• “รมว.สุชาติ” ร่วมยินดี 23 ปี กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มุ่งเน้นการทำงานที่เห็นผล กำหนดแผนระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว
    https://www.thai-tai.tv/news/21724/
    .
    #กรมอุทยานแห่งชาติ #สุชาติชมกลิ่น #ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม #รุกป่า #นายทุน #ผลงานจับต้องได้ #ไทยไท
    “รมว.สุชาติ” ร่วมยินดี 23 ปี กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มุ่งเน้นการทำงานที่เห็นผล กำหนดแผนระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว https://www.thai-tai.tv/news/21724/ . #กรมอุทยานแห่งชาติ #สุชาติชมกลิ่น #ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม #รุกป่า #นายทุน #ผลงานจับต้องได้ #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..จุดไหนมีข้อบกพร่อง ต้องช่วยกันกำจัดกวาดล้างทำลายเลย,ชาติไทยเราเจ็บซ้ำพอแล้ว,ประชาชนก็อนาถๆโคตรๆด้วย.

    ..บ่อน้ำมันยุคนี้เราต้องยึดคืนมาทำเองทั้งหมดได้แล้วเราถูกต่างชาติและเอกชนไทยเรา ปล้นแผ่นดินไทยนี้จากประชาชนคนไทยจนร่ำรวยมั่งคั่งเกินพอแล้ว.

    ..ยึดอำนาจ ยึดวัตถุดิบสร้างชาติพัฒนาชาติแบบทรัพยากรธรรมชาติของไทยเราคืนมาทั้งหมดเถอะ ด้วยหนทางทหารของพระราชาของประชาชนคนไทยเราจริงจัง,แผ่นดินนี้คือของไทยเรา.,สมบัติทรัพยากรมีค่ามากมายต้องบำรุงดูแลคนไทยเราทั้งประเทศให้สงบสุขร่มเย็นจริง.

    https://youtube.com/shorts/rA_3r2zMU3k?si=XUQBm0DItrYiMdDK
    ..จุดไหนมีข้อบกพร่อง ต้องช่วยกันกำจัดกวาดล้างทำลายเลย,ชาติไทยเราเจ็บซ้ำพอแล้ว,ประชาชนก็อนาถๆโคตรๆด้วย. ..บ่อน้ำมันยุคนี้เราต้องยึดคืนมาทำเองทั้งหมดได้แล้วเราถูกต่างชาติและเอกชนไทยเรา ปล้นแผ่นดินไทยนี้จากประชาชนคนไทยจนร่ำรวยมั่งคั่งเกินพอแล้ว. ..ยึดอำนาจ ยึดวัตถุดิบสร้างชาติพัฒนาชาติแบบทรัพยากรธรรมชาติของไทยเราคืนมาทั้งหมดเถอะ ด้วยหนทางทหารของพระราชาของประชาชนคนไทยเราจริงจัง,แผ่นดินนี้คือของไทยเรา.,สมบัติทรัพยากรมีค่ามากมายต้องบำรุงดูแลคนไทยเราทั้งประเทศให้สงบสุขร่มเย็นจริง. https://youtube.com/shorts/rA_3r2zMU3k?si=XUQBm0DItrYiMdDK
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ส่วนตัวอยากเห็นกองทัพไทยปลดปล่อยประเทศไทยปลดแอกประเทศจากมหาอำนาจโลกอย่างจริงจังโดยเฉพาะพวกตะวันตกฝรั่งทั้งหมดก่อนอันดับแรก,กอบกู้แผ่นดินไทย,กอบกู้เอาอธิปไตยไทยคืนมาจากทุนต่างชาติและทุนผูกขาดจากเอกชนไทยด้วยทั้งหมด คืนตกแก่แผ่นดินไทยเราดังเดิม,เราจะมีสิทธิเต็ม100%ทันที ยึดอำนาจยึดทรัพยากรมีค่ายึดทรัพยากรธรรมชาติคืนมาทั้งหมดเพื่อเป็นวัตถุดิบสร้างชาติพัฒนาชาติไทยคนไทยบุคลากรไทยของจริง,เราถูกปล้นชิงไปนานพอแล้วจากพวกสาระเลวบนโลกนี้ที่ชิงเอาเปรียบประเทศไทยเรามาอย่างยาวนาน.
    ..กองทัพไทยเรา..ยึดอำนาจเถอะ,นักการเมืองทั้งหมดไว้ใจไม่ได้อีกแล้ว.

    https://youtube.com/shorts/catNqFQnmO4?si=880p5CSpeDHMG1vp



    ..ส่วนตัวอยากเห็นกองทัพไทยปลดปล่อยประเทศไทยปลดแอกประเทศจากมหาอำนาจโลกอย่างจริงจังโดยเฉพาะพวกตะวันตกฝรั่งทั้งหมดก่อนอันดับแรก,กอบกู้แผ่นดินไทย,กอบกู้เอาอธิปไตยไทยคืนมาจากทุนต่างชาติและทุนผูกขาดจากเอกชนไทยด้วยทั้งหมด คืนตกแก่แผ่นดินไทยเราดังเดิม,เราจะมีสิทธิเต็ม100%ทันที ยึดอำนาจยึดทรัพยากรมีค่ายึดทรัพยากรธรรมชาติคืนมาทั้งหมดเพื่อเป็นวัตถุดิบสร้างชาติพัฒนาชาติไทยคนไทยบุคลากรไทยของจริง,เราถูกปล้นชิงไปนานพอแล้วจากพวกสาระเลวบนโลกนี้ที่ชิงเอาเปรียบประเทศไทยเรามาอย่างยาวนาน. ..กองทัพไทยเรา..ยึดอำนาจเถอะ,นักการเมืองทั้งหมดไว้ใจไม่ได้อีกแล้ว. https://youtube.com/shorts/catNqFQnmO4?si=880p5CSpeDHMG1vp
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'สุชาติ' เข้ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ย้ำใช้แนวพระราชดำริเป็นหลักทำงาน วางเป้า 4 เดือนเห็นผล ทุ่มเทบริหารเต็มความสามารถ
    https://www.thai-tai.tv/news/21629/
    .
    #สุชาติชมกลิ่น #กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม #ทส #5แนวทาง #PM25 #บริหารจัดการทรัพยากร #รองนายกรัฐมนตรี #ไทยไท
    'สุชาติ' เข้ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ย้ำใช้แนวพระราชดำริเป็นหลักทำงาน วางเป้า 4 เดือนเห็นผล ทุ่มเทบริหารเต็มความสามารถ https://www.thai-tai.tv/news/21629/ . #สุชาติชมกลิ่น #กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม #ทส #5แนวทาง #PM25 #บริหารจัดการทรัพยากร #รองนายกรัฐมนตรี #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'สุชาติ' ลั่นไม่เคยรับผลประโยชน์! ยันไม่ยุ่งเกี่ยวการโยกย้าย ให้เป็นอำนาจของอธิบดี ขอแค่ถูกต้องตามกฎหมาย
    https://www.thai-tai.tv/news/21572/
    .
    #ไทยไท #สุชาติชมกลิ่น #กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้ #ศศินเฉลิมลาภ
    'สุชาติ' ลั่นไม่เคยรับผลประโยชน์! ยันไม่ยุ่งเกี่ยวการโยกย้าย ให้เป็นอำนาจของอธิบดี ขอแค่ถูกต้องตามกฎหมาย https://www.thai-tai.tv/news/21572/ . #ไทยไท #สุชาติชมกลิ่น #กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้ #ศศินเฉลิมลาภ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 144 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 11 หุ่นเชิดสีส้ม

    ระหว่างที่รัสเซียเดินหน้าวางท่อส่งไป ทั้งเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก เหมือนดอกว่านบาน 4 ทิศ อเมริกาก็ใช้ทุกแผน ทั้งบนฟ้า เหนือดินและใต้ดินเหมือนกัน ที่จะตัดทางเดินของท่อส่ง ทางหนึ่งที่ลงทุนไปแยะแล้ว และเป็นด่านสำคัญคือ Ukraine เรื่องเก่า จึงต้องเอามาเล่นใหม่

    ดูจากแผนที่ Ukraine มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ต่อทั้ง NATO และรัสเซีย ไม่ใช่แค่ด้านตะวันออกของ Ukraine อยู่ติดรัสเซียเท่านั้น แต่ Ukraine ยังเป็นทางออกของท่อส่งแก๊ซเส้น ใหญ่ของรัสเซีย ที่ส่งไปให้ยุโรปตะวันตก คิดเป็นประมาณ 80% ของรายได้ที่เป็นดอลล่าร์ จากการส่งออกแก๊ซ มันเป็นเส้นเลือดใหญ่ของรัสเซียเลยล่ะ

    ไม่ใช่แค่เรื่องท่อส่งแก๊ซที่ทำให้อเมริกาจุกอก Ukraine ยังทำสัญญาให้สิทธิรัสเซีย ใช้ท่าเรือของ Ukraine ที่ Stevastopol เพื่อเป็นฐานให้กองทัพเรือของรัสเซียจอดที่ทะเลดำ และที่ Odessa อีกด้วย สัญญานี้ยังมีอายุอยู่ถึงปี ค.ศ. 2017 ถ้าไม่ต่อออกไปอีก กองทัพเรือรัสเซียที่ทะเลดำนี้ ทำให้ NATO ต้องคิดหนักในการสยายปีกของตนเองเพื่อมาล้อมรัสเซีย

    เมื่อ Georgia ถูกชักใยในปี ค.ศ. 2008 นาย Yushchenko ประธานธิบดีของ Ukraine ถูกผู้ชักใยสั่งให้สวมรอยใช้โอกาสนี้ บอกเลิกสัญญาเช่าท่าเรือนี้ก่อนกำหนดไปด้วย แต่มันไม่ง่ายนักหรอก กองเรือรัสเซียอยู่ตรงนั้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1783 ตั้งแต่ Stevastopol ยังเป็นของรัสเซียอยู่
    ทางภาคตะวันออกของ Ukraine ซึ่งติดกับรัสเซีย เป็นถิ่นที่อยู่ของชาว Ukraine ประมาณ 15 ล้านคน ที่มีวัฒนธรรมเหมือนรัสเซีย และเป็นบริเวณที่มีผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลก ปี ค.ศ. 2009 Ukraine เป็นอันดับ 3 ของโลก ในการส่งออกธัญพืช รองจากอเมริกาและสหภาพยุโรป แซงหน้ารัสเซียและแคนาดา chomozem ดินดำที่มีชื่อเสียงของ Ukraine เป็นดินที่มีปุ๋ยธรรมชาติมากที่สุดในโลก และดินดำนี้มีอยู่ทั่วประมาณ 2 ใน 3 ของดินแดน Ukraine

    บริเวณแม่น้ำ Dnieper และ Dniester เป็นที่เดียวในโลกอีกเช่นกัน ที่มีดินดำชนิดที่เรียกว่า “sweet black soil” ยาวไป 500 กิโลเมตร เป็นดินเหมาะสมสำหรับการทำเกษตรกรรมอย่างที่สุด และถือเป็นสมบัติมีค่าของประเทศ บรรษัทใหญ่ที่ทำเกษตรอุตสาหกรรม ของชาติตะวันตก เช่น Monsanto (จำได้ไหมครับ บริษัทนี้แสบอย่างไร เขาเป็นต้นคิดเมล็ดพืช พันธ์พิฆาต GMO) Cargill, ADM และ Kraft ต่างน้ำลายไหลยืด อยากจะมาครอบครองบริเวณนี้ของ Ukraine เพียงรอเวลา “เหมาะสม” อยู่เท่านั้น

    ส่วนบริเวณ Ukrainian Donetsk และ Donets Basin หรือ Donbas นั้น ซึ่งเป็นเขตฐานเสียงของ ประธานาธิบดีคนใหม่ คือ นาย YanuKovych เป็นดินแดน ที่เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมถ่านหินและเหล็ก รวมทั้งเป็นศูนย์กลางวิทยาศาสตร์ และมหาวิทยาลัย Donbas มีถ่านหินประมาณ 109 billion ตัน รวมทั้งมีน้ำมันและแก๊ซธรรมชาติด้วย

    โดยรวม นับว่า Ukraine เป็นบริเวณที่รวยที่สุดของทวีปยุโรปในแง่ของทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งหินแกรนิต แกรฟไฟท์ และเกลือ มีแร่ธาตุที่อุดมสมบูรณ์เหมาะสำหรับการทำกระเบื้องเคลือบ อุตสาหกรรมเคมี และอุตสาหกรรมก่อสร้าง การยึด Ukraine ได้ในปี ค.ศ. 2004 ของอเมริกาจึงถือว่าได้รางวัลใหญ่ สมควรต้องตะโกนว่า We Won, We Won เราชนะ เราชนะ แล้วโว้ย ! แต่ใจเย็นก่อน มันแค่เกือบเท่านั้นเองนะ Emperor Bush !
    นาย Yushchenko “เกือบ” ทำให้แผนการสีส้มของอเมริกา ที่ลงทุนคนขน คนฉาก มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004 สำเร็จสมเป้าหมาย ถ้าไม่บังเอิญเกิดอาการสดุดขากันเองก่อน ปี ค.ศ. 2008 ประธานาธิบดี Mikhail Saakaashvili ซึ่งรับใบสั่งลับอีกใบหนึ่งจากอเมริกา ทะเร่อทะร่ายกทัพไปบุก South Ossetia จนโดนกองทัพรัสเซียตีกลับแตกกระเจิง ใช้เวลาแค่ 5 วัน แค่นั้นยังไม่ ฉ.ห พอ บังเอิญช่วงนั้นคณะมนตรีของ NATO กำลังจะพิจารณาที่จะรับ Ukraine และ Georgia เป็นสมาชิกของ NATO (ตามคำสั่งของอเมริกา)อยู่ เยอรมันเลยยกมือประท้วง

    เดี๋ยวก่อน พวกเรา ถ้าเรารับไอ้ 2 ประเทศนี้เข้ามาอยู่ใน NATO น่ะนะ ตามกฎบัตรของ NATO เราต้องทำสงครามกับรัสเซียเพื่อปกป้อง ไอ้ 2 ประเทศ นี้ด้วยนะ

    บอกแล้วอย่าเพิ่งร้องว่า We Won ฝันเลยค้างเติ่งตั้งแต่ ค.ศ. 2008 เฮ้อ ! เหนื่อยวุ้ย ลงทุนใส่สีส้มมาตั้งหลายปี ตกลงใครหักหลังใครกันนะนี่ ? !

    ตอนจัดรายการปฏิวัติสีส้ม อเมริกาเปิดหน้า เปิดตัว ไม่ใช่แค่ประกาศส่งตัวนักแสดง เป็นหุ่น คือ นาย Viktor Yushchenko และคุณเมียชาว Chicago เท่านั้น อเมริกายังส่งนาย John Herbs มาเป็นฑูตอเมริกันประจำ Ukraine ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2008 อีกด้วย เขามาอยู่Ukraineไม่กี่เดือนก่อนละครเรื่องส้มสลายจะลงโรง นาย Herbs นี้ ก่อนหน้าที่จะมาประจำ Ukraine เขาเคยเป็นฑูตของอเมริกา อยู่ที่ Uzbekistan โดยมีหน้าที่ปฎิบัติภาระกิจสำคัญ ช่วยกำกับการแสดง Operation Enduring Freedom ใน Afkanistan มาแล้ว ภาระกิจแต่ละรายของนาย Herbs เหมาะกับหน้าที่ของคนเป็นทูตอเมริกันอย่างยิ่ง

    คุณหุ่น Yushchenko นี้ ถูกคัดมาแต่งตัวเตรียมเป็นประธานาธิบดี เพราะมีผลงานเข้าตากรรมการ เนื่องจากเป็นอดีตผุ้ว่าการธนาคารกลางของ Ukraine สมัย IMF ใช้โปรแกรม shock therapy

    ในช่วง ค.ศ. 1994 IMF บังคับให้ Ukraine ยกเลิกการควบคุมปริวรรติเงินตรา และลอยค่าเงิน ได้ผลดีมาก เงิน Ukraine ลอยลงสู่พื้น ราคาขนมปังขึ้นไป 300% ค่าไฟฟ้าขึ้นไป 600% ค่าเดินทางโดยบริการสาธารณะขึ้นไป 900% ในปี ค.ศ. 1998 ค่าแรงของชาว Ukraine หายไป 75% เมื่อเปรียบเทียบกับปี ค.ศ. 1991 ในวันที่เต้นรำฉลองชัยออกจากม่านเหล็กกัน

    วอชิงตันเลือกถูกคนจริง ๆ ดินแดนสมันน้อยก็เคยเจอใกล้เคียง หวังว่ายังคงจำกันได้ คงพอมองออกนะครับ เวลาเขาจะปล้นอะไร พวกนักการเงิน นักการธนาคาร ว่าง่าย ใช้คล่อง เข้าใจคำสั่ง และภาระกิจดี..
    เมื่อการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในปี ค.ศ. 2004 มาถึง แม้ขบวนการสีส้มจะเต้นกันไปรอบ เมืองอย่างไร นาย Yushchenko ก็ดันแพ้การเลือกตั้งแก่ นาย Viktor Yanukovych ขบวนการสีส้มมึน เป็นไปได้ไง เราดัก เราหัก เราตีมันทุกทางแล้วนี่นา ลงทุนขนาดนี้ แพ้ได้ยังไงหึ !

    Pora Group ออกมาเดินเต็มถนนอีกรอบ คราวนี้ตะโกน “เลือกตั้งสกปรก เลือกตั้งสกปรก”
    CNN และ BBC ออกข่าวโหม กกต. Ukraine ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ในปี 2005 คราวนี้นาย Yushchenko ชนะแบบฉิวเฉียด เขารีบประกาศตัวเป็นประธานาธิบดี

    ประธานาธิบดี Yushchenko ไม่รอช้า เดินหน้าทุกทางที่จะตัดเส้นเลือดของรัสเซีย โดยเฉพาะท่อส่งแก๊ซเส้นทางที่จะออกไปยังยุโรปตะวันตก วอชิงตันพยายามกล่อมสมาชิกสหภาพยุโรป โดยเฉพาะเยอรมันว่า รัสเซียเป็นคู่สัญญาที่ไม่น่าเชื่อถือ

    หุ่นเชิด 2 ตัว Yushenchenko ของ Ukraine และ Saakashvili ของ Georgia ต่างทำงานหนัก แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผล สหภาพยุโรปยังต้องอาศัยแก๊ซจากรัสเซียต่อไป ทางเลือกใหม่ยังไม่มี

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    30 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 11 หุ่นเชิดสีส้ม ระหว่างที่รัสเซียเดินหน้าวางท่อส่งไป ทั้งเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก เหมือนดอกว่านบาน 4 ทิศ อเมริกาก็ใช้ทุกแผน ทั้งบนฟ้า เหนือดินและใต้ดินเหมือนกัน ที่จะตัดทางเดินของท่อส่ง ทางหนึ่งที่ลงทุนไปแยะแล้ว และเป็นด่านสำคัญคือ Ukraine เรื่องเก่า จึงต้องเอามาเล่นใหม่ ดูจากแผนที่ Ukraine มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ต่อทั้ง NATO และรัสเซีย ไม่ใช่แค่ด้านตะวันออกของ Ukraine อยู่ติดรัสเซียเท่านั้น แต่ Ukraine ยังเป็นทางออกของท่อส่งแก๊ซเส้น ใหญ่ของรัสเซีย ที่ส่งไปให้ยุโรปตะวันตก คิดเป็นประมาณ 80% ของรายได้ที่เป็นดอลล่าร์ จากการส่งออกแก๊ซ มันเป็นเส้นเลือดใหญ่ของรัสเซียเลยล่ะ ไม่ใช่แค่เรื่องท่อส่งแก๊ซที่ทำให้อเมริกาจุกอก Ukraine ยังทำสัญญาให้สิทธิรัสเซีย ใช้ท่าเรือของ Ukraine ที่ Stevastopol เพื่อเป็นฐานให้กองทัพเรือของรัสเซียจอดที่ทะเลดำ และที่ Odessa อีกด้วย สัญญานี้ยังมีอายุอยู่ถึงปี ค.ศ. 2017 ถ้าไม่ต่อออกไปอีก กองทัพเรือรัสเซียที่ทะเลดำนี้ ทำให้ NATO ต้องคิดหนักในการสยายปีกของตนเองเพื่อมาล้อมรัสเซีย เมื่อ Georgia ถูกชักใยในปี ค.ศ. 2008 นาย Yushchenko ประธานธิบดีของ Ukraine ถูกผู้ชักใยสั่งให้สวมรอยใช้โอกาสนี้ บอกเลิกสัญญาเช่าท่าเรือนี้ก่อนกำหนดไปด้วย แต่มันไม่ง่ายนักหรอก กองเรือรัสเซียอยู่ตรงนั้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1783 ตั้งแต่ Stevastopol ยังเป็นของรัสเซียอยู่ ทางภาคตะวันออกของ Ukraine ซึ่งติดกับรัสเซีย เป็นถิ่นที่อยู่ของชาว Ukraine ประมาณ 15 ล้านคน ที่มีวัฒนธรรมเหมือนรัสเซีย และเป็นบริเวณที่มีผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลก ปี ค.ศ. 2009 Ukraine เป็นอันดับ 3 ของโลก ในการส่งออกธัญพืช รองจากอเมริกาและสหภาพยุโรป แซงหน้ารัสเซียและแคนาดา chomozem ดินดำที่มีชื่อเสียงของ Ukraine เป็นดินที่มีปุ๋ยธรรมชาติมากที่สุดในโลก และดินดำนี้มีอยู่ทั่วประมาณ 2 ใน 3 ของดินแดน Ukraine บริเวณแม่น้ำ Dnieper และ Dniester เป็นที่เดียวในโลกอีกเช่นกัน ที่มีดินดำชนิดที่เรียกว่า “sweet black soil” ยาวไป 500 กิโลเมตร เป็นดินเหมาะสมสำหรับการทำเกษตรกรรมอย่างที่สุด และถือเป็นสมบัติมีค่าของประเทศ บรรษัทใหญ่ที่ทำเกษตรอุตสาหกรรม ของชาติตะวันตก เช่น Monsanto (จำได้ไหมครับ บริษัทนี้แสบอย่างไร เขาเป็นต้นคิดเมล็ดพืช พันธ์พิฆาต GMO) Cargill, ADM และ Kraft ต่างน้ำลายไหลยืด อยากจะมาครอบครองบริเวณนี้ของ Ukraine เพียงรอเวลา “เหมาะสม” อยู่เท่านั้น ส่วนบริเวณ Ukrainian Donetsk และ Donets Basin หรือ Donbas นั้น ซึ่งเป็นเขตฐานเสียงของ ประธานาธิบดีคนใหม่ คือ นาย YanuKovych เป็นดินแดน ที่เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมถ่านหินและเหล็ก รวมทั้งเป็นศูนย์กลางวิทยาศาสตร์ และมหาวิทยาลัย Donbas มีถ่านหินประมาณ 109 billion ตัน รวมทั้งมีน้ำมันและแก๊ซธรรมชาติด้วย โดยรวม นับว่า Ukraine เป็นบริเวณที่รวยที่สุดของทวีปยุโรปในแง่ของทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งหินแกรนิต แกรฟไฟท์ และเกลือ มีแร่ธาตุที่อุดมสมบูรณ์เหมาะสำหรับการทำกระเบื้องเคลือบ อุตสาหกรรมเคมี และอุตสาหกรรมก่อสร้าง การยึด Ukraine ได้ในปี ค.ศ. 2004 ของอเมริกาจึงถือว่าได้รางวัลใหญ่ สมควรต้องตะโกนว่า We Won, We Won เราชนะ เราชนะ แล้วโว้ย ! แต่ใจเย็นก่อน มันแค่เกือบเท่านั้นเองนะ Emperor Bush ! นาย Yushchenko “เกือบ” ทำให้แผนการสีส้มของอเมริกา ที่ลงทุนคนขน คนฉาก มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004 สำเร็จสมเป้าหมาย ถ้าไม่บังเอิญเกิดอาการสดุดขากันเองก่อน ปี ค.ศ. 2008 ประธานาธิบดี Mikhail Saakaashvili ซึ่งรับใบสั่งลับอีกใบหนึ่งจากอเมริกา ทะเร่อทะร่ายกทัพไปบุก South Ossetia จนโดนกองทัพรัสเซียตีกลับแตกกระเจิง ใช้เวลาแค่ 5 วัน แค่นั้นยังไม่ ฉ.ห พอ บังเอิญช่วงนั้นคณะมนตรีของ NATO กำลังจะพิจารณาที่จะรับ Ukraine และ Georgia เป็นสมาชิกของ NATO (ตามคำสั่งของอเมริกา)อยู่ เยอรมันเลยยกมือประท้วง เดี๋ยวก่อน พวกเรา ถ้าเรารับไอ้ 2 ประเทศนี้เข้ามาอยู่ใน NATO น่ะนะ ตามกฎบัตรของ NATO เราต้องทำสงครามกับรัสเซียเพื่อปกป้อง ไอ้ 2 ประเทศ นี้ด้วยนะ บอกแล้วอย่าเพิ่งร้องว่า We Won ฝันเลยค้างเติ่งตั้งแต่ ค.ศ. 2008 เฮ้อ ! เหนื่อยวุ้ย ลงทุนใส่สีส้มมาตั้งหลายปี ตกลงใครหักหลังใครกันนะนี่ ? ! ตอนจัดรายการปฏิวัติสีส้ม อเมริกาเปิดหน้า เปิดตัว ไม่ใช่แค่ประกาศส่งตัวนักแสดง เป็นหุ่น คือ นาย Viktor Yushchenko และคุณเมียชาว Chicago เท่านั้น อเมริกายังส่งนาย John Herbs มาเป็นฑูตอเมริกันประจำ Ukraine ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2008 อีกด้วย เขามาอยู่Ukraineไม่กี่เดือนก่อนละครเรื่องส้มสลายจะลงโรง นาย Herbs นี้ ก่อนหน้าที่จะมาประจำ Ukraine เขาเคยเป็นฑูตของอเมริกา อยู่ที่ Uzbekistan โดยมีหน้าที่ปฎิบัติภาระกิจสำคัญ ช่วยกำกับการแสดง Operation Enduring Freedom ใน Afkanistan มาแล้ว ภาระกิจแต่ละรายของนาย Herbs เหมาะกับหน้าที่ของคนเป็นทูตอเมริกันอย่างยิ่ง คุณหุ่น Yushchenko นี้ ถูกคัดมาแต่งตัวเตรียมเป็นประธานาธิบดี เพราะมีผลงานเข้าตากรรมการ เนื่องจากเป็นอดีตผุ้ว่าการธนาคารกลางของ Ukraine สมัย IMF ใช้โปรแกรม shock therapy ในช่วง ค.ศ. 1994 IMF บังคับให้ Ukraine ยกเลิกการควบคุมปริวรรติเงินตรา และลอยค่าเงิน ได้ผลดีมาก เงิน Ukraine ลอยลงสู่พื้น ราคาขนมปังขึ้นไป 300% ค่าไฟฟ้าขึ้นไป 600% ค่าเดินทางโดยบริการสาธารณะขึ้นไป 900% ในปี ค.ศ. 1998 ค่าแรงของชาว Ukraine หายไป 75% เมื่อเปรียบเทียบกับปี ค.ศ. 1991 ในวันที่เต้นรำฉลองชัยออกจากม่านเหล็กกัน วอชิงตันเลือกถูกคนจริง ๆ ดินแดนสมันน้อยก็เคยเจอใกล้เคียง หวังว่ายังคงจำกันได้ คงพอมองออกนะครับ เวลาเขาจะปล้นอะไร พวกนักการเงิน นักการธนาคาร ว่าง่าย ใช้คล่อง เข้าใจคำสั่ง และภาระกิจดี.. เมื่อการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในปี ค.ศ. 2004 มาถึง แม้ขบวนการสีส้มจะเต้นกันไปรอบ เมืองอย่างไร นาย Yushchenko ก็ดันแพ้การเลือกตั้งแก่ นาย Viktor Yanukovych ขบวนการสีส้มมึน เป็นไปได้ไง เราดัก เราหัก เราตีมันทุกทางแล้วนี่นา ลงทุนขนาดนี้ แพ้ได้ยังไงหึ ! Pora Group ออกมาเดินเต็มถนนอีกรอบ คราวนี้ตะโกน “เลือกตั้งสกปรก เลือกตั้งสกปรก” CNN และ BBC ออกข่าวโหม กกต. Ukraine ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ในปี 2005 คราวนี้นาย Yushchenko ชนะแบบฉิวเฉียด เขารีบประกาศตัวเป็นประธานาธิบดี ประธานาธิบดี Yushchenko ไม่รอช้า เดินหน้าทุกทางที่จะตัดเส้นเลือดของรัสเซีย โดยเฉพาะท่อส่งแก๊ซเส้นทางที่จะออกไปยังยุโรปตะวันตก วอชิงตันพยายามกล่อมสมาชิกสหภาพยุโรป โดยเฉพาะเยอรมันว่า รัสเซียเป็นคู่สัญญาที่ไม่น่าเชื่อถือ หุ่นเชิด 2 ตัว Yushenchenko ของ Ukraine และ Saakashvili ของ Georgia ต่างทำงานหนัก แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผล สหภาพยุโรปยังต้องอาศัยแก๊ซจากรัสเซียต่อไป ทางเลือกใหม่ยังไม่มี สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 30 มิย. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 333 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..อาสนธิต่อสู้ร่วมกับประชาชนมาตลอดแฉความจริงเท่าสามารถแฉในยุคๆนั้นมาตลอดร่วมกับเวทีพันธมิตรเสื้อเหลือง,ในนั้นมีบอกเล่าความจริงของmou43,44มาตลอดด้วยทั้งผ่านสื่อทีวีช่องตนเองและขึ้นเวทีปราศัย.,รัฐบาลในอดีตและคณะครม.ในอดีตทั้งหมดจึงสมควรติดคุกให้หมด ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันยกเลิกmou43,44นี้ด้วยซึ่งไทยเสียแผ่นดินไทย ไทยเสียดินแดนไทยตนเองชัดเจนถึง1:150,000หากใช้mou43,44นี้จริง บ่อน้ำมันในอ่าวไทยมากมายทรัพยากรธรรมชาติจะตกแก่เขมรทันทีที่กอดmou43,44,นี้ซึ่งรัฐบาลทุกๆสมัยรับรู้ค่าจริงนี้ชัดเจนแน่นอน,สรุปจึงต้องเจอข้อหา ม.157และม.119ทั้งหมดที่ผ่านๆมาตั้งแต่mou43,44นี้ถือกำหนดขึ้น.,อ้างว่าไม่รับรู้ให้พ้นความผิดยิ่งเป็นไปไม่ได้เช่นพรรคภาคใต้ก็เข้าร่วมรัฐบาลมาโดยตลอด ก็สามารถยื่นเรื่องเสนอยกเลิกmou43,44นี้ตลอดเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้านได้เมื่อสำนึกผิดว่าตนกระทำการผิดพลาดเรื่องแผ่นดินไทยที่อาจเสียเปรียบเขมรสูญเสียแผ่นดินไทยกว่า1:150,000นั้นเอง,แต่พรรคการเมืองก็ไม่กระทำการเช่นนั้น,
    ..พรรคภูมิใจไทยลูกเนวินได้แสดงเห็นด้วยในการยกเลิกmou43,44หากรัฐบาลนำโดยพรรคภูมิใจไทยที่มีอำนาจแล้วตอนนี้ไม่ยอมยกเลิกmou43,44แสดงว่ามีเจตนาชัดเจนหนักกว่ารัฐบาลอดีตใดๆที่ผ่านมาที่รับรู้ชัดเจนถึงภัยร้ายmou43,44นี้ชัดเจนแล้ว แสดงเจตนาต้องการยกเลิกอีกเมื่อตนไม่มีอำนาจ,แต่เมื่อมีอำนาจแล้วกลับวางเฉยไม่กระตือรือร้นยกเลิกทันทีซึ่งสามารถกระทำได้แต่ไม่ทำ ความผิดอาจทวีคูณหนักเป็นสองเท่าในนามรัฐบาลตน.,คือประหารสองครั้งนั้นเอง.,ม.119+

    https://youtube.com/shorts/SbPC2EwKj3c?si=EdfZVGVD2zPEukEG
    ..อาสนธิต่อสู้ร่วมกับประชาชนมาตลอดแฉความจริงเท่าสามารถแฉในยุคๆนั้นมาตลอดร่วมกับเวทีพันธมิตรเสื้อเหลือง,ในนั้นมีบอกเล่าความจริงของmou43,44มาตลอดด้วยทั้งผ่านสื่อทีวีช่องตนเองและขึ้นเวทีปราศัย.,รัฐบาลในอดีตและคณะครม.ในอดีตทั้งหมดจึงสมควรติดคุกให้หมด ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันยกเลิกmou43,44นี้ด้วยซึ่งไทยเสียแผ่นดินไทย ไทยเสียดินแดนไทยตนเองชัดเจนถึง1:150,000หากใช้mou43,44นี้จริง บ่อน้ำมันในอ่าวไทยมากมายทรัพยากรธรรมชาติจะตกแก่เขมรทันทีที่กอดmou43,44,นี้ซึ่งรัฐบาลทุกๆสมัยรับรู้ค่าจริงนี้ชัดเจนแน่นอน,สรุปจึงต้องเจอข้อหา ม.157และม.119ทั้งหมดที่ผ่านๆมาตั้งแต่mou43,44นี้ถือกำหนดขึ้น.,อ้างว่าไม่รับรู้ให้พ้นความผิดยิ่งเป็นไปไม่ได้เช่นพรรคภาคใต้ก็เข้าร่วมรัฐบาลมาโดยตลอด ก็สามารถยื่นเรื่องเสนอยกเลิกmou43,44นี้ตลอดเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้านได้เมื่อสำนึกผิดว่าตนกระทำการผิดพลาดเรื่องแผ่นดินไทยที่อาจเสียเปรียบเขมรสูญเสียแผ่นดินไทยกว่า1:150,000นั้นเอง,แต่พรรคการเมืองก็ไม่กระทำการเช่นนั้น, ..พรรคภูมิใจไทยลูกเนวินได้แสดงเห็นด้วยในการยกเลิกmou43,44หากรัฐบาลนำโดยพรรคภูมิใจไทยที่มีอำนาจแล้วตอนนี้ไม่ยอมยกเลิกmou43,44แสดงว่ามีเจตนาชัดเจนหนักกว่ารัฐบาลอดีตใดๆที่ผ่านมาที่รับรู้ชัดเจนถึงภัยร้ายmou43,44นี้ชัดเจนแล้ว แสดงเจตนาต้องการยกเลิกอีกเมื่อตนไม่มีอำนาจ,แต่เมื่อมีอำนาจแล้วกลับวางเฉยไม่กระตือรือร้นยกเลิกทันทีซึ่งสามารถกระทำได้แต่ไม่ทำ ความผิดอาจทวีคูณหนักเป็นสองเท่าในนามรัฐบาลตน.,คือประหารสองครั้งนั้นเอง.,ม.119+ https://youtube.com/shorts/SbPC2EwKj3c?si=EdfZVGVD2zPEukEG
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 276 มุมมอง 0 รีวิว
  • กู้ศรัทธาประชาธิปัตย์ เหล้าเก่าในขวดเก่า

    เมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้ว สู่รัฐบาลพรรคภูมิใจไทย จึงไม่แปลกที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะยื่นใบลาออกจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (12 ก.ย.) แม้อ้างว่ามีปัญหาเรื่องสุขภาพ แต่ที่ผ่านมา ปชป. ยุคนายเฉลิมชัยถูกวิจารณ์ว่า จุดยืนทางการเมืองเปลี่ยนไป นับตั้งแต่นายเฉลิมชัยนำ สส. 21 คนเข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ทั้งที่สองพรรคนี้ไม่ถูกกันยาวนานกว่า 20 ปี โดยมีข่าวว่านายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา ไปดีลกับนายทักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกงเอาไว้ นับจากนั้นเป็นต้นมาเกิดวิกฤตศรัทธาอย่างหนัก บรรดาสมาชิกพรรคเก่าแก่หลายคนลาออก

    เมื่อนายเฉลิมชัยลาออกแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค ปชป. ชุดใหม่ รายงานข่าวแจ้งว่ามีความพยายามในการดึงแกนนำพรรค ที่เว้นวรรคทางการเมือง หรือลาออกจากพรรคไปแล้ว มาร่วมกลับบ้านเก่า ฟื้นฟูพรรคกันใหม่ เพื่อกู้วิกฤตศรัทธา และเตรียมความพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าที่กำลังจะมาถึง เพราะที่ผ่านมาฐานเสียง ปชป. ในภาคใต้ ถูกเจาะยางจากพรรคคู่แข่งในหลายพื้นที่ เช่น นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรค และ สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ภาพคู่กับนายกรณ์ จาติกวณิช ที่โรงแรมอนันตรา พร้อมระบุว่า "คิดถึงเลยเจอกันครับ #ฟ้าวันใหม่สดใสเสมอ"

    หรือจะเป็นการจุดกระแสชูนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมานำพรรคอีกครั้ง หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ตัดสินใจเว้นวรรคทางการเมือง มาตั้งแต่หลังการเลือกตั้งปี 2562 เพราะได้ สส.ต่ำกว่า 100 ที่นั่ง อีกทั้งมติพรรค ปชป.ขณะนั้นสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ผันตัวไปเป็นผู้บริหารบริษัทเอกชน อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์เคยกล่าวบนเวทีผ่าทางตันประเทศไทย จัดโดยสื่อเครือเนชั่น เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่า “คุณไม่ต้องมาชวนผมกลับไปพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าคุณเอาอุดมการณ์กลับมาได้ ผมกลับไปแน่นอน”

    เมื่อวันก่อน ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล จัดรายการหัวข้อ "คืน ปชป. ให้นายกฯ อภิสิทธิ์เถอะ" คนดูส่วนใหญ่เห็นด้วยว่า ปชป. ควรให้นายอภิสิทธิ์กลับมาบริหารพรรค อดีตสมาชิกพรรคบางคน เริ่มคิดอยากฟื้นฟูอุดมการณ์ประชาธิปัตย์กลับคืนมา บางคนตั้งคำถามว่า ที่พรรคอยู่ในจุดตกต่ำเป็นเพราะคน ผู้นำพรรค หรือเป็นเพราะโครงสร้างและอุดมการณ์ของพรรคกันแน่ ถึงกระนั้น ก็มีอีกส่วนหนึ่งก็เห็นว่า หากพรรคยังคงชูแกนนำพรรคชุดเก่าซึ่งมีชนักติดหลัง พรรคก็คงไม่ไปถึงไหน จึงเสนอให้คนรุ่นใหม่ออกมานำพรรค แล้วให้นายอภิสิทธิ์ และแกนนำคนอื่น เป็นที่ปรึกษาก็พอ

    #Newskit

    (ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะตีพิมพ์ใน Facebook และ Instagram วันจันทร์ที่ 15 ก.ย.2568)
    กู้ศรัทธาประชาธิปัตย์ เหล้าเก่าในขวดเก่า เมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้ว สู่รัฐบาลพรรคภูมิใจไทย จึงไม่แปลกที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะยื่นใบลาออกจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (12 ก.ย.) แม้อ้างว่ามีปัญหาเรื่องสุขภาพ แต่ที่ผ่านมา ปชป. ยุคนายเฉลิมชัยถูกวิจารณ์ว่า จุดยืนทางการเมืองเปลี่ยนไป นับตั้งแต่นายเฉลิมชัยนำ สส. 21 คนเข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ทั้งที่สองพรรคนี้ไม่ถูกกันยาวนานกว่า 20 ปี โดยมีข่าวว่านายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา ไปดีลกับนายทักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกงเอาไว้ นับจากนั้นเป็นต้นมาเกิดวิกฤตศรัทธาอย่างหนัก บรรดาสมาชิกพรรคเก่าแก่หลายคนลาออก เมื่อนายเฉลิมชัยลาออกแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค ปชป. ชุดใหม่ รายงานข่าวแจ้งว่ามีความพยายามในการดึงแกนนำพรรค ที่เว้นวรรคทางการเมือง หรือลาออกจากพรรคไปแล้ว มาร่วมกลับบ้านเก่า ฟื้นฟูพรรคกันใหม่ เพื่อกู้วิกฤตศรัทธา และเตรียมความพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าที่กำลังจะมาถึง เพราะที่ผ่านมาฐานเสียง ปชป. ในภาคใต้ ถูกเจาะยางจากพรรคคู่แข่งในหลายพื้นที่ เช่น นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรค และ สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ภาพคู่กับนายกรณ์ จาติกวณิช ที่โรงแรมอนันตรา พร้อมระบุว่า "คิดถึงเลยเจอกันครับ #ฟ้าวันใหม่สดใสเสมอ" หรือจะเป็นการจุดกระแสชูนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมานำพรรคอีกครั้ง หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ตัดสินใจเว้นวรรคทางการเมือง มาตั้งแต่หลังการเลือกตั้งปี 2562 เพราะได้ สส.ต่ำกว่า 100 ที่นั่ง อีกทั้งมติพรรค ปชป.ขณะนั้นสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ผันตัวไปเป็นผู้บริหารบริษัทเอกชน อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์เคยกล่าวบนเวทีผ่าทางตันประเทศไทย จัดโดยสื่อเครือเนชั่น เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่า “คุณไม่ต้องมาชวนผมกลับไปพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าคุณเอาอุดมการณ์กลับมาได้ ผมกลับไปแน่นอน” เมื่อวันก่อน ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล จัดรายการหัวข้อ "คืน ปชป. ให้นายกฯ อภิสิทธิ์เถอะ" คนดูส่วนใหญ่เห็นด้วยว่า ปชป. ควรให้นายอภิสิทธิ์กลับมาบริหารพรรค อดีตสมาชิกพรรคบางคน เริ่มคิดอยากฟื้นฟูอุดมการณ์ประชาธิปัตย์กลับคืนมา บางคนตั้งคำถามว่า ที่พรรคอยู่ในจุดตกต่ำเป็นเพราะคน ผู้นำพรรค หรือเป็นเพราะโครงสร้างและอุดมการณ์ของพรรคกันแน่ ถึงกระนั้น ก็มีอีกส่วนหนึ่งก็เห็นว่า หากพรรคยังคงชูแกนนำพรรคชุดเก่าซึ่งมีชนักติดหลัง พรรคก็คงไม่ไปถึงไหน จึงเสนอให้คนรุ่นใหม่ออกมานำพรรค แล้วให้นายอภิสิทธิ์ และแกนนำคนอื่น เป็นที่ปรึกษาก็พอ #Newskit (ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะตีพิมพ์ใน Facebook และ Instagram วันจันทร์ที่ 15 ก.ย.2568)
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 460 มุมมอง 0 รีวิว

  • เช็กชื่อโผ ครม. ‘อนุทิน 1’ ส่งครบแล้ว ลุ้นตรวจคุณสมบัติ 7-10 วัน
    วันที่ 8 กันยายน 2568 - 17:04 น.


    โผ ครม. ‘อนุทิน 1’ ส่งรายชื่อครบแล้ว ‘บวรศักดิ์’ นั่งรองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย ด้าน ‘จตุพร – ไผ่ ลิกค์’ หลุดโผ ศุภจี CEO ดุสิตธานี ขึ้นเป็น รมว.พาณิชย์ รอลุ้นตรวจคุณสมบัติ 7-10 วัน หากสะดุดต้องหลีกทางทันที

    ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้า การจัดโผคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุทิน 1 ว่า ช่วงบ่ายวันนี้ (8 ก.ย.) ได้รับการตอบรับจาก นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีชื่อมานั่งในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ซึ่งมีรายงานว่า ช่วงบ่ายที่ผ่านมาคุยกันลงตัวแล้ว โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้พูดคุยกับนายบวรศักดิ์ ด้วยตัวเอง

    โดยครั้งนี้มีการใช้ รัฐมนตรีคนนอกถึง 6 กระทรวง คือ

    -นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

    -นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

    -นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

    -นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

    -พล.ต.ท.ชาญชัย พงษ์พิชิตกุล รองผู้บัญชาการตํารวจภูธรภาค 3 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

    -นางศุภจี สุธรรมพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

    -กระทรวงกลาโหม

    ทั้งหมดเพื่อเสริมการทำงานของ ครม. และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันให้คลี่คลายอย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ในส่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีชื่อของ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ แต่ล่าสุดไม่ปรากฎชื่อแล้ว

    ส่วนโควตารัฐมนตรีคนนอก ขณะนี้ยังไม่สะเด็ดน้ำ ยกตัวอย่างกระทรวงกลาโหม ที่มีชื่อของ พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม และ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เพราะแหล่งข่าวยืนยันว่า ยังไม่สะเด็ดน้ำ และขณะนี้ยังมีชื่ออื่นส่งประกวดเพิ่มเติม

    ทั้งนี้ รัฐมนตรีในสัดส่วนพรรคภูมิใจไทย ขณะนี้ยังเป็นชื่อรัฐมนตรีเก่าทั้งหมด เพิ่มขึ้นมาใหม่ คือ นายไชยชนก ชิดชอบ และนายภราดร ปริศนานันทกุล แต่ยังไม่ระบุว่าจะได้นั่งกระทรวงใด



    ด้าน พรรคกล้าธรรม ยืนยันรายชื่อตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ คือ

    -ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

    -นายอรรถกร ศิริลัทธยากร นั่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา

    -นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

    -นายอัครา พรหมเผ่า นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

    -นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ รัฐมนตรีช่วยการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

    -นายองอาจ วงษ์ประยูร นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

    และล่าสุดมีชื่อของนายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ สส.เชียงใหม่ พรรคกล้าธรรม จะมานั่งตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นชื่อของ นายไผ่ ลิกค์ เนื่องจากติดเงื่อนไขทางรัฐธรรมนูญ แต่ก็ถือเป็นโควตาภาคเหนือ

    ส่วน พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งได้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง 2 ตำแหน่ง และรัฐมนตรีช่วยว่าการอีก 2 ตำแหน่ง ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่า

    -นายสันติ พร้อมพัฒน์ นั่งรองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

    -น.ส.ตรีนุช เทียนทอง จะได้นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

    -นายวรโชติ สุคนธ์ขจร สส.เพชรบูรณ์ นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข

    -พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม



    ด้าน พรรครวมไทยสร้างชาติ จะได้ 3 เก้าอี้ คือ

    -นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

    -นายธนกร วังบุญคงชนะ นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

    -จ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

    นอกจากนี้ ปรากฏชื่อของ นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ ที่เข้ามายื่นตรวจสอบประวัติด้วย แต่ยังไม่มีการระบุกระทรวง ส่วน น.ส.นิธิยา บุญญามณี บุตรสาวของ นายนิพนธ์ บุญญามณี มีชื่อนั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์

    ส่วนที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า นายนริศ ขำนุรักษ์ จะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งนั้น ล่าสุดมีความชัดเจนแล้วว่าไม่มีชื่อติดในโผ ครม.ครั้งนี้

    ขณะเดียวกัน วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ให้กลุ่มพรรคการเมือง ส่งรายชื่อตรวจสอบประวัติและคุณสมบัติ ว่ามีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดย สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อ จะใช้เวลา 7-10 วันในการตรวจสอบ

    โดยมีรายงานว่า สำหรับรายชื่อบุคคลที่สุ่มเสี่ยง หากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพบว่า มีปัญหา ต้องยอมรับเงื่อนไข ที่ไม่สามารถเป็นรัฐมนตรีได้


    https://www.prachachat.net/politics/news-1879997


    เช็กชื่อโผ ครม. ‘อนุทิน 1’ ส่งครบแล้ว ลุ้นตรวจคุณสมบัติ 7-10 วัน วันที่ 8 กันยายน 2568 - 17:04 น. โผ ครม. ‘อนุทิน 1’ ส่งรายชื่อครบแล้ว ‘บวรศักดิ์’ นั่งรองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย ด้าน ‘จตุพร – ไผ่ ลิกค์’ หลุดโผ ศุภจี CEO ดุสิตธานี ขึ้นเป็น รมว.พาณิชย์ รอลุ้นตรวจคุณสมบัติ 7-10 วัน หากสะดุดต้องหลีกทางทันที ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้า การจัดโผคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุทิน 1 ว่า ช่วงบ่ายวันนี้ (8 ก.ย.) ได้รับการตอบรับจาก นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีชื่อมานั่งในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ซึ่งมีรายงานว่า ช่วงบ่ายที่ผ่านมาคุยกันลงตัวแล้ว โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้พูดคุยกับนายบวรศักดิ์ ด้วยตัวเอง โดยครั้งนี้มีการใช้ รัฐมนตรีคนนอกถึง 6 กระทรวง คือ -นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง -นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง -นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน -นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ -พล.ต.ท.ชาญชัย พงษ์พิชิตกุล รองผู้บัญชาการตํารวจภูธรภาค 3 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม -นางศุภจี สุธรรมพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ -กระทรวงกลาโหม ทั้งหมดเพื่อเสริมการทำงานของ ครม. และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันให้คลี่คลายอย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ในส่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีชื่อของ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ แต่ล่าสุดไม่ปรากฎชื่อแล้ว ส่วนโควตารัฐมนตรีคนนอก ขณะนี้ยังไม่สะเด็ดน้ำ ยกตัวอย่างกระทรวงกลาโหม ที่มีชื่อของ พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม และ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เพราะแหล่งข่าวยืนยันว่า ยังไม่สะเด็ดน้ำ และขณะนี้ยังมีชื่ออื่นส่งประกวดเพิ่มเติม ทั้งนี้ รัฐมนตรีในสัดส่วนพรรคภูมิใจไทย ขณะนี้ยังเป็นชื่อรัฐมนตรีเก่าทั้งหมด เพิ่มขึ้นมาใหม่ คือ นายไชยชนก ชิดชอบ และนายภราดร ปริศนานันทกุล แต่ยังไม่ระบุว่าจะได้นั่งกระทรวงใด ด้าน พรรคกล้าธรรม ยืนยันรายชื่อตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ คือ -ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ -นายอรรถกร ศิริลัทธยากร นั่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา -นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ -นายอัครา พรหมเผ่า นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ -นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ รัฐมนตรีช่วยการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ -นายองอาจ วงษ์ประยูร นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และล่าสุดมีชื่อของนายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ สส.เชียงใหม่ พรรคกล้าธรรม จะมานั่งตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นชื่อของ นายไผ่ ลิกค์ เนื่องจากติดเงื่อนไขทางรัฐธรรมนูญ แต่ก็ถือเป็นโควตาภาคเหนือ ส่วน พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งได้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง 2 ตำแหน่ง และรัฐมนตรีช่วยว่าการอีก 2 ตำแหน่ง ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่า -นายสันติ พร้อมพัฒน์ นั่งรองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข -น.ส.ตรีนุช เทียนทอง จะได้นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน -นายวรโชติ สุคนธ์ขจร สส.เพชรบูรณ์ นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข -พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ด้าน พรรครวมไทยสร้างชาติ จะได้ 3 เก้าอี้ คือ -นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม -นายธนกร วังบุญคงชนะ นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม -จ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ปรากฏชื่อของ นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ ที่เข้ามายื่นตรวจสอบประวัติด้วย แต่ยังไม่มีการระบุกระทรวง ส่วน น.ส.นิธิยา บุญญามณี บุตรสาวของ นายนิพนธ์ บุญญามณี มีชื่อนั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ส่วนที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า นายนริศ ขำนุรักษ์ จะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งนั้น ล่าสุดมีความชัดเจนแล้วว่าไม่มีชื่อติดในโผ ครม.ครั้งนี้ ขณะเดียวกัน วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ให้กลุ่มพรรคการเมือง ส่งรายชื่อตรวจสอบประวัติและคุณสมบัติ ว่ามีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดย สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อ จะใช้เวลา 7-10 วันในการตรวจสอบ โดยมีรายงานว่า สำหรับรายชื่อบุคคลที่สุ่มเสี่ยง หากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพบว่า มีปัญหา ต้องยอมรับเงื่อนไข ที่ไม่สามารถเป็นรัฐมนตรีได้ https://www.prachachat.net/politics/news-1879997
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 434 มุมมอง 0 รีวิว
  • รำลึก 35 ปี สืบ นาคะเสถียร
    1 กันยายน 2568
    .
    35 ปีผ่านไปเจตนาของ สืบ นาคะเสถียร ยังคงได้รับการสืบสาน
    .
    ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง ที่ยูเนสโก้มีมติรับรองให้เป็นมรดกโลกตามเอกสารนำเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีเอกสารของ สืบ นาคะเสถียร เป็นใช้ประกอบการเสนอพิจรณา ยังคงความอุดมสมบูรณ์เป็นบ้านหลังใหญ่ให้กับสัตว์ป่าน้อยใหญ่ได้มีชีวิตอยู่อย่างสันติสุข
    .
    ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้พิทักษ์ป่าได้รับการพัฒนาและฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับการทำงานในการปกป้องผืนป่า รวมถึงการยกระดับสวัสดิภาพและสวัสดิการของพวกเขา การพัฒนานี้ไม่เพียงแต่เพิ่มความสามารถในการปกป้องป่า แต่ยังสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ที่ทำงานในแนวหน้า
    .
    ชุมชนที่อยู่ประชิดห้วยขาแข้งเกือบทุกแห่งได้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการรักษาความสมดุลระหว่างการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและการอนุรักษ์ ชุมชนเหล่านี้มีความเข้าใจและความเคารพในธรรมชาติ พร้อมทั้งร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการดูแลและฟื้นฟูป่าเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของทุกคน วันนี้ชุมชนที่อยู่ประชิดห้วยขาแข้งเกือบทุกชุมชนมีป่าชุมชนของหมู่บ้าน และร่วมเป็นเครือข่าย #ครอบครัวห้วยขาแข้ง อนุรักษ์ป่าร่วมกับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า
    .
    สถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำ ยืนยันผลงานวิจัยว่าป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง มีประชากรเสือโคร่งมากขึ้น ทำให้เห็นว่าการทุ่มเทรักษาป่าที่ผ่านมาได้ผล หากมีเสือมากขึ้นสืบขยายพันธุ์แบบนี้ ก็หมายถึงเหยื่อของเสือ และพืชพรรณต่างๆ ก็สมบูรณ์ ตอนนี้ป่าแห่งนี้กลายเป็นความหวัง และตัวอย่างของการอนุรักษ์เสือโคร่งของโลกไปแล้ว รวมถึงการฟื้นฟูประชากรแร้งที่หายไปจากป่าห้วยแข้งนานกว่าสามทศวรรษ
    .
    การสื่อสารเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในสังคมหลายด้าน ทั้งเพิ่มความตระหนักรู้ในสังคม การสร้างแรงบันดาลใจและความร่วมมือ การเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องและทันสมัย การใช้ช่องทางการสื่อสารที่หลากหลาย และการเสริมสร้างความเข้มแข็งในชุมชน ความพยายามเหล่านี้ทำให้การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมีความยั่งยืนและได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางจากประชาชน โดยทำให้เกิดความเข้าใจและการมีส่วนร่วมในทุกภาคส่วนของสังคม นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงบวกที่สามารถรักษาทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพไว้สำหรับอนาคต
    .
    วันนี้ ผืนป่าอนุรักษ์ของประเทศที่ สืบ นาคะเสถียร เสนอให้มีพื้นที่ 20 เปอร์เซ็นต์ ของประเทศไทย ได้ขยายพื้นที่จนเกินกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นผลสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจในการผนวกรวมพื้นที่ป่าเป็นป่าอนุรักษ์ และในทุกๆ ปี ได้มีการติดตามสถานการณ์ทรัพยากรป่าไม้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ทราบถึงสภาพปัจจุบันของผืนป่าในประเทศไทย แม้ว่าผืนป่าอนุรักษ์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ภาพรวมสถานการณ์ป่าไม้ของประเทศยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันประเทศไทยยังมีความพยายามที่จะเพิ่มพื้นที่ป่าให้ได้ร้อยละ 40 ของประเทศ และต้องการความร่วมมือในการอนุรักษ์และฟื้นฟูผืนป่าเพื่อให้ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญนี้ยังคงอยู่สำหรับคนรุ่นต่อไป
    .
    ร่วมปกป้องผืนป่า สัตว์ป่า เพื่อความยั่งยืนของทุกชีวิต https://www.seub.or.th/donate/
    .
    #รำลึก35ปีสืบนาคะเสถียร
    ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่
    https://www.seub.or.th/35thseub/
    เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง
    31 สิงหาคม - 1 กันยายน 2568
    กรุงเทพมหานคร
    13 - 14 กันยายน 2568
    บทความ จากเพจ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร
    รำลึก 35 ปี สืบ นาคะเสถียร 1 กันยายน 2568 . 35 ปีผ่านไปเจตนาของ สืบ นาคะเสถียร ยังคงได้รับการสืบสาน . ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง ที่ยูเนสโก้มีมติรับรองให้เป็นมรดกโลกตามเอกสารนำเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีเอกสารของ สืบ นาคะเสถียร เป็นใช้ประกอบการเสนอพิจรณา ยังคงความอุดมสมบูรณ์เป็นบ้านหลังใหญ่ให้กับสัตว์ป่าน้อยใหญ่ได้มีชีวิตอยู่อย่างสันติสุข . ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้พิทักษ์ป่าได้รับการพัฒนาและฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับการทำงานในการปกป้องผืนป่า รวมถึงการยกระดับสวัสดิภาพและสวัสดิการของพวกเขา การพัฒนานี้ไม่เพียงแต่เพิ่มความสามารถในการปกป้องป่า แต่ยังสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ที่ทำงานในแนวหน้า . ชุมชนที่อยู่ประชิดห้วยขาแข้งเกือบทุกแห่งได้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการรักษาความสมดุลระหว่างการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและการอนุรักษ์ ชุมชนเหล่านี้มีความเข้าใจและความเคารพในธรรมชาติ พร้อมทั้งร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการดูแลและฟื้นฟูป่าเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของทุกคน วันนี้ชุมชนที่อยู่ประชิดห้วยขาแข้งเกือบทุกชุมชนมีป่าชุมชนของหมู่บ้าน และร่วมเป็นเครือข่าย #ครอบครัวห้วยขาแข้ง อนุรักษ์ป่าร่วมกับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า . สถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำ ยืนยันผลงานวิจัยว่าป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง มีประชากรเสือโคร่งมากขึ้น ทำให้เห็นว่าการทุ่มเทรักษาป่าที่ผ่านมาได้ผล หากมีเสือมากขึ้นสืบขยายพันธุ์แบบนี้ ก็หมายถึงเหยื่อของเสือ และพืชพรรณต่างๆ ก็สมบูรณ์ ตอนนี้ป่าแห่งนี้กลายเป็นความหวัง และตัวอย่างของการอนุรักษ์เสือโคร่งของโลกไปแล้ว รวมถึงการฟื้นฟูประชากรแร้งที่หายไปจากป่าห้วยแข้งนานกว่าสามทศวรรษ . การสื่อสารเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในสังคมหลายด้าน ทั้งเพิ่มความตระหนักรู้ในสังคม การสร้างแรงบันดาลใจและความร่วมมือ การเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องและทันสมัย การใช้ช่องทางการสื่อสารที่หลากหลาย และการเสริมสร้างความเข้มแข็งในชุมชน ความพยายามเหล่านี้ทำให้การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมีความยั่งยืนและได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางจากประชาชน โดยทำให้เกิดความเข้าใจและการมีส่วนร่วมในทุกภาคส่วนของสังคม นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงบวกที่สามารถรักษาทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพไว้สำหรับอนาคต . วันนี้ ผืนป่าอนุรักษ์ของประเทศที่ สืบ นาคะเสถียร เสนอให้มีพื้นที่ 20 เปอร์เซ็นต์ ของประเทศไทย ได้ขยายพื้นที่จนเกินกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นผลสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจในการผนวกรวมพื้นที่ป่าเป็นป่าอนุรักษ์ และในทุกๆ ปี ได้มีการติดตามสถานการณ์ทรัพยากรป่าไม้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ทราบถึงสภาพปัจจุบันของผืนป่าในประเทศไทย แม้ว่าผืนป่าอนุรักษ์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ภาพรวมสถานการณ์ป่าไม้ของประเทศยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันประเทศไทยยังมีความพยายามที่จะเพิ่มพื้นที่ป่าให้ได้ร้อยละ 40 ของประเทศ และต้องการความร่วมมือในการอนุรักษ์และฟื้นฟูผืนป่าเพื่อให้ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญนี้ยังคงอยู่สำหรับคนรุ่นต่อไป . ร่วมปกป้องผืนป่า สัตว์ป่า เพื่อความยั่งยืนของทุกชีวิต https://www.seub.or.th/donate/ . #รำลึก35ปีสืบนาคะเสถียร ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.seub.or.th/35thseub/ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง 31 สิงหาคม - 1 กันยายน 2568 กรุงเทพมหานคร 13 - 14 กันยายน 2568 บทความ จากเพจ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 352 มุมมอง 0 รีวิว
  • มายากลยุทธ ภาค 1 ตอน นักมายากลชั้นเซียน (2)

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” มายากลยุทธ ”
    ตอนที่ 12 : นักมายากลชั้นเซียน (2)
    ลาตินอเมริกา มี 19 เสียง เทียบกับยุโรปที่มี 9 เสียง จากปฏิบัติการในลาติน
    อเมริกาอยู่ 20 ปี ผลคือทำให้อิทธิพลของนักมายากล สามารถทำให้อเมริกา เป็นผู้คุมเสียงข้างมาก ในสหประชาชาติ และแน่นอนเป็นเสียงชี้ขาดใน World Bank และ IMF ด้วย ที่ดินที่สร้างสำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติ ในนครนิวยอร์คจึงเป็นอภินันทนาการจากนักมายากล
    NSSM 200 เป็นตัวอย่างของมายากลยุทธ ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ที่สามารถนำเรื่องการลดการเจริญเติบโตของประชากรในประเทศด้อยพัฒนา (หรือที่เขาพากันดัดจริต เลี่ยงไปเรียกว่าประเทศที่กำลังพัฒนา) มาเป็นนโยบายด้านความมั่นคงของประเทศ ที่มีความสำคัญระดับเร่งด่วนของอเมริกา มันเหลือเชื่อเหมือนเราดูการเล่นกลเลย ที่สามารถทำการวิจัย เรื่อง การสนับสนุนการทำหมันของมนุษย์หรือวางแผนครอบครัว ให้โยงกับประเทศเป้าหมาย ที่มีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ ได้อย่างมหัศจรรย์เกินจะคิด
    แต่เมื่อดูจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนและหลังของช่วงเวลาปฏิบัติการ ตามแผน NSSM 200 แล้ว สิ่งที่เห็นชัด การเล่นกลทำได้แนบเนียนและได้ผล ทั้งหมดมาจากเงินและอิทธิพลของตระกูลโคตรรวย ที่พัฒนามาเป็นสถาบันผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของอเมริกา Trilateral Commission นาย Kissinger และบรรดาผู้มีตำแหน่งสูง ๆ ในรัฐบาลอเมริกาตั้งแต่ระดับประธานาธิบดี รมว.กลาโหม รมว.ตปท. สมัยต่าง ๆ แท้จริงแล้ว แม้จะกินเงินเดือนของประเทศ แต่จริง ๆ แล้ว ดูเสมือนเขาเป็น
    ขี้ข้ารับใช้ Trilateral Commission ผู้มีบารมีเหนือประชาธิปไตยนั่นเอง
    แล้วอำนาจ Trilateral Commission ผู้มีบารมีเหนือประชาธิปไตย ก็ขยายครอบคลุมรัฐบาลอเมริกา รวมทั้งขยายไปควบคุม ประเทศส่วนใหญ่ในโลกนี้ ตามนโยบาย New World Order ตั้งแต่บัดนั้น จนถึงปัจจุบันนี้
    สมันน้อยมองออกบ้างหรือยัง ว่าเป้าหมายแท้จริงของ NSSM 200 คืออะไรและการกำหนด 13 ประเทศเพราะอะไร การเข้าไปในลาตินอเมริกา สมาคมวางแผนครอบครัวของพี่สายรุ้ง นายอานันท์ มรว.เกษมสโมสร ทั้ง 2 มีตำแหน่งอะไร ในหน่วยงานประเทศไทยบ้าง มีความสำคัญอย่างไร และอย่าลืมการวิจัยแผนพัฒนาของนายณรงค์ชัย เกี่ยวกันไหม และนายสารสิน วีระผล แห่ง CP เครือเจริญโภคภัณฑ์ ค้าเมล็ดพันธ์ุพืชมากว่า 50 ปี ใช้เมล็ดพันธ์ GMO หรือไม่ ชาวไร่ ชาวนา เราเจ๊งป่นปี่
    ขายที่ ขายไร่ กันไปเท่าไหร่ ปัจจุบันการกว้านซื้อที่ดินของในประเทศเราโดยนายทุน นักธุรกิจใหญ่ ทั้งในและต่างประเทศเกี่ยวโยงกันไหม จำได้หรือเปล่า เล่าไปแล้วว่าปัจจุบันที่ดินในประเทศไทยจำนวน 1 ใน 3 อยู่ในมือคนต่างชาติไปแล้ว ลองไปคิดเป็นการบ้านดู
    เวลาดูเขาเล่นกล อย่าแค่ตบมือชอบใจ

    คนเล่านิทาน
    มายากลยุทธ ภาค 1 ตอน นักมายากลชั้นเซียน (2) นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” มายากลยุทธ ” ตอนที่ 12 : นักมายากลชั้นเซียน (2) ลาตินอเมริกา มี 19 เสียง เทียบกับยุโรปที่มี 9 เสียง จากปฏิบัติการในลาติน อเมริกาอยู่ 20 ปี ผลคือทำให้อิทธิพลของนักมายากล สามารถทำให้อเมริกา เป็นผู้คุมเสียงข้างมาก ในสหประชาชาติ และแน่นอนเป็นเสียงชี้ขาดใน World Bank และ IMF ด้วย ที่ดินที่สร้างสำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติ ในนครนิวยอร์คจึงเป็นอภินันทนาการจากนักมายากล NSSM 200 เป็นตัวอย่างของมายากลยุทธ ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ที่สามารถนำเรื่องการลดการเจริญเติบโตของประชากรในประเทศด้อยพัฒนา (หรือที่เขาพากันดัดจริต เลี่ยงไปเรียกว่าประเทศที่กำลังพัฒนา) มาเป็นนโยบายด้านความมั่นคงของประเทศ ที่มีความสำคัญระดับเร่งด่วนของอเมริกา มันเหลือเชื่อเหมือนเราดูการเล่นกลเลย ที่สามารถทำการวิจัย เรื่อง การสนับสนุนการทำหมันของมนุษย์หรือวางแผนครอบครัว ให้โยงกับประเทศเป้าหมาย ที่มีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ ได้อย่างมหัศจรรย์เกินจะคิด แต่เมื่อดูจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนและหลังของช่วงเวลาปฏิบัติการ ตามแผน NSSM 200 แล้ว สิ่งที่เห็นชัด การเล่นกลทำได้แนบเนียนและได้ผล ทั้งหมดมาจากเงินและอิทธิพลของตระกูลโคตรรวย ที่พัฒนามาเป็นสถาบันผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของอเมริกา Trilateral Commission นาย Kissinger และบรรดาผู้มีตำแหน่งสูง ๆ ในรัฐบาลอเมริกาตั้งแต่ระดับประธานาธิบดี รมว.กลาโหม รมว.ตปท. สมัยต่าง ๆ แท้จริงแล้ว แม้จะกินเงินเดือนของประเทศ แต่จริง ๆ แล้ว ดูเสมือนเขาเป็น ขี้ข้ารับใช้ Trilateral Commission ผู้มีบารมีเหนือประชาธิปไตยนั่นเอง แล้วอำนาจ Trilateral Commission ผู้มีบารมีเหนือประชาธิปไตย ก็ขยายครอบคลุมรัฐบาลอเมริกา รวมทั้งขยายไปควบคุม ประเทศส่วนใหญ่ในโลกนี้ ตามนโยบาย New World Order ตั้งแต่บัดนั้น จนถึงปัจจุบันนี้ สมันน้อยมองออกบ้างหรือยัง ว่าเป้าหมายแท้จริงของ NSSM 200 คืออะไรและการกำหนด 13 ประเทศเพราะอะไร การเข้าไปในลาตินอเมริกา สมาคมวางแผนครอบครัวของพี่สายรุ้ง นายอานันท์ มรว.เกษมสโมสร ทั้ง 2 มีตำแหน่งอะไร ในหน่วยงานประเทศไทยบ้าง มีความสำคัญอย่างไร และอย่าลืมการวิจัยแผนพัฒนาของนายณรงค์ชัย เกี่ยวกันไหม และนายสารสิน วีระผล แห่ง CP เครือเจริญโภคภัณฑ์ ค้าเมล็ดพันธ์ุพืชมากว่า 50 ปี ใช้เมล็ดพันธ์ GMO หรือไม่ ชาวไร่ ชาวนา เราเจ๊งป่นปี่ ขายที่ ขายไร่ กันไปเท่าไหร่ ปัจจุบันการกว้านซื้อที่ดินของในประเทศเราโดยนายทุน นักธุรกิจใหญ่ ทั้งในและต่างประเทศเกี่ยวโยงกันไหม จำได้หรือเปล่า เล่าไปแล้วว่าปัจจุบันที่ดินในประเทศไทยจำนวน 1 ใน 3 อยู่ในมือคนต่างชาติไปแล้ว ลองไปคิดเป็นการบ้านดู เวลาดูเขาเล่นกล อย่าแค่ตบมือชอบใจ คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 276 มุมมอง 0 รีวิว
  • มายากลยุทธ ภาค 1 ตอน ขจัดพันธ์ด้อย

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” มายากลยุทธ ”
    ตอนที่ 9 : ขจัดพันธ์ด้อย
    หลังจากที่รัฐบาล Nixon เริ่มขบวนการทำลายเกษตรในครอบครัว ในประเทศที่กำลังพัฒนาหรือด้อยพัฒนา ด้วยการส่งเมล็ดพันธ์พืช GMO มาให้แล้ว รัฐบาล Nixon ยังให้ทำการศึกษาเกี่ยวกับการขยายตัวของประชากรโลกอีกด้วย ว่าจะมีผลกระทบต่อความมั่งคง และผลประโยชน์ของอเมริกาในต่างประเทศหรือไม่ โดยถือว่าเป็นนโยบายที่มีความสำคัญสูงสุด ทั้งนี้ก็เป็นการเดินตามแผนลับของตระกูล Rockefeller นั่นเอง
    ผู้มีบารมีเหนือประชาธิปไตยบอกว่าเรา (คืออเมริกา) เราต้องกำหนดเป็นเงื่อนไข ของการได้รับเงินช่วยเหลือประเทศด้อยพัฒนาว่า การคุมกำเนิดควรเป็นเงื่อนไข อย่างหนึ่งของการได้รับเงินช่วยเหลือ
    ขนาดเราอัดมันด้วยพืช GMO ไอ้พวกพันธ์ด้อย มันยังอยู่ดี มีลูกหัวปีท้ายปี ดังนั้นเราก็ควรหาทางกำจัด การเจริญเติบโตพวกมันเสียด้วย การออกนโยบาย National Security Study Memorandum 200 หรือ NSSM 200 ซะให้หมดเรื่อง ไม่งั้นเราจะครอบครองวัตถุดิบ ทรัพยากรธรรมชาติของพวกมันในราคาถูกได้ยังไง ถ้ามันยังอยู่กันล้นโลกอย่างงี้!
    นาย Kissinger จึงต้องใช้ลิ้นนักการฑูต ตอแหลเพื่อชาติ จนทำให้ UN รับเป็นโครงการของ UN ช่วยประชาชน
    เป็นครั้งแรก ที่การจำกัดการเจริญเติบโตของจำนวนพลเมือง ในประเทศที่กำลังพัฒนา หรือด้อยพัฒนา เป็นยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงของอเมริกา และเป็นยุทธศาสตร์ที่ต้องทำเป็นการด่วนและลับสุดยอด
    แต่ที่ซ่อนไว้ลึกอีกชั้นหนึ่ง จนคนดูมองไม่ออกคือ NSSM 200 นี้ ได้แอบสอดไส้แผนการกำจัดสายพันธ์ุด้อย เพื่อรักษาสายพันธ์ุเด่น โดยใช้การวางแผนครอบครัวบังหน้า เชื่อว่า 13 ประเทศ เป้าหมายจนถึงบัดนี้ ก็อาจยังไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับประเทศตน แผนการมันแสนจะทุเรศ ตามแบบของผู้มีบารมีเหนือประชาธิปไตย จริง ๆ นะ
    บราซิลเป็นตัวอย่างที่เห็นชัด หลังจากที่ได้มีการปฏิบัติการ NSSM 200 กับบราซิล มา 14 ปี กระทรวงสาธารณะสุขของบราซิล เพิ่งตื่นขึ้นมาทำการสำรวจถึงจำนวนผู้หญิงบราซิลที่เป็นหมัน
    รัฐบาลบราซิล ถึงกับช็อครับประทาน เมื่อรายงานบอกว่า 44% ของผู้หญิงบราซิลทั้งหมดที่อายุ ระหว่าง 14 ถึง 55 ปี เป็นหมันอย่างถาวร ปรากฎข้อเท็จจริงว่าพวกที่มีอายุมากกว่านั้น ได้เข้าไปทำหมันด้วยการความสมัครใจ ตามโครงการที่เริ่มเมื่อ ค.ศ.1970 กว่าๆ
    ที่น่าสนใจกว่านั้น คือ ร้อยละ 90 ของผู้หญิงบราซิลที่มีเชื้อสายอาฟริกัน ถูกทำหมัน (อันนี้รายงานไม่ได้บอกว่าสมัครใจหรือไม่) แต่น่าสนใจนะ! และการทำหมันดังกล่าว ทำโดยองค์กรต่าง ๆ ซึ่งมีทั้งเป็นสัญชาติบราซิล และองค์การ International Planned Parenthood Federation (IPPF), US Pathfinder Fund, Family Health International
    ทั้งหมดอยู่ภายใต้การแนะนำของ US Agency for International Development (USAID) ยิ่งน่าสนใจใหญ่! ที่มันทำในบ้านเขาแบบนี้ มันพัฒนาตรงไหนนะ!?

    คนเล่านิทาน
    มายากลยุทธ ภาค 1 ตอน ขจัดพันธ์ด้อย นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” มายากลยุทธ ” ตอนที่ 9 : ขจัดพันธ์ด้อย หลังจากที่รัฐบาล Nixon เริ่มขบวนการทำลายเกษตรในครอบครัว ในประเทศที่กำลังพัฒนาหรือด้อยพัฒนา ด้วยการส่งเมล็ดพันธ์พืช GMO มาให้แล้ว รัฐบาล Nixon ยังให้ทำการศึกษาเกี่ยวกับการขยายตัวของประชากรโลกอีกด้วย ว่าจะมีผลกระทบต่อความมั่งคง และผลประโยชน์ของอเมริกาในต่างประเทศหรือไม่ โดยถือว่าเป็นนโยบายที่มีความสำคัญสูงสุด ทั้งนี้ก็เป็นการเดินตามแผนลับของตระกูล Rockefeller นั่นเอง ผู้มีบารมีเหนือประชาธิปไตยบอกว่าเรา (คืออเมริกา) เราต้องกำหนดเป็นเงื่อนไข ของการได้รับเงินช่วยเหลือประเทศด้อยพัฒนาว่า การคุมกำเนิดควรเป็นเงื่อนไข อย่างหนึ่งของการได้รับเงินช่วยเหลือ ขนาดเราอัดมันด้วยพืช GMO ไอ้พวกพันธ์ด้อย มันยังอยู่ดี มีลูกหัวปีท้ายปี ดังนั้นเราก็ควรหาทางกำจัด การเจริญเติบโตพวกมันเสียด้วย การออกนโยบาย National Security Study Memorandum 200 หรือ NSSM 200 ซะให้หมดเรื่อง ไม่งั้นเราจะครอบครองวัตถุดิบ ทรัพยากรธรรมชาติของพวกมันในราคาถูกได้ยังไง ถ้ามันยังอยู่กันล้นโลกอย่างงี้! นาย Kissinger จึงต้องใช้ลิ้นนักการฑูต ตอแหลเพื่อชาติ จนทำให้ UN รับเป็นโครงการของ UN ช่วยประชาชน เป็นครั้งแรก ที่การจำกัดการเจริญเติบโตของจำนวนพลเมือง ในประเทศที่กำลังพัฒนา หรือด้อยพัฒนา เป็นยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงของอเมริกา และเป็นยุทธศาสตร์ที่ต้องทำเป็นการด่วนและลับสุดยอด แต่ที่ซ่อนไว้ลึกอีกชั้นหนึ่ง จนคนดูมองไม่ออกคือ NSSM 200 นี้ ได้แอบสอดไส้แผนการกำจัดสายพันธ์ุด้อย เพื่อรักษาสายพันธ์ุเด่น โดยใช้การวางแผนครอบครัวบังหน้า เชื่อว่า 13 ประเทศ เป้าหมายจนถึงบัดนี้ ก็อาจยังไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับประเทศตน แผนการมันแสนจะทุเรศ ตามแบบของผู้มีบารมีเหนือประชาธิปไตย จริง ๆ นะ บราซิลเป็นตัวอย่างที่เห็นชัด หลังจากที่ได้มีการปฏิบัติการ NSSM 200 กับบราซิล มา 14 ปี กระทรวงสาธารณะสุขของบราซิล เพิ่งตื่นขึ้นมาทำการสำรวจถึงจำนวนผู้หญิงบราซิลที่เป็นหมัน รัฐบาลบราซิล ถึงกับช็อครับประทาน เมื่อรายงานบอกว่า 44% ของผู้หญิงบราซิลทั้งหมดที่อายุ ระหว่าง 14 ถึง 55 ปี เป็นหมันอย่างถาวร ปรากฎข้อเท็จจริงว่าพวกที่มีอายุมากกว่านั้น ได้เข้าไปทำหมันด้วยการความสมัครใจ ตามโครงการที่เริ่มเมื่อ ค.ศ.1970 กว่าๆ ที่น่าสนใจกว่านั้น คือ ร้อยละ 90 ของผู้หญิงบราซิลที่มีเชื้อสายอาฟริกัน ถูกทำหมัน (อันนี้รายงานไม่ได้บอกว่าสมัครใจหรือไม่) แต่น่าสนใจนะ! และการทำหมันดังกล่าว ทำโดยองค์กรต่าง ๆ ซึ่งมีทั้งเป็นสัญชาติบราซิล และองค์การ International Planned Parenthood Federation (IPPF), US Pathfinder Fund, Family Health International ทั้งหมดอยู่ภายใต้การแนะนำของ US Agency for International Development (USAID) ยิ่งน่าสนใจใหญ่! ที่มันทำในบ้านเขาแบบนี้ มันพัฒนาตรงไหนนะ!? คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 359 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” มายากลยุทธ ”
    ตอนที่ 2 : NSSM 200 เอกสารลับซุกลึก (2)
    เอกสารยาวเกือบ 200 หน้า ทำให้เห็นเค้าลางๆ ว่า อเมริกาเป็นห่วงเรื่องการเจริญเติบโตของประชากรโลก เพราะอะไร แหม! ไอ้จิกโก๋ นี่มันไม่โง่นะ มันมองหลายมิติ ทั้งในด้านทรัพยากร ด้านการเมือง ด้านสังคม และด้านความมั่นคงของประเทศ เพราะฉะนั้นจะรู้จักว่าจิกโก๋คิดอย่างไร อย่าทำตัวเป็นพวกจอแบน หรือที่สมัยนี้ เขาเรียกว่าพวกโลกสวยน่ะ
    ในการดำเนินการตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ เอกสารลับซุกลึกนี้ อเมริกาแบ่งประเทศเป้าหมาย 13 ประเทศ เป็น 3 กลุ่ม
    – กลุ่มที่ 1 คือ ประเทศที่ยากจน อัตราการเจริญเติบโตของพลเมืองสูง และไม่สามารถเลี้ยงตัวเองได้ ประเทศพวกนี้ก็จะเป็นภาระของอเมริกา ในฐานะพี่เบิ้มและประเทศที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดี ที่จะต้องเลี้ยงดูและให้ความช่วยเหลือ
    – กลุ่มที่ 2 คือ ประเทศที่ยากจน อัตราการเจริญเติบโตของพลเมืองสูง แต่มีทรัพยากรธรรมชาติมีค่า อยู่ในประเทศดังกล่าว และเป็นทรัพยากรที่อเมริกาต้องการ โดยประเทศดังกล่าวจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม ถ้าประเทศเหล่านี้มีประชากรเพิ่มขึ้นสูง ทรัพยากรของประเทศนั้น ก็อาจจะเหลือไม่เพียงพอกับความต้องการของอเมริกา
    – กลุ่มที่ 3 คือ ประเทศที่ยากจน อัตราการเจริญเติบโตของพลเมืองสูง แต่มีทรัพยากรมีค่าอยู่ในประเทศดังกล่าว และเป็นทรัพยากรที่มีการแข่งขันกันสูงในการครอบครองระหว่างประเทศ และหากประเทศใดได้ครอบครอง ก็จะมีความได้เปรียบ อันเป็นการกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของอเมริกา
    ที่น่าสนใจ ในเอกสารดังกล่าว ระบุไว้ตอนหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องทรัพยากร ว่าปัญหาการเชื่อมโยงระหว่างจำนวนประชากร กับปริมาณของทรัพยากร ในต่างประเทศที่อเมริกาต้องการนั้น อันที่จริงไม่ได้อยู่ที่ความเพียงพอของทรัพยากรอย่างเดียว
    ปัญหาที่สำคัญกว่านั้น คือ การเข้าไปถึงทรัพยากรนั้นมากกว่า (จะเข้าไปขโมยของเขาอย่างไรน่ะ) โดยเฉพาะถ้าการเข้าไปถึง เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากการเมืองของประเทศเจ้าของทรัพยากรนั้น ซึ่งจะสร้างความยุ่งยาก หรือสร้างเงื่อนไขเกี่ยวกับการสำรวจ การขุดเจาะ การใช้สอย การแบ่งผลประโยชน์ระหว่าง อเมริกากับรัฐบาลของประเทศเจ้าของทรัพยากร
    นอกจากนี้ เอกสารดังกล่าววิเคราะห์ด้วยว่า จำนวนประชากรของแต่ละประเทศ ก็เป็นเหตุปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่ง ที่ทำให้เกิดปัญหาทางสังคม และการเมืองในแต่ละประเทศ ตัวอย่างเช่น ในประเทศที่พัฒนาแล้ว และฐานะทางเศรษฐกิจดี อัตราการเจริญเติบโตของประชากร จะอยู่ที่ต่ำกว่าร้อยละ 1 ต่อปี และประเทศเหล่านี้ จะมีปัญหาทางสังคมและการเมืองน้อยมาก หรือแทบจะไม่มีเลย ในขณะที่ประเทศที่กำลังพัฒนาหรือด้อยพัฒนา อัตราการเจริญเติบโตของประชากรจะอยู่ที่อัตราร้อยละ 2.7 ถึงร้อยละ 3 ต่อปี และประเทศเหล่านี้ จะมีปัญหาสังคมและทางการเมืองสูง
    ข้อเสนอตามเอกสารนี้ระบุว่า การแก้ปัญหาเบื้องต้น ที่น่าจะทำได้ง่ายและได้ผลที่สุด คือ การทำให้อัตราการเติบโตของประชากร ในประเทศเป้าหมาย เหลือศูนย์ และหากยังมีปัญหาทางสังคมและการเมือง ก็จะต้องมีการแก้ไขปัญหาเหล่านั้น โดยวิธีการอื่นต่อไป

    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” มายากลยุทธ ” ตอนที่ 2 : NSSM 200 เอกสารลับซุกลึก (2) เอกสารยาวเกือบ 200 หน้า ทำให้เห็นเค้าลางๆ ว่า อเมริกาเป็นห่วงเรื่องการเจริญเติบโตของประชากรโลก เพราะอะไร แหม! ไอ้จิกโก๋ นี่มันไม่โง่นะ มันมองหลายมิติ ทั้งในด้านทรัพยากร ด้านการเมือง ด้านสังคม และด้านความมั่นคงของประเทศ เพราะฉะนั้นจะรู้จักว่าจิกโก๋คิดอย่างไร อย่าทำตัวเป็นพวกจอแบน หรือที่สมัยนี้ เขาเรียกว่าพวกโลกสวยน่ะ ในการดำเนินการตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ เอกสารลับซุกลึกนี้ อเมริกาแบ่งประเทศเป้าหมาย 13 ประเทศ เป็น 3 กลุ่ม – กลุ่มที่ 1 คือ ประเทศที่ยากจน อัตราการเจริญเติบโตของพลเมืองสูง และไม่สามารถเลี้ยงตัวเองได้ ประเทศพวกนี้ก็จะเป็นภาระของอเมริกา ในฐานะพี่เบิ้มและประเทศที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดี ที่จะต้องเลี้ยงดูและให้ความช่วยเหลือ – กลุ่มที่ 2 คือ ประเทศที่ยากจน อัตราการเจริญเติบโตของพลเมืองสูง แต่มีทรัพยากรธรรมชาติมีค่า อยู่ในประเทศดังกล่าว และเป็นทรัพยากรที่อเมริกาต้องการ โดยประเทศดังกล่าวจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม ถ้าประเทศเหล่านี้มีประชากรเพิ่มขึ้นสูง ทรัพยากรของประเทศนั้น ก็อาจจะเหลือไม่เพียงพอกับความต้องการของอเมริกา – กลุ่มที่ 3 คือ ประเทศที่ยากจน อัตราการเจริญเติบโตของพลเมืองสูง แต่มีทรัพยากรมีค่าอยู่ในประเทศดังกล่าว และเป็นทรัพยากรที่มีการแข่งขันกันสูงในการครอบครองระหว่างประเทศ และหากประเทศใดได้ครอบครอง ก็จะมีความได้เปรียบ อันเป็นการกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของอเมริกา ที่น่าสนใจ ในเอกสารดังกล่าว ระบุไว้ตอนหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องทรัพยากร ว่าปัญหาการเชื่อมโยงระหว่างจำนวนประชากร กับปริมาณของทรัพยากร ในต่างประเทศที่อเมริกาต้องการนั้น อันที่จริงไม่ได้อยู่ที่ความเพียงพอของทรัพยากรอย่างเดียว ปัญหาที่สำคัญกว่านั้น คือ การเข้าไปถึงทรัพยากรนั้นมากกว่า (จะเข้าไปขโมยของเขาอย่างไรน่ะ) โดยเฉพาะถ้าการเข้าไปถึง เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากการเมืองของประเทศเจ้าของทรัพยากรนั้น ซึ่งจะสร้างความยุ่งยาก หรือสร้างเงื่อนไขเกี่ยวกับการสำรวจ การขุดเจาะ การใช้สอย การแบ่งผลประโยชน์ระหว่าง อเมริกากับรัฐบาลของประเทศเจ้าของทรัพยากร นอกจากนี้ เอกสารดังกล่าววิเคราะห์ด้วยว่า จำนวนประชากรของแต่ละประเทศ ก็เป็นเหตุปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่ง ที่ทำให้เกิดปัญหาทางสังคม และการเมืองในแต่ละประเทศ ตัวอย่างเช่น ในประเทศที่พัฒนาแล้ว และฐานะทางเศรษฐกิจดี อัตราการเจริญเติบโตของประชากร จะอยู่ที่ต่ำกว่าร้อยละ 1 ต่อปี และประเทศเหล่านี้ จะมีปัญหาทางสังคมและการเมืองน้อยมาก หรือแทบจะไม่มีเลย ในขณะที่ประเทศที่กำลังพัฒนาหรือด้อยพัฒนา อัตราการเจริญเติบโตของประชากรจะอยู่ที่อัตราร้อยละ 2.7 ถึงร้อยละ 3 ต่อปี และประเทศเหล่านี้ จะมีปัญหาสังคมและทางการเมืองสูง ข้อเสนอตามเอกสารนี้ระบุว่า การแก้ปัญหาเบื้องต้น ที่น่าจะทำได้ง่ายและได้ผลที่สุด คือ การทำให้อัตราการเติบโตของประชากร ในประเทศเป้าหมาย เหลือศูนย์ และหากยังมีปัญหาทางสังคมและการเมือง ก็จะต้องมีการแก้ไขปัญหาเหล่านั้น โดยวิธีการอื่นต่อไป คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🙏🏿กราบสวัสดีคะ"อ.ปานเทพคะรบกวนช่วยดูเอกสารและข้อความเหล่านี้ให้ลุงตู่หน่อยนะคะเพื่อคืนความเป็นธรรมให้"พลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา..หนูไม่ได้บอกว่าลุงตู่ดีไปหมดไม่ใช่แต่ตอนที่ท่านเป็นนายกผลประโยชน์มากมายท่านยังไม่เอาเลยจึงทำให้หนูเองก็ยังศรัธทาในตัวท่านอยู่ดีจึงอยากให้ อ.ปานเทพช่วยดูให้หน่อยว่ากรณีที่มี ม.44 ในมือก็ไม่ได้หมายความว่าจะยกเลิกหรือทำอะไรก็ได้มันไม่ใช่"หนูเองไม่มีความรู้ด้านกฎหมายอะไรเลยแต่ก็คิดเองนะคะ"MOU43-44 เกิดขึ้นโดยสุขุมพันธ์&ทักษืณ มันแค่บันทึกความเข้าใจของคนสองคนโดยไม่ได้ผ่านสภาก็ผิดกฎหมายไม่น่ามีผลบังคับใช้ได้ในแง่ของเอกสาร#ใครสักคนจะทำข้อตกลงกันก็แค่นั้นไม่ผ่านมติครม.สภา&ดูอย่างทรัมป์ตอนนี้ซิ"สภาคัดค้านทรัมป์เรื่องภาษีว่าไม่มีสิทธิไปขึ้นอัตราภาษีได้ตามอำเภอใจเพราะยังไม่ผ่านสภาเลยโดนตีตกไป แต่เขาก็ทำได้ผลหลายๆประเทศรีบไปเจรจากันตัวลีบเลย จริงๆแล้วกลัวทำไมๆไม่หาตลาดใหม่ๆมันไม่ซื้อก็ช่างมันๆไม่ผลิตเองจะเอาที่ไหนใช้ดูตอนโควิดซิแย่งทิชชูจนตบตีกันแทบห้างแตก "ผลิตแต่อาวุธกับยาก็ให้มันพากันกินไปเถอะ"จริงๆแล้วโลกสมมุติการแลกเปลี่ยนมันควรเป็นสิ่งมีค่าต่อสิ่งมีค่าด้วยกันไม่ใช่กระดาษ แต่ควรเป็นเงินและทองจริงๆ"ระบบเงินดิจิตอลต่อไปต้องมีทองคำเป็นแบล็คหรือทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นรูปธรรมจริงๆ#ถึงเวลาปฏิรูปนักการเมือง ขัาราชการ ให้รับเงินเป็นดิจิตอลตรวจสอบได้ทั้งหมด ไหลไปไหนเข้าที่ไหนทำธุรกรรมอะไร ทรัพย์สินทางกายภาพที่โอเวอร์ รถ,กระเป๋าแบรนดเนมแพงๆ,นาฬิกาหรูๆ...เงินเดินแค่นี้มีทรัพย์สินเหล่านี้มาได้ยังไง..เอาจริงๆตรวจสอบธุรกรรมการเงินจะรู้หมด...#คนดี100%คงไม่มีถ้ามีคงตายไปแล้วหรือยังไม่ได้มาเกิดที#อยู่แบบเศรษฐ์กิจพอเพียงก็สบายแล้วประเทศไทย มีที่ดินปลูกข้าว,ปลูกผัก,เลี้ยงไก่ใข่(กินแต่ใข่ไก่ไม่กิน),ปลูกผลไม้นานาชนิดอยู่ได้สบาย มีบ่อน้ำไว้ใช้,ไม่มีไฟยังอยู่ได้เลย...#ไม่เหมือนเมืองนอกมีกฎหมายห้ามเอาน้ำไปรดผัก(ยามขาดแคลนน้ำ),ห้ามก่อฟืนเพื่อความอบอุ่น(เหตุฝุ่นPM2.5)คนไร้บ้านจึงเยอะไงคนส่วนใหญ่ไม่มีที่ดินต้องเช่าห้องพักตกงานต้องไปนอนแบบไร้บ้านไม่มีฮีลเตอร์ ถ้าอยู่ห้องเช่าก็มีค่าห้อง ค่าขยะ ค่าไฟ( ราคาเหมาเฉลี่ยจะใช้น้อยใช้มากก็จ่ายเท่ากันโดยใช่ค่าเฉลี่ยรายปีนั้นเป็นหลักประเมิน)ค่าเช่าโคตรแพง ฝรั่งจนๆเยอะฯลฯ"ถ้าประเทศไทยใช้หลักเกณฑ์แบบเขาประเทศไทยจะรวยมากแต่ใช้ไม่ได้หรอกประชาชนไม่ยอมแน่นอน"อีกอย่างนักการเมืองก็โกงกินเยอะ"จะมาบีบปชช.อย่างเดียวไม่ได้แค่นี้ปชช.ก็ถูกเอาเปรียบอยู่แล้วใช้ไฟฟ้าแพงทั้งที่น้ำมันในประเทศไทยเองไฟฟ้าก็ผลิตเกินปริมาณที่ประชาชนไทยจะใช้คือมันเหลือเกินความต้องการแต่ทำไมมันแพงเพราะอะไร?ถ้าเปรตมันไม่กิน ยุคนี้น่าจะล้างบางแผ่นดินให้สะอาดสักที คนโกงขายชาติไม่ควรมีที่ยืน
    🙏🏿กราบสวัสดีคะ"อ.ปานเทพคะรบกวนช่วยดูเอกสารและข้อความเหล่านี้ให้ลุงตู่หน่อยนะคะเพื่อคืนความเป็นธรรมให้"พลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา..หนูไม่ได้บอกว่าลุงตู่ดีไปหมดไม่ใช่แต่ตอนที่ท่านเป็นนายกผลประโยชน์มากมายท่านยังไม่เอาเลยจึงทำให้หนูเองก็ยังศรัธทาในตัวท่านอยู่ดีจึงอยากให้ อ.ปานเทพช่วยดูให้หน่อยว่ากรณีที่มี ม.44 ในมือก็ไม่ได้หมายความว่าจะยกเลิกหรือทำอะไรก็ได้มันไม่ใช่"หนูเองไม่มีความรู้ด้านกฎหมายอะไรเลยแต่ก็คิดเองนะคะ"MOU43-44 เกิดขึ้นโดยสุขุมพันธ์&ทักษืณ มันแค่บันทึกความเข้าใจของคนสองคนโดยไม่ได้ผ่านสภาก็ผิดกฎหมายไม่น่ามีผลบังคับใช้ได้ในแง่ของเอกสาร#ใครสักคนจะทำข้อตกลงกันก็แค่นั้นไม่ผ่านมติครม.สภา&ดูอย่างทรัมป์ตอนนี้ซิ"สภาคัดค้านทรัมป์เรื่องภาษีว่าไม่มีสิทธิไปขึ้นอัตราภาษีได้ตามอำเภอใจเพราะยังไม่ผ่านสภาเลยโดนตีตกไป แต่เขาก็ทำได้ผลหลายๆประเทศรีบไปเจรจากันตัวลีบเลย จริงๆแล้วกลัวทำไมๆไม่หาตลาดใหม่ๆมันไม่ซื้อก็ช่างมันๆไม่ผลิตเองจะเอาที่ไหนใช้ดูตอนโควิดซิแย่งทิชชูจนตบตีกันแทบห้างแตก "ผลิตแต่อาวุธกับยาก็ให้มันพากันกินไปเถอะ"จริงๆแล้วโลกสมมุติการแลกเปลี่ยนมันควรเป็นสิ่งมีค่าต่อสิ่งมีค่าด้วยกันไม่ใช่กระดาษ แต่ควรเป็นเงินและทองจริงๆ"ระบบเงินดิจิตอลต่อไปต้องมีทองคำเป็นแบล็คหรือทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นรูปธรรมจริงๆ#ถึงเวลาปฏิรูปนักการเมือง ขัาราชการ ให้รับเงินเป็นดิจิตอลตรวจสอบได้ทั้งหมด ไหลไปไหนเข้าที่ไหนทำธุรกรรมอะไร ทรัพย์สินทางกายภาพที่โอเวอร์ รถ,กระเป๋าแบรนดเนมแพงๆ,นาฬิกาหรูๆ...เงินเดินแค่นี้มีทรัพย์สินเหล่านี้มาได้ยังไง..เอาจริงๆตรวจสอบธุรกรรมการเงินจะรู้หมด...#คนดี100%คงไม่มีถ้ามีคงตายไปแล้วหรือยังไม่ได้มาเกิดที#อยู่แบบเศรษฐ์กิจพอเพียงก็สบายแล้วประเทศไทย มีที่ดินปลูกข้าว,ปลูกผัก,เลี้ยงไก่ใข่(กินแต่ใข่ไก่ไม่กิน),ปลูกผลไม้นานาชนิดอยู่ได้สบาย มีบ่อน้ำไว้ใช้,ไม่มีไฟยังอยู่ได้เลย...#ไม่เหมือนเมืองนอกมีกฎหมายห้ามเอาน้ำไปรดผัก(ยามขาดแคลนน้ำ),ห้ามก่อฟืนเพื่อความอบอุ่น(เหตุฝุ่นPM2.5)คนไร้บ้านจึงเยอะไงคนส่วนใหญ่ไม่มีที่ดินต้องเช่าห้องพักตกงานต้องไปนอนแบบไร้บ้านไม่มีฮีลเตอร์ ถ้าอยู่ห้องเช่าก็มีค่าห้อง ค่าขยะ ค่าไฟ( ราคาเหมาเฉลี่ยจะใช้น้อยใช้มากก็จ่ายเท่ากันโดยใช่ค่าเฉลี่ยรายปีนั้นเป็นหลักประเมิน)ค่าเช่าโคตรแพง ฝรั่งจนๆเยอะฯลฯ"ถ้าประเทศไทยใช้หลักเกณฑ์แบบเขาประเทศไทยจะรวยมากแต่ใช้ไม่ได้หรอกประชาชนไม่ยอมแน่นอน"อีกอย่างนักการเมืองก็โกงกินเยอะ"จะมาบีบปชช.อย่างเดียวไม่ได้แค่นี้ปชช.ก็ถูกเอาเปรียบอยู่แล้วใช้ไฟฟ้าแพงทั้งที่น้ำมันในประเทศไทยเองไฟฟ้าก็ผลิตเกินปริมาณที่ประชาชนไทยจะใช้คือมันเหลือเกินความต้องการแต่ทำไมมันแพงเพราะอะไร?ถ้าเปรตมันไม่กิน ยุคนี้น่าจะล้างบางแผ่นดินให้สะอาดสักที คนโกงขายชาติไม่ควรมีที่ยืน
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 473 มุมมอง 0 รีวิว
  • สงครามระหว่าง ไทย - เขมร รอบนี้ (2568) ที่น่าแปลกใจคือ ทำไมเขมรถึงกล้ารบกับไทย ทั้งที่รู้กันทั่วโลกว่าอาวุธยุทโธปกรณ์ เทียบกับไม่ติด ถ้ามองแบบกลยุทธ์ซุมวู ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะไทยตอนนี้มองจากภายนอกเข้ามา อ่อนแออย่างน่าตกใจ ในกลยุทธ์ซุนวู รัฐที่เข้มแข็งคือรัฐที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้ปกครองและผู้ถูกปกครอง แต่ไทยมีความแตกแยกอย่างมาก ประชาชนไม่ไว้ใจรัฐบาล ผู้มีอำนาจในรัฐบาลมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับเขมรที่ชายแดน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสีเทา หรือผลประโยชน์ส่วนตัว นอกจากนี้เขมรเพิ่งเปลี่ยนแปลงตัวผู้นำ ในขณะที่เศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงตกต่ำ ไม่มีอะไรจะหอมหวานเท่าแอ่งทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-เขมร วิธีที่จะทำให้คะแนนนิยมผู้นำเขมรเพิ่มขึ้นไม่มีอะไรดีไปกว่า การเปลี่ยนแนวเขตแดนทางบก เพื่อให้ได้พื้นที่ทางทะเลเพิ่มชึ้น

    แต่การจะเปิดสงครามกับไทยมีต้นทุนที่ต้องจ่าย จีนที่สนับสนุนด้านเศรษฐกิจเขมรมาอย่างยาวนาน ไม่มีทางที่จะเอาด้วยกับการที่จะเป็นศัตรูกับไทย เพราะภูมิรัฐศาสตร์ของไทยมีความสำคัญกับจีนอย่างมาก ตัวเลือกสุดท้ายจึงไปตกที่สหรัฐ ที่พร้อมจะเข้ามาแทรกแซงในพื้นที่ยุทธศาสตร์นี้อยู่แล้วสำหรับการปิดล้อมจีน และทรัพยากรทางธรรมชาติทางทะเล การหักหลังจีนของเขมรจึงเป็นการเล่นไพ่แบบเกหมดหน้าตัก เขมรจึงไม่สนใจหน้าในเวทีโลก เพราะรู้อยู่แล้วว่ามีใครหนุนหลัง การกุข่าวลวง การโจมตีพลเรือน-โรงพยาบาล การตั้งฐานทัพในที่โบราณสถาน จึงมีออกมาให้เห็นอย่างโจ่งแจ้ง

    ไทยเองก็ผิดพลาดทางการทูตและด้านยุทธศาสตร์ การมีอยู่ของกระทรวงการต่างประเทศ ไม่รุ้ว่ามีหรือไม่มีจะดีกว่ากัน เพราะครั้นเมื่อเขมรโจมตีพลเรือนไทยและโรงพบาบาล สิ่งที่ไทยต้องทำคือ ออกแถลงการณ์ประนาณเขมร พร้อมทั้งประกาศให้โลกรู้ว่าไทยจะตอบสนองอย่างหนัก เพราะการสูญเสียพลเมืองไทย เป็นสิ่งที่ไทยรับไม่ได้ แล้วจึงปฎิบัติการทางการทหาร โดยให้กองทัพภาคที่ 2 ทำการตรึงกำลัง และผลักดันเขมรออกจากแนวเขตแดน โดยทำทีโจมที่ในส่วนพื้นที่ของทัพภาคที่ 2 แต่ส่งกองทัพเรือ รวมถึงกองทัพภาคที่ 1 โจมตีแบบสายฟ้าแล่บและอย่างหนัก เพื่อยึดเกาะกง และสีหนุวิล เพื่อเปลี่ยนแนวเขตแดนทางทะเล เพื่อเป็นการแก้เกมเขมร โดยที่เมื่อยึดเกาะกง และสีหนุวิลได้ ก็ออกแถลงการณ์ให้เขมรเจรจาหยุดยิง ถ้าเขมรยังไม่หยุด ก็ให้เคลื่อนกำลังทัพภาคที่ 2 เข้ายึด พระตระบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ และประกาศถ้าเขมรยังไม่ยอมแพ้ จะกินดินแดนจนถึงพนมเปญ

    การที่ไทยต้องแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ โดยแลกมาด้วยชีวิตทหาร เป็นอะไรที่ได้ไม่คุ้มเสีย นอกจากนี้การที่ไทยพยายามจะเป็นคนดีในสายตาโลก ทั้งๆที่สหประชาชาติไม่เคยเป็นกลาง มี hidden agenda ตามชาติมหาอำนาจอยู่ตลอดเวลา ไทยจึงเหมือนคนอ่อนต่อโลก เหมือนที่เดินไปให้เขาเชือดในศาลโลก เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ไทยต้องทำสงครามสั่งสอนเขมร มิฉะนั้น ก็ต้องมีการยิงกัน และสูญเสียคนไทย อยู่ร่ำไป แต่หากไทยยังคงอ่อนแอด้วยการเมืองภายใน และมีผู้นำที่ขาดวิสัยทัศน์เหมือนตลอด 20 ปีที่ผ่านมา จึงเป็นเรื่องยากที่ไทยจะรอดจากภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ร้อนแรงชึ้นเรื่อยๆ คงได้แต่หวังพระสยามเทวาธิราชคุ้มครอง สาธุ.........
    สงครามระหว่าง ไทย - เขมร รอบนี้ (2568) ที่น่าแปลกใจคือ ทำไมเขมรถึงกล้ารบกับไทย ทั้งที่รู้กันทั่วโลกว่าอาวุธยุทโธปกรณ์ เทียบกับไม่ติด ถ้ามองแบบกลยุทธ์ซุมวู ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะไทยตอนนี้มองจากภายนอกเข้ามา อ่อนแออย่างน่าตกใจ ในกลยุทธ์ซุนวู รัฐที่เข้มแข็งคือรัฐที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้ปกครองและผู้ถูกปกครอง แต่ไทยมีความแตกแยกอย่างมาก ประชาชนไม่ไว้ใจรัฐบาล ผู้มีอำนาจในรัฐบาลมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับเขมรที่ชายแดน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสีเทา หรือผลประโยชน์ส่วนตัว นอกจากนี้เขมรเพิ่งเปลี่ยนแปลงตัวผู้นำ ในขณะที่เศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงตกต่ำ ไม่มีอะไรจะหอมหวานเท่าแอ่งทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-เขมร วิธีที่จะทำให้คะแนนนิยมผู้นำเขมรเพิ่มขึ้นไม่มีอะไรดีไปกว่า การเปลี่ยนแนวเขตแดนทางบก เพื่อให้ได้พื้นที่ทางทะเลเพิ่มชึ้น แต่การจะเปิดสงครามกับไทยมีต้นทุนที่ต้องจ่าย จีนที่สนับสนุนด้านเศรษฐกิจเขมรมาอย่างยาวนาน ไม่มีทางที่จะเอาด้วยกับการที่จะเป็นศัตรูกับไทย เพราะภูมิรัฐศาสตร์ของไทยมีความสำคัญกับจีนอย่างมาก ตัวเลือกสุดท้ายจึงไปตกที่สหรัฐ ที่พร้อมจะเข้ามาแทรกแซงในพื้นที่ยุทธศาสตร์นี้อยู่แล้วสำหรับการปิดล้อมจีน และทรัพยากรทางธรรมชาติทางทะเล การหักหลังจีนของเขมรจึงเป็นการเล่นไพ่แบบเกหมดหน้าตัก เขมรจึงไม่สนใจหน้าในเวทีโลก เพราะรู้อยู่แล้วว่ามีใครหนุนหลัง การกุข่าวลวง การโจมตีพลเรือน-โรงพยาบาล การตั้งฐานทัพในที่โบราณสถาน จึงมีออกมาให้เห็นอย่างโจ่งแจ้ง ไทยเองก็ผิดพลาดทางการทูตและด้านยุทธศาสตร์ การมีอยู่ของกระทรวงการต่างประเทศ ไม่รุ้ว่ามีหรือไม่มีจะดีกว่ากัน เพราะครั้นเมื่อเขมรโจมตีพลเรือนไทยและโรงพบาบาล สิ่งที่ไทยต้องทำคือ ออกแถลงการณ์ประนาณเขมร พร้อมทั้งประกาศให้โลกรู้ว่าไทยจะตอบสนองอย่างหนัก เพราะการสูญเสียพลเมืองไทย เป็นสิ่งที่ไทยรับไม่ได้ แล้วจึงปฎิบัติการทางการทหาร โดยให้กองทัพภาคที่ 2 ทำการตรึงกำลัง และผลักดันเขมรออกจากแนวเขตแดน โดยทำทีโจมที่ในส่วนพื้นที่ของทัพภาคที่ 2 แต่ส่งกองทัพเรือ รวมถึงกองทัพภาคที่ 1 โจมตีแบบสายฟ้าแล่บและอย่างหนัก เพื่อยึดเกาะกง และสีหนุวิล เพื่อเปลี่ยนแนวเขตแดนทางทะเล เพื่อเป็นการแก้เกมเขมร โดยที่เมื่อยึดเกาะกง และสีหนุวิลได้ ก็ออกแถลงการณ์ให้เขมรเจรจาหยุดยิง ถ้าเขมรยังไม่หยุด ก็ให้เคลื่อนกำลังทัพภาคที่ 2 เข้ายึด พระตระบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ และประกาศถ้าเขมรยังไม่ยอมแพ้ จะกินดินแดนจนถึงพนมเปญ การที่ไทยต้องแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ โดยแลกมาด้วยชีวิตทหาร เป็นอะไรที่ได้ไม่คุ้มเสีย นอกจากนี้การที่ไทยพยายามจะเป็นคนดีในสายตาโลก ทั้งๆที่สหประชาชาติไม่เคยเป็นกลาง มี hidden agenda ตามชาติมหาอำนาจอยู่ตลอดเวลา ไทยจึงเหมือนคนอ่อนต่อโลก เหมือนที่เดินไปให้เขาเชือดในศาลโลก เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ไทยต้องทำสงครามสั่งสอนเขมร มิฉะนั้น ก็ต้องมีการยิงกัน และสูญเสียคนไทย อยู่ร่ำไป แต่หากไทยยังคงอ่อนแอด้วยการเมืองภายใน และมีผู้นำที่ขาดวิสัยทัศน์เหมือนตลอด 20 ปีที่ผ่านมา จึงเป็นเรื่องยากที่ไทยจะรอดจากภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ร้อนแรงชึ้นเรื่อยๆ คงได้แต่หวังพระสยามเทวาธิราชคุ้มครอง สาธุ.........
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 614 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอน 1 :

    กำเนิดจิ๊กโก๋

    เรารู้จักบ้านเมืองเราแค่ไหน เคย ถามตัวเองกันบ้างไหมครับ

    แล้วเคยมีเวลานึกสงสัยกันบ้างไหมว่า ทำไมบ้านเมืองเราถึงเละขนาดนี้ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง การศึกษาและสังคม

    เรารู้จักบ้านเมืองของเรา แบบมักง่าย รู้จักผ่านมุมมอง และความคิดของสื่อ ทั้งสื่อไทย และสื่อเทศ และสื่อส่วนใหญ่ ก็ให้ข้อมูลข่าวสาร แบบฟอกย้อม จะโดยตั้งใจเพราะมีใบสั่ง หรือเพราะสมรรถนะของสื่อส่วนใหญ่ ต่ำถึงต่ำมาก แทบทั้งนั้น

    ข้อมูลอีกหลายส่วน ก็มาจากนักวิชาการ ที่ไม่ต่างกับสื่อ ถ้าไม่ขายตัว ก็อธิบายแบบท่องจำ จอแคบ จอแบนไม่มีมิติ มองมุมเดียว เพราะมันง่ายดี

    แล้วเราจะได้ความรู้ ความเข้าใจแบบไหนกัน นี่ยังไม่นับข้อมูลที่เกิดจาก การตอแหลของนักการเมือง และบรรดาข้าราชการ ที่ทำหน้าที่ขี้ข้านักการเมือง

    ซึ่งขอใช้คำว่า บัดซบ จึงจะตรงกับพฤติกรรม

    ตัวเราเองก็เลยติดนิสัย ที่จะมองอะไรแบบมักง่าย

    เมื่อเราไม่รู้ปัญหาที่แท้จริง ก็ไม่มีความเข้าใจจริง แล้วจะหาทางออก จะแก้ปัญหาได้อย่างไร ยิ่งแก้ก็เลยยิ่งพันยุ่งเละเทะ เหมือนลิงแก้แห

    ทำไมเราไม่มาทำความเข้าใจ ทำความรู้จักบ้านเมืองของเราอย่างจริงจังก่อน ด้วยการศึกษาขวนขวายด้วยตัวเอง ไม่ใช่ใช้แค่ตาดูหูฟังเอาจากสื่อจอแบน คำโกหกนักการเมืองหรือนักวิชาการ ประเภทมีความรู้เกินๆ ขาดๆ

    จะเข้าใจปัจจุบัน ก็ต้องรู้จักอดีตหรือประวัติศาสตร์ก่อน ไม่งั้นจะรู้ได้ยังไงว่า ต้นไม้ต้นไหนออกลูกเป็นพิษ

    แล้วก็อย่าทำตัวเป็นม้าแข่ง มองเห็นแต่ลู่วิ่งข้างหน้า หัดมองรอบตัว รู้จักเพื่อนบ้าน รู้จักโลกบ้าง ไม่ใช่จะมีแต่เธอ ฉัน ลูกเรา น้องหมา และน้ำเน่าในทีวี กับจิ้มข้อความไร้สาระ ส่งกันไปมาตามหน้าจอ ประเภท ส่ง 10 คน จะมีโชค

    ก่อนอื่นควรรู้จักโลกกว้างเสียก่อน ประเทศไทยไม่ใช่ตั้งอยู่โดด ๆ ประเทศเดียวเรามีเพื่อนบ้านร่วมทวีป ร่วมโลกอีกแยะ เรารู้จักเพื่อนร่วมโลก หรือ เพื่อนบ้านเราแค่ไหนกัน

    จะอยู่บ้านให้สบายใจ มันก็ควรจะรู้จักเสียหน่อยว่า ใครเป็นใครในซอย มีจิ๊กโก๋๋ยืนกร่าง เบ่งกล้ามอยู่ปากซอยหรือเปล่า ถ้ามีต้องรู้ว่ามันเป็นใคร ฝีไม้ลายมือขนาดไหน ของจริง หรือ ราคาคุย

    งั้นเรามาเริ่มต้น ด้วยการรู้จักจิ๊กโก๋๋ปากซอยกันซะหน่อยดีไหม รู้จักแล้ว จะได้รู้ว่าเราจะอยู่ในซอยนี้แบบไหน อยู่แบบตัวห่อหน้าเหี่ยว หรือ อยู่อย่างสบายใจ นี่บ้านกูนะ จะคบกับชาวซอยด้วยกันอย่าง ไร และแสดงท่าที หรือจัดการอย่างไรดีกับเจ้าจิ๊กโก๋๋ปากซอย

    และจะอ่านนิทานนี้ให้สนุก จะรู้จักโลกกว้าง ต้องรู้จักคาถาการครองโลก

    “อำนาจ คือ ทุน” และ “ทุน คือ อำนาจ”

    จำให้แม่น มันจะทำให้เราเข้าใจความเป็นไปของโลกนี้

    ประเทศนี้ และทั้งหลาย ทั้งปวง ที่อยู่รอบตัวเราง่ายขึ้น

    สงครามโลกครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเพราะอะไร ประวัติศาสตร์ที่เขาเขียนให้เราเรียน สมัยเป็นนักเรียน เขาก็เขียนให้เราเข้าใจไปว่า มันเป็นเรื่องของการต้องการแผ่อำนาจของประเทศผู้รุกราน และประเทศผู้ถูกรุกรานก็จ๋อยสิ จำเป็นต้องสู้ หรือเข้าสู่สงครามกับเขาไปด้วย เพื่อเอาตัวรอด เพื่อรักษาความมั่นคงของประเทศตน

    แต่จริงๆ แล้ว มันเป็นอย่างนั้นแน่หรือ กลับไปอ่านคาถาครองโลกข้างต้นสัก 10 เที่ยว แล้วอ่านนิทานนี้ต่อ อาจจะรู้จักประวัติศาสตร์ ในมุมมองใหม่

    สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2482 (ค.ศ.1934) จบเอาปี พ.ศ.2488 (ค.ศ.1945) รวมเวลา 6ปี ตลอดเวลาการสู้รบ เขาใช้ทวีปยุโรปและเอเซียเป็นสนามประลองกำลัง พอเสร็จสงคราม ฝ่ายผู้แพ้สงครามเช่น เยอรมันและญี่ปุ่น ก็ถูกน็อกคาสนามบอบช้ำฉิบหาย ตามประสาผู้แพ้ ส่วนฝ่ายสัมพันธ มิตรผู้ชนะสงครามเช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส ยุโรป รัสเซีย และแม้แต่จีน ก็ใช่ว่าจะไม่ยับไม่เยิน แต่ละรายดูไม่จืดเชียว ยืนพิงเชือกเกือบนับ 10 เกือบทั้งนั้น ….มีแต่อเมริกาเท่านั้นแหละ ที่โดนแค่สอยคาง เรือรบล่มไม่กี่ลำ ที่เพิร์ล ฮาเบอร์ (Pearl Harbor) ฮาวาย ส่วนบ้านตัวที่ทวีปอเมริกาปลอดภัยดี ไม่มีบุบไม่มีย่น… แค่นี้ทำเป็นยั๊วะ ถือโอกาสประกาศสงครามกับญี่ปุ่น เข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร (โอกาสทองมา แล้ว) เมื่อชนะสงครามอเมริกาจึงสถาปนาตนเองเป็นจิ๊กโก๋๋คุมซอย เป็นพี่เบิ้มดูแลโลกทั้งใบ นั่นไงมาแล้ว … จิ๊กโก๋๋ปากซอย!

    หลังจากการทำสงครามโลก เศรษฐกิจของแต่ละประเทศก็ตกต่ำล่มจม ความแตกต่างทางสังคมเห็นชัดขึ้น เกิดช่องว่างระหว่างคนรวยคนจนชัดเจน ไม่ต้องเอาแว่นมาขยาย ระบอบคอมมิวนิสต์ จึงเริ่มก่อตัวขึ้น ในบริเวณแถวรัสเซียและยุโรปตะวันออก เมื่อปี พ.ศ.2490 (ค.ศ.1947)

    อเมริกาในฐานะพี่เบิ้ม จึงกำหนดยุทธศาสตร์ปิดล้อม (Containment) ขึ้นมาและประกาศเป็นนโยบาย

    เรียกว่า Truman Doctrine โดยประธานาธิบดีแฮรี่ เอส ทรูแมน (Harry S Truman) (ดื้อ เหี้ยม!)

    เป้าหมายของยุทธศาสตร์นี้ หลักใหญ่มีแค่ 2 เรื่อง คือสร้างความมั่นคงและมั่งคั่งให้กับอเมริกาและพวก กับกีดกันไม่ให้สหภาพโซเวียตมีโอกาสยื่นหน้า เข้ามาสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจโลก นี่ล่ะธาตุแท้อเมริกา ร่วมรบด้วยกันมาดีๆ พอถึงเวลาไม่เป็นประชาธิปไตยตามแบบที่ตัวเองต้องการ ก็ออกอาการเหม็นหน้า อย่าเข้ามาใกล้นะ เดี๋ยวจะทำให้คนอื่นเขาติดโรคหมด

    Truman Doctrine นี้ อเมริกาจะใช้คนเดียวก็กลัวเหงา เลยจับประเทศแถวยุโรปมาเข้าร่วมโดย จัดตั้งเป็นองค์กรนาโต (NATO) ขึ้นมา ปัจจุบันมีทั้งหมด 28 ประเทศ กลุ่มประเทศที่ก่อตั้งและ/หรือเป็นประเทศหลักมี อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม แคนาดา เดนมาร์ก ไอซแลนด์ อิตาลี เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ กรีซ ตุรกี และเยอรมัน อเมริกาใช้นาโตเป็นขนมล่อยุโรปให้ผูกติดอยู่กับอเมริกามาจนถึงทุกวันนี้

    เริ่มเห็นฝีมือการแบ่งขนม แบ่งค่ายของอเมริกาหรือยัง

    สูตรยอดนิยมของอเมริกา ที่ใช้มาตลอดคือ ล่อให้เหยื่อมารวมตัวกัน (อยู่ในคอก) ก่อนจะได้ดูแลง่าย จำไว้ให้ดี

    ด้านหนึ่ง อเมริกาจะออกหน้า สนับสนุนให้มีการรวมตัวของประชาชาติในเรื่องต่างๆ แต่อีกด้านอเมริกาก็จะสร้างเรื่อง โดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้การรวมตัวนั้นมีปัญหา และแตกแยกกันเอง แข่งขันกันเอง ทะเลาะกันเอง เพื่อเป็นการเพิ่มบทบาทของพี่เบิ้ม ให้เป็นที่พึ่งพาขึ้นไปเรื่อยๆ (ต้นตำรับ value added! หรือจะเรียกให้ชัดคือ สร้างภาพ) ลองสังเกตดู

    พร้อมกับการเขยิบฐานะตัวเป็นพี่เบิ้ม อเมริกา ก็เริ่มทำตัวเป็นนักล่าอาณานิคมยุคใหม่ แทนนักล่ารุ่นเก่าที่กำลังนอนเลียแผล

    ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 นักล่าอาณานิคมตัวใหญ่แชมป์เก่าคือ อังกฤษ กร่างถึงขนาดประกาศว่า ดวงอาทิตย์ไม่มีวันตกที่จักรภพอังกฤษ ตามมาติดๆคือ ฝรั่งเศส คู่แค้นของไทย กะจะเขมือบไทยมาตลอด วางแผนมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์ แต่ที่อุกอาจสามานย์ ทำให้ไทยเจ็บช้ำจนกรมหลวงชุมพรฯ ต้องสักไว้ก็คือเหตุการณ์ ร.ศ.112 ในสมัยล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 5 หวังว่ายังคงจำกันได้ หรือรู้จักแต่ ม112

    นักล่า ที่มาเงียบๆ คอยเสียบ คอยเสี้ยม แล้วหยิบชิ้นปลามันคือ ฮอลันดา แต่นักล่า รุ่นเก๋าจริงๆ ต้องยกให้ สเปนและโปรตุเกศ แผนลึก อดทน และใจเย็น

    นักล่ายุคใหม่ ไม่ต้องการครอบครองดินแดน แบบนักล่ารุ่นเก่า แต่ต้องการกอบโกยทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์เช่นน้ำมัน และแร่ธาตุสารพัด ของประเทศที่อุดมทรัพยากร แต่ด้อยปัญญา ของประเทศที่ยังไม่พัฒนา โดยเฉพาะในแถบอาเซีย และตะวันออกกลางที่ยังอุดมสมบูรณ์อยู่ ในขณะที่แถวยุโรปเริ่มร่อยหรอ ส่วนอเมริกานั้นยังมีอยู่แยะ แต่งุบงิบแอบเก็บไว้ไม่ให้ใครรู้

    อย่าเข้าใจผิดว่าการล่าอาณานิคมยุคใหม่ จะใช้วิธียกทัพจับศึก ยึดดินแดนกันอย่างเมื่อก่อน รุ่นใหม่ ยุคใหม่นี่เขาทำกันเนียน

    ส่วนเครื่องมือในการล่าอาณานิคมยุคใหม่ เขาใช้ตามคาถายอดนิยม

    อำนาจ คือ ทุน และทุน คือ อำนาจ …

    ยังไม่เข้าใจใช่ไหม งั้นต้องอ่านต่อไป

    รบชนะมาหมาดๆ อำนาจล้นฟ้า บีบให้โลกยกย่องเป็นพี่เบิ้ม จะปล่อยให้โอกาสทองหลุดมือไปได้ยังไง พี่เบิ้มก็ต้องรีบเหยียด (มือยาวๆ อ้อมไปทั้งโลก โดยใช้วิธีการทั้งหลอก ทั้งล่อ เอาทุนนิยมมาล่อ เอาทุนเสรีมาจูง ให้ทุนมันเคลื่อนไหวอย่างเสรี ไม่มีอะไรมากักไง ไร้พรมแดนไงไม่ดีหรือ นายทุนก็ถลารับ แบบนี้มันก็ล้อมโลกได้โดยไม่รู้ตัวกัน คำว่าโลกาภิวัฒน์จึงเกิดขึ้น ชอบใช้กันนัก รู้ให้ทันแล้วกันว่าโลกาภิวัตน์ คืออะไร และเพื่อใคร

    ทุนนิยมเสรี มันเดินไปเองได้ที่ไหน ก็ต้องหาเครื่องมือให้ทุนมันเดินไปทั่วโลกได้ง่ายๆ เนียนๆ ดังนั้นหน่วย งานระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ (UN) ธนาคารโลก (World Bank) IMF WTO ฯลฯ และเหล่าบรรษัทข้ามชาติ ด้านการเงิน การค้า การอุตสาหกรรมต่างๆ จึงเกิดขึ้น หน่วยงานต่างๆ ดังกล่าว มีพี่เบิ้มและพวก เป็นเจ้าของหรือเป็นผู้กำกับทั้งนั้น รู้กันไหม

    สหประชาชาติ (UN) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2488 (ค.ศ.1945) จากแนวคิดของผู้ชนะสงครามคือ พี่เบิ้มและอังกฤษคู่หู คือ มีคณะมนตรีถาวร 5 ประเทศ ไม่บอกก็น่าจะเดาออกนะ ว่าใครบ้าง ก็ผู้ชนะสงคราม นั่นแหละคือ อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย และจีน (เห็นรายชื่ออย่างนี้ อย่าเพิ่งแปลกใจ ตอนนั้น พี่เบิ้มเขายังวุ่นอยู่กับสร้างบทให้ตัวเองเป็นใหญ่ เลยยังไม่มีเวลา ไปไล่บี้ว่าที่คู่แข่งของตัว)

    ผู้ควักกระเป๋าจ่ายเงินสนับสนุนการดำเนินงานของ UN ก็คือสมาชิก คงพอเดากันได้ว่าใครจ่ายเงินสนับสนุนUN สูงสุด ไม่น่าตอบผิดนะ ก็พี่เบิ้มอเมริกานั่นไง ไม่งั้นจะได้ตำแหน่งเป็นจิ๊กโก๋๋คุมซอยเหรอ

    ธนาคารโลก (World Bank) ก่อตั้งขึ้นพร้อมกับ IMF (International Monetary Fund) ในปี พ.ศ.2487 (ค.ศ.1944) แน่นอน ก็จากแนวคิดของพี่เบิ้ม อเมริกาและอังกฤษอีกนั่นแหละ สำนักงานใหญ่ขอทั้ง 2 องค์กร ตั้งอยู่ที่วอชิงตัน ดี ซี ของพี่เบิ้ม เงินสนับสนุนส่วนใหญ่มาจากประเทศสมาชิก แต่ผู้ที่ควักกระเป๋าหนักที่สุดก็ เหมือนเดิมคือ พี่เบิ้ม อเมริกา คิดกันต่อแล้วกันอย่างนี้ แปลว่า พี่เบิ้มใจดีชะมัดหรือพี่เบิ้มกำลังท่องคาถา อำนาจ คือ ทุน ทุน คือ อำนาจ…. ลงทุนจิ๊บจ๊อย เดี๋ยวก็ได้คืนทั้งโลก 555

    ไปเปิดอากู (Google) ดู แล้วกัน ประธานธนาคารโลกตั้งกะก่อตั้ง (ค.ศ.1946) มาจนถึงปัจจุบัน (ค.ศ.2016) เป็นคนสัญชาติอเมริกันทั้งหมด …อาจมีคนโวย ไม่ใช่นะ คนสุดท้าย เจ้าจิม ยอง คิม (Jim Yong Kim) เป็นเกาหลีต่างหาก …เป็นเกาหลีแต่ถือสัญชาติอเมริกันครับผม …อืม เริ่มเห็นภาพลางๆ บ้างหรือยัง ครับ

    อันที่จริงระบบทุนนิยมมีมานานแล้วนะ แต่การขยายตัวทำได้ช้า เพราะต้องพึ่งการคมนาคมและการสื่อสาร ดังนั้นทุนนิยมยุคโบราณจึงเดินทางโดยเรือ รถไฟ ม้า อูฐ และนกพิราบ (ฮา!) ก็ตอนนั้นยังไม่มีเครื่องบิน โทรเลข โทรศัพท์ มือถือ ดาวเทียม Swift 3จี 4จี Wi-Fi ฯลฯ อะไรนี่นะ

    ทุนนิยมโลกไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขตดินแดน แต่ขึ้นกับศูนย์อำนาจในแต่ละช่วงเวลานั้น เช่น ฮอลันดาเป็นศูนย์ กลางของทุนนิยม สมัยศตวรรษที่ 17 ก็เล่นล่าตั้งกะอินโดนีเซียยันไปถึงอาฟริกา ต่อมาศูนย์อำนาจก็ย้ายไปอยู่ที่อังกฤษ เจ้าของคำกร่างว่า พระอาทิตย์ไม่ตกดินที่อังกฤษ จนมาถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พี่เบิ้มอเมริกา ถึงได้ขึ้นแท่นเป็น นัมเบอร์วัน ของศูนย์อำนาจ ไชโย! ตาไอแล้ว

    อเมริกา คิดเรื่องระบบทุนนิยมและกลไก ที่จะทำให้ตนเป็นศูนย์อำนาจ มาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2

    แต่โอกาสยังไม่อำนวย หวยมาตกก็ตอนศูนย์อำนาจเก่าๆ พากันฉิบหาย หงายท้องหมด หลังสงคราม โลกครั้งที่ 2 นี่แหละ อเมริกาถึงเสนอแผนจัดโครงสร้างระเบียบโลกเสียใหม่ (New World Order) โดยเน้นที่พลังทุนนิยม ก็เป็นเศรษฐีนี่ มีปัญหาไหม ไม่นิยมทุนแล้วจะให้นิยมอะไร

    …อย่าลืมคาถา ทุน คือ อำนาจ อำนาจ คือ ทุน ง่ายๆ ตรงไปตรงมา

    ไม่ว่าจะเรียก New World Order หรือ Pax Americana หรือคำอะไรให้มันดูหรูหราเข้าใจยากจริงๆ แล้วมันก็คือแผนการล่าอาณานิคมยุคใหม่นั่นเอง โดยใช้ระบบทุนนิยม นำหน้าในการล่า เดี๋ยวก็มาถึงทุนนิยมสามานย์น่าใจเย็นไว้โยม

    ทุนจะมีก็ต้องค้าขาย เงินไม่ได้ตกลงมาจากฟ้าเหมือนฝนนะ จะค้าขายก็ต้องมีสินค้า สินค้ามาจากไหน มาจากการผลิต การผลิตต้องมีอะไรเป็นปัจจัย ต้องมีวัตถุดิบซีจ้ะ วัตถุดิบมาจากไหน ก็มาจากทรัพยากร ทรัพยากรมาจากไหน ก็ปล้นหรือต้มเขาเอาซีวุ้ย แหม กว่าจะโยงมาถึงคนเล่านิทานเกือบเป็นลม

    ดังนั้นนักสำรวจทรัพย์ของผู้อื่น ในคราบผู้เชี่ยวชาญ จึงเดินกันว่อน วิ่งกันพล่าน อุ๊ย ประเทศนี้ไอจองนะ ไอจะไปดูเอง เขาน่าสงสารนะ เห็นมีแต่ช้างเดินเต็มป่า วัวควายเต็มทุ่งนา

    ปี ค.ศ.1946 สงครามโลกครั้งที่ 2 เลิกหมาดๆ อเมริกาส่งผู้เชี่ยวชาญ มาทำการสำรวจสถานะของประเทศไทยและสรุปว่า ไทยแลนด์ เป็นประเทศที่ยังมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ และยังมีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจดียิ่ง อย่างเหลือเชื่อ (อย่างเหลือเชื่อนี่ ผมเติมเองครับ เพราะอ่านแล้วเหลือเชื่อ นี่ขนาดบริหารกันไปแดกกันไป ยังแกร่งอย่างนี้เลยนะ ถ้าตั้งอกตั้งใจบริหาร แม่อีหนูเอ๊ย ลูกหลานเราคงเรียนฟรี ถนนคงปูด้วยทองคำ อย่างที่ ท่านอจ.ศึกฤทธิ์ว่าไว้จริงๆ นะ)

    รายงานฉบับดังกล่าว ทำให้อเมริกาน้ำลายเยิ้มเมื่อมองประเทศไทย ไม่ต่างกับที่โอบามา มองคุณนายเอ๋อเมื่อตอนมาสำรวจประเทศไทย เมื่อปลายปี พ.ศ.2555 นั่นแหละ

    แล้วทำอย่างไร อเมริกาถึงจะได้กินอาหารจานอร่อยชื่อ ไทยแลนด์ แดนสวรรค์ สยามเมืองยิ้ม

    ไม่ยาก อเมริกาใหญ่ผงาดมาขนาดนี้ ไม่ใช่ทำเป็นแค่ขี้ม้าไล่ยิงอินเดียนแดงออกจากถิ่นเก่าของเขานะวุ้ย

    คนเล่านิทาน
    ตอน 1 : กำเนิดจิ๊กโก๋ เรารู้จักบ้านเมืองเราแค่ไหน เคย ถามตัวเองกันบ้างไหมครับ แล้วเคยมีเวลานึกสงสัยกันบ้างไหมว่า ทำไมบ้านเมืองเราถึงเละขนาดนี้ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง การศึกษาและสังคม เรารู้จักบ้านเมืองของเรา แบบมักง่าย รู้จักผ่านมุมมอง และความคิดของสื่อ ทั้งสื่อไทย และสื่อเทศ และสื่อส่วนใหญ่ ก็ให้ข้อมูลข่าวสาร แบบฟอกย้อม จะโดยตั้งใจเพราะมีใบสั่ง หรือเพราะสมรรถนะของสื่อส่วนใหญ่ ต่ำถึงต่ำมาก แทบทั้งนั้น ข้อมูลอีกหลายส่วน ก็มาจากนักวิชาการ ที่ไม่ต่างกับสื่อ ถ้าไม่ขายตัว ก็อธิบายแบบท่องจำ จอแคบ จอแบนไม่มีมิติ มองมุมเดียว เพราะมันง่ายดี แล้วเราจะได้ความรู้ ความเข้าใจแบบไหนกัน นี่ยังไม่นับข้อมูลที่เกิดจาก การตอแหลของนักการเมือง และบรรดาข้าราชการ ที่ทำหน้าที่ขี้ข้านักการเมือง ซึ่งขอใช้คำว่า บัดซบ จึงจะตรงกับพฤติกรรม ตัวเราเองก็เลยติดนิสัย ที่จะมองอะไรแบบมักง่าย เมื่อเราไม่รู้ปัญหาที่แท้จริง ก็ไม่มีความเข้าใจจริง แล้วจะหาทางออก จะแก้ปัญหาได้อย่างไร ยิ่งแก้ก็เลยยิ่งพันยุ่งเละเทะ เหมือนลิงแก้แห ทำไมเราไม่มาทำความเข้าใจ ทำความรู้จักบ้านเมืองของเราอย่างจริงจังก่อน ด้วยการศึกษาขวนขวายด้วยตัวเอง ไม่ใช่ใช้แค่ตาดูหูฟังเอาจากสื่อจอแบน คำโกหกนักการเมืองหรือนักวิชาการ ประเภทมีความรู้เกินๆ ขาดๆ จะเข้าใจปัจจุบัน ก็ต้องรู้จักอดีตหรือประวัติศาสตร์ก่อน ไม่งั้นจะรู้ได้ยังไงว่า ต้นไม้ต้นไหนออกลูกเป็นพิษ แล้วก็อย่าทำตัวเป็นม้าแข่ง มองเห็นแต่ลู่วิ่งข้างหน้า หัดมองรอบตัว รู้จักเพื่อนบ้าน รู้จักโลกบ้าง ไม่ใช่จะมีแต่เธอ ฉัน ลูกเรา น้องหมา และน้ำเน่าในทีวี กับจิ้มข้อความไร้สาระ ส่งกันไปมาตามหน้าจอ ประเภท ส่ง 10 คน จะมีโชค ก่อนอื่นควรรู้จักโลกกว้างเสียก่อน ประเทศไทยไม่ใช่ตั้งอยู่โดด ๆ ประเทศเดียวเรามีเพื่อนบ้านร่วมทวีป ร่วมโลกอีกแยะ เรารู้จักเพื่อนร่วมโลก หรือ เพื่อนบ้านเราแค่ไหนกัน จะอยู่บ้านให้สบายใจ มันก็ควรจะรู้จักเสียหน่อยว่า ใครเป็นใครในซอย มีจิ๊กโก๋๋ยืนกร่าง เบ่งกล้ามอยู่ปากซอยหรือเปล่า ถ้ามีต้องรู้ว่ามันเป็นใคร ฝีไม้ลายมือขนาดไหน ของจริง หรือ ราคาคุย งั้นเรามาเริ่มต้น ด้วยการรู้จักจิ๊กโก๋๋ปากซอยกันซะหน่อยดีไหม รู้จักแล้ว จะได้รู้ว่าเราจะอยู่ในซอยนี้แบบไหน อยู่แบบตัวห่อหน้าเหี่ยว หรือ อยู่อย่างสบายใจ นี่บ้านกูนะ จะคบกับชาวซอยด้วยกันอย่าง ไร และแสดงท่าที หรือจัดการอย่างไรดีกับเจ้าจิ๊กโก๋๋ปากซอย และจะอ่านนิทานนี้ให้สนุก จะรู้จักโลกกว้าง ต้องรู้จักคาถาการครองโลก “อำนาจ คือ ทุน” และ “ทุน คือ อำนาจ” จำให้แม่น มันจะทำให้เราเข้าใจความเป็นไปของโลกนี้ ประเทศนี้ และทั้งหลาย ทั้งปวง ที่อยู่รอบตัวเราง่ายขึ้น สงครามโลกครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเพราะอะไร ประวัติศาสตร์ที่เขาเขียนให้เราเรียน สมัยเป็นนักเรียน เขาก็เขียนให้เราเข้าใจไปว่า มันเป็นเรื่องของการต้องการแผ่อำนาจของประเทศผู้รุกราน และประเทศผู้ถูกรุกรานก็จ๋อยสิ จำเป็นต้องสู้ หรือเข้าสู่สงครามกับเขาไปด้วย เพื่อเอาตัวรอด เพื่อรักษาความมั่นคงของประเทศตน แต่จริงๆ แล้ว มันเป็นอย่างนั้นแน่หรือ กลับไปอ่านคาถาครองโลกข้างต้นสัก 10 เที่ยว แล้วอ่านนิทานนี้ต่อ อาจจะรู้จักประวัติศาสตร์ ในมุมมองใหม่ สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2482 (ค.ศ.1934) จบเอาปี พ.ศ.2488 (ค.ศ.1945) รวมเวลา 6ปี ตลอดเวลาการสู้รบ เขาใช้ทวีปยุโรปและเอเซียเป็นสนามประลองกำลัง พอเสร็จสงคราม ฝ่ายผู้แพ้สงครามเช่น เยอรมันและญี่ปุ่น ก็ถูกน็อกคาสนามบอบช้ำฉิบหาย ตามประสาผู้แพ้ ส่วนฝ่ายสัมพันธ มิตรผู้ชนะสงครามเช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส ยุโรป รัสเซีย และแม้แต่จีน ก็ใช่ว่าจะไม่ยับไม่เยิน แต่ละรายดูไม่จืดเชียว ยืนพิงเชือกเกือบนับ 10 เกือบทั้งนั้น ….มีแต่อเมริกาเท่านั้นแหละ ที่โดนแค่สอยคาง เรือรบล่มไม่กี่ลำ ที่เพิร์ล ฮาเบอร์ (Pearl Harbor) ฮาวาย ส่วนบ้านตัวที่ทวีปอเมริกาปลอดภัยดี ไม่มีบุบไม่มีย่น… แค่นี้ทำเป็นยั๊วะ ถือโอกาสประกาศสงครามกับญี่ปุ่น เข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร (โอกาสทองมา แล้ว) เมื่อชนะสงครามอเมริกาจึงสถาปนาตนเองเป็นจิ๊กโก๋๋คุมซอย เป็นพี่เบิ้มดูแลโลกทั้งใบ นั่นไงมาแล้ว … จิ๊กโก๋๋ปากซอย! หลังจากการทำสงครามโลก เศรษฐกิจของแต่ละประเทศก็ตกต่ำล่มจม ความแตกต่างทางสังคมเห็นชัดขึ้น เกิดช่องว่างระหว่างคนรวยคนจนชัดเจน ไม่ต้องเอาแว่นมาขยาย ระบอบคอมมิวนิสต์ จึงเริ่มก่อตัวขึ้น ในบริเวณแถวรัสเซียและยุโรปตะวันออก เมื่อปี พ.ศ.2490 (ค.ศ.1947) อเมริกาในฐานะพี่เบิ้ม จึงกำหนดยุทธศาสตร์ปิดล้อม (Containment) ขึ้นมาและประกาศเป็นนโยบาย เรียกว่า Truman Doctrine โดยประธานาธิบดีแฮรี่ เอส ทรูแมน (Harry S Truman) (ดื้อ เหี้ยม!) เป้าหมายของยุทธศาสตร์นี้ หลักใหญ่มีแค่ 2 เรื่อง คือสร้างความมั่นคงและมั่งคั่งให้กับอเมริกาและพวก กับกีดกันไม่ให้สหภาพโซเวียตมีโอกาสยื่นหน้า เข้ามาสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจโลก นี่ล่ะธาตุแท้อเมริกา ร่วมรบด้วยกันมาดีๆ พอถึงเวลาไม่เป็นประชาธิปไตยตามแบบที่ตัวเองต้องการ ก็ออกอาการเหม็นหน้า อย่าเข้ามาใกล้นะ เดี๋ยวจะทำให้คนอื่นเขาติดโรคหมด Truman Doctrine นี้ อเมริกาจะใช้คนเดียวก็กลัวเหงา เลยจับประเทศแถวยุโรปมาเข้าร่วมโดย จัดตั้งเป็นองค์กรนาโต (NATO) ขึ้นมา ปัจจุบันมีทั้งหมด 28 ประเทศ กลุ่มประเทศที่ก่อตั้งและ/หรือเป็นประเทศหลักมี อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม แคนาดา เดนมาร์ก ไอซแลนด์ อิตาลี เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ กรีซ ตุรกี และเยอรมัน อเมริกาใช้นาโตเป็นขนมล่อยุโรปให้ผูกติดอยู่กับอเมริกามาจนถึงทุกวันนี้ เริ่มเห็นฝีมือการแบ่งขนม แบ่งค่ายของอเมริกาหรือยัง สูตรยอดนิยมของอเมริกา ที่ใช้มาตลอดคือ ล่อให้เหยื่อมารวมตัวกัน (อยู่ในคอก) ก่อนจะได้ดูแลง่าย จำไว้ให้ดี ด้านหนึ่ง อเมริกาจะออกหน้า สนับสนุนให้มีการรวมตัวของประชาชาติในเรื่องต่างๆ แต่อีกด้านอเมริกาก็จะสร้างเรื่อง โดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้การรวมตัวนั้นมีปัญหา และแตกแยกกันเอง แข่งขันกันเอง ทะเลาะกันเอง เพื่อเป็นการเพิ่มบทบาทของพี่เบิ้ม ให้เป็นที่พึ่งพาขึ้นไปเรื่อยๆ (ต้นตำรับ value added! หรือจะเรียกให้ชัดคือ สร้างภาพ) ลองสังเกตดู พร้อมกับการเขยิบฐานะตัวเป็นพี่เบิ้ม อเมริกา ก็เริ่มทำตัวเป็นนักล่าอาณานิคมยุคใหม่ แทนนักล่ารุ่นเก่าที่กำลังนอนเลียแผล ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 นักล่าอาณานิคมตัวใหญ่แชมป์เก่าคือ อังกฤษ กร่างถึงขนาดประกาศว่า ดวงอาทิตย์ไม่มีวันตกที่จักรภพอังกฤษ ตามมาติดๆคือ ฝรั่งเศส คู่แค้นของไทย กะจะเขมือบไทยมาตลอด วางแผนมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์ แต่ที่อุกอาจสามานย์ ทำให้ไทยเจ็บช้ำจนกรมหลวงชุมพรฯ ต้องสักไว้ก็คือเหตุการณ์ ร.ศ.112 ในสมัยล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 5 หวังว่ายังคงจำกันได้ หรือรู้จักแต่ ม112 นักล่า ที่มาเงียบๆ คอยเสียบ คอยเสี้ยม แล้วหยิบชิ้นปลามันคือ ฮอลันดา แต่นักล่า รุ่นเก๋าจริงๆ ต้องยกให้ สเปนและโปรตุเกศ แผนลึก อดทน และใจเย็น นักล่ายุคใหม่ ไม่ต้องการครอบครองดินแดน แบบนักล่ารุ่นเก่า แต่ต้องการกอบโกยทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์เช่นน้ำมัน และแร่ธาตุสารพัด ของประเทศที่อุดมทรัพยากร แต่ด้อยปัญญา ของประเทศที่ยังไม่พัฒนา โดยเฉพาะในแถบอาเซีย และตะวันออกกลางที่ยังอุดมสมบูรณ์อยู่ ในขณะที่แถวยุโรปเริ่มร่อยหรอ ส่วนอเมริกานั้นยังมีอยู่แยะ แต่งุบงิบแอบเก็บไว้ไม่ให้ใครรู้ อย่าเข้าใจผิดว่าการล่าอาณานิคมยุคใหม่ จะใช้วิธียกทัพจับศึก ยึดดินแดนกันอย่างเมื่อก่อน รุ่นใหม่ ยุคใหม่นี่เขาทำกันเนียน ส่วนเครื่องมือในการล่าอาณานิคมยุคใหม่ เขาใช้ตามคาถายอดนิยม อำนาจ คือ ทุน และทุน คือ อำนาจ … ยังไม่เข้าใจใช่ไหม งั้นต้องอ่านต่อไป รบชนะมาหมาดๆ อำนาจล้นฟ้า บีบให้โลกยกย่องเป็นพี่เบิ้ม จะปล่อยให้โอกาสทองหลุดมือไปได้ยังไง พี่เบิ้มก็ต้องรีบเหยียด (มือยาวๆ อ้อมไปทั้งโลก โดยใช้วิธีการทั้งหลอก ทั้งล่อ เอาทุนนิยมมาล่อ เอาทุนเสรีมาจูง ให้ทุนมันเคลื่อนไหวอย่างเสรี ไม่มีอะไรมากักไง ไร้พรมแดนไงไม่ดีหรือ นายทุนก็ถลารับ แบบนี้มันก็ล้อมโลกได้โดยไม่รู้ตัวกัน คำว่าโลกาภิวัฒน์จึงเกิดขึ้น ชอบใช้กันนัก รู้ให้ทันแล้วกันว่าโลกาภิวัตน์ คืออะไร และเพื่อใคร ทุนนิยมเสรี มันเดินไปเองได้ที่ไหน ก็ต้องหาเครื่องมือให้ทุนมันเดินไปทั่วโลกได้ง่ายๆ เนียนๆ ดังนั้นหน่วย งานระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ (UN) ธนาคารโลก (World Bank) IMF WTO ฯลฯ และเหล่าบรรษัทข้ามชาติ ด้านการเงิน การค้า การอุตสาหกรรมต่างๆ จึงเกิดขึ้น หน่วยงานต่างๆ ดังกล่าว มีพี่เบิ้มและพวก เป็นเจ้าของหรือเป็นผู้กำกับทั้งนั้น รู้กันไหม สหประชาชาติ (UN) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2488 (ค.ศ.1945) จากแนวคิดของผู้ชนะสงครามคือ พี่เบิ้มและอังกฤษคู่หู คือ มีคณะมนตรีถาวร 5 ประเทศ ไม่บอกก็น่าจะเดาออกนะ ว่าใครบ้าง ก็ผู้ชนะสงคราม นั่นแหละคือ อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย และจีน (เห็นรายชื่ออย่างนี้ อย่าเพิ่งแปลกใจ ตอนนั้น พี่เบิ้มเขายังวุ่นอยู่กับสร้างบทให้ตัวเองเป็นใหญ่ เลยยังไม่มีเวลา ไปไล่บี้ว่าที่คู่แข่งของตัว) ผู้ควักกระเป๋าจ่ายเงินสนับสนุนการดำเนินงานของ UN ก็คือสมาชิก คงพอเดากันได้ว่าใครจ่ายเงินสนับสนุนUN สูงสุด ไม่น่าตอบผิดนะ ก็พี่เบิ้มอเมริกานั่นไง ไม่งั้นจะได้ตำแหน่งเป็นจิ๊กโก๋๋คุมซอยเหรอ ธนาคารโลก (World Bank) ก่อตั้งขึ้นพร้อมกับ IMF (International Monetary Fund) ในปี พ.ศ.2487 (ค.ศ.1944) แน่นอน ก็จากแนวคิดของพี่เบิ้ม อเมริกาและอังกฤษอีกนั่นแหละ สำนักงานใหญ่ขอทั้ง 2 องค์กร ตั้งอยู่ที่วอชิงตัน ดี ซี ของพี่เบิ้ม เงินสนับสนุนส่วนใหญ่มาจากประเทศสมาชิก แต่ผู้ที่ควักกระเป๋าหนักที่สุดก็ เหมือนเดิมคือ พี่เบิ้ม อเมริกา คิดกันต่อแล้วกันอย่างนี้ แปลว่า พี่เบิ้มใจดีชะมัดหรือพี่เบิ้มกำลังท่องคาถา อำนาจ คือ ทุน ทุน คือ อำนาจ…. ลงทุนจิ๊บจ๊อย เดี๋ยวก็ได้คืนทั้งโลก 555 ไปเปิดอากู (Google) ดู แล้วกัน ประธานธนาคารโลกตั้งกะก่อตั้ง (ค.ศ.1946) มาจนถึงปัจจุบัน (ค.ศ.2016) เป็นคนสัญชาติอเมริกันทั้งหมด …อาจมีคนโวย ไม่ใช่นะ คนสุดท้าย เจ้าจิม ยอง คิม (Jim Yong Kim) เป็นเกาหลีต่างหาก …เป็นเกาหลีแต่ถือสัญชาติอเมริกันครับผม …อืม เริ่มเห็นภาพลางๆ บ้างหรือยัง ครับ อันที่จริงระบบทุนนิยมมีมานานแล้วนะ แต่การขยายตัวทำได้ช้า เพราะต้องพึ่งการคมนาคมและการสื่อสาร ดังนั้นทุนนิยมยุคโบราณจึงเดินทางโดยเรือ รถไฟ ม้า อูฐ และนกพิราบ (ฮา!) ก็ตอนนั้นยังไม่มีเครื่องบิน โทรเลข โทรศัพท์ มือถือ ดาวเทียม Swift 3จี 4จี Wi-Fi ฯลฯ อะไรนี่นะ ทุนนิยมโลกไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขตดินแดน แต่ขึ้นกับศูนย์อำนาจในแต่ละช่วงเวลานั้น เช่น ฮอลันดาเป็นศูนย์ กลางของทุนนิยม สมัยศตวรรษที่ 17 ก็เล่นล่าตั้งกะอินโดนีเซียยันไปถึงอาฟริกา ต่อมาศูนย์อำนาจก็ย้ายไปอยู่ที่อังกฤษ เจ้าของคำกร่างว่า พระอาทิตย์ไม่ตกดินที่อังกฤษ จนมาถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พี่เบิ้มอเมริกา ถึงได้ขึ้นแท่นเป็น นัมเบอร์วัน ของศูนย์อำนาจ ไชโย! ตาไอแล้ว อเมริกา คิดเรื่องระบบทุนนิยมและกลไก ที่จะทำให้ตนเป็นศูนย์อำนาจ มาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่โอกาสยังไม่อำนวย หวยมาตกก็ตอนศูนย์อำนาจเก่าๆ พากันฉิบหาย หงายท้องหมด หลังสงคราม โลกครั้งที่ 2 นี่แหละ อเมริกาถึงเสนอแผนจัดโครงสร้างระเบียบโลกเสียใหม่ (New World Order) โดยเน้นที่พลังทุนนิยม ก็เป็นเศรษฐีนี่ มีปัญหาไหม ไม่นิยมทุนแล้วจะให้นิยมอะไร …อย่าลืมคาถา ทุน คือ อำนาจ อำนาจ คือ ทุน ง่ายๆ ตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะเรียก New World Order หรือ Pax Americana หรือคำอะไรให้มันดูหรูหราเข้าใจยากจริงๆ แล้วมันก็คือแผนการล่าอาณานิคมยุคใหม่นั่นเอง โดยใช้ระบบทุนนิยม นำหน้าในการล่า เดี๋ยวก็มาถึงทุนนิยมสามานย์น่าใจเย็นไว้โยม ทุนจะมีก็ต้องค้าขาย เงินไม่ได้ตกลงมาจากฟ้าเหมือนฝนนะ จะค้าขายก็ต้องมีสินค้า สินค้ามาจากไหน มาจากการผลิต การผลิตต้องมีอะไรเป็นปัจจัย ต้องมีวัตถุดิบซีจ้ะ วัตถุดิบมาจากไหน ก็มาจากทรัพยากร ทรัพยากรมาจากไหน ก็ปล้นหรือต้มเขาเอาซีวุ้ย แหม กว่าจะโยงมาถึงคนเล่านิทานเกือบเป็นลม ดังนั้นนักสำรวจทรัพย์ของผู้อื่น ในคราบผู้เชี่ยวชาญ จึงเดินกันว่อน วิ่งกันพล่าน อุ๊ย ประเทศนี้ไอจองนะ ไอจะไปดูเอง เขาน่าสงสารนะ เห็นมีแต่ช้างเดินเต็มป่า วัวควายเต็มทุ่งนา ปี ค.ศ.1946 สงครามโลกครั้งที่ 2 เลิกหมาดๆ อเมริกาส่งผู้เชี่ยวชาญ มาทำการสำรวจสถานะของประเทศไทยและสรุปว่า ไทยแลนด์ เป็นประเทศที่ยังมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ และยังมีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจดียิ่ง อย่างเหลือเชื่อ (อย่างเหลือเชื่อนี่ ผมเติมเองครับ เพราะอ่านแล้วเหลือเชื่อ นี่ขนาดบริหารกันไปแดกกันไป ยังแกร่งอย่างนี้เลยนะ ถ้าตั้งอกตั้งใจบริหาร แม่อีหนูเอ๊ย ลูกหลานเราคงเรียนฟรี ถนนคงปูด้วยทองคำ อย่างที่ ท่านอจ.ศึกฤทธิ์ว่าไว้จริงๆ นะ) รายงานฉบับดังกล่าว ทำให้อเมริกาน้ำลายเยิ้มเมื่อมองประเทศไทย ไม่ต่างกับที่โอบามา มองคุณนายเอ๋อเมื่อตอนมาสำรวจประเทศไทย เมื่อปลายปี พ.ศ.2555 นั่นแหละ แล้วทำอย่างไร อเมริกาถึงจะได้กินอาหารจานอร่อยชื่อ ไทยแลนด์ แดนสวรรค์ สยามเมืองยิ้ม ไม่ยาก อเมริกาใหญ่ผงาดมาขนาดนี้ ไม่ใช่ทำเป็นแค่ขี้ม้าไล่ยิงอินเดียนแดงออกจากถิ่นเก่าของเขานะวุ้ย คนเล่านิทาน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 661 มุมมอง 0 รีวิว
  • Pontianak เมืองกลางเส้นศูนย์สูตร

    ปอนเตียนัค (Pontianak) จังหวัดกาลิมันตันตะวันตก บนเกาะกาลิมันตัน ประเทศอินโดนีเซีย หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าเกาะบอร์เนียว ในประเทศมาเลเซีย เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่อันดับ 3 ของโลก ประกอบด้วย 3 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และบรูไน อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ รวมถึงยังเป็นที่ตั้งของป่าฝนเขตร้อนขนาดใหญ่ที่สุดที่ยังคงหลงเหลืออยู่

    สำหรับปอนเตียนัคเป็นเมืองเดียวในโลกที่ตั้งอยู่บนเส้นศูนย์สูตร (Equator) ที่แบ่งโลกออกเป็นซีกเหนือและซีกใต้พอดี จากทั้งหมดนับพันเมืองใน 12 ประเทศ โดยมีแลนด์มาร์คหลักคือ อนุสาวรีย์เส้นศูนย์สูตร (Equator Monument) ที่ย่านซินตัง (Sintang) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1928 เพื่อบ่งชี้ตำแหน่งของเส้นศูนย์สูตรที่ระดับ 0 องศา จากเทคโนโลยีในยุคนั้น โดยมีนักสำรวจชาวดัตช์เป็นผู้ระบุจุดดังกล่าว โดยใช้เสาไม้เหล็ก (ironwood) จำนวน 4 ต้น พร้อมลูกศรบอกทิศทาง

    ต่อมามีการปรับปรุงและต่อเติมหลายครั้ง เช่น การสร้างโดมขึ้นในปี ค.ศ. 1990 ทำให้อนุสาวรีย์ใหญ่กว่าเดิม 5 เท่า ภายในมีข้อมูลทางประวัติศาสตร์จัดแสดงไว้ รวมถึงพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมอยู่ด้านใน สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติกิดขึ้นที่นี่ปีละ 2 ครั้ง เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นสูงสุดบนศีรษะ (Sun at zenith) บนเส้นศูนย์สูตร คือ วันที่ 21–23 มี.ค. (ช่วงวสันตวิษุวัต – Vernal Equinox) และวันที่ 21–23 ก.ย. (ช่วงศารทวิษุวัต – Autumnal Equinox) ทำให้เกิดปรากฏการณ์ไม่มีเงา ผู้คนจะมาร่วมกิจกรรมพิเศษในช่วงเวลา 5 นาที ที่ร้อนที่สุดบนเกาะกาลิมันตัน

    นอกจากนี้ ยังมีเทศกาลประจำท้องถิ่น ที่สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมแรงร่วมใจของชุมชน ได้แก่ เมอเรียมการ์บิต (Meriam Karbit) ประเพณีดั้งเดิมของชาวมลายู ใช้ปืนใหญ่ทำจากไม้ หรือเหล็ก ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ กาปัวส์ (Kapuas River) แล้วใช้ก๊าซการ์บิตเป็นเชื้อเพลิงจุดระเบิดให้เกิดเสียงดังสนั่น เสียงกึกก้องทั่วเมืองยามค่ำคืน สร้างความตื่นเต้นแก่ชาวเมืองและนักท่องเที่ยว จัดขึ้นในช่วงวันสิ้นสุดเดือนรอมฎอน หรือวันอีดิลฟิฏร์

    การเดินทางจากกรุงเทพฯ ต้องนั่งเครื่องบินไปลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติซูการ์โน-ฮัตตา กรุงจาการ์ตา (CGK) หลังจากนั้นต่อเครื่องไปยังท่าอากาศยานนานาชาติสุปาดีโอ (PNK) โดยมีเที่ยวบินระหว่างจาการ์ตากับเมืองปอนเตียนัครวม 240 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ นอกจากนี้ หากเดินทางจากประเทศบรูไน หรือเมืองกูชิง รัฐซาราวัก ประเทศมาเลเซีย มีรถโดยสารประจำทางของบริษัทดามรี (Damri) ใช้เวลาเดินทางจากเมืองกูชิงผ่านด่านเอนติกง (Entikong) ประมาณ 8 ชั่วโมง

    #Newskit
    Pontianak เมืองกลางเส้นศูนย์สูตร ปอนเตียนัค (Pontianak) จังหวัดกาลิมันตันตะวันตก บนเกาะกาลิมันตัน ประเทศอินโดนีเซีย หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าเกาะบอร์เนียว ในประเทศมาเลเซีย เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่อันดับ 3 ของโลก ประกอบด้วย 3 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และบรูไน อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ รวมถึงยังเป็นที่ตั้งของป่าฝนเขตร้อนขนาดใหญ่ที่สุดที่ยังคงหลงเหลืออยู่ สำหรับปอนเตียนัคเป็นเมืองเดียวในโลกที่ตั้งอยู่บนเส้นศูนย์สูตร (Equator) ที่แบ่งโลกออกเป็นซีกเหนือและซีกใต้พอดี จากทั้งหมดนับพันเมืองใน 12 ประเทศ โดยมีแลนด์มาร์คหลักคือ อนุสาวรีย์เส้นศูนย์สูตร (Equator Monument) ที่ย่านซินตัง (Sintang) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1928 เพื่อบ่งชี้ตำแหน่งของเส้นศูนย์สูตรที่ระดับ 0 องศา จากเทคโนโลยีในยุคนั้น โดยมีนักสำรวจชาวดัตช์เป็นผู้ระบุจุดดังกล่าว โดยใช้เสาไม้เหล็ก (ironwood) จำนวน 4 ต้น พร้อมลูกศรบอกทิศทาง ต่อมามีการปรับปรุงและต่อเติมหลายครั้ง เช่น การสร้างโดมขึ้นในปี ค.ศ. 1990 ทำให้อนุสาวรีย์ใหญ่กว่าเดิม 5 เท่า ภายในมีข้อมูลทางประวัติศาสตร์จัดแสดงไว้ รวมถึงพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมอยู่ด้านใน สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติกิดขึ้นที่นี่ปีละ 2 ครั้ง เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นสูงสุดบนศีรษะ (Sun at zenith) บนเส้นศูนย์สูตร คือ วันที่ 21–23 มี.ค. (ช่วงวสันตวิษุวัต – Vernal Equinox) และวันที่ 21–23 ก.ย. (ช่วงศารทวิษุวัต – Autumnal Equinox) ทำให้เกิดปรากฏการณ์ไม่มีเงา ผู้คนจะมาร่วมกิจกรรมพิเศษในช่วงเวลา 5 นาที ที่ร้อนที่สุดบนเกาะกาลิมันตัน นอกจากนี้ ยังมีเทศกาลประจำท้องถิ่น ที่สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมแรงร่วมใจของชุมชน ได้แก่ เมอเรียมการ์บิต (Meriam Karbit) ประเพณีดั้งเดิมของชาวมลายู ใช้ปืนใหญ่ทำจากไม้ หรือเหล็ก ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ กาปัวส์ (Kapuas River) แล้วใช้ก๊าซการ์บิตเป็นเชื้อเพลิงจุดระเบิดให้เกิดเสียงดังสนั่น เสียงกึกก้องทั่วเมืองยามค่ำคืน สร้างความตื่นเต้นแก่ชาวเมืองและนักท่องเที่ยว จัดขึ้นในช่วงวันสิ้นสุดเดือนรอมฎอน หรือวันอีดิลฟิฏร์ การเดินทางจากกรุงเทพฯ ต้องนั่งเครื่องบินไปลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติซูการ์โน-ฮัตตา กรุงจาการ์ตา (CGK) หลังจากนั้นต่อเครื่องไปยังท่าอากาศยานนานาชาติสุปาดีโอ (PNK) โดยมีเที่ยวบินระหว่างจาการ์ตากับเมืองปอนเตียนัครวม 240 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ นอกจากนี้ หากเดินทางจากประเทศบรูไน หรือเมืองกูชิง รัฐซาราวัก ประเทศมาเลเซีย มีรถโดยสารประจำทางของบริษัทดามรี (Damri) ใช้เวลาเดินทางจากเมืองกูชิงผ่านด่านเอนติกง (Entikong) ประมาณ 8 ชั่วโมง #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 552 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ชัยวัฒน์" เฮ! ศาลปกครองสูงสุดยืนยันเพิกถอนคำสั่งปลดพ้นราชการ ชี้ ป.ป.ท. ไม่มีอำนาจชี้มูลวินัยไม่ร้ายแรง
    https://www.thai-tai.tv/news/20318/
    .
    #ชัยวัฒน์ลิ้มลิขิตอักษร #ศาลปกครองสูงสุด #เพิกถอนคำสั่งปลด #กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม #ปปท #คดีอุทยานแก่งกระจาน #วินัยร้ายแรง #คดีบริหาร #ข่าววันนี้
    "ชัยวัฒน์" เฮ! ศาลปกครองสูงสุดยืนยันเพิกถอนคำสั่งปลดพ้นราชการ ชี้ ป.ป.ท. ไม่มีอำนาจชี้มูลวินัยไม่ร้ายแรง https://www.thai-tai.tv/news/20318/ . #ชัยวัฒน์ลิ้มลิขิตอักษร #ศาลปกครองสูงสุด #เพิกถอนคำสั่งปลด #กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม #ปปท #คดีอุทยานแก่งกระจาน #วินัยร้ายแรง #คดีบริหาร #ข่าววันนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 315 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดานิเอล เบสซาราบอฟ ส.ส. รัสเซีย :
    " พวกเขา (อิสราเอล สหรัฐฯ ชาติตะวันตก) พยายามกล่าวหาอิหร่านกำลังจะสร้างหรือมีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครอง เรื่องนี้เป็นเพียงข้ออ้างเหมือนอิรัก พวกเขาไม่สนว่าอิหร่านจะมีหรือไม่มี
    .
    แต่สิ่งที่พวกเขาสนคือ พื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญของอิหร่าน อิหร่านเป็นหนึ่งในสองประเทศในตะวันออกกลางที่ต่อต้านอิสราเอลและอเมริกาอย่างแข็งกร้าวเช่นเดียวกับเยเมน ชาติที่แข็งข้อกับพวกเขาสุดท้ายจะโดนกำจัดตั้งแต่อิรัก ลิเบีย ล่าสุด ซีเรีย จากหัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายไอซิส ที่สหรัฐตั้งค่าหัว $10 ล้าน ในที่สุดกลับกลายเป็นหุ่นเชิดอเมริกา
    .
    พวกเขาต้องการเปลี่ยนแปลงอิหร่าน เพียงเพราะต้องการหุ่นเชิดเหมือนซีเรีย และต้องการปล้นทรัพยากรธรรมชาติก๊าซและนํ้ามัน ตลอดไปจนถึงเข้ายึดครองพื้นที่ทางยุทธศาสตร์ของอิหร่านในช่องแคบฮอร์มุซ และนี่คือข้อเท็จจริง"
    ดานิเอล เบสซาราบอฟ ส.ส. รัสเซีย : " พวกเขา (อิสราเอล สหรัฐฯ ชาติตะวันตก) พยายามกล่าวหาอิหร่านกำลังจะสร้างหรือมีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครอง เรื่องนี้เป็นเพียงข้ออ้างเหมือนอิรัก พวกเขาไม่สนว่าอิหร่านจะมีหรือไม่มี . แต่สิ่งที่พวกเขาสนคือ พื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญของอิหร่าน อิหร่านเป็นหนึ่งในสองประเทศในตะวันออกกลางที่ต่อต้านอิสราเอลและอเมริกาอย่างแข็งกร้าวเช่นเดียวกับเยเมน ชาติที่แข็งข้อกับพวกเขาสุดท้ายจะโดนกำจัดตั้งแต่อิรัก ลิเบีย ล่าสุด ซีเรีย จากหัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายไอซิส ที่สหรัฐตั้งค่าหัว $10 ล้าน ในที่สุดกลับกลายเป็นหุ่นเชิดอเมริกา . พวกเขาต้องการเปลี่ยนแปลงอิหร่าน เพียงเพราะต้องการหุ่นเชิดเหมือนซีเรีย และต้องการปล้นทรัพยากรธรรมชาติก๊าซและนํ้ามัน ตลอดไปจนถึงเข้ายึดครองพื้นที่ทางยุทธศาสตร์ของอิหร่านในช่องแคบฮอร์มุซ และนี่คือข้อเท็จจริง"
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 385 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ว่าโคราช นำประชาชนจิตอาสาพระราชทาน ร่วมกิจกรรม ปลูกต้นไม้เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568

    วันนี้ ( 3 มิถุนายน 2568) ที่ป่าชุมชนบ้านทับช้าง ต.หนองระเวียง อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา ร่วมกันปลูกต้นไม้ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 โดยมีส่วนราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ และประชาชนจิตอาสาพระราชทานจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกิจกรรม ทั้งนี้การจัดกิจกรรมจิตอาสา เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และเพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกในการดูแล บำรุงรักษาต้นไม้ ฟื้นคืนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่ป่าชุมชม ต่อไป
    ผู้ว่าโคราช นำประชาชนจิตอาสาพระราชทาน ร่วมกิจกรรม ปลูกต้นไม้เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ ( 3 มิถุนายน 2568) ที่ป่าชุมชนบ้านทับช้าง ต.หนองระเวียง อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา ร่วมกันปลูกต้นไม้ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 โดยมีส่วนราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ และประชาชนจิตอาสาพระราชทานจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกิจกรรม ทั้งนี้การจัดกิจกรรมจิตอาสา เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และเพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกในการดูแล บำรุงรักษาต้นไม้ ฟื้นคืนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่ป่าชุมชม ต่อไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 418 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ว่าโคราช นำประชาชนจิตอาสาพระราชทาน ร่วมกิจกรรม ปลูกต้นไม้เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568

    วันนี้ ( 3 มิถุนายน 2568) ที่ป่าชุมชนบ้านทับช้าง ต.หนองระเวียง อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา ร่วมกันปลูกต้นไม้ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 โดยมีส่วนราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ และประชาชนจิตอาสาพระราชทานจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกิจกรรม ทั้งนี้การจัดกิจกรรมจิตอาสา เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และเพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกในการดูแล บำรุงรักษาต้นไม้ ฟื้นคืนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่ป่าชุมชม ต่อไป
    ผู้ว่าโคราช นำประชาชนจิตอาสาพระราชทาน ร่วมกิจกรรม ปลูกต้นไม้เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ ( 3 มิถุนายน 2568) ที่ป่าชุมชนบ้านทับช้าง ต.หนองระเวียง อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา ร่วมกันปลูกต้นไม้ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 โดยมีส่วนราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ และประชาชนจิตอาสาพระราชทานจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกิจกรรม ทั้งนี้การจัดกิจกรรมจิตอาสา เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และเพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกในการดูแล บำรุงรักษาต้นไม้ ฟื้นคืนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่ป่าชุมชม ต่อไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 398 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ตรวจราชสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 13 ประชุมการตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รอบที่ 2
    .
    วันนี้ (15 พฤษภาคม 2568) เวลา 10.00 น. นายอิทธิพล ช่างกลึงดี ผู้ตรวจราชสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 13 เป็นประธานประชุมการตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
    เขตตรวจราชการที่ 13 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รอบที่ 2 ผ่านสื่ออิเล็กพรอนิกส์(Video Conference : Zoom Meeting) ณ ห้องประชุมภูแลนคา ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ
    .
    ในส่วนของจังหวัดนครราชสีมามีนายกิตติศักดิ์ ธีระวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาพร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็กพรอนิกส์ ณ ห้องประชุมหลวงพ่อคูณปริทสุทโธ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา
    โดยมีประด็นการตรวจติดตามดังนี้
    1. การป้องกันและแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อมุ่งสู่การปล่อย
    ก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
    - นำเสนอโดย สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชัยภูมิ/
    นครราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์
    2.การขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power)
    - นำเสนอโดย สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดชัยภูมิ/นครราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์
    3. การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด และบุหรี่ไฟฟ้า
    - นำเสนอโดย ที่ทำการปกครองจังหวัดชัยภูมิ/นครรราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์
    ผู้ตรวจราชสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 13 ประชุมการตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รอบที่ 2 . วันนี้ (15 พฤษภาคม 2568) เวลา 10.00 น. นายอิทธิพล ช่างกลึงดี ผู้ตรวจราชสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 13 เป็นประธานประชุมการตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 13 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รอบที่ 2 ผ่านสื่ออิเล็กพรอนิกส์(Video Conference : Zoom Meeting) ณ ห้องประชุมภูแลนคา ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ . ในส่วนของจังหวัดนครราชสีมามีนายกิตติศักดิ์ ธีระวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาพร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็กพรอนิกส์ ณ ห้องประชุมหลวงพ่อคูณปริทสุทโธ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา โดยมีประด็นการตรวจติดตามดังนี้ 1. การป้องกันและแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อมุ่งสู่การปล่อย ก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ - นำเสนอโดย สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชัยภูมิ/ นครราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์ 2.การขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) - นำเสนอโดย สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดชัยภูมิ/นครราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์ 3. การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด และบุหรี่ไฟฟ้า - นำเสนอโดย ที่ทำการปกครองจังหวัดชัยภูมิ/นครรราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 535 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ตรวจราชสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 13 ประชุมการตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รอบที่ 2
    .
    วันนี้ (15 พฤษภาคม 2568) เวลา 10.00 น. นายอิทธิพล ช่างกลึงดี ผู้ตรวจราชสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 13 เป็นประธานประชุมการตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
    เขตตรวจราชการที่ 13 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รอบที่ 2 ผ่านสื่ออิเล็กพรอนิกส์(Video Conference : Zoom Meeting) ณ ห้องประชุมภูแลนคา ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ
    .
    ในส่วนของจังหวัดนครราชสีมามีนายกิตติศักดิ์ ธีระวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาพร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็กพรอนิกส์ ณ ห้องประชุมหลวงพ่อคูณปริทสุทโธ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา
    โดยมีประด็นการตรวจติดตามดังนี้
    1. การป้องกันและแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อมุ่งสู่การปล่อย
    ก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
    - นำเสนอโดย สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชัยภูมิ/
    นครราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์
    2.การขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power)
    - นำเสนอโดย สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดชัยภูมิ/นครราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์
    3. การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด และบุหรี่ไฟฟ้า
    - นำเสนอโดย ที่ทำการปกครองจังหวัดชัยภูมิ/นครรราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์
    ผู้ตรวจราชสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 13 ประชุมการตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รอบที่ 2 . วันนี้ (15 พฤษภาคม 2568) เวลา 10.00 น. นายอิทธิพล ช่างกลึงดี ผู้ตรวจราชสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 13 เป็นประธานประชุมการตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 13 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รอบที่ 2 ผ่านสื่ออิเล็กพรอนิกส์(Video Conference : Zoom Meeting) ณ ห้องประชุมภูแลนคา ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ . ในส่วนของจังหวัดนครราชสีมามีนายกิตติศักดิ์ ธีระวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาพร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็กพรอนิกส์ ณ ห้องประชุมหลวงพ่อคูณปริทสุทโธ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา โดยมีประด็นการตรวจติดตามดังนี้ 1. การป้องกันและแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อมุ่งสู่การปล่อย ก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ - นำเสนอโดย สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชัยภูมิ/ นครราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์ 2.การขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) - นำเสนอโดย สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดชัยภูมิ/นครราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์ 3. การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด และบุหรี่ไฟฟ้า - นำเสนอโดย ที่ทำการปกครองจังหวัดชัยภูมิ/นครรราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 538 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เกาะโลซิน"  เป็นเกาะหินปูนขนาดเล็ก ที่มีมูลค่าแสนล้าน  ขึ้นอยู่กับจังหวัด ปัตตานี

    ลักษณะของตัวเกาะโผล่พ้นน้ำขึ้นมาไม่เกิน 50 ตารางเมตร สภาพส่วนใหญ่เป็นหินล้วนไม่มีต้นไม้ใบหญ้า รอบเกาะน้ำตื้น หากจะขึ้นเกาะต้องนำเรือเล็กเข้าไป
    บนเกาะมีประภาคาร ที่ส่งไฟสัญญาณเตือนอยู่บนยอด และตัวประภาคารตั้งอยู่บนหินโผล่น้ำที่มีขนาดประมาณ 10 เมตร
    บริเวณรอบเกาะเป็นแหล่งปะการังที่อุดมสมบูรณ์กินพื้นที่ยาวหนึ่งกิโลเมตร มีพืชใต้น้ำและฝูงปลานานาชนิดโดยเฉพาะฉลามวาฬ ด้วยเหตุนี้เกาะโลซินเป็นที่นิยมของนักดำน้ำและนักตกปลา

    และเพราะเกาะโลซินนี่เอง ทำให้เรามี 'น่านน้ำอาณาเขต' ขยายออกไปจากชายฝั่งอีก 22.2 กิโลเมตร
    ในวิกิพีเดียอธิบายน่านน้ำอาณาเขต (Territorial Waters) หรือทะเลอาณาเขต (Territorial Sea) ว่าเป็นแนวน่านน้ำชายฝั่งวัดจากเส้นฐาน ปกติของน้ำทะเลในช่วงลงเต็มที่จนถึงปานกลางของชายฝั่งไปไกลสุดที่ 22.2 กิโลเมตร 

    พูดง่ายๆ ก็คือ ตำแหน่งไหนที่เป็นปลายทางที่อยู่ติดกับทะเลหรือในทะเล ถ้าใครได้เป็นเจ้าของ ประเทศนั้นก็จะได้ครอบครองน่านน้ำเพิ่มออกไปจากจุดนั้นอีก 22.2 กิโลเมตร รวมถึงบนฟ้าและใต้ดินที่อยู่ในอาณาเขตด้วย

    ก็แปลว่าประเทศไทย นอกจากจะเป็นเจ้าของพื้นที่รูปขวานใน Map โลกแล้ว หลายๆ เกาะในที่อยู่ไกลจากผืนดินมากที่สุด บวกเพิ่มไปอีก 22.2 กิโลเมตร ก็นับเป็นโซนของประเทศไทยเหมือนกัน

    นั่นแปลว่า พื้นที่ใต้น่านน้ำอาณาเขต หากมีทรัพยากรธรรมชาติ ยกตัวอย่างเช่น แหล่งก๊าซธรรมชาติ ทรัพยากรธรรมชาติใต้น้ำนั้นจะเป็นของประเทศนั้น ๆ 

    แต่ก่อนทั้งไทยและมาเลเซียต่างก็เคยออกมาอ้างสิทธิในพื้นที่ทะเล ทำให้เกิดข้อถกเถียงกันขึ้น จนต้องเจรจากันอย่างจริงจังใน พ.ศ. 2515 โดยมีข้อสรุปในครั้งนั้น คือ 

    แบ่งเขตแดนทางทะเลด้วยวิธีการลากเส้นตั้งฉากจากแนวโค้งของผืนดินแต่ละฝ่าย หรือเรียกว่าเขตไหล่ทวีปตามหลักสากล
    การแบ่งด้วยวิธีนั้นทำให้พื้นที่แหล่งก๊าซธรรมชาติกลายเป็นของมาเลเซียทั้งหมด 

    แต่โชคดีของไทย ที่ยังมีเกาะโลซิน โดยไทยยืนยันว่าได้ก่อสร้างประภาคารไว้บนเกาะนี้เพื่อแสดงอาณาเขตไว้แล้ว

    ตามอนุสัญญาเจนีวา กฎหมายทางทะเล ค.ศ.1958 ที่ไทยเป็นสมาชิกในอนุสัญญา ได้ระบุความหมายของเกาะไว้ว่า "แผ่นดินที่มีน้ำล้อมรอบ" ซึ่งหมายถึงเกาะที่เป็นหิน หรือกองหินโผล่จากน้ำขึ้นมาด้วย
    ดังนั้น เกาะโลซินก็เลยกลายเป็นเกาะสุดท้ายของประเทศไทยที่ทำให้ฝ่ายมาเลเซียต้องยอมให้

    ในปี 2522 ประเทศไทยและมาเลเซียเจรจาตกลงกำหนดพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลให้เป็นพื้นที่พัฒนาร่วม (Joint Development Area) ครอบคลุมประมาณ 7,250 ตร.กม. โดยตั้งองค์กรขึ้นมาบริหารจัดการร่วมกันแล้วแบ่งผลประโยชน์คนละครึ่ง เป็นระยะเวลา 50 ปี

    เมื่อมีการสำรวจขุดเจาะก๊าซธรรมชาติขึ้นมาก็พบว่า แหล่งก๊าซที่มีปริมาณมากถึงราว 75% นั้น อยู่ในซีกพื้นที่ใกล้ชายฝั่งมาเลเซีย 
    แต่ไทยเราได้รับผลประโยชน์ไปด้วย เพราะ การอ้างอาณาเขตจากเกาะโลซินที่เป็นแค่กองหินเล็กๆ ขนาดไม่เกิน 50 ตร.ม. นั้นแหละ
    จนหลายคนตั้งชื่อเกาะโลซินใหม่ว่า "กองหินแสนล้าน" ตามมูลค่าของแหล่งก๊าซธรรมชาติที่สำรวจพบใต้น่านน้ำอาณาเขตนั่นเอง

    แต่ในปี 2572 ข้อตกลงเจรจาระหว่างไทย-มาเลเซีย ที่กำหนดพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลให้เป็นพื้นที่พัฒนาร่วมจะหมดอายุลง เกาะโลซินยังจะถูกเรียกเหมือนเดิมไหมไม่รู้ เพื่อนบ้านของเรา จะเปิดการเจรจาเพื่อตกลงผลประโยชน์ใหม่หรือเปล่า คงต้องรอกันจนถึงวันนั้น 

    และหากเรามาดูเป้าหมายของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ที่อยากจะแบ่งแยกตั้งตัวเองเป็นรัฐใหม่ ซึ่งประกอบไปด้วย ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และอีกสามอำเภอของสงขลา โดยตั้งเป้าเอาไว้ว่า
    ในปี 2570 จะทำให้เกิดสงครามกลางเมือง จนแบ่งแยกดินแดนสำเร็จ ด้วยความช่วยเหลือจากนานาชาติ และนักการเมืองแนวร่วม ในปี 2580 

    ซึ่งหากกระทำการสำเร็จ เราจะไม่ได้เสียแค่ดินแดนบนผืนแผ่นดิน แต่เราจะสูญเสียเกาะโลซินที่รวมอยู่กับจังหวัดปัตตานี รวมถึงทรัพยากรแสนล้านใต้น่านน้ำอาณาเขต ที่เราได้จากการเป็นเจ้าของเกาะโลซินแห่งนี้ด้วยเช่นกัน

    https://www.facebook.com/share/p/1BdTQSpXHd/?mibextid=wwXIfr
    "เกาะโลซิน"  เป็นเกาะหินปูนขนาดเล็ก ที่มีมูลค่าแสนล้าน  ขึ้นอยู่กับจังหวัด ปัตตานี ลักษณะของตัวเกาะโผล่พ้นน้ำขึ้นมาไม่เกิน 50 ตารางเมตร สภาพส่วนใหญ่เป็นหินล้วนไม่มีต้นไม้ใบหญ้า รอบเกาะน้ำตื้น หากจะขึ้นเกาะต้องนำเรือเล็กเข้าไป บนเกาะมีประภาคาร ที่ส่งไฟสัญญาณเตือนอยู่บนยอด และตัวประภาคารตั้งอยู่บนหินโผล่น้ำที่มีขนาดประมาณ 10 เมตร บริเวณรอบเกาะเป็นแหล่งปะการังที่อุดมสมบูรณ์กินพื้นที่ยาวหนึ่งกิโลเมตร มีพืชใต้น้ำและฝูงปลานานาชนิดโดยเฉพาะฉลามวาฬ ด้วยเหตุนี้เกาะโลซินเป็นที่นิยมของนักดำน้ำและนักตกปลา และเพราะเกาะโลซินนี่เอง ทำให้เรามี 'น่านน้ำอาณาเขต' ขยายออกไปจากชายฝั่งอีก 22.2 กิโลเมตร ในวิกิพีเดียอธิบายน่านน้ำอาณาเขต (Territorial Waters) หรือทะเลอาณาเขต (Territorial Sea) ว่าเป็นแนวน่านน้ำชายฝั่งวัดจากเส้นฐาน ปกติของน้ำทะเลในช่วงลงเต็มที่จนถึงปานกลางของชายฝั่งไปไกลสุดที่ 22.2 กิโลเมตร  พูดง่ายๆ ก็คือ ตำแหน่งไหนที่เป็นปลายทางที่อยู่ติดกับทะเลหรือในทะเล ถ้าใครได้เป็นเจ้าของ ประเทศนั้นก็จะได้ครอบครองน่านน้ำเพิ่มออกไปจากจุดนั้นอีก 22.2 กิโลเมตร รวมถึงบนฟ้าและใต้ดินที่อยู่ในอาณาเขตด้วย ก็แปลว่าประเทศไทย นอกจากจะเป็นเจ้าของพื้นที่รูปขวานใน Map โลกแล้ว หลายๆ เกาะในที่อยู่ไกลจากผืนดินมากที่สุด บวกเพิ่มไปอีก 22.2 กิโลเมตร ก็นับเป็นโซนของประเทศไทยเหมือนกัน นั่นแปลว่า พื้นที่ใต้น่านน้ำอาณาเขต หากมีทรัพยากรธรรมชาติ ยกตัวอย่างเช่น แหล่งก๊าซธรรมชาติ ทรัพยากรธรรมชาติใต้น้ำนั้นจะเป็นของประเทศนั้น ๆ  แต่ก่อนทั้งไทยและมาเลเซียต่างก็เคยออกมาอ้างสิทธิในพื้นที่ทะเล ทำให้เกิดข้อถกเถียงกันขึ้น จนต้องเจรจากันอย่างจริงจังใน พ.ศ. 2515 โดยมีข้อสรุปในครั้งนั้น คือ  แบ่งเขตแดนทางทะเลด้วยวิธีการลากเส้นตั้งฉากจากแนวโค้งของผืนดินแต่ละฝ่าย หรือเรียกว่าเขตไหล่ทวีปตามหลักสากล การแบ่งด้วยวิธีนั้นทำให้พื้นที่แหล่งก๊าซธรรมชาติกลายเป็นของมาเลเซียทั้งหมด  แต่โชคดีของไทย ที่ยังมีเกาะโลซิน โดยไทยยืนยันว่าได้ก่อสร้างประภาคารไว้บนเกาะนี้เพื่อแสดงอาณาเขตไว้แล้ว ตามอนุสัญญาเจนีวา กฎหมายทางทะเล ค.ศ.1958 ที่ไทยเป็นสมาชิกในอนุสัญญา ได้ระบุความหมายของเกาะไว้ว่า "แผ่นดินที่มีน้ำล้อมรอบ" ซึ่งหมายถึงเกาะที่เป็นหิน หรือกองหินโผล่จากน้ำขึ้นมาด้วย ดังนั้น เกาะโลซินก็เลยกลายเป็นเกาะสุดท้ายของประเทศไทยที่ทำให้ฝ่ายมาเลเซียต้องยอมให้ ในปี 2522 ประเทศไทยและมาเลเซียเจรจาตกลงกำหนดพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลให้เป็นพื้นที่พัฒนาร่วม (Joint Development Area) ครอบคลุมประมาณ 7,250 ตร.กม. โดยตั้งองค์กรขึ้นมาบริหารจัดการร่วมกันแล้วแบ่งผลประโยชน์คนละครึ่ง เป็นระยะเวลา 50 ปี เมื่อมีการสำรวจขุดเจาะก๊าซธรรมชาติขึ้นมาก็พบว่า แหล่งก๊าซที่มีปริมาณมากถึงราว 75% นั้น อยู่ในซีกพื้นที่ใกล้ชายฝั่งมาเลเซีย  แต่ไทยเราได้รับผลประโยชน์ไปด้วย เพราะ การอ้างอาณาเขตจากเกาะโลซินที่เป็นแค่กองหินเล็กๆ ขนาดไม่เกิน 50 ตร.ม. นั้นแหละ จนหลายคนตั้งชื่อเกาะโลซินใหม่ว่า "กองหินแสนล้าน" ตามมูลค่าของแหล่งก๊าซธรรมชาติที่สำรวจพบใต้น่านน้ำอาณาเขตนั่นเอง แต่ในปี 2572 ข้อตกลงเจรจาระหว่างไทย-มาเลเซีย ที่กำหนดพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลให้เป็นพื้นที่พัฒนาร่วมจะหมดอายุลง เกาะโลซินยังจะถูกเรียกเหมือนเดิมไหมไม่รู้ เพื่อนบ้านของเรา จะเปิดการเจรจาเพื่อตกลงผลประโยชน์ใหม่หรือเปล่า คงต้องรอกันจนถึงวันนั้น  และหากเรามาดูเป้าหมายของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ที่อยากจะแบ่งแยกตั้งตัวเองเป็นรัฐใหม่ ซึ่งประกอบไปด้วย ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และอีกสามอำเภอของสงขลา โดยตั้งเป้าเอาไว้ว่า ในปี 2570 จะทำให้เกิดสงครามกลางเมือง จนแบ่งแยกดินแดนสำเร็จ ด้วยความช่วยเหลือจากนานาชาติ และนักการเมืองแนวร่วม ในปี 2580  ซึ่งหากกระทำการสำเร็จ เราจะไม่ได้เสียแค่ดินแดนบนผืนแผ่นดิน แต่เราจะสูญเสียเกาะโลซินที่รวมอยู่กับจังหวัดปัตตานี รวมถึงทรัพยากรแสนล้านใต้น่านน้ำอาณาเขต ที่เราได้จากการเป็นเจ้าของเกาะโลซินแห่งนี้ด้วยเช่นกัน https://www.facebook.com/share/p/1BdTQSpXHd/?mibextid=wwXIfr
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 722 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม่น้ำกกป่วยเพราะสารพิษหนักเกินค่ามาตรฐานสูงสุด 19 เท่าใครจะเป็นหมอรักษา (ตอนที่ 5)
    .................
    มหากาพย์แร่หายากกำลังเป็นฝีแตกในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพราะทำให้แม่น้ำกก แม่น้ำสาย และจะส่งผลต่อแม่น้ำโขงป่วยหนักขึ้น การบริโภค การใช้แม่น้ำที่มีวิญญาณของความเป็นแม่ ถูกความโลภ อำนาจ เผาผลาญ และเอากากความความโลภทิ้งลงแม่น้ำ แล้วทุนแร่หายากในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงแห่งนี้กำลังสร้างตำนานซ้ำซากที่เกิดขึ้นในแอฟริกา เป็นกระบวนการถลุงแร่ธาตุ เพื่อให้เป็นเลือด
    .................
    สัญญาณแรก ประมงจังหวัดเชียงราย แถลงเมื่อ 25 เม.ย.68 ระบุพบปลากลุ่มตัวอย่างพบโลหะหนัก เช่น สารหนูและปรอท ไม่เกินค่ามาตรฐาน ก็อาจจะไม่ให้เราเบาใจและปล่อยปละละเลย และแสดงความกังวลว่าปลาลดน้อยลงมาก เพราะแม่น้ำเสื่อมโทรม ตั้งแต่ความตื้นเขิน น้ำมีตะกอนดินทั้งปี

    สัญญาณที่สอง สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) ก็หวั่น ๆ ว่า ผลสรุปการตรวจสอบคุณภาพตะกอนดินในแหล่งน้ำแม่น้ำกก บริเวณ อ.แม่อาย และอ.เมือง จ.เชียงราย พบมาตรฐานคุณภาพตะกอนดินเพื่อปกป้องสัตว์หน้าดิน อาจจะเกิดอันตรายต่อสัตว์หน้าดินที่เป็นอาหารของสัตว์น้ำ เช่น ปลา จะทำให้จำนวนหรือประเภทของสัตว์หน้าดินลดลง ความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศลดลง สัตว์น้ำลดจำนวนลง และชาวบ้านจับสัตว์น้ำได้น้อยลง แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ที่กินสัตว์น้ำ แต่ไม่แน่ว่าหากมีการสะสมในปลา ถ้าชาวบ้านบริโภคปลาเป็นจำนวนมากและเป็นประจำ อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัย เช่น ชาที่ปลายมือปลายเท้า (ไข้ดำ: ผิวหนังหนาและเข้ม) มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ

    สัญญาณที่สาม 30 เมษายน ผลตรวจสารหนูเบื้องต้นในแม่น้ำ อ.แม่สาย - อ.เชียงแสน จังหวัดเชียงราย พบเกินค่ามาตรฐานสูงสุด 19 เท่า มีหมายเหตุ ผลดังกล่าวเป็นเพียงผลการตรวจเบื้องต้นทางทีมวิจัยจะนำตัวอย่างน้ำส่งตรวจใน Lab มาตรฐานต่อไป
    .................
    แรงกระเพื่อมต่อถึงทำเนียบ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานการประชุม ติดตามสถานการณ์และแนวทางการแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐานในแม่น้ำกก ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล องค์ประชุมประกอบด้วย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ

    ในการประชุม กระจายหน้าที่แต่ละกระทรวง กระทรวงมหาดไทย เร่งสั่งการการประปาส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่ เพื่อเฝ้าระวังและควบคุมการใช้น้ำดิบในการผลิตน้ำประปา พร้อมทั้งกำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับข้อมูลสารปนเปื้อนในน้ำ แนวทางการกรองน้ำเพื่อการบริโภคที่ปลอดภัย รวมถึงการเร่งตรวจสอบแหล่งน้ำในพื้นที่อย่างเข้มข้น

    ประธานในการประชุมมีข้อสั่งการด้านการแก้ไขปัญหา 6 ประเด็น ดังนี้ 1. มอบหมายกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติบูรณาการร่วมกัน เร่งประสานประเทศเพื่อนบ้าน ใช้กลไกความร่วมมือทุกระดับเพื่อควบคุมแหล่งกำเนิดภายนอกประเทศที่อาจส่งผลให้เกิดสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก

    2. มอบหมายสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติใช้กลไกลุ่มน้ำโขงเหนือ บริหารจัดการปริมาณน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศน์ เพิ่มน้ำต้นทุนเข้าสู่แม่น้ำกก

    3. มอบหมายกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ใช้นวัตกรรมดาวเทียม และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ช่วยประเมินความขุ่น สารแขวนลอยในแม่น้ำกกทั้งในเขตประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน

    4. มอบหมายกระทรวงมหาดไทยสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนและสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนก

    5. มอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข ติดตามตรวจสอบการปนเปื้อนในแม่น้ำกก และลำน้ำสาขา การปนเปื้อนในสัตว์น้ำและการสะสมในร่างกายมนุษย์อย่างต่อเนื่อง

    6. มอบหมายกระทรวงอุตสาหกรรม จัดทำแนวทางการลดผลกระทบจากการทำเหมืองและประสานความร่วมมือในการเผยแพร่ให้ประเทศเพื่อนบ้านผ่านกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศ
    คำถามที่ท้าทาย จะปล่อยให้ภาวะสะสมเกิดกับประชาชนชาวเชียงราย และประชาชนลุ่มน้ำสาย กก โขงแบบนี้เรื่อย ๆ ใช่หรือไม่

    .................
    เสียงประชาชนต้องดังกว่านี้ เครือข่ายข้อมูลอุทกภัยแม่น้ำกก (ค.อ.ก) ก็ได้จัดเวทีความร่วมมือเตือนภัยน้ำกกหลากท่วมปี 2568 โดยมีนางเตือนใจ ดีเทศน์ หรือ “ครูแดง” ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ พชภ. เป็นประธานการประชุม โดยมีองค์กรพัฒนาเอกชนที่ดำเนินงานในพื้นที่แม่น้ำกก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมแลกเปลี่ยนพร้อมนำเสนอ ถึงนายกรรัฐมนตรี

    1.แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษข้ามพรมแดน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ภาคประชาชน และนักวิชาการ เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาทั้งในแหล่งกำเนิดมลพิษ ระหว่างทาง และผู้รับผลพิษ จัดตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพน้ำในจังหวัดเชียงราย
    2. เปิดเผยและซักซ้อมมาตรการรับมืออุทกภัยลุ่มน้ำกก และลุ่มน้ำสาย อย่างเป็นระบบ มีส่วนร่วม และมีประสิทธิภาพ
    3. สร้างความร่วมมือกับประเทศเมียนมา หรือกองกำลังที่ดูแลในพื้นที่ เพื่อเพิ่มจุดเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของสารปนเปื้อน ตลอดลำน้ำกก น้ำสาย ทั้ง พื้นที่ต้นน้ำ ก่อนเหมืองในรัฐฉาน
    4 .สร้างระบบสื่อสารสาธารณะที่โปร่งใส เพื่อให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจุบัน
    5. ขยายขอบเขตการศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์ที่ดินที่เป็นการลุกล้ำหรือทำลายสิ่งแวดล้อม ตลอดลุ่มน้ำกกและลุ่มน้ำสาย
    6. เปิดการเจรจา 4 ฝ่ายคือ ไทย เมียนมา กองกำลังชาติพันธุ์ที่ควบคุมพื้นที่สัมปทานเหมือง และประเทศจีน เพื่อร่วมกันหาทางออกอย่างสร้างสรรค์และรับผิดชอบ

    สรุปคือการส่งเสียงว่ารัฐบาลจะต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ การทำเหมืองทองต้องกระตุ้นให้หน่วยงานรัฐไปเจรจา ทุกฝ่ายร่วมกัน ทั้งฝ่ายความมั่นคง รัฐบาล สื่อมวลชน ชาวบ้าน ประเทศเพื่อนบ้าน ถ้าระดับประเทศแก้ไม่ได้ก็ต้องเป็นระดับอาเซียน ภูมิภาค หรือระดับนานาชาติร่วมกันแก้ไข ต้องคุยกับรัฐบาลพม่ารวมถึงรัฐบาลจีน เพราะเป็นพื้นที่ของกลุ่มว้า เป็นการเมืองระหว่างประเทศ

    เปิดพื้นที่ผ่านการเล่าเรื่องของแม่น้ำกกระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ สร้างความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับสิทธิของแม่น้ำ และ การเจรจาระหว่างรัฐกับธรรมชาติ ข้ามเขตแดนรัฐและแนวคิดการจัดการสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน (Transboundary Environmental Governance)”
    .................

    ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงกล่าวว่า รัฐบาลต้องใช้แนวคิดการทูตสิ่งแวดล้อมสร้างความร่วมมือแก้ปัญหามลพิษข้ามพรมแดนให้เป็นรูปธรรมมากที่สุด นอกจากนี้ต้องเสนอให้เมียนมาเข้าใจด้วยว่า เหมืองแร่อยู่ในเขตควบคุมของกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ที่การเจรจาสันติภาพในเมียนมา ต้องหยิบยกเอาประเด็นมลพิษข้ามพรมแดนเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาด้วย

    น.ส.เพียงพร ดีเทศน์ เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา(พชภ.) และผู้อำนวยการฝ่ายรณรงรงค์ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ องค์กรแม่น้ำนานาชาติ (International Rivers) กล่าวว่า ทั้งแม่น้ำกกและแม่น้ำสายเป็นแม่น้ำระหว่างประเทศ โดยมีต้นน้ำอยู่ในเขตรัฐฉาน ประเทศพม่า การสร้างเหมืองทองที่บริเวณต้นน้ำ ทำให้ประชาชนและระบบนิเวศท้ายน้ำซึ่งอยู่ในประเทศไทยได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องเร่งหาทางยุติการทำเหมืองและเปิดหน้าดินในวงกว้างให้ได้ เพราะนอกจากส่งผลในเรื่องการปนเปื้อนสารโลหะหนักลงแม่น้ำแล้ว ยังส่งผลต่ออุทกภัยที่มีดินโคลนปนมาด้วย กลายเป็นภัยพิบัติร้ายแรงที่คนท้ายน้ำต้องเผชิญและหวาดผวาอยู่ตลอดเวลา

    ก่อนหน้านี้กระแสกระเพื่อมขึ้นในพื้นที่ที่ดีมาก ที่ทาง พล.ท.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร เลขานุการคณะกรรมการระดับสูงไทย-เมียนมา ร่วมรับฟังปัญหาสารโลหะหนักในแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย

    เนื้อหาจึงเจาะประเด็นเชิงความมั่นคงทันทีในมิติของผลกระทบข้ามแดน ตามที่ได้นำเสนอในตอนต้น ๆ เป็นเรื่องของกระบวนการขุมเหมืองแร่สีเลือกเพื่อนำผลประโยชน์มาห่ำหั่นกันทางการเมือง ที่รัฐบาลทหารพม่า อนุญาตให้ทำเหมืองแร่ต่าง ๆ ในรัฐฉาน ส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนจีน แต่ก็มีประเทศออสเตรเลีย รัสเซีย และอิตาลีด้วย เหมืองทั้งหมดอยู่เหนือน้ำกก น้ำสาย น้ำรวก
    .................

    มิติทางแม่น้ำระหว่างประเทศ เป็นวิกฤติมลพิษข้ามแดนที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับฝุ่นควันข้ามแดน ที่มีปลายทางด้านเศรษฐศาสตร์การเมืองอยู่เบื้องหลัง ต้องใช้เวลาเกลี่ย ล๊อบบี้ กดดัน การตีโอบ เพื่อกระทบ อันจะให้การกดดันทุน และอำนาจรัฐเข้ามาเร่งรัดจัดการปัญหาข้ามพรมแดนไมว่าจะเป็น การทำระบบบำบัดน้ำเสีย ที่ต้องเพิ่มต้นทุนก็ต้องทำ กรองน้ำที่มีสารหนูปนเปื้อน

    การให้ความสำคัญมิติ สาธารณสุข ด้านสิ่งแวดล้อม การเกษตร การสื่อสาร กับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างสัมพันธ์และความเข้าใจนำไปสู่การแก้ไขปัญหา และเสนอให้มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานทุกฝ่ายต่อการโต้ตอบเหตุสารเคมีปนเปื้อน เพื่อสื่อสารและการประสานความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้เจ้ากรมกิจการชายแดนทหารได้รับฟังข้อมูลจากผู้เข้าร่วมให้ข้อมูลเพื่อนำไปศึกษาการจัดทำรายงานนำเสนอต้นสังกัดและรัฐบาลในการดำเนินการงานร่วมทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาต่อไป

    แม่น้ำกกป่วยเพราะสารพิษหนักเกินค่ามาตรฐานสูงสุด 19 เท่าใครจะเป็นหมอรักษา (ตอนที่ 5) ................. มหากาพย์แร่หายากกำลังเป็นฝีแตกในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพราะทำให้แม่น้ำกก แม่น้ำสาย และจะส่งผลต่อแม่น้ำโขงป่วยหนักขึ้น การบริโภค การใช้แม่น้ำที่มีวิญญาณของความเป็นแม่ ถูกความโลภ อำนาจ เผาผลาญ และเอากากความความโลภทิ้งลงแม่น้ำ แล้วทุนแร่หายากในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงแห่งนี้กำลังสร้างตำนานซ้ำซากที่เกิดขึ้นในแอฟริกา เป็นกระบวนการถลุงแร่ธาตุ เพื่อให้เป็นเลือด ................. สัญญาณแรก ประมงจังหวัดเชียงราย แถลงเมื่อ 25 เม.ย.68 ระบุพบปลากลุ่มตัวอย่างพบโลหะหนัก เช่น สารหนูและปรอท ไม่เกินค่ามาตรฐาน ก็อาจจะไม่ให้เราเบาใจและปล่อยปละละเลย และแสดงความกังวลว่าปลาลดน้อยลงมาก เพราะแม่น้ำเสื่อมโทรม ตั้งแต่ความตื้นเขิน น้ำมีตะกอนดินทั้งปี สัญญาณที่สอง สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) ก็หวั่น ๆ ว่า ผลสรุปการตรวจสอบคุณภาพตะกอนดินในแหล่งน้ำแม่น้ำกก บริเวณ อ.แม่อาย และอ.เมือง จ.เชียงราย พบมาตรฐานคุณภาพตะกอนดินเพื่อปกป้องสัตว์หน้าดิน อาจจะเกิดอันตรายต่อสัตว์หน้าดินที่เป็นอาหารของสัตว์น้ำ เช่น ปลา จะทำให้จำนวนหรือประเภทของสัตว์หน้าดินลดลง ความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศลดลง สัตว์น้ำลดจำนวนลง และชาวบ้านจับสัตว์น้ำได้น้อยลง แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ที่กินสัตว์น้ำ แต่ไม่แน่ว่าหากมีการสะสมในปลา ถ้าชาวบ้านบริโภคปลาเป็นจำนวนมากและเป็นประจำ อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัย เช่น ชาที่ปลายมือปลายเท้า (ไข้ดำ: ผิวหนังหนาและเข้ม) มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ สัญญาณที่สาม 30 เมษายน ผลตรวจสารหนูเบื้องต้นในแม่น้ำ อ.แม่สาย - อ.เชียงแสน จังหวัดเชียงราย พบเกินค่ามาตรฐานสูงสุด 19 เท่า มีหมายเหตุ ผลดังกล่าวเป็นเพียงผลการตรวจเบื้องต้นทางทีมวิจัยจะนำตัวอย่างน้ำส่งตรวจใน Lab มาตรฐานต่อไป ................. แรงกระเพื่อมต่อถึงทำเนียบ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานการประชุม ติดตามสถานการณ์และแนวทางการแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐานในแม่น้ำกก ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล องค์ประชุมประกอบด้วย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ ในการประชุม กระจายหน้าที่แต่ละกระทรวง กระทรวงมหาดไทย เร่งสั่งการการประปาส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่ เพื่อเฝ้าระวังและควบคุมการใช้น้ำดิบในการผลิตน้ำประปา พร้อมทั้งกำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับข้อมูลสารปนเปื้อนในน้ำ แนวทางการกรองน้ำเพื่อการบริโภคที่ปลอดภัย รวมถึงการเร่งตรวจสอบแหล่งน้ำในพื้นที่อย่างเข้มข้น ประธานในการประชุมมีข้อสั่งการด้านการแก้ไขปัญหา 6 ประเด็น ดังนี้ 1. มอบหมายกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติบูรณาการร่วมกัน เร่งประสานประเทศเพื่อนบ้าน ใช้กลไกความร่วมมือทุกระดับเพื่อควบคุมแหล่งกำเนิดภายนอกประเทศที่อาจส่งผลให้เกิดสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก 2. มอบหมายสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติใช้กลไกลุ่มน้ำโขงเหนือ บริหารจัดการปริมาณน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศน์ เพิ่มน้ำต้นทุนเข้าสู่แม่น้ำกก 3. มอบหมายกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ใช้นวัตกรรมดาวเทียม และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ช่วยประเมินความขุ่น สารแขวนลอยในแม่น้ำกกทั้งในเขตประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน 4. มอบหมายกระทรวงมหาดไทยสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนและสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนก 5. มอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข ติดตามตรวจสอบการปนเปื้อนในแม่น้ำกก และลำน้ำสาขา การปนเปื้อนในสัตว์น้ำและการสะสมในร่างกายมนุษย์อย่างต่อเนื่อง 6. มอบหมายกระทรวงอุตสาหกรรม จัดทำแนวทางการลดผลกระทบจากการทำเหมืองและประสานความร่วมมือในการเผยแพร่ให้ประเทศเพื่อนบ้านผ่านกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศ คำถามที่ท้าทาย จะปล่อยให้ภาวะสะสมเกิดกับประชาชนชาวเชียงราย และประชาชนลุ่มน้ำสาย กก โขงแบบนี้เรื่อย ๆ ใช่หรือไม่ ................. เสียงประชาชนต้องดังกว่านี้ เครือข่ายข้อมูลอุทกภัยแม่น้ำกก (ค.อ.ก) ก็ได้จัดเวทีความร่วมมือเตือนภัยน้ำกกหลากท่วมปี 2568 โดยมีนางเตือนใจ ดีเทศน์ หรือ “ครูแดง” ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ พชภ. เป็นประธานการประชุม โดยมีองค์กรพัฒนาเอกชนที่ดำเนินงานในพื้นที่แม่น้ำกก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมแลกเปลี่ยนพร้อมนำเสนอ ถึงนายกรรัฐมนตรี 1.แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษข้ามพรมแดน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ภาคประชาชน และนักวิชาการ เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาทั้งในแหล่งกำเนิดมลพิษ ระหว่างทาง และผู้รับผลพิษ จัดตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพน้ำในจังหวัดเชียงราย 2. เปิดเผยและซักซ้อมมาตรการรับมืออุทกภัยลุ่มน้ำกก และลุ่มน้ำสาย อย่างเป็นระบบ มีส่วนร่วม และมีประสิทธิภาพ 3. สร้างความร่วมมือกับประเทศเมียนมา หรือกองกำลังที่ดูแลในพื้นที่ เพื่อเพิ่มจุดเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของสารปนเปื้อน ตลอดลำน้ำกก น้ำสาย ทั้ง พื้นที่ต้นน้ำ ก่อนเหมืองในรัฐฉาน 4 .สร้างระบบสื่อสารสาธารณะที่โปร่งใส เพื่อให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจุบัน 5. ขยายขอบเขตการศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์ที่ดินที่เป็นการลุกล้ำหรือทำลายสิ่งแวดล้อม ตลอดลุ่มน้ำกกและลุ่มน้ำสาย 6. เปิดการเจรจา 4 ฝ่ายคือ ไทย เมียนมา กองกำลังชาติพันธุ์ที่ควบคุมพื้นที่สัมปทานเหมือง และประเทศจีน เพื่อร่วมกันหาทางออกอย่างสร้างสรรค์และรับผิดชอบ สรุปคือการส่งเสียงว่ารัฐบาลจะต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ การทำเหมืองทองต้องกระตุ้นให้หน่วยงานรัฐไปเจรจา ทุกฝ่ายร่วมกัน ทั้งฝ่ายความมั่นคง รัฐบาล สื่อมวลชน ชาวบ้าน ประเทศเพื่อนบ้าน ถ้าระดับประเทศแก้ไม่ได้ก็ต้องเป็นระดับอาเซียน ภูมิภาค หรือระดับนานาชาติร่วมกันแก้ไข ต้องคุยกับรัฐบาลพม่ารวมถึงรัฐบาลจีน เพราะเป็นพื้นที่ของกลุ่มว้า เป็นการเมืองระหว่างประเทศ เปิดพื้นที่ผ่านการเล่าเรื่องของแม่น้ำกกระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ สร้างความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับสิทธิของแม่น้ำ และ การเจรจาระหว่างรัฐกับธรรมชาติ ข้ามเขตแดนรัฐและแนวคิดการจัดการสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน (Transboundary Environmental Governance)” ................. ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงกล่าวว่า รัฐบาลต้องใช้แนวคิดการทูตสิ่งแวดล้อมสร้างความร่วมมือแก้ปัญหามลพิษข้ามพรมแดนให้เป็นรูปธรรมมากที่สุด นอกจากนี้ต้องเสนอให้เมียนมาเข้าใจด้วยว่า เหมืองแร่อยู่ในเขตควบคุมของกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ที่การเจรจาสันติภาพในเมียนมา ต้องหยิบยกเอาประเด็นมลพิษข้ามพรมแดนเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาด้วย น.ส.เพียงพร ดีเทศน์ เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา(พชภ.) และผู้อำนวยการฝ่ายรณรงรงค์ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ องค์กรแม่น้ำนานาชาติ (International Rivers) กล่าวว่า ทั้งแม่น้ำกกและแม่น้ำสายเป็นแม่น้ำระหว่างประเทศ โดยมีต้นน้ำอยู่ในเขตรัฐฉาน ประเทศพม่า การสร้างเหมืองทองที่บริเวณต้นน้ำ ทำให้ประชาชนและระบบนิเวศท้ายน้ำซึ่งอยู่ในประเทศไทยได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องเร่งหาทางยุติการทำเหมืองและเปิดหน้าดินในวงกว้างให้ได้ เพราะนอกจากส่งผลในเรื่องการปนเปื้อนสารโลหะหนักลงแม่น้ำแล้ว ยังส่งผลต่ออุทกภัยที่มีดินโคลนปนมาด้วย กลายเป็นภัยพิบัติร้ายแรงที่คนท้ายน้ำต้องเผชิญและหวาดผวาอยู่ตลอดเวลา ก่อนหน้านี้กระแสกระเพื่อมขึ้นในพื้นที่ที่ดีมาก ที่ทาง พล.ท.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร เลขานุการคณะกรรมการระดับสูงไทย-เมียนมา ร่วมรับฟังปัญหาสารโลหะหนักในแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย เนื้อหาจึงเจาะประเด็นเชิงความมั่นคงทันทีในมิติของผลกระทบข้ามแดน ตามที่ได้นำเสนอในตอนต้น ๆ เป็นเรื่องของกระบวนการขุมเหมืองแร่สีเลือกเพื่อนำผลประโยชน์มาห่ำหั่นกันทางการเมือง ที่รัฐบาลทหารพม่า อนุญาตให้ทำเหมืองแร่ต่าง ๆ ในรัฐฉาน ส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนจีน แต่ก็มีประเทศออสเตรเลีย รัสเซีย และอิตาลีด้วย เหมืองทั้งหมดอยู่เหนือน้ำกก น้ำสาย น้ำรวก ................. มิติทางแม่น้ำระหว่างประเทศ เป็นวิกฤติมลพิษข้ามแดนที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับฝุ่นควันข้ามแดน ที่มีปลายทางด้านเศรษฐศาสตร์การเมืองอยู่เบื้องหลัง ต้องใช้เวลาเกลี่ย ล๊อบบี้ กดดัน การตีโอบ เพื่อกระทบ อันจะให้การกดดันทุน และอำนาจรัฐเข้ามาเร่งรัดจัดการปัญหาข้ามพรมแดนไมว่าจะเป็น การทำระบบบำบัดน้ำเสีย ที่ต้องเพิ่มต้นทุนก็ต้องทำ กรองน้ำที่มีสารหนูปนเปื้อน การให้ความสำคัญมิติ สาธารณสุข ด้านสิ่งแวดล้อม การเกษตร การสื่อสาร กับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างสัมพันธ์และความเข้าใจนำไปสู่การแก้ไขปัญหา และเสนอให้มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานทุกฝ่ายต่อการโต้ตอบเหตุสารเคมีปนเปื้อน เพื่อสื่อสารและการประสานความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้เจ้ากรมกิจการชายแดนทหารได้รับฟังข้อมูลจากผู้เข้าร่วมให้ข้อมูลเพื่อนำไปศึกษาการจัดทำรายงานนำเสนอต้นสังกัดและรัฐบาลในการดำเนินการงานร่วมทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาต่อไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1329 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts