• "บิ๊กเต่า" สอบเข้มเส้นทางเงินวัดพระบาทน้ำพุ ลามถึง "ทิดสมปอง" พบโฉนดร้อยล้านโยงคนดัง “ว.” อดีต ผอ.พศ. และตลกชื่อดัง ตำรวจจ่อเรียกสอบเพิ่ม หวั่นเข้าข่ายฟอกเงิน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000083729

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    "บิ๊กเต่า" สอบเข้มเส้นทางเงินวัดพระบาทน้ำพุ ลามถึง "ทิดสมปอง" พบโฉนดร้อยล้านโยงคนดัง “ว.” อดีต ผอ.พศ. และตลกชื่อดัง ตำรวจจ่อเรียกสอบเพิ่ม หวั่นเข้าข่ายฟอกเงิน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000083729 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 135 Views 0 Reviews
  • "บิ๊กเต่า" สอบเข้มเส้นทางเงินวัดพระบาทน้ำพุ ลามถึง "ทิดสมปอง" พบโฉนดร้อยล้านโยงคนดัง “ว.” อดีต ผอ.พศ. และตลกชื่อดัง ตำรวจจ่อเรียกสอบเพิ่ม หวั่นเข้าข่ายฟอกเงิน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000083734

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    "บิ๊กเต่า" สอบเข้มเส้นทางเงินวัดพระบาทน้ำพุ ลามถึง "ทิดสมปอง" พบโฉนดร้อยล้านโยงคนดัง “ว.” อดีต ผอ.พศ. และตลกชื่อดัง ตำรวจจ่อเรียกสอบเพิ่ม หวั่นเข้าข่ายฟอกเงิน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000083734 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 132 Views 0 Reviews
  • โปรดเกล้าฯ “สราวุธ ทรงศิวิไล” เป็นตุลาการศาลรธน. แทน “ปัญญา อุดชาชน”
    https://www.thai-tai.tv/news/21262/
    .
    #ไทยไท #ศาลรัฐธรรมนูญ #ตุลาการ #สราวุธทรงศิวิไล #แพทองธารชินวัตร #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้

    โปรดเกล้าฯ “สราวุธ ทรงศิวิไล” เป็นตุลาการศาลรธน. แทน “ปัญญา อุดชาชน” https://www.thai-tai.tv/news/21262/ . #ไทยไท #ศาลรัฐธรรมนูญ #ตุลาการ #สราวุธทรงศิวิไล #แพทองธารชินวัตร #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 Comments 0 Shares 9 Views 0 Reviews
  • เปิดหนังหน้า เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงเสียที,นี้คือการตบหน้าจีนด้วย สนับสนุนเขมรพร้อมรับมือกับจีน รัสเซียที่อุ่นเครื่องก่อนรบจริงกับเขมรโดยยืมมือลาว เวียดนามเป็นนอมินี ไม่รวมไทยที่เขมรไปเปิดใส่ไทยก่อนด้วย อเมริกาและฝรั่งเศสซึ่งแก๊งเดียวกันอยู่แล้วจึงตกลงร่วมกันว่าเขมรจะไม่ขาดแคลนพลังงานน้ำมันแก๊สหากรบกับจีนกับรัสเซียจริงโดยใช้มือลาว เวียดนามบวกเกาหลีเหนือเข้าสนามรบครั้งนี้ด้วย,อเมริกาและฝรั่งเศสเสมือนกำลังเข้ายึดครองกิจการของจีนทั้งหมดในเขมรแน่นอนแล้วในตอนนี้ เขมรโดยฮุนเซนก็ยกกิจการจีนและใดๆทั้งหมดแก่อเมริกาฝรั่งเศสแน่นอนแล้วด้วย,ผีบ้าอะไรอเมริกาฝรั่งเศสจะช่วยเหลือเตรียมการร่วมกับเขมรด้วย,ที่ขนทหารชิดชายแดนไทยเป็นอันมากเพราะอเมริกาฝรั่งเศสสั่งต้องยึดไทยให้ได้ด้วยนั้นเองเพื่อยึดบ่อน้ำมันไทยในอ่าวไทยขุดเจาะให้ทันเวลา เดี๋ยวชาติกูล่มละลายมันว่า คือเขมร อเมริกา ฝรั่งเศสและชาติตะวันตกมากมายกำลังจะล้มละลายนั้นเอง,จึงรีบก่อการ แต่เหี้ยทรัพย์สินพี่ใหญ่จีนเต็มเขมร แร่เอิร์ธอีกเพียบ อเมริกาฝรั่งเศสก็อยากได้ทุนเดิม ภูเขาฝั่งไทยแร่เหี้ยนี้ก็มากด้วย ทองคำอีก สาระพัดแร่มีมากมายตรึมกูอยากได้มากตลอดพรมแดนเขมรกับอ่าวไทยเรา,จีนลงทุนในเขมรหลายแสนล้านเหรียญเหี้ยอเมริกาจะบุกยึดหน้าตาเฉยที่กูจีนบุกเบิกเองเกือบตาย,เขมรหักหลังจีนกู,มรึงเตรียมรอวันสิ้นชาติได้เลย พี่จีนว่า บุกทางลาวแน่นอน อเมริกาเห็นทางอเมริกาชนะได้ ทรัพยากรมากมายนี้รวมกับในอินโดฯ สามารถพลิกฟื้นคืนชีพยุโรปและอเมริกาได้เลยนะถ้าปล้นชิงครั้งนี้สำเร็จ,อเมริกาฝรั่งเศสจึงออกหน้าชัดเจนเปิดเผยไว้ก่อนเพื่อสนับสนุนพลังงานรอรบกับลาว เวียดนาม เกาหลีเหนือเต็มที่รวมทั้งไทยด้วย,ซึ่งพี่ใหญ่จีนรัสเซียสนับสนุนเต็มที่เช่นกันนอกจากอเมริกาฝรั่งเศสสนับสนุนเขมรเต็มที่ อาวุธขนกันตรึมทางลับแน่นอน,เขมรมันขี้อวดจึงเริ่มถ่ายลงโซเชียลว่าชนะไทยแน่นอนเพราะอเมริกาฝรั่งเศสสนับสนุนทางลับไม่เปิดเผยหรืออกนอกหน้าสไตล์ciaอเมริกาหมาลอบกัดวางแผนกัดในมุมมืด.
    เปิดหนังหน้า เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงเสียที,นี้คือการตบหน้าจีนด้วย สนับสนุนเขมรพร้อมรับมือกับจีน รัสเซียที่อุ่นเครื่องก่อนรบจริงกับเขมรโดยยืมมือลาว เวียดนามเป็นนอมินี ไม่รวมไทยที่เขมรไปเปิดใส่ไทยก่อนด้วย อเมริกาและฝรั่งเศสซึ่งแก๊งเดียวกันอยู่แล้วจึงตกลงร่วมกันว่าเขมรจะไม่ขาดแคลนพลังงานน้ำมันแก๊สหากรบกับจีนกับรัสเซียจริงโดยใช้มือลาว เวียดนามบวกเกาหลีเหนือเข้าสนามรบครั้งนี้ด้วย,อเมริกาและฝรั่งเศสเสมือนกำลังเข้ายึดครองกิจการของจีนทั้งหมดในเขมรแน่นอนแล้วในตอนนี้ เขมรโดยฮุนเซนก็ยกกิจการจีนและใดๆทั้งหมดแก่อเมริกาฝรั่งเศสแน่นอนแล้วด้วย,ผีบ้าอะไรอเมริกาฝรั่งเศสจะช่วยเหลือเตรียมการร่วมกับเขมรด้วย,ที่ขนทหารชิดชายแดนไทยเป็นอันมากเพราะอเมริกาฝรั่งเศสสั่งต้องยึดไทยให้ได้ด้วยนั้นเองเพื่อยึดบ่อน้ำมันไทยในอ่าวไทยขุดเจาะให้ทันเวลา เดี๋ยวชาติกูล่มละลายมันว่า คือเขมร อเมริกา ฝรั่งเศสและชาติตะวันตกมากมายกำลังจะล้มละลายนั้นเอง,จึงรีบก่อการ แต่เหี้ยทรัพย์สินพี่ใหญ่จีนเต็มเขมร แร่เอิร์ธอีกเพียบ อเมริกาฝรั่งเศสก็อยากได้ทุนเดิม ภูเขาฝั่งไทยแร่เหี้ยนี้ก็มากด้วย ทองคำอีก สาระพัดแร่มีมากมายตรึมกูอยากได้มากตลอดพรมแดนเขมรกับอ่าวไทยเรา,จีนลงทุนในเขมรหลายแสนล้านเหรียญเหี้ยอเมริกาจะบุกยึดหน้าตาเฉยที่กูจีนบุกเบิกเองเกือบตาย,เขมรหักหลังจีนกู,มรึงเตรียมรอวันสิ้นชาติได้เลย พี่จีนว่า บุกทางลาวแน่นอน อเมริกาเห็นทางอเมริกาชนะได้ ทรัพยากรมากมายนี้รวมกับในอินโดฯ สามารถพลิกฟื้นคืนชีพยุโรปและอเมริกาได้เลยนะถ้าปล้นชิงครั้งนี้สำเร็จ,อเมริกาฝรั่งเศสจึงออกหน้าชัดเจนเปิดเผยไว้ก่อนเพื่อสนับสนุนพลังงานรอรบกับลาว เวียดนาม เกาหลีเหนือเต็มที่รวมทั้งไทยด้วย,ซึ่งพี่ใหญ่จีนรัสเซียสนับสนุนเต็มที่เช่นกันนอกจากอเมริกาฝรั่งเศสสนับสนุนเขมรเต็มที่ อาวุธขนกันตรึมทางลับแน่นอน,เขมรมันขี้อวดจึงเริ่มถ่ายลงโซเชียลว่าชนะไทยแน่นอนเพราะอเมริกาฝรั่งเศสสนับสนุนทางลับไม่เปิดเผยหรืออกนอกหน้าสไตล์ciaอเมริกาหมาลอบกัดวางแผนกัดในมุมมืด.
    เอ็กซอนโมบิล บริษัทน้ำมันและก๊าซข้ามชาติสัญชาติอเมริกา แสดงความตั้งใจร่วมมือกับกัมพูชาในจัดหาน้ำมันและก๊าซให้ประเทศแห่งนี้ ความเคลื่อนไหวมีขึ้นหลังจากเมื่อช่วงกลางเดือน ทาง "โททาลเอนเนอร์ยี่ส์" ของฝรั่งเศส ก็เปิดกว้างสำหรับดำเนินการแบบเดียวกัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000083704

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    0 Comments 0 Shares 18 Views 0 Reviews
  • "ฟังหูไว้หู"

    ไอ้นี่ก็เจ้าเล่ห์ และไม่ได้หวังดีกับไทยพอๆกับคนในรูป

    https://web.facebook.com/share/19maraPSM2/
    "ฟังหูไว้หู" ไอ้นี่ก็เจ้าเล่ห์ และไม่ได้หวังดีกับไทยพอๆกับคนในรูป https://web.facebook.com/share/19maraPSM2/
    0 Comments 0 Shares 44 Views 0 Reviews
  • คลิปนี้ว่อนโซเชียล ย้อนฟังลุงป้อม ฟังแล้ว..คนไทยอึ้ง (2/9/68)

    #TruthFromThailand
    #ลุงป้อม
    #ประวิตร
    #การเมืองไทย
    #ข่าวการเมือง
    #ข่าววันนี้
    #ข่าวดัง
    #ThaiTimes
    #news1
    #shorts
    #ThailandPolitics
    #BreakingNews
    คลิปนี้ว่อนโซเชียล ย้อนฟังลุงป้อม ฟังแล้ว..คนไทยอึ้ง (2/9/68) #TruthFromThailand #ลุงป้อม #ประวิตร #การเมืองไทย #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ThaiTimes #news1 #shorts #ThailandPolitics #BreakingNews
    0 Comments 0 Shares 45 Views 0 0 Reviews
  • ปธน.ทรัมป์ #สหรัฐฯ เรียกร้องให้บริษัทผู้ผลิตยา รวมถึง #Pfizer เปิดเผยข้อมูลยา #โควิด19 ฉบับสมบูรณ์ เพื่อพิสูจน์ว่า Operation Warp Speed ​​มีประสิทธิภาพจริงตามที่อ้างหรือไม่

    หมายเหตุ : Operation Warp Speed (OWS) เป็นโครงการของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่เริ่มในปี 2020 เพื่อเร่งพัฒนา ผลิต และแจกจ่ายวัคซีนป้องกันโควิด-19 รวมถึงยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้อง โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานเอกชน โดยมีเป้าหมายหลักคือการทำให้มีวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพพร้อมใช้ภายในเวลาอันสั้น

    รายละเอียดสำคัญของ Operation Warp Speed:
    1. เป้าหมาย:
    • พัฒนาวัคซีนโควิด-19 ให้ได้ภายในปี 2020-2021
    • ผลิตวัคซีนอย่างน้อย 300 ล้านโดสสำหรับประชากรสหรัฐ
    • กระจายวัคซีนและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น เข็มฉีดยาและหน้ากากอนามัย อย่างรวดเร็ว

    2. การดำเนินงาน:
    • รัฐบาลให้เงินสนับสนุนหลายพันล้านดอลลาร์แก่บริษัทเภสัชกรรม เช่น Pfizer, Moderna, Johnson & Johnson และ AstraZeneca เพื่อเร่งการวิจัยและพัฒนาวัคซีน
    • ดำเนินการทดสอบทางคลินิกควบคู่ไปกับการผลิตวัคซีน (เพื่อประหยัดเวลา)
    • ประสานงานกับหน่วยงาน เช่น FDA และ CDC เพื่อให้การอนุมัติวัคซีนเป็นไปอย่างรวดเร็วแต่ยังคงปลอดภัย

    3. ผลลัพธ์:
    • วัคซีนจาก Pfizer-BioNTech และ Moderna ได้รับอนุญาตให้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน (Emergency Use Authorization) ในเดือนธันวาคม 2020
    • วัคซีนถูกแจกจ่ายอย่างกว้างขวางในสหรัฐตั้งแต่ต้นปี 2021
    • โครงการช่วยให้สหรัฐสามารถฉีดวัคซีนให้ประชากรได้เร็วกว่าที่คาดไว้

    4. ข้อวิจารณ์:
    • บางฝ่ายวิจารณ์ว่าการเร่งพัฒนาอาจกระทบต่อความโปร่งใสหรือความเชื่อมั่นในวัคซีน
    • การกระจายวัคซีนในช่วงแรกมีปัญหาด้านโลจิสติกส์และการเข้าถึงในบางพื้นที่

    Operation Warp Speed ถือเป็นตัวอย่างของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการรับมือวิกฤตสาธารณสุขครั้งใหญ่ และมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐและทั่วโลก
    ปธน.ทรัมป์ #สหรัฐฯ เรียกร้องให้บริษัทผู้ผลิตยา รวมถึง #Pfizer เปิดเผยข้อมูลยา #โควิด19 ฉบับสมบูรณ์ เพื่อพิสูจน์ว่า Operation Warp Speed ​​มีประสิทธิภาพจริงตามที่อ้างหรือไม่ หมายเหตุ : Operation Warp Speed (OWS) เป็นโครงการของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่เริ่มในปี 2020 เพื่อเร่งพัฒนา ผลิต และแจกจ่ายวัคซีนป้องกันโควิด-19 รวมถึงยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้อง โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานเอกชน โดยมีเป้าหมายหลักคือการทำให้มีวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพพร้อมใช้ภายในเวลาอันสั้น รายละเอียดสำคัญของ Operation Warp Speed: 1. เป้าหมาย: • พัฒนาวัคซีนโควิด-19 ให้ได้ภายในปี 2020-2021 • ผลิตวัคซีนอย่างน้อย 300 ล้านโดสสำหรับประชากรสหรัฐ • กระจายวัคซีนและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น เข็มฉีดยาและหน้ากากอนามัย อย่างรวดเร็ว 2. การดำเนินงาน: • รัฐบาลให้เงินสนับสนุนหลายพันล้านดอลลาร์แก่บริษัทเภสัชกรรม เช่น Pfizer, Moderna, Johnson & Johnson และ AstraZeneca เพื่อเร่งการวิจัยและพัฒนาวัคซีน • ดำเนินการทดสอบทางคลินิกควบคู่ไปกับการผลิตวัคซีน (เพื่อประหยัดเวลา) • ประสานงานกับหน่วยงาน เช่น FDA และ CDC เพื่อให้การอนุมัติวัคซีนเป็นไปอย่างรวดเร็วแต่ยังคงปลอดภัย 3. ผลลัพธ์: • วัคซีนจาก Pfizer-BioNTech และ Moderna ได้รับอนุญาตให้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน (Emergency Use Authorization) ในเดือนธันวาคม 2020 • วัคซีนถูกแจกจ่ายอย่างกว้างขวางในสหรัฐตั้งแต่ต้นปี 2021 • โครงการช่วยให้สหรัฐสามารถฉีดวัคซีนให้ประชากรได้เร็วกว่าที่คาดไว้ 4. ข้อวิจารณ์: • บางฝ่ายวิจารณ์ว่าการเร่งพัฒนาอาจกระทบต่อความโปร่งใสหรือความเชื่อมั่นในวัคซีน • การกระจายวัคซีนในช่วงแรกมีปัญหาด้านโลจิสติกส์และการเข้าถึงในบางพื้นที่ Operation Warp Speed ถือเป็นตัวอย่างของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการรับมือวิกฤตสาธารณสุขครั้งใหญ่ และมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐและทั่วโลก
    0 Comments 0 Shares 78 Views 0 Reviews
  • “พล.อ.เกรียงไกร” โต้กลับแรง หลังถูกพาดพิงคดีฮั้ว สว. ลั่นไม่ขายชาติ-ขายแผ่นดินแน่นอน!
    https://www.thai-tai.tv/news/21263/
    .
    #ไทยไท #พลอเกรียงไกรศรีรักษ์ #ฮั้วสว #วุฒิสภา #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้

    “พล.อ.เกรียงไกร” โต้กลับแรง หลังถูกพาดพิงคดีฮั้ว สว. ลั่นไม่ขายชาติ-ขายแผ่นดินแน่นอน! https://www.thai-tai.tv/news/21263/ . #ไทยไท #พลอเกรียงไกรศรีรักษ์ #ฮั้วสว #วุฒิสภา #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 Comments 0 Shares 13 Views 0 Reviews
  • แพทองธารหลุดเก้าอี้! เพื่อไทยไร้หัว เสี่ยงยุบพรรค! นักวิชาการชี้คำวินิจฉัยศาล รธน. ทำพรรคเข้าสู่สุญญากาศ ขาดหัวหน้าและกรรมการบริหาร อาจเข้าข่ายยุบพรรคตามกฎหมาย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000083736

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    แพทองธารหลุดเก้าอี้! เพื่อไทยไร้หัว เสี่ยงยุบพรรค! นักวิชาการชี้คำวินิจฉัยศาล รธน. ทำพรรคเข้าสู่สุญญากาศ ขาดหัวหน้าและกรรมการบริหาร อาจเข้าข่ายยุบพรรคตามกฎหมาย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000083736 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    3
    0 Comments 0 Shares 136 Views 0 Reviews
  • แพทองธารหลุดเก้าอี้! เพื่อไทยไร้หัว เสี่ยงยุบพรรค! นักวิชาการชี้คำวินิจฉัยศาล รธน. ทำพรรคเข้าสู่สุญญากาศ ขาดหัวหน้าและกรรมการบริหาร อาจเข้าข่ายยุบพรรคตามกฎหมาย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000083735

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    แพทองธารหลุดเก้าอี้! เพื่อไทยไร้หัว เสี่ยงยุบพรรค! นักวิชาการชี้คำวินิจฉัยศาล รธน. ทำพรรคเข้าสู่สุญญากาศ ขาดหัวหน้าและกรรมการบริหาร อาจเข้าข่ายยุบพรรคตามกฎหมาย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000083735 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 131 Views 0 Reviews
  • เงินใครหายบ้าง แบงก์ดังว่าไง เงินลูกค้าหายเมื่อคืน หลักร้อย-หลักหมื่น (2/9/68)

    #TruthFromThailand
    #แบงก์ดัง
    #เงินหาย
    #ธนาคาร
    #ข่าวด่วน
    #ข่าววันนี้
    #ข่าวดัง
    #ThaiTimes
    #news1
    #shorts
    #ข่าวเศรษฐกิจ
    #อัปเดตข่าว
    #BankingNews
    #FinanceThailand
    เงินใครหายบ้าง แบงก์ดังว่าไง เงินลูกค้าหายเมื่อคืน หลักร้อย-หลักหมื่น (2/9/68) #TruthFromThailand #แบงก์ดัง #เงินหาย #ธนาคาร #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ThaiTimes #news1 #shorts #ข่าวเศรษฐกิจ #อัปเดตข่าว #BankingNews #FinanceThailand
    0 Comments 0 Shares 43 Views 0 0 Reviews
  • ความไม่โปร่งใส, ความกังวลด้านความปลอดภัย และข้อเรียกร้องให้มีการตรวจสอบวัคซีน COVID-19

    ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา สถานการณ์เกี่ยวกับวัคซีน COVID-19 ได้พัฒนาไปในทิศทางที่มีการตั้งคำถามและเรียกร้องความโปร่งใสมากขึ้นจากหลายฝ่าย **ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาเรียกร้องให้บริษัทผลิตยาขนาดใหญ่ เช่น Pfizer และ Moderna เปิดเผยข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับประสิทธิภาพของยา COVID-19 ทันที** โดยระบุว่าประชาชนสมควรได้รับเห็นหลักฐาน [1, 2] ทรัมป์ยังตั้งข้อสงสัยต่อโครงการ Operation Warp Speed ของตัวเอง โดยขอให้มีการตรวจสอบว่าโครงการเร่งพัฒนาวัคซีนนี้ "ยอดเยี่ยมจริงหรือไม่" หรือมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น [1, 4] ข้อเรียกร้องนี้เกิดขึ้นพร้อมกับข่าวที่ปรากฏในรายงานของคณะกรรมการตุลาการของสภาผู้แทนราษฎรเมื่อเดือนพฤษภาคม 2025 ที่ชี้ว่าอาจมีการชะลอการทดสอบวัคซีนโดยเจตนา ซึ่งอาจส่งผลต่อการประกาศความสำเร็จของวัคซีนหลังการเลือกตั้งปี 2020 [5, 6]

    **การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอีกประการคือบทบาทของ Robert F. Kennedy Jr. (RFK Jr.) ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งเลขาธิการกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ (HHS)** RFK Jr. ผู้ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ตั้งคำถามเรื่องวัคซีน ได้เริ่มทบทวนและยกเลิกการลงทุนในการพัฒนาวัคซีน mRNA 22 รายการ Choawalit Chotwattanaphong เขากล่าวว่า **วัคซีน mRNA มีประสิทธิภาพต่ำในการต่อสู้กับไวรัสที่ติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนเนื่องจากการกลายพันธุ์อย่างรวดเร็ว** ซึ่งทำให้วัคซีนไม่สามารถป้องกันได้เมื่อเกิดการกลายพันธุ์เพียงครั้งเดียว เช่นกรณีของเชื้อ Omicron Choawalit Chotwattanaphong เขายังชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงที่วัคซีนเหล่านี้อาจส่งเสริมการกลายพันธุ์และยืดเวลาการระบาดใหญ่ได้ Choawalit Chotwattanaphong

    ความกังวลด้านความปลอดภัยของวัคซีนเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมา **RFK Jr. อ้างว่าวัคซีน COVID-19 อาจนำไปสู่การเสียชีวิตในบางกรณี** โดยอ้างอิงข้อมูลการชันสูตรพลิกศพที่ระบุว่าวัคซีนเป็นสาเหตุการเสียชีวิต 73.9% ในกลุ่มผู้เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีน Choawalit Chotwattanaphong เขายังวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงถึงการที่ไม่มี "คำเตือนกล่องดำ" (blackbox warning) เรื่องการเสียชีวิตในเอกสารกำกับวัคซีน แม้ว่ากฎหมายของ FDA จะกำหนดไว้ Choawalit Chotwattanaphong

    มีการเน้นย้ำถึง **การขาด Informed Consent (การยินยอมเข้ารับการรักษาโดยได้รับข้อมูลครบถ้วน) อย่างรุนแรง** ผู้ป่วยหลายราย รวมถึง Dr. Walscott แพทย์ที่ได้รับบาดเจ็บจากวัคซีนยืนยันว่าไม่ได้รับข้อมูลที่แท้จริงและโปร่งใส Choawalit Chotwattanaphong ตัวอย่างที่สะเทือนใจคือเรื่องราวของ Crystal Cordingley ที่เชื่อว่าลูกชายของเธอ Corbin เสียชีวิตจากวัคซีนไข้หวัดใหญ่ โดยพบความเสียหายในสมองที่คล้ายกับกรณี SIDS [9, 10] เธอถูกปฏิเสธข้อมูลและ Informed Consent และพบว่ากุมารแพทย์ได้ยื่นรายงาน VAERS โดยที่เธอไม่ทราบ [10] นอกจากนี้ ยังมีข้อกล่าวหาว่าหน่วยงานเช่น American College of Obstetricians and Gynecologists (ACOG) ถูกควบคุมโดย HHS เพื่อผลักดันวัคซีนในหญิงตั้งครรภ์ Choawalit Chotwattanaphong

    **ความเป็นพิษของ Spike Protein ก็เป็นประเด็นที่น่าจับตา** Dr. Robert Sullivan วิสัญญีแพทย์ผู้ได้รับผลกระทบ ได้เปิดเผยประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับการเกิดความดันโลหิตสูงในปอด (Pulmonary Hypertension) หลังฉีดวัคซีน mRNA COVID-19 และการสูญเสียความจุปอดไปครึ่งหนึ่ง [7, 8] เขากล่าวถึงงานวิจัยที่คาดการณ์ว่า Spike Protein สามารถทำลายหลอดเลือดในปอดและรกได้ [8] และ Dr. Ryan Cole พยาธิแพทย์ได้สังเกตเห็นว่าปัญหาลิ่มเลือดในผู้ป่วย "แย่ลงมาก" หลังจากการฉีดวัคซีนทางพันธุกรรม โดยมีรายงานการเสียชีวิตฉับพลันและโรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วยอายุน้อย [11] การบรรยายยังเสนอว่า **"Long COVID" อาจเป็นการวินิจฉัยที่คลาดเคลื่อน และอาการต่างๆ เช่น สมองล้าและปัญหาทางระบบประสาท อาจเกิดจาก Spike Protein ที่ผลิตโดยวัคซีน mRNA** [12] วัคซีน mRNA ที่ได้รับการดัดแปลงยังพบว่าสามารถคงอยู่ในร่างกายได้นานหลายเดือนและพบได้ในเนื้องอก ซึ่งอาจนำไปสู่โรคแพ้ภูมิตัวเอง [13]

    **ระบบการแพทย์และหน่วยงานสาธารณสุขเองก็ตกอยู่ภายใต้การวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก** ระบบ VAERS (Vaccine Adverse Event Reporting System) ไม่เป็นที่รู้จักหรือเข้าใจอย่างกว้างขวางในหมู่แพทย์ และมักไม่มีการปฏิบัติตามข้อกำหนดการรายงาน [8] นอกจากนี้ ยังไม่มีการศึกษาอย่างเป็นระบบเกี่ยวกับผลข้างเคียงจากวัคซีน และ "ต้นทุนที่ซ่อนอยู่ของการบาดเจ็บ" ก็ไม่ได้รับการศึกษาหรือสอนในโรงเรียนแพทย์ [7, 12] มีการกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ CDC ถึงกับทำลายหลักฐานที่เชื่อมโยงวัคซีน MMR กับออทิซึมในเด็กชายชาวแอฟริกัน-อเมริกัน [15, 16]

    สถานการณ์ล่าสุดนี้สะท้อนให้เห็นถึง **ความจำเป็นเร่งด่วนในการฟื้นฟูความรับผิดชอบ ความโปร่งใส และความไว้วางใจของประชาชนในหน่วยงานรัฐบาลและระบบการแพทย์** โดยการตัดสินใจทางการแพทย์ทั้งหมดต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของ Informed Consent ที่แท้จริง [17] มีการคาดการณ์เชิงสมมติฐานว่าหากไม่มีการบังคับใช้คำสั่งให้ฉีดวัคซีน การระบาดใหญ่อาจถูกควบคุมได้เร็วกว่าโดยมุ่งเป้าไปที่กลุ่มเสี่ยงสูงและให้ไวรัสแพร่กระจายในกลุ่มเสี่ยงต่ำ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ [6, 18]

    โดยสรุป สถานการณ์ปัจจุบันสะท้อนให้เห็นถึงการเรียกร้องที่เพิ่มขึ้นสำหรับการตรวจสอบข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์อย่างโปร่งใส การให้ความสำคัญกับ Informed Consent และการประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากวัคซีน COVID-19 อย่างละเอียดถี่ถ้วน.

    https://www.youtube.com/live/4-JxzRRgdy0
    https://youtu.be/-Y2d_4BSGP4

    https://www.facebook.com/share/16v8B1t4by/
    ✍️ความไม่โปร่งใส, ความกังวลด้านความปลอดภัย และข้อเรียกร้องให้มีการตรวจสอบวัคซีน COVID-19 ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา สถานการณ์เกี่ยวกับวัคซีน COVID-19 ได้พัฒนาไปในทิศทางที่มีการตั้งคำถามและเรียกร้องความโปร่งใสมากขึ้นจากหลายฝ่าย **ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาเรียกร้องให้บริษัทผลิตยาขนาดใหญ่ เช่น Pfizer และ Moderna เปิดเผยข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับประสิทธิภาพของยา COVID-19 ทันที** โดยระบุว่าประชาชนสมควรได้รับเห็นหลักฐาน [1, 2] ทรัมป์ยังตั้งข้อสงสัยต่อโครงการ Operation Warp Speed ของตัวเอง โดยขอให้มีการตรวจสอบว่าโครงการเร่งพัฒนาวัคซีนนี้ "ยอดเยี่ยมจริงหรือไม่" หรือมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น [1, 4] ข้อเรียกร้องนี้เกิดขึ้นพร้อมกับข่าวที่ปรากฏในรายงานของคณะกรรมการตุลาการของสภาผู้แทนราษฎรเมื่อเดือนพฤษภาคม 2025 ที่ชี้ว่าอาจมีการชะลอการทดสอบวัคซีนโดยเจตนา ซึ่งอาจส่งผลต่อการประกาศความสำเร็จของวัคซีนหลังการเลือกตั้งปี 2020 [5, 6] **การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอีกประการคือบทบาทของ Robert F. Kennedy Jr. (RFK Jr.) ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งเลขาธิการกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ (HHS)** RFK Jr. ผู้ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ตั้งคำถามเรื่องวัคซีน ได้เริ่มทบทวนและยกเลิกการลงทุนในการพัฒนาวัคซีน mRNA 22 รายการ [1] เขากล่าวว่า **วัคซีน mRNA มีประสิทธิภาพต่ำในการต่อสู้กับไวรัสที่ติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนเนื่องจากการกลายพันธุ์อย่างรวดเร็ว** ซึ่งทำให้วัคซีนไม่สามารถป้องกันได้เมื่อเกิดการกลายพันธุ์เพียงครั้งเดียว เช่นกรณีของเชื้อ Omicron [1] เขายังชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงที่วัคซีนเหล่านี้อาจส่งเสริมการกลายพันธุ์และยืดเวลาการระบาดใหญ่ได้ [1] ความกังวลด้านความปลอดภัยของวัคซีนเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมา **RFK Jr. อ้างว่าวัคซีน COVID-19 อาจนำไปสู่การเสียชีวิตในบางกรณี** โดยอ้างอิงข้อมูลการชันสูตรพลิกศพที่ระบุว่าวัคซีนเป็นสาเหตุการเสียชีวิต 73.9% ในกลุ่มผู้เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีน [1] เขายังวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงถึงการที่ไม่มี "คำเตือนกล่องดำ" (blackbox warning) เรื่องการเสียชีวิตในเอกสารกำกับวัคซีน แม้ว่ากฎหมายของ FDA จะกำหนดไว้ [1] มีการเน้นย้ำถึง **การขาด Informed Consent (การยินยอมเข้ารับการรักษาโดยได้รับข้อมูลครบถ้วน) อย่างรุนแรง** ผู้ป่วยหลายราย รวมถึง Dr. Walscott แพทย์ที่ได้รับบาดเจ็บจากวัคซีนยืนยันว่าไม่ได้รับข้อมูลที่แท้จริงและโปร่งใส [1] ตัวอย่างที่สะเทือนใจคือเรื่องราวของ Crystal Cordingley ที่เชื่อว่าลูกชายของเธอ Corbin เสียชีวิตจากวัคซีนไข้หวัดใหญ่ โดยพบความเสียหายในสมองที่คล้ายกับกรณี SIDS [9, 10] เธอถูกปฏิเสธข้อมูลและ Informed Consent และพบว่ากุมารแพทย์ได้ยื่นรายงาน VAERS โดยที่เธอไม่ทราบ [10] นอกจากนี้ ยังมีข้อกล่าวหาว่าหน่วยงานเช่น American College of Obstetricians and Gynecologists (ACOG) ถูกควบคุมโดย HHS เพื่อผลักดันวัคซีนในหญิงตั้งครรภ์ [1] **ความเป็นพิษของ Spike Protein ก็เป็นประเด็นที่น่าจับตา** Dr. Robert Sullivan วิสัญญีแพทย์ผู้ได้รับผลกระทบ ได้เปิดเผยประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับการเกิดความดันโลหิตสูงในปอด (Pulmonary Hypertension) หลังฉีดวัคซีน mRNA COVID-19 และการสูญเสียความจุปอดไปครึ่งหนึ่ง [7, 8] เขากล่าวถึงงานวิจัยที่คาดการณ์ว่า Spike Protein สามารถทำลายหลอดเลือดในปอดและรกได้ [8] และ Dr. Ryan Cole พยาธิแพทย์ได้สังเกตเห็นว่าปัญหาลิ่มเลือดในผู้ป่วย "แย่ลงมาก" หลังจากการฉีดวัคซีนทางพันธุกรรม โดยมีรายงานการเสียชีวิตฉับพลันและโรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วยอายุน้อย [11] การบรรยายยังเสนอว่า **"Long COVID" อาจเป็นการวินิจฉัยที่คลาดเคลื่อน และอาการต่างๆ เช่น สมองล้าและปัญหาทางระบบประสาท อาจเกิดจาก Spike Protein ที่ผลิตโดยวัคซีน mRNA** [12] วัคซีน mRNA ที่ได้รับการดัดแปลงยังพบว่าสามารถคงอยู่ในร่างกายได้นานหลายเดือนและพบได้ในเนื้องอก ซึ่งอาจนำไปสู่โรคแพ้ภูมิตัวเอง [13] **ระบบการแพทย์และหน่วยงานสาธารณสุขเองก็ตกอยู่ภายใต้การวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก** ระบบ VAERS (Vaccine Adverse Event Reporting System) ไม่เป็นที่รู้จักหรือเข้าใจอย่างกว้างขวางในหมู่แพทย์ และมักไม่มีการปฏิบัติตามข้อกำหนดการรายงาน [8] นอกจากนี้ ยังไม่มีการศึกษาอย่างเป็นระบบเกี่ยวกับผลข้างเคียงจากวัคซีน และ "ต้นทุนที่ซ่อนอยู่ของการบาดเจ็บ" ก็ไม่ได้รับการศึกษาหรือสอนในโรงเรียนแพทย์ [7, 12] มีการกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ CDC ถึงกับทำลายหลักฐานที่เชื่อมโยงวัคซีน MMR กับออทิซึมในเด็กชายชาวแอฟริกัน-อเมริกัน [15, 16] สถานการณ์ล่าสุดนี้สะท้อนให้เห็นถึง **ความจำเป็นเร่งด่วนในการฟื้นฟูความรับผิดชอบ ความโปร่งใส และความไว้วางใจของประชาชนในหน่วยงานรัฐบาลและระบบการแพทย์** โดยการตัดสินใจทางการแพทย์ทั้งหมดต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของ Informed Consent ที่แท้จริง [17] มีการคาดการณ์เชิงสมมติฐานว่าหากไม่มีการบังคับใช้คำสั่งให้ฉีดวัคซีน การระบาดใหญ่อาจถูกควบคุมได้เร็วกว่าโดยมุ่งเป้าไปที่กลุ่มเสี่ยงสูงและให้ไวรัสแพร่กระจายในกลุ่มเสี่ยงต่ำ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ [6, 18] โดยสรุป สถานการณ์ปัจจุบันสะท้อนให้เห็นถึงการเรียกร้องที่เพิ่มขึ้นสำหรับการตรวจสอบข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์อย่างโปร่งใส การให้ความสำคัญกับ Informed Consent และการประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากวัคซีน COVID-19 อย่างละเอียดถี่ถ้วน. https://www.youtube.com/live/4-JxzRRgdy0 https://youtu.be/-Y2d_4BSGP4 https://www.facebook.com/share/16v8B1t4by/
    0 Comments 0 Shares 44 Views 0 Reviews
  • เป็นคำถาม ที่คนสงสัยมานานแล้ว
    โดยเฉพาะ ในกลุ่มคน ที่ ตื่นรู้พิษภัยของ โปรตีนหนาม จากการฉีด มรณา mRNA

    คำถามที่ว่า คือ ถ้าไปรับเลือด ที่ปนเปื้อนโปรตีนหนามจาก คนที่ฉีดวัคซีนมาจะเป็นอันตรายไหม?

    ก่อนตอบคำถามนี้ ต้องเข้าใจก่อนว่า
    1.โปรตีนหนาม ที่ mRNA สั่งให้สร้างนั้นคือ สารพิษ
    2. พบว่า มรณา mRNA คงอยู่ในร่างกายของคนที่ฉีดได้ เป็นปีๆ แถมพบได้ในกระแสเลือด

    ตอนนี้มีคำตอบยืนยันแล้วว่า การรับเลือดที่ปนเปื้อนนั้น "อันตราย"

    ที่น่าสนใจคือ มี ความพยายามออกกฎหมายในต่างประเทศให้ ระบุว่า เลือดที่ได้รับบริจาคมานั้น มาจากคนที่ฉีด มรณา mRNA มาหรือไม่ เพื่อคนที่รับเลือดจะได้เลือกได้ว่า จะรับเลือดที่ปนเปื้อนเหล่านั้นไหม
    อ้าว ศูนย์บริจาคโลหิตในไทยจะเอาอย่างเขาบ้างไหมครับ
    https://www.facebook.com/1732997516/posts/10215903644820673/?mibextid=rS40aB7S9Ucbxw6v
    เป็นคำถาม ที่คนสงสัยมานานแล้ว โดยเฉพาะ ในกลุ่มคน ที่ ตื่นรู้พิษภัยของ โปรตีนหนาม จากการฉีด มรณา mRNA 💉☠️ คำถามที่ว่า คือ ถ้าไปรับเลือด ที่ปนเปื้อนโปรตีนหนามจาก คนที่ฉีดวัคซีนมาจะเป็นอันตรายไหม? ก่อนตอบคำถามนี้ ต้องเข้าใจก่อนว่า 1.โปรตีนหนาม ที่ mRNA สั่งให้สร้างนั้นคือ สารพิษ 2. พบว่า มรณา mRNA คงอยู่ในร่างกายของคนที่ฉีดได้ เป็นปีๆ แถมพบได้ในกระแสเลือด ตอนนี้มีคำตอบยืนยันแล้วว่า การรับเลือดที่ปนเปื้อนนั้น "อันตราย" ที่น่าสนใจคือ มี ความพยายามออกกฎหมายในต่างประเทศให้ ระบุว่า เลือดที่ได้รับบริจาคมานั้น มาจากคนที่ฉีด มรณา mRNA มาหรือไม่ เพื่อคนที่รับเลือดจะได้เลือกได้ว่า จะรับเลือดที่ปนเปื้อนเหล่านั้นไหม อ้าว ศูนย์บริจาคโลหิตในไทยจะเอาอย่างเขาบ้างไหมครับ https://www.facebook.com/1732997516/posts/10215903644820673/?mibextid=rS40aB7S9Ucbxw6v
    0 Comments 0 Shares 23 Views 0 Reviews
  • Anthony Fauci หรืออีตา เฝ้าขี้ อาชญากร ที่ก่อ อาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ Crime against Humanity!!

    บอกไว้ชัดเจนว่า ถ้าไม่ยอมจิ้ม โดยสมัครใจ ก็ต้อง "กดดัน" ให้ฉีดด้วยวิธี

    ถ้าไม่จิ้ม ไม่ให้ทำงาน
    ถ้าไม่จิ้ม ไม่ให้ไปเรียน
    ถ้าไม่จิ้ม ไม่ให้เดินทาง

    แต่ของพี่ไทย แสบกว่านั้น
    ถ้าไม่จิ้ม หมอไม่รับรักษา
    ถ้าไม่จิ้ม ไม่ให้ขึ้นที่ว่าการอำเภอ ที่ว่าการจังหวัด หน่วยงานรัฐไม่ให้บริการ

    Fauci เฝ้าขี้ กำลังจะได้ ไป เฝ้าขรี้ ในซังเต
    ในเมืองไทย ใครบ้างน้า จะได้เดินตาม เฝ้าขรี้ ไป
    https://www.facebook.com/1732997516/posts/10216088622605002/?mibextid=rS40aB7S9Ucbxw6v
    Anthony Fauci หรืออีตา เฝ้าขี้ อาชญากร ที่ก่อ อาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ Crime against Humanity!! บอกไว้ชัดเจนว่า ถ้าไม่ยอมจิ้ม 💉☠️ โดยสมัครใจ ก็ต้อง "กดดัน" ให้ฉีดด้วยวิธี ถ้าไม่จิ้ม 💉 ไม่ให้ทำงาน ถ้าไม่จิ้ม 💉 ไม่ให้ไปเรียน ถ้าไม่จิ้ม 💉 ไม่ให้เดินทาง แต่ของพี่ไทย แสบกว่านั้น ถ้าไม่จิ้ม 💉 หมอไม่รับรักษา ถ้าไม่จิ้ม 💉 ไม่ให้ขึ้นที่ว่าการอำเภอ ที่ว่าการจังหวัด หน่วยงานรัฐไม่ให้บริการ Fauci เฝ้าขี้ กำลังจะได้ ไป เฝ้าขรี้ ในซังเต ในเมืองไทย ใครบ้างน้า จะได้เดินตาม เฝ้าขรี้ ไป 🤔❓😁 https://www.facebook.com/1732997516/posts/10216088622605002/?mibextid=rS40aB7S9Ucbxw6v
    0 Comments 0 Shares 20 Views 0 Reviews
  • เพื่อไทย-ภูมิใจไทย ไม่ไว้ใจทั้งคู่ : [NEWS UPDATE]

    นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคประชาชน เผยถึงการประชุม สส.นัดพิเศษ เพื่อหาข้อสรุปโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ มีความเห็นหลากหลายมาก ทั้งเห็นด้วยและหนักใจ ไม่ไว้ใจทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย เราป้องกันแดงน้ำเงินกลับไปรวมกัน ทำประเทศเสียหาย ไม่ทราบพรรคภูมิใจไทย นัดทำ Agreement ย้ำ ไม่มีรัฐบาลไหนตั้งขึ้นได้จากเงื่อนไขของพรรคประชาชน มี สส. 280 เสียง ไม่ว่าใครก็ตามอ้างเกินกึ่งหนึ่ง ไม่ใช่เป็นผลลัพธ์จากพรรคประชาชน แน่นอน

    -"ชัยเกษม"พร้อมนั่งนายก

    -สภาพร้อมโหวตเลือกนายก

    -เตือนน้ำท่วมพังงา

    -35 ปี สืบ นาคะเสถียร
    เพื่อไทย-ภูมิใจไทย ไม่ไว้ใจทั้งคู่ : [NEWS UPDATE] นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคประชาชน เผยถึงการประชุม สส.นัดพิเศษ เพื่อหาข้อสรุปโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ มีความเห็นหลากหลายมาก ทั้งเห็นด้วยและหนักใจ ไม่ไว้ใจทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย เราป้องกันแดงน้ำเงินกลับไปรวมกัน ทำประเทศเสียหาย ไม่ทราบพรรคภูมิใจไทย นัดทำ Agreement ย้ำ ไม่มีรัฐบาลไหนตั้งขึ้นได้จากเงื่อนไขของพรรคประชาชน มี สส. 280 เสียง ไม่ว่าใครก็ตามอ้างเกินกึ่งหนึ่ง ไม่ใช่เป็นผลลัพธ์จากพรรคประชาชน แน่นอน -"ชัยเกษม"พร้อมนั่งนายก -สภาพร้อมโหวตเลือกนายก -เตือนน้ำท่วมพังงา -35 ปี สืบ นาคะเสถียร
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 125 Views 0 0 Reviews
  • FENGSHUI DAILY
    อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว
    สีเสริมดวง เสริมความเฮง
    ทิศมงคล เวลามงคล
    อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่
    วันพุธที่ 3 เดือนกันยายน พ.ศ.2568
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    FENGSHUI DAILY อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว สีเสริมดวง เสริมความเฮง ทิศมงคล เวลามงคล อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่ วันพุธที่ 3 เดือนกันยายน พ.ศ.2568 ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    0 Comments 0 Shares 8 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 3 Views 0 Reviews
  • อ้วนไม่ยอมแพ้ แถลงสุมไฟยับให้พรรคส้มคิดใหม่ เลือกเพื่อไทยดีกว่า ?! (2/9/68)

    #TruthFromThailand
    #ภูมิธรรม
    #เพื่อไทย
    #พรรคส้ม
    #การเมืองไทย
    #ข่าวการเมือง
    #ข่าววันนี้
    #ข่าวดัง
    #ThaiTimes
    #news1
    #shorts
    #ThaiPolitics
    #BreakingNews
    #ElectionThailand
    อ้วนไม่ยอมแพ้ แถลงสุมไฟยับให้พรรคส้มคิดใหม่ เลือกเพื่อไทยดีกว่า ?! (2/9/68) #TruthFromThailand #ภูมิธรรม #เพื่อไทย #พรรคส้ม #การเมืองไทย #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ThaiTimes #news1 #shorts #ThaiPolitics #BreakingNews #ElectionThailand
    0 Comments 0 Shares 39 Views 0 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: ช่องโหว่ที่ซ่อนอยู่ใน ping และ ActiveMQ

    เมื่อไม่นานมานี้ มีการเปิดเผยช่องโหว่ร้ายแรงสองตัวที่ทำให้ผู้ดูแลระบบ Linux ต้องรีบหันมามองระบบของตัวเองใหม่อีกครั้ง หนึ่งคือ CVE-2025-48964 ที่ซ่อนอยู่ใน ping utility ของ iputils และอีกหนึ่งคือ CVE-2023-46604 ใน Apache ActiveMQ ที่ถูกใช้เป็นช่องทางในการปล่อยมัลแวร์ชื่อ DripDropper

    เริ่มจาก ping utility ที่เราคุ้นเคยกันดี มันคือเครื่องมือพื้นฐานในการตรวจสอบการเชื่อมต่อเครือข่าย แต่ใน adaptive ping mode กลับมีช่องโหว่ที่เปิดโอกาสให้ผู้ไม่หวังดีส่งแพ็กเก็ต ICMP ที่มี timestamp เป็นศูนย์ ซึ่งจะทำให้เกิดการคำนวณค่าที่ผิดพลาดและนำไปสู่การล่มของแอปพลิเคชัน หรือการเก็บข้อมูลเครือข่ายที่ผิดเพี้ยน

    ในอีกด้านหนึ่ง Apache ActiveMQ ซึ่งเป็น message broker ที่นิยมใช้ในระบบ enterprise ก็ถูกโจมตีด้วยช่องโหว่ CVE-2023-46604 ที่เปิดให้รันคำสั่งจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน แฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่นี้ติดตั้งมัลแวร์ DripDropper ที่ไม่เพียงแค่แอบซ่อนตัวเอง แต่ยัง “อุดช่องโหว่” ที่มันใช้เจาะเข้ามา เพื่อกันไม่ให้ใครอื่นตามเข้ามาอีก เป็นการปิดประตูหลังบ้านหลังจากแอบเข้ามาแล้ว

    DripDropper ยังใช้ Dropbox เป็นช่องทางสื่อสารกับผู้โจมตี ทำให้การตรวจจับยากขึ้น เพราะมันแฝงตัวอยู่ในทราฟฟิกที่ดูเหมือนปกติ และยังมีการปรับแต่ง SSH config เพื่อเปิด root login และสร้าง cron jobs เพื่อให้มัลแวร์ทำงานต่อเนื่องแม้ระบบจะรีบูต

    ช่องโหว่ CVE-2025-48964 ใน iputils
    เกิดจาก adaptive ping mode ที่ไม่จัดการ timestamp เป็นศูนย์อย่างเหมาะสม
    ส่งผลให้เกิด integer overflow ระหว่างการคำนวณสถิติ
    ส่งผลให้ ping ล่มหรือเก็บข้อมูลเครือข่ายผิดพลาด
    กระทบต่อระบบที่ใช้ iputils ก่อนเวอร์ชัน 20250602

    ช่องโหว่ CVE-2023-46604 ใน Apache ActiveMQ
    เป็นช่องโหว่ remote code execution ที่มี CVSS 10.0
    เปิดให้รันคำสั่ง shell โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน
    ถูกใช้ในการติดตั้งมัลแวร์ DripDropper
    ActiveMQ ที่ได้รับผลกระทบคือเวอร์ชันก่อน 5.15.16, 5.16.7, 5.17.6 และ 5.18.3

    พฤติกรรมของมัลแวร์ DripDropper
    เป็นไฟล์ PyInstaller แบบ ELF ที่ต้องใช้รหัสผ่านในการรัน
    สื่อสารกับบัญชี Dropbox ของผู้โจมตีผ่าน bearer token
    สร้างไฟล์มัลแวร์สองตัวที่ทำงานผ่าน cron jobs และปรับแต่ง SSH
    ใช้เทคนิค “patch หลังเจาะ” เพื่อปิดช่องโหว่ที่ใช้เจาะเข้ามา

    ความเสี่ยงจาก adaptive ping mode
    อาจทำให้ระบบตรวจสอบเครือข่ายล้มเหลวในช่วงที่ถูกโจมตี
    ส่งผลให้การวิเคราะห์เครือข่ายผิดพลาดและไม่สามารถตรวจจับการบุกรุกได้

    ความซับซ้อนของการโจมตี ActiveMQ
    ผู้โจมตีใช้เทคนิค patch ช่องโหว่หลังเจาะเพื่อหลบการตรวจจับ
    ทำให้ผู้ดูแลระบบเข้าใจผิดว่าระบบปลอดภัยแล้ว
    การใช้ Dropbox เป็น C2 channel ทำให้การตรวจจับยากขึ้น

    ความเสี่ยงจาก SSH และ cron jobs ที่ถูกปรับแต่ง
    เปิด root login โดยไม่ได้รับอนุญาต
    สร้างช่องทางให้มัลแวร์ทำงานต่อเนื่องแม้มีการรีบูตหรืออัปเดต

    https://linuxconfig.org/critical-cve-2025-48964-vulnerability-in-iputils-a-major-concern-for-linux-administrators
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: ช่องโหว่ที่ซ่อนอยู่ใน ping และ ActiveMQ เมื่อไม่นานมานี้ มีการเปิดเผยช่องโหว่ร้ายแรงสองตัวที่ทำให้ผู้ดูแลระบบ Linux ต้องรีบหันมามองระบบของตัวเองใหม่อีกครั้ง หนึ่งคือ CVE-2025-48964 ที่ซ่อนอยู่ใน ping utility ของ iputils และอีกหนึ่งคือ CVE-2023-46604 ใน Apache ActiveMQ ที่ถูกใช้เป็นช่องทางในการปล่อยมัลแวร์ชื่อ DripDropper เริ่มจาก ping utility ที่เราคุ้นเคยกันดี มันคือเครื่องมือพื้นฐานในการตรวจสอบการเชื่อมต่อเครือข่าย แต่ใน adaptive ping mode กลับมีช่องโหว่ที่เปิดโอกาสให้ผู้ไม่หวังดีส่งแพ็กเก็ต ICMP ที่มี timestamp เป็นศูนย์ ซึ่งจะทำให้เกิดการคำนวณค่าที่ผิดพลาดและนำไปสู่การล่มของแอปพลิเคชัน หรือการเก็บข้อมูลเครือข่ายที่ผิดเพี้ยน ในอีกด้านหนึ่ง Apache ActiveMQ ซึ่งเป็น message broker ที่นิยมใช้ในระบบ enterprise ก็ถูกโจมตีด้วยช่องโหว่ CVE-2023-46604 ที่เปิดให้รันคำสั่งจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน แฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่นี้ติดตั้งมัลแวร์ DripDropper ที่ไม่เพียงแค่แอบซ่อนตัวเอง แต่ยัง “อุดช่องโหว่” ที่มันใช้เจาะเข้ามา เพื่อกันไม่ให้ใครอื่นตามเข้ามาอีก เป็นการปิดประตูหลังบ้านหลังจากแอบเข้ามาแล้ว DripDropper ยังใช้ Dropbox เป็นช่องทางสื่อสารกับผู้โจมตี ทำให้การตรวจจับยากขึ้น เพราะมันแฝงตัวอยู่ในทราฟฟิกที่ดูเหมือนปกติ และยังมีการปรับแต่ง SSH config เพื่อเปิด root login และสร้าง cron jobs เพื่อให้มัลแวร์ทำงานต่อเนื่องแม้ระบบจะรีบูต ✅ ช่องโหว่ CVE-2025-48964 ใน iputils ➡️ เกิดจาก adaptive ping mode ที่ไม่จัดการ timestamp เป็นศูนย์อย่างเหมาะสม ➡️ ส่งผลให้เกิด integer overflow ระหว่างการคำนวณสถิติ ➡️ ส่งผลให้ ping ล่มหรือเก็บข้อมูลเครือข่ายผิดพลาด ➡️ กระทบต่อระบบที่ใช้ iputils ก่อนเวอร์ชัน 20250602 ✅ ช่องโหว่ CVE-2023-46604 ใน Apache ActiveMQ ➡️ เป็นช่องโหว่ remote code execution ที่มี CVSS 10.0 ➡️ เปิดให้รันคำสั่ง shell โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ➡️ ถูกใช้ในการติดตั้งมัลแวร์ DripDropper ➡️ ActiveMQ ที่ได้รับผลกระทบคือเวอร์ชันก่อน 5.15.16, 5.16.7, 5.17.6 และ 5.18.3 ✅ พฤติกรรมของมัลแวร์ DripDropper ➡️ เป็นไฟล์ PyInstaller แบบ ELF ที่ต้องใช้รหัสผ่านในการรัน ➡️ สื่อสารกับบัญชี Dropbox ของผู้โจมตีผ่าน bearer token ➡️ สร้างไฟล์มัลแวร์สองตัวที่ทำงานผ่าน cron jobs และปรับแต่ง SSH ➡️ ใช้เทคนิค “patch หลังเจาะ” เพื่อปิดช่องโหว่ที่ใช้เจาะเข้ามา ‼️ ความเสี่ยงจาก adaptive ping mode ⛔ อาจทำให้ระบบตรวจสอบเครือข่ายล้มเหลวในช่วงที่ถูกโจมตี ⛔ ส่งผลให้การวิเคราะห์เครือข่ายผิดพลาดและไม่สามารถตรวจจับการบุกรุกได้ ‼️ ความซับซ้อนของการโจมตี ActiveMQ ⛔ ผู้โจมตีใช้เทคนิค patch ช่องโหว่หลังเจาะเพื่อหลบการตรวจจับ ⛔ ทำให้ผู้ดูแลระบบเข้าใจผิดว่าระบบปลอดภัยแล้ว ⛔ การใช้ Dropbox เป็น C2 channel ทำให้การตรวจจับยากขึ้น ‼️ ความเสี่ยงจาก SSH และ cron jobs ที่ถูกปรับแต่ง ⛔ เปิด root login โดยไม่ได้รับอนุญาต ⛔ สร้างช่องทางให้มัลแวร์ทำงานต่อเนื่องแม้มีการรีบูตหรืออัปเดต https://linuxconfig.org/critical-cve-2025-48964-vulnerability-in-iputils-a-major-concern-for-linux-administrators
    LINUXCONFIG.ORG
    Critical CVE-2025-48964 Vulnerability in iputils: A Major Concern for Linux Administrators
    Discover the critical CVE-2025-48964 vulnerability impacting the ping utility in iputils, posing significant security risks for Linux systems. Learn how this flaw allows attackers to trigger denial of service and explore the importance of immediate patching and regular monitoring to safeguard your infrastructure.
    0 Comments 0 Shares 33 Views 0 Reviews
  • Like
    1
    0 Comments 0 Shares 11 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 11 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากเบื้องหลัง AI: ต้นทุนจริงของการรันโมเดลใหญ่

    ช่วงนี้มีเสียงลือกันหนาหูว่า AI โดยเฉพาะการ “รัน inference” คือเครื่องเผาเงินชั้นดี หลายคนเชื่อว่าบริษัทอย่าง OpenAI และ Anthropic กำลังขาดทุนยับเยินจากการให้บริการโมเดลขนาดใหญ่ แต่บทความนี้พาเราไปเจาะลึกแบบ “napkin math” หรือคำนวณคร่าว ๆ จากหลักการพื้นฐาน เพื่อหาคำตอบว่าเรื่องนี้จริงแค่ไหน

    ผู้เขียนใช้ DeepSeek R1 เป็นโมเดลตัวอย่าง ซึ่งมี 671 พารามิเตอร์ทั้งหมด แต่ใช้แค่ 37B ผ่านเทคนิค mixture of experts (MoE) ที่ช่วยลดต้นทุนได้มาก โดยใช้ GPU H100 จำนวน 72 ตัว คิดราคาที่ $2 ต่อชั่วโมงต่อ GPU ซึ่งสูงกว่าราคาจริงในตลาดเสียอีก

    สิ่งที่น่าสนใจคือ “ต้นทุนของ input tokens” กับ “output tokens” ต่างกันมหาศาล! การประมวลผล input tokens สามารถทำได้แบบขนานและเร็วมาก ในขณะที่การสร้าง output tokens ต้องทำแบบลำดับทีละตัว ทำให้ต้นทุนสูงกว่าเป็นพันเท่า

    ยิ่งไปกว่านั้น การใช้งานจริงของผู้ใช้ เช่น นักพัฒนา หรือ power users กลับอยู่ในรูปแบบที่ใช้ input เยอะมาก แต่ output น้อย เช่น การส่งโค้ดทั้งไฟล์เพื่อให้ AI วิเคราะห์ แล้วให้มันตอบกลับแค่ไม่กี่บรรทัด ซึ่งเป็นรูปแบบที่ “คุ้มค่ามาก” สำหรับผู้ให้บริการ

    ต้นทุนการรัน inference ของโมเดล AI
    ใช้ GPU H100 จำนวน 72 ตัว คิดต้นทุน $144/ชั่วโมง
    input tokens ประมวลผลได้เร็วมากถึง ~46.8 พันล้าน tokens/ชั่วโมง
    output tokens สร้างได้เพียง ~46.7 ล้าน tokens/ชั่วโมง
    ต้นทุนต่อ input token อยู่ที่ ~$0.003 ต่อ 1 ล้าน tokens
    ต้นทุนต่อ output token สูงถึง ~$3 ต่อ 1 ล้าน tokens

    ความแตกต่างระหว่าง input และ output
    input สามารถประมวลผลแบบขนานได้
    output ต้องสร้างทีละ token ทำให้ช้ากว่าและแพงกว่า
    ความไม่สมมาตรนี้ทำให้บาง use case คุ้มค่ามาก เช่น coding assistant

    ตัวอย่างการใช้งานจริง
    ผู้ใช้ระดับนักพัฒนาใช้ input เยอะมาก เช่น โค้ดหลายไฟล์
    แต่ต้องการ output น้อย เช่น คำอธิบายหรือโค้ดสั้น ๆ
    ทำให้ต้นทุนจริงต่ำมากเมื่อเทียบกับราคาที่เรียกเก็บ

    โมเดลธุรกิจของ API
    ราคาขายต่อ 1 ล้าน tokens อยู่ที่ ~$3 สำหรับ output
    แต่ต้นทุนจริงอยู่ที่ ~$0.01 สำหรับ input และ ~$3 สำหรับ output
    ทำให้มี margin สูงถึง 80–95%

    ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับต้นทุน AI
    หลายคนเชื่อว่า inference ขาดทุนเสมอ ซึ่งไม่จริงในหลายกรณี
    การพูดถึงต้นทุนสูงอาจเป็นกลยุทธ์ของผู้เล่นรายใหญ่เพื่อกันคู่แข่ง

    ความเสี่ยงจาก context ยาว
    เมื่อ context ยาวเกิน 128k tokens จะเปลี่ยนจาก memory-bound เป็น compute-bound
    ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น 2–10 เท่า
    บางโมเดลจึงจำกัด context window เพื่อควบคุมต้นทุน

    การตั้งราคาที่ไม่สอดคล้องกับมูลค่าจริง
    การคิดราคาตาม input อาจทำให้ผู้ใช้ลดรายละเอียดใน prompt
    การคิดราคาตาม output อาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าไม่คุ้มถ้าได้คำตอบสั้น

    https://martinalderson.com/posts/are-openai-and-anthropic-really-losing-money-on-inference/
    🎙️ เรื่องเล่าจากเบื้องหลัง AI: ต้นทุนจริงของการรันโมเดลใหญ่ ช่วงนี้มีเสียงลือกันหนาหูว่า AI โดยเฉพาะการ “รัน inference” คือเครื่องเผาเงินชั้นดี หลายคนเชื่อว่าบริษัทอย่าง OpenAI และ Anthropic กำลังขาดทุนยับเยินจากการให้บริการโมเดลขนาดใหญ่ แต่บทความนี้พาเราไปเจาะลึกแบบ “napkin math” หรือคำนวณคร่าว ๆ จากหลักการพื้นฐาน เพื่อหาคำตอบว่าเรื่องนี้จริงแค่ไหน ผู้เขียนใช้ DeepSeek R1 เป็นโมเดลตัวอย่าง ซึ่งมี 671 พารามิเตอร์ทั้งหมด แต่ใช้แค่ 37B ผ่านเทคนิค mixture of experts (MoE) ที่ช่วยลดต้นทุนได้มาก โดยใช้ GPU H100 จำนวน 72 ตัว คิดราคาที่ $2 ต่อชั่วโมงต่อ GPU ซึ่งสูงกว่าราคาจริงในตลาดเสียอีก สิ่งที่น่าสนใจคือ “ต้นทุนของ input tokens” กับ “output tokens” ต่างกันมหาศาล! การประมวลผล input tokens สามารถทำได้แบบขนานและเร็วมาก ในขณะที่การสร้าง output tokens ต้องทำแบบลำดับทีละตัว ทำให้ต้นทุนสูงกว่าเป็นพันเท่า ยิ่งไปกว่านั้น การใช้งานจริงของผู้ใช้ เช่น นักพัฒนา หรือ power users กลับอยู่ในรูปแบบที่ใช้ input เยอะมาก แต่ output น้อย เช่น การส่งโค้ดทั้งไฟล์เพื่อให้ AI วิเคราะห์ แล้วให้มันตอบกลับแค่ไม่กี่บรรทัด ซึ่งเป็นรูปแบบที่ “คุ้มค่ามาก” สำหรับผู้ให้บริการ ✅ ต้นทุนการรัน inference ของโมเดล AI ➡️ ใช้ GPU H100 จำนวน 72 ตัว คิดต้นทุน $144/ชั่วโมง ➡️ input tokens ประมวลผลได้เร็วมากถึง ~46.8 พันล้าน tokens/ชั่วโมง ➡️ output tokens สร้างได้เพียง ~46.7 ล้าน tokens/ชั่วโมง ➡️ ต้นทุนต่อ input token อยู่ที่ ~$0.003 ต่อ 1 ล้าน tokens ➡️ ต้นทุนต่อ output token สูงถึง ~$3 ต่อ 1 ล้าน tokens ✅ ความแตกต่างระหว่าง input และ output ➡️ input สามารถประมวลผลแบบขนานได้ ➡️ output ต้องสร้างทีละ token ทำให้ช้ากว่าและแพงกว่า ➡️ ความไม่สมมาตรนี้ทำให้บาง use case คุ้มค่ามาก เช่น coding assistant ✅ ตัวอย่างการใช้งานจริง ➡️ ผู้ใช้ระดับนักพัฒนาใช้ input เยอะมาก เช่น โค้ดหลายไฟล์ ➡️ แต่ต้องการ output น้อย เช่น คำอธิบายหรือโค้ดสั้น ๆ ➡️ ทำให้ต้นทุนจริงต่ำมากเมื่อเทียบกับราคาที่เรียกเก็บ ✅ โมเดลธุรกิจของ API ➡️ ราคาขายต่อ 1 ล้าน tokens อยู่ที่ ~$3 สำหรับ output ➡️ แต่ต้นทุนจริงอยู่ที่ ~$0.01 สำหรับ input และ ~$3 สำหรับ output ➡️ ทำให้มี margin สูงถึง 80–95% ‼️ ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับต้นทุน AI ⛔ หลายคนเชื่อว่า inference ขาดทุนเสมอ ซึ่งไม่จริงในหลายกรณี ⛔ การพูดถึงต้นทุนสูงอาจเป็นกลยุทธ์ของผู้เล่นรายใหญ่เพื่อกันคู่แข่ง ‼️ ความเสี่ยงจาก context ยาว ⛔ เมื่อ context ยาวเกิน 128k tokens จะเปลี่ยนจาก memory-bound เป็น compute-bound ⛔ ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น 2–10 เท่า ⛔ บางโมเดลจึงจำกัด context window เพื่อควบคุมต้นทุน ‼️ การตั้งราคาที่ไม่สอดคล้องกับมูลค่าจริง ⛔ การคิดราคาตาม input อาจทำให้ผู้ใช้ลดรายละเอียดใน prompt ⛔ การคิดราคาตาม output อาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าไม่คุ้มถ้าได้คำตอบสั้น https://martinalderson.com/posts/are-openai-and-anthropic-really-losing-money-on-inference/
    MARTINALDERSON.COM
    Are OpenAI and Anthropic Really Losing Money on Inference?
    Deconstructing the real costs of running AI inference at scale. My napkin math suggests the economics might be far more profitable than commonly claimed.
    0 Comments 0 Shares 22 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลก Container: Bitnami กำลังเปลี่ยนบ้านใหม่

    Bitnami ซึ่งเป็นชื่อที่คุ้นเคยในวงการ DevOps และ Kubernetes กำลังปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ โดยจะย้ายภาพ container และ Helm charts ออกจาก Docker Hub ไปยัง registry ใหม่ที่ปลอดภัยกว่า และบางส่วนก็จะถูกเก็บไว้ใน Bitnami Legacy ซึ่งเป็นเหมือน “โกดังเก็บของเก่า” ที่ไม่มีการอัปเดตอีกต่อไป

    การเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มต้นตั้งแต่ 28 สิงหาคม 2025 โดยจะมีการ “brownout” หรือการปิดการเข้าถึงภาพ container บางชุดเป็นเวลา 24 ชั่วโมงในหลายช่วง เพื่อเตือนให้ผู้ใช้เตรียมตัวก่อนการลบจริงในวันที่ 29 กันยายน

    Bitnami Secure Images (BSI) คือทางเลือกใหม่ที่ปลอดภัยกว่า มีการลดจำนวนช่องโหว่ CVE อย่างมหาศาล และมีระบบรายงานความเสี่ยงแบบมืออาชีพ พร้อมรองรับ Photon Linux ซึ่งเป็นระบบที่แข็งแกร่งกว่า Debian เดิม

    แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะพร้อมจ่าย เพราะ BSI แบบเต็มต้องสมัครสมาชิกเชิงพาณิชย์ ซึ่งมีราคาสูงถึง $50,000–$72,000 ต่อปี ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปต้องเลือกว่าจะไปต่อกับ BSI หรือใช้ Bitnami Legacy แบบไม่มีการอัปเดตและเสี่ยงต่อความปลอดภัย

    การเปลี่ยนแปลงของ Bitnami Registry
    Bitnami จะลบ image container จาก docker.io/bitnami ภายใน 29 กันยายน 2025
    มีการ brownout ชั่วคราวในวันที่ 28 ส.ค., 2 ก.ย., และ 17 ก.ย. เพื่อเตือนผู้ใช้
    Helm charts และ source code ยังเปิดให้เข้าถึงบน GitHub ภายใต้ Apache 2.0

    Bitnami Secure Images (BSI)
    เป็นภาพ container ที่ผ่านการ hardening และลด CVE ได้มากกว่า 100 รายการ
    มีระบบรายงาน VEX, KEV, EPSS และ UI/API สำหรับจัดการ metadata
    รองรับ Photon Linux ที่ปลอดภัยกว่า Debian และใช้ร่วมกับ Helm charts เดิมได้
    มี distroless charts ที่ลด attack surface ได้ถึง 83%
    ส่งภาพผ่าน private OCI registry เพื่อหลีกเลี่ยง rate limit ของ Docker Hub

    Bitnami Legacy Registry
    เป็น registry สำหรับภาพ container เก่าแบบไม่มีการอัปเดต
    เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ยังไม่พร้อมเปลี่ยน แต่เสี่ยงต่อช่องโหว่ในอนาคต
    แนะนำให้คัดลอก image ไปยัง registry ส่วนตัวเพื่อความปลอดภัย

    เหตุผลที่ควรเปลี่ยนตอนนี้
    จำนวนแพ็กเกจ open source ที่เป็นอันตรายเพิ่มขึ้นกว่า 245,000 รายการในช่วง 2019–2023
    Cyber Resilience Act ของ EU กำหนดให้ต้องมีหลักฐานความปลอดภัยของซอฟต์แวร์
    การใช้ BSI ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความสามารถในการปฏิบัติตามข้อกำหนด

    https://community.broadcom.com/tanzu/blogs/beltran-rueda-borrego/2025/08/18/how-to-prepare-for-the-bitnami-changes-coming-soon
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลก Container: Bitnami กำลังเปลี่ยนบ้านใหม่ Bitnami ซึ่งเป็นชื่อที่คุ้นเคยในวงการ DevOps และ Kubernetes กำลังปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ โดยจะย้ายภาพ container และ Helm charts ออกจาก Docker Hub ไปยัง registry ใหม่ที่ปลอดภัยกว่า และบางส่วนก็จะถูกเก็บไว้ใน Bitnami Legacy ซึ่งเป็นเหมือน “โกดังเก็บของเก่า” ที่ไม่มีการอัปเดตอีกต่อไป การเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มต้นตั้งแต่ 28 สิงหาคม 2025 โดยจะมีการ “brownout” หรือการปิดการเข้าถึงภาพ container บางชุดเป็นเวลา 24 ชั่วโมงในหลายช่วง เพื่อเตือนให้ผู้ใช้เตรียมตัวก่อนการลบจริงในวันที่ 29 กันยายน Bitnami Secure Images (BSI) คือทางเลือกใหม่ที่ปลอดภัยกว่า มีการลดจำนวนช่องโหว่ CVE อย่างมหาศาล และมีระบบรายงานความเสี่ยงแบบมืออาชีพ พร้อมรองรับ Photon Linux ซึ่งเป็นระบบที่แข็งแกร่งกว่า Debian เดิม แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะพร้อมจ่าย เพราะ BSI แบบเต็มต้องสมัครสมาชิกเชิงพาณิชย์ ซึ่งมีราคาสูงถึง $50,000–$72,000 ต่อปี ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปต้องเลือกว่าจะไปต่อกับ BSI หรือใช้ Bitnami Legacy แบบไม่มีการอัปเดตและเสี่ยงต่อความปลอดภัย ✅ การเปลี่ยนแปลงของ Bitnami Registry ➡️ Bitnami จะลบ image container จาก docker.io/bitnami ภายใน 29 กันยายน 2025 ➡️ มีการ brownout ชั่วคราวในวันที่ 28 ส.ค., 2 ก.ย., และ 17 ก.ย. เพื่อเตือนผู้ใช้ ➡️ Helm charts และ source code ยังเปิดให้เข้าถึงบน GitHub ภายใต้ Apache 2.0 ✅ Bitnami Secure Images (BSI) ➡️ เป็นภาพ container ที่ผ่านการ hardening และลด CVE ได้มากกว่า 100 รายการ ➡️ มีระบบรายงาน VEX, KEV, EPSS และ UI/API สำหรับจัดการ metadata ➡️ รองรับ Photon Linux ที่ปลอดภัยกว่า Debian และใช้ร่วมกับ Helm charts เดิมได้ ➡️ มี distroless charts ที่ลด attack surface ได้ถึง 83% ➡️ ส่งภาพผ่าน private OCI registry เพื่อหลีกเลี่ยง rate limit ของ Docker Hub ✅ Bitnami Legacy Registry ➡️ เป็น registry สำหรับภาพ container เก่าแบบไม่มีการอัปเดต ➡️ เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ยังไม่พร้อมเปลี่ยน แต่เสี่ยงต่อช่องโหว่ในอนาคต ➡️ แนะนำให้คัดลอก image ไปยัง registry ส่วนตัวเพื่อความปลอดภัย ✅ เหตุผลที่ควรเปลี่ยนตอนนี้ ➡️ จำนวนแพ็กเกจ open source ที่เป็นอันตรายเพิ่มขึ้นกว่า 245,000 รายการในช่วง 2019–2023 ➡️ Cyber Resilience Act ของ EU กำหนดให้ต้องมีหลักฐานความปลอดภัยของซอฟต์แวร์ ➡️ การใช้ BSI ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความสามารถในการปฏิบัติตามข้อกำหนด https://community.broadcom.com/tanzu/blogs/beltran-rueda-borrego/2025/08/18/how-to-prepare-for-the-bitnami-changes-coming-soon
    0 Comments 0 Shares 30 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากลมหายใจ: เมื่อการหายใจลึกกลายเป็นประตูสู่จิตวิญญาณ

    ในยุคที่ผู้คนแสวงหาวิธีเยียวยาจิตใจโดยไม่พึ่งยา งานวิจัยล่าสุดจาก Brighton and Sussex Medical School ได้เปิดเผยว่า “การหายใจแบบแรงและเร็ว” หรือ High Ventilation Breathwork (HVB) เมื่อทำร่วมกับดนตรี สามารถกระตุ้นให้เกิดภาวะเปลี่ยนแปลงของจิตสำนึก (Altered States of Consciousness – ASC) ที่คล้ายกับผลของสารไซคีเดลิก เช่น psilocybin หรือ LSD

    ผู้เข้าร่วมทดลองหายใจแบบ HVB เป็นเวลา 20–30 นาที พร้อมฟังดนตรีที่เร้าอารมณ์ แล้วตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับความรู้สึกภายใน 30 นาทีหลังจบกิจกรรม ผลลัพธ์น่าทึ่ง: ผู้เข้าร่วมรายงานว่ารู้สึกถึง “Oceanic Boundlessness” หรือความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล ความสุขล้น และการปลดปล่อยทางอารมณ์

    สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้ HVB จะลดการไหลเวียนเลือดทั่วสมอง แต่กลับเพิ่มการไหลเวียนในบริเวณที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์และความทรงจำ เช่น amygdala และ hippocampus ซึ่งอาจเป็นกุญแจสำคัญของผลการบำบัด

    ผลกระทบทางสมองจาก HVB
    ลดการไหลเวียนเลือดทั่วสมองโดยเฉลี่ย 30–40%
    เพิ่มการไหลเวียนเลือดเฉพาะจุดใน amygdala และ anterior hippocampus
    ลดการไหลเวียนใน posterior insula และ parietal operculum ซึ่งเกี่ยวข้องกับการรับรู้ภายในร่างกาย

    ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจาก HVB
    ผู้เข้าร่วมรายงานความรู้สึก “Oceanic Boundlessness” (OBN) ซึ่งรวมถึงความสุข ความเป็นหนึ่งเดียว และการปลดปล่อย
    คะแนน OBN สูงสุดเกิดในห้องทดลอง (LAB) รองลงมาคือ MRI และต่ำสุดในแบบออนไลน์
    HVB ลดความรู้สึกด้านลบ เช่น ความกลัวและอารมณ์ลบ โดยไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง

    กลไกทางชีวภาพที่เกี่ยวข้อง
    HVB ทำให้เกิด respiratory alkalosis จากการลด CO₂ ในเลือด
    ส่งผลให้เกิด vasoconstriction และเปลี่ยนแปลงการไหลเวียนเลือดในสมอง
    ลด HRV (Heart Rate Variability) ซึ่งสะท้อนถึงการกระตุ้นระบบประสาท sympathetic

    ความเชื่อมโยงกับการบำบัดแบบไซคีเดลิก
    ประสบการณ์ OBN มีความคล้ายคลึงกับผลของ psilocybin และ LSD
    การเปลี่ยนแปลงใน insula และ amygdala คล้ายกับผลของยาไซคีเดลิกในการบำบัดภาวะซึมเศร้า
    HVB อาจช่วยให้ผู้เข้าร่วมเผชิญและประมวลผลความทรงจำทางอารมณ์ได้ดีขึ้น

    ความเสี่ยงจากการลด CO₂ มากเกินไป
    อาจทำให้เกิดอาการเวียนหัวหรือหมดสติในผู้ที่ไม่เคยฝึกมาก่อน
    การลด CO₂ มากเกินไปอาจกระทบสมดุลกรด-ด่างในเลือด

    ข้อจำกัดของงานวิจัย
    ขนาดกลุ่มตัวอย่างยังเล็ก และไม่มีกลุ่มควบคุมที่ฟังเพลงอย่างเดียว
    ผลลัพธ์อาจไม่สามารถสรุปกับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ HVB มาก่อน

    ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ HRV
    แม้ HRV ลดลงจะสะท้อนถึงความเครียด แต่ในบริบท HVB อาจหมายถึงการเปิดรับประสบการณ์เชิงบวก
    ต้องระวังไม่ตีความ HRV ต่ำว่าเป็นผลเสียเสมอไป

    https://journals.plos.org/plosone/article?id=10.1371/journal.pone.0329411
    🎙️ เรื่องเล่าจากลมหายใจ: เมื่อการหายใจลึกกลายเป็นประตูสู่จิตวิญญาณ ในยุคที่ผู้คนแสวงหาวิธีเยียวยาจิตใจโดยไม่พึ่งยา งานวิจัยล่าสุดจาก Brighton and Sussex Medical School ได้เปิดเผยว่า “การหายใจแบบแรงและเร็ว” หรือ High Ventilation Breathwork (HVB) เมื่อทำร่วมกับดนตรี สามารถกระตุ้นให้เกิดภาวะเปลี่ยนแปลงของจิตสำนึก (Altered States of Consciousness – ASC) ที่คล้ายกับผลของสารไซคีเดลิก เช่น psilocybin หรือ LSD ผู้เข้าร่วมทดลองหายใจแบบ HVB เป็นเวลา 20–30 นาที พร้อมฟังดนตรีที่เร้าอารมณ์ แล้วตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับความรู้สึกภายใน 30 นาทีหลังจบกิจกรรม ผลลัพธ์น่าทึ่ง: ผู้เข้าร่วมรายงานว่ารู้สึกถึง “Oceanic Boundlessness” หรือความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล ความสุขล้น และการปลดปล่อยทางอารมณ์ สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้ HVB จะลดการไหลเวียนเลือดทั่วสมอง แต่กลับเพิ่มการไหลเวียนในบริเวณที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์และความทรงจำ เช่น amygdala และ hippocampus ซึ่งอาจเป็นกุญแจสำคัญของผลการบำบัด ✅ ผลกระทบทางสมองจาก HVB ➡️ ลดการไหลเวียนเลือดทั่วสมองโดยเฉลี่ย 30–40% ➡️ เพิ่มการไหลเวียนเลือดเฉพาะจุดใน amygdala และ anterior hippocampus ➡️ ลดการไหลเวียนใน posterior insula และ parietal operculum ซึ่งเกี่ยวข้องกับการรับรู้ภายในร่างกาย ✅ ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจาก HVB ➡️ ผู้เข้าร่วมรายงานความรู้สึก “Oceanic Boundlessness” (OBN) ซึ่งรวมถึงความสุข ความเป็นหนึ่งเดียว และการปลดปล่อย ➡️ คะแนน OBN สูงสุดเกิดในห้องทดลอง (LAB) รองลงมาคือ MRI และต่ำสุดในแบบออนไลน์ ➡️ HVB ลดความรู้สึกด้านลบ เช่น ความกลัวและอารมณ์ลบ โดยไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง ✅ กลไกทางชีวภาพที่เกี่ยวข้อง ➡️ HVB ทำให้เกิด respiratory alkalosis จากการลด CO₂ ในเลือด ➡️ ส่งผลให้เกิด vasoconstriction และเปลี่ยนแปลงการไหลเวียนเลือดในสมอง ➡️ ลด HRV (Heart Rate Variability) ซึ่งสะท้อนถึงการกระตุ้นระบบประสาท sympathetic ✅ ความเชื่อมโยงกับการบำบัดแบบไซคีเดลิก ➡️ ประสบการณ์ OBN มีความคล้ายคลึงกับผลของ psilocybin และ LSD ➡️ การเปลี่ยนแปลงใน insula และ amygdala คล้ายกับผลของยาไซคีเดลิกในการบำบัดภาวะซึมเศร้า ➡️ HVB อาจช่วยให้ผู้เข้าร่วมเผชิญและประมวลผลความทรงจำทางอารมณ์ได้ดีขึ้น ‼️ ความเสี่ยงจากการลด CO₂ มากเกินไป ⛔ อาจทำให้เกิดอาการเวียนหัวหรือหมดสติในผู้ที่ไม่เคยฝึกมาก่อน ⛔ การลด CO₂ มากเกินไปอาจกระทบสมดุลกรด-ด่างในเลือด ‼️ ข้อจำกัดของงานวิจัย ⛔ ขนาดกลุ่มตัวอย่างยังเล็ก และไม่มีกลุ่มควบคุมที่ฟังเพลงอย่างเดียว ⛔ ผลลัพธ์อาจไม่สามารถสรุปกับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ HVB มาก่อน ‼️ ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ HRV ⛔ แม้ HRV ลดลงจะสะท้อนถึงความเครียด แต่ในบริบท HVB อาจหมายถึงการเปิดรับประสบการณ์เชิงบวก ⛔ ต้องระวังไม่ตีความ HRV ต่ำว่าเป็นผลเสียเสมอไป https://journals.plos.org/plosone/article?id=10.1371/journal.pone.0329411
    JOURNALS.PLOS.ORG
    Neurobiological substrates of altered states of consciousness induced by high ventilation breathwork accompanied by music
    The popularity of breathwork as a therapeutic tool for psychological distress is rapidly expanding. Breathwork practices that increase ventilatory rate or depth, facilitated by music, can evoke subjective experiential states analogous to altered states of consciousness (ASCs) evoked by psychedelic substances. These states include components such as euphoria, bliss, and perceptual differences. However, the neurobiological mechanisms underlying the profound subjective effects of high ventilation breathwork (HVB) remain largely unknown and unexplored. In this study, we investigated the neurobiological substrates of ASCs induced by HVB in experienced practitioners. We demonstrate that the intensity of ASCs evoked by HVB was proportional to cardiovascular sympathetic activation and to haemodynamic alterations in cerebral perfusion within clusters spanning the left operculum/posterior insula and right amygdala/anterior hippocampus; regions implicated in respiratory interoceptive representation and the processing of emotional memories, respectively. These observed regional cerebral effects may underlie pivotal mental experiences that mediate positive therapeutic outcomes of HVB.
    0 Comments 0 Shares 29 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก Silicon Valley: Google ลดผู้จัดการ 35% เพื่อความคล่องตัว

    ในช่วงปีที่ผ่านมา Google ได้ตัดสินใจครั้งใหญ่ในการปรับโครงสร้างองค์กร โดยลดจำนวนผู้จัดการที่ดูแลทีมขนาดเล็กลงถึง 35% เพื่อทำให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดการพึ่งพาการเพิ่มจำนวนพนักงานเป็นหลักในการแก้ปัญหา

    Brian Welle รองประธานฝ่าย People Analytics เผยว่า ผู้จัดการที่ดูแลทีมเล็ก (น้อยกว่า 3 คน) หลายคนถูกปรับบทบาทให้เป็น “individual contributor” หรือผู้ปฏิบัติงานโดยตรงแทนที่จะเป็นหัวหน้า ซึ่งช่วยลดชั้นของการบริหารและเพิ่มความคล่องตัวในการตัดสินใจ

    นอกจากนี้ Google ยังเปิดตัวโครงการ “Voluntary Exit Program” (VEP) ซึ่งเป็นการให้พนักงานเลือกลาออกโดยสมัครใจ พร้อมแพ็กเกจสนับสนุน โดยเฉพาะในทีมด้านการค้นหา การตลาด ฮาร์ดแวร์ และทรัพยากรบุคคล ซึ่งมีพนักงาน 3–5% ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการนี้ ส่วนใหญ่ต้องการพักงานหรือดูแลครอบครัว

    แม้จะมีเสียงสะท้อนในเชิงบวกจากผู้บริหาร แต่พนักงานบางส่วนก็ยังรู้สึกไม่มั่นคง โดยเฉพาะหลังจากการปลดพนักงาน 6% ในปี 2023 และการชะลอการจ้างงานอย่างต่อเนื่อง

    การลดจำนวนผู้จัดการของ Google
    ลดผู้จัดการที่ดูแลทีมเล็กลง 35% ภายใน 1 ปี
    ผู้จัดการบางคนถูกปรับบทบาทเป็น individual contributor
    เป้าหมายคือการลดชั้นการบริหารและเพิ่มความคล่องตัว

    โครงการ Voluntary Exit Program (VEP)
    เปิดให้พนักงานใน 10 product areas ลาออกโดยสมัครใจ
    ทีมที่เข้าร่วม ได้แก่ Search, Marketing, Hardware, People Operations
    พนักงาน 3–5% ในแต่ละทีมเลือกเข้าร่วม VEP
    เหตุผลหลักคือการพักงานหรือดูแลครอบครัว

    มุมมองจากผู้บริหาร
    Sundar Pichai เน้นว่า “ไม่ควรแก้ทุกปัญหาด้วยการเพิ่มคน”
    Anat Ashkenazi CFO คนใหม่ ผลักดันการลดต้นทุนเพิ่มเติม
    Google ชะลอการจ้างงาน และขอให้พนักงานทำงานมากขึ้นด้วยทรัพยากรที่น้อยลง

    ความเคลื่อนไหวในอุตสาหกรรม
    Meta มีนโยบาย “recharge” ให้พนักงานพัก 1 เดือนหลังทำงานครบ 5 ปี
    Google ปฏิเสธแนวคิดนี้ โดยชี้ว่าระบบ leave ปัจจุบันเพียงพอแล้ว
    การเปรียบเทียบสวัสดิการระหว่างบริษัทเทคกลายเป็นประเด็นในวงประชุม

    ความไม่มั่นคงในองค์กร
    พนักงานบางส่วนกังวลเรื่อง job security หลังการปลดพนักงานหลายรอบ
    การลดผู้จัดการอาจกระทบการดูแลทีมและการพัฒนาอาชีพ

    ผลกระทบจากการลดชั้นบริหาร
    อาจเกิดภาระงานเกินในระดับปฏิบัติการ
    การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์อาจขาดมุมมองจากผู้จัดการที่เคยมีบทบาท

    ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ VEP
    แม้จะเป็นการลาออกโดยสมัครใจ แต่บางคนอาจรู้สึกถูกกดดันให้เลือกทางนี้
    การใช้ VEP แทนการปลดพนักงานอาจไม่เหมาะกับทุกวัฒนธรรมองค์กร

    https://www.cnbc.com/2025/08/27/google-executive-says-company-has-cut-a-third-of-its-managers.html
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Silicon Valley: Google ลดผู้จัดการ 35% เพื่อความคล่องตัว ในช่วงปีที่ผ่านมา Google ได้ตัดสินใจครั้งใหญ่ในการปรับโครงสร้างองค์กร โดยลดจำนวนผู้จัดการที่ดูแลทีมขนาดเล็กลงถึง 35% เพื่อทำให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดการพึ่งพาการเพิ่มจำนวนพนักงานเป็นหลักในการแก้ปัญหา Brian Welle รองประธานฝ่าย People Analytics เผยว่า ผู้จัดการที่ดูแลทีมเล็ก (น้อยกว่า 3 คน) หลายคนถูกปรับบทบาทให้เป็น “individual contributor” หรือผู้ปฏิบัติงานโดยตรงแทนที่จะเป็นหัวหน้า ซึ่งช่วยลดชั้นของการบริหารและเพิ่มความคล่องตัวในการตัดสินใจ นอกจากนี้ Google ยังเปิดตัวโครงการ “Voluntary Exit Program” (VEP) ซึ่งเป็นการให้พนักงานเลือกลาออกโดยสมัครใจ พร้อมแพ็กเกจสนับสนุน โดยเฉพาะในทีมด้านการค้นหา การตลาด ฮาร์ดแวร์ และทรัพยากรบุคคล ซึ่งมีพนักงาน 3–5% ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการนี้ ส่วนใหญ่ต้องการพักงานหรือดูแลครอบครัว แม้จะมีเสียงสะท้อนในเชิงบวกจากผู้บริหาร แต่พนักงานบางส่วนก็ยังรู้สึกไม่มั่นคง โดยเฉพาะหลังจากการปลดพนักงาน 6% ในปี 2023 และการชะลอการจ้างงานอย่างต่อเนื่อง ✅ การลดจำนวนผู้จัดการของ Google ➡️ ลดผู้จัดการที่ดูแลทีมเล็กลง 35% ภายใน 1 ปี ➡️ ผู้จัดการบางคนถูกปรับบทบาทเป็น individual contributor ➡️ เป้าหมายคือการลดชั้นการบริหารและเพิ่มความคล่องตัว ✅ โครงการ Voluntary Exit Program (VEP) ➡️ เปิดให้พนักงานใน 10 product areas ลาออกโดยสมัครใจ ➡️ ทีมที่เข้าร่วม ได้แก่ Search, Marketing, Hardware, People Operations ➡️ พนักงาน 3–5% ในแต่ละทีมเลือกเข้าร่วม VEP ➡️ เหตุผลหลักคือการพักงานหรือดูแลครอบครัว ✅ มุมมองจากผู้บริหาร ➡️ Sundar Pichai เน้นว่า “ไม่ควรแก้ทุกปัญหาด้วยการเพิ่มคน” ➡️ Anat Ashkenazi CFO คนใหม่ ผลักดันการลดต้นทุนเพิ่มเติม ➡️ Google ชะลอการจ้างงาน และขอให้พนักงานทำงานมากขึ้นด้วยทรัพยากรที่น้อยลง ✅ ความเคลื่อนไหวในอุตสาหกรรม ➡️ Meta มีนโยบาย “recharge” ให้พนักงานพัก 1 เดือนหลังทำงานครบ 5 ปี ➡️ Google ปฏิเสธแนวคิดนี้ โดยชี้ว่าระบบ leave ปัจจุบันเพียงพอแล้ว ➡️ การเปรียบเทียบสวัสดิการระหว่างบริษัทเทคกลายเป็นประเด็นในวงประชุม ‼️ ความไม่มั่นคงในองค์กร ⛔ พนักงานบางส่วนกังวลเรื่อง job security หลังการปลดพนักงานหลายรอบ ⛔ การลดผู้จัดการอาจกระทบการดูแลทีมและการพัฒนาอาชีพ ‼️ ผลกระทบจากการลดชั้นบริหาร ⛔ อาจเกิดภาระงานเกินในระดับปฏิบัติการ ⛔ การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์อาจขาดมุมมองจากผู้จัดการที่เคยมีบทบาท ‼️ ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ VEP ⛔ แม้จะเป็นการลาออกโดยสมัครใจ แต่บางคนอาจรู้สึกถูกกดดันให้เลือกทางนี้ ⛔ การใช้ VEP แทนการปลดพนักงานอาจไม่เหมาะกับทุกวัฒนธรรมองค์กร https://www.cnbc.com/2025/08/27/google-executive-says-company-has-cut-a-third-of-its-managers.html
    WWW.CNBC.COM
    Google has eliminated 35% of managers overseeing small teams in past year, exec says
    In Google's continuing effort to run more efficiently, the company has been getting rid of managers who oversee fewer than three people.
    0 Comments 0 Shares 36 Views 0 Reviews