รัฐบาลทั่วโลกใช้ “ปิดอินเทอร์เน็ต” เป็นอาวุธใหม่ — และกำลังเกิดบ่อยขึ้นอย่างน่ากลัว
บทความของ Bruce Schneier ชี้ให้เห็นแนวโน้มที่น่ากังวล: รัฐบาลจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ใช้อินเทอร์เน็ตชัตดาวน์เป็นเครื่องมือควบคุมประชาชน ไม่ว่าจะเพื่อหยุดการประท้วง ปิดปากสื่อ หรือแม้แต่ควบคุมผลสอบของนักเรียนในบางประเทศ เหตุการณ์ล่าสุด เช่น อัฟกานิสถาน แทนซาเนีย แคเมอรูน ปากีสถาน และไนจีเรีย ต่างเผชิญการปิดอินเทอร์เน็ตระดับภูมิภาคหรือทั้งประเทศ โดยหลายครั้งไม่มีคำอธิบายใด ๆ จากรัฐบาลเลย
Schneier ระบุว่าการปิดอินเทอร์เน็ตไม่ใช่แค่ “ความไม่สะดวก” แต่เป็นการปิดระบบโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของสังคม — ตั้งแต่การสื่อสารฉุกเฉิน การเงิน การบิน ไปจนถึงความปลอดภัยของประชาชนในเขตสงคราม เช่น กาซา หรือยูเครน ที่เคยถูกตัดสัญญาณโดยเจตนาเพื่อทำให้ประชาชนไร้ความสามารถในการขอความช่วยเหลือหรือเผยแพร่หลักฐานการละเมิดสิทธิ
ข้อมูลจาก Access Now ระบุว่า ปี 2024 มีการปิดอินเทอร์เน็ต 296 ครั้งใน 54 ประเทศ และปี 2025 ก็มีอย่างน้อย 244 ครั้งแล้ว ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสะท้อนว่าการปิดอินเทอร์เน็ตกำลังกลายเป็น “มาตรฐานใหม่” ของรัฐบาลอำนาจนิยม
ปัญหานี้รุนแรงขึ้นเพราะโครงสร้างอินเทอร์เน็ตในหลายประเทศ “รวมศูนย์” มากเกินไป เช่น มีผู้ให้บริการมือถือรายเดียว หรือมีสายเคเบิลเชื่อมต่อโลกภายนอกเพียง 1–2 เส้น ทำให้รัฐบาลสามารถสั่งปิดได้ง่ายเพียงออกคำสั่งเดียว ต่างจากประเทศที่มีโครงสร้างกระจายตัว เช่น สหรัฐฯ ที่การปิดอินเทอร์เน็ตทั้งประเทศแทบเป็นไปไม่ได้
Schneier เตือนว่าการปิดอินเทอร์เน็ตคือการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน และเป็นสัญญาณของการถอยหลังทางประชาธิปไตยทั่วโลก แม้จะมีความพยายามจากองค์กรระหว่างประเทศในการกดดัน แต่รัฐบาลหลายแห่งกลับ “เรียนรู้จากกันและกัน” ทำให้แนวโน้มนี้ยิ่งแพร่กระจาย
สรุปประเด็นสำคัญจากบทความ
การปิดอินเทอร์เน็ตกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
296 ครั้งในปี 2024
244 ครั้งในปี 2025 (ยังไม่จบปี)
เหตุผลที่รัฐบาลใช้ชัตดาวน์
ปิดกั้นการประท้วง
ควบคุมการเลือกตั้ง
ปิดปากสื่อ
ควบคุมข้อมูลในเขตสงคราม
แม้แต่ “กันโกงข้อสอบ”
ผลกระทบรุนแรงกว่าที่คิด
ระบบฉุกเฉินล่ม
การเงินหยุดชะงัก
เที่ยวบินถูกยกเลิก
ประชาชนในเขตสงครามไม่สามารถขอความช่วยเหลือ
ประเทศที่ทำบ่อยที่สุด
อินเดีย (855 ครั้ง)
เมียนมา
ปากีสถาน
อิหร่าน
ความเสี่ยงเชิงโครงสร้าง
โครงสร้างอินเทอร์เน็ตแบบรวมศูนย์ทำให้ปิดได้ง่าย
บริษัทเทคบางแห่ง “ร่วมมือ” กับรัฐบาลเพื่อผลประโยชน์
การปิดอินเทอร์เน็ตกำลังกลายเป็นอาวุธทางการเมือง
https://www.schneier.com/blog/archives/2025/12/deliberate-internet-shutdowns.html
บทความของ Bruce Schneier ชี้ให้เห็นแนวโน้มที่น่ากังวล: รัฐบาลจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ใช้อินเทอร์เน็ตชัตดาวน์เป็นเครื่องมือควบคุมประชาชน ไม่ว่าจะเพื่อหยุดการประท้วง ปิดปากสื่อ หรือแม้แต่ควบคุมผลสอบของนักเรียนในบางประเทศ เหตุการณ์ล่าสุด เช่น อัฟกานิสถาน แทนซาเนีย แคเมอรูน ปากีสถาน และไนจีเรีย ต่างเผชิญการปิดอินเทอร์เน็ตระดับภูมิภาคหรือทั้งประเทศ โดยหลายครั้งไม่มีคำอธิบายใด ๆ จากรัฐบาลเลย
Schneier ระบุว่าการปิดอินเทอร์เน็ตไม่ใช่แค่ “ความไม่สะดวก” แต่เป็นการปิดระบบโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของสังคม — ตั้งแต่การสื่อสารฉุกเฉิน การเงิน การบิน ไปจนถึงความปลอดภัยของประชาชนในเขตสงคราม เช่น กาซา หรือยูเครน ที่เคยถูกตัดสัญญาณโดยเจตนาเพื่อทำให้ประชาชนไร้ความสามารถในการขอความช่วยเหลือหรือเผยแพร่หลักฐานการละเมิดสิทธิ
ข้อมูลจาก Access Now ระบุว่า ปี 2024 มีการปิดอินเทอร์เน็ต 296 ครั้งใน 54 ประเทศ และปี 2025 ก็มีอย่างน้อย 244 ครั้งแล้ว ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสะท้อนว่าการปิดอินเทอร์เน็ตกำลังกลายเป็น “มาตรฐานใหม่” ของรัฐบาลอำนาจนิยม
ปัญหานี้รุนแรงขึ้นเพราะโครงสร้างอินเทอร์เน็ตในหลายประเทศ “รวมศูนย์” มากเกินไป เช่น มีผู้ให้บริการมือถือรายเดียว หรือมีสายเคเบิลเชื่อมต่อโลกภายนอกเพียง 1–2 เส้น ทำให้รัฐบาลสามารถสั่งปิดได้ง่ายเพียงออกคำสั่งเดียว ต่างจากประเทศที่มีโครงสร้างกระจายตัว เช่น สหรัฐฯ ที่การปิดอินเทอร์เน็ตทั้งประเทศแทบเป็นไปไม่ได้
Schneier เตือนว่าการปิดอินเทอร์เน็ตคือการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน และเป็นสัญญาณของการถอยหลังทางประชาธิปไตยทั่วโลก แม้จะมีความพยายามจากองค์กรระหว่างประเทศในการกดดัน แต่รัฐบาลหลายแห่งกลับ “เรียนรู้จากกันและกัน” ทำให้แนวโน้มนี้ยิ่งแพร่กระจาย
สรุปประเด็นสำคัญจากบทความ
การปิดอินเทอร์เน็ตกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
296 ครั้งในปี 2024
244 ครั้งในปี 2025 (ยังไม่จบปี)
เหตุผลที่รัฐบาลใช้ชัตดาวน์
ปิดกั้นการประท้วง
ควบคุมการเลือกตั้ง
ปิดปากสื่อ
ควบคุมข้อมูลในเขตสงคราม
แม้แต่ “กันโกงข้อสอบ”
ผลกระทบรุนแรงกว่าที่คิด
ระบบฉุกเฉินล่ม
การเงินหยุดชะงัก
เที่ยวบินถูกยกเลิก
ประชาชนในเขตสงครามไม่สามารถขอความช่วยเหลือ
ประเทศที่ทำบ่อยที่สุด
อินเดีย (855 ครั้ง)
เมียนมา
ปากีสถาน
อิหร่าน
ความเสี่ยงเชิงโครงสร้าง
โครงสร้างอินเทอร์เน็ตแบบรวมศูนย์ทำให้ปิดได้ง่าย
บริษัทเทคบางแห่ง “ร่วมมือ” กับรัฐบาลเพื่อผลประโยชน์
การปิดอินเทอร์เน็ตกำลังกลายเป็นอาวุธทางการเมือง
https://www.schneier.com/blog/archives/2025/12/deliberate-internet-shutdowns.html
🌐⚠️ รัฐบาลทั่วโลกใช้ “ปิดอินเทอร์เน็ต” เป็นอาวุธใหม่ — และกำลังเกิดบ่อยขึ้นอย่างน่ากลัว
บทความของ Bruce Schneier ชี้ให้เห็นแนวโน้มที่น่ากังวล: รัฐบาลจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ใช้อินเทอร์เน็ตชัตดาวน์เป็นเครื่องมือควบคุมประชาชน ไม่ว่าจะเพื่อหยุดการประท้วง ปิดปากสื่อ หรือแม้แต่ควบคุมผลสอบของนักเรียนในบางประเทศ เหตุการณ์ล่าสุด เช่น อัฟกานิสถาน แทนซาเนีย แคเมอรูน ปากีสถาน และไนจีเรีย ต่างเผชิญการปิดอินเทอร์เน็ตระดับภูมิภาคหรือทั้งประเทศ โดยหลายครั้งไม่มีคำอธิบายใด ๆ จากรัฐบาลเลย
Schneier ระบุว่าการปิดอินเทอร์เน็ตไม่ใช่แค่ “ความไม่สะดวก” แต่เป็นการปิดระบบโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของสังคม — ตั้งแต่การสื่อสารฉุกเฉิน การเงิน การบิน ไปจนถึงความปลอดภัยของประชาชนในเขตสงคราม เช่น กาซา หรือยูเครน ที่เคยถูกตัดสัญญาณโดยเจตนาเพื่อทำให้ประชาชนไร้ความสามารถในการขอความช่วยเหลือหรือเผยแพร่หลักฐานการละเมิดสิทธิ
ข้อมูลจาก Access Now ระบุว่า ปี 2024 มีการปิดอินเทอร์เน็ต 296 ครั้งใน 54 ประเทศ และปี 2025 ก็มีอย่างน้อย 244 ครั้งแล้ว ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสะท้อนว่าการปิดอินเทอร์เน็ตกำลังกลายเป็น “มาตรฐานใหม่” ของรัฐบาลอำนาจนิยม
ปัญหานี้รุนแรงขึ้นเพราะโครงสร้างอินเทอร์เน็ตในหลายประเทศ “รวมศูนย์” มากเกินไป เช่น มีผู้ให้บริการมือถือรายเดียว หรือมีสายเคเบิลเชื่อมต่อโลกภายนอกเพียง 1–2 เส้น ทำให้รัฐบาลสามารถสั่งปิดได้ง่ายเพียงออกคำสั่งเดียว ต่างจากประเทศที่มีโครงสร้างกระจายตัว เช่น สหรัฐฯ ที่การปิดอินเทอร์เน็ตทั้งประเทศแทบเป็นไปไม่ได้
Schneier เตือนว่าการปิดอินเทอร์เน็ตคือการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน และเป็นสัญญาณของการถอยหลังทางประชาธิปไตยทั่วโลก แม้จะมีความพยายามจากองค์กรระหว่างประเทศในการกดดัน แต่รัฐบาลหลายแห่งกลับ “เรียนรู้จากกันและกัน” ทำให้แนวโน้มนี้ยิ่งแพร่กระจาย
📌 สรุปประเด็นสำคัญจากบทความ
✅ การปิดอินเทอร์เน็ตกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
➡️ 296 ครั้งในปี 2024
➡️ 244 ครั้งในปี 2025 (ยังไม่จบปี)
✅ เหตุผลที่รัฐบาลใช้ชัตดาวน์
➡️ ปิดกั้นการประท้วง
➡️ ควบคุมการเลือกตั้ง
➡️ ปิดปากสื่อ
➡️ ควบคุมข้อมูลในเขตสงคราม
➡️ แม้แต่ “กันโกงข้อสอบ”
✅ ผลกระทบรุนแรงกว่าที่คิด
➡️ ระบบฉุกเฉินล่ม
➡️ การเงินหยุดชะงัก
➡️ เที่ยวบินถูกยกเลิก
➡️ ประชาชนในเขตสงครามไม่สามารถขอความช่วยเหลือ
✅ ประเทศที่ทำบ่อยที่สุด
➡️ อินเดีย (855 ครั้ง)
➡️ เมียนมา
➡️ ปากีสถาน
➡️ อิหร่าน
‼️ ความเสี่ยงเชิงโครงสร้าง
➡️ โครงสร้างอินเทอร์เน็ตแบบรวมศูนย์ทำให้ปิดได้ง่าย
➡️ บริษัทเทคบางแห่ง “ร่วมมือ” กับรัฐบาลเพื่อผลประโยชน์
➡️ การปิดอินเทอร์เน็ตกำลังกลายเป็นอาวุธทางการเมือง
https://www.schneier.com/blog/archives/2025/12/deliberate-internet-shutdowns.html
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
96 มุมมอง
0 รีวิว