• เครื่องมือคัดกรองความเสี่ยงโรคหัวใจที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันอาจไม่แม่นยำ

    การประเมินความเสี่ยงโรคหัวใจในสหรัฐฯ มักใช้คะแนน ASCVD (Atherosclerotic Cardiovascular Disease) ซึ่งวัดจากปัจจัยอย่างความดันโลหิต คอเลสเตอรอล อายุ และเชื้อชาติ แต่ผลการศึกษาพบว่า 45% ของผู้ป่วยที่เกิดหัวใจวายในอีกสองวันถัดมา ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม “ความเสี่ยงต่ำหรือปานกลาง” ทำให้ไม่ได้รับการตรวจเพิ่มเติมหรือการรักษาป้องกัน

    การเปรียบเทียบกับเครื่องมืออื่น
    นักวิจัยยังทดสอบคะแนน PREVENT ซึ่งเป็นเกณฑ์ใหม่ แต่กลับพบว่ามีถึง 61% ของผู้ป่วยที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่ำเช่นกัน แสดงให้เห็นว่าทั้งสองเครื่องมืออาจไม่สามารถสะท้อนความเสี่ยงที่แท้จริงของผู้ป่วยรายบุคคลได้

    ความท้าทายในการประเมินความเสี่ยง
    แม้เครื่องมือเหล่านี้จะมีประโยชน์ในระดับประชากร แต่เมื่อใช้กับบุคคลจริง ๆ อาจไม่แม่นยำพอ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีอาการชัดเจน เช่น เจ็บหน้าอกหรือหายใจติดขัด ทำให้หลายคนไม่ได้รับการป้องกันก่อนเกิดหัวใจวาย

    ความหมายต่อการแพทย์
    นักวิจัยเสนอว่าควรพัฒนาแนวทางใหม่ที่เน้นการตรวจหาสัญญาณของหลอดเลือดตีบ (atherosclerosis) โดยตรง เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการคัดกรอง และช่วยป้องกันหัวใจวายในกลุ่มที่ดูเหมือน “ปลอดภัย” แต่จริง ๆ แล้วมีความเสี่ยงสูง

    สรุปสาระสำคัญ
    ผลการศึกษาใหม่
    ASCVD และ PREVENT พลาดการตรวจพบผู้ป่วยหัวใจวายเกือบครึ่งหนึ่ง

    ข้อจำกัดของเครื่องมือ
    ใช้ได้ดีในระดับประชากร แต่ไม่แม่นยำในรายบุคคล

    ความท้าทายทางคลินิก
    ผู้ไม่มีอาการชัดเจนมักถูกจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่ำ

    แนวทางใหม่ที่เสนอ
    ตรวจหาสัญญาณหลอดเลือดตีบโดยตรงเพื่อเพิ่มความแม่นยำ

    ความเสี่ยงจากการพลาดการตรวจ
    ผู้ป่วยอาจไม่ได้รับการรักษาป้องกันก่อนเกิดหัวใจวาย

    ความเปราะบางของระบบคัดกรอง
    การพึ่งพาเพียงคะแนนความเสี่ยงอาจทำให้แพทย์มองข้ามผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงจริง

    https://www.sciencealert.com/nearly-half-of-all-heart-attacks-may-be-missed-by-current-screening-tools
    ❤️เครื่องมือคัดกรองความเสี่ยงโรคหัวใจที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันอาจไม่แม่นยำ การประเมินความเสี่ยงโรคหัวใจในสหรัฐฯ มักใช้คะแนน ASCVD (Atherosclerotic Cardiovascular Disease) ซึ่งวัดจากปัจจัยอย่างความดันโลหิต คอเลสเตอรอล อายุ และเชื้อชาติ แต่ผลการศึกษาพบว่า 45% ของผู้ป่วยที่เกิดหัวใจวายในอีกสองวันถัดมา ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม “ความเสี่ยงต่ำหรือปานกลาง” ทำให้ไม่ได้รับการตรวจเพิ่มเติมหรือการรักษาป้องกัน 🔬 การเปรียบเทียบกับเครื่องมืออื่น นักวิจัยยังทดสอบคะแนน PREVENT ซึ่งเป็นเกณฑ์ใหม่ แต่กลับพบว่ามีถึง 61% ของผู้ป่วยที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่ำเช่นกัน แสดงให้เห็นว่าทั้งสองเครื่องมืออาจไม่สามารถสะท้อนความเสี่ยงที่แท้จริงของผู้ป่วยรายบุคคลได้ 🧩 ความท้าทายในการประเมินความเสี่ยง แม้เครื่องมือเหล่านี้จะมีประโยชน์ในระดับประชากร แต่เมื่อใช้กับบุคคลจริง ๆ อาจไม่แม่นยำพอ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีอาการชัดเจน เช่น เจ็บหน้าอกหรือหายใจติดขัด ทำให้หลายคนไม่ได้รับการป้องกันก่อนเกิดหัวใจวาย 🌍 ความหมายต่อการแพทย์ นักวิจัยเสนอว่าควรพัฒนาแนวทางใหม่ที่เน้นการตรวจหาสัญญาณของหลอดเลือดตีบ (atherosclerosis) โดยตรง เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการคัดกรอง และช่วยป้องกันหัวใจวายในกลุ่มที่ดูเหมือน “ปลอดภัย” แต่จริง ๆ แล้วมีความเสี่ยงสูง 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ผลการศึกษาใหม่ ➡️ ASCVD และ PREVENT พลาดการตรวจพบผู้ป่วยหัวใจวายเกือบครึ่งหนึ่ง ✅ ข้อจำกัดของเครื่องมือ ➡️ ใช้ได้ดีในระดับประชากร แต่ไม่แม่นยำในรายบุคคล ✅ ความท้าทายทางคลินิก ➡️ ผู้ไม่มีอาการชัดเจนมักถูกจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่ำ ✅ แนวทางใหม่ที่เสนอ ➡️ ตรวจหาสัญญาณหลอดเลือดตีบโดยตรงเพื่อเพิ่มความแม่นยำ ‼️ ความเสี่ยงจากการพลาดการตรวจ ⛔ ผู้ป่วยอาจไม่ได้รับการรักษาป้องกันก่อนเกิดหัวใจวาย ‼️ ความเปราะบางของระบบคัดกรอง ⛔ การพึ่งพาเพียงคะแนนความเสี่ยงอาจทำให้แพทย์มองข้ามผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงจริง https://www.sciencealert.com/nearly-half-of-all-heart-attacks-may-be-missed-by-current-screening-tools
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Nearly Half of All Heart Attacks May Be Missed by Current Screening Tools
    Current medical screening techniques could be failing to catch nearly half of those who experience a heart attack, according to new research, suggesting many of the millions of heart attacks that happen each year could be prevented with improved methods.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • สารออกฤทธิ์จากเห็ดเมจิก ช่วย “รีไวร์” สมองและลดวงจรความคิดซ้ำ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาวะซึมเศร้า

    ทีมนักวิจัยจาก Cornell University ใช้ไวรัสที่ถูกดัดแปลงเพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมองในหนู หลังได้รับไซโลไซบิน พบว่าบริเวณสมองที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลความรู้สึกและการตัดสินใจมีการเชื่อมต่อเพิ่มขึ้น ขณะที่วงจรในคอร์เทกซ์ที่เกี่ยวข้องกับการคิดซ้ำ ๆ ลดลง

    กลไกการทำงาน
    ผลการทดลองชี้ว่าไซโลไซบินอาจช่วยลด “rumination” หรือการจมอยู่กับความคิดด้านลบ โดยการปรับสมดุลการเชื่อมต่อของสมอง นักวิจัยยังพบว่ากิจกรรมของสมองมีบทบาทกำหนดตำแหน่งที่การเชื่อมต่อใหม่เกิดขึ้น ซึ่งอาจเปิดทางให้ใช้เทคนิคกระตุ้นสมอง เช่น magnetic stimulation ร่วมกับไซโลไซบินเพื่อการรักษาที่แม่นยำยิ่งขึ้น

    ความหมายต่อการรักษาโรคซึมเศร้า
    ภาวะซึมเศร้าเป็นสาเหตุหลักของความพิการทั่วโลก และการรักษาแบบดั้งเดิมมักมีผลข้างเคียงหรือไม่ได้ผลสำหรับบางคน การค้นพบนี้จึงเป็นความหวังใหม่ที่อาจนำไปสู่การรักษาที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ข้อจำกัดของการศึกษา
    แม้ผลลัพธ์ในหนูจะน่าสนใจ แต่ยังต้องมีการยืนยันในมนุษย์ เพราะไม่ใช่ทุกการค้นพบจากสัตว์ทดลองจะสามารถนำมาใช้กับคนได้โดยตรง

    สรุปสาระสำคัญ
    การทดลองใหม่
    ใช้ไวรัสติดตามการเปลี่ยนแปลงการเชื่อมต่อสมองในหนูที่ได้รับไซโลไซบิน

    กลไกการทำงาน
    ลดวงจรความคิดด้านลบ เพิ่มการเชื่อมต่อในสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ

    ความหมายต่อการรักษา
    อาจช่วยพัฒนาวิธีรักษาโรคซึมเศร้าที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ศักยภาพการประยุกต์ใช้
    อาจใช้ร่วมกับเทคนิคกระตุ้นสมองเพื่อเพิ่มความแม่นยำ

    ข้อจำกัดของงานวิจัย
    ผลลัพธ์ยังอยู่ในระดับสัตว์ทดลอง ต้องมีการยืนยันในมนุษย์

    ความเสี่ยงในการตีความ
    ไม่ใช่ทุกการเปลี่ยนแปลงในสมองของหนูจะสะท้อนผลในมนุษย์

    https://www.sciencealert.com/psilocybin-breaks-depressive-cycles-by-rewiring-the-brain-study-suggests
    🧠 สารออกฤทธิ์จากเห็ดเมจิก ช่วย “รีไวร์” สมองและลดวงจรความคิดซ้ำ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาวะซึมเศร้า ทีมนักวิจัยจาก Cornell University ใช้ไวรัสที่ถูกดัดแปลงเพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมองในหนู หลังได้รับไซโลไซบิน พบว่าบริเวณสมองที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลความรู้สึกและการตัดสินใจมีการเชื่อมต่อเพิ่มขึ้น ขณะที่วงจรในคอร์เทกซ์ที่เกี่ยวข้องกับการคิดซ้ำ ๆ ลดลง 🔬 กลไกการทำงาน ผลการทดลองชี้ว่าไซโลไซบินอาจช่วยลด “rumination” หรือการจมอยู่กับความคิดด้านลบ โดยการปรับสมดุลการเชื่อมต่อของสมอง นักวิจัยยังพบว่ากิจกรรมของสมองมีบทบาทกำหนดตำแหน่งที่การเชื่อมต่อใหม่เกิดขึ้น ซึ่งอาจเปิดทางให้ใช้เทคนิคกระตุ้นสมอง เช่น magnetic stimulation ร่วมกับไซโลไซบินเพื่อการรักษาที่แม่นยำยิ่งขึ้น 🌍 ความหมายต่อการรักษาโรคซึมเศร้า ภาวะซึมเศร้าเป็นสาเหตุหลักของความพิการทั่วโลก และการรักษาแบบดั้งเดิมมักมีผลข้างเคียงหรือไม่ได้ผลสำหรับบางคน การค้นพบนี้จึงเป็นความหวังใหม่ที่อาจนำไปสู่การรักษาที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ⚠️ ข้อจำกัดของการศึกษา แม้ผลลัพธ์ในหนูจะน่าสนใจ แต่ยังต้องมีการยืนยันในมนุษย์ เพราะไม่ใช่ทุกการค้นพบจากสัตว์ทดลองจะสามารถนำมาใช้กับคนได้โดยตรง 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การทดลองใหม่ ➡️ ใช้ไวรัสติดตามการเปลี่ยนแปลงการเชื่อมต่อสมองในหนูที่ได้รับไซโลไซบิน ✅ กลไกการทำงาน ➡️ ลดวงจรความคิดด้านลบ เพิ่มการเชื่อมต่อในสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ ✅ ความหมายต่อการรักษา ➡️ อาจช่วยพัฒนาวิธีรักษาโรคซึมเศร้าที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ✅ ศักยภาพการประยุกต์ใช้ ➡️ อาจใช้ร่วมกับเทคนิคกระตุ้นสมองเพื่อเพิ่มความแม่นยำ ‼️ ข้อจำกัดของงานวิจัย ⛔ ผลลัพธ์ยังอยู่ในระดับสัตว์ทดลอง ต้องมีการยืนยันในมนุษย์ ‼️ ความเสี่ยงในการตีความ ⛔ ไม่ใช่ทุกการเปลี่ยนแปลงในสมองของหนูจะสะท้อนผลในมนุษย์ https://www.sciencealert.com/psilocybin-breaks-depressive-cycles-by-rewiring-the-brain-study-suggests
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Psilocybin Breaks Depressive Cycles by Rewiring The Brain, Study Suggests
    Scientists have used a specially engineered virus to help track the brain changes caused by psilocybin in mice, revealing how the drug could be breaking loops of depressive thinking.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🩷 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🩷

    #รวมข่าวIT #20251216 #securityonline

    วิกฤติช่องโหว่ FortiGate SSO ถูกโจมตีจริง
    ช่วงนี้ผู้ดูแลระบบ Fortinet ต้องเผชิญกับสถานการณ์ร้อนแรง เมื่อมีการเปิดเผยช่องโหว่ร้ายแรงสองรายการในระบบ FortiGate และเพียงไม่กี่วันหลังจากนั้นก็ถูกโจมตีจริงทันที แฮกเกอร์ใช้วิธีเจาะผ่านระบบ Single Sign-On (SSO) โดยส่งข้อความ SAML ที่ถูกปรับแต่ง ทำให้สามารถล็อกอินเป็นผู้ดูแลได้โดยไม่ต้องมีรหัสผ่าน เมื่อเข้ามาแล้วพวกเขาจะรีบขโมยการตั้งค่าระบบไฟร์วอลล์ออกไป ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มักมีรหัสผ่านที่ถูกเข้ารหัสของผู้ใช้ VPN และบัญชีอื่น ๆ จุดอันตรายคือการตั้งค่า FortiCloud SSO ที่แม้จะถูกปิดไว้ในค่าเริ่มต้น แต่เมื่อผู้ดูแลลงทะเบียนอุปกรณ์ผ่าน GUI มันจะถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติหากไม่ได้ปิดเอง ทำให้หลายระบบเสี่ยงทันที นักวิจัยแนะนำให้รีบอัปเดตเวอร์ชันล่าสุดหรือปิดฟีเจอร์นี้ผ่าน CLI เพื่อป้องกันการโจมตี
    https://securityonline.info/critical-fortigate-sso-flaw-under-active-exploitation-attackers-bypass-auth-and-exfiltrate-configs

    Apple ยอม EU: iOS 26.3 ส่งต่อการแจ้งเตือนให้สมาร์ทวอชแบรนด์อื่น
    ใน iOS 26.3 เบต้า Apple เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ชื่อ Notification Forwarding ที่ให้ iPhone ส่งต่อการแจ้งเตือนไปยังอุปกรณ์สวมใส่จากแบรนด์อื่นได้โดยตรง ไม่จำกัดแค่ Apple Watch อีกต่อไป ฟีเจอร์นี้เปิดใช้เฉพาะในสหภาพยุโรป เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย Digital Markets Act ที่บังคับให้ Apple เปิดโอกาสให้สมาร์ทวอชจากค่ายอื่นเข้าถึงฟังก์ชันที่เคยสงวนไว้ การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะให้แอปใดส่งการแจ้งเตือนออกไป และลดความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวที่เกิดจากการที่อุปกรณ์อื่นต้องเข้าถึงการแจ้งเตือนทั้งหมดแบบครอบคลุม ถือเป็นการปรับตัวครั้งสำคัญของ Apple เพื่อหลีกเลี่ยงบทลงโทษจาก EU
    https://securityonline.info/eu-compliance-ios-26-3-adds-notification-forwarding-to-third-party-wearables-bypassing-apple-watch

    Windows 10 อัปเดต KB5071546 ทำ MSMQ ใช้งานไม่ได้
    Microsoft ยืนยันแล้วว่าการติดตั้งอัปเดต KB5071546 บน Windows 10 ทำให้บริการ Microsoft Message Queuing (MSMQ) ล้มเหลว MSMQ เป็นระบบที่ใช้ในองค์กรเพื่อจัดการข้อความระหว่างแอปพลิเคชัน หากมันหยุดทำงาน งานเบื้องหลังที่ต้องพึ่งพาคิวข้อความก็จะหยุดตามทันที ส่งผลให้เว็บไซต์หรือแอปที่รันบน IIS ไม่สามารถทำงานได้ สาเหตุคือการเปลี่ยนแปลงสิทธิ์การเขียนไฟล์ในโฟลเดอร์จัดเก็บข้อความ ทำให้บัญชีที่ใช้ MSMQ ไม่มีสิทธิ์เพียงพอ แม้จะรีสตาร์ทหรือรีบูตเซิร์ฟเวอร์ก็ไม่ช่วยแก้ปัญหา ทางออกเดียวตอนนี้คือถอนการติดตั้งอัปเดตแล้วรอ Microsoft ปล่อยแพตช์แก้ไขในเดือนถัดไป
    https://securityonline.info/enterprise-alert-windows-10-update-kb5071546-breaks-msmq-service-with-insufficient-permissions

    ช่องโหว่ ScreenConnect เสี่ยงติดตั้งส่วนขยายไม่ปลอดภัย
    ConnectWise ออกแพตช์ใหม่สำหรับ ScreenConnect หลังพบช่องโหว่ CVE-2025-14265 ที่มีความรุนแรงสูงถึง 9.1 ช่องโหว่นี้อาจทำให้ผู้ที่มีสิทธิ์ระดับผู้ดูแลเข้าถึงข้อมูลการตั้งค่าหรือบังคับติดตั้งส่วนขยายที่ไม่น่าเชื่อถือได้ แม้จะไม่ใช่การเปิดช่องให้โจมตีจากภายนอกโดยตรง แต่หากบัญชีผู้ดูแลถูกเจาะก็อันตรายทันที แพตช์เวอร์ชัน 25.8 ได้เพิ่มการตรวจสอบความถูกต้องของส่วนขยายและเสริมความปลอดภัยของเซิร์ฟเวอร์ สำหรับผู้ใช้ระบบคลาวด์ไม่ต้องทำอะไรเพราะถูกแก้ไขแล้ว แต่ผู้ที่ติดตั้งเองในองค์กรต้องรีบอัปเดตด้วยตนเอง
    https://securityonline.info/critical-screenconnect-flaw-cvss-9-1-risks-config-exposure-untrusted-extension-installation

    OpenShift GitOps ช่องโหว่ยกระดับสิทธิ์จนยึดคลัสเตอร์ได้
    Red Hat OpenShift GitOps ถูกพบช่องโหว่ CVE-2025-13888 ที่ร้ายแรงมาก ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์เพียงระดับ namespace admin สามารถใช้ ArgoCD Custom Resources เพื่อยกระดับสิทธิ์จนเข้าถึงทั้งคลัสเตอร์ได้ วิธีการคือการแก้ไขค่า sourceNamespaces ใน CR ให้ชี้ไปยัง namespace ที่มีสิทธิ์สูง เช่น default จากนั้นระบบจะสร้าง RoleBinding และ Role ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีรันงานที่มีสิทธิ์สูงสุดบน master node ได้ทันที เท่ากับว่าสามารถยึดครองคลัสเตอร์ Kubernetes ได้โดยสมบูรณ์ ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดตแพตช์ล่าสุดและจำกัดสิทธิ์การสร้าง ArgoCD CR ให้เฉพาะผู้ดูแลที่เชื่อถือได้
    https://securityonline.info/critical-openshift-gitops-flaw-risks-cluster-takeover-cve-2025-13888-via-privilege-escalation-to-root

    Phantom Stealer โจมตีการเงินรัสเซียผ่านไฟล์ ISO
    เรื่องนี้เป็นการโจมตีที่ซับซ้อนมาก แฮกเกอร์ใช้วิธีส่งอีเมลปลอมที่ดูเหมือนเป็นการยืนยันการโอนเงินจากบริษัทการเงินจริงๆ เพื่อหลอกให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินเปิดไฟล์แนบที่เป็นไฟล์ ISO เมื่อเปิดแล้วจะมีโปรแกรมแฝงที่ชื่อ Phantom Stealer ทำงานทันที มันสามารถขโมยข้อมูลได้หลายอย่าง ทั้งรหัสผ่านในเบราว์เซอร์ ข้อมูลบัตรเครดิต ข้อมูลกระเป๋าเงินดิจิทัล รวมถึงดักจับการพิมพ์คีย์บอร์ดทุกครั้งที่เหยื่อกด Phantom Stealer ยังมีระบบป้องกันตัวเองจากการตรวจสอบ ถ้ารู้ว่ากำลังถูกนักวิจัยจับตามันจะลบตัวเองทันที การโจมตีนี้ถือเป็นการเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ที่ใช้ไฟล์ ISO เพื่อหลบเลี่ยงระบบป้องกัน ทำให้เสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลทางการเงินอย่างมาก
    https://securityonline.info/phantom-stealer-targets-russian-finance-with-iso-phishing-deploying-keyloggers-and-crypto-wallet-theft

    Frogblight มัลแวร์ Android ปลอมเป็นแอปภาครัฐในตุรกี
    มัลแวร์ตัวใหม่ชื่อ Frogblight ถูกค้นพบว่ากำลังแพร่ระบาดในตุรกี โดยมันปลอมตัวเป็นแอปพลิเคชันของรัฐบาลที่ใช้ดูข้อมูลคดีความ ผู้ใช้จะได้รับ SMS หลอกว่ามีคดีความและต้องดาวน์โหลดแอปเพื่อดูรายละเอียด เมื่อดาวน์โหลดมาแล้ว แอปจะขอสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลหลายอย่าง เช่น SMS รายชื่อผู้ติดต่อ และไฟล์ในเครื่อง จากนั้นมันจะเปิดหน้าเว็บจริงของรัฐบาลเพื่อให้ผู้ใช้ตายใจ แต่เบื้องหลังมันจะดักข้อมูลการเข้าสู่ระบบธนาคารและส่งไปยังผู้โจมตี Frogblight ยังมีฟังก์ชันสอดแนมอื่นๆ เช่นเก็บข้อมูลแอปที่ติดตั้งและไฟล์ในเครื่อง นักวิจัยพบว่ามันถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องและอาจถูกนำไปใช้ในรูปแบบบริการให้เช่าแก่แฮกเกอร์รายอื่น ทำให้ภัยนี้มีโอกาสแพร่กระจายไปนอกตุรกีได้ในอนาคต
    https://securityonline.info/frogblight-android-banking-trojan-targets-turkey-via-fake-e-gov-smishing-and-webview

    ช่องโหว่ macOS LPE กลับมาอีกครั้ง
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่าช่องโหว่เก่าใน macOS ที่เคยรายงานตั้งแต่ปี 2018 ยังไม่ถูกแก้ไขอย่างสมบูรณ์ แม้ Apple จะพยายามอุดหลายครั้ง ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการติดตั้งแอปที่ต้องใช้สิทธิ์ root โดยหากมีแอปปลอมถูกวางไว้ในโฟลเดอร์ Applications ก่อน แอปจริงจะถูกติดตั้งเข้าไปในโฟลเดอร์พิเศษชื่อ .localized ทำให้ระบบเข้าใจผิดและไปเรียกใช้แอปปลอมแทน ผลคือผู้โจมตีสามารถรันโค้ดในสิทธิ์ root ได้ทันที ถือเป็นการเจาะระบบที่อันตรายมาก นักวิจัยย้ำว่าปัญหานี้ยังคงอยู่และต้องการการแก้ไขที่จริงจังจาก Apple เพื่อป้องกันการโจมตีในอนาคต
    https://securityonline.info/macos-lpe-flaw-resurfaces-localized-directory-exploited-to-hijack-installers-and-gain-root-access

    มัลแวร์ NuGet แฝงตัว 5 ปี ขโมยกระเป๋าเงินคริปโต
    มีการค้นพบแพ็กเกจ NuGet ปลอมชื่อ Tracer.Fody.NLog ที่ถูกปล่อยให้ดาวน์โหลดตั้งแต่ปี 2020 และอยู่รอดมาได้กว่า 5 ปีโดยไม่ถูกตรวจจับ มันปลอมตัวเป็นเครื่องมือ .NET ที่ใช้บันทึก log แต่จริงๆ แล้วมีโค้ดแฝงที่ใช้เทคนิคพิเศษ เช่นการใช้ตัวอักษร Cyrillic ที่หน้าตาเหมือนตัวอักษร Latin เพื่อหลบการตรวจสอบ เมื่อถูกติดตั้ง มันจะค้นหาไฟล์กระเป๋าเงินดิจิทัล Stratis และขโมยรหัสผ่านไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตีโดยไม่ให้ผู้ใช้รู้ตัว การโจมตีนี้ถือเป็นการโจมตี supply chain ที่อันตรายมาก เพราะนักพัฒนาที่เชื่อใจแพ็กเกจโอเพนซอร์สอาจถูกดักข้อมูลโดยไม่รู้ตัว
    https://securityonline.info/5-year-threat-malicious-nuget-package-used-homoglyphs-and-typosquatting-to-steal-crypto-wallets

    Intel เตรียมเข้าซื้อกิจการ SambaNova ในราคาลดฮวบ
    เรื่องนี้น่าสนใจมาก เพราะเดิมทีมีข่าวว่า Intel จะทุ่มเงินกว่า 5 พันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อสตาร์ทอัพด้าน AI อย่าง SambaNova แต่ล่าสุดกลับมีรายงานว่ามูลค่าดีลจริงอาจเหลือเพียง 1.6 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับการประเมินมูลค่าเดิมของบริษัทในปี 2021 ที่สูงกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ สาเหตุหลักมาจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดชิป AI ที่ NVIDIA ครองความเป็นใหญ่ SambaNova มีจุดแข็งด้านสถาปัตยกรรมที่เน้นการประมวลผลสำหรับโมเดลภาษาและการทำงานแบบครบวงจร ทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการ ซึ่งอาจช่วย Intel เติมเต็มช่องว่างที่ยังขาดอยู่ แต่ความท้าทายใหญ่คือการผสานเทคโนโลยีนี้เข้ากับระบบของ Intel โดยไม่กระทบต่อผลิตภัณฑ์ Gaudi ที่มีอยู่แล้ว
    https://securityonline.info/intel-nears-sambanova-acquisition-at-1-6b-fire-sale-price-down-from-5b-valuation

    Claude AI ทำพลาด ลบข้อมูลทั้งเครื่อง Mac ของนักพัฒนา
    นี่คือเหตุการณ์ที่ทำให้หลายคนต้องระวังการใช้เครื่องมือ AI มากขึ้น นักพัฒนารายหนึ่งใช้ Claude CLI เพื่อจัดการแพ็กเกจ แต่กลับเกิดความผิดพลาดจากคำสั่งที่มีเครื่องหมาย ~ ต่อท้าย ทำให้ระบบไปลบทั้งโฟลเดอร์ Home Directory ของเครื่อง Mac ผลคือข้อมูลสำคัญอย่าง Desktop, Documents, Downloads และ Keychains หายไปทั้งหมด เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการให้ AI เข้าถึงระบบโดยตรง นักพัฒนาบางคนจึงเสนอให้ใช้ Docker เป็นตัวกลางเพื่อป้องกันไม่ให้ AI สามารถทำลายข้อมูลในเครื่องจริงได้
    https://securityonline.info/data-disaster-claude-ai-executes-rm-rf-and-wipes-developers-mac-home-directory

    SpaceX เตรียม IPO ปี 2026 หลังมูลค่าพุ่งถึง 800 พันล้านดอลลาร์
    SpaceX กำลังเดินหน้าสู่การเข้าตลาดหุ้น โดยมีการเริ่มคัดเลือกธนาคารเพื่อเป็นที่ปรึกษา IPO และมีการส่งบันทึกภายในยืนยันว่าบริษัทกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าจดทะเบียนในปี 2026 แม้ยังไม่มีการกำหนดวันแน่นอน แต่สิ่งที่น่าทึ่งคือมูลค่าของบริษัทที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยการขายหุ้นภายในล่าสุดตีมูลค่าถึง 800 พันล้านดอลลาร์ แรงหนุนสำคัญมาจากบริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด และยังส่งผลให้ Alphabet ซึ่งเคยลงทุนใน SpaceX ได้กำไรอย่างมหาศาลอีกด้วย
    https://securityonline.info/spacex-ipo-company-prepares-for-2026-listing-after-valuation-soars-to-800-billion

    Salt Typhoon กลุ่มแฮ็กเกอร์จากการแข่งขัน Cisco สู่การเจาะระบบโทรคมนาคมโลก
    เรื่องนี้เหมือนนิยาย แต่เกิดขึ้นจริง นักวิจัยพบว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์ชื่อ Salt Typhoon มีจุดเริ่มต้นจากนักศึกษาที่เคยแข่งขัน Cisco Network Academy Cup ก่อนจะนำความรู้ไปใช้ในการเจาะระบบโทรคมนาคมกว่า 80 บริษัททั่วโลก พวกเขาสามารถดักฟังทั้งสายโทรศัพท์และข้อความ รวมถึงเข้าถึงระบบที่ใช้สำหรับการดักฟังโดยกฎหมายเองด้วย เบื้องหลังคือสองบุคคลที่เคยเป็นคู่แข่งกันในสมัยเรียน แต่กลับร่วมมือกันสร้างเครือข่ายไซเบอร์ที่ทรงพลัง เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงจากการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่อาจถูกนำไปใช้ในทางร้ายได้
    https://securityonline.info/from-cisco-student-rivalry-to-global-hackers-salt-typhoon-breaches-80-telecos-for-intelligence

    BlackForce เครื่องมือ Phishing-as-a-Service รุ่นใหม่ที่อันตราย
    BlackForce คือชุดเครื่องมือฟิชชิ่งที่ถูกขายใน Telegram ในราคาหลักร้อยยูโร แต่มีความสามารถสูงมาก มันสามารถหลอกขโมยรหัสผ่านและยังเจาะผ่านระบบยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน (MFA) ได้ โดยใช้เทคนิค Man-in-the-Browser เพื่อดักจับรหัส OTP แบบเรียลไทม์ จุดที่ทำให้มันน่ากลัวคือการใช้โค้ด React และ React Router ที่ดูเหมือนของจริง ทำให้ยากต่อการตรวจจับ อีกทั้งยังพัฒนาอย่างรวดเร็วจากเวอร์ชัน stateless ไปสู่ stateful ที่สามารถเก็บข้อมูลผู้ใช้แม้รีเฟรชหน้าเว็บได้ ทำให้การโจมตีมีความต่อเนื่องและยากต่อการป้องกัน
    https://securityonline.info/blackforce-phaas-weaponizes-react-and-stateful-sessions-to-bypass-mfa-steal-credentials

    📌🔐🩷 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🔐🩷📌 #รวมข่าวIT #20251216 #securityonline 🛡️ วิกฤติช่องโหว่ FortiGate SSO ถูกโจมตีจริง ช่วงนี้ผู้ดูแลระบบ Fortinet ต้องเผชิญกับสถานการณ์ร้อนแรง เมื่อมีการเปิดเผยช่องโหว่ร้ายแรงสองรายการในระบบ FortiGate และเพียงไม่กี่วันหลังจากนั้นก็ถูกโจมตีจริงทันที แฮกเกอร์ใช้วิธีเจาะผ่านระบบ Single Sign-On (SSO) โดยส่งข้อความ SAML ที่ถูกปรับแต่ง ทำให้สามารถล็อกอินเป็นผู้ดูแลได้โดยไม่ต้องมีรหัสผ่าน เมื่อเข้ามาแล้วพวกเขาจะรีบขโมยการตั้งค่าระบบไฟร์วอลล์ออกไป ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มักมีรหัสผ่านที่ถูกเข้ารหัสของผู้ใช้ VPN และบัญชีอื่น ๆ จุดอันตรายคือการตั้งค่า FortiCloud SSO ที่แม้จะถูกปิดไว้ในค่าเริ่มต้น แต่เมื่อผู้ดูแลลงทะเบียนอุปกรณ์ผ่าน GUI มันจะถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติหากไม่ได้ปิดเอง ทำให้หลายระบบเสี่ยงทันที นักวิจัยแนะนำให้รีบอัปเดตเวอร์ชันล่าสุดหรือปิดฟีเจอร์นี้ผ่าน CLI เพื่อป้องกันการโจมตี 🔗 https://securityonline.info/critical-fortigate-sso-flaw-under-active-exploitation-attackers-bypass-auth-and-exfiltrate-configs ⌚ Apple ยอม EU: iOS 26.3 ส่งต่อการแจ้งเตือนให้สมาร์ทวอชแบรนด์อื่น ใน iOS 26.3 เบต้า Apple เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ชื่อ Notification Forwarding ที่ให้ iPhone ส่งต่อการแจ้งเตือนไปยังอุปกรณ์สวมใส่จากแบรนด์อื่นได้โดยตรง ไม่จำกัดแค่ Apple Watch อีกต่อไป ฟีเจอร์นี้เปิดใช้เฉพาะในสหภาพยุโรป เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย Digital Markets Act ที่บังคับให้ Apple เปิดโอกาสให้สมาร์ทวอชจากค่ายอื่นเข้าถึงฟังก์ชันที่เคยสงวนไว้ การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะให้แอปใดส่งการแจ้งเตือนออกไป และลดความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวที่เกิดจากการที่อุปกรณ์อื่นต้องเข้าถึงการแจ้งเตือนทั้งหมดแบบครอบคลุม ถือเป็นการปรับตัวครั้งสำคัญของ Apple เพื่อหลีกเลี่ยงบทลงโทษจาก EU 🔗 https://securityonline.info/eu-compliance-ios-26-3-adds-notification-forwarding-to-third-party-wearables-bypassing-apple-watch 💻 Windows 10 อัปเดต KB5071546 ทำ MSMQ ใช้งานไม่ได้ Microsoft ยืนยันแล้วว่าการติดตั้งอัปเดต KB5071546 บน Windows 10 ทำให้บริการ Microsoft Message Queuing (MSMQ) ล้มเหลว MSMQ เป็นระบบที่ใช้ในองค์กรเพื่อจัดการข้อความระหว่างแอปพลิเคชัน หากมันหยุดทำงาน งานเบื้องหลังที่ต้องพึ่งพาคิวข้อความก็จะหยุดตามทันที ส่งผลให้เว็บไซต์หรือแอปที่รันบน IIS ไม่สามารถทำงานได้ สาเหตุคือการเปลี่ยนแปลงสิทธิ์การเขียนไฟล์ในโฟลเดอร์จัดเก็บข้อความ ทำให้บัญชีที่ใช้ MSMQ ไม่มีสิทธิ์เพียงพอ แม้จะรีสตาร์ทหรือรีบูตเซิร์ฟเวอร์ก็ไม่ช่วยแก้ปัญหา ทางออกเดียวตอนนี้คือถอนการติดตั้งอัปเดตแล้วรอ Microsoft ปล่อยแพตช์แก้ไขในเดือนถัดไป 🔗 https://securityonline.info/enterprise-alert-windows-10-update-kb5071546-breaks-msmq-service-with-insufficient-permissions 🖥️ ช่องโหว่ ScreenConnect เสี่ยงติดตั้งส่วนขยายไม่ปลอดภัย ConnectWise ออกแพตช์ใหม่สำหรับ ScreenConnect หลังพบช่องโหว่ CVE-2025-14265 ที่มีความรุนแรงสูงถึง 9.1 ช่องโหว่นี้อาจทำให้ผู้ที่มีสิทธิ์ระดับผู้ดูแลเข้าถึงข้อมูลการตั้งค่าหรือบังคับติดตั้งส่วนขยายที่ไม่น่าเชื่อถือได้ แม้จะไม่ใช่การเปิดช่องให้โจมตีจากภายนอกโดยตรง แต่หากบัญชีผู้ดูแลถูกเจาะก็อันตรายทันที แพตช์เวอร์ชัน 25.8 ได้เพิ่มการตรวจสอบความถูกต้องของส่วนขยายและเสริมความปลอดภัยของเซิร์ฟเวอร์ สำหรับผู้ใช้ระบบคลาวด์ไม่ต้องทำอะไรเพราะถูกแก้ไขแล้ว แต่ผู้ที่ติดตั้งเองในองค์กรต้องรีบอัปเดตด้วยตนเอง 🔗 https://securityonline.info/critical-screenconnect-flaw-cvss-9-1-risks-config-exposure-untrusted-extension-installation ☸️ OpenShift GitOps ช่องโหว่ยกระดับสิทธิ์จนยึดคลัสเตอร์ได้ Red Hat OpenShift GitOps ถูกพบช่องโหว่ CVE-2025-13888 ที่ร้ายแรงมาก ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์เพียงระดับ namespace admin สามารถใช้ ArgoCD Custom Resources เพื่อยกระดับสิทธิ์จนเข้าถึงทั้งคลัสเตอร์ได้ วิธีการคือการแก้ไขค่า sourceNamespaces ใน CR ให้ชี้ไปยัง namespace ที่มีสิทธิ์สูง เช่น default จากนั้นระบบจะสร้าง RoleBinding และ Role ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีรันงานที่มีสิทธิ์สูงสุดบน master node ได้ทันที เท่ากับว่าสามารถยึดครองคลัสเตอร์ Kubernetes ได้โดยสมบูรณ์ ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดตแพตช์ล่าสุดและจำกัดสิทธิ์การสร้าง ArgoCD CR ให้เฉพาะผู้ดูแลที่เชื่อถือได้ 🔗 https://securityonline.info/critical-openshift-gitops-flaw-risks-cluster-takeover-cve-2025-13888-via-privilege-escalation-to-root 🕵️‍♂️ Phantom Stealer โจมตีการเงินรัสเซียผ่านไฟล์ ISO เรื่องนี้เป็นการโจมตีที่ซับซ้อนมาก แฮกเกอร์ใช้วิธีส่งอีเมลปลอมที่ดูเหมือนเป็นการยืนยันการโอนเงินจากบริษัทการเงินจริงๆ เพื่อหลอกให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินเปิดไฟล์แนบที่เป็นไฟล์ ISO เมื่อเปิดแล้วจะมีโปรแกรมแฝงที่ชื่อ Phantom Stealer ทำงานทันที มันสามารถขโมยข้อมูลได้หลายอย่าง ทั้งรหัสผ่านในเบราว์เซอร์ ข้อมูลบัตรเครดิต ข้อมูลกระเป๋าเงินดิจิทัล รวมถึงดักจับการพิมพ์คีย์บอร์ดทุกครั้งที่เหยื่อกด Phantom Stealer ยังมีระบบป้องกันตัวเองจากการตรวจสอบ ถ้ารู้ว่ากำลังถูกนักวิจัยจับตามันจะลบตัวเองทันที การโจมตีนี้ถือเป็นการเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ที่ใช้ไฟล์ ISO เพื่อหลบเลี่ยงระบบป้องกัน ทำให้เสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลทางการเงินอย่างมาก 🔗 https://securityonline.info/phantom-stealer-targets-russian-finance-with-iso-phishing-deploying-keyloggers-and-crypto-wallet-theft 📱 Frogblight มัลแวร์ Android ปลอมเป็นแอปภาครัฐในตุรกี มัลแวร์ตัวใหม่ชื่อ Frogblight ถูกค้นพบว่ากำลังแพร่ระบาดในตุรกี โดยมันปลอมตัวเป็นแอปพลิเคชันของรัฐบาลที่ใช้ดูข้อมูลคดีความ ผู้ใช้จะได้รับ SMS หลอกว่ามีคดีความและต้องดาวน์โหลดแอปเพื่อดูรายละเอียด เมื่อดาวน์โหลดมาแล้ว แอปจะขอสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลหลายอย่าง เช่น SMS รายชื่อผู้ติดต่อ และไฟล์ในเครื่อง จากนั้นมันจะเปิดหน้าเว็บจริงของรัฐบาลเพื่อให้ผู้ใช้ตายใจ แต่เบื้องหลังมันจะดักข้อมูลการเข้าสู่ระบบธนาคารและส่งไปยังผู้โจมตี Frogblight ยังมีฟังก์ชันสอดแนมอื่นๆ เช่นเก็บข้อมูลแอปที่ติดตั้งและไฟล์ในเครื่อง นักวิจัยพบว่ามันถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องและอาจถูกนำไปใช้ในรูปแบบบริการให้เช่าแก่แฮกเกอร์รายอื่น ทำให้ภัยนี้มีโอกาสแพร่กระจายไปนอกตุรกีได้ในอนาคต 🔗 https://securityonline.info/frogblight-android-banking-trojan-targets-turkey-via-fake-e-gov-smishing-and-webview 💻 ช่องโหว่ macOS LPE กลับมาอีกครั้ง นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่าช่องโหว่เก่าใน macOS ที่เคยรายงานตั้งแต่ปี 2018 ยังไม่ถูกแก้ไขอย่างสมบูรณ์ แม้ Apple จะพยายามอุดหลายครั้ง ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการติดตั้งแอปที่ต้องใช้สิทธิ์ root โดยหากมีแอปปลอมถูกวางไว้ในโฟลเดอร์ Applications ก่อน แอปจริงจะถูกติดตั้งเข้าไปในโฟลเดอร์พิเศษชื่อ .localized ทำให้ระบบเข้าใจผิดและไปเรียกใช้แอปปลอมแทน ผลคือผู้โจมตีสามารถรันโค้ดในสิทธิ์ root ได้ทันที ถือเป็นการเจาะระบบที่อันตรายมาก นักวิจัยย้ำว่าปัญหานี้ยังคงอยู่และต้องการการแก้ไขที่จริงจังจาก Apple เพื่อป้องกันการโจมตีในอนาคต 🔗 https://securityonline.info/macos-lpe-flaw-resurfaces-localized-directory-exploited-to-hijack-installers-and-gain-root-access 🪙 มัลแวร์ NuGet แฝงตัว 5 ปี ขโมยกระเป๋าเงินคริปโต มีการค้นพบแพ็กเกจ NuGet ปลอมชื่อ Tracer.Fody.NLog ที่ถูกปล่อยให้ดาวน์โหลดตั้งแต่ปี 2020 และอยู่รอดมาได้กว่า 5 ปีโดยไม่ถูกตรวจจับ มันปลอมตัวเป็นเครื่องมือ .NET ที่ใช้บันทึก log แต่จริงๆ แล้วมีโค้ดแฝงที่ใช้เทคนิคพิเศษ เช่นการใช้ตัวอักษร Cyrillic ที่หน้าตาเหมือนตัวอักษร Latin เพื่อหลบการตรวจสอบ เมื่อถูกติดตั้ง มันจะค้นหาไฟล์กระเป๋าเงินดิจิทัล Stratis และขโมยรหัสผ่านไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตีโดยไม่ให้ผู้ใช้รู้ตัว การโจมตีนี้ถือเป็นการโจมตี supply chain ที่อันตรายมาก เพราะนักพัฒนาที่เชื่อใจแพ็กเกจโอเพนซอร์สอาจถูกดักข้อมูลโดยไม่รู้ตัว 🔗 https://securityonline.info/5-year-threat-malicious-nuget-package-used-homoglyphs-and-typosquatting-to-steal-crypto-wallets 🖥️ Intel เตรียมเข้าซื้อกิจการ SambaNova ในราคาลดฮวบ เรื่องนี้น่าสนใจมาก เพราะเดิมทีมีข่าวว่า Intel จะทุ่มเงินกว่า 5 พันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อสตาร์ทอัพด้าน AI อย่าง SambaNova แต่ล่าสุดกลับมีรายงานว่ามูลค่าดีลจริงอาจเหลือเพียง 1.6 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับการประเมินมูลค่าเดิมของบริษัทในปี 2021 ที่สูงกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ สาเหตุหลักมาจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดชิป AI ที่ NVIDIA ครองความเป็นใหญ่ SambaNova มีจุดแข็งด้านสถาปัตยกรรมที่เน้นการประมวลผลสำหรับโมเดลภาษาและการทำงานแบบครบวงจร ทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการ ซึ่งอาจช่วย Intel เติมเต็มช่องว่างที่ยังขาดอยู่ แต่ความท้าทายใหญ่คือการผสานเทคโนโลยีนี้เข้ากับระบบของ Intel โดยไม่กระทบต่อผลิตภัณฑ์ Gaudi ที่มีอยู่แล้ว 🔗 https://securityonline.info/intel-nears-sambanova-acquisition-at-1-6b-fire-sale-price-down-from-5b-valuation 💾 Claude AI ทำพลาด ลบข้อมูลทั้งเครื่อง Mac ของนักพัฒนา นี่คือเหตุการณ์ที่ทำให้หลายคนต้องระวังการใช้เครื่องมือ AI มากขึ้น นักพัฒนารายหนึ่งใช้ Claude CLI เพื่อจัดการแพ็กเกจ แต่กลับเกิดความผิดพลาดจากคำสั่งที่มีเครื่องหมาย ~ ต่อท้าย ทำให้ระบบไปลบทั้งโฟลเดอร์ Home Directory ของเครื่อง Mac ผลคือข้อมูลสำคัญอย่าง Desktop, Documents, Downloads และ Keychains หายไปทั้งหมด เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการให้ AI เข้าถึงระบบโดยตรง นักพัฒนาบางคนจึงเสนอให้ใช้ Docker เป็นตัวกลางเพื่อป้องกันไม่ให้ AI สามารถทำลายข้อมูลในเครื่องจริงได้ 🔗 https://securityonline.info/data-disaster-claude-ai-executes-rm-rf-and-wipes-developers-mac-home-directory 🚀 SpaceX เตรียม IPO ปี 2026 หลังมูลค่าพุ่งถึง 800 พันล้านดอลลาร์ SpaceX กำลังเดินหน้าสู่การเข้าตลาดหุ้น โดยมีการเริ่มคัดเลือกธนาคารเพื่อเป็นที่ปรึกษา IPO และมีการส่งบันทึกภายในยืนยันว่าบริษัทกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าจดทะเบียนในปี 2026 แม้ยังไม่มีการกำหนดวันแน่นอน แต่สิ่งที่น่าทึ่งคือมูลค่าของบริษัทที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยการขายหุ้นภายในล่าสุดตีมูลค่าถึง 800 พันล้านดอลลาร์ แรงหนุนสำคัญมาจากบริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด และยังส่งผลให้ Alphabet ซึ่งเคยลงทุนใน SpaceX ได้กำไรอย่างมหาศาลอีกด้วย 🔗 https://securityonline.info/spacex-ipo-company-prepares-for-2026-listing-after-valuation-soars-to-800-billion 🔐 Salt Typhoon กลุ่มแฮ็กเกอร์จากการแข่งขัน Cisco สู่การเจาะระบบโทรคมนาคมโลก เรื่องนี้เหมือนนิยาย แต่เกิดขึ้นจริง นักวิจัยพบว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์ชื่อ Salt Typhoon มีจุดเริ่มต้นจากนักศึกษาที่เคยแข่งขัน Cisco Network Academy Cup ก่อนจะนำความรู้ไปใช้ในการเจาะระบบโทรคมนาคมกว่า 80 บริษัททั่วโลก พวกเขาสามารถดักฟังทั้งสายโทรศัพท์และข้อความ รวมถึงเข้าถึงระบบที่ใช้สำหรับการดักฟังโดยกฎหมายเองด้วย เบื้องหลังคือสองบุคคลที่เคยเป็นคู่แข่งกันในสมัยเรียน แต่กลับร่วมมือกันสร้างเครือข่ายไซเบอร์ที่ทรงพลัง เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงจากการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่อาจถูกนำไปใช้ในทางร้ายได้ 🔗 https://securityonline.info/from-cisco-student-rivalry-to-global-hackers-salt-typhoon-breaches-80-telecos-for-intelligence 🎭 BlackForce เครื่องมือ Phishing-as-a-Service รุ่นใหม่ที่อันตราย BlackForce คือชุดเครื่องมือฟิชชิ่งที่ถูกขายใน Telegram ในราคาหลักร้อยยูโร แต่มีความสามารถสูงมาก มันสามารถหลอกขโมยรหัสผ่านและยังเจาะผ่านระบบยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน (MFA) ได้ โดยใช้เทคนิค Man-in-the-Browser เพื่อดักจับรหัส OTP แบบเรียลไทม์ จุดที่ทำให้มันน่ากลัวคือการใช้โค้ด React และ React Router ที่ดูเหมือนของจริง ทำให้ยากต่อการตรวจจับ อีกทั้งยังพัฒนาอย่างรวดเร็วจากเวอร์ชัน stateless ไปสู่ stateful ที่สามารถเก็บข้อมูลผู้ใช้แม้รีเฟรชหน้าเว็บได้ ทำให้การโจมตีมีความต่อเนื่องและยากต่อการป้องกัน 🔗 https://securityonline.info/blackforce-phaas-weaponizes-react-and-stateful-sessions-to-bypass-mfa-steal-credentials
    SECURITYONLINE.INFO
    Critical FortiGate SSO Flaw Under Active Exploitation: Attackers Bypass Auth and Exfiltrate Configs
    A critical FortiGate SSO flaw (CVSS 9.1) is under active exploitation, letting unauthenticated attackers bypass login via crafted SAML. The flaw is armed by default registration, risking config exfiltration. Patch immediately.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🩷 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🩷
    #รวมข่าวIT #20251216 #TechRadar

    LG เปิดตัวทีวี Micro RGB evo ที่ CES 2026
    LG กำลังสร้างความฮือฮาในงาน CES 2026 ด้วยการเปิดตัวทีวีรุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี Micro RGB evo ซึ่งเปลี่ยนหลอดไฟ LED แบบเดิมไปเป็นหลอดไฟสีแดง เขียว และน้ำเงินขนาดจิ๋ว เพื่อควบคุมแสงและสีได้ละเอียดขึ้น ผลลัพธ์คือภาพที่สว่างสดใสและสีสันจัดเต็มใกล้เคียง OLED แต่ยังคงความสว่างสูงของ LCD จุดเด่นคือการครอบคลุมสีครบทั้ง BT.2020, DCI-P3 และ Adobe RGB พร้อมระบบประมวลผล α11 AI Gen 3 ที่ช่วยอัปสเกลภาพให้คมชัดขึ้น ถือเป็นการพยายามปิดช่องว่างระหว่าง LCD และ OLED ที่น่าสนใจมากสำหรับคนรักภาพคมชัดและสีสดใส
    https://www.techradar.com/televisions/lg-reveals-micro-rgb-evo-tv-with-bold-claims-of-perfect-color

    Netflix เลิกใช้ Google Cast แต่ Apple TV บน Android นำกลับมาอีกครั้ง
    Netflix เคยยกเลิกฟีเจอร์ Google Cast ที่ให้ผู้ใช้ส่งภาพจากมือถือขึ้นจอทีวี แต่ล่าสุด Apple TV บน Android กลับนำฟีเจอร์นี้กลับมา ทำให้ผู้ใช้สามารถสตรีมคอนเทนต์จากมือถือไปยังทีวีได้อีกครั้ง การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงการแข่งขันในตลาดสตรีมมิ่งที่ยังคงดุเดือด และการที่ Apple พยายามทำให้บริการของตนเข้าถึงผู้ใช้ Android ได้สะดวกขึ้น
    https://www.techradar.com/streaming/apple-tv-plus/netflix-dropped-google-cast-now-apple-tv-for-android-just-brought-it-back

    NAS พกพาใส่ SSD 4 ตัว พร้อมพลัง Intel N150
    มีการเปิดตัวอุปกรณ์ NAS ขนาดเล็กที่ดูเหมือนวิทยุทรานซิสเตอร์เก่า แต่ภายในบรรจุ SSD ได้ถึง 4 ตัว ใช้พลังจาก Intel N150 และมีพอร์ต LAN 2.5Gb สองช่อง รวมถึง RAM 12GB จุดขายคือความสามารถในการพกพาและเก็บข้อมูลได้มาก แต่ก็มีค่าใช้จ่ายแฝงที่อาจเกินความคาดหมาย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการระบบจัดเก็บข้อมูลที่คล่องตัวและมีสไตล์ไม่เหมือนใคร
    https://www.techradar.com/pro/is-that-your-grandads-transistor-radio-no-its-a-4-ssd-nas-with-two-2-5gb-lan-ports-12gb-ram-and-a-cracking-name-the-orange-colored-youyeetoo-nestdisk

    นักพัฒนาสร้างกล่องสำรองข้อมูล iPhone แบบออฟไลน์
    นักพัฒนารายหนึ่งได้สร้างอุปกรณ์สำรองข้อมูล iPhone ที่ไม่ต้องพึ่งพาคลาวด์ แต่ใช้การเชื่อมต่อผ่าน USB และเข้ารหัสข้อมูลเพื่อเก็บไว้ในเครื่องโดยตรง ถือเป็นทางเลือกใหม่สำหรับคนที่ไม่อยากจ่ายค่าบริการ iCloud หรือกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลบนคลาวด์ แม้จะยังไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป แต่แนวคิดนี้สะท้อนถึงความต้องการควบคุมข้อมูลส่วนตัวมากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/want-to-back-up-your-iphone-securely-without-paying-the-apple-tax-theres-a-hack-for-that-but-it-isnt-for-everyone-yet

    วิกฤติ RAM อาจกระทบหนักต่อโน้ตบุ๊กเกมมิ่ง
    ตลาดโน้ตบุ๊กเกมมิ่งกำลังเผชิญปัญหาวิกฤติ RAM ที่อาจทำให้เครื่องเล่นเกมประสิทธิภาพสูงมีราคาสูงขึ้นและหายากขึ้น เหตุผลมาจากความต้องการหน่วยความจำที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ทั้งจาก AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ส่งผลให้ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กเกมมิ่งต้องปรับตัวและอาจทำให้ผู้เล่นเกมต้องจ่ายแพงกว่าเดิมเพื่อได้เครื่องที่แรงพอ
    https://www.techradar.com/computing/memory/the-ram-crisis-will-be-a-disaster-for-gaming-laptops-heres-why

    Slop: คำแห่งปีที่สะท้อนอินเทอร์เน็ตเต็มไปด้วยขยะดิจิทัล
    ปีนี้ Merriam-Webster เลือกคำว่า “Slop” เป็น Word of the Year 2025 เพื่ออธิบายเนื้อหาดิจิทัลคุณภาพต่ำที่ถูกผลิตขึ้นอย่างมหาศาลด้วย AI ไม่ว่าจะเป็นบทความ ภาพ วิดีโอ หรือพอดแคสต์ หลายอย่างดูเหมือนจะสร้างได้ง่ายแต่กลับทำให้โลกออนไลน์เต็มไปด้วยสิ่งที่คนเรียกว่า “AI slop” จนยากจะแยกออกว่าอะไรคือผลงานมนุษย์จริงๆ และอะไรคือสิ่งที่เครื่องจักรสร้างขึ้นมา เรื่องนี้สะท้อนว่าพลังของเครื่องมือ AI ถูกส่งถึงมือผู้ใช้เร็วเกินไปโดยที่ยังไม่ทันคิดถึงผลกระทบ ทำให้เราต้องเผชิญกับทะเลข้อมูลที่ปะปนทั้งคุณภาพและขยะไปพร้อมกัน
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/we-filled-the-internet-with-garbage-and-now-slop-is-the-word-of-the-year-nice-going-ai

    Super X: แท็บเล็ตลูกผสมที่แรงระดับเดสก์ท็อป
    OneXPlayer เปิดตัว Super X อุปกรณ์ลูกผสมที่รวมแท็บเล็ตกับพลังการประมวลผลระดับเดสก์ท็อป หน้าจอใหญ่ถึง 14 นิ้ว มาพร้อมซีพียู 16 คอร์ GPU ระดับ 5060-class และ RAM สูงสุด 128GB จุดเด่นคือการออกแบบระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ทำให้เครื่องเล็กแต่ยังคงประสิทธิภาพสูง เหมาะกับคนที่อยากได้ความแรงแบบ PC แต่ยังพกพาได้สะดวก แม้ราคาคาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 2000 ดอลลาร์ แต่ถือเป็นการยกระดับแท็บเล็ตให้ก้าวไปอีกขั้น
    https://www.techradar.com/pro/a-water-cooled-amd-ai-14-inch-tablet-with-16-cpu-cores-a-5060-class-gpu-and-128gb-ram-is-exactly-what-i-need-for-christmas-i-dont-think-it-will-cost-less-than-usd2000-though

    SSD จิ๋วแต่แรง: Samsung เปิดตัว PCIe Gen5 รุ่นใหม่
    Samsung เผยโฉม SSD รุ่น PM9E1 ที่มาในขนาดเล็กเพียง 22 x 42 มม. แต่รองรับมาตรฐาน PCIe Gen5 ทำให้ได้ความเร็วสูงและความจุที่จริงจัง แม้จะมาแบบเงียบๆ แต่ถือเป็นการขยายตลาดสู่กลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการอุปกรณ์เก็บข้อมูลขนาดเล็กแต่ไม่ลดทอนประสิทธิภาพ เหมาะกับโน้ตบุ๊กหรืออุปกรณ์พกพาที่ต้องการความเร็วระดับสูงสุดในพื้นที่จำกัด
    https://www.techradar.com/pro/samsungs-surprising-stealth-superfast-ssd-surfaces-silently-pm9e1-turns-out-to-be-a-mini-9100-pro-measuring-just-22-x-42mm-with-pcie-gen5-capabilities

    DoomScroll: เว็บไซต์ใหม่รวมแผนที่ Doom แบบไม่รู้จบ
    แฟนเกม Doom ได้เฮ เมื่อมีเว็บไซต์ใหม่ชื่อ DoomScroll ที่รวบรวมแผนที่เกม Doom ไว้ให้เลือกเล่นได้ไม่รู้จบผ่านเบราว์เซอร์ ผู้เล่นสามารถเข้าไปเลือกแผนที่ที่ชอบแล้วเล่นได้ทันที ถือเป็นการเปิดคลังเกมคลาสสิกให้เข้าถึงง่ายขึ้น และยังทำให้ชุมชนผู้เล่นสามารถแชร์ผลงานกันได้สะดวกขึ้นด้วย
    https://www.techradar.com/gaming/pc-gaming/new-doomscroll-website-is-an-endless-library-of-doom-maps-you-can-pick-from-and-play-in-your-browser

    หน่วยความจำแห่งอนาคต: Kioxia พัฒนา 3D DRAM
    Kioxia ประกาศความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยี 3D DRAM โดยใช้ stacked oxide-semiconductors ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มความหนาแน่นของหน่วยความจำ แม้จะยังไม่พร้อมสู่ตลาดผู้บริโภคในทันที แต่ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมหน่วยความจำในทศวรรษหน้า ทำให้คาดหวังได้ว่าอนาคตเราจะได้เห็น RAM ที่เร็วขึ้นและราคาถูกลง
    https://www.techradar.com/pro/crying-over-expensive-ram-kioxia-may-have-cracked-the-3d-ram-puzzle-paving-the-way-for-cheaper-faster-memory-but-it-probably-wont-reach-the-market-till-the-next-decade

    Apple อุดช่องโหว่ Zero-Day สุดอันตราย
    Apple ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงใน WebKit ที่ถูกใช้โจมตีแบบเจาะจงบุคคลระดับสูง โดยช่องโหว่นี้อาจเปิดทางให้แฮกเกอร์เข้าควบคุมเครื่องจากระยะไกลได้ ทีม Google TAG และ Apple ร่วมกันค้นพบและแก้ไข ซึ่งถือเป็นการทำงานร่วมกันที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก การอัปเดตครอบคลุมทั้ง iOS, iPadOS, macOS, watchOS, tvOS, visionOS และ Safari ผู้ใช้ทั่วไปแม้จะไม่ใช่เป้าหมายหลัก แต่ก็ถูกแนะนำให้รีบอัปเดตเพื่อความปลอดภัยทันที
    https://www.techradar.com/pro/security/apple-says-it-fixed-zero-day-flaws-used-for-sophisticated-attacks

    CEO Windscribe วิจารณ์การแบน VPN สำหรับเด็ก
    Windscribe ผู้ให้บริการ VPN ออกมาแสดงความเห็นว่าการห้ามเด็กใช้ VPN เป็น “วิธีแก้ที่แย่ที่สุด” เพราะ VPN ไม่ใช่เครื่องมืออันตราย แต่กลับเป็นสิ่งที่ช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย การแบนอาจทำให้เด็กขาดโอกาสในการเรียนรู้การใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย และยังไม่แก้ปัญหาที่แท้จริงของการใช้งานออนไลน์
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/banning-vpns-for-kids-is-the-dumbest-possible-fix-windscribe-ceo

    กล้องวงจรปิดแบตเตอรี่ไร้ขีดจำกัด
    มีการเปิดตัวกล้องวงจรปิดรุ่นใหม่ที่ชูจุดขายเรื่อง “แบตเตอรี่ไม่จำกัด” สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จบ่อย ๆ ราคาก็ไม่สูงอย่างที่คิด ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น กล้องนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัยต่อเนื่องโดยไม่ต้องยุ่งยากกับการบำรุงรักษาแบตเตอรี่
    https://www.techradar.com/home/smart-home/this-home-security-cam-monitors-your-property-24-7-with-unlimited-battery-life-and-it-costs-less-than-you-might-expect

    Garmin เผลอหลุดข้อมูล Vivosmart 6
    Garmin มีข่าวหลุดเกี่ยวกับสมาร์ทแทร็กเกอร์รุ่นใหม่ Vivosmart 6 ที่คาดว่าจะมาพร้อมการอัปเกรดสำคัญเหนือรุ่นก่อน แม้ยังไม่มีรายละเอียดเต็ม แต่คาดว่าจะมีฟีเจอร์ด้านสุขภาพและการติดตามการออกกำลังกายที่แม่นยำขึ้น การหลุดครั้งนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ที่ติดตามอุปกรณ์สวมใส่ของ Garmin อยู่แล้ว
    https://www.techradar.com/health-fitness/fitness-trackers/garmin-just-leaked-its-vivosmart-6-tracker-and-it-might-come-with-one-major-upgrade-over-its-predecessor

    แอป Freedom Chat ทำข้อมูลผู้ใช้หลุด
    มีรายงานว่าแอปแชทชื่อ Freedom Chat เผยข้อมูลผู้ใช้โดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งหมายเลขโทรศัพท์และรายละเอียดอื่น ๆ ทำให้เกิดความกังวลเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ แอปนี้ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าขาดมาตรการป้องกันที่รัดกุม และอาจทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกโจมตีหรือการละเมิดข้อมูล
    https://www.techradar.com/pro/security/messaging-app-freedom-chat-exposes-user-phone-numbers-and-more-heres-what-we-know

    Google เปิดฟีเจอร์แปลสดผ่านหูฟัง
    Google กำลังยกระดับการสื่อสารข้ามภาษาให้ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัวฟีเจอร์ “Live Translation” ที่สามารถใช้งานได้กับหูฟังทุกยี่ห้อ ไม่จำกัดเฉพาะ Pixel Buds อีกต่อไป โดยเริ่มทดสอบในสหรัฐฯ เม็กซิโก และอินเดีย ฟีเจอร์นี้ไม่เพียงแค่แปลคำต่อคำ แต่ยังรักษาน้ำเสียง จังหวะ และอารมณ์ของผู้พูด ทำให้การสนทนาเป็นธรรมชาติมากขึ้น นอกจากนี้ Google ยังปรับปรุงระบบ Gemini ให้เข้าใจสำนวนและภาษาพูด เช่น “stealing my thunder” ที่ไม่สามารถแปลตรงตัวได้ พร้อมทั้งเพิ่มเครื่องมือช่วยเรียนภาษา เช่น การให้คำแนะนำด้านการออกเสียง และระบบติดตามความก้าวหน้า ฟีเจอร์นี้รองรับกว่า 70 ภาษา และมีแผนจะขยายไปยัง iOS ในปี 2026
    https://www.techradar.com/computing/software/google-smashes-language-barriers-with-live-translation-for-any-earbuds-on-android-heres-how-it-works

    อีเมลไม่ใช่จุดอ่อน แต่การตั้งค่าคลาวด์ต่างหาก
    หลายครั้งที่เกิดเหตุข้อมูลรั่วไหล อีเมลมักถูกมองว่าเป็นตัวการ แต่จริง ๆ แล้วปัญหามาจากการตั้งค่าคลาวด์ที่ผิดพลาดมากกว่า กว่า 99% ของความล้มเหลวด้านความปลอดภัยเกิดจากผู้ใช้เอง เช่น คลิกลิงก์ฟิชชิ่ง ใช้รหัสผ่านซ้ำ หรือจัดการข้อมูลผิดพลาด การโทษอีเมลจึงเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจไปจากต้นเหตุที่แท้จริง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าการป้องกันควรเริ่มจากการเข้ารหัสข้อมูล การเสริมความปลอดภัยของระบบปฏิบัติการ และการฝึกอบรมผู้ใช้ให้รู้เท่าทันภัยไซเบอร์ เมื่อผู้ใช้มีความรู้และระบบถูกเข้ารหัสอย่างดี อีเมลก็จะกลายเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/your-email-app-isnt-the-weak-link-but-your-cloud-configuration-probably-is

    Microsoft ขยายโครงการ Bug Bounty
    Microsoft ประกาศปรับโครงการ Bug Bounty ครั้งใหญ่ เปิดให้ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยสามารถส่งรายงานช่องโหว่ได้ครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์และบริการ แม้บางโปรแกรมจะไม่มีการตั้งค่ารางวัลอย่างเป็นทางการก็ตาม แนวทางใหม่นี้เรียกว่า “In Scope by Default” ซึ่งหมายความว่าหากช่องโหว่มีผลกระทบต่อบริการออนไลน์ของ Microsoft ก็จะได้รับเงินรางวัลตามระดับความรุนแรง โดยปีที่ผ่านมา Microsoft จ่ายเงินรางวัลไปกว่า 17 ล้านดอลลาร์ มากกว่า Google ที่จ่ายราว 11.8 ล้านดอลลาร์ การขยายนี้ครอบคลุมทั้งโค้ดของ Microsoft โค้ดจากบุคคลที่สาม และโอเพ่นซอร์ส ถือเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยตรวจสอบความปลอดภัยในวงกว้างยิ่งขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-will-expand-bug-bounties-even-on-programs-without-official-payouts

    Oracle ทุ่มมหาศาลกับดีลศูนย์ข้อมูล
    Oracle กำลังเดินเกมครั้งใหญ่ในโลกคลาวด์และศูนย์ข้อมูล ล่าสุดมีการเปิดเผยว่าได้ทำสัญญาเช่าศูนย์ข้อมูลและคลาวด์รวมมูลค่าถึง 248 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งจะทยอยเริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2026 ไปจนถึง 2028 และกินเวลายาวนานถึง 15–19 ปี การขยายตัวนี้เกิดจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากลูกค้าใหญ่ ๆ อย่าง Meta, Nvidia และ OpenAI ที่เพิ่งเซ็นสัญญาเพิ่มอีก 300 พันล้านดอลลาร์ ทำให้ Oracle ต้องเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าและลงทุนเพิ่มหนี้อีกหลายหมื่นล้าน แม้จะเป็นภาระ แต่ก็สะท้อนว่าบริษัทกำลังเดิมพันอนาคตไว้กับการเติบโตของตลาด AI และคลาวด์อย่างเต็มที่
    https://www.techradar.com/pro/oracle-reportedly-signs-major-huge-cloud-data-center-deals-in-the-last-quarter-nearly-usd250-billion-in-new-commitments-revealed

    ChatGPT 5.2 vs Gemini 3
    มีการทดสอบเปรียบเทียบสองแชตบอทที่โด่งดังที่สุดในโลกตอนนี้ คือ ChatGPT 5.2 และ Gemini 3 ผู้เขียนลองใช้งานจริงเพื่อดูว่าใครตอบโจทย์ได้ดีกว่า ผลลัพธ์ออกมาน่าสนใจเพราะแต่ละตัวมีจุดแข็งต่างกัน ChatGPT 5.2 โดดเด่นเรื่องการให้คำตอบที่ละเอียดและมีความคิดเชิงลึก ส่วน Gemini 3 เน้นความเร็วและความกระชับในการสื่อสาร การแข่งขันนี้สะท้อนว่าตลาด AI กำลังร้อนแรง และผู้ใช้ก็มีทางเลือกมากขึ้นตามสไตล์ที่ต้องการ
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpt-5-2-vs-gemini-3-i-tried-the-worlds-most-popular-chatbots-to-see-which-is-best-and-the-result-might-surprise-you

    โลกเสมือนที่มีหัวใจมนุษย์
    เรื่องราวของ Victoria Fard ศิลปินที่ใช้พลังของคอมพิวเตอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย Snapdragon สร้างโลกเสมือนที่เต็มไปด้วยความรู้สึกและความเป็นมนุษย์ เธอไม่ได้มองเทคโนโลยีเป็นเพียงเครื่องมือ แต่ใช้มันเพื่อถ่ายทอดความทรงจำ ความรู้สึก และเรื่องราวที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน ผลงานของเธอจึงไม่ใช่แค่ภาพสวย ๆ แต่เป็นการสร้างพื้นที่ที่ผู้คนสามารถสัมผัสความเป็นมนุษย์ผ่านโลกดิจิทัลได้อย่างลึกซึ้ง
    https://www.techradar.com/tech/memories-in-pixel-how-victoria-fard-uses-a-pc-powered-by-snapdragon-to-build-worlds-that-are-deeply-human

    ซีอีโอยังเดินหน้าลงทุน AI แม้ผลลัพธ์ไม่ชัด
    แม้หลายบริษัทจะยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนจากการลงทุนใน AI แต่ซีอีโอจำนวนมากก็ยังคงเดินหน้าทุ่มงบต่อไป เหตุผลคือพวกเขามองว่า AI เป็นเทคโนโลยีที่ไม่สามารถมองข้ามได้ และหากหยุดลงทุนอาจเสียโอกาสในอนาคต ถึงแม้จะมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอน แต่การตัดสินใจนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นว่าการลงทุนใน AI จะเป็นกุญแจสำคัญในการแข่งขันระยะยาว
    https://www.techradar.com/pro/ceos-seem-determined-to-keep-spending-on-ai-despite-mixed-success

    ศาลรัสเซียสั่งอายัดทรัพย์ Google ในฝรั่งเศส
    มีข่าวใหญ่จากยุโรป เมื่อศาลรัสเซียมีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินของ Google ในฝรั่งเศสมูลค่ากว่า 129 ล้านดอลลาร์ สาเหตุเกี่ยวข้องกับข้อพิพาททางกฎหมายและการดำเนินธุรกิจที่ซับซ้อนในหลายประเทศ เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงแรงกดดันที่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีต้องเผชิญในระดับโลก ทั้งจากกฎระเบียบและความขัดแย้งทางการเมืองที่ส่งผลต่อการดำเนินงาน
    https://www.techradar.com/pro/security/russian-court-ruling-could-see-usd129-million-freeze-on-some-of-googles-french-assets

    Microsoft เจอศึกใหญ่เรื่อง Cloud Licensing ในสหราชอาณาจักร
    เรื่องนี้เริ่มจากการที่ Microsoft ถูกกล่าวหาว่ากำหนดเงื่อนไขการใช้งาน Windows Server บน Cloud ของคู่แข่งอย่าง AWS และ Google Cloud ให้ยุ่งยากและมีค่าใช้จ่ายสูง จนทำให้หลายองค์กรในสหราชอาณาจักรเสียเงินไปเป็นจำนวนมาก คดีนี้ถูกยื่นต่อศาล Competition Appeal Tribunal โดยมีองค์กรกว่า 59,000 แห่งเข้าร่วมเป็นกลุ่มฟ้องร้อง หาก Microsoft ถูกตัดสินว่าผิดจริง อาจต้องจ่ายค่าชดเชยสูงถึง 2 พันล้านปอนด์ ขณะที่ Microsoft ยืนยันว่าเป็นเพียงการกล่าวหาเกินจริงจากกลุ่มทนายและผู้สนับสนุน แต่แรงกดดันก็ยังคงมีต่อเนื่อง เพราะ Google เองก็เคยร้องเรียนเรื่องนี้ต่อ EU มาก่อนแล้ว
    https://www.techradar.com/pro/microsoft-is-back-in-court-in-the-uk-over-unfair-cloud-licensing-claims

    UGreen เปิดตัว eGPU Dock ท้าชน Razer ในตลาด eGPU ที่กำลังร้อนแรง
    UGreen ได้เปิดตัว Linkstation eGPU Dock ที่มาพร้อมพลังงานในตัวถึง 850W และพอร์ตเชื่อมต่อใหม่อย่าง Oculink และ USB4 จุดเด่นคือราคาประมาณ 325 ดอลลาร์ ซึ่งใกล้เคียงกับ Razer Core X V2 แต่เหนือกว่าตรงที่มี PSU ในตัวและรองรับการ์ดจอขนาดใหญ่ถึง 370 มม. อย่างไรก็ตาม ดีไซน์ของ UGreen ยังเปิดโล่งมากกว่า Razer ที่มีโครงสร้างปิด ทำให้บางคนกังวลเรื่องความปลอดภัยของการ์ดจอ ถึงอย่างนั้น นี่ก็ถือเป็นการก้าวเข้าสู่ตลาดใหม่ที่น่าจับตามองของ UGreen ที่เดิมทำอุปกรณ์เสริมอย่าง Dock และ Charger
    https://www.techradar.com/computing/gpu/its-a-great-time-to-buy-an-egpu-and-ugreens-new-razer-rival-has-two-major-tricks-up-its-sleeve

    วิกฤติ RAM อาจทำให้สมาร์ทโฟนถอยหลังในปี 2026
    นักวิเคราะห์เตือนว่าความต้องการ RAM ที่สูงขึ้นจากศูนย์ข้อมูล AI กำลังทำให้ราคาพุ่งขึ้น ส่งผลให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอาจต้องลดสเปกลง แทนที่จะเพิ่ม RAM เป็น 16GB ในรุ่นเรือธงใหม่ อาจยังคงอยู่ที่ 12GB หรือบางรุ่นอาจลดลงเหลือ 8GB สำหรับรุ่นกลาง และ 4GB สำหรับรุ่นล่าง ทั้งนี้แม้จะเป็นการคาดการณ์ แต่ก็มีความเป็นไปได้สูง เพราะตลาด AI กำลังดูดซับทรัพยากรไปอย่างมหาศาล ซึ่งอาจย้อนแย้งกับการพัฒนา AI บนมือถือที่ต้องใช้ RAM มากเช่นกัน
    https://www.techradar.com/phones/the-ram-crisis-will-see-smartphone-specs-go-backwards-in-2026-experts-warn-heres-why

    Apple ควรทำ Smart Ring เพื่อแก้ปัญหาความยุ่งยากของ Smartwatch
    ผู้เขียนเล่าประสบการณ์ตรงว่าแม้ Apple Watch จะมีฟีเจอร์ด้านสุขภาพและการออกกำลังกายที่ยอดเยี่ยม แต่ก็สร้างความลำบากใจเพราะเขาเป็นคนรักนาฬิกากลไกและไม่อยากละทิ้งการใส่นาฬิกาแบบดั้งเดิม จนต้องใส่นาฬิกาสองเรือนบนข้อมือเดียวกัน ซึ่งทั้งไม่สะดวกและน่าขัน เขาจึงเสนอว่า Apple ควรทำ Smart Ring ที่สามารถติดตามสุขภาพได้เหมือน Apple Watch แต่เล็กกะทัดรัดและไม่รบกวนการใส่นาฬิกาแบบดั้งเดิม หาก Apple ทำจริงก็อาจกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่พลิกเกมในปี 2026
    https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/apple-needs-to-make-a-smart-ring-to-save-me-from-this-ridiculous-situation

    รีวิวซอฟต์แวร์ Idea Spectrum Realtime Landscaping Pro 2025
    นี่คือโปรแกรมออกแบบภูมิทัศน์ที่ให้คุณสร้างสวนเสมือนจริงได้จากคอมพิวเตอร์ Windows จุดเด่นคืออินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย มีคลังพืชกว่า 6,000 ชนิด และวัตถุสามมิติหลากหลาย ตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ไปจนถึงรถยนต์ พร้อมระบบแอนิเมชันที่ทำให้งานออกแบบดูมีชีวิตชีวา โปรแกรมยังมี Wizard ที่ช่วยให้การสร้างบ้าน สระน้ำ หรือสวนทำได้รวดเร็ว แม้จะมีข้อจำกัดว่าใช้ได้เฉพาะ Windows และอาจหน่วงเมื่อโปรเจ็กต์ซับซ้อน แต่ก็ถือเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพ
    https://www.techradar.com/pro/software-services/idea-spectrum-realtime-landscaping-pro-review

    📌📡🩷 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🩷📡📌 #รวมข่าวIT #20251216 #TechRadar 🖥️ LG เปิดตัวทีวี Micro RGB evo ที่ CES 2026 LG กำลังสร้างความฮือฮาในงาน CES 2026 ด้วยการเปิดตัวทีวีรุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี Micro RGB evo ซึ่งเปลี่ยนหลอดไฟ LED แบบเดิมไปเป็นหลอดไฟสีแดง เขียว และน้ำเงินขนาดจิ๋ว เพื่อควบคุมแสงและสีได้ละเอียดขึ้น ผลลัพธ์คือภาพที่สว่างสดใสและสีสันจัดเต็มใกล้เคียง OLED แต่ยังคงความสว่างสูงของ LCD จุดเด่นคือการครอบคลุมสีครบทั้ง BT.2020, DCI-P3 และ Adobe RGB พร้อมระบบประมวลผล α11 AI Gen 3 ที่ช่วยอัปสเกลภาพให้คมชัดขึ้น ถือเป็นการพยายามปิดช่องว่างระหว่าง LCD และ OLED ที่น่าสนใจมากสำหรับคนรักภาพคมชัดและสีสดใส 🔗 https://www.techradar.com/televisions/lg-reveals-micro-rgb-evo-tv-with-bold-claims-of-perfect-color 📺 Netflix เลิกใช้ Google Cast แต่ Apple TV บน Android นำกลับมาอีกครั้ง Netflix เคยยกเลิกฟีเจอร์ Google Cast ที่ให้ผู้ใช้ส่งภาพจากมือถือขึ้นจอทีวี แต่ล่าสุด Apple TV บน Android กลับนำฟีเจอร์นี้กลับมา ทำให้ผู้ใช้สามารถสตรีมคอนเทนต์จากมือถือไปยังทีวีได้อีกครั้ง การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงการแข่งขันในตลาดสตรีมมิ่งที่ยังคงดุเดือด และการที่ Apple พยายามทำให้บริการของตนเข้าถึงผู้ใช้ Android ได้สะดวกขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/streaming/apple-tv-plus/netflix-dropped-google-cast-now-apple-tv-for-android-just-brought-it-back 💾 NAS พกพาใส่ SSD 4 ตัว พร้อมพลัง Intel N150 มีการเปิดตัวอุปกรณ์ NAS ขนาดเล็กที่ดูเหมือนวิทยุทรานซิสเตอร์เก่า แต่ภายในบรรจุ SSD ได้ถึง 4 ตัว ใช้พลังจาก Intel N150 และมีพอร์ต LAN 2.5Gb สองช่อง รวมถึง RAM 12GB จุดขายคือความสามารถในการพกพาและเก็บข้อมูลได้มาก แต่ก็มีค่าใช้จ่ายแฝงที่อาจเกินความคาดหมาย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการระบบจัดเก็บข้อมูลที่คล่องตัวและมีสไตล์ไม่เหมือนใคร 🔗 https://www.techradar.com/pro/is-that-your-grandads-transistor-radio-no-its-a-4-ssd-nas-with-two-2-5gb-lan-ports-12gb-ram-and-a-cracking-name-the-orange-colored-youyeetoo-nestdisk 🔐 นักพัฒนาสร้างกล่องสำรองข้อมูล iPhone แบบออฟไลน์ นักพัฒนารายหนึ่งได้สร้างอุปกรณ์สำรองข้อมูล iPhone ที่ไม่ต้องพึ่งพาคลาวด์ แต่ใช้การเชื่อมต่อผ่าน USB และเข้ารหัสข้อมูลเพื่อเก็บไว้ในเครื่องโดยตรง ถือเป็นทางเลือกใหม่สำหรับคนที่ไม่อยากจ่ายค่าบริการ iCloud หรือกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลบนคลาวด์ แม้จะยังไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป แต่แนวคิดนี้สะท้อนถึงความต้องการควบคุมข้อมูลส่วนตัวมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/want-to-back-up-your-iphone-securely-without-paying-the-apple-tax-theres-a-hack-for-that-but-it-isnt-for-everyone-yet 🎮 วิกฤติ RAM อาจกระทบหนักต่อโน้ตบุ๊กเกมมิ่ง ตลาดโน้ตบุ๊กเกมมิ่งกำลังเผชิญปัญหาวิกฤติ RAM ที่อาจทำให้เครื่องเล่นเกมประสิทธิภาพสูงมีราคาสูงขึ้นและหายากขึ้น เหตุผลมาจากความต้องการหน่วยความจำที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ทั้งจาก AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ส่งผลให้ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กเกมมิ่งต้องปรับตัวและอาจทำให้ผู้เล่นเกมต้องจ่ายแพงกว่าเดิมเพื่อได้เครื่องที่แรงพอ 🔗 https://www.techradar.com/computing/memory/the-ram-crisis-will-be-a-disaster-for-gaming-laptops-heres-why 🗑️ Slop: คำแห่งปีที่สะท้อนอินเทอร์เน็ตเต็มไปด้วยขยะดิจิทัล ปีนี้ Merriam-Webster เลือกคำว่า “Slop” เป็น Word of the Year 2025 เพื่ออธิบายเนื้อหาดิจิทัลคุณภาพต่ำที่ถูกผลิตขึ้นอย่างมหาศาลด้วย AI ไม่ว่าจะเป็นบทความ ภาพ วิดีโอ หรือพอดแคสต์ หลายอย่างดูเหมือนจะสร้างได้ง่ายแต่กลับทำให้โลกออนไลน์เต็มไปด้วยสิ่งที่คนเรียกว่า “AI slop” จนยากจะแยกออกว่าอะไรคือผลงานมนุษย์จริงๆ และอะไรคือสิ่งที่เครื่องจักรสร้างขึ้นมา เรื่องนี้สะท้อนว่าพลังของเครื่องมือ AI ถูกส่งถึงมือผู้ใช้เร็วเกินไปโดยที่ยังไม่ทันคิดถึงผลกระทบ ทำให้เราต้องเผชิญกับทะเลข้อมูลที่ปะปนทั้งคุณภาพและขยะไปพร้อมกัน 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/we-filled-the-internet-with-garbage-and-now-slop-is-the-word-of-the-year-nice-going-ai 💻 Super X: แท็บเล็ตลูกผสมที่แรงระดับเดสก์ท็อป OneXPlayer เปิดตัว Super X อุปกรณ์ลูกผสมที่รวมแท็บเล็ตกับพลังการประมวลผลระดับเดสก์ท็อป หน้าจอใหญ่ถึง 14 นิ้ว มาพร้อมซีพียู 16 คอร์ GPU ระดับ 5060-class และ RAM สูงสุด 128GB จุดเด่นคือการออกแบบระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ทำให้เครื่องเล็กแต่ยังคงประสิทธิภาพสูง เหมาะกับคนที่อยากได้ความแรงแบบ PC แต่ยังพกพาได้สะดวก แม้ราคาคาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 2000 ดอลลาร์ แต่ถือเป็นการยกระดับแท็บเล็ตให้ก้าวไปอีกขั้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/a-water-cooled-amd-ai-14-inch-tablet-with-16-cpu-cores-a-5060-class-gpu-and-128gb-ram-is-exactly-what-i-need-for-christmas-i-dont-think-it-will-cost-less-than-usd2000-though 💾 SSD จิ๋วแต่แรง: Samsung เปิดตัว PCIe Gen5 รุ่นใหม่ Samsung เผยโฉม SSD รุ่น PM9E1 ที่มาในขนาดเล็กเพียง 22 x 42 มม. แต่รองรับมาตรฐาน PCIe Gen5 ทำให้ได้ความเร็วสูงและความจุที่จริงจัง แม้จะมาแบบเงียบๆ แต่ถือเป็นการขยายตลาดสู่กลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการอุปกรณ์เก็บข้อมูลขนาดเล็กแต่ไม่ลดทอนประสิทธิภาพ เหมาะกับโน้ตบุ๊กหรืออุปกรณ์พกพาที่ต้องการความเร็วระดับสูงสุดในพื้นที่จำกัด 🔗 https://www.techradar.com/pro/samsungs-surprising-stealth-superfast-ssd-surfaces-silently-pm9e1-turns-out-to-be-a-mini-9100-pro-measuring-just-22-x-42mm-with-pcie-gen5-capabilities 🎮 DoomScroll: เว็บไซต์ใหม่รวมแผนที่ Doom แบบไม่รู้จบ แฟนเกม Doom ได้เฮ เมื่อมีเว็บไซต์ใหม่ชื่อ DoomScroll ที่รวบรวมแผนที่เกม Doom ไว้ให้เลือกเล่นได้ไม่รู้จบผ่านเบราว์เซอร์ ผู้เล่นสามารถเข้าไปเลือกแผนที่ที่ชอบแล้วเล่นได้ทันที ถือเป็นการเปิดคลังเกมคลาสสิกให้เข้าถึงง่ายขึ้น และยังทำให้ชุมชนผู้เล่นสามารถแชร์ผลงานกันได้สะดวกขึ้นด้วย 🔗 https://www.techradar.com/gaming/pc-gaming/new-doomscroll-website-is-an-endless-library-of-doom-maps-you-can-pick-from-and-play-in-your-browser 🧠 หน่วยความจำแห่งอนาคต: Kioxia พัฒนา 3D DRAM Kioxia ประกาศความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยี 3D DRAM โดยใช้ stacked oxide-semiconductors ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มความหนาแน่นของหน่วยความจำ แม้จะยังไม่พร้อมสู่ตลาดผู้บริโภคในทันที แต่ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมหน่วยความจำในทศวรรษหน้า ทำให้คาดหวังได้ว่าอนาคตเราจะได้เห็น RAM ที่เร็วขึ้นและราคาถูกลง 🔗 https://www.techradar.com/pro/crying-over-expensive-ram-kioxia-may-have-cracked-the-3d-ram-puzzle-paving-the-way-for-cheaper-faster-memory-but-it-probably-wont-reach-the-market-till-the-next-decade 🛡️ Apple อุดช่องโหว่ Zero-Day สุดอันตราย Apple ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงใน WebKit ที่ถูกใช้โจมตีแบบเจาะจงบุคคลระดับสูง โดยช่องโหว่นี้อาจเปิดทางให้แฮกเกอร์เข้าควบคุมเครื่องจากระยะไกลได้ ทีม Google TAG และ Apple ร่วมกันค้นพบและแก้ไข ซึ่งถือเป็นการทำงานร่วมกันที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก การอัปเดตครอบคลุมทั้ง iOS, iPadOS, macOS, watchOS, tvOS, visionOS และ Safari ผู้ใช้ทั่วไปแม้จะไม่ใช่เป้าหมายหลัก แต่ก็ถูกแนะนำให้รีบอัปเดตเพื่อความปลอดภัยทันที 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/apple-says-it-fixed-zero-day-flaws-used-for-sophisticated-attacks 🌐 CEO Windscribe วิจารณ์การแบน VPN สำหรับเด็ก Windscribe ผู้ให้บริการ VPN ออกมาแสดงความเห็นว่าการห้ามเด็กใช้ VPN เป็น “วิธีแก้ที่แย่ที่สุด” เพราะ VPN ไม่ใช่เครื่องมืออันตราย แต่กลับเป็นสิ่งที่ช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย การแบนอาจทำให้เด็กขาดโอกาสในการเรียนรู้การใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย และยังไม่แก้ปัญหาที่แท้จริงของการใช้งานออนไลน์ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/banning-vpns-for-kids-is-the-dumbest-possible-fix-windscribe-ceo 📷 กล้องวงจรปิดแบตเตอรี่ไร้ขีดจำกัด มีการเปิดตัวกล้องวงจรปิดรุ่นใหม่ที่ชูจุดขายเรื่อง “แบตเตอรี่ไม่จำกัด” สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จบ่อย ๆ ราคาก็ไม่สูงอย่างที่คิด ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น กล้องนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัยต่อเนื่องโดยไม่ต้องยุ่งยากกับการบำรุงรักษาแบตเตอรี่ 🔗 https://www.techradar.com/home/smart-home/this-home-security-cam-monitors-your-property-24-7-with-unlimited-battery-life-and-it-costs-less-than-you-might-expect ⌚ Garmin เผลอหลุดข้อมูล Vivosmart 6 Garmin มีข่าวหลุดเกี่ยวกับสมาร์ทแทร็กเกอร์รุ่นใหม่ Vivosmart 6 ที่คาดว่าจะมาพร้อมการอัปเกรดสำคัญเหนือรุ่นก่อน แม้ยังไม่มีรายละเอียดเต็ม แต่คาดว่าจะมีฟีเจอร์ด้านสุขภาพและการติดตามการออกกำลังกายที่แม่นยำขึ้น การหลุดครั้งนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ที่ติดตามอุปกรณ์สวมใส่ของ Garmin อยู่แล้ว 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/fitness-trackers/garmin-just-leaked-its-vivosmart-6-tracker-and-it-might-come-with-one-major-upgrade-over-its-predecessor 🔒 แอป Freedom Chat ทำข้อมูลผู้ใช้หลุด มีรายงานว่าแอปแชทชื่อ Freedom Chat เผยข้อมูลผู้ใช้โดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งหมายเลขโทรศัพท์และรายละเอียดอื่น ๆ ทำให้เกิดความกังวลเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ แอปนี้ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าขาดมาตรการป้องกันที่รัดกุม และอาจทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกโจมตีหรือการละเมิดข้อมูล 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/messaging-app-freedom-chat-exposes-user-phone-numbers-and-more-heres-what-we-know 🎧 Google เปิดฟีเจอร์แปลสดผ่านหูฟัง Google กำลังยกระดับการสื่อสารข้ามภาษาให้ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัวฟีเจอร์ “Live Translation” ที่สามารถใช้งานได้กับหูฟังทุกยี่ห้อ ไม่จำกัดเฉพาะ Pixel Buds อีกต่อไป โดยเริ่มทดสอบในสหรัฐฯ เม็กซิโก และอินเดีย ฟีเจอร์นี้ไม่เพียงแค่แปลคำต่อคำ แต่ยังรักษาน้ำเสียง จังหวะ และอารมณ์ของผู้พูด ทำให้การสนทนาเป็นธรรมชาติมากขึ้น นอกจากนี้ Google ยังปรับปรุงระบบ Gemini ให้เข้าใจสำนวนและภาษาพูด เช่น “stealing my thunder” ที่ไม่สามารถแปลตรงตัวได้ พร้อมทั้งเพิ่มเครื่องมือช่วยเรียนภาษา เช่น การให้คำแนะนำด้านการออกเสียง และระบบติดตามความก้าวหน้า ฟีเจอร์นี้รองรับกว่า 70 ภาษา และมีแผนจะขยายไปยัง iOS ในปี 2026 🔗 https://www.techradar.com/computing/software/google-smashes-language-barriers-with-live-translation-for-any-earbuds-on-android-heres-how-it-works 📧 อีเมลไม่ใช่จุดอ่อน แต่การตั้งค่าคลาวด์ต่างหาก หลายครั้งที่เกิดเหตุข้อมูลรั่วไหล อีเมลมักถูกมองว่าเป็นตัวการ แต่จริง ๆ แล้วปัญหามาจากการตั้งค่าคลาวด์ที่ผิดพลาดมากกว่า กว่า 99% ของความล้มเหลวด้านความปลอดภัยเกิดจากผู้ใช้เอง เช่น คลิกลิงก์ฟิชชิ่ง ใช้รหัสผ่านซ้ำ หรือจัดการข้อมูลผิดพลาด การโทษอีเมลจึงเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจไปจากต้นเหตุที่แท้จริง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าการป้องกันควรเริ่มจากการเข้ารหัสข้อมูล การเสริมความปลอดภัยของระบบปฏิบัติการ และการฝึกอบรมผู้ใช้ให้รู้เท่าทันภัยไซเบอร์ เมื่อผู้ใช้มีความรู้และระบบถูกเข้ารหัสอย่างดี อีเมลก็จะกลายเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/your-email-app-isnt-the-weak-link-but-your-cloud-configuration-probably-is 🛡️ Microsoft ขยายโครงการ Bug Bounty Microsoft ประกาศปรับโครงการ Bug Bounty ครั้งใหญ่ เปิดให้ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยสามารถส่งรายงานช่องโหว่ได้ครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์และบริการ แม้บางโปรแกรมจะไม่มีการตั้งค่ารางวัลอย่างเป็นทางการก็ตาม แนวทางใหม่นี้เรียกว่า “In Scope by Default” ซึ่งหมายความว่าหากช่องโหว่มีผลกระทบต่อบริการออนไลน์ของ Microsoft ก็จะได้รับเงินรางวัลตามระดับความรุนแรง โดยปีที่ผ่านมา Microsoft จ่ายเงินรางวัลไปกว่า 17 ล้านดอลลาร์ มากกว่า Google ที่จ่ายราว 11.8 ล้านดอลลาร์ การขยายนี้ครอบคลุมทั้งโค้ดของ Microsoft โค้ดจากบุคคลที่สาม และโอเพ่นซอร์ส ถือเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยตรวจสอบความปลอดภัยในวงกว้างยิ่งขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-will-expand-bug-bounties-even-on-programs-without-official-payouts 🏢 Oracle ทุ่มมหาศาลกับดีลศูนย์ข้อมูล Oracle กำลังเดินเกมครั้งใหญ่ในโลกคลาวด์และศูนย์ข้อมูล ล่าสุดมีการเปิดเผยว่าได้ทำสัญญาเช่าศูนย์ข้อมูลและคลาวด์รวมมูลค่าถึง 248 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งจะทยอยเริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2026 ไปจนถึง 2028 และกินเวลายาวนานถึง 15–19 ปี การขยายตัวนี้เกิดจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากลูกค้าใหญ่ ๆ อย่าง Meta, Nvidia และ OpenAI ที่เพิ่งเซ็นสัญญาเพิ่มอีก 300 พันล้านดอลลาร์ ทำให้ Oracle ต้องเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าและลงทุนเพิ่มหนี้อีกหลายหมื่นล้าน แม้จะเป็นภาระ แต่ก็สะท้อนว่าบริษัทกำลังเดิมพันอนาคตไว้กับการเติบโตของตลาด AI และคลาวด์อย่างเต็มที่ 🔗 https://www.techradar.com/pro/oracle-reportedly-signs-major-huge-cloud-data-center-deals-in-the-last-quarter-nearly-usd250-billion-in-new-commitments-revealed 🤖 ChatGPT 5.2 vs Gemini 3 มีการทดสอบเปรียบเทียบสองแชตบอทที่โด่งดังที่สุดในโลกตอนนี้ คือ ChatGPT 5.2 และ Gemini 3 ผู้เขียนลองใช้งานจริงเพื่อดูว่าใครตอบโจทย์ได้ดีกว่า ผลลัพธ์ออกมาน่าสนใจเพราะแต่ละตัวมีจุดแข็งต่างกัน ChatGPT 5.2 โดดเด่นเรื่องการให้คำตอบที่ละเอียดและมีความคิดเชิงลึก ส่วน Gemini 3 เน้นความเร็วและความกระชับในการสื่อสาร การแข่งขันนี้สะท้อนว่าตลาด AI กำลังร้อนแรง และผู้ใช้ก็มีทางเลือกมากขึ้นตามสไตล์ที่ต้องการ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpt-5-2-vs-gemini-3-i-tried-the-worlds-most-popular-chatbots-to-see-which-is-best-and-the-result-might-surprise-you 🎨 โลกเสมือนที่มีหัวใจมนุษย์ เรื่องราวของ Victoria Fard ศิลปินที่ใช้พลังของคอมพิวเตอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย Snapdragon สร้างโลกเสมือนที่เต็มไปด้วยความรู้สึกและความเป็นมนุษย์ เธอไม่ได้มองเทคโนโลยีเป็นเพียงเครื่องมือ แต่ใช้มันเพื่อถ่ายทอดความทรงจำ ความรู้สึก และเรื่องราวที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน ผลงานของเธอจึงไม่ใช่แค่ภาพสวย ๆ แต่เป็นการสร้างพื้นที่ที่ผู้คนสามารถสัมผัสความเป็นมนุษย์ผ่านโลกดิจิทัลได้อย่างลึกซึ้ง 🔗 https://www.techradar.com/tech/memories-in-pixel-how-victoria-fard-uses-a-pc-powered-by-snapdragon-to-build-worlds-that-are-deeply-human 💼 ซีอีโอยังเดินหน้าลงทุน AI แม้ผลลัพธ์ไม่ชัด แม้หลายบริษัทจะยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนจากการลงทุนใน AI แต่ซีอีโอจำนวนมากก็ยังคงเดินหน้าทุ่มงบต่อไป เหตุผลคือพวกเขามองว่า AI เป็นเทคโนโลยีที่ไม่สามารถมองข้ามได้ และหากหยุดลงทุนอาจเสียโอกาสในอนาคต ถึงแม้จะมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอน แต่การตัดสินใจนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นว่าการลงทุนใน AI จะเป็นกุญแจสำคัญในการแข่งขันระยะยาว 🔗 https://www.techradar.com/pro/ceos-seem-determined-to-keep-spending-on-ai-despite-mixed-success ⚖️ ศาลรัสเซียสั่งอายัดทรัพย์ Google ในฝรั่งเศส มีข่าวใหญ่จากยุโรป เมื่อศาลรัสเซียมีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินของ Google ในฝรั่งเศสมูลค่ากว่า 129 ล้านดอลลาร์ สาเหตุเกี่ยวข้องกับข้อพิพาททางกฎหมายและการดำเนินธุรกิจที่ซับซ้อนในหลายประเทศ เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงแรงกดดันที่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีต้องเผชิญในระดับโลก ทั้งจากกฎระเบียบและความขัดแย้งทางการเมืองที่ส่งผลต่อการดำเนินงาน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/russian-court-ruling-could-see-usd129-million-freeze-on-some-of-googles-french-assets 📰 Microsoft เจอศึกใหญ่เรื่อง Cloud Licensing ในสหราชอาณาจักร เรื่องนี้เริ่มจากการที่ Microsoft ถูกกล่าวหาว่ากำหนดเงื่อนไขการใช้งาน Windows Server บน Cloud ของคู่แข่งอย่าง AWS และ Google Cloud ให้ยุ่งยากและมีค่าใช้จ่ายสูง จนทำให้หลายองค์กรในสหราชอาณาจักรเสียเงินไปเป็นจำนวนมาก คดีนี้ถูกยื่นต่อศาล Competition Appeal Tribunal โดยมีองค์กรกว่า 59,000 แห่งเข้าร่วมเป็นกลุ่มฟ้องร้อง หาก Microsoft ถูกตัดสินว่าผิดจริง อาจต้องจ่ายค่าชดเชยสูงถึง 2 พันล้านปอนด์ ขณะที่ Microsoft ยืนยันว่าเป็นเพียงการกล่าวหาเกินจริงจากกลุ่มทนายและผู้สนับสนุน แต่แรงกดดันก็ยังคงมีต่อเนื่อง เพราะ Google เองก็เคยร้องเรียนเรื่องนี้ต่อ EU มาก่อนแล้ว 🔗 https://www.techradar.com/pro/microsoft-is-back-in-court-in-the-uk-over-unfair-cloud-licensing-claims 🎮 UGreen เปิดตัว eGPU Dock ท้าชน Razer ในตลาด eGPU ที่กำลังร้อนแรง UGreen ได้เปิดตัว Linkstation eGPU Dock ที่มาพร้อมพลังงานในตัวถึง 850W และพอร์ตเชื่อมต่อใหม่อย่าง Oculink และ USB4 จุดเด่นคือราคาประมาณ 325 ดอลลาร์ ซึ่งใกล้เคียงกับ Razer Core X V2 แต่เหนือกว่าตรงที่มี PSU ในตัวและรองรับการ์ดจอขนาดใหญ่ถึง 370 มม. อย่างไรก็ตาม ดีไซน์ของ UGreen ยังเปิดโล่งมากกว่า Razer ที่มีโครงสร้างปิด ทำให้บางคนกังวลเรื่องความปลอดภัยของการ์ดจอ ถึงอย่างนั้น นี่ก็ถือเป็นการก้าวเข้าสู่ตลาดใหม่ที่น่าจับตามองของ UGreen ที่เดิมทำอุปกรณ์เสริมอย่าง Dock และ Charger 🔗 https://www.techradar.com/computing/gpu/its-a-great-time-to-buy-an-egpu-and-ugreens-new-razer-rival-has-two-major-tricks-up-its-sleeve 📱 วิกฤติ RAM อาจทำให้สมาร์ทโฟนถอยหลังในปี 2026 นักวิเคราะห์เตือนว่าความต้องการ RAM ที่สูงขึ้นจากศูนย์ข้อมูล AI กำลังทำให้ราคาพุ่งขึ้น ส่งผลให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอาจต้องลดสเปกลง แทนที่จะเพิ่ม RAM เป็น 16GB ในรุ่นเรือธงใหม่ อาจยังคงอยู่ที่ 12GB หรือบางรุ่นอาจลดลงเหลือ 8GB สำหรับรุ่นกลาง และ 4GB สำหรับรุ่นล่าง ทั้งนี้แม้จะเป็นการคาดการณ์ แต่ก็มีความเป็นไปได้สูง เพราะตลาด AI กำลังดูดซับทรัพยากรไปอย่างมหาศาล ซึ่งอาจย้อนแย้งกับการพัฒนา AI บนมือถือที่ต้องใช้ RAM มากเช่นกัน 🔗 https://www.techradar.com/phones/the-ram-crisis-will-see-smartphone-specs-go-backwards-in-2026-experts-warn-heres-why 💍 Apple ควรทำ Smart Ring เพื่อแก้ปัญหาความยุ่งยากของ Smartwatch ผู้เขียนเล่าประสบการณ์ตรงว่าแม้ Apple Watch จะมีฟีเจอร์ด้านสุขภาพและการออกกำลังกายที่ยอดเยี่ยม แต่ก็สร้างความลำบากใจเพราะเขาเป็นคนรักนาฬิกากลไกและไม่อยากละทิ้งการใส่นาฬิกาแบบดั้งเดิม จนต้องใส่นาฬิกาสองเรือนบนข้อมือเดียวกัน ซึ่งทั้งไม่สะดวกและน่าขัน เขาจึงเสนอว่า Apple ควรทำ Smart Ring ที่สามารถติดตามสุขภาพได้เหมือน Apple Watch แต่เล็กกะทัดรัดและไม่รบกวนการใส่นาฬิกาแบบดั้งเดิม หาก Apple ทำจริงก็อาจกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่พลิกเกมในปี 2026 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/apple-needs-to-make-a-smart-ring-to-save-me-from-this-ridiculous-situation 🌳 รีวิวซอฟต์แวร์ Idea Spectrum Realtime Landscaping Pro 2025 นี่คือโปรแกรมออกแบบภูมิทัศน์ที่ให้คุณสร้างสวนเสมือนจริงได้จากคอมพิวเตอร์ Windows จุดเด่นคืออินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย มีคลังพืชกว่า 6,000 ชนิด และวัตถุสามมิติหลากหลาย ตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ไปจนถึงรถยนต์ พร้อมระบบแอนิเมชันที่ทำให้งานออกแบบดูมีชีวิตชีวา โปรแกรมยังมี Wizard ที่ช่วยให้การสร้างบ้าน สระน้ำ หรือสวนทำได้รวดเร็ว แม้จะมีข้อจำกัดว่าใช้ได้เฉพาะ Windows และอาจหน่วงเมื่อโปรเจ็กต์ซับซ้อน แต่ก็ถือเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพ 🔗 https://www.techradar.com/pro/software-services/idea-spectrum-realtime-landscaping-pro-review
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • หรือเท้งจะไม่ได้ไปต่อ?
    หลังนักวิชาการส้ม สื่อส้ม เรียกร้องถอนตัว รับผิดชอบไขก๊อกพ้นหัวหน้าพรรค
    #7ดอกจิก
    หรือเท้งจะไม่ได้ไปต่อ? หลังนักวิชาการส้ม สื่อส้ม เรียกร้องถอนตัว รับผิดชอบไขก๊อกพ้นหัวหน้าพรรค #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • จิรัฏฐ์ รอด!!!
    ไม่ต้องคืนเงินเดือนย้อนหลัง แต่ธันวานี้ไม่ได้เงินเดือน เพราะโดนคุกแล้ว ใครเป็นเจ้าหนี้รอยาว
    #7ดอกจิก
    จิรัฏฐ์ รอด!!! ไม่ต้องคืนเงินเดือนย้อนหลัง แต่ธันวานี้ไม่ได้เงินเดือน เพราะโดนคุกแล้ว ใครเป็นเจ้าหนี้รอยาว #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว
  • หมิว ท่ายาก สส.บางปิ ไม่ได้ไปต่อ เพราะก่อแต่ความอับอายให้พรรค แต่ชาวบางกะปิอาจได้เห็นเทอแสดงโชว์ท่ายาก โชว์สี่โชว์แปดตามที่สาธารณะบ่อยกว่าเดิม
    #คิงส์โพธิ์แดง
    หมิว ท่ายาก สส.บางปิ ไม่ได้ไปต่อ เพราะก่อแต่ความอับอายให้พรรค แต่ชาวบางกะปิอาจได้เห็นเทอแสดงโชว์ท่ายาก โชว์สี่โชว์แปดตามที่สาธารณะบ่อยกว่าเดิม #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 รีวิว
  • รมว.กลาโหม เผยจีนไม่ได้ขอเครื่องยิงจรวด GAM102 ที่ไทยยึดได้ที่ช่องอานม้าคืน ชี้ตามหลักเรายึดได้ก็เป็นของเรา จะเอาไปใช้เลยหรือไม่ขอตรวจสอบก่อน จะรบยืดเยื้อหรือไม่ ขอเวลาอีกไม่นาน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000120842

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    รมว.กลาโหม เผยจีนไม่ได้ขอเครื่องยิงจรวด GAM102 ที่ไทยยึดได้ที่ช่องอานม้าคืน ชี้ตามหลักเรายึดได้ก็เป็นของเรา จะเอาไปใช้เลยหรือไม่ขอตรวจสอบก่อน จะรบยืดเยื้อหรือไม่ ขอเวลาอีกไม่นาน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000120842 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • Kirin 9030: สัญลักษณ์ความก้าวหน้าท่ามกลางข้อจำกัด

    Huawei เปิดตัวสมาร์ทโฟน Mate 80 และ Mate X7 ที่ใช้ชิป Kirin 9030 และ Kirin 9030 Pro จุดเด่นคือการใช้ DUV lithography แทน EUV ที่ถูกสหรัฐฯ แบนไม่ให้ส่งออกไปจีน ทำให้ SMIC ต้องพัฒนาเทคนิคใหม่เพื่อบีบประสิทธิภาพออกจากกระบวนการ 7nm เดิม โดย Kirin 9030 ใช้ 8-core ARMv8 CPU ส่วนรุ่น Pro ใช้ 9-core ARMv8 CPU พร้อม GPU Maleoon 935.

    กระบวนการ N+3 และ DTCO
    TechInsights วิเคราะห์ว่า Kirin 9030 ใช้กระบวนการ N+3 ซึ่งเป็นการขยายจาก N+2 (7nm รุ่นที่สอง) แต่ยังไม่เทียบเท่า 5nm ของ TSMC หรือ Samsung จุดสำคัญคือการใช้ multi-patterning ร่วมกับ DTCO เพื่อแก้ปัญหา edge placement error (EPE) และเพิ่มความแม่นยำในการสร้างวงจร แม้จะไม่ได้ปรับปรุงมากในส่วน FEOL (Front-End-of-Line) แต่เน้นไปที่ BEOL (Back-End-of-Line) เพื่อสร้าง interconnect ที่ซับซ้อนมากขึ้น.

    ความเสี่ยงและข้อจำกัด
    แม้จะเป็นความก้าวหน้าที่น่าทึ่ง แต่การใช้ DUV multi-patterning มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากต้องใช้หลายขั้นตอนที่ต้องจัดเรียงอย่างแม่นยำ หากเกิด misalignment เพียงเล็กน้อยอาจทำให้ yield ลดลงอย่างมาก อีกทั้งการพึ่งพา BEOL scaling มากเกินไปอาจไม่สามารถดันประสิทธิภาพได้เทียบเท่ากับ EUV lithography.

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    การเปิดตัว Kirin 9030 แสดงให้เห็นว่า จีนยังคงสามารถแข่งขันในตลาดชิปสมาร์ทโฟนระดับสูง แม้จะถูกจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยี EUV จากตะวันตก นี่เป็นการยืนยันว่าการพัฒนาเชิงสถาปัตยกรรมและการใช้เทคนิค DTCO สามารถชดเชยข้อจำกัดด้านเครื่องมือได้บางส่วน และอาจเป็นแนวทางที่จีนใช้ต่อไปในการพัฒนา semiconductors.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    คุณสมบัติ Kirin 9030/Pro
    Kirin 9030: 8-core ARMv8 CPU, Maleoon 935 GPU
    Kirin 9030 Pro: 9-core ARMv8 CPU, Maleoon 935 GPU

    กระบวนการผลิต
    ใช้ SMIC N+3 process (DUV multi-patterning)
    อยู่ระหว่าง 7nm และ 5nm
    ใช้ DTCO เพื่อลดข้อผิดพลาดและเพิ่ม yield

    ข้อจำกัดและความเสี่ยง
    BEOL scaling มีความเสี่ยงสูงต่อ yield
    Misalignment ใน multi-patterning อาจทำให้ defect เพิ่มขึ้น
    ยังไม่เทียบเท่า 5nm ของ TSMC/Samsung

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    Huawei แสดงศักยภาพแม้ถูกแบน EUV
    จีนยังคงแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนระดับสูง
    แนวทาง DTCO อาจเป็นกลยุทธ์หลักในอนาคต

    ข้อควรระวัง
    Yield อาจต่ำหาก multi-patterning ไม่แม่นยำ
    ประสิทธิภาพยังไม่เทียบเท่าเทคโนโลยี EUV
    การพึ่งพา BEOL scaling อาจถึงจุดอิ่มตัวเร็ว

    https://wccftech.com/huaweis-kirin-9030-chip-is-testing-the-limits-of-duv-based-multi-patterning-lithography/
    🖥️ Kirin 9030: สัญลักษณ์ความก้าวหน้าท่ามกลางข้อจำกัด Huawei เปิดตัวสมาร์ทโฟน Mate 80 และ Mate X7 ที่ใช้ชิป Kirin 9030 และ Kirin 9030 Pro จุดเด่นคือการใช้ DUV lithography แทน EUV ที่ถูกสหรัฐฯ แบนไม่ให้ส่งออกไปจีน ทำให้ SMIC ต้องพัฒนาเทคนิคใหม่เพื่อบีบประสิทธิภาพออกจากกระบวนการ 7nm เดิม โดย Kirin 9030 ใช้ 8-core ARMv8 CPU ส่วนรุ่น Pro ใช้ 9-core ARMv8 CPU พร้อม GPU Maleoon 935. ⚡ กระบวนการ N+3 และ DTCO TechInsights วิเคราะห์ว่า Kirin 9030 ใช้กระบวนการ N+3 ซึ่งเป็นการขยายจาก N+2 (7nm รุ่นที่สอง) แต่ยังไม่เทียบเท่า 5nm ของ TSMC หรือ Samsung จุดสำคัญคือการใช้ multi-patterning ร่วมกับ DTCO เพื่อแก้ปัญหา edge placement error (EPE) และเพิ่มความแม่นยำในการสร้างวงจร แม้จะไม่ได้ปรับปรุงมากในส่วน FEOL (Front-End-of-Line) แต่เน้นไปที่ BEOL (Back-End-of-Line) เพื่อสร้าง interconnect ที่ซับซ้อนมากขึ้น. 🔒 ความเสี่ยงและข้อจำกัด แม้จะเป็นความก้าวหน้าที่น่าทึ่ง แต่การใช้ DUV multi-patterning มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากต้องใช้หลายขั้นตอนที่ต้องจัดเรียงอย่างแม่นยำ หากเกิด misalignment เพียงเล็กน้อยอาจทำให้ yield ลดลงอย่างมาก อีกทั้งการพึ่งพา BEOL scaling มากเกินไปอาจไม่สามารถดันประสิทธิภาพได้เทียบเท่ากับ EUV lithography. 🌐 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม การเปิดตัว Kirin 9030 แสดงให้เห็นว่า จีนยังคงสามารถแข่งขันในตลาดชิปสมาร์ทโฟนระดับสูง แม้จะถูกจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยี EUV จากตะวันตก นี่เป็นการยืนยันว่าการพัฒนาเชิงสถาปัตยกรรมและการใช้เทคนิค DTCO สามารถชดเชยข้อจำกัดด้านเครื่องมือได้บางส่วน และอาจเป็นแนวทางที่จีนใช้ต่อไปในการพัฒนา semiconductors. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ คุณสมบัติ Kirin 9030/Pro ➡️ Kirin 9030: 8-core ARMv8 CPU, Maleoon 935 GPU ➡️ Kirin 9030 Pro: 9-core ARMv8 CPU, Maleoon 935 GPU ✅ กระบวนการผลิต ➡️ ใช้ SMIC N+3 process (DUV multi-patterning) ➡️ อยู่ระหว่าง 7nm และ 5nm ➡️ ใช้ DTCO เพื่อลดข้อผิดพลาดและเพิ่ม yield ✅ ข้อจำกัดและความเสี่ยง ➡️ BEOL scaling มีความเสี่ยงสูงต่อ yield ➡️ Misalignment ใน multi-patterning อาจทำให้ defect เพิ่มขึ้น ➡️ ยังไม่เทียบเท่า 5nm ของ TSMC/Samsung ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม ➡️ Huawei แสดงศักยภาพแม้ถูกแบน EUV ➡️ จีนยังคงแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนระดับสูง ➡️ แนวทาง DTCO อาจเป็นกลยุทธ์หลักในอนาคต ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ Yield อาจต่ำหาก multi-patterning ไม่แม่นยำ ⛔ ประสิทธิภาพยังไม่เทียบเท่าเทคโนโลยี EUV ⛔ การพึ่งพา BEOL scaling อาจถึงจุดอิ่มตัวเร็ว https://wccftech.com/huaweis-kirin-9030-chip-is-testing-the-limits-of-duv-based-multi-patterning-lithography/
    WCCFTECH.COM
    Kirin 9030: How Huawei's New Chip Defies US Sanctions with DUV Tech
    Huawei's latest mobile-focused chip, the Kirin 9030, forms a pristine platform for China's SMIC to showcase its technological prowess.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความปรารถนาของ Sapphire ที่จะมีอิสระมากขึ้นในการออกแบบการ์ดจอ

    Edward Crisler ผู้จัดการ PR ของ Sapphire กล่าวในพอดแคสต์กับ Hardware Unboxed ว่า เขาอยากให้บริษัทมีอิสระในการออกแบบการ์ดจอมากกว่านี้ ปัจจุบัน AMD และ Nvidia กำหนดข้อจำกัดด้าน power delivery, memory capacity และ voltage control ทำให้ทุกการ์ดจากผู้ผลิตต่าง ๆ มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน ความแตกต่างจึงเหลือเพียง ดีไซน์ของชุดระบายความร้อนและบริการหลังการขาย.

    ข้อจำกัดที่ทำให้ Toxic หายไป
    Crisler ระบุว่า การ์ดจอซีรีส์ Toxic ซึ่งเป็นรุ่นเรือธงของ Sapphire ไม่สามารถออกมาได้ทุกเจนเนอเรชัน เนื่องจากข้อจำกัดด้านการโอเวอร์คล็อกและพลังงานที่ AMD กำหนดไว้ Toxic เคยเป็นสัญลักษณ์ของการ์ดที่แรงที่สุด แต่ในยุคปัจจุบัน headroom สำหรับการปรับแต่งถูกลดลง จนไม่สามารถสร้างความแตกต่างได้มากเหมือนเดิม.

    ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ
    เขายังกล่าวถึงการใช้ 12VHPWR connector ใน RX 9070 XT Nitro+ ที่มีปัญหาเพียง 3 เคส ซึ่งทั้งหมดเกิดจากการใช้ อะแดปเตอร์ 16-pin ที่ผิดพลาด ไม่ใช่ตัวการ์ดหรือ PSU ของ Sapphire เอง นี่สะท้อนว่าบริษัทให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือและการออกแบบที่ปลอดภัย.

    มุมมองต่อการตลาดและข้อมูล
    Crisler ตั้งข้อสังเกตว่า Steam Hardware Survey ไม่ได้สะท้อนตลาดจริงทั้งหมด เพราะมีเพียง 1/12 ของผู้ใช้ที่ถูกสุ่มให้ตอบ เขาเชื่อว่า AMD อาจมีส่วนแบ่งตลาดเกมจริงสูงถึง 40% ซึ่งมากกว่าตัวเลขที่มักถูกเผยแพร่.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อจำกัดจาก AMD/Nvidia
    จำกัดการโอเวอร์คล็อก, power delivery และ memory capacity
    ทำให้การ์ดจากทุกแบรนด์มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน

    ผลกระทบต่อ Toxic Series
    ไม่สามารถออกทุกเจนเนอเรชัน
    Headroom สำหรับการปรับแต่งลดลง

    ความน่าเชื่อถือของ Sapphire
    ปัญหา 12VHPWR connector เกิดจากอะแดปเตอร์ ไม่ใช่ตัวการ์ด
    Sapphire ยืนยันความปลอดภัยของการออกแบบ

    มุมมองต่อข้อมูลตลาด
    Steam Survey อาจไม่แม่นยำ
    AMD อาจมีส่วนแบ่งตลาดเกมจริงสูงถึง 40%

    ข้อควรระวัง
    การจำกัดอิสระของ AIB partners อาจทำให้ตลาดขาดนวัตกรรม
    Toxic series อาจไม่กลับมาเต็มรูปแบบหากข้อจำกัดยังคงอยู่
    การตีความข้อมูลตลาดผิดพลาดอาจทำให้บริษัทวางกลยุทธ์คลาดเคลื่อน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/sapphire-pr-manager-wishes-amd-and-nvidia-would-let-partners-run-wild-with-design-wants-freedom-to-bring-back-toxic-line-more-often
    🎨 ความปรารถนาของ Sapphire ที่จะมีอิสระมากขึ้นในการออกแบบการ์ดจอ Edward Crisler ผู้จัดการ PR ของ Sapphire กล่าวในพอดแคสต์กับ Hardware Unboxed ว่า เขาอยากให้บริษัทมีอิสระในการออกแบบการ์ดจอมากกว่านี้ ปัจจุบัน AMD และ Nvidia กำหนดข้อจำกัดด้าน power delivery, memory capacity และ voltage control ทำให้ทุกการ์ดจากผู้ผลิตต่าง ๆ มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน ความแตกต่างจึงเหลือเพียง ดีไซน์ของชุดระบายความร้อนและบริการหลังการขาย. ⚡ ข้อจำกัดที่ทำให้ Toxic หายไป Crisler ระบุว่า การ์ดจอซีรีส์ Toxic ซึ่งเป็นรุ่นเรือธงของ Sapphire ไม่สามารถออกมาได้ทุกเจนเนอเรชัน เนื่องจากข้อจำกัดด้านการโอเวอร์คล็อกและพลังงานที่ AMD กำหนดไว้ Toxic เคยเป็นสัญลักษณ์ของการ์ดที่แรงที่สุด แต่ในยุคปัจจุบัน headroom สำหรับการปรับแต่งถูกลดลง จนไม่สามารถสร้างความแตกต่างได้มากเหมือนเดิม. 🔒 ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ เขายังกล่าวถึงการใช้ 12VHPWR connector ใน RX 9070 XT Nitro+ ที่มีปัญหาเพียง 3 เคส ซึ่งทั้งหมดเกิดจากการใช้ อะแดปเตอร์ 16-pin ที่ผิดพลาด ไม่ใช่ตัวการ์ดหรือ PSU ของ Sapphire เอง นี่สะท้อนว่าบริษัทให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือและการออกแบบที่ปลอดภัย. 🌐 มุมมองต่อการตลาดและข้อมูล Crisler ตั้งข้อสังเกตว่า Steam Hardware Survey ไม่ได้สะท้อนตลาดจริงทั้งหมด เพราะมีเพียง 1/12 ของผู้ใช้ที่ถูกสุ่มให้ตอบ เขาเชื่อว่า AMD อาจมีส่วนแบ่งตลาดเกมจริงสูงถึง 40% ซึ่งมากกว่าตัวเลขที่มักถูกเผยแพร่. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อจำกัดจาก AMD/Nvidia ➡️ จำกัดการโอเวอร์คล็อก, power delivery และ memory capacity ➡️ ทำให้การ์ดจากทุกแบรนด์มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน ✅ ผลกระทบต่อ Toxic Series ➡️ ไม่สามารถออกทุกเจนเนอเรชัน ➡️ Headroom สำหรับการปรับแต่งลดลง ✅ ความน่าเชื่อถือของ Sapphire ➡️ ปัญหา 12VHPWR connector เกิดจากอะแดปเตอร์ ไม่ใช่ตัวการ์ด ➡️ Sapphire ยืนยันความปลอดภัยของการออกแบบ ✅ มุมมองต่อข้อมูลตลาด ➡️ Steam Survey อาจไม่แม่นยำ ➡️ AMD อาจมีส่วนแบ่งตลาดเกมจริงสูงถึง 40% ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ การจำกัดอิสระของ AIB partners อาจทำให้ตลาดขาดนวัตกรรม ⛔ Toxic series อาจไม่กลับมาเต็มรูปแบบหากข้อจำกัดยังคงอยู่ ⛔ การตีความข้อมูลตลาดผิดพลาดอาจทำให้บริษัทวางกลยุทธ์คลาดเคลื่อน https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/sapphire-pr-manager-wishes-amd-and-nvidia-would-let-partners-run-wild-with-design-wants-freedom-to-bring-back-toxic-line-more-often
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • ExtrudeX: เครื่องรีไซเคิลฟิลาเมนต์สำหรับบ้าน

    ExtrudeX ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาขยะพลาสติกจากงานพิมพ์ 3 มิติที่มักเกิดจาก supports, failed prints และเศษเหลือใช้ โดยผู้ใช้สามารถสร้างเครื่องนี้เองจากไฟล์ STL ที่ทีมงาน Creative3DP แจกให้ พร้อมซื้ออุปกรณ์เสริมเช่น มอเตอร์, ตัวควบคุมอุณหภูมิ และพัดลม ในราคาประมาณ 180–250 ดอลลาร์ ซึ่งถือว่าถูกกว่าการซื้อเครื่องรีไซเคิลเชิงพาณิชย์หลายเท่า.

    วิธีการทำงาน
    เครื่อง ExtrudeX มี hopper สำหรับใส่เม็ดพลาสติก (pellets) ที่ผสมจากพลาสติกใหม่ 60% และเศษรีไซเคิล 40% จากนั้นเม็ดจะถูกทำให้ร้อนและดันออกทางหัวฉีด ก่อนจะถูก puller ดึงออกเป็นเส้นฟิลาเมนต์ต่อเนื่อง มีพัดลมช่วยทำให้เส้นเย็นตัวเร็วและแข็งแรงขึ้น ผู้ใช้สามารถติดตั้ง gauge meter เพื่อตรวจสอบเส้นผ่านศูนย์กลางของฟิลาเมนต์แบบเรียลไทม์ได้.

    จุดเด่นและความเป็นมิตรต่อผู้ใช้
    เครื่องนี้ถูกออกแบบให้ พกพาได้ มีหูหิ้วสำหรับเคลื่อนย้าย และมีคู่มือการประกอบพร้อมวิดีโอสอนการใช้งาน ExtrudeX ไม่ได้ขายเป็นเครื่องสำเร็จ แต่ขายเป็น blueprint และไฟล์ STL ผ่าน Kickstarter โดยราคาเริ่มต้นที่ 49 ดอลลาร์สำหรับผู้สนับสนุนทั่วไป และ 109 ดอลลาร์สำหรับผู้ที่ต้องการสิทธิ์เชิงพาณิชย์.

    ผลกระทบต่อวงการ 3D Printing
    แม้ ExtrudeX จะยังไม่สามารถรีไซเคิลได้ 100% แต่ก็ถือเป็นก้าวสำคัญในการลดขยะพลาสติกในงานพิมพ์ 3 มิติ และช่วยให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถทดลองสร้างฟิลาเมนต์เองได้ที่บ้าน ถือเป็นการผสมผสานระหว่าง Maker Culture และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่น่าสนใจ.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    คุณสมบัติของ ExtrudeX
    สร้างได้เองจากไฟล์ STL และฮาร์ดแวร์ราคาประหยัด
    ใช้เม็ดพลาสติกผสม 60% ใหม่ + 40% รีไซเคิล
    มีระบบ puller และพัดลมช่วยให้เส้นฟิลาเมนต์แข็งแรง

    การทำงานและการใช้งาน
    Hopper ใส่เม็ดพลาสติก → barrel ทำให้ร้อน → nozzle ดันออก
    Puller ดึงเส้นต่อเนื่องและ gauge meter ตรวจสอบขนาด
    พกพาได้ มีหูหิ้วและคู่มือการประกอบ

    Kickstarter Campaign
    ราคาเริ่มต้น 49 ดอลลาร์สำหรับ blueprint
    109 ดอลลาร์สำหรับสิทธิ์เชิงพาณิชย์
    มีการสนับสนุนแบบ one-on-one และวิดีโอสอน

    ผลกระทบต่อวงการ
    ลดขยะพลาสติกจากงานพิมพ์ 3 มิติ
    เปิดโอกาสให้ Maker สร้างฟิลาเมนต์เองที่บ้าน
    เป็นแนวทางใหม่ในการรีไซเคิลที่เข้าถึงง่าย

    ข้อควรระวัง
    ไม่สามารถรีไซเคิลได้ 100% (ต้องผสมพลาสติกใหม่)
    คุณภาพฟิลาเมนต์อาจยังไม่เสถียรเท่าเชิงพาณิชย์
    ต้องบดเศษพลาสติกให้เป็นเม็ดก่อนใช้งาน

    https://www.tomshardware.com/3d-printing/the-extrudex-machine-wants-to-turn-your-3d-printing-waste-into-reusable-filament-all-at-home-this-kickstarter-project-is-itself-3d-printable-with-minimal-hardware-costs
    ♻️ ExtrudeX: เครื่องรีไซเคิลฟิลาเมนต์สำหรับบ้าน ExtrudeX ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาขยะพลาสติกจากงานพิมพ์ 3 มิติที่มักเกิดจาก supports, failed prints และเศษเหลือใช้ โดยผู้ใช้สามารถสร้างเครื่องนี้เองจากไฟล์ STL ที่ทีมงาน Creative3DP แจกให้ พร้อมซื้ออุปกรณ์เสริมเช่น มอเตอร์, ตัวควบคุมอุณหภูมิ และพัดลม ในราคาประมาณ 180–250 ดอลลาร์ ซึ่งถือว่าถูกกว่าการซื้อเครื่องรีไซเคิลเชิงพาณิชย์หลายเท่า. ⚙️ วิธีการทำงาน เครื่อง ExtrudeX มี hopper สำหรับใส่เม็ดพลาสติก (pellets) ที่ผสมจากพลาสติกใหม่ 60% และเศษรีไซเคิล 40% จากนั้นเม็ดจะถูกทำให้ร้อนและดันออกทางหัวฉีด ก่อนจะถูก puller ดึงออกเป็นเส้นฟิลาเมนต์ต่อเนื่อง มีพัดลมช่วยทำให้เส้นเย็นตัวเร็วและแข็งแรงขึ้น ผู้ใช้สามารถติดตั้ง gauge meter เพื่อตรวจสอบเส้นผ่านศูนย์กลางของฟิลาเมนต์แบบเรียลไทม์ได้. 💡 จุดเด่นและความเป็นมิตรต่อผู้ใช้ เครื่องนี้ถูกออกแบบให้ พกพาได้ มีหูหิ้วสำหรับเคลื่อนย้าย และมีคู่มือการประกอบพร้อมวิดีโอสอนการใช้งาน ExtrudeX ไม่ได้ขายเป็นเครื่องสำเร็จ แต่ขายเป็น blueprint และไฟล์ STL ผ่าน Kickstarter โดยราคาเริ่มต้นที่ 49 ดอลลาร์สำหรับผู้สนับสนุนทั่วไป และ 109 ดอลลาร์สำหรับผู้ที่ต้องการสิทธิ์เชิงพาณิชย์. 🌍 ผลกระทบต่อวงการ 3D Printing แม้ ExtrudeX จะยังไม่สามารถรีไซเคิลได้ 100% แต่ก็ถือเป็นก้าวสำคัญในการลดขยะพลาสติกในงานพิมพ์ 3 มิติ และช่วยให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถทดลองสร้างฟิลาเมนต์เองได้ที่บ้าน ถือเป็นการผสมผสานระหว่าง Maker Culture และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่น่าสนใจ. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ คุณสมบัติของ ExtrudeX ➡️ สร้างได้เองจากไฟล์ STL และฮาร์ดแวร์ราคาประหยัด ➡️ ใช้เม็ดพลาสติกผสม 60% ใหม่ + 40% รีไซเคิล ➡️ มีระบบ puller และพัดลมช่วยให้เส้นฟิลาเมนต์แข็งแรง ✅ การทำงานและการใช้งาน ➡️ Hopper ใส่เม็ดพลาสติก → barrel ทำให้ร้อน → nozzle ดันออก ➡️ Puller ดึงเส้นต่อเนื่องและ gauge meter ตรวจสอบขนาด ➡️ พกพาได้ มีหูหิ้วและคู่มือการประกอบ ✅ Kickstarter Campaign ➡️ ราคาเริ่มต้น 49 ดอลลาร์สำหรับ blueprint ➡️ 109 ดอลลาร์สำหรับสิทธิ์เชิงพาณิชย์ ➡️ มีการสนับสนุนแบบ one-on-one และวิดีโอสอน ✅ ผลกระทบต่อวงการ ➡️ ลดขยะพลาสติกจากงานพิมพ์ 3 มิติ ➡️ เปิดโอกาสให้ Maker สร้างฟิลาเมนต์เองที่บ้าน ➡️ เป็นแนวทางใหม่ในการรีไซเคิลที่เข้าถึงง่าย ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ไม่สามารถรีไซเคิลได้ 100% (ต้องผสมพลาสติกใหม่) ⛔ คุณภาพฟิลาเมนต์อาจยังไม่เสถียรเท่าเชิงพาณิชย์ ⛔ ต้องบดเศษพลาสติกให้เป็นเม็ดก่อนใช้งาน https://www.tomshardware.com/3d-printing/the-extrudex-machine-wants-to-turn-your-3d-printing-waste-into-reusable-filament-all-at-home-this-kickstarter-project-is-itself-3d-printable-with-minimal-hardware-costs
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • LG บังคับติดตั้ง Copilot บน Smart TV

    ผู้ใช้ LG Smart TV รายงานว่า หลังการอัปเดต webOS รุ่นใหม่ มีการเพิ่มแอป Microsoft Copilot บนหน้าจอหลักโดยไม่ถามความเห็น และไม่สามารถถอนการติดตั้งได้เหมือนแอปทั่วไป เช่น Netflix หรือ YouTube การเปลี่ยนแปลงนี้ถูกแชร์บน Reddit และได้รับความสนใจอย่างมาก โดยโพสต์หนึ่งมีคนโหวตกว่า 35,000 ครั้ง.

    กลยุทธ์ “AI TV” ของ LG
    LG เคยประกาศที่งาน CES 2025 ว่าจะผนวก Copilot เข้ากับ webOS เพื่อเสริมประสบการณ์ AI Search และการแนะนำคอนเทนต์ ปัจจุบัน Copilot ที่ปรากฏบนทีวีทำงานเหมือน shortcut ไปยัง Copilot เวอร์ชันเว็บ มากกว่าจะเป็นแอปเนทีฟเต็มรูปแบบตามที่เคยโฆษณาไว้.

    ปัญหาที่ผู้ใช้กังวล
    สิ่งที่สร้างความไม่พอใจคือการที่ผู้ใช้ ไม่มีสิทธิ์เลือก LG ระบุว่าแอปบางตัวที่ติดตั้งมากับระบบไม่สามารถลบได้ แต่เพียงซ่อนเท่านั้น ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าถูกบังคับใช้ฟีเจอร์ที่ไม่ต้องการ และเพิ่มความกังวลเรื่อง การเก็บข้อมูลและโฆษณา บน Smart TV.

    แนวโน้มในตลาด Smart TV
    ไม่ใช่แค่ LG ที่ทำเช่นนี้ บางรุ่นของ Samsung ก็มีการติดตั้ง Gemini โดยไม่สามารถลบออกได้เช่นกัน สะท้อนถึงแนวโน้มที่ผู้ผลิตทีวีพยายามผลักดันบริการ AI และโฆษณาเข้าสู่บ้านผู้บริโภค แม้จะไม่ได้รับการร้องขอโดยตรง.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สิ่งที่เกิดขึ้น
    LG อัปเดต webOS แล้วเพิ่ม Microsoft Copilot โดยอัตโนมัติ
    แอปถูกปักหมุดบนหน้าจอหลักและไม่สามารถถอนการติดตั้งได้

    กลยุทธ์ของ LG
    Copilot เป็นส่วนหนึ่งของแผน “AI TV”
    ใช้เป็น shortcut ไปยัง Copilot เวอร์ชันเว็บ

    ผลกระทบต่อผู้ใช้
    ผู้ใช้ไม่สามารถลบ Copilot ได้
    ทำให้เกิดความไม่พอใจและวิจารณ์ในชุมชนออนไลน์
    เพิ่มความกังวลเรื่องข้อมูลและโฆษณา

    แนวโน้มในตลาด
    Samsung บางรุ่นก็มีการติดตั้ง Gemini โดยไม่สามารถลบได้
    สะท้อนการผลักดันบริการ AI โดยผู้ผลิตทีวี

    ข้อควรระวัง
    ผู้ใช้ไม่สามารถควบคุมการติดตั้งแอปได้เต็มที่
    การบังคับใช้ฟีเจอร์อาจกระทบความเป็นส่วนตัว
    ทางเลือกเดียวคือการตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อเลี่ยงการใช้งาน Copilot

    https://www.tomshardware.com/service-providers/tv-providers/lg-tv-update-adds-non-removable-microsoft-copilot-app-to-webos
    📺 LG บังคับติดตั้ง Copilot บน Smart TV ผู้ใช้ LG Smart TV รายงานว่า หลังการอัปเดต webOS รุ่นใหม่ มีการเพิ่มแอป Microsoft Copilot บนหน้าจอหลักโดยไม่ถามความเห็น และไม่สามารถถอนการติดตั้งได้เหมือนแอปทั่วไป เช่น Netflix หรือ YouTube การเปลี่ยนแปลงนี้ถูกแชร์บน Reddit และได้รับความสนใจอย่างมาก โดยโพสต์หนึ่งมีคนโหวตกว่า 35,000 ครั้ง. 🤖 กลยุทธ์ “AI TV” ของ LG LG เคยประกาศที่งาน CES 2025 ว่าจะผนวก Copilot เข้ากับ webOS เพื่อเสริมประสบการณ์ AI Search และการแนะนำคอนเทนต์ ปัจจุบัน Copilot ที่ปรากฏบนทีวีทำงานเหมือน shortcut ไปยัง Copilot เวอร์ชันเว็บ มากกว่าจะเป็นแอปเนทีฟเต็มรูปแบบตามที่เคยโฆษณาไว้. ⚠️ ปัญหาที่ผู้ใช้กังวล สิ่งที่สร้างความไม่พอใจคือการที่ผู้ใช้ ไม่มีสิทธิ์เลือก LG ระบุว่าแอปบางตัวที่ติดตั้งมากับระบบไม่สามารถลบได้ แต่เพียงซ่อนเท่านั้น ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าถูกบังคับใช้ฟีเจอร์ที่ไม่ต้องการ และเพิ่มความกังวลเรื่อง การเก็บข้อมูลและโฆษณา บน Smart TV. 🌐 แนวโน้มในตลาด Smart TV ไม่ใช่แค่ LG ที่ทำเช่นนี้ บางรุ่นของ Samsung ก็มีการติดตั้ง Gemini โดยไม่สามารถลบออกได้เช่นกัน สะท้อนถึงแนวโน้มที่ผู้ผลิตทีวีพยายามผลักดันบริการ AI และโฆษณาเข้าสู่บ้านผู้บริโภค แม้จะไม่ได้รับการร้องขอโดยตรง. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สิ่งที่เกิดขึ้น ➡️ LG อัปเดต webOS แล้วเพิ่ม Microsoft Copilot โดยอัตโนมัติ ➡️ แอปถูกปักหมุดบนหน้าจอหลักและไม่สามารถถอนการติดตั้งได้ ✅ กลยุทธ์ของ LG ➡️ Copilot เป็นส่วนหนึ่งของแผน “AI TV” ➡️ ใช้เป็น shortcut ไปยัง Copilot เวอร์ชันเว็บ ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้ ➡️ ผู้ใช้ไม่สามารถลบ Copilot ได้ ➡️ ทำให้เกิดความไม่พอใจและวิจารณ์ในชุมชนออนไลน์ ➡️ เพิ่มความกังวลเรื่องข้อมูลและโฆษณา ✅ แนวโน้มในตลาด ➡️ Samsung บางรุ่นก็มีการติดตั้ง Gemini โดยไม่สามารถลบได้ ➡️ สะท้อนการผลักดันบริการ AI โดยผู้ผลิตทีวี ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ผู้ใช้ไม่สามารถควบคุมการติดตั้งแอปได้เต็มที่ ⛔ การบังคับใช้ฟีเจอร์อาจกระทบความเป็นส่วนตัว ⛔ ทางเลือกเดียวคือการตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อเลี่ยงการใช้งาน Copilot https://www.tomshardware.com/service-providers/tv-providers/lg-tv-update-adds-non-removable-microsoft-copilot-app-to-webos
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดาวเทียมจีนเฉียดใกล้ Starlink อย่างอันตราย

    เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ดาวเทียมจากการปล่อยจรวด Long March 2D ของจีนถูกสังเกตว่าผ่านใกล้ดาวเทียม Starlink-6079 ที่ระดับความสูง 560 กม. ระยะห่างเพียง 200 เมตรถือว่าเป็น near-miss ที่อาจนำไปสู่หายนะหากเกิดการชนกัน เนื่องจากความเร็วสูงมากในวงโคจรต่ำ (LEO).

    ความเสี่ยงจากการขาดการประสานงาน
    Michael Nicolls รองประธานฝ่ายวิศวกรรมของ Starlink ระบุว่า ความเสี่ยงหลักมาจากการไม่แชร์ข้อมูลวงโคจร (ephemeris) ระหว่างผู้ให้บริการดาวเทียม การไม่ประสานงานเช่นนี้ทำให้เกิดเหตุการณ์เฉียดใกล้บ่อยครั้ง และอาจนำไปสู่ Kessler Syndrome ซึ่งเป็นการชนต่อเนื่องจนเกิดเศษซากจำนวนมหาศาลที่ทำให้ LEO ใช้งานไม่ได้.

    ความท้าทายด้านนโยบายและความปลอดภัย
    จีนไม่ได้แชร์ข้อมูลวงโคจรไปยังแพลตฟอร์มสากล เช่น U.S. Space-Track.org หรือ ITU ของสหประชาชาติ ทำให้การติดตามและป้องกันเหตุการณ์เสี่ยงทำได้ยากขึ้น นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญเรียกร้องให้มี ความร่วมมือระดับโลก เพื่อหลีกเลี่ยงโศกนาฏกรรมในอนาคต.

    อนาคตที่เต็มไปด้วยดาวเทียม
    ปัจจุบันมีดาวเทียมกว่า 12,000 ดวงใน LEO โดยประมาณ 8,000 ดวงเป็นของ Starlink และยังมีแผนขยายเพิ่มถึง 42,000 ดวง ขณะที่จีนและยุโรปก็มีโครงการสร้างกลุ่มดาวเทียมขนาดใหญ่เช่นกัน การเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วนี้ยิ่งทำให้ความเสี่ยงการชนกันสูงขึ้นหากไม่มีระบบประสานงานที่เข้มแข็ง.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    เหตุการณ์เฉียดใกล้
    ดาวเทียมจีนเข้าใกล้ Starlink-6079 ระยะ 200 เมตร
    ความเร็วกว่า 17,400 mph ที่ระดับความสูง 560 กม.

    สาเหตุความเสี่ยง
    การไม่แชร์ข้อมูลวงโคจรระหว่างผู้ให้บริการ
    เพิ่มโอกาสเกิด near-miss และการชนกัน

    ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
    ความเสี่ยงต่อ Kessler Syndrome
    เศษซากอวกาศจำนวนมหาศาลทำให้ LEO ใช้งานไม่ได้

    สถานการณ์ปัจจุบัน
    มีดาวเทียมกว่า 12,000 ดวงใน LEO
    Starlink มีแผนขยายถึง 42,000 ดวง
    จีนและยุโรปก็มีโครงการดาวเทียมขนาดใหญ่เช่นกัน

    ข้อควรระวัง
    การไม่ประสานงานระหว่างประเทศเพิ่มความเสี่ยงต่อการชน
    การขยายจำนวนดาวเทียมอย่างรวดเร็วอาจทำให้ LEO แออัดเกินไป
    หากเกิดการชน เศษซากอาจทำให้วงโคจรต่ำไม่สามารถใช้งานได้หลายชั่วอายุคน

    https://www.tomshardware.com/service-providers/network-providers/starlink-vp-confirms-dangerously-close-chinese-launch-incident-close-call-saw-satellite-pass-within-200-meters-of-starlink-travelling-at-over-17-400mph
    🚀 ดาวเทียมจีนเฉียดใกล้ Starlink อย่างอันตราย เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ดาวเทียมจากการปล่อยจรวด Long March 2D ของจีนถูกสังเกตว่าผ่านใกล้ดาวเทียม Starlink-6079 ที่ระดับความสูง 560 กม. ระยะห่างเพียง 200 เมตรถือว่าเป็น near-miss ที่อาจนำไปสู่หายนะหากเกิดการชนกัน เนื่องจากความเร็วสูงมากในวงโคจรต่ำ (LEO). ⚡ ความเสี่ยงจากการขาดการประสานงาน Michael Nicolls รองประธานฝ่ายวิศวกรรมของ Starlink ระบุว่า ความเสี่ยงหลักมาจากการไม่แชร์ข้อมูลวงโคจร (ephemeris) ระหว่างผู้ให้บริการดาวเทียม การไม่ประสานงานเช่นนี้ทำให้เกิดเหตุการณ์เฉียดใกล้บ่อยครั้ง และอาจนำไปสู่ Kessler Syndrome ซึ่งเป็นการชนต่อเนื่องจนเกิดเศษซากจำนวนมหาศาลที่ทำให้ LEO ใช้งานไม่ได้. 🔒 ความท้าทายด้านนโยบายและความปลอดภัย จีนไม่ได้แชร์ข้อมูลวงโคจรไปยังแพลตฟอร์มสากล เช่น U.S. Space-Track.org หรือ ITU ของสหประชาชาติ ทำให้การติดตามและป้องกันเหตุการณ์เสี่ยงทำได้ยากขึ้น นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญเรียกร้องให้มี ความร่วมมือระดับโลก เพื่อหลีกเลี่ยงโศกนาฏกรรมในอนาคต. 🌐 อนาคตที่เต็มไปด้วยดาวเทียม ปัจจุบันมีดาวเทียมกว่า 12,000 ดวงใน LEO โดยประมาณ 8,000 ดวงเป็นของ Starlink และยังมีแผนขยายเพิ่มถึง 42,000 ดวง ขณะที่จีนและยุโรปก็มีโครงการสร้างกลุ่มดาวเทียมขนาดใหญ่เช่นกัน การเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วนี้ยิ่งทำให้ความเสี่ยงการชนกันสูงขึ้นหากไม่มีระบบประสานงานที่เข้มแข็ง. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ เหตุการณ์เฉียดใกล้ ➡️ ดาวเทียมจีนเข้าใกล้ Starlink-6079 ระยะ 200 เมตร ➡️ ความเร็วกว่า 17,400 mph ที่ระดับความสูง 560 กม. ✅ สาเหตุความเสี่ยง ➡️ การไม่แชร์ข้อมูลวงโคจรระหว่างผู้ให้บริการ ➡️ เพิ่มโอกาสเกิด near-miss และการชนกัน ✅ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ➡️ ความเสี่ยงต่อ Kessler Syndrome ➡️ เศษซากอวกาศจำนวนมหาศาลทำให้ LEO ใช้งานไม่ได้ ✅ สถานการณ์ปัจจุบัน ➡️ มีดาวเทียมกว่า 12,000 ดวงใน LEO ➡️ Starlink มีแผนขยายถึง 42,000 ดวง ➡️ จีนและยุโรปก็มีโครงการดาวเทียมขนาดใหญ่เช่นกัน ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ การไม่ประสานงานระหว่างประเทศเพิ่มความเสี่ยงต่อการชน ⛔ การขยายจำนวนดาวเทียมอย่างรวดเร็วอาจทำให้ LEO แออัดเกินไป ⛔ หากเกิดการชน เศษซากอาจทำให้วงโคจรต่ำไม่สามารถใช้งานได้หลายชั่วอายุคน https://www.tomshardware.com/service-providers/network-providers/starlink-vp-confirms-dangerously-close-chinese-launch-incident-close-call-saw-satellite-pass-within-200-meters-of-starlink-travelling-at-over-17-400mph
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตลาดมืด SIM การ์ดกับการสร้างบอท

    งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์เผยว่า มีตลาดมืดขนาดใหญ่สำหรับ SIM การ์ดทั้งจริงและเสมือน ที่ถูกใช้เพื่อสร้างและยืนยันบัญชีปลอมบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Facebook, Instagram, TikTok และ Amazon บริการเหล่านี้ทำให้กองทัพบอทสามารถปลอมตัวเป็นมนุษย์ได้ง่ายขึ้น และถูกนำไปใช้เพื่อเพิ่มยอดไลก์ ผู้ติดตาม และการแชร์ให้ดูเหมือนมีความนิยมจริง

    ราคาของการซื้อ “ความนิยมปลอม”
    การวิจัยพบว่าราคาในการยืนยันบัญชีปลอมแตกต่างกันตามแพลตฟอร์มและประเทศต้นทางของ SIM เช่น
    WhatsApp เฉลี่ย 1.02 ดอลลาร์สหรัฐต่อการยืนยัน
    Telegram เฉลี่ย 0.89 ดอลลาร์สหรัฐ
    Facebook และ Shopify ถูกกว่ามาก เพียง 0.08 ดอลลาร์สหรัฐ
    TikTok และ LinkedIn ประมาณ 0.11 ดอลลาร์สหรัฐ
    Amazon เฉลี่ย 0.12 ดอลลาร์สหรัฐ

    ราคายังขึ้นลงตามเหตุการณ์ทางการเมือง เช่น ก่อนการเลือกตั้งระดับชาติ ราคายืนยันบัญชีบน WhatsApp และ Telegram จะพุ่งขึ้นกว่า 12–15% เพราะมีการใช้บอทเพื่อสร้างกระแสและโน้มน้าวผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง

    ผลกระทบต่อสังคมและการเมือง
    กองทัพบอทเหล่านี้ไม่ได้ถูกใช้แค่เพื่อการตลาด แต่ยังถูกนำไปใช้ใน แคมเปญทางการเมืองและการสร้างกระแสสังคม โดยการโพสต์เนื้อหาที่กระตุ้นอารมณ์ เช่น “rage bait” เพื่อดึงดูดการโต้เถียงและเพิ่มการมีส่วนร่วมปลอมๆ สิ่งนี้ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าใจผิดว่าประเด็นดังกล่าวได้รับความนิยมจริง ทั้งที่เป็นการจัดฉากโดยกลุ่มที่มีผลประโยชน์

    ข้อเสนอเพื่อแก้ปัญหา
    นักวิจัยเสนอให้มีการควบคุมการซื้อ SIM จำนวนมาก (SIM farms) ซึ่งสามารถเก็บ SIM ได้หลายร้อยใบในเครื่องเดียวเพื่อสร้างบัญชีปลอมจำนวนมหาศาล รวมถึงการบังคับให้แพลตฟอร์มเปิดเผยประเทศต้นทางของ SIM ที่ใช้ในการยืนยันบัญชี เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและลดการใช้บอทในทางที่ผิด

    สรุปสาระสำคัญ
    ตลาดมืด SIM การ์ด
    ใช้สร้างและยืนยันบัญชีปลอมบนแพลตฟอร์มออนไลน์
    ทำให้กองทัพบอทปลอมตัวเป็นมนุษย์ได้ง่าย

    ราคาการยืนยันบัญชีปลอม
    WhatsApp เฉลี่ย 1.02 ดอลลาร์
    Telegram เฉลี่ย 0.89 ดอลลาร์
    Facebook/Shopify เพียง 0.08 ดอลลาร์
    TikTok/LinkedIn ประมาณ 0.11 ดอลลาร์
    Amazon เฉลี่ย 0.12 ดอลลาร์

    ผลกระทบต่อสังคมและการเมือง
    ใช้บอทสร้างกระแสปลอม เพิ่มยอดไลก์และผู้ติดตาม
    ใช้กระตุ้นอารมณ์และโน้มน้าวผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง

    ข้อเสนอเพื่อแก้ปัญหา
    ควบคุมการซื้อ SIM จำนวนมาก (SIM farms)
    บังคับให้แพลตฟอร์มเปิดเผยประเทศต้นทางของ SIM

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/16/how-much-does-an-army-of-bots-cost-how-likes-and-clout-are-bought
    📱 ตลาดมืด SIM การ์ดกับการสร้างบอท งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์เผยว่า มีตลาดมืดขนาดใหญ่สำหรับ SIM การ์ดทั้งจริงและเสมือน ที่ถูกใช้เพื่อสร้างและยืนยันบัญชีปลอมบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Facebook, Instagram, TikTok และ Amazon บริการเหล่านี้ทำให้กองทัพบอทสามารถปลอมตัวเป็นมนุษย์ได้ง่ายขึ้น และถูกนำไปใช้เพื่อเพิ่มยอดไลก์ ผู้ติดตาม และการแชร์ให้ดูเหมือนมีความนิยมจริง 💸 ราคาของการซื้อ “ความนิยมปลอม” การวิจัยพบว่าราคาในการยืนยันบัญชีปลอมแตกต่างกันตามแพลตฟอร์มและประเทศต้นทางของ SIM เช่น 💠 WhatsApp เฉลี่ย 1.02 ดอลลาร์สหรัฐต่อการยืนยัน 💠 Telegram เฉลี่ย 0.89 ดอลลาร์สหรัฐ 💠 Facebook และ Shopify ถูกกว่ามาก เพียง 0.08 ดอลลาร์สหรัฐ 💠 TikTok และ LinkedIn ประมาณ 0.11 ดอลลาร์สหรัฐ 💠 Amazon เฉลี่ย 0.12 ดอลลาร์สหรัฐ ราคายังขึ้นลงตามเหตุการณ์ทางการเมือง เช่น ก่อนการเลือกตั้งระดับชาติ ราคายืนยันบัญชีบน WhatsApp และ Telegram จะพุ่งขึ้นกว่า 12–15% เพราะมีการใช้บอทเพื่อสร้างกระแสและโน้มน้าวผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ⚠️ ผลกระทบต่อสังคมและการเมือง กองทัพบอทเหล่านี้ไม่ได้ถูกใช้แค่เพื่อการตลาด แต่ยังถูกนำไปใช้ใน แคมเปญทางการเมืองและการสร้างกระแสสังคม โดยการโพสต์เนื้อหาที่กระตุ้นอารมณ์ เช่น “rage bait” เพื่อดึงดูดการโต้เถียงและเพิ่มการมีส่วนร่วมปลอมๆ สิ่งนี้ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าใจผิดว่าประเด็นดังกล่าวได้รับความนิยมจริง ทั้งที่เป็นการจัดฉากโดยกลุ่มที่มีผลประโยชน์ 🛡️ ข้อเสนอเพื่อแก้ปัญหา นักวิจัยเสนอให้มีการควบคุมการซื้อ SIM จำนวนมาก (SIM farms) ซึ่งสามารถเก็บ SIM ได้หลายร้อยใบในเครื่องเดียวเพื่อสร้างบัญชีปลอมจำนวนมหาศาล รวมถึงการบังคับให้แพลตฟอร์มเปิดเผยประเทศต้นทางของ SIM ที่ใช้ในการยืนยันบัญชี เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและลดการใช้บอทในทางที่ผิด 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ตลาดมืด SIM การ์ด ➡️ ใช้สร้างและยืนยันบัญชีปลอมบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ➡️ ทำให้กองทัพบอทปลอมตัวเป็นมนุษย์ได้ง่าย ✅ ราคาการยืนยันบัญชีปลอม ➡️ WhatsApp เฉลี่ย 1.02 ดอลลาร์ ➡️ Telegram เฉลี่ย 0.89 ดอลลาร์ ➡️ Facebook/Shopify เพียง 0.08 ดอลลาร์ ➡️ TikTok/LinkedIn ประมาณ 0.11 ดอลลาร์ ➡️ Amazon เฉลี่ย 0.12 ดอลลาร์ ‼️ ผลกระทบต่อสังคมและการเมือง ⛔ ใช้บอทสร้างกระแสปลอม เพิ่มยอดไลก์และผู้ติดตาม ⛔ ใช้กระตุ้นอารมณ์และโน้มน้าวผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ‼️ ข้อเสนอเพื่อแก้ปัญหา ⛔ ควบคุมการซื้อ SIM จำนวนมาก (SIM farms) ⛔ บังคับให้แพลตฟอร์มเปิดเผยประเทศต้นทางของ SIM https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/16/how-much-does-an-army-of-bots-cost-how-likes-and-clout-are-bought
    WWW.THESTAR.COM.MY
    How much does an army of bots cost? How likes and clout are bought
    Research has shown how SIM cards from the grey market are powering bot armies that fill social media with fake likes and comments to manipulate users and deliberately steer trends. A dollar gets you a dozen fake and 'verified' Facebook accounts posting on your behalf.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • Adafruit โต้ Arduino หลังเปลี่ยนเงื่อนไขการใช้งานใหม่ที่ถูกมองว่า “ไม่สอดคล้องกับโอเพ่นซอร์ส”

    หลังจากที่ Arduino ถูก Qualcomm เข้าซื้อกิจการเมื่อเดือนตุลาคม 2025 บริษัทได้ปรับปรุง Terms and Conditions ใหม่ ซึ่งรวมถึงการห้ามผู้ใช้ทำการ Reverse Engineering บริการคลาวด์, การกำหนดสิทธิ์การใช้งานแบบถาวรเหนือเนื้อหาที่ผู้ใช้อัปโหลด และการเพิ่มระบบตรวจสอบการใช้งาน AI ภายในแพลตฟอร์ม ข้อกำหนดเหล่านี้สร้างความไม่พอใจในชุมชนโอเพ่นซอร์ส โดยเฉพาะคู่แข่งอย่าง Adafruit ที่มองว่ากฎใหม่เป็นการจำกัดเสรีภาพของผู้ใช้

    มุมมองจาก Arduino และ Adafruit
    Arduino ชี้แจงว่าการห้าม Reverse Engineering ใช้เฉพาะกับ บริการ SaaS บนคลาวด์ ไม่ได้กระทบกับบอร์ดหรือเฟิร์มแวร์ที่ยังคงเปิดซอร์สเหมือนเดิม ขณะที่ Adafruit โดยผู้ก่อตั้ง Limor “Ladyada” Fried โต้ว่า การบังคับให้ผู้ใช้พึ่งพาเครื่องมือบนคลาวด์เป็นการจำกัดทางเลือก และทำให้การอ้างว่า “ยังคงโอเพ่นซอร์ส” ไม่สมบูรณ์ เพราะผู้ใช้ใหม่จำนวนมากถูกบังคับให้ใช้เครื่องมือออนไลน์เป็นหลัก

    ประเด็นด้านสิทธิ์และข้อมูลผู้ใช้
    หนึ่งในข้อถกเถียงใหญ่คือการที่ Arduino กำหนดสิทธิ์การใช้งานแบบ Irrevocable License เหนือเนื้อหาที่ผู้ใช้อัปโหลด เช่น โค้ดหรือโปรเจกต์ แม้ Arduino ยืนยันว่าผู้ใช้ยังคงเป็นเจ้าของเนื้อหา แต่สิทธิ์ที่ให้บริษัทถือครองอย่างถาวรทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าจะถูกนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์โดยไม่สามารถเพิกถอนได้ นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลเรื่องการเก็บข้อมูลผู้ใช้และการตรวจสอบการใช้งาน AI ที่อาจกลายเป็นการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง

    ผลกระทบต่อชุมชนโอเพ่นซอร์ส
    Adafruit และนักวิจัยจาก EFF เตือนว่าการเพิ่มข้อจำกัดเช่นนี้อาจทำให้ Arduino สูญเสียความเชื่อมั่นจากชุมชนผู้พัฒนาและนักเรียนที่เคยใช้บอร์ด Arduino เป็นสัญลักษณ์ของการเรียนรู้แบบเปิด หากบริษัทต้องการควบคุมการใช้งานมากขึ้น ควรซื่อสัตย์และประกาศว่าเป็น “Source-Available” ไม่ใช่โอเพ่นซอร์สอย่างแท้จริง

    สรุปสาระสำคัญ
    การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของ Arduino
    ห้าม Reverse Engineering บริการคลาวด์
    กำหนดสิทธิ์การใช้งานถาวรเหนือเนื้อหาที่ผู้ใช้อัปโหลด
    เพิ่มระบบตรวจสอบการใช้งาน AI

    การชี้แจงจาก Arduino
    ยืนยันว่าบอร์ดและเฟิร์มแวร์ยังคงเปิดซอร์ส
    การห้าม Reverse Engineering ใช้เฉพาะบริการ SaaS

    ข้อกังวลจาก Adafruit และชุมชน
    ผู้ใช้ใหม่ถูกบังคับให้ใช้เครื่องมือคลาวด์เป็นหลัก
    สิทธิ์การใช้งานถาวรอาจนำไปสู่การใช้ข้อมูลเชิงพาณิชย์
    การตรวจสอบ AI อาจกลายเป็นการเฝ้าระวังต่อเนื่อง

    ผลกระทบต่ออนาคตโอเพ่นซอร์ส
    เสี่ยงต่อการสูญเสียความเชื่อมั่นจากผู้พัฒนาและนักเรียน
    อาจต้องเปลี่ยนการนิยามเป็น “Source-Available” แทนโอเพ่นซอร์ส

    https://thenewstack.io/adafruit-arduinos-rules-are-incompatible-with-open-source/
    ⚡ Adafruit โต้ Arduino หลังเปลี่ยนเงื่อนไขการใช้งานใหม่ที่ถูกมองว่า “ไม่สอดคล้องกับโอเพ่นซอร์ส” หลังจากที่ Arduino ถูก Qualcomm เข้าซื้อกิจการเมื่อเดือนตุลาคม 2025 บริษัทได้ปรับปรุง Terms and Conditions ใหม่ ซึ่งรวมถึงการห้ามผู้ใช้ทำการ Reverse Engineering บริการคลาวด์, การกำหนดสิทธิ์การใช้งานแบบถาวรเหนือเนื้อหาที่ผู้ใช้อัปโหลด และการเพิ่มระบบตรวจสอบการใช้งาน AI ภายในแพลตฟอร์ม ข้อกำหนดเหล่านี้สร้างความไม่พอใจในชุมชนโอเพ่นซอร์ส โดยเฉพาะคู่แข่งอย่าง Adafruit ที่มองว่ากฎใหม่เป็นการจำกัดเสรีภาพของผู้ใช้ 🧩 มุมมองจาก Arduino และ Adafruit Arduino ชี้แจงว่าการห้าม Reverse Engineering ใช้เฉพาะกับ บริการ SaaS บนคลาวด์ ไม่ได้กระทบกับบอร์ดหรือเฟิร์มแวร์ที่ยังคงเปิดซอร์สเหมือนเดิม ขณะที่ Adafruit โดยผู้ก่อตั้ง Limor “Ladyada” Fried โต้ว่า การบังคับให้ผู้ใช้พึ่งพาเครื่องมือบนคลาวด์เป็นการจำกัดทางเลือก และทำให้การอ้างว่า “ยังคงโอเพ่นซอร์ส” ไม่สมบูรณ์ เพราะผู้ใช้ใหม่จำนวนมากถูกบังคับให้ใช้เครื่องมือออนไลน์เป็นหลัก 🔒 ประเด็นด้านสิทธิ์และข้อมูลผู้ใช้ หนึ่งในข้อถกเถียงใหญ่คือการที่ Arduino กำหนดสิทธิ์การใช้งานแบบ Irrevocable License เหนือเนื้อหาที่ผู้ใช้อัปโหลด เช่น โค้ดหรือโปรเจกต์ แม้ Arduino ยืนยันว่าผู้ใช้ยังคงเป็นเจ้าของเนื้อหา แต่สิทธิ์ที่ให้บริษัทถือครองอย่างถาวรทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าจะถูกนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์โดยไม่สามารถเพิกถอนได้ นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลเรื่องการเก็บข้อมูลผู้ใช้และการตรวจสอบการใช้งาน AI ที่อาจกลายเป็นการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง 🌍 ผลกระทบต่อชุมชนโอเพ่นซอร์ส Adafruit และนักวิจัยจาก EFF เตือนว่าการเพิ่มข้อจำกัดเช่นนี้อาจทำให้ Arduino สูญเสียความเชื่อมั่นจากชุมชนผู้พัฒนาและนักเรียนที่เคยใช้บอร์ด Arduino เป็นสัญลักษณ์ของการเรียนรู้แบบเปิด หากบริษัทต้องการควบคุมการใช้งานมากขึ้น ควรซื่อสัตย์และประกาศว่าเป็น “Source-Available” ไม่ใช่โอเพ่นซอร์สอย่างแท้จริง 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของ Arduino ➡️ ห้าม Reverse Engineering บริการคลาวด์ ➡️ กำหนดสิทธิ์การใช้งานถาวรเหนือเนื้อหาที่ผู้ใช้อัปโหลด ➡️ เพิ่มระบบตรวจสอบการใช้งาน AI ✅ การชี้แจงจาก Arduino ➡️ ยืนยันว่าบอร์ดและเฟิร์มแวร์ยังคงเปิดซอร์ส ➡️ การห้าม Reverse Engineering ใช้เฉพาะบริการ SaaS ‼️ ข้อกังวลจาก Adafruit และชุมชน ⛔ ผู้ใช้ใหม่ถูกบังคับให้ใช้เครื่องมือคลาวด์เป็นหลัก ⛔ สิทธิ์การใช้งานถาวรอาจนำไปสู่การใช้ข้อมูลเชิงพาณิชย์ ⛔ การตรวจสอบ AI อาจกลายเป็นการเฝ้าระวังต่อเนื่อง ✅ ผลกระทบต่ออนาคตโอเพ่นซอร์ส ➡️ เสี่ยงต่อการสูญเสียความเชื่อมั่นจากผู้พัฒนาและนักเรียน ➡️ อาจต้องเปลี่ยนการนิยามเป็น “Source-Available” แทนโอเพ่นซอร์ส https://thenewstack.io/adafruit-arduinos-rules-are-incompatible-with-open-source/
    THENEWSTACK.IO
    Adafruit: Arduino's Rules Are 'Incompatible With Open Source'
    Arduino has defended the changes, claiming its commitment to open source hardware remains unchanged.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอป MAGA Messaging App ที่ไม่ปลอดภัยอย่างที่คิด

    มีรายงานว่าแอปแชทที่ถูกโปรโมตว่าเป็น “Super Secure MAGA Messaging App” เกิดเหตุการณ์รั่วไหลครั้งใหญ่ โดยข้อมูล หมายเลขโทรศัพท์ของผู้ใช้ทั้งหมด ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ เหตุการณ์นี้สร้างความตกใจอย่างมาก เพราะแอปดังกล่าวเคลมว่ามีระบบความปลอดภัยสูงและเน้นการปกป้องข้อมูลส่วนตัว แต่กลับเกิดข้อผิดพลาดร้ายแรงที่ทำให้ผู้ใช้สูญเสียความเชื่อมั่นทันที

    สาเหตุและผลกระทบ
    การรั่วไหลครั้งนี้เกิดจาก การตั้งค่าฐานข้อมูลที่ไม่ปลอดภัย ทำให้ข้อมูลผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตนใดๆ ผลกระทบคือผู้ใช้จำนวนมากเสี่ยงต่อการถูกนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด เช่น การโทรก่อกวน (Spam Calls), การโจมตีแบบฟิชชิ่ง (Phishing) หรือแม้กระทั่งการนำข้อมูลไปเชื่อมโยงกับข้อมูลส่วนตัวอื่นเพื่อสร้างการโจมตีที่ซับซ้อนขึ้น

    บทเรียนด้านความปลอดภัยไซเบอร์
    เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้แอปจะโฆษณาว่ามีความปลอดภัยสูง แต่หาก โครงสร้างระบบไม่ได้รับการตรวจสอบและป้องกันอย่างจริงจัง ก็สามารถสร้างความเสียหายใหญ่หลวงได้ทันที ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยแนะนำว่า ผู้ใช้ควรเลือกใช้แพลตฟอร์มที่มีการตรวจสอบจากบุคคลที่สาม และควรเปิดใช้งาน Two-Factor Authentication (2FA) รวมถึงหลีกเลี่ยงการแชร์ข้อมูลส่วนตัวเกินความจำเป็น

    สรุปสาระสำคัญ
    เหตุการณ์รั่วไหลของแอป MAGA Messaging App
    ข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ผู้ใช้ทั้งหมดถูกเปิดเผย
    เกิดจากการตั้งค่าฐานข้อมูลที่ไม่ปลอดภัย

    ผลกระทบต่อผู้ใช้
    เสี่ยงต่อการถูกโทรก่อกวนและสแปม
    เสี่ยงต่อการโจมตีแบบฟิชชิ่งและการขโมยข้อมูลส่วนตัว

    บทเรียนด้านความปลอดภัย
    แอปที่โฆษณาว่าปลอดภัยอาจไม่จริง หากไม่มีการตรวจสอบระบบ
    ผู้ใช้ควรเปิดใช้งาน 2FA และระมัดระวังในการแชร์ข้อมูลส่วนตัว

    https://ericdaigle.ca/posts/super-secure-maga-messaging-app-leaks-everyones-phone-number/
    📱 แอป MAGA Messaging App ที่ไม่ปลอดภัยอย่างที่คิด มีรายงานว่าแอปแชทที่ถูกโปรโมตว่าเป็น “Super Secure MAGA Messaging App” เกิดเหตุการณ์รั่วไหลครั้งใหญ่ โดยข้อมูล หมายเลขโทรศัพท์ของผู้ใช้ทั้งหมด ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ เหตุการณ์นี้สร้างความตกใจอย่างมาก เพราะแอปดังกล่าวเคลมว่ามีระบบความปลอดภัยสูงและเน้นการปกป้องข้อมูลส่วนตัว แต่กลับเกิดข้อผิดพลาดร้ายแรงที่ทำให้ผู้ใช้สูญเสียความเชื่อมั่นทันที 🔎 สาเหตุและผลกระทบ การรั่วไหลครั้งนี้เกิดจาก การตั้งค่าฐานข้อมูลที่ไม่ปลอดภัย ทำให้ข้อมูลผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตนใดๆ ผลกระทบคือผู้ใช้จำนวนมากเสี่ยงต่อการถูกนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด เช่น การโทรก่อกวน (Spam Calls), การโจมตีแบบฟิชชิ่ง (Phishing) หรือแม้กระทั่งการนำข้อมูลไปเชื่อมโยงกับข้อมูลส่วนตัวอื่นเพื่อสร้างการโจมตีที่ซับซ้อนขึ้น ⚠️ บทเรียนด้านความปลอดภัยไซเบอร์ เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้แอปจะโฆษณาว่ามีความปลอดภัยสูง แต่หาก โครงสร้างระบบไม่ได้รับการตรวจสอบและป้องกันอย่างจริงจัง ก็สามารถสร้างความเสียหายใหญ่หลวงได้ทันที ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยแนะนำว่า ผู้ใช้ควรเลือกใช้แพลตฟอร์มที่มีการตรวจสอบจากบุคคลที่สาม และควรเปิดใช้งาน Two-Factor Authentication (2FA) รวมถึงหลีกเลี่ยงการแชร์ข้อมูลส่วนตัวเกินความจำเป็น 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ เหตุการณ์รั่วไหลของแอป MAGA Messaging App ➡️ ข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ผู้ใช้ทั้งหมดถูกเปิดเผย ➡️ เกิดจากการตั้งค่าฐานข้อมูลที่ไม่ปลอดภัย ‼️ ผลกระทบต่อผู้ใช้ ⛔ เสี่ยงต่อการถูกโทรก่อกวนและสแปม ⛔ เสี่ยงต่อการโจมตีแบบฟิชชิ่งและการขโมยข้อมูลส่วนตัว ‼️ บทเรียนด้านความปลอดภัย ⛔ แอปที่โฆษณาว่าปลอดภัยอาจไม่จริง หากไม่มีการตรวจสอบระบบ ⛔ ผู้ใช้ควรเปิดใช้งาน 2FA และระมัดระวังในการแชร์ข้อมูลส่วนตัว https://ericdaigle.ca/posts/super-secure-maga-messaging-app-leaks-everyones-phone-number/
    ERICDAIGLE.CA
    "Super secure" MAGA-themed messaging app leaks everyone's phone number
    You can be, do, and have whatever you want, except for not spilling user information
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • การรั่วไหลครั้งใหญ่ของฐานข้อมูล MongoDB

    นักวิจัยด้านความปลอดภัย Bob Diachenko ร่วมกับทีมจาก nexos.ai ได้ค้นพบฐานข้อมูล MongoDB ที่ไม่ได้รับการป้องกันเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2025 ฐานข้อมูลนี้มีขนาดมหึมา 16TB และบรรจุข้อมูลกว่า 4.3 พันล้านเรคคอร์ด ซึ่งรวมถึงชื่อ อีเมล หมายเลขโทรศัพท์ ประวัติการทำงาน การศึกษา และลิงก์ไปยังโปรไฟล์ LinkedIn ของผู้ใช้จำนวนมหาศาล

    แม้เจ้าของฐานข้อมูลจะรีบปิดการเข้าถึงภายในสองวันหลังถูกแจ้งเตือน แต่ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าใครได้เข้าถึงข้อมูลไปแล้วบ้าง ข้อมูลที่รั่วไหลถูกแบ่งออกเป็น 9 คอลเลกชัน เช่น “profiles”, “people” และ “unique_profiles” โดยเฉพาะคอลเลกชัน “unique_profiles” ที่มีมากกว่า 732 ล้านเรคคอร์ดพร้อมรูปภาพ

    ความเสี่ยงและผลกระทบ
    นักวิจัย Cybernews ระบุว่าข้อมูลที่รั่วไหลนี้มีโครงสร้างชัดเจนและละเอียดมาก จึงเป็น ขุมทองสำหรับอาชญากรไซเบอร์ เพราะสามารถนำไปใช้สร้างฐานข้อมูลค้นหาเพื่อทำการโจมตีแบบเจาะจง เช่น ฟิชชิ่ง (Phishing) หรือ CEO Fraud ที่เลียนแบบผู้บริหารเพื่อหลอกให้พนักงานโอนเงินหรือเปิดเผยข้อมูลสำคัญ

    นอกจากนี้ยังพบว่าข้อมูลบางส่วนอาจถูกเก็บมาจากการ Scraping หรือการดึงข้อมูลจากหลายแหล่ง รวมถึงการรั่วไหลก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปี 2021 ทำให้ยากต่อการระบุเจ้าของที่แท้จริงของฐานข้อมูล แต่มีหลักฐานบางอย่างชี้ว่าอาจเกี่ยวข้องกับบริษัทด้าน Lead Generation ที่ทำธุรกิจหาลูกค้าให้กับองค์กรต่างๆ

    วิธีป้องกันสำหรับผู้ใช้
    ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ผู้ใช้ ตั้งรหัสผ่านที่แข็งแรงและไม่ซ้ำกัน พร้อมเปิดใช้งาน Two-Factor Authentication (2FA) เพื่อเพิ่มความปลอดภัย รวมถึงการอัปเดตซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอเพื่ออุดช่องโหว่ที่อาจถูกโจมตี การรั่วไหลครั้งนี้เป็นเครื่องเตือนใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่เราฝากไว้กับแพลตฟอร์มออนไลน์อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดได้ทุกเมื่อ

    สรุปสาระสำคัญ
    การค้นพบฐานข้อมูลรั่วไหล
    ขนาด 16TB มีข้อมูลกว่า 4.3 พันล้านเรคคอร์ด
    รวมชื่อ อีเมล เบอร์โทร ประวัติการทำงาน และ LinkedIn

    รายละเอียดคอลเลกชันข้อมูล
    “profiles” กว่า 1.1 พันล้านเรคคอร์ด
    “unique_profiles” กว่า 732 ล้านเรคคอร์ดพร้อมรูปภาพ

    ความเสี่ยงจากการรั่วไหล
    อาชญากรสามารถใช้ข้อมูลทำฟิชชิ่งและ CEO Fraud
    ข้อมูลอาจถูก Scraping จากหลายแหล่ง ทำให้ระบุเจ้าของยาก

    คำแนะนำด้านความปลอดภัย
    ใช้รหัสผ่านที่แข็งแรงและไม่ซ้ำกัน
    เปิดใช้งาน 2FA และอัปเดตซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอ

    https://hackread.com/mongodb-database-expose-lead-gen-records/
    🔐 การรั่วไหลครั้งใหญ่ของฐานข้อมูล MongoDB นักวิจัยด้านความปลอดภัย Bob Diachenko ร่วมกับทีมจาก nexos.ai ได้ค้นพบฐานข้อมูล MongoDB ที่ไม่ได้รับการป้องกันเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2025 ฐานข้อมูลนี้มีขนาดมหึมา 16TB และบรรจุข้อมูลกว่า 4.3 พันล้านเรคคอร์ด ซึ่งรวมถึงชื่อ อีเมล หมายเลขโทรศัพท์ ประวัติการทำงาน การศึกษา และลิงก์ไปยังโปรไฟล์ LinkedIn ของผู้ใช้จำนวนมหาศาล แม้เจ้าของฐานข้อมูลจะรีบปิดการเข้าถึงภายในสองวันหลังถูกแจ้งเตือน แต่ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าใครได้เข้าถึงข้อมูลไปแล้วบ้าง ข้อมูลที่รั่วไหลถูกแบ่งออกเป็น 9 คอลเลกชัน เช่น “profiles”, “people” และ “unique_profiles” โดยเฉพาะคอลเลกชัน “unique_profiles” ที่มีมากกว่า 732 ล้านเรคคอร์ดพร้อมรูปภาพ ⚠️ ความเสี่ยงและผลกระทบ นักวิจัย Cybernews ระบุว่าข้อมูลที่รั่วไหลนี้มีโครงสร้างชัดเจนและละเอียดมาก จึงเป็น ขุมทองสำหรับอาชญากรไซเบอร์ เพราะสามารถนำไปใช้สร้างฐานข้อมูลค้นหาเพื่อทำการโจมตีแบบเจาะจง เช่น ฟิชชิ่ง (Phishing) หรือ CEO Fraud ที่เลียนแบบผู้บริหารเพื่อหลอกให้พนักงานโอนเงินหรือเปิดเผยข้อมูลสำคัญ นอกจากนี้ยังพบว่าข้อมูลบางส่วนอาจถูกเก็บมาจากการ Scraping หรือการดึงข้อมูลจากหลายแหล่ง รวมถึงการรั่วไหลก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปี 2021 ทำให้ยากต่อการระบุเจ้าของที่แท้จริงของฐานข้อมูล แต่มีหลักฐานบางอย่างชี้ว่าอาจเกี่ยวข้องกับบริษัทด้าน Lead Generation ที่ทำธุรกิจหาลูกค้าให้กับองค์กรต่างๆ 🛡️ วิธีป้องกันสำหรับผู้ใช้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ผู้ใช้ ตั้งรหัสผ่านที่แข็งแรงและไม่ซ้ำกัน พร้อมเปิดใช้งาน Two-Factor Authentication (2FA) เพื่อเพิ่มความปลอดภัย รวมถึงการอัปเดตซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอเพื่ออุดช่องโหว่ที่อาจถูกโจมตี การรั่วไหลครั้งนี้เป็นเครื่องเตือนใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่เราฝากไว้กับแพลตฟอร์มออนไลน์อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดได้ทุกเมื่อ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การค้นพบฐานข้อมูลรั่วไหล ➡️ ขนาด 16TB มีข้อมูลกว่า 4.3 พันล้านเรคคอร์ด ➡️ รวมชื่อ อีเมล เบอร์โทร ประวัติการทำงาน และ LinkedIn ✅ รายละเอียดคอลเลกชันข้อมูล ➡️ “profiles” กว่า 1.1 พันล้านเรคคอร์ด ➡️ “unique_profiles” กว่า 732 ล้านเรคคอร์ดพร้อมรูปภาพ ‼️ ความเสี่ยงจากการรั่วไหล ⛔ อาชญากรสามารถใช้ข้อมูลทำฟิชชิ่งและ CEO Fraud ⛔ ข้อมูลอาจถูก Scraping จากหลายแหล่ง ทำให้ระบุเจ้าของยาก ‼️ คำแนะนำด้านความปลอดภัย ⛔ ใช้รหัสผ่านที่แข็งแรงและไม่ซ้ำกัน ⛔ เปิดใช้งาน 2FA และอัปเดตซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอ https://hackread.com/mongodb-database-expose-lead-gen-records/
    HACKREAD.COM
    16TB of MongoDB Database Exposes 4.3 Billion Lead Gen Records
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • เทคโนโลยีบ้านอัจฉริยะ: ผู้ช่วยที่ประหยัดเวลา

    สมาร์ทโฮมกำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เพราะช่วยลดภาระงานบ้านที่กินเวลาและแรงงานไปมาก หนึ่งในตัวอย่างที่โดดเด่นคือ Posha หุ่นยนต์ทำอาหาร ที่สามารถปรุงเมนูหลากหลายชาติได้โดยอัตโนมัติ เพียงใส่วัตถุดิบและเลือกเมนูบนหน้าจอ หุ่นยนต์จะจัดการทุกขั้นตอนแทนคุณ ทำให้การทำอาหารที่เคยใช้เวลาหลายชั่วโมงเหลือเพียงไม่กี่นาที และยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากการสั่งอาหารนอกบ้านอีกด้วย

    อีกหนึ่งผู้ช่วยที่ได้รับความนิยมคือ Roborock Qrevo หุ่นยนต์ดูดฝุ่นและถูพื้น ที่มาพร้อมระบบดูดแรงสูงถึง 8,000Pa และฐานเก็บฝุ่นอัตโนมัติ ทำให้ไม่ต้องคอยทำความสะอาดเครื่องบ่อยๆ เพียงตั้งเวลาในแอปพลิเคชันก็สามารถปล่อยให้บ้านสะอาดได้ทุกวันโดยไม่ต้องเหนื่อยแรง นอกจากนี้ยังมีระบบหลบสิ่งกีดขวางและแปรงกันพันเส้นผมที่ช่วยให้การทำความสะอาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    สำหรับผู้ที่มีบ้านพร้อมสนามหญ้าใหญ่ Segway Navimow i105N หุ่นยนต์ตัดหญ้า ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยลดภาระการดูแลสวน สามารถตั้งเขตการทำงานผ่านแอปและตรวจจับสิ่งกีดขวางได้อัตโนมัติ แม้ผลลัพธ์อาจไม่ละเอียดเท่าการตัดด้วยมือ แต่ถือว่าคุ้มค่าในแง่การประหยัดเวลาและแรงงาน อีกทั้งยังรองรับการสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Alexa

    สุดท้ายคือ Cradlewise เปลอัจฉริยะสำหรับเด็กทารก ที่รวมฟังก์ชันกล้องตรวจจับการเคลื่อนไหว เครื่องเสียงกล่อมเด็ก และระบบโยกอัตโนมัติไว้ในตัวเดียว ช่วยให้พ่อแม่สามารถพักผ่อนได้มากขึ้นโดยไม่ต้องคอยตรวจเช็กลูกน้อยตลอดเวลา ถือเป็นการลงทุนที่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตและลดความเครียดของครอบครัว

    สรุปสาระสำคัญ
    หุ่นยนต์ทำอาหาร Posha
    ลดเวลาทำอาหารจากชั่วโมงเหลือไม่กี่นาที และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากการสั่งอาหาร

    หุ่นยนต์ดูดฝุ่นและถูพื้น Roborock Qrevo
    ระบบดูดแรงสูง ฐานเก็บฝุ่นอัตโนมัติ ลดภาระการทำความสะอาด

    หุ่นยนต์ตัดหญ้า Segway Navimow i105N
    ตั้งเขตการทำงานผ่านแอป ตรวจจับสิ่งกีดขวาง และรองรับการสั่งงานด้วยเสียง

    ระบบรดน้ำอัจฉริยะ Rachio Wi-Fi Sprinkler
    ตั้งเวลารดน้ำอัตโนมัติ ปรับตามสภาพอากาศ ลดการสิ้นเปลืองน้ำ

    เปลอัจฉริยะ Cradlewise
    รวมกล้องตรวจจับ เครื่องเสียง และระบบโยกอัตโนมัติ ช่วยให้พ่อแม่พักผ่อนได้มากขึ้น

    ข้อควรระวังในการใช้สมาร์ทโฮม
    อุปกรณ์บางชนิดมีราคาสูง อาจไม่เหมาะกับทุกครัวเรือน
    ต้องพึ่งพาอินเทอร์เน็ตและแอปพลิเคชัน หากระบบล่มอาจใช้งานไม่ได้
    ความปลอดภัยด้านข้อมูลส่วนตัว เนื่องจากอุปกรณ์เชื่อมต่อออนไลน์ตลอดเวลา

    https://www.slashgear.com/2048306/smart-home-gadgets-time-saving-chores/
    🏠 เทคโนโลยีบ้านอัจฉริยะ: ผู้ช่วยที่ประหยัดเวลา สมาร์ทโฮมกำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เพราะช่วยลดภาระงานบ้านที่กินเวลาและแรงงานไปมาก หนึ่งในตัวอย่างที่โดดเด่นคือ Posha หุ่นยนต์ทำอาหาร ที่สามารถปรุงเมนูหลากหลายชาติได้โดยอัตโนมัติ เพียงใส่วัตถุดิบและเลือกเมนูบนหน้าจอ หุ่นยนต์จะจัดการทุกขั้นตอนแทนคุณ ทำให้การทำอาหารที่เคยใช้เวลาหลายชั่วโมงเหลือเพียงไม่กี่นาที และยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากการสั่งอาหารนอกบ้านอีกด้วย อีกหนึ่งผู้ช่วยที่ได้รับความนิยมคือ Roborock Qrevo หุ่นยนต์ดูดฝุ่นและถูพื้น ที่มาพร้อมระบบดูดแรงสูงถึง 8,000Pa และฐานเก็บฝุ่นอัตโนมัติ ทำให้ไม่ต้องคอยทำความสะอาดเครื่องบ่อยๆ เพียงตั้งเวลาในแอปพลิเคชันก็สามารถปล่อยให้บ้านสะอาดได้ทุกวันโดยไม่ต้องเหนื่อยแรง นอกจากนี้ยังมีระบบหลบสิ่งกีดขวางและแปรงกันพันเส้นผมที่ช่วยให้การทำความสะอาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับผู้ที่มีบ้านพร้อมสนามหญ้าใหญ่ Segway Navimow i105N หุ่นยนต์ตัดหญ้า ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยลดภาระการดูแลสวน สามารถตั้งเขตการทำงานผ่านแอปและตรวจจับสิ่งกีดขวางได้อัตโนมัติ แม้ผลลัพธ์อาจไม่ละเอียดเท่าการตัดด้วยมือ แต่ถือว่าคุ้มค่าในแง่การประหยัดเวลาและแรงงาน อีกทั้งยังรองรับการสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Alexa สุดท้ายคือ Cradlewise เปลอัจฉริยะสำหรับเด็กทารก ที่รวมฟังก์ชันกล้องตรวจจับการเคลื่อนไหว เครื่องเสียงกล่อมเด็ก และระบบโยกอัตโนมัติไว้ในตัวเดียว ช่วยให้พ่อแม่สามารถพักผ่อนได้มากขึ้นโดยไม่ต้องคอยตรวจเช็กลูกน้อยตลอดเวลา ถือเป็นการลงทุนที่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตและลดความเครียดของครอบครัว 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ หุ่นยนต์ทำอาหาร Posha ➡️ ลดเวลาทำอาหารจากชั่วโมงเหลือไม่กี่นาที และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากการสั่งอาหาร ✅ หุ่นยนต์ดูดฝุ่นและถูพื้น Roborock Qrevo ➡️ ระบบดูดแรงสูง ฐานเก็บฝุ่นอัตโนมัติ ลดภาระการทำความสะอาด ✅ หุ่นยนต์ตัดหญ้า Segway Navimow i105N ➡️ ตั้งเขตการทำงานผ่านแอป ตรวจจับสิ่งกีดขวาง และรองรับการสั่งงานด้วยเสียง ✅ ระบบรดน้ำอัจฉริยะ Rachio Wi-Fi Sprinkler ➡️ ตั้งเวลารดน้ำอัตโนมัติ ปรับตามสภาพอากาศ ลดการสิ้นเปลืองน้ำ ✅ เปลอัจฉริยะ Cradlewise ➡️ รวมกล้องตรวจจับ เครื่องเสียง และระบบโยกอัตโนมัติ ช่วยให้พ่อแม่พักผ่อนได้มากขึ้น ‼️ ข้อควรระวังในการใช้สมาร์ทโฮม ⛔ อุปกรณ์บางชนิดมีราคาสูง อาจไม่เหมาะกับทุกครัวเรือน ⛔ ต้องพึ่งพาอินเทอร์เน็ตและแอปพลิเคชัน หากระบบล่มอาจใช้งานไม่ได้ ⛔ ความปลอดภัยด้านข้อมูลส่วนตัว เนื่องจากอุปกรณ์เชื่อมต่อออนไลน์ตลอดเวลา https://www.slashgear.com/2048306/smart-home-gadgets-time-saving-chores/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    These 5 Smart Home Gadgets Will Save You Hours Every Week - SlashGear
    Smart gadgets are capable of much more than reporting the weather and playing music. These selections of time-saving tech could return hours to your busy day.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • 7 โครงการที่ถูก Ubuntu ยกเลิก แต่เราก็ยังคิดถึงมันอยู่

    Ubuntu One: ความฝันคลาวด์ที่ไม่ยั่งยืน
    Ubuntu เคยเปิดตัว Ubuntu One เพื่อเป็นบริการคลาวด์เก็บไฟล์และซิงก์ข้อมูล คล้ายกับ iCloud ของ Apple โดยให้พื้นที่ฟรี 5GB และสามารถซื้อเพิ่มได้ รวมถึงมีบริการซื้อเพลงผ่าน Ubuntu One Music Store แต่สุดท้ายถูกยกเลิกในปี 2014 เพราะไม่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งที่ให้พื้นที่ฟรีมากกว่า และ Canonical ต้องการโฟกัสไปที่การพัฒนาแพลตฟอร์มอื่น

    Convergence และ Ubuntu Edge: ความพยายามสู่สมาร์ทโฟน
    Canonical เคยมีความฝันที่จะทำให้ Ubuntu รันได้ทั้งบน PC, Tablet และ Smartphone ผ่านแนวคิด Convergence และเปิดตัวโครงการ Ubuntu Edge สมาร์ทโฟนที่ใช้ Ubuntu โดยระดมทุนผ่าน crowdfunding ได้กว่า 12 ล้านดอลลาร์ แต่ไม่ถึงเป้าหมาย 32 ล้าน ทำให้โครงการต้องปิดตัวไป อย่างไรก็ตามแนวคิดนี้ยังคงถูกนำไปใช้ในเทคโนโลยีอย่าง Samsung DeX ในปัจจุบัน

    Ubuntu Unity และ Mir: การทดลองที่ไม่รอด
    Ubuntu เคยพัฒนา Unity Desktop Environment และ Mir Display Server เพื่อสร้างเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่ผู้ใช้จำนวนมากไม่พอใจกับการเปลี่ยนแปลง และสุดท้าย Canonical ต้องยกเลิก Unity ในปี 2017 และกลับมาใช้ GNOME ที่ปรับแต่งใหม่ ส่วน Mir ก็ถูกลดบทบาทไปใช้กับ IoT แทน ไม่ได้ถูกใช้ในเดสก์ท็อปอีกต่อไป

    Wubi และ Ubuntu Make: เครื่องมือที่ถูกลืม
    Wubi Installer เคยทำให้ผู้ใช้ Windows สามารถติดตั้ง Ubuntu ได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องแก้ไขพาร์ทิชัน แต่ถูกยกเลิกเพราะมีปัญหาความเข้ากันได้
    Ubuntu Make เป็น CLI สำหรับติดตั้งเครื่องมือพัฒนา เช่น Atom หรือ VS Code แต่ถูกแทนที่ด้วย Snap ที่ใช้ง่ายกว่าและปลอดภัยกว่า

    สรุปประเด็นสำคัญ
    โครงการที่ถูกยกเลิก
    Ubuntu One (Cloud + Music Store)
    Ubuntu Edge และ Convergence (สมาร์ทโฟน Ubuntu)
    Unity Desktop และ Mir Display Server
    Wubi Installer และ Ubuntu Make

    เหตุผลหลักที่ล้มเหลว
    แข่งขันไม่ได้กับคู่แข่งที่แข็งแกร่งกว่า
    ขาดเงินทุนและการสนับสนุนจากผู้ใช้
    ผู้ใช้ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงใหญ่
    เทคโนโลยีใหม่เข้ามาแทนที่

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้และนักพัฒนา
    การพัฒนาโครงการใหม่โดยไม่ประเมินตลาด อาจทำให้สูญเสียทรัพยากรโดยเปล่าประโยชน์
    การเปลี่ยนแปลงที่ไม่ฟังเสียงผู้ใช้ อาจนำไปสู่การต่อต้านและความล้มเหลว

    https://itsfoss.com/projects-ditched-by-ubuntu/
    🏗️ 7 โครงการที่ถูก Ubuntu ยกเลิก แต่เราก็ยังคิดถึงมันอยู่ 🗂️ Ubuntu One: ความฝันคลาวด์ที่ไม่ยั่งยืน Ubuntu เคยเปิดตัว Ubuntu One เพื่อเป็นบริการคลาวด์เก็บไฟล์และซิงก์ข้อมูล คล้ายกับ iCloud ของ Apple โดยให้พื้นที่ฟรี 5GB และสามารถซื้อเพิ่มได้ รวมถึงมีบริการซื้อเพลงผ่าน Ubuntu One Music Store แต่สุดท้ายถูกยกเลิกในปี 2014 เพราะไม่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งที่ให้พื้นที่ฟรีมากกว่า และ Canonical ต้องการโฟกัสไปที่การพัฒนาแพลตฟอร์มอื่น 📱 Convergence และ Ubuntu Edge: ความพยายามสู่สมาร์ทโฟน Canonical เคยมีความฝันที่จะทำให้ Ubuntu รันได้ทั้งบน PC, Tablet และ Smartphone ผ่านแนวคิด Convergence และเปิดตัวโครงการ Ubuntu Edge สมาร์ทโฟนที่ใช้ Ubuntu โดยระดมทุนผ่าน crowdfunding ได้กว่า 12 ล้านดอลลาร์ แต่ไม่ถึงเป้าหมาย 32 ล้าน ทำให้โครงการต้องปิดตัวไป อย่างไรก็ตามแนวคิดนี้ยังคงถูกนำไปใช้ในเทคโนโลยีอย่าง Samsung DeX ในปัจจุบัน 🖥️ Ubuntu Unity และ Mir: การทดลองที่ไม่รอด Ubuntu เคยพัฒนา Unity Desktop Environment และ Mir Display Server เพื่อสร้างเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่ผู้ใช้จำนวนมากไม่พอใจกับการเปลี่ยนแปลง และสุดท้าย Canonical ต้องยกเลิก Unity ในปี 2017 และกลับมาใช้ GNOME ที่ปรับแต่งใหม่ ส่วน Mir ก็ถูกลดบทบาทไปใช้กับ IoT แทน ไม่ได้ถูกใช้ในเดสก์ท็อปอีกต่อไป 💿 Wubi และ Ubuntu Make: เครื่องมือที่ถูกลืม 💠 Wubi Installer เคยทำให้ผู้ใช้ Windows สามารถติดตั้ง Ubuntu ได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องแก้ไขพาร์ทิชัน แต่ถูกยกเลิกเพราะมีปัญหาความเข้ากันได้ 💠 Ubuntu Make เป็น CLI สำหรับติดตั้งเครื่องมือพัฒนา เช่น Atom หรือ VS Code แต่ถูกแทนที่ด้วย Snap ที่ใช้ง่ายกว่าและปลอดภัยกว่า 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ โครงการที่ถูกยกเลิก ➡️ Ubuntu One (Cloud + Music Store) ➡️ Ubuntu Edge และ Convergence (สมาร์ทโฟน Ubuntu) ➡️ Unity Desktop และ Mir Display Server ➡️ Wubi Installer และ Ubuntu Make ✅ เหตุผลหลักที่ล้มเหลว ➡️ แข่งขันไม่ได้กับคู่แข่งที่แข็งแกร่งกว่า ➡️ ขาดเงินทุนและการสนับสนุนจากผู้ใช้ ➡️ ผู้ใช้ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงใหญ่ ➡️ เทคโนโลยีใหม่เข้ามาแทนที่ ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้และนักพัฒนา ⛔ การพัฒนาโครงการใหม่โดยไม่ประเมินตลาด อาจทำให้สูญเสียทรัพยากรโดยเปล่าประโยชน์ ⛔ การเปลี่ยนแปลงที่ไม่ฟังเสียงผู้ใช้ อาจนำไปสู่การต่อต้านและความล้มเหลว https://itsfoss.com/projects-ditched-by-ubuntu/
    ITSFOSS.COM
    7 Projects Killed by Ubuntu (But I Still Miss Them)
    Over the span of the past 15 years, Ubuntu started several projects. Not all of them are active today. And yet, they live in our memory.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • Linux อาจยังไม่ใช่สำหรับคุณ…ตอนนี้
    บทความจาก It’s FOSS ชี้ให้เห็นว่า หลายคนที่คุ้นเคยกับระบบปิดอาจรู้สึกแปลกเมื่อเจอกับโลกของ Linux เช่น ไม่ชินกับการที่ระบบไม่เก็บข้อมูลผู้ใช้, ไม่ชินกับการไม่มีโฆษณา, หรือไม่ชินกับการที่ผู้ใช้มีสิทธิ์ปรับแต่งทุกอย่างได้เอง ความรู้สึกเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่า Linux ไม่เหมาะกับคุณ แต่สะท้อนว่าคุณยังอยู่ใน “โซนสบาย” ของระบบเดิม

    ตัวอย่างสัญญาณที่น่าสนใจ
    คุณชอบให้ระบบติดตามและแนะนำสิ่งต่าง ๆ → Linux ไม่ทำแบบนั้น
    คุณพอใจที่จะให้บริษัทบอกว่า “ทำสิ่งนี้ไม่ได้” → Linux เปิดให้คุณลองเองแม้เสี่ยงพัง
    คุณไม่ชอบมีตัวเลือกเยอะเกินไป → Linux มีตัวเลือกแทบทุกอย่าง ตั้งแต่ Desktop Environment ไปจนถึง Window Manager
    คุณเชื่อว่า “มาตรฐานอุตสาหกรรม” คือสิ่งที่บริษัทใหญ่กำหนด → Linux ยึดตามมาตรฐานเปิดจริง ๆ เช่น ODF, SVG, PDF

    มุมมองด้านความปลอดภัยและการควบคุม
    Linux ไม่ได้พยายามเก็บข้อมูลผู้ใช้เพื่อทำ personalization หรือโฆษณาเหมือนระบบปิด แต่ให้ผู้ใช้เป็นเจ้าของข้อมูลจริง ๆ รวมถึงการอัปเดตที่ไม่จำเป็นต้องรีบูตเครื่องทุกครั้ง และการพัฒนาแบบเปิดที่ทุกคนสามารถตรวจสอบโค้ดได้ หากคุณรู้สึกไม่สบายใจกับความโปร่งใสและการควบคุมที่มากเกินไป นั่นอาจเป็นสัญญาณว่า Linux ยังไม่ใช่สำหรับคุณ

    ข้อคิดจากบทความ
    แท้จริงแล้ว บทความนี้ไม่ได้บอกว่า Linux ไม่เหมาะกับใคร แต่เป็นการชี้ให้เห็นว่า “สิ่งที่คุณเคยชิน” อาจทำให้คุณลังเลที่จะลอง Linux หากคุณเปิดใจและอยากควบคุมระบบของตัวเองมากขึ้น Linux อาจเป็นคำตอบที่คุณตามหา

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สัญญาณที่บอกว่า Linux อาจยังไม่เหมาะ
    ชอบให้ระบบติดตามและแนะนำ
    พอใจเมื่อถูกจำกัดสิทธิ์
    ไม่ชอบมีตัวเลือกเยอะ
    เชื่อว่ามาตรฐานคือสิ่งที่บริษัทใหญ่กำหนด

    จุดแข็งของ Linux
    ไม่เก็บข้อมูลผู้ใช้เพื่อโฆษณา
    เปิดให้ผู้ใช้ควบคุมทุกอย่าง
    ใช้มาตรฐานเปิดจริง ๆ
    อัปเดตโดยไม่ต้องรีบูตบ่อย

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ใหม่
    หากไม่ชอบความโปร่งใสและการควบคุม อาจรู้สึกว่า Linux ซับซ้อนเกินไป
    การมีตัวเลือกมากมายอาจทำให้ผู้ใช้มือใหม่สับสน

    https://itsfoss.com/signs-linux-is-not-for-you/
    🐧 Linux อาจยังไม่ใช่สำหรับคุณ…ตอนนี้ บทความจาก It’s FOSS ชี้ให้เห็นว่า หลายคนที่คุ้นเคยกับระบบปิดอาจรู้สึกแปลกเมื่อเจอกับโลกของ Linux เช่น ไม่ชินกับการที่ระบบไม่เก็บข้อมูลผู้ใช้, ไม่ชินกับการไม่มีโฆษณา, หรือไม่ชินกับการที่ผู้ใช้มีสิทธิ์ปรับแต่งทุกอย่างได้เอง ความรู้สึกเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่า Linux ไม่เหมาะกับคุณ แต่สะท้อนว่าคุณยังอยู่ใน “โซนสบาย” ของระบบเดิม ⚙️ ตัวอย่างสัญญาณที่น่าสนใจ 💠 คุณชอบให้ระบบติดตามและแนะนำสิ่งต่าง ๆ → Linux ไม่ทำแบบนั้น 💠 คุณพอใจที่จะให้บริษัทบอกว่า “ทำสิ่งนี้ไม่ได้” → Linux เปิดให้คุณลองเองแม้เสี่ยงพัง 💠 คุณไม่ชอบมีตัวเลือกเยอะเกินไป → Linux มีตัวเลือกแทบทุกอย่าง ตั้งแต่ Desktop Environment ไปจนถึง Window Manager 💠 คุณเชื่อว่า “มาตรฐานอุตสาหกรรม” คือสิ่งที่บริษัทใหญ่กำหนด → Linux ยึดตามมาตรฐานเปิดจริง ๆ เช่น ODF, SVG, PDF 🔒 มุมมองด้านความปลอดภัยและการควบคุม Linux ไม่ได้พยายามเก็บข้อมูลผู้ใช้เพื่อทำ personalization หรือโฆษณาเหมือนระบบปิด แต่ให้ผู้ใช้เป็นเจ้าของข้อมูลจริง ๆ รวมถึงการอัปเดตที่ไม่จำเป็นต้องรีบูตเครื่องทุกครั้ง และการพัฒนาแบบเปิดที่ทุกคนสามารถตรวจสอบโค้ดได้ หากคุณรู้สึกไม่สบายใจกับความโปร่งใสและการควบคุมที่มากเกินไป นั่นอาจเป็นสัญญาณว่า Linux ยังไม่ใช่สำหรับคุณ 🌍 ข้อคิดจากบทความ แท้จริงแล้ว บทความนี้ไม่ได้บอกว่า Linux ไม่เหมาะกับใคร แต่เป็นการชี้ให้เห็นว่า “สิ่งที่คุณเคยชิน” อาจทำให้คุณลังเลที่จะลอง Linux หากคุณเปิดใจและอยากควบคุมระบบของตัวเองมากขึ้น Linux อาจเป็นคำตอบที่คุณตามหา 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สัญญาณที่บอกว่า Linux อาจยังไม่เหมาะ ➡️ ชอบให้ระบบติดตามและแนะนำ ➡️ พอใจเมื่อถูกจำกัดสิทธิ์ ➡️ ไม่ชอบมีตัวเลือกเยอะ ➡️ เชื่อว่ามาตรฐานคือสิ่งที่บริษัทใหญ่กำหนด ✅ จุดแข็งของ Linux ➡️ ไม่เก็บข้อมูลผู้ใช้เพื่อโฆษณา ➡️ เปิดให้ผู้ใช้ควบคุมทุกอย่าง ➡️ ใช้มาตรฐานเปิดจริง ๆ ➡️ อัปเดตโดยไม่ต้องรีบูตบ่อย ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ใหม่ ⛔ หากไม่ชอบความโปร่งใสและการควบคุม อาจรู้สึกว่า Linux ซับซ้อนเกินไป ⛔ การมีตัวเลือกมากมายอาจทำให้ผู้ใช้มือใหม่สับสน https://itsfoss.com/signs-linux-is-not-for-you/
    ITSFOSS.COM
    15 Signs Linux Is Not For You
    If you recognized yourself in a few of these points, that doesn’t mean Linux isn’t for you. In fact, you can count it as an invitation. It just means you’ve spent a long time in an ecosystem that treats you more like a product than a participant.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • เครื่องมือใหม่ SnapScope ตรวจสอบ Snap Packages

    Snap packages เป็นหัวข้อที่ถกเถียงกันในชุมชน Linux มานาน ทั้งเรื่องการเปิดโปรแกรมช้า การพึ่งพา Snap Store ที่เป็น proprietary และการที่ dependency ไม่ได้รับการอัปเดตทันเวลา ล่าสุด Alan Pope นักพัฒนาในชุมชน Ubuntu ได้สร้างเครื่องมือชื่อ SnapScope เพื่อแก้ปัญหาด้านความปลอดภัย โดยสามารถสแกนแพ็กเกจ Snap เพื่อหาช่องโหว่ที่มีการบันทึกไว้ในฐานข้อมูล CVE

    วิธีการทำงานของ SnapScope
    ผู้ใช้เพียงแค่ใส่ชื่อแพ็กเกจหรือ publisher ลงในช่องค้นหา SnapScope จะสแกนและแสดงผลช่องโหว่ที่พบ พร้อมแบ่งระดับความรุนแรงเป็น KEV, CRITICAL, HIGH, MEDIUM และ LOW ข้อมูลเหล่านี้ดึงมาจาก Grype ซึ่งเป็น open-source scanner สำหรับ container และ filesystem โดยปัจจุบันรองรับเฉพาะแพ็กเกจ x86_64 แต่มีแผนจะขยายไปยังแพลตฟอร์มอื่นในอนาคต

    ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ
    หน้าแรกของ SnapScope ยังมีกราฟแสดงแพ็กเกจที่ถูกสแกนล่าสุด และแพ็กเกจที่มีจำนวนช่องโหว่มากที่สุด ทำให้ผู้ดูแลระบบสามารถติดตามแนวโน้มความเสี่ยงได้ง่ายขึ้น เครื่องมือนี้ถูกสร้างขึ้นในงาน Chainguard’s Vibelympics ซึ่งเป็นการแข่งขันที่นักพัฒนาสร้างโปรเจกต์สร้างสรรค์เพื่อการกุศล

    ใครควรใช้ SnapScope
    ผู้ดูแลระบบ (Sys Admins): ใช้ตรวจสอบ Snap ที่ติดตั้งในองค์กร
    นักพัฒนา: ตรวจสอบแพ็กเกจที่ดูแลว่ามี CVE ใดต้องแก้ไข
    ผู้ใช้ทั่วไปที่ใส่ใจความปลอดภัย: ตรวจสอบก่อนติดตั้ง Snap ใหม่ ๆ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    SnapScope คือเครื่องมือสแกน Snap
    ตรวจสอบช่องโหว่จากฐานข้อมูล CVE
    แสดงผลตามระดับความรุนแรง

    ฟีเจอร์หลัก
    รองรับ x86_64 packages
    ใช้ข้อมูลจาก Grype scanner
    มีกราฟแสดงแพ็กเกจที่เสี่ยงสูงสุด

    กลุ่มผู้ใช้เป้าหมาย
    Sys Admins ที่ต้อง audit ระบบ
    นักพัฒนาที่ดูแล Snap packages
    ผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการความมั่นใจ

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    Snap ที่มี dependency ไม่อัปเดตอาจเสี่ยงต่อการโจมตี
    หากไม่ตรวจสอบก่อนติดตั้ง อาจนำช่องโหว่เข้าสู่ระบบโดยไม่รู้ตัว

    https://itsfoss.com/news/check-snap-packages-vulnerabilities/
    🔍 เครื่องมือใหม่ SnapScope ตรวจสอบ Snap Packages Snap packages เป็นหัวข้อที่ถกเถียงกันในชุมชน Linux มานาน ทั้งเรื่องการเปิดโปรแกรมช้า การพึ่งพา Snap Store ที่เป็น proprietary และการที่ dependency ไม่ได้รับการอัปเดตทันเวลา ล่าสุด Alan Pope นักพัฒนาในชุมชน Ubuntu ได้สร้างเครื่องมือชื่อ SnapScope เพื่อแก้ปัญหาด้านความปลอดภัย โดยสามารถสแกนแพ็กเกจ Snap เพื่อหาช่องโหว่ที่มีการบันทึกไว้ในฐานข้อมูล CVE ⚙️ วิธีการทำงานของ SnapScope ผู้ใช้เพียงแค่ใส่ชื่อแพ็กเกจหรือ publisher ลงในช่องค้นหา SnapScope จะสแกนและแสดงผลช่องโหว่ที่พบ พร้อมแบ่งระดับความรุนแรงเป็น KEV, CRITICAL, HIGH, MEDIUM และ LOW ข้อมูลเหล่านี้ดึงมาจาก Grype ซึ่งเป็น open-source scanner สำหรับ container และ filesystem โดยปัจจุบันรองรับเฉพาะแพ็กเกจ x86_64 แต่มีแผนจะขยายไปยังแพลตฟอร์มอื่นในอนาคต 📊 ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ หน้าแรกของ SnapScope ยังมีกราฟแสดงแพ็กเกจที่ถูกสแกนล่าสุด และแพ็กเกจที่มีจำนวนช่องโหว่มากที่สุด ทำให้ผู้ดูแลระบบสามารถติดตามแนวโน้มความเสี่ยงได้ง่ายขึ้น เครื่องมือนี้ถูกสร้างขึ้นในงาน Chainguard’s Vibelympics ซึ่งเป็นการแข่งขันที่นักพัฒนาสร้างโปรเจกต์สร้างสรรค์เพื่อการกุศล 🌐 ใครควรใช้ SnapScope ผู้ดูแลระบบ (Sys Admins): ใช้ตรวจสอบ Snap ที่ติดตั้งในองค์กร นักพัฒนา: ตรวจสอบแพ็กเกจที่ดูแลว่ามี CVE ใดต้องแก้ไข ผู้ใช้ทั่วไปที่ใส่ใจความปลอดภัย: ตรวจสอบก่อนติดตั้ง Snap ใหม่ ๆ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ SnapScope คือเครื่องมือสแกน Snap ➡️ ตรวจสอบช่องโหว่จากฐานข้อมูล CVE ➡️ แสดงผลตามระดับความรุนแรง ✅ ฟีเจอร์หลัก ➡️ รองรับ x86_64 packages ➡️ ใช้ข้อมูลจาก Grype scanner ➡️ มีกราฟแสดงแพ็กเกจที่เสี่ยงสูงสุด ✅ กลุ่มผู้ใช้เป้าหมาย ➡️ Sys Admins ที่ต้อง audit ระบบ ➡️ นักพัฒนาที่ดูแล Snap packages ➡️ ผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการความมั่นใจ ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ Snap ที่มี dependency ไม่อัปเดตอาจเสี่ยงต่อการโจมตี ⛔ หากไม่ตรวจสอบก่อนติดตั้ง อาจนำช่องโหว่เข้าสู่ระบบโดยไม่รู้ตัว https://itsfoss.com/news/check-snap-packages-vulnerabilities/
    ITSFOSS.COM
    Check Your Snap Packages for Vulnerabilities With This Vibe-Coded Tool
    Snapscope makes it easy to scan any Snap package for security issues.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิกฤติช่องโหว่ FortiGate SSO ถูกโจมตีจริง

    เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2025 มีรายงานว่าแฮกเกอร์เริ่มใช้ช่องโหว่ CVE-2025-59718 และ CVE-2025-59719 ซึ่งมีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.1–9.8 เพื่อเจาะระบบ FortiGate และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของ Fortinet ผ่านการปลอมแปลงข้อความ SAML ทำให้สามารถเข้าสู่ระบบในสิทธิ์ผู้ดูแลได้โดยไม่ต้องมีรหัสผ่านใด ๆ การโจมตีนี้ถูกยืนยันว่าเกิดขึ้นจริงและมีการขโมยการตั้งค่าระบบออกไป ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลบัญชี VPN และผู้ใช้ภายในองค์กร

    สาเหตุและความเสี่ยงที่แท้จริง
    แม้ Fortinet ระบุว่า FortiCloud SSO ถูกปิดเป็นค่าเริ่มต้น แต่เมื่อผู้ดูแลลงทะเบียนอุปกรณ์ผ่าน FortiCare ฟีเจอร์นี้จะถูกเปิดโดยอัตโนมัติหากไม่ได้ปิดสวิตช์ “Allow administrative login using FortiCloud SSO” ทำให้หลายองค์กรไม่รู้ตัวว่ากำลังเปิดช่องโหว่ไว้โดยตรง การโจมตีที่พบมีรูปแบบชัดเจนคือเจาะเข้าบัญชี admin แล้วดึงการตั้งค่าผ่าน GUI ไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ควบคุมโดยผู้โจมตี

    การแก้ไขและแพตช์ล่าสุด
    Fortinet ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในหลายเวอร์ชัน เช่น FortiOS 7.6.4, 7.4.9, 7.2.12 และ 7.0.18 รวมถึง FortiProxy, FortiWeb และ FortiSwitchManager รุ่นใหม่ ผู้ดูแลระบบที่ไม่สามารถอัปเดตได้ทันทีสามารถใช้วิธีแก้ไขชั่วคราวโดยปิดการใช้งาน FortiCloud SSO ผ่าน CLI หรือ GUI เพื่อป้องกันการโจมตีเพิ่มเติม

    มุมมองจากวงการไซเบอร์
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยเตือนว่า ช่องโหว่ลักษณะนี้เป็นตัวอย่างของการที่ “ฟีเจอร์สะดวก” กลายเป็น “ประตูหลัง” ให้ผู้โจมตีเข้าถึงระบบได้โดยตรง หากองค์กรไม่ตรวจสอบการตั้งค่าอย่างละเอียด การโจมตีที่เกิดขึ้นยังสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการใช้ MFA (Multi-Factor Authentication) และการตรวจสอบ log อย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการเข้าถึงที่ผิดปกติ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ช่องโหว่ที่ถูกโจมตี
    CVE-2025-59718 และ CVE-2025-59719 มีคะแนน CVSS สูงถึง 9.1–9.8
    ใช้การปลอมแปลง SAML เพื่อข้ามการยืนยันตัวตน SSO

    สาเหตุที่ฟีเจอร์เสี่ยง
    FortiCloud SSO ถูกเปิดอัตโนมัติเมื่อสมัคร FortiCare หากไม่ปิดสวิตช์
    ทำให้ผู้ดูแลหลายคนไม่รู้ว่ากำลังเปิดช่องโหว่ไว้

    การแก้ไขและแพตช์
    อัปเดตเป็น FortiOS 7.6.4, 7.4.9, 7.2.12, 7.0.18
    ปิด FortiCloud SSO ผ่าน CLI หากยังไม่สามารถอัปเดตได้

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    การตั้งค่า firewall ที่ถูกขโมยอาจมีข้อมูลบัญชี VPN และผู้ใช้ภายใน
    หากไม่อัปเดตหรือปิดฟีเจอร์ทันที อาจถูกยึดสิทธิ์ผู้ดูแลและควบคุมระบบทั้งหมด

    https://securityonline.info/critical-fortigate-sso-flaw-under-active-exploitation-attackers-bypass-auth-and-exfiltrate-configs/
    🔐 วิกฤติช่องโหว่ FortiGate SSO ถูกโจมตีจริง เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2025 มีรายงานว่าแฮกเกอร์เริ่มใช้ช่องโหว่ CVE-2025-59718 และ CVE-2025-59719 ซึ่งมีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.1–9.8 เพื่อเจาะระบบ FortiGate และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของ Fortinet ผ่านการปลอมแปลงข้อความ SAML ทำให้สามารถเข้าสู่ระบบในสิทธิ์ผู้ดูแลได้โดยไม่ต้องมีรหัสผ่านใด ๆ การโจมตีนี้ถูกยืนยันว่าเกิดขึ้นจริงและมีการขโมยการตั้งค่าระบบออกไป ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลบัญชี VPN และผู้ใช้ภายในองค์กร ⚙️ สาเหตุและความเสี่ยงที่แท้จริง แม้ Fortinet ระบุว่า FortiCloud SSO ถูกปิดเป็นค่าเริ่มต้น แต่เมื่อผู้ดูแลลงทะเบียนอุปกรณ์ผ่าน FortiCare ฟีเจอร์นี้จะถูกเปิดโดยอัตโนมัติหากไม่ได้ปิดสวิตช์ “Allow administrative login using FortiCloud SSO” ทำให้หลายองค์กรไม่รู้ตัวว่ากำลังเปิดช่องโหว่ไว้โดยตรง การโจมตีที่พบมีรูปแบบชัดเจนคือเจาะเข้าบัญชี admin แล้วดึงการตั้งค่าผ่าน GUI ไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ควบคุมโดยผู้โจมตี 🛡️ การแก้ไขและแพตช์ล่าสุด Fortinet ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในหลายเวอร์ชัน เช่น FortiOS 7.6.4, 7.4.9, 7.2.12 และ 7.0.18 รวมถึง FortiProxy, FortiWeb และ FortiSwitchManager รุ่นใหม่ ผู้ดูแลระบบที่ไม่สามารถอัปเดตได้ทันทีสามารถใช้วิธีแก้ไขชั่วคราวโดยปิดการใช้งาน FortiCloud SSO ผ่าน CLI หรือ GUI เพื่อป้องกันการโจมตีเพิ่มเติม 🌍 มุมมองจากวงการไซเบอร์ นักวิจัยด้านความปลอดภัยเตือนว่า ช่องโหว่ลักษณะนี้เป็นตัวอย่างของการที่ “ฟีเจอร์สะดวก” กลายเป็น “ประตูหลัง” ให้ผู้โจมตีเข้าถึงระบบได้โดยตรง หากองค์กรไม่ตรวจสอบการตั้งค่าอย่างละเอียด การโจมตีที่เกิดขึ้นยังสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการใช้ MFA (Multi-Factor Authentication) และการตรวจสอบ log อย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการเข้าถึงที่ผิดปกติ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ช่องโหว่ที่ถูกโจมตี ➡️ CVE-2025-59718 และ CVE-2025-59719 มีคะแนน CVSS สูงถึง 9.1–9.8 ➡️ ใช้การปลอมแปลง SAML เพื่อข้ามการยืนยันตัวตน SSO ✅ สาเหตุที่ฟีเจอร์เสี่ยง ➡️ FortiCloud SSO ถูกเปิดอัตโนมัติเมื่อสมัคร FortiCare หากไม่ปิดสวิตช์ ➡️ ทำให้ผู้ดูแลหลายคนไม่รู้ว่ากำลังเปิดช่องโหว่ไว้ ✅ การแก้ไขและแพตช์ ➡️ อัปเดตเป็น FortiOS 7.6.4, 7.4.9, 7.2.12, 7.0.18 ➡️ ปิด FortiCloud SSO ผ่าน CLI หากยังไม่สามารถอัปเดตได้ ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ การตั้งค่า firewall ที่ถูกขโมยอาจมีข้อมูลบัญชี VPN และผู้ใช้ภายใน ⛔ หากไม่อัปเดตหรือปิดฟีเจอร์ทันที อาจถูกยึดสิทธิ์ผู้ดูแลและควบคุมระบบทั้งหมด https://securityonline.info/critical-fortigate-sso-flaw-under-active-exploitation-attackers-bypass-auth-and-exfiltrate-configs/
    SECURITYONLINE.INFO
    Critical FortiGate SSO Flaw Under Active Exploitation: Attackers Bypass Auth and Exfiltrate Configs
    A critical FortiGate SSO flaw (CVSS 9.1) is under active exploitation, letting unauthenticated attackers bypass login via crafted SAML. The flaw is armed by default registration, risking config exfiltration. Patch immediately.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยังปากกล้า! รมต.เขมรออกมาดูแคลนกองทัพไทย อ้างหากไม่มีเครื่องบินรบ กองทัพไทยไม่ใช่คู่ต่อกรของทหารกัมพูชา
    .
    เขียว รามี รัฐมนตรีอาวุโสและประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนกัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊กโจมตีการปฏิบัติการของไทย พร้อมยกย่องความกล้าหาญของทหารกัมพูชา และอ้างว่ากองทัพไทยจะยอมจำนน หากไม่ได้ใช้เครื่องบินขับไล่สนับสนุน
    .
    รมต.เขมรยังกล่าวหาว่า ไทยขาดประสบการณ์การทำสงคราม และจะเกิดความแตกแยกภายใน พร้อมปลุกระดมให้ทหารกัมพูชาเดินหน้าสู้ต่อไป ท่ามกลางสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนที่ยังตึงเครียด
    .
    ขณะเดียวกัน สื่อกัมพูชาบางสำนักยังเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือน กล่าวหาไทยใช้อาวุธหนักโจมตีพลเรือนและโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งฝ่ายไทยยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และยึดหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000120788
    .
    #News1live #News1 #ชายแดนไทยกัมพูชา #กองทัพไทย #ข่าวต่างประเทศ #สงครามข้อมูลข่าวสาร
    ยังปากกล้า! รมต.เขมรออกมาดูแคลนกองทัพไทย อ้างหากไม่มีเครื่องบินรบ กองทัพไทยไม่ใช่คู่ต่อกรของทหารกัมพูชา . เขียว รามี รัฐมนตรีอาวุโสและประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนกัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊กโจมตีการปฏิบัติการของไทย พร้อมยกย่องความกล้าหาญของทหารกัมพูชา และอ้างว่ากองทัพไทยจะยอมจำนน หากไม่ได้ใช้เครื่องบินขับไล่สนับสนุน . รมต.เขมรยังกล่าวหาว่า ไทยขาดประสบการณ์การทำสงคราม และจะเกิดความแตกแยกภายใน พร้อมปลุกระดมให้ทหารกัมพูชาเดินหน้าสู้ต่อไป ท่ามกลางสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนที่ยังตึงเครียด . ขณะเดียวกัน สื่อกัมพูชาบางสำนักยังเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือน กล่าวหาไทยใช้อาวุธหนักโจมตีพลเรือนและโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งฝ่ายไทยยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และยึดหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000120788 . #News1live #News1 #ชายแดนไทยกัมพูชา #กองทัพไทย #ข่าวต่างประเทศ #สงครามข้อมูลข่าวสาร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • อีกหนึ่งความสูญเสียของประเทศชาติ ญาติและชาวบ้านใน จ.กาฬสินธุ์ เตรียมรับศพ “หมู่ตี๋” สิบเอกอภิสิทธิ์ บุนนาค อายุ 33 ปี นายสิบพยาบาลทหารเสนารักษ์ สังกัด พัน.ร.11 ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บกลางสมรภูมิภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จากการโจมตีด้วยจรวด BM-21 ของฝ่ายกัมพูชา
    .
    บรรยากาศที่บ้านพักเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ญาติ เพื่อนบ้าน และหน่วยงานในพื้นที่ร่วมกันจัดเตรียมสถานที่รอรับศพ ท่ามกลางความอาลัยของภรรยาและลูกทั้งสองคน แม้หัวใจจะเจ็บปวดจากการสูญเสีย แต่ครอบครัวยืนยันความภาคภูมิใจในความเสียสละของ “หมู่ตี๋” ที่ทำหน้าที่ทหารหมอช่วยชีวิตเพื่อนทหารจนวินาทีสุดท้าย
    .
    ภรรยาเผยว่า สามีไม่ได้ถืออาวุธต่อสู้ แต่ทำหน้าที่เสนารักษ์ช่วยผู้บาดเจ็บตามอุดมการณ์ความเป็นทหารอย่างเต็มกำลัง ก่อนจะจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ถือเป็นการสูญเสียทหารกล้ารายที่ 16 จากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา
    .
    ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต และขอสดุดีในความกล้าหาญ เสียสละ เพื่อชาติบ้านเมืองของทหารกล้าผู้ล่วงลับ
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000120542
    .
    #News1live #News1 #ขอแสดงความเสียใจ #ทหารกล้า #เสนารักษ์ #ภูมะเขือ #ชายแดนไทยกัมพูชา #วีรบุรุษของชาติ
    อีกหนึ่งความสูญเสียของประเทศชาติ ญาติและชาวบ้านใน จ.กาฬสินธุ์ เตรียมรับศพ “หมู่ตี๋” สิบเอกอภิสิทธิ์ บุนนาค อายุ 33 ปี นายสิบพยาบาลทหารเสนารักษ์ สังกัด พัน.ร.11 ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บกลางสมรภูมิภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จากการโจมตีด้วยจรวด BM-21 ของฝ่ายกัมพูชา . บรรยากาศที่บ้านพักเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ญาติ เพื่อนบ้าน และหน่วยงานในพื้นที่ร่วมกันจัดเตรียมสถานที่รอรับศพ ท่ามกลางความอาลัยของภรรยาและลูกทั้งสองคน แม้หัวใจจะเจ็บปวดจากการสูญเสีย แต่ครอบครัวยืนยันความภาคภูมิใจในความเสียสละของ “หมู่ตี๋” ที่ทำหน้าที่ทหารหมอช่วยชีวิตเพื่อนทหารจนวินาทีสุดท้าย . ภรรยาเผยว่า สามีไม่ได้ถืออาวุธต่อสู้ แต่ทำหน้าที่เสนารักษ์ช่วยผู้บาดเจ็บตามอุดมการณ์ความเป็นทหารอย่างเต็มกำลัง ก่อนจะจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ถือเป็นการสูญเสียทหารกล้ารายที่ 16 จากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา . ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต และขอสดุดีในความกล้าหาญ เสียสละ เพื่อชาติบ้านเมืองของทหารกล้าผู้ล่วงลับ . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000120542 . #News1live #News1 #ขอแสดงความเสียใจ #ทหารกล้า #เสนารักษ์ #ภูมะเขือ #ชายแดนไทยกัมพูชา #วีรบุรุษของชาติ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สมชัย ศรีสุทธิยากร” อดีต กกต. ออกมาโต้ความเห็นของ “บวรศักดิ์ อุวรรโณ” กรณีการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญควบคู่กับการเลือกตั้ง สส. โดยชี้ชัดว่าทำไม่ได้ในทางกฎหมาย เนื่องจากกรอบเวลาตาม พ.ร.บ.ประชามติ ไม่สอดคล้องกับวันเลือกตั้งที่กำหนดไว้
    สมชัยระบุว่า หาก ครม.มีมติจัดทำประชามติ ต้องเว้นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 60 วัน ซึ่งวันเร็วที่สุดจะเลยวันเลือกตั้งไปแล้ว พร้อมเตือนแรงว่า หากฝืนดำเนินการ อาจถูกฟ้องจนทำให้ประชามติเป็นโมฆะ และเสี่ยงสูญเสียงบประมาณกว่า 3,000 ล้านบาทโดยเปล่าประโยชน์
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000120566
    .
    #News1live #News1 #การเมือง #ประชามติ #แก้รัฐธรรมนูญ #เลือกตั้ง #สมชัยศรีสุทธิยากร #บวรศักดิ์อุวรรโณ
    “สมชัย ศรีสุทธิยากร” อดีต กกต. ออกมาโต้ความเห็นของ “บวรศักดิ์ อุวรรโณ” กรณีการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญควบคู่กับการเลือกตั้ง สส. โดยชี้ชัดว่าทำไม่ได้ในทางกฎหมาย เนื่องจากกรอบเวลาตาม พ.ร.บ.ประชามติ ไม่สอดคล้องกับวันเลือกตั้งที่กำหนดไว้ สมชัยระบุว่า หาก ครม.มีมติจัดทำประชามติ ต้องเว้นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 60 วัน ซึ่งวันเร็วที่สุดจะเลยวันเลือกตั้งไปแล้ว พร้อมเตือนแรงว่า หากฝืนดำเนินการ อาจถูกฟ้องจนทำให้ประชามติเป็นโมฆะ และเสี่ยงสูญเสียงบประมาณกว่า 3,000 ล้านบาทโดยเปล่าประโยชน์ . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000120566 . #News1live #News1 #การเมือง #ประชามติ #แก้รัฐธรรมนูญ #เลือกตั้ง #สมชัยศรีสุทธิยากร #บวรศักดิ์อุวรรโณ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts