• นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 4 กล่องดวงใจ ของครู Mac

    สงครามเย็น เริ่มขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1940 กว่าปลาย ๆ พร้อม ๆ กัน ก็เป็นการเกิดของ North Atlantic Treaty Organization (NATO) แต่ถึงแม้สหภาพโซเวียตจะล่มไปตั้งแต่ ค.ศ. 1989 – 1990 แต่ NATO ยังไม่ได้ยุบตามไปด้วย กลับยังอยู่อย่างเหนียวแน่นจนทุกวันนี้ คำพูดของพี่ปู จึงทำให้ผู้คนแถวยุโรปตะวันตกเกิดอาการสำลัก ปูตินพยายามบอกให้โลกรู้ว่า อเมริกากำลังใช้พฤติกรรมเดิม ๆ หลังสงครามเย็นจบไปแล้ว แต่ก็ยังใช้วิธีการ “ปิดล้อม” รัสเซีย เหมือนสมัยเป็นสหภาพโซเวียต เพียงแต่ใช้ลูกกระเป๋ง คือ NATO เป็นผู้ออกหน้า เพราะวอชิงตันคือผู้ชักใย NATO อีกต่อหนึ่ง

    ผู้ที่ออกแบบการปิดล้อม Containment สมัยสงครามเย็นคือ George F. Kennan หัวหน้า Policy Planning ของกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ในปี ค.ศ. 1948 Kennan บอกว่า 50% ของทรัพย์สินของโลกน่ะ อยู่ที่เราอเมริกานะ แต่พลเมืองเรามีแค่ 6.3 % เท่านั้น ดังนั้นมันช่วยไม่ได้ที่จะมีคนอิจฉาและหมั่นไส้เรา (ท่านผู้อ่านต้องการยาแก้คลื่นไส้ไหมครับ ? )

    แผนของอเมริกาที่จะขึ้นมาเป็น พี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งครองโลก เริ่มมาตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1939 ในการทำ War and Peace Project ของ Council on Foreign Relations (หลวงพ่อ CFR โคตรแสบของผม !) เขามีแผนที่จะทำให้อเมริกาเป็นจักรวรรดิอเมริกา แต่ให้ทำแบบปิดบังพรางตัว เอาเสื้อคลุมยี่ห้อประชาธิปไตยและการค้าเสรีมาคลุมตัว ไม่ให้เหยื่อรู้ตัว ตกใจ เลยได้เหยื่ออยู่ในกำมือเกือบทั่วโลก ที่หลุดมือไม่ได้กิน ก็มีโลกฝ่ายสังคมนิยม ตาม Warsaw Pact หลัง ค.ศ. 1948 , จีนของอาเฮียและยูโกสลาเวีย ของท่านนายพลติโตเท่านั้น กับอีกบริเวณที่มีความสำคัญยิ่ง คือ Eurasia ที่อเมริกายังมือยาวยื่นมาไม่ถึง
    Eurasia เริ่มตั้งแต่ แม่น้ำ Elbe ในเยอรมัน ยาวลงมาถึงทะเล Adriatic ผ่าน Sofia, Bulgaria ข้ามมา Black Sea และ Caspian Sea มาจนถึงเอเซียกลางและจีน บริเวณที่กว้างใหญ่ นี่จึงยังรอดพ้นจากการเคี้ยวของจักรวรรดิอเมริกา แต่จะรอดไปได้นานเท่าใด

    สิ่งที่คนส่วนใหญ่ในโลกไม่รู้คือ มันเป็นความฝันทั้งกลางคืนกลางวัน ของอเมริกามาเป็นเวลานานแล้ว ที่จะควบคุมรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการทหาร ความฝันนี้อเมริกาพยายามทำให้เป็นจริงผ่านหน่วยงานสาระพัด ทั้งที่เป็นองค์กรของรัฐ และเอกชน ทั้งในและนอกระบบ ตั้งแต่บรรษัทค้าน้ำมันข้ามชาติ สภาความมั่นคง Pentagon, CIA, หน่วยงานความมั่นคงทั้งด้านการทหารและการเมือง และหน่วยสืบราชการลับพิเศษอีกสาระพัด ทั้งหมดเพื่อให้ได้ตามเป้าหมายสำคัญที่สุดของอเมริกาที่แอบซ่อนมาตลอดเหนือเป้าหมายอื่นใด คือ ควบคุมรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ หมดจดไม่ให้หลุดมือ

    แม้ขณะที่อเมริกาและสหภาพโซเวียตยังเป็นพันธมิตร ร่วมจับมือกันเพื่อถล่มเยอรมัน อเมริกาก็แอบเริ่มเตรียมการที่จะขจัดสหภาพโซเวียตไปด้วยพร้อมกัน หน้าร้อนของปี ค.ศ. 1945 อเมริกาคิดนโยบาย Striking the first blow ปล่อยหมัดแรกก่อนในสงครามนิวเคลียร์ แผนแรกที่คิดจะทดรองคือใช้กับสหภาพโซเวียต ตามแผน Totality ซึ่งนายพล Eisenhower เป็นผู้ร่างแผนตามคำสั่งของประธานาธิบดี Truman อะไรมันเข้าสิง อเมริกาถึงได้ชั่วขนาดนั้น ร่วมรบกันอยู่ดี ๆ อ้าว ! ดันจะขยี้เพื่อนพร้อมศัตรู มันคิดได้อย่างไร!?

    Sir Halford Mackinder ครูใหญ่ชาวอังกฤษด้านภูมิศาสตร์การเมือง บอกไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1904 ในการสัมมนาของ Royal Geographic Society ที่ London ว่า ใครก็ตามที่มีอำนาจควบคุมเหนือรัสเซีย ผู้นั้นก็จะเป็นผู้ตัดสิน หรือผู้ควบคุมบริเวณ Eurasia อันกว้างใหญ่ และนั่นหมายถึงจะเป็นผู้มีอิทธิพลควบคุมโลกใบนี้อย่างสมบูรณ์ เริ่มเห็นกันหรือยังว่าอะไรมาเข้าสิงอเมริกา
    หนึ่งศตวรรษมาแล้ว ที่ครู Mac บอกเอาไว้ว่า ในขณะที่ยุโรปขยายอิทธิพลของตนไปทางอินเดีย อาฟริกา และอาณานิคมต่าง ๆของพวกเขา รัสเซีย ซึ่งมีบริเวณกว้างคลุมยุโรปตะวันออกและเอเซียกลาง จะขยายอิทธิพลไปลงใต้และไปตะวันออก จะทำให้ครอบคลุมบริเวณที่มีประชากรและทรัพยากรมากที่สุด. ครู Mac คาดการณ์ว่าในที่สุดบริเวณที่กว้างใหญนี้ จะเชื่อมต่อกันด้วยเครือข่ายทางรถไฟ ทำให้เป็นศูนย์อำนาจและจุดยุทธศาสตร์ที่เพียบพร้อม อย่างที่ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ พูดเท่านี้บรรดาผู้ฟังครู Mac ต่างล้วงผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำลายกันเป็นแถว นี่มันอาหารจานใหญ่แบบชามอ่างเชียวนะ จะปล่อยให้ค้างเติ่งอยู่ยังงั้นได้อย่างไร จำเป็นต้องคิดแผนกินรวบมาให้หมด ด่วน

    Mckinder เรียกใจกลาง Eurasia ว่า heartland หรือกล่องดวงใจของศูนย์อำนาจโลก จุดยุทธศาสตร์อันสำคัญ โดยมีเยอรมัน, ออสเตรีย, ตุรกี, อินเดีย และจีน อยู่ติดขอบรอบกล่องดวงใจของศูนย์อำนาจโลก Mackinder มองว่าคู่หูที่จะคว้าดวงใจไปครอบ ครองนี่ได้ มี 2 คู่ คือ คู่รัสเซียกับเยอรมัน หรือ คู่จีนกับญี่ปุ่น นโยบายต่างประเทศของอังกฤษ หนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา ไม่ว่าสงครามระหว่างรัสเซียกับญี่ปุ่น ในปี 1904 – 05 จนถึงการก่อตั้ง NATO ในปี ค.ศ. 1949 ทั้งหมดเป็นการดำเนินตามการวิเคราะห์ของ ครู Mac ทั้งสิ้น

    ทั้งหมดเพื่อเป็นการเตะตัดขาทุกวิถีทาง ที่จะไม่ให้รัสเซียได้เป็นผู้ครอบครองกล่องดวงใจที่ Eurasia และจะกลายเป็นผู้ท้าทายจักรภพอังกฤษ ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของอาณานิคมที่ตะวันจะไม่วันตกดิน อังกฤษจะยอมได้อย่างไร

    ขณะเดียวกัน อีกฝั่งของมหาสมุทร Atlantic อเมริกาก็มีความฝันของตนเอง America’s Manifest Destiny ที่จะเป็นหมายเลขหนึ่งคุมโลกเหมือนกัน อเมริกาเริ่มเก็บกินทางมหาสมุทรแปซิฟิกก่อน เริ่มตั้งแต่โซ้ยกับสเปญ เมื่อ ค.ศ. 1818 แล้วก็ตามมาคว้าเอาฟิลิปปินส์ใส่กระเป๋า อืม ! อเมริกาเพิ่งรู้รสชาดของการเป็นเจ้าของอาณานิคม อร่อยจับใจ เข้าใจแล้วครับนายท่าน

    ในขณะนี้ที่ครู Mac เพ้อเรื่องกล่องดวงใจใน Eurasia ในปี ค.ศ. 1904 อเมริกาก็มีนาย Brook Adams สื่อผู้มีอิทธิพลสูงในอเมริกา ซึ่งมองว่าอเมริกาเองก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส ที่จะเป็นเจ้าของกล่องดวงใจ ในฐานะทายาทผู้สืบเชื้อสายของครอบครัวในสังคมชั้นสูงมาหลายชั่วคน นาย Adams ไม่ใช่คนประเภทยื่นบนลังสบู่พูดปาวๆ อยู่กลางสนามไม่มีใครฟัง คนฟังเขาทั้งอเมริกา ที่สำคัญคนที่ฟังอย่างตั้งใจ คือ ประธานาธิบดี Theodor Roosevelt และประธานาธิบดี Woodlow Wilson ซึ่งดันเป็นเพื่อนสนิทของนาย Adams ทั้งคู่

    นาย Adams บอกว่าเราต้องรุก รุกเข้าไปอย่าใด้ถอย เข้าไปในทาง Pacific และเอาเอเซียมาเป็นอาณานิคมของอเมริกา จะทำให้อเมริกามีเขตแดนที่กว้างใหญ่ขึ้นไปอีก นอกเหนือจากฝันของนาย Adams แล้ว ผู้ที่คิดแผนที่เตรียมให้อเมริกาเดินทางหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ก็คือ Council on Foreign Relations (CFR) และ Rockefeller Foundation
    และสมุนที่ Rockefeller ส่งเข้าไปอยู่ในตำแหน่งต่าง ๆ ในด้านการเมืองและเศรษฐกิจของอ เมริกา คนพวกนี้ท่องความฝันของครู Mac จนขึ้นใจ โดยเฉพาะ Henry Kissinger และ Zbigniew Brzezinski ซึ่งถือเอาทฤษฎีของ ครู Mac เป็นตำรา

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    28 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 4 กล่องดวงใจ ของครู Mac สงครามเย็น เริ่มขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1940 กว่าปลาย ๆ พร้อม ๆ กัน ก็เป็นการเกิดของ North Atlantic Treaty Organization (NATO) แต่ถึงแม้สหภาพโซเวียตจะล่มไปตั้งแต่ ค.ศ. 1989 – 1990 แต่ NATO ยังไม่ได้ยุบตามไปด้วย กลับยังอยู่อย่างเหนียวแน่นจนทุกวันนี้ คำพูดของพี่ปู จึงทำให้ผู้คนแถวยุโรปตะวันตกเกิดอาการสำลัก ปูตินพยายามบอกให้โลกรู้ว่า อเมริกากำลังใช้พฤติกรรมเดิม ๆ หลังสงครามเย็นจบไปแล้ว แต่ก็ยังใช้วิธีการ “ปิดล้อม” รัสเซีย เหมือนสมัยเป็นสหภาพโซเวียต เพียงแต่ใช้ลูกกระเป๋ง คือ NATO เป็นผู้ออกหน้า เพราะวอชิงตันคือผู้ชักใย NATO อีกต่อหนึ่ง ผู้ที่ออกแบบการปิดล้อม Containment สมัยสงครามเย็นคือ George F. Kennan หัวหน้า Policy Planning ของกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ในปี ค.ศ. 1948 Kennan บอกว่า 50% ของทรัพย์สินของโลกน่ะ อยู่ที่เราอเมริกานะ แต่พลเมืองเรามีแค่ 6.3 % เท่านั้น ดังนั้นมันช่วยไม่ได้ที่จะมีคนอิจฉาและหมั่นไส้เรา (ท่านผู้อ่านต้องการยาแก้คลื่นไส้ไหมครับ ? ) แผนของอเมริกาที่จะขึ้นมาเป็น พี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งครองโลก เริ่มมาตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1939 ในการทำ War and Peace Project ของ Council on Foreign Relations (หลวงพ่อ CFR โคตรแสบของผม !) เขามีแผนที่จะทำให้อเมริกาเป็นจักรวรรดิอเมริกา แต่ให้ทำแบบปิดบังพรางตัว เอาเสื้อคลุมยี่ห้อประชาธิปไตยและการค้าเสรีมาคลุมตัว ไม่ให้เหยื่อรู้ตัว ตกใจ เลยได้เหยื่ออยู่ในกำมือเกือบทั่วโลก ที่หลุดมือไม่ได้กิน ก็มีโลกฝ่ายสังคมนิยม ตาม Warsaw Pact หลัง ค.ศ. 1948 , จีนของอาเฮียและยูโกสลาเวีย ของท่านนายพลติโตเท่านั้น กับอีกบริเวณที่มีความสำคัญยิ่ง คือ Eurasia ที่อเมริกายังมือยาวยื่นมาไม่ถึง Eurasia เริ่มตั้งแต่ แม่น้ำ Elbe ในเยอรมัน ยาวลงมาถึงทะเล Adriatic ผ่าน Sofia, Bulgaria ข้ามมา Black Sea และ Caspian Sea มาจนถึงเอเซียกลางและจีน บริเวณที่กว้างใหญ่ นี่จึงยังรอดพ้นจากการเคี้ยวของจักรวรรดิอเมริกา แต่จะรอดไปได้นานเท่าใด สิ่งที่คนส่วนใหญ่ในโลกไม่รู้คือ มันเป็นความฝันทั้งกลางคืนกลางวัน ของอเมริกามาเป็นเวลานานแล้ว ที่จะควบคุมรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการทหาร ความฝันนี้อเมริกาพยายามทำให้เป็นจริงผ่านหน่วยงานสาระพัด ทั้งที่เป็นองค์กรของรัฐ และเอกชน ทั้งในและนอกระบบ ตั้งแต่บรรษัทค้าน้ำมันข้ามชาติ สภาความมั่นคง Pentagon, CIA, หน่วยงานความมั่นคงทั้งด้านการทหารและการเมือง และหน่วยสืบราชการลับพิเศษอีกสาระพัด ทั้งหมดเพื่อให้ได้ตามเป้าหมายสำคัญที่สุดของอเมริกาที่แอบซ่อนมาตลอดเหนือเป้าหมายอื่นใด คือ ควบคุมรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ หมดจดไม่ให้หลุดมือ แม้ขณะที่อเมริกาและสหภาพโซเวียตยังเป็นพันธมิตร ร่วมจับมือกันเพื่อถล่มเยอรมัน อเมริกาก็แอบเริ่มเตรียมการที่จะขจัดสหภาพโซเวียตไปด้วยพร้อมกัน หน้าร้อนของปี ค.ศ. 1945 อเมริกาคิดนโยบาย Striking the first blow ปล่อยหมัดแรกก่อนในสงครามนิวเคลียร์ แผนแรกที่คิดจะทดรองคือใช้กับสหภาพโซเวียต ตามแผน Totality ซึ่งนายพล Eisenhower เป็นผู้ร่างแผนตามคำสั่งของประธานาธิบดี Truman อะไรมันเข้าสิง อเมริกาถึงได้ชั่วขนาดนั้น ร่วมรบกันอยู่ดี ๆ อ้าว ! ดันจะขยี้เพื่อนพร้อมศัตรู มันคิดได้อย่างไร!? Sir Halford Mackinder ครูใหญ่ชาวอังกฤษด้านภูมิศาสตร์การเมือง บอกไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1904 ในการสัมมนาของ Royal Geographic Society ที่ London ว่า ใครก็ตามที่มีอำนาจควบคุมเหนือรัสเซีย ผู้นั้นก็จะเป็นผู้ตัดสิน หรือผู้ควบคุมบริเวณ Eurasia อันกว้างใหญ่ และนั่นหมายถึงจะเป็นผู้มีอิทธิพลควบคุมโลกใบนี้อย่างสมบูรณ์ เริ่มเห็นกันหรือยังว่าอะไรมาเข้าสิงอเมริกา หนึ่งศตวรรษมาแล้ว ที่ครู Mac บอกเอาไว้ว่า ในขณะที่ยุโรปขยายอิทธิพลของตนไปทางอินเดีย อาฟริกา และอาณานิคมต่าง ๆของพวกเขา รัสเซีย ซึ่งมีบริเวณกว้างคลุมยุโรปตะวันออกและเอเซียกลาง จะขยายอิทธิพลไปลงใต้และไปตะวันออก จะทำให้ครอบคลุมบริเวณที่มีประชากรและทรัพยากรมากที่สุด. ครู Mac คาดการณ์ว่าในที่สุดบริเวณที่กว้างใหญนี้ จะเชื่อมต่อกันด้วยเครือข่ายทางรถไฟ ทำให้เป็นศูนย์อำนาจและจุดยุทธศาสตร์ที่เพียบพร้อม อย่างที่ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ พูดเท่านี้บรรดาผู้ฟังครู Mac ต่างล้วงผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำลายกันเป็นแถว นี่มันอาหารจานใหญ่แบบชามอ่างเชียวนะ จะปล่อยให้ค้างเติ่งอยู่ยังงั้นได้อย่างไร จำเป็นต้องคิดแผนกินรวบมาให้หมด ด่วน Mckinder เรียกใจกลาง Eurasia ว่า heartland หรือกล่องดวงใจของศูนย์อำนาจโลก จุดยุทธศาสตร์อันสำคัญ โดยมีเยอรมัน, ออสเตรีย, ตุรกี, อินเดีย และจีน อยู่ติดขอบรอบกล่องดวงใจของศูนย์อำนาจโลก Mackinder มองว่าคู่หูที่จะคว้าดวงใจไปครอบ ครองนี่ได้ มี 2 คู่ คือ คู่รัสเซียกับเยอรมัน หรือ คู่จีนกับญี่ปุ่น นโยบายต่างประเทศของอังกฤษ หนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา ไม่ว่าสงครามระหว่างรัสเซียกับญี่ปุ่น ในปี 1904 – 05 จนถึงการก่อตั้ง NATO ในปี ค.ศ. 1949 ทั้งหมดเป็นการดำเนินตามการวิเคราะห์ของ ครู Mac ทั้งสิ้น ทั้งหมดเพื่อเป็นการเตะตัดขาทุกวิถีทาง ที่จะไม่ให้รัสเซียได้เป็นผู้ครอบครองกล่องดวงใจที่ Eurasia และจะกลายเป็นผู้ท้าทายจักรภพอังกฤษ ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของอาณานิคมที่ตะวันจะไม่วันตกดิน อังกฤษจะยอมได้อย่างไร ขณะเดียวกัน อีกฝั่งของมหาสมุทร Atlantic อเมริกาก็มีความฝันของตนเอง America’s Manifest Destiny ที่จะเป็นหมายเลขหนึ่งคุมโลกเหมือนกัน อเมริกาเริ่มเก็บกินทางมหาสมุทรแปซิฟิกก่อน เริ่มตั้งแต่โซ้ยกับสเปญ เมื่อ ค.ศ. 1818 แล้วก็ตามมาคว้าเอาฟิลิปปินส์ใส่กระเป๋า อืม ! อเมริกาเพิ่งรู้รสชาดของการเป็นเจ้าของอาณานิคม อร่อยจับใจ เข้าใจแล้วครับนายท่าน ในขณะนี้ที่ครู Mac เพ้อเรื่องกล่องดวงใจใน Eurasia ในปี ค.ศ. 1904 อเมริกาก็มีนาย Brook Adams สื่อผู้มีอิทธิพลสูงในอเมริกา ซึ่งมองว่าอเมริกาเองก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส ที่จะเป็นเจ้าของกล่องดวงใจ ในฐานะทายาทผู้สืบเชื้อสายของครอบครัวในสังคมชั้นสูงมาหลายชั่วคน นาย Adams ไม่ใช่คนประเภทยื่นบนลังสบู่พูดปาวๆ อยู่กลางสนามไม่มีใครฟัง คนฟังเขาทั้งอเมริกา ที่สำคัญคนที่ฟังอย่างตั้งใจ คือ ประธานาธิบดี Theodor Roosevelt และประธานาธิบดี Woodlow Wilson ซึ่งดันเป็นเพื่อนสนิทของนาย Adams ทั้งคู่ นาย Adams บอกว่าเราต้องรุก รุกเข้าไปอย่าใด้ถอย เข้าไปในทาง Pacific และเอาเอเซียมาเป็นอาณานิคมของอเมริกา จะทำให้อเมริกามีเขตแดนที่กว้างใหญ่ขึ้นไปอีก นอกเหนือจากฝันของนาย Adams แล้ว ผู้ที่คิดแผนที่เตรียมให้อเมริกาเดินทางหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ก็คือ Council on Foreign Relations (CFR) และ Rockefeller Foundation และสมุนที่ Rockefeller ส่งเข้าไปอยู่ในตำแหน่งต่าง ๆ ในด้านการเมืองและเศรษฐกิจของอ เมริกา คนพวกนี้ท่องความฝันของครู Mac จนขึ้นใจ โดยเฉพาะ Henry Kissinger และ Zbigniew Brzezinski ซึ่งถือเอาทฤษฎีของ ครู Mac เป็นตำรา สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 28 มิย. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 249 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 3 Emperor Bush !?

    George Herbert Walker Bush เป็นพวกคนรวย มาจากครอบครัวที่ทำมาหากินแถว New England ซึ่งเคยค้าขายกับอาณาจักร Reich ของ Hitler มาแล้ว และมาคบและค้า น้ำมันกับตระกูล Rockefeller เขาบอกกับคนสนิทว่า “เราชนะแล้ว” เหมือนเวลาแข่งขัน Super Bowl แล้วทีมที่ตัวเชียร์ชนะนั่นแหละ ชนะแบบนั้น ฮึกเหิมแบบนั้น มันรู้สึกว่ายิ่งใหญ่เหลือประมาณ ขนาดมีคนตั้งข้อสังเกตว่า ประธานาธิบดีอเมริกา ในยุค 1990 โดยเฉพาะนาย Bush คนนี้ เวลาจะเดินทางไปต่างประเทศ ขบวนใหญ่โตเหมือนองค์จักรพรรดิเสด็จ ฝ่ายความมั่นคงที่ยกทีมไปคุ้มกัน ดูเหมือนจะมากกว่าพลเมืองของประเทศที่ นาย Bush ไปปรากฎตัวเยี่ยมเสียอีก อเมริกากำลังฉาบตัวเองให้มีภาพเป็น ผู้ครองโลก ไม่ต่างกับสมัยนโปเลียน ตั้งตัวเองเป็นจักรพรรดิ โอ้โห ! เล่นกันเองแรงเหมือนกันนะพวกนักล่า สมันน้อยคิดในใจ

    เปล่าหรอก คนที่พูดไม่ใช่ใครอื่น เจ้าของหัวสมองที่อเมริกาบอกยอด แสนรู้ นาย Zbigniew Brzezinski เจ้าเก่านั่นเอง เขาไม่ได้พูดในฐานะคนนอก แต่พูดในฐานะคนใน และไม่ใช่ในธรรมดา แต่ในฐานะนายท้ายเรืออเมริกา ชื่อเขาไม่เคยหลุดจากการเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประธานาธิบดีมาเลย ไล่มาตั้งแต่สมัยแรกคือนาย Jimmy Carter จนเดี๋ยวนี้อายุ 90 แล้ว ยังเป็นที่ปรึกษาให้นาย Obama ด้วย
    นาย Brzezinski เป็นลูกศิษย์เอกของครูใหญ่ด้าน ภูมิศาสตร์การเมืองชาวอังกฤษ คือ Sir Halford Mackinder ซึ่งบอกว่าการแสดงความกร่างของการเป็นจักรวรรดิ มันก็คือบทสุดท้ายของการเป็นจักรวรรดิ ความกร่างนั่นแหละที่ทำให้จักรภพอังกฤษ ถึงจุดจบในศตรรษที่ 19 เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 เริ่ม

    นาย Brzezinski ยังบอกอีกว่า ไอ้ความอวดดี กดขี่และความกร่างของวอชิงตัน ในศตวรรษต่อมานี่แหละ จะทำลายอเมริกาเอง จากการที่เป็นผู้มีอำนาจใหญ่สุดหนึ่งเดียว หรือการเป็นจักรวรรดิอเมริกา แต่นาย Brzezinski นั่นเองแหละ ที่เป็นคนติดเครื่องให้อเมริกาเป็นจักรวรรดิ นักล่าหมายเลขหนึ่งครองโลก แต่เขาเตือนว่าอเมริกาจะต้องระมัดระวัง แม้ว่าจะเอาเสื้อคลุมประชาธิปไตยมาพรางตัวเองแล้วก็ตาม ก็จะต้องรักษามิตรเพื่องานใหญ่ข้างหน้า งานใหญ่นี้คือ การควบคุม Eurasia เขาไม่ได้โต้แย้งการจะเป็นจักรวรรดิอเมริกา เขาเพียงแต่เห็นต่างในวิธีการจะไปให้ถึงจุดหมาย

    Brzezinski บอกว่าเราจะไปให้ถึงจุดหมายของการเป็นจักรวรรดิอเมริกา เราต้องมีกองทัพของอเมริกาอยู่ที่ทั่วโลก วางกองกำลังไว้ทุกทวีป ครอบคลุมทุกมหาสมุทร เพิ่มการปะทะหรือการต่อสู้ในทุกที่ แบบนี้จะมีใครมาเทียบรัศมีกับอเมริกาได้ ไม่ว่าในทางการเมืองหรือกองทัพ

    และที่อเมริกาวางกองกำลังไว้แห่งหนึ่งก็คือ บริเวณพื้นที่ผืนเล็ก ๆ อยู่ในเอเซียกลาง ซึ่งเคยเป็นของสหภาพโซเวียต ที่ชื่อ Republic of Georgia นั่นแหละ ตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ. 2003 เป็นต้นมา รัฐบาลอเมริกัน โดยคุณพ่อ Bush ได้ให้การสนับสนุนด้านกองกำลังแก่ Georgia รวมทั้งให้คำปรึกษา เป็นพี่เลี้ยง ให้กับรัฐเล็กๆ ที่ได้ประกาศตัวเป็นอิสระจากสหภาพโซเวียต ในปี 1990 มาตลอด
    คงจะเป็นการยาก ที่จะให้ใครเข้าใจเหตุการณ์ใน Georgia ในปี ค.ศ. 2008 ถ้าไม่ย้อนไปดูพฤติกรรมของอเม ริกา หลัง ค.ศ. 1990 เป็นต้นมา สมัยรัฐบาลคุณพ่อ Bush เขาหักหลังรัสเซียโดยให้ NATO ขยายตัวมาทางตะวันออก มาถึงคุณลูก Bush ก็มาสานต่อด้วยการกดดันสหภาพยุโรปและรัฐบาลของยุโรปตะวันตก ให้รับ Georgia และ Ukraine สองประเทศที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพ โซเวียตเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของ NATO

    ต้นปี ค.ศ. 2007 อเมริกาประกาศว่า อเมริกามีแผนที่จะสร้างฐานยิงจรวด และสถานีเรดาร์ ใน 2 ประเทศที่เคยอยู่ใน Warsaw Pact และบัดนี้เป็นสมาชิกของ NATO คือ Poland และ Czech นาย Bush อ้างว่าอเมริกาต้องทำเพื่อป้องกันตัวเอง จากการโจมตีของประเทศที่พูดกันไม่รู้เรื่องเช่น Iran ข้ออ้างนี้ ถูกรัสเซียสวนกลับว่าไม่ใช่เป็นการป้องกันตัวหรอกเพื่อน แต่เป็นการแสดงการรุกคืบ เพื่อโชว์กำลังอำนาจด้านการทหารให้ Moscow ดูมากกว่า !

    เดือน ก.พ. 2007 คุณพี่ปูติน ในฐานะประธานาธิบดีของรัสเซีย ได้พูดในที่ประชุมเกี่ยวกับความมั่นคงระหว่างประเทศที่ Munich Germany ว่า วันนี้ไม่ขอพูดภาษานักการฑูต แต่ขอถามกันตรง ๆ ว่าNATO ตั้งใจจะก่อความยั่วยุ ให้เกิดความไม่ไว้วางใจกัน ระหว่างสมาชิกหรือยังไง ถามจริง ๆ เถอะ เป้าหมาย (ของการยั่วยุของ) NATO อยู่ที่ใคร และคำมั่นของบรรดาคู่สัญญาฝ่ายตะวันตก หลังเลิก Warsaw Pact นั้น มันหายไปไหนหมด

    คุณพี่ปูตินอาจจะไม่ใช่ประเภท “nice guy” แต่ที่แน่นอน คุณพี่ปูไม่ใช่คนโง่และขี้ขลาด เมื่อถึงเวลาที่จะต้องปกป้องผลประโยชน์ของชาวรัสเซีย กลิ่นของสงครามเย็นเริ่มโชยอีกครั้ง!

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    27 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 3 Emperor Bush !? George Herbert Walker Bush เป็นพวกคนรวย มาจากครอบครัวที่ทำมาหากินแถว New England ซึ่งเคยค้าขายกับอาณาจักร Reich ของ Hitler มาแล้ว และมาคบและค้า น้ำมันกับตระกูล Rockefeller เขาบอกกับคนสนิทว่า “เราชนะแล้ว” เหมือนเวลาแข่งขัน Super Bowl แล้วทีมที่ตัวเชียร์ชนะนั่นแหละ ชนะแบบนั้น ฮึกเหิมแบบนั้น มันรู้สึกว่ายิ่งใหญ่เหลือประมาณ ขนาดมีคนตั้งข้อสังเกตว่า ประธานาธิบดีอเมริกา ในยุค 1990 โดยเฉพาะนาย Bush คนนี้ เวลาจะเดินทางไปต่างประเทศ ขบวนใหญ่โตเหมือนองค์จักรพรรดิเสด็จ ฝ่ายความมั่นคงที่ยกทีมไปคุ้มกัน ดูเหมือนจะมากกว่าพลเมืองของประเทศที่ นาย Bush ไปปรากฎตัวเยี่ยมเสียอีก อเมริกากำลังฉาบตัวเองให้มีภาพเป็น ผู้ครองโลก ไม่ต่างกับสมัยนโปเลียน ตั้งตัวเองเป็นจักรพรรดิ โอ้โห ! เล่นกันเองแรงเหมือนกันนะพวกนักล่า สมันน้อยคิดในใจ เปล่าหรอก คนที่พูดไม่ใช่ใครอื่น เจ้าของหัวสมองที่อเมริกาบอกยอด แสนรู้ นาย Zbigniew Brzezinski เจ้าเก่านั่นเอง เขาไม่ได้พูดในฐานะคนนอก แต่พูดในฐานะคนใน และไม่ใช่ในธรรมดา แต่ในฐานะนายท้ายเรืออเมริกา ชื่อเขาไม่เคยหลุดจากการเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประธานาธิบดีมาเลย ไล่มาตั้งแต่สมัยแรกคือนาย Jimmy Carter จนเดี๋ยวนี้อายุ 90 แล้ว ยังเป็นที่ปรึกษาให้นาย Obama ด้วย นาย Brzezinski เป็นลูกศิษย์เอกของครูใหญ่ด้าน ภูมิศาสตร์การเมืองชาวอังกฤษ คือ Sir Halford Mackinder ซึ่งบอกว่าการแสดงความกร่างของการเป็นจักรวรรดิ มันก็คือบทสุดท้ายของการเป็นจักรวรรดิ ความกร่างนั่นแหละที่ทำให้จักรภพอังกฤษ ถึงจุดจบในศตรรษที่ 19 เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 เริ่ม นาย Brzezinski ยังบอกอีกว่า ไอ้ความอวดดี กดขี่และความกร่างของวอชิงตัน ในศตวรรษต่อมานี่แหละ จะทำลายอเมริกาเอง จากการที่เป็นผู้มีอำนาจใหญ่สุดหนึ่งเดียว หรือการเป็นจักรวรรดิอเมริกา แต่นาย Brzezinski นั่นเองแหละ ที่เป็นคนติดเครื่องให้อเมริกาเป็นจักรวรรดิ นักล่าหมายเลขหนึ่งครองโลก แต่เขาเตือนว่าอเมริกาจะต้องระมัดระวัง แม้ว่าจะเอาเสื้อคลุมประชาธิปไตยมาพรางตัวเองแล้วก็ตาม ก็จะต้องรักษามิตรเพื่องานใหญ่ข้างหน้า งานใหญ่นี้คือ การควบคุม Eurasia เขาไม่ได้โต้แย้งการจะเป็นจักรวรรดิอเมริกา เขาเพียงแต่เห็นต่างในวิธีการจะไปให้ถึงจุดหมาย Brzezinski บอกว่าเราจะไปให้ถึงจุดหมายของการเป็นจักรวรรดิอเมริกา เราต้องมีกองทัพของอเมริกาอยู่ที่ทั่วโลก วางกองกำลังไว้ทุกทวีป ครอบคลุมทุกมหาสมุทร เพิ่มการปะทะหรือการต่อสู้ในทุกที่ แบบนี้จะมีใครมาเทียบรัศมีกับอเมริกาได้ ไม่ว่าในทางการเมืองหรือกองทัพ และที่อเมริกาวางกองกำลังไว้แห่งหนึ่งก็คือ บริเวณพื้นที่ผืนเล็ก ๆ อยู่ในเอเซียกลาง ซึ่งเคยเป็นของสหภาพโซเวียต ที่ชื่อ Republic of Georgia นั่นแหละ ตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ. 2003 เป็นต้นมา รัฐบาลอเมริกัน โดยคุณพ่อ Bush ได้ให้การสนับสนุนด้านกองกำลังแก่ Georgia รวมทั้งให้คำปรึกษา เป็นพี่เลี้ยง ให้กับรัฐเล็กๆ ที่ได้ประกาศตัวเป็นอิสระจากสหภาพโซเวียต ในปี 1990 มาตลอด คงจะเป็นการยาก ที่จะให้ใครเข้าใจเหตุการณ์ใน Georgia ในปี ค.ศ. 2008 ถ้าไม่ย้อนไปดูพฤติกรรมของอเม ริกา หลัง ค.ศ. 1990 เป็นต้นมา สมัยรัฐบาลคุณพ่อ Bush เขาหักหลังรัสเซียโดยให้ NATO ขยายตัวมาทางตะวันออก มาถึงคุณลูก Bush ก็มาสานต่อด้วยการกดดันสหภาพยุโรปและรัฐบาลของยุโรปตะวันตก ให้รับ Georgia และ Ukraine สองประเทศที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพ โซเวียตเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของ NATO ต้นปี ค.ศ. 2007 อเมริกาประกาศว่า อเมริกามีแผนที่จะสร้างฐานยิงจรวด และสถานีเรดาร์ ใน 2 ประเทศที่เคยอยู่ใน Warsaw Pact และบัดนี้เป็นสมาชิกของ NATO คือ Poland และ Czech นาย Bush อ้างว่าอเมริกาต้องทำเพื่อป้องกันตัวเอง จากการโจมตีของประเทศที่พูดกันไม่รู้เรื่องเช่น Iran ข้ออ้างนี้ ถูกรัสเซียสวนกลับว่าไม่ใช่เป็นการป้องกันตัวหรอกเพื่อน แต่เป็นการแสดงการรุกคืบ เพื่อโชว์กำลังอำนาจด้านการทหารให้ Moscow ดูมากกว่า ! เดือน ก.พ. 2007 คุณพี่ปูติน ในฐานะประธานาธิบดีของรัสเซีย ได้พูดในที่ประชุมเกี่ยวกับความมั่นคงระหว่างประเทศที่ Munich Germany ว่า วันนี้ไม่ขอพูดภาษานักการฑูต แต่ขอถามกันตรง ๆ ว่าNATO ตั้งใจจะก่อความยั่วยุ ให้เกิดความไม่ไว้วางใจกัน ระหว่างสมาชิกหรือยังไง ถามจริง ๆ เถอะ เป้าหมาย (ของการยั่วยุของ) NATO อยู่ที่ใคร และคำมั่นของบรรดาคู่สัญญาฝ่ายตะวันตก หลังเลิก Warsaw Pact นั้น มันหายไปไหนหมด คุณพี่ปูตินอาจจะไม่ใช่ประเภท “nice guy” แต่ที่แน่นอน คุณพี่ปูไม่ใช่คนโง่และขี้ขลาด เมื่อถึงเวลาที่จะต้องปกป้องผลประโยชน์ของชาวรัสเซีย กลิ่นของสงครามเย็นเริ่มโชยอีกครั้ง! สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 27 มิย. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 222 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกะรอยนักล่า ตอนที่ 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยนักล่า” (2)
    ขณะที่เขียนนิทานนี้ การขับไล่รัฐบาลนังมารร้าย ของมวลมหาประชาชนยังไม่สำเร็จ มะม่วงแม้จะขั้วเน่า จุดดำขึ้นเต็มลูก ก็ยังไม่ร่วงหล่น ลุงกำนันใช้ลมปากเท่าใดก็ไม่เป็นผล และแม้จะมีนักวิชาการดาหน้ากันมาบอกว่า การเป็นรัฐบาลรักษาการของรัฐบาลนังมารร้ายได้สิ้นสุดไปแล้ว ก็เหมือนพูดกับคนหูหนวก ไม่รู้เรื่อง แถมนังมารร้ายออกมาพูดจาเลอะเทอะ ทำน้ำตาคลอ ดูอาการเหมือนคนใกล้จะวิปลาส และแม้จะมีศาลจะออกมาชี้มูลความผิด หรือแม้ว่าจะมีคุณหมอคนใดจริงใจและใจถึงออกมาบอกว่า นังมารร้ายวิปลาสไปแล้ว หล่อนก็ยังคงไม่รู้ร้อนรู้หนาวเกาะเก้าอี้ห้อยต่องแต่งต่อไป จำเป็นจะต้องรอให้มีปัจจัยอื่น ที่จะมาปลิดมะม่วงให้หล่น
    ปัจจัยภายในคือคุณพี่ทหาร ซึ่งขณะนี้ได้แสดงท่าทีว่าจวนจะหาจุดยืนถูก “ที่” แล้ว รออีกสักหน่อย ตอนนี้ยังยุ่งกับการแต่งบังเกอร์ให้หวานแหววอยู่ ส่วนปัจจัยภายนอกคือนักล่า ซึ่งได้ปล่อยข่าวผ่านสำนักหมอ ดู CSIS (Centre for Strategic and International Studies) เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2014 ไปแล้วว่า มันควรต้องมีการประนีประนอมด้วยการเจรจา และตกลงตั้งนายกรัฐมนตรีคนกลาง เลือกเอาจากที่ผู้คนยอมรับนับถือแบบนายอานันท์ ปันยารชุน
    แหม ! ข่าวแบบนี้เล่นเอาร้านตัดเสื้องานเข้า เขาว่ามีคนแอบไปตัดชุดขาวหลายคน (แอบลุ้นกันทั้งนั้น) บางคนก็เอาชุดเดิมไปแก้ เพราะว่าคอมันคับไป แก่แล้ว น้ำหนักมันขึ้น (ฮา)
    แม้เราจะยังไม่แน่ใจว่า นักล่าจะเล่นไพ่ใบไหน มันกะล่อนจะตาย จะเชื่อกันง่าย ๆ ก็ ฉ.ห. กันหมด แต่เมื่อลองไปแกะรอย ตามดูว่านักล่าเดินไปทางไหน มันก็พอจะบอกอะไรเพิ่มเติมได้บ้าง
    อเมริกามีหน่วยงานหนึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบ ทำรายงานเกี่ยวกับความเป็นไปของแต่ละประเทศแต่ละเหตุการณ์ในโลก เพื่อส่งให้สภาสูง เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอเมริกา เหมือนคุณครูประจำชั้นเขียนสมุดพก ประจำตัวนักเรียนแต่ละคน รายงานผู้ปกครอง สมัยเราเรียนหนังสือนั่นละ หน่วยงานที่ออกสมุดพกพวกนี้เรียกว่า Congressional Research Services (CRS) คุณครูจะออกสมุดพกของแต่ละประเทศ เป็นรายปีในกรณีปกติ หรือมากกว่านั้น ขึ้นกับเหตุการณ์และความสำคัญ เช่นถ้าอเมริกากำลังวิ่งเล่นโยนระเบิดอยู่แถวอิรัค สมุดพกของอิรัคอาจออกเป็นรายชั่วโมง (ฮา) หรือของยูเครนตอนนี้คงออกเป็นรายครึ่งวัน เพราะลงทุนส่งสมุนไปปลุกเศกการปฏิวัติประชาชนซะจนประเทศเขากำลังจะแตกเป็นเสี่ยง
    สำหรับประเทศไทย ที่เปิดเผยคือสมุดพกออกเป็นราย ปี แต่ที่ปกปิด ตามรายงานของคุณนายฑูต อาจออกเป็นรายวัน ดูสมัยเสื้อแดงเผาเมือง ฑูตสมัยนั้นรายงานทุกวัน 3 เวลาหลังอาหาร (อ่านจาก Wikileaks ที่ได้อภินันทนาการแจกกันทั่วโลกครับ) สมุดพกที่ว่านี้ปรกติของนักเรียนไทยแต่ละปี จะออกช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน แต่สำหรับปีค.ศ. 2013 ที่ผ่านมา ผ่านไปครึ่งปีคุณครูคงยังไม่สามารถสรุป ความประพฤติของนักเรียนไทยได้ เพราะเริ่มมีอาการปวดหัว ตัวร้อน มีการโดดเรียน หรือเริ่มมั่วสุมนอกห้องเรียน เพราะหงุดหงิดจากพวกแก๊งขี้โกงเสนอร่างพรบ.นิรโทษกรรมเข้าไปพิจารณาในสภา คุณครู CRS เลยถ่วงเวลามาออกเอาเดือนสุดท้ายของปี คือออกรายงานเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 2013
    รายงานคราวนี้ยาวกว่าปรกติ โดยเฉพาะเรื่องสถานการณ์ด้านการเมือง คุณครูรายงานถี่ยิบ ใส่ทุกเรื่องทุกฝ่าย
    รายงานส่วนที่สำคัญบอกว่า ไทยแลนด์เป็นพันธมิตรเก่าแก่ของอเมริกา ตั้งแต่ ค.ศ. 1954 (นานจัง) และได้รับการชื่นชมมาโดยตลอดว่าเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จ ทั้งด้านเศรษฐกิจและการดำรงความเป็นประเทศในระบอบประชาธิปไตย (อ้าว ! ไหนประนามกันเรื่อยว่าไทยไม่เป็นประชาธิปไตย เดี๋ยวฟ้องคุณครูเลย ! ) สัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศแน่นแฟ้นในช่วงสงครามเย็น และได้ขยายไปทั้งด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจและความมั่นคง ไทยเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของอเมริกา และการที่อเมริกาสามารถเข้าไปใช้บริการ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ของกองทัพไทย (เช่น สนามบิน ! ) ทำให้ประเทศไทยเป็นส่วนสำคัญทางยุทธศาสตร์ของอเมริกาในการจะดำรงคงอยู่ในภูมิภาค Asia Pacific นี้ได้ (แหม ! จะหลอกใช้สนามบินของเค้าอีกแล้ว)
    คุณครูบอกว่าความมั่นคงและความเจริญเติบโตของประเทศไทย เริ่มสั่นคลอนหลังจากรัฐประหารในไทย เมื่อ ค.ศ. 2006 สร้างความแตกแยกในสังคมไทยอย่างร้าวลึกและยาวนาน และขณะนี้ได้ลุกลามไปจนกลายเป็น การประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก และให้มีการปกครอง ที่มีบางส่วนอาจมองได้ว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองของประเทศ อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจของไทย ก็ยังเติบโตแม้จะมีวิกฤติการเมือง และยังเป็นประเทศที่รายได้ของชนชั้นกลาง ยังมีการขยายต่อได้อีก และยังเป็นพันธมิตรที่มั่นคงของอเมริกา (แปลว่าเรื่องกระเป๋าตังค์นี่ เป็นประเด็นที่นักล่าสนใจนะ)
    ประเทศไทยที่สงบและมีความมั่นคง มีนัยอย่างสำคัญทางยุทธศาสตร์ของอเมริกา เพราะประเทศไทยซึ่งมีสถานะเป็นพันธมิตรของอเมริกา ตั้งอยู่บนพื้นแผ่นดินในบริเวณที่เหมาะสมของภูมิภาคอาเซียอาคเณย์นี้ (จุดได้เปรียบของไทย จำกันไว้ให้ดี !)
    คุณครูรายงานต่อไปว่า สภาสูงของอเมริกากำลังลำบากใจที่ต้องเผชิญกับภาวะที่ดูไม่ประชาธิปไตยของไทย และจะมีปฏิกิริยาตอบรับอย่างไร กับประเด็นการดุลอำนาจระหว่างพลเรือนและทหารที่เป็นอยู่ในสังคมไทย (พูดง่าย ๆ ว่ายังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอาพลเรือนนำทหาร หรือจะเอาทหารนำพลเรือนใช่ไหมคุณครู) นอกจากนี้ยังมีนักวิเคราะห์หลายรายบอกว่า การที่ไทยมัววุ่นอยู่กับปัญหาภายในประเทศของตนนานเกินไป ทำให้อิทธิพลของตนเองที่เคยมีอยู่ในภูมิภาคนี้ด้อยลงด้วย อย่างไรก็ตามแม้ในระดับการปฏิบัติการร่วมกัน ยังคงราบรื่นอยู่ แต่การริเริ่มใหม่ ๆ ดูเหมือนจะเฉื่อยชาไป (แหม ! นายท่านพวกกระผม กำลังวุ่นกับการไล่รัฐบาลโจร จะให้มัวไปเช็ดรองเท้าพวกท่านก็กรุณารอก่อนนะขอรับ ขอโทษครับ ขอเขียนแดกพวกขี้ข้าฝรั่งหน่อย อดไม่ได้)
    เมื่อรัฐบาล Obama ประกาศเปลี่ยนแปลงดุลยภาพของอเมริกา (Rebalancing) โดยให้ความสำคัญกับ Asia Pacific เป็นอันดับสำคัญ ซึ่งจำเป็นต้องมีการขับเคลื่อนร่วมมือจากประเทศที่เรียกว่าเป็นพันธมิตรในภูมิภาคนี้ด้วยนั้น เห็นชัดว่าอเมริกากับไทย ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ และประเทศไทยก็ไม่ได้ เข้าเป็นคู่สัญญาในการริเริ่มขบวนการตาม Trans Pacific Partnership (TPP) (ไทยตกรถไฟขบวน TPP น่าจะแปลว่าดีกับไทยนะ เพราะยังไม่เห็นประโยชน์อะไรกับไทยเลย !)
    แต่ประเด็นที่เป็นปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการเมืองไทย ที่อเมริกาเป็นห่วง คือโอกาสที่ทักษิณจะกลับมาอยู่ในประเทศไทย มีมากน้อยเพียงใด (แปลว่าไม่อยากได้ทักษิณใช่ไหม ทักษิณเป็นตัวปัญหาใช่ไหม คุณครู) เพราะทักษิณยังเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ และตัวทักษิณเองได้พูดไปทั่วว่า ตนเองยังได้รับการสนับสนุนจากคนไทยอยู่มาก และจะกลับบ้านในเร็ว ๆ นี้ ร่างกฎหมาย นิรโทษกรรมที่จะล้างผิดให้ทักษิณเป็นต้นเหตุ ให้เกิดการประท้วงใหญ่ ตั้งแต่ตุลาคม ค.ศ. 2013 เป็นต้นมา
    อีกประเด็นที่สำคัญคือคำถามเกี่ยวกับพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระชนมายุ 86 แล้ว และมีรายงานว่าไม่ทรงแข็งแรง พระองค์ทรงเป็นที่เคารพอย่างสูงสุด ของประชาชนมาตลอด 60 ปี ที่ผ่านมา และสถาบันกษัตริย์เป็นที่ยอมรับว่า เป็นสถาบันที่มั่นคงที่สุดในไทย แต่ขณะนี้คำถามเกี่ยวกับการสืบสันตติวงศ์เริ่มใกล้เข้ามา ซึ่งทำให้ความมั่นคงของไทยในส่วนนี้ เป็นเรื่องที่ห่วงกันอยู่
    สาเหตุหลักที่อเมริกาจะต้องพยายามรักษาสัมพันธ์กับประเทศไทยไว้ คือ การแข่งขันในการมีอิทธิพลในอาเซียอาคเณย์ระหว่างอเมริกากับจีน (ฮั่นแน่ ! เรื่องสำคัญ มาแอบอยู่ตรงนี้เองแหละ) ไทยมีชื่อเสียงมานานในความสามารถรักษาสัมพันธ์กับทุกฝ่าย ไม่ว่าด้านธุรกิจ การเมือง และวัฒนธรรม ไทยสามารถจัดการได้ดีทั้งกับจีนและอเมริกา
    ประเทศไทยที่แข็งแรง และมองออกไปนอกตัวเองมากขึ้น จะช่วยให้ได้รับการสนับสนุน ในการเข้าร่วมกระบวนการ “Rebalancing” ของอเมริกา วิกฤตการเมืองของไทย ทำให้ไทยเสียโอกาสอย่างมาก เพราะเมื่อรัฐบาล Obama ประกาศนโยบายต่างประเทศ Rebalancing ของอเมริกามาทางเอเซีย ไทยไม่ได้รับบทบาทสำคัญ (ไม่ได้เป็นพระเอก) และวอชิงตันได้มองไปที่ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และคบหุ้นส่วนใหม่ เช่น อินโดนีเซีย และเวียตนาม (พวกตัวประกอบผักชีโรยหน้า)
    อย่างไรก็ตามฝ่ายกองทัพของสหรัฐ ยังอยากที่จะคบค้าสานสัมพันธ์กับกองทัพไทยต่อไป (Mil to Mil relationship) โดยเฉพาะการสามารถเข้าไปใช้เครื่องมือเครื่องใช้อำนวยความสะดวก รวมทั้งฐานทัพของไทย ในกรณีที่เกิดปัญหาความตึงเครียดในภูมิภาคนี้
    นักวิเคราะห์ระดับภูมิภาคประโลมใจว่า แม้ประเทศไทยจะไม่วิเศษสมบูรณ์ แต่พันธมิตรที่เป็นประชาธิปไตยในภูมิภาค มีความสำคัญยิ่งในการแสดงให้เห็นถึงความผูกพันธ์ของอเมริกาในภูมิภาคนี้ (คุณนายฑูตคริสตี้ ช่วยอ่านรายงานคุณครู CRS ตอนนี้ให้เข้าไปในหัวหน่อย และถ้าคุณนายซึ่งเป็นฑูตตัวแทนประเทศตัวเอง แล้วยังตั้งหน้าตอแหลบิดเบือนต่อไปอีก ครูใหญ่ Obama ช่วยเรียกตัวกลับไปกวาดพื้นโรงเรียนประถมในอเมริกา จะเหมาะสมกับคุณนายมากกว่า และอาจจะทำให้อเมริกาถูกรังเกียจน้อยลงไปบ้าง)
    ขณะเดียวกัน มีผู้ท้วงติงว่า การที่อเมริกาพยายามจะให้ไทยใช้วิธีการบริหารประเทศ โดยให้พลเรือนควบคุมกองทัพ ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผล ดูจากเหตุการณ์ไม่กี่ปีที่ผ่านมา (แปลว่าอยากได้ทหารเป็นผู้บริหารประเทศ มากกว่าพลเรือนหรือไง ?) และแม้ว่าการจะใช้สนามบินของไทยเป็นเรื่องสำคัญสำหรับกองทัพอเมริกา ก็มีผู้สงสัยเช่นกันว่า ไทยจะยอมให้ใช้หรือไม่ หากมีความขัดแย้งกันเกิดขึ้น (เริ่มจะรู้ตัวแล้วหรือนักล่า ว่าสมันน้อยก็มีเขี้ยวเล็บเหมือนกัน)

    คนเล่านิทาน
    แกะรอยนักล่า ตอนที่ 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยนักล่า” (2) ขณะที่เขียนนิทานนี้ การขับไล่รัฐบาลนังมารร้าย ของมวลมหาประชาชนยังไม่สำเร็จ มะม่วงแม้จะขั้วเน่า จุดดำขึ้นเต็มลูก ก็ยังไม่ร่วงหล่น ลุงกำนันใช้ลมปากเท่าใดก็ไม่เป็นผล และแม้จะมีนักวิชาการดาหน้ากันมาบอกว่า การเป็นรัฐบาลรักษาการของรัฐบาลนังมารร้ายได้สิ้นสุดไปแล้ว ก็เหมือนพูดกับคนหูหนวก ไม่รู้เรื่อง แถมนังมารร้ายออกมาพูดจาเลอะเทอะ ทำน้ำตาคลอ ดูอาการเหมือนคนใกล้จะวิปลาส และแม้จะมีศาลจะออกมาชี้มูลความผิด หรือแม้ว่าจะมีคุณหมอคนใดจริงใจและใจถึงออกมาบอกว่า นังมารร้ายวิปลาสไปแล้ว หล่อนก็ยังคงไม่รู้ร้อนรู้หนาวเกาะเก้าอี้ห้อยต่องแต่งต่อไป จำเป็นจะต้องรอให้มีปัจจัยอื่น ที่จะมาปลิดมะม่วงให้หล่น ปัจจัยภายในคือคุณพี่ทหาร ซึ่งขณะนี้ได้แสดงท่าทีว่าจวนจะหาจุดยืนถูก “ที่” แล้ว รออีกสักหน่อย ตอนนี้ยังยุ่งกับการแต่งบังเกอร์ให้หวานแหววอยู่ ส่วนปัจจัยภายนอกคือนักล่า ซึ่งได้ปล่อยข่าวผ่านสำนักหมอ ดู CSIS (Centre for Strategic and International Studies) เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2014 ไปแล้วว่า มันควรต้องมีการประนีประนอมด้วยการเจรจา และตกลงตั้งนายกรัฐมนตรีคนกลาง เลือกเอาจากที่ผู้คนยอมรับนับถือแบบนายอานันท์ ปันยารชุน แหม ! ข่าวแบบนี้เล่นเอาร้านตัดเสื้องานเข้า เขาว่ามีคนแอบไปตัดชุดขาวหลายคน (แอบลุ้นกันทั้งนั้น) บางคนก็เอาชุดเดิมไปแก้ เพราะว่าคอมันคับไป แก่แล้ว น้ำหนักมันขึ้น (ฮา) แม้เราจะยังไม่แน่ใจว่า นักล่าจะเล่นไพ่ใบไหน มันกะล่อนจะตาย จะเชื่อกันง่าย ๆ ก็ ฉ.ห. กันหมด แต่เมื่อลองไปแกะรอย ตามดูว่านักล่าเดินไปทางไหน มันก็พอจะบอกอะไรเพิ่มเติมได้บ้าง อเมริกามีหน่วยงานหนึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบ ทำรายงานเกี่ยวกับความเป็นไปของแต่ละประเทศแต่ละเหตุการณ์ในโลก เพื่อส่งให้สภาสูง เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอเมริกา เหมือนคุณครูประจำชั้นเขียนสมุดพก ประจำตัวนักเรียนแต่ละคน รายงานผู้ปกครอง สมัยเราเรียนหนังสือนั่นละ หน่วยงานที่ออกสมุดพกพวกนี้เรียกว่า Congressional Research Services (CRS) คุณครูจะออกสมุดพกของแต่ละประเทศ เป็นรายปีในกรณีปกติ หรือมากกว่านั้น ขึ้นกับเหตุการณ์และความสำคัญ เช่นถ้าอเมริกากำลังวิ่งเล่นโยนระเบิดอยู่แถวอิรัค สมุดพกของอิรัคอาจออกเป็นรายชั่วโมง (ฮา) หรือของยูเครนตอนนี้คงออกเป็นรายครึ่งวัน เพราะลงทุนส่งสมุนไปปลุกเศกการปฏิวัติประชาชนซะจนประเทศเขากำลังจะแตกเป็นเสี่ยง สำหรับประเทศไทย ที่เปิดเผยคือสมุดพกออกเป็นราย ปี แต่ที่ปกปิด ตามรายงานของคุณนายฑูต อาจออกเป็นรายวัน ดูสมัยเสื้อแดงเผาเมือง ฑูตสมัยนั้นรายงานทุกวัน 3 เวลาหลังอาหาร (อ่านจาก Wikileaks ที่ได้อภินันทนาการแจกกันทั่วโลกครับ) สมุดพกที่ว่านี้ปรกติของนักเรียนไทยแต่ละปี จะออกช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน แต่สำหรับปีค.ศ. 2013 ที่ผ่านมา ผ่านไปครึ่งปีคุณครูคงยังไม่สามารถสรุป ความประพฤติของนักเรียนไทยได้ เพราะเริ่มมีอาการปวดหัว ตัวร้อน มีการโดดเรียน หรือเริ่มมั่วสุมนอกห้องเรียน เพราะหงุดหงิดจากพวกแก๊งขี้โกงเสนอร่างพรบ.นิรโทษกรรมเข้าไปพิจารณาในสภา คุณครู CRS เลยถ่วงเวลามาออกเอาเดือนสุดท้ายของปี คือออกรายงานเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 2013 รายงานคราวนี้ยาวกว่าปรกติ โดยเฉพาะเรื่องสถานการณ์ด้านการเมือง คุณครูรายงานถี่ยิบ ใส่ทุกเรื่องทุกฝ่าย รายงานส่วนที่สำคัญบอกว่า ไทยแลนด์เป็นพันธมิตรเก่าแก่ของอเมริกา ตั้งแต่ ค.ศ. 1954 (นานจัง) และได้รับการชื่นชมมาโดยตลอดว่าเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จ ทั้งด้านเศรษฐกิจและการดำรงความเป็นประเทศในระบอบประชาธิปไตย (อ้าว ! ไหนประนามกันเรื่อยว่าไทยไม่เป็นประชาธิปไตย เดี๋ยวฟ้องคุณครูเลย ! ) สัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศแน่นแฟ้นในช่วงสงครามเย็น และได้ขยายไปทั้งด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจและความมั่นคง ไทยเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของอเมริกา และการที่อเมริกาสามารถเข้าไปใช้บริการ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ของกองทัพไทย (เช่น สนามบิน ! ) ทำให้ประเทศไทยเป็นส่วนสำคัญทางยุทธศาสตร์ของอเมริกาในการจะดำรงคงอยู่ในภูมิภาค Asia Pacific นี้ได้ (แหม ! จะหลอกใช้สนามบินของเค้าอีกแล้ว) คุณครูบอกว่าความมั่นคงและความเจริญเติบโตของประเทศไทย เริ่มสั่นคลอนหลังจากรัฐประหารในไทย เมื่อ ค.ศ. 2006 สร้างความแตกแยกในสังคมไทยอย่างร้าวลึกและยาวนาน และขณะนี้ได้ลุกลามไปจนกลายเป็น การประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก และให้มีการปกครอง ที่มีบางส่วนอาจมองได้ว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองของประเทศ อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจของไทย ก็ยังเติบโตแม้จะมีวิกฤติการเมือง และยังเป็นประเทศที่รายได้ของชนชั้นกลาง ยังมีการขยายต่อได้อีก และยังเป็นพันธมิตรที่มั่นคงของอเมริกา (แปลว่าเรื่องกระเป๋าตังค์นี่ เป็นประเด็นที่นักล่าสนใจนะ) ประเทศไทยที่สงบและมีความมั่นคง มีนัยอย่างสำคัญทางยุทธศาสตร์ของอเมริกา เพราะประเทศไทยซึ่งมีสถานะเป็นพันธมิตรของอเมริกา ตั้งอยู่บนพื้นแผ่นดินในบริเวณที่เหมาะสมของภูมิภาคอาเซียอาคเณย์นี้ (จุดได้เปรียบของไทย จำกันไว้ให้ดี !) คุณครูรายงานต่อไปว่า สภาสูงของอเมริกากำลังลำบากใจที่ต้องเผชิญกับภาวะที่ดูไม่ประชาธิปไตยของไทย และจะมีปฏิกิริยาตอบรับอย่างไร กับประเด็นการดุลอำนาจระหว่างพลเรือนและทหารที่เป็นอยู่ในสังคมไทย (พูดง่าย ๆ ว่ายังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอาพลเรือนนำทหาร หรือจะเอาทหารนำพลเรือนใช่ไหมคุณครู) นอกจากนี้ยังมีนักวิเคราะห์หลายรายบอกว่า การที่ไทยมัววุ่นอยู่กับปัญหาภายในประเทศของตนนานเกินไป ทำให้อิทธิพลของตนเองที่เคยมีอยู่ในภูมิภาคนี้ด้อยลงด้วย อย่างไรก็ตามแม้ในระดับการปฏิบัติการร่วมกัน ยังคงราบรื่นอยู่ แต่การริเริ่มใหม่ ๆ ดูเหมือนจะเฉื่อยชาไป (แหม ! นายท่านพวกกระผม กำลังวุ่นกับการไล่รัฐบาลโจร จะให้มัวไปเช็ดรองเท้าพวกท่านก็กรุณารอก่อนนะขอรับ ขอโทษครับ ขอเขียนแดกพวกขี้ข้าฝรั่งหน่อย อดไม่ได้) เมื่อรัฐบาล Obama ประกาศเปลี่ยนแปลงดุลยภาพของอเมริกา (Rebalancing) โดยให้ความสำคัญกับ Asia Pacific เป็นอันดับสำคัญ ซึ่งจำเป็นต้องมีการขับเคลื่อนร่วมมือจากประเทศที่เรียกว่าเป็นพันธมิตรในภูมิภาคนี้ด้วยนั้น เห็นชัดว่าอเมริกากับไทย ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ และประเทศไทยก็ไม่ได้ เข้าเป็นคู่สัญญาในการริเริ่มขบวนการตาม Trans Pacific Partnership (TPP) (ไทยตกรถไฟขบวน TPP น่าจะแปลว่าดีกับไทยนะ เพราะยังไม่เห็นประโยชน์อะไรกับไทยเลย !) แต่ประเด็นที่เป็นปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการเมืองไทย ที่อเมริกาเป็นห่วง คือโอกาสที่ทักษิณจะกลับมาอยู่ในประเทศไทย มีมากน้อยเพียงใด (แปลว่าไม่อยากได้ทักษิณใช่ไหม ทักษิณเป็นตัวปัญหาใช่ไหม คุณครู) เพราะทักษิณยังเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ และตัวทักษิณเองได้พูดไปทั่วว่า ตนเองยังได้รับการสนับสนุนจากคนไทยอยู่มาก และจะกลับบ้านในเร็ว ๆ นี้ ร่างกฎหมาย นิรโทษกรรมที่จะล้างผิดให้ทักษิณเป็นต้นเหตุ ให้เกิดการประท้วงใหญ่ ตั้งแต่ตุลาคม ค.ศ. 2013 เป็นต้นมา อีกประเด็นที่สำคัญคือคำถามเกี่ยวกับพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระชนมายุ 86 แล้ว และมีรายงานว่าไม่ทรงแข็งแรง พระองค์ทรงเป็นที่เคารพอย่างสูงสุด ของประชาชนมาตลอด 60 ปี ที่ผ่านมา และสถาบันกษัตริย์เป็นที่ยอมรับว่า เป็นสถาบันที่มั่นคงที่สุดในไทย แต่ขณะนี้คำถามเกี่ยวกับการสืบสันตติวงศ์เริ่มใกล้เข้ามา ซึ่งทำให้ความมั่นคงของไทยในส่วนนี้ เป็นเรื่องที่ห่วงกันอยู่ สาเหตุหลักที่อเมริกาจะต้องพยายามรักษาสัมพันธ์กับประเทศไทยไว้ คือ การแข่งขันในการมีอิทธิพลในอาเซียอาคเณย์ระหว่างอเมริกากับจีน (ฮั่นแน่ ! เรื่องสำคัญ มาแอบอยู่ตรงนี้เองแหละ) ไทยมีชื่อเสียงมานานในความสามารถรักษาสัมพันธ์กับทุกฝ่าย ไม่ว่าด้านธุรกิจ การเมือง และวัฒนธรรม ไทยสามารถจัดการได้ดีทั้งกับจีนและอเมริกา ประเทศไทยที่แข็งแรง และมองออกไปนอกตัวเองมากขึ้น จะช่วยให้ได้รับการสนับสนุน ในการเข้าร่วมกระบวนการ “Rebalancing” ของอเมริกา วิกฤตการเมืองของไทย ทำให้ไทยเสียโอกาสอย่างมาก เพราะเมื่อรัฐบาล Obama ประกาศนโยบายต่างประเทศ Rebalancing ของอเมริกามาทางเอเซีย ไทยไม่ได้รับบทบาทสำคัญ (ไม่ได้เป็นพระเอก) และวอชิงตันได้มองไปที่ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และคบหุ้นส่วนใหม่ เช่น อินโดนีเซีย และเวียตนาม (พวกตัวประกอบผักชีโรยหน้า) อย่างไรก็ตามฝ่ายกองทัพของสหรัฐ ยังอยากที่จะคบค้าสานสัมพันธ์กับกองทัพไทยต่อไป (Mil to Mil relationship) โดยเฉพาะการสามารถเข้าไปใช้เครื่องมือเครื่องใช้อำนวยความสะดวก รวมทั้งฐานทัพของไทย ในกรณีที่เกิดปัญหาความตึงเครียดในภูมิภาคนี้ นักวิเคราะห์ระดับภูมิภาคประโลมใจว่า แม้ประเทศไทยจะไม่วิเศษสมบูรณ์ แต่พันธมิตรที่เป็นประชาธิปไตยในภูมิภาค มีความสำคัญยิ่งในการแสดงให้เห็นถึงความผูกพันธ์ของอเมริกาในภูมิภาคนี้ (คุณนายฑูตคริสตี้ ช่วยอ่านรายงานคุณครู CRS ตอนนี้ให้เข้าไปในหัวหน่อย และถ้าคุณนายซึ่งเป็นฑูตตัวแทนประเทศตัวเอง แล้วยังตั้งหน้าตอแหลบิดเบือนต่อไปอีก ครูใหญ่ Obama ช่วยเรียกตัวกลับไปกวาดพื้นโรงเรียนประถมในอเมริกา จะเหมาะสมกับคุณนายมากกว่า และอาจจะทำให้อเมริกาถูกรังเกียจน้อยลงไปบ้าง) ขณะเดียวกัน มีผู้ท้วงติงว่า การที่อเมริกาพยายามจะให้ไทยใช้วิธีการบริหารประเทศ โดยให้พลเรือนควบคุมกองทัพ ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผล ดูจากเหตุการณ์ไม่กี่ปีที่ผ่านมา (แปลว่าอยากได้ทหารเป็นผู้บริหารประเทศ มากกว่าพลเรือนหรือไง ?) และแม้ว่าการจะใช้สนามบินของไทยเป็นเรื่องสำคัญสำหรับกองทัพอเมริกา ก็มีผู้สงสัยเช่นกันว่า ไทยจะยอมให้ใช้หรือไม่ หากมีความขัดแย้งกันเกิดขึ้น (เริ่มจะรู้ตัวแล้วหรือนักล่า ว่าสมันน้อยก็มีเขี้ยวเล็บเหมือนกัน) คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 396 มุมมอง 0 รีวิว
  • โซเชียลแห่แชร์ คลิปผูกข้อมือในตำนานครูใหญ่เขมรสูง สั่งร่ายมนต์คาถา ให้เสี่ยหนูได้เป็นนายกฯ จะได้เป็นหรือเป็นแค่เกือบได้ เดี๋ยวรู้กัน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #อนุทิน
    #เสี่ยหนู
    โซเชียลแห่แชร์ คลิปผูกข้อมือในตำนานครูใหญ่เขมรสูง สั่งร่ายมนต์คาถา ให้เสี่ยหนูได้เป็นนายกฯ จะได้เป็นหรือเป็นแค่เกือบได้ เดี๋ยวรู้กัน #คิงส์โพธิ์แดง #อนุทิน #เสี่ยหนู
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกโอเพ่นซอร์ส: เมื่อ Linus Torvalds ปะทะโค้ด RISC-V จาก Google

    ในโลกของ Linux kernel การส่งโค้ดเข้า merge window เปรียบเสมือนการส่งงานให้ครูใหญ่—และครูใหญ่คนนั้นคือ Linus Torvalds ผู้สร้างและดูแล Linux มายาวนาน ล่าสุดเขาได้ออกโรงวิจารณ์โค้ดจากวิศวกร Google ที่ส่งเข้ามาเพื่อรวมใน Linux 6.17 ว่าเป็น “ขยะ” และ “ทำให้โลกแย่ลง”

    เหตุผลหลักคือโค้ดนั้นไม่เพียงคุณภาพต่ำ แต่ยังส่งมาช้าเกินกำหนด ซึ่งเป็นสองข้อห้ามสำคัญในการส่ง pull request เขาเน้นว่า “ถ้าจะส่งช้า ก็ต้องดีมาก ๆ” แต่โค้ดนี้กลับเพิ่มสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับ RISC-V ลงในไฟล์ header ทั่วไป ซึ่งเขามองว่าเป็นการละเมิดหลักการออกแบบ kernel

    Torvalds ยังเตือนนักพัฒนาคนนั้นว่า “คุณอยู่ในบัญชีเฝ้าระวังแล้ว” และแนะนำให้ส่งโค้ดสำหรับ Linux 6.18 ให้เร็วขึ้น พร้อมตัด “ขยะ” ออกให้หมด

    แม้คำพูดของเขาจะตรงไปตรงมา แต่ก็มีเหตุผลรองรับ เช่น การรักษาความสะอาดของโค้ดใน kernel และการป้องกันการเพิ่ม technical debt ที่จะส่งผลระยะยาวต่อระบบ

    จากมุมมองภายนอก ชุมชน RISC-V ยังเผชิญกับปัญหาคุณภาพโค้ดอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากเป็นสถาปัตยกรรมใหม่ที่ยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และนักพัฒนาหลายคนยังไม่คุ้นเคยกับ instruction set หรือแนวทางการ optimize ที่เหมาะสม

    Linus Torvalds ปฏิเสธ pull request จากวิศวกร Google สำหรับ Linux 6.17
    เหตุผลคือโค้ดคุณภาพต่ำและส่งมาช้าเกินกำหนด

    โค้ดนั้นเพิ่มเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวกับ RISC-V ลงในไฟล์ header ทั่วไป
    Torvalds เรียกว่า “ขยะ” และไม่ควรส่งมาแม้แต่ในเวลาปกติ

    Torvalds เตือนนักพัฒนาว่าอยู่ใน “บัญชีเฝ้าระวัง”
    ห้ามส่งโค้ดช้าและห้ามเพิ่มเนื้อหานอก RISC-V tree

    เขาแนะนำให้ส่งโค้ดสำหรับ Linux 6.18 ให้เร็วขึ้น
    พร้อมตัดเนื้อหาที่ไม่จำเป็นออกให้หมด

    RISC-V ยังเป็นสถาปัตยกรรมใหม่ที่นักพัฒนาหลายคนยังไม่คุ้นเคย
    ทำให้เกิดปัญหาเรื่องคุณภาพโค้ดและการ optimize อยู่บ่อยครั้ง

    การเขียนโค้ดสำหรับ RISC-V ต้องระวังเรื่อง code density และ performance
    เช่น การใช้ compiler flags ที่เหมาะสมเพื่อลดขนาดและเพิ่มประสิทธิภาพ

    การใช้ static analysis ช่วยตรวจสอบคุณภาพโค้ดก่อนส่ง build
    ลดโอกาสเกิด defect และเพิ่มความน่าเชื่อถือในการ reuse

    โค้ดที่ดีควรมีโครงสร้างชัดเจนและไม่เพิ่ม technical debt
    ทำให้สามารถขยายหรือปรับปรุงได้ง่ายในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/software/linux/linus-torvalds-calls-risc-v-code-from-google-engineer-garbage-and-that-it-makes-the-world-actively-a-worse-place-to-live-linux-honcho-puts-dev-on-notice-for-late-submissions-too
    🧑‍💻🔥 เรื่องเล่าจากโลกโอเพ่นซอร์ส: เมื่อ Linus Torvalds ปะทะโค้ด RISC-V จาก Google ในโลกของ Linux kernel การส่งโค้ดเข้า merge window เปรียบเสมือนการส่งงานให้ครูใหญ่—และครูใหญ่คนนั้นคือ Linus Torvalds ผู้สร้างและดูแล Linux มายาวนาน ล่าสุดเขาได้ออกโรงวิจารณ์โค้ดจากวิศวกร Google ที่ส่งเข้ามาเพื่อรวมใน Linux 6.17 ว่าเป็น “ขยะ” และ “ทำให้โลกแย่ลง” เหตุผลหลักคือโค้ดนั้นไม่เพียงคุณภาพต่ำ แต่ยังส่งมาช้าเกินกำหนด ซึ่งเป็นสองข้อห้ามสำคัญในการส่ง pull request เขาเน้นว่า “ถ้าจะส่งช้า ก็ต้องดีมาก ๆ” แต่โค้ดนี้กลับเพิ่มสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับ RISC-V ลงในไฟล์ header ทั่วไป ซึ่งเขามองว่าเป็นการละเมิดหลักการออกแบบ kernel Torvalds ยังเตือนนักพัฒนาคนนั้นว่า “คุณอยู่ในบัญชีเฝ้าระวังแล้ว” และแนะนำให้ส่งโค้ดสำหรับ Linux 6.18 ให้เร็วขึ้น พร้อมตัด “ขยะ” ออกให้หมด แม้คำพูดของเขาจะตรงไปตรงมา แต่ก็มีเหตุผลรองรับ เช่น การรักษาความสะอาดของโค้ดใน kernel และการป้องกันการเพิ่ม technical debt ที่จะส่งผลระยะยาวต่อระบบ จากมุมมองภายนอก ชุมชน RISC-V ยังเผชิญกับปัญหาคุณภาพโค้ดอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากเป็นสถาปัตยกรรมใหม่ที่ยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และนักพัฒนาหลายคนยังไม่คุ้นเคยกับ instruction set หรือแนวทางการ optimize ที่เหมาะสม ✅ Linus Torvalds ปฏิเสธ pull request จากวิศวกร Google สำหรับ Linux 6.17 ➡️ เหตุผลคือโค้ดคุณภาพต่ำและส่งมาช้าเกินกำหนด ✅ โค้ดนั้นเพิ่มเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวกับ RISC-V ลงในไฟล์ header ทั่วไป ➡️ Torvalds เรียกว่า “ขยะ” และไม่ควรส่งมาแม้แต่ในเวลาปกติ ✅ Torvalds เตือนนักพัฒนาว่าอยู่ใน “บัญชีเฝ้าระวัง” ➡️ ห้ามส่งโค้ดช้าและห้ามเพิ่มเนื้อหานอก RISC-V tree ✅ เขาแนะนำให้ส่งโค้ดสำหรับ Linux 6.18 ให้เร็วขึ้น ➡️ พร้อมตัดเนื้อหาที่ไม่จำเป็นออกให้หมด ✅ RISC-V ยังเป็นสถาปัตยกรรมใหม่ที่นักพัฒนาหลายคนยังไม่คุ้นเคย ➡️ ทำให้เกิดปัญหาเรื่องคุณภาพโค้ดและการ optimize อยู่บ่อยครั้ง ✅ การเขียนโค้ดสำหรับ RISC-V ต้องระวังเรื่อง code density และ performance ➡️ เช่น การใช้ compiler flags ที่เหมาะสมเพื่อลดขนาดและเพิ่มประสิทธิภาพ ✅ การใช้ static analysis ช่วยตรวจสอบคุณภาพโค้ดก่อนส่ง build ➡️ ลดโอกาสเกิด defect และเพิ่มความน่าเชื่อถือในการ reuse ✅ โค้ดที่ดีควรมีโครงสร้างชัดเจนและไม่เพิ่ม technical debt ➡️ ทำให้สามารถขยายหรือปรับปรุงได้ง่ายในอนาคต https://www.tomshardware.com/software/linux/linus-torvalds-calls-risc-v-code-from-google-engineer-garbage-and-that-it-makes-the-world-actively-a-worse-place-to-live-linux-honcho-puts-dev-on-notice-for-late-submissions-too
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 314 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประเดิมล้างบางสายสีน้ำเงินมหาดไทย เด้ง 2 อธิบดีเข้ากรุ!
    https://www.thai-tai.tv/news/20111/
    .
    #ภูมิธรรมเวชยชัย #กระทรวงมหาดไทย #โยกย้ายข้าราชการ #การเมืองไทย #พรรคเพื่อไทย #ครม #ข่าวการเมืองร้อน #ครูใหญ่บุรีรัมย์
    ประเดิมล้างบางสายสีน้ำเงินมหาดไทย เด้ง 2 อธิบดีเข้ากรุ! https://www.thai-tai.tv/news/20111/ . #ภูมิธรรมเวชยชัย #กระทรวงมหาดไทย #โยกย้ายข้าราชการ #การเมืองไทย #พรรคเพื่อไทย #ครม #ข่าวการเมืองร้อน #ครูใหญ่บุรีรัมย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 206 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่รอดแน่ ทายาทครูใหญ่ พยานหลักฐานเพียบ แพ้ภัยตัวเองตามนายใหญ่ไปติดๆ สูญพันธุ์แน่ภูมิใจไทย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ไม่รอดแน่ ทายาทครูใหญ่ พยานหลักฐานเพียบ แพ้ภัยตัวเองตามนายใหญ่ไปติดๆ สูญพันธุ์แน่ภูมิใจไทย #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 205 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ มหาศึกสว. ภท.ถอยไม่ได้ หากพ่ายอาจลามถึงขั้นถูกยื่นยุบพรรค ครูใหญ่จัดทัพปรับขบวนโต้ตอบโจมตีครั้งใหญ่ วัดกับนายใหญ่ก็ต้องชน
    #7ดอกจิก
    ♣ มหาศึกสว. ภท.ถอยไม่ได้ หากพ่ายอาจลามถึงขั้นถูกยื่นยุบพรรค ครูใหญ่จัดทัพปรับขบวนโต้ตอบโจมตีครั้งใหญ่ วัดกับนายใหญ่ก็ต้องชน #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • มหาศึกสว. ภท.ถอยไม่ได้ หากพ่ายอาจลามถึงขั้นถูกยื่นยุบพรรค ครูใหญ่จัดทัพปรับขบวนโต้ตอบโจมตีครั้งใหญ่ วัดกับนายใหญ่ก็ต้องชน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #เนวิน
    #ทักษิณ
    #อนุทิน
    มหาศึกสว. ภท.ถอยไม่ได้ หากพ่ายอาจลามถึงขั้นถูกยื่นยุบพรรค ครูใหญ่จัดทัพปรับขบวนโต้ตอบโจมตีครั้งใหญ่ วัดกับนายใหญ่ก็ต้องชน #คิงส์โพธิ์แดง #เนวิน #ทักษิณ #อนุทิน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 404 มุมมอง 0 รีวิว
  • 63 ปี "ครูรวม วงศ์พันธ์" จากลูกชาวนา สู่เป้าประหารชีวิต “คอมมิวนิสต์” คนแรกของไทย

    ย้อนไปสู่เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ที่ยังคงสะเทือนใจคนรุ่นหลัง “ครูรวม วงศ์พันธ์” ครูผู้ใฝ่รู้ ผู้กลายเป็นนักโทษคอมมิวนิสต์คนแรกที่ถูกยิงเป้า ประหารชีวิตตามคำสั่งมาตรา 17 ของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์

    จากลูกชาวนาแห่งสุพรรณบุรี สู่ผู้ต้องหาคดีคอมมิวนิสต์คนแรกของไทย ที่ถูกประหารชีวิต เรื่องราวสะท้อนยุคสมัย ที่อุดมการณ์นำมาสู่ชะตากรรม อันน่าเศร้า

    ช่วงเวลาหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทย ในยุคสงครามเย็น มีบุคคลหนึ่งที่ชื่อ “รวม วงศ์พันธ์” ถูกจารึกไว้ว่าเป็น “ผู้กระทำการอันเป็นคอมมิวนิสต์” คนแรกที่ถูกประหารชีวิต ตามกฎหมายมาตรา 17 ของธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรปี พ.ศ. 2502

    จะพาย้อนกลับไป 63 ปี ที่ผ่านมา เพื่อศึกษาทั้งชีวิตของครูรวม เบื้องหลังคำสั่งประหาร และบริบทของการเมืองไทยยุคนั้น

    จากลูกชาวนา...สู่ครูใหญ่โรงเรียนจีน “รวม วงศ์พันธ์” เกิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2465 ที่บ้านมะขามล้ม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นบุตรชายของนายอยู่ และนางไร มีพี่น้องทั้งหมด 6 คน เติบโตในครอบครัวชาวนาธรรมดา แต่เต็มไปด้วยความใฝ่เรียน

    เรียนหนังสือจากโรงเรียนวัดเล็กๆ ใกล้บ้าน ต่อมาได้เข้าเรียนโรงเรียนชื่อดังในกรุงเทพฯ อย่างสวนกุหลาบวิทยาลัย และพาณิชยการพระนคร ก่อนเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งในยุคนั้น ถือเป็นแหล่งเพาะบ่มความคิดเสรี ของนักศึกษาไทย

    ความรักในการเรียน รักในการสอน ครูรวมเริ่มต้นอาชีพครูในโรงเรียนจีน “กวงกงสวย” ก่อนก้าวขึ้นเป็นครูใหญ่ฝ่ายไทย เป็นที่เคารพรักของนักเรียน และครูร่วมงานจำนวนมาก นอกจากนี้ยังได้แต่งงานกับ "ครูประดิษฐ์ สุทธิจิตร์" คู่ชีวิตผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุข ในชีวิตอุดมการณ์

    สถานการณ์โลกกับภัยคอมมิวนิสต์ ช่วงปี 2460–2500 โลกกำลังเผชิญกับ ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อรัสเซียกลายเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ จีนถูกยึดครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ นำโดย "เหมา เจ๋อตง" และในหลายประเทศอุดมการณ์นี้แผ่ขยายเข้าสู่ สังคมชนบทและแรงงาน

    ความกลัวในสายตารัฐ ประเทศไทยในยุคนั้น อยู่ภายใต้ความตื่นกลัวต่อภัย “แดง” หรือภัยคอมมิวนิสต์จากต่างประเทศ รัฐบาลในหลายยุค รวมถึงยุคของ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" จึงเลือกใช้มาตรการเด็ดขาด เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม

    แม้รัฐจะมีกฎหมายควบคุมแนวคิดคอมมิวนิสต์ มาตั้งแต่ปี 2476 แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งการแพร่กระจายได้ โดยเฉพาะในหมู่ชนชั้นแรงงาน ชาวนา และครู ซึ่งเป็นกลุ่มที่เข้าถึง ปัญหาความเหลื่อมล้ำโดยตรง

    ครูรวมเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เชื่อ ในอุดมการณ์ความเท่าเทียม และใช้วิธีการพูดคุย แบ่งปันความรู้กับชาวบ้านในชนบท รวมถึงสร้าง “ไร่รวม” ที่กาญจนบุรี เพื่อเป็นโรงเรียนการเมืองอย่างลับๆ

    การจับกุม คำพิพากษา และคำสั่งประหาร ในปี พ.ศ. 2505 รัฐบาลจับกุมครูรวม จากการสืบสวน และคำให้การของพยานร่วมกลุ่ม กล่าวหาว่า เป็นผู้นำเครือข่ายคอมมิวนิสต์ ลอบรับคำสั่งจากต่างชาติ และพยายามล้มล้างสถาบันชาติ

    จอมพลสฤษดิ์ใช้อำนาจตาม “มาตรา 17” สั่งให้ประหารชีวิตทันที โดยไม่ต้องขึ้นศาล

    ค่ำวันอังคารที่ 24 เมษายน 2505 เวลา 18.00 น. ที่เรือนจำกลางบางขวาง ครูรวมถูกยิงเป้าจนเสียชีวิต นับเป็นครั้งแรก ที่มีการประหารผู้ต้องหาคอมมิวนิสต์ ในประวัติศาสตร์ไทย

    วิเคราะห์คดีครูรวม ในบริบทสังคมไทย “ฮีโร่” หรือ “กบฏ”? กรณีของครูรวม สะท้อนถึงยุคสมัยที่ “ความเชื่อ” อาจถูกตีความว่าเป็น “ภัย” การกระทำของครูรวมในสายตารัฐ เป็นอันตรายต่อความมั่นคง แต่ในสายตาของชาวบ้าน และนักศึกษาในยุคต่อมา คือผู้จุดประกายความคิด เพื่อเสรีภาพ

    มรดกแห่งความทรงจำ กว่า 33 ปีหลังการประหาร ศพของครูรวมเพิ่งถูกพบ ที่วัดมกุฏกษัตริยาราม โดยไร้ป้ายบอกชื่อ เป็นอีกหนึ่งเครื่องหมายคำถาม ที่สะท้อนว่า... เรื่องราวนี้ อาจไม่ได้รับความยุติธรรมเท่าที่ควร

    แม้จะเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่ชื่อของ “ครูรวม วงศ์พันธ์” ยังคงเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับคนรุ่นใหม่ ที่เชื่อในอุดมการณ์ เสรีภาพ และความเสมอภาค

    ครูรวมไม่ใช่แค่ครูธรรมดา แต่เป็นบุคคลหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตอย่างแน่วแน่ เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต

    แม้ถูกประหารในฐานะ “คอมมิวนิสต์” แต่ยังคงเป็น “ครูของประชาชน” ในความทรงจำของผู้คนมากมาย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241115 เม.ย. 2568

    #ครูรวมวงศ์พันธ์ #คอมมิวนิสต์ไทย #คดีประหารชีวิต #ประวัติศาสตร์การเมืองไทย #มาตรา17 #ยุคสงครามเย็น #การศึกษากับอุดมการณ์ #ครูไทยในอดีต #ประหารชีวิต #วีรบุรุษประชาชน
    63 ปี "ครูรวม วงศ์พันธ์" จากลูกชาวนา สู่เป้าประหารชีวิต “คอมมิวนิสต์” คนแรกของไทย 🔥 ย้อนไปสู่เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ที่ยังคงสะเทือนใจคนรุ่นหลัง “ครูรวม วงศ์พันธ์” ครูผู้ใฝ่รู้ ผู้กลายเป็นนักโทษคอมมิวนิสต์คนแรกที่ถูกยิงเป้า ประหารชีวิตตามคำสั่งมาตรา 17 ของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ 🟦 จากลูกชาวนาแห่งสุพรรณบุรี สู่ผู้ต้องหาคดีคอมมิวนิสต์คนแรกของไทย ที่ถูกประหารชีวิต เรื่องราวสะท้อนยุคสมัย ที่อุดมการณ์นำมาสู่ชะตากรรม อันน่าเศร้า 🔶 ช่วงเวลาหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทย ในยุคสงครามเย็น มีบุคคลหนึ่งที่ชื่อ “รวม วงศ์พันธ์” ถูกจารึกไว้ว่าเป็น “ผู้กระทำการอันเป็นคอมมิวนิสต์” คนแรกที่ถูกประหารชีวิต ตามกฎหมายมาตรา 17 ของธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรปี พ.ศ. 2502 ✍️ จะพาย้อนกลับไป 63 ปี ที่ผ่านมา เพื่อศึกษาทั้งชีวิตของครูรวม เบื้องหลังคำสั่งประหาร และบริบทของการเมืองไทยยุคนั้น 🕯️ 🟤 จากลูกชาวนา...สู่ครูใหญ่โรงเรียนจีน 👨‍🏫 “รวม วงศ์พันธ์” เกิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2465 ที่บ้านมะขามล้ม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นบุตรชายของนายอยู่ และนางไร มีพี่น้องทั้งหมด 6 คน เติบโตในครอบครัวชาวนาธรรมดา แต่เต็มไปด้วยความใฝ่เรียน 📚 เรียนหนังสือจากโรงเรียนวัดเล็กๆ ใกล้บ้าน ต่อมาได้เข้าเรียนโรงเรียนชื่อดังในกรุงเทพฯ อย่างสวนกุหลาบวิทยาลัย และพาณิชยการพระนคร ก่อนเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งในยุคนั้น ถือเป็นแหล่งเพาะบ่มความคิดเสรี ของนักศึกษาไทย 🇹🇭 ความรักในการเรียน รักในการสอน ครูรวมเริ่มต้นอาชีพครูในโรงเรียนจีน “กวงกงสวย” ก่อนก้าวขึ้นเป็นครูใหญ่ฝ่ายไทย เป็นที่เคารพรักของนักเรียน และครูร่วมงานจำนวนมาก นอกจากนี้ยังได้แต่งงานกับ "ครูประดิษฐ์ สุทธิจิตร์" คู่ชีวิตผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุข ในชีวิตอุดมการณ์ 💞 🟥 สถานการณ์โลกกับภัยคอมมิวนิสต์ 🌍 ช่วงปี 2460–2500 โลกกำลังเผชิญกับ ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อรัสเซียกลายเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ จีนถูกยึดครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ นำโดย "เหมา เจ๋อตง" และในหลายประเทศอุดมการณ์นี้แผ่ขยายเข้าสู่ สังคมชนบทและแรงงาน 🛠️ ความกลัวในสายตารัฐ ประเทศไทยในยุคนั้น อยู่ภายใต้ความตื่นกลัวต่อภัย “แดง” หรือภัยคอมมิวนิสต์จากต่างประเทศ รัฐบาลในหลายยุค รวมถึงยุคของ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" จึงเลือกใช้มาตรการเด็ดขาด เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม ⛔ 🟩 แม้รัฐจะมีกฎหมายควบคุมแนวคิดคอมมิวนิสต์ มาตั้งแต่ปี 2476 แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งการแพร่กระจายได้ โดยเฉพาะในหมู่ชนชั้นแรงงาน ชาวนา และครู ซึ่งเป็นกลุ่มที่เข้าถึง ปัญหาความเหลื่อมล้ำโดยตรง 👩‍🌾 ครูรวมเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เชื่อ ในอุดมการณ์ความเท่าเทียม และใช้วิธีการพูดคุย แบ่งปันความรู้กับชาวบ้านในชนบท รวมถึงสร้าง “ไร่รวม” ที่กาญจนบุรี เพื่อเป็นโรงเรียนการเมืองอย่างลับๆ 🏕️ 🟦 การจับกุม คำพิพากษา และคำสั่งประหาร ⚖️ ในปี พ.ศ. 2505 รัฐบาลจับกุมครูรวม จากการสืบสวน และคำให้การของพยานร่วมกลุ่ม กล่าวหาว่า เป็นผู้นำเครือข่ายคอมมิวนิสต์ ลอบรับคำสั่งจากต่างชาติ และพยายามล้มล้างสถาบันชาติ จอมพลสฤษดิ์ใช้อำนาจตาม “มาตรา 17” สั่งให้ประหารชีวิตทันที โดยไม่ต้องขึ้นศาล ⛓️ 🕕 ค่ำวันอังคารที่ 24 เมษายน 2505 เวลา 18.00 น. ที่เรือนจำกลางบางขวาง ครูรวมถูกยิงเป้าจนเสียชีวิต นับเป็นครั้งแรก ที่มีการประหารผู้ต้องหาคอมมิวนิสต์ ในประวัติศาสตร์ไทย 🇹🇭⚰️ 🟨 วิเคราะห์คดีครูรวม ในบริบทสังคมไทย “ฮีโร่” หรือ “กบฏ”? กรณีของครูรวม สะท้อนถึงยุคสมัยที่ “ความเชื่อ” อาจถูกตีความว่าเป็น “ภัย” การกระทำของครูรวมในสายตารัฐ เป็นอันตรายต่อความมั่นคง แต่ในสายตาของชาวบ้าน และนักศึกษาในยุคต่อมา คือผู้จุดประกายความคิด เพื่อเสรีภาพ 🕊️ 🟪 มรดกแห่งความทรงจำ กว่า 33 ปีหลังการประหาร ศพของครูรวมเพิ่งถูกพบ ที่วัดมกุฏกษัตริยาราม โดยไร้ป้ายบอกชื่อ เป็นอีกหนึ่งเครื่องหมายคำถาม ที่สะท้อนว่า... เรื่องราวนี้ อาจไม่ได้รับความยุติธรรมเท่าที่ควร ❗ แม้จะเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่ชื่อของ “ครูรวม วงศ์พันธ์” ยังคงเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับคนรุ่นใหม่ ที่เชื่อในอุดมการณ์ เสรีภาพ และความเสมอภาค 🧭 ครูรวมไม่ใช่แค่ครูธรรมดา แต่เป็นบุคคลหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตอย่างแน่วแน่ เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต ✊ แม้ถูกประหารในฐานะ “คอมมิวนิสต์” แต่ยังคงเป็น “ครูของประชาชน” ในความทรงจำของผู้คนมากมาย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241115 เม.ย. 2568 🔖 #ครูรวมวงศ์พันธ์ #คอมมิวนิสต์ไทย #คดีประหารชีวิต #ประวัติศาสตร์การเมืองไทย #มาตรา17 #ยุคสงครามเย็น #การศึกษากับอุดมการณ์ #ครูไทยในอดีต #ประหารชีวิต #วีรบุรุษประชาชน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1313 มุมมอง 0 รีวิว
  • นกกำลังเชิดหัวขึ้นภู
    หนูดันไปหมอบข้างไข่แม้ว
    ลูกพรรคหันมาหนุนนกแทนหนู
    ตามแผนเปลี่ยนหัวหน้าพรรค
    ของครูใหญ่
    #7ดอกจิก
    นกกำลังเชิดหัวขึ้นภู หนูดันไปหมอบข้างไข่แม้ว ลูกพรรคหันมาหนุนนกแทนหนู ตามแผนเปลี่ยนหัวหน้าพรรค ของครูใหญ่ #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 204 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ อย่าเพิ่งรีบชื่นชม เพราะลูกพูดอย่าง แต่พ่อกับอาทำอีกอย่าง และอาจเป็นแผนให้ลูกสร้างภาพ แล้วให้เสี่ยหนู-ครูใหญ่ ต่อรองผลประโยชน์
    #7ดอกจิก
    #ลูกเนวิน
    #อย่าพึ่งรีบชม
    ♣ อย่าเพิ่งรีบชื่นชม เพราะลูกพูดอย่าง แต่พ่อกับอาทำอีกอย่าง และอาจเป็นแผนให้ลูกสร้างภาพ แล้วให้เสี่ยหนู-ครูใหญ่ ต่อรองผลประโยชน์ #7ดอกจิก #ลูกเนวิน #อย่าพึ่งรีบชม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 565 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ รอยเลื่อนภูมิใจไทยขยับตัว เสี่ยหนู ครูใหญ่ เอาตัวรอด หากรัฐบาลพังก่อนเวลา
    #7ดอกจิก
    #เสี่ยหนู
    #ครูใหญ่
    ♣ รอยเลื่อนภูมิใจไทยขยับตัว เสี่ยหนู ครูใหญ่ เอาตัวรอด หากรัฐบาลพังก่อนเวลา #7ดอกจิก #เสี่ยหนู #ครูใหญ่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 396 มุมมอง 4 0 รีวิว
  • พาทัวร์สนามแข่งรถ พ่วงดูที่ตั้ง "บรร.เอนเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์" ซึ่งจะมีกาสิโน ตามดีลของนายใหญ่กับครูใหญ่ด้วย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    พาทัวร์สนามแข่งรถ พ่วงดูที่ตั้ง "บรร.เอนเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์" ซึ่งจะมีกาสิโน ตามดีลของนายใหญ่กับครูใหญ่ด้วย #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 378 มุมมอง 0 รีวิว
  • รอง ปธ.วุฒิสภา ไม่หนักใจ หลัง กพค.รับคดีฮั้ว สว.เป็นคดีพิเศษข้อหาฟอกเงิน ขอเช็กชื่อ สว.ติดโผ บอกไม่รู้นายใหญ่-ครูใหญ่คือใคร

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000021787

    #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    รอง ปธ.วุฒิสภา ไม่หนักใจ หลัง กพค.รับคดีฮั้ว สว.เป็นคดีพิเศษข้อหาฟอกเงิน ขอเช็กชื่อ สว.ติดโผ บอกไม่รู้นายใหญ่-ครูใหญ่คือใคร อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000021787 #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1194 มุมมอง 0 รีวิว
  • MOTO GP ไปต่อหรือพอแค่นี้?

    การออกมาเปิดเผยของนายเนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธานสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ว่ารัฐบาลจะลงทุนจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือ โมโตจีพี ปี 2026 เป็นปีสุดท้าย หลังจัดการแข่งขันมา 7 ปีติดต่อกัยในนามรัฐบาล และจะไม่ต่อสัญญาอีก ก่อให้เกิดปฎิริยาต่อรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย ซึ่งในวันต่อมานายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จะให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬานำเสนอตัวเลข เพื่อพิจารณาว่าจะต่อสัญญาหรือไม่ ยืนยันว่าหากเป็นประโยชน์กับประเทศและประชาชนหมู่มากก็คงต้องทำต่อ

    ด้านนายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยว่า เรื่องไม่ต่อสัญญาไม่เป็นความจริง ตอนนี้อยู่ในระหว่างการพูดคุย ซึ่งทางดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์ก็ชื่นชมประเทศไทย ส่วนรัฐบาลก็อยากให้มีการแข่งขันรายการใหญ่ ที่ส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว กกท. จะนำสถิติตัวเลขต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปีนี้นำเสนอกับทางรัฐบาล และยังกล่าวอีกว่า หลายประเทศก็จ่อคิวรออยู่ ถ้าไทยไม่ตัดสินใจ ก็มีหลายประเทศรออยู่ ซึ่งทุกอย่างต้องชัดเจนก่อน 1 ปี เพราะดอร์น่าจะต้องจัดการเรื่องสนามให้ลงตัว ถ้าไทยไม่เป็นเจ้าภาพต่อ ดอร์น่าก็จะต้องไปคุยกับประเทศอื่นๆ แทน

    ทั้งนี้ การแข่งขันโมโตจีพีในปีนี้ทุบสถิติมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงกว่า 5,000 ล้าน จำนวนผู้ชมสูงขึ้นเกือบ 7% การสร้างงานสูงขึ้น 12% และการใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 52,000 คน สูงขึ้นประมาณ 38% ถือว่าสูงที่สุดตั้งแต่เริ่มจัดงานมา

    สำหรับการแข่งขันโมโตจีพีที่จังหวัดบุรีรัมย์ จัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2561 หลังจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อนุมัติงบประมาณจัดการแข่งขัน เมื่อปี 2560 ตามที่นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬาในขณะนั้น เป็นผู้เสนอ ตามนโยบายการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sports Tourism) และต้องการผลักดันนโยบายนี้ให้มากขึ้น โดยรัฐบาลจ่ายค่าลิขสิทธิ์ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันปีละ 100 ล้านบาท เป็นเวลา 3 ปี รวมทั้งสิ้น 300 ล้านบาท ระหว่างปี 2561-2563 และมีภาคเอกชนระดมทุนในการดำเนินการทั้งหมด โดยนายเนวินในฐานะประธานสนาม สนับสนุนให้ใช้สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เป็นสนามแข่งขันโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

    ต่อมาในปี 2563 ครม. มีมติเห็นชอบต่อสัญญาการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโมโตจีพีออกไปอีก 5 ปี ระหว่างปี 2564-2569 โดยรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณค่าลิขสิทธิ์ 50% ส่วนที่เหลือ บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จำกัด ในฐานะผู้บริหารสิทธิ์ จะหาผู้สนับสนุนในประเทศไทย

    #Newskit
    MOTO GP ไปต่อหรือพอแค่นี้? การออกมาเปิดเผยของนายเนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธานสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ว่ารัฐบาลจะลงทุนจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือ โมโตจีพี ปี 2026 เป็นปีสุดท้าย หลังจัดการแข่งขันมา 7 ปีติดต่อกัยในนามรัฐบาล และจะไม่ต่อสัญญาอีก ก่อให้เกิดปฎิริยาต่อรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย ซึ่งในวันต่อมานายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จะให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬานำเสนอตัวเลข เพื่อพิจารณาว่าจะต่อสัญญาหรือไม่ ยืนยันว่าหากเป็นประโยชน์กับประเทศและประชาชนหมู่มากก็คงต้องทำต่อ ด้านนายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยว่า เรื่องไม่ต่อสัญญาไม่เป็นความจริง ตอนนี้อยู่ในระหว่างการพูดคุย ซึ่งทางดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์ก็ชื่นชมประเทศไทย ส่วนรัฐบาลก็อยากให้มีการแข่งขันรายการใหญ่ ที่ส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว กกท. จะนำสถิติตัวเลขต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปีนี้นำเสนอกับทางรัฐบาล และยังกล่าวอีกว่า หลายประเทศก็จ่อคิวรออยู่ ถ้าไทยไม่ตัดสินใจ ก็มีหลายประเทศรออยู่ ซึ่งทุกอย่างต้องชัดเจนก่อน 1 ปี เพราะดอร์น่าจะต้องจัดการเรื่องสนามให้ลงตัว ถ้าไทยไม่เป็นเจ้าภาพต่อ ดอร์น่าก็จะต้องไปคุยกับประเทศอื่นๆ แทน ทั้งนี้ การแข่งขันโมโตจีพีในปีนี้ทุบสถิติมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงกว่า 5,000 ล้าน จำนวนผู้ชมสูงขึ้นเกือบ 7% การสร้างงานสูงขึ้น 12% และการใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 52,000 คน สูงขึ้นประมาณ 38% ถือว่าสูงที่สุดตั้งแต่เริ่มจัดงานมา สำหรับการแข่งขันโมโตจีพีที่จังหวัดบุรีรัมย์ จัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2561 หลังจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อนุมัติงบประมาณจัดการแข่งขัน เมื่อปี 2560 ตามที่นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬาในขณะนั้น เป็นผู้เสนอ ตามนโยบายการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sports Tourism) และต้องการผลักดันนโยบายนี้ให้มากขึ้น โดยรัฐบาลจ่ายค่าลิขสิทธิ์ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันปีละ 100 ล้านบาท เป็นเวลา 3 ปี รวมทั้งสิ้น 300 ล้านบาท ระหว่างปี 2561-2563 และมีภาคเอกชนระดมทุนในการดำเนินการทั้งหมด โดยนายเนวินในฐานะประธานสนาม สนับสนุนให้ใช้สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เป็นสนามแข่งขันโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ต่อมาในปี 2563 ครม. มีมติเห็นชอบต่อสัญญาการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโมโตจีพีออกไปอีก 5 ปี ระหว่างปี 2564-2569 โดยรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณค่าลิขสิทธิ์ 50% ส่วนที่เหลือ บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จำกัด ในฐานะผู้บริหารสิทธิ์ จะหาผู้สนับสนุนในประเทศไทย #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1164 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ นายใหญ่ ขัดแย้ง ครูใหญ่ แต่กลบเกลื่อนด้วยดินเนอร์พรรคร่วม
    #7ดอกจิก
    #นายใหญ่
    #ครูใหญ่
    ♣ นายใหญ่ ขัดแย้ง ครูใหญ่ แต่กลบเกลื่อนด้วยดินเนอร์พรรคร่วม #7ดอกจิก #นายใหญ่ #ครูใหญ่
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 577 มุมมอง 3 0 รีวิว
  • ปธ.สโมสรบุรีรัมย์ เข้า "รร. พูลแมน” แล้ว พร้อมบรรดาสมาชิก ภท. หลังสะพัด นัดเคลียร์ “ทักษิณ” เย็นนี้ ก่อนดีเอสไอประชุมพิจารณารับกรณีฮั้วเลือก สว.เป็นคดีพิเศษหรือไม่ พรุ่งนี้

    วันนี้ (24ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ครูใหญ่แห่งพรรคภูมิใจไทย ได้ปรากฏตัวที่โรงแรมพูลแมน คิงพาวเวอร์ รางน้ำ ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีกระแสข่าวว่า นายเนวิน จะพบกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อเคลียร์ปัญหาก่อนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะนัดประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ครั้งที่ 2/2567 ซึ่งมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานบอร์ด โดยจะมีขึ้นในวันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 13.30 น. ซึ่งมีวาระการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่มีกระบวนการหรือพฤติการณ์ที่มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ซึ่งมีพฤติการณ์อันอาจเป็นความผิดตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 และประมวลกฎหมายอาญา เป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) หรือการเป็นคดีความผิดทางอาญาอื่น

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงบ่ายที่ผ่านมา มีกรรมการบริหารพรรค และสมาชิกของพรรคภูมิใจไทย ทยอยเดินทางกลับออกจากโรงแรมพลูแมน อาทิ นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค นายภราดร ปริศนานันท์กุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี วรศิษฎ์ เลียงประสิทธิ์ ส.ส.สตูล

    #MGROnline #ประธานสโมสรบุรีรัมย์ #ครูใหญ่แห่งพรรคภูมิใจไทย #พรรคภูมิใจไทย #โรงแรมพูลแมน
    ปธ.สโมสรบุรีรัมย์ เข้า "รร. พูลแมน” แล้ว พร้อมบรรดาสมาชิก ภท. หลังสะพัด นัดเคลียร์ “ทักษิณ” เย็นนี้ ก่อนดีเอสไอประชุมพิจารณารับกรณีฮั้วเลือก สว.เป็นคดีพิเศษหรือไม่ พรุ่งนี้ • วันนี้ (24ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ครูใหญ่แห่งพรรคภูมิใจไทย ได้ปรากฏตัวที่โรงแรมพูลแมน คิงพาวเวอร์ รางน้ำ ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีกระแสข่าวว่า นายเนวิน จะพบกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อเคลียร์ปัญหาก่อนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะนัดประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ครั้งที่ 2/2567 ซึ่งมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานบอร์ด โดยจะมีขึ้นในวันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 13.30 น. ซึ่งมีวาระการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่มีกระบวนการหรือพฤติการณ์ที่มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ซึ่งมีพฤติการณ์อันอาจเป็นความผิดตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 และประมวลกฎหมายอาญา เป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) หรือการเป็นคดีความผิดทางอาญาอื่น • ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงบ่ายที่ผ่านมา มีกรรมการบริหารพรรค และสมาชิกของพรรคภูมิใจไทย ทยอยเดินทางกลับออกจากโรงแรมพลูแมน อาทิ นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค นายภราดร ปริศนานันท์กุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี วรศิษฎ์ เลียงประสิทธิ์ ส.ส.สตูล • #MGROnline #ประธานสโมสรบุรีรัมย์ #ครูใหญ่แห่งพรรคภูมิใจไทย #พรรคภูมิใจไทย #โรงแรมพูลแมน
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1169 มุมมอง 0 รีวิว
  • พ่อ-ลูกครู ตชด. เหยื่อผู้ก่อความไม่สงบ

    เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2568 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เป็นผู้แทนพระองค์เชิญดินฝังศพพระราชทานวางบนหลุมฝังศพของ พ.ต.ท.สุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์ ครูใหญ่ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน (รร.ตชด.) บ้านบ้านตืองอช่างกลปทุมวันอนุสรณ์ 13 และ ด.ต.โดม ช่วยเทวฤทธิ์ ครู รร.ตชด.บ้านตืองอฯ บุตรชาย ที่บ้านเลขที่ 293 หมู่ 3 ต.คลองทรายขาว อ.กงหรา จ.พัทลุง ในการนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯ กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายรัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เป็นผู้แทนพระองค์เชิญดินฝังศพพระราชทานวางบนหลุมฝังศพของครู ตชด. ทั้ง 2 นายด้วย

    พ.ต.ท.สุวิทย์ ครูใหญ่ และลูกชาย ด.ต.โดม ครูวิชาเกษตรโรงเรียนเดียวกัน ถูกคนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่องซุกใต้ถนนดักถล่มแล้วยิงซ้ำ เสียชีวิต 2 ราย พร้อมขโมยปืนไป 2 กระบอก เหตุเกิดบนถนนศรีสาคร-ลูโบ๊ะยือริง ช่วงบ้านไอร์กือแด หมู่ 4 ต.ศรีบรรพต อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 13 ม.ค.2568 สร้างความสะเทือนใจให้แก่วงการตำรวจ และแวดวงการศึกษา เนื่องจาก พ.ต.ท.สุวิทย์เป็นครูที่ทุ่มเทเสียสละสอนนักเรียนในพื้นที่เสี่ยงภัยมานานกว่า 30 ปี และถือเป็นครูต้นแบบให้กับโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนอยู่ทั้งหมด 12 แห่งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้

    นางสุปรีดา ช่วยเทวฤทธิ์ ภรรยา พ.ต.ท.สุวิทย์ กล่าวว่า “พี่แกไปดีแล้ว และสมความตั้งใจในหน้าที่การงาน แกไปไม่คิดขอย้ายจากที่นี่ ทั้งมีโอกาส แกบอกแกรักคนที่นี่ แต่สุดท้าย มีไม่กี่คนที่เกลียดแก แกไปดีแล้ว” สอดคล้องกับ จ.ส.ต.หญิง ฮานีบะห์ สานิ ครูโรงเรียน ตชด.บ้านตืองอฯ ตามรายงานข่าวของศูนย์ข่าวภาคใต้ สำนักข่าวอิศรา กล่าวว่า ทั้งโรงเรียนมีครูผู้ชายอยู่ 2 คน คือครูใหญ่สุวิทย์และครูโดม ที่เหลือเป็นครูผู้หญิง 11 คน ต้องดูแลเด็กนักเรียน 120 ชีวิต เรานั่งเรือด้วยกัน แต่คนขับเรือไม่อยู่แล้ว แล้วใครจะขับต่อ แล้วจะไปต่ออย่างไร วันข้างหน้าเราไม่รู้ว่าจะเจออะไร อุปสรรคอะไร แล้วจะไปต่อถึงฝั่งได้อย่างไร

    เฟซบุ๊กของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบกลุ่มหนึ่ง กล่าวอ้างพระนามแห่งอัลเลาะห์ ระบุว่าทั้งสองคนเป็นพลรบสยามไทย นอกจากเป็นครูแล้วยังมีสถานะพลรบด้วย แม้จะเสียดายผู้มากด้วยฝีมือและประสบการณ์ แต่ไม่อาจหลีกเลี่ยงการต่อสู้และทำลายได้ ขณะที่ศาลจังหวัดนราธิวาส อนุมัติออกหมายจับนายอับดุลเลาะห์ สาเมาะ อายุ 30 ปี และนายอับดุลเลาะ บูละ อายุ 40 ปี มีหมายจับในคดีความมั่นคงหลายคดี รวม 14 หมายจับ มาจากหลักฐานดีเอ็นเอในที่เกิดเหตุ

    #Newskit
    พ่อ-ลูกครู ตชด. เหยื่อผู้ก่อความไม่สงบ เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2568 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เป็นผู้แทนพระองค์เชิญดินฝังศพพระราชทานวางบนหลุมฝังศพของ พ.ต.ท.สุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์ ครูใหญ่ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน (รร.ตชด.) บ้านบ้านตืองอช่างกลปทุมวันอนุสรณ์ 13 และ ด.ต.โดม ช่วยเทวฤทธิ์ ครู รร.ตชด.บ้านตืองอฯ บุตรชาย ที่บ้านเลขที่ 293 หมู่ 3 ต.คลองทรายขาว อ.กงหรา จ.พัทลุง ในการนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯ กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายรัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เป็นผู้แทนพระองค์เชิญดินฝังศพพระราชทานวางบนหลุมฝังศพของครู ตชด. ทั้ง 2 นายด้วย พ.ต.ท.สุวิทย์ ครูใหญ่ และลูกชาย ด.ต.โดม ครูวิชาเกษตรโรงเรียนเดียวกัน ถูกคนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่องซุกใต้ถนนดักถล่มแล้วยิงซ้ำ เสียชีวิต 2 ราย พร้อมขโมยปืนไป 2 กระบอก เหตุเกิดบนถนนศรีสาคร-ลูโบ๊ะยือริง ช่วงบ้านไอร์กือแด หมู่ 4 ต.ศรีบรรพต อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 13 ม.ค.2568 สร้างความสะเทือนใจให้แก่วงการตำรวจ และแวดวงการศึกษา เนื่องจาก พ.ต.ท.สุวิทย์เป็นครูที่ทุ่มเทเสียสละสอนนักเรียนในพื้นที่เสี่ยงภัยมานานกว่า 30 ปี และถือเป็นครูต้นแบบให้กับโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนอยู่ทั้งหมด 12 แห่งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ นางสุปรีดา ช่วยเทวฤทธิ์ ภรรยา พ.ต.ท.สุวิทย์ กล่าวว่า “พี่แกไปดีแล้ว และสมความตั้งใจในหน้าที่การงาน แกไปไม่คิดขอย้ายจากที่นี่ ทั้งมีโอกาส แกบอกแกรักคนที่นี่ แต่สุดท้าย มีไม่กี่คนที่เกลียดแก แกไปดีแล้ว” สอดคล้องกับ จ.ส.ต.หญิง ฮานีบะห์ สานิ ครูโรงเรียน ตชด.บ้านตืองอฯ ตามรายงานข่าวของศูนย์ข่าวภาคใต้ สำนักข่าวอิศรา กล่าวว่า ทั้งโรงเรียนมีครูผู้ชายอยู่ 2 คน คือครูใหญ่สุวิทย์และครูโดม ที่เหลือเป็นครูผู้หญิง 11 คน ต้องดูแลเด็กนักเรียน 120 ชีวิต เรานั่งเรือด้วยกัน แต่คนขับเรือไม่อยู่แล้ว แล้วใครจะขับต่อ แล้วจะไปต่ออย่างไร วันข้างหน้าเราไม่รู้ว่าจะเจออะไร อุปสรรคอะไร แล้วจะไปต่อถึงฝั่งได้อย่างไร เฟซบุ๊กของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบกลุ่มหนึ่ง กล่าวอ้างพระนามแห่งอัลเลาะห์ ระบุว่าทั้งสองคนเป็นพลรบสยามไทย นอกจากเป็นครูแล้วยังมีสถานะพลรบด้วย แม้จะเสียดายผู้มากด้วยฝีมือและประสบการณ์ แต่ไม่อาจหลีกเลี่ยงการต่อสู้และทำลายได้ ขณะที่ศาลจังหวัดนราธิวาส อนุมัติออกหมายจับนายอับดุลเลาะห์ สาเมาะ อายุ 30 ปี และนายอับดุลเลาะ บูละ อายุ 40 ปี มีหมายจับในคดีความมั่นคงหลายคดี รวม 14 หมายจับ มาจากหลักฐานดีเอ็นเอในที่เกิดเหตุ #Newskit
    Like
    Sad
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1209 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความไม่สงบชายแดนใต้ ปัญหาที่คอยตบหน้ารัฐบาลไม่มีวันจบ
    นับจากเหตุการณ์ปล้นปืนในปี 2547อันเป็นเสมือนจุดเริ่มต้นเหตุการณ์ความไม่สงบ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จวบจนวันนี้เป็นเวลากว่า 20ปี ที่ผ่านมา ที่รัฐบาลไทยภายใต้การบริหารของรัฐบาล 10 ชุด นายกรัฐมนตรี 8 คนไม่สามารถแก้ไขปัญหาความรุนแรงได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
    ตัวเลขของผู้เสียชีวิต มีทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ และประชาชนผู้บริสุทธิ์ทั้งไทยพุทธ และมุสลิมเสียชีวิตมากกว่าเจ็ดพันคน บาดเจ็บและพิการทุพพลภาพมากกว่า2พัน คนใช้งบประมาณในการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่องรวมกันแล้วมากกว่า 3.13แสนล้านบาท
    ล่าสุดหลังผ่านพ้นเทศกาลปีใหม่ไปได้สัปดาห์เดียว 14 มกราคม 68โจรใต้ได้ก่อเหตุวางระเบิดและยิงซ้ําเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นครูโรงเรียนตํารวจตระเวนชายแดนเสียชีวิตอีก 2 นายที่จังหวัดนราธิวาส สิ่งที่สร้างความสะเทือนใจจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ก็คือผู้เสียชีวิตทั้ง2 นายเป็นพ่อลูกทําหน้าที่ครูโรงเรียนตํารวจตระเวนชายแดนในพื้นที่บ้านไอกึนเนาะ จังหวัดนราธิวาส โดยผู้เป็นพ่อคือพันตํารวจโทสุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์อายุ 56 ปีเป็นครูใหญ่ของโรงเรียน ส่วนลูกชายคือดาบตํารวจโดมช่วยเทวฤทธิ์ อายุ 35ปี เป็นครูอาสาโรงเรียนเดียวกัน
    ครูสุวิทย์เคยเปิดใจให้สัมภาษณ์ว่าผมตั้งใจไว้ตั้งแต่เด็กสักวันจะเป็นครูอยากช่วยเหลือเด็กในพื้นที่ที่ทุรกันดารจึงเข้ามาเป็นครู โดยได้สิทธิสอบบรรจุ ครูคุรุทายาทเมื่อได้จึงเลือกที่จะทํางานในพื้นที่ของจังหวัดนราธิวาสที่ใครๆก็ไม่อยากมาแต่ผมกลับมองว่าเป็นโอกาสดี
    ที่จะได้ทํางานสนองงานพระราชดําริทุกพระองค์ได้อย่างเต็มที่ การสูญเสียวีรบุรุษครูตํารวจตระเวนชายแดนครั้งนี้ไม่ต่างอะไรกับการเย้ยหยันตบหน้ารัฐบาลไทยว่ารัฐไทยหมดน้ํายาแพ้พ่ายโจรก่อการร้ายชายแดนใต้ตลอดกาล งส์โพธิ์ดำขอไว้อาลัยแก่ครูผู้เสียสละจากเหตุการณ์ความไม่สงบในชายแดนใต้ ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    ความไม่สงบชายแดนใต้ ปัญหาที่คอยตบหน้ารัฐบาลไม่มีวันจบ นับจากเหตุการณ์ปล้นปืนในปี 2547อันเป็นเสมือนจุดเริ่มต้นเหตุการณ์ความไม่สงบ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จวบจนวันนี้เป็นเวลากว่า 20ปี ที่ผ่านมา ที่รัฐบาลไทยภายใต้การบริหารของรัฐบาล 10 ชุด นายกรัฐมนตรี 8 คนไม่สามารถแก้ไขปัญหาความรุนแรงได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ตัวเลขของผู้เสียชีวิต มีทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ และประชาชนผู้บริสุทธิ์ทั้งไทยพุทธ และมุสลิมเสียชีวิตมากกว่าเจ็ดพันคน บาดเจ็บและพิการทุพพลภาพมากกว่า2พัน คนใช้งบประมาณในการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่องรวมกันแล้วมากกว่า 3.13แสนล้านบาท ล่าสุดหลังผ่านพ้นเทศกาลปีใหม่ไปได้สัปดาห์เดียว 14 มกราคม 68โจรใต้ได้ก่อเหตุวางระเบิดและยิงซ้ําเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นครูโรงเรียนตํารวจตระเวนชายแดนเสียชีวิตอีก 2 นายที่จังหวัดนราธิวาส สิ่งที่สร้างความสะเทือนใจจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ก็คือผู้เสียชีวิตทั้ง2 นายเป็นพ่อลูกทําหน้าที่ครูโรงเรียนตํารวจตระเวนชายแดนในพื้นที่บ้านไอกึนเนาะ จังหวัดนราธิวาส โดยผู้เป็นพ่อคือพันตํารวจโทสุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์อายุ 56 ปีเป็นครูใหญ่ของโรงเรียน ส่วนลูกชายคือดาบตํารวจโดมช่วยเทวฤทธิ์ อายุ 35ปี เป็นครูอาสาโรงเรียนเดียวกัน ครูสุวิทย์เคยเปิดใจให้สัมภาษณ์ว่าผมตั้งใจไว้ตั้งแต่เด็กสักวันจะเป็นครูอยากช่วยเหลือเด็กในพื้นที่ที่ทุรกันดารจึงเข้ามาเป็นครู โดยได้สิทธิสอบบรรจุ ครูคุรุทายาทเมื่อได้จึงเลือกที่จะทํางานในพื้นที่ของจังหวัดนราธิวาสที่ใครๆก็ไม่อยากมาแต่ผมกลับมองว่าเป็นโอกาสดี ที่จะได้ทํางานสนองงานพระราชดําริทุกพระองค์ได้อย่างเต็มที่ การสูญเสียวีรบุรุษครูตํารวจตระเวนชายแดนครั้งนี้ไม่ต่างอะไรกับการเย้ยหยันตบหน้ารัฐบาลไทยว่ารัฐไทยหมดน้ํายาแพ้พ่ายโจรก่อการร้ายชายแดนใต้ตลอดกาล งส์โพธิ์ดำขอไว้อาลัยแก่ครูผู้เสียสละจากเหตุการณ์ความไม่สงบในชายแดนใต้ ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1333 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักเรียนใหม่ 3 คนได้ย้ายมาโรงเรียนคิดกิน

    งองนาน "เราซ้ำชั้นมาร่วม 10 ปีแล้ว"

    นักเรียนใหม่ 2 "งั้นเธอมาเข้ากลุ่มเราได้"

    ทั้ง 4 คนก็โดดเรียนไปยังบ้านของครูใหญ่

    นักเรียนใหม่ 1 "เราจะใช้ที่นี่เป็นที่ทำพิธีรับสมาชิกใหม่"

    ครูใหญ่ "พวกเจ้ากล้าหาญมาก"

    นักเรียนใหม่ 3 "ใช่แล้ว พิธีนี้ต้องใช้ความกล้าหาญมาก"

    งองนาน "กล้าที่มาทำพิธีบ้านครูใหญ่ป่าว"

    ครูใหญ่ "เจ้าทั้ง 4 ต้องโดนเรียกผู้ปกครองมา"

    นักเรียนใหม่ 1 "ครูใหญ่ล่ะ ชั่วโมงเรียนแท้ ๆ มาอยู่บ้านไม่ออกไปทำงาน"

    ครูใหญ่ "วื้ย ยังไม่ถึงชั่วโมงที่เราต้องไปที่โรงเรียน วื้ย ไรกล่าวหาไร วื้ย วื้ย"

    งองนาน "พลาดแล้วล่ะครูใหญ่ งี้ก็ต้องถูกกำจัดเสียแล้ว"

    นักเรียนใหม่ 1 "อือ ก็ไม่อยากทำอะนะ เลยพูดเพื่อกะต่อรองไปก่อน"

    ครูใหญ่ "อย่าได้ลำบากเลย จริง ๆ เรากะฆ่าตัวตายอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาชีวิตไรหรอกหนา"

    แล้วครูใหญ่ก็วิ่งกระโดดลงบ่อลึกไป

    นักเรียนใหม่ 2 "อะ หมดเรื่องละก็เริ่มพิธีเลยละกัน"

    ทั้ง 3 ก็นำงองนานไปแช่น้ำในอ่างที่ได้มาจากเทือกเขาแอลป์

    งองนาน "เหมือนเป็นการเกิดใหม่สินะ"

    แล้วนักเรียนใหม่ 3 ก็คว้ามีดมา

    งองนาน "เราจะโดนฆ่าแล้ว"

    ทันใดนั้นนักเรียนใหม่ทั้ง 3 ก็ถูกวาปไปยังลานจอดรถร้างห่างออกไป 7 กิโลเมตร

    งองนาน "อธิบายได้อย่างเดียวว่าเรามีเวทย์มนตร์ เป็นแม่มดแล้ว"

    วันต่อมางองนานไปโรงเรียนก็พบกับครูใหญ่พอดี

    ครูใหญ่ "บ่อนั้นจริง ๆ เป็นทางหนีลับของเรา"

    งองนาน "ใครอยากรู้ ยังไม่ได้ถามซักหน่อย"

    แล้วนักเรียนใหม่ทั้ง 3 คนก็เดินมา

    นักเรียนใหม่ 2 "พวกเราทั้ง 3 คนก็เป็นแม่มดเหมือนกัน"

    งองนาน "ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุกันเฮ้อ"

    ครูใหญ่ "สรุปคือพวกเจ้าทั้ง 4 เป็นกลุ่มเดียวกันแล้ว การกระทำของใครคนนึงจะส่งผลไปถึงทุกคน"

    นักเรียนใหม่ 1 "งั้นมาทดลองกัน"

    ทั้ง 4 จึงตั้งวงไพ่กัน

    ครูใหญ่ "ปกติแล้วคนชนะจะมีแค่คนเดียว แต่ตามที่ว่ามามันต้องเป็นชนะทั้ง 4 คนซึ่งเป็นไปไม่ได้"

    หลังจากแจกไพ่เรียบร้อย ปรากฎว่างองนานแต้มสูงสุดชนะไป

    ครูใหญ่ "มันจะเป็นอย่างนี้รึ?"

    ทันใดนั้นเองนักเรียนใหม่ทั้ง 3 ก็กล่าวว่าตนก็ชนะเช่นกัน

    ครูใหญ่ "ว่ามา"

    นักเรียนใหม่ 1 "ยอมรับก็ได้ว่าเราแพ้"

    ครูใหญ่ "อ้าว แล้วยังไง?"

    นักเรียนใหม่ 1 "อำเล่นน่ะ เราชนะถูกแล้ว"

    ครูใหญ่ "ติดลูปสินะ"
    นักเรียนใหม่ 3 คนได้ย้ายมาโรงเรียนคิดกิน งองนาน "เราซ้ำชั้นมาร่วม 10 ปีแล้ว" นักเรียนใหม่ 2 "งั้นเธอมาเข้ากลุ่มเราได้" ทั้ง 4 คนก็โดดเรียนไปยังบ้านของครูใหญ่ นักเรียนใหม่ 1 "เราจะใช้ที่นี่เป็นที่ทำพิธีรับสมาชิกใหม่" ครูใหญ่ "พวกเจ้ากล้าหาญมาก" นักเรียนใหม่ 3 "ใช่แล้ว พิธีนี้ต้องใช้ความกล้าหาญมาก" งองนาน "กล้าที่มาทำพิธีบ้านครูใหญ่ป่าว" ครูใหญ่ "เจ้าทั้ง 4 ต้องโดนเรียกผู้ปกครองมา" นักเรียนใหม่ 1 "ครูใหญ่ล่ะ ชั่วโมงเรียนแท้ ๆ มาอยู่บ้านไม่ออกไปทำงาน" ครูใหญ่ "วื้ย ยังไม่ถึงชั่วโมงที่เราต้องไปที่โรงเรียน วื้ย ไรกล่าวหาไร วื้ย วื้ย" งองนาน "พลาดแล้วล่ะครูใหญ่ งี้ก็ต้องถูกกำจัดเสียแล้ว" นักเรียนใหม่ 1 "อือ ก็ไม่อยากทำอะนะ เลยพูดเพื่อกะต่อรองไปก่อน" ครูใหญ่ "อย่าได้ลำบากเลย จริง ๆ เรากะฆ่าตัวตายอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาชีวิตไรหรอกหนา" แล้วครูใหญ่ก็วิ่งกระโดดลงบ่อลึกไป นักเรียนใหม่ 2 "อะ หมดเรื่องละก็เริ่มพิธีเลยละกัน" ทั้ง 3 ก็นำงองนานไปแช่น้ำในอ่างที่ได้มาจากเทือกเขาแอลป์ งองนาน "เหมือนเป็นการเกิดใหม่สินะ" แล้วนักเรียนใหม่ 3 ก็คว้ามีดมา งองนาน "เราจะโดนฆ่าแล้ว" ทันใดนั้นนักเรียนใหม่ทั้ง 3 ก็ถูกวาปไปยังลานจอดรถร้างห่างออกไป 7 กิโลเมตร งองนาน "อธิบายได้อย่างเดียวว่าเรามีเวทย์มนตร์ เป็นแม่มดแล้ว" วันต่อมางองนานไปโรงเรียนก็พบกับครูใหญ่พอดี ครูใหญ่ "บ่อนั้นจริง ๆ เป็นทางหนีลับของเรา" งองนาน "ใครอยากรู้ ยังไม่ได้ถามซักหน่อย" แล้วนักเรียนใหม่ทั้ง 3 คนก็เดินมา นักเรียนใหม่ 2 "พวกเราทั้ง 3 คนก็เป็นแม่มดเหมือนกัน" งองนาน "ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุกันเฮ้อ" ครูใหญ่ "สรุปคือพวกเจ้าทั้ง 4 เป็นกลุ่มเดียวกันแล้ว การกระทำของใครคนนึงจะส่งผลไปถึงทุกคน" นักเรียนใหม่ 1 "งั้นมาทดลองกัน" ทั้ง 4 จึงตั้งวงไพ่กัน ครูใหญ่ "ปกติแล้วคนชนะจะมีแค่คนเดียว แต่ตามที่ว่ามามันต้องเป็นชนะทั้ง 4 คนซึ่งเป็นไปไม่ได้" หลังจากแจกไพ่เรียบร้อย ปรากฎว่างองนานแต้มสูงสุดชนะไป ครูใหญ่ "มันจะเป็นอย่างนี้รึ?" ทันใดนั้นเองนักเรียนใหม่ทั้ง 3 ก็กล่าวว่าตนก็ชนะเช่นกัน ครูใหญ่ "ว่ามา" นักเรียนใหม่ 1 "ยอมรับก็ได้ว่าเราแพ้" ครูใหญ่ "อ้าว แล้วยังไง?" นักเรียนใหม่ 1 "อำเล่นน่ะ เราชนะถูกแล้ว" ครูใหญ่ "ติดลูปสินะ"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 583 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนเค้ารู้กันทั้งประเทศ ว่าใครครอบงำภูมิใจไทย ส่วนพรรคร่วมรัฐบาล เป็นการสมรู้ร่วมคิดกันครอบงำ
    #7ดอกจิก
    #ครูใหญ่
    ♣️ คนเค้ารู้กันทั้งประเทศ ว่าใครครอบงำภูมิใจไทย ส่วนพรรคร่วมรัฐบาล เป็นการสมรู้ร่วมคิดกันครอบงำ #7ดอกจิก #ครูใหญ่
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 527 มุมมอง 0 รีวิว
  • น.ส.พ.ประชาไทนิวส์ออนไลน์ ปีที่ 5 ฉบับที่ 59 ประจำเดือนตุลาคม 2567 @ ประเทศไทยต้องมี “แผนป้องกันน้ำท่วมระยะยาว”ออกจากปากของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เป็น“วิสัยทัศน์”ที่ควรค่าต่อการ“ปรบมือ”และ“ติดตาม”... “เหนือเมฆ” แนะให้ดู “วิธีคิด-วิธีการ”ของผู้บริหาร “แชงกรีลาเชียงใหม่โมเดล” เป็นแรงกระชากใจ...กล้าคิด กล้าทำ @ ดราม่าไอแพดบบนเวที ACD summit กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ชุดความรู้สำหรับ “สร.1 ป้ายแดง” “เหนือเมฆ”ให้กำลังใจ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คำเมืองเปิ้นว่า “แมงแสนตี๋นต๋ายตกน้ำบ่อ”...ประมาณว่า ไม่เคยมีใครไม่เคยผิดพลาด ภาวะผู้นำเบอร์ 1 ของประเทศ บางฟิลต้อง “นิ่ง”ให้เป็น.. “เหนือเมฆ” ใคร่อยากรู้นัก ใครเป็นทีมที่ปรึกษา-ทีมPR อยากหยิกให้เนื้อเขียวเชียว...@ “นายกอุ๊งอิ๊ง”อ้อนออดขอกำลังใจจากผู้อาวุโส“สายม๊อบ” ที่เอะอะก็จะเป่านกหวีดชวนคนลงถนนตะพึ่ด “เพิ่งทำงานได้แค่เดือนเดียวเอง..” ลำพัง“นิติสงคราม”จากพี่ๆนักร้องมืออาชีพที่เคารพก็กองพะเนินเทินทึกจ่อคอหอย ขบวนการตามล้างตามเช็ดตระกูล “ชินวัตร” รายล้อมรอบตัว...งานนี้ คุณพ่อที่ชื่อทักษิณ ชินวัตร ต้องติวเข้ม “ลูกอุ๊งอิ๊ง” ทุกกระเบียดนิ้วปฏิกริยา...ปล่อย“สหายใหญ่” เป็นโค้ชคนเดียวน่าจะเอาไม่อยู่ @ ก็ชอบแล้วที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงนามคำสั่งแต่งตั้งที่ปรึกษาเพิ่มเติม 2 คน ธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาศ และ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โปรเจ็คต์ปะจะฉะดะพะบู๊กับแรงเสียดทานทั้งสายบู๊สายบุ๋นนอกในสภา...คู่หูดูโอ้นี้น่าจะบรรเทาเบาแรงให้ “นายกอุ๊งอิ๊ง”มีเวลาทำงานเพิ่มมากขึ้น @ ยามนี้พรรคการเมืองไทยที่กระโดดโลดเต้นในหน้าสื่อรายวัน ดูเหมือนจะมีโดดเด่นเพียง “เพื่อไทย”กับ “ภูมิใจไทย” ขณะที่พรรคประชาชน พักหลังโดนกระแสสังคม “จับตา-จับตาย”หลายแอ๊คชั่นของส.ส.ในสังกัด ที่เหมือนบางท่านจะ“วุฒิภาวะบกพร่อง”กระบวนการ “คิด” และ “ประสบการณ์” แม้ว่ามวลหมู่คนเจนเนอเรชั่นเดียวกันในมุมมืดจะฟันธงล่วงหน้า “อย่างไรก็จะเลือก” แต่โอกาสที่พรรคประชาชนจะเทียบชั้นบริหารราชการแผ่นดินเบอร์ 1 ก็ยังคงมีขบวนการเตะตัดขา “ยุ่บ-ยั่บ”ต่อเนื่อ...แม้สนามหน้าจะแลนด์สไลด์ก็ตาม...เว้นแต่พรรคใหญ่สมัยหน้าจะกวักมือเทียบเชิญจัดตั้งรัฐบาลข้ามสปีชี่... @ “นักการเมือง”และ“สื่อ” คือ พลวัตรชี้นำสังคมไทย โดยมี “คุณภาพประชาชนไทย”เป็นฐานองคาพยพขับเคลื่อน ทั้งการ “ส่งต่อ”และ “การสังเคราะห์ข้อมูล” กระบวนการพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 เป็นตัวอย่างแอ็คชั่นทางการเมืองเพื่อ “ฟอกขาว”ตนตัวของบรรดานักการเมือง เมื่อ “สื่อ”ระดม“สารมวลชน” ให้ประชาชนคำนวณบวกลบคูณหาร อาการลุกลี้ลุกลนตามสำนวน “ถอยแบบสุดซอย”จึงเกิดขึ้น... และแน่นอนก็ต้องตอบคำถามประชาชนด้วยเพราะบางพรรคร่วมรัฐบาล “อุ๊งอิ๊ง 1” ชูธงเป็นนโยบายหาเสียง @ หากพลิกประเด็นในนโยบายหาเสียงแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคการเมืองไทยแล้ว โดยพิจารณาจากทุกพรรคการเมืองในสภาผู้แทนราษฏร จะเห็นว่าทุกพรรค ออกอาการอุจจาระหดผายลมหายกับคำว่า “รัฐประหาร” ทั้งต่อต้าน ทั้งห้ามนิรโทษกรรม ทั้งกำหนดบทลงโทษ พาลโพเลโพเกไปถึงองค์กรอิสระที่เสนอให้ต้องลดบทบาทอำนาจ ให้มีการคานอำนาจ...อาการของนักการเมืองที่เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ “เหนือเมฆ”มองมุมไหนก็ล้วนแต่เป็นนักการเมืองหรือพรรคการเมืองสาย “กินปูนร้อนท้อง”...@ วุฒิสภาสายสีน้ำเงิน...ก็เป็นผลลัพธ์เชิงประจักษ์ของพรรคการเมืองไทยที่พยายามอาศัยช่องว่างช่องโหว่ของนิยามการให้ได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาตัวแทนประชาชนจากทุกสาขาอาชีพ และสุดท้ายภาพของ “วุฒิสภา”ที่ต้องทำงานร้อยรัดกับเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรก็เลยบังเกิดขึ้นในเกมแก้ไขรัฐธรรมนูญ... “เกียรติยศ”และ “ศักดิ์ศรี” กินไม่ได้แต่“เท่” มันมีจริงๆครับเสี่ย...! @ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและมท.1 เลี่ยงที่จะตอบคำถามกรณี คำถามสื่อที่ว่า ครูใหญ่เนวิน ชิดชอบ บ้านใหญ่ภูมิใจไทย ดอดเข้าพบ ทักษิณ ชินวัตร บ้านใหญ่เพื่อไทย...จริงหรือไม่ ณ นาทีนี้ “เหนือเมฆ”ยังไม่ฟันธง แต่อาการ “เลี่ยง” และโบกมือ “บ๊ายบาย”สื่อ มันผิดวิสัยปกติของมท.1 “พี่หนู”...แต่ที่แน่ๆ ถ้าจริง มันคงไม่ใช่เรื่อง “ไร้สาระ”แน่นอน...@ เสียงอำนวยอวยพรก้องฟ้าบุรีรัมย์ของ เนวิน ชิดชอบ “ขอให้อนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี”ยังดังก้องในพิธีปะกำช้างวันคล้ายวันเกิดครูใหญ่เนวิน ขณะผูกข้อไม้ข้อมือ พรนี้ทำเอา “อนุทิน ชาญวีรกูล” ออกอาการสะดุ้งโหยง ไมครูใหญ่ช่างกล้า...เอาเรื่องจริงมาพูดเล่น..นิ ! @ ส่งท้าย น.ส.พ.ประชาไทนิวส์ออนไลน์ ขอแสดงความยินดีกับ “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คนที่ 15 แห่งอาณาจักรพิทักษ์สันติราษฎร์ไทย คดีความต่อเนื่องใดๆที่ใครๆต่างก็ลุ้นระทึกตั้งแต่ครั้ง “รักษาการ” มาถึง “ตัวจริง-เสียงจริง”ในวันนี้ “เหนือเมฆ” ไม่คาดหวังสิ่งใด นอกจาก “ภาพลักษณ์เชิงบวก”ของวงการตำรวจไทย...ที่สาละวันถอยหลังและสาละวันเตี้ยลงมานานหลายขวบปี...มีฝีมือแค่ไหน “เดินหน้าลงมือทำทันที” ครับท่าน...ตะเบ๊ะ !
    -เหนือเมฆ-

    น.ส.พ.ประชาไทนิวส์ออนไลน์ ปีที่ 5 ฉบับที่ 59 ประจำเดือนตุลาคม 2567 @ ประเทศไทยต้องมี “แผนป้องกันน้ำท่วมระยะยาว”ออกจากปากของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เป็น“วิสัยทัศน์”ที่ควรค่าต่อการ“ปรบมือ”และ“ติดตาม”... “เหนือเมฆ” แนะให้ดู “วิธีคิด-วิธีการ”ของผู้บริหาร “แชงกรีลาเชียงใหม่โมเดล” เป็นแรงกระชากใจ...กล้าคิด กล้าทำ @ ดราม่าไอแพดบบนเวที ACD summit กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ชุดความรู้สำหรับ “สร.1 ป้ายแดง” “เหนือเมฆ”ให้กำลังใจ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คำเมืองเปิ้นว่า “แมงแสนตี๋นต๋ายตกน้ำบ่อ”...ประมาณว่า ไม่เคยมีใครไม่เคยผิดพลาด ภาวะผู้นำเบอร์ 1 ของประเทศ บางฟิลต้อง “นิ่ง”ให้เป็น.. “เหนือเมฆ” ใคร่อยากรู้นัก ใครเป็นทีมที่ปรึกษา-ทีมPR อยากหยิกให้เนื้อเขียวเชียว...@ “นายกอุ๊งอิ๊ง”อ้อนออดขอกำลังใจจากผู้อาวุโส“สายม๊อบ” ที่เอะอะก็จะเป่านกหวีดชวนคนลงถนนตะพึ่ด “เพิ่งทำงานได้แค่เดือนเดียวเอง..” ลำพัง“นิติสงคราม”จากพี่ๆนักร้องมืออาชีพที่เคารพก็กองพะเนินเทินทึกจ่อคอหอย ขบวนการตามล้างตามเช็ดตระกูล “ชินวัตร” รายล้อมรอบตัว...งานนี้ คุณพ่อที่ชื่อทักษิณ ชินวัตร ต้องติวเข้ม “ลูกอุ๊งอิ๊ง” ทุกกระเบียดนิ้วปฏิกริยา...ปล่อย“สหายใหญ่” เป็นโค้ชคนเดียวน่าจะเอาไม่อยู่ @ ก็ชอบแล้วที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงนามคำสั่งแต่งตั้งที่ปรึกษาเพิ่มเติม 2 คน ธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาศ และ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โปรเจ็คต์ปะจะฉะดะพะบู๊กับแรงเสียดทานทั้งสายบู๊สายบุ๋นนอกในสภา...คู่หูดูโอ้นี้น่าจะบรรเทาเบาแรงให้ “นายกอุ๊งอิ๊ง”มีเวลาทำงานเพิ่มมากขึ้น @ ยามนี้พรรคการเมืองไทยที่กระโดดโลดเต้นในหน้าสื่อรายวัน ดูเหมือนจะมีโดดเด่นเพียง “เพื่อไทย”กับ “ภูมิใจไทย” ขณะที่พรรคประชาชน พักหลังโดนกระแสสังคม “จับตา-จับตาย”หลายแอ๊คชั่นของส.ส.ในสังกัด ที่เหมือนบางท่านจะ“วุฒิภาวะบกพร่อง”กระบวนการ “คิด” และ “ประสบการณ์” แม้ว่ามวลหมู่คนเจนเนอเรชั่นเดียวกันในมุมมืดจะฟันธงล่วงหน้า “อย่างไรก็จะเลือก” แต่โอกาสที่พรรคประชาชนจะเทียบชั้นบริหารราชการแผ่นดินเบอร์ 1 ก็ยังคงมีขบวนการเตะตัดขา “ยุ่บ-ยั่บ”ต่อเนื่อ...แม้สนามหน้าจะแลนด์สไลด์ก็ตาม...เว้นแต่พรรคใหญ่สมัยหน้าจะกวักมือเทียบเชิญจัดตั้งรัฐบาลข้ามสปีชี่... @ “นักการเมือง”และ“สื่อ” คือ พลวัตรชี้นำสังคมไทย โดยมี “คุณภาพประชาชนไทย”เป็นฐานองคาพยพขับเคลื่อน ทั้งการ “ส่งต่อ”และ “การสังเคราะห์ข้อมูล” กระบวนการพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 เป็นตัวอย่างแอ็คชั่นทางการเมืองเพื่อ “ฟอกขาว”ตนตัวของบรรดานักการเมือง เมื่อ “สื่อ”ระดม“สารมวลชน” ให้ประชาชนคำนวณบวกลบคูณหาร อาการลุกลี้ลุกลนตามสำนวน “ถอยแบบสุดซอย”จึงเกิดขึ้น... และแน่นอนก็ต้องตอบคำถามประชาชนด้วยเพราะบางพรรคร่วมรัฐบาล “อุ๊งอิ๊ง 1” ชูธงเป็นนโยบายหาเสียง @ หากพลิกประเด็นในนโยบายหาเสียงแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคการเมืองไทยแล้ว โดยพิจารณาจากทุกพรรคการเมืองในสภาผู้แทนราษฏร จะเห็นว่าทุกพรรค ออกอาการอุจจาระหดผายลมหายกับคำว่า “รัฐประหาร” ทั้งต่อต้าน ทั้งห้ามนิรโทษกรรม ทั้งกำหนดบทลงโทษ พาลโพเลโพเกไปถึงองค์กรอิสระที่เสนอให้ต้องลดบทบาทอำนาจ ให้มีการคานอำนาจ...อาการของนักการเมืองที่เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ “เหนือเมฆ”มองมุมไหนก็ล้วนแต่เป็นนักการเมืองหรือพรรคการเมืองสาย “กินปูนร้อนท้อง”...@ วุฒิสภาสายสีน้ำเงิน...ก็เป็นผลลัพธ์เชิงประจักษ์ของพรรคการเมืองไทยที่พยายามอาศัยช่องว่างช่องโหว่ของนิยามการให้ได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาตัวแทนประชาชนจากทุกสาขาอาชีพ และสุดท้ายภาพของ “วุฒิสภา”ที่ต้องทำงานร้อยรัดกับเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรก็เลยบังเกิดขึ้นในเกมแก้ไขรัฐธรรมนูญ... “เกียรติยศ”และ “ศักดิ์ศรี” กินไม่ได้แต่“เท่” มันมีจริงๆครับเสี่ย...! @ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและมท.1 เลี่ยงที่จะตอบคำถามกรณี คำถามสื่อที่ว่า ครูใหญ่เนวิน ชิดชอบ บ้านใหญ่ภูมิใจไทย ดอดเข้าพบ ทักษิณ ชินวัตร บ้านใหญ่เพื่อไทย...จริงหรือไม่ ณ นาทีนี้ “เหนือเมฆ”ยังไม่ฟันธง แต่อาการ “เลี่ยง” และโบกมือ “บ๊ายบาย”สื่อ มันผิดวิสัยปกติของมท.1 “พี่หนู”...แต่ที่แน่ๆ ถ้าจริง มันคงไม่ใช่เรื่อง “ไร้สาระ”แน่นอน...@ เสียงอำนวยอวยพรก้องฟ้าบุรีรัมย์ของ เนวิน ชิดชอบ “ขอให้อนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี”ยังดังก้องในพิธีปะกำช้างวันคล้ายวันเกิดครูใหญ่เนวิน ขณะผูกข้อไม้ข้อมือ พรนี้ทำเอา “อนุทิน ชาญวีรกูล” ออกอาการสะดุ้งโหยง ไมครูใหญ่ช่างกล้า...เอาเรื่องจริงมาพูดเล่น..นิ ! @ ส่งท้าย น.ส.พ.ประชาไทนิวส์ออนไลน์ ขอแสดงความยินดีกับ “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คนที่ 15 แห่งอาณาจักรพิทักษ์สันติราษฎร์ไทย คดีความต่อเนื่องใดๆที่ใครๆต่างก็ลุ้นระทึกตั้งแต่ครั้ง “รักษาการ” มาถึง “ตัวจริง-เสียงจริง”ในวันนี้ “เหนือเมฆ” ไม่คาดหวังสิ่งใด นอกจาก “ภาพลักษณ์เชิงบวก”ของวงการตำรวจไทย...ที่สาละวันถอยหลังและสาละวันเตี้ยลงมานานหลายขวบปี...มีฝีมือแค่ไหน “เดินหน้าลงมือทำทันที” ครับท่าน...ตะเบ๊ะ ! -เหนือเมฆ-
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1357 มุมมอง 0 รีวิว
  • “อนุทิน” รับแล้ว ชวน “เนวิน” กินข้าวบ้านจันทร์ส่องหล้า กับ “ทักษิณ” บอกไปเบิร์ธเดย์ จบนะไม่ต้องถามต่อ แค่กินข้าว เผย ได้แจ๊ก​เก็ตเป็นของขวัญ​ ยันไม่เคยโกรธอะไรกัน พร้อมย้อนถาม วลี “มันจบแล้วครับนาย” ใครจะกล้าพูด​ โต้กระแส “นายกฯ คนละครึ่ง” เป็นไปไม่ได้​ ชี้ “ครูใหญ่” อวยพรเป็นนายก​ฯ เป็นเรื่องธรรมดา อวยกันมาเป็น 10 ปีแล้ว​ยังไม่ได้เป็นเลย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000095863

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “อนุทิน” รับแล้ว ชวน “เนวิน” กินข้าวบ้านจันทร์ส่องหล้า กับ “ทักษิณ” บอกไปเบิร์ธเดย์ จบนะไม่ต้องถามต่อ แค่กินข้าว เผย ได้แจ๊ก​เก็ตเป็นของขวัญ​ ยันไม่เคยโกรธอะไรกัน พร้อมย้อนถาม วลี “มันจบแล้วครับนาย” ใครจะกล้าพูด​ โต้กระแส “นายกฯ คนละครึ่ง” เป็นไปไม่ได้​ ชี้ “ครูใหญ่” อวยพรเป็นนายก​ฯ เป็นเรื่องธรรมดา อวยกันมาเป็น 10 ปีแล้ว​ยังไม่ได้เป็นเลย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000095863 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    Haha
    7
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2512 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ ครูใหญ่ พบนายใหญ่ ทักษิณขอ ถ้าไม่สนับสนุนงดออกเสียงก็พอ
    #7ดอกจิก
    ♣ ครูใหญ่ พบนายใหญ่ ทักษิณขอ ถ้าไม่สนับสนุนงดออกเสียงก็พอ #7ดอกจิก
    Like
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 476 มุมมอง 63 0 รีวิว
Pages Boosts