• Newsstory : ดีลลับ!! ลังกาวี เหตุผลเก้าอี้กลาโหมว่าง เพราะมีคนจองไว้แล้ว

    #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    #นิวส์สตอรี่ #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล
    #ดีลลับ #ลังกาวี #เก้าอี้กลาโหม
    Newsstory : ดีลลับ!! ลังกาวี เหตุผลเก้าอี้กลาโหมว่าง เพราะมีคนจองไว้แล้ว #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #นิวส์สตอรี่ #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #ดีลลับ #ลังกาวี #เก้าอี้กลาโหม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • แนวหน้า.,สื่อสำนักข่าวแนวหน้าเปิดเผยตนเองชัดเจนว่า รักลุงตู่สุดๆ เจ๊ปองค้ำประกันเพราะนั่งในช่องแนวหน้าอย่างชื่นใจ.

    ..โต้สมคบคิดลังกาวีเต็มที่.

    https://youtube.com/watch?v=QGjh87jewYA&si=pUp1mnLqh2h9WXjS
    แนวหน้า.,สื่อสำนักข่าวแนวหน้าเปิดเผยตนเองชัดเจนว่า รักลุงตู่สุดๆ เจ๊ปองค้ำประกันเพราะนั่งในช่องแนวหน้าอย่างชื่นใจ. ..โต้สมคบคิดลังกาวีเต็มที่. https://youtube.com/watch?v=QGjh87jewYA&si=pUp1mnLqh2h9WXjS
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ดีลลังกาวี #ผลประโยชน์ลงตัว #นายทุนพรรค #สัมปทาน #อ่าวไทย #พลังงาน
    https://youtu.be/UMwZemXLp3k
    #ดีลลังกาวี #ผลประโยชน์ลงตัว #นายทุนพรรค #สัมปทาน #อ่าวไทย #พลังงาน https://youtu.be/UMwZemXLp3k
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ดีลลังกาวี #โหนเจ้า #ชาติล่มสลาย #ทุน #ขายทรัพยากรของชาติ #ชินวัตร #ทหารการเมือง #ทหารพาณิชย์
    https://youtu.be/ym0H-v_vr9I
    #ดีลลังกาวี #โหนเจ้า #ชาติล่มสลาย #ทุน #ขายทรัพยากรของชาติ #ชินวัตร #ทหารการเมือง #ทหารพาณิชย์ https://youtu.be/ym0H-v_vr9I
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 170 มุมมอง 0 รีวิว
  • แหล่งพลังงาน ชนวนสงคราม! 'ทนง ขันทอง' วิเคราะห์สงคราม 5 วันแผนมัดมือชกไทยแบ่งเค้กกับกัมพูชา...เบื้องหลังคือดีลลับ 'ทักษิณ-ฮุน เซน-สหรัฐ'!
    https://www.thai-tai.tv/news/20682/
    .
    #ทนงขันทอง #ดีลลังกาวี #สงครามตัวแทน #กัมพูชา #ทักษิณชินวัตร #ฮุนเซน #ฮุนมาเนต #ยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิก #ปิดล้อมจีน #ไทยไท
    แหล่งพลังงาน ชนวนสงคราม! 'ทนง ขันทอง' วิเคราะห์สงคราม 5 วันแผนมัดมือชกไทยแบ่งเค้กกับกัมพูชา...เบื้องหลังคือดีลลับ 'ทักษิณ-ฮุน เซน-สหรัฐ'! https://www.thai-tai.tv/news/20682/ . #ทนงขันทอง #ดีลลังกาวี #สงครามตัวแทน #กัมพูชา #ทักษิณชินวัตร #ฮุนเซน #ฮุนมาเนต #ยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิก #ปิดล้อมจีน #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลาโหมไร้หัว แก้ไฟเขมรไร้ทิศทาง

    คำว่าสถานการณ์สร้างวีรบุรุษเกิดขึ้นได้ในหลายโอกาส ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาไม่มีทีท่าว่าจบลง ซ้ำด้วยคลิปเสียงระหว่างผู้นำเจนวายกับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เป็นภัยมาถึง แพทองธาร ชินวัตร จะหลุดจากเก้าอี้ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องวินิจฉัยด้วยข้อหาไม่ซื่อสัตย์สุจริต ตามที่สังคมด่าว่าคนขายชาติหรือไม่

    แต่สำหรับบิ๊กกุ้ง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นอกจากได้รับน้ำทิพย์ชโลมใจจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระเครื่องบำรุงขวัญ รับสั่งแจกให้ครบทุกนายแทนความห่วงใยแล้ว พล.ท.บุญสินยังคงเป็นขวัญใจคนไทยทั้งประเทศ พร้อมกับแหล่งท่องเที่ยว 3 ปราสาท ตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และตาควาย ประชาชนมาเที่ยวไม่ขาดสาย

    พิธีบายศรีสู่ขวัญนิสิตใหม่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม บิ๊กกุ้งกลายเป็นที่รักของนิสิตทุกผู้ทุกนาม ถึงขนาดนิสิตชายรายหนึ่งเป็นปลื้ม หอมแก้มหนึ่งฟอดใหญ่ แม่ทัพภาคที่ 2 ตอบคำถามอย่างมั่นใจว่า 3 ปราสาทเป็นของไทย ทหารไทยไม่ยอมแน่ หากยกระดับปะทะจริงก็เตรียมการไว้แล้ว ทางนั้นไม่กล้า หากเกิดอะไรขึ้นทุกอย่างจะจบภายใน 3 วัน

    แต่ด้วยอายุราชการของ พล.ท.บุญสิน นับถอยหลังเหลือเวลาไม่ถึง 3 เดือน จะมีใครสานต่อหรือไม่ และทำให้ประชาชนมั่นใจเหมือนเดิมหรือเปล่า ขณะที่การแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ กระทรวงกลาโหมยังไร้หัว จะมีก็แต่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ถูกด่าว่าเป็นนักรบห้องแอร์ พยายามใช้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) และไม่ขยายความขัดแย้งจากระดับผู้นำไปถึงประชาชน

    สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ รายงานตอนหนึ่งว่า ทักษิณ ชินวัตร ได้ทาบทามบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อีกครั้ง แต่เจ้าตัวปฎิเสธ แม้ก่อนหน้านี้เคยเป็นคีย์แมนจัดตั้งรัฐบาลผสมข้ามขั้วระหว่างพรรคเพื่อไทยกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม เพื่อสกัดกั้นพรรคสีส้มและปกป้องสถาบันฯ รวมทั้งเคยมีดีลลับลังกาวี เปิดทางให้ทักษิณกลับบ้าน แต่เมื่อดีลลับถูกเปิดเผย บิ๊กแดงจึงเดินเกมไม่ได้อีกต่อไป แต่ยังคงประคองดีลข้ามขั้วให้เดินต่อ กระทั่งมีชื่อนายทหารให้ทักษิณและแพทองธารเลือก หนึ่งในนั้นคือ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด เพื่อนรุ่นน้องของบิ๊กแดงที่เคยร่วมคณะดีลลับลังกาวี

    พล.อ.เฉลิมพล ติดล็อกตรงที่รอพ้นเงื่อนไขออกจากสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ครบ 2 ปีในอีก 3 เดือนข้างหน้า หากแพทองธารต้องหลุดจากเก้าอี้และทักษิณไม่สามารถรักษาอำนาจไว้ได้ ตัวแปรเก้าอี้ รมว.กลาโหมย่อมเปลี่ยนไป สถานการณ์ไฟเขมรย่อมไม่สิ้นสุด

    #Newskit
    กลาโหมไร้หัว แก้ไฟเขมรไร้ทิศทาง คำว่าสถานการณ์สร้างวีรบุรุษเกิดขึ้นได้ในหลายโอกาส ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาไม่มีทีท่าว่าจบลง ซ้ำด้วยคลิปเสียงระหว่างผู้นำเจนวายกับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เป็นภัยมาถึง แพทองธาร ชินวัตร จะหลุดจากเก้าอี้ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องวินิจฉัยด้วยข้อหาไม่ซื่อสัตย์สุจริต ตามที่สังคมด่าว่าคนขายชาติหรือไม่ แต่สำหรับบิ๊กกุ้ง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นอกจากได้รับน้ำทิพย์ชโลมใจจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระเครื่องบำรุงขวัญ รับสั่งแจกให้ครบทุกนายแทนความห่วงใยแล้ว พล.ท.บุญสินยังคงเป็นขวัญใจคนไทยทั้งประเทศ พร้อมกับแหล่งท่องเที่ยว 3 ปราสาท ตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และตาควาย ประชาชนมาเที่ยวไม่ขาดสาย พิธีบายศรีสู่ขวัญนิสิตใหม่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม บิ๊กกุ้งกลายเป็นที่รักของนิสิตทุกผู้ทุกนาม ถึงขนาดนิสิตชายรายหนึ่งเป็นปลื้ม หอมแก้มหนึ่งฟอดใหญ่ แม่ทัพภาคที่ 2 ตอบคำถามอย่างมั่นใจว่า 3 ปราสาทเป็นของไทย ทหารไทยไม่ยอมแน่ หากยกระดับปะทะจริงก็เตรียมการไว้แล้ว ทางนั้นไม่กล้า หากเกิดอะไรขึ้นทุกอย่างจะจบภายใน 3 วัน แต่ด้วยอายุราชการของ พล.ท.บุญสิน นับถอยหลังเหลือเวลาไม่ถึง 3 เดือน จะมีใครสานต่อหรือไม่ และทำให้ประชาชนมั่นใจเหมือนเดิมหรือเปล่า ขณะที่การแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ กระทรวงกลาโหมยังไร้หัว จะมีก็แต่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ถูกด่าว่าเป็นนักรบห้องแอร์ พยายามใช้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) และไม่ขยายความขัดแย้งจากระดับผู้นำไปถึงประชาชน สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ รายงานตอนหนึ่งว่า ทักษิณ ชินวัตร ได้ทาบทามบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อีกครั้ง แต่เจ้าตัวปฎิเสธ แม้ก่อนหน้านี้เคยเป็นคีย์แมนจัดตั้งรัฐบาลผสมข้ามขั้วระหว่างพรรคเพื่อไทยกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม เพื่อสกัดกั้นพรรคสีส้มและปกป้องสถาบันฯ รวมทั้งเคยมีดีลลับลังกาวี เปิดทางให้ทักษิณกลับบ้าน แต่เมื่อดีลลับถูกเปิดเผย บิ๊กแดงจึงเดินเกมไม่ได้อีกต่อไป แต่ยังคงประคองดีลข้ามขั้วให้เดินต่อ กระทั่งมีชื่อนายทหารให้ทักษิณและแพทองธารเลือก หนึ่งในนั้นคือ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด เพื่อนรุ่นน้องของบิ๊กแดงที่เคยร่วมคณะดีลลับลังกาวี พล.อ.เฉลิมพล ติดล็อกตรงที่รอพ้นเงื่อนไขออกจากสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ครบ 2 ปีในอีก 3 เดือนข้างหน้า หากแพทองธารต้องหลุดจากเก้าอี้และทักษิณไม่สามารถรักษาอำนาจไว้ได้ ตัวแปรเก้าอี้ รมว.กลาโหมย่อมเปลี่ยนไป สถานการณ์ไฟเขมรย่อมไม่สิ้นสุด #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 605 มุมมอง 0 รีวิว
  • KLIA Aerotrain รถไฟฟ้าสนามบินเคแอลกลับมาแล้ว

    ท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ (KUL) ประเทศมาเลเซีย ได้กลับมาเปิดให้บริการระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติที่ชื่อว่า KLIA Aerotrain อีกครั้งเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2568 เชื่อมระหว่างอาคาร 1 (Terminal 1) กับอาคารผู้โดยสารรอง (Sattlelite) ซึ่งมีเที่ยวบินเส้นทางระยะไกลจำนวนมาก หลังบริษัท มาเลเซีย แอร์พอร์ต โฮลดิ้ง เบอร์ฮัด (MAHB) ผู้บริหารสนามบินตัดสินใจปิดปรับปรุงยาวนานกว่า 28 เดือน ทำให้ผู้โดยสารที่เดินทางระหว่างสองอาคาร ต้องไปขึ้นรถบัสที่ทางสนามบินจัดเตรียมไว้ให้ และเสียเวลาเดินทางมากกว่าปกติ

    KLIA Aerotrain เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อปี 2541 พร้อมกับการย้ายสนามบิน จากท่าอากาศยานสุลต่านอับดุลอาซิซชาห์ (SZB) โดยใช้ขบวนรถไฟฟ้าแบบไร้คนขับแอดทรานซ์ (Adtranz) รุ่น CX-100 จำนวน 3 คัน แนวเส้นทางจะลอดทางขับเครื่องบิน (แท็กซี่เวย์) ระยะทาง 1.2 กิโลเมตร แต่ที่ผ่านมาประสบปัญหาขัดข้องบ่อยครั้ง หนักที่สุดคือวันที่ 1 มี.ค. 2566 ขบวนรถขัดข้อง มีผู้โดยสาร 114 คนติดค้าง ทำให้ MAHB ตัดสินใจหยุดให้บริการชั่วคราวเป็นต้นมา

    MAHB ปรับปรุง KLIA Aerotrain ใหม่ ด้วยงบลงทุน 456 ล้านริงกิต เปลี่ยนมาใช้ขบวนรถไฟฟ้าแบบไร้คนขับ อัลสตอม (Alstom) รุ่นอินโนเวีย เอพีเอ็ม 300 อาร์ (Innovia APM 300R) มีทั้งหมด 3 คัน รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 270 คนต่อเที่ยว เดินรถด้วยความเร็ว 56 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางระหว่างสองอาคารเหลือเพียง 3 นาที ผ่านการทดสอบและได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คาดหวังว่าจะทำให้เป็นศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาคชั้นนำในอนาคต ซึ่งปัจจุบันมีผู้โดยสารใช้บริการมากกว่า 100,000 คนต่อวัน และต้อนรับปีการท่องเที่ยวมาเลเซีย หรือ Visit Malaysia 2026

    ข้อมูลจาก CAPA Centre for Aviation พบว่าในปี 2567 ท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ มีผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น 57.1 ล้านคน ข้อมูลจาก Flightradar 24 พบว่ามีเที่ยวบินต่อสัปดาห์ไปยังสิงคโปร์ (SIN) มากที่สุดถึง 270 เที่ยวบิน ตามมาด้วยจาการ์ตา (CGK) 184 เที่ยวบิน โกตากินาบาลู (BKI) 172 เที่ยวบิน กูชิง (KCH) 152 เที่ยวบิน ปีนัง (PEN) 143 เที่ยวบิน ลังกาวี (LGK) 132 เที่ยวบิน บาหลี (DPS) 105 เที่ยวบิน ยะโฮร์บาห์รู (JHB) 87 เที่ยวบิน กว่างโจว (CAN) 83 เที่ยวบินและโกตาบาห์รู (KBR) 80 เที่ยวบิน

    อนึ่ง ในภูมิภาคอาเซียนมี 4 ประเทศที่มีระบบขนส่งผู้โดยสารภายในสนามบิน ได้แก่ ท่าอากาศยานชางงี สิงคโปร์ ท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ท่าอากาศยานซูการ์โน-ฮัตตา อินโดนีเซีย และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย

    #Newskit
    KLIA Aerotrain รถไฟฟ้าสนามบินเคแอลกลับมาแล้ว ท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ (KUL) ประเทศมาเลเซีย ได้กลับมาเปิดให้บริการระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติที่ชื่อว่า KLIA Aerotrain อีกครั้งเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2568 เชื่อมระหว่างอาคาร 1 (Terminal 1) กับอาคารผู้โดยสารรอง (Sattlelite) ซึ่งมีเที่ยวบินเส้นทางระยะไกลจำนวนมาก หลังบริษัท มาเลเซีย แอร์พอร์ต โฮลดิ้ง เบอร์ฮัด (MAHB) ผู้บริหารสนามบินตัดสินใจปิดปรับปรุงยาวนานกว่า 28 เดือน ทำให้ผู้โดยสารที่เดินทางระหว่างสองอาคาร ต้องไปขึ้นรถบัสที่ทางสนามบินจัดเตรียมไว้ให้ และเสียเวลาเดินทางมากกว่าปกติ KLIA Aerotrain เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อปี 2541 พร้อมกับการย้ายสนามบิน จากท่าอากาศยานสุลต่านอับดุลอาซิซชาห์ (SZB) โดยใช้ขบวนรถไฟฟ้าแบบไร้คนขับแอดทรานซ์ (Adtranz) รุ่น CX-100 จำนวน 3 คัน แนวเส้นทางจะลอดทางขับเครื่องบิน (แท็กซี่เวย์) ระยะทาง 1.2 กิโลเมตร แต่ที่ผ่านมาประสบปัญหาขัดข้องบ่อยครั้ง หนักที่สุดคือวันที่ 1 มี.ค. 2566 ขบวนรถขัดข้อง มีผู้โดยสาร 114 คนติดค้าง ทำให้ MAHB ตัดสินใจหยุดให้บริการชั่วคราวเป็นต้นมา MAHB ปรับปรุง KLIA Aerotrain ใหม่ ด้วยงบลงทุน 456 ล้านริงกิต เปลี่ยนมาใช้ขบวนรถไฟฟ้าแบบไร้คนขับ อัลสตอม (Alstom) รุ่นอินโนเวีย เอพีเอ็ม 300 อาร์ (Innovia APM 300R) มีทั้งหมด 3 คัน รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 270 คนต่อเที่ยว เดินรถด้วยความเร็ว 56 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางระหว่างสองอาคารเหลือเพียง 3 นาที ผ่านการทดสอบและได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คาดหวังว่าจะทำให้เป็นศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาคชั้นนำในอนาคต ซึ่งปัจจุบันมีผู้โดยสารใช้บริการมากกว่า 100,000 คนต่อวัน และต้อนรับปีการท่องเที่ยวมาเลเซีย หรือ Visit Malaysia 2026 ข้อมูลจาก CAPA Centre for Aviation พบว่าในปี 2567 ท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ มีผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น 57.1 ล้านคน ข้อมูลจาก Flightradar 24 พบว่ามีเที่ยวบินต่อสัปดาห์ไปยังสิงคโปร์ (SIN) มากที่สุดถึง 270 เที่ยวบิน ตามมาด้วยจาการ์ตา (CGK) 184 เที่ยวบิน โกตากินาบาลู (BKI) 172 เที่ยวบิน กูชิง (KCH) 152 เที่ยวบิน ปีนัง (PEN) 143 เที่ยวบิน ลังกาวี (LGK) 132 เที่ยวบิน บาหลี (DPS) 105 เที่ยวบิน ยะโฮร์บาห์รู (JHB) 87 เที่ยวบิน กว่างโจว (CAN) 83 เที่ยวบินและโกตาบาห์รู (KBR) 80 เที่ยวบิน อนึ่ง ในภูมิภาคอาเซียนมี 4 ประเทศที่มีระบบขนส่งผู้โดยสารภายในสนามบิน ได้แก่ ท่าอากาศยานชางงี สิงคโปร์ ท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ท่าอากาศยานซูการ์โน-ฮัตตา อินโดนีเซีย และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 513 มุมมอง 0 รีวิว
  • ล่องเรือเอเชียสุดคุ้ม! ออกจากแหลมฉบัง สู่เส้นทางวัฒนธรรมและธรรมชาติระดับโลก
    พักผ่อนบนเรือสำราญสุดหรู Norwegian Sun กับเส้นทาง Cruise Only 12 วัน 11 คืน

    เส้นทางไฮไลท์:
    แหลมฉบัง – เกาะสมุย – โฮจิมินห์ (พักค้างคืน) – กัวลาลัมเปอร์ – ปีนัง – ลังกาวี – ภูเก็ต – สิงคโปร์

    เดินทาง: 22 มี.ค. – 2 เม.ย. 2569

    โปรโมชั่นพิเศษ! จาก 2,968 USD
    เหลือเพียง 1,929 USD/ท่าน (ห้องไม่มีหน้าต่าง)

    ราคานี้รวม:
    ห้องพักบนเรือสำราญ
    อาหารทุกมื้อ
    กิจกรรมและเอนเตอร์เทนเมนต์บนเรือครบทุกวัน

    รหัสแพคเกจทัวร์ : NCLP-12D11N-LCH-SIN-2603221
    คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/eb9d03

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696

    #เรือNorwegianSun #Norwegiancruise #NCL #Vietnam #Malaysia #Thailand #lamchabang #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #CruiseDomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    🌏 ล่องเรือเอเชียสุดคุ้ม! ออกจากแหลมฉบัง สู่เส้นทางวัฒนธรรมและธรรมชาติระดับโลก 🚢 พักผ่อนบนเรือสำราญสุดหรู Norwegian Sun กับเส้นทาง Cruise Only 12 วัน 11 คืน 📍 เส้นทางไฮไลท์: แหลมฉบัง – เกาะสมุย – โฮจิมินห์ (พักค้างคืน) – กัวลาลัมเปอร์ – ปีนัง – ลังกาวี – ภูเก็ต – สิงคโปร์ 🗓️ เดินทาง: 22 มี.ค. – 2 เม.ย. 2569 💥 โปรโมชั่นพิเศษ! จาก 2,968 USD 💸 เหลือเพียง 1,929 USD/ท่าน (ห้องไม่มีหน้าต่าง) 🎁 ราคานี้รวม: ✅ ห้องพักบนเรือสำราญ ✅ อาหารทุกมื้อ ✅ กิจกรรมและเอนเตอร์เทนเมนต์บนเรือครบทุกวัน รหัสแพคเกจทัวร์ : NCLP-12D11N-LCH-SIN-2603221 คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/eb9d03 ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 #เรือNorwegianSun #Norwegiancruise #NCL #Vietnam #Malaysia #Thailand #lamchabang #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #CruiseDomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 579 มุมมอง 0 รีวิว
  • "รังสิมันต์" ขยี้ "ทักษิณ" ป่วยทิพย์ ซัด "อิ๊งค์ "รู้เห็น "ดีลลับลังกาวี" แลก "พ่อ"กลับบ้าน ไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว ชี้เข้าข่ายผิดอาญา
    https://www.thai-tai.tv/news/17814/
    "รังสิมันต์" ขยี้ "ทักษิณ" ป่วยทิพย์ ซัด "อิ๊งค์ "รู้เห็น "ดีลลับลังกาวี" แลก "พ่อ"กลับบ้าน ไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว ชี้เข้าข่ายผิดอาญา https://www.thai-tai.tv/news/17814/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 260 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอร์เอเชียโบกมือลา หยุดให้บริการสนามบินซูบัง

    หลังจากสายการบินต้นทุนต่ำสัญชาติมาเลเซีย แอร์เอเชีย (AirAsia) กลับมาทำการบินที่ท่าอากาศยานสุลต่านอับดุลอาซิสชาห์ หรือท่าอากาศยานซูบัง (Subang หรือ SZB) ซึ่งเป็นอดีตสนามบินหลักของกรุงกัวลาลัมเปอร์ ในรอบ 24 ปี ไปยังรัฐซาบาห์และรัฐซาราวักบนเกาะบอร์เนียว มาตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค.2567 ที่ผ่านมา ปรากฎว่าผ่านไปเพียง 7 เดือน ในที่สุดประกาศว่า จะกลับมารวมเที่ยวบินภายในประเทศที่ท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ (KUL) อาคาร 2 (KLIA2) เช่นเดิม มีผลตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย.2568 เป็นต้นไป ผู้โดยสารที่เคยจองบัตรโดยสารไว้ก่อนหน้านี้ ต้องเปลี่ยนไปขึ้นหรือลงที่ KLIA2 แทน

    แถลงการณ์ของแอร์เอเชียอ้างว่าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เนื่องจากผู้โดยสารระหว่าง KLIA2 ไปยังเมืองหลัก เช่น โกตากินาบาลู (Kota Kinabalu) และกูชิง (Kucing) เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการให้บริการรวมกันที่ KLIA2 จะช่วยรองรับปริมาณการเดินทางได้ดีขึ้น แม้ท่าอากาศยานซูบังจะสะดวกสบายโดยเฉพาะนักเดินทางที่มุ่งหน้าสู่ใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ แต่การพัฒนาสนามบินซูบังขึ้นมาใหม่เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตต้องใช้เวลา ขณะที่ท่าอากาศยาน KLIA2 เป็นทำเลที่ดีที่สุดในการเพิ่มประสิทธิภาพ และคุณภาพการให้บริการ

    ฟาเรห์ มาซปุตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแอร์เอเชีย เห็นว่าโครงสร้างพื้นฐานของ KLIA2 รองรับการเชื่อมต่อขนาดใหญ่ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่มีการเดินทางสูงสุด และอาคารผู้โดยสารยังรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องสำหรับ\เพิ่มเที่ยวบิน เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในเส้นทางมาเลเซียตะวันออก

    การยุติให้บริการของแอร์เอเชีย ทำให้ยังคงเหลือสายการบินที่ทำการบินที่ท่าอากาศยานซูบัง ได้แก่ ไฟร์ฟลาย (Firefly) ไปยังสนามบินเซเลตาร์ (Seletar) หรือ XSP ในสิงคโปร์มากถึงวันละ 5 เที่ยวบิน ปีนัง (Penang) วันละ 4 เที่ยวบิน โกตาบารู (Kota Bharu) วันละ 2-4 เที่ยวบิน ยะโฮร์บาห์รู (Johor Bahru) วันละ 2 เที่ยวบิน และเมืองอื่นๆ เช่น อลอร์สตาร์ (Alor Setar) ลังกาวี (Langkawi) กัวลาตรังกานู (Kuala Terengganu) และโกตากินาบาลู

    ส่วนสายการบินอื่นๆ อาทิ รายาแอร์เวย์ (Raya Airways) ไปยังโกตากินาบาลู 2 เที่ยวบิน กูชิง 2 เที่ยวบิน ลาบวน (Labuan) ฮ่องกง (HKG) 1-2 เที่ยวบิน สิงคโปร์ชางงี (SIN) และจาการ์ตา (Jakarta CGK) อินโดนีเซีย, เบอร์จายาแอร์ (Berjaya Air) ให้บริการเที่ยวบินเช่าเหมาลำไปยังลังกาวีและเรดัง (Redang), ทรานส์นูซา (TransNusa) ไปยังจาการ์ตา และสกู๊ต (Scoot) ไปยังสิงคโปร์ชางงี เป็นต้น

    #Newskit
    แอร์เอเชียโบกมือลา หยุดให้บริการสนามบินซูบัง หลังจากสายการบินต้นทุนต่ำสัญชาติมาเลเซีย แอร์เอเชีย (AirAsia) กลับมาทำการบินที่ท่าอากาศยานสุลต่านอับดุลอาซิสชาห์ หรือท่าอากาศยานซูบัง (Subang หรือ SZB) ซึ่งเป็นอดีตสนามบินหลักของกรุงกัวลาลัมเปอร์ ในรอบ 24 ปี ไปยังรัฐซาบาห์และรัฐซาราวักบนเกาะบอร์เนียว มาตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค.2567 ที่ผ่านมา ปรากฎว่าผ่านไปเพียง 7 เดือน ในที่สุดประกาศว่า จะกลับมารวมเที่ยวบินภายในประเทศที่ท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ (KUL) อาคาร 2 (KLIA2) เช่นเดิม มีผลตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย.2568 เป็นต้นไป ผู้โดยสารที่เคยจองบัตรโดยสารไว้ก่อนหน้านี้ ต้องเปลี่ยนไปขึ้นหรือลงที่ KLIA2 แทน แถลงการณ์ของแอร์เอเชียอ้างว่าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เนื่องจากผู้โดยสารระหว่าง KLIA2 ไปยังเมืองหลัก เช่น โกตากินาบาลู (Kota Kinabalu) และกูชิง (Kucing) เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการให้บริการรวมกันที่ KLIA2 จะช่วยรองรับปริมาณการเดินทางได้ดีขึ้น แม้ท่าอากาศยานซูบังจะสะดวกสบายโดยเฉพาะนักเดินทางที่มุ่งหน้าสู่ใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ แต่การพัฒนาสนามบินซูบังขึ้นมาใหม่เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตต้องใช้เวลา ขณะที่ท่าอากาศยาน KLIA2 เป็นทำเลที่ดีที่สุดในการเพิ่มประสิทธิภาพ และคุณภาพการให้บริการ ฟาเรห์ มาซปุตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแอร์เอเชีย เห็นว่าโครงสร้างพื้นฐานของ KLIA2 รองรับการเชื่อมต่อขนาดใหญ่ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่มีการเดินทางสูงสุด และอาคารผู้โดยสารยังรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องสำหรับ\เพิ่มเที่ยวบิน เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในเส้นทางมาเลเซียตะวันออก การยุติให้บริการของแอร์เอเชีย ทำให้ยังคงเหลือสายการบินที่ทำการบินที่ท่าอากาศยานซูบัง ได้แก่ ไฟร์ฟลาย (Firefly) ไปยังสนามบินเซเลตาร์ (Seletar) หรือ XSP ในสิงคโปร์มากถึงวันละ 5 เที่ยวบิน ปีนัง (Penang) วันละ 4 เที่ยวบิน โกตาบารู (Kota Bharu) วันละ 2-4 เที่ยวบิน ยะโฮร์บาห์รู (Johor Bahru) วันละ 2 เที่ยวบิน และเมืองอื่นๆ เช่น อลอร์สตาร์ (Alor Setar) ลังกาวี (Langkawi) กัวลาตรังกานู (Kuala Terengganu) และโกตากินาบาลู ส่วนสายการบินอื่นๆ อาทิ รายาแอร์เวย์ (Raya Airways) ไปยังโกตากินาบาลู 2 เที่ยวบิน กูชิง 2 เที่ยวบิน ลาบวน (Labuan) ฮ่องกง (HKG) 1-2 เที่ยวบิน สิงคโปร์ชางงี (SIN) และจาการ์ตา (Jakarta CGK) อินโดนีเซีย, เบอร์จายาแอร์ (Berjaya Air) ให้บริการเที่ยวบินเช่าเหมาลำไปยังลังกาวีและเรดัง (Redang), ทรานส์นูซา (TransNusa) ไปยังจาการ์ตา และสกู๊ต (Scoot) ไปยังสิงคโปร์ชางงี เป็นต้น #Newskit
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 875 มุมมอง 0 รีวิว
  • “๑ ประเทศ ๒ รัฐบาล” #เปลวสีเงิน
    plew

    เปลว สีเงิน

    คงเป็น “ที่สุดแห่งปี” จริงๆ
    สำหรับประเทศแห่งประชากรผู้หิวโหยและเทิดทูน ๒ พ่อลูก “ตระกูลชิน”
    บ่ายวาน(๒๗ ธ.ค.๖๗)นายกฯมาเลย์ฯ “นายอันวาร์” โพสต์เฟซ พร้อมภาพถ่ายคู่ทักษิณ

    Anwar Ibrahim
    รู้สึกยินดีที่ได้พบอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยและเพื่อนรักอย่าง ดร.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อหารือกันอย่างน่าสนใจ ครอบคลุมและมีประโยชน์

    รวมทั้งในฐานะที่ปรึกษาไม่เป็นทางการของมาเลเซีย ในการดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน

    การสนทนามุ่งเน้นประเด็นสำคัญในภูมิภาค ได้แก่ การฟื้นฟูเศรษฐกิจ การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ๆ การส่งเสริมสันติภาพในภาคใต้ของไทย และการแก้ไขวิกฤตเมียนมา

    เครือข่ายความสัมพันธ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ในภูมิภาคของคุณทักษิณ ประกอบกับความเชี่ยวชาญเฉพาะตัวของเขา ได้ให้คำมั่นว่า

    จะเปิดโอกาสอันล้ำค่าสำหรับมาเลเซียและอาเซียนเพื่อรับมือกับความท้าทาย ด้วยความมั่นใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงแนวทางเสริมสร้างสัมพันธ์ทวิภาคีที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ระหว่างมาเลเซียและไทย
    ให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์การพัฒนาอย่างยั่งยืนและความสามัคคีในภูมิภาค

    ที่ผมมีร่วมกับ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของประเทศไทย

    หลายทศวรรษที่ผ่านทักษิณและผมเชื่อมั่นว่า มาเลเซียและไทยสามารถบรรลุผลสำเร็จได้มากกว่านี้มาก เมื่อร่วมมือกัน

    ไม่เพียงแต่สำหรับประเทศของเราเท่านั้น
    แต่สำหรับภูมิภาคโดยรวมด้วย เรามุ่งมั่นที่จะทำให้วิสัยทัศน์นั้น กลายเป็นความจริง.

    นั่นคือบทบาท “นายกฯ-ผู้พ่อ” ปิดศักราช ๒๕๖๗ เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน ทีนี้อยากให้ดูบทบาท “นายกฯ-ผู้ลูก” ส่งท้ายปีบ้าง

    ๒๗ ธันวา. นายกฯ “แพทองธาร ชินวัตร”
    ส่งหนังสือลากิจ ๑ วัน ไปที่ “สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี” (สลค.)

    “หยุดงาน” ยาวต่อเนื่องข้ามศักราชไปถึงปีหน้า บอกว่า “เพื่อใช้เวลาพักผ่อนอยู่กับครอบครัว”
    จะกลับมา “ปฏิบัติหน้าที่นายกฯ” อีกครั้ง วันที่ ๒ มกรา.๖๘

    โดยเป็นประธานพิธีทำบุญในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ.๒๕๖๘ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ตอนเช้า
    นายกฯ บอกลาอย่างนี้แล้ว รู้สึกยังไงกันบ้างครับ?

    ในความรู้สึกผม….
    ประเทศเหมือน “ครอบครัวหนึ่ง” มีสมาชิก ๖๐ กว่าล้านคน มีรัฐบาลโดย “นายกฯ” เป็นหัวหน้า “รับผิดชอบ” ดูแลครอบครัว

    ปีใหม่ “หยุดยาว” สมาชิกในครอบครัว พากันไปเที่ยวไหน-ต่อไหนกันจนกรุงเทพฯ แทบโล่ง ประมาณ ๑ สัปดาห์

    แต่แทนที่ “หัวหน้าครอบครัว” จะบอกว่า หยุดยาว เที่ยวกันให้สนุกนะ ไม่ต้องห่วงหรอก จะระวังขะโมย-ขะโจรให้เอง

    กลับตรงกันข้าม ลูกบ้านหยุดยาวไปเที่ยว หัวหน้าบ้านก็หยุดยาวบ้าง แถมชิงเอาเปรียบ “ลาหยุด” ล่วงหน้าซะอีก ๑ วัน!

    ถามว่าผิดมั้ย?
    ก็ไม่ผิด แต่มันขาด “ภาวะสำนึก” แห่งความรับผิดชอบของ “คนเป็นผู้นำ”

    หรือพูดกันชัดๆ…
    นางสาวแพทองธาร ลูกนายทักษิณ ไม่มีทั้งวุฒิภาวะ ไม่มีทั้งสำนึกภาวะ ไม่คู่ควรตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” เลย!

    เป็น “ผู้นำ” เป็นตลอด ๒๔ ชั่วโมง….
    หยุุดงาน-หยุดได้ แต่ไม่ใช่เห็นชาวบ้านเขาหยุดยาวในเทศกาล กูก็จะหยุดมั่ง แบบนี้

    มีธุระสำคัญอะไรที่ต้องลาหยุดเพิ่มให้เป็น “แบบอย่าง” ที่ไม่ดี เช่นนี้?
    เปล่า…ลาหยุดพักผ่อนกับครอบครัว!?

    แถมบอก “จะกลับมาปฎิบัติหน้าที่นายกฯ” อีกครั้ง ในวันที่ ๒ มกรา.๖๘ นั้น
    น่ารังเกียจ ประหนึ่ง “ไร้เดียงสา”!

    ต้องเข้าใจนะอุ๊งอิ๊ง คุณพ่อไม่สอนหรือว่า การไปทำงานนั้น “หยุด…คือไม่ไปที่ทำงาน” นั้น ได้

    แต่ “หน้าที่นายกฯ” มันหยุดปฎิบัติไม่ได้-ลาไม่ได้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน แบบไหน กำลังกิน กำลังนอน กำลังถ่าย แม้แขม็บๆ กำลังจะตาย

    “ลาออก” จากตำแหน่งนายกฯ ได้
    แต่ลา “ปฎิบัติหน้าที่นายกฯ” ไม่ได้!

    เช่นเดียวกับ “ข้าราชการ” ไม่ว่าข้าราชการพลเรือน ข้าราชครู ข้าราชการทหาร ตำรวจ แม้กระทั่ง แพทย์ พยาบาล
    “หยุดงาน-ลางาน” ได้

    แต่หยุด “หน้าที่” คนเป็นข้าราชการไม่ได้ ต่อให้ไปไหน-อยู่ไหน เขาพร้อม “ปฎิบัติหน้าที่” ในทันที เมื่อมีสถานการณ์

    คนเป็นผู้นำบริหารประเทศ “สำนึกภาวะ” ด้านรับผิดชอบในหน้าที่ “ต้องสูงกว่าข้าราชการ” ขึ้นไปอีกขั้น

    อย่างปีใหม่ “หยุดยาวข้ามปี”…….
    นายกฯ อยู่บ้านหรือมาทำเนียบ “ค่าเท่ากัน”

    ไม่ต้องทำเป็น “ลาก่ง-ลากิจ” ให้ดูตลกปัญญาอ่อนหรอก

    ที่สำคัญ ผู้นำต้องส่งสัญญานให้ประชาชนรู้ว่า ในขณะที่เขาทิ้งบ้านไปไหนต่อไหนกันนั้น
    ฉัน..นายกฯ อยู่นะ รัฐบาล “อยู่โยง” ทำหน้าที่ “มอนิเตอร์ประเทศ” ให้ตลอด ๒๔ ชั่วโมงนะ

    เที่ยวกันให้สนุก ไม่ต้อง “ห่วงหน้า-พะวงหลัง”
    เจ้าหน้าที่แต่ละหน่วยงาน ที่ต้องทำงานในเทศกาลหยุดยาว เขาก็พลอยมีกำลังใจ

    ว่าไม่เพียงพวกเขาต้องแกร่ว “อยู่เวร-อยู่ยาม”
    “ผู้นำรัฐบาล” ก็แกร่วอยู่ด้วย

    คอยตรวจตราสั่งการ “รักษาบ้าน-เฝ้าเมือง” ให้ประชาชน ไม่ได้ตะแล๊ดแต๊ดแต๋ละทิ้งหน้าที่ไปทางไหนแต่อย่างใด!
    นี่คือ “สำนึกผู้นำ”

    ไม่ใช่ชาวบ้านเขาลาหยุดยาว กูก็ลาหยุดยาวบ้าง แถมบอกเสร็จสรรพ “จะกลับมาปฎิบัติหน้าที่” ในที่ ๒ มกรา.๕๘! จะให้ “ชาวบ้าน-ชาวเมือง” เข้าใจว่า…..

    จากวันนี้ จนถึง ๒ มกรา.๖๘ บ้านเมือง “ว่างเปล่า” ไม่มีผู้ปฎิบัติหน้าที่นายกฯ งั้นหรือ?

    โบราณท่านบอก….
    เป็นหัวหน้างาน “อย่าไปแย่งงานลูกน้องทำ”

    แต่คนเป็นหัวหน้าคน “ต้องตื่นก่อน-นอนทีหลัง”

    เป็นนายกฯ เป็นแม่ทัพ-นายกอง เป็นหัวหน้าครอบครัว ถึงเทศกาล ลูกน้อง-ลูกบ้าน เขาจะสนุกสนาน เที่ยวเตร่กัน
    คนเป็นนายก็ต้อง “เฝ้าบ้าน-เฝ้าประเทศ” คอยระหวังหลังให้พวกเขา

    มันไม่ใช่เรื่องซับซ้อน เป็นแค่ “สามัญสำนึกพื้นฐาน” ของคนเป็นนายคนเท่านั้นเอง

    พูดถึงลูกแล้ว มาพูดถึงพ่อบ้าง
    จากหลีเป๊ะ-สตูล ไปลังกาวี-มาเลเซีย ๕๒ กิโลเท่านั้นเอง ถ้านั่งเรือ ก็ชั่วโมงกว่าๆ

    ตอนเป็นเด็กวัดเคยอ่านบันทึกของ “หลุย คีรีวัต” ที่ถูกขัง
    คุกเกาะ “ตะรุเตา” กับเพื่อนนักโทษกบฎอีก ๒-๓ คน มี “โหรแฉล้ม เลี่ยมเพ็ชรรัตน์” รวมอยู่ด้วย

    หลบหนีคุก ลอยคอจากเกาะตะรุเตา ไปขึ้นที่เกาะลังกาวี ซึ่งเกาะนี้ อยู่ใน “รัฐเคดะห์”

    อดีตเป็นส่วนหนึ่งของเมืองไทยบุรี ดินแดนของสยาม แต่เราจำต้องเสียให้อังกฤษไป ในสมัยรัชกาลที่ ๕
    เกาะนี้ “ถูกสาป” จนมีเรื่องราวเล่าขานเป็นตำนานรักของหญิงไทยจนถึงทุกวันนี้ ไปหาอ่านกันเอาเองละกัน

    ผมเล่าตามข่าวนะ …..
    “ทักษิณ” กับ “นายอันวาร์” นายกฯ มาเลย์ เขานัดพบกัน ส่วนจะพบในดินแดนมาเลย์ ที่ลังกาวี
    หรือลอยเรือในทะเลคุยกันในเขตไทยแถวๆ หลีเป๊ะ?
    ลองทายกันดูซิ….

    เพราะในทุกข่าวสาร เผยแพร่ภาพพบกัน แต่ไม่มีข่าวสารไหนยอมระบุว่าพบกันที่ไหน
    “ในแดนไทย” หรือ “ในแดนมาลย์” ที่ลังกาวี?

    แค่บอกว่า
    “ทักษิณกับร.อ.ธรรมนัส อดีตรมว.เกษตรฯ เดินทางด้วยขบวนเรือยอชต์ ๖ ลำ แวะเยือนเกาะหลีเป๊ะ สตูล

    โดยมาถึงชายฝั่งเกาะหลีเป๊ะตั้งแต่วันที่ ๒๕ ธ.ค. เวลาประมาณ ๑๗.๐๐ น. โดยไม่มีผู้ใดทราบล่วงหน้า เนื่องจากเข้าใจว่าเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไป

    จนกระทั่งเช้าวันที่ ๒๖ ธ.ค. เวลา ๐๙.๐๐-๑๑.๐๐ น. ทั้งสองขึ้นฝั่งเพื่อรับประทานอาหารเช้าที่ “โรงแรมบูโลว คาซ่าแกรนด์วิว” รีสอร์ท”

    ผมไม่สนทั้งสองเขาคุยอะไรกัน เพราะที่เขาบอก “เรื่องแต่ง” ส่วน “เรื่องจริง” ใครเขาจะบอก!

    แต่ฉงนในประเด็น ทักษิณมาดูลาดเลา “ช่องทางธรรมชาติ” หรืออย่างไร?

    อย่าลืม ทักษิณเป็นจำเลยคดีมาตรา ๑๑๒ ได้ประกันตัวจากศาล ด้วยเงื่อนไข “ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ”

    แล้วเชื่อได้ขนาดไหน มีใครยืนยันได้ ว่านายกฯมาเลย์กับทักษิณ นั่งเรือคุยกันในทะเลฝั่งไทย

    ไม่ใช่ทักษิณนั่งเรือยอชต์ไปพบนายอันวาร์ที่เกาะลังกาวี ในดินแดนมาเลย์
    พบ-พูดคุยกันแล้ว….
    อีกวันถึงลอยเรือยอชต์ ปรากฎตัวให้คนเห็นเป็นข่าวที่หลีเป๊ะ-เขตไทย?

    อีกประเด็นที่ผมสน “ทักษิณมีสถานะอะไร และนายอันวาร์ต้องการอะไร”
    จึงเล่นบท “การเมืองลับๆ ล่อๆ” กับทักษิณ?

    -ฟื้นฟูเศรษฐกิจ, ส่งเสริมสันติภาพ ๓ จว.ใต้, แก้ไขวิกฤตเมียนมา, เสริมสร้างสัมพันธ์ทวิภาคี “มาเลเซีย-ไทย”

    ทักษิณมีตำแหน่ง-หน้าที่ใด ที่นายอันวาร์ต้องนำมาคุย นอกจากเป็นนักโทษเทวดา เป็นพ่อนายกฯ เป็นหัวหน้าแก๊งเปลี่ยนระบอบเป็น “แดงทั้งแผ่นดิน ทักษิณสถาปนา” เป็นเจ้าของคอกหมา และฯลฯ

    อีกคุณสมบัติเดียว คุณค่าที่ไม่มีใครเทียบได้ในภูมิภาคนี้ของทักษิณ คือ วิชา “ขายแผ่นดิน”

    และวิชา “แปลง” ทุนสำรองระหว่างประเทศ “เป็นเงินโปรย” ประชานิยม”!

    “การเมืองลับๆ ล่อๆ” นี้ “ฉีกประเทศไทย” ให้มี ๒ รัฐบาล คือ “รัฐบาลพ่อ” กับ “รัฐบาลลูก”
    แล้วกูจะต้องปฎิบัติตัวยังไงดีวะ ในประเทศ ๒ รัฐบาล?

    เปลว สีเงิน
    ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๗
    “๑ ประเทศ ๒ รัฐบาล” #เปลวสีเงิน plew เปลว สีเงิน คงเป็น “ที่สุดแห่งปี” จริงๆ สำหรับประเทศแห่งประชากรผู้หิวโหยและเทิดทูน ๒ พ่อลูก “ตระกูลชิน” บ่ายวาน(๒๗ ธ.ค.๖๗)นายกฯมาเลย์ฯ “นายอันวาร์” โพสต์เฟซ พร้อมภาพถ่ายคู่ทักษิณ Anwar Ibrahim รู้สึกยินดีที่ได้พบอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยและเพื่อนรักอย่าง ดร.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อหารือกันอย่างน่าสนใจ ครอบคลุมและมีประโยชน์ รวมทั้งในฐานะที่ปรึกษาไม่เป็นทางการของมาเลเซีย ในการดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน การสนทนามุ่งเน้นประเด็นสำคัญในภูมิภาค ได้แก่ การฟื้นฟูเศรษฐกิจ การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ๆ การส่งเสริมสันติภาพในภาคใต้ของไทย และการแก้ไขวิกฤตเมียนมา เครือข่ายความสัมพันธ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ในภูมิภาคของคุณทักษิณ ประกอบกับความเชี่ยวชาญเฉพาะตัวของเขา ได้ให้คำมั่นว่า จะเปิดโอกาสอันล้ำค่าสำหรับมาเลเซียและอาเซียนเพื่อรับมือกับความท้าทาย ด้วยความมั่นใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงแนวทางเสริมสร้างสัมพันธ์ทวิภาคีที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ระหว่างมาเลเซียและไทย ให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์การพัฒนาอย่างยั่งยืนและความสามัคคีในภูมิภาค ที่ผมมีร่วมกับ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของประเทศไทย หลายทศวรรษที่ผ่านทักษิณและผมเชื่อมั่นว่า มาเลเซียและไทยสามารถบรรลุผลสำเร็จได้มากกว่านี้มาก เมื่อร่วมมือกัน ไม่เพียงแต่สำหรับประเทศของเราเท่านั้น แต่สำหรับภูมิภาคโดยรวมด้วย เรามุ่งมั่นที่จะทำให้วิสัยทัศน์นั้น กลายเป็นความจริง. นั่นคือบทบาท “นายกฯ-ผู้พ่อ” ปิดศักราช ๒๕๖๗ เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน ทีนี้อยากให้ดูบทบาท “นายกฯ-ผู้ลูก” ส่งท้ายปีบ้าง ๒๗ ธันวา. นายกฯ “แพทองธาร ชินวัตร” ส่งหนังสือลากิจ ๑ วัน ไปที่ “สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี” (สลค.) “หยุดงาน” ยาวต่อเนื่องข้ามศักราชไปถึงปีหน้า บอกว่า “เพื่อใช้เวลาพักผ่อนอยู่กับครอบครัว” จะกลับมา “ปฏิบัติหน้าที่นายกฯ” อีกครั้ง วันที่ ๒ มกรา.๖๘ โดยเป็นประธานพิธีทำบุญในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ.๒๕๖๘ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ตอนเช้า นายกฯ บอกลาอย่างนี้แล้ว รู้สึกยังไงกันบ้างครับ? ในความรู้สึกผม…. ประเทศเหมือน “ครอบครัวหนึ่ง” มีสมาชิก ๖๐ กว่าล้านคน มีรัฐบาลโดย “นายกฯ” เป็นหัวหน้า “รับผิดชอบ” ดูแลครอบครัว ปีใหม่ “หยุดยาว” สมาชิกในครอบครัว พากันไปเที่ยวไหน-ต่อไหนกันจนกรุงเทพฯ แทบโล่ง ประมาณ ๑ สัปดาห์ แต่แทนที่ “หัวหน้าครอบครัว” จะบอกว่า หยุดยาว เที่ยวกันให้สนุกนะ ไม่ต้องห่วงหรอก จะระวังขะโมย-ขะโจรให้เอง กลับตรงกันข้าม ลูกบ้านหยุดยาวไปเที่ยว หัวหน้าบ้านก็หยุดยาวบ้าง แถมชิงเอาเปรียบ “ลาหยุด” ล่วงหน้าซะอีก ๑ วัน! ถามว่าผิดมั้ย? ก็ไม่ผิด แต่มันขาด “ภาวะสำนึก” แห่งความรับผิดชอบของ “คนเป็นผู้นำ” หรือพูดกันชัดๆ… นางสาวแพทองธาร ลูกนายทักษิณ ไม่มีทั้งวุฒิภาวะ ไม่มีทั้งสำนึกภาวะ ไม่คู่ควรตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” เลย! เป็น “ผู้นำ” เป็นตลอด ๒๔ ชั่วโมง…. หยุุดงาน-หยุดได้ แต่ไม่ใช่เห็นชาวบ้านเขาหยุดยาวในเทศกาล กูก็จะหยุดมั่ง แบบนี้ มีธุระสำคัญอะไรที่ต้องลาหยุดเพิ่มให้เป็น “แบบอย่าง” ที่ไม่ดี เช่นนี้? เปล่า…ลาหยุดพักผ่อนกับครอบครัว!? แถมบอก “จะกลับมาปฎิบัติหน้าที่นายกฯ” อีกครั้ง ในวันที่ ๒ มกรา.๖๘ นั้น น่ารังเกียจ ประหนึ่ง “ไร้เดียงสา”! ต้องเข้าใจนะอุ๊งอิ๊ง คุณพ่อไม่สอนหรือว่า การไปทำงานนั้น “หยุด…คือไม่ไปที่ทำงาน” นั้น ได้ แต่ “หน้าที่นายกฯ” มันหยุดปฎิบัติไม่ได้-ลาไม่ได้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน แบบไหน กำลังกิน กำลังนอน กำลังถ่าย แม้แขม็บๆ กำลังจะตาย “ลาออก” จากตำแหน่งนายกฯ ได้ แต่ลา “ปฎิบัติหน้าที่นายกฯ” ไม่ได้! เช่นเดียวกับ “ข้าราชการ” ไม่ว่าข้าราชการพลเรือน ข้าราชครู ข้าราชการทหาร ตำรวจ แม้กระทั่ง แพทย์ พยาบาล “หยุดงาน-ลางาน” ได้ แต่หยุด “หน้าที่” คนเป็นข้าราชการไม่ได้ ต่อให้ไปไหน-อยู่ไหน เขาพร้อม “ปฎิบัติหน้าที่” ในทันที เมื่อมีสถานการณ์ คนเป็นผู้นำบริหารประเทศ “สำนึกภาวะ” ด้านรับผิดชอบในหน้าที่ “ต้องสูงกว่าข้าราชการ” ขึ้นไปอีกขั้น อย่างปีใหม่ “หยุดยาวข้ามปี”……. นายกฯ อยู่บ้านหรือมาทำเนียบ “ค่าเท่ากัน” ไม่ต้องทำเป็น “ลาก่ง-ลากิจ” ให้ดูตลกปัญญาอ่อนหรอก ที่สำคัญ ผู้นำต้องส่งสัญญานให้ประชาชนรู้ว่า ในขณะที่เขาทิ้งบ้านไปไหนต่อไหนกันนั้น ฉัน..นายกฯ อยู่นะ รัฐบาล “อยู่โยง” ทำหน้าที่ “มอนิเตอร์ประเทศ” ให้ตลอด ๒๔ ชั่วโมงนะ เที่ยวกันให้สนุก ไม่ต้อง “ห่วงหน้า-พะวงหลัง” เจ้าหน้าที่แต่ละหน่วยงาน ที่ต้องทำงานในเทศกาลหยุดยาว เขาก็พลอยมีกำลังใจ ว่าไม่เพียงพวกเขาต้องแกร่ว “อยู่เวร-อยู่ยาม” “ผู้นำรัฐบาล” ก็แกร่วอยู่ด้วย คอยตรวจตราสั่งการ “รักษาบ้าน-เฝ้าเมือง” ให้ประชาชน ไม่ได้ตะแล๊ดแต๊ดแต๋ละทิ้งหน้าที่ไปทางไหนแต่อย่างใด! นี่คือ “สำนึกผู้นำ” ไม่ใช่ชาวบ้านเขาลาหยุดยาว กูก็ลาหยุดยาวบ้าง แถมบอกเสร็จสรรพ “จะกลับมาปฎิบัติหน้าที่” ในที่ ๒ มกรา.๕๘! จะให้ “ชาวบ้าน-ชาวเมือง” เข้าใจว่า….. จากวันนี้ จนถึง ๒ มกรา.๖๘ บ้านเมือง “ว่างเปล่า” ไม่มีผู้ปฎิบัติหน้าที่นายกฯ งั้นหรือ? โบราณท่านบอก…. เป็นหัวหน้างาน “อย่าไปแย่งงานลูกน้องทำ” แต่คนเป็นหัวหน้าคน “ต้องตื่นก่อน-นอนทีหลัง” เป็นนายกฯ เป็นแม่ทัพ-นายกอง เป็นหัวหน้าครอบครัว ถึงเทศกาล ลูกน้อง-ลูกบ้าน เขาจะสนุกสนาน เที่ยวเตร่กัน คนเป็นนายก็ต้อง “เฝ้าบ้าน-เฝ้าประเทศ” คอยระหวังหลังให้พวกเขา มันไม่ใช่เรื่องซับซ้อน เป็นแค่ “สามัญสำนึกพื้นฐาน” ของคนเป็นนายคนเท่านั้นเอง พูดถึงลูกแล้ว มาพูดถึงพ่อบ้าง จากหลีเป๊ะ-สตูล ไปลังกาวี-มาเลเซีย ๕๒ กิโลเท่านั้นเอง ถ้านั่งเรือ ก็ชั่วโมงกว่าๆ ตอนเป็นเด็กวัดเคยอ่านบันทึกของ “หลุย คีรีวัต” ที่ถูกขัง คุกเกาะ “ตะรุเตา” กับเพื่อนนักโทษกบฎอีก ๒-๓ คน มี “โหรแฉล้ม เลี่ยมเพ็ชรรัตน์” รวมอยู่ด้วย หลบหนีคุก ลอยคอจากเกาะตะรุเตา ไปขึ้นที่เกาะลังกาวี ซึ่งเกาะนี้ อยู่ใน “รัฐเคดะห์” อดีตเป็นส่วนหนึ่งของเมืองไทยบุรี ดินแดนของสยาม แต่เราจำต้องเสียให้อังกฤษไป ในสมัยรัชกาลที่ ๕ เกาะนี้ “ถูกสาป” จนมีเรื่องราวเล่าขานเป็นตำนานรักของหญิงไทยจนถึงทุกวันนี้ ไปหาอ่านกันเอาเองละกัน ผมเล่าตามข่าวนะ ….. “ทักษิณ” กับ “นายอันวาร์” นายกฯ มาเลย์ เขานัดพบกัน ส่วนจะพบในดินแดนมาเลย์ ที่ลังกาวี หรือลอยเรือในทะเลคุยกันในเขตไทยแถวๆ หลีเป๊ะ? ลองทายกันดูซิ…. เพราะในทุกข่าวสาร เผยแพร่ภาพพบกัน แต่ไม่มีข่าวสารไหนยอมระบุว่าพบกันที่ไหน “ในแดนไทย” หรือ “ในแดนมาลย์” ที่ลังกาวี? แค่บอกว่า “ทักษิณกับร.อ.ธรรมนัส อดีตรมว.เกษตรฯ เดินทางด้วยขบวนเรือยอชต์ ๖ ลำ แวะเยือนเกาะหลีเป๊ะ สตูล โดยมาถึงชายฝั่งเกาะหลีเป๊ะตั้งแต่วันที่ ๒๕ ธ.ค. เวลาประมาณ ๑๗.๐๐ น. โดยไม่มีผู้ใดทราบล่วงหน้า เนื่องจากเข้าใจว่าเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไป จนกระทั่งเช้าวันที่ ๒๖ ธ.ค. เวลา ๐๙.๐๐-๑๑.๐๐ น. ทั้งสองขึ้นฝั่งเพื่อรับประทานอาหารเช้าที่ “โรงแรมบูโลว คาซ่าแกรนด์วิว” รีสอร์ท” ผมไม่สนทั้งสองเขาคุยอะไรกัน เพราะที่เขาบอก “เรื่องแต่ง” ส่วน “เรื่องจริง” ใครเขาจะบอก! แต่ฉงนในประเด็น ทักษิณมาดูลาดเลา “ช่องทางธรรมชาติ” หรืออย่างไร? อย่าลืม ทักษิณเป็นจำเลยคดีมาตรา ๑๑๒ ได้ประกันตัวจากศาล ด้วยเงื่อนไข “ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ” แล้วเชื่อได้ขนาดไหน มีใครยืนยันได้ ว่านายกฯมาเลย์กับทักษิณ นั่งเรือคุยกันในทะเลฝั่งไทย ไม่ใช่ทักษิณนั่งเรือยอชต์ไปพบนายอันวาร์ที่เกาะลังกาวี ในดินแดนมาเลย์ พบ-พูดคุยกันแล้ว…. อีกวันถึงลอยเรือยอชต์ ปรากฎตัวให้คนเห็นเป็นข่าวที่หลีเป๊ะ-เขตไทย? อีกประเด็นที่ผมสน “ทักษิณมีสถานะอะไร และนายอันวาร์ต้องการอะไร” จึงเล่นบท “การเมืองลับๆ ล่อๆ” กับทักษิณ? -ฟื้นฟูเศรษฐกิจ, ส่งเสริมสันติภาพ ๓ จว.ใต้, แก้ไขวิกฤตเมียนมา, เสริมสร้างสัมพันธ์ทวิภาคี “มาเลเซีย-ไทย” ทักษิณมีตำแหน่ง-หน้าที่ใด ที่นายอันวาร์ต้องนำมาคุย นอกจากเป็นนักโทษเทวดา เป็นพ่อนายกฯ เป็นหัวหน้าแก๊งเปลี่ยนระบอบเป็น “แดงทั้งแผ่นดิน ทักษิณสถาปนา” เป็นเจ้าของคอกหมา และฯลฯ อีกคุณสมบัติเดียว คุณค่าที่ไม่มีใครเทียบได้ในภูมิภาคนี้ของทักษิณ คือ วิชา “ขายแผ่นดิน” และวิชา “แปลง” ทุนสำรองระหว่างประเทศ “เป็นเงินโปรย” ประชานิยม”! “การเมืองลับๆ ล่อๆ” นี้ “ฉีกประเทศไทย” ให้มี ๒ รัฐบาล คือ “รัฐบาลพ่อ” กับ “รัฐบาลลูก” แล้วกูจะต้องปฎิบัติตัวยังไงดีวะ ในประเทศ ๒ รัฐบาล? เปลว สีเงิน ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๗
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1528 มุมมอง 0 รีวิว
  • เบื่อหาดใหญ่ ไปอลอร์สตาร์

    ในขณะที่ชาวมาเลเซียนิยมเข้ามาท่องเที่ยวที่หาดใหญ่ จ.สงขลาอย่างคึกคัก ในทางกลับกันยังมีคนไทยอีกส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะชาวหาดใหญ่ นิยมไปเที่ยวประเทศมาเลเซีย หนึ่งในนั้นคือ อลอร์สตาร์ (Alor Setar) เมืองหลวงของรัฐเคดะห์ (Kedah) หากขับรถไปเองโดยใช้ทางด่วนเหนือ-ใต้ E1 จากด่านบูกิตกายูฮิตัม ตรงข้าม อ.สะเดา จ.สงขลา ระยะทางเพียง 50 กิโลเมตร

    แต่ส่วนมากนิยมเดินทางโดยรถไฟ KTM Komuter จากสถานีปาดังเบซาร์ (Padang Besar) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที ค่าโดยสาร 5.70 ริงกิตต่อเที่ยว (ประมาณ 45 บาท) หากเดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับ นิยมจอดรถที่ด่านปาดังเบซาร์ฝั่งไทย ก่อนไปประทับตราหนังสือเดินทางที่ด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ เปิดเวลา 05.00-21.00 น. ตามเวลาประเทศไทย กับศูนย์ ICQS ปาดังเบซาร์

    ชาวหาดใหญ่นิยมมาช้อปปิ้งที่ศูนย์การค้าอะมาน เซ็นทรัล (Aman Central) เนื่องจากมีร้านค้าที่ไม่มีในหาดใหญ่ เช่น ร้าน CHAGEE, ร้าน Krispy Kreme ที่มีโดนัทไซส์เล็ก, ไอศกรีม Llaollao (เหยาเหยา) นอกนั้นก็จะซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม ทั้งน้ำหอม สกินแคร์ และวิตามินต่างๆ บางรายการถูกกว่าประเทศไทย

    อะมาน เซ็นทรัล เป็นศูนย์การค้าขนาด 8 ชั้นของกลุ่มเบลล์วิลล์กรุ๊ป เปิดเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2558 มีร้านค้าเช่ารวม 420 ร้าน แมกเนตหลักประกอบด้วย โลตัส (Lotus's) ห้างสรรพสินค้าพาร์คสัน (Parkson) และโรงภาพยนตร์โกลเด้นสกรีนซีนีม่าส์ (GSC)

    ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมประกอบด้วย Menara Alor Setar หอโทรคมนาคม สูง 4 ชั้น ยาว 165.5 เมตร (543 ฟุต) อันดับสามในมาเลเซีย เปิดเมื่อปี 2540 ราคาเข้าชมจุดชมวิวเริ่มต้นที่ 8 ริงกิต, มัสยิดซาฮีร์ (Zahir Mosque) ซึ่งเก่าแก่ที่สุดในมาเลเซีย นอกนั้นก็จะมี Kedah State Art Gallery หอศิลป์แห่งรัฐเคดาห์ ห่างออกไปจะเป็น Kedah Paddy Museum พิพิธภัณฑ์ข้าว

    เคดะห์เป็นรัฐ 5 อันดับแรกในมาเลเซียที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวสูงสุด เพราะมีแหล่งท่องเที่ยวอย่างเกาะลังกาวี โดยในปี 2566 มีนักท่องเที่ยวรวมทั้งสิ้น 6.45 ล้านคน โดยเมืองอลอร์สตาร์มีโรงแรมให้บริการรวม 2,552 ห้อง ส่วนสนามบินอลอร์สตาร์ (AOR) มีผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น 588,771 คน มีเที่ยวบินจากสนามบินกัวลาลัมเปอร์ (KUL) 23 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ สนามบินซูบัง (SZB) 14 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และสนามบินเซไน รัฐยะโฮร์ (JHB) 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์

    ล่าสุด สายการบินบาติกแอร์ (Batik Air) ประกาศเปิดเส้นทางบินใหม่ กัวลาลัมเปอร์-อลอร์สตาร์ ด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 737 ตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค. 2567 ให้บริการ 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์

    #Newskit #AlorSetar #Kedah
    เบื่อหาดใหญ่ ไปอลอร์สตาร์ ในขณะที่ชาวมาเลเซียนิยมเข้ามาท่องเที่ยวที่หาดใหญ่ จ.สงขลาอย่างคึกคัก ในทางกลับกันยังมีคนไทยอีกส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะชาวหาดใหญ่ นิยมไปเที่ยวประเทศมาเลเซีย หนึ่งในนั้นคือ อลอร์สตาร์ (Alor Setar) เมืองหลวงของรัฐเคดะห์ (Kedah) หากขับรถไปเองโดยใช้ทางด่วนเหนือ-ใต้ E1 จากด่านบูกิตกายูฮิตัม ตรงข้าม อ.สะเดา จ.สงขลา ระยะทางเพียง 50 กิโลเมตร แต่ส่วนมากนิยมเดินทางโดยรถไฟ KTM Komuter จากสถานีปาดังเบซาร์ (Padang Besar) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที ค่าโดยสาร 5.70 ริงกิตต่อเที่ยว (ประมาณ 45 บาท) หากเดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับ นิยมจอดรถที่ด่านปาดังเบซาร์ฝั่งไทย ก่อนไปประทับตราหนังสือเดินทางที่ด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ เปิดเวลา 05.00-21.00 น. ตามเวลาประเทศไทย กับศูนย์ ICQS ปาดังเบซาร์ ชาวหาดใหญ่นิยมมาช้อปปิ้งที่ศูนย์การค้าอะมาน เซ็นทรัล (Aman Central) เนื่องจากมีร้านค้าที่ไม่มีในหาดใหญ่ เช่น ร้าน CHAGEE, ร้าน Krispy Kreme ที่มีโดนัทไซส์เล็ก, ไอศกรีม Llaollao (เหยาเหยา) นอกนั้นก็จะซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม ทั้งน้ำหอม สกินแคร์ และวิตามินต่างๆ บางรายการถูกกว่าประเทศไทย อะมาน เซ็นทรัล เป็นศูนย์การค้าขนาด 8 ชั้นของกลุ่มเบลล์วิลล์กรุ๊ป เปิดเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2558 มีร้านค้าเช่ารวม 420 ร้าน แมกเนตหลักประกอบด้วย โลตัส (Lotus's) ห้างสรรพสินค้าพาร์คสัน (Parkson) และโรงภาพยนตร์โกลเด้นสกรีนซีนีม่าส์ (GSC) ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมประกอบด้วย Menara Alor Setar หอโทรคมนาคม สูง 4 ชั้น ยาว 165.5 เมตร (543 ฟุต) อันดับสามในมาเลเซีย เปิดเมื่อปี 2540 ราคาเข้าชมจุดชมวิวเริ่มต้นที่ 8 ริงกิต, มัสยิดซาฮีร์ (Zahir Mosque) ซึ่งเก่าแก่ที่สุดในมาเลเซีย นอกนั้นก็จะมี Kedah State Art Gallery หอศิลป์แห่งรัฐเคดาห์ ห่างออกไปจะเป็น Kedah Paddy Museum พิพิธภัณฑ์ข้าว เคดะห์เป็นรัฐ 5 อันดับแรกในมาเลเซียที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวสูงสุด เพราะมีแหล่งท่องเที่ยวอย่างเกาะลังกาวี โดยในปี 2566 มีนักท่องเที่ยวรวมทั้งสิ้น 6.45 ล้านคน โดยเมืองอลอร์สตาร์มีโรงแรมให้บริการรวม 2,552 ห้อง ส่วนสนามบินอลอร์สตาร์ (AOR) มีผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น 588,771 คน มีเที่ยวบินจากสนามบินกัวลาลัมเปอร์ (KUL) 23 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ สนามบินซูบัง (SZB) 14 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และสนามบินเซไน รัฐยะโฮร์ (JHB) 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ล่าสุด สายการบินบาติกแอร์ (Batik Air) ประกาศเปิดเส้นทางบินใหม่ กัวลาลัมเปอร์-อลอร์สตาร์ ด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 737 ตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค. 2567 ให้บริการ 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ #Newskit #AlorSetar #Kedah
    Like
    Love
    9
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1486 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฟื้นซูบัง (SZB) สนามบินเก่ามาเลย์

    หากกล่าวถึงสนามบินเก่าในเมืองหลวง ถ้าประเทศไทยมีสนามบินดอนเมือง ที่เคยเป็นสนามบินหลักในกรุงเทพฯ ก่อนย้ายมาที่สนามบินสุวรรณภูมิในปี 2549 ที่ประเทศมาเลเซียก็มีสนามบินเก่าอย่าง ท่าอากาศยานสุลต่าน อับดุล อาซิซ ชาห์ หรือสนามบินซูบัง (SZB) ตั้งอยู่ที่เมืองซูบัง รัฐสลังงอร์ เปิดให้บริการเมื่อปี 2508 ก่อนย้ายสนามบินหลัก (KUL) ไปยังเมืองเซปัง ทางตอนใต้ของกรุงกัวลาลัมเปอร์ในปี 2541

    อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมาเลเซียกำลังฟื้นฟูสนามบินซูบัง เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาค ด้วยศักยภาพทำเลที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของกรุงกัวลาลัมเปอร์ ใกล้กับเขตแคลงวัลเลย์ (Klang Valley) ที่มีผู้อยู่อาศัยกว่า 8 ล้านคน ล่าสุด สายการบินแอร์เอเชีย มาเลเซีย จะเปิดให้บริการเส้นทาง ซูบัง-กูชิง และ ซูบัง-โคตาคินาบาลู เชื่อมระหว่างฝั่งแหลมมลายู กับเกาะบอร์เนียว ไป-กลับรวม 8 เที่ยวบินต่อวัน ตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป

    ก่อนหน้านี้มีสายการบินประกาศทำการบินที่สนามบินซูบัง เริ่มจากวันที่ 1 สิงหาคม 2567 สายการบินบาติกแอร์ (Batik Air) จะกลับมาทำการบินเส้นทาง ซูบัง-ปีนัง ด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 737 จำนวน 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และจะขยายเป็น 1 เที่ยวบินต่อวัน ในวันที่ 15 สิงหาคม 2567 ขณะที่สายการบินทรานส์นูซา (TransNusa) จะทำการบินเส้นทางซูบัง-จาการ์ตา อินโดนีเซีย วันที่ 1 สิงหาคม 2567 ส่วนสายการบินสกู๊ต จะกลับมาทำการบินเส้นทาง ซูบัง-สิงคโปร์ ในวันที่ 1 กันยายน 2567

    ด้านสายการบินซึ่งใช้เครื่องบินขนาดเล็กอย่าง ไฟร์ฟลาย (Firefly) ที่ทำการบินเส้นทางอลอร์สตาร์ ยะโฮร์บาห์รู โกตาบาห์รู กัวลาตรังกานู ลังกาวี ปีนัง ก็จะเปิดเส้นทาง ซูบัง-โคตาคินาบาลู ในวันที่ 29 สิงหาคม 2567 เช่นกัน ส่วนสายการบินเบอร์จายา แอร์ (Berjaya Air) ทำการบินแบบชาร์เตอร์ไฟล์ตไปยังหัวหิน เกาะสมุย ลังกาวี ปังกอร์ ปีนัง เรดัง และติโอมัน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีเที่ยวบินขนส่งสินค้าทางอากาศให้บริการที่สนามบินซูบัง อาทิ มายเจ็ตเอ็กซ์เพรส (My Jet Xpress Airlines) และรายาแอร์เวย์ส (Raya Airways)

    สำหรับการเดินทางจากสถานีกลางกัวลาลัมเปอร์ (KL Sentral) ไปยังท่าอากาศยานซูบัง มีอยู่หลายช่องทาง อาทิ รถประจำทาง RapidKL สาย 772 จากป้ายหยุดรถประจำทาง KL1760 Suasana Sentral Loft ไปลงที่ป้าย SA909 Subang Skypark Terminal ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที หรือรถไฟฟ้า LRT สาย Kelana Jaya (สายสีแดง) จากสถานี KL Sentral ไปลงที่สถานี Pasar Seni ต่อด้วยรถไฟฟ้าสาย Kajang (สายสีเขียว) ลงที่สถานี Kwasa Sentral จากนั้นต่อรถเมล์สาย T804 ไปลงที่ป้าย Subang Airport เป็นต้น

    #Newskit #SubangAirport #SZB
    ฟื้นซูบัง (SZB) สนามบินเก่ามาเลย์ หากกล่าวถึงสนามบินเก่าในเมืองหลวง ถ้าประเทศไทยมีสนามบินดอนเมือง ที่เคยเป็นสนามบินหลักในกรุงเทพฯ ก่อนย้ายมาที่สนามบินสุวรรณภูมิในปี 2549 ที่ประเทศมาเลเซียก็มีสนามบินเก่าอย่าง ท่าอากาศยานสุลต่าน อับดุล อาซิซ ชาห์ หรือสนามบินซูบัง (SZB) ตั้งอยู่ที่เมืองซูบัง รัฐสลังงอร์ เปิดให้บริการเมื่อปี 2508 ก่อนย้ายสนามบินหลัก (KUL) ไปยังเมืองเซปัง ทางตอนใต้ของกรุงกัวลาลัมเปอร์ในปี 2541 อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมาเลเซียกำลังฟื้นฟูสนามบินซูบัง เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาค ด้วยศักยภาพทำเลที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของกรุงกัวลาลัมเปอร์ ใกล้กับเขตแคลงวัลเลย์ (Klang Valley) ที่มีผู้อยู่อาศัยกว่า 8 ล้านคน ล่าสุด สายการบินแอร์เอเชีย มาเลเซีย จะเปิดให้บริการเส้นทาง ซูบัง-กูชิง และ ซูบัง-โคตาคินาบาลู เชื่อมระหว่างฝั่งแหลมมลายู กับเกาะบอร์เนียว ไป-กลับรวม 8 เที่ยวบินต่อวัน ตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป ก่อนหน้านี้มีสายการบินประกาศทำการบินที่สนามบินซูบัง เริ่มจากวันที่ 1 สิงหาคม 2567 สายการบินบาติกแอร์ (Batik Air) จะกลับมาทำการบินเส้นทาง ซูบัง-ปีนัง ด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 737 จำนวน 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และจะขยายเป็น 1 เที่ยวบินต่อวัน ในวันที่ 15 สิงหาคม 2567 ขณะที่สายการบินทรานส์นูซา (TransNusa) จะทำการบินเส้นทางซูบัง-จาการ์ตา อินโดนีเซีย วันที่ 1 สิงหาคม 2567 ส่วนสายการบินสกู๊ต จะกลับมาทำการบินเส้นทาง ซูบัง-สิงคโปร์ ในวันที่ 1 กันยายน 2567 ด้านสายการบินซึ่งใช้เครื่องบินขนาดเล็กอย่าง ไฟร์ฟลาย (Firefly) ที่ทำการบินเส้นทางอลอร์สตาร์ ยะโฮร์บาห์รู โกตาบาห์รู กัวลาตรังกานู ลังกาวี ปีนัง ก็จะเปิดเส้นทาง ซูบัง-โคตาคินาบาลู ในวันที่ 29 สิงหาคม 2567 เช่นกัน ส่วนสายการบินเบอร์จายา แอร์ (Berjaya Air) ทำการบินแบบชาร์เตอร์ไฟล์ตไปยังหัวหิน เกาะสมุย ลังกาวี ปังกอร์ ปีนัง เรดัง และติโอมัน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีเที่ยวบินขนส่งสินค้าทางอากาศให้บริการที่สนามบินซูบัง อาทิ มายเจ็ตเอ็กซ์เพรส (My Jet Xpress Airlines) และรายาแอร์เวย์ส (Raya Airways) สำหรับการเดินทางจากสถานีกลางกัวลาลัมเปอร์ (KL Sentral) ไปยังท่าอากาศยานซูบัง มีอยู่หลายช่องทาง อาทิ รถประจำทาง RapidKL สาย 772 จากป้ายหยุดรถประจำทาง KL1760 Suasana Sentral Loft ไปลงที่ป้าย SA909 Subang Skypark Terminal ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที หรือรถไฟฟ้า LRT สาย Kelana Jaya (สายสีแดง) จากสถานี KL Sentral ไปลงที่สถานี Pasar Seni ต่อด้วยรถไฟฟ้าสาย Kajang (สายสีเขียว) ลงที่สถานี Kwasa Sentral จากนั้นต่อรถเมล์สาย T804 ไปลงที่ป้าย Subang Airport เป็นต้น #Newskit #SubangAirport #SZB
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1285 มุมมอง 0 รีวิว