• ฆ่าลูกไม่ลง! แม้รู้ว่าลูกจะเกิดมาพิการ ไม่ขอยุติการตั้งครรภ์ ทั้งแม่และตายายทุ่มเทดูแลหลานอย่างสุดกำลัง ถึงขั้นยอมออกจากงานประจำ-อดมื้อกินมื้อ พร้อมสู้เพื่อลูกอิ่ม!

    “ตอนช่วงประมาณ 8 เดือนกว่าเกือบ 9 เดือน ใกล้จะคลอดแล้ว หมอตรวจเจอความผิดปกติที่ศีรษะของน้อง มันไม่โตตามเกณฑ์ เหมือนมีน้ำ รักษาไม่ได้เลย ตอนนั้นยังไม่เจอความผิดปกติของขานะ เจอแค่หัวของน้อง หมอก็บอกว่า ยุติการตั้งครรภ์ไหม ก็ถามว่าทำยังไง คือเข้าไปตัดชิ้นส่วนของน้อง ทั้งๆ ที่น้องยังหายใจอยู่ พอได้ยิน หนูก็ช็อกแล้ว ทำใจไม่ได้”

    ไม่ใช่แค่ “ส้มแป้น” คณิศร แสงอุไร ผู้เป็นแม่ที่รับไม่ได้หากต้องยุติการตั้งครรภ์ แต่ตากับยายก็รู้สึกไม่ต่างกัน และไม่อยากสร้างบาปด้วยการจบชีวิตหลาน อยากให้หลานได้มีโอกาสลืมตาดูโลก “ให้เขาออกมาดีกว่า เพราะไหนๆ เขาก็อยากจะเกิดแล้ว ถ้าเกิดมาผิดรูปผิดร่างหรือจะเป็นยังไงก็หลานเรา เลือดเนื้อเชื้อไขของเรา เราก็บอกเขาเลยว่า เราขอไม่ยุติการตั้งครรภ์”

    ขณะที่ตาและยายพร้อมช่วยดูแลหลานพิการที่จะเกิดมา แต่ผู้เป็นพ่อที่ทำให้ลูกเกิด กลับทอดทิ้งไปอย่างไม่ใยดีเพียงเพราะคำว่าพิการ “วันที่รู้ช่วงใกล้คลอดว่า น้องไม่สมประกอบ น้องมีความผิดปกติ ก็โทรไปบอกเขาก่อน เขาก็รับรู้เรื่อง ..วันต่อมา เราก็โทรไปอีก ไม่รับสาย ..ตั้งแต่ที่ยังไม่คลอดจนคลอด ก็ติดต่อไม่ได้เลย หลังจากที่รู้ว่าลูกสาวของเราพิการ”

    ปัจจุบัน “น้องบุญรักษา” อายุ 6 ขวบ มีภาวะหัวโตหรือที่เรียกว่า เด็กหัวบาตร และแขนขาพิการผิดรูป นั่งไม่ได้ ขับถ่ายเองไม่ได้ ซึ่งผู้เป็นแม่และตายายไม่เคยคิดเสียใจกับสภาพที่น้องเป็น แต่ภูมิใจด้วยซ้ำที่ได้มีโอกาสดูแลน้อง

    “(ถาม-ตอนเห็นหน้าน้องหลังคลอด คุณตารู้สึกยังไงบ้าง?) ไม่รู้สึกเสียใจ ยังไงก็เป็นหลานของเรา เราภูมิใจที่เขาเกิดมา และเลือกครอบครัวของเราที่จะเป็นผู้ดูแลเขา เราต้องดูแลเขาให้ดีที่สุดในชีวิตหนึ่งที่เขาอยู่กับเรา ไม่ว่าจะสั้นหรือน้อย ตรงนี้เราก็ทุ่มเทให้กับเขา”

    ความพิการและเจ็บป่วยของน้องบุญรักษาทำให้น้องต้องเข้า-ออก รพ.บ่อยๆ บางครั้งต้องอยู่ รพ.นานนับเดือน จึงส่งผลให้แม่ และตากับยาย ต้องทยอยลาออกจากงานประจำ เพื่อดูแลน้องบุญรักษา “ตอนนั้นยายทำงานร้านยาเป็นผู้ช่วยเภสัช เขาจ้างเราคนเดียว เราก็ผลัดกันลากับเจ้าส้มไปเฝ้าหลาน ทางเภสัชก็สงสารและเข้าใจ แต่ร้านเขาก็ต้องเปิดทุกวัน เราก็ขอลาออกก่อนแล้วกัน เพื่อให้ส้มยังทำงานได้ แต่สุดท้ายร่างกายเรามันก็รับไม่ไหว เพราะเป็นเนื้องอกและความดันด้วย ก็ต้องดึงเจ้าส้มมาเฝ้าอีก เพราะน้องอยู่ในห้องวิกฤต”

    “ก่อนคลอด หนูทำงานร้านเบอเกอร์ พอลาคลอด แล้วรู้ว่าลูกพิการ ช่วงนั้นน้องบุญรักษาต้องอยู่ที่ รพ. เกือบ 1 เดือนเต็มๆ แล้วลูกผิดปกติ เราเลยต้องขอลาออก”

    “ตอนแรกพ่อทำงานบริษัทอยู่ พอหลานเราต้องไป รพ.บ่อย เราต้องหยุดงานบ่อย ทางบริษัทก็ตำหนิ เราก็ออกจากงานมาดูแลหลาน แล้วก็ไปเช่าแท็กซี่มาขับเพื่อพยุงไปก่อน เพราะมันเป็นพาหนะในการพาหลานเดินทางไป รพ.ด้วย”

    ไม่ใช่แค่รายได้หดหายหลังออกจากงานประจำทั้ง 3 คน แต่วิกฤตใหญ่ที่ตามมาคือบ้านถูกยึด เพราะส่งไม่ไหว “ช่วงนั้นแย่ บ้านโดนยึด โชคดีมีเพื่อนของยายเขาให้มาอยู่ที่นวนคร เป็นบ้านที่ไม่มีใครอยู่ เขาเลยให้ครอบครัวหนูไปอยู่ฟรีๆ ให้เราจ่ายแค่ค่าไฟค่าน้ำเอง ก็ขอขอบพระคุณเพื่อนยายมากที่ช่วยเหลือ ถ้าไม่มีเพื่อนยาย ครอบครัวหนูคงต้องไปพึ่งวัด”

    ปัจจุบันส้มแป้นกับลูกๆ และตายายย้ายมาอยู่ที่ไทรน้อย จ.นนทบุรี โดยเธอช่วยตาหารายได้ด้วยการขายของออนไลน์ เช่น ขนมอบกรอบ และไส้กรอกอีสาน ซึ่งไส้กรอกอีสานทำเองทุกขั้นตอน หลังได้สูตรจากผู้ใจบุญ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันรายได้จากการขายของออนไลน์และขับแท็กซี่ของตา ยังไม่ค่อยครอบคลุมรายจ่ายของครอบครัว แม้อาศัยเบี้ยคนชราของยาย และเบี้ยพิการของน้องบุญรักษาแล้วก็ตาม

    “ตอนนี้รายได้จากการขายของยังพอบรรเทาด้วยการซื้อนม ซื้อแพมเพิสของน้องไปได้ ส่วนตัวของหนู ตา ยาย ไม่เป็นไร อดมื้อกินมื้อได้..”

    ขณะที่ตา ยอมรับว่า “รายได้จากการวิ่งแท็กซี่บางทีชักหน้าไม่ถึงหลัง เราก็ติดค่าเช่าไว้ก่อน เราก็เอาเงินตรงนั้นมาหมุนในครอบครัวก่อน ..(ถาม-รายจ่ายหลักๆ ตอนนี้มีอะไรบ้าง?) ค่าบ้านค่าน้ำไฟ ค่าน้องต้นน้ำไปโรงเรียน ค่านม ค่าแพมเพิส และพวกยูนิซัน (ถาม-โห แสดงว่าน่าจะเกิดปัญหาขัดสนไหม?) ขัดสนแน่นอนเลย”

    ด้านน้องต้นน้ำ พี่สาวของน้องบุญรักษา ซึ่งเป็นเด็กเรียนดี ยอมรับว่า เข้าใจดีถึงความยากลำบากของครอบครัว “(ถาม-หนูเข้าใจความลำบากไหมมันเป็นยังไง?) บางทีก็ไม่มีตังค์ไปโรงเรียน (ถาม-ตอนนี้ต้นน้ำเรียนอยู่ชั้นไหน?) ป.5 (ถาม-ได้เกรดเท่าไหร่?) เกรด 4 (โห แล้วตอนนี้หนูเริ่มมีความฝัน โตขึ้นอยากเป็นอะไร เคยคิดไว้หรือยัง?) เป็นหมอ (ถาม-ทำไมล่ะ?) จะได้รักษาน้อง”

    ขณะที่ยาย แม้ปัจจุบันจะมีเนื้องอกที่บริเวณหลังหลายจุด แต่ก็ไม่ยอมไปหาหมอเพื่อตรวจรักษา เพราะอยากประหยัดค่าใช้จ่ายเพื่อให้หลานกินอิ่มมากกว่า

    ทุกคนสู้สุดตัว เพื่อน้องบุญรักษา ไม่ใช่แค่เรื่องกิน แต่รวมถึงเรื่องนอน เพราะหมอเคยบอกว่า น้องบุญรักษาสามารถเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ ทุกคนจึงพร้อมอดหลับอดนอนเพื่อน้อง “(ถาม-กลางคืนไม่มีใครได้นอนพร้อมกัน?) ไม่มี แบ่งกันหลับ เพราะน้องพร้อมที่จะชักตลอดเวลา พอเขาชักขึ้นมา เราต้องช่วยกันเลย...”

    หวังให้ลูกมีชีวิตอยู่ได้นานที่สุด!

    “ทุกๆ วัน แม่จะบอกน้องบุญรักษาอยู่กับแม่ก่อนนะ เพราะหมอบอกว่า น้องพร้อมไปได้ทุกเมื่อเลย เราต้องคอยดูน้องทุกวันทุกวินาทีว่า น้องยังหายใจไหม น้องเป็นอะไรไหม คือพยายามให้เขาอยู่สู้กับแม่ให้ถึงที่สุด แต่ถ้าตอนไหนที่หนูไม่ไหวแล้ว ก็ขอให้หนูไปแบบไม่เจ็บไม่ปวด ไปแบบสบาย อย่าทรมานนะลูก ให้หนูไปตอนที่อยู่ในอ้อมกอดของแม่กับตายายนะ”

    6 ปีแล้วที่น้องบุญรักษาเกิดมาพร้อมกับความพิการ แม้น้องช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แต่น้องคงรับรู้ได้ว่าทุกคนรักและห่วงน้องมากแค่ไหน หากน้องพูดได้ น้องคงอยากขอบคุณแม่ ตา และยายที่ตัดสินใจไม่ยุติการตั้งครรภ์ในวันนั้น

    ติดตามเรื่องราวความรักความทุ่มเทของแม่และตายายที่มีต่อน้องบุญรักษาได้
    ในรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “บุญรักษานะลูก”
    วันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2567 เวลา 9.00-9.30 น.
    ทางสถานีโทรทัศน์ News1 (IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211)

    และเฟซบุ๊ก / ยูทูบ / ติ๊กต็อก : ฅนจริงใจไม่ท้อ

    (หากท่านใดต้องการอุดหนุนขนมอบกรอบและไส้กรอกอีสานของส้มแป้น เพื่อให้มีทุนดูแลรักษาพยาบาลลูก ติดต่อได้ที่เฟซบุ๊ก ต้นน้ำ บุญรักษา หรือโทรไปได้ที่ 099-278-3163 หากต้องการช่วยเหลือ โอนไปได้ที่ ธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี น.ส.คณิศร แสงอุไร เลขที่บัญชี 108-0-71624-6)

    #สู้ชีวิต #สู้เพื่อลูก #รักไม่มีเงื่อนไข #พิการ #สู้เพื่อหลาน
    ฆ่าลูกไม่ลง! แม้รู้ว่าลูกจะเกิดมาพิการ ไม่ขอยุติการตั้งครรภ์ ทั้งแม่และตายายทุ่มเทดูแลหลานอย่างสุดกำลัง ถึงขั้นยอมออกจากงานประจำ-อดมื้อกินมื้อ พร้อมสู้เพื่อลูกอิ่ม! “ตอนช่วงประมาณ 8 เดือนกว่าเกือบ 9 เดือน ใกล้จะคลอดแล้ว หมอตรวจเจอความผิดปกติที่ศีรษะของน้อง มันไม่โตตามเกณฑ์ เหมือนมีน้ำ รักษาไม่ได้เลย ตอนนั้นยังไม่เจอความผิดปกติของขานะ เจอแค่หัวของน้อง หมอก็บอกว่า ยุติการตั้งครรภ์ไหม ก็ถามว่าทำยังไง คือเข้าไปตัดชิ้นส่วนของน้อง ทั้งๆ ที่น้องยังหายใจอยู่ พอได้ยิน หนูก็ช็อกแล้ว ทำใจไม่ได้” ไม่ใช่แค่ “ส้มแป้น” คณิศร แสงอุไร ผู้เป็นแม่ที่รับไม่ได้หากต้องยุติการตั้งครรภ์ แต่ตากับยายก็รู้สึกไม่ต่างกัน และไม่อยากสร้างบาปด้วยการจบชีวิตหลาน อยากให้หลานได้มีโอกาสลืมตาดูโลก “ให้เขาออกมาดีกว่า เพราะไหนๆ เขาก็อยากจะเกิดแล้ว ถ้าเกิดมาผิดรูปผิดร่างหรือจะเป็นยังไงก็หลานเรา เลือดเนื้อเชื้อไขของเรา เราก็บอกเขาเลยว่า เราขอไม่ยุติการตั้งครรภ์” ขณะที่ตาและยายพร้อมช่วยดูแลหลานพิการที่จะเกิดมา แต่ผู้เป็นพ่อที่ทำให้ลูกเกิด กลับทอดทิ้งไปอย่างไม่ใยดีเพียงเพราะคำว่าพิการ “วันที่รู้ช่วงใกล้คลอดว่า น้องไม่สมประกอบ น้องมีความผิดปกติ ก็โทรไปบอกเขาก่อน เขาก็รับรู้เรื่อง ..วันต่อมา เราก็โทรไปอีก ไม่รับสาย ..ตั้งแต่ที่ยังไม่คลอดจนคลอด ก็ติดต่อไม่ได้เลย หลังจากที่รู้ว่าลูกสาวของเราพิการ” ปัจจุบัน “น้องบุญรักษา” อายุ 6 ขวบ มีภาวะหัวโตหรือที่เรียกว่า เด็กหัวบาตร และแขนขาพิการผิดรูป นั่งไม่ได้ ขับถ่ายเองไม่ได้ ซึ่งผู้เป็นแม่และตายายไม่เคยคิดเสียใจกับสภาพที่น้องเป็น แต่ภูมิใจด้วยซ้ำที่ได้มีโอกาสดูแลน้อง “(ถาม-ตอนเห็นหน้าน้องหลังคลอด คุณตารู้สึกยังไงบ้าง?) ไม่รู้สึกเสียใจ ยังไงก็เป็นหลานของเรา เราภูมิใจที่เขาเกิดมา และเลือกครอบครัวของเราที่จะเป็นผู้ดูแลเขา เราต้องดูแลเขาให้ดีที่สุดในชีวิตหนึ่งที่เขาอยู่กับเรา ไม่ว่าจะสั้นหรือน้อย ตรงนี้เราก็ทุ่มเทให้กับเขา” ความพิการและเจ็บป่วยของน้องบุญรักษาทำให้น้องต้องเข้า-ออก รพ.บ่อยๆ บางครั้งต้องอยู่ รพ.นานนับเดือน จึงส่งผลให้แม่ และตากับยาย ต้องทยอยลาออกจากงานประจำ เพื่อดูแลน้องบุญรักษา “ตอนนั้นยายทำงานร้านยาเป็นผู้ช่วยเภสัช เขาจ้างเราคนเดียว เราก็ผลัดกันลากับเจ้าส้มไปเฝ้าหลาน ทางเภสัชก็สงสารและเข้าใจ แต่ร้านเขาก็ต้องเปิดทุกวัน เราก็ขอลาออกก่อนแล้วกัน เพื่อให้ส้มยังทำงานได้ แต่สุดท้ายร่างกายเรามันก็รับไม่ไหว เพราะเป็นเนื้องอกและความดันด้วย ก็ต้องดึงเจ้าส้มมาเฝ้าอีก เพราะน้องอยู่ในห้องวิกฤต” “ก่อนคลอด หนูทำงานร้านเบอเกอร์ พอลาคลอด แล้วรู้ว่าลูกพิการ ช่วงนั้นน้องบุญรักษาต้องอยู่ที่ รพ. เกือบ 1 เดือนเต็มๆ แล้วลูกผิดปกติ เราเลยต้องขอลาออก” “ตอนแรกพ่อทำงานบริษัทอยู่ พอหลานเราต้องไป รพ.บ่อย เราต้องหยุดงานบ่อย ทางบริษัทก็ตำหนิ เราก็ออกจากงานมาดูแลหลาน แล้วก็ไปเช่าแท็กซี่มาขับเพื่อพยุงไปก่อน เพราะมันเป็นพาหนะในการพาหลานเดินทางไป รพ.ด้วย” ไม่ใช่แค่รายได้หดหายหลังออกจากงานประจำทั้ง 3 คน แต่วิกฤตใหญ่ที่ตามมาคือบ้านถูกยึด เพราะส่งไม่ไหว “ช่วงนั้นแย่ บ้านโดนยึด โชคดีมีเพื่อนของยายเขาให้มาอยู่ที่นวนคร เป็นบ้านที่ไม่มีใครอยู่ เขาเลยให้ครอบครัวหนูไปอยู่ฟรีๆ ให้เราจ่ายแค่ค่าไฟค่าน้ำเอง ก็ขอขอบพระคุณเพื่อนยายมากที่ช่วยเหลือ ถ้าไม่มีเพื่อนยาย ครอบครัวหนูคงต้องไปพึ่งวัด” ปัจจุบันส้มแป้นกับลูกๆ และตายายย้ายมาอยู่ที่ไทรน้อย จ.นนทบุรี โดยเธอช่วยตาหารายได้ด้วยการขายของออนไลน์ เช่น ขนมอบกรอบ และไส้กรอกอีสาน ซึ่งไส้กรอกอีสานทำเองทุกขั้นตอน หลังได้สูตรจากผู้ใจบุญ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันรายได้จากการขายของออนไลน์และขับแท็กซี่ของตา ยังไม่ค่อยครอบคลุมรายจ่ายของครอบครัว แม้อาศัยเบี้ยคนชราของยาย และเบี้ยพิการของน้องบุญรักษาแล้วก็ตาม “ตอนนี้รายได้จากการขายของยังพอบรรเทาด้วยการซื้อนม ซื้อแพมเพิสของน้องไปได้ ส่วนตัวของหนู ตา ยาย ไม่เป็นไร อดมื้อกินมื้อได้..” ขณะที่ตา ยอมรับว่า “รายได้จากการวิ่งแท็กซี่บางทีชักหน้าไม่ถึงหลัง เราก็ติดค่าเช่าไว้ก่อน เราก็เอาเงินตรงนั้นมาหมุนในครอบครัวก่อน ..(ถาม-รายจ่ายหลักๆ ตอนนี้มีอะไรบ้าง?) ค่าบ้านค่าน้ำไฟ ค่าน้องต้นน้ำไปโรงเรียน ค่านม ค่าแพมเพิส และพวกยูนิซัน (ถาม-โห แสดงว่าน่าจะเกิดปัญหาขัดสนไหม?) ขัดสนแน่นอนเลย” ด้านน้องต้นน้ำ พี่สาวของน้องบุญรักษา ซึ่งเป็นเด็กเรียนดี ยอมรับว่า เข้าใจดีถึงความยากลำบากของครอบครัว “(ถาม-หนูเข้าใจความลำบากไหมมันเป็นยังไง?) บางทีก็ไม่มีตังค์ไปโรงเรียน (ถาม-ตอนนี้ต้นน้ำเรียนอยู่ชั้นไหน?) ป.5 (ถาม-ได้เกรดเท่าไหร่?) เกรด 4 (โห แล้วตอนนี้หนูเริ่มมีความฝัน โตขึ้นอยากเป็นอะไร เคยคิดไว้หรือยัง?) เป็นหมอ (ถาม-ทำไมล่ะ?) จะได้รักษาน้อง” ขณะที่ยาย แม้ปัจจุบันจะมีเนื้องอกที่บริเวณหลังหลายจุด แต่ก็ไม่ยอมไปหาหมอเพื่อตรวจรักษา เพราะอยากประหยัดค่าใช้จ่ายเพื่อให้หลานกินอิ่มมากกว่า ทุกคนสู้สุดตัว เพื่อน้องบุญรักษา ไม่ใช่แค่เรื่องกิน แต่รวมถึงเรื่องนอน เพราะหมอเคยบอกว่า น้องบุญรักษาสามารถเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ ทุกคนจึงพร้อมอดหลับอดนอนเพื่อน้อง “(ถาม-กลางคืนไม่มีใครได้นอนพร้อมกัน?) ไม่มี แบ่งกันหลับ เพราะน้องพร้อมที่จะชักตลอดเวลา พอเขาชักขึ้นมา เราต้องช่วยกันเลย...” หวังให้ลูกมีชีวิตอยู่ได้นานที่สุด! “ทุกๆ วัน แม่จะบอกน้องบุญรักษาอยู่กับแม่ก่อนนะ เพราะหมอบอกว่า น้องพร้อมไปได้ทุกเมื่อเลย เราต้องคอยดูน้องทุกวันทุกวินาทีว่า น้องยังหายใจไหม น้องเป็นอะไรไหม คือพยายามให้เขาอยู่สู้กับแม่ให้ถึงที่สุด แต่ถ้าตอนไหนที่หนูไม่ไหวแล้ว ก็ขอให้หนูไปแบบไม่เจ็บไม่ปวด ไปแบบสบาย อย่าทรมานนะลูก ให้หนูไปตอนที่อยู่ในอ้อมกอดของแม่กับตายายนะ” 6 ปีแล้วที่น้องบุญรักษาเกิดมาพร้อมกับความพิการ แม้น้องช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แต่น้องคงรับรู้ได้ว่าทุกคนรักและห่วงน้องมากแค่ไหน หากน้องพูดได้ น้องคงอยากขอบคุณแม่ ตา และยายที่ตัดสินใจไม่ยุติการตั้งครรภ์ในวันนั้น ติดตามเรื่องราวความรักความทุ่มเทของแม่และตายายที่มีต่อน้องบุญรักษาได้ ในรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “บุญรักษานะลูก” วันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2567 เวลา 9.00-9.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์ News1 (IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211) และเฟซบุ๊ก / ยูทูบ / ติ๊กต็อก : ฅนจริงใจไม่ท้อ (หากท่านใดต้องการอุดหนุนขนมอบกรอบและไส้กรอกอีสานของส้มแป้น เพื่อให้มีทุนดูแลรักษาพยาบาลลูก ติดต่อได้ที่เฟซบุ๊ก ต้นน้ำ บุญรักษา หรือโทรไปได้ที่ 099-278-3163 หากต้องการช่วยเหลือ โอนไปได้ที่ ธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี น.ส.คณิศร แสงอุไร เลขที่บัญชี 108-0-71624-6) #สู้ชีวิต #สู้เพื่อลูก #รักไม่มีเงื่อนไข #พิการ #สู้เพื่อหลาน
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 142 Views 0 Reviews
  • สงครามไฮบริด คือ อะไร ทำไม คนไทย ต้องรู้จัก

    สงครามที่เรา รู้จักกัน ไม่ว่า จะเป็นสงครามในอดีต หรือในปัจจุบัน ล้วนเกี่ยวข้องกับการ แย่งชิง หรือ ยึดครอง ทรัพยากร ของคู่ต่อสู้ ตัวอย่างชัดๆ คือ วิกฤต รศ.112 ที่ฝรั่งเศสเอาเรือปืน เอากองทัพมา “ปล้น” แผ่นดินสยาม แถมเรียกค่าปฏิกรณ์สงครามเป็น “ เงินถุงแดง”
    ในปัจจุบันก็ไม่ต่างกัน ตัวอย่างชัดๆ คือ สงครามในอิสราเอล ที่แย่งชิงพื้นที่ทำกิน พื้นที่อาศัย ระหว่าง เจ้าของพื้นที่ ชาวปาเลสไตน์ กับ ชาวคาซาร์เรียน ยิว (Khazarian ) ที่ อ้างว่าเป็นชาวอิสราเอล ที่เอากองทัพมาเข่นฆ่า เด็ก สตรี และคนชรา ทำแม้แต่ทิ้งระเบิดถล่ม โรงพยาบาล เพื่อขับไล่คนปาเลสไตน์ออกจากพื้นที่ ที่ต้องการยึดครอง

    แต่นอกจากสงคราม “ในรูปแบบ ” ตามที่ยกตัวอย่างแล้ว ยังมี สงคราม “นอกรูปแบบ” ที่ใช้กลยุทธ์ ผสมผสาน (hybrid) ที่มีวัตถุประสงค์เดียวกัน คือ “ยึดครองทรัพยากร”
    เทียบให้เห็นภาพชัดๆ คือ สมัยก่อน โจรจะปล้น ก็เอาปืนจี้ แต่ปัจจุบันนี้ ใช้วิธี ฉ้อโกง หลอกลวง คอลเซนเตอร์ ไซเบอร์แอทแทก ฯลฯ เพื่อปล้นทรัพย์ ในระดับ ประเทศก็ไม่ต่างกัน
    สงครามดังกล่าวมีตั้งแต่
    1.สงครามการเงิน ตัวอย่างเช่น วิกฤติต้มยำกุ้ง
    2. สงครามข้อมูลข่าวสาร ให้ข้อมูลที่บิดเบือน หรือ ดึงความสนใจให้ไปสนใจเรื่องอื่นที่ไม่สำคัญ เพื่อทำเรื่องที่ต้องการ
    3. สงครามไซเบอร์ ตย เช่น กรณีระบบ คอมพิวเตอร์ที่พึ่งล่ม ทำคนติดค้างในสนามบิน

    แต่สงครามที่พึ่ง สร้างความเสียหายให้กับหลายประเทศทั่วโลก เร็วๆ นี้ คือ “สงครามชีวภาพ” สงครามที่ใช้ “เชื้อโรค” ใช้ “ยา” เป็นอาวุธ
    สงครามที่เรารู้จัก กันว่า “การระบาดของโควิด”
    ซึ่ง มีข้อมูลชัดเจนว่า กระทรวงกลาโหม สหรัฐ เป็นผู้ให้ทุนวิจัย
    และ บริษัทยายักษ์ใหญ่ เป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ บริษัทที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็น กลุ่มเดียวกันกับ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ อุตสากรรมอาวุธ ของอเมริกา

    อาจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ ได้นำหลักฐานที่ยืนยันว่า การระบาดครั้งนี้มีการเตรียม การล่วงหน้า มีการให้ทุนสนับสนุน มีการ ถอนทุนคืน มาตีแผ่ เป็นบทความสาม ตอน ที่ คนไทยทุกคน และฝ่ายความมั่นคงควร “ต้องอ่าน”

    ลับ ลวง พราง ชั่วร้าย ยาและวัคซีน โดย หมอดื้อ
    (ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต )

    (ตอนที่ 1)
    https://mgronline.com/daily/detail/9670000053749

    (ตอนที่ 2)
    https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2797034

    (ตอนที่ 3)
    https://mgronline.com/daily/detail/9670000057723
    📣สงครามไฮบริด💥 คือ อะไร ⁉️ ทำไม คนไทย ต้องรู้จัก🔥💣 💣สงครามที่เรา รู้จักกัน ไม่ว่า จะเป็นสงครามในอดีต หรือในปัจจุบัน ล้วนเกี่ยวข้องกับการ แย่งชิง หรือ ยึดครอง ทรัพยากร ของคู่ต่อสู้ ตัวอย่างชัดๆ คือ วิกฤต รศ.112 ที่ฝรั่งเศสเอาเรือปืน เอากองทัพมา “ปล้น” แผ่นดินสยาม แถมเรียกค่าปฏิกรณ์สงครามเป็น “ เงินถุงแดง” 🔺 🔥ในปัจจุบันก็ไม่ต่างกัน ตัวอย่างชัดๆ คือ สงครามในอิสราเอล ที่แย่งชิงพื้นที่ทำกิน พื้นที่อาศัย ระหว่าง เจ้าของพื้นที่ ชาวปาเลสไตน์ กับ ชาวคาซาร์เรียน ยิว (Khazarian ) ที่ อ้างว่าเป็นชาวอิสราเอล ที่เอากองทัพมาเข่นฆ่า เด็ก สตรี และคนชรา ทำแม้แต่ทิ้งระเบิดถล่ม โรงพยาบาล เพื่อขับไล่คนปาเลสไตน์ออกจากพื้นที่ ที่ต้องการยึดครอง 💥แต่นอกจากสงคราม “ในรูปแบบ ” ตามที่ยกตัวอย่างแล้ว ยังมี สงคราม “นอกรูปแบบ” ที่ใช้กลยุทธ์ ผสมผสาน (hybrid) ที่มีวัตถุประสงค์เดียวกัน คือ “ยึดครองทรัพยากร” เทียบให้เห็นภาพชัดๆ คือ สมัยก่อน โจรจะปล้น ก็เอาปืนจี้ แต่ปัจจุบันนี้ ใช้วิธี ฉ้อโกง หลอกลวง คอลเซนเตอร์ ไซเบอร์แอทแทก ฯลฯ เพื่อปล้นทรัพย์ ในระดับ ประเทศก็ไม่ต่างกัน สงครามดังกล่าวมีตั้งแต่ 1.สงครามการเงิน ตัวอย่างเช่น วิกฤติต้มยำกุ้ง 💵 2. สงครามข้อมูลข่าวสาร ให้ข้อมูลที่บิดเบือน หรือ ดึงความสนใจให้ไปสนใจเรื่องอื่นที่ไม่สำคัญ เพื่อทำเรื่องที่ต้องการ 📰 3. สงครามไซเบอร์ ตย เช่น กรณีระบบ คอมพิวเตอร์ที่พึ่งล่ม ทำคนติดค้างในสนามบิน🖥️ แต่สงครามที่พึ่ง สร้างความเสียหายให้กับหลายประเทศทั่วโลก เร็วๆ นี้ คือ “สงครามชีวภาพ” สงครามที่ใช้ “เชื้อโรค” ใช้ “ยา” เป็นอาวุธ 💉😷 สงครามที่เรารู้จัก กันว่า “การระบาดของโควิด”🦠 ซึ่ง มีข้อมูลชัดเจนว่า กระทรวงกลาโหม สหรัฐ เป็นผู้ให้ทุนวิจัย และ บริษัทยายักษ์ใหญ่ เป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ บริษัทที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็น กลุ่มเดียวกันกับ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ อุตสากรรมอาวุธ ของอเมริกา อาจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ ได้นำหลักฐานที่ยืนยันว่า การระบาดครั้งนี้มีการเตรียม การล่วงหน้า มีการให้ทุนสนับสนุน มีการ ถอนทุนคืน มาตีแผ่ เป็นบทความสาม ตอน ที่ คนไทยทุกคน และฝ่ายความมั่นคงควร “ต้องอ่าน” ✍️ ลับ ลวง พราง ชั่วร้าย ยาและวัคซีน โดย หมอดื้อ (ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ) (ตอนที่ 1) https://mgronline.com/daily/detail/9670000053749 (ตอนที่ 2) https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2797034 (ตอนที่ 3) https://mgronline.com/daily/detail/9670000057723
    Like
    5
    0 Comments 0 Shares 399 Views 112 0 Reviews
  • สวัสดีครับวันนี้มาพบกับนายTechTips กันอีกเเล้ว จะมีเรื่องสนุกๆอะไรมาเล่าให้ฟังลองอ่านกันดูได้เลยครับ
    บ่อยครั้งที่ความเชื่อต่างๆ มักมาจากคำแนะนำต่างๆ ที่ “คนอื่นบอกต่อกันมา” ตัวอย่างเช่น คอมพิวเตอร์ MacBook จะไม่มีวันติดไวรัส หรือแม้กระทั่งเสียบสายชาร์ตทิ้งไว้ทำให้แบตเตอรี่พัง ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นเช่นนั้นหรือไม่ มาดูกัน

    1. เชื่อกันว่า “Mac ไม่มีวันติดไวรัส” แต่กูรูเทคโนโลยีต่างประเทศได้เผยว่า ในปัจจุบันแม้แต่คอมจากบริษัท Apple อย่างเจ้า Mac ทั้งหลายก็สามารถติดไวรัสและอาจปะทะเข้ากับมัลแวร์ได้เช่นกัน ซึ่งครั้งหนึ่ง Mac เคยโฆษณาว่า “คอมของเราต้านไวรัสได้” แต่ในปี 2012 พวกเขาได้ถอดคำโฆษณานั้นออกจากระบบ หลังจากที่ถูกโทรจันบุกอย่างหนัก

    2. เสียบสายชาร์จมือถือทิ้งไว้ทำให้แบตเตอรี่เสื่อม
    กลายเป็นความเชื่อที่ระบาดไปทั่วโลกว่า การเสียบสายชาร์จทิ้งไว้จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อม แต่กูรูเทคโนโลยีเผยว่า นี่เป็นความเชื่อที่ยังไม่มีหลักฐานใดรองรับอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้แบตเตอรี่ในปัจจุบันยังเป็นแบบ “Lithium-ion” ที่มีศักยภาพในการหยุดชาร์ตอัตโนมัติเมื่อเต็มแล้ว

    3. ยิ่งพิกเซลมาก กล้องนั้นยิ่งเทพ
    จริงอยู่ว่าจำนวนพิกเซลมีผลต่อคุณภาพของภาพ แต่ผู้เชี่ยวชาญตั้งคำถามได้อย่างน่าสนใจว่า “คุณคิดว่ากล้องที่มีความละเอียด 8 Megapixel กับ 12 Megapixel ต่างกันมากไหม” และเขาได้เฉลยคำตอบว่าคุณภาพของภาพแทบไม่ต่างกัน อย่างที่หลายคนคาดคิด เพราะแท้จริงแล้วคุณภาพของภาพวัดกันที่ “แสง” และตัว “เซนเซอร์” จับภาพมากกว่า ฉะนั้นหากกล้องไหนที่สามารถรับแสงได้มาก และมีเซ็นเซอร์ที่มีคุณภาพชั้นดี ก็จะย่อมทำให้เราได้ภาพที่ดีกว่า

    4. อย่าชาร์จแบตเตอรี่เด็ดขาด จนกว่ามันใกล้จะหมด
    เป็นอีกความเชื่อที่กระจายทั่วโลก ซึ่งหลายๆคนมักบอกกันว่า “รอให้แบตเตอรี่ใกล้หมดก่อน แล้วค่อยชาร์จ ไม่งั้นมันจะเสื่อม” แต่ที่จริงช่วงจังหวะที่ชาร์ตไม่เคยทำให้คุณภาพของแบตเตอรี่เสื่อมแม้แต่น้อย แต่สาเหตุหลักที่เสื่อมก็เพราะแบตเตอรี่มีวงรอบอายุของมัน และการชาร์จเมื่อแบตเตอรี่หมดหรือใกล้หมด คือการทำให้แบตเตอรี่ใช้วงรอบอายุของมันให้หมดไปเร็วยิ่งขึ้น

    5. การเลือก Display Resolution สูงๆ บนสมาร์ทโฟนจะทำให้ภาพคมชัด
    ผู้เชี่ยวชาญเผยว่า Display Resolution สูงไม่ได้หมายถึงคุณภาพระดับพระเจ้าเสมอไป และนั่นก็เป็นสาเหตุว่าทำไมทาง Apple จึงมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาให้มือถือแต่ละรุ่นมีความโดดเด่นในเรื่องแสง (Brightness) มากกว่า Display Resolution ที่ไม่ได้ทำให้คุณภาพแตกต่างจากเดิมเท่าใดนัก

    6. ที่ชาร์ตของ iPad ไม่ควรเอามาใช้กับ iPhone
    ยังเป็นข้อสงสัยที่หลายคนรู้สึกคลุมเคลือว่ามีผลหรือไม่ เพราะแม้ทาง Apple เองก็ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า ตัวชาร์จขนาด 12 วัตต์ของ iPad สามารถใช้ชาร์จได้ทั้ง iPhone และ iPad แต่ทางบริษัท AEi Systems ได้ออกมาเผยว่าการใช้ที่ชาร์จร่วมกันเช่นนั้นจะอาจมีผลกระทบกับ iPhone เช่นกัน หากทำบ่อยและมันอาจใช้เวลายาวนานนับปี ถึงจะเห็นว่าแบตเตอรี่ได้เสื่อมไปแล้ว

    7. อย่าชัทดาวน์คอมพิวเตอร์ทุกวัน
    การชัทดาวน์เครื่องนั้นถือเป็นสิ่งที่ดีต่อคอมพิวเตอร์มาก และดียิ่งกว่าโหมด “Sleep” เสียอีก เพราะการชัทดาวน์จะทำให้เครื่องกินไฟน้อยกว่าเดิม และยังช่วยรักษาสภาพอะไหล่ฮาร์ดแวร์ให้มีอายุยาวนานขึ้นด้วย

    เป็นไงครับไหนใครเคยเชื่ออะไรตามหัวข้อนี้บ้าง ก็อ่านไว้เป็นความรู้สนุกๆกันนะครับ
    ถ้าใครมีคำถามอะไรส่งมาได้เลยนะครับ นายTechTipsจะไปหาคำตอบมาให้เเน่นอนครับ
    #TechTips

    สวัสดีครับวันนี้มาพบกับนายTechTips กันอีกเเล้ว จะมีเรื่องสนุกๆอะไรมาเล่าให้ฟังลองอ่านกันดูได้เลยครับ บ่อยครั้งที่ความเชื่อต่างๆ มักมาจากคำแนะนำต่างๆ ที่ “คนอื่นบอกต่อกันมา” ตัวอย่างเช่น คอมพิวเตอร์ MacBook จะไม่มีวันติดไวรัส หรือแม้กระทั่งเสียบสายชาร์ตทิ้งไว้ทำให้แบตเตอรี่พัง ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นเช่นนั้นหรือไม่ มาดูกัน 1. เชื่อกันว่า “Mac ไม่มีวันติดไวรัส” แต่กูรูเทคโนโลยีต่างประเทศได้เผยว่า ในปัจจุบันแม้แต่คอมจากบริษัท Apple อย่างเจ้า Mac ทั้งหลายก็สามารถติดไวรัสและอาจปะทะเข้ากับมัลแวร์ได้เช่นกัน ซึ่งครั้งหนึ่ง Mac เคยโฆษณาว่า “คอมของเราต้านไวรัสได้” แต่ในปี 2012 พวกเขาได้ถอดคำโฆษณานั้นออกจากระบบ หลังจากที่ถูกโทรจันบุกอย่างหนัก 2. เสียบสายชาร์จมือถือทิ้งไว้ทำให้แบตเตอรี่เสื่อม กลายเป็นความเชื่อที่ระบาดไปทั่วโลกว่า การเสียบสายชาร์จทิ้งไว้จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อม แต่กูรูเทคโนโลยีเผยว่า นี่เป็นความเชื่อที่ยังไม่มีหลักฐานใดรองรับอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้แบตเตอรี่ในปัจจุบันยังเป็นแบบ “Lithium-ion” ที่มีศักยภาพในการหยุดชาร์ตอัตโนมัติเมื่อเต็มแล้ว 3. ยิ่งพิกเซลมาก กล้องนั้นยิ่งเทพ จริงอยู่ว่าจำนวนพิกเซลมีผลต่อคุณภาพของภาพ แต่ผู้เชี่ยวชาญตั้งคำถามได้อย่างน่าสนใจว่า “คุณคิดว่ากล้องที่มีความละเอียด 8 Megapixel กับ 12 Megapixel ต่างกันมากไหม” และเขาได้เฉลยคำตอบว่าคุณภาพของภาพแทบไม่ต่างกัน อย่างที่หลายคนคาดคิด เพราะแท้จริงแล้วคุณภาพของภาพวัดกันที่ “แสง” และตัว “เซนเซอร์” จับภาพมากกว่า ฉะนั้นหากกล้องไหนที่สามารถรับแสงได้มาก และมีเซ็นเซอร์ที่มีคุณภาพชั้นดี ก็จะย่อมทำให้เราได้ภาพที่ดีกว่า 4. อย่าชาร์จแบตเตอรี่เด็ดขาด จนกว่ามันใกล้จะหมด เป็นอีกความเชื่อที่กระจายทั่วโลก ซึ่งหลายๆคนมักบอกกันว่า “รอให้แบตเตอรี่ใกล้หมดก่อน แล้วค่อยชาร์จ ไม่งั้นมันจะเสื่อม” แต่ที่จริงช่วงจังหวะที่ชาร์ตไม่เคยทำให้คุณภาพของแบตเตอรี่เสื่อมแม้แต่น้อย แต่สาเหตุหลักที่เสื่อมก็เพราะแบตเตอรี่มีวงรอบอายุของมัน และการชาร์จเมื่อแบตเตอรี่หมดหรือใกล้หมด คือการทำให้แบตเตอรี่ใช้วงรอบอายุของมันให้หมดไปเร็วยิ่งขึ้น 5. การเลือก Display Resolution สูงๆ บนสมาร์ทโฟนจะทำให้ภาพคมชัด ผู้เชี่ยวชาญเผยว่า Display Resolution สูงไม่ได้หมายถึงคุณภาพระดับพระเจ้าเสมอไป และนั่นก็เป็นสาเหตุว่าทำไมทาง Apple จึงมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาให้มือถือแต่ละรุ่นมีความโดดเด่นในเรื่องแสง (Brightness) มากกว่า Display Resolution ที่ไม่ได้ทำให้คุณภาพแตกต่างจากเดิมเท่าใดนัก 6. ที่ชาร์ตของ iPad ไม่ควรเอามาใช้กับ iPhone ยังเป็นข้อสงสัยที่หลายคนรู้สึกคลุมเคลือว่ามีผลหรือไม่ เพราะแม้ทาง Apple เองก็ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า ตัวชาร์จขนาด 12 วัตต์ของ iPad สามารถใช้ชาร์จได้ทั้ง iPhone และ iPad แต่ทางบริษัท AEi Systems ได้ออกมาเผยว่าการใช้ที่ชาร์จร่วมกันเช่นนั้นจะอาจมีผลกระทบกับ iPhone เช่นกัน หากทำบ่อยและมันอาจใช้เวลายาวนานนับปี ถึงจะเห็นว่าแบตเตอรี่ได้เสื่อมไปแล้ว 7. อย่าชัทดาวน์คอมพิวเตอร์ทุกวัน การชัทดาวน์เครื่องนั้นถือเป็นสิ่งที่ดีต่อคอมพิวเตอร์มาก และดียิ่งกว่าโหมด “Sleep” เสียอีก เพราะการชัทดาวน์จะทำให้เครื่องกินไฟน้อยกว่าเดิม และยังช่วยรักษาสภาพอะไหล่ฮาร์ดแวร์ให้มีอายุยาวนานขึ้นด้วย เป็นไงครับไหนใครเคยเชื่ออะไรตามหัวข้อนี้บ้าง ก็อ่านไว้เป็นความรู้สนุกๆกันนะครับ ถ้าใครมีคำถามอะไรส่งมาได้เลยนะครับ นายTechTipsจะไปหาคำตอบมาให้เเน่นอนครับ #TechTips
    0 Comments 0 Shares 250 Views 0 Reviews
  • ถ้าสมประโยชน์คงเงียบไปแล้ว ไม่ต่างอะไรจาก จตุพร เฉลิม วัน แจ๊ส
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ไม่ต่างกัน
    ถ้าสมประโยชน์คงเงียบไปแล้ว ไม่ต่างอะไรจาก จตุพร เฉลิม วัน แจ๊ส #คิงส์โพธิ์แดง #ไม่ต่างกัน
    Like
    Haha
    3
    0 Comments 0 Shares 445 Views 0 Reviews
  • #ปชปรอเก้อ
    คุมพรรคร่วมไมง่ายเหมือนจับปูใส่กระด้ง
    แม้จะมีข่าวภูมิธรรมออกมาขู่ฟ่อๆ
    ว่าถ้า พลปชร ไม่นิ่ง จะตัดทิ้งทั้งสอง
    และแม้โทนี่จะออกมาเย้ยลุงป้อมหลายวาระ
    แปลกแต่จริง ที่ในวันนี้ ก็ยังไม่กล้าปฏิเสธ พลปชร
    ขึ้นอยู่กับจะเอาโผของพี่แป้ง หรือลุงป้อม
    แต่มาเปิดโผดู โผทั้งสองก็แทบไม่ต่างกัน
    ทำให้ภูมิธรรมไปไม่เป็น
    แต่ ปชป ที่ถูกนำมาอ้าง ก็คล้ายๆกับจะหม้ายขันหมากซะละกระมัง
    เพราะ
    1. ป่านนี้ยังไม่มีเทียบเชิญ ซึ่งภูมิธรรมก็ยืนยันว่าออกเทียบตอนนี้ไม่ได้ อ้าวๆๆๆ
    2. อดีตนายกชวน ประกาศยืนยันว่าก็จะยึดมติพรรคเป็นสำคัญ แต่ป่านนี้ก็ยังประชุมกรรมการเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะยังไม่มีเทียบเชิญ
    3. แม้อดีนายกชวนจะมีจุดยืนตามมติพรรคก็ตาม แต่ไม่ว่าจะไปปราศรัย หรือให้สัมภาษณ์ที่ไหน ก็แสดงความคิดเห็นส่วนตัวที่พุ่งเป้าไปที่เพื่อไทยทุกครั้ง อย่างแรงสไตล์ลุงชวน
    ให้สังเกตุง่ายๆนะ แฟนเพจคิงส์โพธิ์แดง
    ก็ที่ประกาศว่าจะสรุปศุกร์ที่แล้ว รับรายชื่อรอบสุดท้าย
    แต่เอาเข้าจริง เลื่อนกำหนดสรุปไปโน่น กลางเดือนกันยายน
    วันนี้ยังไม่สิ้นเดือนสิงหาคมเลย เอาเข้าจริงๆ
    ในสายตาเพื่อไทย ประชาธิปปัตย์ก็แค่แมลงสาบจริงๆ
    และที่สำคัญ คนที่เลือกปชป เป็น สส.ในพื้นที่
    ได้ออกมาคุยกันหนาหูว่า ถ้าสส.ปชป ไปร่วมรัฐบาล
    ทั้งๆที่คนที่เลือกมีจุดยืนไม่เอาแม๊วมาแต่ไหนแต่ไร
    สส.ปชป เจอสห บาทา แน่นอน ไอ่ฉัด
    เค้าแหลงมางี้
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ปชปรอเก้อ คุมพรรคร่วมไมง่ายเหมือนจับปูใส่กระด้ง แม้จะมีข่าวภูมิธรรมออกมาขู่ฟ่อๆ ว่าถ้า พลปชร ไม่นิ่ง จะตัดทิ้งทั้งสอง และแม้โทนี่จะออกมาเย้ยลุงป้อมหลายวาระ แปลกแต่จริง ที่ในวันนี้ ก็ยังไม่กล้าปฏิเสธ พลปชร ขึ้นอยู่กับจะเอาโผของพี่แป้ง หรือลุงป้อม แต่มาเปิดโผดู โผทั้งสองก็แทบไม่ต่างกัน ทำให้ภูมิธรรมไปไม่เป็น แต่ ปชป ที่ถูกนำมาอ้าง ก็คล้ายๆกับจะหม้ายขันหมากซะละกระมัง เพราะ 1. ป่านนี้ยังไม่มีเทียบเชิญ ซึ่งภูมิธรรมก็ยืนยันว่าออกเทียบตอนนี้ไม่ได้ อ้าวๆๆๆ 2. อดีตนายกชวน ประกาศยืนยันว่าก็จะยึดมติพรรคเป็นสำคัญ แต่ป่านนี้ก็ยังประชุมกรรมการเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะยังไม่มีเทียบเชิญ 3. แม้อดีนายกชวนจะมีจุดยืนตามมติพรรคก็ตาม แต่ไม่ว่าจะไปปราศรัย หรือให้สัมภาษณ์ที่ไหน ก็แสดงความคิดเห็นส่วนตัวที่พุ่งเป้าไปที่เพื่อไทยทุกครั้ง อย่างแรงสไตล์ลุงชวน ให้สังเกตุง่ายๆนะ แฟนเพจคิงส์โพธิ์แดง ก็ที่ประกาศว่าจะสรุปศุกร์ที่แล้ว รับรายชื่อรอบสุดท้าย แต่เอาเข้าจริง เลื่อนกำหนดสรุปไปโน่น กลางเดือนกันยายน วันนี้ยังไม่สิ้นเดือนสิงหาคมเลย เอาเข้าจริงๆ ในสายตาเพื่อไทย ประชาธิปปัตย์ก็แค่แมลงสาบจริงๆ และที่สำคัญ คนที่เลือกปชป เป็น สส.ในพื้นที่ ได้ออกมาคุยกันหนาหูว่า ถ้าสส.ปชป ไปร่วมรัฐบาล ทั้งๆที่คนที่เลือกมีจุดยืนไม่เอาแม๊วมาแต่ไหนแต่ไร สส.ปชป เจอสห บาทา แน่นอน ไอ่ฉัด เค้าแหลงมางี้ #คิงส์โพธิ์แดง
    0 Comments 0 Shares 251 Views 0 Reviews
  • #ต้องยอมเป็นเฒ่าทารก
    ต้องยอมตกเป็นตัวจ้อย
    ถถถถ หมดสภาพวีรบุรุษ
    พอโจ๊กดับแสง รีบหาที่เกาะใหม่
    ไม่สนว่าจะเป็นใต้กระโปรงใคร
    ทั้งพรรคมีสส.อยู่ตัวเดียว
    สะเออะไปเสนอหน้าเพื่อไทยแถลง
    หวังเป็นใหญ่คุมตร.
    ไอ่เฒ่าเอ๊ย อายุปูนนี้ไม่รู้จักเจียมตัว
    เป็นกุนซื้อให้สุรเชษฐ์ ชีวิตไอ่โจ๊กพัง
    ไปเป็นกุนซืออิ๊ง ก็รอผลคงไม่ต่างกัน
    แต่เค้าจะเอาหรือเปล่า
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ต้องยอมเป็นเฒ่าทารก ต้องยอมตกเป็นตัวจ้อย ถถถถ หมดสภาพวีรบุรุษ พอโจ๊กดับแสง รีบหาที่เกาะใหม่ ไม่สนว่าจะเป็นใต้กระโปรงใคร ทั้งพรรคมีสส.อยู่ตัวเดียว สะเออะไปเสนอหน้าเพื่อไทยแถลง หวังเป็นใหญ่คุมตร. ไอ่เฒ่าเอ๊ย อายุปูนนี้ไม่รู้จักเจียมตัว เป็นกุนซื้อให้สุรเชษฐ์ ชีวิตไอ่โจ๊กพัง ไปเป็นกุนซืออิ๊ง ก็รอผลคงไม่ต่างกัน แต่เค้าจะเอาหรือเปล่า #คิงส์โพธิ์แดง
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 205 Views 0 Reviews
  • เอกอัครราชทูตอังกฤษ-สหรัฐฯ ประจำญี่ปุ่น ปฏิเสธไม่เข้าร่วมพิธีรำลึกสันติภาพ(Peace Memorial Ceremony)ที่เมืองนางาซากิในวันที่ 9 ส.ค. เพื่อรำลึกถึงเหยื่อระเบิดปรมาณูเมื่อปี 1945 อ้างไม่ไปงานนี้เพราะไม่ได้เชิญอิสราเอลเข้าร่วม

    7 สิงหาคม 2567 -รายงานข่าวอาซาฮีระบุว่า เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำญี่ปุ่น นางจูเลีย ลองบัตทอม ชี้แจงว่าการตัดสินใจของเธอเป็นเพราะนายกเทศมนตรีเมืองนางาซากิไม่ได้เชิญอิสราเอลเข้าร่วม

    ทั้งนี้พิธีรำลึกสันติภาพนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 79 นับตั้งแต่สหรัฐฯทิ้ง ระเบิดปรมาณู “ลิตเติลบอย” ซึ่งถูกปล่อยจากเครื่องบินทิ้งระเบิด บี-29 “อีโนลา เกย์” เมื่อเวลา 8.15 น. ของวันที่ 6 สิงหาคม ปี 1945 ทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองฮิโรชิมา ถูกเผาผลาญด้วยไฟร้อนจัดถึง 4,000 องศาเซลเซียส ซึ่งร้อนพอที่จะหลอมเหล็กให้ละลาย

    ผลจากระเบิดปรมาณูลูกแรก ทำให้มีผู้เสียชีวิตทันทีและเจ็บป่วยตายในภายหลังรวมกันประมาณ 140,000 คน ซึ่งหลังจากนั้นอีกเพียง 3 วัน 9 ส.ค.ที่เมืองท่านางาซากิของญี่ปุ่น ก็ต้องประสบกับชะตากรรมไม่ต่างกัน และทำให้ญี่ปุ่นต้องประกาศยอมแพ้สงครามโลกในวันที่ 15 ส.ค. ปี 1945

    นางจูเลีย ลองบัตทอม ซึ่งเข้าร่วมพิธีรำลึกสันติภาพที่เมืองฮิโรชิม่า กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 6 ส.ค. ว่า อิสราเอลใช้สิทธิในการป้องกันตนเอง ซึ่งแตกต่างจากรัสเซียที่รุกรานยูเครน และเบลารุสที่ให้การสนับสนุนการรุกราน

    ดังนั้น การปฏิบัติต่ออิสราเอลในลักษณะเดียวกันจึงถือเป็นการเข้าใจผิด เธอกล่าว ตัวแทนอิสราเอลเข้าร่วมพิธีสันติภาพที่เมืองฮิโรชิม่าในปีนี้

    ราห์ม เอ็มมานูเอล เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำญี่ปุ่น จะไม่เข้าร่วมพิธีสันติภาพที่เมืองนางาซากิเช่นกัน แม้ว่าเขาจะเข้าร่วมพิธีที่เมืองฮิโรชิม่าเมื่อวันที่ 6 สิงหาคมแล้วก็ตาม

    เอ็มมานูเอล ทูตสหรัฐฯ เผยว่า ไม่ต้องการให้เหตุการณ์ที่นางาซากิกลายเป็นประเด็นทางการเมือง แต่ทางสถานทูตจะจัดการให้เขาเข้าร่วมพิธีรำลึกถึงเหยื่อระเบิดปรมาณูที่นางาซากิ ณ วัดโซโจจิ ในกรุงโตเกียวในวันเดียวกันแทน

    เจ้าหน้าที่สถานทูตกล่าวว่า ความปรารถนาของเอกอัครราชทูตที่ต้องการรำลึกถึงผู้เสียชีวิตยังคงไม่เปลี่ยนแปลง สหรัฐฯ จะยังคงส่งตัวแทนเข้าร่วมพิธีสันติภาพที่นางาซากิ

    สถานกงสุลสหรัฐฯ ในฟุกุโอกะ ใกล้เมืองนางาซากิ กล่าวเมื่อวันที่ 7 ส.ค. ว่า ชูกะ อาซิเกะ เจ้าหน้าที่หลักของสถานกงสุลจะเข้าร่วมงานนี้

    นางาซากิไม่ได้เชิญรัสเซียหรือเบลารุสซึ่งเป็นพันธมิตรของนางาซากิเข้าร่วมพิธีรำลึกสันติภาพประจำปีตั้งแต่มอสโกว์บุกยูเครนในปี 2022 และในปีนี้ นางาซากิไม่ได้เชิญอิสราเอล โดยอ้างถึง “ความเสี่ยงของเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดระหว่างพิธี” เนื่องจากความขัดแย้งที่ยังคงดำเนินอยู่ในฉนวนกาซา

    ด้วยเหตุนี้ ทูตฝรั่งเศส อิตาลี และออสเตรเลียก็จะไม่เข้าร่วมพิธีรำลึกสันติภาพที่นางาซากิในวันที่ 9 สิงหาคมด้วย

    ที่มา : https://www.asahi.com/sp/ajw/articles/15379321

    #Thaitimes
    เอกอัครราชทูตอังกฤษ-สหรัฐฯ ประจำญี่ปุ่น ปฏิเสธไม่เข้าร่วมพิธีรำลึกสันติภาพ(Peace Memorial Ceremony)ที่เมืองนางาซากิในวันที่ 9 ส.ค. เพื่อรำลึกถึงเหยื่อระเบิดปรมาณูเมื่อปี 1945 อ้างไม่ไปงานนี้เพราะไม่ได้เชิญอิสราเอลเข้าร่วม 7 สิงหาคม 2567 -รายงานข่าวอาซาฮีระบุว่า เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำญี่ปุ่น นางจูเลีย ลองบัตทอม ชี้แจงว่าการตัดสินใจของเธอเป็นเพราะนายกเทศมนตรีเมืองนางาซากิไม่ได้เชิญอิสราเอลเข้าร่วม ทั้งนี้พิธีรำลึกสันติภาพนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 79 นับตั้งแต่สหรัฐฯทิ้ง ระเบิดปรมาณู “ลิตเติลบอย” ซึ่งถูกปล่อยจากเครื่องบินทิ้งระเบิด บี-29 “อีโนลา เกย์” เมื่อเวลา 8.15 น. ของวันที่ 6 สิงหาคม ปี 1945 ทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองฮิโรชิมา ถูกเผาผลาญด้วยไฟร้อนจัดถึง 4,000 องศาเซลเซียส ซึ่งร้อนพอที่จะหลอมเหล็กให้ละลาย ผลจากระเบิดปรมาณูลูกแรก ทำให้มีผู้เสียชีวิตทันทีและเจ็บป่วยตายในภายหลังรวมกันประมาณ 140,000 คน ซึ่งหลังจากนั้นอีกเพียง 3 วัน 9 ส.ค.ที่เมืองท่านางาซากิของญี่ปุ่น ก็ต้องประสบกับชะตากรรมไม่ต่างกัน และทำให้ญี่ปุ่นต้องประกาศยอมแพ้สงครามโลกในวันที่ 15 ส.ค. ปี 1945 นางจูเลีย ลองบัตทอม ซึ่งเข้าร่วมพิธีรำลึกสันติภาพที่เมืองฮิโรชิม่า กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 6 ส.ค. ว่า อิสราเอลใช้สิทธิในการป้องกันตนเอง ซึ่งแตกต่างจากรัสเซียที่รุกรานยูเครน และเบลารุสที่ให้การสนับสนุนการรุกราน ดังนั้น การปฏิบัติต่ออิสราเอลในลักษณะเดียวกันจึงถือเป็นการเข้าใจผิด เธอกล่าว ตัวแทนอิสราเอลเข้าร่วมพิธีสันติภาพที่เมืองฮิโรชิม่าในปีนี้ ราห์ม เอ็มมานูเอล เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำญี่ปุ่น จะไม่เข้าร่วมพิธีสันติภาพที่เมืองนางาซากิเช่นกัน แม้ว่าเขาจะเข้าร่วมพิธีที่เมืองฮิโรชิม่าเมื่อวันที่ 6 สิงหาคมแล้วก็ตาม เอ็มมานูเอล ทูตสหรัฐฯ เผยว่า ไม่ต้องการให้เหตุการณ์ที่นางาซากิกลายเป็นประเด็นทางการเมือง แต่ทางสถานทูตจะจัดการให้เขาเข้าร่วมพิธีรำลึกถึงเหยื่อระเบิดปรมาณูที่นางาซากิ ณ วัดโซโจจิ ในกรุงโตเกียวในวันเดียวกันแทน เจ้าหน้าที่สถานทูตกล่าวว่า ความปรารถนาของเอกอัครราชทูตที่ต้องการรำลึกถึงผู้เสียชีวิตยังคงไม่เปลี่ยนแปลง สหรัฐฯ จะยังคงส่งตัวแทนเข้าร่วมพิธีสันติภาพที่นางาซากิ สถานกงสุลสหรัฐฯ ในฟุกุโอกะ ใกล้เมืองนางาซากิ กล่าวเมื่อวันที่ 7 ส.ค. ว่า ชูกะ อาซิเกะ เจ้าหน้าที่หลักของสถานกงสุลจะเข้าร่วมงานนี้ นางาซากิไม่ได้เชิญรัสเซียหรือเบลารุสซึ่งเป็นพันธมิตรของนางาซากิเข้าร่วมพิธีรำลึกสันติภาพประจำปีตั้งแต่มอสโกว์บุกยูเครนในปี 2022 และในปีนี้ นางาซากิไม่ได้เชิญอิสราเอล โดยอ้างถึง “ความเสี่ยงของเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดระหว่างพิธี” เนื่องจากความขัดแย้งที่ยังคงดำเนินอยู่ในฉนวนกาซา ด้วยเหตุนี้ ทูตฝรั่งเศส อิตาลี และออสเตรเลียก็จะไม่เข้าร่วมพิธีรำลึกสันติภาพที่นางาซากิในวันที่ 9 สิงหาคมด้วย ที่มา : https://www.asahi.com/sp/ajw/articles/15379321 #Thaitimes
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 432 Views 0 Reviews