• ติ๊กต็อก หยุดการดำเนินงานในอเมริกาตั้งแต่ตอนดึกวันเสาร์ (18 ม.ค.) และหายไปจากแอปสโตร์ของ แอปเปิล และ กูเกิล ก่อนหน้าที่กฎหมายสหรัฐฯฉบับซึ่งกำหนดให้ปิดแอปยอดนิยมตัวนี้ที่มียูสเซอร์ชาวอเมริกันเล่นกัน 170 ล้านคน มีผลบังคับอย่างเป็นทางการในวันอาทิตย์ (19)

    ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรนัมป์ พูดเอาไว้ก่อนหน้านั้นของวันเดียวกันว่า “มีความเป็นไปได้มากที่สุด” ที่เขาจะเลื่อนการแบนติ๊กต็อกออกไป 90 วัน หลังจากเขาสาบานตัวเข้ารับตำแหน่งในวันจันทร์ (20) โดยที่ทางติ๊กต็อกก็ได้นำเอาคำสัญญานี้มาอ้างอิงไว้ในประกาศที่โพสต์ถึงยูสเซอร์ในสหรัฐฯบนแอปของตนด้วย

    ติ๊กต็อก ซึ่งมี ไบต์แดนซ์ บริษัทจีนเป็นเจ้าของ แจ้งกับพวกยูสเซอร์ที่กำลังพยายามใช้ใช้แอปตัวนี้ เมื่อประมาณ 22.45 น. ตามเวลาทางฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ (10.45 p.m. ET ตรงกับ 10.45 น. วันอาทิตย์ที่ 19 ม.ค. ตามเวลาเมืองไทย) ในประกาศฉบับดังกล่าวว่า “กฎหมายที่กำลังสั่งแบนติ๊กต็อก มีผลบังคับในสหรัฐฯแล้ว โชคร้ายที่ว่า นี่หมายความว่าคุณจะไม่สามารถใช้ติ๊กต็อกได้ในขณะนี้ เราโชคดีที่ประธานาธิบดีทรัมป์แสดงท่าทีว่าเขาจะทำงานกับเราในเรื่องหนทางแก้ไขเพื่อนำติ๊กต็อกกลับมาอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเขาเข้ารับตำแหน่ง โปรดรอติดตามข่าวต่อไป”

    แอปตัวอื่นๆ ที่เป็นของไบต์แดนซ์ รวมทั้ง แคปคัต (Capcut) แอปสำหรับการตัดต่อวิดีโอ และ เลมอน8 (Lemon8) แอปโซเชียลไลฟ์สไตล์ ก็ถูกอออฟไลน์ ตลอดจนไม่สามารถดาวน์โหลดได้จากพวกแอปสโตร์สหรัฐฯด้วยเช่นกัน ตั้งแต่ตอนดึกวันเสาร์

    “การยืดเวลาออกไป 90 วัน มีความเป็นไปได้มากที่สุดที่จะมีการดำเนินการ เพราะมันเป็นสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม” ทรัมป์ กล่าวเช่นนี้กับเครือข่ายทีวี เอ็นบีซี “ถ้าผมตัดสินใจที่จะทำอย่างนั้น ผมก็อาจจะประกาศออกมาในวันจันทร์”

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000005698

    #MGROnline #ติ๊กต็อก
    ติ๊กต็อก หยุดการดำเนินงานในอเมริกาตั้งแต่ตอนดึกวันเสาร์ (18 ม.ค.) และหายไปจากแอปสโตร์ของ แอปเปิล และ กูเกิล ก่อนหน้าที่กฎหมายสหรัฐฯฉบับซึ่งกำหนดให้ปิดแอปยอดนิยมตัวนี้ที่มียูสเซอร์ชาวอเมริกันเล่นกัน 170 ล้านคน มีผลบังคับอย่างเป็นทางการในวันอาทิตย์ (19) • ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรนัมป์ พูดเอาไว้ก่อนหน้านั้นของวันเดียวกันว่า “มีความเป็นไปได้มากที่สุด” ที่เขาจะเลื่อนการแบนติ๊กต็อกออกไป 90 วัน หลังจากเขาสาบานตัวเข้ารับตำแหน่งในวันจันทร์ (20) โดยที่ทางติ๊กต็อกก็ได้นำเอาคำสัญญานี้มาอ้างอิงไว้ในประกาศที่โพสต์ถึงยูสเซอร์ในสหรัฐฯบนแอปของตนด้วย • ติ๊กต็อก ซึ่งมี ไบต์แดนซ์ บริษัทจีนเป็นเจ้าของ แจ้งกับพวกยูสเซอร์ที่กำลังพยายามใช้ใช้แอปตัวนี้ เมื่อประมาณ 22.45 น. ตามเวลาทางฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ (10.45 p.m. ET ตรงกับ 10.45 น. วันอาทิตย์ที่ 19 ม.ค. ตามเวลาเมืองไทย) ในประกาศฉบับดังกล่าวว่า “กฎหมายที่กำลังสั่งแบนติ๊กต็อก มีผลบังคับในสหรัฐฯแล้ว โชคร้ายที่ว่า นี่หมายความว่าคุณจะไม่สามารถใช้ติ๊กต็อกได้ในขณะนี้ เราโชคดีที่ประธานาธิบดีทรัมป์แสดงท่าทีว่าเขาจะทำงานกับเราในเรื่องหนทางแก้ไขเพื่อนำติ๊กต็อกกลับมาอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเขาเข้ารับตำแหน่ง โปรดรอติดตามข่าวต่อไป” • แอปตัวอื่นๆ ที่เป็นของไบต์แดนซ์ รวมทั้ง แคปคัต (Capcut) แอปสำหรับการตัดต่อวิดีโอ และ เลมอน8 (Lemon8) แอปโซเชียลไลฟ์สไตล์ ก็ถูกอออฟไลน์ ตลอดจนไม่สามารถดาวน์โหลดได้จากพวกแอปสโตร์สหรัฐฯด้วยเช่นกัน ตั้งแต่ตอนดึกวันเสาร์ • “การยืดเวลาออกไป 90 วัน มีความเป็นไปได้มากที่สุดที่จะมีการดำเนินการ เพราะมันเป็นสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม” ทรัมป์ กล่าวเช่นนี้กับเครือข่ายทีวี เอ็นบีซี “ถ้าผมตัดสินใจที่จะทำอย่างนั้น ผมก็อาจจะประกาศออกมาในวันจันทร์” • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000005698 • #MGROnline #ติ๊กต็อก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 224 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไมเนอร์ซุ่มปั้นแบรนด์ เดอะสเต็กแอนด์มอร์

    วันคริสต์มาส 25 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมา ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวสต์เกต จ.นนทบุรี ต้อนรับร้านอาหารใหม่ที่ชื่อว่า เดอะ สเต็ก แอนด์ มอร์ (The Steak & More) บริเวณชั้น 2 ใกล้ลานน้ำพุ เป็นร้านเมนูสเต็กจานใหญ่ ราคาเริ่มต้นที่ 129 บาท พร้อมเครื่องเคียงให้เลือกมากกว่า 20 เมนู แถมยังมีเมนูพาสต้าและสลัดให้บริการอีกด้วย รูปแบบของร้านตกแต่งด้วยโทนสีส้มและดำ ในคอนเซปต์ Tasty, Variety, Value, Fun

    เมนูสเต็กเลือกซอสได้ 1 อย่าง ประกอบด้วย ซอสพริกไทยดำ ซอสสไปซี่มาโย กระเทียม หรือน้ำจิ้มแจ่ว และเครื่องเคียง 1 อย่าง เช่น ส้มตำ ลาบไก่ ยำวุ้นเส้น ข้าวเหนียว เฟรนซ์ฟรายส์ โปเตโต้ป๊อป มันบด ข้าวผัดเนยกระเทียม ซีซาร์สลัด สลัดญี่ปุ่น สลัดยูสุ โคลส์สลอว์ ชีสโทสต์ หรือจะเพิ่มเครื่องเคียงแบบพรีเมียมได้ในราคา 15 บาท ได้แก่ ขนมปังกระเทียมชีส มันอบชีส มักกะโรนีชีส กุ้งเลมอนครีม คาร์โบนารา ไก่ผัดพริกกระเทียม หมึกดำไข่กุ้ง และสไปซี่เพสโต เป็นต้น

    นอกจากนี้ ยังมีเมนูพาสต้า สลัด และซุปให้เลือกอีกด้วย เมนูแนะนำได้แก่ สลัดเต้าหู้สาหร่ายซิกเนเจอร์ ราคา 169 บาท ด้วยจุดเด่นเต้าหู้ชิ้นใหญ่ สปาเก็ตตี้หมึกดำไข่กุ้ง ราคา 169 บาท ส้มตำ ราคา 79 บาท พอร์คชอปราคา 299 บาท ไก่กรอบไจแอนท์ ราคา 169 บาท สเต็กปลาย่าง ราคา 149 บาท ซุปครีมเห็ด หรือซุปหอยลาย ราคา 69 บาท รวมทั้งมีมุม Drink & Soft Serve ที่มีเครื่องดื่มรีฟิลเติมได้ไม่อั้น โค้กสลัชชี่ และไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟพร้อมท็อปปิ้ง

    จากการค้นหาปรากฎว่าเป็นของ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจร้านอาหารและฟาสต์ฟู้ดใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก มีธุรกิจร้านอาหารมากกว่า 30 แบรนด์ ที่มีชื่อเสียงในไทยได้แก่ เดอะพิซซ่าคอมปะนี สเวนเซ่นส์ บอนชอน เบอร์เกอร์คิง ซิซซ์เล่อร์ แดรี่ควีน เดอะคอฟฟี่คลับ คอฟฟี่เจอร์นี่ กาก้า เป็นต้น

    แม้ในไทยจะมีร้านสเต็กทั้งรายใหญ่และรายย่อย แต่ที่กำลังมาแรงคือ อีทแอมอาร์ (Eat Am Are) ของบริษัท อีท แอม อา กรุ๊ป จำกัด ที่ขึ้นชื่อเรื่องปริมาณเยอะ เสิร์ฟพร้อมขนมปังชีสและเครื่องเคียง 1 รายการ ในราคาที่เข้าถึงได้ เพิ่มเครื่องเคียงพิเศษได้ในราคา 15 บาท ได้แก่ สไลซ์โปเตโต้ มันบด มันอบ สปาเก็ตตี้ ส้มตำ จากสาขาแรกปากซอยรางน้ำ ปัจจุบันขยายไปแล้ว 18 สาขา และหากเปิดตัวครั้งใดก็มีคนต่อคิวยาวเหยียด

    อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ไมเนอร์ฯ ตัดสินใจปั้นแบรนด์ร้านสเต็กจานใหญ่ นอกเหนือจากซิซซ์เล่อร์ (Sizzler) ร้านอาหารสไตล์อเมริกันที่มาพร้อมกับสลัดบาร์ เปิดสาขาแรกในไทยเมื่อปี 2535 และมีจำนวนสาขา 68 สาขาในปัจจุบัน

    #Newskit
    ไมเนอร์ซุ่มปั้นแบรนด์ เดอะสเต็กแอนด์มอร์ วันคริสต์มาส 25 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมา ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวสต์เกต จ.นนทบุรี ต้อนรับร้านอาหารใหม่ที่ชื่อว่า เดอะ สเต็ก แอนด์ มอร์ (The Steak & More) บริเวณชั้น 2 ใกล้ลานน้ำพุ เป็นร้านเมนูสเต็กจานใหญ่ ราคาเริ่มต้นที่ 129 บาท พร้อมเครื่องเคียงให้เลือกมากกว่า 20 เมนู แถมยังมีเมนูพาสต้าและสลัดให้บริการอีกด้วย รูปแบบของร้านตกแต่งด้วยโทนสีส้มและดำ ในคอนเซปต์ Tasty, Variety, Value, Fun เมนูสเต็กเลือกซอสได้ 1 อย่าง ประกอบด้วย ซอสพริกไทยดำ ซอสสไปซี่มาโย กระเทียม หรือน้ำจิ้มแจ่ว และเครื่องเคียง 1 อย่าง เช่น ส้มตำ ลาบไก่ ยำวุ้นเส้น ข้าวเหนียว เฟรนซ์ฟรายส์ โปเตโต้ป๊อป มันบด ข้าวผัดเนยกระเทียม ซีซาร์สลัด สลัดญี่ปุ่น สลัดยูสุ โคลส์สลอว์ ชีสโทสต์ หรือจะเพิ่มเครื่องเคียงแบบพรีเมียมได้ในราคา 15 บาท ได้แก่ ขนมปังกระเทียมชีส มันอบชีส มักกะโรนีชีส กุ้งเลมอนครีม คาร์โบนารา ไก่ผัดพริกกระเทียม หมึกดำไข่กุ้ง และสไปซี่เพสโต เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีเมนูพาสต้า สลัด และซุปให้เลือกอีกด้วย เมนูแนะนำได้แก่ สลัดเต้าหู้สาหร่ายซิกเนเจอร์ ราคา 169 บาท ด้วยจุดเด่นเต้าหู้ชิ้นใหญ่ สปาเก็ตตี้หมึกดำไข่กุ้ง ราคา 169 บาท ส้มตำ ราคา 79 บาท พอร์คชอปราคา 299 บาท ไก่กรอบไจแอนท์ ราคา 169 บาท สเต็กปลาย่าง ราคา 149 บาท ซุปครีมเห็ด หรือซุปหอยลาย ราคา 69 บาท รวมทั้งมีมุม Drink & Soft Serve ที่มีเครื่องดื่มรีฟิลเติมได้ไม่อั้น โค้กสลัชชี่ และไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟพร้อมท็อปปิ้ง จากการค้นหาปรากฎว่าเป็นของ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจร้านอาหารและฟาสต์ฟู้ดใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก มีธุรกิจร้านอาหารมากกว่า 30 แบรนด์ ที่มีชื่อเสียงในไทยได้แก่ เดอะพิซซ่าคอมปะนี สเวนเซ่นส์ บอนชอน เบอร์เกอร์คิง ซิซซ์เล่อร์ แดรี่ควีน เดอะคอฟฟี่คลับ คอฟฟี่เจอร์นี่ กาก้า เป็นต้น แม้ในไทยจะมีร้านสเต็กทั้งรายใหญ่และรายย่อย แต่ที่กำลังมาแรงคือ อีทแอมอาร์ (Eat Am Are) ของบริษัท อีท แอม อา กรุ๊ป จำกัด ที่ขึ้นชื่อเรื่องปริมาณเยอะ เสิร์ฟพร้อมขนมปังชีสและเครื่องเคียง 1 รายการ ในราคาที่เข้าถึงได้ เพิ่มเครื่องเคียงพิเศษได้ในราคา 15 บาท ได้แก่ สไลซ์โปเตโต้ มันบด มันอบ สปาเก็ตตี้ ส้มตำ จากสาขาแรกปากซอยรางน้ำ ปัจจุบันขยายไปแล้ว 18 สาขา และหากเปิดตัวครั้งใดก็มีคนต่อคิวยาวเหยียด อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ไมเนอร์ฯ ตัดสินใจปั้นแบรนด์ร้านสเต็กจานใหญ่ นอกเหนือจากซิซซ์เล่อร์ (Sizzler) ร้านอาหารสไตล์อเมริกันที่มาพร้อมกับสลัดบาร์ เปิดสาขาแรกในไทยเมื่อปี 2535 และมีจำนวนสาขา 68 สาขาในปัจจุบัน #Newskit
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 584 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ของว่างที่เฝ้ารอกับคำขออย่างสุดท้าย

    ความหมายของการมีชีวิตคืออะไร หนังสือเล่มนี้จะเป็นเล่มหนึ่งที่พาคุณไปเที่ยวชมและร่วมเรียนรู้ไปกับการแสวงหาความสำคัญของการอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ของใครอีกหลายคนในสภาวะที่ร่างกายกำลังอ่อนแอ ด้วยโรคร้ายกัดกินจนใกล้วาระสุดท้าย ก่อนลมหายใจจะดับลง

    สนพ.piccolo พิมพ์ครั้งแรกในญี่ปุ่นปี 2019
    ฉบับแปลไทย เม.ย.2567
    โอกาวะ อิโตะ เขียน
    ธนพล ศักดิ์สมุทรานันท์ แปล
    223 หน้า 285 บาท

    ตลอดทั้งเล่มเต็มไปด้วยความอบอวลของความรักระหว่างมนุษย์ที่มีต่อมนุษย์ด้วยกัน รวมไปถึงมนุษย์ที่มีต่อสัตว์และสัตว์เองก็แสดงตอบต่อด้วยความซื่อตรง

    เนื้อหากล่าวถึงหญิงสาวคนหนึ่งนามว่า อูมิโนะ ชิสุกุ ซึ่งมีวัย 33 ปี ชีวิตที่ผ่านมาของเธออ่อนโยนต่อคนรอบข้างมาโดยตลอดตั้งแต่ยังเด็ก โดยเฉพาะพ่อบุญธรรมที่รับเลี้ยงเธอซึ่งสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เล็ก แม้จะไม่ใช่บุพการีที่ให้กำเนิด แต่มอบความรักดูแลเอาใจใส่อย่างดี ทว่าวันหนึ่งเมื่อเธอพบว่าตนมีโรคร้ายเกาะกิน แม้นจะพยายามรักษา ต่อสู้ด้วยตนเองหลังแยกมาอยู่คนเดียว แต่สุดท้ายบั้นปลายชีวิต ต้องทำใจยอมรับความจริงว่ามีเวลาเหลืออยู่บนโลกนี้ได้อีกไม่นาน ไม่อยากให้พ่อต้องเดือดร้อนและเศร้าใจเพราะทราบความจริง จึงเลือกที่จะไม่บอกแล้วตระเตรียมแผนล่วงหน้าสำหรับรับมือกับความตายที่กำลังย่างกรายมาถึง ด้วยการตัดสินใจเดินทางไปใช้ชีวิตอยู่ที่สถานดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ที่เกาะเลมอนซึ่งรายล้อมด้วยทะเลเงียบสงบและงดงาม เต็มไปด้วยธรรมชาติและอากาศอันสดชื่นบริสุทธิ์ มีไร่องุ่น กับท้องฟ้าสีครามและท้องทะเลสีน้ำเงินที่เธอชอบและใฝ่ฝัน เป็นสถานที่เธอเลือกเพราะคิดว่าเหมาะสมตรงกับรสนิยมความชอบของตนมากที่สุด

    ชื่อของสถานที่ดังกล่าวคือบ้านพักสิงโต เปรียบได้กับดินแดนสุขาวดีที่มีเทวดานางฟ้าคอยให้การต้อนรับดูแลด้วยหัวใจ โดยเฉพาะเจ้าของสถานที่สาวซึ่งมีนามว่ามาดอนน่า เป็นหญิงมหัศจรรย์ที่มีน้ำใจงาม มีความเชี่ยวชาญในด้านการดูแลทั้งทางด้านร่างกายที่เจ็บไข้ของผู้ป่วย และเยียวยาด้านจิตใจไปพร้อมกัน

    ณ สถานที่แห่งนี้เอง ในบ้านพักบนเกาะห่างไกล ที่ซึ่งชิสุกุไม่เคยคาดฝันว่าจะได้พบกับความรักอีกครั้ง กับชายหนุ่มน่ารัก สุภาพและวัยใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ยังอดตะลึงไปกับห้องพักส่วนตัวที่แสนสบายท่ามกลางบรรยากาศราวสรวงสวรรค์ เธอได้เรียนรู้ว่าไม่ใช่เฉพาะตัวเองเท่านั้นที่ประสบกับภาวะทุกข์โศกจากโรคภัยที่กำลังจะพรากลมหายใจอันหวงแหนให้หลุดลอยไป แต่ยังมีเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกหลายคนทั้งชายหญิง วัยเด็กหรือแม้กระทั่งวัยสูงอายุ แต่ละคนล้วนมีอาการทรมานที่ไม่น้อยไปกว่าเธอ บางคนเป็นมากกว่าด้วย

    ชิสุกุได้สัมผัสกับมิตรภาพและวิญญาณภายในของเพื่อนต่างวัย ที่ตอนแรกเธอพยายามหลีกเลี่ยงที่จะไม่คบคุ้นด้วย ยังมีเจ้าสุนัขแสนรู้น่ารักเพศเมียอีกตัวหนึ่งเล่า ที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการช่วยชุบชูหัวใจอันอ่อนล้าของหญิงสาว ให้ยอมเปิดใจและคลายวงล้อมของป้อมปราการที่ขังตัวเองจากทุกคนลงได้ หมาตัวนี้มีชื่อว่า รกกะ เจ้าของเดิมเคยมาพำนักอยู่ที่บ้านสิงโตเมื่อนานมาแล้ว และหลังจากเธอคนนั้นจากไป ทุกคนก้ช่วยกันดูแลรกกะต่อมา

    จนกระทั่ง รกกะ ได้พบกับชิสุกุ ทั้งคู่ถูกชะตากันตั้งแต่วันแรกที่ได้พบ หลังจากนั้นก็อยู่ด้วยกันตลอด รกกะเป็นเสมือนตู้ยาเคลื่อนที่ซึ่งช่วยให้ชิสุกุต่อสู้กับความเจ็บปวดโดยยังสามารถปรากฏรอยยิ้มอยู่ได้

    สิ่งหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้มาพักที่นี่ทุกคนต่างเฝ้ารอที่จะให้ถึงวันนั้นเร็ว ๆ นั่นคือการได้มีกิจกรรมกินของว่างร่วมกันในทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ เพียงหนึ่งครั้งในรอบเจ็ดวัน โดยทุกคนมีสิทธิเท่ากันคนละ1เสียง ที่สามารถเขียนใส่กระดาษเพื่อบอกเล่าถึงขนมที่ตนชื่นชอบและอยากกินมากที่สุดเป็นครั้งสุดท้าย แล้วคำขอเหล่านั้นจะถูกจับฉลากขึ้นมาหนึ่งใบ คำขอของใครก็ตามที่โชคดี แม่ครัวจะแกะสูตรแล้วทำออกมาให้เหมือนหรือใกล้เคียงที่สุด เพื่อจะเสิร์ฟให้กับทุกคนได้ชิมกัน

    อย่างไรก็ตาม วันที่ต้องจากลาย่อมบ่ายหน้ามาถึงเพื่อนแต่ละคน ในห้วงเวลาเช่นนั้น ทั้งเขาหรือเธอรวมทั้งชิสุกุเอง มีวิธีรับมือระหว่างเผชิญหน้ากับความเสื่อมสลายของสังขาร ที่ค่อย ๆ ทรุดโทรมและดับสิ้นไปทีละน้อยอย่างไร นี่คือสิ่งที่ผู้อ่านจะได้ร่วมเรียนรู้ไปพร้อมกันกับตัวละครในเรื่อง

    ถ้าคุณเคยประทับใจมาแล้วกับ ร้านเครื่องเขียนนั้นใต้ต้นสึบากิ นี่คืออีกเล่มหนึ่งที่น่าลองหามาอ่านครับ โดยเฉพาะคนที่กำลังเผชิญกับความเจ็บป่วยอยู่ หรือแม้ผู้ดูแลคนป่วยเอง แต่ถึงแม้จะไม่ได้ป่วยเลย แต่การได้ทำความเข้าใจกับเรื่องราวเหล่านี้ก็ถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ผู้เขียนบรรยายอย่างค่อยเป็นค่อยไป เปิดเผยเรื่องราวทีละน้อย แล้วไต่ระดับไปอย่างช้า ๆ อารมณ์ของเรื่องไม่ใช่จะมีแต่เปลี่ยวเหงา โศกเศร้า ทดท้อ เจ็บแค้น และสิ้นหวังเพียงเท่านั้น แต่ยังมีความเบิกบานหรรษา อิ่มเอม อบอุ่น เปี่ยมหวัง ให้อภัย สงบสุข คละเคล้าจนกลายเป็นส่วนผสมที่น่าศึกษา มีความละมุนละไมไปพร้อม ๆ กับการได้เห็นถึงความจริงอันเป็นสัจธรรมของชีวิต

    เพราะความเจ็บป่วยนั้นเกิดมีได้กับคนทุกคน แต่มีไม่กี่คนเท่านัั้นจะทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างดี และจัดวางภาระทุกอย่างให้อยู่ถูกที่ถูกทาง ในขณะที่เตรียมพร้อมจะปล่อยวางร่างกายนี้ ซึ่งตนหวงแหนประหนึ่งคือสมบัติของเราจริง ๆ ยามเมื่อเวลานั้นมาถึง

    #thaitimes
    #หนังสือน่าอ่าน
    #นิยายแปล
    #นิยายญี่ปุ่น
    #ผู้ป่วยระยะสุดท้าย
    #เตรียมตัวตาย
    #การดูแลผู้ป่วย
    #หนังสือดี
    #ของว่างที่เฝ้ารอกับคำขออย่างสุดท้าย ความหมายของการมีชีวิตคืออะไร หนังสือเล่มนี้จะเป็นเล่มหนึ่งที่พาคุณไปเที่ยวชมและร่วมเรียนรู้ไปกับการแสวงหาความสำคัญของการอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ของใครอีกหลายคนในสภาวะที่ร่างกายกำลังอ่อนแอ ด้วยโรคร้ายกัดกินจนใกล้วาระสุดท้าย ก่อนลมหายใจจะดับลง สนพ.piccolo พิมพ์ครั้งแรกในญี่ปุ่นปี 2019 ฉบับแปลไทย เม.ย.2567 โอกาวะ อิโตะ เขียน ธนพล ศักดิ์สมุทรานันท์ แปล 223 หน้า 285 บาท ตลอดทั้งเล่มเต็มไปด้วยความอบอวลของความรักระหว่างมนุษย์ที่มีต่อมนุษย์ด้วยกัน รวมไปถึงมนุษย์ที่มีต่อสัตว์และสัตว์เองก็แสดงตอบต่อด้วยความซื่อตรง เนื้อหากล่าวถึงหญิงสาวคนหนึ่งนามว่า อูมิโนะ ชิสุกุ ซึ่งมีวัย 33 ปี ชีวิตที่ผ่านมาของเธออ่อนโยนต่อคนรอบข้างมาโดยตลอดตั้งแต่ยังเด็ก โดยเฉพาะพ่อบุญธรรมที่รับเลี้ยงเธอซึ่งสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เล็ก แม้จะไม่ใช่บุพการีที่ให้กำเนิด แต่มอบความรักดูแลเอาใจใส่อย่างดี ทว่าวันหนึ่งเมื่อเธอพบว่าตนมีโรคร้ายเกาะกิน แม้นจะพยายามรักษา ต่อสู้ด้วยตนเองหลังแยกมาอยู่คนเดียว แต่สุดท้ายบั้นปลายชีวิต ต้องทำใจยอมรับความจริงว่ามีเวลาเหลืออยู่บนโลกนี้ได้อีกไม่นาน ไม่อยากให้พ่อต้องเดือดร้อนและเศร้าใจเพราะทราบความจริง จึงเลือกที่จะไม่บอกแล้วตระเตรียมแผนล่วงหน้าสำหรับรับมือกับความตายที่กำลังย่างกรายมาถึง ด้วยการตัดสินใจเดินทางไปใช้ชีวิตอยู่ที่สถานดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ที่เกาะเลมอนซึ่งรายล้อมด้วยทะเลเงียบสงบและงดงาม เต็มไปด้วยธรรมชาติและอากาศอันสดชื่นบริสุทธิ์ มีไร่องุ่น กับท้องฟ้าสีครามและท้องทะเลสีน้ำเงินที่เธอชอบและใฝ่ฝัน เป็นสถานที่เธอเลือกเพราะคิดว่าเหมาะสมตรงกับรสนิยมความชอบของตนมากที่สุด ชื่อของสถานที่ดังกล่าวคือบ้านพักสิงโต เปรียบได้กับดินแดนสุขาวดีที่มีเทวดานางฟ้าคอยให้การต้อนรับดูแลด้วยหัวใจ โดยเฉพาะเจ้าของสถานที่สาวซึ่งมีนามว่ามาดอนน่า เป็นหญิงมหัศจรรย์ที่มีน้ำใจงาม มีความเชี่ยวชาญในด้านการดูแลทั้งทางด้านร่างกายที่เจ็บไข้ของผู้ป่วย และเยียวยาด้านจิตใจไปพร้อมกัน ณ สถานที่แห่งนี้เอง ในบ้านพักบนเกาะห่างไกล ที่ซึ่งชิสุกุไม่เคยคาดฝันว่าจะได้พบกับความรักอีกครั้ง กับชายหนุ่มน่ารัก สุภาพและวัยใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ยังอดตะลึงไปกับห้องพักส่วนตัวที่แสนสบายท่ามกลางบรรยากาศราวสรวงสวรรค์ เธอได้เรียนรู้ว่าไม่ใช่เฉพาะตัวเองเท่านั้นที่ประสบกับภาวะทุกข์โศกจากโรคภัยที่กำลังจะพรากลมหายใจอันหวงแหนให้หลุดลอยไป แต่ยังมีเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกหลายคนทั้งชายหญิง วัยเด็กหรือแม้กระทั่งวัยสูงอายุ แต่ละคนล้วนมีอาการทรมานที่ไม่น้อยไปกว่าเธอ บางคนเป็นมากกว่าด้วย ชิสุกุได้สัมผัสกับมิตรภาพและวิญญาณภายในของเพื่อนต่างวัย ที่ตอนแรกเธอพยายามหลีกเลี่ยงที่จะไม่คบคุ้นด้วย ยังมีเจ้าสุนัขแสนรู้น่ารักเพศเมียอีกตัวหนึ่งเล่า ที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการช่วยชุบชูหัวใจอันอ่อนล้าของหญิงสาว ให้ยอมเปิดใจและคลายวงล้อมของป้อมปราการที่ขังตัวเองจากทุกคนลงได้ หมาตัวนี้มีชื่อว่า รกกะ เจ้าของเดิมเคยมาพำนักอยู่ที่บ้านสิงโตเมื่อนานมาแล้ว และหลังจากเธอคนนั้นจากไป ทุกคนก้ช่วยกันดูแลรกกะต่อมา จนกระทั่ง รกกะ ได้พบกับชิสุกุ ทั้งคู่ถูกชะตากันตั้งแต่วันแรกที่ได้พบ หลังจากนั้นก็อยู่ด้วยกันตลอด รกกะเป็นเสมือนตู้ยาเคลื่อนที่ซึ่งช่วยให้ชิสุกุต่อสู้กับความเจ็บปวดโดยยังสามารถปรากฏรอยยิ้มอยู่ได้ สิ่งหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้มาพักที่นี่ทุกคนต่างเฝ้ารอที่จะให้ถึงวันนั้นเร็ว ๆ นั่นคือการได้มีกิจกรรมกินของว่างร่วมกันในทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ เพียงหนึ่งครั้งในรอบเจ็ดวัน โดยทุกคนมีสิทธิเท่ากันคนละ1เสียง ที่สามารถเขียนใส่กระดาษเพื่อบอกเล่าถึงขนมที่ตนชื่นชอบและอยากกินมากที่สุดเป็นครั้งสุดท้าย แล้วคำขอเหล่านั้นจะถูกจับฉลากขึ้นมาหนึ่งใบ คำขอของใครก็ตามที่โชคดี แม่ครัวจะแกะสูตรแล้วทำออกมาให้เหมือนหรือใกล้เคียงที่สุด เพื่อจะเสิร์ฟให้กับทุกคนได้ชิมกัน อย่างไรก็ตาม วันที่ต้องจากลาย่อมบ่ายหน้ามาถึงเพื่อนแต่ละคน ในห้วงเวลาเช่นนั้น ทั้งเขาหรือเธอรวมทั้งชิสุกุเอง มีวิธีรับมือระหว่างเผชิญหน้ากับความเสื่อมสลายของสังขาร ที่ค่อย ๆ ทรุดโทรมและดับสิ้นไปทีละน้อยอย่างไร นี่คือสิ่งที่ผู้อ่านจะได้ร่วมเรียนรู้ไปพร้อมกันกับตัวละครในเรื่อง ถ้าคุณเคยประทับใจมาแล้วกับ ร้านเครื่องเขียนนั้นใต้ต้นสึบากิ นี่คืออีกเล่มหนึ่งที่น่าลองหามาอ่านครับ โดยเฉพาะคนที่กำลังเผชิญกับความเจ็บป่วยอยู่ หรือแม้ผู้ดูแลคนป่วยเอง แต่ถึงแม้จะไม่ได้ป่วยเลย แต่การได้ทำความเข้าใจกับเรื่องราวเหล่านี้ก็ถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ผู้เขียนบรรยายอย่างค่อยเป็นค่อยไป เปิดเผยเรื่องราวทีละน้อย แล้วไต่ระดับไปอย่างช้า ๆ อารมณ์ของเรื่องไม่ใช่จะมีแต่เปลี่ยวเหงา โศกเศร้า ทดท้อ เจ็บแค้น และสิ้นหวังเพียงเท่านั้น แต่ยังมีความเบิกบานหรรษา อิ่มเอม อบอุ่น เปี่ยมหวัง ให้อภัย สงบสุข คละเคล้าจนกลายเป็นส่วนผสมที่น่าศึกษา มีความละมุนละไมไปพร้อม ๆ กับการได้เห็นถึงความจริงอันเป็นสัจธรรมของชีวิต เพราะความเจ็บป่วยนั้นเกิดมีได้กับคนทุกคน แต่มีไม่กี่คนเท่านัั้นจะทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างดี และจัดวางภาระทุกอย่างให้อยู่ถูกที่ถูกทาง ในขณะที่เตรียมพร้อมจะปล่อยวางร่างกายนี้ ซึ่งตนหวงแหนประหนึ่งคือสมบัติของเราจริง ๆ ยามเมื่อเวลานั้นมาถึง #thaitimes #หนังสือน่าอ่าน #นิยายแปล #นิยายญี่ปุ่น #ผู้ป่วยระยะสุดท้าย #เตรียมตัวตาย #การดูแลผู้ป่วย #หนังสือดี
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 788 มุมมอง 0 รีวิว
  • เลมอน Lemon🍋(อ่านว่าเลม่อน)
    เป็นผลไม้ที่จัดอยู่ในตระกูลส้ม
    มีลักษณะเป็นไม้พุ่ม ปลายยอดมีหนามแหลม ลักษณะของใบเป็นใบเดี่ยว เมื่อนำมาขยี้จะมีกลิ่นหอมแรง ส่วนลักษณะของดอกเลมอน
    ดอกมีกลิ่นหอม และมีสีขาว
    ส่วนลักษณะของผลเลมอน เป็นรูปกลมรี
    ที่ปลายผลจะมีติ่งแหลม ผลอ่อนมีสีเขียว
    เมื่อสุกจะเป็นสีเหลือง เนื้อผลฉ่ำน้ำ
    🍋🍋🍋🍐🫒
    เลมอนที่นำมาทำเป็นน้ำ
    จะเรียกว่า เลมอนเนด หรือน้ำเลมอน
    เปลือกเลมอนมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว
    ใช้เป็นส่วนประกอบของขนมหวานเช่น
    พายเลมอน.เค้กเลมอน
    และนอกจากนี้เลมอนยังถูกนำมาใช้แต่งกลิ่น
    ในเครื่องดื่ม รสชาติ จะหอมอร่อยสดชื่นมากค่ะ
    มาปลูกเลมอนกันค่ะ
    มีต้นพันธุ์แบ่งจำหน่ายค่ะ
    #เลมอน #lemon #เลมอนด่าง
    #thaitimes
    เลมอน Lemon🍋(อ่านว่าเลม่อน) เป็นผลไม้ที่จัดอยู่ในตระกูลส้ม มีลักษณะเป็นไม้พุ่ม ปลายยอดมีหนามแหลม ลักษณะของใบเป็นใบเดี่ยว เมื่อนำมาขยี้จะมีกลิ่นหอมแรง ส่วนลักษณะของดอกเลมอน ดอกมีกลิ่นหอม และมีสีขาว ส่วนลักษณะของผลเลมอน เป็นรูปกลมรี ที่ปลายผลจะมีติ่งแหลม ผลอ่อนมีสีเขียว เมื่อสุกจะเป็นสีเหลือง เนื้อผลฉ่ำน้ำ 🍋🍋🍋🍐🫒 เลมอนที่นำมาทำเป็นน้ำ จะเรียกว่า เลมอนเนด หรือน้ำเลมอน เปลือกเลมอนมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ใช้เป็นส่วนประกอบของขนมหวานเช่น พายเลมอน.เค้กเลมอน และนอกจากนี้เลมอนยังถูกนำมาใช้แต่งกลิ่น ในเครื่องดื่ม รสชาติ จะหอมอร่อยสดชื่นมากค่ะ มาปลูกเลมอนกันค่ะ มีต้นพันธุ์แบ่งจำหน่ายค่ะ #เลมอน #lemon #เลมอนด่าง #thaitimes
    Like
    Yay
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 582 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ดังกิ้น' ท้าชน 'น้ำเลมอนเนด' ต่อกรแบรนด์จีน
    'ดังกิ้น' ท้าชน 'น้ำเลมอนเนด' ต่อกรแบรนด์จีน
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว