• ครูวาฬ สอนเปียโน​ กีตาร์​ ​ตามบ้าน และออนไลน์
    สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี หลักสูตรดุริยางคศาสตรบัณฑิต (ดศ.บ.) วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อปีพ.ศ. 2555

    สาขาวิชาที่รับสอน :
    1. ปฏิบัติเครื่องดนตรี Piano สำหรับดนตรีคลาสสิค และดนตรีสมัยนิยม
    2. ปฏิบัติเครื่องดนตรี Guitar สำหรับดนตรีคลาสสิค และดนตรีสมัยนิยม
    3. ทฤษฎีดนตรีตะวันตก Western Music Theory
    4. การฝึกโสตและการอ่านโน้ต Ear Training And Sight-Singing
    5. ลักษณะของจังหวะ ควบคู่กับเครื่องกำกับจังหวะ Rhythm Concept With Metronome

    รูปแบบการสอน และสถานที่รับสอน :
    1. Private Teaching บริเวณที่พักอาศัยของผู้เรียน ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร และในจังหวัดนนทบุรี
    2. Online Teaching หรือ Learn From Home ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยการใช้ Web and Video Conferencing Application ต่างๆ เช่น Google Meets, Cisco Webex, Zoom, Line ฯลฯ ในทุกจังหวัดของประเทศไทย และต่างประเทศ

    วัตถุประสงค์ของการสอน :
    1. ให้ผู้เรียนสามารถสอบเข้าศึกษาต่อในสาขาวิชาดนตรี ระดับเตรียมอุดมฯ และระดับปริญญาตรี, การสอบตามเกณฑ์ในระดับต่างๆ และการสอบเทียบทางด้านดนตรี
    2. ให้ผู้เรียนมีความผ่อนคลาย สบายอารมณ์ การสังสรรค์ และงานอดิเรก
    3. ให้ผู้เรียนสามารถประกอบอาชีพดนตรีในอนาคต
    4. ให้ผู้เรียนมีความเข้าใจ และความรู้ ที่เพียงพอในศาสตร์ด้านดนตรี

    * หัวข้อหลักในการเรียน การสอน​ :
    1. เทคนิคพื้นฐาน Basic ต่างๆ ตั้งแต่ท่าทาง, การจัดระเบียบ, รูปลักษณ์, ลักษณะที่ดี และถูกต้อง
    2. วิธีการเล่นดนตรี การซ้อมดนตรีที่ดี มีประสิทธิภาพ ถูกวิธี และเป็นระบบ เช่น ความสบาย, การ Save พลัง และการป้องกันการบาดเจ็บได้ดี
    3. Mindset ระบบความคิด, Attitude ทัศนคติ, การวางแผน Plan, วิธีคิด, ความสัมพันธ์ และการคิดล่วงหน้า
    4. เทคนิคในการอ่านโน้ตดนตรี
    5. การให้ความสำคัญกับคุณภาพเสียง มิติเสียงที่ควรจะเป็น และทิศทางประโยคของบทเพลง
    6. เทคนิคการบรรเลงเครื่องดนตรี การควบคุมเสียง และความต่อเนื่องในการเล่นอย่างมั่นใจ ไม่สะดุดและติดขัด
    7. ความเที่ยงตรงของจังหวะ, ความเร็วของจังหวะ Tempo มีความคงที่ และระดับเสียงที่ถูกต้อง
    8. การเล่นดนตรี ร่วมกับผู้อื่น เพื่อพัฒนาโสตประสาท การรักษาจังหวะ และอารมณ์เพลง ให้มีประสิทธิภาพ
    9. การบริหารการจัดการ และการก้าวข้ามผ่านอุปสรรค
    และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อปูพื้นฐานทักษะเหล่านี้ ให้แข็งแรง แข็งแกร่ง ไปจนถึงสามารถเล่นเพลงได้ทุกเพลงในโลก ที่มีโน้ตเพลงอยู่ข้างหน้าเรา อย่างมีประสิทธิภาพ

    ประสบการณ์การทำงานและการสอน :
    1. เข้าร่วมคณะนักร้องเสียงประสาน Mahidol Symphonic Choir เมื่อปีพ.ศ. 2551 - 2552 ผ่านการแสดงร้องเสียงประสานในบทเพลง
    - Ludwig van Beethoven, "An die Freude" (Ode to Joy) from Symphony No.9, Op.125 "Choral" (1882) และ​ Carl Orff's Carmina Burana​ ร่วมกับวงดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งประเทศไทย หรือ Thailand Philharmonic Orchestra
    - Johannes Brahms's Ein Deutshes Requiem
    - Puccini's Messa di Gloria
    2. ผู้ช่วยคณะกรรมการคุมสอบเข้าศึกษาต่อในระดับเตรียมอุดมดนตรี และระดับปริญญาตรี วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล เ​​มื่อปีพ.ศ. 2552
    3. รับสอนตามสถาบันสอนดนตรี, โรงเรียนสอนดนตรี, ที่พักอาศัยของผู้เรียน และที่พักอาศัยของครูผู้สอน ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2555 ถึงปัจจุบัน

    ประวัติการฝึกอบรม :
    1. เข้าร่วมอบรมโครงการ "การใช้ดนตรีเพื่อพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม" วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ม.มหิดล เมื่อปีพ.ศ. 2553
    2. เข้าร่วมอบรมหลักสูตร "พัฒนาผู้นำองค์กรนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล MU Leadership Program" รุ่นที่ 1 เมื่อปีพ.ศ. 2553
    3. ผ่านการอบรมออนไลน์ "โควิด19 และระบาดวิทยา" โดยศาสตราจารย์ นพ. ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปีพ.ศ. 2564
    4. ผ่านการอบรมออนไลน์ "ชีวิตวิถีใหม่และความฉลาดทางดิจิทัล New Normal Life and Digital Quotient" โดยรองศาสตราจารย์ ยืน ภู่วรวรรณ ผู้ทรงคุณวุฒิมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในปีพ.ศ. 2564
    5. ผ่านการอบรมออนไลน์ "โครงการความร่วมมือทางวิชาการเพื่อพัฒนาบุคลากรทางไซเบอร์" สำหรับบุคคลทั่วไป "หลักสูตรเสริมสร้างการรับรู้ที่แข็งแกร่งด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ Build a Strong Security Awareness Program" โดยสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) และบริษัท เทรนด์ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด ในปีพ.ศ. 2564
    6. เข้าร่วมอบรมออนไลน์ "Thailand National Cyber Week 2021 เพื่อพัฒนาองค์ความรู้และทักษะด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์" โดยสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ในปีพ.ศ. 2564

    คุณลักษณะ :
    ใจเย็น ใส่ใจในรายละเอียด สามารถปรับแก้ไขเนื้อหา เรื่องราวต่างๆ ให้เหมาะสมตามสถานการณ์ของแต่ละบุคคล รวมถึงการฝึกระเบียบวินัยเบื้องต้นต่อตนเองและผู้อื่น ให้ความสำคัญกับสุขอนามัย ทั้งแนวทางการดูแล การจัดการ การปฏิบัติ การป้องกัน ระหว่างผู้เรียนและผู้สอน ให้ดีมีประสิทธิภาพมากที่สุด

    คุณสมบัติของผู้เรียน :
    มีเครื่องดนตรีเป็นของตนเอง ทุกเพศ ทุกเชื้อชาติ ตั้งแต่วัยมัธยมต้น​ อายุ​ 12​ ปี​, วัยมัธยมปลาย, วัยมหาวิทยาลัย, วัยผู้ใหญ่, วัยกลางคน และวัยผู้สูงอายุ​ อายุ​ 60​ ปีขึ้นไป

    สนใจสมัครเรียน :
    ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 081-483-5190
    ถ้าไม่มีสัญญานตอบรับ หรือไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนั้น สามารถไปที่เว็บไซต์ https://bestkru.com/39158 ได้เช่นกัน และรอการติดต่อกลับ จากครูวาฬได้ ทั้ง 2 ช่องทางครับ

    ขอบคุณครับ
    ครูวาฬ สอนเปียโน​ กีตาร์​ ​ตามบ้าน และออนไลน์ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี หลักสูตรดุริยางคศาสตรบัณฑิต (ดศ.บ.) วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อปีพ.ศ. 2555 สาขาวิชาที่รับสอน : 1. ปฏิบัติเครื่องดนตรี Piano สำหรับดนตรีคลาสสิค และดนตรีสมัยนิยม 2. ปฏิบัติเครื่องดนตรี Guitar สำหรับดนตรีคลาสสิค และดนตรีสมัยนิยม 3. ทฤษฎีดนตรีตะวันตก Western Music Theory 4. การฝึกโสตและการอ่านโน้ต Ear Training And Sight-Singing 5. ลักษณะของจังหวะ ควบคู่กับเครื่องกำกับจังหวะ Rhythm Concept With Metronome รูปแบบการสอน และสถานที่รับสอน : 1. Private Teaching บริเวณที่พักอาศัยของผู้เรียน ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร และในจังหวัดนนทบุรี 2. Online Teaching หรือ Learn From Home ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยการใช้ Web and Video Conferencing Application ต่างๆ เช่น Google Meets, Cisco Webex, Zoom, Line ฯลฯ ในทุกจังหวัดของประเทศไทย และต่างประเทศ วัตถุประสงค์ของการสอน : 1. ให้ผู้เรียนสามารถสอบเข้าศึกษาต่อในสาขาวิชาดนตรี ระดับเตรียมอุดมฯ และระดับปริญญาตรี, การสอบตามเกณฑ์ในระดับต่างๆ และการสอบเทียบทางด้านดนตรี 2. ให้ผู้เรียนมีความผ่อนคลาย สบายอารมณ์ การสังสรรค์ และงานอดิเรก 3. ให้ผู้เรียนสามารถประกอบอาชีพดนตรีในอนาคต 4. ให้ผู้เรียนมีความเข้าใจ และความรู้ ที่เพียงพอในศาสตร์ด้านดนตรี * หัวข้อหลักในการเรียน การสอน​ : 1. เทคนิคพื้นฐาน Basic ต่างๆ ตั้งแต่ท่าทาง, การจัดระเบียบ, รูปลักษณ์, ลักษณะที่ดี และถูกต้อง 2. วิธีการเล่นดนตรี การซ้อมดนตรีที่ดี มีประสิทธิภาพ ถูกวิธี และเป็นระบบ เช่น ความสบาย, การ Save พลัง และการป้องกันการบาดเจ็บได้ดี 3. Mindset ระบบความคิด, Attitude ทัศนคติ, การวางแผน Plan, วิธีคิด, ความสัมพันธ์ และการคิดล่วงหน้า 4. เทคนิคในการอ่านโน้ตดนตรี 5. การให้ความสำคัญกับคุณภาพเสียง มิติเสียงที่ควรจะเป็น และทิศทางประโยคของบทเพลง 6. เทคนิคการบรรเลงเครื่องดนตรี การควบคุมเสียง และความต่อเนื่องในการเล่นอย่างมั่นใจ ไม่สะดุดและติดขัด 7. ความเที่ยงตรงของจังหวะ, ความเร็วของจังหวะ Tempo มีความคงที่ และระดับเสียงที่ถูกต้อง 8. การเล่นดนตรี ร่วมกับผู้อื่น เพื่อพัฒนาโสตประสาท การรักษาจังหวะ และอารมณ์เพลง ให้มีประสิทธิภาพ 9. การบริหารการจัดการ และการก้าวข้ามผ่านอุปสรรค และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อปูพื้นฐานทักษะเหล่านี้ ให้แข็งแรง แข็งแกร่ง ไปจนถึงสามารถเล่นเพลงได้ทุกเพลงในโลก ที่มีโน้ตเพลงอยู่ข้างหน้าเรา อย่างมีประสิทธิภาพ ประสบการณ์การทำงานและการสอน : 1. เข้าร่วมคณะนักร้องเสียงประสาน Mahidol Symphonic Choir เมื่อปีพ.ศ. 2551 - 2552 ผ่านการแสดงร้องเสียงประสานในบทเพลง - Ludwig van Beethoven, "An die Freude" (Ode to Joy) from Symphony No.9, Op.125 "Choral" (1882) และ​ Carl Orff's Carmina Burana​ ร่วมกับวงดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งประเทศไทย หรือ Thailand Philharmonic Orchestra - Johannes Brahms's Ein Deutshes Requiem - Puccini's Messa di Gloria 2. ผู้ช่วยคณะกรรมการคุมสอบเข้าศึกษาต่อในระดับเตรียมอุดมดนตรี และระดับปริญญาตรี วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล เ​​มื่อปีพ.ศ. 2552 3. รับสอนตามสถาบันสอนดนตรี, โรงเรียนสอนดนตรี, ที่พักอาศัยของผู้เรียน และที่พักอาศัยของครูผู้สอน ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2555 ถึงปัจจุบัน ประวัติการฝึกอบรม : 1. เข้าร่วมอบรมโครงการ "การใช้ดนตรีเพื่อพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม" วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ม.มหิดล เมื่อปีพ.ศ. 2553 2. เข้าร่วมอบรมหลักสูตร "พัฒนาผู้นำองค์กรนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล MU Leadership Program" รุ่นที่ 1 เมื่อปีพ.ศ. 2553 3. ผ่านการอบรมออนไลน์ "โควิด19 และระบาดวิทยา" โดยศาสตราจารย์ นพ. ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปีพ.ศ. 2564 4. ผ่านการอบรมออนไลน์ "ชีวิตวิถีใหม่และความฉลาดทางดิจิทัล New Normal Life and Digital Quotient" โดยรองศาสตราจารย์ ยืน ภู่วรวรรณ ผู้ทรงคุณวุฒิมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในปีพ.ศ. 2564 5. ผ่านการอบรมออนไลน์ "โครงการความร่วมมือทางวิชาการเพื่อพัฒนาบุคลากรทางไซเบอร์" สำหรับบุคคลทั่วไป "หลักสูตรเสริมสร้างการรับรู้ที่แข็งแกร่งด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ Build a Strong Security Awareness Program" โดยสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) และบริษัท เทรนด์ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด ในปีพ.ศ. 2564 6. เข้าร่วมอบรมออนไลน์ "Thailand National Cyber Week 2021 เพื่อพัฒนาองค์ความรู้และทักษะด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์" โดยสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ในปีพ.ศ. 2564 คุณลักษณะ : ใจเย็น ใส่ใจในรายละเอียด สามารถปรับแก้ไขเนื้อหา เรื่องราวต่างๆ ให้เหมาะสมตามสถานการณ์ของแต่ละบุคคล รวมถึงการฝึกระเบียบวินัยเบื้องต้นต่อตนเองและผู้อื่น ให้ความสำคัญกับสุขอนามัย ทั้งแนวทางการดูแล การจัดการ การปฏิบัติ การป้องกัน ระหว่างผู้เรียนและผู้สอน ให้ดีมีประสิทธิภาพมากที่สุด คุณสมบัติของผู้เรียน : มีเครื่องดนตรีเป็นของตนเอง ทุกเพศ ทุกเชื้อชาติ ตั้งแต่วัยมัธยมต้น​ อายุ​ 12​ ปี​, วัยมัธยมปลาย, วัยมหาวิทยาลัย, วัยผู้ใหญ่, วัยกลางคน และวัยผู้สูงอายุ​ อายุ​ 60​ ปีขึ้นไป สนใจสมัครเรียน : ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 081-483-5190 ถ้าไม่มีสัญญานตอบรับ หรือไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนั้น สามารถไปที่เว็บไซต์ https://bestkru.com/39158 ได้เช่นกัน และรอการติดต่อกลับ จากครูวาฬได้ ทั้ง 2 ช่องทางครับ ขอบคุณครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • Toretsk อยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซีย 100% แล้ว ขณะนี้กองกำลังรัสเซียกำลังเคลียร์พื้นที่ เพื่อประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
    Toretsk อยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซีย 100% แล้ว ขณะนี้กองกำลังรัสเซียกำลังเคลียร์พื้นที่ เพื่อประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • #กฎหมาย #ควบคุม #ดูแล #OTT จะมากี่โมง ?
    https://youtube.com/shorts/j3Rx0DnjsHk
    #กฎหมาย #ควบคุม #ดูแล #OTT จะมากี่โมง ? https://youtube.com/shorts/j3Rx0DnjsHk
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • 35 ปี สัญญาณเริ่มล่มสลาย “สหภาพโซเวียต” เปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ จุดสิ้นสุดพรรคคอมมิวนิสต์

    📅 ย้อนไปเมื่อ 35 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2533 (1990) เป็นวันที่เปรียบเสมือน “ระฆังแห่งการเปลี่ยนแปลง” ของสหภาพโซเวียต (USSR) เมื่อคณะกรรมาธิการกลาง ของพรรคคอมมิวนิสต์ ประกาศยุติการผูกขาดอำนาจทางการเมือง ซึ่งเป็นก้าวสำคัญ ที่นำไปสู่การล่มสลาย ของมหาอำนาจยุคสงครามเย็น ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี

    จากการปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ เพียงพรรคเดียว มายาวนานกว่า 70 ปี สหภาพโซเวียต ต้องเผชิญกับปัญหาภายใน อย่างหนักหน่วง ทั้งวิกฤตเศรษฐกิจ การเมืองที่เริ่มไร้เสถียรภาพ และขบวนการชาตินิยม ในสาธารณรัฐต่างๆ ที่ต้องการแยกตัวออก ในที่สุด ระบบที่เคยแข็งแกร่ง ก็ต้องถึงกาลอวสาน

    🔴 จากการปฏิวัติ สู่มหาอำนาจโลก ต้นกำเนิดของ USSR 📌
    สหภาพโซเวียต (Union of Soviet Socialist Republics: USSR) ถือกำเนิดขึ้นในวันที่ 30 ธันวาคม 2465 หลังการปฏิวัติเดือนตุลาคม (1917) ที่พรรคบอลเชวิค ภายใต้การนำของ วลาดีมีร์ เลนิน (Vladimir Lenin) โค่นล้มระบอบกษัตริย์ และรัฐบาลเฉพาะกาลของรัสเซีย

    USSR ประกอบด้วย 15 สาธารณรัฐย่อย ได้แก่ รัสเซีย ยูเครน เบลารุส เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย มอลโดวา จอร์เจีย อาร์มีเนีย อาเซอร์ไบจาน คาซัคสถาน อุซเบกิสถาน เติร์กเมนิสถาน คีร์กีซสถาน และทาจิกิสถาน

    👉 เมืองหลวงของสหภาพโซเวียตคือ มอสโก ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม

    📌 สมัยแห่งอำนาจของสหภาพโซเวียต
    หลังสงครามโลกครั้งที่สอง สหภาพโซเวียตกลายเป็น หนึ่งในสองมหาอำนาจของโลก คู่กับสหรัฐอเมริกา นำไปสู่สงครามเย็น (Cold War) ที่กินเวลายาวนานกว่า 4 ทศวรรษ

    พรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการปกครอง ควบคุมทุกด้านของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ในขณะเดียวกัน สหภาพโซเวียตมีบทบาทสำคัญ ในวงการอวกาศ เช่น ส่ง ยูริ กาการิน (Yuri Gagarin) เป็นมนุษย์คนแรก ที่ขึ้นสู่อวกาศในปี 2504

    🔥 สัญญาณแห่งการล่มสลาย ปัจจัยที่ทำให้ USSR พังทลาย
    แม้ว่าสหภาพโซเวียต จะดูแข็งแกร่งจากภายนอก แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยรอยร้าว ที่ค่อยๆ ก่อตัวจนถึงจุดแตกหัก

    📉 1. วิกฤตเศรษฐกิจ ระบบเศรษฐกิจแบบรวมศูนย์ที่ล้มเหลว
    เศรษฐกิจของสหภาพโซเวียต เป็นระบบวางแผนจากส่วนกลาง (Centralized Economy) ซึ่งรัฐบาลควบคุมทุกอย่าง ตั้งแต่การผลิต ไปจนถึงการจัดสรรทรัพยากร แต่ระบบนี้ เริ่มประสบปัญหาหนักในช่วงปี 2523

    - ขาดแคลนสินค้าอุปโภคบริโภค ประชาชนต้องต่อแถวซื้อขนมปัง เป็นชั่วโมง
    - ประสิทธิภาพการผลิตต่ำ ไม่มีแรงจูงใจให้แรงงานทำงานหนัก
    - ค่าใช้จ่ายทางทหารสูงลิ่ว ต้องใช้เงินจำนวนมาก ในการแข่งขันอาวุธกับสหรัฐฯ

    ⚔️ 2. สงครามอัฟกานิสถาน (1979-1989) บาดแผลที่ยากจะสมาน
    การส่งทหาร เข้าไปช่วยรัฐบาลคอมมิวนิสต์ ในอัฟกานิสถาน กลายเป็นสงครามเวียดนาม ของโซเวียต เนื่องจากถูกกองกำลังมูจาฮิดีน ต่อต้านอย่างหนัก สงครามนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้โซเวียต สูญเสียทหารจำนวนมาก แต่ยังทำลายขวัญกำลังใจ ของประชาชนอีกด้วย

    🌍 3. ขบวนการแยกตัว ของสาธารณรัฐต่างๆ
    หลายสาธารณรัฐภายใน USSR เริ่มมีความต้องการเป็นอิสระ เช่น
    - กลุ่มบอลติก (เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย) ประกาศเอกราชในปี 2533
    - ยูเครนและจอร์เจีย มีการเคลื่อนไหวเพื่อแยกตัว

    เมื่อรัฐบาลกลาง ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ทำให้เกิดการล่มสลายในที่สุด

    🛑 4. การปฏิรูปของกอร์บาชอฟ กลัสนอสต์ & เปเรสตรอยคา
    เมื่อ มีฮาอิล กอร์บาชอฟ (Mikhail Gorbachev) ขึ้นเป็นผู้นำในปี 2528 เขาพยายามปฏิรูปประเทศผ่านนโยบายสำคัญ 2 ข้อ

    - กลัสนอสต์ (Glasnost) การเปิดเผยข้อมูล และให้เสรีภาพแก่ประชาชนมากขึ้น
    - เปเรสตรอยคา (Perestroika) การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ แบบตลาดเสรี

    แม้ว่านโยบายเหล่านี้ มีเป้าหมายที่ดี แต่กลับทำให้ปัญหาภายในปะทุเร็วขึ้น ประชาชนเริ่มเรียกร้องเสรีภาพมากขึ้น และในที่สุดพรรคคอมมิวนิสต์ ก็สูญเสียการควบคุม

    💥 วันที่พรรคคอมมิวนิสต์สูญเสียอำนาจ จุดจบของ USSR
    📆 7 กุมภาพันธ์ 2533 (1990) คณะกรรมาธิการกลาง ของพรรคคอมมิวนิสต์ แห่งสหภาพโซเวียตประกาศ ยกเลิกการผูกขาดอำนาจทางการเมือง ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ

    📆 25 ธันวาคม 2534 (1991) กอร์บาชอฟลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี และ USSR ยุติการดำรงอยู่ โดยรัสเซียกลายเป็นรัฐเอกราช

    👉 บอริส เยลต์ซิน (Boris Yeltsin) กลายเป็นผู้นำคนใหม่ของรัสเซีย และอดีตสาธารณรัฐต่างๆ ก็แยกตัวเป็นเอกราช

    🎭 บทเรียนจากการล่มสลาย ของสหภาพโซเวียต
    - การรวมศูนย์อำนาจมากเกินไป อาจเป็นจุดอ่อน แทนที่จะเป็นจุดแข็ง
    - เศรษฐกิจที่ไร้ประสิทธิภาพ นำไปสู่ความไม่พอใจของประชาชน
    - การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วเกินไป อาจทำให้เกิดความไม่แน่นอน

    📢 35 ปี หลังจากวันที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่ง USSR สูญเสียอำนาจ โลกยังคงเรียนรู้จากเหตุการณ์นี้ การล่มสลายของโซเวียต ไม่ใช่แค่เรื่องของอดีต แต่มันเป็นบทเรียนสำหรับทุกประเทศ ที่ต้องการคงไว้ซึ่งเสถียรภาพ และอำนาจ 📌

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 071329 ก.พ. 2568

    #สหภาพโซเวียต #USSR #โซเวียตล่มสลาย #สงครามเย็น #คอมมิวนิสต์ #Gorbachev #เยลต์ซิน #ColdWar
    35 ปี สัญญาณเริ่มล่มสลาย “สหภาพโซเวียต” เปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ จุดสิ้นสุดพรรคคอมมิวนิสต์ 📅 ย้อนไปเมื่อ 35 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2533 (1990) เป็นวันที่เปรียบเสมือน “ระฆังแห่งการเปลี่ยนแปลง” ของสหภาพโซเวียต (USSR) เมื่อคณะกรรมาธิการกลาง ของพรรคคอมมิวนิสต์ ประกาศยุติการผูกขาดอำนาจทางการเมือง ซึ่งเป็นก้าวสำคัญ ที่นำไปสู่การล่มสลาย ของมหาอำนาจยุคสงครามเย็น ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี จากการปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ เพียงพรรคเดียว มายาวนานกว่า 70 ปี สหภาพโซเวียต ต้องเผชิญกับปัญหาภายใน อย่างหนักหน่วง ทั้งวิกฤตเศรษฐกิจ การเมืองที่เริ่มไร้เสถียรภาพ และขบวนการชาตินิยม ในสาธารณรัฐต่างๆ ที่ต้องการแยกตัวออก ในที่สุด ระบบที่เคยแข็งแกร่ง ก็ต้องถึงกาลอวสาน 🔴 จากการปฏิวัติ สู่มหาอำนาจโลก ต้นกำเนิดของ USSR 📌 สหภาพโซเวียต (Union of Soviet Socialist Republics: USSR) ถือกำเนิดขึ้นในวันที่ 30 ธันวาคม 2465 หลังการปฏิวัติเดือนตุลาคม (1917) ที่พรรคบอลเชวิค ภายใต้การนำของ วลาดีมีร์ เลนิน (Vladimir Lenin) โค่นล้มระบอบกษัตริย์ และรัฐบาลเฉพาะกาลของรัสเซีย USSR ประกอบด้วย 15 สาธารณรัฐย่อย ได้แก่ รัสเซีย ยูเครน เบลารุส เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย มอลโดวา จอร์เจีย อาร์มีเนีย อาเซอร์ไบจาน คาซัคสถาน อุซเบกิสถาน เติร์กเมนิสถาน คีร์กีซสถาน และทาจิกิสถาน 👉 เมืองหลวงของสหภาพโซเวียตคือ มอสโก ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม 📌 สมัยแห่งอำนาจของสหภาพโซเวียต หลังสงครามโลกครั้งที่สอง สหภาพโซเวียตกลายเป็น หนึ่งในสองมหาอำนาจของโลก คู่กับสหรัฐอเมริกา นำไปสู่สงครามเย็น (Cold War) ที่กินเวลายาวนานกว่า 4 ทศวรรษ พรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการปกครอง ควบคุมทุกด้านของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ในขณะเดียวกัน สหภาพโซเวียตมีบทบาทสำคัญ ในวงการอวกาศ เช่น ส่ง ยูริ กาการิน (Yuri Gagarin) เป็นมนุษย์คนแรก ที่ขึ้นสู่อวกาศในปี 2504 🔥 สัญญาณแห่งการล่มสลาย ปัจจัยที่ทำให้ USSR พังทลาย แม้ว่าสหภาพโซเวียต จะดูแข็งแกร่งจากภายนอก แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยรอยร้าว ที่ค่อยๆ ก่อตัวจนถึงจุดแตกหัก 📉 1. วิกฤตเศรษฐกิจ ระบบเศรษฐกิจแบบรวมศูนย์ที่ล้มเหลว เศรษฐกิจของสหภาพโซเวียต เป็นระบบวางแผนจากส่วนกลาง (Centralized Economy) ซึ่งรัฐบาลควบคุมทุกอย่าง ตั้งแต่การผลิต ไปจนถึงการจัดสรรทรัพยากร แต่ระบบนี้ เริ่มประสบปัญหาหนักในช่วงปี 2523 - ขาดแคลนสินค้าอุปโภคบริโภค ประชาชนต้องต่อแถวซื้อขนมปัง เป็นชั่วโมง - ประสิทธิภาพการผลิตต่ำ ไม่มีแรงจูงใจให้แรงงานทำงานหนัก - ค่าใช้จ่ายทางทหารสูงลิ่ว ต้องใช้เงินจำนวนมาก ในการแข่งขันอาวุธกับสหรัฐฯ ⚔️ 2. สงครามอัฟกานิสถาน (1979-1989) บาดแผลที่ยากจะสมาน การส่งทหาร เข้าไปช่วยรัฐบาลคอมมิวนิสต์ ในอัฟกานิสถาน กลายเป็นสงครามเวียดนาม ของโซเวียต เนื่องจากถูกกองกำลังมูจาฮิดีน ต่อต้านอย่างหนัก สงครามนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้โซเวียต สูญเสียทหารจำนวนมาก แต่ยังทำลายขวัญกำลังใจ ของประชาชนอีกด้วย 🌍 3. ขบวนการแยกตัว ของสาธารณรัฐต่างๆ หลายสาธารณรัฐภายใน USSR เริ่มมีความต้องการเป็นอิสระ เช่น - กลุ่มบอลติก (เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย) ประกาศเอกราชในปี 2533 - ยูเครนและจอร์เจีย มีการเคลื่อนไหวเพื่อแยกตัว เมื่อรัฐบาลกลาง ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ทำให้เกิดการล่มสลายในที่สุด 🛑 4. การปฏิรูปของกอร์บาชอฟ กลัสนอสต์ & เปเรสตรอยคา เมื่อ มีฮาอิล กอร์บาชอฟ (Mikhail Gorbachev) ขึ้นเป็นผู้นำในปี 2528 เขาพยายามปฏิรูปประเทศผ่านนโยบายสำคัญ 2 ข้อ - กลัสนอสต์ (Glasnost) การเปิดเผยข้อมูล และให้เสรีภาพแก่ประชาชนมากขึ้น - เปเรสตรอยคา (Perestroika) การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ แบบตลาดเสรี แม้ว่านโยบายเหล่านี้ มีเป้าหมายที่ดี แต่กลับทำให้ปัญหาภายในปะทุเร็วขึ้น ประชาชนเริ่มเรียกร้องเสรีภาพมากขึ้น และในที่สุดพรรคคอมมิวนิสต์ ก็สูญเสียการควบคุม 💥 วันที่พรรคคอมมิวนิสต์สูญเสียอำนาจ จุดจบของ USSR 📆 7 กุมภาพันธ์ 2533 (1990) คณะกรรมาธิการกลาง ของพรรคคอมมิวนิสต์ แห่งสหภาพโซเวียตประกาศ ยกเลิกการผูกขาดอำนาจทางการเมือง ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ 📆 25 ธันวาคม 2534 (1991) กอร์บาชอฟลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี และ USSR ยุติการดำรงอยู่ โดยรัสเซียกลายเป็นรัฐเอกราช 👉 บอริส เยลต์ซิน (Boris Yeltsin) กลายเป็นผู้นำคนใหม่ของรัสเซีย และอดีตสาธารณรัฐต่างๆ ก็แยกตัวเป็นเอกราช 🎭 บทเรียนจากการล่มสลาย ของสหภาพโซเวียต - การรวมศูนย์อำนาจมากเกินไป อาจเป็นจุดอ่อน แทนที่จะเป็นจุดแข็ง - เศรษฐกิจที่ไร้ประสิทธิภาพ นำไปสู่ความไม่พอใจของประชาชน - การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วเกินไป อาจทำให้เกิดความไม่แน่นอน 📢 35 ปี หลังจากวันที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่ง USSR สูญเสียอำนาจ โลกยังคงเรียนรู้จากเหตุการณ์นี้ การล่มสลายของโซเวียต ไม่ใช่แค่เรื่องของอดีต แต่มันเป็นบทเรียนสำหรับทุกประเทศ ที่ต้องการคงไว้ซึ่งเสถียรภาพ และอำนาจ 📌 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 071329 ก.พ. 2568 #สหภาพโซเวียต #USSR #โซเวียตล่มสลาย #สงครามเย็น #คอมมิวนิสต์ #Gorbachev #เยลต์ซิน #ColdWar
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝั่งสมองเหตุผล
    ไม่สามารถควบคุม
    ความรู้สึกของสมอง
    ฝั่งอารมณ์ได้
    แต่สิ่งที่คุณควบคุมได้
    คือการตอบสนอง
    ต่ออารมณ์ที่เกิดขึ้นมา

    จากหนังสือ |อย่าเก็บอารมณ์ไว้ให้ใจเจ็บปวด

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #อย่าเก็บอารมณ์ไว้ให้ใจเจ็บปวด
    ฝั่งสมองเหตุผล ไม่สามารถควบคุม ความรู้สึกของสมอง ฝั่งอารมณ์ได้ แต่สิ่งที่คุณควบคุมได้ คือการตอบสนอง ต่ออารมณ์ที่เกิดขึ้นมา จากหนังสือ |อย่าเก็บอารมณ์ไว้ให้ใจเจ็บปวด #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #อย่าเก็บอารมณ์ไว้ให้ใจเจ็บปวด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีมัลแวร์ประเภทใหม่ที่ชื่อว่า ‘SparkCat’ ที่ถูกค้นพบในร้านค้าแอปพลิเคชันของ iOS และ Android โดยมัลแวร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อขโมยข้อมูลกู้คืนกระเป๋าเงินคริปโตของผู้ใช้งาน รายงานจาก Kaspersky ระบุว่ามัลแวร์นี้มีการฝังอยู่ในแอปพลิเคชันหลายตัวที่มีการดาวน์โหลดหลายพันครั้ง เช่น แอปส่งอาหารจากประเทศจีนชื่อว่า ComeCome ที่มีการดาวน์โหลดกว่า 10,000 ครั้ง

    SparkCat มีความสามารถในการสแกนรูปภาพในแกลเลอรี่ของผู้ใช้งานเพื่อค้นหาคำสำคัญ หากพบรูปภาพที่เกี่ยวข้อง มันจะส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ควบคุม (C2 server) นอกจากนี้ มัลแวร์นี้ยังมีความยืดหยุ่นพอที่จะขโมยข้อมูลสำคัญอื่น ๆ จากแกลเลอรี่ของเหยื่อได้ด้วย

    สิ่งที่น่าสนใจคือ นี่เป็นครั้งแรกที่พบมัลแวร์ประเภทนี้ในร้านค้าแอปของ Apple ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากระบวนการตรวจสอบแอปพลิเคชันของ Apple อาจไม่แข็งแกร่งเพียงพอ ถึงแม้ Apple จะตั้งใจให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ปลอดภัยและไว้วางใจได้

    สำหรับผู้ที่มีแอปพลิเคชันที่ติดมัลแวร์นี้ Kaspersky แนะนำให้ลบแอปพลิเคชันนั้นทันทีและหลีกเลี่ยงการใช้งานจนกว่าจะมีการแก้ไข นอกจากนี้ การใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสและการจัดเก็บข้อมูลที่สำคัญในเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ปลอดภัยเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันข้อมูลสำคัญ

    https://www.techradar.com/pro/security/screen-reading-malware-found-in-ios-app-stores-for-first-time-and-it-might-steal-your-cryptocurrency
    มีมัลแวร์ประเภทใหม่ที่ชื่อว่า ‘SparkCat’ ที่ถูกค้นพบในร้านค้าแอปพลิเคชันของ iOS และ Android โดยมัลแวร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อขโมยข้อมูลกู้คืนกระเป๋าเงินคริปโตของผู้ใช้งาน รายงานจาก Kaspersky ระบุว่ามัลแวร์นี้มีการฝังอยู่ในแอปพลิเคชันหลายตัวที่มีการดาวน์โหลดหลายพันครั้ง เช่น แอปส่งอาหารจากประเทศจีนชื่อว่า ComeCome ที่มีการดาวน์โหลดกว่า 10,000 ครั้ง SparkCat มีความสามารถในการสแกนรูปภาพในแกลเลอรี่ของผู้ใช้งานเพื่อค้นหาคำสำคัญ หากพบรูปภาพที่เกี่ยวข้อง มันจะส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ควบคุม (C2 server) นอกจากนี้ มัลแวร์นี้ยังมีความยืดหยุ่นพอที่จะขโมยข้อมูลสำคัญอื่น ๆ จากแกลเลอรี่ของเหยื่อได้ด้วย สิ่งที่น่าสนใจคือ นี่เป็นครั้งแรกที่พบมัลแวร์ประเภทนี้ในร้านค้าแอปของ Apple ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากระบวนการตรวจสอบแอปพลิเคชันของ Apple อาจไม่แข็งแกร่งเพียงพอ ถึงแม้ Apple จะตั้งใจให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ปลอดภัยและไว้วางใจได้ สำหรับผู้ที่มีแอปพลิเคชันที่ติดมัลแวร์นี้ Kaspersky แนะนำให้ลบแอปพลิเคชันนั้นทันทีและหลีกเลี่ยงการใช้งานจนกว่าจะมีการแก้ไข นอกจากนี้ การใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสและการจัดเก็บข้อมูลที่สำคัญในเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ปลอดภัยเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันข้อมูลสำคัญ https://www.techradar.com/pro/security/screen-reading-malware-found-in-ios-app-stores-for-first-time-and-it-might-steal-your-cryptocurrency
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 49 มุมมอง 0 รีวิว
  • คณะผู้แทนของสหรัฐฯ ที่จะไปร่วมการประชุมสุดยอดด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ปารีสในสัปดาห์หน้า จะไม่มีเจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคจากสถาบันความปลอดภัยของ AI ของประเทศ การประชุมนี้มีเป้าหมายที่จะรวบรวมประมาณ 100 ประเทศเพื่อหารือเกี่ยวกับศักยภาพของ AI ในวันที่ 10 และ 11 กุมภาพันธ์ โดยที่รองประธานาธิบดี JD Vance จะเป็นผู้นำคณะผู้แทนของสหรัฐฯ ในครั้งนี้

    ถึงแม้ว่าจะมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานนโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของทำเนียบขาวเข้าร่วม เช่น รองผู้อำนวยการหลัก Lynne Parker และที่ปรึกษาอาวุโสด้านปัญญาประดิษฐ์ Sriram Krishnan แต่การที่ไม่มีตัวแทนจากสถาบันความปลอดภัยของ AI นั้น สร้างความกังวลว่าการหารือในเรื่องความปลอดภัยและการควบคุมการใช้งาน AI จะไม่ครบถ้วน

    สิ่งที่น่าสนใจคือ การประชุมนี้ยังเป็นโอกาสให้ผู้นำระดับโลกได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแนวทางในการพัฒนา AI โดยที่สหรัฐฯ จะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้มีการพัฒนาที่ปลอดภัยและมีความรับผิดชอบ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/07/exclusive-trump039s-paris-ai-summit-delegation-to-not-include-ai-safety-institute-staff-sources-say
    คณะผู้แทนของสหรัฐฯ ที่จะไปร่วมการประชุมสุดยอดด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ปารีสในสัปดาห์หน้า จะไม่มีเจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคจากสถาบันความปลอดภัยของ AI ของประเทศ การประชุมนี้มีเป้าหมายที่จะรวบรวมประมาณ 100 ประเทศเพื่อหารือเกี่ยวกับศักยภาพของ AI ในวันที่ 10 และ 11 กุมภาพันธ์ โดยที่รองประธานาธิบดี JD Vance จะเป็นผู้นำคณะผู้แทนของสหรัฐฯ ในครั้งนี้ ถึงแม้ว่าจะมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานนโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของทำเนียบขาวเข้าร่วม เช่น รองผู้อำนวยการหลัก Lynne Parker และที่ปรึกษาอาวุโสด้านปัญญาประดิษฐ์ Sriram Krishnan แต่การที่ไม่มีตัวแทนจากสถาบันความปลอดภัยของ AI นั้น สร้างความกังวลว่าการหารือในเรื่องความปลอดภัยและการควบคุมการใช้งาน AI จะไม่ครบถ้วน สิ่งที่น่าสนใจคือ การประชุมนี้ยังเป็นโอกาสให้ผู้นำระดับโลกได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแนวทางในการพัฒนา AI โดยที่สหรัฐฯ จะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้มีการพัฒนาที่ปลอดภัยและมีความรับผิดชอบ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/07/exclusive-trump039s-paris-ai-summit-delegation-to-not-include-ai-safety-institute-staff-sources-say
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Exclusive-Trump's Paris AI summit delegation to not include AI Safety Institute staff, sources say
    (Reuters) - The U.S. delegation to a major artificial intelligence summit in Paris next week will not include technical staff from the country's AI Safety Institute, two people close to Washington's plans for the event and a third source briefed on the matter told Reuters.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุณ Gabriel Galipolo ซึ่งเป็นหัวหน้านโยบายการเงินของธนาคารกลางบราซิล ได้รายงานว่า การใช้งานคริปโตในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสองถึงสามปีที่ผ่านมา โดยประมาณ 90% ของการใช้งานคริปโตนี้เกี่ยวข้องกับ Stablecoins ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าคงที่โดยอิงกับสินทรัพย์ในโลกจริง เช่น ดอลลาร์สหรัฐ

    นาย Galipolo กล่าวในงานประชุมของธนาคารเพื่อการชำระเงินระหว่างประเทศที่เม็กซิโก ซิตี้ ว่า การใช้คริปโตเป็นหลักในการชำระเงินกลายเป็นความท้าทายในการควบคุมและการกำกับดูแล เขายังเน้นว่าการใช้งานเหล่านี้มักจะมีปัญหาด้านการเสียภาษีหรือการฟอกเงินด้วย

    สิ่งที่น่าสนใจคือโครงการ Drex ที่ไม่ได้เป็นสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่มุ่งเน้นในการปรับปรุงเครดิตด้วยสินทรัพย์ที่มีหลักประกัน Drex ใช้เทคโนโลยีการบันทึกบัญชีแบบกระจายศูนย์เพื่อการชำระเงินระหว่างธนาคารในระดับสถาบัน ขณะที่การเข้าถึงของผู้ใช้งานทั่วไปจะอยู่ในรูปแบบของการฝากเงินที่ถูกแปลงเป็นโทเค็น

    นอกจากนี้ ระบบการชำระเงินทันทีของบราซิลที่เรียกว่า Pix ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก ก็มีศักยภาพในการเชื่อมต่อกับเครือข่ายการชำระเงินทันทีระหว่างประเทศ ทำให้การทำธุรกรรมข้ามพรมแดนสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/07/brazil039s-galipolo-sees-surge-in-crypto-use-says-90-of-flow-tied-to-stablecoins
    คุณ Gabriel Galipolo ซึ่งเป็นหัวหน้านโยบายการเงินของธนาคารกลางบราซิล ได้รายงานว่า การใช้งานคริปโตในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสองถึงสามปีที่ผ่านมา โดยประมาณ 90% ของการใช้งานคริปโตนี้เกี่ยวข้องกับ Stablecoins ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าคงที่โดยอิงกับสินทรัพย์ในโลกจริง เช่น ดอลลาร์สหรัฐ นาย Galipolo กล่าวในงานประชุมของธนาคารเพื่อการชำระเงินระหว่างประเทศที่เม็กซิโก ซิตี้ ว่า การใช้คริปโตเป็นหลักในการชำระเงินกลายเป็นความท้าทายในการควบคุมและการกำกับดูแล เขายังเน้นว่าการใช้งานเหล่านี้มักจะมีปัญหาด้านการเสียภาษีหรือการฟอกเงินด้วย สิ่งที่น่าสนใจคือโครงการ Drex ที่ไม่ได้เป็นสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่มุ่งเน้นในการปรับปรุงเครดิตด้วยสินทรัพย์ที่มีหลักประกัน Drex ใช้เทคโนโลยีการบันทึกบัญชีแบบกระจายศูนย์เพื่อการชำระเงินระหว่างธนาคารในระดับสถาบัน ขณะที่การเข้าถึงของผู้ใช้งานทั่วไปจะอยู่ในรูปแบบของการฝากเงินที่ถูกแปลงเป็นโทเค็น นอกจากนี้ ระบบการชำระเงินทันทีของบราซิลที่เรียกว่า Pix ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก ก็มีศักยภาพในการเชื่อมต่อกับเครือข่ายการชำระเงินทันทีระหว่างประเทศ ทำให้การทำธุรกรรมข้ามพรมแดนสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/07/brazil039s-galipolo-sees-surge-in-crypto-use-says-90-of-flow-tied-to-stablecoins
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Brazil's Galipolo sees surge in crypto use, says 90% of flow tied to stablecoins
    (Reuters) - Brazil's central bank chief Gabriel Galipolo said on Thursday that crypto asset usage in the country has surged over the past two to three years, with around 90% of the flow linked to stablecoins.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใครที่เป็นผู้บริหาร หรือจะก้าวมาเป็นผู้บริหารควรอ่านบทความนี้ครับ!!

    สิ่งที่ผู้นำและผู้บริหารเทคโนโลยีควรเรียนรู้ในปี 2025 จะต้องมีการผสมผสานระหว่างการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กับการส่งเสริมสัญชาตญาณและความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ Carrie Rasmussen ผู้บริหารระดับสูงและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ดิจิทัลของบริษัท Dayforce ได้ให้คำแนะนำว่า ผู้นำด้านเทคโนโลยีในยุคนี้จะต้องรักษาสมดุลระหว่างการใช้ AI และความสามารถของมนุษย์ นอกจากนี้ยังต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะที่มุ่งเน้นมนุษย์ เช่น การคิดเชิงวิเคราะห์และการสร้างสรรค์

    สิ่งที่น่าสนใจคือการที่ AI กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยในการทำงาน แต่ก็ต้องระวังไม่ให้หลงลืมทักษะพื้นฐานอย่างการเขียนโปรแกรม เพราะถ้าทุกอย่างถูกทำโดย AI เราอาจสูญเสียการคิดสร้างสรรค์และการวิเคราะห์ที่สำคัญ นอกจากนี้ AI ยังมีค่าใช้จ่ายสูงในการเรียนรู้และการนำไปใช้ ดังนั้นผู้นำด้านเทคโนโลยีจะต้องมีการควบคุมและดูแลอย่างใกล้ชิด

    อีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญคือการจัดการข้อมูล การบริหารข้อมูลที่เข้ามาจาก AI จะต้องมีการตรวจสอบและควบคุมอย่างดี เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลที่ได้รับมาถูกต้องและมีประโยชน์

    Carrie ยังกล่าวถึงความสำคัญของการทดสอบและนำ AI ไปใช้ในพื้นที่ที่มีมูลค่า เช่น การพัฒนารหัส การค้นหาข้อมูลที่สร้างสรรค์ และการแปลภาษา ซึ่งการทำเช่นนี้จะช่วยให้ผู้นำด้านเทคโนโลยีสามารถเห็นภาพรวมของการใช้งาน AI ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

    ขอเพิ่มเติมอีกนิดว่า หากผู้นำด้านเทคโนโลยีต้องการให้ทีมงานมีประสิทธิภาพ การเปิดกว้างในการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้จะเป็นกุญแจสำคัญ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องไม่ลืมความสำคัญของการจัดการและการควบคุมข้อมูลอย่างเข้มงวดเพื่อให้การใช้งาน AI เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

    https://www.zdnet.com/article/looking-to-lead-technology-teams-in-2025-follow-this-cdos-advice/
    ใครที่เป็นผู้บริหาร หรือจะก้าวมาเป็นผู้บริหารควรอ่านบทความนี้ครับ!! สิ่งที่ผู้นำและผู้บริหารเทคโนโลยีควรเรียนรู้ในปี 2025 จะต้องมีการผสมผสานระหว่างการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กับการส่งเสริมสัญชาตญาณและความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ Carrie Rasmussen ผู้บริหารระดับสูงและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ดิจิทัลของบริษัท Dayforce ได้ให้คำแนะนำว่า ผู้นำด้านเทคโนโลยีในยุคนี้จะต้องรักษาสมดุลระหว่างการใช้ AI และความสามารถของมนุษย์ นอกจากนี้ยังต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะที่มุ่งเน้นมนุษย์ เช่น การคิดเชิงวิเคราะห์และการสร้างสรรค์ สิ่งที่น่าสนใจคือการที่ AI กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยในการทำงาน แต่ก็ต้องระวังไม่ให้หลงลืมทักษะพื้นฐานอย่างการเขียนโปรแกรม เพราะถ้าทุกอย่างถูกทำโดย AI เราอาจสูญเสียการคิดสร้างสรรค์และการวิเคราะห์ที่สำคัญ นอกจากนี้ AI ยังมีค่าใช้จ่ายสูงในการเรียนรู้และการนำไปใช้ ดังนั้นผู้นำด้านเทคโนโลยีจะต้องมีการควบคุมและดูแลอย่างใกล้ชิด อีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญคือการจัดการข้อมูล การบริหารข้อมูลที่เข้ามาจาก AI จะต้องมีการตรวจสอบและควบคุมอย่างดี เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลที่ได้รับมาถูกต้องและมีประโยชน์ Carrie ยังกล่าวถึงความสำคัญของการทดสอบและนำ AI ไปใช้ในพื้นที่ที่มีมูลค่า เช่น การพัฒนารหัส การค้นหาข้อมูลที่สร้างสรรค์ และการแปลภาษา ซึ่งการทำเช่นนี้จะช่วยให้ผู้นำด้านเทคโนโลยีสามารถเห็นภาพรวมของการใช้งาน AI ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ขอเพิ่มเติมอีกนิดว่า หากผู้นำด้านเทคโนโลยีต้องการให้ทีมงานมีประสิทธิภาพ การเปิดกว้างในการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้จะเป็นกุญแจสำคัญ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องไม่ลืมความสำคัญของการจัดการและการควบคุมข้อมูลอย่างเข้มงวดเพื่อให้การใช้งาน AI เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย https://www.zdnet.com/article/looking-to-lead-technology-teams-in-2025-follow-this-cdos-advice/
    WWW.ZDNET.COM
    Looking to lead technology teams in 2025? Follow this CDO's advice
    There's a temptation to automate as much work as possible, but AI has some shortcomings - and not for the reasons many think.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📌 วิธีปล่อยวางความรัก 10 ปี เลือกทางไหนดีที่สุด?

    หากเคยชินกับการ ยึดติดความสัมพันธ์มา 10 ปี
    ตอนนี้มี 4 ทางเลือก ที่จะช่วยให้ใจคลี่คลายจากอดีต

    ---

    🎯 ทางเลือกที่ 1: ปล่อยเลยตามเลย (จมอยู่กับอดีต)

    > "จะเสียเวลากับความเศร้าไปกี่สิบปีก็ช่างมัน"
    "จมกับอดีตต่อไปแบบไม่ต้องทำอะไรเลย"

    ❌ ผลลัพธ์:

    ความคิดแบบนี้เป็น บ่อเกิดของโรคย้ำคิดย้ำทำ

    มีแต่จะ วนเวียนจมอยู่กับอดีตไปเรื่อยๆ

    เวลา 10 ปีที่ผ่านมา กลายเป็นกำแพงขังใจ

    ทุกข์ไม่มีวันจบ เพราะ ไม่มีความพยายามปล่อยวางเลย

    👉 สรุป: ทางเลือกที่แย่ที่สุด!

    ---

    🎯 ทางเลือกที่ 2: ใช้เวลา 10 ปีสร้างความเคยชินใหม่

    > "ใช้เวลา 10 ปีสร้างนิสัยใหม่"
    "ค่อยๆ ฝึกคิดว่า เขาไม่เคยเป็นของเรา"
    "เวลาจะค่อยๆ ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเอง"

    ✅ ผลลัพธ์:

    ค่อยๆ ปรับจิตให้ ยอมรับความจริง ว่าเขาไม่ใช่ของเรา

    ทำให้ ใช้ชีวิตโดยไม่มีเขาได้ง่ายขึ้น

    อาจต้องใช้เวลานาน แต่ในที่สุดจะทำใจได้

    ❌ ข้อเสีย:

    ใช้เวลานาน กว่าจิตจะคุ้นชิน

    หากยัง "คิดถึงเขาทุกวัน" จะวนอยู่ในอดีตไปอีก 10 ปี

    👉 สรุป: ทางเลือกแบบทั่วไปที่คนส่วนใหญ่ใช้ (แต่ช้า)

    ---

    🎯 ทางเลือกที่ 3: ใช้เวลา 10 เดือนฝึกจิตให้สงบ

    > "ใช้เวลา 10 เดือนสวดมนต์ นั่งสมาธิ"
    "ฝึกให้จิตมีความสุขกับความวิเวก"
    "เปลี่ยนจากความสุขแบบพึ่งพา → เป็นสุขที่อยู่กับตัวเอง"

    ✅ ผลลัพธ์:

    ช่วยให้ใจสงบเร็วขึ้น กว่าการรอให้เวลาเยียวยา

    สร้าง ความสุขจากข้างใน ไม่ต้องพึ่งพาความรักจากคนอื่น

    ทำให้ ปล่อยวางเร็วขึ้น และมี ความสงบเป็นที่พึ่ง

    ❌ ข้อเสีย:

    อาจมีบางช่วงที่ จิตยังเผลอกลับไปคิดถึงเขา

    ต้อง มีวินัยในการปฏิบัติธรรม (หากทำๆ หยุดๆ จะไม่เห็นผล)

    👉 สรุป: ทางเลือกที่ดีมาก หากฝึกอย่างต่อเนื่อง

    ---

    🎯 ทางเลือกที่ 4: ใช้เวลา 10 วันฝึก "สติรู้ทันความยึดติด" (เร็วที่สุด!)

    > "ฝึกสังเกตอารมณ์ตัวเองวันละลมหายใจ"
    "เห็นว่าความเศร้าไม่คงที่ แปรเปลี่ยนตลอดเวลา"
    "เมื่อจิตเห็นความจริงของอารมณ์ ความยึดมั่นจะหายไปเอง"

    ✅ ผลลัพธ์:

    ช่วยปล่อยวางได้เร็วที่สุด

    ทำให้ เข้าใจธรรมชาติของอารมณ์ และเห็นว่ามันไม่เที่ยง

    ลดความยึดมั่นว่า "ฉันเป็นเจ้าของเขา" → "เขาไม่ใช่ของฉัน"

    ❌ ข้อเสีย:

    ต้องใช้ สติสูงมาก และต้อง ฝึกอย่างจริงจัง

    ต้องยอมรับว่า "เราควบคุมความคิดไม่ได้ แต่เราดูมันได้"

    👉 สรุป: ทางเลือกที่เร็วและมีประสิทธิภาพที่สุด

    ---

    🎯 สรุป: อยากพ้นทุกข์เร็ว ควรเลือกทางไหน?

    ✅ ถ้าอยากพ้นทุกข์เร็ว → เลือกทางที่ 4 (ฝึกสติรู้ทัน)
    ✅ ถ้าอยากใช้เวลาปรับตัวให้คุ้นชิน → เลือกทางที่ 2 (ใช้เวลา 10 ปี)
    ✅ ถ้าอยากให้จิตสงบเป็นสุข → เลือกทางที่ 3 (ฝึกสมาธิ 10 เดือน)
    ❌ ห้ามเลือกทางที่ 1 เด็ดขาด เพราะมันจะทำให้จมอยู่กับอดีตไปเรื่อยๆ

    ---

    💡 วิธีฝึก "สติรู้ทัน" เพื่อปล่อยวางเร็วที่สุด

    1️⃣ หายใจเข้า-ออกช้าๆ แล้วดูว่า "อารมณ์เปลี่ยนแปลงทุกลมหายใจ"
    2️⃣ สังเกตว่า "ความเศร้าแปรเปลี่ยนตลอดเวลา" มันไม่ได้อยู่คงที่
    3️⃣ บอกตัวเองว่า "ฉันไม่ใช่ความเศร้า ความเศร้าก็ไม่ใช่ฉัน"
    4️⃣ เมื่อเห็นว่า "อารมณ์ไม่เที่ยง" ใจก็จะคลายจากการยึดติดไปเอง

    📌 "เมื่อจิตเห็นความจริงของอารมณ์ ใจก็เป็นอิสระจากอดีต" 🔥
    📌 วิธีปล่อยวางความรัก 10 ปี เลือกทางไหนดีที่สุด? หากเคยชินกับการ ยึดติดความสัมพันธ์มา 10 ปี ตอนนี้มี 4 ทางเลือก ที่จะช่วยให้ใจคลี่คลายจากอดีต --- 🎯 ทางเลือกที่ 1: ปล่อยเลยตามเลย (จมอยู่กับอดีต) > "จะเสียเวลากับความเศร้าไปกี่สิบปีก็ช่างมัน" "จมกับอดีตต่อไปแบบไม่ต้องทำอะไรเลย" ❌ ผลลัพธ์: ความคิดแบบนี้เป็น บ่อเกิดของโรคย้ำคิดย้ำทำ มีแต่จะ วนเวียนจมอยู่กับอดีตไปเรื่อยๆ เวลา 10 ปีที่ผ่านมา กลายเป็นกำแพงขังใจ ทุกข์ไม่มีวันจบ เพราะ ไม่มีความพยายามปล่อยวางเลย 👉 สรุป: ทางเลือกที่แย่ที่สุด! --- 🎯 ทางเลือกที่ 2: ใช้เวลา 10 ปีสร้างความเคยชินใหม่ > "ใช้เวลา 10 ปีสร้างนิสัยใหม่" "ค่อยๆ ฝึกคิดว่า เขาไม่เคยเป็นของเรา" "เวลาจะค่อยๆ ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเอง" ✅ ผลลัพธ์: ค่อยๆ ปรับจิตให้ ยอมรับความจริง ว่าเขาไม่ใช่ของเรา ทำให้ ใช้ชีวิตโดยไม่มีเขาได้ง่ายขึ้น อาจต้องใช้เวลานาน แต่ในที่สุดจะทำใจได้ ❌ ข้อเสีย: ใช้เวลานาน กว่าจิตจะคุ้นชิน หากยัง "คิดถึงเขาทุกวัน" จะวนอยู่ในอดีตไปอีก 10 ปี 👉 สรุป: ทางเลือกแบบทั่วไปที่คนส่วนใหญ่ใช้ (แต่ช้า) --- 🎯 ทางเลือกที่ 3: ใช้เวลา 10 เดือนฝึกจิตให้สงบ > "ใช้เวลา 10 เดือนสวดมนต์ นั่งสมาธิ" "ฝึกให้จิตมีความสุขกับความวิเวก" "เปลี่ยนจากความสุขแบบพึ่งพา → เป็นสุขที่อยู่กับตัวเอง" ✅ ผลลัพธ์: ช่วยให้ใจสงบเร็วขึ้น กว่าการรอให้เวลาเยียวยา สร้าง ความสุขจากข้างใน ไม่ต้องพึ่งพาความรักจากคนอื่น ทำให้ ปล่อยวางเร็วขึ้น และมี ความสงบเป็นที่พึ่ง ❌ ข้อเสีย: อาจมีบางช่วงที่ จิตยังเผลอกลับไปคิดถึงเขา ต้อง มีวินัยในการปฏิบัติธรรม (หากทำๆ หยุดๆ จะไม่เห็นผล) 👉 สรุป: ทางเลือกที่ดีมาก หากฝึกอย่างต่อเนื่อง --- 🎯 ทางเลือกที่ 4: ใช้เวลา 10 วันฝึก "สติรู้ทันความยึดติด" (เร็วที่สุด!) > "ฝึกสังเกตอารมณ์ตัวเองวันละลมหายใจ" "เห็นว่าความเศร้าไม่คงที่ แปรเปลี่ยนตลอดเวลา" "เมื่อจิตเห็นความจริงของอารมณ์ ความยึดมั่นจะหายไปเอง" ✅ ผลลัพธ์: ช่วยปล่อยวางได้เร็วที่สุด ทำให้ เข้าใจธรรมชาติของอารมณ์ และเห็นว่ามันไม่เที่ยง ลดความยึดมั่นว่า "ฉันเป็นเจ้าของเขา" → "เขาไม่ใช่ของฉัน" ❌ ข้อเสีย: ต้องใช้ สติสูงมาก และต้อง ฝึกอย่างจริงจัง ต้องยอมรับว่า "เราควบคุมความคิดไม่ได้ แต่เราดูมันได้" 👉 สรุป: ทางเลือกที่เร็วและมีประสิทธิภาพที่สุด --- 🎯 สรุป: อยากพ้นทุกข์เร็ว ควรเลือกทางไหน? ✅ ถ้าอยากพ้นทุกข์เร็ว → เลือกทางที่ 4 (ฝึกสติรู้ทัน) ✅ ถ้าอยากใช้เวลาปรับตัวให้คุ้นชิน → เลือกทางที่ 2 (ใช้เวลา 10 ปี) ✅ ถ้าอยากให้จิตสงบเป็นสุข → เลือกทางที่ 3 (ฝึกสมาธิ 10 เดือน) ❌ ห้ามเลือกทางที่ 1 เด็ดขาด เพราะมันจะทำให้จมอยู่กับอดีตไปเรื่อยๆ --- 💡 วิธีฝึก "สติรู้ทัน" เพื่อปล่อยวางเร็วที่สุด 1️⃣ หายใจเข้า-ออกช้าๆ แล้วดูว่า "อารมณ์เปลี่ยนแปลงทุกลมหายใจ" 2️⃣ สังเกตว่า "ความเศร้าแปรเปลี่ยนตลอดเวลา" มันไม่ได้อยู่คงที่ 3️⃣ บอกตัวเองว่า "ฉันไม่ใช่ความเศร้า ความเศร้าก็ไม่ใช่ฉัน" 4️⃣ เมื่อเห็นว่า "อารมณ์ไม่เที่ยง" ใจก็จะคลายจากการยึดติดไปเอง 📌 "เมื่อจิตเห็นความจริงของอารมณ์ ใจก็เป็นอิสระจากอดีต" 🔥
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • การควบคุมมนุษย์ด้วย AI เป็นหัวข้อที่ซับซ้อนและมีประเด็นทางจริยธรรมมากมาย ซึ่งอาจนำไปสู่การใช้งานทั้งในทางที่ดีและไม่ดี ต่อไปนี้เป็นแนวคิดบางส่วนเกี่ยวกับรูปแบบการควบคุมมนุษย์ด้วย AI:

    ### 1. **การควบคุมผ่านข้อมูล (Data Control)**
    - **การเก็บข้อมูลส่วนบุคคล:** AI สามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น พฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดีย, สุขภาพ, หรือการเงิน เพื่อสร้างแบบแผนพฤติกรรมของแต่ละบุคคล
    - **การโฆษณาแบบกำหนดเป้าหมาย:** ใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและโฆษณาสินค้าหรือบริการที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้ ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค

    ### 2. **การควบคุมผ่านการตัดสินใจ (Decision Control)**
    - **ระบบแนะนำ (Recommendation Systems):** AI สามารถแนะนำทางเลือกให้กับผู้ใช้ เช่น วิดีโอที่ควรดู, สินค้าที่ควรซื้อ, หรือแม้แต่เส้นทางที่ควรเดินทาง ซึ่งอาจส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้ใช้
    - **ระบบอัตโนมัติ:** AI สามารถควบคุมระบบอัตโนมัติ เช่น รถยนต์ไร้คนขับ, ระบบจัดการพลังงานในบ้าน, หรือแม้แต่ระบบการเงินส่วนบุคคล

    ### 3. **การควบคุมผ่านการสื่อสาร (Communication Control)**
    - **แชทบอทและผู้ช่วยเสมือน:** AI สามารถใช้ในการสื่อสารกับมนุษย์ผ่านแชทบอทหรือผู้ช่วยเสมือน ซึ่งอาจถูกใช้เพื่อโน้มน้าวหรือชี้นำความคิดเห็นของผู้ใช้
    - **Deepfake และการปลอมแปลงข้อมูล:** AI สามารถสร้างเนื้อหาปลอม เช่น วิดีโอหรือเสียง ที่ดูเหมือนจริง เพื่อโน้มน้าวหรือหลอกลวงผู้คน

    ### 4. **การควบคุมผ่านการเฝ้าระวัง (Surveillance Control)**
    - **การเฝ้าระวังด้วยกล้อง:** AI สามารถใช้ในการวิเคราะห์ภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามพฤติกรรมของบุคคล
    - **การวิเคราะห์เสียง:** AI สามารถวิเคราะห์เสียงเพื่อตรวจจับอารมณ์หรือความตั้งใจของบุคคล

    ### 5. **การควบคุมผ่านการชี้นำทางสังคม (Social Influence Control)**
    - **โซเชียลมีเดีย:** AI สามารถใช้ในการวิเคราะห์และชี้นำกระแสสังคมบนโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างความนิยมหรือลดทอนความน่าเชื่อถือของข้อมูลบางอย่าง
    - **การสร้างเนื้อหา:** AI สามารถสร้างเนื้อหาที่มีอิทธิพลต่อความคิดเห็นของสาธารณชน เช่น ข่าวปลอมหรือบทความโน้มน้าวใจ

    ### 6. **การควบคุมผ่านระบบกฎหมายและกฎระเบียบ (Legal and Regulatory Control)**
    - **การบังคับใช้กฎหมาย:** AI สามารถใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อบังคับใช้กฎหมาย เช่น การตรวจจับการทุจริตหรือการละเมิดกฎหมาย
    - **การตัดสินใจทางกฎหมาย:** AI อาจถูกใช้ในการช่วยตัดสินใจทางกฎหมาย เช่น การพิจารณาคดีหรือการให้คำแนะนำทางกฎหมาย

    ### 7. **การควบคุมผ่านการชี้นำทางจิตวิทยา (Psychological Influence Control)**
    - **การวิเคราะห์อารมณ์:** AI สามารถวิเคราะห์อารมณ์ของบุคคลผ่านการวิเคราะห์ข้อความ, เสียง, หรือภาพ เพื่อชี้นำหรือโน้มน้าวใจ
    - **การบำบัดด้วย AI:** AI สามารถใช้ในการบำบัดทางจิตวิทยา ซึ่งอาจส่งผลต่อความคิดและพฤติกรรมของผู้ป่วย

    ### 8. **การควบคุมผ่านระบบการศึกษา (Educational Control)**
    - **ระบบการเรียนรู้แบบปรับตัว:** AI สามารถปรับเนื้อหาการเรียนรู้ให้เหมาะกับแต่ละบุคคล ซึ่งอาจส่งผลต่อความรู้และทักษะที่ผู้เรียนได้รับ
    - **การประเมินผล:** AI สามารถใช้ในการประเมินผลการเรียนรู้และให้คำแนะนำเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ

    ### 9. **การควบคุมผ่านระบบสุขภาพ (Health Control)**
    - **การวินิจฉัยโรค:** AI สามารถใช้ในการวินิจฉัยโรคและแนะนำการรักษา ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของบุคคล
    - **การติดตามสุขภาพ:** AI สามารถติดตามสุขภาพของบุคคลผ่านอุปกรณ์ wearable devices และให้คำแนะนำเพื่อปรับปรุงสุขภาพ

    ### 10. **การควบคุมผ่านระบบการเงิน (Financial Control)**
    - **การวิเคราะห์การเงิน:** AI สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้เงินและให้คำแนะนำทางการเงิน ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจทางการเงินของบุคคล
    - **การจัดการพอร์ตโฟลิโอ:** AI สามารถใช้ในการจัดการพอร์ตโฟลิโอการลงทุน ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่งคั่งของบุคคล

    ### จริยธรรมและความเสี่ยง
    การควบคุมมนุษย์ด้วย AI มีความเสี่ยงทางจริยธรรมมากมาย เช่น การละเมิดความเป็นส่วนตัว, การบังคับใช้อำนาจ, และการสร้างความไม่เท่าเทียมกันในสังคม ดังนั้น การออกแบบและใช้งาน AI ควรคำนึงถึงหลักจริยธรรมและกฎหมายเพื่อป้องกันการใช้งานในทางที่ผิด

    ### สรุป
    AI มีศักยภาพในการควบคุมมนุษย์ผ่านหลายช่องทาง ทั้งทางตรงและทางอ้อม การใช้งาน AI ควรคำนึงถึงผลกระทบทางสังคมและจริยธรรม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและลดความเสี่ยงต่อมนุษย์และสังคม
    การควบคุมมนุษย์ด้วย AI เป็นหัวข้อที่ซับซ้อนและมีประเด็นทางจริยธรรมมากมาย ซึ่งอาจนำไปสู่การใช้งานทั้งในทางที่ดีและไม่ดี ต่อไปนี้เป็นแนวคิดบางส่วนเกี่ยวกับรูปแบบการควบคุมมนุษย์ด้วย AI: ### 1. **การควบคุมผ่านข้อมูล (Data Control)** - **การเก็บข้อมูลส่วนบุคคล:** AI สามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น พฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดีย, สุขภาพ, หรือการเงิน เพื่อสร้างแบบแผนพฤติกรรมของแต่ละบุคคล - **การโฆษณาแบบกำหนดเป้าหมาย:** ใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและโฆษณาสินค้าหรือบริการที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้ ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค ### 2. **การควบคุมผ่านการตัดสินใจ (Decision Control)** - **ระบบแนะนำ (Recommendation Systems):** AI สามารถแนะนำทางเลือกให้กับผู้ใช้ เช่น วิดีโอที่ควรดู, สินค้าที่ควรซื้อ, หรือแม้แต่เส้นทางที่ควรเดินทาง ซึ่งอาจส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้ใช้ - **ระบบอัตโนมัติ:** AI สามารถควบคุมระบบอัตโนมัติ เช่น รถยนต์ไร้คนขับ, ระบบจัดการพลังงานในบ้าน, หรือแม้แต่ระบบการเงินส่วนบุคคล ### 3. **การควบคุมผ่านการสื่อสาร (Communication Control)** - **แชทบอทและผู้ช่วยเสมือน:** AI สามารถใช้ในการสื่อสารกับมนุษย์ผ่านแชทบอทหรือผู้ช่วยเสมือน ซึ่งอาจถูกใช้เพื่อโน้มน้าวหรือชี้นำความคิดเห็นของผู้ใช้ - **Deepfake และการปลอมแปลงข้อมูล:** AI สามารถสร้างเนื้อหาปลอม เช่น วิดีโอหรือเสียง ที่ดูเหมือนจริง เพื่อโน้มน้าวหรือหลอกลวงผู้คน ### 4. **การควบคุมผ่านการเฝ้าระวัง (Surveillance Control)** - **การเฝ้าระวังด้วยกล้อง:** AI สามารถใช้ในการวิเคราะห์ภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามพฤติกรรมของบุคคล - **การวิเคราะห์เสียง:** AI สามารถวิเคราะห์เสียงเพื่อตรวจจับอารมณ์หรือความตั้งใจของบุคคล ### 5. **การควบคุมผ่านการชี้นำทางสังคม (Social Influence Control)** - **โซเชียลมีเดีย:** AI สามารถใช้ในการวิเคราะห์และชี้นำกระแสสังคมบนโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างความนิยมหรือลดทอนความน่าเชื่อถือของข้อมูลบางอย่าง - **การสร้างเนื้อหา:** AI สามารถสร้างเนื้อหาที่มีอิทธิพลต่อความคิดเห็นของสาธารณชน เช่น ข่าวปลอมหรือบทความโน้มน้าวใจ ### 6. **การควบคุมผ่านระบบกฎหมายและกฎระเบียบ (Legal and Regulatory Control)** - **การบังคับใช้กฎหมาย:** AI สามารถใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อบังคับใช้กฎหมาย เช่น การตรวจจับการทุจริตหรือการละเมิดกฎหมาย - **การตัดสินใจทางกฎหมาย:** AI อาจถูกใช้ในการช่วยตัดสินใจทางกฎหมาย เช่น การพิจารณาคดีหรือการให้คำแนะนำทางกฎหมาย ### 7. **การควบคุมผ่านการชี้นำทางจิตวิทยา (Psychological Influence Control)** - **การวิเคราะห์อารมณ์:** AI สามารถวิเคราะห์อารมณ์ของบุคคลผ่านการวิเคราะห์ข้อความ, เสียง, หรือภาพ เพื่อชี้นำหรือโน้มน้าวใจ - **การบำบัดด้วย AI:** AI สามารถใช้ในการบำบัดทางจิตวิทยา ซึ่งอาจส่งผลต่อความคิดและพฤติกรรมของผู้ป่วย ### 8. **การควบคุมผ่านระบบการศึกษา (Educational Control)** - **ระบบการเรียนรู้แบบปรับตัว:** AI สามารถปรับเนื้อหาการเรียนรู้ให้เหมาะกับแต่ละบุคคล ซึ่งอาจส่งผลต่อความรู้และทักษะที่ผู้เรียนได้รับ - **การประเมินผล:** AI สามารถใช้ในการประเมินผลการเรียนรู้และให้คำแนะนำเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ ### 9. **การควบคุมผ่านระบบสุขภาพ (Health Control)** - **การวินิจฉัยโรค:** AI สามารถใช้ในการวินิจฉัยโรคและแนะนำการรักษา ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของบุคคล - **การติดตามสุขภาพ:** AI สามารถติดตามสุขภาพของบุคคลผ่านอุปกรณ์ wearable devices และให้คำแนะนำเพื่อปรับปรุงสุขภาพ ### 10. **การควบคุมผ่านระบบการเงิน (Financial Control)** - **การวิเคราะห์การเงิน:** AI สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้เงินและให้คำแนะนำทางการเงิน ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจทางการเงินของบุคคล - **การจัดการพอร์ตโฟลิโอ:** AI สามารถใช้ในการจัดการพอร์ตโฟลิโอการลงทุน ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่งคั่งของบุคคล ### จริยธรรมและความเสี่ยง การควบคุมมนุษย์ด้วย AI มีความเสี่ยงทางจริยธรรมมากมาย เช่น การละเมิดความเป็นส่วนตัว, การบังคับใช้อำนาจ, และการสร้างความไม่เท่าเทียมกันในสังคม ดังนั้น การออกแบบและใช้งาน AI ควรคำนึงถึงหลักจริยธรรมและกฎหมายเพื่อป้องกันการใช้งานในทางที่ผิด ### สรุป AI มีศักยภาพในการควบคุมมนุษย์ผ่านหลายช่องทาง ทั้งทางตรงและทางอ้อม การใช้งาน AI ควรคำนึงถึงผลกระทบทางสังคมและจริยธรรม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและลดความเสี่ยงต่อมนุษย์และสังคม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • 67 ปี หายนะเที่ยวบิน 609 ไถลหิมะรันเวย์มิวนิค-รีม โยนความผิดนักบิน เสียชีวิตรวมทีมแมนยู 23 ศพ

    ย้อนรอยเหตุการณ์สุดเศร้า 67 ปี ที่ผ่านมา เที่ยวบิน 609 ของสายการบินบริติชยูโรเปียนแอร์เวย์ส ไถลออกนอกรันเวย์ ท่ามกลางหิมะ ณ สนามบินมิวนิค-รีม คร่าชีวิตนักเตะ และสตาฟฟ์ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวม 23 ศห พร้อมการสืบสวน ที่เต็มไปด้วยปริศนา และข้อครหา

    วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2501 คือวันแห่งโศกนาฏกรรม ที่สะเทือนวงการฟุตบอลโลก เที่ยวบินเช่าเหมาลำ British European Airways Flight 609 ซึ่งนำพาเหล่านักเตะ ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังจากอังกฤษ พร้อมสตาฟฟ์โค้ชและนักข่าว กลับจากการแข่งขันยูโรเปียนคัพ ที่ยูโกสลาเวีย ต้องแวะเติมน้ำมัน ที่สนามบินมิวนิค-รีม ประเทศเยอรมนีตะวันตก

    แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น...
    เครื่องบินพยายามเทคออฟถึง 3 ครั้ง ก่อนจะลื่นไถลออกนอกรันเวย์ พุ่งชนอาคารและระเบิด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 23 ศพ รวมถึงนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 8 คน นี่คือเหตุการณ์ ที่เปลี่ยนโฉมหน้าของ "ปีศาจแดง" ไปตลอดกาล

    📌 แต่เหตุใด เครื่องบินถึงไม่สามารถขึ้นบินได้?
    📌 ใครต้องรับผิดชอบ ต่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้?
    📌 เกิดอะไรขึ้นกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากนั้น?

    ต้นเหตุของโศกนาฏกรรม อุบัติเหตุหรือข้อผิดพลาดของมนุษย์?
    เครื่องบินที่ใช้ในเที่ยวบินนี้คือ Airspeed AS.57 Ambassador ของสายการบิน British European Airways (BEA) โดยมี กัปตันเจมส์ เทรนต์ (James Thain) และผู้ช่วยนักบิน เคนเนตต์ เรย์เมนต์ (Kenneth Rayment) เป็นผู้ควบคุมเที่ยวบิน

    เมื่อเครื่องบินเดินทางมาถึง สนามบินมิวนิค-รีม ในช่วงบ่ายของวันนั้น สภาพอากาศเต็มไปด้วยหิมะ อุณหภูมิใกล้ 0 องศาเซลเซียส ส่งผลให้รันเวย์ เต็มไปด้วยน้ำแข็งบางๆ ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญ ในการบิน

    กัปตันเทรนต์ พยายามนำเครื่องขึ้นบินถึง 3 ครั้ง แต่ประสบปัญหาทุกครั้ง

    1️⃣ ครั้งแรก เครื่องยนต์มีอาการกระตุก ทำให้กัปตันตัดสินใจ ยกเลิกการเทคออฟ
    2️⃣ ครั้งที่สอง ปัญหาเดิมเกิดขึ้น กัปตันต้องหยุดเที่ยวบินอีกครั้ง
    3️⃣ ครั้งที่สาม เครื่องบินเร่งความเร็วถึงระดับ V1 (ความเร็วที่ไม่สามารถหยุดบินได้) และเข้าสู่จุด Vrotate (จุดยกหัวเครื่อง) แต่ทันใดนั้น ความเร็วลดลงกะทันหัน ก่อนที่เครื่องจะสูญเสียแรงยก และไถลออกนอกรันเวย์

    ข้อสันนิษฐานสาเหตุที่แท้จริง
    ❄️ "น้ำแข็งบนปีกเครื่องบิน?"
    มีการกล่าวหาในตอนแรกว่า น้ำแข็งเกาะบนปีกเครื่องบิน ทำให้เกิดแรงต้านอากาศ และไม่สามารถยกตัวขึ้นบินได้ อย่างไรก็ตาม กัปตันเทรนต์ยืนยันว่า เขาได้ตรวจสอบปีกแล้ว และไม่มีน้ำแข็งเกาะอยู่

    🏁 "หิมะบนรันเวย์?"
    การสืบสวนในเวลาต่อมาชี้ว่า หิมะที่หนาถึง 5 เซนติเมตร บนปลายรันเวย์ อาจเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ลดความเร็วเครื่องบินลงทันที ส่งผลให้เครื่องบิน ไม่สามารถบินขึ้นได้

    🔥 "ความผิดพลาดของนักบิน?"
    ทางการเยอรมนีกลับชี้ว่า กัปตันเทรนต์ต้องรับผิดชอบ เนื่องจากไม่ได้ละลายน้ำแข็ง บนปีกเครื่องบิน ทั้งที่หลักฐานชี้ว่า ปัญหาเกิดจาก สภาพรันเวย์มากกว่า

    ในที่สุด กัปตันเทรนต์ถูกไล่ออกจาก BEA แม้ต่อมาจะได้รับการพิสูจน์ว่า ไม่มีความผิด แต่นั่นก็ไม่สามารถลบล้างตราบาป ที่ติดตัวไปตลอดชีวิตได้

    23 ชีวิตที่ต้องสูญเสีย บาดแผลที่ไม่มีวันลืม
    ในจำนวน 44 คน ที่โดยสารบนเครื่อง มี 23 ราย เสียชีวิตทันที หรือหลังจากนั้นไม่นาน รวมถึงนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่โลกฟุตบอลต้องสูญเสีย ได้แก่

    ⚽ 8 นักเตะ "ปีศาจแดง" ที่จากไป
    โรเจอร์ ไบรน์ (Roger Byrne) กัปตันทีม
    เจฟฟ์ เบนท์ (Geoff Bent)
    เดวิด เพ็กก์ (David Pegg)
    มาร์ก โจนส์ (Mark Jones)
    บิลลี่ วีแลน (Billy Whelan)
    เอ็ดดี้ โคลแมน (Eddie Colman)
    ทอมมี่ เทย์เลอร์ (Tommy Taylor)
    ดันแคน เอ็ดเวิร์ดส์ (Duncan Edwards) เสียชีวิตหลังจากนั้น 15 วัน

    📍 นักข่าวกีฬา 8 คน และทีมงานของแมนฯ ยูไนเต็ด 3 คน
    📍 ลูกเรือ 1 คน และผู้โดยสารอื่นๆ 2 คน

    💔 โศกนาฏกรรมครั้งนี้ ส่งผลกระทบมหาศาล ต่อวงการฟุตบอล โดยเฉพาะสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ต้องสูญเสียแข้งดาวรุ่ง ที่มีอนาคตไกล

    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังโศกนาฏกรรม
    แม้จะเสียผู้เล่นหลักไปถึง 8 ราย แต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงสู้ต่อไป ด้วยหัวใจที่แข็งแกร่ง
    🔴 สโมสรได้รับความช่วยเหลือ จากลิเวอร์พูล ที่ยืมนักเตะให้ใช้งาน
    🔴 เซอร์ แมตต์ บัสบี้ (Sir Matt Busby) กุนซือผู้รอดชีวิต สร้างทีมใหม่ ด้วยดาวรุ่งอย่าง จอร์จ เบสต์, น็อบบี้ สไตล์ส และไบรอัน คิดด์
    🔴 ปี 1968 ยูไนเต็ดสามารถคว้าแชมป์ ยูโรเปียนคัพ ได้สำเร็จ เป็นสโมสรแรกของอังกฤษ ที่ทำได้

    💡 นี่คือสัญลักษณ์ของการไม่ยอมแพ้ และจิตวิญญาณของ "ปีศาจแดง" ที่ยังคงสืบทอด มาจนถึงปัจจุบัน

    โศกนาฏกรรมที่เป็นบทเรียน
    เหตุการณ์มิวนิค ไม่เพียงเป็นโศกนาฏกรรม ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ยังเป็นบทเรียนสำคัญ ของอุตสาหกรรมการบิน

    ✈️ การพัฒนาเทคโนโลยีการบิน มีการบังคับใช้มาตรฐานใหม่ เกี่ยวกับการตรวจสอบรันเวย์ และน้ำแข็งบนปีกเครื่องบิน
    ⚖️ ความยุติธรรมที่ล่าช้า กัปตันเทรนต์ใช้เวลากว่า 10 ปี ในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง

    🔴 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง

    67 ปีผ่านไป แต่ "โศกนาฏกรรมมิวนิค" ยังคงเป็นเรื่องราว ที่แฟนบอลทั่วโลกไม่มีวันลืม 🕊️

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 062132 ก.พ. 2568

    #Munich1958 #ManchesterUnited #NeverForget #BusbyBabes #MUFC
    67 ปี หายนะเที่ยวบิน 609 ไถลหิมะรันเวย์มิวนิค-รีม โยนความผิดนักบิน เสียชีวิตรวมทีมแมนยู 23 ศพ ย้อนรอยเหตุการณ์สุดเศร้า 67 ปี ที่ผ่านมา เที่ยวบิน 609 ของสายการบินบริติชยูโรเปียนแอร์เวย์ส ไถลออกนอกรันเวย์ ท่ามกลางหิมะ ณ สนามบินมิวนิค-รีม คร่าชีวิตนักเตะ และสตาฟฟ์ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวม 23 ศห พร้อมการสืบสวน ที่เต็มไปด้วยปริศนา และข้อครหา วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2501 คือวันแห่งโศกนาฏกรรม ที่สะเทือนวงการฟุตบอลโลก เที่ยวบินเช่าเหมาลำ British European Airways Flight 609 ซึ่งนำพาเหล่านักเตะ ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังจากอังกฤษ พร้อมสตาฟฟ์โค้ชและนักข่าว กลับจากการแข่งขันยูโรเปียนคัพ ที่ยูโกสลาเวีย ต้องแวะเติมน้ำมัน ที่สนามบินมิวนิค-รีม ประเทศเยอรมนีตะวันตก แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น... เครื่องบินพยายามเทคออฟถึง 3 ครั้ง ก่อนจะลื่นไถลออกนอกรันเวย์ พุ่งชนอาคารและระเบิด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 23 ศพ รวมถึงนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 8 คน นี่คือเหตุการณ์ ที่เปลี่ยนโฉมหน้าของ "ปีศาจแดง" ไปตลอดกาล 📌 แต่เหตุใด เครื่องบินถึงไม่สามารถขึ้นบินได้? 📌 ใครต้องรับผิดชอบ ต่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้? 📌 เกิดอะไรขึ้นกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากนั้น? ต้นเหตุของโศกนาฏกรรม อุบัติเหตุหรือข้อผิดพลาดของมนุษย์? เครื่องบินที่ใช้ในเที่ยวบินนี้คือ Airspeed AS.57 Ambassador ของสายการบิน British European Airways (BEA) โดยมี กัปตันเจมส์ เทรนต์ (James Thain) และผู้ช่วยนักบิน เคนเนตต์ เรย์เมนต์ (Kenneth Rayment) เป็นผู้ควบคุมเที่ยวบิน เมื่อเครื่องบินเดินทางมาถึง สนามบินมิวนิค-รีม ในช่วงบ่ายของวันนั้น สภาพอากาศเต็มไปด้วยหิมะ อุณหภูมิใกล้ 0 องศาเซลเซียส ส่งผลให้รันเวย์ เต็มไปด้วยน้ำแข็งบางๆ ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญ ในการบิน กัปตันเทรนต์ พยายามนำเครื่องขึ้นบินถึง 3 ครั้ง แต่ประสบปัญหาทุกครั้ง 1️⃣ ครั้งแรก เครื่องยนต์มีอาการกระตุก ทำให้กัปตันตัดสินใจ ยกเลิกการเทคออฟ 2️⃣ ครั้งที่สอง ปัญหาเดิมเกิดขึ้น กัปตันต้องหยุดเที่ยวบินอีกครั้ง 3️⃣ ครั้งที่สาม เครื่องบินเร่งความเร็วถึงระดับ V1 (ความเร็วที่ไม่สามารถหยุดบินได้) และเข้าสู่จุด Vrotate (จุดยกหัวเครื่อง) แต่ทันใดนั้น ความเร็วลดลงกะทันหัน ก่อนที่เครื่องจะสูญเสียแรงยก และไถลออกนอกรันเวย์ ข้อสันนิษฐานสาเหตุที่แท้จริง ❄️ "น้ำแข็งบนปีกเครื่องบิน?" มีการกล่าวหาในตอนแรกว่า น้ำแข็งเกาะบนปีกเครื่องบิน ทำให้เกิดแรงต้านอากาศ และไม่สามารถยกตัวขึ้นบินได้ อย่างไรก็ตาม กัปตันเทรนต์ยืนยันว่า เขาได้ตรวจสอบปีกแล้ว และไม่มีน้ำแข็งเกาะอยู่ 🏁 "หิมะบนรันเวย์?" การสืบสวนในเวลาต่อมาชี้ว่า หิมะที่หนาถึง 5 เซนติเมตร บนปลายรันเวย์ อาจเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ลดความเร็วเครื่องบินลงทันที ส่งผลให้เครื่องบิน ไม่สามารถบินขึ้นได้ 🔥 "ความผิดพลาดของนักบิน?" ทางการเยอรมนีกลับชี้ว่า กัปตันเทรนต์ต้องรับผิดชอบ เนื่องจากไม่ได้ละลายน้ำแข็ง บนปีกเครื่องบิน ทั้งที่หลักฐานชี้ว่า ปัญหาเกิดจาก สภาพรันเวย์มากกว่า ในที่สุด กัปตันเทรนต์ถูกไล่ออกจาก BEA แม้ต่อมาจะได้รับการพิสูจน์ว่า ไม่มีความผิด แต่นั่นก็ไม่สามารถลบล้างตราบาป ที่ติดตัวไปตลอดชีวิตได้ 23 ชีวิตที่ต้องสูญเสีย บาดแผลที่ไม่มีวันลืม ในจำนวน 44 คน ที่โดยสารบนเครื่อง มี 23 ราย เสียชีวิตทันที หรือหลังจากนั้นไม่นาน รวมถึงนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่โลกฟุตบอลต้องสูญเสีย ได้แก่ ⚽ 8 นักเตะ "ปีศาจแดง" ที่จากไป โรเจอร์ ไบรน์ (Roger Byrne) กัปตันทีม เจฟฟ์ เบนท์ (Geoff Bent) เดวิด เพ็กก์ (David Pegg) มาร์ก โจนส์ (Mark Jones) บิลลี่ วีแลน (Billy Whelan) เอ็ดดี้ โคลแมน (Eddie Colman) ทอมมี่ เทย์เลอร์ (Tommy Taylor) ดันแคน เอ็ดเวิร์ดส์ (Duncan Edwards) เสียชีวิตหลังจากนั้น 15 วัน 📍 นักข่าวกีฬา 8 คน และทีมงานของแมนฯ ยูไนเต็ด 3 คน 📍 ลูกเรือ 1 คน และผู้โดยสารอื่นๆ 2 คน 💔 โศกนาฏกรรมครั้งนี้ ส่งผลกระทบมหาศาล ต่อวงการฟุตบอล โดยเฉพาะสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ต้องสูญเสียแข้งดาวรุ่ง ที่มีอนาคตไกล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังโศกนาฏกรรม แม้จะเสียผู้เล่นหลักไปถึง 8 ราย แต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงสู้ต่อไป ด้วยหัวใจที่แข็งแกร่ง 🔴 สโมสรได้รับความช่วยเหลือ จากลิเวอร์พูล ที่ยืมนักเตะให้ใช้งาน 🔴 เซอร์ แมตต์ บัสบี้ (Sir Matt Busby) กุนซือผู้รอดชีวิต สร้างทีมใหม่ ด้วยดาวรุ่งอย่าง จอร์จ เบสต์, น็อบบี้ สไตล์ส และไบรอัน คิดด์ 🔴 ปี 1968 ยูไนเต็ดสามารถคว้าแชมป์ ยูโรเปียนคัพ ได้สำเร็จ เป็นสโมสรแรกของอังกฤษ ที่ทำได้ 💡 นี่คือสัญลักษณ์ของการไม่ยอมแพ้ และจิตวิญญาณของ "ปีศาจแดง" ที่ยังคงสืบทอด มาจนถึงปัจจุบัน โศกนาฏกรรมที่เป็นบทเรียน เหตุการณ์มิวนิค ไม่เพียงเป็นโศกนาฏกรรม ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ยังเป็นบทเรียนสำคัญ ของอุตสาหกรรมการบิน ✈️ การพัฒนาเทคโนโลยีการบิน มีการบังคับใช้มาตรฐานใหม่ เกี่ยวกับการตรวจสอบรันเวย์ และน้ำแข็งบนปีกเครื่องบิน ⚖️ ความยุติธรรมที่ล่าช้า กัปตันเทรนต์ใช้เวลากว่า 10 ปี ในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง 🔴 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง 67 ปีผ่านไป แต่ "โศกนาฏกรรมมิวนิค" ยังคงเป็นเรื่องราว ที่แฟนบอลทั่วโลกไม่มีวันลืม 🕊️ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 062132 ก.พ. 2568 #Munich1958 #ManchesterUnited #NeverForget #BusbyBabes #MUFC
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📌นักปรัชญาและนักทฤษฎีชาวรัสเซียที่มีชื่อเสียง วิเคราะห์ : จุดจบของอำนาจครอบงำของอเมริกา !!

    Alexander Dugin นักปรัชญาและนักทฤษฎีชาวรัสเซียที่มีชื่อเสียง เชื่อว่าโลกกำลังเปลี่ยนจากโครงสร้างขั้วเดียวไปเป็นโครงสร้างหลายขั้ว และผู้มีบทบาทต่างๆ เช่น อิหร่านและรัสเซียจะต้องเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์นี้

    Alexander Dugin นักปรัชญาและนักทฤษฎีชื่อดังชาวรัสเซีย ได้วิเคราะห์ถึงการพัฒนาทางภูมิรัฐศาสตร์ในโลก การกลับมามีอำนาจของทรัมป์ ตำแหน่งของอิหร่านและรัสเซียในระเบียบโลกใหม่ และการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งในนโยบายต่างประเทศของอเมริกา ในบทสัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ Sahab Broadcasting Network ของรัสเซีย

    ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ Alexander Dugin วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงพื้นฐานในกลยุทธ์ของอเมริกาและเชื่อว่ายุคที่วอชิงตันสร้างอำนาจเหนือบนพื้นฐานของอุดมการณ์เสรีนิยมและโลกาภิวัตน์นั้นสิ้นสุดลงแล้ว โมเดลนี้ซึ่งมีพื้นฐานมาจากอิทธิพลทางวัฒนธรรม การบ่อนทำลายอำนาจอธิปไตยของรัฐเอกราช และการออกแบบการปฏิวัติสี ปัจจุบันได้หลีกทางให้กับลัทธิชาตินิยมจักรวรรดินิยม ซึ่งอเมริกาพยายามที่จะรักษาผลประโยชน์ของตนเอง ไม่ใช่ในฐานะผู้นำโลก แต่เป็นจักรวรรดิที่เป็นอิสระ

    Alexander Dugin เน้นย้ำว่า ทรัมป์พยายามที่จะกำหนดระเบียบโลกใหม่โดยให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของสหรัฐฯ และละทิ้งนโยบายโลกาภิวัตน์ การเปลี่ยนแปลงนี้หมายถึงการลดการพึ่งพาพันธมิตรแบบดั้งเดิมและมุ่งเน้นไปที่การฉายอำนาจโดยตรงของอเมริกาในภูมิภาคเชิงยุทธศาสตร์ ในขณะเดียวกัน รัสเซียและอิหร่านซึ่งเป็นสองมหาอำนาจอิสระที่ได้รับผลกระทบจากรูปแบบเดิมของการครอบงำของชาติตะวันตก สามารถได้รับประโยชน์จากโอกาสใหม่ๆ ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงนี้

    ในส่วนอื่นของการสัมภาษณ์ เขากล่าวถึงนโยบายของทรัมป์ต่ออิหร่าน ตามที่ Alexander Dugin กล่าว แม้ว่าทรัมป์จะยังคงดำเนินนโยบายต่อต้านอิหร่านต่อไป แต่แนวทางที่เขามีต่อเตหะรานก็จะแตกต่างจากของไบเดน ต่างจากฝ่ายบริหารพรรคเดโมแครตซึ่งใช้ยุทธศาสตร์ "การกัดเซาะอย่างค่อยเป็นค่อยไป" ทรัมป์จะพยายามสร้างแรงกดดันโดยตรงและรวดเร็ว

    Alexander Dugin ยังอ้างถึงความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และอิสราเอล โดยอธิบายว่าทรัมป์จะทำให้อิสราเอลเป็นนโยบายต่างประเทศลำดับแรกของเขา นั่นหมายความว่าแรงกดดันของวอชิงตันต่อแกนต่อต้านและอิหร่านจะเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าภายในกระแสฝ่ายขวาที่สนับสนุนทรัมป์ ก็ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการสนับสนุนอิสราเอลอย่างไม่มีเงื่อนไขอีกด้วย

    เขาชี้ถึงความสำคัญของพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ระหว่างอิหร่านและรัสเซีย และถือว่าข้อตกลงทางยุทธศาสตร์ระหว่างทั้งสองประเทศเป็นหนึ่งในพัฒนาการทางภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ข้อตกลงนี้อาจนำไปสู่ความร่วมมือที่กว้างขวางยิ่งขึ้นในด้านการทหารและเศรษฐกิจ

    Alexander Dugin เสนอว่าอิหร่านควรได้รับการจัดให้อยู่ภายใต้การควบคุมทางนิวเคลียร์ของรัสเซีย และในทางกลับกัน รัสเซียควรใช้ประโยชน์จากศักยภาพทางภูมิรัฐศาสตร์ของอิหร่านในภูมิภาค ซึ่งรวมถึงในอ่าวเปอร์เซียและเอเชียใต้ เขาเห็นพันธมิตรนี้ไม่เพียงแต่เป็นสิ่งจำเป็นเชิงยุทธศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นการเปลี่ยนแปลงอารยธรรมที่สามารถต้านทานแรงกดดันจากชาติตะวันตกได้อีกด้วย

    เขาชี้ถึงสงครามฉนวนกาซาและการพัฒนาต่างๆ ที่เกิดขึ้นล่าสุดในปาเลสไตน์ โดยเน้นย้ำว่าความขัดแย้งครั้งนี้ได้นำเสนอภาพลักษณ์ใหม่ของอิสราเอลในความคิดเห็นสาธารณะทั่วโลกมากกว่าที่เคยเป็นมา ตามที่เขากล่าว อิสราเอลประสบความสำเร็จในการสร้างภาพตัวเองให้เป็นประเทศเหยื่อในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา แต่การโจมตีอย่างโหดร้ายในฉนวนกาซาและการสังหารพลเรือนได้ท้าทายเรื่องเล่านี้และปลุกระดมความคิดเห็นสาธารณะทั่วโลกให้ต่อต้านระบอบการปกครอง

    เขาเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงในมุมมองของโลกเกี่ยวกับอิสราเอลคือความล้มเหลวทางยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ที่สุดของระบอบการปกครองในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และยังทำให้การสนับสนุนแบบเดิมของอเมริกาต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ อีกด้วย

    Alexander Dugin ได้นำเสนอภาพที่ชัดเจนของอนาคตของระเบียบโลก ซึ่งในความเชื่อของเขา ยุคแห่งการครอบงำโลกอย่างไม่มีข้อโต้แย้งของอเมริกาสิ้นสุดลงแล้ว และประเทศต่างๆ เช่น จีน รัสเซีย อิหร่าน และอินเดีย จะมีบทบาทมากขึ้นในทางการเมืองระหว่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นการเปลี่ยนแปลงทางอารยธรรมด้วย ซึ่งจะรวมถึงการฟื้นคืนค่านิยมดั้งเดิม การเผชิญหน้ากับเสรีนิยมโลก และการก่อตั้งขั้วอำนาจอิสระ

    Alexander Dugin เน้นย้ำว่า อิหร่านและรัสเซียควรคว้าโอกาสทางประวัติศาสตร์นี้และเสริมสร้างพันธมิตรของพวกเขา เขาถือว่าความร่วมมือนี้อยู่เหนือข้อตกลงทางการทูตและถือเป็นรากฐานสำหรับการสร้างระเบียบโลกใหม่ คำสั่งที่ฝ่ายตะวันตกจะไม่เป็นผู้มีบทบาทครอบงำแต่ผู้เดียวอีกต่อไป
    📌นักปรัชญาและนักทฤษฎีชาวรัสเซียที่มีชื่อเสียง วิเคราะห์ : จุดจบของอำนาจครอบงำของอเมริกา !! Alexander Dugin นักปรัชญาและนักทฤษฎีชาวรัสเซียที่มีชื่อเสียง เชื่อว่าโลกกำลังเปลี่ยนจากโครงสร้างขั้วเดียวไปเป็นโครงสร้างหลายขั้ว และผู้มีบทบาทต่างๆ เช่น อิหร่านและรัสเซียจะต้องเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์นี้ Alexander Dugin นักปรัชญาและนักทฤษฎีชื่อดังชาวรัสเซีย ได้วิเคราะห์ถึงการพัฒนาทางภูมิรัฐศาสตร์ในโลก การกลับมามีอำนาจของทรัมป์ ตำแหน่งของอิหร่านและรัสเซียในระเบียบโลกใหม่ และการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งในนโยบายต่างประเทศของอเมริกา ในบทสัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ Sahab Broadcasting Network ของรัสเซีย ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ Alexander Dugin วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงพื้นฐานในกลยุทธ์ของอเมริกาและเชื่อว่ายุคที่วอชิงตันสร้างอำนาจเหนือบนพื้นฐานของอุดมการณ์เสรีนิยมและโลกาภิวัตน์นั้นสิ้นสุดลงแล้ว โมเดลนี้ซึ่งมีพื้นฐานมาจากอิทธิพลทางวัฒนธรรม การบ่อนทำลายอำนาจอธิปไตยของรัฐเอกราช และการออกแบบการปฏิวัติสี ปัจจุบันได้หลีกทางให้กับลัทธิชาตินิยมจักรวรรดินิยม ซึ่งอเมริกาพยายามที่จะรักษาผลประโยชน์ของตนเอง ไม่ใช่ในฐานะผู้นำโลก แต่เป็นจักรวรรดิที่เป็นอิสระ Alexander Dugin เน้นย้ำว่า ทรัมป์พยายามที่จะกำหนดระเบียบโลกใหม่โดยให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของสหรัฐฯ และละทิ้งนโยบายโลกาภิวัตน์ การเปลี่ยนแปลงนี้หมายถึงการลดการพึ่งพาพันธมิตรแบบดั้งเดิมและมุ่งเน้นไปที่การฉายอำนาจโดยตรงของอเมริกาในภูมิภาคเชิงยุทธศาสตร์ ในขณะเดียวกัน รัสเซียและอิหร่านซึ่งเป็นสองมหาอำนาจอิสระที่ได้รับผลกระทบจากรูปแบบเดิมของการครอบงำของชาติตะวันตก สามารถได้รับประโยชน์จากโอกาสใหม่ๆ ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงนี้ ในส่วนอื่นของการสัมภาษณ์ เขากล่าวถึงนโยบายของทรัมป์ต่ออิหร่าน ตามที่ Alexander Dugin กล่าว แม้ว่าทรัมป์จะยังคงดำเนินนโยบายต่อต้านอิหร่านต่อไป แต่แนวทางที่เขามีต่อเตหะรานก็จะแตกต่างจากของไบเดน ต่างจากฝ่ายบริหารพรรคเดโมแครตซึ่งใช้ยุทธศาสตร์ "การกัดเซาะอย่างค่อยเป็นค่อยไป" ทรัมป์จะพยายามสร้างแรงกดดันโดยตรงและรวดเร็ว Alexander Dugin ยังอ้างถึงความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และอิสราเอล โดยอธิบายว่าทรัมป์จะทำให้อิสราเอลเป็นนโยบายต่างประเทศลำดับแรกของเขา นั่นหมายความว่าแรงกดดันของวอชิงตันต่อแกนต่อต้านและอิหร่านจะเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าภายในกระแสฝ่ายขวาที่สนับสนุนทรัมป์ ก็ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการสนับสนุนอิสราเอลอย่างไม่มีเงื่อนไขอีกด้วย เขาชี้ถึงความสำคัญของพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ระหว่างอิหร่านและรัสเซีย และถือว่าข้อตกลงทางยุทธศาสตร์ระหว่างทั้งสองประเทศเป็นหนึ่งในพัฒนาการทางภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ข้อตกลงนี้อาจนำไปสู่ความร่วมมือที่กว้างขวางยิ่งขึ้นในด้านการทหารและเศรษฐกิจ Alexander Dugin เสนอว่าอิหร่านควรได้รับการจัดให้อยู่ภายใต้การควบคุมทางนิวเคลียร์ของรัสเซีย และในทางกลับกัน รัสเซียควรใช้ประโยชน์จากศักยภาพทางภูมิรัฐศาสตร์ของอิหร่านในภูมิภาค ซึ่งรวมถึงในอ่าวเปอร์เซียและเอเชียใต้ เขาเห็นพันธมิตรนี้ไม่เพียงแต่เป็นสิ่งจำเป็นเชิงยุทธศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นการเปลี่ยนแปลงอารยธรรมที่สามารถต้านทานแรงกดดันจากชาติตะวันตกได้อีกด้วย เขาชี้ถึงสงครามฉนวนกาซาและการพัฒนาต่างๆ ที่เกิดขึ้นล่าสุดในปาเลสไตน์ โดยเน้นย้ำว่าความขัดแย้งครั้งนี้ได้นำเสนอภาพลักษณ์ใหม่ของอิสราเอลในความคิดเห็นสาธารณะทั่วโลกมากกว่าที่เคยเป็นมา ตามที่เขากล่าว อิสราเอลประสบความสำเร็จในการสร้างภาพตัวเองให้เป็นประเทศเหยื่อในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา แต่การโจมตีอย่างโหดร้ายในฉนวนกาซาและการสังหารพลเรือนได้ท้าทายเรื่องเล่านี้และปลุกระดมความคิดเห็นสาธารณะทั่วโลกให้ต่อต้านระบอบการปกครอง เขาเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงในมุมมองของโลกเกี่ยวกับอิสราเอลคือความล้มเหลวทางยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ที่สุดของระบอบการปกครองในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และยังทำให้การสนับสนุนแบบเดิมของอเมริกาต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ อีกด้วย Alexander Dugin ได้นำเสนอภาพที่ชัดเจนของอนาคตของระเบียบโลก ซึ่งในความเชื่อของเขา ยุคแห่งการครอบงำโลกอย่างไม่มีข้อโต้แย้งของอเมริกาสิ้นสุดลงแล้ว และประเทศต่างๆ เช่น จีน รัสเซีย อิหร่าน และอินเดีย จะมีบทบาทมากขึ้นในทางการเมืองระหว่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นการเปลี่ยนแปลงทางอารยธรรมด้วย ซึ่งจะรวมถึงการฟื้นคืนค่านิยมดั้งเดิม การเผชิญหน้ากับเสรีนิยมโลก และการก่อตั้งขั้วอำนาจอิสระ Alexander Dugin เน้นย้ำว่า อิหร่านและรัสเซียควรคว้าโอกาสทางประวัติศาสตร์นี้และเสริมสร้างพันธมิตรของพวกเขา เขาถือว่าความร่วมมือนี้อยู่เหนือข้อตกลงทางการทูตและถือเป็นรากฐานสำหรับการสร้างระเบียบโลกใหม่ คำสั่งที่ฝ่ายตะวันตกจะไม่เป็นผู้มีบทบาทครอบงำแต่ผู้เดียวอีกต่อไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
  • คำชี้แจงของศาลคือ บริการทรูไอดีตัวนี้ยังไม่มีหลักเกณฑ์การควบคุมจาก กสทช. พูดง่ายๆ กสทช.ไม่มีอำนาจไปทำอะไรเขา เพราะยังไม่มีกฏหมายรองรับว่าสิ่งที่ทรูทำมันผิด

    และจากเอกสารหน้า 3 มีการสร้างเอกสารการประชุมเท็จ
    คำชี้แจงของศาลคือ บริการทรูไอดีตัวนี้ยังไม่มีหลักเกณฑ์การควบคุมจาก กสทช. พูดง่ายๆ กสทช.ไม่มีอำนาจไปทำอะไรเขา เพราะยังไม่มีกฏหมายรองรับว่าสิ่งที่ทรูทำมันผิด และจากเอกสารหน้า 3 มีการสร้างเอกสารการประชุมเท็จ
    Like
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโอซาก้าในประเทศญี่ปุ่น ได้พัฒนาวัสดุใหม่ที่เรียกว่า vanadium dioxide (VO₂) ซึ่งมีความสามารถในการปรับเปลี่ยนสถานะระหว่างการเป็นตัวนำไฟฟ้าและฉนวน โดยการควบคุมอุณหภูมิ เมื่อ VO₂ ถูกทำให้ร้อนขึ้น พื้นที่เล็ก ๆ ที่เหมือนโลหะจะก่อตัวขึ้นและขยายขนาดภายในสารประกอบนี้ เมื่อนักวิจัยควบคุมความร้อน พื้นที่เหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นขั้วไฟฟ้าที่สามารถปรับแต่งได้

    ทีมนักวิจัยได้ทดสอบคุณสมบัตินี้โดยการสร้าง เครื่องตรวจจับแสงเทราเฮิรตซ์ (terahertz photodetector) ที่มีส่วนประกอบของ VO₂ โดยใช้วิธีการผลิตที่มีความละเอียดสูงเพื่อสร้างชั้น VO₂ คุณภาพสูงบนซับสเตรตซิลิคอน การควบคุมขนาดของพื้นที่โลหะในชั้น VO₂ ผ่านการปรับอุณหภูมิ ทำให้สามารถควบคุมการตอบสนองของซับสเตรตซิลิคอนต่อแสงเทราเฮิรตซ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    อีกคุณสมบัติที่น่าสนใจคือ ความสามารถในการขยายสัญญาณไฟฟ้าผ่าน "ปรากฏการณ์หิมะถล่ม" (avalanche effect) ซึ่งเมื่อ VO₂ รวมสนามไฟฟ้าให้เข้มข้นในช่องว่างระหว่างพื้นที่โลหะ จะกระตุ้นการเคลื่อนไหวของอิเล็กตรอนแบบลูกโซ่ ทำให้สัญญาณไฟฟ้าอ่อนถูกขยายอย่างมาก ทำให้เครื่องตรวจจับแสงมีความไวสูง

    นักวิจัยเชื่อว่าเทคโนโลยีนี้สามารถนำไปใช้ในการผลิตอุปกรณ์ที่มีพื้นฐานจาก VO₂ กับเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ที่มีอยู่ได้ง่าย โดยทฤษฎี อุปกรณ์สามารถใช้การควบคุมอุณหภูมิที่แม่นยำในการกระตุ้นการเปลี่ยนสถานะของ VO₂ เพื่อปรับแต่งสัญญาณไฟฟ้า ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อแพลตฟอร์มที่ต้องการส่วนประกอบวงจรที่ปรับเปลี่ยนได้ เช่น การคำนวณที่สามารถปรับตัวได้หรือระบบภาพขั้นสูง

    นอกจากนี้ ความสามารถในการปรับแต่งคุณสมบัติไฟฟ้าของวัสดุนี้ยังทำให้มันเป็นที่น่าสนใจสำหรับระบบการสื่อสารแบบไร้สายในอนาคต ซึ่งรวมถึงเครือข่าย 6G ที่มีความถี่ในช่วงเทราเฮิรตซ์

    ด้วยคุณสมบัติที่หลากหลายของ VO₂ นักวิจัยกำลังสร้างพื้นฐานให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใหม่ ๆ ที่สามารถปรับตัวเองได้โดยอัตโนมัติ เช่น เซนเซอร์ที่ดีขึ้น การสื่อสารความเร็วสูง และการคำนวณขั้นสูงในยุคถัดไป

    https://www.techspot.com/news/106662-scientists-devise-living-electrodes-could-improve-traditional-silicon.html
    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโอซาก้าในประเทศญี่ปุ่น ได้พัฒนาวัสดุใหม่ที่เรียกว่า vanadium dioxide (VO₂) ซึ่งมีความสามารถในการปรับเปลี่ยนสถานะระหว่างการเป็นตัวนำไฟฟ้าและฉนวน โดยการควบคุมอุณหภูมิ เมื่อ VO₂ ถูกทำให้ร้อนขึ้น พื้นที่เล็ก ๆ ที่เหมือนโลหะจะก่อตัวขึ้นและขยายขนาดภายในสารประกอบนี้ เมื่อนักวิจัยควบคุมความร้อน พื้นที่เหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นขั้วไฟฟ้าที่สามารถปรับแต่งได้ ทีมนักวิจัยได้ทดสอบคุณสมบัตินี้โดยการสร้าง เครื่องตรวจจับแสงเทราเฮิรตซ์ (terahertz photodetector) ที่มีส่วนประกอบของ VO₂ โดยใช้วิธีการผลิตที่มีความละเอียดสูงเพื่อสร้างชั้น VO₂ คุณภาพสูงบนซับสเตรตซิลิคอน การควบคุมขนาดของพื้นที่โลหะในชั้น VO₂ ผ่านการปรับอุณหภูมิ ทำให้สามารถควบคุมการตอบสนองของซับสเตรตซิลิคอนต่อแสงเทราเฮิรตซ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกคุณสมบัติที่น่าสนใจคือ ความสามารถในการขยายสัญญาณไฟฟ้าผ่าน "ปรากฏการณ์หิมะถล่ม" (avalanche effect) ซึ่งเมื่อ VO₂ รวมสนามไฟฟ้าให้เข้มข้นในช่องว่างระหว่างพื้นที่โลหะ จะกระตุ้นการเคลื่อนไหวของอิเล็กตรอนแบบลูกโซ่ ทำให้สัญญาณไฟฟ้าอ่อนถูกขยายอย่างมาก ทำให้เครื่องตรวจจับแสงมีความไวสูง นักวิจัยเชื่อว่าเทคโนโลยีนี้สามารถนำไปใช้ในการผลิตอุปกรณ์ที่มีพื้นฐานจาก VO₂ กับเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ที่มีอยู่ได้ง่าย โดยทฤษฎี อุปกรณ์สามารถใช้การควบคุมอุณหภูมิที่แม่นยำในการกระตุ้นการเปลี่ยนสถานะของ VO₂ เพื่อปรับแต่งสัญญาณไฟฟ้า ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อแพลตฟอร์มที่ต้องการส่วนประกอบวงจรที่ปรับเปลี่ยนได้ เช่น การคำนวณที่สามารถปรับตัวได้หรือระบบภาพขั้นสูง นอกจากนี้ ความสามารถในการปรับแต่งคุณสมบัติไฟฟ้าของวัสดุนี้ยังทำให้มันเป็นที่น่าสนใจสำหรับระบบการสื่อสารแบบไร้สายในอนาคต ซึ่งรวมถึงเครือข่าย 6G ที่มีความถี่ในช่วงเทราเฮิรตซ์ ด้วยคุณสมบัติที่หลากหลายของ VO₂ นักวิจัยกำลังสร้างพื้นฐานให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใหม่ ๆ ที่สามารถปรับตัวเองได้โดยอัตโนมัติ เช่น เซนเซอร์ที่ดีขึ้น การสื่อสารความเร็วสูง และการคำนวณขั้นสูงในยุคถัดไป https://www.techspot.com/news/106662-scientists-devise-living-electrodes-could-improve-traditional-silicon.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Scientists devise 'living' electrodes that could vastly improve traditional silicon electronics
    Researchers at Osaka University in Suita, Japan, have devised a novel way to improve the performance of electronic devices. The study, published in ACS Applied Electronic Materials,...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
  • ห้องสมุดสาธารณะกำลังเผชิญกับปัญหาหนังสือที่สร้างจาก AI ซึ่งเต็มไปด้วยเนื้อหาคุณภาพต่ำและทำให้การตรวจสอบยากขึ้น ข่าวนี้เปิดเผยว่าหลายบริษัทที่ให้บริการหนังสือดิจิทัลแก่ห้องสมุด ไม่สามารถควบคุมปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    บริษัท OverDrive และ Hoopla ที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการให้ยืมอีบุ๊ค กำลังประสบปัญหาในการกรองเนื้อหาคุณภาพต่ำที่สร้างจาก AI โดย OverDrive อนุญาตให้ห้องสมุดคัดเลือกหนังสือที่จะเสนอ ส่วน Hoopla ให้เข้าถึงแคตาล็อกทั้งหมดได้โดยไม่มีการกรอง ทำให้มีเนื้อหาปลอม (vendor slurry) มากมายเข้ามาในระบบ

    ตัวอย่างหนึ่งของปัญหานี้คือบริษัท IRB Media ที่มีหนังสือหลายร้อยเล่มบน Hoopla ซึ่งเป็นสรุปที่สร้างจาก AI ของหนังสือที่มีอยู่แล้ว การให้ยืมเนื้อหาที่ไม่มีคุณภาพนี้ทำให้ห้องสมุดต้องเสียค่าใช้จ่ายโดยไม่ได้รับประโยชน์ใด ๆ กลับมา

    สองปีที่แล้ว กลุ่ม Library Futures และ Library Freedom Project ได้เรียกร้องให้ Hoopla และ OverDrive แก้ไขปัญหาหนังสือคุณภาพต่ำ โดยเฉพาะหนังสือที่ปฏิเสธการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของชาวยิวหรือแสดงความเกลียดชังต่อชนกลุ่มน้อย Hoopla ได้ลบหนังสือที่มีปัญหาออก แต่ระบบอัตโนมัติและการตรวจสอบด้วยมนุษย์ยังไม่เพียงพอในการป้องกันปัญหานี้

    Luca Bartlomiejczyk บรรณารักษ์จากห้องสมุด Edith Wheeler Memorial ใน Monroe, Connecticut กล่าวว่าความรับผิดชอบในการควบคุมเนื้อหาจาก AI เป็นสิ่งสำคัญ และเนื้อหาดังกล่าวควรมีป้ายกำกับชัดเจนในแคตาล็อก เพื่อให้ผู้อ่านทราบว่าพวกเขากำลังดาวน์โหลดอะไรมาอ่าน

    สรุปแล้ว หนังสือที่สร้างจาก AI กำลังเกลื่อนห้องสมุดสาธารณะ และยังไม่มีวิธีการแก้ไขปัญหานี้ที่ง่ายหรือแน่ชัด การควบคุมและการตรวจสอบเนื้อหายังคงเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการต่อไปอย่างเร่งด่วน

    https://www.techspot.com/news/106656-ai-generated-books-have-overrun-public-libraries-no.html
    ห้องสมุดสาธารณะกำลังเผชิญกับปัญหาหนังสือที่สร้างจาก AI ซึ่งเต็มไปด้วยเนื้อหาคุณภาพต่ำและทำให้การตรวจสอบยากขึ้น ข่าวนี้เปิดเผยว่าหลายบริษัทที่ให้บริการหนังสือดิจิทัลแก่ห้องสมุด ไม่สามารถควบคุมปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัท OverDrive และ Hoopla ที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการให้ยืมอีบุ๊ค กำลังประสบปัญหาในการกรองเนื้อหาคุณภาพต่ำที่สร้างจาก AI โดย OverDrive อนุญาตให้ห้องสมุดคัดเลือกหนังสือที่จะเสนอ ส่วน Hoopla ให้เข้าถึงแคตาล็อกทั้งหมดได้โดยไม่มีการกรอง ทำให้มีเนื้อหาปลอม (vendor slurry) มากมายเข้ามาในระบบ ตัวอย่างหนึ่งของปัญหานี้คือบริษัท IRB Media ที่มีหนังสือหลายร้อยเล่มบน Hoopla ซึ่งเป็นสรุปที่สร้างจาก AI ของหนังสือที่มีอยู่แล้ว การให้ยืมเนื้อหาที่ไม่มีคุณภาพนี้ทำให้ห้องสมุดต้องเสียค่าใช้จ่ายโดยไม่ได้รับประโยชน์ใด ๆ กลับมา สองปีที่แล้ว กลุ่ม Library Futures และ Library Freedom Project ได้เรียกร้องให้ Hoopla และ OverDrive แก้ไขปัญหาหนังสือคุณภาพต่ำ โดยเฉพาะหนังสือที่ปฏิเสธการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของชาวยิวหรือแสดงความเกลียดชังต่อชนกลุ่มน้อย Hoopla ได้ลบหนังสือที่มีปัญหาออก แต่ระบบอัตโนมัติและการตรวจสอบด้วยมนุษย์ยังไม่เพียงพอในการป้องกันปัญหานี้ Luca Bartlomiejczyk บรรณารักษ์จากห้องสมุด Edith Wheeler Memorial ใน Monroe, Connecticut กล่าวว่าความรับผิดชอบในการควบคุมเนื้อหาจาก AI เป็นสิ่งสำคัญ และเนื้อหาดังกล่าวควรมีป้ายกำกับชัดเจนในแคตาล็อก เพื่อให้ผู้อ่านทราบว่าพวกเขากำลังดาวน์โหลดอะไรมาอ่าน สรุปแล้ว หนังสือที่สร้างจาก AI กำลังเกลื่อนห้องสมุดสาธารณะ และยังไม่มีวิธีการแก้ไขปัญหานี้ที่ง่ายหรือแน่ชัด การควบคุมและการตรวจสอบเนื้อหายังคงเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการต่อไปอย่างเร่งด่วน https://www.techspot.com/news/106656-ai-generated-books-have-overrun-public-libraries-no.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    AI-generated books have overrun public libraries, with no easy solution in sight
    The internet is becoming a wasteland, devoid of human interaction, as bots consume global bandwidth with malicious and worthless traffic. According to those in the ebook lending...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • ByteDance ได้เปิดตัวระบบ AI ใหม่ชื่อ OmniHuman-1 ที่สามารถสร้างวิดีโอลวงตา (deepfake) ได้เหมือนจริงเกือบแยกไม่ออก โดยระบบนี้สามารถสร้างวิดีโอที่เหมือนจริงได้จากเพียงภาพถ่ายเดียวและคลิปเสียง ระบบยังสามารถปรับแต่งองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น อัตราส่วนภาพและการจัดองค์ประกอบของร่างกายได้ ระบบ AI นี้ยังสามารถแก้ไขวิดีโอที่มีอยู่ เช่น การแก้ไขการเคลื่อนไหวของร่างกายและท่าทางได้อย่างแม่นยำ

    ระบบ OmniHuman-1 นี้ถูกฝึกอบรมด้วยข้อมูลวิดีโอจำนวน 18,700 ชั่วโมง โดยใช้วิธีการที่เรียกว่า "omni-conditions" ที่ทำให้ AI สามารถเรียนรู้จากแหล่งข้อมูลหลาย ๆ แหล่งพร้อมกัน เช่น ข้อความ เสียง และท่าทางของร่างกาย

    อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีนี้มีข้อกังวลเกี่ยวกับการใช้งานในทางที่ผิด เช่น การใช้เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท็จ การฉ้อโกง และการกระทำที่ไม่เหมาะสมอื่น ๆ ในช่วงปี 2024 มีหลายกรณีที่วิดีโอลวงตาถูกใช้เพื่อหลอกลวงผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งและการฉ้อโกงทางการเงิน เช่น กรณีของผู้หลอกลวงที่แสร้งเป็น Brad Pitt เพื่อหลอกลวงผู้หญิงคนหนึ่งและได้เงินไปถึง $850,000

    มีผู้เชี่ยวชาญด้านจริยธรรมของ AI จำนวนมากได้เรียกร้องให้มีการออกกฎระเบียบเกี่ยวกับวิดีโอลวงตา และบางรัฐในสหรัฐฯ ได้ออกกฎหมายห้ามการใช้งานวิดีโอลวงตาเพื่อกระทำการไม่เหมาะสม แต่ยังไม่มีกฎหมายควบคุมอย่างครอบคลุมทั่วประเทศ

    ByteDance ยังไม่ได้เผยแพร่ระบบ OmniHuman-1 ให้กับสาธารณะ แต่สามารถอ่านงานวิจัยเกี่ยวกับโมเดลนี้ได้ที่
    https://arxiv.org/abs/2502.01061v1

    https://www.techspot.com/news/106648-bytedance-unveils-deepfake-model-may-most-realistic.html
    ByteDance ได้เปิดตัวระบบ AI ใหม่ชื่อ OmniHuman-1 ที่สามารถสร้างวิดีโอลวงตา (deepfake) ได้เหมือนจริงเกือบแยกไม่ออก โดยระบบนี้สามารถสร้างวิดีโอที่เหมือนจริงได้จากเพียงภาพถ่ายเดียวและคลิปเสียง ระบบยังสามารถปรับแต่งองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น อัตราส่วนภาพและการจัดองค์ประกอบของร่างกายได้ ระบบ AI นี้ยังสามารถแก้ไขวิดีโอที่มีอยู่ เช่น การแก้ไขการเคลื่อนไหวของร่างกายและท่าทางได้อย่างแม่นยำ ระบบ OmniHuman-1 นี้ถูกฝึกอบรมด้วยข้อมูลวิดีโอจำนวน 18,700 ชั่วโมง โดยใช้วิธีการที่เรียกว่า "omni-conditions" ที่ทำให้ AI สามารถเรียนรู้จากแหล่งข้อมูลหลาย ๆ แหล่งพร้อมกัน เช่น ข้อความ เสียง และท่าทางของร่างกาย อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีนี้มีข้อกังวลเกี่ยวกับการใช้งานในทางที่ผิด เช่น การใช้เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท็จ การฉ้อโกง และการกระทำที่ไม่เหมาะสมอื่น ๆ ในช่วงปี 2024 มีหลายกรณีที่วิดีโอลวงตาถูกใช้เพื่อหลอกลวงผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งและการฉ้อโกงทางการเงิน เช่น กรณีของผู้หลอกลวงที่แสร้งเป็น Brad Pitt เพื่อหลอกลวงผู้หญิงคนหนึ่งและได้เงินไปถึง $850,000 มีผู้เชี่ยวชาญด้านจริยธรรมของ AI จำนวนมากได้เรียกร้องให้มีการออกกฎระเบียบเกี่ยวกับวิดีโอลวงตา และบางรัฐในสหรัฐฯ ได้ออกกฎหมายห้ามการใช้งานวิดีโอลวงตาเพื่อกระทำการไม่เหมาะสม แต่ยังไม่มีกฎหมายควบคุมอย่างครอบคลุมทั่วประเทศ ByteDance ยังไม่ได้เผยแพร่ระบบ OmniHuman-1 ให้กับสาธารณะ แต่สามารถอ่านงานวิจัยเกี่ยวกับโมเดลนี้ได้ที่ https://arxiv.org/abs/2502.01061v1 https://www.techspot.com/news/106648-bytedance-unveils-deepfake-model-may-most-realistic.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    ByteDance's OmniHuman-1 may be the most realistic deepfake algorithm yet
    We may be well past the uncanny valley point right now. OmniHuman-1's fake videos look startlingly lifelike, and the model's deepfake outputs are perhaps the most realistic...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท BlackRock กำลังเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์การลงทุนที่เกี่ยวข้องกับบิทคอยน์ (bitcoin exchange-traded product) ในยุโรปในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อให้ผู้จัดการกองทุนและผู้บริโภคทั่วไปสามารถเข้าถึงการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี่ได้มากขึ้น แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์นี้จะถูกจดทะเบียนในสวิตเซอร์แลนด์

    ที่ผ่านมา BlackRock เป็นหนึ่งในนักลงทุนสถาบันรายแรกที่เสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ติดตามราคาจริงของบิทคอยน์ หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) อนุมัติผลิตภัณฑ์ในเดือนมกราคม 2024 การเคลื่อนไหวนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยเพิ่มความหวังให้กับอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซี่ว่าคริปโตจะเป็นส่วนหนึ่งของการเงินกระแสหลักมากขึ้น

    ผลิตภัณฑ์บิทคอยน์ของ BlackRock ชื่อ IBIT ได้รับความนิยมอย่างมาก มีสินทรัพย์สุทธิถึง $57.5 พันล้าน ณ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2025 อย่างไรก็ตาม นักลงทุนทั่วโลกบางส่วนไม่สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ได้

    ตลาดคริปโตในยุโรปกำลังเผชิญกับการควบคุมที่เข้มงวดมากขึ้น โดยสหภาพยุโรปได้เริ่มใช้กรอบการกำกับดูแลคริปโตที่เรียกว่า Markets in Crypto-Assets Regulation (MiCA) ตั้งแต่ต้นปี 2023 ทำให้บริษัทในยุโรปต้องปรับตัวและปฏิบัติตามกฎระเบียบใหม่เหล่านี้

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/06/blackrock-prepares-to-launch-bitcoin-exchange-traded-product-in-europe-source-says
    บริษัท BlackRock กำลังเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์การลงทุนที่เกี่ยวข้องกับบิทคอยน์ (bitcoin exchange-traded product) ในยุโรปในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อให้ผู้จัดการกองทุนและผู้บริโภคทั่วไปสามารถเข้าถึงการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี่ได้มากขึ้น แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์นี้จะถูกจดทะเบียนในสวิตเซอร์แลนด์ ที่ผ่านมา BlackRock เป็นหนึ่งในนักลงทุนสถาบันรายแรกที่เสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ติดตามราคาจริงของบิทคอยน์ หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) อนุมัติผลิตภัณฑ์ในเดือนมกราคม 2024 การเคลื่อนไหวนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยเพิ่มความหวังให้กับอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซี่ว่าคริปโตจะเป็นส่วนหนึ่งของการเงินกระแสหลักมากขึ้น ผลิตภัณฑ์บิทคอยน์ของ BlackRock ชื่อ IBIT ได้รับความนิยมอย่างมาก มีสินทรัพย์สุทธิถึง $57.5 พันล้าน ณ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2025 อย่างไรก็ตาม นักลงทุนทั่วโลกบางส่วนไม่สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ได้ ตลาดคริปโตในยุโรปกำลังเผชิญกับการควบคุมที่เข้มงวดมากขึ้น โดยสหภาพยุโรปได้เริ่มใช้กรอบการกำกับดูแลคริปโตที่เรียกว่า Markets in Crypto-Assets Regulation (MiCA) ตั้งแต่ต้นปี 2023 ทำให้บริษัทในยุโรปต้องปรับตัวและปฏิบัติตามกฎระเบียบใหม่เหล่านี้ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/06/blackrock-prepares-to-launch-bitcoin-exchange-traded-product-in-europe-source-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    BlackRock prepares to launch bitcoin exchange-traded product in Europe, source says
    LONDON (Reuters) - BlackRock is gearing up to launch a bitcoin exchange-traded product in Europe within weeks, a source familiar with the matter told Reuters, amid growing demand for exposure to cryptocurrencies from both money managers and consumers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮ่องกงได้ออกแบบและทดสอบหุ่นยนต์ทางอากาศ (Drone) ล้ำสมัยที่มีความสามารถในการนำทางในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนได้ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 20 เมตรต่อวินาที ในขณะที่ยังคงความแม่นยำในการควบคุมอยู่ ชื่อของหุ่นยนต์นี้คือ SUPER ซึ่งเป็นโดรนแบบควอดคอปเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยี LiDAR ขั้นสูงในการตรวจจับและหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางแม้จะเป็นเส้นลวดบาง ๆ ที่มีขนาดเล็กเพียง 2.5 มิลลิเมตร

    ทีมวิจัยยังชี้ให้เห็นถึงการประยุกต์ใช้ SUPER ในการค้นหาและกู้ภัย รวมถึงการใช้งานในงานบังคับใช้กฎหมายและการลาดตระเวนทางทหาร ด้วยความสามารถในการทำงานโดยอัตโนมัติในสภาพแวดล้อมที่ไม่รู้จัก และการสร้างแผนที่พื้นที่แบบเรียลไทม์โดยใช้ระบบ LiDAR ที่มีระยะการตรวจจับสูงสุดถึง 70 เมตร ทำให้ SUPER สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ในสภาวะแสงน้อย

    การทดสอบกับโดรนเชิงพาณิชย์ DJI Mavic 3 พบว่า SUPER สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางได้ดีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นลวดบาง ๆ ในขณะที่ DJI Mavic 3 หลีกเลี่ยงได้เพียงสิ่งกีดขวางที่มีขนาดใหญ่

    สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือการที่ LiDAR เป็นเทคโนโลยีที่ไม่ต้องพึ่งพากล้องและเซ็นเซอร์ธรรมดา ทำให้ SUPER สามารถสร้างแผนที่และประมวลผลข้อมูลพื้นที่แบบสามมิติได้ในเวลาจริง ทำให้มันสามารถบินผ่านป่าหนาแน่นและติดตามเป้าหมายเคลื่อนไหวได้โดยไม่ชนต้นไม้หรือกิ่งไม้

    ความสำเร็จนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่สูงของหุ่นยนต์ทางอากาศในอนาคตที่สามารถช่วยเหลือในงานค้นหาและกู้ภัย ตลอดจนการบังคับใช้กฎหมาย และการสำรวจพื้นที่ที่ยากต่อการเข้าถึง

    https://www.techradar.com/pro/superb-chinese-researchers-just-designed-and-built-a-flying-robot-that-looks-like-a-precursor-to-matrixs-laser-focused-sentinels
    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮ่องกงได้ออกแบบและทดสอบหุ่นยนต์ทางอากาศ (Drone) ล้ำสมัยที่มีความสามารถในการนำทางในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนได้ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 20 เมตรต่อวินาที ในขณะที่ยังคงความแม่นยำในการควบคุมอยู่ ชื่อของหุ่นยนต์นี้คือ SUPER ซึ่งเป็นโดรนแบบควอดคอปเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยี LiDAR ขั้นสูงในการตรวจจับและหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางแม้จะเป็นเส้นลวดบาง ๆ ที่มีขนาดเล็กเพียง 2.5 มิลลิเมตร ทีมวิจัยยังชี้ให้เห็นถึงการประยุกต์ใช้ SUPER ในการค้นหาและกู้ภัย รวมถึงการใช้งานในงานบังคับใช้กฎหมายและการลาดตระเวนทางทหาร ด้วยความสามารถในการทำงานโดยอัตโนมัติในสภาพแวดล้อมที่ไม่รู้จัก และการสร้างแผนที่พื้นที่แบบเรียลไทม์โดยใช้ระบบ LiDAR ที่มีระยะการตรวจจับสูงสุดถึง 70 เมตร ทำให้ SUPER สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ในสภาวะแสงน้อย การทดสอบกับโดรนเชิงพาณิชย์ DJI Mavic 3 พบว่า SUPER สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางได้ดีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นลวดบาง ๆ ในขณะที่ DJI Mavic 3 หลีกเลี่ยงได้เพียงสิ่งกีดขวางที่มีขนาดใหญ่ สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือการที่ LiDAR เป็นเทคโนโลยีที่ไม่ต้องพึ่งพากล้องและเซ็นเซอร์ธรรมดา ทำให้ SUPER สามารถสร้างแผนที่และประมวลผลข้อมูลพื้นที่แบบสามมิติได้ในเวลาจริง ทำให้มันสามารถบินผ่านป่าหนาแน่นและติดตามเป้าหมายเคลื่อนไหวได้โดยไม่ชนต้นไม้หรือกิ่งไม้ ความสำเร็จนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่สูงของหุ่นยนต์ทางอากาศในอนาคตที่สามารถช่วยเหลือในงานค้นหาและกู้ภัย ตลอดจนการบังคับใช้กฎหมาย และการสำรวจพื้นที่ที่ยากต่อการเข้าถึง https://www.techradar.com/pro/superb-chinese-researchers-just-designed-and-built-a-flying-robot-that-looks-like-a-precursor-to-matrixs-laser-focused-sentinels
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่อกลับลำข้อเสนอของเขาเกี่ยวกับการเข้ายึดฉนวนกาซา หลังมันโหมกระพือเสียงโวยวายจากทั่วโลก ในนั้นรวมถึงเลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติที่เตือนเกี่ยวกับการ "ล้างเผ่าพันธุ์" ในฉนวนปาเลสไตน์
    .
    หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นชุดๆ จากทั้งชาวปาเลสไตน์ บรรดารัฐบาลอาหรับและพวกผู้นำโลก ทาง มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ บอกว่าการย้ายชาวกาซาใดๆ จะเป็นเพียงชั่วคราว ในขณะที่ทำเนียบขาวยืนยันว่ายังไม่มีการรับปากว่าจะส่งทหารอเมริกาเข้าไปยังฉนวนแห่งนี้
    .
    อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ยืนยันว่า "ทุกคนชอบแผนนี้" ซึ่งเขาเปิดเผยในเรื่องดังกล่าวระหว่างแถลงข่าวที่ทำเนียบขาว ร่วมกับผู้มาเยือนอย่าง เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมตรีอิสราเอล
    .
    ในถ้อยแถลงดังกล่าว ทรัมป์ ให้รายละเอียดเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับแนวทางที่สหรัฐฯ จะโยกย้ายชาวปาเลสไตน์กว่า 2 ล้านคนออกจากฉนวนกาซาหรือแนวทางเข้าควบคุมดินแดนที่ถูกสงครามฉีกเป็นชิ้นๆ แห่งนี้ โดยเขาเพียงประกาศในวันอังคาร (4 ก.พ.) ว่า "สหรัฐฯ จะยึดฉนวนกาซาและเราจะทำอะไรบางอย่างกับมันด้วย เราจะเป็นเจ้าของมัน"
    .
    รูบิโอ ชี้แจงว่าความคิดดังกล่าวไม่ได้มีเจตนาเป็นปรปักษ์ ให้คำจำกัดความว่ามันเป็นความเคลื่อนไหวใจกว้าง เสนอมอบการฟื้นฟูและรับหน้าที่ของการฟื้นฟู
    .
    ในเวลาต่อมา คาโรไลน์ เลวิตต์ เลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนของทำเนียบขาว แถลงว่าวอชิงตันจะไม่ออกทุนฟื้นฟูกาซา ตามหลังดินแดนแห่งนี้ต้องเผชิญกับสงครามระหว่างอิสราเอล พันธมิตรของสหรัฐฯ และกลุ่มนักรบปาเลสไตน์ฮามาส ที่ลากยาวมานานกว่า 15 เดือน "ความเกี่ยวข้องของอเมริกาไม่ได้หมายถึงการส่งกองกำลังไปยังภาคพื้นหรือใช้เงินผู้เสียภาษีสหรัฐฯ เป็นทุนสำหรับความพยายามดังกล่าว"
    .
    คำชี้แจงของทำเนียบขาวมีขึ้นหลังจาก อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ชี้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นต้องหลีกเลี่ยง "รูปแบบของการล้างเผ่าพันธุ์ใดๆ" ส่วนสเตฟาน ดูจาร์ริช โฆษก อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเห็นของเลขาธิการใหญ่รายนี้ ในเวลาต่อมาในวันพุธ (5 ก.พ.) บอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า "การบีบบังคับผู้คนโยกย้ายถิ่นฐาน เทียบเท่ากับเป็นการกวาดล้างเผ่าพันธุ์"
    .
    ในเวลาต่อมา เลวิตต์ บอกว่า ทรัมป์ เพียงต้องการให้ชาวปาเลสไตน์แค่ย้ายออกจากกาซาเป็นการชั่วคราว "เวลานี้มันกลายเป็นสถานที่ที่ถูกทำลายล้าง มันไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัย"
    .
    เจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์ พวกผู้นำโลกอาหรับและกลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลายออกมาประณามความคิดเห็นของทรัมป์อย่างรวดเร็ว ส่วน ฮามาส ที่ยึดครองควบคุมกาซาในปี 2007 ปฏิเสธข้อเสนอนี้ ตราหน้ามันว่าเป็นการเหยียดเชื้อชาติ รุกรานและซ้ำเติมสถานการณ์
    .
    สงครามที่โหมกระพือขึ้นจากการที่พวกฮามาสบุกโจมตีเล่นงานอิสราเอลแบบสายฟ้าแลบเมื่อเดือนตุลาคม 2023 ทำลายล้างพื้นที่ส่วนใหญ่ของฉนวนกาซา ในขณะที่ ทรัมป์ อ้างกล่าวความดีความชอบซ้ำๆ สำหรับการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงที่มีผลบังคับใช้เมื่อเดือนที่แล้ว
    .
    เนทันยาฮู ซึ่งอยู่ระหว่างเยือนวอชิงตัน สำหรับพูดคุยเกี่ยวกับขั้นที่ 2 ของข้อตกลงหยุดยิง ขานรับด้วยความยินดีต่อความคิดของทรัมป์ บอกว่ามันจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์และควรค่าได้รับความสนใจ
    .
    ทรัมป์ ซึ่งบ่งชี้ด้วยว่าเขาอาจเดินทางเยือนกาซา ดูเหมือนจะพูดเป็นนัยว่าการฟื้นฟูฉนวนแห่งนี้ จะไม่ใช่สำหรับชาวปาเลสไตน์ แต่ทาง เลวิตต์ ชี้แจงว่า "ประธานาธิบดีมีความชัดเจนมากๆ ต่อกรณีคาดหมายว่าบรรดาพันธมิตรของเราในภูมิภาค โดยเฉพาะอียิปต์และจอร์แดน จะอ้าแขนรับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์เป็นการชั่วคราว เพื่อเราจะสามารถบูรณะฟื้นฟูบ้านของพวกเขา"
    .
    อย่างไรก็ตาม มาห์มูด อับบาส ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ ปฏิเสธข้อเสนอนี้ เรียกมันว่าเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และยืนกรานว่าสิทธิที่ชอบธรรมตามกฎหมายของชาวปาเลสไตน์ไม่อาจต่อรองได้
    .
    ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ทรัมป์ ชี้แนะให้ชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซา โดยในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาได้กล่าวอ้างถึงอียิปต์และจอร์แดน ในฐานะดินแดนจุดหมายปลายทางที่เป็นไปได้ แต่ประชาชนชาวปาเลสไตน์ ประกาศกร้าวว่าพวกเขาจะไม่ออกจากฉนวนกาซา
    .
    ขณะเดียวกัน อียิปต์ และ จอร์แดน ก็ปฏิเสธอนุญาตให้มีการตั้งรกรากใดๆ ของชาวกาซา โดย บาดร์ อับเดลลัตตี รัฐมนตรีต่างประเทศอียิปต์ เรียกร้องฟื้นฟูฉนวนแห่งนี้อย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องให้ชาวปาเลสไตน์อพยพออกมา ส่วนกษัตริย์อับดุลลาห์ที่สองแห่งจอร์แดน ตรัสหลังจากพบปะกับอับบาส ปฏิเสธความพยายามใดๆ ในการควบคุมดินแดนของปาเลสไตน์และโยกย้านถิ่นฐานผู้คน
    .
    ในวอชิงตัน เนทันยาฮู ยกย่อง ทรัมป์ ว่าเป็นพันธมิตรยอดเยี่ยมที่สุดของอิสราเอล และยกย่องผู้นำสหรัฐฯ เกี่ยวกับการคิดนอกกรอบ นอกจากนี้ เขายังแสดงความมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับซาอุดีอาระเบีย ในการคืนความสัมพันธ์กันเป็นปกติระหว่างกัน
    .
    อย่างไรก็ตาม ริยาด บอกว่าพวกเขาจะไม่มีความสัมพันธ์อันเป็นปกติกับอิสราเอล หากปราศจากความเป็นรัฐของปาเลสไตน์ และปฏิเสธความพยายามใดๆ ที่จะโยกย้ายชาวปาเลสไตน์ออกจากแผ่นดินของพวกเขา
    .
    สหภาพยุโรปเน้นย้ำว่ากาซาเป็นส่วนสำคัญสำหรับรัฐปาเลสไตน์หนึ่งๆ ในอนาคต ในขณะที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ปฏิเสธความพยายามโยกย้ายถิ่นฐานใดๆ โดยบอกว่าเสถียรภาพในภูมิภาคจะบรรลุได้ผ่านทางออก 2 รัฐคู่ขนานเท่านั้น ส่วนโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน บอกว่า "เราคัดค้านการบีบบังคับโยกย้ายพลเมืองของกาซา" ขณะที่สันนิบาตอาหรับ เรียกข้อเสนอของทรัมป์ว่าเป็น "สูตรแห่งความไร้เสถียรภาพ"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011933
    ..............
    Sondhi X
    รัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่อกลับลำข้อเสนอของเขาเกี่ยวกับการเข้ายึดฉนวนกาซา หลังมันโหมกระพือเสียงโวยวายจากทั่วโลก ในนั้นรวมถึงเลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติที่เตือนเกี่ยวกับการ "ล้างเผ่าพันธุ์" ในฉนวนปาเลสไตน์ . หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นชุดๆ จากทั้งชาวปาเลสไตน์ บรรดารัฐบาลอาหรับและพวกผู้นำโลก ทาง มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ บอกว่าการย้ายชาวกาซาใดๆ จะเป็นเพียงชั่วคราว ในขณะที่ทำเนียบขาวยืนยันว่ายังไม่มีการรับปากว่าจะส่งทหารอเมริกาเข้าไปยังฉนวนแห่งนี้ . อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ยืนยันว่า "ทุกคนชอบแผนนี้" ซึ่งเขาเปิดเผยในเรื่องดังกล่าวระหว่างแถลงข่าวที่ทำเนียบขาว ร่วมกับผู้มาเยือนอย่าง เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมตรีอิสราเอล . ในถ้อยแถลงดังกล่าว ทรัมป์ ให้รายละเอียดเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับแนวทางที่สหรัฐฯ จะโยกย้ายชาวปาเลสไตน์กว่า 2 ล้านคนออกจากฉนวนกาซาหรือแนวทางเข้าควบคุมดินแดนที่ถูกสงครามฉีกเป็นชิ้นๆ แห่งนี้ โดยเขาเพียงประกาศในวันอังคาร (4 ก.พ.) ว่า "สหรัฐฯ จะยึดฉนวนกาซาและเราจะทำอะไรบางอย่างกับมันด้วย เราจะเป็นเจ้าของมัน" . รูบิโอ ชี้แจงว่าความคิดดังกล่าวไม่ได้มีเจตนาเป็นปรปักษ์ ให้คำจำกัดความว่ามันเป็นความเคลื่อนไหวใจกว้าง เสนอมอบการฟื้นฟูและรับหน้าที่ของการฟื้นฟู . ในเวลาต่อมา คาโรไลน์ เลวิตต์ เลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนของทำเนียบขาว แถลงว่าวอชิงตันจะไม่ออกทุนฟื้นฟูกาซา ตามหลังดินแดนแห่งนี้ต้องเผชิญกับสงครามระหว่างอิสราเอล พันธมิตรของสหรัฐฯ และกลุ่มนักรบปาเลสไตน์ฮามาส ที่ลากยาวมานานกว่า 15 เดือน "ความเกี่ยวข้องของอเมริกาไม่ได้หมายถึงการส่งกองกำลังไปยังภาคพื้นหรือใช้เงินผู้เสียภาษีสหรัฐฯ เป็นทุนสำหรับความพยายามดังกล่าว" . คำชี้แจงของทำเนียบขาวมีขึ้นหลังจาก อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ชี้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นต้องหลีกเลี่ยง "รูปแบบของการล้างเผ่าพันธุ์ใดๆ" ส่วนสเตฟาน ดูจาร์ริช โฆษก อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเห็นของเลขาธิการใหญ่รายนี้ ในเวลาต่อมาในวันพุธ (5 ก.พ.) บอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า "การบีบบังคับผู้คนโยกย้ายถิ่นฐาน เทียบเท่ากับเป็นการกวาดล้างเผ่าพันธุ์" . ในเวลาต่อมา เลวิตต์ บอกว่า ทรัมป์ เพียงต้องการให้ชาวปาเลสไตน์แค่ย้ายออกจากกาซาเป็นการชั่วคราว "เวลานี้มันกลายเป็นสถานที่ที่ถูกทำลายล้าง มันไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัย" . เจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์ พวกผู้นำโลกอาหรับและกลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลายออกมาประณามความคิดเห็นของทรัมป์อย่างรวดเร็ว ส่วน ฮามาส ที่ยึดครองควบคุมกาซาในปี 2007 ปฏิเสธข้อเสนอนี้ ตราหน้ามันว่าเป็นการเหยียดเชื้อชาติ รุกรานและซ้ำเติมสถานการณ์ . สงครามที่โหมกระพือขึ้นจากการที่พวกฮามาสบุกโจมตีเล่นงานอิสราเอลแบบสายฟ้าแลบเมื่อเดือนตุลาคม 2023 ทำลายล้างพื้นที่ส่วนใหญ่ของฉนวนกาซา ในขณะที่ ทรัมป์ อ้างกล่าวความดีความชอบซ้ำๆ สำหรับการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงที่มีผลบังคับใช้เมื่อเดือนที่แล้ว . เนทันยาฮู ซึ่งอยู่ระหว่างเยือนวอชิงตัน สำหรับพูดคุยเกี่ยวกับขั้นที่ 2 ของข้อตกลงหยุดยิง ขานรับด้วยความยินดีต่อความคิดของทรัมป์ บอกว่ามันจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์และควรค่าได้รับความสนใจ . ทรัมป์ ซึ่งบ่งชี้ด้วยว่าเขาอาจเดินทางเยือนกาซา ดูเหมือนจะพูดเป็นนัยว่าการฟื้นฟูฉนวนแห่งนี้ จะไม่ใช่สำหรับชาวปาเลสไตน์ แต่ทาง เลวิตต์ ชี้แจงว่า "ประธานาธิบดีมีความชัดเจนมากๆ ต่อกรณีคาดหมายว่าบรรดาพันธมิตรของเราในภูมิภาค โดยเฉพาะอียิปต์และจอร์แดน จะอ้าแขนรับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์เป็นการชั่วคราว เพื่อเราจะสามารถบูรณะฟื้นฟูบ้านของพวกเขา" . อย่างไรก็ตาม มาห์มูด อับบาส ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ ปฏิเสธข้อเสนอนี้ เรียกมันว่าเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และยืนกรานว่าสิทธิที่ชอบธรรมตามกฎหมายของชาวปาเลสไตน์ไม่อาจต่อรองได้ . ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ทรัมป์ ชี้แนะให้ชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซา โดยในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาได้กล่าวอ้างถึงอียิปต์และจอร์แดน ในฐานะดินแดนจุดหมายปลายทางที่เป็นไปได้ แต่ประชาชนชาวปาเลสไตน์ ประกาศกร้าวว่าพวกเขาจะไม่ออกจากฉนวนกาซา . ขณะเดียวกัน อียิปต์ และ จอร์แดน ก็ปฏิเสธอนุญาตให้มีการตั้งรกรากใดๆ ของชาวกาซา โดย บาดร์ อับเดลลัตตี รัฐมนตรีต่างประเทศอียิปต์ เรียกร้องฟื้นฟูฉนวนแห่งนี้อย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องให้ชาวปาเลสไตน์อพยพออกมา ส่วนกษัตริย์อับดุลลาห์ที่สองแห่งจอร์แดน ตรัสหลังจากพบปะกับอับบาส ปฏิเสธความพยายามใดๆ ในการควบคุมดินแดนของปาเลสไตน์และโยกย้านถิ่นฐานผู้คน . ในวอชิงตัน เนทันยาฮู ยกย่อง ทรัมป์ ว่าเป็นพันธมิตรยอดเยี่ยมที่สุดของอิสราเอล และยกย่องผู้นำสหรัฐฯ เกี่ยวกับการคิดนอกกรอบ นอกจากนี้ เขายังแสดงความมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับซาอุดีอาระเบีย ในการคืนความสัมพันธ์กันเป็นปกติระหว่างกัน . อย่างไรก็ตาม ริยาด บอกว่าพวกเขาจะไม่มีความสัมพันธ์อันเป็นปกติกับอิสราเอล หากปราศจากความเป็นรัฐของปาเลสไตน์ และปฏิเสธความพยายามใดๆ ที่จะโยกย้ายชาวปาเลสไตน์ออกจากแผ่นดินของพวกเขา . สหภาพยุโรปเน้นย้ำว่ากาซาเป็นส่วนสำคัญสำหรับรัฐปาเลสไตน์หนึ่งๆ ในอนาคต ในขณะที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ปฏิเสธความพยายามโยกย้ายถิ่นฐานใดๆ โดยบอกว่าเสถียรภาพในภูมิภาคจะบรรลุได้ผ่านทางออก 2 รัฐคู่ขนานเท่านั้น ส่วนโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน บอกว่า "เราคัดค้านการบีบบังคับโยกย้ายพลเมืองของกาซา" ขณะที่สันนิบาตอาหรับ เรียกข้อเสนอของทรัมป์ว่าเป็น "สูตรแห่งความไร้เสถียรภาพ" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011933 .............. Sondhi X
    Like
    Wow
    Sad
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1265 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนแถลงวันพุธ (5 ก.พ.) ยืนกรานคัดค้านสหรัฐฯ ประกาศมาตรการรีดภาษีศุลกากรจากสินค้าเข้าแดนมังกร พร้อมเรียกร้องเปิดเจรจาเพื่อแก้ไขข้อขัดแย้งทางการค้า ทว่า ทำเนียบขาวระบุทรัมป์ยังไม่รีบร้อนหารือสี จิ้นผิง ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง สำนักงานไปรษณีย์สหรัฐฯ ประกาศระงับการรับพัสดุภัณฑ์จากจีนและฮ่องกง ซึ่งคาดหมายกันว่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยอดนิยมของจีนอย่าง “ชีอิน” และ “เทมู” โดยที่ยังมีรายงานข่าวด้วยว่า วอชิงตันกำลังพิจารณาขึ้นบัญชีดำยักษ์ใหญ่แดนมังกรทั้งสองเจ้านี้ว่าเป็นบริษัทที่มีการบังคับใช้แรงงาน
    .
    ในวันพุธ ซึ่งเป็นวันแรกที่หน่วยราชการของจีนเปิดทำการหลังหยุดยาวช่วงเทศกาลตรุษจีน หลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศออกมาแถลงว่า จีนไม่พอใจอย่างมากและคัดค้านถึงที่สุดต่อมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรของอเมริกา และเรียกร้องให้เปิดการเจรจาอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม ก่อนทิ้งท้ายว่า ไม่มีผู้ชนะในสงครามการค้าหรือสงครามภาษีศุลกากร
    .
    ทั้งนี้ ก่อนหน้านั้นคือเมื่อวันอังคาร (4) จีนประกาศตอบโต้อเมริกา โดยจะขึ้นภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากสินค้าถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ซึ่งส่งมาจากสหรัฐฯสูงขึ้น 15% จากน้ำมันดิบ อุปกรณ์เกษตรกรรม รถบรรทุก รถซีดาน 10% มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ.
    .
    นอกจากนั้น จีนยังประกาศเริ่มการสอบสวนที่มุ่งต่อต้านพฤติการณ์การผูกขาดของกูเกิล ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของอัลฟาเบต รวมทั้งขึ้นบัญชีพีวีเอช คอร์ป บริษัทโฮลดิ้งเจ้าของแบรนด์แคลวิน ไคลน์ และบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ อิลลูมินา เอาไว้ในรายชื่อบริษัทที่อาจถูกแซงก์ชันในจีน โดยบริษัทเหล่านี้ล้วนเป็นกิจการของอเมริกา
    .
    เวลาเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์และสำนักงานศุลกากรจีนยังสั่งควบคุมการส่งออกโลหะบางรายการที่จำเป็นสำหรับการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ทางทหาร และแผงพลังงานแสงอาทิตย์
    .
    การประกาศมาตรการตอบโต้ของจีนเช่นนี้ เกิดขึ้นแทบจะทันที หลังจากการมีผลบังคับใช้ของมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรของฝ่ายอเมริกา ซึ่งเป็นการบังคับให้เป็นไปตามคำสั่งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ให้เพิ่มอัตราภาษีศุลกากรจัดเก็บจากสินค้านำเข้าจีนทุกรายการขึ้นอีก 10% โดยที่ทรัมป์ย้ำข้อกล่าวหาของเขาที่ว่า ปักกิ่งไม่พยายามมากพอในการสกัดการลักลอบขนยาเสพติดแฟนทานิลเข้าสู่อเมริกา
    .
    ก่อนหน้านี้ในวันจันทร์ (3) ทำเนียบขาวส่งสัญญาณว่า ทรัมป์จะมีการหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ภายในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ดี ในตอนบ่ายวันอังคาร (4) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กลับบอกกับพวกผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า ไม่รีบร้อนที่จะคุยกับผู้นำจีน
    .
    แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว แถลงในวันเดียวกันว่า การหารือระหว่างทรัมป์กับสีที่ถูกมองว่า เป็นกุญแจสำคัญที่อาจผ่อนปรนหรือชะลอการบังคับใช้ภาษีศุลกากรนั้น จำเป็นต้องมีการตกลงกันเรื่องตารางเวลา ทว่า ขณะนี้ผู้นำจีนยังไม่ได้ติดต่อมาแต่อย่างใด
    .
    นอกจากไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาแล้ว เมื่อวันอังคาร สำนักงานไปรษณีย์สหรัฐฯ (ยูเอสพีเอส) ได้ประกาศระงับการรับพัสดุภัณฑ์ที่ส่งจากจีนและฮ่องกง หลังจากทรัมป์ออกคำสั่งยกเลิกข้อยกเว้นการเก็บภาษีอากรกับพัสดุที่มีมูลค่าไม่เกิน 800 ดอลลาร์ ที่เรียกกันว่า ข้อยกเว้น de minimis
    .
    ยูเอสพีเอสยืนยันว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่กระทบจดหมายและจดหมายขนาดใหญ่ (ความยาวไม่เกิน 38 ซม. หรือหนาไม่เกิน 1.9 ซม.) จากจีนและฮ่องกง แต่ไม่ได้ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้เกี่ยวข้องกับการยกเลิกข้อยกเว้น de minimis หรือไม่
    .
    ตามรายงานของคณะกรรมาธิการรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อเดือนมิถุนายน 2023 ระบุว่าพัสดุภัณฑ์เกือบครึ่งหนึ่งที่จัดส่งภายใต้ข้อยกเว้น de minimis นั้นส่งมาจากจีน
    .
    รายงานดังกล่าวยังระบุว่า “ชีอิน” แพลตฟอร์มฟาสต์แฟชั่น และ “เทมู” แพลตฟอร์มขายสินค้าราคาถูก ซึ่งต่างก็เป็นของจีนและขายสินค้าทุกอย่างตั้งแต่ของเล่นจนถึงสมาร์ทโฟนนั้น เติบโตเร็วมากในอเมริกา ส่วนหนึ่งเนื่องจากข้อยกเว้น de minimis โดยทั้งสองบริษัทมีแนวโน้มเป็นเจ้าของพัสดุกว่า 30% ที่จัดส่งไปยังอเมริกาในแต่ละวันภายใต้ข้อยกเว้นดังกล่าว
    .
    แม้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนระบุว่า การยกเลิกข้อยกเว้น de minimis อาจทำให้สินค้าบนแพลตฟอร์มชีอินและเทมูแพงขึ้น แต่ไม่มีแนวโน้มว่า จะทำให้ยอดจัดส่งของทั้งสองบริษัทลดลงแต่อย่างใด
    .
    กระนั้น แพลตฟอร์มทั้งสองแห่งอาจหนีไม่พ้นการเล่นงานเพิ่มเติมของคณะบริหารทรัมป์ โดยเมื่อวันอังคาร เว็บไซต์เซมาฟอร์รายงานว่า อเมริกากำลังพิจารณาขึ้นบัญชีเทมูและชีอินในรายชื่อบริษัทที่บังคับใช้แรงงานของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011929
    ..............
    Sondhi X
    จีนแถลงวันพุธ (5 ก.พ.) ยืนกรานคัดค้านสหรัฐฯ ประกาศมาตรการรีดภาษีศุลกากรจากสินค้าเข้าแดนมังกร พร้อมเรียกร้องเปิดเจรจาเพื่อแก้ไขข้อขัดแย้งทางการค้า ทว่า ทำเนียบขาวระบุทรัมป์ยังไม่รีบร้อนหารือสี จิ้นผิง ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง สำนักงานไปรษณีย์สหรัฐฯ ประกาศระงับการรับพัสดุภัณฑ์จากจีนและฮ่องกง ซึ่งคาดหมายกันว่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยอดนิยมของจีนอย่าง “ชีอิน” และ “เทมู” โดยที่ยังมีรายงานข่าวด้วยว่า วอชิงตันกำลังพิจารณาขึ้นบัญชีดำยักษ์ใหญ่แดนมังกรทั้งสองเจ้านี้ว่าเป็นบริษัทที่มีการบังคับใช้แรงงาน . ในวันพุธ ซึ่งเป็นวันแรกที่หน่วยราชการของจีนเปิดทำการหลังหยุดยาวช่วงเทศกาลตรุษจีน หลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศออกมาแถลงว่า จีนไม่พอใจอย่างมากและคัดค้านถึงที่สุดต่อมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรของอเมริกา และเรียกร้องให้เปิดการเจรจาอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม ก่อนทิ้งท้ายว่า ไม่มีผู้ชนะในสงครามการค้าหรือสงครามภาษีศุลกากร . ทั้งนี้ ก่อนหน้านั้นคือเมื่อวันอังคาร (4) จีนประกาศตอบโต้อเมริกา โดยจะขึ้นภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากสินค้าถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ซึ่งส่งมาจากสหรัฐฯสูงขึ้น 15% จากน้ำมันดิบ อุปกรณ์เกษตรกรรม รถบรรทุก รถซีดาน 10% มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. . นอกจากนั้น จีนยังประกาศเริ่มการสอบสวนที่มุ่งต่อต้านพฤติการณ์การผูกขาดของกูเกิล ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของอัลฟาเบต รวมทั้งขึ้นบัญชีพีวีเอช คอร์ป บริษัทโฮลดิ้งเจ้าของแบรนด์แคลวิน ไคลน์ และบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ อิลลูมินา เอาไว้ในรายชื่อบริษัทที่อาจถูกแซงก์ชันในจีน โดยบริษัทเหล่านี้ล้วนเป็นกิจการของอเมริกา . เวลาเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์และสำนักงานศุลกากรจีนยังสั่งควบคุมการส่งออกโลหะบางรายการที่จำเป็นสำหรับการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ทางทหาร และแผงพลังงานแสงอาทิตย์ . การประกาศมาตรการตอบโต้ของจีนเช่นนี้ เกิดขึ้นแทบจะทันที หลังจากการมีผลบังคับใช้ของมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรของฝ่ายอเมริกา ซึ่งเป็นการบังคับให้เป็นไปตามคำสั่งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ให้เพิ่มอัตราภาษีศุลกากรจัดเก็บจากสินค้านำเข้าจีนทุกรายการขึ้นอีก 10% โดยที่ทรัมป์ย้ำข้อกล่าวหาของเขาที่ว่า ปักกิ่งไม่พยายามมากพอในการสกัดการลักลอบขนยาเสพติดแฟนทานิลเข้าสู่อเมริกา . ก่อนหน้านี้ในวันจันทร์ (3) ทำเนียบขาวส่งสัญญาณว่า ทรัมป์จะมีการหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ภายในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ดี ในตอนบ่ายวันอังคาร (4) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กลับบอกกับพวกผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า ไม่รีบร้อนที่จะคุยกับผู้นำจีน . แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว แถลงในวันเดียวกันว่า การหารือระหว่างทรัมป์กับสีที่ถูกมองว่า เป็นกุญแจสำคัญที่อาจผ่อนปรนหรือชะลอการบังคับใช้ภาษีศุลกากรนั้น จำเป็นต้องมีการตกลงกันเรื่องตารางเวลา ทว่า ขณะนี้ผู้นำจีนยังไม่ได้ติดต่อมาแต่อย่างใด . นอกจากไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาแล้ว เมื่อวันอังคาร สำนักงานไปรษณีย์สหรัฐฯ (ยูเอสพีเอส) ได้ประกาศระงับการรับพัสดุภัณฑ์ที่ส่งจากจีนและฮ่องกง หลังจากทรัมป์ออกคำสั่งยกเลิกข้อยกเว้นการเก็บภาษีอากรกับพัสดุที่มีมูลค่าไม่เกิน 800 ดอลลาร์ ที่เรียกกันว่า ข้อยกเว้น de minimis . ยูเอสพีเอสยืนยันว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่กระทบจดหมายและจดหมายขนาดใหญ่ (ความยาวไม่เกิน 38 ซม. หรือหนาไม่เกิน 1.9 ซม.) จากจีนและฮ่องกง แต่ไม่ได้ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้เกี่ยวข้องกับการยกเลิกข้อยกเว้น de minimis หรือไม่ . ตามรายงานของคณะกรรมาธิการรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อเดือนมิถุนายน 2023 ระบุว่าพัสดุภัณฑ์เกือบครึ่งหนึ่งที่จัดส่งภายใต้ข้อยกเว้น de minimis นั้นส่งมาจากจีน . รายงานดังกล่าวยังระบุว่า “ชีอิน” แพลตฟอร์มฟาสต์แฟชั่น และ “เทมู” แพลตฟอร์มขายสินค้าราคาถูก ซึ่งต่างก็เป็นของจีนและขายสินค้าทุกอย่างตั้งแต่ของเล่นจนถึงสมาร์ทโฟนนั้น เติบโตเร็วมากในอเมริกา ส่วนหนึ่งเนื่องจากข้อยกเว้น de minimis โดยทั้งสองบริษัทมีแนวโน้มเป็นเจ้าของพัสดุกว่า 30% ที่จัดส่งไปยังอเมริกาในแต่ละวันภายใต้ข้อยกเว้นดังกล่าว . แม้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนระบุว่า การยกเลิกข้อยกเว้น de minimis อาจทำให้สินค้าบนแพลตฟอร์มชีอินและเทมูแพงขึ้น แต่ไม่มีแนวโน้มว่า จะทำให้ยอดจัดส่งของทั้งสองบริษัทลดลงแต่อย่างใด . กระนั้น แพลตฟอร์มทั้งสองแห่งอาจหนีไม่พ้นการเล่นงานเพิ่มเติมของคณะบริหารทรัมป์ โดยเมื่อวันอังคาร เว็บไซต์เซมาฟอร์รายงานว่า อเมริกากำลังพิจารณาขึ้นบัญชีเทมูและชีอินในรายชื่อบริษัทที่บังคับใช้แรงงานของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011929 .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1249 มุมมอง 0 รีวิว
  • 5. **การแพร่กระจายของอาวุธ**
    - **อาวุธนิวเคลียร์**: การแพร่กระจายของอาวุธนิวเคลียร์อาจเพิ่มความเสี่ยงของการใช้อาวุธเหล่านี้ในความขัดแย้ง
    - **อาวุธชีวภาพและเคมี**: การพัฒนาอาวุธชีวภาพและเคมีอาจนำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงและยากที่จะควบคุม
    5. **การแพร่กระจายของอาวุธ** - **อาวุธนิวเคลียร์**: การแพร่กระจายของอาวุธนิวเคลียร์อาจเพิ่มความเสี่ยงของการใช้อาวุธเหล่านี้ในความขัดแย้ง - **อาวุธชีวภาพและเคมี**: การพัฒนาอาวุธชีวภาพและเคมีอาจนำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงและยากที่จะควบคุม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทิศทาง Kurakhove

    รายงานล่าสุด Dachne อยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังรัสเซียแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการเคลียร์พื้นที่โดยรอบ
    ทิศทาง Kurakhove รายงานล่าสุด Dachne อยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังรัสเซียแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการเคลียร์พื้นที่โดยรอบ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพื่อให้เราบริหารพลังงาน
    และสร้างผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมได้
    การจัดการและควบคุมสภาพแวดล้อม
    ในการทำงานจึงเป็นสิ่งสำคัญ
    ที่เราต้องทำให้ได้ด้วย

    จากหนังสือ |เป็นคนเงียบๆก็ได้เปรียบได้

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #เป็นคนเงียบๆก็ได้เปรียบได้
    เพื่อให้เราบริหารพลังงาน และสร้างผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมได้ การจัดการและควบคุมสภาพแวดล้อม ในการทำงานจึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่เราต้องทำให้ได้ด้วย จากหนังสือ |เป็นคนเงียบๆก็ได้เปรียบได้ #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #เป็นคนเงียบๆก็ได้เปรียบได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้เปิดตัวระบบระบายความร้อนในศูนย์ข้อมูลใหม่ที่ไม่ใช้น้ำเพื่อระบายความร้อน โดยมีเป้าหมายที่จะประหยัดน้ำมากกว่า 125 ล้านลิตรต่อปีต่อศูนย์ข้อมูล ระบบนี้ใช้การระบายความร้อนด้วยของเหลวปิดวงจรที่เคยใช้งานในกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบการโอเวอร์คล็อกคอมพิวเตอร์ และมันทำให้สามารถควบคุมอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำโดยไม่ต้องใช้น้ำระเหย

    การออกแบบนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่ Microsoft ตั้งชื่อว่า Datacenter Community Pledge ที่มุ่งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยชุมชนท้องถิ่น โดยศูนย์ข้อมูลใหม่ๆ ในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา และเมืองเมาท์เพลเซนต์ รัฐวิสคอนซิน จะเป็นตัวอย่างแรกของเทคโนโลยีนี้ในปี 2026 และศูนย์ข้อมูลในอนาคตทั้งหมดของ Microsoft จะนำเทคโนโลยีนี้มาใช้

    ถึงแม้ว่าการระบายความร้อนด้วยของเหลวปิดวงจรจะเพิ่มการใช้พลังงาน แต่การใช้เครื่องทำความเย็นที่มีประสิทธิภาพสูงและอุณหภูมิการระบายความร้อนที่สูงขึ้นจะช่วยลดความต้องการพลังงานในส่วนนี้ได้

    สรุปได้ว่า Microsoft กำลังดำเนินการขั้นตอนสำคัญในการลดการใช้น้ำและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในศูนย์ข้อมูลของตนเอง นี่เป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการสร้างผลกระทบที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่น

    https://www.techradar.com/pro/did-extreme-overclockers-inspire-microsoft-to-develop-closed-loop-liquid-cooling-for-data-centers-id-like-to-think-so
    Microsoft ได้เปิดตัวระบบระบายความร้อนในศูนย์ข้อมูลใหม่ที่ไม่ใช้น้ำเพื่อระบายความร้อน โดยมีเป้าหมายที่จะประหยัดน้ำมากกว่า 125 ล้านลิตรต่อปีต่อศูนย์ข้อมูล ระบบนี้ใช้การระบายความร้อนด้วยของเหลวปิดวงจรที่เคยใช้งานในกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบการโอเวอร์คล็อกคอมพิวเตอร์ และมันทำให้สามารถควบคุมอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำโดยไม่ต้องใช้น้ำระเหย การออกแบบนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่ Microsoft ตั้งชื่อว่า Datacenter Community Pledge ที่มุ่งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยชุมชนท้องถิ่น โดยศูนย์ข้อมูลใหม่ๆ ในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา และเมืองเมาท์เพลเซนต์ รัฐวิสคอนซิน จะเป็นตัวอย่างแรกของเทคโนโลยีนี้ในปี 2026 และศูนย์ข้อมูลในอนาคตทั้งหมดของ Microsoft จะนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ ถึงแม้ว่าการระบายความร้อนด้วยของเหลวปิดวงจรจะเพิ่มการใช้พลังงาน แต่การใช้เครื่องทำความเย็นที่มีประสิทธิภาพสูงและอุณหภูมิการระบายความร้อนที่สูงขึ้นจะช่วยลดความต้องการพลังงานในส่วนนี้ได้ สรุปได้ว่า Microsoft กำลังดำเนินการขั้นตอนสำคัญในการลดการใช้น้ำและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในศูนย์ข้อมูลของตนเอง นี่เป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการสร้างผลกระทบที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่น https://www.techradar.com/pro/did-extreme-overclockers-inspire-microsoft-to-develop-closed-loop-liquid-cooling-for-data-centers-id-like-to-think-so
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts