• #ท้องผูก

    บางครั้งอาการท้องผูกอาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัวหรือเจ็บปวดได้ หากกลายเป็นอาการเรื้อรัง อาจนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ เพิ่มเติมได้ เช่น ริดสีดวงทวาร

    ในหลายๆ กรณี คุณสามารถรักษาอาการท้องผูกได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตหรือยาที่ซื้อเองได้ บางคนยังแนะนำให้ใช้วิธีรักษาที่บ้าน เช่น การใช้เบกกิ้งโซดาหรือการล้างลำไส้ด้วยเกลือ

    อาการท้องผูกมีอะไรบ้าง

    หากคุณถ่ายอุจจาระได้ยากหรือถ่ายน้อยกว่าสามครั้งต่อสัปดาห์ คุณอาจมีอาการท้องผูก

    อาการอื่นๆ ของอาการท้องผูก ได้แก่:

    • ถ่ายอุจจาระเป็นก้อนหรือแข็ง

    • รู้สึกปวดบริเวณท้องน้อย

    • รู้สึกเหมือนทวารหนักอุดตัน

    • รู้สึกเหมือนถ่ายอุจจาระไม่หมด

    • ต้องใช้มือกดที่หน้าท้องเพื่อให้ถ่ายอุจจาระ

    • ต้องใช้มือดึงอุจจาระออกจากทวารหนัก

    อาการท้องผูกมีภาวะแทรกซ้อนอะไรบ้าง

    อาการท้องผูกเรื้อรังอาจทำให้เกิดปัญหาได้หากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษา ตัวอย่างเช่น หากคุณมีอาการท้องผูกเรื้อรัง คุณมีแนวโน้มที่จะเกิดอาการดังต่อไปนี้:

    • ริดสีดวงทวาร

    • รอยแยกที่ทวารหนัก ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อผิวหนังรอบทวารหนักฉีกขาด

    • อุจจาระอุดตัน ซึ่งเกิดขึ้นเมื่ออุจจาระอัดแน่นและติดอยู่ในทวารหนัก

    สาเหตุของอาการท้องผูก

    อาการท้องผูกมักเกิดขึ้นเมื่อของเสียในลำไส้เคลื่อนตัวช้าเกินไป ซึ่งทำให้มีช่วงเวลาในการแข็งตัวและแห้ง ทำให้ขับถ่ายได้ยากขึ้น
    มีหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการท้องผูก ได้แก่:

    • รับประทานอาหารที่มีกากใยต่ำ

    • ดื่มน้ำไม่เพียงพอ

    • ไม่ออกกำลังกายอย่างเพียงพอ

    • ไม่ใช้ห้องน้ำเมื่อรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ

    • การรับประทานน้ำตาลและผลไม้ที่มากจนเกินไป

    การเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวันอาจขัดขวางนิสัยการขับถ่ายของคุณได้ ตัวอย่างเช่น การเดินทางหรือความเครียดที่เพิ่มมากขึ้นอาจส่งผลต่อความสามารถในการขับถ่ายเป็นประจำ

    สาเหตุอื่นๆ ที่พบได้น้อยกว่าของอาการท้องผูก ได้แก่:

    • กลุ่มอาการลำไส้แปรปรวนและโรคลำไส้อื่นๆ

    • รอยแยกที่ทวารหนัก

    • มะเร็งลำไส้ใหญ่

    • ลำไส้ใหญ่ตีบแคบ

    • กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแรง

    • การตั้งครรภ์

    • ปัญหาเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์

    • โรคเบาหวาน

    • ความผิดปกติทางสุขภาพจิต

    • ความผิดปกติทางระบบประสาท เช่น โรคพาร์กินสันหรือโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง

    • ยาบางชนิด

    อาการท้องผูกรักษาอย่างไร

    ในหลายๆ กรณี คุณสามารถรักษาอาการท้องผูกได้โดยการเปลี่ยนแปลงวิถีการใช้ชีวิต ตัวอย่างเช่น การรับประทานอาหารที่มีกากใยมากขึ้น ดื่มน้ำมากขึ้น และออกกำลังกาย อาจช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้น

    หลีกเลี่ยงยาระบายและไฟเบอร์เร่งการขับถ่าย มะขามแขกที่ซื้อเองได้ เพราะยาเหล่านี้อาจทำให้ท้องผูกแย่ลงได้ในระยะยาว

    วิธีการรักษาตามธรรมชาติบางอย่างอาจช่วยบรรเทาอาการได้

    เบกกิ้งโซดา

    เบกกิ้งโซดาถูกใช้เป็นยาลดกรดมานานหลายทศวรรษ การบริโภคเบกกิ้งโซดาสามารถช่วยทำให้กรดในกระเพาะเป็นกลางได้ นั่นเป็นเหตุผลที่บางคนใช้เบกกิ้งโซดาเป็นยารักษาอาการเสียดท้องและอาหารไม่ย่อยตามธรรมชาติ

    ลองผสมเบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชากับน้ำเย็น 1 แก้ว ดื่มหลังจากคุณลุกจากเตียง

    การแช่ตัวในเบคกิ้งโซดา

    ตามรายงานของโรงพยาบาล El Camino การแช่ตัวในอ่างที่มีเบคกิ้งโซดาอาจช่วยบรรเทาอาการปวดทวารหนักที่เกี่ยวข้องกับอาการท้องผูกได้ นอกจากนี้ยังอาจช่วยผ่อนคลายหูรูดทวารหนัก ซึ่งอาจช่วยให้คุณขับถ่ายได้

    ในการเตรียมอ่างด้วยเบคกิ้งโซดา ให้เติมน้ำอุ่นในอ่างแล้วเติมเบคกิ้งโซดา 60 มิลลิลิตร แช่ตัวในอ่างเป็นเวลา 20 นาที

    ผลข้างเคียงของการบริโภคเบคกิ้งโซดา

    มีรายงานผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้น้อยมากจากการบริโภคเบคกิ้งโซดา

    แต่การบริโภคเบคกิ้งโซดามากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการท้องผูกได้ นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดอาการดังต่อไปนี้:

    • อาเจียน

    • ท้องเสีย

    • ปัสสาวะบ่อย

    • กล้ามเนื้ออ่อนแรง

    • กล้ามเนื้อกระตุก

    • ชัก

    • หงุดหงิดง่าย

    การล้างลำไส้ด้วยน้ำเกลือ

    การล้างลำไส้ด้วยน้ำเกลือใช้เพื่อทำความสะอาดลำไส้ใหญ่ รักษาอาการท้องผูกเรื้อรัง และช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย วิธีนี้กลายเป็นกระแสที่ได้รับความนิยมในฐานะส่วนหนึ่งของโปรแกรมดีท็อกซ์และการอดอาหาร Master Cleanse

    โดยเกี่ยวข้องกับการดื่มน้ำอุ่นผสมเกลือที่ไม่เสริมไอโอดีนหรือเกลือหิมาลัย การดื่มเกลือและน้ำอุ่นมีฤทธิ์เป็นยาระบาย โดยปกติแล้วจะทำให้ขับถ่ายภายใน 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงหรืออาจใช้เวลานานกว่านั้นก็ตาม

    การล้างลำไส้ด้วยน้ำเกลือมีประโยชน์อย่างไร

    จากหลักฐานเชิงประจักษ์ การล้างลำไส้ด้วยน้ำเกลือดูเหมือนจะมีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดลำไส้ใหญ่ในระยะสั้นโดยทำให้เกิดการขับถ่าย

    อย่างไรก็ตาม ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่บ่งชี้ว่าการล้างลำไส้ด้วยน้ำเกลือสามารถขับสารพิษออกจากร่างกายหรือขจัดสิ่งที่เรียกว่าของเสียและปรสิตออกจากระบบย่อยอาหารของคุณได้

    แม้ว่าอินเทอร์เน็ตจะเต็มไปด้วยคำยืนยันเรื่องการล้างพิษด้วยเกลือ แต่ยากที่จะระบุอัตราความสำเร็จที่แน่นอนได้

    วิธีล้างพิษด้วยน้ำเกลือ

    ขั้นตอนมาตรฐานที่ไม่เป็นทางการสำหรับการล้างพิษด้วยน้ำเกลือคือ:

    • ละลายเกลือทะเลที่ไม่ได้เสริมไอโอดีนหรือเกลือสีชมพูจากเทือกเขาหิมาลัย 2 ช้อนชาในน้ำอุ่น4 ถ้วย

    • ดื่มส่วนผสมนี้ให้เร็วที่สุดในขณะท้องว่างหรือตื่นนอน

    คุณควรจะรู้สึกอยากขับถ่ายไม่นานหลังจากดื่มส่วนผสมของน้ำเกลือ

    ทำไมต้องล้างพิษด้วยน้ำเกลือในตอนเช้า

    การล้างด้วยน้ำเกลือมักจะทำทันทีที่ตื่นนอนในตอนเช้า หรืออาจทำตอนเย็นหลังอาหารมื้อสุดท้ายไม่กี่ชั่วโมงก็ได้ ไม่สำคัญว่าคุณจะล้างในเวลาใดของวัน ตราบใดที่ล้างในขณะท้องว่าง

    อย่าคิดไปทำธุระหรือออกกำลังกายเป็นเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากดื่มน้ำเกลือ คุณอาจขับถ่ายบ่อยมาก ดังนั้นคุณไม่ควรออกห่างจากห้องน้ำมากเกินไป

    ความเสี่ยงและคำเตือน

    โปรดทราบว่าเกลือ 2 ช้อนชาเป็นสองเท่าของโซเดียมต่อวันตามคำแนะนำด้านโภชนาการ (2,300 มิลลิกรัม)

    แม้ว่าการดื่มน้ำเกลือในปริมาณนี้เป็นครั้งคราวจะไม่ก่อให้เกิดอันตราย แต่การดื่มน้ำเกลือในขณะท้องว่างอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้และอาเจียนได้

    การบริโภคเกลือในปริมาณสูง เช่น ในระหว่างการล้างลำไส้ใหญ่เพื่อเตรียมการส่องกล้อง อาจทำให้เกิดตะคริว ท้องอืด และขาดน้ำได้ การล้างลำไส้ใหญ่โดยทั่วไปอาจทำให้เกิดความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์เนื่องจากการสูญเสียโซเดียมและของเหลวอย่างรวดเร็ว

    ซึ่งอาจนำไปสู่:

    • กล้ามเนื้อกระตุก

    • อ่อนแรง

    • สับสน

    • หัวใจเต้นผิดจังหวะ

    • ชัก

    • ปัญหาความดันโลหิต

    แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะมีอาการขับถ่ายหลังจากล้างลำไส้ใหญ่ด้วยน้ำเกลือ แต่บางคนก็ไม่เป็นเช่นนั้น การล้างลำไส้ใหญ่ด้วยน้ำเกลืออาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการได้รับโซเดียมมากเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่ความดันโลหิตสูง

    อย่าล้างลำไส้ใหญ่ด้วยน้ำเกลือหากคุณมี:

    • ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ

    • โรคเบาหวาน

    • อาการบวมน้ำ

    • ปัญหาไต

    • ความดันโลหิตสูง

    • ปัญหาทางเดินอาหาร เช่น แผลในกระเพาะหรือโรคลำไส้อักเสบ

    ผลิตภัณฑ์แนะนำเมื่อมีปัญหาท้องผูก

    Paa vill เพื่อเพิ่มปริมาณเส้นใยอาหารในลำไส้
    K cal เพื่อเพิ่มการบีบและคลายตัวของลำไส้ใหญ่
    Synbc เพื่อเพิ่มจุลชีพฝั่งดีในลำไส้

    ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง

    Cr. Santi Manadee
    #ท้องผูก บางครั้งอาการท้องผูกอาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัวหรือเจ็บปวดได้ หากกลายเป็นอาการเรื้อรัง อาจนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ เพิ่มเติมได้ เช่น ริดสีดวงทวาร ในหลายๆ กรณี คุณสามารถรักษาอาการท้องผูกได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตหรือยาที่ซื้อเองได้ บางคนยังแนะนำให้ใช้วิธีรักษาที่บ้าน เช่น การใช้เบกกิ้งโซดาหรือการล้างลำไส้ด้วยเกลือ อาการท้องผูกมีอะไรบ้าง หากคุณถ่ายอุจจาระได้ยากหรือถ่ายน้อยกว่าสามครั้งต่อสัปดาห์ คุณอาจมีอาการท้องผูก อาการอื่นๆ ของอาการท้องผูก ได้แก่: • ถ่ายอุจจาระเป็นก้อนหรือแข็ง • รู้สึกปวดบริเวณท้องน้อย • รู้สึกเหมือนทวารหนักอุดตัน • รู้สึกเหมือนถ่ายอุจจาระไม่หมด • ต้องใช้มือกดที่หน้าท้องเพื่อให้ถ่ายอุจจาระ • ต้องใช้มือดึงอุจจาระออกจากทวารหนัก อาการท้องผูกมีภาวะแทรกซ้อนอะไรบ้าง อาการท้องผูกเรื้อรังอาจทำให้เกิดปัญหาได้หากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษา ตัวอย่างเช่น หากคุณมีอาการท้องผูกเรื้อรัง คุณมีแนวโน้มที่จะเกิดอาการดังต่อไปนี้: • ริดสีดวงทวาร • รอยแยกที่ทวารหนัก ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อผิวหนังรอบทวารหนักฉีกขาด • อุจจาระอุดตัน ซึ่งเกิดขึ้นเมื่ออุจจาระอัดแน่นและติดอยู่ในทวารหนัก สาเหตุของอาการท้องผูก อาการท้องผูกมักเกิดขึ้นเมื่อของเสียในลำไส้เคลื่อนตัวช้าเกินไป ซึ่งทำให้มีช่วงเวลาในการแข็งตัวและแห้ง ทำให้ขับถ่ายได้ยากขึ้น มีหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการท้องผูก ได้แก่: • รับประทานอาหารที่มีกากใยต่ำ • ดื่มน้ำไม่เพียงพอ • ไม่ออกกำลังกายอย่างเพียงพอ • ไม่ใช้ห้องน้ำเมื่อรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ • การรับประทานน้ำตาลและผลไม้ที่มากจนเกินไป การเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวันอาจขัดขวางนิสัยการขับถ่ายของคุณได้ ตัวอย่างเช่น การเดินทางหรือความเครียดที่เพิ่มมากขึ้นอาจส่งผลต่อความสามารถในการขับถ่ายเป็นประจำ สาเหตุอื่นๆ ที่พบได้น้อยกว่าของอาการท้องผูก ได้แก่: • กลุ่มอาการลำไส้แปรปรวนและโรคลำไส้อื่นๆ • รอยแยกที่ทวารหนัก • มะเร็งลำไส้ใหญ่ • ลำไส้ใหญ่ตีบแคบ • กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแรง • การตั้งครรภ์ • ปัญหาเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ • โรคเบาหวาน • ความผิดปกติทางสุขภาพจิต • ความผิดปกติทางระบบประสาท เช่น โรคพาร์กินสันหรือโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง • ยาบางชนิด อาการท้องผูกรักษาอย่างไร ในหลายๆ กรณี คุณสามารถรักษาอาการท้องผูกได้โดยการเปลี่ยนแปลงวิถีการใช้ชีวิต ตัวอย่างเช่น การรับประทานอาหารที่มีกากใยมากขึ้น ดื่มน้ำมากขึ้น และออกกำลังกาย อาจช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้น หลีกเลี่ยงยาระบายและไฟเบอร์เร่งการขับถ่าย มะขามแขกที่ซื้อเองได้ เพราะยาเหล่านี้อาจทำให้ท้องผูกแย่ลงได้ในระยะยาว วิธีการรักษาตามธรรมชาติบางอย่างอาจช่วยบรรเทาอาการได้ เบกกิ้งโซดา เบกกิ้งโซดาถูกใช้เป็นยาลดกรดมานานหลายทศวรรษ การบริโภคเบกกิ้งโซดาสามารถช่วยทำให้กรดในกระเพาะเป็นกลางได้ นั่นเป็นเหตุผลที่บางคนใช้เบกกิ้งโซดาเป็นยารักษาอาการเสียดท้องและอาหารไม่ย่อยตามธรรมชาติ ลองผสมเบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชากับน้ำเย็น 1 แก้ว ดื่มหลังจากคุณลุกจากเตียง การแช่ตัวในเบคกิ้งโซดา ตามรายงานของโรงพยาบาล El Camino การแช่ตัวในอ่างที่มีเบคกิ้งโซดาอาจช่วยบรรเทาอาการปวดทวารหนักที่เกี่ยวข้องกับอาการท้องผูกได้ นอกจากนี้ยังอาจช่วยผ่อนคลายหูรูดทวารหนัก ซึ่งอาจช่วยให้คุณขับถ่ายได้ ในการเตรียมอ่างด้วยเบคกิ้งโซดา ให้เติมน้ำอุ่นในอ่างแล้วเติมเบคกิ้งโซดา 60 มิลลิลิตร แช่ตัวในอ่างเป็นเวลา 20 นาที ผลข้างเคียงของการบริโภคเบคกิ้งโซดา มีรายงานผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้น้อยมากจากการบริโภคเบคกิ้งโซดา แต่การบริโภคเบคกิ้งโซดามากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการท้องผูกได้ นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดอาการดังต่อไปนี้: • อาเจียน • ท้องเสีย • ปัสสาวะบ่อย • กล้ามเนื้ออ่อนแรง • กล้ามเนื้อกระตุก • ชัก • หงุดหงิดง่าย การล้างลำไส้ด้วยน้ำเกลือ การล้างลำไส้ด้วยน้ำเกลือใช้เพื่อทำความสะอาดลำไส้ใหญ่ รักษาอาการท้องผูกเรื้อรัง และช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย วิธีนี้กลายเป็นกระแสที่ได้รับความนิยมในฐานะส่วนหนึ่งของโปรแกรมดีท็อกซ์และการอดอาหาร Master Cleanse โดยเกี่ยวข้องกับการดื่มน้ำอุ่นผสมเกลือที่ไม่เสริมไอโอดีนหรือเกลือหิมาลัย การดื่มเกลือและน้ำอุ่นมีฤทธิ์เป็นยาระบาย โดยปกติแล้วจะทำให้ขับถ่ายภายใน 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงหรืออาจใช้เวลานานกว่านั้นก็ตาม การล้างลำไส้ด้วยน้ำเกลือมีประโยชน์อย่างไร จากหลักฐานเชิงประจักษ์ การล้างลำไส้ด้วยน้ำเกลือดูเหมือนจะมีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดลำไส้ใหญ่ในระยะสั้นโดยทำให้เกิดการขับถ่าย อย่างไรก็ตาม ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่บ่งชี้ว่าการล้างลำไส้ด้วยน้ำเกลือสามารถขับสารพิษออกจากร่างกายหรือขจัดสิ่งที่เรียกว่าของเสียและปรสิตออกจากระบบย่อยอาหารของคุณได้ แม้ว่าอินเทอร์เน็ตจะเต็มไปด้วยคำยืนยันเรื่องการล้างพิษด้วยเกลือ แต่ยากที่จะระบุอัตราความสำเร็จที่แน่นอนได้ วิธีล้างพิษด้วยน้ำเกลือ ขั้นตอนมาตรฐานที่ไม่เป็นทางการสำหรับการล้างพิษด้วยน้ำเกลือคือ: • ละลายเกลือทะเลที่ไม่ได้เสริมไอโอดีนหรือเกลือสีชมพูจากเทือกเขาหิมาลัย 2 ช้อนชาในน้ำอุ่น4 ถ้วย • ดื่มส่วนผสมนี้ให้เร็วที่สุดในขณะท้องว่างหรือตื่นนอน คุณควรจะรู้สึกอยากขับถ่ายไม่นานหลังจากดื่มส่วนผสมของน้ำเกลือ ทำไมต้องล้างพิษด้วยน้ำเกลือในตอนเช้า การล้างด้วยน้ำเกลือมักจะทำทันทีที่ตื่นนอนในตอนเช้า หรืออาจทำตอนเย็นหลังอาหารมื้อสุดท้ายไม่กี่ชั่วโมงก็ได้ ไม่สำคัญว่าคุณจะล้างในเวลาใดของวัน ตราบใดที่ล้างในขณะท้องว่าง อย่าคิดไปทำธุระหรือออกกำลังกายเป็นเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากดื่มน้ำเกลือ คุณอาจขับถ่ายบ่อยมาก ดังนั้นคุณไม่ควรออกห่างจากห้องน้ำมากเกินไป ความเสี่ยงและคำเตือน โปรดทราบว่าเกลือ 2 ช้อนชาเป็นสองเท่าของโซเดียมต่อวันตามคำแนะนำด้านโภชนาการ (2,300 มิลลิกรัม) แม้ว่าการดื่มน้ำเกลือในปริมาณนี้เป็นครั้งคราวจะไม่ก่อให้เกิดอันตราย แต่การดื่มน้ำเกลือในขณะท้องว่างอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้และอาเจียนได้ การบริโภคเกลือในปริมาณสูง เช่น ในระหว่างการล้างลำไส้ใหญ่เพื่อเตรียมการส่องกล้อง อาจทำให้เกิดตะคริว ท้องอืด และขาดน้ำได้ การล้างลำไส้ใหญ่โดยทั่วไปอาจทำให้เกิดความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์เนื่องจากการสูญเสียโซเดียมและของเหลวอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจนำไปสู่: • กล้ามเนื้อกระตุก • อ่อนแรง • สับสน • หัวใจเต้นผิดจังหวะ • ชัก • ปัญหาความดันโลหิต แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะมีอาการขับถ่ายหลังจากล้างลำไส้ใหญ่ด้วยน้ำเกลือ แต่บางคนก็ไม่เป็นเช่นนั้น การล้างลำไส้ใหญ่ด้วยน้ำเกลืออาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการได้รับโซเดียมมากเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่ความดันโลหิตสูง อย่าล้างลำไส้ใหญ่ด้วยน้ำเกลือหากคุณมี: • ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ • โรคเบาหวาน • อาการบวมน้ำ • ปัญหาไต • ความดันโลหิตสูง • ปัญหาทางเดินอาหาร เช่น แผลในกระเพาะหรือโรคลำไส้อักเสบ ผลิตภัณฑ์แนะนำเมื่อมีปัญหาท้องผูก Paa vill เพื่อเพิ่มปริมาณเส้นใยอาหารในลำไส้ K cal เพื่อเพิ่มการบีบและคลายตัวของลำไส้ใหญ่ Synbc เพื่อเพิ่มจุลชีพฝั่งดีในลำไส้ ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง Cr. Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ลำไส้แปรปรวน - Irritable Bowel Syndrome

    (IBS)

    IBS เป็นกลุ่มอาการในลำไส้ที่อาจรวมถึงตะคริวในช่องท้อง ท้องร่วง ท้องผูก ท้องอืด และมีแก๊ส กลุ่มอาการในลำไส้มักเกิดขึ้นร่วมกันแต่ อาการจะแตกต่างกันไปตามความรุนแรงและระยะเวลาในแต่ละคน

    ประเภทของ IBS แบ่งตามอาการเฉพาะที่เกิดขึ้น เช่น อาการท้องผูกและน้ำหนักลด

    IBS อาจทำให้เกิดความเสียหายในลำไส้ได้และนี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดา จากการศึกษาปี 2022 IBS ไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งในทางเดินอาหาร แต่สามารถส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อชีวิตของคุณ

    อาการของ IBS มักประกอบด้วย:

    • ตะคริว

    • อาการปวดท้อง

    • ท้องอืดและมีแก๊ส

    • อาการท้องผูก

    • ท้องเสีย

    • คลื่นไส้และอาเจียน

    • เหนื่อยล้าและอ่อนแรง

    • อารมณ์เปลี่ยนแปลง ซึมเศร้า และวิตกกังวล

    มีความแตกต่างบางอย่างระหว่างผู้หญิงและผู้ชายสำหรับIBS

    IBS ในผู้หญิง

    IBS มีแนวโน้มที่จะพบได้บ่อยในผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์ โดยมักจะมีอาการปวดท้องและท้องผูกมากกว่าผู้ชาย นอกจากนี้ยังอาจมีอาการมากขึ้นหรือแย่ลงในช่วงมีประจำเดือน

    IBS ในผู้ชาย

    อาการของ IBS ในเพศชายอาจเหมือนกับอาการในเพศหญิง แต่อาจเน้นไปที่อาการท้องเสียมากกว่าตามการวิจัย

    ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้ที่เป็นโรค IBS จะมีอาการท้องผูกและท้องร่วง อาการต่างๆ เช่น ท้องอืดและมีแก๊สมักจะหายไปหลังจากที่คุณถ่ายอุจจาระ อาการไม่ได้เกิดขึ้นถาวรเสมอไป พวกเขาสามารถแก้ไขได้

    อาการปวด IBS

    อาจรู้สึกเหมือนเป็นตะคริว เย็นวูบวาบ เสียวซ่าน คุณจะมีประสบการณ์อย่างน้อย 2 อย่างต่อไปนี้:

    • บรรเทาอาการปวดเล็กน้อยหลังการถ่ายอุจจาระ

    • ความถี่ในการขับถ่ายเปลี่ยนแปลงไป

    • รูปลักษณ์ของอุจจาระเปลี่ยนแปลงไป
    กระบวนการทางกายภาพที่เกี่ยวข้องกับ IBS อาจแตกต่างกันไป แต่อาจประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้:

    • การเคลื่อนไหวของลำไส้ใหญ่ช้าลงหรือกระตุก ทำให้เกิดตะคริวอย่างเจ็บปวด

    • ระดับเซโรโทนินในลำไส้ใหญ่ผิดปกติ ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของลำไส้

    สาเหตุของโรค

    สาเหตุที่เป็นไปได้

    - ลำไส้ใหญ่หรือระบบภูมิคุ้มกันที่ไวเกินไปหลังการติดเชื้อเแบคทีเรียในทางเดินอาหาร
    - การรับประทานยาลดน้ำหนักอย่างต่อเนื่อง
    - การรับประทานสมุนไพรเพื่อการขับถ่ายอาทิ มะขามแขก น้ำมันละหุ่ง เป็นต้น
    - การได้รับยาปฏิชีวนะ
    - การได้รับยาบางชนิดเพื่อรักษาสภาวะทางการแพทย์เป็นระยะเวลานาน
    - การขาดเมือกในลำไส้
    -การขาดจุลชีพฝั่งดีในลำไส้
    - การเริ่มต้นมื้ออาหารด้วยรสเผ็ดและรสเปรี้ยว
    - ความเครียดเรื้อรัง ระบบประสาทของคุณควบคุมการเคลื่อนไหวอัตโนมัติหรือการเคลื่อนไหวของระบบย่อยอาหารในระดับที่สูงมาก ซึ่งหมายความว่าความเครียดส่งผลต่อเส้นประสาท ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานมากเกินไป

    หากคุณมี IBS ลำไส้ใหญ่ของคุณอาจตอบสนองต่อการหยุดชะงักของระบบย่อยอาหารมากเกินไป เชื่อกันว่า IBS ได้รับผลกระทบจากระบบภูมิคุ้มกันซึ่งก็ได้รับผลกระทบจากความเครียดเช่นกัน

    การวินิจฉัย

    แพทย์ของคุณอาจวินิจฉัย IBS ตามอาการของคุณได้ พวกเขายังอาจทำตามขั้นตอนต่อไปนี้อย่างน้อยหนึ่งขั้นตอนเพื่อแยกแยะสาเหตุที่เป็นไปได้อื่น ๆ ของอาการของคุณ:

    • กำหนดรูปแบบการรับประทานอาหารบางอย่างหรือหลีกเลี่ยงกลุ่มอาหารที่เฉพาะเจาะจงเป็นระยะเวลาหนึ่งเพื่อแยกแยะการแพ้อาหาร

    • สั่งการทดสอบตัวอย่างอุจจาระของคุณเพื่อขจัดการติดเชื้อ

    • สั่งการตรวจเลือดเพื่อตรวจหาภาวะโลหิตจางและขจัดโรคช่องท้อง

    • สั่งการส่องกล้องลำไส้ใหญ่

    โดยทั่วไปแพทย์ของคุณจะสั่งการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่เฉพาะในกรณีที่สงสัยว่ามีอาการลำไส้ใหญ่บวม โรคลำไส้อักเสบ (โรค Crohn และลำไส้ใหญ่อักเสบแบบเป็นแผล) หรือมะเร็งเป็นสาเหตุของอาการของคุณ

    อาหารอะไรบ้างที่กระตุ้นการเกิด IBS

    อาหารบางชนิดเป็นตัวกระตุ้นที่พบบ่อยสำหรับผู้ป่วย IBS อาหารเหล่านี้บางชนิดอาจส่งผลต่อคุณมากกว่าอาหารอื่นๆ

    การจดบันทึกรายการอาหารไว้สักพักเพื่อเรียนรู้ว่าอาหารชนิดใดที่กระตุ้นให้เกิดอาจช่วยได้ อาหารบางอย่างที่คุณอาจจำกัดหรือยกเว้น ได้แก่:

    • ถั่วทุกชนิดและทุกรูปแบบ

    • อาหารที่มีซอร์บิทอล แมนนิทอล หรือไซลิทอล

    • หัวหอม กระเทียม มะเขือ มะเขือเทศและผักที่มีรสเปรี้ยวหรือเผ็ด

    • ผลไม้ทุกชนิด

    • อาหารประเภทนม

    • เห็ดและยิสต์

    การเยียวยาที่บ้าน

    การเยียวยาที่บ้านหรือการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตบางอย่างอาจช่วยบรรเทาอาการ IBS ของคุณได้โดยไม่ต้องใช้ยา ตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเหล่านี้ได้แก่:

    • มีส่วนร่วมในการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

    • จำกัดการบริโภคเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเนื่องจากคาเฟอีนไปกระตุ้นลำไส้

    • การลดความเครียด (การบำบัดด้วยการพูดคุย การฝึกสติ การสะกดจิต และการฝึกสมาธิ)

    • รับประทานโปรไบโอติก ( จุลินทรีย์ "ดี" ที่มักพบในลำไส้) เพื่อช่วยบรรเทาอาการท้องอืดและแก็ส

    • เพิ่มปริมาณการรับประทานอาหารที่มีเส้นใยอาหาร หรืออาหารเสริม

    • รับประทานอาหารให้ตรงเวลา เคี้ยวอาหารให้ละเอียดและรับประทานอย่างช้าๆ คุณอาจพบว่าการย่อยอาหารในปริมาณน้อยง่ายกว่าการรับประทานอาหารในปริมาณมาก

    • ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว (2 ลิตร) (เช่น น้ำเปล่า ชาสมุนไพร น้ำซุป) เพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำเพียงพอ

    • ลองรับประทานอาหาร ที่มี FODMAP ต่ำในระยะสั้นเพื่อช่วยระบุอาหารที่กระตุ้นอาการ FODMAP เป็นกลุ่มคาร์โบไฮเดรตเฉพาะที่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการในลำไส้ อาหารที่มี FODMAP สูง ได้แก่ แอปเปิล หัวหอม กระเทียม ข้าวสาลี แล็กโทส แอลกอฮอล์และน้ำตาล

    • เลือกผักที่ปรุงสุกแล้วมากกว่าผักดิบ

    • เลือกโปรตีนที่ย่อยง่าย เช่น ไข่ ไก่ ปลา และโยเกิร์ตธรรมดาที่ไม่มีแลคโตส

    • ปรุงอาหารที่มีไขมันต่ำ เช่น การอบ การคั่ว การนึ่งและการต้ม สามารถช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงอาการไม่สบายตัวได้เช่นกัน

    • หากคุณมีอาการท้องผูก ควรพิจารณารับประทานใยอาหาร บางประเภท เช่น กระเจี๊ยบเขียว มันสําปะหลัง และไซเลียม หลีกเลี่ยงรำข้าวสาลีและลูกพรุน ซึ่งเป็นใยอาหารที่ย่อยง่าย อาจทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ท้องอืดและปวดท้อง

    • จำกัด การรับประทานอาหารที่ทำให้เกิดแก๊สเช่น บร็อคโคลี กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี กะหล่ำบรัสเซลส์ หากผักหรือพืชเหล่านี้กระตุ้นให้คุณมีอาการ

    • จำกัดปริมาณ น้ำตาลแอลกอฮอล์และสารให้ความหวานเทียม เช่น ซอร์บิทอล แมนนิทอล ไซลิทอล มอลทิทอล และอีริทริทอล

    • หลีกเลี่ยงภาวะแพ้กลูเตนและโรคซีลิแอค บางคนอาจแพ้คาร์โบไฮเดรตในข้าวสาลี(กลูเตน)

    ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแนะนำ

    Paa vill
    Zyem
    Synbc
    K cal
    Butterfly
    Cr. Santi Manadee
    #ลำไส้แปรปรวน - Irritable Bowel Syndrome (IBS) IBS เป็นกลุ่มอาการในลำไส้ที่อาจรวมถึงตะคริวในช่องท้อง ท้องร่วง ท้องผูก ท้องอืด และมีแก๊ส กลุ่มอาการในลำไส้มักเกิดขึ้นร่วมกันแต่ อาการจะแตกต่างกันไปตามความรุนแรงและระยะเวลาในแต่ละคน ประเภทของ IBS แบ่งตามอาการเฉพาะที่เกิดขึ้น เช่น อาการท้องผูกและน้ำหนักลด IBS อาจทำให้เกิดความเสียหายในลำไส้ได้และนี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดา จากการศึกษาปี 2022 IBS ไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งในทางเดินอาหาร แต่สามารถส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อชีวิตของคุณ อาการของ IBS มักประกอบด้วย: • ตะคริว • อาการปวดท้อง • ท้องอืดและมีแก๊ส • อาการท้องผูก • ท้องเสีย • คลื่นไส้และอาเจียน • เหนื่อยล้าและอ่อนแรง • อารมณ์เปลี่ยนแปลง ซึมเศร้า และวิตกกังวล มีความแตกต่างบางอย่างระหว่างผู้หญิงและผู้ชายสำหรับIBS IBS ในผู้หญิง IBS มีแนวโน้มที่จะพบได้บ่อยในผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์ โดยมักจะมีอาการปวดท้องและท้องผูกมากกว่าผู้ชาย นอกจากนี้ยังอาจมีอาการมากขึ้นหรือแย่ลงในช่วงมีประจำเดือน IBS ในผู้ชาย อาการของ IBS ในเพศชายอาจเหมือนกับอาการในเพศหญิง แต่อาจเน้นไปที่อาการท้องเสียมากกว่าตามการวิจัย ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้ที่เป็นโรค IBS จะมีอาการท้องผูกและท้องร่วง อาการต่างๆ เช่น ท้องอืดและมีแก๊สมักจะหายไปหลังจากที่คุณถ่ายอุจจาระ อาการไม่ได้เกิดขึ้นถาวรเสมอไป พวกเขาสามารถแก้ไขได้ อาการปวด IBS อาจรู้สึกเหมือนเป็นตะคริว เย็นวูบวาบ เสียวซ่าน คุณจะมีประสบการณ์อย่างน้อย 2 อย่างต่อไปนี้: • บรรเทาอาการปวดเล็กน้อยหลังการถ่ายอุจจาระ • ความถี่ในการขับถ่ายเปลี่ยนแปลงไป • รูปลักษณ์ของอุจจาระเปลี่ยนแปลงไป กระบวนการทางกายภาพที่เกี่ยวข้องกับ IBS อาจแตกต่างกันไป แต่อาจประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้: • การเคลื่อนไหวของลำไส้ใหญ่ช้าลงหรือกระตุก ทำให้เกิดตะคริวอย่างเจ็บปวด • ระดับเซโรโทนินในลำไส้ใหญ่ผิดปกติ ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของลำไส้ สาเหตุของโรค สาเหตุที่เป็นไปได้ - ลำไส้ใหญ่หรือระบบภูมิคุ้มกันที่ไวเกินไปหลังการติดเชื้อเแบคทีเรียในทางเดินอาหาร - การรับประทานยาลดน้ำหนักอย่างต่อเนื่อง - การรับประทานสมุนไพรเพื่อการขับถ่ายอาทิ มะขามแขก น้ำมันละหุ่ง เป็นต้น - การได้รับยาปฏิชีวนะ - การได้รับยาบางชนิดเพื่อรักษาสภาวะทางการแพทย์เป็นระยะเวลานาน - การขาดเมือกในลำไส้ -การขาดจุลชีพฝั่งดีในลำไส้ - การเริ่มต้นมื้ออาหารด้วยรสเผ็ดและรสเปรี้ยว - ความเครียดเรื้อรัง ระบบประสาทของคุณควบคุมการเคลื่อนไหวอัตโนมัติหรือการเคลื่อนไหวของระบบย่อยอาหารในระดับที่สูงมาก ซึ่งหมายความว่าความเครียดส่งผลต่อเส้นประสาท ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานมากเกินไป หากคุณมี IBS ลำไส้ใหญ่ของคุณอาจตอบสนองต่อการหยุดชะงักของระบบย่อยอาหารมากเกินไป เชื่อกันว่า IBS ได้รับผลกระทบจากระบบภูมิคุ้มกันซึ่งก็ได้รับผลกระทบจากความเครียดเช่นกัน การวินิจฉัย แพทย์ของคุณอาจวินิจฉัย IBS ตามอาการของคุณได้ พวกเขายังอาจทำตามขั้นตอนต่อไปนี้อย่างน้อยหนึ่งขั้นตอนเพื่อแยกแยะสาเหตุที่เป็นไปได้อื่น ๆ ของอาการของคุณ: • กำหนดรูปแบบการรับประทานอาหารบางอย่างหรือหลีกเลี่ยงกลุ่มอาหารที่เฉพาะเจาะจงเป็นระยะเวลาหนึ่งเพื่อแยกแยะการแพ้อาหาร • สั่งการทดสอบตัวอย่างอุจจาระของคุณเพื่อขจัดการติดเชื้อ • สั่งการตรวจเลือดเพื่อตรวจหาภาวะโลหิตจางและขจัดโรคช่องท้อง • สั่งการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ โดยทั่วไปแพทย์ของคุณจะสั่งการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่เฉพาะในกรณีที่สงสัยว่ามีอาการลำไส้ใหญ่บวม โรคลำไส้อักเสบ (โรค Crohn และลำไส้ใหญ่อักเสบแบบเป็นแผล) หรือมะเร็งเป็นสาเหตุของอาการของคุณ อาหารอะไรบ้างที่กระตุ้นการเกิด IBS อาหารบางชนิดเป็นตัวกระตุ้นที่พบบ่อยสำหรับผู้ป่วย IBS อาหารเหล่านี้บางชนิดอาจส่งผลต่อคุณมากกว่าอาหารอื่นๆ การจดบันทึกรายการอาหารไว้สักพักเพื่อเรียนรู้ว่าอาหารชนิดใดที่กระตุ้นให้เกิดอาจช่วยได้ อาหารบางอย่างที่คุณอาจจำกัดหรือยกเว้น ได้แก่: • ถั่วทุกชนิดและทุกรูปแบบ • อาหารที่มีซอร์บิทอล แมนนิทอล หรือไซลิทอล • หัวหอม กระเทียม มะเขือ มะเขือเทศและผักที่มีรสเปรี้ยวหรือเผ็ด • ผลไม้ทุกชนิด • อาหารประเภทนม • เห็ดและยิสต์ การเยียวยาที่บ้าน การเยียวยาที่บ้านหรือการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตบางอย่างอาจช่วยบรรเทาอาการ IBS ของคุณได้โดยไม่ต้องใช้ยา ตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเหล่านี้ได้แก่: • มีส่วนร่วมในการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ • จำกัดการบริโภคเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเนื่องจากคาเฟอีนไปกระตุ้นลำไส้ • การลดความเครียด (การบำบัดด้วยการพูดคุย การฝึกสติ การสะกดจิต และการฝึกสมาธิ) • รับประทานโปรไบโอติก ( จุลินทรีย์ "ดี" ที่มักพบในลำไส้) เพื่อช่วยบรรเทาอาการท้องอืดและแก็ส • เพิ่มปริมาณการรับประทานอาหารที่มีเส้นใยอาหาร หรืออาหารเสริม • รับประทานอาหารให้ตรงเวลา เคี้ยวอาหารให้ละเอียดและรับประทานอย่างช้าๆ คุณอาจพบว่าการย่อยอาหารในปริมาณน้อยง่ายกว่าการรับประทานอาหารในปริมาณมาก • ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว (2 ลิตร) (เช่น น้ำเปล่า ชาสมุนไพร น้ำซุป) เพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำเพียงพอ • ลองรับประทานอาหาร ที่มี FODMAP ต่ำในระยะสั้นเพื่อช่วยระบุอาหารที่กระตุ้นอาการ FODMAP เป็นกลุ่มคาร์โบไฮเดรตเฉพาะที่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการในลำไส้ อาหารที่มี FODMAP สูง ได้แก่ แอปเปิล หัวหอม กระเทียม ข้าวสาลี แล็กโทส แอลกอฮอล์และน้ำตาล • เลือกผักที่ปรุงสุกแล้วมากกว่าผักดิบ • เลือกโปรตีนที่ย่อยง่าย เช่น ไข่ ไก่ ปลา และโยเกิร์ตธรรมดาที่ไม่มีแลคโตส • ปรุงอาหารที่มีไขมันต่ำ เช่น การอบ การคั่ว การนึ่งและการต้ม สามารถช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงอาการไม่สบายตัวได้เช่นกัน • หากคุณมีอาการท้องผูก ควรพิจารณารับประทานใยอาหาร บางประเภท เช่น กระเจี๊ยบเขียว มันสําปะหลัง และไซเลียม หลีกเลี่ยงรำข้าวสาลีและลูกพรุน ซึ่งเป็นใยอาหารที่ย่อยง่าย อาจทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ท้องอืดและปวดท้อง • จำกัด การรับประทานอาหารที่ทำให้เกิดแก๊สเช่น บร็อคโคลี กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี กะหล่ำบรัสเซลส์ หากผักหรือพืชเหล่านี้กระตุ้นให้คุณมีอาการ • จำกัดปริมาณ น้ำตาลแอลกอฮอล์และสารให้ความหวานเทียม เช่น ซอร์บิทอล แมนนิทอล ไซลิทอล มอลทิทอล และอีริทริทอล • หลีกเลี่ยงภาวะแพ้กลูเตนและโรคซีลิแอค บางคนอาจแพ้คาร์โบไฮเดรตในข้าวสาลี(กลูเตน) ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแนะนำ Paa vill Zyem Synbc K cal Butterfly Cr. Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำหน้าที่เคลียร์ลำไส้ แก้ท้องผูก
    ลดบวม ส่งฟรีภายในประเทศตลอดเดือนมกราคม
    ทำหน้าที่เคลียร์ลำไส้ แก้ท้องผูก ลดบวม ส่งฟรีภายในประเทศตลอดเดือนมกราคม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • #แก็สในทางเดินอาหาร

    แก็สในระบบทางเดินอาหารทำหัวใจเต้นผิดปกติและรู้สึกวิงเวียน :
    แรงดันของแก๊สในลำไส้และหลอดเลือดทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายและรู้สึกคลื่นไส้ ภาวะที่รุนแรงอาจส่งผลให้มีความดันโลหิตสูงและแพทย์มักวินิจฉัยผิดพลาด จากนั้นพวกเขาจะกำหนดการใช้ยาที่เกี่ยวข้องกับปัญหาหัวใจแต่ยาพวกนั้นในท้ายที่สุดก็ทำลายกระเพาะอาหารได้อีก

    -อาการปวดรอบหัวใจ
    -อาการปวดหัวหน้าและศีรษะบริเวณหน้าผาก
    -รู้สึกอยากอาเจียน
    -อาการขนลุก มือเท้าเย็นและเหงื่อออกตามฝ่ามือและฝ่าเท้า
    -ความจำเริ่มลดลงจากการขาดสารอาหาร
    -นอนไม่หลับเนื่องจากการขาดสารสื่อประสาท
    -กระวนกระวาย
    -ปวดเมื่อย
    -อ่อนแรง
    -ขาดสมาธิ
    -หยุดหงิด ขี้โมโห
    -ควบคุมอารมณ์ไม่ได้
    -มองโลกในแง่ลบ

    นี่คือบางส่วนของสาเหตุของการเกิดแก็สในกระเพาะอาหาร:
    -นิสัยการกินน้ำจำนวนมากก่อนอาหาร ระหว่างมื้ออาหารและหลังอาหาร
    -ปรุงอาหารผิดวิธี : ผักสดมีเอ็นไซม์เป็นจำนวนมากและเมื่อนำไปปรุงสุกจะย่อยได้ยากกว่าผักสดและก่อให้เกิดแก็สในระบบทางเดินอาหารได้ในรายที่มีการย่อยผิดปกติ
    -กินอาหารที่เน่าเสีย
    -เคี้ยวอาหารอย่างไม่ถูกต้อง : การกินอาหารในอัตราที่รวดเร็ว การพูดและการหัวเราะในขณะที่รับประทานอาหารทำให้อากาศเคลื่อนที่เข้าไปในกระเพาะอาหาร

    -การกินอาหารที่ไม่เป็นไปตามลำดับของการย่อย : ผักสดใช้เวลาในการย่อยราว 20 นาที แป้ง ข้าว ใช้เวลาในการย่อยราว 30 นาทีและโปรตีนใช้เวลาในการย่อยราว 40 นาที่ การกินอาหารที่ใช้เวลาในการย่อยนานกว่าลงไปเป็นลำดับแรกจะทำให้เกิดการหมักหมกของอาหารที่ย่อยง่ายกว่าจนก่อให้แก็สในระบบทางเดินอาหาร

    -เอนไซม์ในกระเพาะอาหารและต่อมจะไม่ทำงานตามปกติหากคุณ..หดหู่ เครียดหรือโกรธในระหว่างมื้ออาหารของคุณ สิ่งนี้อาจทำให้แก๊สในกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหารเกี่ยวข้องโดยตรงกับสมอง จิตใจที่หดหู่จะส่งผลให้เกิดแรงกระตุ้นที่ไม่เหมาะสมจากสมอง การสร้างเอนไซม์และสารเคมีอื่น ๆ ก็จะผิดพลาดตามไปด้วย นอกจากนี้การดูโทรทัศน์ในขณะที่คุณกินอาหารยังสร้างแก๊สในกระเพาะอาหารไอ้อีกด้วย
    -การดื่มชามากเกินไปยังส่งผลต่อกระเพาะอาหาร
    -แอลกอฮอล์ทำลายหน้าที่ของตับและส่งผลต่อการย่อยในกระเพาะอาหาร
    -นอนหลังอาหารทันทีหรือกินอาหารตอนดึกก็เป็นสาเหตุให้เกิดแก๊ส
    -ผู้ป่วยไทฟอยด์และเกาต์ก็เป็นสาเหตุของการเกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร
    -ท้องผูก ยังพบว่าเป็นตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารและลำไส้
    -การกินอาหารที่มีน้ำมันมาก ๆ อาหารรสเผ็ด ขนมหวาน ผลไม้หวาน เบเกอรี่ อาหารค้างคืน อาหารแช่เย็น อาหารเหล่านี้มีส่วนร่วมในการก่อแก๊สในกระเพาะอาหาร
    -คนชรามีแนวโน้มที่จะมีแก๊สในกระเพาะอาหารมากที่สุดเนื่องจากการสร้างเอ็นไซม์จะเริ่มลดลงเมื่ออายุได้ 35 ปี
    -ผู้ที่มีโรคที่เกี่ยวกับลำไส้ใหญ่และผู้ป่วยที่มีอาการท้องร่วงหรืออุจจาระบ่อยในแต่ละวันมักประสบปัญหาแก็สในกระเพาะอาหารเป็นประจำ
    -อาหารที่มีแป้งสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าวและถั่วลันเตาทำให้เกิดก๊าซในกระเพาะอาหาร
    -น้ำตาลแลคโตส..เป็นที่รู้จักกันว่าทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร : นม ธัญพืช ไอศกรีมและเบเกอรี่มีส่วนประกอบของแลคโตสเป็นจำนวนมาก ในบางคนไม่มีเอนไซม์ lactase อย่างเพียงพอจะย่อยแลคโตสไม่สมบูรณ์ จากนั้นอาหารที่ไม่ได้รับการย่อยจะเคลื่อนย้ายไปยังลำไส้ใหญ่ ที่ซึ่งแบคทีเรียที่เป็นอันตรายจะทำการสลายสารอาหารและปล่อยแก๊สเช่น ไฮโดรเจน ไนโตรเจนและคาร์บอนไดออกไซด์
    อาหารที่ก่อให้เกิดแก๊สในคน ๆ หนึ่งอาจไม่ก่อให้เกิดแก็สในคนอื่น ๆ เนื่องจากความสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ที่แตกต่างกัน อาทิเช่นไฮโดรเจนที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งก็สามารถถูกทำลายได้โดยแบคทีเรียอีกชนิดหนึ่งได้ ปริมาณแบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้ใหญ่เป็นปัจจัยในการกำหนดแก๊สในกระเพาะอาหาร บางครั้งแบคทีเรียที่เป็นอันตรายเหล่านี้ลุกลามเข้าไปในลำไส้เล็กซึ่งพวกเขาเริ่มย่อยอาหารด้วยตัวของพวกเขาเองแทนการทำงานของลำไส้เล็ก และผลจากการกระทำของพวกเขาส่งผลให้เกิดการผลิตแก็สเช่นไฮโดรเจน

    ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง

    Cr. Santi Manadee
    #แก็สในทางเดินอาหาร แก็สในระบบทางเดินอาหารทำหัวใจเต้นผิดปกติและรู้สึกวิงเวียน : แรงดันของแก๊สในลำไส้และหลอดเลือดทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายและรู้สึกคลื่นไส้ ภาวะที่รุนแรงอาจส่งผลให้มีความดันโลหิตสูงและแพทย์มักวินิจฉัยผิดพลาด จากนั้นพวกเขาจะกำหนดการใช้ยาที่เกี่ยวข้องกับปัญหาหัวใจแต่ยาพวกนั้นในท้ายที่สุดก็ทำลายกระเพาะอาหารได้อีก -อาการปวดรอบหัวใจ -อาการปวดหัวหน้าและศีรษะบริเวณหน้าผาก -รู้สึกอยากอาเจียน -อาการขนลุก มือเท้าเย็นและเหงื่อออกตามฝ่ามือและฝ่าเท้า -ความจำเริ่มลดลงจากการขาดสารอาหาร -นอนไม่หลับเนื่องจากการขาดสารสื่อประสาท -กระวนกระวาย -ปวดเมื่อย -อ่อนแรง -ขาดสมาธิ -หยุดหงิด ขี้โมโห -ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ -มองโลกในแง่ลบ นี่คือบางส่วนของสาเหตุของการเกิดแก็สในกระเพาะอาหาร: -นิสัยการกินน้ำจำนวนมากก่อนอาหาร ระหว่างมื้ออาหารและหลังอาหาร -ปรุงอาหารผิดวิธี : ผักสดมีเอ็นไซม์เป็นจำนวนมากและเมื่อนำไปปรุงสุกจะย่อยได้ยากกว่าผักสดและก่อให้เกิดแก็สในระบบทางเดินอาหารได้ในรายที่มีการย่อยผิดปกติ -กินอาหารที่เน่าเสีย -เคี้ยวอาหารอย่างไม่ถูกต้อง : การกินอาหารในอัตราที่รวดเร็ว การพูดและการหัวเราะในขณะที่รับประทานอาหารทำให้อากาศเคลื่อนที่เข้าไปในกระเพาะอาหาร -การกินอาหารที่ไม่เป็นไปตามลำดับของการย่อย : ผักสดใช้เวลาในการย่อยราว 20 นาที แป้ง ข้าว ใช้เวลาในการย่อยราว 30 นาทีและโปรตีนใช้เวลาในการย่อยราว 40 นาที่ การกินอาหารที่ใช้เวลาในการย่อยนานกว่าลงไปเป็นลำดับแรกจะทำให้เกิดการหมักหมกของอาหารที่ย่อยง่ายกว่าจนก่อให้แก็สในระบบทางเดินอาหาร -เอนไซม์ในกระเพาะอาหารและต่อมจะไม่ทำงานตามปกติหากคุณ..หดหู่ เครียดหรือโกรธในระหว่างมื้ออาหารของคุณ สิ่งนี้อาจทำให้แก๊สในกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหารเกี่ยวข้องโดยตรงกับสมอง จิตใจที่หดหู่จะส่งผลให้เกิดแรงกระตุ้นที่ไม่เหมาะสมจากสมอง การสร้างเอนไซม์และสารเคมีอื่น ๆ ก็จะผิดพลาดตามไปด้วย นอกจากนี้การดูโทรทัศน์ในขณะที่คุณกินอาหารยังสร้างแก๊สในกระเพาะอาหารไอ้อีกด้วย -การดื่มชามากเกินไปยังส่งผลต่อกระเพาะอาหาร -แอลกอฮอล์ทำลายหน้าที่ของตับและส่งผลต่อการย่อยในกระเพาะอาหาร -นอนหลังอาหารทันทีหรือกินอาหารตอนดึกก็เป็นสาเหตุให้เกิดแก๊ส -ผู้ป่วยไทฟอยด์และเกาต์ก็เป็นสาเหตุของการเกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร -ท้องผูก ยังพบว่าเป็นตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารและลำไส้ -การกินอาหารที่มีน้ำมันมาก ๆ อาหารรสเผ็ด ขนมหวาน ผลไม้หวาน เบเกอรี่ อาหารค้างคืน อาหารแช่เย็น อาหารเหล่านี้มีส่วนร่วมในการก่อแก๊สในกระเพาะอาหาร -คนชรามีแนวโน้มที่จะมีแก๊สในกระเพาะอาหารมากที่สุดเนื่องจากการสร้างเอ็นไซม์จะเริ่มลดลงเมื่ออายุได้ 35 ปี -ผู้ที่มีโรคที่เกี่ยวกับลำไส้ใหญ่และผู้ป่วยที่มีอาการท้องร่วงหรืออุจจาระบ่อยในแต่ละวันมักประสบปัญหาแก็สในกระเพาะอาหารเป็นประจำ -อาหารที่มีแป้งสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าวและถั่วลันเตาทำให้เกิดก๊าซในกระเพาะอาหาร -น้ำตาลแลคโตส..เป็นที่รู้จักกันว่าทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร : นม ธัญพืช ไอศกรีมและเบเกอรี่มีส่วนประกอบของแลคโตสเป็นจำนวนมาก ในบางคนไม่มีเอนไซม์ lactase อย่างเพียงพอจะย่อยแลคโตสไม่สมบูรณ์ จากนั้นอาหารที่ไม่ได้รับการย่อยจะเคลื่อนย้ายไปยังลำไส้ใหญ่ ที่ซึ่งแบคทีเรียที่เป็นอันตรายจะทำการสลายสารอาหารและปล่อยแก๊สเช่น ไฮโดรเจน ไนโตรเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ อาหารที่ก่อให้เกิดแก๊สในคน ๆ หนึ่งอาจไม่ก่อให้เกิดแก็สในคนอื่น ๆ เนื่องจากความสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ที่แตกต่างกัน อาทิเช่นไฮโดรเจนที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งก็สามารถถูกทำลายได้โดยแบคทีเรียอีกชนิดหนึ่งได้ ปริมาณแบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้ใหญ่เป็นปัจจัยในการกำหนดแก๊สในกระเพาะอาหาร บางครั้งแบคทีเรียที่เป็นอันตรายเหล่านี้ลุกลามเข้าไปในลำไส้เล็กซึ่งพวกเขาเริ่มย่อยอาหารด้วยตัวของพวกเขาเองแทนการทำงานของลำไส้เล็ก และผลจากการกระทำของพวกเขาส่งผลให้เกิดการผลิตแก็สเช่นไฮโดรเจน ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง Cr. Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 332 มุมมอง 0 รีวิว
  • 14/1/68

    ซุปเปอร์ฟู้ด! 5 ธัญพืชคุณค่าโภชนาการใยอาหารสูง มีส่วนช่วยควบคุมน้ำหนัก

    ซุปเปอร์ฟู้ด (Superfood) อาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพในปริมาณสูงเมื่อเทียบกับปริมาณที่บริโภค โดยซุปเปอร์ฟู้ดมักจะช่วยบำรุงร่างกาย เสริมภูมิคุ้มกัน และลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่าง ๆ วันนี้อยากให้ทุกคนรู้จักธัญพืชที่เป็นซุปเปอร์ฟู้ด หาซื้อง่าย ดีต่อสุขภาพ ช่วยให้ไฟเบอร์ช่วยเรื่องการขับถ่าย รักษาสมดุลสุขภาพ
    5 ธัญพืชซุปเปอร์ฟู้ด

    1.เมล็ดเจีย (Chia Seeds)
    ข้อมูลการศึกษาวิจัยพบว่าในเมล็ดเจียมีกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว โอเมก้า-3 อยู่ร้อยละ 62.48

    และมีกรดไลโนเลอิก (linoleic acid : LA) หรือโอเมก้า-6 อยู่ร้อยละ 22.43 ของกรดไขมันทั้งหมดในเมล็ดเจีย นอกจากนี้ยังมี แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกเนเซียม และสารต้านอนุมูลอิสระ อีกด้วย ในกระแสช่วงนี้มีผู้นิยมบริโภคเมล็ดเจียเพื่อลดน้ำหนักซึ่งจากการศึกษาวิจัยทางคลินิก พบว่าการรับประทานเมล็ดเจียขนาด 35 - 40 ก./วัน สามารถลดความระดับความดันโลหิต ระดับน้ำตาล ระดับไขมันในเลือด และลดน้ำหนักได้ แต่การศึกษายังมีไม่มากพอที่จะสรุปได้อย่างชัดเจน

    2.ควินัว (Quinoa)
    มีโปรตีนสูง ที่มีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน เช่น เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูงที่มีกรดอะมิโนจำเป็นครบทั้ง 9 ชนิด มีแร่ธาตุสำคัญและอุดมไปด้วยวิตามิน ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวานหรือผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก มีใยอาหารสูง
    นอกจากนี้ ควินัวเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่แพ้กลูเตนหรือผู้ที่ต้องการลดการบริโภคกลูเตน มีไขมันชนิดดี เช่น กรดไขมันโอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 ที่ช่วยเสริมสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังและช่วยควบคุมน้ำหนักด้วย

    3.เมล็ดแฟลกซ์ (Flaxseeds)
    แหล่งของลิกแนน (สารต้านอนุมูลอิสระ)กรดไขมันโอเมก้า 3 ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล LDL (คอเลสเตอรอลไม่ดี) มีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำและไม่ละลายน้ำช่วยปรับสมดุลระบบย่อยอาหาร อาจช่วยลดความเสี่ยง มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ และมะเร็งต่อมลูกหมาก

    4.ลูกเดือย (Job’s Tears)
    จัดเป็นธัญพืชที่มีคุณค่าทางอาหารสูง เพราะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับร่างกาย นอกจากนี้ยังมีกรดอะมิโนหลายชนิดที่สูงกว่าความต้องตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก เช่น กรดกลูตามิก ลิวซีน อะลานีน โปรลีน วาลีน ฟินิลอะลานีน ไอโซลิวซีน อาร์จีนีน เป็นต้น และยังมีกรดไขมันจำเป็นชนิดที่ไม่อิ่มตัว อย่างเช่น กรดลิโนเลอิก กรดโอเลอิก และกรดไขมันชนิดอิ่มตัว อย่างเช่น ปาลมิติกและสเตียริก อีกด้วย ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส ช่วยบำรุงสายตา
    แหล่งอาหารที่ควรกินหลังออกกำลังกาย พลังงาน-คาร์บ-โปรตีน เสริมครบสุขภาพแข็งแรง

    5.ข้าวกล้อง (Brown Rice)

    ส่งผลดีต่อลูกน้อยในครรภ์และสุขภาพคุณแม่มากมาย ถือเป็นหนึ่งในอาหารกลุ่มให้พลังงาน ข้าวกล้องเป็นข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี เมื่อรับประทานข้าวกล้องเป็นประจำ จะช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ป้องกันการเกิดปากนกกระจอก เนื่องจากมีวิตามินบี 2บรรเทาอาการอ่อนเพลีย มีธาตุเหล็กมากเป็น 2 เท่า ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง มีแคลเซียมจำเป็นที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับ ช่วยให้กระดูกแข็งแรง และยังช่วยป้องกันการเกิดตะคริว ซึ่งคุณแม่ตั้งครรภ์กว่า 90% ต้องเผชิญมีไขมันที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย ในข้าวกล้องเป็นไขมันดีที่ไม่มีคอเลสเตอรอล (Cholesterol)มีเส้นใยอาหาร ซึ่งช่วยในเรื่องของอาการท้องผูกและมะเร็งลำไส้ มีโปรตีนมากกว่า 20-30% ช่วยเสริมสร้างร่างกาย ซ่อมแซมเซลล์ส่วนที่สึกหรอ แป้งมีน้อยกว่าข้าวขาว ช่วยลดความอ้วน ส่วนคนที่ผอมก็แข็งแรงยิ่งขึ้น
    อย่างไรก็ตามควรเลือกกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในสัดส่วนไม่มากไปไม่น้อยไป ในผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือ แพ้อาหาร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
    ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพบาบาลพญาไท พหลโยธิน,medthai และ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
    แหล่งอาหารที่ควรกินหลังออกกำลังกาย พลังงาน-คาร์บ-โปรตีน เสริมครบสุขภาพแข็งแรง
    14/1/68 ซุปเปอร์ฟู้ด! 5 ธัญพืชคุณค่าโภชนาการใยอาหารสูง มีส่วนช่วยควบคุมน้ำหนัก ซุปเปอร์ฟู้ด (Superfood) อาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพในปริมาณสูงเมื่อเทียบกับปริมาณที่บริโภค โดยซุปเปอร์ฟู้ดมักจะช่วยบำรุงร่างกาย เสริมภูมิคุ้มกัน และลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่าง ๆ วันนี้อยากให้ทุกคนรู้จักธัญพืชที่เป็นซุปเปอร์ฟู้ด หาซื้อง่าย ดีต่อสุขภาพ ช่วยให้ไฟเบอร์ช่วยเรื่องการขับถ่าย รักษาสมดุลสุขภาพ 5 ธัญพืชซุปเปอร์ฟู้ด 1.เมล็ดเจีย (Chia Seeds) ข้อมูลการศึกษาวิจัยพบว่าในเมล็ดเจียมีกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว โอเมก้า-3 อยู่ร้อยละ 62.48 และมีกรดไลโนเลอิก (linoleic acid : LA) หรือโอเมก้า-6 อยู่ร้อยละ 22.43 ของกรดไขมันทั้งหมดในเมล็ดเจีย นอกจากนี้ยังมี แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกเนเซียม และสารต้านอนุมูลอิสระ อีกด้วย ในกระแสช่วงนี้มีผู้นิยมบริโภคเมล็ดเจียเพื่อลดน้ำหนักซึ่งจากการศึกษาวิจัยทางคลินิก พบว่าการรับประทานเมล็ดเจียขนาด 35 - 40 ก./วัน สามารถลดความระดับความดันโลหิต ระดับน้ำตาล ระดับไขมันในเลือด และลดน้ำหนักได้ แต่การศึกษายังมีไม่มากพอที่จะสรุปได้อย่างชัดเจน 2.ควินัว (Quinoa) มีโปรตีนสูง ที่มีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน เช่น เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูงที่มีกรดอะมิโนจำเป็นครบทั้ง 9 ชนิด มีแร่ธาตุสำคัญและอุดมไปด้วยวิตามิน ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวานหรือผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก มีใยอาหารสูง นอกจากนี้ ควินัวเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่แพ้กลูเตนหรือผู้ที่ต้องการลดการบริโภคกลูเตน มีไขมันชนิดดี เช่น กรดไขมันโอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 ที่ช่วยเสริมสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังและช่วยควบคุมน้ำหนักด้วย 3.เมล็ดแฟลกซ์ (Flaxseeds) แหล่งของลิกแนน (สารต้านอนุมูลอิสระ)กรดไขมันโอเมก้า 3 ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล LDL (คอเลสเตอรอลไม่ดี) มีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำและไม่ละลายน้ำช่วยปรับสมดุลระบบย่อยอาหาร อาจช่วยลดความเสี่ยง มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ และมะเร็งต่อมลูกหมาก 4.ลูกเดือย (Job’s Tears) จัดเป็นธัญพืชที่มีคุณค่าทางอาหารสูง เพราะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับร่างกาย นอกจากนี้ยังมีกรดอะมิโนหลายชนิดที่สูงกว่าความต้องตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก เช่น กรดกลูตามิก ลิวซีน อะลานีน โปรลีน วาลีน ฟินิลอะลานีน ไอโซลิวซีน อาร์จีนีน เป็นต้น และยังมีกรดไขมันจำเป็นชนิดที่ไม่อิ่มตัว อย่างเช่น กรดลิโนเลอิก กรดโอเลอิก และกรดไขมันชนิดอิ่มตัว อย่างเช่น ปาลมิติกและสเตียริก อีกด้วย ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส ช่วยบำรุงสายตา แหล่งอาหารที่ควรกินหลังออกกำลังกาย พลังงาน-คาร์บ-โปรตีน เสริมครบสุขภาพแข็งแรง 5.ข้าวกล้อง (Brown Rice) ส่งผลดีต่อลูกน้อยในครรภ์และสุขภาพคุณแม่มากมาย ถือเป็นหนึ่งในอาหารกลุ่มให้พลังงาน ข้าวกล้องเป็นข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี เมื่อรับประทานข้าวกล้องเป็นประจำ จะช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ป้องกันการเกิดปากนกกระจอก เนื่องจากมีวิตามินบี 2บรรเทาอาการอ่อนเพลีย มีธาตุเหล็กมากเป็น 2 เท่า ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง มีแคลเซียมจำเป็นที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับ ช่วยให้กระดูกแข็งแรง และยังช่วยป้องกันการเกิดตะคริว ซึ่งคุณแม่ตั้งครรภ์กว่า 90% ต้องเผชิญมีไขมันที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย ในข้าวกล้องเป็นไขมันดีที่ไม่มีคอเลสเตอรอล (Cholesterol)มีเส้นใยอาหาร ซึ่งช่วยในเรื่องของอาการท้องผูกและมะเร็งลำไส้ มีโปรตีนมากกว่า 20-30% ช่วยเสริมสร้างร่างกาย ซ่อมแซมเซลล์ส่วนที่สึกหรอ แป้งมีน้อยกว่าข้าวขาว ช่วยลดความอ้วน ส่วนคนที่ผอมก็แข็งแรงยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามควรเลือกกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในสัดส่วนไม่มากไปไม่น้อยไป ในผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือ แพ้อาหาร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพบาบาลพญาไท พหลโยธิน,medthai และ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล แหล่งอาหารที่ควรกินหลังออกกำลังกาย พลังงาน-คาร์บ-โปรตีน เสริมครบสุขภาพแข็งแรง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 432 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประตูเปิดทางทิศตะวันตก

    เดือนนี้ จะสร้างความเสียหายให้แก่ลูกหลานและบริวาร ทำให้ถูกฟ้องร้องฟ้องศาลเกิดคดีความติดตัววุ่นวาย เป็นเพราะการคุยโม้โอ้อวดใหญ่อวดโต ทั้งตั้งตนเองเป็นใหญ่ทั้งเอาแต่ใจตนเอง คิดการใหญ่เกิดตัว การกระทำเกินเลยปกติจนผู้คนรอบข้างถอยห่างให้ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวพาลให้เกิดวิตกอย่างสิ้นหวัง เป็นเหตุให้เกิดโรคภัยแปลกๆบ้าจนประสาทเครียด เนื้องอก มะเร็ง โรคระบบภายใน ผมร่วง ท้องผูก ร้อนใน หากป่วยหนักจักสูญเสียถูกพลัดพรากด้วยการตายจากเสียชีวิตอย่างผิดปกติเป็นผลให้เป็นม่าย จะประสบหายนะจากโศกนาฏกรรมอย่างร้ายแรง ภัยที่เกิดจากดิน พื้นดินหินแยกถล่ม เกิดอุบัติเหตุเภทภัยให้ต้องเสียเลือดเนื้อบาดเจ็บแบบคาดไม่ถึง

    เสริมความมงคล : กระดิ่งลมโลหะ 4/9 เส้น
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ประตูเปิดทางทิศตะวันตก เดือนนี้ จะสร้างความเสียหายให้แก่ลูกหลานและบริวาร ทำให้ถูกฟ้องร้องฟ้องศาลเกิดคดีความติดตัววุ่นวาย เป็นเพราะการคุยโม้โอ้อวดใหญ่อวดโต ทั้งตั้งตนเองเป็นใหญ่ทั้งเอาแต่ใจตนเอง คิดการใหญ่เกิดตัว การกระทำเกินเลยปกติจนผู้คนรอบข้างถอยห่างให้ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวพาลให้เกิดวิตกอย่างสิ้นหวัง เป็นเหตุให้เกิดโรคภัยแปลกๆบ้าจนประสาทเครียด เนื้องอก มะเร็ง โรคระบบภายใน ผมร่วง ท้องผูก ร้อนใน หากป่วยหนักจักสูญเสียถูกพลัดพรากด้วยการตายจากเสียชีวิตอย่างผิดปกติเป็นผลให้เป็นม่าย จะประสบหายนะจากโศกนาฏกรรมอย่างร้ายแรง ภัยที่เกิดจากดิน พื้นดินหินแยกถล่ม เกิดอุบัติเหตุเภทภัยให้ต้องเสียเลือดเนื้อบาดเจ็บแบบคาดไม่ถึง เสริมความมงคล : กระดิ่งลมโลหะ 4/9 เส้น ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ 🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 280 มุมมอง 0 รีวิว
  • "Verri Pineapple Vinegar: สุขภาพดีเริ่มต้นที่การย่อย ด้วยน้ำส้มสายชูหมักจากสับปะรดภูแล 100% 🍍"

    🔬 ทำความรู้จักกับ Verri: นวัตกรรมเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพจากธรรมชาติ 100% 🍍

    ในยุคที่เราต้องการลดการพึ่งพายา การหันมาใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ Verri คือคำตอบสำหรับผู้ที่ต้องการลดการใช้ยาลดกรดโดยไม่ทิ้งประสิทธิภาพ

    🤔 ทำไมต้อง Verri?
    1️⃣ กระบวนการผลิตสุดพิเศษ:
    - ไร้สารเคมี หมักตามธรรมชาติ 100% ได้น้ำส้มสายชูสับปะรดที่สมบูรณ์
    - มีปริมาณกรดอะซิติคที่เป็นประโยชน์ 5% เหมาะสมที่สุดสำหรับร่างกาย
    - มีตะกอน "mother" ซึ่งเป็นเครื่องหมายรับรองความเป็นน้ำส้มสายชูหมักแท้ 💯

    2️⃣ รสชาติและกลิ่นที่น่าดื่ม:
    - กลิ่นหอมจากสับปะรดภูแลแท้
    - ดื่มง่าย ไม่แสบคอเหมือนน้ำส้มสายชูหมักทั่วไป

    3️⃣ ประโยชน์ที่คุณจะได้รับ:
    ✅ ลดอาการกรดไหลย้อนและลมในกระเพาะ ตั้งแต่แก้วแรก!
    ✅ ช่วยระบบขับถ่าย ล้างลำไส้ แก้ปัญหาท้องผูก
    ✅ ลดความเมื่อยล้า ตื่นมาสดชื่นทุกวัน
    ✅ ช่วยลดน้ำหนัก เพิ่มการเผาผลาญ
    ✅ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
    ✅ ปรับสมดุล pH ในร่างกาย

    🧪 กลไกการทำงาน:
    Verri อุดมไปด้วยเอนไซม์และสารอาหารจากสับปะรด ช่วยปรับสมดุลกรด-ด่างในกระเพาะอาหาร ส่งเสริมการย่อยอาหาร และลดอาการระคายเคืองของกระเพาะ

    วิธีดื่ม Verri:
    1️⃣ ผสม Verri 1 ช้อนโต๊ะในน้ำ 1 แก้ว
    2️⃣ ดื่มหลังอาหารเช้าหรือเย็น
    3️⃣ ทำต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

    🎉 โปรโมชั่นพิเศษ! 🎉
    🔹 1 ขวด (500 ml) ใช้ได้ 33 วัน: จาก 420 บาท เหลือเพียง 390 บาท!
    🔹🔹 2 ขวด สุดคุ้ม: จาก 840 บาท เหลือเพียง 690 บาท (345 บาท/ขวด)
    📦 ส่งฟรี! เก็บเงินปลายทางได้ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

    🚀 พร้อมเปลี่ยนวิถีการดูแลสุขภาพของคุณแล้วหรือยัง? สั่ง Verri วันนี้ เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีกว่า!!!

    📞 สั่งซื้อหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:
    โทร: 064-9924168
    Line ID: 0649924168

    #VerriPineappleVinegar #สุขภาพกระเพาะ #ลดกรดธรรมชาติ #อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ #สับปะรดเชียงราย #ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค #น้ำส้มสายชูหมัก #ลดกรดไหลย้อน #ท้องอืดท้องเฟ้อ #สมุนไพรเพื่อสุขภาพ #ควบคุมน้ำหนัก #detox #ระบบย่อยอาหาร #healthylifestyle #naturalremedies
    "Verri Pineapple Vinegar: สุขภาพดีเริ่มต้นที่การย่อย ด้วยน้ำส้มสายชูหมักจากสับปะรดภูแล 100% 🍍" 🔬 ทำความรู้จักกับ Verri: นวัตกรรมเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพจากธรรมชาติ 100% 🍍 ในยุคที่เราต้องการลดการพึ่งพายา การหันมาใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ Verri คือคำตอบสำหรับผู้ที่ต้องการลดการใช้ยาลดกรดโดยไม่ทิ้งประสิทธิภาพ 🤔 ทำไมต้อง Verri? 1️⃣ กระบวนการผลิตสุดพิเศษ: - ไร้สารเคมี หมักตามธรรมชาติ 100% ได้น้ำส้มสายชูสับปะรดที่สมบูรณ์ - มีปริมาณกรดอะซิติคที่เป็นประโยชน์ 5% เหมาะสมที่สุดสำหรับร่างกาย - มีตะกอน "mother" ซึ่งเป็นเครื่องหมายรับรองความเป็นน้ำส้มสายชูหมักแท้ 💯 2️⃣ รสชาติและกลิ่นที่น่าดื่ม: - กลิ่นหอมจากสับปะรดภูแลแท้ - ดื่มง่าย ไม่แสบคอเหมือนน้ำส้มสายชูหมักทั่วไป 3️⃣ ประโยชน์ที่คุณจะได้รับ: ✅ ลดอาการกรดไหลย้อนและลมในกระเพาะ ตั้งแต่แก้วแรก! ✅ ช่วยระบบขับถ่าย ล้างลำไส้ แก้ปัญหาท้องผูก ✅ ลดความเมื่อยล้า ตื่นมาสดชื่นทุกวัน ✅ ช่วยลดน้ำหนัก เพิ่มการเผาผลาญ ✅ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ✅ ปรับสมดุล pH ในร่างกาย 🧪 กลไกการทำงาน: Verri อุดมไปด้วยเอนไซม์และสารอาหารจากสับปะรด ช่วยปรับสมดุลกรด-ด่างในกระเพาะอาหาร ส่งเสริมการย่อยอาหาร และลดอาการระคายเคืองของกระเพาะ วิธีดื่ม Verri: 1️⃣ ผสม Verri 1 ช้อนโต๊ะในน้ำ 1 แก้ว 2️⃣ ดื่มหลังอาหารเช้าหรือเย็น 3️⃣ ทำต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด 🎉 โปรโมชั่นพิเศษ! 🎉 🔹 1 ขวด (500 ml) ใช้ได้ 33 วัน: จาก 420 บาท เหลือเพียง 390 บาท! 🔹🔹 2 ขวด สุดคุ้ม: จาก 840 บาท เหลือเพียง 690 บาท (345 บาท/ขวด) 📦 ส่งฟรี! เก็บเงินปลายทางได้ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 🚀 พร้อมเปลี่ยนวิถีการดูแลสุขภาพของคุณแล้วหรือยัง? สั่ง Verri วันนี้ เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีกว่า!!! 📞 สั่งซื้อหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: โทร: 064-9924168 Line ID: 0649924168 #VerriPineappleVinegar #สุขภาพกระเพาะ #ลดกรดธรรมชาติ #อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ #สับปะรดเชียงราย #ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค #น้ำส้มสายชูหมัก #ลดกรดไหลย้อน #ท้องอืดท้องเฟ้อ #สมุนไพรเพื่อสุขภาพ #ควบคุมน้ำหนัก #detox #ระบบย่อยอาหาร #healthylifestyle #naturalremedies
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 672 มุมมอง 0 รีวิว
  • "Verri Pineapple Vinegar: สุขภาพดีเริ่มต้นที่การย่อย ด้วยน้ำส้มสายชูหมักจากสับปะรดภูแล 100% 🍍"

    🔬 ทำความรู้จักกับ Verri: นวัตกรรมเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพจากธรรมชาติ 100% 🍍

    ในยุคที่เราต้องการลดการพึ่งพายา การหันมาใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ Verri คือคำตอบสำหรับผู้ที่ต้องการลดการใช้ยาลดกรดโดยไม่ทิ้งประสิทธิภาพ

    🤔 ทำไมต้อง Verri?
    1️⃣ กระบวนการผลิตสุดพิเศษ:
    - ไร้สารเคมี หมักตามธรรมชาติ 100% ได้น้ำส้มสายชูสับปะรดที่สมบูรณ์
    - มีปริมาณกรดอะซิติคที่เป็นประโยชน์ 5% เหมาะสมที่สุดสำหรับร่างกาย
    - มีตะกอน "mother" ซึ่งเป็นเครื่องหมายรับรองความเป็นน้ำส้มสายชูหมักแท้ 💯

    2️⃣ รสชาติและกลิ่นที่น่าดื่ม:
    - กลิ่นหอมจากสับปะรดภูแลแท้
    - ดื่มง่าย ไม่แสบคอเหมือนน้ำส้มสายชูหมักทั่วไป

    3️⃣ ประโยชน์ที่คุณจะได้รับ:
    ✅ ลดอาการกรดไหลย้อนและลมในกระเพาะ ตั้งแต่แก้วแรก!
    ✅ ช่วยระบบขับถ่าย ล้างลำไส้ แก้ปัญหาท้องผูก
    ✅ ลดความเมื่อยล้า ตื่นมาสดชื่นทุกวัน
    ✅ ช่วยลดน้ำหนัก เพิ่มการเผาผลาญ
    ✅ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
    ✅ ปรับสมดุล pH ในร่างกาย

    🧪 กลไกการทำงาน:
    Verri อุดมไปด้วยเอนไซม์และสารอาหารจากสับปะรด ช่วยปรับสมดุลกรด-ด่างในกระเพาะอาหาร ส่งเสริมการย่อยอาหาร และลดอาการระคายเคืองของกระเพาะ

    วิธีดื่ม Verri:
    1️⃣ ผสม Verri 1 ช้อนโต๊ะในน้ำ 1 แก้ว
    2️⃣ ดื่มหลังอาหารเช้าหรือเย็น
    3️⃣ ทำต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

    🎉 โปรโมชั่นพิเศษ! 🎉
    🔹 1 ขวด (500 ml) ใช้ได้ 33 วัน: จาก 420 บาท เหลือเพียง 390 บาท!
    🔹🔹 2 ขวด สุดคุ้ม: จาก 840 บาท เหลือเพียง 690 บาท (345 บาท/ขวด)
    📦 ส่งฟรี! เก็บเงินปลายทางได้ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

    🚀 พร้อมเปลี่ยนวิถีการดูแลสุขภาพของคุณแล้วหรือยัง? สั่ง Verri วันนี้ เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีกว่า!!!

    📞 สั่งซื้อหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:
    โทร: 064-9924168
    Line ID: 0649924168

    #VerriPineappleVinegar #สุขภาพกระเพาะ #ลดกรดธรรมชาติ #อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ #สับปะรดเชียงราย #ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค #น้ำส้มสายชูหมัก #ลดกรดไหลย้อน #ท้องอืดท้องเฟ้อ #สมุนไพรเพื่อสุขภาพ #ควบคุมน้ำหนัก #detox #ระบบย่อยอาหาร #healthylifestyle #naturalremedies
    "Verri Pineapple Vinegar: สุขภาพดีเริ่มต้นที่การย่อย ด้วยน้ำส้มสายชูหมักจากสับปะรดภูแล 100% 🍍" 🔬 ทำความรู้จักกับ Verri: นวัตกรรมเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพจากธรรมชาติ 100% 🍍 ในยุคที่เราต้องการลดการพึ่งพายา การหันมาใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ Verri คือคำตอบสำหรับผู้ที่ต้องการลดการใช้ยาลดกรดโดยไม่ทิ้งประสิทธิภาพ 🤔 ทำไมต้อง Verri? 1️⃣ กระบวนการผลิตสุดพิเศษ: - ไร้สารเคมี หมักตามธรรมชาติ 100% ได้น้ำส้มสายชูสับปะรดที่สมบูรณ์ - มีปริมาณกรดอะซิติคที่เป็นประโยชน์ 5% เหมาะสมที่สุดสำหรับร่างกาย - มีตะกอน "mother" ซึ่งเป็นเครื่องหมายรับรองความเป็นน้ำส้มสายชูหมักแท้ 💯 2️⃣ รสชาติและกลิ่นที่น่าดื่ม: - กลิ่นหอมจากสับปะรดภูแลแท้ - ดื่มง่าย ไม่แสบคอเหมือนน้ำส้มสายชูหมักทั่วไป 3️⃣ ประโยชน์ที่คุณจะได้รับ: ✅ ลดอาการกรดไหลย้อนและลมในกระเพาะ ตั้งแต่แก้วแรก! ✅ ช่วยระบบขับถ่าย ล้างลำไส้ แก้ปัญหาท้องผูก ✅ ลดความเมื่อยล้า ตื่นมาสดชื่นทุกวัน ✅ ช่วยลดน้ำหนัก เพิ่มการเผาผลาญ ✅ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ✅ ปรับสมดุล pH ในร่างกาย 🧪 กลไกการทำงาน: Verri อุดมไปด้วยเอนไซม์และสารอาหารจากสับปะรด ช่วยปรับสมดุลกรด-ด่างในกระเพาะอาหาร ส่งเสริมการย่อยอาหาร และลดอาการระคายเคืองของกระเพาะ วิธีดื่ม Verri: 1️⃣ ผสม Verri 1 ช้อนโต๊ะในน้ำ 1 แก้ว 2️⃣ ดื่มหลังอาหารเช้าหรือเย็น 3️⃣ ทำต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด 🎉 โปรโมชั่นพิเศษ! 🎉 🔹 1 ขวด (500 ml) ใช้ได้ 33 วัน: จาก 420 บาท เหลือเพียง 390 บาท! 🔹🔹 2 ขวด สุดคุ้ม: จาก 840 บาท เหลือเพียง 690 บาท (345 บาท/ขวด) 📦 ส่งฟรี! เก็บเงินปลายทางได้ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 🚀 พร้อมเปลี่ยนวิถีการดูแลสุขภาพของคุณแล้วหรือยัง? สั่ง Verri วันนี้ เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีกว่า!!! 📞 สั่งซื้อหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: โทร: 064-9924168 Line ID: 0649924168 #VerriPineappleVinegar #สุขภาพกระเพาะ #ลดกรดธรรมชาติ #อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ #สับปะรดเชียงราย #ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค #น้ำส้มสายชูหมัก #ลดกรดไหลย้อน #ท้องอืดท้องเฟ้อ #สมุนไพรเพื่อสุขภาพ #ควบคุมน้ำหนัก #detox #ระบบย่อยอาหาร #healthylifestyle #naturalremedies
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 664 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม๊กนิเซียมในอาหารมนุษย์

    คนไทย 7 ใน 10 คน ขาดแร่ธาตุแม๊กนิเซียม
    เนื่องจากไม่ค่อยกินผัก หรือ กินผักน้อย
    ทำให้ร่างกาย หลายระบบ รวน ออกอาการ
    นอนไม่หลับ เป็นตะคริว ท้องผูก..ฯลฯ
    ส่วนมากมีMgในผัก
    แต่..นักวิชาเกิน(ปัญญาอ่อน)
    มักแย้งว่า ในสัตว์ก็มี...!

    ดิฉันเถียงว่า สัตว์กินพืชเข้าไปใช่ไหม?
    ในพืชเป็นแหล่งของMg จึงทำให้Mgเข้าไป
    ฝังในส่วนต่างๆของสัตว์ ใช่ไหม?
    และ ร่างกายของสัตว์โลกไม่สามารถ
    สังเคราะห์ Mgได้..ใช่ไหม?

    ดังนั้น..จึงควรกินอาหารจากพืชให้หลากหลาย
    เพราะ ร่างกายมนุษย์ต้องการMg ในรูปแบบต่างๆ
    มากมาย หลายชนิด เพื่อให้ทุกระบบในร่างกาย
    ทำงานได้ดี.
    แม๊กนิเซียมในอาหารมนุษย์ คนไทย 7 ใน 10 คน ขาดแร่ธาตุแม๊กนิเซียม เนื่องจากไม่ค่อยกินผัก หรือ กินผักน้อย ทำให้ร่างกาย หลายระบบ รวน ออกอาการ นอนไม่หลับ เป็นตะคริว ท้องผูก..ฯลฯ ส่วนมากมีMgในผัก แต่..นักวิชาเกิน(ปัญญาอ่อน) มักแย้งว่า ในสัตว์ก็มี...! ดิฉันเถียงว่า สัตว์กินพืชเข้าไปใช่ไหม? ในพืชเป็นแหล่งของMg จึงทำให้Mgเข้าไป ฝังในส่วนต่างๆของสัตว์ ใช่ไหม? และ ร่างกายของสัตว์โลกไม่สามารถ สังเคราะห์ Mgได้..ใช่ไหม? ดังนั้น..จึงควรกินอาหารจากพืชให้หลากหลาย เพราะ ร่างกายมนุษย์ต้องการMg ในรูปแบบต่างๆ มากมาย หลายชนิด เพื่อให้ทุกระบบในร่างกาย ทำงานได้ดี.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • #Probiotics ช่วยอะไร ?
    - ปรับสมดุลจุลินทรีย์ ดีต่อระบบย่อยอาหาร
    - เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
    - ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และท้องผูก

    KOMBUCHA เครื่องดื่ม โพรไบโอติกส์ ชาหมักคอมบูชะ
    Raw fermented & homemade by Scoby Doit
    https://s.shopee.co.th/6V6oxS9bSG
    #Probiotics ช่วยอะไร ? - ปรับสมดุลจุลินทรีย์ ดีต่อระบบย่อยอาหาร - เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย - ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และท้องผูก KOMBUCHA เครื่องดื่ม โพรไบโอติกส์ ชาหมักคอมบูชะ Raw fermented & homemade by Scoby Doit https://s.shopee.co.th/6V6oxS9bSG
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 322 มุมมอง 0 รีวิว
  • การทานอาหารตามธาตุเจ้าเรือน เป็นศาสตร์แห่งการรักษาสุขภาพด้วยการทานอาหาร ซึ่งตามทฤษฎีการแพทย์แผนไทยได้กล่าวว่า ร่างกายของคนเรานั้นล้วนประกอบขึ้นด้วยธาตุต่างๆ ได้แก่ธาตุไฟ ธาตุลม ธาตุน้ำ ธาตุดิน เมื่อธาตุทั้งสี่ในร่างกายสมดุลแล้ว จะไม่ค่อยเจ็บป่วย แต่หากขาดสมดุลแล้วจะเกิดการเจ็บป่วยจากจุดอ่อนด้านสุขภาพของคนตามธาตุเจ้าเรือน
    ธาตุไฟ คือ ผู้ที่เกิด (เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์-มีนาคม)
    ผู้ที่เกิดธาตุนี้ขี้ร้อน หงุดหงิดง่าย เป็นลมพิษ ปวดหัวบ่อย ผิวแห้งและท้องผูกบ่อย
    ดังนั้นควรรับประทานควรเป็นรสเย็น รสขม รสจืด เพื่อช่วยลดความร้อนในร่างกาย โดยเมนูตัวอย่างที่แนะนำ เช่น ต้มจืดฟักหมู ต้มจืดตำลึง แตงกวาผัดไข่ น้ำเก๊กฮวย เป็นต้น
    ธาตุลม คือ ผู้ที่เกิด (เดือนเมษายน-พฤษภาคม-มิถุนายน)
    ผู้ที่เกิดธาตุลม มักมีลมอยู่ภายในร่างกายค่อนข้างมาก ก็จะส่งผลให้มีอาการท้องอืด ปวดเส้น หน้ามืด วิงเวียน ปวดหัว นอนไม่หลับ
    ดังนั้นควรรับประทานควรเป็นรสเผ็ดร้อน เพื่อกระจายและลดธาตุลม ได้แก่ ต้มยำกุ้ง ไก่ผัดขิง ต้มข่าไก่ บัวลอยน้ำขิง เป็นต้น
    ธาตุน้ำ คือ ผู้ที่เกิด (เดือนกรกฎาคม สิงหาคม กันยายน)
    ผู้ที่เกิดธาตุน้ำจะมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก โรคที่พบได้ค่อนข้างบ่อยสำหรับผู้ที่เกิดธาตุน้ำได้แก่ โรคภูมิแพ้ น้ำเหลืองเสีย ขาบวม อ้วน โรคเนื้องอก ซีสต์
    ดังนั้นควรรับประทานควรเป็นรสเปรี้ยว รสขม เพื่อปรับสมดุลน้ำในร่างกาย ได้แก่ ต้มจืดมะระ แกงส้มดอกแค ห่อหมกใบยอ น้ำใบบัวบก เป็นต้น
    ธาตุดิน คือ ผู้ที่เกิด (ตุลาคม-พฤศจิกายน-ธันวาคม)
    ผู้ที่เกิดธาตุดินควรรับประทานอาหารรส ฝาด หวาน มัน เค็ม เพื่อบำรุงกำลัง ได้แก่ แกงคั่วขนุน สะตอผัดกุ้ง ผัดฟัดทอง ผัดผักหวาน น้ำอ้อย เป็นต้น
    ----
    สนใจผลิตภัณฑ์และขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่…
    Line OA : https://lin.ee/MOFhjQs
    Facebook : https://www.facebook.com/qr?id=100090076934583
    #โปรโมชั่นสุดคุ้ม #ผลิตภัณฑ์สมุนไพร #ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม #สยามไภษัชย์ #วิลิตา #เฮอร์บาติก้า #Siamphaisat #Vilita #Herbatika #thaitimes
    การทานอาหารตามธาตุเจ้าเรือน เป็นศาสตร์แห่งการรักษาสุขภาพด้วยการทานอาหาร ซึ่งตามทฤษฎีการแพทย์แผนไทยได้กล่าวว่า ร่างกายของคนเรานั้นล้วนประกอบขึ้นด้วยธาตุต่างๆ ได้แก่ธาตุไฟ ธาตุลม ธาตุน้ำ ธาตุดิน เมื่อธาตุทั้งสี่ในร่างกายสมดุลแล้ว จะไม่ค่อยเจ็บป่วย แต่หากขาดสมดุลแล้วจะเกิดการเจ็บป่วยจากจุดอ่อนด้านสุขภาพของคนตามธาตุเจ้าเรือน ธาตุไฟ คือ ผู้ที่เกิด (เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์-มีนาคม) ผู้ที่เกิดธาตุนี้ขี้ร้อน หงุดหงิดง่าย เป็นลมพิษ ปวดหัวบ่อย ผิวแห้งและท้องผูกบ่อย ดังนั้นควรรับประทานควรเป็นรสเย็น รสขม รสจืด เพื่อช่วยลดความร้อนในร่างกาย โดยเมนูตัวอย่างที่แนะนำ เช่น ต้มจืดฟักหมู ต้มจืดตำลึง แตงกวาผัดไข่ น้ำเก๊กฮวย เป็นต้น ธาตุลม คือ ผู้ที่เกิด (เดือนเมษายน-พฤษภาคม-มิถุนายน) ผู้ที่เกิดธาตุลม มักมีลมอยู่ภายในร่างกายค่อนข้างมาก ก็จะส่งผลให้มีอาการท้องอืด ปวดเส้น หน้ามืด วิงเวียน ปวดหัว นอนไม่หลับ ดังนั้นควรรับประทานควรเป็นรสเผ็ดร้อน เพื่อกระจายและลดธาตุลม ได้แก่ ต้มยำกุ้ง ไก่ผัดขิง ต้มข่าไก่ บัวลอยน้ำขิง เป็นต้น ธาตุน้ำ คือ ผู้ที่เกิด (เดือนกรกฎาคม สิงหาคม กันยายน) ผู้ที่เกิดธาตุน้ำจะมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก โรคที่พบได้ค่อนข้างบ่อยสำหรับผู้ที่เกิดธาตุน้ำได้แก่ โรคภูมิแพ้ น้ำเหลืองเสีย ขาบวม อ้วน โรคเนื้องอก ซีสต์ ดังนั้นควรรับประทานควรเป็นรสเปรี้ยว รสขม เพื่อปรับสมดุลน้ำในร่างกาย ได้แก่ ต้มจืดมะระ แกงส้มดอกแค ห่อหมกใบยอ น้ำใบบัวบก เป็นต้น ธาตุดิน คือ ผู้ที่เกิด (ตุลาคม-พฤศจิกายน-ธันวาคม) ผู้ที่เกิดธาตุดินควรรับประทานอาหารรส ฝาด หวาน มัน เค็ม เพื่อบำรุงกำลัง ได้แก่ แกงคั่วขนุน สะตอผัดกุ้ง ผัดฟัดทอง ผัดผักหวาน น้ำอ้อย เป็นต้น ---- สนใจผลิตภัณฑ์และขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่… Line OA : https://lin.ee/MOFhjQs Facebook : https://www.facebook.com/qr?id=100090076934583 #โปรโมชั่นสุดคุ้ม #ผลิตภัณฑ์สมุนไพร #ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม #สยามไภษัชย์ #วิลิตา #เฮอร์บาติก้า #Siamphaisat #Vilita #Herbatika #thaitimes
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1041 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดร. นพ. ฮิเดกิ วาดะ แนะนำ ให้ผู้ที่มีอายุ 70 ขึ้นไป มีพฤติกรรมดังนี้ จะมีอายุยืนยาวเกิน 90 ปีแน่ๆ คือ

    1. ต้องเดินทุกวัน พยายามเดินให้ได้วันละ ไม่น้อยกว่า 15 นาที
    2. เมื่อนึกขึ้นได้เมื่อไร ให้หายใจยาวๆลึกๆ ให้ออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง
    3. พยายามยืดเส้น ยืดกล้ามเนื้อ บิดเนื้อ บิดตัวเป็นครั้งคราว
    4. จิบน้ำบ่อยๆ แม้จะไม่กระหายน้ำก็ตาม พยายามจิบน้ำให้ได้มากขึ้น
    5. อายุมากแล้ว อย่าปล่อยให้ท้องผูก กินอหารมีกากใย ลดโปรตีนจากเนื้อสัตว์ให้น้อยลง
    6. พยายามขยับปาก จะเคี้ยว จะพูด จะร้องเหลง เป็นสิ่งที่ควรทำ
    7. ความจำเสื่อมไม่ใช่เพราะอายุมาก แต่ เพราะไม่ใช้สมองเลยนั่นเอง
    8. ไม่ต้องกินยาเยอะ กินเท่าที่จำเป็น
    9. พยายามวัดความดันเลือดบ่อยๆ เพื่อคุมไม่ให้ความดันสวิง
    10. ทำอารมณ์ให้แจ่มใสเป็นนิจ
    11. พบปะ สังสรรค์กับเพื่อนผู้รู้ใจอยู่เนืองๆ
    12. ท่องเที่ยวอย่างสบายๆ ไม่โลดโผนตามโอกาส
    13. ทำในสิ่งที่ชอบ ปิดหู ปิดตา ไม่รับรู้สิ่งที่ไม่ชอบ หรือปัดทิ้งให้มากขึ้น
    14. ฝึกร้องเพลงจากระดับอนุบาล จนเข้าขั้นมหาลัย….ปอดจะแข็งแรงจนน่าทึ่ง ลดอาการเหนื่อยง่ายลงได้อย่างน่าแปลกใจ
    15.อย่านั่งนอนตลอดเวลา ให้ขยับตัวลุกเดินให้บ่อยขึ้น
    16. กินอะไรก็ได้ ที่ชอบ แต่ อย่าให้เกิดโทษต่อร่างกายนัก
    17. ทำทุกอย่าง ที่ทำให้ใจสบาย มีความสุข
    18. ปล่อยวาง ให้อภัยให้มากขึ้น
    19. รู้จักการแบ่งปันให้ผู้ขาดแคลน ด้อยโอกาส
    20. เป็นโรคอะไรอยู่ก็ตาม เรียนรู้ที่อยู่กับมัน จนคุ้นเคยจักดีกว่า
    21. มองสิ่งรอบตัวในแง่บวกเข้าไว้ เห็นอะไร ก็ดีนะ ดีที่มี ดีที่เป็น
    22. ลดความริษยา อาฆาต มาดร้าย ปลงให้เป็น เย็นให้ได้ เด๋วก็ตายจากกันแล้วววววว
    23. เคยไม่ชอบหน้าใคร ให้ลดละเลิก โดยเฉพาะเรื่องหนักๆของนักการเมืองที่ไม่ถูกใจเรา เด๋วกรรมจะจัดการมันเอง อย่าไปเครียด ประเทศไม่ใช่ของเราคนเดียว อย่าไปแบกไว้บนบ่า มันหนัก
    24. ถ้าเผลอหลับ ห้ามฝืน งีบเลย
    25. เห็นสิ่งใดดี ทำเลย สิ่งใดไม่ดี เลิกทำ ช่วยใครได้ ช่วยเลย ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ แม้แต่สลึงเดียว
    26. ให้อยู่ท่ามกลางคนดี มีจิตสาธารณะ จะมองโลกสวยงามขึ้น
    27. หา "หมอครอบครัว" อย่าเชื่อหมอที่โรงพยาบาลมากนัก
    28. อย่าบังคับตัวเองมากเกินไป ทำสิ่งที่สบายใจก่อนดีกว่า
    29.แก่แล้ว ไม่ต้องโลภ ตายแล้ว เอาอะไรไปด้วยไม่ได้ พอใจในสิ่งที่มี มีแล้วรู้จักการแบ่งปัน
    30. สิ่งใดเป็นประโยชน์ต่อผู้อิ่น ถ้าทำได้ ให้ทำทันที
    31.มองสิ่งรอบตัว ให้มีความสุข จิตเบิกบาน
    32.มีเมตตา ช่วยเหลือเกื้อกูลคน หรือ สัตว์ใดได้ ให้ทำทันที
    33. มีอะไรที่เกิดขึ้น ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นว่า มันเป็นเช่นนั้นเอง
    34. พยายามช่วยตัวเองให้ได้มากที่สุด ไม่ทำตัวให้เป็นภาระแก่ผู้อื่น
    35. ยอมรับความจริงว่า เมื่อมีสิ่งใดเกิดขึ้น มันจะอยู่ไม่นาน จะเป็นอยู่ชั่วคราว แล้วก็เปลี่ยนไป ในที่สุด ก็จะหมดไป ดับไป เป็นธรรมดา !!!!!

    ใครมีพฤติกรรมเช่นนี้ได้…..มีอายุยืนกว่า 90 ปี เป็นอย่างน้อย……แน่นอน❣️❣️❣️❣️❣️
    ดร. นพ. ฮิเดกิ วาดะ แนะนำ ให้ผู้ที่มีอายุ 70 ขึ้นไป มีพฤติกรรมดังนี้ จะมีอายุยืนยาวเกิน 90 ปีแน่ๆ คือ 1. ต้องเดินทุกวัน พยายามเดินให้ได้วันละ ไม่น้อยกว่า 15 นาที 2. เมื่อนึกขึ้นได้เมื่อไร ให้หายใจยาวๆลึกๆ ให้ออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง 3. พยายามยืดเส้น ยืดกล้ามเนื้อ บิดเนื้อ บิดตัวเป็นครั้งคราว 4. จิบน้ำบ่อยๆ แม้จะไม่กระหายน้ำก็ตาม พยายามจิบน้ำให้ได้มากขึ้น 5. อายุมากแล้ว อย่าปล่อยให้ท้องผูก กินอหารมีกากใย ลดโปรตีนจากเนื้อสัตว์ให้น้อยลง 6. พยายามขยับปาก จะเคี้ยว จะพูด จะร้องเหลง เป็นสิ่งที่ควรทำ 7. ความจำเสื่อมไม่ใช่เพราะอายุมาก แต่ เพราะไม่ใช้สมองเลยนั่นเอง 8. ไม่ต้องกินยาเยอะ กินเท่าที่จำเป็น 9. พยายามวัดความดันเลือดบ่อยๆ เพื่อคุมไม่ให้ความดันสวิง 10. ทำอารมณ์ให้แจ่มใสเป็นนิจ 11. พบปะ สังสรรค์กับเพื่อนผู้รู้ใจอยู่เนืองๆ 12. ท่องเที่ยวอย่างสบายๆ ไม่โลดโผนตามโอกาส 13. ทำในสิ่งที่ชอบ ปิดหู ปิดตา ไม่รับรู้สิ่งที่ไม่ชอบ หรือปัดทิ้งให้มากขึ้น 14. ฝึกร้องเพลงจากระดับอนุบาล จนเข้าขั้นมหาลัย….ปอดจะแข็งแรงจนน่าทึ่ง ลดอาการเหนื่อยง่ายลงได้อย่างน่าแปลกใจ 15.อย่านั่งนอนตลอดเวลา ให้ขยับตัวลุกเดินให้บ่อยขึ้น 16. กินอะไรก็ได้ ที่ชอบ แต่ อย่าให้เกิดโทษต่อร่างกายนัก 17. ทำทุกอย่าง ที่ทำให้ใจสบาย มีความสุข 18. ปล่อยวาง ให้อภัยให้มากขึ้น 19. รู้จักการแบ่งปันให้ผู้ขาดแคลน ด้อยโอกาส 20. เป็นโรคอะไรอยู่ก็ตาม เรียนรู้ที่อยู่กับมัน จนคุ้นเคยจักดีกว่า 21. มองสิ่งรอบตัวในแง่บวกเข้าไว้ เห็นอะไร ก็ดีนะ ดีที่มี ดีที่เป็น 22. ลดความริษยา อาฆาต มาดร้าย ปลงให้เป็น เย็นให้ได้ เด๋วก็ตายจากกันแล้วววววว 23. เคยไม่ชอบหน้าใคร ให้ลดละเลิก โดยเฉพาะเรื่องหนักๆของนักการเมืองที่ไม่ถูกใจเรา เด๋วกรรมจะจัดการมันเอง อย่าไปเครียด ประเทศไม่ใช่ของเราคนเดียว อย่าไปแบกไว้บนบ่า มันหนัก 24. ถ้าเผลอหลับ ห้ามฝืน งีบเลย 25. เห็นสิ่งใดดี ทำเลย สิ่งใดไม่ดี เลิกทำ ช่วยใครได้ ช่วยเลย ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ แม้แต่สลึงเดียว 26. ให้อยู่ท่ามกลางคนดี มีจิตสาธารณะ จะมองโลกสวยงามขึ้น 27. หา "หมอครอบครัว" อย่าเชื่อหมอที่โรงพยาบาลมากนัก 28. อย่าบังคับตัวเองมากเกินไป ทำสิ่งที่สบายใจก่อนดีกว่า 29.แก่แล้ว ไม่ต้องโลภ ตายแล้ว เอาอะไรไปด้วยไม่ได้ พอใจในสิ่งที่มี มีแล้วรู้จักการแบ่งปัน 30. สิ่งใดเป็นประโยชน์ต่อผู้อิ่น ถ้าทำได้ ให้ทำทันที 31.มองสิ่งรอบตัว ให้มีความสุข จิตเบิกบาน 32.มีเมตตา ช่วยเหลือเกื้อกูลคน หรือ สัตว์ใดได้ ให้ทำทันที 33. มีอะไรที่เกิดขึ้น ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นว่า มันเป็นเช่นนั้นเอง 34. พยายามช่วยตัวเองให้ได้มากที่สุด ไม่ทำตัวให้เป็นภาระแก่ผู้อื่น 35. ยอมรับความจริงว่า เมื่อมีสิ่งใดเกิดขึ้น มันจะอยู่ไม่นาน จะเป็นอยู่ชั่วคราว แล้วก็เปลี่ยนไป ในที่สุด ก็จะหมดไป ดับไป เป็นธรรมดา !!!!! ใครมีพฤติกรรมเช่นนี้ได้…..มีอายุยืนกว่า 90 ปี เป็นอย่างน้อย……แน่นอน❣️❣️❣️❣️❣️
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 405 มุมมอง 0 รีวิว
  • 25/

    10/67

    มาตรวจสุขภาพ เจอหมอ (พญ อิสรีย์ ประดิษฐ์กุล) ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยพบมาในชีวิต อธิบายละเอียดทุกตัวเลขครึ่งขั่วโมง และได้ความรู้ใหม่คือ

    1. ห้ามออกกำลังกายด้วยการขึ้นลงบันไดเด็ดขาด ทำให้เข่าพัง

    2. ห้ามเล่นฮูลาฮูป เพราะจะทำให้หมอนรองกระดูกเคลื่อน

    3. ถ้าออกกำลังด้วยการเดินสายพาน ห้ามใข้โหมดขึ้นเขา

    4. ควรให้ร่างกายสัมผัสแดดอ่อนๆ ทุกวัน

    5. คนอายุ 50+ ต้องออกกำลังแบบ cardio และ ยกเวท (ดัมเบล ห้ามบาร์เบล) เบาๆ เพื่อออกกำลังหลังให้แข็งแรง

    6. ใครที่เป็นไขมันพอกตับต้องออกกำลังเท่านั้น ไขมันถึงจะหลุด

    7. ลด LDL ด้วยการลดอาหารทอด มัน ทะเล อาหารแปรรูป(ไส้กรอก)

    8. กะทิกินได้เป็น HDL (หมอคำนวณให้เห็นว่า ถ้า HDL สูงพอจะไป cover LDL ได้)

    9. ส่องกล้องหามะเร็งลำไส้ไม่จำเป็นถ้าตรวจสารบ่งชี้มะเร็งทุกปี และถ้าไม่มีอาการท้องผูกปวดท้องต่อเนื่อง

    Cr:ท่านผู้หญิงภรณี มหานนท์
    25/ 10/67 มาตรวจสุขภาพ เจอหมอ (พญ อิสรีย์ ประดิษฐ์กุล) ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยพบมาในชีวิต อธิบายละเอียดทุกตัวเลขครึ่งขั่วโมง และได้ความรู้ใหม่คือ 1. ห้ามออกกำลังกายด้วยการขึ้นลงบันไดเด็ดขาด ทำให้เข่าพัง 2. ห้ามเล่นฮูลาฮูป เพราะจะทำให้หมอนรองกระดูกเคลื่อน 3. ถ้าออกกำลังด้วยการเดินสายพาน ห้ามใข้โหมดขึ้นเขา 4. ควรให้ร่างกายสัมผัสแดดอ่อนๆ ทุกวัน 5. คนอายุ 50+ ต้องออกกำลังแบบ cardio และ ยกเวท (ดัมเบล ห้ามบาร์เบล) เบาๆ เพื่อออกกำลังหลังให้แข็งแรง 6. ใครที่เป็นไขมันพอกตับต้องออกกำลังเท่านั้น ไขมันถึงจะหลุด 7. ลด LDL ด้วยการลดอาหารทอด มัน ทะเล อาหารแปรรูป(ไส้กรอก) 8. กะทิกินได้เป็น HDL (หมอคำนวณให้เห็นว่า ถ้า HDL สูงพอจะไป cover LDL ได้) 9. ส่องกล้องหามะเร็งลำไส้ไม่จำเป็นถ้าตรวจสารบ่งชี้มะเร็งทุกปี และถ้าไม่มีอาการท้องผูกปวดท้องต่อเนื่อง Cr:ท่านผู้หญิงภรณี มหานนท์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 336 มุมมอง 0 รีวิว
  • 15/1/67

    ไข่ผำ Super Food สุดยอดของแหล่งโปรตีนทดแทน

    ไข่ผำ (Wolffia)  เป็น Super Food สุดยอดของแหล่งโปรตีนทดแทน และเป็น 1 ในพืชน้ำ อาหารแห่งอนาคต เป็นอีกหนึ่ง Mega Trend ที่มาแรงและถูกกล่าวถึงเป็นวงกว้าง ภาคอุตสาหกรรมอาหารต่างให้ความสนใจ


    ไข่ผำเป็นพืชน้ำพื้นบ้านที่พบได้ตามห้วย หนอง คลอง บึง ลักษณะเป็นเม็ดสีเขียวขนาดเล็ก มีชื่อว่า “กรีนคาเวียร์” และเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการด้านโปรตีนสูง    เป็นพืชลอยน้ำตระกูลแหน  รูปร่างเป็นเม็ดสีเขียววงกลมหรือเกือบกลมขนาดเล็ก  ไม่มีราก  เป็นพืชดอกขนาดเล็กที่สุดในโลกและขยายพันธุ์ด้วยการแตกหน่อ  ไข่ผำเป็นพืชที่มีโปรตีนและคุณค่าทางโภชนาการสูง  มีสารพฤษเคมี(Phytochemical)  ที่มีประโยชน์  ไข่ผำมีกรดอะมิโนจำเป็นที่พบมากสุด 3 อันดับแรก คือ ไลซีน ฟีนิลอะลานีน ลิวซีน (ช่วยเรื่องภูมิคุ้มกันของร่างกายและระบบประสาท)

    และเมื่อมีการวิเคราะห์กรดไขมันของไข่ผำแห้งพบว่า มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงกว่ากรดไขมันอิ่มตัวประมาณ 2 เท่า และยังพบกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายต้องการอีก 2 ชนิด คือ กรดไขมันโอเมกา 3 และ 6 ในปริมาณที่สูง ไข่ผำ เป็นอาหารแห่งอนาคต เพราะมีต้นทุนการผลิตต่ำ  มีโปรตีนสูง 20-40% มีสารต้านอนุมูลอิสระ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้ระยะเวลาเพาะเลี้ยงสั้น เก็บเกี่ยวผลผลิตได้เร็ว และศัตรูพืชน้อย  จึงทำให้ไข่ผำมีแนวโน้มเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ

    คนพระแท่นสร้างการมีส่วนร่วมจากไข่ผำ
    พี่แอ๋ว หรือ สิริวรรณ  โอภากุลวงษ์   เลขากลุ่มวิสาหกิจชุมชนวิถีพระแท่น ได้เล่าให้ฟังว่า  ตำบลพระแท่น  อำเภอท่ามะกา  จังหวัดกาญจนบุรี  มีกลุ่มชาติพรรณไทยทรงดำ  ซึ่งได้บริโภคไข่ผำเป็นอาหารพื้นถิ่นมายาวนาน 

    แต่ในกลุ่มประชาชนทั่วไปยังไม่เป็นที่รู้จักนัก  กลุ่มวิสาหกิจชุมชนวิถีพระแท่นได้หาข้อมูลคุณประโยชน์ของไข่ผำและดำเนินการขับเคลื่อนการเพาะเลี้ยงไข่ผำในชุมชน  โดยใช้งบประมาณโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีรายได้น้อย  จากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน  สนับสนุนการเลี้ยงไข่ผำในครัวเรือนผู้มีรายได้น้อย จำนวน 30 ครัวเรือน  โดยเลี้ยงในลองคอนกรีต  และทดลองเลี้ยงไข่ผำในโรงเรือนระบบปิด  โดยทั้งสองรูปแบบใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในการเพาะเลี้ยง  ผลผลิตจากการเพาะเลี้ยงในรูปแบบดังกล่าว  เพียงพอต่อการบริโภคในครัวเรือน  แต่ไม่เพียงพอต่อการเพาะเลี้ยงเชิงพานิชย์  เนื่องจากปัจจุบันไข่ผำเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น


    “ตำบลพระแท่นมีจุดเด่นทั้งในเรื่องของการสร้างตลาดสีเขียวคีย์โฮลฟาร์มเมอร์มาร์เก็ตเพื่อเป็นแหล่งอาหารปลอดภัยและสร้างรายได้ให้ครัวเรือนต่างๆ การพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์จาก “ไข่ผำ” ที่นับว่าเป็น Superfood มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก และอาศัยความร่วมมือจากคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้และทักษะเข้าร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์เชื่อมโยงคนทุกกลุ่มในชุมชนให้มีรายได้ รวมถึงระบบการจัดการขยะของคนในตำบลพระแท่นที่ให้คนทุกวัยได้เข้ามาร่วมดำเนินการจนเกิดเป็นรูปธรรมให้พื้นที่อื่นได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้”

    นวัตกรรมการจัดการระบบการเลี้ยงไข่ผำอินทรีย์แบบครบวงจร
    พี่แอ๋ว เล่าต่อไปอีกว่า การนำไข่ผำจากแหล่งน้ำธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ยังประสบปัญหาหลายประการโดยเฉพาะการที่ไม่สามารถควบคุมผลผลิตและคุณภาพของไข่ผำโดยเฉพาะคุณค่าทางโภชนาการได้ ดังนั้นการเลี้ยงไข่ผำในโรงเรือนทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพตามที่ต้องการ


    นวัตกรรมการจัดการระบบการเลี้ยงไข่ผำอินทรีย์แบบครบวงจร เป็นการเพาะเลี้ยงไข่ผำอินทรีย์ในโรงเรือนระบบปิดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะเลี้ยงไข่ผำทั้งปริมาณและคุณภาพ จึงเป็นนวัตกรรมที่ส่งเสริมให้มีความสามารถในการบริโภคในครัวเรือนรวมถึงการแข่งขันเชิงพานิชย์และพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ตำบลพระแท่น โดยมีเป้าหมายหลักในการพัฒนานวัตกรรมจากกระบวนการเพาะเลี้ยงไข่ผำ เพื่อเป็นต้นแบบการเลี้ยงในครัวเรือนและเชิงพานิชย์  และการแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม 

    เพื่อเป็นการพัฒนาอาชีพเกษตรกรให้มีความยั่งยืน  โดยเน้นการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นโดยตลอดกระบวนการพัฒนาการผลิตจะเน้นการใช้วัตถุดิบ อย่างมีประสิทธิภาพ ลดของเสียตั้งแต่ต้นทาง ลดต้นทุนการผลิต และไม่เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาวะของคนในชุมชน และการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เพื่อ ยกระดับทรัพยากรท้องถิ่น และช่วยพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็ง สามารถเป็นต้นแบบให้กับชุมชนแห่งอื่นได้

    พอช.หนุนให้ชุมชนจัดทำแผนธุรกิจชุมชน
    สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน)หรือ พอช. ได้เข้ามาสนับสนุนการอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องแผนธุรกิจชุมชน โดยสภาองค์กรชุมชนตำบลพระแท่นได้ต่อยอดนำความรู้เรื่องแผนธุกิจปรับประยุกต์ใช้กับโครงการอาหารปลอดภัย สร้างโอกาสในกิจกรรมคีโฮลการ์เด้นท์ การผลิตผักปลอดภัย คนในชุมชนได้แบ่งปันและทดลองจำหน่าย เกิดผลการเปลี่ยนแปลงต่อยอดเป็นธนาคารเมล็ดพันธุ์ จนในที่สุดมีศูนย์บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ ปัจจุบันธนาคารมีเมล็ดพันธุ์พื้นบ้าน ปี 2562 เกิดเป็นตลาดสีเขียว สถานที่ซื้อขายต้นแบบการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พัฒนาเป็นเรื่องการจัดการขยะชุมชน เรื่องอาหารปลอดภัยเป็นส่วนหนึ่งของสวัสดิการสังคมในชุมชน มีการเลี้ยงไข่ผำ อาหารที่สำคัญในชุมชน ผู้ด้อยโอกาส 30 ครัวเรือน ได้เลี้ยงและบริโภคในครัวเรือน

    ประโยชน์ของ “ไข่ผำ” พืชจิ๋วมหัศจรรย์
    พี่แอ๋ว เล่าต่ออีกว่า องค์ประกอบทางโภชนาการของไข่น้ำพบว่า มีโปรตีน เบต้า – คาโรทีน และคลอโรฟิลล์จากการสังเคราะห์แสง ไข่น้ำมีปริมาณโปรตีนในระดับเดี่ยวกับเมล็ดถั่วชนิดต่าง ๆ เมล็ดธัญพืช มีเส้นใยสูง มีปริมาณกรดอะมิโนที่จำเป็นไม่ต่างกับไข่ไก่ สาหร่ายเกลียวทอง และคลอเรลล่า นอกจากนี้คลอโรฟิลล์ในไข่น้ำสารต้านอนุมูล อิสระ (antioxidant) มากกว่าในสาหร่ายเกลียวทอง ซึ่งใช้รักษาอาการท้องผูก รักษาสภาวะซีดในคนที่เป็น โรคโลหิตจางได้ ประโยชน์ของไข่น้ำสามารนำมาใช้ปรุงอาหารพื้นบ้านทางภาคเหนือและภาคอีสาน เช่น แกงอ่อม แกงคั่ว ไข่ตุ๋น ไข่เจียว เป็นต้น รับประทานได้

    วิธีการเพาะเลี้ยงไข่ผำ
    ประพิมพ์ ศรีนวล หรือ พี่โป้ สมาชิกกลุ่มผู้เพาะเลี้ยงไข่ผำ เล่าให้ฟังถึงวิธีการเพาะเลี้ยงไข่ผำว่า  การเพาะเลี้ยงในบ่อซีเมนต์ หรือ บ่อพลาสติก ให้นำมาล้างทำความสะอาดก่อนปล่อยไข่ผำลงไปเพาะเลี้ยง เมื่อล้างบ่อจนสะอาดแล้ว เติมน้ำใส่บ่อในอัตรา 3/4 ของบ่อ หากใช้น้ำประปาหรือน้ำบาดาล แนะนำให้พักน้ำไว้สัก 2-3 วัน ก่อนที่จะปล่อยพันธุ์ผำลงไป  ผำเป็นพืชที่ชอบแสงแดดรำไร หากจำเป็นต้องเพาะเลี้ยงกลางแจ้งแนะนำให้ใช้ซาแรนพรางแสงประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ หรือจะเลี้ยงในโรงเรือนระบบปิดก็สามารถทำได้เช่นกัน


    ส่วนการบำรุงธาตุอาหาร อัตราการเติมธาตุอาหารต่อบ่อ ของที่ไร่จะใช้น้ำหมักปลาในอัตราส่วน 2 ช้อนโต๊ะต่อ 1 บ่อ เสร็จแล้วจึงค่อยใส่พันธุ์ผำลงไปปริมาณ 1/2 กิโลกรัมต่อบ่อ หรือในกรณีที่ไม่มีในส่วนของน้ำหมักปลา ก็สามารถเลือกใช้น้ำหมักชนิดอื่นๆ ได้ เช่น น้ำหมักมูลไส้เดือน น้ำหมักมูลหมู น้ำหมักมูลวัว หรือจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสามารถนำมาใช้ได้หมด แล้วแต่ความสะดวกของแต่พื้นที่  


    การดูแลหลังจากที่ปล่อยพันธุ์ผำลงไปเพาะเลี้ยงได้ครบ 1 สัปดาห์ ให้ช้อนไข่ผำที่อยู่ในบ่อขึ้นมา เพื่อปล่อยน้ำทิ้งล้างทำความสะอาดบ่อ เสร็จแล้วให้เติมน้ำใส่บ่อเข้าไปใหม่ เติมธาตุอาหารลงไป ทำเหมือนเดิมกับครั้งแรกทุกอย่าง แล้วปล่อยพันธุ์ผำลงไปเลี้ยงอีก 1 สัปดาห์ ช้อนผำที่เลี้ยงทั้งหมดมาล้างน้ำทำความสะอาด 4 ครั้ง สำหรับนำไปจำหน่ายแบบสด  เท่ากับว่าการเพาะเลี้ยงไข่ผำใช้เวลาเพียง 2 สัปดาห์ แต่ถ้าในกรณีนำไปเพาะพันธุ์ต่อ ใช้เวลาเลี้ยง 1 สัปดาห์ ก็สามารถเอาไปเพาะพันธุ์ต่อได้แล้ว  ซึ่งการเพาะเลี้ยงไม่ยุ่งยาก แต่ปัจจัยสำคัญหรืออุปสรรคที่ทำให้ผู้เพาะเลี้ยงผำไม่ประสบความสำเร็จ คือปัจจัยอุปสรรคในด้านสภาพอากาศและสารเคมี ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมได้

    ปัญหาและอุปสรรคของการเพาะเลี้ยง “ไข่ผำ”
    พี่โป้ เล่าให้ฟังอีกว่า อุปสรรคทางด้านสภาพอากาศ โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนจะส่งผลกระทบทำให้ผลผลิตลดน้อยลง “ผำ” จะชอบอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 20-26 องศา ซึ่งถ้าอากาศร้อนไปกว่านี้จะส่งผลให้ปริมาณและอัตราการขยายตัวลดน้อยลง

    สารเคมี ไม่ว่าจะเป็นยาฆ่าหญ้า หรือสารเคมีชนิดอื่นๆ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผำไม่เจริญเติบโต ผำถือเป็นพืชที่เซนซิทีฟต่อสารเคมี หรืออีกนัยหนึ่งคือ ผำถือเป็นดัชนีชี้วัดได้ว่าพื้นที่ตรงนั้นไม่มีการใช้สารเคมีจริงๆ ที่ถึงแม้ว่าต่อให้ในพื้นที่สวนของเราไม่ใช้ แต่สวนรอบข้างเราใช้ หรือมีคนอื่นมาฉีดพ่นสารเคมีในบริเวณใกล้เคียง ก็ส่งผลทำให้ผำไม่เจริญเติบโตและตายได้เช่นกัน  

    วิธีการเก็บเกี่ยวผลผลิตไข่ผำ เมื่อเพาะเลี้ยงผำจนครบ 2 สัปดาห์ แล้ววิธีการเก็บไปขาย ให้เตรียมซึ้งนึ่งอาหารมาแล้วใช้ผ้าขาวบางรอง จากนั้นนำตาข่ายสีฟ้ามาวางทับผ้าขาวบางอีกชั้น แล้วช้อนผำขึ้นมาใส่ไว้ในตาข่ายสีฟ้า ใช้น้ำประปาล้างแล้วผำจะหล่นลงไปที่ผ้าขาวบางที่รองไว้ข้างล่าง พอได้ผำมาทั้งหมดให้นำไปล้างน้ำทำความสะอาดอีก 4 ครั้ง คือล้างแล้วบิด จนครบ 4 ครั้ง ถึงจะนำไปจำหน่ายได้

    ความน่าสนใจของการเพาะเลี้ยงไข่ผำคือ ไข่ผำเป็นพืชที่ไม่ต้องใช้การดูแลมาก สามารถทำเป็นอาชีพเสริมได้สบายๆ เพาะใช้เวลาในการเพาะเลี้ยงเพียง 2 สัปดาห์ สามารถเก็บผลผลิตขายได้ และยังเป็นพืชที่มีอนาคตสดใส ด้วยคุณประโยชน์ที่ครบถ้วน

    สามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สร้างมูลค่าเพิ่มได้หลากหลาย  สำหรับไข่ผำที่ได้ทั้งสะอาดปลอดภัยจากสารเคมี พร้อมนำไปแปรรูปเป็นอาหารต่างๆ และจำหน่ายไข่ผำอินทรีย์แบบสดๆ กิโลกรัมละ 100 บาท หากแห้ง กิโลกรัมละ 2,500-3,000 บาท สามารถสร้างรายได้ทั้งขายสด และแปรรูป ให้กับชุมชนบ้านพระแท่นได้อย่างงาม เป็นหนึ่งในอาชีพที่จะสร้างการมีส่วนร่วมและความมั่นคงให้กับชุมชนได้อย่างยั่งยืน
    cr:web.codi.co.th
    15/1/67 ไข่ผำ Super Food สุดยอดของแหล่งโปรตีนทดแทน ไข่ผำ (Wolffia)  เป็น Super Food สุดยอดของแหล่งโปรตีนทดแทน และเป็น 1 ในพืชน้ำ อาหารแห่งอนาคต เป็นอีกหนึ่ง Mega Trend ที่มาแรงและถูกกล่าวถึงเป็นวงกว้าง ภาคอุตสาหกรรมอาหารต่างให้ความสนใจ ไข่ผำเป็นพืชน้ำพื้นบ้านที่พบได้ตามห้วย หนอง คลอง บึง ลักษณะเป็นเม็ดสีเขียวขนาดเล็ก มีชื่อว่า “กรีนคาเวียร์” และเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการด้านโปรตีนสูง    เป็นพืชลอยน้ำตระกูลแหน  รูปร่างเป็นเม็ดสีเขียววงกลมหรือเกือบกลมขนาดเล็ก  ไม่มีราก  เป็นพืชดอกขนาดเล็กที่สุดในโลกและขยายพันธุ์ด้วยการแตกหน่อ  ไข่ผำเป็นพืชที่มีโปรตีนและคุณค่าทางโภชนาการสูง  มีสารพฤษเคมี(Phytochemical)  ที่มีประโยชน์  ไข่ผำมีกรดอะมิโนจำเป็นที่พบมากสุด 3 อันดับแรก คือ ไลซีน ฟีนิลอะลานีน ลิวซีน (ช่วยเรื่องภูมิคุ้มกันของร่างกายและระบบประสาท) และเมื่อมีการวิเคราะห์กรดไขมันของไข่ผำแห้งพบว่า มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงกว่ากรดไขมันอิ่มตัวประมาณ 2 เท่า และยังพบกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายต้องการอีก 2 ชนิด คือ กรดไขมันโอเมกา 3 และ 6 ในปริมาณที่สูง ไข่ผำ เป็นอาหารแห่งอนาคต เพราะมีต้นทุนการผลิตต่ำ  มีโปรตีนสูง 20-40% มีสารต้านอนุมูลอิสระ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้ระยะเวลาเพาะเลี้ยงสั้น เก็บเกี่ยวผลผลิตได้เร็ว และศัตรูพืชน้อย  จึงทำให้ไข่ผำมีแนวโน้มเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ คนพระแท่นสร้างการมีส่วนร่วมจากไข่ผำ พี่แอ๋ว หรือ สิริวรรณ  โอภากุลวงษ์   เลขากลุ่มวิสาหกิจชุมชนวิถีพระแท่น ได้เล่าให้ฟังว่า  ตำบลพระแท่น  อำเภอท่ามะกา  จังหวัดกาญจนบุรี  มีกลุ่มชาติพรรณไทยทรงดำ  ซึ่งได้บริโภคไข่ผำเป็นอาหารพื้นถิ่นมายาวนาน  แต่ในกลุ่มประชาชนทั่วไปยังไม่เป็นที่รู้จักนัก  กลุ่มวิสาหกิจชุมชนวิถีพระแท่นได้หาข้อมูลคุณประโยชน์ของไข่ผำและดำเนินการขับเคลื่อนการเพาะเลี้ยงไข่ผำในชุมชน  โดยใช้งบประมาณโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีรายได้น้อย  จากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน  สนับสนุนการเลี้ยงไข่ผำในครัวเรือนผู้มีรายได้น้อย จำนวน 30 ครัวเรือน  โดยเลี้ยงในลองคอนกรีต  และทดลองเลี้ยงไข่ผำในโรงเรือนระบบปิด  โดยทั้งสองรูปแบบใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในการเพาะเลี้ยง  ผลผลิตจากการเพาะเลี้ยงในรูปแบบดังกล่าว  เพียงพอต่อการบริโภคในครัวเรือน  แต่ไม่เพียงพอต่อการเพาะเลี้ยงเชิงพานิชย์  เนื่องจากปัจจุบันไข่ผำเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น “ตำบลพระแท่นมีจุดเด่นทั้งในเรื่องของการสร้างตลาดสีเขียวคีย์โฮลฟาร์มเมอร์มาร์เก็ตเพื่อเป็นแหล่งอาหารปลอดภัยและสร้างรายได้ให้ครัวเรือนต่างๆ การพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์จาก “ไข่ผำ” ที่นับว่าเป็น Superfood มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก และอาศัยความร่วมมือจากคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้และทักษะเข้าร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์เชื่อมโยงคนทุกกลุ่มในชุมชนให้มีรายได้ รวมถึงระบบการจัดการขยะของคนในตำบลพระแท่นที่ให้คนทุกวัยได้เข้ามาร่วมดำเนินการจนเกิดเป็นรูปธรรมให้พื้นที่อื่นได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้” นวัตกรรมการจัดการระบบการเลี้ยงไข่ผำอินทรีย์แบบครบวงจร พี่แอ๋ว เล่าต่อไปอีกว่า การนำไข่ผำจากแหล่งน้ำธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ยังประสบปัญหาหลายประการโดยเฉพาะการที่ไม่สามารถควบคุมผลผลิตและคุณภาพของไข่ผำโดยเฉพาะคุณค่าทางโภชนาการได้ ดังนั้นการเลี้ยงไข่ผำในโรงเรือนทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพตามที่ต้องการ นวัตกรรมการจัดการระบบการเลี้ยงไข่ผำอินทรีย์แบบครบวงจร เป็นการเพาะเลี้ยงไข่ผำอินทรีย์ในโรงเรือนระบบปิดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะเลี้ยงไข่ผำทั้งปริมาณและคุณภาพ จึงเป็นนวัตกรรมที่ส่งเสริมให้มีความสามารถในการบริโภคในครัวเรือนรวมถึงการแข่งขันเชิงพานิชย์และพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ตำบลพระแท่น โดยมีเป้าหมายหลักในการพัฒนานวัตกรรมจากกระบวนการเพาะเลี้ยงไข่ผำ เพื่อเป็นต้นแบบการเลี้ยงในครัวเรือนและเชิงพานิชย์  และการแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม  เพื่อเป็นการพัฒนาอาชีพเกษตรกรให้มีความยั่งยืน  โดยเน้นการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นโดยตลอดกระบวนการพัฒนาการผลิตจะเน้นการใช้วัตถุดิบ อย่างมีประสิทธิภาพ ลดของเสียตั้งแต่ต้นทาง ลดต้นทุนการผลิต และไม่เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาวะของคนในชุมชน และการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เพื่อ ยกระดับทรัพยากรท้องถิ่น และช่วยพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็ง สามารถเป็นต้นแบบให้กับชุมชนแห่งอื่นได้ พอช.หนุนให้ชุมชนจัดทำแผนธุรกิจชุมชน สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน)หรือ พอช. ได้เข้ามาสนับสนุนการอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องแผนธุรกิจชุมชน โดยสภาองค์กรชุมชนตำบลพระแท่นได้ต่อยอดนำความรู้เรื่องแผนธุกิจปรับประยุกต์ใช้กับโครงการอาหารปลอดภัย สร้างโอกาสในกิจกรรมคีโฮลการ์เด้นท์ การผลิตผักปลอดภัย คนในชุมชนได้แบ่งปันและทดลองจำหน่าย เกิดผลการเปลี่ยนแปลงต่อยอดเป็นธนาคารเมล็ดพันธุ์ จนในที่สุดมีศูนย์บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ ปัจจุบันธนาคารมีเมล็ดพันธุ์พื้นบ้าน ปี 2562 เกิดเป็นตลาดสีเขียว สถานที่ซื้อขายต้นแบบการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พัฒนาเป็นเรื่องการจัดการขยะชุมชน เรื่องอาหารปลอดภัยเป็นส่วนหนึ่งของสวัสดิการสังคมในชุมชน มีการเลี้ยงไข่ผำ อาหารที่สำคัญในชุมชน ผู้ด้อยโอกาส 30 ครัวเรือน ได้เลี้ยงและบริโภคในครัวเรือน ประโยชน์ของ “ไข่ผำ” พืชจิ๋วมหัศจรรย์ พี่แอ๋ว เล่าต่ออีกว่า องค์ประกอบทางโภชนาการของไข่น้ำพบว่า มีโปรตีน เบต้า – คาโรทีน และคลอโรฟิลล์จากการสังเคราะห์แสง ไข่น้ำมีปริมาณโปรตีนในระดับเดี่ยวกับเมล็ดถั่วชนิดต่าง ๆ เมล็ดธัญพืช มีเส้นใยสูง มีปริมาณกรดอะมิโนที่จำเป็นไม่ต่างกับไข่ไก่ สาหร่ายเกลียวทอง และคลอเรลล่า นอกจากนี้คลอโรฟิลล์ในไข่น้ำสารต้านอนุมูล อิสระ (antioxidant) มากกว่าในสาหร่ายเกลียวทอง ซึ่งใช้รักษาอาการท้องผูก รักษาสภาวะซีดในคนที่เป็น โรคโลหิตจางได้ ประโยชน์ของไข่น้ำสามารนำมาใช้ปรุงอาหารพื้นบ้านทางภาคเหนือและภาคอีสาน เช่น แกงอ่อม แกงคั่ว ไข่ตุ๋น ไข่เจียว เป็นต้น รับประทานได้ วิธีการเพาะเลี้ยงไข่ผำ ประพิมพ์ ศรีนวล หรือ พี่โป้ สมาชิกกลุ่มผู้เพาะเลี้ยงไข่ผำ เล่าให้ฟังถึงวิธีการเพาะเลี้ยงไข่ผำว่า  การเพาะเลี้ยงในบ่อซีเมนต์ หรือ บ่อพลาสติก ให้นำมาล้างทำความสะอาดก่อนปล่อยไข่ผำลงไปเพาะเลี้ยง เมื่อล้างบ่อจนสะอาดแล้ว เติมน้ำใส่บ่อในอัตรา 3/4 ของบ่อ หากใช้น้ำประปาหรือน้ำบาดาล แนะนำให้พักน้ำไว้สัก 2-3 วัน ก่อนที่จะปล่อยพันธุ์ผำลงไป  ผำเป็นพืชที่ชอบแสงแดดรำไร หากจำเป็นต้องเพาะเลี้ยงกลางแจ้งแนะนำให้ใช้ซาแรนพรางแสงประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ หรือจะเลี้ยงในโรงเรือนระบบปิดก็สามารถทำได้เช่นกัน ส่วนการบำรุงธาตุอาหาร อัตราการเติมธาตุอาหารต่อบ่อ ของที่ไร่จะใช้น้ำหมักปลาในอัตราส่วน 2 ช้อนโต๊ะต่อ 1 บ่อ เสร็จแล้วจึงค่อยใส่พันธุ์ผำลงไปปริมาณ 1/2 กิโลกรัมต่อบ่อ หรือในกรณีที่ไม่มีในส่วนของน้ำหมักปลา ก็สามารถเลือกใช้น้ำหมักชนิดอื่นๆ ได้ เช่น น้ำหมักมูลไส้เดือน น้ำหมักมูลหมู น้ำหมักมูลวัว หรือจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสามารถนำมาใช้ได้หมด แล้วแต่ความสะดวกของแต่พื้นที่   การดูแลหลังจากที่ปล่อยพันธุ์ผำลงไปเพาะเลี้ยงได้ครบ 1 สัปดาห์ ให้ช้อนไข่ผำที่อยู่ในบ่อขึ้นมา เพื่อปล่อยน้ำทิ้งล้างทำความสะอาดบ่อ เสร็จแล้วให้เติมน้ำใส่บ่อเข้าไปใหม่ เติมธาตุอาหารลงไป ทำเหมือนเดิมกับครั้งแรกทุกอย่าง แล้วปล่อยพันธุ์ผำลงไปเลี้ยงอีก 1 สัปดาห์ ช้อนผำที่เลี้ยงทั้งหมดมาล้างน้ำทำความสะอาด 4 ครั้ง สำหรับนำไปจำหน่ายแบบสด  เท่ากับว่าการเพาะเลี้ยงไข่ผำใช้เวลาเพียง 2 สัปดาห์ แต่ถ้าในกรณีนำไปเพาะพันธุ์ต่อ ใช้เวลาเลี้ยง 1 สัปดาห์ ก็สามารถเอาไปเพาะพันธุ์ต่อได้แล้ว  ซึ่งการเพาะเลี้ยงไม่ยุ่งยาก แต่ปัจจัยสำคัญหรืออุปสรรคที่ทำให้ผู้เพาะเลี้ยงผำไม่ประสบความสำเร็จ คือปัจจัยอุปสรรคในด้านสภาพอากาศและสารเคมี ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมได้ ปัญหาและอุปสรรคของการเพาะเลี้ยง “ไข่ผำ” พี่โป้ เล่าให้ฟังอีกว่า อุปสรรคทางด้านสภาพอากาศ โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนจะส่งผลกระทบทำให้ผลผลิตลดน้อยลง “ผำ” จะชอบอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 20-26 องศา ซึ่งถ้าอากาศร้อนไปกว่านี้จะส่งผลให้ปริมาณและอัตราการขยายตัวลดน้อยลง สารเคมี ไม่ว่าจะเป็นยาฆ่าหญ้า หรือสารเคมีชนิดอื่นๆ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผำไม่เจริญเติบโต ผำถือเป็นพืชที่เซนซิทีฟต่อสารเคมี หรืออีกนัยหนึ่งคือ ผำถือเป็นดัชนีชี้วัดได้ว่าพื้นที่ตรงนั้นไม่มีการใช้สารเคมีจริงๆ ที่ถึงแม้ว่าต่อให้ในพื้นที่สวนของเราไม่ใช้ แต่สวนรอบข้างเราใช้ หรือมีคนอื่นมาฉีดพ่นสารเคมีในบริเวณใกล้เคียง ก็ส่งผลทำให้ผำไม่เจริญเติบโตและตายได้เช่นกัน   วิธีการเก็บเกี่ยวผลผลิตไข่ผำ เมื่อเพาะเลี้ยงผำจนครบ 2 สัปดาห์ แล้ววิธีการเก็บไปขาย ให้เตรียมซึ้งนึ่งอาหารมาแล้วใช้ผ้าขาวบางรอง จากนั้นนำตาข่ายสีฟ้ามาวางทับผ้าขาวบางอีกชั้น แล้วช้อนผำขึ้นมาใส่ไว้ในตาข่ายสีฟ้า ใช้น้ำประปาล้างแล้วผำจะหล่นลงไปที่ผ้าขาวบางที่รองไว้ข้างล่าง พอได้ผำมาทั้งหมดให้นำไปล้างน้ำทำความสะอาดอีก 4 ครั้ง คือล้างแล้วบิด จนครบ 4 ครั้ง ถึงจะนำไปจำหน่ายได้ ความน่าสนใจของการเพาะเลี้ยงไข่ผำคือ ไข่ผำเป็นพืชที่ไม่ต้องใช้การดูแลมาก สามารถทำเป็นอาชีพเสริมได้สบายๆ เพาะใช้เวลาในการเพาะเลี้ยงเพียง 2 สัปดาห์ สามารถเก็บผลผลิตขายได้ และยังเป็นพืชที่มีอนาคตสดใส ด้วยคุณประโยชน์ที่ครบถ้วน สามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สร้างมูลค่าเพิ่มได้หลากหลาย  สำหรับไข่ผำที่ได้ทั้งสะอาดปลอดภัยจากสารเคมี พร้อมนำไปแปรรูปเป็นอาหารต่างๆ และจำหน่ายไข่ผำอินทรีย์แบบสดๆ กิโลกรัมละ 100 บาท หากแห้ง กิโลกรัมละ 2,500-3,000 บาท สามารถสร้างรายได้ทั้งขายสด และแปรรูป ให้กับชุมชนบ้านพระแท่นได้อย่างงาม เป็นหนึ่งในอาชีพที่จะสร้างการมีส่วนร่วมและความมั่นคงให้กับชุมชนได้อย่างยั่งยืน cr:web.codi.co.th
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 641 มุมมอง 0 รีวิว
  • มากินข้าวกันค่ะ
    เทมเป้กับน้ำพริกปลาทู
    พามารู้จักเทมเป้กันค่ะ

    โปรตีนสูง. แร่ธาตุและสารอาหารมากมาย

    #โปรตีนสูงย่อยง่ายเหมาะสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อ
    #โปรตีนที่ร่างกายนำไปใช้ได้เลย. คาร์บต่ำ
    #ใช้ทดแทนเนื้อสัตว์
    #เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องหารลดน้ำหนัก
    อิ่มนาน ลดการอยากอาหาร
    #ผู้ที่มีปัญหาขับถ่ายท้องผูก. เพราะมีกากใยสูง
    มีโพรไบโอติกและพรีไบโอติกจุลินทรีย์ที่ดีต่อลำใส้
    #บำรุงผิวพรรณชลอแก่. #ต้านอนุมูลอิสระ
    #ปรับฮอร์โมน ช่วยต้านอาการวัยทอง
    #มีวิตามินบี12 ที่พบในเนื้อสัตว์
    #บำรุงสมอง #บำรุงหลอดเลือด #บำรุงหัวใจ
    #แคลเซี่ยมสูง บำรุงกระดูก
    #อร่อยทานได้ทุกเพศทุกวัย
    #เหมาะสำหรับผู้ที่หลีกเลี่ยงเนี้อสัตว์. #มังสวิรัติ
    #ทานเจ. #วีแกน

    💢💢💢💢💢💢💢💢💢💢
    มากินข้าวกันค่ะ เทมเป้กับน้ำพริกปลาทู พามารู้จักเทมเป้กันค่ะ โปรตีนสูง. แร่ธาตุและสารอาหารมากมาย #โปรตีนสูงย่อยง่ายเหมาะสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อ #โปรตีนที่ร่างกายนำไปใช้ได้เลย. คาร์บต่ำ #ใช้ทดแทนเนื้อสัตว์ #เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องหารลดน้ำหนัก อิ่มนาน ลดการอยากอาหาร #ผู้ที่มีปัญหาขับถ่ายท้องผูก. เพราะมีกากใยสูง มีโพรไบโอติกและพรีไบโอติกจุลินทรีย์ที่ดีต่อลำใส้ #บำรุงผิวพรรณชลอแก่. #ต้านอนุมูลอิสระ #ปรับฮอร์โมน ช่วยต้านอาการวัยทอง #มีวิตามินบี12 ที่พบในเนื้อสัตว์ #บำรุงสมอง #บำรุงหลอดเลือด #บำรุงหัวใจ #แคลเซี่ยมสูง บำรุงกระดูก #อร่อยทานได้ทุกเพศทุกวัย #เหมาะสำหรับผู้ที่หลีกเลี่ยงเนี้อสัตว์. #มังสวิรัติ #ทานเจ. #วีแกน 💢💢💢💢💢💢💢💢💢💢
    Like
    Love
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 849 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนเล่นของ เช่น พกเครื่องรางของขลังต่างๆ หรือบางคน ที่มีการลงนะ สักยันต์ เพื่อเสริมดวงในด้านต่างๆ หรือพวกเมตตามหานิยม หรือบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แรงๆ เช่นท้าวเวสสุวรรณ พญานาค พ่อแก่ พญาครุฑ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ควรจะต้องมีการรักษาศีล 5 เป็นเบื้องต้น และควรสวดมนต์ไหว้พระทุกวัน ถ้ามิเช่นนั้นแล้วของอาจจะเข้าตัวได้

    ซึ่งทำให้เกิดอาการต่างๆดังนี้

    1.มีอารมณ์หงุดหงิดง่าย เหมือนเป็นไบโพล่า อารมณ์ขึ้นๆลงๆ

    2.จะรู้สึกหงุดหงิด ถ้าไปใกล้ชิดกับคนที่สวดมนต์ไหว้พระ และมีอาการไม่อยากเข้าวัด ไม่อยากสวดมนต์ไหว้พระ

    3.มีอาการชอบเก็บตัว ไม่อยากไปสุงสิงกับใคร

    4.จะเป็นโรคที่ไม่สามารถหาสาเหตุทางการแพทย์ได้ เป็นๆหายๆ ส่วนใหญ่ที่เจอ จะเป็นพวกเนื้องอก ถึงโรค ที่อันตรายร้ายแรง ขึ้นอยู่กับความแรงของของที่บูชา และตัวตนของคนที่บูชา ว่าเป็นคนที่มีศีลมีธรรม และปฏิบัติสวดมนต์ไหว้พระเป็นประจำหรือเปล่า โรคที่เกิดจากสิ่งมองไม่เห็น หรือบางคนมีอาการชอบปวดหัว ปวดท้อง ท้องผูก ระบบขับถ่าย กรดไหลย้อน มีลมในกระเพาะ เป็นแบบไม่รู้สาเหตุ หรือบางคนจะเป็นเกี่ยวกับโรคผิวหนังอยู่ดีๆก็คัน เป็นเม็ดผื่นโดยไม่ทราบสาเหตุ และอาการเหล่านี้จะชัดเจนช่วงวันพระวันโกน

    5.ดวงชะตาจะติดๆขัดๆ เพราะมีสิ่งที่มาปิดกั้นดวงชะตา ทำให้ดำเนินชีวิตได้อย่างไม่ราบรื่น

    6.นอนไม่ค่อยหลับ ชอบตื่นมากลางดึก หรือสะดุ้งตื่น ช่วงตี2 ตี3

    7.จะเจอแต่คนที่เล่นของเข้ามา หรือที่มีพลังงานแบบเรา เพราะมันจะดึงดูดเข้าหากัน

    8.คนที่อยู่ใกล้ตัวใกล้ชิดคนที่เล่นของ จะรู้สึกไม่ชอบเรา ไม่ถูกชะตาเรา เพราะมีพลังงานไม่ดีอยู่กับตัวเรา มันส่งผลกระทบกับเขา เขาจะหงุดหงิดตลอดเวลา หรือหาเรื่องเรา ยิ่งถ้าคนนั้นเป็นคนที่มีเซ้นส์ด้วยเขาก็จะรู้สึกมาก

    9.คนที่อยู่ใกล้ตัวใกล้ชิดคนเล่นของ โดยเฉพาะถ้าคนๆนั้นเป็นคนที่อ่อนแอ ขาดการสวดมนต์ไหว้พระ ขาดการรักษาศีล จะได้รับผลกระทบไปด้วย ไม่ว่าจะทำให้ดวงชะตาติดขัด หรือเกิดความเจ็บป่วย โรคภัยไข้เจ็บ หรือมีปัญหาอุปสรรคที่ทำให้ชีวิตไม่ราบรื่น
    -----------
    #คนเล่นของ #ดูดวงแม่นๆ #หมอดูแม่นๆ #อาจารย์เจโดมิโน่จิตสัมผัส #หมอฝนยิปซี
    คนเล่นของ เช่น พกเครื่องรางของขลังต่างๆ หรือบางคน ที่มีการลงนะ สักยันต์ เพื่อเสริมดวงในด้านต่างๆ หรือพวกเมตตามหานิยม หรือบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แรงๆ เช่นท้าวเวสสุวรรณ พญานาค พ่อแก่ พญาครุฑ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ควรจะต้องมีการรักษาศีล 5 เป็นเบื้องต้น และควรสวดมนต์ไหว้พระทุกวัน ถ้ามิเช่นนั้นแล้วของอาจจะเข้าตัวได้ ซึ่งทำให้เกิดอาการต่างๆดังนี้ 1.มีอารมณ์หงุดหงิดง่าย เหมือนเป็นไบโพล่า อารมณ์ขึ้นๆลงๆ 2.จะรู้สึกหงุดหงิด ถ้าไปใกล้ชิดกับคนที่สวดมนต์ไหว้พระ และมีอาการไม่อยากเข้าวัด ไม่อยากสวดมนต์ไหว้พระ 3.มีอาการชอบเก็บตัว ไม่อยากไปสุงสิงกับใคร 4.จะเป็นโรคที่ไม่สามารถหาสาเหตุทางการแพทย์ได้ เป็นๆหายๆ ส่วนใหญ่ที่เจอ จะเป็นพวกเนื้องอก ถึงโรค ที่อันตรายร้ายแรง ขึ้นอยู่กับความแรงของของที่บูชา และตัวตนของคนที่บูชา ว่าเป็นคนที่มีศีลมีธรรม และปฏิบัติสวดมนต์ไหว้พระเป็นประจำหรือเปล่า โรคที่เกิดจากสิ่งมองไม่เห็น หรือบางคนมีอาการชอบปวดหัว ปวดท้อง ท้องผูก ระบบขับถ่าย กรดไหลย้อน มีลมในกระเพาะ เป็นแบบไม่รู้สาเหตุ หรือบางคนจะเป็นเกี่ยวกับโรคผิวหนังอยู่ดีๆก็คัน เป็นเม็ดผื่นโดยไม่ทราบสาเหตุ และอาการเหล่านี้จะชัดเจนช่วงวันพระวันโกน 5.ดวงชะตาจะติดๆขัดๆ เพราะมีสิ่งที่มาปิดกั้นดวงชะตา ทำให้ดำเนินชีวิตได้อย่างไม่ราบรื่น 6.นอนไม่ค่อยหลับ ชอบตื่นมากลางดึก หรือสะดุ้งตื่น ช่วงตี2 ตี3 7.จะเจอแต่คนที่เล่นของเข้ามา หรือที่มีพลังงานแบบเรา เพราะมันจะดึงดูดเข้าหากัน 8.คนที่อยู่ใกล้ตัวใกล้ชิดคนที่เล่นของ จะรู้สึกไม่ชอบเรา ไม่ถูกชะตาเรา เพราะมีพลังงานไม่ดีอยู่กับตัวเรา มันส่งผลกระทบกับเขา เขาจะหงุดหงิดตลอดเวลา หรือหาเรื่องเรา ยิ่งถ้าคนนั้นเป็นคนที่มีเซ้นส์ด้วยเขาก็จะรู้สึกมาก 9.คนที่อยู่ใกล้ตัวใกล้ชิดคนเล่นของ โดยเฉพาะถ้าคนๆนั้นเป็นคนที่อ่อนแอ ขาดการสวดมนต์ไหว้พระ ขาดการรักษาศีล จะได้รับผลกระทบไปด้วย ไม่ว่าจะทำให้ดวงชะตาติดขัด หรือเกิดความเจ็บป่วย โรคภัยไข้เจ็บ หรือมีปัญหาอุปสรรคที่ทำให้ชีวิตไม่ราบรื่น ----------- #คนเล่นของ #ดูดวงแม่นๆ #หมอดูแม่นๆ #อาจารย์เจโดมิโน่จิตสัมผัส #หมอฝนยิปซี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 539 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🍋‍🟩Lime Essential oil

    ...น้ำมันหอมระเหย Lime มีสรรพคุณหลากหลาย อาทิเช่น..
    • ช่วยรักษาสุขภาพช่องปาก ดับกลิ่นปาก ต้านเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา
    • ช่วยเรื่องลดฝ้า ริ้วรอย บรรเทาอาการปวดแสบของแผล และลดอาการติดเชื้อได้
    • ช่วยทำความสะอาดร่างกายและต่อต้านเชื้อโรค
    • ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ เวียนหัว โดยเฉพาะผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์
    • ช่วยย่อยอาหาร ท้องผูก บรรเทาอาการไอ

    และอีกมากมาย

    ... น้ำมันหอมระเหยของร้าน Telvada เป็นน้ำมันเกรดบำบัด ออแกนิค 100 %...

    #telvada #essentialoils #everydayuse #น้ำมันหอมระเหย #สังคมต้องรู้ #tiktokuni #tiktokuni_th #aromatherapy #รู้หรือไม่ #tiktokแนะแนว #fyp #viral #tiktokthailand #foryourpage #fypシ#thaitmies
    🍋‍🟩Lime Essential oil ...น้ำมันหอมระเหย Lime มีสรรพคุณหลากหลาย อาทิเช่น.. • ช่วยรักษาสุขภาพช่องปาก ดับกลิ่นปาก ต้านเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา • ช่วยเรื่องลดฝ้า ริ้วรอย บรรเทาอาการปวดแสบของแผล และลดอาการติดเชื้อได้ • ช่วยทำความสะอาดร่างกายและต่อต้านเชื้อโรค • ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ เวียนหัว โดยเฉพาะผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ • ช่วยย่อยอาหาร ท้องผูก บรรเทาอาการไอ และอีกมากมาย ... น้ำมันหอมระเหยของร้าน Telvada เป็นน้ำมันเกรดบำบัด ออแกนิค 100 %... #telvada #essentialoils #everydayuse #น้ำมันหอมระเหย #สังคมต้องรู้ #tiktokuni #tiktokuni_th #aromatherapy #รู้หรือไม่ #tiktokแนะแนว #fyp #viral #tiktokthailand #foryourpage #fypシ゚ #thaitmies
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 405 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🫚 Ginger Essential oil

    ...น้ำมันหอมระเหย Ginger มีสรรพคุณหลากหลาย อาทิเช่น..
    • ช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียน ไม่อยากอาหาร กรดไหลย้อน และท้องผูก
    • ช่วยบรรเทาอารมณ์แปรปรวน
    • ช่วยให้สมองเพิ่มความสามารถในการจดจำ
    • ช่วยบรรเทากล้ามเนื้อกระตุก เกร็ง กระดูกสันหลัง และกระดูกหัก
    • ช่วยบรรเทาอาการคัดจมูก เป็นหวัด ไข้หวัดใหญ่ และเจ็บคอ

    และอีกมากมาย

    ... น้ำมันหอมระเหยของร้าน Telvada เป็นน้ำมันเกรดบำบัด ออแกนิค 100 %...

    #telvada #essentialoils #everydayuse #น้ำมันหอมระเหย #สังคมต้องรู้ #thaitimes#aromatherapy #รู้หรือไม่ # #fyp #viral
    🫚 Ginger Essential oil ...น้ำมันหอมระเหย Ginger มีสรรพคุณหลากหลาย อาทิเช่น.. • ช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียน ไม่อยากอาหาร กรดไหลย้อน และท้องผูก • ช่วยบรรเทาอารมณ์แปรปรวน • ช่วยให้สมองเพิ่มความสามารถในการจดจำ • ช่วยบรรเทากล้ามเนื้อกระตุก เกร็ง กระดูกสันหลัง และกระดูกหัก • ช่วยบรรเทาอาการคัดจมูก เป็นหวัด ไข้หวัดใหญ่ และเจ็บคอ และอีกมากมาย ... น้ำมันหอมระเหยของร้าน Telvada เป็นน้ำมันเกรดบำบัด ออแกนิค 100 %... #telvada #essentialoils #everydayuse #น้ำมันหอมระเหย #สังคมต้องรู้ #thaitimes#aromatherapy #รู้หรือไม่ # #fyp #viral
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1582 มุมมอง 0 รีวิว
  • วัคซีนไม่ช่วยป้องกันการเกิดลองโควิด
    5 กันยายน 2024
    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต

    อาการของลองโควิด (long covid) เป็นอาการที่เกิดขึ้นหลังจากที่ติดเชื้อไปแล้วไม่ว่าจะรุนแรงหรืออาการน้อยนิดก็ตาม
    และปรากฏได้หลังจากที่ฉีดวัคซีนไปแล้วโดยเรียกกันว่าเป็นลองวัคซีน หรือ ลองแวกซ์ (long vax) และอาการดำเนินต่อเนื่องยาวนานกว่าสามเดือนและทอดยาวเป็นปี

    โดยออกมาในรูปแบบของ
    • ระบบหัวใจและการหายใจ (cardiorespiratory) เหนื่อยแม้กระทั่งเวลาจะเดิน ยังเดินไม่ไหว ชีพจรและความดันผันผวน สูงลิบสลับกับต่ำเตี้ย จนกระทั่งเป็นลม ต้องนอนหรือนั่งเอนอนตลอดอาการในข้อนี้ ตรวจด้วยเครื่องมือและวิธีการต่างๆกลับไม่พบหรือหาสาเหตุไม่ได้ และในที่สุดถูกส่งไปรักษากับจิตแพทย์
    • ระบบสมองและประสาท รวมจิตอารมณ์ (neuropsychiatric) ทั้งสมองเสื่อม ความจำสั้นเลอะเลือน การนอนผิดปกติ อารมณ์หดหู่ ไปจนกระทั่งถึงอาการกระตุก มีโรคลมชักเกิดขึ้นใหม่ เป็นต้น และเกิดความบกพร่องทางฮอร์โมนการควบคุมประจำเดือน ความต้องการทางเพศจนกระทั่งถึงความล้มเหลวของการมีเพศสัมพันธ์ และภาวะอสุจิน้อยลงหรือผิดปกติ ทั้งนี้มีส่วนของการทำลายที่ระบบสืบพันธุ์โดยตรงด้วยเช่น ลูกอัณฑะ รังไข่ ความแปรปรวนทางด้านฮอร์โมนยังเกิดกับการควบคุมฮอร์โมนที่มาจากสมองส่งมายังต่อมไร้ท่อต่างๆ แต่ทั้งนี้ยังมีกลไกของการแพ้ภูมิตนเองทำให้เกิดเบาหวาน ที่ดื้ออินซูลิน จนกระทั่งถึงกลไกการทำลายตับอ่อนที่ผลิตอินซูลิน
    • ระบบเส้นประสาทกล้ามเนื้อ (neuromuscular) ทั้งชา เจ็บแสบ คัน ตามแขนขาและบริเวณส่วนต่างๆของร่างกาย และ/หรือ มีกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือตะคริว ตามมือแขนขา และส่วนต่างๆของร่างกายแม้กระทั่งใบหน้า
    • ภาวะอักเสบง่าย (proinflammatory) เกิดผื่นตุ่มหนองผมร่วง ปวดข้อเส้นเอ็นกล้ามเนื้อ การอักเสบยังรวมไปถึงลูกตาเปลือกตาหนังตา เจ็บแสบริมฝีปาก กระพุงแก้ม ลิ้นลำคอ ทั้งนี้เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันแปรปรวนเพิ่มสูงมากไปทำร้ายตัวเอง และระบบป้องกันเชื้อโรค ไม่ว่า จะเป็นไวรัสแบคทีเรียก็ตาม และที่ควบคุม เชื้อที่ซ่อนอยู่บกพร่องไม่ว่าจะเป็น เริม งูสวัด
    • ความผิดปกติของระบบหลอดเลือดหัวใจ สมอง และทั่วร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นหลอดเลือดดำหรือแดงก็ตาม เกิดเลือดหนืดข้นผนังหลอดเลือดอักเสบ และกระทบกล้ามเนื้อหัวใจ ก่อให้เกิดเส้นเลือดตันหรือแตกโดยเฉพาะสมอง และกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ หัวใจวายหรือ ทำให้ขัดขวางจังหวะการเต้นของหัวใจเกิดเสียชีวิตกระทันหันทั้งทั้งที่อายุน้อยแข็งแรงสมบูรณ์ไม่มีโรคประจำตัวก็ตามและถ้าสูงวัยและมีโรคประจำตัวด้วยจะยิ่งง่าย เข้าไปอีก
    • ความผิดปกติของการทำงานระบบทางเดินอาหาร เกิดลำไส้หงุดหงิด ท้องผูกอย่างรุนแรง สลับท้องเสีย เป็นผลจากการควบคุม จากสมองผ่านระบบประสาทลงมาอย่างกระเพาะอาหารและลำไส้

    วัคซีนโควิดที่ใช้นั้น มีวัตถุประสงค์ที่จะป้องกันการติดเชื้อ การแพร่เชื้อ และการอาการหนัก เข้าโรงพยาบาลหรือลดอัตราตาย แต่ทั้งหมดนี้ได้รับการยืนยันและเผยแพร่ทั่วไปแล้วว่าไม่สามารถป้องกันได้ (รายละเอียดได้มีการเผยแพร่ก่อนหน้านี้)
    อย่างไรก็ตามยังมีจุดประสงค์ที่จะสามารถลดอาการของลองโควิด ที่จะเกิด ตามมาและสามารถทอดยาวได้เป็นปี
    การศึกษานี้รายงานใน วารสาร open Forum Infectious Diseases ซึ่งเป็นวารสารทางการของ สมาคมโรคติดเชื้อของอเมริกา (IDSA) และ สมาคม HIV เป็น accepted manuscript แล้ว ในเดือน กันยายนนี้
    จากคณะทำงาน Mayo Clinic
    สาระสำคัญนั้นอยู่ที่การรายงานก่อนหน้านี้พบว่าการฉีดวัคซีนนั้นสามารถลดอัตราที่จะเกิดลองโควิดได้ แต่ข้อจำกัดก็คือรายงานเหล่านี้เป็นการสืบจากอาการสอบถาม ซึ่งอาจทำให้คลาดเคลื่อน แต่การศึกษานี้เป็นการยืนยันจากแพทย์ที่ได้ทำการวินิจฉัยวิเคราะห์และมีบันทึก ทางการแพทย์เป็นอิเล็กทรอนิกส์เรคคอร์ด
    การวิเคราะห์นี้ทำจากข้อมูลของผู้ที่ได้รับการยืนยันว่าติดโควิดจำนวนทั้งหมด 41,000 ราย และใช้โมเดลทางสถิติ multi variable logistic regression เพื่อประเมินความสัมพันธ์ระหว่างการฉีดวัคซีนและภาวะการเกิดลอง โควิด ทั้งนี้โดยการควบคุมตัวแปรทั้งหมด เช่นอายุ เพศเชื้อชาติ และโรคประจำตัวที่มีอยู่แล้ว
    ทั้งนี้ผลการศึกษาสามารถยืนยันและสรุปได้ชัดเจนว่าไม่มีความแตกต่างในการเกิดภาวะ ลองโควิด หรือที่เรียกอีกชื่อในทางการแพทย์ post acute sequelae of COVID-19 (PASC) ในระหว่างกลุ่มที่ไม่เคยได้รับวัคซีนเลย กลุ่มที่ได้รับวัคซีน mRNA สองเข็มและกลุ่มที่ได้รับวัคซีนมากกว่าสองเข็ม

    และต่างกับรายงานก่อนหน้านี้อย่างชัดเจนที่สรุปว่าภาวะลองโควิดนั้น ขึ้นอยู่กับสุขภาพหรือโรคประจำตัวก่อนที่ได้รับวัคซีน
    ทั้งนี้ปรากฏว่า ผู้ติดเชื้อทั้งหมดจะมี 6.9% ที่พัฒนาการเกิดภาวะ ลองโควิด
    และประการที่สำคัญยังพบว่าการฉีดวัคซีนนั้นไม่ป้องกันภาวะการเกิดลองโควิด ไม่ว่าเชื้อที่แพร่กระจายในขณะนั้นจะเป็นสายพันธุ์ใดก็ตาม ทั้ง อัลฟ่า เดลต้า และโอไมครอน
    แต่มีข้อสังเกตว่าในสายพันธุ์โอไมครอนนั้นจะเกิดภาวะลองโควิด ต่ำกว่า
    ดังนั้น สามารถที่จะได้หลักฐานข้อมูลว่าวัคซีนนั้นน่าจะไม่สามารถป้องกันการติด การแพร่ การพัฒนาการเกิดอาการหนัก รวมทั้งไม่สามารถป้องกันการเกิดลอง โควิดด้วย
    และที่สำคัญก็คือตัววัคซีนเองนั้นยังทำให้เกิดภาวะลอง วัคซีนได้โดยมีอาการเหมือนกับลองโควิดทุกประการ









    Open Forum Infectious Diseases is published by Oxford University Press on behalf of the Infectious Diseases Society of America (IDSA) and the HIV Medicine Association.

    The study, led by Dr. Melanie D. Swift and her team at Mayo Clinic, analyzed data from over 41,000 patients who tested positive for COVID.
    Researchers used multivariable logistic regression models to evaluate the correlation between vaccination status and long COVID, controlling for factors such as age, sex, race, and comorbidity index.

    According to the study, “No difference in the development of diagnosed PASC was observed between unvaccinated patients, those vaccinated with 2 doses of an mRNA vaccine, and those with >2 doses.”

    In contrast to earlier studies that relied on symptom surveys to assess long COVID risk, this study used electronic health records to track medically diagnosed cases of long COVID.
    “Most studies using symptom surveys found an association between pre-infection vaccination status and PASC symptoms, but studies of medically attended PASC are less common and have reported conflicting findings,” the study explained.
    The researchers found that approximately 6.9% of the patients developed long COVID, with no significant protection offered by the vaccine.

    the study noted that the risk of developing long COVID was lower for those infected during the Omicron variant period.
    However, “No interaction was found between vaccination status and predominant circulating SARS-CoV-2 variant (p=0.79).”



    chrome://external-file/Ofae495.pdf
    วัคซีนไม่ช่วยป้องกันการเกิดลองโควิด 5 กันยายน 2024 ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต อาการของลองโควิด (long covid) เป็นอาการที่เกิดขึ้นหลังจากที่ติดเชื้อไปแล้วไม่ว่าจะรุนแรงหรืออาการน้อยนิดก็ตาม และปรากฏได้หลังจากที่ฉีดวัคซีนไปแล้วโดยเรียกกันว่าเป็นลองวัคซีน หรือ ลองแวกซ์ (long vax) และอาการดำเนินต่อเนื่องยาวนานกว่าสามเดือนและทอดยาวเป็นปี โดยออกมาในรูปแบบของ • ระบบหัวใจและการหายใจ (cardiorespiratory) เหนื่อยแม้กระทั่งเวลาจะเดิน ยังเดินไม่ไหว ชีพจรและความดันผันผวน สูงลิบสลับกับต่ำเตี้ย จนกระทั่งเป็นลม ต้องนอนหรือนั่งเอนอนตลอดอาการในข้อนี้ ตรวจด้วยเครื่องมือและวิธีการต่างๆกลับไม่พบหรือหาสาเหตุไม่ได้ และในที่สุดถูกส่งไปรักษากับจิตแพทย์ • ระบบสมองและประสาท รวมจิตอารมณ์ (neuropsychiatric) ทั้งสมองเสื่อม ความจำสั้นเลอะเลือน การนอนผิดปกติ อารมณ์หดหู่ ไปจนกระทั่งถึงอาการกระตุก มีโรคลมชักเกิดขึ้นใหม่ เป็นต้น และเกิดความบกพร่องทางฮอร์โมนการควบคุมประจำเดือน ความต้องการทางเพศจนกระทั่งถึงความล้มเหลวของการมีเพศสัมพันธ์ และภาวะอสุจิน้อยลงหรือผิดปกติ ทั้งนี้มีส่วนของการทำลายที่ระบบสืบพันธุ์โดยตรงด้วยเช่น ลูกอัณฑะ รังไข่ ความแปรปรวนทางด้านฮอร์โมนยังเกิดกับการควบคุมฮอร์โมนที่มาจากสมองส่งมายังต่อมไร้ท่อต่างๆ แต่ทั้งนี้ยังมีกลไกของการแพ้ภูมิตนเองทำให้เกิดเบาหวาน ที่ดื้ออินซูลิน จนกระทั่งถึงกลไกการทำลายตับอ่อนที่ผลิตอินซูลิน • ระบบเส้นประสาทกล้ามเนื้อ (neuromuscular) ทั้งชา เจ็บแสบ คัน ตามแขนขาและบริเวณส่วนต่างๆของร่างกาย และ/หรือ มีกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือตะคริว ตามมือแขนขา และส่วนต่างๆของร่างกายแม้กระทั่งใบหน้า • ภาวะอักเสบง่าย (proinflammatory) เกิดผื่นตุ่มหนองผมร่วง ปวดข้อเส้นเอ็นกล้ามเนื้อ การอักเสบยังรวมไปถึงลูกตาเปลือกตาหนังตา เจ็บแสบริมฝีปาก กระพุงแก้ม ลิ้นลำคอ ทั้งนี้เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันแปรปรวนเพิ่มสูงมากไปทำร้ายตัวเอง และระบบป้องกันเชื้อโรค ไม่ว่า จะเป็นไวรัสแบคทีเรียก็ตาม และที่ควบคุม เชื้อที่ซ่อนอยู่บกพร่องไม่ว่าจะเป็น เริม งูสวัด • ความผิดปกติของระบบหลอดเลือดหัวใจ สมอง และทั่วร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นหลอดเลือดดำหรือแดงก็ตาม เกิดเลือดหนืดข้นผนังหลอดเลือดอักเสบ และกระทบกล้ามเนื้อหัวใจ ก่อให้เกิดเส้นเลือดตันหรือแตกโดยเฉพาะสมอง และกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ หัวใจวายหรือ ทำให้ขัดขวางจังหวะการเต้นของหัวใจเกิดเสียชีวิตกระทันหันทั้งทั้งที่อายุน้อยแข็งแรงสมบูรณ์ไม่มีโรคประจำตัวก็ตามและถ้าสูงวัยและมีโรคประจำตัวด้วยจะยิ่งง่าย เข้าไปอีก • ความผิดปกติของการทำงานระบบทางเดินอาหาร เกิดลำไส้หงุดหงิด ท้องผูกอย่างรุนแรง สลับท้องเสีย เป็นผลจากการควบคุม จากสมองผ่านระบบประสาทลงมาอย่างกระเพาะอาหารและลำไส้ วัคซีนโควิดที่ใช้นั้น มีวัตถุประสงค์ที่จะป้องกันการติดเชื้อ การแพร่เชื้อ และการอาการหนัก เข้าโรงพยาบาลหรือลดอัตราตาย แต่ทั้งหมดนี้ได้รับการยืนยันและเผยแพร่ทั่วไปแล้วว่าไม่สามารถป้องกันได้ (รายละเอียดได้มีการเผยแพร่ก่อนหน้านี้) อย่างไรก็ตามยังมีจุดประสงค์ที่จะสามารถลดอาการของลองโควิด ที่จะเกิด ตามมาและสามารถทอดยาวได้เป็นปี การศึกษานี้รายงานใน วารสาร open Forum Infectious Diseases ซึ่งเป็นวารสารทางการของ สมาคมโรคติดเชื้อของอเมริกา (IDSA) และ สมาคม HIV เป็น accepted manuscript แล้ว ในเดือน กันยายนนี้ จากคณะทำงาน Mayo Clinic สาระสำคัญนั้นอยู่ที่การรายงานก่อนหน้านี้พบว่าการฉีดวัคซีนนั้นสามารถลดอัตราที่จะเกิดลองโควิดได้ แต่ข้อจำกัดก็คือรายงานเหล่านี้เป็นการสืบจากอาการสอบถาม ซึ่งอาจทำให้คลาดเคลื่อน แต่การศึกษานี้เป็นการยืนยันจากแพทย์ที่ได้ทำการวินิจฉัยวิเคราะห์และมีบันทึก ทางการแพทย์เป็นอิเล็กทรอนิกส์เรคคอร์ด การวิเคราะห์นี้ทำจากข้อมูลของผู้ที่ได้รับการยืนยันว่าติดโควิดจำนวนทั้งหมด 41,000 ราย และใช้โมเดลทางสถิติ multi variable logistic regression เพื่อประเมินความสัมพันธ์ระหว่างการฉีดวัคซีนและภาวะการเกิดลอง โควิด ทั้งนี้โดยการควบคุมตัวแปรทั้งหมด เช่นอายุ เพศเชื้อชาติ และโรคประจำตัวที่มีอยู่แล้ว ทั้งนี้ผลการศึกษาสามารถยืนยันและสรุปได้ชัดเจนว่าไม่มีความแตกต่างในการเกิดภาวะ ลองโควิด หรือที่เรียกอีกชื่อในทางการแพทย์ post acute sequelae of COVID-19 (PASC) ในระหว่างกลุ่มที่ไม่เคยได้รับวัคซีนเลย กลุ่มที่ได้รับวัคซีน mRNA สองเข็มและกลุ่มที่ได้รับวัคซีนมากกว่าสองเข็ม และต่างกับรายงานก่อนหน้านี้อย่างชัดเจนที่สรุปว่าภาวะลองโควิดนั้น ขึ้นอยู่กับสุขภาพหรือโรคประจำตัวก่อนที่ได้รับวัคซีน ทั้งนี้ปรากฏว่า ผู้ติดเชื้อทั้งหมดจะมี 6.9% ที่พัฒนาการเกิดภาวะ ลองโควิด และประการที่สำคัญยังพบว่าการฉีดวัคซีนนั้นไม่ป้องกันภาวะการเกิดลองโควิด ไม่ว่าเชื้อที่แพร่กระจายในขณะนั้นจะเป็นสายพันธุ์ใดก็ตาม ทั้ง อัลฟ่า เดลต้า และโอไมครอน แต่มีข้อสังเกตว่าในสายพันธุ์โอไมครอนนั้นจะเกิดภาวะลองโควิด ต่ำกว่า ดังนั้น สามารถที่จะได้หลักฐานข้อมูลว่าวัคซีนนั้นน่าจะไม่สามารถป้องกันการติด การแพร่ การพัฒนาการเกิดอาการหนัก รวมทั้งไม่สามารถป้องกันการเกิดลอง โควิดด้วย และที่สำคัญก็คือตัววัคซีนเองนั้นยังทำให้เกิดภาวะลอง วัคซีนได้โดยมีอาการเหมือนกับลองโควิดทุกประการ Open Forum Infectious Diseases is published by Oxford University Press on behalf of the Infectious Diseases Society of America (IDSA) and the HIV Medicine Association. The study, led by Dr. Melanie D. Swift and her team at Mayo Clinic, analyzed data from over 41,000 patients who tested positive for COVID. Researchers used multivariable logistic regression models to evaluate the correlation between vaccination status and long COVID, controlling for factors such as age, sex, race, and comorbidity index. According to the study, “No difference in the development of diagnosed PASC was observed between unvaccinated patients, those vaccinated with 2 doses of an mRNA vaccine, and those with >2 doses.” In contrast to earlier studies that relied on symptom surveys to assess long COVID risk, this study used electronic health records to track medically diagnosed cases of long COVID. “Most studies using symptom surveys found an association between pre-infection vaccination status and PASC symptoms, but studies of medically attended PASC are less common and have reported conflicting findings,” the study explained. The researchers found that approximately 6.9% of the patients developed long COVID, with no significant protection offered by the vaccine. the study noted that the risk of developing long COVID was lower for those infected during the Omicron variant period. However, “No interaction was found between vaccination status and predominant circulating SARS-CoV-2 variant (p=0.79).” chrome://external-file/Ofae495.pdf
    Like
    Love
    15
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 1815 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประโยชน์ของ จุลินทรีย์ โพรไบโอติก

    จุลินทรีย์โพรไบโอติก ที่มีอยู่ใน ชาหมัก คอมบูชะ ( Kombucha ) สามารถแก้ไขปัญหาระบบทางเดินอาหาร และระบบขับถ่ายยากได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นอาการท้องผูก ลำไส้แปรปรวน โรคลำไส้ใหญ่อักเสบ อุจจาระร่วง เป็นต้น

    https://s.shopee.co.th/7paC1dSTMe
    ประโยชน์ของ จุลินทรีย์ โพรไบโอติก จุลินทรีย์โพรไบโอติก ที่มีอยู่ใน ชาหมัก คอมบูชะ ( Kombucha ) สามารถแก้ไขปัญหาระบบทางเดินอาหาร และระบบขับถ่ายยากได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นอาการท้องผูก ลำไส้แปรปรวน โรคลำไส้ใหญ่อักเสบ อุจจาระร่วง เป็นต้น https://s.shopee.co.th/7paC1dSTMe
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 337 มุมมอง 0 รีวิว
  • #พรรคส้มปล่อยไมไ่ด้แล้วอาการหนักขนาดนี้
    เจี๊ยบอมเกียร์ เตรี้ยหลังม๊อบ อาการหลังพรรคโดนยุบ
    โพสบ่งบอกถึงสุขภาพจิตที่เริ่มไม่ไหว
    อาจเพราะจากความชราที่แสดงออกมาทางผิวหนัง
    ที่ทั้งย้อย หย่อน ยาน จนเห็นได้ชัด
    ถ้ามีผู้สูงวัยที่บ้าน โพสแบบนี้
    ลูกหลานต้องพาไปหาศรีธัญญาด่วนมาก
    สำหรับ อี-ด-อ-ก ค-อ-ม-มิ-ว-นิ-ส ตกยุคตัวนี้นะ
    เดี๋ยวพอคดีย์ 112 ที่กำลังเข้าสู่กระบวนการทำงานนะ
    จะปรี๊ดยิ่งกว่านี้ ตลกอินี่ หมิ่นสถาบันก็ทำเอง
    หยามฟ้า ปลุกระดมทำเองหมด
    พอไม่ได้ดั่งใจก็โยนให้สถาบัน
    กฏหมายตัดสินก็โทษสถาบัน
    เมิงไม่ต้องโกรธใครให้ท้องผูกหรอก
    แ-ค้-นตัวเมิงเองนั่นแหละที่ ร่าง เ-ตี้-ย ยังไม่พอ
    สั-น-ด-า-น ยังต่ำตม สุรชัย ผัวคอมมิวยังต้อง
    แกล้งตุย หนีอินี่เลยคิดดู
    คนอย่างอินี่ ไม่จากไปอย่างสงบแน่นอน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #พรรคส้มปล่อยไมไ่ด้แล้วอาการหนักขนาดนี้ เจี๊ยบอมเกียร์ เตรี้ยหลังม๊อบ อาการหลังพรรคโดนยุบ โพสบ่งบอกถึงสุขภาพจิตที่เริ่มไม่ไหว อาจเพราะจากความชราที่แสดงออกมาทางผิวหนัง ที่ทั้งย้อย หย่อน ยาน จนเห็นได้ชัด ถ้ามีผู้สูงวัยที่บ้าน โพสแบบนี้ ลูกหลานต้องพาไปหาศรีธัญญาด่วนมาก สำหรับ อี-ด-อ-ก ค-อ-ม-มิ-ว-นิ-ส ตกยุคตัวนี้นะ เดี๋ยวพอคดีย์ 112 ที่กำลังเข้าสู่กระบวนการทำงานนะ จะปรี๊ดยิ่งกว่านี้ ตลกอินี่ หมิ่นสถาบันก็ทำเอง หยามฟ้า ปลุกระดมทำเองหมด พอไม่ได้ดั่งใจก็โยนให้สถาบัน กฏหมายตัดสินก็โทษสถาบัน เมิงไม่ต้องโกรธใครให้ท้องผูกหรอก แ-ค้-นตัวเมิงเองนั่นแหละที่ ร่าง เ-ตี้-ย ยังไม่พอ สั-น-ด-า-น ยังต่ำตม สุรชัย ผัวคอมมิวยังต้อง แกล้งตุย หนีอินี่เลยคิดดู คนอย่างอินี่ ไม่จากไปอย่างสงบแน่นอน #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 535 มุมมอง 0 รีวิว