• ผบ.ตร. สั่งเด้ง "พล.ต.ท.ทวีศิลป์" นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ช่วยราชการ กรณี "ทักษิณ" ชั้น 14
    https://www.thai-tai.tv/news/21717/
    .
    #ผบตร #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #พักใช้ใบอนุญาต #แพทยสภา #ทวีศิลป์เวชวิทารณ์ #นายแพทย์ใหญ่ #ช่วยราชการ #ไทยไท
    ผบ.ตร. สั่งเด้ง "พล.ต.ท.ทวีศิลป์" นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ช่วยราชการ กรณี "ทักษิณ" ชั้น 14 https://www.thai-tai.tv/news/21717/ . #ผบตร #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #พักใช้ใบอนุญาต #แพทยสภา #ทวีศิลป์เวชวิทารณ์ #นายแพทย์ใหญ่ #ช่วยราชการ #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • อาการหนัก! 'ทักษิณ' กล่าวหาคนไทยไม่รักกัน ไปเข้าข้างผู้นำเขมรไร้จริยธรรม
    ///////////////


    "ทักษิณ" ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอก พรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติงอิ๊งค์ขายชาติ บอก ปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล ‘คึกฤทธิ์’ บอกสุดท้ายบ้านเมืองไม่ไปไหน

    วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์
    นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รมช.ศึกษาธิการ และนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ นายปิฎก สุขสวัสดิ์ และนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ร่วมงาน
    จากนั้น เวลา 19.30 น.นายทักษิณ ขึ้นเวทีปาฐกถาว่า หลายเรื่องพูดมาตั้งแต่เป็นนายกฯ เมื่อ 20 ปีแล้ว แต่มันไม่ไป วันนี้ก็ไม่ไปไหน หลายเรื่องก็ถอยเสียไปด้วยซ้ำ ตนจากไปต่างประเทศหลายปี กลับมาหลายเรื่องแย่กว่าเดิม แต่หลายเรื่องก็ก้าวหน้ามาก โดยเฉพาะเรื่องภาคเอกชนหรือส่วนราชการที่มีคนเก่งๆ วันนี้ประเทศไทยเราต้องการความเชื่อมั่นในหมู่คนไทยด้วยกันก่อน วันนี้คนไทยด้วยกันบางทีก็ไม่เชื่อมั่นตัวเอง และไม่คิดจะ
    พยายามที่จะรวมพลังกัน มีความเป็นหนึ่งที่จะแก้ปัญหาด้วยกัน
    “เรื่องที่เกิดขึ้นกับกัมพูชา ผมก็แปลกใจผู้นำเขมรมันไร้จริยธรรมจะตาย แต่เรากลับไปเข้าข้างมัน ผมก็งงว่าวันนี้ทำไมคนไทยไม่รักกัน ทั้งที่สิ่งนี้ไม่น่าเกิด ไม่มีผู้นำคนไหนในโลกเขาทำกัน แต่เรากลับทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคที่เพิ่งหลุดจากพรรคร่วมรัฐบาล ก็กลับมามองว่า
    เป็นการขายชาติ เลยไม่รู้ว่าตกลงว่าเขาเป็นเขมรหรือเป็นไทย” นายทักษิณ กล่าว
    นายทักษิณ กล่าวต่อว่า วันนี้สิ่งที่ทำให้สะดุดปัญหาของประเทศที่ทำให้ประเทศนั้นชะงักอยู่ อันแรกคือปัญหาการเมือง ซึ่งรัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด เป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ที่ตอนนั้นพรรคไทยรักไทยเข้ามาจากการเลือกตั้งครั้งแรก โดย
    เป็นการขายนโยบาย และชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย แต่ตอนหลังความเข้มแข็งของพรรคไทยรักไทย หลังมีการปฏิวัติกลับถอยกลับ วันนี้การตั้งรัฐบาลผสมหลายๆ พรรค ต้องนึกถึงเมื่อ 51 ปีที่แล้วที่ไปช่วยราชการนายปรีดา พัฒนถาบุตร อดีตรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาล
    ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกฯ เหมือนกันเลยที่การเมืองไม่มีเสถียรภาพล้มกันไปล้มกันมา ผลสุดท้ายบ้านเมืองไม่ไปไหน ตนก็อยากจะขอร้องทุกคนว่าการเมืองเปลี่ยนแปลงได้ แต่บ้านเมืองต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องต่อไป ไม่ว่าการเมืองจะเป็นอย่างไร ข้าราชการ นักธุรกิจก็ทำงานต่อไป ใครเป็นรัฐบาลก็มีหน้าที่มาเสริมทำให้ภาคเอกชนแข็งแรง
    อาการหนัก! 'ทักษิณ' กล่าวหาคนไทยไม่รักกัน ไปเข้าข้างผู้นำเขมรไร้จริยธรรม /////////////// "ทักษิณ" ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอก พรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติงอิ๊งค์ขายชาติ บอก ปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล ‘คึกฤทธิ์’ บอกสุดท้ายบ้านเมืองไม่ไปไหน วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รมช.ศึกษาธิการ และนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ นายปิฎก สุขสวัสดิ์ และนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ร่วมงาน จากนั้น เวลา 19.30 น.นายทักษิณ ขึ้นเวทีปาฐกถาว่า หลายเรื่องพูดมาตั้งแต่เป็นนายกฯ เมื่อ 20 ปีแล้ว แต่มันไม่ไป วันนี้ก็ไม่ไปไหน หลายเรื่องก็ถอยเสียไปด้วยซ้ำ ตนจากไปต่างประเทศหลายปี กลับมาหลายเรื่องแย่กว่าเดิม แต่หลายเรื่องก็ก้าวหน้ามาก โดยเฉพาะเรื่องภาคเอกชนหรือส่วนราชการที่มีคนเก่งๆ วันนี้ประเทศไทยเราต้องการความเชื่อมั่นในหมู่คนไทยด้วยกันก่อน วันนี้คนไทยด้วยกันบางทีก็ไม่เชื่อมั่นตัวเอง และไม่คิดจะ พยายามที่จะรวมพลังกัน มีความเป็นหนึ่งที่จะแก้ปัญหาด้วยกัน “เรื่องที่เกิดขึ้นกับกัมพูชา ผมก็แปลกใจผู้นำเขมรมันไร้จริยธรรมจะตาย แต่เรากลับไปเข้าข้างมัน ผมก็งงว่าวันนี้ทำไมคนไทยไม่รักกัน ทั้งที่สิ่งนี้ไม่น่าเกิด ไม่มีผู้นำคนไหนในโลกเขาทำกัน แต่เรากลับทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคที่เพิ่งหลุดจากพรรคร่วมรัฐบาล ก็กลับมามองว่า เป็นการขายชาติ เลยไม่รู้ว่าตกลงว่าเขาเป็นเขมรหรือเป็นไทย” นายทักษิณ กล่าว นายทักษิณ กล่าวต่อว่า วันนี้สิ่งที่ทำให้สะดุดปัญหาของประเทศที่ทำให้ประเทศนั้นชะงักอยู่ อันแรกคือปัญหาการเมือง ซึ่งรัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด เป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ที่ตอนนั้นพรรคไทยรักไทยเข้ามาจากการเลือกตั้งครั้งแรก โดย เป็นการขายนโยบาย และชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย แต่ตอนหลังความเข้มแข็งของพรรคไทยรักไทย หลังมีการปฏิวัติกลับถอยกลับ วันนี้การตั้งรัฐบาลผสมหลายๆ พรรค ต้องนึกถึงเมื่อ 51 ปีที่แล้วที่ไปช่วยราชการนายปรีดา พัฒนถาบุตร อดีตรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาล ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกฯ เหมือนกันเลยที่การเมืองไม่มีเสถียรภาพล้มกันไปล้มกันมา ผลสุดท้ายบ้านเมืองไม่ไปไหน ตนก็อยากจะขอร้องทุกคนว่าการเมืองเปลี่ยนแปลงได้ แต่บ้านเมืองต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องต่อไป ไม่ว่าการเมืองจะเป็นอย่างไร ข้าราชการ นักธุรกิจก็ทำงานต่อไป ใครเป็นรัฐบาลก็มีหน้าที่มาเสริมทำให้ภาคเอกชนแข็งแรง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 547 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบ.ตร.สั่ง ผบก.กองบินตำรวจ ช่วยราชการ หลัง ฮ.ตก 2 ครั้งในเดือนเดียว สั่งจเรตำรวจสอบข้อเท็จจริง หวั่นบกพร่องต่อหน้าที่ กระทบภาพลักษณ์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000051055

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ผบ.ตร.สั่ง ผบก.กองบินตำรวจ ช่วยราชการ หลัง ฮ.ตก 2 ครั้งในเดือนเดียว สั่งจเรตำรวจสอบข้อเท็จจริง หวั่นบกพร่องต่อหน้าที่ กระทบภาพลักษณ์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000051055 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Sad
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1190 มุมมอง 0 รีวิว
  • ย้าย ผอ.รพ.หนองบัวแดง เข้าช่วยราชการสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ หลังก่อเหตุเมาแล้วขับฟอร์จูเนอร์ชนร้านอาหารและช่างภาพทีวีบาดเจ็บสาหัส 2 ราย ด้านตำรวจเตรียมแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ-ประมาททำผู้อื่นบาดเจ็บ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000040963

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ย้าย ผอ.รพ.หนองบัวแดง เข้าช่วยราชการสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ หลังก่อเหตุเมาแล้วขับฟอร์จูเนอร์ชนร้านอาหารและช่างภาพทีวีบาดเจ็บสาหัส 2 ราย ด้านตำรวจเตรียมแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ-ประมาททำผู้อื่นบาดเจ็บ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000040963 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Angry
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1002 มุมมอง 0 รีวิว
  • เส้นทางชีวิต พ.ต.อ. พกโพยสะเทือนยุติธรรม

    วีดีโอคลิปที่ตำรวจยศพันตำรวจเอก (พ.ต.อ.) นายหนึ่ง ถูกกรรมการคุมสอบจับได้ว่าพกเอกสารเข้ามาในห้องสอบ ในการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการประจำศาลปกครองชั้นต้น ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 15 มี.ค. เป็นที่วิจารณ์อย่างมาก ทำให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. สั่งให้ต้นสังกัดดำเนินการทางวินัยทันที หากเป็นความผิดฐานทุจริตการสอบจริงให้ถือเป็นวินัยร้ายแรง รวมทั้งให้พิจารณาสั่งให้พักหรือออกจากราชการไว้ก่อนด้วย

    พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พ.ต.อ. รายนี้เป็นข้าราชการตำรวจ ตำแหน่งรองผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 8 แต่มีคำสั่งไปช่วยราชการที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 (กอ.รมน.ภาค 4) ซึ่ง ผบ.ตร.สั่งตรวจสอบที่มาที่ไปของการไปช่วยราชการ ว่าเป็นการขาดจากต้นสังกัดหรือไม่ มีหน้าที่อะไร เป็นเวลาราชการหรือไม่ มีการลาถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ ย้ำว่าจะดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญา เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง

    ขณะที่ พ.ต.อ. กล่าวกับสื่อว่า อยู่ระหว่างดำเนินการด้านเอกสาร พร้อมยินดีชี้แจง แต่ไม่ขอก้าวล่วงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอปรึกษาผู้บังคับบัญชาว่าสามารถให้คำตอบได้มากน้อยเพียงใด เพราะไม่อยากสื่อสารให้เกิดความเข้าใจผิดหรือข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ส่วนสำนักงานศาลปกครองชี้แจงว่า เอกสารที่พบเป็นการคัดลอกตัวบทกฎหมาย ไม่ใช่แนวคำวินิจฉัยของศาล หรือธงคำตอบ อีกทั้งข้อสอบออกในวันที่มีการสอบ ผู้ออกข้อสอบไม่สามารถออกจากห้องสอบได้ และถูกตัดการสื่อสารทั้งหมด จนกว่าหมดเวลาเข้าห้องสอบ เพราะฉะนั้นข้อสอบไม่สามารถเล็ดลอดออกไปสู่บุคคลภายนอกได้

    สำหรับ พ.ต.อ. คนดังกล่าวอายุ 57 ปี ผ่านการเปลี่ยนชื่อมาแล้ว 3 ครั้ง เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 44 การศึกษาสูงสุดปริญญาเอก มีผลงานทางวิชาการสมัยเป็นนักศึกษาสาขาอาชญวิทยา มหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่ง เคยถูกย้ายไปเป็นรองผู้บังคับการฝึกพิเศษ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เมื่อปี 2562 และรองผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2 เมื่อปี 2566 ก่อนย้ายมาสังกัดปัจจุบัน แต่กลับไปช่วยราชการที่ กอ.รมน.ภาค 4 ทำหน้าที่ด้านกฎหมายและสิทธิมนุษยชนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ปี 2565 โดยไม่ไปที่ทำงานต้นสังกัด อ้างว่าไปช่วยราชการหน่วยอื่น

    แหล่งข่าวจากแวดวงตำรวจเปิดเผยผ่าน Newskit ตั้งข้อสังเกตว่า แรงจูงใจที่ไปช่วยราชการที่ กอ.รมน.ภาค 4 แทนที่จะอยู่ต้นสังกัด หนึ่งในนั้นอาจเป็นเรื่องวันทวีคูณ ที่หากใครเคยไปอยู่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็จะได้สิทธิ์นั้น

    #Newskit
    เส้นทางชีวิต พ.ต.อ. พกโพยสะเทือนยุติธรรม วีดีโอคลิปที่ตำรวจยศพันตำรวจเอก (พ.ต.อ.) นายหนึ่ง ถูกกรรมการคุมสอบจับได้ว่าพกเอกสารเข้ามาในห้องสอบ ในการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการประจำศาลปกครองชั้นต้น ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 15 มี.ค. เป็นที่วิจารณ์อย่างมาก ทำให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. สั่งให้ต้นสังกัดดำเนินการทางวินัยทันที หากเป็นความผิดฐานทุจริตการสอบจริงให้ถือเป็นวินัยร้ายแรง รวมทั้งให้พิจารณาสั่งให้พักหรือออกจากราชการไว้ก่อนด้วย พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พ.ต.อ. รายนี้เป็นข้าราชการตำรวจ ตำแหน่งรองผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 8 แต่มีคำสั่งไปช่วยราชการที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 (กอ.รมน.ภาค 4) ซึ่ง ผบ.ตร.สั่งตรวจสอบที่มาที่ไปของการไปช่วยราชการ ว่าเป็นการขาดจากต้นสังกัดหรือไม่ มีหน้าที่อะไร เป็นเวลาราชการหรือไม่ มีการลาถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ ย้ำว่าจะดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญา เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ขณะที่ พ.ต.อ. กล่าวกับสื่อว่า อยู่ระหว่างดำเนินการด้านเอกสาร พร้อมยินดีชี้แจง แต่ไม่ขอก้าวล่วงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอปรึกษาผู้บังคับบัญชาว่าสามารถให้คำตอบได้มากน้อยเพียงใด เพราะไม่อยากสื่อสารให้เกิดความเข้าใจผิดหรือข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ส่วนสำนักงานศาลปกครองชี้แจงว่า เอกสารที่พบเป็นการคัดลอกตัวบทกฎหมาย ไม่ใช่แนวคำวินิจฉัยของศาล หรือธงคำตอบ อีกทั้งข้อสอบออกในวันที่มีการสอบ ผู้ออกข้อสอบไม่สามารถออกจากห้องสอบได้ และถูกตัดการสื่อสารทั้งหมด จนกว่าหมดเวลาเข้าห้องสอบ เพราะฉะนั้นข้อสอบไม่สามารถเล็ดลอดออกไปสู่บุคคลภายนอกได้ สำหรับ พ.ต.อ. คนดังกล่าวอายุ 57 ปี ผ่านการเปลี่ยนชื่อมาแล้ว 3 ครั้ง เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 44 การศึกษาสูงสุดปริญญาเอก มีผลงานทางวิชาการสมัยเป็นนักศึกษาสาขาอาชญวิทยา มหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่ง เคยถูกย้ายไปเป็นรองผู้บังคับการฝึกพิเศษ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เมื่อปี 2562 และรองผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2 เมื่อปี 2566 ก่อนย้ายมาสังกัดปัจจุบัน แต่กลับไปช่วยราชการที่ กอ.รมน.ภาค 4 ทำหน้าที่ด้านกฎหมายและสิทธิมนุษยชนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ปี 2565 โดยไม่ไปที่ทำงานต้นสังกัด อ้างว่าไปช่วยราชการหน่วยอื่น แหล่งข่าวจากแวดวงตำรวจเปิดเผยผ่าน Newskit ตั้งข้อสังเกตว่า แรงจูงใจที่ไปช่วยราชการที่ กอ.รมน.ภาค 4 แทนที่จะอยู่ต้นสังกัด หนึ่งในนั้นอาจเป็นเรื่องวันทวีคูณ ที่หากใครเคยไปอยู่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็จะได้สิทธิ์นั้น #Newskit
    Like
    Sad
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1145 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบ.ตร.สั่งดำเนินการเด็ดขาด "รอง ผบก.อก.ภ.8" พกโพยเข้าห้องสอบตุลาการประจำศาลปกครองชั้นต้น ให้ต้นสังกัดตั้งสอบวินัยร้ายแรง ฐานเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง

    วันนี้ (17 มี.ค.) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึง กรณีสื่อสังคมออนไลน์ วิพากษ์วิจารณ์คลิป เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยศ พ.ต.อ. ถูกเจ้าหน้าที่คุมสอบ จับได้ว่า นำโพยเข้าไปห้องสอบ ตุลาการศาลปกครองชั้นต้นว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ทราบเรื่องแล้ว ได้สั่งการให้ตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่า เป็นข้าราชการตำรวจ ยศ พ.ต.อ.จริง ตำแหน่ง รอง ผบก.อก.ภ.8 แต่มีคำสั่ง ไปช่วยราชการที่ กอ.รมน.ภาค 4

    โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นในการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการประจำศาลปกครองชั้นต้น ที่ศูนย์ประชุมธรรมศาสตร์ รังสิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อบ่ายวันเสาร์ที่ 15 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ตุลาการศาลปกครองที่ทำหน้าที่ประจำหน่วยสอบได้ตรวจพบการทุจริตการสอบ นำโพยเข้าไปลอกในสนามสอบ จึงประสานมายังตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี (ภ.จว.ปทุมธานี)

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000025378

    #MGROnline #ศาลปกครองชั้นต้น
    ผบ.ตร.สั่งดำเนินการเด็ดขาด "รอง ผบก.อก.ภ.8" พกโพยเข้าห้องสอบตุลาการประจำศาลปกครองชั้นต้น ให้ต้นสังกัดตั้งสอบวินัยร้ายแรง ฐานเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง • วันนี้ (17 มี.ค.) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึง กรณีสื่อสังคมออนไลน์ วิพากษ์วิจารณ์คลิป เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยศ พ.ต.อ. ถูกเจ้าหน้าที่คุมสอบ จับได้ว่า นำโพยเข้าไปห้องสอบ ตุลาการศาลปกครองชั้นต้นว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ทราบเรื่องแล้ว ได้สั่งการให้ตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่า เป็นข้าราชการตำรวจ ยศ พ.ต.อ.จริง ตำแหน่ง รอง ผบก.อก.ภ.8 แต่มีคำสั่ง ไปช่วยราชการที่ กอ.รมน.ภาค 4 • โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นในการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการประจำศาลปกครองชั้นต้น ที่ศูนย์ประชุมธรรมศาสตร์ รังสิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อบ่ายวันเสาร์ที่ 15 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ตุลาการศาลปกครองที่ทำหน้าที่ประจำหน่วยสอบได้ตรวจพบการทุจริตการสอบ นำโพยเข้าไปลอกในสนามสอบ จึงประสานมายังตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี (ภ.จว.ปทุมธานี) • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000025378 • #MGROnline #ศาลปกครองชั้นต้น
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 962 มุมมอง 0 รีวิว
  • สั่งย้าย อธิบดีกรมวิชาการเกษตรเข้ากรุช่วยราชการที่กระทรวงเกษตร หลังมีหนังสือร้องเรียนเอื้อเอกชนเรียกรับเงินตรวจสอบ สาร BY2 ทุเรียนส่งออกและเอี่ยวก่อสร้างอาคารในสมัยนั่งเลขาฯ สศก.ที่ไม่สามารถตรวจรับงานได้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000024694
    สั่งย้าย อธิบดีกรมวิชาการเกษตรเข้ากรุช่วยราชการที่กระทรวงเกษตร หลังมีหนังสือร้องเรียนเอื้อเอกชนเรียกรับเงินตรวจสอบ สาร BY2 ทุเรียนส่งออกและเอี่ยวก่อสร้างอาคารในสมัยนั่งเลขาฯ สศก.ที่ไม่สามารถตรวจรับงานได้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000024694
    Like
    Love
    Angry
    6
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1459 มุมมอง 0 รีวิว
  • 5 ปี สิ้นผู้พิพากษา "คณากร" เสียงสะท้อนการแทรกแซงศาล คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน

    ย้อนรอยโศกนาฏกรรม 5 ปี "คณากร เพียรชนะ" ผู้พิพากษาที่มุ่งมั่นเรียกร้องความยุติธรรม แต่กลับจบชีวิต ด้วยปลายกระบอกปืนของตนเอง

    คดีที่สะเทือนศรัทธาในกระบวนการยุติธรรมไทย เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2563 นายคณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นศาลจังหวัดยะลา ได้ลั่นไกปืนปลิดชีพตนเอง ที่บ้านพักในอำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ในวัยเพียง 50 ปี การตัดสินใจครั้งสุดท้ายของผู้พิพากษาคณากรไม่เพียงเป็นโศกนาฏกรรมของชีวิต แต่ยังเป็นเสียงสะท้อนถึงปัญหา การแทรกแซงในกระบวนการยุติธรรมไทย ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข

    ก่อนหน้านี้ ผู้พิพากษาคณากร เคยพยายามยิงตัวเองในห้องพิจารณาคดีที่ 4 ศาลจังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2562 หลังจากอ่านคำพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 5 ในคดีความมั่นคง และเปิดเผยว่าถูก "แทรกแซงให้เปลี่ยนคำพิพากษา" โดยฝ่ายบริหารศาล

    "คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน"

    วลีนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้ เพื่อความยุติธรรมของตุลาการ ซึ่งยังคงถูกพูดถึง แม้เวลาจะล่วงเลยมา 5 ปี

    จากห้องพิจารณาคดี สู่การสูญเสีย
    4 ตุลาคม 2562 ผู้พิพากษาคณากร ยิงตัวเองครั้งแรกในห้องพิจารณาคดี ศาลจังหวัดยะลา
    ผู้พิพากษาคณากร พิจารณาคดีหมายเลขดำที่ 3428/2561 ซึ่งจำเลย 5 คน ถูกกล่าวหาว่าเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบ
    พยานหลักฐานอ่อน ไม่มีน้ำหนักพอจะลงโทษ จึงมีคำพิพากษาให้ยกฟ้องจำเลยทั้งหมด
    แต่ก่อนจะอ่านคำพิพากษา ผู้พิพากษาคณากรได้รับคำสั่งลับ ให้แก้ไขคำพิพากษา ตัดสินลงโทษจำเลย 3 คนให้ประหารชีวิต และอีก 2 คนให้จำคุกตลอดชีวิต
    ผู้พิพากษาคณากรปฏิเสธที่จะทำตามคำสั่ง และเผยแพร่คำแถลงการณ์ 25 หน้า ผ่านโซเชียลมีเดีย
    หลังอ่านคำพิพากษา ผู้พิพากษาคณากรยิงตัวเองบริเวณหัวใจ ต่อหน้าผู้เข้าฟังในห้องพิจารณาคดี แต่โชคดีรอดชีวิต

    🗣 "หากยอมแก้คำพิพากษา ก็เท่ากับว่า ผมไม่ได้เป็นผู้พิพากษาอีกต่อไป" คณากร เพียรชนะ จากคำแถลงการณ์ก่อนยิงตัวเอง

    7 มีนาคม 2563 ผู้พิพากษาคณากรปลิดชีพตนเองที่บ้านพัก
    ผู้พิพากษาคณากรถูกสั่งย้ายไปช่วยราชการ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 เชียงใหม่ และอยู่ระหว่างการสอบสวนวินัยร้ายแรง
    เช้าวันเสาร์ที่ 7 มีนาคม 2563 เวลา 08.00 น. ผู้พิพากษาคณากรเขียนจดหมายลา 2 หน้า และตัดสินใจ ยิงตัวเองเป็นครั้งที่สอง
    ภรรยากลับบ้านมาประสบเหตุ จึงเเจ้งรถพยาบาลนำส่งโรงพยาบาลดอยสะเก็ด เเต่เมื่อพบว่าอาการหนัก จึงทำการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลแมคคอร์มิค กระทั่งเสียชีวิตในเวลาต่อมา
    งานศพจัดขึ้นที่สุสานสันกู่เหล็ก เชียงใหม่ ท่ามกลางผู้พิพากษา และประชาชนร่วมไว้อาลัย

    เหตุการณ์นี้ได้ตอกย้ำ ถึงความสิ้นหวังของผู้พิพากษา ในระบบศาลไทย

    การแทรกแซงตุลาการ ปัญหาที่ผู้พิพากษาคณากรต่อสู้ หนึ่งในข้อเรียกร้องสำคัญ คือ
    การตรวจร่างคำพิพากษา ก่อนอ่านให้คู่ความฟัง
    การแทรกแซงคำพิพากษา โดยอธิบดีผู้พิพากษาภาค
    ความไม่เป็นธรรมทางการเงิน แก่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้น

    "ศาลต้องเป็นอิสระจากอำนาจทางการเมือง และอำนาจบริหารภายในองค์กร" นี่คือสิ่งที่ผู้พิพากษาคณากร พยายามต่อสู้มาตลอดชีวิต

    กรณีคดี 3428/2561 ที่ศาลจังหวัดยะลา ในคำแถลงการณ์ ผู้พิพากษาคณากรอ้างว่า อธิบดีผู้พิพากษาภาค 9 ได้สั่งให้เปลี่ยนคำพิพากษา โดยระบุว่า "หากยืนยันจะยกฟ้อง ก็ให้ขังจำเลยระหว่างอุทธรณ์"

    พยานหลักฐานทั้งหมดเกิดขึ้น ระหว่างที่จำเลยถูกควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก ซึ่งขัดต่อหลักนิติธรรม

    5 ปีผ่านไป คำถามยังคงอยู่ กระบวนการยุติธรรมของไทย มีอิสระจริงหรือไม่?

    คำแถลงการณ์สุดท้ายของผู้พิพากษาคณากร ก่อนตัดสินใจจบชีวิต ได้เขียนจดหมายลาฉบับสุดท้าย ซึ่งมีใจความว่า

    "ผมทำเพื่อความยุติธรรม ไม่เสียใจที่ได้กระทำ"
    "ขอให้ประชาชนเข้าใจว่า ผู้พิพากษาที่ดี ต้องมีอิสระในการตัดสิน"
    "คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน"

    เสียงสะท้อนจากสังคมและผลกระทบ
    การประท้วงทั่วประเทศ
    การเรียกร้องให้ปฏิรูประบบศาล
    การตื่นตัวของประชาชน เรื่องการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม

    5 ปีต่อมา ระบบศาลไทยเปลี่ยนไปหรือยัง?
    การตรวจร่างคำพิพากษายังคงมีอยู่
    ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นยังคงเผชิญแรงกดดัน ในการพิจารณาคดี
    กระบวนการยุติธรรมของไทย ยังคงถูกตั้งคำถาม

    5 ปีผ่านไป ปัญหายังไม่ถูกแก้ไข

    ชื่อของผู้พิพากษาคณากร ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ ของการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม
    เรื่องราวของผู้พิพากษาคณากร สะท้อนถึงปัญหาในกระบวนการยุติธรรมไทย ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
    "คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน" จะยังคงเป็นวลีที่สังคมต้องจดจำ

    "5 ปีผ่านไป อย่าให้เสียงของผู้พิพากษาคณากรถูกลืม"

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 070830 มี.ค. 2568

    #️⃣ #คณากรเพียรชนะ #คืนความยุติธรรมให้ประชาชน #ผู้พิพากษา #ปฏิรูประบบศาล #แทรกแซงตุลาการ #ความยุติธรรม #ศาลไทย #สิทธิมนุษยชน #ThailandJustice #FreeJudiciary
    5 ปี สิ้นผู้พิพากษา "คณากร" เสียงสะท้อนการแทรกแซงศาล คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน 📌 ย้อนรอยโศกนาฏกรรม 5 ปี "คณากร เพียรชนะ" ผู้พิพากษาที่มุ่งมั่นเรียกร้องความยุติธรรม แต่กลับจบชีวิต ด้วยปลายกระบอกปืนของตนเอง 🔍 คดีที่สะเทือนศรัทธาในกระบวนการยุติธรรมไทย เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2563 นายคณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นศาลจังหวัดยะลา ได้ลั่นไกปืนปลิดชีพตนเอง ที่บ้านพักในอำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ในวัยเพียง 50 ปี การตัดสินใจครั้งสุดท้ายของผู้พิพากษาคณากรไม่เพียงเป็นโศกนาฏกรรมของชีวิต แต่ยังเป็นเสียงสะท้อนถึงปัญหา การแทรกแซงในกระบวนการยุติธรรมไทย ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ก่อนหน้านี้ ผู้พิพากษาคณากร เคยพยายามยิงตัวเองในห้องพิจารณาคดีที่ 4 ศาลจังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2562 หลังจากอ่านคำพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 5 ในคดีความมั่นคง และเปิดเผยว่าถูก "แทรกแซงให้เปลี่ยนคำพิพากษา" โดยฝ่ายบริหารศาล 🛑 "คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน" วลีนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้ เพื่อความยุติธรรมของตุลาการ ซึ่งยังคงถูกพูดถึง แม้เวลาจะล่วงเลยมา 5 ปี ⚖️ จากห้องพิจารณาคดี สู่การสูญเสีย 📅 4 ตุลาคม 2562 ผู้พิพากษาคณากร ยิงตัวเองครั้งแรกในห้องพิจารณาคดี ศาลจังหวัดยะลา 📌 ผู้พิพากษาคณากร พิจารณาคดีหมายเลขดำที่ 3428/2561 ซึ่งจำเลย 5 คน ถูกกล่าวหาว่าเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบ 📌 พยานหลักฐานอ่อน ไม่มีน้ำหนักพอจะลงโทษ จึงมีคำพิพากษาให้ยกฟ้องจำเลยทั้งหมด 📌 แต่ก่อนจะอ่านคำพิพากษา ผู้พิพากษาคณากรได้รับคำสั่งลับ ให้แก้ไขคำพิพากษา ตัดสินลงโทษจำเลย 3 คนให้ประหารชีวิต และอีก 2 คนให้จำคุกตลอดชีวิต 📌 ผู้พิพากษาคณากรปฏิเสธที่จะทำตามคำสั่ง และเผยแพร่คำแถลงการณ์ 25 หน้า ผ่านโซเชียลมีเดีย 📌 หลังอ่านคำพิพากษา ผู้พิพากษาคณากรยิงตัวเองบริเวณหัวใจ ต่อหน้าผู้เข้าฟังในห้องพิจารณาคดี แต่โชคดีรอดชีวิต 🗣 "หากยอมแก้คำพิพากษา ก็เท่ากับว่า ผมไม่ได้เป็นผู้พิพากษาอีกต่อไป" คณากร เพียรชนะ จากคำแถลงการณ์ก่อนยิงตัวเอง 📅 7 มีนาคม 2563 ผู้พิพากษาคณากรปลิดชีพตนเองที่บ้านพัก 📌 ผู้พิพากษาคณากรถูกสั่งย้ายไปช่วยราชการ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 เชียงใหม่ และอยู่ระหว่างการสอบสวนวินัยร้ายแรง 📌 เช้าวันเสาร์ที่ 7 มีนาคม 2563 เวลา 08.00 น. ผู้พิพากษาคณากรเขียนจดหมายลา 2 หน้า และตัดสินใจ ยิงตัวเองเป็นครั้งที่สอง 📌 ภรรยากลับบ้านมาประสบเหตุ จึงเเจ้งรถพยาบาลนำส่งโรงพยาบาลดอยสะเก็ด เเต่เมื่อพบว่าอาการหนัก จึงทำการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลแมคคอร์มิค กระทั่งเสียชีวิตในเวลาต่อมา 📌 งานศพจัดขึ้นที่สุสานสันกู่เหล็ก เชียงใหม่ ท่ามกลางผู้พิพากษา และประชาชนร่วมไว้อาลัย 😔 เหตุการณ์นี้ได้ตอกย้ำ ถึงความสิ้นหวังของผู้พิพากษา ในระบบศาลไทย 🔍 การแทรกแซงตุลาการ ปัญหาที่ผู้พิพากษาคณากรต่อสู้ หนึ่งในข้อเรียกร้องสำคัญ คือ 📌 การตรวจร่างคำพิพากษา ก่อนอ่านให้คู่ความฟัง 📌 การแทรกแซงคำพิพากษา โดยอธิบดีผู้พิพากษาภาค 📌 ความไม่เป็นธรรมทางการเงิน แก่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้น 📢 "ศาลต้องเป็นอิสระจากอำนาจทางการเมือง และอำนาจบริหารภายในองค์กร" นี่คือสิ่งที่ผู้พิพากษาคณากร พยายามต่อสู้มาตลอดชีวิต 📌 กรณีคดี 3428/2561 ที่ศาลจังหวัดยะลา ในคำแถลงการณ์ ผู้พิพากษาคณากรอ้างว่า อธิบดีผู้พิพากษาภาค 9 ได้สั่งให้เปลี่ยนคำพิพากษา โดยระบุว่า "หากยืนยันจะยกฟ้อง ก็ให้ขังจำเลยระหว่างอุทธรณ์" 📌 พยานหลักฐานทั้งหมดเกิดขึ้น ระหว่างที่จำเลยถูกควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก ซึ่งขัดต่อหลักนิติธรรม 5 ปีผ่านไป คำถามยังคงอยู่ กระบวนการยุติธรรมของไทย มีอิสระจริงหรือไม่? 📜 คำแถลงการณ์สุดท้ายของผู้พิพากษาคณากร ก่อนตัดสินใจจบชีวิต ได้เขียนจดหมายลาฉบับสุดท้าย ซึ่งมีใจความว่า 📝 "ผมทำเพื่อความยุติธรรม ไม่เสียใจที่ได้กระทำ" 📝 "ขอให้ประชาชนเข้าใจว่า ผู้พิพากษาที่ดี ต้องมีอิสระในการตัดสิน" 📝 "คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน" 📊 เสียงสะท้อนจากสังคมและผลกระทบ 📌 การประท้วงทั่วประเทศ 📌 การเรียกร้องให้ปฏิรูประบบศาล 📌 การตื่นตัวของประชาชน เรื่องการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ⏳ 5 ปีต่อมา ระบบศาลไทยเปลี่ยนไปหรือยัง? 📌 การตรวจร่างคำพิพากษายังคงมีอยู่ 📌 ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นยังคงเผชิญแรงกดดัน ในการพิจารณาคดี 📌 กระบวนการยุติธรรมของไทย ยังคงถูกตั้งคำถาม 😔 5 ปีผ่านไป ปัญหายังไม่ถูกแก้ไข 📌 ชื่อของผู้พิพากษาคณากร ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ ของการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม 📌 เรื่องราวของผู้พิพากษาคณากร สะท้อนถึงปัญหาในกระบวนการยุติธรรมไทย ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข 📌 "คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน" จะยังคงเป็นวลีที่สังคมต้องจดจำ 📢 "5 ปีผ่านไป อย่าให้เสียงของผู้พิพากษาคณากรถูกลืม" ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 070830 มี.ค. 2568 #️⃣ #คณากรเพียรชนะ #คืนความยุติธรรมให้ประชาชน #ผู้พิพากษา #ปฏิรูประบบศาล #แทรกแซงตุลาการ #ความยุติธรรม #ศาลไทย #สิทธิมนุษยชน #ThailandJustice #FreeJudiciary
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1221 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภายหลัง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.เซ็นคำสั่งย้ายฟ้าผ่า พล.ต.ต.เอกราษฎร์ อินต๊ะสืบ รักษาราชการแทน ผบก.กองตรวจราชการ 6 มาช่วยราชการศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงปมถูกกล่าวหาเอี่ยว "เมียวดีคอมเพล็กซ์" แหล่งฟอกเงินผิดกฎหมายชายแดนไทย-เมียนมา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000013890

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ภายหลัง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.เซ็นคำสั่งย้ายฟ้าผ่า พล.ต.ต.เอกราษฎร์ อินต๊ะสืบ รักษาราชการแทน ผบก.กองตรวจราชการ 6 มาช่วยราชการศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงปมถูกกล่าวหาเอี่ยว "เมียวดีคอมเพล็กซ์" แหล่งฟอกเงินผิดกฎหมายชายแดนไทย-เมียนมา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000013890 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Angry
    Love
    14
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1083 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบ.ตร.เซ็นย้ายขาด "ผู้การตาก" ช่วยราชการ ศปก.ตร. พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ปมต่างชาติถูกแก๊งคอลฯ หลอกข้ามแดน ทำลายภาพลักษณ์ประเทศ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000013835

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผบ.ตร.เซ็นย้ายขาด "ผู้การตาก" ช่วยราชการ ศปก.ตร. พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ปมต่างชาติถูกแก๊งคอลฯ หลอกข้ามแดน ทำลายภาพลักษณ์ประเทศ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000013835 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 960 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบ.ตร. เซ็นย้ายขาด "ผู้การต๊ะ" ช่วยราชการศปก.ตร. พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงปมถูกกล่าวหาเอี่ยว "เมียวดีคอมเพล็กซ์" แหล่งฟอกเงิน ธุรกิจผิดกฎหมายชายแดน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000013813

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผบ.ตร. เซ็นย้ายขาด "ผู้การต๊ะ" ช่วยราชการศปก.ตร. พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงปมถูกกล่าวหาเอี่ยว "เมียวดีคอมเพล็กซ์" แหล่งฟอกเงิน ธุรกิจผิดกฎหมายชายแดน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000013813 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    11
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 989 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบ.ตร.เซ็นย้ายขาด "ผู้การตาก" ช่วยราชการศปก.ตร. พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ปมต่างชาติถูกแก๊งคอลฯ หลอกข้ามแดน ทำลายภาพลักษณ์ประเทศ
    .
    วันนี้ (11 ก.พ.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 64/2568 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจช่วยราชการและรักษาราชการแทน ใจความระบุว่า ด้วย สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับรายงานกรณีที่ปรากฏข่าวสารในสื่อมวลชนต่างๆ เผยแพร่ข่าวนักท่องเที่ยวถูกมิจฉาชีพหลอกลวงมาที่ประเทศไทยแล้วหายตัวไปบริเวณชายแดประเทศเมียนมา อีกทั้งมีการลักลอบข้ามชายแดนทางช่องทางธรรมชาติในเขตพื้นที่อ.แม่สอด และอ.แม่ระมาด จ.ตาก
    .
    กรณีดังกล่าวอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ โดยบริเวณที่เกิดเหตุอยู่ในพื้นที่ของสภ.แม่สอด สภ.แม่ระมาด และสภ.พบพระ จ.ตาก ที่อยู่ในความรับผิดชอบของ พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ เอมกมล ผู้บังคับการ ตำรวจภูธรจังหวัดตาก ซึ่งตำรวจภูธรภาค 6 ได้มีคำสั่งแต่งตั้งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว และมีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจระดับผู้กำกับการของ 3 สถานีตำรวจดังกล่าว ช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 6 โดยขาดจากการปฏิบัฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิมแล้ว
    .
    ต่อมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ เอมกมล เพื่อให้ให้ได้รายละเอียดข้อเท็จจริงที่ชัดเจนเพียงพอสำหรับการพิจารณาพฤติการณ์ และหลักฐานในเบื้องต้นว่ากรณีมีมูลที่ควรกล่าวหาว่าข้าราชการตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดวินัยหรือไม่ประการใด
    .
    เนื่องจากเป็นกรณีที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อีกทั้งมีกรณีเป็นที่สงสัยว่าข้าราชการตำรวจได้ประพฤติบกพร่องต่อหน้าที่ หรือมีกรณีเป็นที่สงสัยว่ากระทำความผิดทางวินัยหรืออาญา หากให้ปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานเดิมอาจก่อให้เกิดความเสียหายได้
    .
    ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ และมีให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 63 และมาตรา 105 แห่งพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ประกอบระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจ ไปช่วยราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2566
    .
    จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ช่วยราชการที่ ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาคาร 1 ชั้น 20 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบหมาย เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย
    .
    ทั้งนี้ ให้ยกเว้นหลักเกณฑ์กรณีการไปช่วยราชการสิ้นสุดลง ตามข้อ 11 ของระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปช่วยราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2566 และให้ พล.ต.ต.ระวีพรรษ อมรมุนีพงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูรภาค 6 รักษาราชการแทน ผู้บังคับการ ตำรวจภูธรจังหวัดตาก อีกหน้าที่หนึ่ง
    .
    ขณะเดียวกันพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ลงนามคำสั่ง ตร.ที่ 62/2568เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ใจความว่า ด้วยเมื่อประมาณต้นเดือนมกราคม 2568ได้ปรากฏข่าวสารในสื่อมวลชนต่างๆ เผยแพร่ข่าวนักท่องเที่ยวถูกมิจฉาชีพหลอกลวงมาประเทศไทย แล้วหายตัวไปบริเวณชายแดนเมียนมา และมีการลักลอบข้ามชายแดน ทางช่องทางธรรมชาติในเขตอ.แม่สอด อ.แม่ระมาด และอ.พบพระ จ.ตาก กรณีดังกล่าวอาจเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ซึ่งส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
    .
    โดยบริเวณที่เกิดเหตุอยู่ในเขตพื้นที่ 3 สถานีตำรวจ ในความรับผิดชอบของพล.ต.ต.สัมฤทธิ์ เอมกมล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก ประกอบกับ ตำรวจภูธรภาค 6 ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวและมีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจ 3 ราย พ.ต.อ.พิทยากร เพชรรัตน์ ผกก.สภ.แม่สอด จ.ตาก พ.ต.อ.ฐมณ์พงศ์ เพ็ชร์พิรุณ ผกก.สภ.แม่ระมาด จ.ตาก และพ.ต.อ.ฉัตรชัย คำยิ่ง ผกก.สภ.พบพระ จ.ตาก ช่วยราชการที่ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจฎรรภาค 6 โดยขาดจากการปฏิบัฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม
    .
    ดังนั้น เพื่อให้ได้รายละเอียดขัดเท็จจริงที่ชัดเจนเพียงพอสำหรับการพิจารมารณ์และหลักฐานในเบื้องต้น ว่ากรณีมีมูลที่ควรกล่าวหาว่าข้าราชการตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกระทำผิดวินัยหรือไม่ประการใด อาศัยอำนาจตามพ.ร.บ ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 63 และมาตรา 105
    .
    จึงแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว ประกอบด้วยบุคคลดังต่อไปนี้
    .
    1. พล.ต.ท.มนเทียร พันธ์อิ่ม จเรตำรวจ เป็นประธานกรรมการ
    .
    2. พล.ต.ต.พุฒิพงศ์ มุสิกูล รองจเรตำรวจ สำนักงานจเรตำรวจ เป็นกรรมการ
    .
    3. พ.ต.อ.สรัลพัฒน์ ยศสมบัติ รองผู้บังคับการ กองตรวจราชการ 7 รักษาราชการแทนผู้บังคับการ กองตรวจราชการ 2 สำนักงานจเรตำรวจ เป็นกรรมการ
    .
    4. พ.ต.อ.ชัชวาลย์ ทิพย์พิชัย รองผู้บังคับการ กองตรวจราชการ 1 สำนักงานจเรตำรวจ เป็นกรรมการ
    .
    5. พ.ต.อ.กฤษฎีชวินทร์ วีระจิตต์ ผู้กำกับการ ฝ่ายสืบสวนและตรวจราชการ 1 กองตรวจราชการ 2 สำนักงานจเรตำรวจ เป็นกรรมการและเลขานุการ
    .
    6. พ.ต.ท.ศิริพล บุญหนุน รองผู้กำกับการ ฝ่ายสืบสวนและตรวจราชการ 2 กองตรวจราชการ 2 สำนักงานจเรตำรวจ เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
    .
    ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ประธานกรรมการรับทราบคำสั่ง แล้วเสนอรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป
    .
    อนึ่ง ถ้าคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เห็นว่ากรณีมีมูลว่าข้าราชการตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกระทำผิดวินัยในเรื่องอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในคำสั่งนี้ หรือกรณีที่การสืบสวนพาดพิงไปถึงข้าราชการตำรวจผู้อื่นและคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงพิจารณาในเบื้องตันแล้วเห็นว่า ข้าราชการตำรวจผู้นั้นมีส่วนร่วมหรือมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำในเรื่องที่ตรวจสอบนั้นอยู่ด้วย ให้ประธานกรรมการรายงานมาโดยเร็ว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000013855
    .........
    Sondhi X
    ผบ.ตร.เซ็นย้ายขาด "ผู้การตาก" ช่วยราชการศปก.ตร. พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ปมต่างชาติถูกแก๊งคอลฯ หลอกข้ามแดน ทำลายภาพลักษณ์ประเทศ . วันนี้ (11 ก.พ.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 64/2568 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจช่วยราชการและรักษาราชการแทน ใจความระบุว่า ด้วย สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับรายงานกรณีที่ปรากฏข่าวสารในสื่อมวลชนต่างๆ เผยแพร่ข่าวนักท่องเที่ยวถูกมิจฉาชีพหลอกลวงมาที่ประเทศไทยแล้วหายตัวไปบริเวณชายแดประเทศเมียนมา อีกทั้งมีการลักลอบข้ามชายแดนทางช่องทางธรรมชาติในเขตพื้นที่อ.แม่สอด และอ.แม่ระมาด จ.ตาก . กรณีดังกล่าวอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ โดยบริเวณที่เกิดเหตุอยู่ในพื้นที่ของสภ.แม่สอด สภ.แม่ระมาด และสภ.พบพระ จ.ตาก ที่อยู่ในความรับผิดชอบของ พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ เอมกมล ผู้บังคับการ ตำรวจภูธรจังหวัดตาก ซึ่งตำรวจภูธรภาค 6 ได้มีคำสั่งแต่งตั้งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว และมีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจระดับผู้กำกับการของ 3 สถานีตำรวจดังกล่าว ช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 6 โดยขาดจากการปฏิบัฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิมแล้ว . ต่อมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ เอมกมล เพื่อให้ให้ได้รายละเอียดข้อเท็จจริงที่ชัดเจนเพียงพอสำหรับการพิจารณาพฤติการณ์ และหลักฐานในเบื้องต้นว่ากรณีมีมูลที่ควรกล่าวหาว่าข้าราชการตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดวินัยหรือไม่ประการใด . เนื่องจากเป็นกรณีที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อีกทั้งมีกรณีเป็นที่สงสัยว่าข้าราชการตำรวจได้ประพฤติบกพร่องต่อหน้าที่ หรือมีกรณีเป็นที่สงสัยว่ากระทำความผิดทางวินัยหรืออาญา หากให้ปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานเดิมอาจก่อให้เกิดความเสียหายได้ . ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ และมีให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 63 และมาตรา 105 แห่งพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ประกอบระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจ ไปช่วยราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2566 . จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ช่วยราชการที่ ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาคาร 1 ชั้น 20 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบหมาย เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย . ทั้งนี้ ให้ยกเว้นหลักเกณฑ์กรณีการไปช่วยราชการสิ้นสุดลง ตามข้อ 11 ของระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปช่วยราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2566 และให้ พล.ต.ต.ระวีพรรษ อมรมุนีพงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูรภาค 6 รักษาราชการแทน ผู้บังคับการ ตำรวจภูธรจังหวัดตาก อีกหน้าที่หนึ่ง . ขณะเดียวกันพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ลงนามคำสั่ง ตร.ที่ 62/2568เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ใจความว่า ด้วยเมื่อประมาณต้นเดือนมกราคม 2568ได้ปรากฏข่าวสารในสื่อมวลชนต่างๆ เผยแพร่ข่าวนักท่องเที่ยวถูกมิจฉาชีพหลอกลวงมาประเทศไทย แล้วหายตัวไปบริเวณชายแดนเมียนมา และมีการลักลอบข้ามชายแดน ทางช่องทางธรรมชาติในเขตอ.แม่สอด อ.แม่ระมาด และอ.พบพระ จ.ตาก กรณีดังกล่าวอาจเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ซึ่งส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ . โดยบริเวณที่เกิดเหตุอยู่ในเขตพื้นที่ 3 สถานีตำรวจ ในความรับผิดชอบของพล.ต.ต.สัมฤทธิ์ เอมกมล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก ประกอบกับ ตำรวจภูธรภาค 6 ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวและมีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจ 3 ราย พ.ต.อ.พิทยากร เพชรรัตน์ ผกก.สภ.แม่สอด จ.ตาก พ.ต.อ.ฐมณ์พงศ์ เพ็ชร์พิรุณ ผกก.สภ.แม่ระมาด จ.ตาก และพ.ต.อ.ฉัตรชัย คำยิ่ง ผกก.สภ.พบพระ จ.ตาก ช่วยราชการที่ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจฎรรภาค 6 โดยขาดจากการปฏิบัฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม . ดังนั้น เพื่อให้ได้รายละเอียดขัดเท็จจริงที่ชัดเจนเพียงพอสำหรับการพิจารมารณ์และหลักฐานในเบื้องต้น ว่ากรณีมีมูลที่ควรกล่าวหาว่าข้าราชการตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกระทำผิดวินัยหรือไม่ประการใด อาศัยอำนาจตามพ.ร.บ ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 63 และมาตรา 105 . จึงแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว ประกอบด้วยบุคคลดังต่อไปนี้ . 1. พล.ต.ท.มนเทียร พันธ์อิ่ม จเรตำรวจ เป็นประธานกรรมการ . 2. พล.ต.ต.พุฒิพงศ์ มุสิกูล รองจเรตำรวจ สำนักงานจเรตำรวจ เป็นกรรมการ . 3. พ.ต.อ.สรัลพัฒน์ ยศสมบัติ รองผู้บังคับการ กองตรวจราชการ 7 รักษาราชการแทนผู้บังคับการ กองตรวจราชการ 2 สำนักงานจเรตำรวจ เป็นกรรมการ . 4. พ.ต.อ.ชัชวาลย์ ทิพย์พิชัย รองผู้บังคับการ กองตรวจราชการ 1 สำนักงานจเรตำรวจ เป็นกรรมการ . 5. พ.ต.อ.กฤษฎีชวินทร์ วีระจิตต์ ผู้กำกับการ ฝ่ายสืบสวนและตรวจราชการ 1 กองตรวจราชการ 2 สำนักงานจเรตำรวจ เป็นกรรมการและเลขานุการ . 6. พ.ต.ท.ศิริพล บุญหนุน รองผู้กำกับการ ฝ่ายสืบสวนและตรวจราชการ 2 กองตรวจราชการ 2 สำนักงานจเรตำรวจ เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ . ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ประธานกรรมการรับทราบคำสั่ง แล้วเสนอรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป . อนึ่ง ถ้าคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เห็นว่ากรณีมีมูลว่าข้าราชการตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกระทำผิดวินัยในเรื่องอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในคำสั่งนี้ หรือกรณีที่การสืบสวนพาดพิงไปถึงข้าราชการตำรวจผู้อื่นและคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงพิจารณาในเบื้องตันแล้วเห็นว่า ข้าราชการตำรวจผู้นั้นมีส่วนร่วมหรือมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำในเรื่องที่ตรวจสอบนั้นอยู่ด้วย ให้ประธานกรรมการรายงานมาโดยเร็ว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000013855 ......... Sondhi X
    Like
    14
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2424 มุมมอง 2 รีวิว
  • ผบ.ตร. เซ็นย้ายขาด "ต๊ะ แม่สอด" ช่วยราชการศปก.ตร. พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงปมถูกกล่าวหาเอี่ยว "เมียวดีคอมเพล็กซ์" แหล่งฟอกเงิน ธุรกิจผิดกฎหมายชายแดน
    .
    วันนี้ (11 ก.พ.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 63/2568 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจช่วยราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใจความว่า ด้วย สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับรายงานกรณีที่ปรากฏข้อมูลประเด็นทางสื่อสังคมออนไลน์ ว่ามีข้าราชการตำรวจยศ พลตำรวจตรี มีความเชื่อมโยงกับธุรกิจเมียวดีคอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นสถานบันเทิงและบ่อนกาสิโน รวมทั้งเป็นแหล่งฟอกเงินและธุรกิจผิดกฎหมายขนาดใหญ่ ริมชายแดนประเทศไทยและประเทศเมียนมา
    .
    ซึ่งภายหลังได้มีการเปิดเผยชื่อคือ พล.ต.ต.เอกราษฎร์ อินทร์ต๊ะสืบ ผู้บังคับการ กองตรวจราชการ 5 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว เพื่อให้ได้รายละเอียดข้อเท็จจริงที่ชัดเจนเพียงพอสำหรับการพิจารณาพฤติการณ์และหลักฐานในเบื้องต้นว่ากรณีมีมูลที่ควรกล่าวหาว่าข้าราชการตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดวินัยหรือไม่ประการใด
    .
    เนื่องจากเป็นประเด็นสำคัญที่อยู่ในความสนใจของประชาชนและสังคมในวงกว้าง ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อีกทั้งมีกรณีเป็นที่สงสัยว่าข้าราชการตำรวจได้ประพฤติบกพร่องต่อหน้าที่ หรือมีกรณีเป็นที่สงสัยว่ากระทำความผิดทางวินัยหรืออาญา หากให้ปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานเดิมอาจก่อให้เกิดความเสียหายได้
    .
    ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ และมีให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 63 แห่งพระราชบัญญัติตํตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ประกอบระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปช่วยราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2566
    .
    จึงให้ พล.ต.ต. เอกราษฎร์ อินทร์ต๊ะสืบ ผู้บังคับการ กองตรวจราชการ 5 รักษาราชการแทน ผู้บังคับการกองตรวจราชการ 6 ช่วยราชการที่ ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาคาร 1 ชั้น 20 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มอบหมาย เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย
    .
    ทั้งนี้ ให้ยกเว้นหลักเกณฑ์กรณีการไปช่วยราชการสิ้นสุดลงตามข้อ 11 และข้อ 13 (2) ของระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วย
    การสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปช่วยราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2566
    .
    อนึ่ง บรรดาคำสั่งหรือการมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่อื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับคำสั่งนี้ ให้ยกเลิกในส่วนที่ขัดหรือแย้งและใช้คำสั่งนี้แทน
    .
    ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
    .
    คลิกอ่าน >> https://sondhitalk.com/detail/9680000013813
    ......
    Sondhi X
    ผบ.ตร. เซ็นย้ายขาด "ต๊ะ แม่สอด" ช่วยราชการศปก.ตร. พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงปมถูกกล่าวหาเอี่ยว "เมียวดีคอมเพล็กซ์" แหล่งฟอกเงิน ธุรกิจผิดกฎหมายชายแดน . วันนี้ (11 ก.พ.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 63/2568 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจช่วยราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใจความว่า ด้วย สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับรายงานกรณีที่ปรากฏข้อมูลประเด็นทางสื่อสังคมออนไลน์ ว่ามีข้าราชการตำรวจยศ พลตำรวจตรี มีความเชื่อมโยงกับธุรกิจเมียวดีคอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นสถานบันเทิงและบ่อนกาสิโน รวมทั้งเป็นแหล่งฟอกเงินและธุรกิจผิดกฎหมายขนาดใหญ่ ริมชายแดนประเทศไทยและประเทศเมียนมา . ซึ่งภายหลังได้มีการเปิดเผยชื่อคือ พล.ต.ต.เอกราษฎร์ อินทร์ต๊ะสืบ ผู้บังคับการ กองตรวจราชการ 5 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว เพื่อให้ได้รายละเอียดข้อเท็จจริงที่ชัดเจนเพียงพอสำหรับการพิจารณาพฤติการณ์และหลักฐานในเบื้องต้นว่ากรณีมีมูลที่ควรกล่าวหาว่าข้าราชการตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดวินัยหรือไม่ประการใด . เนื่องจากเป็นประเด็นสำคัญที่อยู่ในความสนใจของประชาชนและสังคมในวงกว้าง ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อีกทั้งมีกรณีเป็นที่สงสัยว่าข้าราชการตำรวจได้ประพฤติบกพร่องต่อหน้าที่ หรือมีกรณีเป็นที่สงสัยว่ากระทำความผิดทางวินัยหรืออาญา หากให้ปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานเดิมอาจก่อให้เกิดความเสียหายได้ . ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ และมีให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 63 แห่งพระราชบัญญัติตํตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ประกอบระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปช่วยราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2566 . จึงให้ พล.ต.ต. เอกราษฎร์ อินทร์ต๊ะสืบ ผู้บังคับการ กองตรวจราชการ 5 รักษาราชการแทน ผู้บังคับการกองตรวจราชการ 6 ช่วยราชการที่ ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาคาร 1 ชั้น 20 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มอบหมาย เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย . ทั้งนี้ ให้ยกเว้นหลักเกณฑ์กรณีการไปช่วยราชการสิ้นสุดลงตามข้อ 11 และข้อ 13 (2) ของระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วย การสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปช่วยราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2566 . อนึ่ง บรรดาคำสั่งหรือการมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่อื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับคำสั่งนี้ ให้ยกเลิกในส่วนที่ขัดหรือแย้งและใช้คำสั่งนี้แทน . ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง . คลิกอ่าน >> https://sondhitalk.com/detail/9680000013813 ...... Sondhi X
    SONDHITALK.COM
    ผบ.ตร.เซ็นเด้ง "ผู้การต๊ะ" ตั้งกก.สอบปมเอี่ยว "เมียวดีคอมเพล็กซ์"
    ผบ.ตร. สั่งเด้ง นายพล ต.เต่า ถูกกล่าวหา โยงกับเมียวดีคอมเพล็กซ์11 ก.พ. 2568 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 63/2568 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจช่วยราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใจความระบุว่
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 426 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ภูมิธรรม' สั่งตัดไฟเมียนมาวันนี้ ฮึ่ม กฟภ. เกียร์ว่างเจอยืมตัวช่วยราชการ 04/02/68 #ภูมิธรรม #ตัดไฟเมียนมา #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #กฟภ.
    'ภูมิธรรม' สั่งตัดไฟเมียนมาวันนี้ ฮึ่ม กฟภ. เกียร์ว่างเจอยืมตัวช่วยราชการ 04/02/68 #ภูมิธรรม #ตัดไฟเมียนมา #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #กฟภ.
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 845 มุมมอง 20 0 รีวิว
  • 'บิ๊กต่าย' ประกาศกฎเหล็ก โยกย้ายรอง ผบก.ต้องเป๊ะ
    .
    การแต่งตั้งนายตำรวจระดับรองผู้บัญชาการและรองจเรตำรวจ ลงมาถึงผู้บังคับการ วาระประจำปี 2567 เพิ่งผ่านไปสดๆร้อนๆได้ไม่ทันไร เร็วๆนี้การแต่งตั้งนายตำรวจระดับรองผบก.คาดว่าน่าจะเป็นประเด็นร้อนแรงเช่นกัน มิเช่นนั้นพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คงไม่มีบันทึกข้อความลงวันที่ 24 มกราคม 2567 ถึงผบช. จตร.(หน.จต.) หรือตำแหน่งเทียบเท่าผบก. ในสังกัด สง.ผบ.ตร. หรือตำแหน่งเทียบเท่า เรื่อง กำชับและเตรียมความพร้อมการแต่งตั้งตั้าราชการตำรวจระดับ รอง ผบก. ลงมา วาระประจำปี 2567
    .
    ทั้งนี้ บันทึกดังกล่าวมีใจความว่า ด้วยขณะนี้ใกล้เข้าสู่ห้วงระยะเวลาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจดำรงตำแหน่งระดับ รอง ผบก. ลงมา วาระประจำปี 2567 ซึ่งจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกำหนด ตามกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2567 ประกอบมติ ก.ตร. ในการประชุมครั้งที่ 8/2567 เมื่อ 7 ตุลาคม 2567 และครั้งที่ 1/2568 เมื่อ 10 มกราคม 2568 เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนที่จะเริ่มดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจตำรวจระดับรอง ผบก. ลงมา ผบ.ตร. ในฐานะผู้รับผิดชอบกำกับดูแลการแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจ จึงกำชับให้ผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการแต่งตั้งตั้งราชการตำรวจต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 และกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2567 อย่างเคร่งครัด โดยยึดถือความถูกต้องเป็นธรรม และมีความโปร่งใสในทุกกระบวนการ ดังนี้

    .
    1. การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผบก. ลงมาใน บช. ที่มิได้สังกัด สง.ผบ.ตร. เป็นอำนาจของ ผบช. สำหรับการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในสังกัด สง.ผบ.ตร. เป็นอำนาจของ ผบ.ตร. นำข้อมูลการเสนอแต่งตั้งของหัวหน้าส่วนราชการระดับรองลงมา ที่ได้มีการพิจารณาเสนอในรูปคณะกรรมการตามที่กำหนด มาประกอบการพิจารณาด้วย หากมีความเห็นแตกต่างจากข้อมูลการเสนอแต่งตั้งของหัวหน้าส่วนราชการ ให้ชี้แจงเหตุผลต่อคณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติพ.ศ.2565 มาตรา 79 และมาตรา 81
    .
    การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ให้พิจารณาจากอาวุโส ผลงาน ศักยภาพ ความประพฤติ ความรู้ความสามารถ ความชำนาญ ความถนัด ทักษะ ความสมัครใจทางราชการ และมุ่งหมายให้ผู้นั้นได้มีโอกาสปฏิบัติหน้าที่ด้านต่าง ๆ อย่างหลากหลาย โดยจะนำความคิดเห็นทางการเมืองหรือสังกัดพรรคการเมืองมาประกอบการพิจารณามิได้ สำหรับการพิจารณาความรู้ความสามารถ ให้คำนึงถึงประวัติการรับราชการ ผลการปฏิบัติงาน ความประพฤติ และผลการประเมินความพึงพอใจที่ประชาชนหรือผู้รับบริการได้รับจากการให้บริการของข้าราชการตำรวจประกอบด้วย ตามมาตรา 60(3) มาตรา 76 และมาตรา 82
    .

    2. การไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือ หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ตร. สามารถใช้อำนาจทางปกครองดำเนินการกรณี ผบช. ใช้อำนาจสั่งแต่งตั้งโดยไม่เป็นธรรม หรือมีกรณีไม่ชอบด้วยหลักเกณฑ์หรือวิธีการที่ ก.ตร. กำหนด หรือไม่ยึดถือความถูกต้องเป็นธรรมได้ โดยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปช่วยราชการที่ ศปก.ตร. ตามข้อ 9 แห่งระเบียบ ตร. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปช่วยราชการภายใน ตร.พ.ศ.2566 และจะมีการพิจารณาตรวจสอบการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรมดังกล่าว รวมถึงการพิจารณาดำเนินการทางวินัยกับผู้ที่เกี่ยวข้อง
    .
    ทั้งนี้ หากมีข้าราชการตำรวจร้องทุกข์ต่อ ก.พ.ค.ตร. อันเนื่องมาจากการใช้อำนาจแต่งตั้งของ ผบช. ที่ไม่เป็นธรรม และ ก.พ.ค.ตร. วินิจฉัยว่า ผบช. ผู้นั้นไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดใน พ.ร.บ.นี้ ผบ.ตร. ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาจะพิจารณาลงโทษผู้นั้นโดยไม่ต้องดำเนินการสอบสวนอีกแล้วรายงานให้ ก.ตร. ทราบ และหาก ก.ตร. มีมติว่าการไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวเป็นการจงใจเพื่อช่วยเหลือบุคคลหนึ่งบุคคลใดหรือเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใด จะถือว่า ผบช. ผู้นั้นกระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรง และผบ.ตร. จะดำเนินการลงโทษผู้นั้นตามมาตรา 87 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 จึงแจ้งมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด
    .............
    Sondhi X
    'บิ๊กต่าย' ประกาศกฎเหล็ก โยกย้ายรอง ผบก.ต้องเป๊ะ . การแต่งตั้งนายตำรวจระดับรองผู้บัญชาการและรองจเรตำรวจ ลงมาถึงผู้บังคับการ วาระประจำปี 2567 เพิ่งผ่านไปสดๆร้อนๆได้ไม่ทันไร เร็วๆนี้การแต่งตั้งนายตำรวจระดับรองผบก.คาดว่าน่าจะเป็นประเด็นร้อนแรงเช่นกัน มิเช่นนั้นพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คงไม่มีบันทึกข้อความลงวันที่ 24 มกราคม 2567 ถึงผบช. จตร.(หน.จต.) หรือตำแหน่งเทียบเท่าผบก. ในสังกัด สง.ผบ.ตร. หรือตำแหน่งเทียบเท่า เรื่อง กำชับและเตรียมความพร้อมการแต่งตั้งตั้าราชการตำรวจระดับ รอง ผบก. ลงมา วาระประจำปี 2567 . ทั้งนี้ บันทึกดังกล่าวมีใจความว่า ด้วยขณะนี้ใกล้เข้าสู่ห้วงระยะเวลาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจดำรงตำแหน่งระดับ รอง ผบก. ลงมา วาระประจำปี 2567 ซึ่งจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกำหนด ตามกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2567 ประกอบมติ ก.ตร. ในการประชุมครั้งที่ 8/2567 เมื่อ 7 ตุลาคม 2567 และครั้งที่ 1/2568 เมื่อ 10 มกราคม 2568 เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนที่จะเริ่มดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจตำรวจระดับรอง ผบก. ลงมา ผบ.ตร. ในฐานะผู้รับผิดชอบกำกับดูแลการแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจ จึงกำชับให้ผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการแต่งตั้งตั้งราชการตำรวจต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 และกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2567 อย่างเคร่งครัด โดยยึดถือความถูกต้องเป็นธรรม และมีความโปร่งใสในทุกกระบวนการ ดังนี้ . 1. การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผบก. ลงมาใน บช. ที่มิได้สังกัด สง.ผบ.ตร. เป็นอำนาจของ ผบช. สำหรับการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในสังกัด สง.ผบ.ตร. เป็นอำนาจของ ผบ.ตร. นำข้อมูลการเสนอแต่งตั้งของหัวหน้าส่วนราชการระดับรองลงมา ที่ได้มีการพิจารณาเสนอในรูปคณะกรรมการตามที่กำหนด มาประกอบการพิจารณาด้วย หากมีความเห็นแตกต่างจากข้อมูลการเสนอแต่งตั้งของหัวหน้าส่วนราชการ ให้ชี้แจงเหตุผลต่อคณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติพ.ศ.2565 มาตรา 79 และมาตรา 81 . การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ให้พิจารณาจากอาวุโส ผลงาน ศักยภาพ ความประพฤติ ความรู้ความสามารถ ความชำนาญ ความถนัด ทักษะ ความสมัครใจทางราชการ และมุ่งหมายให้ผู้นั้นได้มีโอกาสปฏิบัติหน้าที่ด้านต่าง ๆ อย่างหลากหลาย โดยจะนำความคิดเห็นทางการเมืองหรือสังกัดพรรคการเมืองมาประกอบการพิจารณามิได้ สำหรับการพิจารณาความรู้ความสามารถ ให้คำนึงถึงประวัติการรับราชการ ผลการปฏิบัติงาน ความประพฤติ และผลการประเมินความพึงพอใจที่ประชาชนหรือผู้รับบริการได้รับจากการให้บริการของข้าราชการตำรวจประกอบด้วย ตามมาตรา 60(3) มาตรา 76 และมาตรา 82 . 2. การไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือ หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ตร. สามารถใช้อำนาจทางปกครองดำเนินการกรณี ผบช. ใช้อำนาจสั่งแต่งตั้งโดยไม่เป็นธรรม หรือมีกรณีไม่ชอบด้วยหลักเกณฑ์หรือวิธีการที่ ก.ตร. กำหนด หรือไม่ยึดถือความถูกต้องเป็นธรรมได้ โดยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปช่วยราชการที่ ศปก.ตร. ตามข้อ 9 แห่งระเบียบ ตร. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปช่วยราชการภายใน ตร.พ.ศ.2566 และจะมีการพิจารณาตรวจสอบการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรมดังกล่าว รวมถึงการพิจารณาดำเนินการทางวินัยกับผู้ที่เกี่ยวข้อง . ทั้งนี้ หากมีข้าราชการตำรวจร้องทุกข์ต่อ ก.พ.ค.ตร. อันเนื่องมาจากการใช้อำนาจแต่งตั้งของ ผบช. ที่ไม่เป็นธรรม และ ก.พ.ค.ตร. วินิจฉัยว่า ผบช. ผู้นั้นไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดใน พ.ร.บ.นี้ ผบ.ตร. ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาจะพิจารณาลงโทษผู้นั้นโดยไม่ต้องดำเนินการสอบสวนอีกแล้วรายงานให้ ก.ตร. ทราบ และหาก ก.ตร. มีมติว่าการไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวเป็นการจงใจเพื่อช่วยเหลือบุคคลหนึ่งบุคคลใดหรือเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใด จะถือว่า ผบช. ผู้นั้นกระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรง และผบ.ตร. จะดำเนินการลงโทษผู้นั้นตามมาตรา 87 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 จึงแจ้งมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด ............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Sad
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1629 มุมมอง 0 รีวิว
  • เตรียมเชือดตำรวจ นำขบวนรถวีไอพี ครองถนนมอเตอร์เวย์
    .
    เมื่อปี 2566 เคยเกิดกรณีตำรวจไทยบริการเป็นรถนำขบวนให้กับนักท่องเที่ยวจีนจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จนทำให้ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติในเวลานั้น แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพื่อดำเนินการทางวินัยอย่างร้ายแรง และดำเนินคดีอาญากับตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้ง 4 นาย ซึ่งปัจจุบันเรื่องดังกล่าวได้เงียบหายไปแล้ว แต่ตอนนี้ได้เกิดกรณีใหม่ขึ้นมาอีกแล้ว ภายหลังมีคลิปเหตุการณ์บนถนนมอเตอร์เวย์ M6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา ซึ่งมาจากการเผยแพร่ของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ขณะพบตำรวจขี่มอเตอร์ไซค์ปิดขบวนประกบให้กับขบวนรถหรูซูเปอร์คาร์ โดยไม่ยินยอมให้ประชาชนคนอื่นๆขับรถผ่านไปได้
    .
    จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำซากนั้น พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ระบุว่า พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผู้บังคับการตำรวจทางหลวงได้รายงานเบื้องต้นแล้ว จึงได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยให้รายงานผลให้ทราบโดยเร็ว หากพบว่ามีความผิดก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน
    .
    ทั้งนี้ มีรายงานเบื้องต้นเกี่ยวกับการตรวจสอบกรณีดังกล่าวว่า ตำรวจทางหลวงนำรถขบวนรถหรูดังกล่าวโดยใช้เส้นทางถนนมอเตอร์เวย์ M6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา เพื่อไปงานเดินเดิ่นโคราช เทศกาลกินเจ ชมรถหรู ดูดนตรี ที่นครราชสีมา โดยพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงชั้นประทวนเป็นผู้นำขบวนและไม่ได้มีการแจ้งไปยังต้นสังกัด จึงได้สั่งให้ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมพิจารณาโทษฑัณฑ์
    .
    อย่างไรก็ตาม ได้มีการสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ โดยให้มาช่วยราชการที่ ศปก.สถานีตำรวจทางหลวง 1 พร้อมกับตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อลงโทษทางวินัยต่อไป
    ..............
    Sondhi X
    เตรียมเชือดตำรวจ นำขบวนรถวีไอพี ครองถนนมอเตอร์เวย์ . เมื่อปี 2566 เคยเกิดกรณีตำรวจไทยบริการเป็นรถนำขบวนให้กับนักท่องเที่ยวจีนจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จนทำให้ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติในเวลานั้น แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพื่อดำเนินการทางวินัยอย่างร้ายแรง และดำเนินคดีอาญากับตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้ง 4 นาย ซึ่งปัจจุบันเรื่องดังกล่าวได้เงียบหายไปแล้ว แต่ตอนนี้ได้เกิดกรณีใหม่ขึ้นมาอีกแล้ว ภายหลังมีคลิปเหตุการณ์บนถนนมอเตอร์เวย์ M6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา ซึ่งมาจากการเผยแพร่ของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ขณะพบตำรวจขี่มอเตอร์ไซค์ปิดขบวนประกบให้กับขบวนรถหรูซูเปอร์คาร์ โดยไม่ยินยอมให้ประชาชนคนอื่นๆขับรถผ่านไปได้ . จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำซากนั้น พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ระบุว่า พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผู้บังคับการตำรวจทางหลวงได้รายงานเบื้องต้นแล้ว จึงได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยให้รายงานผลให้ทราบโดยเร็ว หากพบว่ามีความผิดก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน . ทั้งนี้ มีรายงานเบื้องต้นเกี่ยวกับการตรวจสอบกรณีดังกล่าวว่า ตำรวจทางหลวงนำรถขบวนรถหรูดังกล่าวโดยใช้เส้นทางถนนมอเตอร์เวย์ M6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา เพื่อไปงานเดินเดิ่นโคราช เทศกาลกินเจ ชมรถหรู ดูดนตรี ที่นครราชสีมา โดยพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงชั้นประทวนเป็นผู้นำขบวนและไม่ได้มีการแจ้งไปยังต้นสังกัด จึงได้สั่งให้ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมพิจารณาโทษฑัณฑ์ . อย่างไรก็ตาม ได้มีการสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ โดยให้มาช่วยราชการที่ ศปก.สถานีตำรวจทางหลวง 1 พร้อมกับตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อลงโทษทางวินัยต่อไป .............. Sondhi X
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1588 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรมการขนส่งทางบก ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีไฟไหม้รถบัสนักเรียน พร้อมย้ายนายช่างตรวจสภาพรถ สำนักงานขนส่งจังหวัดสิงห์บุรี ไปช่วยราชการ หากพบการกระทำความผิดจะดำเนินการทางวินัยขั้นสูงสุด
    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000093228

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    กรมการขนส่งทางบก ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีไฟไหม้รถบัสนักเรียน พร้อมย้ายนายช่างตรวจสภาพรถ สำนักงานขนส่งจังหวัดสิงห์บุรี ไปช่วยราชการ หากพบการกระทำความผิดจะดำเนินการทางวินัยขั้นสูงสุด อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000093228 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    Love
    17
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3871 มุมมอง 0 รีวิว