• แกะรอยเก่า ตอนที่ 5
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 5
    เมื่อครอบครัว Kenneth กลับมาถึงอเมริกา นาย Kenneth กลับไปทำปริญญาเอกต่อที่มหาวิทยาลัย Chicago เมื่อได้ปริญญา เขาก็รีบหางาน เพราะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจอเมริกากำลังตกสะเก็ด งานที่เขาคิดจะทำและน่าจะสมประโยชน์ คือ ไปติดต่อมหาวิทยาลัยดังๆ ในอเมริกา ให้ตั้งแผนก Southeast Asian Studies ด้วยหนังสือที่จะได้รับมาจากกรมพระยาดำรงฯ โดยเขาจะเป็นหัวหน้าแผนกวิชา เขาไปทุกมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสี ยง เช่น Princeton, Columbia, Yale, Pennsylvania, Harvard และ Chicago ฯลฯ แต่ไม่เป็นผลไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครรู้จัก สยาม รู้จักแต่จีนและเวียตนาม ส่วนใหญ่จะรู้จักประเทศที่เป็นอาณานิคม
    มหาวิทยาลัยต่างๆนี้มันอยู่ไกล กันคนละเมือง งานก็ไม่มีทำ เงินก็ไม่มี แล้วเดินทางได้ยังไง น่าสงสัยจริง แล้วนาย Kenneth ก็สารภาพมาเองว่า ที่เขาสามารถเดินทางไปติดต่อมหาวิทยาลัยต่างๆ ได้ เพราะเขาได้รับการเงินทุนสนับสนุน จาก the American Council of Learned Societies สมาคมนี้เป็นสมาคมเก่า ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1919 โดยผู้รักการศึกษาและคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ ทางด้านมนุษย์วิทยาและสังคมวิทยา และเน้นหนักทางเอเซียตะวันออกและลาตินอเมริกา ตั้งแต่ช่วง ค.ศ.1930 กว่า สมาคมนี้มีผู้อุปถัมภ์รายใหญ่ ชื่อนาย John D. Rockefeller (เขียนมาถึงตรงนี้ นักอ่านนิทานจมูกไว ร้องอ๋อกันเป็นแถว บอกไม่ต้องอ่านก็ต่อได้ แค่นี้ก็รู้เรื่องแล้ว เอาน่า อ่านต่อไปเถอะครับ มันอาจจะมีมากว่าที่นึกก็ได้)
    หมดท่าเข้านาย Kenneth จึงสมัครเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ชื่อ Earlham College ในปี ค.ศ. 1939 ขณะเดียวกัน ก็เป็นอาจารย์พิเศษสอนวิชาปรัชญาจีนบ้าง อินเดียบ้าง ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ
    ขณะนั้นสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้นแล้ว แต่ยังเล่นยิงกันอยู่แถวยุโรป อเมริกายังสงวนท่าที ทำเป็นเฉยไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้อง วันหนึ่งประมาณปลายปี ค.ศ. 1941 ระหว่างที่ครอบครัว Kenneth ไปพักผ่อนที่ทะเลสาบแถว Michigan ขณะเขากำลังพายเรืออยู่กับลูกในทะเลสาบ เมียก็มาตะโกนบอกว่า มีโทรศัพท์ถึงเขาจากวอชิงตัน ให้เขาโทรกลับไป นาย Kenneth บอกไม่รู้จักใครเลยที่วอชิงตัน แต่เขาก็โทรกลับไป เขาบอกว่าโทรศัพท์ครั้งนี้ได้เปลี่ยนชีวิตเขาโดยสิ้นเชิง (เป็นไปตามแผน !?)
    เมื่อเขาโทรศัพท์ไปที่วอชิงตันตามหมายเลขที่ให้ไว้ คนที่รับโทรศัพท์บอกว่าเป็นนายพล Donovan และพูดในฐานะตัวแทนของประธานาธิบดี Roosevelt นาย Kenneth แทบหยุดหายใจ ท่านนายพลต้องการให้นาย Kenneth มากรุงวอชิงตันเดี๋ยวนี้เลย (โอ้พระเจ้า แล้ววันที่รอคอยก็มาถึง มันเรื่องจริงหรือนี่ นาย Kenneth คงคิดอยู่ในใจ) เพื่อมารายงานเกี่ยวกับเรื่องญี่ปุ่นและอินโดจีนให้ประธานาธิบดีทราบ
    นาย Kenneth นี้ต้องเป็นคนรอบคอบ (เค็ม !) เอาเรื่อง ขนาดบอกประธานาธิบดีให้ไปพบ เขากลับถามว่าออกค่าใช้จ่ายให้เขาหรือเปล่า และต่อรองเรื่องค่าจ้างก่อนที่จะตอบตกลง เมื่อตกลงเรื่องค่าจ้างได้ เขาจึงตอบตกลงว่าจะไปพบ
    ประธานาธิบดี Roosevelt ต้องการรู้ว่า ญี่ปุ่นมีความคิดเกี่ยวกับอินโดจีนอย่างไร และมีความตั้งใจเกี่ยวกับประเทศไทยอย่างไร และถ้าญี่ปุ่นคิดจะบุกประเทศไทย จะบุกมาทางใดและช่วงเวลาไหน ฯลฯ คำถามแบบนี้ นาย Kenneth บอกหมูสะเต๊ะ เขารู้คำตอบตั้งแต่ก่อนจะถามแล้ว
    เรื่องมันจะบังเอิญไปหน่อยหรือเปล่านะ นาย Kenneth เล่าว่า เมื่อประธานาธิบดีต้องการรู้เช่น นั้น ลูกน้องก็ตาหูเหลือก ไม่มีใครรู้จักสยามเลย รู้จักญี่ปุ่นนิดหน่อย นาย Donovan (ชื่อเต็มคือนาย William Donovan หรือ Wild Bill Donovan) ซึ่งได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดี ให้เป็นผู้วางแผนยุทธศาสตร์การรบ ก็ต้องไปเดินคลำหาคนที่รู้จักสยาม แห่งแรกที่เขาไป คือ ห้องสมุดรัฐสภา Library of Congress หัวหน้าห้องสมุดชื่อนาย Ernest Griffith บอกว่าที่นี่ไม่มีใครรู้เรื่องสยามกับอินโดจีนหรอก นู่น คุณลองไปถามที่ American Council of Learned Societies ดูซินะ มันพวกคงแก่เรียนทั้งนั้นที่นั่น แหละ ที่เดียวที่น่าจะรู้เรื่อง แหม ! ยังกะล็อคโผ ไปถามหานาย Mortimer Graves นะ เขาคงจะรู้ที่สุดแหละ คำตอบที่นาย Donovan ได้จากนาย Graves ก็คือ น่าจะมีคนเดียวนะ ชื่อนาย Kenneth Landon ไปติดต่อเขาดูแล้วกัน นาย Donovan บอกงั้นเขาจะให้ฝ่ายข่าวกรองตรวจสอบประวัตินาย Landon นี่ก่อน ว่าเป็นตัวจริงเสียงจริงที่รู้เรื่องสยาม อินโดจีน และญี่ปุ่นหรือเปล่า
    (หมายเหตุคนเล่านิทาน : ผมเพิ่งไปอ่านเจอเอกสารฉบับหนึ่ง บอกว่านาย Donovan เป็นเครือข่ายของพวก CFR ! หน่วยงานที่อยากให้อเมริกา ค้าสงคราม เลยต้องทำความรู้จักเขาหน่อย นาย William J. Donovan จบกฏหมายจากมหาวิทยาลัย Columbia ตอนเรียนหนังสือมีเพื่อนร่วมชั้นชื่อนาย Franklin Delano Roosevelt เมื่อเรียนจบมา ก่อนเปลี่ยนเข็มไปเป็นทหาร เขาทำอาชีพนักกฏหมายตามที่เรียนมาก่อน ประสพความสำเร็จอย่างสูงจากฝีมือ และฝีปาก ซึ่งดังไปเข้าหูนาย Rockefeller จึงจ้างเขาไปทำงาน “War Relief Mission” ในยุโรป พูดให้เฉพาะก็คือไปอยู่ที่ Belgium ประเทศที่มีเมืองหลวงชื่อ Brussel ที่เป็นที่ตั้งชุมทางนักล่าชั้น สูง สมาคม Bilderberg นั่นเหละ War Relief หรือ เรียกอีกชื่อว่า American Relief นี้ ไม่รู้ทำอะไรมั่ง จะต้องไปตามสืบต่อ แต่ทำให้นาย Donovan ต้องอยู่แถวยุโรปอยู่หลายปี และทำให้เขามีโอกาสรู้จักผู้ที่ ไปมาแถวยุโรปมากมาย คนหนึ่งคือนาย William Stephenson เป็นชาวแคนาดา ซึ่งเป็นสายลับตัวฉกาจ ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำงานประสานระหว่างยุโรปกับอเมริกา เขาเขียนหนังสือชีวประวัติของตัวเองไว้ชื่อ The Man Called Intrepid (ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงนำมาแปลเป็นไทย และทรงตั้งชื่อเรื่องว่า “นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ”) ต่อมานักเขียนชื่อดัง Ian Fleming นำมาดัดแปลงเป็นบุคลิกของพระเอก James Bond สายลับ 007
    เมื่อนาย Donovan จะต้องตั้งหน่วยงาน OSS สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นาย Stephenson นี้มีส่วนช่วยอย่างสำคัญ เรื่องของนาย Donovan เองก็โลดโผนโจนทยานไม่น้อย เรียกว่าเอาไปเป็นพระเอกหนังบู๊ปนรักหักเหลี่ยมสายลับได้อย่างสบาย ไม่แพ้ James Bond เหมือนกัน ไม่รู้หลุดมือนักสร้างหนัง Hollywood มาได้ไง)
    เมื่อฝ่ายข่าวกรองโทรไปตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ทุกมหาวิทยาลัยตอบเหมือนกันหมดว่า ถ้าจะมีคนรู้เรื่องสยามกับอินโดจีน ก็น่าจะเป็นนาย Kenneth นี่แหละ (ก็จะไม่ใช่ได้ยังไง เดินสายขอให้มหาวิทยาลัยต่างๆ ตั้ง Southeast Asian Studies อยู่เป็นปี !) แล้วนาย Kenneth ก็ถูกโทรศัพท์ตามตัวจากทะเลสาบ Michigan ให้มาพบประธานาธิบดี Roosevelt
    ส่วนคำตอบของนาย Kenneth เกี่ยวกับญี่ปุ่นนั้น นาย Kenneth บอกเขาไม่รู้หรอกว่าญี่ปุ่นคิดอย่างไรกับไทย แต่รู้ว่าถ้าญี่ปุ่นจะบุกไทย ถ้าญี่ปุ่นฉลาด ญี่ปุ่นน่าจะมาช่วงเดือนธันวาคมถึงเมษายน เพราะก่อนหน้านั้นเป็นหน้ามรสุม ฝนตกชุก! ไม่น่ามีใครบ้าเคลื่อนทัพ และขนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์ของหนัก ระหว่างฝนตกน้ำท่วม รถแท๊งค์ ปืนใหญ่จมโคลนหมด คำถามต่อไปว่า แล้วถ้าญี่ปุ่นจะมาทางรถ จะขับมาได้ถึงไหน นาย Kenneth บอกญี่ปุ่นไม่น่าจะใช้ทางหลวง เพราะเป็นเป้า น่าจะมาทางป่าและสามารถใช้จักรยานขี่ผ่านสวนยางไปตลอดทางใต้ถึงแหลมมาลายู ฯลฯ และเมื่อญี่ปุ่นบุกอินโดจีนจริงๆ ญี่ปุ่นไม่ได้ยกพลมาลงที่กรุงเทพ แต่ไปลงที่ Kota Baru ในมาลายู และขนเอาจักรยานมาด้วย ขี่ลงใต้ไปจนถึงแหลมมาลายู (ฟังดูแล้วคำถามของอเมริกานี่พื้นมาก ไม่น่าจะเป็นคำถามของพี่เบิ้มเลย ไม่รู้ว่านาย Kenneth อมข่าวหรือเต้าข่าวให้เราฟังกันแน่)


    คนเล่านิทาน
    แกะรอยเก่า ตอนที่ 5 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 5 เมื่อครอบครัว Kenneth กลับมาถึงอเมริกา นาย Kenneth กลับไปทำปริญญาเอกต่อที่มหาวิทยาลัย Chicago เมื่อได้ปริญญา เขาก็รีบหางาน เพราะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจอเมริกากำลังตกสะเก็ด งานที่เขาคิดจะทำและน่าจะสมประโยชน์ คือ ไปติดต่อมหาวิทยาลัยดังๆ ในอเมริกา ให้ตั้งแผนก Southeast Asian Studies ด้วยหนังสือที่จะได้รับมาจากกรมพระยาดำรงฯ โดยเขาจะเป็นหัวหน้าแผนกวิชา เขาไปทุกมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสี ยง เช่น Princeton, Columbia, Yale, Pennsylvania, Harvard และ Chicago ฯลฯ แต่ไม่เป็นผลไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครรู้จัก สยาม รู้จักแต่จีนและเวียตนาม ส่วนใหญ่จะรู้จักประเทศที่เป็นอาณานิคม มหาวิทยาลัยต่างๆนี้มันอยู่ไกล กันคนละเมือง งานก็ไม่มีทำ เงินก็ไม่มี แล้วเดินทางได้ยังไง น่าสงสัยจริง แล้วนาย Kenneth ก็สารภาพมาเองว่า ที่เขาสามารถเดินทางไปติดต่อมหาวิทยาลัยต่างๆ ได้ เพราะเขาได้รับการเงินทุนสนับสนุน จาก the American Council of Learned Societies สมาคมนี้เป็นสมาคมเก่า ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1919 โดยผู้รักการศึกษาและคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ ทางด้านมนุษย์วิทยาและสังคมวิทยา และเน้นหนักทางเอเซียตะวันออกและลาตินอเมริกา ตั้งแต่ช่วง ค.ศ.1930 กว่า สมาคมนี้มีผู้อุปถัมภ์รายใหญ่ ชื่อนาย John D. Rockefeller (เขียนมาถึงตรงนี้ นักอ่านนิทานจมูกไว ร้องอ๋อกันเป็นแถว บอกไม่ต้องอ่านก็ต่อได้ แค่นี้ก็รู้เรื่องแล้ว เอาน่า อ่านต่อไปเถอะครับ มันอาจจะมีมากว่าที่นึกก็ได้) หมดท่าเข้านาย Kenneth จึงสมัครเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ชื่อ Earlham College ในปี ค.ศ. 1939 ขณะเดียวกัน ก็เป็นอาจารย์พิเศษสอนวิชาปรัชญาจีนบ้าง อินเดียบ้าง ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ขณะนั้นสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้นแล้ว แต่ยังเล่นยิงกันอยู่แถวยุโรป อเมริกายังสงวนท่าที ทำเป็นเฉยไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้อง วันหนึ่งประมาณปลายปี ค.ศ. 1941 ระหว่างที่ครอบครัว Kenneth ไปพักผ่อนที่ทะเลสาบแถว Michigan ขณะเขากำลังพายเรืออยู่กับลูกในทะเลสาบ เมียก็มาตะโกนบอกว่า มีโทรศัพท์ถึงเขาจากวอชิงตัน ให้เขาโทรกลับไป นาย Kenneth บอกไม่รู้จักใครเลยที่วอชิงตัน แต่เขาก็โทรกลับไป เขาบอกว่าโทรศัพท์ครั้งนี้ได้เปลี่ยนชีวิตเขาโดยสิ้นเชิง (เป็นไปตามแผน !?) เมื่อเขาโทรศัพท์ไปที่วอชิงตันตามหมายเลขที่ให้ไว้ คนที่รับโทรศัพท์บอกว่าเป็นนายพล Donovan และพูดในฐานะตัวแทนของประธานาธิบดี Roosevelt นาย Kenneth แทบหยุดหายใจ ท่านนายพลต้องการให้นาย Kenneth มากรุงวอชิงตันเดี๋ยวนี้เลย (โอ้พระเจ้า แล้ววันที่รอคอยก็มาถึง มันเรื่องจริงหรือนี่ นาย Kenneth คงคิดอยู่ในใจ) เพื่อมารายงานเกี่ยวกับเรื่องญี่ปุ่นและอินโดจีนให้ประธานาธิบดีทราบ นาย Kenneth นี้ต้องเป็นคนรอบคอบ (เค็ม !) เอาเรื่อง ขนาดบอกประธานาธิบดีให้ไปพบ เขากลับถามว่าออกค่าใช้จ่ายให้เขาหรือเปล่า และต่อรองเรื่องค่าจ้างก่อนที่จะตอบตกลง เมื่อตกลงเรื่องค่าจ้างได้ เขาจึงตอบตกลงว่าจะไปพบ ประธานาธิบดี Roosevelt ต้องการรู้ว่า ญี่ปุ่นมีความคิดเกี่ยวกับอินโดจีนอย่างไร และมีความตั้งใจเกี่ยวกับประเทศไทยอย่างไร และถ้าญี่ปุ่นคิดจะบุกประเทศไทย จะบุกมาทางใดและช่วงเวลาไหน ฯลฯ คำถามแบบนี้ นาย Kenneth บอกหมูสะเต๊ะ เขารู้คำตอบตั้งแต่ก่อนจะถามแล้ว เรื่องมันจะบังเอิญไปหน่อยหรือเปล่านะ นาย Kenneth เล่าว่า เมื่อประธานาธิบดีต้องการรู้เช่น นั้น ลูกน้องก็ตาหูเหลือก ไม่มีใครรู้จักสยามเลย รู้จักญี่ปุ่นนิดหน่อย นาย Donovan (ชื่อเต็มคือนาย William Donovan หรือ Wild Bill Donovan) ซึ่งได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดี ให้เป็นผู้วางแผนยุทธศาสตร์การรบ ก็ต้องไปเดินคลำหาคนที่รู้จักสยาม แห่งแรกที่เขาไป คือ ห้องสมุดรัฐสภา Library of Congress หัวหน้าห้องสมุดชื่อนาย Ernest Griffith บอกว่าที่นี่ไม่มีใครรู้เรื่องสยามกับอินโดจีนหรอก นู่น คุณลองไปถามที่ American Council of Learned Societies ดูซินะ มันพวกคงแก่เรียนทั้งนั้นที่นั่น แหละ ที่เดียวที่น่าจะรู้เรื่อง แหม ! ยังกะล็อคโผ ไปถามหานาย Mortimer Graves นะ เขาคงจะรู้ที่สุดแหละ คำตอบที่นาย Donovan ได้จากนาย Graves ก็คือ น่าจะมีคนเดียวนะ ชื่อนาย Kenneth Landon ไปติดต่อเขาดูแล้วกัน นาย Donovan บอกงั้นเขาจะให้ฝ่ายข่าวกรองตรวจสอบประวัตินาย Landon นี่ก่อน ว่าเป็นตัวจริงเสียงจริงที่รู้เรื่องสยาม อินโดจีน และญี่ปุ่นหรือเปล่า (หมายเหตุคนเล่านิทาน : ผมเพิ่งไปอ่านเจอเอกสารฉบับหนึ่ง บอกว่านาย Donovan เป็นเครือข่ายของพวก CFR ! หน่วยงานที่อยากให้อเมริกา ค้าสงคราม เลยต้องทำความรู้จักเขาหน่อย นาย William J. Donovan จบกฏหมายจากมหาวิทยาลัย Columbia ตอนเรียนหนังสือมีเพื่อนร่วมชั้นชื่อนาย Franklin Delano Roosevelt เมื่อเรียนจบมา ก่อนเปลี่ยนเข็มไปเป็นทหาร เขาทำอาชีพนักกฏหมายตามที่เรียนมาก่อน ประสพความสำเร็จอย่างสูงจากฝีมือ และฝีปาก ซึ่งดังไปเข้าหูนาย Rockefeller จึงจ้างเขาไปทำงาน “War Relief Mission” ในยุโรป พูดให้เฉพาะก็คือไปอยู่ที่ Belgium ประเทศที่มีเมืองหลวงชื่อ Brussel ที่เป็นที่ตั้งชุมทางนักล่าชั้น สูง สมาคม Bilderberg นั่นเหละ War Relief หรือ เรียกอีกชื่อว่า American Relief นี้ ไม่รู้ทำอะไรมั่ง จะต้องไปตามสืบต่อ แต่ทำให้นาย Donovan ต้องอยู่แถวยุโรปอยู่หลายปี และทำให้เขามีโอกาสรู้จักผู้ที่ ไปมาแถวยุโรปมากมาย คนหนึ่งคือนาย William Stephenson เป็นชาวแคนาดา ซึ่งเป็นสายลับตัวฉกาจ ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำงานประสานระหว่างยุโรปกับอเมริกา เขาเขียนหนังสือชีวประวัติของตัวเองไว้ชื่อ The Man Called Intrepid (ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงนำมาแปลเป็นไทย และทรงตั้งชื่อเรื่องว่า “นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ”) ต่อมานักเขียนชื่อดัง Ian Fleming นำมาดัดแปลงเป็นบุคลิกของพระเอก James Bond สายลับ 007 เมื่อนาย Donovan จะต้องตั้งหน่วยงาน OSS สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นาย Stephenson นี้มีส่วนช่วยอย่างสำคัญ เรื่องของนาย Donovan เองก็โลดโผนโจนทยานไม่น้อย เรียกว่าเอาไปเป็นพระเอกหนังบู๊ปนรักหักเหลี่ยมสายลับได้อย่างสบาย ไม่แพ้ James Bond เหมือนกัน ไม่รู้หลุดมือนักสร้างหนัง Hollywood มาได้ไง) เมื่อฝ่ายข่าวกรองโทรไปตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ทุกมหาวิทยาลัยตอบเหมือนกันหมดว่า ถ้าจะมีคนรู้เรื่องสยามกับอินโดจีน ก็น่าจะเป็นนาย Kenneth นี่แหละ (ก็จะไม่ใช่ได้ยังไง เดินสายขอให้มหาวิทยาลัยต่างๆ ตั้ง Southeast Asian Studies อยู่เป็นปี !) แล้วนาย Kenneth ก็ถูกโทรศัพท์ตามตัวจากทะเลสาบ Michigan ให้มาพบประธานาธิบดี Roosevelt ส่วนคำตอบของนาย Kenneth เกี่ยวกับญี่ปุ่นนั้น นาย Kenneth บอกเขาไม่รู้หรอกว่าญี่ปุ่นคิดอย่างไรกับไทย แต่รู้ว่าถ้าญี่ปุ่นจะบุกไทย ถ้าญี่ปุ่นฉลาด ญี่ปุ่นน่าจะมาช่วงเดือนธันวาคมถึงเมษายน เพราะก่อนหน้านั้นเป็นหน้ามรสุม ฝนตกชุก! ไม่น่ามีใครบ้าเคลื่อนทัพ และขนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์ของหนัก ระหว่างฝนตกน้ำท่วม รถแท๊งค์ ปืนใหญ่จมโคลนหมด คำถามต่อไปว่า แล้วถ้าญี่ปุ่นจะมาทางรถ จะขับมาได้ถึงไหน นาย Kenneth บอกญี่ปุ่นไม่น่าจะใช้ทางหลวง เพราะเป็นเป้า น่าจะมาทางป่าและสามารถใช้จักรยานขี่ผ่านสวนยางไปตลอดทางใต้ถึงแหลมมาลายู ฯลฯ และเมื่อญี่ปุ่นบุกอินโดจีนจริงๆ ญี่ปุ่นไม่ได้ยกพลมาลงที่กรุงเทพ แต่ไปลงที่ Kota Baru ในมาลายู และขนเอาจักรยานมาด้วย ขี่ลงใต้ไปจนถึงแหลมมาลายู (ฟังดูแล้วคำถามของอเมริกานี่พื้นมาก ไม่น่าจะเป็นคำถามของพี่เบิ้มเลย ไม่รู้ว่านาย Kenneth อมข่าวหรือเต้าข่าวให้เราฟังกันแน่) คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 308 Views 0 Reviews
  • เกาะกูด (Koh Kood) เป็นเกาะสวยงามในจังหวัดตราด ทางภาคตะวันออกของไทย ขึ้นชื่อเรื่องธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ชายหาดขาวสะอาด และน้ำทะเลใสสีมรกต! **นี่คือสถานที่ท่าสนใจและกิจกรรมแนะนำในบริเวณเกาะกูด:**

    1. **ชายหาดสวยงาม:**
    * **หาดตาดใหญ่ (Tad Mai Beach):** หาดหลักที่ยาวและสวยที่สุดของเกาะ มีทรายขาวละเอียด น้ำใส บรรยากาศสงบ ร้านอาหารและที่พักตั้งเรียงราย (แต่ไม่หนาแน่นเหมือนเกาะอื่น) เหมาะสำหรับว่ายน้ำและพักผ่อน
    * **หาดคลองเจ้า (Klong Chao Beach):** เป็นส่วนหนึ่งของอ่าวคลองเจ้า มีทรายขาวนุ่ม น้ำใสเงียบสงบ เป็นที่ตั้งของรีสอร์ทระดับหรูหลายแห่ง และเป็นจุดเริ่มต้นไปน้ำตกคลองเจ้า
    * **หาดบางเบ้า (Bang Bao Beach):** ชายหาดโค้งรูปครึ่งวงกลม น้ำตื้นใสสีฟ้าเขียวสวยมาก เหมาะสำหรับเล่นน้ำและพักผ่อน บรรยากาศโรแมนติก โดยเฉพาะเวลาพระอาทิตย์ตก
    * **หาดหมาก (Mak Beach):** หาดยาวเงียบสงบ ทรายขาวละเอียด น้ำใสสวย อยู่ทางตะวันออกของเกาะ บรรยากาศเป็นส่วนตัวมากกว่า
    * **หาดเต่า (Tao Beach):** หาดเล็กสวยรูปทรงโค้งมน ทรายขาวละเอียด น้ำใสมาก เหมาะสำหรับการพักผ่อนอย่างแท้จริง

    2. **น้ำตกธรรมชาติ:**
    * **น้ำตกคลองเจ้า (Klong Chao Waterfall):** น้ำตกชื่อดังและสวยที่สุดของเกาะกูด มีถึง 3 ชั้น ชั้นบนสุดสูงประมาณ 15 เมตร สามารถลงเล่นน้ำในแอ่งน้ำกว้างได้ (โดยเฉพาะชั้นล่าง) เดินเท้าเข้าจากหาดคลองเจ้าไม่ไกลมาก หรือล่องเรือคายัคเข้าไปก็ได้
    * **น้ำตกคลองจิต (Klong Jig Waterfall):** น้ำตกขนาดกลางที่สวยงาม มีแอ่งน้ำให้เล่นได้ บรรยากาศร่มรื่น เดินเท้าเข้าไปจากถนนหลัก
    * **น้ำตกค้างคาว (Khao Yai Waterfall):** เป็นน้ำตกขนาดเล็กที่มีความสูงหลายชั้น บางช่วงต้องปีนป่ายเล็กน้อย เหมาะสำหรับคนชอบผจญภัยเบาๆ

    3. **จุดชมวิวและสถานที่สำคัญ:**
    * **จุดชมวิวอ่าวตานิด (Ao Tanit Viewpoint):** จุดชมวิวมุมสูงที่สวยงามมาก เห็นอ่าวตานิดและทะเลสีฟ้าเข้มสลับฟ้าใส มองเห็นเกาะช้างไกลๆ บางวันเห็นได้ชัดเจน
    * **จุดชมวิวเรือรบหลวงประแส (HTMS Prasae Viewpoint):** จุดชมวิวที่มองเห็นทิวทัศน์ทะเลกว้างและเกาะน้อยใหญ่ รวมถึงเห็นซากเรือรบหลวงประแสที่จมอยู่ใต้น้ำ (ต้องดำน้ำดู)
    * **วัดคลองมาด (Wat Khlong Mad):** วัดเพียงแห่งเดียวบนเกาะกูด สถาปัตยกรรมเรียบง่าย สะท้อนวิถีชีวิตชาวบ้าน สงบร่มเย็น
    * **ประภาคารเกาะกูด (Koh Kood Lighthouse):** ตั้งอยู่ทางเหนือสุดของเกาะ เป็นจุดชมวิวทะเลและพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง

    4. **เกาะบริวารและจุดดำน้ำ:**
    * **เกาะกระดาด (Koh Kradat):** เกาะเล็กๆ ใกล้เกาะกูด มีหาดทรายขาวยาว น้ำตื้นใสมาก เหมาะสำหรับเล่นน้ำและพักผ่อน (มักรวมอยู่ในทริป Island Hopping)
    * **เกาะไม้ซี้ (Koh Mai Si):** เกาะหินขนาดเล็กที่มีหาดทรายสวยงาม เป็นจุดดำน้ำตื้นดูปะการังน้ำตื้นและฝูงปลา
    * **เกาะรัง (Koh Rang):** เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง มีแนวปะการังสมบูรณ์สวยงามหลายจุด (เช่น Hin Rap, Hin Sam Sao, Hin Kuak Ma) **เป็นจุดดำน้ำลึก (Scuba Diving) และดำน้ำตื้น (Snorkeling) ที่ดีที่สุดรอบเกาะกูด** มักเห็นเต่าทะเล ปลาสวยงามหลากสี
    * **กองหินริเชลิว (Hin Richelieu Rock):** แหล่งดำน้ำระดับโลกที่อยู่ไม่ไกลจากเกาะกูดมากนัก (ใช้เวลาเรือเร็วประมาณ 1 ชม.) ขึ้นชื่อเรื่องการพบปลามอร์เรย์ยักษ์ ปลาการ์ตูนหลากชนิด และความหลากหลายทางชีวภาพ (เหมาะสำหรับนักดำน้ำที่มีประสบการณ์)

    5. **กิจกรรมน่าสนใจ:**
    * **ล่องเรือคายัค (Kayaking):** ล่องไปตามคลองชลเจ้า (คลองน้ำเค็ม) ที่มีป่าชายเลนสวยงาม เงียบสงบ เห็นระบบนิเวศชายฝั่ง หรือพายไปตามชายหาดต่างๆ
    * **ทริปตกปลา (Fishing Trip):** ออกไปตกปลาทะเลน้ำลึกรอบๆ เกาะกูด
    * **ปั่นจักรยาน/ขับรถ ATV:** สำรวจธรรมชาติและวิถีชีวิตท้องถิ่นภายในเกาะ ซึ่งมีถนนลาดยางบางส่วนและถนนลูกรัง
    * **นวดสปา:** ผ่อนคลายด้วยการนวดแผนไทยหรือสปาในบรรยากาศรีสอร์ทริมทะเล
    * **ชมวิถีชีวิตชาวบ้าน:** ดูสวนยางพารา สวนผลไม้ (เช่น มังคุด เงาะ ทุเรียน) หรือชุมชนประมงเล็กๆ

    **คำแนะนำเพิ่มเติม:**

    * **การเดินทาง:** ไปเกาะกูดค่อนข้างใช้เวลา ต้องนั่งเรือจากท่าเรือแหลมงอบ (ตราด) ประมาณ 1 - 2 ชั่วโมง (แล้วแต่ประเภทเรือ) หรือนั่งเครื่องบินเล็กจากสนามบินอู่ตะเภา (พัทยา) หรือบางแสน มาลงที่เกาะกูดโดยตรง
    * **สภาพเกาะ:** เกาะกูดยังคงความเป็นธรรมชาติสูง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าและภูเขา ถนนบางสายยังเป็นลูกรัง การสัญจรหลักบนเกาะคือรถสองแถวรับจ้าง (Taxi Truck) หรือมอเตอร์ไซค์เช่า
    * **บรรยากาศ:** ค่อนข้างสงบ เงียบ เหมาะสำหรับการพักผ่อนอย่างแท้จริง ไม่เหมาะสำหรับคนที่หาความบันเทิงเริงรมย์แบบเกาะพีพีหรือภูเก็ต
    * **ช่วงเวลา:** ฤดูท่องเที่ยวคือช่วง **พฤศจิกายน - เมษายน** (อากาศดี ทะเลสวย น้ำตกมีน้ำ) ควรหลีกเลี่ยงฤดูมรสุม (พฤษภาคม - ตุลาคม) เพราะลมแรง มีฝนตกหนัก และบางที่พัก/เรืออาจปิดให้บริการ

    เกาะกูดคือสวรรค์ของคนรักธรรมชาติและความสงบ หากคุณกำลังมองหาสถานที่พักผ่อนให้ไกลจากความวุ่นวาย ชายหาดสวยๆ น้ำทะเลใสๆ และธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ เกาะกูดคือตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม!
    เกาะกูด (Koh Kood) เป็นเกาะสวยงามในจังหวัดตราด ทางภาคตะวันออกของไทย ขึ้นชื่อเรื่องธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ชายหาดขาวสะอาด และน้ำทะเลใสสีมรกต! **นี่คือสถานที่ท่าสนใจและกิจกรรมแนะนำในบริเวณเกาะกูด:** 1. **ชายหาดสวยงาม:** * **หาดตาดใหญ่ (Tad Mai Beach):** หาดหลักที่ยาวและสวยที่สุดของเกาะ มีทรายขาวละเอียด น้ำใส บรรยากาศสงบ ร้านอาหารและที่พักตั้งเรียงราย (แต่ไม่หนาแน่นเหมือนเกาะอื่น) เหมาะสำหรับว่ายน้ำและพักผ่อน * **หาดคลองเจ้า (Klong Chao Beach):** เป็นส่วนหนึ่งของอ่าวคลองเจ้า มีทรายขาวนุ่ม น้ำใสเงียบสงบ เป็นที่ตั้งของรีสอร์ทระดับหรูหลายแห่ง และเป็นจุดเริ่มต้นไปน้ำตกคลองเจ้า * **หาดบางเบ้า (Bang Bao Beach):** ชายหาดโค้งรูปครึ่งวงกลม น้ำตื้นใสสีฟ้าเขียวสวยมาก เหมาะสำหรับเล่นน้ำและพักผ่อน บรรยากาศโรแมนติก โดยเฉพาะเวลาพระอาทิตย์ตก * **หาดหมาก (Mak Beach):** หาดยาวเงียบสงบ ทรายขาวละเอียด น้ำใสสวย อยู่ทางตะวันออกของเกาะ บรรยากาศเป็นส่วนตัวมากกว่า * **หาดเต่า (Tao Beach):** หาดเล็กสวยรูปทรงโค้งมน ทรายขาวละเอียด น้ำใสมาก เหมาะสำหรับการพักผ่อนอย่างแท้จริง 2. **น้ำตกธรรมชาติ:** * **น้ำตกคลองเจ้า (Klong Chao Waterfall):** น้ำตกชื่อดังและสวยที่สุดของเกาะกูด มีถึง 3 ชั้น ชั้นบนสุดสูงประมาณ 15 เมตร สามารถลงเล่นน้ำในแอ่งน้ำกว้างได้ (โดยเฉพาะชั้นล่าง) เดินเท้าเข้าจากหาดคลองเจ้าไม่ไกลมาก หรือล่องเรือคายัคเข้าไปก็ได้ * **น้ำตกคลองจิต (Klong Jig Waterfall):** น้ำตกขนาดกลางที่สวยงาม มีแอ่งน้ำให้เล่นได้ บรรยากาศร่มรื่น เดินเท้าเข้าไปจากถนนหลัก * **น้ำตกค้างคาว (Khao Yai Waterfall):** เป็นน้ำตกขนาดเล็กที่มีความสูงหลายชั้น บางช่วงต้องปีนป่ายเล็กน้อย เหมาะสำหรับคนชอบผจญภัยเบาๆ 3. **จุดชมวิวและสถานที่สำคัญ:** * **จุดชมวิวอ่าวตานิด (Ao Tanit Viewpoint):** จุดชมวิวมุมสูงที่สวยงามมาก เห็นอ่าวตานิดและทะเลสีฟ้าเข้มสลับฟ้าใส มองเห็นเกาะช้างไกลๆ บางวันเห็นได้ชัดเจน * **จุดชมวิวเรือรบหลวงประแส (HTMS Prasae Viewpoint):** จุดชมวิวที่มองเห็นทิวทัศน์ทะเลกว้างและเกาะน้อยใหญ่ รวมถึงเห็นซากเรือรบหลวงประแสที่จมอยู่ใต้น้ำ (ต้องดำน้ำดู) * **วัดคลองมาด (Wat Khlong Mad):** วัดเพียงแห่งเดียวบนเกาะกูด สถาปัตยกรรมเรียบง่าย สะท้อนวิถีชีวิตชาวบ้าน สงบร่มเย็น * **ประภาคารเกาะกูด (Koh Kood Lighthouse):** ตั้งอยู่ทางเหนือสุดของเกาะ เป็นจุดชมวิวทะเลและพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง 4. **เกาะบริวารและจุดดำน้ำ:** * **เกาะกระดาด (Koh Kradat):** เกาะเล็กๆ ใกล้เกาะกูด มีหาดทรายขาวยาว น้ำตื้นใสมาก เหมาะสำหรับเล่นน้ำและพักผ่อน (มักรวมอยู่ในทริป Island Hopping) * **เกาะไม้ซี้ (Koh Mai Si):** เกาะหินขนาดเล็กที่มีหาดทรายสวยงาม เป็นจุดดำน้ำตื้นดูปะการังน้ำตื้นและฝูงปลา * **เกาะรัง (Koh Rang):** เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง มีแนวปะการังสมบูรณ์สวยงามหลายจุด (เช่น Hin Rap, Hin Sam Sao, Hin Kuak Ma) **เป็นจุดดำน้ำลึก (Scuba Diving) และดำน้ำตื้น (Snorkeling) ที่ดีที่สุดรอบเกาะกูด** มักเห็นเต่าทะเล ปลาสวยงามหลากสี * **กองหินริเชลิว (Hin Richelieu Rock):** แหล่งดำน้ำระดับโลกที่อยู่ไม่ไกลจากเกาะกูดมากนัก (ใช้เวลาเรือเร็วประมาณ 1 ชม.) ขึ้นชื่อเรื่องการพบปลามอร์เรย์ยักษ์ ปลาการ์ตูนหลากชนิด และความหลากหลายทางชีวภาพ (เหมาะสำหรับนักดำน้ำที่มีประสบการณ์) 5. **กิจกรรมน่าสนใจ:** * **ล่องเรือคายัค (Kayaking):** ล่องไปตามคลองชลเจ้า (คลองน้ำเค็ม) ที่มีป่าชายเลนสวยงาม เงียบสงบ เห็นระบบนิเวศชายฝั่ง หรือพายไปตามชายหาดต่างๆ * **ทริปตกปลา (Fishing Trip):** ออกไปตกปลาทะเลน้ำลึกรอบๆ เกาะกูด * **ปั่นจักรยาน/ขับรถ ATV:** สำรวจธรรมชาติและวิถีชีวิตท้องถิ่นภายในเกาะ ซึ่งมีถนนลาดยางบางส่วนและถนนลูกรัง * **นวดสปา:** ผ่อนคลายด้วยการนวดแผนไทยหรือสปาในบรรยากาศรีสอร์ทริมทะเล * **ชมวิถีชีวิตชาวบ้าน:** ดูสวนยางพารา สวนผลไม้ (เช่น มังคุด เงาะ ทุเรียน) หรือชุมชนประมงเล็กๆ **คำแนะนำเพิ่มเติม:** * **การเดินทาง:** ไปเกาะกูดค่อนข้างใช้เวลา ต้องนั่งเรือจากท่าเรือแหลมงอบ (ตราด) ประมาณ 1 - 2 ชั่วโมง (แล้วแต่ประเภทเรือ) หรือนั่งเครื่องบินเล็กจากสนามบินอู่ตะเภา (พัทยา) หรือบางแสน มาลงที่เกาะกูดโดยตรง * **สภาพเกาะ:** เกาะกูดยังคงความเป็นธรรมชาติสูง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าและภูเขา ถนนบางสายยังเป็นลูกรัง การสัญจรหลักบนเกาะคือรถสองแถวรับจ้าง (Taxi Truck) หรือมอเตอร์ไซค์เช่า * **บรรยากาศ:** ค่อนข้างสงบ เงียบ เหมาะสำหรับการพักผ่อนอย่างแท้จริง ไม่เหมาะสำหรับคนที่หาความบันเทิงเริงรมย์แบบเกาะพีพีหรือภูเก็ต * **ช่วงเวลา:** ฤดูท่องเที่ยวคือช่วง **พฤศจิกายน - เมษายน** (อากาศดี ทะเลสวย น้ำตกมีน้ำ) ควรหลีกเลี่ยงฤดูมรสุม (พฤษภาคม - ตุลาคม) เพราะลมแรง มีฝนตกหนัก และบางที่พัก/เรืออาจปิดให้บริการ เกาะกูดคือสวรรค์ของคนรักธรรมชาติและความสงบ หากคุณกำลังมองหาสถานที่พักผ่อนให้ไกลจากความวุ่นวาย ชายหาดสวยๆ น้ำทะเลใสๆ และธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ เกาะกูดคือตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม!
    0 Comments 0 Shares 699 Views 0 Reviews
  • เครือข่ายชาวสวนยางภาคใต้ 14+1 มีมติเคลื่อนขบวนขึ้น กทม. ร่วมชุมนุม 28 มิ.ย.
    https://www.thai-tai.tv/news/19670/
    เครือข่ายชาวสวนยางภาคใต้ 14+1 มีมติเคลื่อนขบวนขึ้น กทม. ร่วมชุมนุม 28 มิ.ย. https://www.thai-tai.tv/news/19670/
    0 Comments 0 Shares 76 Views 0 Reviews
  • โฆษก ตร.ภาค4 เผยจัดกำลังตำรวจ 200-300นายผลัดเปลี่ยนลงพื้นที่ไล่ล่า “ไอ้บุญเกิด” คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงตำรวจ สภ.เมืองเลยเสียชีวิต ขณะเข้าจับกุมตัวในกระท่อมกลางสวนยาง เชื่อยังกบดานในฝั่งไทย
    ขอแรงประชาชนช่วยสอดส่งแจ้งเบาะแส ขณะที่การจับกุมยึดหลักยุทธวิถี ไม่มีธงว่าจับเป็นหรือจับตาย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000035092

    #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    โฆษก ตร.ภาค4 เผยจัดกำลังตำรวจ 200-300นายผลัดเปลี่ยนลงพื้นที่ไล่ล่า “ไอ้บุญเกิด” คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงตำรวจ สภ.เมืองเลยเสียชีวิต ขณะเข้าจับกุมตัวในกระท่อมกลางสวนยาง เชื่อยังกบดานในฝั่งไทย ขอแรงประชาชนช่วยสอดส่งแจ้งเบาะแส ขณะที่การจับกุมยึดหลักยุทธวิถี ไม่มีธงว่าจับเป็นหรือจับตาย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000035092 #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    4
    0 Comments 0 Shares 915 Views 0 Reviews
  • สถานีต่อไป...เซกามัต จุดหมายแรกรัฐยะโฮร์

    15 มี.ค.2568 การรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ประเทศมาเลเซีย จะขยายการเดินรถไฟ ETS (Electric Train Service) ไปถึงสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ ซึ่งเป็น 1 ใน 11 สถานีของโครงการรถไฟทางคู่เกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bahru) ระยะทาง 192 กิโลเมตร ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2568

    สถานีเซกามัตแห่งใหม่ เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 15 พ.ค.2567 มีสิ่งอำนวยความสะดวกได้แก่ ลิฟต์ บันไดเลื่อน ห้องน้ำ กล้องวงจรปิด CCTV ห้องละหมาด ลานจอดรถรองรับรถยนต์ได้ 97 คัน รถจักรยานยนต์ 49 คัน และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการ (OKU) เช่น ที่จอดรถ ห้องน้ำ ปัจจุบันให้บริการรถไฟ KTM Intercity ขบวน ERT สายตุมปัต-เจบีเซ็นทรัล (Tumpat-JB Sentral) และขบวน ES สายเกอมัส-เจบีเซ็นทรัล (Gemas-JB Sentral)

    เมืองเซกามัต ห่างจากเมืองยะโฮร์บาห์รู 172 กิโลเมตร ประชาชนมีอาชีพทำการเกษตร สวนปาล์ม สวนยางพารา และมีทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียง มีสถานที่ท่องเที่ยว อาทิ จตุรัสเซกามัต (Dataran Segamat) แลนด์มาร์คของเมือง มีหอนาฬิกาและสวนภูมิทัศน์ สำหรับจัดงานสำคัญและกิจกรรมต่างๆ

    สะพานรถไฟเก่า (Segamat Old Iron Railway Bridge) เป็นสะพานเหล็ก ข้ามแม่น้ำเซกามัต สร้างขึ้นในปี 2452 กระทั่งก่อสร้างทางรถไฟยกระดับในปี 2561 เมื่อแล้วเสร็จจึงได้ปิดใช้สะพาน ปัจจุบันได้ปรับภูมิทัศน์เป็นจุดถ่ายรูปเช็กอิน

    สะพานบูโละห์ กาซัป (Buloh Kasap Bridge) ข้ามแม่น้ำมัวร์ สร้างขึ้นโดยอังกฤษ ที่ก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 1 จากยะโฮร์บาห์รูไปยังบูกิตกายูฮิตัม แต่ได้ทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อขัดขวางไม่ให้ทหารญี่ปุ่นเข้าไปที่สิงคโปร์

    ร็อคการ์เดน (Rock Garden) หรือสวนบาตูฮัมปาร์ (Taman Bunga Batu Hampar) สวนสาธารณะใจกลางเมือง เป็นที่ตั้งของบ้านพักเจ้าหน้าที่ และพระราชวังฮิงกาปของราชวงศ์ยะโฮร์ มีสนามเด็กเล่น ลู่วิ่งจ็อกกิ้ง และร้านกาแฟ

    วอลเตอร์ส ฟาร์ม (Walters Farm) แหล่งท่องเที่ยวฟาร์มสเตย์ มีทั้งสวนสัตว์ขนาดเล็ก สวนน้ำ สวนสนุก รวมทั้งกิจกรรมนันทนาการอื่นๆ (มีค่าผ่านประตู)

    อุทยานแห่งชาติกูนุง เลดัง (Gunung Ledang) ห่างจากตัวเมือง 35 กิโลเมตร เป็นจุดหมายยอดนิยมสำหรับเดินป่า ตั้งแคมป์ และเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ธรรมชาติ

    ป่านันทนาการสุไหงบันตัง (Sungai Bantang) ห่างจากตัวเมือง 65 กิโลเมตร เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจทางธรรมชาติ นิยมทำกิจกรรมทั้งปิกนิก เดินป่า และเล่นน้ำตกในแม่น้ำบันตัง

    นอกจากนี้ ยังสามารถขึ้นรถบัสไปยังเมืองยะโฮร์บาห์รูได้อีกด้วย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 15 นาที

    #Newskit
    สถานีต่อไป...เซกามัต จุดหมายแรกรัฐยะโฮร์ 15 มี.ค.2568 การรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ประเทศมาเลเซีย จะขยายการเดินรถไฟ ETS (Electric Train Service) ไปถึงสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ ซึ่งเป็น 1 ใน 11 สถานีของโครงการรถไฟทางคู่เกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bahru) ระยะทาง 192 กิโลเมตร ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2568 สถานีเซกามัตแห่งใหม่ เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 15 พ.ค.2567 มีสิ่งอำนวยความสะดวกได้แก่ ลิฟต์ บันไดเลื่อน ห้องน้ำ กล้องวงจรปิด CCTV ห้องละหมาด ลานจอดรถรองรับรถยนต์ได้ 97 คัน รถจักรยานยนต์ 49 คัน และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการ (OKU) เช่น ที่จอดรถ ห้องน้ำ ปัจจุบันให้บริการรถไฟ KTM Intercity ขบวน ERT สายตุมปัต-เจบีเซ็นทรัล (Tumpat-JB Sentral) และขบวน ES สายเกอมัส-เจบีเซ็นทรัล (Gemas-JB Sentral) เมืองเซกามัต ห่างจากเมืองยะโฮร์บาห์รู 172 กิโลเมตร ประชาชนมีอาชีพทำการเกษตร สวนปาล์ม สวนยางพารา และมีทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียง มีสถานที่ท่องเที่ยว อาทิ จตุรัสเซกามัต (Dataran Segamat) แลนด์มาร์คของเมือง มีหอนาฬิกาและสวนภูมิทัศน์ สำหรับจัดงานสำคัญและกิจกรรมต่างๆ สะพานรถไฟเก่า (Segamat Old Iron Railway Bridge) เป็นสะพานเหล็ก ข้ามแม่น้ำเซกามัต สร้างขึ้นในปี 2452 กระทั่งก่อสร้างทางรถไฟยกระดับในปี 2561 เมื่อแล้วเสร็จจึงได้ปิดใช้สะพาน ปัจจุบันได้ปรับภูมิทัศน์เป็นจุดถ่ายรูปเช็กอิน สะพานบูโละห์ กาซัป (Buloh Kasap Bridge) ข้ามแม่น้ำมัวร์ สร้างขึ้นโดยอังกฤษ ที่ก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 1 จากยะโฮร์บาห์รูไปยังบูกิตกายูฮิตัม แต่ได้ทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อขัดขวางไม่ให้ทหารญี่ปุ่นเข้าไปที่สิงคโปร์ ร็อคการ์เดน (Rock Garden) หรือสวนบาตูฮัมปาร์ (Taman Bunga Batu Hampar) สวนสาธารณะใจกลางเมือง เป็นที่ตั้งของบ้านพักเจ้าหน้าที่ และพระราชวังฮิงกาปของราชวงศ์ยะโฮร์ มีสนามเด็กเล่น ลู่วิ่งจ็อกกิ้ง และร้านกาแฟ วอลเตอร์ส ฟาร์ม (Walters Farm) แหล่งท่องเที่ยวฟาร์มสเตย์ มีทั้งสวนสัตว์ขนาดเล็ก สวนน้ำ สวนสนุก รวมทั้งกิจกรรมนันทนาการอื่นๆ (มีค่าผ่านประตู) อุทยานแห่งชาติกูนุง เลดัง (Gunung Ledang) ห่างจากตัวเมือง 35 กิโลเมตร เป็นจุดหมายยอดนิยมสำหรับเดินป่า ตั้งแคมป์ และเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ธรรมชาติ ป่านันทนาการสุไหงบันตัง (Sungai Bantang) ห่างจากตัวเมือง 65 กิโลเมตร เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจทางธรรมชาติ นิยมทำกิจกรรมทั้งปิกนิก เดินป่า และเล่นน้ำตกในแม่น้ำบันตัง นอกจากนี้ ยังสามารถขึ้นรถบัสไปยังเมืองยะโฮร์บาห์รูได้อีกด้วย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 15 นาที #Newskit
    Like
    Love
    2
    0 Comments 0 Shares 1558 Views 0 Reviews
  • ท่วมสวนยางปักษ์ใต้!! ฝนมาก..น้ำมาก..เงินหาย!! 17/12/67 #สวนยางปักษ์ใต้ #ภาคใต้ #น้ำท่วม #ผู้ประสบอุทกภัย
    ท่วมสวนยางปักษ์ใต้!! ฝนมาก..น้ำมาก..เงินหาย!! 17/12/67 #สวนยางปักษ์ใต้ #ภาคใต้ #น้ำท่วม #ผู้ประสบอุทกภัย
    Like
    Sad
    4
    0 Comments 0 Shares 1309 Views 64 1 Reviews
  • บึ้มขวางกวนอิมเทพา ทำลายพหุวัฒนธรรม

    6 โมงเช้า วันที่ 20 พ.ย. คนร้ายลอบวางระเบิดใส่แคมป์คนงานก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม บ้านปากบางสะกอม หมู่ 1 ต.สะกอม อ.เทพา จ.สงขลา ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ต่อมาเวลา 10.30 น และ 10.40 น. เกิดระเบิดลูกที่ 3 และลูกที่4 บริเวณเส้นทางเข้าที่เกิดเหตุห่างจากที่เกิดเหตุจุดแรกประมาณ 400 เมตร แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ระหว่างเจ้าหน้าที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบจดหมายพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์เป็นภาษาไทยและเมียนมา ระบุว่า "ถ้าใครที่ทำงานในโครงการนี้ที่นี่และในสามจังหวัดชายแดนใต้ เราขอเตือนจงหยุด ไม่งั้นเราจะไม่รับรองชีวิตของท่าน"

    พ.อ.ปองพล สุทธิเบญจกุล รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. แถลงว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุพยายามทำลายรูปเคารพทางศาสนา ซึ่งเป็นการทำลายสัญลักษณ์ของความเป็นพหุวัฒนธรรม พยายามสร้างสังคมเชิงเดี่ยวที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและหลักของศาสนาอันดีงาม เชื่อว่าพยายามหยิบความขัดแย้งทางศาสนามาเป็นปัญหาขัดแย้งในพื้นที่ แต่ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.โรงพยาบาลสะบ้าย้อย แกนนำคัดค้านนิคมอุตสาหกรรมจะนะ กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส อ้างว่าไม่ใช่การวางระเบิดแบบปกติ ที่ผ่านมาชาวบ้านในพื้นที่พยายามคัดค้านการก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม เพราะมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของนิคมฯ แต่ก็แผ่วลง และเห็นว่าเป็นสิทธิ์ของนายทุน กระทั่งเริ่มลงเสาขนาดใหญ่ในพื้นที่

    เป็นที่น่าสังเกตว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ และครอบครัว ได้จัดพิธีพุทธาภิเษกเจดีย์สัมฤทธิ์ผลคุ้มลูกกันภัย ณ สถานที่ก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม เมื่อวันที่ 14 พ.ย. หรือ 6 วันก่อนเกิดเหตุ โดยมี พล.อ.มณี จันทร์ทิพย์ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ที่ปรึกษา กอ.รมน.ภาค 4 และนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีต รมช.มหาดไทย และได้เชิญพระธรรมกิตติเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาส แสดงธรรมเทศนา โดยยืนยันว่าจะเป็นแลนด์มาร์คใหม่ในจังหวัดพื้นที่ภาคใต้ เพราะบรรยากาศโดยรอบสวยงามตามธรรมชาติ หาดสวย ทะเลน้ำใส มีเสน่ห์เฉพาะตัวดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ

    สำหรับโครงการก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม เกิดขึ้นเมื่อปี 2565 โดยบริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ได้ซื้อที่ดิน 65 ไร่ เพื่อก่อสร้าง เช่นเดียวกับเจ้าแม่กวนอิมในต่างประเทศ แต่ต่อมาคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลานำชาวมุสลิมกว่า 4,000 คน ละหมาดฮายัตเพื่อคัดค้านการก่อสร้าง อ้างว่ามีโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะอยู่เบื้องหลัง และอ้างว่าล้อมรอบด้วยชุมชนชาวมุสลิม ทั้งที่ความจริงที่ดินอยู่ห่างไกลจากชุมชนมาก ส่วนใหญ่เป็นรีสอร์ต สวนยางพารา และสวนมะพร้าวเท่านั้น

    #Newskit #เจ้าแม่กวนอิม #เทพา
    บึ้มขวางกวนอิมเทพา ทำลายพหุวัฒนธรรม 6 โมงเช้า วันที่ 20 พ.ย. คนร้ายลอบวางระเบิดใส่แคมป์คนงานก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม บ้านปากบางสะกอม หมู่ 1 ต.สะกอม อ.เทพา จ.สงขลา ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ต่อมาเวลา 10.30 น และ 10.40 น. เกิดระเบิดลูกที่ 3 และลูกที่4 บริเวณเส้นทางเข้าที่เกิดเหตุห่างจากที่เกิดเหตุจุดแรกประมาณ 400 เมตร แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ระหว่างเจ้าหน้าที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบจดหมายพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์เป็นภาษาไทยและเมียนมา ระบุว่า "ถ้าใครที่ทำงานในโครงการนี้ที่นี่และในสามจังหวัดชายแดนใต้ เราขอเตือนจงหยุด ไม่งั้นเราจะไม่รับรองชีวิตของท่าน" พ.อ.ปองพล สุทธิเบญจกุล รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. แถลงว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุพยายามทำลายรูปเคารพทางศาสนา ซึ่งเป็นการทำลายสัญลักษณ์ของความเป็นพหุวัฒนธรรม พยายามสร้างสังคมเชิงเดี่ยวที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและหลักของศาสนาอันดีงาม เชื่อว่าพยายามหยิบความขัดแย้งทางศาสนามาเป็นปัญหาขัดแย้งในพื้นที่ แต่ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.โรงพยาบาลสะบ้าย้อย แกนนำคัดค้านนิคมอุตสาหกรรมจะนะ กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส อ้างว่าไม่ใช่การวางระเบิดแบบปกติ ที่ผ่านมาชาวบ้านในพื้นที่พยายามคัดค้านการก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม เพราะมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของนิคมฯ แต่ก็แผ่วลง และเห็นว่าเป็นสิทธิ์ของนายทุน กระทั่งเริ่มลงเสาขนาดใหญ่ในพื้นที่ เป็นที่น่าสังเกตว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ และครอบครัว ได้จัดพิธีพุทธาภิเษกเจดีย์สัมฤทธิ์ผลคุ้มลูกกันภัย ณ สถานที่ก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม เมื่อวันที่ 14 พ.ย. หรือ 6 วันก่อนเกิดเหตุ โดยมี พล.อ.มณี จันทร์ทิพย์ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ที่ปรึกษา กอ.รมน.ภาค 4 และนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีต รมช.มหาดไทย และได้เชิญพระธรรมกิตติเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาส แสดงธรรมเทศนา โดยยืนยันว่าจะเป็นแลนด์มาร์คใหม่ในจังหวัดพื้นที่ภาคใต้ เพราะบรรยากาศโดยรอบสวยงามตามธรรมชาติ หาดสวย ทะเลน้ำใส มีเสน่ห์เฉพาะตัวดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ สำหรับโครงการก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม เกิดขึ้นเมื่อปี 2565 โดยบริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ได้ซื้อที่ดิน 65 ไร่ เพื่อก่อสร้าง เช่นเดียวกับเจ้าแม่กวนอิมในต่างประเทศ แต่ต่อมาคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลานำชาวมุสลิมกว่า 4,000 คน ละหมาดฮายัตเพื่อคัดค้านการก่อสร้าง อ้างว่ามีโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะอยู่เบื้องหลัง และอ้างว่าล้อมรอบด้วยชุมชนชาวมุสลิม ทั้งที่ความจริงที่ดินอยู่ห่างไกลจากชุมชนมาก ส่วนใหญ่เป็นรีสอร์ต สวนยางพารา และสวนมะพร้าวเท่านั้น #Newskit #เจ้าแม่กวนอิม #เทพา
    Like
    Sad
    4
    1 Comments 0 Shares 2057 Views 0 Reviews
  • ระเบิดซ้ำอีก 2 ลูกเส้นทางเข้าแคมป์คนงานก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม ที่ อ.เทพา เจ้าหน้าที่ปลอดภัย แต่กระทบเด็กนักเรียนเข้าค่ายลูกเสือ ต้องยกเลิกกิจกรรมและเร่งอพยพออกจากพื้นที่ทันทีเพื่อความปลอดภัย

    ความคืบหน้าเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ อ.เทพา จ.สงขลา หลังจากที่เมื่อช่วง 6 โมงเช้าวันนี้ (20 พ.ย.) ได้เกิดเหตุระเบิด 2 ลูกภายในแคมป์คนงานก่อสร้างรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม ในพื้นที่บ้านปากบางสะกอม หมู่ 1 ต.สะกอม อ.เทพา จ.สงขลา ทำให้คนงานและเด็กได้รับบาดเจ็บรวม 3 คน

    ล่าสุด มีรายงานว่าได้เกิดเหตุระเบิดซ้ำอีก 2 ลูก ริมถนนชายป่าสวนยาง เส้นทางเข้าไปแคมป์คนงานก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิมดังกล่าว ห่างกันประมาณ 100 เมตร โดยลูกแรกระเบิดขึ้นเมื่อเวลา 10.30 น. ส่วนลูกที่สองระเบิดขึ้นเมื่อเวลา 10.46 น. ไม่มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด เนื่องจากไม่มีใครอยู่บริเวณจุดที่เกิดระเบิดขึ้น และมีการกั้นพื้นที่เส้นทางเข้าไปแคมป์คนงานก่อสร้างไว้ก่อนแล้ว รวมทั้งเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดได้ประเมินสถานการณ์ไว้ก่อนแล้วว่า อาจมีการวางระเบิดซ้ำสองไว้บริเวณเส้นทางเข้า ซึ่งจริงอย่างที่คาดการณ์ไว้

    อย่างไรก็ตาม จากเหตุระเบิดซ้ำสองที่เกิดขึ้นอีก 2 ลูกนั้น ซึ่งเสียงดังมาก ได้สร้างความแตกตื่นตกใจให้แก่นักเรียนระดับประถมศึกษา และมัธยมต้นของโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ซึ่งเข้าค่ายลูกเสือเนตรนารีและสามัญรุ่นใหญ่ อยู่ที่ปางยางรีสอร์ท ระหว่างวันที่ 20-21 พ.ย. ห่างจากจุดเกิดเหตุระเบิดราว 500 เมตร ทำให้โรงเรียนต้องยกเลิกกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือดังกล่าวและรีบนำนักเรียนกลับทันที เพื่อความปลอดภัย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/south/detail/9670000111567

    #MGROnline #แคมป์คนงานก่อสร้าง #เจ้าแม่กวนอิม
    ระเบิดซ้ำอีก 2 ลูกเส้นทางเข้าแคมป์คนงานก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม ที่ อ.เทพา เจ้าหน้าที่ปลอดภัย แต่กระทบเด็กนักเรียนเข้าค่ายลูกเสือ ต้องยกเลิกกิจกรรมและเร่งอพยพออกจากพื้นที่ทันทีเพื่อความปลอดภัย • ความคืบหน้าเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ อ.เทพา จ.สงขลา หลังจากที่เมื่อช่วง 6 โมงเช้าวันนี้ (20 พ.ย.) ได้เกิดเหตุระเบิด 2 ลูกภายในแคมป์คนงานก่อสร้างรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม ในพื้นที่บ้านปากบางสะกอม หมู่ 1 ต.สะกอม อ.เทพา จ.สงขลา ทำให้คนงานและเด็กได้รับบาดเจ็บรวม 3 คน • ล่าสุด มีรายงานว่าได้เกิดเหตุระเบิดซ้ำอีก 2 ลูก ริมถนนชายป่าสวนยาง เส้นทางเข้าไปแคมป์คนงานก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิมดังกล่าว ห่างกันประมาณ 100 เมตร โดยลูกแรกระเบิดขึ้นเมื่อเวลา 10.30 น. ส่วนลูกที่สองระเบิดขึ้นเมื่อเวลา 10.46 น. ไม่มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด เนื่องจากไม่มีใครอยู่บริเวณจุดที่เกิดระเบิดขึ้น และมีการกั้นพื้นที่เส้นทางเข้าไปแคมป์คนงานก่อสร้างไว้ก่อนแล้ว รวมทั้งเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดได้ประเมินสถานการณ์ไว้ก่อนแล้วว่า อาจมีการวางระเบิดซ้ำสองไว้บริเวณเส้นทางเข้า ซึ่งจริงอย่างที่คาดการณ์ไว้ • อย่างไรก็ตาม จากเหตุระเบิดซ้ำสองที่เกิดขึ้นอีก 2 ลูกนั้น ซึ่งเสียงดังมาก ได้สร้างความแตกตื่นตกใจให้แก่นักเรียนระดับประถมศึกษา และมัธยมต้นของโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ซึ่งเข้าค่ายลูกเสือเนตรนารีและสามัญรุ่นใหญ่ อยู่ที่ปางยางรีสอร์ท ระหว่างวันที่ 20-21 พ.ย. ห่างจากจุดเกิดเหตุระเบิดราว 500 เมตร ทำให้โรงเรียนต้องยกเลิกกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือดังกล่าวและรีบนำนักเรียนกลับทันที เพื่อความปลอดภัย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/south/detail/9670000111567 • #MGROnline #แคมป์คนงานก่อสร้าง #เจ้าแม่กวนอิม
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 924 Views 0 Reviews
  • ลุงนิด เกษตรปลูกยางพารา ต.ทุ่งต่อ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง
    #ยางพารา #เกษตร #ชาวสวนยางพารา #ชาวไร่ #ชาวนา #สารปรับสภาพดิน #ธรณีสยาม #นารายณ์พลิกแผ่นดินบิ๊กแจ๊สจัดให้
    ลุงนิด เกษตรปลูกยางพารา ต.ทุ่งต่อ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง #ยางพารา #เกษตร #ชาวสวนยางพารา #ชาวไร่ #ชาวนา #สารปรับสภาพดิน #ธรณีสยาม #นารายณ์พลิกแผ่นดินบิ๊กแจ๊สจัดให้
    2 Comments 0 Shares 1041 Views 90 0 Reviews
  • พบไหน้ำกรด!! ยุคอาณานิคมอังกฤษ ในสวนยาง!! 07/11/67 #ไหน้ำกรด #ยุคอาณานิคมอังกฤษ #สวนยาง #ยางพารา
    พบไหน้ำกรด!! ยุคอาณานิคมอังกฤษ ในสวนยาง!! 07/11/67 #ไหน้ำกรด #ยุคอาณานิคมอังกฤษ #สวนยาง #ยางพารา
    Like
    9
    0 Comments 0 Shares 1640 Views 309 0 Reviews
  • ผู้ใหญ่บ้านตัดพ้อโอดวอนรัฐช่วยปัญหาภัยช้างป่าบุกทำลายสวนยางพาราหักโค่นไปกว่าพันต้น

    https://youtu.be/KwLWKNj549A
    ผู้ใหญ่บ้านตัดพ้อโอดวอนรัฐช่วยปัญหาภัยช้างป่าบุกทำลายสวนยางพาราหักโค่นไปกว่าพันต้น https://youtu.be/KwLWKNj549A
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 495 Views 0 Reviews
  • "เกาะหมาก" ทะเลตราด ทรายสวยน้ำใส ดีต่อใจ

    ทะเลตราดช่วงต้นปีแบบนี้กำลังสวยใสคลื่นลมสงบเหมาะแก่การไปท่องเที่ยวอย่างยิ่ง โดยหมู่เกาะทะเลตราดนั้นมีจำนวนเกาะมากถึง 52 เกาะด้วยกัน มีเกาะช้างเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุด (และใหญ่เป็นอันดับ 2 ของไทยรองจากเกาะภูเก็ต) นอกจากนั้นก็ยังมีเกาะอื่นๆ ที่เรารู้จักกันดี อาทิ เกาะกูด เกาะหมาก เกาะกระดาด เกาะหวาย เกาะเหลายา เกาะง่าม เกาะรัง เกาะขาม เป็นต้น
    ในวันนี้เราเลือกมายัง "เกาะหมาก" เกาะขนาดกลางที่ตั้งอยู่ระหว่างเกาะช้างกับเกาะกูด โดยนั่งเรือสปีดโบ๊ทจากแหลมงอบ (ท่าเรือกรมหลวงชุมพรฯ) มาถึงยังเกาะหมากประมาณ 45 นาที บนเกาะมีอ่าวและหาดหลายแห่งที่น่าสนใจและเหมาะแก่การท่องเที่ยว เช่น “อ่าวนิด” เป็นที่ตั้งของชุมชนใหญ่ “อ่าวสวนใหญ่” เป็นอ่าวโค้งยาวน่ายล “อ่าวโล่ง” ที่รอบข้างร่มรื่นเขียวครึ้มไปด้วยสวนยางพารา ในหลายๆ หาดหลายๆ อ่าวจะมีการสร้างสะพานเทียบเรือ (ของที่พัก) ทอดยาว ถือเป็นจุดถ่ายรูปและเสน่ห์อันโดดเด่นของเกาะหมาก

    กาะหมากถือเป็นเกาะเงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อน และยังขึ้นชื่อเรื่องกิจกรรมท่องเที่ยวแบบ "โลว์คาร์บอน" หรือการท่องเที่ยวแบบคาร์บอนต่ำ เช่น การส่งเสริมการท่องเที่ยวบนเกาะด้วยการปั่นจักรยาน พายเรือคายัก ส่งเสริมให้ร้านอาหารและโรงแรมใช้วัตถุดิบทำอาหารต่างๆ ที่หาได้บนเกาะ แทนที่จะต้องขนขึ้นเรือข้ามเกาะมา ทั้งยังส่งเสริมการปลูกผักสำหรับกินเองและขายในกิจการโรงแรมและร้านอาหาร มีโครงการนำขยะเศษอาหารจากโรงแรมหรือร้านอาหารบนเกาะมาเป็นปุ๋ยหมุนเวียน เป็นต้น



    "เกาะหมาก" ทะเลตราด ทรายสวยน้ำใส ดีต่อใจ ทะเลตราดช่วงต้นปีแบบนี้กำลังสวยใสคลื่นลมสงบเหมาะแก่การไปท่องเที่ยวอย่างยิ่ง โดยหมู่เกาะทะเลตราดนั้นมีจำนวนเกาะมากถึง 52 เกาะด้วยกัน มีเกาะช้างเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุด (และใหญ่เป็นอันดับ 2 ของไทยรองจากเกาะภูเก็ต) นอกจากนั้นก็ยังมีเกาะอื่นๆ ที่เรารู้จักกันดี อาทิ เกาะกูด เกาะหมาก เกาะกระดาด เกาะหวาย เกาะเหลายา เกาะง่าม เกาะรัง เกาะขาม เป็นต้น ในวันนี้เราเลือกมายัง "เกาะหมาก" เกาะขนาดกลางที่ตั้งอยู่ระหว่างเกาะช้างกับเกาะกูด โดยนั่งเรือสปีดโบ๊ทจากแหลมงอบ (ท่าเรือกรมหลวงชุมพรฯ) มาถึงยังเกาะหมากประมาณ 45 นาที บนเกาะมีอ่าวและหาดหลายแห่งที่น่าสนใจและเหมาะแก่การท่องเที่ยว เช่น “อ่าวนิด” เป็นที่ตั้งของชุมชนใหญ่ “อ่าวสวนใหญ่” เป็นอ่าวโค้งยาวน่ายล “อ่าวโล่ง” ที่รอบข้างร่มรื่นเขียวครึ้มไปด้วยสวนยางพารา ในหลายๆ หาดหลายๆ อ่าวจะมีการสร้างสะพานเทียบเรือ (ของที่พัก) ทอดยาว ถือเป็นจุดถ่ายรูปและเสน่ห์อันโดดเด่นของเกาะหมาก กาะหมากถือเป็นเกาะเงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อน และยังขึ้นชื่อเรื่องกิจกรรมท่องเที่ยวแบบ "โลว์คาร์บอน" หรือการท่องเที่ยวแบบคาร์บอนต่ำ เช่น การส่งเสริมการท่องเที่ยวบนเกาะด้วยการปั่นจักรยาน พายเรือคายัก ส่งเสริมให้ร้านอาหารและโรงแรมใช้วัตถุดิบทำอาหารต่างๆ ที่หาได้บนเกาะ แทนที่จะต้องขนขึ้นเรือข้ามเกาะมา ทั้งยังส่งเสริมการปลูกผักสำหรับกินเองและขายในกิจการโรงแรมและร้านอาหาร มีโครงการนำขยะเศษอาหารจากโรงแรมหรือร้านอาหารบนเกาะมาเป็นปุ๋ยหมุนเวียน เป็นต้น
    0 Comments 0 Shares 648 Views 0 Reviews
  • อธิบดีกรมขนส่งฯ ขนคณะแจง กมธ.คมนาคม พบถังก๊าซที่ต่อเติมท่อรั่ว ต้นตอบัสมรณะ ผลสอบสวนยางไม่แตกแต่เพลาหักครูดถนน กมธ.รุมซักตรวจทิพย์หรือไม่ ถึงไม่เห็น 5 ถังที่เกิน งงนับอายุรถตั้งแต่ปีไหน “เชิงชาย” ช่วยป้อง อ้างเคยซ่อมรถกับญาติ อธิบดีรับมีอีกคันติดเกิน สอบเจอตัวการฟันแน่

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000093617

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    อธิบดีกรมขนส่งฯ ขนคณะแจง กมธ.คมนาคม พบถังก๊าซที่ต่อเติมท่อรั่ว ต้นตอบัสมรณะ ผลสอบสวนยางไม่แตกแต่เพลาหักครูดถนน กมธ.รุมซักตรวจทิพย์หรือไม่ ถึงไม่เห็น 5 ถังที่เกิน งงนับอายุรถตั้งแต่ปีไหน “เชิงชาย” ช่วยป้อง อ้างเคยซ่อมรถกับญาติ อธิบดีรับมีอีกคันติดเกิน สอบเจอตัวการฟันแน่ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000093617 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Angry
    Sad
    Haha
    Wow
    17
    1 Comments 0 Shares 3656 Views 0 Reviews