• 24 ปี เที่ยวบิน TG114 “ระเบิดก่อนขึ้นบิน” นายกทักษิณรอดหวุดหวิด ลอบฆ่า หรือว่า... อุบัติเหตุ?

    🛫 ย้อนรอย 24 ปี โศกนาฏกรรมทางการบินของไทย ที่ยังเป็นปริศนา เมื่อช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2544 เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด ได้เกิดขึ้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เครื่องบินโบอิ้ง 737-400 ของการบินไทย เที่ยวบิน TG114 ได้เกิดระเบิดกลางลานจอด และถูกไฟไหม้เสียหายทั้งลำ เพียง 25 นาที ก่อนที่ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขณะนั้น พร้อมด้วบบุตรชาย จะเดินทางไปเชียงใหม่

    แม้ว่าจะไม่มีผู้โดยสารอยู่บนเครื่อง แต่ช่างเทคนิคการบิน 1 คน เสียชีวิต ทำให้เกิดคำถามมากมายว่า นี่เป็นอุบัติเหตุ หรือเป็นการวางแผนลอบสังหาร? 📌

    🔎 เหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ 3 มีนาคม 2544 เวลา 14:48 น. 📍 เที่ยวบิน TG114 ของการบินไทย ซึ่งเป็นเครื่องบิน โบอิ้ง 737-400 ทะเบียน HS-TDC ดอนเมือง-เชียงใหม่ ได้เกิดการระเบิดขณะจอดอยู่ที่ลานจอด สนามบินนานาชาติดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เครื่องบินถูกไฟไหม้เสียหายทั้งลำ ไม่มีผู้โดยสารบนเครื่อง มีเพียงลูกเรือ 8 คน อยู่บนเครื่อง ซึ่งช่างเทคนิคการบินเสียชีวิต 1 คน

    ✈️ จุดหมายปลายทางของเที่ยวบิน เที่ยวบิน TG114 เดิมมีกำหนดออกเดินทางไปยัง ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ โดยมีบุคคลสำคัญเดินทางไปด้วย รวมถึง พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะเนั้น และนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย

    🛑 แต่เพียง 25 นาที ก่อนเครื่องออกเดินทาง เครื่องบินกลับระเบิดขึ้นก่อน

    🚨 เหตุการณ์ครั้งนี้ จึงถูกตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นการลอบสังหารทางการเมือง?

    🔥 สาเหตุที่เป็นไปได้ วินาศกรรม หรืออุบัติเหตุ? มี 2 ทฤษฎีหลัก ที่ถูกหยิบยกขึ้นมา เกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนี้ 🎯

    💥 ทฤษฎีวินาศกรรม ลอบสังหารนายกรัฐมนตรี? หลังเหตุการณ์เกิดขึ้น พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า "นี่เป็นการก่อวินาศกรรม ที่มุ่งเป้าสังหารตนเอง"

    หลักฐานที่ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า มีการวางระเบิด ได้แก่
    🔎 พบร่องรอยสารระเบิด เจ้าหน้าที่ไทยตรวจพบ ร่องรอยของระเบิดซีโฟร์ (C-4) หรือเซมเท็กซ์ (Semtex)
    🎯 นายกทักษิณกล่าวว่า อาจเป็นฝีมือของกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ จากนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล เช่น ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ เช่น กลุ่มว้าแดง
    ⏳ เวลาที่เกิดเหตุใกล้เคียงกับกำหนดการเดินทางของนายกฯ
    📢 ตำรวจไทยในตอนแรกสรุปว่า เป็นการ "วางระเบิด" และคณะกรรมาธิการ ของสภาผู้แทนราษฎรเองก็มีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน

    🛠️ ทฤษฎีอุบัติเหตุ ข้อสรุปของ NTSB คณะกรรมการความปลอดภัย ในการขนส่งแห่งชาติสหรัฐฯ (NTSB) ซึ่งส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาร่วมสอบสวน ได้ออกแถลงการณ์ เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2544 ว่า
    🚫 ไม่มีร่องรอยของวัตถุระเบิด
    ⚡ การระเบิดอาจเกิดจากระบบปรับอากาศ ที่ทำงานต่อเนื่อง ส่งผลให้ถังน้ำมันส่วนกลาง เกิดการสันดาป และระเบิด
    ✈️ ลักษณะคล้ายกับอุบัติเหตุของเที่ยวบิน 143 ของฟิลิปปินส์แอร์ไลน์ เมื่อปี 2543

    ในท้ายที่สุด รัฐบาลไทยและ NTSB ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันว่า "เป็นอุบัติเหตุจากความร้อนสะสม ของอุปกรณ์ทำความเย็น ที่อยู่ใกล้ถังน้ำมัน"

    💡 วินาศกรรมที่ล้มเหลว หรือโศกนาฏกรรมที่ไม่ได้ตั้งใจ? ข้อถกเถียงเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ยังไม่จบง่ายๆ 🧐 เพราะ...

    1️⃣ ผลการสอบสวนของไทยและสหรัฐฯ ต่างกัน ฝ่ายไทยเชื่อว่ามี หลักฐานของการวางระเบิด
    NTSB แย้งว่า ไม่พบร่องรอยระเบิดเลย

    2️⃣ ช่วงเวลาการระเบิดน่าสงสัย ทำไมถึงเกิดขึ้นก่อนนายกฯ เดินทางเพียง 25 นาที ถ้าเป็นเพียงอุบัติเหตุ ทำไมไม่เกิดกับเครื่องลำอื่น?

    3️⃣ กลุ่มที่มีแรงจูงใจในการลอบสังหาร นโยบายปราบปรามยาเสพติดของนายกทักษิณ สร้างศัตรูจำนวนมาก ขบวนการค้ายาเสพติดอาจไม่พอใจ จนถึงขั้นต้องการลอบสังหาร

    📌 หรืออาจเป็นเพียงการ "ใช้ข่าวระเบิด" เพื่อกลบกระแสเรื่องคดีซุกหุ้น?

    🚨 เหตุการณ์ลอบสังหารนายกทักษิณ ที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมา นี่ไม่ใช่ครั้งเดียว ที่มีความพยายามลอบสังหาร พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ 🎯

    📍 ปี 2546 ข่าวลือว่า กลุ่มว้าแดงตั้งค่าหัว 80 ล้านบาท ทำให้ต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย

    📍 ปี 2549 คดี "คาร์บอมบ์" ที่บริเวณสี่แยกบางพลัด ใกล้บ้านพักของนายกทักษิณ ก่อนที่ รปภ. จะพบระเบิดก่อน

    📍 ปี 2559 นายกทักษิณให้สัมภาษณ์กับ Al Jazeera ว่า "มีคนพยายามลอบสังหารผม 4 ครั้ง"

    🎯 ระเบิดเที่ยวบิน TG114 ยังเป็นปริศนา?
    📌 แม้ว่าผลสอบสวนทางการบินของสหรัฐฯ จะสรุปว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่คำถามยังคงอยู่
    📌 หลายฝ่ายยังสงสัยว่า นี่อาจเป็นการลอบสังหารทางการเมือง ที่ไม่สำเร็จ
    📌 หรือเป็นเพียง "เหตุบังเอิญ" ที่เกิดขึ้นอย่างมีเงื่อนงำ?

    🔎 24 ปี ผ่านไป คำตอบของเหตุการณ์นี้ยังคงเป็นปริศนา และอาจไม่มีวันได้รับคำตอบที่ชัดเจน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 030847 มี.ค. 2568

    📌 #ทักษิณ #เที่ยวบินTG114 #การบินไทย #วินาศกรรม #อุบัติเหตุ #เครื่องบินระเบิด #ข่าวการเมือง #ว้าแดง #คดีลึกลับ #ประวัติศาสตร์ไทย
    24 ปี เที่ยวบิน TG114 “ระเบิดก่อนขึ้นบิน” นายกทักษิณรอดหวุดหวิด ลอบฆ่า หรือว่า... อุบัติเหตุ? 🛫 ย้อนรอย 24 ปี โศกนาฏกรรมทางการบินของไทย ที่ยังเป็นปริศนา เมื่อช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2544 เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด ได้เกิดขึ้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เครื่องบินโบอิ้ง 737-400 ของการบินไทย เที่ยวบิน TG114 ได้เกิดระเบิดกลางลานจอด และถูกไฟไหม้เสียหายทั้งลำ เพียง 25 นาที ก่อนที่ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขณะนั้น พร้อมด้วบบุตรชาย จะเดินทางไปเชียงใหม่ แม้ว่าจะไม่มีผู้โดยสารอยู่บนเครื่อง แต่ช่างเทคนิคการบิน 1 คน เสียชีวิต ทำให้เกิดคำถามมากมายว่า นี่เป็นอุบัติเหตุ หรือเป็นการวางแผนลอบสังหาร? 📌 🔎 เหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ 3 มีนาคม 2544 เวลา 14:48 น. 📍 เที่ยวบิน TG114 ของการบินไทย ซึ่งเป็นเครื่องบิน โบอิ้ง 737-400 ทะเบียน HS-TDC ดอนเมือง-เชียงใหม่ ได้เกิดการระเบิดขณะจอดอยู่ที่ลานจอด สนามบินนานาชาติดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เครื่องบินถูกไฟไหม้เสียหายทั้งลำ ไม่มีผู้โดยสารบนเครื่อง มีเพียงลูกเรือ 8 คน อยู่บนเครื่อง ซึ่งช่างเทคนิคการบินเสียชีวิต 1 คน ✈️ จุดหมายปลายทางของเที่ยวบิน เที่ยวบิน TG114 เดิมมีกำหนดออกเดินทางไปยัง ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ โดยมีบุคคลสำคัญเดินทางไปด้วย รวมถึง พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะเนั้น และนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย 🛑 แต่เพียง 25 นาที ก่อนเครื่องออกเดินทาง เครื่องบินกลับระเบิดขึ้นก่อน 🚨 เหตุการณ์ครั้งนี้ จึงถูกตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นการลอบสังหารทางการเมือง? 🔥 สาเหตุที่เป็นไปได้ วินาศกรรม หรืออุบัติเหตุ? มี 2 ทฤษฎีหลัก ที่ถูกหยิบยกขึ้นมา เกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนี้ 🎯 💥 ทฤษฎีวินาศกรรม ลอบสังหารนายกรัฐมนตรี? หลังเหตุการณ์เกิดขึ้น พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า "นี่เป็นการก่อวินาศกรรม ที่มุ่งเป้าสังหารตนเอง" หลักฐานที่ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า มีการวางระเบิด ได้แก่ 🔎 พบร่องรอยสารระเบิด เจ้าหน้าที่ไทยตรวจพบ ร่องรอยของระเบิดซีโฟร์ (C-4) หรือเซมเท็กซ์ (Semtex) 🎯 นายกทักษิณกล่าวว่า อาจเป็นฝีมือของกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ จากนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล เช่น ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ เช่น กลุ่มว้าแดง ⏳ เวลาที่เกิดเหตุใกล้เคียงกับกำหนดการเดินทางของนายกฯ 📢 ตำรวจไทยในตอนแรกสรุปว่า เป็นการ "วางระเบิด" และคณะกรรมาธิการ ของสภาผู้แทนราษฎรเองก็มีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน 🛠️ ทฤษฎีอุบัติเหตุ ข้อสรุปของ NTSB คณะกรรมการความปลอดภัย ในการขนส่งแห่งชาติสหรัฐฯ (NTSB) ซึ่งส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาร่วมสอบสวน ได้ออกแถลงการณ์ เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2544 ว่า 🚫 ไม่มีร่องรอยของวัตถุระเบิด ⚡ การระเบิดอาจเกิดจากระบบปรับอากาศ ที่ทำงานต่อเนื่อง ส่งผลให้ถังน้ำมันส่วนกลาง เกิดการสันดาป และระเบิด ✈️ ลักษณะคล้ายกับอุบัติเหตุของเที่ยวบิน 143 ของฟิลิปปินส์แอร์ไลน์ เมื่อปี 2543 ในท้ายที่สุด รัฐบาลไทยและ NTSB ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันว่า "เป็นอุบัติเหตุจากความร้อนสะสม ของอุปกรณ์ทำความเย็น ที่อยู่ใกล้ถังน้ำมัน" 💡 วินาศกรรมที่ล้มเหลว หรือโศกนาฏกรรมที่ไม่ได้ตั้งใจ? ข้อถกเถียงเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ยังไม่จบง่ายๆ 🧐 เพราะ... 1️⃣ ผลการสอบสวนของไทยและสหรัฐฯ ต่างกัน ฝ่ายไทยเชื่อว่ามี หลักฐานของการวางระเบิด NTSB แย้งว่า ไม่พบร่องรอยระเบิดเลย 2️⃣ ช่วงเวลาการระเบิดน่าสงสัย ทำไมถึงเกิดขึ้นก่อนนายกฯ เดินทางเพียง 25 นาที ถ้าเป็นเพียงอุบัติเหตุ ทำไมไม่เกิดกับเครื่องลำอื่น? 3️⃣ กลุ่มที่มีแรงจูงใจในการลอบสังหาร นโยบายปราบปรามยาเสพติดของนายกทักษิณ สร้างศัตรูจำนวนมาก ขบวนการค้ายาเสพติดอาจไม่พอใจ จนถึงขั้นต้องการลอบสังหาร 📌 หรืออาจเป็นเพียงการ "ใช้ข่าวระเบิด" เพื่อกลบกระแสเรื่องคดีซุกหุ้น? 🚨 เหตุการณ์ลอบสังหารนายกทักษิณ ที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมา นี่ไม่ใช่ครั้งเดียว ที่มีความพยายามลอบสังหาร พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ 🎯 📍 ปี 2546 ข่าวลือว่า กลุ่มว้าแดงตั้งค่าหัว 80 ล้านบาท ทำให้ต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย 📍 ปี 2549 คดี "คาร์บอมบ์" ที่บริเวณสี่แยกบางพลัด ใกล้บ้านพักของนายกทักษิณ ก่อนที่ รปภ. จะพบระเบิดก่อน 📍 ปี 2559 นายกทักษิณให้สัมภาษณ์กับ Al Jazeera ว่า "มีคนพยายามลอบสังหารผม 4 ครั้ง" 🎯 ระเบิดเที่ยวบิน TG114 ยังเป็นปริศนา? 📌 แม้ว่าผลสอบสวนทางการบินของสหรัฐฯ จะสรุปว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่คำถามยังคงอยู่ 📌 หลายฝ่ายยังสงสัยว่า นี่อาจเป็นการลอบสังหารทางการเมือง ที่ไม่สำเร็จ 📌 หรือเป็นเพียง "เหตุบังเอิญ" ที่เกิดขึ้นอย่างมีเงื่อนงำ? 🔎 24 ปี ผ่านไป คำตอบของเหตุการณ์นี้ยังคงเป็นปริศนา และอาจไม่มีวันได้รับคำตอบที่ชัดเจน ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 030847 มี.ค. 2568 📌 #ทักษิณ #เที่ยวบินTG114 #การบินไทย #วินาศกรรม #อุบัติเหตุ #เครื่องบินระเบิด #ข่าวการเมือง #ว้าแดง #คดีลึกลับ #ประวัติศาสตร์ไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 รีวิว
  • หน่วยยามชายฝั่งของไต้หวันได้จับกุมเรือบรรทุกสินค้าจดทะเบียนโตโกและลูกเรือชาวจีนเมื่อวันอังคาร ฐานต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดสายเคเบิลโทรคมนาคมที่สำคัญใต้ทะเลมิเชลล์ ลี ฮุยจือ โฆษกคณะรัฐมนตรีของไต้หวันบอกกับ DPA ว่าเรื่องนี้กำลังถูกสอบสวนเพื่อตัดสินว่ามีการจงใจก่อวินาศกรรมหรือไม่สำนักข่าวกลางของรัฐรายงานว่ากระทรวงกิจการดิจิทัลได้สั่งให้ Chunghwa Telecom เปลี่ยนเส้นทางการรับส่งข้อมูลโทรคมนาคมไปยังสายเคเบิลใต้ทะเลอื่นๆทั้งนี้เพื่อให้แน่ใจว่ามีการเชื่อมต่อตามปกติระหว่างเกาะหลักของไต้หวันกับเกาะของเทศมณฑลเผิงหูและจินเหมิน
    หน่วยยามชายฝั่งของไต้หวันได้จับกุมเรือบรรทุกสินค้าจดทะเบียนโตโกและลูกเรือชาวจีนเมื่อวันอังคาร ฐานต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดสายเคเบิลโทรคมนาคมที่สำคัญใต้ทะเลมิเชลล์ ลี ฮุยจือ โฆษกคณะรัฐมนตรีของไต้หวันบอกกับ DPA ว่าเรื่องนี้กำลังถูกสอบสวนเพื่อตัดสินว่ามีการจงใจก่อวินาศกรรมหรือไม่สำนักข่าวกลางของรัฐรายงานว่ากระทรวงกิจการดิจิทัลได้สั่งให้ Chunghwa Telecom เปลี่ยนเส้นทางการรับส่งข้อมูลโทรคมนาคมไปยังสายเคเบิลใต้ทะเลอื่นๆทั้งนี้เพื่อให้แน่ใจว่ามีการเชื่อมต่อตามปกติระหว่างเกาะหลักของไต้หวันกับเกาะของเทศมณฑลเผิงหูและจินเหมิน
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • สาเหตุที่ทำให้สายใต้น้ำหรือเคเบิลใต้น้ำเสียหายอยู่บ่อยๆ ในช่วงหลัง โดยเฉพาะในทะเลบอลติก ซึ่งก่อนหน้านี้เชื่อว่ามาจากการก่อวินาศกรรมของเรือรัสเซียเพื่อขัดขวางการสื่อสารของชาวตะวันตกและประเทศที่สนับสนุนยูเครน แต่ล่าสุดองค์การสหประชาชาติเปิดเผยว่า สาเหตุหลักที่แท้จริงเกิดจากเรือประมงพาณิชย์ที่ลากอวนใต้น้ำมากกว่าการก่อวินาศกรรมจริงๆ

    Tomas Lamanauskas รองหัวหน้าองค์การโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) ของสหประชาชาติ ระบุว่าปัจจุบันสายเคเบิลใต้น้ำมีความสำคัญมาก เนื่องจากเป็นโครงสร้างพื้นฐานในการสื่อสารทั่วโลกที่ขนส่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตถึง 99% ของข้อมูลทั่วโลก แม้จะมีดาวเทียมอยู่ก็ยังต้องพึ่งสายเคเบิลใต้น้ำเพื่อเชื่อมต่อระหว่างสถานีภาคพื้นดิน

    ในแต่ละปีเกิดความเสียหายกับสายเคเบิลใต้น้ำเฉลี่ย 150-200 ครั้งทั่วโลก หรือประมาณ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยส่วนใหญ่เกิดจากการลากอวนของเรือประมงและการปล่อยสมอเรือ ซึ่งมีการรณรงค์ให้มีการคุ้มครองสายเคเบิลและการซ่อมแซมอย่างรวดเร็วขึ้น รวมถึงการกำหนดกฎเกณฑ์การใช้งานร่วมกันของเรือประมงและสายเคเบิลใต้น้ำเพื่อหลีกเลี่ยงการตัดสายเคเบิล

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/18/un-fishing-trawlers-not-sabotage-behind-most-undersea-cable-damage
    สาเหตุที่ทำให้สายใต้น้ำหรือเคเบิลใต้น้ำเสียหายอยู่บ่อยๆ ในช่วงหลัง โดยเฉพาะในทะเลบอลติก ซึ่งก่อนหน้านี้เชื่อว่ามาจากการก่อวินาศกรรมของเรือรัสเซียเพื่อขัดขวางการสื่อสารของชาวตะวันตกและประเทศที่สนับสนุนยูเครน แต่ล่าสุดองค์การสหประชาชาติเปิดเผยว่า สาเหตุหลักที่แท้จริงเกิดจากเรือประมงพาณิชย์ที่ลากอวนใต้น้ำมากกว่าการก่อวินาศกรรมจริงๆ Tomas Lamanauskas รองหัวหน้าองค์การโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) ของสหประชาชาติ ระบุว่าปัจจุบันสายเคเบิลใต้น้ำมีความสำคัญมาก เนื่องจากเป็นโครงสร้างพื้นฐานในการสื่อสารทั่วโลกที่ขนส่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตถึง 99% ของข้อมูลทั่วโลก แม้จะมีดาวเทียมอยู่ก็ยังต้องพึ่งสายเคเบิลใต้น้ำเพื่อเชื่อมต่อระหว่างสถานีภาคพื้นดิน ในแต่ละปีเกิดความเสียหายกับสายเคเบิลใต้น้ำเฉลี่ย 150-200 ครั้งทั่วโลก หรือประมาณ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยส่วนใหญ่เกิดจากการลากอวนของเรือประมงและการปล่อยสมอเรือ ซึ่งมีการรณรงค์ให้มีการคุ้มครองสายเคเบิลและการซ่อมแซมอย่างรวดเร็วขึ้น รวมถึงการกำหนดกฎเกณฑ์การใช้งานร่วมกันของเรือประมงและสายเคเบิลใต้น้ำเพื่อหลีกเลี่ยงการตัดสายเคเบิล https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/18/un-fishing-trawlers-not-sabotage-behind-most-undersea-cable-damage
    WWW.THESTAR.COM.MY
    UN: Fishing trawlers, not sabotage, behind most undersea cable damage
    Much has been written about suspected sabotage of undersea cables in the Baltic Sea, but the UN says fishing trawlers are causing the most damage by far, rather than spies.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยจะออกคำสั่งให้กระทรวงกลาโหม(เพนตากอน) และกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เตรียมพร้อมอาคารกักกันคนเข้าเมือง ณ เรือนจำอ่าวกวนตานาโม สำหรับรองรับพวกผู้อพยพสูงสุด 30,000 คน ที่ไม่สามารถเนรเทศกลับประเทศต้นทางได้
    .
    ที่ผ่านมา ฐานทัพเรือสหรัฐฯในอ่าวกวนตานาโม ประเทศคิวบา เป็นที่ตั้งของสถานที่ผู้อพยพแห่งหนึ่งอยู่ก่อนแล้ว แยกจากเรือนจำที่มีรักษาความปลอดภัยในระดับสูงของสหรัฐฯ ที่มีไว้คุมขังพวกผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายต่างชาติ ขณะที่ศูนย์อพยพแห่งนี้ถูกใช้งานเป็นครั้งคราวในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ในนั้นรวมถึงใช้คุมตัวผู้อพยพชาวเฮติและชาวคิวบา ที่จับตัวได้กลางทะเล
    .
    ทอม โอแมน ซาร์ด้านเขตแดนของทรัมป์ ระบุในเวลาต่อมาในวันพุธ(29ม.ค.) รัฐบาลจะขยายศูนย์ดังกล่าวที่มีอยู่แล้ว และจะมอบหน้าที่ให้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐฯ (ICE) เป็นผู้ดูแล
    .
    "วันนี้ ผมลงนามในคำสั่งบริหาร สั่งการให้กระทรวงกลาโหมและกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เริ่มเตรียมการศูนย์คนเข้าเมืองรองรับ 30,000 คน ที่อ่าวกวนตานาโม" ทรัมป์ บอกที่ทำเนียบขาว
    .
    ทรัมป์ กล่าวด้วยว่าศูนย์แห่งนี้ "จะถูกใช้ควบคุมตัวอาชญากรต่างด้าวเลวร้ายผิดกฎหมายที่คุกคามประชาชนชาวอเมริกา บางส่วนในนั้นเลวเสียจนกระทั่ง เราไม่อาจไว้วางใจให้ประเทศต่างๆควบคุมตัวพวกเขา เพราะว่าเราไม่ต้องการให้พวกเขากลับมาอีก ดังนั้น เรากำลังส่งตัวพวกเขาไปยังกวนตานาโม นี่จะเพิ่มความจุของเราเป็นเท่าตัวในทันที"
    .
    ไม่นานหลังจากนั้น ทรัมป์ลงนามในบันทึกความเข้าใจ ซึ่งไม่ได้ระบุถึงจำนวนพวกผู้อพยพ แต่เรียกร้องให้เพิ่มพื้นที่กักขัง ณ ศูนย์ที่ได้รับการขยายแห่งนี้
    .
    เมื่อถูกถามว่าศูนย์แห่งนี้จำเป็นต้องใช้เงินมากน้อยแค่ไหน ทาง คริสตี โนเอม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ตอบว่ารัฐบาลกำลังทำงานในเรื่องนี้ ภายใต้การประนีประนอมและการจัดสรรในสภาคองเกรส
    .
    เรือนจำในอ่าวกวตานาโม ถูกจัดตั้งขึ้นมาในปี 2002 โดยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู.บุช ณ ขณะนั้น เพื่อกักขังพวกผู้ต้องสงสัยนักรบต่างๆชาติ ตามหลังเหตุวินาศกรรมโจมตีสหรัฐฯ วันที่ 11 กันยายน 2001 และเวลานี้ยังเหนือผู้ต้องขังในเรือนจำ 15 คน
    .
    บารัค โอบามา และ โจ ไบเดน 2 ประธานาธิบดีคนก่อนหน้าทรัมป์ ซึ่งมาจากเดโมแครตทั้งคู่ หาทางปิดเรือนจำกวนตานาโม แต่ทำได้เพียงลดประชากรผู้ต้องขัง อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ประกาศว่าจะให้เรือนจำแห่งนี้เปิดทำการต่อไป
    .
    สถานคุมขังแห่งนี้ถูกประณามมาช้านานจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลาย สำหรับการกักขังอย่างไม่มีกำหนดและกลายมาเป็นสัญลักษณ์ความเลยเถิดของ "สงครามต่อต้านก่อการร้าย" ของสหรัฐฯ สืบเนื่องจากมีการใช้วิธีสอบปากคำที่เหี้ยมโหด ที่พวกนักวิจารณ์บอกว่าไม่ต่างจากการทรมาน
    .
    อย่างไรก็ตามศูนย์อพยพสำหรับคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย จะแยกออกจากสถานคุมขังในเรือนจำแห่งนี้
    .
    มิเกล ดิอาซ คาเนล ประธานาธิบดีคิวบาในวันพุธ(29ม.ค.) ให้คำจำกัดความว่า "เป็นการกระทำที่โหดร้ายทารุณ" ประณามแผนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในจะควบคุมตัวคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย ณ เรือนจำทหารกวนตานาโม
    .
    "ในการกระทำที่โหดร้ายทารุณ รัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯแถลงเกี่ยวกับการกักขังที่ฐานทัพเรือกวนตานาโม ตั้งอยู่ในดินแดนคิวบา ที่ถูกยึดครองอย่างผิดกฎหมาย" ประธานาธิบดีคิวบาเขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ พร้อมระบุพวกผู้อพยพจะถูกคุมขังใกล้สถานที่ต่างๆที่เขาบอกว่าสหรัฐฯเคยใช้มัน "ทรมานและกักขังผิดกฎหมาย"
    .
    การตัดสินใจล่าสุดเป็นความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมจากกรณีที่กองทัพสหรัฐฯใช้เครื่องบินทหารลำเลียงพวกผู้อพยพที่ถูกเทรเนศออกนอกประเทศ และส่งทหารประจำการกว่า 1,600 นาย เข้าไปบริเวณแนวชายแดนสหรัฐฯติดกับเม็กซิโก หลังจาก ทรัมป์ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านผู้อพยพเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009491
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยจะออกคำสั่งให้กระทรวงกลาโหม(เพนตากอน) และกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เตรียมพร้อมอาคารกักกันคนเข้าเมือง ณ เรือนจำอ่าวกวนตานาโม สำหรับรองรับพวกผู้อพยพสูงสุด 30,000 คน ที่ไม่สามารถเนรเทศกลับประเทศต้นทางได้ . ที่ผ่านมา ฐานทัพเรือสหรัฐฯในอ่าวกวนตานาโม ประเทศคิวบา เป็นที่ตั้งของสถานที่ผู้อพยพแห่งหนึ่งอยู่ก่อนแล้ว แยกจากเรือนจำที่มีรักษาความปลอดภัยในระดับสูงของสหรัฐฯ ที่มีไว้คุมขังพวกผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายต่างชาติ ขณะที่ศูนย์อพยพแห่งนี้ถูกใช้งานเป็นครั้งคราวในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ในนั้นรวมถึงใช้คุมตัวผู้อพยพชาวเฮติและชาวคิวบา ที่จับตัวได้กลางทะเล . ทอม โอแมน ซาร์ด้านเขตแดนของทรัมป์ ระบุในเวลาต่อมาในวันพุธ(29ม.ค.) รัฐบาลจะขยายศูนย์ดังกล่าวที่มีอยู่แล้ว และจะมอบหน้าที่ให้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐฯ (ICE) เป็นผู้ดูแล . "วันนี้ ผมลงนามในคำสั่งบริหาร สั่งการให้กระทรวงกลาโหมและกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เริ่มเตรียมการศูนย์คนเข้าเมืองรองรับ 30,000 คน ที่อ่าวกวนตานาโม" ทรัมป์ บอกที่ทำเนียบขาว . ทรัมป์ กล่าวด้วยว่าศูนย์แห่งนี้ "จะถูกใช้ควบคุมตัวอาชญากรต่างด้าวเลวร้ายผิดกฎหมายที่คุกคามประชาชนชาวอเมริกา บางส่วนในนั้นเลวเสียจนกระทั่ง เราไม่อาจไว้วางใจให้ประเทศต่างๆควบคุมตัวพวกเขา เพราะว่าเราไม่ต้องการให้พวกเขากลับมาอีก ดังนั้น เรากำลังส่งตัวพวกเขาไปยังกวนตานาโม นี่จะเพิ่มความจุของเราเป็นเท่าตัวในทันที" . ไม่นานหลังจากนั้น ทรัมป์ลงนามในบันทึกความเข้าใจ ซึ่งไม่ได้ระบุถึงจำนวนพวกผู้อพยพ แต่เรียกร้องให้เพิ่มพื้นที่กักขัง ณ ศูนย์ที่ได้รับการขยายแห่งนี้ . เมื่อถูกถามว่าศูนย์แห่งนี้จำเป็นต้องใช้เงินมากน้อยแค่ไหน ทาง คริสตี โนเอม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ตอบว่ารัฐบาลกำลังทำงานในเรื่องนี้ ภายใต้การประนีประนอมและการจัดสรรในสภาคองเกรส . เรือนจำในอ่าวกวตานาโม ถูกจัดตั้งขึ้นมาในปี 2002 โดยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู.บุช ณ ขณะนั้น เพื่อกักขังพวกผู้ต้องสงสัยนักรบต่างๆชาติ ตามหลังเหตุวินาศกรรมโจมตีสหรัฐฯ วันที่ 11 กันยายน 2001 และเวลานี้ยังเหนือผู้ต้องขังในเรือนจำ 15 คน . บารัค โอบามา และ โจ ไบเดน 2 ประธานาธิบดีคนก่อนหน้าทรัมป์ ซึ่งมาจากเดโมแครตทั้งคู่ หาทางปิดเรือนจำกวนตานาโม แต่ทำได้เพียงลดประชากรผู้ต้องขัง อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ประกาศว่าจะให้เรือนจำแห่งนี้เปิดทำการต่อไป . สถานคุมขังแห่งนี้ถูกประณามมาช้านานจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลาย สำหรับการกักขังอย่างไม่มีกำหนดและกลายมาเป็นสัญลักษณ์ความเลยเถิดของ "สงครามต่อต้านก่อการร้าย" ของสหรัฐฯ สืบเนื่องจากมีการใช้วิธีสอบปากคำที่เหี้ยมโหด ที่พวกนักวิจารณ์บอกว่าไม่ต่างจากการทรมาน . อย่างไรก็ตามศูนย์อพยพสำหรับคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย จะแยกออกจากสถานคุมขังในเรือนจำแห่งนี้ . มิเกล ดิอาซ คาเนล ประธานาธิบดีคิวบาในวันพุธ(29ม.ค.) ให้คำจำกัดความว่า "เป็นการกระทำที่โหดร้ายทารุณ" ประณามแผนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในจะควบคุมตัวคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย ณ เรือนจำทหารกวนตานาโม . "ในการกระทำที่โหดร้ายทารุณ รัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯแถลงเกี่ยวกับการกักขังที่ฐานทัพเรือกวนตานาโม ตั้งอยู่ในดินแดนคิวบา ที่ถูกยึดครองอย่างผิดกฎหมาย" ประธานาธิบดีคิวบาเขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ พร้อมระบุพวกผู้อพยพจะถูกคุมขังใกล้สถานที่ต่างๆที่เขาบอกว่าสหรัฐฯเคยใช้มัน "ทรมานและกักขังผิดกฎหมาย" . การตัดสินใจล่าสุดเป็นความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมจากกรณีที่กองทัพสหรัฐฯใช้เครื่องบินทหารลำเลียงพวกผู้อพยพที่ถูกเทรเนศออกนอกประเทศ และส่งทหารประจำการกว่า 1,600 นาย เข้าไปบริเวณแนวชายแดนสหรัฐฯติดกับเม็กซิโก หลังจาก ทรัมป์ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านผู้อพยพเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009491 .............. Sondhi X
    Like
    Wow
    Sad
    9
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2260 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลังจากทรัมป์ลงนาม "คำสั่งฝ่ายบริหาร" เพื่อเปิดเผยความลับของเอกสารการลอบสังหาร JFK

    "ปฏิบัติการนอร์ธวูดส์" (Operation Northwoods) ซึ่งเป็นปฏิบัติการลับของ CIA ในช่วงปี 1962 (พ.ศ.2505) เพื่อเข้าแทรกแซงทางทหารในคิวบากลับมาได้รับความสนใจในโซเชียลอีกครั้ง

    แต่สุดท้ายแล้ว "ปฏิบัติการนอร์ธวูดส์" ถูกประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดีปฏิเสธทั้งหมด แม้ว่าจะลงนามโดยคณะเสนาธิการทหารร่วมในปี 1962 แล้วก็ตาม

    หน่วยงาน CIA ร่วมมือกับกองทัพสหรัฐ วางแผน "ปฏิบัติการนอร์ธวูดส์" มาตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1960 รายละเอียดบางส่วนของแผนการในครั้งนั้น เพื่อโยนความผิดให้กับคิวบา และเพื่อสร้างเหตุผลความชอบธรรมในการทำสงครามกับคิวบา และกำจัด "ฟิเดล คาสโตร" ผู้นำคิวบา:

    - วางแผนจัดฉากหรือสร้างเรื่องโจมตีก่อการร้ายในเมืองต่างๆของสหรัฐฯ หรือโจมตีผลประโยชน์ของสหรัฐฯ รวมทั้งพลเมืองสหรัฐฯทั้งในและต่างประเทศ

    - การสร้างเหตุการณ์ที่เครื่องบินสหรัฐฯ ถูกยิงตกหรือก่อวินาศกรรม ซึ่งจะพยายามทำให้ดูเหมือนว่าเป็นการกระทำของคิวบา

    - การจัดฉากโจมตีในไมอามี เมืองอื่นๆ ในฟลอริดา และอาจรวมถึงวอชิงตัน ดี.ซี. ด้วย

    - วางแผนการให้มีการสังหารทหารสหรัฐฯ โดยระเบิดเรือในอ่าวกวนตานาโม แล้วโยนความผิดเหตุการณ์ดังกล่าวให้กับหน่วยก่อวินาศกรรมของคิวบา

    - จัดฉากการจี้เครื่องบินจนเกิดเหตุการณ์บานปลายทำให้ชาวอเมริกันเสียชีวิตเพื่อโยนความผิดให้คิวบา

    - จัดฉากว่ากองทัพอากาศคิวบาโจมตีเครื่องบินโดยสารพลเรือน

    มีรายงานว่าเคนเนดีตกใจกับแนวทางนี้และไม่ยอมรับโดบเด็ดขาด ทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับผู้นำกองทัพตึงเครียดอย่างมาก

    แม้ว่าเอกสารนี้จะถูกเผยแพร่มาแล้วตั้งแต่ปี 2001 แต่กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งในช่วงเวลานี้ ซึ่งถือเป็นตัวอย่างทางประวัติศาสตร์ที่เป็น “การเปิดโปงการแทรกแซงทางทหารของสหรัฐฯในคิวบา”

    การวางแผนของหน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐ มักจะเกิดจากความพยายามสร้างสถานการณ์ให้เกิดความตึงเครียดระหว่างประเทศขึ้นก่อน หลังจากนั้นจะตามมาด้วยการใช้ข้ออ้างกำลังทหารเข้ายุติปัญหา
    หลังจากทรัมป์ลงนาม "คำสั่งฝ่ายบริหาร" เพื่อเปิดเผยความลับของเอกสารการลอบสังหาร JFK "ปฏิบัติการนอร์ธวูดส์" (Operation Northwoods) ซึ่งเป็นปฏิบัติการลับของ CIA ในช่วงปี 1962 (พ.ศ.2505) เพื่อเข้าแทรกแซงทางทหารในคิวบากลับมาได้รับความสนใจในโซเชียลอีกครั้ง แต่สุดท้ายแล้ว "ปฏิบัติการนอร์ธวูดส์" ถูกประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดีปฏิเสธทั้งหมด แม้ว่าจะลงนามโดยคณะเสนาธิการทหารร่วมในปี 1962 แล้วก็ตาม หน่วยงาน CIA ร่วมมือกับกองทัพสหรัฐ วางแผน "ปฏิบัติการนอร์ธวูดส์" มาตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1960 รายละเอียดบางส่วนของแผนการในครั้งนั้น เพื่อโยนความผิดให้กับคิวบา และเพื่อสร้างเหตุผลความชอบธรรมในการทำสงครามกับคิวบา และกำจัด "ฟิเดล คาสโตร" ผู้นำคิวบา: - วางแผนจัดฉากหรือสร้างเรื่องโจมตีก่อการร้ายในเมืองต่างๆของสหรัฐฯ หรือโจมตีผลประโยชน์ของสหรัฐฯ รวมทั้งพลเมืองสหรัฐฯทั้งในและต่างประเทศ - การสร้างเหตุการณ์ที่เครื่องบินสหรัฐฯ ถูกยิงตกหรือก่อวินาศกรรม ซึ่งจะพยายามทำให้ดูเหมือนว่าเป็นการกระทำของคิวบา - การจัดฉากโจมตีในไมอามี เมืองอื่นๆ ในฟลอริดา และอาจรวมถึงวอชิงตัน ดี.ซี. ด้วย - วางแผนการให้มีการสังหารทหารสหรัฐฯ โดยระเบิดเรือในอ่าวกวนตานาโม แล้วโยนความผิดเหตุการณ์ดังกล่าวให้กับหน่วยก่อวินาศกรรมของคิวบา - จัดฉากการจี้เครื่องบินจนเกิดเหตุการณ์บานปลายทำให้ชาวอเมริกันเสียชีวิตเพื่อโยนความผิดให้คิวบา - จัดฉากว่ากองทัพอากาศคิวบาโจมตีเครื่องบินโดยสารพลเรือน มีรายงานว่าเคนเนดีตกใจกับแนวทางนี้และไม่ยอมรับโดบเด็ดขาด ทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับผู้นำกองทัพตึงเครียดอย่างมาก แม้ว่าเอกสารนี้จะถูกเผยแพร่มาแล้วตั้งแต่ปี 2001 แต่กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งในช่วงเวลานี้ ซึ่งถือเป็นตัวอย่างทางประวัติศาสตร์ที่เป็น “การเปิดโปงการแทรกแซงทางทหารของสหรัฐฯในคิวบา” การวางแผนของหน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐ มักจะเกิดจากความพยายามสร้างสถานการณ์ให้เกิดความตึงเครียดระหว่างประเทศขึ้นก่อน หลังจากนั้นจะตามมาด้วยการใช้ข้ออ้างกำลังทหารเข้ายุติปัญหา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 493 มุมมอง 0 รีวิว
  • NATO ได้เริ่มปฏิบัติการที่เรียกว่า "Operation Baltic Sentry" เพื่อปกป้องสายเคเบิลใต้น้ำที่ใช้ในการส่งพลังงานและการสื่อสารในทะเลบอลติกจากการก่อวินาศกรรม โดยพวกเขาได้ใช้เรือผิวน้ำไร้คนขับ (USVs) หรือที่เรียกว่า "เรือโดรน" เพื่อเพิ่มความตระหนักรู้ในสถานการณ์ในพื้นที่นี้

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากมีเหตุการณ์หลายครั้งในช่วงเดือนที่ผ่านมา ที่มีเรือที่เกี่ยวข้องกับรัสเซียถูกสงสัยว่าทำลายสายเคเบิลใต้น้ำที่สำคัญ โดยเหตุการณ์แรกเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2024 เมื่อเรือที่มีธงชาติจีนถูกสงสัยว่าทำลายสายเคเบิลสื่อสารสองสายที่เชื่อมต่อฟินแลนด์และสวีเดนกับยุโรปกลาง และเหตุการณ์ที่สองเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม เมื่อเรืออีกลำหนึ่งตัดสายเคเบิลพลังงานและสายเคเบิลสื่อสารบางส่วนระหว่างฟินแลนด์และเอสโตเนีย

    นอกจากนี้ ไต้หวันก็เพิ่มการเฝ้าระวังเครือข่ายสายเคเบิลใต้น้ำของตนเอง หลังจากที่มีเรือบรรทุกสินค้าที่เป็นของจีนถูกสงสัยว่าทำลายสายเคเบิลอินเทอร์เน็ตใต้น้ำที่เชื่อมต่อประเทศกับชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา

    การใช้เรือโดรนนี้จะช่วยให้ NATO สามารถตรวจจับและป้องกันการก่อวินาศกรรมได้ดียิ่งขึ้น โดยเรือโดรนเหล่านี้จะมีเซ็นเซอร์หลายชนิด รวมถึงเซ็นเซอร์ภาพและเซ็นเซอร์แม่เหล็กไฟฟ้า และข้อมูลที่ได้จะถูกแบ่งปันให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

    https://www.tomshardware.com/networking/nato-deploys-sea-drones-to-safeguard-undersea-cable-infrastructure
    NATO ได้เริ่มปฏิบัติการที่เรียกว่า "Operation Baltic Sentry" เพื่อปกป้องสายเคเบิลใต้น้ำที่ใช้ในการส่งพลังงานและการสื่อสารในทะเลบอลติกจากการก่อวินาศกรรม โดยพวกเขาได้ใช้เรือผิวน้ำไร้คนขับ (USVs) หรือที่เรียกว่า "เรือโดรน" เพื่อเพิ่มความตระหนักรู้ในสถานการณ์ในพื้นที่นี้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากมีเหตุการณ์หลายครั้งในช่วงเดือนที่ผ่านมา ที่มีเรือที่เกี่ยวข้องกับรัสเซียถูกสงสัยว่าทำลายสายเคเบิลใต้น้ำที่สำคัญ โดยเหตุการณ์แรกเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2024 เมื่อเรือที่มีธงชาติจีนถูกสงสัยว่าทำลายสายเคเบิลสื่อสารสองสายที่เชื่อมต่อฟินแลนด์และสวีเดนกับยุโรปกลาง และเหตุการณ์ที่สองเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม เมื่อเรืออีกลำหนึ่งตัดสายเคเบิลพลังงานและสายเคเบิลสื่อสารบางส่วนระหว่างฟินแลนด์และเอสโตเนีย นอกจากนี้ ไต้หวันก็เพิ่มการเฝ้าระวังเครือข่ายสายเคเบิลใต้น้ำของตนเอง หลังจากที่มีเรือบรรทุกสินค้าที่เป็นของจีนถูกสงสัยว่าทำลายสายเคเบิลอินเทอร์เน็ตใต้น้ำที่เชื่อมต่อประเทศกับชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา การใช้เรือโดรนนี้จะช่วยให้ NATO สามารถตรวจจับและป้องกันการก่อวินาศกรรมได้ดียิ่งขึ้น โดยเรือโดรนเหล่านี้จะมีเซ็นเซอร์หลายชนิด รวมถึงเซ็นเซอร์ภาพและเซ็นเซอร์แม่เหล็กไฟฟ้า และข้อมูลที่ได้จะถูกแบ่งปันให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง https://www.tomshardware.com/networking/nato-deploys-sea-drones-to-safeguard-undersea-cable-infrastructure
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    NATO deploys 'sea drones' to safeguard undersea cable infrastructure
    These drones would hopefully serve as a deterrent to undersea cable sabotage done by private vessels.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ค้นพบยุทธการการแทรกซึมทางไซเบอร์จากจีนที่มุ่งเป้าไปที่โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของเกาะกวม ยุทธการนี้เรียกว่า Volt Typhoon และมีเป้าหมายเพื่อขัดขวางการปฏิบัติการทางทหารและพลเรือนในกรณีที่เกิดความขัดแย้งเกี่ยวกับไต้หวัน

    Volt Typhoon มุ่งเน้นการแทรกซึมระบบปฏิบัติการเพื่อเตรียมการก่อวินาศกรรม โดยสร้างช่องโหว่ในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น ระบบน้ำ, โครงข่ายไฟฟ้า, และเครือข่ายการสื่อสาร ใช้เทคนิคการเลียนแบบผู้ใช้ที่ถูกต้องตามปกติ ทำให้การตรวจจับทำได้ยาก ต้องอาศัยการระบุความผิดปกติ เช่น รูปแบบการเข้าสู่ระบบที่ไม่ปกติ

    รัฐบาลสหรัฐฯ ตรวจพบ ยุทธการ Volt Typhoon โดยบังเอิญจากการเข้าตรวจสอบกิจกรรมเครือข่ายที่ผิดปกติที่ Guam Power Authority (GPA) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการไฟฟ้าเพียงรายเดียวบนเกาะ GPA มีความสำคัญทางทหารเนื่องจากจัดหาพลังงานให้กับกองทัพเรือสหรัฐฯ ประมาณ 20%

    หน่วยงานรัฐบาลกลาง เช่น FBI, NSA, และ Coast Guard ได้ส่งทีมไปติดตั้งระบบตรวจสอบทั่วโครงข่ายพลังงาน, ท่าเรือ, และเครือข่ายโทรคมนาคมในกวม อย่างไรก็ตาม โครงสร้างพื้นฐานของกวมที่มีการจัดการโดยเอกชนเป็นส่วนใหญ่ ทำให้การป้องกันแบบบูรณาการณ์ทำได้ยาก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/u-s-uncovers-hacking-campaign-targeting-guams-critical-infrastructure-suspected-chinese-volt-typhoon-hacks-could-disrupt-the-defense-of-taiwan
    รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ค้นพบยุทธการการแทรกซึมทางไซเบอร์จากจีนที่มุ่งเป้าไปที่โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของเกาะกวม ยุทธการนี้เรียกว่า Volt Typhoon และมีเป้าหมายเพื่อขัดขวางการปฏิบัติการทางทหารและพลเรือนในกรณีที่เกิดความขัดแย้งเกี่ยวกับไต้หวัน Volt Typhoon มุ่งเน้นการแทรกซึมระบบปฏิบัติการเพื่อเตรียมการก่อวินาศกรรม โดยสร้างช่องโหว่ในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น ระบบน้ำ, โครงข่ายไฟฟ้า, และเครือข่ายการสื่อสาร ใช้เทคนิคการเลียนแบบผู้ใช้ที่ถูกต้องตามปกติ ทำให้การตรวจจับทำได้ยาก ต้องอาศัยการระบุความผิดปกติ เช่น รูปแบบการเข้าสู่ระบบที่ไม่ปกติ รัฐบาลสหรัฐฯ ตรวจพบ ยุทธการ Volt Typhoon โดยบังเอิญจากการเข้าตรวจสอบกิจกรรมเครือข่ายที่ผิดปกติที่ Guam Power Authority (GPA) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการไฟฟ้าเพียงรายเดียวบนเกาะ GPA มีความสำคัญทางทหารเนื่องจากจัดหาพลังงานให้กับกองทัพเรือสหรัฐฯ ประมาณ 20% หน่วยงานรัฐบาลกลาง เช่น FBI, NSA, และ Coast Guard ได้ส่งทีมไปติดตั้งระบบตรวจสอบทั่วโครงข่ายพลังงาน, ท่าเรือ, และเครือข่ายโทรคมนาคมในกวม อย่างไรก็ตาม โครงสร้างพื้นฐานของกวมที่มีการจัดการโดยเอกชนเป็นส่วนใหญ่ ทำให้การป้องกันแบบบูรณาการณ์ทำได้ยาก https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/u-s-uncovers-hacking-campaign-targeting-guams-critical-infrastructure-suspected-chinese-volt-typhoon-hacks-could-disrupt-the-defense-of-taiwan
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    US uncovers hacking campaign targeting Guam's critical infrastructure
    Guam's infrastructure is essential to U.S. Navy operations in the Pacific.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 272 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผอ.หน่วยข่าวกรองเยอรมัน แนะสมาชิกนาโต้ใช้มาตรา 5 ตอบโต้รัสเซีย

    ที่ผ่านมากลุ่มพันธมิตรนาโต้ กล่าวหาว่ารัสเซียอยู่เบื้องหลังกิจกรรมที่เป็นปรปักษ์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆทั่วพื้นที่ยุโรป ซึ่งเกี่ยวข้องกับการโจมตีทางไซเบอร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ทั้งหมดนี้รัสเซียออกมาปฏิเสธตลอด

    "จากพฤติกรรมของรัสเซียในการลอบก่อวินาศกรรมเล่นงานเป้าหมายต่างๆในโลกตะวันตก รวมถึงการใช้วิธีการที่ผสมผสานอย่างรอบด้านของรัสเซีย หนึ่งในนั้นคือการโจมีทางด้านไซเบอร์ ท้ายที่สุดแล้วอาจกระตุ้นให้นาโตพิจารณาใช้มาตรา 5 ในการป้องกันตนเอง"

    บรูโน คาห์ล (Bruno Kahl) หัวหน้าหน่วยข่าวกรองต่างประเทศ (Bundesnachrichtendienst หรือ BND) ของเยอรมนี กล่าวในงานของสถาบันวิจัย DGAP (Deutsche Gesellschaft für Auswärtige Politik)

    มาตรา 5 ของนาโต้ระบุไว้ว่า ถ้าสมาชิกนาโตใดๆถูกโจมตี สมาชิกอื่นๆของพันธมิตรทหารแห่งนี้มีหน้าที่ที่ต้องเข้าช่วยเหลือตอบโต้ทันที
    ผอ.หน่วยข่าวกรองเยอรมัน แนะสมาชิกนาโต้ใช้มาตรา 5 ตอบโต้รัสเซีย ที่ผ่านมากลุ่มพันธมิตรนาโต้ กล่าวหาว่ารัสเซียอยู่เบื้องหลังกิจกรรมที่เป็นปรปักษ์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆทั่วพื้นที่ยุโรป ซึ่งเกี่ยวข้องกับการโจมตีทางไซเบอร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ทั้งหมดนี้รัสเซียออกมาปฏิเสธตลอด "จากพฤติกรรมของรัสเซียในการลอบก่อวินาศกรรมเล่นงานเป้าหมายต่างๆในโลกตะวันตก รวมถึงการใช้วิธีการที่ผสมผสานอย่างรอบด้านของรัสเซีย หนึ่งในนั้นคือการโจมีทางด้านไซเบอร์ ท้ายที่สุดแล้วอาจกระตุ้นให้นาโตพิจารณาใช้มาตรา 5 ในการป้องกันตนเอง" บรูโน คาห์ล (Bruno Kahl) หัวหน้าหน่วยข่าวกรองต่างประเทศ (Bundesnachrichtendienst หรือ BND) ของเยอรมนี กล่าวในงานของสถาบันวิจัย DGAP (Deutsche Gesellschaft für Auswärtige Politik) มาตรา 5 ของนาโต้ระบุไว้ว่า ถ้าสมาชิกนาโตใดๆถูกโจมตี สมาชิกอื่นๆของพันธมิตรทหารแห่งนี้มีหน้าที่ที่ต้องเข้าช่วยเหลือตอบโต้ทันที
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 240 มุมมอง 0 รีวิว
  • การตัดสินใจของสหรัฐฯ ที่อนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธของอเมริกาโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย จะไม่เพิ่มความเสี่ยงของการโจมตีทางนิวเคลียร์ และไม่น่ามีความเป็นไปได้ แม้ทางประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ใช้วาทกรรมพร้อมทะเลาะวิวาทหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ตามรายงานของรอยเตอร์อ้างอิงแหล่งข่าว 5 คนที่ใกล้ชิดกับหน่วยข่าวกรองอเมริกา
    .
    อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวที่ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ระดับสูง 2 คน สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร 1 คนและผู้ช่วยสมาชิกสภาคองเกรส 2 ราย ให้ข้อมูลโดยสรุปในประเด็นนี้ว่า รัสเซีย มีความเป็นไปได้มากกว่า ที่จะยกระดับยุทธการลอบก่อวินาศกรรมเป้าหมายต่างๆในยุโรป เพื่อถาโถมแรงกดดันใส่ะวันตก ต่อกรณีสนับสนุนเคียฟ
    .
    การประเมินด้านข่าวกรองต่างๆนานาในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปว่า "ไม่น่าจะเป็นไปได้" ที่จะเกิดสถานการณ์ลุกลามบานปลายทางนิวเคลียร์ หากสหรัฐฯผ่อนปรนข้อจำกัดแก่ยูเครนในการใช้อาวุธของอเมริกา และมุมมองดังกล่าวยังคงเดิม หลัง ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เปลี่ยนจุดยืนของสหรัฐฯ ที่มีต่อข้อจำกัดด้านการใช้อาวุธ เมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา
    .
    แหล่งข่าวที่เป็นผู้ช่วยสมาชิกสภาครองเกรส ระบุว่า "คำประเมินต่างๆนานามีความสอดคล้องกัน ระบบขีปนาวุธ ATACM จะไม่เปลี่ยนแปลงการคำนวณเกี่ยวกับการใช้นิวเคลียร์ของรัสเซีย" อ้างถึงขีปนาวุธพิสัยทำการสูงสุด 306 กิโลเมตร ที่สหรัฐฯอนุมัติให้ยูเครนใช้โจมตีรัสเซีย
    .
    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัสเซียยิงขีปนาวุธแบบทิ้งตัวรุ่นใหม่ ซึ่งพวกนักวิเคราะห์เชื่อว่ามันมีเจตนาส่งสัญญาณเตือนไปยังวอชิงตันและพันธมิตรยุโรปของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวระบุว่ามันไม่ได้เปลี่ยนแปลงข้อสรุปของหน่วยข่าวกรองอเมริกา
    .
    แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯรายหนึ่งบอกว่า ในขณะวอชิงตันประเมินว่ามอสโกจะไม่หาทางโหมกระพือสถานการณ์ลุกลามลานปลายด้วยกองกำลังนิวเคลียร์ แต่รัสเซียจะพยายามสร้างความทัดเทียม ในสิ่งที่มองว่าเป็นการโหมกระพือสถานการณ์ให้ลุกลามบานปลายโดยสหรัฐฯ โดยเจ้าหน้าที่รายนี้บอกว่าการประจำการขีปนาวุธใหม่ ก็เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามดังกล่าว
    .
    พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯระบุว่าข่าวกรองดังกล่าวช่วยเป็นเครื่องชี้ทางการถกเถียงที่บ่อยครั้งเต็มไปด้วยความเห็นต่างภายในรัฐบาลของไบเดน ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ว่าวอชิงตันควรผ่อนปรนข้อจำกัดแก่ยูเครนในการใช้อาวุธของอเมริกาหรือไม่ ซึ่งเสี่ยงก่อความเดือดดาลแก่ปูติน
    .
    เบื้องต้นมีเสียงต้านความเคลื่อนไหวดังกล่าว อ้างถึงความกังวลสถานการณ์ลุกลามบานปลายและความไม่แน่นอนว่า ปูติน จะตอบโต้อย่างไร บางส่วนในเจ้าหน้าที่เหล่านั้น ในนั้นรวมถึงในทำเนียบขาว เพนตากอนและกระทรวงการต่างประเทศ เกรงว่ามอสโกจะแก้แค้นหนักหน่วงรุนแรง เล่นงานทหารและบุคลากรทางการทูตของสหรัฐฯ เช่นเดียวกับโจมตีพันธมิตรนาโต
    .
    อย่างไรก็ตามแม้มีความกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ลุกลามบานปลายทางนิวเคลียร์ แต่ ไบเดน เกิดเปลี่ยนใจ สืบเนื่องจากการเข้าร่วมวงสงครรามของเกาหลีเหนือ ก่อนศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากการเปิดเผยของพวกเจ้าหน้าที่อเมริกา
    .
    เวลานี้เจ้าหน้าที่บางส่วนเชื่อว่าความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ลุกลามบานปลาย ในนั้นรวมถึงข้อวิตกเกี่ยวกับนิวเคลียร์ นั้นเลยเถิดเกินไป แต่เน้นย้ำว่าสถานการณ์ในภาพรวมในยูเครนยังคงอันตราย และสถานการณ์ลุกลามบานปลายทางนิวเคลียร์ยังมีความเป็นไปได้ ขณะเดียวกันความสามารถของรัสเซียในการหาหนทางอำพรางแนวทางแก้แค้นตะวันตก ก็เป็นสิ่งที่น่าวิตกเช่นกัน
    .
    "การตอบโต้แบบลูกผสมของรัสเซียเป็นสิ่งที่น่ากังวล" แองเจลา สเตนท์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษายูเรเซียน รัสเซียและยุโรปตะวันออก ณ มหาวิทยาลัยจอร์เจียทาวน์ ให้ความเห็น อ้างถึงปฏิบัติการลอบก่อวินาศกรรมของรัสเซียในยุโรป "โอกาสแห่งสถานการณ์ลุกลาม ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เวลานี้มีความกังวลใหญ่หลวงกว่าเดิม"
    .
    เมื่อเดือนเมษายน ทำเนียบขาวอนุมัติให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธของอเมริกาโจมตีข้ามชายแดนในกรณีแวดล้อมต่างๆแบบจำกัด แต่ไม่ให้ใช้โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย อ้างถึงความเสี่ยงสถานการณ์ลุกลามบานปลายกับมอสโก ประโยชน์ทางเทคนิคและเสบียงขีปนาวุธ ATACM ที่มีอย่างจำกัด
    .
    หนึ่งในคำประเมินด้านข่าวกรองในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ซึ่งจัดทำขึ้นตามคำขอของทำเนียบขาว อธิบายว่าการโจมตีข้ามชายแดนจากเมืองคาร์คิฟของยูเครน จะส่งผลอย่างจำกัด เพราะว่า 90% ของอากาศยานรัสเซียได้ถูกเคลื่อนย้ายออกจากห่างชายแดนแล้ว พ้นจากระยะทำการของขีปนาวุธพิสัยใกล้
    .
    อย่างไรก็ตามคำประเมินเน้นย้ำด้วยว่า แม้ ปูติน ขู่ใช้อาวุธนิวเคลียร์บ่อยครั้ง แต่ไม่มีความเป็นไปได้ที่ มอสโก จะใช้มาตรการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในการตอบโต้ เพราะว่าพวกเขาเองก็ไม่ได้รับประโยชน์ทางทหารอย่างชัดเจน ทั้งนี้พวกเจ้าหน้าที่ข่าวกรองให้คำจำกัดความทางเลือกด้านนิวเคลียร์ ว่าเป็นทางเลือกสุดท้ายสำหรับรัสเซีย และ ปูติน น่าจะเลือกหนทางอื่นในการแก้แค้นเป็นลำดับแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลอบก่อวินาศกรรมและการโจมตีทางไซเบอร์ ซึ่งที่ผ่านมา รัสเซีย ได้ลงมือไปก่อนหน้าแล้ว
    .
    อย่างไรก็ตามยังคงมีเจ้าหน้าที่บางส่วนภายในทำเนียบขาวและเพนตากอน โต้แย้งว่าการไฟเขียวให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธของสหรัฐฯโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย จะทำให้เคียฟ สหรัฐฯและพันธมิตรทั้งหลายของอเมริกา ตกอยู่ในอันตรายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และกระตุ้นให้ ปูติน ลงมือแก้แค้น ทั้งผ่านกองกำลังนิวเคลียร์หรือยุทธวิธีนองเลือดอื่นๆนอกเขตสงคราม
    .
    ทั้งนี้พวกเจ้าหน้าเพนตากอน มีความกังวลอย่างยิ่งต่อการโจมตีฐานทัพต่างๆของสหรัฐฯ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000114310
    ..............
    Sondhi X
    การตัดสินใจของสหรัฐฯ ที่อนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธของอเมริกาโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย จะไม่เพิ่มความเสี่ยงของการโจมตีทางนิวเคลียร์ และไม่น่ามีความเป็นไปได้ แม้ทางประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ใช้วาทกรรมพร้อมทะเลาะวิวาทหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ตามรายงานของรอยเตอร์อ้างอิงแหล่งข่าว 5 คนที่ใกล้ชิดกับหน่วยข่าวกรองอเมริกา . อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวที่ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ระดับสูง 2 คน สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร 1 คนและผู้ช่วยสมาชิกสภาคองเกรส 2 ราย ให้ข้อมูลโดยสรุปในประเด็นนี้ว่า รัสเซีย มีความเป็นไปได้มากกว่า ที่จะยกระดับยุทธการลอบก่อวินาศกรรมเป้าหมายต่างๆในยุโรป เพื่อถาโถมแรงกดดันใส่ะวันตก ต่อกรณีสนับสนุนเคียฟ . การประเมินด้านข่าวกรองต่างๆนานาในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปว่า "ไม่น่าจะเป็นไปได้" ที่จะเกิดสถานการณ์ลุกลามบานปลายทางนิวเคลียร์ หากสหรัฐฯผ่อนปรนข้อจำกัดแก่ยูเครนในการใช้อาวุธของอเมริกา และมุมมองดังกล่าวยังคงเดิม หลัง ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เปลี่ยนจุดยืนของสหรัฐฯ ที่มีต่อข้อจำกัดด้านการใช้อาวุธ เมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา . แหล่งข่าวที่เป็นผู้ช่วยสมาชิกสภาครองเกรส ระบุว่า "คำประเมินต่างๆนานามีความสอดคล้องกัน ระบบขีปนาวุธ ATACM จะไม่เปลี่ยนแปลงการคำนวณเกี่ยวกับการใช้นิวเคลียร์ของรัสเซีย" อ้างถึงขีปนาวุธพิสัยทำการสูงสุด 306 กิโลเมตร ที่สหรัฐฯอนุมัติให้ยูเครนใช้โจมตีรัสเซีย . เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัสเซียยิงขีปนาวุธแบบทิ้งตัวรุ่นใหม่ ซึ่งพวกนักวิเคราะห์เชื่อว่ามันมีเจตนาส่งสัญญาณเตือนไปยังวอชิงตันและพันธมิตรยุโรปของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวระบุว่ามันไม่ได้เปลี่ยนแปลงข้อสรุปของหน่วยข่าวกรองอเมริกา . แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯรายหนึ่งบอกว่า ในขณะวอชิงตันประเมินว่ามอสโกจะไม่หาทางโหมกระพือสถานการณ์ลุกลามลานปลายด้วยกองกำลังนิวเคลียร์ แต่รัสเซียจะพยายามสร้างความทัดเทียม ในสิ่งที่มองว่าเป็นการโหมกระพือสถานการณ์ให้ลุกลามบานปลายโดยสหรัฐฯ โดยเจ้าหน้าที่รายนี้บอกว่าการประจำการขีปนาวุธใหม่ ก็เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามดังกล่าว . พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯระบุว่าข่าวกรองดังกล่าวช่วยเป็นเครื่องชี้ทางการถกเถียงที่บ่อยครั้งเต็มไปด้วยความเห็นต่างภายในรัฐบาลของไบเดน ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ว่าวอชิงตันควรผ่อนปรนข้อจำกัดแก่ยูเครนในการใช้อาวุธของอเมริกาหรือไม่ ซึ่งเสี่ยงก่อความเดือดดาลแก่ปูติน . เบื้องต้นมีเสียงต้านความเคลื่อนไหวดังกล่าว อ้างถึงความกังวลสถานการณ์ลุกลามบานปลายและความไม่แน่นอนว่า ปูติน จะตอบโต้อย่างไร บางส่วนในเจ้าหน้าที่เหล่านั้น ในนั้นรวมถึงในทำเนียบขาว เพนตากอนและกระทรวงการต่างประเทศ เกรงว่ามอสโกจะแก้แค้นหนักหน่วงรุนแรง เล่นงานทหารและบุคลากรทางการทูตของสหรัฐฯ เช่นเดียวกับโจมตีพันธมิตรนาโต . อย่างไรก็ตามแม้มีความกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ลุกลามบานปลายทางนิวเคลียร์ แต่ ไบเดน เกิดเปลี่ยนใจ สืบเนื่องจากการเข้าร่วมวงสงครรามของเกาหลีเหนือ ก่อนศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากการเปิดเผยของพวกเจ้าหน้าที่อเมริกา . เวลานี้เจ้าหน้าที่บางส่วนเชื่อว่าความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ลุกลามบานปลาย ในนั้นรวมถึงข้อวิตกเกี่ยวกับนิวเคลียร์ นั้นเลยเถิดเกินไป แต่เน้นย้ำว่าสถานการณ์ในภาพรวมในยูเครนยังคงอันตราย และสถานการณ์ลุกลามบานปลายทางนิวเคลียร์ยังมีความเป็นไปได้ ขณะเดียวกันความสามารถของรัสเซียในการหาหนทางอำพรางแนวทางแก้แค้นตะวันตก ก็เป็นสิ่งที่น่าวิตกเช่นกัน . "การตอบโต้แบบลูกผสมของรัสเซียเป็นสิ่งที่น่ากังวล" แองเจลา สเตนท์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษายูเรเซียน รัสเซียและยุโรปตะวันออก ณ มหาวิทยาลัยจอร์เจียทาวน์ ให้ความเห็น อ้างถึงปฏิบัติการลอบก่อวินาศกรรมของรัสเซียในยุโรป "โอกาสแห่งสถานการณ์ลุกลาม ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เวลานี้มีความกังวลใหญ่หลวงกว่าเดิม" . เมื่อเดือนเมษายน ทำเนียบขาวอนุมัติให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธของอเมริกาโจมตีข้ามชายแดนในกรณีแวดล้อมต่างๆแบบจำกัด แต่ไม่ให้ใช้โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย อ้างถึงความเสี่ยงสถานการณ์ลุกลามบานปลายกับมอสโก ประโยชน์ทางเทคนิคและเสบียงขีปนาวุธ ATACM ที่มีอย่างจำกัด . หนึ่งในคำประเมินด้านข่าวกรองในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ซึ่งจัดทำขึ้นตามคำขอของทำเนียบขาว อธิบายว่าการโจมตีข้ามชายแดนจากเมืองคาร์คิฟของยูเครน จะส่งผลอย่างจำกัด เพราะว่า 90% ของอากาศยานรัสเซียได้ถูกเคลื่อนย้ายออกจากห่างชายแดนแล้ว พ้นจากระยะทำการของขีปนาวุธพิสัยใกล้ . อย่างไรก็ตามคำประเมินเน้นย้ำด้วยว่า แม้ ปูติน ขู่ใช้อาวุธนิวเคลียร์บ่อยครั้ง แต่ไม่มีความเป็นไปได้ที่ มอสโก จะใช้มาตรการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในการตอบโต้ เพราะว่าพวกเขาเองก็ไม่ได้รับประโยชน์ทางทหารอย่างชัดเจน ทั้งนี้พวกเจ้าหน้าที่ข่าวกรองให้คำจำกัดความทางเลือกด้านนิวเคลียร์ ว่าเป็นทางเลือกสุดท้ายสำหรับรัสเซีย และ ปูติน น่าจะเลือกหนทางอื่นในการแก้แค้นเป็นลำดับแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลอบก่อวินาศกรรมและการโจมตีทางไซเบอร์ ซึ่งที่ผ่านมา รัสเซีย ได้ลงมือไปก่อนหน้าแล้ว . อย่างไรก็ตามยังคงมีเจ้าหน้าที่บางส่วนภายในทำเนียบขาวและเพนตากอน โต้แย้งว่าการไฟเขียวให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธของสหรัฐฯโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย จะทำให้เคียฟ สหรัฐฯและพันธมิตรทั้งหลายของอเมริกา ตกอยู่ในอันตรายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และกระตุ้นให้ ปูติน ลงมือแก้แค้น ทั้งผ่านกองกำลังนิวเคลียร์หรือยุทธวิธีนองเลือดอื่นๆนอกเขตสงคราม . ทั้งนี้พวกเจ้าหน้าเพนตากอน มีความกังวลอย่างยิ่งต่อการโจมตีฐานทัพต่างๆของสหรัฐฯ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000114310 .............. Sondhi X
    Like
    4
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1016 มุมมอง 0 รีวิว
  • พฤติกรรมของรัสเซียในการลอบก่อวินาศกรรมเล่นงานเป้าหมายต่างๆในโลกตะวันตก ท้ายที่สุดแล้วอาจกระตุ้นให้นาโตพิจารณาใช้มาตรา 5 การป้องกันตนเองร่วมของพันธมิตรทหารแห่งนี้ จากคำกล่าวของหัวหน้าหน่วยข่างกรองต่างประเทศของเยอรมนี
    .
    ระหว่างกล่าว ณ กิจกรรมหนึ่งของสถาบันวิจัย DGAP ในกรุงเบอร์ลิน เมื่อวันพุธ(27พ.ย.) บรูโน คาห์ล หัวหน้าหน่วยข่าวกรองต่างประเทศ (Bundesnachrichtendienst หรือ BND) ของเยอรมนี คาดหมายว่ามอสโกจะยกระดับสงครามลูกผสมหนักหน่วงขึ้น
    .
    "การใช้มาตรการผสมผสานอย่างครอบคลุมของรัสเซีย เพิ่มความเสี่ยงที่ท้ายที่สุดแล้ว นาโตจะพิจารณาใช้ช้มาตรา 5 การป้องกันตนเองร่วมของพันธมิตรทหาร" เขาเน้นย้ำ "ในขณะเดียวกัน การที่รัสเซียกำลังยกระดับศักยภาพด้านการทหารเพิ่มมากขึ้น มันหมายความว่าการเผชิญหน้ากับนาโต เริ่มกลายมาเป็นทางเลือกหนึ่งที่เป็นไปได้สำหรับยูเครน"
    .
    มาตรา 5 ระบุไว้ว่าถ้าสมาชิกนาโตหนึ่งๆถูกโจมตี สมาชิกอื่นๆของพันธมิตรทหารแห่งนี้มีหน้าที่ที่ต้องเข้าช่วยเหลือตอบโต้
    .
    นาโตและบรรดาหน่วยข่าวกรองของตะวันตก เคยเตือนว่ารัสเซียอยู่เบื้องหลังกิจกรรมที่เป็นปรปักษ์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆทั่วพื้นที่ยูโร-แอตแลนติก ไล่ตั้งแต่การโจมตีทางไซเบอร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไปจนถึงการวางเพลิงที่เกี่ยวข้องกับมอสโก อย่างไรก็ตามทั้งหมดทั้งมวลนี้รัสเซียปฏิเสธ
    .
    คาห์ล บอกว่ากองทัพรัสเซีย อาจมีศักยภาพโจมตีนาโตภายในสิ้นทศวรรษนี้ พร้อมระบุการทำสงครามของมอสโกในยูเครน หมายความว่ารัสเซียมีทหารที่ผ่านสมรภูมิรบภายใต้บังคับบัญชา ซึ่งปัจจัยนี้เองเพิ่มความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากกองกำลังทั่วไปของรัสเซีย ขณะเดียวกันมอสโกยังมีความเชี่ยวชาญด้านสงครามโดรนสมัยใหม่อีกด้วย
    .
    หัวหน้าหน่วยข่าวกรองต่างประเทศของเยอรมนี อ้างอิงความเชี่ยวชาญของตนเอง ประเมินว่า พวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงกลาโหมรัสเซีย อาจไม่เชื่อว่ามาตรา 5 ของนาโต ในนั้นรวมถึงมาตรการป้องกันของสหรัฐฯที่มอบแก่ยุโรป จะถูกบังคับใช้จริง ในกรณีที่เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน
    .
    "เราไม่พบสิ่งบ่งชี้ใดๆที่บ่งบอกว่ารัสเซียมีเจตนาเข้าสู่สงคราม แต่ถ้ารัฐบาลในมอสโกรู้สึกว่าตนเองเป็นฝ่ายเหนือกว่า เมื่อนั้นความเสี่ยงของการเผชิญหน้าทางทหารก็จะเพิ่มมากขึ้นในช่วงหลายปีข้างหน้า" คาห์ลระบุ
    .
    "หากรัสเซียโจมตีหนึ่งหรือหลายชาติสมาชิกนาโต พวกเขาจะไม่ทำเพื่อยึดครองดินแดนอันกว้างขวาง แต่เพื่อเป็นการทดสอบเส้นตายที่ขีดไว้โดยตะวันตก โดยมีเป้าหมายเพื่อกำราบความเป็นหนึ่งเดียวกันของตะวันตกและนาโต ในฐานะพันธมิตรป้องกันตนเอง" เขากล่าว
    .
    "ในมุมมองของรัสเซีย เป้าหมายนี้จะบรรลุ ถ้าหากว่ามาตรหากมาตรา 5 ยังไม่มีผลบังคับใช้ใดๆ ในกรณีที่เกิดการโจมตีจากรัสเซีย" เขากล่าว "เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายนี้ คุณไม่จำเป็นต้องส่งรถถังทหารมายังทิศตะวันตก พวกเขาแค่ส่งกำลังพลกลุ่มเล็กๆเข้าไปยังแถบบอลติก อ้างว่าเพื่อปกป้องการคุกคามชนกลุ่มน้อยรัสเซีย หรือจัดระเบียบชายแดนแถบหมู่เกาะสวาลบาร์ด"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000114309
    ..............
    Sondhi X
    พฤติกรรมของรัสเซียในการลอบก่อวินาศกรรมเล่นงานเป้าหมายต่างๆในโลกตะวันตก ท้ายที่สุดแล้วอาจกระตุ้นให้นาโตพิจารณาใช้มาตรา 5 การป้องกันตนเองร่วมของพันธมิตรทหารแห่งนี้ จากคำกล่าวของหัวหน้าหน่วยข่างกรองต่างประเทศของเยอรมนี . ระหว่างกล่าว ณ กิจกรรมหนึ่งของสถาบันวิจัย DGAP ในกรุงเบอร์ลิน เมื่อวันพุธ(27พ.ย.) บรูโน คาห์ล หัวหน้าหน่วยข่าวกรองต่างประเทศ (Bundesnachrichtendienst หรือ BND) ของเยอรมนี คาดหมายว่ามอสโกจะยกระดับสงครามลูกผสมหนักหน่วงขึ้น . "การใช้มาตรการผสมผสานอย่างครอบคลุมของรัสเซีย เพิ่มความเสี่ยงที่ท้ายที่สุดแล้ว นาโตจะพิจารณาใช้ช้มาตรา 5 การป้องกันตนเองร่วมของพันธมิตรทหาร" เขาเน้นย้ำ "ในขณะเดียวกัน การที่รัสเซียกำลังยกระดับศักยภาพด้านการทหารเพิ่มมากขึ้น มันหมายความว่าการเผชิญหน้ากับนาโต เริ่มกลายมาเป็นทางเลือกหนึ่งที่เป็นไปได้สำหรับยูเครน" . มาตรา 5 ระบุไว้ว่าถ้าสมาชิกนาโตหนึ่งๆถูกโจมตี สมาชิกอื่นๆของพันธมิตรทหารแห่งนี้มีหน้าที่ที่ต้องเข้าช่วยเหลือตอบโต้ . นาโตและบรรดาหน่วยข่าวกรองของตะวันตก เคยเตือนว่ารัสเซียอยู่เบื้องหลังกิจกรรมที่เป็นปรปักษ์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆทั่วพื้นที่ยูโร-แอตแลนติก ไล่ตั้งแต่การโจมตีทางไซเบอร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไปจนถึงการวางเพลิงที่เกี่ยวข้องกับมอสโก อย่างไรก็ตามทั้งหมดทั้งมวลนี้รัสเซียปฏิเสธ . คาห์ล บอกว่ากองทัพรัสเซีย อาจมีศักยภาพโจมตีนาโตภายในสิ้นทศวรรษนี้ พร้อมระบุการทำสงครามของมอสโกในยูเครน หมายความว่ารัสเซียมีทหารที่ผ่านสมรภูมิรบภายใต้บังคับบัญชา ซึ่งปัจจัยนี้เองเพิ่มความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากกองกำลังทั่วไปของรัสเซีย ขณะเดียวกันมอสโกยังมีความเชี่ยวชาญด้านสงครามโดรนสมัยใหม่อีกด้วย . หัวหน้าหน่วยข่าวกรองต่างประเทศของเยอรมนี อ้างอิงความเชี่ยวชาญของตนเอง ประเมินว่า พวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงกลาโหมรัสเซีย อาจไม่เชื่อว่ามาตรา 5 ของนาโต ในนั้นรวมถึงมาตรการป้องกันของสหรัฐฯที่มอบแก่ยุโรป จะถูกบังคับใช้จริง ในกรณีที่เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน . "เราไม่พบสิ่งบ่งชี้ใดๆที่บ่งบอกว่ารัสเซียมีเจตนาเข้าสู่สงคราม แต่ถ้ารัฐบาลในมอสโกรู้สึกว่าตนเองเป็นฝ่ายเหนือกว่า เมื่อนั้นความเสี่ยงของการเผชิญหน้าทางทหารก็จะเพิ่มมากขึ้นในช่วงหลายปีข้างหน้า" คาห์ลระบุ . "หากรัสเซียโจมตีหนึ่งหรือหลายชาติสมาชิกนาโต พวกเขาจะไม่ทำเพื่อยึดครองดินแดนอันกว้างขวาง แต่เพื่อเป็นการทดสอบเส้นตายที่ขีดไว้โดยตะวันตก โดยมีเป้าหมายเพื่อกำราบความเป็นหนึ่งเดียวกันของตะวันตกและนาโต ในฐานะพันธมิตรป้องกันตนเอง" เขากล่าว . "ในมุมมองของรัสเซีย เป้าหมายนี้จะบรรลุ ถ้าหากว่ามาตรหากมาตรา 5 ยังไม่มีผลบังคับใช้ใดๆ ในกรณีที่เกิดการโจมตีจากรัสเซีย" เขากล่าว "เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายนี้ คุณไม่จำเป็นต้องส่งรถถังทหารมายังทิศตะวันตก พวกเขาแค่ส่งกำลังพลกลุ่มเล็กๆเข้าไปยังแถบบอลติก อ้างว่าเพื่อปกป้องการคุกคามชนกลุ่มน้อยรัสเซีย หรือจัดระเบียบชายแดนแถบหมู่เกาะสวาลบาร์ด" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000114309 .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 959 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซอร์เกย์ นารีชกิน, หัวหน้าหน่วยข่าวกรองต่างประเทศของรัสเซีย, ได้กล่าวว่าหน่วยงานของเขามีข้อมูลเกี่ยวกับ "การมีส่วนร่วมโดยตรงของผู้ก่อวินาศกรรมมืออาชีพ" จากหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯและสหราชอาณาจักร ในการโจมตีท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีม
    .
    Sergey Naryshkin, head of Russia’s Foreign Intelligence Service, has said his agency has information about ‘direct involvement of professional saboteurs’ from US and UK special services in the attack on the Nord Stream pipelines
    .
    2:40 PM · Nov 27, 2024 · 8,842 Views
    https://x.com/RT_com/status/1861676331458555976
    เซอร์เกย์ นารีชกิน, หัวหน้าหน่วยข่าวกรองต่างประเทศของรัสเซีย, ได้กล่าวว่าหน่วยงานของเขามีข้อมูลเกี่ยวกับ "การมีส่วนร่วมโดยตรงของผู้ก่อวินาศกรรมมืออาชีพ" จากหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯและสหราชอาณาจักร ในการโจมตีท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีม . Sergey Naryshkin, head of Russia’s Foreign Intelligence Service, has said his agency has information about ‘direct involvement of professional saboteurs’ from US and UK special services in the attack on the Nord Stream pipelines . 2:40 PM · Nov 27, 2024 · 8,842 Views https://x.com/RT_com/status/1861676331458555976
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 290 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2/

    นายไนเจล เคซีย์ เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำกรุงมอสโกถูกเรียกตัวเข้าพบที่กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย เพื่อรับจดหมายประท้วงอย่างเป็นทางการจากรัสเซีย หลังจากเจ้าหน้าที่สถานทูตอังกฤษรายหนึ่งมีพฤติกรรมจารกรรมข้อมูลข่าวกรองของรัสเซีย

    สำนักข่าวกรองกลางของสหพันธรัฐรัสเซียรายงานว่า "เอ็ดเวิร์ด ไพรเออร์ วิลค์ส" (Edward Pryor Wilkes) ซึ่งทำหน้าที่เลขานุการฝ่ายการเมืองของสถานทูตอังกฤษประจำกรุงมอสโก ถูกเพิกถอนการรับรองเป็นนักการทูตอังกฤษ และต้องเดินทางออกนอกรัสเซียภายใน 2 วัน หลังจากเข้ามาแทนที่เจ้าหน้าที่อังกฤษคนหนึ่งที่ถูกไล่ออกก่อนหน้านี้

    เมื่อเดือนสิงหาคม 2567 เจ้าหน้าที่การทูตของอังกฤษ 6 คน ถูกขับออกจากรัสเซีย หลังจากนั้น "เอ็ดเวิร์ด ไพรเออร์" ถูกส่งเข้ามาแทนที่เจ้าหน้าที่ 1 ใน 6 รายนั้น ตามรายงานของหน่วยงาน FSB เอ็ดเวิร์ดถูกกล่าวหาว่าให้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติส่วนตัวเป็นเท็จ ในการยื่นคำร้องขอเข้าประเทศรัสเซีย นอกจากนี้ FSB ยังระบุอีกว่า เอ็ดเวิร์ดมีพฤติกรรมเป็น "สายลับ" โดยการลักลอบทำงานข่าวกรองและก่อวินาศกรรมภายในประเทศรัสเซียด้วย

    "เอ็ดเวิร์ด ไพรเออร์" เป็นเจ้าหน้าที่ทางการทูตของอังกฤษคนที่ 7 ที่มีพฤติกรรมเป็น "สายลับ" และถูกขับออกจากรัสเซียในรอบ 4 เดือน ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นจากความขัดแย้งในยูเครน

    วิดีโอ1- ไนเจล เคซีย์ เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำกรุงมอสโกถูกเรียกตัวเข้าพบที่กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย

    วิดีโอ2- นายเชย์ โบวส์ (Chay Bowes) ผู้สื่อข่าว RT ตะโกนถามเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำรัสเซียตรงๆว่า เหตุใดรัฐบาลของเขาจึงยอมทุ่มเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์เพื่อยกระดับสงครามในยูเครนซึ่งทำให้ชาวรัสเซียต้องสูญเสียชีวิต

    โบวส์ยังตั้งคำถามอีกว่า เหตุใดสถานทูตอังกฤษจึงถูกใช้เป็นฐานข่าวกรองเพื่อบ่อนทำลายสหพันธรัฐรัสเซีย ขณะที่ชาวอังกฤษกำลังเหน็บหนาวจนตายเพราะรัฐบาลตัดสวัสดิการเชื้อเพลิงของพวกเขา

    "เอกอัครราชทูตอังกฤษ ไม่ต่อบคำถามใดๆ และรับชิ่งหนีไป"
    2/ นายไนเจล เคซีย์ เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำกรุงมอสโกถูกเรียกตัวเข้าพบที่กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย เพื่อรับจดหมายประท้วงอย่างเป็นทางการจากรัสเซีย หลังจากเจ้าหน้าที่สถานทูตอังกฤษรายหนึ่งมีพฤติกรรมจารกรรมข้อมูลข่าวกรองของรัสเซีย สำนักข่าวกรองกลางของสหพันธรัฐรัสเซียรายงานว่า "เอ็ดเวิร์ด ไพรเออร์ วิลค์ส" (Edward Pryor Wilkes) ซึ่งทำหน้าที่เลขานุการฝ่ายการเมืองของสถานทูตอังกฤษประจำกรุงมอสโก ถูกเพิกถอนการรับรองเป็นนักการทูตอังกฤษ และต้องเดินทางออกนอกรัสเซียภายใน 2 วัน หลังจากเข้ามาแทนที่เจ้าหน้าที่อังกฤษคนหนึ่งที่ถูกไล่ออกก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนสิงหาคม 2567 เจ้าหน้าที่การทูตของอังกฤษ 6 คน ถูกขับออกจากรัสเซีย หลังจากนั้น "เอ็ดเวิร์ด ไพรเออร์" ถูกส่งเข้ามาแทนที่เจ้าหน้าที่ 1 ใน 6 รายนั้น ตามรายงานของหน่วยงาน FSB เอ็ดเวิร์ดถูกกล่าวหาว่าให้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติส่วนตัวเป็นเท็จ ในการยื่นคำร้องขอเข้าประเทศรัสเซีย นอกจากนี้ FSB ยังระบุอีกว่า เอ็ดเวิร์ดมีพฤติกรรมเป็น "สายลับ" โดยการลักลอบทำงานข่าวกรองและก่อวินาศกรรมภายในประเทศรัสเซียด้วย "เอ็ดเวิร์ด ไพรเออร์" เป็นเจ้าหน้าที่ทางการทูตของอังกฤษคนที่ 7 ที่มีพฤติกรรมเป็น "สายลับ" และถูกขับออกจากรัสเซียในรอบ 4 เดือน ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นจากความขัดแย้งในยูเครน วิดีโอ1- ไนเจล เคซีย์ เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำกรุงมอสโกถูกเรียกตัวเข้าพบที่กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย วิดีโอ2- นายเชย์ โบวส์ (Chay Bowes) ผู้สื่อข่าว RT ตะโกนถามเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำรัสเซียตรงๆว่า เหตุใดรัฐบาลของเขาจึงยอมทุ่มเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์เพื่อยกระดับสงครามในยูเครนซึ่งทำให้ชาวรัสเซียต้องสูญเสียชีวิต โบวส์ยังตั้งคำถามอีกว่า เหตุใดสถานทูตอังกฤษจึงถูกใช้เป็นฐานข่าวกรองเพื่อบ่อนทำลายสหพันธรัฐรัสเซีย ขณะที่ชาวอังกฤษกำลังเหน็บหนาวจนตายเพราะรัฐบาลตัดสวัสดิการเชื้อเพลิงของพวกเขา "เอกอัครราชทูตอังกฤษ ไม่ต่อบคำถามใดๆ และรับชิ่งหนีไป"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 542 มุมมอง 21 0 รีวิว
  • 1/

    นายไนเจล เคซีย์ เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำกรุงมอสโกถูกเรียกตัวเข้าพบที่กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย เพื่อรับจดหมายประท้วงอย่างเป็นทางการจากรัสเซีย หลังจากเจ้าหน้าที่สถานทูตอังกฤษรายหนึ่งมีพฤติกรรมจารกรรมข้อมูลข่าวกรองของรัสเซีย

    สำนักข่าวกรองกลางของสหพันธรัฐรัสเซียรายงานว่า "เอ็ดเวิร์ด ไพรเออร์ วิลค์ส" (Edward Pryor Wilkes) ซึ่งทำหน้าที่เลขานุการฝ่ายการเมืองของสถานทูตอังกฤษประจำกรุงมอสโก ถูกเพิกถอนการรับรองเป็นนักการทูตอังกฤษ และต้องเดินทางออกนอกรัสเซียภายใน 2 วัน หลังจากเข้ามาแทนที่เจ้าหน้าที่อังกฤษคนหนึ่งที่ถูกไล่ออกก่อนหน้านี้

    เมื่อเดือนสิงหาคม 2567 เจ้าหน้าที่การทูตของอังกฤษ 6 คน ถูกขับออกจากรัสเซีย หลังจากนั้น "เอ็ดเวิร์ด ไพรเออร์" ถูกส่งเข้ามาแทนที่เจ้าหน้าที่ 1 ใน 6 รายนั้น ตามรายงานของหน่วยงาน FSB เอ็ดเวิร์ดถูกกล่าวหาว่าให้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติส่วนตัวเป็นเท็จ ในการยื่นคำร้องขอเข้าประเทศรัสเซีย นอกจากนี้ FSB ยังระบุอีกว่า เอ็ดเวิร์ดมีพฤติกรรมเป็น "สายลับ" โดยการลักลอบทำงานข่าวกรองและก่อวินาศกรรมภายในประเทศรัสเซียด้วย

    "เอ็ดเวิร์ด ไพรเออร์" เป็นเจ้าหน้าที่ทางการทูตของอังกฤษคนที่ 7 ที่มีพฤติกรรมเป็น "สายลับ" และถูกขับออกจากรัสเซียในรอบ 4 เดือน ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นจากความขัดแย้งในยูเครน

    วิดีโอ1- ไนเจล เคซีย์ เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำกรุงมอสโกถูกเรียกตัวเข้าพบที่กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย

    วิดีโอ2- นายเชย์ โบวส์ (Chay Bowes) ผู้สื่อข่าว RT ตะโกนถามเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำรัสเซียตรงๆว่า เหตุใดรัฐบาลของเขาจึงยอมทุ่มเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์เพื่อยกระดับสงครามในยูเครนซึ่งทำให้ชาวรัสเซียต้องสูญเสียชีวิต

    โบวส์ยังตั้งคำถามอีกว่า เหตุใดสถานทูตอังกฤษจึงถูกใช้เป็นฐานข่าวกรองเพื่อบ่อนทำลายสหพันธรัฐรัสเซีย ขณะที่ชาวอังกฤษกำลังเหน็บหนาวจนตายเพราะรัฐบาลตัดสวัสดิการเชื้อเพลิงของพวกเขา

    "เอกอัครราชทูตอังกฤษ ไม่ต่อบคำถามใดๆ และรับชิ่งหนีไป"
    1/ นายไนเจล เคซีย์ เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำกรุงมอสโกถูกเรียกตัวเข้าพบที่กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย เพื่อรับจดหมายประท้วงอย่างเป็นทางการจากรัสเซีย หลังจากเจ้าหน้าที่สถานทูตอังกฤษรายหนึ่งมีพฤติกรรมจารกรรมข้อมูลข่าวกรองของรัสเซีย สำนักข่าวกรองกลางของสหพันธรัฐรัสเซียรายงานว่า "เอ็ดเวิร์ด ไพรเออร์ วิลค์ส" (Edward Pryor Wilkes) ซึ่งทำหน้าที่เลขานุการฝ่ายการเมืองของสถานทูตอังกฤษประจำกรุงมอสโก ถูกเพิกถอนการรับรองเป็นนักการทูตอังกฤษ และต้องเดินทางออกนอกรัสเซียภายใน 2 วัน หลังจากเข้ามาแทนที่เจ้าหน้าที่อังกฤษคนหนึ่งที่ถูกไล่ออกก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนสิงหาคม 2567 เจ้าหน้าที่การทูตของอังกฤษ 6 คน ถูกขับออกจากรัสเซีย หลังจากนั้น "เอ็ดเวิร์ด ไพรเออร์" ถูกส่งเข้ามาแทนที่เจ้าหน้าที่ 1 ใน 6 รายนั้น ตามรายงานของหน่วยงาน FSB เอ็ดเวิร์ดถูกกล่าวหาว่าให้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติส่วนตัวเป็นเท็จ ในการยื่นคำร้องขอเข้าประเทศรัสเซีย นอกจากนี้ FSB ยังระบุอีกว่า เอ็ดเวิร์ดมีพฤติกรรมเป็น "สายลับ" โดยการลักลอบทำงานข่าวกรองและก่อวินาศกรรมภายในประเทศรัสเซียด้วย "เอ็ดเวิร์ด ไพรเออร์" เป็นเจ้าหน้าที่ทางการทูตของอังกฤษคนที่ 7 ที่มีพฤติกรรมเป็น "สายลับ" และถูกขับออกจากรัสเซียในรอบ 4 เดือน ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นจากความขัดแย้งในยูเครน วิดีโอ1- ไนเจล เคซีย์ เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำกรุงมอสโกถูกเรียกตัวเข้าพบที่กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย วิดีโอ2- นายเชย์ โบวส์ (Chay Bowes) ผู้สื่อข่าว RT ตะโกนถามเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำรัสเซียตรงๆว่า เหตุใดรัฐบาลของเขาจึงยอมทุ่มเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์เพื่อยกระดับสงครามในยูเครนซึ่งทำให้ชาวรัสเซียต้องสูญเสียชีวิต โบวส์ยังตั้งคำถามอีกว่า เหตุใดสถานทูตอังกฤษจึงถูกใช้เป็นฐานข่าวกรองเพื่อบ่อนทำลายสหพันธรัฐรัสเซีย ขณะที่ชาวอังกฤษกำลังเหน็บหนาวจนตายเพราะรัฐบาลตัดสวัสดิการเชื้อเพลิงของพวกเขา "เอกอัครราชทูตอังกฤษ ไม่ต่อบคำถามใดๆ และรับชิ่งหนีไป"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 351 มุมมอง 0 รีวิว
  • มายังไง!!!
    มีรายงานว่าหน่วยลาดตระเวนจู่โจมของรัสเซีย บุกเข้าสู่ดินแดนยูเครนในทิศทางภูมิภาค Chernigov (Chernihiv)

    โดยข้ามมาทางแม่น้ำ Sudost และสามารถเข้ายึดครองหมู่บ้าน Gremyach และ Muravy

    สะพานข้ามแม่น้ำ Sudost ไปยังหมู่บ้านชายแดน Gremyach ซึ่งกลุ่มก่อวินาศกรรมและลาดตระเวนของเรากำลังเคลื่อนตัวไปตามสะพาน โดยได้ปักธงทั้งใน Gremyach และหมู่บ้าน Muravi'i ที่อยู่ใกล้เคียง
    มายังไง!!! มีรายงานว่าหน่วยลาดตระเวนจู่โจมของรัสเซีย บุกเข้าสู่ดินแดนยูเครนในทิศทางภูมิภาค Chernigov (Chernihiv) โดยข้ามมาทางแม่น้ำ Sudost และสามารถเข้ายึดครองหมู่บ้าน Gremyach และ Muravy สะพานข้ามแม่น้ำ Sudost ไปยังหมู่บ้านชายแดน Gremyach ซึ่งกลุ่มก่อวินาศกรรมและลาดตระเวนของเรากำลังเคลื่อนตัวไปตามสะพาน โดยได้ปักธงทั้งใน Gremyach และหมู่บ้าน Muravi'i ที่อยู่ใกล้เคียง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • 29-10-67/01 : หมี CNN / "ตีแสกหน้า" EP.13

    01.ทำไม? หัวเว่ยทิ้ง ANDROID สร้างนวตกรรมใหม่หมด ต้อนรับโลกใหม่! ปฎิบัติการ HARMONY OS 5.0 ช็อคโลก นี่มันโลกอนาคตชัดๆ ส่งสัญญานเบอร์ 1 โลก ดิจิตอล AI QUANTUM มาหมด ย้อนเวลากันเลยดีมุย?

    02.ลีลาปูติน บอกเหี้ยตะวันตกอย่าส่งลูกยาวให้ยูเครน(ใจจริงรีบส่งสิฟ่ะ) ห้ามยูเครนยิงขีปนาวุธพิสัยไกล และติดตั้ง(รอให้มรึงติดซักที) อี NATO นกรู้ ขืนให้ ขืนติดตั้งให้ ไปหมดทั้งทวีป เพราะปูตินใช้เป็นหลักฐานทำลายความมั่นคงรัฐแห่งรัสเซียได้สบายตรีน กฎหมายรัสเซีย และสากลรองรับเต็มตรีน

    03.เป็นไงล่ะ! อียิวช็อค หน่วยรบพิเศษอาหรับรวมตัวกันก่อวินาศกรรมใหญ่กลางเทลอาวีฟ มรึงมาได้ไงฟ่ะ? ชาติอาหรับทะยอยส่งหน่วยพิเศาเข้าร่วมปฎิบัติการนี้ เพื่อสอดคล้องกับแผนการฮามาส รุกใน ทุบนอก แซนวิสลงแขกยิว หน่วยเฉพาะกิจ รุกแบบกองโจร ตีเสร็จหายไปในกลีบเมฆ อียิวงง.. เกิดอะไรขึ้น?

    04.ฉิบหาย! แนวร่วมขี้ข้าหดหาย หลังประจักษ์คาตา ขีปนาวุธอิหร่านเอานายใหญ่อยู่หมัด ทั้งยุโรป ทั้งตะวันออกกลางพากันชิ่งหนี แค่เยเมน ตัวตึงขั้วเก่ายังแพ้ยับ อียิว เหี้ยมะกัน ร่วมมือลอบกัด ยังแห้ว ประสาอะไรจะชนกับจีน รัสเซีย โดยตรง นี่มัน "หมูวิ่งชนบังตอชัดๆ" สัญญานแรง 9G ขี้ข้าเหี้ยแห่ขอเข้าร่วมประชุม BRICS แห่ไม่ส่งอาวุธยูเครน แห่ไม่หนุนยิวต่ออีก? จบแล้ว

    05.ไบ้แดร๊ก! TSMC ยักษ์ใหญ่ชิปโลก ของไต้หวัน ช็อค! เสือกไปเห็นชิปคล้ายของตัวเองในเครื่องหัวเว่ย โดนสอดไส้คาราเมลแล้วไงล่ะ ไอ้สัส! จีนถูกเหี้ยไอ้อีตะวันตกแบน คว่ำบาตร ไต้หวันไม่ส่งชิปให้จีน อ๋อ..เหรอ ไม่ใช่ปัญหา เมื่อไม่ให้กู กูก็ผลิตเองแม่งซะเลย จะ COPY ก็ดี จะแอบดูดสั่งใต้ดินเข้ามาก็ดี สุดท้าย วัตถุดิบกูมี ผลิตเองได้ ไม่ง้อเหี้ย? ดอกนี้ สะเทือนทั้งวงการชิปโลก

    06.กลียุคเผยธาตุแท้เหี้ยเสมอ พ่อพระในคราบเดรัจฉานออกลาย แถไม่เลิก จะชี้ให้เห็นว่า "ไอ้ที่คิดว่าดี ไอ้ที่คิดว่าใช่ ทุกอย่างคือภาพมายา" แสงทำงาน ความจริงปรากฎเสมอ ความยุติธรรมก่อเกิด สิ่งโสมมชั่วร้ายอยู่ไม่ได้ มันจะร้อนรน นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า อย่ามาแหยม "ลุงสนธิ" เพ่อ้อย ขอมา ลุงแกจัดให้ เห็นอะไรจากนิทาน ไอ(คอน)สัส ทนายตุย และอีกเยอะ ปลงซะ

    07.เฮซบอเลาะห์คลั่ง ถล่มฐานทัพยิวแตกกระจุย NON STOP ดาหน้าฆ่าอย่างเมามันส์ พรมแดนเลบานอน อียิวก้าวไม่ถึง 5 เมตร ตายคาที่ กับดักระเบิดเพี๊ยบ รถถังมายังยับ! คนจะเหลือเหรอ? ลูกยาวลง 3 เมืองใหญ่ ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก ชาวเมืองหนีลงรูหมดแล้ว ไม่ต้องออกน่ะ เดี๋ยวกูจะฝังทั้งเป็น

    08.ไอ้สัส! วาระแห่งชาติ "หมูเด้ง vs หมูเด้ง(ตัวปลอม)" มรึงจะดังไปไหน? ศึกล้างตา หมูเด้งออกอาละวาดอีกครั้ง งับหัวแม่งเลย อีตัวปลอม ซีนกูน่ะ กูต้องเกิด คนแม่งก็สรรหาอีเว้นต์ให้หมูเด้งตลอด น้ำขึ้นให้รีบตัก หมูเด้งบอก วุ่นวายกับกูจริง "อีมนุษย์" เดี๋ยวกูจะเด้งดึ๋งทั้งวัน หมดแรงก็หลับ มีปัญหา?

    09.ไอ้สัส! ดราม่าบัลลงดอร์ พอกูไม่ได้ ก็ไม่ร่วมงาน แต๋วแตก! อีราชัน คิดว่าเป็นพระเจ้า ที่ผ่านมา อี FIFA ช่วยมรึงเท่าไหร่แล้ว ไอ้สัส! จะผูกขาด สันดานอียิวท่าเดียว มรึงแข่งทีมเดียวล่ะกัน เป็นไงล่ะ ล่าสุด ถูกบาร์ซ่าถล่มยับคารัง 4:0 พูลสวัสดิ์ ขี้แตกคาเบอร์นาบิว หมดยุคมาเฟียแล้วมรึง อย่างอแง ดีออก? จ้าวยุโรปที่ใช้เงินซื้อเหรอ แหกกฎไปเท่าไหร่แล้ว ใครอุ้ม?

    10.ไอ้สัส! ฮาโลวีนระบาด! แต่งผีก็แต่งไป แต่ขอร้อง อย่าแต่งชุดนางรำไทย มันสยอง ไอ้สัส! ใครใช้ให้มรึงขึ้นลิฟท์ งานนี้มีหัวใจวายตายห่าแน่ ผี น่ากลัวยังไง ก็ไม่เท่า อียิวเหี้ย ผีได้แค่หลอก แต่อียิว มันฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ดาบนั้นคืนสนอง นาทีนี้ อียิวหนีตายทั่วโลก ใครว่าล่ะ ไอ้ที่หนีไปต่างแดน มรึงคิดว่าอยู่สุขสบายเหรอ? ออกนอกบ้าน เจอโจทก์เก่า อาหรับมีอยู่ทุกที่ ระวังเจอแทงยับ เหมือนที่เกิดขึ้นทั่วโลก ปลอมตัวสิจ๊ะ แต่งเป็นชุดน้องหมาก็ได้

    หมายเหตุ : เกิดอะไรขึ้น 1.3 แสนคน ย้ายออกจากนิวซีแลนด์ ประเทศ TOP20 โลกที่น่าอยู่ เหตุผลคือ "สู้ค่าครองชีพไม่ไหว" เงินเฟ้อพุ่งเกือบ 8% แล้วส่วนใหญ่ที่ย้ายออกคือวัยทำงาน กำลังผลิตสำคัญ ชี้ชัด เดินตามเหี้ยฉิบหายหมดเกลี้ยง นโยบายกีวี ไม่มีอะไรมาก เดินตามใบสั่ง จะตาย จะเจ๊ง ขึ้นอยู่กับใบสั่งอียิวทั้งนั้น แล้วชาวกีวีหนีไปไหนหมดล่ะ บอกเลย "เอเซีย" เพราะยุโรปเจ๊งหมดแล้ว ชาติตะวันตก ผู้คนลำบาก เพราะต้องจ่ายพลังงานแพง แถมถูกตัดสวัสดิการหมดเกลี้ยง เนื่องจากรัฐถังแตก แต่เสือกมีเงินไปจ่ายให้อียูเครน แล้วมรึงจะอยากอยู่จ่ายภาษีค่าโง่ต่อมั้ยล่ะ? ล่าสุด ไทยเปิดตัวซูปเปอร์คอมพิวเตอร์ 600 ล้าน เร็ว แรงสุด ในอาเซียน ใครล่ะ ที่ถ่ายทอดวิชากำลังภายในให้? มรึงดู! เหี้ยตะวันตกจะเครมว่าชิปใคร แต่ AI สมองกลอัจฉริยะมาจากจีนเต็มเหนี่ยว ไม่ต้องบอก ก็รู้ ใครแบ็คอัพ? มีอะไรอีกเยอะ ที่ไทยได้มาจากรัสเซีย จีน แต่ไม่จำเป็นต้องเปิดเผย หรือออกตัว ในตอนนี้

    หมี CNN(ขรรมกลิ้ง อียุ่นปี่ งง.. ทำไม BYD ถึงทำได้ถูกบัดซบเยี่ยงนี้ อะไรคือสาเหตุลดต้นทุน ลงทุนซื้อรถมาถอดชิ้นส่วน คำตอบที่ได้คือ "งง" นวตกรรมมันไปไกลเกินกว่ามรึงจะเข้าใจ ชิ้นเดียวจบ ไม่ยุ่งยาก งานออกแบบประหยัดพลังงาน ต้นทุน เวลา ที่สำคัญแบตเตอรี่คือหัวใจสำคัญ ต้นทุนใหญ่สุด จีนสามารถทำได้ดีกว่านี้อีก 1000 กม. กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ต่อไปมรึงอาจจะได้เห็น รถพลังงานสะอาด+พลังงานกล วิ่งได้ไม่จำกัดระยะทาง เอาให้สุดขั้วกันไปเลย ตาสว่าง มรึงล้าหลังจีนไปไกลสุดขั้ว เพราะชิปตัวเดียว เปลี่ยนโลกทันตาเห็น!)
    29 ตุลาคม 67
    09.58 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    29-10-67/01 : หมี CNN / "ตีแสกหน้า" EP.13 01.ทำไม? หัวเว่ยทิ้ง ANDROID สร้างนวตกรรมใหม่หมด ต้อนรับโลกใหม่! ปฎิบัติการ HARMONY OS 5.0 ช็อคโลก นี่มันโลกอนาคตชัดๆ ส่งสัญญานเบอร์ 1 โลก ดิจิตอล AI QUANTUM มาหมด ย้อนเวลากันเลยดีมุย? 02.ลีลาปูติน บอกเหี้ยตะวันตกอย่าส่งลูกยาวให้ยูเครน(ใจจริงรีบส่งสิฟ่ะ) ห้ามยูเครนยิงขีปนาวุธพิสัยไกล และติดตั้ง(รอให้มรึงติดซักที) อี NATO นกรู้ ขืนให้ ขืนติดตั้งให้ ไปหมดทั้งทวีป เพราะปูตินใช้เป็นหลักฐานทำลายความมั่นคงรัฐแห่งรัสเซียได้สบายตรีน กฎหมายรัสเซีย และสากลรองรับเต็มตรีน 03.เป็นไงล่ะ! อียิวช็อค หน่วยรบพิเศษอาหรับรวมตัวกันก่อวินาศกรรมใหญ่กลางเทลอาวีฟ มรึงมาได้ไงฟ่ะ? ชาติอาหรับทะยอยส่งหน่วยพิเศาเข้าร่วมปฎิบัติการนี้ เพื่อสอดคล้องกับแผนการฮามาส รุกใน ทุบนอก แซนวิสลงแขกยิว หน่วยเฉพาะกิจ รุกแบบกองโจร ตีเสร็จหายไปในกลีบเมฆ อียิวงง.. เกิดอะไรขึ้น? 04.ฉิบหาย! แนวร่วมขี้ข้าหดหาย หลังประจักษ์คาตา ขีปนาวุธอิหร่านเอานายใหญ่อยู่หมัด ทั้งยุโรป ทั้งตะวันออกกลางพากันชิ่งหนี แค่เยเมน ตัวตึงขั้วเก่ายังแพ้ยับ อียิว เหี้ยมะกัน ร่วมมือลอบกัด ยังแห้ว ประสาอะไรจะชนกับจีน รัสเซีย โดยตรง นี่มัน "หมูวิ่งชนบังตอชัดๆ" สัญญานแรง 9G ขี้ข้าเหี้ยแห่ขอเข้าร่วมประชุม BRICS แห่ไม่ส่งอาวุธยูเครน แห่ไม่หนุนยิวต่ออีก? จบแล้ว 05.ไบ้แดร๊ก! TSMC ยักษ์ใหญ่ชิปโลก ของไต้หวัน ช็อค! เสือกไปเห็นชิปคล้ายของตัวเองในเครื่องหัวเว่ย โดนสอดไส้คาราเมลแล้วไงล่ะ ไอ้สัส! จีนถูกเหี้ยไอ้อีตะวันตกแบน คว่ำบาตร ไต้หวันไม่ส่งชิปให้จีน อ๋อ..เหรอ ไม่ใช่ปัญหา เมื่อไม่ให้กู กูก็ผลิตเองแม่งซะเลย จะ COPY ก็ดี จะแอบดูดสั่งใต้ดินเข้ามาก็ดี สุดท้าย วัตถุดิบกูมี ผลิตเองได้ ไม่ง้อเหี้ย? ดอกนี้ สะเทือนทั้งวงการชิปโลก 06.กลียุคเผยธาตุแท้เหี้ยเสมอ พ่อพระในคราบเดรัจฉานออกลาย แถไม่เลิก จะชี้ให้เห็นว่า "ไอ้ที่คิดว่าดี ไอ้ที่คิดว่าใช่ ทุกอย่างคือภาพมายา" แสงทำงาน ความจริงปรากฎเสมอ ความยุติธรรมก่อเกิด สิ่งโสมมชั่วร้ายอยู่ไม่ได้ มันจะร้อนรน นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า อย่ามาแหยม "ลุงสนธิ" เพ่อ้อย ขอมา ลุงแกจัดให้ เห็นอะไรจากนิทาน ไอ(คอน)สัส ทนายตุย และอีกเยอะ ปลงซะ 07.เฮซบอเลาะห์คลั่ง ถล่มฐานทัพยิวแตกกระจุย NON STOP ดาหน้าฆ่าอย่างเมามันส์ พรมแดนเลบานอน อียิวก้าวไม่ถึง 5 เมตร ตายคาที่ กับดักระเบิดเพี๊ยบ รถถังมายังยับ! คนจะเหลือเหรอ? ลูกยาวลง 3 เมืองใหญ่ ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก ชาวเมืองหนีลงรูหมดแล้ว ไม่ต้องออกน่ะ เดี๋ยวกูจะฝังทั้งเป็น 08.ไอ้สัส! วาระแห่งชาติ "หมูเด้ง vs หมูเด้ง(ตัวปลอม)" มรึงจะดังไปไหน? ศึกล้างตา หมูเด้งออกอาละวาดอีกครั้ง งับหัวแม่งเลย อีตัวปลอม ซีนกูน่ะ กูต้องเกิด คนแม่งก็สรรหาอีเว้นต์ให้หมูเด้งตลอด น้ำขึ้นให้รีบตัก หมูเด้งบอก วุ่นวายกับกูจริง "อีมนุษย์" เดี๋ยวกูจะเด้งดึ๋งทั้งวัน หมดแรงก็หลับ มีปัญหา? 09.ไอ้สัส! ดราม่าบัลลงดอร์ พอกูไม่ได้ ก็ไม่ร่วมงาน แต๋วแตก! อีราชัน คิดว่าเป็นพระเจ้า ที่ผ่านมา อี FIFA ช่วยมรึงเท่าไหร่แล้ว ไอ้สัส! จะผูกขาด สันดานอียิวท่าเดียว มรึงแข่งทีมเดียวล่ะกัน เป็นไงล่ะ ล่าสุด ถูกบาร์ซ่าถล่มยับคารัง 4:0 พูลสวัสดิ์ ขี้แตกคาเบอร์นาบิว หมดยุคมาเฟียแล้วมรึง อย่างอแง ดีออก? จ้าวยุโรปที่ใช้เงินซื้อเหรอ แหกกฎไปเท่าไหร่แล้ว ใครอุ้ม? 10.ไอ้สัส! ฮาโลวีนระบาด! แต่งผีก็แต่งไป แต่ขอร้อง อย่าแต่งชุดนางรำไทย มันสยอง ไอ้สัส! ใครใช้ให้มรึงขึ้นลิฟท์ งานนี้มีหัวใจวายตายห่าแน่ ผี น่ากลัวยังไง ก็ไม่เท่า อียิวเหี้ย ผีได้แค่หลอก แต่อียิว มันฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ดาบนั้นคืนสนอง นาทีนี้ อียิวหนีตายทั่วโลก ใครว่าล่ะ ไอ้ที่หนีไปต่างแดน มรึงคิดว่าอยู่สุขสบายเหรอ? ออกนอกบ้าน เจอโจทก์เก่า อาหรับมีอยู่ทุกที่ ระวังเจอแทงยับ เหมือนที่เกิดขึ้นทั่วโลก ปลอมตัวสิจ๊ะ แต่งเป็นชุดน้องหมาก็ได้ หมายเหตุ : เกิดอะไรขึ้น 1.3 แสนคน ย้ายออกจากนิวซีแลนด์ ประเทศ TOP20 โลกที่น่าอยู่ เหตุผลคือ "สู้ค่าครองชีพไม่ไหว" เงินเฟ้อพุ่งเกือบ 8% แล้วส่วนใหญ่ที่ย้ายออกคือวัยทำงาน กำลังผลิตสำคัญ ชี้ชัด เดินตามเหี้ยฉิบหายหมดเกลี้ยง นโยบายกีวี ไม่มีอะไรมาก เดินตามใบสั่ง จะตาย จะเจ๊ง ขึ้นอยู่กับใบสั่งอียิวทั้งนั้น แล้วชาวกีวีหนีไปไหนหมดล่ะ บอกเลย "เอเซีย" เพราะยุโรปเจ๊งหมดแล้ว ชาติตะวันตก ผู้คนลำบาก เพราะต้องจ่ายพลังงานแพง แถมถูกตัดสวัสดิการหมดเกลี้ยง เนื่องจากรัฐถังแตก แต่เสือกมีเงินไปจ่ายให้อียูเครน แล้วมรึงจะอยากอยู่จ่ายภาษีค่าโง่ต่อมั้ยล่ะ? ล่าสุด ไทยเปิดตัวซูปเปอร์คอมพิวเตอร์ 600 ล้าน เร็ว แรงสุด ในอาเซียน ใครล่ะ ที่ถ่ายทอดวิชากำลังภายในให้? มรึงดู! เหี้ยตะวันตกจะเครมว่าชิปใคร แต่ AI สมองกลอัจฉริยะมาจากจีนเต็มเหนี่ยว ไม่ต้องบอก ก็รู้ ใครแบ็คอัพ? มีอะไรอีกเยอะ ที่ไทยได้มาจากรัสเซีย จีน แต่ไม่จำเป็นต้องเปิดเผย หรือออกตัว ในตอนนี้ หมี CNN(ขรรมกลิ้ง อียุ่นปี่ งง.. ทำไม BYD ถึงทำได้ถูกบัดซบเยี่ยงนี้ อะไรคือสาเหตุลดต้นทุน ลงทุนซื้อรถมาถอดชิ้นส่วน คำตอบที่ได้คือ "งง" นวตกรรมมันไปไกลเกินกว่ามรึงจะเข้าใจ ชิ้นเดียวจบ ไม่ยุ่งยาก งานออกแบบประหยัดพลังงาน ต้นทุน เวลา ที่สำคัญแบตเตอรี่คือหัวใจสำคัญ ต้นทุนใหญ่สุด จีนสามารถทำได้ดีกว่านี้อีก 1000 กม. กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ต่อไปมรึงอาจจะได้เห็น รถพลังงานสะอาด+พลังงานกล วิ่งได้ไม่จำกัดระยะทาง เอาให้สุดขั้วกันไปเลย ตาสว่าง มรึงล้าหลังจีนไปไกลสุดขั้ว เพราะชิปตัวเดียว เปลี่ยนโลกทันตาเห็น!) 29 ตุลาคม 67 09.58 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 830 มุมมอง 0 รีวิว
  • วินาศกรรมโจมตีสำนักงานใหญ่บริษัทเทคโนโลยีอวกาศของตุรกี เบื้องต้นยอดผู้เสียชีวิตเพิ่งเป็น 5 คน บาดเจ็บอีกหลายสิบ

    23 ตุลาคม 2567 เกิดเหตุโจมตีที่หน้าสำนักงานใหญ่ของบริษัท “Turkish Aerospace Industries หรือ TUSAS ในเขตคาห์รามันคาซาน ใกล้กับกรุงอังการาของตุรกี สื่อท้องถิ่นรายงานว่าระหว่างเกิดเหตุมีเสียงระเบิดดังสนั่น นอกจากนี้ยังมีการเผยภาพมือปืนและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังยิงตอบโต้กันด้วย

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของตุรกีเผยว่าการโจมตีครั้งนี้คือ “การก่อการร้าย” ที่พุ่งเป้าหมายสำนักงานใหญ่ของ TUSAS พร้อมทั้งได้ยืนยันว่าผู้ก่อเหตุ 2 คน ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญฆาตกรรมแล้ว ขณะที่สื่อท้องถิ่นรายงานว่าคนร้ายโจมตีอาคารในลักษณะของ “ระเบิดพลีชีพ" อย่างไรก็ตามยังไม่มีกลุ่มก่อการร้ายใดออกมาแสดงความรับผิดชอบเหตุในครั้งนี้ แต่มีกระแสข่าวว่าอาจเป็นฝีมือของกลุ่ม PKK หรือ พรรคแรงงานเคิร์ดดิสถาน ซึ่งเป็นองค์กรผิดกฎหมายและเคยออกมาอ้างว่าอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ที่คล้ายกันในอดีต ที่เกิดขึ้นที่ตุรกีมานานกว่าหลายทศวรรษ ซึ่งสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปได้ขึ้นทะเบียนให้องค์กรดังกล่าวเป็นองค์กรก่อการร้าย

    บริษัทดังกล่าวเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีของตุรกีในการออกแบบ พัฒนา และผลิตอากาศยานของตุรกี โดยที่เกิดเหตุมีพื้นที่ครอบคลุมถึง 4 ตารางกิโลเมตรและอยู่ห่างจากใจกลางของกรุงอังการาไปทางตะวันตกเฉียงเหนือเพียง 28 กิโลเมตร

    ทั้งนี้ ประธานาธิบดีนายเรเจป ไตยิป แอร์โดอัน ของตุรกี ที่อยู่ระหว่างการประชุมกลุ่ม BRICS ที่เมืองคาซาน ของรัสเซียได้ประณามเหตุนี้ว่าเป็นการโจมตีอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของตุรกีที่ร้ายแรง

    ที่มาข่าว/ภาพ: Reuters https://www.reuters.com/world/middle-east/blast-turkish-aviation-company-tusas-hq-gunfire-heard-media-2024-10-23/

    #Thaitimes
    วินาศกรรมโจมตีสำนักงานใหญ่บริษัทเทคโนโลยีอวกาศของตุรกี เบื้องต้นยอดผู้เสียชีวิตเพิ่งเป็น 5 คน บาดเจ็บอีกหลายสิบ 23 ตุลาคม 2567 เกิดเหตุโจมตีที่หน้าสำนักงานใหญ่ของบริษัท “Turkish Aerospace Industries หรือ TUSAS ในเขตคาห์รามันคาซาน ใกล้กับกรุงอังการาของตุรกี สื่อท้องถิ่นรายงานว่าระหว่างเกิดเหตุมีเสียงระเบิดดังสนั่น นอกจากนี้ยังมีการเผยภาพมือปืนและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังยิงตอบโต้กันด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของตุรกีเผยว่าการโจมตีครั้งนี้คือ “การก่อการร้าย” ที่พุ่งเป้าหมายสำนักงานใหญ่ของ TUSAS พร้อมทั้งได้ยืนยันว่าผู้ก่อเหตุ 2 คน ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญฆาตกรรมแล้ว ขณะที่สื่อท้องถิ่นรายงานว่าคนร้ายโจมตีอาคารในลักษณะของ “ระเบิดพลีชีพ" อย่างไรก็ตามยังไม่มีกลุ่มก่อการร้ายใดออกมาแสดงความรับผิดชอบเหตุในครั้งนี้ แต่มีกระแสข่าวว่าอาจเป็นฝีมือของกลุ่ม PKK หรือ พรรคแรงงานเคิร์ดดิสถาน ซึ่งเป็นองค์กรผิดกฎหมายและเคยออกมาอ้างว่าอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ที่คล้ายกันในอดีต ที่เกิดขึ้นที่ตุรกีมานานกว่าหลายทศวรรษ ซึ่งสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปได้ขึ้นทะเบียนให้องค์กรดังกล่าวเป็นองค์กรก่อการร้าย บริษัทดังกล่าวเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีของตุรกีในการออกแบบ พัฒนา และผลิตอากาศยานของตุรกี โดยที่เกิดเหตุมีพื้นที่ครอบคลุมถึง 4 ตารางกิโลเมตรและอยู่ห่างจากใจกลางของกรุงอังการาไปทางตะวันตกเฉียงเหนือเพียง 28 กิโลเมตร ทั้งนี้ ประธานาธิบดีนายเรเจป ไตยิป แอร์โดอัน ของตุรกี ที่อยู่ระหว่างการประชุมกลุ่ม BRICS ที่เมืองคาซาน ของรัสเซียได้ประณามเหตุนี้ว่าเป็นการโจมตีอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของตุรกีที่ร้ายแรง ที่มาข่าว/ภาพ: Reuters https://www.reuters.com/world/middle-east/blast-turkish-aviation-company-tusas-hq-gunfire-heard-media-2024-10-23/ #Thaitimes
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 408 มุมมอง 0 รีวิว
  • การก่อวินาศกรรมท่อส่งก๊าซธรรมชาตินอร์ดสตรีม ทำให้เยอรมนีและประเทศอื่นๆในยุโรปกลายเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐอเมริกาในแง่ของเศรษฐกิจ, การเงิน และพลังงาน, เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียกล่าว:
    .
    The sabotage on the Nord Stream natural gas pipelines transformed Germany and other European countries into an appendage of the United States in terms of the economy, finance and energy, Russian Foreign Minister Sergey Lavrov said:
    https://tass.com/politics/1858805
    .
    7:07 AM · Oct 21, 2024 · 1,699 Views
    https://x.com/tassagency_en/status/1848154132898865549
    การก่อวินาศกรรมท่อส่งก๊าซธรรมชาตินอร์ดสตรีม ทำให้เยอรมนีและประเทศอื่นๆในยุโรปกลายเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐอเมริกาในแง่ของเศรษฐกิจ, การเงิน และพลังงาน, เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียกล่าว: . The sabotage on the Nord Stream natural gas pipelines transformed Germany and other European countries into an appendage of the United States in terms of the economy, finance and energy, Russian Foreign Minister Sergey Lavrov said: https://tass.com/politics/1858805 . 7:07 AM · Oct 21, 2024 · 1,699 Views https://x.com/tassagency_en/status/1848154132898865549
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 251 มุมมอง 0 รีวิว
  • เตือนนายกฯครั้งที่ 5 ! นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟสบุ๊ก “Thirachai Phuvanatnaranubala – – ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล” ระบุว่า
    จดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯ เรื่องกองทุนวายุภักษ์ ๑

    ด่วนที่สุด

    วันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๗

    เรื่อง กองทุนรวมวายุภักษ์ ๑ อาจจะฝ่าฝืนกฎหมาย (ฉบับที่ ๖)

    เรียน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

    ตามที่ข้าพเจ้าได้มีหนังสือ ๕ ฉบับ ฉบับหลังสุดลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗ (ฉบับที่ ๕) ร้องเรียนกรณีกระทรวงการคลังประกาศเปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อกองทุนรวมวายุภักษ์ ๑ (กองทุนฯ) วงเงิน ๑.๕ แสนล้านบาท ในวันที่ ๑๖-๒๐ กันยายนนี้ และให้นักลงทุนสถาบันจองซื้อในวันที่ ๑๘-๒๐ กันยายนนี้

    ซึ่งข้าพเจ้ามีความเห็นว่าการดำเนินโครงการดังกล่าวอาจจะฝ่าฝืนกฎหมาย นั้น

    ข้าพเจ้าขอเรียนข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลัง ดังนี้

    ๑. พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑

    “มาตรา ๒๘ การมอบหมายให้หน่วยงานของรัฐดําเนินกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการโดยรัฐบาลรับภาระจะชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดําเนินการนั้น ให้กระทําได้เฉพาะกรณีที่อยู่ในหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของหน่วยงานของรัฐนั้น เพื่อฟื้นฟูหรือกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบอาชีพหรือยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน หรือเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัยหรือการก่อวินาศกรรม

    ในการมอบหมายตามวรรคหนึ่ง คณะรัฐมนตรีต้องพิจารณาภาระทางการคลังของรัฐที่อาจเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ผลกระทบต่อการดําเนินงานของหน่วยงานของรัฐซึ่งได้รับมอบหมายนั้น และแนวทางการบริหารจัดการภาระทางการคลังของรัฐและผลกระทบจากการดําเนินการดังกล่าว ภาระที่รัฐต้องรับชดเชยค่าใช้จ่ายในการดําเนินการตามวรรคหนึ่ง ต้องมียอดคงค้างทั้งหมดรวมกันไม่เกินอัตราที่คณะกรรมการกําหนด

    ให้หน่วยงานของรัฐซึ่งได้รับมอบหมายตามมาตรานี้ ไม่ว่าการมอบหมายนั้นจะเกิดขึ้นก่อนพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับหรือไม่ จัดทําประมาณการต้นทุนทางการเงินและการบริหารจัดการที่รัฐจะต้องรับภาระทั้งหมดสําหรับกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการนั้น ๆ และแจ้งให้คณะกรรมการและกระทรวงการคลังทราบ”

    ๒. ประเด็นที่อาจฝ่าฝืนกฎหมาย

    เนื่องจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๗ ได้รับทราบโครงการกองทุนรวมวายุภักษ์ ๑ (กองทุนฯ) และโดยที่เงื่อนไขในการประกาศเปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อกองทุนฯ

    มีผลโดยอัตโนมัติเป็นการที่กระทรวงการคลังรับภาระจะชดใช้ให้ผู้ลงทุนซึ่งถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ได้รับผลตอบแทนแต่ละปีไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๓ ต่อปี ทั้งจากรายได้แต่ละปี และจากกำไรสะสมของกระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. และมีผลโดยอัตโนมัติเป็นการที่กระทรวงการคลังรับภาระจะชดใช้ให้ผู้ลงทุนซึ่งถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ได้รับคืนเงินลงทุนก่อนหน้ากระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข.

    ข้าพเจ้าจึงเห็นว่า กรณีนี้เข้าข่ายเป็นการที่คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงการคลัง”ดําเนินกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการโดยรัฐบาลรับภาระจะชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดําเนินการนั้น” ตามวรรคหนึ่ง มาตรา ๒๘

    ๒.๑ ไม่ใช่กรณีที่อยู่ในหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของกระทรวงการคลัง

    พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ มาตรา ๑๐ กำหนดหน้าที่และอำนาจของกระทรวงการคลังไว้ว่า “กระทรวงการคลัง มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการเงินการคลังแผ่นดิน การประเมินราคาทรัพย์สิน การบริหารพัสดุภาครัฐ กิจการเกี่ยวกับที่ราชพัสดุ ทรัพย์สินของแผ่นดิน ภาษีอากร การรัษฎากร กิจการหารายได้ที่รัฐมีอำนาจดำเนินการได้แต่ผู้เดียวตามกฎหมายและไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการอื่น การบริหารหนี้สาธารณะ การบริหารและการพัฒนารัฐวิสาหกิจและหลักทรัพย์ของรัฐ และราชการอื่นตามที่มีกฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงการคลังหรือส่วนราชการที่สังกัดกระทรวงการคลัง”

    ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า เรื่องที่เสนอคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ไม่ใช่กรณีที่อยู่ในหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของกระทรวงการคลังข้างต้น จึงกระทำมิได้

    ส่วนการที่กองทุนฯ จะแบ่งปันรายได้และกำหนดลำดับสิทธิในการคืนเงินลงทุนนั้น ถึงแม้อาจจะอยู่ในหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ แต่กองทุนฯ ไม่มีหน้าที่และอำนาจที่ครอบคลุมไปถึงการดำเนินการให้มีผลเป็นการทำให้กระทรวงการคลังรับภาระจะชดใช้ให้ผู้ลงทุนซึ่งถือหน่วยลงทุนประเภท ก.

    ๒.๒ คณะรัฐมนตรีอาจมิได้พิจารณาภาระทางการคลังของรัฐที่อาจเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต หรือผลกระทบต่อการดําเนินงานของกระทรวงการคลัง

    ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า คณะรัฐมนตรีอาจมิได้พิจารณาภาระทางการคลังของรัฐที่อาจเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต หรือผลกระทบต่อการดําเนินงานของกระทรวงการคลัง อันไม่เป็นการปฏิบัติตามวรรคสองของมาตรา ๒๘ เพราะข้าพเจ้าสืบค้นไม่พบการนำเสนอตัวเลขภาระที่เกี่ยวข้องต่อคณะรัฐมนตรี

    ๒.๓ อาจไม่มีการจัดทําประมาณการต้นทุนทางการเงินและการบริหารจัดการที่รัฐจะต้องรับภาระทั้งหมดสําหรับกิจกรรมกองทุนฯ

    ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า กระทรวงการคลังอาจไม่มีการจัดทําประมาณการต้นทุนทางการเงินและการบริหารจัดการที่รัฐจะต้องรับภาระทั้งหมดสําหรับกิจกรรมกองทุนฯ เสนอต่อคณะรัฐมนตรี อันไม่เป็นการปฏิบัติตามวรรตสามของมาตรา ๒๘ เพราะข้าพเจ้าสืบค้นไม่พบการนำเสนอตัวเลขประมาณการที่เกี่ยวข้องต่อคณะรัฐมนตรี

    ๓. ขอให้สั่งการแก้ไข

    กรณีที่ถ้าหากท่านตรวจสอบแล้ว พบว่ามีการปฏิบัติที่ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ข้าพเจ้าขอเรียนว่า ท่านมีหน้าที่สั่งการให้แก้ไข และลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องโดยพลัน

    จึงขอให้ท่านโปรดพิจารณาว่าการกระทำที่เกี่ยวข้องถูกต้องตามกฎหมายและหลักธรรมาภิบาลหรือไม่

    จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา

    ขอแสดงความนับถืออย่างสูง

    (นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล)
    อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

    สำเนาเรียน
    ประธาน ป.ป.ช. เพื่อประกอบการพิจารณาหนังสือร้องเรียน ฉบับหลังสุดวันที่ ๑๔ ต.ค. ๒๕๖๗
    ประธาน ค.ต.ง. เพื่อประกอบการพิจารณาหนังสือร้องเรียน ฉบับหลังสุดวันที่ ๑๔ ต.ค. ๒๕๖๗
    ประธาน ก.ก.ต. เพื่อประกอบการพิจารณาหนังสือร้องเรียน ฉบับหลังสุดวันที่ ๑๔ ต.ค. ๒๕๖๗“
    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/Ti8aaMp5mLUDpy1U/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    เตือนนายกฯครั้งที่ 5 ! นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟสบุ๊ก “Thirachai Phuvanatnaranubala – – ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล” ระบุว่า จดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯ เรื่องกองทุนวายุภักษ์ ๑ ด่วนที่สุด วันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๗ เรื่อง กองทุนรวมวายุภักษ์ ๑ อาจจะฝ่าฝืนกฎหมาย (ฉบับที่ ๖) เรียน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามที่ข้าพเจ้าได้มีหนังสือ ๕ ฉบับ ฉบับหลังสุดลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗ (ฉบับที่ ๕) ร้องเรียนกรณีกระทรวงการคลังประกาศเปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อกองทุนรวมวายุภักษ์ ๑ (กองทุนฯ) วงเงิน ๑.๕ แสนล้านบาท ในวันที่ ๑๖-๒๐ กันยายนนี้ และให้นักลงทุนสถาบันจองซื้อในวันที่ ๑๘-๒๐ กันยายนนี้ ซึ่งข้าพเจ้ามีความเห็นว่าการดำเนินโครงการดังกล่าวอาจจะฝ่าฝืนกฎหมาย นั้น ข้าพเจ้าขอเรียนข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลัง ดังนี้ ๑. พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ “มาตรา ๒๘ การมอบหมายให้หน่วยงานของรัฐดําเนินกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการโดยรัฐบาลรับภาระจะชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดําเนินการนั้น ให้กระทําได้เฉพาะกรณีที่อยู่ในหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของหน่วยงานของรัฐนั้น เพื่อฟื้นฟูหรือกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบอาชีพหรือยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน หรือเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัยหรือการก่อวินาศกรรม ในการมอบหมายตามวรรคหนึ่ง คณะรัฐมนตรีต้องพิจารณาภาระทางการคลังของรัฐที่อาจเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ผลกระทบต่อการดําเนินงานของหน่วยงานของรัฐซึ่งได้รับมอบหมายนั้น และแนวทางการบริหารจัดการภาระทางการคลังของรัฐและผลกระทบจากการดําเนินการดังกล่าว ภาระที่รัฐต้องรับชดเชยค่าใช้จ่ายในการดําเนินการตามวรรคหนึ่ง ต้องมียอดคงค้างทั้งหมดรวมกันไม่เกินอัตราที่คณะกรรมการกําหนด ให้หน่วยงานของรัฐซึ่งได้รับมอบหมายตามมาตรานี้ ไม่ว่าการมอบหมายนั้นจะเกิดขึ้นก่อนพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับหรือไม่ จัดทําประมาณการต้นทุนทางการเงินและการบริหารจัดการที่รัฐจะต้องรับภาระทั้งหมดสําหรับกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการนั้น ๆ และแจ้งให้คณะกรรมการและกระทรวงการคลังทราบ” ๒. ประเด็นที่อาจฝ่าฝืนกฎหมาย เนื่องจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๗ ได้รับทราบโครงการกองทุนรวมวายุภักษ์ ๑ (กองทุนฯ) และโดยที่เงื่อนไขในการประกาศเปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อกองทุนฯ มีผลโดยอัตโนมัติเป็นการที่กระทรวงการคลังรับภาระจะชดใช้ให้ผู้ลงทุนซึ่งถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ได้รับผลตอบแทนแต่ละปีไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๓ ต่อปี ทั้งจากรายได้แต่ละปี และจากกำไรสะสมของกระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. และมีผลโดยอัตโนมัติเป็นการที่กระทรวงการคลังรับภาระจะชดใช้ให้ผู้ลงทุนซึ่งถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ได้รับคืนเงินลงทุนก่อนหน้ากระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ข. ข้าพเจ้าจึงเห็นว่า กรณีนี้เข้าข่ายเป็นการที่คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงการคลัง”ดําเนินกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการโดยรัฐบาลรับภาระจะชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดําเนินการนั้น” ตามวรรคหนึ่ง มาตรา ๒๘ ๒.๑ ไม่ใช่กรณีที่อยู่ในหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของกระทรวงการคลัง พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ มาตรา ๑๐ กำหนดหน้าที่และอำนาจของกระทรวงการคลังไว้ว่า “กระทรวงการคลัง มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการเงินการคลังแผ่นดิน การประเมินราคาทรัพย์สิน การบริหารพัสดุภาครัฐ กิจการเกี่ยวกับที่ราชพัสดุ ทรัพย์สินของแผ่นดิน ภาษีอากร การรัษฎากร กิจการหารายได้ที่รัฐมีอำนาจดำเนินการได้แต่ผู้เดียวตามกฎหมายและไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการอื่น การบริหารหนี้สาธารณะ การบริหารและการพัฒนารัฐวิสาหกิจและหลักทรัพย์ของรัฐ และราชการอื่นตามที่มีกฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงการคลังหรือส่วนราชการที่สังกัดกระทรวงการคลัง” ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า เรื่องที่เสนอคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ไม่ใช่กรณีที่อยู่ในหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของกระทรวงการคลังข้างต้น จึงกระทำมิได้ ส่วนการที่กองทุนฯ จะแบ่งปันรายได้และกำหนดลำดับสิทธิในการคืนเงินลงทุนนั้น ถึงแม้อาจจะอยู่ในหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ แต่กองทุนฯ ไม่มีหน้าที่และอำนาจที่ครอบคลุมไปถึงการดำเนินการให้มีผลเป็นการทำให้กระทรวงการคลังรับภาระจะชดใช้ให้ผู้ลงทุนซึ่งถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ๒.๒ คณะรัฐมนตรีอาจมิได้พิจารณาภาระทางการคลังของรัฐที่อาจเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต หรือผลกระทบต่อการดําเนินงานของกระทรวงการคลัง ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า คณะรัฐมนตรีอาจมิได้พิจารณาภาระทางการคลังของรัฐที่อาจเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต หรือผลกระทบต่อการดําเนินงานของกระทรวงการคลัง อันไม่เป็นการปฏิบัติตามวรรคสองของมาตรา ๒๘ เพราะข้าพเจ้าสืบค้นไม่พบการนำเสนอตัวเลขภาระที่เกี่ยวข้องต่อคณะรัฐมนตรี ๒.๓ อาจไม่มีการจัดทําประมาณการต้นทุนทางการเงินและการบริหารจัดการที่รัฐจะต้องรับภาระทั้งหมดสําหรับกิจกรรมกองทุนฯ ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า กระทรวงการคลังอาจไม่มีการจัดทําประมาณการต้นทุนทางการเงินและการบริหารจัดการที่รัฐจะต้องรับภาระทั้งหมดสําหรับกิจกรรมกองทุนฯ เสนอต่อคณะรัฐมนตรี อันไม่เป็นการปฏิบัติตามวรรตสามของมาตรา ๒๘ เพราะข้าพเจ้าสืบค้นไม่พบการนำเสนอตัวเลขประมาณการที่เกี่ยวข้องต่อคณะรัฐมนตรี ๓. ขอให้สั่งการแก้ไข กรณีที่ถ้าหากท่านตรวจสอบแล้ว พบว่ามีการปฏิบัติที่ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ข้าพเจ้าขอเรียนว่า ท่านมีหน้าที่สั่งการให้แก้ไข และลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องโดยพลัน จึงขอให้ท่านโปรดพิจารณาว่าการกระทำที่เกี่ยวข้องถูกต้องตามกฎหมายและหลักธรรมาภิบาลหรือไม่ จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา ขอแสดงความนับถืออย่างสูง (นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สำเนาเรียน ประธาน ป.ป.ช. เพื่อประกอบการพิจารณาหนังสือร้องเรียน ฉบับหลังสุดวันที่ ๑๔ ต.ค. ๒๕๖๗ ประธาน ค.ต.ง. เพื่อประกอบการพิจารณาหนังสือร้องเรียน ฉบับหลังสุดวันที่ ๑๔ ต.ค. ๒๕๖๗ ประธาน ก.ก.ต. เพื่อประกอบการพิจารณาหนังสือร้องเรียน ฉบับหลังสุดวันที่ ๑๔ ต.ค. ๒๕๖๗“ ที่มา https://www.facebook.com/share/p/Ti8aaMp5mLUDpy1U/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 626 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิหร่านประกาศห้ามนำเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารแบบพกพา (walkie-talkies) ขึ้นไปบนทุกเที่ยวบิน หลังเหตุโจมตีวินาศกรรมนองเลือดในเลบานอน ซึ่งกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของอิสราเอล
    .
    "อุปกรณ์สื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด ยกเว้นโทรศัพท์มือถือ ถูกห้ามในห้องผู้โดยสาร หรือในสัมภาระลงทะเบียนที่ไม่มีเจ้าของเดินทางไปด้วย" ตามรายงานของสำนักข่าวไอเอสเอ็นเอ อ้างถึงคำกล่าวของ จาฟาร์ ยาเซอร์โล โฆษกองค์การการบินพลเรือนของอิหร่าน
    .
    การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นราว 3 สัปดาห์ นับตั้งแต่เกิดเหตุวินาศกรรมเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารแบบพกพาระเบิด เล็งเป้าหมายเล่นงานสมาชิกกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 39 ราย
    .
    นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกเกือบ 3,000 รายในเหตุโจมตี ที่อิหร่านและฮิซบอลเลาะห์กล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของอิสราเอล ในนั้นรวมถึง มอจทาบา อามานี เอกอัครราชทูตของเตหะรานประจำเลบานอน
    .
    เมื่อช่วงต้นเดือน สายการบินเอมิเรตส์ของดูไบ สั่งห้ามนำเพจเจอร์และวิทยุสื่อสาร walkie-talkies ขึ้นไปบนเที่ยวบิน ไปแล้วก่อนหน้านี้
    .
    ความตึงเครียดในภูมิภาคร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่สงครามในกาซาปะทะขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน ลากกลุ่มติดอาวุธทั้งหลายที่เป็นพันธมิตรของอิหร่านเข้าร่วมวงด้วย ในนั้นทั้งจากเลบานอน อิรัก ซีเรีย และเยเมน
    .
    เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา สายการบินหลายแห่งได้ระงับเที่ยวบินที่มุ่งหน้าสู่อิหร่าน หลังจากเตหะรานยิงห่าขีปนาวุธโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม
    .
    อิหร่านรัวขีปนาวุธมากกว่า 200 ลูกเข้าใส่อิสราเอล ในการแก้แค้นอิสราเอล ที่สังหารพวกผู้นำนักรบที่เป็นพันธมิตรของอิหร่านในภูมิภาคไปแล้วหลายคน เช่นเดียวกับนายพลรายหนึ่งของกองกำลังพิทักษ์การปฏิบัติอิสลามแห่งอิหร่าน
    .
    นับตั้งแต่นั้น อิสราเอลประกาศแก้แค้น โดย โยอาฟ กัลแลนท์ รัฐมนตรีกลาโหม บอกว่าการตอบโต้จะเป็นไปในแบบ "นองเลือด แม่นยำและน่าตกตะลึง"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000097938
    ..............
    Sondhi X
    อิหร่านประกาศห้ามนำเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารแบบพกพา (walkie-talkies) ขึ้นไปบนทุกเที่ยวบิน หลังเหตุโจมตีวินาศกรรมนองเลือดในเลบานอน ซึ่งกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของอิสราเอล . "อุปกรณ์สื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด ยกเว้นโทรศัพท์มือถือ ถูกห้ามในห้องผู้โดยสาร หรือในสัมภาระลงทะเบียนที่ไม่มีเจ้าของเดินทางไปด้วย" ตามรายงานของสำนักข่าวไอเอสเอ็นเอ อ้างถึงคำกล่าวของ จาฟาร์ ยาเซอร์โล โฆษกองค์การการบินพลเรือนของอิหร่าน . การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นราว 3 สัปดาห์ นับตั้งแต่เกิดเหตุวินาศกรรมเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารแบบพกพาระเบิด เล็งเป้าหมายเล่นงานสมาชิกกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 39 ราย . นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกเกือบ 3,000 รายในเหตุโจมตี ที่อิหร่านและฮิซบอลเลาะห์กล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของอิสราเอล ในนั้นรวมถึง มอจทาบา อามานี เอกอัครราชทูตของเตหะรานประจำเลบานอน . เมื่อช่วงต้นเดือน สายการบินเอมิเรตส์ของดูไบ สั่งห้ามนำเพจเจอร์และวิทยุสื่อสาร walkie-talkies ขึ้นไปบนเที่ยวบิน ไปแล้วก่อนหน้านี้ . ความตึงเครียดในภูมิภาคร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่สงครามในกาซาปะทะขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน ลากกลุ่มติดอาวุธทั้งหลายที่เป็นพันธมิตรของอิหร่านเข้าร่วมวงด้วย ในนั้นทั้งจากเลบานอน อิรัก ซีเรีย และเยเมน . เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา สายการบินหลายแห่งได้ระงับเที่ยวบินที่มุ่งหน้าสู่อิหร่าน หลังจากเตหะรานยิงห่าขีปนาวุธโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม . อิหร่านรัวขีปนาวุธมากกว่า 200 ลูกเข้าใส่อิสราเอล ในการแก้แค้นอิสราเอล ที่สังหารพวกผู้นำนักรบที่เป็นพันธมิตรของอิหร่านในภูมิภาคไปแล้วหลายคน เช่นเดียวกับนายพลรายหนึ่งของกองกำลังพิทักษ์การปฏิบัติอิสลามแห่งอิหร่าน . นับตั้งแต่นั้น อิสราเอลประกาศแก้แค้น โดย โยอาฟ กัลแลนท์ รัฐมนตรีกลาโหม บอกว่าการตอบโต้จะเป็นไปในแบบ "นองเลือด แม่นยำและน่าตกตะลึง" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000097938 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1270 มุมมอง 0 รีวิว
  • ❗️ หน่วยข่าวกรองของรัสเซียมีข้อมูลที่เชื่อถือได้เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมโดยตรงของ #สหรัฐฯ และ #อังกฤษ ในเหตุระเบิดที่ #นอร์ดสตรีม – เซอร์เกย์ นารีชกิน, ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองต่างประเทศของรัสเซีย

    “ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าผู้ก่อวินาศกรรมมืออาชีพจากหน่วยข่าวกรองแองโกล-แซกซอนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่นอร์ดสตรีม”, เซอร์เกย์ นารีชกิน กล่าว, ในการประชุมสภาหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงและหน่วยบริการพิเศษของประเทศสมาชิก CIS (อัสตานา, ๔ ตุลาคม ๒๐๒๔)

    เขายังเน้นย้ำว่าฝ่ายบริหารของ #สหรัฐฯ ถือว่าการทำลายนอร์ดสตรีมเป็นสิ่งที่ถูกต้อง “เพื่อให้แน่ใจว่ายุโรป, โดยเฉพาะเยอรมนี, จะแยกตัวออกจากรัสเซีย”
    .
    ❗️ Russian Intelligence Service has reliable information about the direct involvement of the #US and #Britain in the #NordStream blasts – Sergey Naryshkin, director of Russia’s Foreign Intelligence Service

    “Data shows that professional saboteurs from Anglo-Saxon intelligence services were involved in the Nord Stream explosions”, Sergey Naryshkin stated, speaking at a meeting of the Council of Heads of Security Bodies and Special Services of the CIS member states (Astana, 4 October 2024).

    He also stressed that the #US administration considered it justified destroying Nord Stream “to ensure that Europe, especially Germany, breaks away from Russia.”
    .
    4:16 PM · Oct 8, 2024 · 95K Views
    https://x.com/EmbassyofRussia/status/1843581224196919717
    ❗️ หน่วยข่าวกรองของรัสเซียมีข้อมูลที่เชื่อถือได้เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมโดยตรงของ #สหรัฐฯ และ #อังกฤษ ในเหตุระเบิดที่ #นอร์ดสตรีม – เซอร์เกย์ นารีชกิน, ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองต่างประเทศของรัสเซีย “ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าผู้ก่อวินาศกรรมมืออาชีพจากหน่วยข่าวกรองแองโกล-แซกซอนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่นอร์ดสตรีม”, เซอร์เกย์ นารีชกิน กล่าว, ในการประชุมสภาหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงและหน่วยบริการพิเศษของประเทศสมาชิก CIS (อัสตานา, ๔ ตุลาคม ๒๐๒๔) เขายังเน้นย้ำว่าฝ่ายบริหารของ #สหรัฐฯ ถือว่าการทำลายนอร์ดสตรีมเป็นสิ่งที่ถูกต้อง “เพื่อให้แน่ใจว่ายุโรป, โดยเฉพาะเยอรมนี, จะแยกตัวออกจากรัสเซีย” . ❗️ Russian Intelligence Service has reliable information about the direct involvement of the #US and #Britain in the #NordStream blasts – Sergey Naryshkin, director of Russia’s Foreign Intelligence Service “Data shows that professional saboteurs from Anglo-Saxon intelligence services were involved in the Nord Stream explosions”, Sergey Naryshkin stated, speaking at a meeting of the Council of Heads of Security Bodies and Special Services of the CIS member states (Astana, 4 October 2024). He also stressed that the #US administration considered it justified destroying Nord Stream “to ensure that Europe, especially Germany, breaks away from Russia.” . 4:16 PM · Oct 8, 2024 · 95K Views https://x.com/EmbassyofRussia/status/1843581224196919717
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 303 มุมมอง 0 รีวิว
  • เผยในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา อเมริกาอัดฉีดความช่วยเหลือทางทหารให้อิสราเอล ซึ่งกำลังทำสงครามหฤโหดในฉนวนกาซา และเวลานี้ขยายวงสู่เลบานอน เป็นจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 17,900 ล้านดอลลาร์เป็นอย่างต่ำ ไม่รวมค่าใช้จ่ายอีก 4,860 ล้านดอลลาร์ในการเสริมปฏิบัติการทางทหารของตนเองในตะวันออกกลาง ที่รวมถึงการจัดการกลุ่มกบฏฮูตีที่ลอบโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดง
    .
    รายงานจากโครงการค่าใช้จ่ายสงคราม (Costs of War project) ของมหาวิทยาลัยบราวน์ ในสหรัฐฯ ที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (7 ต.ค.) เนื่องในวาระครบรอบ 1 ปีที่นักรบฮามาสจู่โจมบุกอิสราเอล ถือเป็นรายงานฉบับแรกที่มีการประเมินมูลค่าความช่วยเหลือที่อเมริกาให้อิสราเอล ขณะที่คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ให้การสนับสนุนอิสราเอลในการสู้รบในกาซาและเลบานอน และพยายามจำกัดการโจมตีของกลุ่มติดอาวุธที่เป็นพันธมิตรของอิหร่านภายในตะวันออกกลาง
    .
    ตัวเลขทางการเงินเหล่านี้ยังไม่รวมความสูญเสียด้านชีวิตมนุษย์ ทั้งเหยื่อกว่า 1,200 คนที่ถูกฮามาสสังหารระหว่างการบุกโจมตีอิสราเอลชนิดช็อกโลกเมื่อปีที่แล้ว พร้อมจับตัวประกัน 250 คนกลับไปคุมขังในกาซา และผู้เสียชีวิตเกือบ 42,000 คนในกาซาจากปฏิบัติการล้างแค้นของอิสราเอล
    .
    นอกจากนั้นยังมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1,400 คนในเลบานอน ซึ่งมีทั้งนักรบฮิซบอลเลาะห์และพลเรือน นับจากอิสราเอลขยายการโจมตีเข้าสู่ประเทศนี้เมื่อปลายเดือนที่แล้ว
    .
    ค่าใช้จ่ายทางการเงินในรายงานฉบับนี้ที่จัดทำแล้วเสร็จก่อนที่อิสราเอลจะเปิดแนวรบที่สองในเลบานอนนั้น คำนวณโดย ลินดา เจ. บิลม์ส ศาสตราจารย์จากวิทยาลัยรัฐกิจ จอห์น เอฟ. เคนเนดี ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่เคยศึกษาประเมินค่าใช้จ่ายในสงครามทั้งหมดของอเมริกา นับจากวินาศกรรม 11 ก.ย. 2001 และนักวิจัยอีก 2 คนคือ วิลเลียม ดี. ฮาร์เติง และสตีเฟน เซมเลอร์ โดยมีรายละเอียดคร่าวๆ ดังต่อไปนี้:
    .
    ความช่วยเหลือทางทหารสูงสุดเป็นประวัติการณ์
    .
    อิสราเอลที่ได้รับการอุปถัมภ์จากอเมริกานับจากก่อตั้งประเทศในปี 1948 เป็นประเทศที่ได้รับความช่วยเหลือทางทหารจากอเมริกามูลค่าสูงสุดคือ 251,200 ล้านดอลลาร์ นับจากปี 1959 เป็นต้นมา ทั้งนี้เมื่อปรับตัวเลขตามอัตราเงินเฟ้อ
    .
    ขณะที่ ความช่วยเหลือ 17,900 ล้านดอลลาร์ที่ปรับตัวเลขตามอัตราเงินเฟ้อแล้ว ซึ่งอเมริกามอบให้นับจากวันที่ 7 ต.ค. 2023 ถือเป็นความช่วยเหลือทางทหารมูลค่าสูงสุดที่อัดฉีดให้อิสราเอลในปีเดียว
    .
    ทั้งนี้ อเมริกามีพันธะกรณีในการให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่อิสราเอลและอียิปต์ปีละหลายพันล้านดอลลาร์นับจากที่สองประเทศนี้ลงนามสนธิสัญญาสันติภาพที่วอชิงตันเป็นตัวกลางเมื่อปี 1979 นอกจากนั้น ในเวลาต่อมา คณะบริหารของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ยังทำข้อตกลงให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่อิสราเอลปีละ 3,800 ล้านดอลลาร์จนถึงปี 2028
    .
    ความช่วยเหลือของอเมริกานับจากสงครามกาซาปะทุขึ้นนี้ ครอบคลุมถึงการให้เงินสนับสนุนทางการทหาร การขายอาวุธ อาวุธจากคลังสำรองของอเมริกาและอาวุธยุทโธปกรณ์มือสอง รวมเป็นมูลค่าอย่างน้อย 4,400 ล้านดอลลาร์
    .
    อาวุธจำนวนมากที่อเมริกาส่งมอบให้อิสราเอลในรอบปีที่ผ่านมาคือพวกเครื่องกระสุน ตั้งแต่กระสุนปืนใหญ่จนถึงระเบิดบังเกอร์บัสเตอร์เจาะพื้นดินขนาด 2,000 ปอนด์ และระเบิดนำวิถี
    .
    นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่าย 4,000 ล้านดอลลาร์สำหรับการฟื้นคืนความสมบูรณ์ของระบบป้องกันภัยทางอากาศ “ไอออนโดม” และระบบป้องกันขีปนาวุธ “เดวิดส์ สลิง” ของอิสราเอล ตลอดจนการจัดซื้อปืนไรเฟิลจู่โจม และเชื้อเพลิงเครื่องบิน
    .
    อย่างไรก็ดี นักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่า พวกเขาไม่สามารถเข้าถึงรายละเอียดที่ครบถ้วนเกี่ยวกับสิ่งที่อเมริกาจัดส่งให้อิสราเอลนับจากวันที่ 7 ต.ค. ปีที่แล้ว ดังนั้น ตัวเลข 17,900 ล้านดอลลาร์จึงเป็นเพียงมูลค่าความช่วยเหลือส่วนหนึ่งเท่านั้น และสำทับว่า คณะบริหารของไบเดนพยายามปิดบังมูลค่าความช่วยเหลือทั้งหมดและประเภทอาวุธที่จัดหาให้อิสราเอลผ่านขั้นตอนการดำเนินการของระบบราชการ
    .
    ปฏิบัติการทางทหารของอเมริกาเองในตะวันออกกลาง
    .
    คณะบริหารของไบเดนยังเสริมแสนยานุภาพทางทหารของอเมริกาเองในตะวันออกกลางนับตั้งแต่สงครามกาซาเริ่มต้นขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องปรามและตอบโต้พวกที่เข้าโจมตีกองกำลังอิสราเอลและอเมริกา
    .
    ปฏิบัติการเพิ่มเติมเหล่านี้มีมูลค่าอย่างน้อย 4,860 ล้านดอลลาร์
    .
    ทั้งนี้ อเมริกามีทหาร 34,000 นายในภูมิภาคนี้ ณ วันที่ฮามาสบุกโจมตีอิสราเอล และจากนั้นได้เพิ่มเป็นราว 50,000 นายในเดือนสิงหาคม เมื่อเรือบรรทุกเครื่องบิน 2 ลำเข้าประจำการในตะวันออกกลางเพื่อป้องปรามการล้างแค้นอิสราเอล หลังจาก อิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำฝ่ายการเมืองของฮามาสถูกสังหารในอิหร่าน และปัจจุบันอเมริกามีทหารประจำอยู่ราว 43,000 นาย
    .
    การสู้รบกับฮูตี
    .
    นับจากสงครามกาซาเริ่มต้น กองทัพอเมริกายังพยายามตอบโต้การโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดงของกบฏฮูตีในเยเมน โดยนักวิจัยระบุว่า อเมริกามีค่าใช้จ่าย 4,860 ล้านดอลลาร์สำหรับ “ความท้าทายอสมมาตรที่ซับซ้อน ราคาแพง และคาดไม่ถึง” และถือเป็นปฏิบัติการสู้รบที่ตึงเครียดที่สุดที่กองทัพเรือสหรัฐฯ เผชิญมานับจากสงครามโลกครั้งที่ 2
    .
    นักวิจัยเสริมว่า อเมริกาส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน เรือพิฆาต เรือลาดตระเวน และขีปนาวุธราคาหลายล้านดอลลาร์ไปต่อสู้กับโดรนของฮูตีที่ผลิตในอิหร่านราคาแค่ลำละ 2,000 ดอลลาร์
    .
    การคำนวณของนักวิจัยกลุ่มนี้ยังรวมถึงเงินค่าสู้รบที่เพิ่มเติมขึ้นมาอย่างน้อย 55 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสหรัฐฯต้องจ่ายมากขึ้นสืบเนื่องจากปฏิบัติการที่เข้มข้นในตะวันออกกลาง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000095609
    ..............
    Sondhi X
    เผยในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา อเมริกาอัดฉีดความช่วยเหลือทางทหารให้อิสราเอล ซึ่งกำลังทำสงครามหฤโหดในฉนวนกาซา และเวลานี้ขยายวงสู่เลบานอน เป็นจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 17,900 ล้านดอลลาร์เป็นอย่างต่ำ ไม่รวมค่าใช้จ่ายอีก 4,860 ล้านดอลลาร์ในการเสริมปฏิบัติการทางทหารของตนเองในตะวันออกกลาง ที่รวมถึงการจัดการกลุ่มกบฏฮูตีที่ลอบโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดง . รายงานจากโครงการค่าใช้จ่ายสงคราม (Costs of War project) ของมหาวิทยาลัยบราวน์ ในสหรัฐฯ ที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (7 ต.ค.) เนื่องในวาระครบรอบ 1 ปีที่นักรบฮามาสจู่โจมบุกอิสราเอล ถือเป็นรายงานฉบับแรกที่มีการประเมินมูลค่าความช่วยเหลือที่อเมริกาให้อิสราเอล ขณะที่คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ให้การสนับสนุนอิสราเอลในการสู้รบในกาซาและเลบานอน และพยายามจำกัดการโจมตีของกลุ่มติดอาวุธที่เป็นพันธมิตรของอิหร่านภายในตะวันออกกลาง . ตัวเลขทางการเงินเหล่านี้ยังไม่รวมความสูญเสียด้านชีวิตมนุษย์ ทั้งเหยื่อกว่า 1,200 คนที่ถูกฮามาสสังหารระหว่างการบุกโจมตีอิสราเอลชนิดช็อกโลกเมื่อปีที่แล้ว พร้อมจับตัวประกัน 250 คนกลับไปคุมขังในกาซา และผู้เสียชีวิตเกือบ 42,000 คนในกาซาจากปฏิบัติการล้างแค้นของอิสราเอล . นอกจากนั้นยังมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1,400 คนในเลบานอน ซึ่งมีทั้งนักรบฮิซบอลเลาะห์และพลเรือน นับจากอิสราเอลขยายการโจมตีเข้าสู่ประเทศนี้เมื่อปลายเดือนที่แล้ว . ค่าใช้จ่ายทางการเงินในรายงานฉบับนี้ที่จัดทำแล้วเสร็จก่อนที่อิสราเอลจะเปิดแนวรบที่สองในเลบานอนนั้น คำนวณโดย ลินดา เจ. บิลม์ส ศาสตราจารย์จากวิทยาลัยรัฐกิจ จอห์น เอฟ. เคนเนดี ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่เคยศึกษาประเมินค่าใช้จ่ายในสงครามทั้งหมดของอเมริกา นับจากวินาศกรรม 11 ก.ย. 2001 และนักวิจัยอีก 2 คนคือ วิลเลียม ดี. ฮาร์เติง และสตีเฟน เซมเลอร์ โดยมีรายละเอียดคร่าวๆ ดังต่อไปนี้: . ความช่วยเหลือทางทหารสูงสุดเป็นประวัติการณ์ . อิสราเอลที่ได้รับการอุปถัมภ์จากอเมริกานับจากก่อตั้งประเทศในปี 1948 เป็นประเทศที่ได้รับความช่วยเหลือทางทหารจากอเมริกามูลค่าสูงสุดคือ 251,200 ล้านดอลลาร์ นับจากปี 1959 เป็นต้นมา ทั้งนี้เมื่อปรับตัวเลขตามอัตราเงินเฟ้อ . ขณะที่ ความช่วยเหลือ 17,900 ล้านดอลลาร์ที่ปรับตัวเลขตามอัตราเงินเฟ้อแล้ว ซึ่งอเมริกามอบให้นับจากวันที่ 7 ต.ค. 2023 ถือเป็นความช่วยเหลือทางทหารมูลค่าสูงสุดที่อัดฉีดให้อิสราเอลในปีเดียว . ทั้งนี้ อเมริกามีพันธะกรณีในการให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่อิสราเอลและอียิปต์ปีละหลายพันล้านดอลลาร์นับจากที่สองประเทศนี้ลงนามสนธิสัญญาสันติภาพที่วอชิงตันเป็นตัวกลางเมื่อปี 1979 นอกจากนั้น ในเวลาต่อมา คณะบริหารของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ยังทำข้อตกลงให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่อิสราเอลปีละ 3,800 ล้านดอลลาร์จนถึงปี 2028 . ความช่วยเหลือของอเมริกานับจากสงครามกาซาปะทุขึ้นนี้ ครอบคลุมถึงการให้เงินสนับสนุนทางการทหาร การขายอาวุธ อาวุธจากคลังสำรองของอเมริกาและอาวุธยุทโธปกรณ์มือสอง รวมเป็นมูลค่าอย่างน้อย 4,400 ล้านดอลลาร์ . อาวุธจำนวนมากที่อเมริกาส่งมอบให้อิสราเอลในรอบปีที่ผ่านมาคือพวกเครื่องกระสุน ตั้งแต่กระสุนปืนใหญ่จนถึงระเบิดบังเกอร์บัสเตอร์เจาะพื้นดินขนาด 2,000 ปอนด์ และระเบิดนำวิถี . นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่าย 4,000 ล้านดอลลาร์สำหรับการฟื้นคืนความสมบูรณ์ของระบบป้องกันภัยทางอากาศ “ไอออนโดม” และระบบป้องกันขีปนาวุธ “เดวิดส์ สลิง” ของอิสราเอล ตลอดจนการจัดซื้อปืนไรเฟิลจู่โจม และเชื้อเพลิงเครื่องบิน . อย่างไรก็ดี นักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่า พวกเขาไม่สามารถเข้าถึงรายละเอียดที่ครบถ้วนเกี่ยวกับสิ่งที่อเมริกาจัดส่งให้อิสราเอลนับจากวันที่ 7 ต.ค. ปีที่แล้ว ดังนั้น ตัวเลข 17,900 ล้านดอลลาร์จึงเป็นเพียงมูลค่าความช่วยเหลือส่วนหนึ่งเท่านั้น และสำทับว่า คณะบริหารของไบเดนพยายามปิดบังมูลค่าความช่วยเหลือทั้งหมดและประเภทอาวุธที่จัดหาให้อิสราเอลผ่านขั้นตอนการดำเนินการของระบบราชการ . ปฏิบัติการทางทหารของอเมริกาเองในตะวันออกกลาง . คณะบริหารของไบเดนยังเสริมแสนยานุภาพทางทหารของอเมริกาเองในตะวันออกกลางนับตั้งแต่สงครามกาซาเริ่มต้นขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องปรามและตอบโต้พวกที่เข้าโจมตีกองกำลังอิสราเอลและอเมริกา . ปฏิบัติการเพิ่มเติมเหล่านี้มีมูลค่าอย่างน้อย 4,860 ล้านดอลลาร์ . ทั้งนี้ อเมริกามีทหาร 34,000 นายในภูมิภาคนี้ ณ วันที่ฮามาสบุกโจมตีอิสราเอล และจากนั้นได้เพิ่มเป็นราว 50,000 นายในเดือนสิงหาคม เมื่อเรือบรรทุกเครื่องบิน 2 ลำเข้าประจำการในตะวันออกกลางเพื่อป้องปรามการล้างแค้นอิสราเอล หลังจาก อิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำฝ่ายการเมืองของฮามาสถูกสังหารในอิหร่าน และปัจจุบันอเมริกามีทหารประจำอยู่ราว 43,000 นาย . การสู้รบกับฮูตี . นับจากสงครามกาซาเริ่มต้น กองทัพอเมริกายังพยายามตอบโต้การโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดงของกบฏฮูตีในเยเมน โดยนักวิจัยระบุว่า อเมริกามีค่าใช้จ่าย 4,860 ล้านดอลลาร์สำหรับ “ความท้าทายอสมมาตรที่ซับซ้อน ราคาแพง และคาดไม่ถึง” และถือเป็นปฏิบัติการสู้รบที่ตึงเครียดที่สุดที่กองทัพเรือสหรัฐฯ เผชิญมานับจากสงครามโลกครั้งที่ 2 . นักวิจัยเสริมว่า อเมริกาส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน เรือพิฆาต เรือลาดตระเวน และขีปนาวุธราคาหลายล้านดอลลาร์ไปต่อสู้กับโดรนของฮูตีที่ผลิตในอิหร่านราคาแค่ลำละ 2,000 ดอลลาร์ . การคำนวณของนักวิจัยกลุ่มนี้ยังรวมถึงเงินค่าสู้รบที่เพิ่มเติมขึ้นมาอย่างน้อย 55 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสหรัฐฯต้องจ่ายมากขึ้นสืบเนื่องจากปฏิบัติการที่เข้มข้นในตะวันออกกลาง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000095609 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1351 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘เยอรมนีได้รับผลกระทบมากที่สุด’ — โวโลดินกล่าวถึงการก่อวินาศกรรมท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีม

    “[เยอรมนี] เศรษฐกิจตกต่ำ, จีดีพีลดลง, รูปแบบการผลิตล้มเหลว, การผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง, และจำนวนการล้มละลายในประเทศกลายเป็นสถิติสูงสุดในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ปัจจุบันประชาชนชาวเยอรมันต้องเสียค่าแก๊สมากกว่าเดิมถึง ๘๔%ฅ” วยาเชสลาฟ โวโลดิน ประธานสภาดูมาแห่งรัฐของรัสเซียกล่าว
    .
    ‘Germany suffered the most’ — Volodin on the Nord Stream sabotage

    “[German] economy fell into recession, GDP declined, the production model broke, industrial production decreased, and the number of bankruptcies in the country became a record over the past decade. Gas costs the citizens of Germany 84% more today than before,” Chairman of the Russian State Duma Vyacheslav Volodin said.
    .
    12:47 PM · Sep 26, 2024 · 3,240 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1839179922348167445
    ‘เยอรมนีได้รับผลกระทบมากที่สุด’ — โวโลดินกล่าวถึงการก่อวินาศกรรมท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีม “[เยอรมนี] เศรษฐกิจตกต่ำ, จีดีพีลดลง, รูปแบบการผลิตล้มเหลว, การผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง, และจำนวนการล้มละลายในประเทศกลายเป็นสถิติสูงสุดในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ปัจจุบันประชาชนชาวเยอรมันต้องเสียค่าแก๊สมากกว่าเดิมถึง ๘๔%ฅ” วยาเชสลาฟ โวโลดิน ประธานสภาดูมาแห่งรัฐของรัสเซียกล่าว . ‘Germany suffered the most’ — Volodin on the Nord Stream sabotage “[German] economy fell into recession, GDP declined, the production model broke, industrial production decreased, and the number of bankruptcies in the country became a record over the past decade. Gas costs the citizens of Germany 84% more today than before,” Chairman of the Russian State Duma Vyacheslav Volodin said. . 12:47 PM · Sep 26, 2024 · 3,240 Views https://x.com/SputnikInt/status/1839179922348167445
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 353 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาร่วมแสดงความยินดีกับท่านนายกรัฐมนตรีพี่ปูหน่อยค่าาาา….ติ่งขาาาาา……!!!!

    ตอนเก้า………บุญหล่นทับ……จนนักเลงสายลับรับแทบไม่ทัน……!!!

    จากกรณีท่านอัยการ ทำให้มีการปลดออกอีกหลายคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง บางคนก็มีการไว้หน้า เช่น เสนอให้ไปทำงานที่สถานทูตที่เดนมาร์คบ้าง ฟินแลนด์บ้าง
    และเยลซินได้มอบหมายให้ปูตินดูแลรับผิดชอบในฝ่ายอารักขาส่วนตัวควบคู่ไปกับเป็นผู้อำนวยการของ FSB
    ปูตินได้ถือโอกาสนี้…ขออำนาจเด็ดขาดในการบริหารงานและตัดสินใจ
    ซึ่งเขาก็ได้ตามนั้น
    นั่นเท่ากับ……ปูตินได้เข้ามาอยู่ใน”วงใน” ของเยลซินไปโดยปริยาย ในระยะเวลาเพียงสองปีครึ่งของการทำงานในมอสโคว์
    แต่เวลาในการผงาดของปูติน มันเป็นเวลาเดียวกันกับความอ่อนเปลี้ยของเยลซิน ที่รุมเร้าด้วยสุขภาพ และความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำอีกกับการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพของทีมที่เลือกมา

    วันที่ 5 มีนาคม 1999 ได้เกิดเหตุขึ้น นายพล Gennady Shpigun แห่งกระทรวงกลาโหม ที่ได้มีภาระกิจที่เมือง Grozny, Chechen (Chechen Republic of Ichkeria) ได้ถูกลักพาตัวไปเมื่อทันที่ที่ถึงสนามบิน โดยกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ใส่หน้ากากคลุมหน้าคลุมตา พร้อมอาวุธเต็มพิกัด
    โดยปรกติสถานะการณ์ในเชเชนนั้น ร้อนระอุมาตั้งแต่หลังจากที่ได้รับการปลดปล่อยให้เป็นเอกราชในปี 1991 จากรัสเซีย แต่ก็เป็นแบบครึ่งๆกลางๆ
    การต่อต้านจึงลุกฮือขึ้นอีก ในปี 1993 เยลซินจึงให้นายพล Lebed ขี้เก๊กยกทัพไปปราบ
    แต่ปรากฏว่าแพ้ยับกลับมาในปี 1996
    ทางเชเชนก็เสียหายไม่น้อย บ้านเมืองพังพินาศ
    ทำได้แค่สงบศึก ต่างคนต่างอยู่
    เพราะต่างก็เสียทหารไปจำนวนมาก แต่รัสเซียยังคอยแทรกแซง หรือกำไว้แบบหลวม……
    จึงได้เกิดขบวนการต่อต้านรัสเซีย ที่ก่อความไม่สงบ มีการจับตัวคนนั้นคนนี้ไปบ่อยๆ
    เพียงแต่คราวนี้เหิมเกริม……อุกอาจจับตัวรัฐมนตรีกลาโหมไป พร้อมเรียกร้องค่าไถ่ตัวถึง สิบห้าล้านยูเอสดอลล่าร์
    ตามาด้วยการระเบิดที่ใจกลางเมือง Vladikavkas ทางคอเคซัส มีคนตายถึง 60 คน

    เยลซินสั่งการให้ปูตินและ Seigei Stepashin นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งมาหมาดๆ ( แทน Yevgeny Primakov) ให้ไปดูสถานะการณ์ที่เมือง Vladikavkas โดยด่วน
    เพื่อไปพบกับ Aslan Maskhadov ประธานาธิบดีเชเชนที่ยังมีสัมพันธภาพที่ดีกับรัสเซีย
    การไปพบครั้งนี้ อัสลานได้มีทีท่าแปลกๆ เขาพูดว่า
    “ได้ข่าวมาว่า ทางรัสเซียได้มอบหมายให้”หน่วยงานพิเศษ” จะเข้ามาปฎิบัติการสังหารผม เพื่อที่จะได้เป็นข้ออ้างที่จะประกาศเป็นสถานะการณ์ฉุกเฉิน แล้วยกทัพเข้ามาควบคุมพื้นที่ ……”
    ปูตินได้ยินดังนั้น…โกรธจนหูกระดิก เพราะไอ้หน่วยงานพิเศษที่ว่านั้น มันก็หมายถึง FSB ที่เขาดูแลอยู่
    และอีกประการหนึ่ง ในเรื่องที่รัสเซียแพ้สงครามในเชเชนทั้งๆที่มีกำลังมากกว่าถึงสามเท่านั้น มันก็น่าอับอายพออยู่แล้ว
    เป็นอันว่า….เรื่องการเจรจานั้น……เลิกคิดไปได้เลย
    ถึงแม้ว่า……จะตระหนักดีในความจริงที่ว่า รัสเซียจะไม่ได้รบกับกบฏเชเชน แต่…มันอาจจะเป็นการรบกับ NATO ศัตรูดั้งเดิมก็ได้
    ที่ทำให้ปูตินต้องหาทางเจรจากับเยลซิน……

    ฝ่ายกลาโหมได้ตั้งรับแนวปะทะ ฝ่ายกบฏเชเชนได้ล่วงล้ำไปใน Dagestan และได้รับข่าวร้ายว่าได้พบกับร่างที่หมดลมหายใจของนายพล Shpigun ที่ถูกลักพาตัวไปแล้ว

    ทางกองทัพรัสเซียได้ทำการเตรียมการมาตั้งแต่เดือนมีนาคม
    ปูตินได้เดินทางไปพบกับกองกำลังของรัสเซียที่รัฐดาเกสถาน
    หลายครั้งเพื่อความมั่นใจว่า แม่ทัพ Anatoly Kvashnin มีความพร้อม

    วันที่ 5 สิงหาคม เยลซินได้มีคำสั่งให้ปูตินเข้าพบในบ้านพัก
    ชายขอบกรุงมอสโคว์
    พอนั่งลงเสร็จ เยลซินได้จ้องหน้าปูติน และกล่าวขึ้นมาว่า
    “ฉันตัดสินใจแล้วนะ ที่เรียกเธอมาในวันนี้ คือ ฉันอยากจะแต่งตั้งเธอให้เป็นนายกรัฐมนตรี…”
    ปูตินเงียบไปอึดใจหนึ่ง ฟังเยลซินได้บรรยายปัญหาของภาระของรัสเซียแบกไว้ในคอเคซัส
    ให้ปูตินฟัง ถึงเรื่อง เศรษฐกิจ สภาพเงินเฟ้อ และที่เขากังวลเป็นอย่างมากคือ ปัญหาของโครงสร้างและบุคลากรสภาที่ไม่แข็งแรงพอกับการที่จะมีเลือกตั้งในสี่เดือนข้างหน้า
    เขาเคยมีความหวังกับ Yury Luzhkov หรือไม่ก็ Yevgeny Primakov
    แต่ต้องมาพบกับหลังบ้านของ Luzhkov ทำธุรกิจที่อิงการเมือง
    จนร่ำรวยมหาศาล ในขณะที่บ้านเมืองยังอยู่ในสภาพอดมื้อกินมื้อ
    แถมตัวสามี Yury ก็เถียงแทนเมียฉอดๆ ว่า
    “ก็ชั้นทำงานให้กับเครมลิน…ไม่ได้ทำเพื่อชาติ…”

    เยลซินถามขึ้นมาว่า
    “เธอจะทำได้ไหม ทำในสิ่งที่ฉันต้องการที่จะเห็น นั่นคือ พาประเทศชาติของเราให้เจริญอยู่ยงอย่างแข็งแรงต่อไป..”
    ปูตินอึกอัก “กระผมไม่แน่ใจ เรื่องงาน กระผมไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น
    แต่ถ้าจะต้องไปหาเสียง……ไปโฆษณาตัวเอง กระผมไม่ชอบ”
    “นั่นไม่ต้องห่วงอะไรทั้งสิ้น เป็นธุระของทางเราเอง”
    “ถ้าเช่นนั้น ก็แล้วแต่ท่านจะกรุณา…”
    “ไม่ต้องกังวล เธอเตรียมตัวไว้ได้เลย เพราะเธอจะไปไกลกว่านี้แน่นอน”

    วันที่ 9 สิงหาคม เยลซินได้ออกทีวี ประกาศว่า
    “เราได้เลือกได้บุคคลที่เหมาะสมที่จะมาทำงานรับใช้ประเทศชาติแล้ว ขอให้ท่านเชื่อใจได้เลยว่า เขาเป็นคนที่มีประสบการณ์อย่างมากมาย
    และมีความสามารถเหลือล้น”

    ข่าวนี้ได้สร้างความฮือฮาประหลาดใจกับทุกคนในเครมลิน ที่ส่วนใหญ่มองไปในด้านลบ เพราะ ปูตินไอ้หน้าจืดเนี่ยนะ………นายกรัฐมนตรี ?!!!
    มีประสบการณ์อะไรมา……นี่เท่ากับว่าส่งมาลงนรก หมดอนาคตต่อไปเชียว
    อย่างมากก็สามเดือน จะถึงหรือเปล่าก็ไม่รู้…?!!
    ช่วงนั้นเป็นช่วงที่หนักหน่วงของปูติน เพราะวลาดิเมียร์ผู้พ่ออยู่ในสภาพเจ็บหนัก ที่เขาต้องไปเยี่ยมเดือนละครั้งหรือสองครั้ง ส่วนมาเรีย มารดาได้จากไปเมื่อสองปีที่แล้ว
    และทุกครั้งที่พ่อเห็นเขา…พ่อจะพูดว่า ….”ลูกชายของพ่อ เจ้าช่างเหมือนกับซาร์เลยเชียวนะ……”
    วลาดิเมียร์ได้ถึงแก่กรรมในวันที่ 2 สิงหาคม ไม่ทันที่จะได้รับรู้ว่าลูกชายจะได้เป็นถึงนายกรัฐมนตรีในกาลอันใกล้

    ปูตินเองก็มานั่งทบทวนดู ว่า อนาคตเขาอาจจะไม่ต่างไปจากเหล่าอดีตนายกรัฐมนตรีคนอื่นๆของเยลซิน ที่ล้วนมีอายุราชการสั้น สามเดือน หกเดือน เหมือนอย่างที่เกิดขึ้นกับ Stepashin, Ptimakov และ Kiriyenko
    แต่อีกใจหนึ่ง เขาก็คิดว่า ช่างมันประไร เขามีอายุเพียงสี่สิบหก
    และจะได้รับงานที่เป็นการท้าทายความสามารถ มีอำนาจเด็ดขาด
    ที่จะได้ทำในสิ่งที่อยากทำ โดยเฉพาะเรื่องสงครามที่เชเชน ที่เขาจะต้องกู้ชื่อเสียงกลับมาให้ได้ …
    เท่ากับว่า……เขาไม่ได้ลงทุนอะไรเลย และเขาได้คิดถึงในสมัยที่ยังเป็นเด็กหนุ่มที่วิ่งเข้าวิ่งออกในอาคารสงเคราะห์ ที่ไม่เคยกลัวใคร
    ไม่เคยรอเสียเวลาในการถกเถียง….เปิดฉากปะทะก่อนทุกครั้ง…
    และครั้งนี้…ในคอเคซัส….เขาจะไปให้พวกมันเห็นว่านรกมีจริงงงง……!!!

    ปูตินได้รับการผ่านในการเสนอชื่อในสภาเพื่อเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 16 สิงหาคม
    สิ่งแรกที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่หมาดๆทำ คือ แต่งตัวลำลอง บินไปชายแดนเชเชน ไปพบปะพูดคุยกับทหารหาญ ไปมอบเหรียญกล้าหาญ

    ทางฝ่ายกบฏเชเชนได้ทำการท้าทายอำนาจใหม่อย่างเหิมเกริม นั่นคือการวางระเบิดอพาร์ตเมนต์ในเมือง Volgodonsk มีคนเสียชีวิตนับสิบ

    วันที่ 23 สิงหาคม ฝูงบินจากรัสเซียส่งเข้าไปถล่มถึงกลางกรุง Grozny
    ถล่มโรงกลั่นน้ำมันจนราบเป็นหน้ากลอง เป็นการถล่มแบบนอกตำรายุทธการ เพราะมาแบบล้างแค้นสถานเดียว
    ปูตินอยู่สังเกตการณ์ทั้งหมด มีนักข่าวไปถามว่า
    “บอมบ์เพื่อหวังผลอะไร..?”
    ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน เพราะปูตินพูดจาด้วยภาษานักเลงแบบที่ได้ยินตามมุมถนน เขาตอบว่า
    “เบื่อโคตรๆ ที่ต้องมาตอบอะไรซ้ำซากแบบนี้ เราถล่มเฉพาะจุดที่เรารู้ว่าพวกไอ้เลวนั่นมันสุมหัวอยู่กัน โทษทีนะ ถ้าพบว่ามันนั่งอยู่ในส้วม ก็จะส่งมันลงท่อไปตรงนั้นเลย…”

    หลังจากที่ถล่มจนราบแล้ว วันที่ 29 กันยายน ปูตินได้ถามกับ ประธานาธิบดีเชเชน Aslan Maskhadov ว่า..
    “ถ้านายพร้อมที่จะเจรจา……เรามีทางเลือกให้สถานเดียวคือ ส่งตัวไอ้อาชญากรสงคราม Basayev กับ Khattab และไอ้พวกหัวกระทิตามบัญชีรายชื่อทั้งหลายมา และ นี่ไม่ใช่ข้อแลกเปลี่ยน……แต่เป็นคำสั่ง..!!”
    ทางอัสลาน ก็ได้แต่ปฏิเสธ บอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการวางระเบิด……
    และเรื่องที่จะส่งตัว คนพวกนั้นก็ทำไม่ได้อีก เพราะมันจะกลายเป็นการหักหลังกัน…”
    คือสรุปว่า….เขาเลือกที่จะอยู่ตรงข้ามกับรัสเซีย

    วันรุ่งขึ้น…กองทัพรัสเซียกว่า แปดหมื่นนายบุกประชิดเชเชน มีสำรองไว้อีก 93,000 แทบจะเป็นขนาดเดียวกันกับที่รัสเซียบุกอาฟกานิสถาน ที่ใหญ่กว่าเชเชนสี่สิบเท่า…
    วันที่ 1 ตุลาคม รัสเซียไม่ยอมรับรัฐบาลของอัสลาน
    วันที่ 5 ตุลาคม…รัสเซียเข้าครองพื้นที่กว่าครึ่งของทางเหนือ และ วันต่อมาก็ข้ามแม่น้ำไปยังเมืองหลวง Grozny
    ปูตินไม่ยอมเสียกำลังทหารในการบุก
    เขาให้สัมภาษณ์ว่า……
    เราใช้การส่งฝูงบินโจมตีเป็นส่วนใหญ่ ส่วนทหาร เอาไว้เข้าตามเก็บกวาดให้เรียบ เพราะการรบสมัยใหม่นี้
    มีเครื่องทุ่นแรงเยอะ ไม่ใช่อย่างสมัยสงครามโลก……”
    นักข่าวถามว่า “ ถ้าฝูงบินไม่สำเร็จผลล่ะ……”
    “เราก็ชนะอยู่ดี………เพราะในตำราของเรา……ไม่มีคำว่า…ถ้า……”

    *** สงครามเชเชนครั้งนี้คือครั้งที่สอง จาก ครั้งแรกในปี1996
    ครั้งนี้เริ่มในวันที่ 7 สิงหาคม 1999 ถึง 30 เมษายน 2000
    ที่รัสเซียได้ชัยชนะ……
    แต่ยังมีการปราบปรามกลุ่มต่อต้าน ที่มารูปของการก่อวินาศกรรมอีก ตั้งแต่ ปี 2000-2009 ที่หัวหน้าใหญ่อย่าง Aslan Maskhadov (อดีตประธานาธิบดี) ที่หนีไปอยู่ในถ้ำ ยังถูกตามเก็บจนหมด ส่วนเหล่าลูกน้องก็สลายตัวไปปนอยู่ในกลุ่มของ ISIS
    บัดนี้ คือ สาธารณรัฐเชเชน (หรือ เซซเนีย) คือ สาธารณรัฐหนึ่งของรัสเซีย ที่มี นายกรัฐมนตรี คือ Ramzan Kadyrov เป็นลูกชายของอดีตประธานาธิบดีคนแรกของเชเชน Akhmad Kadyrov ที่ได้มีโอกาสเป็น ประธานาธิบดีเพียงไม่กี่เดือน ก็ถูกลอบสังหาร..

    NATO ได้ยื่นมือเข้ามาตามเคยในการที่จะเรียกร้องหาความยุติธรรม และเรื่องเจรจาสงบศึก ทางรัสเซียก็ย้อนกลับไปว่า แล้วกองทัพนาโต้ที่เข้าไปบอมบ์ Kosovo เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน (1999) มีชาวยูโกสลาฟตายกว่า 500 คน
    ไหนล่ะ…ความยุติธรรม……???

    Wiwanda W. Vichit
    มาร่วมแสดงความยินดีกับท่านนายกรัฐมนตรีพี่ปูหน่อยค่าาาา….ติ่งขาาาาา……!!!! ตอนเก้า………บุญหล่นทับ……จนนักเลงสายลับรับแทบไม่ทัน……!!! จากกรณีท่านอัยการ ทำให้มีการปลดออกอีกหลายคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง บางคนก็มีการไว้หน้า เช่น เสนอให้ไปทำงานที่สถานทูตที่เดนมาร์คบ้าง ฟินแลนด์บ้าง และเยลซินได้มอบหมายให้ปูตินดูแลรับผิดชอบในฝ่ายอารักขาส่วนตัวควบคู่ไปกับเป็นผู้อำนวยการของ FSB ปูตินได้ถือโอกาสนี้…ขออำนาจเด็ดขาดในการบริหารงานและตัดสินใจ ซึ่งเขาก็ได้ตามนั้น นั่นเท่ากับ……ปูตินได้เข้ามาอยู่ใน”วงใน” ของเยลซินไปโดยปริยาย ในระยะเวลาเพียงสองปีครึ่งของการทำงานในมอสโคว์ แต่เวลาในการผงาดของปูติน มันเป็นเวลาเดียวกันกับความอ่อนเปลี้ยของเยลซิน ที่รุมเร้าด้วยสุขภาพ และความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำอีกกับการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพของทีมที่เลือกมา วันที่ 5 มีนาคม 1999 ได้เกิดเหตุขึ้น นายพล Gennady Shpigun แห่งกระทรวงกลาโหม ที่ได้มีภาระกิจที่เมือง Grozny, Chechen (Chechen Republic of Ichkeria) ได้ถูกลักพาตัวไปเมื่อทันที่ที่ถึงสนามบิน โดยกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ใส่หน้ากากคลุมหน้าคลุมตา พร้อมอาวุธเต็มพิกัด โดยปรกติสถานะการณ์ในเชเชนนั้น ร้อนระอุมาตั้งแต่หลังจากที่ได้รับการปลดปล่อยให้เป็นเอกราชในปี 1991 จากรัสเซีย แต่ก็เป็นแบบครึ่งๆกลางๆ การต่อต้านจึงลุกฮือขึ้นอีก ในปี 1993 เยลซินจึงให้นายพล Lebed ขี้เก๊กยกทัพไปปราบ แต่ปรากฏว่าแพ้ยับกลับมาในปี 1996 ทางเชเชนก็เสียหายไม่น้อย บ้านเมืองพังพินาศ ทำได้แค่สงบศึก ต่างคนต่างอยู่ เพราะต่างก็เสียทหารไปจำนวนมาก แต่รัสเซียยังคอยแทรกแซง หรือกำไว้แบบหลวม…… จึงได้เกิดขบวนการต่อต้านรัสเซีย ที่ก่อความไม่สงบ มีการจับตัวคนนั้นคนนี้ไปบ่อยๆ เพียงแต่คราวนี้เหิมเกริม……อุกอาจจับตัวรัฐมนตรีกลาโหมไป พร้อมเรียกร้องค่าไถ่ตัวถึง สิบห้าล้านยูเอสดอลล่าร์ ตามาด้วยการระเบิดที่ใจกลางเมือง Vladikavkas ทางคอเคซัส มีคนตายถึง 60 คน เยลซินสั่งการให้ปูตินและ Seigei Stepashin นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งมาหมาดๆ ( แทน Yevgeny Primakov) ให้ไปดูสถานะการณ์ที่เมือง Vladikavkas โดยด่วน เพื่อไปพบกับ Aslan Maskhadov ประธานาธิบดีเชเชนที่ยังมีสัมพันธภาพที่ดีกับรัสเซีย การไปพบครั้งนี้ อัสลานได้มีทีท่าแปลกๆ เขาพูดว่า “ได้ข่าวมาว่า ทางรัสเซียได้มอบหมายให้”หน่วยงานพิเศษ” จะเข้ามาปฎิบัติการสังหารผม เพื่อที่จะได้เป็นข้ออ้างที่จะประกาศเป็นสถานะการณ์ฉุกเฉิน แล้วยกทัพเข้ามาควบคุมพื้นที่ ……” ปูตินได้ยินดังนั้น…โกรธจนหูกระดิก เพราะไอ้หน่วยงานพิเศษที่ว่านั้น มันก็หมายถึง FSB ที่เขาดูแลอยู่ และอีกประการหนึ่ง ในเรื่องที่รัสเซียแพ้สงครามในเชเชนทั้งๆที่มีกำลังมากกว่าถึงสามเท่านั้น มันก็น่าอับอายพออยู่แล้ว เป็นอันว่า….เรื่องการเจรจานั้น……เลิกคิดไปได้เลย ถึงแม้ว่า……จะตระหนักดีในความจริงที่ว่า รัสเซียจะไม่ได้รบกับกบฏเชเชน แต่…มันอาจจะเป็นการรบกับ NATO ศัตรูดั้งเดิมก็ได้ ที่ทำให้ปูตินต้องหาทางเจรจากับเยลซิน…… ฝ่ายกลาโหมได้ตั้งรับแนวปะทะ ฝ่ายกบฏเชเชนได้ล่วงล้ำไปใน Dagestan และได้รับข่าวร้ายว่าได้พบกับร่างที่หมดลมหายใจของนายพล Shpigun ที่ถูกลักพาตัวไปแล้ว ทางกองทัพรัสเซียได้ทำการเตรียมการมาตั้งแต่เดือนมีนาคม ปูตินได้เดินทางไปพบกับกองกำลังของรัสเซียที่รัฐดาเกสถาน หลายครั้งเพื่อความมั่นใจว่า แม่ทัพ Anatoly Kvashnin มีความพร้อม วันที่ 5 สิงหาคม เยลซินได้มีคำสั่งให้ปูตินเข้าพบในบ้านพัก ชายขอบกรุงมอสโคว์ พอนั่งลงเสร็จ เยลซินได้จ้องหน้าปูติน และกล่าวขึ้นมาว่า “ฉันตัดสินใจแล้วนะ ที่เรียกเธอมาในวันนี้ คือ ฉันอยากจะแต่งตั้งเธอให้เป็นนายกรัฐมนตรี…” ปูตินเงียบไปอึดใจหนึ่ง ฟังเยลซินได้บรรยายปัญหาของภาระของรัสเซียแบกไว้ในคอเคซัส ให้ปูตินฟัง ถึงเรื่อง เศรษฐกิจ สภาพเงินเฟ้อ และที่เขากังวลเป็นอย่างมากคือ ปัญหาของโครงสร้างและบุคลากรสภาที่ไม่แข็งแรงพอกับการที่จะมีเลือกตั้งในสี่เดือนข้างหน้า เขาเคยมีความหวังกับ Yury Luzhkov หรือไม่ก็ Yevgeny Primakov แต่ต้องมาพบกับหลังบ้านของ Luzhkov ทำธุรกิจที่อิงการเมือง จนร่ำรวยมหาศาล ในขณะที่บ้านเมืองยังอยู่ในสภาพอดมื้อกินมื้อ แถมตัวสามี Yury ก็เถียงแทนเมียฉอดๆ ว่า “ก็ชั้นทำงานให้กับเครมลิน…ไม่ได้ทำเพื่อชาติ…” เยลซินถามขึ้นมาว่า “เธอจะทำได้ไหม ทำในสิ่งที่ฉันต้องการที่จะเห็น นั่นคือ พาประเทศชาติของเราให้เจริญอยู่ยงอย่างแข็งแรงต่อไป..” ปูตินอึกอัก “กระผมไม่แน่ใจ เรื่องงาน กระผมไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น แต่ถ้าจะต้องไปหาเสียง……ไปโฆษณาตัวเอง กระผมไม่ชอบ” “นั่นไม่ต้องห่วงอะไรทั้งสิ้น เป็นธุระของทางเราเอง” “ถ้าเช่นนั้น ก็แล้วแต่ท่านจะกรุณา…” “ไม่ต้องกังวล เธอเตรียมตัวไว้ได้เลย เพราะเธอจะไปไกลกว่านี้แน่นอน” วันที่ 9 สิงหาคม เยลซินได้ออกทีวี ประกาศว่า “เราได้เลือกได้บุคคลที่เหมาะสมที่จะมาทำงานรับใช้ประเทศชาติแล้ว ขอให้ท่านเชื่อใจได้เลยว่า เขาเป็นคนที่มีประสบการณ์อย่างมากมาย และมีความสามารถเหลือล้น” ข่าวนี้ได้สร้างความฮือฮาประหลาดใจกับทุกคนในเครมลิน ที่ส่วนใหญ่มองไปในด้านลบ เพราะ ปูตินไอ้หน้าจืดเนี่ยนะ………นายกรัฐมนตรี ?!!! มีประสบการณ์อะไรมา……นี่เท่ากับว่าส่งมาลงนรก หมดอนาคตต่อไปเชียว อย่างมากก็สามเดือน จะถึงหรือเปล่าก็ไม่รู้…?!! ช่วงนั้นเป็นช่วงที่หนักหน่วงของปูติน เพราะวลาดิเมียร์ผู้พ่ออยู่ในสภาพเจ็บหนัก ที่เขาต้องไปเยี่ยมเดือนละครั้งหรือสองครั้ง ส่วนมาเรีย มารดาได้จากไปเมื่อสองปีที่แล้ว และทุกครั้งที่พ่อเห็นเขา…พ่อจะพูดว่า ….”ลูกชายของพ่อ เจ้าช่างเหมือนกับซาร์เลยเชียวนะ……” วลาดิเมียร์ได้ถึงแก่กรรมในวันที่ 2 สิงหาคม ไม่ทันที่จะได้รับรู้ว่าลูกชายจะได้เป็นถึงนายกรัฐมนตรีในกาลอันใกล้ ปูตินเองก็มานั่งทบทวนดู ว่า อนาคตเขาอาจจะไม่ต่างไปจากเหล่าอดีตนายกรัฐมนตรีคนอื่นๆของเยลซิน ที่ล้วนมีอายุราชการสั้น สามเดือน หกเดือน เหมือนอย่างที่เกิดขึ้นกับ Stepashin, Ptimakov และ Kiriyenko แต่อีกใจหนึ่ง เขาก็คิดว่า ช่างมันประไร เขามีอายุเพียงสี่สิบหก และจะได้รับงานที่เป็นการท้าทายความสามารถ มีอำนาจเด็ดขาด ที่จะได้ทำในสิ่งที่อยากทำ โดยเฉพาะเรื่องสงครามที่เชเชน ที่เขาจะต้องกู้ชื่อเสียงกลับมาให้ได้ … เท่ากับว่า……เขาไม่ได้ลงทุนอะไรเลย และเขาได้คิดถึงในสมัยที่ยังเป็นเด็กหนุ่มที่วิ่งเข้าวิ่งออกในอาคารสงเคราะห์ ที่ไม่เคยกลัวใคร ไม่เคยรอเสียเวลาในการถกเถียง….เปิดฉากปะทะก่อนทุกครั้ง… และครั้งนี้…ในคอเคซัส….เขาจะไปให้พวกมันเห็นว่านรกมีจริงงงง……!!! ปูตินได้รับการผ่านในการเสนอชื่อในสภาเพื่อเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 16 สิงหาคม สิ่งแรกที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่หมาดๆทำ คือ แต่งตัวลำลอง บินไปชายแดนเชเชน ไปพบปะพูดคุยกับทหารหาญ ไปมอบเหรียญกล้าหาญ ทางฝ่ายกบฏเชเชนได้ทำการท้าทายอำนาจใหม่อย่างเหิมเกริม นั่นคือการวางระเบิดอพาร์ตเมนต์ในเมือง Volgodonsk มีคนเสียชีวิตนับสิบ วันที่ 23 สิงหาคม ฝูงบินจากรัสเซียส่งเข้าไปถล่มถึงกลางกรุง Grozny ถล่มโรงกลั่นน้ำมันจนราบเป็นหน้ากลอง เป็นการถล่มแบบนอกตำรายุทธการ เพราะมาแบบล้างแค้นสถานเดียว ปูตินอยู่สังเกตการณ์ทั้งหมด มีนักข่าวไปถามว่า “บอมบ์เพื่อหวังผลอะไร..?” ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน เพราะปูตินพูดจาด้วยภาษานักเลงแบบที่ได้ยินตามมุมถนน เขาตอบว่า “เบื่อโคตรๆ ที่ต้องมาตอบอะไรซ้ำซากแบบนี้ เราถล่มเฉพาะจุดที่เรารู้ว่าพวกไอ้เลวนั่นมันสุมหัวอยู่กัน โทษทีนะ ถ้าพบว่ามันนั่งอยู่ในส้วม ก็จะส่งมันลงท่อไปตรงนั้นเลย…” หลังจากที่ถล่มจนราบแล้ว วันที่ 29 กันยายน ปูตินได้ถามกับ ประธานาธิบดีเชเชน Aslan Maskhadov ว่า.. “ถ้านายพร้อมที่จะเจรจา……เรามีทางเลือกให้สถานเดียวคือ ส่งตัวไอ้อาชญากรสงคราม Basayev กับ Khattab และไอ้พวกหัวกระทิตามบัญชีรายชื่อทั้งหลายมา และ นี่ไม่ใช่ข้อแลกเปลี่ยน……แต่เป็นคำสั่ง..!!” ทางอัสลาน ก็ได้แต่ปฏิเสธ บอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการวางระเบิด…… และเรื่องที่จะส่งตัว คนพวกนั้นก็ทำไม่ได้อีก เพราะมันจะกลายเป็นการหักหลังกัน…” คือสรุปว่า….เขาเลือกที่จะอยู่ตรงข้ามกับรัสเซีย วันรุ่งขึ้น…กองทัพรัสเซียกว่า แปดหมื่นนายบุกประชิดเชเชน มีสำรองไว้อีก 93,000 แทบจะเป็นขนาดเดียวกันกับที่รัสเซียบุกอาฟกานิสถาน ที่ใหญ่กว่าเชเชนสี่สิบเท่า… วันที่ 1 ตุลาคม รัสเซียไม่ยอมรับรัฐบาลของอัสลาน วันที่ 5 ตุลาคม…รัสเซียเข้าครองพื้นที่กว่าครึ่งของทางเหนือ และ วันต่อมาก็ข้ามแม่น้ำไปยังเมืองหลวง Grozny ปูตินไม่ยอมเสียกำลังทหารในการบุก เขาให้สัมภาษณ์ว่า…… เราใช้การส่งฝูงบินโจมตีเป็นส่วนใหญ่ ส่วนทหาร เอาไว้เข้าตามเก็บกวาดให้เรียบ เพราะการรบสมัยใหม่นี้ มีเครื่องทุ่นแรงเยอะ ไม่ใช่อย่างสมัยสงครามโลก……” นักข่าวถามว่า “ ถ้าฝูงบินไม่สำเร็จผลล่ะ……” “เราก็ชนะอยู่ดี………เพราะในตำราของเรา……ไม่มีคำว่า…ถ้า……” *** สงครามเชเชนครั้งนี้คือครั้งที่สอง จาก ครั้งแรกในปี1996 ครั้งนี้เริ่มในวันที่ 7 สิงหาคม 1999 ถึง 30 เมษายน 2000 ที่รัสเซียได้ชัยชนะ…… แต่ยังมีการปราบปรามกลุ่มต่อต้าน ที่มารูปของการก่อวินาศกรรมอีก ตั้งแต่ ปี 2000-2009 ที่หัวหน้าใหญ่อย่าง Aslan Maskhadov (อดีตประธานาธิบดี) ที่หนีไปอยู่ในถ้ำ ยังถูกตามเก็บจนหมด ส่วนเหล่าลูกน้องก็สลายตัวไปปนอยู่ในกลุ่มของ ISIS บัดนี้ คือ สาธารณรัฐเชเชน (หรือ เซซเนีย) คือ สาธารณรัฐหนึ่งของรัสเซีย ที่มี นายกรัฐมนตรี คือ Ramzan Kadyrov เป็นลูกชายของอดีตประธานาธิบดีคนแรกของเชเชน Akhmad Kadyrov ที่ได้มีโอกาสเป็น ประธานาธิบดีเพียงไม่กี่เดือน ก็ถูกลอบสังหาร.. NATO ได้ยื่นมือเข้ามาตามเคยในการที่จะเรียกร้องหาความยุติธรรม และเรื่องเจรจาสงบศึก ทางรัสเซียก็ย้อนกลับไปว่า แล้วกองทัพนาโต้ที่เข้าไปบอมบ์ Kosovo เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน (1999) มีชาวยูโกสลาฟตายกว่า 500 คน ไหนล่ะ…ความยุติธรรม……??? Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 895 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปฏิบัติการเพจเจอร์ไม่ใช่ครั้งแรกที่อิสราเอลใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของห่วงโซ่อุปทาน

    ในปี ๒๐๒๑ อิสราเอลสามารถลักลอบขนโต๊ะที่เต็มไปด้วยวัตถุระเบิดเข้าไปในโรงงานนิวเคลียร์นาตันซ์ของอิหร่านได้ ซึ่งทำให้เกิดการระเบิดและสร้างความเสียหายให้กับระบบไฟฟ้า

    ในปี ๒๐๒๓ อิหร่านสามารถขัดขวางปฏิบัติการก่อวินาศกรรมที่ Mossad เป็นผู้วางแผน โดยสามารถแทรกซึมส่วนประกอบที่มีข้อบกพร่องเข้าไปในห่วงโซ่อุปทานการผลิตขีปนาวุธของอิหร่านได้สำเร็จ, ทำให้ขีปนาวุธระเบิดก่อนปล่อย
    .
    The Pager Operation isn’t the first time Israel has exploited supply chain vulnerabilities

    In 2021 Israel was able to smuggle a table full of explosives into Iran's Natanz nuclear facility which exploded and damaged the electricity grid

    In 2023, Iran successfully foiled a major Mossad-orchestrated sabotage operation to infiltrate faulty components into Iran's missile production supply chain, allowing the missiles to explode before launch.
    .
    3:44 PM · Sep 19, 2024 · 81.5K Views
    https://x.com/IranObserver0/status/1836687678160441548
    ปฏิบัติการเพจเจอร์ไม่ใช่ครั้งแรกที่อิสราเอลใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของห่วงโซ่อุปทาน ในปี ๒๐๒๑ อิสราเอลสามารถลักลอบขนโต๊ะที่เต็มไปด้วยวัตถุระเบิดเข้าไปในโรงงานนิวเคลียร์นาตันซ์ของอิหร่านได้ ซึ่งทำให้เกิดการระเบิดและสร้างความเสียหายให้กับระบบไฟฟ้า ในปี ๒๐๒๓ อิหร่านสามารถขัดขวางปฏิบัติการก่อวินาศกรรมที่ Mossad เป็นผู้วางแผน โดยสามารถแทรกซึมส่วนประกอบที่มีข้อบกพร่องเข้าไปในห่วงโซ่อุปทานการผลิตขีปนาวุธของอิหร่านได้สำเร็จ, ทำให้ขีปนาวุธระเบิดก่อนปล่อย . The Pager Operation isn’t the first time Israel has exploited supply chain vulnerabilities In 2021 Israel was able to smuggle a table full of explosives into Iran's Natanz nuclear facility which exploded and damaged the electricity grid In 2023, Iran successfully foiled a major Mossad-orchestrated sabotage operation to infiltrate faulty components into Iran's missile production supply chain, allowing the missiles to explode before launch. . 3:44 PM · Sep 19, 2024 · 81.5K Views https://x.com/IranObserver0/status/1836687678160441548
    Wow
    Angry
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 352 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิสราเอลและสหรัฐฯ อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิด ๒ ครั้งในเลบานอน เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกาซา - ผู้เชี่ยวชาญ

    “เป้าหมายหลักของอิสราเอลคือการเบี่ยงเบนความสนใจจากความรับผิดชอบต่อการสังหารหมู่และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่เกิดขึ้นในปาเลสไตน์ และเพื่อเปลี่ยนวาระสาธารณะระดับโลก,” เมห์เมต ราคิโปกลู, นักวิจัยจากสถาบัน Dimensions for Strategic Studies ซึ่งตั้งอยู่ในลอนดอน, กล่าวกับสปุตนิก, โดยอ้างถึงเหตุระเบิดชุดใหม่ในเลบานอน

    หลังจากเกิดเหตุระเบิดครั้งใหญ่ด้วยเครื่องรับส่งวิทยุ, ประเทศในตะวันออกกลางแห่งนี้ก็เผชิญกับเหตุระเบิดอีกครั้งในวันที่ ๑๘ กันยายน ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน, แหล่งข่าวในเลบานอนบอกกับสปุตนิกว่า อุปกรณ์อื่นๆที่ไม่ใช่เครื่องรับส่งวิทยุ ได้ระเบิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆของประเทศเมื่อวันพุธ มุสตาฟา ไบราม รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานของเลบานอน เรียกเหตุระเบิดดังกล่าวว่าเป็น “อาชญากรรมโดยเจตนาและการก่อการร้าย” ของอิสราเอลในการให้สัมภาษณ์กับสปุตนิก

    “ประเด็นสำคัญประการที่สองเกี่ยวข้องกับความล้มเหลวของหน่วยข่าวกรองของอิสราเอลเมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๐๒๓,” ราคิโปกลู กล่าวต่อ “ความผิดพลาดนี้เผยให้เห็นจุดอ่อนที่สำคัญในความสามารถด้านข่าวกรองของอิสราเอล ผ่านการโจมตี, การลอบสังหาร, และการโจมตีกลุ่มฮิซบอลเลาะห์, อิสราเอลตั้งเป้าที่จะฟื้นฟูชื่อเสียงด้านข่าวกรองที่เสื่อมถอยของตน”

    เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา, อเล็กเซย์ เลออนคอฟ นักวิเคราะห์ด้านการทหาร กล่าวกับสปุตนิกว่า หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯอาจอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิด, โดยอ้างถึงเครื่องมือเฝ้าระวังขั้นสูงและความสามารถในการแทรกแซงการทำงานของอุปกรณ์สื่อสารจากระยะไกล สหรัฐฯได้พัฒนาความสามารถนี้มาตั้งแต่ทศวรรษ ๑๙๖๐, ซึ่งเป็นช่วงที่สหรัฐฯเริ่มโครงการสอดแนม Echelon, ผู้เชี่ยวชาญกล่าว ในปี 2013, เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตผู้รับเหมาของ NSA ได้เปิดเผยเครื่องมือใหม่ที่สายลับของสหรัฐฯใช้

    ราคิโปกลูเห็นด้วยกับเลออนคอฟโดยกล่าวว่า สหรัฐฯอาจมีส่วนในการโจมตีก่อวินาศกรรมที่เลบานอนและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ซึ่งเป็นกลุ่มชิอะห์เมื่อไม่นานนี้

    “ฉันมั่นใจอย่างแน่นอนว่าสหรัฐฯมีส่วนรู้เห็นเรื่องนี้,” นักวิจัยกล่าว “เนื่องจากสหรัฐฯเป็นพันธมิตรระหว่างการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อิสราเอล, สงครามในฉนวนกาซา และสงครามในเลบานอน”
    .
    Israel and US behind two waves of blasts in Lebanon to divert attention from Gaza genocide - expert

    "Israel's primary objective is to deflect attention from its responsibility for the massacres and genocide occurring in Palestine and to shift the global public agenda," Mehmet Rakipoglu, a researcher with the London-based think tank Dimensions for Strategic Studies, tells Sputnik, referring to a new series of explosions in Lebanon.

    After a massive pager detonation, the Middle Eastern country faced another wave of blasts on September 18. Earlier in the day, a Lebanese source told Sputnik that devices other than pagers had exploded in different parts of the country on Wednesday. Lebanese Labor Minister Mustafa Bayram called the blasts "a deliberate crime and a terrorist act" by Israel in an interview with Sputnik.

    "The second critical issue is related to Israel's intelligence failures on October 7, 2023," Rakipoglu continued. "This lapse revealed a significant weakness in Israeli intelligence capabilities. Through these attacks, assassinations, and strikes against Hezbollah, Israel is aiming to restore its diminished intelligence reputation."

    Speaking to Sputnik on Tuesday, military analyst Alexei Leonkov alleged that US intelligence services could be behind the explosions, referring to their advanced surveillance tools and ability to remotely interfere with the work of communication devices. The US has been developing this capability since the 1960s, when it kicked off the Echelon spying program, the expert noted. In 2013, ex-NSA contractor Edward Snowden shed light on new instruments employed by American spooks.

    Rakipoglu echoes Leonkov by saying that the US could have had a hand in the recent sabotage attack against Lebanon and Shiite movement Hezbollah.

    "I'm definitely sure that the United States has some finger on it," the researcher said. "Now that since the US has been a partner during this Israeli genocide, the war on Gaza and also in Lebanon."
    .
    1:47 AM · Sep 19, 2024 · 2,376 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1836477139958534245
    อิสราเอลและสหรัฐฯ อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิด ๒ ครั้งในเลบานอน เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกาซา - ผู้เชี่ยวชาญ “เป้าหมายหลักของอิสราเอลคือการเบี่ยงเบนความสนใจจากความรับผิดชอบต่อการสังหารหมู่และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่เกิดขึ้นในปาเลสไตน์ และเพื่อเปลี่ยนวาระสาธารณะระดับโลก,” เมห์เมต ราคิโปกลู, นักวิจัยจากสถาบัน Dimensions for Strategic Studies ซึ่งตั้งอยู่ในลอนดอน, กล่าวกับสปุตนิก, โดยอ้างถึงเหตุระเบิดชุดใหม่ในเลบานอน หลังจากเกิดเหตุระเบิดครั้งใหญ่ด้วยเครื่องรับส่งวิทยุ, ประเทศในตะวันออกกลางแห่งนี้ก็เผชิญกับเหตุระเบิดอีกครั้งในวันที่ ๑๘ กันยายน ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน, แหล่งข่าวในเลบานอนบอกกับสปุตนิกว่า อุปกรณ์อื่นๆที่ไม่ใช่เครื่องรับส่งวิทยุ ได้ระเบิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆของประเทศเมื่อวันพุธ มุสตาฟา ไบราม รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานของเลบานอน เรียกเหตุระเบิดดังกล่าวว่าเป็น “อาชญากรรมโดยเจตนาและการก่อการร้าย” ของอิสราเอลในการให้สัมภาษณ์กับสปุตนิก “ประเด็นสำคัญประการที่สองเกี่ยวข้องกับความล้มเหลวของหน่วยข่าวกรองของอิสราเอลเมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๐๒๓,” ราคิโปกลู กล่าวต่อ “ความผิดพลาดนี้เผยให้เห็นจุดอ่อนที่สำคัญในความสามารถด้านข่าวกรองของอิสราเอล ผ่านการโจมตี, การลอบสังหาร, และการโจมตีกลุ่มฮิซบอลเลาะห์, อิสราเอลตั้งเป้าที่จะฟื้นฟูชื่อเสียงด้านข่าวกรองที่เสื่อมถอยของตน” เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา, อเล็กเซย์ เลออนคอฟ นักวิเคราะห์ด้านการทหาร กล่าวกับสปุตนิกว่า หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯอาจอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิด, โดยอ้างถึงเครื่องมือเฝ้าระวังขั้นสูงและความสามารถในการแทรกแซงการทำงานของอุปกรณ์สื่อสารจากระยะไกล สหรัฐฯได้พัฒนาความสามารถนี้มาตั้งแต่ทศวรรษ ๑๙๖๐, ซึ่งเป็นช่วงที่สหรัฐฯเริ่มโครงการสอดแนม Echelon, ผู้เชี่ยวชาญกล่าว ในปี 2013, เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตผู้รับเหมาของ NSA ได้เปิดเผยเครื่องมือใหม่ที่สายลับของสหรัฐฯใช้ ราคิโปกลูเห็นด้วยกับเลออนคอฟโดยกล่าวว่า สหรัฐฯอาจมีส่วนในการโจมตีก่อวินาศกรรมที่เลบานอนและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ซึ่งเป็นกลุ่มชิอะห์เมื่อไม่นานนี้ “ฉันมั่นใจอย่างแน่นอนว่าสหรัฐฯมีส่วนรู้เห็นเรื่องนี้,” นักวิจัยกล่าว “เนื่องจากสหรัฐฯเป็นพันธมิตรระหว่างการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อิสราเอล, สงครามในฉนวนกาซา และสงครามในเลบานอน” . Israel and US behind two waves of blasts in Lebanon to divert attention from Gaza genocide - expert "Israel's primary objective is to deflect attention from its responsibility for the massacres and genocide occurring in Palestine and to shift the global public agenda," Mehmet Rakipoglu, a researcher with the London-based think tank Dimensions for Strategic Studies, tells Sputnik, referring to a new series of explosions in Lebanon. After a massive pager detonation, the Middle Eastern country faced another wave of blasts on September 18. Earlier in the day, a Lebanese source told Sputnik that devices other than pagers had exploded in different parts of the country on Wednesday. Lebanese Labor Minister Mustafa Bayram called the blasts "a deliberate crime and a terrorist act" by Israel in an interview with Sputnik. "The second critical issue is related to Israel's intelligence failures on October 7, 2023," Rakipoglu continued. "This lapse revealed a significant weakness in Israeli intelligence capabilities. Through these attacks, assassinations, and strikes against Hezbollah, Israel is aiming to restore its diminished intelligence reputation." Speaking to Sputnik on Tuesday, military analyst Alexei Leonkov alleged that US intelligence services could be behind the explosions, referring to their advanced surveillance tools and ability to remotely interfere with the work of communication devices. The US has been developing this capability since the 1960s, when it kicked off the Echelon spying program, the expert noted. In 2013, ex-NSA contractor Edward Snowden shed light on new instruments employed by American spooks. Rakipoglu echoes Leonkov by saying that the US could have had a hand in the recent sabotage attack against Lebanon and Shiite movement Hezbollah. "I'm definitely sure that the United States has some finger on it," the researcher said. "Now that since the US has been a partner during this Israeli genocide, the war on Gaza and also in Lebanon." . 1:47 AM · Sep 19, 2024 · 2,376 Views https://x.com/SputnikInt/status/1836477139958534245
    Like
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 678 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts