• Microsoft เตรียมหยุดสนับสนุน OneNote รุ่น Windows 10 ในปี 2025 และจะลดความเร็วการซิงค์ในรุ่นนี้เพื่อจูงใจให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้ OneNote เวอร์ชันใหม่บน Windows 11 แม้ว่าผู้ใช้จะยังสามารถใช้งานต่อไปได้ แต่จะพบความลำบากในการทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ ผู้ที่ยังไม่ต้องการอัปเกรดมีตัวเลือกใช้โปรแกรมอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบ

    ฟีเจอร์ที่จำกัดใน OneNote รุ่นเก่า:
    - Microsoft ยืนยันว่า OneNote รุ่นใหม่จะมีการซิงค์ที่รวดเร็วกว่า รวมถึงฟีเจอร์ใหม่ เช่น Copilot AI และตัวเลือกความปลอดภัยที่ได้รับการปรับปรุง ซึ่งจะไม่มีให้ใน OneNote รุ่น Windows 10.

    ผลกระทบต่อผู้ใช้ระดับองค์กร:
    - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ทางธุรกิจและองค์กรที่ยังคงใช้งาน Windows 10 และ OneNote for Windows 10 ในการทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์.

    ทางเลือกอื่น:
    - ผู้ใช้ Windows 10 ที่ไม่ต้องการเปลี่ยนไปใช้ Windows 11 ยังมีตัวเลือกอื่น เช่น ใช้แพลตฟอร์ม note-taking อื่น ๆ ที่มีอยู่ในตลาด ซึ่งอาจตอบโจทย์ได้ดีกว่าในด้านความเสถียรและประสิทธิภาพ.

    https://www.techspot.com/news/107272-microsoft-slowing-down-onenote-windows-10-force-users.html
    Microsoft เตรียมหยุดสนับสนุน OneNote รุ่น Windows 10 ในปี 2025 และจะลดความเร็วการซิงค์ในรุ่นนี้เพื่อจูงใจให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้ OneNote เวอร์ชันใหม่บน Windows 11 แม้ว่าผู้ใช้จะยังสามารถใช้งานต่อไปได้ แต่จะพบความลำบากในการทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ ผู้ที่ยังไม่ต้องการอัปเกรดมีตัวเลือกใช้โปรแกรมอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบ ฟีเจอร์ที่จำกัดใน OneNote รุ่นเก่า: - Microsoft ยืนยันว่า OneNote รุ่นใหม่จะมีการซิงค์ที่รวดเร็วกว่า รวมถึงฟีเจอร์ใหม่ เช่น Copilot AI และตัวเลือกความปลอดภัยที่ได้รับการปรับปรุง ซึ่งจะไม่มีให้ใน OneNote รุ่น Windows 10. ผลกระทบต่อผู้ใช้ระดับองค์กร: - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ทางธุรกิจและองค์กรที่ยังคงใช้งาน Windows 10 และ OneNote for Windows 10 ในการทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์. ทางเลือกอื่น: - ผู้ใช้ Windows 10 ที่ไม่ต้องการเปลี่ยนไปใช้ Windows 11 ยังมีตัวเลือกอื่น เช่น ใช้แพลตฟอร์ม note-taking อื่น ๆ ที่มีอยู่ในตลาด ซึ่งอาจตอบโจทย์ได้ดีกว่าในด้านความเสถียรและประสิทธิภาพ. https://www.techspot.com/news/107272-microsoft-slowing-down-onenote-windows-10-force-users.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Microsoft is slowing down OneNote on Windows 10 to force users to upgrade
    The original OneNote was announced by Bill Gates in 2002, back when most people were still using Windows XP or Windows 2000 on their PCs. The note-taking...
    0 Comments 0 Shares 47 Views 0 Reviews
  • HP ตกลงยุติคดีจากการอัปเดตเฟิร์มแวร์ที่ปิดกั้นการใช้งานตลับหมึกของบริษัทคู่แข่ง โดยไม่มีการจ่ายชดเชยให้ลูกค้าโดยตรง แม้ว่า HP จะอ้างว่าการอัปเดตนี้มีไว้เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ลูกค้าหลายคนมองว่านี่คือการบีบบังคับให้ใช้ผลิตภัณฑ์ของ HP เท่านั้น เรื่องนี้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการรักษาความสมดุลระหว่างความปลอดภัยและความโปร่งใส

    ข้อโต้แย้งและผลกระทบ:
    - ระบบ Dynamic Security อ้างว่ามีไว้เพื่อปกป้องการพิมพ์ ลดการใช้ตลับหมึกปลอม และเพิ่มความปลอดภัย แต่ลูกค้ากลับมองว่ามันเป็นวิธีการที่ HP ใช้เพิ่มรายได้ เนื่องจากตลับหมึกถือเป็นรายได้สำคัญของบริษัท.

    การยุติข้อพิพาททางกฎหมาย:
    - HP จ่ายเงิน $5,000 ให้แก่บริษัทที่ฟ้องร้อง และอีก $725,000 สำหรับค่าทนายความและค่าใช้จ่ายทางคดี นอกจากนี้ลูกค้าในบางรุ่นสามารถเลือกปิดการอัปเดต Dynamic Security ได้.

    คำวิจารณ์และบทเรียน:
    - HP เผชิญคดีลักษณะเดียวกันในหลายประเทศ เช่นในอิตาลีที่บริษัทถูกปรับถึง $12 ล้าน เหตุการณ์นี้ส่งผลให้ HP ต้องพิจารณาวิธีการสร้างความไว้วางใจในผลิตภัณฑ์และบริการของตน.

    https://www.techspot.com/news/107266-hp-settles-lawsuit-over-ink-blocking-printer-update.html
    HP ตกลงยุติคดีจากการอัปเดตเฟิร์มแวร์ที่ปิดกั้นการใช้งานตลับหมึกของบริษัทคู่แข่ง โดยไม่มีการจ่ายชดเชยให้ลูกค้าโดยตรง แม้ว่า HP จะอ้างว่าการอัปเดตนี้มีไว้เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ลูกค้าหลายคนมองว่านี่คือการบีบบังคับให้ใช้ผลิตภัณฑ์ของ HP เท่านั้น เรื่องนี้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการรักษาความสมดุลระหว่างความปลอดภัยและความโปร่งใส ข้อโต้แย้งและผลกระทบ: - ระบบ Dynamic Security อ้างว่ามีไว้เพื่อปกป้องการพิมพ์ ลดการใช้ตลับหมึกปลอม และเพิ่มความปลอดภัย แต่ลูกค้ากลับมองว่ามันเป็นวิธีการที่ HP ใช้เพิ่มรายได้ เนื่องจากตลับหมึกถือเป็นรายได้สำคัญของบริษัท. การยุติข้อพิพาททางกฎหมาย: - HP จ่ายเงิน $5,000 ให้แก่บริษัทที่ฟ้องร้อง และอีก $725,000 สำหรับค่าทนายความและค่าใช้จ่ายทางคดี นอกจากนี้ลูกค้าในบางรุ่นสามารถเลือกปิดการอัปเดต Dynamic Security ได้. คำวิจารณ์และบทเรียน: - HP เผชิญคดีลักษณะเดียวกันในหลายประเทศ เช่นในอิตาลีที่บริษัทถูกปรับถึง $12 ล้าน เหตุการณ์นี้ส่งผลให้ HP ต้องพิจารณาวิธีการสร้างความไว้วางใจในผลิตภัณฑ์และบริการของตน. https://www.techspot.com/news/107266-hp-settles-lawsuit-over-ink-blocking-printer-update.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    HP settles lawsuit over ink-blocking printer update, with no payout or admission of wrongdoing
    HP's November 2020 firmware update enabled, or re-enabled, the company's Dynamic Security system in some printer models. This detects non-HP ink or toner cartridges, even those that...
    0 Comments 0 Shares 49 Views 0 Reviews
  • ถ้าคุณกำลังมองหาการ์ดจอเกมมิ่งในตลาดตอนนี้ AMD RX 9070 XT อาจเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่า ด้วยราคาที่ถูกกว่าถึง 17% และประสิทธิภาพที่ใกล้เคียง RTX 5070 Ti ในหลายเกม แม้ว่า NVIDIA จะยังได้เปรียบในด้าน Ray Tracing และการรองรับฟีเจอร์ใหม่ แต่ AMD ได้แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาที่น่าประทับใจอย่างมากใน FSR 4 และประสิทธิภาพรวมที่สูง

    เกมที่โดดเด่นทั้งสองค่าย:
    - ในบางเกม เช่น Rocket League RX 9070 XT เร็วกว่า RTX 5070 Ti ถึง 41% ในขณะที่เกมอย่าง GTA V Enhanced RTX 5070 Ti นำ RX 9070 XT ถึง 29% แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างในแต่ละซอฟต์แวร์.

    การพัฒนาเทคโนโลยีการเพิ่มประสิทธิภาพ (Upscaling):
    - AMD FSR 4 ถือว่าเป็นก้าวกระโดดที่ใหญ่เมื่อเทียบกับเวอร์ชันก่อนหน้า โดยให้ผลใกล้เคียงกับ DLSS 4 ของ NVIDIA แม้ AMD จะยังมีข้อจำกัดด้านการรองรับเกมบางเกม.

    การใช้งาน Ray Tracing:
    - NVIDIA ยังคงเป็นผู้นำในด้าน Ray Tracing แต่ RX 9070 XT สามารถทำงานได้อย่างน่าประทับใจเมื่อเปิดใช้งาน FSR เพื่อช่วยเสริมการประมวลผล.

    ราคากับประสิทธิภาพ:
    - RX 9070 XT มีราคาถูกกว่า 5070 Ti และให้ค่าคุ้มค่าประมาณ 15% หากราคาของทั้งสองใกล้เคียงกัน NVIDIA อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าในบางแง่ เช่น การรองรับ Ray Tracing และการประมวลผลเร็วกว่าในหลายเกม.

    https://www.techspot.com/review/2970-amd-radeon-9070-xt-vs-nvidia-rtx-5070-ti/
    ถ้าคุณกำลังมองหาการ์ดจอเกมมิ่งในตลาดตอนนี้ AMD RX 9070 XT อาจเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่า ด้วยราคาที่ถูกกว่าถึง 17% และประสิทธิภาพที่ใกล้เคียง RTX 5070 Ti ในหลายเกม แม้ว่า NVIDIA จะยังได้เปรียบในด้าน Ray Tracing และการรองรับฟีเจอร์ใหม่ แต่ AMD ได้แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาที่น่าประทับใจอย่างมากใน FSR 4 และประสิทธิภาพรวมที่สูง เกมที่โดดเด่นทั้งสองค่าย: - ในบางเกม เช่น Rocket League RX 9070 XT เร็วกว่า RTX 5070 Ti ถึง 41% ในขณะที่เกมอย่าง GTA V Enhanced RTX 5070 Ti นำ RX 9070 XT ถึง 29% แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างในแต่ละซอฟต์แวร์. การพัฒนาเทคโนโลยีการเพิ่มประสิทธิภาพ (Upscaling): - AMD FSR 4 ถือว่าเป็นก้าวกระโดดที่ใหญ่เมื่อเทียบกับเวอร์ชันก่อนหน้า โดยให้ผลใกล้เคียงกับ DLSS 4 ของ NVIDIA แม้ AMD จะยังมีข้อจำกัดด้านการรองรับเกมบางเกม. การใช้งาน Ray Tracing: - NVIDIA ยังคงเป็นผู้นำในด้าน Ray Tracing แต่ RX 9070 XT สามารถทำงานได้อย่างน่าประทับใจเมื่อเปิดใช้งาน FSR เพื่อช่วยเสริมการประมวลผล. ราคากับประสิทธิภาพ: - RX 9070 XT มีราคาถูกกว่า 5070 Ti และให้ค่าคุ้มค่าประมาณ 15% หากราคาของทั้งสองใกล้เคียงกัน NVIDIA อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าในบางแง่ เช่น การรองรับ Ray Tracing และการประมวลผลเร็วกว่าในหลายเกม. https://www.techspot.com/review/2970-amd-radeon-9070-xt-vs-nvidia-rtx-5070-ti/
    WWW.TECHSPOT.COM
    AMD Radeon RX 9070 XT vs. Nvidia GeForce RTX 5070 Ti
    AMD's RX 9070 XT is off to a blazing start, already outselling Nvidia's GeForce 50 series. With the RTX 5070 Ti now in the spotlight, we're diving...
    0 Comments 0 Shares 43 Views 0 Reviews
  • HiCookie สร้างสถิติโลกใหม่ในการโอเวอร์คล็อก DDR5 ด้วยความเร็ว 12,752 MT/s โดยใช้หน่วยความจำ V-Color และเมนบอร์ด Gigabyte การทดลองครั้งนี้เน้นการดึงศักยภาพสูงสุดของฮาร์ดแวร์ผ่านการตั้งค่าที่ละเอียดและใช้น้ำแข็งแห้งในการระบายความร้อน แม้ว่าสถิตินี้จะไม่เสถียรพอสำหรับงานทั่วไป แต่แสดงให้เห็นว่าแพลตฟอร์ม Intel Z890 มีศักยภาพในด้านหน่วยความจำอย่างน่าประทับใจ

    HiCookie เป็นชื่อที่รู้จักกันดีในวงการโอเวอร์คล็อกระดับโลก โดยเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการโอเวอร์คล็อกที่ทำงานร่วมกับ Gigabyte

    รายละเอียดการตั้งค่าทดลอง:
    - HiCookie ใช้เพียง 2 คอร์จากทั้งหมด 24 คอร์ของ CPU และลดความถี่ของ CPU เหลือเพียง 420 MHz เพื่อลดปัญหาคอขวด (bottleneck) ที่อาจเกิดขึ้นกับหน่วยความจำ.
    - มีการใช้ DIMM ขนาด 24GB เพียงโมดูลเดียว พร้อมตั้งค่าเวลาตอบสนองที่ 68-127-127-127-2T และใช้น้ำแข็งแห้ง (liquid nitrogen) ในการระบายความร้อนเพื่อควบคุมอุณหภูมิ.

    ความสำคัญของสถิตินี้:
    - แม้สถิติการโอเวอร์คล็อกเช่นนี้อาจไม่เสถียรพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน แต่ช่วยผลักดันขีดความสามารถของฮาร์ดแวร์และเผยให้เห็นประสิทธิภาพสูงสุดที่อุปกรณ์สามารถทำได้.

    ผลกระทบต่อวงการ:
    - แพลตฟอร์ม Intel Z890 ถูกวิจารณ์เรื่องความสามารถในการโอเวอร์คล็อก CPU ที่จำกัด แต่กลับโดดเด่นในด้านการรองรับการโอเวอร์คล็อกหน่วยความจำ ทำให้มีการสร้างสถิติโลกมากขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา.

    การแข่งขันในวงการโอเวอร์คล็อก:
    - ก่อนหน้านี้ HiCookie เคยทำสถิติไว้ที่ 12,726 MT/s แต่ถูกแซงหน้าโดย Splave ที่ทำได้ 12,735 MT/s ทำให้การสร้างสถิติใหม่นี้เป็นการแย่งคืนตำแหน่งผู้นำ.

    https://www.techspot.com/news/107237-ddr5-memory-overclocked-eye-popping-12752-mts-new.html
    HiCookie สร้างสถิติโลกใหม่ในการโอเวอร์คล็อก DDR5 ด้วยความเร็ว 12,752 MT/s โดยใช้หน่วยความจำ V-Color และเมนบอร์ด Gigabyte การทดลองครั้งนี้เน้นการดึงศักยภาพสูงสุดของฮาร์ดแวร์ผ่านการตั้งค่าที่ละเอียดและใช้น้ำแข็งแห้งในการระบายความร้อน แม้ว่าสถิตินี้จะไม่เสถียรพอสำหรับงานทั่วไป แต่แสดงให้เห็นว่าแพลตฟอร์ม Intel Z890 มีศักยภาพในด้านหน่วยความจำอย่างน่าประทับใจ HiCookie เป็นชื่อที่รู้จักกันดีในวงการโอเวอร์คล็อกระดับโลก โดยเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการโอเวอร์คล็อกที่ทำงานร่วมกับ Gigabyte รายละเอียดการตั้งค่าทดลอง: - HiCookie ใช้เพียง 2 คอร์จากทั้งหมด 24 คอร์ของ CPU และลดความถี่ของ CPU เหลือเพียง 420 MHz เพื่อลดปัญหาคอขวด (bottleneck) ที่อาจเกิดขึ้นกับหน่วยความจำ. - มีการใช้ DIMM ขนาด 24GB เพียงโมดูลเดียว พร้อมตั้งค่าเวลาตอบสนองที่ 68-127-127-127-2T และใช้น้ำแข็งแห้ง (liquid nitrogen) ในการระบายความร้อนเพื่อควบคุมอุณหภูมิ. ความสำคัญของสถิตินี้: - แม้สถิติการโอเวอร์คล็อกเช่นนี้อาจไม่เสถียรพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน แต่ช่วยผลักดันขีดความสามารถของฮาร์ดแวร์และเผยให้เห็นประสิทธิภาพสูงสุดที่อุปกรณ์สามารถทำได้. ผลกระทบต่อวงการ: - แพลตฟอร์ม Intel Z890 ถูกวิจารณ์เรื่องความสามารถในการโอเวอร์คล็อก CPU ที่จำกัด แต่กลับโดดเด่นในด้านการรองรับการโอเวอร์คล็อกหน่วยความจำ ทำให้มีการสร้างสถิติโลกมากขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา. การแข่งขันในวงการโอเวอร์คล็อก: - ก่อนหน้านี้ HiCookie เคยทำสถิติไว้ที่ 12,726 MT/s แต่ถูกแซงหน้าโดย Splave ที่ทำได้ 12,735 MT/s ทำให้การสร้างสถิติใหม่นี้เป็นการแย่งคืนตำแหน่งผู้นำ. https://www.techspot.com/news/107237-ddr5-memory-overclocked-eye-popping-12752-mts-new.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    DDR5 memory overclocked to an eye-popping 12,752 MT/s in new world record
    The world record has been validated by both CPU-Z and HWBOT, and the shared screenshots reveal that the setup was uniquely tuned for extreme overclocking. The record...
    0 Comments 0 Shares 47 Views 0 Reviews
  • คิงส์ไม่ได้ปกป้องไอ้แม้ว แต่อยากถามไอ้โรมมันว่า เพื่อนร่วมอุดมการณ์สามกีบของมึง ที่ชื่อ ทนายอานนท์ นำพา จำคุก 18 ปี 19 เดือน แต่แม่มโพสเฟซบุ๊คทุกวัน บางวันหลายโพส มึงตอบสังคมด้วยว่า ใครเอามือถือไปให้มันโพส
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #อานนท์นำพา
    #โรม
    คิงส์ไม่ได้ปกป้องไอ้แม้ว แต่อยากถามไอ้โรมมันว่า เพื่อนร่วมอุดมการณ์สามกีบของมึง ที่ชื่อ ทนายอานนท์ นำพา จำคุก 18 ปี 19 เดือน แต่แม่มโพสเฟซบุ๊คทุกวัน บางวันหลายโพส มึงตอบสังคมด้วยว่า ใครเอามือถือไปให้มันโพส #คิงส์โพธิ์แดง #อานนท์นำพา #โรม
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 83 Views 0 Reviews
  • เรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ USS Carl Vinson (CVN-70) ซึ่งบรรทุกเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ 90 ลำ ได้เข้าสู่ทะเลแดงแล้ว โดยเข้าร่วมกับเรือ USS Harry S. Truman ซึ่งถือเป็นการรวมกำลังทางทะเลที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

    แม้ว่าวอชิงตันจะอ้างว่าการเสริมกำลังดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อต่อต้านกลุ่มฮูตี แต่บรรดานักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่าเป็นสัญญาณของการเตรียมการสำหรับการเผชิญหน้าทางทหารที่อาจเกิดขึ้นกับอิหร่าน

    เมื่อไม่นานนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกคำขาดต่ออิหร่านเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ ในขณะที่เตหะรานเตือนว่าอิหร่านจะตอบโต้ด้วยการตอบโต้อย่างรุนแรงต่อการกระทำรุกรานใดๆ
    เรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ USS Carl Vinson (CVN-70) ซึ่งบรรทุกเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ 90 ลำ ได้เข้าสู่ทะเลแดงแล้ว โดยเข้าร่วมกับเรือ USS Harry S. Truman ซึ่งถือเป็นการรวมกำลังทางทะเลที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แม้ว่าวอชิงตันจะอ้างว่าการเสริมกำลังดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อต่อต้านกลุ่มฮูตี แต่บรรดานักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่าเป็นสัญญาณของการเตรียมการสำหรับการเผชิญหน้าทางทหารที่อาจเกิดขึ้นกับอิหร่าน เมื่อไม่นานนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกคำขาดต่ออิหร่านเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ ในขณะที่เตหะรานเตือนว่าอิหร่านจะตอบโต้ด้วยการตอบโต้อย่างรุนแรงต่อการกระทำรุกรานใดๆ
    0 Comments 0 Shares 196 Views 0 Reviews
  • ช่วงนี้ Storyฯ ย้อนไปดูซีรีส์เก่า มีฉากหนึ่งในเรื่อง <เทียบท้าปฐพี> ที่เตะตา เพื่อนเพจที่เคยดูคงจำได้ว่าพระนางของเรื่องต้องผ่านด่านกลหมากปริวรรตเพื่อช่วงชิงสุดยอดวิชาหลันอิงปี้เยวี่ย ซึ่งเป็นการต่อสู้กับจิตใจของตนเอง โดยในด่านสุดท้ายนั้นพระเอกต้องตัดสายใยที่อยู่ในใจทั้งหมดทิ้ง แต่พระเอกเลือกที่จะเหลือสายใยไว้หนึ่งเส้นซึ่งก็คือสายใยที่มีต่อนางเอก พร้อมกับวลีที่ว่า “ธารน้ำสามพัน(ลี้) ขอตักเพียงหนึ่งชาม สายใยความวุ่นวายแห่งทางโลกสามพันเส้น ข้าเหลือไว้เส้นหนึ่งจะเป็นไรไป?” (หมายเหตุ Storyฯ แปลเองจ้า>

    วันนี้มาคุยกันสั้นๆ เรื่องวลี “ธารน้ำสามพัน(ลี้) ขอตักเพียงหนึ่งชาม” (รั่วสุ่ยซันเชียน จื๋อฉวี่อี้เผียว / 弱水三千只取一瓢) (หมายเหตุ ซันเชียน แปลว่า สามพัน เป็นที่เข้าใจว่าหมายถึงสามพันลี้)

    วลีนี้เคยถูกแปลไว้ว่า “แม่น้ำรั่วสามพันลี้ หนึ่งจอกดับกระหาย” เพื่อนเพจบางท่านอาจงงว่ามันต่างกันหรือไม่อย่างไร ขออธิบายก่อนว่า คำว่า ‘รั่วสุ่ย’ ในโบราณใช้หมายถึงลำธารที่อันตราบไม่สามารถใช้สัญจรได้ และ ‘รั่วสุ่ย’ ยังเป็นชื่อแม่น้ำสายหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ซานไห่จิงหรือ <คัมภีร์ขุนเขาและท้องทะเล> ซึ่งเป็นหนังสือโบราณสมัยก่อนราชวงศ์ฉิน (ประมาณ 400 ปี ก่อนคริสตกาล) ที่บันทึกเรื่องราวของเทพนิยาย ปีศาจ สัตว์ประหลาด นิทานปรัมปรา และวัฒนธรรม ฯลฯ และแม่น้ำสายนี้ได้ถูกแปลมาเป็นภาษาไทยและอังกฤษว่า ‘แม่น้ำรั่ว’ นั่นเอง

    วลีนี้มีที่มาจากคำสอนทางศาสนาพุทธ เป็นนิทานว่าชายผู้ที่กำลังจะขาดน้ำตายเมื่อได้เห็นน้ำในลำธารก็โอดครวญอย่างเสียดายว่าน้ำทั้งลำธารจะดื่มอย่างไรหมด พระพุทธเจ้าจึงสอนว่าในชีวิตเรานั้นอาจพานพบหลากหลายสรรพสิ่งที่ดีงาม แต่เราไม่จำเป็นต้องครอบครองได้ทั้งหมด เพียงมีสิ่งเล็กๆ ที่สำคัญก็เพียงพอแล้ว ดังวลีนี้ที่เปรียบเปรยว่า น้ำในสายธารที่ทอดยาว ไม่จำเป็นต้องเอาน้ำมาดื่มใช้ให้หมด ขอเพียงหนึ่งชามก็พอยังชีพแล้ว

    แม้ว่าคำว่า ‘รั่วสุ่ย’ จะมีมาแต่โบราณ แต่วรรคที่ว่า ‘รั่วสุ่ยซันเชียน’ หรือ ‘ธารน้ำสามพัน(ลี้)’ ในรูปประโยคอย่างนี้ แรกปรากฏให้เห็นในอมตะวรรณกรรมเรื่อง <ความฝันในหอแดง> โดยเป็นตอนที่พระเอกเจี๋ยเป่าอวี้ใช้วลีเต็ม “แม้ธารน้ำยาวสามพันลี้ ข้าก็จะขอตักเพียงหนึ่งชาม” เพื่อบอกต่อนางเอกหลินไต้อวี้ว่า แม้จะมีสตรีอื่นรายล้อมเพียงใด เขาขอเพียงนางคนเดียวมาเป็นคู่ครองก็พอใจแล้ว และต่อมาวลีนี้จึงกลายเป็นวลีอมตะที่บ่งบอกถึงรักอันมั่นคง รักเดียวใจเดียว

    และด้วยคำว่า ‘รั่วสุ่ย’ ในโบราณแปลว่าสายธารที่อันตราย จึงมีการตีความวลี “ธารน้ำสามพัน(ลี้) ขอตักเพียงหนึ่งชาม” นี้เพิ่มเติมด้วยว่า กว่าจะตักน้ำนั้นมาได้หนึ่งชามก็ยากแสนยาก พึงเห็นคุณค่าของมันให้จงดี

    ดังนั้น จริงๆ แล้ววลีนี้ใช้ในบริบทอื่นก็ได้ เพื่อสื่อความหมายว่า ในบรรดาสรรพสิ่งมากมาย ขอเพียงได้ในสิ่งเดียวที่ตั้งใจที่มีคุณค่ามากมายต่อจิตใจเรา ก็เพียงพอแล้ว

    Storyฯ ถือโอกาสนี้แปะรูปมาให้แฟนคลับของหยางหยางดูว่า เขาไม่เพียงกล่าววลีนี้มาแล้วในละครเรื่อง <เทียบท้าปฐพี> แต่เมื่อปี 2010 ยังเคยแสดงเป็นเจี๋ยเป่าอวี้ ในเรื่อง <ความฝันในหอแดง> ซึ่งเป็นต้นฉบับของวลีอมตะนี้ด้วย

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://imgur.com/20Mx6mv
    http://yule.sohu.com/20160617/n454973158.shtml
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/弱水三千只取一瓢/96378
    https://baike.baidu.com/tashuo/browse/content?id=242a130850f0cbde411c456e&lemmaId=96378&fromLemmaModule=pcBottom&lemmaTitle=%E5%BC%B1%E6%B0%B4%E4%B8%89%E5%8D%83%E5%8F%AA%E5%8F%96%E4%B8%80%E7%93%A2&fromModule=lemma_bottom-tashuo-article
    https://www.sohu.com/a/325578545_594411

    #เทียบท้าปฐพี #แม่น้ำรั่ว #สายธารสามพันลี้
    ช่วงนี้ Storyฯ ย้อนไปดูซีรีส์เก่า มีฉากหนึ่งในเรื่อง <เทียบท้าปฐพี> ที่เตะตา เพื่อนเพจที่เคยดูคงจำได้ว่าพระนางของเรื่องต้องผ่านด่านกลหมากปริวรรตเพื่อช่วงชิงสุดยอดวิชาหลันอิงปี้เยวี่ย ซึ่งเป็นการต่อสู้กับจิตใจของตนเอง โดยในด่านสุดท้ายนั้นพระเอกต้องตัดสายใยที่อยู่ในใจทั้งหมดทิ้ง แต่พระเอกเลือกที่จะเหลือสายใยไว้หนึ่งเส้นซึ่งก็คือสายใยที่มีต่อนางเอก พร้อมกับวลีที่ว่า “ธารน้ำสามพัน(ลี้) ขอตักเพียงหนึ่งชาม สายใยความวุ่นวายแห่งทางโลกสามพันเส้น ข้าเหลือไว้เส้นหนึ่งจะเป็นไรไป?” (หมายเหตุ Storyฯ แปลเองจ้า> วันนี้มาคุยกันสั้นๆ เรื่องวลี “ธารน้ำสามพัน(ลี้) ขอตักเพียงหนึ่งชาม” (รั่วสุ่ยซันเชียน จื๋อฉวี่อี้เผียว / 弱水三千只取一瓢) (หมายเหตุ ซันเชียน แปลว่า สามพัน เป็นที่เข้าใจว่าหมายถึงสามพันลี้) วลีนี้เคยถูกแปลไว้ว่า “แม่น้ำรั่วสามพันลี้ หนึ่งจอกดับกระหาย” เพื่อนเพจบางท่านอาจงงว่ามันต่างกันหรือไม่อย่างไร ขออธิบายก่อนว่า คำว่า ‘รั่วสุ่ย’ ในโบราณใช้หมายถึงลำธารที่อันตราบไม่สามารถใช้สัญจรได้ และ ‘รั่วสุ่ย’ ยังเป็นชื่อแม่น้ำสายหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ซานไห่จิงหรือ <คัมภีร์ขุนเขาและท้องทะเล> ซึ่งเป็นหนังสือโบราณสมัยก่อนราชวงศ์ฉิน (ประมาณ 400 ปี ก่อนคริสตกาล) ที่บันทึกเรื่องราวของเทพนิยาย ปีศาจ สัตว์ประหลาด นิทานปรัมปรา และวัฒนธรรม ฯลฯ และแม่น้ำสายนี้ได้ถูกแปลมาเป็นภาษาไทยและอังกฤษว่า ‘แม่น้ำรั่ว’ นั่นเอง วลีนี้มีที่มาจากคำสอนทางศาสนาพุทธ เป็นนิทานว่าชายผู้ที่กำลังจะขาดน้ำตายเมื่อได้เห็นน้ำในลำธารก็โอดครวญอย่างเสียดายว่าน้ำทั้งลำธารจะดื่มอย่างไรหมด พระพุทธเจ้าจึงสอนว่าในชีวิตเรานั้นอาจพานพบหลากหลายสรรพสิ่งที่ดีงาม แต่เราไม่จำเป็นต้องครอบครองได้ทั้งหมด เพียงมีสิ่งเล็กๆ ที่สำคัญก็เพียงพอแล้ว ดังวลีนี้ที่เปรียบเปรยว่า น้ำในสายธารที่ทอดยาว ไม่จำเป็นต้องเอาน้ำมาดื่มใช้ให้หมด ขอเพียงหนึ่งชามก็พอยังชีพแล้ว แม้ว่าคำว่า ‘รั่วสุ่ย’ จะมีมาแต่โบราณ แต่วรรคที่ว่า ‘รั่วสุ่ยซันเชียน’ หรือ ‘ธารน้ำสามพัน(ลี้)’ ในรูปประโยคอย่างนี้ แรกปรากฏให้เห็นในอมตะวรรณกรรมเรื่อง <ความฝันในหอแดง> โดยเป็นตอนที่พระเอกเจี๋ยเป่าอวี้ใช้วลีเต็ม “แม้ธารน้ำยาวสามพันลี้ ข้าก็จะขอตักเพียงหนึ่งชาม” เพื่อบอกต่อนางเอกหลินไต้อวี้ว่า แม้จะมีสตรีอื่นรายล้อมเพียงใด เขาขอเพียงนางคนเดียวมาเป็นคู่ครองก็พอใจแล้ว และต่อมาวลีนี้จึงกลายเป็นวลีอมตะที่บ่งบอกถึงรักอันมั่นคง รักเดียวใจเดียว และด้วยคำว่า ‘รั่วสุ่ย’ ในโบราณแปลว่าสายธารที่อันตราย จึงมีการตีความวลี “ธารน้ำสามพัน(ลี้) ขอตักเพียงหนึ่งชาม” นี้เพิ่มเติมด้วยว่า กว่าจะตักน้ำนั้นมาได้หนึ่งชามก็ยากแสนยาก พึงเห็นคุณค่าของมันให้จงดี ดังนั้น จริงๆ แล้ววลีนี้ใช้ในบริบทอื่นก็ได้ เพื่อสื่อความหมายว่า ในบรรดาสรรพสิ่งมากมาย ขอเพียงได้ในสิ่งเดียวที่ตั้งใจที่มีคุณค่ามากมายต่อจิตใจเรา ก็เพียงพอแล้ว Storyฯ ถือโอกาสนี้แปะรูปมาให้แฟนคลับของหยางหยางดูว่า เขาไม่เพียงกล่าววลีนี้มาแล้วในละครเรื่อง <เทียบท้าปฐพี> แต่เมื่อปี 2010 ยังเคยแสดงเป็นเจี๋ยเป่าอวี้ ในเรื่อง <ความฝันในหอแดง> ซึ่งเป็นต้นฉบับของวลีอมตะนี้ด้วย (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://imgur.com/20Mx6mv http://yule.sohu.com/20160617/n454973158.shtml Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/弱水三千只取一瓢/96378 https://baike.baidu.com/tashuo/browse/content?id=242a130850f0cbde411c456e&lemmaId=96378&fromLemmaModule=pcBottom&lemmaTitle=%E5%BC%B1%E6%B0%B4%E4%B8%89%E5%8D%83%E5%8F%AA%E5%8F%96%E4%B8%80%E7%93%A2&fromModule=lemma_bottom-tashuo-article https://www.sohu.com/a/325578545_594411 #เทียบท้าปฐพี #แม่น้ำรั่ว #สายธารสามพันลี้
    1 Comments 0 Shares 154 Views 0 Reviews
  • ปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่วุ่น ยสท. วิ่งล็อบบี้คลังเปิดอัตราภาษีใหม่ทำบุหรี่ราคาถูกซองละ 40 บาท สู้คู่แข่ง และแก้ปัญหาบุหรี่เถื่อน
    .
    กระทรวงการคลังยังไม่สามารถหาข้อสรุปเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตบุหรี่ แม้ว่าการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) จะเสนอให้เพิ่มอัตราการเก็บภาษีเป็น 3 อัตรา เพื่อผลิตบุหรี่ราคาถูกซองละ 40 บาท หวังแข่งขันกับคู่แข่งและลดปัญหาบุหรี่เถื่อน อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังไม่เห็นด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาคู่แข่งสามารถออกบุหรี่ราคาถูกมาสู้ได้ และข้อมูลพบว่าการบริโภคบุหรี่เถื่อนเพิ่มขึ้นเป็น 25% ในปี 2567 แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภาษีมาก่อนหน้านี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000027633
    ปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่วุ่น ยสท. วิ่งล็อบบี้คลังเปิดอัตราภาษีใหม่ทำบุหรี่ราคาถูกซองละ 40 บาท สู้คู่แข่ง และแก้ปัญหาบุหรี่เถื่อน . กระทรวงการคลังยังไม่สามารถหาข้อสรุปเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตบุหรี่ แม้ว่าการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) จะเสนอให้เพิ่มอัตราการเก็บภาษีเป็น 3 อัตรา เพื่อผลิตบุหรี่ราคาถูกซองละ 40 บาท หวังแข่งขันกับคู่แข่งและลดปัญหาบุหรี่เถื่อน อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังไม่เห็นด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาคู่แข่งสามารถออกบุหรี่ราคาถูกมาสู้ได้ และข้อมูลพบว่าการบริโภคบุหรี่เถื่อนเพิ่มขึ้นเป็น 25% ในปี 2567 แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภาษีมาก่อนหน้านี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000027633
    Like
    Haha
    6
    0 Comments 0 Shares 1067 Views 0 Reviews
  • อิหร่านเพิ่งประกาศการค้นพบแอนติโมนี(antimony) ซึ่งเป็นโลหะหายากจำนวน 7,000 ตัน หรือเทียบได้กับปริมาณ 10% ที่มีอยู่บนโลกใบนี้ หลังสำรวจมานาน 10 ปี

    แอนติโมนี หรือที่เราเรียกว่า พลวง เป็นธาตุกึ่งโลหะ ลักษณะทางกายภาพเป็นมันเงา แข็ง สีขาวเงิน มีความสำคัญในการผลิตระบบอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง อาวุธพลาสม่า และอุปกรณ์ทางทหาร

    แม้ว่าจะพบได้ในจุดอื่นบนพื้นผิวโลก แต่การที่อิหร่านค้นพบบนดินแดนของตนเองในปริมาณมากมายขนาดนี้ อาจจะเป็นการปลดล็อคจากมาตการคว่ำบาตรของนานาชาติไปอีกขั้น ซึ่งจะทำให้อิหร่านใช้ประโยชน์จากโลหะชนิดนี้ต่อกองทัพได้อย่างมากมาย
    อิหร่านเพิ่งประกาศการค้นพบแอนติโมนี(antimony) ซึ่งเป็นโลหะหายากจำนวน 7,000 ตัน หรือเทียบได้กับปริมาณ 10% ที่มีอยู่บนโลกใบนี้ หลังสำรวจมานาน 10 ปี แอนติโมนี หรือที่เราเรียกว่า พลวง เป็นธาตุกึ่งโลหะ ลักษณะทางกายภาพเป็นมันเงา แข็ง สีขาวเงิน มีความสำคัญในการผลิตระบบอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง อาวุธพลาสม่า และอุปกรณ์ทางทหาร แม้ว่าจะพบได้ในจุดอื่นบนพื้นผิวโลก แต่การที่อิหร่านค้นพบบนดินแดนของตนเองในปริมาณมากมายขนาดนี้ อาจจะเป็นการปลดล็อคจากมาตการคว่ำบาตรของนานาชาติไปอีกขั้น ซึ่งจะทำให้อิหร่านใช้ประโยชน์จากโลหะชนิดนี้ต่อกองทัพได้อย่างมากมาย
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 154 Views 0 Reviews
  • เซเลนสกีเรียกร้องประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย “ยุติการเรียกร้องโดยไม่จำเป็น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้สงครามดำเนินต่อไป” นอกจากนี้ยังตัดพ้อว่าไม่มีใครช่วยเหลือยูเครนเข้านาโต้อีกต่อไปแล้ว

    นอกจากนี้เซเลนสกียังกล่าวอีกว่า:

    - ไครเมียที่ถูกรัสเซียยึดครองกำลังจะล่มสลาย เนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยวจากยูเครน โดยเฉลี่ยนักท่องเที่ยวกว่า 3 ล้านคนมาที่ไครเมียทุกปี และ 2.8 ล้านคนเป็นชาวยูเครน แต่ตอนนี้ทุกอย่างหยุดนิ่ง หลังจากผ่านไป 11 ปี ที่ไครเมียอยู่ภายใต้รัสเซีย

    - ไม่มีใครเชิญเราเข้าร่วมนาโต้อีกตอไป แม้ว่าเราต้องการมัน พวกเขาเลือกวิธีการเสริมกำลังกองทัพ การป้องกันทางอากาศ และการฝึกฝนพวกเราแทน แม้แต่สหรัฐก็ไม่สนับสนุนการเป็นสมาชิกนาโต้ของยูเครน และนั่น "เป็นของขวัญที่ดีสำหรับรัสเซีย"

    - เซเลนสกีประกาศชัดเจนว่าเขาไม่เคยยอมรับความเป็นกลางทางทหารของยูเครน รวมถึงการลดจำนวนทหารของกองทัพยูเครนลง

    - เซเลนสกียืนยันไม่ยอมรับว่าดินแดนที่รัสเซียยึดครอง เป็นของรัสเซียไปแล้ว

    - เซเลนสกี ยืนยันโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Zaporizhzhia ที่เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และขณะนี้รัสเซียครอบครองอยู่ จะเป็นของยูเครนตลอดไป

    - เซเลนสกีกล่าวหาปูตินเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในข้อตกลงหยุดยิงตลอดเวลา เพื่อยื้อการโจมตียูเครนต่อไป (แต่เซเลนสกีไม่ได้พูดถึงการโจมตีด้านพลังงานของรัสเซีย)

    - เซเลนสกีกล่าวชมกองกำลังยูเครนว่าเป็นผู้นำในการผลิตโดรน และเป็นกองกำลังที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในยุโรปหรืออยู่ในระดับที่ดีที่สุด
    เซเลนสกีเรียกร้องประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย “ยุติการเรียกร้องโดยไม่จำเป็น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้สงครามดำเนินต่อไป” นอกจากนี้ยังตัดพ้อว่าไม่มีใครช่วยเหลือยูเครนเข้านาโต้อีกต่อไปแล้ว นอกจากนี้เซเลนสกียังกล่าวอีกว่า: - ไครเมียที่ถูกรัสเซียยึดครองกำลังจะล่มสลาย เนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยวจากยูเครน โดยเฉลี่ยนักท่องเที่ยวกว่า 3 ล้านคนมาที่ไครเมียทุกปี และ 2.8 ล้านคนเป็นชาวยูเครน แต่ตอนนี้ทุกอย่างหยุดนิ่ง หลังจากผ่านไป 11 ปี ที่ไครเมียอยู่ภายใต้รัสเซีย - ไม่มีใครเชิญเราเข้าร่วมนาโต้อีกตอไป แม้ว่าเราต้องการมัน พวกเขาเลือกวิธีการเสริมกำลังกองทัพ การป้องกันทางอากาศ และการฝึกฝนพวกเราแทน แม้แต่สหรัฐก็ไม่สนับสนุนการเป็นสมาชิกนาโต้ของยูเครน และนั่น "เป็นของขวัญที่ดีสำหรับรัสเซีย" - เซเลนสกีประกาศชัดเจนว่าเขาไม่เคยยอมรับความเป็นกลางทางทหารของยูเครน รวมถึงการลดจำนวนทหารของกองทัพยูเครนลง - เซเลนสกียืนยันไม่ยอมรับว่าดินแดนที่รัสเซียยึดครอง เป็นของรัสเซียไปแล้ว - เซเลนสกี ยืนยันโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Zaporizhzhia ที่เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และขณะนี้รัสเซียครอบครองอยู่ จะเป็นของยูเครนตลอดไป - เซเลนสกีกล่าวหาปูตินเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในข้อตกลงหยุดยิงตลอดเวลา เพื่อยื้อการโจมตียูเครนต่อไป (แต่เซเลนสกีไม่ได้พูดถึงการโจมตีด้านพลังงานของรัสเซีย) - เซเลนสกีกล่าวชมกองกำลังยูเครนว่าเป็นผู้นำในการผลิตโดรน และเป็นกองกำลังที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในยุโรปหรืออยู่ในระดับที่ดีที่สุด
    0 Comments 0 Shares 440 Views 6 0 Reviews
  • Tatler Taiwan | ปกฉบับเดือนมีนาคม: เจย์ โจว และเฟอร์รารี่
    ร่วมกันสร้างซูเปอร์คาร์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

    เจย์ โจว 周杰倫 Jay Chou ศิลปินระดับตำนานแห่งเอเชีย ไม่เพียงแต่มีพรสวรรค์ด้านดนตรีที่โด่งดังไปทั่วโลก แต่ยังเป็นคนที่หลงใหลในซูเปอร์คาร์เป็นอย่างมาก

    เราถามเขาว่าเขารักรถมากแค่ไหน? เขาตอบว่า :
    “แฟนๆ ของผมรู้ดีว่าภาพยนตร์เรื่องแรกที่ผมแสดง Initial D มีธีมเกี่ยวกับการแข่งรถ อีกทั้งฉากเปิดของภาพยนตร์ The Green Hornet ก็มีรถ The Black Beauty ปรากฏในภาพยนตร์แบบเต็มๆ และที่จริงแล้ว ผมอยากให้ทุกคนสัมผัสถึงความรักของผมที่มีต่อรถผ่านผลงานเหล่านี้”

    ในฐานะนักสะสมซูเปอร์คาร์ โรงเก็บรถของเจย์ โจว เปรียบเสมือนพิพิธภัณฑ์ศิลปะยานยนต์ ตั้งแต่ Ferrari F12tdf รุ่นคลาสสิกไปจนถึง LaFerrari Aperta รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น ทุกคันสะท้อนถึงรสนิยมเฉพาะตัวและความหลงใหลในความเร็วของเขา เจย์กล่าวต่อว่า :

    “ความรู้สึกของการขับรถที่แรงและเร็ว มันเหมือนกับการแสดงบนเวที เต็มไปด้วยอารมณ์และพลังแห่งการควบคุม”
    ความหลงใหลในความเร็วและพลังของเครื่องยนต์นี้ ไม่เพียงแต่สะท้อนผ่านชีวิตประจำวันของเขา แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจในงานสร้างสรรค์ของเขาด้วย

    การร่วมมือกับแบรนด์ Ferrari ครั้งนี้เป็นการจับคู่ที่ลงตัวอย่างแท้จริง เจย์ ได้เข้าร่วมในทุกขั้นตอนของการออกแบบรถรุ่นพิเศษ ตั้งแต่การเลือกวัสดุ การตกแต่งภายใน ไปจนถึงสีของตัวรถ ทุกองค์ประกอบสะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขา สร้างสรรค์เป็นผลงานศิลปะที่ไม่เหมือนใคร
    เขาบอกกับเราว่า :

    “ศิลปะและดนตรีคือช่องทางที่เชื่อมโยงจิตวิญญาณของผม ดนตรีป๊อปคือเวทีของผม ส่วนการสะสมงานศิลปะคืออีกหนึ่งรูปแบบของความหลงใหล แม้ว่าทั้งสองอย่างจะดูแตกต่างกัน แต่สำหรับผม ทั้งคู่ล้วนเป็นการแสวงหาความงามในแบบของตัวเอง นั้นแหละคือตัวผม”

    Talent / Jay Chou
    Editor / Huan Chen and Maosheng Qi
    Photography / Andrea Frazzetta
    Style / Ferrari Style

    #TatlerTaiwan #TatlerPeople #TatlerCover #CoverStory

    #jaychou #周杰伦 #周杰倫
    #เจย์โจว #โจวเจี๋ยหลุน
    #jaychouthailand
    Tatler Taiwan | ปกฉบับเดือนมีนาคม: เจย์ โจว และเฟอร์รารี่ ร่วมกันสร้างซูเปอร์คาร์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เจย์ โจว 周杰倫 Jay Chou ศิลปินระดับตำนานแห่งเอเชีย ไม่เพียงแต่มีพรสวรรค์ด้านดนตรีที่โด่งดังไปทั่วโลก แต่ยังเป็นคนที่หลงใหลในซูเปอร์คาร์เป็นอย่างมาก เราถามเขาว่าเขารักรถมากแค่ไหน? เขาตอบว่า : “แฟนๆ ของผมรู้ดีว่าภาพยนตร์เรื่องแรกที่ผมแสดง Initial D มีธีมเกี่ยวกับการแข่งรถ อีกทั้งฉากเปิดของภาพยนตร์ The Green Hornet ก็มีรถ The Black Beauty ปรากฏในภาพยนตร์แบบเต็มๆ และที่จริงแล้ว ผมอยากให้ทุกคนสัมผัสถึงความรักของผมที่มีต่อรถผ่านผลงานเหล่านี้” ในฐานะนักสะสมซูเปอร์คาร์ โรงเก็บรถของเจย์ โจว เปรียบเสมือนพิพิธภัณฑ์ศิลปะยานยนต์ ตั้งแต่ Ferrari F12tdf รุ่นคลาสสิกไปจนถึง LaFerrari Aperta รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น ทุกคันสะท้อนถึงรสนิยมเฉพาะตัวและความหลงใหลในความเร็วของเขา เจย์กล่าวต่อว่า : “ความรู้สึกของการขับรถที่แรงและเร็ว มันเหมือนกับการแสดงบนเวที เต็มไปด้วยอารมณ์และพลังแห่งการควบคุม” ความหลงใหลในความเร็วและพลังของเครื่องยนต์นี้ ไม่เพียงแต่สะท้อนผ่านชีวิตประจำวันของเขา แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจในงานสร้างสรรค์ของเขาด้วย การร่วมมือกับแบรนด์ Ferrari ครั้งนี้เป็นการจับคู่ที่ลงตัวอย่างแท้จริง เจย์ ได้เข้าร่วมในทุกขั้นตอนของการออกแบบรถรุ่นพิเศษ ตั้งแต่การเลือกวัสดุ การตกแต่งภายใน ไปจนถึงสีของตัวรถ ทุกองค์ประกอบสะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขา สร้างสรรค์เป็นผลงานศิลปะที่ไม่เหมือนใคร เขาบอกกับเราว่า : “ศิลปะและดนตรีคือช่องทางที่เชื่อมโยงจิตวิญญาณของผม ดนตรีป๊อปคือเวทีของผม ส่วนการสะสมงานศิลปะคืออีกหนึ่งรูปแบบของความหลงใหล แม้ว่าทั้งสองอย่างจะดูแตกต่างกัน แต่สำหรับผม ทั้งคู่ล้วนเป็นการแสวงหาความงามในแบบของตัวเอง นั้นแหละคือตัวผม” Talent / Jay Chou Editor / Huan Chen and Maosheng Qi Photography / Andrea Frazzetta Style / Ferrari Style #TatlerTaiwan #TatlerPeople #TatlerCover #CoverStory #jaychou #周杰伦 #周杰倫 #เจย์โจว #โจวเจี๋ยหลุน #jaychouthailand
    0 Comments 0 Shares 263 Views 0 Reviews
  • แนวร่วม 3 กีบตบเท้าร้องให้พรรคประชาชนช่วยอภิปรายเรื่องกักขังคดี 112 มัวแต่เอาเวลาตรวจสอบรัฐบาลไปถล่มไอ้แม้ว กับดึงดันแก้ไข112 และนิรโทษกรรมคนผิด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    แนวร่วม 3 กีบตบเท้าร้องให้พรรคประชาชนช่วยอภิปรายเรื่องกักขังคดี 112 มัวแต่เอาเวลาตรวจสอบรัฐบาลไปถล่มไอ้แม้ว กับดึงดันแก้ไข112 และนิรโทษกรรมคนผิด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    Like
    2
    1 Comments 0 Shares 288 Views 0 Reviews
  • แม้วันเวลาจะผ่านไปกว่า 32 ปีแล้วก็ตาม แต่คดี เพชรซาอุฯ ก็ยังถูกกลับเอามาเล่าขานกันอีกครั้ง
    .
    ตำนานเครื่องเพชรที่ถูกพูดถึงมากเรื่องหนึ่งในสังคมไทยโดย คดี เพชรซาอุฯ นั้นเกิดขึ้นครั้งแรกเกิดปี พ.ศ. 2532 นายเกรียงไกร เตชะโม่ง คนงานทำความสะอาดในพระราชวังของเจ้าชายไฟซาล บิน ฟาฮัด ได้โจรกรรมเพชร ทอง และอัญมณี ที่ถูกวางไว้อย่างไม่เป็นที่เป็นทาง จากพระราชวัง โดยอาศัยช่วงเวลาที่เจ้าชายแปรพระราชฐานไปต่างประเทศ แอบนำถุงกระสอบขนาดใหญ่เข้าไปในพระราชวัง ซ่อนตัวอยู่ภายในพระราชวังจนถึงเวลากลางคืน แล้วจึงทำการขโมยเครื่องเพชรใส่ถุงกระสอบแล้วโยนถุงกระสอบลงมาออกนอกกำแพงพระราชวัง จากนั้นนำส่งประเทศไทยโดยการส่งปะปนมากับเสื้อผ้าเครื่องใช้ส่วนตัว ทำให้ ยากจะตรวจสอบได้
    .
    แต่สุดท้าย นายเกรียงไกร เตชะโม่ง ได้ถูก ตำรวจจับกุมได้ในเวลาต่อมา โดย ชุดจับกุมของ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ และยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา พร้อมช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการตามเพชรทั้งหมดกลับคืนอีกด้วย
    .
    ---------------
    ไม่เคยมี "เพชรสีน้ำเงินมาแต่แรก"
    ---------------
    .
    อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เริ่มมี "คดีเพชรซาอุ" มีการพูดถึง เครื่องเพชร ชุดหนึ่ง คือ "เพชรสีน้ำเงิน"( เครื่องเพชรบลูไดมอนด์) ซึ่งแท้จริงแล้วมีปรากฎแต่ในการนำเสนอข่าวภายในประเทศไทยเท่านั้น ที่แม้แต่ พล.ต.ท.วรรณรัตน์ คชรัตน์ ผช.อตร. เจ้าของคดี ยังถามถามสื่อมวลชนเองว่า "ไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน ตนไม่เคยได้ยิน หรือเห็นมาก่อนเลย" จากนั้นก็มีการไปเอารูปภริยาอธิบดีกรมตำรวจในขณะนั้น พล.ต.อ. แสวง ธีระสวัสดิ์ ภาพใน น.ส.พ. ฉบับหนึ่ง ผู้หญิงสวมสร้อยคอที่มีจี้เป็นอัญมณีสีน้ำเงินล้อมเพชรและทอง ปรากฏตัวในงานเลี้ยงงานหนึ่ง ใช้ชื่อ "งานเลี้ยงบลูไดมอนด์" แล้วก็ลือกันตามมาว่าเป็นเพชรบลูไดมอนด์ของเจ้าฟ้าชายไฟซาล เรื่องราวนี้ดังไปถึงหู ทางการของประเทศซาอุฯ เลยส่งสายสืบลับของซาอุฯมาตรวจสอบเพิ่มเติม จนพบว่า ในความเป็นจริงแล้วเพชรบลูไดมอนด์ ในข่าวเป็นเพียง วัตถุที่ทำด้วยผ้ากำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มที่นำมาประดิษฐ์เข้าคู่กับเพชรและทอง เท่านั้น คดีเพชรบลูไดมอนด์จึงจบไป...
    .
    ส่วน นายเกรียงไกร เตชะโม่ง จำเลยได้สารภาพว่า ได้แบ่งเครื่องเพชรให้กับเพื่อนที่มีส่วนรู้เห็นโดยไม่ได้แยกแยะ ชนิดสี ประเภทใดๆก่อนที่จะเดินทางกลับประเทศไทย โดยแยกทองและหินออกจากกัน เนื่องจาก นาย เกรียงไกร ทราบมูลค่าของทองดีแต่ไม่ทราบมูลของเพชรพลอยที่ประดับ หินบางส่วนถูกทุบให้แตกเพื่อแยกประเภทคร่าวๆตามความเข้าใจว่าเพชรเป็นของแข็ง หากไม่แตกก็จะเก็บเอาไว้ขายนั้นเอง จากนั้นจึงนำไปขายให้พ่อค้าเพชรและทองตามลำดับ
    .
    ในช่วงเวลาระหว่างการดำเนินคดี นายเกรียงไกร เตชะโม่ง จำเลยในคดีลักเพชรของเจ้าชายไฟซาล บิน ฟาฮัด อธิบดีกรมตำรวจ พลตำรวจเอกประทิน สันติประภพ มอบหมายให้ผู้รับผิดชอบคือ (สิงเหนือ ) พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ ออกติดตามเครื่องเพชรคืนให้แก่รัฐบาลซาอุดิอาระเบีย โดยตามหาและส่งคืนกลับไปทั้งหมด ผลงานของ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศในครั้งนั้นสร้างชื่อเสียงมากจนได้รับการยกย่องจากประเทศซาอุดิอาระเบีย ให้เป็นแขกพิเศษ
    .
    อย่างไรก็ตามมีประเด็นต่อมา คือการส่งคืนเครื่องเพชรจำนวนมากในครั้งนั้นกลับไม่ครบ-และบางส่วนปลอม เลยมีการรื้อคดีกลับมาตรวจสอบอีกครั้ง จากคำให้การของนายเกรียงไกร ที่บอกว่า ได้โจรกรรมเครื่องเพชรของเจ้าชายไฟซาล แล้วนำเข้ามาขายในประเทศไทย โดยขายให้ นายสันติ ศรีธนะขัณฑ์ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ จึงพุ่งเป้าไปที่ นายสันติ เพื่อตามทวงคืน เครื่องเพชรส่วนที่เหลือ แต่นายสันติ ได้ปฎิเสธ พล.ต.ท.ชลอจึงจับลูกและภารยาของนายสันติ เป็นตัวประกันเพื่อบีบบังคับให้ นายสันติบอกที่ซ่อนของเพชรที่เหลือ แต่ก็ไม่เป็นผล ...ประจวบกับเหตุการณ์เวลานั้นมีการคุกคามตัวประกัน จึงมีการสังหารตัวประกันแล้วจัดฉากให้เป็นอุบัติเหตุ แต่ในภายหลัง พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศถูกจับกุมในคดี สังหาร ครอบครัว ศรีธนะขัณฑ์ เลยได้รับโทษประหารชีวิต ...(ซึ่งปัจจุบัน ได้รับการปล่อยตัวหลังจากที่จำคุกมาได้ 19ปี)
    .
    เมื่อมีการพยายามพูดถึง เพชรบลูไดมอนด์และเพชรที่เหลือจากซาอุฯ อีกครั้ง มีการตรวจสอบ ย้อนกลับซ้ำอีกครั้ง จึงพบว่า ทางซาอุฯไม่สามารถระบุรูปลักษณ์ของ เพชรบลูไดมอนด์ และไม่มีใครทั้ง นายเกรียงไกร เตชะโม่ง ,นายสันติ ศรีธนะขัณฑ์ และเจ้าหน้าที่ทางการไทย ต่างไม่เคยพบเห็นเพชรบลูไดมอนด์ เลยจึงได้ข้อสรุปว่าเพชรบลูไดมอนด์ ไม่เคยอยู่ในประเทศไทย
    .
    เรื่องราว เพชรซาอุฯ มีข้อเท็จจริงแต่เพียงเท่านี้...
    .
    ------------------------
    กำเนิดข่าวลือเพชรซาอุรอบที่สอง
    ------------------------
    .
    อย่างไรก็ตาม ในปี2551 ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดง มีการยกเรื่อง เพชรสีน้ำเงิน เอาขึ้นมาอีกครั้ง บนเวทีสนามหลวง เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2551
    .
    ทั้งบนเวที และ ในลักษณะข่าวลือ โดยบนเวทีชุมนุมนั้นจะปรากฎ ภาพ แหวนเพชรสีน้ำเงินถูกสวมอยู่ในอุ้งเท้าไดโนเสาร์ ซึ่งในการชุมนุมครั้งนั้น มี หนึ่งในผู้ปราศรัย คือ(เสือใต้) พล.ต.อ สล้าง บุนนาค นายตำรวจยุคเดียวกับ (สิงเหนือ)พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ
    .
    ส่วนข่าวลือและภาพที่ถูกแชร์กันใส่สังคมออนไลน์ในช่วงปี 2553 คือภาพ เพชรสีน้ำเงิน หน้าต่างๆกันออกไปทั้งแบบที่เป็นแหวนเพชร และ สร้อยคอ โดยมีการระบุในข่าวลือว่าเป็น เพชรบลูไดมอนด์จากคดีเพชรซาอุฯ โดยมีการนำเอาภาพของสมเด็จพระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่9 ทรงพระศอประดับอัญมณีสีฟ้าในการแชร์พร้อมเรื่องราวข่าวเท็จเกี่ยวกับการขโมยเพชรสีน้ำเงินจากราชวงศ์ซาอุฯ จนกลายเป็นข่าวลือให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างแยบยล
    .
    ในความเป็นจริงแล้วไม่เคยมีใครเคยเห็น เพชรบลูไดมอนด์ ว่าอยู่ในสภาพแหวนหรือสอยคอ และมีจำนวนกี่เม็ดกันแน่
    .
    หากพิจารณาภาพเพชรสีน้ำเงินที่เผยแพร่ในช่วงนี้ก็จะพบว่าเป็นเพียงการนำภาพ เครื่องเพชรที่มีลักษณะใกล้เคียงมาตัดต่อพร้อมประกอบกับเรื่องราวข่าวลือเท่านั้น โดยภาพที่ปรากฏประจำคือ Hope Diamond ของฝรั่งเศส ทั้งนี้ Hope Diamond มีประวัติน่าสนใจมาก เพราะ เป็นเพชรสีน้ำเงินที่ถูกตัดออกมาจาก เพชรเม็ดยักของ ราชวงศ์ฝรั่งเศส ที่ชื่อว่า French Blue (Le bleu de France) ตั้งแต่สมัยปฎิวัติฝรั่งเศส โดยแหล่งกำเนิดของ French Blue (Le bleu de France) นั้นมาจากเหมืองในเมืองกอลคอนดา (Golconda) ในประเทศอินเดีย ตั้งแต่ ปี 1664
    .
    แต่ด้วยประวัติของผู้ครอบครองเพชรสีน้ำเงิน ที่ล้วนเป็นคนใหญ่คนโต และเสียชีวิตฉับพลันจึงทำให้กลายเป็นตำนานเพชรต้องสาป ซึ่งปัจจุบัน เพชรเม็ดนี้ อยู่ในพิพิธภัณฑ์สมิธโซเนียน
    .
    ส่วนอีกภาพที่นิยมแชร์พร้อมกับข่าวลือคำสาปเพชรซาอุฯ คือภาพของ "Heart of the Ocean" หรือในภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า "Le Cœur de la Mer" เพชรสีน้ำเงินรูปทรงหัวใจ เป็นเครืองประดับที่สวยงามมาก แต่น่าเสียดายว่า แท้จริงแล้ว"Heart of the Ocean"เป็นเพชรที่เกิดมาจาก การจินตนาการของผู้กำกับภาพยนต์ ไททานิค โดย "Heart of the Ocean" นั้นถูกจินตนาการขึ้นโดยอ้างอิง ประวัติ Hope Diamond ของฝรั่งเศส และถูกจินตนาการไปถึงการเป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุการจมเรือในภาพยนตร์ไททานิค
    .
    ส่วนภาพสำคัญและมักถูกตกเป็นเป้าโจมตีของข่าวเท็จก็คือภาพของ สมเด็จพระราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 ทรง พระศอไพลินสีน้ำเงิน(ไม่ใช่เพชร) เป็นภาพตั้งแต่ ปี 2500 ขณะทรงเยือนสหรัฐอเมริกา ซึ่งพระศอไพลินสีน้ำเงินนั้นเป็นมรดกตกทอดมาจากสมเด็จพระพันปีหลวง
    .
    และ แน่นอนว่า ภาพของ สมเด็จพระราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 ทรง พระศอไพลินสีน้ำเงิน เป็นภาพที่เกิดขึ้นก่อน คดีเพชรซาอุฯ ถึง 32 ปี
    .
    ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ ที่ เพชรบลูไดมอนด์ จากคดีเพชรซาอุฯปี 2532 จะย้อน เวลาไปปรากฎในปี 2500 ได้โดยเด็ดขาด
    ---------------------------------
    แหล่งข้อมูล
    - https://www.git.or.th/g20130410.html
    - http://www.tpa.or.th/writer/read_this_book_topic.php?bookID=3585&read=true&count=true
    - https://www.facebook.com/siamgreatwarriors/posts/1591058431203175?
    - https://www.facebook.com/boraannaanma/photos/a.1721168658137287/2367376280183185/?type=3&theater
    - https://th.wikipedia.org/wiki/เพชรโฮป
    - https://www.facebook.com/726502237386172/posts/3507440415958993/
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Website : http://www.thailandvision.co
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision
    แม้วันเวลาจะผ่านไปกว่า 32 ปีแล้วก็ตาม แต่คดี เพชรซาอุฯ ก็ยังถูกกลับเอามาเล่าขานกันอีกครั้ง . ตำนานเครื่องเพชรที่ถูกพูดถึงมากเรื่องหนึ่งในสังคมไทยโดย คดี เพชรซาอุฯ นั้นเกิดขึ้นครั้งแรกเกิดปี พ.ศ. 2532 นายเกรียงไกร เตชะโม่ง คนงานทำความสะอาดในพระราชวังของเจ้าชายไฟซาล บิน ฟาฮัด ได้โจรกรรมเพชร ทอง และอัญมณี ที่ถูกวางไว้อย่างไม่เป็นที่เป็นทาง จากพระราชวัง โดยอาศัยช่วงเวลาที่เจ้าชายแปรพระราชฐานไปต่างประเทศ แอบนำถุงกระสอบขนาดใหญ่เข้าไปในพระราชวัง ซ่อนตัวอยู่ภายในพระราชวังจนถึงเวลากลางคืน แล้วจึงทำการขโมยเครื่องเพชรใส่ถุงกระสอบแล้วโยนถุงกระสอบลงมาออกนอกกำแพงพระราชวัง จากนั้นนำส่งประเทศไทยโดยการส่งปะปนมากับเสื้อผ้าเครื่องใช้ส่วนตัว ทำให้ ยากจะตรวจสอบได้ . แต่สุดท้าย นายเกรียงไกร เตชะโม่ง ได้ถูก ตำรวจจับกุมได้ในเวลาต่อมา โดย ชุดจับกุมของ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ และยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา พร้อมช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการตามเพชรทั้งหมดกลับคืนอีกด้วย . --------------- ไม่เคยมี "เพชรสีน้ำเงินมาแต่แรก" --------------- . อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เริ่มมี "คดีเพชรซาอุ" มีการพูดถึง เครื่องเพชร ชุดหนึ่ง คือ "เพชรสีน้ำเงิน"( เครื่องเพชรบลูไดมอนด์) ซึ่งแท้จริงแล้วมีปรากฎแต่ในการนำเสนอข่าวภายในประเทศไทยเท่านั้น ที่แม้แต่ พล.ต.ท.วรรณรัตน์ คชรัตน์ ผช.อตร. เจ้าของคดี ยังถามถามสื่อมวลชนเองว่า "ไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน ตนไม่เคยได้ยิน หรือเห็นมาก่อนเลย" จากนั้นก็มีการไปเอารูปภริยาอธิบดีกรมตำรวจในขณะนั้น พล.ต.อ. แสวง ธีระสวัสดิ์ ภาพใน น.ส.พ. ฉบับหนึ่ง ผู้หญิงสวมสร้อยคอที่มีจี้เป็นอัญมณีสีน้ำเงินล้อมเพชรและทอง ปรากฏตัวในงานเลี้ยงงานหนึ่ง ใช้ชื่อ "งานเลี้ยงบลูไดมอนด์" แล้วก็ลือกันตามมาว่าเป็นเพชรบลูไดมอนด์ของเจ้าฟ้าชายไฟซาล เรื่องราวนี้ดังไปถึงหู ทางการของประเทศซาอุฯ เลยส่งสายสืบลับของซาอุฯมาตรวจสอบเพิ่มเติม จนพบว่า ในความเป็นจริงแล้วเพชรบลูไดมอนด์ ในข่าวเป็นเพียง วัตถุที่ทำด้วยผ้ากำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มที่นำมาประดิษฐ์เข้าคู่กับเพชรและทอง เท่านั้น คดีเพชรบลูไดมอนด์จึงจบไป... . ส่วน นายเกรียงไกร เตชะโม่ง จำเลยได้สารภาพว่า ได้แบ่งเครื่องเพชรให้กับเพื่อนที่มีส่วนรู้เห็นโดยไม่ได้แยกแยะ ชนิดสี ประเภทใดๆก่อนที่จะเดินทางกลับประเทศไทย โดยแยกทองและหินออกจากกัน เนื่องจาก นาย เกรียงไกร ทราบมูลค่าของทองดีแต่ไม่ทราบมูลของเพชรพลอยที่ประดับ หินบางส่วนถูกทุบให้แตกเพื่อแยกประเภทคร่าวๆตามความเข้าใจว่าเพชรเป็นของแข็ง หากไม่แตกก็จะเก็บเอาไว้ขายนั้นเอง จากนั้นจึงนำไปขายให้พ่อค้าเพชรและทองตามลำดับ . ในช่วงเวลาระหว่างการดำเนินคดี นายเกรียงไกร เตชะโม่ง จำเลยในคดีลักเพชรของเจ้าชายไฟซาล บิน ฟาฮัด อธิบดีกรมตำรวจ พลตำรวจเอกประทิน สันติประภพ มอบหมายให้ผู้รับผิดชอบคือ (สิงเหนือ ) พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ ออกติดตามเครื่องเพชรคืนให้แก่รัฐบาลซาอุดิอาระเบีย โดยตามหาและส่งคืนกลับไปทั้งหมด ผลงานของ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศในครั้งนั้นสร้างชื่อเสียงมากจนได้รับการยกย่องจากประเทศซาอุดิอาระเบีย ให้เป็นแขกพิเศษ . อย่างไรก็ตามมีประเด็นต่อมา คือการส่งคืนเครื่องเพชรจำนวนมากในครั้งนั้นกลับไม่ครบ-และบางส่วนปลอม เลยมีการรื้อคดีกลับมาตรวจสอบอีกครั้ง จากคำให้การของนายเกรียงไกร ที่บอกว่า ได้โจรกรรมเครื่องเพชรของเจ้าชายไฟซาล แล้วนำเข้ามาขายในประเทศไทย โดยขายให้ นายสันติ ศรีธนะขัณฑ์ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ จึงพุ่งเป้าไปที่ นายสันติ เพื่อตามทวงคืน เครื่องเพชรส่วนที่เหลือ แต่นายสันติ ได้ปฎิเสธ พล.ต.ท.ชลอจึงจับลูกและภารยาของนายสันติ เป็นตัวประกันเพื่อบีบบังคับให้ นายสันติบอกที่ซ่อนของเพชรที่เหลือ แต่ก็ไม่เป็นผล ...ประจวบกับเหตุการณ์เวลานั้นมีการคุกคามตัวประกัน จึงมีการสังหารตัวประกันแล้วจัดฉากให้เป็นอุบัติเหตุ แต่ในภายหลัง พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศถูกจับกุมในคดี สังหาร ครอบครัว ศรีธนะขัณฑ์ เลยได้รับโทษประหารชีวิต ...(ซึ่งปัจจุบัน ได้รับการปล่อยตัวหลังจากที่จำคุกมาได้ 19ปี) . เมื่อมีการพยายามพูดถึง เพชรบลูไดมอนด์และเพชรที่เหลือจากซาอุฯ อีกครั้ง มีการตรวจสอบ ย้อนกลับซ้ำอีกครั้ง จึงพบว่า ทางซาอุฯไม่สามารถระบุรูปลักษณ์ของ เพชรบลูไดมอนด์ และไม่มีใครทั้ง นายเกรียงไกร เตชะโม่ง ,นายสันติ ศรีธนะขัณฑ์ และเจ้าหน้าที่ทางการไทย ต่างไม่เคยพบเห็นเพชรบลูไดมอนด์ เลยจึงได้ข้อสรุปว่าเพชรบลูไดมอนด์ ไม่เคยอยู่ในประเทศไทย . เรื่องราว เพชรซาอุฯ มีข้อเท็จจริงแต่เพียงเท่านี้... . ------------------------ กำเนิดข่าวลือเพชรซาอุรอบที่สอง ------------------------ . อย่างไรก็ตาม ในปี2551 ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดง มีการยกเรื่อง เพชรสีน้ำเงิน เอาขึ้นมาอีกครั้ง บนเวทีสนามหลวง เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2551 . ทั้งบนเวที และ ในลักษณะข่าวลือ โดยบนเวทีชุมนุมนั้นจะปรากฎ ภาพ แหวนเพชรสีน้ำเงินถูกสวมอยู่ในอุ้งเท้าไดโนเสาร์ ซึ่งในการชุมนุมครั้งนั้น มี หนึ่งในผู้ปราศรัย คือ(เสือใต้) พล.ต.อ สล้าง บุนนาค นายตำรวจยุคเดียวกับ (สิงเหนือ)พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ . ส่วนข่าวลือและภาพที่ถูกแชร์กันใส่สังคมออนไลน์ในช่วงปี 2553 คือภาพ เพชรสีน้ำเงิน หน้าต่างๆกันออกไปทั้งแบบที่เป็นแหวนเพชร และ สร้อยคอ โดยมีการระบุในข่าวลือว่าเป็น เพชรบลูไดมอนด์จากคดีเพชรซาอุฯ โดยมีการนำเอาภาพของสมเด็จพระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่9 ทรงพระศอประดับอัญมณีสีฟ้าในการแชร์พร้อมเรื่องราวข่าวเท็จเกี่ยวกับการขโมยเพชรสีน้ำเงินจากราชวงศ์ซาอุฯ จนกลายเป็นข่าวลือให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างแยบยล . ในความเป็นจริงแล้วไม่เคยมีใครเคยเห็น เพชรบลูไดมอนด์ ว่าอยู่ในสภาพแหวนหรือสอยคอ และมีจำนวนกี่เม็ดกันแน่ . หากพิจารณาภาพเพชรสีน้ำเงินที่เผยแพร่ในช่วงนี้ก็จะพบว่าเป็นเพียงการนำภาพ เครื่องเพชรที่มีลักษณะใกล้เคียงมาตัดต่อพร้อมประกอบกับเรื่องราวข่าวลือเท่านั้น โดยภาพที่ปรากฏประจำคือ Hope Diamond ของฝรั่งเศส ทั้งนี้ Hope Diamond มีประวัติน่าสนใจมาก เพราะ เป็นเพชรสีน้ำเงินที่ถูกตัดออกมาจาก เพชรเม็ดยักของ ราชวงศ์ฝรั่งเศส ที่ชื่อว่า French Blue (Le bleu de France) ตั้งแต่สมัยปฎิวัติฝรั่งเศส โดยแหล่งกำเนิดของ French Blue (Le bleu de France) นั้นมาจากเหมืองในเมืองกอลคอนดา (Golconda) ในประเทศอินเดีย ตั้งแต่ ปี 1664 . แต่ด้วยประวัติของผู้ครอบครองเพชรสีน้ำเงิน ที่ล้วนเป็นคนใหญ่คนโต และเสียชีวิตฉับพลันจึงทำให้กลายเป็นตำนานเพชรต้องสาป ซึ่งปัจจุบัน เพชรเม็ดนี้ อยู่ในพิพิธภัณฑ์สมิธโซเนียน . ส่วนอีกภาพที่นิยมแชร์พร้อมกับข่าวลือคำสาปเพชรซาอุฯ คือภาพของ "Heart of the Ocean" หรือในภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า "Le Cœur de la Mer" เพชรสีน้ำเงินรูปทรงหัวใจ เป็นเครืองประดับที่สวยงามมาก แต่น่าเสียดายว่า แท้จริงแล้ว"Heart of the Ocean"เป็นเพชรที่เกิดมาจาก การจินตนาการของผู้กำกับภาพยนต์ ไททานิค โดย "Heart of the Ocean" นั้นถูกจินตนาการขึ้นโดยอ้างอิง ประวัติ Hope Diamond ของฝรั่งเศส และถูกจินตนาการไปถึงการเป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุการจมเรือในภาพยนตร์ไททานิค . ส่วนภาพสำคัญและมักถูกตกเป็นเป้าโจมตีของข่าวเท็จก็คือภาพของ สมเด็จพระราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 ทรง พระศอไพลินสีน้ำเงิน(ไม่ใช่เพชร) เป็นภาพตั้งแต่ ปี 2500 ขณะทรงเยือนสหรัฐอเมริกา ซึ่งพระศอไพลินสีน้ำเงินนั้นเป็นมรดกตกทอดมาจากสมเด็จพระพันปีหลวง . และ แน่นอนว่า ภาพของ สมเด็จพระราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 ทรง พระศอไพลินสีน้ำเงิน เป็นภาพที่เกิดขึ้นก่อน คดีเพชรซาอุฯ ถึง 32 ปี . ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ ที่ เพชรบลูไดมอนด์ จากคดีเพชรซาอุฯปี 2532 จะย้อน เวลาไปปรากฎในปี 2500 ได้โดยเด็ดขาด --------------------------------- แหล่งข้อมูล - https://www.git.or.th/g20130410.html - http://www.tpa.or.th/writer/read_this_book_topic.php?bookID=3585&read=true&count=true - https://www.facebook.com/siamgreatwarriors/posts/1591058431203175? - https://www.facebook.com/boraannaanma/photos/a.1721168658137287/2367376280183185/?type=3&theater - https://th.wikipedia.org/wiki/เพชรโฮป - https://www.facebook.com/726502237386172/posts/3507440415958993/ ------------------------------- ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่ Website : http://www.thailandvision.co Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision
    0 Comments 0 Shares 411 Views 0 Reviews
  • ภาวะหัวใจหยุดเต้นจากแผลเป็นเล็กๆ กระจาย หลายแห่งในกล้ามเนื้อหัวใจ (multiple microscars MMS)รายงานการชันสูตรศพ และตรวจชิ้นเนื้อของกล้ามเนื้อหัวใจในผู้เสียชีวิตสามราย ที่ มีภาวะหัวใจหยุดเต้นที่อธิบายไม่ได้ (unexplained cardiac arrest) โดยมีอายุมาก 75 91 และ 73 ปีถึงแม้ผู้เสียชีวิตจะสูงวัยแต่การตรวจ พบสิ่งปกติที่ทางสถาบันไม่เคยพบมาก่อนตลอดช่วงระยะเวลา 30 ปี นั้นก็คือ • แผลเป็นขนาดเล็กกระจายทั่วไป multiple micro scars ซึ่งต่างจากแผลเป็นขนาดใหญ่ ที่พบได้ทั่วไปในกรณีที่เส้นเลือดหัวใจตัน ทั้งสามรายได้รับโควิดวัคซีน ห้าเข็ม ในสองรายแรก และหกเข็มในสุดท้ายรายที่สองมีมะเร็ง HCC และรายที่สามมีมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โดยได้รับเคมีบำบัดด้วย และการชันสูตรศพไม่สามารถอธิบายความเกี่ยวพันของภาวะมะเร็งและเคมีบำบัด และไม่พบโปรตีนอมิลอยด์ใน แผลเป็น จึงไม่ใช่เป็นโรคอมิลอยด์ของหัวใจ (cardiac amyloidosis)การอภิปรายของคณะรายงานนี่อาจเป็นรายงานแรกของผู้ป่วยที่มี MMS ในหัวใจที่เสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้น • ที่น่าสังเกตคือ การบีบตัวของหัวใจซ้าย ejection fraction ของผู้ป่วยทั้ง 3 รายไม่ได้ลดลง แม้ว่าจะมี MMS ในกล้ามเนื้อหัวใจทั้งหมด • ผู้ป่วย 2 รายไม่มีประวัติติดเชื้อ COVID-19 และ 1 รายติดเชื้อ COVID-19 • สำหรับประวัติการฉีดวัคซีน COVID-19 ผู้ป่วยทั้ง 3 รายมีประวัติการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันจนถึงการเข้ารับการรักษาครั้งสุดท้าย • มีการรายงานความเชื่อมโยงระหว่างภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะและการฉีดวัคซีน COVID-19 เมื่อไม่นานนี้ ตามวารสารด้านล่าง • Patone M., Mei X.W., Handunnetthi L., et al. "Risks of myocarditis, pericarditis, and cardiac arrhythmias associated with COVID-19 vaccination or SARS-CoV-2 infection". Nat Med . 2022;28:410-422. �CrossrefMedlineGoogle Scholar • Pari B., Babbili A., Kattubadi A., et al. "COVID-19 vaccination and cardiac arrhythmias: a review". Curr Cardiol Rep . 2023;25:925-940. �CrossrefMedlineGoogle Scholar • การสำรวจทั่วโลกแสดงให้เห็นว่าวัคซีน COVID-19 ทุกประเภทดูเหมือนจะกระตุ้นให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ และวัคซีน COVID-19 อาจทำให้เกิดความผิดปกติของการนำไฟฟ้าของหัวใจ • กลไกเหล่านี้คาดว่าจะเกิดจากการเลียนแบบโมเลกุลหรือการผลิตโปรตีนสไปก์ การตอบสนองของการอักเสบที่เพิ่มขึ้น และการเกิดแผลเป็นและพังผืด • ในที่สุด ที่น่าสนใจคือ ในกรณีศึกษาทางพยาธิวิทยาปัจจุบัน ยังพบไมโครสการ์ริง (แผลเป็นขนาดเล็ก) ที่จุดเชื่อมต่อระหว่างatriumด้านซ้ายกับหลอดเลือดแดงพัลโมนารีและatriumด้านบน ซึ่งเป็นตำแหน่งทั่วไป สำหรับการรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดปกติด้วยการใส่สายสวนเข้าไปจี้ • ในอนาคต เราหวังว่าจะได้เห็นการวิจัยที่จะทำให้สามารถวินิจฉัยพยาธิสรีรวิทยาของ MMS ในหัวใจได้ผ่านการสร้างภาพหัวใจและ/หรือการตรวจเลือดก่อนเสียชีวิต • เหตุใดจึงพบ MMS ในกล้ามเนื้อหัวใจเท่านั้น? • ระยะห่างและขนาดของแผลเป็นที่อยู่ติดกันภายในกล้ามเนื้อหัวใจบ่งชี้ว่า แผลเป็นเกิดขึ้นหลังจากการอักเสบที่ระดับของหลอดเลือดฝอยขนาดเล็ก ระยะห่างจากหลอดเลือดแดงส่วนปลายไปยังจุดเริ่มต้นของหลอดเลือดดำอยู่ที่ประมาณ 300 ถึง 500 ไมโครเมตร (การศึกษาแผนภูมิของ เส้นเลือดฝอยในตำรา เช่นเดียวกับระยะห่างระหว่างแผลเป็นในกรณีปัจจุบัน) • ข้อเท็จจริงที่ว่าแผลเป็นเหล่านี้เกิดจากการอักเสบอันเนื่องมาจากการอุดตันของหลอดเลือดฝอยเท่านั้น และแผลเป็นแต่ละแผลมีลักษณะเหมือนกัน แสดงให้เห็นว่า“การอักเสบเกิดขึ้นพร้อมกันทั้งหมดและในเวลาเดียวกัน ” การย้อมด้วย antibody ต่อ CD42b ไม่ติดในหัวใจ ซึ่งบ่งชี้ว่าไม่มีการกระตุ้นของเกล็ดเลือด กล่าวคือ ไม่ใช่เป็นการเกิดขึ้นเฉียบพลัน (acute phase) • แม้ว่าจะยังไม่มีรายงานการดำเนินไปของ MMS ในหัวใจ แต่ก็ถือเป็นการพยากรณ์โรคที่ไม่ดี เว้นแต่จะได้รับการรักษาที่เหมาะสม • ดังที่แสดงในภาพขยายของหัวใจ จะเห็นการแตกตัวของเม็ดเลือดแดงในหลอดเลือดขนาดเล็กซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะความผิดปกติของหลอดเลือดขนาดเล็ก (microangiopathy) ที่เกิดจากลิ่มเลือด (thrombotic microangiopathy) • การค้นพบความผิดปกติของหลอดเลือดขนาดเล็กที่ไม่คาดคิดนี้ เกิดขึ้นในกล้ามเนื้อหัวใจเท่านั้น ไม่ใช่ในไต แสดงให้เห็นว่ากรณีเหล่านี้ไม่เข้ากันกับการวินิจฉัยภาวะเกล็ดเลือดต่ำจากลิ่มเลือด (TTP :thrombotic thrombocytopenia) หรือกลุ่มอาการยูรีเมียจากเม็ดเลือดแดงแตกผิดปกติ (HUS :hemolytic uremic syndrome) • แต่ถือเป็นความผิดปกติของหลอดเลือดขนาดเล็กจากลิ่มเลือดในทางพยาธิวิทยา • สาเหตุของ MMS ในหัวใจยังไม่ชัดเจน • แต่ด้วยความจริงที่ว่า MMS ในหัวใจที่หายากเหล่านี้ยังคงพบได้ในระหว่างการชันสูตรพลิกศพภายในระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 6 เดือน • ทำให้เราต้องพิจารณาถึงความเกี่ยวข้อง กับปัจจัยโน้มนำที่เกิดขึ้นในระยะปัจจุบัน • แม้ว่าภาวะหลอดเลือดแดงตีบในกล้ามเนื้อหัวใจ มีความเป็นไปได้ในผู้ป่วย MMS ในหัวใจเหล่านี้ที่จะเกิดก่อนหน้านี้นาน • แต่เราไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อ COVID-19 • มีรายงานการเกิดลิ่มเลือดหลังจากการฉีดวัคซีน COVID-19 และผู้ป่วยของเราได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน COVID-19 • แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้ที่ MMS จะถูกเหนี่ยวนำโดยวัคซีน แต่ไม่สามารถพิสูจน์ความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างการฉีดวัคซีนและ MMS เหล่านี้กับลิ่มเลือดในระดับเส้นเลือดฝอยได้ในการศึกษานี้ • ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องของ MMS กับวัคซีนรายงานในวารสาร ราชวิทยาลัยหัวใจของอเมริกาCardiac Multiple Micro-Scars: An Autopsy Study.J Am Coll Cardiol Case Rep. 2025 Mar, 30 (5)https://www.jacc.org/doi/full/10.1016/j.jaccas.2024.103083?utm_source=substack&utm_medium=emailรายงานนี้เป็นศัพท์แพทย์และเกี่ยวข้องกับรายละเอียดของการชันสูตรทางพยาธิวิทยาทั้งสิ้น ที่ระบุ แผลเป็นขนาดเล็กที่มีลักษณะเฉพาะตัว เกิดจากการอักเสบในเส้นเลือดฝอย และไม่ใช่การอุดตันของเส้นเลือดหัวใจตามปกติ ที่สำคัญก็คือ น่าจะอธิบายปรากฏการณ์หัวใจวายที่อธิบายไม่ได้ที่ปรากฏทั่วไปในระยะหลังจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งในประเทศไทยรายงานนี้ตอกย้ำรายงานก่อนหน้าที่ใช้การตรวจ MRI และมีการฉีดสี พบว่าผู้ได้รับวัคซีนมีการอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจและเมื่อติดตามจะพบแผลเป็นและรายงานที่ใช้ PET scan โดยเวชศาสตร์นิวเคลียร์ พบว่ากล้ามเนื้อหัวใจในกลุ่มคนหลายร้อยคนที่ฉีดวัคซีน แม้ไม่มีอาการแต่ก็จะมีการอักเสบคุกรุ่นตลอด (silent inflammation) เมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนทั้งนี้การตรวจทางชิ้นเนื้อพยาธิวิทยาได้ตัดประเด็นสาเหตุที่อาจจะเกิดจากโรคประจำตัว การรักษาโรคประจำตัว และไม่อาจอธิบายด้วยการติดเชื้อโควิด รายละเอียดของแต่ละราย กรรมวิธีในการตรวจสามารถสืบค้นได้ในวารสารที่แนบไว้ ที่ต้องนำมาโพสต์เพราะเป็นเรื่องสำคัญเนื่องจากการตายไม่ทราบสาเหตุแบบกระทันหันเกิดขึ้นได้ทั้งคนอายุน้อยซึ่งมีสุขภาพดี และในคนอายุมากที่ไม่มีใครสนใจเพราะมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว แต่เมื่อหาสาเหตุอันแท้จริงแล้วจะเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดมาก่อนเพจนี้อ้างอิงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น ร่วมกับสิ่งที่ประจักษ์ในผู้ป่วยที่ได้ดูแลในประเทศไทย • สื่อที่บิดเบือนความจริงในหลักฐาน ถือได้ว่าเป็นการนำความเท็จเข้าระบบคอมพิวเตอร์ และรวมทั้งที่กล่าวว่าโพสต์ของ หมอธีระวัฒน์และของหมอชลธวัช นั้นเป็นข้อมูลไม่จริง ถือเป็นหลักฐานสำคัญยิ่งที่เน้นว่าสื่อต่างๆเหล่านี้พยายามปกปิดข้อมูลและบิดเบือนความจริงตลอดมา สามารถนำเข้าสู่ขั้นตอนการร้องเรียนเพื่อดำเนินคดีได้ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑาประธานนพ ดร ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริรองประธานศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุขและที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    ภาวะหัวใจหยุดเต้นจากแผลเป็นเล็กๆ กระจาย หลายแห่งในกล้ามเนื้อหัวใจ (multiple microscars MMS)รายงานการชันสูตรศพ และตรวจชิ้นเนื้อของกล้ามเนื้อหัวใจในผู้เสียชีวิตสามราย ที่ มีภาวะหัวใจหยุดเต้นที่อธิบายไม่ได้ (unexplained cardiac arrest) โดยมีอายุมาก 75 91 และ 73 ปีถึงแม้ผู้เสียชีวิตจะสูงวัยแต่การตรวจ พบสิ่งปกติที่ทางสถาบันไม่เคยพบมาก่อนตลอดช่วงระยะเวลา 30 ปี นั้นก็คือ • แผลเป็นขนาดเล็กกระจายทั่วไป multiple micro scars ซึ่งต่างจากแผลเป็นขนาดใหญ่ ที่พบได้ทั่วไปในกรณีที่เส้นเลือดหัวใจตัน ทั้งสามรายได้รับโควิดวัคซีน ห้าเข็ม ในสองรายแรก และหกเข็มในสุดท้ายรายที่สองมีมะเร็ง HCC และรายที่สามมีมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โดยได้รับเคมีบำบัดด้วย และการชันสูตรศพไม่สามารถอธิบายความเกี่ยวพันของภาวะมะเร็งและเคมีบำบัด และไม่พบโปรตีนอมิลอยด์ใน แผลเป็น จึงไม่ใช่เป็นโรคอมิลอยด์ของหัวใจ (cardiac amyloidosis)การอภิปรายของคณะรายงานนี่อาจเป็นรายงานแรกของผู้ป่วยที่มี MMS ในหัวใจที่เสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้น • ที่น่าสังเกตคือ การบีบตัวของหัวใจซ้าย ejection fraction ของผู้ป่วยทั้ง 3 รายไม่ได้ลดลง แม้ว่าจะมี MMS ในกล้ามเนื้อหัวใจทั้งหมด • ผู้ป่วย 2 รายไม่มีประวัติติดเชื้อ COVID-19 และ 1 รายติดเชื้อ COVID-19 • สำหรับประวัติการฉีดวัคซีน COVID-19 ผู้ป่วยทั้ง 3 รายมีประวัติการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันจนถึงการเข้ารับการรักษาครั้งสุดท้าย • มีการรายงานความเชื่อมโยงระหว่างภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะและการฉีดวัคซีน COVID-19 เมื่อไม่นานนี้ ตามวารสารด้านล่าง • Patone M., Mei X.W., Handunnetthi L., et al. "Risks of myocarditis, pericarditis, and cardiac arrhythmias associated with COVID-19 vaccination or SARS-CoV-2 infection". Nat Med . 2022;28:410-422. �CrossrefMedlineGoogle Scholar • Pari B., Babbili A., Kattubadi A., et al. "COVID-19 vaccination and cardiac arrhythmias: a review". Curr Cardiol Rep . 2023;25:925-940. �CrossrefMedlineGoogle Scholar • การสำรวจทั่วโลกแสดงให้เห็นว่าวัคซีน COVID-19 ทุกประเภทดูเหมือนจะกระตุ้นให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ และวัคซีน COVID-19 อาจทำให้เกิดความผิดปกติของการนำไฟฟ้าของหัวใจ • กลไกเหล่านี้คาดว่าจะเกิดจากการเลียนแบบโมเลกุลหรือการผลิตโปรตีนสไปก์ การตอบสนองของการอักเสบที่เพิ่มขึ้น และการเกิดแผลเป็นและพังผืด • ในที่สุด ที่น่าสนใจคือ ในกรณีศึกษาทางพยาธิวิทยาปัจจุบัน ยังพบไมโครสการ์ริง (แผลเป็นขนาดเล็ก) ที่จุดเชื่อมต่อระหว่างatriumด้านซ้ายกับหลอดเลือดแดงพัลโมนารีและatriumด้านบน ซึ่งเป็นตำแหน่งทั่วไป สำหรับการรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดปกติด้วยการใส่สายสวนเข้าไปจี้ • ในอนาคต เราหวังว่าจะได้เห็นการวิจัยที่จะทำให้สามารถวินิจฉัยพยาธิสรีรวิทยาของ MMS ในหัวใจได้ผ่านการสร้างภาพหัวใจและ/หรือการตรวจเลือดก่อนเสียชีวิต • เหตุใดจึงพบ MMS ในกล้ามเนื้อหัวใจเท่านั้น? • ระยะห่างและขนาดของแผลเป็นที่อยู่ติดกันภายในกล้ามเนื้อหัวใจบ่งชี้ว่า แผลเป็นเกิดขึ้นหลังจากการอักเสบที่ระดับของหลอดเลือดฝอยขนาดเล็ก ระยะห่างจากหลอดเลือดแดงส่วนปลายไปยังจุดเริ่มต้นของหลอดเลือดดำอยู่ที่ประมาณ 300 ถึง 500 ไมโครเมตร (การศึกษาแผนภูมิของ เส้นเลือดฝอยในตำรา เช่นเดียวกับระยะห่างระหว่างแผลเป็นในกรณีปัจจุบัน) • ข้อเท็จจริงที่ว่าแผลเป็นเหล่านี้เกิดจากการอักเสบอันเนื่องมาจากการอุดตันของหลอดเลือดฝอยเท่านั้น และแผลเป็นแต่ละแผลมีลักษณะเหมือนกัน แสดงให้เห็นว่า“การอักเสบเกิดขึ้นพร้อมกันทั้งหมดและในเวลาเดียวกัน ” การย้อมด้วย antibody ต่อ CD42b ไม่ติดในหัวใจ ซึ่งบ่งชี้ว่าไม่มีการกระตุ้นของเกล็ดเลือด กล่าวคือ ไม่ใช่เป็นการเกิดขึ้นเฉียบพลัน (acute phase) • แม้ว่าจะยังไม่มีรายงานการดำเนินไปของ MMS ในหัวใจ แต่ก็ถือเป็นการพยากรณ์โรคที่ไม่ดี เว้นแต่จะได้รับการรักษาที่เหมาะสม • ดังที่แสดงในภาพขยายของหัวใจ จะเห็นการแตกตัวของเม็ดเลือดแดงในหลอดเลือดขนาดเล็กซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะความผิดปกติของหลอดเลือดขนาดเล็ก (microangiopathy) ที่เกิดจากลิ่มเลือด (thrombotic microangiopathy) • การค้นพบความผิดปกติของหลอดเลือดขนาดเล็กที่ไม่คาดคิดนี้ เกิดขึ้นในกล้ามเนื้อหัวใจเท่านั้น ไม่ใช่ในไต แสดงให้เห็นว่ากรณีเหล่านี้ไม่เข้ากันกับการวินิจฉัยภาวะเกล็ดเลือดต่ำจากลิ่มเลือด (TTP :thrombotic thrombocytopenia) หรือกลุ่มอาการยูรีเมียจากเม็ดเลือดแดงแตกผิดปกติ (HUS :hemolytic uremic syndrome) • แต่ถือเป็นความผิดปกติของหลอดเลือดขนาดเล็กจากลิ่มเลือดในทางพยาธิวิทยา • สาเหตุของ MMS ในหัวใจยังไม่ชัดเจน • แต่ด้วยความจริงที่ว่า MMS ในหัวใจที่หายากเหล่านี้ยังคงพบได้ในระหว่างการชันสูตรพลิกศพภายในระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 6 เดือน • ทำให้เราต้องพิจารณาถึงความเกี่ยวข้อง กับปัจจัยโน้มนำที่เกิดขึ้นในระยะปัจจุบัน • แม้ว่าภาวะหลอดเลือดแดงตีบในกล้ามเนื้อหัวใจ มีความเป็นไปได้ในผู้ป่วย MMS ในหัวใจเหล่านี้ที่จะเกิดก่อนหน้านี้นาน • แต่เราไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อ COVID-19 • มีรายงานการเกิดลิ่มเลือดหลังจากการฉีดวัคซีน COVID-19 และผู้ป่วยของเราได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน COVID-19 • แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้ที่ MMS จะถูกเหนี่ยวนำโดยวัคซีน แต่ไม่สามารถพิสูจน์ความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างการฉีดวัคซีนและ MMS เหล่านี้กับลิ่มเลือดในระดับเส้นเลือดฝอยได้ในการศึกษานี้ • ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องของ MMS กับวัคซีนรายงานในวารสาร ราชวิทยาลัยหัวใจของอเมริกาCardiac Multiple Micro-Scars: An Autopsy Study.J Am Coll Cardiol Case Rep. 2025 Mar, 30 (5)https://www.jacc.org/doi/full/10.1016/j.jaccas.2024.103083?utm_source=substack&utm_medium=emailรายงานนี้เป็นศัพท์แพทย์และเกี่ยวข้องกับรายละเอียดของการชันสูตรทางพยาธิวิทยาทั้งสิ้น ที่ระบุ แผลเป็นขนาดเล็กที่มีลักษณะเฉพาะตัว เกิดจากการอักเสบในเส้นเลือดฝอย และไม่ใช่การอุดตันของเส้นเลือดหัวใจตามปกติ ที่สำคัญก็คือ น่าจะอธิบายปรากฏการณ์หัวใจวายที่อธิบายไม่ได้ที่ปรากฏทั่วไปในระยะหลังจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งในประเทศไทยรายงานนี้ตอกย้ำรายงานก่อนหน้าที่ใช้การตรวจ MRI และมีการฉีดสี พบว่าผู้ได้รับวัคซีนมีการอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจและเมื่อติดตามจะพบแผลเป็นและรายงานที่ใช้ PET scan โดยเวชศาสตร์นิวเคลียร์ พบว่ากล้ามเนื้อหัวใจในกลุ่มคนหลายร้อยคนที่ฉีดวัคซีน แม้ไม่มีอาการแต่ก็จะมีการอักเสบคุกรุ่นตลอด (silent inflammation) เมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนทั้งนี้การตรวจทางชิ้นเนื้อพยาธิวิทยาได้ตัดประเด็นสาเหตุที่อาจจะเกิดจากโรคประจำตัว การรักษาโรคประจำตัว และไม่อาจอธิบายด้วยการติดเชื้อโควิด รายละเอียดของแต่ละราย กรรมวิธีในการตรวจสามารถสืบค้นได้ในวารสารที่แนบไว้ ที่ต้องนำมาโพสต์เพราะเป็นเรื่องสำคัญเนื่องจากการตายไม่ทราบสาเหตุแบบกระทันหันเกิดขึ้นได้ทั้งคนอายุน้อยซึ่งมีสุขภาพดี และในคนอายุมากที่ไม่มีใครสนใจเพราะมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว แต่เมื่อหาสาเหตุอันแท้จริงแล้วจะเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดมาก่อนเพจนี้อ้างอิงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น ร่วมกับสิ่งที่ประจักษ์ในผู้ป่วยที่ได้ดูแลในประเทศไทย • สื่อที่บิดเบือนความจริงในหลักฐาน ถือได้ว่าเป็นการนำความเท็จเข้าระบบคอมพิวเตอร์ และรวมทั้งที่กล่าวว่าโพสต์ของ หมอธีระวัฒน์และของหมอชลธวัช นั้นเป็นข้อมูลไม่จริง ถือเป็นหลักฐานสำคัญยิ่งที่เน้นว่าสื่อต่างๆเหล่านี้พยายามปกปิดข้อมูลและบิดเบือนความจริงตลอดมา สามารถนำเข้าสู่ขั้นตอนการร้องเรียนเพื่อดำเนินคดีได้ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑาประธานนพ ดร ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริรองประธานศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุขและที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    Like
    3
    0 Comments 1 Shares 395 Views 0 Reviews
  • เซเลนสกี้ปฏิเสธรายงานของรัสเซียเกี่ยวกับการยิงเครื่องบินรบ F-16 ตกในทิศทางภูมิภาคซูมี (Sumy) นอกจากไม่ยอมรับแล้ว เขายังแจ้งเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ขณะนี้มีเครื่องบินรบลำใหม่มาถึงยูเครนแล้ว รวมทั้งระบบขีปนาวุธของ Patriot ของสหรัฐ ที่กำลังเดินทางมาผ่านทางเยอรมนี

    ตั้งแต่ช่วงเย็นเมื่อวานนี้ มีกระแสข่าวในโชเชียลว่าเครื่องบิน F-16 ของยูเครนถูกยิงตกในทิศทางภูมิภาคซูมี แม้ว่าข้อมูลดังกล่าวจะยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่จากข้อมูลต่างๆจำนวนมากที่รายงานออกมา บ่งชี้ว่ามีความน่าเชื่อถืออย่างสูง และนักบินก็เสียชีวิตด้วยเช่นกัน

    รายละเอียดที่ปรากฎตามข่าว ระบุว่าฝ่ายรัสเซียมีการวางแผนโจมตีเครื่องบินไว้เป็นอย่างดี โดยมีการเคลื่อนระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 เข้ามาใกล้ชายแดนมากขึ้น หลังจากมีการรายงานข่าวการปรากฎตัวของเครื่องบินเหนือภูมิภาคซูมีบ่อยครั้งไปเมื่อวันก่อน

    หลังจากเรดาร์ตรวจจับการขึ้นบินของเครื่องบินขับไล่ F-16 ใกล้แนวเขตชายแดน นักบิน Su-35 ของรัสเซียซึ่งเตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว ใช้ระบบเรดาร์บนเครื่อง ช่วยในการระบุเป้าหมายให้กับทีมควบคุมระบบ S-400 เพื่อทำลายเป้าหมายลงได้ในที่สุด

    รายงานยังระบุอีกว่า เครื่องบิน F-16 น่าจะบินจากสนามบิน Vasylkiv ของยูเครน เนื่องจากช่วงการบุกภูมิภาค Kursk ฝ่ายรัสเซียเฝ้าติดตามจนทราบว่ามีการขึ้นบินจากที่นั่น และโดยปกติจะบินเหนือภูมิภาคซูมีเพื่อคอยคุ้มกัน MiG-29 ในระยะไกล แต่ครั้งนี้ต่างออกไป คือ F-16 ทำหน้าที่หลักในการโจมตีเอง
    เซเลนสกี้ปฏิเสธรายงานของรัสเซียเกี่ยวกับการยิงเครื่องบินรบ F-16 ตกในทิศทางภูมิภาคซูมี (Sumy) นอกจากไม่ยอมรับแล้ว เขายังแจ้งเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ขณะนี้มีเครื่องบินรบลำใหม่มาถึงยูเครนแล้ว รวมทั้งระบบขีปนาวุธของ Patriot ของสหรัฐ ที่กำลังเดินทางมาผ่านทางเยอรมนี ตั้งแต่ช่วงเย็นเมื่อวานนี้ มีกระแสข่าวในโชเชียลว่าเครื่องบิน F-16 ของยูเครนถูกยิงตกในทิศทางภูมิภาคซูมี แม้ว่าข้อมูลดังกล่าวจะยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่จากข้อมูลต่างๆจำนวนมากที่รายงานออกมา บ่งชี้ว่ามีความน่าเชื่อถืออย่างสูง และนักบินก็เสียชีวิตด้วยเช่นกัน รายละเอียดที่ปรากฎตามข่าว ระบุว่าฝ่ายรัสเซียมีการวางแผนโจมตีเครื่องบินไว้เป็นอย่างดี โดยมีการเคลื่อนระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 เข้ามาใกล้ชายแดนมากขึ้น หลังจากมีการรายงานข่าวการปรากฎตัวของเครื่องบินเหนือภูมิภาคซูมีบ่อยครั้งไปเมื่อวันก่อน หลังจากเรดาร์ตรวจจับการขึ้นบินของเครื่องบินขับไล่ F-16 ใกล้แนวเขตชายแดน นักบิน Su-35 ของรัสเซียซึ่งเตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว ใช้ระบบเรดาร์บนเครื่อง ช่วยในการระบุเป้าหมายให้กับทีมควบคุมระบบ S-400 เพื่อทำลายเป้าหมายลงได้ในที่สุด รายงานยังระบุอีกว่า เครื่องบิน F-16 น่าจะบินจากสนามบิน Vasylkiv ของยูเครน เนื่องจากช่วงการบุกภูมิภาค Kursk ฝ่ายรัสเซียเฝ้าติดตามจนทราบว่ามีการขึ้นบินจากที่นั่น และโดยปกติจะบินเหนือภูมิภาคซูมีเพื่อคอยคุ้มกัน MiG-29 ในระยะไกล แต่ครั้งนี้ต่างออกไป คือ F-16 ทำหน้าที่หลักในการโจมตีเอง
    0 Comments 0 Shares 208 Views 0 Reviews
  • Micron และ SK hynix เปิดตัวเทคโนโลยีหน่วยความจำใหม่ชื่อ SOCAMM ที่ช่วยให้เซิร์ฟเวอร์ AI ทำงานได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แถมประหยัดพลังงานด้วย! ด้วยความจุสูงถึง 128GB ต่อโมดูลและขนาดเล็กกะทัดรัด SOCAMM ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI ที่ต้องการแบนด์วิดท์สูง เช่น การฝึกโมเดลขนาดใหญ่ หน่วยความจำนี้จะถูกใช้ในระบบ Nvidia GB300 Grace ซึ่งช่วยลดต้นทุนและปรับปรุงระบบให้ดียิ่งขึ้น

    เทคโนโลยีขั้นสูง:
    - SOCAMM มีขนาดเล็กเพียงหนึ่งในสามของ RDIMM ปกติ และใช้ชิป LPDDR5X ที่มีความเร็วการส่งข้อมูลสูงสุด 9.6 GT/s (สำหรับ Micron) และ 7.5 GT/s (สำหรับ SK hynix)
    - ช่วยลดพลังงานที่ใช้ลงถึงหนึ่งในสามเมื่อเทียบกับ RDIMM ความจุ 128GB แบบเดิม

    การออกแบบเพื่ออนาคต:
    - หน่วยความจำนี้ได้รับการออกแบบเพื่อรองรับงาน AI ที่ต้องการแบนด์วิดท์สูง เช่น การฝึกโมเดลใหญ่ (AI training) และการใช้งานเชิงคาดการณ์ (AI inference)
    - ระบบที่ใช้ SOCAMM ช่วยให้การผลิตและการซ่อมบำรุงเซิร์ฟเวอร์ทำได้ง่ายขึ้น ลดต้นทุนการบำรุงรักษา

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม:
    - LPDDR5X ของ Micron และ SK hynix เพิ่มขีดความสามารถในการประมวลผลเซิร์ฟเวอร์ให้ดียิ่งขึ้น พร้อมช่วยลดภาระของ CPU และพลังงานที่ใช้ในศูนย์ข้อมูล
    - แม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนว่า SOCAMM จะกลายเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมในอนาคตหรือไม่ แต่การใช้งานครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับระบบที่ใช้ Nvidia Grace และ Vera CPU

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ram/micron-and-sk-hynix-unveil-lpddr5x-socamm-up-to-128gb-for-ai-servers
    Micron และ SK hynix เปิดตัวเทคโนโลยีหน่วยความจำใหม่ชื่อ SOCAMM ที่ช่วยให้เซิร์ฟเวอร์ AI ทำงานได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แถมประหยัดพลังงานด้วย! ด้วยความจุสูงถึง 128GB ต่อโมดูลและขนาดเล็กกะทัดรัด SOCAMM ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI ที่ต้องการแบนด์วิดท์สูง เช่น การฝึกโมเดลขนาดใหญ่ หน่วยความจำนี้จะถูกใช้ในระบบ Nvidia GB300 Grace ซึ่งช่วยลดต้นทุนและปรับปรุงระบบให้ดียิ่งขึ้น เทคโนโลยีขั้นสูง: - SOCAMM มีขนาดเล็กเพียงหนึ่งในสามของ RDIMM ปกติ และใช้ชิป LPDDR5X ที่มีความเร็วการส่งข้อมูลสูงสุด 9.6 GT/s (สำหรับ Micron) และ 7.5 GT/s (สำหรับ SK hynix) - ช่วยลดพลังงานที่ใช้ลงถึงหนึ่งในสามเมื่อเทียบกับ RDIMM ความจุ 128GB แบบเดิม การออกแบบเพื่ออนาคต: - หน่วยความจำนี้ได้รับการออกแบบเพื่อรองรับงาน AI ที่ต้องการแบนด์วิดท์สูง เช่น การฝึกโมเดลใหญ่ (AI training) และการใช้งานเชิงคาดการณ์ (AI inference) - ระบบที่ใช้ SOCAMM ช่วยให้การผลิตและการซ่อมบำรุงเซิร์ฟเวอร์ทำได้ง่ายขึ้น ลดต้นทุนการบำรุงรักษา ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม: - LPDDR5X ของ Micron และ SK hynix เพิ่มขีดความสามารถในการประมวลผลเซิร์ฟเวอร์ให้ดียิ่งขึ้น พร้อมช่วยลดภาระของ CPU และพลังงานที่ใช้ในศูนย์ข้อมูล - แม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนว่า SOCAMM จะกลายเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมในอนาคตหรือไม่ แต่การใช้งานครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับระบบที่ใช้ Nvidia Grace และ Vera CPU https://www.tomshardware.com/pc-components/ram/micron-and-sk-hynix-unveil-lpddr5x-socamm-up-to-128gb-for-ai-servers
    0 Comments 0 Shares 164 Views 0 Reviews
  • ประธาน ICC โทโมโกะ อากาเนะ คือใคร?📌 และทำไมรัสเซียถึงต้องการตัวเธอ? เปิดตัวตน "โทโมโกะ อากาเนะ" ประธาน ICC คนล่าสุด และเหตุผลที่รัสเซียต้องการตัวเธอ! หมายจับปูตินสั่นสะเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จนเกิดคดีย้อนกลับและมาตรการคว่ำบาตรจากมหาอำนาจ👉โทโมโกะ อากาเนะ ผู้พิพากษาชาวญี่ปุ่นวัย 68 ปี ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) เมื่อมีนาคม 2024 หลังจากเข้าเป็นผู้พิพากษา ICC ตั้งแต่ปี 2018 เธอมีประวัติการทำงานอันโดดเด่น เคยเป็นหัวหน้าสถาบันสหประชาชาติเพื่อการป้องกันอาชญากรรม (UNAFEI) ระหว่างปี 2009-2011 และสั่งสมประสบการณ์ส่วนใหญ่ในฐานะอัยการในประเทศญี่ปุ่น สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้านกระบวนการยุติธรรมทางอาญาจากสหรัฐอเมริกา อากาเนะเป็นที่รู้จักจากการเป็นส่วนหนึ่งในการออกหมายจับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และมาเรีย ลวอวา-เบลโลวา ในข้อหา "เคลื่อนย้ายเด็กอย่างผิดกฎหมาย" จากพื้นที่ดอนบาสในปี 2023 ส่งผลให้รัสเซียตอบโต้ด้วยการฟ้องคดีอาญาต่อเธอในข้อหาพยายามกักขังบุคคลโดยมิชอบด้วยกฎหมายและเตรียมการโจมตีเจ้าหน้าที่ต่างประเทศที่ได้รับการคุ้มครอง รัสเซียอ้างว่าประมุขของรัฐย่อมได้รับเอกสิทธิ์คุ้มกันภายใต้อนุสัญญาปี 1973 แม้ว่าจะถอนตัวจาก ICC ไปแล้วตั้งแต่ปี 2016 ปัจจุบันแม้แต่ประเทศสมาชิก ICC หลายแห่งก็ยังปฏิเสธที่จะจับกุมปูติน ขณะที่สหรัฐฯ ได้ออกมาตรการคว่ำบาตร ICC เมื่อเดือนที่ผ่านมา สอดคล้องกับคำเตือนของอากาเนะเกี่ยวกับภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ของศาล#imctnews รายงาน
    ประธาน ICC โทโมโกะ อากาเนะ คือใคร?📌 และทำไมรัสเซียถึงต้องการตัวเธอ? เปิดตัวตน "โทโมโกะ อากาเนะ" ประธาน ICC คนล่าสุด และเหตุผลที่รัสเซียต้องการตัวเธอ! หมายจับปูตินสั่นสะเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จนเกิดคดีย้อนกลับและมาตรการคว่ำบาตรจากมหาอำนาจ👉โทโมโกะ อากาเนะ ผู้พิพากษาชาวญี่ปุ่นวัย 68 ปี ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) เมื่อมีนาคม 2024 หลังจากเข้าเป็นผู้พิพากษา ICC ตั้งแต่ปี 2018 เธอมีประวัติการทำงานอันโดดเด่น เคยเป็นหัวหน้าสถาบันสหประชาชาติเพื่อการป้องกันอาชญากรรม (UNAFEI) ระหว่างปี 2009-2011 และสั่งสมประสบการณ์ส่วนใหญ่ในฐานะอัยการในประเทศญี่ปุ่น สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้านกระบวนการยุติธรรมทางอาญาจากสหรัฐอเมริกา อากาเนะเป็นที่รู้จักจากการเป็นส่วนหนึ่งในการออกหมายจับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และมาเรีย ลวอวา-เบลโลวา ในข้อหา "เคลื่อนย้ายเด็กอย่างผิดกฎหมาย" จากพื้นที่ดอนบาสในปี 2023 ส่งผลให้รัสเซียตอบโต้ด้วยการฟ้องคดีอาญาต่อเธอในข้อหาพยายามกักขังบุคคลโดยมิชอบด้วยกฎหมายและเตรียมการโจมตีเจ้าหน้าที่ต่างประเทศที่ได้รับการคุ้มครอง รัสเซียอ้างว่าประมุขของรัฐย่อมได้รับเอกสิทธิ์คุ้มกันภายใต้อนุสัญญาปี 1973 แม้ว่าจะถอนตัวจาก ICC ไปแล้วตั้งแต่ปี 2016 ปัจจุบันแม้แต่ประเทศสมาชิก ICC หลายแห่งก็ยังปฏิเสธที่จะจับกุมปูติน ขณะที่สหรัฐฯ ได้ออกมาตรการคว่ำบาตร ICC เมื่อเดือนที่ผ่านมา สอดคล้องกับคำเตือนของอากาเนะเกี่ยวกับภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ของศาล#imctnews รายงาน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 313 Views 0 Reviews
  • รัฐบาลจีนตั้งเป้าเพิ่มงบวิจัยและพัฒนาในปี 2025 เป็น 55 พันล้านดอลลาร์ มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์, AI, และควอนตัมคอมพิวติ้ง เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันระดับโลก งบนี้ยังครอบคลุมการสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมผ่านโครงการสินเชื่อและสิทธิประโยชน์ทางภาษี ถือว่าเป็นก้าวสำคัญของจีนในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างชาติ แม้ว่าผลลัพธ์อาจใช้เวลาพัฒนาไปอีกหลายปี

    จุดมุ่งหมายและโครงการสำคัญ:
    - งบประมาณส่วนหนึ่งจะถูกใช้ในโครงการ "Science and Technology Innovation 2030" ซึ่งเน้นพัฒนาเทคโนโลยีชั้นสูง เช่น วงจรรวม (Integrated Circuits) และ AI.
    - โครงการดังกล่าวไม่เพียงเน้นผลลัพธ์ในระยะสั้น แต่ยังสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งในด้านการค้นคว้าพื้นฐาน (Fundamental Research) เพื่อการแข่งขันในอนาคต.

    การสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs):
    - รัฐบาลมีแผนสนับสนุน SMEs ที่มีศักยภาพด้านนวัตกรรมด้วยโครงการสินเชื่อพิเศษและกลไกการแบ่งปันความเสี่ยงผ่านกองทุนรับประกันการเงินระดับประเทศ.
    - นอกจากนี้ ยังมอบสิทธิประโยชน์ทางภาษีและเงินอุดหนุนเพื่อกระตุ้นการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่.

    ความสำคัญในบริบทโลก:
    - การลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูงจะช่วยให้จีนก้าวทันหรือแม้กระทั่งแซงหน้าสหรัฐฯ ในการแข่งขันด้านเซมิคอนดักเตอร์และ AI

    แม้ว่าการลงทุนนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจจีนในสถานการณ์ที่การเติบโตชะลอตัว แต่นักวิเคราะห์มองว่าผลลัพธ์อาจต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะเห็นผลที่ชัดเจน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-to-spend-usd55-billion-on-r-and-d-in-2025-semiconductor-ai-and-quantum-computing-fields-to-benefit
    รัฐบาลจีนตั้งเป้าเพิ่มงบวิจัยและพัฒนาในปี 2025 เป็น 55 พันล้านดอลลาร์ มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์, AI, และควอนตัมคอมพิวติ้ง เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันระดับโลก งบนี้ยังครอบคลุมการสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมผ่านโครงการสินเชื่อและสิทธิประโยชน์ทางภาษี ถือว่าเป็นก้าวสำคัญของจีนในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างชาติ แม้ว่าผลลัพธ์อาจใช้เวลาพัฒนาไปอีกหลายปี จุดมุ่งหมายและโครงการสำคัญ: - งบประมาณส่วนหนึ่งจะถูกใช้ในโครงการ "Science and Technology Innovation 2030" ซึ่งเน้นพัฒนาเทคโนโลยีชั้นสูง เช่น วงจรรวม (Integrated Circuits) และ AI. - โครงการดังกล่าวไม่เพียงเน้นผลลัพธ์ในระยะสั้น แต่ยังสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งในด้านการค้นคว้าพื้นฐาน (Fundamental Research) เพื่อการแข่งขันในอนาคต. การสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs): - รัฐบาลมีแผนสนับสนุน SMEs ที่มีศักยภาพด้านนวัตกรรมด้วยโครงการสินเชื่อพิเศษและกลไกการแบ่งปันความเสี่ยงผ่านกองทุนรับประกันการเงินระดับประเทศ. - นอกจากนี้ ยังมอบสิทธิประโยชน์ทางภาษีและเงินอุดหนุนเพื่อกระตุ้นการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่. ความสำคัญในบริบทโลก: - การลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูงจะช่วยให้จีนก้าวทันหรือแม้กระทั่งแซงหน้าสหรัฐฯ ในการแข่งขันด้านเซมิคอนดักเตอร์และ AI แม้ว่าการลงทุนนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจจีนในสถานการณ์ที่การเติบโตชะลอตัว แต่นักวิเคราะห์มองว่าผลลัพธ์อาจต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะเห็นผลที่ชัดเจน https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-to-spend-usd55-billion-on-r-and-d-in-2025-semiconductor-ai-and-quantum-computing-fields-to-benefit
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    China to spend $55 billion on R&D in 2025 — Semiconductor, AI and quantum computing fields to benefit
    China set to inject $55 billion in research and development of fundamental technologies and innovating enterprises.
    0 Comments 0 Shares 288 Views 0 Reviews
  • Microsoft Edge ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่บน Android ที่ให้ผู้ใช้สามารถติดตั้งส่วนเสริม (Extensions) ได้โดยตรง กลายเป็นเบราว์เซอร์แรกที่ทำสิ่งนี้ได้ก่อน Google Chrome ฟีเจอร์นี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน เช่น บล็อกโฆษณาและดาวน์โหลดวิดีโอ แม้ว่าจะยังอยู่ในสถานะ Beta แต่ Edge ก็กำลังพยายามสร้างความแตกต่างในตลาด โดยตั้งเป้าเป็นเบราว์เซอร์ที่รองรับ AI มากขึ้น และทำให้การใช้งานเบราว์เซอร์บนมือถือมีประสิทธิภาพสูงสุด

    https://www.techspot.com/news/107178-microsoft-edge-browser-starts-offering-extensions-android-before.html
    Microsoft Edge ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่บน Android ที่ให้ผู้ใช้สามารถติดตั้งส่วนเสริม (Extensions) ได้โดยตรง กลายเป็นเบราว์เซอร์แรกที่ทำสิ่งนี้ได้ก่อน Google Chrome ฟีเจอร์นี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน เช่น บล็อกโฆษณาและดาวน์โหลดวิดีโอ แม้ว่าจะยังอยู่ในสถานะ Beta แต่ Edge ก็กำลังพยายามสร้างความแตกต่างในตลาด โดยตั้งเป้าเป็นเบราว์เซอร์ที่รองรับ AI มากขึ้น และทำให้การใช้งานเบราว์เซอร์บนมือถือมีประสิทธิภาพสูงสุด https://www.techspot.com/news/107178-microsoft-edge-browser-starts-offering-extensions-android-before.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Microsoft Edge browser starts offering extensions on Android before Chrome
    Despite being built on the same layout engine derived from the Chromium project, Edge is making a determined effort to differentiate itself from Chrome. Microsoft's browser is...
    0 Comments 0 Shares 264 Views 0 Reviews
  • "Samsung ตอนนี้เจอปัญหาใหญ่ โดยเฉพาะในตลาดชิป AI และเซมิคอนดักเตอร์ที่คู่แข่งกำลังนำหน้าไปไกล Jay Y. Lee ประธานของบริษัทถึงกับออกมาเตือนผู้บริหารว่า นี่คือสถานการณ์ 'เป็นตาย' และเรียกร้องให้มีการลงทุนระยะยาว แม้ว่าจะต้องยอมลดกำไรระยะสั้น. การประชุมผู้ถือหุ้นที่จะถึงนี้จึงเป็นจุดสำคัญที่ต้องจับตามองว่าสิ่งที่ Lee เสนอนี้จะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นในหมู่นักลงทุนได้มากแค่ไหน แต่นับว่าคำพูดของเขาก็มีผลแล้ว เพราะหุ้นของ Samsung เพิ่งกระโดดขึ้นกว่า 5%

    https://www.techspot.com/news/107174-samsung-ceo-warns-do-or-die-situation-urges.html
    "Samsung ตอนนี้เจอปัญหาใหญ่ โดยเฉพาะในตลาดชิป AI และเซมิคอนดักเตอร์ที่คู่แข่งกำลังนำหน้าไปไกล Jay Y. Lee ประธานของบริษัทถึงกับออกมาเตือนผู้บริหารว่า นี่คือสถานการณ์ 'เป็นตาย' และเรียกร้องให้มีการลงทุนระยะยาว แม้ว่าจะต้องยอมลดกำไรระยะสั้น. การประชุมผู้ถือหุ้นที่จะถึงนี้จึงเป็นจุดสำคัญที่ต้องจับตามองว่าสิ่งที่ Lee เสนอนี้จะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นในหมู่นักลงทุนได้มากแค่ไหน แต่นับว่าคำพูดของเขาก็มีผลแล้ว เพราะหุ้นของ Samsung เพิ่งกระโดดขึ้นกว่า 5% https://www.techspot.com/news/107174-samsung-ceo-warns-do-or-die-situation-urges.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Samsung CEO warns of "do-or-die" situation, urges investment over short-term profits
    Lee's remarks were delivered via a prerecorded video at a recent internal seminar attended by approximately 2,000 executives from Samsung's various affiliates. The seminars are part of...
    0 Comments 0 Shares 184 Views 0 Reviews
  • ถึงแม้ว่า AI ในยุคนี้จะฉลาดและทำเรื่องซับซ้อนได้ดี แต่กลับมีปัญหากับงานง่าย ๆ อย่างการอ่านนาฬิกาหรือทำความเข้าใจปฏิทิน นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเอดินบะระได้ทดสอบ AI หลายระบบ เช่น Gemini และ GPT แต่ผลลัพธ์พบว่า AI ส่วนใหญ่ยังอ่านนาฬิกาผิดไปกว่า 75% งานนี้ชวนให้คิดว่า การพัฒนา AI ในอนาคตควรให้ความสำคัญกับเรื่องพื้นฐานแบบนี้ด้วย ไม่ใช่แค่เรื่องซับซ้อนเท่านั้น

    การทดสอบและผลลัพธ์ที่สำคัญ:
    - การทดลองใช้ภาพนาฬิกาที่มีหลายรูปแบบ เช่น ตัวเลขโรมันหรือเข็มนาฬิกาที่มีสไตล์ต่างกัน ซึ่งสร้างความลำบากให้ AI ในการตีความเวลา.
    - Gemini 2.0 มีคะแนนสูงสุดในส่วนของการอ่านนาฬิกา แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีความแม่นยำต่ำกว่า 25%.

    ความสำคัญของการศึกษา:
    - การศึกษานี้เน้นย้ำว่า แม้ AI จะพัฒนาไปมาก แต่ยังมีปัญหากับการทำงานพื้นฐาน เช่น การอ่านเวลาและการจัดการตาราง ซึ่งเป็นเรื่องง่ายสำหรับมนุษย์.
    - ปัญหาดังกล่าวอาจส่งผลต่อการใช้งาน AI ในแอปพลิเคชันจริงที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเวลาและงานอื่น ๆ ที่ต้องการความแม่นยำ.

    ความพยายามแก้ไขและอนาคตของ AI:
    - นักวิจัยระบุว่า การพัฒนา AI ควรมุ่งเน้นที่การปรับปรุงความสามารถพื้นฐานควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน.
    - งานวิจัยนี้จะถูกนำเสนอในงานประชุมวิชาการ ICLR ในเดือนเมษายน ที่สิงคโปร์

    https://www.techspot.com/news/107172-most-ais-struggle-reading-clocks-misreading-faces-75.html
    ถึงแม้ว่า AI ในยุคนี้จะฉลาดและทำเรื่องซับซ้อนได้ดี แต่กลับมีปัญหากับงานง่าย ๆ อย่างการอ่านนาฬิกาหรือทำความเข้าใจปฏิทิน นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเอดินบะระได้ทดสอบ AI หลายระบบ เช่น Gemini และ GPT แต่ผลลัพธ์พบว่า AI ส่วนใหญ่ยังอ่านนาฬิกาผิดไปกว่า 75% งานนี้ชวนให้คิดว่า การพัฒนา AI ในอนาคตควรให้ความสำคัญกับเรื่องพื้นฐานแบบนี้ด้วย ไม่ใช่แค่เรื่องซับซ้อนเท่านั้น การทดสอบและผลลัพธ์ที่สำคัญ: - การทดลองใช้ภาพนาฬิกาที่มีหลายรูปแบบ เช่น ตัวเลขโรมันหรือเข็มนาฬิกาที่มีสไตล์ต่างกัน ซึ่งสร้างความลำบากให้ AI ในการตีความเวลา. - Gemini 2.0 มีคะแนนสูงสุดในส่วนของการอ่านนาฬิกา แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีความแม่นยำต่ำกว่า 25%. ความสำคัญของการศึกษา: - การศึกษานี้เน้นย้ำว่า แม้ AI จะพัฒนาไปมาก แต่ยังมีปัญหากับการทำงานพื้นฐาน เช่น การอ่านเวลาและการจัดการตาราง ซึ่งเป็นเรื่องง่ายสำหรับมนุษย์. - ปัญหาดังกล่าวอาจส่งผลต่อการใช้งาน AI ในแอปพลิเคชันจริงที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเวลาและงานอื่น ๆ ที่ต้องการความแม่นยำ. ความพยายามแก้ไขและอนาคตของ AI: - นักวิจัยระบุว่า การพัฒนา AI ควรมุ่งเน้นที่การปรับปรุงความสามารถพื้นฐานควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน. - งานวิจัยนี้จะถูกนำเสนอในงานประชุมวิชาการ ICLR ในเดือนเมษายน ที่สิงคโปร์ https://www.techspot.com/news/107172-most-ais-struggle-reading-clocks-misreading-faces-75.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Most AIs struggle with reading clocks, misreading faces 75% of the time
    A team of researchers at Edinburgh University tested some top multimodal large language models to see how well they could answer questions based on images of clocks...
    0 Comments 0 Shares 246 Views 0 Reviews
  • "ถึงแม้ว่าโลกเกมจะเต็มไปด้วยความสนุกสนานและความหลากหลายของผู้เล่น แต่ในมุมของผู้หญิงที่ทำงานในอุตสาหกรรมนี้ ยังมีปัญหาใหญ่ที่ต้องเผชิญ ผู้หญิงหลายคนเล่าถึงประสบการณ์ที่ถูกล่วงละเมิดหรือไม่ได้รับความเคารพในที่ทำงาน ตัวเลขของผู้หญิงในสายเทคโนโลยียังต่ำมาก แม้จะมีความพยายามเปลี่ยนแปลง เช่น บริษัทใหญ่อย่าง Ubisoft ได้ลงมือปรับปรุงระบบภายใน แต่วิกฤตเศรษฐกิจกลับทำให้ปัญหาใหม่เกิดขึ้น เช่น การลดตำแหน่งงานและการลดงบประมาณสนับสนุนด้านความหลากหลาย เรื่องนี้ยังเป็นความท้าทายใหญ่ที่ต้องแก้ไขต่อไป

    สถิติที่น่าตกใจ:
    - มีการเติบโตของจำนวนผู้หญิงในวงการเกมในฝรั่งเศสจาก 15% ในปี 2018 เป็น 24% ในปี 2023 แต่ในตำแหน่งงานด้านเทคนิค เช่น การออกแบบและเขียนโค้ด ยังคงมีผู้หญิงน้อยกว่า 10%.

    การดำเนินการของบริษัทใหญ่:
    - Ubisoft มีการปรับปรุงด้านทรัพยากรบุคคลและตั้งทีมดูแลพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ขณะที่อดีตผู้บริหารบางรายถูกไล่ออกและอยู่ระหว่างรอการพิจารณาคดี

    ความกังวลในยุคเศรษฐกิจไม่มั่นคง:
    - ปัญหาเศรษฐกิจทำให้บริษัทเกมหลายแห่งลดจำนวนงาน และผู้หญิงที่อยู่ในตำแหน่งล่าง ๆ ขององค์กรมักได้รับผลกระทบก่อน
    - การลดทรัพยากรสำหรับความหลากหลายและความเท่าเทียมกัน (Diversity, Equity, Inclusion: DEI) กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจถอยหลังไปสู่ปัญหาเดิม

    ผลกระทบทางวัฒนธรรม:
    - ผู้หญิงหลายคนไม่กล้าเปิดเผยปัญหาเพราะกลัวเสียชื่อเสียงหรือถูกแบล็กลิสต์ในวงการที่เล็กและเชื่อมโยงกันมาก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/18/games-industry-still-a-hostile-environment-for-many-women
    "ถึงแม้ว่าโลกเกมจะเต็มไปด้วยความสนุกสนานและความหลากหลายของผู้เล่น แต่ในมุมของผู้หญิงที่ทำงานในอุตสาหกรรมนี้ ยังมีปัญหาใหญ่ที่ต้องเผชิญ ผู้หญิงหลายคนเล่าถึงประสบการณ์ที่ถูกล่วงละเมิดหรือไม่ได้รับความเคารพในที่ทำงาน ตัวเลขของผู้หญิงในสายเทคโนโลยียังต่ำมาก แม้จะมีความพยายามเปลี่ยนแปลง เช่น บริษัทใหญ่อย่าง Ubisoft ได้ลงมือปรับปรุงระบบภายใน แต่วิกฤตเศรษฐกิจกลับทำให้ปัญหาใหม่เกิดขึ้น เช่น การลดตำแหน่งงานและการลดงบประมาณสนับสนุนด้านความหลากหลาย เรื่องนี้ยังเป็นความท้าทายใหญ่ที่ต้องแก้ไขต่อไป สถิติที่น่าตกใจ: - มีการเติบโตของจำนวนผู้หญิงในวงการเกมในฝรั่งเศสจาก 15% ในปี 2018 เป็น 24% ในปี 2023 แต่ในตำแหน่งงานด้านเทคนิค เช่น การออกแบบและเขียนโค้ด ยังคงมีผู้หญิงน้อยกว่า 10%. การดำเนินการของบริษัทใหญ่: - Ubisoft มีการปรับปรุงด้านทรัพยากรบุคคลและตั้งทีมดูแลพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ขณะที่อดีตผู้บริหารบางรายถูกไล่ออกและอยู่ระหว่างรอการพิจารณาคดี ความกังวลในยุคเศรษฐกิจไม่มั่นคง: - ปัญหาเศรษฐกิจทำให้บริษัทเกมหลายแห่งลดจำนวนงาน และผู้หญิงที่อยู่ในตำแหน่งล่าง ๆ ขององค์กรมักได้รับผลกระทบก่อน - การลดทรัพยากรสำหรับความหลากหลายและความเท่าเทียมกัน (Diversity, Equity, Inclusion: DEI) กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจถอยหลังไปสู่ปัญหาเดิม ผลกระทบทางวัฒนธรรม: - ผู้หญิงหลายคนไม่กล้าเปิดเผยปัญหาเพราะกลัวเสียชื่อเสียงหรือถูกแบล็กลิสต์ในวงการที่เล็กและเชื่อมโยงกันมาก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/18/games-industry-still-a-hostile-environment-for-many-women
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Games industry still a hostile environment for many women
    Five years on from a first wave of harassment scandals that rocked the world of gaming, multiple women working in the industry tell AFP they have seen or experienced sexism in the workplace, fearing economic hardship in the sector will lead to backsliding.
    0 Comments 0 Shares 232 Views 0 Reviews
  • อดีตขุนคลังติง‘แม้ว’แก้ผิดวิธี! ปมเสนอไอเดียซื้อหนี้ประชาชนจากธนาคาร
    https://www.thai-tai.tv/news/17691/
    อดีตขุนคลังติง‘แม้ว’แก้ผิดวิธี! ปมเสนอไอเดียซื้อหนี้ประชาชนจากธนาคาร https://www.thai-tai.tv/news/17691/
    0 Comments 0 Shares 191 Views 0 Reviews
  • มีการขุดภาพถ่าย “คิมแซรน” ขณะยืนรอลิฟท์อยู่กับชายคนหนึ่ง เมื่อปี 2017 โดยชาวเน็ตต่างเชื่อว่าชายคนนั้นคือ “คิมซูฮยอน”

    มีการขุดภาพถ่ายจากอินสตาแกรมที่ชื่อว่า sae_ron_daily นำมาแชร์ว่อนเน็ตกันอีกครั้ง โดยเป็นภาพที่ คิมแซรน ยืนอยู่หน้าลิฟท์ในชุดเสื่อคลุมกันหนาวสีดำ ขณะที่ชายที่ยืนด้านข้างใส่เสื่อคลุมกันหนาวสีแดง โดยดูจากลักษณะต่างพากันคาดว่าคนในภาพคือ คิมซูฮยอน แม้ว่าศีรษะของเขาจะก้มหลบและพิงอยู่กับกำแพง จนยากจะระบุตัวตน แต่หลายๆคนก็มีความเห็นตรงกันว่า

    “เห็นแค่หู กับรูปทรงหัวของเขา คนที่เป็นแฟนคลับ คิมซูฮยอน เห็นปุ๊บรู้ปั๊บทันที”

    อย่างไรก็ตามชาวเน็ตบางส่วนยังลังเล โดยแสดงความเห็นว่า “ตอนนั้น แซรน ยังมักจะไปไหนมาไหนกับแม่ ไม่ได้ไปกับผู้จัดการ มันดูเหมือนจะเป็นเขานะ แต่มันก็มีโอกาสได้ว่าอาจจะไม่ใช่”

    รูปภาพดังกล่าวถูกโพสต์ลงในอินสตาแกรมของแฟนคลับที่สร้างขึ้นเพื่อติดตาม คิมแซรน ทำให้เชื่อว่า แฟนคลับของนักแสดงสาวน่าจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่มานานตั้งแต่ก่อนเป็นข่าวฉาวแล้ว และภาพดังกล่าวถูกโพสต์มานานตั้งแต่ปี 2017

    จึงเป็นการตอกย้ำข่าวที่ คิมซูฮยอน น่าจะคบหากับ คิมแซรน ที่เด็กกว่าเขา 12 ปี ตั้งแต่เธอยังเป็นผู้เยาว์ ตามที่ คิมแซรน เคยระบุว่า คบกันตั้งแต่ปี 2015 - 2021 ไม่ใช่เริ่มคบกันตอนปี 2019 ตามที่ต้นสังกัด Gold Medalist เคยแถลงไว้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000025362

    #MGROnline #คิมแซรน #คิมซูฮยอน
    มีการขุดภาพถ่าย “คิมแซรน” ขณะยืนรอลิฟท์อยู่กับชายคนหนึ่ง เมื่อปี 2017 โดยชาวเน็ตต่างเชื่อว่าชายคนนั้นคือ “คิมซูฮยอน” • มีการขุดภาพถ่ายจากอินสตาแกรมที่ชื่อว่า sae_ron_daily นำมาแชร์ว่อนเน็ตกันอีกครั้ง โดยเป็นภาพที่ คิมแซรน ยืนอยู่หน้าลิฟท์ในชุดเสื่อคลุมกันหนาวสีดำ ขณะที่ชายที่ยืนด้านข้างใส่เสื่อคลุมกันหนาวสีแดง โดยดูจากลักษณะต่างพากันคาดว่าคนในภาพคือ คิมซูฮยอน แม้ว่าศีรษะของเขาจะก้มหลบและพิงอยู่กับกำแพง จนยากจะระบุตัวตน แต่หลายๆคนก็มีความเห็นตรงกันว่า • “เห็นแค่หู กับรูปทรงหัวของเขา คนที่เป็นแฟนคลับ คิมซูฮยอน เห็นปุ๊บรู้ปั๊บทันที” • อย่างไรก็ตามชาวเน็ตบางส่วนยังลังเล โดยแสดงความเห็นว่า “ตอนนั้น แซรน ยังมักจะไปไหนมาไหนกับแม่ ไม่ได้ไปกับผู้จัดการ มันดูเหมือนจะเป็นเขานะ แต่มันก็มีโอกาสได้ว่าอาจจะไม่ใช่” • รูปภาพดังกล่าวถูกโพสต์ลงในอินสตาแกรมของแฟนคลับที่สร้างขึ้นเพื่อติดตาม คิมแซรน ทำให้เชื่อว่า แฟนคลับของนักแสดงสาวน่าจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่มานานตั้งแต่ก่อนเป็นข่าวฉาวแล้ว และภาพดังกล่าวถูกโพสต์มานานตั้งแต่ปี 2017 • จึงเป็นการตอกย้ำข่าวที่ คิมซูฮยอน น่าจะคบหากับ คิมแซรน ที่เด็กกว่าเขา 12 ปี ตั้งแต่เธอยังเป็นผู้เยาว์ ตามที่ คิมแซรน เคยระบุว่า คบกันตั้งแต่ปี 2015 - 2021 ไม่ใช่เริ่มคบกันตอนปี 2019 ตามที่ต้นสังกัด Gold Medalist เคยแถลงไว้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000025362 • #MGROnline #คิมแซรน #คิมซูฮยอน
    0 Comments 0 Shares 232 Views 0 Reviews
  • แม้ว่าฮาร์ดไดรฟ์จะถูกมองว่ากำลังตกยุค แต่ Seagate ก็ยังคงพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างเทคโนโลยี HAMR ที่ช่วยเพิ่มความจุและประสิทธิภาพ โดยเพิ่งขายฮาร์ดไดรฟ์รุ่น 30TB ให้ลูกค้ารายใหญ่ 2 รายในวงการคลาวด์คอมพิวติ้ง ปริมาณรวม 1 เอกซะไบต์ ซึ่งเทียบได้กับพื้นที่เก็บข้อมูลขนาดมหึมา. นอกจากนี้ Seagate ยังมุ่งพัฒนารุ่น 60TB และ 100TB เพื่อรองรับความต้องการในอนาคตอย่างต่อเนื่อง

    เทคโนโลยี HAMR และอนาคตของ HDD:
    - HAMR ใช้เลเซอร์ในการเพิ่มความหนาแน่นของข้อมูล โดยฮาร์ดไดรฟ์รุ่นล่าสุดของ Seagate มีความจุสูงสุดถึง 36TB และกำลังพัฒนารุ่น 60TB ในอนาคต
    - เทคโนโลยีต่อไปที่กำลังพัฒนาเรียกว่า HDMR (Heated Dot Magnetic Recording) ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บข้อมูลให้ละเอียดและหนาแน่นยิ่งขึ้น

    การใช้งานและประโยชน์ของ HDD ในยุคนี้:
    - HDD ยังคงมีความได้เปรียบในด้านความจุต่อราคา เมื่อเทียบกับ SSD ทำให้ยังเป็นตัวเลือกสำคัญสำหรับองค์กรที่ต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ เช่น ในระบบคลาวด์และศูนย์ข้อมูล (Data Center)
    - ลูกค้ารายใหญ่ในครั้งนี้น่าจะเป็นบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐฯ อย่าง Microsoft, Google หรือ Amazon ซึ่งต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่มาก

    ความเคลื่อนไหวของ Seagate:
    - Seagate ยังมีแผนที่จะเข้าซื้อบริษัท Intevac ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี HAMR เพื่อเร่งการพัฒนาฮาร์ดไดรฟ์ความจุสูง เช่น 100TB เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน

    https://www.techradar.com/pro/seagate-reportedly-sold-two-billion-gbs-worth-of-storage-to-two-of-the-worlds-largest-tech-companies
    แม้ว่าฮาร์ดไดรฟ์จะถูกมองว่ากำลังตกยุค แต่ Seagate ก็ยังคงพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างเทคโนโลยี HAMR ที่ช่วยเพิ่มความจุและประสิทธิภาพ โดยเพิ่งขายฮาร์ดไดรฟ์รุ่น 30TB ให้ลูกค้ารายใหญ่ 2 รายในวงการคลาวด์คอมพิวติ้ง ปริมาณรวม 1 เอกซะไบต์ ซึ่งเทียบได้กับพื้นที่เก็บข้อมูลขนาดมหึมา. นอกจากนี้ Seagate ยังมุ่งพัฒนารุ่น 60TB และ 100TB เพื่อรองรับความต้องการในอนาคตอย่างต่อเนื่อง เทคโนโลยี HAMR และอนาคตของ HDD: - HAMR ใช้เลเซอร์ในการเพิ่มความหนาแน่นของข้อมูล โดยฮาร์ดไดรฟ์รุ่นล่าสุดของ Seagate มีความจุสูงสุดถึง 36TB และกำลังพัฒนารุ่น 60TB ในอนาคต - เทคโนโลยีต่อไปที่กำลังพัฒนาเรียกว่า HDMR (Heated Dot Magnetic Recording) ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บข้อมูลให้ละเอียดและหนาแน่นยิ่งขึ้น การใช้งานและประโยชน์ของ HDD ในยุคนี้: - HDD ยังคงมีความได้เปรียบในด้านความจุต่อราคา เมื่อเทียบกับ SSD ทำให้ยังเป็นตัวเลือกสำคัญสำหรับองค์กรที่ต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ เช่น ในระบบคลาวด์และศูนย์ข้อมูล (Data Center) - ลูกค้ารายใหญ่ในครั้งนี้น่าจะเป็นบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐฯ อย่าง Microsoft, Google หรือ Amazon ซึ่งต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่มาก ความเคลื่อนไหวของ Seagate: - Seagate ยังมีแผนที่จะเข้าซื้อบริษัท Intevac ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี HAMR เพื่อเร่งการพัฒนาฮาร์ดไดรฟ์ความจุสูง เช่น 100TB เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน https://www.techradar.com/pro/seagate-reportedly-sold-two-billion-gbs-worth-of-storage-to-two-of-the-worlds-largest-tech-companies
    0 Comments 0 Shares 221 Views 0 Reviews
More Results