• กลุ่มผู้นำด้านเทคโนโลยีกว่า 250 คน กำลังผลักดันให้ วิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์และ AI กลายเป็น หลักสูตรบังคับในโรงเรียน K-12 ทั่วสหรัฐฯ ผ่านแคมเปญ "Unlock8" ที่นำโดย Code.org และ CSforALL

    แคมเปญนี้เน้นย้ำถึง งานวิจัยใหม่ที่แสดงให้เห็นว่า การเรียน วิทยาการคอมพิวเตอร์ในระดับมัธยมปลาย สามารถช่วยเพิ่ม รายได้ในช่วงต้นอาชีพได้ถึง 8% โดยไม่ขึ้นอยู่กับสายงานที่นักเรียนเลือก นอกจากนี้ รายงานของ World Economic Forum ยังระบุว่า ทักษะด้าน AI และข้อมูลเป็นที่ต้องการมากที่สุดในอีก 5 ปีข้างหน้า

    แม้ว่ารัฐต่าง ๆ ในสหรัฐฯ จะพยายามขยายการเข้าถึงการศึกษาด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ แต่ปัจจุบันมีเพียง 12 รัฐเท่านั้นที่กำหนดให้เป็นวิชาบังคับสำหรับการจบการศึกษา ส่งผลให้ มีนักเรียนเพียง 6.4% ที่ลงเรียนวิชานี้ในปีที่ผ่านมา

    ✅ กลุ่มผู้นำด้านเทคโนโลยีกว่า 250 คนสนับสนุนให้ CS และ AI เป็นหลักสูตรบังคับ
    - นำโดย Code.org และ CSforALL
    - เน้นให้ นักเรียนทุกคนมีทักษะที่จำเป็นสำหรับโลกที่ขับเคลื่อนด้วย AI

    ✅ งานวิจัยใหม่ชี้ว่าการเรียน CS ในมัธยมปลายช่วยเพิ่มรายได้ในช่วงต้นอาชีพ
    - เพิ่มรายได้ได้ถึง 8% โดยไม่ขึ้นอยู่กับสายงานที่เลือก
    - World Economic Forum ระบุว่า AI และข้อมูลเป็นทักษะที่ต้องการมากที่สุดในอีก 5 ปีข้างหน้า

    ✅ สถานะของการศึกษาด้าน CS ในสหรัฐฯ
    - 39 รัฐมีงบประมาณสนับสนุนการศึกษาด้าน CS (เพิ่มขึ้นจาก 9 รัฐในปี 2017)
    - แต่มีเพียง 12 รัฐที่กำหนดให้ CS เป็นวิชาบังคับสำหรับการจบการศึกษา

    ✅ การสนับสนุนจากผู้นำด้านเทคโนโลยี
    - Satya Nadella (Microsoft), Brian Chesky (Airbnb), Dara Khosrowshahi (Uber) และ Steve Ballmer (อดีต CEO Microsoft) ลงนามในจดหมายเปิดผนึกสนับสนุนแคมเปญนี้

    https://www.techspot.com/news/107800-over-250-tech-leaders-push-computer-science-ai.html
    กลุ่มผู้นำด้านเทคโนโลยีกว่า 250 คน กำลังผลักดันให้ วิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์และ AI กลายเป็น หลักสูตรบังคับในโรงเรียน K-12 ทั่วสหรัฐฯ ผ่านแคมเปญ "Unlock8" ที่นำโดย Code.org และ CSforALL แคมเปญนี้เน้นย้ำถึง งานวิจัยใหม่ที่แสดงให้เห็นว่า การเรียน วิทยาการคอมพิวเตอร์ในระดับมัธยมปลาย สามารถช่วยเพิ่ม รายได้ในช่วงต้นอาชีพได้ถึง 8% โดยไม่ขึ้นอยู่กับสายงานที่นักเรียนเลือก นอกจากนี้ รายงานของ World Economic Forum ยังระบุว่า ทักษะด้าน AI และข้อมูลเป็นที่ต้องการมากที่สุดในอีก 5 ปีข้างหน้า แม้ว่ารัฐต่าง ๆ ในสหรัฐฯ จะพยายามขยายการเข้าถึงการศึกษาด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ แต่ปัจจุบันมีเพียง 12 รัฐเท่านั้นที่กำหนดให้เป็นวิชาบังคับสำหรับการจบการศึกษา ส่งผลให้ มีนักเรียนเพียง 6.4% ที่ลงเรียนวิชานี้ในปีที่ผ่านมา ✅ กลุ่มผู้นำด้านเทคโนโลยีกว่า 250 คนสนับสนุนให้ CS และ AI เป็นหลักสูตรบังคับ - นำโดย Code.org และ CSforALL - เน้นให้ นักเรียนทุกคนมีทักษะที่จำเป็นสำหรับโลกที่ขับเคลื่อนด้วย AI ✅ งานวิจัยใหม่ชี้ว่าการเรียน CS ในมัธยมปลายช่วยเพิ่มรายได้ในช่วงต้นอาชีพ - เพิ่มรายได้ได้ถึง 8% โดยไม่ขึ้นอยู่กับสายงานที่เลือก - World Economic Forum ระบุว่า AI และข้อมูลเป็นทักษะที่ต้องการมากที่สุดในอีก 5 ปีข้างหน้า ✅ สถานะของการศึกษาด้าน CS ในสหรัฐฯ - 39 รัฐมีงบประมาณสนับสนุนการศึกษาด้าน CS (เพิ่มขึ้นจาก 9 รัฐในปี 2017) - แต่มีเพียง 12 รัฐที่กำหนดให้ CS เป็นวิชาบังคับสำหรับการจบการศึกษา ✅ การสนับสนุนจากผู้นำด้านเทคโนโลยี - Satya Nadella (Microsoft), Brian Chesky (Airbnb), Dara Khosrowshahi (Uber) และ Steve Ballmer (อดีต CEO Microsoft) ลงนามในจดหมายเปิดผนึกสนับสนุนแคมเปญนี้ https://www.techspot.com/news/107800-over-250-tech-leaders-push-computer-science-ai.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Over 250 tech leaders push for computer science and AI course requirements in US schools
    The campaign emphasizes new research showing that taking just one high school computer science course can boost early career earnings by eight percent, regardless of a graduate's...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้วิเคราะห์แนวโน้มของ การนำ Custom ASIC มาใช้ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยตั้งคำถามว่าเราอาจกำลังเข้าใกล้ จุดสูงสุดของการพัฒนาและการนำไปใช้ หรือไม่

    ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัทที่ไม่ใช่ผู้ผลิตชิปโดยตรง ได้เริ่มออกแบบชิปของตัวเองแทนที่จะซื้อจากผู้ผลิตทั่วไป เช่น Apple และ Google ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถ ควบคุมประสิทธิภาพและการทำงานของผลิตภัณฑ์ได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้นทุนในการออกแบบและผลิตชิปเฉพาะทางสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บางบริษัทเริ่ม ทบทวนกลยุทธ์และลดขอบเขตของการพัฒนา

    แม้ว่าบริษัทขนาดใหญ่ เช่น Microsoft และ Meta จะยังคงพัฒนา Custom ASIC แต่พวกเขากำลังเผชิญกับ ความท้าทายในการนำชิปออกสู่ตลาด นอกจากนี้ Google ซึ่งมีเครื่องมือออกแบบชิปของตัวเอง ก็เริ่ม ชะลอการเปิดตัวชิปรุ่นใหม่

    ✅ บริษัทที่ไม่ใช่ผู้ผลิตชิปโดยตรงเริ่มออกแบบชิปของตัวเอง
    - ตัวอย่างเช่น Apple และ Google
    - ช่วยให้สามารถ ควบคุมประสิทธิภาพและการทำงานของผลิตภัณฑ์ได้ดีขึ้น

    ✅ ต้นทุนในการออกแบบและผลิตชิปเฉพาะทางสูงขึ้น
    - ค่าใช้จ่ายด้าน บุคลากร, สิทธิบัตร และการผลิต เพิ่มขึ้น
    - ทำให้บางบริษัท เริ่มลดขอบเขตของการพัฒนา

    ✅ Microsoft และ Meta กำลังเผชิญกับความท้าทายในการนำชิปออกสู่ตลาด
    - อาจต้อง ปรับกลยุทธ์เพื่อให้สามารถแข่งขันได้
    - Google ก็เริ่ม ชะลอการเปิดตัวชิปรุ่นใหม่

    ✅ แนวโน้มของอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนและยานยนต์
    - Samsung ลดการใช้ ชิปที่ออกแบบเอง
    - ผู้ผลิตรถยนต์ยังคง พิจารณาว่าควรพัฒนา Custom ASIC หรือไม่

    https://www.techspot.com/news/107803-opinion-nearing-peak-custom-asic-adoption.html
    บทความนี้วิเคราะห์แนวโน้มของ การนำ Custom ASIC มาใช้ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยตั้งคำถามว่าเราอาจกำลังเข้าใกล้ จุดสูงสุดของการพัฒนาและการนำไปใช้ หรือไม่ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัทที่ไม่ใช่ผู้ผลิตชิปโดยตรง ได้เริ่มออกแบบชิปของตัวเองแทนที่จะซื้อจากผู้ผลิตทั่วไป เช่น Apple และ Google ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถ ควบคุมประสิทธิภาพและการทำงานของผลิตภัณฑ์ได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้นทุนในการออกแบบและผลิตชิปเฉพาะทางสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บางบริษัทเริ่ม ทบทวนกลยุทธ์และลดขอบเขตของการพัฒนา แม้ว่าบริษัทขนาดใหญ่ เช่น Microsoft และ Meta จะยังคงพัฒนา Custom ASIC แต่พวกเขากำลังเผชิญกับ ความท้าทายในการนำชิปออกสู่ตลาด นอกจากนี้ Google ซึ่งมีเครื่องมือออกแบบชิปของตัวเอง ก็เริ่ม ชะลอการเปิดตัวชิปรุ่นใหม่ ✅ บริษัทที่ไม่ใช่ผู้ผลิตชิปโดยตรงเริ่มออกแบบชิปของตัวเอง - ตัวอย่างเช่น Apple และ Google - ช่วยให้สามารถ ควบคุมประสิทธิภาพและการทำงานของผลิตภัณฑ์ได้ดีขึ้น ✅ ต้นทุนในการออกแบบและผลิตชิปเฉพาะทางสูงขึ้น - ค่าใช้จ่ายด้าน บุคลากร, สิทธิบัตร และการผลิต เพิ่มขึ้น - ทำให้บางบริษัท เริ่มลดขอบเขตของการพัฒนา ✅ Microsoft และ Meta กำลังเผชิญกับความท้าทายในการนำชิปออกสู่ตลาด - อาจต้อง ปรับกลยุทธ์เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ - Google ก็เริ่ม ชะลอการเปิดตัวชิปรุ่นใหม่ ✅ แนวโน้มของอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนและยานยนต์ - Samsung ลดการใช้ ชิปที่ออกแบบเอง - ผู้ผลิตรถยนต์ยังคง พิจารณาว่าควรพัฒนา Custom ASIC หรือไม่ https://www.techspot.com/news/107803-opinion-nearing-peak-custom-asic-adoption.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Opinion: Are we nearing the peak of custom ASIC adoption?
    We think it is important to remember that the case for custom silicon is an economic choice, not a technical one.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • อดีต CEO ของ Google Eric Schmidt กำลังผลักดันแนวคิด การสร้างศูนย์ข้อมูลในอวกาศ เพื่อแก้ปัญหาความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลจาก AI และโครงสร้างพื้นฐานด้านการประมวลผลข้อมูล

    Schmidt ซึ่งปัจจุบันเป็น CEO ของ Relativity Space ได้กล่าวใน การประชุมรัฐสภาสหรัฐฯ ว่า ศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่กำลังใช้พลังงานมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยบางแห่งอาจต้องใช้ พลังงานถึง 10 กิกะวัตต์ ซึ่งมากกว่ากำลังผลิตของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั่วไปถึง 10 เท่า

    แนวคิดของ Schmidt คือ การใช้พลังงานแสงอาทิตย์จากอวกาศ เพื่อรองรับความต้องการพลังงานของศูนย์ข้อมูล AI โดยใช้ จรวด Terran R ซึ่งเป็นจรวดขนส่งสินค้าหนักที่พัฒนาโดย Relativity Space

    ✅ Eric Schmidt ผลักดันแนวคิดศูนย์ข้อมูลในอวกาศ
    - ต้องการแก้ปัญหาความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นจาก AI
    - ใช้ พลังงานแสงอาทิตย์จากอวกาศ เพื่อรองรับศูนย์ข้อมูล

    ✅ ศูนย์ข้อมูล AI อาจต้องใช้พลังงานถึง 10 กิกะวัตต์
    - มากกว่ากำลังผลิตของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั่วไปถึง 10 เท่า
    - คาดว่าภายในปี 2030 อาจต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้นอีก 67 กิกะวัตต์

    ✅ Relativity Space พัฒนาเทคโนโลยีขนส่งสำหรับโครงการนี้
    - ใช้ จรวด Terran R ซึ่งสามารถขนส่ง 33,500 กิโลกรัม ไปยังวงโคจรโลก
    - พัฒนาโดยใช้ เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีและพลังงาน
    - อาจช่วยแก้ปัญหาการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูล AI
    - อาจเป็นแนวทางใหม่ในการใช้พลังงานแสงอาทิตย์จากอวกาศ

    https://www.techspot.com/news/107801-former-google-ceo-eric-schmidt-wants-put-data.html
    อดีต CEO ของ Google Eric Schmidt กำลังผลักดันแนวคิด การสร้างศูนย์ข้อมูลในอวกาศ เพื่อแก้ปัญหาความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลจาก AI และโครงสร้างพื้นฐานด้านการประมวลผลข้อมูล Schmidt ซึ่งปัจจุบันเป็น CEO ของ Relativity Space ได้กล่าวใน การประชุมรัฐสภาสหรัฐฯ ว่า ศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่กำลังใช้พลังงานมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยบางแห่งอาจต้องใช้ พลังงานถึง 10 กิกะวัตต์ ซึ่งมากกว่ากำลังผลิตของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั่วไปถึง 10 เท่า แนวคิดของ Schmidt คือ การใช้พลังงานแสงอาทิตย์จากอวกาศ เพื่อรองรับความต้องการพลังงานของศูนย์ข้อมูล AI โดยใช้ จรวด Terran R ซึ่งเป็นจรวดขนส่งสินค้าหนักที่พัฒนาโดย Relativity Space ✅ Eric Schmidt ผลักดันแนวคิดศูนย์ข้อมูลในอวกาศ - ต้องการแก้ปัญหาความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นจาก AI - ใช้ พลังงานแสงอาทิตย์จากอวกาศ เพื่อรองรับศูนย์ข้อมูล ✅ ศูนย์ข้อมูล AI อาจต้องใช้พลังงานถึง 10 กิกะวัตต์ - มากกว่ากำลังผลิตของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั่วไปถึง 10 เท่า - คาดว่าภายในปี 2030 อาจต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้นอีก 67 กิกะวัตต์ ✅ Relativity Space พัฒนาเทคโนโลยีขนส่งสำหรับโครงการนี้ - ใช้ จรวด Terran R ซึ่งสามารถขนส่ง 33,500 กิโลกรัม ไปยังวงโคจรโลก - พัฒนาโดยใช้ เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีและพลังงาน - อาจช่วยแก้ปัญหาการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูล AI - อาจเป็นแนวทางใหม่ในการใช้พลังงานแสงอาทิตย์จากอวกาศ https://www.techspot.com/news/107801-former-google-ceo-eric-schmidt-wants-put-data.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Former Google CEO Eric Schmidt wants to put data centers in space
    In his new role as CEO of Relativity Space, Eric Schmidt appears to be exploring the idea of launching data centers into Earth's orbit. During a recent...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักดาราศาสตร์อาจค้นพบหลักฐานที่น่าสนใจที่สุดเกี่ยวกับ Planet Nine ซึ่งเป็นดาวเคราะห์สมมุติที่อาจอยู่ในระบบสุริยะของเรา โดยใช้ข้อมูลจาก ดาวเทียมอินฟราเรดสองดวง ที่เก็บรวบรวมมานานกว่า 23 ปี

    การศึกษานี้นำโดย Terry Long Phan จาก National Tsing Hua University ในไต้หวัน ซึ่งใช้ข้อมูลจาก NASA's Infrared Astronomical Satellite (IRAS) ในปี 1983 และ ดาวเทียม AKARI ของญี่ปุ่น (2006-2011) เพื่อค้นหาวัตถุที่อาจเคลื่อนที่ไปตามวงโคจรที่คาดการณ์ไว้ของ Planet Nine

    ✅ Planet Nine อาจเป็นดาวเคราะห์ขนาดเท่า Neptune ที่อยู่ไกลจากดวงอาทิตย์หลายร้อยเท่า
    - มีมวลมากกว่าโลกและอาจมีวงโคจรที่ยาวมาก
    - อาจเป็นสาเหตุของการจัดเรียงตัวผิดปกติของวัตถุใน Kuiper Belt

    ✅ การค้นพบนี้ใช้ข้อมูลจากดาวเทียมอินฟราเรดสองดวงที่เก็บรวบรวมมานานกว่า 23 ปี
    - IRAS (1983) และ AKARI (2006-2011)
    - นักวิจัยพบวัตถุที่เคลื่อนที่ไป 47.4 arcminutes ในช่วงเวลานี้

    ✅ การตรวจสอบเพิ่มเติมจำเป็นต้องใช้กล้องโทรทรรศน์ที่ทรงพลัง
    - กล้อง Dark Energy Camera ในชิลีอาจช่วยยืนยันตำแหน่งของวัตถุ
    - หากได้รับการยืนยัน อาจเป็นการค้นพบดาวเคราะห์ใหม่ในระบบสุริยะ

    ✅ ทฤษฎีเกี่ยวกับที่มาของ Planet Nine
    - อาจถูกผลักออกจากระบบสุริยะชั้นในโดยแรงโน้มถ่วงของ Jupiter หรือ Saturn
    - หรืออาจเป็น ดาวเคราะห์เร่ร่อนที่ถูกจับเข้ามาในระบบสุริยะ

    https://www.techspot.com/news/107802-astronomers-spot-possible-planet-nine-data-spanning-23.html
    นักดาราศาสตร์อาจค้นพบหลักฐานที่น่าสนใจที่สุดเกี่ยวกับ Planet Nine ซึ่งเป็นดาวเคราะห์สมมุติที่อาจอยู่ในระบบสุริยะของเรา โดยใช้ข้อมูลจาก ดาวเทียมอินฟราเรดสองดวง ที่เก็บรวบรวมมานานกว่า 23 ปี การศึกษานี้นำโดย Terry Long Phan จาก National Tsing Hua University ในไต้หวัน ซึ่งใช้ข้อมูลจาก NASA's Infrared Astronomical Satellite (IRAS) ในปี 1983 และ ดาวเทียม AKARI ของญี่ปุ่น (2006-2011) เพื่อค้นหาวัตถุที่อาจเคลื่อนที่ไปตามวงโคจรที่คาดการณ์ไว้ของ Planet Nine ✅ Planet Nine อาจเป็นดาวเคราะห์ขนาดเท่า Neptune ที่อยู่ไกลจากดวงอาทิตย์หลายร้อยเท่า - มีมวลมากกว่าโลกและอาจมีวงโคจรที่ยาวมาก - อาจเป็นสาเหตุของการจัดเรียงตัวผิดปกติของวัตถุใน Kuiper Belt ✅ การค้นพบนี้ใช้ข้อมูลจากดาวเทียมอินฟราเรดสองดวงที่เก็บรวบรวมมานานกว่า 23 ปี - IRAS (1983) และ AKARI (2006-2011) - นักวิจัยพบวัตถุที่เคลื่อนที่ไป 47.4 arcminutes ในช่วงเวลานี้ ✅ การตรวจสอบเพิ่มเติมจำเป็นต้องใช้กล้องโทรทรรศน์ที่ทรงพลัง - กล้อง Dark Energy Camera ในชิลีอาจช่วยยืนยันตำแหน่งของวัตถุ - หากได้รับการยืนยัน อาจเป็นการค้นพบดาวเคราะห์ใหม่ในระบบสุริยะ ✅ ทฤษฎีเกี่ยวกับที่มาของ Planet Nine - อาจถูกผลักออกจากระบบสุริยะชั้นในโดยแรงโน้มถ่วงของ Jupiter หรือ Saturn - หรืออาจเป็น ดาวเคราะห์เร่ร่อนที่ถูกจับเข้ามาในระบบสุริยะ https://www.techspot.com/news/107802-astronomers-spot-possible-planet-nine-data-spanning-23.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Astronomers spot possible Planet Nine in data spanning 23 years
    Astronomers have long speculated about an unseen planet lurking in the solar system's outer edge. This hypothetical world, dubbed Planet Nine, could explain the unusual clustering of...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • ค่าเงิน ดอลลาร์ไต้หวัน (TWD) แข็งค่าขึ้น 10% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (USD) ซึ่งเป็นการแข็งค่าที่รุนแรงที่สุดในรอบ 30 ปี ส่งผลให้ราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ที่ผลิตในไต้หวันอาจสูงขึ้น

    บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของไต้หวัน เช่น Acer, Asus, Pegatron, Wistron และ Foxconn มีการถือครองพอร์ตสกุลเงินที่หลากหลายเพื่อป้องกันความผันผวน อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของ TWD ครั้งนี้อาจส่งผลกระทบต่อ อัตรากำไรของบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ เช่น TSMC และ UMC

    ✅ ค่าเงินดอลลาร์ไต้หวันแข็งค่าขึ้น 10% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
    - เป็นการแข็งค่าที่รุนแรงที่สุดในรอบ 30 ปี
    - อาจทำให้ราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์สูงขึ้น

    ✅ บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของไต้หวันมีการถือครองพอร์ตสกุลเงินที่หลากหลาย
    - Acer, Asus, Pegatron, Wistron และ Foxconn พยายามลดผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงิน
    - แต่การแข็งค่าครั้งนี้อาจส่งผลต่อ อัตรากำไรของบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ เช่น TSMC และ UMC

    ✅ ธนาคารกลางไต้หวันออกแถลงการณ์เพื่อควบคุมสถานการณ์
    - ระบุว่าการแข็งค่าของ TWD เกิดจาก การคาดการณ์เกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างไต้หวันและสหรัฐฯ
    - เตือนให้ระวัง นักเก็งกำไรที่อาจสร้างความผันผวนในตลาด

    ✅ ผลกระทบต่อราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในสหรัฐฯ
    - หากค่าเงิน TWD ยังคงแข็งค่า อาจทำให้ ราคาชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สูงขึ้น

    https://www.tomshardware.com/pc-components/10-percent-surge-in-taiwanese-currency-vs-us-dollar-could-hurt-pc-and-components-pricing
    ค่าเงิน ดอลลาร์ไต้หวัน (TWD) แข็งค่าขึ้น 10% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (USD) ซึ่งเป็นการแข็งค่าที่รุนแรงที่สุดในรอบ 30 ปี ส่งผลให้ราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ที่ผลิตในไต้หวันอาจสูงขึ้น บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของไต้หวัน เช่น Acer, Asus, Pegatron, Wistron และ Foxconn มีการถือครองพอร์ตสกุลเงินที่หลากหลายเพื่อป้องกันความผันผวน อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของ TWD ครั้งนี้อาจส่งผลกระทบต่อ อัตรากำไรของบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ เช่น TSMC และ UMC ✅ ค่าเงินดอลลาร์ไต้หวันแข็งค่าขึ้น 10% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ - เป็นการแข็งค่าที่รุนแรงที่สุดในรอบ 30 ปี - อาจทำให้ราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์สูงขึ้น ✅ บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของไต้หวันมีการถือครองพอร์ตสกุลเงินที่หลากหลาย - Acer, Asus, Pegatron, Wistron และ Foxconn พยายามลดผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงิน - แต่การแข็งค่าครั้งนี้อาจส่งผลต่อ อัตรากำไรของบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ เช่น TSMC และ UMC ✅ ธนาคารกลางไต้หวันออกแถลงการณ์เพื่อควบคุมสถานการณ์ - ระบุว่าการแข็งค่าของ TWD เกิดจาก การคาดการณ์เกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างไต้หวันและสหรัฐฯ - เตือนให้ระวัง นักเก็งกำไรที่อาจสร้างความผันผวนในตลาด ✅ ผลกระทบต่อราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในสหรัฐฯ - หากค่าเงิน TWD ยังคงแข็งค่า อาจทำให้ ราคาชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สูงขึ้น https://www.tomshardware.com/pc-components/10-percent-surge-in-taiwanese-currency-vs-us-dollar-could-hurt-pc-and-components-pricing
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    10% surge in Taiwanese currency vs US dollar could hurt PC and components pricing
    We are witnessing the most powerful Taiwan Dollar appreciation in over 30 years.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia ได้เปิดตัว RTX Pro 6000 Blackwell ซึ่งเป็น GPU ระดับเวิร์กสเตชัน ที่มาพร้อมกับ 24,064 CUDA Cores และ GDDR7 96GB โดยออกแบบมาเพื่อรองรับ AI, การเรนเดอร์ 3D และงานคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง

    RTX Pro 6000 Blackwell มีราคาสูงถึง $11,000 ซึ่งมากกว่ารุ่น RTX 5090 ถึงสามเท่า แม้ว่าจะมี CUDA Cores มากกว่าและหน่วยความจำที่ใหญ่กว่า แต่ผลการทดสอบเบื้องต้นพบว่า ประสิทธิภาพยังไม่เหนือกว่า RTX 5090 อย่างชัดเจน เนื่องจากข้อจำกัดด้านซอฟต์แวร์และการเข้าถึงหน่วยความจำ

    ✅ RTX Pro 6000 Blackwell เป็น GPU ระดับเวิร์กสเตชัน
    - ใช้ GB202 Chip พร้อม 24,064 CUDA Cores
    - มี GDDR7 96GB และ Boost Clock 2,617MHz

    ✅ เปรียบเทียบกับ RTX 5090
    - RTX 5090 มี 21,760 CUDA Cores และ GDDR7 32GB
    - RTX Pro 6000 มี CUDA Cores มากกว่า แต่ผลการทดสอบยังไม่เหนือกว่าอย่างชัดเจน

    ✅ ผลการทดสอบเบื้องต้น
    - RTX Pro 6000 ทำคะแนน 368,219 ใน Geekbench OpenCL Benchmark
    - RTX 5090 ทำคะแนน 376,858 ซึ่งสูงกว่าเล็กน้อย

    ✅ ราคาและการวางจำหน่าย
    - ราคาสูงถึง $11,000 ในญี่ปุ่นและยุโรป
    - มีจำหน่ายผ่าน PNY และผู้ค้าปลีกระดับองค์กร

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-rtx-pro-6000-blackwell-appears-online-with-an-eye-watering-price-tag-of-over-usd11-000
    Nvidia ได้เปิดตัว RTX Pro 6000 Blackwell ซึ่งเป็น GPU ระดับเวิร์กสเตชัน ที่มาพร้อมกับ 24,064 CUDA Cores และ GDDR7 96GB โดยออกแบบมาเพื่อรองรับ AI, การเรนเดอร์ 3D และงานคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง RTX Pro 6000 Blackwell มีราคาสูงถึง $11,000 ซึ่งมากกว่ารุ่น RTX 5090 ถึงสามเท่า แม้ว่าจะมี CUDA Cores มากกว่าและหน่วยความจำที่ใหญ่กว่า แต่ผลการทดสอบเบื้องต้นพบว่า ประสิทธิภาพยังไม่เหนือกว่า RTX 5090 อย่างชัดเจน เนื่องจากข้อจำกัดด้านซอฟต์แวร์และการเข้าถึงหน่วยความจำ ✅ RTX Pro 6000 Blackwell เป็น GPU ระดับเวิร์กสเตชัน - ใช้ GB202 Chip พร้อม 24,064 CUDA Cores - มี GDDR7 96GB และ Boost Clock 2,617MHz ✅ เปรียบเทียบกับ RTX 5090 - RTX 5090 มี 21,760 CUDA Cores และ GDDR7 32GB - RTX Pro 6000 มี CUDA Cores มากกว่า แต่ผลการทดสอบยังไม่เหนือกว่าอย่างชัดเจน ✅ ผลการทดสอบเบื้องต้น - RTX Pro 6000 ทำคะแนน 368,219 ใน Geekbench OpenCL Benchmark - RTX 5090 ทำคะแนน 376,858 ซึ่งสูงกว่าเล็กน้อย ✅ ราคาและการวางจำหน่าย - ราคาสูงถึง $11,000 ในญี่ปุ่นและยุโรป - มีจำหน่ายผ่าน PNY และผู้ค้าปลีกระดับองค์กร https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-rtx-pro-6000-blackwell-appears-online-with-an-eye-watering-price-tag-of-over-usd11-000
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Nvidia RTX Pro 6000 Blackwell appears online with an eye-watering price tag of over $11,000
    Over three-times the cost of a price-inflated RTX 5090, but it has more CUDA cores and a massive 96GB of GDDR7 memory.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์พูดถึงท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีมที่ถูกวางระเบิด:

    “ผมคิดว่าหลายคนรู้นะ ว่าใครเป็นคนระเบิดมัน”


    หลังจากนักข่าวถามทรัมป์จะพิจารณาเปิดการสอบสวนอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นและใครเป็นผู้กระทำหรือไม่


    อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทรัมป์จะอ้างว่าเขาสามารถระบุชื่อได้โดยไม่ต้องมีการสอบสวน แต่ยังคงปฏิเสธที่จะเปิดการสอบสวน และยังปกป้องรัสเซียโดยฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่ารัสเซียเป็นผู้รับผิดชอบต่อการระเบิดดังกล่าว


    หลังเกิดเหตุท่อส่งก๊าซ Nord Stream ในปี 2022 ราโดสลาฟ ซิคอร์สกี้ สมาชิกรัฐสภายุโรปและอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศโปแลนด์ โพสต์ข้อความ โดยกล่าวขอบคุณสหรัฐ เปรียบเสมือนว่าสหรัฐมีส่วนจงใจสร้างความเสียหายให้กับท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีมของรัสเซีย
    ทรัมป์พูดถึงท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีมที่ถูกวางระเบิด: “ผมคิดว่าหลายคนรู้นะ ว่าใครเป็นคนระเบิดมัน” หลังจากนักข่าวถามทรัมป์จะพิจารณาเปิดการสอบสวนอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นและใครเป็นผู้กระทำหรือไม่ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทรัมป์จะอ้างว่าเขาสามารถระบุชื่อได้โดยไม่ต้องมีการสอบสวน แต่ยังคงปฏิเสธที่จะเปิดการสอบสวน และยังปกป้องรัสเซียโดยฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่ารัสเซียเป็นผู้รับผิดชอบต่อการระเบิดดังกล่าว หลังเกิดเหตุท่อส่งก๊าซ Nord Stream ในปี 2022 ราโดสลาฟ ซิคอร์สกี้ สมาชิกรัฐสภายุโรปและอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศโปแลนด์ โพสต์ข้อความ โดยกล่าวขอบคุณสหรัฐ เปรียบเสมือนว่าสหรัฐมีส่วนจงใจสร้างความเสียหายให้กับท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีมของรัสเซีย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้เข้าสู่ ขั้นตอนสุดท้ายของการปล่อยอัปเดต Windows 11 24H2 ซึ่งจะถูก ดาวน์โหลดอัตโนมัติบนอุปกรณ์บางเครื่อง โดยเฉพาะ Windows 11 Home และ Pro ที่ไม่ได้ถูกจัดการโดยฝ่าย IT

    Windows 11 24H2 เป็นการอัปเดตที่ Microsoft ผลักดันให้ผู้ใช้ติดตั้ง โดยอุปกรณ์ที่ใช้ Windows 11 เวอร์ชัน 23H2, 22H2 และ 21H2 จะได้รับการอัปเดตโดยอัตโนมัติ แม้ว่าผู้ใช้จะไม่ได้ตั้งใจติดตั้งก็ตาม

    Microsoft ระบุว่า ผู้ใช้สามารถตรวจสอบการอัปเดตได้ที่ 'Settings > Windows Update' และเลือก 'Check for updates' อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้บางรายจะได้รับการดาวน์โหลดอัตโนมัติ และสามารถเลือกได้เพียง เลื่อนการติดตั้งออกไป

    ✅ Windows 11 24H2 จะถูกดาวน์โหลดอัตโนมัติบนอุปกรณ์บางเครื่อง
    - เฉพาะ Windows 11 Home และ Pro ที่ไม่ได้ถูกจัดการโดยฝ่าย IT
    - อุปกรณ์ที่ใช้ Windows 11 เวอร์ชัน 23H2, 22H2 และ 21H2 จะได้รับการอัปเดตโดยอัตโนมัติ

    ✅ Microsoft อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการปล่อยอัปเดต
    - เริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา
    - ผู้ใช้สามารถตรวจสอบการอัปเดตได้ที่ 'Settings > Windows Update'

    ✅ Windows 10 ยังคงมีผู้ใช้มากกว่า Windows 11
    - Windows 10 มี 52.94% ของตลาด ขณะที่ Windows 11 มี 43.72%
    - Microsoft หวังว่า Windows 11 จะมีผู้ใช้เพิ่มขึ้นก่อนหมดระยะการสนับสนุน Windows 10 ในเดือนตุลาคม 2025

    ✅ Microsoft ใช้โฆษณาเต็มหน้าจอเพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้ Windows 10 อัปเดต
    - มีการใช้ Pop-ups และโฆษณาเต็มหน้าจอ เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้ Windows 11

    https://www.tomshardware.com/software/windows/windows-11-24h2-update-is-now-automatically-downloading-on-some-pcs
    Microsoft ได้เข้าสู่ ขั้นตอนสุดท้ายของการปล่อยอัปเดต Windows 11 24H2 ซึ่งจะถูก ดาวน์โหลดอัตโนมัติบนอุปกรณ์บางเครื่อง โดยเฉพาะ Windows 11 Home และ Pro ที่ไม่ได้ถูกจัดการโดยฝ่าย IT Windows 11 24H2 เป็นการอัปเดตที่ Microsoft ผลักดันให้ผู้ใช้ติดตั้ง โดยอุปกรณ์ที่ใช้ Windows 11 เวอร์ชัน 23H2, 22H2 และ 21H2 จะได้รับการอัปเดตโดยอัตโนมัติ แม้ว่าผู้ใช้จะไม่ได้ตั้งใจติดตั้งก็ตาม Microsoft ระบุว่า ผู้ใช้สามารถตรวจสอบการอัปเดตได้ที่ 'Settings > Windows Update' และเลือก 'Check for updates' อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้บางรายจะได้รับการดาวน์โหลดอัตโนมัติ และสามารถเลือกได้เพียง เลื่อนการติดตั้งออกไป ✅ Windows 11 24H2 จะถูกดาวน์โหลดอัตโนมัติบนอุปกรณ์บางเครื่อง - เฉพาะ Windows 11 Home และ Pro ที่ไม่ได้ถูกจัดการโดยฝ่าย IT - อุปกรณ์ที่ใช้ Windows 11 เวอร์ชัน 23H2, 22H2 และ 21H2 จะได้รับการอัปเดตโดยอัตโนมัติ ✅ Microsoft อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการปล่อยอัปเดต - เริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา - ผู้ใช้สามารถตรวจสอบการอัปเดตได้ที่ 'Settings > Windows Update' ✅ Windows 10 ยังคงมีผู้ใช้มากกว่า Windows 11 - Windows 10 มี 52.94% ของตลาด ขณะที่ Windows 11 มี 43.72% - Microsoft หวังว่า Windows 11 จะมีผู้ใช้เพิ่มขึ้นก่อนหมดระยะการสนับสนุน Windows 10 ในเดือนตุลาคม 2025 ✅ Microsoft ใช้โฆษณาเต็มหน้าจอเพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้ Windows 10 อัปเดต - มีการใช้ Pop-ups และโฆษณาเต็มหน้าจอ เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้ Windows 11 https://www.tomshardware.com/software/windows/windows-11-24h2-update-is-now-automatically-downloading-on-some-pcs
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Windows 11 24H2 update is now automatically downloading on some PCs
    Microsoft reached the last phase of the gradual rollout of this update a few days ago.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel ได้เผยภาพ die shot ของ Arrow Lake ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรม CPU แบบ chiplet-based รุ่นแรกของบริษัทสำหรับตลาดเดสก์ท็อป โดยแสดงให้เห็นถึง การจัดวางชิปแต่ละส่วน และ โครงสร้างของคอร์ประมวลผล

    Arrow Lake ใช้ N3B node ของ TSMC สำหรับ compute tile ซึ่งมีพื้นที่ 117.241 mm² ขณะที่ IO tile และ SoC tile ใช้ N6 node โดยมีขนาด 24.475 mm² และ 86.648 mm² ตามลำดับ ทั้งหมดถูกวางบน base tile ที่ใช้ Intel 22nm FinFET node

    แม้ว่า Arrow Lake จะเป็น สถาปัตยกรรมที่ซับซ้อนที่สุดของ Intel แต่การใช้ chiplet-based design ทำให้เกิด ปัญหาด้าน latency ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพในการเล่นเกม

    ✅ Arrow Lake ใช้ chiplet-based design เป็นครั้งแรกในตลาดเดสก์ท็อป
    - Compute tile ใช้ N3B node ของ TSMC
    - IO tile และ SoC tile ใช้ N6 node
    - Base tile ใช้ Intel 22nm FinFET node

    ✅ การจัดวางคอร์ประมวลผลแบบใหม่
    - E-cores ถูกวางระหว่าง P-cores เพื่อลด thermal hotspots
    - P-cores มี 3MB L3 cache ต่อคอร์ รวมเป็น 36MB
    - E-core clusters มี 3MB L2 cache ต่อกลุ่ม

    ✅ Arrow Lake มี GPU tile ที่ใช้ Xe LPG (Arc Alchemist) render slice
    - มี 4 Xe GPU cores
    - รองรับ การประมวลผลกราฟิกที่ดีขึ้น

    ✅ ผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาด CPU
    - AMD Ryzen 9000 (เช่น 9800X3D) ยังคงมีประสิทธิภาพสูงกว่า
    - Arrow Lake ยังไม่สามารถแซง Intel 14th Gen ในการเล่นเกม

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/arrow-lake-die-shot-shows-off-the-details-of-intels-chiplet-based-design
    Intel ได้เผยภาพ die shot ของ Arrow Lake ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรม CPU แบบ chiplet-based รุ่นแรกของบริษัทสำหรับตลาดเดสก์ท็อป โดยแสดงให้เห็นถึง การจัดวางชิปแต่ละส่วน และ โครงสร้างของคอร์ประมวลผล Arrow Lake ใช้ N3B node ของ TSMC สำหรับ compute tile ซึ่งมีพื้นที่ 117.241 mm² ขณะที่ IO tile และ SoC tile ใช้ N6 node โดยมีขนาด 24.475 mm² และ 86.648 mm² ตามลำดับ ทั้งหมดถูกวางบน base tile ที่ใช้ Intel 22nm FinFET node แม้ว่า Arrow Lake จะเป็น สถาปัตยกรรมที่ซับซ้อนที่สุดของ Intel แต่การใช้ chiplet-based design ทำให้เกิด ปัญหาด้าน latency ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพในการเล่นเกม ✅ Arrow Lake ใช้ chiplet-based design เป็นครั้งแรกในตลาดเดสก์ท็อป - Compute tile ใช้ N3B node ของ TSMC - IO tile และ SoC tile ใช้ N6 node - Base tile ใช้ Intel 22nm FinFET node ✅ การจัดวางคอร์ประมวลผลแบบใหม่ - E-cores ถูกวางระหว่าง P-cores เพื่อลด thermal hotspots - P-cores มี 3MB L3 cache ต่อคอร์ รวมเป็น 36MB - E-core clusters มี 3MB L2 cache ต่อกลุ่ม ✅ Arrow Lake มี GPU tile ที่ใช้ Xe LPG (Arc Alchemist) render slice - มี 4 Xe GPU cores - รองรับ การประมวลผลกราฟิกที่ดีขึ้น ✅ ผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาด CPU - AMD Ryzen 9000 (เช่น 9800X3D) ยังคงมีประสิทธิภาพสูงกว่า - Arrow Lake ยังไม่สามารถแซง Intel 14th Gen ในการเล่นเกม https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/arrow-lake-die-shot-shows-off-the-details-of-intels-chiplet-based-design
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Arrow Lake die shot shows off the details of Intel's chiplet-based design
    Arrow Lake might be slow in gaming, but the architecture is still a sight to behold under the hood.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD กำลังพัฒนา UDNA ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมกราฟิกใหม่ที่รวม RDNA และ CDNA เข้าด้วยกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพของ Ray Tracing และ AI ให้สามารถแข่งขันกับ Nvidia Blackwell ได้

    นักวิเคราะห์พบว่า AMD ได้จดสิทธิบัตรเกี่ยวกับการจัดการ BVH (Bounding Volume Hierarchy) ซึ่งช่วยให้ ลดภาระของ CPU และ VRAM ทำให้สามารถ เรนเดอร์ฉากที่มีวัตถุเคลื่อนไหวและสภาพแวดล้อมที่ถูกทำลายได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีข้อมูลว่า PlayStation 6 อาจใช้เทคโนโลยี UDNA

    ✅ UDNA เป็นการรวม RDNA และ CDNA เข้าด้วยกัน
    - ช่วยให้ การพัฒนา GPU มีความเป็นเอกภาพมากขึ้น
    - อาจช่วยให้ AMD สามารถแข่งขันกับ Nvidia ได้ดีขึ้น

    ✅ AMD จดสิทธิบัตรเกี่ยวกับ BVH เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ Ray Tracing
    - ลดภาระของ CPU และ VRAM
    - ช่วยให้สามารถ เรนเดอร์ฉากที่มีวัตถุเคลื่อนไหวและสภาพแวดล้อมที่ถูกทำลายได้ดีขึ้น

    ✅ PlayStation 6 อาจใช้เทคโนโลยี UDNA
    - มีข้อมูลว่าการพัฒนา PS6 อาจเกี่ยวข้องกับ AMD UDNA
    - อาจช่วยให้ คอนโซลมีประสิทธิภาพด้านกราฟิกที่ดีขึ้น

    ✅ เปรียบเทียบกับ Nvidia Blackwell
    - สิทธิบัตรของ AMD ชี้ว่า UDNA อาจมีประสิทธิภาพ Ray Tracing ใกล้เคียงกับ Blackwell
    - อาจสามารถ แข่งขันกับ RTX Mega Geometry ของ Nvidia ได้

    https://www.techpowerup.com/336380/amd-patents-provide-early-udna-insights-blackwell-esque-ray-tracing-performance-could-be-achievable
    AMD กำลังพัฒนา UDNA ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมกราฟิกใหม่ที่รวม RDNA และ CDNA เข้าด้วยกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพของ Ray Tracing และ AI ให้สามารถแข่งขันกับ Nvidia Blackwell ได้ นักวิเคราะห์พบว่า AMD ได้จดสิทธิบัตรเกี่ยวกับการจัดการ BVH (Bounding Volume Hierarchy) ซึ่งช่วยให้ ลดภาระของ CPU และ VRAM ทำให้สามารถ เรนเดอร์ฉากที่มีวัตถุเคลื่อนไหวและสภาพแวดล้อมที่ถูกทำลายได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีข้อมูลว่า PlayStation 6 อาจใช้เทคโนโลยี UDNA ✅ UDNA เป็นการรวม RDNA และ CDNA เข้าด้วยกัน - ช่วยให้ การพัฒนา GPU มีความเป็นเอกภาพมากขึ้น - อาจช่วยให้ AMD สามารถแข่งขันกับ Nvidia ได้ดีขึ้น ✅ AMD จดสิทธิบัตรเกี่ยวกับ BVH เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ Ray Tracing - ลดภาระของ CPU และ VRAM - ช่วยให้สามารถ เรนเดอร์ฉากที่มีวัตถุเคลื่อนไหวและสภาพแวดล้อมที่ถูกทำลายได้ดีขึ้น ✅ PlayStation 6 อาจใช้เทคโนโลยี UDNA - มีข้อมูลว่าการพัฒนา PS6 อาจเกี่ยวข้องกับ AMD UDNA - อาจช่วยให้ คอนโซลมีประสิทธิภาพด้านกราฟิกที่ดีขึ้น ✅ เปรียบเทียบกับ Nvidia Blackwell - สิทธิบัตรของ AMD ชี้ว่า UDNA อาจมีประสิทธิภาพ Ray Tracing ใกล้เคียงกับ Blackwell - อาจสามารถ แข่งขันกับ RTX Mega Geometry ของ Nvidia ได้ https://www.techpowerup.com/336380/amd-patents-provide-early-udna-insights-blackwell-esque-ray-tracing-performance-could-be-achievable
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    AMD Patents Provide Early UDNA Insights - "Blackwell-esque" Ray Tracing Performance Could be Achievable
    Last September, AMD leadership publicly revealed UDNA—an "unforking" of previously separate enterprise and commercial GPU branches. Not long after this announcement, TechPowerUp's resident Serbian correspondent—AleksandarK—sat down with Team Red's Andrej Zdravkovic. The Chief Software Officer (and S...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 22 มุมมอง 0 รีวิว
  • Xiaomi กำลังเร่งพัฒนา Xring SoC ซึ่งเป็นชิปเซ็ตที่ออกแบบเอง โดยมีทีมงานมากกว่า 1,000 คน ทำงานในโครงการนี้ ซึ่งเป็นการขยายขีดความสามารถของบริษัทในการผลิตชิปสำหรับสมาร์ทโฟน

    ก่อนหน้านี้ Xiaomi เคยพยายามพัฒนาชิปเซ็ตของตัวเอง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม Xring SoC อาจเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ Xiaomi สามารถแข่งขันกับ Qualcomm และ MediaTek ได้ในอนาคต

    ✅ Xiaomi มีทีมงานมากกว่า 1,000 คนทำงานในโครงการ Xring SoC
    - เป็นทีมงานที่แยกออกจากบริษัทแม่
    - มีอดีตผู้บริหารจาก Qualcomm เข้ามาช่วยพัฒนา

    ✅ เป้าหมายของ Xring SoC
    - ต้องการผลิตชิปเซ็ตที่สามารถแข่งขันกับ Qualcomm และ MediaTek
    - อาจช่วยให้ Xiaomi ลดการพึ่งพาผู้ผลิตชิปจากต่างประเทศ

    ✅ Xring SoC อาจถูกใช้ในสมาร์ทโฟน Xiaomi รุ่นใหม่
    - มีรายงานว่ามี ต้นแบบของชิปที่ถูกทดสอบแล้วในเดือนมีนาคม 2025
    - อาจช่วยให้ Xiaomi สามารถควบคุมต้นทุนและประสิทธิภาพของอุปกรณ์ได้ดีขึ้น

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน
    - หาก Xring SoC ประสบความสำเร็จ อาจทำให้ บริษัทอื่น ๆ ในจีนเริ่มพัฒนาชิปของตัวเองมากขึ้น
    - อาจช่วยให้ วิศวกรที่ทำงานในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ได้รับค่าตอบแทนที่สูงขึ้น

    https://www.techpowerup.com/336395/1000-xiaomi-employees-reportedly-working-on-proprietary-xring-chipset-designs
    Xiaomi กำลังเร่งพัฒนา Xring SoC ซึ่งเป็นชิปเซ็ตที่ออกแบบเอง โดยมีทีมงานมากกว่า 1,000 คน ทำงานในโครงการนี้ ซึ่งเป็นการขยายขีดความสามารถของบริษัทในการผลิตชิปสำหรับสมาร์ทโฟน ก่อนหน้านี้ Xiaomi เคยพยายามพัฒนาชิปเซ็ตของตัวเอง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม Xring SoC อาจเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ Xiaomi สามารถแข่งขันกับ Qualcomm และ MediaTek ได้ในอนาคต ✅ Xiaomi มีทีมงานมากกว่า 1,000 คนทำงานในโครงการ Xring SoC - เป็นทีมงานที่แยกออกจากบริษัทแม่ - มีอดีตผู้บริหารจาก Qualcomm เข้ามาช่วยพัฒนา ✅ เป้าหมายของ Xring SoC - ต้องการผลิตชิปเซ็ตที่สามารถแข่งขันกับ Qualcomm และ MediaTek - อาจช่วยให้ Xiaomi ลดการพึ่งพาผู้ผลิตชิปจากต่างประเทศ ✅ Xring SoC อาจถูกใช้ในสมาร์ทโฟน Xiaomi รุ่นใหม่ - มีรายงานว่ามี ต้นแบบของชิปที่ถูกทดสอบแล้วในเดือนมีนาคม 2025 - อาจช่วยให้ Xiaomi สามารถควบคุมต้นทุนและประสิทธิภาพของอุปกรณ์ได้ดีขึ้น ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน - หาก Xring SoC ประสบความสำเร็จ อาจทำให้ บริษัทอื่น ๆ ในจีนเริ่มพัฒนาชิปของตัวเองมากขึ้น - อาจช่วยให้ วิศวกรที่ทำงานในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ได้รับค่าตอบแทนที่สูงขึ้น https://www.techpowerup.com/336395/1000-xiaomi-employees-reportedly-working-on-proprietary-xring-chipset-designs
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    1000+ Xiaomi Employees Reportedly Working on Proprietary "Xring" Chipset Designs
    Mid-way through April, a few Asian media outlets proposed a fairly recent formation of Xiaomi's "chip platform department"—most likely operating as part of the Chinese corporation's mobile phone development operation. Industry insiders claimed that this special branch was tasked with the designing o...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่วน! 08.00 น. มีชายถืออาวุธสงครามกราดยิง ที่บริเวณปั๊มน้ำมัน หน้าเทศบาลนครแม่สอด จ.ตาก ขณะนี้ จนท.กำลังปิดล้อม
    https://www.thai-tai.tv/news/18521/
    ด่วน! 08.00 น. มีชายถืออาวุธสงครามกราดยิง ที่บริเวณปั๊มน้ำมัน หน้าเทศบาลนครแม่สอด จ.ตาก ขณะนี้ จนท.กำลังปิดล้อม https://www.thai-tai.tv/news/18521/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • iStorage ได้เปิดตัว diskAshur DT3 ซึ่งเป็น ฮาร์ดไดรฟ์ตั้งโต๊ะที่เข้ารหัสด้วยฮาร์ดแวร์ ขนาด 26TB โดยใช้ PIN-authenticated encryption เพื่อให้การปกป้องข้อมูลระดับรัฐบาล

    diskAshur DT3 เป็นหนึ่งในฮาร์ดไดรฟ์ที่ อยู่ระหว่างการรับรองมาตรฐาน FIPS 140-3 Level 3 ซึ่งเป็นมาตรฐานล่าสุดด้านความปลอดภัยทางเข้ารหัส นอกจากนี้ยังมี TAA compliance, AES-XTS 256-bit encryption และ Common Criteria EAL5+ certified microprocessor

    ✅ ฮาร์ดไดรฟ์ตั้งโต๊ะที่เข้ารหัสด้วยฮาร์ดแวร์ ขนาด 26TB
    - ใช้ PIN-authenticated encryption เพื่อปกป้องข้อมูล
    - เหมาะสำหรับ องค์กรและรัฐบาลที่ต้องการความปลอดภัยสูง

    ✅ มาตรฐานความปลอดภัยระดับสูง
    - อยู่ระหว่างการรับรอง FIPS 140-3 Level 3
    - มี AES-XTS 256-bit encryption และ Common Criteria EAL5+ certified microprocessor

    ✅ เปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
    - diskAshur DT2 มีมาตรฐาน FIPS 140-2 Level 3 และ NATO Restricted
    - DT3 มี การปรับปรุงด้านความปลอดภัยและความจุที่มากขึ้น

    ✅ ราคาและการวางจำหน่าย
    - diskAshur DT3 ราคา $1,814
    - diskAshur DT2 ราคา $1,541

    https://www.techradar.com/pro/istorage-just-released-a-26tb-hardware-encrypted-desktop-hard-drive-just-make-sure-you-remember-your-pin-and-have-backups
    iStorage ได้เปิดตัว diskAshur DT3 ซึ่งเป็น ฮาร์ดไดรฟ์ตั้งโต๊ะที่เข้ารหัสด้วยฮาร์ดแวร์ ขนาด 26TB โดยใช้ PIN-authenticated encryption เพื่อให้การปกป้องข้อมูลระดับรัฐบาล diskAshur DT3 เป็นหนึ่งในฮาร์ดไดรฟ์ที่ อยู่ระหว่างการรับรองมาตรฐาน FIPS 140-3 Level 3 ซึ่งเป็นมาตรฐานล่าสุดด้านความปลอดภัยทางเข้ารหัส นอกจากนี้ยังมี TAA compliance, AES-XTS 256-bit encryption และ Common Criteria EAL5+ certified microprocessor ✅ ฮาร์ดไดรฟ์ตั้งโต๊ะที่เข้ารหัสด้วยฮาร์ดแวร์ ขนาด 26TB - ใช้ PIN-authenticated encryption เพื่อปกป้องข้อมูล - เหมาะสำหรับ องค์กรและรัฐบาลที่ต้องการความปลอดภัยสูง ✅ มาตรฐานความปลอดภัยระดับสูง - อยู่ระหว่างการรับรอง FIPS 140-3 Level 3 - มี AES-XTS 256-bit encryption และ Common Criteria EAL5+ certified microprocessor ✅ เปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า - diskAshur DT2 มีมาตรฐาน FIPS 140-2 Level 3 และ NATO Restricted - DT3 มี การปรับปรุงด้านความปลอดภัยและความจุที่มากขึ้น ✅ ราคาและการวางจำหน่าย - diskAshur DT3 ราคา $1,814 - diskAshur DT2 ราคา $1,541 https://www.techradar.com/pro/istorage-just-released-a-26tb-hardware-encrypted-desktop-hard-drive-just-make-sure-you-remember-your-pin-and-have-backups
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Wordfence ได้ค้นพบ มัลแวร์ใหม่ที่แฝงตัวเป็นปลั๊กอินรักษาความปลอดภัยสำหรับ WordPress โดยใช้ชื่อ WP-antymalwary-bot.php ซึ่งดูเหมือนเป็นเครื่องมือป้องกันมัลแวร์ แต่แท้จริงแล้วเป็น ช่องทางให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงเว็บไซต์และแพร่กระจายมัลแวร์

    มัลแวร์นี้มี ฟังก์ชันที่ช่วยให้ผู้โจมตีสามารถซ่อนปลั๊กอินจากแดชบอร์ดของ WordPress และ รันโค้ดจากระยะไกล นอกจากนี้ยังมี ระบบ "pinging" ที่สามารถส่งข้อมูลกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2) ในไซปรัส และ แพร่กระจายมัลแวร์ไปยังไดเรกทอรีอื่น ๆ

    ✅ มัลแวร์แฝงตัวเป็นปลั๊กอินรักษาความปลอดภัย
    - ใช้ชื่อ WP-antymalwary-bot.php
    - ดูเหมือนเป็นเครื่องมือป้องกันมัลแวร์ แต่แท้จริงแล้วเป็น ช่องทางให้แฮกเกอร์เข้าถึงเว็บไซต์

    ✅ ฟังก์ชันที่ช่วยให้ผู้โจมตีสามารถซ่อนปลั๊กอินและรันโค้ดจากระยะไกล
    - สามารถ ซ่อนปลั๊กอินจากแดชบอร์ดของ WordPress
    - มี ระบบ "pinging" ที่ส่งข้อมูลกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2) ในไซปรัส

    ✅ แพร่กระจายมัลแวร์ไปยังไดเรกทอรีอื่น ๆ และฉีดโค้ด JavaScript ที่เป็นอันตราย
    - สามารถ แพร่กระจายมัลแวร์ไปยังไดเรกทอรีอื่น ๆ
    - ฉีด โค้ด JavaScript ที่ใช้แสดงโฆษณาอันตราย

    ✅ Wordfence พบมัลแวร์นี้ระหว่างการทำความสะอาดเว็บไซต์ในเดือนมกราคม 2025
    - พบว่า wp-cron.php ถูกแก้ไขเพื่อสร้างและเปิดใช้งานมัลแวร์โดยอัตโนมัติ
    - หากผู้ดูแลระบบลบปลั๊กอิน wp-cron จะสร้างและเปิดใช้งานใหม่โดยอัตโนมัติ

    https://www.techradar.com/pro/security/wordpress-sites-targeted-by-malicious-plugin-disguised-as-a-security-tool
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Wordfence ได้ค้นพบ มัลแวร์ใหม่ที่แฝงตัวเป็นปลั๊กอินรักษาความปลอดภัยสำหรับ WordPress โดยใช้ชื่อ WP-antymalwary-bot.php ซึ่งดูเหมือนเป็นเครื่องมือป้องกันมัลแวร์ แต่แท้จริงแล้วเป็น ช่องทางให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงเว็บไซต์และแพร่กระจายมัลแวร์ มัลแวร์นี้มี ฟังก์ชันที่ช่วยให้ผู้โจมตีสามารถซ่อนปลั๊กอินจากแดชบอร์ดของ WordPress และ รันโค้ดจากระยะไกล นอกจากนี้ยังมี ระบบ "pinging" ที่สามารถส่งข้อมูลกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2) ในไซปรัส และ แพร่กระจายมัลแวร์ไปยังไดเรกทอรีอื่น ๆ ✅ มัลแวร์แฝงตัวเป็นปลั๊กอินรักษาความปลอดภัย - ใช้ชื่อ WP-antymalwary-bot.php - ดูเหมือนเป็นเครื่องมือป้องกันมัลแวร์ แต่แท้จริงแล้วเป็น ช่องทางให้แฮกเกอร์เข้าถึงเว็บไซต์ ✅ ฟังก์ชันที่ช่วยให้ผู้โจมตีสามารถซ่อนปลั๊กอินและรันโค้ดจากระยะไกล - สามารถ ซ่อนปลั๊กอินจากแดชบอร์ดของ WordPress - มี ระบบ "pinging" ที่ส่งข้อมูลกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2) ในไซปรัส ✅ แพร่กระจายมัลแวร์ไปยังไดเรกทอรีอื่น ๆ และฉีดโค้ด JavaScript ที่เป็นอันตราย - สามารถ แพร่กระจายมัลแวร์ไปยังไดเรกทอรีอื่น ๆ - ฉีด โค้ด JavaScript ที่ใช้แสดงโฆษณาอันตราย ✅ Wordfence พบมัลแวร์นี้ระหว่างการทำความสะอาดเว็บไซต์ในเดือนมกราคม 2025 - พบว่า wp-cron.php ถูกแก้ไขเพื่อสร้างและเปิดใช้งานมัลแวร์โดยอัตโนมัติ - หากผู้ดูแลระบบลบปลั๊กอิน wp-cron จะสร้างและเปิดใช้งานใหม่โดยอัตโนมัติ https://www.techradar.com/pro/security/wordpress-sites-targeted-by-malicious-plugin-disguised-as-a-security-tool
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Socket ได้ค้นพบ แพ็กเกจ PyPI ที่เป็นอันตราย ซึ่งใช้ เซิร์ฟเวอร์ Gmail เพื่อขโมยข้อมูลสำคัญและสื่อสารกับผู้โจมตี โดยแพ็กเกจเหล่านี้ถูกดาวน์โหลดไปแล้วกว่า 55,000 ครั้ง และบางแพ็กเกจอยู่บนแพลตฟอร์มนานถึง 4 ปี

    แพ็กเกจที่เป็นอันตรายเหล่านี้มีชื่อคล้ายกับแพ็กเกจ Coffin ที่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น Coffin-Codes-Pro, Coffin-Codes, NET2, Coffin-Codes-NET, Coffin-Codes-2022, Coffin2022 และ Coffin-Grave รวมถึง cfc-bsb ซึ่งทั้งหมดถูกลบออกจาก PyPI แล้ว

    ✅ แพ็กเกจ PyPI ที่เป็นอันตรายใช้เซิร์ฟเวอร์ Gmail เพื่อขโมยข้อมูล
    - ใช้ บัญชี Gmail ที่มีรหัสผ่านฝังอยู่ในโค้ด
    - สร้าง ช่องทางสื่อสารผ่าน WebSockets เพื่อหลีกเลี่ยงไฟร์วอลล์

    ✅ แพ็กเกจเหล่านี้ถูกดาวน์โหลดไปแล้วกว่า 55,000 ครั้ง
    - บางแพ็กเกจอยู่บน PyPI นานถึง 4 ปี
    - ส่วนใหญ่เป็น การลอกเลียนแบบแพ็กเกจ Coffin

    ✅ Socket รายงานแพ็กเกจเหล่านี้ไปยัง PyPI และช่วยให้ถูกลบออกจากแพลตฟอร์ม
    - แม้ว่าจะถูกลบไปแล้ว แต่ความเสียหายได้เกิดขึ้นแล้ว
    - ผู้ใช้ที่ติดตั้งแพ็กเกจเหล่านี้ต้อง ลบออกทันทีและเปลี่ยนรหัสผ่าน

    ✅ เป้าหมายหลักของมัลแวร์คือการขโมยข้อมูลเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซี
    - พบว่ามัลแวร์ส่งข้อมูลไปยัง บัญชี Gmail ที่มีคำว่า "blockchain" และ "bitcoin"

    https://www.techradar.com/pro/security/gmail-servers-hijacked-by-malicious-pypi-packages-to-spread-havoc-heres-how-to-stay-safe
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Socket ได้ค้นพบ แพ็กเกจ PyPI ที่เป็นอันตราย ซึ่งใช้ เซิร์ฟเวอร์ Gmail เพื่อขโมยข้อมูลสำคัญและสื่อสารกับผู้โจมตี โดยแพ็กเกจเหล่านี้ถูกดาวน์โหลดไปแล้วกว่า 55,000 ครั้ง และบางแพ็กเกจอยู่บนแพลตฟอร์มนานถึง 4 ปี แพ็กเกจที่เป็นอันตรายเหล่านี้มีชื่อคล้ายกับแพ็กเกจ Coffin ที่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น Coffin-Codes-Pro, Coffin-Codes, NET2, Coffin-Codes-NET, Coffin-Codes-2022, Coffin2022 และ Coffin-Grave รวมถึง cfc-bsb ซึ่งทั้งหมดถูกลบออกจาก PyPI แล้ว ✅ แพ็กเกจ PyPI ที่เป็นอันตรายใช้เซิร์ฟเวอร์ Gmail เพื่อขโมยข้อมูล - ใช้ บัญชี Gmail ที่มีรหัสผ่านฝังอยู่ในโค้ด - สร้าง ช่องทางสื่อสารผ่าน WebSockets เพื่อหลีกเลี่ยงไฟร์วอลล์ ✅ แพ็กเกจเหล่านี้ถูกดาวน์โหลดไปแล้วกว่า 55,000 ครั้ง - บางแพ็กเกจอยู่บน PyPI นานถึง 4 ปี - ส่วนใหญ่เป็น การลอกเลียนแบบแพ็กเกจ Coffin ✅ Socket รายงานแพ็กเกจเหล่านี้ไปยัง PyPI และช่วยให้ถูกลบออกจากแพลตฟอร์ม - แม้ว่าจะถูกลบไปแล้ว แต่ความเสียหายได้เกิดขึ้นแล้ว - ผู้ใช้ที่ติดตั้งแพ็กเกจเหล่านี้ต้อง ลบออกทันทีและเปลี่ยนรหัสผ่าน ✅ เป้าหมายหลักของมัลแวร์คือการขโมยข้อมูลเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซี - พบว่ามัลแวร์ส่งข้อมูลไปยัง บัญชี Gmail ที่มีคำว่า "blockchain" และ "bitcoin" https://www.techradar.com/pro/security/gmail-servers-hijacked-by-malicious-pypi-packages-to-spread-havoc-heres-how-to-stay-safe
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยจาก Keio University ในญี่ปุ่น ได้พัฒนา เทคโนโลยีเส้นใยแก้วนำแสงพลาสติก (POF) แบบหลายแกน ซึ่งสามารถ ส่งข้อมูลได้เร็วขึ้นและมีต้นทุนต่ำกว่าระบบแก้วนำแสงแบบเดิม โดยมีศักยภาพในการ ปรับปรุงประสิทธิภาพของศูนย์ข้อมูล AI

    เทคโนโลยีใหม่นี้ใช้ กระบวนการขึ้นรูปแบบ extrusion molding ทำให้สามารถ ผลิตเส้นใยแก้วนำแสงพลาสติกแบบหลายแกนได้ในขั้นตอนเดียว ลดต้นทุนและความซับซ้อนลงถึง 10-100 เท่า เมื่อเทียบกับระบบแก้วนำแสงแบบเดิม

    ✅ เส้นใยแก้วนำแสงพลาสติกแบบหลายแกนสามารถส่งข้อมูลได้เร็วขึ้น
    - รองรับ ความเร็วสูงสุด 106.25Gbps ต่อแกน
    - ลด Bit Error Rate (BER) ลงถึง 100,000 เท่า เมื่อเทียบกับระบบแก้วนำแสงแบบเดิม

    ✅ กระบวนการผลิตแบบ extrusion molding ลดต้นทุนและความซับซ้อน
    - สามารถ ผลิตเส้นใยแบบหลายแกนได้ในขั้นตอนเดียว
    - ลดต้นทุนลงถึง 10-100 เท่า

    ✅ การทดสอบพบว่าคุณภาพสัญญาณยังคงสูงแม้ส่งข้อมูลผ่านระยะทาง 30 เมตร
    - ใช้ VCSELs (Vertical-Cavity Surface-Emitting Lasers)
    - ไม่มีการเสื่อมสภาพของสัญญาณอย่างมีนัยสำคัญ

    ✅ ผลกระทบต่อศูนย์ข้อมูล AI และโครงสร้างพื้นฐานด้านการประมวลผล
    - อาจช่วยให้ ศูนย์ข้อมูลสามารถรองรับการประมวลผล AI ได้เร็วขึ้น
    - ลดปัญหาคอขวดในการเชื่อมต่อระหว่าง GPU และตัวเร่งการประมวลผล

    https://www.techradar.com/pro/glass-out-plastic-in-new-fiber-optic-technology-set-to-be-deployed-in-ai-data-centers-is-both-cheaper-and-faster
    นักวิจัยจาก Keio University ในญี่ปุ่น ได้พัฒนา เทคโนโลยีเส้นใยแก้วนำแสงพลาสติก (POF) แบบหลายแกน ซึ่งสามารถ ส่งข้อมูลได้เร็วขึ้นและมีต้นทุนต่ำกว่าระบบแก้วนำแสงแบบเดิม โดยมีศักยภาพในการ ปรับปรุงประสิทธิภาพของศูนย์ข้อมูล AI เทคโนโลยีใหม่นี้ใช้ กระบวนการขึ้นรูปแบบ extrusion molding ทำให้สามารถ ผลิตเส้นใยแก้วนำแสงพลาสติกแบบหลายแกนได้ในขั้นตอนเดียว ลดต้นทุนและความซับซ้อนลงถึง 10-100 เท่า เมื่อเทียบกับระบบแก้วนำแสงแบบเดิม ✅ เส้นใยแก้วนำแสงพลาสติกแบบหลายแกนสามารถส่งข้อมูลได้เร็วขึ้น - รองรับ ความเร็วสูงสุด 106.25Gbps ต่อแกน - ลด Bit Error Rate (BER) ลงถึง 100,000 เท่า เมื่อเทียบกับระบบแก้วนำแสงแบบเดิม ✅ กระบวนการผลิตแบบ extrusion molding ลดต้นทุนและความซับซ้อน - สามารถ ผลิตเส้นใยแบบหลายแกนได้ในขั้นตอนเดียว - ลดต้นทุนลงถึง 10-100 เท่า ✅ การทดสอบพบว่าคุณภาพสัญญาณยังคงสูงแม้ส่งข้อมูลผ่านระยะทาง 30 เมตร - ใช้ VCSELs (Vertical-Cavity Surface-Emitting Lasers) - ไม่มีการเสื่อมสภาพของสัญญาณอย่างมีนัยสำคัญ ✅ ผลกระทบต่อศูนย์ข้อมูล AI และโครงสร้างพื้นฐานด้านการประมวลผล - อาจช่วยให้ ศูนย์ข้อมูลสามารถรองรับการประมวลผล AI ได้เร็วขึ้น - ลดปัญหาคอขวดในการเชื่อมต่อระหว่าง GPU และตัวเร่งการประมวลผล https://www.techradar.com/pro/glass-out-plastic-in-new-fiber-optic-technology-set-to-be-deployed-in-ai-data-centers-is-both-cheaper-and-faster
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • - กรณีมีคนใช้อาวุธปืนกราดยิง เป็นชายรูปร่างอ้วน ขับรถกระบะ มิสซู(รุ่นเก่า) สีดำ
    - ประสานหน่วยทหารราชมนู สนับสนุน
    08.18 สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ควบคุมชายคลั่ง ส่ง รพ.ฯ

    ที่มา สถานีตำรวจภูธรแม่สอด จังหวัดตาก
    - กรณีมีคนใช้อาวุธปืนกราดยิง เป็นชายรูปร่างอ้วน ขับรถกระบะ มิสซู(รุ่นเก่า) สีดำ - ประสานหน่วยทหารราชมนู สนับสนุน 08.18 สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ควบคุมชายคลั่ง ส่ง รพ.ฯ ที่มา สถานีตำรวจภูธรแม่สอด จังหวัดตาก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
  • Asustor ได้ประกาศจุดยืนที่ชัดเจนในการ ต่อต้านการล็อกฮาร์ดแวร์โดยผู้ผลิต NAS โดยเน้นให้ผู้ใช้สามารถ เลือกฮาร์ดไดรฟ์และระบบปฏิบัติการได้อย่างอิสระ ซึ่งเป็นการตอบโต้แนวทางของแบรนด์อื่น ๆ เช่น Synology ที่มีข้อจำกัดด้านความเข้ากันได้ของฮาร์ดแวร์

    Asustor ระบุว่า "เราไม่เชื่อในการปฏิบัติต่อผู้ใช้เหมือนเด็ก" และให้ความสำคัญกับ ความสามารถในการเลือกฮาร์ดแวร์ของผู้ใช้ โดยไม่บังคับให้ใช้ไดรฟ์ที่มีเฟิร์มแวร์เฉพาะของบริษัท นอกจากนี้ยังมีข้อดีด้าน สิ่งแวดล้อม เนื่องจากอุปกรณ์ที่ไม่มีข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ สามารถใช้งานได้นานขึ้นและลดขยะอิเล็กทรอนิกส์

    ✅ Asustor ไม่บังคับให้ใช้ฮาร์ดไดรฟ์ที่มีเฟิร์มแวร์เฉพาะ
    - ผู้ใช้สามารถ เลือกฮาร์ดไดรฟ์และระบบปฏิบัติการได้อย่างอิสระ
    - ลดข้อจำกัดที่อาจทำให้อุปกรณ์ ล้าสมัยเร็วขึ้น

    ✅ ข้อดีด้านสิ่งแวดล้อม
    - อุปกรณ์ที่ไม่มีข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ สามารถใช้งานได้นานขึ้น
    - ลดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เกิดจาก การเลิกผลิตไดรฟ์เฉพาะของแบรนด์

    ✅ รองรับไดรฟ์ความจุสูงโดยไม่มีข้อจำกัดด้านเฟิร์มแวร์
    - สามารถใช้ ไดรฟ์ขนาด 36TB และสร้าง NAS ขนาด 360TB ได้
    - ไม่มีข้อจำกัดด้าน การอัปเกรดฮาร์ดแวร์

    ✅ ผู้ใช้สามารถติดตั้งระบบปฏิบัติการอื่นได้ แม้หลังจากหมดการสนับสนุน
    - Asustor ไม่ได้ให้การสนับสนุนโดยตรง แต่เคารพสิทธิ์ของผู้ใช้ในการเลือก

    https://www.techradar.com/pro/asustor-makes-veiled-dig-at-synologys-proprietary-hard-drive-philosophy-with-open-and-unlocked-stance
    Asustor ได้ประกาศจุดยืนที่ชัดเจนในการ ต่อต้านการล็อกฮาร์ดแวร์โดยผู้ผลิต NAS โดยเน้นให้ผู้ใช้สามารถ เลือกฮาร์ดไดรฟ์และระบบปฏิบัติการได้อย่างอิสระ ซึ่งเป็นการตอบโต้แนวทางของแบรนด์อื่น ๆ เช่น Synology ที่มีข้อจำกัดด้านความเข้ากันได้ของฮาร์ดแวร์ Asustor ระบุว่า "เราไม่เชื่อในการปฏิบัติต่อผู้ใช้เหมือนเด็ก" และให้ความสำคัญกับ ความสามารถในการเลือกฮาร์ดแวร์ของผู้ใช้ โดยไม่บังคับให้ใช้ไดรฟ์ที่มีเฟิร์มแวร์เฉพาะของบริษัท นอกจากนี้ยังมีข้อดีด้าน สิ่งแวดล้อม เนื่องจากอุปกรณ์ที่ไม่มีข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ สามารถใช้งานได้นานขึ้นและลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ ✅ Asustor ไม่บังคับให้ใช้ฮาร์ดไดรฟ์ที่มีเฟิร์มแวร์เฉพาะ - ผู้ใช้สามารถ เลือกฮาร์ดไดรฟ์และระบบปฏิบัติการได้อย่างอิสระ - ลดข้อจำกัดที่อาจทำให้อุปกรณ์ ล้าสมัยเร็วขึ้น ✅ ข้อดีด้านสิ่งแวดล้อม - อุปกรณ์ที่ไม่มีข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ สามารถใช้งานได้นานขึ้น - ลดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เกิดจาก การเลิกผลิตไดรฟ์เฉพาะของแบรนด์ ✅ รองรับไดรฟ์ความจุสูงโดยไม่มีข้อจำกัดด้านเฟิร์มแวร์ - สามารถใช้ ไดรฟ์ขนาด 36TB และสร้าง NAS ขนาด 360TB ได้ - ไม่มีข้อจำกัดด้าน การอัปเกรดฮาร์ดแวร์ ✅ ผู้ใช้สามารถติดตั้งระบบปฏิบัติการอื่นได้ แม้หลังจากหมดการสนับสนุน - Asustor ไม่ได้ให้การสนับสนุนโดยตรง แต่เคารพสิทธิ์ของผู้ใช้ในการเลือก https://www.techradar.com/pro/asustor-makes-veiled-dig-at-synologys-proprietary-hard-drive-philosophy-with-open-and-unlocked-stance
    WWW.TECHRADAR.COM
    This NAS brand just called out the competition and says you should own your hardware, not rent it
    Run your OS, pick your drives - Asustor gives power back to the user, not the vendor
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • เช้านี้ทองดีดตัวแรง เปิดตลาดพุ่งทันที 950 บาท เหตุดอลลาร์อ่อนค่า ส.ค้าทองชี้หากบาทไม่แข็งราคาสูงกว่านี้ https://www.matichon.co.th/economy/news_5169671
    เช้านี้ทองดีดตัวแรง เปิดตลาดพุ่งทันที 950 บาท เหตุดอลลาร์อ่อนค่า ส.ค้าทองชี้หากบาทไม่แข็งราคาสูงกว่านี้ https://www.matichon.co.th/economy/news_5169671
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์พูดถึงความอดอยาก ทุกข์ทรมานของชาวปาเลสไตน์ในกาซา โดยกล่าวหาฮามาสคือต้นเหตุนั้น ทรัมป์ไม่เอ่ยชื่อ "อิสราเอล" แม้แต่นิดเดียว

    “เราจะช่วยเหลือชาวกาซาให้ได้อาหาร ผู้คนกำลังอดอยาก และเราจะช่วยพวกเขาให้ได้อาหาร ผู้คนจำนวนมากกำลังทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงอย่างมาก

    ถ้าคุณพิจารณาดูดีๆ ฮามาสเป็นฝ่ายทำให้ทุกอย่างมันไปต่อไม่ได้เพราะพวกเขาเอาทุกอย่างที่เราพยายามส่งเข้าไปช่วยเหลือ แต่อย่างไรก็ตาม เราจะช่วยชาวกาซาเพราะพวกเขาได้รับการปฏิบัติอย่างเลวร้ายจากฮามาส”
    ทรัมป์พูดถึงความอดอยาก ทุกข์ทรมานของชาวปาเลสไตน์ในกาซา โดยกล่าวหาฮามาสคือต้นเหตุนั้น ทรัมป์ไม่เอ่ยชื่อ "อิสราเอล" แม้แต่นิดเดียว “เราจะช่วยเหลือชาวกาซาให้ได้อาหาร ผู้คนกำลังอดอยาก และเราจะช่วยพวกเขาให้ได้อาหาร ผู้คนจำนวนมากกำลังทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงอย่างมาก ถ้าคุณพิจารณาดูดีๆ ฮามาสเป็นฝ่ายทำให้ทุกอย่างมันไปต่อไม่ได้เพราะพวกเขาเอาทุกอย่างที่เราพยายามส่งเข้าไปช่วยเหลือ แต่อย่างไรก็ตาม เราจะช่วยชาวกาซาเพราะพวกเขาได้รับการปฏิบัติอย่างเลวร้ายจากฮามาส”
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 10 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึง การใช้ AI เพื่อช่วยชะลอวัยและส่งเสริมสุขภาพ โดยเปรียบเทียบคำแนะนำจาก AI หลายตัว เช่น ChatGPT, Copilot, Gemini และ Claude AI เพื่อดูว่าแต่ละระบบให้คำแนะนำอย่างไรเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและการชะลอวัย

    นักเขียนได้ตั้งคำถามว่า "วิธีที่ดีที่สุดในการชะลอวัยคืออะไร?" และพบว่า AI แต่ละตัวให้คำตอบที่แตกต่างกันไป เช่น ChatGPT เน้นการออกกำลังกายและโภชนาการ, Copilot เน้นการดูแลสุขภาพจิตและการมีสังคม, Claude AI ให้คำตอบเชิงวิชาการเกี่ยวกับโภชนาการและการจัดการความเครียด, และ Gemini เน้นย้ำว่าควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพ

    นอกจากนี้ บทความยังกล่าวถึง Bryan Johnson นักธุรกิจที่ลงทุนมหาศาลเพื่อยืดอายุขัยของตัวเอง โดยใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลร่างกายของเขาเพื่อปรับปรุงสุขภาพ

    ✅ AI หลายตัวให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและการชะลอวัย
    - ChatGPT เน้น การออกกำลังกายและโภชนาการ
    - Copilot เน้น สุขภาพจิตและการมีสังคม
    - Claude AI ให้คำตอบเชิงวิชาการเกี่ยวกับ โภชนาการและการจัดการความเครียด
    - Gemini เน้นย้ำว่า ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพ

    ✅ Bryan Johnson ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลร่างกายเพื่อปรับปรุงสุขภาพ
    - เชื่อว่า AI อาจให้คำแนะนำที่ดีกว่าแพทย์ในอนาคต
    - ลงทุนมหาศาลเพื่อ ยืดอายุขัยของตัวเอง

    ✅ AI อาจมีบทบาทสำคัญในการดูแลสุขภาพในอนาคต
    - อาจช่วย วิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพและให้คำแนะนำเฉพาะบุคคล
    - อาจเปลี่ยนแปลงแนวคิดเกี่ยวกับ ศาสนาและการดูแลร่างกาย

    ℹ️ AI ไม่สามารถแทนที่แพทย์ได้ในปัจจุบัน
    - AI อาจให้คำแนะนำทั่วไป แต่ ไม่สามารถวินิจฉัยโรคหรือให้คำปรึกษาทางการแพทย์ได้

    ℹ️ ข้อมูลที่ AI ใช้อาจไม่เหมาะกับทุกคน
    - AI ไม่สามารถรู้ข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคล เช่น อาการแพ้หรือข้อจำกัดทางร่างกาย

    ℹ️ แนวโน้มของการพัฒนาในอนาคต
    - หาก AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพได้แม่นยำขึ้น อาจทำให้ การดูแลสุขภาพมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/i-asked-chatgpt-gemini-and-other-ais-how-to-combat-aging-and-only-one-did-the-right-thing
    บทความนี้กล่าวถึง การใช้ AI เพื่อช่วยชะลอวัยและส่งเสริมสุขภาพ โดยเปรียบเทียบคำแนะนำจาก AI หลายตัว เช่น ChatGPT, Copilot, Gemini และ Claude AI เพื่อดูว่าแต่ละระบบให้คำแนะนำอย่างไรเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและการชะลอวัย นักเขียนได้ตั้งคำถามว่า "วิธีที่ดีที่สุดในการชะลอวัยคืออะไร?" และพบว่า AI แต่ละตัวให้คำตอบที่แตกต่างกันไป เช่น ChatGPT เน้นการออกกำลังกายและโภชนาการ, Copilot เน้นการดูแลสุขภาพจิตและการมีสังคม, Claude AI ให้คำตอบเชิงวิชาการเกี่ยวกับโภชนาการและการจัดการความเครียด, และ Gemini เน้นย้ำว่าควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพ นอกจากนี้ บทความยังกล่าวถึง Bryan Johnson นักธุรกิจที่ลงทุนมหาศาลเพื่อยืดอายุขัยของตัวเอง โดยใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลร่างกายของเขาเพื่อปรับปรุงสุขภาพ ✅ AI หลายตัวให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและการชะลอวัย - ChatGPT เน้น การออกกำลังกายและโภชนาการ - Copilot เน้น สุขภาพจิตและการมีสังคม - Claude AI ให้คำตอบเชิงวิชาการเกี่ยวกับ โภชนาการและการจัดการความเครียด - Gemini เน้นย้ำว่า ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพ ✅ Bryan Johnson ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลร่างกายเพื่อปรับปรุงสุขภาพ - เชื่อว่า AI อาจให้คำแนะนำที่ดีกว่าแพทย์ในอนาคต - ลงทุนมหาศาลเพื่อ ยืดอายุขัยของตัวเอง ✅ AI อาจมีบทบาทสำคัญในการดูแลสุขภาพในอนาคต - อาจช่วย วิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพและให้คำแนะนำเฉพาะบุคคล - อาจเปลี่ยนแปลงแนวคิดเกี่ยวกับ ศาสนาและการดูแลร่างกาย ℹ️ AI ไม่สามารถแทนที่แพทย์ได้ในปัจจุบัน - AI อาจให้คำแนะนำทั่วไป แต่ ไม่สามารถวินิจฉัยโรคหรือให้คำปรึกษาทางการแพทย์ได้ ℹ️ ข้อมูลที่ AI ใช้อาจไม่เหมาะกับทุกคน - AI ไม่สามารถรู้ข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคล เช่น อาการแพ้หรือข้อจำกัดทางร่างกาย ℹ️ แนวโน้มของการพัฒนาในอนาคต - หาก AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพได้แม่นยำขึ้น อาจทำให้ การดูแลสุขภาพมีประสิทธิภาพมากขึ้น https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/i-asked-chatgpt-gemini-and-other-ais-how-to-combat-aging-and-only-one-did-the-right-thing
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก ESET ได้เปิดเผยว่า กลุ่มแฮกเกอร์ TheWizards ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาลจีน กำลังใช้ SLAAC spoofing attack เพื่อ แทรกแซงกระบวนการอัปเดตซอฟต์แวร์ และแพร่กระจายมัลแวร์ WizardNet ไปยังอุปกรณ์เป้าหมาย

    การโจมตีนี้ใช้เครื่องมือ Spellbinder เพื่อส่ง Router Advertisement (RA) messages ปลอม ไปยังอุปกรณ์เป้าหมาย ทำให้อุปกรณ์เข้าใจผิดว่า เครื่องของแฮกเกอร์เป็นเราเตอร์ที่ถูกต้อง และส่งทราฟฟิกทั้งหมดผ่านเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี

    เมื่อแฮกเกอร์สามารถควบคุมทราฟฟิกได้ พวกเขาจะ เปลี่ยนเส้นทาง DNS queries สำหรับโดเมนที่เกี่ยวข้องกับการอัปเดตซอฟต์แวร์ เช่น Tencent, Baidu, Xiaomi และ Meitu ทำให้เหยื่อดาวน์โหลด เวอร์ชันที่ถูกดัดแปลงและฝัง WizardNet ซึ่งช่วยให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงอุปกรณ์จากระยะไกล

    ✅ TheWizards ใช้ SLAAC spoofing attack เพื่อแทรกแซงการอัปเดตซอฟต์แวร์
    - ใช้เครื่องมือ Spellbinder เพื่อส่ง Router Advertisement (RA) messages ปลอม
    - ทำให้อุปกรณ์เป้าหมายเข้าใจผิดว่า เครื่องของแฮกเกอร์เป็นเราเตอร์ที่ถูกต้อง

    ✅ เปลี่ยนเส้นทาง DNS queries เพื่อแพร่กระจายมัลแวร์ WizardNet
    - เหยื่อดาวน์โหลด ซอฟต์แวร์ที่ถูกดัดแปลงและฝัง WizardNet
    - WizardNet สามารถ โหลดและรัน .NET modules ในหน่วยความจำ

    ✅ เป้าหมายหลักของการโจมตี
    - ผู้ใช้และองค์กรใน จีน, ฮ่องกง, กัมพูชา, ฟิลิปปินส์ และ UAE
    - ส่วนใหญ่เป็น บริษัทในอุตสาหกรรมการพนัน

    ✅ วิธีป้องกันการโจมตี
    - ตรวจสอบทราฟฟิก IPv6 อย่างสม่ำเสมอ
    - ปิดการใช้งาน IPv6 หากไม่จำเป็นในระบบ

    https://www.techradar.com/pro/security/ipv6-networking-feature-hit-by-hackers-to-hijack-software-updates
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก ESET ได้เปิดเผยว่า กลุ่มแฮกเกอร์ TheWizards ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาลจีน กำลังใช้ SLAAC spoofing attack เพื่อ แทรกแซงกระบวนการอัปเดตซอฟต์แวร์ และแพร่กระจายมัลแวร์ WizardNet ไปยังอุปกรณ์เป้าหมาย การโจมตีนี้ใช้เครื่องมือ Spellbinder เพื่อส่ง Router Advertisement (RA) messages ปลอม ไปยังอุปกรณ์เป้าหมาย ทำให้อุปกรณ์เข้าใจผิดว่า เครื่องของแฮกเกอร์เป็นเราเตอร์ที่ถูกต้อง และส่งทราฟฟิกทั้งหมดผ่านเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี เมื่อแฮกเกอร์สามารถควบคุมทราฟฟิกได้ พวกเขาจะ เปลี่ยนเส้นทาง DNS queries สำหรับโดเมนที่เกี่ยวข้องกับการอัปเดตซอฟต์แวร์ เช่น Tencent, Baidu, Xiaomi และ Meitu ทำให้เหยื่อดาวน์โหลด เวอร์ชันที่ถูกดัดแปลงและฝัง WizardNet ซึ่งช่วยให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงอุปกรณ์จากระยะไกล ✅ TheWizards ใช้ SLAAC spoofing attack เพื่อแทรกแซงการอัปเดตซอฟต์แวร์ - ใช้เครื่องมือ Spellbinder เพื่อส่ง Router Advertisement (RA) messages ปลอม - ทำให้อุปกรณ์เป้าหมายเข้าใจผิดว่า เครื่องของแฮกเกอร์เป็นเราเตอร์ที่ถูกต้อง ✅ เปลี่ยนเส้นทาง DNS queries เพื่อแพร่กระจายมัลแวร์ WizardNet - เหยื่อดาวน์โหลด ซอฟต์แวร์ที่ถูกดัดแปลงและฝัง WizardNet - WizardNet สามารถ โหลดและรัน .NET modules ในหน่วยความจำ ✅ เป้าหมายหลักของการโจมตี - ผู้ใช้และองค์กรใน จีน, ฮ่องกง, กัมพูชา, ฟิลิปปินส์ และ UAE - ส่วนใหญ่เป็น บริษัทในอุตสาหกรรมการพนัน ✅ วิธีป้องกันการโจมตี - ตรวจสอบทราฟฟิก IPv6 อย่างสม่ำเสมอ - ปิดการใช้งาน IPv6 หากไม่จำเป็นในระบบ https://www.techradar.com/pro/security/ipv6-networking-feature-hit-by-hackers-to-hijack-software-updates
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสินของศาลสหรัฐฯ ที่บังคับให้บริษัท หยุดเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่น 27% จากการซื้อภายในแอปที่ดำเนินการผ่านระบบการชำระเงินของบุคคลที่สาม

    คำตัดสินนี้เป็นผลมาจากคดีที่ Epic Games ยื่นฟ้อง Apple ตั้งแต่ปี 2020 เพื่อเปิดให้ iOS รองรับ ร้านค้าแอปของบุคคลที่สาม และระบบการชำระเงินภายนอก โดยศาลระบุว่า Apple ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเดิมอย่างถูกต้อง และกล่าวหาว่า ผู้บริหารระดับสูงของ Apple ให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริง

    แม้ว่าคำตัดสินนี้จะทำให้ Epic Games ประกาศว่าจะกลับเข้าสู่ App Store และนักพัฒนาหลายรายอาจลดราคาสินค้าในแอป แต่ Apple ยืนยันว่าจะ ปฏิบัติตามคำสั่งศาลและดำเนินการอุทธรณ์

    ✅ Apple ยื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสินของศาลสหรัฐฯ
    - ศาลบังคับให้ หยุดเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่น 27% จากการซื้อภายในแอปที่ใช้ระบบชำระเงินของบุคคลที่สาม
    - Apple ยืนยันว่าจะ ปฏิบัติตามคำสั่งศาลและดำเนินการอุทธรณ์

    ✅ คดีนี้เริ่มต้นจากการฟ้องร้องของ Epic Games ในปี 2020
    - Epic ต้องการให้ iOS รองรับร้านค้าแอปของบุคคลที่สาม
    - ต้องการให้ Apple อนุญาตให้ใช้ระบบการชำระเงินภายนอก

    ✅ ศาลกล่าวหา Apple ว่าไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเดิมอย่างถูกต้อง
    - ระบุว่า ผู้บริหารระดับสูงของ Apple ให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริง
    - มีการเปิดเผยว่า Tim Cook ไม่ทำตามคำแนะนำของ Phillip Schiller

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมแอปพลิเคชัน
    - Epic Games ประกาศว่าจะ กลับเข้าสู่ App Store
    - นักพัฒนาหลายรายอาจ ลดราคาสินค้าในแอป เนื่องจากค่าคอมมิชชั่นลดลง

    https://www.techradar.com/phones/ios/is-the-app-store-about-to-undergo-a-big-change-not-so-fast-says-apple
    Apple ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสินของศาลสหรัฐฯ ที่บังคับให้บริษัท หยุดเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่น 27% จากการซื้อภายในแอปที่ดำเนินการผ่านระบบการชำระเงินของบุคคลที่สาม คำตัดสินนี้เป็นผลมาจากคดีที่ Epic Games ยื่นฟ้อง Apple ตั้งแต่ปี 2020 เพื่อเปิดให้ iOS รองรับ ร้านค้าแอปของบุคคลที่สาม และระบบการชำระเงินภายนอก โดยศาลระบุว่า Apple ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเดิมอย่างถูกต้อง และกล่าวหาว่า ผู้บริหารระดับสูงของ Apple ให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริง แม้ว่าคำตัดสินนี้จะทำให้ Epic Games ประกาศว่าจะกลับเข้าสู่ App Store และนักพัฒนาหลายรายอาจลดราคาสินค้าในแอป แต่ Apple ยืนยันว่าจะ ปฏิบัติตามคำสั่งศาลและดำเนินการอุทธรณ์ ✅ Apple ยื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสินของศาลสหรัฐฯ - ศาลบังคับให้ หยุดเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่น 27% จากการซื้อภายในแอปที่ใช้ระบบชำระเงินของบุคคลที่สาม - Apple ยืนยันว่าจะ ปฏิบัติตามคำสั่งศาลและดำเนินการอุทธรณ์ ✅ คดีนี้เริ่มต้นจากการฟ้องร้องของ Epic Games ในปี 2020 - Epic ต้องการให้ iOS รองรับร้านค้าแอปของบุคคลที่สาม - ต้องการให้ Apple อนุญาตให้ใช้ระบบการชำระเงินภายนอก ✅ ศาลกล่าวหา Apple ว่าไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเดิมอย่างถูกต้อง - ระบุว่า ผู้บริหารระดับสูงของ Apple ให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริง - มีการเปิดเผยว่า Tim Cook ไม่ทำตามคำแนะนำของ Phillip Schiller ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมแอปพลิเคชัน - Epic Games ประกาศว่าจะ กลับเข้าสู่ App Store - นักพัฒนาหลายรายอาจ ลดราคาสินค้าในแอป เนื่องจากค่าคอมมิชชั่นลดลง https://www.techradar.com/phones/ios/is-the-app-store-about-to-undergo-a-big-change-not-so-fast-says-apple
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรุงไทยประเมิน กนง. มีสิทธิลดดอกเบี้ยอีกรอบเหลือ 1.50% ภายในปีนี้
    https://www.thai-tai.tv/news/18522/
    กรุงไทยประเมิน กนง. มีสิทธิลดดอกเบี้ยอีกรอบเหลือ 1.50% ภายในปีนี้ https://www.thai-tai.tv/news/18522/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว