Border Patrol สหรัฐฯ ขยายการสอดส่องผู้ขับรถภายในประเทศ
หน่วยงาน Border Patrol ของสหรัฐฯ ได้พัฒนาโครงการสอดส่องการเดินทางของประชาชนผ่านระบบกล้องอ่านป้ายทะเบียนและอัลกอริทึมที่คัดกรองเส้นทาง "น่าสงสัย" โดยไม่จำกัดเฉพาะพื้นที่ชายแดนอีกต่อไป แต่ขยายเข้าสู่เมืองใหญ่ เช่น ชิคาโก ดีทรอยต์ และฟีนิกซ์ การดำเนินการนี้ทำให้ผู้ขับรถจำนวนมากถูกหยุด ตรวจค้น และสอบสวน แม้ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย
โครงการดังกล่าวเริ่มต้นเมื่อราวสิบปีก่อนเพื่อปราบปรามการลักลอบขนยาเสพติดและการค้ามนุษย์ แต่ในช่วงห้าปีที่ผ่านมาได้ขยายขอบเขตอย่างมาก โดยอาศัยความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น เช่น DEA และบริษัทเอกชนที่ให้บริการระบบอ่านป้ายทะเบียน ข้อมูลที่ได้ถูกนำไปใช้สร้าง "รูปแบบชีวิต" ของผู้ขับรถ เพื่อหาความผิดปกติในการเดินทาง
นักวิชาการด้านกฎหมายและสิทธิมนุษยชนเตือนว่า การสอดส่องในระดับมหภาคเช่นนี้อาจละเมิดสิทธิพลเมืองและขัดต่อรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการตีความมาตรา Fourth Amendment ที่คุ้มครองประชาชนจากการค้นและจับกุมโดยไม่มีเหตุผลอันควร หลายกรณีที่ถูกเปิดเผยพบว่าผู้ขับรถถูกหยุดเพียงเพราะเส้นทางสั้น ๆ ไปยังพื้นที่ชายแดน หรือเพราะใช้รถเช่า
นอกจากนี้ยังมีการใช้เงินทุนจากโครงการ Operation Stonegarden เพื่อสนับสนุนตำรวจท้องถิ่นติดตั้งระบบสอดส่องและทำงานร่วมกับ Border Patrol ทำให้เครือข่ายการเฝ้าระวังขยายตัวอย่างกว้างขวาง นักเคลื่อนไหวสิทธิพลเมืองชี้ว่าการกระทำเช่นนี้อาจสร้างบรรยากาศความหวาดระแวงและบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐ
สรุปประเด็นสำคัญ
การสอดส่องของ Border Patrol
ใช้กล้องอ่านป้ายทะเบียนและอัลกอริทึมตรวจจับเส้นทาง "น่าสงสัย"
ขยายพื้นที่จากชายแดนเข้าสู่เมืองใหญ่ เช่น ชิคาโก ดีทรอยต์ ฟีนิกซ์
ความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น
DEA และบริษัทเอกชนให้ข้อมูลระบบอ่านป้ายทะเบียน
ใช้งบประมาณจาก Operation Stonegarden สนับสนุนตำรวจท้องถิ่น
ผลกระทบต่อประชาชน
ผู้ขับรถถูกหยุด ตรวจค้น และสอบสวน แม้ไม่มีหลักฐานผิดกฎหมาย
มีกรณีที่ถูกฟ้องร้องว่าเป็นการละเมิดสิทธิพลเมือง
คำเตือนด้านสิทธิมนุษยชน
การสอดส่องในระดับมหภาคอาจละเมิดรัฐธรรมนูญ (Fourth Amendment)
สร้างบรรยากาศความหวาดระแวงและบั่นทอนความเชื่อมั่นต่อรัฐ
ความเสี่ยงจากการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
การเก็บข้อมูลเส้นทางและพฤติกรรมการเดินทางอาจถูกนำไปใช้เกินขอบเขต
เสี่ยงต่อการถูกตีความผิดและสร้างผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์
https://apnews.com/article/immigration-border-patrol-surveillance-drivers-ice-trump-9f5d05469ce8c629d6fecf32d32098cd
หน่วยงาน Border Patrol ของสหรัฐฯ ได้พัฒนาโครงการสอดส่องการเดินทางของประชาชนผ่านระบบกล้องอ่านป้ายทะเบียนและอัลกอริทึมที่คัดกรองเส้นทาง "น่าสงสัย" โดยไม่จำกัดเฉพาะพื้นที่ชายแดนอีกต่อไป แต่ขยายเข้าสู่เมืองใหญ่ เช่น ชิคาโก ดีทรอยต์ และฟีนิกซ์ การดำเนินการนี้ทำให้ผู้ขับรถจำนวนมากถูกหยุด ตรวจค้น และสอบสวน แม้ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย
โครงการดังกล่าวเริ่มต้นเมื่อราวสิบปีก่อนเพื่อปราบปรามการลักลอบขนยาเสพติดและการค้ามนุษย์ แต่ในช่วงห้าปีที่ผ่านมาได้ขยายขอบเขตอย่างมาก โดยอาศัยความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น เช่น DEA และบริษัทเอกชนที่ให้บริการระบบอ่านป้ายทะเบียน ข้อมูลที่ได้ถูกนำไปใช้สร้าง "รูปแบบชีวิต" ของผู้ขับรถ เพื่อหาความผิดปกติในการเดินทาง
นักวิชาการด้านกฎหมายและสิทธิมนุษยชนเตือนว่า การสอดส่องในระดับมหภาคเช่นนี้อาจละเมิดสิทธิพลเมืองและขัดต่อรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการตีความมาตรา Fourth Amendment ที่คุ้มครองประชาชนจากการค้นและจับกุมโดยไม่มีเหตุผลอันควร หลายกรณีที่ถูกเปิดเผยพบว่าผู้ขับรถถูกหยุดเพียงเพราะเส้นทางสั้น ๆ ไปยังพื้นที่ชายแดน หรือเพราะใช้รถเช่า
นอกจากนี้ยังมีการใช้เงินทุนจากโครงการ Operation Stonegarden เพื่อสนับสนุนตำรวจท้องถิ่นติดตั้งระบบสอดส่องและทำงานร่วมกับ Border Patrol ทำให้เครือข่ายการเฝ้าระวังขยายตัวอย่างกว้างขวาง นักเคลื่อนไหวสิทธิพลเมืองชี้ว่าการกระทำเช่นนี้อาจสร้างบรรยากาศความหวาดระแวงและบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐ
สรุปประเด็นสำคัญ
การสอดส่องของ Border Patrol
ใช้กล้องอ่านป้ายทะเบียนและอัลกอริทึมตรวจจับเส้นทาง "น่าสงสัย"
ขยายพื้นที่จากชายแดนเข้าสู่เมืองใหญ่ เช่น ชิคาโก ดีทรอยต์ ฟีนิกซ์
ความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น
DEA และบริษัทเอกชนให้ข้อมูลระบบอ่านป้ายทะเบียน
ใช้งบประมาณจาก Operation Stonegarden สนับสนุนตำรวจท้องถิ่น
ผลกระทบต่อประชาชน
ผู้ขับรถถูกหยุด ตรวจค้น และสอบสวน แม้ไม่มีหลักฐานผิดกฎหมาย
มีกรณีที่ถูกฟ้องร้องว่าเป็นการละเมิดสิทธิพลเมือง
คำเตือนด้านสิทธิมนุษยชน
การสอดส่องในระดับมหภาคอาจละเมิดรัฐธรรมนูญ (Fourth Amendment)
สร้างบรรยากาศความหวาดระแวงและบั่นทอนความเชื่อมั่นต่อรัฐ
ความเสี่ยงจากการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
การเก็บข้อมูลเส้นทางและพฤติกรรมการเดินทางอาจถูกนำไปใช้เกินขอบเขต
เสี่ยงต่อการถูกตีความผิดและสร้างผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์
https://apnews.com/article/immigration-border-patrol-surveillance-drivers-ice-trump-9f5d05469ce8c629d6fecf32d32098cd
🚨 Border Patrol สหรัฐฯ ขยายการสอดส่องผู้ขับรถภายในประเทศ
หน่วยงาน Border Patrol ของสหรัฐฯ ได้พัฒนาโครงการสอดส่องการเดินทางของประชาชนผ่านระบบกล้องอ่านป้ายทะเบียนและอัลกอริทึมที่คัดกรองเส้นทาง "น่าสงสัย" โดยไม่จำกัดเฉพาะพื้นที่ชายแดนอีกต่อไป แต่ขยายเข้าสู่เมืองใหญ่ เช่น ชิคาโก ดีทรอยต์ และฟีนิกซ์ การดำเนินการนี้ทำให้ผู้ขับรถจำนวนมากถูกหยุด ตรวจค้น และสอบสวน แม้ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย
โครงการดังกล่าวเริ่มต้นเมื่อราวสิบปีก่อนเพื่อปราบปรามการลักลอบขนยาเสพติดและการค้ามนุษย์ แต่ในช่วงห้าปีที่ผ่านมาได้ขยายขอบเขตอย่างมาก โดยอาศัยความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น เช่น DEA และบริษัทเอกชนที่ให้บริการระบบอ่านป้ายทะเบียน ข้อมูลที่ได้ถูกนำไปใช้สร้าง "รูปแบบชีวิต" ของผู้ขับรถ เพื่อหาความผิดปกติในการเดินทาง
นักวิชาการด้านกฎหมายและสิทธิมนุษยชนเตือนว่า การสอดส่องในระดับมหภาคเช่นนี้อาจละเมิดสิทธิพลเมืองและขัดต่อรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการตีความมาตรา Fourth Amendment ที่คุ้มครองประชาชนจากการค้นและจับกุมโดยไม่มีเหตุผลอันควร หลายกรณีที่ถูกเปิดเผยพบว่าผู้ขับรถถูกหยุดเพียงเพราะเส้นทางสั้น ๆ ไปยังพื้นที่ชายแดน หรือเพราะใช้รถเช่า
นอกจากนี้ยังมีการใช้เงินทุนจากโครงการ Operation Stonegarden เพื่อสนับสนุนตำรวจท้องถิ่นติดตั้งระบบสอดส่องและทำงานร่วมกับ Border Patrol ทำให้เครือข่ายการเฝ้าระวังขยายตัวอย่างกว้างขวาง นักเคลื่อนไหวสิทธิพลเมืองชี้ว่าการกระทำเช่นนี้อาจสร้างบรรยากาศความหวาดระแวงและบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐ
📌 สรุปประเด็นสำคัญ
✅ การสอดส่องของ Border Patrol
➡️ ใช้กล้องอ่านป้ายทะเบียนและอัลกอริทึมตรวจจับเส้นทาง "น่าสงสัย"
➡️ ขยายพื้นที่จากชายแดนเข้าสู่เมืองใหญ่ เช่น ชิคาโก ดีทรอยต์ ฟีนิกซ์
✅ ความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น
➡️ DEA และบริษัทเอกชนให้ข้อมูลระบบอ่านป้ายทะเบียน
➡️ ใช้งบประมาณจาก Operation Stonegarden สนับสนุนตำรวจท้องถิ่น
✅ ผลกระทบต่อประชาชน
➡️ ผู้ขับรถถูกหยุด ตรวจค้น และสอบสวน แม้ไม่มีหลักฐานผิดกฎหมาย
➡️ มีกรณีที่ถูกฟ้องร้องว่าเป็นการละเมิดสิทธิพลเมือง
‼️ คำเตือนด้านสิทธิมนุษยชน
⛔ การสอดส่องในระดับมหภาคอาจละเมิดรัฐธรรมนูญ (Fourth Amendment)
⛔ สร้างบรรยากาศความหวาดระแวงและบั่นทอนความเชื่อมั่นต่อรัฐ
‼️ ความเสี่ยงจากการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
⛔ การเก็บข้อมูลเส้นทางและพฤติกรรมการเดินทางอาจถูกนำไปใช้เกินขอบเขต
⛔ เสี่ยงต่อการถูกตีความผิดและสร้างผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์
https://apnews.com/article/immigration-border-patrol-surveillance-drivers-ice-trump-9f5d05469ce8c629d6fecf32d32098cd
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
0 มุมมอง
0 รีวิว