• AI (Artificial Intelligence) มีบทบาทสำคัญในการพยากรณ์อากาศของโลก โดยช่วยเพิ่มความแม่นยำและประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลสภาพอากาศ ซึ่งมีกระบวนการหลักๆ ดังนี้:

    ### 1. **การเก็บข้อมูล**
    AI ใช้ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เช่น:
    - **ดาวเทียม**: ให้ข้อมูลภาพถ่ายและข้อมูลสภาพอากาศจากอวกาศ
    - **สถานีตรวจอากาศ**: วัดอุณหภูมิ, ความชื้น, ความกดอากาศ, และลม
    - **เรดาร์**: ติดตามฝนและพายุ
    - **เซ็นเซอร์อื่นๆ**: เช่น เครื่องบิน, เรือ, และอุปกรณ์ IoT

    ### 2. **การประมวลผลข้อมูล**
    AI ประมวลผลข้อมูลจำนวนมากอย่างรวดเร็วด้วยเทคนิคเช่น:
    - **Machine Learning (ML)**: วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาความสัมพันธ์และแนวโน้ม
    - **Deep Learning (DL)**: ใช้ Neural Networks ในการวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อน เช่น ภาพจากดาวเทียม

    ### 3. **การสร้างแบบจำลอง**
    AI ช่วยสร้างและปรับปรุงแบบจำลองสภาพอากาศโดย:
    - **การพยากรณ์ระยะสั้น**: คาดการณ์สภาพอากาศในชั่วโมงหรือวันถัดไป
    - **การพยากรณ์ระยะยาว**: คาดการณ์สภาพอากาศในสัปดาห์หรือเดือนถัดไป
    - **การคาดการณ์สภาพอากาศรุนแรง**: เช่น พายุ, น้ำท่วม, และคลื่นความร้อน

    ### 4. **การปรับปรุงความแม่นยำ**
    AI ช่วยปรับปรุงความแม่นยำโดย:
    - **การเรียนรู้จากข้อมูลในอดีต**: เพื่อปรับปรุงการคาดการณ์
    - **การปรับแบบจำลองแบบเรียลไทม์**: ด้วยข้อมูลล่าสุด

    ### 5. **การใช้งานจริง**
    AI ถูกใช้ในหลายด้าน เช่น:
    - **การเตือนภัยล่วงหน้า**: เตือนภัยธรรมชาติล่วงหน้า
    - **การเกษตร**: ช่วยเกษตรกรวางแผนการเพาะปลูก
    - **การขนส่ง**: ช่วยการบินและการเดินเรือ
    - **การจัดการทรัพยากรน้ำ**: จัดการน้ำในเขื่อนและแม่น้ำ

    ### 6. **ตัวอย่างการใช้ AI ในพยากรณ์อากาศ**
    - **IBM's GRAF**: ใช้ AI เพื่อพยากรณ์อากาศทั่วโลกทุกชั่วโมง
    - **Google's MetNet**: ใช้ Deep Learning เพื่อพยากรณ์ฝนในระยะสั้น
    - **The Weather Company**: ใช้ AI เพื่อปรับปรุงการพยากรณ์อากาศ

    ### 7. **ความท้าทาย**
    - **ข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์**: ข้อมูลอาจขาดหายหรือไม่ถูกต้อง
    - **ความซับซ้อนของสภาพอากาศ**: สภาพอากาศมีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงเร็ว
    - **การคำนวณที่ต้องการทรัพยากรสูง**: ต้องการพลังการคำนวณมาก

    ### สรุป
    AI ช่วยเพิ่มความแม่นยำและประสิทธิภาพในการพยากรณ์อากาศ โดยใช้ข้อมูลจากหลายแหล่งและเทคนิคต่างๆ เพื่อคาดการณ์สภาพอากาศได้ดีขึ้น ซึ่งมีประโยชน์ต่อหลายภาคส่วน เช่น การเกษตร, การขนส่ง, และการจัดการภัยพิบัติ
    AI (Artificial Intelligence) มีบทบาทสำคัญในการพยากรณ์อากาศของโลก โดยช่วยเพิ่มความแม่นยำและประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลสภาพอากาศ ซึ่งมีกระบวนการหลักๆ ดังนี้: ### 1. **การเก็บข้อมูล** AI ใช้ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เช่น: - **ดาวเทียม**: ให้ข้อมูลภาพถ่ายและข้อมูลสภาพอากาศจากอวกาศ - **สถานีตรวจอากาศ**: วัดอุณหภูมิ, ความชื้น, ความกดอากาศ, และลม - **เรดาร์**: ติดตามฝนและพายุ - **เซ็นเซอร์อื่นๆ**: เช่น เครื่องบิน, เรือ, และอุปกรณ์ IoT ### 2. **การประมวลผลข้อมูล** AI ประมวลผลข้อมูลจำนวนมากอย่างรวดเร็วด้วยเทคนิคเช่น: - **Machine Learning (ML)**: วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาความสัมพันธ์และแนวโน้ม - **Deep Learning (DL)**: ใช้ Neural Networks ในการวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อน เช่น ภาพจากดาวเทียม ### 3. **การสร้างแบบจำลอง** AI ช่วยสร้างและปรับปรุงแบบจำลองสภาพอากาศโดย: - **การพยากรณ์ระยะสั้น**: คาดการณ์สภาพอากาศในชั่วโมงหรือวันถัดไป - **การพยากรณ์ระยะยาว**: คาดการณ์สภาพอากาศในสัปดาห์หรือเดือนถัดไป - **การคาดการณ์สภาพอากาศรุนแรง**: เช่น พายุ, น้ำท่วม, และคลื่นความร้อน ### 4. **การปรับปรุงความแม่นยำ** AI ช่วยปรับปรุงความแม่นยำโดย: - **การเรียนรู้จากข้อมูลในอดีต**: เพื่อปรับปรุงการคาดการณ์ - **การปรับแบบจำลองแบบเรียลไทม์**: ด้วยข้อมูลล่าสุด ### 5. **การใช้งานจริง** AI ถูกใช้ในหลายด้าน เช่น: - **การเตือนภัยล่วงหน้า**: เตือนภัยธรรมชาติล่วงหน้า - **การเกษตร**: ช่วยเกษตรกรวางแผนการเพาะปลูก - **การขนส่ง**: ช่วยการบินและการเดินเรือ - **การจัดการทรัพยากรน้ำ**: จัดการน้ำในเขื่อนและแม่น้ำ ### 6. **ตัวอย่างการใช้ AI ในพยากรณ์อากาศ** - **IBM's GRAF**: ใช้ AI เพื่อพยากรณ์อากาศทั่วโลกทุกชั่วโมง - **Google's MetNet**: ใช้ Deep Learning เพื่อพยากรณ์ฝนในระยะสั้น - **The Weather Company**: ใช้ AI เพื่อปรับปรุงการพยากรณ์อากาศ ### 7. **ความท้าทาย** - **ข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์**: ข้อมูลอาจขาดหายหรือไม่ถูกต้อง - **ความซับซ้อนของสภาพอากาศ**: สภาพอากาศมีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงเร็ว - **การคำนวณที่ต้องการทรัพยากรสูง**: ต้องการพลังการคำนวณมาก ### สรุป AI ช่วยเพิ่มความแม่นยำและประสิทธิภาพในการพยากรณ์อากาศ โดยใช้ข้อมูลจากหลายแหล่งและเทคนิคต่างๆ เพื่อคาดการณ์สภาพอากาศได้ดีขึ้น ซึ่งมีประโยชน์ต่อหลายภาคส่วน เช่น การเกษตร, การขนส่ง, และการจัดการภัยพิบัติ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • DeepSeek ซึ่งเป็นบริษัท AI ชื่อดังของจีนวางแผนที่จะเผยแพร่โค้ดและข้อมูลสำคัญต่อสาธารณชนตั้งแต่สัปดาห์หน้า ซึ่งถือเป็นขั้นตอนที่ไม่ธรรมดาในการแบ่งปันเทคโนโลยีหลักมากกว่าคู่แข่งอย่าง OpenAIสตาร์ทอัพอายุ 20 เดือนรายนี้ ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับซิลิคอนวัลเลย์ด้วยความซับซ้อนของโมเดล AI เมื่อเดือนที่แล้ว วางแผนที่จะเผยแพร่คลังโค้ดของตนให้กับนักพัฒนาและนักวิจัยทุกคน ซึ่งจะทำให้ทุกคนสามารถดาวน์โหลดและสร้างหรือปรับปรุงโค้ดเบื้องหลัง R1 หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่ได้รับการยอมรับได้ โดยบริษัทได้ระบุไว้ในโพสต์บน Xhttps://www.bloomberg.com/news/articles/2025-02-21/deepseek-promises-to-share-even-more-ai-code-in-a-rare-step?srnd=homepage-asia
    DeepSeek ซึ่งเป็นบริษัท AI ชื่อดังของจีนวางแผนที่จะเผยแพร่โค้ดและข้อมูลสำคัญต่อสาธารณชนตั้งแต่สัปดาห์หน้า ซึ่งถือเป็นขั้นตอนที่ไม่ธรรมดาในการแบ่งปันเทคโนโลยีหลักมากกว่าคู่แข่งอย่าง OpenAIสตาร์ทอัพอายุ 20 เดือนรายนี้ ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับซิลิคอนวัลเลย์ด้วยความซับซ้อนของโมเดล AI เมื่อเดือนที่แล้ว วางแผนที่จะเผยแพร่คลังโค้ดของตนให้กับนักพัฒนาและนักวิจัยทุกคน ซึ่งจะทำให้ทุกคนสามารถดาวน์โหลดและสร้างหรือปรับปรุงโค้ดเบื้องหลัง R1 หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่ได้รับการยอมรับได้ โดยบริษัทได้ระบุไว้ในโพสต์บน Xhttps://www.bloomberg.com/news/articles/2025-02-21/deepseek-promises-to-share-even-more-ai-code-in-a-rare-step?srnd=homepage-asia
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 0 รีวิว
  • วางแผนการเดิน "พระราชวังต้องห้าม" (ปักกิ่ง) ในวันเดียว

    ประวัติ "พระราชวังต้องห้าม" “จื่อจิ้นเฉิง”(紫禁城)
    ‘จื่อ’ (紫)แปลว่า สีม่วง ในวัฒนธรรมจีน หมายถึง ความศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงฐานะอันสูงส่งของฮ่องเต้ อย่างเช่นเวลาที่ฮ่องเต้เสด็จ ราชรถก็จะชูธงสีม่วงขึ้น ดังนั้น สีม่วงจึงใช้เป็นสัญลักษณ์ของราชสำนักอีกด้วย

    ‘จื่อ’ (紫) จากคำว่า จื่อจิ้นเฉิง(紫禁城) มาจาก จื่อเวยซิง(紫薇星)ที่เป็นชื่อดาวเหนือ เป็นเหมือนดาวพระราชา ดังนั้นเลยสื่อได้ว่า คนจีนในสมัยก่อนมองว่า จื่อจิ้นเฉิง หรือ พระราชวังต้องห้าม ถือเป็นศูนย์กลางของโลก และภายหลังจึงเปลี่ยนมาเรียก กู้กง(故宫) ที่มาจากคำว่า 故宫博物馆 หรือแปลว่า พิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้ามนั่นเอง

    พระราชวังต้องห้ามสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1368 ตรงกับสมัยจักรพรรดิองค์ที่ 3 ของราชวงศ์หมิง หรือจักรพรรดิหย่งเล่อ(永乐)ในตอนนั้นเมืองหลวงของจีนอยู่ที่เมืองหนานจิง(南京)หรือที่เรารู้จักกันว่านานกิง แต่ตอนนั้นฮ่องเต้ต้องการจะย้ายเมืองหลวงมาไว้ที่ปักกิ่ง(北京)

    สาเหตุก็เพราะต้องการถอนรากถอนโคนอำนาจเดิม เลยสร้างพระราชวังนี้ขึ้นมาในเมืองหลวงใหม่อย่างปักกิ่ง เพื่อใช้เป็นที่ประทับของราชวงศ์เท่านั้น ไม่อนุญาตให้ประชาชนคนนอกเข้ามาได้ และนี่ก็เลยเป็นที่มาของคำว่า ‘ต้องห้าม’ ในพระราชวังต้องห้ามนั่นเอง

    ในส่วนของตัวพระราชวังต้องห้าม พระราชวังต้องห้ามถือว่าเป็นหนึ่งในพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในโลก โครงสร้างจะแบ่งเป็น 3 ชั้น คือ ชั้นป้อมปราการที่มีกำแพงสูงกั้นไว้ ชั้นพระราชฐานชั้นนอกที่ฮ่องเต้ใช้ประกอบพิธีต่าง ๆ และสุดท้ายจะเป็นพระราชฐานชั้นใน เป็นที่ประทับของฮ่องเต้และเหล่าสนม

    นางกำนัล รวมแล้ว 9,000 คนและขันทีอีก 70,000 คน เรียกได้ว่าแม้จะพูดว่าห้ามคนนอกเข้า แต่ข้างในก็คนเยอะมาก

    ต่อมาสมัยราชวงศ์ชิง จริง ๆ ราชวงศ์หมิงสร้างพระราชวังต้องห้ามได้อย่างอลังการมากจนภายหลังราชวงศ์ชิงสามารถเข้าไปใช้ต่อได้เลย แต่กับฮ่องเต้บางพระองค์ก็จะไม่ค่อยประทับที่พระราชวังต้องห้าม เพราะราชวงศ์ชิงเป็นชาวแมนจู ซึ่งเป็นชนเผ่าที่อาศัยตามทุ่งหญ้าและป่าเขา ชอบขี่ม้า เลี้ยงสัตว์ พอมาอยู่ในพระราชวังต้องห้ามก็รู้สึกอึดอัด จนต้องไปสร้างพระราชวัง หรือ อุทยานอื่นในการประทับอยู่แทน อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่จะอยู่ที่พระราชวังต้องห้ามแห่งนี้กัน

    สมัยชิงสามารถยกให้เป็นสมัยแห่งการต่อเติมพระราชวังต้องห้ามให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิมได้เลย ที่เด่น ๆ จะเป็นสมัยของฮ่องเต้เฉียนหลง (ในเรื่องหรูอี้แหละ ยุคนั้น) ที่มีการสร้างอุทยานหนิงโซ่วกง (寧壽宮) หรือที่เราเรียกกันว่า สวนเฉียนหลง ไว้ทางตะวันออกเฉียงเหนือของพระราชวังต้องห้าม เพื่อใช้ประทับยามชรา
    เป็นอุทยานที่มีเอกลักษณ์มาก ๆ เพราะทุกอาคารเชื่อมถึงกัน มีภูเขาจำลองที่ประกอบไปด้วยทิวทัศน์ของต้นสน ต้นไผ่ ต้นเหมย อันเป็นสัญลักษณ์ของความสันโดษ ที่พระองค์ตั้งให้เป็นเหมือนแนวคิดหลักของอุทยานแห่งนี้ค่ะ (และนี่จะโยงกับเรื่องที่ว่าทำไมฝรั่งไม่เผาพระราชวังต้องห้าม)

    ไฮไลท์ อื่น ๆ ของพระราชวังต้องห้ามที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ ประตูอู่เหมิน(午门)เป็นประตูที่ใหญ่ที่สุดในพระราชวังต้องห้าม ในอดีตที่ประตูนี้เป็นที่รวมตัวกันของข้าราชการฝ่ายพลเรือนและทหารเพื่อฟังพระราชโองการหรือประกาศกำหนดการณ์ต่างๆ

    พระที่นั่งไท่เหอ(太和殿)โด่งดังมาก เพราะถือเป็นพระที่นั่งที่ใหญ่ที่สุดในพระราชวังต้องห้าม เป็นจุดศูนย์กลางและเป็นจุดสูงสุดของพระราชวังแห่งนี้เลย และยังมีอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในจีนอีกด้วย พระที่นั่งไท่เหอจะใช้ในงานพระราชพิธีสำคัญของราชสำนัก

    จัตุรัสเทียนอันเหมิน(天安门)อยู่ทางทิศเหนือของเขตพระราชวังต้องห้าม (ถ้าเข้าทางประตูอู่เหมินจะเจอเทียนอันเหมินก่อน) จะเห็นได้จากอนุสรณ์สถานประธานเหมาที่ตั้งอยู่อย่างเป็นเอกลักษณ์ในจัตุรัสแห่งนี้ ซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของสาธารณรัฐประชาชนจีน จัตุรัสเทียนอันเหมินเป็นสถานที่ที่สำคัญทางประวัติศาสตร์การเมืองของจีนมากทีเดียว เพราะเป็นอนุสรณ์ถึงความเสียสละเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย


    วางแผนการเดิน "พระราชวังต้องห้าม" (ปักกิ่ง) ในวันเดียว ประวัติ "พระราชวังต้องห้าม" “จื่อจิ้นเฉิง”(紫禁城) ‘จื่อ’ (紫)แปลว่า สีม่วง ในวัฒนธรรมจีน หมายถึง ความศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงฐานะอันสูงส่งของฮ่องเต้ อย่างเช่นเวลาที่ฮ่องเต้เสด็จ ราชรถก็จะชูธงสีม่วงขึ้น ดังนั้น สีม่วงจึงใช้เป็นสัญลักษณ์ของราชสำนักอีกด้วย ‘จื่อ’ (紫) จากคำว่า จื่อจิ้นเฉิง(紫禁城) มาจาก จื่อเวยซิง(紫薇星)ที่เป็นชื่อดาวเหนือ เป็นเหมือนดาวพระราชา ดังนั้นเลยสื่อได้ว่า คนจีนในสมัยก่อนมองว่า จื่อจิ้นเฉิง หรือ พระราชวังต้องห้าม ถือเป็นศูนย์กลางของโลก และภายหลังจึงเปลี่ยนมาเรียก กู้กง(故宫) ที่มาจากคำว่า 故宫博物馆 หรือแปลว่า พิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้ามนั่นเอง พระราชวังต้องห้ามสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1368 ตรงกับสมัยจักรพรรดิองค์ที่ 3 ของราชวงศ์หมิง หรือจักรพรรดิหย่งเล่อ(永乐)ในตอนนั้นเมืองหลวงของจีนอยู่ที่เมืองหนานจิง(南京)หรือที่เรารู้จักกันว่านานกิง แต่ตอนนั้นฮ่องเต้ต้องการจะย้ายเมืองหลวงมาไว้ที่ปักกิ่ง(北京) สาเหตุก็เพราะต้องการถอนรากถอนโคนอำนาจเดิม เลยสร้างพระราชวังนี้ขึ้นมาในเมืองหลวงใหม่อย่างปักกิ่ง เพื่อใช้เป็นที่ประทับของราชวงศ์เท่านั้น ไม่อนุญาตให้ประชาชนคนนอกเข้ามาได้ และนี่ก็เลยเป็นที่มาของคำว่า ‘ต้องห้าม’ ในพระราชวังต้องห้ามนั่นเอง ในส่วนของตัวพระราชวังต้องห้าม พระราชวังต้องห้ามถือว่าเป็นหนึ่งในพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในโลก โครงสร้างจะแบ่งเป็น 3 ชั้น คือ ชั้นป้อมปราการที่มีกำแพงสูงกั้นไว้ ชั้นพระราชฐานชั้นนอกที่ฮ่องเต้ใช้ประกอบพิธีต่าง ๆ และสุดท้ายจะเป็นพระราชฐานชั้นใน เป็นที่ประทับของฮ่องเต้และเหล่าสนม นางกำนัล รวมแล้ว 9,000 คนและขันทีอีก 70,000 คน เรียกได้ว่าแม้จะพูดว่าห้ามคนนอกเข้า แต่ข้างในก็คนเยอะมาก ต่อมาสมัยราชวงศ์ชิง จริง ๆ ราชวงศ์หมิงสร้างพระราชวังต้องห้ามได้อย่างอลังการมากจนภายหลังราชวงศ์ชิงสามารถเข้าไปใช้ต่อได้เลย แต่กับฮ่องเต้บางพระองค์ก็จะไม่ค่อยประทับที่พระราชวังต้องห้าม เพราะราชวงศ์ชิงเป็นชาวแมนจู ซึ่งเป็นชนเผ่าที่อาศัยตามทุ่งหญ้าและป่าเขา ชอบขี่ม้า เลี้ยงสัตว์ พอมาอยู่ในพระราชวังต้องห้ามก็รู้สึกอึดอัด จนต้องไปสร้างพระราชวัง หรือ อุทยานอื่นในการประทับอยู่แทน อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่จะอยู่ที่พระราชวังต้องห้ามแห่งนี้กัน สมัยชิงสามารถยกให้เป็นสมัยแห่งการต่อเติมพระราชวังต้องห้ามให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิมได้เลย ที่เด่น ๆ จะเป็นสมัยของฮ่องเต้เฉียนหลง (ในเรื่องหรูอี้แหละ ยุคนั้น) ที่มีการสร้างอุทยานหนิงโซ่วกง (寧壽宮) หรือที่เราเรียกกันว่า สวนเฉียนหลง ไว้ทางตะวันออกเฉียงเหนือของพระราชวังต้องห้าม เพื่อใช้ประทับยามชรา เป็นอุทยานที่มีเอกลักษณ์มาก ๆ เพราะทุกอาคารเชื่อมถึงกัน มีภูเขาจำลองที่ประกอบไปด้วยทิวทัศน์ของต้นสน ต้นไผ่ ต้นเหมย อันเป็นสัญลักษณ์ของความสันโดษ ที่พระองค์ตั้งให้เป็นเหมือนแนวคิดหลักของอุทยานแห่งนี้ค่ะ (และนี่จะโยงกับเรื่องที่ว่าทำไมฝรั่งไม่เผาพระราชวังต้องห้าม) ไฮไลท์ อื่น ๆ ของพระราชวังต้องห้ามที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ ประตูอู่เหมิน(午门)เป็นประตูที่ใหญ่ที่สุดในพระราชวังต้องห้าม ในอดีตที่ประตูนี้เป็นที่รวมตัวกันของข้าราชการฝ่ายพลเรือนและทหารเพื่อฟังพระราชโองการหรือประกาศกำหนดการณ์ต่างๆ พระที่นั่งไท่เหอ(太和殿)โด่งดังมาก เพราะถือเป็นพระที่นั่งที่ใหญ่ที่สุดในพระราชวังต้องห้าม เป็นจุดศูนย์กลางและเป็นจุดสูงสุดของพระราชวังแห่งนี้เลย และยังมีอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในจีนอีกด้วย พระที่นั่งไท่เหอจะใช้ในงานพระราชพิธีสำคัญของราชสำนัก จัตุรัสเทียนอันเหมิน(天安门)อยู่ทางทิศเหนือของเขตพระราชวังต้องห้าม (ถ้าเข้าทางประตูอู่เหมินจะเจอเทียนอันเหมินก่อน) จะเห็นได้จากอนุสรณ์สถานประธานเหมาที่ตั้งอยู่อย่างเป็นเอกลักษณ์ในจัตุรัสแห่งนี้ ซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของสาธารณรัฐประชาชนจีน จัตุรัสเทียนอันเหมินเป็นสถานที่ที่สำคัญทางประวัติศาสตร์การเมืองของจีนมากทีเดียว เพราะเป็นอนุสรณ์ถึงความเสียสละเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 151 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📌10 เทคนิควางแผนการเงินเพื่อชีวิตวัยเกษียณสำหรับ Generation X
    1. กำหนดเป้าหมายเกษียณ – คำนวณค่าใช้จ่ายที่ต้องการและระยะเวลาการออม

    2. สร้างกองทุนฉุกเฉิน – มีเงินสำรอง 6-12 เดือนเผื่อค่าใช้จ่ายไม่คาดคิด

    3. ออมเงินอย่างสม่ำเสมอ – กันเงินเก็บทุกเดือน สร้างนิสัยออมก่อนใช้

    4. ลงทุนเพื่ออนาคต – กระจายความเสี่ยงในหุ้น กองทุน อสังหาริมทรัพย์

    5. ลดหนี้สินก่อนเกษียณ – จัดการหนี้ให้หมดเร็ว ลดภาระดอกเบี้ย

    6. วางแผนประกันสุขภาพ – เลือกประกันคุ้มครองระยะยาวลดภาระค่ารักษาพยาบาล

    7. ศึกษาสิทธิ์ประกันสังคม – ตรวจสอบเงินบำนาญและสวัสดิการที่ได้รับ

    8. หารายได้เสริม – ลงทุนหรือทำธุรกิจขนาดเล็กสร้างรายได้ต่อเนื่อง

    9. ควบคุมค่าใช้จ่าย – ตัดรายจ่ายฟุ่มเฟือย บริหารเงินให้มีประสิทธิภาพ

    10. วางแผนมรดก – จัดการพินัยกรรมเพื่อป้องกันปัญหาทรัพย์สินในอนาคต

    เตรียมตัวดี มีเงินใช้ เกษียณอย่างมั่นคง!

    📌10 เทคนิควางแผนการเงินเพื่อชีวิตวัยเกษียณสำหรับ Generation X 1. กำหนดเป้าหมายเกษียณ – คำนวณค่าใช้จ่ายที่ต้องการและระยะเวลาการออม 2. สร้างกองทุนฉุกเฉิน – มีเงินสำรอง 6-12 เดือนเผื่อค่าใช้จ่ายไม่คาดคิด 3. ออมเงินอย่างสม่ำเสมอ – กันเงินเก็บทุกเดือน สร้างนิสัยออมก่อนใช้ 4. ลงทุนเพื่ออนาคต – กระจายความเสี่ยงในหุ้น กองทุน อสังหาริมทรัพย์ 5. ลดหนี้สินก่อนเกษียณ – จัดการหนี้ให้หมดเร็ว ลดภาระดอกเบี้ย 6. วางแผนประกันสุขภาพ – เลือกประกันคุ้มครองระยะยาวลดภาระค่ารักษาพยาบาล 7. ศึกษาสิทธิ์ประกันสังคม – ตรวจสอบเงินบำนาญและสวัสดิการที่ได้รับ 8. หารายได้เสริม – ลงทุนหรือทำธุรกิจขนาดเล็กสร้างรายได้ต่อเนื่อง 9. ควบคุมค่าใช้จ่าย – ตัดรายจ่ายฟุ่มเฟือย บริหารเงินให้มีประสิทธิภาพ 10. วางแผนมรดก – จัดการพินัยกรรมเพื่อป้องกันปัญหาทรัพย์สินในอนาคต เตรียมตัวดี มีเงินใช้ เกษียณอย่างมั่นคง!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 รีวิว
  • Lily Phillips (ลิลี่ ฟิลลิปส์) ชาวอังกฤษ วัย 23 ปี ประกาศข่าวดีว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์ หลังจบคอนเทนต์มีเซ็กซ์กับผู้ชาย 100 คน ชาวเน็ตหวังว่าคงไม่ใช่เรื่องอำกันเล่นนะ

    จากกรณี ก่อนหน้านี้ เมื่อดาราสาว Only Fans อย่าง Lily Phillips (ลิลี่ ฟิลลิปส์) ชาวอังกฤษ วัย 23 ปี ที่ตัดสินใจสร้างหนังในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ด้วยการมีความสัมพันธ์กับผู้ชายกว่าร้อยคนภายใน 1 วันเท่านั้น และเผยแพร่บนแพลตฟอร์ม OnlyFans ของเธอ นอกจากนี้ เธอยังคงวางแผนที่จะทำลายสถิติโลกด้วยการมีเซ็กส์กับผู้ชาย 1,000 คนในหนึ่งวัน เธอวางแผนที่จะทำสิ่งนี้ที่ไหนสักแห่งในอังกฤษ

    ล่าสุด เมื่อวันที่ 19 ก.พ. ลีลี ฟิลลิปส์ ได้โพสต์ภาพของตัวเธอเองกำลังยืนลูบท้องของตัวเองและภาพที่ตรวจครรภ์ ที่ขึ้น 2 ขีดลงใน IG ส่วนตัว พร้อมกับระบุข้อความว่า“Baby Phillips coming 2025”

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000016911

    #MGROnline #babyphillips2025
    Lily Phillips (ลิลี่ ฟิลลิปส์) ชาวอังกฤษ วัย 23 ปี ประกาศข่าวดีว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์ หลังจบคอนเทนต์มีเซ็กซ์กับผู้ชาย 100 คน ชาวเน็ตหวังว่าคงไม่ใช่เรื่องอำกันเล่นนะ • จากกรณี ก่อนหน้านี้ เมื่อดาราสาว Only Fans อย่าง Lily Phillips (ลิลี่ ฟิลลิปส์) ชาวอังกฤษ วัย 23 ปี ที่ตัดสินใจสร้างหนังในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ด้วยการมีความสัมพันธ์กับผู้ชายกว่าร้อยคนภายใน 1 วันเท่านั้น และเผยแพร่บนแพลตฟอร์ม OnlyFans ของเธอ นอกจากนี้ เธอยังคงวางแผนที่จะทำลายสถิติโลกด้วยการมีเซ็กส์กับผู้ชาย 1,000 คนในหนึ่งวัน เธอวางแผนที่จะทำสิ่งนี้ที่ไหนสักแห่งในอังกฤษ • ล่าสุด เมื่อวันที่ 19 ก.พ. ลีลี ฟิลลิปส์ ได้โพสต์ภาพของตัวเธอเองกำลังยืนลูบท้องของตัวเองและภาพที่ตรวจครรภ์ ที่ขึ้น 2 ขีดลงใน IG ส่วนตัว พร้อมกับระบุข้อความว่า“Baby Phillips coming 2025” • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000016911 • #MGROnline #babyphillips2025
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • 18 ปี คณะแพทย์ศิริราช 61 คน ผ่าแยกร่าง “วัน-วาด” แฝดสยาม หัวใจ-ตับ ติดกันสำเร็จ รอดทั้งคู่ ครั้งแรกของโลก

    🔬 การแพทย์ไทยสร้างประวัติศาสตร์ ผ่าแยกแฝดสยามสำเร็จ เป็นครั้งแรกของโลก

    ย้อนกลับไปเมื่อ 18 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 คณะแพทย์จากโรงพยาบาลศิริราช จำนวน 61 คน ได้สร้างปรากฏการณ์สำคัญ ในวงการแพทย์ระดับโลก ด้วยการผ่าตัดแยกร่างฝาแฝดสยาม ที่มีหัวใจและตับติดกัน ซึ่งเป็นเคสที่ยาก และมีความเสี่ยงสูงสุด ทารกทั้งสองคนคือ

    👶 ด.ญ.ปานตะวัน ธิเย็นใจ หรือน้องวัน แฝดผู้พี่
    👶 ด.ญ.ปานวาด ธิเย็นใจ หรือน้องวาด แฝดผู้น้อง

    ทั้งคู่เป็นบุตรสาวของ น.ส.อุษา ธิเย็นใจ และนายถาวร วิบุลกุล เกิดเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2549 ด้วยวิธีผ่าคลอด ขณะอายุครรภ์ 36 สัปดาห์ โดยมีน้ำหนักแรกคลอดรวมกัน 3,570 กรัม หลังคลอดพบว่า ทั้งคู่ มีร่างกายติดกัน บริเวณช่วงหน้าท้อง ซึ่งเมื่อตรวจอย่างละเอียดพบว่า มีตับติดกันเป็นบริเวณกว้าง และที่สำคัญที่สุดคือ หัวใจของทั้งสองดวงเชื่อมต่อกัน ทำให้มีความเสี่ยงสูงมาก ในการผ่าตัด

    นี่คือเรื่องราวของ "วัน-วาด" และปาฏิหาริย์ของวงการแพทย์ไทย ที่ได้รับการบันทึกว่า เป็นเคสแรกของโลก ที่ผ่าแยกฝาแฝด ที่มีหัวใจติดกัน และรอดชีวิตทั้งคู่ ✨

    👩‍⚕️ ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และการตัดสินใจครั้งสำคัญ
    การผ่าตัดในครั้งนี้ ต้องอาศัยทีมแพทย์จากหลากหลายสาขา โดยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายท่าน อาทิ

    ✅ ศ.พญ.อังกาบ ปราการรัตน์ หัวหน้าภาควิชาวิสัญญีวิทยา
    ✅ รศ.นพ.สมชาย ศรียศชาติ ศัลยแพทย์หัวใจ
    ✅ ผศ.นพ.มนตรี กิจมณี ศัลยแพทย์ตกแต่ง
    ✅ ผศ.นพ.มงคล เลาหเพ็ญแสง กุมารศัลยแพทย์

    💡 ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่
    👉 ทารกมีหัวใจเชื่อมต่อกัน ทำให้ต้องตรวจสอบว่า หัวใจของทั้งคู่ สามารถทำงานแยกจากกัน ได้หรือไม่
    👉 ต้องปิดรอยเชื่อมต่อ ของหัวใจชั่วคราว เพื่อดูผลกระทบก่อนการผ่าตัด
    👉 ต้องแยกตับ ที่ติดกันเป็นบริเวณกว้าง และหลีกเลี่ยงการเสียเลือด ให้มากที่สุด

    📅 หลังจากวางแผนกันอย่างละเอียด การผ่าตัดถูกกำหนดขึ้น ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2550 ขณะที่ทารกมีอายุ 8 เดือน และมีน้ำหนักรวมกัน 10.9 กิโลกรัม

    🔪 ขั้นตอนการผ่าตัด 12 ชั่วโมง ที่ต้องแข่งกับเวลา
    💉 เริ่มต้นด้วยการวางยาสลบ
    ทีมวิสัญญีแพทย์แบ่งเป็น 2 ทีม เพื่อดูแลเด็กแต่ละคนอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันความผิดพลาด ที่อาจเกิดขึ้น

    ❤️ ขั้นตอนที่ 1 แยกหัวใจ
    👉 ใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมง เพราะต้องค่อยๆ ตัดแยกหัวใจออกจากกัน โดยไม่ให้เกิดอันตราย ต่อการไหลเวียนโลหิต

    🩺 ขั้นตอนที่ 2 แยกตับ
    👉 ใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมง ทีมแพทย์ต้องใช้เทคนิคพิเศษ ในการผ่าตัด เพื่อให้เลือดออกน้อยที่สุด

    🛏 ขั้นตอนที่ 3 เย็บซ่อมแซมอวัยวะ และผนังหน้าท้อง
    👉 แฝดพี่ "ปานตะวัน" มีโอกาสรอดสูงกว่า แต่แฝดน้อง "ปานวาด" ต้องได้รับการดูแลเรื่องหัวใจ เป็นพิเศษ

    ⚠️ ความเสี่ยงที่สูงที่สุด
    การผ่าตัดครั้งนี้ มีความเสี่ยงว่า อาจมีเด็กเพียงคนเดียวที่รอดชีวิต แต่ทีมแพทย์สามารถทำได้สำเร็จ และน้องวัน-วาด มีชีวิตรอดทั้งคู่ 🎉

    👶 ปัจจุบัน "วัน-วาด" ใช้ชีวิตอย่างไร?
    หลังจากผ่านไป 18 ปี นับจากการผ่าตัดแยกร่าง ปัจจุบันทั้งคู่เติบโตขึ้นอย่างแข็งแรง 💖 แม้ว่าต้องมีการติดตามอาการของน้องวาด เนื่องจากมีปัญหาหัวใจอยู่บ้าง แต่ทั้งคู่สามารถใช้ชีวิต ได้ใกล้เคียงกับเด็กปกติ

    คุณแม่ น.ส.อุษา กล่าวว่า
    🗣 "ตอนแรกเสียใจ ที่ลูกเกิดมาไม่ปกติ แต่ตอนนี้รู้สึกดีใจที่สุด ที่ทั้งคู่มีชีวิตรอด อยากขอบคุณทีมแพทย์ทุกท่าน ที่ช่วยชีวิตลูกของฉันไว้"

    🔍 แฝดสยาม คืออะไร?
    🔸 แฝดสยาม หรือ Siamese Twins คือแฝดที่เกิดจาก ไข่ใบเดียวกัน แต่มีความผิดปกติ ในการแบ่งตัวของเอ็มบริโอ ทำให้ร่างกายของทั้งคู่ ติดกันในระดับต่างๆ

    🔹 ประเภทของแฝดสยาม
    ✅ แฝดที่มีอวัยวะภายในติดกัน เช่น หัวใจ ตับ ลำไส้
    ✅ แฝดที่มีอวัยวะภายนอกติดกัน เช่น แขน ขา หรือส่วนอื่นของร่างกาย

    แฝดสยามที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกก็คือ อิน-จัน ฝาแฝดชาวไทย ที่เป็นต้นกำเนิดของคำว่า "Siamese Twins" 👥

    🏥 "ศิริราช" ศูนย์กลางความก้าวหน้า ทางการแพทย์ของไทย
    โรงพยาบาลศิริราช เป็นสถานที่ ที่ให้กำเนิดนวัตกรรม ทางการแพทย์ระดับโลก โดยเฉพาะในเรื่องของ
    การผ่าตัดฝาแฝดสยาม ทีมแพทย์ของศิริราช ไม่เพียงแค่ช่วยเหลือเด็กไทย แต่ยังสามารถนำความรู้นี้ไปช่วยเหลือผู้ป่วยทั่วโลก 🌏

    ✅ เป็นเคสแรกของโลก ที่สามารถแยกแฝดหัวใจติดกัน และรอดชีวิตทั้งคู่
    ✅ เป็นก้าวสำคัญของการแพทย์ไทย ที่ได้รับการยอมรับ ในระดับนานาชาติ

    💬 ปาฏิหาริย์ทางการแพทย์ของไทย
    🎯 คณะแพทย์ศิริราช สร้างประวัติศาสตร์ ด้วยการผ่าตัดแยกแฝดสยาม ที่หัวใจและตับติดกัน ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก
    🎯 "วัน-วาด" มีชีวิตรอดทั้งคู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก
    🎯 เป็นหลักฐานว่าแพทย์ไทย มีความสามารถเทียบเท่าระดับโลก

    👩‍⚕️✨ นี่คือความภาคภูมิใจ ของวงการแพทย์ไทย และเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับแพทย์รุ่นใหม่ทั่วโลก 💖

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 2009271 ก.พ. 2568

    📌 #แฝดสยาม #ผ่าตัดแฝด #ศิริราช #วันวาด #ข่าวดังในอดีต #การแพทย์ไทย #นวัตกรรมการแพทย์ #SiameseTwins #แพทย์ไทย #ประวัติศาสตร์การแพทย์
    18 ปี คณะแพทย์ศิริราช 61 คน ผ่าแยกร่าง “วัน-วาด” แฝดสยาม หัวใจ-ตับ ติดกันสำเร็จ รอดทั้งคู่ ครั้งแรกของโลก 🔬 การแพทย์ไทยสร้างประวัติศาสตร์ ผ่าแยกแฝดสยามสำเร็จ เป็นครั้งแรกของโลก ย้อนกลับไปเมื่อ 18 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 คณะแพทย์จากโรงพยาบาลศิริราช จำนวน 61 คน ได้สร้างปรากฏการณ์สำคัญ ในวงการแพทย์ระดับโลก ด้วยการผ่าตัดแยกร่างฝาแฝดสยาม ที่มีหัวใจและตับติดกัน ซึ่งเป็นเคสที่ยาก และมีความเสี่ยงสูงสุด ทารกทั้งสองคนคือ 👶 ด.ญ.ปานตะวัน ธิเย็นใจ หรือน้องวัน แฝดผู้พี่ 👶 ด.ญ.ปานวาด ธิเย็นใจ หรือน้องวาด แฝดผู้น้อง ทั้งคู่เป็นบุตรสาวของ น.ส.อุษา ธิเย็นใจ และนายถาวร วิบุลกุล เกิดเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2549 ด้วยวิธีผ่าคลอด ขณะอายุครรภ์ 36 สัปดาห์ โดยมีน้ำหนักแรกคลอดรวมกัน 3,570 กรัม หลังคลอดพบว่า ทั้งคู่ มีร่างกายติดกัน บริเวณช่วงหน้าท้อง ซึ่งเมื่อตรวจอย่างละเอียดพบว่า มีตับติดกันเป็นบริเวณกว้าง และที่สำคัญที่สุดคือ หัวใจของทั้งสองดวงเชื่อมต่อกัน ทำให้มีความเสี่ยงสูงมาก ในการผ่าตัด นี่คือเรื่องราวของ "วัน-วาด" และปาฏิหาริย์ของวงการแพทย์ไทย ที่ได้รับการบันทึกว่า เป็นเคสแรกของโลก ที่ผ่าแยกฝาแฝด ที่มีหัวใจติดกัน และรอดชีวิตทั้งคู่ ✨ 👩‍⚕️ ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และการตัดสินใจครั้งสำคัญ การผ่าตัดในครั้งนี้ ต้องอาศัยทีมแพทย์จากหลากหลายสาขา โดยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายท่าน อาทิ ✅ ศ.พญ.อังกาบ ปราการรัตน์ หัวหน้าภาควิชาวิสัญญีวิทยา ✅ รศ.นพ.สมชาย ศรียศชาติ ศัลยแพทย์หัวใจ ✅ ผศ.นพ.มนตรี กิจมณี ศัลยแพทย์ตกแต่ง ✅ ผศ.นพ.มงคล เลาหเพ็ญแสง กุมารศัลยแพทย์ 💡 ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ 👉 ทารกมีหัวใจเชื่อมต่อกัน ทำให้ต้องตรวจสอบว่า หัวใจของทั้งคู่ สามารถทำงานแยกจากกัน ได้หรือไม่ 👉 ต้องปิดรอยเชื่อมต่อ ของหัวใจชั่วคราว เพื่อดูผลกระทบก่อนการผ่าตัด 👉 ต้องแยกตับ ที่ติดกันเป็นบริเวณกว้าง และหลีกเลี่ยงการเสียเลือด ให้มากที่สุด 📅 หลังจากวางแผนกันอย่างละเอียด การผ่าตัดถูกกำหนดขึ้น ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2550 ขณะที่ทารกมีอายุ 8 เดือน และมีน้ำหนักรวมกัน 10.9 กิโลกรัม 🔪 ขั้นตอนการผ่าตัด 12 ชั่วโมง ที่ต้องแข่งกับเวลา 💉 เริ่มต้นด้วยการวางยาสลบ ทีมวิสัญญีแพทย์แบ่งเป็น 2 ทีม เพื่อดูแลเด็กแต่ละคนอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันความผิดพลาด ที่อาจเกิดขึ้น ❤️ ขั้นตอนที่ 1 แยกหัวใจ 👉 ใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมง เพราะต้องค่อยๆ ตัดแยกหัวใจออกจากกัน โดยไม่ให้เกิดอันตราย ต่อการไหลเวียนโลหิต 🩺 ขั้นตอนที่ 2 แยกตับ 👉 ใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมง ทีมแพทย์ต้องใช้เทคนิคพิเศษ ในการผ่าตัด เพื่อให้เลือดออกน้อยที่สุด 🛏 ขั้นตอนที่ 3 เย็บซ่อมแซมอวัยวะ และผนังหน้าท้อง 👉 แฝดพี่ "ปานตะวัน" มีโอกาสรอดสูงกว่า แต่แฝดน้อง "ปานวาด" ต้องได้รับการดูแลเรื่องหัวใจ เป็นพิเศษ ⚠️ ความเสี่ยงที่สูงที่สุด การผ่าตัดครั้งนี้ มีความเสี่ยงว่า อาจมีเด็กเพียงคนเดียวที่รอดชีวิต แต่ทีมแพทย์สามารถทำได้สำเร็จ และน้องวัน-วาด มีชีวิตรอดทั้งคู่ 🎉 👶 ปัจจุบัน "วัน-วาด" ใช้ชีวิตอย่างไร? หลังจากผ่านไป 18 ปี นับจากการผ่าตัดแยกร่าง ปัจจุบันทั้งคู่เติบโตขึ้นอย่างแข็งแรง 💖 แม้ว่าต้องมีการติดตามอาการของน้องวาด เนื่องจากมีปัญหาหัวใจอยู่บ้าง แต่ทั้งคู่สามารถใช้ชีวิต ได้ใกล้เคียงกับเด็กปกติ คุณแม่ น.ส.อุษา กล่าวว่า 🗣 "ตอนแรกเสียใจ ที่ลูกเกิดมาไม่ปกติ แต่ตอนนี้รู้สึกดีใจที่สุด ที่ทั้งคู่มีชีวิตรอด อยากขอบคุณทีมแพทย์ทุกท่าน ที่ช่วยชีวิตลูกของฉันไว้" 🔍 แฝดสยาม คืออะไร? 🔸 แฝดสยาม หรือ Siamese Twins คือแฝดที่เกิดจาก ไข่ใบเดียวกัน แต่มีความผิดปกติ ในการแบ่งตัวของเอ็มบริโอ ทำให้ร่างกายของทั้งคู่ ติดกันในระดับต่างๆ 🔹 ประเภทของแฝดสยาม ✅ แฝดที่มีอวัยวะภายในติดกัน เช่น หัวใจ ตับ ลำไส้ ✅ แฝดที่มีอวัยวะภายนอกติดกัน เช่น แขน ขา หรือส่วนอื่นของร่างกาย แฝดสยามที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกก็คือ อิน-จัน ฝาแฝดชาวไทย ที่เป็นต้นกำเนิดของคำว่า "Siamese Twins" 👥 🏥 "ศิริราช" ศูนย์กลางความก้าวหน้า ทางการแพทย์ของไทย โรงพยาบาลศิริราช เป็นสถานที่ ที่ให้กำเนิดนวัตกรรม ทางการแพทย์ระดับโลก โดยเฉพาะในเรื่องของ การผ่าตัดฝาแฝดสยาม ทีมแพทย์ของศิริราช ไม่เพียงแค่ช่วยเหลือเด็กไทย แต่ยังสามารถนำความรู้นี้ไปช่วยเหลือผู้ป่วยทั่วโลก 🌏 ✅ เป็นเคสแรกของโลก ที่สามารถแยกแฝดหัวใจติดกัน และรอดชีวิตทั้งคู่ ✅ เป็นก้าวสำคัญของการแพทย์ไทย ที่ได้รับการยอมรับ ในระดับนานาชาติ 💬 ปาฏิหาริย์ทางการแพทย์ของไทย 🎯 คณะแพทย์ศิริราช สร้างประวัติศาสตร์ ด้วยการผ่าตัดแยกแฝดสยาม ที่หัวใจและตับติดกัน ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก 🎯 "วัน-วาด" มีชีวิตรอดทั้งคู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก 🎯 เป็นหลักฐานว่าแพทย์ไทย มีความสามารถเทียบเท่าระดับโลก 👩‍⚕️✨ นี่คือความภาคภูมิใจ ของวงการแพทย์ไทย และเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับแพทย์รุ่นใหม่ทั่วโลก 💖 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 2009271 ก.พ. 2568 📌 #แฝดสยาม #ผ่าตัดแฝด #ศิริราช #วันวาด #ข่าวดังในอดีต #การแพทย์ไทย #นวัตกรรมการแพทย์ #SiameseTwins #แพทย์ไทย #ประวัติศาสตร์การแพทย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้ไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่คิดไว้ แต่ตกหล่นตรงลืมตั้งค่า เลยรู้สึกเหมือนโดนวางยางานให้งานมีปัญหา จนกลายเป็นว่า ผมคิดว่าจะมีปัญหาเพิ่มมากขึ้น ความคืบหน้าถดถอยลง จนผมอยากจะ Cancel งานนี้อยู่แล้ว ทำงานฟรีแลนซ์เหมือนไม่ใช้งานฟรีแลนซ์ ทำงานให้เขาฟรีๆ เงินกว่าจะได้ก็อีกนานไม่ก็ชาติหน้า ไม่มีเวลาโปรโมทงานฟรีแลนซ์เลย เงินเลยช็อตไว แต่วันนี้ผมคงลองงดอาหารแบบที่นักมวยทำกัน วันนี้กินกาแฟแทนข้าว แต่การทำงานของผมจะไม่มีวันล้มง่ายๆ และเกือบจะ Burnout เพราะงานเกือบไม่เทสไม่ผ่าน ลูกค้ารอนานมามากแล้ว แต่ผมเห็นใจลูกค้าและฝีมือของผมดูเชื่องช้าในช่วงที่ผ่านๆมา แต่ช่วงหลังๆมานี้ผมเริ่มแอคทีฟกับงานเพื่อเงินที่มากกว่านั้นและได้วางแผนหาโอกาสใหม่ๆที่ดีกว่านี้ จังหวะดีกว่านี้ เท่านั้นเอง งานดีเลย์เพราะความกดดัน ความคาดหวังไว้สูง ความคาดคั้นของคนในครอบครัวส่วนใหญ่ แต่ผมจะไม่พูดถึงวัน กตัญญูก็ยาก แต่ทำไมต้องจำกัดทางเลือกให้แค่รับราชการอย่างเดียวเท่านั้นละ ไม่มีทางเลือกดีกว่านี้เหรอ หรือทางเลือกของผมมันหมดหวังสำหรับเขา แต่ผมพยายามและหวังกับเส้นทาง ยังไงมันก็ต้องได้ลูกค้าใหม่ ได้เงิน ที่ผ่านมาผมกินอะไรมาเยอะแล้ว มาอดอาหารสักวัน 2 วัน ก็นานๆทีทำได้ แต่อย่าอดติดต่อกัน 3-7 วัน
    วันนี้ไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่คิดไว้ แต่ตกหล่นตรงลืมตั้งค่า เลยรู้สึกเหมือนโดนวางยางานให้งานมีปัญหา จนกลายเป็นว่า ผมคิดว่าจะมีปัญหาเพิ่มมากขึ้น ความคืบหน้าถดถอยลง จนผมอยากจะ Cancel งานนี้อยู่แล้ว ทำงานฟรีแลนซ์เหมือนไม่ใช้งานฟรีแลนซ์ ทำงานให้เขาฟรีๆ เงินกว่าจะได้ก็อีกนานไม่ก็ชาติหน้า ไม่มีเวลาโปรโมทงานฟรีแลนซ์เลย เงินเลยช็อตไว แต่วันนี้ผมคงลองงดอาหารแบบที่นักมวยทำกัน วันนี้กินกาแฟแทนข้าว แต่การทำงานของผมจะไม่มีวันล้มง่ายๆ และเกือบจะ Burnout เพราะงานเกือบไม่เทสไม่ผ่าน ลูกค้ารอนานมามากแล้ว แต่ผมเห็นใจลูกค้าและฝีมือของผมดูเชื่องช้าในช่วงที่ผ่านๆมา แต่ช่วงหลังๆมานี้ผมเริ่มแอคทีฟกับงานเพื่อเงินที่มากกว่านั้นและได้วางแผนหาโอกาสใหม่ๆที่ดีกว่านี้ จังหวะดีกว่านี้ เท่านั้นเอง งานดีเลย์เพราะความกดดัน ความคาดหวังไว้สูง ความคาดคั้นของคนในครอบครัวส่วนใหญ่ แต่ผมจะไม่พูดถึงวัน กตัญญูก็ยาก แต่ทำไมต้องจำกัดทางเลือกให้แค่รับราชการอย่างเดียวเท่านั้นละ ไม่มีทางเลือกดีกว่านี้เหรอ หรือทางเลือกของผมมันหมดหวังสำหรับเขา แต่ผมพยายามและหวังกับเส้นทาง ยังไงมันก็ต้องได้ลูกค้าใหม่ ได้เงิน ที่ผ่านมาผมกินอะไรมาเยอะแล้ว มาอดอาหารสักวัน 2 วัน ก็นานๆทีทำได้ แต่อย่าอดติดต่อกัน 3-7 วัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Arm ที่กำลังเตรียมตัวเพื่อสร้างชิปประมวลผลของตัวเอง ซึ่งเป็นข่าวที่น่าสนใจและสำคัญในวงการเทคโนโลยี Arm เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงในการออกแบบสถาปัตยกรรมไมโครโปรเซสเซอร์ เช่น ARMv9 และได้รับการอนุญาตให้ใช้ IP จากบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Apple, Qualcomm, Samsung, Nvidia, AMD, และ AWS แต่ที่ผ่านมายังไม่ได้ผลิตและขายชิปของตัวเอง

    ล่าสุดมีรายงานว่า Arm กำลังวางแผนที่จะเข้าสู่การผลิตชิปประมวลผลเองโดยอาจมีการซื้อ Ampere Computing ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปเซิร์ฟเวอร์เดียวที่ยังคงมีอิสระอยู่ การซื้อกิจการนี้มีมูลค่าสูงถึง 6.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะช่วยขยายส่วนแบ่งตลาดของ Arm ในอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์และ AI

    อย่างไรก็ตาม การก้าวเข้าสู่การผลิตชิปนี้อาจทำให้ Arm กลายเป็นคู่แข่งของลูกค้าบางรายที่ใช้งาน IP ของ Arm อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งอาจส่งผลให้ลูกค้าตัดสินใจที่จะไม่ร่วมมือกับ Arm ต่อไป นอกจากนี้ Arm ยังมีแผนที่จะดึงตัวพนักงานจากบริษัทลูกค้าของตัวเองเพื่อเข้าร่วมโครงการพัฒนาชิปใหม่นี้ด้วย

    สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ การที่ Arm จะทำชิปที่เน้นไปที่การใช้งานในดาต้าเซ็นเตอร์และ AI ซึ่งจะเพิ่มการแข่งขันในวงการนี้ให้รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะกับบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Nvidia

    ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Arm ได้สร้างความสำเร็จจากการที่ลูกค้ามองว่าบริษัทเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางในอุตสาหกรรม แต่การก้าวสู่การผลิตชิปเองอาจทำให้ภาพลักษณ์นี้เปลี่ยนไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในอนาคต

    https://www.techradar.com/pro/the-only-way-is-stack-arm-wants-to-build-its-own-cpu-server-for-hyperscalers-reports-say-and-amd-wont-be-happy
    บริษัท Arm ที่กำลังเตรียมตัวเพื่อสร้างชิปประมวลผลของตัวเอง ซึ่งเป็นข่าวที่น่าสนใจและสำคัญในวงการเทคโนโลยี Arm เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงในการออกแบบสถาปัตยกรรมไมโครโปรเซสเซอร์ เช่น ARMv9 และได้รับการอนุญาตให้ใช้ IP จากบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Apple, Qualcomm, Samsung, Nvidia, AMD, และ AWS แต่ที่ผ่านมายังไม่ได้ผลิตและขายชิปของตัวเอง ล่าสุดมีรายงานว่า Arm กำลังวางแผนที่จะเข้าสู่การผลิตชิปประมวลผลเองโดยอาจมีการซื้อ Ampere Computing ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปเซิร์ฟเวอร์เดียวที่ยังคงมีอิสระอยู่ การซื้อกิจการนี้มีมูลค่าสูงถึง 6.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะช่วยขยายส่วนแบ่งตลาดของ Arm ในอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์และ AI อย่างไรก็ตาม การก้าวเข้าสู่การผลิตชิปนี้อาจทำให้ Arm กลายเป็นคู่แข่งของลูกค้าบางรายที่ใช้งาน IP ของ Arm อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งอาจส่งผลให้ลูกค้าตัดสินใจที่จะไม่ร่วมมือกับ Arm ต่อไป นอกจากนี้ Arm ยังมีแผนที่จะดึงตัวพนักงานจากบริษัทลูกค้าของตัวเองเพื่อเข้าร่วมโครงการพัฒนาชิปใหม่นี้ด้วย สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ การที่ Arm จะทำชิปที่เน้นไปที่การใช้งานในดาต้าเซ็นเตอร์และ AI ซึ่งจะเพิ่มการแข่งขันในวงการนี้ให้รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะกับบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Nvidia ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Arm ได้สร้างความสำเร็จจากการที่ลูกค้ามองว่าบริษัทเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางในอุตสาหกรรม แต่การก้าวสู่การผลิตชิปเองอาจทำให้ภาพลักษณ์นี้เปลี่ยนไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในอนาคต https://www.techradar.com/pro/the-only-way-is-stack-arm-wants-to-build-its-own-cpu-server-for-hyperscalers-reports-say-and-amd-wont-be-happy
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • - #คิดถึงหนังเก่า -

    ในปี 1989 เลสลี จาง ประกาศอำลาวงการเพลง ไม่เพียงเท่านั้น เขายังวางแผนจะหยุดพักหลังจากถ่ายทำ Days of Being Wild (วันที่หัวใจรักกล้าตัดขอบฟ้า) ของ หว่องกาไว เสร็จ โชคดีที่ ผู้กำกับหวัง ใช้เวลาในการถ่ายทำอย่างมาก และเขาก็ถ่ายทำ Days of Being Wild เสร็จในปี 1990

    เมื่อ จอห์น วู ตั้งใจจะถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง "Once a Thief (ตีแสกตะวัน)" และเขียนเนื้อเรื่องที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมเป็นหลัก แต่เนื่องจากปัจจัยหลายประการ ทำให้การถ่ายทำไม่ได้เริ่มต้นขึ้น

    หลังจากเข้าร่วม Milestone Films จอห์น วู ก็ดึงโครงการที่จะถ่ายทำ "Once a Thief (ตีแสกตะวัน)" เจ้าของบริษัท Golden Princess Film Company อนุมัติ และต้องการให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายในช่วงเทศกาลตรุษจีน แต่กำหนดให้เนื้อเรื่องต้องมีความสนุก

    กู่เหวยลี่ (ลินดา คุค) โปรดิวเซอร์ของหนัง ได้ขอให้ "โจวเหวินฟะ" มารับบทนำโดยเฉพาะ ในปี 1990 โจวเหวินฟะรู้สึกเหนื่อยมากและต้องการพักผ่อนยาวๆ แต่เมื่อได้ยินว่าผู้กำกับคือ "จอห์น วู" เขาก็ตกลงทันที

    เช่นเดียวกับ เลสลี่ จาง ที่กำลังจะหยุดพัก หลังจากเสร็จสิ้นการถ่ายทำ Days of Being Wild ก็ตอบตกลงอย่างเต็มใจ และยังได้ จงฉู่หง มาแสดงร่วมกับ โจวเหวินฟะ ด้วย

    “Once a Thief (ตีแสกตะวัน)” ออกฉายในปี 1991 ด้วยต้นทุนเพียง 1 ล้านเหรียญฮ่องกง ถ่ายทำนานสองเดือนครึ่ง เข้าฉายนาน 33 วัน กวาดรายได้ที่บ็อกซ์ออฟฟิศไปได้ถึง 33.39 ล้านเหรียญฮ่องกง ในปีนี้ เลสลี่จาง ยังได้รับรางวัล Hong Kong Film Awards ครั้งที่ 10 สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเรื่อง Days of Being Wild อีกด้วย
    - #คิดถึงหนังเก่า - ในปี 1989 เลสลี จาง ประกาศอำลาวงการเพลง ไม่เพียงเท่านั้น เขายังวางแผนจะหยุดพักหลังจากถ่ายทำ Days of Being Wild (วันที่หัวใจรักกล้าตัดขอบฟ้า) ของ หว่องกาไว เสร็จ โชคดีที่ ผู้กำกับหวัง ใช้เวลาในการถ่ายทำอย่างมาก และเขาก็ถ่ายทำ Days of Being Wild เสร็จในปี 1990 เมื่อ จอห์น วู ตั้งใจจะถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง "Once a Thief (ตีแสกตะวัน)" และเขียนเนื้อเรื่องที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมเป็นหลัก แต่เนื่องจากปัจจัยหลายประการ ทำให้การถ่ายทำไม่ได้เริ่มต้นขึ้น หลังจากเข้าร่วม Milestone Films จอห์น วู ก็ดึงโครงการที่จะถ่ายทำ "Once a Thief (ตีแสกตะวัน)" เจ้าของบริษัท Golden Princess Film Company อนุมัติ และต้องการให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายในช่วงเทศกาลตรุษจีน แต่กำหนดให้เนื้อเรื่องต้องมีความสนุก กู่เหวยลี่ (ลินดา คุค) โปรดิวเซอร์ของหนัง ได้ขอให้ "โจวเหวินฟะ" มารับบทนำโดยเฉพาะ ในปี 1990 โจวเหวินฟะรู้สึกเหนื่อยมากและต้องการพักผ่อนยาวๆ แต่เมื่อได้ยินว่าผู้กำกับคือ "จอห์น วู" เขาก็ตกลงทันที เช่นเดียวกับ เลสลี่ จาง ที่กำลังจะหยุดพัก หลังจากเสร็จสิ้นการถ่ายทำ Days of Being Wild ก็ตอบตกลงอย่างเต็มใจ และยังได้ จงฉู่หง มาแสดงร่วมกับ โจวเหวินฟะ ด้วย “Once a Thief (ตีแสกตะวัน)” ออกฉายในปี 1991 ด้วยต้นทุนเพียง 1 ล้านเหรียญฮ่องกง ถ่ายทำนานสองเดือนครึ่ง เข้าฉายนาน 33 วัน กวาดรายได้ที่บ็อกซ์ออฟฟิศไปได้ถึง 33.39 ล้านเหรียญฮ่องกง ในปีนี้ เลสลี่จาง ยังได้รับรางวัล Hong Kong Film Awards ครั้งที่ 10 สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเรื่อง Days of Being Wild อีกด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 151 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีข่าวลือที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเปิดตัวกราฟิกการ์ด Radeon RX 9070 XTX ขนาด 32 GB แม้ว่า Frank Azor จาก AMD จะยืนยันว่าไม่มีการวางแผนเปิดตัวรุ่น 32 GB ของ RX 9070 XT แต่แหล่งข่าวจาก Wccftech ระบุว่า Radeon RX 9070 XTX ขนาด 32 GB นั้นกำลังพัฒนาอยู่จริง ซึ่งคาดว่ากราฟิกการ์ดรุ่นนี้จะออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งาน AI โดยเฉพาะ

    การเปิดตัว Radeon RX 9070 XTX ขนาด 32 GB นี้อาจตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน AI ที่ต้องการหน่วยความจำขนาดใหญ่เพื่อประมวลผลข้อมูลมากมาย แม้ว่าจะมีการยืนยันว่า RX 9070 XTX จะใช้ชิป Navi 48 เช่นเดียวกับรุ่น XT แต่ยังไม่มีการยืนยันว่ามีชิปรุ่นสูงกว่านี้อยู่ในแผนหรือไม่ แหล่งข่าวจาก Benchlife ยังระบุว่ามีพันธมิตร AIB หลายรายกำลังพัฒนาการ์ด RDNA 4 ขนาด 32 GB ซึ่งยืนยันข้อมูลจากแหล่งข่าว Chiphell

    https://www.techpowerup.com/332589/despite-frank-azors-dismissal-whispers-of-a-32-gb-radeon-rx-9070-xtx-resurface
    มีข่าวลือที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเปิดตัวกราฟิกการ์ด Radeon RX 9070 XTX ขนาด 32 GB แม้ว่า Frank Azor จาก AMD จะยืนยันว่าไม่มีการวางแผนเปิดตัวรุ่น 32 GB ของ RX 9070 XT แต่แหล่งข่าวจาก Wccftech ระบุว่า Radeon RX 9070 XTX ขนาด 32 GB นั้นกำลังพัฒนาอยู่จริง ซึ่งคาดว่ากราฟิกการ์ดรุ่นนี้จะออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งาน AI โดยเฉพาะ การเปิดตัว Radeon RX 9070 XTX ขนาด 32 GB นี้อาจตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน AI ที่ต้องการหน่วยความจำขนาดใหญ่เพื่อประมวลผลข้อมูลมากมาย แม้ว่าจะมีการยืนยันว่า RX 9070 XTX จะใช้ชิป Navi 48 เช่นเดียวกับรุ่น XT แต่ยังไม่มีการยืนยันว่ามีชิปรุ่นสูงกว่านี้อยู่ในแผนหรือไม่ แหล่งข่าวจาก Benchlife ยังระบุว่ามีพันธมิตร AIB หลายรายกำลังพัฒนาการ์ด RDNA 4 ขนาด 32 GB ซึ่งยืนยันข้อมูลจากแหล่งข่าว Chiphell https://www.techpowerup.com/332589/despite-frank-azors-dismissal-whispers-of-a-32-gb-radeon-rx-9070-xtx-resurface
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Despite Frank Azor's Dismissal, Whispers of a 32 GB Radeon RX 9070 XTX Resurface
    Recent rumors hinted at a 32 GB variant of the Radeon RX 9070 XT being in the works, which were quickly dismissed as false information by AMD's Frank Azor. However, reliable sources seem to point to the contrary, stating that a 32 GB variant of the RX 9070 XT, likely dubbed the RX 9070 XTX, is under...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้ประกาศว่า Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 จะไม่สนับสนุนซีพียู Intel รุ่นที่ 8, 9 และ 10 สำหรับ OEMs การเปลี่ยนแปลงนี้หมายความว่าเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ที่ใช้ซีพียูเหล่านี้จะไม่ได้รับการอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุด แม้ว่าเครื่องเหล่านี้ยังคงสามารถใช้ Windows 11 ได้อยู่ก็ตาม

    การตัดสินใจนี้ทำให้หลายคนแปลกใจ เนื่องจากซีพียู Intel รุ่นที่ 8, 9 และ 10 นั้นรองรับ TPM 2.0 ซึ่งเป็นคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่จำเป็นสำหรับ Windows 11 แต่ Microsoft กลับเลือกที่จะสนับสนุนเฉพาะซีพียูรุ่นที่ 12 และใหม่กว่า

    หากคุณกำลังวางแผนที่จะซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่ ควรพิจารณาเลือกซีพียูรุ่นที่ 12 หรือใหม่กว่าเพื่อให้ได้รับการอัปเดตเป็น Windows 11 เวอร์ชันล่าสุด นอกจากนี้ รายการซีพียูที่ได้รับการสนับสนุนยังรวมถึงซีพียู AMD รุ่น 8000 เช่น AMD Ryzen 7 8700G และ Ryzen 5 PRO 8640HS เป็นต้น

    https://wccftech.com/microsoft-drops-support-for-intels-10th-gen-processors-on-windows-11-24h2/
    Microsoft ได้ประกาศว่า Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 จะไม่สนับสนุนซีพียู Intel รุ่นที่ 8, 9 และ 10 สำหรับ OEMs การเปลี่ยนแปลงนี้หมายความว่าเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ที่ใช้ซีพียูเหล่านี้จะไม่ได้รับการอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุด แม้ว่าเครื่องเหล่านี้ยังคงสามารถใช้ Windows 11 ได้อยู่ก็ตาม การตัดสินใจนี้ทำให้หลายคนแปลกใจ เนื่องจากซีพียู Intel รุ่นที่ 8, 9 และ 10 นั้นรองรับ TPM 2.0 ซึ่งเป็นคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่จำเป็นสำหรับ Windows 11 แต่ Microsoft กลับเลือกที่จะสนับสนุนเฉพาะซีพียูรุ่นที่ 12 และใหม่กว่า หากคุณกำลังวางแผนที่จะซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่ ควรพิจารณาเลือกซีพียูรุ่นที่ 12 หรือใหม่กว่าเพื่อให้ได้รับการอัปเดตเป็น Windows 11 เวอร์ชันล่าสุด นอกจากนี้ รายการซีพียูที่ได้รับการสนับสนุนยังรวมถึงซีพียู AMD รุ่น 8000 เช่น AMD Ryzen 7 8700G และ Ryzen 5 PRO 8640HS เป็นต้น https://wccftech.com/microsoft-drops-support-for-intels-10th-gen-processors-on-windows-11-24h2/
    WCCFTECH.COM
    Microsoft Drops Support For Intel's 10th Gen Processors On Windows 11 24H2 For OEMs, Marking An End To The Iconic "Comet Lake" Lineup
    Microsoft has officially announced that it has dropped support for Intel Core 10th, 9th, and 8th gen processors for Windows 11 24H2 for OEMs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • อังกฤษและฝรั่งเศสกำลังร่วมกับประเทศยุโรปอื่นๆ กำลังวางแผนร่วมมือกันส่งทหารเข้าไปในยูเครนหลังสงครามสิ้นสุดลง
    - AP รายงาน
    อังกฤษและฝรั่งเศสกำลังร่วมกับประเทศยุโรปอื่นๆ กำลังวางแผนร่วมมือกันส่งทหารเข้าไปในยูเครนหลังสงครามสิ้นสุดลง - AP รายงาน
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 209 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เปลี่ยนเงินหลักแสน เป็นมรดก 10 ล้านง่ายๆ
    เพื่ออนาคตคนที่คุณรัก" 💰💵

    💸 คุณเคยคิดไหมว่า… ถ้าวันหนึ่งคุณไม่อยู่แล้ว
    ครอบครัวจะมีชีวิตต่อไปอย่างไร?

    💎 **ประกันมรดก 10 ล้านบาท Wealth Legacy**
    คือทางเลือกที่ช่วยให้คุณมั่นใจว่า
    คนที่คุณรักจะมีเงินดูแลชีวิตต่อไป
    โดยไม่ต้องกังวลเรื่องภาระหนี้สินหรือค่าใช้จ่ายในอนาคต

    ✅ **สร้างมรดก 10 ล้านได้ง่ายๆ** ใช้เงินหลักแสน
    ✅ **คุ้มครองทันที** สบายใจไร้กังวล
    ✅ **สมัครง่าย** อนุมัติไว ไม่ยุ่งยาก

    จ่ายเพียหลักแสน/ปี ส่งสั้นแค่6ปีเท่านั้น
    ก็สามารถส่งต่อความมั่นคงให้ครอบครัวได้ทันที!
    สามารถมีมรดกได้ตั้งแต่ 10ล้าน - 300ล้านบาท

    ⭕️ "วันนี้คุณอาจยังมีเวลา แต่วันหนึ่งคุณอาจไม่มีโอกาส"
    วางแผนมรดกตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้คนที่คุณรักมีอนาคตที่มั่นคง!

    **ติดต่อ Fiamony เพื่อรับคำแนะนำฟรี**
    💬 สนใจทักแชทได้เลย ยินดีให้คำปรึกษาค่ะ
    📩 Line ID : @fiamony
    📩 คลิ๊กเลย https://lin.ee/o3lzLTu
    🌐 FB Page: Fiamony
    ☎️ 081-323-8168
    🎙️ TikTok: Fiamony

    #fiamony | #มรดก | #ประกันอลิอันซ์ | #รักครอบครัว
    #ประกันมรดก | #อลิอันซ์อยุธยาประกันชีวิต | #ลูกรัก
    #ประกันออนไลน์ | #ประกันชีวิต | #คุ้มครองชีวิต
    "เปลี่ยนเงินหลักแสน เป็นมรดก 10 ล้านง่ายๆ เพื่ออนาคตคนที่คุณรัก" 💰💵 💸 คุณเคยคิดไหมว่า… ถ้าวันหนึ่งคุณไม่อยู่แล้ว ครอบครัวจะมีชีวิตต่อไปอย่างไร? 💎 **ประกันมรดก 10 ล้านบาท Wealth Legacy** คือทางเลือกที่ช่วยให้คุณมั่นใจว่า คนที่คุณรักจะมีเงินดูแลชีวิตต่อไป โดยไม่ต้องกังวลเรื่องภาระหนี้สินหรือค่าใช้จ่ายในอนาคต ✅ **สร้างมรดก 10 ล้านได้ง่ายๆ** ใช้เงินหลักแสน ✅ **คุ้มครองทันที** สบายใจไร้กังวล ✅ **สมัครง่าย** อนุมัติไว ไม่ยุ่งยาก จ่ายเพียหลักแสน/ปี ส่งสั้นแค่6ปีเท่านั้น ก็สามารถส่งต่อความมั่นคงให้ครอบครัวได้ทันที! สามารถมีมรดกได้ตั้งแต่ 10ล้าน - 300ล้านบาท ⭕️ "วันนี้คุณอาจยังมีเวลา แต่วันหนึ่งคุณอาจไม่มีโอกาส" วางแผนมรดกตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้คนที่คุณรักมีอนาคตที่มั่นคง! **ติดต่อ Fiamony เพื่อรับคำแนะนำฟรี** 💬 สนใจทักแชทได้เลย ยินดีให้คำปรึกษาค่ะ 📩 Line ID : @fiamony 📩 คลิ๊กเลย https://lin.ee/o3lzLTu 🌐 FB Page: Fiamony ☎️ 081-323-8168 🎙️ TikTok: Fiamony #fiamony | #มรดก | #ประกันอลิอันซ์ | #รักครอบครัว #ประกันมรดก | #อลิอันซ์อยุธยาประกันชีวิต | #ลูกรัก #ประกันออนไลน์ | #ประกันชีวิต | #คุ้มครองชีวิต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 250 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพราะสุขภาพสำคัญ วางแผนป้องกันครับ
    เพราะสุขภาพสำคัญ วางแผนป้องกันครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ หยุดจ่ายเงิน BBC หันมาชมจีน

    หลายวันก่อน อีลอน มัสก์ปิดองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา (USAID)โดยตรง มิเพียงแต่เลิกจ้างพนักงานทั่วโลกจำนวนกว่าหมื่นคนเท่านั้น และยังตัดงบประมาณที่มียอดกว่า 50,000ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี
    เรื่องนี้ทำให้ BBC โกรธมาก และหันมาชมจีนอย่างเต็มที่

    ทีมงานของอีลอน มัสก์เปิดโปงว่าแต่ละปี สื่อจำนวนมากของสหรัฐอเมริกาและยุโรปล้วนได้เงินไม่น้อยจาก USAID
    ส่วน BBC ที่บอกว่าตัวเองเป็นสื่ออิสระและเป็นกลางนั้น ก็มีค่าตอบแทนเช่นกัน โดยแต่ละปีจะได้รับจากUSAIDหลายสิบล้านเหรียญสหรัฐ

    เมื่อ 1 เดือนก่อน สารคดีของ BBC ส่วนใหญ่บอกว่าจีนแย่แล้ว จีนจะพังแล้ว

    แต่หลังจากวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่อีลอน มัสก์ตัดงบฯ แล้ว ทำให้ BBC โกรธมาก จึงเร่งพนักงานผลิตสารคดีเรื่อง “โครงการเมดอินไชน่า 2025”ภายในเวลาไม่กี่วัน และออกอากาศด้วย

    สารคดีเรื่องนี้ชมจีนอย่างเต็มที่ อย่างเช่นโดรนทันสมัยนำหน้าของจีน รถยนต์พลังงานใหม่ของ BYD โครงการโซลาร์เซลล์ และ Deepseek เป็นต้น โดยไม่มีคำตำหนิใส่ร้ายใดๆ มีแต่พูดเรื่องดีๆเท่านั้น

    สุดท้าย พิธีกรได้คำสรุปว่า “โครงการเมดอินไชน่า 2025”ของจีนประสบความสำเร็จอย่างบริบูรณ์ สาเหตุคือ ระบบของจีน ความอดทนและการวางแผนระยะยาวของรัฐบาลจีน

    BBC ชอบรายงานจีนในเชิงลบ กระทั่งสร้างข่าวปลอมเกี่ยวกับจีน อย่างเช่นเหตุการณ์ผ้าฝ้ายซินเจียง แต่หลังจากอีลอน มัสก์ตัดงบฯ แล้ว BBC เปลี่ยนท่าทีจากผู้ต้านจีนมาเป็นผู้สนิทกับจีนทันที

    ดิฉันคิดว่า BBC ทำสารคดีดังกล่าว คงไม่ใช่สนิทกับจีนจริงๆ แต่เป็นการเตือนสหรัฐฯ ว่า ถ้าไม่จ่ายเงินต่อ วันหลังก็จะไม่ทำตามคำสั่งอีกแล้ว

    ทีมงานของอีลอน มัสก์โพสต์ข้อความและยืนยันว่า USAIDให้เงินสนับสนุนแก่ผู้สื่อข่าวจำนวนกว่า 6,200 คน สื่อ 707 แห่ง และองค์การภาคเอกชน 279 แห่งของ 30 ประเทศ
    .
    https://web.facebook.com/share/p/1B1cgCWZib/
    สหรัฐฯ หยุดจ่ายเงิน BBC หันมาชมจีน หลายวันก่อน อีลอน มัสก์ปิดองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา (USAID)โดยตรง มิเพียงแต่เลิกจ้างพนักงานทั่วโลกจำนวนกว่าหมื่นคนเท่านั้น และยังตัดงบประมาณที่มียอดกว่า 50,000ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี เรื่องนี้ทำให้ BBC โกรธมาก และหันมาชมจีนอย่างเต็มที่ ทีมงานของอีลอน มัสก์เปิดโปงว่าแต่ละปี สื่อจำนวนมากของสหรัฐอเมริกาและยุโรปล้วนได้เงินไม่น้อยจาก USAID ส่วน BBC ที่บอกว่าตัวเองเป็นสื่ออิสระและเป็นกลางนั้น ก็มีค่าตอบแทนเช่นกัน โดยแต่ละปีจะได้รับจากUSAIDหลายสิบล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อ 1 เดือนก่อน สารคดีของ BBC ส่วนใหญ่บอกว่าจีนแย่แล้ว จีนจะพังแล้ว แต่หลังจากวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่อีลอน มัสก์ตัดงบฯ แล้ว ทำให้ BBC โกรธมาก จึงเร่งพนักงานผลิตสารคดีเรื่อง “โครงการเมดอินไชน่า 2025”ภายในเวลาไม่กี่วัน และออกอากาศด้วย สารคดีเรื่องนี้ชมจีนอย่างเต็มที่ อย่างเช่นโดรนทันสมัยนำหน้าของจีน รถยนต์พลังงานใหม่ของ BYD โครงการโซลาร์เซลล์ และ Deepseek เป็นต้น โดยไม่มีคำตำหนิใส่ร้ายใดๆ มีแต่พูดเรื่องดีๆเท่านั้น สุดท้าย พิธีกรได้คำสรุปว่า “โครงการเมดอินไชน่า 2025”ของจีนประสบความสำเร็จอย่างบริบูรณ์ สาเหตุคือ ระบบของจีน ความอดทนและการวางแผนระยะยาวของรัฐบาลจีน BBC ชอบรายงานจีนในเชิงลบ กระทั่งสร้างข่าวปลอมเกี่ยวกับจีน อย่างเช่นเหตุการณ์ผ้าฝ้ายซินเจียง แต่หลังจากอีลอน มัสก์ตัดงบฯ แล้ว BBC เปลี่ยนท่าทีจากผู้ต้านจีนมาเป็นผู้สนิทกับจีนทันที ดิฉันคิดว่า BBC ทำสารคดีดังกล่าว คงไม่ใช่สนิทกับจีนจริงๆ แต่เป็นการเตือนสหรัฐฯ ว่า ถ้าไม่จ่ายเงินต่อ วันหลังก็จะไม่ทำตามคำสั่งอีกแล้ว ทีมงานของอีลอน มัสก์โพสต์ข้อความและยืนยันว่า USAIDให้เงินสนับสนุนแก่ผู้สื่อข่าวจำนวนกว่า 6,200 คน สื่อ 707 แห่ง และองค์การภาคเอกชน 279 แห่งของ 30 ประเทศ . https://web.facebook.com/share/p/1B1cgCWZib/
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 343 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประเทศกลุ่ม BRICS วางแผนที่จะยุติความร่วมมือทางยุทธศาสตร์กับอินเดีย หลังจากการเยือนสหรัฐฯ ของนายโมดี - สำนักข่าว CGTN ของจีน
    ประเทศกลุ่ม BRICS วางแผนที่จะยุติความร่วมมือทางยุทธศาสตร์กับอินเดีย หลังจากการเยือนสหรัฐฯ ของนายโมดี - สำนักข่าว CGTN ของจีน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 165 มุมมอง 0 รีวิว

  • ประธานาธิบดี สีจิ้นผิงจะจัดประชุมสัมมนาสุดยอดผู้นำเทคโนโลยีของจีน งานนี้เชิญแจ๊ก หม่ากลับคืนเวที ถือเป็นกลยุทธ์การระดมความรู้และความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนที่มีบทบาทนำการพัฒนาจีนเป็นผู้นำโลกยุคใหม่

    แหล่งข่าวเผยว่า สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เตรียมจัดการประชุมสัมมนาเพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นภาคเอกชนในสัปดาห์หน้า โดยมีผู้นำธุรกิจของประเทศเข้าร่วมด้วย รวมถึงแจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งร่วมของบริษัทอาลีบาบา

    ที่ผ่านมา สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน แทบไม่เคยจัดการประชุมสัมมนาเกี่ยวกับภาคเอกชนเลย และงานดังกล่าวตอกย้ำความท้าทายมากมายที่บริษัทจีนต้องเผชิญ ตั้งแต่ความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นกับสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไปจนถึงการเติบโตที่ชะงักงันของเศรษฐกิจภายในประเทศ

    ผู้ประกอบการจำนวนมากจะเป็นผู้ประกอบการจากภาคเทคโนโลยี และคาดว่าสี จิ้นผิง จะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเหล่านี้ขยายธุรกิจในประเทศและต่างประเทศ ท่ามกลางสงครามเทคโนโลยีระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่ทวีความรุนแรงขึ้น แหล่งข่าว 2 รายระบุ

    การประชุมสัมมนาครั้งนี้มีแนวโน้มว่าจะมีขึ้นในวันจันทร์หน้า แหล่งข่าวระบุ ข่าวการประชุมดังกล่าวรายงานโดยสำนักข่าวรอยเตอร์เป็นครั้งแรก
    โพนี่ หม่า ซีอีโอของยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Tencent มีกำหนดที่จะเข้าร่วม แหล่งข่าวสองรายระบุว่า เล่ย จุน ซีอีโอของผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Xiaomi รวมถึงหวัง ซิงซิง ผู้ก่อตั้งบริษัทหุ่นยนต์ Yushu Technology ก็มีแนวโน้มที่จะเข้าร่วมเช่นกัน แหล่งข่าวหนึ่งกล่าว

    นอกจากนี้ ผู้บริหารระดับสูงของ Huawei Technologies ยังคาดว่าจะเข้าร่วมด้วย นอกจากนี้สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เหลียง เหวินเฟิง ผู้ก่อตั้ง DeepSeek จะเข้าร่วมด้วย เพราะบริษัทสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งนี้ได้สร้างความสั่นสะเทือนให้กับโลกเทคโนโลยีด้วยโมเดลที่บริษัทอ้างว่าพัฒนาขึ้นด้วยต้นทุนเพียงเศษเสี้ยวเดียวของคู่แข่งจากตะวันตก

    สำนักข่าวรอยเตอร์ได้ติดต่อกับบุคคลสำคัญทั้ง 5 รายที่ทราบเกี่ยวกับการประชุมดังกล่าว ซึ่งทั้งหมดขอสงวนนามเนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยกับสื่อ 

    สำนักงานข้อมูลของคณะรัฐมนตรี ซึ่งทำหน้าที่ตอบคำถามสื่อในนามของผู้นำประเทศ ไม่ได้ตอบคำถามของสำนักข่าวรอยเตอร์เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวในทันที

    อาลีบาบา เทนเซนต์ เสี่ยวหมี่ หัวเว่ย ยู่ชู่ และดีพซีค ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นเรื่องนี้

    ปรากฏว่าหุ้นที่จดทะเบียนในฮ่องกงของอาลีบาบา เทนเซนต์ และเสี่ยวหมี่ พุ่งขึ้นต่อเนื่องในการซื้อขายช่วงบ่ายตามข่าว โดยเสี่ยวหมี่ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเพิ่มขึ้น 7% นอกจากนี้ เทนเซนต์ยังปิดตลาดสูงขึ้น 7% ในขณะที่อาลีบาบาปิดตลาดที่ระดับ 6%

    ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น
    สีจิ้นผิงเป็นประธานการประชุมสัมมนาระดับสูงสำหรับภาคเอกชนเป็นครั้งแรกในช่วงปลายปี 2561 ซึ่งเป็นเวลา 6 ปีหลังจากที่เขาดำรงตำแหน่ง ในเวลานั้น เขาให้คำมั่นว่าจะลดหย่อนภาษีและสร้างสนามแข่งขันที่เท่าเทียมกัน พร้อมทั้งยืนยันว่าบริษัทเอกชนจะสามารถเข้าถึงการสนับสนุนทางการเงินได้

    การเข้าร่วมการประชุมสัมมนาที่วางแผนไว้ของแจ็ค หม่า มีแนวโน้มที่จะเพิ่มความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ผู้ประกอบการที่ครั้งหนึ่งเคยมีชื่อเสียงโด่งดังได้ถอนตัวออกจากชีวิตสาธารณะเป็นส่วนใหญ่ หลังจากที่ Ant บริษัทฟินเทคของเขาถูกทางการสั่งระงับการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรกในปี 2020 ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดจากคำปราศรัยของเขาในปีนั้นที่วิจารณ์ระบบการกำกับดูแลของจีน

    อาณาจักรธุรกิจของเขาและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่กว้างขึ้นก็ตกเป็นเป้าหมายของการปราบปรามทางการ โดยช่วงเวลาที่เขาอยู่ห่างจากจุดสนใจเป็นสัญลักษณ์ของการพลิกผันของโชคชะตาสำหรับภาคเอกชนของจีน

    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สีได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นของจีนในการบรรลุ "ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน" โดยกล่าวว่าบริษัทเอกชนควร "ร่ำรวยและเปี่ยมด้วยความรัก" เช่นเดียวกับ "รักชาติ" และแบ่งปันผลจากการเติบโตของตนกับพนักงานอย่างเท่าเทียมกันมากขึ้น

    คำพูดของเขาถูกมองว่าเป็นการขัดขวางความเกินพอดีในอุตสาหกรรมจำนวนหนึ่ง และทำหน้าที่เป็นเบรกในการลงทุนที่มีความเสี่ยง

    การเข้าร่วมของผู้ก่อตั้ง DeepSeek อย่าง Liang จะช่วยเสริมสถานะใหม่ที่เพิ่งค้นพบของบริษัทสตาร์ทอัพแห่งนี้ให้กลายเป็นผู้พลิกผันครั้งใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรม AI ระดับโลก เมื่อเดือนที่แล้ว เขาได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมสัมมนาแบบปิดที่จัดโดยนายกรัฐมนตรีหลี่ เชียง

    ประธานาธิบดีสีเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จีนต้องบรรลุความพอเพียงในตัวเองในด้านเซมิคอนดักเตอร์มาเป็นเวลานาน และต้องการให้ประเทศใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ

    แต่ความพยายามของจีนถูกขัดขวางโดยมาตรการควบคุมการส่งออกชิปที่บังคับใช้โดยวอชิงตัน ซึ่งกังวลว่าปักกิ่งอาจใช้เซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางทหาร

    ที่มา Xi to chair symposium attended by Jack Ma and other Chinese business leaders, sources say - https://www.reuters.com/world/china/xi-chair-symposium-attended-by-jack-ma-other-chinese-business-leaders-sources-2025-02-14/
    ประธานาธิบดี สีจิ้นผิงจะจัดประชุมสัมมนาสุดยอดผู้นำเทคโนโลยีของจีน งานนี้เชิญแจ๊ก หม่ากลับคืนเวที ถือเป็นกลยุทธ์การระดมความรู้และความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนที่มีบทบาทนำการพัฒนาจีนเป็นผู้นำโลกยุคใหม่ แหล่งข่าวเผยว่า สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เตรียมจัดการประชุมสัมมนาเพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นภาคเอกชนในสัปดาห์หน้า โดยมีผู้นำธุรกิจของประเทศเข้าร่วมด้วย รวมถึงแจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งร่วมของบริษัทอาลีบาบา ที่ผ่านมา สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน แทบไม่เคยจัดการประชุมสัมมนาเกี่ยวกับภาคเอกชนเลย และงานดังกล่าวตอกย้ำความท้าทายมากมายที่บริษัทจีนต้องเผชิญ ตั้งแต่ความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นกับสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไปจนถึงการเติบโตที่ชะงักงันของเศรษฐกิจภายในประเทศ ผู้ประกอบการจำนวนมากจะเป็นผู้ประกอบการจากภาคเทคโนโลยี และคาดว่าสี จิ้นผิง จะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเหล่านี้ขยายธุรกิจในประเทศและต่างประเทศ ท่ามกลางสงครามเทคโนโลยีระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่ทวีความรุนแรงขึ้น แหล่งข่าว 2 รายระบุ การประชุมสัมมนาครั้งนี้มีแนวโน้มว่าจะมีขึ้นในวันจันทร์หน้า แหล่งข่าวระบุ ข่าวการประชุมดังกล่าวรายงานโดยสำนักข่าวรอยเตอร์เป็นครั้งแรก โพนี่ หม่า ซีอีโอของยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Tencent มีกำหนดที่จะเข้าร่วม แหล่งข่าวสองรายระบุว่า เล่ย จุน ซีอีโอของผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Xiaomi รวมถึงหวัง ซิงซิง ผู้ก่อตั้งบริษัทหุ่นยนต์ Yushu Technology ก็มีแนวโน้มที่จะเข้าร่วมเช่นกัน แหล่งข่าวหนึ่งกล่าว นอกจากนี้ ผู้บริหารระดับสูงของ Huawei Technologies ยังคาดว่าจะเข้าร่วมด้วย นอกจากนี้สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เหลียง เหวินเฟิง ผู้ก่อตั้ง DeepSeek จะเข้าร่วมด้วย เพราะบริษัทสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งนี้ได้สร้างความสั่นสะเทือนให้กับโลกเทคโนโลยีด้วยโมเดลที่บริษัทอ้างว่าพัฒนาขึ้นด้วยต้นทุนเพียงเศษเสี้ยวเดียวของคู่แข่งจากตะวันตก สำนักข่าวรอยเตอร์ได้ติดต่อกับบุคคลสำคัญทั้ง 5 รายที่ทราบเกี่ยวกับการประชุมดังกล่าว ซึ่งทั้งหมดขอสงวนนามเนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยกับสื่อ  สำนักงานข้อมูลของคณะรัฐมนตรี ซึ่งทำหน้าที่ตอบคำถามสื่อในนามของผู้นำประเทศ ไม่ได้ตอบคำถามของสำนักข่าวรอยเตอร์เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวในทันที อาลีบาบา เทนเซนต์ เสี่ยวหมี่ หัวเว่ย ยู่ชู่ และดีพซีค ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ ปรากฏว่าหุ้นที่จดทะเบียนในฮ่องกงของอาลีบาบา เทนเซนต์ และเสี่ยวหมี่ พุ่งขึ้นต่อเนื่องในการซื้อขายช่วงบ่ายตามข่าว โดยเสี่ยวหมี่ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเพิ่มขึ้น 7% นอกจากนี้ เทนเซนต์ยังปิดตลาดสูงขึ้น 7% ในขณะที่อาลีบาบาปิดตลาดที่ระดับ 6% ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น สีจิ้นผิงเป็นประธานการประชุมสัมมนาระดับสูงสำหรับภาคเอกชนเป็นครั้งแรกในช่วงปลายปี 2561 ซึ่งเป็นเวลา 6 ปีหลังจากที่เขาดำรงตำแหน่ง ในเวลานั้น เขาให้คำมั่นว่าจะลดหย่อนภาษีและสร้างสนามแข่งขันที่เท่าเทียมกัน พร้อมทั้งยืนยันว่าบริษัทเอกชนจะสามารถเข้าถึงการสนับสนุนทางการเงินได้ การเข้าร่วมการประชุมสัมมนาที่วางแผนไว้ของแจ็ค หม่า มีแนวโน้มที่จะเพิ่มความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ผู้ประกอบการที่ครั้งหนึ่งเคยมีชื่อเสียงโด่งดังได้ถอนตัวออกจากชีวิตสาธารณะเป็นส่วนใหญ่ หลังจากที่ Ant บริษัทฟินเทคของเขาถูกทางการสั่งระงับการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรกในปี 2020 ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดจากคำปราศรัยของเขาในปีนั้นที่วิจารณ์ระบบการกำกับดูแลของจีน อาณาจักรธุรกิจของเขาและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่กว้างขึ้นก็ตกเป็นเป้าหมายของการปราบปรามทางการ โดยช่วงเวลาที่เขาอยู่ห่างจากจุดสนใจเป็นสัญลักษณ์ของการพลิกผันของโชคชะตาสำหรับภาคเอกชนของจีน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สีได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นของจีนในการบรรลุ "ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน" โดยกล่าวว่าบริษัทเอกชนควร "ร่ำรวยและเปี่ยมด้วยความรัก" เช่นเดียวกับ "รักชาติ" และแบ่งปันผลจากการเติบโตของตนกับพนักงานอย่างเท่าเทียมกันมากขึ้น คำพูดของเขาถูกมองว่าเป็นการขัดขวางความเกินพอดีในอุตสาหกรรมจำนวนหนึ่ง และทำหน้าที่เป็นเบรกในการลงทุนที่มีความเสี่ยง การเข้าร่วมของผู้ก่อตั้ง DeepSeek อย่าง Liang จะช่วยเสริมสถานะใหม่ที่เพิ่งค้นพบของบริษัทสตาร์ทอัพแห่งนี้ให้กลายเป็นผู้พลิกผันครั้งใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรม AI ระดับโลก เมื่อเดือนที่แล้ว เขาได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมสัมมนาแบบปิดที่จัดโดยนายกรัฐมนตรีหลี่ เชียง ประธานาธิบดีสีเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จีนต้องบรรลุความพอเพียงในตัวเองในด้านเซมิคอนดักเตอร์มาเป็นเวลานาน และต้องการให้ประเทศใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ แต่ความพยายามของจีนถูกขัดขวางโดยมาตรการควบคุมการส่งออกชิปที่บังคับใช้โดยวอชิงตัน ซึ่งกังวลว่าปักกิ่งอาจใช้เซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางทหาร ที่มา Xi to chair symposium attended by Jack Ma and other Chinese business leaders, sources say - https://www.reuters.com/world/china/xi-chair-symposium-attended-by-jack-ma-other-chinese-business-leaders-sources-2025-02-14/
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 368 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📌20 วิธีดูแลสุขภาพกาย❤️และใจของ Gen X เพื่อเตรียมเข้าสู่ผู้สูงวัย

    1. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ – เดิน วิ่ง โยคะ หรือเวทเทรนนิ่งเพื่อเพิ่มความแข็งแรง


    2. รับประทานอาหารสมดุล – เน้นผัก ผลไม้ โปรตีนดี และลดน้ำตาล ไขมันทรานส์


    3. นอนหลับให้เพียงพอ – 7-9 ชั่วโมงต่อคืน ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง


    4. บริหารสมอง – อ่านหนังสือ เล่นหมากรุก ฝึกทักษะใหม่ป้องกันสมองเสื่อม


    5. จัดการความเครียด – ฝึกสมาธิ หายใจลึก ๆ หรือทำกิจกรรมที่ชอบ


    6. ตรวจสุขภาพประจำปี – คัดกรองโรคเบาหวาน ความดัน มะเร็ง และกระดูกพรุน


    7. เลิกบุหรี่และแอลกอฮอล์ – ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ มะเร็ง และสมองเสื่อม


    8. ดูแลสุขภาพกระดูก – รับแคลเซียมและวิตามินดีเพียงพอ ป้องกันกระดูกพรุน


    9. เสริมภูมิคุ้มกัน – ฉีดวัคซีน เช่น ไข้หวัดใหญ่ งูสวัด และป้องกันปอดบวม


    10. ควบคุมน้ำหนัก – ป้องกันโรคเบาหวาน ความดัน และข้อเสื่อม


    11. ตรวจสายตาและการได้ยิน – ป้องกันอุบัติเหตุและการสูญเสียการสื่อสาร


    12. ดูแลสุขภาพช่องปาก – ลดฟันผุ เหงือกอักเสบ และโรคหัวใจ


    13. สร้างเครือข่ายสังคม – มีเพื่อน มีครอบครัว ลดความเสี่ยงภาวะซึมเศร้า


    14. ตั้งเป้าหมายชีวิต – มีแรงจูงใจ ฝึกพัฒนาตัวเองและใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย


    15. ใช้เทคโนโลยีให้เป็น – อัปเดตความรู้ สื่อสาร และทำธุรกรรมออนไลน์ได้


    16. ทำงานอดิเรก – เช่น ปลูกต้นไม้ วาดรูป เล่นดนตรี คลายเครียดและเพิ่มพลังใจ


    17. ฝึกฝนความยืดหยุ่นทางจิตใจ – ปรับตัวได้ดีต่อการเปลี่ยนแปลงในชีวิต


    18. บริหารการเงิน – วางแผนเกษียณ ประหยัด และลงทุนอย่างชาญฉลาด


    19. ลดการบริโภคโซเชียลมีเดียเกินจำเป็น – ลดภาวะวิตกกังวลและเสพข่าวลบ


    20. ทำบุญและจิตอาสา – สร้างความสุขภายในและเพิ่มคุณค่าให้สังคม



    ครบทั้งสุขภาพกายและใจ อ่านแล้วนำไปปรับใช้ได้ทันที!

    📌20 วิธีดูแลสุขภาพกาย❤️และใจของ Gen X เพื่อเตรียมเข้าสู่ผู้สูงวัย 1. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ – เดิน วิ่ง โยคะ หรือเวทเทรนนิ่งเพื่อเพิ่มความแข็งแรง 2. รับประทานอาหารสมดุล – เน้นผัก ผลไม้ โปรตีนดี และลดน้ำตาล ไขมันทรานส์ 3. นอนหลับให้เพียงพอ – 7-9 ชั่วโมงต่อคืน ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง 4. บริหารสมอง – อ่านหนังสือ เล่นหมากรุก ฝึกทักษะใหม่ป้องกันสมองเสื่อม 5. จัดการความเครียด – ฝึกสมาธิ หายใจลึก ๆ หรือทำกิจกรรมที่ชอบ 6. ตรวจสุขภาพประจำปี – คัดกรองโรคเบาหวาน ความดัน มะเร็ง และกระดูกพรุน 7. เลิกบุหรี่และแอลกอฮอล์ – ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ มะเร็ง และสมองเสื่อม 8. ดูแลสุขภาพกระดูก – รับแคลเซียมและวิตามินดีเพียงพอ ป้องกันกระดูกพรุน 9. เสริมภูมิคุ้มกัน – ฉีดวัคซีน เช่น ไข้หวัดใหญ่ งูสวัด และป้องกันปอดบวม 10. ควบคุมน้ำหนัก – ป้องกันโรคเบาหวาน ความดัน และข้อเสื่อม 11. ตรวจสายตาและการได้ยิน – ป้องกันอุบัติเหตุและการสูญเสียการสื่อสาร 12. ดูแลสุขภาพช่องปาก – ลดฟันผุ เหงือกอักเสบ และโรคหัวใจ 13. สร้างเครือข่ายสังคม – มีเพื่อน มีครอบครัว ลดความเสี่ยงภาวะซึมเศร้า 14. ตั้งเป้าหมายชีวิต – มีแรงจูงใจ ฝึกพัฒนาตัวเองและใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย 15. ใช้เทคโนโลยีให้เป็น – อัปเดตความรู้ สื่อสาร และทำธุรกรรมออนไลน์ได้ 16. ทำงานอดิเรก – เช่น ปลูกต้นไม้ วาดรูป เล่นดนตรี คลายเครียดและเพิ่มพลังใจ 17. ฝึกฝนความยืดหยุ่นทางจิตใจ – ปรับตัวได้ดีต่อการเปลี่ยนแปลงในชีวิต 18. บริหารการเงิน – วางแผนเกษียณ ประหยัด และลงทุนอย่างชาญฉลาด 19. ลดการบริโภคโซเชียลมีเดียเกินจำเป็น – ลดภาวะวิตกกังวลและเสพข่าวลบ 20. ทำบุญและจิตอาสา – สร้างความสุขภายในและเพิ่มคุณค่าให้สังคม ครบทั้งสุขภาพกายและใจ อ่านแล้วนำไปปรับใช้ได้ทันที!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 294 มุมมอง 0 รีวิว
  • จตช. เผยกลุ่มที่ข้ามไปทำงานประเทศเพื่อนบ้านมีเพียง 1% ที่ถูกหลอก นอกนั้นเต็มใจไปเองเตรียมหารือทูตวางแผนรับตัวเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000014521

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    จตช. เผยกลุ่มที่ข้ามไปทำงานประเทศเพื่อนบ้านมีเพียง 1% ที่ถูกหลอก นอกนั้นเต็มใจไปเองเตรียมหารือทูตวางแผนรับตัวเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000014521 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Sad
    Angry
    6
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1040 มุมมอง 0 รีวิว
  • สรุปข่าวรัสเซีย-ยูเครน:

    - เซเลนสกีกล่าวกับ The Guardian ว่า ยินดีแลกเปลี่ยนดินแดนส่วนหนึ่งในภูมิภาคเคิร์สก์ (Kursk) ที่ยูเครนยึดครองอยู่ กับภูมิภาคที่รัสเซียยึดได้ แต่เซเลนสกียังไม่ได้ระบุว่าจะเป็นภูมิภาคใด คือ โดเนตสก์(Donetsk) ลูฮันสก์(Luhansk) ซาโปริซเซีย(Zaporozhye) และเคอร์ซอน (Kherson)

    - ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเซเลนสกีให้สัมภาษณ์ The Guardian กองทัพรัสเซียโจมตียูเครนอย่างหนักด้วยขีปนาวุธหลายสิบลูก รวมทั้งโดรนอีกหลายสิบลำ สร้างความเสียหายอย่างมาก บ่งชี้ว่ารัสเซียไม่สนใจข้อเสนอการแลกเปลี่ยนดินแดนของเซเลนสกีแต่อย่างใด

    - "ดมิทรี เปสคอฟ" (Dmitry Peskov) โฆษกทำเนียบเครมลิน ออกมาตอบโต้เซเลนสกีทันทีว่า ให้เลิกพูดถึงการแลกเปลี่ยนดังกล่าว เพราะรัสเซียจะไม่มีทางคุยเรื่องนี้ และจะไม่พูดถึงประเด็นการแลกเปลี่ยนดินแดนอย่างเด็ดขาด ซึ่งมันจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้

    - ประธานาธิบดีทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความระบุว่าเขาได้สนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีปูตินนานกว่า 90 นาที และทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันว่าควรยุติการสูญเสียชีวิตผู้คนที่กำลังเกิดขึ้นในสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทรัมป์ยังกล่าวอีกว่าการเจรจายุติสงครามอาจเกิดขึ้นในประเทศซาอุดีอาระเบีย นอกจากนี้ ผู้นำทั้งสองยังมีการตกลงกันว่าจะมีการเยือนกันระหว่างสองประเทศ แต่ยังไม่ระบุช่วงเวลา

    - หลังจากนั้น ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ต่อสายโทรศัพท์หาเซเลนสกี เพื่อบอกรายละเอียดที่จำเป็นให้เขาทราบ และเน้นไปที่การประชุมในมิวนิกที่ประเทศเยอรมันที่จะจัดขึ้นในวันศุกร์นี้ ซึ่งรองประธานาธิบดี เจ.ดี. แวนซ์ และรัฐมนตรีต่างประเทศมาร์โก รูบิโอ จะเป็นผู้นำคณะผู้แทน เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับรายละเอียดของสงครามยูเครน-รัสเซีย

    - ก่อนหน้านี้ เซเลนสกีต้องการให้ทรัมป์ต่อสายคุยกับเขาก่อน แล้วจึงคุยกับประธานาธิบดีปูติน แต่ทรัมป์กลับทำในสิ่งตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง

    - อังกฤษประกาศมอบเงินช่วยเหลือทางทหาร 150 ล้านปอนด์แก่ยูเครน ซึ่งประกอบด้วยโดรนหลายพันลำ รถถังรบหลายสิบคัน ยานเกราะ และระบบป้องกันภัยทางอากาศ

    - รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีต เฮกเซธ กล่าวในการประชุมกลาโหมที่สำนักงานใหญ่นาโต้ กรุงบรัสเซลส์ เมืองหลวงของประเทศเบลเยียม : "สหรัฐไม่เชื่อว่าการเป็นสมาชิกนาโตของยูเครนจะเป็นไปได้จากการเจรจาที่กำลังจะมีขึ้น"



    ข่าวอื่นๆ:
    - โฆษกฮามาสออกมาประกาศจะไม่ปล่อยตัวประกันในวันเสาร์นี้ หลังประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่าในกาซา "นรกจะแตก" หากฮามาสละเมิดข้อตกลง

    - เนทันยาฮู เตรียมประกาศยุติข้อตกลงหยุดยิง และสั่งกองกำลังอิสราเอลปิดล้อมกาซา โดยเฉพาะทางเหนือ เพื่อเตรียมตัวบุก หากพ้นกำหนดเส้นตายเที่ยงวันเสาร์ ที่ฮามาสต้องส่งมอบตัวประกันตามกำหนด

    - วุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติรับรอง “ทัลซี แกบบาร์ด” (Tulsi Gabbard) เป็นผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ (Director of National Intelligence) เมื่อปี 2020 ฮิลลารี คลินตัน ได้กล่าวหา Tulsi Gabbard ว่าเป็นผู้ปกป้องเผด็จการและเป็นหุ่นเชิดของรัสเซีย หลังจากนั้น 4 ปีต่อมา วุฒิสภาสหรัฐได้แต่งตั้งคนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นหุ่นเชิดของปูตินให้รับผิดชอบหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ

    - The Wall Street Journal รายงานว่า หน่วยข่าวกรองของสหรัฐมีข้อมูลว่าอิสราเอลกำลังวางแผนโจมตีสถานที่นิวเคลียร์ของอิหร่านครั้งใหญ่ในปีนี้ (อิหร่านและรัสเซียเพิ่งลงนามข้อตกลงความร่วมมือที่ครอบคลุมรอบด้าน รวมทั้งความมั่นคงและการทหาร เปรียบได้กับมาตรา 5 ของนาโต้)

    - กองทัพอียิปต์สั่งการให้ในภูมิภาคไซนาย(ติดกับอิสราเอล)ยกระดับความพร้อมรบขั้นสูงสุด

    - จีนจัดการซ้อมรบทางทะเลและทางอากาศรอบเกาะไต้หวันครั้งใหญ่ หลังจากสหรัฐส่งเรือรบ 2 ลำ ผ่านช่องแคบไต้หวันเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ
    สรุปข่าวรัสเซีย-ยูเครน: - เซเลนสกีกล่าวกับ The Guardian ว่า ยินดีแลกเปลี่ยนดินแดนส่วนหนึ่งในภูมิภาคเคิร์สก์ (Kursk) ที่ยูเครนยึดครองอยู่ กับภูมิภาคที่รัสเซียยึดได้ แต่เซเลนสกียังไม่ได้ระบุว่าจะเป็นภูมิภาคใด คือ โดเนตสก์(Donetsk) ลูฮันสก์(Luhansk) ซาโปริซเซีย(Zaporozhye) และเคอร์ซอน (Kherson) - ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเซเลนสกีให้สัมภาษณ์ The Guardian กองทัพรัสเซียโจมตียูเครนอย่างหนักด้วยขีปนาวุธหลายสิบลูก รวมทั้งโดรนอีกหลายสิบลำ สร้างความเสียหายอย่างมาก บ่งชี้ว่ารัสเซียไม่สนใจข้อเสนอการแลกเปลี่ยนดินแดนของเซเลนสกีแต่อย่างใด - "ดมิทรี เปสคอฟ" (Dmitry Peskov) โฆษกทำเนียบเครมลิน ออกมาตอบโต้เซเลนสกีทันทีว่า ให้เลิกพูดถึงการแลกเปลี่ยนดังกล่าว เพราะรัสเซียจะไม่มีทางคุยเรื่องนี้ และจะไม่พูดถึงประเด็นการแลกเปลี่ยนดินแดนอย่างเด็ดขาด ซึ่งมันจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้ - ประธานาธิบดีทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความระบุว่าเขาได้สนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีปูตินนานกว่า 90 นาที และทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันว่าควรยุติการสูญเสียชีวิตผู้คนที่กำลังเกิดขึ้นในสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทรัมป์ยังกล่าวอีกว่าการเจรจายุติสงครามอาจเกิดขึ้นในประเทศซาอุดีอาระเบีย นอกจากนี้ ผู้นำทั้งสองยังมีการตกลงกันว่าจะมีการเยือนกันระหว่างสองประเทศ แต่ยังไม่ระบุช่วงเวลา - หลังจากนั้น ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ต่อสายโทรศัพท์หาเซเลนสกี เพื่อบอกรายละเอียดที่จำเป็นให้เขาทราบ และเน้นไปที่การประชุมในมิวนิกที่ประเทศเยอรมันที่จะจัดขึ้นในวันศุกร์นี้ ซึ่งรองประธานาธิบดี เจ.ดี. แวนซ์ และรัฐมนตรีต่างประเทศมาร์โก รูบิโอ จะเป็นผู้นำคณะผู้แทน เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับรายละเอียดของสงครามยูเครน-รัสเซีย - ก่อนหน้านี้ เซเลนสกีต้องการให้ทรัมป์ต่อสายคุยกับเขาก่อน แล้วจึงคุยกับประธานาธิบดีปูติน แต่ทรัมป์กลับทำในสิ่งตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง - อังกฤษประกาศมอบเงินช่วยเหลือทางทหาร 150 ล้านปอนด์แก่ยูเครน ซึ่งประกอบด้วยโดรนหลายพันลำ รถถังรบหลายสิบคัน ยานเกราะ และระบบป้องกันภัยทางอากาศ - รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีต เฮกเซธ กล่าวในการประชุมกลาโหมที่สำนักงานใหญ่นาโต้ กรุงบรัสเซลส์ เมืองหลวงของประเทศเบลเยียม : "สหรัฐไม่เชื่อว่าการเป็นสมาชิกนาโตของยูเครนจะเป็นไปได้จากการเจรจาที่กำลังจะมีขึ้น" ข่าวอื่นๆ: - โฆษกฮามาสออกมาประกาศจะไม่ปล่อยตัวประกันในวันเสาร์นี้ หลังประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่าในกาซา "นรกจะแตก" หากฮามาสละเมิดข้อตกลง - เนทันยาฮู เตรียมประกาศยุติข้อตกลงหยุดยิง และสั่งกองกำลังอิสราเอลปิดล้อมกาซา โดยเฉพาะทางเหนือ เพื่อเตรียมตัวบุก หากพ้นกำหนดเส้นตายเที่ยงวันเสาร์ ที่ฮามาสต้องส่งมอบตัวประกันตามกำหนด - วุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติรับรอง “ทัลซี แกบบาร์ด” (Tulsi Gabbard) เป็นผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ (Director of National Intelligence) เมื่อปี 2020 ฮิลลารี คลินตัน ได้กล่าวหา Tulsi Gabbard ว่าเป็นผู้ปกป้องเผด็จการและเป็นหุ่นเชิดของรัสเซีย หลังจากนั้น 4 ปีต่อมา วุฒิสภาสหรัฐได้แต่งตั้งคนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นหุ่นเชิดของปูตินให้รับผิดชอบหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ - The Wall Street Journal รายงานว่า หน่วยข่าวกรองของสหรัฐมีข้อมูลว่าอิสราเอลกำลังวางแผนโจมตีสถานที่นิวเคลียร์ของอิหร่านครั้งใหญ่ในปีนี้ (อิหร่านและรัสเซียเพิ่งลงนามข้อตกลงความร่วมมือที่ครอบคลุมรอบด้าน รวมทั้งความมั่นคงและการทหาร เปรียบได้กับมาตรา 5 ของนาโต้) - กองทัพอียิปต์สั่งการให้ในภูมิภาคไซนาย(ติดกับอิสราเอล)ยกระดับความพร้อมรบขั้นสูงสุด - จีนจัดการซ้อมรบทางทะเลและทางอากาศรอบเกาะไต้หวันครั้งใหญ่ หลังจากสหรัฐส่งเรือรบ 2 ลำ ผ่านช่องแคบไต้หวันเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 283 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานล่าสุดจาก TechRadar ที่เปิดเผยว่าองค์กรส่วนใหญ่ (ถึง 90%) ยังคงใช้สเปรดชีตในการจัดการข้อมูลธุรกิจที่สำคัญ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ค่อนข้างล้าสมัยและทำให้การดำเนินงานช้าลงอย่างมาก

    AutoRek บริษัทที่ทำการศึกษานี้พบว่า แม้จะมีการวางแผนที่จะใช้ระบบอัตโนมัติในอนาคตถึง 82% ขององค์กร แต่ยังมีความท้าทายที่ทำให้องค์กรไม่สามารถเปลี่ยนไปใช้เครื่องมือที่ดีกว่าได้ในเร็วๆ นี้ เช่น การพึ่งพาระบบเก่าและกระบวนการทำงานแบบแมนนวล

    Nick Botha ผู้นำด้านการชำระเงินของ AutoRek กล่าวว่า "ระบบเก่าและกระบวนการทำงานแบบแมนนวลเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสี่ยงด้านกฎระเบียบและค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น" นอกจากนี้เขายังกล่าวว่า AI และระบบอัตโนมัติสามารถช่วยให้องค์กรขนาดเล็กและกลางนำแนวทางที่ทันสมัยมาปรับใช้ได้

    ในปัจจุบัน 81% ขององค์กรรับข้อมูลการชำระเงินแบบเรียลไทม์หรือหนึ่งครั้งต่อวัน และ 83% ขององค์กรประมวลผลและรายงานข้อมูลนี้ในความถี่เดียวกัน แต่การใช้สเปรดชีตและระบบเก่าทำให้เกิดความไม่แน่นอนและเสี่ยงในการปฏิบัติตามกฎระเบียบ

    การวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่า การปรับปรุงการจัดการข้อมูลการชำระเงินให้ทันสมัยควรเป็นจุดเริ่มต้นของการเพิ่มประสิทธิภาพและความถูกต้องในการดำเนินงานของธุรกิจ

    https://www.techradar.com/pro/almost-all-firms-are-still-reliant-on-spreadsheets-is-it-time-for-change
    มีรายงานล่าสุดจาก TechRadar ที่เปิดเผยว่าองค์กรส่วนใหญ่ (ถึง 90%) ยังคงใช้สเปรดชีตในการจัดการข้อมูลธุรกิจที่สำคัญ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ค่อนข้างล้าสมัยและทำให้การดำเนินงานช้าลงอย่างมาก AutoRek บริษัทที่ทำการศึกษานี้พบว่า แม้จะมีการวางแผนที่จะใช้ระบบอัตโนมัติในอนาคตถึง 82% ขององค์กร แต่ยังมีความท้าทายที่ทำให้องค์กรไม่สามารถเปลี่ยนไปใช้เครื่องมือที่ดีกว่าได้ในเร็วๆ นี้ เช่น การพึ่งพาระบบเก่าและกระบวนการทำงานแบบแมนนวล Nick Botha ผู้นำด้านการชำระเงินของ AutoRek กล่าวว่า "ระบบเก่าและกระบวนการทำงานแบบแมนนวลเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสี่ยงด้านกฎระเบียบและค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น" นอกจากนี้เขายังกล่าวว่า AI และระบบอัตโนมัติสามารถช่วยให้องค์กรขนาดเล็กและกลางนำแนวทางที่ทันสมัยมาปรับใช้ได้ ในปัจจุบัน 81% ขององค์กรรับข้อมูลการชำระเงินแบบเรียลไทม์หรือหนึ่งครั้งต่อวัน และ 83% ขององค์กรประมวลผลและรายงานข้อมูลนี้ในความถี่เดียวกัน แต่การใช้สเปรดชีตและระบบเก่าทำให้เกิดความไม่แน่นอนและเสี่ยงในการปฏิบัติตามกฎระเบียบ การวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่า การปรับปรุงการจัดการข้อมูลการชำระเงินให้ทันสมัยควรเป็นจุดเริ่มต้นของการเพิ่มประสิทธิภาพและความถูกต้องในการดำเนินงานของธุรกิจ https://www.techradar.com/pro/almost-all-firms-are-still-reliant-on-spreadsheets-is-it-time-for-change
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • รองประธานาธิบดี JD Vance ของสหรัฐฯ ได้ขึ้นกล่าวในงาน Paris AI Action Summit โดยมีการประกาศย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลทรัมป์ในการพัฒนาและสนับสนุนเทคโนโลยี AI โดยเฉพาะการเน้นย้ำว่าชิพที่ใช้ในการพัฒนาระบบ AI ที่ทรงพลังที่สุดจะถูกสร้างขึ้นในอเมริกาและจะต้องออกแบบและผลิตในประเทศสหรัฐฯ

    รองประธานาธิบดี Vance กล่าวว่า "สหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำในด้าน AI และรัฐบาลของเราวางแผนที่จะรักษาสถานะนี้ไว้" โดยมีการเน้นว่าความสามารถในการออกแบบชิปและการพัฒนาเทคโนโลยี AI ทุกด้านอยู่ในมือของสหรัฐอเมริกา เพื่อปกป้องความได้เปรียบในการพัฒนา AI รัฐบาลทรัมป์จะสนับสนุนให้ชิปที่ใช้ในการพัฒนา AI ถูกสร้างขึ้นในประเทศ

    การประกาศนี้เป็นข่าวดีสำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เนื่องจากทรัมป์เคยแสดงความเห็นคัดค้าน CHIPS and Science Act ในระหว่างการรณรงค์ แต่การประกาศนี้กลับมาสนับสนุนให้อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์พัฒนาและนวัตกรรมภายในประเทศ โดยการให้เครดิตภาษีแก่ผู้ผลิตชิป

    นอกจากนั้น Vance ยังวิพากษ์วิจารณ์กฎระเบียบของสหภาพยุโรป เช่น Digital Services Act และ GDPR ว่ามีข้อบังคับที่เข้มงวดเกินไปและสร้างค่าใช้จ่ายทางกฎหมายที่สูงสำหรับบริษัทขนาดเล็ก ทั้งนี้ยังเตือนเกี่ยวกับการร่วมมือกับระบอบเผด็จการที่ไม่เป็นมิตร เพราะอาจทำให้ข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานของประเทศถูกเข้าถึงและยึดครองได้

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/trump-administration-declares-most-powerful-ai-chips-will-be-built-in-america
    รองประธานาธิบดี JD Vance ของสหรัฐฯ ได้ขึ้นกล่าวในงาน Paris AI Action Summit โดยมีการประกาศย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลทรัมป์ในการพัฒนาและสนับสนุนเทคโนโลยี AI โดยเฉพาะการเน้นย้ำว่าชิพที่ใช้ในการพัฒนาระบบ AI ที่ทรงพลังที่สุดจะถูกสร้างขึ้นในอเมริกาและจะต้องออกแบบและผลิตในประเทศสหรัฐฯ รองประธานาธิบดี Vance กล่าวว่า "สหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำในด้าน AI และรัฐบาลของเราวางแผนที่จะรักษาสถานะนี้ไว้" โดยมีการเน้นว่าความสามารถในการออกแบบชิปและการพัฒนาเทคโนโลยี AI ทุกด้านอยู่ในมือของสหรัฐอเมริกา เพื่อปกป้องความได้เปรียบในการพัฒนา AI รัฐบาลทรัมป์จะสนับสนุนให้ชิปที่ใช้ในการพัฒนา AI ถูกสร้างขึ้นในประเทศ การประกาศนี้เป็นข่าวดีสำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เนื่องจากทรัมป์เคยแสดงความเห็นคัดค้าน CHIPS and Science Act ในระหว่างการรณรงค์ แต่การประกาศนี้กลับมาสนับสนุนให้อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์พัฒนาและนวัตกรรมภายในประเทศ โดยการให้เครดิตภาษีแก่ผู้ผลิตชิป นอกจากนั้น Vance ยังวิพากษ์วิจารณ์กฎระเบียบของสหภาพยุโรป เช่น Digital Services Act และ GDPR ว่ามีข้อบังคับที่เข้มงวดเกินไปและสร้างค่าใช้จ่ายทางกฎหมายที่สูงสำหรับบริษัทขนาดเล็ก ทั้งนี้ยังเตือนเกี่ยวกับการร่วมมือกับระบอบเผด็จการที่ไม่เป็นมิตร เพราะอาจทำให้ข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานของประเทศถูกเข้าถึงและยึดครองได้ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/trump-administration-declares-most-powerful-ai-chips-will-be-built-in-america
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Trump administration declares 'most powerful' AI chips will be built in America
    "The most powerful AI systems are built in the US with American-designed and manufactured chips.”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 152 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ดมิทรี เปสคอฟ" (Dmitry Peskov) โฆษกทำเนียบเครมลิน ตอบโต้เซเลนสกี โดยระบุว่าให้เลิกพูดได้เลยเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนดินแดนในภูมิภาคเคิร์สก์ที่ยูเครนยึดไว้ได้ เพื่อแลกกับดินแดนของยูเครนที่รัสเซียยึดครองอยู่

    เซเลนสกีให้สัมภาษณ์กับ The Guardian ว่า เขาวางแผนที่จะยื่นข้อเสนอต่อรัสเซีย โดยต้องการแลกเปลี่ยนดินแดนที่แต่ละฝ่ายยึดครองไว้ ซึ่งขณะนี้ยูเครนกำลังยึดครองส่วนหนึ่งของภูมิภาคเคิร์สก์ (Kursk) ไว้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2024

    สำหรับพื้นที่ที่รัสเซียยึดครองอยู่ ซึ่งเซเลนสกีเรียกร้องเป็นการตอบแทนนั้น เซเลนสกียังไม่ได้ระบุว่าต้องการภูมิภาคใด “ผมยังไม่ได้คิด เราคงต้องรอดู แต่ดินแดนของเราทั้งหมดมีความสำคัญ ไม่มีที่ใดสำคัญน้อยกว่าอีกที่หนึ่ง”

    ปัจจุบันมี 4 ภูมิภาคของยูเครนที่ถูกรัสเซียยึดครอง ได้แก่ โดเนตสก์(Donetsk) ลูฮันสก์(Luhansk) ซาโปริซเซีย(Zaporozhye) และเคอร์ซอน (Kherson) (ภูมิภาคซาโปริซเซียและเคอร์ซอน รัสเซียยึดครองดินแดนเกินครึ่งหนึ่ง)

    ทางด้าน "ดมิทรี เปสคอฟ" โฆษกทำเนียบเครมลิน ออกมาตอบโต้เซเลนสกีทันทีว่า ให้เลิกพูดถึงการแลกเปลี่ยนดังกล่าว เพราะรัสเซียจะไม่มีทางคุยเรื่องนี้ และจะไม่พูดถึงประเด็นการแลกเปลี่ยนดินแดนอย่างเด็ดขาด ซึ่งมันจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้

    เปสคอฟยังย้ำอีกว่า ยูเครนมีทางเลือกเพียงจะถูกขับออกจากดินแดนของรัสเซียหรือถูกทำลายไปทั้งหมด!

    "ดมิทรี เปสคอฟ" (Dmitry Peskov) โฆษกทำเนียบเครมลิน ตอบโต้เซเลนสกี โดยระบุว่าให้เลิกพูดได้เลยเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนดินแดนในภูมิภาคเคิร์สก์ที่ยูเครนยึดไว้ได้ เพื่อแลกกับดินแดนของยูเครนที่รัสเซียยึดครองอยู่ เซเลนสกีให้สัมภาษณ์กับ The Guardian ว่า เขาวางแผนที่จะยื่นข้อเสนอต่อรัสเซีย โดยต้องการแลกเปลี่ยนดินแดนที่แต่ละฝ่ายยึดครองไว้ ซึ่งขณะนี้ยูเครนกำลังยึดครองส่วนหนึ่งของภูมิภาคเคิร์สก์ (Kursk) ไว้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2024 สำหรับพื้นที่ที่รัสเซียยึดครองอยู่ ซึ่งเซเลนสกีเรียกร้องเป็นการตอบแทนนั้น เซเลนสกียังไม่ได้ระบุว่าต้องการภูมิภาคใด “ผมยังไม่ได้คิด เราคงต้องรอดู แต่ดินแดนของเราทั้งหมดมีความสำคัญ ไม่มีที่ใดสำคัญน้อยกว่าอีกที่หนึ่ง” ปัจจุบันมี 4 ภูมิภาคของยูเครนที่ถูกรัสเซียยึดครอง ได้แก่ โดเนตสก์(Donetsk) ลูฮันสก์(Luhansk) ซาโปริซเซีย(Zaporozhye) และเคอร์ซอน (Kherson) (ภูมิภาคซาโปริซเซียและเคอร์ซอน รัสเซียยึดครองดินแดนเกินครึ่งหนึ่ง) ทางด้าน "ดมิทรี เปสคอฟ" โฆษกทำเนียบเครมลิน ออกมาตอบโต้เซเลนสกีทันทีว่า ให้เลิกพูดถึงการแลกเปลี่ยนดังกล่าว เพราะรัสเซียจะไม่มีทางคุยเรื่องนี้ และจะไม่พูดถึงประเด็นการแลกเปลี่ยนดินแดนอย่างเด็ดขาด ซึ่งมันจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้ เปสคอฟยังย้ำอีกว่า ยูเครนมีทางเลือกเพียงจะถูกขับออกจากดินแดนของรัสเซียหรือถูกทำลายไปทั้งหมด!
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 165 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘ทีมไทยแลนด์’ สู้ ‘สงครามการค้า : [Biz Talk]
    รัฐบาล ควรดึงเอกชน ร่วม‘ทีมไทยแลนด์’ วางแผน แก้เกม เจรจาต่อรองการค้าไทย-สหรัฐ เหตุไทย สุ่มเสี่ยงเป็นกลุ่มต่อไป ที่จะถูกสหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้น ตามนโยบายทรัมป์ 2.0 มองระยะสั้น เป็นโอกาสดีต่อสินค้าไทยและอาเซียน ที่จะเข้าไปแข่งขันชิงตลาดในสหรัฐฯ หลังจากสินค้าแคนาดาและเม็กซิโก มีต้นทุนสูงขึ้น
    ‘ทีมไทยแลนด์’ สู้ ‘สงครามการค้า : [Biz Talk] รัฐบาล ควรดึงเอกชน ร่วม‘ทีมไทยแลนด์’ วางแผน แก้เกม เจรจาต่อรองการค้าไทย-สหรัฐ เหตุไทย สุ่มเสี่ยงเป็นกลุ่มต่อไป ที่จะถูกสหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้น ตามนโยบายทรัมป์ 2.0 มองระยะสั้น เป็นโอกาสดีต่อสินค้าไทยและอาเซียน ที่จะเข้าไปแข่งขันชิงตลาดในสหรัฐฯ หลังจากสินค้าแคนาดาและเม็กซิโก มีต้นทุนสูงขึ้น
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 657 มุมมอง 28 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงวิธีการรับมือกับ AI เอเจนต์ และแนะนำให้เริ่มต้นด้วยการใช้แบบค่อยเป็นค่อยไป ก่อนที่จะแพร่หลายไปทั่วองค์กรและธุรกิจ โดยมีการเสนอให้เริ่มจากการทดสอบในรูปแบบไพล็อตโปรแกรม โดยเฉพาะในระบบที่ใช้เอเจนต์หลายตัว เพื่อเข้าใจและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ AI เอเจนต์

    AI เอเจนต์คือระบบซอฟต์แวร์ที่สามารถทำงานตามเป้าหมายได้ด้วยการแทรกแซงจากมนุษย์น้อยที่สุด ซึ่งแตกต่างจากบอททั่วไปที่มักตอบสนองต่อคำสั่ง AI เอเจนต์สามารถวางแผนล่วงหน้า จัดลำดับความสำคัญของงาน และดำเนินการทำงานที่ซับซ้อนได้เอง โดยไม่ต้องการการแทรกแซงจากมนุษย์มากนัก

    AI เอเจนต์มีศักยภาพในการทำงานที่หลากหลาย ตั้งแต่การจัดการห่วงโซ่อุปทาน การพัฒนาซอฟต์แวร์ ไปจนถึงการวิเคราะห์ทางการเงิน แต่เพื่อให้ AI เอเจนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องมีโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลที่มั่นคง ระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่แข็งแกร่ง และการบริหารจัดการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ

    การใช้ AI เอเจนต์สำหรับองค์กรสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจได้มากมาย แต่ยังมีความท้าทายหลายประการ เช่น ความไม่แน่นอนของกฎระเบียบ การจัดการความเสี่ยง ข้อมูลที่ไม่เพียงพอ และการพัฒนาทักษะในทีมงาน

    รายงานจาก Deloitte แนะนำว่า แม้ว่า AI เอเจนต์จะมีศักยภาพในการทำงานอย่างเป็นอิสระ แต่ต้องเตรียมการอย่างดีเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูล ระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการจัดการข้อมูลเพื่อให้ AI เอเจนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ขอแนะนำเพิ่มเติมว่าองค์กรควรให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมทักษะให้กับทีมงาน เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกับ AI เอเจนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และควรมีการติดตามและปรับปรุงประสิทธิภาพของ AI เอเจนต์อย่างต่อเนื่อง โดยการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ประสิทธิภาพเพื่อปรับปรุงการทำงานของเอเจนต์ให้ดียิ่งขึ้น

    การออกแบบและใช้งาน AI เอเจนต์ที่ประสบความสำเร็จ ควรพิจารณานโยบายในการใช้ AI เอเจนต์ การจัดการและการตัดสินใจว่าเมื่อใดควรใช้ AI เอเจนต์ รวมถึงมีการตั้งค่าลำดับชั้นในการอนุมัติและการตัดสินใจ

    เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น คุณอาจคิดว่า AI เอเจนต์เป็นเหมือนผู้ช่วยส่วนตัวที่สามารถทำงานซับซ้อนได้โดยไม่ต้องมีการแทรกแซงจากมนุษย์มากนัก และการออกแบบและการใช้งานของ AI เอเจนต์จะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดวิธีการและขอบเขตที่องค์กรจะใช้พวกเขาให้เกิดประโยชน์สูงสุด

    https://www.zdnet.com/article/crawl-then-walk-before-you-run-with-ai-agents-experts-recommend/
    บทความนี้กล่าวถึงวิธีการรับมือกับ AI เอเจนต์ และแนะนำให้เริ่มต้นด้วยการใช้แบบค่อยเป็นค่อยไป ก่อนที่จะแพร่หลายไปทั่วองค์กรและธุรกิจ โดยมีการเสนอให้เริ่มจากการทดสอบในรูปแบบไพล็อตโปรแกรม โดยเฉพาะในระบบที่ใช้เอเจนต์หลายตัว เพื่อเข้าใจและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ AI เอเจนต์ AI เอเจนต์คือระบบซอฟต์แวร์ที่สามารถทำงานตามเป้าหมายได้ด้วยการแทรกแซงจากมนุษย์น้อยที่สุด ซึ่งแตกต่างจากบอททั่วไปที่มักตอบสนองต่อคำสั่ง AI เอเจนต์สามารถวางแผนล่วงหน้า จัดลำดับความสำคัญของงาน และดำเนินการทำงานที่ซับซ้อนได้เอง โดยไม่ต้องการการแทรกแซงจากมนุษย์มากนัก AI เอเจนต์มีศักยภาพในการทำงานที่หลากหลาย ตั้งแต่การจัดการห่วงโซ่อุปทาน การพัฒนาซอฟต์แวร์ ไปจนถึงการวิเคราะห์ทางการเงิน แต่เพื่อให้ AI เอเจนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องมีโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลที่มั่นคง ระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่แข็งแกร่ง และการบริหารจัดการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ การใช้ AI เอเจนต์สำหรับองค์กรสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจได้มากมาย แต่ยังมีความท้าทายหลายประการ เช่น ความไม่แน่นอนของกฎระเบียบ การจัดการความเสี่ยง ข้อมูลที่ไม่เพียงพอ และการพัฒนาทักษะในทีมงาน รายงานจาก Deloitte แนะนำว่า แม้ว่า AI เอเจนต์จะมีศักยภาพในการทำงานอย่างเป็นอิสระ แต่ต้องเตรียมการอย่างดีเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูล ระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการจัดการข้อมูลเพื่อให้ AI เอเจนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขอแนะนำเพิ่มเติมว่าองค์กรควรให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมทักษะให้กับทีมงาน เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกับ AI เอเจนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และควรมีการติดตามและปรับปรุงประสิทธิภาพของ AI เอเจนต์อย่างต่อเนื่อง โดยการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ประสิทธิภาพเพื่อปรับปรุงการทำงานของเอเจนต์ให้ดียิ่งขึ้น การออกแบบและใช้งาน AI เอเจนต์ที่ประสบความสำเร็จ ควรพิจารณานโยบายในการใช้ AI เอเจนต์ การจัดการและการตัดสินใจว่าเมื่อใดควรใช้ AI เอเจนต์ รวมถึงมีการตั้งค่าลำดับชั้นในการอนุมัติและการตัดสินใจ เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น คุณอาจคิดว่า AI เอเจนต์เป็นเหมือนผู้ช่วยส่วนตัวที่สามารถทำงานซับซ้อนได้โดยไม่ต้องมีการแทรกแซงจากมนุษย์มากนัก และการออกแบบและการใช้งานของ AI เอเจนต์จะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดวิธีการและขอบเขตที่องค์กรจะใช้พวกเขาให้เกิดประโยชน์สูงสุด https://www.zdnet.com/article/crawl-then-walk-before-you-run-with-ai-agents-experts-recommend/
    WWW.ZDNET.COM
    Crawl, then walk, before you run with AI agents, experts recommend
    Agentic AI offers compelling productivity benefits, but designers and developers must think small.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts