช้า เตรียมภารกิจใหม่ในวันที่ 3 ตุลาคม 2025 โดยจะปล่อยจรวด Falcon 9 จากฐานยิง SLC-4E ที่ Vandenberg Space Force Base รัฐแคลิฟอร์เนีย เวลา 6:00 น. PDT (13:00 UTC) ภารกิจนี้มีชื่อว่า Starlink Group 11-39 ซึ่งจะนำดาวเทียม Starlink V2 Mini จำนวน 28 ดวงเข้าสู่วงโคจรระดับต่ำที่ความสูงประมาณ 595 กิโลเมตร แม้จะเป็นภารกิจลำดับที่ 39 ของกลุ่มนี้ แต่จริง ๆ แล้วนี่คือการปล่อยครั้งที่ 15 สำหรับวงโคจรเฉพาะนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมประสิทธิภาพและขยายพื้นที่ครอบคลุมของเครือข่ายอินเทอร์เน็ต Starlink ที่ปัจจุบันมีดาวเทียมทำงานอยู่แล้วกว่า 8,460 ดวงทั่วโลก หลังจากปล่อยดาวเทียมแล้ว บูสเตอร์ขั้นแรกของ Falcon 9 จะพยายามลงจอดบนเรือโดรน “Of Course I Still Love You” ที่ลอยอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งอาจทำให้เกิดเสียงโซนิคบูมในพื้นที่ Santa Barbara, San Luis Obispo และ Ventura นอกจากภารกิจ Starlink แล้ว SpaceX ยังเตรียมทดสอบจรวด Starship ครั้งที่ 5 ในวันที่ 13 ตุลาคม 2025 จากฐาน Starbase ในรัฐเท็กซัส โดยจรวด Starship ถือเป็นจรวดที่ทรงพลังที่สุดในโลก และเป็นหัวใจของแผนการพามนุษย์กลับไปดวงจันทร์และเดินทางสู่ดาวอังคารในอนาคต การทดสอบครั้งก่อนในเดือนสิงหาคมประสบความสำเร็จ ขณะที่การทดสอบในเดือนมิถุนายนจบลงด้วยการระเบิด แต่ Elon Musk ยืนยันว่าจะเร่งรอบการทดสอบให้เร็วขึ้น หลังได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล ผู้สนใจสามารถติดตามการถ่ายทอดสดได้ผ่านเว็บไซต์ SpaceX, แอป X TV หรือบัญชี @SpaceX บนแพลตฟอร์ม X โดยการถ่ายทอดจะเริ่มประมาณ 5 นาทีก่อนปล่อยจรวด และสามารถใช้เครื่องมืออย่าง Satellite Tracker, SkySafari หรือ Stellarium เพื่อติดตามตำแหน่งของดาวเทียม Starlink ได้แบบเรียลไทม์ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ SpaceX เตรียมปล่อยจรวด Falcon 9 ภารกิจ Starlink Group 11-39 วันที่ 3 ตุลาคม 2025 ➡️ ปล่อยจากฐาน SLC-4E ที่ Vandenberg Space Force Base เวลา 6:00 น. PDT ➡️ บรรทุกดาวเทียม Starlink V2 Mini จำนวน 28 ดวง เข้าสู่วงโคจรต่ำที่ 595 กม. ➡️ เป็นการปล่อยครั้งที่ 15 สำหรับวงโคจรเฉพาะนี้ แม้จะเป็นภารกิจลำดับที่ 39 ➡️ ปัจจุบันมีดาวเทียม Starlink ทำงานอยู่แล้วกว่า 8,460 ดวง ➡️ บูสเตอร์ขั้นแรกจะลงจอดบนเรือโดรน “Of Course I Still Love You” ในมหาสมุทรแปซิฟิก ➡️ อาจเกิดเสียงโซนิคบูมในพื้นที่ Santa Barbara, San Luis Obispo และ Ventura ➡️ SpaceX เตรียมทดสอบจรวด Starship ครั้งที่ 5 วันที่ 13 ตุลาคม 2025 ที่ Starbase, Texas ➡️ Starship เป็นจรวดที่ทรงพลังที่สุดในโลก ใช้สำหรับภารกิจดวงจันทร์และดาวอังคาร ➡️ การถ่ายทอดสดสามารถดูได้ผ่านเว็บไซต์ SpaceX, แอป X TV และบัญชี @SpaceX ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Starlink V2 Mini มีขนาดเล็กลงแต่ประสิทธิภาพสูงขึ้น รองรับการเชื่อมต่อในพื้นที่ห่างไกล ➡️ เรือโดรน “Of Course I Still Love You” เป็นหนึ่งในระบบลงจอดอัตโนมัติของ SpaceX ➡️ Starship มีความสูงกว่า 120 เมตร และสามารถบรรทุกน้ำหนักได้มากกว่า 100 ตัน ➡️ การทดสอบ Starship เป็นขั้นตอนสำคัญก่อนภารกิจ Artemis ของ NASA ➡️ การติดตามดาวเทียม Starlink สามารถทำได้ผ่านแอปมือถือและเว็บไซต์เฉพาะทาง https://www.slashgear.com/1984666/how-to-see-when-and-where-next-spacex-launch-is/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Interested In Seeing The Next SpaceX Launch? Here's What We Know About When And Where It Is - SlashGear
    SpaceX’s next Falcon 9 launch is scheduled for Oct. 3, 2025, from Vandenberg SFB in California, carrying 28 Starlink V2 Mini satellites.
    0 Comments 0 Shares 73 Views 0 Reviews
  • โครงสร้างสังคมยุคใหม่ 2-10-68 …ภายใต้ระบอบพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข
    2/10/68
     ภาระหน้าที่ของรัฐ : หนุนช่วยภาคประชาชนและสร้างอาชีพให้กับประชาชน หมดปัญหาความเหลื่อมล้ำ - หมดปัญหาคนยากไร้
     ทั้งนี้เพื่อไม่เกิดปัญหาสังคมที่ครอบครัวแย่งชิงทรัพย์สมบัติกันเมื่อลูกหลานเติบโตขึ้น สายใยความรักแห่งครอบครัวและเครือญาติก็จะมั่นคงยั่งยืนและสุขใจ
     ปัญหาความขัดแย้งลูกจ้าง-นายจ้างก็จะหมดไป
     ปัญหาความโลภความเห็นแก่ตัวของนักการเมืองและส.ส.ก็จะสลายไป
     การเรียน เรียนที่ใจชอบ ที่ไม่ชอบไม่ต้องเสียเวลาเรียน จบแล้วให้อาชีพทำเลย (มีระบบทดสอบความชอบตั้งแต่เตรียมอนุบาล รู้ชัดแล้วแววชอบและทักษะไปทางใหนก็เสริมวิชาไปทางนั้น จัดให้เลย)
     การค้ายาเสบติด และ คอร์รัปชั่น โทษติดคุกและถึงขั้นประหารชีวิต ต้องเฉียบขาด

    1. ก่อนอื่น ลดค่าครองชีพประชาชน สร้างกำลังซื้อ สร้างภาวะหมุนเวียน
    - บ้านพักฟรี สถานที่ประกอบอาชีพฟรี การศึกษาฟรี
    - สนองเครื่องประกอบอาชีพฟรี เป็นรายบุคคล
    - สนองเครื่องประกอบอาชีพฟรี เครื่องมือพัฒนาจัดให้เลย เป็นคณะ นำโดยผู้นำ กรณีเกษตร ควรเป็นคณะ-ควรเป็นชุมชน ที่ดินจะได้ผืนใหญ่ ง่ายต่อเครื่องจักรใหญ่ การเป็นชุมชนการแปรพืชผลเกตรได้หลากหลาย (อาจต้องเสริมผู้จบหลักสูตรทำอาหารและชนม) ซึ่งนำโดยผู้นำและผู้บริหาร
    -สนองเครื่องเทคโนโลยี-ไฮเทค หุ้นส่วน+ภาครัฐ นำโดยผู้นำและผู้บริหาร

     ภาคประชาชน หนุนช่วยรัฐ :
    1.เมื่อปัจจัยพื้นฐานต่างๆในการประกอบอาชีพ ภาครัฐนั้นสนองให้ทั้งหมดแล้ว
    ส่วนภาคประชาชน การหนุนช่วยต่อภาครัฐ นั้น คือ ภาระหน้าที่ เสียภาษีแก่รัฐ (เพื่อรัฐจะได้ช่วยด้านต่างๆได้มากขึ้น) กิจการเล็ก-ใหญ่ล้วนต้องเสียภาษีตามรายได้-ตามยอดขาย โดยผ่านระบบคิวอาร์โค้ต เพื่อให้เงินภาษีไหลเวียนสู่การคลังได้ทันที เพื่อให้ภาครัฐมีกำลังเงินคล่องตัวหมุนเวียน
    # อุทิศเพื่อสังคม : หนุนช่วยภาครัฐในด้านต่างๆ
    # สนับสนุนหนุนช่วยต่อชนรุ่นใหม่ อาชีพเกิดใหม่
    *คำขวัญ คือ ช่วยชาติ ช่วยรัฐ ช่วยคนรุ่นใหม่- สิ่งเกิดใหม่!

    2.ธุรกิจประเภท “เก็งกำไร” จะต้องไม่ให้มี ในประเทศไทย (อย่าเหมือนจีนที่ประสพปัญหาเช่น วิกฤติอสังหาฯ และการศึกษาเอกชน(การเรียนแข่งกันสูงและแพง) เป็นภาระค่าใช้จ่ายสูงมาก ทำให้คนหนุ่มสาวไม่ยอมแต่งงาน ถ้าจะแต่งก็ไม่ยอมมีลูก เป็นผลให้ประชากรประเทศลดลง (ไม่สน ที่รัฐบาลมี นโยบายให้มีลูกสามคน – จากหนึ่งคน)

    *ประเทศไทย ต้องไม่มี ธุรกิจประเภท “เก็งกำไร” เช่น
    - ธุรกิจอสังหาฯ
    - ธุรกิจซื้อขายที่ดิน
    -ธุรกิจตลาดหลักทรัพย์
    -ธุรกิจปล่อยกู้
    -ธุรกิจการธนาคารเอกชน (ยกเว้นภาครัฐ่)
    -ธุรกิจการศึกษาเอกชนทั้งปวง
    • นับตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงมหาวิทยาลัยเอกชน อีกทั้ง มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ: รวมทั้งสอนพิเศษ (เป็นหน้าที่โดยรัฐ่เท่านั้น)
    2.1 ธุรกิจอสังหา ธุรกิจธนาคารเอกชน ธุรกิจปล่อยกู้
    พักหนี้ทั้งหมด 3 ปี ภาครัฐจะชดเชยให้แทน

    หมายเหตุ โครงสร้างสังคมยุคใหม่ ที่เขียนมานี้ เป็นเพียง ”รูปแบบโครงสร้างสังคมตัวอย่าง” จึงต้อง ช่วยกันคิด ช่วยกันเขียนให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพื่อเป็นเข็มทิศรูปธรรมแก่สังคม เป็นเป้าหมายให้มุ่งไป
    - ซึ่งการเคลื่อนไหวนั้น
    - ต้องมีเข็มทิศรูปธรรมเพื่อเป็นเป้าหมายนำพา และเป็นเป้าหมายของการตั้งพรรคของเราด้วย
    - คือต้อง “มีสามสิ่งนี้พร้อม!” ประเทศไทยเปลี่ยน!
    - 1.พลังของประชาชน (หมอเขียว คปท. คณะรวมพลังแผ่นดิน พันธมิตร=ต่างมีความพร้อม) สิ่งที่1นี้พร้อม
    - 2.เข็มทิศเป้าหมายรูปธรรม (รูปแบบโครงสร้างสังคมยุคใหม่ที่ตกผลึกกันแล้ว) สิ่งที่2นี้พร้อม
    - 3. โฉมหน้า “พรรคการเมืองใหม่หรือยุคใหม่นี้” ตั้งพรรคสำเร็จ คือ สิ่งที่3นี้พร้อม
    -
    อาวุธวิเศษสามสิ่งนี้ จะขาด จะหย่อนสิ่งใดไม่ได้

    การเลือกตั้งปี70ครั้งนี้(ช่วง28มิย.2570}
    ต้องตั้ง “พรรคการเมืองใหม่หรือยุคใหม่”เกิดขึ้นและ ชนะเลือกตั้ง ให้มีทุกจังหวัด ทุกอำเภอ

    A---------------------------------------------
    (คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ : ที่สำคัญ “การเลือกตั้ง”เป็นกระบวนการสำคัญในการปกครองระบอบประชาธิปไตยทางผู้แทน เพื่อกำหนดว่าใครจะเป็นผู้เข้าไปดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อใช้อำนาจอธิปไตยแทนประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตามวิถีทางแห่งประชาธิปไตย อาจกล่าวได้ว่าหากการปกครองใดไม่มีการเลือกตั้งย่อมไม่ใช่การปกครองระบอบประชาธิปไตย
    ประเทศไทยจึงเกิดภาวการณ์ ส.ส.และ นักการเมืองใช้หลากกลวิธีสกปรกแย่งชิงกันเพื่อเอาชนะเลือกตั้ง เพื่อมีสิทธิ์เข้าไปดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อยึดอำนาจอธิปไตยที่ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตามวิถีทางแห่งประชาธิปไตยของบ้านเมือง
    เพื่อยึดอำนาจ เพื่อเข้ากอบโกย

    จึงเป็นกติกาประเทศ ผู้ใดพรรคใดชนะเลือกตั้งก็มีสิทธ์มีอำนาจปกครองประเทศแทนประชาชน
    เจ้าของประเทศ

    a--------------------------------------
    พอดีช่วง28มิย.2570 จะมีการเลือกตั้ง
    จึงเป็นช่วงจังหวะที่ดีที่กระแสเหล่าพรรคการเมืองตกต่ำ
    จึงเป็นโอกาสตั้งพรรคการเมืองของเรา ซึ่งไม่ใช่ความต้องการส่วนตัว “อยากดัง” เลิกมองแบบนี้ได้เลย คำๆนี้ เป็นคำ”บอนไซ อนาคตประเทศ”
    เราต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศ ต้องมีพรรค “เป็นกองหน้า” พรรคหนึ่งชื่อว่า พรรคการเมืองใหม่หรือพรรคการเมืองยุคใหม่ โดยมีนโยบายรูปธรรมเป็นเป้าหมาย
    การลงสมัครพรรคการเมือง (จึงมีสิทธิ์ลงเลือกตั้ง)
    การลงเลือกตั้ง(จีงจะมีสิทธิคว้าอำนาจทางการเมืองมันเป็นกติกาของบ้านเมือง) ความคิดจึงจะเป็นจริง

    การเคลื่อนไหว “ (หมอเขียว คปท. คณะรวมพลังแผ่นดิน พันธมิตร )สร้างความตื่นตัวของประชาชน
    คือ รูปการที่1 ส่วน (การตั้งพรรคการเมือง) เพื่อมุ่งสู่ยึดอำนาจรัฐ ด้วยรูปแบบตามกติกา “เลือกตั้ง”คือรูปการที่2 ทั้งสองรูปการต้องเดินคู่ขนานกันไป



    a------------------------------------

    ประเทศเนปาล ปัญหาเปราะบางของเขา คือ มีความเหลื่อมล้ำสูง จากการคอรัปชั่นของนักการเมือง คือการลงถนน 20 กว่าปี ของเขาต้องการเปลี่ยนแปลง อันดับแรกก็คือ “กษัตริย์” ที่ปกครองอยู่ ลงถนนกดดันขับไล่ จนกษัตริย์ลาออก ฝูงชนดีใจร้องรำทำเพลงกันเต็มท้องถนนที่จะได้ “ระบอบประชาธิปไตย”กันแล้ว จึงได้ “นักการเมือง -ส.ส.” มา ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าครองอำนาจ ใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย ก็แก้ความเหลื่อมล้ำไม่ได้ ด้วยเนปาลพื้นที่ทำเกษตรเป็นป่าเขาเยอะจึงดึงพรรคคอมมิวนิสต์เข้ามา ทั้งเหมาอีดส์ และมาร์กซ์ ทำสงครามรบ ร่วม10ปี มีตายและบาดเจ็บ นายกรัฐมนตรีขณะนั้นลงจับมือกับหัวหน้าพรรคฯออกกฎหมาย “พรรคคอมมิวต์ถูกต้องตามกฎหมาย สมัครเป็นพรรคการเมืองได้ จึงทำให้ประชาชนพากันผิดหวังกันไป ซึ่งปัญหาความเหลื่อมล้ำก็ไม่ได้รับการแก้ไข ขณะเดียวกันก็อัญเชิญกษัตรย์องค์เดิมมาปกครองต่อ อีกทั้งเห็นลูกหลานนักการเมืองใช้ชีวิตหรูหราใส่ชุดแบนด์หรู ออกสื่อโชว์ความสุขสำราญของพวกเขา ประจวบกับเหล่านักการเมืองในสภาผ่านเพิ่มเงินเดือนให้กันเอง ออกภาพสื่อร้องรำเต้นด้วยความดีใจกัน มีการคุมวัยเจนชีไม่ให้เข้าถึง แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ เท่านั้นแหละ การเคลื่อนไหวลงถนนลุกลามไปใหญ่ ถึงแม้ ประกดาศยกเลิกการห้ามดูเน็ตก็เอาไม่อยู่ มีการเผาสภา เผาสถานที่ราชการ เผาบ้านนายกรัฐมนตรี ต่างๆ ไล่ทำร้ายรัฐมนตรีคลัง หนีลงน้ำยังถูกตามไล่ทำร้าย จนทหารออกมาระงับสถานการณ์ แต่เอาไม่อยู่ จนนายพลทับบกต้องออกมาเอง ขอคุยกับผู้นำกลุ่มเจนซี
    ตกลงจะมอบให้“สุศิลา คาร์กี”อดีตประธานศาลฎีกาเนปาล เป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการของเนปาล
    จัดให้การเลือกตั้งภายใน 6 เดือน (หลังเลือกตั้งเนปาลก็ยังคงเหมือนเดิม) พรรคการเมืองใหญ่8พรรคยังคงอยู่ : พรรคการเมืองหลัก 8 พรรคของเนปาล รวมถึง พรรคคองเกรสเนปาล (Nepali Congress) พรรคคอมมิวนิสต์เนปาล (รวมลัทธิมาร์กซ์-เลนินิสต์) (CPN-UML) และพรรคคอมมิวนิสต์เนปาล (ลัทธิเหมา) เนปาลจะไม่มีทางเปลี่ยนโฉมได้เลย
    สาเหตุเพราะ ขาดพรรคนำ ขาดเข็มทิศโครงสร้างสังคมเป็นเป้าหมาย ขาดพลังมวลชนที่ตื่นตัวทางทฤษฎี










    โครงสร้างสังคมยุคใหม่ 2-10-68 …ภายใต้ระบอบพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข 2/10/68  ภาระหน้าที่ของรัฐ : หนุนช่วยภาคประชาชนและสร้างอาชีพให้กับประชาชน หมดปัญหาความเหลื่อมล้ำ - หมดปัญหาคนยากไร้  ทั้งนี้เพื่อไม่เกิดปัญหาสังคมที่ครอบครัวแย่งชิงทรัพย์สมบัติกันเมื่อลูกหลานเติบโตขึ้น สายใยความรักแห่งครอบครัวและเครือญาติก็จะมั่นคงยั่งยืนและสุขใจ  ปัญหาความขัดแย้งลูกจ้าง-นายจ้างก็จะหมดไป  ปัญหาความโลภความเห็นแก่ตัวของนักการเมืองและส.ส.ก็จะสลายไป  การเรียน เรียนที่ใจชอบ ที่ไม่ชอบไม่ต้องเสียเวลาเรียน จบแล้วให้อาชีพทำเลย (มีระบบทดสอบความชอบตั้งแต่เตรียมอนุบาล รู้ชัดแล้วแววชอบและทักษะไปทางใหนก็เสริมวิชาไปทางนั้น จัดให้เลย)  การค้ายาเสบติด และ คอร์รัปชั่น โทษติดคุกและถึงขั้นประหารชีวิต ต้องเฉียบขาด 1. ก่อนอื่น ลดค่าครองชีพประชาชน สร้างกำลังซื้อ สร้างภาวะหมุนเวียน - บ้านพักฟรี สถานที่ประกอบอาชีพฟรี การศึกษาฟรี - สนองเครื่องประกอบอาชีพฟรี เป็นรายบุคคล - สนองเครื่องประกอบอาชีพฟรี เครื่องมือพัฒนาจัดให้เลย เป็นคณะ นำโดยผู้นำ กรณีเกษตร ควรเป็นคณะ-ควรเป็นชุมชน ที่ดินจะได้ผืนใหญ่ ง่ายต่อเครื่องจักรใหญ่ การเป็นชุมชนการแปรพืชผลเกตรได้หลากหลาย (อาจต้องเสริมผู้จบหลักสูตรทำอาหารและชนม) ซึ่งนำโดยผู้นำและผู้บริหาร -สนองเครื่องเทคโนโลยี-ไฮเทค หุ้นส่วน+ภาครัฐ นำโดยผู้นำและผู้บริหาร  ภาคประชาชน หนุนช่วยรัฐ : 1.เมื่อปัจจัยพื้นฐานต่างๆในการประกอบอาชีพ ภาครัฐนั้นสนองให้ทั้งหมดแล้ว ส่วนภาคประชาชน การหนุนช่วยต่อภาครัฐ นั้น คือ ภาระหน้าที่ เสียภาษีแก่รัฐ (เพื่อรัฐจะได้ช่วยด้านต่างๆได้มากขึ้น) กิจการเล็ก-ใหญ่ล้วนต้องเสียภาษีตามรายได้-ตามยอดขาย โดยผ่านระบบคิวอาร์โค้ต เพื่อให้เงินภาษีไหลเวียนสู่การคลังได้ทันที เพื่อให้ภาครัฐมีกำลังเงินคล่องตัวหมุนเวียน # อุทิศเพื่อสังคม : หนุนช่วยภาครัฐในด้านต่างๆ # สนับสนุนหนุนช่วยต่อชนรุ่นใหม่ อาชีพเกิดใหม่ *คำขวัญ คือ ช่วยชาติ ช่วยรัฐ ช่วยคนรุ่นใหม่- สิ่งเกิดใหม่! 2.ธุรกิจประเภท “เก็งกำไร” จะต้องไม่ให้มี ในประเทศไทย (อย่าเหมือนจีนที่ประสพปัญหาเช่น วิกฤติอสังหาฯ และการศึกษาเอกชน(การเรียนแข่งกันสูงและแพง) เป็นภาระค่าใช้จ่ายสูงมาก ทำให้คนหนุ่มสาวไม่ยอมแต่งงาน ถ้าจะแต่งก็ไม่ยอมมีลูก เป็นผลให้ประชากรประเทศลดลง (ไม่สน ที่รัฐบาลมี นโยบายให้มีลูกสามคน – จากหนึ่งคน) *ประเทศไทย ต้องไม่มี ธุรกิจประเภท “เก็งกำไร” เช่น - ธุรกิจอสังหาฯ - ธุรกิจซื้อขายที่ดิน -ธุรกิจตลาดหลักทรัพย์ -ธุรกิจปล่อยกู้ -ธุรกิจการธนาคารเอกชน (ยกเว้นภาครัฐ่) -ธุรกิจการศึกษาเอกชนทั้งปวง • นับตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงมหาวิทยาลัยเอกชน อีกทั้ง มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ: รวมทั้งสอนพิเศษ (เป็นหน้าที่โดยรัฐ่เท่านั้น) 2.1 ธุรกิจอสังหา ธุรกิจธนาคารเอกชน ธุรกิจปล่อยกู้ พักหนี้ทั้งหมด 3 ปี ภาครัฐจะชดเชยให้แทน หมายเหตุ โครงสร้างสังคมยุคใหม่ ที่เขียนมานี้ เป็นเพียง ”รูปแบบโครงสร้างสังคมตัวอย่าง” จึงต้อง ช่วยกันคิด ช่วยกันเขียนให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพื่อเป็นเข็มทิศรูปธรรมแก่สังคม เป็นเป้าหมายให้มุ่งไป - ซึ่งการเคลื่อนไหวนั้น - ต้องมีเข็มทิศรูปธรรมเพื่อเป็นเป้าหมายนำพา และเป็นเป้าหมายของการตั้งพรรคของเราด้วย - คือต้อง “มีสามสิ่งนี้พร้อม!” ประเทศไทยเปลี่ยน! - 1.พลังของประชาชน (หมอเขียว คปท. คณะรวมพลังแผ่นดิน พันธมิตร=ต่างมีความพร้อม) สิ่งที่1นี้พร้อม - 2.เข็มทิศเป้าหมายรูปธรรม (รูปแบบโครงสร้างสังคมยุคใหม่ที่ตกผลึกกันแล้ว) สิ่งที่2นี้พร้อม - 3. โฉมหน้า “พรรคการเมืองใหม่หรือยุคใหม่นี้” ตั้งพรรคสำเร็จ คือ สิ่งที่3นี้พร้อม - อาวุธวิเศษสามสิ่งนี้ จะขาด จะหย่อนสิ่งใดไม่ได้ – การเลือกตั้งปี70ครั้งนี้(ช่วง28มิย.2570} ต้องตั้ง “พรรคการเมืองใหม่หรือยุคใหม่”เกิดขึ้นและ ชนะเลือกตั้ง ให้มีทุกจังหวัด ทุกอำเภอ A--------------------------------------------- (คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ : ที่สำคัญ “การเลือกตั้ง”เป็นกระบวนการสำคัญในการปกครองระบอบประชาธิปไตยทางผู้แทน เพื่อกำหนดว่าใครจะเป็นผู้เข้าไปดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อใช้อำนาจอธิปไตยแทนประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตามวิถีทางแห่งประชาธิปไตย อาจกล่าวได้ว่าหากการปกครองใดไม่มีการเลือกตั้งย่อมไม่ใช่การปกครองระบอบประชาธิปไตย ประเทศไทยจึงเกิดภาวการณ์ ส.ส.และ นักการเมืองใช้หลากกลวิธีสกปรกแย่งชิงกันเพื่อเอาชนะเลือกตั้ง เพื่อมีสิทธิ์เข้าไปดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อยึดอำนาจอธิปไตยที่ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตามวิถีทางแห่งประชาธิปไตยของบ้านเมือง เพื่อยึดอำนาจ เพื่อเข้ากอบโกย จึงเป็นกติกาประเทศ ผู้ใดพรรคใดชนะเลือกตั้งก็มีสิทธ์มีอำนาจปกครองประเทศแทนประชาชน เจ้าของประเทศ a-------------------------------------- พอดีช่วง28มิย.2570 จะมีการเลือกตั้ง จึงเป็นช่วงจังหวะที่ดีที่กระแสเหล่าพรรคการเมืองตกต่ำ จึงเป็นโอกาสตั้งพรรคการเมืองของเรา ซึ่งไม่ใช่ความต้องการส่วนตัว “อยากดัง” เลิกมองแบบนี้ได้เลย คำๆนี้ เป็นคำ”บอนไซ อนาคตประเทศ” เราต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศ ต้องมีพรรค “เป็นกองหน้า” พรรคหนึ่งชื่อว่า พรรคการเมืองใหม่หรือพรรคการเมืองยุคใหม่ โดยมีนโยบายรูปธรรมเป็นเป้าหมาย การลงสมัครพรรคการเมือง (จึงมีสิทธิ์ลงเลือกตั้ง) การลงเลือกตั้ง(จีงจะมีสิทธิคว้าอำนาจทางการเมืองมันเป็นกติกาของบ้านเมือง) ความคิดจึงจะเป็นจริง การเคลื่อนไหว “ (หมอเขียว คปท. คณะรวมพลังแผ่นดิน พันธมิตร )สร้างความตื่นตัวของประชาชน คือ รูปการที่1 ส่วน (การตั้งพรรคการเมือง) เพื่อมุ่งสู่ยึดอำนาจรัฐ ด้วยรูปแบบตามกติกา “เลือกตั้ง”คือรูปการที่2 ทั้งสองรูปการต้องเดินคู่ขนานกันไป a------------------------------------ ประเทศเนปาล ปัญหาเปราะบางของเขา คือ มีความเหลื่อมล้ำสูง จากการคอรัปชั่นของนักการเมือง คือการลงถนน 20 กว่าปี ของเขาต้องการเปลี่ยนแปลง อันดับแรกก็คือ “กษัตริย์” ที่ปกครองอยู่ ลงถนนกดดันขับไล่ จนกษัตริย์ลาออก ฝูงชนดีใจร้องรำทำเพลงกันเต็มท้องถนนที่จะได้ “ระบอบประชาธิปไตย”กันแล้ว จึงได้ “นักการเมือง -ส.ส.” มา ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าครองอำนาจ ใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย ก็แก้ความเหลื่อมล้ำไม่ได้ ด้วยเนปาลพื้นที่ทำเกษตรเป็นป่าเขาเยอะจึงดึงพรรคคอมมิวนิสต์เข้ามา ทั้งเหมาอีดส์ และมาร์กซ์ ทำสงครามรบ ร่วม10ปี มีตายและบาดเจ็บ นายกรัฐมนตรีขณะนั้นลงจับมือกับหัวหน้าพรรคฯออกกฎหมาย “พรรคคอมมิวต์ถูกต้องตามกฎหมาย สมัครเป็นพรรคการเมืองได้ จึงทำให้ประชาชนพากันผิดหวังกันไป ซึ่งปัญหาความเหลื่อมล้ำก็ไม่ได้รับการแก้ไข ขณะเดียวกันก็อัญเชิญกษัตรย์องค์เดิมมาปกครองต่อ อีกทั้งเห็นลูกหลานนักการเมืองใช้ชีวิตหรูหราใส่ชุดแบนด์หรู ออกสื่อโชว์ความสุขสำราญของพวกเขา ประจวบกับเหล่านักการเมืองในสภาผ่านเพิ่มเงินเดือนให้กันเอง ออกภาพสื่อร้องรำเต้นด้วยความดีใจกัน มีการคุมวัยเจนชีไม่ให้เข้าถึง แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ เท่านั้นแหละ การเคลื่อนไหวลงถนนลุกลามไปใหญ่ ถึงแม้ ประกดาศยกเลิกการห้ามดูเน็ตก็เอาไม่อยู่ มีการเผาสภา เผาสถานที่ราชการ เผาบ้านนายกรัฐมนตรี ต่างๆ ไล่ทำร้ายรัฐมนตรีคลัง หนีลงน้ำยังถูกตามไล่ทำร้าย จนทหารออกมาระงับสถานการณ์ แต่เอาไม่อยู่ จนนายพลทับบกต้องออกมาเอง ขอคุยกับผู้นำกลุ่มเจนซี ตกลงจะมอบให้“สุศิลา คาร์กี”อดีตประธานศาลฎีกาเนปาล เป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการของเนปาล จัดให้การเลือกตั้งภายใน 6 เดือน (หลังเลือกตั้งเนปาลก็ยังคงเหมือนเดิม) พรรคการเมืองใหญ่8พรรคยังคงอยู่ : พรรคการเมืองหลัก 8 พรรคของเนปาล รวมถึง พรรคคองเกรสเนปาล (Nepali Congress) พรรคคอมมิวนิสต์เนปาล (รวมลัทธิมาร์กซ์-เลนินิสต์) (CPN-UML) และพรรคคอมมิวนิสต์เนปาล (ลัทธิเหมา) เนปาลจะไม่มีทางเปลี่ยนโฉมได้เลย สาเหตุเพราะ ขาดพรรคนำ ขาดเข็มทิศโครงสร้างสังคมเป็นเป้าหมาย ขาดพลังมวลชนที่ตื่นตัวทางทฤษฎี
    0 Comments 0 Shares 96 Views 0 Reviews
  • อดีตผู้ใหญ่บ้านชายแดนสุรินทร์ ยัน “ปราสาทคนา” หรือ ปราสาทหนองคันนา อยู่บนสันปันน้ำแผ่นดินไทย แฉเบื้องหลังก่อนสู้รบชายแดนครั้งใหญ่ปี 54 ชาวบ้านไปหาของป่าและเข้าไปเที่ยวได้ จากนั้นเข้าไปไม่ได้อีก ซ้ำทหารเขมรสร้างบันไดไม้กว่า 1พันขั้นปีนหน้าผาขึ้นมา ตั้งฐานทหารแอบยึดครอบครองแผ่นดินไทยและห้ามทหารไทยเข้า จี้ผลักดันเขมรออกไป

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000094807

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    อดีตผู้ใหญ่บ้านชายแดนสุรินทร์ ยัน “ปราสาทคนา” หรือ ปราสาทหนองคันนา อยู่บนสันปันน้ำแผ่นดินไทย แฉเบื้องหลังก่อนสู้รบชายแดนครั้งใหญ่ปี 54 ชาวบ้านไปหาของป่าและเข้าไปเที่ยวได้ จากนั้นเข้าไปไม่ได้อีก ซ้ำทหารเขมรสร้างบันไดไม้กว่า 1พันขั้นปีนหน้าผาขึ้นมา ตั้งฐานทหารแอบยึดครอบครองแผ่นดินไทยและห้ามทหารไทยเข้า จี้ผลักดันเขมรออกไป อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000094807 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 183 Views 0 Reviews
  • ส่วนตัว สมควรสร้างรั้วกำแพงลวดหนามแบบจีนกั้นกับเวียดหนามเลย หนา สูง คนเวียดนามจะข้ามไปจีนจะลำบาก เอาไม้ เอาบันไดลิงพาดกำแพงรั้วลวดหนามไม่ง่ายหรือต่ออะไรให้สูงกระโดดข้ามมาหรือหย่อนบันไดลิงมาอีกด้านฝั่งเราก็ไม่ง่าย,หากทำต่ำๆไม่สูงอะไรแบบรั้วปกติของไทบ้านประชาชนคนไทย มันแอบลักลอบ แอบโยน แอบยื่นอะไรให้กันก็ง่ายเหมือนเดิม, สร้างแบบ2ใน3ของกำแพงคุกขังนักโทษยิ่งดี ไม่สิ้นเปลืองงบประมาณมากหรอก,ตัดงบเบี้ยประชุมเบี้ยต่างๆเบิกน้ำมันเบิกอะไรของข้าราชการทั่วประเทศออกก็มีตังเหลือกว่า10,000ล้านบาทแล้วต่อเดือน,ตัดชัตดาวน์เงินประจำตำแหน่งของข้าราชการทั้งหมดทั่วประเทศไทยสัก1ปีแบบวิจัยทดลองดู ให้แต่เงินเดือนข้าราชการเท่านั้นบวกเพิ่มอีก1%ของเงินเดือนปกติก็พอ,เราจะมีเงินไว้สร้างกำแพงถาวรรั้วลวดหนามอย่างดีกว่า30,000ล้านบาทต่อเดือนโน้นเลย.

    ..จริงๆแบบ รูปแบบ การออกแบบรั้วลวดหนามสมควรเผยแผ่ออกสู่ประชาชนได้แล้วว่าเป็นแบบใด,ยิ่งให้ประชาชนลงประชามติเลือกแบบลวดหนามด้วยกันออนไลน์ทางเน็ตทางเว็บทางแอปแบบแอปเป๋าตังผ่านตู้ธนาคารแบบยืนยันตัวตนยิ่งจะดีมาก,1บัตรประชาชนต่อ1กดปุ่มตัวเลือกแบบรั้วลวดหนาม,ไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย,ยิ่งทางเว็บของทหารเอง ให้คนไทยมีส่วนร่วมยิ่งดี บอกราคารั้วลวดหนามต่อกม.ให้ชัดเจนด้วย,เช่นแบบนี้เกรดAกม.ละ10ล้าน เกรดBกม.ละ5ล้าน เกรดCกม.ละ2ล้าน เกรดDไทบ้านกม.ละ1ล้าน หรือ1เมตร1,000บาทนั้นเอง.,เรามีแนวจะสร้างเกือบ900กม.ก็สูงสุดที่9,000ล้านบาทถือว่าคุ้มครองชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเราที่ติดแนวพรมแดนไทยกับเขมรทั้งหมดทันที ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินชัดเจนด้วย ไม่ต้องกังวลภัยอันตรายใดๆที่คนเขมร ทหารเขมรจะเข้ามาง่ายๆผ่านช่องทางธรรมชาติก่อนสร้างรั้วอีก,จากนั้นให้ทหารกำหนดห้ามมีประชาชนคนใดครอบครองที่ดินติดกำแพงเป็นฟรีเพื่อเป็นพื้นที่ลาดตะเวนตลอดแนวกำแพงรั้วลวดหนามห่างจากกำแพงรั้วลวดหนามฝั่งไทยคือ50เมตร. ทหารเราสามารถทำถนนไว้ลาดตะเวนติดรั้วลวดหนามเสริมกำลังและเข้าปฏิบัติการรักษาความสงบต่างๆใดๆได้ง่าย,ประชาชนคนไทยใดหมายทำอะไรใดๆไม่ดีก็เข้าพื้นที่เขตหวงห้ามนี้ลำบาก,โดยทหารจะสร้างแนวรั้วกั้นประชาชนแบบไทบ้านๆอีกชั้น,ถ้ามีประชาชนเข้าเขตเดทโซนนี้แสดงว่าคือพวกไม่ดีหมายติดต่อกระทำชั่วกับอีกฝั่งทันที,กล้องเราตรวจจับแม้ทันทีได้ แต่มันก็แค่กล้องไม่สามารถหยุดธุรกรรมกิจกรรมมันทันทีขณะนั้นได้ แม้ตามจับได้ในฝั่งไทยเราแต่เนื้องานทางส่งของให้คนร้ายมันทำสำเร็จกับอีกฝั่งแล้วนั้นเองไม่คุ้มค่ากับผลเสียที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีก.ถ้าอดีตอาจคือตัวจุดฉนวนระเบิดหรือขีปนาวุธเป็นต้นที่ไม่มีล้ำๆแบบปัจจุบันต้องส่งของส่งอะไหล่แบบสมัยๆเก่าๆในอดีตนั้น.,และมีนัยยะที่ดีมากมายต่อทางจิตใจคนติดชายแดนติดเขมรด้วย,สิ้นเปลืองแบบนี้ถือว่าคุ้มค่าและจ่ายครั้งเดียวจบแค่ซ่อมบำรุงรายปีเท่านั้นเอง.,
    ..ปัจจุบันประชาชนไม่เห็นแบบของทหารอะไรเลย,สูง มั่นคงหรือแบบเวียดนามกั้นเขมรมั้ย หรือแบบจีน กั้นเวียดนามมั้ย,หากเราไปลอกเลียนแบบรั้วลวดหนามแบบเมืองผู้ดีชาติตะวันตกบอกเลยแบบนั้นกาก,กระจอก,กับคนสันดานนิสัยเขมรต้องเด็ดขาดสไตล์รั้วแบบเวียดนามหรือแบบจีน จึงเหมาะสมแก่คนสันดานนิสัยแบบเขมร หัวสมองพวกลิ้น2แฉกมันต้องเจอแบบนี้,นี้ไม่รวมที่มันอาจขุดรูใต้ดินใต้กำแพงรั้วลวดหนามเข้าไทยอีกนะ กล้องฝันไปเลยจะเห็นมัน,ระยะฟรี50เมตรจึงพอดี ไม่กินเนื้อที่ที่ดินประชาชนด้วย,ประชาชนยินยอมยกที่ดินฟรีๆให้กองทัพให้ทหารแน่นอนเพราะมันคือความมั่นคงทางอธิปไตยไทยเราทั้งประเทศด้วย.,เราจึงต้องมีเครื่องมือสแกนสิ่งผิดปกติใต้พื้นดินด้วย แบบโพร่งแบบรูใต้เส้นทางถนนตลอดแนวขนานรั้วกำแพงลวดหนามของเรา,ในเขตพื้นที่รับผิดชอบต้องใช้เครื่องสแกนทุกๆเดือนใต้ถนนหนทางเราว่ามันขุดรูขุดอุโมงค์รอดมาด้วยมั้ยเช่นกัน.

    https://youtube.com/watch?v=sJTo0hhGfnA&si=hARi7QFm0aKjk7dL
    ส่วนตัว สมควรสร้างรั้วกำแพงลวดหนามแบบจีนกั้นกับเวียดหนามเลย หนา สูง คนเวียดนามจะข้ามไปจีนจะลำบาก เอาไม้ เอาบันไดลิงพาดกำแพงรั้วลวดหนามไม่ง่ายหรือต่ออะไรให้สูงกระโดดข้ามมาหรือหย่อนบันไดลิงมาอีกด้านฝั่งเราก็ไม่ง่าย,หากทำต่ำๆไม่สูงอะไรแบบรั้วปกติของไทบ้านประชาชนคนไทย มันแอบลักลอบ แอบโยน แอบยื่นอะไรให้กันก็ง่ายเหมือนเดิม, สร้างแบบ2ใน3ของกำแพงคุกขังนักโทษยิ่งดี ไม่สิ้นเปลืองงบประมาณมากหรอก,ตัดงบเบี้ยประชุมเบี้ยต่างๆเบิกน้ำมันเบิกอะไรของข้าราชการทั่วประเทศออกก็มีตังเหลือกว่า10,000ล้านบาทแล้วต่อเดือน,ตัดชัตดาวน์เงินประจำตำแหน่งของข้าราชการทั้งหมดทั่วประเทศไทยสัก1ปีแบบวิจัยทดลองดู ให้แต่เงินเดือนข้าราชการเท่านั้นบวกเพิ่มอีก1%ของเงินเดือนปกติก็พอ,เราจะมีเงินไว้สร้างกำแพงถาวรรั้วลวดหนามอย่างดีกว่า30,000ล้านบาทต่อเดือนโน้นเลย. ..จริงๆแบบ รูปแบบ การออกแบบรั้วลวดหนามสมควรเผยแผ่ออกสู่ประชาชนได้แล้วว่าเป็นแบบใด,ยิ่งให้ประชาชนลงประชามติเลือกแบบลวดหนามด้วยกันออนไลน์ทางเน็ตทางเว็บทางแอปแบบแอปเป๋าตังผ่านตู้ธนาคารแบบยืนยันตัวตนยิ่งจะดีมาก,1บัตรประชาชนต่อ1กดปุ่มตัวเลือกแบบรั้วลวดหนาม,ไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย,ยิ่งทางเว็บของทหารเอง ให้คนไทยมีส่วนร่วมยิ่งดี บอกราคารั้วลวดหนามต่อกม.ให้ชัดเจนด้วย,เช่นแบบนี้เกรดAกม.ละ10ล้าน เกรดBกม.ละ5ล้าน เกรดCกม.ละ2ล้าน เกรดDไทบ้านกม.ละ1ล้าน หรือ1เมตร1,000บาทนั้นเอง.,เรามีแนวจะสร้างเกือบ900กม.ก็สูงสุดที่9,000ล้านบาทถือว่าคุ้มครองชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเราที่ติดแนวพรมแดนไทยกับเขมรทั้งหมดทันที ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินชัดเจนด้วย ไม่ต้องกังวลภัยอันตรายใดๆที่คนเขมร ทหารเขมรจะเข้ามาง่ายๆผ่านช่องทางธรรมชาติก่อนสร้างรั้วอีก,จากนั้นให้ทหารกำหนดห้ามมีประชาชนคนใดครอบครองที่ดินติดกำแพงเป็นฟรีเพื่อเป็นพื้นที่ลาดตะเวนตลอดแนวกำแพงรั้วลวดหนามห่างจากกำแพงรั้วลวดหนามฝั่งไทยคือ50เมตร. ทหารเราสามารถทำถนนไว้ลาดตะเวนติดรั้วลวดหนามเสริมกำลังและเข้าปฏิบัติการรักษาความสงบต่างๆใดๆได้ง่าย,ประชาชนคนไทยใดหมายทำอะไรใดๆไม่ดีก็เข้าพื้นที่เขตหวงห้ามนี้ลำบาก,โดยทหารจะสร้างแนวรั้วกั้นประชาชนแบบไทบ้านๆอีกชั้น,ถ้ามีประชาชนเข้าเขตเดทโซนนี้แสดงว่าคือพวกไม่ดีหมายติดต่อกระทำชั่วกับอีกฝั่งทันที,กล้องเราตรวจจับแม้ทันทีได้ แต่มันก็แค่กล้องไม่สามารถหยุดธุรกรรมกิจกรรมมันทันทีขณะนั้นได้ แม้ตามจับได้ในฝั่งไทยเราแต่เนื้องานทางส่งของให้คนร้ายมันทำสำเร็จกับอีกฝั่งแล้วนั้นเองไม่คุ้มค่ากับผลเสียที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีก.ถ้าอดีตอาจคือตัวจุดฉนวนระเบิดหรือขีปนาวุธเป็นต้นที่ไม่มีล้ำๆแบบปัจจุบันต้องส่งของส่งอะไหล่แบบสมัยๆเก่าๆในอดีตนั้น.,และมีนัยยะที่ดีมากมายต่อทางจิตใจคนติดชายแดนติดเขมรด้วย,สิ้นเปลืองแบบนี้ถือว่าคุ้มค่าและจ่ายครั้งเดียวจบแค่ซ่อมบำรุงรายปีเท่านั้นเอง., ..ปัจจุบันประชาชนไม่เห็นแบบของทหารอะไรเลย,สูง มั่นคงหรือแบบเวียดนามกั้นเขมรมั้ย หรือแบบจีน กั้นเวียดนามมั้ย,หากเราไปลอกเลียนแบบรั้วลวดหนามแบบเมืองผู้ดีชาติตะวันตกบอกเลยแบบนั้นกาก,กระจอก,กับคนสันดานนิสัยเขมรต้องเด็ดขาดสไตล์รั้วแบบเวียดนามหรือแบบจีน จึงเหมาะสมแก่คนสันดานนิสัยแบบเขมร หัวสมองพวกลิ้น2แฉกมันต้องเจอแบบนี้,นี้ไม่รวมที่มันอาจขุดรูใต้ดินใต้กำแพงรั้วลวดหนามเข้าไทยอีกนะ กล้องฝันไปเลยจะเห็นมัน,ระยะฟรี50เมตรจึงพอดี ไม่กินเนื้อที่ที่ดินประชาชนด้วย,ประชาชนยินยอมยกที่ดินฟรีๆให้กองทัพให้ทหารแน่นอนเพราะมันคือความมั่นคงทางอธิปไตยไทยเราทั้งประเทศด้วย.,เราจึงต้องมีเครื่องมือสแกนสิ่งผิดปกติใต้พื้นดินด้วย แบบโพร่งแบบรูใต้เส้นทางถนนตลอดแนวขนานรั้วกำแพงลวดหนามของเรา,ในเขตพื้นที่รับผิดชอบต้องใช้เครื่องสแกนทุกๆเดือนใต้ถนนหนทางเราว่ามันขุดรูขุดอุโมงค์รอดมาด้วยมั้ยเช่นกัน. https://youtube.com/watch?v=sJTo0hhGfnA&si=hARi7QFm0aKjk7dL
    0 Comments 0 Shares 86 Views 0 Reviews
  • วงการเซียนพระ,เช่าพระ ขายพระนี้บาปมั้ยนะ,บางคนก็ว่าไม่บาป,บางคนก็ว่าบาป,ขายพระกิน ,เช่าพระกิน,คนขายบาป,ชาวบ้านขายพระบาป,เปลี่ยนวาทะวลีจากขายเป็นเช่าแทน,ขุดไป่ว่าดูเจตนาอีก,สรุปก็เอาเงินนี้ล่ะแลกเปลี่ยนเป็นพระเป็นเงินกัน,สมมุติโลก สมมุติโลกแท้ๆ,ชาวบ้านขายพระกินก็ว่าบาป,จะยากจน ไม่รุ่งเรืองในชีวิตนะ,ตกนรกโน้น,แต่เซียนพระแต่ละคนร่ำรวยโคตรๆเป็นว่าเล่น,การฟอกเงินที่ดีก็วัตถุโบราณแบบพระนี้ก็ด้วยอีกนะ.,ไปแตะต้องเรื่องพระเดี๋ยวก็ว่าบาปอีก,เหรียญพระรุ่นต่างๆมีอนุภาพอนุภาคพลังงานนะพะนะ,,พระท่านผลิตแล้วแจกฟรีแก่ญาติโยมเอาไปบูชา บางองค์ก็มีวัตถุประสงค์สร้างวัดสร้างนั้นสร้างนี้ในวัด,อะไรวนกับพระกับเจ้า นรกอีกขาข้างหนึ่งก็ว่า,สายมืดก็ว่าวิธีกดขี่เจตจำนงควบคุมมนุษย์จะศาสนาใดๆให้หวาดกลัวในกฎกติการะเบียบหรือตำนานไว้ก่อน,
    ..สายที่ตายแล้วฟื้นก็อ้างว่าบาปจริง,แต่เซียนพระตัวพ่อเลยในการค้าพระเครื่องล่ะร่ำรวยโคตรๆสายเล่นเช่าเล่นขายเปลี่ยนมือพระเลยนะ,สัมมาอาชีพทางโลกีย์เลยก็ว่า.บางพวกปั่นราคาพระจนเจ้ามือหรือพวกมีพระตุนไว้จนร่ำรวยโคตรๆก็ว่า,ยิ่งเก่ายิ่งเยี่ยม ยิ่งขลังยิ่งมีราคา,
    ..ทางใครทางมัน ชอบของใครของมันจริงๆ ไทบ้านนะจะขายสักทีหวาดกลัวต่อบาปมาก อย่างดีคือให้ลูกให้หลานสืบทอดรับกันไปมิบาป,คนซื้อก็เจตนาดี อยากได้จึงซื้อเช่าไปด้วยราคาตามตกลง,สินน้ำใจบาลีความเรียกมิผิดพะนะ,แต่รวมๆก็ตังใส่มือเต็มๆ ของมาตังไปนั้นเอง,
    ..ผู้เฒ่าผู้แก่สมัยก่อน พระจะดีขนาดไหน ท่านไม่ขายเลยไม่ให้ใครเช่าด้วย จะให้เป็นทานจาคะอย่างเดียว ให้ลูกให้หลานเก็บไว้บูชาเอา ไม่ให้เอาตังมาเป็นมลทินใดๆแก่พระ,1บาทก็ไม่เอา ให้ฟรีๆเลย ถ้าเซียนพระเล่นกันก็กว่า10ล้านอัพโน้น.,ปัจจุบันอะไรกันเลอะเทอะมาก ปลอมอีกสาระพัดเซียน,ปั่นราคาเป็นว่าเล่น.,หายากพะนะ.คนซื้อจน คนขายพระร่ำรวย เซียนพระร่ำรวยทุกๆคน.,ไม่บาปด้วย มุกตลกพะนะ,ไม่บาปหรอก มันใช้หลอกเด็กพะนะ.,ให้กูฟรีๆเลยผู้เฒ่าไทบ้าน สุดท้ายขายพระเช่าพระกำไรเป็นล้านๆ สิบล้านอัพ,ซื้อ10ล้าน ขาย20ล้านก็ไหวพะนะ.เพราะเหรียญพระเครื่องไทยมันสุดยอด,อยู่กับใครก็ปังไม่มีเสื่อมฤทธิ์หากมีบุญเช่าได้ซื้อได้พะนะ,ของแท้หากชาวบ้านไทบ้านจะซื้อจะขายโคตรกลัวบาปสุดๆ,แต่อยู่กับเซียนพระที่ตัวพ่อซื้อขายของแท้ บาปขี่ช้างจับหนอนที่ไหนโน้นมันว่า ร่ำรวยบนเหรียญพระเครื่องแท้ล่ะ,เสริมร่ำรวยไปอีก ธุรกรรมการซื้อขายพระเช่าพระ มองๆดูเลยไม่บาปอะไรเลยในทางโลก,ดูเจตนาอีกโน้นล่ะ.
    ..หาพระมาขาย หาพระไปขาย ไปเช่ามันผิดตรงไหนพะนะ.,บางคนอยู่กับตัวก็ตกต่ำ บางคนไม่มีอยู่กับตัวก็พ้นตกต่ำ,บางคนอยู่กับตัวเองก็เจริญรุ่งโรจน์ บางคนมีอยู่กับตัวเองก็ลงคลองอัพเจริญ.
    ..สรุปเอาที่สบายใจ ฟรีสไตล์คือไทยแลนด์เรา.,ไม่ยึดติดคือไทยแท้.

    ..วงการพระเครื่องและของพวกวัตถุโบราณของเก่าคือมุกของอาชญากรรมใช้ฟอกเงิน ถ่ายเทเงิน ปกปิดแหล่งที่มาที่เป็นของเงินคนซื้อคนขายได้ดีที่สุด,หรืออีกวงการหนึ่งที่ฟอกเงินได้ง่ายกว่า ปั่นคริปโตฯบิตคอยน์อีก ขุดไม่ลำบากแบบbtcด้วย,อ้างพอใจซื้อพอใจขายทั้งสองฝ่ายก็จบ.,แก๊งในเขมรจะฟอกตังจากแบบพวกสแกมเมอร์ในเขมร นอกจากทองคำ อสังหาริมทรัพย์ วัตถุโบราณและพระเครื่องคือแหล่งฟอกตังที่ดีมากเช่นกัน นอกจากซื้อประกันภัยต่างๆเยอะแยะก็ด้วย,อีลิทใช้บริษัทประกันต่างๆคือแหล่งฟอกเงินที่ดีเยี่ยมอีกตัว,แบบในต่างประเทศที่อีลิทใช้อย่างแนบเนียนที่สุด.

    https://youtube.com/shorts/4oVQ9TJJl6U?si=osTIXH8NkH_6fW6x

    วงการเซียนพระ,เช่าพระ ขายพระนี้บาปมั้ยนะ,บางคนก็ว่าไม่บาป,บางคนก็ว่าบาป,ขายพระกิน ,เช่าพระกิน,คนขายบาป,ชาวบ้านขายพระบาป,เปลี่ยนวาทะวลีจากขายเป็นเช่าแทน,ขุดไป่ว่าดูเจตนาอีก,สรุปก็เอาเงินนี้ล่ะแลกเปลี่ยนเป็นพระเป็นเงินกัน,สมมุติโลก สมมุติโลกแท้ๆ,ชาวบ้านขายพระกินก็ว่าบาป,จะยากจน ไม่รุ่งเรืองในชีวิตนะ,ตกนรกโน้น,แต่เซียนพระแต่ละคนร่ำรวยโคตรๆเป็นว่าเล่น,การฟอกเงินที่ดีก็วัตถุโบราณแบบพระนี้ก็ด้วยอีกนะ.,ไปแตะต้องเรื่องพระเดี๋ยวก็ว่าบาปอีก,เหรียญพระรุ่นต่างๆมีอนุภาพอนุภาคพลังงานนะพะนะ,,พระท่านผลิตแล้วแจกฟรีแก่ญาติโยมเอาไปบูชา บางองค์ก็มีวัตถุประสงค์สร้างวัดสร้างนั้นสร้างนี้ในวัด,อะไรวนกับพระกับเจ้า นรกอีกขาข้างหนึ่งก็ว่า,สายมืดก็ว่าวิธีกดขี่เจตจำนงควบคุมมนุษย์จะศาสนาใดๆให้หวาดกลัวในกฎกติการะเบียบหรือตำนานไว้ก่อน, ..สายที่ตายแล้วฟื้นก็อ้างว่าบาปจริง,แต่เซียนพระตัวพ่อเลยในการค้าพระเครื่องล่ะร่ำรวยโคตรๆสายเล่นเช่าเล่นขายเปลี่ยนมือพระเลยนะ,สัมมาอาชีพทางโลกีย์เลยก็ว่า.บางพวกปั่นราคาพระจนเจ้ามือหรือพวกมีพระตุนไว้จนร่ำรวยโคตรๆก็ว่า,ยิ่งเก่ายิ่งเยี่ยม ยิ่งขลังยิ่งมีราคา, ..ทางใครทางมัน ชอบของใครของมันจริงๆ ไทบ้านนะจะขายสักทีหวาดกลัวต่อบาปมาก อย่างดีคือให้ลูกให้หลานสืบทอดรับกันไปมิบาป,คนซื้อก็เจตนาดี อยากได้จึงซื้อเช่าไปด้วยราคาตามตกลง,สินน้ำใจบาลีความเรียกมิผิดพะนะ,แต่รวมๆก็ตังใส่มือเต็มๆ ของมาตังไปนั้นเอง, ..ผู้เฒ่าผู้แก่สมัยก่อน พระจะดีขนาดไหน ท่านไม่ขายเลยไม่ให้ใครเช่าด้วย จะให้เป็นทานจาคะอย่างเดียว ให้ลูกให้หลานเก็บไว้บูชาเอา ไม่ให้เอาตังมาเป็นมลทินใดๆแก่พระ,1บาทก็ไม่เอา ให้ฟรีๆเลย ถ้าเซียนพระเล่นกันก็กว่า10ล้านอัพโน้น.,ปัจจุบันอะไรกันเลอะเทอะมาก ปลอมอีกสาระพัดเซียน,ปั่นราคาเป็นว่าเล่น.,หายากพะนะ.คนซื้อจน คนขายพระร่ำรวย เซียนพระร่ำรวยทุกๆคน.,ไม่บาปด้วย มุกตลกพะนะ,ไม่บาปหรอก มันใช้หลอกเด็กพะนะ.,ให้กูฟรีๆเลยผู้เฒ่าไทบ้าน สุดท้ายขายพระเช่าพระกำไรเป็นล้านๆ สิบล้านอัพ,ซื้อ10ล้าน ขาย20ล้านก็ไหวพะนะ.เพราะเหรียญพระเครื่องไทยมันสุดยอด,อยู่กับใครก็ปังไม่มีเสื่อมฤทธิ์หากมีบุญเช่าได้ซื้อได้พะนะ,ของแท้หากชาวบ้านไทบ้านจะซื้อจะขายโคตรกลัวบาปสุดๆ,แต่อยู่กับเซียนพระที่ตัวพ่อซื้อขายของแท้ บาปขี่ช้างจับหนอนที่ไหนโน้นมันว่า ร่ำรวยบนเหรียญพระเครื่องแท้ล่ะ,เสริมร่ำรวยไปอีก ธุรกรรมการซื้อขายพระเช่าพระ มองๆดูเลยไม่บาปอะไรเลยในทางโลก,ดูเจตนาอีกโน้นล่ะ. ..หาพระมาขาย หาพระไปขาย ไปเช่ามันผิดตรงไหนพะนะ.,บางคนอยู่กับตัวก็ตกต่ำ บางคนไม่มีอยู่กับตัวก็พ้นตกต่ำ,บางคนอยู่กับตัวเองก็เจริญรุ่งโรจน์ บางคนมีอยู่กับตัวเองก็ลงคลองอัพเจริญ. ..สรุปเอาที่สบายใจ ฟรีสไตล์คือไทยแลนด์เรา.,ไม่ยึดติดคือไทยแท้. ..วงการพระเครื่องและของพวกวัตถุโบราณของเก่าคือมุกของอาชญากรรมใช้ฟอกเงิน ถ่ายเทเงิน ปกปิดแหล่งที่มาที่เป็นของเงินคนซื้อคนขายได้ดีที่สุด,หรืออีกวงการหนึ่งที่ฟอกเงินได้ง่ายกว่า ปั่นคริปโตฯบิตคอยน์อีก ขุดไม่ลำบากแบบbtcด้วย,อ้างพอใจซื้อพอใจขายทั้งสองฝ่ายก็จบ.,แก๊งในเขมรจะฟอกตังจากแบบพวกสแกมเมอร์ในเขมร นอกจากทองคำ อสังหาริมทรัพย์ วัตถุโบราณและพระเครื่องคือแหล่งฟอกตังที่ดีมากเช่นกัน นอกจากซื้อประกันภัยต่างๆเยอะแยะก็ด้วย,อีลิทใช้บริษัทประกันต่างๆคือแหล่งฟอกเงินที่ดีเยี่ยมอีกตัว,แบบในต่างประเทศที่อีลิทใช้อย่างแนบเนียนที่สุด. https://youtube.com/shorts/4oVQ9TJJl6U?si=osTIXH8NkH_6fW6x
    0 Comments 0 Shares 96 Views 0 Reviews
  • เหยื่อ – ขวาง ตอนที่ 7
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 2 : “ขวาง 7”
    สงครามโลกครั้งที่ 1 ในสายตาของผู้ดูละคร หรือแม้แต่ผู้ร่วมเล่นละครสงครามฉากนี้ด้วยกัน ก็อาจจะไม่รู้ว่า สงครามโลกนั้น มันเป็นฉากบังหน้าของการเข้าไปแย่งชิงน้ำมัน มันเป็นสงครามชิงน้ำมันครั้งแรก และแน่นอนไม่ใช่ครั้งสุดท้าย น้ำมันจึงกลายเป็นอาวุธสำคัญ ที่ตัดสินการแพ้ชนะของสงครามโลกครั้งนั้น และในสงครามโลกครั้งต่อๆไป อีกด้วยเช่นกัน

ในระหว่างที่ทำสงครามช่วง ค.ศ. 1914 ถึง 1918 กองทัพทั้ง 2 ฝ่าย ต่างวางแผนที่จะเข้าไปชิงน้ำมัน เพื่อเอามาใช้ในการต่อสู้ เยอรมันสั่งผนึกท่อส่งน้ำมันในพวกตัวเองผ่านรูมาเนีย และการรบที่ Dardanelles ก็เป็นสนามรบที่มุ่งหมายจะชิงน้ำมันกันทั้ง 2 ฝ่าย
    สำหรับด้านออตโตมานและเยอรมัน Dardanelles เป็นทางไปสู่รัสเซีย ที่มีน้ำมันอยู่ที่ Baku ปิดช่องทางนี้ อังกฤษก็ขึ้นไปเอาน้ำมันไม่ได้ รัสเซียก็เอาน้ำมันลงมาส่งพรรคพวกไม่ได้เช่นกัน
    เช่นเดียวกับอังกฤษ ก็หวังทะลวงผ่านช่องทางนี้ เพื่อไปเอาน้ำมันที่รัสเซีย และสกัดการควบคุมของออตโตมาน เยอรมัน ดังนั้นการสู้รบที่ Dardanelles จึงเข้มข้นสาหัส
    เมื่ออังกฤษผ่านด่าน Dardanelles ไม่ได้ เหยื่อที่ต้องรับกรรมไปเต็ม ๆ จึงเป็นพวกอาหรับของ Sharif of Hejaz ที่ถูกหลอกให้มาตายแทนพวกฝรั่ง ที่พวกเขานึกว่าจะมาช่วยปลดปล่อยพวกเขา จากการปกครองของพวกเตอร์ก ที่พวกเขาแสนจะระอา แต่มันคงเจ็บช้ำหนักหนาสาหัสกว่า ถ้าพวกอาหรับรู้ว่า พวกเขาถูกหลอกให้มารบแทน และตายแทน พวกนักล่าอาณานิคม ที่กำลังจะมาขโมยน้ำมัน ทรัพยากรอันมีค่าที่เลี้ยงชีวิตพวกเขาด้วยซ้ำ มันเป็นการหลอกลวง ที่ผลของมันทำลายยิ่งกว่าความฝัน แต่เป็นการทำลายให้หัวใจสลายไปด้วย
    นอกเหนือจากการทำลาย และการเฉือนอาณาจักรออตโตมาน แบ่งกันเองในระหว่างผู้ชนะแล้ว ในการแบ่งเค้กตะวันออกกลาง อังกฤษยังต้มคู่หู คู่กัด ที่หลอกมาให้ช่วยรบ คือ ฝรั่งเศส จนเปื่อยยุ่ยอีกด้วย
    ตามสัญญาสุดชั่ว Sykes-Picot ฝรั่งเศสจะต้องได้ Mosul แหล่งน้ำมันใหญ่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือไปด้วย ก็ Mosul ที่กำลังเป็นข่าวอยู่ใน CNN ทุกวัน ๆ ละ 24 ชั่วโมงนั่นแหละ ซึ่งตอนนั้นได้มีการให้สัมปทานน้ำมันแก่ Turkish Petroleum ซึ่งถือหุ้นโดย Deutsche Bank ไปแล้ว มาบัดนี้เป็นที่ประจักษ์เกินชัด แล้วว่า Mosul นั้นอุดมน้ำมัน ขนาดไหน ตอนนี้ใครกำลังแย่งชิงกับใคร อย่างได้หลงประเด็นเกี่ยวกับ Mosul ที่ CNN กำลังย้อมสีข่าวเป็นอันขาดเชียว
อังกฤษกลับไปต่อรองกับฝรั่งเศสใหม่ใน ค.ศ. 1918 ขณะนั้นฝรั่งเศสกำลังโทรมจัดจากการรบ อังกฤษก็ใช่ว่าจะอยู่ในสภาพที่ ดีกว่า แต่เพื่อฉากสำคัญ ลงทุนรบมา 4 ปี เตรียมตัวล่วงหน้ามาหลายปี ก็เพื่อจะมาเอารางวัลใหญ่ ที่ชื่อ Mosul นี่แหละ จะให้หลุดมือได้อย่างไร
    อังกฤษใช้บทเดิมกับฝรั่งเศษ เรื่อง Mosul อังกฤษบอก ที่ฝรั่งเศส เลือก Mosul ไว้น่ะ มันเป็นถิ่นที่ยังไม่เจริญนะ ไม่เหมือนซีเรีย ถึงมีข่าวว่ามีน้ำมัน ก็แสนจะเลื่อนลอย เพื่อนกำลังผอมโซอย่างนี้ เอาอะไรที่มันแน่นอน จากเยอรมันไม่ดีกว่าหรือ ไม่ต้องลงแรงมาก เราจะช่วยสนับสนุน ถ้าฝรั่งเศสไม่เอา Mosul เราจะยอมลงแรงขุดหาน้ำมันให้เอง และถ้าโชคดีเจอ เราจะแบ่งรายได้ จากการขุดน้ำมันให้
    งานข่าวกรองของฝรั่งเศส คงจะทำงานสู้ของอังกฤษไม่ได้ ฝรั่งเศสเสียค่าโง่ตามเคย ยอมยก Mosul ให้อังกฤษ ถึง 100 ปีผ่านไป ฝรั่งเศสก็คงยังไม่หายกระอักโลหิต !
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
28 ส.ค. 2557
    เหยื่อ – ขวาง ตอนที่ 7 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 2 : “ขวาง 7” สงครามโลกครั้งที่ 1 ในสายตาของผู้ดูละคร หรือแม้แต่ผู้ร่วมเล่นละครสงครามฉากนี้ด้วยกัน ก็อาจจะไม่รู้ว่า สงครามโลกนั้น มันเป็นฉากบังหน้าของการเข้าไปแย่งชิงน้ำมัน มันเป็นสงครามชิงน้ำมันครั้งแรก และแน่นอนไม่ใช่ครั้งสุดท้าย น้ำมันจึงกลายเป็นอาวุธสำคัญ ที่ตัดสินการแพ้ชนะของสงครามโลกครั้งนั้น และในสงครามโลกครั้งต่อๆไป อีกด้วยเช่นกัน

ในระหว่างที่ทำสงครามช่วง ค.ศ. 1914 ถึง 1918 กองทัพทั้ง 2 ฝ่าย ต่างวางแผนที่จะเข้าไปชิงน้ำมัน เพื่อเอามาใช้ในการต่อสู้ เยอรมันสั่งผนึกท่อส่งน้ำมันในพวกตัวเองผ่านรูมาเนีย และการรบที่ Dardanelles ก็เป็นสนามรบที่มุ่งหมายจะชิงน้ำมันกันทั้ง 2 ฝ่าย สำหรับด้านออตโตมานและเยอรมัน Dardanelles เป็นทางไปสู่รัสเซีย ที่มีน้ำมันอยู่ที่ Baku ปิดช่องทางนี้ อังกฤษก็ขึ้นไปเอาน้ำมันไม่ได้ รัสเซียก็เอาน้ำมันลงมาส่งพรรคพวกไม่ได้เช่นกัน เช่นเดียวกับอังกฤษ ก็หวังทะลวงผ่านช่องทางนี้ เพื่อไปเอาน้ำมันที่รัสเซีย และสกัดการควบคุมของออตโตมาน เยอรมัน ดังนั้นการสู้รบที่ Dardanelles จึงเข้มข้นสาหัส เมื่ออังกฤษผ่านด่าน Dardanelles ไม่ได้ เหยื่อที่ต้องรับกรรมไปเต็ม ๆ จึงเป็นพวกอาหรับของ Sharif of Hejaz ที่ถูกหลอกให้มาตายแทนพวกฝรั่ง ที่พวกเขานึกว่าจะมาช่วยปลดปล่อยพวกเขา จากการปกครองของพวกเตอร์ก ที่พวกเขาแสนจะระอา แต่มันคงเจ็บช้ำหนักหนาสาหัสกว่า ถ้าพวกอาหรับรู้ว่า พวกเขาถูกหลอกให้มารบแทน และตายแทน พวกนักล่าอาณานิคม ที่กำลังจะมาขโมยน้ำมัน ทรัพยากรอันมีค่าที่เลี้ยงชีวิตพวกเขาด้วยซ้ำ มันเป็นการหลอกลวง ที่ผลของมันทำลายยิ่งกว่าความฝัน แต่เป็นการทำลายให้หัวใจสลายไปด้วย นอกเหนือจากการทำลาย และการเฉือนอาณาจักรออตโตมาน แบ่งกันเองในระหว่างผู้ชนะแล้ว ในการแบ่งเค้กตะวันออกกลาง อังกฤษยังต้มคู่หู คู่กัด ที่หลอกมาให้ช่วยรบ คือ ฝรั่งเศส จนเปื่อยยุ่ยอีกด้วย ตามสัญญาสุดชั่ว Sykes-Picot ฝรั่งเศสจะต้องได้ Mosul แหล่งน้ำมันใหญ่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือไปด้วย ก็ Mosul ที่กำลังเป็นข่าวอยู่ใน CNN ทุกวัน ๆ ละ 24 ชั่วโมงนั่นแหละ ซึ่งตอนนั้นได้มีการให้สัมปทานน้ำมันแก่ Turkish Petroleum ซึ่งถือหุ้นโดย Deutsche Bank ไปแล้ว มาบัดนี้เป็นที่ประจักษ์เกินชัด แล้วว่า Mosul นั้นอุดมน้ำมัน ขนาดไหน ตอนนี้ใครกำลังแย่งชิงกับใคร อย่างได้หลงประเด็นเกี่ยวกับ Mosul ที่ CNN กำลังย้อมสีข่าวเป็นอันขาดเชียว
อังกฤษกลับไปต่อรองกับฝรั่งเศสใหม่ใน ค.ศ. 1918 ขณะนั้นฝรั่งเศสกำลังโทรมจัดจากการรบ อังกฤษก็ใช่ว่าจะอยู่ในสภาพที่ ดีกว่า แต่เพื่อฉากสำคัญ ลงทุนรบมา 4 ปี เตรียมตัวล่วงหน้ามาหลายปี ก็เพื่อจะมาเอารางวัลใหญ่ ที่ชื่อ Mosul นี่แหละ จะให้หลุดมือได้อย่างไร อังกฤษใช้บทเดิมกับฝรั่งเศษ เรื่อง Mosul อังกฤษบอก ที่ฝรั่งเศส เลือก Mosul ไว้น่ะ มันเป็นถิ่นที่ยังไม่เจริญนะ ไม่เหมือนซีเรีย ถึงมีข่าวว่ามีน้ำมัน ก็แสนจะเลื่อนลอย เพื่อนกำลังผอมโซอย่างนี้ เอาอะไรที่มันแน่นอน จากเยอรมันไม่ดีกว่าหรือ ไม่ต้องลงแรงมาก เราจะช่วยสนับสนุน ถ้าฝรั่งเศสไม่เอา Mosul เราจะยอมลงแรงขุดหาน้ำมันให้เอง และถ้าโชคดีเจอ เราจะแบ่งรายได้ จากการขุดน้ำมันให้ งานข่าวกรองของฝรั่งเศส คงจะทำงานสู้ของอังกฤษไม่ได้ ฝรั่งเศสเสียค่าโง่ตามเคย ยอมยก Mosul ให้อังกฤษ ถึง 100 ปีผ่านไป ฝรั่งเศสก็คงยังไม่หายกระอักโลหิต ! สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
28 ส.ค. 2557
    0 Comments 0 Shares 107 Views 0 Reviews
  • เหยื่อ – ขวาง ตอนที่ 6
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 2 : “ขวาง 6”
    รัสเซียเองก็มีความฝัน ฝันของรัสเซียยิ่งเฟื่องจัดกว่าฝรั่งเศส รัสเซียอยากสร้างทางรถไฟสาย Trans-Siberian ยาว 5,400 กิโลเมตร ยาวที่สุดที่มีใครเคยคิด ผู้ที่เสนอความคิดนี้คือ Count Sergei Witte รัฐมนตรีคลังของรัสเซีย เส้นทางนี้จะเริ่มที่เมือง Vladivostok วิ่งข้ามภูเขา เขตแดนโซบีเรียไปจบที่จีน โดยปลอดจากการมีส่วนร่วม อิทธิพล และการขัดขวางของอังกฤษ

เค้าท์ Witte บอกว่ารัสเซียควรจะเปลี่ยนสภาพจากการเป็น “ตะกร้าขนมปัง” (bread basket) ให้กับอังกฤษเสียที รัสเซียได้แต่ทำหน้าที่ส่งแป้งสาลีให้อังกฤษมากี่นานแล้ว เปลี่ยนมาทำให้ประเทศของตนเองรวยบ้างเถิด ลืมบอกไป เค้าท์ Witte นี้ ก็เป็นสหายรักกับนาย Hanotaux นักฝันเฟื่องเพื่อให้ประเทศเฟื่องฟูด้วยกัน
    ข่าวเรื่องทางรถไฟ Trans Siberian แน่นอนต้องหลุดไปถึงหูของอังก ฤษ คนแพ้ทางรถไฟ เส้นทาง Berlin Bagdad ยาวประมาณ 2,500 กิโลเมตร อังกฤษแพ้ขนาดไหน นี่มัน 5,400 กิโลเมตร อาการแพ้ก็ต้องมากกว่า ยิ่งรู้ว่าคนช่วยคิดมันเป็นกลุ่ม ไหน อังกฤษนั่งไม่ติด คันไปหมดทั้งตัว ยิ่งกว่าลมพิษขึ้น มันเป็นพิษของความอิจฉา ที่แรงกว่าพิษใดๆ ยกเว้นลมพิษหึง ตามตำราเขาว่างั้นครับ
    สื่อใหญ่ชื่อ นาย A Colqhum ออกมาแสดงความเห็นทุกวัน “เส้นทางนี้ คงจะเป็นเส้นทางการค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่โลกจะเคยรู้จัก และแน่นอนมันจะเป็นอาวุธทรงอานุภาพในมือของรัสเซีย ซึ่งมีอำนาจและมีความหมายอย่างยากที่จะประเมิน มันจะทำให้รัสเซียเพียงชาติเดียวลำพัง ที่ไม่จำเป็นต้องผ่าน Dardanelles หรือคลองสุเอช (ที่อังกฤษควบคุม) มันจะทำให้รัสเซียเป็นอิสระ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในความกดดันของใคร เข้มแข็งอย่างชนิดที่รัสเซียไม่เคยฝันว่าจะเป็นได้ถึงขนาดนี้” โอ้โห ช่างสรรหาถ้อยคำมาพูดจริง พูดออกข่าวทุกวันแบบนี้ ชาวเกาะอยู่เฉยได้ให้มันรู้ไป
    เป็นเวลาหลาย ๆ สิบปีมาแล้ว ที่อังกฤษจัดการวางไม้เสี้ยมและไม้ขวาง เพื่อดุลยอำนาจในยุโรป เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง อังกฤษขวางทางความเจริญของเยอรมันทางด้านอุตสาหกรรม สนับสนุนตุรกีให้ควบคุม Dardanelles ทางที่รัสเซียจะเข้าไปยังแหล่งน้ำอุ่น และแม้ตุรกีจะอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญสำหรับอังกฤษในการใช้เป็นสนามเล่นวิทยายุทธแม่ไม้ต่าง ๆ แต่เมื่อเยอรมันโตเกิน เกินกว่าที่อังกฤษจะเล่นลำพังได้ อย่างที่เคยเล่าไว้แล้ว อังกฤษจึงจำเป็นต้องมีเพื่อน (หรือเหยื่อ) มาร่วมรายการขยี้เยอรมัน
    อังกฤษพยายามจะขวางการสร้างทางรถไฟสายไซบีเรียนี้ สาระพัดไม้ที่จะวาง แต่เส้นทางมันไกลกัน ไม้เสี้ยม ไม้ขวาง ไปไม่ถึง รัสเซียสร้างทางนี้เกือบสำเร็จ ในปี ค.ศ. 1903 และอังกฤษก็ฉวยโอกาส ขณะที่รัสเซียกำลังหน้าแตก ช้ำใจแพ้ญี่ปุ่นในสงคราม Russo – Japan ค.ศ. 1905 อังกฤษ ผู้ชำนาญในการทูตแบบตวัดลิ้น จึงกลับไปเกี้ยวรัสเซีย ให้มาถล่มเยอรมันด้วยกัน โดยยอมถีบออตโตมานทิ้ง และพร้อมจะยกออตโตมานให้รัสเซีย แต่รัสเซียไม่รู้เลยว่า อังกฤษนั้นอยู่ข้างญี่ปุ่นและสนับสนุนญี่ปุ่นในการสู้รบกับรัสเซีย
    ค.ศ. 1905 เค้าท์ Witte ถูกบังคับให้ออกจากตำแหน่งหัวหน้าคณะรัฐมนตรีของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 และผู้มาแทนเขา แนะนำพระเจ้าชาร์นิโคลัสให้ยอมรับ กลับไปสมานไมตรีกับอังกฤษ โดยรัสเซียบอกเพื่อแสดงไมตรีอันดียิ่ง เราขอยกอาฟกานิสถานและบริเวณส่วนใหญ่ของเปอร์เซียให้แก่อังกฤษ และรับปากว่าจะลดความอยากในเอเซียของรัสเซียลงไปหลายส่วน
    หลังจากนั้นสัญญา 3 ฝ่าย ระหว่าง อังกฤษ ฝรั่งเศส และรัสเซีย ก็มีการทำขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1907 ผนึกประเทศทั้ง 3 ไว้ด้วยกัน ด้วยกาวยี่ห้อขวางเยอรมัน เป็นการเตรียมพร้อม ในการปฎิบัติการขยี้เยอรมัน ให้แหลกไปจากเส้นทางเดินเข้าไปกินเค้ก ชิ้นโอชะที่ชื่อ ตะวันออกกลาง
    หลังจากอังกฤษใช้ ไม้เสี้ยม ไม้ขวาง และกาว สำเร็จตามเป้าหมาย ฉากละครเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็ดูเหมือนพร้อมที่จะลงโรง
    ละครฉากแรก เปิดฉากเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 1914 เป็นเวลาเพียง 3 เดือน หลังจากการใช้กาวทาเรียบร้อย อาร์คดยุก เฟอร์ดินานท์ มงกุฎราชกุมารของออสเตรีย ก็ถูกยิงกลางแดด โดยพวกเซิร์บ ละครเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็เริ่มต้นแสดง
    การทะยานขึ้นมาทาบรัศมีของเยอ รมัน โดยความเจริญทางอุตสาหกรรม กองเรือขนส่งสินค้า กองทัพเรือ ทางรถไฟ ข้ามตะวันออกกลาง โดยเฉพาะรางรถไฟ ซึ่งวิ่งผ่านแหล่งน้ำมัน ที่อังกฤษ ไม่อยากให้ใครมาชิงตัดหน้าไปก่อน โดยเฉพาะผู้ที่เป็นคู่แข่ง เป็นสิ่งที่อังกฤษ ชาติมหาอำนาจ นักล่าอาณานิคมหมายเลขหนึ่ง แม้จะเป็นชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้ว ก้อย แต่ฝีมือสูงส่ง นอกเหนือจากการเสี้ยมแล้ว ฝีมือการขวางยิ่งล้ำเลิศ อังกฤษจึงต้อง ทั้งขัด และขวาง ไม่ให้เยอรมันแซงหน้าไปได้
    อังกฤษพร้อมที่จะเปลี่ยนนโยบายจาก โปรออตโตมาน ขวางรัสเซีย เป็นโปรรัสเซีย ขวางเยอรมัน ได้อย่างง่ายดาย เหมือนพลิกฝ่ามือ นโยบายการทูตของอังกฤษแต่ไหนแต่ไรมา ไม่เคยคิดถึงน้ำใจไมตรีที่แท้จริง อังกฤษ มีแต่คำว่า ผลประโยชน์และผลประโยชน์
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
28 ส.ค. 2557
    เหยื่อ – ขวาง ตอนที่ 6 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 2 : “ขวาง 6” รัสเซียเองก็มีความฝัน ฝันของรัสเซียยิ่งเฟื่องจัดกว่าฝรั่งเศส รัสเซียอยากสร้างทางรถไฟสาย Trans-Siberian ยาว 5,400 กิโลเมตร ยาวที่สุดที่มีใครเคยคิด ผู้ที่เสนอความคิดนี้คือ Count Sergei Witte รัฐมนตรีคลังของรัสเซีย เส้นทางนี้จะเริ่มที่เมือง Vladivostok วิ่งข้ามภูเขา เขตแดนโซบีเรียไปจบที่จีน โดยปลอดจากการมีส่วนร่วม อิทธิพล และการขัดขวางของอังกฤษ

เค้าท์ Witte บอกว่ารัสเซียควรจะเปลี่ยนสภาพจากการเป็น “ตะกร้าขนมปัง” (bread basket) ให้กับอังกฤษเสียที รัสเซียได้แต่ทำหน้าที่ส่งแป้งสาลีให้อังกฤษมากี่นานแล้ว เปลี่ยนมาทำให้ประเทศของตนเองรวยบ้างเถิด ลืมบอกไป เค้าท์ Witte นี้ ก็เป็นสหายรักกับนาย Hanotaux นักฝันเฟื่องเพื่อให้ประเทศเฟื่องฟูด้วยกัน ข่าวเรื่องทางรถไฟ Trans Siberian แน่นอนต้องหลุดไปถึงหูของอังก ฤษ คนแพ้ทางรถไฟ เส้นทาง Berlin Bagdad ยาวประมาณ 2,500 กิโลเมตร อังกฤษแพ้ขนาดไหน นี่มัน 5,400 กิโลเมตร อาการแพ้ก็ต้องมากกว่า ยิ่งรู้ว่าคนช่วยคิดมันเป็นกลุ่ม ไหน อังกฤษนั่งไม่ติด คันไปหมดทั้งตัว ยิ่งกว่าลมพิษขึ้น มันเป็นพิษของความอิจฉา ที่แรงกว่าพิษใดๆ ยกเว้นลมพิษหึง ตามตำราเขาว่างั้นครับ สื่อใหญ่ชื่อ นาย A Colqhum ออกมาแสดงความเห็นทุกวัน “เส้นทางนี้ คงจะเป็นเส้นทางการค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่โลกจะเคยรู้จัก และแน่นอนมันจะเป็นอาวุธทรงอานุภาพในมือของรัสเซีย ซึ่งมีอำนาจและมีความหมายอย่างยากที่จะประเมิน มันจะทำให้รัสเซียเพียงชาติเดียวลำพัง ที่ไม่จำเป็นต้องผ่าน Dardanelles หรือคลองสุเอช (ที่อังกฤษควบคุม) มันจะทำให้รัสเซียเป็นอิสระ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในความกดดันของใคร เข้มแข็งอย่างชนิดที่รัสเซียไม่เคยฝันว่าจะเป็นได้ถึงขนาดนี้” โอ้โห ช่างสรรหาถ้อยคำมาพูดจริง พูดออกข่าวทุกวันแบบนี้ ชาวเกาะอยู่เฉยได้ให้มันรู้ไป เป็นเวลาหลาย ๆ สิบปีมาแล้ว ที่อังกฤษจัดการวางไม้เสี้ยมและไม้ขวาง เพื่อดุลยอำนาจในยุโรป เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง อังกฤษขวางทางความเจริญของเยอรมันทางด้านอุตสาหกรรม สนับสนุนตุรกีให้ควบคุม Dardanelles ทางที่รัสเซียจะเข้าไปยังแหล่งน้ำอุ่น และแม้ตุรกีจะอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญสำหรับอังกฤษในการใช้เป็นสนามเล่นวิทยายุทธแม่ไม้ต่าง ๆ แต่เมื่อเยอรมันโตเกิน เกินกว่าที่อังกฤษจะเล่นลำพังได้ อย่างที่เคยเล่าไว้แล้ว อังกฤษจึงจำเป็นต้องมีเพื่อน (หรือเหยื่อ) มาร่วมรายการขยี้เยอรมัน อังกฤษพยายามจะขวางการสร้างทางรถไฟสายไซบีเรียนี้ สาระพัดไม้ที่จะวาง แต่เส้นทางมันไกลกัน ไม้เสี้ยม ไม้ขวาง ไปไม่ถึง รัสเซียสร้างทางนี้เกือบสำเร็จ ในปี ค.ศ. 1903 และอังกฤษก็ฉวยโอกาส ขณะที่รัสเซียกำลังหน้าแตก ช้ำใจแพ้ญี่ปุ่นในสงคราม Russo – Japan ค.ศ. 1905 อังกฤษ ผู้ชำนาญในการทูตแบบตวัดลิ้น จึงกลับไปเกี้ยวรัสเซีย ให้มาถล่มเยอรมันด้วยกัน โดยยอมถีบออตโตมานทิ้ง และพร้อมจะยกออตโตมานให้รัสเซีย แต่รัสเซียไม่รู้เลยว่า อังกฤษนั้นอยู่ข้างญี่ปุ่นและสนับสนุนญี่ปุ่นในการสู้รบกับรัสเซีย ค.ศ. 1905 เค้าท์ Witte ถูกบังคับให้ออกจากตำแหน่งหัวหน้าคณะรัฐมนตรีของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 และผู้มาแทนเขา แนะนำพระเจ้าชาร์นิโคลัสให้ยอมรับ กลับไปสมานไมตรีกับอังกฤษ โดยรัสเซียบอกเพื่อแสดงไมตรีอันดียิ่ง เราขอยกอาฟกานิสถานและบริเวณส่วนใหญ่ของเปอร์เซียให้แก่อังกฤษ และรับปากว่าจะลดความอยากในเอเซียของรัสเซียลงไปหลายส่วน หลังจากนั้นสัญญา 3 ฝ่าย ระหว่าง อังกฤษ ฝรั่งเศส และรัสเซีย ก็มีการทำขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1907 ผนึกประเทศทั้ง 3 ไว้ด้วยกัน ด้วยกาวยี่ห้อขวางเยอรมัน เป็นการเตรียมพร้อม ในการปฎิบัติการขยี้เยอรมัน ให้แหลกไปจากเส้นทางเดินเข้าไปกินเค้ก ชิ้นโอชะที่ชื่อ ตะวันออกกลาง หลังจากอังกฤษใช้ ไม้เสี้ยม ไม้ขวาง และกาว สำเร็จตามเป้าหมาย ฉากละครเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็ดูเหมือนพร้อมที่จะลงโรง ละครฉากแรก เปิดฉากเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 1914 เป็นเวลาเพียง 3 เดือน หลังจากการใช้กาวทาเรียบร้อย อาร์คดยุก เฟอร์ดินานท์ มงกุฎราชกุมารของออสเตรีย ก็ถูกยิงกลางแดด โดยพวกเซิร์บ ละครเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็เริ่มต้นแสดง การทะยานขึ้นมาทาบรัศมีของเยอ รมัน โดยความเจริญทางอุตสาหกรรม กองเรือขนส่งสินค้า กองทัพเรือ ทางรถไฟ ข้ามตะวันออกกลาง โดยเฉพาะรางรถไฟ ซึ่งวิ่งผ่านแหล่งน้ำมัน ที่อังกฤษ ไม่อยากให้ใครมาชิงตัดหน้าไปก่อน โดยเฉพาะผู้ที่เป็นคู่แข่ง เป็นสิ่งที่อังกฤษ ชาติมหาอำนาจ นักล่าอาณานิคมหมายเลขหนึ่ง แม้จะเป็นชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้ว ก้อย แต่ฝีมือสูงส่ง นอกเหนือจากการเสี้ยมแล้ว ฝีมือการขวางยิ่งล้ำเลิศ อังกฤษจึงต้อง ทั้งขัด และขวาง ไม่ให้เยอรมันแซงหน้าไปได้ อังกฤษพร้อมที่จะเปลี่ยนนโยบายจาก โปรออตโตมาน ขวางรัสเซีย เป็นโปรรัสเซีย ขวางเยอรมัน ได้อย่างง่ายดาย เหมือนพลิกฝ่ามือ นโยบายการทูตของอังกฤษแต่ไหนแต่ไรมา ไม่เคยคิดถึงน้ำใจไมตรีที่แท้จริง อังกฤษ มีแต่คำว่า ผลประโยชน์และผลประโยชน์ สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
28 ส.ค. 2557
    0 Comments 0 Shares 112 Views 0 Reviews
  • เหยื่อ – ขวาง ตอนที่ 5
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 2 : “ขวาง 5”
    ความโตเร็วของเยอรมัน เริ่มเห็นชัดตั้งแต่ ค.ศ. 1890 ทำให้อังกฤษทนนั่งดูอยู่เฉยไม่ไหว อังกฤษเตรียมปรับแผนยุทธศาสตร์ที่ใช้อยู่กับพันธมิตรในยุโรป เป็นการปรับชนิด กลับหลัง ตลบหน้า รุนแรงถึงขนาด ปักหมุดให้พันธมิตรเดินตามที่อังกฤษต้องการ หรือหยุดเดินไปในทิศทางที่อังกฤษไม่ต้องการ

เหตุการณ์ที่อียิปต์ Fashoda Crisis คงเป็นตัวอย่างที่เห็นชัด แต่เดิมที่ผ่านมา อังกฤษและฝรั่งเศสกอดคอเฮฮานั่งกินเหล้าด้วยกันที่อียิปต์ เพราะมีผลประโยชน์ร่วมกันในคลองสุเอช แต่ตั้งแต่ ค.ศ. 1882 เป็นต้นมา กองทัพอังกฤษที่อียิปต์เหมือนจะงอกมากขึ้นเหมือนเห็ดในฤดูฝน และทำท่าว่าไม่ใช่งอกชั่วฤดูกาล แต่ออกอาการว่าจะอยู่ถาวร แถมอังกฤษแต่งตั้งตัวเองเป็นหัวหน้าใหญ่ เข้าไปสั่งการกับรัฐบาลอียิปต์อีกด้วย ฝรั่งเศษตีโจทย์ไม่ออก นี่มันจะมาไม้ไหน อังกฤษบอกกับฝรั่งเศสว่าไม่ต้องคิดมาก ทุกอย่างที่เราทำ เราทำไปเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศเราทั้งสองนะ
    แต่นาย Theophile Déclassé รัฐมนตรีที่ดูแลกิจการอาณานิคมของฝรั่งเศสไม่ยอมคล้อยตาม เขามองว่าอังกฤษกำลังจะฉวยโอกาสฮุบสุเอชและอียิปต์ไว้ฝ่ายเดียว เขาจึงสั่งให้มีการเคลื่อนพล ยกทัพมาจากฝรั่งเศส ข้ามทะเลทรายซาฮาร่า ในปี ค.ศ. 1898 เพื่อไปเผชิญหน้า เตรียมปะทะกับอังกฤษที่รออยู่ที่แม่น้ำไนล์ ให้รู้หมูรู้เสือ
    แค่เงื้อดาบ ยังไม่ทันได้ฟันกัน กองทัพทั้ง 2 ฝ่าย ก็ถูกนายเหนือสั่งให้หยุดการ (เกือบ) ปะทะไว้ชั่วคราว เฮ้ย หยุด หยุด นายเขากำลังเจรจากัน
    ผลการเจรจา ฝรั่งเศสตกหลุมอังกฤษ ยอมถอยทัพ และเสียโอกาสมหาศาล ที่จะเข้าไปทำประโยชน์ในอาฟริกา นาย Déclassé สั่งเคลื่อนพล โดยไม่ได้หารือ ไม่รู้ถึงแผนลับของรัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศส ซึ่งป่วยอยู่ในขณะนั้น
    รัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศส นาย Gabriel Hanotaux มีชื่อเสียงว่า ไม่ชอบหน้าอังกฤษอย่างยิ่ง หรือใช้ว่า เกลียด อาจจะตรงกว่า มีนโยบายที่จะปรับปรุงและสร้างแหล่งอุตสาหกรรมในอาณานิคมของฝรั่งเศส ที่อยู่ในอาฟริกา นาย Hanotaux ตั้งใจจะผนึกฝรั่งเศสกับอาฟริกาให้แน่นแฟ้น โดยสร้างทางรถไฟเชื่อมระหว่าง Dakar ใน French Senegal มาจนถึง Djibouti ที่ทะเลแดง มันจะเป็นการเชื่อมอาฟริกาตะวันออกถึงตะวันตกโดย “Trans-Sahara Railway Project” (ทางรถไฟอีกแล้ว!)
    เส้นทางรถไฟนี้ ถ้าสำเร็จจะเป็นการขวาง ไม่ให้อังกฤษแต่ฝ่ายเดียว ที่หวังจะเป็นผู้ควบคุมอาฟริกา ทั้งหมดผ่าน อียิปต์ ไปจนถึง อินเดีย นาย Hanotaux ได้แอบปรึกษากับเยอรมัน บอก ทางรถไฟเส้นทางนี้ จะเป็นยากัน การขยายอิทธิพลของอังกฤษอย่างชงัด เรามาปรุงยานี้กันไหม ?
    ค.ศ. 1896 ฝรั่งเศสและเยอรมันหารือกันอีกรอบ “เราควรจะแสดงอิทธิฤทธิให้อังกฤษเห็นบ้างว่า ไม่ใช่อังกฤษฝ่ายเดียว ที่จะเป็นคนตัดสินใจและได้ทุกอย่างไป”
    แต่แล้วก็ เกิดเหตุ Dreyfus Affair สื่อฝรั่งเศสตีข่าวกันใหญ่ว่า นายทหารระดับร้อยเอกของกองทัพฝรั่งเศส ชื่อ Dreyfus ถูกจับข้อหากระทำการจารกรรมต่อเยอรมัน เป็นเรื่องใหญ่นะ ทำให้การเจรจาระหว่าง Hanotaux กับเยอรมันสดุด การปรุงยาชะงักลง เขาต้องออกมาหน้าเครียดแก้ข่าวและเตือนสื่อว่า อย่าใส่สีมากนัก มันจะพาไปสู่สงครามกับเยอรมันได้ อยากได้อย่างนั้นหรือ
    ในที่สุดร้อยเอก Dreyfus ก็ได้รับการปล่อยตัว เมื่อมีการสืบสวน จนได้ความชัดเจนว่า มันเป็นการสร้างหลักฐานปลอมใส่ Dreyfus โดย Count Ferdinand Walsin – Esterhazy (ชื่อยาวจัง !) ซึ่งได้รับจ้างให้ทำเรื่องนี้ ส่วนผู้จ้างคือตระกูล Rothschild ที่ทำธุรกิจธนาคารอยู่ที่ปารีส เรื่องนี้ เล่นกันเองแรงดี ผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร ไม้ขวางอันนี้ อภินันทนาการจาก Rothschild
    ค.ศ. 1898 Hanotaux ก็พ้นจากตำแหน่ง และผู้มาแทนเขาก็คือ Déclassé เงินใหญ่ จ้างผีระดับไหน ให้โม่แป้งก็ได้!
    หลังจากเหตุการณ์ Fachoda จบลง อังกฤษก็สามารถปักหมุด ฉุด และจูง ให้ฝรั่งเศส ล้มเลิกแผนการปรับปรุงอาณานิคมในอาฟริกา และลดความสนใจในอียิปต์ลงไปได้ อังกฤษบอกแก่ฝรั่งเศส นี่ เพื่อน อย่าไปมัวสนใจอะไร ที่มันเลื่อนลอยเหมือนความฝันเลย อาฟริกานี่ไม่ใช่หมูนะ ไกลบ้านด้วย เพื่อนไปเอาอะไรที่จับต้องได้ ไม่ดีกว่าหรือ เช่นหล็กที่ Alsace- Lorraine ของเยอรมันยังไงล่ะ ดีกว่านะ เราจะสนับสนุนเพื่อนให้ได้เอง แล้วฝรั่งเศษก็ตกหลุมของอังกฤษอีกพลั่ก
    นาย Hanotaux ได้กล่าวภายหลังว่า มันชัดเจนว่าทุกครั้งที่ฝรั่งเศสขยับตัว อังกฤษก็จะเกิดอาการผวา เหมือนเด็กเห็นเงา นึกว่าผีหลอกและเข้ามาขัดขวาง เพราะคิดว่าการดำเนินการของทุกคนนั้น ขัดประโยชน์ของอังกฤษทั้งสิ้น ไล่มาตั้งแต่กรณี อียิปต์ ตูนีเซีย มาดาร์กัสการ์ อินโดจีน แม้กระทั่งที่คองโก อังกฤษจะต้องถือไม้ออกมาวางขวางเสมอ
    จากเหตุการณ์ Fachodo อังกฤษกับฝรั่งเศส จึงกลับมาเป็นคู่หูกันอีกครั้ง โดยทำสัญญาลับให้ไว้ต่อกัน มีกาวยี่ห้อขวางเยอรมัน ทาคู่หูให้ติดกันไว้ นาย Hanotaux บอกว่าอังกฤษเก่งมาก ที่แยกศัตรูไม่ให้รวมตัวกัน เป็นกลยุทธสุดยอดอีกอันหนึ่งของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อย (ของเท้าซ้าย)
    ฝรั่งเศสคงไม่ใช่เป็นรายเดียวที่ต้องถูกปักหมุด ให้เดิน หรือเลิกเดิน และใช้กาวยี่ห้อขวางเยอรมันทาติดเอาไว้ รัสเซียเป็นอีกกรณีที่น่าสนใจ
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
28 ส.ค. 2557
    เหยื่อ – ขวาง ตอนที่ 5 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 2 : “ขวาง 5” ความโตเร็วของเยอรมัน เริ่มเห็นชัดตั้งแต่ ค.ศ. 1890 ทำให้อังกฤษทนนั่งดูอยู่เฉยไม่ไหว อังกฤษเตรียมปรับแผนยุทธศาสตร์ที่ใช้อยู่กับพันธมิตรในยุโรป เป็นการปรับชนิด กลับหลัง ตลบหน้า รุนแรงถึงขนาด ปักหมุดให้พันธมิตรเดินตามที่อังกฤษต้องการ หรือหยุดเดินไปในทิศทางที่อังกฤษไม่ต้องการ

เหตุการณ์ที่อียิปต์ Fashoda Crisis คงเป็นตัวอย่างที่เห็นชัด แต่เดิมที่ผ่านมา อังกฤษและฝรั่งเศสกอดคอเฮฮานั่งกินเหล้าด้วยกันที่อียิปต์ เพราะมีผลประโยชน์ร่วมกันในคลองสุเอช แต่ตั้งแต่ ค.ศ. 1882 เป็นต้นมา กองทัพอังกฤษที่อียิปต์เหมือนจะงอกมากขึ้นเหมือนเห็ดในฤดูฝน และทำท่าว่าไม่ใช่งอกชั่วฤดูกาล แต่ออกอาการว่าจะอยู่ถาวร แถมอังกฤษแต่งตั้งตัวเองเป็นหัวหน้าใหญ่ เข้าไปสั่งการกับรัฐบาลอียิปต์อีกด้วย ฝรั่งเศษตีโจทย์ไม่ออก นี่มันจะมาไม้ไหน อังกฤษบอกกับฝรั่งเศสว่าไม่ต้องคิดมาก ทุกอย่างที่เราทำ เราทำไปเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศเราทั้งสองนะ แต่นาย Theophile Déclassé รัฐมนตรีที่ดูแลกิจการอาณานิคมของฝรั่งเศสไม่ยอมคล้อยตาม เขามองว่าอังกฤษกำลังจะฉวยโอกาสฮุบสุเอชและอียิปต์ไว้ฝ่ายเดียว เขาจึงสั่งให้มีการเคลื่อนพล ยกทัพมาจากฝรั่งเศส ข้ามทะเลทรายซาฮาร่า ในปี ค.ศ. 1898 เพื่อไปเผชิญหน้า เตรียมปะทะกับอังกฤษที่รออยู่ที่แม่น้ำไนล์ ให้รู้หมูรู้เสือ แค่เงื้อดาบ ยังไม่ทันได้ฟันกัน กองทัพทั้ง 2 ฝ่าย ก็ถูกนายเหนือสั่งให้หยุดการ (เกือบ) ปะทะไว้ชั่วคราว เฮ้ย หยุด หยุด นายเขากำลังเจรจากัน ผลการเจรจา ฝรั่งเศสตกหลุมอังกฤษ ยอมถอยทัพ และเสียโอกาสมหาศาล ที่จะเข้าไปทำประโยชน์ในอาฟริกา นาย Déclassé สั่งเคลื่อนพล โดยไม่ได้หารือ ไม่รู้ถึงแผนลับของรัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศส ซึ่งป่วยอยู่ในขณะนั้น รัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศส นาย Gabriel Hanotaux มีชื่อเสียงว่า ไม่ชอบหน้าอังกฤษอย่างยิ่ง หรือใช้ว่า เกลียด อาจจะตรงกว่า มีนโยบายที่จะปรับปรุงและสร้างแหล่งอุตสาหกรรมในอาณานิคมของฝรั่งเศส ที่อยู่ในอาฟริกา นาย Hanotaux ตั้งใจจะผนึกฝรั่งเศสกับอาฟริกาให้แน่นแฟ้น โดยสร้างทางรถไฟเชื่อมระหว่าง Dakar ใน French Senegal มาจนถึง Djibouti ที่ทะเลแดง มันจะเป็นการเชื่อมอาฟริกาตะวันออกถึงตะวันตกโดย “Trans-Sahara Railway Project” (ทางรถไฟอีกแล้ว!) เส้นทางรถไฟนี้ ถ้าสำเร็จจะเป็นการขวาง ไม่ให้อังกฤษแต่ฝ่ายเดียว ที่หวังจะเป็นผู้ควบคุมอาฟริกา ทั้งหมดผ่าน อียิปต์ ไปจนถึง อินเดีย นาย Hanotaux ได้แอบปรึกษากับเยอรมัน บอก ทางรถไฟเส้นทางนี้ จะเป็นยากัน การขยายอิทธิพลของอังกฤษอย่างชงัด เรามาปรุงยานี้กันไหม ? ค.ศ. 1896 ฝรั่งเศสและเยอรมันหารือกันอีกรอบ “เราควรจะแสดงอิทธิฤทธิให้อังกฤษเห็นบ้างว่า ไม่ใช่อังกฤษฝ่ายเดียว ที่จะเป็นคนตัดสินใจและได้ทุกอย่างไป” แต่แล้วก็ เกิดเหตุ Dreyfus Affair สื่อฝรั่งเศสตีข่าวกันใหญ่ว่า นายทหารระดับร้อยเอกของกองทัพฝรั่งเศส ชื่อ Dreyfus ถูกจับข้อหากระทำการจารกรรมต่อเยอรมัน เป็นเรื่องใหญ่นะ ทำให้การเจรจาระหว่าง Hanotaux กับเยอรมันสดุด การปรุงยาชะงักลง เขาต้องออกมาหน้าเครียดแก้ข่าวและเตือนสื่อว่า อย่าใส่สีมากนัก มันจะพาไปสู่สงครามกับเยอรมันได้ อยากได้อย่างนั้นหรือ ในที่สุดร้อยเอก Dreyfus ก็ได้รับการปล่อยตัว เมื่อมีการสืบสวน จนได้ความชัดเจนว่า มันเป็นการสร้างหลักฐานปลอมใส่ Dreyfus โดย Count Ferdinand Walsin – Esterhazy (ชื่อยาวจัง !) ซึ่งได้รับจ้างให้ทำเรื่องนี้ ส่วนผู้จ้างคือตระกูล Rothschild ที่ทำธุรกิจธนาคารอยู่ที่ปารีส เรื่องนี้ เล่นกันเองแรงดี ผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร ไม้ขวางอันนี้ อภินันทนาการจาก Rothschild ค.ศ. 1898 Hanotaux ก็พ้นจากตำแหน่ง และผู้มาแทนเขาก็คือ Déclassé เงินใหญ่ จ้างผีระดับไหน ให้โม่แป้งก็ได้! หลังจากเหตุการณ์ Fachoda จบลง อังกฤษก็สามารถปักหมุด ฉุด และจูง ให้ฝรั่งเศส ล้มเลิกแผนการปรับปรุงอาณานิคมในอาฟริกา และลดความสนใจในอียิปต์ลงไปได้ อังกฤษบอกแก่ฝรั่งเศส นี่ เพื่อน อย่าไปมัวสนใจอะไร ที่มันเลื่อนลอยเหมือนความฝันเลย อาฟริกานี่ไม่ใช่หมูนะ ไกลบ้านด้วย เพื่อนไปเอาอะไรที่จับต้องได้ ไม่ดีกว่าหรือ เช่นหล็กที่ Alsace- Lorraine ของเยอรมันยังไงล่ะ ดีกว่านะ เราจะสนับสนุนเพื่อนให้ได้เอง แล้วฝรั่งเศษก็ตกหลุมของอังกฤษอีกพลั่ก นาย Hanotaux ได้กล่าวภายหลังว่า มันชัดเจนว่าทุกครั้งที่ฝรั่งเศสขยับตัว อังกฤษก็จะเกิดอาการผวา เหมือนเด็กเห็นเงา นึกว่าผีหลอกและเข้ามาขัดขวาง เพราะคิดว่าการดำเนินการของทุกคนนั้น ขัดประโยชน์ของอังกฤษทั้งสิ้น ไล่มาตั้งแต่กรณี อียิปต์ ตูนีเซีย มาดาร์กัสการ์ อินโดจีน แม้กระทั่งที่คองโก อังกฤษจะต้องถือไม้ออกมาวางขวางเสมอ จากเหตุการณ์ Fachodo อังกฤษกับฝรั่งเศส จึงกลับมาเป็นคู่หูกันอีกครั้ง โดยทำสัญญาลับให้ไว้ต่อกัน มีกาวยี่ห้อขวางเยอรมัน ทาคู่หูให้ติดกันไว้ นาย Hanotaux บอกว่าอังกฤษเก่งมาก ที่แยกศัตรูไม่ให้รวมตัวกัน เป็นกลยุทธสุดยอดอีกอันหนึ่งของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อย (ของเท้าซ้าย) ฝรั่งเศสคงไม่ใช่เป็นรายเดียวที่ต้องถูกปักหมุด ให้เดิน หรือเลิกเดิน และใช้กาวยี่ห้อขวางเยอรมันทาติดเอาไว้ รัสเซียเป็นอีกกรณีที่น่าสนใจ สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
28 ส.ค. 2557
    0 Comments 0 Shares 133 Views 0 Reviews
  • เหยื่อ – ขวาง ตอนที่ 4
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 2 : “ขวาง 4”
    ค.ศ. 1889 กลุ่มนักธุรกิจอุตสาหกรรมของเยอรมัน นำโดย Deutsche Bank ไปได้สัมปทานจากรัฐบาลออตโตมาน ให้สร้างทางรถไฟจากกรุงคอนแสตนติโนเปิลไปถึงแคว้นอนาโตเลีย (Anatolia) ซึ่งต่อมาตกลงขยายเส้นทาง เป็น Berlin Bagdad

เยอรมันนั้นอยากคบค้ากับออตโตมานมานานแล้ว เพื่อให้เป็นตลาดใหญ่ทางตะวันออกของประเทศทางด้านอุตสาหกรรม ทางรถไฟสาย Berlin Bagdad ก็น่าจะเป็นยุทธศาสตร์การค้าที่ดี แต่การหาแหล่งน้ำมันก็น่าจะเป็นสิ่งที่เยอรมันแอบซ่อนอยู่ อังกฤษคิดระแวงและพร้อมที่จะขวางทุกกระบวนท่า ความรู้สึกชิงชังเยอรมันที่อังกฤษแสดงในช่วง ค.ศ. 1890 เป็นต้นมาในตะวันออกกลาง ก็น่าจะงอกเงยมาจากทางรถไฟสายชิงชัง Berlin Bagdad และความระแวงเยอรมันเรื่องน้ำมัน
    เป็นครั้งแรกที่ทางรถไฟจะเชื่อมอาณาจักรออตโตมานด้วยกันได้หมด และเมื่อไปถึง Bagdad จะทำให้เป็นการเดินทางภาคพื้นดินที่เร็วที่สุด และถูกที่สุดด้วย
    อังกฤษก็มองเห็นจุดนี้และเห็นมากกว่า อังกฤษบอกว่าแบบนี้ผู้คนก็แห่กันไปใช้รถไฟหมด แล้วเรือเราจะขนอะไร และถ้าเยอรมันกับพวกเตอร์กเกิดเล่นกล จับมือกันบุกอียิปต์ ซึ่งอังกฤษมีผลประโยชน์มหาศาลอยู่ ผลประโยชน์ในอียิปต์เราจะเป็นอย่างไร
    มองดูจากแผนที่ เส้นทางที่รถไฟ Berlin Bagdad จะวิ่งผ่านเมืองใหญ่อะไรบ้าง เริ่มที่อาณาจักรเยอรมัน อาณาจักรออสเตรีย บูลกาเรีย และออตโตมาน (ตุรกี) และมีเมืองเล็ก ๆ คือ เซอร์เบีย (Serbia) ที่กั้นขวางระหว่าง ต้นทางกับปลายทางเซอร์เบีย อยู่ระหว่างเยอรมันกับทางเข้ากรุงแสตนติโนเปิลและ Salonika เหมือนเป็นประตูสู่ตะวันออก ถ้าเซอร์เบีย ถูกถล่ม หรือถูกนำเข้าไปเป็นตัวแสดง ขัดขวางทางเดินของรางรถไฟ Berlin Bagdad อาณานิคมอันกว้างใหญ่ของเรา คงถูกเยอรมันบุกเข้ามาขยี้แน่นอน… R.G.D Laffan ที่ปรึกษาการทหารของอังกฤษประจำกองทัพที่เซอร์เบีย รำพึง อึ่ม ! น่าสนใจ !
    อันที่จริงตลอดเวลาที่คิดก่อสร้างทางรถไฟสายชิงชังนี้ เยอรมันรู้ว่าอังกฤษไม่พอใจ และถ้าไม่มีอังกฤษร่วม เยอรมันก็เหนื่อยแน่ในการหาเงินมาสนับสนุนการก่อสร้าง Deutsche Bank รับรายเดียวคงหลังแอ่น เยอรมันลงทุนง้องอนอังกฤษให้ร่วมมือ ถึงขนาดปลายปี ค.ศ. 1899 พระเจ้า Kaiser Wilhelm ที่ II อุตส่าห์ไปหา พระนาง Victoria เป็นการส่วนตัวที่วังวินด์เซอร์ เพื่อขอให้แนะนำรัฐบาลอังกฤษ เข้าร่วมในการสร้างรถไฟรายนี้ แต่อังกฤษไม่รับไมตรี
ตลอดเวลา 15 ปี อังกฤษได้พยายาม ทั้งเสี้ยม ทั้งขวาง ทั้งขัด ทุกวิถีทางที่จะไม่ให้ทางรถไฟนี้เกิดขึ้นได้ นักเขียนประวัติศาสตร์ต่างบอกว่า ทางรถไฟสายนี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสงครามโลก ครั้งที่ 1 อันที่จริงอังกฤษก็ขวางเกือบสำเร็จ หมากตัวสำคัญที่อังกฤษนำมาใช้ ชื่อคูเวต (Kuwait) !
    อังกฤษเลี้ยงดูคูเวตมานาน โดยเอาเรือรบมาจอดขวางอยู่ปากอ่าว เมื่อ ค.ศ. 1901 และประกาศให้ท่าเรือที่อยู่ใต้ไปนั้น Shaat al Arab ซึ่งปกครองโดย Sheikh Mubarak al-Sabah ให้เป็นรัฐที่อยู่ในความดูแลของอังกฤษ อย่างด้านๆ (British Protectorate) ระหว่างนั้น ออตโตมานป่วยเกินกว่าจะประท้วง ปล่อยเลยตามเลยและเห็นว่า Kuwait อยู่ไกลตัว Kuwait จึงเป็นหมากที่อังกฤษนำมาขวางไม่ให้ ทางรถไฟสาย Berlin Bagdad ผ่านเข้ามาที่อ่าว Persia ได้
    แต่นั่นคือหมากเปิด ที่อังกฤษปล่อยออกไปขู่เยอรมัน เกี่ยวกับการสร้างทางรถไฟ !
    ค.ศ. 1902 อังกฤษรู้แล้วว่า ดินแดนที่อังกฤษเรียกว่าเมโสโปเตเมีย ซึ่งปัจจุบันเป็นอิรักและคูเวต นั้น เต็มไปด้วยแหล่งน้ำมัน มีมากแค่ไหน และจะเข้าไปเอาอย่างไร เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ว่ากันที่หลัง ที่สำคัญ ต้องกัน ต้องขวาง อย่าให้ใครเข้ามายุ่งไว้ก่อน โดยเฉพาะเยอรมัน
    ค.ศ. 1907 Sheikh Mubarak Al Sabah (ซึ่งยึดอำนาจปกครองทั้งแคว้นได้ตั้งแต่ปี ค.ศ 1896 โดยฆ่าพี่ชายน้องชาย 2 คน ขณะที่นอนหลับอยู่ในวัง และคงมีคนช่วยที่เราน่าจะพอเดาออก) ได้ตกลงทำสัญญาให้อังกฤษเช่าที่ดินบริเวณ Bander Shwaikh เป็นสัญญาเช่าประเภทที่ไม่วันหมดอายุ ! มีรายงานว่า Sheikh จอมโหด ได้ค่าทำสัญญาเป็นทองคำและปืนไรเฟิลจากรัฐบาลอังกฤษเป็นค่าลงลายมือไปโขอยู่
    เดือนตุลาคม ค.ศ. 1913 Sir Percy Cox ตัวแทนรัฐบาลอังกฤษ ยังจับมือให้ Sheikh ทำสัญญาสำคัญอีกฉบับหนึ่ง ที่ทั้งผูกทั้งมัดคูเวต ว่าจะไม่ให้หน้าไหน มาได้สัมปทานน้ำมันในแถบนั้นไป เว้นแต่เป็นผู้ที่รัฐบาลอังกฤษส่งมา เข้าใจไหม Sheikh บอกเข้าใจแล้วนายท่าน ว่าแล้วก็ลูบคลำทองแท่งนุ่มมือชื่นใจ
    ในที่สุดในปี ค.ศ. 1912 Deutsche bank ก็สามารถเจรจาให้ ออตโตมานลงนามให้ Bagdad Rail Co. ได้รับสิทธิในพื้นที่ (right of way) กว้าง 20 กิโลเมตร สองข้างทางรถไฟยาวไปตลอดทาง เส้นทางนี้ยาวไปถึง Mosul ซึ่งเป็นอิรักในปัจจุบัน ถึงตอนนี้ เยอรมันรู้แล้วว่า น้ำมันเป็นสิ่งมีค่าและจำเป็น และเยอรมันแม้มีเหล็ก มีอุตสาหกรรมเข้มแข็งอยู่เต็มประเทศ แต่ไม่มีแหล่งน้ำมันของตนเอง ทำให้ตนเองตกอยู่ในกำมือของบริษัทน้ำมันใหญ่ของอเมริกา Standard Oil Company ของนาย Rockefeller โคตรรวยนั่นเอง
    ค.ศ. 1912 เยอรมันตั้งบริษัทร่วมกับ Standard Oil โดยฝ่ายอเมริกัน ถือหุ้น 91% และ Deutsche ถือหุ้น 9% เป็นการเจรจาทางธุรกิจที่ล้มเหลวสุดแย่ของเยอรมัน และเยอรมันก็รู้ตัว แต่ไม่มีทางเลือกในตอนนั้น เรื่องการยืมจมูกคนอื่นหายใจ ใครก็คงยอมไม่ได้นาน ตั้งโรงงานอุตสาหกรรมเข้าไปเต็มบ้านเมือง แต่ไม่มีแหล่งน้ำมันของตัวเอง มิน่า ชาวเกาะใหญ่ เขาถึงได้ว่า เฟอะฟะ ! น่าจะโดนด่ามากกว่านั้นนะ
    การสร้างทางรถไฟสาย Berlin Bagdad ก็ดูเหมือนจะเป็นการเดินทางไปหาจมูกหายใจ ให้กับตนเองของเยอรมัน ที่ต้องไม่มีส่วนผสมของ Standard Oil เจือปนอีกต่อไป และไม่มีการอุดปากปิดจมูกขัดขวาง จากอังกฤษด้วยเช่นเดียวกัน
    อังกฤษเองก็ใช่ว่าจะมีแหล่งน้ำมันของตนเอง แต่อาศัยความเก๋าและการวางหมาก ที่แยบยล จึงหลอกได้แหล่งน้ำมัน Anglo Persian Oil มา และในค.ศ. 1915 ภายใต้รัฐบาลที่นำโดยหลอด Churchill อังกฤษก็ซื้อหุ้นเพิ่มกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน Anglo Persian Oil ซึ่งปัจจุบัน คือ British Petroleum นั่นแหละ
    อังกฤษบอกกับตัวเองว่า ถ้าเราไม่สามารถจะสร้าง Daimler ได้อย่างเยอรมัน สิ่งที่เราควรทำก็คือ ควบคุมวัตถุดิบ ที่ Daimler จำเป็นต้องใช้ในการวิ่ง เท่านั้นเอง !
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
28 ส.ค. 2557
    เหยื่อ – ขวาง ตอนที่ 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 2 : “ขวาง 4” ค.ศ. 1889 กลุ่มนักธุรกิจอุตสาหกรรมของเยอรมัน นำโดย Deutsche Bank ไปได้สัมปทานจากรัฐบาลออตโตมาน ให้สร้างทางรถไฟจากกรุงคอนแสตนติโนเปิลไปถึงแคว้นอนาโตเลีย (Anatolia) ซึ่งต่อมาตกลงขยายเส้นทาง เป็น Berlin Bagdad

เยอรมันนั้นอยากคบค้ากับออตโตมานมานานแล้ว เพื่อให้เป็นตลาดใหญ่ทางตะวันออกของประเทศทางด้านอุตสาหกรรม ทางรถไฟสาย Berlin Bagdad ก็น่าจะเป็นยุทธศาสตร์การค้าที่ดี แต่การหาแหล่งน้ำมันก็น่าจะเป็นสิ่งที่เยอรมันแอบซ่อนอยู่ อังกฤษคิดระแวงและพร้อมที่จะขวางทุกกระบวนท่า ความรู้สึกชิงชังเยอรมันที่อังกฤษแสดงในช่วง ค.ศ. 1890 เป็นต้นมาในตะวันออกกลาง ก็น่าจะงอกเงยมาจากทางรถไฟสายชิงชัง Berlin Bagdad และความระแวงเยอรมันเรื่องน้ำมัน เป็นครั้งแรกที่ทางรถไฟจะเชื่อมอาณาจักรออตโตมานด้วยกันได้หมด และเมื่อไปถึง Bagdad จะทำให้เป็นการเดินทางภาคพื้นดินที่เร็วที่สุด และถูกที่สุดด้วย อังกฤษก็มองเห็นจุดนี้และเห็นมากกว่า อังกฤษบอกว่าแบบนี้ผู้คนก็แห่กันไปใช้รถไฟหมด แล้วเรือเราจะขนอะไร และถ้าเยอรมันกับพวกเตอร์กเกิดเล่นกล จับมือกันบุกอียิปต์ ซึ่งอังกฤษมีผลประโยชน์มหาศาลอยู่ ผลประโยชน์ในอียิปต์เราจะเป็นอย่างไร มองดูจากแผนที่ เส้นทางที่รถไฟ Berlin Bagdad จะวิ่งผ่านเมืองใหญ่อะไรบ้าง เริ่มที่อาณาจักรเยอรมัน อาณาจักรออสเตรีย บูลกาเรีย และออตโตมาน (ตุรกี) และมีเมืองเล็ก ๆ คือ เซอร์เบีย (Serbia) ที่กั้นขวางระหว่าง ต้นทางกับปลายทางเซอร์เบีย อยู่ระหว่างเยอรมันกับทางเข้ากรุงแสตนติโนเปิลและ Salonika เหมือนเป็นประตูสู่ตะวันออก ถ้าเซอร์เบีย ถูกถล่ม หรือถูกนำเข้าไปเป็นตัวแสดง ขัดขวางทางเดินของรางรถไฟ Berlin Bagdad อาณานิคมอันกว้างใหญ่ของเรา คงถูกเยอรมันบุกเข้ามาขยี้แน่นอน… R.G.D Laffan ที่ปรึกษาการทหารของอังกฤษประจำกองทัพที่เซอร์เบีย รำพึง อึ่ม ! น่าสนใจ ! อันที่จริงตลอดเวลาที่คิดก่อสร้างทางรถไฟสายชิงชังนี้ เยอรมันรู้ว่าอังกฤษไม่พอใจ และถ้าไม่มีอังกฤษร่วม เยอรมันก็เหนื่อยแน่ในการหาเงินมาสนับสนุนการก่อสร้าง Deutsche Bank รับรายเดียวคงหลังแอ่น เยอรมันลงทุนง้องอนอังกฤษให้ร่วมมือ ถึงขนาดปลายปี ค.ศ. 1899 พระเจ้า Kaiser Wilhelm ที่ II อุตส่าห์ไปหา พระนาง Victoria เป็นการส่วนตัวที่วังวินด์เซอร์ เพื่อขอให้แนะนำรัฐบาลอังกฤษ เข้าร่วมในการสร้างรถไฟรายนี้ แต่อังกฤษไม่รับไมตรี
ตลอดเวลา 15 ปี อังกฤษได้พยายาม ทั้งเสี้ยม ทั้งขวาง ทั้งขัด ทุกวิถีทางที่จะไม่ให้ทางรถไฟนี้เกิดขึ้นได้ นักเขียนประวัติศาสตร์ต่างบอกว่า ทางรถไฟสายนี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสงครามโลก ครั้งที่ 1 อันที่จริงอังกฤษก็ขวางเกือบสำเร็จ หมากตัวสำคัญที่อังกฤษนำมาใช้ ชื่อคูเวต (Kuwait) ! อังกฤษเลี้ยงดูคูเวตมานาน โดยเอาเรือรบมาจอดขวางอยู่ปากอ่าว เมื่อ ค.ศ. 1901 และประกาศให้ท่าเรือที่อยู่ใต้ไปนั้น Shaat al Arab ซึ่งปกครองโดย Sheikh Mubarak al-Sabah ให้เป็นรัฐที่อยู่ในความดูแลของอังกฤษ อย่างด้านๆ (British Protectorate) ระหว่างนั้น ออตโตมานป่วยเกินกว่าจะประท้วง ปล่อยเลยตามเลยและเห็นว่า Kuwait อยู่ไกลตัว Kuwait จึงเป็นหมากที่อังกฤษนำมาขวางไม่ให้ ทางรถไฟสาย Berlin Bagdad ผ่านเข้ามาที่อ่าว Persia ได้ แต่นั่นคือหมากเปิด ที่อังกฤษปล่อยออกไปขู่เยอรมัน เกี่ยวกับการสร้างทางรถไฟ ! ค.ศ. 1902 อังกฤษรู้แล้วว่า ดินแดนที่อังกฤษเรียกว่าเมโสโปเตเมีย ซึ่งปัจจุบันเป็นอิรักและคูเวต นั้น เต็มไปด้วยแหล่งน้ำมัน มีมากแค่ไหน และจะเข้าไปเอาอย่างไร เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ว่ากันที่หลัง ที่สำคัญ ต้องกัน ต้องขวาง อย่าให้ใครเข้ามายุ่งไว้ก่อน โดยเฉพาะเยอรมัน ค.ศ. 1907 Sheikh Mubarak Al Sabah (ซึ่งยึดอำนาจปกครองทั้งแคว้นได้ตั้งแต่ปี ค.ศ 1896 โดยฆ่าพี่ชายน้องชาย 2 คน ขณะที่นอนหลับอยู่ในวัง และคงมีคนช่วยที่เราน่าจะพอเดาออก) ได้ตกลงทำสัญญาให้อังกฤษเช่าที่ดินบริเวณ Bander Shwaikh เป็นสัญญาเช่าประเภทที่ไม่วันหมดอายุ ! มีรายงานว่า Sheikh จอมโหด ได้ค่าทำสัญญาเป็นทองคำและปืนไรเฟิลจากรัฐบาลอังกฤษเป็นค่าลงลายมือไปโขอยู่ เดือนตุลาคม ค.ศ. 1913 Sir Percy Cox ตัวแทนรัฐบาลอังกฤษ ยังจับมือให้ Sheikh ทำสัญญาสำคัญอีกฉบับหนึ่ง ที่ทั้งผูกทั้งมัดคูเวต ว่าจะไม่ให้หน้าไหน มาได้สัมปทานน้ำมันในแถบนั้นไป เว้นแต่เป็นผู้ที่รัฐบาลอังกฤษส่งมา เข้าใจไหม Sheikh บอกเข้าใจแล้วนายท่าน ว่าแล้วก็ลูบคลำทองแท่งนุ่มมือชื่นใจ ในที่สุดในปี ค.ศ. 1912 Deutsche bank ก็สามารถเจรจาให้ ออตโตมานลงนามให้ Bagdad Rail Co. ได้รับสิทธิในพื้นที่ (right of way) กว้าง 20 กิโลเมตร สองข้างทางรถไฟยาวไปตลอดทาง เส้นทางนี้ยาวไปถึง Mosul ซึ่งเป็นอิรักในปัจจุบัน ถึงตอนนี้ เยอรมันรู้แล้วว่า น้ำมันเป็นสิ่งมีค่าและจำเป็น และเยอรมันแม้มีเหล็ก มีอุตสาหกรรมเข้มแข็งอยู่เต็มประเทศ แต่ไม่มีแหล่งน้ำมันของตนเอง ทำให้ตนเองตกอยู่ในกำมือของบริษัทน้ำมันใหญ่ของอเมริกา Standard Oil Company ของนาย Rockefeller โคตรรวยนั่นเอง ค.ศ. 1912 เยอรมันตั้งบริษัทร่วมกับ Standard Oil โดยฝ่ายอเมริกัน ถือหุ้น 91% และ Deutsche ถือหุ้น 9% เป็นการเจรจาทางธุรกิจที่ล้มเหลวสุดแย่ของเยอรมัน และเยอรมันก็รู้ตัว แต่ไม่มีทางเลือกในตอนนั้น เรื่องการยืมจมูกคนอื่นหายใจ ใครก็คงยอมไม่ได้นาน ตั้งโรงงานอุตสาหกรรมเข้าไปเต็มบ้านเมือง แต่ไม่มีแหล่งน้ำมันของตัวเอง มิน่า ชาวเกาะใหญ่ เขาถึงได้ว่า เฟอะฟะ ! น่าจะโดนด่ามากกว่านั้นนะ การสร้างทางรถไฟสาย Berlin Bagdad ก็ดูเหมือนจะเป็นการเดินทางไปหาจมูกหายใจ ให้กับตนเองของเยอรมัน ที่ต้องไม่มีส่วนผสมของ Standard Oil เจือปนอีกต่อไป และไม่มีการอุดปากปิดจมูกขัดขวาง จากอังกฤษด้วยเช่นเดียวกัน อังกฤษเองก็ใช่ว่าจะมีแหล่งน้ำมันของตนเอง แต่อาศัยความเก๋าและการวางหมาก ที่แยบยล จึงหลอกได้แหล่งน้ำมัน Anglo Persian Oil มา และในค.ศ. 1915 ภายใต้รัฐบาลที่นำโดยหลอด Churchill อังกฤษก็ซื้อหุ้นเพิ่มกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน Anglo Persian Oil ซึ่งปัจจุบัน คือ British Petroleum นั่นแหละ อังกฤษบอกกับตัวเองว่า ถ้าเราไม่สามารถจะสร้าง Daimler ได้อย่างเยอรมัน สิ่งที่เราควรทำก็คือ ควบคุมวัตถุดิบ ที่ Daimler จำเป็นต้องใช้ในการวิ่ง เท่านั้นเอง ! สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
28 ส.ค. 2557
    0 Comments 0 Shares 141 Views 0 Reviews

  • บทบาทของ UN ในการปลดปล่อยอาณานิคม
    การสนับสนุนการตัดสินใจด้วยตนเอง: UN ยึดมั่นในหลักการของการตัดสินใจด้วยตนเองของประชาชน (self-determination) และสนับสนุนการให้เอกราชแก่ดินแดนอาณานิคม.
    การส่งเสริมการเจรจา: UN ทำหน้าที่เป็นเวทีสำหรับการเจรจาและการเจรจาต่อรองระหว่างรัฐบาลอาณานิคมและขบวนการชาตินิยมเพื่อนำไปสู่การปลดปล่อยอาณานิคม.
    การประณามการปกครองของต่างชาติ: UN และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประณามการใช้กำลังและการกดขี่ที่เกิดขึ้นในดินแดนอาณานิคม และเรียกร้องให้ยุติการปกครองของต่างชาติ.
    การช่วยเหลือทางการเมือง: UN ให้การสนับสนุนทางการเมืองแก่ประเทศที่ได้รับเอกราช และช่วยในการสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาคหลังการปลดปล่อยอาณานิคม.


    กระทรวงการต่างประเทศไทยเราต้องเดินเรื่องหรือเรียกร้องหรือฟ้องดำเนินคดีกับประเทศฝรั่งเศสกับUNgaนี้ทันที,ด้วยที่ฝรั่งเศสมาปล้นอธิปไตยไทยแล้ว ปลดปล่อยอาณานิคมคืนผิดประเทศซึ่งจริงๆต้องปลดปล่อยอาณานิคมคืนแก่ประเทศไทยจึงจะถูกต้อง,ไทยมิได้ทำสนธิสัญญากับพวกไม่มีตัวตนใดๆในสมัยนั้นคือเขมรแต่เราทำสนธิสัญญากับฝรั่งเศส ฝรั่งเศสต้องจบเรื่องนี้กับไทยโดยตรง,คืนดินแดนเราผ่านUNgaทันทีตามเงื่อนไขที่ชาติล่าอาญานิคมต้องคืนหลังสิ้นสุดยุคล่าอาญานิคมตามเงื่อนไขUNการปลดปล่อยอาณานิคมต้องคืนดินแดนให้ชาติเจ้าของเดิมนั้น,ทั้งฝรั่งเศสปล้นดินแดนไทยชัดเจนด้วย, รับเงินของไทยไปแล้ว หรือค่าการซื้อแผ่นดินคืนไปแล้ว,มีพยานหลักฐานชัดเจน.
    ..ด้วยความสามรถทางการฑูตเราในปัจจุบันสามารถเชิญฑูตฝรั่งเศสมาเจรจาก่อน,ถ้าฝรั่งเศสปฏิเสธก็เชิญฑูตฝรั่งเศสและกิจการฝรั่งเศสทั้งหมดในไทย รวมไม่ว่าจะเป็นกิจการใดๆของฝรั่งเศส ทุนฝรั่งเศสทั้งหมดรวมถึงนอนินีฝรั่งเศสตลอดบริษัทแม่ลูกในเครือฝรั่งเศสทั้งหมดเชิญออกจากราชอาณาจักรไทยก่อนทันที,บวกรณรงค์คนไทยเราร่วมแบนฝรั่งเศสด้วย,จนกว่าเรื่องดินแดนไทยกับเขมรที่ได้ดินแดนผิดไปคือพระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ และมลฑลบูรพาเราทั้งหมดที่ฝรั่งปล้นไปด้วยปืนที่ว่าเหนือกว่าไทยในสมัยนั้นคืนมาทั้งหมดก่อนหรือเบื้องต้นคือสันปันน้ำเขตแดนทั้ง73เสาหลักปักเขตแดนที่ไทยกับฝรั่งเศสทำไว้1:1นี้ยุติลงโดยสมบูรณ์หรือเขมรคืนดินแดนไทยที่ว่ามาทั้งหมดให้แก่ฝรั่งเศสชาติปกครองเขมรในสมัยนั้นแล้วฝรั่งเศสต้องนำมาคืนไทยบนเวทีUNสากลโลกอย่างเป็นทางการทันทีด้วย เรื่องทั้งหมดจึงจะจบลงอย่างสมบูรณ์ที่ฝรั่งเศสเองนี้ก่อเรื่องเองไว้แต่ต้นเรื่อง เป็นต้นเหตุของเรื่องของทุกๆปัญหาทั้งหมดที่ไทยมีกับเขมรในปัจจุบัน,ปัญหาไทยกับเขมรจะยุติลงที่ต้นเหตุทันที.
    ..รัฐบาลอนุทิน4เดือนแต่ทำงานเหมือน4ปีจะได้ใจคนไทยทันที นายกฯสมัยต่อไปหรือสมัยหน้าได้เป็นอีกแน่นอน.

    ..รัฐบาลอนุทินต้องสั่งการคนของตนคือ กต.ไปฟ้องดำเนินคดีกับประเทศฝรั่งเศสทันทีที่UNผ่านช่องทางUNเพราะเมื่อฝรั่งเศสผิดหลักการ กระทำการผิดเงื่อนไขการปฏิบัติที่ถูกต้องของUN,ไม่ทำตามกฎหมายกฎระเบียบสากลโลกที่UNกำหนดแต่มีนัยยะบ่อนทำลายความสงบสุขในภูมิภาคอาเชียน ส่งเสริมให้เกิดความแตกแยกเรื่องดินแดนระหว่างไทยกับเขมร,สนับสนุนเขมรให้เป็นแหล่งก่ออาชญากรรมสงครามบนภูมิภาคอาเชียนและส่วนหนึ่งของเอเชียด้วย,จีน รัสเชีย อินเดีย ชาติเอเชียนและอาเชียนทั้งหมดสามารถกดดันฝรั่งเศสและUNให้ทำสิ่งที่ถูกต้องได้จาก ทำสิ่งที่ผิดพลาดในอดีตไปแล้ว,ให้ไทยคือเคสกรณีศึกษาแรกของโลกด้วยเพื่อให้ชาติล่าอาณานิคมในอดีตมีจิตสำนึกทำสิ่งที่ต้องทำ ทำให้ถูกต้อง.

    https://youtube.com/shorts/08SI9Mj299c?si=VWXR9Ec619rbBOl2
    บทบาทของ UN ในการปลดปล่อยอาณานิคม การสนับสนุนการตัดสินใจด้วยตนเอง: UN ยึดมั่นในหลักการของการตัดสินใจด้วยตนเองของประชาชน (self-determination) และสนับสนุนการให้เอกราชแก่ดินแดนอาณานิคม. การส่งเสริมการเจรจา: UN ทำหน้าที่เป็นเวทีสำหรับการเจรจาและการเจรจาต่อรองระหว่างรัฐบาลอาณานิคมและขบวนการชาตินิยมเพื่อนำไปสู่การปลดปล่อยอาณานิคม. การประณามการปกครองของต่างชาติ: UN และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประณามการใช้กำลังและการกดขี่ที่เกิดขึ้นในดินแดนอาณานิคม และเรียกร้องให้ยุติการปกครองของต่างชาติ. การช่วยเหลือทางการเมือง: UN ให้การสนับสนุนทางการเมืองแก่ประเทศที่ได้รับเอกราช และช่วยในการสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาคหลังการปลดปล่อยอาณานิคม. กระทรวงการต่างประเทศไทยเราต้องเดินเรื่องหรือเรียกร้องหรือฟ้องดำเนินคดีกับประเทศฝรั่งเศสกับUNgaนี้ทันที,ด้วยที่ฝรั่งเศสมาปล้นอธิปไตยไทยแล้ว ปลดปล่อยอาณานิคมคืนผิดประเทศซึ่งจริงๆต้องปลดปล่อยอาณานิคมคืนแก่ประเทศไทยจึงจะถูกต้อง,ไทยมิได้ทำสนธิสัญญากับพวกไม่มีตัวตนใดๆในสมัยนั้นคือเขมรแต่เราทำสนธิสัญญากับฝรั่งเศส ฝรั่งเศสต้องจบเรื่องนี้กับไทยโดยตรง,คืนดินแดนเราผ่านUNgaทันทีตามเงื่อนไขที่ชาติล่าอาญานิคมต้องคืนหลังสิ้นสุดยุคล่าอาญานิคมตามเงื่อนไขUNการปลดปล่อยอาณานิคมต้องคืนดินแดนให้ชาติเจ้าของเดิมนั้น,ทั้งฝรั่งเศสปล้นดินแดนไทยชัดเจนด้วย, รับเงินของไทยไปแล้ว หรือค่าการซื้อแผ่นดินคืนไปแล้ว,มีพยานหลักฐานชัดเจน. ..ด้วยความสามรถทางการฑูตเราในปัจจุบันสามารถเชิญฑูตฝรั่งเศสมาเจรจาก่อน,ถ้าฝรั่งเศสปฏิเสธก็เชิญฑูตฝรั่งเศสและกิจการฝรั่งเศสทั้งหมดในไทย รวมไม่ว่าจะเป็นกิจการใดๆของฝรั่งเศส ทุนฝรั่งเศสทั้งหมดรวมถึงนอนินีฝรั่งเศสตลอดบริษัทแม่ลูกในเครือฝรั่งเศสทั้งหมดเชิญออกจากราชอาณาจักรไทยก่อนทันที,บวกรณรงค์คนไทยเราร่วมแบนฝรั่งเศสด้วย,จนกว่าเรื่องดินแดนไทยกับเขมรที่ได้ดินแดนผิดไปคือพระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ และมลฑลบูรพาเราทั้งหมดที่ฝรั่งปล้นไปด้วยปืนที่ว่าเหนือกว่าไทยในสมัยนั้นคืนมาทั้งหมดก่อนหรือเบื้องต้นคือสันปันน้ำเขตแดนทั้ง73เสาหลักปักเขตแดนที่ไทยกับฝรั่งเศสทำไว้1:1นี้ยุติลงโดยสมบูรณ์หรือเขมรคืนดินแดนไทยที่ว่ามาทั้งหมดให้แก่ฝรั่งเศสชาติปกครองเขมรในสมัยนั้นแล้วฝรั่งเศสต้องนำมาคืนไทยบนเวทีUNสากลโลกอย่างเป็นทางการทันทีด้วย เรื่องทั้งหมดจึงจะจบลงอย่างสมบูรณ์ที่ฝรั่งเศสเองนี้ก่อเรื่องเองไว้แต่ต้นเรื่อง เป็นต้นเหตุของเรื่องของทุกๆปัญหาทั้งหมดที่ไทยมีกับเขมรในปัจจุบัน,ปัญหาไทยกับเขมรจะยุติลงที่ต้นเหตุทันที. ..รัฐบาลอนุทิน4เดือนแต่ทำงานเหมือน4ปีจะได้ใจคนไทยทันที นายกฯสมัยต่อไปหรือสมัยหน้าได้เป็นอีกแน่นอน. ..รัฐบาลอนุทินต้องสั่งการคนของตนคือ กต.ไปฟ้องดำเนินคดีกับประเทศฝรั่งเศสทันทีที่UNผ่านช่องทางUNเพราะเมื่อฝรั่งเศสผิดหลักการ กระทำการผิดเงื่อนไขการปฏิบัติที่ถูกต้องของUN,ไม่ทำตามกฎหมายกฎระเบียบสากลโลกที่UNกำหนดแต่มีนัยยะบ่อนทำลายความสงบสุขในภูมิภาคอาเชียน ส่งเสริมให้เกิดความแตกแยกเรื่องดินแดนระหว่างไทยกับเขมร,สนับสนุนเขมรให้เป็นแหล่งก่ออาชญากรรมสงครามบนภูมิภาคอาเชียนและส่วนหนึ่งของเอเชียด้วย,จีน รัสเชีย อินเดีย ชาติเอเชียนและอาเชียนทั้งหมดสามารถกดดันฝรั่งเศสและUNให้ทำสิ่งที่ถูกต้องได้จาก ทำสิ่งที่ผิดพลาดในอดีตไปแล้ว,ให้ไทยคือเคสกรณีศึกษาแรกของโลกด้วยเพื่อให้ชาติล่าอาณานิคมในอดีตมีจิตสำนึกทำสิ่งที่ต้องทำ ทำให้ถูกต้อง. https://youtube.com/shorts/08SI9Mj299c?si=VWXR9Ec619rbBOl2
    0 Comments 0 Shares 109 Views 0 Reviews
  • "จำไว้นะลูกชีวิตอยู่ที่เราเลือกเอง"
    ไปกับ"ผึ้ง"ลูกจะเจอ...ดอกไม้หอม
    ไปกับ"แมลงวัน"ลูกจะเจอ...ห้องน้ำ
    ไปกับ"คนรวย"ลูกจะได้...เรียนรู้วิธีหาเงิน
    ไปกับ"ขอทาน"ลูกจะได้..เรียนรู้วิธีขออาหาร
    มันไม่สำคัญว่า"ลูกเป็นใคร"
    มันสำคัญที่'ลูกอยู่กับใคร"
    ถ้าลูกอยู่กับ...คนใจกว้าง
    ลูกจะมี...สังคมที่กว้างมากยิ่งขึ้น
    ถ้าลูกอยู่กับ...คนใจบุญ
    ลูกจะเกิด...จิตเมตตามากยิ่งขึ้น
    ถ้าลูกอยู่กับ...คนกล้าหาญ
    ลูกจะ...แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
    ถ้าลูกอยู่กับ...คนมองโลกในแง่ดี
    ลูกจะมี...ความสุขมากยิ่งขึ้น
    ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้มันอยู่ที่เราเลือก
    เลือกสิ่งที่ดีมันก็ดีกับตัวเอง!!!
    #คำคมปรัชญาชีวิต #ข้อคิดดีๆ
    "จำไว้นะลูกชีวิตอยู่ที่เราเลือกเอง" ไปกับ"ผึ้ง"ลูกจะเจอ...ดอกไม้หอม ไปกับ"แมลงวัน"ลูกจะเจอ...ห้องน้ำ ไปกับ"คนรวย"ลูกจะได้...เรียนรู้วิธีหาเงิน ไปกับ"ขอทาน"ลูกจะได้..เรียนรู้วิธีขออาหาร มันไม่สำคัญว่า"ลูกเป็นใคร" มันสำคัญที่'ลูกอยู่กับใคร" ถ้าลูกอยู่กับ...คนใจกว้าง ลูกจะมี...สังคมที่กว้างมากยิ่งขึ้น ถ้าลูกอยู่กับ...คนใจบุญ ลูกจะเกิด...จิตเมตตามากยิ่งขึ้น ถ้าลูกอยู่กับ...คนกล้าหาญ ลูกจะ...แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ถ้าลูกอยู่กับ...คนมองโลกในแง่ดี ลูกจะมี...ความสุขมากยิ่งขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้มันอยู่ที่เราเลือก เลือกสิ่งที่ดีมันก็ดีกับตัวเอง!!! #คำคมปรัชญาชีวิต #ข้อคิดดีๆ
    0 Comments 0 Shares 56 Views 0 Reviews
  • 'ไทยก้าวใหม่' ตั้งเป้าปราบโกง ใช้ AI สร้างราชการโปร่งใส ปลูกฝังค่านิยมซื่อสัตย์ตั้งแต่เด็ก มุ่งมั่นสร้างคุณภาพชีวิต แก้ปัญหาน้ำท่วม-แล้งอย่างยั่งยืน
    https://www.thai-tai.tv/news/21746/
    .
    #พรรคไทยก้าวใหม่ #ก้าวใหม่ให้ไทยสตรอง #ธนู4ดอก #การศึกษาคือทางรอด #เศรษฐกิจชาตินิยมใหม่ #AIปราบโกง #อาชีวะอินเตอร์ #ลดเหลื่อมล้ำ
    'ไทยก้าวใหม่' ตั้งเป้าปราบโกง ใช้ AI สร้างราชการโปร่งใส ปลูกฝังค่านิยมซื่อสัตย์ตั้งแต่เด็ก มุ่งมั่นสร้างคุณภาพชีวิต แก้ปัญหาน้ำท่วม-แล้งอย่างยั่งยืน https://www.thai-tai.tv/news/21746/ . #พรรคไทยก้าวใหม่ #ก้าวใหม่ให้ไทยสตรอง #ธนู4ดอก #การศึกษาคือทางรอด #เศรษฐกิจชาตินิยมใหม่ #AIปราบโกง #อาชีวะอินเตอร์ #ลดเหลื่อมล้ำ
    0 Comments 0 Shares 72 Views 0 Reviews
  • วิธีปลุกประชาชนตื่นรับรู้ กระตือรือร้นในการรับรู้ มันมีหลายวิธี คือยึดก่อนที่เป็นของไทย บนแผ่นดินไทยก็ส่วนหนึ่ง แบบยึดปราสาทนั้นล่ะ หรือ ทำลายทิ้งทันทีแบบบ่อนคาสิโนจึงค่อยรายงานทีหลัง,หรือแบบตาควายทำลายเลยเพราะดินแดนของเรา สร้างใหม่ได้ เขมรมาใช้ตาควายเป็นตัวประกันฝันสลายเลย,เพราะวัตถุธาตุเราสร้างใหม่ซ่อมแซมได้,การปล่อยศัตรูมิใช่วิสัยสนามรบ,
    ..กองทัพไทยเรา มีปัญหาภายในจริงๆ,ระหว่างกองทัพบูรพาพยัคฆ์ที่โหนเจ้ามานาน โหนชื่อว่าทหารพระราชินี ถือว่าเสียพระเกียรติมาก,สมควรยุบขบวนการชื่อนี้ทิ้งทันที มันสร้างวิถีแตกแยกในกองทัพไทยได้ ไม่เป็นปึกแผ่นใจเดียวกันเลย,แม่ทัพภาค2สู้เขมรเอาเป็นเอาตาย,หันมาดูแม่ทัพภาค1.เสือกนิ่งเฉยตลอดทั้งภาคตะวันออก สุดท้ายแต่ละเรื่องที่สื่อและกูรูแฉตัวตนออกมาของทั้งกองทัพภาค1ถือว่าเสมือนเป็นภัยความมั่นคงต่ออธิปไตยไทยชาติไทยตนเองทั้งสิ้น บ่อนคาสิโนเขมรในจังหวัดตราดคือรากเหง้าชัดเจน,ทหารดีๆภายในกองทัพภาค1ต้องเสื่อมเสียเกียรติไปด้วย,ศาลทหารไทยไม่ทำหน้าที่,มีการเมืองภายในศาลทหารชัดเจน เสื่อมเสียเกียรติภูมิมากของศาลทหาร ที่ไม่ยอมจัดการผู้บังคับบัญชาชั่วเลวในกองทัพตนเองเลย ปล่อยปละละเลยทั้งที่การข่าวตนมีโคตรๆมีประสิทธิภาพอยู่แล้ว,เป็นสายให้ทหารตำรวจก็สายไปแต่เสือกปล่อยลักษณะสร้างบ่อนคาสิโน ถนนหนทาง ไฟฟ้า ประปา เน็ต จนครบวงจร หน่วยข่าวกรองทหาร ศาลทหารเราละเว้นการปฏิบัติหน้าที่กำจัดคนชั่วเลวในกองทัพตนเสียเอง.
    ..วงการทหารและกองทัพไทยตนกวาดล้างกำจัดทำความสะอาดภายในกองทัพตนอย่างใหญ่หลวงจริงๆ,ประชาชนแบบเราๆสนับสนุนทหารน้ำดีทำการกวาดล้างทหารชั่วนายพลชั่วอดีตผู้นำกองทัพชั่วทันทีทั้งหมด,ตลอดรมต.กลาโหมทุกๆคนในอดีตที่ผ่านมาด้วยที่สร้างหายนะใหญ่หลวงต่อพิบัติภัยอธิปไตยดินแดนไทยแผ่นดินไทยเรานี้,พวกนี้ต้องถือกำจัดและลงโทษทุกๆคน.

    https://youtube.com/shorts/WgCWNsy-rQM?si=hkAZzSlpCUeSZayb

    วิธีปลุกประชาชนตื่นรับรู้ กระตือรือร้นในการรับรู้ มันมีหลายวิธี คือยึดก่อนที่เป็นของไทย บนแผ่นดินไทยก็ส่วนหนึ่ง แบบยึดปราสาทนั้นล่ะ หรือ ทำลายทิ้งทันทีแบบบ่อนคาสิโนจึงค่อยรายงานทีหลัง,หรือแบบตาควายทำลายเลยเพราะดินแดนของเรา สร้างใหม่ได้ เขมรมาใช้ตาควายเป็นตัวประกันฝันสลายเลย,เพราะวัตถุธาตุเราสร้างใหม่ซ่อมแซมได้,การปล่อยศัตรูมิใช่วิสัยสนามรบ, ..กองทัพไทยเรา มีปัญหาภายในจริงๆ,ระหว่างกองทัพบูรพาพยัคฆ์ที่โหนเจ้ามานาน โหนชื่อว่าทหารพระราชินี ถือว่าเสียพระเกียรติมาก,สมควรยุบขบวนการชื่อนี้ทิ้งทันที มันสร้างวิถีแตกแยกในกองทัพไทยได้ ไม่เป็นปึกแผ่นใจเดียวกันเลย,แม่ทัพภาค2สู้เขมรเอาเป็นเอาตาย,หันมาดูแม่ทัพภาค1.เสือกนิ่งเฉยตลอดทั้งภาคตะวันออก สุดท้ายแต่ละเรื่องที่สื่อและกูรูแฉตัวตนออกมาของทั้งกองทัพภาค1ถือว่าเสมือนเป็นภัยความมั่นคงต่ออธิปไตยไทยชาติไทยตนเองทั้งสิ้น บ่อนคาสิโนเขมรในจังหวัดตราดคือรากเหง้าชัดเจน,ทหารดีๆภายในกองทัพภาค1ต้องเสื่อมเสียเกียรติไปด้วย,ศาลทหารไทยไม่ทำหน้าที่,มีการเมืองภายในศาลทหารชัดเจน เสื่อมเสียเกียรติภูมิมากของศาลทหาร ที่ไม่ยอมจัดการผู้บังคับบัญชาชั่วเลวในกองทัพตนเองเลย ปล่อยปละละเลยทั้งที่การข่าวตนมีโคตรๆมีประสิทธิภาพอยู่แล้ว,เป็นสายให้ทหารตำรวจก็สายไปแต่เสือกปล่อยลักษณะสร้างบ่อนคาสิโน ถนนหนทาง ไฟฟ้า ประปา เน็ต จนครบวงจร หน่วยข่าวกรองทหาร ศาลทหารเราละเว้นการปฏิบัติหน้าที่กำจัดคนชั่วเลวในกองทัพตนเสียเอง. ..วงการทหารและกองทัพไทยตนกวาดล้างกำจัดทำความสะอาดภายในกองทัพตนอย่างใหญ่หลวงจริงๆ,ประชาชนแบบเราๆสนับสนุนทหารน้ำดีทำการกวาดล้างทหารชั่วนายพลชั่วอดีตผู้นำกองทัพชั่วทันทีทั้งหมด,ตลอดรมต.กลาโหมทุกๆคนในอดีตที่ผ่านมาด้วยที่สร้างหายนะใหญ่หลวงต่อพิบัติภัยอธิปไตยดินแดนไทยแผ่นดินไทยเรานี้,พวกนี้ต้องถือกำจัดและลงโทษทุกๆคน. https://youtube.com/shorts/WgCWNsy-rQM?si=hkAZzSlpCUeSZayb
    0 Comments 0 Shares 90 Views 0 Reviews
  • ปูตินถูกนักข่าวถามว่า "เหตุใดสหรัฐฯถึงสามารถซื้อแร่ยูเรเนียมจากรัสเซียได้ แต่สหรัฐกลับห้ามประเทศอื่นซื้อพลังงานจากรัสเซีย"

    ปูตินตอบกลับว่า "สิ่งที่จูปิเตอร์ทำได้ วัวจะทำไม่ได้" (Что позволено Юпитеру, то не позволено быку) ซึ่งเป็นคำพูดเปรียบเปรยที่มาจากภาษาละตินว่า ("Quod licet Iovi, non licet bovi")
    .
    หากแปลคำพูดของปูติน เขากำลังเสียดสีสหรัฐว่ามี "สองมาตรฐาน"
    "Quod licet Iovi" (สิ่งที่จูปิเตอร์ทำได้) = สหรัฐ โดยที่ "จูปิเตอร์" หมายถึงดาวพฤหัสที่ยิ่งใหญ่ หรือผู้มีอำนาจ หรือ เทพเจ้าสูงสุดแห่งโรมัน (เทียบเท่ากับซุสของกรีก) ในที่นี้ก็คือ สหรัฐ ซึ่งเป็นมหาอำนาจบนเวทีโลก สามารถ "ยกเว้นตนเอง" ออกจากกฎเกณฑ์ที่ตนเองตั้งขึ้นมาได้ (เช่น กฎการคว่ำบาตรพลังงานรัสเซีย) เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ที่การพึ่งพายูเรเนียมของรัสเซียมีความสำคัญอย่างยิ่ง

    ในขณะที่ "non licet bovi" (วัวทำไม่ได้/ห้ามทำ) ในที่นี้คือ ประเทศ อื่นๆ ซึ่งถูกสหรัฐฯกดดันและห้ามปรามไม่ให้ซื้อน้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย
    ปูตินถูกนักข่าวถามว่า "เหตุใดสหรัฐฯถึงสามารถซื้อแร่ยูเรเนียมจากรัสเซียได้ แต่สหรัฐกลับห้ามประเทศอื่นซื้อพลังงานจากรัสเซีย" ปูตินตอบกลับว่า "สิ่งที่จูปิเตอร์ทำได้ วัวจะทำไม่ได้" (Что позволено Юпитеру, то не позволено быку) ซึ่งเป็นคำพูดเปรียบเปรยที่มาจากภาษาละตินว่า ("Quod licet Iovi, non licet bovi") . หากแปลคำพูดของปูติน เขากำลังเสียดสีสหรัฐว่ามี "สองมาตรฐาน" 👉"Quod licet Iovi" (สิ่งที่จูปิเตอร์ทำได้) = สหรัฐ โดยที่ "จูปิเตอร์" หมายถึงดาวพฤหัสที่ยิ่งใหญ่ หรือผู้มีอำนาจ หรือ เทพเจ้าสูงสุดแห่งโรมัน (เทียบเท่ากับซุสของกรีก) ในที่นี้ก็คือ สหรัฐ ซึ่งเป็นมหาอำนาจบนเวทีโลก สามารถ "ยกเว้นตนเอง" ออกจากกฎเกณฑ์ที่ตนเองตั้งขึ้นมาได้ (เช่น กฎการคว่ำบาตรพลังงานรัสเซีย) เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ที่การพึ่งพายูเรเนียมของรัสเซียมีความสำคัญอย่างยิ่ง 👉ในขณะที่ "non licet bovi" (วัวทำไม่ได้/ห้ามทำ) ในที่นี้คือ ประเทศ อื่นๆ ซึ่งถูกสหรัฐฯกดดันและห้ามปรามไม่ให้ซื้อน้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 147 Views 0 0 Reviews
  • กองกำลังอิสราเอลพร้อมอาวุธครบมือยังคงบุกเข้าจับกุมลูกเรือจากขบวนเรือ "Global Sumud Flotilla" ตลอดทั้งวันในวันนี้

    ภาพวิดีโอจากเรือ Captain Nikos เปิดเผยช่วงเวลาที่กองกำลังอิสราเอลแอบลักลอบขึ้นไปบนเรือที่ลอยลำในน่านน้ำสากล เพื่อทำการจับกุมลูกเรือพลเรือนที่ปราศจากอาวุธ

    มีรายงานว่ามีพลเรือนถูกจับกุมไปแล้ว 443 คน ซึ่งมาจาก 47 ประเทศ
    กองกำลังอิสราเอลพร้อมอาวุธครบมือยังคงบุกเข้าจับกุมลูกเรือจากขบวนเรือ "Global Sumud Flotilla" ตลอดทั้งวันในวันนี้ ภาพวิดีโอจากเรือ Captain Nikos เปิดเผยช่วงเวลาที่กองกำลังอิสราเอลแอบลักลอบขึ้นไปบนเรือที่ลอยลำในน่านน้ำสากล เพื่อทำการจับกุมลูกเรือพลเรือนที่ปราศจากอาวุธ มีรายงานว่ามีพลเรือนถูกจับกุมไปแล้ว 443 คน ซึ่งมาจาก 47 ประเทศ
    0 Comments 0 Shares 161 Views 0 0 Reviews
More Results