• “AI Slop” – คำวิจารณ์ที่ยังไร้คำนิยาม

    บทความจาก The Star ชี้ว่าแม้คำว่า AI slop จะถูกใช้แพร่หลายเพื่อแสดงความไม่พอใจต่อคอนเทนต์ที่สร้างด้วย AI แต่แทบไม่มีใครให้คำจำกัดความที่ชัดเจน บางคนมองว่ามันคือ “เนื้อหาที่ผลิตซ้ำไร้คุณภาพ” เช่น spam, clickbait หรือภาพ AI ที่ดูผิดธรรมชาติ ขณะที่บางคนมองว่ามันคือ “ภัยคุกคาม” เมื่อถูกใช้สร้าง deepfake เพื่อหลอกลวงทางการเมือง.

    นักวิจารณ์บางราย เช่น Ted Gioia เปรียบ “slop art” ว่าเป็นงานที่แบนและไร้ชีวิตชีวา คล้ายกับการวิจารณ์ศิลปะใหม่ ๆ ในยุค 1950–60 ที่ถูกมองว่าไร้ค่าในตอนแรก แต่ต่อมากลับมีบทบาทสำคัญในวัฒนธรรม. สิ่งนี้สะท้อนว่าทุกยุคสมัยมี “ขยะ” และ “ศิลป์” ที่เกิดจากเทคโนโลยีใหม่.

    บทความยังยกตัวอย่างโฆษณา Coca-Cola ที่ใช้ AI สร้างภาพสัตว์ป่าเฉลิมฉลอง ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าเป็น “AI slop” เพราะภาพมีข้อบกพร่องที่มนุษย์คงไม่ทำ แต่ในอีกด้านก็เป็นเพียงการใช้เทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุนและเวลา ไม่ได้มีเจตนาหลอกลวง.

    สิ่งที่น่ากังวลจริง ๆ คือการใช้ AI สร้าง propaganda และ deepfake ทางการเมือง เช่นวิดีโอปลอมของ Joe Biden หรือ Donald Trump ที่ถูกเผยแพร่ในช่วงเลือกตั้ง ซึ่งแม้จะถูกจับได้ว่าเป็นของปลอม แต่ก็สะท้อนถึงความเสี่ยงที่ AI จะถูกใช้เพื่อบิดเบือนความจริงในระดับสังคมและการเมือง.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    คำว่า “AI slop” ถูกใช้แพร่หลายแต่ไร้นิยามชัดเจน
    บางคนมองว่าเป็น spam, clickbait, หรือภาพ AI ที่ผิดธรรมชาติ
    บางคนมองว่าเป็นภัยคุกคามเมื่อใช้สร้าง deepfake

    มุมมองจากนักวิจารณ์และสื่อ
    Ted Gioia เปรียบ slop art ว่าไร้ชีวิตชีวา คล้ายการวิจารณ์ศิลปะใหม่ในอดีต
    Scientific American ชี้ว่า “ทุกการปฏิวัติสื่อย่อมสร้างทั้งขยะและศิลป์”

    ตัวอย่างการใช้งานจริง
    โฆษณา Coca-Cola ที่ใช้ AI ถูกวิจารณ์ว่าเป็น slop แต่ไม่ได้หลอกลวง
    เพลง country ที่สร้างด้วย AI ติดอันดับ Billboard แต่ใช้สไตล์จากศิลปินจริง

    ข้อกังวลที่แท้จริง
    Deepfake ทางการเมือง เช่นวิดีโอปลอมของ Biden และ Trump
    การใช้ AI เพื่อบิดเบือนความจริงและสร้าง propaganda

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/13/opinion-everyone-complains-about-039ai-slop039-but-no-one-can-define-it
    🤖 “AI Slop” – คำวิจารณ์ที่ยังไร้คำนิยาม บทความจาก The Star ชี้ว่าแม้คำว่า AI slop จะถูกใช้แพร่หลายเพื่อแสดงความไม่พอใจต่อคอนเทนต์ที่สร้างด้วย AI แต่แทบไม่มีใครให้คำจำกัดความที่ชัดเจน บางคนมองว่ามันคือ “เนื้อหาที่ผลิตซ้ำไร้คุณภาพ” เช่น spam, clickbait หรือภาพ AI ที่ดูผิดธรรมชาติ ขณะที่บางคนมองว่ามันคือ “ภัยคุกคาม” เมื่อถูกใช้สร้าง deepfake เพื่อหลอกลวงทางการเมือง. นักวิจารณ์บางราย เช่น Ted Gioia เปรียบ “slop art” ว่าเป็นงานที่แบนและไร้ชีวิตชีวา คล้ายกับการวิจารณ์ศิลปะใหม่ ๆ ในยุค 1950–60 ที่ถูกมองว่าไร้ค่าในตอนแรก แต่ต่อมากลับมีบทบาทสำคัญในวัฒนธรรม. สิ่งนี้สะท้อนว่าทุกยุคสมัยมี “ขยะ” และ “ศิลป์” ที่เกิดจากเทคโนโลยีใหม่. บทความยังยกตัวอย่างโฆษณา Coca-Cola ที่ใช้ AI สร้างภาพสัตว์ป่าเฉลิมฉลอง ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าเป็น “AI slop” เพราะภาพมีข้อบกพร่องที่มนุษย์คงไม่ทำ แต่ในอีกด้านก็เป็นเพียงการใช้เทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุนและเวลา ไม่ได้มีเจตนาหลอกลวง. สิ่งที่น่ากังวลจริง ๆ คือการใช้ AI สร้าง propaganda และ deepfake ทางการเมือง เช่นวิดีโอปลอมของ Joe Biden หรือ Donald Trump ที่ถูกเผยแพร่ในช่วงเลือกตั้ง ซึ่งแม้จะถูกจับได้ว่าเป็นของปลอม แต่ก็สะท้อนถึงความเสี่ยงที่ AI จะถูกใช้เพื่อบิดเบือนความจริงในระดับสังคมและการเมือง. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ คำว่า “AI slop” ถูกใช้แพร่หลายแต่ไร้นิยามชัดเจน ➡️ บางคนมองว่าเป็น spam, clickbait, หรือภาพ AI ที่ผิดธรรมชาติ ➡️ บางคนมองว่าเป็นภัยคุกคามเมื่อใช้สร้าง deepfake ✅ มุมมองจากนักวิจารณ์และสื่อ ➡️ Ted Gioia เปรียบ slop art ว่าไร้ชีวิตชีวา คล้ายการวิจารณ์ศิลปะใหม่ในอดีต ➡️ Scientific American ชี้ว่า “ทุกการปฏิวัติสื่อย่อมสร้างทั้งขยะและศิลป์” ✅ ตัวอย่างการใช้งานจริง ➡️ โฆษณา Coca-Cola ที่ใช้ AI ถูกวิจารณ์ว่าเป็น slop แต่ไม่ได้หลอกลวง ➡️ เพลง country ที่สร้างด้วย AI ติดอันดับ Billboard แต่ใช้สไตล์จากศิลปินจริง ‼️ ข้อกังวลที่แท้จริง ⛔ Deepfake ทางการเมือง เช่นวิดีโอปลอมของ Biden และ Trump ⛔ การใช้ AI เพื่อบิดเบือนความจริงและสร้าง propaganda https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/13/opinion-everyone-complains-about-039ai-slop039-but-no-one-can-define-it
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Opinion: Everyone complains about 'AI slop,' but no one can define it
    The problem with this complaint is that almost no one makes the effort to define "AI slop." Is it anything produced with AI? Or any such content appearing in social media?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • Strategy บริษัทสะสม Bitcoin ยังคงอยู่ใน Nasdaq 100

    รายงานจาก The Star ระบุว่า Strategy ซึ่งเป็นบริษัทที่เปลี่ยนจากซอฟต์แวร์มาเป็นการลงทุนใน Bitcoin ตั้งแต่ปี 2020 ยังคงรักษาตำแหน่งในดัชนี Nasdaq 100 ต่อไปในเดือนธันวาคม 2025 แม้ราคาหุ้นจะผันผวนตามการเคลื่อนไหวของ Bitcoin อย่างมาก.

    นักวิเคราะห์บางรายตั้งคำถามว่าโมเดลธุรกิจของ Strategy ที่เน้นการซื้อและถือครอง Bitcoin นั้นใกล้เคียงกับกองทุนลงทุนมากกว่าบริษัทเทคโนโลยีทั่วไป และมีความเสี่ยงสูงต่อความผันผวนของตลาดคริปโต. อย่างไรก็ตาม การที่ Strategy ยังคงอยู่ใน Nasdaq 100 แสดงให้เห็นถึงมูลค่าตลาดที่ยังคงแข็งแกร่ง.

    ดัชนี Nasdaq 100 มีการปรับเปลี่ยนรายชื่อบริษัท โดยบางบริษัทถูกถอดออก เช่น Biogen และ Lululemon Athletica ขณะที่บริษัทใหม่ ๆ เช่น Seagate Technology และ Western Digital ถูกเพิ่มเข้ามา แต่ Strategy ยังคงอยู่ในกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุด.

    นอกจากนี้ MSCI ผู้จัดทำดัชนีระดับโลกยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับการมีอยู่ของบริษัทที่ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลในดัชนี และจะตัดสินใจในเดือนมกราคม 2026 ว่าจะถอด Strategy และบริษัทลักษณะเดียวกันออกจากดัชนีหรือไม่.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Strategy ยังคงอยู่ใน Nasdaq 100
    เดิมเป็น MicroStrategy ก่อน pivot มาลงทุน Bitcoin
    ราคาหุ้นผันผวนตามการเคลื่อนไหวของ Bitcoin

    การปรับเปลี่ยนดัชนี Nasdaq 100
    บริษัทบางรายถูกถอดออก เช่น Biogen, Lululemon
    บริษัทใหม่ เช่น Seagate และ Western Digital ถูกเพิ่มเข้ามา

    ความกังวลจากนักวิเคราะห์และ MSCI
    โมเดลธุรกิจคล้ายกองทุนมากกว่าบริษัทเทคโนโลยี
    MSCI อาจพิจารณาถอดออกจากดัชนีในปี 2026

    ข้อควรระวังสำหรับนักลงทุน
    หุ้น Strategy มีความเสี่ยงสูงจากความผันผวนของ Bitcoin
    การเปลี่ยนแปลงดัชนีในอนาคตอาจกระทบต่อมูลค่าการลงทุน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/13/bitcoin-hoarder-company-strategy-remains-in-nasdaq-100
    💹 Strategy บริษัทสะสม Bitcoin ยังคงอยู่ใน Nasdaq 100 รายงานจาก The Star ระบุว่า Strategy ซึ่งเป็นบริษัทที่เปลี่ยนจากซอฟต์แวร์มาเป็นการลงทุนใน Bitcoin ตั้งแต่ปี 2020 ยังคงรักษาตำแหน่งในดัชนี Nasdaq 100 ต่อไปในเดือนธันวาคม 2025 แม้ราคาหุ้นจะผันผวนตามการเคลื่อนไหวของ Bitcoin อย่างมาก. นักวิเคราะห์บางรายตั้งคำถามว่าโมเดลธุรกิจของ Strategy ที่เน้นการซื้อและถือครอง Bitcoin นั้นใกล้เคียงกับกองทุนลงทุนมากกว่าบริษัทเทคโนโลยีทั่วไป และมีความเสี่ยงสูงต่อความผันผวนของตลาดคริปโต. อย่างไรก็ตาม การที่ Strategy ยังคงอยู่ใน Nasdaq 100 แสดงให้เห็นถึงมูลค่าตลาดที่ยังคงแข็งแกร่ง. ดัชนี Nasdaq 100 มีการปรับเปลี่ยนรายชื่อบริษัท โดยบางบริษัทถูกถอดออก เช่น Biogen และ Lululemon Athletica ขณะที่บริษัทใหม่ ๆ เช่น Seagate Technology และ Western Digital ถูกเพิ่มเข้ามา แต่ Strategy ยังคงอยู่ในกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุด. นอกจากนี้ MSCI ผู้จัดทำดัชนีระดับโลกยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับการมีอยู่ของบริษัทที่ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลในดัชนี และจะตัดสินใจในเดือนมกราคม 2026 ว่าจะถอด Strategy และบริษัทลักษณะเดียวกันออกจากดัชนีหรือไม่. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Strategy ยังคงอยู่ใน Nasdaq 100 ➡️ เดิมเป็น MicroStrategy ก่อน pivot มาลงทุน Bitcoin ➡️ ราคาหุ้นผันผวนตามการเคลื่อนไหวของ Bitcoin ✅ การปรับเปลี่ยนดัชนี Nasdaq 100 ➡️ บริษัทบางรายถูกถอดออก เช่น Biogen, Lululemon ➡️ บริษัทใหม่ เช่น Seagate และ Western Digital ถูกเพิ่มเข้ามา ✅ ความกังวลจากนักวิเคราะห์และ MSCI ➡️ โมเดลธุรกิจคล้ายกองทุนมากกว่าบริษัทเทคโนโลยี ➡️ MSCI อาจพิจารณาถอดออกจากดัชนีในปี 2026 ‼️ ข้อควรระวังสำหรับนักลงทุน ⛔ หุ้น Strategy มีความเสี่ยงสูงจากความผันผวนของ Bitcoin ⛔ การเปลี่ยนแปลงดัชนีในอนาคตอาจกระทบต่อมูลค่าการลงทุน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/13/bitcoin-hoarder-company-strategy-remains-in-nasdaq-100
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Bitcoin hoarding company Strategy remains in Nasdaq 100
    Dec 12 (Reuters) - Bitcoin hoarding giant Strategy clung to its place in the Nasdaq 100 on Friday, continuing its year-long stint in the benchmark at a time where analysts have raised questions over its business model.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • AI Safety Report Card – บริษัท AI ยังขาดแผนปกป้องมนุษย์

    รายงานจาก The Star ระบุว่า Future of Life Institute ได้เผยแพร่ AI Safety Index ซึ่งประเมินบริษัท AI ชั้นนำ 35 ตัวชี้วัดใน 6 หมวด เช่น existential safety, risk assessment และการแบ่งปันข้อมูล พบว่าบริษัทส่วนใหญ่ยังไม่ให้ความสำคัญกับการป้องกันความเสี่ยงระยะยาว.

    บริษัทที่ได้คะแนนสูงสุดคือ OpenAI และ Anthropic ที่ได้เพียง C+ ขณะที่ Google DeepMind ได้ C ส่วน Meta และ xAI ของ Elon Musk ได้ D และบริษัทจีนอย่าง Z.ai และ DeepSeek ก็ได้ D เช่นกัน โดย Alibaba Cloud ได้คะแนนต่ำสุดที่ D-.

    รายงานชี้ว่าไม่มีบริษัทใดมี แผนที่น่าเชื่อถือในการป้องกันการใช้ AGI หรือ superintelligence ในทางที่ผิด เช่นการสร้างอาวุธชีวภาพหรือการโค่นล้มรัฐบาล ซึ่งถือเป็นความเสี่ยง existential ที่อาจกระทบต่อมนุษยชาติ. แม้บางบริษัท เช่น OpenAI และ Google DeepMind จะอ้างว่ามีการลงทุนด้าน safety framework แต่ก็ยังไม่เพียงพอ.

    นักวิจัยเตือนว่าหากไม่มีการกำกับดูแลที่เข้มงวด อุตสาหกรรม AI อาจกลายเป็น “การแข่งขันสู่จุดต่ำสุด” ที่เน้นความเร็วและความสามารถมากกว่าความปลอดภัย โดยเสนอให้รัฐบาลออก มาตรฐานความปลอดภัยที่มีผลบังคับใช้ เพื่อป้องกันการใช้ AI ในทางที่ผิด.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ผลการจัดอันดับ AI Safety Index
    OpenAI และ Anthropic ได้ C+
    Google DeepMind ได้ C
    Meta, xAI, Z.ai, DeepSeek ได้ D
    Alibaba Cloud ได้ D-

    ข้อค้นพบหลัก
    ไม่มีบริษัทใดมีแผนป้องกัน existential risk ที่น่าเชื่อถือ
    การลงทุนด้าน safety framework ยังไม่เพียงพอ

    ข้อเสนอจากนักวิจัย
    ต้องมีมาตรฐานความปลอดภัยที่บังคับใช้
    ป้องกันการแข่งขันที่เน้นความเร็วมากกว่าความปลอดภัย

    ข้อกังวลและคำเตือน
    AI อาจถูกใช้สร้างอาวุธชีวภาพหรือโค่นล้มรัฐบาล
    หากไม่มีการกำกับดูแล อุตสาหกรรมจะเข้าสู่ “race to the bottom”

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/13/a-safety-report-card-ranks-ai-company-efforts-to-protect-humanity
    🧾 AI Safety Report Card – บริษัท AI ยังขาดแผนปกป้องมนุษย์ รายงานจาก The Star ระบุว่า Future of Life Institute ได้เผยแพร่ AI Safety Index ซึ่งประเมินบริษัท AI ชั้นนำ 35 ตัวชี้วัดใน 6 หมวด เช่น existential safety, risk assessment และการแบ่งปันข้อมูล พบว่าบริษัทส่วนใหญ่ยังไม่ให้ความสำคัญกับการป้องกันความเสี่ยงระยะยาว. บริษัทที่ได้คะแนนสูงสุดคือ OpenAI และ Anthropic ที่ได้เพียง C+ ขณะที่ Google DeepMind ได้ C ส่วน Meta และ xAI ของ Elon Musk ได้ D และบริษัทจีนอย่าง Z.ai และ DeepSeek ก็ได้ D เช่นกัน โดย Alibaba Cloud ได้คะแนนต่ำสุดที่ D-. รายงานชี้ว่าไม่มีบริษัทใดมี แผนที่น่าเชื่อถือในการป้องกันการใช้ AGI หรือ superintelligence ในทางที่ผิด เช่นการสร้างอาวุธชีวภาพหรือการโค่นล้มรัฐบาล ซึ่งถือเป็นความเสี่ยง existential ที่อาจกระทบต่อมนุษยชาติ. แม้บางบริษัท เช่น OpenAI และ Google DeepMind จะอ้างว่ามีการลงทุนด้าน safety framework แต่ก็ยังไม่เพียงพอ. นักวิจัยเตือนว่าหากไม่มีการกำกับดูแลที่เข้มงวด อุตสาหกรรม AI อาจกลายเป็น “การแข่งขันสู่จุดต่ำสุด” ที่เน้นความเร็วและความสามารถมากกว่าความปลอดภัย โดยเสนอให้รัฐบาลออก มาตรฐานความปลอดภัยที่มีผลบังคับใช้ เพื่อป้องกันการใช้ AI ในทางที่ผิด. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ผลการจัดอันดับ AI Safety Index ➡️ OpenAI และ Anthropic ได้ C+ ➡️ Google DeepMind ได้ C ➡️ Meta, xAI, Z.ai, DeepSeek ได้ D ➡️ Alibaba Cloud ได้ D- ✅ ข้อค้นพบหลัก ➡️ ไม่มีบริษัทใดมีแผนป้องกัน existential risk ที่น่าเชื่อถือ ➡️ การลงทุนด้าน safety framework ยังไม่เพียงพอ ✅ ข้อเสนอจากนักวิจัย ➡️ ต้องมีมาตรฐานความปลอดภัยที่บังคับใช้ ➡️ ป้องกันการแข่งขันที่เน้นความเร็วมากกว่าความปลอดภัย ‼️ ข้อกังวลและคำเตือน ⛔ AI อาจถูกใช้สร้างอาวุธชีวภาพหรือโค่นล้มรัฐบาล ⛔ หากไม่มีการกำกับดูแล อุตสาหกรรมจะเข้าสู่ “race to the bottom” https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/13/a-safety-report-card-ranks-ai-company-efforts-to-protect-humanity
    WWW.THESTAR.COM.MY
    A safety report card ranks AI company efforts to protect humanity
    Are artificial intelligence companies keeping humanity safe from AI's potential harms? Don't bet on it, a new report card says.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nintendo Switch 2 เจอวิกฤติหน่วยความจำ

    ราคาชิปหน่วยความจำที่ใช้ใน Nintendo Switch 2 พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะ RAM ขนาด 12 GB ที่เพิ่มขึ้นถึง 41% ในไตรมาสเดียว และ NAND flash ที่เพิ่มขึ้นอีก 8% ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นทันที หุ้นของ Nintendo ร่วงลงกว่า 4.7% และมูลค่าตลาดหายไปกว่า 14 พันล้านดอลลาร์ นักลงทุนกังวลว่ากำไรจากการขายเครื่องอาจลดลงจนบางตลาดขายแทบไม่มีกำไร

    ตลาดโลก DRAM และ NAND กำลังร้อนแรง
    ข้อมูลจากนักวิเคราะห์ชี้ว่า ตลาด DRAM และ NAND ทั่วโลกกำลังขาดแคลน เนื่องจากความต้องการจากศูนย์ข้อมูล AI ที่เพิ่มขึ้นมหาศาล ทำให้ราคาสัญญาซื้อขาย DRAM และ NAND ขยับขึ้นต่อเนื่อง 15–30% ในหลายเซกเมนต์ ขณะเดียวกันการผลิต DRAM รุ่นเก่าลดลง เพราะผู้ผลิตหันไปลงทุนใน HBM และ DDR5 ที่ทำกำไรสูงกว่า ส่งผลให้สินค้ารุ่นที่ยังใช้ DDR4 หรือ LPDDR4X ขาดตลาดหนัก

    ผลกระทบต่อกำไรและกลยุทธ์ Nintendo
    Nintendo ยอมรับว่า Switch 2 มี margin ต่ำกว่า Switch รุ่นแรก เนื่องจากต้นทุนสูงขึ้นจากจอภาพที่ดีขึ้น, ชิปใหม่ที่รองรับ 4K และหน่วยความจำที่แพงขึ้น แม้ยอดขายเปิดตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่กำไรต่อเครื่องลดลงอย่างชัดเจน บริษัทจึงพยายามชดเชยด้วยการขายเกมและคอนเทนต์เสริม ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักที่มี margin สูงกว่า

    แนวโน้มปี 2026 และคำเตือน
    นักวิเคราะห์คาดว่า ราคาหน่วยความจำจะยังคงสูงต่อเนื่องไปจนถึงปี 2026 เนื่องจากผู้ผลิตยังไม่เพิ่มกำลังการผลิตใหม่ และความต้องการจาก AI ยังคงรุนแรง ผู้บริโภคอาจต้องเจอกับราคาคอนโซลและอุปกรณ์เสริมที่แพงขึ้น รวมถึง microSD card ที่จำเป็นต่อการเล่นเกมก็มีแนวโน้มขาดตลาดและแพงขึ้นเช่นกัน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ราคาหน่วยความจำพุ่งสูง
    RAM ขนาด 12 GB เพิ่มขึ้น 41%
    NAND flash เพิ่มขึ้น 8%

    ผลกระทบต่อ Nintendo
    หุ้นร่วง 4.7% มูลค่าตลาดหายไป 14 พันล้านดอลลาร์
    กำไรต่อเครื่อง Switch 2 ต่ำกว่ารุ่นแรก

    ตลาดโลกหน่วยความจำ
    DRAM และ NAND ขาดแคลนจากความต้องการ AI
    ผู้ผลิตหันไปผลิต HBM และ DDR5 มากขึ้น

    กลยุทธ์ Nintendo
    เน้นรายได้จากเกมและคอนเทนต์เสริม
    ใช้โปรโมชั่น เช่น bundle Mario Kart World

    คำเตือนต่อผู้บริโภค
    ราคาคอนโซลและอุปกรณ์เสริมอาจแพงขึ้น
    microSD card มีแนวโน้มขาดตลาดและจำเป็นต่อการเล่นเกม

    https://www.tomshardware.com/video-games/nintendo/nintendo-switch-2-ram-prices-rise-41-percent-nand-flash-up-8-percent-console-giant-shares-nosedive-in-face-of-increased-cost-warnings
    🎮 Nintendo Switch 2 เจอวิกฤติหน่วยความจำ ราคาชิปหน่วยความจำที่ใช้ใน Nintendo Switch 2 พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะ RAM ขนาด 12 GB ที่เพิ่มขึ้นถึง 41% ในไตรมาสเดียว และ NAND flash ที่เพิ่มขึ้นอีก 8% ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นทันที หุ้นของ Nintendo ร่วงลงกว่า 4.7% และมูลค่าตลาดหายไปกว่า 14 พันล้านดอลลาร์ นักลงทุนกังวลว่ากำไรจากการขายเครื่องอาจลดลงจนบางตลาดขายแทบไม่มีกำไร 💾 ตลาดโลก DRAM และ NAND กำลังร้อนแรง ข้อมูลจากนักวิเคราะห์ชี้ว่า ตลาด DRAM และ NAND ทั่วโลกกำลังขาดแคลน เนื่องจากความต้องการจากศูนย์ข้อมูล AI ที่เพิ่มขึ้นมหาศาล ทำให้ราคาสัญญาซื้อขาย DRAM และ NAND ขยับขึ้นต่อเนื่อง 15–30% ในหลายเซกเมนต์ ขณะเดียวกันการผลิต DRAM รุ่นเก่าลดลง เพราะผู้ผลิตหันไปลงทุนใน HBM และ DDR5 ที่ทำกำไรสูงกว่า ส่งผลให้สินค้ารุ่นที่ยังใช้ DDR4 หรือ LPDDR4X ขาดตลาดหนัก 📉 ผลกระทบต่อกำไรและกลยุทธ์ Nintendo Nintendo ยอมรับว่า Switch 2 มี margin ต่ำกว่า Switch รุ่นแรก เนื่องจากต้นทุนสูงขึ้นจากจอภาพที่ดีขึ้น, ชิปใหม่ที่รองรับ 4K และหน่วยความจำที่แพงขึ้น แม้ยอดขายเปิดตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่กำไรต่อเครื่องลดลงอย่างชัดเจน บริษัทจึงพยายามชดเชยด้วยการขายเกมและคอนเทนต์เสริม ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักที่มี margin สูงกว่า 🌐 แนวโน้มปี 2026 และคำเตือน นักวิเคราะห์คาดว่า ราคาหน่วยความจำจะยังคงสูงต่อเนื่องไปจนถึงปี 2026 เนื่องจากผู้ผลิตยังไม่เพิ่มกำลังการผลิตใหม่ และความต้องการจาก AI ยังคงรุนแรง ผู้บริโภคอาจต้องเจอกับราคาคอนโซลและอุปกรณ์เสริมที่แพงขึ้น รวมถึง microSD card ที่จำเป็นต่อการเล่นเกมก็มีแนวโน้มขาดตลาดและแพงขึ้นเช่นกัน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ราคาหน่วยความจำพุ่งสูง ➡️ RAM ขนาด 12 GB เพิ่มขึ้น 41% ➡️ NAND flash เพิ่มขึ้น 8% ✅ ผลกระทบต่อ Nintendo ➡️ หุ้นร่วง 4.7% มูลค่าตลาดหายไป 14 พันล้านดอลลาร์ ➡️ กำไรต่อเครื่อง Switch 2 ต่ำกว่ารุ่นแรก ✅ ตลาดโลกหน่วยความจำ ➡️ DRAM และ NAND ขาดแคลนจากความต้องการ AI ➡️ ผู้ผลิตหันไปผลิต HBM และ DDR5 มากขึ้น ✅ กลยุทธ์ Nintendo ➡️ เน้นรายได้จากเกมและคอนเทนต์เสริม ➡️ ใช้โปรโมชั่น เช่น bundle Mario Kart World ‼️ คำเตือนต่อผู้บริโภค ⛔ ราคาคอนโซลและอุปกรณ์เสริมอาจแพงขึ้น ⛔ microSD card มีแนวโน้มขาดตลาดและจำเป็นต่อการเล่นเกม https://www.tomshardware.com/video-games/nintendo/nintendo-switch-2-ram-prices-rise-41-percent-nand-flash-up-8-percent-console-giant-shares-nosedive-in-face-of-increased-cost-warnings
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • การอัปเกรดโรงงาน TSMC ในญี่ปุ่น

    TSMC มีแผนจะอัปเกรด Fab 23 Phase 2 ในเมืองคุมาโมโตะ จากเดิมที่ตั้งใจผลิตชิปด้วยเทคโนโลยี N6/N7 (6nm และ 7nm) ไปสู่ N4/N5 (4nm และ 5nm) ซึ่งถือว่าล้ำหน้ากว่าและใช้เทคโนโลยี EUV หลายชั้น การอัปเกรดนี้จะช่วยให้ลูกค้าในญี่ปุ่น เช่น Sony และผู้ผลิตรถยนต์ สามารถเข้าถึงชิปที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นสำหรับ AI และอุปกรณ์อัจฉริยะ

    สัญญาณการชะลอการก่อสร้าง
    แม้มีแผนอัปเกรด แต่รายงานระบุว่า TSMC ได้ถอนเครื่องจักรหนักออกจากไซต์ก่อสร้าง และแจ้งซัพพลายเออร์ว่าจะไม่ต้องการเครื่องมือใหม่ในปี 2026 ซึ่งบ่งชี้ว่าการติดตั้งอุปกรณ์อาจล่าช้าออกไป การชะลอนี้อาจสะท้อนถึงการปรับแผนตามความต้องการของตลาดและลูกค้า

    ความง่ายในการอัปเกรด
    แม้เทคโนโลยี N4/N5 จะซับซ้อนกว่า N6/N7 แต่ อุปกรณ์ที่ใช้มีความคล้ายกันถึง 90% ทำให้การอัปเกรดไม่ใช่เรื่องยากมากนัก เพียงแต่ต้องเพิ่มเครื่อง EUV ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิม การเคลื่อนไหวนี้สอดคล้องกับแนวโน้มทั่วโลกที่ผู้ผลิตชิปเร่งลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อตอบสนองความต้องการ AI และการประมวลผลที่ซับซ้อน

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมญี่ปุ่น
    การอัปเกรดโรงงานนี้จะช่วยให้ญี่ปุ่นมี การผลิตชิปขั้นสูงในประเทศ ลดการพึ่งพาต่างชาติ และสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องการชิปประสิทธิภาพสูง อย่างไรก็ตาม การชะลอการก่อสร้างอาจทำให้ตลาดญี่ปุ่นต้องรออีกหลายปีในการเข้าถึงเทคโนโลยีล่าสุด

    สรุปประเด็นสำคัญ
    แผนการอัปเกรดโรงงาน
    จาก N6/N7 ไปสู่ N4/N5
    รองรับลูกค้าในญี่ปุ่นที่ต้องการชิปขั้นสูง

    ความง่ายในการอัปเกรด
    อุปกรณ์คล้ายกันถึง 90%
    ต้องเพิ่มเครื่อง EUV ที่ใหญ่กว่า

    ผลกระทบเชิงบวก
    ญี่ปุ่นมีการผลิตชิปขั้นสูงในประเทศ
    สนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์

    ความเสี่ยงและคำเตือน
    การก่อสร้างชะลอ อาจไม่ติดตั้งเครื่องจักรใหม่จนถึงปี 2026
    ตลาดญี่ปุ่นอาจต้องรอการเข้าถึงเทคโนโลยีล่าสุด

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tmsc-ponders-upgrading-2nd-japan-fab-to-4nm-could-pave-the-way-for-more-advanced-chips-for-japanese-customers
    🏭 การอัปเกรดโรงงาน TSMC ในญี่ปุ่น TSMC มีแผนจะอัปเกรด Fab 23 Phase 2 ในเมืองคุมาโมโตะ จากเดิมที่ตั้งใจผลิตชิปด้วยเทคโนโลยี N6/N7 (6nm และ 7nm) ไปสู่ N4/N5 (4nm และ 5nm) ซึ่งถือว่าล้ำหน้ากว่าและใช้เทคโนโลยี EUV หลายชั้น การอัปเกรดนี้จะช่วยให้ลูกค้าในญี่ปุ่น เช่น Sony และผู้ผลิตรถยนต์ สามารถเข้าถึงชิปที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นสำหรับ AI และอุปกรณ์อัจฉริยะ ⏳ สัญญาณการชะลอการก่อสร้าง แม้มีแผนอัปเกรด แต่รายงานระบุว่า TSMC ได้ถอนเครื่องจักรหนักออกจากไซต์ก่อสร้าง และแจ้งซัพพลายเออร์ว่าจะไม่ต้องการเครื่องมือใหม่ในปี 2026 ซึ่งบ่งชี้ว่าการติดตั้งอุปกรณ์อาจล่าช้าออกไป การชะลอนี้อาจสะท้อนถึงการปรับแผนตามความต้องการของตลาดและลูกค้า 🔧 ความง่ายในการอัปเกรด แม้เทคโนโลยี N4/N5 จะซับซ้อนกว่า N6/N7 แต่ อุปกรณ์ที่ใช้มีความคล้ายกันถึง 90% ทำให้การอัปเกรดไม่ใช่เรื่องยากมากนัก เพียงแต่ต้องเพิ่มเครื่อง EUV ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิม การเคลื่อนไหวนี้สอดคล้องกับแนวโน้มทั่วโลกที่ผู้ผลิตชิปเร่งลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อตอบสนองความต้องการ AI และการประมวลผลที่ซับซ้อน 🌐 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมญี่ปุ่น การอัปเกรดโรงงานนี้จะช่วยให้ญี่ปุ่นมี การผลิตชิปขั้นสูงในประเทศ ลดการพึ่งพาต่างชาติ และสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องการชิปประสิทธิภาพสูง อย่างไรก็ตาม การชะลอการก่อสร้างอาจทำให้ตลาดญี่ปุ่นต้องรออีกหลายปีในการเข้าถึงเทคโนโลยีล่าสุด 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ แผนการอัปเกรดโรงงาน ➡️ จาก N6/N7 ไปสู่ N4/N5 ➡️ รองรับลูกค้าในญี่ปุ่นที่ต้องการชิปขั้นสูง ✅ ความง่ายในการอัปเกรด ➡️ อุปกรณ์คล้ายกันถึง 90% ➡️ ต้องเพิ่มเครื่อง EUV ที่ใหญ่กว่า ✅ ผลกระทบเชิงบวก ➡️ ญี่ปุ่นมีการผลิตชิปขั้นสูงในประเทศ ➡️ สนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ‼️ ความเสี่ยงและคำเตือน ⛔ การก่อสร้างชะลอ อาจไม่ติดตั้งเครื่องจักรใหม่จนถึงปี 2026 ⛔ ตลาดญี่ปุ่นอาจต้องรอการเข้าถึงเทคโนโลยีล่าสุด https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tmsc-ponders-upgrading-2nd-japan-fab-to-4nm-could-pave-the-way-for-more-advanced-chips-for-japanese-customers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • Rivian เปิดตัวชิป RAP1 และแพลตฟอร์ม ACM3

    Rivian ประกาศเปิดตัว Rivian Autonomy Processor (RAP1) ซึ่งเป็นชิปที่ออกแบบเอง ใช้สถาปัตยกรรม Armv9 พร้อม 14 คอร์ Cortex-A720AE ผลิตบนเทคโนโลยี 5nm จุดเด่นคือรองรับการเชื่อมต่อผ่าน RivLink ที่สามารถขยายกำลังประมวลผลโดยเพิ่มชิปอื่นเข้ามาได้ RAP1 ถูกนำมาใช้ใน Autonomy Compute Module 3 (ACM3) ซึ่งเป็นระบบคอมพิวเตอร์สำหรับการขับขี่อัตโนมัติ

    จุดแข็งเหนือ Tesla: รองรับ LiDAR
    ACM3 สามารถประมวลผลได้ถึง 1,800 TOPS ของการ inference แบบ INT8 และรองรับการประมวลผลภาพจากกล้องถึง 5 พันล้านพิกเซลต่อวินาที ที่สำคัญคือ Rivian เลือกที่จะรองรับ LiDAR ซึ่ง Tesla ปฏิเสธการใช้ โดย Rivian มองว่า LiDAR จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตรวจจับสภาพแวดล้อม และจะถูกนำมาใช้ในรถรุ่น R2 ที่จะเปิดตัวปี 2026

    ฟีเจอร์เสริม: Universal Hands Free และ Autonomy+
    สำหรับรถรุ่น R1 รุ่นที่สอง Rivian จะเพิ่มระบบ Universal Hands Free (UHF) ซึ่งเป็นผู้ช่วยขับขี่ที่ทำงานได้บนถนนกว่า 3.5 ล้านไมล์ในสหรัฐฯ และแคนาดา ไม่จำกัดเฉพาะทางด่วน นอกจากนี้ยังมีบริการ Autonomy+ ที่คิดค่าบริการแบบครั้งเดียว $2,500 หรือสมัครสมาชิก $49.99 ต่อเดือน โดย Rivian ย้ำว่าเป็นระบบช่วยเพิ่มความปลอดภัย ไม่ใช่การขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ

    กลยุทธ์และอนาคต
    Rivian ยังพัฒนา Large Driving Model (LDM) ซึ่งเป็นโมเดล AI สำหรับการขับขี่ คล้ายกับ LLM ของ chatbot แต่ปรับใช้กับการตัดสินใจบนท้องถนน บริษัทตั้งเป้าไปสู่ Level 4 Autonomous Driving ในอนาคต และอาจขายเทคโนโลยีนี้ให้กับผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นด้วย ถือเป็นการขยายธุรกิจจากการผลิตรถยนต์ไปสู่การขายโซลูชันเทคโนโลยี

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่
    RAP1: ชิป Armv9, 14 คอร์, 5nm
    ACM3: รองรับ 1,800 TOPS, 5 พันล้านพิกเซล/วินาที

    จุดแข็งเหนือคู่แข่ง
    รองรับ LiDAR ซึ่ง Tesla ไม่ใช้
    เตรียมใช้ในรถ R2 ปี 2026

    ฟีเจอร์เสริม
    Universal Hands Free (UHF) ครอบคลุมถนน 3.5 ล้านไมล์
    Autonomy+ บริการเสริม $2,500 หรือ $49.99/เดือน

    กลยุทธ์อนาคต
    พัฒนา Large Driving Model (LDM)
    ตั้งเป้า Level 4 Autonomous Driving

    คำเตือนและข้อจำกัด
    Autonomy+ ไม่ใช่ระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ
    เทคโนโลยี LiDAR และ ACM3 ยังอยู่ระหว่างการทดสอบและ validation

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/rivian-unveils-its-own-in-house-rap1-ai-chip-and-acm3-self-driving-platform-automaker-one-ups-tesla-with-lidar-support
    🚗 Rivian เปิดตัวชิป RAP1 และแพลตฟอร์ม ACM3 Rivian ประกาศเปิดตัว Rivian Autonomy Processor (RAP1) ซึ่งเป็นชิปที่ออกแบบเอง ใช้สถาปัตยกรรม Armv9 พร้อม 14 คอร์ Cortex-A720AE ผลิตบนเทคโนโลยี 5nm จุดเด่นคือรองรับการเชื่อมต่อผ่าน RivLink ที่สามารถขยายกำลังประมวลผลโดยเพิ่มชิปอื่นเข้ามาได้ RAP1 ถูกนำมาใช้ใน Autonomy Compute Module 3 (ACM3) ซึ่งเป็นระบบคอมพิวเตอร์สำหรับการขับขี่อัตโนมัติ 🛰️ จุดแข็งเหนือ Tesla: รองรับ LiDAR ACM3 สามารถประมวลผลได้ถึง 1,800 TOPS ของการ inference แบบ INT8 และรองรับการประมวลผลภาพจากกล้องถึง 5 พันล้านพิกเซลต่อวินาที ที่สำคัญคือ Rivian เลือกที่จะรองรับ LiDAR ซึ่ง Tesla ปฏิเสธการใช้ โดย Rivian มองว่า LiDAR จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตรวจจับสภาพแวดล้อม และจะถูกนำมาใช้ในรถรุ่น R2 ที่จะเปิดตัวปี 2026 💡 ฟีเจอร์เสริม: Universal Hands Free และ Autonomy+ สำหรับรถรุ่น R1 รุ่นที่สอง Rivian จะเพิ่มระบบ Universal Hands Free (UHF) ซึ่งเป็นผู้ช่วยขับขี่ที่ทำงานได้บนถนนกว่า 3.5 ล้านไมล์ในสหรัฐฯ และแคนาดา ไม่จำกัดเฉพาะทางด่วน นอกจากนี้ยังมีบริการ Autonomy+ ที่คิดค่าบริการแบบครั้งเดียว $2,500 หรือสมัครสมาชิก $49.99 ต่อเดือน โดย Rivian ย้ำว่าเป็นระบบช่วยเพิ่มความปลอดภัย ไม่ใช่การขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ 🌐 กลยุทธ์และอนาคต Rivian ยังพัฒนา Large Driving Model (LDM) ซึ่งเป็นโมเดล AI สำหรับการขับขี่ คล้ายกับ LLM ของ chatbot แต่ปรับใช้กับการตัดสินใจบนท้องถนน บริษัทตั้งเป้าไปสู่ Level 4 Autonomous Driving ในอนาคต และอาจขายเทคโนโลยีนี้ให้กับผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นด้วย ถือเป็นการขยายธุรกิจจากการผลิตรถยนต์ไปสู่การขายโซลูชันเทคโนโลยี 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ ➡️ RAP1: ชิป Armv9, 14 คอร์, 5nm ➡️ ACM3: รองรับ 1,800 TOPS, 5 พันล้านพิกเซล/วินาที ✅ จุดแข็งเหนือคู่แข่ง ➡️ รองรับ LiDAR ซึ่ง Tesla ไม่ใช้ ➡️ เตรียมใช้ในรถ R2 ปี 2026 ✅ ฟีเจอร์เสริม ➡️ Universal Hands Free (UHF) ครอบคลุมถนน 3.5 ล้านไมล์ ➡️ Autonomy+ บริการเสริม $2,500 หรือ $49.99/เดือน ✅ กลยุทธ์อนาคต ➡️ พัฒนา Large Driving Model (LDM) ➡️ ตั้งเป้า Level 4 Autonomous Driving ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ Autonomy+ ไม่ใช่ระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ ⛔ เทคโนโลยี LiDAR และ ACM3 ยังอยู่ระหว่างการทดสอบและ validation https://www.tomshardware.com/tech-industry/rivian-unveils-its-own-in-house-rap1-ai-chip-and-acm3-self-driving-platform-automaker-one-ups-tesla-with-lidar-support
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนกำลังพิจารณาอัดฉีดเงินลงทุนสูงสุดถึง 70 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนการผลิตชิปภายในประเทศ

    รัฐบาลจีนกำลังพิจารณาโครงการลงทุนใหม่ในอุตสาหกรรมชิปวงเงิน 28–70 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งหากดำเนินการเต็มจำนวน จะมากกว่าการลงทุนโดยตรงของสหรัฐฯ ผ่าน CHIPS Act การลงทุนนี้มีเป้าหมายเพื่อเร่งการออกแบบและการผลิตชิปขั้นสูง ลดการพึ่งพาซัพพลายจากต่างประเทศ และแก้ปัญหาการขาดแคลนชิปที่กระทบเศรษฐกิจโลก

    ผู้เล่นหลัก: Huawei และ Cambricon
    สองบริษัทจีนที่ถูกมองว่าเป็นผู้รับเงินทุนหลักคือ Huawei และ Cambricon ซึ่งมีบทบาทสำคัญในตลาด AI และการประมวลผลขั้นสูง Huawei มีชิป Ascend สำหรับ AI inference ส่วน Cambricon กำลังเร่งการผลิต AI chip ให้ได้ถึง 500,000 ชิ้นภายในปี 2026 ทั้งสองบริษัทถูกวางตัวให้เป็นทางเลือกแทน Nvidia ในตลาดจีน

    กลยุทธ์ "Whole-Nation" ของจีน
    ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงผลักดันแนวทาง “Whole-Nation Approach” เพื่อสร้างความเป็นอิสระด้านเทคโนโลยี โดยมีมาตรการบังคับใช้ชิปที่ผลิตในประเทศอย่างน้อย 50% ในศูนย์ข้อมูล และให้เงินอุดหนุนด้านพลังงานแก่บริษัทที่ใช้ชิปจีน แม้จะมีความพยายามบังคับใช้กับงานฝึก AI แต่หลายบริษัท เช่น DeepSeek ยังเลือกใช้ Nvidia เนื่องจากประสิทธิภาพเหนือกว่า

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโลก
    การลงทุนครั้งนี้อาจเปลี่ยนสมดุลของตลาดเซมิคอนดักเตอร์โลก หากจีนสามารถเร่งพัฒนาเทคโนโลยีได้ทันกับคู่แข่งตะวันตก อย่างไรก็ตาม ปัญหาด้าน yield, ความร้อน และการล้าหลังของ process node ยังคงเป็นอุปสรรคใหญ่ จีนจึงต้องใช้ทั้งการลงทุนและนโยบายเชิงรุกเพื่อปิดช่องว่างนี้

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การลงทุนมหาศาล
    วงเงิน 28–70 พันล้านดอลลาร์
    ใหญ่กว่าการลงทุนตรงของสหรัฐฯ ผ่าน CHIPS Act

    ผู้เล่นหลัก
    Huawei: ชิป Ascend สำหรับ AI
    Cambricon: ตั้งเป้าผลิต 500,000 AI chip ภายในปี 2026

    กลยุทธ์ชาติ
    Whole-Nation Approach ผลักดันการใช้ชิปในประเทศ
    บังคับใช้ชิปจีนอย่างน้อย 50% ในศูนย์ข้อมูล

    ผลกระทบเชิงบวก
    ลดการพึ่งพาต่างชาติ
    เสริมความมั่นคงทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี

    ความเสี่ยงและข้อจำกัด
    ปัญหาด้าน yield และความร้อนของชิปจีน
    ประสิทธิภาพยังตามหลัง Nvidia และ AMD หลายรุ่น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-mulls-usd70-billion-domestic-chip-fabrication-injection-would-be-largest-of-any-government-semiconductor-investment-huawei-and-cambricon-among-candidates-in-push-to-compete-with-nvidia-other-u-s-firms
    💰 จีนกำลังพิจารณาอัดฉีดเงินลงทุนสูงสุดถึง 70 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนการผลิตชิปภายในประเทศ รัฐบาลจีนกำลังพิจารณาโครงการลงทุนใหม่ในอุตสาหกรรมชิปวงเงิน 28–70 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งหากดำเนินการเต็มจำนวน จะมากกว่าการลงทุนโดยตรงของสหรัฐฯ ผ่าน CHIPS Act การลงทุนนี้มีเป้าหมายเพื่อเร่งการออกแบบและการผลิตชิปขั้นสูง ลดการพึ่งพาซัพพลายจากต่างประเทศ และแก้ปัญหาการขาดแคลนชิปที่กระทบเศรษฐกิจโลก 🏢 ผู้เล่นหลัก: Huawei และ Cambricon สองบริษัทจีนที่ถูกมองว่าเป็นผู้รับเงินทุนหลักคือ Huawei และ Cambricon ซึ่งมีบทบาทสำคัญในตลาด AI และการประมวลผลขั้นสูง Huawei มีชิป Ascend สำหรับ AI inference ส่วน Cambricon กำลังเร่งการผลิต AI chip ให้ได้ถึง 500,000 ชิ้นภายในปี 2026 ทั้งสองบริษัทถูกวางตัวให้เป็นทางเลือกแทน Nvidia ในตลาดจีน ⚙️ กลยุทธ์ "Whole-Nation" ของจีน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงผลักดันแนวทาง “Whole-Nation Approach” เพื่อสร้างความเป็นอิสระด้านเทคโนโลยี โดยมีมาตรการบังคับใช้ชิปที่ผลิตในประเทศอย่างน้อย 50% ในศูนย์ข้อมูล และให้เงินอุดหนุนด้านพลังงานแก่บริษัทที่ใช้ชิปจีน แม้จะมีความพยายามบังคับใช้กับงานฝึก AI แต่หลายบริษัท เช่น DeepSeek ยังเลือกใช้ Nvidia เนื่องจากประสิทธิภาพเหนือกว่า 🌐 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโลก การลงทุนครั้งนี้อาจเปลี่ยนสมดุลของตลาดเซมิคอนดักเตอร์โลก หากจีนสามารถเร่งพัฒนาเทคโนโลยีได้ทันกับคู่แข่งตะวันตก อย่างไรก็ตาม ปัญหาด้าน yield, ความร้อน และการล้าหลังของ process node ยังคงเป็นอุปสรรคใหญ่ จีนจึงต้องใช้ทั้งการลงทุนและนโยบายเชิงรุกเพื่อปิดช่องว่างนี้ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การลงทุนมหาศาล ➡️ วงเงิน 28–70 พันล้านดอลลาร์ ➡️ ใหญ่กว่าการลงทุนตรงของสหรัฐฯ ผ่าน CHIPS Act ✅ ผู้เล่นหลัก ➡️ Huawei: ชิป Ascend สำหรับ AI ➡️ Cambricon: ตั้งเป้าผลิต 500,000 AI chip ภายในปี 2026 ✅ กลยุทธ์ชาติ ➡️ Whole-Nation Approach ผลักดันการใช้ชิปในประเทศ ➡️ บังคับใช้ชิปจีนอย่างน้อย 50% ในศูนย์ข้อมูล ✅ ผลกระทบเชิงบวก ➡️ ลดการพึ่งพาต่างชาติ ➡️ เสริมความมั่นคงทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี ‼️ ความเสี่ยงและข้อจำกัด ⛔ ปัญหาด้าน yield และความร้อนของชิปจีน ⛔ ประสิทธิภาพยังตามหลัง Nvidia และ AMD หลายรุ่น https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-mulls-usd70-billion-domestic-chip-fabrication-injection-would-be-largest-of-any-government-semiconductor-investment-huawei-and-cambricon-among-candidates-in-push-to-compete-with-nvidia-other-u-s-firms
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel ทดสอบเครื่องมือจาก ACM Research

    Intel กำลังประเมินเครื่องมือ wet etch จาก ACM Research สำหรับใช้ในกระบวนการผลิต 14A node ที่มีแผนเปิดตัวในปี 2027 เครื่องมือประเภทนี้ใช้สารเคมีในการกัดกร่อนวัสดุเพื่อสร้างลวดลายบนเวเฟอร์ ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในกระบวนการผลิตชิป แม้การทดสอบเครื่องมือจากหลายบริษัทเป็นเรื่องปกติ แต่กรณีนี้ถูกจับตามากเพราะ ACM มีฐานการดำเนินงานใหญ่ในจีน

    ความกังวลด้านความมั่นคง
    ACM Research มีบางหน่วยงานที่ถูกสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำเนื่องจากความสัมพันธ์กับบริษัทจีน เช่น SMIC, CXMT และ YMTC การที่ Intel ทดสอบเครื่องมือจากบริษัทที่มีความเสี่ยงเช่นนี้ จึงถูกมองว่าอาจสร้างปัญหาด้านความมั่นคงและการเมือง โดยเฉพาะเมื่อสหรัฐฯ กำลังเข้มงวดต่อการส่งออกเทคโนโลยีไปยังจีน

    ความเชื่อมโยงกับ Lip-Bu Tan
    Lip-Bu Tan ซึ่งเพิ่งขึ้นเป็น CEO ของ Intel เคยลงทุนใน ACM Research ผ่านกองทุน Walden International และ Walden CEL Global Fund I แม้จะเป็นการลงทุนทางอ้อมและไม่ใช่การถือหุ้นใหญ่ แต่ก็ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า Intel อาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนหากตัดสินใจใช้เครื่องมือจาก ACM

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    การทดสอบนี้สะท้อนถึงความท้าทายของ Intel ในการหาซัพพลายเออร์ที่เหมาะสมเพื่อเร่งการผลิตชิปขั้นสูง หาก Intel เลือกใช้เครื่องมือจาก ACM จริง อาจทำให้เกิดแรงกดดันจากรัฐบาลสหรัฐฯ และพันธมิตร แต่ในอีกด้านหนึ่งก็แสดงให้เห็นว่า จีนยังคงมีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์โลก

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Intel ทดสอบเครื่องมือใหม่
    เครื่องมือ wet etch จาก ACM Research
    ใช้ในกระบวนการผลิต 14A node ปี 2027

    ความเชื่อมโยงกับผู้บริหาร
    Lip-Bu Tan เคยลงทุนใน ACM ผ่าน Walden International
    แม้ไม่ใช่การถือหุ้นใหญ่ แต่สร้างข้อสงสัยเรื่องผลประโยชน์

    ความเสี่ยงด้านความมั่นคง
    ACM มีหน่วยงานถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ
    ความสัมพันธ์กับบริษัทจีน เช่น SMIC และ YMTC

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    Intel ต้องหาซัพพลายเออร์ที่เหมาะสมเพื่อเร่งผลิตชิปขั้นสูง
    จีนยังคงมีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานโลก

    คำเตือนและข้อจำกัด
    การใช้เครื่องมือจาก ACM อาจสร้างแรงกดดันทางการเมือง
    ความเสี่ยงต่อความมั่นคงหากมีการพึ่งพาบริษัทที่ถูกคว่ำบาตร

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/intel-tests-chipmaking-tools-from-sanctioned-china-focused-tool-maker-report-claims-move-could-raise-political-and-national-security-concerns-firm-was-backed-by-ceo-lip-bu-tans-investment-firm
    🏭 Intel ทดสอบเครื่องมือจาก ACM Research Intel กำลังประเมินเครื่องมือ wet etch จาก ACM Research สำหรับใช้ในกระบวนการผลิต 14A node ที่มีแผนเปิดตัวในปี 2027 เครื่องมือประเภทนี้ใช้สารเคมีในการกัดกร่อนวัสดุเพื่อสร้างลวดลายบนเวเฟอร์ ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในกระบวนการผลิตชิป แม้การทดสอบเครื่องมือจากหลายบริษัทเป็นเรื่องปกติ แต่กรณีนี้ถูกจับตามากเพราะ ACM มีฐานการดำเนินงานใหญ่ในจีน ⚠️ ความกังวลด้านความมั่นคง ACM Research มีบางหน่วยงานที่ถูกสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำเนื่องจากความสัมพันธ์กับบริษัทจีน เช่น SMIC, CXMT และ YMTC การที่ Intel ทดสอบเครื่องมือจากบริษัทที่มีความเสี่ยงเช่นนี้ จึงถูกมองว่าอาจสร้างปัญหาด้านความมั่นคงและการเมือง โดยเฉพาะเมื่อสหรัฐฯ กำลังเข้มงวดต่อการส่งออกเทคโนโลยีไปยังจีน 👔 ความเชื่อมโยงกับ Lip-Bu Tan Lip-Bu Tan ซึ่งเพิ่งขึ้นเป็น CEO ของ Intel เคยลงทุนใน ACM Research ผ่านกองทุน Walden International และ Walden CEL Global Fund I แม้จะเป็นการลงทุนทางอ้อมและไม่ใช่การถือหุ้นใหญ่ แต่ก็ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า Intel อาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนหากตัดสินใจใช้เครื่องมือจาก ACM 🌐 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม การทดสอบนี้สะท้อนถึงความท้าทายของ Intel ในการหาซัพพลายเออร์ที่เหมาะสมเพื่อเร่งการผลิตชิปขั้นสูง หาก Intel เลือกใช้เครื่องมือจาก ACM จริง อาจทำให้เกิดแรงกดดันจากรัฐบาลสหรัฐฯ และพันธมิตร แต่ในอีกด้านหนึ่งก็แสดงให้เห็นว่า จีนยังคงมีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์โลก 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Intel ทดสอบเครื่องมือใหม่ ➡️ เครื่องมือ wet etch จาก ACM Research ➡️ ใช้ในกระบวนการผลิต 14A node ปี 2027 ✅ ความเชื่อมโยงกับผู้บริหาร ➡️ Lip-Bu Tan เคยลงทุนใน ACM ผ่าน Walden International ➡️ แม้ไม่ใช่การถือหุ้นใหญ่ แต่สร้างข้อสงสัยเรื่องผลประโยชน์ ✅ ความเสี่ยงด้านความมั่นคง ➡️ ACM มีหน่วยงานถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ ➡️ ความสัมพันธ์กับบริษัทจีน เช่น SMIC และ YMTC ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม ➡️ Intel ต้องหาซัพพลายเออร์ที่เหมาะสมเพื่อเร่งผลิตชิปขั้นสูง ➡️ จีนยังคงมีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานโลก ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ การใช้เครื่องมือจาก ACM อาจสร้างแรงกดดันทางการเมือง ⛔ ความเสี่ยงต่อความมั่นคงหากมีการพึ่งพาบริษัทที่ถูกคว่ำบาตร https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/intel-tests-chipmaking-tools-from-sanctioned-china-focused-tool-maker-report-claims-move-could-raise-political-and-national-security-concerns-firm-was-backed-by-ceo-lip-bu-tans-investment-firm
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้นแบบ Photonic Memory Latch ที่สามารถเก็บและส่งข้อมูลด้วยแสงทั้งหมด

    นักวิจัยจาก USC และมหาวิทยาลัย Wisconsin-Madison เปิดตัวต้นแบบ Photonic Memory Latch ที่สามารถเก็บและส่งข้อมูลด้วยแสงทั้งหมด ถือเป็นก้าวสำคัญสู่การสร้าง Optical Processor ที่เร็วกว่าเดิมหลายสิบเท่า แต่ยังมีข้อจำกัดด้านความหนาแน่นของชิ้นส่วน

    ทีมวิจัยได้สร้างต้นแบบ Photonic Memory Latch บนแพลตฟอร์ม GlobalFoundries Fotonix ซึ่งเป็นการผลิตเชิงพาณิชย์จริง จุดเด่นคือสามารถเขียนข้อมูลด้วยแสงและเก็บสถานะได้โดยไม่ลื่นไหล ทำงานคล้ายกับ SRAM bit แต่ทั้งหมดอยู่ในโดเมนแสง ไม่ต้องแปลงกลับไปเป็นไฟฟ้าเหมือนระบบปัจจุบัน

    ความเร็วเหนือชิปอิเล็กทรอนิกส์
    การทดสอบแสดงให้เห็นว่า ความเร็วในการเขียนข้อมูลสูงถึง 20 GHz และการอ่านสามารถแตะระดับ 50–60 GHz ซึ่งเร็วกว่าหน่วยความจำอิเล็กทรอนิกส์ที่มักอยู่ที่ 2–3 GHz ถึงเกือบ 20 เท่า เทคโนโลยีนี้จึงถูกมองว่าเป็น “ชิ้นส่วนที่ขาดหายไป” ของการสร้าง Photonic Processor ที่ทำงานด้วยแสงทั้งหมด

    ข้อจำกัดด้านความหนาแน่น
    แม้ความเร็วสูง แต่ปัญหาคือ ขนาดของชิ้นส่วน photonic ยังใหญ่กว่าทรานซิสเตอร์ CMOS หลายระดับ ทำให้ความหนาแน่นต่ำและยังไม่เหมาะกับการใช้งานทั่วไป อย่างไรก็ตาม นักวิจัยชี้ว่ามีโอกาสนำไปใช้ในระบบที่ต้องการแบนด์วิดท์สูง เช่น Data Center และ HPC (High Performance Computing)

    ผลกระทบต่ออนาคตอุตสาหกรรม
    การสร้างต้นแบบนี้บนแพลตฟอร์มเชิงพาณิชย์อย่าง GlobalFoundries แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีสามารถขยายได้จริง ไม่ใช่แค่ในห้องทดลอง หากพัฒนาได้ต่อเนื่อง Photonic Memory อาจช่วยลดปัญหาคอขวดของการแปลงข้อมูลระหว่างแสงและไฟฟ้า และเปิดทางสู่ยุคใหม่ของ Optical Computing

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การสร้างต้นแบบ
    Photonic Memory Latch บน GlobalFoundries Fotonix
    ทำงานคล้าย SRAM bit แต่ใช้แสงทั้งหมด

    ความเร็วสูง
    เขียนข้อมูลได้ถึง 20 GHz
    อ่านข้อมูลได้ถึง 50–60 GHz

    ข้อจำกัด
    ขนาดชิ้นส่วนใหญ่กว่าทรานซิสเตอร์ CMOS
    ความหนาแน่นต่ำ ยังไม่เหมาะกับการใช้งานทั่วไป

    ผลกระทบเชิงบวก
    เหมาะกับ Data Center และ HPC
    ลดคอขวดการแปลงข้อมูลระหว่างแสงและไฟฟ้า

    คำเตือนและข้อจำกัด
    ยังไม่พร้อมสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์ทั่วไป
    ต้องพัฒนาเทคโนโลยีเพิ่มเพื่อแก้ปัญหาความหนาแน่น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/usc-and-us-madison-researchers-debut-foundry-made-photonic-memory-latch
    💡 ต้นแบบ Photonic Memory Latch ที่สามารถเก็บและส่งข้อมูลด้วยแสงทั้งหมด นักวิจัยจาก USC และมหาวิทยาลัย Wisconsin-Madison เปิดตัวต้นแบบ Photonic Memory Latch ที่สามารถเก็บและส่งข้อมูลด้วยแสงทั้งหมด ถือเป็นก้าวสำคัญสู่การสร้าง Optical Processor ที่เร็วกว่าเดิมหลายสิบเท่า แต่ยังมีข้อจำกัดด้านความหนาแน่นของชิ้นส่วน ทีมวิจัยได้สร้างต้นแบบ Photonic Memory Latch บนแพลตฟอร์ม GlobalFoundries Fotonix ซึ่งเป็นการผลิตเชิงพาณิชย์จริง จุดเด่นคือสามารถเขียนข้อมูลด้วยแสงและเก็บสถานะได้โดยไม่ลื่นไหล ทำงานคล้ายกับ SRAM bit แต่ทั้งหมดอยู่ในโดเมนแสง ไม่ต้องแปลงกลับไปเป็นไฟฟ้าเหมือนระบบปัจจุบัน ⚡ ความเร็วเหนือชิปอิเล็กทรอนิกส์ การทดสอบแสดงให้เห็นว่า ความเร็วในการเขียนข้อมูลสูงถึง 20 GHz และการอ่านสามารถแตะระดับ 50–60 GHz ซึ่งเร็วกว่าหน่วยความจำอิเล็กทรอนิกส์ที่มักอยู่ที่ 2–3 GHz ถึงเกือบ 20 เท่า เทคโนโลยีนี้จึงถูกมองว่าเป็น “ชิ้นส่วนที่ขาดหายไป” ของการสร้าง Photonic Processor ที่ทำงานด้วยแสงทั้งหมด 🔧 ข้อจำกัดด้านความหนาแน่น แม้ความเร็วสูง แต่ปัญหาคือ ขนาดของชิ้นส่วน photonic ยังใหญ่กว่าทรานซิสเตอร์ CMOS หลายระดับ ทำให้ความหนาแน่นต่ำและยังไม่เหมาะกับการใช้งานทั่วไป อย่างไรก็ตาม นักวิจัยชี้ว่ามีโอกาสนำไปใช้ในระบบที่ต้องการแบนด์วิดท์สูง เช่น Data Center และ HPC (High Performance Computing) 🌐 ผลกระทบต่ออนาคตอุตสาหกรรม การสร้างต้นแบบนี้บนแพลตฟอร์มเชิงพาณิชย์อย่าง GlobalFoundries แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีสามารถขยายได้จริง ไม่ใช่แค่ในห้องทดลอง หากพัฒนาได้ต่อเนื่อง Photonic Memory อาจช่วยลดปัญหาคอขวดของการแปลงข้อมูลระหว่างแสงและไฟฟ้า และเปิดทางสู่ยุคใหม่ของ Optical Computing 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การสร้างต้นแบบ ➡️ Photonic Memory Latch บน GlobalFoundries Fotonix ➡️ ทำงานคล้าย SRAM bit แต่ใช้แสงทั้งหมด ✅ ความเร็วสูง ➡️ เขียนข้อมูลได้ถึง 20 GHz ➡️ อ่านข้อมูลได้ถึง 50–60 GHz ✅ ข้อจำกัด ➡️ ขนาดชิ้นส่วนใหญ่กว่าทรานซิสเตอร์ CMOS ➡️ ความหนาแน่นต่ำ ยังไม่เหมาะกับการใช้งานทั่วไป ✅ ผลกระทบเชิงบวก ➡️ เหมาะกับ Data Center และ HPC ➡️ ลดคอขวดการแปลงข้อมูลระหว่างแสงและไฟฟ้า ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ ยังไม่พร้อมสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์ทั่วไป ⛔ ต้องพัฒนาเทคโนโลยีเพิ่มเพื่อแก้ปัญหาความหนาแน่น https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/usc-and-us-madison-researchers-debut-foundry-made-photonic-memory-latch
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • Framework ขึ้นราคาหน่วยความจำ DDR5

    Framework ได้ปรับราคาหน่วยความจำ DDR5 SO-DIMM สำหรับ Laptop DIY Edition ขึ้นถึง 50% โดยตัวเลือกตั้งแต่ 8GB ไปจนถึง 96GB มีราคาสูงขึ้นตามสัดส่วน เช่น 8GB DDR5-5600 อยู่ที่ $60 และ 96GB (2x48GB) อยู่ที่ $720 การปรับราคานี้สะท้อนถึงต้นทุนที่สูงขึ้นจากผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่าย

    สาเหตุจากวิกฤติ DRAM
    การขาดแคลน DRAM เกิดจากความต้องการมหาศาลในตลาด AI และ Data Center ทำให้ผู้ผลิตอย่าง Samsung, SK hynix และ Micron หันไปผลิตหน่วยความจำที่มี margin สูง เช่น HBM และ LPDDR5X มากกว่า ส่งผลให้ตลาดผู้บริโภคขาดแคลนและราคาพุ่งสูง Framework ระบุว่าการขึ้นราคานี้เป็นเพียงการชดเชยต้นทุน ไม่ใช่การหากำไรเกินควร

    มาตรการป้องกันการเก็งกำไร
    Framework เคยเจอปัญหา RAM scalpers ซื้อหน่วยความจำไปขายต่อในราคาสูง บริษัทจึงหยุดขายโมดูลแยก และปรับนโยบายการคืนสินค้า โดยลูกค้าที่ซื้อ Laptop DIY Edition ต้องคืนหน่วยความจำพร้อมเครื่อง ไม่สามารถเก็บไว้ขายต่อได้ ถือเป็นมาตรการลดการเก็งกำไรในตลาด

    แนวโน้มราคาในอนาคต
    Framework เตือนว่าต้นทุนหน่วยความจำจะยังคงสูงขึ้น และอาจต้องปรับราคาอีกในอนาคต แม้ตอนนี้ราคายังใกล้เคียงกับตลาด แต่หากวิกฤติ DRAM ยืดเยื้อ ผู้บริโภคอาจต้องจ่ายแพงขึ้นทั้งในตลาด DIY และเครื่องประกอบสำเร็จ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การปรับราคา
    DDR5 SO-DIMM สำหรับ Laptop DIY Edition ขึ้นสูงสุด 50%
    ตัวเลือก 8GB–96GB ราคาสูงขึ้นตามสัดส่วน

    สาเหตุหลัก
    ความต้องการจาก AI และ Data Center
    ผู้ผลิตหันไปผลิต HBM และ LPDDR5X

    มาตรการ Framework
    หยุดขายโมดูลแยก
    ปรับนโยบายคืนสินค้าเพื่อกันการเก็งกำไร

    แนวโน้มอนาคต
    ราคาหน่วยความจำอาจขึ้นอีก
    ผู้บริโภคต้องเตรียมรับต้นทุนที่สูงขึ้น

    คำเตือน
    ตลาดผู้บริโภคอาจเจอราคาสูงต่อเนื่อง
    DIY ผู้ใช้ต้องระวังการลงทุนในช่วงที่ราคาผันผวน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ram/framework-raises-ddr5-ram-upgrade-prices-by-50-percent-amid-dram-shortage-only-for-laptop-diy-edition-says-prices-will-likely-rise-again
    💻 Framework ขึ้นราคาหน่วยความจำ DDR5 Framework ได้ปรับราคาหน่วยความจำ DDR5 SO-DIMM สำหรับ Laptop DIY Edition ขึ้นถึง 50% โดยตัวเลือกตั้งแต่ 8GB ไปจนถึง 96GB มีราคาสูงขึ้นตามสัดส่วน เช่น 8GB DDR5-5600 อยู่ที่ $60 และ 96GB (2x48GB) อยู่ที่ $720 การปรับราคานี้สะท้อนถึงต้นทุนที่สูงขึ้นจากผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่าย 📈 สาเหตุจากวิกฤติ DRAM การขาดแคลน DRAM เกิดจากความต้องการมหาศาลในตลาด AI และ Data Center ทำให้ผู้ผลิตอย่าง Samsung, SK hynix และ Micron หันไปผลิตหน่วยความจำที่มี margin สูง เช่น HBM และ LPDDR5X มากกว่า ส่งผลให้ตลาดผู้บริโภคขาดแคลนและราคาพุ่งสูง Framework ระบุว่าการขึ้นราคานี้เป็นเพียงการชดเชยต้นทุน ไม่ใช่การหากำไรเกินควร 🛡️ มาตรการป้องกันการเก็งกำไร Framework เคยเจอปัญหา RAM scalpers ซื้อหน่วยความจำไปขายต่อในราคาสูง บริษัทจึงหยุดขายโมดูลแยก และปรับนโยบายการคืนสินค้า โดยลูกค้าที่ซื้อ Laptop DIY Edition ต้องคืนหน่วยความจำพร้อมเครื่อง ไม่สามารถเก็บไว้ขายต่อได้ ถือเป็นมาตรการลดการเก็งกำไรในตลาด 🌐 แนวโน้มราคาในอนาคต Framework เตือนว่าต้นทุนหน่วยความจำจะยังคงสูงขึ้น และอาจต้องปรับราคาอีกในอนาคต แม้ตอนนี้ราคายังใกล้เคียงกับตลาด แต่หากวิกฤติ DRAM ยืดเยื้อ ผู้บริโภคอาจต้องจ่ายแพงขึ้นทั้งในตลาด DIY และเครื่องประกอบสำเร็จ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การปรับราคา ➡️ DDR5 SO-DIMM สำหรับ Laptop DIY Edition ขึ้นสูงสุด 50% ➡️ ตัวเลือก 8GB–96GB ราคาสูงขึ้นตามสัดส่วน ✅ สาเหตุหลัก ➡️ ความต้องการจาก AI และ Data Center ➡️ ผู้ผลิตหันไปผลิต HBM และ LPDDR5X ✅ มาตรการ Framework ➡️ หยุดขายโมดูลแยก ➡️ ปรับนโยบายคืนสินค้าเพื่อกันการเก็งกำไร ✅ แนวโน้มอนาคต ➡️ ราคาหน่วยความจำอาจขึ้นอีก ➡️ ผู้บริโภคต้องเตรียมรับต้นทุนที่สูงขึ้น ‼️ คำเตือน ⛔ ตลาดผู้บริโภคอาจเจอราคาสูงต่อเนื่อง ⛔ DIY ผู้ใช้ต้องระวังการลงทุนในช่วงที่ราคาผันผวน https://www.tomshardware.com/pc-components/ram/framework-raises-ddr5-ram-upgrade-prices-by-50-percent-amid-dram-shortage-only-for-laptop-diy-edition-says-prices-will-likely-rise-again
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • เผยภาพความเสียหายอาคารกาสิโนทมอดา อ.เวียลเวง จ.โพธิสัตว์ ของกัมพูชา หลังถูกเครื่องบินขับไล่ F-16 ของกองทัพอากาศไทยเข้าปฏิบัติการโจมตีในช่วงเช้ามืดวันนี้ ตามการเผยแพร่ของเพจ Army Military Force
    .
    กาสิโนทมอดาเป็นโครงการที่ฝ่ายกัมพูชาก่อสร้างรุกล้ำดินแดนไทยและเคยถูกแจ้งให้รื้อถอนหลายครั้งแต่ไม่ดำเนินการ ภายใต้สถานการณ์สู้รบตั้งแต่ 8 ธ.ค. กองทัพไทยเปิดยุทธการปกป้องอธิปไตย สนธิกำลังบก เรือ อากาศ โดยใช้ F-16 ทำลายเป้าหมายดังกล่าวตามแผนปฏิบัติการ
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000119763
    .
    #News1live #News1 #F16 #กองทัพอากาศไทย #กาสิโนทมอดา #ทมอดาซิตี้ #ชายแดนไทยกัมพูชา #ปฏิบัติการทางทหาร #ทำลายให้สิ้น #เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    เผยภาพความเสียหายอาคารกาสิโนทมอดา อ.เวียลเวง จ.โพธิสัตว์ ของกัมพูชา หลังถูกเครื่องบินขับไล่ F-16 ของกองทัพอากาศไทยเข้าปฏิบัติการโจมตีในช่วงเช้ามืดวันนี้ ตามการเผยแพร่ของเพจ Army Military Force . กาสิโนทมอดาเป็นโครงการที่ฝ่ายกัมพูชาก่อสร้างรุกล้ำดินแดนไทยและเคยถูกแจ้งให้รื้อถอนหลายครั้งแต่ไม่ดำเนินการ ภายใต้สถานการณ์สู้รบตั้งแต่ 8 ธ.ค. กองทัพไทยเปิดยุทธการปกป้องอธิปไตย สนธิกำลังบก เรือ อากาศ โดยใช้ F-16 ทำลายเป้าหมายดังกล่าวตามแผนปฏิบัติการ . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000119763 . #News1live #News1 #F16 #กองทัพอากาศไทย #กาสิโนทมอดา #ทมอดาซิตี้ #ชายแดนไทยกัมพูชา #ปฏิบัติการทางทหาร #ทำลายให้สิ้น #เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    Like
    Haha
    Wow
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 211 มุมมอง 0 รีวิว
  • Huawei Kirin 9030: ก้าวใหม่ของจีน

    Huawei เปิดตัวชิป Kirin 9030 และ Kirin 9030 Pro สำหรับสมาร์ทโฟน Mate 80 โดยใช้กระบวนการผลิต SMIC N+3 ซึ่งเป็นการพัฒนาต่อจาก N+1 และ N+2 (7nm-class) จุดเด่นคือสามารถเพิ่มจำนวนคอร์ได้มากขึ้น (12–14 คอร์) โดยไม่เพิ่มการใช้พลังงานมากนัก ถือเป็นการยืนยันว่าจีนยังสามารถพัฒนากระบวนการผลิตชิปได้แม้ถูกคว่ำบาตร

    เทคโนโลยี N+3: ระหว่าง 7nm และ 5nm
    แม้ SMIC ระบุว่า N+3 เป็นก้าวสู่ 5nm แต่การวิเคราะห์จาก TechInsights และ SemiAnalysis ชี้ว่า N+3 เป็นเพียงการขยายจาก 7nm-class โดยใช้เทคนิค DUV multi-patterning และ Design Technology Co-Optimization (DTCO) ไม่ใช่การกระโดดไปสู่ 5nm จริง ๆ ทำให้ประสิทธิภาพและ yield ยังตามหลังคู่แข่งระดับโลก

    ความท้าทายด้าน yield และการผลิต
    การใช้ DUV multi-patterning หลายชั้นทำให้เกิดความเสี่ยงสูงต่อ line roughness และ defect ซึ่งอาจทำให้ yield ลดลงอย่างมากเมื่อผลิตในปริมาณมาก นี่คือข้อจำกัดสำคัญที่ทำให้ SMIC ยังไม่สามารถแข่งขันกับกระบวนการ EUV ของ TSMC และ Samsung ได้

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมจีน
    แม้ N+3 ยังไม่ใช่ 5nm-class ที่แท้จริง แต่การพัฒนาแสดงให้เห็นว่า จีนยังคงสามารถก้าวหน้าในเทคโนโลยีการผลิตชิปโดยไม่พึ่งพา EUV จากต่างประเทศ ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อความพยายามสร้างความเป็นอิสระด้านเซมิคอนดักเตอร์ อย่างไรก็ตาม การแข่งขันกับผู้ผลิตระดับโลกยังคงเป็นความท้าทายใหญ่

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเปิดตัวชิปใหม่
    Kirin 9030/9030 Pro ใช้กระบวนการ SMIC N+3
    เพิ่มจำนวนคอร์เป็น 12–14 คอร์

    เทคโนโลยี N+3
    เป็นการขยายจาก 7nm-class
    ใช้ DUV multi-patterning และ DTCO

    ความท้าทาย
    Yield ต่ำจากความซับซ้อนของ DUV
    ยังไม่เทียบเท่า 5nm-class ของ TSMC/Samsung

    ผลกระทบเชิงบวก
    แสดงให้เห็นความก้าวหน้าของจีนแม้ถูกคว่ำบาตร
    ลดการพึ่งพาเทคโนโลยี EUV ต่างประเทศ

    คำเตือนและข้อจำกัด
    N+3 ยังไม่ใช่ 5nm-class ที่แท้จริง
    Yield และประสิทธิภาพยังตามหลังคู่แข่งระดับโลก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/huaweis-latest-mobile-is-chinas-most-advanced-process-node-to-date-despite-using-blacklisted-chipmaker-huawei-kirin-9030-mobile-soc-made-on-smic-n-3-process-but-cant-compete-with-5nm-nodes
    📱 Huawei Kirin 9030: ก้าวใหม่ของจีน Huawei เปิดตัวชิป Kirin 9030 และ Kirin 9030 Pro สำหรับสมาร์ทโฟน Mate 80 โดยใช้กระบวนการผลิต SMIC N+3 ซึ่งเป็นการพัฒนาต่อจาก N+1 และ N+2 (7nm-class) จุดเด่นคือสามารถเพิ่มจำนวนคอร์ได้มากขึ้น (12–14 คอร์) โดยไม่เพิ่มการใช้พลังงานมากนัก ถือเป็นการยืนยันว่าจีนยังสามารถพัฒนากระบวนการผลิตชิปได้แม้ถูกคว่ำบาตร ⚙️ เทคโนโลยี N+3: ระหว่าง 7nm และ 5nm แม้ SMIC ระบุว่า N+3 เป็นก้าวสู่ 5nm แต่การวิเคราะห์จาก TechInsights และ SemiAnalysis ชี้ว่า N+3 เป็นเพียงการขยายจาก 7nm-class โดยใช้เทคนิค DUV multi-patterning และ Design Technology Co-Optimization (DTCO) ไม่ใช่การกระโดดไปสู่ 5nm จริง ๆ ทำให้ประสิทธิภาพและ yield ยังตามหลังคู่แข่งระดับโลก 🔬 ความท้าทายด้าน yield และการผลิต การใช้ DUV multi-patterning หลายชั้นทำให้เกิดความเสี่ยงสูงต่อ line roughness และ defect ซึ่งอาจทำให้ yield ลดลงอย่างมากเมื่อผลิตในปริมาณมาก นี่คือข้อจำกัดสำคัญที่ทำให้ SMIC ยังไม่สามารถแข่งขันกับกระบวนการ EUV ของ TSMC และ Samsung ได้ 🌐 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมจีน แม้ N+3 ยังไม่ใช่ 5nm-class ที่แท้จริง แต่การพัฒนาแสดงให้เห็นว่า จีนยังคงสามารถก้าวหน้าในเทคโนโลยีการผลิตชิปโดยไม่พึ่งพา EUV จากต่างประเทศ ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อความพยายามสร้างความเป็นอิสระด้านเซมิคอนดักเตอร์ อย่างไรก็ตาม การแข่งขันกับผู้ผลิตระดับโลกยังคงเป็นความท้าทายใหญ่ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเปิดตัวชิปใหม่ ➡️ Kirin 9030/9030 Pro ใช้กระบวนการ SMIC N+3 ➡️ เพิ่มจำนวนคอร์เป็น 12–14 คอร์ ✅ เทคโนโลยี N+3 ➡️ เป็นการขยายจาก 7nm-class ➡️ ใช้ DUV multi-patterning และ DTCO ✅ ความท้าทาย ➡️ Yield ต่ำจากความซับซ้อนของ DUV ➡️ ยังไม่เทียบเท่า 5nm-class ของ TSMC/Samsung ✅ ผลกระทบเชิงบวก ➡️ แสดงให้เห็นความก้าวหน้าของจีนแม้ถูกคว่ำบาตร ➡️ ลดการพึ่งพาเทคโนโลยี EUV ต่างประเทศ ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ N+3 ยังไม่ใช่ 5nm-class ที่แท้จริง ⛔ Yield และประสิทธิภาพยังตามหลังคู่แข่งระดับโลก https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/huaweis-latest-mobile-is-chinas-most-advanced-process-node-to-date-despite-using-blacklisted-chipmaker-huawei-kirin-9030-mobile-soc-made-on-smic-n-3-process-but-cant-compete-with-5nm-nodes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • การพบเห็นซีพียูใหม่ Intel Core Ultra 7 270K Plus และ Core Ultra 9 290K Plus ในอินเดีย

    รายงานจาก Tom’s Hardware ระบุว่า Core Ultra 7 270K Plus และ Core Ultra 9 290K Plus ถูกเพิ่มเข้ารายการสินค้าของร้านค้าปลีกในอินเดีย แม้ไม่มีรายละเอียดด้านราคาและสเปกเต็ม แต่การปรากฏชื่อรุ่นถือเป็นการยืนยันว่า Intel เตรียมเปิดตัวซีพียูรุ่นใหม่ในตระกูล Arrow Lake Refresh

    การต่อยอดจาก Arrow Lake
    ซีพียูรุ่น "Plus" นี้คาดว่าจะเป็นการปรับปรุงจาก Arrow Lake รุ่นแรก ที่เปิดตัวในปี 2024 โดยอาจมีการเพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกา (clock speed) และปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดการพลังงาน เพื่อแข่งขันกับ AMD Ryzen รุ่นล่าสุดในตลาด high-end desktop

    ตลาดและกลยุทธ์ Intel
    การพบเห็นในอินเดียสะท้อนว่า Intel กำลังเตรียมกระจายสินค้าไปยังตลาดเกิดใหม่ที่มีความต้องการสูง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้ที่เน้นการประกอบเครื่องเอง (DIY PC) ซึ่งเป็นตลาดสำคัญของซีพียู high-end การเปิดตัวรุ่น "Plus" อาจเป็นการรักษาความสดใหม่ของไลน์ผลิตภัณฑ์ก่อนการมาถึงของสถาปัตยกรรมใหม่ในปี 2026

    แนวโน้มในอนาคต
    แม้ยังไม่มีข้อมูลราคา แต่คาดว่า Core Ultra 9 290K Plus จะเป็นรุ่นท็อปที่แข่งขันกับ Ryzen 9 series ส่วน Core Ultra 7 270K Plus จะจับตลาดระดับกลางถึงสูง การเปิดตัวอย่างเป็นทางการอาจเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2026 ซึ่งจะเป็นการต่อยอดกลยุทธ์ของ Intel ในการรักษาส่วนแบ่งตลาดซีพียูเดสก์ท็อป

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การพบเห็นซีพียูใหม่
    Core Ultra 7 270K Plus และ Core Ultra 9 290K Plus
    รายชื่อสินค้าปรากฏในร้านค้าปลีกอินเดีย

    การต่อยอดจาก Arrow Lake
    รุ่น "Plus" อาจเพิ่ม clock speed และปรับปรุงพลังงาน
    แข่งขันกับ AMD Ryzen รุ่นล่าสุด

    กลยุทธ์ตลาด
    เน้นตลาด DIY PC และตลาดเกิดใหม่
    รักษาความสดใหม่ของไลน์ผลิตภัณฑ์ก่อนสถาปัตยกรรมใหม่

    แนวโน้มอนาคต
    Core Ultra 9 290K Plus จับตลาด high-end
    Core Ultra 7 270K Plus จับตลาด mid-high segment

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-core-ultra-7-270k-plus-and-core-ultra-9-290k-plus-spotted-at-indian-retailer-listings-appear-to-corroborate-prior-leaks-but-dont-reveal-pricing-or-new-info-for-upcoming-arrow-lake-refresh
    🖥️ การพบเห็นซีพียูใหม่ Intel Core Ultra 7 270K Plus และ Core Ultra 9 290K Plus ในอินเดีย รายงานจาก Tom’s Hardware ระบุว่า Core Ultra 7 270K Plus และ Core Ultra 9 290K Plus ถูกเพิ่มเข้ารายการสินค้าของร้านค้าปลีกในอินเดีย แม้ไม่มีรายละเอียดด้านราคาและสเปกเต็ม แต่การปรากฏชื่อรุ่นถือเป็นการยืนยันว่า Intel เตรียมเปิดตัวซีพียูรุ่นใหม่ในตระกูล Arrow Lake Refresh ⚙️ การต่อยอดจาก Arrow Lake ซีพียูรุ่น "Plus" นี้คาดว่าจะเป็นการปรับปรุงจาก Arrow Lake รุ่นแรก ที่เปิดตัวในปี 2024 โดยอาจมีการเพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกา (clock speed) และปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดการพลังงาน เพื่อแข่งขันกับ AMD Ryzen รุ่นล่าสุดในตลาด high-end desktop 🌐 ตลาดและกลยุทธ์ Intel การพบเห็นในอินเดียสะท้อนว่า Intel กำลังเตรียมกระจายสินค้าไปยังตลาดเกิดใหม่ที่มีความต้องการสูง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้ที่เน้นการประกอบเครื่องเอง (DIY PC) ซึ่งเป็นตลาดสำคัญของซีพียู high-end การเปิดตัวรุ่น "Plus" อาจเป็นการรักษาความสดใหม่ของไลน์ผลิตภัณฑ์ก่อนการมาถึงของสถาปัตยกรรมใหม่ในปี 2026 🔮 แนวโน้มในอนาคต แม้ยังไม่มีข้อมูลราคา แต่คาดว่า Core Ultra 9 290K Plus จะเป็นรุ่นท็อปที่แข่งขันกับ Ryzen 9 series ส่วน Core Ultra 7 270K Plus จะจับตลาดระดับกลางถึงสูง การเปิดตัวอย่างเป็นทางการอาจเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2026 ซึ่งจะเป็นการต่อยอดกลยุทธ์ของ Intel ในการรักษาส่วนแบ่งตลาดซีพียูเดสก์ท็อป 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การพบเห็นซีพียูใหม่ ➡️ Core Ultra 7 270K Plus และ Core Ultra 9 290K Plus ➡️ รายชื่อสินค้าปรากฏในร้านค้าปลีกอินเดีย ✅ การต่อยอดจาก Arrow Lake ➡️ รุ่น "Plus" อาจเพิ่ม clock speed และปรับปรุงพลังงาน ➡️ แข่งขันกับ AMD Ryzen รุ่นล่าสุด ✅ กลยุทธ์ตลาด ➡️ เน้นตลาด DIY PC และตลาดเกิดใหม่ ➡️ รักษาความสดใหม่ของไลน์ผลิตภัณฑ์ก่อนสถาปัตยกรรมใหม่ ✅ แนวโน้มอนาคต ➡️ Core Ultra 9 290K Plus จับตลาด high-end ➡️ Core Ultra 7 270K Plus จับตลาด mid-high segment https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-core-ultra-7-270k-plus-and-core-ultra-9-290k-plus-spotted-at-indian-retailer-listings-appear-to-corroborate-prior-leaks-but-dont-reveal-pricing-or-new-info-for-upcoming-arrow-lake-refresh
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 รีวิว
  • Oracle เลื่อนโครงการศูนย์ข้อมูล AI

    Oracle ได้ปรับกำหนดการสร้างศูนย์ข้อมูล AI ภายใต้โครงการ Stargate ที่ร่วมกับ OpenAI และ SoftBank จากปี 2027 ไปเป็นปี 2028 โดยสาเหตุหลักคือการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะและวัสดุที่จำเป็นต่อการก่อสร้าง แม้จะเลื่อนเวลา แต่ขอบเขตโครงการยังคงเดิม คือการสร้างศูนย์ข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในโลกเพื่อรองรับการประมวลผล AI

    ขนาดโครงการที่ทะเยอทะยาน
    ตามสัญญาที่ลงนามในเดือนกรกฎาคม Oracle จะสร้างศูนย์ข้อมูลที่รองรับ 2 ล้าน AI accelerators และใช้พลังงาน 5 GW ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อเสร็จสมบูรณ์ แม้จะมีการเลื่อน แต่ Oracle ยืนยันว่าโครงการยังคงเดินหน้าตามแผน และจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญสำหรับการฝึกและใช้งานโมเดล AI ขนาดใหญ่

    ตัวอย่างความสำเร็จที่ผ่านมา
    Oracle ยกตัวอย่าง SuperCluster ใน Abilene, Texas ที่สามารถติดตั้ง GPU ของ Nvidia ได้เกือบ 200,000 ตัวภายในเวลาไม่กี่เดือน เพื่อแสดงให้เห็นว่าบริษัทมีความสามารถในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ แม้จะมีอุปสรรคด้านวัสดุและแรงงาน

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI
    การล่าช้าของโครงการนี้สะท้อนถึงปัญหาที่อุตสาหกรรม AI เผชิญทั่วโลก ทั้งการขาดแคลนพลังงาน วัสดุ และแรงงานที่มีทักษะ หากไม่สามารถแก้ไขได้ทันเวลา อาจทำให้การขยายตัวของ AI ชะลอลง และส่งผลต่อความสามารถในการรองรับโมเดลใหม่ ๆ ที่ต้องใช้ทรัพยากรมหาศาล

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Oracle เลื่อนโครงการ
    จากปี 2027 ไปเป็นปี 2028
    สาเหตุจากการขาดแคลนแรงงานและวัสดุ

    ขนาดโครงการ
    รองรับ 2 ล้าน AI accelerators
    ใช้พลังงาน 5 GW

    ตัวอย่างความสำเร็จ
    SuperCluster ใน Texas ติดตั้ง GPU ได้เกือบ 200,000 ตัว
    แสดงศักยภาพการสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    ปัญหาการขาดแคลนพลังงานและวัสดุทั่วโลก
    อาจทำให้การขยายตัวของ AI ชะลอลง

    คำเตือนและข้อจำกัด
    การล่าช้าอาจกระทบต่อการรองรับโมเดล AI รุ่นใหม่
    ความเสี่ยงจากการพึ่งพาทรัพยากรที่หายากและแรงงานที่มีทักษะ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/oracle-reportedly-delays-several-new-openai-data-centers-because-of-shortages-tight-material-and-labor-supply-frustrate-expansion-plans-possibly-by-a-year-or-more
    🏗️ Oracle เลื่อนโครงการศูนย์ข้อมูล AI Oracle ได้ปรับกำหนดการสร้างศูนย์ข้อมูล AI ภายใต้โครงการ Stargate ที่ร่วมกับ OpenAI และ SoftBank จากปี 2027 ไปเป็นปี 2028 โดยสาเหตุหลักคือการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะและวัสดุที่จำเป็นต่อการก่อสร้าง แม้จะเลื่อนเวลา แต่ขอบเขตโครงการยังคงเดิม คือการสร้างศูนย์ข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในโลกเพื่อรองรับการประมวลผล AI ⚡ ขนาดโครงการที่ทะเยอทะยาน ตามสัญญาที่ลงนามในเดือนกรกฎาคม Oracle จะสร้างศูนย์ข้อมูลที่รองรับ 2 ล้าน AI accelerators และใช้พลังงาน 5 GW ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อเสร็จสมบูรณ์ แม้จะมีการเลื่อน แต่ Oracle ยืนยันว่าโครงการยังคงเดินหน้าตามแผน และจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญสำหรับการฝึกและใช้งานโมเดล AI ขนาดใหญ่ 🔧 ตัวอย่างความสำเร็จที่ผ่านมา Oracle ยกตัวอย่าง SuperCluster ใน Abilene, Texas ที่สามารถติดตั้ง GPU ของ Nvidia ได้เกือบ 200,000 ตัวภายในเวลาไม่กี่เดือน เพื่อแสดงให้เห็นว่าบริษัทมีความสามารถในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ แม้จะมีอุปสรรคด้านวัสดุและแรงงาน 🌐 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI การล่าช้าของโครงการนี้สะท้อนถึงปัญหาที่อุตสาหกรรม AI เผชิญทั่วโลก ทั้งการขาดแคลนพลังงาน วัสดุ และแรงงานที่มีทักษะ หากไม่สามารถแก้ไขได้ทันเวลา อาจทำให้การขยายตัวของ AI ชะลอลง และส่งผลต่อความสามารถในการรองรับโมเดลใหม่ ๆ ที่ต้องใช้ทรัพยากรมหาศาล 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Oracle เลื่อนโครงการ ➡️ จากปี 2027 ไปเป็นปี 2028 ➡️ สาเหตุจากการขาดแคลนแรงงานและวัสดุ ✅ ขนาดโครงการ ➡️ รองรับ 2 ล้าน AI accelerators ➡️ ใช้พลังงาน 5 GW ✅ ตัวอย่างความสำเร็จ ➡️ SuperCluster ใน Texas ติดตั้ง GPU ได้เกือบ 200,000 ตัว ➡️ แสดงศักยภาพการสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม ➡️ ปัญหาการขาดแคลนพลังงานและวัสดุทั่วโลก ➡️ อาจทำให้การขยายตัวของ AI ชะลอลง ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ การล่าช้าอาจกระทบต่อการรองรับโมเดล AI รุ่นใหม่ ⛔ ความเสี่ยงจากการพึ่งพาทรัพยากรที่หายากและแรงงานที่มีทักษะ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/oracle-reportedly-delays-several-new-openai-data-centers-because-of-shortages-tight-material-and-labor-supply-frustrate-expansion-plans-possibly-by-a-year-or-more
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia H200: ความต้องการล้นตลาด

    หลังจากสหรัฐฯ อนุญาตให้ส่งออก H200 GPU ไปยังจีนภายใต้กรอบที่มีค่าธรรมเนียม 25% ความต้องการจากบริษัทใหญ่ เช่น Alibaba และ ByteDance พุ่งสูงทันที จนเกินกำลังผลิตที่ Nvidia มีอยู่ในปัจจุบัน ทำให้บริษัทต้องพิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับคำสั่งซื้อ

    ข้อจำกัดด้านการผลิต
    แม้ H200 จะเป็นชิปที่ทรงพลังที่สุดในตระกูล Hopper แต่กำลังการผลิตยังจำกัด เนื่องจาก Nvidia กำลังทุ่มทรัพยากรไปที่ Blackwell GPUs และ Rubin platform ซึ่งใช้เทคโนโลยีขั้นสูงกว่าและเป็นอนาคตของบริษัท การแข่งขันด้านทรัพยากรที่โรงงาน TSMC ทำให้การเพิ่มกำลังผลิต H200 ไม่ใช่เรื่องง่าย

    ความเสี่ยงด้านนโยบายและการส่งออก
    แม้สหรัฐฯ จะเปิดไฟเขียว แต่เส้นทางการส่งออกยังไม่ชัดเจน เพราะจีนยังไม่ได้อนุมัติการนำเข้าอย่างเป็นทางการ และมีการหารือว่าจะจำกัดปริมาณการซื้อของบริษัทจีนตามสัดส่วนการใช้ชิปในประเทศ เพื่อสนับสนุนผู้ผลิตท้องถิ่น ความไม่แน่นอนนี้ทำให้ Nvidia ต้องระมัดระวังในการลงทุนเพิ่มกำลังผลิต

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI
    H200 ถือเป็นชิปที่ทรงพลังที่สุดที่จีนสามารถเข้าถึงได้อย่างถูกกฎหมาย โดยมีประสิทธิภาพสูงกว่า H20 (รุ่นเฉพาะตลาดจีน) ถึง 2–3 เท่า ทำให้ความต้องการยังคงแรง แม้จะมีความเสี่ยงด้านนโยบาย หาก Nvidia สามารถขยายการผลิตได้ จะช่วยรักษาตลาดจีนและเสริมความแข็งแกร่งของ CUDA ecosystem ในภูมิภาค

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ความต้องการสูง
    Alibaba และ ByteDance สั่งซื้อจำนวนมาก
    ความต้องการเกินกำลังผลิตปัจจุบัน

    ข้อจำกัดการผลิต
    ทรัพยากรแข่งขันกับ Blackwell และ Rubin
    กำลังการผลิตที่ TSMC มีจำกัด

    ความเสี่ยงด้านนโยบาย
    สหรัฐฯ อนุญาตส่งออกพร้อมค่าธรรมเนียม 25%
    จีนยังไม่อนุมัติการนำเข้าอย่างเป็นทางการ

    ผลกระทบเชิงบวก
    H200 มีประสิทธิภาพเหนือกว่า H20 ถึง 2–3 เท่า
    เสริมความแข็งแกร่งของ CUDA ecosystem ในจีน

    คำเตือนและข้อจำกัด
    ความไม่แน่นอนด้านนโยบายจีน-สหรัฐฯ
    การแข่งขันทรัพยากรกับผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Nvidia

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/nvidia-weighs-expanding-h200-production-as-demand-outstrips-supply
    ⚡ Nvidia H200: ความต้องการล้นตลาด หลังจากสหรัฐฯ อนุญาตให้ส่งออก H200 GPU ไปยังจีนภายใต้กรอบที่มีค่าธรรมเนียม 25% ความต้องการจากบริษัทใหญ่ เช่น Alibaba และ ByteDance พุ่งสูงทันที จนเกินกำลังผลิตที่ Nvidia มีอยู่ในปัจจุบัน ทำให้บริษัทต้องพิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับคำสั่งซื้อ 🏭 ข้อจำกัดด้านการผลิต แม้ H200 จะเป็นชิปที่ทรงพลังที่สุดในตระกูล Hopper แต่กำลังการผลิตยังจำกัด เนื่องจาก Nvidia กำลังทุ่มทรัพยากรไปที่ Blackwell GPUs และ Rubin platform ซึ่งใช้เทคโนโลยีขั้นสูงกว่าและเป็นอนาคตของบริษัท การแข่งขันด้านทรัพยากรที่โรงงาน TSMC ทำให้การเพิ่มกำลังผลิต H200 ไม่ใช่เรื่องง่าย 🌐 ความเสี่ยงด้านนโยบายและการส่งออก แม้สหรัฐฯ จะเปิดไฟเขียว แต่เส้นทางการส่งออกยังไม่ชัดเจน เพราะจีนยังไม่ได้อนุมัติการนำเข้าอย่างเป็นทางการ และมีการหารือว่าจะจำกัดปริมาณการซื้อของบริษัทจีนตามสัดส่วนการใช้ชิปในประเทศ เพื่อสนับสนุนผู้ผลิตท้องถิ่น ความไม่แน่นอนนี้ทำให้ Nvidia ต้องระมัดระวังในการลงทุนเพิ่มกำลังผลิต 🔮 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI H200 ถือเป็นชิปที่ทรงพลังที่สุดที่จีนสามารถเข้าถึงได้อย่างถูกกฎหมาย โดยมีประสิทธิภาพสูงกว่า H20 (รุ่นเฉพาะตลาดจีน) ถึง 2–3 เท่า ทำให้ความต้องการยังคงแรง แม้จะมีความเสี่ยงด้านนโยบาย หาก Nvidia สามารถขยายการผลิตได้ จะช่วยรักษาตลาดจีนและเสริมความแข็งแกร่งของ CUDA ecosystem ในภูมิภาค 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ความต้องการสูง ➡️ Alibaba และ ByteDance สั่งซื้อจำนวนมาก ➡️ ความต้องการเกินกำลังผลิตปัจจุบัน ✅ ข้อจำกัดการผลิต ➡️ ทรัพยากรแข่งขันกับ Blackwell และ Rubin ➡️ กำลังการผลิตที่ TSMC มีจำกัด ✅ ความเสี่ยงด้านนโยบาย ➡️ สหรัฐฯ อนุญาตส่งออกพร้อมค่าธรรมเนียม 25% ➡️ จีนยังไม่อนุมัติการนำเข้าอย่างเป็นทางการ ✅ ผลกระทบเชิงบวก ➡️ H200 มีประสิทธิภาพเหนือกว่า H20 ถึง 2–3 เท่า ➡️ เสริมความแข็งแกร่งของ CUDA ecosystem ในจีน ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ ความไม่แน่นอนด้านนโยบายจีน-สหรัฐฯ ⛔ การแข่งขันทรัพยากรกับผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Nvidia https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/nvidia-weighs-expanding-h200-production-as-demand-outstrips-supply
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลยุทธ์ใหม่ของ Intel

    Intel วางแผนจะหันไปเน้นการผลิต ASIC สำหรับงาน inference และการใช้งานเฉพาะทาง แทนที่จะทุ่มแข่งขันกับ Nvidia และ AMD ในตลาด GPU สำหรับการฝึกโมเดล AI ที่ใช้ทรัพยากรมหาศาล กลยุทธ์นี้คล้ายกับ Broadcom ที่ประสบความสำเร็จในการสร้าง ASIC สำหรับลูกค้ารายใหญ่ เช่น Google และ Meta

    ลดการพึ่งพาตลาด GPU Training
    ตลาด GPU สำหรับการฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่ถูกครอบครองโดย Nvidia ที่มี CUDA ecosystem และ H100/H200 GPUs ที่ทรงพลัง Intel มองว่าการแข่งขันตรงนี้เป็นเรื่องยาก จึงเลือกที่จะเน้นไปที่ การใช้งานจริง (inference) ซึ่งมีตลาดกว้างและต้องการโซลูชันที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่า

    การใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่
    Intel มีจุดแข็งในด้าน Foundry Services และ Packaging ซึ่งสามารถนำมาใช้สร้าง ASIC ที่ปรับแต่งตามความต้องการของลูกค้าได้โดยตรง กลยุทธ์นี้ช่วยให้ Intel สามารถสร้างรายได้จากโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ โดยไม่ต้องลงทุนมหาศาลเพื่อแข่งขันในตลาด GPU training ที่มีต้นทุนสูง

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI
    หาก Intel เดินหน้ากลยุทธ์นี้จริง จะทำให้ตลาด AI มีความหลากหลายมากขึ้น โดยมีผู้เล่นที่เน้น ASIC สำหรับงานเฉพาะทาง ควบคู่ไปกับ GPU ของ Nvidia และ AMD ซึ่งอาจช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับองค์กรที่ต้องการโซลูชัน AI ที่เหมาะสมกับงานของตน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    กลยุทธ์ใหม่ของ Intel
    เน้น ASIC สำหรับงาน inference
    คล้ายกับ Broadcom ที่ทำสำเร็จในตลาด

    ลดการพึ่งพาตลาด GPU Training
    Nvidia ครองตลาด GPU สำหรับการฝึกโมเดล AI
    Intel หันไปเน้นตลาดที่กว้างกว่าและคุ้มค่ากว่า

    ใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่
    Foundry Services และ Packaging เป็นจุดแข็ง
    สร้างรายได้โดยไม่ต้องแข่งขันตรงกับ Nvidia

    ผลกระทบเชิงบวก
    เพิ่มความหลากหลายในตลาด AI
    ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับองค์กร

    คำเตือนและข้อจำกัด
    ตลาด ASIC ยังต้องพิสูจน์ความสามารถในการแข่งขันระยะยาว
    หากไม่สามารถสร้าง ecosystem ที่แข็งแรง อาจเสียเปรียบต่อ Nvidia

    https://wccftech.com/intel-ai-strategy-will-favor-a-broadcom-like-asic-model-over-the-training-hype/
    🏭 กลยุทธ์ใหม่ของ Intel Intel วางแผนจะหันไปเน้นการผลิต ASIC สำหรับงาน inference และการใช้งานเฉพาะทาง แทนที่จะทุ่มแข่งขันกับ Nvidia และ AMD ในตลาด GPU สำหรับการฝึกโมเดล AI ที่ใช้ทรัพยากรมหาศาล กลยุทธ์นี้คล้ายกับ Broadcom ที่ประสบความสำเร็จในการสร้าง ASIC สำหรับลูกค้ารายใหญ่ เช่น Google และ Meta ⚡ ลดการพึ่งพาตลาด GPU Training ตลาด GPU สำหรับการฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่ถูกครอบครองโดย Nvidia ที่มี CUDA ecosystem และ H100/H200 GPUs ที่ทรงพลัง Intel มองว่าการแข่งขันตรงนี้เป็นเรื่องยาก จึงเลือกที่จะเน้นไปที่ การใช้งานจริง (inference) ซึ่งมีตลาดกว้างและต้องการโซลูชันที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่า 🔧 การใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ Intel มีจุดแข็งในด้าน Foundry Services และ Packaging ซึ่งสามารถนำมาใช้สร้าง ASIC ที่ปรับแต่งตามความต้องการของลูกค้าได้โดยตรง กลยุทธ์นี้ช่วยให้ Intel สามารถสร้างรายได้จากโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ โดยไม่ต้องลงทุนมหาศาลเพื่อแข่งขันในตลาด GPU training ที่มีต้นทุนสูง 🌐 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม AI หาก Intel เดินหน้ากลยุทธ์นี้จริง จะทำให้ตลาด AI มีความหลากหลายมากขึ้น โดยมีผู้เล่นที่เน้น ASIC สำหรับงานเฉพาะทาง ควบคู่ไปกับ GPU ของ Nvidia และ AMD ซึ่งอาจช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับองค์กรที่ต้องการโซลูชัน AI ที่เหมาะสมกับงานของตน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ กลยุทธ์ใหม่ของ Intel ➡️ เน้น ASIC สำหรับงาน inference ➡️ คล้ายกับ Broadcom ที่ทำสำเร็จในตลาด ✅ ลดการพึ่งพาตลาด GPU Training ➡️ Nvidia ครองตลาด GPU สำหรับการฝึกโมเดล AI ➡️ Intel หันไปเน้นตลาดที่กว้างกว่าและคุ้มค่ากว่า ✅ ใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ ➡️ Foundry Services และ Packaging เป็นจุดแข็ง ➡️ สร้างรายได้โดยไม่ต้องแข่งขันตรงกับ Nvidia ✅ ผลกระทบเชิงบวก ➡️ เพิ่มความหลากหลายในตลาด AI ➡️ ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับองค์กร ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ ตลาด ASIC ยังต้องพิสูจน์ความสามารถในการแข่งขันระยะยาว ⛔ หากไม่สามารถสร้าง ecosystem ที่แข็งแรง อาจเสียเปรียบต่อ Nvidia https://wccftech.com/intel-ai-strategy-will-favor-a-broadcom-like-asic-model-over-the-training-hype/
    WCCFTECH.COM
    Intel’s AI Strategy Will Favor a “Broadcom-Like” ASIC Model Over the Training Hype, Offering Customers Foundry & Packaging Services
    Intel's AI plans have been under uncertainity, but it appears that the firm is expected to target two main segments: ASICs and edge AI.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251213 #securityonline

    Core Banking System Flaw: ช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache Fineract
    เรื่องนี้เป็นการเปิดเผยช่องโหว่ความปลอดภัยในระบบธนาคารดิจิทัล Apache Fineract ที่ใช้กันทั่วโลก โดยมีช่องโหว่หลักคือ IDOR (Insecure Direct Object Reference) ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถเปลี่ยนพารามิเตอร์ เช่น user ID หรือ account number เพื่อเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าคนอื่นได้โดยไม่ต้องมีสิทธิ์ นอกจากนี้ยังพบปัญหานโยบายรหัสผ่านที่อ่อนแอ และการเก็บ server key ที่ไม่ถูกป้องกันอย่างเหมาะสม ทีม Apache ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้อัปเกรดเป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
    https://securityonline.info/core-banking-system-flaw-apache-fineract-idor-risks-authorization-bypass-customer-data-access

    React Patches Two New Flaws: ช่องโหว่ใหม่ใน React Server Components
    หลังจากที่ React เพิ่งแก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงไปไม่นาน นักวิจัยก็พบช่องโหว่ใหม่อีกสองรายการ ช่องโหว่แรกคือการโจมตีแบบ DoS ที่สามารถทำให้เซิร์ฟเวอร์หยุดทำงานได้ทันทีด้วยการส่ง request ที่ออกแบบมาเฉพาะ ส่วนอีกช่องโหว่หนึ่งคือการเปิดเผย source code ของ server function ภายใต้เงื่อนไขบางอย่าง แม้จะไม่ถึงขั้นยึดระบบได้ แต่ก็ถือว่าเสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูลภายใน ทีม React ได้ออกเวอร์ชันแก้ไขแล้วและแนะนำให้อัปเดตทันที
    https://securityonline.info/react-patches-two-new-flaws-risking-server-crashing-dos-and-source-code-disclosure

    Farewell, Tabs: Google เปิดตัวเบราว์เซอร์ AI ชื่อ Disco
    Google Labs กำลังทดลองเบราว์เซอร์ใหม่ชื่อ Disco ที่ใช้ AI มาช่วยจัดการแท็บและสร้าง web apps แบบโต้ตอบได้ทันที จุดเด่นคือระบบ GenTab ที่สามารถเปลี่ยนข้อมูลจากเว็บให้กลายเป็น Progressive Web Apps เช่น การสร้าง itinerary ที่ผู้ใช้สามารถใช้งานได้เหมือนแอปจริงๆ เบราว์เซอร์นี้ยังอยู่ในช่วงทดสอบบน macOS และเปิดให้ลงชื่อเข้าร่วมใน waitlist เท่านั้น ถือเป็นการทดลองที่อาจเปลี่ยนวิธีการใช้งานเว็บในอนาคต
    https://securityonline.info/farewell-tabs-googles-experimental-disco-browser-generates-web-apps-with-ai

    YouTube TV Plans: สตรีมมิ่งกำลังกลับไปเป็นเคเบิลอีกครั้ง
    YouTube TV ประกาศว่าจะปรับรูปแบบการสมัครสมาชิกใหม่ในปี 2026 โดยเปลี่ยนจากแพ็กเกจรวมทั้งหมดเป็นการเลือก bundle ตามความสนใจ เช่น Sports, News หรือ Family & Entertainment ผู้ใช้สามารถเลือกเฉพาะหมวดที่ต้องการได้ ซึ่งอาจช่วยลดค่าใช้จ่ายสำหรับคนที่ไม่อยากจ่ายเพื่อคอนเทนต์ที่ไม่ดู อย่างไรก็ตาม หลายคนมองว่านี่คือการย้อนกลับไปสู่โมเดลเคเบิลทีวีในอดีตที่เคยถูกวิจารณ์ว่าไม่ยืดหยุ่น
    https://securityonline.info/youtube-tvs-new-subscription-bundles-is-streaming-becoming-cable-all-over-again

    The “USB-C of AI”: Google เปิดตัว Managed Servers สำหรับ MCP Protocol
    Google ประกาศสนับสนุนเต็มรูปแบบต่อ MCP (Model Context Protocol) ที่ถูกเรียกว่า “USB-C ของ AI” เพราะเป็นมาตรฐานกลางที่ทำให้ AI เชื่อมต่อกับบริการต่างๆ ได้ง่ายขึ้น โดย Google เปิดตัว managed servers ที่รองรับ MCP ทำให้ AI agents สามารถใช้งาน Google Maps, BigQuery และจัดการโครงสร้างพื้นฐานบน Cloud ได้โดยตรงโดยไม่ต้องสร้าง integration เอง นี่ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ AI สามารถทำงานเชิงปฏิบัติได้จริงและปลอดภัยมากขึ้น
    https://securityonline.info/the-usb-c-of-ai-is-here-google-launches-managed-servers-for-mcp-protocol

    The AI Super-App: Photoshop & Adobe Express รวมพลังกับ ChatGPT
    Adobe กำลังยกระดับการใช้งาน AI โดยการรวม Photoshop และ Adobe Express เข้ากับ ChatGPT ทำให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานด้านการออกแบบและแก้ไขภาพได้ด้วยข้อความ เช่น การปรับแต่งรูปภาพหรือสร้างงานกราฟิกใหม่โดยไม่ต้องเปิดโปรแกรมแยกต่างหาก นี่คือการก้าวสู่ “AI Super-App” ที่รวมเครื่องมือสร้างสรรค์เข้ากับระบบสนทนาอัจฉริยะ เพื่อให้การทำงานด้านครีเอทีฟเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็วขึ้น
    https://securityonline.info/the-ai-super-app-rises-photoshop-adobe-express-integrate-into-chatgpt

    The IP Wall Falls: Disney ลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์ใน OpenAI
    Disney สร้างความฮือฮาด้วยการลงทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ใน OpenAI เพื่อเปิดสิทธิ์ใช้ตัวละครกว่า 200 ตัวในระบบ AI นั่นหมายความว่า AI จะสามารถเข้าถึงและใช้ตัวละครจากจักรวาล Disney ได้อย่างถูกต้องตามลิขสิทธิ์ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกบันเทิงและเทคโนโลยี ที่อาจนำไปสู่การสร้างสรรค์คอนเทนต์ใหม่ๆ ที่ผสมผสานระหว่าง AI และตัวละครที่คนทั่วโลกคุ้นเคย
    https://securityonline.info/the-ip-wall-falls-disney-invests-1b-in-openai-to-license-200-characters-for-ai

    OpenAI Fights Back: เปิดตัว GPT-5.2 ท้าชน Gemini 3 Pro
    OpenAI เปิดตัว GPT-5.2 ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ Gemini 3 Pro ของ Google จุดเด่นคือการปรับปรุงความสามารถในการ reasoning และการทำงานร่วมกับระบบภายนอกได้ดียิ่งขึ้น GPT-5.2 ถูกมองว่าเป็นการตอบโต้เชิงกลยุทธ์ของ OpenAI เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดโมเดลภาษา AI ที่กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด
    https://securityonline.info/openai-fights-back-gpt-5-2-unveiled-to-rival-googles-gemini-3-pro

    Critical React2Shell Vulnerability: ช่องโหว่ใหม่โจมตีบริการ RSC ทั่วโลก
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบช่องโหว่ร้ายแรงชื่อ React2Shell (CVE-2025-55182) ที่กำลังถูกโจมตีเพิ่มขึ้นทั่วโลก ช่องโหว่นี้ส่งผลกระทบต่อบริการที่ใช้ React Server Components (RSC) โดยผู้โจมตีสามารถใช้ประโยชน์จากมันเพื่อเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้หลายองค์กรต้องเร่งอัปเดตและติดตั้งแพตช์เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจสร้างความเสียหายรุนแรง
    https://securityonline.info/critical-react2shell-vulnerability-cve-2025-55182-analysis-surge-in-attacks-targeting-rsc-enabled-services-worldwide
    📌🔐🟣 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟣🔐📌 #รวมข่าวIT #20251213 #securityonline 🛡️ Core Banking System Flaw: ช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache Fineract เรื่องนี้เป็นการเปิดเผยช่องโหว่ความปลอดภัยในระบบธนาคารดิจิทัล Apache Fineract ที่ใช้กันทั่วโลก โดยมีช่องโหว่หลักคือ IDOR (Insecure Direct Object Reference) ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถเปลี่ยนพารามิเตอร์ เช่น user ID หรือ account number เพื่อเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าคนอื่นได้โดยไม่ต้องมีสิทธิ์ นอกจากนี้ยังพบปัญหานโยบายรหัสผ่านที่อ่อนแอ และการเก็บ server key ที่ไม่ถูกป้องกันอย่างเหมาะสม ทีม Apache ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้อัปเกรดเป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อความปลอดภัยสูงสุด 🔗 https://securityonline.info/core-banking-system-flaw-apache-fineract-idor-risks-authorization-bypass-customer-data-access ⚠️ React Patches Two New Flaws: ช่องโหว่ใหม่ใน React Server Components หลังจากที่ React เพิ่งแก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงไปไม่นาน นักวิจัยก็พบช่องโหว่ใหม่อีกสองรายการ ช่องโหว่แรกคือการโจมตีแบบ DoS ที่สามารถทำให้เซิร์ฟเวอร์หยุดทำงานได้ทันทีด้วยการส่ง request ที่ออกแบบมาเฉพาะ ส่วนอีกช่องโหว่หนึ่งคือการเปิดเผย source code ของ server function ภายใต้เงื่อนไขบางอย่าง แม้จะไม่ถึงขั้นยึดระบบได้ แต่ก็ถือว่าเสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูลภายใน ทีม React ได้ออกเวอร์ชันแก้ไขแล้วและแนะนำให้อัปเดตทันที 🔗 https://securityonline.info/react-patches-two-new-flaws-risking-server-crashing-dos-and-source-code-disclosure 🌐 Farewell, Tabs: Google เปิดตัวเบราว์เซอร์ AI ชื่อ Disco Google Labs กำลังทดลองเบราว์เซอร์ใหม่ชื่อ Disco ที่ใช้ AI มาช่วยจัดการแท็บและสร้าง web apps แบบโต้ตอบได้ทันที จุดเด่นคือระบบ GenTab ที่สามารถเปลี่ยนข้อมูลจากเว็บให้กลายเป็น Progressive Web Apps เช่น การสร้าง itinerary ที่ผู้ใช้สามารถใช้งานได้เหมือนแอปจริงๆ เบราว์เซอร์นี้ยังอยู่ในช่วงทดสอบบน macOS และเปิดให้ลงชื่อเข้าร่วมใน waitlist เท่านั้น ถือเป็นการทดลองที่อาจเปลี่ยนวิธีการใช้งานเว็บในอนาคต 🔗 https://securityonline.info/farewell-tabs-googles-experimental-disco-browser-generates-web-apps-with-ai 📺 YouTube TV Plans: สตรีมมิ่งกำลังกลับไปเป็นเคเบิลอีกครั้ง YouTube TV ประกาศว่าจะปรับรูปแบบการสมัครสมาชิกใหม่ในปี 2026 โดยเปลี่ยนจากแพ็กเกจรวมทั้งหมดเป็นการเลือก bundle ตามความสนใจ เช่น Sports, News หรือ Family & Entertainment ผู้ใช้สามารถเลือกเฉพาะหมวดที่ต้องการได้ ซึ่งอาจช่วยลดค่าใช้จ่ายสำหรับคนที่ไม่อยากจ่ายเพื่อคอนเทนต์ที่ไม่ดู อย่างไรก็ตาม หลายคนมองว่านี่คือการย้อนกลับไปสู่โมเดลเคเบิลทีวีในอดีตที่เคยถูกวิจารณ์ว่าไม่ยืดหยุ่น 🔗 https://securityonline.info/youtube-tvs-new-subscription-bundles-is-streaming-becoming-cable-all-over-again 🔌 The “USB-C of AI”: Google เปิดตัว Managed Servers สำหรับ MCP Protocol Google ประกาศสนับสนุนเต็มรูปแบบต่อ MCP (Model Context Protocol) ที่ถูกเรียกว่า “USB-C ของ AI” เพราะเป็นมาตรฐานกลางที่ทำให้ AI เชื่อมต่อกับบริการต่างๆ ได้ง่ายขึ้น โดย Google เปิดตัว managed servers ที่รองรับ MCP ทำให้ AI agents สามารถใช้งาน Google Maps, BigQuery และจัดการโครงสร้างพื้นฐานบน Cloud ได้โดยตรงโดยไม่ต้องสร้าง integration เอง นี่ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ AI สามารถทำงานเชิงปฏิบัติได้จริงและปลอดภัยมากขึ้น 🔗 https://securityonline.info/the-usb-c-of-ai-is-here-google-launches-managed-servers-for-mcp-protocol 🎨 The AI Super-App: Photoshop & Adobe Express รวมพลังกับ ChatGPT Adobe กำลังยกระดับการใช้งาน AI โดยการรวม Photoshop และ Adobe Express เข้ากับ ChatGPT ทำให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานด้านการออกแบบและแก้ไขภาพได้ด้วยข้อความ เช่น การปรับแต่งรูปภาพหรือสร้างงานกราฟิกใหม่โดยไม่ต้องเปิดโปรแกรมแยกต่างหาก นี่คือการก้าวสู่ “AI Super-App” ที่รวมเครื่องมือสร้างสรรค์เข้ากับระบบสนทนาอัจฉริยะ เพื่อให้การทำงานด้านครีเอทีฟเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็วขึ้น 🔗 https://securityonline.info/the-ai-super-app-rises-photoshop-adobe-express-integrate-into-chatgpt 🏰 The IP Wall Falls: Disney ลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์ใน OpenAI Disney สร้างความฮือฮาด้วยการลงทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ใน OpenAI เพื่อเปิดสิทธิ์ใช้ตัวละครกว่า 200 ตัวในระบบ AI นั่นหมายความว่า AI จะสามารถเข้าถึงและใช้ตัวละครจากจักรวาล Disney ได้อย่างถูกต้องตามลิขสิทธิ์ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกบันเทิงและเทคโนโลยี ที่อาจนำไปสู่การสร้างสรรค์คอนเทนต์ใหม่ๆ ที่ผสมผสานระหว่าง AI และตัวละครที่คนทั่วโลกคุ้นเคย 🔗 https://securityonline.info/the-ip-wall-falls-disney-invests-1b-in-openai-to-license-200-characters-for-ai 🤖 OpenAI Fights Back: เปิดตัว GPT-5.2 ท้าชน Gemini 3 Pro OpenAI เปิดตัว GPT-5.2 ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ Gemini 3 Pro ของ Google จุดเด่นคือการปรับปรุงความสามารถในการ reasoning และการทำงานร่วมกับระบบภายนอกได้ดียิ่งขึ้น GPT-5.2 ถูกมองว่าเป็นการตอบโต้เชิงกลยุทธ์ของ OpenAI เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดโมเดลภาษา AI ที่กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด 🔗 https://securityonline.info/openai-fights-back-gpt-5-2-unveiled-to-rival-googles-gemini-3-pro 🚨 Critical React2Shell Vulnerability: ช่องโหว่ใหม่โจมตีบริการ RSC ทั่วโลก นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบช่องโหว่ร้ายแรงชื่อ React2Shell (CVE-2025-55182) ที่กำลังถูกโจมตีเพิ่มขึ้นทั่วโลก ช่องโหว่นี้ส่งผลกระทบต่อบริการที่ใช้ React Server Components (RSC) โดยผู้โจมตีสามารถใช้ประโยชน์จากมันเพื่อเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้หลายองค์กรต้องเร่งอัปเดตและติดตั้งแพตช์เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจสร้างความเสียหายรุนแรง 🔗 https://securityonline.info/critical-react2shell-vulnerability-cve-2025-55182-analysis-surge-in-attacks-targeting-rsc-enabled-services-worldwide
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกิดเหตุรุนแรงแนวชายแดนไทย–กัมพูชา หลังทหารกัมพูชาระดมยิงจรวด BM-21 เข้าใส่พื้นที่ชุมชนบ้านเรือนประชาชน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ตามรายงานของเพจ Army Military Force
    .
    เบื้องต้นมีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บหลายราย ตั้งแต่ระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง และมีผู้บาดเจ็บสาหัสแขนขาด 2 ราย เจ้าหน้าที่เร่งให้ความช่วยเหลือ ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดที่ยังปะทุอย่างต่อเนื่อง
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000119790
    .
    #News1live #News1 #BM21 #ชายแดนไทยกัมพูชา #เสาธงชัย #กันทรลักษ์ #ศรีสะเกษ #พลเรือนได้รับผลกระทบ #สถานการณ์ชายแดน #ทำลายให้สิ้น #เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    เกิดเหตุรุนแรงแนวชายแดนไทย–กัมพูชา หลังทหารกัมพูชาระดมยิงจรวด BM-21 เข้าใส่พื้นที่ชุมชนบ้านเรือนประชาชน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ตามรายงานของเพจ Army Military Force . เบื้องต้นมีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บหลายราย ตั้งแต่ระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง และมีผู้บาดเจ็บสาหัสแขนขาด 2 ราย เจ้าหน้าที่เร่งให้ความช่วยเหลือ ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดที่ยังปะทุอย่างต่อเนื่อง . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000119790 . #News1live #News1 #BM21 #ชายแดนไทยกัมพูชา #เสาธงชัย #กันทรลักษ์ #ศรีสะเกษ #พลเรือนได้รับผลกระทบ #สถานการณ์ชายแดน #ทำลายให้สิ้น #เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    Like
    Wow
    Sad
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 234 มุมมอง 0 รีวิว
  • อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความโต้กลับโดนัลด์ ทรัมป์ ยืนยันเหตุระเบิดไม่ใช่อุบัติเหตุริมถนน และประเทศไทยจะเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารต่อไปจนกว่าจะมั่นใจว่าไม่มีภัยคุกคามต่อแผ่นดินและประชาชน พร้อมชี้ว่าการกระทำของไทยในเช้าวันนี้เป็นคำตอบที่ชัดเจนแล้ว
    .
    ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังทรัมป์ระบุผ่าน Truth Social ว่าได้หารือกับผู้นำไทยและกัมพูชา และอ้างว่าทั้งสองฝ่ายตกลงยุติการยิง โดยมองเหตุระเบิดก่อนหน้าเป็นอุบัติเหตุ ขณะที่ฝ่ายไทยย้ำจุดยืนด้านความมั่นคงอย่างชัดเจน
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000119787
    .
    #News1live #News1 #อนุทินชาญวีรกูล #โดนัลด์ทรัมป์ #ความมั่นคง #ปฏิบัติการทางทหาร #ชายแดนไทยกัมพูชา #ทำลายให้สิ้น #เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความโต้กลับโดนัลด์ ทรัมป์ ยืนยันเหตุระเบิดไม่ใช่อุบัติเหตุริมถนน และประเทศไทยจะเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารต่อไปจนกว่าจะมั่นใจว่าไม่มีภัยคุกคามต่อแผ่นดินและประชาชน พร้อมชี้ว่าการกระทำของไทยในเช้าวันนี้เป็นคำตอบที่ชัดเจนแล้ว . ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังทรัมป์ระบุผ่าน Truth Social ว่าได้หารือกับผู้นำไทยและกัมพูชา และอ้างว่าทั้งสองฝ่ายตกลงยุติการยิง โดยมองเหตุระเบิดก่อนหน้าเป็นอุบัติเหตุ ขณะที่ฝ่ายไทยย้ำจุดยืนด้านความมั่นคงอย่างชัดเจน . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000119787 . #News1live #News1 #อนุทินชาญวีรกูล #โดนัลด์ทรัมป์ #ความมั่นคง #ปฏิบัติการทางทหาร #ชายแดนไทยกัมพูชา #ทำลายให้สิ้น #เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 232 มุมมอง 0 รีวิว
  • โลกออนไลน์วิจารณ์เดือด หลังปรากฏคลิป ฮุน เซน ผู้นำกัมพูชา เข้าร่วมพิธีแต่งงานอย่างชื่นมื่นพร้อมครอบครัว ท่ามกลางสถานการณ์ปะทะรุนแรงตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตจำนวนมาก
    .
    เพจ “ส่องเขมร” ระบุว่า ขณะที่ทหารแนวหน้าต้องสังเวยชีวิต ผู้นำกัมพูชากลับเลือกปรากฏตัวในบรรยากาศงานเฉลิมฉลอง สะท้อนคำถามต่อความรับผิดชอบและบทบาทผู้นำในยามประเทศเผชิญวิกฤตความมั่นคง
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000119791
    .
    #News1live #News1 #ฮุนเซน #กัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #สถานการณ์ชายแดน #ภาวะผู้นำ #ทำลายให้สิ้น #เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    โลกออนไลน์วิจารณ์เดือด หลังปรากฏคลิป ฮุน เซน ผู้นำกัมพูชา เข้าร่วมพิธีแต่งงานอย่างชื่นมื่นพร้อมครอบครัว ท่ามกลางสถานการณ์ปะทะรุนแรงตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตจำนวนมาก . เพจ “ส่องเขมร” ระบุว่า ขณะที่ทหารแนวหน้าต้องสังเวยชีวิต ผู้นำกัมพูชากลับเลือกปรากฏตัวในบรรยากาศงานเฉลิมฉลอง สะท้อนคำถามต่อความรับผิดชอบและบทบาทผู้นำในยามประเทศเผชิญวิกฤตความมั่นคง . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000119791 . #News1live #News1 #ฮุนเซน #กัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #สถานการณ์ชายแดน #ภาวะผู้นำ #ทำลายให้สิ้น #เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    Like
    Haha
    Angry
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 247 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251213 #TechRadar

    นักลงทุนไต้หวันยังคงทุ่มกับ AI แม้มีเสียงเตือนเรื่อง “ฟองสบู่”
    เรื่องราวนี้เล่าถึงบรรยากาศการลงทุนในไต้หวันที่ยังคงคึกคัก แม้หลายฝ่ายกังวลว่า AI อาจกำลังสร้างฟองสบู่ทางเศรษฐกิจ แต่ตลาดหุ้นไต้หวันกลับพุ่งขึ้นต่อเนื่อง โดยดัชนี TWII มีแนวโน้มแตะ 30,000 จุดในปี 2026 ขณะที่หุ้น TSMC ก็ยังเติบโตแข็งแรงกว่า 39% ในปีนี้ จุดสำคัญคือไต้หวันถือไพ่เหนือกว่า เพราะเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนหลักของสถาปัตยกรรม AI ไม่ว่าจะเป็นชิปจาก Nvidia, Google หรือเจ้าอื่น ๆ ทำให้ไม่ว่าตลาดจะเอนเอียงไปทางไหน ไต้หวันก็ยังได้ประโยชน์ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่าพอร์ตลงทุนในเอเชียยังพึ่งพา AI มากเกินไป หากเกิดการแกว่งตัวแรงก็อาจกระทบหนักได้
    https://www.techradar.com/pro/investors-still-doubling-down-on-ai-in-taiwan-despite-bubble-fears

    “สถาปนิกแห่ง AI” ได้รับเลือกเป็นบุคคลแห่งปีของ Time
    ปีนี้นิตยสาร Time ไม่ได้เลือกผู้นำประเทศหรือดารา แต่ยกตำแหน่งบุคคลแห่งปีให้กับกลุ่มผู้สร้าง AI ที่เปลี่ยนโลก ทั้ง Sam Altman จาก OpenAI, Jensen Huang จาก Nvidia และทีมงานจาก Google, Meta, Anthropic พวกเขาไม่เพียงสร้างเทคโนโลยี แต่ยังทำให้มันเข้าถึงได้และกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ ChatGPT ที่มีผู้ใช้กว่า 800 ล้านคนต่อสัปดาห์ ไปจนถึง Copilot ของ Microsoft และ Gemini ของ Google ผลงานเหล่านี้ไม่ใช่แค่ธุรกิจ แต่ยังกลายเป็นอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองระดับโลก เพราะชิปและโมเดล AI ถูกมองเป็นทรัพยากรเชิงยุทธศาสตร์ที่ประเทศต่าง ๆ ต้องแข่งขันกัน
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/the-architects-of-ai-are-times-person-of-the-year-heres-why

    สภาขุนนางอังกฤษเสนอห้ามเด็กใช้ VPN
    ในสหราชอาณาจักร กลุ่มสมาชิกสภาขุนนางได้เสนอแก้ไขกฎหมาย Children’s Wellbeing and Schools Bill โดยต้องการห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีใช้ VPN หากผ่านการพิจารณา ผู้ให้บริการ VPN จะต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้ด้วยวิธีที่ “มีประสิทธิภาพสูง” เช่น การยืนยันด้วยบัตรประชาชนหรือการสแกนใบหน้า ซึ่งแน่นอนว่าก่อให้เกิดข้อถกเถียง เพราะ VPN ถูกออกแบบมาเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว การบังคับตรวจสอบเช่นนี้อาจทำลายหลักการพื้นฐานของมันได้
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/uk-lords-propose-ban-on-vpns-for-children

    อินเดียสั่ง VPN บล็อกเว็บไซต์ที่เปิดเผยข้อมูลประชาชน
    รัฐบาลอินเดีย โดยกระทรวงอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีสารสนเทศ (MeitY) ได้ออกคำสั่งให้ผู้ให้บริการ VPN ต้องบล็อกเว็บไซต์ที่เผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของประชาชน เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร และอีเมล โดยอ้างว่าเป็นภัยต่อความปลอดภัยของผู้ใช้ แม้เจตนาจะเพื่อปกป้องข้อมูล แต่ก็ขัดกับหลักการของ VPN ที่ไม่เก็บบันทึกการใช้งานและเน้นความเป็นส่วนตัว หลายบริษัท VPN เคยถอนเซิร์ฟเวอร์ออกจากอินเดียมาแล้วตั้งแต่ปี 2022 เพราะไม่เห็นด้วยกับข้อกำหนดให้เก็บข้อมูลผู้ใช้ การสั่งการครั้งนี้จึงอาจทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างการคุ้มครองข้อมูลกับสิทธิความเป็นส่วนตัวอีกครั้ง
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/india-orders-vpns-to-block-access-to-websites-that-unlawfully-expose-citizens-data

    หลอกลวงงานออนไลน์ “Task Scam” ทำเหยื่อสูญเงินนับล้าน
    งานวิจัยใหม่เผยว่ามีการหลอกลวงรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “Task Scam” หรือ “Gamified Job Scam” เพิ่มขึ้นถึง 485% ในปี 2025 วิธีการคือหลอกให้ผู้หางานทำกิจกรรมง่าย ๆ เช่น กดไลก์หรือรีวิวสินค้า แล้วจ่ายเงินเล็กน้อยเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ จากนั้นจะชักชวนให้โอนเงินหรือฝากคริปโตเพื่อทำงานต่อ แต่สุดท้ายไม่สามารถถอนเงินได้ เหยื่อถูกหลอกให้ฝากเพิ่มเรื่อย ๆ จนสูญเงินรวมกว่า 6.8 ล้านดอลลาร์ในปีเดียว ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าหากงานใดขอให้คุณจ่ายเงินเพื่อเข้าถึงรายได้ นั่นคือสัญญาณอันตรายที่ควรหยุดทันที
    https://www.techradar.com/pro/security/task-scams-are-tricking-thousands-costing-jobseekers-millions

    Pentagon เปิดตัวแพลตฟอร์ม AI ใหม่
    สหรัฐฯ กำลังนำเทคโนโลยี AI ขั้นสูงเข้ามาใช้ในกองทัพ โดยเปิดตัวแพลตฟอร์มชื่อ GenAI.mil ซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่กว่า 3 ล้านคนทั้งทหารและพลเรือนสามารถเข้าถึงโมเดล Gemini ที่ถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับรัฐบาลได้ จุดประสงค์คือเพื่อให้ทุกคนมีเครื่องมือ AI ที่ทรงพลังไว้ใช้งาน แต่ก็มีเสียงกังวลจากผู้เชี่ยวชาญว่าระบบอาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตีด้วยเทคนิค prompt injection ซึ่งอาจนำไปสู่การจารกรรมข้อมูล ขณะเดียวกันพนักงาน Google ก็ยังคงเงียบ แม้ในอดีตเคยออกมาประท้วงการใช้เทคโนโลยีของบริษัทในงานด้านการทหารมาแล้วหลายครั้ง เรื่องนี้จึงเป็นทั้งความก้าวหน้าและความท้าทายที่ต้องจับตา
    https://www.techradar.com/pro/security/pentagon-launches-new-gemini-based-ai-platform

    กลุ่มแฮ็กเกอร์รัสเซีย CyberVolk กลับมาอีกครั้ง
    กลุ่ม CyberVolk ที่เคยหายไปจากวงการไซเบอร์ช่วงหนึ่ง ได้กลับมาเปิดบริการ ransomware-as-a-service ให้กับผู้สนใจผ่าน Telegram แต่การกลับมาครั้งนี้กลับไม่สมบูรณ์นัก เพราะเครื่องมือเข้ารหัสที่ใช้มีช่องโหว่ใหญ่ คือคีย์เข้ารหัสถูกฝังไว้ตายตัว ทำให้เหยื่อสามารถถอดรหัสไฟล์ได้ฟรีโดยไม่ต้องจ่ายค่าไถ่ นักวิจัยเชื่อว่านี่อาจเป็นความผิดพลาดของผู้พัฒนาเอง จึงทำให้การกลับมาครั้งนี้ดูไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไร แม้กลุ่มยังคงพยายามผสมผสานการโจมตีแบบ hacktivism กับการหาเงินจาก ransomware ก็ตาม
    https://www.techradar.com/pro/security/notorious-russian-cybercriminals-return-with-new-ransomware

    วิกฤต Flash Memory ที่ยืดเยื้อ
    ตลาดแฟลชเมมโมรีกำลังเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่ ราคาพุ่งสูงและขาดแคลนอย่างต่อเนื่อง ต่างจากฮาร์ดดิสก์ที่สามารถเพิ่มกำลังผลิตได้ง่ายกว่า เพราะแฟลชต้องใช้โรงงานเซมิคอนดักเตอร์ที่ลงทุนสูงและใช้เวลาสร้างหลายปี ทำให้ไม่สามารถปรับตัวได้เร็ว แม้ดอกเบี้ยต่ำจะช่วยเรื่องเงินลงทุน แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาในระยะสั้นได้ นักวิเคราะห์มองว่านี่ไม่ใช่แค่รอบขึ้นลงตามปกติ แต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่อาจทำให้ราคาสูงต่อเนื่องไปอีกหลายปี
    https://www.techradar.com/pro/why-the-flash-crisis-will-last-much-longer-this-time

    รัสเซียขู่บล็อกบริการ Google ทั้งหมด
    รัฐบาลรัสเซียกำลังพิจารณาบล็อกบริการของ Google แบบเต็มรูปแบบ โดยให้เหตุผลว่าการเก็บข้อมูลผู้ใช้ไว้นอกประเทศเป็นภัยต่อความมั่นคงและเศรษฐกิจ การเคลื่อนไหวนี้เป็นส่วนหนึ่งของการ “บีบอ่อน” เพื่อผลักเทคโนโลยีสหรัฐออกจากรัสเซีย ก่อนหน้านี้ก็มีการบล็อกแพลตฟอร์มตะวันตกหลายแห่ง เช่น Roblox, FaceTime และ Snapchat รวมถึงการกดดันให้ใช้ VPN ยากขึ้นด้วย แนวทางนี้กำลังสร้างสิ่งที่หลายคนเรียกว่า “ม่านเหล็กดิจิทัล” ที่แยกรัสเซียออกจากโลกออนไลน์เสรี
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/russia-threatens-to-block-all-google-services-in-a-soft-squeeze-of-us-tech

    Microsoft แจกธีมฟรีสำหรับ Windows 11
    ใครที่เบื่อหน้าจอ Windows 11 ตอนนี้ Microsoft ได้เปิดโซนใหม่ใน Microsoft Store ที่รวมธีมกว่า 400 แบบมาให้เลือก ทั้งธีมเกมดัง ธรรมชาติ ไปจนถึงงานศิลป์ โดยมีธีมใหม่เพิ่มเข้ามาอีก 35 แบบ จุดประสงค์คือทำให้ผู้ใช้ปรับแต่งเครื่องได้ง่ายและสนุกขึ้น เพียงคลิกเดียวก็เปลี่ยนบรรยากาศหน้าจอได้ทันที ถือเป็นการจัดระเบียบครั้งใหญ่ เพราะก่อนหน้านี้การหาธีมใน Store ค่อนข้างยุ่งยาก การอัปเดตนี้จึงช่วยให้การปรับแต่งเครื่องเป็นเรื่องง่ายและน่าสนใจมากขึ้น
    https://www.techradar.com/computing/windows/bored-with-your-windows-11-desktop-microsoft-is-offering-a-free-upgrade-of-handpicked-themes-from-its-store

    Intel, AMD และ Texas Instruments ถูกกล่าวหาว่า “เมินเฉยโดยเจตนา” ปล่อยชิปไปถึงรัสเซีย
    เรื่องนี้เริ่มจากกลุ่มพลเรือนชาวยูเครนที่ยื่นฟ้องบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ อย่าง Intel, AMD และ Texas Instruments โดยกล่าวหาว่าชิปที่บริษัทเหล่านี้ผลิตถูกนำไปใช้ในอาวุธของรัสเซียผ่านตัวแทนจำหน่ายรายอื่น ซึ่งนำไปสู่การโจมตีที่คร่าชีวิตพลเรือนหลายสิบคน ฝ่ายโจทก์มองว่าบริษัทเหล่านี้เลือกที่จะ “หลับตา” ไม่สนใจเส้นทางการขายต่อ ขณะที่บริษัททั้งหมดออกมาปฏิเสธ โดยยืนยันว่าหยุดการขายให้รัสเซียตั้งแต่สงครามเริ่ม และปฏิบัติตามกฎหมายการส่งออกอย่างเคร่งครัด เรื่องนี้จึงกลายเป็นคดีใหญ่ที่ต้องพิสูจน์กันในศาลว่าใครควรรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง
    https://www.techradar.com/pro/security/intel-amd-accused-of-willful-ignorance-in-allowing-chips-to-get-to-russia

    Workbooks เพิ่ม AI ในระบบ CRM เพื่อเสริมพลังทีมขาย
    แพลตฟอร์ม CRM ชื่อ Workbooks ได้ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ AI เข้าไปในระบบ โดยมีทั้งเครื่องมือถอดเสียงการประชุมอัตโนมัติ (Scribe), ระบบโค้ชการขาย (Sales Coach), ระบบทำความสะอาดข้อมูล (Sales Hygiene) และตัวช่วยวิจัยลูกค้า (Research Agent) จุดประสงค์คือช่วยลดงานซ้ำซาก เพิ่มความแม่นยำของข้อมูล และทำให้ทีมขายมีเวลาสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้ามากขึ้น แม้ปัจจุบันมีเพียง 16% ของบริษัทในสหราชอาณาจักรที่ใช้ AI ใน CRM แต่คาดว่าปี 2026 จะมีการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งใครที่เริ่มก่อนก็จะได้เปรียบในการแข่งขันทันที
    https://www.techradar.com/pro/software-services/workbooks-integrates-ai-promises-empowered-sales-teams

    EU ถูกวิจารณ์ว่ามองข้ามความเสี่ยงในการอนุมัติ Broadcom ซื้อ VMware
    สมาคมผู้ให้บริการคลาวด์ CISPE ได้ยื่นร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการยุโรป หลังจากที่ EU อนุมัติการเข้าซื้อกิจการ VMware โดย Broadcom พวกเขามองว่าการตัดสินใจครั้งนี้ละเลยสัญญาณเตือนที่ชัดเจน เช่น การขึ้นราคาที่รุนแรง การบังคับซื้อแบบแพ็กเกจ และการผูกขาดลูกค้า ซึ่งตอนนี้ผลกระทบก็เริ่มปรากฏแล้ว ทั้งราคาที่สูงขึ้นและสัญญาระยะยาวที่บังคับใช้กับหลายองค์กรในยุโรป หากศาลตัดสินให้เพิกถอนการอนุมัติ EU จะต้องกลับมาทบทวนดีลนี้ใหม่ภายใต้สภาพตลาดปัจจุบัน
    https://www.techradar.com/pro/eu-accused-of-ignoring-warning-signs-in-broadcoms-vmware-acquisition

    Salesforce ชี้โมเดลคิดค่าบริการ AI แบบ “ต่อผู้ใช้” จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่
    Marc Benioff ซีอีโอของ Salesforce อธิบายว่าบริษัทกำลังกลับไปใช้การคิดค่าบริการแบบ “ต่อที่นั่ง” สำหรับ AI หลังจากเคยทดลองโมเดลคิดตามการใช้งานหรือจำนวนบทสนทนา เหตุผลคือ ลูกค้าต้องการความแน่นอนและความยืดหยุ่นในการคำนวณค่าใช้จ่าย Salesforce เชื่อว่าบริการ AI สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากถึง 3–10 เท่า จึงสามารถปรับราคาสูงขึ้นได้โดยยังสมเหตุสมผล แม้บางบริษัทจะใช้ AI เพื่อเสริมกำลังคนแทนที่จะลดจำนวนพนักงาน ทำให้การคิดค่าบริการต่อผู้ใช้ยังคงเป็นแนวทางที่เหมาะสมในสายตาของ Salesforce
    https://www.techradar.com/pro/salesforce-says-per-user-pricing-will-be-new-ai-norm

    พบมัลแวร์ใหม่บน MacOS ใช้ AI และเครื่องมือค้นหาเป็นช่องทางแพร่กระจาย
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Huntress เปิดเผยว่าแฮกเกอร์ที่อยู่เบื้องหลังมัลแวร์ AMOS ใช้เทคนิคใหม่ โดยสร้างบทสนทนาใน ChatGPT และ Grok ที่แฝงคำสั่งปลอมเกี่ยวกับการเคลียร์พื้นที่ดิสก์บน MacOS จากนั้นซื้อโฆษณาบน Google เพื่อดันบทสนทนาเหล่านี้ขึ้นมาเป็นผลการค้นหา เมื่อผู้ใช้ทำตามคำแนะนำก็จะติดตั้งมัลแวร์โดยไม่รู้ตัว AMOS สามารถขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่านและกระเป๋าเงินคริปโต ทำให้การโจมตีครั้งนี้อันตรายยิ่งขึ้นเพราะอาศัยความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์มที่ผู้ใช้ไว้วางใจ
    https://www.techradar.com/pro/security/new-macos-malware-exploits-trusted-ai-and-search-tools

    iOS 26.2 อัปเดตใหม่กับ 7 ฟีเจอร์สำคัญ
    Apple ปล่อย iOS 26.2 ให้ผู้ใช้ iPhone ได้อัปเดตกันแล้ว รอบนี้แม้จะเป็นการปรับปรุงเล็ก ๆ แต่หลายอย่างช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น เช่น การตั้ง Reminder ที่มาพร้อมเสียงปลุกกันลืม, AirDrop ที่แชร์กับคนไม่อยู่ในรายชื่อได้สะดวกขึ้นผ่านโค้ด, ปรับแต่ง Liquid Glass ให้หน้าจอดูโปร่งใสตามใจ, Podcasts ที่สร้าง chapter ให้อัตโนมัติ, Sleep Score ที่ปรับเกณฑ์ใหม่ให้ตรงกับความรู้สึกจริง ๆ, Freeform ที่เพิ่มการทำตาราง และ Apple News ที่มี shortcut เข้าส่วนต่าง ๆ ได้เร็วขึ้น ทั้งหมดนี้ยังมาพร้อมการแก้บั๊กและปรับปรุงความปลอดภัยด้วย
    https://www.techradar.com/phones/ios/ios-26-2-has-landed-here-are-the-7-biggest-new-features-for-your-iphone

    AI Regulation: บทเรียนจากยุคอินเทอร์เน็ต
    บทความนี้เล่าย้อนกลับไปถึงยุคแรกของอินเทอร์เน็ตที่แทบไม่มีการควบคุม จนกฎหมาย Telecom Act ปี 1996 เข้ามาจัดระเบียบ แต่ก็ยังไม่แตะเนื้อหาบนเว็บจริง ๆ ปัจจุบัน AI กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และสหรัฐฯ กำลังถกเถียงกันว่าจะควบคุมอย่างไร ระหว่างรัฐบาลกลางที่อยากให้เบา ๆ เพื่อแข่งขันกับจีน กับรัฐต่าง ๆ ที่อยากปกป้องประชาชนจากอคติและข้อมูลผิด ๆ บทความชี้ว่าหากไม่หาทางออกที่สมดุล อนาคต AI อาจอันตรายไม่ต่างจากพลังงานนิวเคลียร์ที่ไร้การควบคุม
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/everyone-is-wrong-about-ai-regulation-and-the-history-of-the-internet-proves-it

    YouTube TV ได้อัปเดตใหม่กับ 5 ฟีเจอร์ที่รอคอย
    Google ปรับปรุงหน้าจอการดูวิดีโอบน YouTube สำหรับทีวีให้ใช้งานง่ายขึ้น ควบคุมต่าง ๆ ถูกจัดใหม่เป็นสามส่วนชัดเจน มีปุ่ม Description ให้ดูข้อมูลวิดีโอแทนการกดชื่อเรื่อง, ปุ่ม Subscribe ที่เห็นชัดตลอดเวลา, การย้ายตำแหน่งชื่อวิดีโอไปด้านบนซ้าย และเพิ่มฟีเจอร์ใหม่สำหรับการดู Live Sports อย่าง Multiview รวมถึง Display Mode สำหรับผู้ใช้ Music และ Premium ทั้งหมดนี้ทำให้ประสบการณ์ดู YouTube บนทีวีใกล้เคียงกับมือถือมากขึ้น
    https://www.techradar.com/televisions/youtube-finally-gets-the-tv-update-weve-been-waiting-for-and-there-are-5-handy-upgrades

    Intel เร่งซื้อ SambaNova สู้ศึกชิป AI ในโลกชิป AI ที่ AMD และ Nvidia ครองตลาด
    Intel กำลังพิจารณาซื้อ SambaNova Systems เพื่อเร่งตามให้ทัน โดย SambaNova เพิ่งโชว์ศักยภาพด้วยการรันโมเดล DeepSeek-R1 ได้เร็วและใช้ทรัพยากรน้อยกว่าปกติ การเข้าซื้อครั้งนี้อาจช่วยให้ Intel มีทางเลือกใหม่ในการแข่งขัน แต่ดีลยังอยู่ในขั้นต้นและไม่ผูกมัด ขณะเดียวกันก็มีข่าวว่าผู้เล่นรายอื่นสนใจเช่นกัน ทำให้การแย่งชิงครั้งนี้น่าจับตามอง
    https://www.techradar.com/pro/intel-set-to-buy-ai-chip-specialist-as-it-scrambles-to-catch-up-with-amd-nvidia

    แฮกเกอร์ปลอมเป็นตำรวจ หลอก Big Tech ขอข้อมูลผู้ใช้
    มีรายงานว่าอาชญากรไซเบอร์ใช้วิธีปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่งคำขอข้อมูลไปยังบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ๆ อย่าง Apple หรือ Google โดยใช้เทคนิค typosquatting สร้างอีเมลที่คล้ายของจริง หรือเจาะเข้าบัญชีอีเมลของเจ้าหน้าที่จริงเพื่อส่งคำขอ ทำให้บริษัทบางแห่งหลงเชื่อและส่งข้อมูลผู้ใช้ไปโดยไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทใหญ่เริ่มใช้ระบบตรวจสอบคำขอเข้มงวดขึ้นเพื่อลดความเสี่ยง
    https://www.techradar.com/pro/security/hackers-posing-as-law-enforcement-are-tricking-big-tech-to-get-access-to-private-data

    AMD เปิดตัว Radeon AI PRO R9700S การ์ดจอเงียบทรงพลังสำหรับงาน AI หนัก
    AMD กำลังสร้างความฮือฮาในวงการด้วยการ์ดจอรุ่นใหม่ Radeon AI PRO R9700S ที่มาพร้อมหน่วยความจำ 32GB GDDR6 และระบบระบายความร้อนแบบ passive cooling ทำให้สามารถทำงานได้อย่างเงียบในสภาพแวดล้อมที่มีการ์ดหลายตัวติดตั้งอยู่ใน rack แน่น ๆ จุดเด่นคือพลังการประมวลผลสูงถึง 47.8 TFLOPS และรองรับ PCIe 5.0 x16 เพื่อการสื่อสารข้อมูลที่รวดเร็ว เหมาะสำหรับงาน AI ขนาดใหญ่ เช่นการฝึกโมเดลภาษาหรือการประมวลผลเชิงสร้างสรรค์ จุดที่น่าสนใจคือแม้จะไม่มีพัดลม แต่ยังคงใช้พลังงานสูงถึง 300W ซึ่งองค์กรที่นำไปใช้ต้องวางแผนการจัดการความร้อนอย่างจริงจัง
    https://www.techradar.com/pro/did-amd-just-launch-the-fastest-silent-video-cards-ever-passively-cooled-32gb-ddr6-radeon-ai-pro-r9700s-debuts-with-ginormous-300w-tdp

    Zotac เปิดตัว Mini PC เล็กแต่แรง บรรจุ RTX 5060 Ti เต็มตัว
    Zotac สร้างความประหลาดใจด้วยการเปิดตัว ZBOX MAGNUS EN275060TC ที่สามารถบรรจุการ์ดจอระดับ desktop อย่าง RTX 5060 Ti ขนาด 16GB ลงไปในเครื่องเล็กเพียง 2.65 ลิตรได้สำเร็จ โดยใช้เทคนิคการส่งพลังงานผ่าน PCIe แบบ hybrid ทำให้ไม่ต้องใช้สายต่อพลังงานภายนอก ผลการทดสอบชี้ว่าประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ RTX 5070 Ti รุ่น laptop และยังคุ้มค่าด้านราคาเมื่อเทียบกับพลังที่ได้ แม้จะมีข้อกังวลเรื่องความร้อน แต่ถือเป็นการยกระดับ mini PC ให้สามารถแข่งขันกับเครื่องใหญ่ได้อย่างน่าทึ่ง
    https://www.techradar.com/pro/this-zotac-mini-pc-has-the-most-powerful-gpu-ever-bundled-in-a-pc-of-this-size-16gb-geforce-rtx-5060-ti-is-competitive-with-5070-ti-laptop-edition

    อดีตพนักงาน Accenture ถูก DoJ ตั้งข้อหาฉ้อโกงด้านความปลอดภัยระบบคลาวด์
    ข่าวใหญ่ในสายความปลอดภัยไซเบอร์ เมื่อกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ตั้งข้อหาอดีตผู้จัดการผลิตภัณฑ์ของ Accenture ที่ถูกกล่าวหาว่าให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับมาตรการความปลอดภัยของระบบคลาวด์เพื่อให้ได้สัญญากับรัฐบาล ทั้งที่จริงแล้วแพลตฟอร์มไม่ได้ผ่านมาตรฐาน FedRAMP ตามที่กำหนด การกระทำนี้ถูกตีความว่าเป็นการหลอกลวงและมีการส่งเอกสารปลอมเพื่อรักษาสัญญา หากถูกตัดสินว่ามีความผิด เขาอาจต้องโทษจำคุกสูงสุดถึง 20 ปีในข้อหาฉ้อโกงและการขัดขวางการตรวจสอบ
    https://www.techradar.com/pro/security/former-accenture-employee-charged-by-doj-for-cloud-security-fraud

    สหรัฐฯ ยกเลิกการแบน Nvidia H200 หลัง Huawei Ascend 910C แรงจนท้าทายอำนาจโลก AI
    รัฐบาลสหรัฐฯ ตัดสินใจอนุญาตให้ส่งออกชิป Nvidia H200 ไปยังจีน โดยมีการเก็บค่าธรรมเนียม 25% ต่อการส่งออก หลังจากพบว่า Huawei กำลังพัฒนา Ascend 910C ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก โดยระบบ CloudMatrix 384 ของ Huawei สามารถทำงานได้ถึง 300 petaflops และมีหน่วยความจำรวมมากกว่า Nvidia GB200 NVL72 แม้จะใช้พลังงานมากกว่า แต่ก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่อาจท้าทายความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ การตัดสินใจครั้งนี้จึงถูกมองว่าเป็นการรักษาสมดุลระหว่างความมั่นคงและเศรษฐกิจ
    https://www.techradar.com/pro/is-the-us-afraid-of-huawei-reports-hint-at-the-ascend-910c-accelerator-performance-to-justify-the-surprising-reversal-of-nvidias-h200-ai-gpu-ban-on-china

    ChatGPT เตรียมเปิดโหมดผู้ใหญ่ แต่ไม่ใช่อย่างที่คิด
    OpenAI ประกาศว่าจะเปิดตัว “adult mode” สำหรับ ChatGPT ในปี 2026 โดยจะใช้ AI ตรวจจับอายุผู้ใช้จากพฤติกรรมการสนทนาเพื่อให้เข้าถึงเนื้อหาที่เป็นผู้ใหญ่ได้ จุดสำคัญคือไม่ได้หมายถึงการเปิดให้เข้าถึงเนื้อหาโจ่งแจ้งเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการพูดคุยในหัวข้อที่ปัจจุบันถูกจำกัด เช่นเรื่องความสัมพันธ์ สุขภาพจิต หรือประเด็นที่ไม่เหมาะสำหรับเด็ก การพัฒนานี้ถูกมองว่าเป็นการสร้างความยืดหยุ่นและตอบสนองผู้ใช้ที่ต้องการประสบการณ์ AI ที่สมจริงและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แต่ก็ยังต้องรอการทดสอบระบบทำนายอายุให้แม่นยำก่อน
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpts-adult-mode-is-coming-and-it-might-not-be-what-you-think-it-is

    AI Chatbots ก้าวสู่ชีวิตประจำวัน
    รายงานล่าสุดจาก Microsoft เผยให้เห็นว่า Copilot และ AI chatbot ไม่ได้ถูกใช้แค่ในงานเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้คนแล้ว พวกเขาวิเคราะห์จากการสนทนากว่า 37.5 ล้านครั้ง พบว่าการใช้งานบนเดสก์ท็อปมักจะเกี่ยวข้องกับงานระหว่าง 8 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น ส่วนการใช้งานบนมือถือกลับเน้นเรื่องส่วนตัว เช่น สุขภาพและการใช้ชีวิต และเกิดขึ้นตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ยังมีรูปแบบการใช้งานที่น่าสนใจ เช่น การเขียนโปรแกรมที่พุ่งสูงในวันทำงาน การเล่นเกมที่มากขึ้นในวันหยุด และคำถามเชิงปรัชญาที่มักจะเกิดขึ้นในช่วงกลางคืน สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่า AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือทำงาน แต่ยังถูกใช้เพื่อช่วยให้ผู้คนเข้าใจและจัดการกับชีวิตประจำวันของตนเองด้วย
    https://www.techradar.com/pro/ai-chatbots-are-now-integrated-into-the-full-texture-of-human-life-microsoft-study-claims

    ChatGPT 5.2 ถูกวิจารณ์ว่า “ถอยหลัง”
    OpenAI เปิดตัว ChatGPT 5.2 โดยประกาศว่าเป็นโมเดลที่ฉลาดที่สุดที่เปิดให้ใช้งานทั่วไป แต่เสียงตอบรับจากผู้ใช้กลับไม่ค่อยดีนัก หลายคนใน Reddit บอกว่ามัน “น่าเบื่อ” และ “เป็นทางการเกินไป” จนรู้สึกเหมือนหุ่นยนต์ที่ไม่มีชีวิตชีวา บางคนถึงกับบอกว่ามันแย่กว่าเวอร์ชัน 5.1 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสิน เพราะผู้ใช้ส่วนใหญ่ยังไม่ได้ลองใช้งานอย่างจริงจัง และอาจเป็นเพียงเสียงจากกลุ่มเล็กที่ไม่พอใจ การเปิดตัวครั้งนี้ยังสะท้อนการแข่งขันที่ดุเดือดระหว่าง OpenAI และ Google Gemini ซึ่งทำให้หลายคนสงสัยว่า OpenAI รีบปล่อยเวอร์ชันใหม่ออกมาเร็วเกินไปหรือไม่
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/openai/chatgpt-5-2-branded-a-step-backwards-by-disappointed-early-users-heres-why
    📌📡🟣 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟣📡📌 #รวมข่าวIT #20251213 #TechRadar 📰 นักลงทุนไต้หวันยังคงทุ่มกับ AI แม้มีเสียงเตือนเรื่อง “ฟองสบู่” เรื่องราวนี้เล่าถึงบรรยากาศการลงทุนในไต้หวันที่ยังคงคึกคัก แม้หลายฝ่ายกังวลว่า AI อาจกำลังสร้างฟองสบู่ทางเศรษฐกิจ แต่ตลาดหุ้นไต้หวันกลับพุ่งขึ้นต่อเนื่อง โดยดัชนี TWII มีแนวโน้มแตะ 30,000 จุดในปี 2026 ขณะที่หุ้น TSMC ก็ยังเติบโตแข็งแรงกว่า 39% ในปีนี้ จุดสำคัญคือไต้หวันถือไพ่เหนือกว่า เพราะเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนหลักของสถาปัตยกรรม AI ไม่ว่าจะเป็นชิปจาก Nvidia, Google หรือเจ้าอื่น ๆ ทำให้ไม่ว่าตลาดจะเอนเอียงไปทางไหน ไต้หวันก็ยังได้ประโยชน์ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่าพอร์ตลงทุนในเอเชียยังพึ่งพา AI มากเกินไป หากเกิดการแกว่งตัวแรงก็อาจกระทบหนักได้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/investors-still-doubling-down-on-ai-in-taiwan-despite-bubble-fears 👥 “สถาปนิกแห่ง AI” ได้รับเลือกเป็นบุคคลแห่งปีของ Time ปีนี้นิตยสาร Time ไม่ได้เลือกผู้นำประเทศหรือดารา แต่ยกตำแหน่งบุคคลแห่งปีให้กับกลุ่มผู้สร้าง AI ที่เปลี่ยนโลก ทั้ง Sam Altman จาก OpenAI, Jensen Huang จาก Nvidia และทีมงานจาก Google, Meta, Anthropic พวกเขาไม่เพียงสร้างเทคโนโลยี แต่ยังทำให้มันเข้าถึงได้และกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ ChatGPT ที่มีผู้ใช้กว่า 800 ล้านคนต่อสัปดาห์ ไปจนถึง Copilot ของ Microsoft และ Gemini ของ Google ผลงานเหล่านี้ไม่ใช่แค่ธุรกิจ แต่ยังกลายเป็นอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองระดับโลก เพราะชิปและโมเดล AI ถูกมองเป็นทรัพยากรเชิงยุทธศาสตร์ที่ประเทศต่าง ๆ ต้องแข่งขันกัน 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/the-architects-of-ai-are-times-person-of-the-year-heres-why 🔒 สภาขุนนางอังกฤษเสนอห้ามเด็กใช้ VPN ในสหราชอาณาจักร กลุ่มสมาชิกสภาขุนนางได้เสนอแก้ไขกฎหมาย Children’s Wellbeing and Schools Bill โดยต้องการห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีใช้ VPN หากผ่านการพิจารณา ผู้ให้บริการ VPN จะต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้ด้วยวิธีที่ “มีประสิทธิภาพสูง” เช่น การยืนยันด้วยบัตรประชาชนหรือการสแกนใบหน้า ซึ่งแน่นอนว่าก่อให้เกิดข้อถกเถียง เพราะ VPN ถูกออกแบบมาเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว การบังคับตรวจสอบเช่นนี้อาจทำลายหลักการพื้นฐานของมันได้ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/uk-lords-propose-ban-on-vpns-for-children 🇮🇳 อินเดียสั่ง VPN บล็อกเว็บไซต์ที่เปิดเผยข้อมูลประชาชน รัฐบาลอินเดีย โดยกระทรวงอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีสารสนเทศ (MeitY) ได้ออกคำสั่งให้ผู้ให้บริการ VPN ต้องบล็อกเว็บไซต์ที่เผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของประชาชน เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร และอีเมล โดยอ้างว่าเป็นภัยต่อความปลอดภัยของผู้ใช้ แม้เจตนาจะเพื่อปกป้องข้อมูล แต่ก็ขัดกับหลักการของ VPN ที่ไม่เก็บบันทึกการใช้งานและเน้นความเป็นส่วนตัว หลายบริษัท VPN เคยถอนเซิร์ฟเวอร์ออกจากอินเดียมาแล้วตั้งแต่ปี 2022 เพราะไม่เห็นด้วยกับข้อกำหนดให้เก็บข้อมูลผู้ใช้ การสั่งการครั้งนี้จึงอาจทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างการคุ้มครองข้อมูลกับสิทธิความเป็นส่วนตัวอีกครั้ง 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/india-orders-vpns-to-block-access-to-websites-that-unlawfully-expose-citizens-data ⚠️ หลอกลวงงานออนไลน์ “Task Scam” ทำเหยื่อสูญเงินนับล้าน งานวิจัยใหม่เผยว่ามีการหลอกลวงรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “Task Scam” หรือ “Gamified Job Scam” เพิ่มขึ้นถึง 485% ในปี 2025 วิธีการคือหลอกให้ผู้หางานทำกิจกรรมง่าย ๆ เช่น กดไลก์หรือรีวิวสินค้า แล้วจ่ายเงินเล็กน้อยเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ จากนั้นจะชักชวนให้โอนเงินหรือฝากคริปโตเพื่อทำงานต่อ แต่สุดท้ายไม่สามารถถอนเงินได้ เหยื่อถูกหลอกให้ฝากเพิ่มเรื่อย ๆ จนสูญเงินรวมกว่า 6.8 ล้านดอลลาร์ในปีเดียว ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าหากงานใดขอให้คุณจ่ายเงินเพื่อเข้าถึงรายได้ นั่นคือสัญญาณอันตรายที่ควรหยุดทันที 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/task-scams-are-tricking-thousands-costing-jobseekers-millions 🛡️ Pentagon เปิดตัวแพลตฟอร์ม AI ใหม่ สหรัฐฯ กำลังนำเทคโนโลยี AI ขั้นสูงเข้ามาใช้ในกองทัพ โดยเปิดตัวแพลตฟอร์มชื่อ GenAI.mil ซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่กว่า 3 ล้านคนทั้งทหารและพลเรือนสามารถเข้าถึงโมเดล Gemini ที่ถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับรัฐบาลได้ จุดประสงค์คือเพื่อให้ทุกคนมีเครื่องมือ AI ที่ทรงพลังไว้ใช้งาน แต่ก็มีเสียงกังวลจากผู้เชี่ยวชาญว่าระบบอาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตีด้วยเทคนิค prompt injection ซึ่งอาจนำไปสู่การจารกรรมข้อมูล ขณะเดียวกันพนักงาน Google ก็ยังคงเงียบ แม้ในอดีตเคยออกมาประท้วงการใช้เทคโนโลยีของบริษัทในงานด้านการทหารมาแล้วหลายครั้ง เรื่องนี้จึงเป็นทั้งความก้าวหน้าและความท้าทายที่ต้องจับตา 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/pentagon-launches-new-gemini-based-ai-platform 💻 กลุ่มแฮ็กเกอร์รัสเซีย CyberVolk กลับมาอีกครั้ง กลุ่ม CyberVolk ที่เคยหายไปจากวงการไซเบอร์ช่วงหนึ่ง ได้กลับมาเปิดบริการ ransomware-as-a-service ให้กับผู้สนใจผ่าน Telegram แต่การกลับมาครั้งนี้กลับไม่สมบูรณ์นัก เพราะเครื่องมือเข้ารหัสที่ใช้มีช่องโหว่ใหญ่ คือคีย์เข้ารหัสถูกฝังไว้ตายตัว ทำให้เหยื่อสามารถถอดรหัสไฟล์ได้ฟรีโดยไม่ต้องจ่ายค่าไถ่ นักวิจัยเชื่อว่านี่อาจเป็นความผิดพลาดของผู้พัฒนาเอง จึงทำให้การกลับมาครั้งนี้ดูไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไร แม้กลุ่มยังคงพยายามผสมผสานการโจมตีแบบ hacktivism กับการหาเงินจาก ransomware ก็ตาม 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/notorious-russian-cybercriminals-return-with-new-ransomware 💾 วิกฤต Flash Memory ที่ยืดเยื้อ ตลาดแฟลชเมมโมรีกำลังเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่ ราคาพุ่งสูงและขาดแคลนอย่างต่อเนื่อง ต่างจากฮาร์ดดิสก์ที่สามารถเพิ่มกำลังผลิตได้ง่ายกว่า เพราะแฟลชต้องใช้โรงงานเซมิคอนดักเตอร์ที่ลงทุนสูงและใช้เวลาสร้างหลายปี ทำให้ไม่สามารถปรับตัวได้เร็ว แม้ดอกเบี้ยต่ำจะช่วยเรื่องเงินลงทุน แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาในระยะสั้นได้ นักวิเคราะห์มองว่านี่ไม่ใช่แค่รอบขึ้นลงตามปกติ แต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่อาจทำให้ราคาสูงต่อเนื่องไปอีกหลายปี 🔗 https://www.techradar.com/pro/why-the-flash-crisis-will-last-much-longer-this-time 🌐 รัสเซียขู่บล็อกบริการ Google ทั้งหมด รัฐบาลรัสเซียกำลังพิจารณาบล็อกบริการของ Google แบบเต็มรูปแบบ โดยให้เหตุผลว่าการเก็บข้อมูลผู้ใช้ไว้นอกประเทศเป็นภัยต่อความมั่นคงและเศรษฐกิจ การเคลื่อนไหวนี้เป็นส่วนหนึ่งของการ “บีบอ่อน” เพื่อผลักเทคโนโลยีสหรัฐออกจากรัสเซีย ก่อนหน้านี้ก็มีการบล็อกแพลตฟอร์มตะวันตกหลายแห่ง เช่น Roblox, FaceTime และ Snapchat รวมถึงการกดดันให้ใช้ VPN ยากขึ้นด้วย แนวทางนี้กำลังสร้างสิ่งที่หลายคนเรียกว่า “ม่านเหล็กดิจิทัล” ที่แยกรัสเซียออกจากโลกออนไลน์เสรี 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/russia-threatens-to-block-all-google-services-in-a-soft-squeeze-of-us-tech 🎨 Microsoft แจกธีมฟรีสำหรับ Windows 11 ใครที่เบื่อหน้าจอ Windows 11 ตอนนี้ Microsoft ได้เปิดโซนใหม่ใน Microsoft Store ที่รวมธีมกว่า 400 แบบมาให้เลือก ทั้งธีมเกมดัง ธรรมชาติ ไปจนถึงงานศิลป์ โดยมีธีมใหม่เพิ่มเข้ามาอีก 35 แบบ จุดประสงค์คือทำให้ผู้ใช้ปรับแต่งเครื่องได้ง่ายและสนุกขึ้น เพียงคลิกเดียวก็เปลี่ยนบรรยากาศหน้าจอได้ทันที ถือเป็นการจัดระเบียบครั้งใหญ่ เพราะก่อนหน้านี้การหาธีมใน Store ค่อนข้างยุ่งยาก การอัปเดตนี้จึงช่วยให้การปรับแต่งเครื่องเป็นเรื่องง่ายและน่าสนใจมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/bored-with-your-windows-11-desktop-microsoft-is-offering-a-free-upgrade-of-handpicked-themes-from-its-store 📰 Intel, AMD และ Texas Instruments ถูกกล่าวหาว่า “เมินเฉยโดยเจตนา” ปล่อยชิปไปถึงรัสเซีย เรื่องนี้เริ่มจากกลุ่มพลเรือนชาวยูเครนที่ยื่นฟ้องบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ อย่าง Intel, AMD และ Texas Instruments โดยกล่าวหาว่าชิปที่บริษัทเหล่านี้ผลิตถูกนำไปใช้ในอาวุธของรัสเซียผ่านตัวแทนจำหน่ายรายอื่น ซึ่งนำไปสู่การโจมตีที่คร่าชีวิตพลเรือนหลายสิบคน ฝ่ายโจทก์มองว่าบริษัทเหล่านี้เลือกที่จะ “หลับตา” ไม่สนใจเส้นทางการขายต่อ ขณะที่บริษัททั้งหมดออกมาปฏิเสธ โดยยืนยันว่าหยุดการขายให้รัสเซียตั้งแต่สงครามเริ่ม และปฏิบัติตามกฎหมายการส่งออกอย่างเคร่งครัด เรื่องนี้จึงกลายเป็นคดีใหญ่ที่ต้องพิสูจน์กันในศาลว่าใครควรรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/intel-amd-accused-of-willful-ignorance-in-allowing-chips-to-get-to-russia 🤖 Workbooks เพิ่ม AI ในระบบ CRM เพื่อเสริมพลังทีมขาย แพลตฟอร์ม CRM ชื่อ Workbooks ได้ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ AI เข้าไปในระบบ โดยมีทั้งเครื่องมือถอดเสียงการประชุมอัตโนมัติ (Scribe), ระบบโค้ชการขาย (Sales Coach), ระบบทำความสะอาดข้อมูล (Sales Hygiene) และตัวช่วยวิจัยลูกค้า (Research Agent) จุดประสงค์คือช่วยลดงานซ้ำซาก เพิ่มความแม่นยำของข้อมูล และทำให้ทีมขายมีเวลาสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้ามากขึ้น แม้ปัจจุบันมีเพียง 16% ของบริษัทในสหราชอาณาจักรที่ใช้ AI ใน CRM แต่คาดว่าปี 2026 จะมีการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งใครที่เริ่มก่อนก็จะได้เปรียบในการแข่งขันทันที 🔗 https://www.techradar.com/pro/software-services/workbooks-integrates-ai-promises-empowered-sales-teams ⚖️ EU ถูกวิจารณ์ว่ามองข้ามความเสี่ยงในการอนุมัติ Broadcom ซื้อ VMware สมาคมผู้ให้บริการคลาวด์ CISPE ได้ยื่นร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการยุโรป หลังจากที่ EU อนุมัติการเข้าซื้อกิจการ VMware โดย Broadcom พวกเขามองว่าการตัดสินใจครั้งนี้ละเลยสัญญาณเตือนที่ชัดเจน เช่น การขึ้นราคาที่รุนแรง การบังคับซื้อแบบแพ็กเกจ และการผูกขาดลูกค้า ซึ่งตอนนี้ผลกระทบก็เริ่มปรากฏแล้ว ทั้งราคาที่สูงขึ้นและสัญญาระยะยาวที่บังคับใช้กับหลายองค์กรในยุโรป หากศาลตัดสินให้เพิกถอนการอนุมัติ EU จะต้องกลับมาทบทวนดีลนี้ใหม่ภายใต้สภาพตลาดปัจจุบัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/eu-accused-of-ignoring-warning-signs-in-broadcoms-vmware-acquisition 💵 Salesforce ชี้โมเดลคิดค่าบริการ AI แบบ “ต่อผู้ใช้” จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ Marc Benioff ซีอีโอของ Salesforce อธิบายว่าบริษัทกำลังกลับไปใช้การคิดค่าบริการแบบ “ต่อที่นั่ง” สำหรับ AI หลังจากเคยทดลองโมเดลคิดตามการใช้งานหรือจำนวนบทสนทนา เหตุผลคือ ลูกค้าต้องการความแน่นอนและความยืดหยุ่นในการคำนวณค่าใช้จ่าย Salesforce เชื่อว่าบริการ AI สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากถึง 3–10 เท่า จึงสามารถปรับราคาสูงขึ้นได้โดยยังสมเหตุสมผล แม้บางบริษัทจะใช้ AI เพื่อเสริมกำลังคนแทนที่จะลดจำนวนพนักงาน ทำให้การคิดค่าบริการต่อผู้ใช้ยังคงเป็นแนวทางที่เหมาะสมในสายตาของ Salesforce 🔗 https://www.techradar.com/pro/salesforce-says-per-user-pricing-will-be-new-ai-norm 🛡️ พบมัลแวร์ใหม่บน MacOS ใช้ AI และเครื่องมือค้นหาเป็นช่องทางแพร่กระจาย นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Huntress เปิดเผยว่าแฮกเกอร์ที่อยู่เบื้องหลังมัลแวร์ AMOS ใช้เทคนิคใหม่ โดยสร้างบทสนทนาใน ChatGPT และ Grok ที่แฝงคำสั่งปลอมเกี่ยวกับการเคลียร์พื้นที่ดิสก์บน MacOS จากนั้นซื้อโฆษณาบน Google เพื่อดันบทสนทนาเหล่านี้ขึ้นมาเป็นผลการค้นหา เมื่อผู้ใช้ทำตามคำแนะนำก็จะติดตั้งมัลแวร์โดยไม่รู้ตัว AMOS สามารถขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่านและกระเป๋าเงินคริปโต ทำให้การโจมตีครั้งนี้อันตรายยิ่งขึ้นเพราะอาศัยความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์มที่ผู้ใช้ไว้วางใจ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/new-macos-malware-exploits-trusted-ai-and-search-tools 📱 iOS 26.2 อัปเดตใหม่กับ 7 ฟีเจอร์สำคัญ Apple ปล่อย iOS 26.2 ให้ผู้ใช้ iPhone ได้อัปเดตกันแล้ว รอบนี้แม้จะเป็นการปรับปรุงเล็ก ๆ แต่หลายอย่างช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น เช่น การตั้ง Reminder ที่มาพร้อมเสียงปลุกกันลืม, AirDrop ที่แชร์กับคนไม่อยู่ในรายชื่อได้สะดวกขึ้นผ่านโค้ด, ปรับแต่ง Liquid Glass ให้หน้าจอดูโปร่งใสตามใจ, Podcasts ที่สร้าง chapter ให้อัตโนมัติ, Sleep Score ที่ปรับเกณฑ์ใหม่ให้ตรงกับความรู้สึกจริง ๆ, Freeform ที่เพิ่มการทำตาราง และ Apple News ที่มี shortcut เข้าส่วนต่าง ๆ ได้เร็วขึ้น ทั้งหมดนี้ยังมาพร้อมการแก้บั๊กและปรับปรุงความปลอดภัยด้วย 🔗 https://www.techradar.com/phones/ios/ios-26-2-has-landed-here-are-the-7-biggest-new-features-for-your-iphone 🤖 AI Regulation: บทเรียนจากยุคอินเทอร์เน็ต บทความนี้เล่าย้อนกลับไปถึงยุคแรกของอินเทอร์เน็ตที่แทบไม่มีการควบคุม จนกฎหมาย Telecom Act ปี 1996 เข้ามาจัดระเบียบ แต่ก็ยังไม่แตะเนื้อหาบนเว็บจริง ๆ ปัจจุบัน AI กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และสหรัฐฯ กำลังถกเถียงกันว่าจะควบคุมอย่างไร ระหว่างรัฐบาลกลางที่อยากให้เบา ๆ เพื่อแข่งขันกับจีน กับรัฐต่าง ๆ ที่อยากปกป้องประชาชนจากอคติและข้อมูลผิด ๆ บทความชี้ว่าหากไม่หาทางออกที่สมดุล อนาคต AI อาจอันตรายไม่ต่างจากพลังงานนิวเคลียร์ที่ไร้การควบคุม 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/everyone-is-wrong-about-ai-regulation-and-the-history-of-the-internet-proves-it 📺 YouTube TV ได้อัปเดตใหม่กับ 5 ฟีเจอร์ที่รอคอย Google ปรับปรุงหน้าจอการดูวิดีโอบน YouTube สำหรับทีวีให้ใช้งานง่ายขึ้น ควบคุมต่าง ๆ ถูกจัดใหม่เป็นสามส่วนชัดเจน มีปุ่ม Description ให้ดูข้อมูลวิดีโอแทนการกดชื่อเรื่อง, ปุ่ม Subscribe ที่เห็นชัดตลอดเวลา, การย้ายตำแหน่งชื่อวิดีโอไปด้านบนซ้าย และเพิ่มฟีเจอร์ใหม่สำหรับการดู Live Sports อย่าง Multiview รวมถึง Display Mode สำหรับผู้ใช้ Music และ Premium ทั้งหมดนี้ทำให้ประสบการณ์ดู YouTube บนทีวีใกล้เคียงกับมือถือมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/televisions/youtube-finally-gets-the-tv-update-weve-been-waiting-for-and-there-are-5-handy-upgrades 💻 Intel เร่งซื้อ SambaNova สู้ศึกชิป AI ในโลกชิป AI ที่ AMD และ Nvidia ครองตลาด Intel กำลังพิจารณาซื้อ SambaNova Systems เพื่อเร่งตามให้ทัน โดย SambaNova เพิ่งโชว์ศักยภาพด้วยการรันโมเดล DeepSeek-R1 ได้เร็วและใช้ทรัพยากรน้อยกว่าปกติ การเข้าซื้อครั้งนี้อาจช่วยให้ Intel มีทางเลือกใหม่ในการแข่งขัน แต่ดีลยังอยู่ในขั้นต้นและไม่ผูกมัด ขณะเดียวกันก็มีข่าวว่าผู้เล่นรายอื่นสนใจเช่นกัน ทำให้การแย่งชิงครั้งนี้น่าจับตามอง 🔗 https://www.techradar.com/pro/intel-set-to-buy-ai-chip-specialist-as-it-scrambles-to-catch-up-with-amd-nvidia 🛡️ แฮกเกอร์ปลอมเป็นตำรวจ หลอก Big Tech ขอข้อมูลผู้ใช้ มีรายงานว่าอาชญากรไซเบอร์ใช้วิธีปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่งคำขอข้อมูลไปยังบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ๆ อย่าง Apple หรือ Google โดยใช้เทคนิค typosquatting สร้างอีเมลที่คล้ายของจริง หรือเจาะเข้าบัญชีอีเมลของเจ้าหน้าที่จริงเพื่อส่งคำขอ ทำให้บริษัทบางแห่งหลงเชื่อและส่งข้อมูลผู้ใช้ไปโดยไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทใหญ่เริ่มใช้ระบบตรวจสอบคำขอเข้มงวดขึ้นเพื่อลดความเสี่ยง 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/hackers-posing-as-law-enforcement-are-tricking-big-tech-to-get-access-to-private-data 🖥️ AMD เปิดตัว Radeon AI PRO R9700S การ์ดจอเงียบทรงพลังสำหรับงาน AI หนัก AMD กำลังสร้างความฮือฮาในวงการด้วยการ์ดจอรุ่นใหม่ Radeon AI PRO R9700S ที่มาพร้อมหน่วยความจำ 32GB GDDR6 และระบบระบายความร้อนแบบ passive cooling ทำให้สามารถทำงานได้อย่างเงียบในสภาพแวดล้อมที่มีการ์ดหลายตัวติดตั้งอยู่ใน rack แน่น ๆ จุดเด่นคือพลังการประมวลผลสูงถึง 47.8 TFLOPS และรองรับ PCIe 5.0 x16 เพื่อการสื่อสารข้อมูลที่รวดเร็ว เหมาะสำหรับงาน AI ขนาดใหญ่ เช่นการฝึกโมเดลภาษาหรือการประมวลผลเชิงสร้างสรรค์ จุดที่น่าสนใจคือแม้จะไม่มีพัดลม แต่ยังคงใช้พลังงานสูงถึง 300W ซึ่งองค์กรที่นำไปใช้ต้องวางแผนการจัดการความร้อนอย่างจริงจัง 🔗 https://www.techradar.com/pro/did-amd-just-launch-the-fastest-silent-video-cards-ever-passively-cooled-32gb-ddr6-radeon-ai-pro-r9700s-debuts-with-ginormous-300w-tdp 💻 Zotac เปิดตัว Mini PC เล็กแต่แรง บรรจุ RTX 5060 Ti เต็มตัว Zotac สร้างความประหลาดใจด้วยการเปิดตัว ZBOX MAGNUS EN275060TC ที่สามารถบรรจุการ์ดจอระดับ desktop อย่าง RTX 5060 Ti ขนาด 16GB ลงไปในเครื่องเล็กเพียง 2.65 ลิตรได้สำเร็จ โดยใช้เทคนิคการส่งพลังงานผ่าน PCIe แบบ hybrid ทำให้ไม่ต้องใช้สายต่อพลังงานภายนอก ผลการทดสอบชี้ว่าประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ RTX 5070 Ti รุ่น laptop และยังคุ้มค่าด้านราคาเมื่อเทียบกับพลังที่ได้ แม้จะมีข้อกังวลเรื่องความร้อน แต่ถือเป็นการยกระดับ mini PC ให้สามารถแข่งขันกับเครื่องใหญ่ได้อย่างน่าทึ่ง 🔗 https://www.techradar.com/pro/this-zotac-mini-pc-has-the-most-powerful-gpu-ever-bundled-in-a-pc-of-this-size-16gb-geforce-rtx-5060-ti-is-competitive-with-5070-ti-laptop-edition ⚖️ อดีตพนักงาน Accenture ถูก DoJ ตั้งข้อหาฉ้อโกงด้านความปลอดภัยระบบคลาวด์ ข่าวใหญ่ในสายความปลอดภัยไซเบอร์ เมื่อกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ตั้งข้อหาอดีตผู้จัดการผลิตภัณฑ์ของ Accenture ที่ถูกกล่าวหาว่าให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับมาตรการความปลอดภัยของระบบคลาวด์เพื่อให้ได้สัญญากับรัฐบาล ทั้งที่จริงแล้วแพลตฟอร์มไม่ได้ผ่านมาตรฐาน FedRAMP ตามที่กำหนด การกระทำนี้ถูกตีความว่าเป็นการหลอกลวงและมีการส่งเอกสารปลอมเพื่อรักษาสัญญา หากถูกตัดสินว่ามีความผิด เขาอาจต้องโทษจำคุกสูงสุดถึง 20 ปีในข้อหาฉ้อโกงและการขัดขวางการตรวจสอบ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/former-accenture-employee-charged-by-doj-for-cloud-security-fraud 🌐 สหรัฐฯ ยกเลิกการแบน Nvidia H200 หลัง Huawei Ascend 910C แรงจนท้าทายอำนาจโลก AI รัฐบาลสหรัฐฯ ตัดสินใจอนุญาตให้ส่งออกชิป Nvidia H200 ไปยังจีน โดยมีการเก็บค่าธรรมเนียม 25% ต่อการส่งออก หลังจากพบว่า Huawei กำลังพัฒนา Ascend 910C ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก โดยระบบ CloudMatrix 384 ของ Huawei สามารถทำงานได้ถึง 300 petaflops และมีหน่วยความจำรวมมากกว่า Nvidia GB200 NVL72 แม้จะใช้พลังงานมากกว่า แต่ก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่อาจท้าทายความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ การตัดสินใจครั้งนี้จึงถูกมองว่าเป็นการรักษาสมดุลระหว่างความมั่นคงและเศรษฐกิจ 🔗 https://www.techradar.com/pro/is-the-us-afraid-of-huawei-reports-hint-at-the-ascend-910c-accelerator-performance-to-justify-the-surprising-reversal-of-nvidias-h200-ai-gpu-ban-on-china 🤖 ChatGPT เตรียมเปิดโหมดผู้ใหญ่ แต่ไม่ใช่อย่างที่คิด OpenAI ประกาศว่าจะเปิดตัว “adult mode” สำหรับ ChatGPT ในปี 2026 โดยจะใช้ AI ตรวจจับอายุผู้ใช้จากพฤติกรรมการสนทนาเพื่อให้เข้าถึงเนื้อหาที่เป็นผู้ใหญ่ได้ จุดสำคัญคือไม่ได้หมายถึงการเปิดให้เข้าถึงเนื้อหาโจ่งแจ้งเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการพูดคุยในหัวข้อที่ปัจจุบันถูกจำกัด เช่นเรื่องความสัมพันธ์ สุขภาพจิต หรือประเด็นที่ไม่เหมาะสำหรับเด็ก การพัฒนานี้ถูกมองว่าเป็นการสร้างความยืดหยุ่นและตอบสนองผู้ใช้ที่ต้องการประสบการณ์ AI ที่สมจริงและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แต่ก็ยังต้องรอการทดสอบระบบทำนายอายุให้แม่นยำก่อน 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpts-adult-mode-is-coming-and-it-might-not-be-what-you-think-it-is 🧑‍💻 AI Chatbots ก้าวสู่ชีวิตประจำวัน รายงานล่าสุดจาก Microsoft เผยให้เห็นว่า Copilot และ AI chatbot ไม่ได้ถูกใช้แค่ในงานเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้คนแล้ว พวกเขาวิเคราะห์จากการสนทนากว่า 37.5 ล้านครั้ง พบว่าการใช้งานบนเดสก์ท็อปมักจะเกี่ยวข้องกับงานระหว่าง 8 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น ส่วนการใช้งานบนมือถือกลับเน้นเรื่องส่วนตัว เช่น สุขภาพและการใช้ชีวิต และเกิดขึ้นตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ยังมีรูปแบบการใช้งานที่น่าสนใจ เช่น การเขียนโปรแกรมที่พุ่งสูงในวันทำงาน การเล่นเกมที่มากขึ้นในวันหยุด และคำถามเชิงปรัชญาที่มักจะเกิดขึ้นในช่วงกลางคืน สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่า AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือทำงาน แต่ยังถูกใช้เพื่อช่วยให้ผู้คนเข้าใจและจัดการกับชีวิตประจำวันของตนเองด้วย 🔗 https://www.techradar.com/pro/ai-chatbots-are-now-integrated-into-the-full-texture-of-human-life-microsoft-study-claims 🤖 ChatGPT 5.2 ถูกวิจารณ์ว่า “ถอยหลัง” OpenAI เปิดตัว ChatGPT 5.2 โดยประกาศว่าเป็นโมเดลที่ฉลาดที่สุดที่เปิดให้ใช้งานทั่วไป แต่เสียงตอบรับจากผู้ใช้กลับไม่ค่อยดีนัก หลายคนใน Reddit บอกว่ามัน “น่าเบื่อ” และ “เป็นทางการเกินไป” จนรู้สึกเหมือนหุ่นยนต์ที่ไม่มีชีวิตชีวา บางคนถึงกับบอกว่ามันแย่กว่าเวอร์ชัน 5.1 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสิน เพราะผู้ใช้ส่วนใหญ่ยังไม่ได้ลองใช้งานอย่างจริงจัง และอาจเป็นเพียงเสียงจากกลุ่มเล็กที่ไม่พอใจ การเปิดตัวครั้งนี้ยังสะท้อนการแข่งขันที่ดุเดือดระหว่าง OpenAI และ Google Gemini ซึ่งทำให้หลายคนสงสัยว่า OpenAI รีบปล่อยเวอร์ชันใหม่ออกมาเร็วเกินไปหรือไม่ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/openai/chatgpt-5-2-branded-a-step-backwards-by-disappointed-early-users-heres-why
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 281 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.44

    อำนาจอธิปไตยของปวงชน: การเลือกตั้งโดยตรงกับที่มาของสมาชิกสภา

    ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับโครงสร้างอำนาจนิติบัญญัติในระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาของไทยนั้น มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรับรู้บทบาทของประชาชนในการปกครองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่เกี่ยวกับที่มาและอำนาจของสมาชิกรัฐสภา ซึ่งประกอบด้วยสองสภาหลัก คือ สภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และวุฒิสภา (ส.ว.) ตามหลักการทางกฎหมายรัฐธรรมนูญและหลักประชาธิปไตยสากล ข้อความที่กล่าวว่า สภาผู้แทนราษฎร และ สภาสูง มีสมาชิกมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนนั้น จำเป็นต้องได้รับการพิจารณาอย่างละเอียดตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญไทยปัจจุบัน โดยทั่วไปแล้ว "สภาผู้แทนราษฎร" เป็นองค์กรที่สะท้อนเจตจำนงของประชาชนโดยตรงอย่างไม่มีข้อสงสัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วประเทศมาจากการเลือกตั้งทั่วไปในระบบเขตเลือกตั้งแบบแบ่งเขต และระบบบัญชีรายชื่อแบบสัดส่วนผสม ซึ่งเป็นกลไกที่รับรองหลักการที่ว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน และต้องใช้อำนาจผ่านทางผู้แทนที่ตนเลือกเข้าไปทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติ ส.ส. จึงเป็นตัวแทนโดยตรงของประชาชนในการเสนอกฎหมาย ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน และพิจารณาให้ความเห็นชอบในเรื่องสำคัญของประเทศชาติอย่างแท้จริง การเลือกตั้ง ส.ส. โดยตรงจึงเป็นเสาหลักของประชาธิปไตยที่ประชาชนทุกคนมีสิทธิออกเสียงเพื่อกำหนดทิศทางของประเทศ ทว่า ในทางกลับกัน สำหรับ "สภาสูง" หรือ "วุฒิสภา" นั้น บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญของแต่ละประเทศและแต่ละช่วงเวลาในประเทศไทยได้กำหนดที่มาของสมาชิกแตกต่างกันไปตามบริบทและเจตนารมณ์ของการจัดตั้ง วุฒิสภามักถูกออกแบบมาให้เป็นสภาที่ทำหน้าที่กลั่นกรอง ตรวจสอบกฎหมาย ถ่วงดุลอำนาจ และเป็นตัวแทนของกลุ่มวิชาชีพหรือผู้ทรงคุณวุฒิ มากกว่าที่จะเป็นตัวแทนของประชาชนในเชิงพื้นที่หรือจำนวนประชากรโดยตรงเหมือนสภาผู้แทนราษฎร ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่มาของสมาชิกวุฒิสภามีความหลากหลายอย่างยิ่ง บางช่วงมาจากการแต่งตั้งโดยคณะรัฐประหารหรือผู้มีอำนาจ บางช่วงมาจากการเลือกตั้งทางอ้อมโดยผู้ทรงคุณวุฒิ หรือการคัดเลือกจากกลุ่มอาชีพ และบางช่วงมาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน แต่ตามโครงสร้างปัจจุบันภายใต้รัฐธรรมนูญบางฉบับ ที่มาของ ส.ว. อาจไม่ได้เป็นไปตามหลักการ "เลือกตั้งโดยตรง" จากประชาชนอย่างสมบูรณ์ สมาชิกวุฒิสภาอาจมาจากการคัดเลือกกันเองของกลุ่มบุคคลในสังคมที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย ซึ่งแตกต่างจากการหย่อนบัตรเลือกตั้งแบบที่ประชาชนทั่วไปคุ้นเคย การใช้คำว่า "สภาสูงมีสมาชิกมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน" จึงอาจไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงทางกฎหมายในทุกกรณีเสมอไป และเป็นจุดที่ต้องทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนเกี่ยวกับสถานะทางกฎหมายและอำนาจหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาแต่ละประเภทตามกรอบของกฎหมายรัฐธรรมนูญไทย

    ดังนั้น การแยกแยะความแตกต่างทางกฎหมายระหว่างที่มาของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งยึดโยงกับการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนตามหลักการพื้นฐานของระบอบตัวแทน กับที่มาของสมาชิกวุฒิสภาซึ่งมีรูปแบบที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งในการทำความเข้าใจการใช้อำนาจอธิปไตยผ่านกลไกรัฐสภา ในแง่ของนิติศาสตร์ การที่ ส.ส. มาจากการเลือกตั้งโดยตรงทำให้พวกเขามีความชอบธรรมทางการเมืองในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากเจ้าของอำนาจอธิปไตยอย่างชัดเจนที่สุด ในขณะที่ความชอบธรรมของ ส.ว. มักจะตั้งอยู่บนพื้นฐานของการเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ หรือการเป็นกลไกตรวจสอบถ่วงดุลทางเทคนิคตามที่รัฐธรรมนูญออกแบบไว้ ซึ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับการแข่งขันทางการเมืองในวงกว้างเหมือนการเลือกตั้ง ส.ส. การตีความบทบัญญัติเรื่องที่มาของสมาชิกรัฐสภาจึงต้องทำอย่างเคร่งครัดตามถ้อยคำของกฎหมายสูงสุดของประเทศ เพื่อให้การทำงานของทั้งสองสภาเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักการทางกฎหมายและธำรงไว้ซึ่งเสถียรภาพและประสิทธิภาพของการใช้อำนาจนิติบัญญัติ

    ในที่สุดแล้ว การทำความเข้าใจอย่างถูกต้องตามกฎหมายในประเด็นที่มาของสมาชิกรัฐสภาทั้งสองสภา คือ สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ เป็นหัวใจสำคัญในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบประชาธิปไตย ความเข้าใจที่ชัดเจนว่า สภาผู้แทนราษฎรมีที่มาจาก "การเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน" อย่างแน่นอนและเป็นหลักการที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ส่วนที่มาของสภาสูงนั้น ต้องพิจารณาตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายสูงสุดในแต่ละห้วงเวลาอย่างละเอียด จะช่วยให้ประชาชนสามารถตรวจสอบและติดตามการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตระหนักถึงอำนาจและสิทธิของตนในการเลือกผู้แทนเข้าไปใช้อำนาจอธิปไตยแทนตน การรับรู้และแยกแยะความแตกต่างเหล่านี้จะนำไปสู่การเรียกร้องให้มีการปฏิรูปกฎหมายให้สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตยที่เป็นสากลมากยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต หากพบว่าที่มาของสภาสูงไม่เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตยโดยตรง การยึดมั่นในหลักการที่ว่าอำนาจเป็นของปวงชนและต้องใช้อำนาจผ่านผู้แทนที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงอย่างแท้จริงจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนการเมืองการปกครองของประเทศ.
    บทความกฎหมาย EP.44 อำนาจอธิปไตยของปวงชน: การเลือกตั้งโดยตรงกับที่มาของสมาชิกสภา ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับโครงสร้างอำนาจนิติบัญญัติในระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาของไทยนั้น มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรับรู้บทบาทของประชาชนในการปกครองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่เกี่ยวกับที่มาและอำนาจของสมาชิกรัฐสภา ซึ่งประกอบด้วยสองสภาหลัก คือ สภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และวุฒิสภา (ส.ว.) ตามหลักการทางกฎหมายรัฐธรรมนูญและหลักประชาธิปไตยสากล ข้อความที่กล่าวว่า สภาผู้แทนราษฎร และ สภาสูง มีสมาชิกมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนนั้น จำเป็นต้องได้รับการพิจารณาอย่างละเอียดตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญไทยปัจจุบัน โดยทั่วไปแล้ว "สภาผู้แทนราษฎร" เป็นองค์กรที่สะท้อนเจตจำนงของประชาชนโดยตรงอย่างไม่มีข้อสงสัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วประเทศมาจากการเลือกตั้งทั่วไปในระบบเขตเลือกตั้งแบบแบ่งเขต และระบบบัญชีรายชื่อแบบสัดส่วนผสม ซึ่งเป็นกลไกที่รับรองหลักการที่ว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน และต้องใช้อำนาจผ่านทางผู้แทนที่ตนเลือกเข้าไปทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติ ส.ส. จึงเป็นตัวแทนโดยตรงของประชาชนในการเสนอกฎหมาย ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน และพิจารณาให้ความเห็นชอบในเรื่องสำคัญของประเทศชาติอย่างแท้จริง การเลือกตั้ง ส.ส. โดยตรงจึงเป็นเสาหลักของประชาธิปไตยที่ประชาชนทุกคนมีสิทธิออกเสียงเพื่อกำหนดทิศทางของประเทศ ทว่า ในทางกลับกัน สำหรับ "สภาสูง" หรือ "วุฒิสภา" นั้น บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญของแต่ละประเทศและแต่ละช่วงเวลาในประเทศไทยได้กำหนดที่มาของสมาชิกแตกต่างกันไปตามบริบทและเจตนารมณ์ของการจัดตั้ง วุฒิสภามักถูกออกแบบมาให้เป็นสภาที่ทำหน้าที่กลั่นกรอง ตรวจสอบกฎหมาย ถ่วงดุลอำนาจ และเป็นตัวแทนของกลุ่มวิชาชีพหรือผู้ทรงคุณวุฒิ มากกว่าที่จะเป็นตัวแทนของประชาชนในเชิงพื้นที่หรือจำนวนประชากรโดยตรงเหมือนสภาผู้แทนราษฎร ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่มาของสมาชิกวุฒิสภามีความหลากหลายอย่างยิ่ง บางช่วงมาจากการแต่งตั้งโดยคณะรัฐประหารหรือผู้มีอำนาจ บางช่วงมาจากการเลือกตั้งทางอ้อมโดยผู้ทรงคุณวุฒิ หรือการคัดเลือกจากกลุ่มอาชีพ และบางช่วงมาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน แต่ตามโครงสร้างปัจจุบันภายใต้รัฐธรรมนูญบางฉบับ ที่มาของ ส.ว. อาจไม่ได้เป็นไปตามหลักการ "เลือกตั้งโดยตรง" จากประชาชนอย่างสมบูรณ์ สมาชิกวุฒิสภาอาจมาจากการคัดเลือกกันเองของกลุ่มบุคคลในสังคมที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย ซึ่งแตกต่างจากการหย่อนบัตรเลือกตั้งแบบที่ประชาชนทั่วไปคุ้นเคย การใช้คำว่า "สภาสูงมีสมาชิกมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน" จึงอาจไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงทางกฎหมายในทุกกรณีเสมอไป และเป็นจุดที่ต้องทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนเกี่ยวกับสถานะทางกฎหมายและอำนาจหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาแต่ละประเภทตามกรอบของกฎหมายรัฐธรรมนูญไทย ดังนั้น การแยกแยะความแตกต่างทางกฎหมายระหว่างที่มาของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งยึดโยงกับการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนตามหลักการพื้นฐานของระบอบตัวแทน กับที่มาของสมาชิกวุฒิสภาซึ่งมีรูปแบบที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งในการทำความเข้าใจการใช้อำนาจอธิปไตยผ่านกลไกรัฐสภา ในแง่ของนิติศาสตร์ การที่ ส.ส. มาจากการเลือกตั้งโดยตรงทำให้พวกเขามีความชอบธรรมทางการเมืองในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากเจ้าของอำนาจอธิปไตยอย่างชัดเจนที่สุด ในขณะที่ความชอบธรรมของ ส.ว. มักจะตั้งอยู่บนพื้นฐานของการเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ หรือการเป็นกลไกตรวจสอบถ่วงดุลทางเทคนิคตามที่รัฐธรรมนูญออกแบบไว้ ซึ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับการแข่งขันทางการเมืองในวงกว้างเหมือนการเลือกตั้ง ส.ส. การตีความบทบัญญัติเรื่องที่มาของสมาชิกรัฐสภาจึงต้องทำอย่างเคร่งครัดตามถ้อยคำของกฎหมายสูงสุดของประเทศ เพื่อให้การทำงานของทั้งสองสภาเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักการทางกฎหมายและธำรงไว้ซึ่งเสถียรภาพและประสิทธิภาพของการใช้อำนาจนิติบัญญัติ ในที่สุดแล้ว การทำความเข้าใจอย่างถูกต้องตามกฎหมายในประเด็นที่มาของสมาชิกรัฐสภาทั้งสองสภา คือ สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ เป็นหัวใจสำคัญในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบประชาธิปไตย ความเข้าใจที่ชัดเจนว่า สภาผู้แทนราษฎรมีที่มาจาก "การเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน" อย่างแน่นอนและเป็นหลักการที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ส่วนที่มาของสภาสูงนั้น ต้องพิจารณาตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายสูงสุดในแต่ละห้วงเวลาอย่างละเอียด จะช่วยให้ประชาชนสามารถตรวจสอบและติดตามการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตระหนักถึงอำนาจและสิทธิของตนในการเลือกผู้แทนเข้าไปใช้อำนาจอธิปไตยแทนตน การรับรู้และแยกแยะความแตกต่างเหล่านี้จะนำไปสู่การเรียกร้องให้มีการปฏิรูปกฎหมายให้สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตยที่เป็นสากลมากยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต หากพบว่าที่มาของสภาสูงไม่เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตยโดยตรง การยึดมั่นในหลักการที่ว่าอำนาจเป็นของปวงชนและต้องใช้อำนาจผ่านผู้แทนที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงอย่างแท้จริงจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนการเมืองการปกครองของประเทศ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • สร้อยตะกรุดหลวงปู่แก้ว วัดสะพานไม้แก่น จ.สงขลา
    สร้อยตะกรุดหลวงปู่แก้ว วัดสะพานไม้แก่น จ.สงขลา ปี2538 // พระดีพิธีใหญ่ พระเกจิชื่อดังที่ชาวปักษ์ใต้ ต่างเลื่อมใสศรัทธาอย่างดียิ่ง // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ

    ** พุทธคุณ มหาอำนาจ คงกระพัน มหาอุด ให้โชค ให้ลาภ โภคทรัพย์ ช่วยส่งเสริมให้กิจการค้าขายดี ร่ำรวยเงินทอง ความมั่งคั่ง เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ มีประสบการณ์มากมาย สามารถหยุดปืน หยุดระเบิด สะกดพลังภูตผีปิศาจจอมมารร้ายกระทั่งสัตว์ป่าอสรพิษ **

    ** หลวงปู่แก้ว วัดสะพานไม้แก่น อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ท่านเป็นผู้หนึ่งที่นั่งเจริญพุทธมนต์ในพิธีปลุกเสกหลวงปู่ทวดเนื้อว่านรุ่นแรก วัดช้างให้ ปี พ.ศ. 2497 พระเครื่องที่ท่านสร้างก่อเกิดประสบการณ์มากมาย สามารถหยุดปืน หยุดระเบิด สะกดพลังภูตผีปิศาจจอมมารร้ายกระทั่งสัตว์ป่าอสรพิษ มีประสบการณ์จากเหตุการณ์สามจังหวัดชายแดนใต้มาแล้ว และสามารถสยบระเบิดที่เกาะบาหลีเมื่อไม่นานมานี้ และล่าสุดชาวมาเลเซียโดนกุญไสย (เวทมนต์สายดำ) หาผู้ที่มีวิชาทั่วทั้งมาเลเซียหมดแล้วก็ไม่สามารถแก้ไขได้ คณะลูกศิษย์ท่านจึงนำตัวมาที่วัดสะพานไม้แก่น ทันทีที่ลงจากรถปิกอัพที่หน้ากุฏิ มองไปที่หน้าของท่านก็เป็นลมหมดสติ (กลับหายเป็นปกติ) โดยที่ท่านยังไม่ทันทำอะไรเลย ชาวไทยและชาวมาเลเซีย จึงเลื่อมใสศรัทธาในตัวท่านมาก **

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    สร้อยตะกรุดหลวงปู่แก้ว วัดสะพานไม้แก่น จ.สงขลา สร้อยตะกรุดหลวงปู่แก้ว วัดสะพานไม้แก่น จ.สงขลา ปี2538 // พระดีพิธีใหญ่ พระเกจิชื่อดังที่ชาวปักษ์ใต้ ต่างเลื่อมใสศรัทธาอย่างดียิ่ง // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ ** พุทธคุณ มหาอำนาจ คงกระพัน มหาอุด ให้โชค ให้ลาภ โภคทรัพย์ ช่วยส่งเสริมให้กิจการค้าขายดี ร่ำรวยเงินทอง ความมั่งคั่ง เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ มีประสบการณ์มากมาย สามารถหยุดปืน หยุดระเบิด สะกดพลังภูตผีปิศาจจอมมารร้ายกระทั่งสัตว์ป่าอสรพิษ ** ** หลวงปู่แก้ว วัดสะพานไม้แก่น อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ท่านเป็นผู้หนึ่งที่นั่งเจริญพุทธมนต์ในพิธีปลุกเสกหลวงปู่ทวดเนื้อว่านรุ่นแรก วัดช้างให้ ปี พ.ศ. 2497 พระเครื่องที่ท่านสร้างก่อเกิดประสบการณ์มากมาย สามารถหยุดปืน หยุดระเบิด สะกดพลังภูตผีปิศาจจอมมารร้ายกระทั่งสัตว์ป่าอสรพิษ มีประสบการณ์จากเหตุการณ์สามจังหวัดชายแดนใต้มาแล้ว และสามารถสยบระเบิดที่เกาะบาหลีเมื่อไม่นานมานี้ และล่าสุดชาวมาเลเซียโดนกุญไสย (เวทมนต์สายดำ) หาผู้ที่มีวิชาทั่วทั้งมาเลเซียหมดแล้วก็ไม่สามารถแก้ไขได้ คณะลูกศิษย์ท่านจึงนำตัวมาที่วัดสะพานไม้แก่น ทันทีที่ลงจากรถปิกอัพที่หน้ากุฏิ มองไปที่หน้าของท่านก็เป็นลมหมดสติ (กลับหายเป็นปกติ) โดยที่ท่านยังไม่ทันทำอะไรเลย ชาวไทยและชาวมาเลเซีย จึงเลื่อมใสศรัทธาในตัวท่านมาก ** ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 0 รีวิว