• บางส่วนของคนดังฮอลลี่วูดที่ประกาศ "ย้ายประเทศ" หากโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ

    - บาร์บรา สไตรแซนด์ (Barbra Streisand) จะย้ายไปอยู่อังกฤษ “อาจจะไปอังกฤษ ฉันชอบอังกฤษ” เธอกล่าวในระหว่างร่วมรายการ The Late Show with Stephen Colbert เธอ "ไม่สามารถอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ" ได้ หากทรัมป์ประสบความสำเร็จในการลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง นอกจากนี้บาร์บรา ยังกล่าวสนับสนุนไบเดนว่า "ฉันชอบไบเดน ฉันคิดว่าเขาทำหน้าที่ได้ดี ฉันคิดว่าเขามีเมตตา เขาฉลาด เขาสนับสนุนสิ่งที่ถูกต้อง"

    - Cher (แชร์) นักร้องและนักแสดงชื่อดัง กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ The Guardian ถึงความสยดสยองเมื่อนึกถึงการที่ทรัมป์จะกลับมาที่ทำเนียบขาวอีกครั้ง “ฉันต้องเป็นแผลในกระเพาะเมื่อครั้งที่แล้ว ที่เขาดำรงตำแหน่ง เพราะฉันเครียดกับการกระทำของเขา” “ถ้าเขากลับเข้ามาได้อีกครั้ง คราวนี้ฉันคงต้องออกจากประเทศนี้” - เมื่อ 8 ปีที่แล้ว แชร์เคยประกาศจะออกจากสหรัฐไปแล้วครั้งหนึ่ง หากทรัมป์ได้รับการเสนอชื่อจากรีพับลิกันให้เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี แต่จนแล้งจนรอดเธอก็อาศัยอยูามาจนถึงการเป็นประธานาธิบดีสมัยที่สองของทรัมป์ และเธอก็ประกาศอีกครั้ง!

    - ชารอน สโตน (Sharon Stone) กล่าวในช่วงที่ทรัมป์กำลังหาเสียงว่า จะย้ายไปอยู่ในอิตาลีหากทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง “ฉันคิดว่านี่เป็นความคิดที่ฉลาดที่สุดของฉัน” นอกจากนี้ เธอยังวิจารณ์ทรัมป์ว่า “นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของฉัน ที่ฉันเห็นคนลงสมัครรับเลือกตั้ง ชูนโยบายแห่งความเกลียดชังและการกดขี่”

    - ไมลีย์ ไซรัส (Miley Cyrus) โพสต์บนอินสตาแกรมของเธอว่า จะย้ายประเทศ ถ้าทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดี เธอยังยืนยันหลังจากมีนักข่าวสอบถามอีกว่า เธอจะไม่พูดอะไรในสิ่งที่ตัวเธอไม่ได้คิดอย่างนั้นจริงๆ

    - ลีน่า ดันแฮม (Lena Dunham) ดาราสาวจากซีรีส์ Girls ประกาศอย่างมุ่งมั่นว่าเธอจะย้ายไปแคนาดา!

    - วูปี้ โกลด์เบิร์ก (Whoopi Goldberg) ดาราสาวเจ้าของรางวัลออสการ์เรื่อง Ghost ให้นิยามตัวทรัมว่าเป็นบุคคลที่ "ไร้สาระ" และประกาศหลายครั้งว่าหากทรัมป์ชนะ เธอจะย้ายไปอยู่แคนาดา!
    บางส่วนของคนดังฮอลลี่วูดที่ประกาศ "ย้ายประเทศ" หากโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ - บาร์บรา สไตรแซนด์ (Barbra Streisand) จะย้ายไปอยู่อังกฤษ “อาจจะไปอังกฤษ ฉันชอบอังกฤษ” เธอกล่าวในระหว่างร่วมรายการ The Late Show with Stephen Colbert เธอ "ไม่สามารถอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ" ได้ หากทรัมป์ประสบความสำเร็จในการลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง นอกจากนี้บาร์บรา ยังกล่าวสนับสนุนไบเดนว่า "ฉันชอบไบเดน ฉันคิดว่าเขาทำหน้าที่ได้ดี ฉันคิดว่าเขามีเมตตา เขาฉลาด เขาสนับสนุนสิ่งที่ถูกต้อง" - Cher (แชร์) นักร้องและนักแสดงชื่อดัง กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ The Guardian ถึงความสยดสยองเมื่อนึกถึงการที่ทรัมป์จะกลับมาที่ทำเนียบขาวอีกครั้ง “ฉันต้องเป็นแผลในกระเพาะเมื่อครั้งที่แล้ว ที่เขาดำรงตำแหน่ง เพราะฉันเครียดกับการกระทำของเขา” “ถ้าเขากลับเข้ามาได้อีกครั้ง คราวนี้ฉันคงต้องออกจากประเทศนี้” - เมื่อ 8 ปีที่แล้ว แชร์เคยประกาศจะออกจากสหรัฐไปแล้วครั้งหนึ่ง หากทรัมป์ได้รับการเสนอชื่อจากรีพับลิกันให้เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี แต่จนแล้งจนรอดเธอก็อาศัยอยูามาจนถึงการเป็นประธานาธิบดีสมัยที่สองของทรัมป์ และเธอก็ประกาศอีกครั้ง! - ชารอน สโตน (Sharon Stone) กล่าวในช่วงที่ทรัมป์กำลังหาเสียงว่า จะย้ายไปอยู่ในอิตาลีหากทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง “ฉันคิดว่านี่เป็นความคิดที่ฉลาดที่สุดของฉัน” นอกจากนี้ เธอยังวิจารณ์ทรัมป์ว่า “นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของฉัน ที่ฉันเห็นคนลงสมัครรับเลือกตั้ง ชูนโยบายแห่งความเกลียดชังและการกดขี่” - ไมลีย์ ไซรัส (Miley Cyrus) โพสต์บนอินสตาแกรมของเธอว่า จะย้ายประเทศ ถ้าทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดี เธอยังยืนยันหลังจากมีนักข่าวสอบถามอีกว่า เธอจะไม่พูดอะไรในสิ่งที่ตัวเธอไม่ได้คิดอย่างนั้นจริงๆ - ลีน่า ดันแฮม (Lena Dunham) ดาราสาวจากซีรีส์ Girls ประกาศอย่างมุ่งมั่นว่าเธอจะย้ายไปแคนาดา! - วูปี้ โกลด์เบิร์ก (Whoopi Goldberg) ดาราสาวเจ้าของรางวัลออสการ์เรื่อง Ghost ให้นิยามตัวทรัมว่าเป็นบุคคลที่ "ไร้สาระ" และประกาศหลายครั้งว่าหากทรัมป์ชนะ เธอจะย้ายไปอยู่แคนาดา!
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • #4
    ภาพเหตุการณ์แฟนบอลของทีม Maccabi Tel Aviv ก่อเหตุยั่วยุประชาชนที่สนับสนุนปาเลสไตน์ในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ก่อนการแข่งขันฟุตบอล "ยูฟ่า ยูโรปา ลีก"

    นอกจากนี้ ในช่วงก่อนการแข่งขันระหว่าง Ajax และ Maccabi Tel Aviv แฟนบอลชาวอิสราเอลปฏิเสธที่จะยืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัยให้กับเหยื่อน้ำท่วมบาเลนเซีย พวกเขายังจุดพลุไฟผิดกฎหมายอีกด้วย

    การกระทำของชาวอิสราเอลเหล่านี้ ล้วนสร้างความไม่พอใจให้กับพลเมืองอัมสเตอร์ดัมเป็นอย่างมาก

    จนเป็นเหตุให้มีการไล่ทำร้ายแฟนบอลชาวอิสราเอลออกสู่สายตาประชาคมโลก เสมือนว่าพวกเขาคือเหยื่อของความเกลียดชัง!

    ขณะที่เนทันยาฮูเรียกร้องให้ทางการเนเธอร์แลนด์ “ดำเนินการอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว” หลังจากแฟนบอลทีมมัคคาบี เทล อาวีฟ ถูกกลุ่มผู้สนับสนุนปาเลสไตน์ทำร้ายที่อัมสเตอร์ดัม พร้อมตะโกนว่า “ปลดปล่อยปาเลสไตน์”

    พร้อมทั้งสั่งเครื่องบิน 2 ลำ เพื่ออพยพพลเมืองอิสราเอล กลับประเทศ

    ทางด้าน "แดนนี่ ดานอน" เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำองค์การสหประชาชาติ ประณามความรุนแรงดังกล่าวว่าเป็น “การสังหารหมู่” และเรียกร้องให้ชาติตะวันตก “หันกลับมาดูแลความปลอดภัยของชาวยิว” ที่ตกเป็นเหยื่อต่อต้านจากความเกลียดชัง
    #4 ภาพเหตุการณ์แฟนบอลของทีม Maccabi Tel Aviv ก่อเหตุยั่วยุประชาชนที่สนับสนุนปาเลสไตน์ในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ก่อนการแข่งขันฟุตบอล "ยูฟ่า ยูโรปา ลีก" นอกจากนี้ ในช่วงก่อนการแข่งขันระหว่าง Ajax และ Maccabi Tel Aviv แฟนบอลชาวอิสราเอลปฏิเสธที่จะยืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัยให้กับเหยื่อน้ำท่วมบาเลนเซีย พวกเขายังจุดพลุไฟผิดกฎหมายอีกด้วย การกระทำของชาวอิสราเอลเหล่านี้ ล้วนสร้างความไม่พอใจให้กับพลเมืองอัมสเตอร์ดัมเป็นอย่างมาก จนเป็นเหตุให้มีการไล่ทำร้ายแฟนบอลชาวอิสราเอลออกสู่สายตาประชาคมโลก เสมือนว่าพวกเขาคือเหยื่อของความเกลียดชัง! ขณะที่เนทันยาฮูเรียกร้องให้ทางการเนเธอร์แลนด์ “ดำเนินการอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว” หลังจากแฟนบอลทีมมัคคาบี เทล อาวีฟ ถูกกลุ่มผู้สนับสนุนปาเลสไตน์ทำร้ายที่อัมสเตอร์ดัม พร้อมตะโกนว่า “ปลดปล่อยปาเลสไตน์” พร้อมทั้งสั่งเครื่องบิน 2 ลำ เพื่ออพยพพลเมืองอิสราเอล กลับประเทศ ทางด้าน "แดนนี่ ดานอน" เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำองค์การสหประชาชาติ ประณามความรุนแรงดังกล่าวว่าเป็น “การสังหารหมู่” และเรียกร้องให้ชาติตะวันตก “หันกลับมาดูแลความปลอดภัยของชาวยิว” ที่ตกเป็นเหยื่อต่อต้านจากความเกลียดชัง
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 67 0 รีวิว
  • #3
    ภาพเหตุการณ์แฟนบอลของทีม Maccabi Tel Aviv ก่อเหตุยั่วยุประชาชนที่สนับสนุนปาเลสไตน์ในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ก่อนการแข่งขันฟุตบอล "ยูฟ่า ยูโรปา ลีก"

    นอกจากนี้ ในช่วงก่อนการแข่งขันระหว่าง Ajax และ Maccabi Tel Aviv แฟนบอลชาวอิสราเอลปฏิเสธที่จะยืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัยให้กับเหยื่อน้ำท่วมบาเลนเซีย พวกเขายังจุดพลุไฟผิดกฎหมายอีกด้วย

    การกระทำของชาวอิสราเอลเหล่านี้ ล้วนสร้างความไม่พอใจให้กับพลเมืองอัมสเตอร์ดัมเป็นอย่างมาก

    จนเป็นเหตุให้มีการไล่ทำร้ายแฟนบอลชาวอิสราเอลออกสู่สายตาประชาคมโลก เสมือนว่าพวกเขาคือเหยื่อของความเกลียดชัง!

    ขณะที่เนทันยาฮูเรียกร้องให้ทางการเนเธอร์แลนด์ “ดำเนินการอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว” หลังจากแฟนบอลทีมมัคคาบี เทล อาวีฟ ถูกกลุ่มผู้สนับสนุนปาเลสไตน์ทำร้ายที่อัมสเตอร์ดัม พร้อมตะโกนว่า “ปลดปล่อยปาเลสไตน์”

    พร้อมทั้งสั่งเครื่องบิน 2 ลำ เพื่ออพยพพลเมืองอิสราเอล กลับประเทศ

    ทางด้าน "แดนนี่ ดานอน" เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำองค์การสหประชาชาติ ประณามความรุนแรงดังกล่าวว่าเป็น “การสังหารหมู่” และเรียกร้องให้ชาติตะวันตก “หันกลับมาดูแลความปลอดภัยของชาวยิว” ที่ตกเป็นเหยื่อต่อต้านจากความเกลียดชัง
    #3 ภาพเหตุการณ์แฟนบอลของทีม Maccabi Tel Aviv ก่อเหตุยั่วยุประชาชนที่สนับสนุนปาเลสไตน์ในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ก่อนการแข่งขันฟุตบอล "ยูฟ่า ยูโรปา ลีก" นอกจากนี้ ในช่วงก่อนการแข่งขันระหว่าง Ajax และ Maccabi Tel Aviv แฟนบอลชาวอิสราเอลปฏิเสธที่จะยืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัยให้กับเหยื่อน้ำท่วมบาเลนเซีย พวกเขายังจุดพลุไฟผิดกฎหมายอีกด้วย การกระทำของชาวอิสราเอลเหล่านี้ ล้วนสร้างความไม่พอใจให้กับพลเมืองอัมสเตอร์ดัมเป็นอย่างมาก จนเป็นเหตุให้มีการไล่ทำร้ายแฟนบอลชาวอิสราเอลออกสู่สายตาประชาคมโลก เสมือนว่าพวกเขาคือเหยื่อของความเกลียดชัง! ขณะที่เนทันยาฮูเรียกร้องให้ทางการเนเธอร์แลนด์ “ดำเนินการอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว” หลังจากแฟนบอลทีมมัคคาบี เทล อาวีฟ ถูกกลุ่มผู้สนับสนุนปาเลสไตน์ทำร้ายที่อัมสเตอร์ดัม พร้อมตะโกนว่า “ปลดปล่อยปาเลสไตน์” พร้อมทั้งสั่งเครื่องบิน 2 ลำ เพื่ออพยพพลเมืองอิสราเอล กลับประเทศ ทางด้าน "แดนนี่ ดานอน" เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำองค์การสหประชาชาติ ประณามความรุนแรงดังกล่าวว่าเป็น “การสังหารหมู่” และเรียกร้องให้ชาติตะวันตก “หันกลับมาดูแลความปลอดภัยของชาวยิว” ที่ตกเป็นเหยื่อต่อต้านจากความเกลียดชัง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 102 มุมมอง 67 0 รีวิว
  • #2
    ภาพเหตุการณ์แฟนบอลของทีม Maccabi Tel Aviv ก่อเหตุยั่วยุประชาชนที่สนับสนุนปาเลสไตน์ในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ก่อนการแข่งขันฟุตบอล "ยูฟ่า ยูโรปา ลีก"

    นอกจากนี้ ในช่วงก่อนการแข่งขันระหว่าง Ajax และ Maccabi Tel Aviv แฟนบอลชาวอิสราเอลปฏิเสธที่จะยืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัยให้กับเหยื่อน้ำท่วมบาเลนเซีย พวกเขายังจุดพลุไฟผิดกฎหมายอีกด้วย

    การกระทำของชาวอิสราเอลเหล่านี้ ล้วนสร้างความไม่พอใจให้กับพลเมืองอัมสเตอร์ดัมเป็นอย่างมาก

    จนเป็นเหตุให้มีการไล่ทำร้ายแฟนบอลชาวอิสราเอลออกสู่สายตาประชาคมโลก เสมือนว่าพวกเขาคือเหยื่อของความเกลียดชัง!

    ขณะที่เนทันยาฮูเรียกร้องให้ทางการเนเธอร์แลนด์ “ดำเนินการอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว” หลังจากแฟนบอลทีมมัคคาบี เทล อาวีฟ ถูกกลุ่มผู้สนับสนุนปาเลสไตน์ทำร้ายที่อัมสเตอร์ดัม พร้อมตะโกนว่า “ปลดปล่อยปาเลสไตน์”

    พร้อมทั้งสั่งเครื่องบิน 2 ลำ เพื่ออพยพพลเมืองอิสราเอล กลับประเทศ

    ทางด้าน "แดนนี่ ดานอน" เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำองค์การสหประชาชาติ ประณามความรุนแรงดังกล่าวว่าเป็น “การสังหารหมู่” และเรียกร้องให้ชาติตะวันตก “หันกลับมาดูแลความปลอดภัยของชาวยิว” ที่ตกเป็นเหยื่อต่อต้านจากความเกลียดชัง
    #2 ภาพเหตุการณ์แฟนบอลของทีม Maccabi Tel Aviv ก่อเหตุยั่วยุประชาชนที่สนับสนุนปาเลสไตน์ในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ก่อนการแข่งขันฟุตบอล "ยูฟ่า ยูโรปา ลีก" นอกจากนี้ ในช่วงก่อนการแข่งขันระหว่าง Ajax และ Maccabi Tel Aviv แฟนบอลชาวอิสราเอลปฏิเสธที่จะยืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัยให้กับเหยื่อน้ำท่วมบาเลนเซีย พวกเขายังจุดพลุไฟผิดกฎหมายอีกด้วย การกระทำของชาวอิสราเอลเหล่านี้ ล้วนสร้างความไม่พอใจให้กับพลเมืองอัมสเตอร์ดัมเป็นอย่างมาก จนเป็นเหตุให้มีการไล่ทำร้ายแฟนบอลชาวอิสราเอลออกสู่สายตาประชาคมโลก เสมือนว่าพวกเขาคือเหยื่อของความเกลียดชัง! ขณะที่เนทันยาฮูเรียกร้องให้ทางการเนเธอร์แลนด์ “ดำเนินการอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว” หลังจากแฟนบอลทีมมัคคาบี เทล อาวีฟ ถูกกลุ่มผู้สนับสนุนปาเลสไตน์ทำร้ายที่อัมสเตอร์ดัม พร้อมตะโกนว่า “ปลดปล่อยปาเลสไตน์” พร้อมทั้งสั่งเครื่องบิน 2 ลำ เพื่ออพยพพลเมืองอิสราเอล กลับประเทศ ทางด้าน "แดนนี่ ดานอน" เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำองค์การสหประชาชาติ ประณามความรุนแรงดังกล่าวว่าเป็น “การสังหารหมู่” และเรียกร้องให้ชาติตะวันตก “หันกลับมาดูแลความปลอดภัยของชาวยิว” ที่ตกเป็นเหยื่อต่อต้านจากความเกลียดชัง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 68 0 รีวิว
  • #1
    ภาพเหตุการณ์แฟนบอลของทีม Maccabi Tel Aviv ก่อเหตุยั่วยุประชาชนที่สนับสนุนปาเลสไตน์ในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ก่อนการแข่งขันฟุตบอล "ยูฟ่า ยูโรปา ลีก"

    นอกจากนี้ ในช่วงก่อนการแข่งขันระหว่าง Ajax และ Maccabi Tel Aviv แฟนบอลชาวอิสราเอลปฏิเสธที่จะยืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัยให้กับเหยื่อน้ำท่วมบาเลนเซีย พวกเขายังจุดพลุไฟผิดกฎหมายอีกด้วย

    การกระทำของชาวอิสราเอลเหล่านี้ ล้วนสร้างความไม่พอใจให้กับพลเมืองอัมสเตอร์ดัมเป็นอย่างมาก

    จนเป็นเหตุให้มีการไล่ทำร้ายแฟนบอลชาวอิสราเอลออกสู่สายตาประชาคมโลก เสมือนว่าพวกเขาคือเหยื่อของความเกลียดชัง!

    ขณะที่เนทันยาฮูเรียกร้องให้ทางการเนเธอร์แลนด์ “ดำเนินการอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว” หลังจากแฟนบอลทีมมัคคาบี เทล อาวีฟ ถูกกลุ่มผู้สนับสนุนปาเลสไตน์ทำร้ายที่อัมสเตอร์ดัม พร้อมตะโกนว่า “ปลดปล่อยปาเลสไตน์”

    พร้อมทั้งสั่งเครื่องบิน 2 ลำ เพื่ออพยพพลเมืองอิสราเอล กลับประเทศ

    ทางด้าน "แดนนี่ ดานอน" เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำองค์การสหประชาชาติ ประณามความรุนแรงดังกล่าวว่าเป็น “การสังหารหมู่” และเรียกร้องให้ชาติตะวันตก “หันกลับมาดูแลความปลอดภัยของชาวยิว” ที่ตกเป็นเหยื่อต่อต้านจากความเกลียดชัง
    #1 ภาพเหตุการณ์แฟนบอลของทีม Maccabi Tel Aviv ก่อเหตุยั่วยุประชาชนที่สนับสนุนปาเลสไตน์ในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ก่อนการแข่งขันฟุตบอล "ยูฟ่า ยูโรปา ลีก" นอกจากนี้ ในช่วงก่อนการแข่งขันระหว่าง Ajax และ Maccabi Tel Aviv แฟนบอลชาวอิสราเอลปฏิเสธที่จะยืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัยให้กับเหยื่อน้ำท่วมบาเลนเซีย พวกเขายังจุดพลุไฟผิดกฎหมายอีกด้วย การกระทำของชาวอิสราเอลเหล่านี้ ล้วนสร้างความไม่พอใจให้กับพลเมืองอัมสเตอร์ดัมเป็นอย่างมาก จนเป็นเหตุให้มีการไล่ทำร้ายแฟนบอลชาวอิสราเอลออกสู่สายตาประชาคมโลก เสมือนว่าพวกเขาคือเหยื่อของความเกลียดชัง! ขณะที่เนทันยาฮูเรียกร้องให้ทางการเนเธอร์แลนด์ “ดำเนินการอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว” หลังจากแฟนบอลทีมมัคคาบี เทล อาวีฟ ถูกกลุ่มผู้สนับสนุนปาเลสไตน์ทำร้ายที่อัมสเตอร์ดัม พร้อมตะโกนว่า “ปลดปล่อยปาเลสไตน์” พร้อมทั้งสั่งเครื่องบิน 2 ลำ เพื่ออพยพพลเมืองอิสราเอล กลับประเทศ ทางด้าน "แดนนี่ ดานอน" เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำองค์การสหประชาชาติ ประณามความรุนแรงดังกล่าวว่าเป็น “การสังหารหมู่” และเรียกร้องให้ชาติตะวันตก “หันกลับมาดูแลความปลอดภัยของชาวยิว” ที่ตกเป็นเหยื่อต่อต้านจากความเกลียดชัง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 54 0 รีวิว
  • การแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งพรรครีพับลิกัน กับกมลา แฮร์ริส ของพรรคเดโมแครต เคลื่อนเข้าสู่ระยะพุ่งโถมตัวเข้าสู่เส้นชัยซึ่งยังมีความไม่แน่นอนเป็นอย่างยิ่งในวันอังคาร (5 พ.ย.) ขณะที่ผู้ออกเสียงชาวอเมริกันหลายสิบล้านคนเดินทางไปยังหน่วยเลือกตั้ง เพื่อตัดสินใจเลือก 2 วิสัยทัศน์สำหรับประเทศชาติซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างเด่นชัด
    .
    ในเวลาที่หน่วยเลือกตั้งแห่งแรกๆ เริ่มเปิดต้อนรับผู้ออกมาใช้สิทธิ ผลโพลสำรวจและพวกผู้เชี่ยวชาญระบุว่า คู่แข่งขันสำคัญทั้งสองคือ รองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส วัย 60 ที่เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต และอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ วัย 78 ผู้สมัครของพรรครีพับลิกัน ยังคงอยู่ในสภาพที่มีคะแนนนิยมคู่คี่สูสีจนยากลำบากแก่การตัดสินชี้ขาด ในการต่อสู้ช่วงชิงทำเนียบขาวครั้งที่ถือว่ายากลำบากและพลิกผันไปมามากที่สุดในยุคสมัยใหม่
    .
    หน่วยเลือกตั้งในรัฐทางภาคตะวันออก เป็นต้นว่า เวอร์จิเนีย นอร์ทแคโรไลนา และนิวยอร์ก เปิดให้เข้าไปใช้สิทธิตั้งแต่เวลา 06.00 น. (ตรงกับ 18.00 น.เวลาเมืองไทย) โดยคาดหมายกันว่าตลอดทั้งวันจะผู้ไปใช้สิทธิกันหลายสิบล้านคน เพิ่มเติมจากจำนวนกว่า 82 ล้านคนซึ่งไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้ากันแล้วในช่วงหลายๆ สัปดาห์ก่อนหน้านี้
    .
    ขณะที่ผลลัพธ์สุดท้ายอาจจะยังไม่เป็นที่ทราบกันไปอีกหลายวันทีเดียว ถ้าผลมีความคู่คี่กันมากอย่างที่โพลทั้งหลายบ่งชี้ไว้ ซึ่งก็จะเป็นการเพิ่มความตึงเครียดในประเทศที่มีการแตกแยกแบ่งขั้วกันอย่างล้ำลึกอยู่แล้วแห่งนี้
    .
    นอกจากนั้น ยังมีความหวาดกลัวกันว่าจะเกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย และกระทั่งความรุนแรงขึ้นมา ถ้าหาก ทรัมป์ เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และท้าทายผลเลือกตั้งอย่างที่เขาเคยกระทำในการเลือกตั้งปี 2020
    .
    ในวันจันทร์ (4) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการรณรงค์หาเสียง ทั้ง ทรัมป์ และ แฮร์ริส ต่างทำงานอย่างไม่ยอมเหน็ดยอมเหนื่อยเพื่อปลุกเร้าให้ผู้สนับสนุนของพวกเขาออกมาใช้สิทธิที่คูหาเลือกตั้ง ขณะเดียวกับที่พยายามหาทางเอาชนะใจพวกผู้มีสิทธิออกเสียงที่ยังไม่ได้ตัดสินใจคนท้ายๆ โดยเฉพาะในบรรดารัฐสมรภูมิ ซึ่งคาดหมายกันว่าจะเป็นผู้ชี้ขาดผลการแข่งขันคราวนี้
    .
    ทรัมป์ ให้สัญญาจะนำอเมริกาสู่ “ความรุ่งโรจน์ยิ่งขึ้น” ส่วนกมลา แฮร์ริส เรียกร้อง “การเริ่มต้นใหม่” หลังจากอเมริกาถูกครอบงำด้วยวาทกรรมทางการเมืองซึ่งมุ่งปลุกเร้าความเกลียดชังและความรุนแรงของทรัมป์มาเกือบทศวรรษ
    .
    รองประธานาธิบดีหญิงจากพรรคเดโมแครตปิดฉากการหาเสียงที่ร็อคกี้สเต็ปส์ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะฟิลาเดลเฟีย ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำฉากสำคัญของภาพยนตร์ดัง “ร็อกกี้” ในรัฐเพนซิลเวเนีย 1 ใน 7 รัฐสมรภูมิที่ต้องชนะให้ได้
    .
    แฮร์ริสประกาศว่า การเลือกตั้งครั้งนี้อาจเป็นการแข่งขันที่สูสีที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งทุกคะแนนเสียงมีความสำคัญ และอ้างอิงถึงหนัง “ร็อกกี้” ว่า ขอยกย่องทุกคนที่เริ่มต้นในฐานะมวยรองแต่สามารถฝ่าฝันสู่ชัยชนะสำเร็จ
    .
    ที่ผ่านมา แฮร์ริส ย้ำอยู่เสมอว่า ตนเองเป็นมวยรอง โดยเธอได้ตั๋วชิงทำเนียบขาวในฐานะตัวแทนพรรคเดโมแครตแบบกะทันหัน หลังจากเมื่อ 3 เดือนที่แล้วประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยอมจำนนต่อการกดดันภายในพรรคและขอถอนตัวจากการแข่งขัน
    .
    อย่างไรก็ตาม แฮร์ริสยืนยันว่า เธอจะชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้
    .
    ทางด้านทรัมป์พาสมาชิกครอบครัวหลายคนขึ้นเวทีทิ้งทวนการหาเสียงที่เมืองแกรนด์ราปิดส์ รัฐมิชิแกน
    .
    อดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้ก็เรียกร้องให้ผู้สนับสนุนออกไปลงคะแนนในวันอังคาร (5) เพื่อให้ตนเองสามารถแก้ไขปัญหาทั้งหมดที่ประเทศเผชิญอยู่ รวมทั้งพาอเมริกาและโลกสู่ความรุ่งโรจน์ยิ่งขึ้น
    .
    การปราศรัยส่งท้ายของทั้งคู่สะท้อนว่า การออกไปใช้สิทธิมีความสำคัญอย่างยิ่งในการต่อสู้ครั้งนี้ โดยทั้งทรัมป์และแฮร์ริสต่างบอกว่า รู้สึกมีกำลังใจจากจำนวนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าซึ่งสูงถึง 82 ล้านคน และตอนนี้ทั้งคู่จำเป็นต้องระดมผู้สนับสนุนออกไปเลือกตั้งในวันอังคาร
    .
    ทั้งนี้ ในการหาเสียงช่วงหลายวันสุดท้าย ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันส่งสาส์นถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งกันคนละประเด็นโดยสิ้นเชิง
    .
    ที่เมืองรีดดิ้ง รัฐเพนซิลเวเนีย ทรัมป์ย้ำว่า อเมริกากำลังตกต่ำและตึงเครียดจากปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายที่เขาเรียกว่า “สัตว์” และบรรยายว่า “โหดเหี้ยม”
    .
    ด้านแฮร์ริสชูประเด็นต่อต้านการห้ามทำแท้งทั่วอเมริกา และเรียกร้องการเริ่มต้นใหม่ หลังจากอเมริกาถูกครอบงำด้วยวาทกรรมทางการเมืองของทรัมป์มาเกือบทศวรรษ
    .
    ถึงแม้มัวหมองจากการถูกตัดสินกระทำผิดคดีอาญา และเรื่องอื้อฉาวที่เหล่าผู้สนับสนุนบุกโจมตีอาคารรัฐสภาเมื่อ 4 ปีก่อนตอนที่เขาไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ในการแข่งขันกับ โจ ไบเดน แต่ต้องถือว่า ทรัมป์ ที่ได้ชื่อว่า เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่อายุมากที่สุด มีข้อได้เปรียบหลายอย่างในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยเฉพาะจากการตามจิกเรื่องเศรษฐกิจซึ่งคนอเมริกันกำลังมีความกังวล โดยเฉพาะเกี่วกับอัตราเงินเฟ้อ ตลอดจนการใช้ถ้อยคำรุนแรงโจมตีปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายที่ได้ใจฐานเสียงปีกขวา
    .
    ในทางกลับกัน แฮร์ริสมีเวลาสร้างแคมเปญหาเสียงแค่ 3 เดือน กระนั้นก็ประสบความสำเร็จไม่ใช่น้อยๆ ในการปลุกเร้าพรรคเดโมแครต รวมถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งกลุ่มหนุ่มสาวและผู้หญิงอย่างชัดเจน
    .
    ขณะเดียวกัน ทั่วโลกกำลังตั้งตารอผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างใจจดใจจ่อ เนื่องจากจะมีนัยสำคัญต่อวิกฤตการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางและสงครามในยูเครน รวมถึงการจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่ทรัมป์กล่าวหาว่า เป็นเรื่องโกหกหลอกลวง
    .
    สถานการณ์เฉพาะหน้าที่น่ากลัวที่สุดคือประชาธิปไตยของอเมริกากำลังจะถูกทดสอบ หากทรัมป์แพ้แต่ไม่ยอมรับเหมือนเมื่อ 4 ปีที่แล้วที่เหล่ากองเชียร์ของเขาบุกโจมตีอาคารรัฐสภา รวมทั้งการที่ก่อนหน้านี้ทรัมป์ถูกลอบสังหารถึง 2 ครั้ง ทำให้ความกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์รุนแรงดูเป็นไปได้มากขึ้น
    .
    ที่กรุงวอชิงตันมีการติดตั้งรั้วสูงรอบบริเวณที่พักแฮร์ริสและทำเนียบขาว ขณะที่ห้างร้านหลายแห่งนำแผ่นไม้อัดมาตีปิดกระจกด้านหน้า
    .
    ทั้งรัฐออริกอน วอชิงตัน และเนวาดา ต่างเรียกกองทหารรักษาดินแดน (เนชั่นแนล การ์ด) เข้ารักษาการณ์ และกระทรวงกลาโหมเผยว่า อย่างน้อย 17 รัฐสั่งให้สมาชิกกองทหารรักษาดินแดนรวม 600 นายเตรียมพร้อมหากจำเป็น
    .
    ด้านสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) จัดตั้งศูนย์บัญชาการการเลือกตั้งแห่งชาติในวอชิงตันเพื่อตรวจติดตามภัยคุกคามตลอดสัปดาห์การเลือกตั้ง นอกจากนั้น ยังมีการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในคูหาเลือกตั้งเกือบ 100,000 แห่งทั่วประเทศ
    .
    รันเบ็ก อิเล็กชัน เซอร์วิส ผู้ให้บริการเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยปฏิบัติการเลือกตั้ง ยืนยันข่าวที่ว่า ได้จัดส่งปุ่มกดฉุกเฉิน 1,000 ชุดสำหรับลูกค้าที่รวมถึงพวกหน่วยเลือกตั้งและเจ้าหน้าที่ประจำหน่วย โดยอุปกรณ์นี้มีขนาดเล็กสามารถห้อยคอหรือเก็บในกระเป๋า ซึ่งจะจับคู่กับมือถือของผู้ใช้ และเชื่อมต่อกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000106742
    ..............
    Sondhi X
    การแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งพรรครีพับลิกัน กับกมลา แฮร์ริส ของพรรคเดโมแครต เคลื่อนเข้าสู่ระยะพุ่งโถมตัวเข้าสู่เส้นชัยซึ่งยังมีความไม่แน่นอนเป็นอย่างยิ่งในวันอังคาร (5 พ.ย.) ขณะที่ผู้ออกเสียงชาวอเมริกันหลายสิบล้านคนเดินทางไปยังหน่วยเลือกตั้ง เพื่อตัดสินใจเลือก 2 วิสัยทัศน์สำหรับประเทศชาติซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างเด่นชัด . ในเวลาที่หน่วยเลือกตั้งแห่งแรกๆ เริ่มเปิดต้อนรับผู้ออกมาใช้สิทธิ ผลโพลสำรวจและพวกผู้เชี่ยวชาญระบุว่า คู่แข่งขันสำคัญทั้งสองคือ รองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส วัย 60 ที่เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต และอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ วัย 78 ผู้สมัครของพรรครีพับลิกัน ยังคงอยู่ในสภาพที่มีคะแนนนิยมคู่คี่สูสีจนยากลำบากแก่การตัดสินชี้ขาด ในการต่อสู้ช่วงชิงทำเนียบขาวครั้งที่ถือว่ายากลำบากและพลิกผันไปมามากที่สุดในยุคสมัยใหม่ . หน่วยเลือกตั้งในรัฐทางภาคตะวันออก เป็นต้นว่า เวอร์จิเนีย นอร์ทแคโรไลนา และนิวยอร์ก เปิดให้เข้าไปใช้สิทธิตั้งแต่เวลา 06.00 น. (ตรงกับ 18.00 น.เวลาเมืองไทย) โดยคาดหมายกันว่าตลอดทั้งวันจะผู้ไปใช้สิทธิกันหลายสิบล้านคน เพิ่มเติมจากจำนวนกว่า 82 ล้านคนซึ่งไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้ากันแล้วในช่วงหลายๆ สัปดาห์ก่อนหน้านี้ . ขณะที่ผลลัพธ์สุดท้ายอาจจะยังไม่เป็นที่ทราบกันไปอีกหลายวันทีเดียว ถ้าผลมีความคู่คี่กันมากอย่างที่โพลทั้งหลายบ่งชี้ไว้ ซึ่งก็จะเป็นการเพิ่มความตึงเครียดในประเทศที่มีการแตกแยกแบ่งขั้วกันอย่างล้ำลึกอยู่แล้วแห่งนี้ . นอกจากนั้น ยังมีความหวาดกลัวกันว่าจะเกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย และกระทั่งความรุนแรงขึ้นมา ถ้าหาก ทรัมป์ เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และท้าทายผลเลือกตั้งอย่างที่เขาเคยกระทำในการเลือกตั้งปี 2020 . ในวันจันทร์ (4) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการรณรงค์หาเสียง ทั้ง ทรัมป์ และ แฮร์ริส ต่างทำงานอย่างไม่ยอมเหน็ดยอมเหนื่อยเพื่อปลุกเร้าให้ผู้สนับสนุนของพวกเขาออกมาใช้สิทธิที่คูหาเลือกตั้ง ขณะเดียวกับที่พยายามหาทางเอาชนะใจพวกผู้มีสิทธิออกเสียงที่ยังไม่ได้ตัดสินใจคนท้ายๆ โดยเฉพาะในบรรดารัฐสมรภูมิ ซึ่งคาดหมายกันว่าจะเป็นผู้ชี้ขาดผลการแข่งขันคราวนี้ . ทรัมป์ ให้สัญญาจะนำอเมริกาสู่ “ความรุ่งโรจน์ยิ่งขึ้น” ส่วนกมลา แฮร์ริส เรียกร้อง “การเริ่มต้นใหม่” หลังจากอเมริกาถูกครอบงำด้วยวาทกรรมทางการเมืองซึ่งมุ่งปลุกเร้าความเกลียดชังและความรุนแรงของทรัมป์มาเกือบทศวรรษ . รองประธานาธิบดีหญิงจากพรรคเดโมแครตปิดฉากการหาเสียงที่ร็อคกี้สเต็ปส์ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะฟิลาเดลเฟีย ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำฉากสำคัญของภาพยนตร์ดัง “ร็อกกี้” ในรัฐเพนซิลเวเนีย 1 ใน 7 รัฐสมรภูมิที่ต้องชนะให้ได้ . แฮร์ริสประกาศว่า การเลือกตั้งครั้งนี้อาจเป็นการแข่งขันที่สูสีที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งทุกคะแนนเสียงมีความสำคัญ และอ้างอิงถึงหนัง “ร็อกกี้” ว่า ขอยกย่องทุกคนที่เริ่มต้นในฐานะมวยรองแต่สามารถฝ่าฝันสู่ชัยชนะสำเร็จ . ที่ผ่านมา แฮร์ริส ย้ำอยู่เสมอว่า ตนเองเป็นมวยรอง โดยเธอได้ตั๋วชิงทำเนียบขาวในฐานะตัวแทนพรรคเดโมแครตแบบกะทันหัน หลังจากเมื่อ 3 เดือนที่แล้วประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยอมจำนนต่อการกดดันภายในพรรคและขอถอนตัวจากการแข่งขัน . อย่างไรก็ตาม แฮร์ริสยืนยันว่า เธอจะชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ . ทางด้านทรัมป์พาสมาชิกครอบครัวหลายคนขึ้นเวทีทิ้งทวนการหาเสียงที่เมืองแกรนด์ราปิดส์ รัฐมิชิแกน . อดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้ก็เรียกร้องให้ผู้สนับสนุนออกไปลงคะแนนในวันอังคาร (5) เพื่อให้ตนเองสามารถแก้ไขปัญหาทั้งหมดที่ประเทศเผชิญอยู่ รวมทั้งพาอเมริกาและโลกสู่ความรุ่งโรจน์ยิ่งขึ้น . การปราศรัยส่งท้ายของทั้งคู่สะท้อนว่า การออกไปใช้สิทธิมีความสำคัญอย่างยิ่งในการต่อสู้ครั้งนี้ โดยทั้งทรัมป์และแฮร์ริสต่างบอกว่า รู้สึกมีกำลังใจจากจำนวนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าซึ่งสูงถึง 82 ล้านคน และตอนนี้ทั้งคู่จำเป็นต้องระดมผู้สนับสนุนออกไปเลือกตั้งในวันอังคาร . ทั้งนี้ ในการหาเสียงช่วงหลายวันสุดท้าย ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันส่งสาส์นถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งกันคนละประเด็นโดยสิ้นเชิง . ที่เมืองรีดดิ้ง รัฐเพนซิลเวเนีย ทรัมป์ย้ำว่า อเมริกากำลังตกต่ำและตึงเครียดจากปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายที่เขาเรียกว่า “สัตว์” และบรรยายว่า “โหดเหี้ยม” . ด้านแฮร์ริสชูประเด็นต่อต้านการห้ามทำแท้งทั่วอเมริกา และเรียกร้องการเริ่มต้นใหม่ หลังจากอเมริกาถูกครอบงำด้วยวาทกรรมทางการเมืองของทรัมป์มาเกือบทศวรรษ . ถึงแม้มัวหมองจากการถูกตัดสินกระทำผิดคดีอาญา และเรื่องอื้อฉาวที่เหล่าผู้สนับสนุนบุกโจมตีอาคารรัฐสภาเมื่อ 4 ปีก่อนตอนที่เขาไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ในการแข่งขันกับ โจ ไบเดน แต่ต้องถือว่า ทรัมป์ ที่ได้ชื่อว่า เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่อายุมากที่สุด มีข้อได้เปรียบหลายอย่างในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยเฉพาะจากการตามจิกเรื่องเศรษฐกิจซึ่งคนอเมริกันกำลังมีความกังวล โดยเฉพาะเกี่วกับอัตราเงินเฟ้อ ตลอดจนการใช้ถ้อยคำรุนแรงโจมตีปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายที่ได้ใจฐานเสียงปีกขวา . ในทางกลับกัน แฮร์ริสมีเวลาสร้างแคมเปญหาเสียงแค่ 3 เดือน กระนั้นก็ประสบความสำเร็จไม่ใช่น้อยๆ ในการปลุกเร้าพรรคเดโมแครต รวมถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งกลุ่มหนุ่มสาวและผู้หญิงอย่างชัดเจน . ขณะเดียวกัน ทั่วโลกกำลังตั้งตารอผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างใจจดใจจ่อ เนื่องจากจะมีนัยสำคัญต่อวิกฤตการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางและสงครามในยูเครน รวมถึงการจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่ทรัมป์กล่าวหาว่า เป็นเรื่องโกหกหลอกลวง . สถานการณ์เฉพาะหน้าที่น่ากลัวที่สุดคือประชาธิปไตยของอเมริกากำลังจะถูกทดสอบ หากทรัมป์แพ้แต่ไม่ยอมรับเหมือนเมื่อ 4 ปีที่แล้วที่เหล่ากองเชียร์ของเขาบุกโจมตีอาคารรัฐสภา รวมทั้งการที่ก่อนหน้านี้ทรัมป์ถูกลอบสังหารถึง 2 ครั้ง ทำให้ความกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์รุนแรงดูเป็นไปได้มากขึ้น . ที่กรุงวอชิงตันมีการติดตั้งรั้วสูงรอบบริเวณที่พักแฮร์ริสและทำเนียบขาว ขณะที่ห้างร้านหลายแห่งนำแผ่นไม้อัดมาตีปิดกระจกด้านหน้า . ทั้งรัฐออริกอน วอชิงตัน และเนวาดา ต่างเรียกกองทหารรักษาดินแดน (เนชั่นแนล การ์ด) เข้ารักษาการณ์ และกระทรวงกลาโหมเผยว่า อย่างน้อย 17 รัฐสั่งให้สมาชิกกองทหารรักษาดินแดนรวม 600 นายเตรียมพร้อมหากจำเป็น . ด้านสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) จัดตั้งศูนย์บัญชาการการเลือกตั้งแห่งชาติในวอชิงตันเพื่อตรวจติดตามภัยคุกคามตลอดสัปดาห์การเลือกตั้ง นอกจากนั้น ยังมีการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในคูหาเลือกตั้งเกือบ 100,000 แห่งทั่วประเทศ . รันเบ็ก อิเล็กชัน เซอร์วิส ผู้ให้บริการเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยปฏิบัติการเลือกตั้ง ยืนยันข่าวที่ว่า ได้จัดส่งปุ่มกดฉุกเฉิน 1,000 ชุดสำหรับลูกค้าที่รวมถึงพวกหน่วยเลือกตั้งและเจ้าหน้าที่ประจำหน่วย โดยอุปกรณ์นี้มีขนาดเล็กสามารถห้อยคอหรือเก็บในกระเป๋า ซึ่งจะจับคู่กับมือถือของผู้ใช้ และเชื่อมต่อกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000106742 .............. Sondhi X
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1145 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกัน ในวันอาทิตย์ (3 พ.ย.) เน้นย้ำคำกล่าวอ้างของเขาเกี่ยวกับการโกงคะแนนโหวตในรัฐสมรภูมิต่างๆ ในขณะที่เขาและคู่แข่งอย่าง กมลา แฮร์ริส จากเดโมแครต ใช้ช่วงเวลา 48 ชั่วโมงสุดท้าย ของการรณรงค์หาเสียง ระดมเสียงสนับสนุนในเป้าหมายคว้าชัยในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งที่คู่คี่สูสีที่สุดหนหนึ่งในประวัติศาสตร์
    .
    คาดหมายว่าศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้จะเป็นไปอย่างสูสีมากๆ โดยผลสำรวจความคิดเห็นต่างๆ พบว่าจนถึง ณ ขณะนี้มีอยู่หลายรัฐที่คะแนนนิยมของทั้งคู่ยังคงใกล้เคียงกันอย่างยิ่ง เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของศึกเลือกตั้งครั้งที่ผ่านๆ มา
    .
    ขณะเดียวกัน พบว่าจนถึงตอนนี้มีผู้ใช้สิทธิลงคะแนนล่วงหน้าไปแล้วกว่า 77.3 ล้านคน ก่อนถึงวันเลือกตั้งในวันอังคาร (5 พ.ย.) มากกว่าครึ่งของจำนวนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งหมดในปี 2020
    .
    ในขณะที่เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงก่อนถึงวันเลือกตั้ง เป็นอีกครั้งที่ ทรัมป์ บ่งชี้ว่าเขาอาจไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ และใช้วาทกรรมเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม และสำนักข่าวเอเอฟพีระบุว่าแม้ไม่มีหลักฐานสำคัญใดๆ เกี่ยวกับการโกงเลือกตั้งในสหรัฐฯ แต่ ทรัมป์ อ้างว่าพวกเดโมแครตในรัฐเพนซิลเวเนีย รัฐสมรภูมิ กำลังทำงานอย่างหนักในการขโมยผลการเลือกตั้ง
    .
    นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังแสดงความขุ่นเคืองบรรดาสื่อมวลชนทั้งหลายที่มักรายงานในสิ่งที่เขาเรียกว่า "ข่าวปลอม" เล่นงานเขาเป็นประจำ โดย ทรัมป์ บอกกับบรรดาผู้สนับสนุนว่า จะไม่ว่าอะไรหากมีผู้สื่อข่าวรายหนึ่งถูกยิงบ้าง
    .
    ระหว่างการปราศรัยหาเสียงเป็นเวลา 90 นาที ทรัมป์ เล่าย้อนถึงเหตุการณ์ที่เขาเกือบเสียชีวิตในเหตุลอบสังหารเมื่อเดือนกรกฎาคม พร้อมระบุว่าสำหรับเขาแล้ว หากถูกยิงอีกรอบ คราวนี้กระสุนควรจะพุ่งผ่านกลุ่มสื่อมวลชน "สำหรับผม หากมีใครถูกยิงจากการนำเสนอข่าวปลอม ผมไม่ว่าอะไรหรอก ผมไม่แคร์ด้วย" เขาพูดไปหัวเราะไป
    .
    ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น แฮร์ริส ได้ไปร่วมพิธีที่โบสถ์แห่งหน่ง ที่มีชาวผิวสีเป็นชนกลุ่มใหญ่ ในเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน และใช้โอกาสนี้เรียกร้องอเมริกันชน ก้าวข้าม ทรัมป์ "ขอพวกเราจงก้าวไปข้างหน้า และเขียนบทตอนถัดไปในประวัติศาสตร์ของเรา" รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุ "ขณะที่เรารู้ดีว่ามีคนที่กำลังหาทางสร้างความแตกแยกหนักหน่วงขึ้น หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชัง และก่อความวุ่นวาย ในช่วงเวลาที่ประเทศของเราเต็มไปด้วยการเมืองที่แตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายมากมายเหลือเกิน"
    .
    แฮร์ริส เรียกคำกล่าวหาของทรัมป์ เกี่ยวกับการโกงเลือกตั้งว่าเป็นความพยายามทำให้ผู้คนรู้สึกว่าคะแนนโหวตของพวกเขานั้นไม่มีความสำคัญ "ระบบต่างๆ ที่ใช้ในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ในปี 2024 มีความซื่อตรง" เธอกล่าว "และประชาชนจะเป็นคนตัดสินผลการเลือกตั้ง"
    .
    เหมือนกับเพนซิลเวเนีย ในรัฐมิชิแกน อีกรัฐสมรภูมิก็ถูกจับตาอย่างใกล้ชิดเช่นกัน ทรัมป์ เคยพลิกเอาชนะ ฮิลลารี คลินตัน ในป้อมปราการของเดโมแครตแห่งนี้ ในศึกเลือกตั้งปี 2016 แต่ ไบเดน นำพารัฐแห่งนี้กลับมาเป็นป้อมปราการของเดโมแครตอีกรอบในปี 2020 ได้แรงหนุนจากผู้มีสิทธิออกเสียงแรงงานสหภาพและคนผิวสี
    .
    อย่างไรก็ตาม คราวนี้ แฮร์ริส กำลังเสี่ยงสูญเสียแรงสนับสนุนจากชุมชนอเมริกันเชื้อสายอาหรับที่มีอยู่กว่า 200,000 คน ที่ประณามแนวทางของไบเดน ในการจัดการสงครามอิสราเอล-ฮามาส ในกาซา
    .
    สถานการณ์การเลือกตั้งเวลานี้ มีรายงานระบุว่า ชาวอเมริกัน 75 ล้านคนไปลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าแล้ว ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นของรีลเคลียร์โพลิติกส์จนถึงค่ำวันเสาร์ระบุว่า ทั้งทรัมป์และแฮร์ริสไม่มีใครนำใครเกิน 3 จุดในรัฐหนึ่งรัฐใดใน 7 รัฐสมรภูมิที่จะเป็นตัวชี้ขาดผลการเลือกตั้ง
    .
    บรรดาผู้สนับสนุนรีพับลิกันให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีว่า พร้อมโยนความสงสัยเกี่ยวกับระบบการเลือกตั้งทิ้งทันที ถ้าทรัมป์ชนะแบบแลนด์สไลด์
    .
    เชิร์ล วัย 39 ปีที่ทำงานในองค์กรไม่หวังผลกำไรแห่งหนึ่งบอกว่า เธอคง “สงสัย” ถ้าผลเลือกตั้งออกมาว่า แฮร์ริสชนะ แต่จะ “มั่นใจมาก” ถ้าผลออกมาว่า ทรัมป์ชนะ
    .
    “เพราะพระเจ้าลิขิตมาแล้วให้ทรัมป์เป็นประธานาธิบดี พวกเราแค่รอเท่านั้น”
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000105983
    ..............
    Sondhi X
    โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกัน ในวันอาทิตย์ (3 พ.ย.) เน้นย้ำคำกล่าวอ้างของเขาเกี่ยวกับการโกงคะแนนโหวตในรัฐสมรภูมิต่างๆ ในขณะที่เขาและคู่แข่งอย่าง กมลา แฮร์ริส จากเดโมแครต ใช้ช่วงเวลา 48 ชั่วโมงสุดท้าย ของการรณรงค์หาเสียง ระดมเสียงสนับสนุนในเป้าหมายคว้าชัยในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งที่คู่คี่สูสีที่สุดหนหนึ่งในประวัติศาสตร์ . คาดหมายว่าศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้จะเป็นไปอย่างสูสีมากๆ โดยผลสำรวจความคิดเห็นต่างๆ พบว่าจนถึง ณ ขณะนี้มีอยู่หลายรัฐที่คะแนนนิยมของทั้งคู่ยังคงใกล้เคียงกันอย่างยิ่ง เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของศึกเลือกตั้งครั้งที่ผ่านๆ มา . ขณะเดียวกัน พบว่าจนถึงตอนนี้มีผู้ใช้สิทธิลงคะแนนล่วงหน้าไปแล้วกว่า 77.3 ล้านคน ก่อนถึงวันเลือกตั้งในวันอังคาร (5 พ.ย.) มากกว่าครึ่งของจำนวนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งหมดในปี 2020 . ในขณะที่เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงก่อนถึงวันเลือกตั้ง เป็นอีกครั้งที่ ทรัมป์ บ่งชี้ว่าเขาอาจไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ และใช้วาทกรรมเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม และสำนักข่าวเอเอฟพีระบุว่าแม้ไม่มีหลักฐานสำคัญใดๆ เกี่ยวกับการโกงเลือกตั้งในสหรัฐฯ แต่ ทรัมป์ อ้างว่าพวกเดโมแครตในรัฐเพนซิลเวเนีย รัฐสมรภูมิ กำลังทำงานอย่างหนักในการขโมยผลการเลือกตั้ง . นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังแสดงความขุ่นเคืองบรรดาสื่อมวลชนทั้งหลายที่มักรายงานในสิ่งที่เขาเรียกว่า "ข่าวปลอม" เล่นงานเขาเป็นประจำ โดย ทรัมป์ บอกกับบรรดาผู้สนับสนุนว่า จะไม่ว่าอะไรหากมีผู้สื่อข่าวรายหนึ่งถูกยิงบ้าง . ระหว่างการปราศรัยหาเสียงเป็นเวลา 90 นาที ทรัมป์ เล่าย้อนถึงเหตุการณ์ที่เขาเกือบเสียชีวิตในเหตุลอบสังหารเมื่อเดือนกรกฎาคม พร้อมระบุว่าสำหรับเขาแล้ว หากถูกยิงอีกรอบ คราวนี้กระสุนควรจะพุ่งผ่านกลุ่มสื่อมวลชน "สำหรับผม หากมีใครถูกยิงจากการนำเสนอข่าวปลอม ผมไม่ว่าอะไรหรอก ผมไม่แคร์ด้วย" เขาพูดไปหัวเราะไป . ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น แฮร์ริส ได้ไปร่วมพิธีที่โบสถ์แห่งหน่ง ที่มีชาวผิวสีเป็นชนกลุ่มใหญ่ ในเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน และใช้โอกาสนี้เรียกร้องอเมริกันชน ก้าวข้าม ทรัมป์ "ขอพวกเราจงก้าวไปข้างหน้า และเขียนบทตอนถัดไปในประวัติศาสตร์ของเรา" รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุ "ขณะที่เรารู้ดีว่ามีคนที่กำลังหาทางสร้างความแตกแยกหนักหน่วงขึ้น หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชัง และก่อความวุ่นวาย ในช่วงเวลาที่ประเทศของเราเต็มไปด้วยการเมืองที่แตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายมากมายเหลือเกิน" . แฮร์ริส เรียกคำกล่าวหาของทรัมป์ เกี่ยวกับการโกงเลือกตั้งว่าเป็นความพยายามทำให้ผู้คนรู้สึกว่าคะแนนโหวตของพวกเขานั้นไม่มีความสำคัญ "ระบบต่างๆ ที่ใช้ในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ในปี 2024 มีความซื่อตรง" เธอกล่าว "และประชาชนจะเป็นคนตัดสินผลการเลือกตั้ง" . เหมือนกับเพนซิลเวเนีย ในรัฐมิชิแกน อีกรัฐสมรภูมิก็ถูกจับตาอย่างใกล้ชิดเช่นกัน ทรัมป์ เคยพลิกเอาชนะ ฮิลลารี คลินตัน ในป้อมปราการของเดโมแครตแห่งนี้ ในศึกเลือกตั้งปี 2016 แต่ ไบเดน นำพารัฐแห่งนี้กลับมาเป็นป้อมปราการของเดโมแครตอีกรอบในปี 2020 ได้แรงหนุนจากผู้มีสิทธิออกเสียงแรงงานสหภาพและคนผิวสี . อย่างไรก็ตาม คราวนี้ แฮร์ริส กำลังเสี่ยงสูญเสียแรงสนับสนุนจากชุมชนอเมริกันเชื้อสายอาหรับที่มีอยู่กว่า 200,000 คน ที่ประณามแนวทางของไบเดน ในการจัดการสงครามอิสราเอล-ฮามาส ในกาซา . สถานการณ์การเลือกตั้งเวลานี้ มีรายงานระบุว่า ชาวอเมริกัน 75 ล้านคนไปลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าแล้ว ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นของรีลเคลียร์โพลิติกส์จนถึงค่ำวันเสาร์ระบุว่า ทั้งทรัมป์และแฮร์ริสไม่มีใครนำใครเกิน 3 จุดในรัฐหนึ่งรัฐใดใน 7 รัฐสมรภูมิที่จะเป็นตัวชี้ขาดผลการเลือกตั้ง . บรรดาผู้สนับสนุนรีพับลิกันให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีว่า พร้อมโยนความสงสัยเกี่ยวกับระบบการเลือกตั้งทิ้งทันที ถ้าทรัมป์ชนะแบบแลนด์สไลด์ . เชิร์ล วัย 39 ปีที่ทำงานในองค์กรไม่หวังผลกำไรแห่งหนึ่งบอกว่า เธอคง “สงสัย” ถ้าผลเลือกตั้งออกมาว่า แฮร์ริสชนะ แต่จะ “มั่นใจมาก” ถ้าผลออกมาว่า ทรัมป์ชนะ . “เพราะพระเจ้าลิขิตมาแล้วให้ทรัมป์เป็นประธานาธิบดี พวกเราแค่รอเท่านั้น” . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000105983 .............. Sondhi X
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 807 มุมมอง 0 รีวิว
  • หม่อมโจ้
    สิ่งที่ควรรู้เรื่องอิสราเอลหม่อมโจ้ โต้ทูตอิสราเอล ยันต้องเปิดความจริง ช่วยคนไทยพ้นภาวะทาส
    เพื่อนๆคงจะรู้จัก คุณปุ๊ก อาภัสรา หงสกุล อดีตนางงามจักรวาลชาวไทยคนแรก ที่เรียกว่ามิสยูนิเวอร์ส คุณอาภัสราจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.ศ.3) ปี 2506 จาก ร.ร.ศึกษาวิทยา ถนนสีลม แล้วไปเรียนอาชีวศึกษาที่ ร.ร.เลขานุการที่นครรัฐปีนัง ในมาเลเซีย จบชั้นปีที่ 2 เธอมาประกวดนางสาวไทย ได้ตำแหน่งปี 2507 จากนั้นไปเรียนต่อแล้วกลับมาปี 2508 เดินทางไปประกวดมิสยูนิเวอร์สที่นครไมอามี่ รัฐฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา ได้ตำแหน่งขณะมีอายุ18ปี คุณปุ๊กเกิดวันที่16 มกราคม 2490 ปีกุนปีเดียวกับผม ปี 2510 ขณะมีอายุ 20ปีได้สมรสครั้งแรกกับหม่อมราชวงศ์เกียรติคุณ กิติยากร มีบุตรชายคนแรกคือหม่อมหลวงรุ่งคุณ กิติยากร
    ปัจจุบัน หม่อมโจ้ บุตรชายคนแรกของคุณปุ๊ก อายุได้ 53 ปีแล้ว หม่อมโจ้เรียนจบจากต่างประเทศที่สหรัฐอเมริกาในระดับปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจเคยทำงานบริษัทต่างประเทศจนได้ลาออกไปอุปสมบทเป็นพระภิกษุในสายวัดป่าอยู่หลายปีได้มาซื้อที่ดินที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 45 ไร่ ปลูกพืชและผลไม้สายพันธุ์ของต่างประเทศที่ไม่มีใครทำมาก่อนจนผลไม้ขายได้ในราคาสูง หม่อมหลวงรุ่งคุณได้ศึกษาและวิเคราะห์เขียนหนังสือหลายเรื่องเกี่ยวกับอิสราเอล ไว้มากจนเป็นข่าวตอบโต้กับเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยดังนี้
    เรียน ท่านเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย นายไซม่อน โรดเด็ด
    ข้าพเจ้ารับทราบถึงความไม่พอใจของท่านกับบทความของข้าพเจ้า ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่ข้าพเจ้าได้เขียน เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของข้าพเจ้าโดยบริสุทธิ์ใจ อันเป็นสิทธิที่ข้าพเจ้าจะแสดงได้ โดยความเห็นของข้าพเจ้านั้น เป็นไปตามข้อมูลหลักฐานอันมีจริงทางประวัติศาสตร์ที่ได้มีความพยายามในการกลบและบิดเบือน
    แม้กระนั้น ท่านอาจแปลกใจคิดว่า แล้วไฉนทั้งที่ข้าพเจ้าและประเทศไทยที่ไม่ได้มีส่วนได้เสีย ข้าพเจ้าจึงต้องไปเขียนในเรื่องราวสร้างความบาดหมางให้แก่ท่าน ข้าพเจ้าจึงใคร่ที่จะชี้แจงตรงนี้ว่า ข้าพเจ้าไม่ได้เขียนเพื่อที่จะก่อความบาดหมางให้แก่ท่านหรือแก่ผู้ใด และ เรื่องราวที่ข้าพเจ้าเขียนนั้น มีความเกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าและต่อประเทศไทยอย่างไรบ้าง
    อย่างแรก 'กลุ่มทุนธนาคารยิว Zionist' ที่ข้าพเจ้าได้กล่าวถึงนั้น ข้าพเจ้ากล่าวถึงคนเพียงกลุ่มหนึ่ง มิใช่ชาวยิวทั้งหมด โดยคำว่า 'Zionist' แม้แต่ชาวยิวแท้ Orthodox Jews ที่ยึดมั่นใน Torah จำนวนมากก็ไม่ได้เห็นด้วยเลย ดังที่พวกเขาได้ออกมาประท้วง ประกาศว่า 'Zionism' ไม่ใช่ 'Judaism' เอง ท่านทูตน่าจะพอทราบอยู่ เพราะใน Israel ก็มีการจับชาวยิวแท้ ที่มีอัธยาศัยดีเหล่านี้ ไปจำคุกอยู่จำนวนหนึ่ง
    'ทุนธนาคาร Zionist' ที่ข้าพเจ้าพูดถึง หมายถึงกลุ่มทุนธนาคารที่เป็นผู้มีอำนาจที่สุดในโลก มีอำนาจเหนือรัฐหลายรัฐ รวมถึงมหาอำนาจสหรัฐอเมริกา เขาคุมการเงินโดยกลุ่มของเขาเอง เป็นเจ้าของ Federal Reserve Bank ธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา ที่พิมพ์เงินให้รัฐบาลสหรัฐฯต้องกู้ มิใช่ของประชาชนชาวอเมริกันตามที่ควรจะเป็นแต่อย่างใด กลุ่มทุนธนาคารของเขาเป็นหุ้นใหญ่ในบริษัทยักษ์ใหญ่แทบทั้งสิ้นทั่วโลก รวมถึง 6 บริษัทที่คุม 90% ของสื่อในสหรัฐอเมริกา เขาคุมแหล่งนํ้ามันและก๊าซหลัก ๆ ทั่วโลก และกำลังรุกเพื่อควบคุมผูกขาดอาหารของโลกโดยการผลิต GMO แม้แต่องค์กรโลก เช่น UN ที่ให้กำเนิด World Bank และ IMF ล้วนเป็นองค์กรที่พวกเขาจัดตั้งขึ้น และควบคุมทั้งสิ้น
    ชื่อตระกูลที่โดดเด่นมีอิทธิพลสูงสุดใน 'ทุนธนาคาร Zionist' นี้ ได้แก่ 'Rothschild' และ 'Rockefeller' ชื่อ 'Rothschild' ท่านทูตย่อมรู้จักเป็นอย่างดี โดยใน 'Independence Hall' ที่ Tel Aviv เมืองหลวงของท่านเอง ก็มีนิทรรศการเอกสารชิ้นสำคัญมากชิ้นหนึ่งเรียกว่า 'The Balfour Declaration' เป็นจดหมายจากรัฐบาลอังกฤษ จ่าหัวถึง 'Lord Rothschild' ใน 1917 แสดงถึงการที่รัฐบาลอังกฤษสนับสนุนให้เกิด บ้านอยู่ (national home) ของชาวยิว ที่ Palestine แก่ 'Lord Rothschild' Baron Edmond (Abraham Benjamin) Rothschild จึงมีสถานะเป็น "the Father of the Settlements" (Avi ha-Yishuv) หรือบิดาแห่งอิสราเอล
    ใน4บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของโลก หรือ 'The Four Horsemen of Oil' ที่อยู่เบื้องหลังนโยบายการครอบครองน้ำมันของสหรัฐฯ 2 บริษัท คือ BP Amoco และ Royal Dutch/Shell อยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูล Rothschild ที่ถือหุ้นใหญ่ ส่วน อีกสอง Exxon Mobil และ Chevron คือ บริษัทที่มาจาก Standard Oil ของ John D. Rockefeller โดยกรรมการของบริษัทน้ำมันเหล่านี้จำนวนหนึ่ง ไขว้กันเองเป็นใย และไขว้เป็นกรรมการของธนาคารยักษ์ใหญ่ เช่น JP Morgan Chase ของ Rockefeller และ Citigroup, Bank of America, Wells Fargo, N. M. Rothschild & Sons โดยตระกูล Rothschild ควบคุม และมีการเชื่อมโยงถือหุ้นไขว้กันกับกลุ่มทุนนอมินียักษ์ เช่น BlackRock, State Street, Vanguard และ Fidelity ที่ถือหุ้นใหญ่บริษัทยักษ์ใหญ่ แทบทั้งหมดในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย
    ในการสร้างอำนาจเหนือรัฐต่าง ๆ 'ทุนธนาคาร Zionist' เหล่านี้ ได้จัดตั้งองค์กร Front ของเขา เช่น The Bilderberg Group, Council on Foreign Relations (CFR) และ The Trilateral Commission (TC) โดยองค์กรเหล่านี้จะรวมกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' และบรรดาผู้มีอิทธิผล เช่น อดีตประธานาธิบดี บริวารมือขวาของเขา Henry Kissinger นักการเมืองทุกขั้ว ทหาร หัวหน้าหน่วยงานลับ ของประเทศสำคัญในยุโรป และสหรัฐฯ โดยใน Trilateral Commission จะมีสมาชิกเป็นบุคคลสำคัญของประเทศในทวีปเอเชียต่าง ๆ ที่รับใช้พวกเขา 'ทุนธนาคาร Zionist' จึงมีอิทธิพลอำนาจเหนือรัฐ เช่นมหาอำนาจสหรัฐอเมริกา
    ด้วยความละโมบของพวกเขา ในการล่าอาณานิคมยุคใหม่ โดยกำลังก็ดี โดยวิธีแห่งการให้สินบนแก่ผู้ขายชาติตนเองก็ดี โดยการบีบบังคับด้วยหนี้สินก็ดี โดยการแทรกแซงการเมืองภายในก็ดี 'ทุนธนาคาร Zionist' เหล่านี้ ได้เข้ายึดครองทรัพยากร พลังงาน เศรษฐกิจ และการเงิน ของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ทำให้ประชาชนของประเทศนั้น ๆ ตกเป็นทาสของพวกเขา โดยในประเทศไทยเอง ปรากฏหลักฐานชัดเจนถึงการกระทำ ที่ 'ทุนธนาคาร Zionist' พร้อมการร่วมมือของ 'คนไทย' ที่ได้ขายตัวขายจิตวิญญาณให้พวกเขา ได้ร่วมกระทำ ดังต่อไปนี้ (1) การปล้นโกงน้ำมันและก๊าซ จากประชาชนคนไทย (2) การทำให้ประเทศไทยเป็นหนี้ ตามด้วยการยึดครองเศรษฐกิจการเงิน (3) การชักใยอยู่เบื้องหลังทุกฝ่าย ในการสร้างความแตกแยก ตามยุทธศาสตร์ 'แบ่งแยกแล้วปกครอง' เพื่อการยึดครองประเทศเป็นเมืองขึ้นยิ่งขึ้นไป มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ :
    (1) การปล้นโกงน้ำมันและก๊าซ จากประชาชนคนไทย โดย 'ทุนธนาคาร Zionist'
    ทั้งที่ประเทศไทย มีอธิปไตยของตนเอง โดยอธิปไตย นั้นเป็นของปวงชนชาวไทย อันหมายความว่าทรัพยากรของชาตินั้นเป็นของประชาชนคนไทย แต่ปรากฏว่า กฎหมายว่าด้วยน้ำมันและก๊าซ (พ.ร.บ.ปิโตรเลียม 2514) มิได้มีการเขียนขึ้นไม่ว่าจะ 'โดย' ประชาชน หรือ 'เพื่อ' ประชาชน แต่อย่างใด แต่ได้ถูกเขียนขึ้นโดย Walter James Levi สมาชิกทั้ง CFR และ The Trilateral Commission ผู้ทำงานให้รัฐบาลสหรัฐฯ ขั้นขึ้นชื่อว่าเป็น หัวหน้าฝ่ายเศรษฐศาสตร์พลังงานของสหรัฐอเมริกา (the dean of United States oil economists) และ ได้เป็นผู้บริหารบริษัทของตระกูล Rockefeller เองคือ Standard Oil Company of New York หรือ Socony (ปัจจุบันคือ Exxon) คนที่เขียนกฎหมายนี้ของประเทศไทย ไม่ใช่คนไทย แต่คือคนของ 'ทุนธนาคาร Zionist'
    เนื้อหาของกฎหมายดังกล่าวเอง ก็เป็นไปเพื่อประโยชน์ของ 'ทุนธนาคาร Zionist' โดยมีลักษณะของกฎหมายสำหรับเมืองขึ้นอันไม่เป็นธรรม คือ น้ำมันและก๊าซทั้งหมดเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้รับสัมปทาน การได้สัมปทานเป็นไปโดยไม่มีการประมูลอย่างโปร่งใส ค่าตอบแทนเป็นไปอย่างต่ำ และ ประชาชนคนไทยที่เป็นเจ้าของโดยแท้จริง ไม่สามารถตรวจสอบรับทราบความจริงได้เลย โดยวิธีที่สามารถจะเรียกว่าโปร่งใสได้ ว่าปริมาณทรัพยากรที่มีการขุดไปนั้นมีปริมาณที่แท้จริงมากน้อยเพียงใด ประเทศไทยมีพลังงานมากน้อยแค่ไหนโดยต้องยอมรับตามตัวเลข ที่บริษัทพลังงานต่าง ๆ แจ้งเท่านั้น
    การปล้นอธิปไตยโดย 'ทุนธนาคาร Zionist' เป็นไปได้ด้วยการข่มขู่ไม่ให้ความร่วมมือ พร้อมการให้สินบนแก่ 'คนไทยที่ขายชาติตัวเอง' ซึ่งจากนั้นมา การรุกครอบครองน้ำมันและก๊าซของประชาชนคนไทย โดยวิธีการดังกล่าวได้ขยายไปเรื่อย ๆ มีการแก้ไขกฎหมายเพิ่มเติม ให้เอื้ออำนวยแก่ผู้รับสัมปทานอย่างล้นพ้นโดยภายหลังจะเห็นได้ชัดเจนถึงผู้เข้ามามีอำนาจในไทย ไม่ว่าขั้วไหน เข้ามาด้วยวิธีใด ได้สานต่อไปในทาง 'ขายชาติตัวเอง' ให้แก่ 'ทุนธนาคาร Zionist' เหล่านี้เพื่อค่าคอมมิสชั่น ถึงขั้นร่วมกันชง ส่งลูกกันข้ามรัฐบาล ยกดินแดนไทยให้กัมพูชา อันส่งผลให้พื้นที่ไทยในทะเลอ่าวไทย 27,000 ตารางกิโลเมตรอันอุดมด้วยน้ำมันและก๊าซที่สุดแห่งหนึ่ง ต้องตกกลายเป็นพื้นที่พิพาท ระหว่างไทยกับกัมพูชา
    ซึ่งในพื้นที่นี้ บริษัท Chevron คือบริษัทที่จ่อล็อกจะถือสัมปทานจากทั้ง 2 ประเทศ ในกรณีนี้ที่มีการพิพาทเรื่องพื้นที่ในอ่าวไทย หากไทยและกัมพูชา ให้สัมปทานในพื้นที่นี้ ผู้ที่จะมีอิทธิพลสูงสุดในการครอบครอง ย่อมมิใช่ไทยหรือกัมพูชาอีกทั้งนั้น แต่จะเป็นสหรัฐอเมริกาภายใต้กลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' เพราะสัมปทานจะเป็นของ Chevron โดยเอกฉันท์ ฝ่ายใดที่ให้ประโยชน์แก่สหรัฐฯ สูงสุด สหรัฐฯ ย่อมสนับสนุนฝ่ายนั้น
    ในปัจจุบัน การถูกปล้นอธิปไตย การตกเป็นอาณานิคมของ 'ทุนธนาคาร Zionist' อย่างเต็มรูปแบบในเรื่องพลังงาน ก็ประจักษ์ชัดเจนอย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยในปัจจุบัน นาย ณรงค์ชัย อัครเศรณี ผู้เข้ามาดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ก่อนเข้ามารับตำแหน่ง ได้เป็นสมาชิก The Trilateral Commission (TC) องค์กรของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' ยาวนานถึง 30 ปี โดยเมื่อเข้ามาแล้ว ก็ไม่รีรอที่จะประกาศผลักดันเปิดสัมปทานในพื้นที่ดังกล่าวอย่างเต็มที่ โดยไม่สนใจ และไม่มีการชี้แจงอันใดเกี่ยวกับการเสียดินแดนของประเทศไทย ทั้งที่มีการคัดค้าน
    ด้วยประการฉะนี้ การปล้นโกงน้ำมันและก๊าซ โดย 'ทุนธนาคาร Zionist' จึงมิได้ครอบคลุมเพียงแค่น้ำมันและก๊าซอีกต่อไป แต่ได้ขยายไปเป็นการปล้นดินแดนไทย จากประชาชนคนไทย ไปโดยเรียบร้อย
    (2) การทำให้ประเทศไทยเป็นหนี้ ตามด้วยการยึดครองเศรษฐกิจการเงินของประเทศ
    การที่เถ้าแก่สามานย์รายใดจะต้องการยึดที่ดินสวย ๆ ของชาวนา วิธีที่เขาจะกระทำคือ ให้ชาวนากู้เงิน ทำให้จ่ายหนี้ไม่ได้ เมื่อจ่ายช้าก็อายัดที่ดินนั้น บังคับขายในราคาต่ำกว่าจริงสิบเท่า แล้วเข้าซื้อเอง
    วิธีการของ 'ทุนธนาคาร Zionist' ก็เป็นเช่นนั้น ทำให้ประเทศเป็นหนี้ หลังการปล่อยกู้เงินให้แก่ประเทศไทยจำนวนมากให้คน น้อยกว่า 1% อย่างฟุ่มเฟือย George Soros สมาชิกอาวุโส CFR ได้นำกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' มาโจมตีค่าเงินบาท จาก 25 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ กลายเป็น 56 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ เพราะกู้เงินจากต่างชาติมามาก เศรษฐกิจไทยได้เข้าสู่วิกฤต มีการล่มสลายของธุรกิจจำนวนมาก(ในปี 2540 – 2542)
    ต่อมาก็เป็นไปตามแบบแผนวิธีการของ IMF และ World Bank ที่ 51% เป็นของ US Treasury ควบคุมโดย 'ทุนธนาคาร Zionist' ของ Rothschild ตามขั้นตอนที่ Joseph Stiglitz ผู้เป็นอดีตประธานที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจของ President Bill Clinton อดีตรองประธาน และ Chief Economist ของ World Bank ได้เปิดโปงให้แก่หนังสือ The Observer และ Newsweek หลังมีเอกสารลับหลุดออกมาจาก World Bank คือในการขอความช่วยเหลือทางการเงิน จำต้องเซ็นสัญญา โดยในสัญญาจะตกลงใน (a) Privatization การแปรรูป โดยรัฐจะต้องยินยอมขายสมบัติของชาติเกี่ยวเนื่องกับสิ่งจำเป็น เช่น น้ำ ไฟฟ้า น้ำมันและก๊าซ (b) Capital Market Liberalization การเปิดให้ทุนไหลเข้าออก โดยส่วนใหญ่มักจะไหลออก (c) Market-based pricing การขึ้นราคา อาหาร ไฟฟ้า น้ำมันและก๊าซ โดยอ้างว่าเป็นราคาตลาดโลก (d) Free Trade การค้าเสรี ตามกฎของ WTO และ World Bank
    Stiglitz ได้ระบุในการสัมภาษณ์อย่างชัดเจนว่า การยินยอมในการตกลงนั้นเกิดขึ้นไม่ยากโดย (ก) World Bank IMF สามารถสั่ง Financial Blockage การกีดกันทางการเงินหากไม่ร่วมมือ และ (ข) นักการเมืองในประเทศนั้น ๆ ยินดีที่จะยกบริษัท น้ำ ไฟฟ้า น้ำมันและก๊าซ ให้โดย 'เขาจะตาโตกันเลย เมือเขานึกถึงค่าคอมมิสชั่นที่เขาจะได้กัน จากการลดราคาเป็นพัน ๆ ล้านในการแปรรูป' โดยเขาจะสามารถใช้ข้ออ้างว่า ถูก World Bank IMF บังคับ
    แล้วการออกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ ก็ได้ตามมา พร้อมการขายสมบัติชาติแบบล็อกสเปคในราคาที่ต่ำกว่าทุนถึง 5 เท่า ตามด้วยการแปรรูปบริษัทน้ำมัน-ก๊าซของชาติ โดยสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่ว่าจะในกรณี การยกดินแดนให้ต่างชาติ หรือ การแปรรูป จะเกิดขึ้นโดยการร่วมมือของมากกว่าหนึ่งรัฐบาล โดยฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายชง อีกฝ่ายเป็นฝ่ายจัดการ ทั้งนี้ทั้งนั้น เป็นไปเพื่อการสามารถโยนความผิดกันไปมาได้ โดยไม่มีใครผิดเต็ม ๆ โดยในกรณีนี้ แม้ขั้วนักการเมืองกลุ่มที่รับข้อตกลงรับรายละเอียดในการออกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับจาก 'ทุนธนาคาร Zionist' นี้พยายามจะโยนความผิดให้ผู้ริเริ่มการตกลง แต่ก็ปรากฏให้เห็นได้ถึงการตอบแทน เมื่อคนของเขาได้ไปนั่งเป็นผู้อำนวยการใหญ่ WTO
    โดยการโจมตีค่าเงิน การบีบข่มขู่ การให้สินบนแก่ผู้เข้ามามีอำนาจทุกขั้ว ที่ร่วมกันขายชาติตนเอง 'ทุนธนาคาร Zionist' เช่น JP Morgan Chase, BlackRock, State Street, Vanguard และ Fidelity ได้เข้ามายึดครองควบคุม บริษัทน้ำมันก๊าซ ธนาคาร และ เศรษฐกิจการเงินของประเทศไทย ไปจากคนไทย และยังรุกคืบยิ่ง ณ ปัจจุบัน ตามข่าวการแปรรูปที่ปรากฏอยู่
    (3) การชักใยอยู่เบื้องหลัง ในการสร้างความแตกแยก ตามยุทธศาสตร์ 'แบ่งแยกแล้วปกครอง' (Divide and Conquer) เพื่อการยึดครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จ
    เป็นที่ประจักษ์ว่าไม่ว่าจะขั้วไหน เข้ามาด้วยวิธีใด ที่เข้ามามีอำนาจ ล้วนให้ความร่วมมือกับ 'ทุนธนาคาร Zionist' ในการขายทำลายชาติ โดยมีค่าคอมมิสชั่น ทั้งในทรัพยากรและในการแปรรูป เป็นตัวเชื่อม สามารถควบคุม ชักใยได้ทุกฝ่าย ยุทธศาสตร์ แบ่งแยกแล้วปกครอง เป็นยุทธศาสตร์ที่มีตัวอย่างเห็นได้ในโลกปัจจุบันมากมายในการเข้ายึดครองประเทศต่าง ๆ ของ 'ทุนธนาคาร Zionist' โดยการยุยงให้เหยื่อตีกันเอง บางกรณีให้อาวุธทั้ง 2 ฝ่าย ทำลายภูมิคุ้มกันความสามัคคีของชนชาตินั้น ๆ สร้างความแตกแยก โดยเมื่อมีรอยแตก ก็สามารถจะแทรกเข้าไป ยึดครองประเทศนั้น ๆ
    ความแตกแยก ปัญหาความขัดแย้งเสื้อสี ที่ปรากฏอยู่ในประเทศไทย ล้วนมีการชักใย มีการสนับสนุน ทั้ง 2 ฝ่ายการเมือง โดยมีกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' เป็นผู้อยู่เบื้องหลังนักการเมืองทั้ง 2 ขั้ว โดยทั้ง 2 ขั้ว นั้นล้วนมีผลประโยชน์ในเรื่องคอมมิสชั่น จากกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' และถูกชักใยให้ปลุกปั่นประชาชน ให้มาตีกันเองโดยการรู้ไม่เท่าทันของประชาชน ว่าโดยแท้จริงแล้ว นักการเมืองและผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะขั้วไหน เข้ามาด้วยวิธีใด ล้วนให้ความร่วมมือ ขายชาติตนเองแก่ 'ทุนธนาคาร Zionist' ทั้งสิ้น
    หลักฐานปรากฏชัดเจนว่าสมาชิก CFR ของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' อาทิ (a) Robert Blackville สมาชิก CFR มือขวาการต่างประเทศของ Henry Kissinger จาก Barbour Griffif & Rogers (CFR) (b) Keneth Adelman สมาชิก CFR อดีตทูต UN ของสหรัฐ จาก Baker & Botts Robert (CFR) (c) Robert Amsterdam จาก Amsterdam & Peroff (Chatham House) ได้ทำหน้าที่เป็น lobbyist ให้อดีตนักการเมืองที่หลบอยู่ที่ Dubai และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังขบวนการเสื้อแดง และองค์กร NED ได้ให้เงินสนับสนุน Website ของเสื้อแดงจำนวนมาก โดยต้องเป็นที่กล่าวว่า นักการเมืองไทยที่หลบหนีอยู่ที่ Dubai นั้น โดยแท้จริงแล้วเป็นเพียงหุ่นเชิด ที่ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' ชักใยอยู่เบื้องหลัง ซึ่งโดยลำพังเขาไม่สามารถที่จะทำเองได้เลย (นั่นคือทักษิณ ชินวัตร)
    ส่วนนักการเมืองผู้เข้ามามีอำนาจ ฝ่ายอื่น ๆ ที่โหน อ้าง ปกป้อง สถาบันสำคัญ ๆ ฝ่ายนี้ โดยการขายตัวขายชาติ การปรารถนาได้ค่าคอมมิสชั่น ทั้งในน้ำมันก๊าซ และในการแปรรูป เป็นตัวเชื่อม ก็ไม่พ้นการอยู่ภายใต้อำนาจการชักใยของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' ที่เป็นผู้กำกับการแสดง จูงทั้งสองสามฝ่าย ให้ชงและส่งลูกให้กัน เสี้ยมให้ชาติ ล่มสลาย เพื่อการปล้นยึดครองอย่างเบ็ดเสร็จ ในระหว่างที่สหรัฐ แขนขวาของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' สนับสนุนฝ่ายหนึ่ง แขนซ้าย ก็ทำตัวเข้าสนับสนุนอีกฝ่าย
    ข้าพเจ้าจึงจะประกาศ ณ ที่นี้ว่าข้าพเจ้ามิได้รังเกียจประชาชนของชนชาติใด จะเป็นชาวอเมริกันหรือชาวยิวหรือชาติใด ๆ ทั้งสิ้น แต่สิ่งที่ข้าพเจ้ารังเกียจ คือพฤติกรรม เอาเปรียบ เบียดเบียน แทรกแซง ปล้นทั้งทรัพยากรและดินแดน ทำลายชาติอื่น ที่ 'ทุนธนาคาร Zionist' นี้ได้กระทำทั่วโลก
    ดังนั้น กับคำกล่าวของท่านว่าข้าพเจ้าเหยียดชนชาติ เมื่อความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นข้าพเจ้าจึงไม่เดือดร้อนใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ว่าในโลกปัจจุบัน เท่าที่ข้าพเจ้าทราบ ข้าพเจ้าไม่เห็นว่าจะมีค่ายนักโทษอันใดที่กระทำความทารุณโหดร้ายเท่ากับที่สถานที่ชื่อ Gaza และในเมื่อประเทศของท่านเองยังกระทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาว Palestine อย่างที่กระทำอยู่ ท่านยังจะกล้าบังอาจเรียกผู้ใดว่าเหยียดชนชาติได้เสียอย่างไร
    จะเรียกใครว่าอย่างไรท่านจงมองตัวเองบ้างเสียเถิด ท่านจงสำเหนียกเสียบ้างเถิดว่า พฤติกรรมร้องทำจะเป็นจะตายว่าพวกตนถูกทำร้าย ทั้งที่พวกตนนั่นแหละคือผู้ที่กระทำชำเราเขาไปทั่ว ท่านคิดว่าอย่างไร พฤติกรรมนี้เป็นพฤติกรรมที่น่าสมเพชหรือไม่
    ไม่ว่าจะประชาชนชนชาติใด เขาก็ย่อมปรารถนาความสงบสุข เขาย่อมปรารถนาอธิปไตยในชาติของเขาเอง เขาย่อมปรารถนาที่จะตัดสินอนาคตเขาเอง เขาย่อมปรารถนาว่าทรัพยากรของเขาจะถูกนำมาใช้เพื่อประโยชน์ของเขาด้วยความเป็นธรรม เขาย่อมไม่ต้องการให้ใครมาเอาดินแดนของเขาไป แต่ในประเทศไทย ด้วยการชักใย การซื้อคนไทยที่ขายชาติตนเองทุกขั้ว การซื้อสื่อ การปลุกปั้นโดย 'ทุนธนาคาร Zionist' เป็นอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น
    ผลคือ คนไทย แทนที่จะรักใครสามัคคีกัน แทนที่จะได้รับผลประโยชน์จากสมบัติอันมีค่าของเขา แทนที่จะมีรัฐสวัสดิการ การรักษาพยาบาล การศึกษา ที่มีคุณภาพ แทนที่จะมีชีวิตที่มีคุณภาพความสุขที่พวกเขาควรได้รับ เขากลับต้องมาเกลียดชังกันเอง ทะเลาะสู้กันเอง เขากลับต้องมาเป็นทาสของ 'ทุนธนาคาร Zionist' ต้องมาเป็นทาสที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายสู้กันเอง แทนที่จะสามัคคีกันเพื่อปลดปล่อยพวกตนจากความเป็นทาส เพราะความไม่รู้เท่าทัน เพราะการหลอกลวงโดยนักการเมือง ผู้เข้ามามีอำนาจที่หิวโหย ที่ล้วนทำเพื่อตนเอง โดยรับใช้ ถูกชักใยจากนายคนเดียวกันคือ 'ทุนธนาคาร Zionist' ทั้งนั้น
    ข้าพเจ้าจึงมีความจำเป็นที่จะเปิดเผยความจริง ความจริงโดยรอบด้าน และความจริงที่จริงที่สุด โดย เมื่อประชาชนชาวไทยตื่นรู้กับความจริง การเป็นทาสที่ถูกหลอกให้สู้กันเองย่อมหมดไป ความสามัคคีย่อมกลับมา โดยสิ่งนี้สิ่งเดียว คือ การตื่นรู้เท่านั้น ที่จะทำให้ชนชาติไทยรอดพ้นภัยไปได้
    ทั้งนี้ทั้งนั้น มิใช่ว่าประชาชนชาวไทยจะต้องไปเป็นศัตรูกับใคร การตบมือข้างเดียวย่อมไม่ดังฉันใด และ เมื่อคนไทยตื่นรู้เลิกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเป็นหนึ่งอันเดียวกัน รวมกันปราบปรามเหล่าคนไทยที่ขายชาติตนเองทั้งหลายแล้ว ประเทศและประชาชนชาวไทยย่อมพ้นจากการเป็นอาณานิคม พ้นจากการเป็นเป็นทาส ไม่ว่าจะเป็น ทาสของ 'ทุนธนาคาร Zionist' หรือ กลุ่มทุนอื่นใด
    จึงเรียนมาเพื่อทราบ
    ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร
    หม่อมโจ้ สิ่งที่ควรรู้เรื่องอิสราเอลหม่อมโจ้ โต้ทูตอิสราเอล ยันต้องเปิดความจริง ช่วยคนไทยพ้นภาวะทาส เพื่อนๆคงจะรู้จัก คุณปุ๊ก อาภัสรา หงสกุล อดีตนางงามจักรวาลชาวไทยคนแรก ที่เรียกว่ามิสยูนิเวอร์ส คุณอาภัสราจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.ศ.3) ปี 2506 จาก ร.ร.ศึกษาวิทยา ถนนสีลม แล้วไปเรียนอาชีวศึกษาที่ ร.ร.เลขานุการที่นครรัฐปีนัง ในมาเลเซีย จบชั้นปีที่ 2 เธอมาประกวดนางสาวไทย ได้ตำแหน่งปี 2507 จากนั้นไปเรียนต่อแล้วกลับมาปี 2508 เดินทางไปประกวดมิสยูนิเวอร์สที่นครไมอามี่ รัฐฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา ได้ตำแหน่งขณะมีอายุ18ปี คุณปุ๊กเกิดวันที่16 มกราคม 2490 ปีกุนปีเดียวกับผม ปี 2510 ขณะมีอายุ 20ปีได้สมรสครั้งแรกกับหม่อมราชวงศ์เกียรติคุณ กิติยากร มีบุตรชายคนแรกคือหม่อมหลวงรุ่งคุณ กิติยากร ปัจจุบัน หม่อมโจ้ บุตรชายคนแรกของคุณปุ๊ก อายุได้ 53 ปีแล้ว หม่อมโจ้เรียนจบจากต่างประเทศที่สหรัฐอเมริกาในระดับปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจเคยทำงานบริษัทต่างประเทศจนได้ลาออกไปอุปสมบทเป็นพระภิกษุในสายวัดป่าอยู่หลายปีได้มาซื้อที่ดินที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 45 ไร่ ปลูกพืชและผลไม้สายพันธุ์ของต่างประเทศที่ไม่มีใครทำมาก่อนจนผลไม้ขายได้ในราคาสูง หม่อมหลวงรุ่งคุณได้ศึกษาและวิเคราะห์เขียนหนังสือหลายเรื่องเกี่ยวกับอิสราเอล ไว้มากจนเป็นข่าวตอบโต้กับเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยดังนี้ เรียน ท่านเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย นายไซม่อน โรดเด็ด ข้าพเจ้ารับทราบถึงความไม่พอใจของท่านกับบทความของข้าพเจ้า ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่ข้าพเจ้าได้เขียน เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของข้าพเจ้าโดยบริสุทธิ์ใจ อันเป็นสิทธิที่ข้าพเจ้าจะแสดงได้ โดยความเห็นของข้าพเจ้านั้น เป็นไปตามข้อมูลหลักฐานอันมีจริงทางประวัติศาสตร์ที่ได้มีความพยายามในการกลบและบิดเบือน แม้กระนั้น ท่านอาจแปลกใจคิดว่า แล้วไฉนทั้งที่ข้าพเจ้าและประเทศไทยที่ไม่ได้มีส่วนได้เสีย ข้าพเจ้าจึงต้องไปเขียนในเรื่องราวสร้างความบาดหมางให้แก่ท่าน ข้าพเจ้าจึงใคร่ที่จะชี้แจงตรงนี้ว่า ข้าพเจ้าไม่ได้เขียนเพื่อที่จะก่อความบาดหมางให้แก่ท่านหรือแก่ผู้ใด และ เรื่องราวที่ข้าพเจ้าเขียนนั้น มีความเกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าและต่อประเทศไทยอย่างไรบ้าง อย่างแรก 'กลุ่มทุนธนาคารยิว Zionist' ที่ข้าพเจ้าได้กล่าวถึงนั้น ข้าพเจ้ากล่าวถึงคนเพียงกลุ่มหนึ่ง มิใช่ชาวยิวทั้งหมด โดยคำว่า 'Zionist' แม้แต่ชาวยิวแท้ Orthodox Jews ที่ยึดมั่นใน Torah จำนวนมากก็ไม่ได้เห็นด้วยเลย ดังที่พวกเขาได้ออกมาประท้วง ประกาศว่า 'Zionism' ไม่ใช่ 'Judaism' เอง ท่านทูตน่าจะพอทราบอยู่ เพราะใน Israel ก็มีการจับชาวยิวแท้ ที่มีอัธยาศัยดีเหล่านี้ ไปจำคุกอยู่จำนวนหนึ่ง 'ทุนธนาคาร Zionist' ที่ข้าพเจ้าพูดถึง หมายถึงกลุ่มทุนธนาคารที่เป็นผู้มีอำนาจที่สุดในโลก มีอำนาจเหนือรัฐหลายรัฐ รวมถึงมหาอำนาจสหรัฐอเมริกา เขาคุมการเงินโดยกลุ่มของเขาเอง เป็นเจ้าของ Federal Reserve Bank ธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา ที่พิมพ์เงินให้รัฐบาลสหรัฐฯต้องกู้ มิใช่ของประชาชนชาวอเมริกันตามที่ควรจะเป็นแต่อย่างใด กลุ่มทุนธนาคารของเขาเป็นหุ้นใหญ่ในบริษัทยักษ์ใหญ่แทบทั้งสิ้นทั่วโลก รวมถึง 6 บริษัทที่คุม 90% ของสื่อในสหรัฐอเมริกา เขาคุมแหล่งนํ้ามันและก๊าซหลัก ๆ ทั่วโลก และกำลังรุกเพื่อควบคุมผูกขาดอาหารของโลกโดยการผลิต GMO แม้แต่องค์กรโลก เช่น UN ที่ให้กำเนิด World Bank และ IMF ล้วนเป็นองค์กรที่พวกเขาจัดตั้งขึ้น และควบคุมทั้งสิ้น ชื่อตระกูลที่โดดเด่นมีอิทธิพลสูงสุดใน 'ทุนธนาคาร Zionist' นี้ ได้แก่ 'Rothschild' และ 'Rockefeller' ชื่อ 'Rothschild' ท่านทูตย่อมรู้จักเป็นอย่างดี โดยใน 'Independence Hall' ที่ Tel Aviv เมืองหลวงของท่านเอง ก็มีนิทรรศการเอกสารชิ้นสำคัญมากชิ้นหนึ่งเรียกว่า 'The Balfour Declaration' เป็นจดหมายจากรัฐบาลอังกฤษ จ่าหัวถึง 'Lord Rothschild' ใน 1917 แสดงถึงการที่รัฐบาลอังกฤษสนับสนุนให้เกิด บ้านอยู่ (national home) ของชาวยิว ที่ Palestine แก่ 'Lord Rothschild' Baron Edmond (Abraham Benjamin) Rothschild จึงมีสถานะเป็น "the Father of the Settlements" (Avi ha-Yishuv) หรือบิดาแห่งอิสราเอล ใน4บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของโลก หรือ 'The Four Horsemen of Oil' ที่อยู่เบื้องหลังนโยบายการครอบครองน้ำมันของสหรัฐฯ 2 บริษัท คือ BP Amoco และ Royal Dutch/Shell อยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูล Rothschild ที่ถือหุ้นใหญ่ ส่วน อีกสอง Exxon Mobil และ Chevron คือ บริษัทที่มาจาก Standard Oil ของ John D. Rockefeller โดยกรรมการของบริษัทน้ำมันเหล่านี้จำนวนหนึ่ง ไขว้กันเองเป็นใย และไขว้เป็นกรรมการของธนาคารยักษ์ใหญ่ เช่น JP Morgan Chase ของ Rockefeller และ Citigroup, Bank of America, Wells Fargo, N. M. Rothschild & Sons โดยตระกูล Rothschild ควบคุม และมีการเชื่อมโยงถือหุ้นไขว้กันกับกลุ่มทุนนอมินียักษ์ เช่น BlackRock, State Street, Vanguard และ Fidelity ที่ถือหุ้นใหญ่บริษัทยักษ์ใหญ่ แทบทั้งหมดในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ในการสร้างอำนาจเหนือรัฐต่าง ๆ 'ทุนธนาคาร Zionist' เหล่านี้ ได้จัดตั้งองค์กร Front ของเขา เช่น The Bilderberg Group, Council on Foreign Relations (CFR) และ The Trilateral Commission (TC) โดยองค์กรเหล่านี้จะรวมกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' และบรรดาผู้มีอิทธิผล เช่น อดีตประธานาธิบดี บริวารมือขวาของเขา Henry Kissinger นักการเมืองทุกขั้ว ทหาร หัวหน้าหน่วยงานลับ ของประเทศสำคัญในยุโรป และสหรัฐฯ โดยใน Trilateral Commission จะมีสมาชิกเป็นบุคคลสำคัญของประเทศในทวีปเอเชียต่าง ๆ ที่รับใช้พวกเขา 'ทุนธนาคาร Zionist' จึงมีอิทธิพลอำนาจเหนือรัฐ เช่นมหาอำนาจสหรัฐอเมริกา ด้วยความละโมบของพวกเขา ในการล่าอาณานิคมยุคใหม่ โดยกำลังก็ดี โดยวิธีแห่งการให้สินบนแก่ผู้ขายชาติตนเองก็ดี โดยการบีบบังคับด้วยหนี้สินก็ดี โดยการแทรกแซงการเมืองภายในก็ดี 'ทุนธนาคาร Zionist' เหล่านี้ ได้เข้ายึดครองทรัพยากร พลังงาน เศรษฐกิจ และการเงิน ของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ทำให้ประชาชนของประเทศนั้น ๆ ตกเป็นทาสของพวกเขา โดยในประเทศไทยเอง ปรากฏหลักฐานชัดเจนถึงการกระทำ ที่ 'ทุนธนาคาร Zionist' พร้อมการร่วมมือของ 'คนไทย' ที่ได้ขายตัวขายจิตวิญญาณให้พวกเขา ได้ร่วมกระทำ ดังต่อไปนี้ (1) การปล้นโกงน้ำมันและก๊าซ จากประชาชนคนไทย (2) การทำให้ประเทศไทยเป็นหนี้ ตามด้วยการยึดครองเศรษฐกิจการเงิน (3) การชักใยอยู่เบื้องหลังทุกฝ่าย ในการสร้างความแตกแยก ตามยุทธศาสตร์ 'แบ่งแยกแล้วปกครอง' เพื่อการยึดครองประเทศเป็นเมืองขึ้นยิ่งขึ้นไป มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ : (1) การปล้นโกงน้ำมันและก๊าซ จากประชาชนคนไทย โดย 'ทุนธนาคาร Zionist' ทั้งที่ประเทศไทย มีอธิปไตยของตนเอง โดยอธิปไตย นั้นเป็นของปวงชนชาวไทย อันหมายความว่าทรัพยากรของชาตินั้นเป็นของประชาชนคนไทย แต่ปรากฏว่า กฎหมายว่าด้วยน้ำมันและก๊าซ (พ.ร.บ.ปิโตรเลียม 2514) มิได้มีการเขียนขึ้นไม่ว่าจะ 'โดย' ประชาชน หรือ 'เพื่อ' ประชาชน แต่อย่างใด แต่ได้ถูกเขียนขึ้นโดย Walter James Levi สมาชิกทั้ง CFR และ The Trilateral Commission ผู้ทำงานให้รัฐบาลสหรัฐฯ ขั้นขึ้นชื่อว่าเป็น หัวหน้าฝ่ายเศรษฐศาสตร์พลังงานของสหรัฐอเมริกา (the dean of United States oil economists) และ ได้เป็นผู้บริหารบริษัทของตระกูล Rockefeller เองคือ Standard Oil Company of New York หรือ Socony (ปัจจุบันคือ Exxon) คนที่เขียนกฎหมายนี้ของประเทศไทย ไม่ใช่คนไทย แต่คือคนของ 'ทุนธนาคาร Zionist' เนื้อหาของกฎหมายดังกล่าวเอง ก็เป็นไปเพื่อประโยชน์ของ 'ทุนธนาคาร Zionist' โดยมีลักษณะของกฎหมายสำหรับเมืองขึ้นอันไม่เป็นธรรม คือ น้ำมันและก๊าซทั้งหมดเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้รับสัมปทาน การได้สัมปทานเป็นไปโดยไม่มีการประมูลอย่างโปร่งใส ค่าตอบแทนเป็นไปอย่างต่ำ และ ประชาชนคนไทยที่เป็นเจ้าของโดยแท้จริง ไม่สามารถตรวจสอบรับทราบความจริงได้เลย โดยวิธีที่สามารถจะเรียกว่าโปร่งใสได้ ว่าปริมาณทรัพยากรที่มีการขุดไปนั้นมีปริมาณที่แท้จริงมากน้อยเพียงใด ประเทศไทยมีพลังงานมากน้อยแค่ไหนโดยต้องยอมรับตามตัวเลข ที่บริษัทพลังงานต่าง ๆ แจ้งเท่านั้น การปล้นอธิปไตยโดย 'ทุนธนาคาร Zionist' เป็นไปได้ด้วยการข่มขู่ไม่ให้ความร่วมมือ พร้อมการให้สินบนแก่ 'คนไทยที่ขายชาติตัวเอง' ซึ่งจากนั้นมา การรุกครอบครองน้ำมันและก๊าซของประชาชนคนไทย โดยวิธีการดังกล่าวได้ขยายไปเรื่อย ๆ มีการแก้ไขกฎหมายเพิ่มเติม ให้เอื้ออำนวยแก่ผู้รับสัมปทานอย่างล้นพ้นโดยภายหลังจะเห็นได้ชัดเจนถึงผู้เข้ามามีอำนาจในไทย ไม่ว่าขั้วไหน เข้ามาด้วยวิธีใด ได้สานต่อไปในทาง 'ขายชาติตัวเอง' ให้แก่ 'ทุนธนาคาร Zionist' เหล่านี้เพื่อค่าคอมมิสชั่น ถึงขั้นร่วมกันชง ส่งลูกกันข้ามรัฐบาล ยกดินแดนไทยให้กัมพูชา อันส่งผลให้พื้นที่ไทยในทะเลอ่าวไทย 27,000 ตารางกิโลเมตรอันอุดมด้วยน้ำมันและก๊าซที่สุดแห่งหนึ่ง ต้องตกกลายเป็นพื้นที่พิพาท ระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งในพื้นที่นี้ บริษัท Chevron คือบริษัทที่จ่อล็อกจะถือสัมปทานจากทั้ง 2 ประเทศ ในกรณีนี้ที่มีการพิพาทเรื่องพื้นที่ในอ่าวไทย หากไทยและกัมพูชา ให้สัมปทานในพื้นที่นี้ ผู้ที่จะมีอิทธิพลสูงสุดในการครอบครอง ย่อมมิใช่ไทยหรือกัมพูชาอีกทั้งนั้น แต่จะเป็นสหรัฐอเมริกาภายใต้กลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' เพราะสัมปทานจะเป็นของ Chevron โดยเอกฉันท์ ฝ่ายใดที่ให้ประโยชน์แก่สหรัฐฯ สูงสุด สหรัฐฯ ย่อมสนับสนุนฝ่ายนั้น ในปัจจุบัน การถูกปล้นอธิปไตย การตกเป็นอาณานิคมของ 'ทุนธนาคาร Zionist' อย่างเต็มรูปแบบในเรื่องพลังงาน ก็ประจักษ์ชัดเจนอย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยในปัจจุบัน นาย ณรงค์ชัย อัครเศรณี ผู้เข้ามาดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ก่อนเข้ามารับตำแหน่ง ได้เป็นสมาชิก The Trilateral Commission (TC) องค์กรของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' ยาวนานถึง 30 ปี โดยเมื่อเข้ามาแล้ว ก็ไม่รีรอที่จะประกาศผลักดันเปิดสัมปทานในพื้นที่ดังกล่าวอย่างเต็มที่ โดยไม่สนใจ และไม่มีการชี้แจงอันใดเกี่ยวกับการเสียดินแดนของประเทศไทย ทั้งที่มีการคัดค้าน ด้วยประการฉะนี้ การปล้นโกงน้ำมันและก๊าซ โดย 'ทุนธนาคาร Zionist' จึงมิได้ครอบคลุมเพียงแค่น้ำมันและก๊าซอีกต่อไป แต่ได้ขยายไปเป็นการปล้นดินแดนไทย จากประชาชนคนไทย ไปโดยเรียบร้อย (2) การทำให้ประเทศไทยเป็นหนี้ ตามด้วยการยึดครองเศรษฐกิจการเงินของประเทศ การที่เถ้าแก่สามานย์รายใดจะต้องการยึดที่ดินสวย ๆ ของชาวนา วิธีที่เขาจะกระทำคือ ให้ชาวนากู้เงิน ทำให้จ่ายหนี้ไม่ได้ เมื่อจ่ายช้าก็อายัดที่ดินนั้น บังคับขายในราคาต่ำกว่าจริงสิบเท่า แล้วเข้าซื้อเอง วิธีการของ 'ทุนธนาคาร Zionist' ก็เป็นเช่นนั้น ทำให้ประเทศเป็นหนี้ หลังการปล่อยกู้เงินให้แก่ประเทศไทยจำนวนมากให้คน น้อยกว่า 1% อย่างฟุ่มเฟือย George Soros สมาชิกอาวุโส CFR ได้นำกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' มาโจมตีค่าเงินบาท จาก 25 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ กลายเป็น 56 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ เพราะกู้เงินจากต่างชาติมามาก เศรษฐกิจไทยได้เข้าสู่วิกฤต มีการล่มสลายของธุรกิจจำนวนมาก(ในปี 2540 – 2542) ต่อมาก็เป็นไปตามแบบแผนวิธีการของ IMF และ World Bank ที่ 51% เป็นของ US Treasury ควบคุมโดย 'ทุนธนาคาร Zionist' ของ Rothschild ตามขั้นตอนที่ Joseph Stiglitz ผู้เป็นอดีตประธานที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจของ President Bill Clinton อดีตรองประธาน และ Chief Economist ของ World Bank ได้เปิดโปงให้แก่หนังสือ The Observer และ Newsweek หลังมีเอกสารลับหลุดออกมาจาก World Bank คือในการขอความช่วยเหลือทางการเงิน จำต้องเซ็นสัญญา โดยในสัญญาจะตกลงใน (a) Privatization การแปรรูป โดยรัฐจะต้องยินยอมขายสมบัติของชาติเกี่ยวเนื่องกับสิ่งจำเป็น เช่น น้ำ ไฟฟ้า น้ำมันและก๊าซ (b) Capital Market Liberalization การเปิดให้ทุนไหลเข้าออก โดยส่วนใหญ่มักจะไหลออก (c) Market-based pricing การขึ้นราคา อาหาร ไฟฟ้า น้ำมันและก๊าซ โดยอ้างว่าเป็นราคาตลาดโลก (d) Free Trade การค้าเสรี ตามกฎของ WTO และ World Bank Stiglitz ได้ระบุในการสัมภาษณ์อย่างชัดเจนว่า การยินยอมในการตกลงนั้นเกิดขึ้นไม่ยากโดย (ก) World Bank IMF สามารถสั่ง Financial Blockage การกีดกันทางการเงินหากไม่ร่วมมือ และ (ข) นักการเมืองในประเทศนั้น ๆ ยินดีที่จะยกบริษัท น้ำ ไฟฟ้า น้ำมันและก๊าซ ให้โดย 'เขาจะตาโตกันเลย เมือเขานึกถึงค่าคอมมิสชั่นที่เขาจะได้กัน จากการลดราคาเป็นพัน ๆ ล้านในการแปรรูป' โดยเขาจะสามารถใช้ข้ออ้างว่า ถูก World Bank IMF บังคับ แล้วการออกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ ก็ได้ตามมา พร้อมการขายสมบัติชาติแบบล็อกสเปคในราคาที่ต่ำกว่าทุนถึง 5 เท่า ตามด้วยการแปรรูปบริษัทน้ำมัน-ก๊าซของชาติ โดยสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่ว่าจะในกรณี การยกดินแดนให้ต่างชาติ หรือ การแปรรูป จะเกิดขึ้นโดยการร่วมมือของมากกว่าหนึ่งรัฐบาล โดยฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายชง อีกฝ่ายเป็นฝ่ายจัดการ ทั้งนี้ทั้งนั้น เป็นไปเพื่อการสามารถโยนความผิดกันไปมาได้ โดยไม่มีใครผิดเต็ม ๆ โดยในกรณีนี้ แม้ขั้วนักการเมืองกลุ่มที่รับข้อตกลงรับรายละเอียดในการออกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับจาก 'ทุนธนาคาร Zionist' นี้พยายามจะโยนความผิดให้ผู้ริเริ่มการตกลง แต่ก็ปรากฏให้เห็นได้ถึงการตอบแทน เมื่อคนของเขาได้ไปนั่งเป็นผู้อำนวยการใหญ่ WTO โดยการโจมตีค่าเงิน การบีบข่มขู่ การให้สินบนแก่ผู้เข้ามามีอำนาจทุกขั้ว ที่ร่วมกันขายชาติตนเอง 'ทุนธนาคาร Zionist' เช่น JP Morgan Chase, BlackRock, State Street, Vanguard และ Fidelity ได้เข้ามายึดครองควบคุม บริษัทน้ำมันก๊าซ ธนาคาร และ เศรษฐกิจการเงินของประเทศไทย ไปจากคนไทย และยังรุกคืบยิ่ง ณ ปัจจุบัน ตามข่าวการแปรรูปที่ปรากฏอยู่ (3) การชักใยอยู่เบื้องหลัง ในการสร้างความแตกแยก ตามยุทธศาสตร์ 'แบ่งแยกแล้วปกครอง' (Divide and Conquer) เพื่อการยึดครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จ เป็นที่ประจักษ์ว่าไม่ว่าจะขั้วไหน เข้ามาด้วยวิธีใด ที่เข้ามามีอำนาจ ล้วนให้ความร่วมมือกับ 'ทุนธนาคาร Zionist' ในการขายทำลายชาติ โดยมีค่าคอมมิสชั่น ทั้งในทรัพยากรและในการแปรรูป เป็นตัวเชื่อม สามารถควบคุม ชักใยได้ทุกฝ่าย ยุทธศาสตร์ แบ่งแยกแล้วปกครอง เป็นยุทธศาสตร์ที่มีตัวอย่างเห็นได้ในโลกปัจจุบันมากมายในการเข้ายึดครองประเทศต่าง ๆ ของ 'ทุนธนาคาร Zionist' โดยการยุยงให้เหยื่อตีกันเอง บางกรณีให้อาวุธทั้ง 2 ฝ่าย ทำลายภูมิคุ้มกันความสามัคคีของชนชาตินั้น ๆ สร้างความแตกแยก โดยเมื่อมีรอยแตก ก็สามารถจะแทรกเข้าไป ยึดครองประเทศนั้น ๆ ความแตกแยก ปัญหาความขัดแย้งเสื้อสี ที่ปรากฏอยู่ในประเทศไทย ล้วนมีการชักใย มีการสนับสนุน ทั้ง 2 ฝ่ายการเมือง โดยมีกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' เป็นผู้อยู่เบื้องหลังนักการเมืองทั้ง 2 ขั้ว โดยทั้ง 2 ขั้ว นั้นล้วนมีผลประโยชน์ในเรื่องคอมมิสชั่น จากกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' และถูกชักใยให้ปลุกปั่นประชาชน ให้มาตีกันเองโดยการรู้ไม่เท่าทันของประชาชน ว่าโดยแท้จริงแล้ว นักการเมืองและผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะขั้วไหน เข้ามาด้วยวิธีใด ล้วนให้ความร่วมมือ ขายชาติตนเองแก่ 'ทุนธนาคาร Zionist' ทั้งสิ้น หลักฐานปรากฏชัดเจนว่าสมาชิก CFR ของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' อาทิ (a) Robert Blackville สมาชิก CFR มือขวาการต่างประเทศของ Henry Kissinger จาก Barbour Griffif & Rogers (CFR) (b) Keneth Adelman สมาชิก CFR อดีตทูต UN ของสหรัฐ จาก Baker & Botts Robert (CFR) (c) Robert Amsterdam จาก Amsterdam & Peroff (Chatham House) ได้ทำหน้าที่เป็น lobbyist ให้อดีตนักการเมืองที่หลบอยู่ที่ Dubai และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังขบวนการเสื้อแดง และองค์กร NED ได้ให้เงินสนับสนุน Website ของเสื้อแดงจำนวนมาก โดยต้องเป็นที่กล่าวว่า นักการเมืองไทยที่หลบหนีอยู่ที่ Dubai นั้น โดยแท้จริงแล้วเป็นเพียงหุ่นเชิด ที่ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' ชักใยอยู่เบื้องหลัง ซึ่งโดยลำพังเขาไม่สามารถที่จะทำเองได้เลย (นั่นคือทักษิณ ชินวัตร) ส่วนนักการเมืองผู้เข้ามามีอำนาจ ฝ่ายอื่น ๆ ที่โหน อ้าง ปกป้อง สถาบันสำคัญ ๆ ฝ่ายนี้ โดยการขายตัวขายชาติ การปรารถนาได้ค่าคอมมิสชั่น ทั้งในน้ำมันก๊าซ และในการแปรรูป เป็นตัวเชื่อม ก็ไม่พ้นการอยู่ภายใต้อำนาจการชักใยของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' ที่เป็นผู้กำกับการแสดง จูงทั้งสองสามฝ่าย ให้ชงและส่งลูกให้กัน เสี้ยมให้ชาติ ล่มสลาย เพื่อการปล้นยึดครองอย่างเบ็ดเสร็จ ในระหว่างที่สหรัฐ แขนขวาของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' สนับสนุนฝ่ายหนึ่ง แขนซ้าย ก็ทำตัวเข้าสนับสนุนอีกฝ่าย ข้าพเจ้าจึงจะประกาศ ณ ที่นี้ว่าข้าพเจ้ามิได้รังเกียจประชาชนของชนชาติใด จะเป็นชาวอเมริกันหรือชาวยิวหรือชาติใด ๆ ทั้งสิ้น แต่สิ่งที่ข้าพเจ้ารังเกียจ คือพฤติกรรม เอาเปรียบ เบียดเบียน แทรกแซง ปล้นทั้งทรัพยากรและดินแดน ทำลายชาติอื่น ที่ 'ทุนธนาคาร Zionist' นี้ได้กระทำทั่วโลก ดังนั้น กับคำกล่าวของท่านว่าข้าพเจ้าเหยียดชนชาติ เมื่อความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นข้าพเจ้าจึงไม่เดือดร้อนใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ว่าในโลกปัจจุบัน เท่าที่ข้าพเจ้าทราบ ข้าพเจ้าไม่เห็นว่าจะมีค่ายนักโทษอันใดที่กระทำความทารุณโหดร้ายเท่ากับที่สถานที่ชื่อ Gaza และในเมื่อประเทศของท่านเองยังกระทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาว Palestine อย่างที่กระทำอยู่ ท่านยังจะกล้าบังอาจเรียกผู้ใดว่าเหยียดชนชาติได้เสียอย่างไร จะเรียกใครว่าอย่างไรท่านจงมองตัวเองบ้างเสียเถิด ท่านจงสำเหนียกเสียบ้างเถิดว่า พฤติกรรมร้องทำจะเป็นจะตายว่าพวกตนถูกทำร้าย ทั้งที่พวกตนนั่นแหละคือผู้ที่กระทำชำเราเขาไปทั่ว ท่านคิดว่าอย่างไร พฤติกรรมนี้เป็นพฤติกรรมที่น่าสมเพชหรือไม่ ไม่ว่าจะประชาชนชนชาติใด เขาก็ย่อมปรารถนาความสงบสุข เขาย่อมปรารถนาอธิปไตยในชาติของเขาเอง เขาย่อมปรารถนาที่จะตัดสินอนาคตเขาเอง เขาย่อมปรารถนาว่าทรัพยากรของเขาจะถูกนำมาใช้เพื่อประโยชน์ของเขาด้วยความเป็นธรรม เขาย่อมไม่ต้องการให้ใครมาเอาดินแดนของเขาไป แต่ในประเทศไทย ด้วยการชักใย การซื้อคนไทยที่ขายชาติตนเองทุกขั้ว การซื้อสื่อ การปลุกปั้นโดย 'ทุนธนาคาร Zionist' เป็นอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น ผลคือ คนไทย แทนที่จะรักใครสามัคคีกัน แทนที่จะได้รับผลประโยชน์จากสมบัติอันมีค่าของเขา แทนที่จะมีรัฐสวัสดิการ การรักษาพยาบาล การศึกษา ที่มีคุณภาพ แทนที่จะมีชีวิตที่มีคุณภาพความสุขที่พวกเขาควรได้รับ เขากลับต้องมาเกลียดชังกันเอง ทะเลาะสู้กันเอง เขากลับต้องมาเป็นทาสของ 'ทุนธนาคาร Zionist' ต้องมาเป็นทาสที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายสู้กันเอง แทนที่จะสามัคคีกันเพื่อปลดปล่อยพวกตนจากความเป็นทาส เพราะความไม่รู้เท่าทัน เพราะการหลอกลวงโดยนักการเมือง ผู้เข้ามามีอำนาจที่หิวโหย ที่ล้วนทำเพื่อตนเอง โดยรับใช้ ถูกชักใยจากนายคนเดียวกันคือ 'ทุนธนาคาร Zionist' ทั้งนั้น ข้าพเจ้าจึงมีความจำเป็นที่จะเปิดเผยความจริง ความจริงโดยรอบด้าน และความจริงที่จริงที่สุด โดย เมื่อประชาชนชาวไทยตื่นรู้กับความจริง การเป็นทาสที่ถูกหลอกให้สู้กันเองย่อมหมดไป ความสามัคคีย่อมกลับมา โดยสิ่งนี้สิ่งเดียว คือ การตื่นรู้เท่านั้น ที่จะทำให้ชนชาติไทยรอดพ้นภัยไปได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น มิใช่ว่าประชาชนชาวไทยจะต้องไปเป็นศัตรูกับใคร การตบมือข้างเดียวย่อมไม่ดังฉันใด และ เมื่อคนไทยตื่นรู้เลิกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเป็นหนึ่งอันเดียวกัน รวมกันปราบปรามเหล่าคนไทยที่ขายชาติตนเองทั้งหลายแล้ว ประเทศและประชาชนชาวไทยย่อมพ้นจากการเป็นอาณานิคม พ้นจากการเป็นเป็นทาส ไม่ว่าจะเป็น ทาสของ 'ทุนธนาคาร Zionist' หรือ กลุ่มทุนอื่นใด จึงเรียนมาเพื่อทราบ ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ตรองกันเอง.,ข่าวก็คือข่าว.

    ..เกือบทุกโมเลกุลที่ FDA, EPA, CDC และ USDA บอกว่าดีต่อคุณคือพิษร้ายแรง: ไกลโฟเซต โซเดียมไนไตรต์ ผงชูรส แอทราซีน เรมเดซิเวียร์ ฯลฯ ในขณะเดียวกัน เกือบทุกโมเลกุลที่รัฐบาลบอกว่าไม่ดีต่อคุณคือการรักษาตามธรรมชาติหรือองค์ประกอบสำคัญในการปกป้องสุขภาพและชีวิต: คาร์บอนไดออกไซด์ ไอเวอร์เมกติน นิโคติน แคนนาบินอยด์ ลาเอไทรล์ ฯลฯ ใครก็ตามที่ต้องการมีชีวิตอยู่ควรปฏิเสธคำแนะนำด้านสุขภาพทุกคำจากหน่วยงานของรัฐทุกแห่งอย่างแท้จริง ในขณะที่ใครก็ตามที่ต้องการตายควรยอมรับหน่วยงานของรัฐอย่างเต็มที่ เพราะคำแนะนำของพวกเขาจะฆ่าคุณได้อย่างรวดเร็ว คุณสามารถถามผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิดได้ทั้งหมด แต่หลายคนเสียชีวิตไปแล้ว

    อย่างที่คุณอาจทราบ ฉันมีความเห็นไม่ตรงกันอย่างจริงจังกับทรัมป์เกี่ยวกับความไม่สามารถประณามการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของอิสราเอลของเขา และเขาก็ยังไม่ได้พูดว่าวัคซีนโควิดกำลังทำร้ายและฆ่าคน อย่างไรก็ตาม ฉันหวังว่าจะได้เห็นเขาชนะในวันที่ 5 พฤศจิกายน เพราะเราจะได้เห็นพวกฝ่ายซ้ายที่วิปริตหลายสิบล้านคนเสียสติและระเบิดอารมณ์ด้วยความบ้าคลั่งและเยาะเย้ยในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เหตุการณ์นี้จะเป็นเหตุการณ์ที่ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ เพราะจะสอนบทเรียนที่สำคัญแก่มนุษยชาติเกี่ยวกับอันตรายของการปฏิบัติการทางจิตวิทยาที่ดำเนินการโดยสื่อ และวิธีที่การโฆษณาชวนเชื่อที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังซ้ำแล้วซ้ำเล่าสามารถเปลี่ยนมนุษย์ที่ "ปกติ" ให้กลายเป็นคนบ้าคลั่งและรุนแรงได้อย่างไร ปรากฏการณ์นี้จำเป็นต้องได้รับการศึกษา และแสดงให้เห็นว่าเหตุใดการที่องค์กรสื่อรวมอำนาจที่ดำเนินการโดย CIA จึงเป็นอันตรายร้ายแรงต่อประเทศใดๆ TDS ถูกปลูกฝังโดยสื่อ คุณได้เห็นปฏิบัติการล้างสมองหมู่ ซึ่งมีรากฐานทางวิทยาศาสตร์จากการเปลี่ยนแปลงระบบประสาทของมนุษย์โดยใช้ข้อมูลเป็นฐาน และใช้อาวุธเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ทางการเมือง พรรคเดโมแครตตกเป็นเหยื่อของสงครามแย่ง "พื้นที่ประสาท" และคุณกำลังจะได้สัมผัสกับขอบเขตเต็มรูปแบบของความหมายนั้น นี่คือการทดลอง MK Ultra ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ และผู้ที่ได้รับผลกระทบกำลังจะเปิดเผยตัวเองให้คนทั้งโลกได้เห็น
    ..ตรองกันเอง.,ข่าวก็คือข่าว. ..เกือบทุกโมเลกุลที่ FDA, EPA, CDC และ USDA บอกว่าดีต่อคุณคือพิษร้ายแรง: ไกลโฟเซต โซเดียมไนไตรต์ ผงชูรส แอทราซีน เรมเดซิเวียร์ ฯลฯ ในขณะเดียวกัน เกือบทุกโมเลกุลที่รัฐบาลบอกว่าไม่ดีต่อคุณคือการรักษาตามธรรมชาติหรือองค์ประกอบสำคัญในการปกป้องสุขภาพและชีวิต: คาร์บอนไดออกไซด์ ไอเวอร์เมกติน นิโคติน แคนนาบินอยด์ ลาเอไทรล์ ฯลฯ ใครก็ตามที่ต้องการมีชีวิตอยู่ควรปฏิเสธคำแนะนำด้านสุขภาพทุกคำจากหน่วยงานของรัฐทุกแห่งอย่างแท้จริง ในขณะที่ใครก็ตามที่ต้องการตายควรยอมรับหน่วยงานของรัฐอย่างเต็มที่ เพราะคำแนะนำของพวกเขาจะฆ่าคุณได้อย่างรวดเร็ว คุณสามารถถามผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิดได้ทั้งหมด แต่หลายคนเสียชีวิตไปแล้ว อย่างที่คุณอาจทราบ ฉันมีความเห็นไม่ตรงกันอย่างจริงจังกับทรัมป์เกี่ยวกับความไม่สามารถประณามการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของอิสราเอลของเขา และเขาก็ยังไม่ได้พูดว่าวัคซีนโควิดกำลังทำร้ายและฆ่าคน อย่างไรก็ตาม ฉันหวังว่าจะได้เห็นเขาชนะในวันที่ 5 พฤศจิกายน เพราะเราจะได้เห็นพวกฝ่ายซ้ายที่วิปริตหลายสิบล้านคนเสียสติและระเบิดอารมณ์ด้วยความบ้าคลั่งและเยาะเย้ยในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เหตุการณ์นี้จะเป็นเหตุการณ์ที่ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ เพราะจะสอนบทเรียนที่สำคัญแก่มนุษยชาติเกี่ยวกับอันตรายของการปฏิบัติการทางจิตวิทยาที่ดำเนินการโดยสื่อ และวิธีที่การโฆษณาชวนเชื่อที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังซ้ำแล้วซ้ำเล่าสามารถเปลี่ยนมนุษย์ที่ "ปกติ" ให้กลายเป็นคนบ้าคลั่งและรุนแรงได้อย่างไร ปรากฏการณ์นี้จำเป็นต้องได้รับการศึกษา และแสดงให้เห็นว่าเหตุใดการที่องค์กรสื่อรวมอำนาจที่ดำเนินการโดย CIA จึงเป็นอันตรายร้ายแรงต่อประเทศใดๆ TDS ถูกปลูกฝังโดยสื่อ คุณได้เห็นปฏิบัติการล้างสมองหมู่ ซึ่งมีรากฐานทางวิทยาศาสตร์จากการเปลี่ยนแปลงระบบประสาทของมนุษย์โดยใช้ข้อมูลเป็นฐาน และใช้อาวุธเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ทางการเมือง พรรคเดโมแครตตกเป็นเหยื่อของสงครามแย่ง "พื้นที่ประสาท" และคุณกำลังจะได้สัมผัสกับขอบเขตเต็มรูปแบบของความหมายนั้น นี่คือการทดลอง MK Ultra ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ และผู้ที่ได้รับผลกระทบกำลังจะเปิดเผยตัวเองให้คนทั้งโลกได้เห็น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อัจฉริยะ !"

    สำหรับตัวผมแล้ว ถ้าพูดถึงนักเขียนญี่ปุ่นที่เป็นปรมาจารย์ด้านการเล่าเรื่อง และการบรรยายที่สร้างบรรยากาศที่หลอน ๆ สั่นประสาท ความดำมืดและวิปริตของจิตใจของตัวฆาตกรร้าย รวมถึงความรู้สึกเย็บวาบ ขนลุกซู่เมื่ออ่านไปเรื่อย ๆ ที่มีความโดดเด่นแล้ว ชื่อที่นึกถึงเป็นอันดับแรกเลยคือ เอโดะงะวะ รัมโปะ ตามมาด้วย โยโคมิโซะ เซชิ

    #ลายนิ้วมือปีศาจ คืออีกหนึ่งผลงานที่ยืนยันข้อความข้างต้น

    สนพ.เจคลาส
    ผู้เขียน เอโดะงาวะ รัมโปะ
    ผู้แปล ทินภาส พาหะนิชย์
    พิมพ์ เม.ย.2561
    230 บาท 226 หน้า

    เมื่อเกิดคดีฆาตกรรมไม่คาดฝันขึ้น โดยเหยื่อรายแรกเป็นผู้ช่วยงานของนักสืบเอกชนผู้มีชื่อเสียงนามว่า ดร.มุนะกะตะ ซึ่งมีความสามารถและเชี่ยวชาญทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ ชื่อเสียงควบคู่มากับยอดนักสืบเอกอะเกะชิ โคะโงะโร เรื่องราวจึงไม่ธรรมดา แต่เป็นคดีที่มีความยอกย้อนซ่อนเงื่อน และคนร้ายมีวิธีการที่น่ากลัวกว่าฆาตกรทั่วไปอย่างเทียบไม่ได้

    เนื่องจาก นักสืบอะเกะชิที่เป็นเพื่อนและรู้จักกับสารวัตรนะกะมุระแห่งกรมตำรวจนครบาลโตเกียวไม่ว่าง ติดภารกิจที่ต่างแดน จึงเป็นหน้าที่ของ ดร.มุนะกะตะ ที่ต้องออกโรง ทั้งเพื่อล้างอายตนเองที่ไม่สามารถช่วยลูกน้องได้ และเพื่อชื่อเสียงในฐานะนักสืบของตนไม่ให้มัวหมอง เขาจึงเริ่มตามสืบหาตัวคนร้าย ที่ส่งข้อความมาถึง เศรษฐีนักธุรกิจผู้หนึ่งที่มีกิจการค้าของตนเองนาม คะวะเตะ โชตะโร ระบุชัดว่ามีเป้าหมายเพื่อต้องการฆ่าล้างแค้นคนในครอบครัวของเขาทั้งหมด 3 ชีวิต คือตัวคะวะเตะ และลูกสาวอีกสองคนที่เติบโตเป็นสาวสวยแล้ว โดยเขาก็นึกไม่ออกว่าได้สร้างความโกรธแค้นให้เกิดแก่ใครจนถึงขั้นจ้องจะทำลายล้างตระกูลให้ไม่เหลือสักคนเดียว

    แม้นว่า ดร.มุนะกะตะ จะได้หลักฐานสำคัญที่พบจากซองเอกสารที่ผู้ช่วยชายพยายามจะส่งให้ถึงมือเขา ก่อนจะถูกวางยาพิษเสียชีวิต เป็นรอยนิ้วมือที่คาดว่าน่าจะเป็นของผู้ที่กำลังวางแผนฆ่าครอบครัวคะวะเตะ เป็นรอยนิ้วประหลาดน่าขนลุกที่มีลักษณะคล้ายก้นหอย3วง จึงพยายามตามสืบจากเบาะแสดังกล่าว โดยมอบหมายให้ผู้ช่วยชายอีกคนไปดำเนินการ ไม่นานต่อมาลูกสาวทั้งสองของผู้ว่าจ้างกลับพบชะตากรรมดำมืด กลายเป็นเหยื่อถูกฆ่าตายไปทีละคนอย่างน่าพิศวง ทั้งที่มีตำรวจจำนวนมาก และนักสืบคอยเฝ้ายามรักษาความปลอดภัยให้อย่างรัดกุมแน่นหนา

    นี่..ไม่น่าเป็นไปได้ ฆาตกรทำอย่างไร จึงสามารถราวกับภูติผีปีศาจ แถมยังหยามน้ำหน้านักสืบด้วยการทิ้งรอยนิ้วมือที่มีก้นหอย3วงเอาไว้ในหลายวาระ ดร.มุนะกะตะเหมือนถูกคนร้ายนำหน้าหนึ่งก้าวเสมอ สถานการณ์เลวร้ายลง คะวะตะเองนั้นทั้งเศร้าเสียใจและตื่นกลัวอย่างมาก ความแค้นใดในอดีต ที่ฝังแน่นในจิตใจของฆาตกร จนถึงขั้นวางแผนเพื่อจะกำจัดตระกูลของเขาให้สิ้นซาก หลังฆ่าเหยื่อแล้วยังจัดแสดงศพเพื่อหวังให้สาธารณะพบเห็นเป็นการประจานอย่างอำมหิต แต่ในที่สุดฆาตกรก็ไม่อาจรอดพ้นฝีมือในการสืบสวนและแกะรอยของดร.มุนะกะตะ จนสามารถปิดคดีลงได้ แม้จะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกถึง 3 รายก็ตาม

    แต่เรื่องราวกลับไม่จบลงง่ายดายเพียงนั้น หลังจากนักสืบอะเกะชิเสร็จจากภารกิจกลับมา และได้รับทราบเรื่องราวทั้งหมดจากคำบอกเล่าของสารวัตรนะกะมุระ เขาจึงเริ่มดำเนินการสืบสวนในแบบฉบับของตนอย่างลับ ๆ และได้ข้อสรุปที่มีมุมมองต่อคดีนี้แตกต่างไปจากของตำรวจและ ดร.มุนะกะตะโดยสิ้นเชิง อาเกะชิเชื่อว่าคดียังไม่จบ คนร้ายตัวจริงยังลอยนวล แล้วที่แท้ได้เกิดอะไรขึ้นกับเหยื่อทั้งหมดที่สูญเสียไปกันแน่ ตกลงความจริงคือ..ใครกันที่สืบสวนผิดพลาดระหว่าง ดร.มุนะกะตะ กับอาเกะชิ

    นี่คืออีกหนึ่งสุดยอดของความร้ายกาจ กับความจงเกลียดจงชังเข้าขั้นหมกมุ่น และอาฆาตพยาบาทรุนแรงที่สุดคดีหนึ่งเท่าที่ผมเคยได้อ่านมา

    🖋หลังอ่านจบ

    โคตรน่าทึ่ง...คงต้องใช้คำนี้ ไม่นึกว่าผู้เขียนจะบรรจงสร้างโครงเรื่องที่ดูเหมือนเป็นการฆ่าล้างแค้นที่พบได้ในนิยายแนวสืบสวนฆาตกรรมทั่วไป ให้มีความแตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์ และชั้นเชิงลูกเล่นเทคนิกแพรวพรายได้ขนาดนี้ ดูเหมือนคนร้ายแทบจะไม่ได้ใช้หรืออาศัยความรู้เฉพาะทางพิเศษใดในวิธีการลงมือฆ่าเหยื่อ เพียงอาศัยเรื่องที่ดูธรรมดาสามัญที่สุด มาสร้างขึ้นเป็นกำดักทางจิตใจ หลอกทั้งตัวละครนักสืบในเรื่องและหลอกคนอ่านได้อย่างแนบเนียน แม้นจะมีวางจุดสังเกตที่ชวนให้คิดด้วยความน่าฉงนตามรายทางเป็นระยะ ซึ่งหากใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วนดี ๆ อาจพอจะเริ่มจับจุดและสังเกตเห็นบางอย่าง แต่ถ้าอ่านแบบขี้เกียจคิดให้วุ่นวาย แค่ตามเรื่องราวไปเรื่อย ๆ พอถึงช่วงเฉลยจะส่งผลให้ชวนอัศจรรย์ใจเพิ่มขึ้น ในส่วนของการดำเนินเรื่องตั้งแต่เริ่มต้นจนตลอดทางถึงตอนจบ ไม่มีความน่าเบื่อปรากฏให้เห็น มีแต่สร้างความรู้สึกอยากรู้ ชวนลุ้น เอาใจช่วยให้เหยื่อรอดพ้น และนักสืบจับคนร้ายได้โดยไว ขณะเดียวกันก็อดไม่ได้ที่จะสยิวไปกับบรรยากาศแห่งความไม่น่าไว้ใจ ปริศนาที่ราวกับลูกเล่นหรือมายากลของปีศาจฆาตกร ความโรคจิตขั้นรุนแรงชวนสะอิดสะเอียนที่เลือดเย็น ปนเปกับความรู้สึกอกสั่นขวัญบิน เมื่อนึกถึงแผนการอันชั่วร้ายที่ถูกวางแผนมาอย่างยาวนานหลายสิบปี ตอนนี้ดีที่ไม่ยาวมาก เรียกว่าเนื้อหากำลังเหมาะ

    เอโดะงาวะมีความสามารถในการสร้างปมตัวร้ายที่น่าเศร้าระคนน่ารังเกียจ ไปจนถึงขั้นน่าเกลียดได้อย่างถึงแก่น ราวกับว่าเขาสามารถมองทะลุเห็นถึงสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายในของบุคคลธรรมดา ที่ภายนอกดูไม่เหมือนจะเป็นคนร้ายได้เลยนำมาใช้เป็นวัตถุดิบชั้นดี แต่ทั้งอย่างนั้นชีวิตเบื้องหลังที่ถูกแต่งแต้มขึ้นก็ช่างสมจริง จนทำให้รู้สึกสงสารในชะตากรรมรันทดของผู้ก่ออาชญากรรมด้วยเช่นกัน เมื่อบวกกับสไตล์ที่เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ในการเล่าเรื่องเสมือนประหนึ่งตัวเองกำลังนั่งชวนคุยกับคนอ่านในวงล้อมรอบกองไฟยามดึกสงัด และรู้จักการหยอดถ้อยคำบางช่วงตอนที่ยิ่งสร้างอารมณ์ให้คนที่กำลังติดตามเรื่องเล่าของเขาอย่างจดจ่อ เกิดความตื่นเต้นตึงเตรียดไปด้วยแล้ว ก็ยิ่งเป็นความน่าหลงใหลอันชวนให้ไม่อยากลุกไปไหนหรือทำอิริยาบถใดอื่น นอกจากฟังสิ่งที่เขาเล่าต่อจนจบเรื่อง ใจที่เขม็งเกลียวจนแน่นจึงคลายออกและปลอดโปร่งในที่สุด เรื่องนี้ก็เป็นเช่นที่ว่ามานี้ แม้นถูกเขียนมานานกว่า 80 ปี แต่อ่านในยุคปัจจุบันยังคงได้อรรถรส สาระความบันเทิงไม่ด้อยกว่าเรื่องที่แต่งโดยนักเขียนรุ่นใหม่ยุคหลังเลย

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    และอะเกะชิเองก็สมกับความเป็นยอดนักสืบเอกโดยแท้ บุคลิกที่ดูน่าเกรงขามในยามที่ต้องแสดงออกถึงอำนาจให้คนอื่นเห็น แต่ก็ขี้เล่น หัวเราะง่ายยิ้มง่าย ช่วยทำให้ผู้ฟังผ่อนคลาย อีกทั้งวาทศิลป์ในการเลือกใช้คำพูดให้เข้ากับสถานการณ์ก็ยอดเยี่ยม ประกอบกับไหวพริบความช่างสังเกตในการแยกแยะและประมวลผลข้อมูล เห็นถึงจุดอื่นที่คนทั้งหลายไม่ทันเห็นหรือมองข้ามไป ล้วนเป็นคุณสมบัติและภาพลักษณ์ที่น่าจดจำ แม้นจะปรากฏตัวมาในช่วงท้ายใกล้จบ แต่มีบทบาทสำคัญยิ่งที่ส่งผลต่อการพลิกโฉมของคดีนี้ที่สุด

    สำหรับใครที่ยังไม่เคยอ่านงานของรัมโปะมาก่อนเลย เริ่มต้นด้วย "ลายนิ้วมือปีศาจ" ก็ไม่เลวครับ

    ป.ล. พบความผิดพลาดในการพิมพ์หนึ่งจุด

    #thaitimes
    #เอโดะงาวะรัมโปะ
    #ฆาตกรรม
    #สืบสวน
    #นิยายแปล
    #นิยายญี่ปุ่น
    #หนังสือน่าอ่าน
    #ล้างแค้น
    #นักสืบ
    #รีวิวหนังสือ
    #วิจารณ์หนังสือ
    "อัจฉริยะ !" สำหรับตัวผมแล้ว ถ้าพูดถึงนักเขียนญี่ปุ่นที่เป็นปรมาจารย์ด้านการเล่าเรื่อง และการบรรยายที่สร้างบรรยากาศที่หลอน ๆ สั่นประสาท ความดำมืดและวิปริตของจิตใจของตัวฆาตกรร้าย รวมถึงความรู้สึกเย็บวาบ ขนลุกซู่เมื่ออ่านไปเรื่อย ๆ ที่มีความโดดเด่นแล้ว ชื่อที่นึกถึงเป็นอันดับแรกเลยคือ เอโดะงะวะ รัมโปะ ตามมาด้วย โยโคมิโซะ เซชิ #ลายนิ้วมือปีศาจ คืออีกหนึ่งผลงานที่ยืนยันข้อความข้างต้น สนพ.เจคลาส ผู้เขียน เอโดะงาวะ รัมโปะ ผู้แปล ทินภาส พาหะนิชย์ พิมพ์ เม.ย.2561 230 บาท 226 หน้า เมื่อเกิดคดีฆาตกรรมไม่คาดฝันขึ้น โดยเหยื่อรายแรกเป็นผู้ช่วยงานของนักสืบเอกชนผู้มีชื่อเสียงนามว่า ดร.มุนะกะตะ ซึ่งมีความสามารถและเชี่ยวชาญทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ ชื่อเสียงควบคู่มากับยอดนักสืบเอกอะเกะชิ โคะโงะโร เรื่องราวจึงไม่ธรรมดา แต่เป็นคดีที่มีความยอกย้อนซ่อนเงื่อน และคนร้ายมีวิธีการที่น่ากลัวกว่าฆาตกรทั่วไปอย่างเทียบไม่ได้ เนื่องจาก นักสืบอะเกะชิที่เป็นเพื่อนและรู้จักกับสารวัตรนะกะมุระแห่งกรมตำรวจนครบาลโตเกียวไม่ว่าง ติดภารกิจที่ต่างแดน จึงเป็นหน้าที่ของ ดร.มุนะกะตะ ที่ต้องออกโรง ทั้งเพื่อล้างอายตนเองที่ไม่สามารถช่วยลูกน้องได้ และเพื่อชื่อเสียงในฐานะนักสืบของตนไม่ให้มัวหมอง เขาจึงเริ่มตามสืบหาตัวคนร้าย ที่ส่งข้อความมาถึง เศรษฐีนักธุรกิจผู้หนึ่งที่มีกิจการค้าของตนเองนาม คะวะเตะ โชตะโร ระบุชัดว่ามีเป้าหมายเพื่อต้องการฆ่าล้างแค้นคนในครอบครัวของเขาทั้งหมด 3 ชีวิต คือตัวคะวะเตะ และลูกสาวอีกสองคนที่เติบโตเป็นสาวสวยแล้ว โดยเขาก็นึกไม่ออกว่าได้สร้างความโกรธแค้นให้เกิดแก่ใครจนถึงขั้นจ้องจะทำลายล้างตระกูลให้ไม่เหลือสักคนเดียว แม้นว่า ดร.มุนะกะตะ จะได้หลักฐานสำคัญที่พบจากซองเอกสารที่ผู้ช่วยชายพยายามจะส่งให้ถึงมือเขา ก่อนจะถูกวางยาพิษเสียชีวิต เป็นรอยนิ้วมือที่คาดว่าน่าจะเป็นของผู้ที่กำลังวางแผนฆ่าครอบครัวคะวะเตะ เป็นรอยนิ้วประหลาดน่าขนลุกที่มีลักษณะคล้ายก้นหอย3วง จึงพยายามตามสืบจากเบาะแสดังกล่าว โดยมอบหมายให้ผู้ช่วยชายอีกคนไปดำเนินการ ไม่นานต่อมาลูกสาวทั้งสองของผู้ว่าจ้างกลับพบชะตากรรมดำมืด กลายเป็นเหยื่อถูกฆ่าตายไปทีละคนอย่างน่าพิศวง ทั้งที่มีตำรวจจำนวนมาก และนักสืบคอยเฝ้ายามรักษาความปลอดภัยให้อย่างรัดกุมแน่นหนา นี่..ไม่น่าเป็นไปได้ ฆาตกรทำอย่างไร จึงสามารถราวกับภูติผีปีศาจ แถมยังหยามน้ำหน้านักสืบด้วยการทิ้งรอยนิ้วมือที่มีก้นหอย3วงเอาไว้ในหลายวาระ ดร.มุนะกะตะเหมือนถูกคนร้ายนำหน้าหนึ่งก้าวเสมอ สถานการณ์เลวร้ายลง คะวะตะเองนั้นทั้งเศร้าเสียใจและตื่นกลัวอย่างมาก ความแค้นใดในอดีต ที่ฝังแน่นในจิตใจของฆาตกร จนถึงขั้นวางแผนเพื่อจะกำจัดตระกูลของเขาให้สิ้นซาก หลังฆ่าเหยื่อแล้วยังจัดแสดงศพเพื่อหวังให้สาธารณะพบเห็นเป็นการประจานอย่างอำมหิต แต่ในที่สุดฆาตกรก็ไม่อาจรอดพ้นฝีมือในการสืบสวนและแกะรอยของดร.มุนะกะตะ จนสามารถปิดคดีลงได้ แม้จะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกถึง 3 รายก็ตาม แต่เรื่องราวกลับไม่จบลงง่ายดายเพียงนั้น หลังจากนักสืบอะเกะชิเสร็จจากภารกิจกลับมา และได้รับทราบเรื่องราวทั้งหมดจากคำบอกเล่าของสารวัตรนะกะมุระ เขาจึงเริ่มดำเนินการสืบสวนในแบบฉบับของตนอย่างลับ ๆ และได้ข้อสรุปที่มีมุมมองต่อคดีนี้แตกต่างไปจากของตำรวจและ ดร.มุนะกะตะโดยสิ้นเชิง อาเกะชิเชื่อว่าคดียังไม่จบ คนร้ายตัวจริงยังลอยนวล แล้วที่แท้ได้เกิดอะไรขึ้นกับเหยื่อทั้งหมดที่สูญเสียไปกันแน่ ตกลงความจริงคือ..ใครกันที่สืบสวนผิดพลาดระหว่าง ดร.มุนะกะตะ กับอาเกะชิ นี่คืออีกหนึ่งสุดยอดของความร้ายกาจ กับความจงเกลียดจงชังเข้าขั้นหมกมุ่น และอาฆาตพยาบาทรุนแรงที่สุดคดีหนึ่งเท่าที่ผมเคยได้อ่านมา 🖋หลังอ่านจบ โคตรน่าทึ่ง...คงต้องใช้คำนี้ ไม่นึกว่าผู้เขียนจะบรรจงสร้างโครงเรื่องที่ดูเหมือนเป็นการฆ่าล้างแค้นที่พบได้ในนิยายแนวสืบสวนฆาตกรรมทั่วไป ให้มีความแตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์ และชั้นเชิงลูกเล่นเทคนิกแพรวพรายได้ขนาดนี้ ดูเหมือนคนร้ายแทบจะไม่ได้ใช้หรืออาศัยความรู้เฉพาะทางพิเศษใดในวิธีการลงมือฆ่าเหยื่อ เพียงอาศัยเรื่องที่ดูธรรมดาสามัญที่สุด มาสร้างขึ้นเป็นกำดักทางจิตใจ หลอกทั้งตัวละครนักสืบในเรื่องและหลอกคนอ่านได้อย่างแนบเนียน แม้นจะมีวางจุดสังเกตที่ชวนให้คิดด้วยความน่าฉงนตามรายทางเป็นระยะ ซึ่งหากใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วนดี ๆ อาจพอจะเริ่มจับจุดและสังเกตเห็นบางอย่าง แต่ถ้าอ่านแบบขี้เกียจคิดให้วุ่นวาย แค่ตามเรื่องราวไปเรื่อย ๆ พอถึงช่วงเฉลยจะส่งผลให้ชวนอัศจรรย์ใจเพิ่มขึ้น ในส่วนของการดำเนินเรื่องตั้งแต่เริ่มต้นจนตลอดทางถึงตอนจบ ไม่มีความน่าเบื่อปรากฏให้เห็น มีแต่สร้างความรู้สึกอยากรู้ ชวนลุ้น เอาใจช่วยให้เหยื่อรอดพ้น และนักสืบจับคนร้ายได้โดยไว ขณะเดียวกันก็อดไม่ได้ที่จะสยิวไปกับบรรยากาศแห่งความไม่น่าไว้ใจ ปริศนาที่ราวกับลูกเล่นหรือมายากลของปีศาจฆาตกร ความโรคจิตขั้นรุนแรงชวนสะอิดสะเอียนที่เลือดเย็น ปนเปกับความรู้สึกอกสั่นขวัญบิน เมื่อนึกถึงแผนการอันชั่วร้ายที่ถูกวางแผนมาอย่างยาวนานหลายสิบปี ตอนนี้ดีที่ไม่ยาวมาก เรียกว่าเนื้อหากำลังเหมาะ เอโดะงาวะมีความสามารถในการสร้างปมตัวร้ายที่น่าเศร้าระคนน่ารังเกียจ ไปจนถึงขั้นน่าเกลียดได้อย่างถึงแก่น ราวกับว่าเขาสามารถมองทะลุเห็นถึงสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายในของบุคคลธรรมดา ที่ภายนอกดูไม่เหมือนจะเป็นคนร้ายได้เลยนำมาใช้เป็นวัตถุดิบชั้นดี แต่ทั้งอย่างนั้นชีวิตเบื้องหลังที่ถูกแต่งแต้มขึ้นก็ช่างสมจริง จนทำให้รู้สึกสงสารในชะตากรรมรันทดของผู้ก่ออาชญากรรมด้วยเช่นกัน เมื่อบวกกับสไตล์ที่เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ในการเล่าเรื่องเสมือนประหนึ่งตัวเองกำลังนั่งชวนคุยกับคนอ่านในวงล้อมรอบกองไฟยามดึกสงัด และรู้จักการหยอดถ้อยคำบางช่วงตอนที่ยิ่งสร้างอารมณ์ให้คนที่กำลังติดตามเรื่องเล่าของเขาอย่างจดจ่อ เกิดความตื่นเต้นตึงเตรียดไปด้วยแล้ว ก็ยิ่งเป็นความน่าหลงใหลอันชวนให้ไม่อยากลุกไปไหนหรือทำอิริยาบถใดอื่น นอกจากฟังสิ่งที่เขาเล่าต่อจนจบเรื่อง ใจที่เขม็งเกลียวจนแน่นจึงคลายออกและปลอดโปร่งในที่สุด เรื่องนี้ก็เป็นเช่นที่ว่ามานี้ แม้นถูกเขียนมานานกว่า 80 ปี แต่อ่านในยุคปัจจุบันยังคงได้อรรถรส สาระความบันเทิงไม่ด้อยกว่าเรื่องที่แต่งโดยนักเขียนรุ่นใหม่ยุคหลังเลย . . . . . . . . . . . และอะเกะชิเองก็สมกับความเป็นยอดนักสืบเอกโดยแท้ บุคลิกที่ดูน่าเกรงขามในยามที่ต้องแสดงออกถึงอำนาจให้คนอื่นเห็น แต่ก็ขี้เล่น หัวเราะง่ายยิ้มง่าย ช่วยทำให้ผู้ฟังผ่อนคลาย อีกทั้งวาทศิลป์ในการเลือกใช้คำพูดให้เข้ากับสถานการณ์ก็ยอดเยี่ยม ประกอบกับไหวพริบความช่างสังเกตในการแยกแยะและประมวลผลข้อมูล เห็นถึงจุดอื่นที่คนทั้งหลายไม่ทันเห็นหรือมองข้ามไป ล้วนเป็นคุณสมบัติและภาพลักษณ์ที่น่าจดจำ แม้นจะปรากฏตัวมาในช่วงท้ายใกล้จบ แต่มีบทบาทสำคัญยิ่งที่ส่งผลต่อการพลิกโฉมของคดีนี้ที่สุด สำหรับใครที่ยังไม่เคยอ่านงานของรัมโปะมาก่อนเลย เริ่มต้นด้วย "ลายนิ้วมือปีศาจ" ก็ไม่เลวครับ ป.ล. พบความผิดพลาดในการพิมพ์หนึ่งจุด #thaitimes #เอโดะงาวะรัมโปะ #ฆาตกรรม #สืบสวน #นิยายแปล #นิยายญี่ปุ่น #หนังสือน่าอ่าน #ล้างแค้น #นักสืบ #รีวิวหนังสือ #วิจารณ์หนังสือ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 306 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใช่...กรุคลั่งชาติ !!
    แล้วก็ใช่...เกลียดพวกจ้องทำหลายชาติ ด้วย !!
    ใช่...กรุคลั่งชาติ !! แล้วก็ใช่...เกลียดพวกจ้องทำหลายชาติ ด้วย !!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • -อย่าเสียพลังกับการเป็นทุกข์เพราะผู้คน
    -อย่าปล่อยให้คำพูดของคนที่ไม่เข้าใจมาทำลายความรู้สึก

    ยิ่งเราใช้ทรัพยากรไปกับคนที่เกลียดเรามากเท่าไหร่

    ก็ยิ่งเหลือทรัพยากรให้คนที่รักเราน้อยลงเท่านั้น.

    จากหนังสือ |ชีวิตที่ร่างเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #ชีวิตที่ร่างเอง
    -อย่าเสียพลังกับการเป็นทุกข์เพราะผู้คน -อย่าปล่อยให้คำพูดของคนที่ไม่เข้าใจมาทำลายความรู้สึก ยิ่งเราใช้ทรัพยากรไปกับคนที่เกลียดเรามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเหลือทรัพยากรให้คนที่รักเราน้อยลงเท่านั้น. จากหนังสือ |ชีวิตที่ร่างเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ชีวิตที่ร่างเอง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 596 มุมมอง 0 รีวิว
  • #หนึ่งในร้อย

    ก่อนหน้าละครฉายไม่นาน ผมเคยพูดถึงเรื่องนี้ไปหนหนึ่ง มาบัดนี้ละครออกอากาศได้ประมาณครึ่งทางแล้วกระมัง อยากพูดถึงอีกครั้งด้วยเป็นนิยายของดอกไม้สดที่เป็นเรื่องในดวงใจมาตั้งแต่เด็ก

    ละครทำออกมาได้ทั้งเป็นที่ต้องใจ และติดใจ ต้องใจในที่นี้หมายถึงมีส่วนที่ชื่นชอบ ติดใจในที่นี้หมายถึงมีส่วนที่แปลงไปเยอะพอสมควร ที่โดยส่วนตัวอดคิดไม่ได้ว่ามีความจำเป็นเพียงใด จึงต้องเปลี่ยนไปในลักษณะนั้น

    แต่เอาเถิด เข้าใจว่าต้นฉบับเรื่องหนึ่งในร้อยนี้ เป็นนิยายซึ่งยากมากที่จะสร้างขึ้นมาเป็นละคร เพราะโดยความเป็นจริงนั้นถูกเขียนมาเพื่อเหมาะกับเป็นเรื่องสำหรับอ่านมากที่สุด ทว่าแน่นอน คนที่อ่านแล้วชื่นชอบในนิยายเรื่องนี้ เชื่อว่าโดยมากต้องมีภาพในจินตนาการโลดแล่นอยู่ในหัว ที่เป็นไปได้ก็อยากเห็นภาพเคลื่อนไหวหรือคนที่เป็นตัวตนจริง และรอมาอย่างยาวนานว่าจะมีโอกาสได้เห็นอนงค์และคุณพระอรรถคดี โลดแล่นอยู่ในจอให้ชมในสักวันหนึ่ง(ไม่ได้ดูเวอร์ชันคุณภิญโญ ทองเจือ เพราะยังเด็กเกินที่จะสนใจดูละคร) ซึ่งต้องขอขอบคุณผู้จัดในข้อนี้ที่เห็นคุณค่าบทประพันธ์ของดอกไม้สด จนนำมาสู่การทำฝันในวัยเยาว์ของผมให้กลายเป็นจริง

    .

    ด้วยความที่ถูกนำมาสร้าง ณ ปี พ.ศ. 2567 แม้นจะยังคงยุคสมัยตามช่วงเวลาในนิยายก็ตาม แน่นอนว่าคนรุ่นใหม่ที่เกิดไม่ทันได้อ่านหนึ่งในร้อยมาก่อนย่อมมีอยู่เป็นจำนวนมาก และคนในรุ่นนี้เองที่เติบโตมากับเทคโนโลยีต่าง ๆ และโลกในชีวิตประจำวันที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายแทบทุกอย่าง ทำให้โดยพื้นฐานแล้วส่วนใหญ่พวกเขามักไม่ทนกับอะไรที่ค่อยเป็นค่อยไป ดำเนินเรื่องอย่างเชื่องช้า เนิบ ๆ ดังเช่นความรักของคนในยุคที่นิยายหนึ่งในร้อยถือกำเนิด ด้วยความอดทนอันจำกัดนี้เอง คงเป็นเหตุผลสำคัญที่คนเขียนบทมีโจทย์สำคัญเป็นการบ้านว่าทำอย่างไร จะให้ละครในแต่ละตอนดึงดูดคนดูกลุ่มนี้ ที่ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญให้ตรึงสายตาไว้กับอนงค์และคุณพระอรรถคดีได้ตลอด ตั้งแต่เริ่มฉายจนจบฉากสุดท้ายในแต่ละตอน โดยไม่เปลี่ยนช่องหรือหันเหความสนใจไปทำอย่างอื่นเสีย จึงปรากฏเป็นหนึ่งในร้อยที่มีอนงค์และคุณพระอรรถซึ่งถูกใส่จริตและเสริมบุคลิกให้มีความเป็นไปได้มากที่สุดเพื่อดึงดูดใจ ให้คนดูหลงรักในตัวละครทั้งสองตั้งแต่ตอนแรก

    .

    หลายเหตุการณ์หลายตัวละครที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ ซึ่งไม่มีในต้นฉบับเดิม หรือแม้นกระทั่งอนงค์ที่ได้รับการปรับให้เก่งกล้าเกินงามในบางสถานการณ์ อีกทั้งมั่นใจในตัวเองสูงมาก จนเหมือนจะเป็นอนงค์ขั้นสุด ที่ไม่ใช่แค่ขั้นกว่า เรียกว่ามีความเข้มข้นของพลังงานชีวิตเปี่ยมล้นจนแสดงออกมาเกินขีดอยู่บ้าง แต่เพราะเป็นญาญ่าแสดง จึงพอให้อภัยทำเป็นมองข้ามไปไม่ติดใจมาก ด้วยว่าสวมบทอนงค์ได้อย่างน่าเอ็นดูยิ่ง หากเป็นคนอื่นมารับบทนี้ ยังนึกไม่ออกเช่นกันว่าจะรอดหรือไม่ อาจจะได้ภาพของอนงค์ที่น่าเกลียดน่าชังไปเลยก็เป็นได้ และเพราะบทบาทของอนงค์ในนิยายนั้นถูกกล่าวถึงน้อยมาก รายละเอียดของเรื่องส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่ตัวของคุณพระฯ ที่เป็นหัวใจหลักของนิยาย ส่วนมากเนื้อหาบอกเล่าประวัติความเป็นมาแต่หนหลังเชื่อมต่อมาถึงปัจจุบัน ที่คุณพระฯ มีความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น ๆ ในทางไหนอย่างไรบ้าง ส่วนอนงค์เพียงถูกกล่าวถึงแบบโฉบไปเฉี่ยวมา ฉากที่พบกันระหว่างพระนางมีอยู่แค่ไม่กี่หนตลอดทั้งเรื่อง โดยมากอนงค์จะรับรู้เรื่องของคุณพระฯ ผ่านการบอกเล่าของแม่ช้อยมากกว่า ด้วยเหตุนี้จึงเข้าใจได้ว่าทำไมผู้เขียนบทจึงต้องทำงานหนักมาก ในการเปลี่ยนให้อนงค์ในนิยายกลายเป็นตัวละครที่ถูกดึงขึ้นมาให้ได้รับบทบาทที่เด่นพอ ๆ กันหรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียงกับตัวเอกของเรื่อง ไม่อย่างนั้นคนดูคงจะไม่ติดตามและทิ้งละครไปอย่างรวดเร็วเป็นแน่

    .

    แต่ส่วนที่น่าเสียดายที่ดูเหมือนจะหายไปคือนิสัยรักการจดบันทึกหรือเขียนไดอารีของอนงค์ ที่ต้นฉบับหากรับรู้เรื่องราวใดมาจากปากแม่ช้อย เธอจะรีบนำมาเขียนใส่ไว้ในสมุดบันทึกประจำตัว เพื่อเก็บไว้อ่านคนเดียว ซึ่งคนอ่านก็จะสามารถทราบถึงจิตใจของเธอที่มีต่อคุณพระฯ จากสิ่งที่เธอเขียนนั่นเอง ซึ่งเป็นส่วนที่ดีมากและแทบจะไม่พบเลยในเวอร์ชันละคร นอกจากแค่ตอนที่อนงค์ทำเป็นสมุดเล่มเล็กที่มีภาพและคำแนะนำตัวเองแล้วมอบให้คุณพระฯ ซึ่งออกจะเป็นการกระทำที่ค่อนข้างเสี่ยงต่อภาพพจน์ที่ถูกมองจากคนอย่างคุณพระฯได้เหมือนกัน

    .

    จากนี้ต่อไปในอีกครึ่งทางที่เหลือนั้น ไม่แน่ใจว่าเรื่องราวที่ถูกเขียนขึ้นใหม่จะเป็นไปในทิศทางไหน คุณพระฯเองก็ถูกปรับให้คล้ายจะกลายเป็นโฮล์มส์ ที่ขยายการงานให้กว้างออกไปจากในหนังสือเพื่อจะได้มีอะไรให้เล่นกับบทละครมากขึ้น จึงเป็นคุณพระฯ ที่เหมือนอยู่กันคนละโลกกับคุณพระฯในนิยาย ส่วนชัดก็กลายเป็นคนที่อ่อนแอจนปวกเปียกไม่สมกับที่เป็นทหารสักนิด และเห็นแก่ตัวเองอย่างร้ายกาจจนน่ารังเกียจไปเลย เพราะต้นฉบับนิยายนั้นชัดเปลี่ยนใจจากอนงค์มาหาจันทร ด้วยความที่ไม่ระแคะระคายมาก่อนว่าพี่ชายนั้นรักจันทรอยู่ก่อนแล้ว จึงได้ขอร้องให้พี่ช่วยไปสู่ขอจันทรแทนแม่

    ส่วนด้านอื่นที่ดีงามนั้นมีคนพูดกันไปมากแล้ว จึงไม่ขอพูดซ้ำ แต่สิ่งที่อยากจะกล่าวถึงอย่างมาก ที่เป็นหัวใจสำคัญของเรื่องนี้เลยก็คือ ความหมายของชื่อเรื่อง "หนึ่งในร้อย"

    .

    หนึ่งในร้อย เป็นคำเปรียบถึงคนอย่างคุณพระฯ เรื่องนี้ชัดเจนแน่นอน ความดีของตัวละครนี้ สำหรับคนที่ดูละครอย่างเดียวอาจเห็นภาพได้ไม่ตรงและใสเท่าในบทประพันธ์ เพราะหนังสือมีเวลาให้ผู้เขียนได้ใส่รายละเอียด และเล่าให้คนอ่านสามารถรู้ชัดเจนถึงที่มาที่ไปแห่งความเป็นคน ซึ่งมีความเป็นสัตบุรุษคือไม่ใช่แค่ดีอย่างทั่วไปหรือดีแบบโลก ๆ เท่านั้น แต่มีความดำรงตนอยู่ในศีลและตั้งตนให้ดำรงมั่นในธรรมะที่เป็นเครื่องหล่อเลี้ยง ให้ใจไม่ไหลไปตามกระแสแห่งความต้องการที่เป็นอำนาจฝ่ายต่ำ จึงไม่ถูกชักจูงโดยง่ายจากแรงเร้าภายนอกที่มากระทบ ด้วยเหตุนี้คุณพระฯ จึงมีคุณธรรมอยู่ประจำใจเสมอ อันจะคอยคัดท้ายไม่ให้หลุดออกนอกเส้นทางดีงาม แม้นมีบางคราวที่ต้องผจญคลื่นลมพายุโหมกระหน่ำจนถึงขั้นแทบอับปาง เกือบจะไม่สามารถนำพานาวาชีวิตล่องฝ่าภัยต่อไปเหนือลำน้ำได้ แต่สุดท้ายก็รอดพ้นจากวิกฤตและได้รับผลแห่งความดีที่ทำมาด้วยความสุขใจในเบื้องปลาย

    .

    ทว่าคุณพระฯ เองก็ยังมีข้อเสียที่เด่นชัดมาก หากจะมองให้ลึกลงไป นั่นคือการที่เขาช่วยคนโดยเน้นไปที่การอนุเคราะห์ เติมเต็มความต้องการทางด้านปัจจัยสี่ให้แก่แม่และน้อง ๆ หรือคนที่รู้จัก และแม้นในคนทั่วไปเท่าที่อาชีพการงานและฐานะแห่งตนจะพอทำได้ แต่ไม่ได้ช่วยด้วยการฝึกให้คนเหล่านั้นรู้จักการช่วยเหลือตนเอง ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าถึงคราวที่คุณพระฯ อยู่ในสถานะอันลำบากในทางใดทางหนึ่ง ที่ไม่อาจจะให้ความช่วยเหลือหรือจำต้องปฏิเสธคำขอร้อง บรรดาคนซึ่งเคยได้รับเป็นประจำจากเขามาโดยตลอด จึงเกิดความไม่พอใจ กลายเป็นความโกรธ จนหลุดแสดงอำนาจและกิเลสในใจตนให้ระเบิดออกมาอย่างกับคนเสียจริต เห็นได้จากแม่และชัดเป็นต้น

    .

    ดังนั้นการช่วยคนที่ประเสริฐเลิศยอดที่สุด ที่จะไม่กลับเป็นภัยย้อนมาทำร้ายตัวของคนซึ่งเป็นผู้ให้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งต้องเน้นช่วยคนด้วยการให้เขารู้จักการช่วยเหลือตัวเองให้อยู่รอดได้ โดยไม่เป็นเพียงผู้ขอร่ำไปตลอดไป นั่นคือสิ่งที่ผมได้ฟังอยู่เสมอจากคำสอนของพระอาจารย์ที่เคารพศรัทธา ด้วยพรหมวิหาร 4 นั้นมีความสำคัญอย่างมากสำหรับคนผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้ใหญ่ คือต้องมีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา แต่ถ้าเมตตาไม่มีประมาณแล้วขาดซึ่งปัญญากำกับ เมตตานั้นจะเป็นเช่นอาวุธที่หันกลับสู่ตนหากไม่ระวัง

    .

    คุณพระฯ เองมีเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลกเป็นที่ตั้ง โดยเฉพาะกับญาติจนถึงขั้นให้ความช่วยเหลือคือความกรุณาดังแสดงออกให้เห็น และมีจิตพลอยยินดีในเมื่อผู้อื่นได้รับความเจริญหรือผลแห่งความสำเร็จ ไม่เกิดอิจฉาริษยาประทุษร้ายกับใครแม้นเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่คุณพระฯ ยังสอบไม่ผ่านในข้ออุเบกขา คือไม่รู้จักที่จะตัดรอบ ช่วยได้เท่าที่ช่วยไหว สัตว์โลกล้วนมีวิบากแห่งตนซึ่งได้สั่งสมมาไม่ว่าทางร้ายหรือดี ไม่ใช่ต้องเอาชีวิตของเขาขึ้นมาแบกหามไว้ราวกับเป็นเรื่องของตนเองไปเสียทั้งหมด คือช่วยแล้วปล่อยวางไม่ลง แม่ก็แล้ว น้อง ๆ หลายคนและครอบครัวของน้องก็อีก จึงต้องตกที่นั่งถูกคนที่ตนให้ความช่วยเหลือนั้นวกกลับมาทำร้ายตนจนสาหัสแทบจะสิ้นลมหายใจ เป็นการเบียดเบียนตนเองซึ่งทางพุทธศาสนาไม่สรรเสริญ

    .

    ดังนั้น คนอย่างคุณพระฯ อาจหาได้ยาก ดังเช่นคำว่า "หนึ่งในร้อย" แต่คนที่หาได้ยากกว่าอาจถึงขั้น "หนึ่งในล้าน" คือคนที่เข้าใจ และเข้าถึง หลักธรรมในหมวด 4 ของพุทธศาสนาอย่างแท้จริงและนำมาปฏิบัติได้คือ เมตตาได้ทุกผู้แม้เป็นศัตรูของตัวเอง ช่วยเหลือได้ทุกคนเท่าที่ช่วยไหวโดยไม่เดือดร้อน มีใจร่วมยินดีเมื่อเห็นว่าเขาได้ดี ปราศจากความคิดมุ่งร้ายอยากทำลาย สุดท้ายคือไม่อนาทรร้อนใจแม้นไม่สามารถช่วยได้ ด้วยเห็นแล้วว่าไม่อาจช่วย หรือช่วยต่อไปจะเป็นโทษต่อเขาและต่อเรามากกว่า ก็ต้องปล่อยเขาไปตามทางที่เขาสร้างมา

    .

    ตอนล่าสุดเมื่อคืนยังไม่ว่างดูสดแบบเต็ม ๆ เลย แค่ผ่านตาแวบ ๆ บางฉาก แต่ก็พอเดาทิศทางได้เลา ๆ ว่าบทดัดแปลงคงจะพาอนงค์และคุณพระฯ ทะลุมิติท่องไปไกลในดินแดนอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นคนละโลกกับเรื่องที่เกิดขึ้นในนิยาย ถ้าเรียกภาษาคนรุ่นใหม่คงจะใช้คำว่า ตัวละครเดียวกันแต่อยู่คนละมัลติเวิร์ส(ไม่แน่ใจสะกดเช่นนี้หรือไม่)กระมัง

    นี่คือส่วนที่หวั่นใจมาตลอด เพราะในสัปดาห์ก่อนที่เห็นว่าฉากสำคัญที่อยู่ตอนท้ายในนิยาย คือคุณพระล้มเจ็บ ถูกร่นขึ้นมาตั้งแต่กลางเรื่อง อีกทั้งความดราม่าที่ถูกผูกขึ้นใหม่ระหว่างตัวละคร 3-4 ตัว ก็ทำให้พอจะคาดการณ์ได้ว่า ต่อจากนี้ไปคงจะเป็นการด้นใส่อะไรต่อมิอะไรเข้ามาอีกมาก และไม่รู้ว่าจะไปจบลงที่ตรงไหน ก็ได้แต่ละเหี่ยใจ

    .

    ความดีงามของอนงค์ในหนังสือ ที่แม้นเป็นสาวสมัยใหม่ในยุคนั้น แต่ยังมีความรู้รักในเกียรติและศักดิ์ศรีของกุลสตรี ฉลาดและมีเฉลียว อีกทั้งมองคนออกอย่างเลิศ วางตัวเหมาะสมไม่ทำอะไรที่จะไปสะกิดให้คุณพระฯ นึกหยามหรือดูแคลนเอาได้

    จนกระทั่งถึงเวลาที่ทุกอย่างดำเนินไปจนถึงที่สุด จึงกล้าเผยหัวใจตนให้คนที่แอบเทิดทูนบูชารับรู้ ทั้งที่ทราบอยู่แก่ใจว่าอาจทำให้คุณพระฯ มองเธอไปในแง่ไม่ดี แต่ใจที่นึกเวทนาสงสารบวกความรักที่งอกเงยมานานมันเปี่ยมล้นพ้นใจ เกินกว่าจะเก็บกลั้นไว้ภายใน จึงได้ปลดปล่อยไหลทะลักไปในครานั้น แต่แม้จะหลุดคำพูดฝากรัก หากถ้อยคำที่สื่อสารก็ยังเปี่ยมด้วยมธุรส และงดงามในภาษาที่ช่างสรรคำมาเจรจาอย่างน่าทึ่ง ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้นคงจะไม่อาจคาดหวังว่าจะได้พบเจอเสียแล้ว เพราะได้ถูกแปรเปลี่ยนไปเป็นอนงค์ในแบบฉบับที่เหมือนปล่อยให้อำนาจความรัก ชักจูงเธอไปให้คิดและทำในสิ่งซึ่งอนงค์ในนิยายจะไม่มีวันทำเป็นอันขาด

    น่าเสียดาย...

    ภาพประกอบขอยืมจากในเน็ต

    #thaitimes
    #ดอกไม้สด
    #ละคร
    #mycherieamour
    #วิเคราะห์ตัวละคร
    #วิจารณ์ละคร
    #หนึ่งในร้อย ก่อนหน้าละครฉายไม่นาน ผมเคยพูดถึงเรื่องนี้ไปหนหนึ่ง มาบัดนี้ละครออกอากาศได้ประมาณครึ่งทางแล้วกระมัง อยากพูดถึงอีกครั้งด้วยเป็นนิยายของดอกไม้สดที่เป็นเรื่องในดวงใจมาตั้งแต่เด็ก ละครทำออกมาได้ทั้งเป็นที่ต้องใจ และติดใจ ต้องใจในที่นี้หมายถึงมีส่วนที่ชื่นชอบ ติดใจในที่นี้หมายถึงมีส่วนที่แปลงไปเยอะพอสมควร ที่โดยส่วนตัวอดคิดไม่ได้ว่ามีความจำเป็นเพียงใด จึงต้องเปลี่ยนไปในลักษณะนั้น แต่เอาเถิด เข้าใจว่าต้นฉบับเรื่องหนึ่งในร้อยนี้ เป็นนิยายซึ่งยากมากที่จะสร้างขึ้นมาเป็นละคร เพราะโดยความเป็นจริงนั้นถูกเขียนมาเพื่อเหมาะกับเป็นเรื่องสำหรับอ่านมากที่สุด ทว่าแน่นอน คนที่อ่านแล้วชื่นชอบในนิยายเรื่องนี้ เชื่อว่าโดยมากต้องมีภาพในจินตนาการโลดแล่นอยู่ในหัว ที่เป็นไปได้ก็อยากเห็นภาพเคลื่อนไหวหรือคนที่เป็นตัวตนจริง และรอมาอย่างยาวนานว่าจะมีโอกาสได้เห็นอนงค์และคุณพระอรรถคดี โลดแล่นอยู่ในจอให้ชมในสักวันหนึ่ง(ไม่ได้ดูเวอร์ชันคุณภิญโญ ทองเจือ เพราะยังเด็กเกินที่จะสนใจดูละคร) ซึ่งต้องขอขอบคุณผู้จัดในข้อนี้ที่เห็นคุณค่าบทประพันธ์ของดอกไม้สด จนนำมาสู่การทำฝันในวัยเยาว์ของผมให้กลายเป็นจริง . ด้วยความที่ถูกนำมาสร้าง ณ ปี พ.ศ. 2567 แม้นจะยังคงยุคสมัยตามช่วงเวลาในนิยายก็ตาม แน่นอนว่าคนรุ่นใหม่ที่เกิดไม่ทันได้อ่านหนึ่งในร้อยมาก่อนย่อมมีอยู่เป็นจำนวนมาก และคนในรุ่นนี้เองที่เติบโตมากับเทคโนโลยีต่าง ๆ และโลกในชีวิตประจำวันที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายแทบทุกอย่าง ทำให้โดยพื้นฐานแล้วส่วนใหญ่พวกเขามักไม่ทนกับอะไรที่ค่อยเป็นค่อยไป ดำเนินเรื่องอย่างเชื่องช้า เนิบ ๆ ดังเช่นความรักของคนในยุคที่นิยายหนึ่งในร้อยถือกำเนิด ด้วยความอดทนอันจำกัดนี้เอง คงเป็นเหตุผลสำคัญที่คนเขียนบทมีโจทย์สำคัญเป็นการบ้านว่าทำอย่างไร จะให้ละครในแต่ละตอนดึงดูดคนดูกลุ่มนี้ ที่ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญให้ตรึงสายตาไว้กับอนงค์และคุณพระอรรถคดีได้ตลอด ตั้งแต่เริ่มฉายจนจบฉากสุดท้ายในแต่ละตอน โดยไม่เปลี่ยนช่องหรือหันเหความสนใจไปทำอย่างอื่นเสีย จึงปรากฏเป็นหนึ่งในร้อยที่มีอนงค์และคุณพระอรรถซึ่งถูกใส่จริตและเสริมบุคลิกให้มีความเป็นไปได้มากที่สุดเพื่อดึงดูดใจ ให้คนดูหลงรักในตัวละครทั้งสองตั้งแต่ตอนแรก . หลายเหตุการณ์หลายตัวละครที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ ซึ่งไม่มีในต้นฉบับเดิม หรือแม้นกระทั่งอนงค์ที่ได้รับการปรับให้เก่งกล้าเกินงามในบางสถานการณ์ อีกทั้งมั่นใจในตัวเองสูงมาก จนเหมือนจะเป็นอนงค์ขั้นสุด ที่ไม่ใช่แค่ขั้นกว่า เรียกว่ามีความเข้มข้นของพลังงานชีวิตเปี่ยมล้นจนแสดงออกมาเกินขีดอยู่บ้าง แต่เพราะเป็นญาญ่าแสดง จึงพอให้อภัยทำเป็นมองข้ามไปไม่ติดใจมาก ด้วยว่าสวมบทอนงค์ได้อย่างน่าเอ็นดูยิ่ง หากเป็นคนอื่นมารับบทนี้ ยังนึกไม่ออกเช่นกันว่าจะรอดหรือไม่ อาจจะได้ภาพของอนงค์ที่น่าเกลียดน่าชังไปเลยก็เป็นได้ และเพราะบทบาทของอนงค์ในนิยายนั้นถูกกล่าวถึงน้อยมาก รายละเอียดของเรื่องส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่ตัวของคุณพระฯ ที่เป็นหัวใจหลักของนิยาย ส่วนมากเนื้อหาบอกเล่าประวัติความเป็นมาแต่หนหลังเชื่อมต่อมาถึงปัจจุบัน ที่คุณพระฯ มีความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น ๆ ในทางไหนอย่างไรบ้าง ส่วนอนงค์เพียงถูกกล่าวถึงแบบโฉบไปเฉี่ยวมา ฉากที่พบกันระหว่างพระนางมีอยู่แค่ไม่กี่หนตลอดทั้งเรื่อง โดยมากอนงค์จะรับรู้เรื่องของคุณพระฯ ผ่านการบอกเล่าของแม่ช้อยมากกว่า ด้วยเหตุนี้จึงเข้าใจได้ว่าทำไมผู้เขียนบทจึงต้องทำงานหนักมาก ในการเปลี่ยนให้อนงค์ในนิยายกลายเป็นตัวละครที่ถูกดึงขึ้นมาให้ได้รับบทบาทที่เด่นพอ ๆ กันหรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียงกับตัวเอกของเรื่อง ไม่อย่างนั้นคนดูคงจะไม่ติดตามและทิ้งละครไปอย่างรวดเร็วเป็นแน่ . แต่ส่วนที่น่าเสียดายที่ดูเหมือนจะหายไปคือนิสัยรักการจดบันทึกหรือเขียนไดอารีของอนงค์ ที่ต้นฉบับหากรับรู้เรื่องราวใดมาจากปากแม่ช้อย เธอจะรีบนำมาเขียนใส่ไว้ในสมุดบันทึกประจำตัว เพื่อเก็บไว้อ่านคนเดียว ซึ่งคนอ่านก็จะสามารถทราบถึงจิตใจของเธอที่มีต่อคุณพระฯ จากสิ่งที่เธอเขียนนั่นเอง ซึ่งเป็นส่วนที่ดีมากและแทบจะไม่พบเลยในเวอร์ชันละคร นอกจากแค่ตอนที่อนงค์ทำเป็นสมุดเล่มเล็กที่มีภาพและคำแนะนำตัวเองแล้วมอบให้คุณพระฯ ซึ่งออกจะเป็นการกระทำที่ค่อนข้างเสี่ยงต่อภาพพจน์ที่ถูกมองจากคนอย่างคุณพระฯได้เหมือนกัน . จากนี้ต่อไปในอีกครึ่งทางที่เหลือนั้น ไม่แน่ใจว่าเรื่องราวที่ถูกเขียนขึ้นใหม่จะเป็นไปในทิศทางไหน คุณพระฯเองก็ถูกปรับให้คล้ายจะกลายเป็นโฮล์มส์ ที่ขยายการงานให้กว้างออกไปจากในหนังสือเพื่อจะได้มีอะไรให้เล่นกับบทละครมากขึ้น จึงเป็นคุณพระฯ ที่เหมือนอยู่กันคนละโลกกับคุณพระฯในนิยาย ส่วนชัดก็กลายเป็นคนที่อ่อนแอจนปวกเปียกไม่สมกับที่เป็นทหารสักนิด และเห็นแก่ตัวเองอย่างร้ายกาจจนน่ารังเกียจไปเลย เพราะต้นฉบับนิยายนั้นชัดเปลี่ยนใจจากอนงค์มาหาจันทร ด้วยความที่ไม่ระแคะระคายมาก่อนว่าพี่ชายนั้นรักจันทรอยู่ก่อนแล้ว จึงได้ขอร้องให้พี่ช่วยไปสู่ขอจันทรแทนแม่ ส่วนด้านอื่นที่ดีงามนั้นมีคนพูดกันไปมากแล้ว จึงไม่ขอพูดซ้ำ แต่สิ่งที่อยากจะกล่าวถึงอย่างมาก ที่เป็นหัวใจสำคัญของเรื่องนี้เลยก็คือ ความหมายของชื่อเรื่อง "หนึ่งในร้อย" . หนึ่งในร้อย เป็นคำเปรียบถึงคนอย่างคุณพระฯ เรื่องนี้ชัดเจนแน่นอน ความดีของตัวละครนี้ สำหรับคนที่ดูละครอย่างเดียวอาจเห็นภาพได้ไม่ตรงและใสเท่าในบทประพันธ์ เพราะหนังสือมีเวลาให้ผู้เขียนได้ใส่รายละเอียด และเล่าให้คนอ่านสามารถรู้ชัดเจนถึงที่มาที่ไปแห่งความเป็นคน ซึ่งมีความเป็นสัตบุรุษคือไม่ใช่แค่ดีอย่างทั่วไปหรือดีแบบโลก ๆ เท่านั้น แต่มีความดำรงตนอยู่ในศีลและตั้งตนให้ดำรงมั่นในธรรมะที่เป็นเครื่องหล่อเลี้ยง ให้ใจไม่ไหลไปตามกระแสแห่งความต้องการที่เป็นอำนาจฝ่ายต่ำ จึงไม่ถูกชักจูงโดยง่ายจากแรงเร้าภายนอกที่มากระทบ ด้วยเหตุนี้คุณพระฯ จึงมีคุณธรรมอยู่ประจำใจเสมอ อันจะคอยคัดท้ายไม่ให้หลุดออกนอกเส้นทางดีงาม แม้นมีบางคราวที่ต้องผจญคลื่นลมพายุโหมกระหน่ำจนถึงขั้นแทบอับปาง เกือบจะไม่สามารถนำพานาวาชีวิตล่องฝ่าภัยต่อไปเหนือลำน้ำได้ แต่สุดท้ายก็รอดพ้นจากวิกฤตและได้รับผลแห่งความดีที่ทำมาด้วยความสุขใจในเบื้องปลาย . ทว่าคุณพระฯ เองก็ยังมีข้อเสียที่เด่นชัดมาก หากจะมองให้ลึกลงไป นั่นคือการที่เขาช่วยคนโดยเน้นไปที่การอนุเคราะห์ เติมเต็มความต้องการทางด้านปัจจัยสี่ให้แก่แม่และน้อง ๆ หรือคนที่รู้จัก และแม้นในคนทั่วไปเท่าที่อาชีพการงานและฐานะแห่งตนจะพอทำได้ แต่ไม่ได้ช่วยด้วยการฝึกให้คนเหล่านั้นรู้จักการช่วยเหลือตนเอง ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าถึงคราวที่คุณพระฯ อยู่ในสถานะอันลำบากในทางใดทางหนึ่ง ที่ไม่อาจจะให้ความช่วยเหลือหรือจำต้องปฏิเสธคำขอร้อง บรรดาคนซึ่งเคยได้รับเป็นประจำจากเขามาโดยตลอด จึงเกิดความไม่พอใจ กลายเป็นความโกรธ จนหลุดแสดงอำนาจและกิเลสในใจตนให้ระเบิดออกมาอย่างกับคนเสียจริต เห็นได้จากแม่และชัดเป็นต้น . ดังนั้นการช่วยคนที่ประเสริฐเลิศยอดที่สุด ที่จะไม่กลับเป็นภัยย้อนมาทำร้ายตัวของคนซึ่งเป็นผู้ให้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งต้องเน้นช่วยคนด้วยการให้เขารู้จักการช่วยเหลือตัวเองให้อยู่รอดได้ โดยไม่เป็นเพียงผู้ขอร่ำไปตลอดไป นั่นคือสิ่งที่ผมได้ฟังอยู่เสมอจากคำสอนของพระอาจารย์ที่เคารพศรัทธา ด้วยพรหมวิหาร 4 นั้นมีความสำคัญอย่างมากสำหรับคนผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้ใหญ่ คือต้องมีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา แต่ถ้าเมตตาไม่มีประมาณแล้วขาดซึ่งปัญญากำกับ เมตตานั้นจะเป็นเช่นอาวุธที่หันกลับสู่ตนหากไม่ระวัง . คุณพระฯ เองมีเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลกเป็นที่ตั้ง โดยเฉพาะกับญาติจนถึงขั้นให้ความช่วยเหลือคือความกรุณาดังแสดงออกให้เห็น และมีจิตพลอยยินดีในเมื่อผู้อื่นได้รับความเจริญหรือผลแห่งความสำเร็จ ไม่เกิดอิจฉาริษยาประทุษร้ายกับใครแม้นเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่คุณพระฯ ยังสอบไม่ผ่านในข้ออุเบกขา คือไม่รู้จักที่จะตัดรอบ ช่วยได้เท่าที่ช่วยไหว สัตว์โลกล้วนมีวิบากแห่งตนซึ่งได้สั่งสมมาไม่ว่าทางร้ายหรือดี ไม่ใช่ต้องเอาชีวิตของเขาขึ้นมาแบกหามไว้ราวกับเป็นเรื่องของตนเองไปเสียทั้งหมด คือช่วยแล้วปล่อยวางไม่ลง แม่ก็แล้ว น้อง ๆ หลายคนและครอบครัวของน้องก็อีก จึงต้องตกที่นั่งถูกคนที่ตนให้ความช่วยเหลือนั้นวกกลับมาทำร้ายตนจนสาหัสแทบจะสิ้นลมหายใจ เป็นการเบียดเบียนตนเองซึ่งทางพุทธศาสนาไม่สรรเสริญ . ดังนั้น คนอย่างคุณพระฯ อาจหาได้ยาก ดังเช่นคำว่า "หนึ่งในร้อย" แต่คนที่หาได้ยากกว่าอาจถึงขั้น "หนึ่งในล้าน" คือคนที่เข้าใจ และเข้าถึง หลักธรรมในหมวด 4 ของพุทธศาสนาอย่างแท้จริงและนำมาปฏิบัติได้คือ เมตตาได้ทุกผู้แม้เป็นศัตรูของตัวเอง ช่วยเหลือได้ทุกคนเท่าที่ช่วยไหวโดยไม่เดือดร้อน มีใจร่วมยินดีเมื่อเห็นว่าเขาได้ดี ปราศจากความคิดมุ่งร้ายอยากทำลาย สุดท้ายคือไม่อนาทรร้อนใจแม้นไม่สามารถช่วยได้ ด้วยเห็นแล้วว่าไม่อาจช่วย หรือช่วยต่อไปจะเป็นโทษต่อเขาและต่อเรามากกว่า ก็ต้องปล่อยเขาไปตามทางที่เขาสร้างมา . ตอนล่าสุดเมื่อคืนยังไม่ว่างดูสดแบบเต็ม ๆ เลย แค่ผ่านตาแวบ ๆ บางฉาก แต่ก็พอเดาทิศทางได้เลา ๆ ว่าบทดัดแปลงคงจะพาอนงค์และคุณพระฯ ทะลุมิติท่องไปไกลในดินแดนอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นคนละโลกกับเรื่องที่เกิดขึ้นในนิยาย ถ้าเรียกภาษาคนรุ่นใหม่คงจะใช้คำว่า ตัวละครเดียวกันแต่อยู่คนละมัลติเวิร์ส(ไม่แน่ใจสะกดเช่นนี้หรือไม่)กระมัง นี่คือส่วนที่หวั่นใจมาตลอด เพราะในสัปดาห์ก่อนที่เห็นว่าฉากสำคัญที่อยู่ตอนท้ายในนิยาย คือคุณพระล้มเจ็บ ถูกร่นขึ้นมาตั้งแต่กลางเรื่อง อีกทั้งความดราม่าที่ถูกผูกขึ้นใหม่ระหว่างตัวละคร 3-4 ตัว ก็ทำให้พอจะคาดการณ์ได้ว่า ต่อจากนี้ไปคงจะเป็นการด้นใส่อะไรต่อมิอะไรเข้ามาอีกมาก และไม่รู้ว่าจะไปจบลงที่ตรงไหน ก็ได้แต่ละเหี่ยใจ . ความดีงามของอนงค์ในหนังสือ ที่แม้นเป็นสาวสมัยใหม่ในยุคนั้น แต่ยังมีความรู้รักในเกียรติและศักดิ์ศรีของกุลสตรี ฉลาดและมีเฉลียว อีกทั้งมองคนออกอย่างเลิศ วางตัวเหมาะสมไม่ทำอะไรที่จะไปสะกิดให้คุณพระฯ นึกหยามหรือดูแคลนเอาได้ จนกระทั่งถึงเวลาที่ทุกอย่างดำเนินไปจนถึงที่สุด จึงกล้าเผยหัวใจตนให้คนที่แอบเทิดทูนบูชารับรู้ ทั้งที่ทราบอยู่แก่ใจว่าอาจทำให้คุณพระฯ มองเธอไปในแง่ไม่ดี แต่ใจที่นึกเวทนาสงสารบวกความรักที่งอกเงยมานานมันเปี่ยมล้นพ้นใจ เกินกว่าจะเก็บกลั้นไว้ภายใน จึงได้ปลดปล่อยไหลทะลักไปในครานั้น แต่แม้จะหลุดคำพูดฝากรัก หากถ้อยคำที่สื่อสารก็ยังเปี่ยมด้วยมธุรส และงดงามในภาษาที่ช่างสรรคำมาเจรจาอย่างน่าทึ่ง ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้นคงจะไม่อาจคาดหวังว่าจะได้พบเจอเสียแล้ว เพราะได้ถูกแปรเปลี่ยนไปเป็นอนงค์ในแบบฉบับที่เหมือนปล่อยให้อำนาจความรัก ชักจูงเธอไปให้คิดและทำในสิ่งซึ่งอนงค์ในนิยายจะไม่มีวันทำเป็นอันขาด น่าเสียดาย... ภาพประกอบขอยืมจากในเน็ต #thaitimes #ดอกไม้สด #ละคร #mycherieamour #วิเคราะห์ตัวละคร #วิจารณ์ละคร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 300 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ความโมโห"
    ยิ่งถูกปฏิเสธจะยิ่งลุกลามขึ้น
    ดังนั้นยิ่งเป็นคนที่คิดว่า "เกลียดตัวเองที่โมโห"
    "ไม่อยากโมโห"

    ต้องยิ่งยอมรับว่าตัวเองกำลังโมโห
    ทำแบบนี้จะปล่อยความโมโหทิ้งไปได้ และทำได้ไวกว่า

    จากหนังสือ | ชีวิต 70 คะแนนก็โอเคแล้ว

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #การใช้ชีวิต #ทัศนคติ #Thaitimes #ชีวิต
    #หนังสือชีวิต70คะแนนก็โอเคแล้ว #คนขี้โมโห

    "ความโมโห" ยิ่งถูกปฏิเสธจะยิ่งลุกลามขึ้น ดังนั้นยิ่งเป็นคนที่คิดว่า "เกลียดตัวเองที่โมโห" "ไม่อยากโมโห" ต้องยิ่งยอมรับว่าตัวเองกำลังโมโห ทำแบบนี้จะปล่อยความโมโหทิ้งไปได้ และทำได้ไวกว่า จากหนังสือ | ชีวิต 70 คะแนนก็โอเคแล้ว #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #การใช้ชีวิต #ทัศนคติ #Thaitimes #ชีวิต #หนังสือชีวิต70คะแนนก็โอเคแล้ว #คนขี้โมโห
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • 21-10-67/01 : หมี CNN / MANIC MONDAY ไอ้สัส! กูเกลียดวันจันทร์ เพราะอาไยก็ม่ายยู้? อย่าเสียเวลา ซัดเลยดีก่า เรียงคิวเหี้ย !!!

    อียิวถอย! ชะงัก รัสเซียซ้อมรบอิหร่าน เตือน มรึงอย่าซ่าส์! อาหรับลงแขกยังไม่หนำใจอีกเหรอ? สื่อเหี้ยตี ยิวบุก ยิวถล่ม เหี้ยมะกันส่ง B2 ถล่มคลังแสงใต้ดินเยมน เอาเข้าไป ฝันกลางวันอีกแล้ว? ดูโลกความเป็นจริง เยรูซาเล็มเละ เทลอาวีฟป่าช้า ท่าเรือไฮฟาร้างสนิท ไม่มีเรือสินค้ามาเกือบ 5 เดือนแล้ว สนามบินเหลือแห่งเดียว สรุปใครบุกใครฟ่ะเนี่ย? ใครแพ้ยับฟ่ะ ฮามาสถล่ม เฮซบอเลาะห์ยิงไม่เลี้ยง ซีเรีย อิรัก ล่อที่ราบสูงโกลานยับ นี่มรึงอยู่โลกเดียวกับกูอ่ะเป่า? คบเหี้ย เสพเหี้ย มีแต่โลกมโน? สรุปยอดเหี้ยตายห่าคาแผ่นดินคานาอัน ทะลุ 70000 แล้ว ทั้งกองกำลัง และพลเรือน นี่คือตัวเลขจากโรงพยาบาล และสื่อข่าวตะวันออกกกลาง ไม่มีให้มรึงเห็นดอกในโลกตอแหล ขีปนาวุธลงหัว 300 ลูก ตายหลัก 10 หากไม่โง่เกินควาย มรึงก็น่าจะคิดออก เหล็กยังละลาย คนจะเหลือเหรอ? ใต้ดินเหรอ อุโมงค์เหรอ ไม่มีเหลือ ขีปนาวุธเจาะเกราะ ทะลวงชั้นใต้ดิน แบบเดียวกับที่รัสเซียใช้ในมารีโอโพล ไม่ต้องถาม ย่างสด กับฝังทั้งเป็น สภาพเดียวกันเป๊ะเด๊ะ? แล้วมรึงจะไปหาตัวเลขยอดผู้เสียชีวิตแท้จริงจากไหนกันล่ะ เช็คได้แค่ที่รพ. เท่านั้น กับตัวเลขทหารสูญหาย? สรุปคือเริ่มสงครามครูเสดยุคอวสาน สื่อเหี้ยตีชา่วปาเลสไตน์ตายห่าไปกว่า 30000 ส่วนใหญ่เป็นเด็ก สตรี คนชรา คนท้อง คนพิการ เพราะอียิวมันเก่งแต่ฆ่าผู้อ่อนแอ สู้กับทหาร แพ้ยับ ตายคาตรีนเค้าตลอด! แต่ตอนนี้ เวลานี้ ตัวเลขยอดทหารรับจ้าง ทหารอียิว ทหารนาโต้ และพลเรือนยิว ตายห่าทะลุ 70000 แล้ว ด้านยูเครนหนักกว่า เพราะเกือบทะลุ 1000000 แล้วจ๊ะ อยากรู้ความจริง ให้มรึงไปดูเกณฑ์ทหารรอบที่ 4 ไม่เหลือใครมา? ทั้งอียิว ยูเครน ชะตากรรมเดียวกันเป๊ะ แนวหลังไม่โผล่ กองหนุนไม่มา จะเอาเหี้ยอะไรไปต้านเค้าได้อีก ก็ลูกยาวลงทุกชั่วโมทง มาวันละ 300-400 ลูก มรึงจะเอาเวลาที่ไหนไปพักกันล่ะ? ไซเรนดัง 24 ชม. หลอนไปหมดทั้งเมืองแล้ว อยู่ใต้ดินแบบขวัญผวา นี่ไงสภาพ! ข้าววิกมาศรีธนญชัย 2024 : มันส์ไม่แพ้กัน แผนลากอีเหลี่ยมชาติชั่วเข้าคุก ยกเลิกนิรโทษกรรม ทูลความเท็จ ทำหลักฐานปลอม เอกสารรับรองจากแพทย์ปลอม VDO CLIP หลักฐานในมือเสรี มัดจนเหี้ยหัวขาด ชั้น 124 ดิ้นตายกันเป็นแถว อีสมาคมแพทย์ถูกชำแหละ อีรพ.ตำรวจ โดนเต็มตรีน อีกรมคุก ไม่รอด หัวหน้าติดคุกซะเอง นักโทษเลียปาก ถั่วดำมาเต็ม ตากูเอาคืนมรึงบ้าง เหี้ยดีนีก หาแดร๊กกับพวกกูมาช้านาน ได้เวลาพาขึ้นสวรรค์ชั้น 14 นักโทษแม้จะเหี้ย แต่ใครคิดร้ายต่อวัง มรึงตาย! จากปากนักโทษทุกแดน เพราะทุกปีได้รับอภัยโทษ ลดโทษ บุญคุณมี ถึงจะเป็นนักเลง โจร แต่รู้ดี ถึงคำว่า "กตัญญูแผ่นดินเกิด" สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ใครล่อเจ้า มรึงตายคาตรีนคุกชัวร์! อี 3 นิ้วครึ่ง ถึงอ่วมในคุกไงล่ะ ถูกกาหัว ไม่ถูกลงแขก ก็กระทืบรายวัน พรรคพวกบอกสภาพดูไม่จืด ออกสื่อดูดี หลังฉากอิ่มตรีนทุกมื้อ ในคุกเค้ามีวิธีจัดการแบบเนียน มรึงไม่ต้องกังวลว่ามันจะออกมาฟ้อง เพราะฟ้องเมื่อไหร่ กลับเข้าไปใหม่ โดนหนักกว่าเก่า นรกสำหรับไอ้พวกเนรคุณแผ่นดิน ขอบคุณทุกฝาตรีนคนคุก มรึงอาจจะผิด แต่ได้ชดใช้กรรมตามกฎหมายแล้ว แต่หากมรึงช่วยแผ่นดินลดเหี้ย ไอ้อีจัญไรทั้งหลายลงได้ นั่นคืออานิสงค์แห่งบุญน่ะจ๊ะ กูไม่ได้เสี้ยมน่ะ อย่ากล่าวหา ดีออก? ศาลมาแรง คนชงก็แรง คนตบก็แรง พิสูจน์ชัด กรมคุก อีกากี โรงพยาบาล หมอที่อนุมัติ ขัดคำสั่งศาลให้ความช่วยเหลือนักโทษ เกินขอบเขตอำนาจ ผลคือ ตายยกรัง นอกจากขัดคำสั่งศาล ยังทูลความเท็จ กระทงนี้ หนักกว่าอีก บทเพ่เขียวบู๊ทตรีนโตจะเล่นหนัก สวรรค์ยังไม่กล้าร้องขอความปราณีให้? หมอติดคุก สัสดีติดคุก อัยการก็คุก คนทูลเสนอขอก็คุก นี่มันเทศกาลคนคุกนี่หว่า จัดเมื่อไหร่ก็ไม่บอก? คดีเข้าสู่ชั้นศาลนานแล้ว ตัดสินไม่นาน เพราะพยานหลักฐาน พยานบุคคลมีเพี๊ยบ เปิดให้หนีอ่ะเป่า? แต่ต้องทิ้งทรัพย์สินทั้งหมดไว้ที่นี่น่ะ ไปได้แต่ตัว เพราะถูกอายัดทรัพย์สินไว้หมดแล้ว อายัดบัญชี ใครเอี่ยว ถูกล็อคบัญชีด้วย DSI กระโดดลงมาเล่นเอง ปปช.ก็ต้องตามงาน ทิ้งไม่ได้ แสงทำงาน เหี้ยผวาสัส! สัญญานเต็ม กลียุคใกล้อวสานแล้วจ๊ะ มาให้หมด ออกให้เกลี้ยง ล้างบางครั้งใหญ่ เชือดเหี้ยให้เหี้ยดู! กลับคืนสู่โลกความเป็นจริงอีกครั้ง : โลกดันหยวนเต็มพิกัด โลจิสติคออกผล ค้าขายจ่ายสกุลเงินท้องถิ่น ทวิภาคีระบาด คบกันเอง ซื้อขายกันเอง ไม่ผ่านเหี้ยอีกต่อไป โมเดล BRICS มาเต็ม หลังพลังงานโลกถีบตัวสูงขึ้นอีก โลกต้องการพลังงานมากกว่าเดิม 200% เพราะเข้าหนาวแล้ว ใครรวยเละกันล่ะ? รวยแล้ว ขยายพื้นที่เพิ่ม รวยแล้ว แบ่งปันให้เพื่อนพันธมิตร มันถึงมียอดเพิ่มขึ้นทุกปี เพราะน้ำมัน แก็ส ยังต้องใช้ไปอีก 30 ปี เป็นอย่างน้อย จนพลังงานสะอาดสามารถเข้าถึงทุกบ้านได้จริง และผลิตได้มหาศาลเกินความจำเป็น นวตกรรมโลกเปลี่ยนไปเร็วมาก ตามไม่ทัน อาจตกขบวน!

    ปล.หลายคนถาม แล้วทำไม แสงไม่ทำงาน ศาลไม่ฟัน ให้มันรู้แล้วรู้รอดเลยล่ะ? รออะไรอยู่ มรึงฟัง? 1.รอความผิดสำเร็จ 2.รอใบเสร็จประจักษ์ชัด 3.รอเหี้ยออกลายให้สิ้น 4.รอควายตื่น 5.รอจังหวะและเวลาที่เหมาะสม เดินเร็วไปอาจพลาด เหี้ยรอด เดินช้าไป อาจแก้ไขไม่ทัน ทุกอย่างคือสมดุล พอดี และเวลาที่ใช่ 6.รอขั้วใหม่ล้างบางอิทธิพลขั้วเก่าให้ราบคาบก่อน จะได้ไม่มีฤทธิ์มาบ่อนทำลายใครได้อีก ดีออก? 7.ตำราพิชัยยุทธสอน จะฆ่าเชื้อร้าย มันต้องฆ่าที่ต้นตอ เมื่อเหี้ยมันล้างสมองควายต่อเนื่องกว่าครึ่งศตวรรษ มรึงคิดว่าจะเปลี่ยนความคิดควายได้ ต้องใช้เวลาแค่ไหน สิ่งที่ดีที่สุด เร็วที่สุด คือให้ควายเห็นกับตาด้วยตัวควายเอง นี่คือคีย์! 8.ราธิปไตยก้าวหน้าจะเกิดไม่ได้ หากปชต.ตอแหลไม่ล่มสลาย ให้ควายเห็นธาตูแท้ปชต.ควายก่อน ถึงจะเข้าใจว่าทำไม ต้องเปลี่ยน หากไม่เข้าใจก็เรื่องของมรึง ยังไงก็ต้องเปลี่ยน 9.การต่อสู้มันง่าย ฆ่าแกงมันง่าย และการสูญเสียตามมา ใครรับผิดชอบ สู้ด้วยสติ คือไม่ต้องให้ใครมาตาย ยกเว้น "เหี้ย" ชนะได้ด้วยความจริง ความชอบธรรม จะยั้งยืนกว่า ใช้อำนาจ ใช้กำลัง! หากมรึงสังเกตุ วิธีการที่รัสเซีย จีนใช้ตอนนี้ แบบเดียวกับที่โมเดลศรีธนญชัยฯ ใช้ คือกฎหมายเป็นตัวนำ ความจริงปรากฎชัด ความชอบธรรมจะตามมา เหี้ยไอ้อี แพ้ภัยตัวเอง ยิ่งดิ้น ยิ่งแหกกฎหมาย ทุกอย่างจึงกลับตาลปัตร เพราะกฎหมา ใช้ได้เฉพาะกับหมา กฎหมายใช้ได้เฉพาะกับคน นี่คือความแตกต่างของขั้วใหม่ และขั้วเก่า ยิ่งอียิวสู้กลับมากเท่าไหร่ จะยิ่งแพ้ราบคาบมากยิ่งขึ้น เพราะทุกอย่างมันถูกกำหนดมานานแล้ว แค่เดินไปตามวิถีแห่งกรรม เท่านั้นเอง อย่าอิน ยังไงก็ชนะ ยังไงก็มั่นคงชัวร์ ส่วนเรื่องอีขะแมร์ สื่อปั่นกันจัง กูบอกเลย สื่อเหี้ยทั้งนั้น ปั่นเข้าไปสิ เอาสั้นๆ ไทยจะกลืนขะแมร์เมื่อไหร่ก็ได้ มรึงยังจะมาถามเรื่องเกาะหมู เกาะหมาไม่เลิก นั่นแค่ละครปาหี่การเมือง เพื่อเบี่ยงเบนประเด็น หากมรึงยังอ่านภาษาไทยไม่ออก กูจะพูดให้ฟังอีกครั้ง ในรัชสมัยพ่อหลวงร.10 ไทยจะไม่เสียดินแดนเพิ่ม แม้แต่ตารางมิลลิเมตร ตรงกันข้าม ไทยจะได้แผ่นดินผนวกเพิ่มขึ้น อะไรที่ไทยสูญเสียไปตั้งแต่สมัยพ่อร.5 จะได้คืนมาเกือบหมด ไม่ได้ไปปล้นเค้าน่ะ เค้ามาเอง สมัครใจเอง เพราะอยู่กับไทยแล้วสบาย รอด มั่นคง มั่งคั่ง ชัวร์ อะไรที่มรึงคิดว่าเป็นไปไม่ได้ มันจะเกิดขึ้น จนมรึงซ่อนความดีใจเอาไว้ไม่อยู่กันไปเลย? กูไม่ได้มโน ดูสิจ๊ะ เกิดอะไรขึ้นในอาเซียนตอนนี้ แล้วเรากำลังจะกลายเป็นฮับอาเซียน ใครอยากรอด ใครอยากเกิด ใครอยากมั่นคง มรึงต้องทำยังไง? ยังต้องให้กูบอกอีกมั้ย? ไม่ต้องเป็นหมอดู ใครก็มองออกว่า อยู่กันเองอดอยาก อยู่กับใคร อิ่มหมีพีมันส์สะแด่วแห้ว ใครจะไม่อยากรวมชาติกันล่ะ ไม่อยากบอกดอกว่า ไทยจะขยายใหญ่แค่ไหน จนต้องย้ายเมืองหลวง หรือมีเมืองหลวง 2 แห่ง หลังผนวก กูไบ้ไปเยอะป่ะเนี่ย? พอก่อน ยังไม่ใช่เวลาที่ดี ที่มรึงควรจะรู้? ตกผลึกจะเข้าใจในสิ่งที่กูพูด มโนคือคิดไปเอง แต่รู้ล่วงหน้าคือมีที่มาที่ไป เพราะมีเหตุ ผลถึงตามมา คำพยากรณ์จึงก่อเกิด ใน 10 ชาติอาเซียน ใครอ่อนแอ ก็ต้องไปรวมกับชาติหลัก มันเป็นวิบากกรรมของชาติแต่ละชาติไม่เหมือนกัน แท้จริงแล้ว 5 ชาติอาเซียน อดีตก็คือแผ่นดินอโยธยานั่นแหละ แค่เปลี่ยนชื่อ ถึงเวลาก็กลับแผ่นดินแม่ เอ๊ะ..คุ้นมั้ย เหมือนยูเครน เบลารุส เซอร์เบีย ฮังการี เชก โครเอเซีย สโลวาเนียจะได้กลับบ้าน นี่ใคร COPY ใครกันแน่เนี่ย?

    หมี CNN(ชนะ ชนะ ชนะ อยู่แล้ว ล้างบางเหี้ย มันชัวร์ ชดใช้กรรมมาแน่ จิตสงบ ทุกอย่างสดใส จิตวุ่นวาย ตาก็ไม่สว่าง มองอะไรให้ถึงแก่นแท้ แล้วจะไม่อินเหี้ยอะไรทั้งนั้น พ่อร.5 รักษาแผ่นดินหลักไว้ได้ พ่อร.7 ขอสงวนอำนาจไว้เพื่อประชาชนชาวไทย พ่อร.9 พระคุณท่วมหัว ไทยเจริญมั่นคง พ่อร.10 ประกาศแสนยานุภาพ ไทยเกรียงไกร พ่อร.11-13 ยุคแสงสีทองผ่องอำไพ ศรีวิไล TOP10 โลก มรึงจะยังไม่อใจเหี้ยอะไรอีก มองข้ามเหี้ยไปได้แล้ว เพราะมันไม่คู่ควรให้มรึงจดจำ ยังไงก็ตายโหง ตายห่าชัวร์ ไม่มีรอด)
    21 ตุลาคม 67
    11.11 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    21-10-67/01 : หมี CNN / MANIC MONDAY ไอ้สัส! กูเกลียดวันจันทร์ เพราะอาไยก็ม่ายยู้? อย่าเสียเวลา ซัดเลยดีก่า เรียงคิวเหี้ย !!! อียิวถอย! ชะงัก รัสเซียซ้อมรบอิหร่าน เตือน มรึงอย่าซ่าส์! อาหรับลงแขกยังไม่หนำใจอีกเหรอ? สื่อเหี้ยตี ยิวบุก ยิวถล่ม เหี้ยมะกันส่ง B2 ถล่มคลังแสงใต้ดินเยมน เอาเข้าไป ฝันกลางวันอีกแล้ว? ดูโลกความเป็นจริง เยรูซาเล็มเละ เทลอาวีฟป่าช้า ท่าเรือไฮฟาร้างสนิท ไม่มีเรือสินค้ามาเกือบ 5 เดือนแล้ว สนามบินเหลือแห่งเดียว สรุปใครบุกใครฟ่ะเนี่ย? ใครแพ้ยับฟ่ะ ฮามาสถล่ม เฮซบอเลาะห์ยิงไม่เลี้ยง ซีเรีย อิรัก ล่อที่ราบสูงโกลานยับ นี่มรึงอยู่โลกเดียวกับกูอ่ะเป่า? คบเหี้ย เสพเหี้ย มีแต่โลกมโน? สรุปยอดเหี้ยตายห่าคาแผ่นดินคานาอัน ทะลุ 70000 แล้ว ทั้งกองกำลัง และพลเรือน นี่คือตัวเลขจากโรงพยาบาล และสื่อข่าวตะวันออกกกลาง ไม่มีให้มรึงเห็นดอกในโลกตอแหล ขีปนาวุธลงหัว 300 ลูก ตายหลัก 10 หากไม่โง่เกินควาย มรึงก็น่าจะคิดออก เหล็กยังละลาย คนจะเหลือเหรอ? ใต้ดินเหรอ อุโมงค์เหรอ ไม่มีเหลือ ขีปนาวุธเจาะเกราะ ทะลวงชั้นใต้ดิน แบบเดียวกับที่รัสเซียใช้ในมารีโอโพล ไม่ต้องถาม ย่างสด กับฝังทั้งเป็น สภาพเดียวกันเป๊ะเด๊ะ? แล้วมรึงจะไปหาตัวเลขยอดผู้เสียชีวิตแท้จริงจากไหนกันล่ะ เช็คได้แค่ที่รพ. เท่านั้น กับตัวเลขทหารสูญหาย? สรุปคือเริ่มสงครามครูเสดยุคอวสาน สื่อเหี้ยตีชา่วปาเลสไตน์ตายห่าไปกว่า 30000 ส่วนใหญ่เป็นเด็ก สตรี คนชรา คนท้อง คนพิการ เพราะอียิวมันเก่งแต่ฆ่าผู้อ่อนแอ สู้กับทหาร แพ้ยับ ตายคาตรีนเค้าตลอด! แต่ตอนนี้ เวลานี้ ตัวเลขยอดทหารรับจ้าง ทหารอียิว ทหารนาโต้ และพลเรือนยิว ตายห่าทะลุ 70000 แล้ว ด้านยูเครนหนักกว่า เพราะเกือบทะลุ 1000000 แล้วจ๊ะ อยากรู้ความจริง ให้มรึงไปดูเกณฑ์ทหารรอบที่ 4 ไม่เหลือใครมา? ทั้งอียิว ยูเครน ชะตากรรมเดียวกันเป๊ะ แนวหลังไม่โผล่ กองหนุนไม่มา จะเอาเหี้ยอะไรไปต้านเค้าได้อีก ก็ลูกยาวลงทุกชั่วโมทง มาวันละ 300-400 ลูก มรึงจะเอาเวลาที่ไหนไปพักกันล่ะ? ไซเรนดัง 24 ชม. หลอนไปหมดทั้งเมืองแล้ว อยู่ใต้ดินแบบขวัญผวา นี่ไงสภาพ! ข้าววิกมาศรีธนญชัย 2024 : มันส์ไม่แพ้กัน แผนลากอีเหลี่ยมชาติชั่วเข้าคุก ยกเลิกนิรโทษกรรม ทูลความเท็จ ทำหลักฐานปลอม เอกสารรับรองจากแพทย์ปลอม VDO CLIP หลักฐานในมือเสรี มัดจนเหี้ยหัวขาด ชั้น 124 ดิ้นตายกันเป็นแถว อีสมาคมแพทย์ถูกชำแหละ อีรพ.ตำรวจ โดนเต็มตรีน อีกรมคุก ไม่รอด หัวหน้าติดคุกซะเอง นักโทษเลียปาก ถั่วดำมาเต็ม ตากูเอาคืนมรึงบ้าง เหี้ยดีนีก หาแดร๊กกับพวกกูมาช้านาน ได้เวลาพาขึ้นสวรรค์ชั้น 14 นักโทษแม้จะเหี้ย แต่ใครคิดร้ายต่อวัง มรึงตาย! จากปากนักโทษทุกแดน เพราะทุกปีได้รับอภัยโทษ ลดโทษ บุญคุณมี ถึงจะเป็นนักเลง โจร แต่รู้ดี ถึงคำว่า "กตัญญูแผ่นดินเกิด" สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ใครล่อเจ้า มรึงตายคาตรีนคุกชัวร์! อี 3 นิ้วครึ่ง ถึงอ่วมในคุกไงล่ะ ถูกกาหัว ไม่ถูกลงแขก ก็กระทืบรายวัน พรรคพวกบอกสภาพดูไม่จืด ออกสื่อดูดี หลังฉากอิ่มตรีนทุกมื้อ ในคุกเค้ามีวิธีจัดการแบบเนียน มรึงไม่ต้องกังวลว่ามันจะออกมาฟ้อง เพราะฟ้องเมื่อไหร่ กลับเข้าไปใหม่ โดนหนักกว่าเก่า นรกสำหรับไอ้พวกเนรคุณแผ่นดิน ขอบคุณทุกฝาตรีนคนคุก มรึงอาจจะผิด แต่ได้ชดใช้กรรมตามกฎหมายแล้ว แต่หากมรึงช่วยแผ่นดินลดเหี้ย ไอ้อีจัญไรทั้งหลายลงได้ นั่นคืออานิสงค์แห่งบุญน่ะจ๊ะ กูไม่ได้เสี้ยมน่ะ อย่ากล่าวหา ดีออก? ศาลมาแรง คนชงก็แรง คนตบก็แรง พิสูจน์ชัด กรมคุก อีกากี โรงพยาบาล หมอที่อนุมัติ ขัดคำสั่งศาลให้ความช่วยเหลือนักโทษ เกินขอบเขตอำนาจ ผลคือ ตายยกรัง นอกจากขัดคำสั่งศาล ยังทูลความเท็จ กระทงนี้ หนักกว่าอีก บทเพ่เขียวบู๊ทตรีนโตจะเล่นหนัก สวรรค์ยังไม่กล้าร้องขอความปราณีให้? หมอติดคุก สัสดีติดคุก อัยการก็คุก คนทูลเสนอขอก็คุก นี่มันเทศกาลคนคุกนี่หว่า จัดเมื่อไหร่ก็ไม่บอก? คดีเข้าสู่ชั้นศาลนานแล้ว ตัดสินไม่นาน เพราะพยานหลักฐาน พยานบุคคลมีเพี๊ยบ เปิดให้หนีอ่ะเป่า? แต่ต้องทิ้งทรัพย์สินทั้งหมดไว้ที่นี่น่ะ ไปได้แต่ตัว เพราะถูกอายัดทรัพย์สินไว้หมดแล้ว อายัดบัญชี ใครเอี่ยว ถูกล็อคบัญชีด้วย DSI กระโดดลงมาเล่นเอง ปปช.ก็ต้องตามงาน ทิ้งไม่ได้ แสงทำงาน เหี้ยผวาสัส! สัญญานเต็ม กลียุคใกล้อวสานแล้วจ๊ะ มาให้หมด ออกให้เกลี้ยง ล้างบางครั้งใหญ่ เชือดเหี้ยให้เหี้ยดู! กลับคืนสู่โลกความเป็นจริงอีกครั้ง : โลกดันหยวนเต็มพิกัด โลจิสติคออกผล ค้าขายจ่ายสกุลเงินท้องถิ่น ทวิภาคีระบาด คบกันเอง ซื้อขายกันเอง ไม่ผ่านเหี้ยอีกต่อไป โมเดล BRICS มาเต็ม หลังพลังงานโลกถีบตัวสูงขึ้นอีก โลกต้องการพลังงานมากกว่าเดิม 200% เพราะเข้าหนาวแล้ว ใครรวยเละกันล่ะ? รวยแล้ว ขยายพื้นที่เพิ่ม รวยแล้ว แบ่งปันให้เพื่อนพันธมิตร มันถึงมียอดเพิ่มขึ้นทุกปี เพราะน้ำมัน แก็ส ยังต้องใช้ไปอีก 30 ปี เป็นอย่างน้อย จนพลังงานสะอาดสามารถเข้าถึงทุกบ้านได้จริง และผลิตได้มหาศาลเกินความจำเป็น นวตกรรมโลกเปลี่ยนไปเร็วมาก ตามไม่ทัน อาจตกขบวน! ปล.หลายคนถาม แล้วทำไม แสงไม่ทำงาน ศาลไม่ฟัน ให้มันรู้แล้วรู้รอดเลยล่ะ? รออะไรอยู่ มรึงฟัง? 1.รอความผิดสำเร็จ 2.รอใบเสร็จประจักษ์ชัด 3.รอเหี้ยออกลายให้สิ้น 4.รอควายตื่น 5.รอจังหวะและเวลาที่เหมาะสม เดินเร็วไปอาจพลาด เหี้ยรอด เดินช้าไป อาจแก้ไขไม่ทัน ทุกอย่างคือสมดุล พอดี และเวลาที่ใช่ 6.รอขั้วใหม่ล้างบางอิทธิพลขั้วเก่าให้ราบคาบก่อน จะได้ไม่มีฤทธิ์มาบ่อนทำลายใครได้อีก ดีออก? 7.ตำราพิชัยยุทธสอน จะฆ่าเชื้อร้าย มันต้องฆ่าที่ต้นตอ เมื่อเหี้ยมันล้างสมองควายต่อเนื่องกว่าครึ่งศตวรรษ มรึงคิดว่าจะเปลี่ยนความคิดควายได้ ต้องใช้เวลาแค่ไหน สิ่งที่ดีที่สุด เร็วที่สุด คือให้ควายเห็นกับตาด้วยตัวควายเอง นี่คือคีย์! 8.ราธิปไตยก้าวหน้าจะเกิดไม่ได้ หากปชต.ตอแหลไม่ล่มสลาย ให้ควายเห็นธาตูแท้ปชต.ควายก่อน ถึงจะเข้าใจว่าทำไม ต้องเปลี่ยน หากไม่เข้าใจก็เรื่องของมรึง ยังไงก็ต้องเปลี่ยน 9.การต่อสู้มันง่าย ฆ่าแกงมันง่าย และการสูญเสียตามมา ใครรับผิดชอบ สู้ด้วยสติ คือไม่ต้องให้ใครมาตาย ยกเว้น "เหี้ย" ชนะได้ด้วยความจริง ความชอบธรรม จะยั้งยืนกว่า ใช้อำนาจ ใช้กำลัง! หากมรึงสังเกตุ วิธีการที่รัสเซีย จีนใช้ตอนนี้ แบบเดียวกับที่โมเดลศรีธนญชัยฯ ใช้ คือกฎหมายเป็นตัวนำ ความจริงปรากฎชัด ความชอบธรรมจะตามมา เหี้ยไอ้อี แพ้ภัยตัวเอง ยิ่งดิ้น ยิ่งแหกกฎหมาย ทุกอย่างจึงกลับตาลปัตร เพราะกฎหมา ใช้ได้เฉพาะกับหมา กฎหมายใช้ได้เฉพาะกับคน นี่คือความแตกต่างของขั้วใหม่ และขั้วเก่า ยิ่งอียิวสู้กลับมากเท่าไหร่ จะยิ่งแพ้ราบคาบมากยิ่งขึ้น เพราะทุกอย่างมันถูกกำหนดมานานแล้ว แค่เดินไปตามวิถีแห่งกรรม เท่านั้นเอง อย่าอิน ยังไงก็ชนะ ยังไงก็มั่นคงชัวร์ ส่วนเรื่องอีขะแมร์ สื่อปั่นกันจัง กูบอกเลย สื่อเหี้ยทั้งนั้น ปั่นเข้าไปสิ เอาสั้นๆ ไทยจะกลืนขะแมร์เมื่อไหร่ก็ได้ มรึงยังจะมาถามเรื่องเกาะหมู เกาะหมาไม่เลิก นั่นแค่ละครปาหี่การเมือง เพื่อเบี่ยงเบนประเด็น หากมรึงยังอ่านภาษาไทยไม่ออก กูจะพูดให้ฟังอีกครั้ง ในรัชสมัยพ่อหลวงร.10 ไทยจะไม่เสียดินแดนเพิ่ม แม้แต่ตารางมิลลิเมตร ตรงกันข้าม ไทยจะได้แผ่นดินผนวกเพิ่มขึ้น อะไรที่ไทยสูญเสียไปตั้งแต่สมัยพ่อร.5 จะได้คืนมาเกือบหมด ไม่ได้ไปปล้นเค้าน่ะ เค้ามาเอง สมัครใจเอง เพราะอยู่กับไทยแล้วสบาย รอด มั่นคง มั่งคั่ง ชัวร์ อะไรที่มรึงคิดว่าเป็นไปไม่ได้ มันจะเกิดขึ้น จนมรึงซ่อนความดีใจเอาไว้ไม่อยู่กันไปเลย? กูไม่ได้มโน ดูสิจ๊ะ เกิดอะไรขึ้นในอาเซียนตอนนี้ แล้วเรากำลังจะกลายเป็นฮับอาเซียน ใครอยากรอด ใครอยากเกิด ใครอยากมั่นคง มรึงต้องทำยังไง? ยังต้องให้กูบอกอีกมั้ย? ไม่ต้องเป็นหมอดู ใครก็มองออกว่า อยู่กันเองอดอยาก อยู่กับใคร อิ่มหมีพีมันส์สะแด่วแห้ว ใครจะไม่อยากรวมชาติกันล่ะ ไม่อยากบอกดอกว่า ไทยจะขยายใหญ่แค่ไหน จนต้องย้ายเมืองหลวง หรือมีเมืองหลวง 2 แห่ง หลังผนวก กูไบ้ไปเยอะป่ะเนี่ย? พอก่อน ยังไม่ใช่เวลาที่ดี ที่มรึงควรจะรู้? ตกผลึกจะเข้าใจในสิ่งที่กูพูด มโนคือคิดไปเอง แต่รู้ล่วงหน้าคือมีที่มาที่ไป เพราะมีเหตุ ผลถึงตามมา คำพยากรณ์จึงก่อเกิด ใน 10 ชาติอาเซียน ใครอ่อนแอ ก็ต้องไปรวมกับชาติหลัก มันเป็นวิบากกรรมของชาติแต่ละชาติไม่เหมือนกัน แท้จริงแล้ว 5 ชาติอาเซียน อดีตก็คือแผ่นดินอโยธยานั่นแหละ แค่เปลี่ยนชื่อ ถึงเวลาก็กลับแผ่นดินแม่ เอ๊ะ..คุ้นมั้ย เหมือนยูเครน เบลารุส เซอร์เบีย ฮังการี เชก โครเอเซีย สโลวาเนียจะได้กลับบ้าน นี่ใคร COPY ใครกันแน่เนี่ย? หมี CNN(ชนะ ชนะ ชนะ อยู่แล้ว ล้างบางเหี้ย มันชัวร์ ชดใช้กรรมมาแน่ จิตสงบ ทุกอย่างสดใส จิตวุ่นวาย ตาก็ไม่สว่าง มองอะไรให้ถึงแก่นแท้ แล้วจะไม่อินเหี้ยอะไรทั้งนั้น พ่อร.5 รักษาแผ่นดินหลักไว้ได้ พ่อร.7 ขอสงวนอำนาจไว้เพื่อประชาชนชาวไทย พ่อร.9 พระคุณท่วมหัว ไทยเจริญมั่นคง พ่อร.10 ประกาศแสนยานุภาพ ไทยเกรียงไกร พ่อร.11-13 ยุคแสงสีทองผ่องอำไพ ศรีวิไล TOP10 โลก มรึงจะยังไม่อใจเหี้ยอะไรอีก มองข้ามเหี้ยไปได้แล้ว เพราะมันไม่คู่ควรให้มรึงจดจำ ยังไงก็ตายโหง ตายห่าชัวร์ ไม่มีรอด) 21 ตุลาคม 67 11.11 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในโลกปัจจุบัน การแบ่งแยกทางจิตวิญญาณดูจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนหลายคนอาจพบว่า ตัวเองเข้าไปอยู่ในพื้นที่หรือสถานการณ์ที่แตกต่างจากตนเอง จนทำให้เกิดความไม่พอใจ อารมณ์เสีย เพราะการเผลอเข้าไปในเขตที่ไม่ตรงกับจิตวิญญาณของตัวเอง

    สิ่งสำคัญคือการรู้จักตัวเองให้ดี ว่าจิตวิญญาณของเราอยู่ในโซนไหน การนิยามตัวเองอย่างชัดเจนว่าเราเป็นใคร คิดและรู้สึกอย่างไร จะช่วยให้เราสามารถจัดการกับความสัมพันธ์และการคาดหวังจากผู้คนรอบตัวได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องพยายามให้ทุกคนเข้าใจเราหรือมีสามัญสำนึกตรงกัน การยอมรับว่าแต่ละคนมีจิตวิญญาณที่แตกต่างกัน ก็จะช่วยให้เราหายใจได้โล่งขึ้น ไม่ต้องเจอกับความผิดหวังหรือหงุดหงิดในชีวิตประจำวัน

    ในยุคที่ผู้คนบนโลกดูเหมือนจะคลุ้มคลั่งและมีความแตกต่างกันอย่างรุนแรง ถ้าคุณเป็นคนที่ขี้เกรงใจ ใฝ่สันติ และไม่อยากเบียดเบียนใครเลย สุดท้ายคุณจะพบคนที่มีจิตวิญญาณเหมือนกัน แม้ว่าพวกเขาอาจจะหายากก็ตาม การที่คุณตกลงกับตัวเองว่าจะอยู่ในโลกจิตวิญญาณแบบใด จะช่วยให้คุณรักษาสติและเลือกปฏิบัติต่อสถานการณ์ต่างๆ อย่างมีความสุข ไม่ต้องตอบโต้แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน แต่ใช้ความสงบในการตอบสนอง

    เมื่อเราเลือกอยู่ในโซนจิตวิญญาณที่เย็นและประณีต จะช่วยให้เรารับมือกับความร้อนของโลกภายนอกได้อย่างมีสติ และไม่ต้องติดอยู่ในวงจรความโกรธ ความเกลียด หรือการตอบโต้ที่ทำให้เกิดทุกข์มากขึ้น ดังนั้น การฝึกตนให้รู้จักจิตวิญญาณของตัวเองและเลือกอยู่ในโซนที่เราอยากอยู่นั้น จะนำพาให้ชีวิตมีความสงบเย็นอย่างแท้จริง ไม่ต้องติดอยู่ในวงจรความร้อนแรงของโลก
    ในโลกปัจจุบัน การแบ่งแยกทางจิตวิญญาณดูจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนหลายคนอาจพบว่า ตัวเองเข้าไปอยู่ในพื้นที่หรือสถานการณ์ที่แตกต่างจากตนเอง จนทำให้เกิดความไม่พอใจ อารมณ์เสีย เพราะการเผลอเข้าไปในเขตที่ไม่ตรงกับจิตวิญญาณของตัวเอง สิ่งสำคัญคือการรู้จักตัวเองให้ดี ว่าจิตวิญญาณของเราอยู่ในโซนไหน การนิยามตัวเองอย่างชัดเจนว่าเราเป็นใคร คิดและรู้สึกอย่างไร จะช่วยให้เราสามารถจัดการกับความสัมพันธ์และการคาดหวังจากผู้คนรอบตัวได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องพยายามให้ทุกคนเข้าใจเราหรือมีสามัญสำนึกตรงกัน การยอมรับว่าแต่ละคนมีจิตวิญญาณที่แตกต่างกัน ก็จะช่วยให้เราหายใจได้โล่งขึ้น ไม่ต้องเจอกับความผิดหวังหรือหงุดหงิดในชีวิตประจำวัน ในยุคที่ผู้คนบนโลกดูเหมือนจะคลุ้มคลั่งและมีความแตกต่างกันอย่างรุนแรง ถ้าคุณเป็นคนที่ขี้เกรงใจ ใฝ่สันติ และไม่อยากเบียดเบียนใครเลย สุดท้ายคุณจะพบคนที่มีจิตวิญญาณเหมือนกัน แม้ว่าพวกเขาอาจจะหายากก็ตาม การที่คุณตกลงกับตัวเองว่าจะอยู่ในโลกจิตวิญญาณแบบใด จะช่วยให้คุณรักษาสติและเลือกปฏิบัติต่อสถานการณ์ต่างๆ อย่างมีความสุข ไม่ต้องตอบโต้แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน แต่ใช้ความสงบในการตอบสนอง เมื่อเราเลือกอยู่ในโซนจิตวิญญาณที่เย็นและประณีต จะช่วยให้เรารับมือกับความร้อนของโลกภายนอกได้อย่างมีสติ และไม่ต้องติดอยู่ในวงจรความโกรธ ความเกลียด หรือการตอบโต้ที่ทำให้เกิดทุกข์มากขึ้น ดังนั้น การฝึกตนให้รู้จักจิตวิญญาณของตัวเองและเลือกอยู่ในโซนที่เราอยากอยู่นั้น จะนำพาให้ชีวิตมีความสงบเย็นอย่างแท้จริง ไม่ต้องติดอยู่ในวงจรความร้อนแรงของโลก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • "สูตรของชีวิต"
    โง่ + ขยัน = เหนื่อย
    โง่ + โลภ = เหยื่อ
    โง่ + ขี้เกียจ = ยากจน
    โง่ + บริโภคนิยม = หมดตัว
    โง่ + ช้า = ล้าหลัง
    โง่ + รีบร้อน = สะดุด
    โง่ + อดทน = ถึงจุดหมาย แต่ช้าหน่อย
    โง่ + ขยัน + อดทน = ลืมตาอ้าปากได้
    โง่ + ซื่อสัตย์ = คนเมตตา
    โง่ + กตัญญู = พระคุ้ม
    โง่ + เรียนรู้ = ไม่โง่
    ฉลาด + ขยัน = ความสำเร็จ
    ฉลาด + อดทน = ความเจริญ
    ฉลาด + ขี้เกียจ = โกง
    ฉลาด + ขี้เกียจ + โลภ = โคตรโกง
    ฉลาด + โอกาส = ติดปีก
    ฉลาด + โอกาส + ขยัน = ติดจรวด
    ฉลาด + กตัญญู = สัตบุรุษ
    ฉลาด + ซื่อสัตย์ = ยอดคน
    ฉลาด + ไม่เรียนรู้ = ไม่ฉลาด
    โลภ + ขี้เกียจ = ชีวิตหมดไปกับการหาทางลัด
    โลภ + ขยัน = รวย
    โลภ + โกรธ = โรคหัวใจ
    โกรธ + เกลียด = ไฟในอก
    โกรธ + อโหสิ = สวรรค์
    รัก + หลง = อุปาทาน
    รัก + ใจร้อน = ชิงสุกก่อนห่าม
    รัก + ใจเย็น = ไม้เท้ายอดทอง ตะบองยอดเพชร
    รัก + เข้าใจ = รักจริง
    เข้าใจ + ให้อภัย = รักแท้
    รัก + อดทน = บ้านเย็น
    รัก + อกหัก = ปรากฏการณ์ธรรมชาติ
    อกหัก + เหล้า = ยืดเวลาอกหัก
    อกหัก + เข้าใจ = ลดเวลาอกหัก
    อกหัก + เมตตา = หายอกหัก
    ความรู้ + ความโลภ = โมหะ
    ความรู้ + ความหลง = เอาตัวไม่รอด
    ความรู้ + จริยธรรม = ปัญญา
    สติ + ปัญญา = ความเจริญ
    จินตนาการ + ความคิดสร้างสรรค์ = นวัตกรรมด้านบวก
    จินตนาการ + โมหะ = นวัตกรรมด้านลบ
    จินตนาการ + อารมณ์ลบ = ฟุ้งซ่าน
    ปัญหา + กลุ้มใจ = ปัญหา + กลุ้มใจ
    ปัญหา + วิเคราะห์ = ลดปัญหา
    ใจเย็น + รอบคอบ = สำเร็จมั่นคง
    รีบร้อน + มีแผน = วิ่งสะดุด
    รีบร้อน + ไม่มีแผน = วิ่งอยู่กับที่
    รวย + เมตตา = บุญ
    รวย + ธรรม = กุศล
    ทำบุญ + ชื่อเสียง = แบกโลก
    ทำบุญ + ชาติหน้า = การลงทุน
    ทำบุญ + เมตตา = ปล่อยวาง
    ไม่เข้าใจ + ไม่ปล่อยวาง = อุปาทาน
    เข้าใจ + ไม่ปล่อยวาง = โซ่ตรวน
    เข้าใจ + ปล่อยวาง = เย็น
    สรุป สูตรชีวิตที่ประสบความสำเร็จ :
    ขยัน + อดทน + เรียนรู้ + ใจเย็น + เมตตา + ปล่อยวาง = ความเจริญรุ่งเรือง…ทั้งทางโลกและจิตใจ
    "สูตรของชีวิต" โง่ + ขยัน = เหนื่อย โง่ + โลภ = เหยื่อ โง่ + ขี้เกียจ = ยากจน โง่ + บริโภคนิยม = หมดตัว โง่ + ช้า = ล้าหลัง โง่ + รีบร้อน = สะดุด โง่ + อดทน = ถึงจุดหมาย แต่ช้าหน่อย โง่ + ขยัน + อดทน = ลืมตาอ้าปากได้ โง่ + ซื่อสัตย์ = คนเมตตา โง่ + กตัญญู = พระคุ้ม โง่ + เรียนรู้ = ไม่โง่ ฉลาด + ขยัน = ความสำเร็จ ฉลาด + อดทน = ความเจริญ ฉลาด + ขี้เกียจ = โกง ฉลาด + ขี้เกียจ + โลภ = โคตรโกง ฉลาด + โอกาส = ติดปีก ฉลาด + โอกาส + ขยัน = ติดจรวด ฉลาด + กตัญญู = สัตบุรุษ ฉลาด + ซื่อสัตย์ = ยอดคน ฉลาด + ไม่เรียนรู้ = ไม่ฉลาด โลภ + ขี้เกียจ = ชีวิตหมดไปกับการหาทางลัด โลภ + ขยัน = รวย โลภ + โกรธ = โรคหัวใจ โกรธ + เกลียด = ไฟในอก โกรธ + อโหสิ = สวรรค์ รัก + หลง = อุปาทาน รัก + ใจร้อน = ชิงสุกก่อนห่าม รัก + ใจเย็น = ไม้เท้ายอดทอง ตะบองยอดเพชร รัก + เข้าใจ = รักจริง เข้าใจ + ให้อภัย = รักแท้ รัก + อดทน = บ้านเย็น รัก + อกหัก = ปรากฏการณ์ธรรมชาติ อกหัก + เหล้า = ยืดเวลาอกหัก อกหัก + เข้าใจ = ลดเวลาอกหัก อกหัก + เมตตา = หายอกหัก ความรู้ + ความโลภ = โมหะ ความรู้ + ความหลง = เอาตัวไม่รอด ความรู้ + จริยธรรม = ปัญญา สติ + ปัญญา = ความเจริญ จินตนาการ + ความคิดสร้างสรรค์ = นวัตกรรมด้านบวก จินตนาการ + โมหะ = นวัตกรรมด้านลบ จินตนาการ + อารมณ์ลบ = ฟุ้งซ่าน ปัญหา + กลุ้มใจ = ปัญหา + กลุ้มใจ ปัญหา + วิเคราะห์ = ลดปัญหา ใจเย็น + รอบคอบ = สำเร็จมั่นคง รีบร้อน + มีแผน = วิ่งสะดุด รีบร้อน + ไม่มีแผน = วิ่งอยู่กับที่ รวย + เมตตา = บุญ รวย + ธรรม = กุศล ทำบุญ + ชื่อเสียง = แบกโลก ทำบุญ + ชาติหน้า = การลงทุน ทำบุญ + เมตตา = ปล่อยวาง ไม่เข้าใจ + ไม่ปล่อยวาง = อุปาทาน เข้าใจ + ไม่ปล่อยวาง = โซ่ตรวน เข้าใจ + ปล่อยวาง = เย็น สรุป สูตรชีวิตที่ประสบความสำเร็จ : ขยัน + อดทน + เรียนรู้ + ใจเย็น + เมตตา + ปล่อยวาง = ความเจริญรุ่งเรือง…ทั้งทางโลกและจิตใจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ป้ามลปิษ กำลังจะก้าวสู่การเป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน
    ความอิ๊บอ๋ายกำลังจะบังเกิด
    ปกติ คิงส์โพธิ์ดำ จะไม่ขวางความเจริญก้าวหน้าของใคร แต่ ป้ามลปิษนี่ รับไม่ล่ายเจงๆ
    มาดูวีรกรรมของป้า แล้วค่อยตอบพี่คิงส์ว่า ไหวมั๊ย
    - ป้าสมัยดำรงค์ตำแหน่งที่มีอำนาจในกลต. ถูกร้องเรียนว่าปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาโดยไม่อยู่ในหลักธรรมภิบาล ทำให้พนักงานที่มีความสามารถ จำใจลาออกเป็นจำนวนมาก ถึง200 คน และที่ยังอยู่ ก็ก้มหน้าทำงานให้รอดไปวันๆ
    วีรกรรมที่สอง
    - ยัยป้า แต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง และแต่งตั้งที่ปรึกษา ที่มีผลการประเมินระดับต่ำ จนทำให้เกิดค่านิยมใหม่ โดยใครที่อยากได้ตำแหน่งหลังเกษียณเพียงแค่ทำดีกับอินังป้า ก็ได้ตำแหน่งเติบโต
    - ยายป้า แต่งตั้งตำแหน่งที่ปรึกษา มีมากกว่า 10 ตำแหน่ง และเงินเดือนสูงหลักแสนไม่มีขอบเขตงานที่ชัดเจนและบรรดาที่ปรึกษา ทำหน้าที่เกินขอบเขต โดยการให้เข้ามาตัดสินใจและร่วมแคนดิเดตกับบอร์ดบริหารปัจจุบัน ทำให้การทำงานยากขึ้นและประสิทธิภาพลดลง
    - พนักงานคนใดที่ทำให้ ป้ามลปิ๊ษไม่พอใจ จะถูกกลั่นแกล้ง ข่มขู่ โยกย้าย มากสุดถึงขั้นสอบสวน
    - ยัง ยังไม่พอ บุคคลใดที่ไม่ยอมให้นังป้าต่อวาระตำแหน่งได้โดยอัติโนมัติ ป้าจะกลั่นแกล้งเกลียดชังอย่างหนัก จนทนไม่ไหวแพ้บายไปเอง
    - และยายป้ายังไม่สนใจเวล่ำเวลา ชอบตั้งคำถาม สั่งงานผ่านทางออนไลน์และไม่พิจารณาความเหมาะสมของเวลา และต้องการคำตอบทันที ทำให้พนักงานหวาดกลัว และสละเวลาส่วนตัวมาตอบคำถามโดยไม่สมัครใจ ถึงขั้นเคยสั่งให้ผู้บริหาร ชี้แจงว่า เวลา6โมงเย็นถึง 7 โมงเช้า ทำอะไรบ้าง ซึ่งนั่นคือเวลาส่วนตัวหลังเลิกงาน เช๊ดดดด
    - งานไหนที่อิป้าได้รับมอบหมายแต่ไม่เสร็จ ป้า จะโบ้ยไปที่ ผู้บริหารชุดเก่า ซึ่งอิป้า ทำงานมาถึงปีที่ 4 ก็ยังคงพูดเหมือนเดิม
    - ยายป้ามลปิษ มีปัญหา เรื่องงบประมาณ จ่ายเงินเดือนที่ปรึกษาหลักแสน และมีการตั้งงบประมาณพานักข่าวเดินทางไปดูงานที่สิงคโปร์ หลักล้านบาท และจ้างพนักงานชั่วคราว 100 คน งบ 20 ล้านบาท เพียงเพื่อเอาหน้าและสร้างบารมี
    - ยังไม่พอ ป้ายังข่มขู่บอร์ดบริหาร และพนักงาน โดยป้าขอดูคะแนนการประเมินของตัวเอง จากบอร์ดแต่ละคน หากบอร์ดคนใดให้คะแนนต่ำ ก็โดนเล่นเป็นรายตัว
    - อิป้าไม่ยอมที่จะให้ใครมีผลงานเด่นกว่าตัวเอง แต่ขณะอิป้าติดมือถือหนักมาก แม้กระทั่งขณะประชุมบอร์ดบริหาร หากใครตั้งคำถามแล้วอิป้าตอบไม่ได้ จะเหวี่ยงวีนทันที
    - ที่ถึงกับช็อตฟิวพี่คิงส์คือ ยายป้าที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารในกลต. แต่ดันขาดความรู้เรื่องตลาดหุ้น ไม่เข้าใจตลาดลงทุนเชิงลึก ไม่เข้าใจความสัมพันธ์ ความเชื่อมโยงของตลาดทุนกับการเงิน และเมื่อถูกถามคำถามและตอบไม่ได้ จะโทษคนรองข้างทั้งหมด หรืออ้างว่า ไม่ต้องการให้คำตอบ
    โอ้ว มาย ก๊อด คนแบบนี้หรือ ที่จะได้รับการเชิดชู ให้มาดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ที่ต้องเชื่อมโยงระหว่างประชาชนที่มีข้อพิพาทกับหน่วยงานรัฐ เป็นผู้ดูแลทุกข์สุขของประชาชน หน่วยงานอันทรงเกียรติ กำลังจะมีบุคคลมาบริหารอันเป็นที่น่ารังเกียจในเชิงประจักษ์ จะสร้างความด่างพร้อยให้กับหน่วยงานผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา อย่างน่าเสียดาย
    คงต้องให้รัฐบาล กลับไปหาข้อมูล เพื่อทบทวนพิจารณาใหม่อีกครั้ง หรือหาใครที่ดีกว่านี้ได้อีกแล้วจริงหรือ สำหรับการดำรงค์ตำแหน่งอันทรงเกียรติ และมีการเชื่อมโยงกับประชาชน ฝากให้คิดและพิจารณา เพราะที่น่าอัวคือปัจจุบันแกดำรงค์ตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี อูยยยย เสียวซี๊ดดดดด
    #คิงส์โพธิ์ดำ รายงาน
    #ป้ามลปิษ กำลังจะก้าวสู่การเป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน ความอิ๊บอ๋ายกำลังจะบังเกิด ปกติ คิงส์โพธิ์ดำ จะไม่ขวางความเจริญก้าวหน้าของใคร แต่ ป้ามลปิษนี่ รับไม่ล่ายเจงๆ มาดูวีรกรรมของป้า แล้วค่อยตอบพี่คิงส์ว่า ไหวมั๊ย - ป้าสมัยดำรงค์ตำแหน่งที่มีอำนาจในกลต. ถูกร้องเรียนว่าปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาโดยไม่อยู่ในหลักธรรมภิบาล ทำให้พนักงานที่มีความสามารถ จำใจลาออกเป็นจำนวนมาก ถึง200 คน และที่ยังอยู่ ก็ก้มหน้าทำงานให้รอดไปวันๆ วีรกรรมที่สอง - ยัยป้า แต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง และแต่งตั้งที่ปรึกษา ที่มีผลการประเมินระดับต่ำ จนทำให้เกิดค่านิยมใหม่ โดยใครที่อยากได้ตำแหน่งหลังเกษียณเพียงแค่ทำดีกับอินังป้า ก็ได้ตำแหน่งเติบโต - ยายป้า แต่งตั้งตำแหน่งที่ปรึกษา มีมากกว่า 10 ตำแหน่ง และเงินเดือนสูงหลักแสนไม่มีขอบเขตงานที่ชัดเจนและบรรดาที่ปรึกษา ทำหน้าที่เกินขอบเขต โดยการให้เข้ามาตัดสินใจและร่วมแคนดิเดตกับบอร์ดบริหารปัจจุบัน ทำให้การทำงานยากขึ้นและประสิทธิภาพลดลง - พนักงานคนใดที่ทำให้ ป้ามลปิ๊ษไม่พอใจ จะถูกกลั่นแกล้ง ข่มขู่ โยกย้าย มากสุดถึงขั้นสอบสวน - ยัง ยังไม่พอ บุคคลใดที่ไม่ยอมให้นังป้าต่อวาระตำแหน่งได้โดยอัติโนมัติ ป้าจะกลั่นแกล้งเกลียดชังอย่างหนัก จนทนไม่ไหวแพ้บายไปเอง - และยายป้ายังไม่สนใจเวล่ำเวลา ชอบตั้งคำถาม สั่งงานผ่านทางออนไลน์และไม่พิจารณาความเหมาะสมของเวลา และต้องการคำตอบทันที ทำให้พนักงานหวาดกลัว และสละเวลาส่วนตัวมาตอบคำถามโดยไม่สมัครใจ ถึงขั้นเคยสั่งให้ผู้บริหาร ชี้แจงว่า เวลา6โมงเย็นถึง 7 โมงเช้า ทำอะไรบ้าง ซึ่งนั่นคือเวลาส่วนตัวหลังเลิกงาน เช๊ดดดด - งานไหนที่อิป้าได้รับมอบหมายแต่ไม่เสร็จ ป้า จะโบ้ยไปที่ ผู้บริหารชุดเก่า ซึ่งอิป้า ทำงานมาถึงปีที่ 4 ก็ยังคงพูดเหมือนเดิม - ยายป้ามลปิษ มีปัญหา เรื่องงบประมาณ จ่ายเงินเดือนที่ปรึกษาหลักแสน และมีการตั้งงบประมาณพานักข่าวเดินทางไปดูงานที่สิงคโปร์ หลักล้านบาท และจ้างพนักงานชั่วคราว 100 คน งบ 20 ล้านบาท เพียงเพื่อเอาหน้าและสร้างบารมี - ยังไม่พอ ป้ายังข่มขู่บอร์ดบริหาร และพนักงาน โดยป้าขอดูคะแนนการประเมินของตัวเอง จากบอร์ดแต่ละคน หากบอร์ดคนใดให้คะแนนต่ำ ก็โดนเล่นเป็นรายตัว - อิป้าไม่ยอมที่จะให้ใครมีผลงานเด่นกว่าตัวเอง แต่ขณะอิป้าติดมือถือหนักมาก แม้กระทั่งขณะประชุมบอร์ดบริหาร หากใครตั้งคำถามแล้วอิป้าตอบไม่ได้ จะเหวี่ยงวีนทันที - ที่ถึงกับช็อตฟิวพี่คิงส์คือ ยายป้าที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารในกลต. แต่ดันขาดความรู้เรื่องตลาดหุ้น ไม่เข้าใจตลาดลงทุนเชิงลึก ไม่เข้าใจความสัมพันธ์ ความเชื่อมโยงของตลาดทุนกับการเงิน และเมื่อถูกถามคำถามและตอบไม่ได้ จะโทษคนรองข้างทั้งหมด หรืออ้างว่า ไม่ต้องการให้คำตอบ โอ้ว มาย ก๊อด คนแบบนี้หรือ ที่จะได้รับการเชิดชู ให้มาดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ที่ต้องเชื่อมโยงระหว่างประชาชนที่มีข้อพิพาทกับหน่วยงานรัฐ เป็นผู้ดูแลทุกข์สุขของประชาชน หน่วยงานอันทรงเกียรติ กำลังจะมีบุคคลมาบริหารอันเป็นที่น่ารังเกียจในเชิงประจักษ์ จะสร้างความด่างพร้อยให้กับหน่วยงานผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา อย่างน่าเสียดาย คงต้องให้รัฐบาล กลับไปหาข้อมูล เพื่อทบทวนพิจารณาใหม่อีกครั้ง หรือหาใครที่ดีกว่านี้ได้อีกแล้วจริงหรือ สำหรับการดำรงค์ตำแหน่งอันทรงเกียรติ และมีการเชื่อมโยงกับประชาชน ฝากให้คิดและพิจารณา เพราะที่น่าอัวคือปัจจุบันแกดำรงค์ตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี อูยยยย เสียวซี๊ดดดดด #คิงส์โพธิ์ดำ รายงาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 71 มุมมอง 0 รีวิว
  • ครบรอบ 44 ปี เพลงจีนกวางตุ้ง ซ่างห่ายทัน (上海灘) โดย ฟรานซิส ยิบ หรือ เย่ ลี่อี๋

    เพลงนี้คนไทยที่อายุเกิน 60 ปี คุ้นหู รู้จักกันดี ในเพลงประกอบซีรี่ยส์ "เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้" เนื้อร้อง+แปลไทย
    浪奔 浪流 万里滔滔江水永不休

    淘尽了 世间事 混作滔滔一片潮流

    是喜 是愁 浪里分不清欢笑悲忧

    成功 失败 浪里看不出有未有



    คลื่นซัด คลื่นสาด แม่น้ำไหลรี่ไกลหมื่นลี้ไม่หยุดพัก

    เรื่องราวทั้งหลายในโลกถูกพัดพาสิ้น สุดท้ายรวมกันเป็นน้ำผืนเดียว

    เป็นสุข หรือว่าเศร้า คลื่นในจิตใจล้วนไม่สงบ มีทั้งหัวเราะทั้งร้องไห้

    จะสำเร็จ หรือล้มเหลว คลื่นในจิตใจดูไม่ออกว่าเป็นอย่างไรแน่



    爱你恨你 问君知否 似大江一发不收

    转千湾 转千滩 亦未平复此中争斗

    又有喜 又有愁 就算分不清欢笑悲忧

    仍愿翻 百千浪 在我心中起伏够



    รักเธอเกลียดเธอ ถามเธอดูรู้หรือไม่ ดั่งแม่น้ำใหญ่ไหลไปไม่ย้อนกลับ

    เลี้ยวผ่านพันคุ้ง ลัดผ่านพันหาด ยังไม่อาจบรรเทาการต่อสู้ภายในจิตใจ

    มีทั้งสุข มีทั้งเศร้า แม้ความครุ่นคิดยังไม่สงบ มีทั้งหัวเราะทั้งร้องไห้

    หวังเพียงคลื่นนับหมื่นนับพันนั้นซัดสาดอยู่ในหัวใจของฉันก็พอ



    https://www.youtube.com/watch?v=PpVNdL9Wz_M
    ครบรอบ 44 ปี เพลงจีนกวางตุ้ง ซ่างห่ายทัน (上海灘) โดย ฟรานซิส ยิบ หรือ เย่ ลี่อี๋ เพลงนี้คนไทยที่อายุเกิน 60 ปี คุ้นหู รู้จักกันดี ในเพลงประกอบซีรี่ยส์ "เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้" เนื้อร้อง+แปลไทย 浪奔 浪流 万里滔滔江水永不休 淘尽了 世间事 混作滔滔一片潮流 是喜 是愁 浪里分不清欢笑悲忧 成功 失败 浪里看不出有未有 คลื่นซัด คลื่นสาด แม่น้ำไหลรี่ไกลหมื่นลี้ไม่หยุดพัก เรื่องราวทั้งหลายในโลกถูกพัดพาสิ้น สุดท้ายรวมกันเป็นน้ำผืนเดียว เป็นสุข หรือว่าเศร้า คลื่นในจิตใจล้วนไม่สงบ มีทั้งหัวเราะทั้งร้องไห้ จะสำเร็จ หรือล้มเหลว คลื่นในจิตใจดูไม่ออกว่าเป็นอย่างไรแน่ 爱你恨你 问君知否 似大江一发不收 转千湾 转千滩 亦未平复此中争斗 又有喜 又有愁 就算分不清欢笑悲忧 仍愿翻 百千浪 在我心中起伏够 รักเธอเกลียดเธอ ถามเธอดูรู้หรือไม่ ดั่งแม่น้ำใหญ่ไหลไปไม่ย้อนกลับ เลี้ยวผ่านพันคุ้ง ลัดผ่านพันหาด ยังไม่อาจบรรเทาการต่อสู้ภายในจิตใจ มีทั้งสุข มีทั้งเศร้า แม้ความครุ่นคิดยังไม่สงบ มีทั้งหัวเราะทั้งร้องไห้ หวังเพียงคลื่นนับหมื่นนับพันนั้นซัดสาดอยู่ในหัวใจของฉันก็พอ https://www.youtube.com/watch?v=PpVNdL9Wz_M
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิไขปม “ทักษิณ” กินข้าว “เนวิน” รับมือคดี-อุ๊งอิ๊งขึ้นศาลรธน. ชงอนุทินนายกฯ คนต่อไป
    .
    วันนี้ (9 ต.ค.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวในรายการสนธิเล่าเรื่อง กรณีที่นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไปกินข้าวกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตนักโทษคดีทุจริต และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า จรัญสนิทวงศ์ 69 เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ว่า เรื่องนี้ต้องโทษนายทักษิณ ตนไม่อยากพูดถึงเพราะนายทักษิณกำลังรับเวรกรรมอยู่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลูกสาวนายทักษิณจะเอาตัวรอดเปล่าไม่รู้ และนายทักษิณกำลังถูกรุกหนัก ถึงขั้นถ้าเรื่องถึงศาลและชี้ว่ามีมูล เท่ากับว่าจะต้องถูกตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงประกบตลอดเวลา และมีการคาดคะเนว่านายทักษิณอาจต้องหนีออกนอกประเทศอีกครั้ง ตนไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง คนที่เกลียดนายทักษิณตั้งข้อสังเกตเยอะแยะ ตนไม่ได้เกลียดนายทักษิณ แต่ขณะนี้เขาต้องรับเวรรับกรรม และขณะนี้รับเวรกรรมอยู่อย่างมาก
    .
    ทั้งนี้ เมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา นายทักษิณเงียบสนิทไม่ออกไปไหน มีแต่เรียกรัฐมนตรีที่ตัวเองสั่งการได้เข้าไปพบ บางกรณีไปดุด่าว่าอนุมัติโครงการบางโครงการได้อย่างไร แม้กระทั่งมีข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่หลังม่านอีกคนหนึ่ง ซึ่งมีคนวิ่งเต้นเข้าหาตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าฯ ท่าอากาศยานไทย แม้กระทั่งหลายคนต้องการเลื่อนตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ปตท. ถึงขั้นโทรศัพท์ไปหาผู้บริหาร ปตท. ขอให้ซื้อโฆษณาสถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวีเพิ่ม ซึ่งนายทักษิณได้มอบหมายดูแล 2 กระทรวง คือ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และกระทรวงยุติธรรม ที่กำลังโยกย้ายแต่งตั้ง เพราะต้องดูว่าใครช่วยนายทักษิณ
    .
    นายสนธิ กล่าวว่า นายเนวินเคยสนิทสนมกับนายทักษิณ เคยเป็นมือให้นายทักษิณทำงานทุกงาน ออกมาปะฉะดะ แม้กระทั่งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เคยถูกนายเนวินกลั่นแกล้งตลอดเวลา เคยให้นายศุภชัย ใจสมุทร แจ้งความจับตนในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ตำแหน่งสำคัญของนายเนวินหลุดออกไป เป็นทำให้นายเนวินหักหลังนายทักษิณ และจัดตั้งรัฐบาลที่ค่ายทหาร ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็น รมว.กลาโหม โดยนายเนวินเจรจากับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ทำให้กลุ่มนายเนวินมีอำนาจขึ้นมา เส้นทางการเมืองนายทักษิณอยู่ต่างประเทศ นายเนวินกับนายอนุทินตั้งพรรคภูมิใจไทยขึ้นมา
    .
    นายสนธิเห็นว่า การที่นายเนวินและนายอนุทินกินข้าวกับนายทักษิณ เพราะเวรกรรมกำลังเข้ามาที่นายทักษิณ ทั้งกรมราชทัณฑ์กำลังจะถูกสอบ เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์อาจมีส่วนร่วมกระทำความผิดด้วย แม้กระทั่ง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ในฐานะ รมว.ยุติธรรม ที่ออกมาให้ความช่วยเหลือนายทักษิณในเรื่องชั้น 14 เพราะฉะนั้นตอนนี้กรมราชทัณฑ์เริ่มระส่ำระส่ายอย่างมาก คนที่เคยช่วยนายทักษิณเพราะหวังได้เลื่อนตำแหน่ง และหลายคนได้เลื่อนตำแหน่งเพราะการช่วยนายทักษิณ เช่น อธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้ขึ้นตำแหน่งเต็มตัวเพราะช่วยนายทักษิณ และเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ 5-6 คน ใช้วิชามารและหลักการช่วยนายทักษิณ จึงถูกนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายนิติธร ล้ำเหลือ เคลื่อนไหวเอาผิด
    .
    ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีคนต่อว่าทำไมไม่พูดถึงนายทักษิณเลย ตนตอบว่า ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเขาแล้ว เพราะเขากำลังรับเวรกรรม มีโจทก์เต็มไปหมด ไล่ล่านายทักษิณตลอดเวลา นายทักษิณไม่รู้จะทำอย่างไรในขณะนี้ ซึ่งเรื่องร้องเรียนไปทุกช่องทาง ทั้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงาน ปปช. ไปกระทั่งหน่วยงานองค์กรอิสระนั้นไม่เพิกเฉยต่อคำร้องเหล่านี้ได้ แต่ละองค์กรจึงมีการตั้งเรื่องเพื่อสืบเสาะข้อกล่าวหาที่แต่ละคนกล่าวหาทุกช่องทาง ล่าสุดได้ข่าวว่านายทักษิณกำลังจะถูกแจ้งข้อกล่าวหา
    .
    ขณะเดียวกัน น.ส.แพทองธาร กำลังจะถูกดำเนินคดีถือหุ้นในบริษัท อัลไพน์ฯ มีรายงานการประชุมชัดเจน มีชื่อ น.ส.แพทองธารประชุมอยู่ด้วย และโยงไปถึง คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร มารดา น.ส.แพทองธาร หาก น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯ แล้วเรื่องนี้ถูกส่งไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าชี้ว่า น.ส.แพทองธารมีความผิด ไม่ใช่แค่ลาออกอย่างเดียว ยังถูกดำเนินคดีอาญาด้วย แต่ถ้าก่อนศาลรัฐธรรมนูญพิพากษา น.ส.แพทองธารลาออกไปก่อน คดีนี้ก็จบไป จึงเป็นที่มาของการกินข้าวครั้งนี้
    .
    "ขณะนี้พรรคภูมิใจไทยได้เปรียบกว่าพรรคเพื่อไทยและทักษิณ เป็นพรรคที่คุม สว. เสียงข้างมากในวุฒิสภา ด้วยเหตุนี้ เนวินถือไพ่ตรงนี้เหนือกว่าทักษิณ ในขณะเดียวกัน ทักษิณก็ยังถือเสียง 140 เสียงของพรรคเพื่อไทยอยู่ ซึ่งถ้าเนวินต้องการให้อนุทินขึ้นมาเป็นนายกฯ ก็ต้องพึ่งเสียงของทักษิณ ผมเชื่อว่าเป็นการทำความเข้าใจถึงสถานการณ์ร่วมกัน และเจรจากันอย่างเงียบๆ ว่าถ้าสมมติอุ๊งอิ๊งจำเป็นต้องออก ก้าวข้าม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปได้เลย เพราะพรรคพลังประชารัฐมีเสียง สส. อยู่ 40 เสียง 20 กว่าเสียงอยู่กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เสียงของพรรคพลังประชารัฐมีจริงๆ ก็แค่ 10 กว่าเสียง ตีให้ตายชาติหน้า พล.อ.ปนระวิตร ก็เป็นนายกฯ ไม่ได้ คิวต่อไปก็เป็นอนุทิน ชาญวีรกูล ถ้าอนุทินเป็นนายกฯ แล้วไม่มีเสียงของทักษิณสนับสนุน ก็ไม่รู้จะทำยังไง นั่นคือที่มาของการกินข้าว คือการปูทางก่อน ทำความเข้าใจ ก่อนละครลิเกโรงใหญ่" นายสนธิ กล่าว
    .
    ทั้งนี้ หลายคนบอกว่าเหตุการณ์นี้จะเริ่มต้นช่วงต้นเดือน ธ.ค. 2567 แต่ตนเห็นว่าอย่างเร็วที่สุดต้นปี 2568 เพราะนายทักษิณอยากให้ น.ส.แพทองธาร ลากต่อไป จนกระทั่งถึงวินาทีสุดท้าย ถ้ายังอยู่ต่อต้องถูกศาลพิพากษาแน่ ถ้าลาออกตอนนี้แล้วเรื่องก็จบ ไม่มีแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญก็แทงเรื่องว่าจบ ปิดคดี เพราะคนที่ถูกกล่าวหาเป็นนายกฯ โดยมิชอบต้องลาออกแล้ว ข้อกล่าวหาก็ต้องตกไปเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนที่นายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ กล่าวว่า กลางเดือนนี้จะมีนายกฯ คนนอก คือนายวีรไท สันติประภพ อดีตผู้ว่าการ ธปท. ลูกชาย พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ ตนดูการเมืองเมืองไทยกว่า 50 ปีแล้วยังดูไม่ออกเลย นายดนัยก็ดูไม่ออกแต่เชื่อ ทฤษฎีนายดนัยต้องฟังหูไว้หู ตนไม่ประหลาดใจว่ากลางเดือนนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ที่แน่ๆ กระบวนการไล่ล่า น.ส.แพทองธารและนายทักษิณยังคงดำเนินต่อไป
    .
    ส่วนการที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำ นปช. มาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ปกป้อง น.ส.แพทองธาร นั้น วันนี้กับสมัยก่อนไม่เหมือนกัน สมัยก่อนมีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ร่วมรบ แต่วันนี้ นายจตุพรเป็นศัตรูกับนายทักษิณ นายณัฐวุฒิเข้ามาให้สัมภาษณ์ไป โกหกทุกเรื่อง กระทั่งโซเชียลมีเดียตัดคลิปในอดีตออกมา นายณัฐวุฒิอ้างว่าไม่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว ก็เอาคลิปเก่าที่เคยพูดเรื่องจำนำข้าวมาจี้นายณัฐวุฒิ สรุปแล้วเป็นนักการเมืองที่โกหกเก่งคนหนึ่ง ตนไม่เห็นว่านายณัฐวุฒิจะมาปกป้องอะไรนายกฯ ได้เลยแม้แต่นิดเดียว สรุปแล้วเดือนตุลาคมเป็นเดือนตุลาอาถรรพ์ และอาถรรพ์ถึงสิ้นปีนี้ ทั้งหมดถ้ามองย้อนหลังเป็นละคร ลิเกโรงใหญ่ ต่างฝ่ายต่างมีผลประโยชน์แลกกัน เป็นการจับมือสองฝ่ายที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน นายทักษิณทางเลือกมีน้อยมาก เหมือนหลังชนกำแพงแล้ว
    ..............
    Sondhi X
    สนธิไขปม “ทักษิณ” กินข้าว “เนวิน” รับมือคดี-อุ๊งอิ๊งขึ้นศาลรธน. ชงอนุทินนายกฯ คนต่อไป . วันนี้ (9 ต.ค.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวในรายการสนธิเล่าเรื่อง กรณีที่นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไปกินข้าวกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตนักโทษคดีทุจริต และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า จรัญสนิทวงศ์ 69 เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ว่า เรื่องนี้ต้องโทษนายทักษิณ ตนไม่อยากพูดถึงเพราะนายทักษิณกำลังรับเวรกรรมอยู่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลูกสาวนายทักษิณจะเอาตัวรอดเปล่าไม่รู้ และนายทักษิณกำลังถูกรุกหนัก ถึงขั้นถ้าเรื่องถึงศาลและชี้ว่ามีมูล เท่ากับว่าจะต้องถูกตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงประกบตลอดเวลา และมีการคาดคะเนว่านายทักษิณอาจต้องหนีออกนอกประเทศอีกครั้ง ตนไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง คนที่เกลียดนายทักษิณตั้งข้อสังเกตเยอะแยะ ตนไม่ได้เกลียดนายทักษิณ แต่ขณะนี้เขาต้องรับเวรรับกรรม และขณะนี้รับเวรกรรมอยู่อย่างมาก . ทั้งนี้ เมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา นายทักษิณเงียบสนิทไม่ออกไปไหน มีแต่เรียกรัฐมนตรีที่ตัวเองสั่งการได้เข้าไปพบ บางกรณีไปดุด่าว่าอนุมัติโครงการบางโครงการได้อย่างไร แม้กระทั่งมีข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่หลังม่านอีกคนหนึ่ง ซึ่งมีคนวิ่งเต้นเข้าหาตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าฯ ท่าอากาศยานไทย แม้กระทั่งหลายคนต้องการเลื่อนตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ปตท. ถึงขั้นโทรศัพท์ไปหาผู้บริหาร ปตท. ขอให้ซื้อโฆษณาสถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวีเพิ่ม ซึ่งนายทักษิณได้มอบหมายดูแล 2 กระทรวง คือ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และกระทรวงยุติธรรม ที่กำลังโยกย้ายแต่งตั้ง เพราะต้องดูว่าใครช่วยนายทักษิณ . นายสนธิ กล่าวว่า นายเนวินเคยสนิทสนมกับนายทักษิณ เคยเป็นมือให้นายทักษิณทำงานทุกงาน ออกมาปะฉะดะ แม้กระทั่งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เคยถูกนายเนวินกลั่นแกล้งตลอดเวลา เคยให้นายศุภชัย ใจสมุทร แจ้งความจับตนในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ตำแหน่งสำคัญของนายเนวินหลุดออกไป เป็นทำให้นายเนวินหักหลังนายทักษิณ และจัดตั้งรัฐบาลที่ค่ายทหาร ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็น รมว.กลาโหม โดยนายเนวินเจรจากับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ทำให้กลุ่มนายเนวินมีอำนาจขึ้นมา เส้นทางการเมืองนายทักษิณอยู่ต่างประเทศ นายเนวินกับนายอนุทินตั้งพรรคภูมิใจไทยขึ้นมา . นายสนธิเห็นว่า การที่นายเนวินและนายอนุทินกินข้าวกับนายทักษิณ เพราะเวรกรรมกำลังเข้ามาที่นายทักษิณ ทั้งกรมราชทัณฑ์กำลังจะถูกสอบ เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์อาจมีส่วนร่วมกระทำความผิดด้วย แม้กระทั่ง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ในฐานะ รมว.ยุติธรรม ที่ออกมาให้ความช่วยเหลือนายทักษิณในเรื่องชั้น 14 เพราะฉะนั้นตอนนี้กรมราชทัณฑ์เริ่มระส่ำระส่ายอย่างมาก คนที่เคยช่วยนายทักษิณเพราะหวังได้เลื่อนตำแหน่ง และหลายคนได้เลื่อนตำแหน่งเพราะการช่วยนายทักษิณ เช่น อธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้ขึ้นตำแหน่งเต็มตัวเพราะช่วยนายทักษิณ และเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ 5-6 คน ใช้วิชามารและหลักการช่วยนายทักษิณ จึงถูกนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายนิติธร ล้ำเหลือ เคลื่อนไหวเอาผิด . ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีคนต่อว่าทำไมไม่พูดถึงนายทักษิณเลย ตนตอบว่า ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเขาแล้ว เพราะเขากำลังรับเวรกรรม มีโจทก์เต็มไปหมด ไล่ล่านายทักษิณตลอดเวลา นายทักษิณไม่รู้จะทำอย่างไรในขณะนี้ ซึ่งเรื่องร้องเรียนไปทุกช่องทาง ทั้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงาน ปปช. ไปกระทั่งหน่วยงานองค์กรอิสระนั้นไม่เพิกเฉยต่อคำร้องเหล่านี้ได้ แต่ละองค์กรจึงมีการตั้งเรื่องเพื่อสืบเสาะข้อกล่าวหาที่แต่ละคนกล่าวหาทุกช่องทาง ล่าสุดได้ข่าวว่านายทักษิณกำลังจะถูกแจ้งข้อกล่าวหา . ขณะเดียวกัน น.ส.แพทองธาร กำลังจะถูกดำเนินคดีถือหุ้นในบริษัท อัลไพน์ฯ มีรายงานการประชุมชัดเจน มีชื่อ น.ส.แพทองธารประชุมอยู่ด้วย และโยงไปถึง คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร มารดา น.ส.แพทองธาร หาก น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯ แล้วเรื่องนี้ถูกส่งไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าชี้ว่า น.ส.แพทองธารมีความผิด ไม่ใช่แค่ลาออกอย่างเดียว ยังถูกดำเนินคดีอาญาด้วย แต่ถ้าก่อนศาลรัฐธรรมนูญพิพากษา น.ส.แพทองธารลาออกไปก่อน คดีนี้ก็จบไป จึงเป็นที่มาของการกินข้าวครั้งนี้ . "ขณะนี้พรรคภูมิใจไทยได้เปรียบกว่าพรรคเพื่อไทยและทักษิณ เป็นพรรคที่คุม สว. เสียงข้างมากในวุฒิสภา ด้วยเหตุนี้ เนวินถือไพ่ตรงนี้เหนือกว่าทักษิณ ในขณะเดียวกัน ทักษิณก็ยังถือเสียง 140 เสียงของพรรคเพื่อไทยอยู่ ซึ่งถ้าเนวินต้องการให้อนุทินขึ้นมาเป็นนายกฯ ก็ต้องพึ่งเสียงของทักษิณ ผมเชื่อว่าเป็นการทำความเข้าใจถึงสถานการณ์ร่วมกัน และเจรจากันอย่างเงียบๆ ว่าถ้าสมมติอุ๊งอิ๊งจำเป็นต้องออก ก้าวข้าม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปได้เลย เพราะพรรคพลังประชารัฐมีเสียง สส. อยู่ 40 เสียง 20 กว่าเสียงอยู่กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เสียงของพรรคพลังประชารัฐมีจริงๆ ก็แค่ 10 กว่าเสียง ตีให้ตายชาติหน้า พล.อ.ปนระวิตร ก็เป็นนายกฯ ไม่ได้ คิวต่อไปก็เป็นอนุทิน ชาญวีรกูล ถ้าอนุทินเป็นนายกฯ แล้วไม่มีเสียงของทักษิณสนับสนุน ก็ไม่รู้จะทำยังไง นั่นคือที่มาของการกินข้าว คือการปูทางก่อน ทำความเข้าใจ ก่อนละครลิเกโรงใหญ่" นายสนธิ กล่าว . ทั้งนี้ หลายคนบอกว่าเหตุการณ์นี้จะเริ่มต้นช่วงต้นเดือน ธ.ค. 2567 แต่ตนเห็นว่าอย่างเร็วที่สุดต้นปี 2568 เพราะนายทักษิณอยากให้ น.ส.แพทองธาร ลากต่อไป จนกระทั่งถึงวินาทีสุดท้าย ถ้ายังอยู่ต่อต้องถูกศาลพิพากษาแน่ ถ้าลาออกตอนนี้แล้วเรื่องก็จบ ไม่มีแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญก็แทงเรื่องว่าจบ ปิดคดี เพราะคนที่ถูกกล่าวหาเป็นนายกฯ โดยมิชอบต้องลาออกแล้ว ข้อกล่าวหาก็ต้องตกไปเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนที่นายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ กล่าวว่า กลางเดือนนี้จะมีนายกฯ คนนอก คือนายวีรไท สันติประภพ อดีตผู้ว่าการ ธปท. ลูกชาย พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ ตนดูการเมืองเมืองไทยกว่า 50 ปีแล้วยังดูไม่ออกเลย นายดนัยก็ดูไม่ออกแต่เชื่อ ทฤษฎีนายดนัยต้องฟังหูไว้หู ตนไม่ประหลาดใจว่ากลางเดือนนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ที่แน่ๆ กระบวนการไล่ล่า น.ส.แพทองธารและนายทักษิณยังคงดำเนินต่อไป . ส่วนการที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำ นปช. มาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ปกป้อง น.ส.แพทองธาร นั้น วันนี้กับสมัยก่อนไม่เหมือนกัน สมัยก่อนมีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ร่วมรบ แต่วันนี้ นายจตุพรเป็นศัตรูกับนายทักษิณ นายณัฐวุฒิเข้ามาให้สัมภาษณ์ไป โกหกทุกเรื่อง กระทั่งโซเชียลมีเดียตัดคลิปในอดีตออกมา นายณัฐวุฒิอ้างว่าไม่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว ก็เอาคลิปเก่าที่เคยพูดเรื่องจำนำข้าวมาจี้นายณัฐวุฒิ สรุปแล้วเป็นนักการเมืองที่โกหกเก่งคนหนึ่ง ตนไม่เห็นว่านายณัฐวุฒิจะมาปกป้องอะไรนายกฯ ได้เลยแม้แต่นิดเดียว สรุปแล้วเดือนตุลาคมเป็นเดือนตุลาอาถรรพ์ และอาถรรพ์ถึงสิ้นปีนี้ ทั้งหมดถ้ามองย้อนหลังเป็นละคร ลิเกโรงใหญ่ ต่างฝ่ายต่างมีผลประโยชน์แลกกัน เป็นการจับมือสองฝ่ายที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน นายทักษิณทางเลือกมีน้อยมาก เหมือนหลังชนกำแพงแล้ว .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Wow
    21
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 1301 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เหนื่อยกับความเขลา
    #เหนื่อยกับความเขลา
    เพจคิงส์เคยให้เกียรติไอ่นุในการโพสถึงก็หลายครั้ง
    ทำไมจะไม่รู้ว่า นุ จะใช้ข้อความแบบไหน สรรพนามยังไง
    ไอ่ลุงนุอะนะ ถึงพี่คิงส์จะแซวยังไง ไอ่นุจะมีความเป็นคนพื้นๆ
    ที่พี่คิงส์มองแบบ ขำๆ คือบ้านๆ เอาจริงๆนะ ก็ไม่ได้เกลียดอะไรมากมาย
    -แค่นุโพสบางที เหมือนเด็กแว๊นอะไรแบบนี้ ก็แซวๆแก เอาฮาเฉยๆ
    แล้วหลังจากเมื่อวาน โจ มณฑนีเปิดหน้าเข้ามาคอมเม้นในเพจ
    แล้วโดนพี่คิงส์ถามกลับ ไม่ตอบเพราะอึ้ง
    ก็ไม่คิดเลยว่า โจ จะใจคอแย่ขนาดนี้
    ไอ่นุ เรียกโจที่จบแค่ม.ต้น ว่าอาจารย์
    ก็เพราะหลงการแสดงของโจ ว่าเป็น ศ.ดร.
    ที่แท้ ตั้งแต่ตอบโต้กับโจมา วันนี้ บอกเลย สก็อยธรรมดานี่เอง
    ไม่ได้มีอะไรน่าอัวเลย แม๊แต่น้อย ก็ดักทางได้จนโจเองก็ตกใจไม่ใช่เหรอ
    แต่ ทำไมโจ ใช้ความเชื่อใจของไอ่นุ มาทำแบบนี้
    -นุ อ่านดีๆนะ นี่ซีเรียสนะ ไอ่ข้อความนี้ที่โจมันให้เอ็งโพสอะ มันมีความผิดนะเฟร้ย แล้วไปดูในคอมเม้นเอ็ง มันส่อไปทางสร้างความเฉียหายให้กับแน๊ก แล้วนุ เอ็งเปิดหน้านะ แล้วตอนนี้ เรื่องถึงแน๊กแล้ว กลายเป็นเอ็งปลุกระดม ให้คนไปกลั่นแกล้ง ครุกคาม เอ็งจะบอกตร.ยังไง บอกว่าไอ่โจบอกให้เอ็งโพส หรือไอ่โจให้ก็อปข้อความไปโพส
    -นุ ที่โจมันพิมพ์ ก็จริงอยู่ มันทำให้เอ็งดูมีของ ดูเหมือนฉลาด แต่นุไม่รู้หรอก ข้อความพวกนี้ มันจะนำภัยมาถึงตัวนุเอง
    อิโจ เมิงนี่ก็พิมพ์ข้อความไม่เซฟไอ่นุเลยนะ จิตใจเมิงทำด้วยอะไร
    นุ คิดดูดีๆ ถ้าโพสข้อความนี้มันปลอดภัย ทำไมอิโจต้องให้เอ็งโพสแทน
    เอ็งดูภาษาที่มันใส่ไป มันเป็นคุณหรือเป็นโทษกับตัวเมิงเอง
    พิจารณาเอา กรรูบอกเมิงได้แค่นี้แหละ
    "ทุกอย่างจะพังเพราะโจ"
    #คิงส์โพธิ์แดง -สำรอง 2
    #เหนื่อยกับความเขลา #เหนื่อยกับความเขลา เพจคิงส์เคยให้เกียรติไอ่นุในการโพสถึงก็หลายครั้ง ทำไมจะไม่รู้ว่า นุ จะใช้ข้อความแบบไหน สรรพนามยังไง ไอ่ลุงนุอะนะ ถึงพี่คิงส์จะแซวยังไง ไอ่นุจะมีความเป็นคนพื้นๆ ที่พี่คิงส์มองแบบ ขำๆ คือบ้านๆ เอาจริงๆนะ ก็ไม่ได้เกลียดอะไรมากมาย -แค่นุโพสบางที เหมือนเด็กแว๊นอะไรแบบนี้ ก็แซวๆแก เอาฮาเฉยๆ แล้วหลังจากเมื่อวาน โจ มณฑนีเปิดหน้าเข้ามาคอมเม้นในเพจ แล้วโดนพี่คิงส์ถามกลับ ไม่ตอบเพราะอึ้ง ก็ไม่คิดเลยว่า โจ จะใจคอแย่ขนาดนี้ ไอ่นุ เรียกโจที่จบแค่ม.ต้น ว่าอาจารย์ ก็เพราะหลงการแสดงของโจ ว่าเป็น ศ.ดร. ที่แท้ ตั้งแต่ตอบโต้กับโจมา วันนี้ บอกเลย สก็อยธรรมดานี่เอง ไม่ได้มีอะไรน่าอัวเลย แม๊แต่น้อย ก็ดักทางได้จนโจเองก็ตกใจไม่ใช่เหรอ แต่ ทำไมโจ ใช้ความเชื่อใจของไอ่นุ มาทำแบบนี้ -นุ อ่านดีๆนะ นี่ซีเรียสนะ ไอ่ข้อความนี้ที่โจมันให้เอ็งโพสอะ มันมีความผิดนะเฟร้ย แล้วไปดูในคอมเม้นเอ็ง มันส่อไปทางสร้างความเฉียหายให้กับแน๊ก แล้วนุ เอ็งเปิดหน้านะ แล้วตอนนี้ เรื่องถึงแน๊กแล้ว กลายเป็นเอ็งปลุกระดม ให้คนไปกลั่นแกล้ง ครุกคาม เอ็งจะบอกตร.ยังไง บอกว่าไอ่โจบอกให้เอ็งโพส หรือไอ่โจให้ก็อปข้อความไปโพส -นุ ที่โจมันพิมพ์ ก็จริงอยู่ มันทำให้เอ็งดูมีของ ดูเหมือนฉลาด แต่นุไม่รู้หรอก ข้อความพวกนี้ มันจะนำภัยมาถึงตัวนุเอง อิโจ เมิงนี่ก็พิมพ์ข้อความไม่เซฟไอ่นุเลยนะ จิตใจเมิงทำด้วยอะไร นุ คิดดูดีๆ ถ้าโพสข้อความนี้มันปลอดภัย ทำไมอิโจต้องให้เอ็งโพสแทน เอ็งดูภาษาที่มันใส่ไป มันเป็นคุณหรือเป็นโทษกับตัวเมิงเอง พิจารณาเอา กรรูบอกเมิงได้แค่นี้แหละ "ทุกอย่างจะพังเพราะโจ" #คิงส์โพธิ์แดง -สำรอง 2
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 614 มุมมอง 0 รีวิว
  • นู๋ "หมูเด้ง" เจ้าค่ะ

    เช้านี้ แวะมาบอกน้าน้าว่า "อียิวตายห่ากันเกลื่อนเลยค่ะเมื่อคืน"
    ระเบิดลงหัวเจ้าค่ะ จะเหลือเหรอค่ะ?

    ใต้ดินก็ไม่รอดค่ะ มาสูตรเดียวกับที่ถล่มในมารีโอโพลเยยย..

    อียิวแห่อพยพ..หนีตายกันจ้าละหวั่น สนามบินปิด ไปทางรถ ก็ถูกปิดด่าน

    ข่าวว่าจะถล่มเลบานอน อิหร่าน อิรัก ไปไปมามา ถูกเค้าย้อนศรเจ้าค่ะ

    อาวุธชุดใหญ่จากรัสเซียถึงมือเบรุตแล้ว จากนี้ ของไกล ของแรง โดนแน่

    ทหารรับจ้าง NATO อำลาโลก คาชุดทหารอิสราเอลจ๊ะ หน้ามรึงฝรั่งจ๋า!

    อย่าเพิ่งรีบนับศพทหารน่ะ ข่าวบอก ตาย 10 มรึงตายมาเป็นเดือนแล้ว

    ยอดสะสม 590 ตัว มรึงเชื่อเหรอ กับขีปนาวุธลงกว่า 1500 ลูก ตลอด 2 เดือน

    หมูเด้ง ไม่ชอบ "อีตอแหล" เจ้าค่ะ

    หมูเด้ง เกลียด ไอ้ชาติชั่ว ตัวปัญหาโลก ทำให้ผักโปรดหมูเด้งลดลง

    หากต่อไปผักหมดโลก หมูเด้งจะไปแดร๊กพวกมันแทนค่ะ

    ฝากถึง อี UN ไร้น้ำยาหน่อยค่ะ จะมีมรึงไปทำไมค่ะ หนักแผ่นดินโลก

    เงินไม่มา งานไม่เดิน เจ๊งกันหมดแล้วค่ะ ยังจะเสี้ยนกันต่ออีกมุยค่ะ?

    หมูเด้ง อยู่เมืองไทยสุขสบาย ใต้ร่มพระบารมี แต่อีคนไทยใจสัด มันไม่รู้ค่า

    หมูเด้ง ชี้เป้าไว้ได้หมด ไอ้อี ที่ขายชาติเนี่ย? มาหากูเพื่อทำอีเว้นต์

    หมูเด้งไม่สนค่ะ ไม่เล่นด้วย ขยะแขยงค่ะ ฮิปโปยังรู้คุณคน

    พวกมรึงเข้ามาหากู เพื่อสร้างกระแส เสียดาย มีแต่กีบ ไม่มีนิ้วกลางให้โชว์

    ยังตายกันอีกเยอะค่ะ โลกเบาขึ้นแล้ว อียิวตายวันละ 1000 สื่อไม่ตีดอกค่ะ

    ยังจะเสพสื่อเหี้ยอยู่อีกเหรอค่ะ ขนาดหมูเด้ง ยังเลิกดูเลยค่ะ

    กลัวกลายร่างจากฮิปโป เป็นควายค่ะ "สยอง"

    สุดท้ายนี้ หมูเด้ง อยากจะบอกน้าน้า ว่า

    ฮิปโป เป็นแค่สัด แต่ยังรักชาติน่ะค่ะ มากกว่าอีคนใจสัดกะหมาในสภา

    รอดู "การเปลี่ยนแปลง" ที่จะเกิดขึ้นได้เลยค่ะ

    หมูเด้ง ยังทำประโยชน์ให้แผ่นดินมากกว่า เหี้ยในสภาซะอีกน่ะค่ะ น้าว่ามุย?

    ปล.ภาพใครทำไม่รู้ แต่หมูเด้งสวย ชอบค่ะ หงส์หนาวสัดดดดด!

    รัก และคิดถึง

    หมูเด้ง YNWA
    07 ตค. 67
    08.50 น.
    https://linevoom.line.me/post/1172826629927902179

    https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u
    นู๋ "หมูเด้ง" เจ้าค่ะ เช้านี้ แวะมาบอกน้าน้าว่า "อียิวตายห่ากันเกลื่อนเลยค่ะเมื่อคืน" ระเบิดลงหัวเจ้าค่ะ จะเหลือเหรอค่ะ? ใต้ดินก็ไม่รอดค่ะ มาสูตรเดียวกับที่ถล่มในมารีโอโพลเยยย.. อียิวแห่อพยพ..หนีตายกันจ้าละหวั่น สนามบินปิด ไปทางรถ ก็ถูกปิดด่าน ข่าวว่าจะถล่มเลบานอน อิหร่าน อิรัก ไปไปมามา ถูกเค้าย้อนศรเจ้าค่ะ อาวุธชุดใหญ่จากรัสเซียถึงมือเบรุตแล้ว จากนี้ ของไกล ของแรง โดนแน่ ทหารรับจ้าง NATO อำลาโลก คาชุดทหารอิสราเอลจ๊ะ หน้ามรึงฝรั่งจ๋า! อย่าเพิ่งรีบนับศพทหารน่ะ ข่าวบอก ตาย 10 มรึงตายมาเป็นเดือนแล้ว ยอดสะสม 590 ตัว มรึงเชื่อเหรอ กับขีปนาวุธลงกว่า 1500 ลูก ตลอด 2 เดือน หมูเด้ง ไม่ชอบ "อีตอแหล" เจ้าค่ะ หมูเด้ง เกลียด ไอ้ชาติชั่ว ตัวปัญหาโลก ทำให้ผักโปรดหมูเด้งลดลง หากต่อไปผักหมดโลก หมูเด้งจะไปแดร๊กพวกมันแทนค่ะ ฝากถึง อี UN ไร้น้ำยาหน่อยค่ะ จะมีมรึงไปทำไมค่ะ หนักแผ่นดินโลก เงินไม่มา งานไม่เดิน เจ๊งกันหมดแล้วค่ะ ยังจะเสี้ยนกันต่ออีกมุยค่ะ? หมูเด้ง อยู่เมืองไทยสุขสบาย ใต้ร่มพระบารมี แต่อีคนไทยใจสัด มันไม่รู้ค่า หมูเด้ง ชี้เป้าไว้ได้หมด ไอ้อี ที่ขายชาติเนี่ย? มาหากูเพื่อทำอีเว้นต์ หมูเด้งไม่สนค่ะ ไม่เล่นด้วย ขยะแขยงค่ะ ฮิปโปยังรู้คุณคน พวกมรึงเข้ามาหากู เพื่อสร้างกระแส เสียดาย มีแต่กีบ ไม่มีนิ้วกลางให้โชว์ ยังตายกันอีกเยอะค่ะ โลกเบาขึ้นแล้ว อียิวตายวันละ 1000 สื่อไม่ตีดอกค่ะ ยังจะเสพสื่อเหี้ยอยู่อีกเหรอค่ะ ขนาดหมูเด้ง ยังเลิกดูเลยค่ะ กลัวกลายร่างจากฮิปโป เป็นควายค่ะ "สยอง" สุดท้ายนี้ หมูเด้ง อยากจะบอกน้าน้า ว่า ฮิปโป เป็นแค่สัด แต่ยังรักชาติน่ะค่ะ มากกว่าอีคนใจสัดกะหมาในสภา รอดู "การเปลี่ยนแปลง" ที่จะเกิดขึ้นได้เลยค่ะ หมูเด้ง ยังทำประโยชน์ให้แผ่นดินมากกว่า เหี้ยในสภาซะอีกน่ะค่ะ น้าว่ามุย? ปล.ภาพใครทำไม่รู้ แต่หมูเด้งสวย ชอบค่ะ หงส์หนาวสัดดดดด! รัก และคิดถึง หมูเด้ง YNWA 07 ตค. 67 08.50 น. https://linevoom.line.me/post/1172826629927902179 https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลโลก
    รับฟ้อง "พญาอินทรีย์" ปล่อยโควิด-19
    ในที่สุด ความจริงก็ถูกเปิดเผย โดย ผู้ตัดต่อพันธุกรรมเชื้อโควิด 19 คือ พญาอินทรีย์เอง...
    **************
    โควิด19 มาจากฝีมือมนุษย์
    มีแหล่งที่มาจากห้องแลป ไวรัส P3 รัฐคาโรไลน่าเหนือของอเมริกา!!!
    นาย Greg Roubini ผู้เชี่ยวชาญด้านข่าวกรองชื่อดังของอเมริกาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวทีวีที่ 1 ของอเมริกาได้เป็นผู้เผยความลับนี้
    นาย Greg เผยว่า ไวรัสโควิด19 ได้รับการออกแบบทางพันธุกรรมเพื่อใช้เป็นอาวุธชีวภาพ

    - มีแหล่งที่มาจากห้องแลป BSL-3 รัฐ คาโรไลน่าเหนือ พัฒนาโดย ศาสตราจารย์ ราล์ฟ บาร์ริก
    - พร้อมกันนั้น เขาระบุว่า ไวรัสถูก “รัฐบาลมืด” จากรัฐคาโรไลน่าเหนือส่งไปแพร่ระบาดในประเทศจีน อิตาลี และอเมริกาทั้งประเทศ
    ##..ก่อนหน้านี้ในวันที่ 15 มีนาคม นายเกรก ก็ได้ทวิตข้อความถามนายทรัมป์ว่า
    - เหตุใดจึงไม่บอกประชาชนอเมริกาว่า ไวรัสผลิตจากอเมริกา? ทำไมไม่อธิบายให้ชัดเจนว่า ตัวไวรัสเองแท้จริงแล้ว คือ อาวุธชีวภาพ?

    **บังเอิญ ศาสตราจารย์ Luc Montanier ผู้ได้รับรางวัลโนเบลเนื่องจากเป็นผู้ค้นพบไวรัสเอชไอวีได้เปิดเผยกับนักข่าวชาวฝรั่งเศสเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า

    - โควิด19 ไม่ใช่มาจากธรรมชาติ หากแต่ได้รับการพัฒนาอย่างประณีตโดยนักวิทยาศาสตร์ชีวโมเลกุล
    ***ศาสตราจารย์ Luc Montanier ยืนยันว่า เป็นเรื่องเด่นชัด ที่เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญได้นำเชื้อไวรัสที่มาจาก

    ค้างคาวเข้าไปเพิ่ม

    ความเข้มข้นของเชื้อเอชไอวีเข้าไปด้วย
    - นี่คือ การวางยาพิษที่ชั่วร้ายที่สุด ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ของโลก
    ***นั่นคือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 สุดโหด ข่าวเกี่ยวกับ “เชื้อโควิด19 เป็นอาวุธชีวภาพ ที่มาจากการตัดต่อพันธุกรรมโดยฝีมือมนุษย์” มีมาโดยตลอด
    ***นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกพยายามทำงานหาแหล่งที่มาของเชื้อไวรัสโดยนักวิทยาศาสตร์อินเดียค้นพบว่า เชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ุใหม่

    มีเชื้อเอชไอวีแทรกอยู่ด้วย นี่แสดงให้เห็นว่า ไวรัสตัวนี้มาจากการตัดต่อทางพันธุกรรม
    ***กลางเดือนมีนาคม นักวิทยาศาสตร์ได้วิเคราะห์พบว่าเชื้อไวรัสโควิด19 จากผู้ป่วยรายหนึ่งในรัฐวอชิงตันพบว่า วัฏจักรวิวัฒนาการของมันมียาวนานกว่าครึ่งปีมาแล้ว พร้อมๆ กับการศึกษาลึกซึ้งลงไปว่า ประเทศต่างๆในโลกไม่น้อยได้เบนสายตาแห่งความสงสัยไปที่อเมริกา ประเทศต่างๆ ทั้งญี่ปุ่น อิตาลี ออสเตรเลีย ล้วนมีผู้ป่วยทียืนยันว่า มีแหล่งที่มาจากอเมริกาทั้งสิ้น
    *** ในเวลาต่อมา ROBERT REDFIELD ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกายอมรับว่า ผู้ป่วยตายจากไข้หวัดใหญ่ในเดือนกันยายน 2019 มีอยู่ไม่น้อยที่ตายจากเชื้อไวรัสโควิด19 นี้
    - ต่อปัญหานี้โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน นายจ้าวลี่เจียงได้ทวิตข้อความในทวิตเตอร์ถามผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา ว่า
    ผู้ป่วยรายแรกของอเมริกาเกิดขึ้นตอนไหน? ชื่ออะไร? อยู่โรงพยาบาลอะไร? และเป็นไปได้อย่างมาก ที่ทหารอเมริกานำเชื้อมาแพร่ที่อู่ฮั่น.
    >>>>อเมริกาต้องโปร่งใส ต้องเปิดเผยข้อมูลนี้ให้โลกได้รู้ความจริง
    **ด้วยความพยายามอย่างสุดความสามารถของคณะผู้สื่อข่าวคณะหนึ่งแห่งรัฐเวอร์จิเนีย ในที่สุดก็ได้ตามหาผู้ป่วยรายแรกจนพบ นั่นก็คือ ทหารอเมริกา ที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาทหารที่อู่ฮั่นของจีนในเดือนตุลาคม 2019 นางมีชื่อว่า "Maatje Benassi"
    >>>นายทหารหญิงของอเมริกาคนนี้ มีภูมิหลังพิเศษตรงที่นางมีความเกี่ยวข้องกับห้องปฏิบัติการชีวเคมี P4 ของนาย FORT DETRICK
    *** คนในครอบครัวก็มีหลายคน ที่ยืนยันว่า ผู้ติดเชื้อในจำนวนนี้ มีอยู่คนหนึ่งเป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อรายแรกในฮอลแลนด์ ก่อนติดเชื้อเขาเคยไปในเขตพื้นที่ลอมบาร์เดียของอิตาลี ทำให้เขตพื้นที่นั้นเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด19
    ***มาถึงตรงนี้ หลักฐานเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโควิด19 มีต้นกำเนิดมาจากอเมริกาอย่างแน่นอน มีห่วงโซ่เชื่อมร้อยอย่างครบถ้วน ทหารพิเศษ 5 คนที่อเมริกาส่งเครื่องบินมารับกลับไปภายหลังการแพร่ระบาดของไวรัสและห้องแลป ที่ถูกปิดตาย ก็สามารถนำมาปะติดปะต่อกันได้แล้ว
    หากว่ากันตามตรรกะของนายทรัมป์ เราก็สามารถเรียกเชื้อโควิด19 เป็น "ไวรัสนอร์ธคาโรไลนา" (Virus North Carolina) หรือ "ไวรัสอเมริกา"
    ***ในขณะที่หลักฐานทั้งหมดต่างชี้ไปที่อเมริกา
    เจ้าหน้าที่ชั้นสูงของอเมริกายอมรับอย่างเปิดเผยว่า เชื้อโควิด19 ไม่จัดอยู่ในชั้นของโรคระบาด แต่จัดอยู่ในชั้นของอาวุธชีวภาพ

    >>># ”ความไร้ยางอายทำให้โลกตะลึงและได้เพิ่มข้อน่าสงสัยว่า อเมริกาเป็นผู้วางยาพิษคนทั้งโลก เพื่อขายวัคซีนป้องกันมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ขาดดุลการค้า”
    >>>เรื่องทั้งหมดได้ปรากฏชัดเจนแล้ว แต่ทว่าทรัมป์ยังพยายามโยนบาปอย่างไม่คิดชีวิตให้จีนรับเคราะห์แทน อย่างน่ารังเกลียดที่สุด
    ***เชื้อโควิด19 ได้ก่อให้เกิดภัยพิบัติและความสูญเสียที่ยากจะประเมินได้ บาปนี้มันใหญ่หลวงเกินกว่าจะโยนออกไปแล้วโทษคนอื่น
    ***ยังมีข้อน่าสงสัย ที่นายเกรกได้ตีแผ่ออกมา นายราล์ฟ บาร์ริค ผู้รับผิดชอบพัฒนาไวรัส รัฐคาโรไลนาเหนือคนนี้เป็นใคร
    *** นาย บาร์ริค มาจากมหาวิทยาลัยคาโรไลนาเหนือ เขาเป็นหัวหน้านักไวรัสวิทยาที่เปลี่ยนโฉมใหม่ของโรคซาร์สโคโรนาไวรัสโดยการตัดต่อยีนในปี 2015
    - และเขายังเป็นผู้นำในการวิจัยและพัฒนาไวรัสดังกล่าวอีกด้วย ที่น่าตกใจก็คือ เขาเป็นบุคคลที่รับผิดชอบด้านการพัฒนาทางคลินิกของยาวิเศษ "RADEXIVIR" เป็นไป
    อย่างที่โบราณว่าไว้ คนที่วางยาพิษก่อนอื่นต้องเตรียม# ยาแก้พิษไว้ก่อนเสมอ!!!
    - ยา RIDESIVIR ภายหลังจากปฏิบัติการทางคลินิกและถูกตั้งข้อสงสัยโดยผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยของมันจึงทำให้ตกกระป๋องไปพร้อมๆ กับการแพร่ระบาดที่ลุกลามออกไปทั่วโลก
    ***อเมริกากลายเป็น “ศูนย์กลางการล้างโลก” ไปแล้ว
    - การแพร่ระบาดในช่วงแรกของอเมริกา ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ได้ให้ความสาคัญกับมันเลยโดยมองว่า เป็นไข้หวัดใหญ่ที่หนักกว่าปกติเท่านั้นเพราะรู้อยู่แก่ใจว่าคนของตนเองผลิตมันขึ้นมาจนกระทั่งเพื่อนรักของเขา คือ "นายสแตนลี่ย์ เชล่า" เจ้าพ่อวงการอสังหาริมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่แห่งนิวยอร์กเสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโควิด19
    >>>>ถึงเวลานี้จีนได้ฟ้องร้องต่อศาลโลกว่า อเมริกาเป็นต้นเหตุในการแพร่เชื้อไวรัสโควิด 19 อย่างตั้งใจ เพื่อทำลายล้างจีนและ ปชช ทั่วโลก***
    >>>ตอนนี้คงต้องรอดูการสืบสวนของศาลโลกว่า จะตัดสินออกมาเช่นไร? ซึ่งถึง ณ เวลานี้ ทรัมป์เริ่มรู้สึกตัวและให้ความสาคัญในระดับสูง #แต่ว่าสายไปเสียแล้ว!!!

    **Ny Ny*
    ขอบคุณข้อมูลจาก

    นพ.ขวัญชัย เสธนันท์
    ศาลโลก รับฟ้อง "พญาอินทรีย์" ปล่อยโควิด-19 ในที่สุด ความจริงก็ถูกเปิดเผย โดย ผู้ตัดต่อพันธุกรรมเชื้อโควิด 19 คือ พญาอินทรีย์เอง... ************** โควิด19 มาจากฝีมือมนุษย์ มีแหล่งที่มาจากห้องแลป ไวรัส P3 รัฐคาโรไลน่าเหนือของอเมริกา!!! นาย Greg Roubini ผู้เชี่ยวชาญด้านข่าวกรองชื่อดังของอเมริกาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวทีวีที่ 1 ของอเมริกาได้เป็นผู้เผยความลับนี้ นาย Greg เผยว่า ไวรัสโควิด19 ได้รับการออกแบบทางพันธุกรรมเพื่อใช้เป็นอาวุธชีวภาพ - มีแหล่งที่มาจากห้องแลป BSL-3 รัฐ คาโรไลน่าเหนือ พัฒนาโดย ศาสตราจารย์ ราล์ฟ บาร์ริก - พร้อมกันนั้น เขาระบุว่า ไวรัสถูก “รัฐบาลมืด” จากรัฐคาโรไลน่าเหนือส่งไปแพร่ระบาดในประเทศจีน อิตาลี และอเมริกาทั้งประเทศ ##..ก่อนหน้านี้ในวันที่ 15 มีนาคม นายเกรก ก็ได้ทวิตข้อความถามนายทรัมป์ว่า - เหตุใดจึงไม่บอกประชาชนอเมริกาว่า ไวรัสผลิตจากอเมริกา? ทำไมไม่อธิบายให้ชัดเจนว่า ตัวไวรัสเองแท้จริงแล้ว คือ อาวุธชีวภาพ? **บังเอิญ ศาสตราจารย์ Luc Montanier ผู้ได้รับรางวัลโนเบลเนื่องจากเป็นผู้ค้นพบไวรัสเอชไอวีได้เปิดเผยกับนักข่าวชาวฝรั่งเศสเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า - โควิด19 ไม่ใช่มาจากธรรมชาติ หากแต่ได้รับการพัฒนาอย่างประณีตโดยนักวิทยาศาสตร์ชีวโมเลกุล ***ศาสตราจารย์ Luc Montanier ยืนยันว่า เป็นเรื่องเด่นชัด ที่เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญได้นำเชื้อไวรัสที่มาจาก ค้างคาวเข้าไปเพิ่ม ความเข้มข้นของเชื้อเอชไอวีเข้าไปด้วย - นี่คือ การวางยาพิษที่ชั่วร้ายที่สุด ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ของโลก ***นั่นคือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 สุดโหด ข่าวเกี่ยวกับ “เชื้อโควิด19 เป็นอาวุธชีวภาพ ที่มาจากการตัดต่อพันธุกรรมโดยฝีมือมนุษย์” มีมาโดยตลอด ***นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกพยายามทำงานหาแหล่งที่มาของเชื้อไวรัสโดยนักวิทยาศาสตร์อินเดียค้นพบว่า เชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ุใหม่ มีเชื้อเอชไอวีแทรกอยู่ด้วย นี่แสดงให้เห็นว่า ไวรัสตัวนี้มาจากการตัดต่อทางพันธุกรรม ***กลางเดือนมีนาคม นักวิทยาศาสตร์ได้วิเคราะห์พบว่าเชื้อไวรัสโควิด19 จากผู้ป่วยรายหนึ่งในรัฐวอชิงตันพบว่า วัฏจักรวิวัฒนาการของมันมียาวนานกว่าครึ่งปีมาแล้ว พร้อมๆ กับการศึกษาลึกซึ้งลงไปว่า ประเทศต่างๆในโลกไม่น้อยได้เบนสายตาแห่งความสงสัยไปที่อเมริกา ประเทศต่างๆ ทั้งญี่ปุ่น อิตาลี ออสเตรเลีย ล้วนมีผู้ป่วยทียืนยันว่า มีแหล่งที่มาจากอเมริกาทั้งสิ้น *** ในเวลาต่อมา ROBERT REDFIELD ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกายอมรับว่า ผู้ป่วยตายจากไข้หวัดใหญ่ในเดือนกันยายน 2019 มีอยู่ไม่น้อยที่ตายจากเชื้อไวรัสโควิด19 นี้ - ต่อปัญหานี้โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน นายจ้าวลี่เจียงได้ทวิตข้อความในทวิตเตอร์ถามผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา ว่า ผู้ป่วยรายแรกของอเมริกาเกิดขึ้นตอนไหน? ชื่ออะไร? อยู่โรงพยาบาลอะไร? และเป็นไปได้อย่างมาก ที่ทหารอเมริกานำเชื้อมาแพร่ที่อู่ฮั่น. >>>>อเมริกาต้องโปร่งใส ต้องเปิดเผยข้อมูลนี้ให้โลกได้รู้ความจริง **ด้วยความพยายามอย่างสุดความสามารถของคณะผู้สื่อข่าวคณะหนึ่งแห่งรัฐเวอร์จิเนีย ในที่สุดก็ได้ตามหาผู้ป่วยรายแรกจนพบ นั่นก็คือ ทหารอเมริกา ที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาทหารที่อู่ฮั่นของจีนในเดือนตุลาคม 2019 นางมีชื่อว่า "Maatje Benassi" >>>นายทหารหญิงของอเมริกาคนนี้ มีภูมิหลังพิเศษตรงที่นางมีความเกี่ยวข้องกับห้องปฏิบัติการชีวเคมี P4 ของนาย FORT DETRICK *** คนในครอบครัวก็มีหลายคน ที่ยืนยันว่า ผู้ติดเชื้อในจำนวนนี้ มีอยู่คนหนึ่งเป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อรายแรกในฮอลแลนด์ ก่อนติดเชื้อเขาเคยไปในเขตพื้นที่ลอมบาร์เดียของอิตาลี ทำให้เขตพื้นที่นั้นเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด19 ***มาถึงตรงนี้ หลักฐานเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโควิด19 มีต้นกำเนิดมาจากอเมริกาอย่างแน่นอน มีห่วงโซ่เชื่อมร้อยอย่างครบถ้วน ทหารพิเศษ 5 คนที่อเมริกาส่งเครื่องบินมารับกลับไปภายหลังการแพร่ระบาดของไวรัสและห้องแลป ที่ถูกปิดตาย ก็สามารถนำมาปะติดปะต่อกันได้แล้ว หากว่ากันตามตรรกะของนายทรัมป์ เราก็สามารถเรียกเชื้อโควิด19 เป็น "ไวรัสนอร์ธคาโรไลนา" (Virus North Carolina) หรือ "ไวรัสอเมริกา" ***ในขณะที่หลักฐานทั้งหมดต่างชี้ไปที่อเมริกา เจ้าหน้าที่ชั้นสูงของอเมริกายอมรับอย่างเปิดเผยว่า เชื้อโควิด19 ไม่จัดอยู่ในชั้นของโรคระบาด แต่จัดอยู่ในชั้นของอาวุธชีวภาพ >>># ”ความไร้ยางอายทำให้โลกตะลึงและได้เพิ่มข้อน่าสงสัยว่า อเมริกาเป็นผู้วางยาพิษคนทั้งโลก เพื่อขายวัคซีนป้องกันมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ขาดดุลการค้า” >>>เรื่องทั้งหมดได้ปรากฏชัดเจนแล้ว แต่ทว่าทรัมป์ยังพยายามโยนบาปอย่างไม่คิดชีวิตให้จีนรับเคราะห์แทน อย่างน่ารังเกลียดที่สุด ***เชื้อโควิด19 ได้ก่อให้เกิดภัยพิบัติและความสูญเสียที่ยากจะประเมินได้ บาปนี้มันใหญ่หลวงเกินกว่าจะโยนออกไปแล้วโทษคนอื่น ***ยังมีข้อน่าสงสัย ที่นายเกรกได้ตีแผ่ออกมา นายราล์ฟ บาร์ริค ผู้รับผิดชอบพัฒนาไวรัส รัฐคาโรไลนาเหนือคนนี้เป็นใคร *** นาย บาร์ริค มาจากมหาวิทยาลัยคาโรไลนาเหนือ เขาเป็นหัวหน้านักไวรัสวิทยาที่เปลี่ยนโฉมใหม่ของโรคซาร์สโคโรนาไวรัสโดยการตัดต่อยีนในปี 2015 - และเขายังเป็นผู้นำในการวิจัยและพัฒนาไวรัสดังกล่าวอีกด้วย ที่น่าตกใจก็คือ เขาเป็นบุคคลที่รับผิดชอบด้านการพัฒนาทางคลินิกของยาวิเศษ "RADEXIVIR" เป็นไป อย่างที่โบราณว่าไว้ คนที่วางยาพิษก่อนอื่นต้องเตรียม# ยาแก้พิษไว้ก่อนเสมอ!!! - ยา RIDESIVIR ภายหลังจากปฏิบัติการทางคลินิกและถูกตั้งข้อสงสัยโดยผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยของมันจึงทำให้ตกกระป๋องไปพร้อมๆ กับการแพร่ระบาดที่ลุกลามออกไปทั่วโลก ***อเมริกากลายเป็น “ศูนย์กลางการล้างโลก” ไปแล้ว - การแพร่ระบาดในช่วงแรกของอเมริกา ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ได้ให้ความสาคัญกับมันเลยโดยมองว่า เป็นไข้หวัดใหญ่ที่หนักกว่าปกติเท่านั้นเพราะรู้อยู่แก่ใจว่าคนของตนเองผลิตมันขึ้นมาจนกระทั่งเพื่อนรักของเขา คือ "นายสแตนลี่ย์ เชล่า" เจ้าพ่อวงการอสังหาริมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่แห่งนิวยอร์กเสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโควิด19 >>>>ถึงเวลานี้จีนได้ฟ้องร้องต่อศาลโลกว่า อเมริกาเป็นต้นเหตุในการแพร่เชื้อไวรัสโควิด 19 อย่างตั้งใจ เพื่อทำลายล้างจีนและ ปชช ทั่วโลก*** >>>ตอนนี้คงต้องรอดูการสืบสวนของศาลโลกว่า จะตัดสินออกมาเช่นไร? ซึ่งถึง ณ เวลานี้ ทรัมป์เริ่มรู้สึกตัวและให้ความสาคัญในระดับสูง #แต่ว่าสายไปเสียแล้ว!!! **Ny Ny* ขอบคุณข้อมูลจาก นพ.ขวัญชัย เสธนันท์
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส เรียกร้องในวันเสาร์ (5 ต.ค.) ให้ระงับป้อนอาวุธแก่อิสราเอลที่ใช้ในฉนวนกาซา ความเคลื่อนไหวที่กระตุ้นเสียงตอบโต้อย่างดุเดือดจากเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล
    .
    นอกจากนี้ มาครง ยังวิพากษ์วิจารณ์อิสราเอล ต่อการตัดสินใจเปิดปฏิบัติการทางภาคพื้นที่ในเลบานอนด้วยเช่นกัน "ผมคิดว่าวันนี้ เป้าหมายลำดับต้นๆ คือการกลับสู่ทางออกทางการเมือง เราควรหยุดป้อนอาวุธที่ใช้สู้รบในกาซา" ผู้นำฝรั่งเศสให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแดนน้ำหอม "ฝรั่งเศสจะไม่ป้อนอาวุธใดๆ"
    .
    มาครง เน้นย้ำความกังวลของเขาที่มีต่อความขัดแย้งในกาซาที่ยังคงเป็นไปอย่างเลวร้าย แม้มีเสียงเรียกร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าสำหรับข้อตกลงหยุดยิง "เราคิดว่าพวกเขาไม่ได้ยินเสียงของเรา ผมคิดว่ามันคือความผิดพลาด ในนั้นรวมถึงสำหรับความมั่นคงของอิสราเอล" เขากล่าว พร้อมระบุว่าความขัดแย้งกำลังนำมาซึ่งความเกลียดชัง
    .
    ความเห็นของเขาเรียกเสียงตอบโต้อย่างดุเดือดมาจาก เนทันยาฮู "ในขณะที่อิสราเอลกำลังสู้รบกับกองกำลังที่ป่าเถื่อนทั้งหลายที่นำโดยอิหร่าน พวกประเทศศิวิไลซ์ทั้งหมดควรยืนหยัดอยู่เคียงข้างอิสราเอล" เนทันยาฮูระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่โดยทำเนียบนายกรัฐมตรีอิสราเอล "แต่ประธานาธิบดีมาครง และพวกผู้นำตะวันตกคนอื่นๆ ตอนนี้กลับมาเรียกร้องให้ใช้มาตรการปิดล้อมทางอาวุธกับอิสราเอล พวกเขามันน่าอดสู"
    .
    อิสราเอลสู้รบในสงครามในหลายแนวหน้ากับบรรดากลุ่มติดอาวุธทั้งหลายที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน คู่อริตัวฉกาจ
    .
    ทำเนียบของประธานาธิบดีมาครง เผยแพร่ถ้อยแถลงของตนเองเช่นกันในช่วงค่ำวันเสาร์ (5 ต.ค.) ตอบโต้ความเห็นของผู้นำอิสราเอล "ฝรั่งเศสเป็นมิตรที่แน่วแน่ของอิสราเอล" พร้อมระบุปฏิกิริยาตอบสนองของเนทันยาฮู "นั้นเลยเถิดเกินไปและไม่ใกล้เคียงความเป็นมิตรระหว่างฝรั่งเศสกับอิสราเอล"
    .
    ระหว่างการให้สัมภาษณ์ มาครง ยังบอกว่าควรให้ความสำคัญลำดับต้นๆ ในการหลีกเลี่ยงสถานการณ์ลุกลามบานปลายในเลบานอน "เลบานอนไม่อาจเป็นอีกหนึ่งกาซา" เขากล่าว พร้อมเน้นย้ำเสียงเรียกร้องของปารีสและวอชิงตันเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง "ผมเสียใจที่นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูเลือกทางเลือกอื่น เขาต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับปฏิบัติการทางภาคพื้นในแผ่นดินของเลบานอน"
    .
    สมาชิก 88 รัฐขององค์การระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส (OIF) ในนั้นรวมถึงฝรั่งเศสและแคนาดา เรียกร้องการหยุดยิงในทันทีและยั่งยืนในเลบานอน อย่างไรก็ตาม มาครง เน้นย้ำเกี่ยวกับสิทธิในการป้องกันตนเองของอิสราเอล และเปิดเผยว่าเขาจะพบปะกับบรรดาญาติๆ ของตัวประกันเชื้อสายฝรั่งเศส-อิสราอล ที่เคยถูกควบคุมตัวในกาซา ในวันจันทร์ (7 ต.ค.)
    .
    ในวันจันทร์ (7 ต.ค.) ถือเป็นวาระครบรอบ 1 ปี ที่อิสราเอลถูกพวกนักรบปาเลสไตน์ฮามาสบุกจู่โจมอย่างไม่คาดคิดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 โหมกระพือสงครามในกาซา และเวลานี้แผ่ลามไปยังเลบานอน ประเทศที่อยู่ติดกัน ก่อวิกฤตในภูมิภาค
    .
    ผลจากปฏิบัติการโจมตีของฮามาส ได้ปลิดชีพไป 1,205 คนในอิสราเอล ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ในขณะที่ปฏิบัติการรุกรานแก้แค้นของอิสราเอลถล่มกาซา ได้สังหารไปแล้วอย่างน้อย 41,825 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือนเช่นกัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000094758
    ..................
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส เรียกร้องในวันเสาร์ (5 ต.ค.) ให้ระงับป้อนอาวุธแก่อิสราเอลที่ใช้ในฉนวนกาซา ความเคลื่อนไหวที่กระตุ้นเสียงตอบโต้อย่างดุเดือดจากเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล . นอกจากนี้ มาครง ยังวิพากษ์วิจารณ์อิสราเอล ต่อการตัดสินใจเปิดปฏิบัติการทางภาคพื้นที่ในเลบานอนด้วยเช่นกัน "ผมคิดว่าวันนี้ เป้าหมายลำดับต้นๆ คือการกลับสู่ทางออกทางการเมือง เราควรหยุดป้อนอาวุธที่ใช้สู้รบในกาซา" ผู้นำฝรั่งเศสให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแดนน้ำหอม "ฝรั่งเศสจะไม่ป้อนอาวุธใดๆ" . มาครง เน้นย้ำความกังวลของเขาที่มีต่อความขัดแย้งในกาซาที่ยังคงเป็นไปอย่างเลวร้าย แม้มีเสียงเรียกร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าสำหรับข้อตกลงหยุดยิง "เราคิดว่าพวกเขาไม่ได้ยินเสียงของเรา ผมคิดว่ามันคือความผิดพลาด ในนั้นรวมถึงสำหรับความมั่นคงของอิสราเอล" เขากล่าว พร้อมระบุว่าความขัดแย้งกำลังนำมาซึ่งความเกลียดชัง . ความเห็นของเขาเรียกเสียงตอบโต้อย่างดุเดือดมาจาก เนทันยาฮู "ในขณะที่อิสราเอลกำลังสู้รบกับกองกำลังที่ป่าเถื่อนทั้งหลายที่นำโดยอิหร่าน พวกประเทศศิวิไลซ์ทั้งหมดควรยืนหยัดอยู่เคียงข้างอิสราเอล" เนทันยาฮูระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่โดยทำเนียบนายกรัฐมตรีอิสราเอล "แต่ประธานาธิบดีมาครง และพวกผู้นำตะวันตกคนอื่นๆ ตอนนี้กลับมาเรียกร้องให้ใช้มาตรการปิดล้อมทางอาวุธกับอิสราเอล พวกเขามันน่าอดสู" . อิสราเอลสู้รบในสงครามในหลายแนวหน้ากับบรรดากลุ่มติดอาวุธทั้งหลายที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน คู่อริตัวฉกาจ . ทำเนียบของประธานาธิบดีมาครง เผยแพร่ถ้อยแถลงของตนเองเช่นกันในช่วงค่ำวันเสาร์ (5 ต.ค.) ตอบโต้ความเห็นของผู้นำอิสราเอล "ฝรั่งเศสเป็นมิตรที่แน่วแน่ของอิสราเอล" พร้อมระบุปฏิกิริยาตอบสนองของเนทันยาฮู "นั้นเลยเถิดเกินไปและไม่ใกล้เคียงความเป็นมิตรระหว่างฝรั่งเศสกับอิสราเอล" . ระหว่างการให้สัมภาษณ์ มาครง ยังบอกว่าควรให้ความสำคัญลำดับต้นๆ ในการหลีกเลี่ยงสถานการณ์ลุกลามบานปลายในเลบานอน "เลบานอนไม่อาจเป็นอีกหนึ่งกาซา" เขากล่าว พร้อมเน้นย้ำเสียงเรียกร้องของปารีสและวอชิงตันเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง "ผมเสียใจที่นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูเลือกทางเลือกอื่น เขาต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับปฏิบัติการทางภาคพื้นในแผ่นดินของเลบานอน" . สมาชิก 88 รัฐขององค์การระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส (OIF) ในนั้นรวมถึงฝรั่งเศสและแคนาดา เรียกร้องการหยุดยิงในทันทีและยั่งยืนในเลบานอน อย่างไรก็ตาม มาครง เน้นย้ำเกี่ยวกับสิทธิในการป้องกันตนเองของอิสราเอล และเปิดเผยว่าเขาจะพบปะกับบรรดาญาติๆ ของตัวประกันเชื้อสายฝรั่งเศส-อิสราอล ที่เคยถูกควบคุมตัวในกาซา ในวันจันทร์ (7 ต.ค.) . ในวันจันทร์ (7 ต.ค.) ถือเป็นวาระครบรอบ 1 ปี ที่อิสราเอลถูกพวกนักรบปาเลสไตน์ฮามาสบุกจู่โจมอย่างไม่คาดคิดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 โหมกระพือสงครามในกาซา และเวลานี้แผ่ลามไปยังเลบานอน ประเทศที่อยู่ติดกัน ก่อวิกฤตในภูมิภาค . ผลจากปฏิบัติการโจมตีของฮามาส ได้ปลิดชีพไป 1,205 คนในอิสราเอล ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ในขณะที่ปฏิบัติการรุกรานแก้แค้นของอิสราเอลถล่มกาซา ได้สังหารไปแล้วอย่างน้อย 41,825 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือนเช่นกัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000094758 .................. Sondhi X
    Like
    Yay
    Haha
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1407 มุมมอง 0 รีวิว
  • มนุษย์ชอบตัดสินผู้อื่นโดยใช้ความชั่ว
    และกิเลสของตัวเองเป็นที่ตั้ง
    ชอบใช้บริบทในปัจจุบัน
    ไปตัดสินคนในอดีตเป็นสิ่งที่โง่
    และมนุษย์แบบนี้ไม่ควรเป็นนักเขียน
    เพราะจะเผยแพร่ความชั่ว
    และความเข้าผิดใจในสังคมได้มาก
    มนุษย์พวกนี้แหละคือผู้สร้าง Toxic Propaganda
    สร้างกับดักว่าเป็น วิทยานิพนธ์ชั้นเลิศ อันดับ 1
    🍓ว่า Best Sales , New Arrival
    เพื่อดึงดูด
    เพราะมันจะต้องมีใครสักคนที่เชื่อแหละ
    ข่าวลือถูกเล่าโดยคนที่เกลียด
    แพร่กระจายโดยคนโง่
    ถูกเชื่อโดยคนปัญญาอ่อน

    เป็นวิทยานิพนธ์ชั้นเลิศ
    ที่ต้องหาที่อยู่ที่เหมาะสมให้เขา
    ก็คือ “ถังขยะ” 👏🏻👏🏻

    ผู้ถูกกล่าวถึง ท่านเคยกล่าวว่า
    “กว่าคนจะรู้ว่าฉันทำอะไรให้บ้านเมือง
    ก็เวลาล่วงไปกว่าร้อยปี” มันก็จริงนะ

    เราเทิดทูนท่านมาก
    ช่วงระยะเวลา 20 กว่าปี +
    ที่อ่านหนังสือเกี่ยวกับงานของท่าน
    แล้วพอมาเจอหนังสือที่เรียกว่า
    Toxic Propaganda แต่ก่อนกาล
    ช่างต่างเหลือเกินเทียบไทม์ไลน์
    เหตุผล อุปสงค์-อุปทานแล้ว
    ยิ่งรักท่านมากกว่าเดิม
    และท่านต้องมีขันติสูงจริงๆ
    ความฉลาดมองการไกลล่วงหน้าว่า
    ร้อยปีทุกอย่างมันจะเปลี่ยน

    Toxic พวกนั้นทำลายความจริงที่เป็นรูปธรรมไม่ได้ ทำทำลายความดีของสถาบันไม่ได้ นอกจากจะล้างสมอง Gen Y ไม่ได้แล้ว
    ยิ่งทำให้รักและเทิดทูนท่านมากกว่าเดิม
    😆😆😆😆😆😆😆😆😆😆
    #ด้อยค่าเจ้ายังไง #ให้โดนรุมด่า
    #สะใจว่ะ
    มนุษย์ชอบตัดสินผู้อื่นโดยใช้ความชั่ว และกิเลสของตัวเองเป็นที่ตั้ง ชอบใช้บริบทในปัจจุบัน ไปตัดสินคนในอดีตเป็นสิ่งที่โง่ และมนุษย์แบบนี้ไม่ควรเป็นนักเขียน เพราะจะเผยแพร่ความชั่ว และความเข้าผิดใจในสังคมได้มาก มนุษย์พวกนี้แหละคือผู้สร้าง Toxic Propaganda สร้างกับดักว่าเป็น วิทยานิพนธ์ชั้นเลิศ อันดับ 1 🍓ว่า Best Sales , New Arrival เพื่อดึงดูด เพราะมันจะต้องมีใครสักคนที่เชื่อแหละ ข่าวลือถูกเล่าโดยคนที่เกลียด แพร่กระจายโดยคนโง่ ถูกเชื่อโดยคนปัญญาอ่อน เป็นวิทยานิพนธ์ชั้นเลิศ ที่ต้องหาที่อยู่ที่เหมาะสมให้เขา ก็คือ “ถังขยะ” 👏🏻👏🏻 ผู้ถูกกล่าวถึง ท่านเคยกล่าวว่า “กว่าคนจะรู้ว่าฉันทำอะไรให้บ้านเมือง ก็เวลาล่วงไปกว่าร้อยปี” มันก็จริงนะ เราเทิดทูนท่านมาก ช่วงระยะเวลา 20 กว่าปี + ที่อ่านหนังสือเกี่ยวกับงานของท่าน แล้วพอมาเจอหนังสือที่เรียกว่า Toxic Propaganda แต่ก่อนกาล ช่างต่างเหลือเกินเทียบไทม์ไลน์ เหตุผล อุปสงค์-อุปทานแล้ว ยิ่งรักท่านมากกว่าเดิม และท่านต้องมีขันติสูงจริงๆ ความฉลาดมองการไกลล่วงหน้าว่า ร้อยปีทุกอย่างมันจะเปลี่ยน Toxic พวกนั้นทำลายความจริงที่เป็นรูปธรรมไม่ได้ ทำทำลายความดีของสถาบันไม่ได้ นอกจากจะล้างสมอง Gen Y ไม่ได้แล้ว ยิ่งทำให้รักและเทิดทูนท่านมากกว่าเดิม 😆😆😆😆😆😆😆😆😆😆 #ด้อยค่าเจ้ายังไง #ให้โดนรุมด่า #สะใจว่ะ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts