• "งานวิจัยเผย AI Chatbots มีอิทธิพลต่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง"

    ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยหลายแห่งในสหรัฐฯ พบว่า AI Chatbots สามารถเปลี่ยนทัศนคติทางการเมืองของผู้ใช้ได้ โดยเฉพาะเมื่อมีการสนทนาเชิงโต้ตอบที่ต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ผู้ใช้รู้สึกเหมือนกำลังพูดคุยกับบุคคลจริง ๆ มากกว่าการรับข้อมูลจากโฆษณาออนไลน์หรือโพสต์ในโซเชียลมีเดีย.

    นักวิจัยระบุว่า Chatbots มีศักยภาพในการ ปรับแต่งข้อความให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละคน เช่น การใช้ข้อมูลจากโซเชียลมีเดียหรือพฤติกรรมออนไลน์ เพื่อสร้างข้อความที่ตรงกับความสนใจและความเชื่อเดิมของผู้ใช้ ซึ่งเพิ่มโอกาสในการโน้มน้าวใจได้มากขึ้น.

    แม้จะมีข้อดีในด้านการสื่อสารและการเข้าถึงข้อมูล แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การใช้ AI ในการรณรงค์ทางการเมืองอาจสร้างความเสี่ยงต่อความโปร่งใสและความเป็นธรรม เพราะผู้ใช้บางคนอาจไม่รู้ว่ากำลังถูกโน้มน้าวโดยระบบอัตโนมัติ ไม่ใช่บุคคลจริง.

    งานวิจัยนี้จึงจุดประกายการถกเถียงว่า ควรมีการกำกับดูแลการใช้ AI ในการเมือง เพื่อป้องกันการบิดเบือนความคิดเห็นสาธารณะ และรักษาความเชื่อมั่นในกระบวนการประชาธิปไตย โดยหลายฝ่ายเสนอให้มีการออกกฎหมายหรือมาตรฐานใหม่ในการใช้เทคโนโลยีนี้.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    AI Chatbots สามารถเปลี่ยนทัศนคติทางการเมืองของผู้ใช้ได้
    การสนทนาเชิงโต้ตอบมีอิทธิพลมากกว่าการโฆษณาออนไลน์ทั่วไป
    Chatbots สามารถปรับแต่งข้อความให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละคน

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    หลายประเทศเริ่มถกเถียงเรื่องการกำกับดูแลการใช้ AI ในการเลือกตั้ง
    สหภาพยุโรปมีข้อเสนอให้จำกัดการใช้ AI เพื่อป้องกันการบิดเบือนข้อมูล
    นักวิชาการเตือนว่า AI อาจสร้าง “echo chamber” ที่ทำให้ผู้ใช้เห็นแต่ข้อมูลที่สอดคล้องกับความเชื่อเดิม

    คำเตือนจากข่าว
    ผู้ใช้บางคนอาจไม่รู้ว่ากำลังถูกโน้มน้าวโดยระบบอัตโนมัติ
    การใช้ AI ในการรณรงค์อาจกระทบต่อความโปร่งใสและความเป็นธรรม
    หากไม่มีการกำกับดูแล อาจบั่นทอนความเชื่อมั่นในประชาธิปไตย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/05/studies-ai-chatbots-can-influence-voters
    🗳️ "งานวิจัยเผย AI Chatbots มีอิทธิพลต่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง" ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยหลายแห่งในสหรัฐฯ พบว่า AI Chatbots สามารถเปลี่ยนทัศนคติทางการเมืองของผู้ใช้ได้ โดยเฉพาะเมื่อมีการสนทนาเชิงโต้ตอบที่ต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ผู้ใช้รู้สึกเหมือนกำลังพูดคุยกับบุคคลจริง ๆ มากกว่าการรับข้อมูลจากโฆษณาออนไลน์หรือโพสต์ในโซเชียลมีเดีย. นักวิจัยระบุว่า Chatbots มีศักยภาพในการ ปรับแต่งข้อความให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละคน เช่น การใช้ข้อมูลจากโซเชียลมีเดียหรือพฤติกรรมออนไลน์ เพื่อสร้างข้อความที่ตรงกับความสนใจและความเชื่อเดิมของผู้ใช้ ซึ่งเพิ่มโอกาสในการโน้มน้าวใจได้มากขึ้น. แม้จะมีข้อดีในด้านการสื่อสารและการเข้าถึงข้อมูล แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การใช้ AI ในการรณรงค์ทางการเมืองอาจสร้างความเสี่ยงต่อความโปร่งใสและความเป็นธรรม เพราะผู้ใช้บางคนอาจไม่รู้ว่ากำลังถูกโน้มน้าวโดยระบบอัตโนมัติ ไม่ใช่บุคคลจริง. งานวิจัยนี้จึงจุดประกายการถกเถียงว่า ควรมีการกำกับดูแลการใช้ AI ในการเมือง เพื่อป้องกันการบิดเบือนความคิดเห็นสาธารณะ และรักษาความเชื่อมั่นในกระบวนการประชาธิปไตย โดยหลายฝ่ายเสนอให้มีการออกกฎหมายหรือมาตรฐานใหม่ในการใช้เทคโนโลยีนี้. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ AI Chatbots สามารถเปลี่ยนทัศนคติทางการเมืองของผู้ใช้ได้ ➡️ การสนทนาเชิงโต้ตอบมีอิทธิพลมากกว่าการโฆษณาออนไลน์ทั่วไป ➡️ Chatbots สามารถปรับแต่งข้อความให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละคน ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ หลายประเทศเริ่มถกเถียงเรื่องการกำกับดูแลการใช้ AI ในการเลือกตั้ง ➡️ สหภาพยุโรปมีข้อเสนอให้จำกัดการใช้ AI เพื่อป้องกันการบิดเบือนข้อมูล ➡️ นักวิชาการเตือนว่า AI อาจสร้าง “echo chamber” ที่ทำให้ผู้ใช้เห็นแต่ข้อมูลที่สอดคล้องกับความเชื่อเดิม ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ ผู้ใช้บางคนอาจไม่รู้ว่ากำลังถูกโน้มน้าวโดยระบบอัตโนมัติ ⛔ การใช้ AI ในการรณรงค์อาจกระทบต่อความโปร่งใสและความเป็นธรรม ⛔ หากไม่มีการกำกับดูแล อาจบั่นทอนความเชื่อมั่นในประชาธิปไตย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/05/studies-ai-chatbots-can-influence-voters
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Studies: AI chatbots can influence voters
    A brief conversation with a partisan AI chatbot can influence voters' political views, studies published Dec 4 found, with evidence-backed arguments – true or not – proving particularly persuasive.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • "AI จุดกระแสสร้างศูนย์ข้อมูลยักษ์ใน Data Centre Alley – แต่ชุมชนเริ่มตั้งคำถาม"

    Ashburn เมืองเล็กใน Loudoun County รัฐเวอร์จิเนีย กลายเป็นศูนย์กลางของโลกดิจิทัล โดยมี 152 ศูนย์ข้อมูลในพื้นที่เพียง 40 ตารางกิโลเมตร และรองรับกว่า 70% ของการจราจรอินเทอร์เน็ตโลกในแต่ละช่วงเวลา. การลงทุนด้าน AI ทำให้เกิดการเร่งสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง

    ข้อมูลจาก US Census Bureau ระบุว่าในปี 2025 บริษัทเอกชนใช้เงินกว่า 40 พันล้านดอลลาร์ต่อเดือน เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลในสหรัฐฯ เทียบกับเพียง 1.8 พันล้านดอลลาร์เมื่อสิบปีก่อน. โครงการเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นเมกะโปรเจกต์จาก Google, Amazon, Microsoft และ OpenAI

    อย่างไรก็ตาม ศูนย์ข้อมูลรุ่นใหม่ที่ใช้ GPU ของ Nvidia สำหรับการฝึก AI ต้องการพลังงานและโครงสร้างที่ใหญ่และแข็งแรงกว่ามาก รวมถึงระบบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ แทนเครื่องปรับอากาศทั่วไป ทำให้เกิดข้อกังวลด้านสิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่น

    แม้ศูนย์ข้อมูลจะสร้างรายได้และโครงสร้างพื้นฐานใหม่ให้กับเมือง แต่ งานถาวรมีน้อย ส่วนใหญ่จำกัดอยู่ในช่วงก่อสร้าง ขณะเดียวกันนักการเมืองท้องถิ่นเริ่มรณรงค์ให้ ชะลอการขยายตัว แทนที่จะดึงดูดการลงทุนเพิ่ม เพราะชุมชนเริ่มตั้งคำถามถึงผลกระทบระยะยาวต่อพลังงานและคุณภาพชีวิต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    Ashburn มีศูนย์ข้อมูล 152 แห่งในพื้นที่ 40 ตร.กม.
    รองรับกว่า 70% ของการจราจรอินเทอร์เน็ตโลก
    การลงทุนสร้างศูนย์ข้อมูลในสหรัฐฯ พุ่งถึง 40 พันล้านดอลลาร์ต่อเดือนในปี 2025
    ใช้ GPU ของ Nvidia และระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    ตลาดศูนย์ข้อมูลทั่วโลกคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปีในช่วง 2025–2030
    หลายประเทศเริ่มออกกฎหมายจำกัดการใช้พลังงานและน้ำของศูนย์ข้อมูล
    การแข่งขัน AI ทำให้บริษัทเทคโนโลยีเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับโมเดลขนาดใหญ่

    คำเตือนจากข่าว
    ศูนย์ข้อมูลใช้ไฟฟ้าในเวอร์จิเนียมากเท่ากับทั้งเมืองนิวยอร์กในปีที่ผ่านมา
    งานถาวรในศูนย์ข้อมูลมีน้อย ทำให้ผลประโยชน์ต่อชุมชนจำกัด
    การขยายตัวอาจกระทบสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/04/in-data-centre-alley-ai-sows-building-boom-doubts
    🏗️ "AI จุดกระแสสร้างศูนย์ข้อมูลยักษ์ใน Data Centre Alley – แต่ชุมชนเริ่มตั้งคำถาม" Ashburn เมืองเล็กใน Loudoun County รัฐเวอร์จิเนีย กลายเป็นศูนย์กลางของโลกดิจิทัล โดยมี 152 ศูนย์ข้อมูลในพื้นที่เพียง 40 ตารางกิโลเมตร และรองรับกว่า 70% ของการจราจรอินเทอร์เน็ตโลกในแต่ละช่วงเวลา. การลงทุนด้าน AI ทำให้เกิดการเร่งสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ข้อมูลจาก US Census Bureau ระบุว่าในปี 2025 บริษัทเอกชนใช้เงินกว่า 40 พันล้านดอลลาร์ต่อเดือน เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลในสหรัฐฯ เทียบกับเพียง 1.8 พันล้านดอลลาร์เมื่อสิบปีก่อน. โครงการเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นเมกะโปรเจกต์จาก Google, Amazon, Microsoft และ OpenAI อย่างไรก็ตาม ศูนย์ข้อมูลรุ่นใหม่ที่ใช้ GPU ของ Nvidia สำหรับการฝึก AI ต้องการพลังงานและโครงสร้างที่ใหญ่และแข็งแรงกว่ามาก รวมถึงระบบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ แทนเครื่องปรับอากาศทั่วไป ทำให้เกิดข้อกังวลด้านสิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่น แม้ศูนย์ข้อมูลจะสร้างรายได้และโครงสร้างพื้นฐานใหม่ให้กับเมือง แต่ งานถาวรมีน้อย ส่วนใหญ่จำกัดอยู่ในช่วงก่อสร้าง ขณะเดียวกันนักการเมืองท้องถิ่นเริ่มรณรงค์ให้ ชะลอการขยายตัว แทนที่จะดึงดูดการลงทุนเพิ่ม เพราะชุมชนเริ่มตั้งคำถามถึงผลกระทบระยะยาวต่อพลังงานและคุณภาพชีวิต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Ashburn มีศูนย์ข้อมูล 152 แห่งในพื้นที่ 40 ตร.กม. ➡️ รองรับกว่า 70% ของการจราจรอินเทอร์เน็ตโลก ➡️ การลงทุนสร้างศูนย์ข้อมูลในสหรัฐฯ พุ่งถึง 40 พันล้านดอลลาร์ต่อเดือนในปี 2025 ➡️ ใช้ GPU ของ Nvidia และระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ ตลาดศูนย์ข้อมูลทั่วโลกคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปีในช่วง 2025–2030 ➡️ หลายประเทศเริ่มออกกฎหมายจำกัดการใช้พลังงานและน้ำของศูนย์ข้อมูล ➡️ การแข่งขัน AI ทำให้บริษัทเทคโนโลยีเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับโมเดลขนาดใหญ่ ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ ศูนย์ข้อมูลใช้ไฟฟ้าในเวอร์จิเนียมากเท่ากับทั้งเมืองนิวยอร์กในปีที่ผ่านมา ⛔ งานถาวรในศูนย์ข้อมูลมีน้อย ทำให้ผลประโยชน์ต่อชุมชนจำกัด ⛔ การขยายตัวอาจกระทบสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/04/in-data-centre-alley-ai-sows-building-boom-doubts
    WWW.THESTAR.COM.MY
    In Data Centre Alley, AI sows building boom, doubts
    As planes make their final approach to Washington DC's Dulles Airport, just below lies Ashburn, a town otherwise known as Data centre Alley – where an estimated 70% of all global Internet traffic at any moment finds its way.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • "AI ลดต้นทุนการโน้มน้าวใจ – เปิดทางชนชั้นนำออกแบบการแบ่งขั้วสังคม"

    ในระบอบประชาธิปไตย การตัดสินใจเชิงนโยบายใหญ่ ๆ ต้องอาศัยเสียงส่วนใหญ่หรือฉันทามติ แต่ชนชั้นนำจำเป็นต้องหาวิธีสร้างการสนับสนุนจากประชาชน งานวิจัยนี้เสนอว่า AI ที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความแม่นยำในการโน้มน้าวใจ กำลังทำให้การจัดการความคิดเห็นของสังคมกลายเป็นสิ่งที่สามารถ “ออกแบบ” ได้ ไม่ใช่เพียงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

    โมเดลเชิงพลวัตที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น แสดงให้เห็นว่า หากมีชนชั้นนำเพียงกลุ่มเดียว การแทรกแซงที่เหมาะสมจะผลักดันสังคมไปสู่ ความเห็นที่แตกต่างสุดขั้วมากขึ้น (polarization pull) และเมื่อเทคโนโลยี persuasion ดีขึ้น กระบวนการนี้ก็จะยิ่งเร็วขึ้น ทำให้ความแตกแยกในสังคมทวีความรุนแรง

    แต่หากมีชนชั้นนำสองฝ่ายที่ผลัดกันมีอำนาจ เทคโนโลยี persuasion เดียวกันนี้อาจสร้างแรงจูงใจให้ “ล็อก” ความเห็นของสังคมให้อยู่ในพื้นที่กึ่งกลางที่เหนียวแน่น (semi-lock) เพื่อป้องกันไม่ให้คู่แข่งเข้ามาเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ผลลัพธ์คือ AI สามารถทั้ง เพิ่มหรือบรรเทาความแตกแยก ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมทางการเมือง

    โดยรวมแล้ว งานวิจัยนี้เตือนว่า การแบ่งขั้วไม่ใช่เพียงผลพลอยได้ของสังคมยุคดิจิทัล แต่เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ของการปกครอง เมื่อเทคโนโลยี persuasion ถูกทำให้เข้าถึงง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผลกระทบต่อเสถียรภาพประชาธิปไตยจึงอาจรุนแรงกว่าที่เคยคิด

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากงานวิจัย
    AI ลดต้นทุนและเพิ่มความแม่นยำในการโน้มน้าวใจ
    ชนชั้นนำสามารถออกแบบการกระจายความคิดเห็นของประชาชนได้
    โมเดลแสดงให้เห็นว่า “polarization pull” เกิดขึ้นเมื่อมีชนชั้นนำเพียงฝ่ายเดียว
    เมื่อมีสองฝ่าย เทคโนโลยีอาจสร้าง “semi-lock” ทำให้ความเห็นเหนียวแน่น

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    นักวิชาการหลายคนเตือนว่า AI อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อสร้าง echo chamber
    การใช้ AI ในการโฆษณาและการรณรงค์ทางการเมืองเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในสหรัฐฯ และยุโรป
    มีการถกเถียงว่าควรมีการกำกับดูแลการใช้ AI เพื่อป้องกันการบิดเบือนประชาธิปไตย

    คำเตือนจากงานวิจัย
    การแบ่งขั้วอาจไม่ใช่ผลลัพธ์ธรรมชาติ แต่เป็นกลยุทธ์ที่ถูกออกแบบโดยชนชั้นนำ
    การใช้ AI persuasion โดยไม่มีการกำกับดูแล อาจทำให้ประชาธิปไตยเสื่อมเสถียร
    ความเห็นของประชาชนอาจถูก “ล็อก” จนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่าย

    https://arxiv.org/abs/2512.04047
    🧠 "AI ลดต้นทุนการโน้มน้าวใจ – เปิดทางชนชั้นนำออกแบบการแบ่งขั้วสังคม" ในระบอบประชาธิปไตย การตัดสินใจเชิงนโยบายใหญ่ ๆ ต้องอาศัยเสียงส่วนใหญ่หรือฉันทามติ แต่ชนชั้นนำจำเป็นต้องหาวิธีสร้างการสนับสนุนจากประชาชน งานวิจัยนี้เสนอว่า AI ที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความแม่นยำในการโน้มน้าวใจ กำลังทำให้การจัดการความคิดเห็นของสังคมกลายเป็นสิ่งที่สามารถ “ออกแบบ” ได้ ไม่ใช่เพียงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โมเดลเชิงพลวัตที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น แสดงให้เห็นว่า หากมีชนชั้นนำเพียงกลุ่มเดียว การแทรกแซงที่เหมาะสมจะผลักดันสังคมไปสู่ ความเห็นที่แตกต่างสุดขั้วมากขึ้น (polarization pull) และเมื่อเทคโนโลยี persuasion ดีขึ้น กระบวนการนี้ก็จะยิ่งเร็วขึ้น ทำให้ความแตกแยกในสังคมทวีความรุนแรง แต่หากมีชนชั้นนำสองฝ่ายที่ผลัดกันมีอำนาจ เทคโนโลยี persuasion เดียวกันนี้อาจสร้างแรงจูงใจให้ “ล็อก” ความเห็นของสังคมให้อยู่ในพื้นที่กึ่งกลางที่เหนียวแน่น (semi-lock) เพื่อป้องกันไม่ให้คู่แข่งเข้ามาเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ผลลัพธ์คือ AI สามารถทั้ง เพิ่มหรือบรรเทาความแตกแยก ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมทางการเมือง โดยรวมแล้ว งานวิจัยนี้เตือนว่า การแบ่งขั้วไม่ใช่เพียงผลพลอยได้ของสังคมยุคดิจิทัล แต่เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ของการปกครอง เมื่อเทคโนโลยี persuasion ถูกทำให้เข้าถึงง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผลกระทบต่อเสถียรภาพประชาธิปไตยจึงอาจรุนแรงกว่าที่เคยคิด 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากงานวิจัย ➡️ AI ลดต้นทุนและเพิ่มความแม่นยำในการโน้มน้าวใจ ➡️ ชนชั้นนำสามารถออกแบบการกระจายความคิดเห็นของประชาชนได้ ➡️ โมเดลแสดงให้เห็นว่า “polarization pull” เกิดขึ้นเมื่อมีชนชั้นนำเพียงฝ่ายเดียว ➡️ เมื่อมีสองฝ่าย เทคโนโลยีอาจสร้าง “semi-lock” ทำให้ความเห็นเหนียวแน่น ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ นักวิชาการหลายคนเตือนว่า AI อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อสร้าง echo chamber ➡️ การใช้ AI ในการโฆษณาและการรณรงค์ทางการเมืองเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในสหรัฐฯ และยุโรป ➡️ มีการถกเถียงว่าควรมีการกำกับดูแลการใช้ AI เพื่อป้องกันการบิดเบือนประชาธิปไตย ‼️ คำเตือนจากงานวิจัย ⛔ การแบ่งขั้วอาจไม่ใช่ผลลัพธ์ธรรมชาติ แต่เป็นกลยุทธ์ที่ถูกออกแบบโดยชนชั้นนำ ⛔ การใช้ AI persuasion โดยไม่มีการกำกับดูแล อาจทำให้ประชาธิปไตยเสื่อมเสถียร ⛔ ความเห็นของประชาชนอาจถูก “ล็อก” จนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่าย https://arxiv.org/abs/2512.04047
    ARXIV.ORG
    Polarization by Design: How Elites Could Shape Mass Preferences as AI Reduces Persuasion Costs
    In democracies, major policy decisions typically require some form of majority or consensus, so elites must secure mass support to govern. Historically, elites could shape support only through limited instruments like schooling and mass media; advances in AI-driven persuasion sharply reduce the cost and increase the precision of shaping public opinion, making the distribution of preferences itself an object of deliberate design. We develop a dynamic model in which elites choose how much to reshape the distribution of policy preferences, subject to persuasion costs and a majority rule constraint. With a single elite, any optimal intervention tends to push society toward more polarized opinion profiles - a ``polarization pull'' - and improvements in persuasion technology accelerate this drift. When two opposed elites alternate in power, the same technology also creates incentives to park society in ``semi-lock'' regions where opinions are more cohesive and harder for a rival to overturn, so advances in persuasion can either heighten or dampen polarization depending on the environment. Taken together, cheaper persuasion technologies recast polarization as a strategic instrument of governance rather than a purely emergent social byproduct, with important implications for democratic stability as AI capabilities advance.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้องนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ในคดีที่พรรคภูมิใจไทยฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท ปมการออกมาต่อต้านและวิจารณ์นโยบายกัญชาเสรีช่วงเลือกตั้งปี 2566
    - ศาลชี้จำเลยแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต แม้ถ้อยคำจะรุนแรง แต่โจทก์เป็นพรรคการเมืองซึ่งต้องยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชน
    - ส่วนกรณีอ้างว่าฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง มาตรา 73 จากการแจกเสื้อ สติ๊กเกอร์ และเข็มกลัด ศาลเห็นว่าเป็นการรณรงค์ต่อต้านนโยบาย ไม่ใช่การทุจริตเลือกตั้ง

    คำพิพากษาสรุปว่า การติชมนโยบายสาธารณะทำได้ตามสิทธิประชาชน และไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาท

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000112642

    #ศาลอาญา #ชูวิทย์ #กัญชาเสรี #ภูมิใจไทย #คดีหมิ่นประมาท #การเมืองไทย #News1live #News1
    ศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้องนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ในคดีที่พรรคภูมิใจไทยฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท ปมการออกมาต่อต้านและวิจารณ์นโยบายกัญชาเสรีช่วงเลือกตั้งปี 2566 - ศาลชี้จำเลยแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต แม้ถ้อยคำจะรุนแรง แต่โจทก์เป็นพรรคการเมืองซึ่งต้องยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชน - ส่วนกรณีอ้างว่าฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง มาตรา 73 จากการแจกเสื้อ สติ๊กเกอร์ และเข็มกลัด ศาลเห็นว่าเป็นการรณรงค์ต่อต้านนโยบาย ไม่ใช่การทุจริตเลือกตั้ง • คำพิพากษาสรุปว่า การติชมนโยบายสาธารณะทำได้ตามสิทธิประชาชน และไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาท • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000112642 • #ศาลอาญา #ชูวิทย์ #กัญชาเสรี #ภูมิใจไทย #คดีหมิ่นประมาท #การเมืองไทย #News1live #News1
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 351 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทนายเดรัจฉาน เห็นทนายรณรงค์ไปซ่อมหน้ามา จึงเอาบ้าง แต่ดันปากไม่ดีต่อราคา แซะหมอศัลย์ หมอเลยทำแบบประหยัดให้ เอาหนัง ตรีนมาซ่อมหน้าให้มัน สภาพจึงออกมาเช่นนี้
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ทนายเดรัจฉาน เห็นทนายรณรงค์ไปซ่อมหน้ามา จึงเอาบ้าง แต่ดันปากไม่ดีต่อราคา แซะหมอศัลย์ หมอเลยทำแบบประหยัดให้ เอาหนัง ตรีนมาซ่อมหน้าให้มัน สภาพจึงออกมาเช่นนี้ #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 84 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส่วนขยาย VPN ฟรีบน Chrome กลายเป็นมัลแวร์ดักข้อมูล

    นักวิจัยจาก LayerX Security เปิดเผยการรณรงค์ที่ดำเนินมากว่า 6 ปี โดยมีการปล่อยส่วนขยาย VPN และ Ad-blocker ปลอมใน Chrome Web Store ภายใต้ชื่อที่ดูน่าเชื่อถือ เช่น “VPN Professional – Free Secure and Unlimited VPN Proxy” และ “Free Unlimited VPN” ซึ่งถูกติดตั้งไปแล้วกว่า 9 ล้านครั้งทั่วโลก

    สิ่งที่ดูเหมือนเครื่องมือเพื่อความเป็นส่วนตัว กลับถูกออกแบบให้เป็น Browser Implant ที่สามารถควบคุมการท่องเว็บของผู้ใช้ได้ทั้งหมด ส่วนขยายเหล่านี้ใช้เทคนิค PAC Proxy Injection เพื่อบังคับให้ทราฟฟิกทั้งหมดวิ่งผ่านเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี ทำให้สามารถดักจับข้อมูลการเข้าชมเว็บไซต์, รายการส่วนขยายที่ติดตั้ง, และแม้กระทั่งแก้ไขประวัติการเข้าชมเพื่อปกปิดร่องรอย

    แม้ Google จะลบออกจาก Chrome Web Store หลายครั้ง แต่ผู้โจมตีก็กลับมาอีกด้วยเวอร์ชันใหม่ที่มีการปรับปรุงโค้ดให้สะอาดขึ้นและหลบเลี่ยงการตรวจสอบได้ดีกว่าเดิม ล่าสุดในเดือนกรกฎาคม 2025 ยังมีเวอร์ชันใหม่ที่ถูกอัปโหลดและมีผู้ใช้งานกว่า 31,000 ราย

    สิ่งที่น่ากังวลคือ ส่วนขยายเหล่านี้ไม่ได้จำกัดแค่ VPN เท่านั้น แต่ยังรวมถึง Ad-blocker และ Music Downloader ที่ใช้โค้ดอันตรายแบบเดียวกัน ทำให้ผู้ใช้ที่คิดว่ากำลังป้องกันตัวเอง กลับถูกเปิดช่องให้ถูกสอดแนมและควบคุมการใช้งานโดยไม่รู้ตัว

    สรุปสาระสำคัญ
    การค้นพบมัลแวร์ใน Chrome Extensions
    ส่วนขยาย VPN และ Ad-blocker ปลอมถูกติดตั้งกว่า 9 ล้านครั้ง
    ใช้เทคนิค PAC Proxy Injection เพื่อควบคุมทราฟฟิกทั้งหมด

    พฤติกรรมที่อันตราย
    ดักจับข้อมูลการเข้าชมและส่วนขยายที่ติดตั้ง
    แก้ไขประวัติการเข้าชมเพื่อปกปิดร่องรอย

    ความเสี่ยงต่อผู้ใช้
    ข้อมูลส่วนตัวและกิจกรรมออนไลน์ถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี
    ส่วนขยายยังสามารถปิดการทำงานของ Proxy หรือ Security Tools อื่น ๆ

    ข้อควรระวังในการใช้งาน
    อย่าติดตั้ง VPN หรือ Ad-blocker ที่ไม่น่าเชื่อถือ
    ตรวจสอบสิทธิ์และรีวิวของส่วนขยายก่อนติดตั้งทุกครั้ง

    https://securityonline.info/9-million-installs-malicious-chrome-vpn-extensions-hijack-user-traffic-via-remote-pac-proxy-injection/
    🛡️ ส่วนขยาย VPN ฟรีบน Chrome กลายเป็นมัลแวร์ดักข้อมูล นักวิจัยจาก LayerX Security เปิดเผยการรณรงค์ที่ดำเนินมากว่า 6 ปี โดยมีการปล่อยส่วนขยาย VPN และ Ad-blocker ปลอมใน Chrome Web Store ภายใต้ชื่อที่ดูน่าเชื่อถือ เช่น “VPN Professional – Free Secure and Unlimited VPN Proxy” และ “Free Unlimited VPN” ซึ่งถูกติดตั้งไปแล้วกว่า 9 ล้านครั้งทั่วโลก สิ่งที่ดูเหมือนเครื่องมือเพื่อความเป็นส่วนตัว กลับถูกออกแบบให้เป็น Browser Implant ที่สามารถควบคุมการท่องเว็บของผู้ใช้ได้ทั้งหมด ส่วนขยายเหล่านี้ใช้เทคนิค PAC Proxy Injection เพื่อบังคับให้ทราฟฟิกทั้งหมดวิ่งผ่านเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี ทำให้สามารถดักจับข้อมูลการเข้าชมเว็บไซต์, รายการส่วนขยายที่ติดตั้ง, และแม้กระทั่งแก้ไขประวัติการเข้าชมเพื่อปกปิดร่องรอย แม้ Google จะลบออกจาก Chrome Web Store หลายครั้ง แต่ผู้โจมตีก็กลับมาอีกด้วยเวอร์ชันใหม่ที่มีการปรับปรุงโค้ดให้สะอาดขึ้นและหลบเลี่ยงการตรวจสอบได้ดีกว่าเดิม ล่าสุดในเดือนกรกฎาคม 2025 ยังมีเวอร์ชันใหม่ที่ถูกอัปโหลดและมีผู้ใช้งานกว่า 31,000 ราย สิ่งที่น่ากังวลคือ ส่วนขยายเหล่านี้ไม่ได้จำกัดแค่ VPN เท่านั้น แต่ยังรวมถึง Ad-blocker และ Music Downloader ที่ใช้โค้ดอันตรายแบบเดียวกัน ทำให้ผู้ใช้ที่คิดว่ากำลังป้องกันตัวเอง กลับถูกเปิดช่องให้ถูกสอดแนมและควบคุมการใช้งานโดยไม่รู้ตัว 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การค้นพบมัลแวร์ใน Chrome Extensions ➡️ ส่วนขยาย VPN และ Ad-blocker ปลอมถูกติดตั้งกว่า 9 ล้านครั้ง ➡️ ใช้เทคนิค PAC Proxy Injection เพื่อควบคุมทราฟฟิกทั้งหมด ✅ พฤติกรรมที่อันตราย ➡️ ดักจับข้อมูลการเข้าชมและส่วนขยายที่ติดตั้ง ➡️ แก้ไขประวัติการเข้าชมเพื่อปกปิดร่องรอย ‼️ ความเสี่ยงต่อผู้ใช้ ⛔ ข้อมูลส่วนตัวและกิจกรรมออนไลน์ถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี ⛔ ส่วนขยายยังสามารถปิดการทำงานของ Proxy หรือ Security Tools อื่น ๆ ‼️ ข้อควรระวังในการใช้งาน ⛔ อย่าติดตั้ง VPN หรือ Ad-blocker ที่ไม่น่าเชื่อถือ ⛔ ตรวจสอบสิทธิ์และรีวิวของส่วนขยายก่อนติดตั้งทุกครั้ง https://securityonline.info/9-million-installs-malicious-chrome-vpn-extensions-hijack-user-traffic-via-remote-pac-proxy-injection/
    SECURITYONLINE.INFO
    9 Million Installs: Malicious Chrome VPN Extensions Hijack User Traffic Via Remote PAC Proxy Injection
    LayerX exposed a 6-year, 9M-install campaign: Fake VPN/ad-blocking Chrome extensions hijack all user traffic via remote PAC proxy scripts, enabling surveillance and data exfiltration.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ไฟหน้ารถ LED สว่างเกินไป – ปัญหาที่รัฐบาลอังกฤษเตรียมแก้ไข”

    งานวิจัยที่จัดทำโดย Department for Transport (DfT) ของสหราชอาณาจักร พบว่า 97% ของผู้ขับขี่รู้สึกถูกรบกวนจากแสงไฟหน้ารถที่สว่างเกินไป และ 96% เชื่อว่าไฟหน้ารถส่วนใหญ่สว่างเกินมาตรฐาน ปัญหานี้เกิดขึ้นบ่อยจนบางคนถึงขั้นเลี่ยงการขับรถกลางคืน โดย 33% เลิกขับกลางคืนหรือขับน้อยลง และอีก 22% อยากเลี่ยงแต่ไม่มีทางเลือก

    ผู้เชี่ยวชาญจาก Transport Research Laboratory (TRL) ระบุว่าไฟ LED และไฟสีขาวเข้มมีแนวโน้มสร้างแสงจ้าที่ทำให้สายตามนุษย์ปรับตัวได้ยากในเวลากลางคืน ข้อมูลนี้สอดคล้องกับการรณรงค์ของ RAC (Royal Automobile Club) ที่เคยเรียกร้องให้รัฐบาลตรวจสอบเรื่องนี้ เพราะแม้ไฟหน้าสว่างจะช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นได้ดีขึ้น แต่ก็สร้างความเสี่ยงต่อผู้ใช้ถนนคนอื่น ๆ

    รัฐบาลอังกฤษประกาศว่าจะบรรจุประเด็นนี้ใน Road Safety Strategy ที่จะออกมาเร็ว ๆ นี้ โดยมีแนวทางทบทวนมาตรฐานไฟหน้ารถ เพื่อหาสมดุลระหว่าง “ความสว่างเพื่อความปลอดภัย” และ “การลดแสงจ้าที่รบกวนสายตา” ขณะเดียวกัน นักทัศนมาตรวิทยาแนะนำให้มีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อปรับปรุงกฎเกณฑ์ให้ทันสมัยและสอดคล้องกับเทคโนโลยีไฟรถที่เปลี่ยนไป

    สรุปสาระสำคัญ
    ผลสำรวจจาก DfT
    97% ของผู้ขับขี่ถูกรบกวนจากไฟหน้ารถ, 96% เชื่อว่าไฟหน้าสว่างเกินไป

    ผลกระทบต่อพฤติกรรมการขับขี่
    33% เลิกขับกลางคืน, 22% อยากเลี่ยงแต่จำเป็นต้องขับ

    ไฟ LED และไฟสีขาวเข้ม
    มีแนวโน้มสร้างแสงจ้าที่สายตามนุษย์ปรับได้ยาก

    รัฐบาลอังกฤษเตรียมแก้ไข
    จะบรรจุใน Road Safety Strategy เพื่อทบทวนมาตรฐานไฟหน้า

    ความเสี่ยงต่อความปลอดภัยบนท้องถนน
    ไฟหน้าสว่างเกินไปอาจทำให้ผู้ขับขี่ตาพร่าและเกิดอุบัติเหตุ

    การพึ่งพาเทคโนโลยีโดยไม่ปรับกฎเกณฑ์
    หากไม่แก้ไข อาจทำให้ปัญหาลุกลามเมื่อรถรุ่นใหม่ใช้ไฟ LED มากขึ้น

    https://www.bbc.com/news/articles/c1j8ewy1p86o
    📰 “ไฟหน้ารถ LED สว่างเกินไป – ปัญหาที่รัฐบาลอังกฤษเตรียมแก้ไข” งานวิจัยที่จัดทำโดย Department for Transport (DfT) ของสหราชอาณาจักร พบว่า 97% ของผู้ขับขี่รู้สึกถูกรบกวนจากแสงไฟหน้ารถที่สว่างเกินไป และ 96% เชื่อว่าไฟหน้ารถส่วนใหญ่สว่างเกินมาตรฐาน ปัญหานี้เกิดขึ้นบ่อยจนบางคนถึงขั้นเลี่ยงการขับรถกลางคืน โดย 33% เลิกขับกลางคืนหรือขับน้อยลง และอีก 22% อยากเลี่ยงแต่ไม่มีทางเลือก ผู้เชี่ยวชาญจาก Transport Research Laboratory (TRL) ระบุว่าไฟ LED และไฟสีขาวเข้มมีแนวโน้มสร้างแสงจ้าที่ทำให้สายตามนุษย์ปรับตัวได้ยากในเวลากลางคืน ข้อมูลนี้สอดคล้องกับการรณรงค์ของ RAC (Royal Automobile Club) ที่เคยเรียกร้องให้รัฐบาลตรวจสอบเรื่องนี้ เพราะแม้ไฟหน้าสว่างจะช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นได้ดีขึ้น แต่ก็สร้างความเสี่ยงต่อผู้ใช้ถนนคนอื่น ๆ รัฐบาลอังกฤษประกาศว่าจะบรรจุประเด็นนี้ใน Road Safety Strategy ที่จะออกมาเร็ว ๆ นี้ โดยมีแนวทางทบทวนมาตรฐานไฟหน้ารถ เพื่อหาสมดุลระหว่าง “ความสว่างเพื่อความปลอดภัย” และ “การลดแสงจ้าที่รบกวนสายตา” ขณะเดียวกัน นักทัศนมาตรวิทยาแนะนำให้มีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อปรับปรุงกฎเกณฑ์ให้ทันสมัยและสอดคล้องกับเทคโนโลยีไฟรถที่เปลี่ยนไป 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ผลสำรวจจาก DfT ➡️ 97% ของผู้ขับขี่ถูกรบกวนจากไฟหน้ารถ, 96% เชื่อว่าไฟหน้าสว่างเกินไป ✅ ผลกระทบต่อพฤติกรรมการขับขี่ ➡️ 33% เลิกขับกลางคืน, 22% อยากเลี่ยงแต่จำเป็นต้องขับ ✅ ไฟ LED และไฟสีขาวเข้ม ➡️ มีแนวโน้มสร้างแสงจ้าที่สายตามนุษย์ปรับได้ยาก ✅ รัฐบาลอังกฤษเตรียมแก้ไข ➡️ จะบรรจุใน Road Safety Strategy เพื่อทบทวนมาตรฐานไฟหน้า ‼️ ความเสี่ยงต่อความปลอดภัยบนท้องถนน ⛔ ไฟหน้าสว่างเกินไปอาจทำให้ผู้ขับขี่ตาพร่าและเกิดอุบัติเหตุ ‼️ การพึ่งพาเทคโนโลยีโดยไม่ปรับกฎเกณฑ์ ⛔ หากไม่แก้ไข อาจทำให้ปัญหาลุกลามเมื่อรถรุ่นใหม่ใช้ไฟ LED มากขึ้น https://www.bbc.com/news/articles/c1j8ewy1p86o
    WWW.BBC.COM
    Nearly all drivers say vehicles' lights are too bright in study
    The study, commissioned by the Department for Transport, was completed by Berkshire's TRL.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 246 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ศิษย์เก่าอาชีวะยุค 2000s จัดฟุตบอลสานสัมพันธ์ จุดพลังอาชีวะยุคใหม่ ไม่เอาความรุนแรง รายได้มอบมูลนิธิเด็กเร่ร่อน”
    https://www.thai-tai.tv/news/22396/
    .
    #ร่วมรณรงค์ลดละเลิก #ไม่ใช้ความรุนแรง #เยาวชนอาชีวะยุคใหม่ #ฟุตบอลสานสัมพันธ์ #อาชีวะไทยก้าวใหม่

    “ศิษย์เก่าอาชีวะยุค 2000s จัดฟุตบอลสานสัมพันธ์ จุดพลังอาชีวะยุคใหม่ ไม่เอาความรุนแรง รายได้มอบมูลนิธิเด็กเร่ร่อน” https://www.thai-tai.tv/news/22396/ . #ร่วมรณรงค์ลดละเลิก #ไม่ใช้ความรุนแรง #เยาวชนอาชีวะยุคใหม่ #ฟุตบอลสานสัมพันธ์ #อาชีวะไทยก้าวใหม่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • ร้านค้ารับเงินนักท่องเที่ยวจีน สแกนพร้อมเพย์ได้แล้ว

    ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านจำหน่ายสินค้าและบริการ ที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนเป็นประจำควรรู้ เพราะธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศการเปิดให้บริการชำระเงินข้ามพรมแดน (Cross-border Payment) ผ่าน QR Code ระหว่างประเทศไทยกับประเทศจีน เพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ ไปเมื่อวันที่ 30 ต.ค. ที่ผ่านมา นำร่อง 6 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. และจะมีธนาคารเข้าร่วมให้บริการเพิ่มเติมอีกในระยะต่อไป

    โดยร้านค้าที่มี QR Code ซึ่งธนาคารจัดพิมพ์ให้ หรือแอปพลิเคชันรับเงินผ่าน QR Code สำหรับร้านค้า และเครื่องรูดบัตร EDC ที่รองรับ Thai QR Payment สามารถรับเงินจากนักท่องเที่ยวจีน โดยสแกนจ่ายผ่านแอปพลิเคชัน Alipay, WeChat Pay และธนาคารจีนที่มี UnionPay ไปยัง Thai QR Payment โดยตรงเพื่อชำระเป็นเงินหยวน ก่อนที่จะแปลงอัตราแลกเปลี่ยนอัตโนมัติ และร้านค้าจะได้รับเป็นเงินบาท โดยไม่ต้องสมัครและสร้าง QR Code ของ Alipay หรือ WeChat Pay แยกต่างหากอีกต่อไป

    มีรายงานว่า ธนาคารกรุงไทยจะทำหน้าที่เป็นธนาคารรับชำระดุล (Settlement Bank) ในการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินระหว่าง เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ็กซ์ (NITMX) ผู้ให้บริการระบบพร้อมเพย์ (PromptPay) กับ แอนท์ อินเตอร์เนชันแนล ผู้ให้บริการ Alipay จากจีน

    ประโยชน์ของบริการ Cross-border Payment ระหว่างไทยและจีน ช่วยให้นักท่องเที่ยวจีนที่มาเยือนประเทศไทย ซึ่งในปี 2567 มีผู้มาเยือนเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยจำนวนกว่า 6.7 ล้านคน รวมทั้งนักลงทุนชาวจีน และชาวจีนที่อาศัยอยู่ระยะยาวในไทย สามารถใช้จ่ายในประเทศไทย โดยไม่จำเป็นต้องแลกเงินหรือเปิดบัญชีธนาคารในไทย ครอบคลุมหลากหลายกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ทั้งรับประทานอาหาร ช้อปปิ้ง และท่องเที่ยว ที่ผ่านมาลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง และลาว สามารถสแกนจ่ายในไทยได้แล้วก่อนหน้านี้

    อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังมีร้านค้าขนาดเล็กจำนวนมาก ยังคงใช้ Promptpay QR Code สำหรับรับเงินโอนเฉพาะบุคคลจากโมบายแบงกิ้งเป็นหลัก ไม่รองรับบริการ Cross-border Payment ทำให้ไม่สามารถรับเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ ซึ่งที่ผ่านมามีธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารพาณิชย์ต่างๆ รณรงค์ให้ร้านค้าสามารถรับเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดน เช่น อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รองรับนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย

    #Newskit
    ร้านค้ารับเงินนักท่องเที่ยวจีน สแกนพร้อมเพย์ได้แล้ว ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านจำหน่ายสินค้าและบริการ ที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนเป็นประจำควรรู้ เพราะธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศการเปิดให้บริการชำระเงินข้ามพรมแดน (Cross-border Payment) ผ่าน QR Code ระหว่างประเทศไทยกับประเทศจีน เพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ ไปเมื่อวันที่ 30 ต.ค. ที่ผ่านมา นำร่อง 6 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. และจะมีธนาคารเข้าร่วมให้บริการเพิ่มเติมอีกในระยะต่อไป โดยร้านค้าที่มี QR Code ซึ่งธนาคารจัดพิมพ์ให้ หรือแอปพลิเคชันรับเงินผ่าน QR Code สำหรับร้านค้า และเครื่องรูดบัตร EDC ที่รองรับ Thai QR Payment สามารถรับเงินจากนักท่องเที่ยวจีน โดยสแกนจ่ายผ่านแอปพลิเคชัน Alipay, WeChat Pay และธนาคารจีนที่มี UnionPay ไปยัง Thai QR Payment โดยตรงเพื่อชำระเป็นเงินหยวน ก่อนที่จะแปลงอัตราแลกเปลี่ยนอัตโนมัติ และร้านค้าจะได้รับเป็นเงินบาท โดยไม่ต้องสมัครและสร้าง QR Code ของ Alipay หรือ WeChat Pay แยกต่างหากอีกต่อไป มีรายงานว่า ธนาคารกรุงไทยจะทำหน้าที่เป็นธนาคารรับชำระดุล (Settlement Bank) ในการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินระหว่าง เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ็กซ์ (NITMX) ผู้ให้บริการระบบพร้อมเพย์ (PromptPay) กับ แอนท์ อินเตอร์เนชันแนล ผู้ให้บริการ Alipay จากจีน ประโยชน์ของบริการ Cross-border Payment ระหว่างไทยและจีน ช่วยให้นักท่องเที่ยวจีนที่มาเยือนประเทศไทย ซึ่งในปี 2567 มีผู้มาเยือนเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยจำนวนกว่า 6.7 ล้านคน รวมทั้งนักลงทุนชาวจีน และชาวจีนที่อาศัยอยู่ระยะยาวในไทย สามารถใช้จ่ายในประเทศไทย โดยไม่จำเป็นต้องแลกเงินหรือเปิดบัญชีธนาคารในไทย ครอบคลุมหลากหลายกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ทั้งรับประทานอาหาร ช้อปปิ้ง และท่องเที่ยว ที่ผ่านมาลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง และลาว สามารถสแกนจ่ายในไทยได้แล้วก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังมีร้านค้าขนาดเล็กจำนวนมาก ยังคงใช้ Promptpay QR Code สำหรับรับเงินโอนเฉพาะบุคคลจากโมบายแบงกิ้งเป็นหลัก ไม่รองรับบริการ Cross-border Payment ทำให้ไม่สามารถรับเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ ซึ่งที่ผ่านมามีธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารพาณิชย์ต่างๆ รณรงค์ให้ร้านค้าสามารถรับเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดน เช่น อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รองรับนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 719 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทลายปาร์ตี้ยา เหยียดเพศโดยไม่ตั้งใจ

    กลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) กำลังวิจารณ์กรณีที่ตำรวจศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอ.ปส.ตร.) ร่วมกับสืบนครบาล (IDMB) ตำรวจนครบาล 5 และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) จับกุมกลุ่มนักเที่ยว 29 คน ที่นัดหมายมั่วสุมเสพยาเสพติด และมีเพศสัมพันธ์ ที่ห้องสวีตในโรงแรมหรูชื่อดัง ในซอยสุขุมวิท 13 แขวงวัฒนา เขตคลองตันเหนือ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 2 พ.ย. ที่ผ่านมา พร้อมของกลางยาไอซ์ ยาบ้า ยาอีน้ำ เคตามีน ยาไวอะกร้า ยาป็อปเปอร์ (สารระเหย ใช้สูดดมเพื่อลดความปวดบริเวณทวารหนัก) และอุปกรณ์การเสพจำนวนหนึ่ง

    โดยพบว่าเนื้อหาข่าวที่สื่อมวลชนนำเสนอ มีลักษณะเน้นย้ำถึงพฤติกรรมทางเพศมากกว่าประเด็นยาเสพติด ซึ่งพบว่าเป็นการทำข่าวแบบคัดลอกแล้ววาง (Copy and Paste) จากข่าวแจกของตำรวจอีกที ประการต่อมาคือ ตำรวจใช้ชื่อ "ปฎิบัติการทลายปาร์ตี้เหมืองทอง" ซึ่งถูกมองว่าเป็นการเหยียดเพศขั้นรุนแรง ทั้งที่ผ่านมาประเทศไทยพยายามผลักดันเรื่องความหลากหลายทางเพศ รวมทั้งตระหนักถึงปัญหาจากการรังแกกันบนโลกออนไลน์ (Cyberbullying)

    อีกประการหนึ่ง คือ การนำเสนอภาพการจับกุมของตำรวจ ที่เผยแพร่ออกมาแบบไม่มีการคัดกรอง เช่น ภาพตำรวจถือถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วชูขึ้นมา แม้ภายหลังเฟซบุ๊กเพจ "กองบัญชาการตำรวจนครบาล" จะลบโพสต์ผลงานการจับกุมดังกล่าวออกจากระบบก็ตาม ภายหลังเฟซบุ๊กเพจ "จ๋อแจ๊ะจับโจร" ซึ่งเป็นเพจของกลุ่มแฟนคลับผู้สนับสนุน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น. และ พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ หรือ สารวัตรแจ๊ะ โพสต์ภาพสารวัตรแจ๊ะถือถุงยางอนามัย พร้อมระบุข้อความว่า "แอดขอเตือน รสนิยมทางเพศไม่ผิด แต่ยาเสพติดผิดเต็มประตู"

    ด้านสมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย โพสต์ข้อความระบุว่า "ไม่ควรเหมารวม LGBTQ+ กับพฤติกรรมผิดกฎหมาย" ระบุว่า หลายสื่อวันนี้พาดหัวข่าวเชื่อมโยงกลุ่ม LGBTQ+ กับปาร์ตี้ยาเสพติด ซึ่งเป็นการนำเสนอที่ขาดความรับผิดชอบและละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน การระบุอัตลักษณ์ทางเพศของผู้ถูกจับกุมโดยไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาข่าว เป็นการผลิตซ้ำอคติและสร้างภาพเหมารวมเชิงลบต่อชุมชน LGBTQ+ สมาคมฟ้าสีรุ้งฯ ขอเรียกร้องให้สื่อมวลชนตระหนักถึงผลกระทบของถ้อยคำ และยึดหลักจริยธรรมในการรายงานข่าว เพื่อร่วมกันลดการตีตราและสร้างความเท่าเทียมในสังคม

    ที่ผ่านมาองค์กรวิชาชีพสื่อก็เคยรณรงค์ให้สื่อมวลชนนำเสนอประเด็นความหลากหลายทางเพศ ทั้งการเปิดอบรมรวมทั้งการออกคู่มือการนำเสนอข่าว แต่ปัญหาก็คือพอเวลาผ่านไปก็ถูกปล่อยปะละเลย แล้วเหตุการณ์เดิมๆ ก็กลับเข้ามาอีก

    #Newskit
    ทลายปาร์ตี้ยา เหยียดเพศโดยไม่ตั้งใจ กลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) กำลังวิจารณ์กรณีที่ตำรวจศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอ.ปส.ตร.) ร่วมกับสืบนครบาล (IDMB) ตำรวจนครบาล 5 และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) จับกุมกลุ่มนักเที่ยว 29 คน ที่นัดหมายมั่วสุมเสพยาเสพติด และมีเพศสัมพันธ์ ที่ห้องสวีตในโรงแรมหรูชื่อดัง ในซอยสุขุมวิท 13 แขวงวัฒนา เขตคลองตันเหนือ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 2 พ.ย. ที่ผ่านมา พร้อมของกลางยาไอซ์ ยาบ้า ยาอีน้ำ เคตามีน ยาไวอะกร้า ยาป็อปเปอร์ (สารระเหย ใช้สูดดมเพื่อลดความปวดบริเวณทวารหนัก) และอุปกรณ์การเสพจำนวนหนึ่ง โดยพบว่าเนื้อหาข่าวที่สื่อมวลชนนำเสนอ มีลักษณะเน้นย้ำถึงพฤติกรรมทางเพศมากกว่าประเด็นยาเสพติด ซึ่งพบว่าเป็นการทำข่าวแบบคัดลอกแล้ววาง (Copy and Paste) จากข่าวแจกของตำรวจอีกที ประการต่อมาคือ ตำรวจใช้ชื่อ "ปฎิบัติการทลายปาร์ตี้เหมืองทอง" ซึ่งถูกมองว่าเป็นการเหยียดเพศขั้นรุนแรง ทั้งที่ผ่านมาประเทศไทยพยายามผลักดันเรื่องความหลากหลายทางเพศ รวมทั้งตระหนักถึงปัญหาจากการรังแกกันบนโลกออนไลน์ (Cyberbullying) อีกประการหนึ่ง คือ การนำเสนอภาพการจับกุมของตำรวจ ที่เผยแพร่ออกมาแบบไม่มีการคัดกรอง เช่น ภาพตำรวจถือถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วชูขึ้นมา แม้ภายหลังเฟซบุ๊กเพจ "กองบัญชาการตำรวจนครบาล" จะลบโพสต์ผลงานการจับกุมดังกล่าวออกจากระบบก็ตาม ภายหลังเฟซบุ๊กเพจ "จ๋อแจ๊ะจับโจร" ซึ่งเป็นเพจของกลุ่มแฟนคลับผู้สนับสนุน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น. และ พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ หรือ สารวัตรแจ๊ะ โพสต์ภาพสารวัตรแจ๊ะถือถุงยางอนามัย พร้อมระบุข้อความว่า "แอดขอเตือน รสนิยมทางเพศไม่ผิด แต่ยาเสพติดผิดเต็มประตู" ด้านสมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย โพสต์ข้อความระบุว่า "ไม่ควรเหมารวม LGBTQ+ กับพฤติกรรมผิดกฎหมาย" ระบุว่า หลายสื่อวันนี้พาดหัวข่าวเชื่อมโยงกลุ่ม LGBTQ+ กับปาร์ตี้ยาเสพติด ซึ่งเป็นการนำเสนอที่ขาดความรับผิดชอบและละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน การระบุอัตลักษณ์ทางเพศของผู้ถูกจับกุมโดยไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาข่าว เป็นการผลิตซ้ำอคติและสร้างภาพเหมารวมเชิงลบต่อชุมชน LGBTQ+ สมาคมฟ้าสีรุ้งฯ ขอเรียกร้องให้สื่อมวลชนตระหนักถึงผลกระทบของถ้อยคำ และยึดหลักจริยธรรมในการรายงานข่าว เพื่อร่วมกันลดการตีตราและสร้างความเท่าเทียมในสังคม ที่ผ่านมาองค์กรวิชาชีพสื่อก็เคยรณรงค์ให้สื่อมวลชนนำเสนอประเด็นความหลากหลายทางเพศ ทั้งการเปิดอบรมรวมทั้งการออกคู่มือการนำเสนอข่าว แต่ปัญหาก็คือพอเวลาผ่านไปก็ถูกปล่อยปะละเลย แล้วเหตุการณ์เดิมๆ ก็กลับเข้ามาอีก #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 619 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ตอนนี้ทำไปทำมา เรา..ประชาชนเริ่มสงสัยในกองทัพไทยเราแล้ว สรุปกองทัพไทยเราถูกdeep stateอีลิทสากลควบคุมใช่หรือไม่นะ,การตัดสินอะไรใดๆไม่เด็ดขาดเลย,เมื่อไม่ฟังสายการเมืองแล้ว ก็ประกาศกฎอัยการศึกอย่างจริงจังเถอะ,แล้วประกาศภาวะสงครามทางการเงินทางเศรษฐกิจไทยให้ชัดเจนเลย,มันควบคลุมสายการเมืองการปกครองจริงทั้งหมดเพราะทั้งหมดมันใช้กลไกเงินกลไกตังขับเคลื่อนประเทศ deep stateมันก็ใช้ระบบทาสเงินครองทุกๆประเทศ สงครามการเงินจึงต้องประกาศให้ชัดเจน จากนั้นกองทัพไทยเราต้องเข้ายึดธนาคารกลางคือแบงค์ชาติไทยเราจริงจังทันที ควบคุมแบงค์ชาติไทยจริงอย่างเป็นทางการเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศ ประกาศห้ามมีการทำกิจการใดๆด้านการเงินลักษณะโอนออกจากประเทศไทยทุกๆกรณี และอายัดทุกๆบัญชีเพื่อตรวจสอบทั้งหมดก่อนที่มีกระแสเงินสดไหลเข้าประเทศไทย,ตัดตอนบ่อนหมายทำลายไทยจ้างงานนักทำลายไทยทั้งหมดได้เพราะไม่มีเสบียงคือเงินให้มันเป็นอาหารมีแรงทำงานเต็มพลังหรือสั่งอะไรมาเสริมๆได้เพราะไม่มีตังไปซื้อไปสั่งมาเสริมด้วยถูกกองทัพไทยเราตัดตอนไว้ก่อนนั้นเอง,กองทัพไทยเลิกโง่เสียทีได้แล้ว โง่จากวัคซีนโควิดยังไม่อยากให้อภัยเลย องค์ภาเราก็ถูกวัคซีนจนวูบชัดเจนแน่นอน การสายข่าวทหารกากมากในเครื่องมือมากมายเต็มกองทัพไทยเรา,จน อ.สุจริตมาร่วมประชุมหัวโต๊ะให้สายทางวังรับรู้เรื่องราว.

    ..นี้คือสงครามชัดเจน ไทยเราโดยกองทัพไทยทหารไทยพระราชาเราต้องตัดสินใจเด็ดขาดได้แล้ว ลีลาน่าลำคาญมาก ยึดอำนาจรัฐบาลเสียเพราะมันใช้สภาทำงานออกกฎหมายให้ฝ่ายมืดอีลิทdeep stateชัดเจน พรบ.มากมายล้วนโยนปูทางสู่agenda2030มันชัดเจน,คลิปนี้คุณอดิเทพอธิบายไว้ชัดเจนมาก กองทัพไทยเรามารับรู้เรื่องนี้กันบ้างมั้ย มันของแท้เลยนะ มิใช่ของกากๆ ไบโอเมทริกซ์ บัตรประชาชนดิจิดัล เงินดิจิดัล เมืองอัจฉริยะ คาร์บอนเครดิต พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ กฎหมายมากมายมันเชื่อมโยงในการจะทำคนไทยประเทศไทยให้ตกเป็นทาสมันชัดเจน ผ่านกลไกกระบวนทางการเมืองของนักการเมือง ทหารทรยศเป็นกบฎเป็นภัยของแผ่นดินไทยเราก็รู้แจ้งเห็นชัดจากกรณีบิ๊กกุ้งยึดคืนพื้นที่11จุดได้ แต่คณะทีมงานฝ่ายพี่ท่านทีมเดอะแก๊งเดอะก๊กบูรพาพยัคฆ์ไม่ทำห่าเหวอะไรถีบเขมรออกจากแผ่นดินไทยจริงสักจุดทั่วภาค.1ตะวันออกทั้งหมด,นี้คือความทรยศชัดเจนขนาดไหน กองทัพไทยไม่เห็นมันเลยเหรอว่าจะตำตาตำใจท่านแล้วขนาดนั้น จะไปเล่นอะไรห่าเหวพิธีการกับมันอีก ไม่ยอมร่วมกันกำจัดกวาดล้างคนทรยศประจำภายในกองทัพด้วย ,พวกมันไม่สู้ชนะเรา..คนไทยประชาชนคนไทยหรอก เรา..ประชาชนยืนเคียงข้างทหารพระราชาแน่นอน พวกมันจะทำลายสถาบันกษัตริย์ชัดเจน โดยใช้หนังหน้าสายทางภาคการเมืองกำลังปาหี่แสดงละครอยู่ขณะนี้พร้อมสุมหัวจะกำจัดกองทัพไทยเราด้วย ลดเครดิตกองทัพไทยชัดเจนผ่านรัฐบาลชั่วเลวสาระพัดเลวที่แก๊งขูสามนิ้วชูนอมินีมาเป็นนายกฯแทนมันเสียข้างน้อย,การเมืองเรามันจบแล้ว กองทัพไทยต้องยึดอำนาจ ท่านรอห่าเหวอะไร เราเปลี่ยนเส้นทางเดินบนทางเรา..ประเทศไทยได้ ร่วมกันปกป้องประเทศเราและประชาชนคนไทยเราถึงที่สุดด้วยมือชาวไทยเราได้,บริบทและบทบาทภาคนักการเมืองมีแต่ทำลายทำร้ายชาติ ทำร้ายทำลายแผ่นดินไทย ท่านจะพากันนิ่งเฉยให้ชาติไทยพินาศแบบนี้จริงๆเหรอ.

    ..จากคลิปคุณอดิเทพ เราสามารถแก้ทางมันได้หมด,ยกเลิกเงินดิจิดัล พรบ.ใดๆที่สนับสนุนเงินดิจิดัลที่อีลิทเขียนฉีกทิ้งหมด,ให้กลับคืนมาใช้เงินบาทกระดาษ,รณรงค์คนไทยเราให้ซื่อสัตย์เพื่อดำรงรักษาคุณค่ามนุษย์บนแผ่นดินไทยให้ได้ ,ยกเลิกสนับสนุนAIมาทดแทนมนุษย์ โรงงานไทยใครจะมาตั้งฐานการผลิตให้ใช้จักรกลเพียง1%ของโรงงาน เพื่อสนันสนุนการจ้างแรงงานคนไทย99%,ยกเลิกแรงงานต่างด้าวทุกๆกรณีไปก่อน,ยึดคืนทรัพยากรที่ผูกขาดจากทุกๆสัญญาใดสัมปทานใดๆทั้งหมด ให้คืนสู่สามัญกลับไปพิจารณาให้เป็นเอกประโยชน์สูงสุดแก่เจ้าของทรัพยากรบนแผ่นดินไทยตนดั่งเดิมชัดเจนก่อน,ยกเลิกการสแกนใบหน้าซื้อสินค้า ยกเลิกบัตรคนจน ยกเลิกกระเป๋าตังดิจิดัล,ให้ประชาชนคนไทยใช้จ่ายจริงด้วยเงินสดภายในประเทศ,แอปใดที่ให้บริการซื้อขายออนไลน์ต้องชำระปลายทางด้วยเงินสดเท่านั้นในประเทศไทย,หากไม่สามารถทำได้ ให้ห้ามมีแอปนี้ให้บริการบนแผ่นดินไทย,ระบบสาธารณะใดๆทั่วไทยเราสามารถใช้เงินสดทั้งหมด,เต็มเงินเข้าบัตรปกติ,มิให้ใช้ตังดิจิดัล.เราจะสามารถต่อยอดและปกป้อง ป้องกันเราเองสาระพัดวิธี ,เมื่อกองทัพไทยเรายึดอำนาจจริง เรา..ประเทศไทยจะรอดพ้นภัยหายนะแน่นอน เพราะพระเจ้าให้เราเลือกเส้นทางเดินเองได้ ถ้าต่างดาวเลวอีลิทชั่ว บังคับเจตจำนงเรา..ประเทศไทย มันจะถูกลงโทษทันทีจากผู้ควบคุมกฎนี้ของจักรวาล ,วัคซีนมันจึงต้องให้เรายินยอมก่อนเป็นต้น มันจะตอบพระเจ้าไม่ได้ ซวยก็จะดับอนาถทั้งหมดแน่นอน,รัฐบาลไทยในอดีตมันรู้สิ่งนี้จึงเชิญชวนแทน แถบีบบังคับทางอ้อมกับคนไม่รู้เรื่องได้,

    ..ตอนนี้ รัฐบาลประเทศไทยยุคอดีตถึงปัจจุบัน มิใช่รัฐบาลประเทศไทย แต่เป็นCEOของอีลิทdeep stateสากลโลกมาปกครองแทนประเทศไทยผ่านปาหี่มุกเลือกตั้งทางประชาชนบังหน้า ,แต่ความจริงรัฐบาลไทยมิใช่รัฐบาลไทยเลย มันคือนอมินีหาแดกร่วมกันบนแผ่นดินไทยบนชื่อประเทศไทย ปกครองทาสประเทศไทยนี้ล่ะ,การพัฒนาก่อสร้างทั้งหมดเพื่ออำนวยการเข้าแดกบนทุกๆตารางนิ้วทั่วไทยได้ดียิ่งขึ้น ขนส่งสมบัติทรัพยากรมีค่าบนแผ่นดินไทยนี้ได้สะดวกยิ่งขึ้น มนุษย์คนไทยแค่เศษทาสแรงงานรับใช้สร้างงานวร้างเนื้องานสร้างประโยชน์สร้างผลกำไรให้มันแค่นั้น จึงมิให้คนไทยทั่วประเทศร่ำรวยได้ จงยากจนดักดานมั่นคงทั่วประเทศไทยต่อไป ทุกข์ยากลำบากวุ่นวายโกลาหลในบ้านในเมืองนี้ด้วยมิให้มรึงคนไทยประเทศไทยสงบได้ เช่นสั่งให้เขมรยิงระเบิดใส่คนไทยสร้างความวุ่นวายโกลาหล พม่า อินโดฯ ใดๆในภูมิภาคนี้คือสถานที่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์บนความวุ่นวายไม่สงบสุขบนความโกลาหล ขายอาวุธขายสาระพัดให้พวกมรึงสู้กันกำไรรายได้เห็น บ้านมรึงต่อยอดวิบัติเป็นภัยใส่กันและกันมิให้สงบสุขรายวันนั้นเอง,จากภายในก็นักการเมืองที่กูสั่งได้หมด.

    ..นี้คือเหตุผลคราวๆทำไม กองทัพไทยพระราชาเรา ทหารพระราชาเรา ทหารไทยเราต้องยึดอำนาจ ต้องเด็ดขาดตัดตอนมันจริงๆ อย่าโง่อีกเลย เก็บกวาดกวาดล้างทำความสะอาดทั่วประเทศเลย..เรา..ประชาชนคนไทยทั้งประเทศยืนอยู่เคียงข้างเพื่อสร้างบ้านสร้างเมืองสร้างชาติเราใหม่ให้ดีงามอีกครั้งจากพวกชั่วเลวนี้ทำร้ายทำลายมายาวนานเสียที.

    #กองทัพไทยต้องประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศไทยอย่างจริงจังเดี๋ยวนี้.

    #ทหารไทยต้องยึดอำนาจตัดตอนพวกมันจากทั้งภายในและที่ข้ามทวีปโลกมาด้วย.

    #การยึดอำนาจคือหนทางเดียวและคือทางออก

    #นักการเมืองไทยล้มเหลวในการปกป้องอธิปไตยชาติไทยทุกๆมิติแถมเป็นพวกมันด้วย.

    https://vm.tiktok.com/ZSHcFnF4NYfax-zGJpe/
    ..ตอนนี้ทำไปทำมา เรา..ประชาชนเริ่มสงสัยในกองทัพไทยเราแล้ว สรุปกองทัพไทยเราถูกdeep stateอีลิทสากลควบคุมใช่หรือไม่นะ,การตัดสินอะไรใดๆไม่เด็ดขาดเลย,เมื่อไม่ฟังสายการเมืองแล้ว ก็ประกาศกฎอัยการศึกอย่างจริงจังเถอะ,แล้วประกาศภาวะสงครามทางการเงินทางเศรษฐกิจไทยให้ชัดเจนเลย,มันควบคลุมสายการเมืองการปกครองจริงทั้งหมดเพราะทั้งหมดมันใช้กลไกเงินกลไกตังขับเคลื่อนประเทศ deep stateมันก็ใช้ระบบทาสเงินครองทุกๆประเทศ สงครามการเงินจึงต้องประกาศให้ชัดเจน จากนั้นกองทัพไทยเราต้องเข้ายึดธนาคารกลางคือแบงค์ชาติไทยเราจริงจังทันที ควบคุมแบงค์ชาติไทยจริงอย่างเป็นทางการเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศ ประกาศห้ามมีการทำกิจการใดๆด้านการเงินลักษณะโอนออกจากประเทศไทยทุกๆกรณี และอายัดทุกๆบัญชีเพื่อตรวจสอบทั้งหมดก่อนที่มีกระแสเงินสดไหลเข้าประเทศไทย,ตัดตอนบ่อนหมายทำลายไทยจ้างงานนักทำลายไทยทั้งหมดได้เพราะไม่มีเสบียงคือเงินให้มันเป็นอาหารมีแรงทำงานเต็มพลังหรือสั่งอะไรมาเสริมๆได้เพราะไม่มีตังไปซื้อไปสั่งมาเสริมด้วยถูกกองทัพไทยเราตัดตอนไว้ก่อนนั้นเอง,กองทัพไทยเลิกโง่เสียทีได้แล้ว โง่จากวัคซีนโควิดยังไม่อยากให้อภัยเลย องค์ภาเราก็ถูกวัคซีนจนวูบชัดเจนแน่นอน การสายข่าวทหารกากมากในเครื่องมือมากมายเต็มกองทัพไทยเรา,จน อ.สุจริตมาร่วมประชุมหัวโต๊ะให้สายทางวังรับรู้เรื่องราว. ..นี้คือสงครามชัดเจน ไทยเราโดยกองทัพไทยทหารไทยพระราชาเราต้องตัดสินใจเด็ดขาดได้แล้ว ลีลาน่าลำคาญมาก ยึดอำนาจรัฐบาลเสียเพราะมันใช้สภาทำงานออกกฎหมายให้ฝ่ายมืดอีลิทdeep stateชัดเจน พรบ.มากมายล้วนโยนปูทางสู่agenda2030มันชัดเจน,คลิปนี้คุณอดิเทพอธิบายไว้ชัดเจนมาก กองทัพไทยเรามารับรู้เรื่องนี้กันบ้างมั้ย มันของแท้เลยนะ มิใช่ของกากๆ ไบโอเมทริกซ์ บัตรประชาชนดิจิดัล เงินดิจิดัล เมืองอัจฉริยะ คาร์บอนเครดิต พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ กฎหมายมากมายมันเชื่อมโยงในการจะทำคนไทยประเทศไทยให้ตกเป็นทาสมันชัดเจน ผ่านกลไกกระบวนทางการเมืองของนักการเมือง ทหารทรยศเป็นกบฎเป็นภัยของแผ่นดินไทยเราก็รู้แจ้งเห็นชัดจากกรณีบิ๊กกุ้งยึดคืนพื้นที่11จุดได้ แต่คณะทีมงานฝ่ายพี่ท่านทีมเดอะแก๊งเดอะก๊กบูรพาพยัคฆ์ไม่ทำห่าเหวอะไรถีบเขมรออกจากแผ่นดินไทยจริงสักจุดทั่วภาค.1ตะวันออกทั้งหมด,นี้คือความทรยศชัดเจนขนาดไหน กองทัพไทยไม่เห็นมันเลยเหรอว่าจะตำตาตำใจท่านแล้วขนาดนั้น จะไปเล่นอะไรห่าเหวพิธีการกับมันอีก ไม่ยอมร่วมกันกำจัดกวาดล้างคนทรยศประจำภายในกองทัพด้วย ,พวกมันไม่สู้ชนะเรา..คนไทยประชาชนคนไทยหรอก เรา..ประชาชนยืนเคียงข้างทหารพระราชาแน่นอน พวกมันจะทำลายสถาบันกษัตริย์ชัดเจน โดยใช้หนังหน้าสายทางภาคการเมืองกำลังปาหี่แสดงละครอยู่ขณะนี้พร้อมสุมหัวจะกำจัดกองทัพไทยเราด้วย ลดเครดิตกองทัพไทยชัดเจนผ่านรัฐบาลชั่วเลวสาระพัดเลวที่แก๊งขูสามนิ้วชูนอมินีมาเป็นนายกฯแทนมันเสียข้างน้อย,การเมืองเรามันจบแล้ว กองทัพไทยต้องยึดอำนาจ ท่านรอห่าเหวอะไร เราเปลี่ยนเส้นทางเดินบนทางเรา..ประเทศไทยได้ ร่วมกันปกป้องประเทศเราและประชาชนคนไทยเราถึงที่สุดด้วยมือชาวไทยเราได้,บริบทและบทบาทภาคนักการเมืองมีแต่ทำลายทำร้ายชาติ ทำร้ายทำลายแผ่นดินไทย ท่านจะพากันนิ่งเฉยให้ชาติไทยพินาศแบบนี้จริงๆเหรอ. ..จากคลิปคุณอดิเทพ เราสามารถแก้ทางมันได้หมด,ยกเลิกเงินดิจิดัล พรบ.ใดๆที่สนับสนุนเงินดิจิดัลที่อีลิทเขียนฉีกทิ้งหมด,ให้กลับคืนมาใช้เงินบาทกระดาษ,รณรงค์คนไทยเราให้ซื่อสัตย์เพื่อดำรงรักษาคุณค่ามนุษย์บนแผ่นดินไทยให้ได้ ,ยกเลิกสนับสนุนAIมาทดแทนมนุษย์ โรงงานไทยใครจะมาตั้งฐานการผลิตให้ใช้จักรกลเพียง1%ของโรงงาน เพื่อสนันสนุนการจ้างแรงงานคนไทย99%,ยกเลิกแรงงานต่างด้าวทุกๆกรณีไปก่อน,ยึดคืนทรัพยากรที่ผูกขาดจากทุกๆสัญญาใดสัมปทานใดๆทั้งหมด ให้คืนสู่สามัญกลับไปพิจารณาให้เป็นเอกประโยชน์สูงสุดแก่เจ้าของทรัพยากรบนแผ่นดินไทยตนดั่งเดิมชัดเจนก่อน,ยกเลิกการสแกนใบหน้าซื้อสินค้า ยกเลิกบัตรคนจน ยกเลิกกระเป๋าตังดิจิดัล,ให้ประชาชนคนไทยใช้จ่ายจริงด้วยเงินสดภายในประเทศ,แอปใดที่ให้บริการซื้อขายออนไลน์ต้องชำระปลายทางด้วยเงินสดเท่านั้นในประเทศไทย,หากไม่สามารถทำได้ ให้ห้ามมีแอปนี้ให้บริการบนแผ่นดินไทย,ระบบสาธารณะใดๆทั่วไทยเราสามารถใช้เงินสดทั้งหมด,เต็มเงินเข้าบัตรปกติ,มิให้ใช้ตังดิจิดัล.เราจะสามารถต่อยอดและปกป้อง ป้องกันเราเองสาระพัดวิธี ,เมื่อกองทัพไทยเรายึดอำนาจจริง เรา..ประเทศไทยจะรอดพ้นภัยหายนะแน่นอน เพราะพระเจ้าให้เราเลือกเส้นทางเดินเองได้ ถ้าต่างดาวเลวอีลิทชั่ว บังคับเจตจำนงเรา..ประเทศไทย มันจะถูกลงโทษทันทีจากผู้ควบคุมกฎนี้ของจักรวาล ,วัคซีนมันจึงต้องให้เรายินยอมก่อนเป็นต้น มันจะตอบพระเจ้าไม่ได้ ซวยก็จะดับอนาถทั้งหมดแน่นอน,รัฐบาลไทยในอดีตมันรู้สิ่งนี้จึงเชิญชวนแทน แถบีบบังคับทางอ้อมกับคนไม่รู้เรื่องได้, ..ตอนนี้ รัฐบาลประเทศไทยยุคอดีตถึงปัจจุบัน มิใช่รัฐบาลประเทศไทย แต่เป็นCEOของอีลิทdeep stateสากลโลกมาปกครองแทนประเทศไทยผ่านปาหี่มุกเลือกตั้งทางประชาชนบังหน้า ,แต่ความจริงรัฐบาลไทยมิใช่รัฐบาลไทยเลย มันคือนอมินีหาแดกร่วมกันบนแผ่นดินไทยบนชื่อประเทศไทย ปกครองทาสประเทศไทยนี้ล่ะ,การพัฒนาก่อสร้างทั้งหมดเพื่ออำนวยการเข้าแดกบนทุกๆตารางนิ้วทั่วไทยได้ดียิ่งขึ้น ขนส่งสมบัติทรัพยากรมีค่าบนแผ่นดินไทยนี้ได้สะดวกยิ่งขึ้น มนุษย์คนไทยแค่เศษทาสแรงงานรับใช้สร้างงานวร้างเนื้องานสร้างประโยชน์สร้างผลกำไรให้มันแค่นั้น จึงมิให้คนไทยทั่วประเทศร่ำรวยได้ จงยากจนดักดานมั่นคงทั่วประเทศไทยต่อไป ทุกข์ยากลำบากวุ่นวายโกลาหลในบ้านในเมืองนี้ด้วยมิให้มรึงคนไทยประเทศไทยสงบได้ เช่นสั่งให้เขมรยิงระเบิดใส่คนไทยสร้างความวุ่นวายโกลาหล พม่า อินโดฯ ใดๆในภูมิภาคนี้คือสถานที่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์บนความวุ่นวายไม่สงบสุขบนความโกลาหล ขายอาวุธขายสาระพัดให้พวกมรึงสู้กันกำไรรายได้เห็น บ้านมรึงต่อยอดวิบัติเป็นภัยใส่กันและกันมิให้สงบสุขรายวันนั้นเอง,จากภายในก็นักการเมืองที่กูสั่งได้หมด. ..นี้คือเหตุผลคราวๆทำไม กองทัพไทยพระราชาเรา ทหารพระราชาเรา ทหารไทยเราต้องยึดอำนาจ ต้องเด็ดขาดตัดตอนมันจริงๆ อย่าโง่อีกเลย เก็บกวาดกวาดล้างทำความสะอาดทั่วประเทศเลย..เรา..ประชาชนคนไทยทั้งประเทศยืนอยู่เคียงข้างเพื่อสร้างบ้านสร้างเมืองสร้างชาติเราใหม่ให้ดีงามอีกครั้งจากพวกชั่วเลวนี้ทำร้ายทำลายมายาวนานเสียที. #กองทัพไทยต้องประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศไทยอย่างจริงจังเดี๋ยวนี้. #ทหารไทยต้องยึดอำนาจตัดตอนพวกมันจากทั้งภายในและที่ข้ามทวีปโลกมาด้วย. #การยึดอำนาจคือหนทางเดียวและคือทางออก #นักการเมืองไทยล้มเหลวในการปกป้องอธิปไตยชาติไทยทุกๆมิติแถมเป็นพวกมันด้วย. https://vm.tiktok.com/ZSHcFnF4NYfax-zGJpe/
    @adithepchawla01

    Biometric Clip 1 of 3 สแกนหน้า ความปลอดภัย หรือการควบคุม?

    ♬ original sound - อดิเทพ จาวลาห์ - อดิเทพ จาวลาห์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 948 มุมมอง 0 รีวิว
  • วชิรพยาบาล เปิดโครงการ "Vajira Handwashing Day 2025" เดินหน้ารณรงค์ "ล้างมือบ่อยๆ" สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยยั่งยืน
    https://www.thai-tai.tv/news/21923/
    .
    #ไทยไท #VajiraHandwashingDay #วชิรพยาบาล #ล้างมือบ่อยๆ #สุขอนามัย #สาธารณสุข

    วชิรพยาบาล เปิดโครงการ "Vajira Handwashing Day 2025" เดินหน้ารณรงค์ "ล้างมือบ่อยๆ" สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยยั่งยืน https://www.thai-tai.tv/news/21923/ . #ไทยไท #VajiraHandwashingDay #วชิรพยาบาล #ล้างมือบ่อยๆ #สุขอนามัย #สาธารณสุข
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 255 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ไต้หวันเตือนภัยไซเบอร์จากจีนทวีความรุนแรง” — เมื่อการแฮกและข่าวปลอมกลายเป็นอาวุธก่อนเลือกตั้งปี 2026

    สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของไต้หวัน (NSB) รายงานต่อรัฐสภาว่า ประเทศกำลังเผชิญกับการโจมตีทางไซเบอร์จากจีนอย่างหนัก โดยเฉลี่ยแล้วมีการพยายามเจาะระบบถึง 2.8 ล้านครั้งต่อวัน เพิ่มขึ้น 17% จากปีที่ผ่านมา

    นอกจากการแฮกข้อมูลแล้ว จีนยังดำเนินการรณรงค์ข่าวปลอมผ่าน “กองทัพโทรลออนไลน์” ที่ใช้บัญชีโซเชียลมีเดียกว่า 10,000 บัญชีในการเผยแพร่โพสต์ปลอมมากกว่า 1.5 ล้านรายการ โดยเนื้อหาส่วนใหญ่สนับสนุนจีนและบิดเบือนนโยบายภายในของไต้หวัน รวมถึงการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ

    กลุ่มแฮกเกอร์ที่เกี่ยวข้อง เช่น APT41, Volt Typhoon และ Salt Typhoon มุ่งเป้าไปที่โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น การป้องกันประเทศ โทรคมนาคม พลังงาน และสาธารณสุข โดยใช้มัลแวร์และช่องทางใน dark web เพื่อขโมยข้อมูลและเผยแพร่เนื้อหาบิดเบือน

    จีนปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด และกลับกล่าวหาสหรัฐฯ ว่าเป็น “นักเลงไซเบอร์ตัวจริงของโลก” โดยอ้างว่า NSA เคยโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของจีนหลายครั้ง

    ข้อมูลในข่าว
    ไต้หวันเผชิญการโจมตีไซเบอร์จากจีนเฉลี่ย 2.8 ล้านครั้งต่อวัน
    เพิ่มขึ้น 17% จากปีที่ผ่านมา
    จีนใช้บัญชีโทรลกว่า 10,000 บัญชีเผยแพร่โพสต์ปลอมกว่า 1.5 ล้านรายการ
    เนื้อหาส่วนใหญ่สนับสนุนจีนและบิดเบือนนโยบายของไต้หวัน
    กลุ่มแฮกเกอร์ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ APT41, Volt Typhoon, Salt Typhoon
    เป้าหมายคือโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น กลาโหม โทรคมนาคม พลังงาน และสาธารณสุข
    ใช้มัลแวร์และช่องทาง dark web ในการเผยแพร่ข้อมูล
    จีนปฏิเสธข้อกล่าวหาและกล่าวหาสหรัฐฯ ว่าเป็นผู้โจมตีไซเบอร์ตัวจริง

    https://www.techradar.com/pro/security/taiwan-warns-chinese-cyberattacks-are-intensifying
    🛡️ “ไต้หวันเตือนภัยไซเบอร์จากจีนทวีความรุนแรง” — เมื่อการแฮกและข่าวปลอมกลายเป็นอาวุธก่อนเลือกตั้งปี 2026 สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของไต้หวัน (NSB) รายงานต่อรัฐสภาว่า ประเทศกำลังเผชิญกับการโจมตีทางไซเบอร์จากจีนอย่างหนัก โดยเฉลี่ยแล้วมีการพยายามเจาะระบบถึง 2.8 ล้านครั้งต่อวัน เพิ่มขึ้น 17% จากปีที่ผ่านมา นอกจากการแฮกข้อมูลแล้ว จีนยังดำเนินการรณรงค์ข่าวปลอมผ่าน “กองทัพโทรลออนไลน์” ที่ใช้บัญชีโซเชียลมีเดียกว่า 10,000 บัญชีในการเผยแพร่โพสต์ปลอมมากกว่า 1.5 ล้านรายการ โดยเนื้อหาส่วนใหญ่สนับสนุนจีนและบิดเบือนนโยบายภายในของไต้หวัน รวมถึงการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ กลุ่มแฮกเกอร์ที่เกี่ยวข้อง เช่น APT41, Volt Typhoon และ Salt Typhoon มุ่งเป้าไปที่โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น การป้องกันประเทศ โทรคมนาคม พลังงาน และสาธารณสุข โดยใช้มัลแวร์และช่องทางใน dark web เพื่อขโมยข้อมูลและเผยแพร่เนื้อหาบิดเบือน จีนปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด และกลับกล่าวหาสหรัฐฯ ว่าเป็น “นักเลงไซเบอร์ตัวจริงของโลก” โดยอ้างว่า NSA เคยโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของจีนหลายครั้ง ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ ไต้หวันเผชิญการโจมตีไซเบอร์จากจีนเฉลี่ย 2.8 ล้านครั้งต่อวัน ➡️ เพิ่มขึ้น 17% จากปีที่ผ่านมา ➡️ จีนใช้บัญชีโทรลกว่า 10,000 บัญชีเผยแพร่โพสต์ปลอมกว่า 1.5 ล้านรายการ ➡️ เนื้อหาส่วนใหญ่สนับสนุนจีนและบิดเบือนนโยบายของไต้หวัน ➡️ กลุ่มแฮกเกอร์ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ APT41, Volt Typhoon, Salt Typhoon ➡️ เป้าหมายคือโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น กลาโหม โทรคมนาคม พลังงาน และสาธารณสุข ➡️ ใช้มัลแวร์และช่องทาง dark web ในการเผยแพร่ข้อมูล ➡️ จีนปฏิเสธข้อกล่าวหาและกล่าวหาสหรัฐฯ ว่าเป็นผู้โจมตีไซเบอร์ตัวจริง https://www.techradar.com/pro/security/taiwan-warns-chinese-cyberattacks-are-intensifying
    WWW.TECHRADAR.COM
    Taiwan warns Chinese cyberattacks are intensifying
    Breaches and misinformation campaigns are rampant
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 432 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Bitcoin Jesus” ยอมจ่ายเกือบ 50 ล้านเหรียญ เพื่อยุติคดีเลี่ยงภาษีในสหรัฐฯ

    ในโลกของคริปโตเคอร์เรนซี มีบุคคลหนึ่งที่ได้รับฉายาว่า “Bitcoin Jesus” เขาคือ Roger Ver นักลงทุนยุคแรกของบิตคอยน์ที่เคยเป็นผู้สนับสนุนหลักในการผลักดันให้บิตคอยน์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ล่าสุดเขาตกเป็นข่าวใหญ่เมื่อกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เปิดเผยว่า Ver ได้ตกลงจ่ายเงินสูงสุดถึง 49.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อยุติคดีเลี่ยงภาษีและฉ้อโกงทางไปรษณีย์

    ข้อตกลงนี้เป็นรูปแบบ “deferred prosecution agreement” หรือการเลื่อนการดำเนินคดี ซึ่งหมายความว่า หากเขาปฏิบัติตามเงื่อนไขครบถ้วน คดีจะไม่ถูกดำเนินต่อในศาล โดยก่อนหน้านี้ Ver ได้ออกมารณรงค์ให้ประธานาธิบดี Donald Trump ช่วยยุติสิ่งที่เขาเรียกว่า “lawfare” หรือการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือโจมตีทางการเมือง

    นอกจากประเด็นทางกฎหมายแล้ว เรื่องนี้ยังสะท้อนถึงความซับซ้อนของการจัดเก็บภาษีในโลกคริปโต ที่ยังคงเป็นพื้นที่สีเทาในหลายประเทศ รวมถึงการที่นักลงทุนคริปโตต้องเผชิญกับความเสี่ยงทางกฎหมาย หากไม่จัดการเรื่องภาษีอย่างถูกต้อง

    ข้อมูลในข่าว
    Roger Ver หรือ “Bitcoin Jesus” เป็นนักลงทุนบิตคอยน์ยุคแรก
    เขาตกลงจ่ายเงินสูงสุด 49.9 ล้านดอลลาร์เพื่อยุติคดีเลี่ยงภาษี
    ข้อตกลงเป็นแบบ “deferred prosecution” ซึ่งอาจทำให้คดีไม่ถูกดำเนินต่อ
    Ver เคยรณรงค์ให้ประธานาธิบดี Trump ช่วยยุติการใช้กฎหมายโจมตีทางการเมือง

    คำเตือนจากข้อมูลข่าว
    นักลงทุนคริปโตต้องระวังเรื่องการจัดการภาษีอย่างถูกต้อง
    การเลี่ยงภาษีในสหรัฐฯ อาจนำไปสู่คดีอาญาและค่าปรับมหาศาล
    การใช้คริปโตในธุรกรรมจำนวนมากโดยไม่เปิดเผย อาจถูกตรวจสอบย้อนหลังได้
    แม้จะมีข้อตกลงเลื่อนการดำเนินคดี แต่หากผิดเงื่อนไขก็อาจถูกดำเนินคดีเต็มรูปแบบ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/15/crypto-investor-039bitcoin-jesus039-reaches-deal-to-resolve-us-tax-charges
    🎯 “Bitcoin Jesus” ยอมจ่ายเกือบ 50 ล้านเหรียญ เพื่อยุติคดีเลี่ยงภาษีในสหรัฐฯ ในโลกของคริปโตเคอร์เรนซี มีบุคคลหนึ่งที่ได้รับฉายาว่า “Bitcoin Jesus” เขาคือ Roger Ver นักลงทุนยุคแรกของบิตคอยน์ที่เคยเป็นผู้สนับสนุนหลักในการผลักดันให้บิตคอยน์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ล่าสุดเขาตกเป็นข่าวใหญ่เมื่อกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เปิดเผยว่า Ver ได้ตกลงจ่ายเงินสูงสุดถึง 49.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อยุติคดีเลี่ยงภาษีและฉ้อโกงทางไปรษณีย์ ข้อตกลงนี้เป็นรูปแบบ “deferred prosecution agreement” หรือการเลื่อนการดำเนินคดี ซึ่งหมายความว่า หากเขาปฏิบัติตามเงื่อนไขครบถ้วน คดีจะไม่ถูกดำเนินต่อในศาล โดยก่อนหน้านี้ Ver ได้ออกมารณรงค์ให้ประธานาธิบดี Donald Trump ช่วยยุติสิ่งที่เขาเรียกว่า “lawfare” หรือการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือโจมตีทางการเมือง นอกจากประเด็นทางกฎหมายแล้ว เรื่องนี้ยังสะท้อนถึงความซับซ้อนของการจัดเก็บภาษีในโลกคริปโต ที่ยังคงเป็นพื้นที่สีเทาในหลายประเทศ รวมถึงการที่นักลงทุนคริปโตต้องเผชิญกับความเสี่ยงทางกฎหมาย หากไม่จัดการเรื่องภาษีอย่างถูกต้อง ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ Roger Ver หรือ “Bitcoin Jesus” เป็นนักลงทุนบิตคอยน์ยุคแรก ➡️ เขาตกลงจ่ายเงินสูงสุด 49.9 ล้านดอลลาร์เพื่อยุติคดีเลี่ยงภาษี ➡️ ข้อตกลงเป็นแบบ “deferred prosecution” ซึ่งอาจทำให้คดีไม่ถูกดำเนินต่อ ➡️ Ver เคยรณรงค์ให้ประธานาธิบดี Trump ช่วยยุติการใช้กฎหมายโจมตีทางการเมือง ‼️ คำเตือนจากข้อมูลข่าว ⛔ นักลงทุนคริปโตต้องระวังเรื่องการจัดการภาษีอย่างถูกต้อง ⛔ การเลี่ยงภาษีในสหรัฐฯ อาจนำไปสู่คดีอาญาและค่าปรับมหาศาล ⛔ การใช้คริปโตในธุรกรรมจำนวนมากโดยไม่เปิดเผย อาจถูกตรวจสอบย้อนหลังได้ ⛔ แม้จะมีข้อตกลงเลื่อนการดำเนินคดี แต่หากผิดเงื่อนไขก็อาจถูกดำเนินคดีเต็มรูปแบบ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/15/crypto-investor-039bitcoin-jesus039-reaches-deal-to-resolve-us-tax-charges
    WWW.THESTAR.COM.MY
    'Bitcoin Jesus' strikes deal with Trump administration to resolve US tax charges
    (Reuters) -An early cryptocurrency investor dubbed the "Bitcoin Jesus" has agreed to pay up to $49.9 million to resolve charges he evaded tens of millions of dollars in taxes, the U.S. Department of Justice said in a court filing on Tuesday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 388 มุมมอง 0 รีวิว
  • “KDE ครบรอบ 29 ปี — เปิดระดมทุนปี 2025 เพื่อซอฟต์แวร์เสรีที่ยั่งยืนและโลกที่สะอาดขึ้น”

    ในวาระครบรอบ 29 ปีของ KDE โครงการโอเพ่นซอร์สที่ทรงพลังและเป็นอิสระที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ได้เปิดตัวแคมเปญระดมทุนประจำปี 2025 โดยตั้งเป้ายอดบริจาคขั้นต่ำที่ €50,000 เพื่อสนับสนุนการพัฒนาซอฟต์แวร์เสรีที่มีคุณภาพสูงและเป็นมิตรต่อความเป็นส่วนตัว

    KDE เน้นย้ำว่าเงินบริจาคจากผู้ใช้คือหัวใจของความเป็นอิสระทางการเงิน ซึ่งช่วยให้โครงการไม่ต้องพึ่งพาบริษัทใดบริษัทหนึ่ง และสามารถพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อทุกคนได้อย่างแท้จริง

    นอกจากนี้ แคมเปญปีนี้ยังตรงกับสัปดาห์ของ “วันลดขยะอิเล็กทรอนิกส์สากล” KDE จึงเปิดตัวแคมเปญ “End of 10” เพื่อรณรงค์ให้ผู้คนไม่ทิ้งอุปกรณ์เก่าเพียงเพราะไม่สามารถอัปเกรด Windows 10 ได้ โดยเสนอทางเลือกผ่านซอฟต์แวร์ KDE ที่เบาและไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตตลอดเวลา

    KDE ครบรอบ 29 ปีในปี 2025
    เป็นโครงการโอเพ่นซอร์สที่ขับเคลื่อนด้วยชุมชน

    เปิดแคมเปญระดมทุนประจำปี
    ตั้งเป้ายอดบริจาคขั้นต่ำ €50,000 ภายในสิ้นปี

    เงินบริจาคช่วยให้ KDE มีอิสระทางการเงิน
    ไม่ต้องพึ่งพาบริษัทใหญ่ และพัฒนาเพื่อทุกคน

    KDE ผลิตซอฟต์แวร์ที่เบาและไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตตลอดเวลา
    เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ถูกละเลยโดยอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

    แคมเปญ “End of 10” รณรงค์ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์
    ตอบโต้การหยุดสนับสนุน Windows 10 โดย Microsoft

    KDE สนับสนุนการนำซอฟต์แวร์เสรีไปใช้ในหน่วยงานรัฐ
    เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลและอธิปไตยทางเทคโนโลยี

    ผู้บริจาคจะได้รับของขวัญดิจิทัล เช่น badge และการ์ดพิมพ์ได้
    เป็นการขอบคุณจากชุมชน KDE

    https://kde.org/fundraisers/yearend2025/
    🎉 “KDE ครบรอบ 29 ปี — เปิดระดมทุนปี 2025 เพื่อซอฟต์แวร์เสรีที่ยั่งยืนและโลกที่สะอาดขึ้น” ในวาระครบรอบ 29 ปีของ KDE โครงการโอเพ่นซอร์สที่ทรงพลังและเป็นอิสระที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ได้เปิดตัวแคมเปญระดมทุนประจำปี 2025 โดยตั้งเป้ายอดบริจาคขั้นต่ำที่ €50,000 เพื่อสนับสนุนการพัฒนาซอฟต์แวร์เสรีที่มีคุณภาพสูงและเป็นมิตรต่อความเป็นส่วนตัว KDE เน้นย้ำว่าเงินบริจาคจากผู้ใช้คือหัวใจของความเป็นอิสระทางการเงิน ซึ่งช่วยให้โครงการไม่ต้องพึ่งพาบริษัทใดบริษัทหนึ่ง และสามารถพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อทุกคนได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ แคมเปญปีนี้ยังตรงกับสัปดาห์ของ “วันลดขยะอิเล็กทรอนิกส์สากล” KDE จึงเปิดตัวแคมเปญ “End of 10” เพื่อรณรงค์ให้ผู้คนไม่ทิ้งอุปกรณ์เก่าเพียงเพราะไม่สามารถอัปเกรด Windows 10 ได้ โดยเสนอทางเลือกผ่านซอฟต์แวร์ KDE ที่เบาและไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ✅ KDE ครบรอบ 29 ปีในปี 2025 ➡️ เป็นโครงการโอเพ่นซอร์สที่ขับเคลื่อนด้วยชุมชน ✅ เปิดแคมเปญระดมทุนประจำปี ➡️ ตั้งเป้ายอดบริจาคขั้นต่ำ €50,000 ภายในสิ้นปี ✅ เงินบริจาคช่วยให้ KDE มีอิสระทางการเงิน ➡️ ไม่ต้องพึ่งพาบริษัทใหญ่ และพัฒนาเพื่อทุกคน ✅ KDE ผลิตซอฟต์แวร์ที่เบาและไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ➡️ เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ถูกละเลยโดยอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ✅ แคมเปญ “End of 10” รณรงค์ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ ➡️ ตอบโต้การหยุดสนับสนุน Windows 10 โดย Microsoft ✅ KDE สนับสนุนการนำซอฟต์แวร์เสรีไปใช้ในหน่วยงานรัฐ ➡️ เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลและอธิปไตยทางเทคโนโลยี ✅ ผู้บริจาคจะได้รับของขวัญดิจิทัล เช่น badge และการ์ดพิมพ์ได้ ➡️ เป็นการขอบคุณจากชุมชน KDE https://kde.org/fundraisers/yearend2025/
    KDE.ORG
    Happy Birthday to KDE
    This week is KDE’s 29th anniversary. It may not be a nice round number like 25 or 30, but whenever another birthday rolls around for an independent project the size and scope of KDE — powered by the goodwill of its contributors and users — that’s really quite something!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 335 มุมมอง 0 รีวิว

  • บทบาทของ UN ในการปลดปล่อยอาณานิคม
    การสนับสนุนการตัดสินใจด้วยตนเอง: UN ยึดมั่นในหลักการของการตัดสินใจด้วยตนเองของประชาชน (self-determination) และสนับสนุนการให้เอกราชแก่ดินแดนอาณานิคม.
    การส่งเสริมการเจรจา: UN ทำหน้าที่เป็นเวทีสำหรับการเจรจาและการเจรจาต่อรองระหว่างรัฐบาลอาณานิคมและขบวนการชาตินิยมเพื่อนำไปสู่การปลดปล่อยอาณานิคม.
    การประณามการปกครองของต่างชาติ: UN และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประณามการใช้กำลังและการกดขี่ที่เกิดขึ้นในดินแดนอาณานิคม และเรียกร้องให้ยุติการปกครองของต่างชาติ.
    การช่วยเหลือทางการเมือง: UN ให้การสนับสนุนทางการเมืองแก่ประเทศที่ได้รับเอกราช และช่วยในการสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาคหลังการปลดปล่อยอาณานิคม.


    กระทรวงการต่างประเทศไทยเราต้องเดินเรื่องหรือเรียกร้องหรือฟ้องดำเนินคดีกับประเทศฝรั่งเศสกับUNgaนี้ทันที,ด้วยที่ฝรั่งเศสมาปล้นอธิปไตยไทยแล้ว ปลดปล่อยอาณานิคมคืนผิดประเทศซึ่งจริงๆต้องปลดปล่อยอาณานิคมคืนแก่ประเทศไทยจึงจะถูกต้อง,ไทยมิได้ทำสนธิสัญญากับพวกไม่มีตัวตนใดๆในสมัยนั้นคือเขมรแต่เราทำสนธิสัญญากับฝรั่งเศส ฝรั่งเศสต้องจบเรื่องนี้กับไทยโดยตรง,คืนดินแดนเราผ่านUNgaทันทีตามเงื่อนไขที่ชาติล่าอาญานิคมต้องคืนหลังสิ้นสุดยุคล่าอาญานิคมตามเงื่อนไขUNการปลดปล่อยอาณานิคมต้องคืนดินแดนให้ชาติเจ้าของเดิมนั้น,ทั้งฝรั่งเศสปล้นดินแดนไทยชัดเจนด้วย, รับเงินของไทยไปแล้ว หรือค่าการซื้อแผ่นดินคืนไปแล้ว,มีพยานหลักฐานชัดเจน.
    ..ด้วยความสามรถทางการฑูตเราในปัจจุบันสามารถเชิญฑูตฝรั่งเศสมาเจรจาก่อน,ถ้าฝรั่งเศสปฏิเสธก็เชิญฑูตฝรั่งเศสและกิจการฝรั่งเศสทั้งหมดในไทย รวมไม่ว่าจะเป็นกิจการใดๆของฝรั่งเศส ทุนฝรั่งเศสทั้งหมดรวมถึงนอนินีฝรั่งเศสตลอดบริษัทแม่ลูกในเครือฝรั่งเศสทั้งหมดเชิญออกจากราชอาณาจักรไทยก่อนทันที,บวกรณรงค์คนไทยเราร่วมแบนฝรั่งเศสด้วย,จนกว่าเรื่องดินแดนไทยกับเขมรที่ได้ดินแดนผิดไปคือพระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ และมลฑลบูรพาเราทั้งหมดที่ฝรั่งปล้นไปด้วยปืนที่ว่าเหนือกว่าไทยในสมัยนั้นคืนมาทั้งหมดก่อนหรือเบื้องต้นคือสันปันน้ำเขตแดนทั้ง73เสาหลักปักเขตแดนที่ไทยกับฝรั่งเศสทำไว้1:1นี้ยุติลงโดยสมบูรณ์หรือเขมรคืนดินแดนไทยที่ว่ามาทั้งหมดให้แก่ฝรั่งเศสชาติปกครองเขมรในสมัยนั้นแล้วฝรั่งเศสต้องนำมาคืนไทยบนเวทีUNสากลโลกอย่างเป็นทางการทันทีด้วย เรื่องทั้งหมดจึงจะจบลงอย่างสมบูรณ์ที่ฝรั่งเศสเองนี้ก่อเรื่องเองไว้แต่ต้นเรื่อง เป็นต้นเหตุของเรื่องของทุกๆปัญหาทั้งหมดที่ไทยมีกับเขมรในปัจจุบัน,ปัญหาไทยกับเขมรจะยุติลงที่ต้นเหตุทันที.
    ..รัฐบาลอนุทิน4เดือนแต่ทำงานเหมือน4ปีจะได้ใจคนไทยทันที นายกฯสมัยต่อไปหรือสมัยหน้าได้เป็นอีกแน่นอน.

    ..รัฐบาลอนุทินต้องสั่งการคนของตนคือ กต.ไปฟ้องดำเนินคดีกับประเทศฝรั่งเศสทันทีที่UNผ่านช่องทางUNเพราะเมื่อฝรั่งเศสผิดหลักการ กระทำการผิดเงื่อนไขการปฏิบัติที่ถูกต้องของUN,ไม่ทำตามกฎหมายกฎระเบียบสากลโลกที่UNกำหนดแต่มีนัยยะบ่อนทำลายความสงบสุขในภูมิภาคอาเชียน ส่งเสริมให้เกิดความแตกแยกเรื่องดินแดนระหว่างไทยกับเขมร,สนับสนุนเขมรให้เป็นแหล่งก่ออาชญากรรมสงครามบนภูมิภาคอาเชียนและส่วนหนึ่งของเอเชียด้วย,จีน รัสเชีย อินเดีย ชาติเอเชียนและอาเชียนทั้งหมดสามารถกดดันฝรั่งเศสและUNให้ทำสิ่งที่ถูกต้องได้จาก ทำสิ่งที่ผิดพลาดในอดีตไปแล้ว,ให้ไทยคือเคสกรณีศึกษาแรกของโลกด้วยเพื่อให้ชาติล่าอาณานิคมในอดีตมีจิตสำนึกทำสิ่งที่ต้องทำ ทำให้ถูกต้อง.

    https://youtube.com/shorts/08SI9Mj299c?si=VWXR9Ec619rbBOl2
    บทบาทของ UN ในการปลดปล่อยอาณานิคม การสนับสนุนการตัดสินใจด้วยตนเอง: UN ยึดมั่นในหลักการของการตัดสินใจด้วยตนเองของประชาชน (self-determination) และสนับสนุนการให้เอกราชแก่ดินแดนอาณานิคม. การส่งเสริมการเจรจา: UN ทำหน้าที่เป็นเวทีสำหรับการเจรจาและการเจรจาต่อรองระหว่างรัฐบาลอาณานิคมและขบวนการชาตินิยมเพื่อนำไปสู่การปลดปล่อยอาณานิคม. การประณามการปกครองของต่างชาติ: UN และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประณามการใช้กำลังและการกดขี่ที่เกิดขึ้นในดินแดนอาณานิคม และเรียกร้องให้ยุติการปกครองของต่างชาติ. การช่วยเหลือทางการเมือง: UN ให้การสนับสนุนทางการเมืองแก่ประเทศที่ได้รับเอกราช และช่วยในการสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาคหลังการปลดปล่อยอาณานิคม. กระทรวงการต่างประเทศไทยเราต้องเดินเรื่องหรือเรียกร้องหรือฟ้องดำเนินคดีกับประเทศฝรั่งเศสกับUNgaนี้ทันที,ด้วยที่ฝรั่งเศสมาปล้นอธิปไตยไทยแล้ว ปลดปล่อยอาณานิคมคืนผิดประเทศซึ่งจริงๆต้องปลดปล่อยอาณานิคมคืนแก่ประเทศไทยจึงจะถูกต้อง,ไทยมิได้ทำสนธิสัญญากับพวกไม่มีตัวตนใดๆในสมัยนั้นคือเขมรแต่เราทำสนธิสัญญากับฝรั่งเศส ฝรั่งเศสต้องจบเรื่องนี้กับไทยโดยตรง,คืนดินแดนเราผ่านUNgaทันทีตามเงื่อนไขที่ชาติล่าอาญานิคมต้องคืนหลังสิ้นสุดยุคล่าอาญานิคมตามเงื่อนไขUNการปลดปล่อยอาณานิคมต้องคืนดินแดนให้ชาติเจ้าของเดิมนั้น,ทั้งฝรั่งเศสปล้นดินแดนไทยชัดเจนด้วย, รับเงินของไทยไปแล้ว หรือค่าการซื้อแผ่นดินคืนไปแล้ว,มีพยานหลักฐานชัดเจน. ..ด้วยความสามรถทางการฑูตเราในปัจจุบันสามารถเชิญฑูตฝรั่งเศสมาเจรจาก่อน,ถ้าฝรั่งเศสปฏิเสธก็เชิญฑูตฝรั่งเศสและกิจการฝรั่งเศสทั้งหมดในไทย รวมไม่ว่าจะเป็นกิจการใดๆของฝรั่งเศส ทุนฝรั่งเศสทั้งหมดรวมถึงนอนินีฝรั่งเศสตลอดบริษัทแม่ลูกในเครือฝรั่งเศสทั้งหมดเชิญออกจากราชอาณาจักรไทยก่อนทันที,บวกรณรงค์คนไทยเราร่วมแบนฝรั่งเศสด้วย,จนกว่าเรื่องดินแดนไทยกับเขมรที่ได้ดินแดนผิดไปคือพระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ และมลฑลบูรพาเราทั้งหมดที่ฝรั่งปล้นไปด้วยปืนที่ว่าเหนือกว่าไทยในสมัยนั้นคืนมาทั้งหมดก่อนหรือเบื้องต้นคือสันปันน้ำเขตแดนทั้ง73เสาหลักปักเขตแดนที่ไทยกับฝรั่งเศสทำไว้1:1นี้ยุติลงโดยสมบูรณ์หรือเขมรคืนดินแดนไทยที่ว่ามาทั้งหมดให้แก่ฝรั่งเศสชาติปกครองเขมรในสมัยนั้นแล้วฝรั่งเศสต้องนำมาคืนไทยบนเวทีUNสากลโลกอย่างเป็นทางการทันทีด้วย เรื่องทั้งหมดจึงจะจบลงอย่างสมบูรณ์ที่ฝรั่งเศสเองนี้ก่อเรื่องเองไว้แต่ต้นเรื่อง เป็นต้นเหตุของเรื่องของทุกๆปัญหาทั้งหมดที่ไทยมีกับเขมรในปัจจุบัน,ปัญหาไทยกับเขมรจะยุติลงที่ต้นเหตุทันที. ..รัฐบาลอนุทิน4เดือนแต่ทำงานเหมือน4ปีจะได้ใจคนไทยทันที นายกฯสมัยต่อไปหรือสมัยหน้าได้เป็นอีกแน่นอน. ..รัฐบาลอนุทินต้องสั่งการคนของตนคือ กต.ไปฟ้องดำเนินคดีกับประเทศฝรั่งเศสทันทีที่UNผ่านช่องทางUNเพราะเมื่อฝรั่งเศสผิดหลักการ กระทำการผิดเงื่อนไขการปฏิบัติที่ถูกต้องของUN,ไม่ทำตามกฎหมายกฎระเบียบสากลโลกที่UNกำหนดแต่มีนัยยะบ่อนทำลายความสงบสุขในภูมิภาคอาเชียน ส่งเสริมให้เกิดความแตกแยกเรื่องดินแดนระหว่างไทยกับเขมร,สนับสนุนเขมรให้เป็นแหล่งก่ออาชญากรรมสงครามบนภูมิภาคอาเชียนและส่วนหนึ่งของเอเชียด้วย,จีน รัสเชีย อินเดีย ชาติเอเชียนและอาเชียนทั้งหมดสามารถกดดันฝรั่งเศสและUNให้ทำสิ่งที่ถูกต้องได้จาก ทำสิ่งที่ผิดพลาดในอดีตไปแล้ว,ให้ไทยคือเคสกรณีศึกษาแรกของโลกด้วยเพื่อให้ชาติล่าอาณานิคมในอดีตมีจิตสำนึกทำสิ่งที่ต้องทำ ทำให้ถูกต้อง. https://youtube.com/shorts/08SI9Mj299c?si=VWXR9Ec619rbBOl2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 617 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AI ล่ามนุษย์: ธนาคาร Santander ใช้ปัญญาประดิษฐ์ช่วยตำรวจอังกฤษทลายขบวนการค้ามนุษย์”

    ในโลกที่อาชญากรรมซับซ้อนขึ้นทุกวัน ธนาคารก็ไม่ใช่แค่สถานที่ฝากเงินอีกต่อไป ล่าสุด Santander UK ได้เปิดเผยว่าได้ใช้เครื่องมือ AI ที่พัฒนาโดยบริษัท ThetaRay เพื่อช่วยตรวจจับธุรกรรมต้องสงสัยที่อาจเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์และการแสวงหาผลประโยชน์จากผู้คนในสหราชอาณาจักร

    ระบบนี้ถูกใช้งานมาแล้วประมาณหนึ่งปี และสามารถสร้าง “การแจ้งเตือน” หลายร้อยรายการให้กับหน่วยงาน National Crime Agency (NCA) ของอังกฤษ ซึ่งนำไปสู่การทลายขบวนการค้ามนุษย์หลายกลุ่มได้สำเร็จ โดย AI จะวิเคราะห์รูปแบบธุรกรรม เช่น การถอนเงินสดจำนวนเล็ก ๆ ซ้ำ ๆ, การจ่ายเงินให้กับเว็บไซต์บริการผู้ใหญ่, การจองเที่ยวบินและที่พักระหว่างประเทศ ซึ่งอาจดูไม่ผิดปกติเมื่อแยกกัน แต่เมื่อรวมกันแล้วกลับเป็นสัญญาณของการแสวงหาผลประโยชน์

    Jas Narang หัวหน้าฝ่าย AI และการเปลี่ยนแปลงของ Santander UK กล่าวว่า ระบบนี้ช่วยให้ธนาคารสามารถตรวจจับรูปแบบที่ซับซ้อนซึ่งระบบแบบเดิมไม่สามารถทำได้ และทุกการแจ้งเตือนจะถูกตรวจสอบโดยทีมผู้เชี่ยวชาญกว่า 1,000 คนก่อนส่งต่อให้ตำรวจ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการแจ้งเตือนผิดพลาด

    แม้จะมีเสียงวิจารณ์จากกลุ่มรณรงค์ด้านความเป็นส่วนตัว แต่ Santander ยืนยันว่าเครื่องมือนี้มีผลกระทบเชิงบวกอย่างแท้จริง และกำลังพิจารณาขยายการใช้งานไปยังประเทศอื่น ๆ รวมถึงใช้ตรวจจับอาชญากรรมรูปแบบอื่น เช่น การฟอกเงินหรือการแสวงหาผลประโยชน์จากแรงงาน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Santander UK ใช้ AI จาก ThetaRay เพื่อช่วยตรวจจับการค้ามนุษย์ผ่านธุรกรรมทางการเงิน
    ระบบสามารถสร้างการแจ้งเตือนหลายร้อยรายการให้กับ NCA ภายใน 1 ปี
    AI วิเคราะห์รูปแบบธุรกรรม เช่น การถอนเงินซ้ำ ๆ, การจ่ายเงินให้เว็บไซต์บริการผู้ใหญ่, การจองเที่ยวบินและที่พัก
    ทุกการแจ้งเตือนจะถูกตรวจสอบโดยทีมผู้เชี่ยวชาญกว่า 1,000 คนก่อนส่งต่อให้ตำรวจ
    ระบบนี้ช่วยให้ Santander ก้าวข้ามข้อจำกัดของระบบตรวจจับแบบเดิมที่ใช้กฎตายตัว
    การใช้งาน AI นี้ถือเป็นครั้งแรกของ Santander ในการยกระดับการควบคุมอาชญากรรมทางการเงิน
    ธนาคารกำลังพิจารณาขยายการใช้งานไปยังประเทศอื่นและอาชญากรรมรูปแบบอื่น
    การดำเนินการนี้ช่วยให้ NCA ทลายขบวนการค้ามนุษย์หลายกลุ่มในอังกฤษ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    องค์กรแรงงานระหว่างประเทศระบุว่ามีผู้คนกว่า 28 ล้านคนทั่วโลกติดอยู่ในแรงงานบังคับหรือการแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศ
    การค้ามนุษย์มักใช้ช่องทางการเงินในการเคลื่อนย้ายเงินจากอาชญากรรม เช่น การจ่ายค่าเดินทางหรือที่พัก
    ThetaRay เป็นบริษัทด้าน fintech และ big data ที่เชี่ยวชาญด้านการตรวจจับธุรกรรมผิดปกติ
    การใช้ AI ในการตรวจจับอาชญากรรมทางการเงินเริ่มเป็นมาตรฐานใหม่ในธนาคารระดับโลก
    การตรวจจับแบบ real-time ช่วยให้ตำรวจสามารถดำเนินการได้ทันก่อนที่ขบวนการจะเปลี่ยนรูปแบบ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/29/santander-uses-ai-tool-to-help-bust-human-trafficking-gangs-in-uk
    🕵️‍♀️ “AI ล่ามนุษย์: ธนาคาร Santander ใช้ปัญญาประดิษฐ์ช่วยตำรวจอังกฤษทลายขบวนการค้ามนุษย์” ในโลกที่อาชญากรรมซับซ้อนขึ้นทุกวัน ธนาคารก็ไม่ใช่แค่สถานที่ฝากเงินอีกต่อไป ล่าสุด Santander UK ได้เปิดเผยว่าได้ใช้เครื่องมือ AI ที่พัฒนาโดยบริษัท ThetaRay เพื่อช่วยตรวจจับธุรกรรมต้องสงสัยที่อาจเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์และการแสวงหาผลประโยชน์จากผู้คนในสหราชอาณาจักร ระบบนี้ถูกใช้งานมาแล้วประมาณหนึ่งปี และสามารถสร้าง “การแจ้งเตือน” หลายร้อยรายการให้กับหน่วยงาน National Crime Agency (NCA) ของอังกฤษ ซึ่งนำไปสู่การทลายขบวนการค้ามนุษย์หลายกลุ่มได้สำเร็จ โดย AI จะวิเคราะห์รูปแบบธุรกรรม เช่น การถอนเงินสดจำนวนเล็ก ๆ ซ้ำ ๆ, การจ่ายเงินให้กับเว็บไซต์บริการผู้ใหญ่, การจองเที่ยวบินและที่พักระหว่างประเทศ ซึ่งอาจดูไม่ผิดปกติเมื่อแยกกัน แต่เมื่อรวมกันแล้วกลับเป็นสัญญาณของการแสวงหาผลประโยชน์ Jas Narang หัวหน้าฝ่าย AI และการเปลี่ยนแปลงของ Santander UK กล่าวว่า ระบบนี้ช่วยให้ธนาคารสามารถตรวจจับรูปแบบที่ซับซ้อนซึ่งระบบแบบเดิมไม่สามารถทำได้ และทุกการแจ้งเตือนจะถูกตรวจสอบโดยทีมผู้เชี่ยวชาญกว่า 1,000 คนก่อนส่งต่อให้ตำรวจ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการแจ้งเตือนผิดพลาด แม้จะมีเสียงวิจารณ์จากกลุ่มรณรงค์ด้านความเป็นส่วนตัว แต่ Santander ยืนยันว่าเครื่องมือนี้มีผลกระทบเชิงบวกอย่างแท้จริง และกำลังพิจารณาขยายการใช้งานไปยังประเทศอื่น ๆ รวมถึงใช้ตรวจจับอาชญากรรมรูปแบบอื่น เช่น การฟอกเงินหรือการแสวงหาผลประโยชน์จากแรงงาน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Santander UK ใช้ AI จาก ThetaRay เพื่อช่วยตรวจจับการค้ามนุษย์ผ่านธุรกรรมทางการเงิน ➡️ ระบบสามารถสร้างการแจ้งเตือนหลายร้อยรายการให้กับ NCA ภายใน 1 ปี ➡️ AI วิเคราะห์รูปแบบธุรกรรม เช่น การถอนเงินซ้ำ ๆ, การจ่ายเงินให้เว็บไซต์บริการผู้ใหญ่, การจองเที่ยวบินและที่พัก ➡️ ทุกการแจ้งเตือนจะถูกตรวจสอบโดยทีมผู้เชี่ยวชาญกว่า 1,000 คนก่อนส่งต่อให้ตำรวจ ➡️ ระบบนี้ช่วยให้ Santander ก้าวข้ามข้อจำกัดของระบบตรวจจับแบบเดิมที่ใช้กฎตายตัว ➡️ การใช้งาน AI นี้ถือเป็นครั้งแรกของ Santander ในการยกระดับการควบคุมอาชญากรรมทางการเงิน ➡️ ธนาคารกำลังพิจารณาขยายการใช้งานไปยังประเทศอื่นและอาชญากรรมรูปแบบอื่น ➡️ การดำเนินการนี้ช่วยให้ NCA ทลายขบวนการค้ามนุษย์หลายกลุ่มในอังกฤษ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ องค์กรแรงงานระหว่างประเทศระบุว่ามีผู้คนกว่า 28 ล้านคนทั่วโลกติดอยู่ในแรงงานบังคับหรือการแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศ ➡️ การค้ามนุษย์มักใช้ช่องทางการเงินในการเคลื่อนย้ายเงินจากอาชญากรรม เช่น การจ่ายค่าเดินทางหรือที่พัก ➡️ ThetaRay เป็นบริษัทด้าน fintech และ big data ที่เชี่ยวชาญด้านการตรวจจับธุรกรรมผิดปกติ ➡️ การใช้ AI ในการตรวจจับอาชญากรรมทางการเงินเริ่มเป็นมาตรฐานใหม่ในธนาคารระดับโลก ➡️ การตรวจจับแบบ real-time ช่วยให้ตำรวจสามารถดำเนินการได้ทันก่อนที่ขบวนการจะเปลี่ยนรูปแบบ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/29/santander-uses-ai-tool-to-help-bust-human-trafficking-gangs-in-uk
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Santander uses AI tool to help bust human trafficking gangs in UK
    High street lender Santander UK has revealed an artificial intelligence (AI) tool used by the bank is helping combat human trafficking after generating hundreds of leads for police to crack gangs operating in Britain.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 393 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ภาพโปรไฟล์สีดำบน Facebook คืออะไร? จากการไว้อาลัยสู่การเคลื่อนไหวทางสังคมในยุคดิจิทัล”

    ในโลกที่การแสดงออกทางสังคมเกิดขึ้นผ่านหน้าจอมากกว่าท้องถนน การเปลี่ยนภาพโปรไฟล์เป็นสีดำบน Facebook กลายเป็นสัญลักษณ์ที่ทรงพลังอย่างคาดไม่ถึง ไม่ใช่แค่การไว้อาลัย แต่ยังเป็นการประกาศจุดยืน การประท้วง และการแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก

    ย้อนกลับไปในปี 2016 ผู้ใช้ Facebook จำนวนมากเปลี่ยนภาพโปรไฟล์เป็นสีดำเพื่อประท้วงผลการเลือกตั้งของ Donald Trump และในปี 2024 เทรนด์นี้ก็กลับมาอีกครั้งในบริบทที่คล้ายกัน แต่ไม่ใช่แค่เรื่องการเมืองเท่านั้น — ในปี 2018 ภาพโปรไฟล์สีดำถูกใช้เพื่อรณรงค์ต่อต้านความรุนแรงในครอบครัว โดยเฉพาะในแคมเปญที่ให้ผู้หญิง “หายไป” จากโซเชียลเพื่อให้ผู้ชายตระหนักถึงบทบาทของพวกเธอในชีวิต

    เหตุการณ์ที่ทรงพลังที่สุดเกิดขึ้นในปี 2020 บน Instagram กับ “Black Tuesday” ที่ผู้คนในวงการบันเทิงเปลี่ยนภาพโปรไฟล์เป็นสีดำเพื่อไว้อาลัยต่อการเสียชีวิตของ George Floyd และสนับสนุนการเคลื่อนไหว Black Lives Matter ซึ่งแพร่กระจายไปยังแพลตฟอร์มอื่นอย่าง X (Twitter เดิม)

    แต่ภาพโปรไฟล์สีดำไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเคลื่อนไหวระดับชาติ บางคนใช้เพื่อแสดงความเศร้า สูญเสีย หรือไว้อาลัยต่อบุคคลที่รัก หรือแม้แต่เพื่อบอกว่า “ฉันไม่สนใจภาพลักษณ์ออนไลน์” เป็นการปฏิเสธวัฒนธรรมการตกแต่งโปรไฟล์อย่างเงียบ ๆ

    นอกจากการเปลี่ยนภาพโปรไฟล์ ผู้ใช้ยังใช้วิธีอื่นในการแสดงออก เช่น การใส่กรอบรูปโปรไฟล์ที่มีธงชาติฝรั่งเศสหลังเหตุการณ์ก่อการร้ายในปี 2015 หรือธงสีรุ้งหลังคำตัดสินของศาลสูงสหรัฐที่รับรองการแต่งงานเพศเดียวกัน รวมถึงการใช้ hashtag เพื่อเข้าร่วมบทสนทนาและแสดงจุดยืนทางสังคม

    https://www.slashgear.com/1970336/black-profile-pictures-facebook-meaning/
    🖤 “ภาพโปรไฟล์สีดำบน Facebook คืออะไร? จากการไว้อาลัยสู่การเคลื่อนไหวทางสังคมในยุคดิจิทัล” ในโลกที่การแสดงออกทางสังคมเกิดขึ้นผ่านหน้าจอมากกว่าท้องถนน การเปลี่ยนภาพโปรไฟล์เป็นสีดำบน Facebook กลายเป็นสัญลักษณ์ที่ทรงพลังอย่างคาดไม่ถึง ไม่ใช่แค่การไว้อาลัย แต่ยังเป็นการประกาศจุดยืน การประท้วง และการแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ย้อนกลับไปในปี 2016 ผู้ใช้ Facebook จำนวนมากเปลี่ยนภาพโปรไฟล์เป็นสีดำเพื่อประท้วงผลการเลือกตั้งของ Donald Trump และในปี 2024 เทรนด์นี้ก็กลับมาอีกครั้งในบริบทที่คล้ายกัน แต่ไม่ใช่แค่เรื่องการเมืองเท่านั้น — ในปี 2018 ภาพโปรไฟล์สีดำถูกใช้เพื่อรณรงค์ต่อต้านความรุนแรงในครอบครัว โดยเฉพาะในแคมเปญที่ให้ผู้หญิง “หายไป” จากโซเชียลเพื่อให้ผู้ชายตระหนักถึงบทบาทของพวกเธอในชีวิต เหตุการณ์ที่ทรงพลังที่สุดเกิดขึ้นในปี 2020 บน Instagram กับ “Black Tuesday” ที่ผู้คนในวงการบันเทิงเปลี่ยนภาพโปรไฟล์เป็นสีดำเพื่อไว้อาลัยต่อการเสียชีวิตของ George Floyd และสนับสนุนการเคลื่อนไหว Black Lives Matter ซึ่งแพร่กระจายไปยังแพลตฟอร์มอื่นอย่าง X (Twitter เดิม) แต่ภาพโปรไฟล์สีดำไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเคลื่อนไหวระดับชาติ บางคนใช้เพื่อแสดงความเศร้า สูญเสีย หรือไว้อาลัยต่อบุคคลที่รัก หรือแม้แต่เพื่อบอกว่า “ฉันไม่สนใจภาพลักษณ์ออนไลน์” เป็นการปฏิเสธวัฒนธรรมการตกแต่งโปรไฟล์อย่างเงียบ ๆ นอกจากการเปลี่ยนภาพโปรไฟล์ ผู้ใช้ยังใช้วิธีอื่นในการแสดงออก เช่น การใส่กรอบรูปโปรไฟล์ที่มีธงชาติฝรั่งเศสหลังเหตุการณ์ก่อการร้ายในปี 2015 หรือธงสีรุ้งหลังคำตัดสินของศาลสูงสหรัฐที่รับรองการแต่งงานเพศเดียวกัน รวมถึงการใช้ hashtag เพื่อเข้าร่วมบทสนทนาและแสดงจุดยืนทางสังคม https://www.slashgear.com/1970336/black-profile-pictures-facebook-meaning/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Why Do People Put Black Profile Pictures On Facebook? Here's What It Means - SlashGear
    A profile picture can tell you a lot about somebody's account online, and a blacked out profile picture may be symbolic of an important message.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 586 มุมมอง 0 รีวิว
  • CERN เปิดศูนย์พักพิง “เมาส์คอมพิวเตอร์” — แคมเปญสุดขำเพื่อเตือนภัยไซเบอร์ที่จริงจังกว่าที่คิด

    ในโลกที่ภัยไซเบอร์สามารถเกิดขึ้นได้จาก “คลิกเดียว” CERN ได้สร้างแคมเปญสุดแหวกแนวที่ชื่อว่า “CERN Animal Shelter for Computer Mice” หรือ “ศูนย์พักพิงสัตว์สำหรับเมาส์คอมพิวเตอร์” ซึ่งตั้งอยู่จริงบนสนามหญ้าหน้าศูนย์คอมพิวเตอร์ของ CERN โดยมีกรงฟาง อาหาร น้ำ และเมาส์คอมพิวเตอร์หลากรุ่นวางเรียงกันราวกับเป็นสัตว์เลี้ยง

    แนวคิดนี้เริ่มต้นจากการเล่นคำระหว่าง “mouse” ที่หมายถึงทั้งสัตว์และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โดยมีเป้าหมายเพื่อเตือนผู้ใช้งานว่า “การคลิก” โดยไม่คิดให้ดีอาจนำไปสู่การติดมัลแวร์ การถูกขโมยบัญชี หรือแม้แต่การทำให้ระบบขององค์กรล่มได้ในพริบตา

    CERN จึงรณรงค์ให้ผู้ใช้ “หยุด — คิด — คลิก” และเสนอให้ “นำเมาส์ออกจากเครื่อง” แล้วนำไปพักพิงที่ศูนย์แห่งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการคลิกโดยไม่ตั้งใจ แม้จะเป็นมุก April Fool แต่ก็สะท้อนความจริงที่ว่า การคลิกลิงก์สุ่มหรือไฟล์แนบที่ไม่รู้ที่มา คือช่องโหว่ที่อันตรายที่สุดในโลกไซเบอร์

    นอกจากนี้ยังมีการแยกแยะว่า “trackpad” ไม่ใช่สัตว์ แต่เป็น “พืช” เพราะไม่เคลื่อนไหว จึงไม่อยู่ในขอบเขตของศูนย์พักพิงนี้ — เป็นการเล่นมุกที่ผสมความรู้ด้านชีววิทยาเข้ากับความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างมีชั้นเชิง

    https://computer-animal-shelter.web.cern.ch/index.shtml
    📰 CERN เปิดศูนย์พักพิง “เมาส์คอมพิวเตอร์” — แคมเปญสุดขำเพื่อเตือนภัยไซเบอร์ที่จริงจังกว่าที่คิด ในโลกที่ภัยไซเบอร์สามารถเกิดขึ้นได้จาก “คลิกเดียว” CERN ได้สร้างแคมเปญสุดแหวกแนวที่ชื่อว่า “CERN Animal Shelter for Computer Mice” หรือ “ศูนย์พักพิงสัตว์สำหรับเมาส์คอมพิวเตอร์” ซึ่งตั้งอยู่จริงบนสนามหญ้าหน้าศูนย์คอมพิวเตอร์ของ CERN โดยมีกรงฟาง อาหาร น้ำ และเมาส์คอมพิวเตอร์หลากรุ่นวางเรียงกันราวกับเป็นสัตว์เลี้ยง แนวคิดนี้เริ่มต้นจากการเล่นคำระหว่าง “mouse” ที่หมายถึงทั้งสัตว์และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โดยมีเป้าหมายเพื่อเตือนผู้ใช้งานว่า “การคลิก” โดยไม่คิดให้ดีอาจนำไปสู่การติดมัลแวร์ การถูกขโมยบัญชี หรือแม้แต่การทำให้ระบบขององค์กรล่มได้ในพริบตา CERN จึงรณรงค์ให้ผู้ใช้ “หยุด — คิด — คลิก” และเสนอให้ “นำเมาส์ออกจากเครื่อง” แล้วนำไปพักพิงที่ศูนย์แห่งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการคลิกโดยไม่ตั้งใจ แม้จะเป็นมุก April Fool แต่ก็สะท้อนความจริงที่ว่า การคลิกลิงก์สุ่มหรือไฟล์แนบที่ไม่รู้ที่มา คือช่องโหว่ที่อันตรายที่สุดในโลกไซเบอร์ นอกจากนี้ยังมีการแยกแยะว่า “trackpad” ไม่ใช่สัตว์ แต่เป็น “พืช” เพราะไม่เคลื่อนไหว จึงไม่อยู่ในขอบเขตของศูนย์พักพิงนี้ — เป็นการเล่นมุกที่ผสมความรู้ด้านชีววิทยาเข้ากับความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างมีชั้นเชิง https://computer-animal-shelter.web.cern.ch/index.shtml
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 374 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงแรงงานและการฝึกอาชีพของกัมพูชา ติดตั้งบิลบอร์ดต่างๆ ส่วนหนึ่งในโครงการรณรงค์ "เขมรช่วยงานหางานและมอบงานให้เขมร" ตามสถานที่สำคัญๆทั่วกัมพูชา โดยความคิดริเริ่มนี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยชาวกัมพูชา โดยเฉพาะพวกแรงงานที่เดินทางกลับจากไทย ในการหางานทำ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000088828

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    กระทรวงแรงงานและการฝึกอาชีพของกัมพูชา ติดตั้งบิลบอร์ดต่างๆ ส่วนหนึ่งในโครงการรณรงค์ "เขมรช่วยงานหางานและมอบงานให้เขมร" ตามสถานที่สำคัญๆทั่วกัมพูชา โดยความคิดริเริ่มนี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยชาวกัมพูชา โดยเฉพาะพวกแรงงานที่เดินทางกลับจากไทย ในการหางานทำ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000088828 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Haha
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 430 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อวานนี้ที่อังกฤษมีการชุมนุมที่เรียกว่า "Unite the Kingdom" ซึ่งเป็นการชุมนุมที่จัดโดย "ทอมมี่ โรบินสัน" นักกิจกรรมทางการเมืองฝ่ายขวา หรือ "อนุรักษ์นิยม"

    การชุมนุมมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการเปิดรับผู้อพยพมากจนเกินไป และรณรงค์เคลื่อนไหวให้ขับผู้อพยพออกนอกประเทศอังกฤษ

    โดยจะเริ่มจากสะพานวอเตอร์ลูและเดินไปยังไวท์ฮอลล์ รายงานจากสื่อ ระบุว่ามีผู้เข้าร่วมประมาณมากกว่าแสนคน

    ขณะเดียวกัน ก็มีกลุ่มการเมืองฝ่ายซ้าย หรือพวก "เสรีนิยม" ซึ่งเป็นกลุ่ม “Stand Up To Racism” รวมตัวกันที่ปลายอีกด้านของไวท์ฮอลล์ ตามรายงานข่าวแจ้งว่ามีจำนวน "หลายพันคน"

    ที่น่าสนใจคือ จำนวนตัวเลขของผู้มาชุมนุมฝ่ายซ้าย (อนุรักษ์นิยม) มีจำนวนมากกว่าฝ่ายขวา (เสรีนิยม) มากมายหลายเท่า บ่งบอกว่า ขณะนี้กระแสของคนอังกฤษเห็นด้วยกับแนวคิดที่จะไม่ต้อนรับผู้อพยพเข้ามาในประเทศ มุ่งเป้าไปที่พัฒนาคนในชาติ และต้องการให้รัฐบาลหันมาสนใจชีวิตความเป็นอยู่ของคนอังกฤษเองมากกว่าแนวคิดฝ่ายซ้ายที่เปิดรับผู้อพยพแบบบ้าคลั่งจนเกินพอดี

    กระแสอนุรักษ์นิยมนี้ ไม่ใช่มีแค่ในอังกฤษเท่านั้น ผลจากการเลือกตั้งการเมืองท้องถิ่นในยุโรปหลายประเทศ หรือแม้กระทั่งสหรัฐเมริกาเอง บ่งชี้ว่าประชาชนตระหนักแล้วว่า ที่ผ่านมาการเปิดรับสิ่งต่างๆมากเกิน อย่างที่ฝ่ายขวา หรือ เสรีนิยมพยายามป้อนข้อมูลให้ประชาชนเพ้อฝันมาตลอดหลายสิบปี ไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับพวกเขา
    เมื่อวานนี้ที่อังกฤษมีการชุมนุมที่เรียกว่า "Unite the Kingdom" ซึ่งเป็นการชุมนุมที่จัดโดย "ทอมมี่ โรบินสัน" นักกิจกรรมทางการเมืองฝ่ายขวา หรือ "อนุรักษ์นิยม" การชุมนุมมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการเปิดรับผู้อพยพมากจนเกินไป และรณรงค์เคลื่อนไหวให้ขับผู้อพยพออกนอกประเทศอังกฤษ โดยจะเริ่มจากสะพานวอเตอร์ลูและเดินไปยังไวท์ฮอลล์ รายงานจากสื่อ ระบุว่ามีผู้เข้าร่วมประมาณมากกว่าแสนคน ขณะเดียวกัน ก็มีกลุ่มการเมืองฝ่ายซ้าย หรือพวก "เสรีนิยม" ซึ่งเป็นกลุ่ม “Stand Up To Racism” รวมตัวกันที่ปลายอีกด้านของไวท์ฮอลล์ ตามรายงานข่าวแจ้งว่ามีจำนวน "หลายพันคน" 👉ที่น่าสนใจคือ จำนวนตัวเลขของผู้มาชุมนุมฝ่ายซ้าย (อนุรักษ์นิยม) มีจำนวนมากกว่าฝ่ายขวา (เสรีนิยม) มากมายหลายเท่า บ่งบอกว่า ขณะนี้กระแสของคนอังกฤษเห็นด้วยกับแนวคิดที่จะไม่ต้อนรับผู้อพยพเข้ามาในประเทศ มุ่งเป้าไปที่พัฒนาคนในชาติ และต้องการให้รัฐบาลหันมาสนใจชีวิตความเป็นอยู่ของคนอังกฤษเองมากกว่าแนวคิดฝ่ายซ้ายที่เปิดรับผู้อพยพแบบบ้าคลั่งจนเกินพอดี 👉กระแสอนุรักษ์นิยมนี้ ไม่ใช่มีแค่ในอังกฤษเท่านั้น ผลจากการเลือกตั้งการเมืองท้องถิ่นในยุโรปหลายประเทศ หรือแม้กระทั่งสหรัฐเมริกาเอง บ่งชี้ว่าประชาชนตระหนักแล้วว่า ที่ผ่านมาการเปิดรับสิ่งต่างๆมากเกิน อย่างที่ฝ่ายขวา หรือ เสรีนิยมพยายามป้อนข้อมูลให้ประชาชนเพ้อฝันมาตลอดหลายสิบปี ไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับพวกเขา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 347 มุมมอง 0 รีวิว
  • DongPleng On Air
    www.dongpleng.com
    ศิลปะ ดนตรี กวี ธรรมชาติ
    เจตนารมณ์ ของเรา
    1. เพื่อให้ความบันเทิงและผ่อนคลายด้านเสียงเพลงรวมถึงสาระที่น่าสนใจในแนวทาง ศิลปะ ดนตรี กวี ธรรมชาติ
    2. รณรงค์ให้ทุกคนรู้คุณค่าของแหล่งธรรมชาติต่างๆ การอณุรักษ์แหล่งท่องเที่ยว การรักษาสิ่งแวดล้อม
    3. เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร สาระบันเทิง เช่น กิจกรรม ประเพณี วัฒนธรรมและเทศกาลต่างๆ ของไทย และให้พื้นที่นำเสนอผลงานของศิลปินนักร้องได้อย่างอิสระ
    4. รณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวสนใจเที่ยวในเมืองไทยรวมถึงนำเสนอเอกลักษณ์ไทย เช่น ศิลปะไทย อาหารไทย
    5. สร้างสัมพันธภาพที่ดีของคนในสังคมให้รู้รักสามัคคี ภูมิใจและรักในความเป็นไทย
    6. สร้างภาพลักษณ์ที่ดีสำหรับองค์กร ผลิตภัณฑ์สินค้า และบริการ ต่างๆ
    7. ส่งเสริมการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างเหมาะสมและเกิดประโยชน์ในทางที่สร้างสรรค์
    ขอบพระคุณครับ
    #ศิลปะดนตรีกวีธรรมชาติ #indie #onair #dongplengonair #radioonline #อัลเตอร์90 #djดีเจชอว์ #shawsherryduck #วิทยุออนไลน์ #สถานีวิทยุ #ชอว์พิชิต #ชอว์เชอร์รี่ดั๊ก #radioshow #live #สาระบันเทิง #เพลงไทย #เสียงเพลงสร้างสรรค์ #เพื่อชีวิต #ลูกทุ่ง #วิทยุอารมณ์ดี #ป็อปร็อค #ยุคเทป #เพลงใหม่ #เพลงเก่า #คิดบวก #ความสุข #ความรัก #เพลงรัก #เพลงดี #เพลงสากล
    DongPleng On Air www.dongpleng.com ศิลปะ ดนตรี กวี ธรรมชาติ เจตนารมณ์ ของเรา 1. เพื่อให้ความบันเทิงและผ่อนคลายด้านเสียงเพลงรวมถึงสาระที่น่าสนใจในแนวทาง ศิลปะ ดนตรี กวี ธรรมชาติ 2. รณรงค์ให้ทุกคนรู้คุณค่าของแหล่งธรรมชาติต่างๆ การอณุรักษ์แหล่งท่องเที่ยว การรักษาสิ่งแวดล้อม 3. เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร สาระบันเทิง เช่น กิจกรรม ประเพณี วัฒนธรรมและเทศกาลต่างๆ ของไทย และให้พื้นที่นำเสนอผลงานของศิลปินนักร้องได้อย่างอิสระ 4. รณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวสนใจเที่ยวในเมืองไทยรวมถึงนำเสนอเอกลักษณ์ไทย เช่น ศิลปะไทย อาหารไทย 5. สร้างสัมพันธภาพที่ดีของคนในสังคมให้รู้รักสามัคคี ภูมิใจและรักในความเป็นไทย 6. สร้างภาพลักษณ์ที่ดีสำหรับองค์กร ผลิตภัณฑ์สินค้า และบริการ ต่างๆ 7. ส่งเสริมการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างเหมาะสมและเกิดประโยชน์ในทางที่สร้างสรรค์ ขอบพระคุณครับ #ศิลปะดนตรีกวีธรรมชาติ #indie #onair #dongplengonair #radioonline #อัลเตอร์90 #djดีเจชอว์ #shawsherryduck #วิทยุออนไลน์ #สถานีวิทยุ #ชอว์พิชิต #ชอว์เชอร์รี่ดั๊ก #radioshow #live #สาระบันเทิง #เพลงไทย #เสียงเพลงสร้างสรรค์ #เพื่อชีวิต #ลูกทุ่ง #วิทยุอารมณ์ดี #ป็อปร็อค #ยุคเทป #เพลงใหม่ #เพลงเก่า #คิดบวก #ความสุข #ความรัก #เพลงรัก #เพลงดี #เพลงสากล
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1060 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • โรคซึมเศร้าไม่ใช่เรื่องตลก

    เมื่อวันก่อน นายระวี ตะวันธรงค์ กรรมการจริยธรรม สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ และที่ปรึกษาสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ เรียกร้องไปยังองค์การอนามัยโลก (WHO), สหพันธ์สุขภาพจิตโลก (WFMH), United for Global Mental Health และเครือข่ายนวัตกรรมสุขภาพจิต (MHIN) กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หยุดการใช้ปัญหาสุขภาพจิตเป็นเครื่องมือโจมตีในพื้นที่สื่อของไทย โดยประณามการกระทำของผู้จัดรายการที่มีชื่อเสียงรายหนึ่ง นำอาการป่วยของนักการเมืองหญิงรายหนึ่ง ซึ่งเปิดเผยว่าเป็นโรคซึมเศร้า มาโจมตีอย่างรุนแรงในรายการออนไลน์ ไม่เพียงแต่ทำลายศักดิ์ศรีของปัจเจกบุคคล แต่ยังส่งผลกระทบในวงกว้าง ทำให้ผู้ป่วยไม่กล้าขอความช่วยเหลือ เพราะกลัวจะถูกสังคมตีตราและตัดสิน คำพูดที่ขาดความรับผิดชอบกำลังทำร้ายผู้คนและบ่อนทำลายความพยายามด้านสาธารณสุขทั่วโลก

    โดยเรียกร้องให้หน่วยงานดังกล่าว ออกแถลงการณ์ในระดับนานาชาติเพื่อประณามการใช้ข้อมูลสุขภาพจิตในทางที่ผิด และเรียกร้องให้สื่อมวลชนและบุคคลสาธารณะในไทยยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมกับกำหนดแนวปฏิบัติสำหรับสื่อ โดยทำงานร่วมกับองค์กรสื่อในไทยเพื่อสร้างและบังคับใช้แนวปฏิบัติที่ชัดเจนในการรายงานข่าวและการแสดงความคิดเห็นที่เกี่ยวกับสุขภาพจิตอย่างมีความรับผิดชอบ และสนับสนุนภาคประชาสังคม โดยเพิ่มการสนับสนุนองค์กรในประเทศไทยที่ทำงานเพื่อรณรงค์ลดอคติและให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่สาธารณชน

    เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในการออกเสียงลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ผู้จัดรายการคนดังกล่าวระบุถึงนักการเมืองหญิงรายหนึ่งด้วยความตลกขบขัน เรียกชื่อต่อด้วยคำว่าซึมเศร้า พร้อมขอให้ซึมเศร้าร้องไห้ในสภาฯ อีกเยอะๆ คล้ายกับการล้อชื่อพ่อชื่อแม่ในวัยเรียน กลายเป็นวิจารณ์อย่างกว้างขวาง กระทั่งผู้จัดรายการคนดังกล่าว ขอยุติการจัดรายการทางทีวีดิจิทัลแห่งหนึ่ง ด้านสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ออกแถลงการณ์เน้นย้ำให้ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนรักษามาตรฐานการแสดงออกให้เหมาะสม และไม่ใช้ถ้อยคำที่อาจนำไปสู่การดูหมิ่น กดทับ หรือสร้างความเกลียดชังต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง

    ข้อมูลล่าสุดจากกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ระหว่างปี 2563-2567 คนไทยมากกว่า 8% เผชิญกับภาวะความเครียดสูง เกือบ 10% มีความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า และมากกว่า 5% เผชิญกับความเสี่ยงในการจบชีวิตตัวเอง โดยสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มเยาวชนไทยอายุต่ำกว่า 20 ปี อีกทั้งในปี 2567 ประเทศไทยมีเหตุการณ์ความรุนแรงเฉลี่ย 42 ครั้งต่อวัน ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาเสพติดและปัญหาสุขภาพจิต

    #Newskit
    โรคซึมเศร้าไม่ใช่เรื่องตลก เมื่อวันก่อน นายระวี ตะวันธรงค์ กรรมการจริยธรรม สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ และที่ปรึกษาสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ เรียกร้องไปยังองค์การอนามัยโลก (WHO), สหพันธ์สุขภาพจิตโลก (WFMH), United for Global Mental Health และเครือข่ายนวัตกรรมสุขภาพจิต (MHIN) กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หยุดการใช้ปัญหาสุขภาพจิตเป็นเครื่องมือโจมตีในพื้นที่สื่อของไทย โดยประณามการกระทำของผู้จัดรายการที่มีชื่อเสียงรายหนึ่ง นำอาการป่วยของนักการเมืองหญิงรายหนึ่ง ซึ่งเปิดเผยว่าเป็นโรคซึมเศร้า มาโจมตีอย่างรุนแรงในรายการออนไลน์ ไม่เพียงแต่ทำลายศักดิ์ศรีของปัจเจกบุคคล แต่ยังส่งผลกระทบในวงกว้าง ทำให้ผู้ป่วยไม่กล้าขอความช่วยเหลือ เพราะกลัวจะถูกสังคมตีตราและตัดสิน คำพูดที่ขาดความรับผิดชอบกำลังทำร้ายผู้คนและบ่อนทำลายความพยายามด้านสาธารณสุขทั่วโลก โดยเรียกร้องให้หน่วยงานดังกล่าว ออกแถลงการณ์ในระดับนานาชาติเพื่อประณามการใช้ข้อมูลสุขภาพจิตในทางที่ผิด และเรียกร้องให้สื่อมวลชนและบุคคลสาธารณะในไทยยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมกับกำหนดแนวปฏิบัติสำหรับสื่อ โดยทำงานร่วมกับองค์กรสื่อในไทยเพื่อสร้างและบังคับใช้แนวปฏิบัติที่ชัดเจนในการรายงานข่าวและการแสดงความคิดเห็นที่เกี่ยวกับสุขภาพจิตอย่างมีความรับผิดชอบ และสนับสนุนภาคประชาสังคม โดยเพิ่มการสนับสนุนองค์กรในประเทศไทยที่ทำงานเพื่อรณรงค์ลดอคติและให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่สาธารณชน เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในการออกเสียงลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ผู้จัดรายการคนดังกล่าวระบุถึงนักการเมืองหญิงรายหนึ่งด้วยความตลกขบขัน เรียกชื่อต่อด้วยคำว่าซึมเศร้า พร้อมขอให้ซึมเศร้าร้องไห้ในสภาฯ อีกเยอะๆ คล้ายกับการล้อชื่อพ่อชื่อแม่ในวัยเรียน กลายเป็นวิจารณ์อย่างกว้างขวาง กระทั่งผู้จัดรายการคนดังกล่าว ขอยุติการจัดรายการทางทีวีดิจิทัลแห่งหนึ่ง ด้านสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ออกแถลงการณ์เน้นย้ำให้ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนรักษามาตรฐานการแสดงออกให้เหมาะสม และไม่ใช้ถ้อยคำที่อาจนำไปสู่การดูหมิ่น กดทับ หรือสร้างความเกลียดชังต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ข้อมูลล่าสุดจากกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ระหว่างปี 2563-2567 คนไทยมากกว่า 8% เผชิญกับภาวะความเครียดสูง เกือบ 10% มีความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า และมากกว่า 5% เผชิญกับความเสี่ยงในการจบชีวิตตัวเอง โดยสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มเยาวชนไทยอายุต่ำกว่า 20 ปี อีกทั้งในปี 2567 ประเทศไทยมีเหตุการณ์ความรุนแรงเฉลี่ย 42 ครั้งต่อวัน ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาเสพติดและปัญหาสุขภาพจิต #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 671 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากบทความถึงการบอยคอต: เมื่อความพยายามควบคุมข้อมูลกลายเป็นสงครามกับความเป็นกลาง

    ในช่วงปลายปี 2024 ถึงต้นปี 2025 Elon Musk ได้เปิดฉากโจมตี Wikipedia อย่างเปิดเผย โดยเริ่มจากโพสต์บน X (Twitter) ที่เรียกร้องให้ผู้ติดตามกว่า 200 ล้านคน “หยุดบริจาคให้ Wokepedia” พร้อมกล่าวหาว่า Wikipedia มีอคติทางการเมือง และควร “คืนความสมดุลให้กับอำนาจการแก้ไข”

    การโจมตีนี้เกิดขึ้นหลังจาก Wikipedia อัปเดตหน้าประวัติของ Musk โดยเพิ่มเนื้อหาที่กล่าวถึงท่าทางของเขาในงานสุนทรพจน์ของ Donald Trump ซึ่งบางคนตีความว่าเป็น “ท่าทางแบบนาซี” แม้จะไม่มีการยืนยันเจตนา แต่การกล่าวถึงในบทความก็เพียงพอให้ Muskโกรธและเริ่มรณรงค์ต่อต้าน Wikipedia อย่างจริงจัง

    บทความใน Wikipedia Signpost และรายงานจาก Newsweek ระบุว่า Musk ไม่ได้โจมตี Wikipedia เพียงลำพัง แต่ร่วมมือกับนักเคลื่อนไหวฝ่ายขวา เช่น Chaya Raichik (Libs of TikTok) ที่โพสต์ภาพงบประมาณของ Wikimedia Foundation พร้อมกล่าวหาว่าองค์กรใช้เงิน $50 ล้านไปกับ “diversity, equity, and inclusion” ซึ่งกลายเป็นเป้าหมายของฝ่ายขวาในสหรัฐฯ

    Jimmy Wales ผู้ก่อตั้ง Wikipedia ตอบโต้ทันที โดยโพสต์ว่า “Elon ไม่พอใจที่ Wikipedia ไม่สามารถซื้อได้” และหวังว่าการรณรงค์ของ Musk จะกระตุ้นให้คนที่เชื่อในความจริงบริจาคมากขึ้น Wales ยังย้ำว่า Wikipedia ยึดหลักความเป็นกลาง และเปิดให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการแก้ไขอย่างโปร่งใส

    ในขณะที่แพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น X ภายใต้การนำของ Musk กำลังลดการควบคุมเนื้อหาและเปิดทางให้ข้อมูลเท็จแพร่กระจาย Wikipedia ยังคงรักษามาตรฐานการตรวจสอบและการอ้างอิงอย่างเข้มงวด แม้จะถูกโจมตีจากหลายฝ่าย

    การโจมตี Wikipedia โดย Elon Musk
    Musk เรียกร้องให้ผู้ติดตาม “หยุดบริจาคให้ Wokepedia”
    โจมตีเนื้อหาที่กล่าวถึงท่าทางของเขาในงานของ Trump
    ร่วมมือกับนักเคลื่อนไหวฝ่ายขวาในการโจมตีงบประมาณของ Wikimedia

    การตอบโต้จาก Wikipedia
    Jimmy Wales ยืนยันว่า Wikipedia ไม่สามารถซื้อได้
    ย้ำหลักความเป็นกลางและการเปิดให้ทุกคนมีส่วนร่วม
    หวังว่าการโจมตีจะกระตุ้นให้คนที่เชื่อในความจริงบริจาคมากขึ้น

    บริบททางการเมืองและสื่อ
    Wikipedia ถูกมองว่าเป็น “ปราการสุดท้าย” ของข้อมูลที่ไม่ถูกควบคุม
    X ภายใต้ Musk ลดการควบคุมเนื้อหาและเปิดทางให้ข้อมูลเท็จ
    ความขัดแย้งสะท้อนถึงแนวโน้มการแบ่งขั้วในสื่อดิจิทัล

    ความสำคัญของ Wikipedia ในยุคข้อมูล
    เป็นแหล่งข้อมูลที่มีผู้เข้าชมหลายล้านคนต่อวัน
    ใช้ระบบอ้างอิงและการตรวจสอบจากชุมชนอาสาสมัคร
    ยังคงเป็นแหล่งข้อมูลที่ได้รับความเชื่อถือในระดับโลก

    https://www.theverge.com/cs/features/717322/wikipedia-attacks-neutrality-history-jimmy-wales
    🎙️ เรื่องเล่าจากบทความถึงการบอยคอต: เมื่อความพยายามควบคุมข้อมูลกลายเป็นสงครามกับความเป็นกลาง ในช่วงปลายปี 2024 ถึงต้นปี 2025 Elon Musk ได้เปิดฉากโจมตี Wikipedia อย่างเปิดเผย โดยเริ่มจากโพสต์บน X (Twitter) ที่เรียกร้องให้ผู้ติดตามกว่า 200 ล้านคน “หยุดบริจาคให้ Wokepedia” พร้อมกล่าวหาว่า Wikipedia มีอคติทางการเมือง และควร “คืนความสมดุลให้กับอำนาจการแก้ไข” การโจมตีนี้เกิดขึ้นหลังจาก Wikipedia อัปเดตหน้าประวัติของ Musk โดยเพิ่มเนื้อหาที่กล่าวถึงท่าทางของเขาในงานสุนทรพจน์ของ Donald Trump ซึ่งบางคนตีความว่าเป็น “ท่าทางแบบนาซี” แม้จะไม่มีการยืนยันเจตนา แต่การกล่าวถึงในบทความก็เพียงพอให้ Muskโกรธและเริ่มรณรงค์ต่อต้าน Wikipedia อย่างจริงจัง บทความใน Wikipedia Signpost และรายงานจาก Newsweek ระบุว่า Musk ไม่ได้โจมตี Wikipedia เพียงลำพัง แต่ร่วมมือกับนักเคลื่อนไหวฝ่ายขวา เช่น Chaya Raichik (Libs of TikTok) ที่โพสต์ภาพงบประมาณของ Wikimedia Foundation พร้อมกล่าวหาว่าองค์กรใช้เงิน $50 ล้านไปกับ “diversity, equity, and inclusion” ซึ่งกลายเป็นเป้าหมายของฝ่ายขวาในสหรัฐฯ Jimmy Wales ผู้ก่อตั้ง Wikipedia ตอบโต้ทันที โดยโพสต์ว่า “Elon ไม่พอใจที่ Wikipedia ไม่สามารถซื้อได้” และหวังว่าการรณรงค์ของ Musk จะกระตุ้นให้คนที่เชื่อในความจริงบริจาคมากขึ้น Wales ยังย้ำว่า Wikipedia ยึดหลักความเป็นกลาง และเปิดให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการแก้ไขอย่างโปร่งใส ในขณะที่แพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น X ภายใต้การนำของ Musk กำลังลดการควบคุมเนื้อหาและเปิดทางให้ข้อมูลเท็จแพร่กระจาย Wikipedia ยังคงรักษามาตรฐานการตรวจสอบและการอ้างอิงอย่างเข้มงวด แม้จะถูกโจมตีจากหลายฝ่าย ✅ การโจมตี Wikipedia โดย Elon Musk ➡️ Musk เรียกร้องให้ผู้ติดตาม “หยุดบริจาคให้ Wokepedia” ➡️ โจมตีเนื้อหาที่กล่าวถึงท่าทางของเขาในงานของ Trump ➡️ ร่วมมือกับนักเคลื่อนไหวฝ่ายขวาในการโจมตีงบประมาณของ Wikimedia ✅ การตอบโต้จาก Wikipedia ➡️ Jimmy Wales ยืนยันว่า Wikipedia ไม่สามารถซื้อได้ ➡️ ย้ำหลักความเป็นกลางและการเปิดให้ทุกคนมีส่วนร่วม ➡️ หวังว่าการโจมตีจะกระตุ้นให้คนที่เชื่อในความจริงบริจาคมากขึ้น ✅ บริบททางการเมืองและสื่อ ➡️ Wikipedia ถูกมองว่าเป็น “ปราการสุดท้าย” ของข้อมูลที่ไม่ถูกควบคุม ➡️ X ภายใต้ Musk ลดการควบคุมเนื้อหาและเปิดทางให้ข้อมูลเท็จ ➡️ ความขัดแย้งสะท้อนถึงแนวโน้มการแบ่งขั้วในสื่อดิจิทัล ✅ ความสำคัญของ Wikipedia ในยุคข้อมูล ➡️ เป็นแหล่งข้อมูลที่มีผู้เข้าชมหลายล้านคนต่อวัน ➡️ ใช้ระบบอ้างอิงและการตรวจสอบจากชุมชนอาสาสมัคร ➡️ ยังคงเป็นแหล่งข้อมูลที่ได้รับความเชื่อถือในระดับโลก https://www.theverge.com/cs/features/717322/wikipedia-attacks-neutrality-history-jimmy-wales
    WWW.THEVERGE.COM
    Wikipedia is under attack — and how it can survive
    The site’s volunteers face threats from Trump, billionaires, and AI.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 486 มุมมอง 0 รีวิว
  • สตาร์บัคส์มาเลเซียอ่วม หางเลขบอยคอตขาดทุนยับ

    กิจกรรมคว่ำบาตรจากเหตุความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ส่งผลทำให้ร้านกาแฟสัญชาติอเมริกัน สตาร์บัคส์ (Starbucks) ในประเทศมาเลเซีย ภายใต้การบริหารงานของเบอร์จายา ฟู้ด เบอร์ฮัด (Berjaya Food Berhad) ธุรกิจค้าปลีกของกลุ่มเบอร์จายา คอร์ปอเรชัน (Berjaya Corporation) ขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดรายงานผลประกอบการไปยังตลาดหลักทรัพย์เบอร์ซามาเลเซีย (Bursa Malaysia) ว่า งบการเงินปี 2025 มีรายได้รวม 476.770 ล้านริงกิต ขาดทุน 291.99 ล้านริงกิต (ประมาณ 2,232.37 ล้านบาท) ซึ่งเป็นสถิติสูงสุด เทียบกับงบการเงินปี 2024 เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2567 ที่มีรายได้รวม 750.70 ล้านบาท ขาดทุน 90.92 ล้านริงกิต

    สาเหตุหลักมาจากผลกระทบที่ยืดเยื้อ ของกระแสความรู้สึกที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ซึ่งส่งผลต่อพลวัตของตลาดและรูปแบบการใช้จ่ายของผู้บริโภค นับจากนี้จะมุ่งเน้นกระจายตลาดทั้งในและต่างประเทศ (ซึ่งบริหารร้านสตาร์บัคส์ในประเทศบรูไน และไอซ์แลนด์) พร้อมกับปรับโครงสร้างร้านค้าในประเทศ ใช้นวัตกรรมควบคู่กับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น มุ่งเน้นการขยายตัวในด้านดิจิทัลและโซเชียลมีเดีย ควบคู่กับประสบการณ์ร้านค้าที่มีชีวิต

    ที่ผ่านมา สตาร์บัคส์ มาเลเซีย ได้รับผลกระทบจากกรณีบริษัทแม่ในสหรัฐอเมริกา ฟ้องร้องสหภาพแรงงานสตาร์บัคส์ กรณีโพสต์ข้อความสนับสนุนปาเลสไตน์ จากเหตุปะทะกับอิสราเอลในฉนวนกาซาเมื่อปี 2566 ทำให้เกิดกิจกรรมคว่ำบาตรไปทั่วโลก แม้แต่มาเลเซียซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ก็ได้รับอิทธิพลจากการรณรงค์ในครั้งนี้ ส่งผลให้รายได้ลดลง ต้องทยอยปิดสาขาที่รายได้ลดลง แม้ผู้ก่อตั้งกลุ่มเบอร์จายาอย่างวินเซนต์ ตัน (Vincent Tan) จะขอร้องให้ทบทวน ย้ำว่าผู้บริหารร้านเป็นบริษัทมาเลเซีย และพนักงาน 85% เป็นชาวมุสลิม นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังบริจาคเงิน 1 ล้านริงกิตแก่กองทุนเพื่อมนุษยธรรมของชาวปาเลสไตน์ (AAKRP) ของรัฐบาลมาเลเซียอีกด้วย

    ร้านสตาร์บัคส์ มาเลเซีย เปิดสาขาแรกเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2541 ที่ศูนย์การค้าเคแอล พลาซา ย่านบูกิตบินตัง (ปัจจุบันคือ ศูนย์การค้าฟาเรนไฮต์ 88) ก่อนขยายสาขาไปทั่วประเทศ กระทั่งในปี 2567 มีจำนวนสาขารวม 408 แห่ง ซึ่งเบอร์จายา ฟู้ด เบอร์ฮัด ยังเป็นผู้บริหารร้านอาหารเคนนี่ โรเจอร์ โรสเตอร์, ร้านคริสปี้ ครีม, ร้านปารีสบาแก็ต, ร้านจอยบีน และร้านเคลาวา นอกจากนี้ กลุ่มเบอร์จายา ยังเป็นผู้บริหารร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น (7-Eleven) ในมาเลเซีย ปัจจุบันมีจำนวนสาขารวม 2,646 แห่ง

    #Newskit
    สตาร์บัคส์มาเลเซียอ่วม หางเลขบอยคอตขาดทุนยับ กิจกรรมคว่ำบาตรจากเหตุความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ส่งผลทำให้ร้านกาแฟสัญชาติอเมริกัน สตาร์บัคส์ (Starbucks) ในประเทศมาเลเซีย ภายใต้การบริหารงานของเบอร์จายา ฟู้ด เบอร์ฮัด (Berjaya Food Berhad) ธุรกิจค้าปลีกของกลุ่มเบอร์จายา คอร์ปอเรชัน (Berjaya Corporation) ขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดรายงานผลประกอบการไปยังตลาดหลักทรัพย์เบอร์ซามาเลเซีย (Bursa Malaysia) ว่า งบการเงินปี 2025 มีรายได้รวม 476.770 ล้านริงกิต ขาดทุน 291.99 ล้านริงกิต (ประมาณ 2,232.37 ล้านบาท) ซึ่งเป็นสถิติสูงสุด เทียบกับงบการเงินปี 2024 เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2567 ที่มีรายได้รวม 750.70 ล้านบาท ขาดทุน 90.92 ล้านริงกิต สาเหตุหลักมาจากผลกระทบที่ยืดเยื้อ ของกระแสความรู้สึกที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ซึ่งส่งผลต่อพลวัตของตลาดและรูปแบบการใช้จ่ายของผู้บริโภค นับจากนี้จะมุ่งเน้นกระจายตลาดทั้งในและต่างประเทศ (ซึ่งบริหารร้านสตาร์บัคส์ในประเทศบรูไน และไอซ์แลนด์) พร้อมกับปรับโครงสร้างร้านค้าในประเทศ ใช้นวัตกรรมควบคู่กับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น มุ่งเน้นการขยายตัวในด้านดิจิทัลและโซเชียลมีเดีย ควบคู่กับประสบการณ์ร้านค้าที่มีชีวิต ที่ผ่านมา สตาร์บัคส์ มาเลเซีย ได้รับผลกระทบจากกรณีบริษัทแม่ในสหรัฐอเมริกา ฟ้องร้องสหภาพแรงงานสตาร์บัคส์ กรณีโพสต์ข้อความสนับสนุนปาเลสไตน์ จากเหตุปะทะกับอิสราเอลในฉนวนกาซาเมื่อปี 2566 ทำให้เกิดกิจกรรมคว่ำบาตรไปทั่วโลก แม้แต่มาเลเซียซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ก็ได้รับอิทธิพลจากการรณรงค์ในครั้งนี้ ส่งผลให้รายได้ลดลง ต้องทยอยปิดสาขาที่รายได้ลดลง แม้ผู้ก่อตั้งกลุ่มเบอร์จายาอย่างวินเซนต์ ตัน (Vincent Tan) จะขอร้องให้ทบทวน ย้ำว่าผู้บริหารร้านเป็นบริษัทมาเลเซีย และพนักงาน 85% เป็นชาวมุสลิม นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังบริจาคเงิน 1 ล้านริงกิตแก่กองทุนเพื่อมนุษยธรรมของชาวปาเลสไตน์ (AAKRP) ของรัฐบาลมาเลเซียอีกด้วย ร้านสตาร์บัคส์ มาเลเซีย เปิดสาขาแรกเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2541 ที่ศูนย์การค้าเคแอล พลาซา ย่านบูกิตบินตัง (ปัจจุบันคือ ศูนย์การค้าฟาเรนไฮต์ 88) ก่อนขยายสาขาไปทั่วประเทศ กระทั่งในปี 2567 มีจำนวนสาขารวม 408 แห่ง ซึ่งเบอร์จายา ฟู้ด เบอร์ฮัด ยังเป็นผู้บริหารร้านอาหารเคนนี่ โรเจอร์ โรสเตอร์, ร้านคริสปี้ ครีม, ร้านปารีสบาแก็ต, ร้านจอยบีน และร้านเคลาวา นอกจากนี้ กลุ่มเบอร์จายา ยังเป็นผู้บริหารร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น (7-Eleven) ในมาเลเซีย ปัจจุบันมีจำนวนสาขารวม 2,646 แห่ง #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 719 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts