• เอาแล้วรัฐสภา น้ำรั่วเพดานพังว่าแย่แล้ว ปลวกกินตะเคียนยอมเลยงานนี้ (18/11/68)
    .
    #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #รัฐสภา #ปลวกกินตะเคียน #น้ำรั่ว #โครงสร้างอาคาร #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate
    เอาแล้วรัฐสภา น้ำรั่วเพดานพังว่าแย่แล้ว ปลวกกินตะเคียนยอมเลยงานนี้ (18/11/68) . #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #รัฐสภา #ปลวกกินตะเคียน #น้ำรั่ว #โครงสร้างอาคาร #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate
    0 Comments 0 Shares 48 Views 0 0 Reviews
  • สภา 2 หมื่นล้านสุดเละเทะ พื้นไม้ตะเคียงทองปลอมผุ เพดานรั่ว น้ำขังปลั๊กไฟ เขื่อนกั้นน้ำขวางทางรถเข็นคนพิการ , วัชระเผยเจอไม้ไม่ตรงสัญญา-ปลวกกิน-ห้องใช้งานไม่ได้หลายจุด แถมปัญหาน้ำรั่ว-ปลั๊กไฟท่วม ตั้งข้อสงสัยขั้นตอนตรวจรับ

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000109579

    #รัฐสภาไทย #การเมืองไทย #ตรวจสอบทุจริต #ทุจริตก่อสร้าง #News1live #News1
    สภา 2 หมื่นล้านสุดเละเทะ พื้นไม้ตะเคียงทองปลอมผุ เพดานรั่ว น้ำขังปลั๊กไฟ เขื่อนกั้นน้ำขวางทางรถเข็นคนพิการ , วัชระเผยเจอไม้ไม่ตรงสัญญา-ปลวกกิน-ห้องใช้งานไม่ได้หลายจุด แถมปัญหาน้ำรั่ว-ปลั๊กไฟท่วม ตั้งข้อสงสัยขั้นตอนตรวจรับ • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000109579 • #รัฐสภาไทย #การเมืองไทย #ตรวจสอบทุจริต #ทุจริตก่อสร้าง #News1live #News1
    Haha
    Sad
    2
    0 Comments 0 Shares 157 Views 0 Reviews
  • “บ้านอัจฉริยะเริ่มต้นที่เซนเซอร์วัดอุณหภูมิ – เทคโนโลยีเล็กๆ ที่เปลี่ยนชีวิต”

    คุณอาจคิดว่าบ้านอัจฉริยะต้องมีอุปกรณ์ล้ำยุคเต็มบ้าน แต่จริงๆ แล้วจุดเริ่มต้นอาจเป็นแค่ “เซนเซอร์วัดอุณหภูมิ” ตัวเล็กๆ ที่เปลี่ยนวิธีใช้ชีวิตของคุณได้อย่างน่าทึ่ง

    ลองนึกภาพว่าแสงแดดส่องเข้าหน้าต่างตอนบ่าย เซนเซอร์ตรวจจับความร้อนแล้วสั่งให้ม่านปิดอัตโนมัติ หรือเมื่ออุณหภูมิในห้องสูงเกินไป พัดลมก็เปิดเองโดยไม่ต้องแตะสวิตช์

    ไม่ใช่แค่เรื่องความสะดวก แต่ยังช่วยประหยัดพลังงาน ป้องกันอันตราย และดูแลคนในบ้านได้อย่างชาญฉลาด เช่น แจ้งเตือนเมื่ออุณหภูมิลดต่ำจนเสี่ยงท่อน้ำแข็งแตก หรือเมื่ออากาศในบ้านร้อนเกินไปสำหรับสัตว์เลี้ยง

    เทคโนโลยีนี้ไม่จำเป็นต้องซับซ้อน แค่เซนเซอร์ที่เชื่อมกับแอปมือถือก็สามารถแจ้งเตือนให้คุณเปิดหน้าต่าง ปรับเครื่องปรับอากาศ หรือแม้แต่เตรียมก่อไฟในเตาผิงได้ทันเวลา

    ใช้เซนเซอร์ควบคุมม่านอัตโนมัติ
    ปรับม่านตามอุณหภูมิภายนอกเพื่อควบคุมความร้อนในบ้าน
    ลดการใช้เครื่องปรับอากาศและประหยัดพลังงาน
    ใช้ร่วมกับระบบ SwitchBot หรือแพลตฟอร์มอื่นได้

    เปิดพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ
    เซนเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิในแต่ละห้อง
    สั่งงานผ่านสมาร์ทปลั๊กหรือระบบบ้านอัจฉริยะ
    เหมาะสำหรับบ้านที่ไม่มีระบบ HVAC รวมศูนย์

    รับการแจ้งเตือนผ่านมือถือ
    แจ้งเมื่ออุณหภูมิสูงหรือต่ำเกินค่าที่ตั้งไว้
    ช่วยดูแลสัตว์เลี้ยง พืช และสมาชิกในบ้าน
    วิเคราะห์ประวัติอุณหภูมิเพื่อวางแผนการใช้พลังงาน

    เปิดหรือปิดหน้าต่างตามสภาพอากาศ
    เปรียบเทียบอุณหภูมิภายนอกกับภายใน
    แจ้งเตือนให้เปิดหน้าต่างเมื่ออากาศเย็นกว่า
    สามารถตั้งระบบเปิดหน้าต่างอัตโนมัติได้ (ต้องมีอุปกรณ์เสริม)

    ป้องกันท่อน้ำแข็งแตกในฤดูหนาว
    ติดตั้งเซนเซอร์ในพื้นที่เสี่ยง เช่น ใต้ถุนหรือห้องใต้ดิน
    แจ้งเตือนเมื่ออุณหภูมิต่ำเกินไป
    บางรุ่นมีฟังก์ชันวัดความชื้นเพื่อเตือนภัยน้ำรั่ว

    การติดตั้งในพื้นที่ที่มีสัญญาณไม่เสถียร
    เซนเซอร์บางรุ่นอาจไม่ทำงานหาก Wi-Fi หรือ Bluetooth ขาดช่วง
    ควรเลือกอุปกรณ์ที่มีระบบแจ้งเตือนเมื่อขาดการเชื่อมต่อ

    ความแม่นยำของเซนเซอร์ราคาถูก
    เซนเซอร์บางรุ่นอาจมีค่าคลาดเคลื่อนสูง
    ควรตรวจสอบรีวิวและเลือกแบรนด์ที่เชื่อถือได้

    https://www.slashgear.com/2017704/temperature-sensor-home-uses/
    🌡️ “บ้านอัจฉริยะเริ่มต้นที่เซนเซอร์วัดอุณหภูมิ – เทคโนโลยีเล็กๆ ที่เปลี่ยนชีวิต” คุณอาจคิดว่าบ้านอัจฉริยะต้องมีอุปกรณ์ล้ำยุคเต็มบ้าน แต่จริงๆ แล้วจุดเริ่มต้นอาจเป็นแค่ “เซนเซอร์วัดอุณหภูมิ” ตัวเล็กๆ ที่เปลี่ยนวิธีใช้ชีวิตของคุณได้อย่างน่าทึ่ง ลองนึกภาพว่าแสงแดดส่องเข้าหน้าต่างตอนบ่าย เซนเซอร์ตรวจจับความร้อนแล้วสั่งให้ม่านปิดอัตโนมัติ หรือเมื่ออุณหภูมิในห้องสูงเกินไป พัดลมก็เปิดเองโดยไม่ต้องแตะสวิตช์ ไม่ใช่แค่เรื่องความสะดวก แต่ยังช่วยประหยัดพลังงาน ป้องกันอันตราย และดูแลคนในบ้านได้อย่างชาญฉลาด เช่น แจ้งเตือนเมื่ออุณหภูมิลดต่ำจนเสี่ยงท่อน้ำแข็งแตก หรือเมื่ออากาศในบ้านร้อนเกินไปสำหรับสัตว์เลี้ยง เทคโนโลยีนี้ไม่จำเป็นต้องซับซ้อน แค่เซนเซอร์ที่เชื่อมกับแอปมือถือก็สามารถแจ้งเตือนให้คุณเปิดหน้าต่าง ปรับเครื่องปรับอากาศ หรือแม้แต่เตรียมก่อไฟในเตาผิงได้ทันเวลา ✅ ใช้เซนเซอร์ควบคุมม่านอัตโนมัติ ➡️ ปรับม่านตามอุณหภูมิภายนอกเพื่อควบคุมความร้อนในบ้าน ➡️ ลดการใช้เครื่องปรับอากาศและประหยัดพลังงาน ➡️ ใช้ร่วมกับระบบ SwitchBot หรือแพลตฟอร์มอื่นได้ ✅ เปิดพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ ➡️ เซนเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิในแต่ละห้อง ➡️ สั่งงานผ่านสมาร์ทปลั๊กหรือระบบบ้านอัจฉริยะ ➡️ เหมาะสำหรับบ้านที่ไม่มีระบบ HVAC รวมศูนย์ ✅ รับการแจ้งเตือนผ่านมือถือ ➡️ แจ้งเมื่ออุณหภูมิสูงหรือต่ำเกินค่าที่ตั้งไว้ ➡️ ช่วยดูแลสัตว์เลี้ยง พืช และสมาชิกในบ้าน ➡️ วิเคราะห์ประวัติอุณหภูมิเพื่อวางแผนการใช้พลังงาน ✅ เปิดหรือปิดหน้าต่างตามสภาพอากาศ ➡️ เปรียบเทียบอุณหภูมิภายนอกกับภายใน ➡️ แจ้งเตือนให้เปิดหน้าต่างเมื่ออากาศเย็นกว่า ➡️ สามารถตั้งระบบเปิดหน้าต่างอัตโนมัติได้ (ต้องมีอุปกรณ์เสริม) ✅ ป้องกันท่อน้ำแข็งแตกในฤดูหนาว ➡️ ติดตั้งเซนเซอร์ในพื้นที่เสี่ยง เช่น ใต้ถุนหรือห้องใต้ดิน ➡️ แจ้งเตือนเมื่ออุณหภูมิต่ำเกินไป ➡️ บางรุ่นมีฟังก์ชันวัดความชื้นเพื่อเตือนภัยน้ำรั่ว ‼️ การติดตั้งในพื้นที่ที่มีสัญญาณไม่เสถียร ⛔ เซนเซอร์บางรุ่นอาจไม่ทำงานหาก Wi-Fi หรือ Bluetooth ขาดช่วง ⛔ ควรเลือกอุปกรณ์ที่มีระบบแจ้งเตือนเมื่อขาดการเชื่อมต่อ ‼️ ความแม่นยำของเซนเซอร์ราคาถูก ⛔ เซนเซอร์บางรุ่นอาจมีค่าคลาดเคลื่อนสูง ⛔ ควรตรวจสอบรีวิวและเลือกแบรนด์ที่เชื่อถือได้ https://www.slashgear.com/2017704/temperature-sensor-home-uses/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Handy Ways To Use Temperature Sensors In Your Home - SlashGear
    If you think smart home, you might not imagine a temperature sensor, but there's a lot you can achieve with one of those and some imagination.
    0 Comments 0 Shares 131 Views 0 Reviews
  • อดีตสส.ปชป. แฉน้ำท่วมหนักอาคารรัฐสภา หลังฝนถล่มกรุงฯ น้ำรั่วทะลุเพดานไหลลงห้องประชุมชั้น A1-B2 พรมเปียกชุ่มเสียหายทั่วชั้น ต้องระดมแม่บ้านวันหยุดช่วยดูดน้ำหวั่นเชื้อรา เจ้าตัวเตรียมร้อง ป.ป.ช. เอาผิด “เลขาฯ สภา–กก.ตรวจการจ้าง” หลังเตือนแล้วไม่ฟัง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000095122

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    อดีตสส.ปชป. แฉน้ำท่วมหนักอาคารรัฐสภา หลังฝนถล่มกรุงฯ น้ำรั่วทะลุเพดานไหลลงห้องประชุมชั้น A1-B2 พรมเปียกชุ่มเสียหายทั่วชั้น ต้องระดมแม่บ้านวันหยุดช่วยดูดน้ำหวั่นเชื้อรา เจ้าตัวเตรียมร้อง ป.ป.ช. เอาผิด “เลขาฯ สภา–กก.ตรวจการจ้าง” หลังเตือนแล้วไม่ฟัง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000095122 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 421 Views 0 Reviews
  • ถนนสามเสนทรุด! รฟม.เร่งคืนพื้นจราจรหลังดินและน้ำรั่วเข้าสถานีรถไฟฟ้า รพ.วชิระกลับมาเปิดบริการเต็มรูปแบบแล้ว

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000092128

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    ถนนสามเสนทรุด! รฟม.เร่งคืนพื้นจราจรหลังดินและน้ำรั่วเข้าสถานีรถไฟฟ้า รพ.วชิระกลับมาเปิดบริการเต็มรูปแบบแล้ว อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000092128 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 412 Views 0 Reviews
  • หลุมยุบกลางกรุงฯ มีโอกาสเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

    เกิดเหตุถนนทรุดตัวและเกิดหลุมยุบขนาดใหญ่กว้าง 30 เมตร ลึก 50 เมตร บนถนนสามเสน หน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เขตดุสิต กรุงเทพฯ เมื่อเช้าวันที่ 24 ก.ย. กรมทรัพยากรธรณีระบุว่า เกิดจากรอยต่อของอุโมงค์ชั้นบนมีรอยแตก ทำให้ดินด้านบนไหลลงสู่ช่องว่างภายในอุโมงค์ ส่งผลให้ชั้นดินด้านบนทรุดตัว ประกอบกับมีท่อประปาแตก ขนาด 1.5 เมตร ของการประปานครหลวง เนื่องจากการทรุดตัวของชั้นดิน ส่งผลให้มีน้ำประปาเข้าไปชะล้างดิน ถนนเกิดการทรุดตัวเพิ่มขึ้นเป็นบริเวณกว้าง

    บริเวณดังกล่าวเป็นจุดก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) นายกิตติกร ตันเปาว์ รองผู้ว่าการ รฟม. ฝ่ายวิศวกรรมและก่อสร้าง ประเมินเบื้องต้น เกิดน้ำรั่วซึมในชั้นดินใต้ผิวจราจร ส่งผลโดยตรงให้ชั้นดินบริเวณรอบโครงการก่อสร้างสูญเสียเสถียรภาพ โดยเฉพาะรอยต่อของอุโมงค์กับตัวสถานี ซึ่งเป็นจุดอ่อนไหว เมื่อดินเริ่มสไลด์เข้าไปในตัวสถานี ประกอบกับน้ำหนักที่กดทับจากด้านบน ความเสียหายจึงขยายวงกว้างและรุนแรง เกิดการยุบตัวครั้งใหญ่ เป็นไปได้สูงว่าดินจำนวนมหาศาลได้ไหลเข้าไปอยู่ในตัวอาคารสถานี (Station Box) ขณะนี้ยังไม่สามารถสำรวจภายในได้ เนื่องจากโครงสร้างโดยรอบยังไม่มีความเสถียรและอาจเกิดการถล่มซ้ำได้ตลอดเวลา จึงถือเป็นพื้นที่อันตรายสูงสุด

    มีรายงานว่า รฟม. สั่งให้ผู้รับจ้างงานโยธาเร่งถมดินกลับ โดยใช้กระสอบทรายและหินคลุก เพื่อหยุดการไหลของดินและน้ำใต้ดินเข้าสู่สถานีรถไฟฟ้า ลดการทรุดตัวของดินโดยรอบ รวมถึงเพิ่มเสถียรภาพของดินมากขึ้น มีการกั้นพื้นที่โดยรอบบริเวณหลุมที่ทรุดตัว พร้อมกับใช้กระสอบทรายเสริมเป็นแนวกั้นไม่ให้น้ำฝนไหลลงไปหลุมยุบเพิ่มเติม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ตามแผนงานที่คาดว่ารถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้จะแล้วเสร็จเดือน ต.ค.2570 เปิดให้บริการในปี 2571 ต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด

    ในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีเหตุการณ์ถนนยุบเป็นหลุมขนาดใหญ่ ตั้งแต่กรณีถนนอุดมสุข ยุบตัวเป็นทางยาว 50 เมตร บริเวณโครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำบึงหนองบอน กรณีถนนทรุดตัวใต้สะพานพระราม 4 ถนนแจ้งวัฒนะ จ.นนทบุรี บริเวณโครงการก่อสร้างบ่อพักและท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดิน กรณีถนนยุบบริเวณแยกเกษะโกมล ถนนนครไชยศรี บริเวณโครงการก่อสร้างเขื่อนคลองเปรมประชากร ส่วนใหญ่เกิดจากน้ำชะล้างดิน แล้วดินไหลลงไปทำให้เกิดการทรุดตัว ถือเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงของคนกรุงเทพฯ ที่ต้องระวังการทรุดตัวของชั้นดินที่มองไม่เห็น ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
    หลุมยุบกลางกรุงฯ มีโอกาสเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เกิดเหตุถนนทรุดตัวและเกิดหลุมยุบขนาดใหญ่กว้าง 30 เมตร ลึก 50 เมตร บนถนนสามเสน หน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เขตดุสิต กรุงเทพฯ เมื่อเช้าวันที่ 24 ก.ย. กรมทรัพยากรธรณีระบุว่า เกิดจากรอยต่อของอุโมงค์ชั้นบนมีรอยแตก ทำให้ดินด้านบนไหลลงสู่ช่องว่างภายในอุโมงค์ ส่งผลให้ชั้นดินด้านบนทรุดตัว ประกอบกับมีท่อประปาแตก ขนาด 1.5 เมตร ของการประปานครหลวง เนื่องจากการทรุดตัวของชั้นดิน ส่งผลให้มีน้ำประปาเข้าไปชะล้างดิน ถนนเกิดการทรุดตัวเพิ่มขึ้นเป็นบริเวณกว้าง บริเวณดังกล่าวเป็นจุดก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) นายกิตติกร ตันเปาว์ รองผู้ว่าการ รฟม. ฝ่ายวิศวกรรมและก่อสร้าง ประเมินเบื้องต้น เกิดน้ำรั่วซึมในชั้นดินใต้ผิวจราจร ส่งผลโดยตรงให้ชั้นดินบริเวณรอบโครงการก่อสร้างสูญเสียเสถียรภาพ โดยเฉพาะรอยต่อของอุโมงค์กับตัวสถานี ซึ่งเป็นจุดอ่อนไหว เมื่อดินเริ่มสไลด์เข้าไปในตัวสถานี ประกอบกับน้ำหนักที่กดทับจากด้านบน ความเสียหายจึงขยายวงกว้างและรุนแรง เกิดการยุบตัวครั้งใหญ่ เป็นไปได้สูงว่าดินจำนวนมหาศาลได้ไหลเข้าไปอยู่ในตัวอาคารสถานี (Station Box) ขณะนี้ยังไม่สามารถสำรวจภายในได้ เนื่องจากโครงสร้างโดยรอบยังไม่มีความเสถียรและอาจเกิดการถล่มซ้ำได้ตลอดเวลา จึงถือเป็นพื้นที่อันตรายสูงสุด มีรายงานว่า รฟม. สั่งให้ผู้รับจ้างงานโยธาเร่งถมดินกลับ โดยใช้กระสอบทรายและหินคลุก เพื่อหยุดการไหลของดินและน้ำใต้ดินเข้าสู่สถานีรถไฟฟ้า ลดการทรุดตัวของดินโดยรอบ รวมถึงเพิ่มเสถียรภาพของดินมากขึ้น มีการกั้นพื้นที่โดยรอบบริเวณหลุมที่ทรุดตัว พร้อมกับใช้กระสอบทรายเสริมเป็นแนวกั้นไม่ให้น้ำฝนไหลลงไปหลุมยุบเพิ่มเติม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ตามแผนงานที่คาดว่ารถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้จะแล้วเสร็จเดือน ต.ค.2570 เปิดให้บริการในปี 2571 ต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีเหตุการณ์ถนนยุบเป็นหลุมขนาดใหญ่ ตั้งแต่กรณีถนนอุดมสุข ยุบตัวเป็นทางยาว 50 เมตร บริเวณโครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำบึงหนองบอน กรณีถนนทรุดตัวใต้สะพานพระราม 4 ถนนแจ้งวัฒนะ จ.นนทบุรี บริเวณโครงการก่อสร้างบ่อพักและท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดิน กรณีถนนยุบบริเวณแยกเกษะโกมล ถนนนครไชยศรี บริเวณโครงการก่อสร้างเขื่อนคลองเปรมประชากร ส่วนใหญ่เกิดจากน้ำชะล้างดิน แล้วดินไหลลงไปทำให้เกิดการทรุดตัว ถือเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงของคนกรุงเทพฯ ที่ต้องระวังการทรุดตัวของชั้นดินที่มองไม่เห็น ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
    Like
    3
    1 Comments 0 Shares 653 Views 0 Reviews
  • เมื่อรัฐบาลอังกฤษขอให้ประชาชนลบอีเมลและรูปภาพ เพื่อช่วยประหยัดน้ำในช่วงภัยแล้ง

    ในช่วงฤดูร้อนปี 2025 อังกฤษเผชิญกับภัยแล้งครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1976 โดยมี 5 พื้นที่เข้าสู่สถานะ “ภัยแล้ง” อย่างเป็นทางการ และอีก 6 พื้นที่มีสภาพอากาศแห้งต่อเนื่อง รัฐบาลจึงประกาศให้สถานการณ์นี้เป็น “เหตุการณ์ระดับชาติ” และขอให้ประชาชนร่วมมือกันลดการใช้น้ำ

    มาตรการทั่วไปที่แนะนำ ได้แก่ การลดเวลาการอาบน้ำ, ไม่รดน้ำสนามหญ้า, ใช้น้ำฝนรดต้นไม้, และซ่อมแซมห้องน้ำที่รั่ว แต่สิ่งที่สร้างความงุนงงคือคำแนะนำให้ “ลบอีเมลและรูปภาพเก่า” เพราะ “ศูนย์ข้อมูลใช้ปริมาณน้ำมหาศาลในการระบายความร้อน”

    แม้จะมีข้อเท็จจริงว่าศูนย์ข้อมูลบางแห่งใช้ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายชี้ว่า การลบข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ทั่วไปแทบไม่มีผลต่อการลดการใช้น้ำในภาพรวม และอาจใช้พลังงานมากกว่าการเก็บไว้เฉย ๆ ด้วยซ้ำ

    นอกจากนี้ ยังมีข้อสังเกตว่า ข้อมูลของผู้ใช้ชาวอังกฤษจำนวนมากถูกเก็บไว้ในศูนย์ข้อมูลต่างประเทศ ซึ่งหมายความว่าการลบข้อมูลอาจไม่ได้ช่วยลดการใช้น้ำในอังกฤษเลย

    รัฐบาลอังกฤษประกาศภัยแล้งเป็น “เหตุการณ์ระดับชาติ”
    หลังจาก 6 เดือนที่แห้งแล้งที่สุดนับตั้งแต่ปี 1976

    5 พื้นที่ในอังกฤษเข้าสู่สถานะภัยแล้ง และอีก 6 พื้นที่มีสภาพแห้งต่อเนื่อง
    ระดับน้ำในแม่น้ำและอ่างเก็บน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง

    รัฐบาลแนะนำให้ประชาชนลบอีเมลและรูปภาพเก่า
    โดยอ้างว่า “ศูนย์ข้อมูลใช้ปริมาณน้ำมหาศาลในการระบายความร้อน”

    มาตรการอื่นที่แนะนำ ได้แก่ ลดเวลาการอาบน้ำ, ใช้น้ำฝน, ซ่อมห้องน้ำรั่ว
    เป็นวิธีที่มีผลต่อการลดการใช้น้ำโดยตรง

    ศูนย์ข้อมูลบางแห่งใช้ระบบ evaporative cooling ที่ใช้น้ำ
    โดยเฉพาะศูนย์ขนาดใหญ่ที่มีการประมวลผลสูง

    ศูนย์ข้อมูลขนาด 1 เมกะวัตต์อาจใช้น้ำถึง 26 ล้านลิตรต่อปี
    เทียบเท่าการใช้น้ำของเมืองขนาดกลาง

    การลบข้อมูลจาก cloud อาจใช้พลังงานมากกว่าการเก็บไว้เฉย ๆ
    เพราะต้องมีการประมวลผลและยืนยันการลบ

    ข้อมูลของผู้ใช้ในอังกฤษอาจถูกเก็บไว้ในศูนย์ข้อมูลต่างประเทศ
    ไม่มีข้อบังคับให้เก็บข้อมูลภายในประเทศ

    การลดการใช้ AI และการประมวลผลขนาดใหญ่มีผลต่อการลดการใช้น้ำมากกว่า
    เช่น การลดการใช้โมเดล generative AI ที่ใช้พลังงานสูง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/uk-government-inexplicably-tells-citizens-to-delete-old-emails-and-pictures-to-save-water-during-national-drought-data-centres-require-vast-amounts-of-water-to-cool-their-systems
    💧📂 เมื่อรัฐบาลอังกฤษขอให้ประชาชนลบอีเมลและรูปภาพ เพื่อช่วยประหยัดน้ำในช่วงภัยแล้ง ในช่วงฤดูร้อนปี 2025 อังกฤษเผชิญกับภัยแล้งครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1976 โดยมี 5 พื้นที่เข้าสู่สถานะ “ภัยแล้ง” อย่างเป็นทางการ และอีก 6 พื้นที่มีสภาพอากาศแห้งต่อเนื่อง รัฐบาลจึงประกาศให้สถานการณ์นี้เป็น “เหตุการณ์ระดับชาติ” และขอให้ประชาชนร่วมมือกันลดการใช้น้ำ มาตรการทั่วไปที่แนะนำ ได้แก่ การลดเวลาการอาบน้ำ, ไม่รดน้ำสนามหญ้า, ใช้น้ำฝนรดต้นไม้, และซ่อมแซมห้องน้ำที่รั่ว แต่สิ่งที่สร้างความงุนงงคือคำแนะนำให้ “ลบอีเมลและรูปภาพเก่า” เพราะ “ศูนย์ข้อมูลใช้ปริมาณน้ำมหาศาลในการระบายความร้อน” แม้จะมีข้อเท็จจริงว่าศูนย์ข้อมูลบางแห่งใช้ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายชี้ว่า การลบข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ทั่วไปแทบไม่มีผลต่อการลดการใช้น้ำในภาพรวม และอาจใช้พลังงานมากกว่าการเก็บไว้เฉย ๆ ด้วยซ้ำ นอกจากนี้ ยังมีข้อสังเกตว่า ข้อมูลของผู้ใช้ชาวอังกฤษจำนวนมากถูกเก็บไว้ในศูนย์ข้อมูลต่างประเทศ ซึ่งหมายความว่าการลบข้อมูลอาจไม่ได้ช่วยลดการใช้น้ำในอังกฤษเลย ✅ รัฐบาลอังกฤษประกาศภัยแล้งเป็น “เหตุการณ์ระดับชาติ” ➡️ หลังจาก 6 เดือนที่แห้งแล้งที่สุดนับตั้งแต่ปี 1976 ✅ 5 พื้นที่ในอังกฤษเข้าสู่สถานะภัยแล้ง และอีก 6 พื้นที่มีสภาพแห้งต่อเนื่อง ➡️ ระดับน้ำในแม่น้ำและอ่างเก็บน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง ✅ รัฐบาลแนะนำให้ประชาชนลบอีเมลและรูปภาพเก่า ➡️ โดยอ้างว่า “ศูนย์ข้อมูลใช้ปริมาณน้ำมหาศาลในการระบายความร้อน” ✅ มาตรการอื่นที่แนะนำ ได้แก่ ลดเวลาการอาบน้ำ, ใช้น้ำฝน, ซ่อมห้องน้ำรั่ว ➡️ เป็นวิธีที่มีผลต่อการลดการใช้น้ำโดยตรง ✅ ศูนย์ข้อมูลบางแห่งใช้ระบบ evaporative cooling ที่ใช้น้ำ ➡️ โดยเฉพาะศูนย์ขนาดใหญ่ที่มีการประมวลผลสูง ✅ ศูนย์ข้อมูลขนาด 1 เมกะวัตต์อาจใช้น้ำถึง 26 ล้านลิตรต่อปี ➡️ เทียบเท่าการใช้น้ำของเมืองขนาดกลาง ✅ การลบข้อมูลจาก cloud อาจใช้พลังงานมากกว่าการเก็บไว้เฉย ๆ ➡️ เพราะต้องมีการประมวลผลและยืนยันการลบ ✅ ข้อมูลของผู้ใช้ในอังกฤษอาจถูกเก็บไว้ในศูนย์ข้อมูลต่างประเทศ ➡️ ไม่มีข้อบังคับให้เก็บข้อมูลภายในประเทศ ✅ การลดการใช้ AI และการประมวลผลขนาดใหญ่มีผลต่อการลดการใช้น้ำมากกว่า ➡️ เช่น การลดการใช้โมเดล generative AI ที่ใช้พลังงานสูง https://www.tomshardware.com/tech-industry/uk-government-inexplicably-tells-citizens-to-delete-old-emails-and-pictures-to-save-water-during-national-drought-data-centres-require-vast-amounts-of-water-to-cool-their-systems
    0 Comments 0 Shares 286 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่า: การเดินทางสู่โลก IoT และบ้านอัจฉริยะ

    วันก่อนผมนั่งคุยกับเพื่อนๆ เรื่องบ้านอัจฉริยะ แล้วก็ย้อนคิดไปว่าจริงๆ แนวคิดนี้มันไม่ใช่เรื่องใหม่เลยนะ หลายคนอาจคิดว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเพราะมี Wi-Fi หรือสมาร์ทโฟน แต่จริงๆ รากของมันมีมาตั้งแต่ร้อยกว่าปีก่อนแล้ว สมัยนั้นคนก็เริ่มคิดอยากควบคุมอะไรจากระยะไกล อย่างในปี 1832 ก็มีการประดิษฐ์โทรเลขแม่เหล็กไฟฟ้า ที่ส่งสัญญาณควบคุมระยะไกลได้ หรือเทอร์โมสแตตแบบกลไกที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิบ้าน ซึ่งสำหรับยุคนั้นถือว่าล้ำสุดๆ

    เวลาผ่านมาถึงช่วงปี 1999 ก็มีคนตั้งชื่อให้ความคิดนี้ว่า “Internet of Things” หรือ IoT จุดพลิกผันจริงๆ มันเกิดราวปี 2008-2009 ที่จำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมีมากกว่าจำนวนคนบนโลกแล้ว จากนั้นทุกอย่างก็ระเบิดพลังเต็มที่เพราะมีสมาร์ทโฟน, Wi-Fi และคลาวด์ เข้ามาเสริม พูดง่ายๆ คือบ้านเริ่มมีสมอง คุยกันได้ และคุยกับเราผ่านเน็ตได้ด้วย

    เพื่อนบางคนถามว่าบ้านอัจฉริยะมันทำงานยังไง ผมก็บอกว่ามันเหมือนบ้านมีตา มีมือ และมีสมอง ตาก็คือพวกเซ็นเซอร์ ที่คอยจับว่าอุณหภูมิเท่าไหร่ แสงเพียงพอไหม หรือมีคนเดินผ่านไหม มือก็คือพวกมอเตอร์หรือสวิตช์ไฟ ที่ทำงานตามคำสั่ง ส่วนสมองก็คือศูนย์ควบคุม ที่คิด วิเคราะห์ แล้วสั่งการต่อไป

    ทุกวันนี้บ้านอัจฉริยะก็มีหลายค่ายใหญ่แข่งกัน อย่าง Amazon Alexa ที่รองรับอุปกรณ์ได้เยอะมาก Google Home ที่เก่งเรื่องฟังและเข้าใจภาษามนุษย์ หรือ Apple HomeKit ที่เน้นความปลอดภัย แต่ปัญหาคือแต่ละค่ายก็มีระบบของตัวเอง บางทีอุปกรณ์ไม่คุยกัน ต้องใช้หลายแอปเหมือนต้องพกรีโมทหลายอันอยู่บ้านเดียวกัน

    ในไทยเองกระแสนี้ก็มานะ ตลาด IoT โตเร็วมาก ภาครัฐก็มองว่าเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ โดยเฉพาะในภาคการผลิต และเมืองอัจฉริยะ แต่แน่นอนว่ามันก็ยังมีอุปสรรค อย่างเรื่องความเข้ากันได้ของอุปกรณ์ หรือปัญหาความปลอดภัย เพราะถ้าอุปกรณ์ถูกแฮ็กได้ก็อาจเปิดประตูบ้านเราได้เลย ซึ่งฟังดูน่ากลัวอยู่เหมือนกัน

    ที่น่าสนใจคือ ตอนนี้บ้านอัจฉริยะไม่ได้แค่ “ฟังคำสั่ง” อีกแล้ว แต่เริ่มใช้ AI เข้ามาช่วยตัดสินใจแทนเรา เช่น ตู้เย็นบางรุ่นของ Samsung ใช้ AI คอยสแกนของในตู้ แล้วแนะนำเมนูอาหาร หรือเตือนว่าอะไรใกล้หมดอายุ เครื่องซักผ้ารุ่นใหม่ก็ใช้ AI ปรับรอบหมุนและปริมาณน้ำตามชนิดของผ้า เพื่อให้ซักได้สะอาดและประหยัดพลังงาน หรือแม้แต่ระบบตรวจจับน้ำรั่ว อย่าง Moen Flo ที่เรียนรู้รูปแบบการใช้น้ำในบ้าน แล้วสั่งปิดวาล์วอัตโนมัติถ้าพบว่ามีความผิดปกติ — ป้องกันน้ำท่วมบ้านได้ก่อนที่เราจะรู้ตัวเสียอีก

    อนาคตยังมีสิ่งน่าสนใจรออยู่ อย่างมาตรฐานใหม่ชื่อ Matter ที่ตั้งใจให้ทุกอุปกรณ์คุยกันได้โดยไม่ต้องสนใจยี่ห้อ ไหนจะการเอา AI มาผสมกับเทคโนโลยี Edge Computing ให้บ้านฉลาดพอจะเดาความต้องการของเรา เช่น เห็นฝนกำลังตกก็ปิดหน้าต่างให้เอง หรือเปิดเครื่องฟอกอากาศทันทีเมื่อเซ็นเซอร์จับว่ามีฝุ่น PM 2.5 สูงเกินมาตรฐาน หรือใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างโซลาร์เซลล์ เพื่อให้บ้านยั่งยืนและประหยัดพลังงานมากขึ้น

    คิดไปคิดมา จากบ้านธรรมดาที่มีแต่สวิตช์เปิดไฟ วันนี้เรามีบ้านที่คุยกับเราได้ คิดแทนเราได้ และอีกไม่นานมันจะกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิต เหมือนที่ทุกบ้านมี Wi-Fi ในตอนนี้นั่นแหละ

    #ลุงเขียนหลานอ่าน
    🏠 เรื่องเล่า: การเดินทางสู่โลก IoT และบ้านอัจฉริยะ 🤖 ☕ วันก่อนผมนั่งคุยกับเพื่อนๆ เรื่องบ้านอัจฉริยะ แล้วก็ย้อนคิดไปว่าจริงๆ แนวคิดนี้มันไม่ใช่เรื่องใหม่เลยนะ หลายคนอาจคิดว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเพราะมี Wi-Fi หรือสมาร์ทโฟน 📱 แต่จริงๆ รากของมันมีมาตั้งแต่ร้อยกว่าปีก่อนแล้ว สมัยนั้นคนก็เริ่มคิดอยากควบคุมอะไรจากระยะไกล อย่างในปี 1832 ก็มีการประดิษฐ์โทรเลขแม่เหล็กไฟฟ้า 📡 ที่ส่งสัญญาณควบคุมระยะไกลได้ หรือเทอร์โมสแตตแบบกลไกที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิบ้าน ซึ่งสำหรับยุคนั้นถือว่าล้ำสุดๆ เวลาผ่านมาถึงช่วงปี 1999 ก็มีคนตั้งชื่อให้ความคิดนี้ว่า “Internet of Things” หรือ IoT 🌐 จุดพลิกผันจริงๆ มันเกิดราวปี 2008-2009 ที่จำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมีมากกว่าจำนวนคนบนโลกแล้ว จากนั้นทุกอย่างก็ระเบิดพลังเต็มที่เพราะมีสมาร์ทโฟน, Wi-Fi และคลาวด์ ☁️ เข้ามาเสริม พูดง่ายๆ คือบ้านเริ่มมีสมอง คุยกันได้ และคุยกับเราผ่านเน็ตได้ด้วย เพื่อนบางคนถามว่าบ้านอัจฉริยะมันทำงานยังไง ผมก็บอกว่ามันเหมือนบ้านมีตา มีมือ และมีสมอง ตาก็คือพวกเซ็นเซอร์ 👀 ที่คอยจับว่าอุณหภูมิเท่าไหร่ แสงเพียงพอไหม หรือมีคนเดินผ่านไหม มือก็คือพวกมอเตอร์หรือสวิตช์ไฟ 🤖 ที่ทำงานตามคำสั่ง ส่วนสมองก็คือศูนย์ควบคุม 🧠 ที่คิด วิเคราะห์ แล้วสั่งการต่อไป ทุกวันนี้บ้านอัจฉริยะก็มีหลายค่ายใหญ่แข่งกัน อย่าง Amazon Alexa ที่รองรับอุปกรณ์ได้เยอะมาก Google Home ที่เก่งเรื่องฟังและเข้าใจภาษามนุษย์ 🗣️ หรือ Apple HomeKit ที่เน้นความปลอดภัย 🔒 แต่ปัญหาคือแต่ละค่ายก็มีระบบของตัวเอง บางทีอุปกรณ์ไม่คุยกัน ต้องใช้หลายแอปเหมือนต้องพกรีโมทหลายอันอยู่บ้านเดียวกัน ในไทยเองกระแสนี้ก็มานะ 🇹🇭 ตลาด IoT โตเร็วมาก ภาครัฐก็มองว่าเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ โดยเฉพาะในภาคการผลิต 🏭 และเมืองอัจฉริยะ 🏙️ แต่แน่นอนว่ามันก็ยังมีอุปสรรค อย่างเรื่องความเข้ากันได้ของอุปกรณ์ หรือปัญหาความปลอดภัย 🔐 เพราะถ้าอุปกรณ์ถูกแฮ็กได้ก็อาจเปิดประตูบ้านเราได้เลย ซึ่งฟังดูน่ากลัวอยู่เหมือนกัน ที่น่าสนใจคือ ตอนนี้บ้านอัจฉริยะไม่ได้แค่ “ฟังคำสั่ง” อีกแล้ว แต่เริ่มใช้ AI เข้ามาช่วยตัดสินใจแทนเรา เช่น ตู้เย็นบางรุ่นของ Samsung ใช้ AI คอยสแกนของในตู้ 🍎🥦 แล้วแนะนำเมนูอาหาร หรือเตือนว่าอะไรใกล้หมดอายุ เครื่องซักผ้ารุ่นใหม่ก็ใช้ AI ปรับรอบหมุนและปริมาณน้ำตามชนิดของผ้า 👕 เพื่อให้ซักได้สะอาดและประหยัดพลังงาน หรือแม้แต่ระบบตรวจจับน้ำรั่ว 💧 อย่าง Moen Flo ที่เรียนรู้รูปแบบการใช้น้ำในบ้าน แล้วสั่งปิดวาล์วอัตโนมัติถ้าพบว่ามีความผิดปกติ — ป้องกันน้ำท่วมบ้านได้ก่อนที่เราจะรู้ตัวเสียอีก อนาคตยังมีสิ่งน่าสนใจรออยู่ อย่างมาตรฐานใหม่ชื่อ Matter 📜 ที่ตั้งใจให้ทุกอุปกรณ์คุยกันได้โดยไม่ต้องสนใจยี่ห้อ ไหนจะการเอา AI 🤖 มาผสมกับเทคโนโลยี Edge Computing 💻 ให้บ้านฉลาดพอจะเดาความต้องการของเรา เช่น เห็นฝนกำลังตกก็ปิดหน้าต่างให้เอง หรือเปิดเครื่องฟอกอากาศทันทีเมื่อเซ็นเซอร์จับว่ามีฝุ่น PM 2.5 สูงเกินมาตรฐาน หรือใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างโซลาร์เซลล์ 🌞 เพื่อให้บ้านยั่งยืนและประหยัดพลังงานมากขึ้น คิดไปคิดมา จากบ้านธรรมดาที่มีแต่สวิตช์เปิดไฟ วันนี้เรามีบ้านที่คุยกับเราได้ คิดแทนเราได้ และอีกไม่นานมันจะกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิต เหมือนที่ทุกบ้านมี Wi-Fi 📶 ในตอนนี้นั่นแหละ #ลุงเขียนหลานอ่าน
    1 Comments 0 Shares 422 Views 0 Reviews
  • น้ำรั่วแค่ไหนก็เอาอยู่!
    เดินลุยฝนมา...เพื่อสิ่งนี้ M680 TPI WATER PLUG หยุดน้ำรั่วใน 5 นาที ด้วยคุณสมบัติ เซ็ตตัวได้ในน้ำ และ บนอากาศ

    ของจริงต้องมาพิสูจน์ที่ #บ้านและสวนShoppingWeek2025

    พิกัด : อิมแพ็ค เมืองทองธานี Hall 11
    บูธ G55-G57,G84-G86 Living Zone
    วันนี้-29 มิถุนายน 2568 เท่านั้น
    เวลา 10:00 - 21:00 น.
    💧 น้ำรั่วแค่ไหนก็เอาอยู่! ☔ เดินลุยฝนมา...เพื่อสิ่งนี้ M680 TPI WATER PLUG หยุดน้ำรั่วใน 5 นาที ด้วยคุณสมบัติ เซ็ตตัวได้ในน้ำ และ บนอากาศ ของจริงต้องมาพิสูจน์ที่ #บ้านและสวนShoppingWeek2025 พิกัด : อิมแพ็ค เมืองทองธานี Hall 11 บูธ G55-G57,G84-G86 Living Zone วันนี้-29 มิถุนายน 2568 เท่านั้น เวลา 10:00 - 21:00 น.
    0 Comments 0 Shares 442 Views 2 0 Reviews
  • น้ำรั่ว? ผนังซึม? อย่าเพิ่งตกใจ
    ลอง TPI Water Plug Mortar M680 – วัสดุกันซึมชนิดพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อซ่อมรอยรั่วเฉพาะจุด

    ใช้งานได้แม้น้ำยังซึม
    เซตตัวเร็ว ช่วยให้งานเสร็จไวขึ้น
    ใช้อุปกรณ์พื้นฐานเท่านั้น เช่น ถุงมือ เกรียง และถังน้ำ
    เหมาะสำหรับงานซ่อมเบื้องต้น ใช้งานง่ายแม้ไม่มีประสบการณ์

    3 ขั้นตอนง่าย ๆ :
    1️⃣ ปั้นให้ได้เนื้อ
    2️⃣ โปะตรงจุดรั่ว
    3️⃣ ปาดให้เรียบ

    ใช้ได้กับผนัง รอยแตกร้าว หรือน้ำซึมจากท่อในบางกรณี
    💦 น้ำรั่ว? ผนังซึม? อย่าเพิ่งตกใจ 😱 ลอง TPI Water Plug Mortar M680 – วัสดุกันซึมชนิดพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อซ่อมรอยรั่วเฉพาะจุด ✅ ใช้งานได้แม้น้ำยังซึม ✅ เซตตัวเร็ว ช่วยให้งานเสร็จไวขึ้น ✅ ใช้อุปกรณ์พื้นฐานเท่านั้น เช่น ถุงมือ เกรียง และถังน้ำ ✅ เหมาะสำหรับงานซ่อมเบื้องต้น ใช้งานง่ายแม้ไม่มีประสบการณ์ 🔧 3 ขั้นตอนง่าย ๆ : 1️⃣ ปั้นให้ได้เนื้อ 2️⃣ โปะตรงจุดรั่ว 3️⃣ ปาดให้เรียบ ใช้ได้กับผนัง รอยแตกร้าว หรือน้ำซึมจากท่อในบางกรณี
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 265 Views 0 Reviews
  • ช่วงนี้ Storyฯ ย้อนไปดูซีรีส์เก่า มีฉากหนึ่งในเรื่อง <เทียบท้าปฐพี> ที่เตะตา เพื่อนเพจที่เคยดูคงจำได้ว่าพระนางของเรื่องต้องผ่านด่านกลหมากปริวรรตเพื่อช่วงชิงสุดยอดวิชาหลันอิงปี้เยวี่ย ซึ่งเป็นการต่อสู้กับจิตใจของตนเอง โดยในด่านสุดท้ายนั้นพระเอกต้องตัดสายใยที่อยู่ในใจทั้งหมดทิ้ง แต่พระเอกเลือกที่จะเหลือสายใยไว้หนึ่งเส้นซึ่งก็คือสายใยที่มีต่อนางเอก พร้อมกับวลีที่ว่า “ธารน้ำสามพัน(ลี้) ขอตักเพียงหนึ่งชาม สายใยความวุ่นวายแห่งทางโลกสามพันเส้น ข้าเหลือไว้เส้นหนึ่งจะเป็นไรไป?” (หมายเหตุ Storyฯ แปลเองจ้า>

    วันนี้มาคุยกันสั้นๆ เรื่องวลี “ธารน้ำสามพัน(ลี้) ขอตักเพียงหนึ่งชาม” (รั่วสุ่ยซันเชียน จื๋อฉวี่อี้เผียว / 弱水三千只取一瓢) (หมายเหตุ ซันเชียน แปลว่า สามพัน เป็นที่เข้าใจว่าหมายถึงสามพันลี้)

    วลีนี้เคยถูกแปลไว้ว่า “แม่น้ำรั่วสามพันลี้ หนึ่งจอกดับกระหาย” เพื่อนเพจบางท่านอาจงงว่ามันต่างกันหรือไม่อย่างไร ขออธิบายก่อนว่า คำว่า ‘รั่วสุ่ย’ ในโบราณใช้หมายถึงลำธารที่อันตราบไม่สามารถใช้สัญจรได้ และ ‘รั่วสุ่ย’ ยังเป็นชื่อแม่น้ำสายหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ซานไห่จิงหรือ <คัมภีร์ขุนเขาและท้องทะเล> ซึ่งเป็นหนังสือโบราณสมัยก่อนราชวงศ์ฉิน (ประมาณ 400 ปี ก่อนคริสตกาล) ที่บันทึกเรื่องราวของเทพนิยาย ปีศาจ สัตว์ประหลาด นิทานปรัมปรา และวัฒนธรรม ฯลฯ และแม่น้ำสายนี้ได้ถูกแปลมาเป็นภาษาไทยและอังกฤษว่า ‘แม่น้ำรั่ว’ นั่นเอง

    วลีนี้มีที่มาจากคำสอนทางศาสนาพุทธ เป็นนิทานว่าชายผู้ที่กำลังจะขาดน้ำตายเมื่อได้เห็นน้ำในลำธารก็โอดครวญอย่างเสียดายว่าน้ำทั้งลำธารจะดื่มอย่างไรหมด พระพุทธเจ้าจึงสอนว่าในชีวิตเรานั้นอาจพานพบหลากหลายสรรพสิ่งที่ดีงาม แต่เราไม่จำเป็นต้องครอบครองได้ทั้งหมด เพียงมีสิ่งเล็กๆ ที่สำคัญก็เพียงพอแล้ว ดังวลีนี้ที่เปรียบเปรยว่า น้ำในสายธารที่ทอดยาว ไม่จำเป็นต้องเอาน้ำมาดื่มใช้ให้หมด ขอเพียงหนึ่งชามก็พอยังชีพแล้ว

    แม้ว่าคำว่า ‘รั่วสุ่ย’ จะมีมาแต่โบราณ แต่วรรคที่ว่า ‘รั่วสุ่ยซันเชียน’ หรือ ‘ธารน้ำสามพัน(ลี้)’ ในรูปประโยคอย่างนี้ แรกปรากฏให้เห็นในอมตะวรรณกรรมเรื่อง <ความฝันในหอแดง> โดยเป็นตอนที่พระเอกเจี๋ยเป่าอวี้ใช้วลีเต็ม “แม้ธารน้ำยาวสามพันลี้ ข้าก็จะขอตักเพียงหนึ่งชาม” เพื่อบอกต่อนางเอกหลินไต้อวี้ว่า แม้จะมีสตรีอื่นรายล้อมเพียงใด เขาขอเพียงนางคนเดียวมาเป็นคู่ครองก็พอใจแล้ว และต่อมาวลีนี้จึงกลายเป็นวลีอมตะที่บ่งบอกถึงรักอันมั่นคง รักเดียวใจเดียว

    และด้วยคำว่า ‘รั่วสุ่ย’ ในโบราณแปลว่าสายธารที่อันตราย จึงมีการตีความวลี “ธารน้ำสามพัน(ลี้) ขอตักเพียงหนึ่งชาม” นี้เพิ่มเติมด้วยว่า กว่าจะตักน้ำนั้นมาได้หนึ่งชามก็ยากแสนยาก พึงเห็นคุณค่าของมันให้จงดี

    ดังนั้น จริงๆ แล้ววลีนี้ใช้ในบริบทอื่นก็ได้ เพื่อสื่อความหมายว่า ในบรรดาสรรพสิ่งมากมาย ขอเพียงได้ในสิ่งเดียวที่ตั้งใจที่มีคุณค่ามากมายต่อจิตใจเรา ก็เพียงพอแล้ว

    Storyฯ ถือโอกาสนี้แปะรูปมาให้แฟนคลับของหยางหยางดูว่า เขาไม่เพียงกล่าววลีนี้มาแล้วในละครเรื่อง <เทียบท้าปฐพี> แต่เมื่อปี 2010 ยังเคยแสดงเป็นเจี๋ยเป่าอวี้ ในเรื่อง <ความฝันในหอแดง> ซึ่งเป็นต้นฉบับของวลีอมตะนี้ด้วย

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://imgur.com/20Mx6mv
    http://yule.sohu.com/20160617/n454973158.shtml
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/弱水三千只取一瓢/96378
    https://baike.baidu.com/tashuo/browse/content?id=242a130850f0cbde411c456e&lemmaId=96378&fromLemmaModule=pcBottom&lemmaTitle=%E5%BC%B1%E6%B0%B4%E4%B8%89%E5%8D%83%E5%8F%AA%E5%8F%96%E4%B8%80%E7%93%A2&fromModule=lemma_bottom-tashuo-article
    https://www.sohu.com/a/325578545_594411

    #เทียบท้าปฐพี #แม่น้ำรั่ว #สายธารสามพันลี้
    ช่วงนี้ Storyฯ ย้อนไปดูซีรีส์เก่า มีฉากหนึ่งในเรื่อง <เทียบท้าปฐพี> ที่เตะตา เพื่อนเพจที่เคยดูคงจำได้ว่าพระนางของเรื่องต้องผ่านด่านกลหมากปริวรรตเพื่อช่วงชิงสุดยอดวิชาหลันอิงปี้เยวี่ย ซึ่งเป็นการต่อสู้กับจิตใจของตนเอง โดยในด่านสุดท้ายนั้นพระเอกต้องตัดสายใยที่อยู่ในใจทั้งหมดทิ้ง แต่พระเอกเลือกที่จะเหลือสายใยไว้หนึ่งเส้นซึ่งก็คือสายใยที่มีต่อนางเอก พร้อมกับวลีที่ว่า “ธารน้ำสามพัน(ลี้) ขอตักเพียงหนึ่งชาม สายใยความวุ่นวายแห่งทางโลกสามพันเส้น ข้าเหลือไว้เส้นหนึ่งจะเป็นไรไป?” (หมายเหตุ Storyฯ แปลเองจ้า> วันนี้มาคุยกันสั้นๆ เรื่องวลี “ธารน้ำสามพัน(ลี้) ขอตักเพียงหนึ่งชาม” (รั่วสุ่ยซันเชียน จื๋อฉวี่อี้เผียว / 弱水三千只取一瓢) (หมายเหตุ ซันเชียน แปลว่า สามพัน เป็นที่เข้าใจว่าหมายถึงสามพันลี้) วลีนี้เคยถูกแปลไว้ว่า “แม่น้ำรั่วสามพันลี้ หนึ่งจอกดับกระหาย” เพื่อนเพจบางท่านอาจงงว่ามันต่างกันหรือไม่อย่างไร ขออธิบายก่อนว่า คำว่า ‘รั่วสุ่ย’ ในโบราณใช้หมายถึงลำธารที่อันตราบไม่สามารถใช้สัญจรได้ และ ‘รั่วสุ่ย’ ยังเป็นชื่อแม่น้ำสายหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ซานไห่จิงหรือ <คัมภีร์ขุนเขาและท้องทะเล> ซึ่งเป็นหนังสือโบราณสมัยก่อนราชวงศ์ฉิน (ประมาณ 400 ปี ก่อนคริสตกาล) ที่บันทึกเรื่องราวของเทพนิยาย ปีศาจ สัตว์ประหลาด นิทานปรัมปรา และวัฒนธรรม ฯลฯ และแม่น้ำสายนี้ได้ถูกแปลมาเป็นภาษาไทยและอังกฤษว่า ‘แม่น้ำรั่ว’ นั่นเอง วลีนี้มีที่มาจากคำสอนทางศาสนาพุทธ เป็นนิทานว่าชายผู้ที่กำลังจะขาดน้ำตายเมื่อได้เห็นน้ำในลำธารก็โอดครวญอย่างเสียดายว่าน้ำทั้งลำธารจะดื่มอย่างไรหมด พระพุทธเจ้าจึงสอนว่าในชีวิตเรานั้นอาจพานพบหลากหลายสรรพสิ่งที่ดีงาม แต่เราไม่จำเป็นต้องครอบครองได้ทั้งหมด เพียงมีสิ่งเล็กๆ ที่สำคัญก็เพียงพอแล้ว ดังวลีนี้ที่เปรียบเปรยว่า น้ำในสายธารที่ทอดยาว ไม่จำเป็นต้องเอาน้ำมาดื่มใช้ให้หมด ขอเพียงหนึ่งชามก็พอยังชีพแล้ว แม้ว่าคำว่า ‘รั่วสุ่ย’ จะมีมาแต่โบราณ แต่วรรคที่ว่า ‘รั่วสุ่ยซันเชียน’ หรือ ‘ธารน้ำสามพัน(ลี้)’ ในรูปประโยคอย่างนี้ แรกปรากฏให้เห็นในอมตะวรรณกรรมเรื่อง <ความฝันในหอแดง> โดยเป็นตอนที่พระเอกเจี๋ยเป่าอวี้ใช้วลีเต็ม “แม้ธารน้ำยาวสามพันลี้ ข้าก็จะขอตักเพียงหนึ่งชาม” เพื่อบอกต่อนางเอกหลินไต้อวี้ว่า แม้จะมีสตรีอื่นรายล้อมเพียงใด เขาขอเพียงนางคนเดียวมาเป็นคู่ครองก็พอใจแล้ว และต่อมาวลีนี้จึงกลายเป็นวลีอมตะที่บ่งบอกถึงรักอันมั่นคง รักเดียวใจเดียว และด้วยคำว่า ‘รั่วสุ่ย’ ในโบราณแปลว่าสายธารที่อันตราย จึงมีการตีความวลี “ธารน้ำสามพัน(ลี้) ขอตักเพียงหนึ่งชาม” นี้เพิ่มเติมด้วยว่า กว่าจะตักน้ำนั้นมาได้หนึ่งชามก็ยากแสนยาก พึงเห็นคุณค่าของมันให้จงดี ดังนั้น จริงๆ แล้ววลีนี้ใช้ในบริบทอื่นก็ได้ เพื่อสื่อความหมายว่า ในบรรดาสรรพสิ่งมากมาย ขอเพียงได้ในสิ่งเดียวที่ตั้งใจที่มีคุณค่ามากมายต่อจิตใจเรา ก็เพียงพอแล้ว Storyฯ ถือโอกาสนี้แปะรูปมาให้แฟนคลับของหยางหยางดูว่า เขาไม่เพียงกล่าววลีนี้มาแล้วในละครเรื่อง <เทียบท้าปฐพี> แต่เมื่อปี 2010 ยังเคยแสดงเป็นเจี๋ยเป่าอวี้ ในเรื่อง <ความฝันในหอแดง> ซึ่งเป็นต้นฉบับของวลีอมตะนี้ด้วย (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://imgur.com/20Mx6mv http://yule.sohu.com/20160617/n454973158.shtml Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/弱水三千只取一瓢/96378 https://baike.baidu.com/tashuo/browse/content?id=242a130850f0cbde411c456e&lemmaId=96378&fromLemmaModule=pcBottom&lemmaTitle=%E5%BC%B1%E6%B0%B4%E4%B8%89%E5%8D%83%E5%8F%AA%E5%8F%96%E4%B8%80%E7%93%A2&fromModule=lemma_bottom-tashuo-article https://www.sohu.com/a/325578545_594411 #เทียบท้าปฐพี #แม่น้ำรั่ว #สายธารสามพันลี้
    1 Comments 0 Shares 1047 Views 0 Reviews
  • คิด-ทำ-ทิ้ง สระมรกตรัฐสภา

    สระมรกต หนึ่งในองค์ประกอบของอาคารรัฐสภา ถนนสามเสน ที่มีชื่อว่า สัปปายะสถาสถาน ก่อสร้างด้วยงบประมาณกว่า 12,280 ล้านบาท กำลังจะเป็นตำนานในเร็ววันนี้ เมื่อนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (21 มี.ค.) ว่า จะมีการปรับปรุงพื้นที่ดังกล่าว โดยสูบน้ำออกแล้วปิดพื้นที่ ปูพื้นใหม่ให้เสมอกับทางเดิน แล้วกั้นห้องกระจกขึ้นมา ทำเป็นห้องสมุด พื้นที่อ่านหนังสือ พื่นที่พักคอย หรือพื้นที่ทำงาน โดยตั้งงบประมาณไว้ 150 ล้านบาท

    สาเหตุเพราะได้รับการร้องเรียนว่า มีผู้เข้าชมรัฐสภาเดินตกน้ำบ่อยครั้ง มียุงจำนวนมากจากสระมรกต เข้ามารบกวนการทำงานข้าราชการที่ปฎิบัติงานภายในอาคาร เสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคไข้เลือดออก อีกทั้งพบว่ามีปัญหาพื้นของบ่อน้ำรั่วซึม มีน้ำจากสระมรกตไหลลงไปที่ชั้นบีหนึ่ง (B1) อยู่เป็นประจำ และเกิดโพรงอยู่ใต้พื้นไม้กระดาน สร้างความไม่ปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้งาน ซึ่งจากการปรึกษากับวิศวกรและฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้ข้อสรุปว่าจะยกเลิกพื้นที่สระมรกต ให้ใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น

    นอกจากนี้ ยังมีโครงการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารรัฐสภาอีกหลายจุด เช่น ห้องตอบกระทู้แยกเฉพาะที่ ซึ่งมีขนาดเล็กและแออัด จะย้ายไปส่วนอื่นที่ใหญ่ขึ้น ย้ายห้องร้องทุกข์ของประชาชน จากชั้น 10 ลงมาที่ชั้น 1 ย้ายโรงอาหารไปอยู่ชั้น B2 และประมูลใหม่ทั้งหมด รวมทั้งนำร้านอาหารชั้นนำ ร้านสะดวกซื้อ และร้านกาแฟแบรนด์ดังอย่างคาเฟ่ อเมซอน และกาแฟพันธุ์ไทย ขณะเดียวกัน จะก่อสร้างลานจอดรถใต้ดินอาคารรัฐสภา เฟส 2 ฝั่งถนนสามเสน เพื่อแก้ปัญหาที่จอดรถไม่เพียงพออีกด้วย

    สำหรับแบบก่อสร้างอาคารรัฐสภาที่ชื่อว่าสัปปายะสถาสถาน ออกแบบโดยกลุ่มสถาปนิก สงบ ๑๐๕๑ ภายใต้การนำของนายธีรพล นิยม ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ โดยสระมรกตเป็นสระน้ำสีเขียวเข้มภายในอาคาร ล้อมรอบตัวอาคารเป็นผนังไม้สีมะเกลือดำ ถูกออกแบบมาให้มีความเย็นมากกว่าภายนอก เมื่อมีความร้อนสะสม อากาศยกตัวขึ้น อากาศเย็นจากด้านล่างจะเผื่อแผ่กระจายความเย็นขึ้นไปยังทางเดินรอบๆ ที่เป็นพื้นที่เปิด โถงนี้จะมีสภาวะน่าสบายอยู่เสมอ ถึงแม้ภายนอกจะร้อนมากในฤดูร้อนก็ตาม

    นับตั้งแต่เปิดใช้อาคารรัฐสภาตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา มีอุบัติเหตุคนตกลงไปในสระมรกตแล้วมากกว่า 70 คน ส่วนใหญ่เป็นคนที่ไม่คุ้นชินกับพื้นที่ เนื่องจากสระน้ำมีระดับเสมอกับทางเดิน และพบว่าเคยมีตัวเงินตัวทองเข้ามาเล่นน้ำในสระมรกตอีกด้วย เมื่อแบบก่อสร้างที่สวยหรูกลายเป็นอุปสรรคเมื่อใช้งานจริง สระมรกตในวันนี้จึงกลายเป็นตำนานแบบคิด-ทำ-ทิ้ง เสียเวลาและเสียงบประมาณจากภาษีของประชาชน

    #Newskit
    คิด-ทำ-ทิ้ง สระมรกตรัฐสภา สระมรกต หนึ่งในองค์ประกอบของอาคารรัฐสภา ถนนสามเสน ที่มีชื่อว่า สัปปายะสถาสถาน ก่อสร้างด้วยงบประมาณกว่า 12,280 ล้านบาท กำลังจะเป็นตำนานในเร็ววันนี้ เมื่อนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (21 มี.ค.) ว่า จะมีการปรับปรุงพื้นที่ดังกล่าว โดยสูบน้ำออกแล้วปิดพื้นที่ ปูพื้นใหม่ให้เสมอกับทางเดิน แล้วกั้นห้องกระจกขึ้นมา ทำเป็นห้องสมุด พื้นที่อ่านหนังสือ พื่นที่พักคอย หรือพื้นที่ทำงาน โดยตั้งงบประมาณไว้ 150 ล้านบาท สาเหตุเพราะได้รับการร้องเรียนว่า มีผู้เข้าชมรัฐสภาเดินตกน้ำบ่อยครั้ง มียุงจำนวนมากจากสระมรกต เข้ามารบกวนการทำงานข้าราชการที่ปฎิบัติงานภายในอาคาร เสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคไข้เลือดออก อีกทั้งพบว่ามีปัญหาพื้นของบ่อน้ำรั่วซึม มีน้ำจากสระมรกตไหลลงไปที่ชั้นบีหนึ่ง (B1) อยู่เป็นประจำ และเกิดโพรงอยู่ใต้พื้นไม้กระดาน สร้างความไม่ปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้งาน ซึ่งจากการปรึกษากับวิศวกรและฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้ข้อสรุปว่าจะยกเลิกพื้นที่สระมรกต ให้ใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีโครงการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารรัฐสภาอีกหลายจุด เช่น ห้องตอบกระทู้แยกเฉพาะที่ ซึ่งมีขนาดเล็กและแออัด จะย้ายไปส่วนอื่นที่ใหญ่ขึ้น ย้ายห้องร้องทุกข์ของประชาชน จากชั้น 10 ลงมาที่ชั้น 1 ย้ายโรงอาหารไปอยู่ชั้น B2 และประมูลใหม่ทั้งหมด รวมทั้งนำร้านอาหารชั้นนำ ร้านสะดวกซื้อ และร้านกาแฟแบรนด์ดังอย่างคาเฟ่ อเมซอน และกาแฟพันธุ์ไทย ขณะเดียวกัน จะก่อสร้างลานจอดรถใต้ดินอาคารรัฐสภา เฟส 2 ฝั่งถนนสามเสน เพื่อแก้ปัญหาที่จอดรถไม่เพียงพออีกด้วย สำหรับแบบก่อสร้างอาคารรัฐสภาที่ชื่อว่าสัปปายะสถาสถาน ออกแบบโดยกลุ่มสถาปนิก สงบ ๑๐๕๑ ภายใต้การนำของนายธีรพล นิยม ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ โดยสระมรกตเป็นสระน้ำสีเขียวเข้มภายในอาคาร ล้อมรอบตัวอาคารเป็นผนังไม้สีมะเกลือดำ ถูกออกแบบมาให้มีความเย็นมากกว่าภายนอก เมื่อมีความร้อนสะสม อากาศยกตัวขึ้น อากาศเย็นจากด้านล่างจะเผื่อแผ่กระจายความเย็นขึ้นไปยังทางเดินรอบๆ ที่เป็นพื้นที่เปิด โถงนี้จะมีสภาวะน่าสบายอยู่เสมอ ถึงแม้ภายนอกจะร้อนมากในฤดูร้อนก็ตาม นับตั้งแต่เปิดใช้อาคารรัฐสภาตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา มีอุบัติเหตุคนตกลงไปในสระมรกตแล้วมากกว่า 70 คน ส่วนใหญ่เป็นคนที่ไม่คุ้นชินกับพื้นที่ เนื่องจากสระน้ำมีระดับเสมอกับทางเดิน และพบว่าเคยมีตัวเงินตัวทองเข้ามาเล่นน้ำในสระมรกตอีกด้วย เมื่อแบบก่อสร้างที่สวยหรูกลายเป็นอุปสรรคเมื่อใช้งานจริง สระมรกตในวันนี้จึงกลายเป็นตำนานแบบคิด-ทำ-ทิ้ง เสียเวลาและเสียงบประมาณจากภาษีของประชาชน #Newskit
    Like
    Sad
    2
    0 Comments 0 Shares 1059 Views 0 Reviews
  • ขออัปเดตหน่อย เพื่อให้คนมีที่ดินและคิดจะปลูกไม้ยืนต้นทิ้งไว้ จะได้เป็นแนวทางหนึ่งในการตัดสินใจ....แปลงนี้ศิษย์เกษตรได้ไปให้บริการแนะนำปลูกและดูแลตัดหญ้า ในเขตจังหวัดแพร่เมื่อ 6 เดือนก่อน ลงปลูกไปทั้งหมด 150 ต้น ตอนนี้เหลือ 128 ต้น เท่ากับว่าผ่านมาครึ่งปีต้นไม้รอด 85 %....เหตุที่ตายก็มาจากวัวเหยียบบ้าง คนเข้ามาตัดหญ้าไปเลี้ยงวัวไม่เห็นบ้าง และก็พื้นที่บางโซนน้ำท่วมขังในฤดูฝนก็ตายไปบ้าง แต่รอด 85% นี่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่รอดเยอะมากเมื่อเทียบกับการไม่ต้องติดตั้งระบบน้ำ แต่ไม่ใช่ว่าปลูกไม้ป่าแล้วจะไม่ลงทุนเลย อันนั้นไม่ใช่ เพราะแปลงนี้เจ้าของแปลงให้ lit nit เข้ามาตัดหญ้าทุก 3 เดือน และตอนนี้ก็ต้องลงทุนล้อมลวดไฟฟ้าเพื่อกันวัวชาวบ้านที่เข้ามา (เจ้าของตัดสินใจกั้นรั้วเองเพราะไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านก็แล้ว ทะเลาะกับเจ้าของวัวก็แล้วแต่ปัญหาเรื่องวัวก็ไม่จบไม่สิ้นสักที)....แปลงนี้ไม่ใช้ยาฆ่าหญ้าเพราะหากใช้ยาฆ่าหญ้าโอกาสที่ต้นไม้จะตายเพราะขาดน้ำก็มีสูง เหตุเพราะไม่มีอะไรห่มดินไว้ไม่ให้โดนแดดโดยตรง หรือหากฆ่าหญ้าก็ต้องติดตั้งระบบน้ำซึ่งก็ใช้งบบานปลายเกินจำเป็น เพราะเมื่อติดตั้งระบบน้ำก็จะต้องมีการดูแลระบบอย่างต่อเนื่องเหตุเพราะสายน้ำรั่วบ้าง หัวตันบ้าง อุปกรณ์ถูกขโมยบ้างอะไรประมาณนี้ผ่านมาครึ่งปีไม้หลายต้นโตเร็วจนหนีหญ้าเกือบพ้นแล้ว บางต้นบางชนิดโตช้ามาก ๆ ตามลักษณะพันธุ์....การปลูกต้นไม้เป็นการลงทุน อยู่ที่ว่าจะเลือกลงทุนมากหรือน้อย ลงทุนเหมาะสมหรือเกินกำลัง หรือตัดสินใจไปในทิศทางเสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย#อันนี้ขึ้นอยู่กับว่า ลงทุนเพราะใจอยาก หรือลงทุนตามข้อมูลที่ศึกษามาและคำแนะนำจากผู้ที่มีประสบการณ์โชกโชน^^
    ขออัปเดตหน่อย เพื่อให้คนมีที่ดินและคิดจะปลูกไม้ยืนต้นทิ้งไว้ จะได้เป็นแนวทางหนึ่งในการตัดสินใจ....แปลงนี้ศิษย์เกษตรได้ไปให้บริการแนะนำปลูกและดูแลตัดหญ้า ในเขตจังหวัดแพร่เมื่อ 6 เดือนก่อน ลงปลูกไปทั้งหมด 150 ต้น ตอนนี้เหลือ 128 ต้น เท่ากับว่าผ่านมาครึ่งปีต้นไม้รอด 85 %....เหตุที่ตายก็มาจากวัวเหยียบบ้าง คนเข้ามาตัดหญ้าไปเลี้ยงวัวไม่เห็นบ้าง และก็พื้นที่บางโซนน้ำท่วมขังในฤดูฝนก็ตายไปบ้าง แต่รอด 85% นี่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่รอดเยอะมากเมื่อเทียบกับการไม่ต้องติดตั้งระบบน้ำ แต่ไม่ใช่ว่าปลูกไม้ป่าแล้วจะไม่ลงทุนเลย อันนั้นไม่ใช่ เพราะแปลงนี้เจ้าของแปลงให้ lit nit เข้ามาตัดหญ้าทุก 3 เดือน และตอนนี้ก็ต้องลงทุนล้อมลวดไฟฟ้าเพื่อกันวัวชาวบ้านที่เข้ามา (เจ้าของตัดสินใจกั้นรั้วเองเพราะไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านก็แล้ว ทะเลาะกับเจ้าของวัวก็แล้วแต่ปัญหาเรื่องวัวก็ไม่จบไม่สิ้นสักที)....แปลงนี้ไม่ใช้ยาฆ่าหญ้าเพราะหากใช้ยาฆ่าหญ้าโอกาสที่ต้นไม้จะตายเพราะขาดน้ำก็มีสูง เหตุเพราะไม่มีอะไรห่มดินไว้ไม่ให้โดนแดดโดยตรง หรือหากฆ่าหญ้าก็ต้องติดตั้งระบบน้ำซึ่งก็ใช้งบบานปลายเกินจำเป็น เพราะเมื่อติดตั้งระบบน้ำก็จะต้องมีการดูแลระบบอย่างต่อเนื่องเหตุเพราะสายน้ำรั่วบ้าง หัวตันบ้าง อุปกรณ์ถูกขโมยบ้างอะไรประมาณนี้ผ่านมาครึ่งปีไม้หลายต้นโตเร็วจนหนีหญ้าเกือบพ้นแล้ว บางต้นบางชนิดโตช้ามาก ๆ ตามลักษณะพันธุ์....การปลูกต้นไม้เป็นการลงทุน อยู่ที่ว่าจะเลือกลงทุนมากหรือน้อย ลงทุนเหมาะสมหรือเกินกำลัง หรือตัดสินใจไปในทิศทางเสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย#อันนี้ขึ้นอยู่กับว่า ลงทุนเพราะใจอยาก หรือลงทุนตามข้อมูลที่ศึกษามาและคำแนะนำจากผู้ที่มีประสบการณ์โชกโชน^^
    0 Comments 0 Shares 682 Views 0 Reviews
  • สภาฯ ปัดน้ำรั่ว แต่ลืมเปิดจุดระบายน้ำ (11/10/67) #news1 #สภาหมื่นล้าน #สภาน้ำรั่ว
    สภาฯ ปัดน้ำรั่ว แต่ลืมเปิดจุดระบายน้ำ (11/10/67) #news1 #สภาหมื่นล้าน #สภาน้ำรั่ว
    Like
    Haha
    10
    1 Comments 0 Shares 1920 Views 509 0 Reviews
  • โซเชียลแชร์ว่อน! คลิปน้ำรั่วไหลเป็นน้ำตกลงมาจากโคมไฟติดฝ้าเพดานหลายจุดทั่วศูนย์อาหารมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หลังเจอฝนถล่มหนัก ขณะที่ชาวเน็ตคอมเมนต์สนั่นทั้งเชิงเสียดสีขบขัน และตั้งข้อสังเกตมาตรฐานการก่อสร้าง

    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000089047

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    โซเชียลแชร์ว่อน! คลิปน้ำรั่วไหลเป็นน้ำตกลงมาจากโคมไฟติดฝ้าเพดานหลายจุดทั่วศูนย์อาหารมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หลังเจอฝนถล่มหนัก ขณะที่ชาวเน็ตคอมเมนต์สนั่นทั้งเชิงเสียดสีขบขัน และตั้งข้อสังเกตมาตรฐานการก่อสร้าง อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000089047 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    Haha
    Love
    Wow
    Angry
    45
    3 Comments 0 Shares 5121 Views 0 Reviews