• ต้นเหตุนฤมลพูดมั่ว ประชาชนถึงได้โวย! (28/10/68)
    .
    #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #นฤมล #การเมืองไทย #ดราม่าการเมือง #รัฐบาลไทย #ข่าวร้อน #newsupdate #ข่าวtiktok
    ต้นเหตุนฤมลพูดมั่ว ประชาชนถึงได้โวย! (28/10/68) . #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #นฤมล #การเมืองไทย #ดราม่าการเมือง #รัฐบาลไทย #ข่าวร้อน #newsupdate #ข่าวtiktok
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • Tenstorrent เปิดตัว Open Chiplet Atlas Ecosystem ปฏิวัติการออกแบบชิปแบบเปิดและเชื่อมต่อได้ทุกค่าย

    Tenstorrent ประกาศเปิดตัว Open Chiplet Atlas Ecosystem (OCA) ในงานที่ซานฟรานซิสโก โดยมีเป้าหมายเพื่อ “เปิดเสรี” การออกแบบชิปแบบ chiplet ให้สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างอิสระ ลดต้นทุน และเร่งนวัตกรรมในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์

    แนวคิดหลักของ OCA Ecosystem

    OCA ไม่ใช่แค่แพลตฟอร์มใหม่ แต่เป็น “มาตรฐานเปิด” ที่ครอบคลุมทุกชั้นของการออกแบบ chiplet ตั้งแต่ระดับกายภาพไปจนถึงซอฟต์แวร์ โดยมี 3 เสาหลักสำคัญ:
    Architecture: สถาปัตยกรรมเปิดที่กำหนดมาตรฐานการเชื่อมต่อ chiplet ใน 5 ชั้น ได้แก่ Physical, Transport, Protocol, System และ Software
    Harness: เฟรมเวิร์กแบบโอเพ่นซอร์สที่ช่วยให้นักออกแบบสามารถสร้าง chiplet ที่เชื่อมต่อได้ทันที โดยไม่ต้องพัฒนา logic ซ้ำ
    Compliance: โปรแกรมตรวจสอบความเข้ากันได้ทั้งก่อนและหลังการผลิต รวมถึง “Golden Chiplet” สำหรับทดสอบ และกิจกรรม “Plugfests” เพื่อทดลองใช้งานร่วมกัน

    จุดเด่นของ OCA Ecosystem
    ลดต้นทุนการพัฒนาและเร่งเวลาออกสู่ตลาด
    รองรับการออกแบบ chiplet แบบ multivendor โดยไม่ติด vendor lock-in
    เหมาะกับผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น AI accelerators, ยานยนต์, และดาต้าเซ็นเตอร์

    ความร่วมมือระดับโลก
    มีพันธมิตรมากกว่า 50 รายจากบริษัทเซมิคอนดักเตอร์และมหาวิทยาลัยชั้นนำ
    ตัวอย่างเช่น LG, Rapidus, Axelera AI, BSC, ITRI, และมหาวิทยาลัยโตเกียว
    สนับสนุนโดยนักวิจัยจาก Oxford, HKUST, UC Riverside และ Shanghai Jiao Tong

    ความเห็นจากผู้นำอุตสาหกรรม
    BOS Semiconductors เน้นความสำคัญของความเข้ากันได้ระยะยาวในอุตสาหกรรมยานยนต์
    BSC ชี้ว่า OCA จะช่วยให้เกิดความหลากหลายในการประมวลผล
    Rapidus มองว่า OCA จะช่วยลดความซับซ้อนในการผลิตและเปิดโอกาสให้ลูกค้าเลือก chiplet จากหลายค่าย

    https://www.techpowerup.com/342293/tenstorrent-announces-open-chiplet-atlas-ecosystem
    🧩🔗 Tenstorrent เปิดตัว Open Chiplet Atlas Ecosystem ปฏิวัติการออกแบบชิปแบบเปิดและเชื่อมต่อได้ทุกค่าย Tenstorrent ประกาศเปิดตัว Open Chiplet Atlas Ecosystem (OCA) ในงานที่ซานฟรานซิสโก โดยมีเป้าหมายเพื่อ “เปิดเสรี” การออกแบบชิปแบบ chiplet ให้สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างอิสระ ลดต้นทุน และเร่งนวัตกรรมในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ 🧠 แนวคิดหลักของ OCA Ecosystem OCA ไม่ใช่แค่แพลตฟอร์มใหม่ แต่เป็น “มาตรฐานเปิด” ที่ครอบคลุมทุกชั้นของการออกแบบ chiplet ตั้งแต่ระดับกายภาพไปจนถึงซอฟต์แวร์ โดยมี 3 เสาหลักสำคัญ: 💠 Architecture: สถาปัตยกรรมเปิดที่กำหนดมาตรฐานการเชื่อมต่อ chiplet ใน 5 ชั้น ได้แก่ Physical, Transport, Protocol, System และ Software 💠 Harness: เฟรมเวิร์กแบบโอเพ่นซอร์สที่ช่วยให้นักออกแบบสามารถสร้าง chiplet ที่เชื่อมต่อได้ทันที โดยไม่ต้องพัฒนา logic ซ้ำ 💠 Compliance: โปรแกรมตรวจสอบความเข้ากันได้ทั้งก่อนและหลังการผลิต รวมถึง “Golden Chiplet” สำหรับทดสอบ และกิจกรรม “Plugfests” เพื่อทดลองใช้งานร่วมกัน ✅ จุดเด่นของ OCA Ecosystem ➡️ ลดต้นทุนการพัฒนาและเร่งเวลาออกสู่ตลาด ➡️ รองรับการออกแบบ chiplet แบบ multivendor โดยไม่ติด vendor lock-in ➡️ เหมาะกับผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น AI accelerators, ยานยนต์, และดาต้าเซ็นเตอร์ ✅ ความร่วมมือระดับโลก ➡️ มีพันธมิตรมากกว่า 50 รายจากบริษัทเซมิคอนดักเตอร์และมหาวิทยาลัยชั้นนำ ➡️ ตัวอย่างเช่น LG, Rapidus, Axelera AI, BSC, ITRI, และมหาวิทยาลัยโตเกียว ➡️ สนับสนุนโดยนักวิจัยจาก Oxford, HKUST, UC Riverside และ Shanghai Jiao Tong ✅ ความเห็นจากผู้นำอุตสาหกรรม ➡️ BOS Semiconductors เน้นความสำคัญของความเข้ากันได้ระยะยาวในอุตสาหกรรมยานยนต์ ➡️ BSC ชี้ว่า OCA จะช่วยให้เกิดความหลากหลายในการประมวลผล ➡️ Rapidus มองว่า OCA จะช่วยลดความซับซ้อนในการผลิตและเปิดโอกาสให้ลูกค้าเลือก chiplet จากหลายค่าย https://www.techpowerup.com/342293/tenstorrent-announces-open-chiplet-atlas-ecosystem
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Tenstorrent Announces Open Chiplet Atlas Ecosystem
    Announced at their recent event in San Francisco, the OCA Ecosystem will democratize chip design, lower development costs, and accelerate innovation, enabling heterogeneous chiplets for plug-and-play interoperability. There are now more than 50 partners involved in the ecosystem, from leading semico...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 49 มุมมอง 0 รีวิว

  • อีลิททั่วโลกก็กำลังจะหาเรื่องประเทศนี้ด้วยในเวลาปัจจุบันนี้,อีลิทพวกนี้สมควรถูกกำจัดออกไปจากโลกทั้งหมดจริงๆนะ,หาเรื่อง สร้างเหตุจะหาเรื่องเขาได้ทุกๆข้ออ้างตลอดเวลา,เขมรยิงระเบิดใส่ไทยหรือเขมรก่อภัยคุกคามรุกรานไทยก็พวกอีลิทนี้อยู่เบื้องหลังทั้งหมด.

    https://vm.tiktok.com/ZSHvTMB763pFf-3Bdhg/
    อีลิททั่วโลกก็กำลังจะหาเรื่องประเทศนี้ด้วยในเวลาปัจจุบันนี้,อีลิทพวกนี้สมควรถูกกำจัดออกไปจากโลกทั้งหมดจริงๆนะ,หาเรื่อง สร้างเหตุจะหาเรื่องเขาได้ทุกๆข้ออ้างตลอดเวลา,เขมรยิงระเบิดใส่ไทยหรือเขมรก่อภัยคุกคามรุกรานไทยก็พวกอีลิทนี้อยู่เบื้องหลังทั้งหมด. https://vm.tiktok.com/ZSHvTMB763pFf-3Bdhg/
    @lintidfire_th

    นี่คือน้ำมันดิบในอิหร่าน

    ♬ เสียงต้นฉบับ - Lintidfire TH - ลิ้นติดไฟ TH
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว
  • MOUไทย-สหรัฐ ถ้าไม่ดียกเลิกได้แต่จะทำไหม..?? (28/10/68)
    .
    #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #MOUไทยสหรัฐ #สหรัฐอเมริกา #การเมืองไทย #อนุทิน #รัฐบาลไทย #ข่าวต่างประเทศ #newsupdate #ข่าวtiktok
    MOUไทย-สหรัฐ ถ้าไม่ดียกเลิกได้แต่จะทำไหม..?? (28/10/68) . #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #MOUไทยสหรัฐ #สหรัฐอเมริกา #การเมืองไทย #อนุทิน #รัฐบาลไทย #ข่าวต่างประเทศ #newsupdate #ข่าวtiktok
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ฮุนเซนสั่งห้ามใช้เงินบาทและดอลล่าร์ คนเขมรจึงทำ...??? (28/10/68)
    .
    #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ฮุนเซน #กัมพูชา #เศรษฐกิจเขมร #เงินบาท #ดอลลาร์สหรัฐ #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข่าวเศรษฐกิจ #newsupdate #ข่าวtiktok
    ฮุนเซนสั่งห้ามใช้เงินบาทและดอลล่าร์ คนเขมรจึงทำ...??? (28/10/68) . #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ฮุนเซน #กัมพูชา #เศรษฐกิจเขมร #เงินบาท #ดอลลาร์สหรัฐ #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข่าวเศรษฐกิจ #newsupdate #ข่าวtiktok
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • "อนุทิน" ชี้แจงยังไงให้พันตัวเอง!? (28/10/68)
    .
    #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #อนุทิน #การเมืองไทย #MOU43 #ชายแดนไทยกัมพูชา #ฮุนเซน #รัฐบาลไทย #ข่าวด่วน #newsupdate #ข่าวtiktok
    "อนุทิน" ชี้แจงยังไงให้พันตัวเอง!? (28/10/68) . #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #อนุทิน #การเมืองไทย #MOU43 #ชายแดนไทยกัมพูชา #ฮุนเซน #รัฐบาลไทย #ข่าวด่วน #newsupdate #ข่าวtiktok
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ทรัมป์แดนซ์กระจาย ส่วนเกินไทย-กัมพูชา : [คุยผ่าโลก worldtalk]
    ทรัมป์แดนซ์กระจาย ส่วนเกินไทย-กัมพูชา : [คุยผ่าโลก worldtalk]
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • Windows 10 ใกล้หมดอายุ ส่งผลให้ยอดขาย Mac พุ่งแรงทั่วโลก

    การสิ้นสุดการสนับสนุนของ Windows 10 ในเดือนตุลาคม 2025 กลายเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากหันไปใช้ Mac แทนการอัปเกรดเป็น Windows 11 โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจและผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการความมั่นคงและปลอดภัยมากขึ้น

    เหตุผลที่ Mac ขายดีขึ้นหลัง Windows 10 หมดอายุ

    จากรายงานของ Counterpoint Research พบว่า ยอดขาย Mac ทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึง 14.9% ในไตรมาสที่ 3 ปี 2025 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีปัจจัยหลักคือ:
    ความนิยมของ MacBook รุ่นใหม่ที่ใช้ชิป Apple Silicon ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงและประหยัดพลังงาน
    การยอมรับในระดับองค์กร โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการระบบปลอดภัยแต่ไม่ซับซ้อน
    ความไม่แน่นอนของการอัปเกรดเป็น Windows 11 ทั้งในด้านฮาร์ดแวร์และความเข้ากันได้ของซอฟต์แวร์

    Apple ยังเน้นจุดแข็งด้านความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสข้อมูลและการควบคุมความเป็นส่วนตัวในระดับระบบ ซึ่งเป็นจุดขายสำคัญสำหรับองค์กรที่ไม่มีทีม IT ประจำ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Windows 10 หมดอายุในเดือนตุลาคม 2025 ทำให้ผู้ใช้ต้องหาทางเลือกใหม่
    Mac มียอดขายเพิ่มขึ้น 14.9% ในไตรมาสเดียวกัน
    ธุรกิจขนาดเล็กหันมาใช้ Mac เพราะระบบปลอดภัยและใช้งานง่าย
    Apple Silicon ช่วยให้ Mac มีประสิทธิภาพสูงและประหยัดพลังงาน
    ผู้ใช้ iPhone มีแนวโน้มเลือก Mac เพื่อความต่อเนื่องในการทำงาน

    ปัจจัยที่ทำให้ผู้ใช้ลังเลอัปเกรด Windows
    Windows 11 ต้องการฮาร์ดแวร์ใหม่ เช่น TPM 2.0 และ UEFI Secure Boot
    ความไม่แน่นอนด้านความเข้ากันได้ของซอฟต์แวร์เก่า
    ค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดอุปกรณ์และระบบ

    https://www.techradar.com/computing/macbooks/never-mind-linux-windows-10s-end-of-life-is-driving-up-apple-mac-sales
    🍏💻 Windows 10 ใกล้หมดอายุ ส่งผลให้ยอดขาย Mac พุ่งแรงทั่วโลก การสิ้นสุดการสนับสนุนของ Windows 10 ในเดือนตุลาคม 2025 กลายเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากหันไปใช้ Mac แทนการอัปเกรดเป็น Windows 11 โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจและผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการความมั่นคงและปลอดภัยมากขึ้น 📈 เหตุผลที่ Mac ขายดีขึ้นหลัง Windows 10 หมดอายุ จากรายงานของ Counterpoint Research พบว่า ยอดขาย Mac ทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึง 14.9% ในไตรมาสที่ 3 ปี 2025 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีปัจจัยหลักคือ: 💠 ความนิยมของ MacBook รุ่นใหม่ที่ใช้ชิป Apple Silicon ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงและประหยัดพลังงาน 💠 การยอมรับในระดับองค์กร โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการระบบปลอดภัยแต่ไม่ซับซ้อน 💠 ความไม่แน่นอนของการอัปเกรดเป็น Windows 11 ทั้งในด้านฮาร์ดแวร์และความเข้ากันได้ของซอฟต์แวร์ Apple ยังเน้นจุดแข็งด้านความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสข้อมูลและการควบคุมความเป็นส่วนตัวในระดับระบบ ซึ่งเป็นจุดขายสำคัญสำหรับองค์กรที่ไม่มีทีม IT ประจำ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Windows 10 หมดอายุในเดือนตุลาคม 2025 ทำให้ผู้ใช้ต้องหาทางเลือกใหม่ ➡️ Mac มียอดขายเพิ่มขึ้น 14.9% ในไตรมาสเดียวกัน ➡️ ธุรกิจขนาดเล็กหันมาใช้ Mac เพราะระบบปลอดภัยและใช้งานง่าย ➡️ Apple Silicon ช่วยให้ Mac มีประสิทธิภาพสูงและประหยัดพลังงาน ➡️ ผู้ใช้ iPhone มีแนวโน้มเลือก Mac เพื่อความต่อเนื่องในการทำงาน ✅ ปัจจัยที่ทำให้ผู้ใช้ลังเลอัปเกรด Windows ➡️ Windows 11 ต้องการฮาร์ดแวร์ใหม่ เช่น TPM 2.0 และ UEFI Secure Boot ➡️ ความไม่แน่นอนด้านความเข้ากันได้ของซอฟต์แวร์เก่า ➡️ ค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดอุปกรณ์และระบบ https://www.techradar.com/computing/macbooks/never-mind-linux-windows-10s-end-of-life-is-driving-up-apple-mac-sales
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • พนักงานใช้ AI สร้างใบเสร็จปลอม หลอกบริษัททั่วโลก เสียหายหลักล้าน!

    การใช้ AI สร้างภาพปลอมกำลังกลายเป็นเครื่องมือใหม่ของการโกงค่าใช้จ่ายในองค์กร โดยเฉพาะใบเสร็จค่าเดินทางและค่าอาหารที่สามารถสร้างได้ง่ายเพียงพิมพ์คำสั่งไม่กี่บรรทัด ล่าสุดมีรายงานว่าบริษัทต่างๆ พบใบเสร็จปลอมที่สร้างด้วย AI เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และยากต่อการตรวจจับด้วยสายตามนุษย์

    รายงานจาก AppZen และ Ramp

    AppZen พบว่าใบเสร็จปลอมที่สร้างด้วย AI คิดเป็น 14% ของเอกสารหลอกลวงทั้งหมดในเดือนกันยายน 2025 เพิ่มขึ้นจาก 0% ในปี 2024
    Ramp ตรวจพบใบแจ้งหนี้ปลอมมูลค่ากว่า 1 ล้านดอลลาร์ภายใน 90 วัน
    SAP Concur ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มจัดการค่าใช้จ่ายระดับโลก ระบุว่า “อย่าไว้ใจสายตา” เพราะใบเสร็จปลอมมีความสมจริงสูงมาก

    ใบเสร็จที่สร้างด้วย AI มีรายละเอียดครบถ้วน เช่น รอยยับของกระดาษ รายการอาหารที่ตรงกับเมนูจริง และลายเซ็นปลอม ทำให้ผู้ตรวจสอบไม่สามารถแยกแยะได้ด้วยตาเปล่า

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ใบเสร็จปลอมที่สร้างด้วย AI เพิ่มขึ้นจาก 0% เป็น 14% ภายใน 1 ปี
    Ramp ตรวจพบใบแจ้งหนี้ปลอมมูลค่ากว่า 1 ล้านดอลลาร์ใน 90 วัน
    SAP Concur ตรวจสอบเอกสารกว่า 80 ล้านรายการต่อเดือนด้วย AI
    ใบเสร็จปลอมมีความสมจริงสูงจนมนุษย์ไม่สามารถแยกแยะได้
    AI ช่วยสร้างใบเสร็จปลอมได้ในไม่กี่วินาทีจากคำสั่งข้อความธรรมดา

    วิธีตรวจจับใบเสร็จปลอม
    ใช้ AI ตรวจสอบ metadata ของภาพเพื่อดูว่าเป็นภาพที่สร้างด้วย AI หรือไม่
    ตรวจสอบข้อมูลแวดล้อม เช่น เวลาเซิร์ฟเวอร์ รายการเดินทาง และรูปแบบการใช้จ่าย
    ใช้ระบบ cross-check กับข้อมูลจริง เช่น เที่ยวบิน โรงแรม หรือชื่อร้านอาหาร

    ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ
    “นี่ไม่ใช่ภัยในอนาคต แต่มันเกิดขึ้นแล้ว” — Sebastien Marchon, CEO ของ Rydoo
    “ใบเสร็จปลอมสมจริงมากจนเราต้องบอกลูกค้า ‘อย่าไว้ใจสายตา’” — Chris Juneau, SAP Concur

    คำเตือนสำหรับองค์กร
    การตรวจสอบด้วยมนุษย์ไม่สามารถรับมือกับใบเสร็จปลอมที่สร้างด้วย AI ได้
    Metadata สามารถถูกลบได้ง่ายด้วยการถ่ายภาพหน้าจอหรือถ่ายใหม่
    หากไม่มีระบบตรวจสอบที่ทันสมัย องค์กรอาจเสียหายทางการเงินอย่างหนัก

    https://www.techradar.com/pro/security/workers-are-scamming-their-employers-using-ai-generated-fake-expense-receipts
    🧾🤖 พนักงานใช้ AI สร้างใบเสร็จปลอม หลอกบริษัททั่วโลก เสียหายหลักล้าน! การใช้ AI สร้างภาพปลอมกำลังกลายเป็นเครื่องมือใหม่ของการโกงค่าใช้จ่ายในองค์กร โดยเฉพาะใบเสร็จค่าเดินทางและค่าอาหารที่สามารถสร้างได้ง่ายเพียงพิมพ์คำสั่งไม่กี่บรรทัด ล่าสุดมีรายงานว่าบริษัทต่างๆ พบใบเสร็จปลอมที่สร้างด้วย AI เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และยากต่อการตรวจจับด้วยสายตามนุษย์ 📉 รายงานจาก AppZen และ Ramp 💠 AppZen พบว่าใบเสร็จปลอมที่สร้างด้วย AI คิดเป็น 14% ของเอกสารหลอกลวงทั้งหมดในเดือนกันยายน 2025 เพิ่มขึ้นจาก 0% ในปี 2024 💠 Ramp ตรวจพบใบแจ้งหนี้ปลอมมูลค่ากว่า 1 ล้านดอลลาร์ภายใน 90 วัน 💠 SAP Concur ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มจัดการค่าใช้จ่ายระดับโลก ระบุว่า “อย่าไว้ใจสายตา” เพราะใบเสร็จปลอมมีความสมจริงสูงมาก ใบเสร็จที่สร้างด้วย AI มีรายละเอียดครบถ้วน เช่น รอยยับของกระดาษ รายการอาหารที่ตรงกับเมนูจริง และลายเซ็นปลอม ทำให้ผู้ตรวจสอบไม่สามารถแยกแยะได้ด้วยตาเปล่า ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ใบเสร็จปลอมที่สร้างด้วย AI เพิ่มขึ้นจาก 0% เป็น 14% ภายใน 1 ปี ➡️ Ramp ตรวจพบใบแจ้งหนี้ปลอมมูลค่ากว่า 1 ล้านดอลลาร์ใน 90 วัน ➡️ SAP Concur ตรวจสอบเอกสารกว่า 80 ล้านรายการต่อเดือนด้วย AI ➡️ ใบเสร็จปลอมมีความสมจริงสูงจนมนุษย์ไม่สามารถแยกแยะได้ ➡️ AI ช่วยสร้างใบเสร็จปลอมได้ในไม่กี่วินาทีจากคำสั่งข้อความธรรมดา ✅ วิธีตรวจจับใบเสร็จปลอม ➡️ ใช้ AI ตรวจสอบ metadata ของภาพเพื่อดูว่าเป็นภาพที่สร้างด้วย AI หรือไม่ ➡️ ตรวจสอบข้อมูลแวดล้อม เช่น เวลาเซิร์ฟเวอร์ รายการเดินทาง และรูปแบบการใช้จ่าย ➡️ ใช้ระบบ cross-check กับข้อมูลจริง เช่น เที่ยวบิน โรงแรม หรือชื่อร้านอาหาร ✅ ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ ➡️ “นี่ไม่ใช่ภัยในอนาคต แต่มันเกิดขึ้นแล้ว” — Sebastien Marchon, CEO ของ Rydoo ➡️ “ใบเสร็จปลอมสมจริงมากจนเราต้องบอกลูกค้า ‘อย่าไว้ใจสายตา’” — Chris Juneau, SAP Concur ‼️ คำเตือนสำหรับองค์กร ⛔ การตรวจสอบด้วยมนุษย์ไม่สามารถรับมือกับใบเสร็จปลอมที่สร้างด้วย AI ได้ ⛔ Metadata สามารถถูกลบได้ง่ายด้วยการถ่ายภาพหน้าจอหรือถ่ายใหม่ ⛔ หากไม่มีระบบตรวจสอบที่ทันสมัย องค์กรอาจเสียหายทางการเงินอย่างหนัก https://www.techradar.com/pro/security/workers-are-scamming-their-employers-using-ai-generated-fake-expense-receipts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 54 มุมมอง 0 รีวิว

  • อีลิทจึงพยายามทุกๆวิถีทางให้ไทยได้ผู้ปกครองประเทศเป็นของพวกมัน ง่ายสะดวกต่อการควบคุมสั่งการใดๆได้ บังคับ บีบ กดดันคนไทย ออกกฎหมายอะไรกดหัวคนไทยได้หมด.


    https://vm.tiktok.com/ZSHvTraqRNQdh-Eez7o/
    อีลิทจึงพยายามทุกๆวิถีทางให้ไทยได้ผู้ปกครองประเทศเป็นของพวกมัน ง่ายสะดวกต่อการควบคุมสั่งการใดๆได้ บังคับ บีบ กดดันคนไทย ออกกฎหมายอะไรกดหัวคนไทยได้หมด. https://vm.tiktok.com/ZSHvTraqRNQdh-Eez7o/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมว.วัฒนธรรม เผยถึงการเตรียมการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง กรมศิลปากร อยู่ระหว่างตรวจสอบความพร้อมราชรถและพระยานมาศ จากนั้นจะทำแบบพระเมรุมาศ คาดใช้เวลาร่างแบบ 2 เดือน ก่อนนำขึ้นให้องค์ที่ปรึกษามีพระราชวินิจฉัย และจะใช้เวลาก่อสร้างพระเมรุมาศไม่เกิน 9 เดือน ส่วนการจัดงานประเพณีต่างๆ สามารถจัดได้ โดยขอให้ลดโทนเสียง เหมาะสมกับสถานการณ์ อยู่ในกรอบประเพณีอันดีงาม

    -จับมือจีนรับมืออาชญากรรม
    -อย่าวางใจกัมพูชา
    -มหาสมุทร-พันธกิจ-โอกาส
    -ของหวานจากสหรัฐฯ
    นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมว.วัฒนธรรม เผยถึงการเตรียมการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง กรมศิลปากร อยู่ระหว่างตรวจสอบความพร้อมราชรถและพระยานมาศ จากนั้นจะทำแบบพระเมรุมาศ คาดใช้เวลาร่างแบบ 2 เดือน ก่อนนำขึ้นให้องค์ที่ปรึกษามีพระราชวินิจฉัย และจะใช้เวลาก่อสร้างพระเมรุมาศไม่เกิน 9 เดือน ส่วนการจัดงานประเพณีต่างๆ สามารถจัดได้ โดยขอให้ลดโทนเสียง เหมาะสมกับสถานการณ์ อยู่ในกรอบประเพณีอันดีงาม -จับมือจีนรับมืออาชญากรรม -อย่าวางใจกัมพูชา -มหาสมุทร-พันธกิจ-โอกาส -ของหวานจากสหรัฐฯ
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ระวัง! แฮกเกอร์ใช้ Copilot Studio หลอกขโมย OAuth Token ผ่านหน้าล็อกอินปลอม

    นักวิจัยจาก Datadog Security Labs เตือนถึงเทคนิคใหม่ที่ชื่อว่า “CoPhish” ซึ่งใช้ Microsoft Copilot Studio agents เป็นเครื่องมือหลอกขโมย OAuth token จากผู้ใช้ โดยสร้างหน้าล็อกอินหรือหน้าขอสิทธิ์ที่ดูเหมือนจริงผ่านโดเมนของ Microsoft เอง ทำให้เหยื่อหลงเชื่อและอนุญาตการเข้าถึงข้อมูลสำคัญโดยไม่รู้ตัว

    วิธีการโจมตีของ CoPhish

    แฮกเกอร์สร้างหรือแชร์ agent ใน Copilot Studio ที่มีหน้าตาเหมือนระบบขอสิทธิ์ของ Microsoft Entra/OAuth
    เมื่อเหยื่อคลิก “Login” หรือ “Consent” ระบบจะขอสิทธิ์เข้าถึงข้อมูล เช่น อีเมล, แชท, ปฏิทิน, ไฟล์ และระบบอัตโนมัติ
    หากเหยื่ออนุญาต แฮกเกอร์จะได้รับ OAuth token ที่สามารถใช้เข้าถึงข้อมูลภายในองค์กรได้ทันที
    โดเมนที่ใช้คือ copilotstudio.microsoft.com ซึ่งเป็นของจริง ทำให้ยากต่อการตรวจจับ

    Microsoft ยืนยันว่าเป็นการโจมตีแบบ social engineering และกำลังดำเนินการปรับปรุงระบบเพื่อป้องกันการใช้งานในลักษณะนี้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    CoPhish เป็นเทคนิค phishing ที่ใช้ Copilot Studio agents หลอกขอสิทธิ์ OAuth
    ใช้โดเมนจริงของ Microsoft ทำให้ดูน่าเชื่อถือ
    หากเหยื่ออนุญาต แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญได้ทันที
    Microsoft ยืนยันปัญหาและกำลังปรับปรุงระบบผ่านการอัปเดตในอนาคต
    การโจมตีนี้เน้นการหลอกลวงผ่าน UI ที่ดูเหมือนจริง

    วิธีลดความเสี่ยง
    จำกัดการอนุญาตแอปจากบุคคลที่สาม (ต้องใช้ admin consent)
    บังคับใช้ MFA และ conditional access
    ตรวจสอบ agent ที่ถูกแชร์หรือเผยแพร่ใน Copilot Studio อย่างละเอียด
    เฝ้าระวังการลงทะเบียนแอปใหม่และ token ที่ถูกอนุญาต
    ยกเลิก token และแอปที่น่าสงสัยทันที

    https://www.techradar.com/pro/security/experts-warn-microsoft-copilot-studio-agents-are-being-hijacked-to-steal-oauth-tokens
    🛡️🎭 ระวัง! แฮกเกอร์ใช้ Copilot Studio หลอกขโมย OAuth Token ผ่านหน้าล็อกอินปลอม นักวิจัยจาก Datadog Security Labs เตือนถึงเทคนิคใหม่ที่ชื่อว่า “CoPhish” ซึ่งใช้ Microsoft Copilot Studio agents เป็นเครื่องมือหลอกขโมย OAuth token จากผู้ใช้ โดยสร้างหน้าล็อกอินหรือหน้าขอสิทธิ์ที่ดูเหมือนจริงผ่านโดเมนของ Microsoft เอง ทำให้เหยื่อหลงเชื่อและอนุญาตการเข้าถึงข้อมูลสำคัญโดยไม่รู้ตัว 🔍 วิธีการโจมตีของ CoPhish 💠 แฮกเกอร์สร้างหรือแชร์ agent ใน Copilot Studio ที่มีหน้าตาเหมือนระบบขอสิทธิ์ของ Microsoft Entra/OAuth 💠 เมื่อเหยื่อคลิก “Login” หรือ “Consent” ระบบจะขอสิทธิ์เข้าถึงข้อมูล เช่น อีเมล, แชท, ปฏิทิน, ไฟล์ และระบบอัตโนมัติ 💠 หากเหยื่ออนุญาต แฮกเกอร์จะได้รับ OAuth token ที่สามารถใช้เข้าถึงข้อมูลภายในองค์กรได้ทันที 💠 โดเมนที่ใช้คือ copilotstudio.microsoft.com ซึ่งเป็นของจริง ทำให้ยากต่อการตรวจจับ Microsoft ยืนยันว่าเป็นการโจมตีแบบ social engineering และกำลังดำเนินการปรับปรุงระบบเพื่อป้องกันการใช้งานในลักษณะนี้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ CoPhish เป็นเทคนิค phishing ที่ใช้ Copilot Studio agents หลอกขอสิทธิ์ OAuth ➡️ ใช้โดเมนจริงของ Microsoft ทำให้ดูน่าเชื่อถือ ➡️ หากเหยื่ออนุญาต แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญได้ทันที ➡️ Microsoft ยืนยันปัญหาและกำลังปรับปรุงระบบผ่านการอัปเดตในอนาคต ➡️ การโจมตีนี้เน้นการหลอกลวงผ่าน UI ที่ดูเหมือนจริง ✅ วิธีลดความเสี่ยง ➡️ จำกัดการอนุญาตแอปจากบุคคลที่สาม (ต้องใช้ admin consent) ➡️ บังคับใช้ MFA และ conditional access ➡️ ตรวจสอบ agent ที่ถูกแชร์หรือเผยแพร่ใน Copilot Studio อย่างละเอียด ➡️ เฝ้าระวังการลงทะเบียนแอปใหม่และ token ที่ถูกอนุญาต ➡️ ยกเลิก token และแอปที่น่าสงสัยทันที https://www.techradar.com/pro/security/experts-warn-microsoft-copilot-studio-agents-are-being-hijacked-to-steal-oauth-tokens
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 51 มุมมอง 0 รีวิว
  • Windows 11 เพิ่มฟีเจอร์ตรวจสอบหน่วยความจำอัตโนมัติ พร้อมอุดช่องโหว่ File Explorer เพื่อความเสถียรและปลอดภัยยิ่งขึ้น

    Microsoft กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 ที่ชื่อว่า “Proactive Memory Diagnostics” ซึ่งจะช่วยตรวจสอบและแก้ไขปัญหาหน่วยความจำที่อาจทำให้ระบบล่ม พร้อมกับการอัปเดตด้านความปลอดภัยใน File Explorer ที่ปิดช่องโหว่สำคัญในการแสดงตัวอย่างไฟล์ที่ดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ต

    Proactive Memory Diagnostics คืออะไร?
    ฟีเจอร์นี้จะทำงานเมื่อระบบเกิด “bugcheck” หรือการล่มแบบ Black Screen of Death
    หลังรีสตาร์ท ผู้ใช้จะได้รับแจ้งให้รันการสแกนหน่วยความจำ
    การสแกนใช้เวลาประมาณ 5 นาที และหากพบปัญหา Microsoft จะพยายามแก้ไขให้อัตโนมัติ
    ผู้ใช้สามารถเลือกไม่รันการสแกนได้ หากไม่ต้องการรอในระหว่างรีบูต

    การอัปเดต File Explorer เพื่อความปลอดภัย
    Microsoft ปิดการแสดงตัวอย่างไฟล์ที่ดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ตใน File Explorer
    หากคลิกดูไฟล์ จะมีข้อความเตือนว่า “ไฟล์อาจเป็นอันตราย” และแนะนำให้เปิดไฟล์ด้วยความระมัดระวัง
    ผู้ใช้สามารถ “Unblock” ไฟล์ได้ด้วยตนเองผ่าน Properties หากมั่นใจในแหล่งที่มา
    การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากการค้นพบช่องโหว่ที่สามารถถูกโจมตีผ่าน preview pane

    ฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11
    Proactive Memory Diagnostics ช่วยตรวจสอบและแก้ไขปัญหาหน่วยความจำ
    แจ้งเตือนให้สแกนหลังเกิดระบบล่มแบบ bugcheck
    ใช้เวลาเฉลี่ยไม่เกิน 5 นาทีในการสแกน
    ผู้ใช้สามารถเลือกไม่รันการสแกนได้

    การอัปเดตด้านความปลอดภัยใน File Explorer
    ปิดการแสดงตัวอย่างไฟล์ที่ดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ต
    เพิ่มข้อความเตือนเมื่อเปิดไฟล์ที่อาจเป็นอันตราย
    ผู้ใช้สามารถ “Unblock” ไฟล์ได้หากมั่นใจในความปลอดภัย
    ป้องกันการโจมตีผ่านช่องโหว่ใน preview pane

    https://www.techradar.com/computing/windows/windows-11-is-getting-a-new-trick-to-make-your-pc-more-reliable-and-microsoft-has-fixed-a-security-flaw-in-file-explorer
    🧠🛡️ Windows 11 เพิ่มฟีเจอร์ตรวจสอบหน่วยความจำอัตโนมัติ พร้อมอุดช่องโหว่ File Explorer เพื่อความเสถียรและปลอดภัยยิ่งขึ้น Microsoft กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 ที่ชื่อว่า “Proactive Memory Diagnostics” ซึ่งจะช่วยตรวจสอบและแก้ไขปัญหาหน่วยความจำที่อาจทำให้ระบบล่ม พร้อมกับการอัปเดตด้านความปลอดภัยใน File Explorer ที่ปิดช่องโหว่สำคัญในการแสดงตัวอย่างไฟล์ที่ดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ต 🧠 Proactive Memory Diagnostics คืออะไร? 💠 ฟีเจอร์นี้จะทำงานเมื่อระบบเกิด “bugcheck” หรือการล่มแบบ Black Screen of Death 💠 หลังรีสตาร์ท ผู้ใช้จะได้รับแจ้งให้รันการสแกนหน่วยความจำ 💠 การสแกนใช้เวลาประมาณ 5 นาที และหากพบปัญหา Microsoft จะพยายามแก้ไขให้อัตโนมัติ 💠 ผู้ใช้สามารถเลือกไม่รันการสแกนได้ หากไม่ต้องการรอในระหว่างรีบูต 🛡️ การอัปเดต File Explorer เพื่อความปลอดภัย 💠 Microsoft ปิดการแสดงตัวอย่างไฟล์ที่ดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ตใน File Explorer 💠 หากคลิกดูไฟล์ จะมีข้อความเตือนว่า “ไฟล์อาจเป็นอันตราย” และแนะนำให้เปิดไฟล์ด้วยความระมัดระวัง 💠 ผู้ใช้สามารถ “Unblock” ไฟล์ได้ด้วยตนเองผ่าน Properties หากมั่นใจในแหล่งที่มา 💠 การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากการค้นพบช่องโหว่ที่สามารถถูกโจมตีผ่าน preview pane ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 ➡️ Proactive Memory Diagnostics ช่วยตรวจสอบและแก้ไขปัญหาหน่วยความจำ ➡️ แจ้งเตือนให้สแกนหลังเกิดระบบล่มแบบ bugcheck ➡️ ใช้เวลาเฉลี่ยไม่เกิน 5 นาทีในการสแกน ➡️ ผู้ใช้สามารถเลือกไม่รันการสแกนได้ ✅ การอัปเดตด้านความปลอดภัยใน File Explorer ➡️ ปิดการแสดงตัวอย่างไฟล์ที่ดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ต ➡️ เพิ่มข้อความเตือนเมื่อเปิดไฟล์ที่อาจเป็นอันตราย ➡️ ผู้ใช้สามารถ “Unblock” ไฟล์ได้หากมั่นใจในความปลอดภัย ➡️ ป้องกันการโจมตีผ่านช่องโหว่ใน preview pane https://www.techradar.com/computing/windows/windows-11-is-getting-a-new-trick-to-make-your-pc-more-reliable-and-microsoft-has-fixed-a-security-flaw-in-file-explorer
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผลการศึกษาใหม่เผย: แบตเตอรี่รถ EV เสื่อมช้ากว่าที่เคยคิด – Kia ครองแชมป์สุขภาพแบตดีที่สุด

    ผลการศึกษาจากสวีเดนโดยบริษัท Kvdbil วิเคราะห์สุขภาพแบตเตอรี่ (State of Health – SoH) ของรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดกว่า 1,300 คัน พบว่า กว่า 80% ของรถ EV มือสองยังคงรักษาความจุแบตเตอรี่ไว้ได้มากกว่า 90% แม้ผ่านการใช้งานหลายปี ซึ่งสวนทางกับความเชื่อเดิมที่ว่าแบตเตอรี่ EV จะเสื่อมเร็วและต้องเปลี่ยนใหม่ภายในไม่กี่ปี

    ผลการจัดอันดับแบรนด์และรุ่นที่แบตเตอรี่เสื่อมน้อยที่สุด
    Kia EV6 และ Kia e-Niro ครองอันดับสูงสุดในกลุ่มรถไฟฟ้า
    Tesla Model Y ตามมาในอันดับที่สาม แม้จะเป็นรุ่นที่มีจำนวนมากที่สุดในกลุ่ม
    แบรนด์ที่มีสุขภาพแบตดีที่สุดโดยรวม ได้แก่ Kia, Audi, Opel และ Tesla
    ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเสื่อมของแบตเตอรี่ ได้แก่ อายุรถ, สภาพอากาศ, พฤติกรรมการขับขี่, และ รูปแบบการชาร์จ

    การศึกษานี้ช่วยลบล้างความเชื่อผิด ๆ ว่าแบตเตอรี่ EV จะเสื่อมเร็วและต้องเปลี่ยนใหม่ภายใน 5–8 ปี โดยพบว่าแบตเตอรี่รุ่นใหม่ที่มีระบบระบายความร้อนดีสามารถใช้งานได้นานกว่าที่คาดไว้

    ข้อมูลสำคัญจากการศึกษา
    กว่า 80% ของรถ EV มือสองยังคงมีแบตเตอรี่ที่มี SoH มากกว่า 90%
    Kia EV6 และ e-Niro มีสุขภาพแบตดีที่สุดในกลุ่ม
    Tesla Model Y อยู่ในอันดับ 3 แม้จะมีจำนวนมากที่สุด
    ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเสื่อมของแบตเตอรี่: อายุ, สภาพอากาศ, พฤติกรรมการขับขี่, การชาร์จ
    แบตเตอรี่ EV เสื่อมช้ากว่าที่เคยคาดไว้ และอาจใช้งานได้นานกว่าตัวรถเอง

    คำแนะนำในการรักษาสุขภาพแบตเตอรี่
    จำกัดการชาร์จรายวันไว้ที่ 80%
    หลีกเลี่ยงการใช้ DC fast charging บ่อยครั้ง
    หลีกเลี่ยงการจอดรถในที่ร้อนจัดหรือเย็นจัด
    ใช้ระบบระบายความร้อนแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพ

    คำเตือนสำหรับผู้ซื้อรถ EV มือสอง
    อย่าตัดสินสุขภาพแบตจากอายุรถเพียงอย่างเดียว
    รถที่ใช้งานหนักหรือชาร์จผิดวิธีอาจมีแบตเตอรี่เสื่อมเร็วกว่าค่าเฉลี่ย
    ควรตรวจสอบรายงาน SoH ก่อนซื้อรถ EV มือสองทุกครั้ง

    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/new-study-crowns-the-king-of-ev-battery-health-and-it-shows-batteries-dont-degrade-as-badly-as-first-feared
    🔋👑 ผลการศึกษาใหม่เผย: แบตเตอรี่รถ EV เสื่อมช้ากว่าที่เคยคิด – Kia ครองแชมป์สุขภาพแบตดีที่สุด ผลการศึกษาจากสวีเดนโดยบริษัท Kvdbil วิเคราะห์สุขภาพแบตเตอรี่ (State of Health – SoH) ของรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดกว่า 1,300 คัน พบว่า กว่า 80% ของรถ EV มือสองยังคงรักษาความจุแบตเตอรี่ไว้ได้มากกว่า 90% แม้ผ่านการใช้งานหลายปี ซึ่งสวนทางกับความเชื่อเดิมที่ว่าแบตเตอรี่ EV จะเสื่อมเร็วและต้องเปลี่ยนใหม่ภายในไม่กี่ปี 🚗 ผลการจัดอันดับแบรนด์และรุ่นที่แบตเตอรี่เสื่อมน้อยที่สุด 💠 Kia EV6 และ Kia e-Niro ครองอันดับสูงสุดในกลุ่มรถไฟฟ้า 💠 Tesla Model Y ตามมาในอันดับที่สาม แม้จะเป็นรุ่นที่มีจำนวนมากที่สุดในกลุ่ม 💠 แบรนด์ที่มีสุขภาพแบตดีที่สุดโดยรวม ได้แก่ Kia, Audi, Opel และ Tesla 💠 ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเสื่อมของแบตเตอรี่ ได้แก่ อายุรถ, สภาพอากาศ, พฤติกรรมการขับขี่, และ รูปแบบการชาร์จ การศึกษานี้ช่วยลบล้างความเชื่อผิด ๆ ว่าแบตเตอรี่ EV จะเสื่อมเร็วและต้องเปลี่ยนใหม่ภายใน 5–8 ปี โดยพบว่าแบตเตอรี่รุ่นใหม่ที่มีระบบระบายความร้อนดีสามารถใช้งานได้นานกว่าที่คาดไว้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากการศึกษา ➡️ กว่า 80% ของรถ EV มือสองยังคงมีแบตเตอรี่ที่มี SoH มากกว่า 90% ➡️ Kia EV6 และ e-Niro มีสุขภาพแบตดีที่สุดในกลุ่ม ➡️ Tesla Model Y อยู่ในอันดับ 3 แม้จะมีจำนวนมากที่สุด ➡️ ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเสื่อมของแบตเตอรี่: อายุ, สภาพอากาศ, พฤติกรรมการขับขี่, การชาร์จ ➡️ แบตเตอรี่ EV เสื่อมช้ากว่าที่เคยคาดไว้ และอาจใช้งานได้นานกว่าตัวรถเอง ✅ คำแนะนำในการรักษาสุขภาพแบตเตอรี่ ➡️ จำกัดการชาร์จรายวันไว้ที่ 80% ➡️ หลีกเลี่ยงการใช้ DC fast charging บ่อยครั้ง ➡️ หลีกเลี่ยงการจอดรถในที่ร้อนจัดหรือเย็นจัด ➡️ ใช้ระบบระบายความร้อนแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพ ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ซื้อรถ EV มือสอง ⛔ อย่าตัดสินสุขภาพแบตจากอายุรถเพียงอย่างเดียว ⛔ รถที่ใช้งานหนักหรือชาร์จผิดวิธีอาจมีแบตเตอรี่เสื่อมเร็วกว่าค่าเฉลี่ย ⛔ ควรตรวจสอบรายงาน SoH ก่อนซื้อรถ EV มือสองทุกครั้ง https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/new-study-crowns-the-king-of-ev-battery-health-and-it-shows-batteries-dont-degrade-as-badly-as-first-feared
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • Samsung Galaxy Tri-Fold โผล่ตัวจริงครั้งแรก! มือถือพับสามทบที่อาจเปลี่ยนอนาคตสมาร์ทโฟน

    Samsung ได้เผยโฉมมือถือพับสามทบรุ่นแรกในงาน K-Tech Showcase ที่เกาหลีใต้ โดยนำเครื่องต้นแบบมาโชว์ในตู้กระจกให้เห็นทั้งตอนพับและกางออก แม้ยังไม่มีใครได้สัมผัสตัวจริง แต่ภาพที่หลุดออกมาให้เห็นดีไซน์ชัดเจน และอาจเปิดตัวเต็มรูปแบบในช่วงปลายเดือนตุลาคมหรือต้นพฤศจิกายนนี้

    รายละเอียดของ Galaxy Tri-Fold
    หน้าจอด้านนอกขนาดประมาณ 6.5 นิ้ว
    เมื่อกางออกเต็มที่ หน้าจอขยายได้ถึง 10 นิ้ว — ใช้งานได้ทั้งแบบมือถือและแท็บเล็ต
    เป็นการทดลองฟอร์มแฟกเตอร์ใหม่ของ Samsung หลังจาก Fold และ Flip
    มีภาพเรนเดอร์หลุดจาก @UniverseIce ที่เผยให้เห็นหน้าจอภายในแบบละเอียด
    คาดว่าจะวางจำหน่ายเฉพาะบางประเทศในเอเชียเท่านั้นในช่วงแรก

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Samsung โชว์ Galaxy Tri-Fold ครั้งแรกในงาน K-Tech Showcase
    เครื่องต้นแบบถูกจัดแสดงในตู้กระจก ไม่สามารถสัมผัสได้
    หน้าจอภายนอก 6.5 นิ้ว และขยายได้ถึง 10 นิ้วเมื่อกางออก
    ภาพเรนเดอร์จากแหล่งข่าวหลุดเผยดีไซน์ภายใน
    คาดว่าจะเปิดตัวเต็มรูปแบบในวันที่ 31 ตุลาคมหรือ 1 พฤศจิกายน
    อาจวางจำหน่ายเฉพาะบางประเทศในเอเชียช่วงแรก

    ความสำคัญของการเปิดตัว
    เป็นมือถือพับสามทบรุ่นแรกของ Samsung
    สะท้อนการทดลองฟอร์มแฟกเตอร์ใหม่ในตลาดสมาร์ทโฟน
    หากได้รับความนิยม อาจมีการอัปเดตรุ่นใหม่ทุกปี

    คำเตือนสำหรับผู้ที่สนใจ
    ยังไม่มีข้อมูลสเปกภายในหรือฟีเจอร์อย่างเป็นทางการ
    ไม่สามารถทดลองใช้งานจริงได้ในงาน
    การวางจำหน่ายอาจจำกัดเฉพาะบางประเทศในช่วงแรก

    https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/the-samsung-galaxy-tri-fold-just-got-officially-shown-off
    📱🔺 Samsung Galaxy Tri-Fold โผล่ตัวจริงครั้งแรก! มือถือพับสามทบที่อาจเปลี่ยนอนาคตสมาร์ทโฟน Samsung ได้เผยโฉมมือถือพับสามทบรุ่นแรกในงาน K-Tech Showcase ที่เกาหลีใต้ โดยนำเครื่องต้นแบบมาโชว์ในตู้กระจกให้เห็นทั้งตอนพับและกางออก แม้ยังไม่มีใครได้สัมผัสตัวจริง แต่ภาพที่หลุดออกมาให้เห็นดีไซน์ชัดเจน และอาจเปิดตัวเต็มรูปแบบในช่วงปลายเดือนตุลาคมหรือต้นพฤศจิกายนนี้ 🔍 รายละเอียดของ Galaxy Tri-Fold 💠 หน้าจอด้านนอกขนาดประมาณ 6.5 นิ้ว 💠 เมื่อกางออกเต็มที่ หน้าจอขยายได้ถึง 10 นิ้ว — ใช้งานได้ทั้งแบบมือถือและแท็บเล็ต 💠 เป็นการทดลองฟอร์มแฟกเตอร์ใหม่ของ Samsung หลังจาก Fold และ Flip 💠 มีภาพเรนเดอร์หลุดจาก @UniverseIce ที่เผยให้เห็นหน้าจอภายในแบบละเอียด 💠 คาดว่าจะวางจำหน่ายเฉพาะบางประเทศในเอเชียเท่านั้นในช่วงแรก ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Samsung โชว์ Galaxy Tri-Fold ครั้งแรกในงาน K-Tech Showcase ➡️ เครื่องต้นแบบถูกจัดแสดงในตู้กระจก ไม่สามารถสัมผัสได้ ➡️ หน้าจอภายนอก 6.5 นิ้ว และขยายได้ถึง 10 นิ้วเมื่อกางออก ➡️ ภาพเรนเดอร์จากแหล่งข่าวหลุดเผยดีไซน์ภายใน ➡️ คาดว่าจะเปิดตัวเต็มรูปแบบในวันที่ 31 ตุลาคมหรือ 1 พฤศจิกายน ➡️ อาจวางจำหน่ายเฉพาะบางประเทศในเอเชียช่วงแรก ✅ ความสำคัญของการเปิดตัว ➡️ เป็นมือถือพับสามทบรุ่นแรกของ Samsung ➡️ สะท้อนการทดลองฟอร์มแฟกเตอร์ใหม่ในตลาดสมาร์ทโฟน ➡️ หากได้รับความนิยม อาจมีการอัปเดตรุ่นใหม่ทุกปี ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ที่สนใจ ⛔ ยังไม่มีข้อมูลสเปกภายในหรือฟีเจอร์อย่างเป็นทางการ ⛔ ไม่สามารถทดลองใช้งานจริงได้ในงาน ⛔ การวางจำหน่ายอาจจำกัดเฉพาะบางประเทศในช่วงแรก https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/the-samsung-galaxy-tri-fold-just-got-officially-shown-off
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple เตรียมใช้เทคโนโลยีเก่าในการผลิตโมเด็ม 5G C2 สำหรับ iPhone 18 แม้มีสิทธิ์เข้าถึงเทคโนโลยี 2nm ก็ตาม

    Apple กำลังจะเปิดตัวโมเด็ม 5G รุ่นใหม่ชื่อว่า “C2” สำหรับ iPhone 18 ในปี 2026 โดยเลือกใช้กระบวนการผลิตแบบ 4nm ‘N4’ ของ TSMC แทนที่จะใช้เทคโนโลยีล่าสุดอย่าง 2nm แม้จะมีสิทธิ์เข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ก็ตาม

    จุดเด่นและเหตุผลเบื้องหลังการเลือกใช้เทคโนโลยีเก่า
    โมเด็ม C2 จะมาแทนที่ Qualcomm ใน iPhone 18 ทั้งซีรีส์ ซึ่งรวมถึงรุ่นพับได้ของ Apple
    แม้ Apple ได้สิทธิ์มากกว่า 50% ของการผลิต 2nm ของ TSMC แต่เลือกใช้ 4nm N4 สำหรับโมเด็ม C2
    นักวิเคราะห์ Ming-Chi Kuo ระบุว่า โมเด็มไม่ใช่ส่วนที่กินพลังงานมาก และการใช้เทคโนโลยีใหม่ไม่ได้เพิ่มความเร็วอย่างมีนัยสำคัญ
    C2 จะรองรับทั้ง mmWave และ sub-6GHz ซึ่งเป็นการอัปเกรดจาก C1 และ C1X ที่ใช้ใน iPhone 16e

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Apple จะใช้โมเด็ม C2 ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี 4nm N4 ของ TSMC
    iPhone 18 จะเป็นรุ่นแรกที่ใช้โมเด็ม C2 แทน Qualcomm
    แม้มีสิทธิ์ใช้ 2nm แต่ Apple เลือกใช้เทคโนโลยีเก่าเพื่อประหยัดต้นทุนและความเหมาะสมทางเทคนิค
    C2 รองรับ mmWave และ sub-6GHz ซึ่งเป็นการอัปเกรดจาก C1
    TSMC N4 มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 5% และความหนาแน่นทรานซิสเตอร์เพิ่มขึ้น 6% จาก N5

    เหตุผลที่ไม่ใช้เทคโนโลยีใหม่
    โมเด็มไม่ใช่ส่วนที่กินพลังงานสูง
    การใช้เทคโนโลยีใหม่ไม่ได้เพิ่มความเร็วอย่างมีนัยสำคัญ
    ผลตอบแทนจากการลงทุนในการพัฒนาโมเด็มไม่สูง

    https://wccftech.com/apple-c2-to-be-mass-produced-on-older-tsmc-process-says-report/
    📶🔧 Apple เตรียมใช้เทคโนโลยีเก่าในการผลิตโมเด็ม 5G C2 สำหรับ iPhone 18 แม้มีสิทธิ์เข้าถึงเทคโนโลยี 2nm ก็ตาม Apple กำลังจะเปิดตัวโมเด็ม 5G รุ่นใหม่ชื่อว่า “C2” สำหรับ iPhone 18 ในปี 2026 โดยเลือกใช้กระบวนการผลิตแบบ 4nm ‘N4’ ของ TSMC แทนที่จะใช้เทคโนโลยีล่าสุดอย่าง 2nm แม้จะมีสิทธิ์เข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ก็ตาม 📱 จุดเด่นและเหตุผลเบื้องหลังการเลือกใช้เทคโนโลยีเก่า 💠 โมเด็ม C2 จะมาแทนที่ Qualcomm ใน iPhone 18 ทั้งซีรีส์ ซึ่งรวมถึงรุ่นพับได้ของ Apple 💠 แม้ Apple ได้สิทธิ์มากกว่า 50% ของการผลิต 2nm ของ TSMC แต่เลือกใช้ 4nm N4 สำหรับโมเด็ม C2 💠 นักวิเคราะห์ Ming-Chi Kuo ระบุว่า โมเด็มไม่ใช่ส่วนที่กินพลังงานมาก และการใช้เทคโนโลยีใหม่ไม่ได้เพิ่มความเร็วอย่างมีนัยสำคัญ 💠 C2 จะรองรับทั้ง mmWave และ sub-6GHz ซึ่งเป็นการอัปเกรดจาก C1 และ C1X ที่ใช้ใน iPhone 16e ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Apple จะใช้โมเด็ม C2 ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี 4nm N4 ของ TSMC ➡️ iPhone 18 จะเป็นรุ่นแรกที่ใช้โมเด็ม C2 แทน Qualcomm ➡️ แม้มีสิทธิ์ใช้ 2nm แต่ Apple เลือกใช้เทคโนโลยีเก่าเพื่อประหยัดต้นทุนและความเหมาะสมทางเทคนิค ➡️ C2 รองรับ mmWave และ sub-6GHz ซึ่งเป็นการอัปเกรดจาก C1 ➡️ TSMC N4 มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 5% และความหนาแน่นทรานซิสเตอร์เพิ่มขึ้น 6% จาก N5 ✅ เหตุผลที่ไม่ใช้เทคโนโลยีใหม่ ➡️ โมเด็มไม่ใช่ส่วนที่กินพลังงานสูง ➡️ การใช้เทคโนโลยีใหม่ไม่ได้เพิ่มความเร็วอย่างมีนัยสำคัญ ➡️ ผลตอบแทนจากการลงทุนในการพัฒนาโมเด็มไม่สูง https://wccftech.com/apple-c2-to-be-mass-produced-on-older-tsmc-process-says-report/
    WCCFTECH.COM
    Apple’s Next In-House 5G Modem, The C2, Will Use An Older Manufacturing Process From TSMC Next Year, Unlike The A20 & A20 Pro
    The iPhone 18 series will use A20 and A20 Pro chipsets made on TSMC’s 2nm process, but the C2 5G modem will leverage an older technology
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 51 มุมมอง 0 รีวิว
  • สงครามชิง ‘Rare Earth’ สหรัฐ-จีน เปิดศึกใส่กันหนัก ไทยแลนด์ รอรับแรงกระแทก : ถอนหมุดข่าว 28-10-68
    สงครามชิง ‘Rare Earth’ สหรัฐ-จีน เปิดศึกใส่กันหนัก ไทยแลนด์ รอรับแรงกระแทก : ถอนหมุดข่าว 28-10-68
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • The Matrix เคยเกือบได้เกมจาก Hideo Kojima แต่ Konami ปฏิเสธแบบไม่ใยดี

    ย้อนกลับไปในปี 1999 ผู้กำกับ The Matrix — พี่น้อง Wachowski — เคยเสนอให้ Hideo Kojima นักออกแบบเกมชื่อดังจากซีรีส์ Metal Gear สร้างเกมจากจักรวาล The Matrix แต่ข้อเสนอถูกปฏิเสธโดย CEO ของ Konami ในขณะนั้น ทั้งที่ Kojima แสดงความสนใจอย่างมาก

    เรื่องราวเบื้องหลังที่เพิ่งถูกเปิดเผย
    Christopher Bergstresser อดีตผู้บริหาร Konami เล่าเหตุการณ์ในวันเปิดตัว The Matrix ที่ญี่ปุ่น
    Wachowski โทรหา Konami เพื่อขอพบ Kojima และเสนอให้เขาสร้างเกมจาก The Matrix
    Kojima, Aki Saito และ Kazumi Kitaue (CEO) เข้าร่วมประชุมกับทีมผู้กำกับ
    เมื่อข้อเสนอถูกแปลเป็นภาษาญี่ปุ่นให้ CEO ฟัง เขาตอบกลับทันทีว่า “ไม่”
    แม้จะถูกปฏิเสธ ทีมงานยังได้ร่วมงานเปิดตัวภาพยนตร์และงานเลี้ยงหลังฉาย

    มีรายงานเพิ่มเติมว่า Kojima ยังแสดงความสนใจในโปรเจกต์นี้หลังจากถูกปฏิเสธ และอาจเคยพยายามผลักดันให้เกิดขึ้น แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผล

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Wachowski เสนอให้ Kojima สร้างเกมจาก The Matrix ในปี 1999
    Konami ปฏิเสธข้อเสนอทันที แม้ Kojimaสนใจ
    การประชุมเกิดขึ้นในวันเปิดตัวภาพยนตร์ที่ญี่ปุ่น
    ทีมงานยังได้ร่วมงานเลี้ยงหลังฉาย แม้โปรเจกต์ไม่เกิดขึ้น
    Kojima อาจพยายามผลักดันโปรเจกต์หลังจากนั้น แต่ไม่สำเร็จ

    ความสำคัญของโปรเจกต์ที่ไม่เคยเกิดขึ้น
    The Matrix เป็น IP ที่เหมาะกับเกมแนวแอ็กชันและไซไฟ
    Kojima มีชื่อเสียงด้านการเล่าเรื่องและการออกแบบเกมล้ำยุค
    การร่วมมือครั้งนี้อาจเปลี่ยนประวัติศาสตร์เกมไซไฟไปเลย

    คำเตือนจากอดีตที่น่าคิด
    การตัดสินใจของผู้บริหารอาจขัดขวางโอกาสสร้างสรรค์ระดับตำนาน
    The Matrix ยังไม่มีเกมที่ได้รับคำชมในระดับเดียวกับภาพยนตร์
    แฟน ๆ อาจไม่เคยได้สัมผัสประสบการณ์เกมที่ควรจะเกิดขึ้น

    https://wccftech.com/the-matrix-creators-wanted-kojima-make-a-game-on-the-ip-konami-refused/
    🎮🕶️ The Matrix เคยเกือบได้เกมจาก Hideo Kojima แต่ Konami ปฏิเสธแบบไม่ใยดี ย้อนกลับไปในปี 1999 ผู้กำกับ The Matrix — พี่น้อง Wachowski — เคยเสนอให้ Hideo Kojima นักออกแบบเกมชื่อดังจากซีรีส์ Metal Gear สร้างเกมจากจักรวาล The Matrix แต่ข้อเสนอถูกปฏิเสธโดย CEO ของ Konami ในขณะนั้น ทั้งที่ Kojima แสดงความสนใจอย่างมาก 📼 เรื่องราวเบื้องหลังที่เพิ่งถูกเปิดเผย 💠 Christopher Bergstresser อดีตผู้บริหาร Konami เล่าเหตุการณ์ในวันเปิดตัว The Matrix ที่ญี่ปุ่น 💠 Wachowski โทรหา Konami เพื่อขอพบ Kojima และเสนอให้เขาสร้างเกมจาก The Matrix 💠 Kojima, Aki Saito และ Kazumi Kitaue (CEO) เข้าร่วมประชุมกับทีมผู้กำกับ 💠 เมื่อข้อเสนอถูกแปลเป็นภาษาญี่ปุ่นให้ CEO ฟัง เขาตอบกลับทันทีว่า “ไม่” 💠 แม้จะถูกปฏิเสธ ทีมงานยังได้ร่วมงานเปิดตัวภาพยนตร์และงานเลี้ยงหลังฉาย มีรายงานเพิ่มเติมว่า Kojima ยังแสดงความสนใจในโปรเจกต์นี้หลังจากถูกปฏิเสธ และอาจเคยพยายามผลักดันให้เกิดขึ้น แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผล ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Wachowski เสนอให้ Kojima สร้างเกมจาก The Matrix ในปี 1999 ➡️ Konami ปฏิเสธข้อเสนอทันที แม้ Kojimaสนใจ ➡️ การประชุมเกิดขึ้นในวันเปิดตัวภาพยนตร์ที่ญี่ปุ่น ➡️ ทีมงานยังได้ร่วมงานเลี้ยงหลังฉาย แม้โปรเจกต์ไม่เกิดขึ้น ➡️ Kojima อาจพยายามผลักดันโปรเจกต์หลังจากนั้น แต่ไม่สำเร็จ ✅ ความสำคัญของโปรเจกต์ที่ไม่เคยเกิดขึ้น ➡️ The Matrix เป็น IP ที่เหมาะกับเกมแนวแอ็กชันและไซไฟ ➡️ Kojima มีชื่อเสียงด้านการเล่าเรื่องและการออกแบบเกมล้ำยุค ➡️ การร่วมมือครั้งนี้อาจเปลี่ยนประวัติศาสตร์เกมไซไฟไปเลย ‼️ คำเตือนจากอดีตที่น่าคิด ⛔ การตัดสินใจของผู้บริหารอาจขัดขวางโอกาสสร้างสรรค์ระดับตำนาน ⛔ The Matrix ยังไม่มีเกมที่ได้รับคำชมในระดับเดียวกับภาพยนตร์ ⛔ แฟน ๆ อาจไม่เคยได้สัมผัสประสบการณ์เกมที่ควรจะเกิดขึ้น https://wccftech.com/the-matrix-creators-wanted-kojima-make-a-game-on-the-ip-konami-refused/
    WCCFTECH.COM
    The Matrix Creators Wanted Kojima to Make a Game Based on the IP, But Konami Refused
    According to a former Konami employee, the creators of The Matrix asked Hideo Kojima to make a game on the IP, but Konami's CEO refused.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ร้ายแรงใน OpenVPN บน Linux/macOS เปิดทางให้โจมตีผ่าน DNS Server ปลอม (CVE-2025-10680)

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยเปิดเผยช่องโหว่ระดับสูงใน OpenVPN เวอร์ชัน 2.7_alpha1 ถึง 2.7_beta1 ซึ่งเปิดช่องให้ผู้ไม่หวังดีสามารถแทรกคำสั่งลงในระบบผ่าน DNS server ที่เป็นอันตราย โดยเฉพาะบนระบบปฏิบัติการแบบ Unix เช่น Linux, BSD และ macOS

    รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-10680
    ปัญหาเกิดจากการที่ OpenVPN ไม่กรองข้อมูลที่ได้รับจากเซิร์ฟเวอร์ VPN อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะคำสั่ง --dns และ --dhcp-option ที่ถูกส่งไปยังสคริปต์ --dns-updown
    หากเซิร์ฟเวอร์ VPN ถูกควบคุมโดยผู้โจมตี จะสามารถส่งคำสั่งที่แอบแฝงไปกับการตั้งค่า DNS/DHCP และทำให้ระบบฝั่ง client รันคำสั่งอันตรายได้
    หาก OpenVPN ทำงานด้วยสิทธิ์ root ผู้โจมตีอาจเข้าควบคุมระบบทั้งหมดได้ทันที
    Windows ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง ยกเว้นกรณีที่ใช้ PowerShell ในเส้นทางสคริปต์เดียวกัน

    OpenVPN ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 2.7_beta2 ซึ่งมีการกรองข้อมูล DNS อย่างเหมาะสม พร้อมปรับปรุงการจัดการ socket บน Windows และการตั้งค่า IPv4 broadcast บน Linux

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ช่องโหว่ CVE-2025-10680 มีระดับความรุนแรง CVSS 8.8
    ส่งผลกระทบต่อ OpenVPN 2.7_alpha1 ถึง 2.7_beta1 บนระบบ Unix
    เกิดจากการไม่กรองคำสั่ง --dns และ --dhcp-option อย่างเหมาะสม
    ผู้โจมตีสามารถแทรกคำสั่งผ่าน DNS server ปลอม
    แพตช์แก้ไขออกแล้วในเวอร์ชัน 2.7_beta2
    Windows ได้รับผลกระทบเฉพาะกรณีที่ใช้ PowerShell ในสคริปต์เดียวกัน

    คำแนะนำสำหรับผู้ดูแลระบบ
    อัปเดต OpenVPN เป็นเวอร์ชัน 2.7_beta2 หรือใหม่กว่าโดยเร็ว
    หลีกเลี่ยงการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN ที่ไม่เชื่อถือ
    ตรวจสอบสิทธิ์การทำงานของ OpenVPN ว่าไม่ควรใช้ root โดยไม่จำเป็น
    ปิดการใช้ --dns-updown หากไม่จำเป็น

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้และองค์กร
    หากใช้ OpenVPN เวอร์ชันที่มีช่องโหว่ อาจถูกโจมตีด้วยคำสั่งแฝงจากเซิร์ฟเวอร์ปลอม
    การรัน OpenVPN ด้วยสิทธิ์ root เพิ่มความเสี่ยงในการถูกควบคุมระบบทั้งหมด
    การไม่อัปเดตเวอร์ชันล่าสุดอาจเปิดช่องให้เกิดการโจมตีแบบ remote code execution

    https://securityonline.info/high-severity-openvpn-flaw-cve-2025-10680-allows-script-injection-on-linux-macos-via-malicious-dns-server/
    ⚠️🔐 ช่องโหว่ร้ายแรงใน OpenVPN บน Linux/macOS เปิดทางให้โจมตีผ่าน DNS Server ปลอม (CVE-2025-10680) นักวิจัยด้านความปลอดภัยเปิดเผยช่องโหว่ระดับสูงใน OpenVPN เวอร์ชัน 2.7_alpha1 ถึง 2.7_beta1 ซึ่งเปิดช่องให้ผู้ไม่หวังดีสามารถแทรกคำสั่งลงในระบบผ่าน DNS server ที่เป็นอันตราย โดยเฉพาะบนระบบปฏิบัติการแบบ Unix เช่น Linux, BSD และ macOS 🧠 รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-10680 💠 ปัญหาเกิดจากการที่ OpenVPN ไม่กรองข้อมูลที่ได้รับจากเซิร์ฟเวอร์ VPN อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะคำสั่ง --dns และ --dhcp-option ที่ถูกส่งไปยังสคริปต์ --dns-updown 💠 หากเซิร์ฟเวอร์ VPN ถูกควบคุมโดยผู้โจมตี จะสามารถส่งคำสั่งที่แอบแฝงไปกับการตั้งค่า DNS/DHCP และทำให้ระบบฝั่ง client รันคำสั่งอันตรายได้ 💠 หาก OpenVPN ทำงานด้วยสิทธิ์ root ผู้โจมตีอาจเข้าควบคุมระบบทั้งหมดได้ทันที 💠 Windows ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง ยกเว้นกรณีที่ใช้ PowerShell ในเส้นทางสคริปต์เดียวกัน OpenVPN ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 2.7_beta2 ซึ่งมีการกรองข้อมูล DNS อย่างเหมาะสม พร้อมปรับปรุงการจัดการ socket บน Windows และการตั้งค่า IPv4 broadcast บน Linux ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ช่องโหว่ CVE-2025-10680 มีระดับความรุนแรง CVSS 8.8 ➡️ ส่งผลกระทบต่อ OpenVPN 2.7_alpha1 ถึง 2.7_beta1 บนระบบ Unix ➡️ เกิดจากการไม่กรองคำสั่ง --dns และ --dhcp-option อย่างเหมาะสม ➡️ ผู้โจมตีสามารถแทรกคำสั่งผ่าน DNS server ปลอม ➡️ แพตช์แก้ไขออกแล้วในเวอร์ชัน 2.7_beta2 ➡️ Windows ได้รับผลกระทบเฉพาะกรณีที่ใช้ PowerShell ในสคริปต์เดียวกัน ✅ คำแนะนำสำหรับผู้ดูแลระบบ ➡️ อัปเดต OpenVPN เป็นเวอร์ชัน 2.7_beta2 หรือใหม่กว่าโดยเร็ว ➡️ หลีกเลี่ยงการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN ที่ไม่เชื่อถือ ➡️ ตรวจสอบสิทธิ์การทำงานของ OpenVPN ว่าไม่ควรใช้ root โดยไม่จำเป็น ➡️ ปิดการใช้ --dns-updown หากไม่จำเป็น ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้และองค์กร ⛔ หากใช้ OpenVPN เวอร์ชันที่มีช่องโหว่ อาจถูกโจมตีด้วยคำสั่งแฝงจากเซิร์ฟเวอร์ปลอม ⛔ การรัน OpenVPN ด้วยสิทธิ์ root เพิ่มความเสี่ยงในการถูกควบคุมระบบทั้งหมด ⛔ การไม่อัปเดตเวอร์ชันล่าสุดอาจเปิดช่องให้เกิดการโจมตีแบบ remote code execution https://securityonline.info/high-severity-openvpn-flaw-cve-2025-10680-allows-script-injection-on-linux-macos-via-malicious-dns-server/
    SECURITYONLINE.INFO
    High-Severity OpenVPN Flaw (CVE-2025-10680) Allows Script Injection on Linux/macOS via Malicious DNS Server
    A High-severity OpenVPN flaw (CVE-2025-10680) in beta versions allows script injection on Unix-like clients (Linux, macOS). Malicious DNS/DHCP arguments can execute arbitrary commands on the client side.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 รีวิว
  • Kaspersky แฉแคมเปญจารกรรม ForumTroll ใช้ช่องโหว่ Chrome Zero-Day ส่งสปายแวร์ Dante จาก Memento Labs

    นักวิจัยจาก Kaspersky เปิดเผยแคมเปญจารกรรมไซเบอร์ระดับสูงชื่อว่า “Operation ForumTroll” ซึ่งใช้ช่องโหว่ Zero-Day ใน Google Chrome (CVE-2025-2783) เพื่อส่งสปายแวร์ LeetAgent และ Dante ที่เชื่อมโยงกับบริษัท Memento Labs จากอิตาลี โดยแค่ “คลิกเปิดเว็บไซต์” ก็สามารถถูกติดมัลแวร์ได้ทันที

    วิธีการโจมตีและเทคนิคที่ใช้
    เริ่มต้นด้วยอีเมลฟิชชิ่งที่ปลอมเป็นคำเชิญเข้าร่วมงาน Primakov Readings พร้อมลิงก์เฉพาะบุคคล
    เมื่อเหยื่อเปิดลิงก์ผ่าน Chrome หรือเบราว์เซอร์ที่ใช้ Chromium จะถูกโจมตีทันทีโดยไม่ต้องคลิกเพิ่มเติม
    ช่องโหว่ CVE-2025-2783 ใช้จุดอ่อนของ Windows API (pseudo-handle -2) เพื่อหลบหลีก sandbox ของ Chrome
    หลังจากหลบ sandbox ได้แล้ว จะมีการโหลดสคริปต์ตรวจสอบผู้ใช้จริงผ่าน WebGPU และถอดรหัส payload ที่ซ่อนในไฟล์ JavaScript และฟอนต์ปลอม
    ใช้เทคนิค COM hijacking เพื่อฝัง DLL อันตรายลงในระบบ
    โหลด LeetAgent ซึ่งสามารถสั่งงานจากระยะไกล, keylogging, และขโมยไฟล์ .doc, .xls, .pdf, .pptx
    สื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมผ่าน HTTPS โดยใช้ CDN ของ Fastly เพื่อหลบการตรวจจับ
    พบว่า LeetAgent เป็นตัวนำส่ง Dante ซึ่งเป็นสปายแวร์เชิงพาณิชย์ที่พัฒนาโดย Memento Labs (อดีต Hacking Team)

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ช่องโหว่ CVE-2025-2783 เป็นช่องโหว่แบบ sandbox escape ใน Chrome
    ใช้ Windows API ที่ไม่ถูกตรวจสอบอย่างเหมาะสมในการหลบ sandbox
    แคมเปญ ForumTroll ใช้อีเมลฟิชชิ่งที่เขียนภาษารัสเซียอย่างแนบเนียน
    โหลด LeetAgent และ Dante ซึ่งเป็นสปายแวร์ที่มีความสามารถสูง
    Dante ใช้เทคนิค VMProtect, anti-debugging, anti-sandbox และโมดูลแบบแยกส่วน
    การตั้งชื่อ “Dante” อาจสื่อถึง “วงนรก” ที่นักวิเคราะห์มัลแวร์ต้องผ่านในการวิเคราะห์

    เป้าหมายของการโจมตี
    สื่อ, มหาวิทยาลัย, หน่วยงานรัฐ, สถาบันการเงินในรัสเซียและเบลารุส
    ใช้ลิงก์เฉพาะบุคคลเพื่อติดตามและหลบการตรวจจับ
    แสดงความเชี่ยวชาญด้านภาษาและวัฒนธรรมในภูมิภาคเป้าหมาย

    https://securityonline.info/kaspersky-exposes-chrome-zero-day-rce-cve-2025-2783-delivering-memento-labs-spyware-in-forumtroll-campaign/
    🕵️‍♂️💻 Kaspersky แฉแคมเปญจารกรรม ForumTroll ใช้ช่องโหว่ Chrome Zero-Day ส่งสปายแวร์ Dante จาก Memento Labs นักวิจัยจาก Kaspersky เปิดเผยแคมเปญจารกรรมไซเบอร์ระดับสูงชื่อว่า “Operation ForumTroll” ซึ่งใช้ช่องโหว่ Zero-Day ใน Google Chrome (CVE-2025-2783) เพื่อส่งสปายแวร์ LeetAgent และ Dante ที่เชื่อมโยงกับบริษัท Memento Labs จากอิตาลี โดยแค่ “คลิกเปิดเว็บไซต์” ก็สามารถถูกติดมัลแวร์ได้ทันที 🔍 วิธีการโจมตีและเทคนิคที่ใช้ 💠 เริ่มต้นด้วยอีเมลฟิชชิ่งที่ปลอมเป็นคำเชิญเข้าร่วมงาน Primakov Readings พร้อมลิงก์เฉพาะบุคคล 💠 เมื่อเหยื่อเปิดลิงก์ผ่าน Chrome หรือเบราว์เซอร์ที่ใช้ Chromium จะถูกโจมตีทันทีโดยไม่ต้องคลิกเพิ่มเติม 💠 ช่องโหว่ CVE-2025-2783 ใช้จุดอ่อนของ Windows API (pseudo-handle -2) เพื่อหลบหลีก sandbox ของ Chrome 💠 หลังจากหลบ sandbox ได้แล้ว จะมีการโหลดสคริปต์ตรวจสอบผู้ใช้จริงผ่าน WebGPU และถอดรหัส payload ที่ซ่อนในไฟล์ JavaScript และฟอนต์ปลอม 💠 ใช้เทคนิค COM hijacking เพื่อฝัง DLL อันตรายลงในระบบ 💠 โหลด LeetAgent ซึ่งสามารถสั่งงานจากระยะไกล, keylogging, และขโมยไฟล์ .doc, .xls, .pdf, .pptx 💠 สื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมผ่าน HTTPS โดยใช้ CDN ของ Fastly เพื่อหลบการตรวจจับ 💠 พบว่า LeetAgent เป็นตัวนำส่ง Dante ซึ่งเป็นสปายแวร์เชิงพาณิชย์ที่พัฒนาโดย Memento Labs (อดีต Hacking Team) ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ช่องโหว่ CVE-2025-2783 เป็นช่องโหว่แบบ sandbox escape ใน Chrome ➡️ ใช้ Windows API ที่ไม่ถูกตรวจสอบอย่างเหมาะสมในการหลบ sandbox ➡️ แคมเปญ ForumTroll ใช้อีเมลฟิชชิ่งที่เขียนภาษารัสเซียอย่างแนบเนียน ➡️ โหลด LeetAgent และ Dante ซึ่งเป็นสปายแวร์ที่มีความสามารถสูง ➡️ Dante ใช้เทคนิค VMProtect, anti-debugging, anti-sandbox และโมดูลแบบแยกส่วน ➡️ การตั้งชื่อ “Dante” อาจสื่อถึง “วงนรก” ที่นักวิเคราะห์มัลแวร์ต้องผ่านในการวิเคราะห์ ✅ เป้าหมายของการโจมตี ➡️ สื่อ, มหาวิทยาลัย, หน่วยงานรัฐ, สถาบันการเงินในรัสเซียและเบลารุส ➡️ ใช้ลิงก์เฉพาะบุคคลเพื่อติดตามและหลบการตรวจจับ ➡️ แสดงความเชี่ยวชาญด้านภาษาและวัฒนธรรมในภูมิภาคเป้าหมาย https://securityonline.info/kaspersky-exposes-chrome-zero-day-rce-cve-2025-2783-delivering-memento-labs-spyware-in-forumtroll-campaign/
    SECURITYONLINE.INFO
    Kaspersky Exposes Chrome Zero-Day RCE (CVE-2025-2783) Delivering Memento Labs Spyware in ForumTroll Campaign
    Kaspersky found a Chrome zero-day (CVE-2025-2783) and sandbox bypass being exploited by Operation ForumTroll to deploy Memento Labs (Hacking Team) commercial Dante spyware against Russian targets.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ราคาน้ำมันต่อลิตรที่ 0.03$นะ หรือไม่ถึง1บาทไทยหรือ1บาทเศษๆเองที่1$:33฿หรือ1$:35฿นะ

    ..พวกสาระเลวครอบงำโลก สมควรแก่เวลาที่ต้องถูกกำจัดทั้งหมด,โลกนี้วุ่นวายกับพวกนี้พอแล้วจริงๆ.

    https://vm.tiktok.com/ZSHvTkqxncCLf-bGLy5/
    ..ราคาน้ำมันต่อลิตรที่ 0.03$นะ หรือไม่ถึง1บาทไทยหรือ1บาทเศษๆเองที่1$:33฿หรือ1$:35฿นะ ..พวกสาระเลวครอบงำโลก สมควรแก่เวลาที่ต้องถูกกำจัดทั้งหมด,โลกนี้วุ่นวายกับพวกนี้พอแล้วจริงๆ. https://vm.tiktok.com/ZSHvTkqxncCLf-bGLy5/
    @snydexplores

    These are the gas ⛽️ prices in IRAN 🇮🇷 We could not believe the prices to fill up a tank of gas 🤯 when our guide told us it was just $0.03 per liter… Follow for more content from an American 🇺🇸 in Iran 🇮🇷! #goodtimes #iran #irantravel #tehran #adventure #adventuretravel #americaniniran #visitiran #middleeasttravel #middleeast #extremetravel #love #gas #iranfuel #fuelprices

    ♬ original sound - snydexplores
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • SadServers: แพลตฟอร์มฝึกทักษะ Linux และ DevOps ผ่านสถานการณ์จริงในระบบออนไลน์

    SadServers คือเว็บไซต์ที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ดูแลระบบ Linux และสายงาน DevOps ได้ฝึกฝนทักษะผ่านการแก้ปัญหาจริงในเซิร์ฟเวอร์ที่ “กำลังมีปัญหา” โดยไม่ต้องติดตั้งอะไรเพิ่ม ไม่ต้องมีเครื่องเซิร์ฟเวอร์ของตัวเอง แค่คลิก “Run” ก็เริ่มทดสอบได้ทันที

    ลักษณะการใช้งานของ SadServers

    ผู้ใช้จะได้รับเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกตั้งค่าล่วงหน้าให้มีปัญหาเฉพาะ
    ต้องเข้าไปแก้ไขผ่าน terminal ที่เปิดได้จากเว็บเบราว์เซอร์
    มีโจทย์ให้เลือกหลายระดับ: ง่าย, ปานกลาง, ยาก
    มี 3 ประเภทโจทย์:
    - Fix: แก้ปัญหาเซิร์ฟเวอร์ให้กลับมาทำงานได้
    - Hack: ทดสอบความปลอดภัยของระบบ
    - Do: ทำงานตามคำสั่งใน command line
    ระบบจะตรวจคำตอบโดยอัตโนมัติเมื่อส่งงาน
    มีโจทย์ฟรีให้เล่นโดยไม่ต้องสมัครสมาชิก เช่น การหาว่าโปรแกรมใดกำลังเขียน log file แล้วหยุดมัน

    จุดเด่นของ SadServers
    ฝึกทักษะ Linux และ DevOps ผ่านสถานการณ์จริง
    ไม่ต้องติดตั้งเครื่องมือหรือเซิร์ฟเวอร์เอง
    มีระบบตรวจคำตอบอัตโนมัติ
    รองรับการใช้งานผ่านเบราว์เซอร์
    มีโจทย์ฟรีให้ทดลองก่อนสมัคร

    สิทธิพิเศษในเวอร์ชัน Pro
    เข้าถึงโจทย์ทั้งหมด
    เวลาทำโจทย์นานขึ้น
    ลองทำซ้ำได้ไม่จำกัด
    เข้าถึง VM ผ่าน SSH โดยตรง
    มีระบบบันทึกคำสั่งและหน้าแสดงความสำเร็จ

    เบื้องหลังการพัฒนา
    สร้างโดย Fernando ผู้เชี่ยวชาญด้าน DevOps
    เน้นการใช้งานจริงมากกว่าความสวยงามของเว็บไซต์
    เหมาะสำหรับผู้ที่เบื่อทฤษฎีและต้องการฝึกแบบลงมือจริง

    https://news.itsfoss.com/sadservers/
    🧠💻 SadServers: แพลตฟอร์มฝึกทักษะ Linux และ DevOps ผ่านสถานการณ์จริงในระบบออนไลน์ SadServers คือเว็บไซต์ที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ดูแลระบบ Linux และสายงาน DevOps ได้ฝึกฝนทักษะผ่านการแก้ปัญหาจริงในเซิร์ฟเวอร์ที่ “กำลังมีปัญหา” โดยไม่ต้องติดตั้งอะไรเพิ่ม ไม่ต้องมีเครื่องเซิร์ฟเวอร์ของตัวเอง แค่คลิก “Run” ก็เริ่มทดสอบได้ทันที 🔧 ลักษณะการใช้งานของ SadServers 💠 ผู้ใช้จะได้รับเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกตั้งค่าล่วงหน้าให้มีปัญหาเฉพาะ 💠 ต้องเข้าไปแก้ไขผ่าน terminal ที่เปิดได้จากเว็บเบราว์เซอร์ 💠 มีโจทย์ให้เลือกหลายระดับ: ง่าย, ปานกลาง, ยาก 💠 มี 3 ประเภทโจทย์: - Fix: แก้ปัญหาเซิร์ฟเวอร์ให้กลับมาทำงานได้ - Hack: ทดสอบความปลอดภัยของระบบ - Do: ทำงานตามคำสั่งใน command line 💠 ระบบจะตรวจคำตอบโดยอัตโนมัติเมื่อส่งงาน 💠 มีโจทย์ฟรีให้เล่นโดยไม่ต้องสมัครสมาชิก เช่น การหาว่าโปรแกรมใดกำลังเขียน log file แล้วหยุดมัน ✅ จุดเด่นของ SadServers ➡️ ฝึกทักษะ Linux และ DevOps ผ่านสถานการณ์จริง ➡️ ไม่ต้องติดตั้งเครื่องมือหรือเซิร์ฟเวอร์เอง ➡️ มีระบบตรวจคำตอบอัตโนมัติ ➡️ รองรับการใช้งานผ่านเบราว์เซอร์ ➡️ มีโจทย์ฟรีให้ทดลองก่อนสมัคร ✅ สิทธิพิเศษในเวอร์ชัน Pro ➡️ เข้าถึงโจทย์ทั้งหมด ➡️ เวลาทำโจทย์นานขึ้น ➡️ ลองทำซ้ำได้ไม่จำกัด ➡️ เข้าถึง VM ผ่าน SSH โดยตรง ➡️ มีระบบบันทึกคำสั่งและหน้าแสดงความสำเร็จ ✅ เบื้องหลังการพัฒนา ➡️ สร้างโดย Fernando ผู้เชี่ยวชาญด้าน DevOps ➡️ เน้นการใช้งานจริงมากกว่าความสวยงามของเว็บไซต์ ➡️ เหมาะสำหรับผู้ที่เบื่อทฤษฎีและต้องการฝึกแบบลงมือจริง https://news.itsfoss.com/sadservers/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    What LeetCode? I Found This Platform to Practice Linux Troubleshooting Skills
    Move over theory and practice your Linux and DevOps skills by solving various challenges on this innovative platform. A good way to prepare for job interviews.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • IPFire 2.29 Core Update 198 เสริมเกราะ IPS ครั้งใหญ่ พร้อมอัปเดตความปลอดภัยรอบด้าน

    IPFire 2.29 Core Update 198 คือการอัปเดตครั้งใหญ่ของดิสโทรไฟร์วอลล์แบบโอเพ่นซอร์ส ที่มุ่งเน้นการยกระดับระบบป้องกันการบุกรุก (IPS) ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น พร้อมทั้งอัปเดตเครื่องมือสำคัญและแพตช์ความปลอดภัยจำนวนมาก

    จุดเด่นของ IPFire 2.29 Core Update 198
    ยกระดับ IPS ด้วย Suricata 8.0.1 ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
    รองรับการแจ้งเตือนและรายงานภัยคุกคามแบบเรียลไทม์
    ปรับปรุงการจัดการหน่วยความจำและการเริ่มต้นระบบ
    รองรับโปรโตคอลใหม่หลากหลายสำหรับการตรวจสอบเครือข่าย
    อัปเดตเครื่องมือและไลบรารีสำคัญจำนวนมาก
    เพิ่มความสามารถในการบันทึกและตรวจสอบเหตุการณ์ย้อนหลัง

    คำเตือนสำหรับผู้ดูแลระบบ
    ควรอัปเดตระบบทันทีเพื่อรับแพตช์ความปลอดภัยล่าสุด
    ตรวจสอบการตั้งค่าแจ้งเตือนและการเชื่อมต่อ syslog ให้พร้อมใช้งาน
    หากใช้กฎ IPS แบบกำหนดเอง อาจต้องทดสอบความเข้ากันได้กับ Suricata 8

    https://9to5linux.com/ipfire-2-29-core-update-198-gives-major-boost-to-the-intrusion-prevention-system
    🛡️🔥 IPFire 2.29 Core Update 198 เสริมเกราะ IPS ครั้งใหญ่ พร้อมอัปเดตความปลอดภัยรอบด้าน IPFire 2.29 Core Update 198 คือการอัปเดตครั้งใหญ่ของดิสโทรไฟร์วอลล์แบบโอเพ่นซอร์ส ที่มุ่งเน้นการยกระดับระบบป้องกันการบุกรุก (IPS) ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น พร้อมทั้งอัปเดตเครื่องมือสำคัญและแพตช์ความปลอดภัยจำนวนมาก ✅ จุดเด่นของ IPFire 2.29 Core Update 198 ➡️ ยกระดับ IPS ด้วย Suricata 8.0.1 ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ➡️ รองรับการแจ้งเตือนและรายงานภัยคุกคามแบบเรียลไทม์ ➡️ ปรับปรุงการจัดการหน่วยความจำและการเริ่มต้นระบบ ➡️ รองรับโปรโตคอลใหม่หลากหลายสำหรับการตรวจสอบเครือข่าย ➡️ อัปเดตเครื่องมือและไลบรารีสำคัญจำนวนมาก ➡️ เพิ่มความสามารถในการบันทึกและตรวจสอบเหตุการณ์ย้อนหลัง ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ดูแลระบบ ⛔ ควรอัปเดตระบบทันทีเพื่อรับแพตช์ความปลอดภัยล่าสุด ⛔ ตรวจสอบการตั้งค่าแจ้งเตือนและการเชื่อมต่อ syslog ให้พร้อมใช้งาน ⛔ หากใช้กฎ IPS แบบกำหนดเอง อาจต้องทดสอบความเข้ากันได้กับ Suricata 8 https://9to5linux.com/ipfire-2-29-core-update-198-gives-major-boost-to-the-intrusion-prevention-system
    9TO5LINUX.COM
    IPFire 2.29 Core Update 198 Gives Major Boost to the Intrusion Prevention System - 9to5Linux
    IPFire 2.29 Core Update 198 firewall distribution is now available for download with major improvements to the Intrusion Prevention System.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • เราสามารถผลิตยานบินอวกาศได้สบาย ฮับโรงงานผลิตยานอวกาศที่สำคัญอีกแห่งของโลก ยานลำเล็กๆขนาดพกพาก็คงไทยเรานี้ล่ะในอนาคต.,สารพิษแมร่งก็โคตรๆด้วยจากการสกัดเอามันออกมา.,ขยะมลพิษไม่ไทยก็อาเชียนเราเต็มๆนี้ล่ะ ,สุดท้ายประเทศไทยไม่ได้อะไรเลย แบบบ่อน้ำมันไทยเรานั้นล่ะ พวกมันเหล่านี้ปล้นชิงแย่งชิงเอาไปเป็นของพวกมันหมด นอกจากทหารไทยกองทัพไทยเราฆ่าสังหารคนขายชาติไทยทิ้งทั้งหมดจริงก่อน.
    เราสามารถผลิตยานบินอวกาศได้สบาย ฮับโรงงานผลิตยานอวกาศที่สำคัญอีกแห่งของโลก ยานลำเล็กๆขนาดพกพาก็คงไทยเรานี้ล่ะในอนาคต.,สารพิษแมร่งก็โคตรๆด้วยจากการสกัดเอามันออกมา.,ขยะมลพิษไม่ไทยก็อาเชียนเราเต็มๆนี้ล่ะ ,สุดท้ายประเทศไทยไม่ได้อะไรเลย แบบบ่อน้ำมันไทยเรานั้นล่ะ พวกมันเหล่านี้ปล้นชิงแย่งชิงเอาไปเป็นของพวกมันหมด นอกจากทหารไทยกองทัพไทยเราฆ่าสังหารคนขายชาติไทยทิ้งทั้งหมดจริงก่อน.
    สงครามชิง ‘Rare Earth’ สหรัฐ-จีน เปิดศึกใส่กันหนัก ไทยแลนด์ รอรับแรงกระแทก : ถอนหมุดข่าว 28-10-68
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • กองทัพสหรัฐฯ เผชิญปัญหาใหม่: โดรนมากเกินไปจนเป็นภาระต่อทหารภาคพื้นดิน

    แม้ว่าโดรนจะกลายเป็นอาวุธสำคัญในสงครามยุคใหม่ ทั้งในอัฟกานิสถาน อิรัก และยูเครน แต่กองทัพสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับปัญหาใหม่ที่ไม่คาดคิด — จำนวนโดรนที่มากเกินไป กำลังกลายเป็นภาระต่อทหารภาคพื้นดิน โดยเฉพาะในระดับหมวดและกองร้อย

    ปัญหาหลักที่เกิดจาก “โดรนล้นสนามรบ”
    กองทัพเริ่มแจกจ่ายโดรนให้ใช้ในระดับกองร้อยและหมวด ทำให้ทหารแต่ละหน่วยต้องรับผิดชอบอุปกรณ์เพิ่มขึ้น
    ทหารภาคพื้นดินต้องแบกอุปกรณ์หนักอยู่แล้ว เช่น ปืน, กระสุน, อาหาร, น้ำ, เสื้อเกราะ — รวมแล้วอาจหนักถึง 75–150+ ปอนด์
    การเพิ่มโดรนเข้าไป เช่น RQ-11 Raven ที่หนักราว 5 ปอนด์ ยังต้องมีอุปกรณ์ควบคุม, หน้าจอรับภาพ, และกระเป๋าใส่อุปกรณ์อีก
    หน่วยทหารบางแห่งไม่มีเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการฝึกใช้งานโดรน ทำให้การใช้งานไม่เต็มประสิทธิภาพ
    ผู้บังคับหมวดต้องรับภาระเพิ่มในการจัดการโดรน นอกเหนือจากการควบคุมกำลังพลและยุทธวิธี

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    โดรนถูกใช้อย่างแพร่หลายในสงครามยุคใหม่ เช่น ISR, สนับสนุนทางอากาศ, ลอบโจมตี
    กองทัพสหรัฐฯ ใช้โดรนหลายรุ่น เช่น MQ-1 Predator, MQ-9 Reaper, RQ-11 Raven
    การแจกจ่ายโดรนในระดับหมวดและกองร้อยสร้างภาระด้านน้ำหนักและการจัดการ
    ทหารภาคพื้นดินต้องแบกอุปกรณ์หนักอยู่แล้ว การเพิ่มโดรนอาจทำให้เสียสมดุล
    ขาดบุคลากรที่ผ่านการฝึกใช้งานโดรนในบางหน่วย

    แนวทางแก้ไขที่เสนอ
    ย้ายการใช้งานโดรนจากระดับหมวดไปยังระดับหมู่หรือกองร้อยขึ้นไป
    พัฒนาโดรนขนาดเล็กแบบใช้ครั้งเดียวที่ไม่เพิ่มภาระมาก
    เพิ่มการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ให้สามารถใช้งานโดรนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    https://www.slashgear.com/2005463/us-army-colonel-problem-too-many-drones/
    🛩️⚠️ กองทัพสหรัฐฯ เผชิญปัญหาใหม่: โดรนมากเกินไปจนเป็นภาระต่อทหารภาคพื้นดิน แม้ว่าโดรนจะกลายเป็นอาวุธสำคัญในสงครามยุคใหม่ ทั้งในอัฟกานิสถาน อิรัก และยูเครน แต่กองทัพสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับปัญหาใหม่ที่ไม่คาดคิด — จำนวนโดรนที่มากเกินไป กำลังกลายเป็นภาระต่อทหารภาคพื้นดิน โดยเฉพาะในระดับหมวดและกองร้อย 📦 ปัญหาหลักที่เกิดจาก “โดรนล้นสนามรบ” 💠 กองทัพเริ่มแจกจ่ายโดรนให้ใช้ในระดับกองร้อยและหมวด ทำให้ทหารแต่ละหน่วยต้องรับผิดชอบอุปกรณ์เพิ่มขึ้น 💠 ทหารภาคพื้นดินต้องแบกอุปกรณ์หนักอยู่แล้ว เช่น ปืน, กระสุน, อาหาร, น้ำ, เสื้อเกราะ — รวมแล้วอาจหนักถึง 75–150+ ปอนด์ 💠 การเพิ่มโดรนเข้าไป เช่น RQ-11 Raven ที่หนักราว 5 ปอนด์ ยังต้องมีอุปกรณ์ควบคุม, หน้าจอรับภาพ, และกระเป๋าใส่อุปกรณ์อีก 💠 หน่วยทหารบางแห่งไม่มีเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการฝึกใช้งานโดรน ทำให้การใช้งานไม่เต็มประสิทธิภาพ 💠 ผู้บังคับหมวดต้องรับภาระเพิ่มในการจัดการโดรน นอกเหนือจากการควบคุมกำลังพลและยุทธวิธี ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ โดรนถูกใช้อย่างแพร่หลายในสงครามยุคใหม่ เช่น ISR, สนับสนุนทางอากาศ, ลอบโจมตี ➡️ กองทัพสหรัฐฯ ใช้โดรนหลายรุ่น เช่น MQ-1 Predator, MQ-9 Reaper, RQ-11 Raven ➡️ การแจกจ่ายโดรนในระดับหมวดและกองร้อยสร้างภาระด้านน้ำหนักและการจัดการ ➡️ ทหารภาคพื้นดินต้องแบกอุปกรณ์หนักอยู่แล้ว การเพิ่มโดรนอาจทำให้เสียสมดุล ➡️ ขาดบุคลากรที่ผ่านการฝึกใช้งานโดรนในบางหน่วย ✅ แนวทางแก้ไขที่เสนอ ➡️ ย้ายการใช้งานโดรนจากระดับหมวดไปยังระดับหมู่หรือกองร้อยขึ้นไป ➡️ พัฒนาโดรนขนาดเล็กแบบใช้ครั้งเดียวที่ไม่เพิ่มภาระมาก ➡️ เพิ่มการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ให้สามารถใช้งานโดรนได้อย่างมีประสิทธิภาพ https://www.slashgear.com/2005463/us-army-colonel-problem-too-many-drones/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    The US Army Has A Looming Problem: Too Many Drones - SlashGear
    While drones are undoubtedly helpful, an overabundance of them creates a problem for ground operations., overloading soldiers with extra equipment to carry.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว