• อัยการสูงสุดนำตัว “ภิรพล ลาภาโรจน์กิจ” อดีต สส.สงขลา ปชป.ฟ้องศาลฎีกาฯ ดอดนั่งเครื่องกลับบ้าน แต่ให้ สส.คนอื่นเสียบบัตรประชุมแทน ระหว่างพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ให้กระทรวงการคลังกู้เงินพัฒนาโครงสร้างคมนาคมทั่วประเทศ เมื่อปี 2556

    เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (24 ก.พ.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (อม.) อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายภิรพล ลาภาโรจน์กิจ อดีต สส.เขตเลือกตั้งที่ 2 จ.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลย คดีหมายเลขดำที่อม.5/2568

    อัยการสูงสุดฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ย.2556 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 24 ปี ที่ 3 ครั้งที่ 11 (สมัยสามัญทั่วไป) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพ ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศพ.ศ..จำเลยได้เดินทางไปอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยเครื่องบินของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เที่ยวบินที่ TG237 จากท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิ ไปยังท่าอากาศยานหาดใหญ่ เวลา 18.05 -19.35 น. และไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยได้ เดินทางกลับมายังกรุงเทพมหานครในวันดังกล่าว แต่จำเลยได้ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่ง หรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต โดยจำเลยได้ฝากบัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยให้กับ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่น หรือยินยอมให้บัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยไปอยู่ในความครอบครอง ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่น เพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายนั้นใช้บัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์ของ จำเลยกดปุ่มแสดงตน และออกเสียงลงคะแนนแทนจำเลยในการพิจารณาและลงมติร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามมาตรา 5,7,10,11,14,16,17,18 และ 20 บัญชีท้าย วาระที่ 3 และข้อสังเกต ต่อเนื่องกันตามลำดับ ตั้งแต่เวลา 18.05 น. จนถึงเวลา 23.27 น. โดยที่ตนเองไม่อยู่ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยมิชอบ เพื่อให้เกิด ความเสียหายแก่ปวงชนชาวไทยโดยส่วนรวม ฝ่ายนิติบัญญัติ สมาชิกรัฐสภาอื่น และเป็นการกระทำโดยทุจริต

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000018176

    #MGROnline #สงขลา #พรรคประชาธิปัตย์ #เสียบบัตรประชุมแทน
    อัยการสูงสุดนำตัว “ภิรพล ลาภาโรจน์กิจ” อดีต สส.สงขลา ปชป.ฟ้องศาลฎีกาฯ ดอดนั่งเครื่องกลับบ้าน แต่ให้ สส.คนอื่นเสียบบัตรประชุมแทน ระหว่างพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ให้กระทรวงการคลังกู้เงินพัฒนาโครงสร้างคมนาคมทั่วประเทศ เมื่อปี 2556 • เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (24 ก.พ.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (อม.) อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายภิรพล ลาภาโรจน์กิจ อดีต สส.เขตเลือกตั้งที่ 2 จ.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลย คดีหมายเลขดำที่อม.5/2568 • อัยการสูงสุดฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ย.2556 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 24 ปี ที่ 3 ครั้งที่ 11 (สมัยสามัญทั่วไป) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพ ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศพ.ศ..จำเลยได้เดินทางไปอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยเครื่องบินของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เที่ยวบินที่ TG237 จากท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิ ไปยังท่าอากาศยานหาดใหญ่ เวลา 18.05 -19.35 น. และไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยได้ เดินทางกลับมายังกรุงเทพมหานครในวันดังกล่าว แต่จำเลยได้ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่ง หรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต โดยจำเลยได้ฝากบัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยให้กับ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่น หรือยินยอมให้บัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยไปอยู่ในความครอบครอง ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่น เพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายนั้นใช้บัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์ของ จำเลยกดปุ่มแสดงตน และออกเสียงลงคะแนนแทนจำเลยในการพิจารณาและลงมติร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามมาตรา 5,7,10,11,14,16,17,18 และ 20 บัญชีท้าย วาระที่ 3 และข้อสังเกต ต่อเนื่องกันตามลำดับ ตั้งแต่เวลา 18.05 น. จนถึงเวลา 23.27 น. โดยที่ตนเองไม่อยู่ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยมิชอบ เพื่อให้เกิด ความเสียหายแก่ปวงชนชาวไทยโดยส่วนรวม ฝ่ายนิติบัญญัติ สมาชิกรัฐสภาอื่น และเป็นการกระทำโดยทุจริต • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000018176 • #MGROnline #สงขลา #พรรคประชาธิปัตย์ #เสียบบัตรประชุมแทน
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผกก.สน.ปทุมวัน เผยผู้ก่อเหตุแทง ผจก.ร้านขายเก้าอี้นวดไฟฟ้าเสียชีวิตในห้างดัง สารภาพทำเพราะถูกนินทา และทวงค่าคอมหลายครั้งยังไม่ได้ ด้านแฟนผู้ตายยืนยันไม่ทีทางให้อภัย

    จากกรณี นายประโยชน์ อายุ 40 ปี ถูกอาวุธมีดแทงบริเวณหน้าอกเสียชีวิต ภายในห้างดัง ย่านปทุมวัน กรุงเทพฯ ต่อมาตำรวจสามารถจับกุมนายสรศักดิ์ อายุ 27 ปี ผู้ก่อเหตุไว้ได้ เบื้องต้นทราบว่า ผู้ก่อเหตุและผู้เสียชีวิตเป็นเพื่อนร่วมงานกันตามที่เสนอข่าวนั่น

    ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (24 ก.พ.) พ.ต.อ.อาคม ชุพรัตน์ ผกก. สน.ปทุมวัน เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำ นายสรศักดิ์ ให้การรับสารภาพว่า ตนเป็นลูกจ้างในร้านขายเครื่องนวดเก้าอี้ไฟฟ้า ส่วนผู้ตายเป็นผู้จัดการร้าน สำหรับมูลเหตุจูงใจ ผู้ต้องหาอ้างว่า ก่อนหน้านี้มีปากเสียงทะเลาะกับคนตายอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากคนตายชอบเอาเรื่องของตนไปนินทาให้คนอื่นฟัง อีกทั้งผู้ต้องหาได้ทวงถามค่าคอมมิชชั่นจากคนตายหลายครั้งแต่ก็ยังไม่ได้สักที

    เบื้องต้นพนักงานสอบสวน แจ้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา ซึ่งผู้ต้องหายังไม่ได้ให้การอะไรมาก โดยในวันนี้พนักงานสอบสวนจะคุมตัวสอบเข้มตลอดทั้งวัน และจะนำตัวผู้ต้องหาถูกฝากขังต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ในวันพรุ่งนี้ (25 ก.พ.)

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000018155

    #MGROnline #ผู้จัดการร้าน #ค่าคอมมิชชั่น
    ผกก.สน.ปทุมวัน เผยผู้ก่อเหตุแทง ผจก.ร้านขายเก้าอี้นวดไฟฟ้าเสียชีวิตในห้างดัง สารภาพทำเพราะถูกนินทา และทวงค่าคอมหลายครั้งยังไม่ได้ ด้านแฟนผู้ตายยืนยันไม่ทีทางให้อภัย • จากกรณี นายประโยชน์ อายุ 40 ปี ถูกอาวุธมีดแทงบริเวณหน้าอกเสียชีวิต ภายในห้างดัง ย่านปทุมวัน กรุงเทพฯ ต่อมาตำรวจสามารถจับกุมนายสรศักดิ์ อายุ 27 ปี ผู้ก่อเหตุไว้ได้ เบื้องต้นทราบว่า ผู้ก่อเหตุและผู้เสียชีวิตเป็นเพื่อนร่วมงานกันตามที่เสนอข่าวนั่น • ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (24 ก.พ.) พ.ต.อ.อาคม ชุพรัตน์ ผกก. สน.ปทุมวัน เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำ นายสรศักดิ์ ให้การรับสารภาพว่า ตนเป็นลูกจ้างในร้านขายเครื่องนวดเก้าอี้ไฟฟ้า ส่วนผู้ตายเป็นผู้จัดการร้าน สำหรับมูลเหตุจูงใจ ผู้ต้องหาอ้างว่า ก่อนหน้านี้มีปากเสียงทะเลาะกับคนตายอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากคนตายชอบเอาเรื่องของตนไปนินทาให้คนอื่นฟัง อีกทั้งผู้ต้องหาได้ทวงถามค่าคอมมิชชั่นจากคนตายหลายครั้งแต่ก็ยังไม่ได้สักที • เบื้องต้นพนักงานสอบสวน แจ้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา ซึ่งผู้ต้องหายังไม่ได้ให้การอะไรมาก โดยในวันนี้พนักงานสอบสวนจะคุมตัวสอบเข้มตลอดทั้งวัน และจะนำตัวผู้ต้องหาถูกฝากขังต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ในวันพรุ่งนี้ (25 ก.พ.) • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000018155 • #MGROnline #ผู้จัดการร้าน #ค่าคอมมิชชั่น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • "พิราบขาว" ยื่น กกต.ส่งศาลรธน.ถอด "นายกฯอิ๊งค์” ปมที่ดินธรณีสงฆ์-เกินกม.ต้องคืนที่ดินให้วัดทันที
    https://www.thai-tai.tv/news/17337/
    "พิราบขาว" ยื่น กกต.ส่งศาลรธน.ถอด "นายกฯอิ๊งค์” ปมที่ดินธรณีสงฆ์-เกินกม.ต้องคืนที่ดินให้วัดทันที https://www.thai-tai.tv/news/17337/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • "สนธิญา" ยื่นขวาง "ดีเอสไอ" ทบทวนรับคดีฮั้ว สว. เป็นคดีพิเศษ ชี้ กกต. รับเรื่องตรวจสอบไว้แล้ว มองทำงานซ้ำซ้อนกันอาจเกิดความขัดแย้ง

    วันนี้ (24 ก.พ.) เวลา 10.30 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เดินทางยื่นหนังสือถึง พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อขอให้พิจารณาทบทวนการรับคดีการเลือก สมาชิกวุฒิสภา (สว.)​ เข้าข่าย "อั้งยี่ ซ่องโจร" เป็นคดีพิเศษ โดยมี น.ส.อรุณศรี วิชชาวุธ ผู้อำนวยการกองบริหารคดีพิเศษ พร้อม นายสมเกียรติ เพชรประดับ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการส่วนพิจารณาสำนวนร้องทุกข์ กองบริหารคดีพิเศษ เป็นผู้แทนรับเรื่อง

    นายสนธิญา เผยว่า ตนเป็นอดีตผู้สมัคร สว.เขตปทุมวัน กทม. และผ่านเข้าสู่ระดับจังหวัด จึงรู้เห็นระบบกระบวนการในการเลือกตั้งทั้งหมดอย่างละเอียด ซึ่งตนเองก็เคยร้องเรียนหลังพบว่า มีบริษัทไฟฟ้ารายใหญ่แห่งหนึ่ง ส่งบุคลากรสมัครเป็นกลุ่มก้อนเป็นเพื่อช่วยโหวตให้บุคคลหนึ่งลักษณะทุจริต และเรื่องนี้ได้ทักท้วงเจ้าหน้าที่เรียกร้องให้เปิดคลิปวงจรปิดในวันโหวตเลือก สว. ขอให้เปิดเผยเอกสารการลงคะแนน แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าหากจะดูหลักฐานได้ต้องยื่นฟ้องต่อศาลเท่านั้น

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000018145

    #MGROnline #สนธิญา #ดีเอสไอ
    "สนธิญา" ยื่นขวาง "ดีเอสไอ" ทบทวนรับคดีฮั้ว สว. เป็นคดีพิเศษ ชี้ กกต. รับเรื่องตรวจสอบไว้แล้ว มองทำงานซ้ำซ้อนกันอาจเกิดความขัดแย้ง • วันนี้ (24 ก.พ.) เวลา 10.30 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เดินทางยื่นหนังสือถึง พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อขอให้พิจารณาทบทวนการรับคดีการเลือก สมาชิกวุฒิสภา (สว.)​ เข้าข่าย "อั้งยี่ ซ่องโจร" เป็นคดีพิเศษ โดยมี น.ส.อรุณศรี วิชชาวุธ ผู้อำนวยการกองบริหารคดีพิเศษ พร้อม นายสมเกียรติ เพชรประดับ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการส่วนพิจารณาสำนวนร้องทุกข์ กองบริหารคดีพิเศษ เป็นผู้แทนรับเรื่อง • นายสนธิญา เผยว่า ตนเป็นอดีตผู้สมัคร สว.เขตปทุมวัน กทม. และผ่านเข้าสู่ระดับจังหวัด จึงรู้เห็นระบบกระบวนการในการเลือกตั้งทั้งหมดอย่างละเอียด ซึ่งตนเองก็เคยร้องเรียนหลังพบว่า มีบริษัทไฟฟ้ารายใหญ่แห่งหนึ่ง ส่งบุคลากรสมัครเป็นกลุ่มก้อนเป็นเพื่อช่วยโหวตให้บุคคลหนึ่งลักษณะทุจริต และเรื่องนี้ได้ทักท้วงเจ้าหน้าที่เรียกร้องให้เปิดคลิปวงจรปิดในวันโหวตเลือก สว. ขอให้เปิดเผยเอกสารการลงคะแนน แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าหากจะดูหลักฐานได้ต้องยื่นฟ้องต่อศาลเท่านั้น • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000018145 • #MGROnline #สนธิญา #ดีเอสไอ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 54 มุมมอง 0 รีวิว
  • "พิราบขาว" ยื่น กกต. ส่งศาลรธน.ถอด "นายกอิ๊งค์" ปมผิดจริยธรรมถือครองที่ดินธรณีสงฆ์-เกิน กม.กำหนด จี้คืนที่ดินวัดทันที ย้อนหากอยากได้พร้อมเป็นสัปเหร่อไหม ตั้งคำถามให้พ่อใช้ซิกเซ้นส์ เกินหน้า ทำภาพลูกสาวกลายเป็นเด็กอินโนเซ้นท์โดยสมบูรณ์

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000018177

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "พิราบขาว" ยื่น กกต. ส่งศาลรธน.ถอด "นายกอิ๊งค์" ปมผิดจริยธรรมถือครองที่ดินธรณีสงฆ์-เกิน กม.กำหนด จี้คืนที่ดินวัดทันที ย้อนหากอยากได้พร้อมเป็นสัปเหร่อไหม ตั้งคำถามให้พ่อใช้ซิกเซ้นส์ เกินหน้า ทำภาพลูกสาวกลายเป็นเด็กอินโนเซ้นท์โดยสมบูรณ์ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000018177 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'วิสุทธิ์' มอง 'เนวิน-ทักษิณ' นัดคุย เป็นเรื่องดี เชื่อ ไม่ใช่เคลียร์ปัญหา แค่หารือกัน ยันขณะนี้ ภท.ยังเป็นพรรคร่วมรัฐบาลต้องกอดคอกันไป-ไม่วางยา โยนปมสอบที่ดินปากช่อง ก.เกษตรฯ เป็นคนสอบ พท.ไม่ได้สั่ง เผย ปธ.สภา เตรียมนัดประชุม ถกยื่นศาลตีความแก้ รธน. 26 ก.พ.นี้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000018164

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    'วิสุทธิ์' มอง 'เนวิน-ทักษิณ' นัดคุย เป็นเรื่องดี เชื่อ ไม่ใช่เคลียร์ปัญหา แค่หารือกัน ยันขณะนี้ ภท.ยังเป็นพรรคร่วมรัฐบาลต้องกอดคอกันไป-ไม่วางยา โยนปมสอบที่ดินปากช่อง ก.เกษตรฯ เป็นคนสอบ พท.ไม่ได้สั่ง เผย ปธ.สภา เตรียมนัดประชุม ถกยื่นศาลตีความแก้ รธน. 26 ก.พ.นี้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000018164 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 312 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลฎีกาจีนเผยแพร่ผลการพิจารณาคดีสำคัญ 7 คดีเกี่ยวกับการฉ้อโกงผ่านระบบโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ต โดยล่าสุดมีการตัดสินจำคุกตลอดชีวิต 4 ผู้ต้องหาคนสำคัญจากกลุ่มอาชญากรรมที่ก่อเหตุฉ้อโกงข้ามชาติผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ในคดีประเภท "โรแมนซ์สแกม"

    รายงานของศาลฎีการะบุว่า ในช่วงต้นปี 2563 ผู้ต้องหาชาวจีนได้จัดตั้งกลุ่มฉ้อโกงที่เมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา ในพื้นที่ที่เรียกว่า "สวนไฉเสิน อินเตอร์เนชั่นแนล" (Caishen International Park) โดยพวกเขาจ้างสมาชิกอีกหลายคนมาเป็นทีมงานเพื่อดำเนินการหลอกลวงประชาชนจีนผ่านโลกออนไลน์ โดยมีเป้าหมายหลักเป็นผู้หญิงที่เป็นนักธุรกิจหรือผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจดี

    วิธีการของกลุ่มนี้คือใช้แอปพลิเคชั่นแชทและโซเชียลมีเดียต่างชาติในการเข้าหาเหยื่อ ปลอมตัวเป็นผู้ชายที่มีฐานะดีหน้าตาดี ทำทีตีสนิท พูดคุยจนเหยื่อเชื่อใจ จากนั้นหลอกล่อให้เหยื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชันลงทุนออนไลน์หรือพนันออนไลน์ปลอมชื่อ "จินเทียนลี่" และแพลตฟอร์มอื่นๆ ซึ่งกลุ่มสามารถควบคุมและจัดการผลลัพธ์ให้เหยื่อหลงเชื่อได้ เมื่อเหยื่อลงทุนด้วยจำนวนเงินมากแล้ว กลุ่มจะตัดช่องทางถอนเงินออก และตัดการติดต่อกับเหยื่อในทันที

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000018150

    #MGROnline #โรแมนซ์สแกม
    ศาลฎีกาจีนเผยแพร่ผลการพิจารณาคดีสำคัญ 7 คดีเกี่ยวกับการฉ้อโกงผ่านระบบโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ต โดยล่าสุดมีการตัดสินจำคุกตลอดชีวิต 4 ผู้ต้องหาคนสำคัญจากกลุ่มอาชญากรรมที่ก่อเหตุฉ้อโกงข้ามชาติผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ในคดีประเภท "โรแมนซ์สแกม" • รายงานของศาลฎีการะบุว่า ในช่วงต้นปี 2563 ผู้ต้องหาชาวจีนได้จัดตั้งกลุ่มฉ้อโกงที่เมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา ในพื้นที่ที่เรียกว่า "สวนไฉเสิน อินเตอร์เนชั่นแนล" (Caishen International Park) โดยพวกเขาจ้างสมาชิกอีกหลายคนมาเป็นทีมงานเพื่อดำเนินการหลอกลวงประชาชนจีนผ่านโลกออนไลน์ โดยมีเป้าหมายหลักเป็นผู้หญิงที่เป็นนักธุรกิจหรือผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจดี • วิธีการของกลุ่มนี้คือใช้แอปพลิเคชั่นแชทและโซเชียลมีเดียต่างชาติในการเข้าหาเหยื่อ ปลอมตัวเป็นผู้ชายที่มีฐานะดีหน้าตาดี ทำทีตีสนิท พูดคุยจนเหยื่อเชื่อใจ จากนั้นหลอกล่อให้เหยื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชันลงทุนออนไลน์หรือพนันออนไลน์ปลอมชื่อ "จินเทียนลี่" และแพลตฟอร์มอื่นๆ ซึ่งกลุ่มสามารถควบคุมและจัดการผลลัพธ์ให้เหยื่อหลงเชื่อได้ เมื่อเหยื่อลงทุนด้วยจำนวนเงินมากแล้ว กลุ่มจะตัดช่องทางถอนเงินออก และตัดการติดต่อกับเหยื่อในทันที • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000018150 • #MGROnline #โรแมนซ์สแกม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญานัดไต่สวนมูลฟ้อง “สนธิ” ฟ้องหมิ่น “ทนายจุ๊กกรู” ที่ประสงค์จะขอไกล่เกลี่ย แต่ไม่มาศาล อ้างติดภารกิจศาลอื่น จึงเลื่อนนัดไปไต่สวนมูลฟ้อง 16 มิ.ย.นี้ ด้านทนายความ “สนธิ” ยืนยันในชั้นนี้ไม่ไกล่เกลี่ยแน่นอน

    ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (24 ก.พ.) ที่ห้องพิจารณา 812 ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง คดีหมายเลขดำ อ.3618/2567 ที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายงานสนธิทอล์ค เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเดชา กิตต์วิทยานันท์ (ทนายจุ๊กกรู) หรือ ทนายคลายทุกข์ เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 และมาตรา 332

    คดีนี้โจทก์ฟ้อง เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2567 ว่า โจทก์ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนมากว่า 50 ปี ยึดมั่นในหลักวิชาชีพและจรรยาบรรณของสื่อมวลชนมาโดยตลอด ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันมาทุกยุคทุกสมัย รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและส่วนรวมเป็นหลัก เกี่ยวกับคดีนี้ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ (อ้อย) ได้มาพบกับโจทก์และทีมงานข่าวบ้านพระอาทิตย์ เพื่อร้องเรียนพฤติกรรมของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ว่า ฉ้อโกงเงินจำนวน 71 ล้านบาท อีกทั้งเคยเป็นทนายความที่ปรึกษากฎหมายให้กับน.ส.จตุพร ดังกล่าว จนต่อมานายษิทราถูกตำรวจจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000018090

    #MGROnline #สนธิ #ฟ้องหมิ่น #ทนายจุ๊กกรู
    ศาลอาญานัดไต่สวนมูลฟ้อง “สนธิ” ฟ้องหมิ่น “ทนายจุ๊กกรู” ที่ประสงค์จะขอไกล่เกลี่ย แต่ไม่มาศาล อ้างติดภารกิจศาลอื่น จึงเลื่อนนัดไปไต่สวนมูลฟ้อง 16 มิ.ย.นี้ ด้านทนายความ “สนธิ” ยืนยันในชั้นนี้ไม่ไกล่เกลี่ยแน่นอน • ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (24 ก.พ.) ที่ห้องพิจารณา 812 ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง คดีหมายเลขดำ อ.3618/2567 ที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายงานสนธิทอล์ค เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเดชา กิตต์วิทยานันท์ (ทนายจุ๊กกรู) หรือ ทนายคลายทุกข์ เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 และมาตรา 332 • คดีนี้โจทก์ฟ้อง เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2567 ว่า โจทก์ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนมากว่า 50 ปี ยึดมั่นในหลักวิชาชีพและจรรยาบรรณของสื่อมวลชนมาโดยตลอด ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันมาทุกยุคทุกสมัย รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและส่วนรวมเป็นหลัก เกี่ยวกับคดีนี้ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ (อ้อย) ได้มาพบกับโจทก์และทีมงานข่าวบ้านพระอาทิตย์ เพื่อร้องเรียนพฤติกรรมของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ว่า ฉ้อโกงเงินจำนวน 71 ล้านบาท อีกทั้งเคยเป็นทนายความที่ปรึกษากฎหมายให้กับน.ส.จตุพร ดังกล่าว จนต่อมานายษิทราถูกตำรวจจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000018090 • #MGROnline #สนธิ #ฟ้องหมิ่น #ทนายจุ๊กกรู
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
  • 3 ปี สิ้นดาราสาว “แตงโม-ภัทรธิดา” คดีปริศนาแห่งแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ยังไร้ข้อสรุป

    📅 ครบ 3 ปี การจากไปของ "แตงโม นิดา" วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เป็นวันที่แฟนคลับ และประชาชนทั่วประเทศไทย ต้องตกใจและตกตะลึง กับข่าวการเสียชีวิตของ "แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์" นักแสดงสาวชื่อดัง ที่พลัดตกจากเรือสปีดโบ๊ต กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ท่ามกลางปริศนา และข้อกังขามากมาย คดีนี้กลายเป็นหนึ่งในคดี ที่ถูกจับตามองมากที่สุด ในประวัติศาสตร์ไทย

    ⏳ ย้อนรอยคืนเกิดเหตุ 24 กุมภาพันธ์ 2565
    🔹 ช่วงเย็น แตงโมพร้อมกลุ่มเพื่อน 5 คน ได้แก่ ปอ ตนุภัทร, กระติก อิจศรินทร์, แซน วิศาพัช, จ๊อบ นิทัศน์ และโรเบิร์ต ไพบูลย์ นัดกันไปทานอาหาร ก่อนทั้งหมดลงเรือสปีดโบ๊ต ล่องแม่น้ำเจ้าพระยา

    🔹 เวลา 22.32 น. แตงโมตกน้ำบริเวณสะพานพระราม 7 โดยอ้างว่าไปปัสสาวะท้ายเรือ

    🔹 หลังจากนั้น 30 นาที กลุ่มเพื่อนที่อยู่บนเรือ อ้างว่าวนเรือกลับมาหา แต่ไม่พบ

    🔹 00.20 น. 25 ก.พ. 2565 ทีมกู้ภัยและนักประดาน้ำ เริ่มปฏิบัติการค้นหา

    🔹 13.10 น. 26 ก.พ. 2565 พบศพแตงโม ลอยขึ้นใกล้ท่าเรือพิบูลสงคราม 1

    🚨 แม้จะพบร่างแล้ว แต่ปริศนาเกี่ยวกับการเสียชีวิต กลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ!

    🕵️‍♂️ คำถามที่ยังไม่มีคำตอบในคดีแตงโม
    แม้ว่าตำรวจจะสรุปว่า "แตงโมเสียชีวิต จากอุบัติเหตุพลัดตกน้ำ" แต่สังคมยังคงมีข้อสงสัยมากมาย อาทิ

    ❓ บาดแผลที่ต้นขาเกิดจากอะไร?
    ➡️ แพทย์นิติเวช พบแผลฉกรรจ์ที่ขาซ้าย คาดว่าเกิดจากใบพัดเรือ ทำให้ขาขยับไม่ได้ ซึ่งขัดแย้งกับคำให้การที่อ้างว่า "เธอตกน้ำ และพยายามว่ายน้ำกลับ"

    ❓ ทำไมกลุ่มเพื่อน จึงมีคำให้การไม่ตรงกัน?
    ➡️ แต่ละคนให้ปากคำแตกต่างกัน บางช่วงเวลา ไม่มีหลักฐานแน่ชัด ว่าทำอะไร

    ❓ หลักฐานที่สำคัญหายไปไหน?
    ➡️ เรือลำเกิดเหตุ ถูกทำความสะอาดก่อนตรวจสอบ ส่วนโทรศัพท์มือถือของแตงโม ถูกส่งไปต่างประเทศ แต่ภายหลังมีการกู้ข้อมูลกลับมา

    ❓ คลิปและรูปที่ถูกเผยแพร่ เป็นของจริงหรือไม่?
    ➡️ มีการตั้งข้อสังเกตว่า ภาพที่แตงโมถ่ายก่อนตกน้ำ อาจถูกตัดต่อ

    🏛️ การดำเนินคดี และคำตัดสิน
    📌 ตลอด 3 ปี ที่ผ่านมา มีการดำเนินคดี กับบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายราย แต่กระบวนการยุติธรรม ยังเต็มไปด้วยข้อกังขา

    🔴 ศาลจังหวัดนนทบุรี อนุมัติหมายจับ
    - ปอ ตนุภัทร และโรเบิร์ต ไพบูลย์ ข้อหากระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต
    - กระติก อิจศรินทร์ ให้การเท็จ และละเว้นการแจ้งเหตุ
    - แซน วิศาพัช ถูกตั้งข้อสงสัยว่า เป็นพยานปากสำคัญ ที่ให้ข้อมูลขัดแย้ง

    🔴 นางภนิดา แม่ของแตงโม รับเงินชดเชย 2 ล้านบาท
    ➡️ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า "แลกเงินกับคดีลูก"

    🔴 ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ ในปี 2567
    ➡️ มีการพบหลักฐานใหม่ ที่อาจทำให้คดีพลิก

    💔 ดราม่าภายในครอบครัว และคนใกล้ชิด
    😢 คดีนี้ไม่เพียงแต่ สร้างความสะเทือนใจต่อสังคม แต่ยังนำไปสู่ความขัดแย้งในครอบครัว
    🔹 แม่ของแตงโมถูกวิจารณ์หนัก เพราะยอมรับเงินเยียวยา และดูเหมือนไม่มุ่งหาความจริง
    🔹 เพื่อนสนิทแฉกันเอง หลายคนที่เคยสนิทกับแตงโม กลับกลายเป็นคู่กรณีกันในศาล
    🔹 ผู้ต้องหาให้สัมภาษณ์โต้แย้งกันเอง ทำให้คดีดูซับซ้อนยิ่งขึ้น

    📌 คดีแตงโม ความยุติธรรมจะมาถึงเมื่อไหร่?
    ⏳ แม้จะผ่านมา 3 ปี แต่คดีแตงโมยังเป็นปริศนา มีหลายฝ่ายเรียกร้อง ให้มีการรื้อฟื้นคดี และนำตัวผู้กระทำผิดที่แท้จริง มาลงโทษ

    🔎 ล่าสุดมีหลักฐานใหม่ ที่ถูกนำมาเปิดเผย เช่น
    ✅ คลิปจากมือถือแตงโม ที่อาจระบุได้ว่า เธอไม่ได้อยู่บนเรือ ในช่วงเวลาที่ตกน้ำ
    ✅ ข้อมูลจากกลุ่มอิสระ ที่พบข้อผิดพลาด ในการสืบสวนของตำรวจ

    🔥 “เวรกรรมกำลังทำงาน” เป็นคำพูดที่หลายคนในโซเชียล ใช้กันมากขึ้น เมื่อเห็นว่า หลายคนที่เคยปกป้องกันในคดีนี้ เริ่มมีปัญหากับกฎหมาย และสังคม

    📢 แตงโมยังคงรอความเป็นธรรม การเสียชีวิตของ "แตงโม นิดา" ไม่ใช่แค่เรื่องของดาราสาวคนหนึ่ง แต่เป็นตัวอย่าง ของปัญหาความยุติธรรมในสังคมไทย ที่ยังต้องการคำตอบ

    📍 สุดท้ายแล้ว "คดีนี้จะถูกปิดไปพร้อมกับความลับ หรือความจริงจะถูกเปิดเผยในที่สุด?" 📢

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241015 ก.พ. 2568

    🔥 #แตงโมนิดา #คดีแตงโม #3ปีที่จากไป #ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน #DSI #เปิดโปงความจริง #ลับลวงพราง #แตงโมต้องได้รับความเป็นธรรม
    3 ปี สิ้นดาราสาว “แตงโม-ภัทรธิดา” คดีปริศนาแห่งแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ยังไร้ข้อสรุป 📅 ครบ 3 ปี การจากไปของ "แตงโม นิดา" วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เป็นวันที่แฟนคลับ และประชาชนทั่วประเทศไทย ต้องตกใจและตกตะลึง กับข่าวการเสียชีวิตของ "แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์" นักแสดงสาวชื่อดัง ที่พลัดตกจากเรือสปีดโบ๊ต กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ท่ามกลางปริศนา และข้อกังขามากมาย คดีนี้กลายเป็นหนึ่งในคดี ที่ถูกจับตามองมากที่สุด ในประวัติศาสตร์ไทย ⏳ ย้อนรอยคืนเกิดเหตุ 24 กุมภาพันธ์ 2565 🔹 ช่วงเย็น แตงโมพร้อมกลุ่มเพื่อน 5 คน ได้แก่ ปอ ตนุภัทร, กระติก อิจศรินทร์, แซน วิศาพัช, จ๊อบ นิทัศน์ และโรเบิร์ต ไพบูลย์ นัดกันไปทานอาหาร ก่อนทั้งหมดลงเรือสปีดโบ๊ต ล่องแม่น้ำเจ้าพระยา 🔹 เวลา 22.32 น. แตงโมตกน้ำบริเวณสะพานพระราม 7 โดยอ้างว่าไปปัสสาวะท้ายเรือ 🔹 หลังจากนั้น 30 นาที กลุ่มเพื่อนที่อยู่บนเรือ อ้างว่าวนเรือกลับมาหา แต่ไม่พบ 🔹 00.20 น. 25 ก.พ. 2565 ทีมกู้ภัยและนักประดาน้ำ เริ่มปฏิบัติการค้นหา 🔹 13.10 น. 26 ก.พ. 2565 พบศพแตงโม ลอยขึ้นใกล้ท่าเรือพิบูลสงคราม 1 🚨 แม้จะพบร่างแล้ว แต่ปริศนาเกี่ยวกับการเสียชีวิต กลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ! 🕵️‍♂️ คำถามที่ยังไม่มีคำตอบในคดีแตงโม แม้ว่าตำรวจจะสรุปว่า "แตงโมเสียชีวิต จากอุบัติเหตุพลัดตกน้ำ" แต่สังคมยังคงมีข้อสงสัยมากมาย อาทิ ❓ บาดแผลที่ต้นขาเกิดจากอะไร? ➡️ แพทย์นิติเวช พบแผลฉกรรจ์ที่ขาซ้าย คาดว่าเกิดจากใบพัดเรือ ทำให้ขาขยับไม่ได้ ซึ่งขัดแย้งกับคำให้การที่อ้างว่า "เธอตกน้ำ และพยายามว่ายน้ำกลับ" ❓ ทำไมกลุ่มเพื่อน จึงมีคำให้การไม่ตรงกัน? ➡️ แต่ละคนให้ปากคำแตกต่างกัน บางช่วงเวลา ไม่มีหลักฐานแน่ชัด ว่าทำอะไร ❓ หลักฐานที่สำคัญหายไปไหน? ➡️ เรือลำเกิดเหตุ ถูกทำความสะอาดก่อนตรวจสอบ ส่วนโทรศัพท์มือถือของแตงโม ถูกส่งไปต่างประเทศ แต่ภายหลังมีการกู้ข้อมูลกลับมา ❓ คลิปและรูปที่ถูกเผยแพร่ เป็นของจริงหรือไม่? ➡️ มีการตั้งข้อสังเกตว่า ภาพที่แตงโมถ่ายก่อนตกน้ำ อาจถูกตัดต่อ 🏛️ การดำเนินคดี และคำตัดสิน 📌 ตลอด 3 ปี ที่ผ่านมา มีการดำเนินคดี กับบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายราย แต่กระบวนการยุติธรรม ยังเต็มไปด้วยข้อกังขา 🔴 ศาลจังหวัดนนทบุรี อนุมัติหมายจับ - ปอ ตนุภัทร และโรเบิร์ต ไพบูลย์ ข้อหากระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต - กระติก อิจศรินทร์ ให้การเท็จ และละเว้นการแจ้งเหตุ - แซน วิศาพัช ถูกตั้งข้อสงสัยว่า เป็นพยานปากสำคัญ ที่ให้ข้อมูลขัดแย้ง 🔴 นางภนิดา แม่ของแตงโม รับเงินชดเชย 2 ล้านบาท ➡️ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า "แลกเงินกับคดีลูก" 🔴 ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ ในปี 2567 ➡️ มีการพบหลักฐานใหม่ ที่อาจทำให้คดีพลิก 💔 ดราม่าภายในครอบครัว และคนใกล้ชิด 😢 คดีนี้ไม่เพียงแต่ สร้างความสะเทือนใจต่อสังคม แต่ยังนำไปสู่ความขัดแย้งในครอบครัว 🔹 แม่ของแตงโมถูกวิจารณ์หนัก เพราะยอมรับเงินเยียวยา และดูเหมือนไม่มุ่งหาความจริง 🔹 เพื่อนสนิทแฉกันเอง หลายคนที่เคยสนิทกับแตงโม กลับกลายเป็นคู่กรณีกันในศาล 🔹 ผู้ต้องหาให้สัมภาษณ์โต้แย้งกันเอง ทำให้คดีดูซับซ้อนยิ่งขึ้น 📌 คดีแตงโม ความยุติธรรมจะมาถึงเมื่อไหร่? ⏳ แม้จะผ่านมา 3 ปี แต่คดีแตงโมยังเป็นปริศนา มีหลายฝ่ายเรียกร้อง ให้มีการรื้อฟื้นคดี และนำตัวผู้กระทำผิดที่แท้จริง มาลงโทษ 🔎 ล่าสุดมีหลักฐานใหม่ ที่ถูกนำมาเปิดเผย เช่น ✅ คลิปจากมือถือแตงโม ที่อาจระบุได้ว่า เธอไม่ได้อยู่บนเรือ ในช่วงเวลาที่ตกน้ำ ✅ ข้อมูลจากกลุ่มอิสระ ที่พบข้อผิดพลาด ในการสืบสวนของตำรวจ 🔥 “เวรกรรมกำลังทำงาน” เป็นคำพูดที่หลายคนในโซเชียล ใช้กันมากขึ้น เมื่อเห็นว่า หลายคนที่เคยปกป้องกันในคดีนี้ เริ่มมีปัญหากับกฎหมาย และสังคม 📢 แตงโมยังคงรอความเป็นธรรม การเสียชีวิตของ "แตงโม นิดา" ไม่ใช่แค่เรื่องของดาราสาวคนหนึ่ง แต่เป็นตัวอย่าง ของปัญหาความยุติธรรมในสังคมไทย ที่ยังต้องการคำตอบ 📍 สุดท้ายแล้ว "คดีนี้จะถูกปิดไปพร้อมกับความลับ หรือความจริงจะถูกเปิดเผยในที่สุด?" 📢 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241015 ก.พ. 2568 🔥 #แตงโมนิดา #คดีแตงโม #3ปีที่จากไป #ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน #DSI #เปิดโปงความจริง #ลับลวงพราง #แตงโมต้องได้รับความเป็นธรรม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 137 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เผยว่ากำลังสั่งการให้บุคลากรเกือบทั้งหมดทั่วโลก ยกเว้นจำนวนหนึ่งของสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) หยุดงานแบบได้รับค่าจ้างและกำจัดตำแหน่งงานเหล่านี้ราว 2,000 อัตราในอเมริกา ตามรายงานของรอยเตอร์อ้างอิงประกาศแจ้งที่ส่งถึงเจ้าหน้าที่ขององค์กรแห่งนี้
    .
    ไม่นานก่อนเที่ยงคืนวันอาทิตย์ (23 ก.พ) ตามเวลาตะวันออกของสหรัฐฯ บุคลากรทุกคนที่จ้างงานโดยตรงของสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ยกเว้นพวกเจ้าหน้าที่มีความจำเป็นสำหรับหน้าที่การงานสำคัญๆ จะถูกสั่งให้หยุดงาน ในขณะเดียวกันหน่วยงานแห่งนี้จะเริ่มนำนโบบายลดกำลังคนไปปฏิบัติ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อบุคลากรของ USAID ในอเมริการาว 2,000 คน
    .
    ทำเนียบขาวยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวนี้
    .
    กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาลของมหาเศรษฐีอีลอน มัสก์ เป็นแกนนำในความพยายามล้างบาง USAID กลไกหลักของสหรัฐฯ ในการมอบความช่วยเหลือแก่ต่างชาติ และเป็นเครื่องมือ "ซอฟต์เพาเวอร์" อันสำคัญยิ่งของสหรัฐฯ สำหรับแผ่ขยายอิทธิพลในต่างแดน
    .
    เมื่อวันศุกร์ (21 ก.พ.) ผู้พิพากษาศาลกลางรายหนึ่ง เปิดทางให้รัฐบาลทรัมป์เดินหน้าสั่งเจ้าหน้าที่ของ USAID หลายพันคนลางาน สร้างความผิดหวังแก่สหภาพลูกจ้างรัฐบาลที่กำลังยื่นฟ้องร้องในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าเป็นความพยายามขุดรุกถอนโคนหน่วยงานแห่งนี้
    .
    "รัฐบาลนี้และมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ ไม่มองการณ์ไกลในตัดลดศักยภาพและความเชี่ยวชาญของสหรัฐฯ ในตอบสนองต่อวิกฤตต่างๆ" มาร์เซีย หว่อง อดีตเจ้าหน้าที่รายหนึ่งของ USAID "ครั้งที่โรคระบาดเกิดขึ้น ประชาชนไร้ถิ่นฐาน พวกผู้เชี่ยวชาญของ USAID อยู่ในภาคสนามและประจำการเป็นชุดแรก เข้าช่วยประคับประคองไม่ให้เกิดภาวะไร้เสถียรภาพและมอบความช่วยเหลือ"
    .
    ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ สั่งระงับเงินช่วยเหลือต่างประเทศเป็นเวลา 90 วัน ไม่นานหลังจากเข้ารับตำแหน่ง หยุดป้อนเงินอุดหนุนสำหรับทุกสิ่งอย่างไล่ตั้งแต่โครงการต่อสู้กับความอดอยากและโรคติดต่อร้ายแรง ไปจนถึงจัดหาศูนย์พักพิงแก่คนไร้ถิ่นฐานหลายล้านคนทั่วโลก
    .
    รัฐบาลทรัมป์อนุมัติข้อยกเว้นบางส่วนสำหรับเงินช่วยเหลือรวมกว่า 5,300 ล้านดอลลาร์ที่ถูกแช่แข็งเอาไว้ ส่วนใหญ่แล้วเป็นโครงการด้านความมั่นคงและต่อต้านยาเสพติด ในนั้นรวมถึงความช่วยเหลือบรรทุกข์ด้านมนุษย์จำนวนหนึ่งอย่างจำกัด รอยเตอร์รายงานอ้างอิงเอกสารที่พบเห็น
    .
    อย่างไรก็ตาม โครงการต่างๆ ของ USAID ได้รับข้อยกเว้นมีไม่ถึง 100 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับงบประมาณบริหารโครงการต่างๆ ในแต่ละปีของ USAID ตกปีละราว 40,000 ล้านดอลลาร์ ก่อนถูกแช่แข็ง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000017985
    ..............
    Sondhi X
    รัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เผยว่ากำลังสั่งการให้บุคลากรเกือบทั้งหมดทั่วโลก ยกเว้นจำนวนหนึ่งของสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) หยุดงานแบบได้รับค่าจ้างและกำจัดตำแหน่งงานเหล่านี้ราว 2,000 อัตราในอเมริกา ตามรายงานของรอยเตอร์อ้างอิงประกาศแจ้งที่ส่งถึงเจ้าหน้าที่ขององค์กรแห่งนี้ . ไม่นานก่อนเที่ยงคืนวันอาทิตย์ (23 ก.พ) ตามเวลาตะวันออกของสหรัฐฯ บุคลากรทุกคนที่จ้างงานโดยตรงของสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ยกเว้นพวกเจ้าหน้าที่มีความจำเป็นสำหรับหน้าที่การงานสำคัญๆ จะถูกสั่งให้หยุดงาน ในขณะเดียวกันหน่วยงานแห่งนี้จะเริ่มนำนโบบายลดกำลังคนไปปฏิบัติ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อบุคลากรของ USAID ในอเมริการาว 2,000 คน . ทำเนียบขาวยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวนี้ . กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาลของมหาเศรษฐีอีลอน มัสก์ เป็นแกนนำในความพยายามล้างบาง USAID กลไกหลักของสหรัฐฯ ในการมอบความช่วยเหลือแก่ต่างชาติ และเป็นเครื่องมือ "ซอฟต์เพาเวอร์" อันสำคัญยิ่งของสหรัฐฯ สำหรับแผ่ขยายอิทธิพลในต่างแดน . เมื่อวันศุกร์ (21 ก.พ.) ผู้พิพากษาศาลกลางรายหนึ่ง เปิดทางให้รัฐบาลทรัมป์เดินหน้าสั่งเจ้าหน้าที่ของ USAID หลายพันคนลางาน สร้างความผิดหวังแก่สหภาพลูกจ้างรัฐบาลที่กำลังยื่นฟ้องร้องในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าเป็นความพยายามขุดรุกถอนโคนหน่วยงานแห่งนี้ . "รัฐบาลนี้และมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ ไม่มองการณ์ไกลในตัดลดศักยภาพและความเชี่ยวชาญของสหรัฐฯ ในตอบสนองต่อวิกฤตต่างๆ" มาร์เซีย หว่อง อดีตเจ้าหน้าที่รายหนึ่งของ USAID "ครั้งที่โรคระบาดเกิดขึ้น ประชาชนไร้ถิ่นฐาน พวกผู้เชี่ยวชาญของ USAID อยู่ในภาคสนามและประจำการเป็นชุดแรก เข้าช่วยประคับประคองไม่ให้เกิดภาวะไร้เสถียรภาพและมอบความช่วยเหลือ" . ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ สั่งระงับเงินช่วยเหลือต่างประเทศเป็นเวลา 90 วัน ไม่นานหลังจากเข้ารับตำแหน่ง หยุดป้อนเงินอุดหนุนสำหรับทุกสิ่งอย่างไล่ตั้งแต่โครงการต่อสู้กับความอดอยากและโรคติดต่อร้ายแรง ไปจนถึงจัดหาศูนย์พักพิงแก่คนไร้ถิ่นฐานหลายล้านคนทั่วโลก . รัฐบาลทรัมป์อนุมัติข้อยกเว้นบางส่วนสำหรับเงินช่วยเหลือรวมกว่า 5,300 ล้านดอลลาร์ที่ถูกแช่แข็งเอาไว้ ส่วนใหญ่แล้วเป็นโครงการด้านความมั่นคงและต่อต้านยาเสพติด ในนั้นรวมถึงความช่วยเหลือบรรทุกข์ด้านมนุษย์จำนวนหนึ่งอย่างจำกัด รอยเตอร์รายงานอ้างอิงเอกสารที่พบเห็น . อย่างไรก็ตาม โครงการต่างๆ ของ USAID ได้รับข้อยกเว้นมีไม่ถึง 100 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับงบประมาณบริหารโครงการต่างๆ ในแต่ละปีของ USAID ตกปีละราว 40,000 ล้านดอลลาร์ ก่อนถูกแช่แข็ง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000017985 .............. Sondhi X
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 604 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทักษิณขออภัยกรณีตากใบ อ้างทำงานผิดพลาด

    นับเป็นการลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในรอบประมาณ 20 ปี สำหรับนายทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษานายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2568 นายทักษิณพร้อมด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และคณะ เดินทางมายังโรงเรียนสัมพันธ์วิทยา อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส

    ช่วงหนึ่งนายทักษิณได้กล่าวกับคณะครูและประชาชนที่มาต้อนรับว่า ขออภัยต่อความผิดพลาดในเหตุการณ์ตากใบ แล้วต่อมานายทักษิณให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า "เรื่องตากใบ ตอนผมเป็นนายกฯ ผมมีความตั้งใจห่วงใยพี่น้อง 100% แต่การทำงานมีความผิดพลาดได้บ้าง ถ้าผมมีอะไรผิดพลาด ที่ไม่เป็นที่พอใจ ก็ขออภัยด้วย เพื่อเราจะได้หันกลับมาช่วยกันแก้ปัญหาด้วยกัน พี่น้องมุสลิมมีสิ่งที่สำคัญมาก ถูกสอนมาว่า ความเข้าใจ เกรงใจ รักสันติสุข การให้อภัย เพราะฉะนั้นเมื่อเราขออภัยในสิ่งที่ผมอาจจะทำสิ่งที่ไม่ถูกใจหรือผิดพลาดบ้าง ผมต้องขออภัยด้วย"

    สำหรับเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่สถานีตำรวจภูธรตากใบ จ.นราธิวาส เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2547 ชาวบ้านกว่า 2,000 คน รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวชาวมุสลิม 6 คน ที่ถูกควบคุมตัวโดยกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปล้นปืนและก่อความไม่สงบ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะสลายการชุมนุม ผู้ชุมนุมเสียชีวิตทันที 5 คน ที่เหลือนอนทับซ้อนกันในรถบรรทุกทหารไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี ห่างออกไป 150 กิโลเมตร มีผู้ชุมนุมขาดอากาศหายใจ เสียชีวิต 78 คน บาดเจ็บและพิการอีกมาก

    สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีการตั้ง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นคณะกรรมการเยียวยาฯ และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. จ่ายเงินเยียวยากว่า 641 ล้านบาท ผู้เสียชีวิตจ่ายรายละ 7.5 ล้านบาท ผู้บาดเจ็บ ผู้พิการได้รับลดหลั่นกันไป แต่ต่อมาในปี 2567 มีครอบครัวผู้เสียชีวิต 48 รายพร้อมญาติยื่นฟ้องคดีด้วยเอง ศาลประทับรับฟ้องเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2567 และออกหมายจับผู้ต้องหา 7 คน พบว่าแต่ละคนหลบหนี โดยเฉพาะ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ยื่นใบลาออกจาก สส. กระทั่งคดีขาดอายุความ หลังเที่ยงคืนวันที่ 26 ต.ค. 2567 ที่ผ่านมา

    ก่อนหน้านี้ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ไปสัมภาษณ์ครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บกรณีตากใบ ระบุว่า พวกเขาต้องการได้ยินคำขอโทษจากนายทักษิณ และทวงถามความยุติธรรม แม้คดีขาดอายุความไปแล้ว

    #Newskit
    ทักษิณขออภัยกรณีตากใบ อ้างทำงานผิดพลาด นับเป็นการลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในรอบประมาณ 20 ปี สำหรับนายทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษานายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2568 นายทักษิณพร้อมด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และคณะ เดินทางมายังโรงเรียนสัมพันธ์วิทยา อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ช่วงหนึ่งนายทักษิณได้กล่าวกับคณะครูและประชาชนที่มาต้อนรับว่า ขออภัยต่อความผิดพลาดในเหตุการณ์ตากใบ แล้วต่อมานายทักษิณให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า "เรื่องตากใบ ตอนผมเป็นนายกฯ ผมมีความตั้งใจห่วงใยพี่น้อง 100% แต่การทำงานมีความผิดพลาดได้บ้าง ถ้าผมมีอะไรผิดพลาด ที่ไม่เป็นที่พอใจ ก็ขออภัยด้วย เพื่อเราจะได้หันกลับมาช่วยกันแก้ปัญหาด้วยกัน พี่น้องมุสลิมมีสิ่งที่สำคัญมาก ถูกสอนมาว่า ความเข้าใจ เกรงใจ รักสันติสุข การให้อภัย เพราะฉะนั้นเมื่อเราขออภัยในสิ่งที่ผมอาจจะทำสิ่งที่ไม่ถูกใจหรือผิดพลาดบ้าง ผมต้องขออภัยด้วย" สำหรับเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่สถานีตำรวจภูธรตากใบ จ.นราธิวาส เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2547 ชาวบ้านกว่า 2,000 คน รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวชาวมุสลิม 6 คน ที่ถูกควบคุมตัวโดยกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปล้นปืนและก่อความไม่สงบ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะสลายการชุมนุม ผู้ชุมนุมเสียชีวิตทันที 5 คน ที่เหลือนอนทับซ้อนกันในรถบรรทุกทหารไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี ห่างออกไป 150 กิโลเมตร มีผู้ชุมนุมขาดอากาศหายใจ เสียชีวิต 78 คน บาดเจ็บและพิการอีกมาก สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีการตั้ง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นคณะกรรมการเยียวยาฯ และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. จ่ายเงินเยียวยากว่า 641 ล้านบาท ผู้เสียชีวิตจ่ายรายละ 7.5 ล้านบาท ผู้บาดเจ็บ ผู้พิการได้รับลดหลั่นกันไป แต่ต่อมาในปี 2567 มีครอบครัวผู้เสียชีวิต 48 รายพร้อมญาติยื่นฟ้องคดีด้วยเอง ศาลประทับรับฟ้องเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2567 และออกหมายจับผู้ต้องหา 7 คน พบว่าแต่ละคนหลบหนี โดยเฉพาะ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ยื่นใบลาออกจาก สส. กระทั่งคดีขาดอายุความ หลังเที่ยงคืนวันที่ 26 ต.ค. 2567 ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ไปสัมภาษณ์ครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บกรณีตากใบ ระบุว่า พวกเขาต้องการได้ยินคำขอโทษจากนายทักษิณ และทวงถามความยุติธรรม แม้คดีขาดอายุความไปแล้ว #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย ถามตำรวจไซเบอร์ โดยเฉพาะ "ไตรรงค์ ผิวพรรณ" รับใช้ "ทักษิณ ชินวัตร" หรือไม่? หลังเอาตำรวจนับสิบนาย บุกบ้านผู้ประกาศข่าวผู้หญิง ชี้ไม่ใช่ลูกผู้ชาย ความผิดส่วนบุคคล แต่กลับเอามาเล่นงาน ขนาดคดี 112 ยังแค่ออกหมายเรียก ลั่นเจอกันที่ศาล

    วันนี้ (21 ก.พ.) จากกรณีที่ตำรวจกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ นำกำลังตำรวจนับสิบนายตรวจค้นบ้าน น.ส.ไญยิกา อธิคุปต์ธนวัฒ ผู้ประกาศข่าวสำนักข่าวเดอะครีติก (The Critics) ก่อนควบคุมตัวไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้การในฐานะพยาน พร้อมตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ เหตุเกิดเมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา หลังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นายวิญญัติ ชาติมนตรี แจ้งความในข้อหาหมิ่นประมาทและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีวีดีโอคลิป "ทักษิณผู้นำเลวสุดในโลก มอนเตฯ ริบสัญชาติเพราะโกง" ทำให้นายทักษิณได้รับความเสียหาย และกรณีที่ น.ส.ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ผู้ก่อตั้งสำนักข่าวเดอะรีพอตเตอร์ (The Reporter) ถูกกล่าวหาด้วยข้อความบิดเบือน ต่อว่า ให้ร้าย แต่ตนเองยังอยู่ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก จะเดินทางเข้าแจ้งความ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000017860

    #MGROnline #ทักษิณชินวัตร #ผู้ก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย #ตำรวจไซเบอร์
    ผู้ก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย ถามตำรวจไซเบอร์ โดยเฉพาะ "ไตรรงค์ ผิวพรรณ" รับใช้ "ทักษิณ ชินวัตร" หรือไม่? หลังเอาตำรวจนับสิบนาย บุกบ้านผู้ประกาศข่าวผู้หญิง ชี้ไม่ใช่ลูกผู้ชาย ความผิดส่วนบุคคล แต่กลับเอามาเล่นงาน ขนาดคดี 112 ยังแค่ออกหมายเรียก ลั่นเจอกันที่ศาล • วันนี้ (21 ก.พ.) จากกรณีที่ตำรวจกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ นำกำลังตำรวจนับสิบนายตรวจค้นบ้าน น.ส.ไญยิกา อธิคุปต์ธนวัฒ ผู้ประกาศข่าวสำนักข่าวเดอะครีติก (The Critics) ก่อนควบคุมตัวไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้การในฐานะพยาน พร้อมตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ เหตุเกิดเมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา หลังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นายวิญญัติ ชาติมนตรี แจ้งความในข้อหาหมิ่นประมาทและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีวีดีโอคลิป "ทักษิณผู้นำเลวสุดในโลก มอนเตฯ ริบสัญชาติเพราะโกง" ทำให้นายทักษิณได้รับความเสียหาย และกรณีที่ น.ส.ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ผู้ก่อตั้งสำนักข่าวเดอะรีพอตเตอร์ (The Reporter) ถูกกล่าวหาด้วยข้อความบิดเบือน ต่อว่า ให้ร้าย แต่ตนเองยังอยู่ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก จะเดินทางเข้าแจ้งความ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000017860 • #MGROnline #ทักษิณชินวัตร #ผู้ก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย #ตำรวจไซเบอร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจราชการและเยี่ยมชมผลการดำเนินงานในพื้นที่อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี

    วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 14.00 น. ณ อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะฯ ลงพื้นที่ตรวจราชการ ในพื้นที่อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี โดยมี นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี พร้อมด้วยนายสิทธิชัย หล่อประสงค์สุข สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี คณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ผู้นำท้องถิ่น คณะกรรมการเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินระดับจังหวัดและอำเภอ คณะทำงานขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดลพบุรี คณะกรรมการพัฒนาสตรีอำเภอ กลุ่มชาติพันธุ์ลาวเวียง กลุ่มชาติพันธุ์ไทยพวน ประชาชนในพื้นที่ และเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดและอำเภอ ร่วมให้การต้อนรับ
    นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะฯ มีแผนลงพื้นที่ตรวจราชการและเยี่ยมชมผลการดำเนินงาน ทั้งหมด 4 จุด ประกอบด้วย จุดแรก ตรวจราชการ ผลการดำเนินงาน OTOP ผลิตภัณฑ์ผ้าย้อมแปรง ณ ศูนย์อนุรักษ์ชาติพันธุ์ลาวเวียง ตำบลป่าตาล อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี พร้อมรับชมชุดการแสดงชาติพันธุ์ลาวเวียง, รับชมการสาธิตการทำขนมต้องบ้อง (ขนมวง), สาธิตการทำขนมข้าวเม่าทอด, สาธิตการทำผ้าย้อมแปรง และสาธิตการทอผ้า
    จุดที่สอง ตรวจราชการ ผลการดำเนินงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ณ ศาลา SML วัดถนนแค ตำบลถนนใหญ่ อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการ การสาธิตการทำดินสอพอง, สาธิตการทำไข่เค็มดินสอพอง, สาธิตการทำผัดไทไข่เค็ม, และสาธิตการทำข้าวจี่
    จุดที่สาม ตรวจราชการ ผลการขับเคลื่อนการดำเนินงานกองทุนแม่ของแผ่นดิน ณ โรงเรียนวัดตองปุ หมู่ที่ 1 ตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี พบปะ ให้คำแนะนำ แนวทางการดำเนินงานฯ พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการ พบปะเยาวชนนักกีฬาสตรีทฟุตบอล ตลอดจนเยาวชนที่ผ่านการบำบัด และกลับเข้าสู่ระบบการศึกษา (สกร.) และจุดสุดท้าย ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานอนุบาลสัตว์ เทศบาลเมืองลพบุรี ตำบลโพธิ์เก้าต้น เพื่อรับทราบข้อมูลการดำเนินงานภายในสถานอนุบาลลิงโดยนำข้อมูลที่ได้ไปสนับสนุนคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในการผลักดันขับเคลื่อนโครงการต่างๆต่อรัฐบาลต่อไป
    รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจราชการและเยี่ยมชมผลการดำเนินงานในพื้นที่อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 14.00 น. ณ อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะฯ ลงพื้นที่ตรวจราชการ ในพื้นที่อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี โดยมี นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี พร้อมด้วยนายสิทธิชัย หล่อประสงค์สุข สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี คณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ผู้นำท้องถิ่น คณะกรรมการเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินระดับจังหวัดและอำเภอ คณะทำงานขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดลพบุรี คณะกรรมการพัฒนาสตรีอำเภอ กลุ่มชาติพันธุ์ลาวเวียง กลุ่มชาติพันธุ์ไทยพวน ประชาชนในพื้นที่ และเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดและอำเภอ ร่วมให้การต้อนรับ นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะฯ มีแผนลงพื้นที่ตรวจราชการและเยี่ยมชมผลการดำเนินงาน ทั้งหมด 4 จุด ประกอบด้วย จุดแรก ตรวจราชการ ผลการดำเนินงาน OTOP ผลิตภัณฑ์ผ้าย้อมแปรง ณ ศูนย์อนุรักษ์ชาติพันธุ์ลาวเวียง ตำบลป่าตาล อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี พร้อมรับชมชุดการแสดงชาติพันธุ์ลาวเวียง, รับชมการสาธิตการทำขนมต้องบ้อง (ขนมวง), สาธิตการทำขนมข้าวเม่าทอด, สาธิตการทำผ้าย้อมแปรง และสาธิตการทอผ้า จุดที่สอง ตรวจราชการ ผลการดำเนินงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ณ ศาลา SML วัดถนนแค ตำบลถนนใหญ่ อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการ การสาธิตการทำดินสอพอง, สาธิตการทำไข่เค็มดินสอพอง, สาธิตการทำผัดไทไข่เค็ม, และสาธิตการทำข้าวจี่ จุดที่สาม ตรวจราชการ ผลการขับเคลื่อนการดำเนินงานกองทุนแม่ของแผ่นดิน ณ โรงเรียนวัดตองปุ หมู่ที่ 1 ตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี พบปะ ให้คำแนะนำ แนวทางการดำเนินงานฯ พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการ พบปะเยาวชนนักกีฬาสตรีทฟุตบอล ตลอดจนเยาวชนที่ผ่านการบำบัด และกลับเข้าสู่ระบบการศึกษา (สกร.) และจุดสุดท้าย ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานอนุบาลสัตว์ เทศบาลเมืองลพบุรี ตำบลโพธิ์เก้าต้น เพื่อรับทราบข้อมูลการดำเนินงานภายในสถานอนุบาลลิงโดยนำข้อมูลที่ได้ไปสนับสนุนคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในการผลักดันขับเคลื่อนโครงการต่างๆต่อรัฐบาลต่อไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฟรีดริช เมิร์ซ ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีจากพรรค CDU ซึ่งมีคะแนนนิยมจากผลการสำรวจมาเป็นอันดับหนึ่งอยู่ในขณะนี้ ประกาศว่า "จะยกเลิกข้อจำกัดการส่งออกอาวุธไปยังอิสราเอลทั้งหมด" หากพรรคของเขาชนะการเลือกตั้ง

    ในสุนทรพจน์ที่มูลนิธิ Koerber ในกรุงเบอร์ลิน เมิร์ซได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์ด้านนโยบายต่างประเทศของพรรคคริสเตียนเดโมแครต (CDU/CSU) โดยเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของเยอรมนีต่อความมั่นคงของอิสราเอล

    “รัฐบาลที่นำโดยผมจะทำให้ความสัมพันธ์กับอิสราเอลกลับมาแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง ผมจะยุติการคว่ำบาตรการส่งออกอาวุธของรัฐบาลปัจจุบันทันที” เมิร์ซกล่าวโดยพาดพิงไปถึงโอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีจากพรรค SPD

    ขณะเดียวกัน เมิร์ซไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของอิสราเอลในฉนวนกาซาและการเสียชีวิตของชาวปาเลสไตน์หลายพันคน และยังวิพากษ์วิจารณ์หมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ที่มีต่อนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู อีกด้วย และยังกล่าวอีกว่า จะทำทุกวิธีการเพื่อหาทางยกเลิกการบังคับใช้หมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศ

    นอกจากนี้ เมิร์ซยังแสดงความเห็นเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ว่า จะหารือกับฝรั่งเศสและอังกฤษ เรื่องอาวุธนิวเคลียร์เพื่อปกป้องดินแดนยูเครน ท่ามกลางท่าทีที่เปลี่ยนไปของสหรัฐที่มีต่อยุโรป

    ปัจจุบัน เมิร์ซมีคะแนนนิยมนำคู่แข่งคนสำคัญอย่าง อลิซ ไวเดล ผู้สมัครจากพรรค AfD ในการสำรวจความคิดเห็นของนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของเยอรมนี ก่อนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ โดยพรรค CDU ของเขาได้รับการสนับสนุน 28%
    ฟรีดริช เมิร์ซ ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีจากพรรค CDU ซึ่งมีคะแนนนิยมจากผลการสำรวจมาเป็นอันดับหนึ่งอยู่ในขณะนี้ ประกาศว่า "จะยกเลิกข้อจำกัดการส่งออกอาวุธไปยังอิสราเอลทั้งหมด" หากพรรคของเขาชนะการเลือกตั้ง ในสุนทรพจน์ที่มูลนิธิ Koerber ในกรุงเบอร์ลิน เมิร์ซได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์ด้านนโยบายต่างประเทศของพรรคคริสเตียนเดโมแครต (CDU/CSU) โดยเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของเยอรมนีต่อความมั่นคงของอิสราเอล “รัฐบาลที่นำโดยผมจะทำให้ความสัมพันธ์กับอิสราเอลกลับมาแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง ผมจะยุติการคว่ำบาตรการส่งออกอาวุธของรัฐบาลปัจจุบันทันที” เมิร์ซกล่าวโดยพาดพิงไปถึงโอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีจากพรรค SPD ขณะเดียวกัน เมิร์ซไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของอิสราเอลในฉนวนกาซาและการเสียชีวิตของชาวปาเลสไตน์หลายพันคน และยังวิพากษ์วิจารณ์หมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ที่มีต่อนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู อีกด้วย และยังกล่าวอีกว่า จะทำทุกวิธีการเพื่อหาทางยกเลิกการบังคับใช้หมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศ นอกจากนี้ เมิร์ซยังแสดงความเห็นเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ว่า จะหารือกับฝรั่งเศสและอังกฤษ เรื่องอาวุธนิวเคลียร์เพื่อปกป้องดินแดนยูเครน ท่ามกลางท่าทีที่เปลี่ยนไปของสหรัฐที่มีต่อยุโรป ปัจจุบัน เมิร์ซมีคะแนนนิยมนำคู่แข่งคนสำคัญอย่าง อลิซ ไวเดล ผู้สมัครจากพรรค AfD ในการสำรวจความคิดเห็นของนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของเยอรมนี ก่อนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ โดยพรรค CDU ของเขาได้รับการสนับสนุน 28%
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 287 มุมมอง 0 รีวิว
  • -รายงานข่าว 21 กุมภาพันธ์ 2568-พอวันพฤหัสบดีได้รับโหวตจากสภาเซเนทด้วยมติชนะ 51:49 ศุกร์วันนี้ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 นายแคช ปาเทล (Kash Patel) ก็เดินทางไปสาบาลตนเข้ารับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานเอฟบีไอ คนที่ 9 ทันที โดยมีหัวหน้าใหญ่คือคุณ แพม บอนดิ อัยการสูงสุดของรัฐบาลกลางเทียบเท่ารัฐมนตรีของกระทรวงยุติธรรม เจ้านายเขา เป็นผู้นำกล่าวคำสาบานตนให้กับเขา แคช ปาเทล อายุ 45 ปี เป็นหัวหน้าสำนักงานเอฟบีไอคนแรกที่มีเชื้อสายเป็นคนอินเดีย อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าใหญ่เอฟบีไอคนแรกที่เป็นคนชาติพันธุ์เอเซียอีกด้วย พ่อแม่เขาเป็นคนอินเดียย้ายไปทำมาหากินที่ประเทศอูกานด้า แล้วหนีภ้ยฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จากอีดี้ อามิน ผู้นำเผด็จการไปแคนาดาก่อน แล้วอพยพเข้ามาอเมริกาอาศัยอยู่ที่เมืองการ์เด้น ซิตี้ เขตลองไอแลนด์รัฐนิวยอร์ค เขาเกิดและเติบโตที่นิวยอร์ค จบการศึกษาปริญญาตรีด้านกฏหมายที่มหาวิทยาลัยริชมอนด์รัฐเวอร์จิเนีย ไปต่อด้านกฏหมายอีกที่อังกฤษ แล้วมาต่อปริญญาโทด้านกฏหมายที่ Pace University งานแรกทำงานเป็นทนายช่วยคนจน Public Defend Lawyer ให้กับศาลไมอามีรัฐฟลอริด้า แล้วย้ายมาว่าความให้กับหน่วยงานรัฐบาลกลางที่วอชิงตัน ดี.ซี.ช่วงทรัมป์ 1.0 เทอมแรกปี 2016 เขาช่วยทำงานด้านต่อต้านผู้ก่อการร้ายให้กับทรัมป์ในหน่วยงานสภาความมั่นคง ต่อมาได้ตำแหน่งเป็น Chief of Staff กับรัฐมนตรีกลาโหม เขาช่วยเหลือทรัมป์อย่างเด็ดเดี่ยวในช่วงวิกฤติ Jan6 ปี 2021 มาตลอด อยู่เคียงข้างทรัมป์เสมอมา พอสมัยทรัมป์ 2.0 เขาได้รับเสนอชื่อให้เป็นผู้อำนวยการสำนักงานสืบสวนกลางหรือเอฟบีไอ มีอำนาจสืบสวนและสอบสวนทั่วประเทศ ทำงานร่วมกับกระทรวงยุติธรรม และสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติตอนช่วง Senate Confirmation Hearing มีการพิจารณาไต่สวนอย่างดุเดือดเผ็ดร้อนจากวุฒิสมาชิกสายพรรคเดโมแครตฝ่ายตรงข้าม เขาโต้ตอบคำถามอย่างตาต่อตาฟันต่อฟัน และยังบอกอีกว่ารายชื่อ Enemy List 60 คน ที่อยู่ในหนังสือที่เขาเขียน Government Gangster เขาจะตามล่าให้ถึงที่สุด ตรงนี้นี่เองที่ทำให้พวก Deep State สายเดโมแครตถึงกับโกรธควันออกหูหลังจบการไต่สวนของวุฒิสมาชิกสมาชิก เขาเอ่ยวลีเป็นภาฮินดีว่า...Jai Shri Krishna ขออวยชัยให้กับพระองค์กฤษณะด้วยเทอญ
    -รายงานข่าว 21 กุมภาพันธ์ 2568-พอวันพฤหัสบดีได้รับโหวตจากสภาเซเนทด้วยมติชนะ 51:49 ศุกร์วันนี้ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 นายแคช ปาเทล (Kash Patel) ก็เดินทางไปสาบาลตนเข้ารับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานเอฟบีไอ คนที่ 9 ทันที โดยมีหัวหน้าใหญ่คือคุณ แพม บอนดิ อัยการสูงสุดของรัฐบาลกลางเทียบเท่ารัฐมนตรีของกระทรวงยุติธรรม เจ้านายเขา เป็นผู้นำกล่าวคำสาบานตนให้กับเขา แคช ปาเทล อายุ 45 ปี เป็นหัวหน้าสำนักงานเอฟบีไอคนแรกที่มีเชื้อสายเป็นคนอินเดีย อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าใหญ่เอฟบีไอคนแรกที่เป็นคนชาติพันธุ์เอเซียอีกด้วย พ่อแม่เขาเป็นคนอินเดียย้ายไปทำมาหากินที่ประเทศอูกานด้า แล้วหนีภ้ยฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จากอีดี้ อามิน ผู้นำเผด็จการไปแคนาดาก่อน แล้วอพยพเข้ามาอเมริกาอาศัยอยู่ที่เมืองการ์เด้น ซิตี้ เขตลองไอแลนด์รัฐนิวยอร์ค เขาเกิดและเติบโตที่นิวยอร์ค จบการศึกษาปริญญาตรีด้านกฏหมายที่มหาวิทยาลัยริชมอนด์รัฐเวอร์จิเนีย ไปต่อด้านกฏหมายอีกที่อังกฤษ แล้วมาต่อปริญญาโทด้านกฏหมายที่ Pace University งานแรกทำงานเป็นทนายช่วยคนจน Public Defend Lawyer ให้กับศาลไมอามีรัฐฟลอริด้า แล้วย้ายมาว่าความให้กับหน่วยงานรัฐบาลกลางที่วอชิงตัน ดี.ซี.ช่วงทรัมป์ 1.0 เทอมแรกปี 2016 เขาช่วยทำงานด้านต่อต้านผู้ก่อการร้ายให้กับทรัมป์ในหน่วยงานสภาความมั่นคง ต่อมาได้ตำแหน่งเป็น Chief of Staff กับรัฐมนตรีกลาโหม เขาช่วยเหลือทรัมป์อย่างเด็ดเดี่ยวในช่วงวิกฤติ Jan6 ปี 2021 มาตลอด อยู่เคียงข้างทรัมป์เสมอมา พอสมัยทรัมป์ 2.0 เขาได้รับเสนอชื่อให้เป็นผู้อำนวยการสำนักงานสืบสวนกลางหรือเอฟบีไอ มีอำนาจสืบสวนและสอบสวนทั่วประเทศ ทำงานร่วมกับกระทรวงยุติธรรม และสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติตอนช่วง Senate Confirmation Hearing มีการพิจารณาไต่สวนอย่างดุเดือดเผ็ดร้อนจากวุฒิสมาชิกสายพรรคเดโมแครตฝ่ายตรงข้าม เขาโต้ตอบคำถามอย่างตาต่อตาฟันต่อฟัน และยังบอกอีกว่ารายชื่อ Enemy List 60 คน ที่อยู่ในหนังสือที่เขาเขียน Government Gangster เขาจะตามล่าให้ถึงที่สุด ตรงนี้นี่เองที่ทำให้พวก Deep State สายเดโมแครตถึงกับโกรธควันออกหูหลังจบการไต่สวนของวุฒิสมาชิกสมาชิก เขาเอ่ยวลีเป็นภาฮินดีว่า...Jai Shri Krishna ขออวยชัยให้กับพระองค์กฤษณะด้วยเทอญ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว
  • 21/2/68

    วันนี้ช่วงเวลา 11 โมงไปถึงวัดตลาดศาลเจ้า ปทุมธานี ไปทานก๋วยเตี๋ยวหมูถูกมากชามละ 25& 30฿

    ได้ซื้อขนมหลายๆอย่าง รวมถึงห่อหมกตาเรศ

    ก่อนกลับแวะไปกราบอากงเซียนแปะโรงสี
    ได้เป็นผลไม้ที่ไหว้อากงมา 1 ถุง
    เอาบุญมาฝากกัลยามิตรทุกท่าน ให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว ร่ำรวยเงินทอง&ความดีงามกันทั่วทุกๆท่านนะคะ
    สาธุ สาธุ สาธุค่ะ
    21/2/68 วันนี้ช่วงเวลา 11 โมงไปถึงวัดตลาดศาลเจ้า ปทุมธานี ไปทานก๋วยเตี๋ยวหมูถูกมากชามละ 25& 30฿ ได้ซื้อขนมหลายๆอย่าง รวมถึงห่อหมกตาเรศ ก่อนกลับแวะไปกราบอากงเซียนแปะโรงสี ได้เป็นผลไม้ที่ไหว้อากงมา 1 ถุง เอาบุญมาฝากกัลยามิตรทุกท่าน ให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว ร่ำรวยเงินทอง&ความดีงามกันทั่วทุกๆท่านนะคะ สาธุ สาธุ สาธุค่ะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 0 รีวิว
  • นโยบายการปราบปรามคอร์รัปชันในประเทศไทยเป็นแนวทางสำคัญของรัฐบาลไทยในการลดปัญหาทุจริตและสร้างความโปร่งใสในภาครัฐและเอกชน โดยมีแนวทางหลักดังนี้

    1. ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

    รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะยาว ซึ่งล่าสุดคือ ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2565) และขยายต่อเนื่องในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายเพิ่มดัชนีชี้วัดความโปร่งใสของไทย (Corruption Perceptions Index - CPI)

    2. กฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

    พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561

    กำหนดอำนาจของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

    บังคับให้เจ้าหน้าที่รัฐต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน


    สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)

    เน้นการตรวจสอบและปราบปรามการทุจริตในหน่วยงานของรัฐ


    ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

    พิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง



    3. มาตรการเชิงรุก

    โครงการ "ไทยโปร่งใส" และ E-Government

    ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ

    ส่งเสริมระบบ e-Procurement (การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์)


    การคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส (Whistleblower Protection)

    มีกฎหมายคุ้มครองบุคคลที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริต



    4. การเข้าร่วมองค์กรสากลและมาตรการนานาชาติ

    ประเทศไทยเป็นภาคีของ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต (UNCAC)

    มีความร่วมมือกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เช่น Transparency International


    5. บทลงโทษและมาตรการป้องกัน

    โทษจำคุกและปรับสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐที่รับสินบนหรือใช้อำนาจโดยมิชอบ

    การริบทรัพย์สินที่ได้จากการทุจริต

    การแบนบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตออกจากโครงการของรัฐ


    ผลลัพธ์และความท้าทาย

    แม้ว่าจะมีมาตรการที่เข้มงวด แต่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาคอร์รัปชันในหลายระดับ โดยดัชนี CPI ของไทยในช่วงปีหลังยังคงต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ

    หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของนโยบายปราบปรามคอร์รัปชันในไทย
    นโยบายการปราบปรามคอร์รัปชันในประเทศไทยเป็นแนวทางสำคัญของรัฐบาลไทยในการลดปัญหาทุจริตและสร้างความโปร่งใสในภาครัฐและเอกชน โดยมีแนวทางหลักดังนี้ 1. ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะยาว ซึ่งล่าสุดคือ ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2565) และขยายต่อเนื่องในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายเพิ่มดัชนีชี้วัดความโปร่งใสของไทย (Corruption Perceptions Index - CPI) 2. กฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 กำหนดอำนาจของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) บังคับให้เจ้าหน้าที่รัฐต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เน้นการตรวจสอบและปราบปรามการทุจริตในหน่วยงานของรัฐ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง 3. มาตรการเชิงรุก โครงการ "ไทยโปร่งใส" และ E-Government ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ ส่งเสริมระบบ e-Procurement (การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์) การคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส (Whistleblower Protection) มีกฎหมายคุ้มครองบุคคลที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริต 4. การเข้าร่วมองค์กรสากลและมาตรการนานาชาติ ประเทศไทยเป็นภาคีของ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต (UNCAC) มีความร่วมมือกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เช่น Transparency International 5. บทลงโทษและมาตรการป้องกัน โทษจำคุกและปรับสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐที่รับสินบนหรือใช้อำนาจโดยมิชอบ การริบทรัพย์สินที่ได้จากการทุจริต การแบนบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตออกจากโครงการของรัฐ ผลลัพธ์และความท้าทาย แม้ว่าจะมีมาตรการที่เข้มงวด แต่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาคอร์รัปชันในหลายระดับ โดยดัชนี CPI ของไทยในช่วงปีหลังยังคงต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของนโยบายปราบปรามคอร์รัปชันในไทย
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 280 มุมมอง 0 รีวิว
  • นโยบายการปราบปรามคอร์รัปชันในประเทศไทยเป็นแนวทางสำคัญของรัฐบาลไทยในการลดปัญหาทุจริตและสร้างความโปร่งใสในภาครัฐและเอกชน โดยมีแนวทางหลักดังนี้

    1. ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

    รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะยาว ซึ่งล่าสุดคือ ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2565) และขยายต่อเนื่องในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายเพิ่มดัชนีชี้วัดความโปร่งใสของไทย (Corruption Perceptions Index - CPI)

    2. กฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

    พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561

    กำหนดอำนาจของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

    บังคับให้เจ้าหน้าที่รัฐต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน


    สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)

    เน้นการตรวจสอบและปราบปรามการทุจริตในหน่วยงานของรัฐ


    ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

    พิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง



    3. มาตรการเชิงรุก

    โครงการ "ไทยโปร่งใส" และ E-Government

    ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ

    ส่งเสริมระบบ e-Procurement (การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์)


    การคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส (Whistleblower Protection)

    มีกฎหมายคุ้มครองบุคคลที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริต



    4. การเข้าร่วมองค์กรสากลและมาตรการนานาชาติ

    ประเทศไทยเป็นภาคีของ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต (UNCAC)

    มีความร่วมมือกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เช่น Transparency International


    5. บทลงโทษและมาตรการป้องกัน

    โทษจำคุกและปรับสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐที่รับสินบนหรือใช้อำนาจโดยมิชอบ

    การริบทรัพย์สินที่ได้จากการทุจริต

    การแบนบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตออกจากโครงการของรัฐ


    ผลลัพธ์และความท้าทาย

    แม้ว่าจะมีมาตรการที่เข้มงวด แต่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาคอร์รัปชันในหลายระดับ โดยดัชนี CPI ของไทยในช่วงปีหลังยังคงต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ

    หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของนโยบายปราบปรามคอร์รัปชันในไทย ผมสามารถค้นหาข้อมูลใหม่ให้ได้นะ

    นโยบายการปราบปรามคอร์รัปชันในประเทศไทยเป็นแนวทางสำคัญของรัฐบาลไทยในการลดปัญหาทุจริตและสร้างความโปร่งใสในภาครัฐและเอกชน โดยมีแนวทางหลักดังนี้ 1. ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะยาว ซึ่งล่าสุดคือ ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2565) และขยายต่อเนื่องในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายเพิ่มดัชนีชี้วัดความโปร่งใสของไทย (Corruption Perceptions Index - CPI) 2. กฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 กำหนดอำนาจของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) บังคับให้เจ้าหน้าที่รัฐต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เน้นการตรวจสอบและปราบปรามการทุจริตในหน่วยงานของรัฐ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง 3. มาตรการเชิงรุก โครงการ "ไทยโปร่งใส" และ E-Government ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ ส่งเสริมระบบ e-Procurement (การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์) การคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส (Whistleblower Protection) มีกฎหมายคุ้มครองบุคคลที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริต 4. การเข้าร่วมองค์กรสากลและมาตรการนานาชาติ ประเทศไทยเป็นภาคีของ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต (UNCAC) มีความร่วมมือกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เช่น Transparency International 5. บทลงโทษและมาตรการป้องกัน โทษจำคุกและปรับสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐที่รับสินบนหรือใช้อำนาจโดยมิชอบ การริบทรัพย์สินที่ได้จากการทุจริต การแบนบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตออกจากโครงการของรัฐ ผลลัพธ์และความท้าทาย แม้ว่าจะมีมาตรการที่เข้มงวด แต่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาคอร์รัปชันในหลายระดับ โดยดัชนี CPI ของไทยในช่วงปีหลังยังคงต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของนโยบายปราบปรามคอร์รัปชันในไทย ผมสามารถค้นหาข้อมูลใหม่ให้ได้นะ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 280 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลตัดสินจำคุก 28 ปี 7 เดือน "นารา เครปกะเทย" คดีฉ้อโกงกล่องสุ่ม รับสารภาพลดเหลือ 14 ปี ปรับ 7 หมื่นบาท
    https://www.thai-tai.tv/news/17287/
    ศาลตัดสินจำคุก 28 ปี 7 เดือน "นารา เครปกะเทย" คดีฉ้อโกงกล่องสุ่ม รับสารภาพลดเหลือ 14 ปี ปรับ 7 หมื่นบาท https://www.thai-tai.tv/news/17287/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลฯ ยกฟ้อง
    พี่ศรี นักร้องตบทรัพย์
    ปมร้อง สทร.ครอบงำเพื่อไท
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ศาลฯ ยกฟ้อง พี่ศรี นักร้องตบทรัพย์ ปมร้อง สทร.ครอบงำเพื่อไท #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 226 มุมมอง 0 รีวิว
  • พร้อมเข้าชื่อถอด 'สุชาติ' พ้นเก้าอี้ประธาน ป.ป.ช.'ประชาชน' ไม่ได้เอาคืนคดี 112
    .
    แม้ว่ากระแสเรื่องคลิปการพบกันระหว่างนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบกปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะจางลงไปแล้ว แต่สำหรับพรรคประชาชน ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะมีรายงานว่าส.ส.ของพรรคจะมีการเข้าชื่อตามรัฐธรรมนูญ 236 เพื่อยื่นให้ศาลฎีกาไต่สวน
    .
    นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เปิดเผยว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นเรื่องจริง ซึ่งพรรคประชาชนมีมติพรรคแล้ว ตอนนี้จึงอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมรายชื่อ โดยยืนยันว่าไม่ใช่การเอาคืนกรณีป.ป.ช.เรียก 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล รับทราบข้อกล่าวหาคดีร่วมลงชื่อแก้ไขมาตรา112 ของประมวลกฎหมายอาญา เป็นการปฏิบัติหน้าที่ของส.ส. ในการที่เราเข้าชื่อตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น และต้องชี้แจงอย่างตรงไปมา ว่า ในข้อร้องเรียนที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์หน้า ไม่ได้มีแค่คลิปวิดีโอ ระหว่างนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธาน ป.ป.ช. ตามที่ปรากฏ แต่ยังมีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในส่วนอื่นด้วย ซึ่งพรรคประชาชนเราได้รวบรวมข้อมูลมาอย่างต่อเนื่อง
    .
    “ถึงแม้ไม่มีคดี 44 ส.ส. ก็เป็นสิ่งที่เราต้องทำ เพราะมีหลักฐาน และไม่ใช่แค่พรรคประชาชนทำได้เท่านั้น แต่เป็นสิทธิ์ของสมาชิกรัฐสภาทุกคนทุกฝ่าย ดังนั้น ถ้ามี สส.พรรคอื่น และ สว. เห็นตรงกันว่า ปัญหาทุจริตเป็นเรื่องสำคัญ ก็ใช้กลไกนี้ ในการตรวจสอบ และสามารถร่วมลงชื่อสนับสนุนได้ ย้ำว่า เราไม่ได้คิดถึงผลกระทบต่อคดี หรือหากพรุ่งนี้ คดี44ส.ส.ถูกยกไปหมด เราก็ยังยืนยันในการทำหน้าที่ตรวจสอบ” นายพริษฐ์ กล่าว
    .
    สำหรับรัฐธรรมนูญ มาตรา 236 บัญญัติว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกของทั้งสองสภาจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาหรือประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่าสองหมื่นคน มีสิทธิเข้าชื่อกล่าวหาว่ากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติผู้ใดกระทำการตามมาตรา 234 (1) (มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง) โดยยื่นต่อประธานรัฐสภาพร้อมด้วยหลักฐานตามสมควร หากประธานรัฐสภาเห็นว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทำตามที่ถูกกล่าวหา ให้ประธานรัฐสภาเสนอเรื่องไปยังประธานศาลฎีกาเพื่อตั้งคณะผู้ไต่สวนอิสระจากผู้ซึ่งมีความเป็นกลางทางการเมืองและมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เพื่อไต่สวนหาข้อเท็จจริง
    .............
    Sondhi X
    พร้อมเข้าชื่อถอด 'สุชาติ' พ้นเก้าอี้ประธาน ป.ป.ช.'ประชาชน' ไม่ได้เอาคืนคดี 112 . แม้ว่ากระแสเรื่องคลิปการพบกันระหว่างนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบกปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะจางลงไปแล้ว แต่สำหรับพรรคประชาชน ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะมีรายงานว่าส.ส.ของพรรคจะมีการเข้าชื่อตามรัฐธรรมนูญ 236 เพื่อยื่นให้ศาลฎีกาไต่สวน . นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เปิดเผยว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นเรื่องจริง ซึ่งพรรคประชาชนมีมติพรรคแล้ว ตอนนี้จึงอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมรายชื่อ โดยยืนยันว่าไม่ใช่การเอาคืนกรณีป.ป.ช.เรียก 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล รับทราบข้อกล่าวหาคดีร่วมลงชื่อแก้ไขมาตรา112 ของประมวลกฎหมายอาญา เป็นการปฏิบัติหน้าที่ของส.ส. ในการที่เราเข้าชื่อตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น และต้องชี้แจงอย่างตรงไปมา ว่า ในข้อร้องเรียนที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์หน้า ไม่ได้มีแค่คลิปวิดีโอ ระหว่างนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธาน ป.ป.ช. ตามที่ปรากฏ แต่ยังมีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในส่วนอื่นด้วย ซึ่งพรรคประชาชนเราได้รวบรวมข้อมูลมาอย่างต่อเนื่อง . “ถึงแม้ไม่มีคดี 44 ส.ส. ก็เป็นสิ่งที่เราต้องทำ เพราะมีหลักฐาน และไม่ใช่แค่พรรคประชาชนทำได้เท่านั้น แต่เป็นสิทธิ์ของสมาชิกรัฐสภาทุกคนทุกฝ่าย ดังนั้น ถ้ามี สส.พรรคอื่น และ สว. เห็นตรงกันว่า ปัญหาทุจริตเป็นเรื่องสำคัญ ก็ใช้กลไกนี้ ในการตรวจสอบ และสามารถร่วมลงชื่อสนับสนุนได้ ย้ำว่า เราไม่ได้คิดถึงผลกระทบต่อคดี หรือหากพรุ่งนี้ คดี44ส.ส.ถูกยกไปหมด เราก็ยังยืนยันในการทำหน้าที่ตรวจสอบ” นายพริษฐ์ กล่าว . สำหรับรัฐธรรมนูญ มาตรา 236 บัญญัติว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกของทั้งสองสภาจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาหรือประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่าสองหมื่นคน มีสิทธิเข้าชื่อกล่าวหาว่ากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติผู้ใดกระทำการตามมาตรา 234 (1) (มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง) โดยยื่นต่อประธานรัฐสภาพร้อมด้วยหลักฐานตามสมควร หากประธานรัฐสภาเห็นว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทำตามที่ถูกกล่าวหา ให้ประธานรัฐสภาเสนอเรื่องไปยังประธานศาลฎีกาเพื่อตั้งคณะผู้ไต่สวนอิสระจากผู้ซึ่งมีความเป็นกลางทางการเมืองและมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เพื่อไต่สวนหาข้อเท็จจริง ............. Sondhi X
    Like
    Wow
    Love
    Haha
    Yay
    Angry
    24
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1997 มุมมอง 0 รีวิว
  • 86 ปี สิ้น “ครูบาเจ้าศรีวิชัย” เจ้าตนบุญแห่งล้านนา คณะสงฆ์ลำพูนขยาดบารมี ยัดอธิกรณ์ 8 ข้อ ความขัดแย้งที่บานปลาย

    📌 ย้อนรอยประวัติศาสตร์ ไปสู่เรื่องราวของ “ครูบาเจ้าศรีวิชัย” เจ้าตนบุญแห่งล้านนา ผู้เป็นศูนย์รวมศรัทธาของชาวเหนือ แม้กระทั่งเจ้าคณะสงฆ์ในยุคสมัยนั้น ยังต้องหวั่นเกรงในบารมี จนเกิดการตั้งอธิกรณ์ถึง 8 ข้อ นำไปสู่การควบคุมตัว และขัดแย้งกันอย่างรุนแรง ในหมู่คณะสงฆ์ล้านนา

    🔎 86 ปี แห่งการมรณภาพ ของครูบาเจ้าศรีวิชัย
    หากย้อนเวลากลับไปเมื่อ 86 ปี ที่ผ่านมา ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2481 (เมื่อก่อนนับศักราชใหม่ ในวันสงกรานต์ ถ้าเทียบปัจจุบันจะเป็นต้นปี พ.ศ. 2482) นับเป็นปีที่พุทธศาสนิกชนไทย ต้องโศกเศร้าอย่างใหญ่หลวง เพราะเป็นวันมรณภาพของ "ครูบาเจ้าศรีวิชัย" พระเกจิชื่อดังแห่งล้านนา ผู้มีบทบาทสำคัญในการสร้าง และบูรณะพุทธศาสนสถาน ทั่วภาคเหนือของไทย

    ครูบาเจ้าศรีวิชัยละสังขาร ที่วัดบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน สิริอายุได้ 60 ปี ก่อนที่ศพจะถูกตั้งไว้ ที่วัดจามเทวี จังหวัดลำพูน เป็นเวลาหลายปี กระทั่งวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2489 มีการพระราชทานเพลิงศพ โดยมีประชาชนจำนวนมหาศาลเข้าร่วมพิธี และเหตุการณ์ที่น่าตกใจคือ มีผู้แย่งชิงอัฐิของครูบาเจ้าศรีวิชัย ตั้งแต่เปลวไฟยังไม่มอดสนิท

    ✨ แม้แต่ดินตรงที่ถวายพระเพลิงศพ ยังถูกขุดเอาไปบูชา แสดงให้เห็นถึงแรงศรัทธาของประชาชน ที่มีต่อครูบาเจ้าศรีวิชัย

    👶 วัยเยาว์ ชาติกำเนิดของตนบุญ
    ครูบาเจ้าศรีวิชัย เกิดเมื่อวันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2421 ปีขาล ขณะที่เกิด มีพายุฟ้าร้องรุนแรง จึงถูกตั้งชื่อว่า อินตาเฟือน หรืออ้ายฟ้าร้อง บิดาชื่อ นายควาย มีเชื้อสายกะเหรี่ยงแดง มารดาชื่อ นางอุสา บ้างว่าเป็นชาวเชียงใหม่ บ้างว่าเป็นชาวเมืองลี้

    เมื่ออายุได้ 18 ปี มีความคิดว่าความยากจนของตน เกิดจากกรรมในอดีต จึงตัดสินใจออกบวช เพื่อสร้างบุญกุศล และตอบแทนบุญคุณบิดามารดา

    📌 ครูบาศรีวิชัยบรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดบ้านปาง ก่อนอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ในวัย 21 ปี ที่วัดบ้านโฮ่งหลวง จังหวัดลำพูน ได้รับฉายาทางธรรมว่า "พระศรีวิชัย"

    🏯 บทบาทของครูบาเจ้าศรีวิชัย ในการพัฒนาพุทธศาสนาในล้านนา
    ครูบาเจ้าศรีวิชัย ไม่ได้เป็นเพียงพระนักปฏิบัติธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นพระนักพัฒนา สร้างและบูรณะวัดมากมาย รวมถึงเส้นทางคมนาคมสำคัญ เช่น

    ✔️ สร้างถนนขึ้นพระธาตุดอยสุเทพ
    ✔️ บูรณะวัดพระธาตุหริภุญชัย วัดจามเทวี วัดสวนดอก ฯลฯ
    ✔️ เป็นผู้นำพุทธศาสนิกชน ร่วมแรงร่วมใจ ในการก่อสร้างศาสนสถาน

    ✨ ศรัทธาของประชาชน ที่มีต่อครูบาเจ้าศรีวิชัยสูงส่ง ถึงขนาดที่ว่า ชาวบ้านเดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศ เพียงเพื่อจะได้พบหน้า

    ⚖️ ถูกตั้งอธิกรณ์ 8 ข้อ?
    การที่ครูบาเจ้าศรีวิชัย ได้รับความศรัทธามาก ทำให้คณะสงฆ์ล้านนาบางกลุ่ม โดยเฉพาะเจ้าคณะจัวงหวัดลำพูน เริ่มไม่พอใจ และหวาดกลัวอิทธิพล

    ในที่สุด เจ้าคณะจังหวัดลำพูน ได้นำการตั้งอธิกรณ์ หรือข้อกล่าวหา ต่อครูบาเจ้าศรีวิชัยถึง 8 ข้อ โดยกล่าวหาว่า

    ❌ ทำตัวเป็น “ผีบุญ” อวดอิทธิฤทธิ์เหนือธรรมชาติ
    ❌ ซ่องสุมกำลังประชาชน เสมือนเป็นผู้นำลัทธิใหม่
    ❌ ขัดขืนอำนาจคณะสงฆ์ฝ่ายปกครอง
    ❌ ไม่ปฏิบัติตามระเบียบสงฆ์ ของสยามประเทศ
    ❌ จัดพิธีกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต
    ❌ มีพฤติกรรมเสมือนเป็นผู้นำทางการเมือง

    📌 ผลจากข้อกล่าวหาเหล่านี้ ทำให้ครูบาเจ้าศรีวิชัย ถูกควบคุมตัวส่งไปไต่สวนที่กรุงเทพฯ

    ⚔️ ความขัดแย้งระหว่างครูบาเจ้าศรีวิชัย กับคณะสงฆ์ล้านนา
    1️⃣ คณะสงฆ์ล้านนาแบ่งเป็น 3 กลุ่ม
    ✔️ กลุ่มที่ยอมรับอำนาจของกรุงเทพฯ สนับสนุนการปกครองสงฆ์แบบรวมศูนย์
    ✔️ กลุ่มประนีประนอม ไม่ต่อต้าน แต่ก็ไม่ได้ร่วมมือเต็มที่
    ✔️ กลุ่มต่อต้านกรุงเทพฯ ต้องการคงจารีตล้านนาแบบดั้งเดิม

    📌 ครูบาศรีวิชัยถูกมองว่า เป็นผู้นำของกลุ่มที่สาม ซึ่งเป็นเหตุผลหลัก ที่ทำให้เกิดความขัดแย้งอย่างหนัก

    - สร้างถนนขึ้นพระธาตุดอยสุเทพ ครูบาศรีวิชัยเป็นผู้ริเริ่มโครงการ โดยไม่ได้ปรึกษาคณะสงฆ์ ฝ่ายปกครอง
    - พระสงฆ์กว่า 50 วัด ลาออกจากการขึ้นตรง กับคณะสงฆ์กรุงเทพฯ
    - คณะสงฆ์ฝ่ายปกครองมองว่า เป็นการกระด้างกระเดื่องต่ออำนาจ

    ⚖️ สุดท้าย ครูบาเจ้าศรีวิชัย ถูกส่งตัวไปกรุงเทพฯ เพื่อพิจารณาคดี และได้รับโทษ ก่อนถูกปล่อยตัวกลับล้านนา

    🙏 เจ้าตนบุญแห่งล้านนา กับแรงศรัทธาที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย
    แม้ว่าจะต้องเผชิญกับข้อกล่าวหา และความขัดแย้งมากมาย แต่ศรัทธาของประชาชน ที่มีต่อครูบาเจ้าศรีวิชัย ไม่เคยเสื่อมคลาย

    “ตนบุญ” หรือ “นักบุญ” มีความหมายเชิงยกย่องว่า เป็นนักบวชที่มีคุณสมบัติพิเศษ ในดินแดนล้านนา เป็นคติความเชื่อที่ถูกนำมาใช้ตลอดในประวัติศาสตร์ล้านนา แนวคิดดังกล่าว จะถูกหยิบนำมาใช้ในรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่การใช้อ้างความชอบธรรม ของสถาบันกษัตริย์ล้านนา จนกระทั่งสามัญชน ที่ใช้คำว่า “ตนบุญ” เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านยามทุกข์เข็ญ เผชิญกับสภาพความสงบของบ้านเมือง

    หลังมรณภาพ ประชาชนยังคงเดินทาง มากราบไหว้สรีระ วัดหลายแห่งยังคงยกย่อง และจัดงานรำลึกถึงครูบาเจ้าศรีวิชัย ตำนาน “เจ้าตนบุญแห่งล้านนา” ยังคงถูกกล่าวขานถึงปัจจุบัน

    🛕 ปัจจุบัน รูปปั้นและอนุสรณ์สถาน ของครูบาเจ้าศรีวิชัย มีอยู่ทั่วภาคเหนือ เช่น บริเวณทางขึ้นดอยสุเทพ และวัดบ้านปาง

    ✨ แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 86 ปี แต่บารมีของครูบาเจ้าศรีวิชัย ยังคงยิ่งใหญ่ และจะอยู่ในหัวใจ ของชาวล้านนาตลอดไป

    ✅ ครูบาเจ้าศรีวิชัย เป็นพระนักพัฒนา ที่มีบารมีสูงสุดองค์หนึ่งในล้านนา
    ✅ ถูกตั้งอธิกรณ์ 8 ข้อ เนื่องจากความขัดแย้ง กับคณะสงฆ์ฝ่ายปกครอง
    ✅ แม้จะถูกควบคุมตัว แต่ประชาชนยังคงศรัทธา นอย่างเหนียวแน่น
    ✅ ปัจจุบัน ครูบาเจ้าศรีวิชัย ยังคงเป็นสัญลักษณ์แห่งศรัทธา ของชาวล้านนา

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 211017 ก.พ. 2568

    🔖 #ครูบาศรีวิชัย #เจ้าตนบุญล้านนา #ประวัติศาสตร์ล้านนา #วัดบ้านปาง #ศรัทธาพระสงฆ์
    86 ปี สิ้น “ครูบาเจ้าศรีวิชัย” เจ้าตนบุญแห่งล้านนา คณะสงฆ์ลำพูนขยาดบารมี ยัดอธิกรณ์ 8 ข้อ ความขัดแย้งที่บานปลาย 📌 ย้อนรอยประวัติศาสตร์ ไปสู่เรื่องราวของ “ครูบาเจ้าศรีวิชัย” เจ้าตนบุญแห่งล้านนา ผู้เป็นศูนย์รวมศรัทธาของชาวเหนือ แม้กระทั่งเจ้าคณะสงฆ์ในยุคสมัยนั้น ยังต้องหวั่นเกรงในบารมี จนเกิดการตั้งอธิกรณ์ถึง 8 ข้อ นำไปสู่การควบคุมตัว และขัดแย้งกันอย่างรุนแรง ในหมู่คณะสงฆ์ล้านนา 🔎 86 ปี แห่งการมรณภาพ ของครูบาเจ้าศรีวิชัย หากย้อนเวลากลับไปเมื่อ 86 ปี ที่ผ่านมา ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2481 (เมื่อก่อนนับศักราชใหม่ ในวันสงกรานต์ ถ้าเทียบปัจจุบันจะเป็นต้นปี พ.ศ. 2482) นับเป็นปีที่พุทธศาสนิกชนไทย ต้องโศกเศร้าอย่างใหญ่หลวง เพราะเป็นวันมรณภาพของ "ครูบาเจ้าศรีวิชัย" พระเกจิชื่อดังแห่งล้านนา ผู้มีบทบาทสำคัญในการสร้าง และบูรณะพุทธศาสนสถาน ทั่วภาคเหนือของไทย ครูบาเจ้าศรีวิชัยละสังขาร ที่วัดบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน สิริอายุได้ 60 ปี ก่อนที่ศพจะถูกตั้งไว้ ที่วัดจามเทวี จังหวัดลำพูน เป็นเวลาหลายปี กระทั่งวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2489 มีการพระราชทานเพลิงศพ โดยมีประชาชนจำนวนมหาศาลเข้าร่วมพิธี และเหตุการณ์ที่น่าตกใจคือ มีผู้แย่งชิงอัฐิของครูบาเจ้าศรีวิชัย ตั้งแต่เปลวไฟยังไม่มอดสนิท ✨ แม้แต่ดินตรงที่ถวายพระเพลิงศพ ยังถูกขุดเอาไปบูชา แสดงให้เห็นถึงแรงศรัทธาของประชาชน ที่มีต่อครูบาเจ้าศรีวิชัย 👶 วัยเยาว์ ชาติกำเนิดของตนบุญ ครูบาเจ้าศรีวิชัย เกิดเมื่อวันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2421 ปีขาล ขณะที่เกิด มีพายุฟ้าร้องรุนแรง จึงถูกตั้งชื่อว่า อินตาเฟือน หรืออ้ายฟ้าร้อง บิดาชื่อ นายควาย มีเชื้อสายกะเหรี่ยงแดง มารดาชื่อ นางอุสา บ้างว่าเป็นชาวเชียงใหม่ บ้างว่าเป็นชาวเมืองลี้ เมื่ออายุได้ 18 ปี มีความคิดว่าความยากจนของตน เกิดจากกรรมในอดีต จึงตัดสินใจออกบวช เพื่อสร้างบุญกุศล และตอบแทนบุญคุณบิดามารดา 📌 ครูบาศรีวิชัยบรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดบ้านปาง ก่อนอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ในวัย 21 ปี ที่วัดบ้านโฮ่งหลวง จังหวัดลำพูน ได้รับฉายาทางธรรมว่า "พระศรีวิชัย" 🏯 บทบาทของครูบาเจ้าศรีวิชัย ในการพัฒนาพุทธศาสนาในล้านนา ครูบาเจ้าศรีวิชัย ไม่ได้เป็นเพียงพระนักปฏิบัติธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นพระนักพัฒนา สร้างและบูรณะวัดมากมาย รวมถึงเส้นทางคมนาคมสำคัญ เช่น ✔️ สร้างถนนขึ้นพระธาตุดอยสุเทพ ✔️ บูรณะวัดพระธาตุหริภุญชัย วัดจามเทวี วัดสวนดอก ฯลฯ ✔️ เป็นผู้นำพุทธศาสนิกชน ร่วมแรงร่วมใจ ในการก่อสร้างศาสนสถาน ✨ ศรัทธาของประชาชน ที่มีต่อครูบาเจ้าศรีวิชัยสูงส่ง ถึงขนาดที่ว่า ชาวบ้านเดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศ เพียงเพื่อจะได้พบหน้า ⚖️ ถูกตั้งอธิกรณ์ 8 ข้อ? การที่ครูบาเจ้าศรีวิชัย ได้รับความศรัทธามาก ทำให้คณะสงฆ์ล้านนาบางกลุ่ม โดยเฉพาะเจ้าคณะจัวงหวัดลำพูน เริ่มไม่พอใจ และหวาดกลัวอิทธิพล ในที่สุด เจ้าคณะจังหวัดลำพูน ได้นำการตั้งอธิกรณ์ หรือข้อกล่าวหา ต่อครูบาเจ้าศรีวิชัยถึง 8 ข้อ โดยกล่าวหาว่า ❌ ทำตัวเป็น “ผีบุญ” อวดอิทธิฤทธิ์เหนือธรรมชาติ ❌ ซ่องสุมกำลังประชาชน เสมือนเป็นผู้นำลัทธิใหม่ ❌ ขัดขืนอำนาจคณะสงฆ์ฝ่ายปกครอง ❌ ไม่ปฏิบัติตามระเบียบสงฆ์ ของสยามประเทศ ❌ จัดพิธีกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต ❌ มีพฤติกรรมเสมือนเป็นผู้นำทางการเมือง 📌 ผลจากข้อกล่าวหาเหล่านี้ ทำให้ครูบาเจ้าศรีวิชัย ถูกควบคุมตัวส่งไปไต่สวนที่กรุงเทพฯ ⚔️ ความขัดแย้งระหว่างครูบาเจ้าศรีวิชัย กับคณะสงฆ์ล้านนา 1️⃣ คณะสงฆ์ล้านนาแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ✔️ กลุ่มที่ยอมรับอำนาจของกรุงเทพฯ สนับสนุนการปกครองสงฆ์แบบรวมศูนย์ ✔️ กลุ่มประนีประนอม ไม่ต่อต้าน แต่ก็ไม่ได้ร่วมมือเต็มที่ ✔️ กลุ่มต่อต้านกรุงเทพฯ ต้องการคงจารีตล้านนาแบบดั้งเดิม 📌 ครูบาศรีวิชัยถูกมองว่า เป็นผู้นำของกลุ่มที่สาม ซึ่งเป็นเหตุผลหลัก ที่ทำให้เกิดความขัดแย้งอย่างหนัก - สร้างถนนขึ้นพระธาตุดอยสุเทพ ครูบาศรีวิชัยเป็นผู้ริเริ่มโครงการ โดยไม่ได้ปรึกษาคณะสงฆ์ ฝ่ายปกครอง - พระสงฆ์กว่า 50 วัด ลาออกจากการขึ้นตรง กับคณะสงฆ์กรุงเทพฯ - คณะสงฆ์ฝ่ายปกครองมองว่า เป็นการกระด้างกระเดื่องต่ออำนาจ ⚖️ สุดท้าย ครูบาเจ้าศรีวิชัย ถูกส่งตัวไปกรุงเทพฯ เพื่อพิจารณาคดี และได้รับโทษ ก่อนถูกปล่อยตัวกลับล้านนา 🙏 เจ้าตนบุญแห่งล้านนา กับแรงศรัทธาที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย แม้ว่าจะต้องเผชิญกับข้อกล่าวหา และความขัดแย้งมากมาย แต่ศรัทธาของประชาชน ที่มีต่อครูบาเจ้าศรีวิชัย ไม่เคยเสื่อมคลาย “ตนบุญ” หรือ “นักบุญ” มีความหมายเชิงยกย่องว่า เป็นนักบวชที่มีคุณสมบัติพิเศษ ในดินแดนล้านนา เป็นคติความเชื่อที่ถูกนำมาใช้ตลอดในประวัติศาสตร์ล้านนา แนวคิดดังกล่าว จะถูกหยิบนำมาใช้ในรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่การใช้อ้างความชอบธรรม ของสถาบันกษัตริย์ล้านนา จนกระทั่งสามัญชน ที่ใช้คำว่า “ตนบุญ” เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านยามทุกข์เข็ญ เผชิญกับสภาพความสงบของบ้านเมือง หลังมรณภาพ ประชาชนยังคงเดินทาง มากราบไหว้สรีระ วัดหลายแห่งยังคงยกย่อง และจัดงานรำลึกถึงครูบาเจ้าศรีวิชัย ตำนาน “เจ้าตนบุญแห่งล้านนา” ยังคงถูกกล่าวขานถึงปัจจุบัน 🛕 ปัจจุบัน รูปปั้นและอนุสรณ์สถาน ของครูบาเจ้าศรีวิชัย มีอยู่ทั่วภาคเหนือ เช่น บริเวณทางขึ้นดอยสุเทพ และวัดบ้านปาง ✨ แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 86 ปี แต่บารมีของครูบาเจ้าศรีวิชัย ยังคงยิ่งใหญ่ และจะอยู่ในหัวใจ ของชาวล้านนาตลอดไป ✅ ครูบาเจ้าศรีวิชัย เป็นพระนักพัฒนา ที่มีบารมีสูงสุดองค์หนึ่งในล้านนา ✅ ถูกตั้งอธิกรณ์ 8 ข้อ เนื่องจากความขัดแย้ง กับคณะสงฆ์ฝ่ายปกครอง ✅ แม้จะถูกควบคุมตัว แต่ประชาชนยังคงศรัทธา นอย่างเหนียวแน่น ✅ ปัจจุบัน ครูบาเจ้าศรีวิชัย ยังคงเป็นสัญลักษณ์แห่งศรัทธา ของชาวล้านนา ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 211017 ก.พ. 2568 🔖 #ครูบาศรีวิชัย #เจ้าตนบุญล้านนา #ประวัติศาสตร์ล้านนา #วัดบ้านปาง #ศรัทธาพระสงฆ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 416 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันแรกที่เข้าพื้นที่ lit nit พยายามจะจับเข่าคุยกับเจ้าที่เจ้าทางแต่ก็มองไม่เห็นว่าเข่าท่านอยู่ตรงไหน จึงได้ยืนพูดอยู่คนเดียว
    "ถ้าผมมีบุญเพียงพอให้มาพัฒนาพื้นที่นี้ ผมจะพยายามสร้างศาลาพระพุทธรูปเพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่านี้คือวัดฝางในอดีต คนรุ่นหลังจะได้รู้ว่าที่นี้คือเขตวัดเราแค่มาอาศัยทำกินไม่ใช่เจ้าของ ขอให้เจตนาของผมสำเร็จและช่วยให้ผมพอจะรู้เรื่องราวของวัดในอดีตด้วยเถอะ"
    ....
    เมื่อวันก่อนป้าวัยแปดสิบเศษบิดมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามาคุยนู่นนี่นั่น แล้วบอกว่าเมื่อก่อนมีเจดีย์องค์ใหญ่ (ตรงที่ lit nit ทำสัญลักษณ์) แต่โดนพวกขโมยขุดเป็นโพรง แล้วก็จำไม่ได้แล้วว่าเจดีย์หายไปตอนไหน ก็มันนานเกินกว่าหกสิบปีมาแล้ว
    ....
    ความฝันหนึ่งเล็ก ๆ ของ lit nit ที่มีมาหลายปีคือ อยากสร้างศาลาพระเอาไว้สวดมนต์ แต่ไม่เคยคิดฝันเลยว่าจะมีเหตุให้ได้มาบูรณะวัดร้าง มีพี่บางคนที่รู้ข่าวก็บอกว่า มันเป็นสัญญาเก่า !
    #ไม่รู้ว่าจะมีบารมีพอจะทำได้ไหม แต่ถ้าไม่เริ่มมันก็ไม่มีทางสำเร็จใช่ไหมล่ะ^^
    วันแรกที่เข้าพื้นที่ lit nit พยายามจะจับเข่าคุยกับเจ้าที่เจ้าทางแต่ก็มองไม่เห็นว่าเข่าท่านอยู่ตรงไหน จึงได้ยืนพูดอยู่คนเดียว "ถ้าผมมีบุญเพียงพอให้มาพัฒนาพื้นที่นี้ ผมจะพยายามสร้างศาลาพระพุทธรูปเพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่านี้คือวัดฝางในอดีต คนรุ่นหลังจะได้รู้ว่าที่นี้คือเขตวัดเราแค่มาอาศัยทำกินไม่ใช่เจ้าของ ขอให้เจตนาของผมสำเร็จและช่วยให้ผมพอจะรู้เรื่องราวของวัดในอดีตด้วยเถอะ" .... เมื่อวันก่อนป้าวัยแปดสิบเศษบิดมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามาคุยนู่นนี่นั่น แล้วบอกว่าเมื่อก่อนมีเจดีย์องค์ใหญ่ (ตรงที่ lit nit ทำสัญลักษณ์) แต่โดนพวกขโมยขุดเป็นโพรง แล้วก็จำไม่ได้แล้วว่าเจดีย์หายไปตอนไหน ก็มันนานเกินกว่าหกสิบปีมาแล้ว .... ความฝันหนึ่งเล็ก ๆ ของ lit nit ที่มีมาหลายปีคือ อยากสร้างศาลาพระเอาไว้สวดมนต์ แต่ไม่เคยคิดฝันเลยว่าจะมีเหตุให้ได้มาบูรณะวัดร้าง มีพี่บางคนที่รู้ข่าวก็บอกว่า มันเป็นสัญญาเก่า ! #ไม่รู้ว่าจะมีบารมีพอจะทำได้ไหม แต่ถ้าไม่เริ่มมันก็ไม่มีทางสำเร็จใช่ไหมล่ะ^^
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักข่าว CCTV ของรัฐรายงานเมื่อวันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 ว่าจาง หงลี่ อดีตรองประธานธนาคารอุตสาหกรรมและการพาณิชย์แห่งประเทศจีน ถูกศาลพิพากษาให้รับโทษประหารชีวิตแต่รอลงอาญา 2 ปี ฐานความผิดร้ายแรงรับสินบนมูลค่ากว่า 177 ล้านหยวน (24.3 ล้านเหรียญสหรัฐ)โดยจางถูกสอบสวนโดยคณะกรรมการตรวจสอบวินัยกลาง ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลการต่อต้านการทุจริตชั้นนำของจีน เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2023 ต่อมาศาลประชาชนระดับกลางแห่งหางโจวในมณฑลเจ้อเจียงทางตะวันออกพบว่าตั้งแต่ปี 2554 ถึง 2565 จางได้ “ใช้” ตำแหน่งของเขาที่ ICBC ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์รวม เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่หน่วยงานและบุคคลในการระดมทุนเงินกู้และรักษาตำแหน่งงาน และเขาเองก็ยอมรับสินบนเป็นการตอบแทน ศาลพิพากษาว่าอาชญากรรมร้ายแรงของจางสมควรได้รับโทษประหารชีวิต โดยอ้างถึง “จำนวนเงินสินบนที่มากเป็นพิเศษ สถานการณ์อาชญากรรมร้ายแรง และผลกระทบทางสังคมที่เลวร้าย” ซึ่งก่อให้เกิด “ความสูญเสียครั้งใหญ่” ต่อประเทศและผลประโยชน์ของประชาชนแต่จางได้รับการรอลงอาญาสองปีเนื่องจากเขาให้ความร่วมมือกับทางการ รวมถึงสารภาพความผิดและให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรณีสินบนที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน นอกจากนี้จางยังคืนเงินสินบนที่ผิดกฎหมายจำนวนมากอีกด้วย ตามคำกล่าวของศาลทั้งนี้เขาได้ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตและถูกยึดทรัพย์สินทั้งหมดhttps://www.scmp.com/news/china/politics/article/3299436/former-icbc-executive-gets-death-sentence-reprieve-taking-us24-million-bribes
    สำนักข่าว CCTV ของรัฐรายงานเมื่อวันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 ว่าจาง หงลี่ อดีตรองประธานธนาคารอุตสาหกรรมและการพาณิชย์แห่งประเทศจีน ถูกศาลพิพากษาให้รับโทษประหารชีวิตแต่รอลงอาญา 2 ปี ฐานความผิดร้ายแรงรับสินบนมูลค่ากว่า 177 ล้านหยวน (24.3 ล้านเหรียญสหรัฐ)โดยจางถูกสอบสวนโดยคณะกรรมการตรวจสอบวินัยกลาง ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลการต่อต้านการทุจริตชั้นนำของจีน เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2023 ต่อมาศาลประชาชนระดับกลางแห่งหางโจวในมณฑลเจ้อเจียงทางตะวันออกพบว่าตั้งแต่ปี 2554 ถึง 2565 จางได้ “ใช้” ตำแหน่งของเขาที่ ICBC ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์รวม เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่หน่วยงานและบุคคลในการระดมทุนเงินกู้และรักษาตำแหน่งงาน และเขาเองก็ยอมรับสินบนเป็นการตอบแทน ศาลพิพากษาว่าอาชญากรรมร้ายแรงของจางสมควรได้รับโทษประหารชีวิต โดยอ้างถึง “จำนวนเงินสินบนที่มากเป็นพิเศษ สถานการณ์อาชญากรรมร้ายแรง และผลกระทบทางสังคมที่เลวร้าย” ซึ่งก่อให้เกิด “ความสูญเสียครั้งใหญ่” ต่อประเทศและผลประโยชน์ของประชาชนแต่จางได้รับการรอลงอาญาสองปีเนื่องจากเขาให้ความร่วมมือกับทางการ รวมถึงสารภาพความผิดและให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรณีสินบนที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน นอกจากนี้จางยังคืนเงินสินบนที่ผิดกฎหมายจำนวนมากอีกด้วย ตามคำกล่าวของศาลทั้งนี้เขาได้ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตและถูกยึดทรัพย์สินทั้งหมดhttps://www.scmp.com/news/china/politics/article/3299436/former-icbc-executive-gets-death-sentence-reprieve-taking-us24-million-bribes
    WWW.SCMP.COM
    Former ICBC executive gets death sentence with reprieve for taking bribes
    Zhang Hongli, who was vice-president of the state-owned bank, accepted bribes in exchange for help with loan financing and securing jobs.
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 287 มุมมอง 0 รีวิว
  • "นารา เครปกะเทย" ถูกศาลตัดสินจำคุก 28 ปี 7 เดือน ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชนฯ กรณีฉ้อโกงกล่องสุ่มทองที่มีประชาชนตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก ก่อนรับสารภาพเหลือ 14 ปี ปรับ 70,000 บาท

    วันนี้ (20 ก.พ.) มีรายงานว่า นารา เครปกะเทย ได้ออกมาโพสต์ข้อความก่อนที่ศาลจะมีคำตัดสินในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยเจ้าตัวได้ระบุข้อความว่า

    "อีก5นาทีก่อนตัดสิน ไม่รู้ว่าวันนี้จะเป็นยังไงท่านศาลจะเมตรตาไหม สิ่งเดียวที่นารารู้ คือนาราจะสู้ให้ถึงที่สุด❤️ ตั้งแต่วันแรกออกมาจนถึงวันนี้ไม่มีวันไหนที่นาราไม่มีวันใช้หนี้เที่ยวบ้างผักผ่อนบ้างเพราะเจอการกดดันอะไรหลายอย่างแต่ไม่เคยมีโอกาสได้เล่าให้ใครฟังเจอหลายล้านพันอารมณ์นาราก็ทนทำทุกอย่างที่ได้เงินโดนดูถูก โดนด่า โดนชม ดิฉันได้รองรชชาติมาหมดแล้วงานมีบ้างไม่มีบ้างสุดท้ายเด็กคนนี้ไม่เคยท้อคิดทุกอย่างกูจะทำไงใช้หนี้หมดคิดทุกอย่างทำไงให้มีเงินจะได้ใช้ชีวิตให้สบายบ้างตื่นมาทุกครั้งไม่มีครั้งไหนที่นอนสบายใจตื่นมาคิดทุกวันวันนี้จะทำไรดีอยากกลับไปหาครอบครัวหาไปเที่ยวบ้างก็ทำไม่ได้ทำไปก็โดนด่าขอให้ผ่านไปได้นะ ถ้าผ่านไม่ได้ก็ช่างมันเจออะไรมาหมดแล้ว คงไม่แย่ไปกว่านี้แล้วละรักทุกคน ออกไปได้ฉันจะตั้งใจขายไฟเบอร์นาราให้หมดดีที่สุด รอนะคะทุกคน❤️ อย่าลืมกัน"

    ก่อนที่สุดท้ายแล้วศาลจะมีคำตัดสินว่าจำคุก นารา เครปกะเทย 28 ปี 7 เดือนปรับ 7 หมื่น ข้อหาฉ้อโกงประชาชน-พรบ.คอมพ์

    อย่างไรก็ตาม หลังมีคำตัดสินออกมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับนาราออกมาโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า

    “ขอให้นาราประกันอุทธรณ์ออกมาได้ด้วยเถอะ ศาลตัดสินมา 28 ปี 7 เดือน รับสารภาพเหลือ 14 ปี ปรับ 70,000 บาท”

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000017029

    #MGROnline #นาราเครปกะเทย
    "นารา เครปกะเทย" ถูกศาลตัดสินจำคุก 28 ปี 7 เดือน ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชนฯ กรณีฉ้อโกงกล่องสุ่มทองที่มีประชาชนตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก ก่อนรับสารภาพเหลือ 14 ปี ปรับ 70,000 บาท • วันนี้ (20 ก.พ.) มีรายงานว่า นารา เครปกะเทย ได้ออกมาโพสต์ข้อความก่อนที่ศาลจะมีคำตัดสินในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยเจ้าตัวได้ระบุข้อความว่า • "อีก5นาทีก่อนตัดสิน ไม่รู้ว่าวันนี้จะเป็นยังไงท่านศาลจะเมตรตาไหม สิ่งเดียวที่นารารู้ คือนาราจะสู้ให้ถึงที่สุด❤️ ตั้งแต่วันแรกออกมาจนถึงวันนี้ไม่มีวันไหนที่นาราไม่มีวันใช้หนี้เที่ยวบ้างผักผ่อนบ้างเพราะเจอการกดดันอะไรหลายอย่างแต่ไม่เคยมีโอกาสได้เล่าให้ใครฟังเจอหลายล้านพันอารมณ์นาราก็ทนทำทุกอย่างที่ได้เงินโดนดูถูก โดนด่า โดนชม ดิฉันได้รองรชชาติมาหมดแล้วงานมีบ้างไม่มีบ้างสุดท้ายเด็กคนนี้ไม่เคยท้อคิดทุกอย่างกูจะทำไงใช้หนี้หมดคิดทุกอย่างทำไงให้มีเงินจะได้ใช้ชีวิตให้สบายบ้างตื่นมาทุกครั้งไม่มีครั้งไหนที่นอนสบายใจตื่นมาคิดทุกวันวันนี้จะทำไรดีอยากกลับไปหาครอบครัวหาไปเที่ยวบ้างก็ทำไม่ได้ทำไปก็โดนด่าขอให้ผ่านไปได้นะ ถ้าผ่านไม่ได้ก็ช่างมันเจออะไรมาหมดแล้ว คงไม่แย่ไปกว่านี้แล้วละรักทุกคน ออกไปได้ฉันจะตั้งใจขายไฟเบอร์นาราให้หมดดีที่สุด รอนะคะทุกคน❤️ อย่าลืมกัน" • ก่อนที่สุดท้ายแล้วศาลจะมีคำตัดสินว่าจำคุก นารา เครปกะเทย 28 ปี 7 เดือนปรับ 7 หมื่น ข้อหาฉ้อโกงประชาชน-พรบ.คอมพ์ • อย่างไรก็ตาม หลังมีคำตัดสินออกมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับนาราออกมาโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า • “ขอให้นาราประกันอุทธรณ์ออกมาได้ด้วยเถอะ ศาลตัดสินมา 28 ปี 7 เดือน รับสารภาพเหลือ 14 ปี ปรับ 70,000 บาท” • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000017029 • #MGROnline #นาราเครปกะเทย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 303 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts