• 'สุชาติ ชมกลิ่น' แจงสภาฯ ปัดเอี่ยวคดีค้ามนุษย์ฟินแลนด์ ขบวนการขยะอิเล็กทรอนิกส์ ย้ำพร้อมให้ดำเนินคดี หากทำผิดกฎหมาย ขออย่ากล่าวหากันลอย ๆ
    https://www.thai-tai.tv/news/21695/
    .
    #สุชาติชมกลิ่น #อภิปรายนโยบาย #ค้ามนุษย์ #บ่อดินเถื่อน #มังกรน้ำเค็ม #รัฐมนตรีชี้แจง #ปปช #การเมืองไทย
    'สุชาติ ชมกลิ่น' แจงสภาฯ ปัดเอี่ยวคดีค้ามนุษย์ฟินแลนด์ ขบวนการขยะอิเล็กทรอนิกส์ ย้ำพร้อมให้ดำเนินคดี หากทำผิดกฎหมาย ขออย่ากล่าวหากันลอย ๆ https://www.thai-tai.tv/news/21695/ . #สุชาติชมกลิ่น #อภิปรายนโยบาย #ค้ามนุษย์ #บ่อดินเถื่อน #มังกรน้ำเค็ม #รัฐมนตรีชี้แจง #ปปช #การเมืองไทย
    0 Comments 0 Shares 133 Views 0 Reviews
  • “Yantar: เรือสอดแนมรัสเซียที่กำลัง ‘เดินสาย’ ใต้ทะเลยุโรป — เมื่อสายเคเบิลกลายเป็นสมรภูมิใหม่ของสงครามเงียบ”

    รายงานล่าสุดจาก Financial Times และหน่วยงานความมั่นคงยุโรปเปิดเผยว่า เรือ Yantar ของรัสเซีย ซึ่งถูกระบุว่าเป็น “เรือสอดแนมทางทหาร” ได้ถูกติดตามขณะเคลื่อนที่อย่างลับ ๆ ตามแนวสายเคเบิลใต้น้ำที่เชื่อมโยงประเทศ NATO ทั่วชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกของยุโรป โดยมีเป้าหมายเพื่อ “ทำแผนที่” และอาจ “สกัดกั้น” การสื่อสารที่สำคัญของพันธมิตร NATO

    Yantar ถูกระบุว่าออกเดินทางจากคาบสมุทร Kola ของรัสเซียตั้งแต่ปลายปี 2024 โดยปลอมตัวเป็นเรือพลเรือน แต่ติดตั้งอุปกรณ์สอดแนมเต็มรูปแบบ เช่น ระบบเรดาร์, แขนกลใต้น้ำ, และยานดำน้ำไร้คนขับ ซึ่งสามารถเข้าถึงสายเคเบิลที่อยู่ลึกถึง 6,000 เมตร

    เรือถูกพบในหลายจุดสำคัญ เช่น ทะเลไอริช, ช่องแคบอังกฤษ, และระหว่างนอร์เวย์กับหมู่เกาะ Svalbard ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ในอาร์กติก โดยมีการเคลื่อนไหวที่พยายามหลบเลี่ยงการตรวจจับ เช่น ไม่ส่งสัญญาณตำแหน่ง และเคลื่อนที่ช้าเหนือสายเคเบิลโดยตรง

    ข้อมูลจากดาวเทียม Sentinel-1 ของ ESA แสดงให้เห็นว่า Yantar เคลื่อนตัวอย่างมีเป้าหมาย และมีการหยุดตามจุดที่ตรงกับตำแหน่งสายเคเบิลพลังงาน, อินเทอร์เน็ต, และระบบสื่อสารทางทหาร เช่น Integrated Undersea Surveillance System ที่ใช้ติดตามเรือดำน้ำของศัตรู

    ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า หากรัสเซียต้องการโจมตีแบบ “สงครามลูกผสม” การตัดสายเคเบิลเหล่านี้อาจทำให้ประเทศตะวันตก “มืดสนิท” ทั้งในด้านพลังงาน, การเงิน, และการสื่อสาร โดยเฉพาะในช่วงที่ความตึงเครียดกับยูเครนและ NATO ยังคงสูงขึ้น

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    เรือ Yantar ของรัสเซียถูกติดตามขณะเคลื่อนที่ตามแนวสายเคเบิลใต้น้ำของ NATO
    เรือถูกระบุว่าเป็นเรือสอดแนมทางทหารที่ติดตั้งอุปกรณ์สอดแนมเต็มรูปแบบ
    จุดที่พบเรือ ได้แก่ ทะเลไอริช, ช่องแคบอังกฤษ, และระหว่างนอร์เวย์กับ Svalbard
    ใช้ดาวเทียม Sentinel-1 ของ ESA ในการติดตามตำแหน่งเรือ
    เรือสามารถปล่อยยานใต้น้ำและแขนกลเพื่อเข้าถึงสายเคเบิลลึกถึง 6,000 เมตร
    เป้าหมายคือการทำแผนที่และอาจสกัดกั้นการสื่อสารของ NATO
    สายเคเบิลที่ถูกติดตามรวมถึงระบบติดตามเรือดำน้ำ Integrated Undersea Surveillance System
    รัฐบาลอังกฤษและ NATO เริ่มพัฒนาเทคโนโลยีป้องกัน เช่น หุ่นยนต์ใต้น้ำและโดรนตรวจการณ์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    สายเคเบิลใต้น้ำส่งข้อมูลกว่า 95% ของการสื่อสารทั่วโลก และรองรับธุรกรรมการเงินกว่า $10 ล้านล้านต่อวัน
    รัสเซียมีหน่วยงานลับชื่อ GUGI ที่ดูแลเรือ Yantar และยานใต้น้ำกว่า 50 ลำ
    การตัดสายเคเบิลเคยเกิดขึ้นจริง เช่น กรณีสายเคเบิลระหว่างฟินแลนด์และสวีเดนถูกตัดในปี 2024
    สายเคเบิลบางเส้นมีความลับสูง เช่น เส้นที่ใช้ติดตามเรือดำน้ำของศัตรู
    ประเทศในยุโรปเริ่มใช้โดรนอัตโนมัติเพื่อตรวจสอบและป้องกันการโจมตีใต้น้ำ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/moscow-military-spy-ship-tracked-mapping-and-surveilling-nato-undersea-cables-shes-following-cable-lines-and-pipelines-making-stops-we-are-monitoring-her-very-closely
    🌊 “Yantar: เรือสอดแนมรัสเซียที่กำลัง ‘เดินสาย’ ใต้ทะเลยุโรป — เมื่อสายเคเบิลกลายเป็นสมรภูมิใหม่ของสงครามเงียบ” รายงานล่าสุดจาก Financial Times และหน่วยงานความมั่นคงยุโรปเปิดเผยว่า เรือ Yantar ของรัสเซีย ซึ่งถูกระบุว่าเป็น “เรือสอดแนมทางทหาร” ได้ถูกติดตามขณะเคลื่อนที่อย่างลับ ๆ ตามแนวสายเคเบิลใต้น้ำที่เชื่อมโยงประเทศ NATO ทั่วชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกของยุโรป โดยมีเป้าหมายเพื่อ “ทำแผนที่” และอาจ “สกัดกั้น” การสื่อสารที่สำคัญของพันธมิตร NATO Yantar ถูกระบุว่าออกเดินทางจากคาบสมุทร Kola ของรัสเซียตั้งแต่ปลายปี 2024 โดยปลอมตัวเป็นเรือพลเรือน แต่ติดตั้งอุปกรณ์สอดแนมเต็มรูปแบบ เช่น ระบบเรดาร์, แขนกลใต้น้ำ, และยานดำน้ำไร้คนขับ ซึ่งสามารถเข้าถึงสายเคเบิลที่อยู่ลึกถึง 6,000 เมตร เรือถูกพบในหลายจุดสำคัญ เช่น ทะเลไอริช, ช่องแคบอังกฤษ, และระหว่างนอร์เวย์กับหมู่เกาะ Svalbard ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ในอาร์กติก โดยมีการเคลื่อนไหวที่พยายามหลบเลี่ยงการตรวจจับ เช่น ไม่ส่งสัญญาณตำแหน่ง และเคลื่อนที่ช้าเหนือสายเคเบิลโดยตรง ข้อมูลจากดาวเทียม Sentinel-1 ของ ESA แสดงให้เห็นว่า Yantar เคลื่อนตัวอย่างมีเป้าหมาย และมีการหยุดตามจุดที่ตรงกับตำแหน่งสายเคเบิลพลังงาน, อินเทอร์เน็ต, และระบบสื่อสารทางทหาร เช่น Integrated Undersea Surveillance System ที่ใช้ติดตามเรือดำน้ำของศัตรู ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า หากรัสเซียต้องการโจมตีแบบ “สงครามลูกผสม” การตัดสายเคเบิลเหล่านี้อาจทำให้ประเทศตะวันตก “มืดสนิท” ทั้งในด้านพลังงาน, การเงิน, และการสื่อสาร โดยเฉพาะในช่วงที่ความตึงเครียดกับยูเครนและ NATO ยังคงสูงขึ้น ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ เรือ Yantar ของรัสเซียถูกติดตามขณะเคลื่อนที่ตามแนวสายเคเบิลใต้น้ำของ NATO ➡️ เรือถูกระบุว่าเป็นเรือสอดแนมทางทหารที่ติดตั้งอุปกรณ์สอดแนมเต็มรูปแบบ ➡️ จุดที่พบเรือ ได้แก่ ทะเลไอริช, ช่องแคบอังกฤษ, และระหว่างนอร์เวย์กับ Svalbard ➡️ ใช้ดาวเทียม Sentinel-1 ของ ESA ในการติดตามตำแหน่งเรือ ➡️ เรือสามารถปล่อยยานใต้น้ำและแขนกลเพื่อเข้าถึงสายเคเบิลลึกถึง 6,000 เมตร ➡️ เป้าหมายคือการทำแผนที่และอาจสกัดกั้นการสื่อสารของ NATO ➡️ สายเคเบิลที่ถูกติดตามรวมถึงระบบติดตามเรือดำน้ำ Integrated Undersea Surveillance System ➡️ รัฐบาลอังกฤษและ NATO เริ่มพัฒนาเทคโนโลยีป้องกัน เช่น หุ่นยนต์ใต้น้ำและโดรนตรวจการณ์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ สายเคเบิลใต้น้ำส่งข้อมูลกว่า 95% ของการสื่อสารทั่วโลก และรองรับธุรกรรมการเงินกว่า $10 ล้านล้านต่อวัน ➡️ รัสเซียมีหน่วยงานลับชื่อ GUGI ที่ดูแลเรือ Yantar และยานใต้น้ำกว่า 50 ลำ ➡️ การตัดสายเคเบิลเคยเกิดขึ้นจริง เช่น กรณีสายเคเบิลระหว่างฟินแลนด์และสวีเดนถูกตัดในปี 2024 ➡️ สายเคเบิลบางเส้นมีความลับสูง เช่น เส้นที่ใช้ติดตามเรือดำน้ำของศัตรู ➡️ ประเทศในยุโรปเริ่มใช้โดรนอัตโนมัติเพื่อตรวจสอบและป้องกันการโจมตีใต้น้ำ https://www.tomshardware.com/tech-industry/moscow-military-spy-ship-tracked-mapping-and-surveilling-nato-undersea-cables-shes-following-cable-lines-and-pipelines-making-stops-we-are-monitoring-her-very-closely
    0 Comments 0 Shares 205 Views 0 Reviews
  • “ญี่ปุ่นอุดหนุนเรือวางสายเคเบิลใต้น้ำให้ NEC — ป้องกันความมั่นคงจากภัยไซเบอร์และการก่อวินาศกรรมในทะเลลึก”

    รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศอุดหนุนเงินสูงสุดถึงครึ่งหนึ่งของราคาซื้อเรือวางสายเคเบิลใต้น้ำให้กับบริษัท NEC ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ติดตั้งสายเคเบิลใต้น้ำรายใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยแต่ละลำมีมูลค่าประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ การตัดสินใจครั้งนี้เกิดจากความกังวลด้านความมั่นคงระดับชาติ หลังเกิดเหตุการณ์ตัดสายเคเบิลใต้น้ำหลายครั้งทั่วโลกในช่วงปีที่ผ่านมา

    NEC เคยติดตั้งสายเคเบิลใต้น้ำมากกว่า 400,000 กิโลเมตรทั่วโลก แต่ไม่มีเรือเป็นของตัวเอง ต้องเช่าเรือจากบริษัทนอร์เวย์และบริษัทญี่ปุ่น เช่น NTT และ KDDI ซึ่งสามารถทำงานได้เฉพาะในน่านน้ำภูมิภาค ไม่สามารถเดินทางข้ามมหาสมุทรได้ ทำให้การตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินล่าช้า

    การอุดหนุนนี้เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์หลายครั้ง เช่น สายเคเบิลระหว่างฟินแลนด์–สวีเดนถูกตัดในเดือนพฤศจิกายน 2024 และสายเคเบิลระหว่างสหรัฐฯ–ไต้หวันถูกสงสัยว่าถูกเรือจีนทำให้เสียหายในเดือนมกราคม 2025 ซึ่งสร้างความเสียหายต่อการสื่อสารระหว่างประเทศอย่างรุนแรง

    รัฐบาลญี่ปุ่นมองว่าการไม่มีเรือเป็นของตัวเองคือ “ความเสี่ยงด้านความมั่นคง” และการพึ่งพาบริษัทต่างชาติอาจเปิดช่องให้เกิดการสอดแนมหรือก่อวินาศกรรมได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะเมื่อสายเคเบิลใต้น้ำส่วนใหญ่ถูกวางในน่านน้ำสากล ซึ่งการทำลายไม่ถือเป็นการประกาศสงครามโดยตรง

    แม้ NEC จะยอมรับว่าการมีเรือเป็นของตัวเองคือ “ต้นทุนคงที่มหาศาล” แต่ในช่วงที่ตลาดเคเบิลใต้น้ำกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว การลงทุนนี้อาจคุ้มค่าในระยะยาว และช่วยให้ญี่ปุ่นมีความสามารถในการป้องกันโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารที่สำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    รัฐบาลญี่ปุ่นจะอุดหนุนสูงสุดครึ่งหนึ่งของราคาซื้อเรือวางสายเคเบิลใต้น้ำให้ NEC
    เรือแต่ละลำมีมูลค่าประมาณ 300 ล้านดอลลาร์
    NEC เป็นผู้ติดตั้งสายเคเบิลใต้น้ำรายใหญ่ที่สุดในเอเชีย แต่ไม่มีเรือเป็นของตัวเอง
    ปัจจุบัน NEC เช่าเรือจากบริษัทนอร์เวย์และญี่ปุ่น ซึ่งจำกัดการใช้งานเฉพาะในภูมิภาค

    เหตุผลด้านความมั่นคง
    เกิดเหตุการณ์ตัดสายเคเบิลใต้น้ำหลายครั้ง เช่น ฟินแลนด์–สวีเดน และสหรัฐฯ–ไต้หวัน
    สายเคเบิลใต้น้ำส่วนใหญ่ถูกวางในน่านน้ำสากล ทำให้การทำลายไม่ถือเป็นสงคราม
    การไม่มีเรือเป็นของตัวเองทำให้ NEC ตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินได้ช้า
    รัฐบาลมองว่าเป็น “ความเสี่ยงด้านความมั่นคงระดับชาติ”

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    คู่แข่งของ NEC เช่น SubCom (สหรัฐฯ), Alcatel Submarine Networks (ฝรั่งเศส), และ HMN Tech (จีน) ต่างมีเรือเป็นของตัวเอง
    จีนวางสายเคเบิลใต้น้ำหลายหมื่นกิโลเมตรทั่วโลกในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
    NEC เชี่ยวชาญด้านสายเคเบิลหุ้มเกราะที่ทนต่อการก่อวินาศกรรม
    ตลาดเคเบิลใต้น้ำในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

    https://www.tomshardware.com/networking/japan-to-subsidize-undersea-cable-vessels-over-very-serious-national-security-concerns-will-front-up-to-half-the-cost-for-usd300-million-vessels-bought-by-nec
    🌊 “ญี่ปุ่นอุดหนุนเรือวางสายเคเบิลใต้น้ำให้ NEC — ป้องกันความมั่นคงจากภัยไซเบอร์และการก่อวินาศกรรมในทะเลลึก” รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศอุดหนุนเงินสูงสุดถึงครึ่งหนึ่งของราคาซื้อเรือวางสายเคเบิลใต้น้ำให้กับบริษัท NEC ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ติดตั้งสายเคเบิลใต้น้ำรายใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยแต่ละลำมีมูลค่าประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ การตัดสินใจครั้งนี้เกิดจากความกังวลด้านความมั่นคงระดับชาติ หลังเกิดเหตุการณ์ตัดสายเคเบิลใต้น้ำหลายครั้งทั่วโลกในช่วงปีที่ผ่านมา NEC เคยติดตั้งสายเคเบิลใต้น้ำมากกว่า 400,000 กิโลเมตรทั่วโลก แต่ไม่มีเรือเป็นของตัวเอง ต้องเช่าเรือจากบริษัทนอร์เวย์และบริษัทญี่ปุ่น เช่น NTT และ KDDI ซึ่งสามารถทำงานได้เฉพาะในน่านน้ำภูมิภาค ไม่สามารถเดินทางข้ามมหาสมุทรได้ ทำให้การตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินล่าช้า การอุดหนุนนี้เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์หลายครั้ง เช่น สายเคเบิลระหว่างฟินแลนด์–สวีเดนถูกตัดในเดือนพฤศจิกายน 2024 และสายเคเบิลระหว่างสหรัฐฯ–ไต้หวันถูกสงสัยว่าถูกเรือจีนทำให้เสียหายในเดือนมกราคม 2025 ซึ่งสร้างความเสียหายต่อการสื่อสารระหว่างประเทศอย่างรุนแรง รัฐบาลญี่ปุ่นมองว่าการไม่มีเรือเป็นของตัวเองคือ “ความเสี่ยงด้านความมั่นคง” และการพึ่งพาบริษัทต่างชาติอาจเปิดช่องให้เกิดการสอดแนมหรือก่อวินาศกรรมได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะเมื่อสายเคเบิลใต้น้ำส่วนใหญ่ถูกวางในน่านน้ำสากล ซึ่งการทำลายไม่ถือเป็นการประกาศสงครามโดยตรง แม้ NEC จะยอมรับว่าการมีเรือเป็นของตัวเองคือ “ต้นทุนคงที่มหาศาล” แต่ในช่วงที่ตลาดเคเบิลใต้น้ำกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว การลงทุนนี้อาจคุ้มค่าในระยะยาว และช่วยให้ญี่ปุ่นมีความสามารถในการป้องกันโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารที่สำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ รัฐบาลญี่ปุ่นจะอุดหนุนสูงสุดครึ่งหนึ่งของราคาซื้อเรือวางสายเคเบิลใต้น้ำให้ NEC ➡️ เรือแต่ละลำมีมูลค่าประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ ➡️ NEC เป็นผู้ติดตั้งสายเคเบิลใต้น้ำรายใหญ่ที่สุดในเอเชีย แต่ไม่มีเรือเป็นของตัวเอง ➡️ ปัจจุบัน NEC เช่าเรือจากบริษัทนอร์เวย์และญี่ปุ่น ซึ่งจำกัดการใช้งานเฉพาะในภูมิภาค ✅ เหตุผลด้านความมั่นคง ➡️ เกิดเหตุการณ์ตัดสายเคเบิลใต้น้ำหลายครั้ง เช่น ฟินแลนด์–สวีเดน และสหรัฐฯ–ไต้หวัน ➡️ สายเคเบิลใต้น้ำส่วนใหญ่ถูกวางในน่านน้ำสากล ทำให้การทำลายไม่ถือเป็นสงคราม ➡️ การไม่มีเรือเป็นของตัวเองทำให้ NEC ตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินได้ช้า ➡️ รัฐบาลมองว่าเป็น “ความเสี่ยงด้านความมั่นคงระดับชาติ” ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ คู่แข่งของ NEC เช่น SubCom (สหรัฐฯ), Alcatel Submarine Networks (ฝรั่งเศส), และ HMN Tech (จีน) ต่างมีเรือเป็นของตัวเอง ➡️ จีนวางสายเคเบิลใต้น้ำหลายหมื่นกิโลเมตรทั่วโลกในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ➡️ NEC เชี่ยวชาญด้านสายเคเบิลหุ้มเกราะที่ทนต่อการก่อวินาศกรรม ➡️ ตลาดเคเบิลใต้น้ำในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว https://www.tomshardware.com/networking/japan-to-subsidize-undersea-cable-vessels-over-very-serious-national-security-concerns-will-front-up-to-half-the-cost-for-usd300-million-vessels-bought-by-nec
    0 Comments 0 Shares 245 Views 0 Reviews
  • “หัวใจวายอาจไม่ใช่แค่เรื่องไขมัน — งานวิจัยใหม่ชี้ ‘โรคติดเชื้อ’ อาจเป็นต้นเหตุที่ซ่อนอยู่”

    ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Tampere และ Oulu ประเทศฟินแลนด์ ร่วมกับมหาวิทยาลัย Oxford สหราชอาณาจักร ได้เปิดเผยผลการศึกษาที่อาจเปลี่ยนความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับโรคหัวใจวาย (myocardial infarction) ไปอย่างสิ้นเชิง โดยพบหลักฐานว่า “การติดเชื้อ” อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดภาวะหัวใจวายได้จริง

    จากการศึกษาชิ้นนี้ นักวิจัยพบว่าในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ (coronary artery disease) มีคราบไขมัน (atherosclerotic plaque) ที่สะสมอยู่ในหลอดเลือด ซึ่งภายในคราบนั้นมี “biofilm” หรือแผ่นฟิล์มแบคทีเรียที่ซ่อนตัวอยู่แบบไม่แสดงอาการมานานหลายปี โดยแบคทีเรียเหล่านี้สามารถหลบเลี่ยงระบบภูมิคุ้มกันและยาปฏิชีวนะได้ เพราะ biofilm มีโครงสร้างที่หนาแน่นและป้องกันการเข้าถึง

    เมื่อมีการติดเชื้อไวรัสหรือสิ่งกระตุ้นภายนอกอื่น ๆ biofilm จะถูกกระตุ้นให้ปล่อยแบคทีเรียออกมา ทำให้เกิดการอักเสบในหลอดเลือด ซึ่งอาจทำให้คราบไขมันแตกออก เกิดลิ่มเลือด และนำไปสู่ภาวะหัวใจวายในที่สุด

    สิ่งที่น่าทึ่งคือ นักวิจัยสามารถตรวจพบ DNA ของแบคทีเรียจากช่องปาก เช่น viridans streptococci ในคราบไขมันของผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากหัวใจวาย และผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดหลอดเลือด ซึ่งเป็นหลักฐานโดยตรงครั้งแรกที่เชื่อมโยงแบคทีเรียกับโรคหัวใจ

    การค้นพบนี้เปิดทางให้มีการพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจในอนาคต และอาจเปลี่ยนแนวทางการวินิจฉัยและรักษาโรคหัวใจอย่างสิ้นเชิง

    ข้อมูลสำคัญจากงานวิจัย
    พบ biofilm แบคทีเรียในคราบไขมันหลอดเลือดของผู้ป่วยโรคหัวใจ
    แบคทีเรียใน biofilm อยู่ในสภาพไม่แสดงอาการ และหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน
    การติดเชื้อไวรัสสามารถกระตุ้นให้ biofilm ปล่อยแบคทีเรียออกมา
    การอักเสบจากแบคทีเรียทำให้คราบไขมันแตก และเกิดลิ่มเลือด

    การตรวจสอบและหลักฐาน
    ตรวจพบ DNA ของแบคทีเรียจากช่องปากในคราบไขมันของผู้ป่วย
    ใช้เทคนิค immunostaining และ genome-wide analysis เพื่อยืนยันผล
    พบการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันผ่านตัวรับ TLR2 ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ
    การศึกษาครอบคลุมผู้เสียชีวิตจากหัวใจวาย 121 ราย และผู้ป่วยผ่าตัดหลอดเลือด 96 ราย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Biofilm เป็นโครงสร้างที่แบคทีเรียใช้ป้องกันตัวจากยาปฏิชีวนะและภูมิคุ้มกัน
    Viridans streptococci เป็นแบคทีเรียที่พบทั่วไปในช่องปาก แต่สามารถเข้าสู่กระแสเลือดได้
    แนวคิดว่าโรคหัวใจอาจเกิดจากการติดเชื้อมีการถกเถียงมาตั้งแต่ยุค 1980s
    หากพัฒนาเป็นวัคซีนได้ อาจลดความเสี่ยงของโรคหัวใจในระดับประชากร

    https://www.tuni.fi/en/news/myocardial-infarction-may-be-infectious-disease
    🦠 “หัวใจวายอาจไม่ใช่แค่เรื่องไขมัน — งานวิจัยใหม่ชี้ ‘โรคติดเชื้อ’ อาจเป็นต้นเหตุที่ซ่อนอยู่” ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Tampere และ Oulu ประเทศฟินแลนด์ ร่วมกับมหาวิทยาลัย Oxford สหราชอาณาจักร ได้เปิดเผยผลการศึกษาที่อาจเปลี่ยนความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับโรคหัวใจวาย (myocardial infarction) ไปอย่างสิ้นเชิง โดยพบหลักฐานว่า “การติดเชื้อ” อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดภาวะหัวใจวายได้จริง จากการศึกษาชิ้นนี้ นักวิจัยพบว่าในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ (coronary artery disease) มีคราบไขมัน (atherosclerotic plaque) ที่สะสมอยู่ในหลอดเลือด ซึ่งภายในคราบนั้นมี “biofilm” หรือแผ่นฟิล์มแบคทีเรียที่ซ่อนตัวอยู่แบบไม่แสดงอาการมานานหลายปี โดยแบคทีเรียเหล่านี้สามารถหลบเลี่ยงระบบภูมิคุ้มกันและยาปฏิชีวนะได้ เพราะ biofilm มีโครงสร้างที่หนาแน่นและป้องกันการเข้าถึง เมื่อมีการติดเชื้อไวรัสหรือสิ่งกระตุ้นภายนอกอื่น ๆ biofilm จะถูกกระตุ้นให้ปล่อยแบคทีเรียออกมา ทำให้เกิดการอักเสบในหลอดเลือด ซึ่งอาจทำให้คราบไขมันแตกออก เกิดลิ่มเลือด และนำไปสู่ภาวะหัวใจวายในที่สุด สิ่งที่น่าทึ่งคือ นักวิจัยสามารถตรวจพบ DNA ของแบคทีเรียจากช่องปาก เช่น viridans streptococci ในคราบไขมันของผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากหัวใจวาย และผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดหลอดเลือด ซึ่งเป็นหลักฐานโดยตรงครั้งแรกที่เชื่อมโยงแบคทีเรียกับโรคหัวใจ การค้นพบนี้เปิดทางให้มีการพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจในอนาคต และอาจเปลี่ยนแนวทางการวินิจฉัยและรักษาโรคหัวใจอย่างสิ้นเชิง ✅ ข้อมูลสำคัญจากงานวิจัย ➡️ พบ biofilm แบคทีเรียในคราบไขมันหลอดเลือดของผู้ป่วยโรคหัวใจ ➡️ แบคทีเรียใน biofilm อยู่ในสภาพไม่แสดงอาการ และหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน ➡️ การติดเชื้อไวรัสสามารถกระตุ้นให้ biofilm ปล่อยแบคทีเรียออกมา ➡️ การอักเสบจากแบคทีเรียทำให้คราบไขมันแตก และเกิดลิ่มเลือด ✅ การตรวจสอบและหลักฐาน ➡️ ตรวจพบ DNA ของแบคทีเรียจากช่องปากในคราบไขมันของผู้ป่วย ➡️ ใช้เทคนิค immunostaining และ genome-wide analysis เพื่อยืนยันผล ➡️ พบการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันผ่านตัวรับ TLR2 ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ ➡️ การศึกษาครอบคลุมผู้เสียชีวิตจากหัวใจวาย 121 ราย และผู้ป่วยผ่าตัดหลอดเลือด 96 ราย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Biofilm เป็นโครงสร้างที่แบคทีเรียใช้ป้องกันตัวจากยาปฏิชีวนะและภูมิคุ้มกัน ➡️ Viridans streptococci เป็นแบคทีเรียที่พบทั่วไปในช่องปาก แต่สามารถเข้าสู่กระแสเลือดได้ ➡️ แนวคิดว่าโรคหัวใจอาจเกิดจากการติดเชื้อมีการถกเถียงมาตั้งแต่ยุค 1980s ➡️ หากพัฒนาเป็นวัคซีนได้ อาจลดความเสี่ยงของโรคหัวใจในระดับประชากร https://www.tuni.fi/en/news/myocardial-infarction-may-be-infectious-disease
    WWW.TUNI.FI
    Myocardial infarction may be an infectious disease | Tampere universities
    A pioneering study by researchers from Finland and the UK has demonstrated for the first time that myocardial infarction may be an infectious disease. This discovery challenges the conventional und...
    0 Comments 0 Shares 216 Views 0 Reviews
  • “Chat Control: กฎหมายสแกนแชต EU ใกล้ผ่าน — เสียงคัดค้านเพิ่มขึ้น แต่แรงสนับสนุนยังแข็งแกร่ง”

    ในวันที่ 12 กันยายน 2025 สภาสหภาพยุโรป (EU Council) เตรียมประกาศจุดยืนสุดท้ายต่อร่างกฎหมาย “Chat Control” ซึ่งมีเป้าหมายในการตรวจจับเนื้อหาล่วงละเมิดเด็ก (CSAM) โดยบังคับให้บริการส่งข้อความทุกประเภท — แม้จะมีการเข้ารหัสแบบ end-to-end — ต้องสแกนเนื้อหาของผู้ใช้ทั้งหมด

    แม้จะมีเสียงสนับสนุนจากประเทศสมาชิก EU ถึง 15 ประเทศ เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน และสวีเดน แต่กระแสคัดค้านก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเยอรมนีและลักเซมเบิร์กได้เข้าร่วมกับออสเตรีย เนเธอร์แลนด์ ฟินแลนด์ และโปแลนด์ในการต่อต้านร่างกฎหมายนี้ โดยมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของประชาชน

    ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์กว่า 600 คน รวมถึงนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ ได้ลงนามในจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้ยกเลิกร่างกฎหมายนี้ โดยระบุว่าการสแกนแชตแบบ client-side จะทำให้ระบบเข้ารหัสอ่อนแอลง และเปิดช่องให้เกิดการโจมตีจากภายนอกได้ง่ายขึ้น

    แม้ร่างกฎหมายจะระบุว่า “การเข้ารหัสควรได้รับการปกป้องอย่างครอบคลุม” แต่ข้อกำหนดที่ให้สแกนเนื้อหาทั้งหมด รวมถึงไฟล์และลิงก์ที่ส่งผ่าน WhatsApp, Signal หรือ ProtonMail ก็ยังคงอยู่ โดยบัญชีของรัฐบาลและทหารจะได้รับการยกเว้นจากการสแกน

    การลงคะแนนเสียงครั้งสุดท้ายจะเกิดขึ้นในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 และหากผ่าน จะมีผลบังคับใช้ในเดือนเดียวกัน ซึ่งหมายความว่าแชตส่วนตัวของผู้ใช้ในยุโรปอาจถูกสแกนทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้

    ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับร่างกฎหมาย Chat Control
    สภา EU เตรียมประกาศจุดยืนสุดท้ายในวันที่ 12 กันยายน 2025
    ร่างกฎหมายมีเป้าหมายตรวจจับ CSAM โดยสแกนแชตผู้ใช้ทุกคน แม้จะมีการเข้ารหัส
    บัญชีรัฐบาลและทหารจะได้รับการยกเว้นจากการสแกน
    หากผ่าน จะมีผลบังคับใช้ในเดือนตุลาคม 2025

    ประเทศที่สนับสนุนและคัดค้าน
    ประเทศสนับสนุน ได้แก่ ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน สวีเดน ลิทัวเนีย ไซปรัส ลัตเวีย และไอร์แลนด์
    ประเทศคัดค้านล่าสุด ได้แก่ เยอรมนี ลักเซมเบิร์ก ออสเตรีย เนเธอร์แลนด์ ฟินแลนด์ และโปแลนด์
    เบลเยียมเรียกร่างนี้ว่า “สัตว์ประหลาดที่ละเมิดความเป็นส่วนตัวและควบคุมไม่ได้”
    ประเทศที่ยังไม่ตัดสินใจ ได้แก่ เอสโตเนีย กรีซ โรมาเนีย และสโลวีเนีย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ผู้เชี่ยวชาญกว่า 600 คนลงนามคัดค้าน โดยชี้ว่าการสแกนแบบ client-side มี false positive สูงถึง 10%
    การเปิดช่องให้หน่วยงานรัฐเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวอาจกลายเป็น “ภัยความมั่นคงระดับชาติ”
    การสแกนเนื้อหาแบบเรียลไทม์ยังไม่มีเทคโนโลยีที่แม่นยำพอ
    การเข้ารหัสแบบ end-to-end เป็นหัวใจของความปลอดภัยในยุคดิจิทัล

    https://www.techradar.com/computing/cyber-security/chat-control-the-list-of-countries-opposing-the-law-grows-but-support-remains-strong
    🔐 “Chat Control: กฎหมายสแกนแชต EU ใกล้ผ่าน — เสียงคัดค้านเพิ่มขึ้น แต่แรงสนับสนุนยังแข็งแกร่ง” ในวันที่ 12 กันยายน 2025 สภาสหภาพยุโรป (EU Council) เตรียมประกาศจุดยืนสุดท้ายต่อร่างกฎหมาย “Chat Control” ซึ่งมีเป้าหมายในการตรวจจับเนื้อหาล่วงละเมิดเด็ก (CSAM) โดยบังคับให้บริการส่งข้อความทุกประเภท — แม้จะมีการเข้ารหัสแบบ end-to-end — ต้องสแกนเนื้อหาของผู้ใช้ทั้งหมด แม้จะมีเสียงสนับสนุนจากประเทศสมาชิก EU ถึง 15 ประเทศ เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน และสวีเดน แต่กระแสคัดค้านก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเยอรมนีและลักเซมเบิร์กได้เข้าร่วมกับออสเตรีย เนเธอร์แลนด์ ฟินแลนด์ และโปแลนด์ในการต่อต้านร่างกฎหมายนี้ โดยมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของประชาชน ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์กว่า 600 คน รวมถึงนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ ได้ลงนามในจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้ยกเลิกร่างกฎหมายนี้ โดยระบุว่าการสแกนแชตแบบ client-side จะทำให้ระบบเข้ารหัสอ่อนแอลง และเปิดช่องให้เกิดการโจมตีจากภายนอกได้ง่ายขึ้น แม้ร่างกฎหมายจะระบุว่า “การเข้ารหัสควรได้รับการปกป้องอย่างครอบคลุม” แต่ข้อกำหนดที่ให้สแกนเนื้อหาทั้งหมด รวมถึงไฟล์และลิงก์ที่ส่งผ่าน WhatsApp, Signal หรือ ProtonMail ก็ยังคงอยู่ โดยบัญชีของรัฐบาลและทหารจะได้รับการยกเว้นจากการสแกน การลงคะแนนเสียงครั้งสุดท้ายจะเกิดขึ้นในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 และหากผ่าน จะมีผลบังคับใช้ในเดือนเดียวกัน ซึ่งหมายความว่าแชตส่วนตัวของผู้ใช้ในยุโรปอาจถูกสแกนทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้ ✅ ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับร่างกฎหมาย Chat Control ➡️ สภา EU เตรียมประกาศจุดยืนสุดท้ายในวันที่ 12 กันยายน 2025 ➡️ ร่างกฎหมายมีเป้าหมายตรวจจับ CSAM โดยสแกนแชตผู้ใช้ทุกคน แม้จะมีการเข้ารหัส ➡️ บัญชีรัฐบาลและทหารจะได้รับการยกเว้นจากการสแกน ➡️ หากผ่าน จะมีผลบังคับใช้ในเดือนตุลาคม 2025 ✅ ประเทศที่สนับสนุนและคัดค้าน ➡️ ประเทศสนับสนุน ได้แก่ ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน สวีเดน ลิทัวเนีย ไซปรัส ลัตเวีย และไอร์แลนด์ ➡️ ประเทศคัดค้านล่าสุด ได้แก่ เยอรมนี ลักเซมเบิร์ก ออสเตรีย เนเธอร์แลนด์ ฟินแลนด์ และโปแลนด์ ➡️ เบลเยียมเรียกร่างนี้ว่า “สัตว์ประหลาดที่ละเมิดความเป็นส่วนตัวและควบคุมไม่ได้” ➡️ ประเทศที่ยังไม่ตัดสินใจ ได้แก่ เอสโตเนีย กรีซ โรมาเนีย และสโลวีเนีย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ผู้เชี่ยวชาญกว่า 600 คนลงนามคัดค้าน โดยชี้ว่าการสแกนแบบ client-side มี false positive สูงถึง 10% ➡️ การเปิดช่องให้หน่วยงานรัฐเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวอาจกลายเป็น “ภัยความมั่นคงระดับชาติ” ➡️ การสแกนเนื้อหาแบบเรียลไทม์ยังไม่มีเทคโนโลยีที่แม่นยำพอ ➡️ การเข้ารหัสแบบ end-to-end เป็นหัวใจของความปลอดภัยในยุคดิจิทัล https://www.techradar.com/computing/cyber-security/chat-control-the-list-of-countries-opposing-the-law-grows-but-support-remains-strong
    WWW.TECHRADAR.COM
    Chat Control: The list of countries opposing the law grows, but support remains strong
    Germany and Luxembourg joined the opposition on the eve of the crucial September 12 meeting
    0 Comments 0 Shares 299 Views 0 Reviews
  • “Microsoft ผนึกกำลัง Nebius สร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า $17.4 พันล้าน — ขยายศูนย์ข้อมูลในสหรัฐฯ รับยุค AI เต็มรูปแบบ”

    ในยุคที่ความต้องการด้านการประมวลผล AI พุ่งทะยานอย่างไม่หยุดยั้ง Microsoft ได้ประกาศความร่วมมือครั้งใหญ่กับ Nebius บริษัทโครงสร้างพื้นฐาน AI สัญชาติเนเธอร์แลนด์ (อดีตส่วนหนึ่งของ Yandex) เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ในเมือง Vineland รัฐนิวเจอร์ซีย์ โดยมีมูลค่าสัญญาเบื้องต้นอยู่ที่ $17.4 พันล้าน และอาจขยายถึง $19.4 พันล้านหากมีการเพิ่มบริการหรือความจุในอนาคต

    ศูนย์ข้อมูลแห่งนี้จะให้บริการ GPU infrastructure สำหรับงาน AI โดยเฉพาะ ซึ่ง Microsoft ต้องการอย่างเร่งด่วนเพื่อรองรับการเติบโตของบริการ AI ทั้งภายในบริษัทและลูกค้าบน Azure โดยเฉพาะในช่วงที่บริษัทเผชิญข้อจำกัดด้านความจุของศูนย์ข้อมูลเดิม

    Nebius ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในอัมสเตอร์ดัม และได้รับการสนับสนุนจาก Nvidia และ Accel จะใช้เงินจากสัญญานี้ร่วมกับเงินกู้ระยะสั้นที่มีเงื่อนไขพิเศษจาก Microsoft เพื่อเร่งการก่อสร้างและขยายธุรกิจ AI cloud ของตน โดยคาดว่าจะเติบโตอย่างรวดเร็วในปี 2026 เป็นต้นไป

    ข้อตกลงนี้ยังสะท้อนถึงการแข่งขันในตลาดโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่รุนแรงขึ้น โดยก่อนหน้านี้ Microsoft เคยพึ่งพา CoreWeave สำหรับ GPU capacity แต่ไม่ได้ทำสัญญาระยะยาวเช่นนี้ ทำให้ OpenAI เข้าซื้อสิทธิ์จาก CoreWeave ไปแทน

    รายละเอียดข้อตกลงระหว่าง Microsoft และ Nebius
    มูลค่าสัญญาเบื้องต้น $17.4 พันล้าน ขยายได้ถึง $19.4 พันล้าน
    ระยะเวลาสัญญายาวถึงปี 2031
    เริ่มต้นด้วยการสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ใน Vineland, New Jersey
    ให้บริการ GPU infrastructure สำหรับงาน AI โดยเฉพาะ

    จุดแข็งของ Nebius
    เป็นบริษัทที่แยกตัวจาก Yandex และมุ่งเน้นด้าน AI cloud infrastructure
    ได้รับการสนับสนุนจาก Nvidia และ Accel
    มีศูนย์ R&D ในยุโรป อเมริกา และอิสราเอล
    มีแพลตฟอร์ม cloud ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับงาน AI เช่น training และ deployment

    ผลกระทบและการเติบโต
    หุ้นของ Nebius พุ่งขึ้นกว่า 40% หลังประกาศข้อตกลง
    รายได้ Q2 เพิ่มขึ้น 625% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
    Microsoft ได้รับความจุเพิ่มเติมเพื่อรองรับบริการ AI ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
    Nebius เตรียมขยายศูนย์ข้อมูลในหลายประเทศ เช่น ฟินแลนด์ อิสราเอล และอังกฤษ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Microsoft เผชิญข้อจำกัดด้านความจุของศูนย์ข้อมูลในปี 2025
    OpenAI ทำสัญญา multibillion กับ CoreWeave เพื่อ GPU capacity
    Nvidia คาดว่าโครงสร้างพื้นฐาน AI จะมีมูลค่ารวมถึง $3–4 พันล้านภายในปี 2030
    Microsoft กำลังสำรวจเทคโนโลยี optical computing เพื่อลดพลังงานในการประมวลผล AI

    https://www.techradar.com/pro/nebius-and-microsoft-to-collaborate-on-multi-billion-ai-infrastructure-agreement
    🌐 “Microsoft ผนึกกำลัง Nebius สร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า $17.4 พันล้าน — ขยายศูนย์ข้อมูลในสหรัฐฯ รับยุค AI เต็มรูปแบบ” ในยุคที่ความต้องการด้านการประมวลผล AI พุ่งทะยานอย่างไม่หยุดยั้ง Microsoft ได้ประกาศความร่วมมือครั้งใหญ่กับ Nebius บริษัทโครงสร้างพื้นฐาน AI สัญชาติเนเธอร์แลนด์ (อดีตส่วนหนึ่งของ Yandex) เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ในเมือง Vineland รัฐนิวเจอร์ซีย์ โดยมีมูลค่าสัญญาเบื้องต้นอยู่ที่ $17.4 พันล้าน และอาจขยายถึง $19.4 พันล้านหากมีการเพิ่มบริการหรือความจุในอนาคต ศูนย์ข้อมูลแห่งนี้จะให้บริการ GPU infrastructure สำหรับงาน AI โดยเฉพาะ ซึ่ง Microsoft ต้องการอย่างเร่งด่วนเพื่อรองรับการเติบโตของบริการ AI ทั้งภายในบริษัทและลูกค้าบน Azure โดยเฉพาะในช่วงที่บริษัทเผชิญข้อจำกัดด้านความจุของศูนย์ข้อมูลเดิม Nebius ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในอัมสเตอร์ดัม และได้รับการสนับสนุนจาก Nvidia และ Accel จะใช้เงินจากสัญญานี้ร่วมกับเงินกู้ระยะสั้นที่มีเงื่อนไขพิเศษจาก Microsoft เพื่อเร่งการก่อสร้างและขยายธุรกิจ AI cloud ของตน โดยคาดว่าจะเติบโตอย่างรวดเร็วในปี 2026 เป็นต้นไป ข้อตกลงนี้ยังสะท้อนถึงการแข่งขันในตลาดโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่รุนแรงขึ้น โดยก่อนหน้านี้ Microsoft เคยพึ่งพา CoreWeave สำหรับ GPU capacity แต่ไม่ได้ทำสัญญาระยะยาวเช่นนี้ ทำให้ OpenAI เข้าซื้อสิทธิ์จาก CoreWeave ไปแทน ✅ รายละเอียดข้อตกลงระหว่าง Microsoft และ Nebius ➡️ มูลค่าสัญญาเบื้องต้น $17.4 พันล้าน ขยายได้ถึง $19.4 พันล้าน ➡️ ระยะเวลาสัญญายาวถึงปี 2031 ➡️ เริ่มต้นด้วยการสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ใน Vineland, New Jersey ➡️ ให้บริการ GPU infrastructure สำหรับงาน AI โดยเฉพาะ ✅ จุดแข็งของ Nebius ➡️ เป็นบริษัทที่แยกตัวจาก Yandex และมุ่งเน้นด้าน AI cloud infrastructure ➡️ ได้รับการสนับสนุนจาก Nvidia และ Accel ➡️ มีศูนย์ R&D ในยุโรป อเมริกา และอิสราเอล ➡️ มีแพลตฟอร์ม cloud ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับงาน AI เช่น training และ deployment ✅ ผลกระทบและการเติบโต ➡️ หุ้นของ Nebius พุ่งขึ้นกว่า 40% หลังประกาศข้อตกลง ➡️ รายได้ Q2 เพิ่มขึ้น 625% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ➡️ Microsoft ได้รับความจุเพิ่มเติมเพื่อรองรับบริการ AI ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ➡️ Nebius เตรียมขยายศูนย์ข้อมูลในหลายประเทศ เช่น ฟินแลนด์ อิสราเอล และอังกฤษ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Microsoft เผชิญข้อจำกัดด้านความจุของศูนย์ข้อมูลในปี 2025 ➡️ OpenAI ทำสัญญา multibillion กับ CoreWeave เพื่อ GPU capacity ➡️ Nvidia คาดว่าโครงสร้างพื้นฐาน AI จะมีมูลค่ารวมถึง $3–4 พันล้านภายในปี 2030 ➡️ Microsoft กำลังสำรวจเทคโนโลยี optical computing เพื่อลดพลังงานในการประมวลผล AI https://www.techradar.com/pro/nebius-and-microsoft-to-collaborate-on-multi-billion-ai-infrastructure-agreement
    0 Comments 0 Shares 156 Views 0 Reviews
  • เคลียร์ชัด! กรมการจัดหางานแจงกรณีแรงงานไทยไปฟินแลนด์ไม่ได้ถูกหลอกหรือค้ามนุษย์ ชี้คนละบริษัทกับที่มีคดีความ
    https://www.thai-tai.tv/news/21369/
    .
    #ไทยไท #กรมการจัดหางาน #แรงงานไทย #ฟินแลนด์ #ข่าววันนี้ #ข่าวสังคม
    เคลียร์ชัด! กรมการจัดหางานแจงกรณีแรงงานไทยไปฟินแลนด์ไม่ได้ถูกหลอกหรือค้ามนุษย์ ชี้คนละบริษัทกับที่มีคดีความ https://www.thai-tai.tv/news/21369/ . #ไทยไท #กรมการจัดหางาน #แรงงานไทย #ฟินแลนด์ #ข่าววันนี้ #ข่าวสังคม
    0 Comments 0 Shares 99 Views 0 Reviews
  • "อนุทิน" เมินเพื่อไทยร้องศาลตีความ MOA ยันถูกต้องตามกฎหมาย ด้าน "พรรคประชาชน" โพสต์เตือนอย่าตั้ง "รมต.เทา" ปมเอี่ยวคดีค้ามนุษย์แรงงานไทยเก็บเบอร์รี่ฟินแลนด์ พร้อมเร่งสอบสวนเอาผิดข้าราชการระดับสูง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000085750

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    "อนุทิน" เมินเพื่อไทยร้องศาลตีความ MOA ยันถูกต้องตามกฎหมาย ด้าน "พรรคประชาชน" โพสต์เตือนอย่าตั้ง "รมต.เทา" ปมเอี่ยวคดีค้ามนุษย์แรงงานไทยเก็บเบอร์รี่ฟินแลนด์ พร้อมเร่งสอบสวนเอาผิดข้าราชการระดับสูง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000085750 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 389 Views 0 Reviews
  • "อนุทิน" เมินเพื่อไทยร้องศาลตีความ MOA ยันถูกต้องตามกฎหมาย ด้าน "พรรคประชาชน" โพสต์เตือนอย่าตั้ง "รมต.เทา" ปมเอี่ยวคดีค้ามนุษย์แรงงานไทยเก็บเบอร์รี่ฟินแลนด์ พร้อมเร่งสอบสวนเอาผิดข้าราชการระดับสูง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000085751

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    "อนุทิน" เมินเพื่อไทยร้องศาลตีความ MOA ยันถูกต้องตามกฎหมาย ด้าน "พรรคประชาชน" โพสต์เตือนอย่าตั้ง "รมต.เทา" ปมเอี่ยวคดีค้ามนุษย์แรงงานไทยเก็บเบอร์รี่ฟินแลนด์ พร้อมเร่งสอบสวนเอาผิดข้าราชการระดับสูง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000085751 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 690 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง”มายากลยุทธ”
    ภาดสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน
    ตอนที่ 22 : ปั่นน้ำมัน (1)
    ปี ค.ศ. 1969 อเมริกาเกิดอาการเศรษฐกิจชักกระตุก ทำท่าจะเดินถอยหลังอีก ในขณะที่เศรษฐกิจของยุโรป โดยเฉพาะเยอรมันและญี่ปุ่น พัฒนาและเดินหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้ค่าเงินสกุลของ 2 ประเทศ สูงกว่าค่าเงินดอลล่าร์ ซึ่งผูกไว้กับราคาทองคำ ไอ้ที่แย่ อเมริกาเริ่มเสียดุลย์การค้า ทำให้มีการเททิ้งดอลล่าร์ ทองสำรองก็เหลือเพียง 1 ใน 4 ของจำนวนหนี้ของประเทศ แล้วประธานาธิบดี Nixon ก็ตัดสินใจแบบหักดิบ ในปี ค.ศ. 1971 ยกเลิกการผูกดอลล่าร์ไว้กับทอง ยกเลิกการเปลี่ยนเงินกระดาษมาเป็นทองคำ ปิดหน้าต่างลงกลอนการแลกเปลี่ยนอย่างถาวร
    โลกช็อคกับมาตรการของคุณพี่นิกสัน คุณพี่เครียด หรือคุณพี่เมา !? คุณพี่นิกสันตอนนั้น ก็คงเหมือนคนพระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก โดนบี้รอบข้างจากผลของการเข้าไปทำสงครามเวียตนาม ยังมาเจอเศรษฐกิจเดินถอยหลัง และที่เห็นกำลังมาไว ๆ ก็คือคดีวอเตอร์เกตอันลือชื่อของคุณพี่ เล่นเอาคุณพี่ไปไม่เป็น แล้วจะให้คุณพี่ทำยังไง แกก็ส่งใบลาไปนอนซมระทมทุกข์ ปล่อยให้นาย Kissinger ทำหน้าที่เหมือนเป็นประธานาธิบดีแทน มันเขาล่ะ ! แล้วโลกจะรู้ไหมว่า การตัดเชือกผูกดอลล่าร์ไว้กับทองนะ มันเป็นแผนมายากลแบบสุดยอดของนักเล่นกลเลย แผนนี้เขาวางกันเป็นขั้นตอนแบบบันได 7 ขั้น (3 ขั้น มันน้อยไป) ผู้แต่งเรื่องประกอบและผู้นำการแสดง มือระดับรางวัล Nobel ไม่ใช่รางวัลออสการ์
    ค.ศ. 1969 ภาคอุตสาหกรรมของโลกกำลังบูม อุตสาหกรรมต้องดื่มน้ำมัน ผู้ที่บูมไปด้วย คือ ชาติผู้ผลิตน้ำมัน แน่นอนกลุ่มผู้ค้าน้ำมัน OPEC ก็อู้ฟู้ไปด้วย เขามีข้อตกลงกันตั้งแต่ตอนตั้ง OPEC ว่า การซื้อน้ำมันจะต้องใช้เงินสกุลดอลล่าร์เท่านั้น ชาติไหนจะซื้อน้ำมัน ต้องไปซื้อดอลล่าร์มาก่อน เพื่อเอาไปจ่ายน้ำมัน (ใครนะมันช่างคิดสูตรนี้ !)
    ประเทศผู้ค้าน้ำมัน เช่น ซาอุดิอารเบีย อิหร่าน ฯลฯ เมื่อได้เงินค่าน้ำมัน ก็แน่นอนเอาไปฝากธนาคาร ธนาคารที่รับฝากก็แน่นอนอีกแหละ เป็นพวก Anglo American ธนาคารไหนต้องให้บอกชื่อกันไหม
    ปี ค.ศ. 1973 เดือนพฤษภาคม สมาชิกสมาคมลับ Bilderberg นัดประชุมกัน มีข่าวสำคัญรั่วออกมาจากที่ประชุม แมลงวันวิ่งไล่ตอมข่าว สมาคมนี้น่ะ มันลับอย่างไร สำคัญอย่างไรมา รู้จักกันหน่อย
    Bilderberg Group เป็นสมาคมลับสุดยอด ของบุคคลลับสุดยอด มีสมาชิกโดยการเชิญ ประมาณ 100 กว่าคน จากอเมริกาและยุโรป เรียกว่าเป็นสมาคมผมทองของแท้ ไม่มีด่างดำน้ำตาลเหลืองมาปนเลย ผู้ที่จะได้รับเชิญเป็นสมาชิก หรือมาประชุมก็เป็นพวกอยู่ในระดับสูงสุดของประเทศ เป็นขนมเค็กก็เรียกว่าเป็นพวก cream นั่นแหละ ตั้งขึ้นมาเมื่อปี ค.ศ. 1959 เพื่อจะประสานงานทางความคิด นโยบาย และวัฒนธรรม ระหว่างอเมริกากับยุโรป เพื่อสร้างรวมมือกัน เกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจ การเมือง และความมั่นคงระหว่างประเทศ ฟังดูหรูและน่าทึ่งดีนะ
    คนที่เสนอความคิดตั้งสมาคมนี้ คือนาย Jozef Retinger ซึ่งไปคุยกับ Prince Bernhard สวามีของพระราชินี Julianna แห่ง Netherland คุณเจ้าชาย B เห็นด้วยอย่างยิ่ง ถึงกับลงมือไปคุยกับนายกรัฐมนตรี เบลเยี่ยมด้วยตนเอง รวมทั้งคุยกับหัวหน้า CIA ของอเมริกาขณะนั้น ว่าเราต้องร่วมมือกัน เพื่ออนาคตอันก้าวหน้าของพวกผมทอง
    การประชุมครั้งแรกของสมาคมลับ ที่มีเจ้าชาย B เป็นโต้โผ มีผู้เข้าประชุม 50 คน จาก 11 ประเทศในยุโรป และอีก 11 คนจากอเมริกา
    สมาคมลับนี้ยังมีอยู่จนถึงทุกวันนี้ ชื่อเด่น ๆ ที่เข้าร่วมประชุมกับสมาคมอันนี้ มีตั้งแต่ กษัตริย์ Juan Carlos และ Queen Sofia แห่งสเปน Queen Beatrix แห่งเนเทอร์แลนด์ บริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น IBM, Xerox, Royal Dutch Shell, Nokia และ Daimler และระดับผู้บริหารประเทศ เช่น นายกรัฐมนตรีกรีก นาย Kostas Karamanlis นายกรัฐมนตรีฟินแลนด์ นาย Matti Vanhanen รวมถึงนาย Timothy Geithner ของอเมริกา (และ cream ขนมเค้กอีกหลายอันเขียนไม่หวัดไม่ไหว)
    ในปี ค.ศ. 2013 มีการประชุมที่ Watford ประเทศอังกฤษ รายงานแจ้งว่ามีผู้เข้าประชุม แต่ไม่ประสงค์จะออกนาม อาจโผล่มาหลายคน (ลับจริง ๆ !) สำหรับโต้โผใหญ่ คือ เจ้าชาย B นั้น เป็นประธานสมาคมอยู่จนถึงปี ค.ศ. 1976 เป็นปีที่เขาโดนกล่าวหาเป็นข่าวไปทั่วโลก เกี่ยวกับเรื่องรับสินบนจากบริษัท Lockheed ซึ่งเป็นบริษัทขายอาวุธของอเมริกา Bilderberg ถูกวิจารณ์ว่าเป็นสมาคมระดับสูง ที่ใช้บุคคลระดับสูงทำหน้าที่เหมือน Lobbyist ในเรื่องระดับสำคัญอย่างสูง (หลายสูงเลยล่ะ) คงพอมองเห็นภาพ งานหลักของสมาคมนี้กันแล้ว

    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง”มายากลยุทธ” ภาดสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน ตอนที่ 22 : ปั่นน้ำมัน (1) ปี ค.ศ. 1969 อเมริกาเกิดอาการเศรษฐกิจชักกระตุก ทำท่าจะเดินถอยหลังอีก ในขณะที่เศรษฐกิจของยุโรป โดยเฉพาะเยอรมันและญี่ปุ่น พัฒนาและเดินหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้ค่าเงินสกุลของ 2 ประเทศ สูงกว่าค่าเงินดอลล่าร์ ซึ่งผูกไว้กับราคาทองคำ ไอ้ที่แย่ อเมริกาเริ่มเสียดุลย์การค้า ทำให้มีการเททิ้งดอลล่าร์ ทองสำรองก็เหลือเพียง 1 ใน 4 ของจำนวนหนี้ของประเทศ แล้วประธานาธิบดี Nixon ก็ตัดสินใจแบบหักดิบ ในปี ค.ศ. 1971 ยกเลิกการผูกดอลล่าร์ไว้กับทอง ยกเลิกการเปลี่ยนเงินกระดาษมาเป็นทองคำ ปิดหน้าต่างลงกลอนการแลกเปลี่ยนอย่างถาวร โลกช็อคกับมาตรการของคุณพี่นิกสัน คุณพี่เครียด หรือคุณพี่เมา !? คุณพี่นิกสันตอนนั้น ก็คงเหมือนคนพระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก โดนบี้รอบข้างจากผลของการเข้าไปทำสงครามเวียตนาม ยังมาเจอเศรษฐกิจเดินถอยหลัง และที่เห็นกำลังมาไว ๆ ก็คือคดีวอเตอร์เกตอันลือชื่อของคุณพี่ เล่นเอาคุณพี่ไปไม่เป็น แล้วจะให้คุณพี่ทำยังไง แกก็ส่งใบลาไปนอนซมระทมทุกข์ ปล่อยให้นาย Kissinger ทำหน้าที่เหมือนเป็นประธานาธิบดีแทน มันเขาล่ะ ! แล้วโลกจะรู้ไหมว่า การตัดเชือกผูกดอลล่าร์ไว้กับทองนะ มันเป็นแผนมายากลแบบสุดยอดของนักเล่นกลเลย แผนนี้เขาวางกันเป็นขั้นตอนแบบบันได 7 ขั้น (3 ขั้น มันน้อยไป) ผู้แต่งเรื่องประกอบและผู้นำการแสดง มือระดับรางวัล Nobel ไม่ใช่รางวัลออสการ์ ค.ศ. 1969 ภาคอุตสาหกรรมของโลกกำลังบูม อุตสาหกรรมต้องดื่มน้ำมัน ผู้ที่บูมไปด้วย คือ ชาติผู้ผลิตน้ำมัน แน่นอนกลุ่มผู้ค้าน้ำมัน OPEC ก็อู้ฟู้ไปด้วย เขามีข้อตกลงกันตั้งแต่ตอนตั้ง OPEC ว่า การซื้อน้ำมันจะต้องใช้เงินสกุลดอลล่าร์เท่านั้น ชาติไหนจะซื้อน้ำมัน ต้องไปซื้อดอลล่าร์มาก่อน เพื่อเอาไปจ่ายน้ำมัน (ใครนะมันช่างคิดสูตรนี้ !) ประเทศผู้ค้าน้ำมัน เช่น ซาอุดิอารเบีย อิหร่าน ฯลฯ เมื่อได้เงินค่าน้ำมัน ก็แน่นอนเอาไปฝากธนาคาร ธนาคารที่รับฝากก็แน่นอนอีกแหละ เป็นพวก Anglo American ธนาคารไหนต้องให้บอกชื่อกันไหม ปี ค.ศ. 1973 เดือนพฤษภาคม สมาชิกสมาคมลับ Bilderberg นัดประชุมกัน มีข่าวสำคัญรั่วออกมาจากที่ประชุม แมลงวันวิ่งไล่ตอมข่าว สมาคมนี้น่ะ มันลับอย่างไร สำคัญอย่างไรมา รู้จักกันหน่อย Bilderberg Group เป็นสมาคมลับสุดยอด ของบุคคลลับสุดยอด มีสมาชิกโดยการเชิญ ประมาณ 100 กว่าคน จากอเมริกาและยุโรป เรียกว่าเป็นสมาคมผมทองของแท้ ไม่มีด่างดำน้ำตาลเหลืองมาปนเลย ผู้ที่จะได้รับเชิญเป็นสมาชิก หรือมาประชุมก็เป็นพวกอยู่ในระดับสูงสุดของประเทศ เป็นขนมเค็กก็เรียกว่าเป็นพวก cream นั่นแหละ ตั้งขึ้นมาเมื่อปี ค.ศ. 1959 เพื่อจะประสานงานทางความคิด นโยบาย และวัฒนธรรม ระหว่างอเมริกากับยุโรป เพื่อสร้างรวมมือกัน เกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจ การเมือง และความมั่นคงระหว่างประเทศ ฟังดูหรูและน่าทึ่งดีนะ คนที่เสนอความคิดตั้งสมาคมนี้ คือนาย Jozef Retinger ซึ่งไปคุยกับ Prince Bernhard สวามีของพระราชินี Julianna แห่ง Netherland คุณเจ้าชาย B เห็นด้วยอย่างยิ่ง ถึงกับลงมือไปคุยกับนายกรัฐมนตรี เบลเยี่ยมด้วยตนเอง รวมทั้งคุยกับหัวหน้า CIA ของอเมริกาขณะนั้น ว่าเราต้องร่วมมือกัน เพื่ออนาคตอันก้าวหน้าของพวกผมทอง การประชุมครั้งแรกของสมาคมลับ ที่มีเจ้าชาย B เป็นโต้โผ มีผู้เข้าประชุม 50 คน จาก 11 ประเทศในยุโรป และอีก 11 คนจากอเมริกา สมาคมลับนี้ยังมีอยู่จนถึงทุกวันนี้ ชื่อเด่น ๆ ที่เข้าร่วมประชุมกับสมาคมอันนี้ มีตั้งแต่ กษัตริย์ Juan Carlos และ Queen Sofia แห่งสเปน Queen Beatrix แห่งเนเทอร์แลนด์ บริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น IBM, Xerox, Royal Dutch Shell, Nokia และ Daimler และระดับผู้บริหารประเทศ เช่น นายกรัฐมนตรีกรีก นาย Kostas Karamanlis นายกรัฐมนตรีฟินแลนด์ นาย Matti Vanhanen รวมถึงนาย Timothy Geithner ของอเมริกา (และ cream ขนมเค้กอีกหลายอันเขียนไม่หวัดไม่ไหว) ในปี ค.ศ. 2013 มีการประชุมที่ Watford ประเทศอังกฤษ รายงานแจ้งว่ามีผู้เข้าประชุม แต่ไม่ประสงค์จะออกนาม อาจโผล่มาหลายคน (ลับจริง ๆ !) สำหรับโต้โผใหญ่ คือ เจ้าชาย B นั้น เป็นประธานสมาคมอยู่จนถึงปี ค.ศ. 1976 เป็นปีที่เขาโดนกล่าวหาเป็นข่าวไปทั่วโลก เกี่ยวกับเรื่องรับสินบนจากบริษัท Lockheed ซึ่งเป็นบริษัทขายอาวุธของอเมริกา Bilderberg ถูกวิจารณ์ว่าเป็นสมาคมระดับสูง ที่ใช้บุคคลระดับสูงทำหน้าที่เหมือน Lobbyist ในเรื่องระดับสำคัญอย่างสูง (หลายสูงเลยล่ะ) คงพอมองเห็นภาพ งานหลักของสมาคมนี้กันแล้ว คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 384 Views 0 Reviews
  • จาก “แค่โปรเจกต์เล่นๆ” สู่ระบบปฏิบัติการที่ขับเคลื่อนโลก — 34 ปีของ Linux

    ย้อนกลับไปวันที่ 25 สิงหาคม 1991 Linus Benedict Torvalds นักศึกษาวัย 21 ปีจากฟินแลนด์ โพสต์ข้อความใน newsgroup ชื่อ comp.os.minix ว่าเขากำลังพัฒนาระบบปฏิบัติการฟรีสำหรับเครื่อง 386/486 AT clones โดยย้ำว่า “มันเป็นแค่โปรเจกต์เล่นๆ ไม่ใหญ่โตหรือมืออาชีพแบบ GNU”

    เขาเรียกมันว่า Freax — มาจากคำว่า Free + Freak + Unix — แต่เพื่อนร่วมงานที่ดูแล FTP server กลับเปลี่ยนชื่อเป็น “Linux” โดยไม่ได้บอกเขา และชื่อนี้ก็กลายเป็นตำนานตั้งแต่นั้น

    ในเดือนกันยายนปีเดียวกัน Linux เวอร์ชัน 0.01 ถูกปล่อยออกมา มีเพียง 10,000 กว่าบรรทัดของโค้ด และรองรับเฉพาะฮาร์ดดิสก์แบบ AT เท่านั้น แต่จุดเริ่มต้นเล็กๆ นี้ได้กลายเป็นการปฏิวัติวงการคอมพิวเตอร์

    วันนี้ Linux ขับเคลื่อนทุกอย่างตั้งแต่สมาร์ทโฟน Android, เซิร์ฟเวอร์เว็บ, ซูเปอร์คอมพิวเตอร์, ไปจนถึงสถานีอวกาศ ISS และแม้แต่ตู้เย็นอัจฉริยะในบ้านคุณ

    มันกลายเป็นหัวใจของอินเทอร์เน็ต, คลาวด์, AI, และ IoT โดยมีนักพัฒนากว่า 25,000 คนทั่วโลกที่ร่วมกันสร้างและปรับปรุงโค้ดกว่า 40 ล้านบรรทัดใน kernel ปัจจุบัน

    แม้จะเริ่มต้นจากความถ่อมตัว แต่ Linux ได้พิสูจน์แล้วว่าความร่วมมือแบบโอเพ่นซอร์สสามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้จริง

    https://www.tomshardware.com/software/linux/linux-is-34-years-old-today-linus-torvalds-meekly-announced-this-free-new-os-in-the-comp-os-minix-newsgroup-on-this-day-in-1991
    🎙️ จาก “แค่โปรเจกต์เล่นๆ” สู่ระบบปฏิบัติการที่ขับเคลื่อนโลก — 34 ปีของ Linux ย้อนกลับไปวันที่ 25 สิงหาคม 1991 Linus Benedict Torvalds นักศึกษาวัย 21 ปีจากฟินแลนด์ โพสต์ข้อความใน newsgroup ชื่อ comp.os.minix ว่าเขากำลังพัฒนาระบบปฏิบัติการฟรีสำหรับเครื่อง 386/486 AT clones โดยย้ำว่า “มันเป็นแค่โปรเจกต์เล่นๆ ไม่ใหญ่โตหรือมืออาชีพแบบ GNU” เขาเรียกมันว่า Freax — มาจากคำว่า Free + Freak + Unix — แต่เพื่อนร่วมงานที่ดูแล FTP server กลับเปลี่ยนชื่อเป็น “Linux” โดยไม่ได้บอกเขา และชื่อนี้ก็กลายเป็นตำนานตั้งแต่นั้น ในเดือนกันยายนปีเดียวกัน Linux เวอร์ชัน 0.01 ถูกปล่อยออกมา มีเพียง 10,000 กว่าบรรทัดของโค้ด และรองรับเฉพาะฮาร์ดดิสก์แบบ AT เท่านั้น แต่จุดเริ่มต้นเล็กๆ นี้ได้กลายเป็นการปฏิวัติวงการคอมพิวเตอร์ วันนี้ Linux ขับเคลื่อนทุกอย่างตั้งแต่สมาร์ทโฟน Android, เซิร์ฟเวอร์เว็บ, ซูเปอร์คอมพิวเตอร์, ไปจนถึงสถานีอวกาศ ISS และแม้แต่ตู้เย็นอัจฉริยะในบ้านคุณ มันกลายเป็นหัวใจของอินเทอร์เน็ต, คลาวด์, AI, และ IoT โดยมีนักพัฒนากว่า 25,000 คนทั่วโลกที่ร่วมกันสร้างและปรับปรุงโค้ดกว่า 40 ล้านบรรทัดใน kernel ปัจจุบัน แม้จะเริ่มต้นจากความถ่อมตัว แต่ Linux ได้พิสูจน์แล้วว่าความร่วมมือแบบโอเพ่นซอร์สสามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้จริง https://www.tomshardware.com/software/linux/linux-is-34-years-old-today-linus-torvalds-meekly-announced-this-free-new-os-in-the-comp-os-minix-newsgroup-on-this-day-in-1991
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Linux is 34 years old today — Linus Torvalds meekly announced this free new OS in the comp.os.minix newsgroup on this day in 1991
    From its roots of being 'just a hobby, [which] won’t be big and professional like GNU' it has come a long way.
    0 Comments 0 Shares 256 Views 0 Reviews
  • เยอรมนี นอร์เวย์ เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ สวีเดน อังกฤษ แคนาดา และฟินแลนด์ ตกลงตามแผนของทรัมป์ในการจัดหาอาวุธให้กับยูเครน

    -Wall Street Journal รายงาน
    เยอรมนี นอร์เวย์ เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ สวีเดน อังกฤษ แคนาดา และฟินแลนด์ ตกลงตามแผนของทรัมป์ในการจัดหาอาวุธให้กับยูเครน -Wall Street Journal รายงาน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 260 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกใต้น้ำ: สหรัฐฯ เตรียมห้ามเทคโนโลยีจีนในสายเคเบิลสื่อสารระหว่างประเทศ

    สายเคเบิลใต้น้ำเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่รับส่งข้อมูลอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศถึง 99% แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีรายงานว่าจีนมีบทบาทในเหตุการณ์ที่สายเคเบิลถูกตัดหรือถูกแทรกแซง เช่น:

    - ปี 2023: ไต้หวันกล่าวหาจีนว่าตัดสายเคเบิลอินเทอร์เน็ตของเกาะ Matsu
    - ปี 2024: สายเคเบิลระหว่างฟินแลนด์และเอสโตเนียถูกตัดโดยเรือบรรทุกน้ำมันที่เชื่อว่าเป็น “เรือเงา” ของจีน
    - ปี 2025: มีรายงานว่าจีนพัฒนาอุปกรณ์ตัดสายเคเบิลใต้น้ำที่ลึกถึง 4,000 เมตร

    เพื่อรับมือกับภัยคุกคามเหล่านี้ FCC เตรียมออกกฎใหม่ที่ห้ามบริษัทใด ๆ เชื่อมต่อสายเคเบิลใต้น้ำกับสหรัฐฯ หากใช้เทคโนโลยีจากบริษัทจีน เช่น Huawei และ ZTE ซึ่งอยู่ใน “entity list” ของ FCC

    กฎใหม่ยังรวมถึงการจำกัดการออกใบอนุญาตให้บริษัทจีนสร้างหรือดำเนินการสายเคเบิล, การจำกัดข้อตกลงเช่าความจุ, และการส่งเสริมการใช้เรือซ่อมสายเคเบิลของสหรัฐฯ รวมถึงเทคโนโลยีที่ “เชื่อถือได้” จากพันธมิตรต่างประเทศ

    FCC เตรียมออกกฎห้ามใช้เทคโนโลยีจีนในสายเคเบิลใต้น้ำที่เชื่อมต่อกับสหรัฐฯ
    เพื่อป้องกันภัยคุกคามด้านความมั่นคงจากต่างชาติ โดยเฉพาะจีน

    กฎใหม่จะใช้กับบริษัทใน “entity list” เช่น Huawei และ ZTE
    ซึ่งเคยถูกสั่งให้ถอนจากโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมในสหรัฐฯ

    จะมีการจำกัดการออกใบอนุญาตให้บริษัทจีนสร้างหรือดำเนินการสายเคเบิล
    รวมถึงจำกัดข้อตกลงเช่าความจุและการเข้าถึงระบบ

    FCC ต้องการส่งเสริมการใช้เรือซ่อมสายเคเบิลของสหรัฐฯ
    และเทคโนโลยีที่เชื่อถือได้จากพันธมิตรต่างประเทศ

    สายเคเบิลใต้น้ำรับส่งข้อมูลอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศถึง 99%
    เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญต่อเศรษฐกิจและความมั่นคง

    การห้ามเทคโนโลยีจีนอาจกระทบต่อความร่วมมือระหว่างประเทศ
    โดยเฉพาะในโครงการสายเคเบิลที่มีหลายประเทศร่วมลงทุน

    การจำกัดใบอนุญาตอาจทำให้การขยายโครงสร้างพื้นฐานล่าช้า
    ส่งผลต่อการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศในบางภูมิภาค

    การกล่าวหาจีนว่าเป็นภัยคุกคามอาจเพิ่มความตึงเครียดทางการเมือง
    โดยเฉพาะเมื่อยังไม่มีหลักฐานทางเทคนิคที่เปิดเผยต่อสาธารณะ

    การพัฒนาอุปกรณ์ตัดสายเคเบิลใต้น้ำอาจนำไปสู่การแข่งขันด้านอาวุธไซเบอร์
    เพิ่มความเสี่ยงต่อโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลทั่วโลก

    https://www.techspot.com/news/108705-fcc-moves-ban-chinese-tech-undersea-cables.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกใต้น้ำ: สหรัฐฯ เตรียมห้ามเทคโนโลยีจีนในสายเคเบิลสื่อสารระหว่างประเทศ สายเคเบิลใต้น้ำเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่รับส่งข้อมูลอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศถึง 99% แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีรายงานว่าจีนมีบทบาทในเหตุการณ์ที่สายเคเบิลถูกตัดหรือถูกแทรกแซง เช่น: - ปี 2023: ไต้หวันกล่าวหาจีนว่าตัดสายเคเบิลอินเทอร์เน็ตของเกาะ Matsu - ปี 2024: สายเคเบิลระหว่างฟินแลนด์และเอสโตเนียถูกตัดโดยเรือบรรทุกน้ำมันที่เชื่อว่าเป็น “เรือเงา” ของจีน - ปี 2025: มีรายงานว่าจีนพัฒนาอุปกรณ์ตัดสายเคเบิลใต้น้ำที่ลึกถึง 4,000 เมตร เพื่อรับมือกับภัยคุกคามเหล่านี้ FCC เตรียมออกกฎใหม่ที่ห้ามบริษัทใด ๆ เชื่อมต่อสายเคเบิลใต้น้ำกับสหรัฐฯ หากใช้เทคโนโลยีจากบริษัทจีน เช่น Huawei และ ZTE ซึ่งอยู่ใน “entity list” ของ FCC กฎใหม่ยังรวมถึงการจำกัดการออกใบอนุญาตให้บริษัทจีนสร้างหรือดำเนินการสายเคเบิล, การจำกัดข้อตกลงเช่าความจุ, และการส่งเสริมการใช้เรือซ่อมสายเคเบิลของสหรัฐฯ รวมถึงเทคโนโลยีที่ “เชื่อถือได้” จากพันธมิตรต่างประเทศ ✅ FCC เตรียมออกกฎห้ามใช้เทคโนโลยีจีนในสายเคเบิลใต้น้ำที่เชื่อมต่อกับสหรัฐฯ ➡️ เพื่อป้องกันภัยคุกคามด้านความมั่นคงจากต่างชาติ โดยเฉพาะจีน ✅ กฎใหม่จะใช้กับบริษัทใน “entity list” เช่น Huawei และ ZTE ➡️ ซึ่งเคยถูกสั่งให้ถอนจากโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมในสหรัฐฯ ✅ จะมีการจำกัดการออกใบอนุญาตให้บริษัทจีนสร้างหรือดำเนินการสายเคเบิล ➡️ รวมถึงจำกัดข้อตกลงเช่าความจุและการเข้าถึงระบบ ✅ FCC ต้องการส่งเสริมการใช้เรือซ่อมสายเคเบิลของสหรัฐฯ ➡️ และเทคโนโลยีที่เชื่อถือได้จากพันธมิตรต่างประเทศ ✅ สายเคเบิลใต้น้ำรับส่งข้อมูลอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศถึง 99% ➡️ เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญต่อเศรษฐกิจและความมั่นคง ‼️ การห้ามเทคโนโลยีจีนอาจกระทบต่อความร่วมมือระหว่างประเทศ ⛔ โดยเฉพาะในโครงการสายเคเบิลที่มีหลายประเทศร่วมลงทุน ‼️ การจำกัดใบอนุญาตอาจทำให้การขยายโครงสร้างพื้นฐานล่าช้า ⛔ ส่งผลต่อการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศในบางภูมิภาค ‼️ การกล่าวหาจีนว่าเป็นภัยคุกคามอาจเพิ่มความตึงเครียดทางการเมือง ⛔ โดยเฉพาะเมื่อยังไม่มีหลักฐานทางเทคนิคที่เปิดเผยต่อสาธารณะ ‼️ การพัฒนาอุปกรณ์ตัดสายเคเบิลใต้น้ำอาจนำไปสู่การแข่งขันด้านอาวุธไซเบอร์ ⛔ เพิ่มความเสี่ยงต่อโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลทั่วโลก https://www.techspot.com/news/108705-fcc-moves-ban-chinese-tech-undersea-cables.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    FCC moves to ban Chinese tech from undersea cables
    According to a statement from FCC Chairman Brendan Carr, the FCC will vote on rules to "unleash submarine cable investment to accelerate the buildout of AI infrastructure,...
    0 Comments 0 Shares 425 Views 0 Reviews
  • เศรษฐกิจในปี 2024 ไม่ได้โตจากรถสิบล้อวิ่งเข้าโรงงานอีกต่อไป…แต่โตจาก “การเทเงินเข้าไปที่ซอฟต์แวร์, โมเดล AI และสิทธิบัตรทางปัญญา” → รายงานร่วมจาก UN + Luiss Business School เผยว่า ประเทศกว่า 27 แห่งลงทุนในทรัพย์สินแบบไม่มีตัวตนถึง 7.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ → โตขึ้นจากปีที่แล้ว (~7.4 ล้านล้าน) แม้เศรษฐกิจโลกจะซบเซา!

    ประเทศที่ทุ่มสุดคือ สหรัฐฯ → ลงทุนมากกว่าฝรั่งเศส, เยอรมนี, ญี่ปุ่น และอังกฤษรวมกัน → ส่วน “ประเทศที่เข้มข้นที่สุด” ในแง่สัดส่วน GDP คือ สวีเดน ที่การลงทุนแบบ intangible กินพื้นที่เศรษฐกิจถึง 16% → ตามด้วยสหรัฐฯ, ฝรั่งเศส และฟินแลนด์ (15%) → และอินเดียก็ขยับแซงหลายชาติ EU แล้วด้วยตัวเลขเกือบ 10%

    สิ่งที่โตเร็วที่สุดไม่ใช่แค่โมเดล AI → แต่คือ ซอฟต์แวร์ + ฐานข้อมูล ซึ่งโตเฉลี่ย 7%/ปี ตั้งแต่ปี 2013–2022 → เพราะระบบ AI ต้องการ “ดาต้าที่สะอาดและมีลิขสิทธิ์ชัดเจน” มาป้อนให้โมเดลเรียนรู้ → ซึ่งกลายเป็นหัวใจของมูลค่าทรัพย์สินใหม่โลกเทคโนโลยี

    นักวิจัย UN ยังทิ้งท้ายว่า… → ตอนนี้คือ “จุดเริ่มต้นของยุค AI” ไม่ใช่จุดกลางหรือจุดท้าย → ความเปลี่ยนแปลงที่ลึกกว่านี้อาจยังมาไม่ถึง แต่ต้องเตรียมรับตั้งแต่วันนี้

    การลงทุนในทรัพย์สินไม่มีตัวตน (intangible assets) โต 3 เท่าเมื่อเทียบกับทรัพย์สินจริง (machinery, buildings) ปี 2024  
    • รวมมูลค่าประมาณ $7.6T จาก 27 ประเทศ (โตจาก $7.4T ปี 2023)  
    • ปัจจัยที่ฉุด tangible asset = ดอกเบี้ยสูง, เศรษฐกิจฟื้นช้า

    ประเทศที่ลงทุนสูงสุดใน absolute คือ สหรัฐอเมริกา → มากกว่าทุกประเทศในกลุ่ม G7

    ประเทศที่มีความเข้มข้นสูงสุดด้านทรัพย์สินไร้ตัวตนต่อ GDP:  
    • สวีเดน (16%), สหรัฐฯ–ฝรั่งเศส–ฟินแลนด์ (15%), อินเดีย (~10%)

    ซอฟต์แวร์และฐานข้อมูล เป็นกลุ่มที่โตเร็วที่สุดในกลุ่ม intangible assets (โตเฉลี่ย 7%/ปี ตั้งแต่ 2013–2022)

    โมเดล AI ช่วยเร่งการลงทุนแบบ intangible → โดยเฉพาะด้านฐานข้อมูล, ทรัพย์สินทางปัญญา, และการเรียนรู้เชิงลึก

    การโตของ intangible asset มีความเสถียรตลอดช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ เช่น ปี 2008 หรือช่วงโควิด (โตเฉลี่ย 4% ต่อปี)

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/10/un-investments-rise-in-data-ai-outpacing-physical-assets
    เศรษฐกิจในปี 2024 ไม่ได้โตจากรถสิบล้อวิ่งเข้าโรงงานอีกต่อไป…แต่โตจาก “การเทเงินเข้าไปที่ซอฟต์แวร์, โมเดล AI และสิทธิบัตรทางปัญญา” → รายงานร่วมจาก UN + Luiss Business School เผยว่า ประเทศกว่า 27 แห่งลงทุนในทรัพย์สินแบบไม่มีตัวตนถึง 7.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ → โตขึ้นจากปีที่แล้ว (~7.4 ล้านล้าน) แม้เศรษฐกิจโลกจะซบเซา! ประเทศที่ทุ่มสุดคือ สหรัฐฯ → ลงทุนมากกว่าฝรั่งเศส, เยอรมนี, ญี่ปุ่น และอังกฤษรวมกัน → ส่วน “ประเทศที่เข้มข้นที่สุด” ในแง่สัดส่วน GDP คือ สวีเดน ที่การลงทุนแบบ intangible กินพื้นที่เศรษฐกิจถึง 16% → ตามด้วยสหรัฐฯ, ฝรั่งเศส และฟินแลนด์ (15%) → และอินเดียก็ขยับแซงหลายชาติ EU แล้วด้วยตัวเลขเกือบ 10% สิ่งที่โตเร็วที่สุดไม่ใช่แค่โมเดล AI → แต่คือ ซอฟต์แวร์ + ฐานข้อมูล ซึ่งโตเฉลี่ย 7%/ปี ตั้งแต่ปี 2013–2022 → เพราะระบบ AI ต้องการ “ดาต้าที่สะอาดและมีลิขสิทธิ์ชัดเจน” มาป้อนให้โมเดลเรียนรู้ → ซึ่งกลายเป็นหัวใจของมูลค่าทรัพย์สินใหม่โลกเทคโนโลยี นักวิจัย UN ยังทิ้งท้ายว่า… → ตอนนี้คือ “จุดเริ่มต้นของยุค AI” ไม่ใช่จุดกลางหรือจุดท้าย → ความเปลี่ยนแปลงที่ลึกกว่านี้อาจยังมาไม่ถึง แต่ต้องเตรียมรับตั้งแต่วันนี้ ✅ การลงทุนในทรัพย์สินไม่มีตัวตน (intangible assets) โต 3 เท่าเมื่อเทียบกับทรัพย์สินจริง (machinery, buildings) ปี 2024   • รวมมูลค่าประมาณ $7.6T จาก 27 ประเทศ (โตจาก $7.4T ปี 2023)   • ปัจจัยที่ฉุด tangible asset = ดอกเบี้ยสูง, เศรษฐกิจฟื้นช้า ✅ ประเทศที่ลงทุนสูงสุดใน absolute คือ สหรัฐอเมริกา → มากกว่าทุกประเทศในกลุ่ม G7 ✅ ประเทศที่มีความเข้มข้นสูงสุดด้านทรัพย์สินไร้ตัวตนต่อ GDP:   • สวีเดน (16%), สหรัฐฯ–ฝรั่งเศส–ฟินแลนด์ (15%), อินเดีย (~10%) ✅ ซอฟต์แวร์และฐานข้อมูล เป็นกลุ่มที่โตเร็วที่สุดในกลุ่ม intangible assets (โตเฉลี่ย 7%/ปี ตั้งแต่ 2013–2022) ✅ โมเดล AI ช่วยเร่งการลงทุนแบบ intangible → โดยเฉพาะด้านฐานข้อมูล, ทรัพย์สินทางปัญญา, และการเรียนรู้เชิงลึก ✅ การโตของ intangible asset มีความเสถียรตลอดช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ เช่น ปี 2008 หรือช่วงโควิด (โตเฉลี่ย 4% ต่อปี) https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/10/un-investments-rise-in-data-ai-outpacing-physical-assets
    0 Comments 0 Shares 501 Views 0 Reviews
  • สแกนดิเนเวีย 10 วัน 8 คืน
    โคเปนเฮเกน – ออสโล – ฟลอม – เบอร์เกน – ฟลัม – สต๊อคโฮล์ม – เฮลซิงกิ
    โดยสายการบินฟินน์แอร์ (บินเช้า–ถึงค่ำ / ขากลับบินตรง)
    รวมค่าวีซ่า + น้ำดื่มบริการบนรถโค้ชทุกวัน

    เหลือ 5 ที่สุดท้ายเท่านั้น!
    เดินทาง 6–15 ส.ค. 68
    ราคาเพียง 124,900.-

    พร้อมพาเที่ยวแบบสบาย ๆ พักก่อนลุย
    เช็คอินจุดไฮไลท์ทั่วสแกนฯ ไปกับเรา

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395

    #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #สแกนดิเนเวีย #สวีเดน #นอร์เวย์ #ฟินแลนด์ #เที่ยวสแกนดิเนเวีย #ทัวร์ยุโรป #เฮลซิงกิ #โคเปนเฮเกน #สต๊อกโฮล์ม #ทัวร์ดีมีคุณภาพ #ทัวร์ยุโรปราคาดี #ฟินน์แอร์ #ทัวร์ออกแน่นอน #เที่ยวหน้าร้อน #ยุโรปร้อนนี้ต้องไป
    🇸🇪🇳🇴🇫🇮 สแกนดิเนเวีย 10 วัน 8 คืน 📍โคเปนเฮเกน – ออสโล – ฟลอม – เบอร์เกน – ฟลัม – สต๊อคโฮล์ม – เฮลซิงกิ ✈️ โดยสายการบินฟินน์แอร์ (บินเช้า–ถึงค่ำ / ขากลับบินตรง) 🧳 รวมค่าวีซ่า + น้ำดื่มบริการบนรถโค้ชทุกวัน 🔥 เหลือ 5 ที่สุดท้ายเท่านั้น! 📅 เดินทาง 6–15 ส.ค. 68 💸 ราคาเพียง 124,900.- พร้อมพาเที่ยวแบบสบาย ๆ พักก่อนลุย 🏞️ เช็คอินจุดไฮไลท์ทั่วสแกนฯ ไปกับเรา 💙 LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #สแกนดิเนเวีย #สวีเดน #นอร์เวย์ #ฟินแลนด์ #เที่ยวสแกนดิเนเวีย #ทัวร์ยุโรป #เฮลซิงกิ #โคเปนเฮเกน #สต๊อกโฮล์ม #ทัวร์ดีมีคุณภาพ #ทัวร์ยุโรปราคาดี #ฟินน์แอร์ #ทัวร์ออกแน่นอน #เที่ยวหน้าร้อน #ยุโรปร้อนนี้ต้องไป
    0 Comments 0 Shares 543 Views 0 Reviews
  • Data centre คือหัวใจของยุค AI เพราะใช้เก็บและประมวลผลข้อมูลจากทั้งแอปฯ แชต, รูป, โมเดลปัญญาประดิษฐ์ยักษ์ ๆ อย่าง GPT, Gemini และ Llama — และมันกินไฟมหาศาล!

    ทุกวันนี้ศูนย์ข้อมูลใหญ่ ๆ ของยุโรปกระจุกอยู่ใน 5 เมืองหลัก: แฟรงก์เฟิร์ต, ลอนดอน, อัมสเตอร์ดัม, ปารีส และดับลิน แต่ปัญหาคือ... จะเชื่อมศูนย์ข้อมูลใหม่เข้ากับระบบไฟฟ้าในเมืองเหล่านี้ ต้องใช้เวลา 7–13 ปี! ทำให้ผู้พัฒนาจำนวนมากหันไปหาประเทศที่วางแผนโครงสร้างพื้นฐานได้เร็วกว่า เช่น อิตาลี เชื่อมไฟได้ภายใน 3 ปีเท่านั้น

    รายงานเตือนว่า ถ้าแนวโน้มนี้ยังดำเนินต่อไป ภายในปี 2035 มีโอกาสสูงที่ศูนย์ข้อมูล ครึ่งหนึ่ง ของยุโรปจะย้ายไปอยู่นอกฮับหลักเดิมเลย — นี่หมายถึงการสูญเสียการลงทุนระดับพันล้านยูโรต่อประเทศ และตำแหน่งงานจำนวนมาก เช่นในเยอรมนี ปี 2024 ศูนย์ข้อมูลสร้าง GDP ได้กว่า €10.4B และคาดว่าจะมากกว่าสองเท่าในปี 2029 หากไม่มีอุปสรรค

    เฉพาะฝรั่งเศสเท่านั้นที่ยังรักษาเสถียรภาพได้ เพราะระบบสายส่งไฟยังไม่ติดคอขวดมากเท่าประเทศอื่น

    Ember ชี้การวางแผนระบบไฟฟ้าช้า กระทบการกระจายศูนย์ข้อมูลในยุโรป  
    • การเชื่อม Data Centre เข้ากับโครงข่ายไฟฟ้าใช้เวลานาน 7–13 ปีในฮับหลัก  
    • ทำให้นักลงทุนเบนเข็มไปยังประเทศที่เชื่อมได้เร็ว เช่น อิตาลี ใช้แค่ 3 ปี

    คาดว่าภายในปี 2035 ครึ่งหนึ่งของศูนย์ข้อมูลยุโรปจะอยู่นอกฮับหลักเดิม  
    • อาจกระทบเศรษฐกิจในประเทศอย่างเยอรมนี, เนเธอร์แลนด์, อังกฤษ

    ฝรั่งเศสอาจเป็นประเทศเดียวที่รักษาการลงทุนไว้ได้อย่างต่อเนื่อง  
    • เพราะระบบไฟฟ้าไม่ติดปัญหาขัดข้องเหมือนชาติอื่นในกลุ่ม

    ความต้องการไฟฟ้าเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดในยุโรปเหนือและตะวันออก  
    • เช่น สวีเดน, นอร์เวย์, เดนมาร์ก: คาดว่า demand จะ เพิ่ม 3 เท่าภายในปี 2030  
    • ออสเตรีย, กรีซ, ฟินแลนด์, ฮังการี, อิตาลี, โปรตุเกส, สโลวาเกีย: คาดว่า ไฟที่ใช้กับ data centre จะเพิ่ม 3–5 เท่าในปี 2035

    Ember ระบุว่า “โครงข่ายไฟ” คือเครื่องมือดึงดูดการลงทุนระดับชาติในยุค AI  
    • ไม่ใช่แค่ data centre — อุตสาหกรรมทุกชนิดที่ต้องการใช้พลังงานสูงจะได้รับผล

    หากประเทศไม่เร่งลงทุนในโครงข่ายไฟและระบบอนุมัติ จะสูญเสียโอกาสหลายพันล้านยูโร  
    • ประเทศที่การเชื่อมไฟฟ้าช้า อาจถูกมองข้ามโดยผู้พัฒนา AI/data centre

    การกระจุกตัวของ data centre ในไม่กี่เมืองกำลังถึงทางตัน  
    • เกิดปัญหาคอขวด การใช้ไฟฟ้าเกินพิกัด และต้นทุนที่สูงขึ้น

    หากปล่อยให้ผู้พัฒนาเลือกที่ตั้งตามความสะดวกเรื่องไฟ โดยไม่มีแผนระดับภูมิภาค อาจเกิดการกระจายตัวแบบไม่สมดุล  
    • กระทบภาระด้านพลังงาน–สิ่งแวดล้อม และแผนเมืองในระยะยาว

    ศูนย์ข้อมูลต้องใช้ไฟฟ้าอย่างมั่นคง หากไม่มีแผนสำรองอาจกลายเป็นความเสี่ยงด้านความมั่นคงไซเบอร์  
    • โดยเฉพาะเมื่อระบบ cloud และ AI เข้าไปอยู่ในทุกธุรกิจภาครัฐและการเงิน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/19/poor-grid-planning-could-shift-europe039s-data-centre-geography-report-says
    Data centre คือหัวใจของยุค AI เพราะใช้เก็บและประมวลผลข้อมูลจากทั้งแอปฯ แชต, รูป, โมเดลปัญญาประดิษฐ์ยักษ์ ๆ อย่าง GPT, Gemini และ Llama — และมันกินไฟมหาศาล! ทุกวันนี้ศูนย์ข้อมูลใหญ่ ๆ ของยุโรปกระจุกอยู่ใน 5 เมืองหลัก: แฟรงก์เฟิร์ต, ลอนดอน, อัมสเตอร์ดัม, ปารีส และดับลิน แต่ปัญหาคือ... จะเชื่อมศูนย์ข้อมูลใหม่เข้ากับระบบไฟฟ้าในเมืองเหล่านี้ ต้องใช้เวลา 7–13 ปี! ทำให้ผู้พัฒนาจำนวนมากหันไปหาประเทศที่วางแผนโครงสร้างพื้นฐานได้เร็วกว่า เช่น อิตาลี เชื่อมไฟได้ภายใน 3 ปีเท่านั้น รายงานเตือนว่า ถ้าแนวโน้มนี้ยังดำเนินต่อไป ภายในปี 2035 มีโอกาสสูงที่ศูนย์ข้อมูล ครึ่งหนึ่ง ของยุโรปจะย้ายไปอยู่นอกฮับหลักเดิมเลย — นี่หมายถึงการสูญเสียการลงทุนระดับพันล้านยูโรต่อประเทศ และตำแหน่งงานจำนวนมาก เช่นในเยอรมนี ปี 2024 ศูนย์ข้อมูลสร้าง GDP ได้กว่า €10.4B และคาดว่าจะมากกว่าสองเท่าในปี 2029 หากไม่มีอุปสรรค เฉพาะฝรั่งเศสเท่านั้นที่ยังรักษาเสถียรภาพได้ เพราะระบบสายส่งไฟยังไม่ติดคอขวดมากเท่าประเทศอื่น ✅ Ember ชี้การวางแผนระบบไฟฟ้าช้า กระทบการกระจายศูนย์ข้อมูลในยุโรป   • การเชื่อม Data Centre เข้ากับโครงข่ายไฟฟ้าใช้เวลานาน 7–13 ปีในฮับหลัก   • ทำให้นักลงทุนเบนเข็มไปยังประเทศที่เชื่อมได้เร็ว เช่น อิตาลี ใช้แค่ 3 ปี ✅ คาดว่าภายในปี 2035 ครึ่งหนึ่งของศูนย์ข้อมูลยุโรปจะอยู่นอกฮับหลักเดิม   • อาจกระทบเศรษฐกิจในประเทศอย่างเยอรมนี, เนเธอร์แลนด์, อังกฤษ ✅ ฝรั่งเศสอาจเป็นประเทศเดียวที่รักษาการลงทุนไว้ได้อย่างต่อเนื่อง   • เพราะระบบไฟฟ้าไม่ติดปัญหาขัดข้องเหมือนชาติอื่นในกลุ่ม ✅ ความต้องการไฟฟ้าเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดในยุโรปเหนือและตะวันออก   • เช่น สวีเดน, นอร์เวย์, เดนมาร์ก: คาดว่า demand จะ เพิ่ม 3 เท่าภายในปี 2030   • ออสเตรีย, กรีซ, ฟินแลนด์, ฮังการี, อิตาลี, โปรตุเกส, สโลวาเกีย: คาดว่า ไฟที่ใช้กับ data centre จะเพิ่ม 3–5 เท่าในปี 2035 ✅ Ember ระบุว่า “โครงข่ายไฟ” คือเครื่องมือดึงดูดการลงทุนระดับชาติในยุค AI   • ไม่ใช่แค่ data centre — อุตสาหกรรมทุกชนิดที่ต้องการใช้พลังงานสูงจะได้รับผล ‼️ หากประเทศไม่เร่งลงทุนในโครงข่ายไฟและระบบอนุมัติ จะสูญเสียโอกาสหลายพันล้านยูโร   • ประเทศที่การเชื่อมไฟฟ้าช้า อาจถูกมองข้ามโดยผู้พัฒนา AI/data centre ‼️ การกระจุกตัวของ data centre ในไม่กี่เมืองกำลังถึงทางตัน   • เกิดปัญหาคอขวด การใช้ไฟฟ้าเกินพิกัด และต้นทุนที่สูงขึ้น ‼️ หากปล่อยให้ผู้พัฒนาเลือกที่ตั้งตามความสะดวกเรื่องไฟ โดยไม่มีแผนระดับภูมิภาค อาจเกิดการกระจายตัวแบบไม่สมดุล   • กระทบภาระด้านพลังงาน–สิ่งแวดล้อม และแผนเมืองในระยะยาว ‼️ ศูนย์ข้อมูลต้องใช้ไฟฟ้าอย่างมั่นคง หากไม่มีแผนสำรองอาจกลายเป็นความเสี่ยงด้านความมั่นคงไซเบอร์   • โดยเฉพาะเมื่อระบบ cloud และ AI เข้าไปอยู่ในทุกธุรกิจภาครัฐและการเงิน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/19/poor-grid-planning-could-shift-europe039s-data-centre-geography-report-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Poor grid planning could shift Europe's data centre geography, report says
    PARIS (Reuters) -Europe's leading data centre hubs face a major shift as developers will go wherever connection times are shortest, unless there is more proactive electricity grid planning, a report on Thursday by energy think-tank Ember showed.
    0 Comments 0 Shares 563 Views 0 Reviews
  • เครื่องบินบรรทุกน้ำมันของสหรัฐฯ 24 ลำกำลังมุ่งหน้าไปทางตะวันออกจากสหรัฐฯ สู่ยุโรป ถือเป็นจำนวนมากผิดปกติ

    บางแหล่งข่าวอ้างว่าการเคลื่อนย้ายเครื่องบินบรรทุกน้ำมันของสหรัฐฯ จำนวน 24 ลำไปยังยุโรปน่าจะสนับสนุนการซ้อมรบแอตแลนติก ไทรเดนต์ 25 ของนาโต้ในฟินแลนด์ ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 16-27 มิถุนายน 2025

    อย่างไรก็ตาม คงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
    เครื่องบินบรรทุกน้ำมันของสหรัฐฯ 24 ลำกำลังมุ่งหน้าไปทางตะวันออกจากสหรัฐฯ สู่ยุโรป ถือเป็นจำนวนมากผิดปกติ บางแหล่งข่าวอ้างว่าการเคลื่อนย้ายเครื่องบินบรรทุกน้ำมันของสหรัฐฯ จำนวน 24 ลำไปยังยุโรปน่าจะสนับสนุนการซ้อมรบแอตแลนติก ไทรเดนต์ 25 ของนาโต้ในฟินแลนด์ ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 16-27 มิถุนายน 2025 อย่างไรก็ตาม คงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
    0 Comments 0 Shares 234 Views 0 Reviews
  • เยอรมันส่งสัญญาณข่มขู่ที่จะออกมาตรการใช้กับอิสราเอลหลังชี้ สถานการณ์ในเขตฉนวนกาซานั้นเกินทนชี้ไม่จำเป็นต้องอยู่ข้างเทลอาวีฟหลังยอดผู้เสียชีวิตพุ่งเกิน 54,000 คน ขณะที่ IDF เปิดเผยรับการส่งมอบอาวุธจากสหรัฐฯจากเที่ยวบินรอบที่ 800 วันนี้(27 พ.ค) ขณะทั้งเยอรมันและฟินแลนด์ออกโรงเรียกร้องให้นานาชาติกดดันให้เทลอาวีฟเปิดทางเพื่อการบรรเทาทุกข์ คณะรัฐมนตรีไอร์แลนด์หารือแบนการนำเข้าสินค้าอิสราเอลที่มาจากเขตนิคมตั้งตัวของยิว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000049803

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    เยอรมันส่งสัญญาณข่มขู่ที่จะออกมาตรการใช้กับอิสราเอลหลังชี้ สถานการณ์ในเขตฉนวนกาซานั้นเกินทนชี้ไม่จำเป็นต้องอยู่ข้างเทลอาวีฟหลังยอดผู้เสียชีวิตพุ่งเกิน 54,000 คน ขณะที่ IDF เปิดเผยรับการส่งมอบอาวุธจากสหรัฐฯจากเที่ยวบินรอบที่ 800 วันนี้(27 พ.ค) ขณะทั้งเยอรมันและฟินแลนด์ออกโรงเรียกร้องให้นานาชาติกดดันให้เทลอาวีฟเปิดทางเพื่อการบรรเทาทุกข์ คณะรัฐมนตรีไอร์แลนด์หารือแบนการนำเข้าสินค้าอิสราเอลที่มาจากเขตนิคมตั้งตัวของยิว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000049803 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Love
    6
    0 Comments 0 Shares 1104 Views 0 Reviews
  • อันตติ ฮัคกาเนน (Antti Häkkänen) รัฐมนตรีกลาโหมฟินแลนด์ กล่าวว่า ขณะนี้รัสเซียส่งเรือรบของกองทัพเรือรัสเซียเข้าคุ้มกันเรือบรรทุกน้ำมันที่เรียกว่า “กองเรือเงา” เป็นครั้งแรกในทะเลบอลติก!

    ฮัคกาเนน ยังกล่าวอีกว่า การมีอยู่ของทหารรัสเซียในภูมิภาคแถบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่สิ่งใหม่ในสถานการณ์ปัจจุบันคือ "รัสเซียกำลังคุ้มกันเรือบรรทุกน้ำมันเชิงพาณิชย์ซึ่งเป็นกองเรือเงา ในทิศทางช่องแคบของอ่าวฟินแลนด์ด้วยเรือรบจากกองทัพเรือ ซึ่งนับเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง”

    แต่สิ่งที่รัฐมนตรีกลาโหมฟินแลนด์ไม่ยอมเอ่ยถึงคือ "เอสโตเนียและฟินแลนด์มีการยั่วยุด้วยการพยายามโจมตีเรือของรัสเซียตลอดช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา!!"
    อันตติ ฮัคกาเนน (Antti Häkkänen) รัฐมนตรีกลาโหมฟินแลนด์ กล่าวว่า ขณะนี้รัสเซียส่งเรือรบของกองทัพเรือรัสเซียเข้าคุ้มกันเรือบรรทุกน้ำมันที่เรียกว่า “กองเรือเงา” เป็นครั้งแรกในทะเลบอลติก! ฮัคกาเนน ยังกล่าวอีกว่า การมีอยู่ของทหารรัสเซียในภูมิภาคแถบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่สิ่งใหม่ในสถานการณ์ปัจจุบันคือ "รัสเซียกำลังคุ้มกันเรือบรรทุกน้ำมันเชิงพาณิชย์ซึ่งเป็นกองเรือเงา ในทิศทางช่องแคบของอ่าวฟินแลนด์ด้วยเรือรบจากกองทัพเรือ ซึ่งนับเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง” 👉 แต่สิ่งที่รัฐมนตรีกลาโหมฟินแลนด์ไม่ยอมเอ่ยถึงคือ "เอสโตเนียและฟินแลนด์มีการยั่วยุด้วยการพยายามโจมตีเรือของรัสเซียตลอดช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา!!"
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 407 Views 0 Reviews
  • ภาพช่วงเวลาที่กองทัพเรือเอสโตเนียพยายามยึดเรือบรรทุกน้ำมันดิบของกองเรือเงาของรัสเซียในทะเลบอลติก

    ขณะที่เรือ JAGUAR ภายใต้ธงกาบอง กำลังแล่นผ่านน่านน้ำสากลในอ่าวฟินแลนด์เพื่อมุ่งหน้าไปยังท่าเรือพรีมอร์สค์ของรัสเซีย (Russian port of Primorsk) กองทัพเอสโตเนียพยายามบังคับให้เรือตามเข้าไปในน่านน้ำอาณาเขตของเอสโตเนีย เพื่อพวกเขาจะได้มีสิทธิ์กักเรือไว้เรือ

    ภาพวิดีโอแสดงให้เห็นกองกำลังเอสโตเนียออกคำสั่งให้เรือเปลี่ยนเส้นทาง โดยมีเฮลิคอปเตอร์ AgustaWestland AW139 เครื่องบิน M28 Skytruck และเรือตรวจการณ์ EML Raju (P6732) ของกองทัพเรือเอสโตเนียเข้าใกล้เรือเพื่อบังคับกดดัน

    มีรายงานเพิ่มเติมว่ากองกำลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของเอสโตเนียประกอบด้วย:
    เรือลาดตระเวน "Rayu";
    เรือลาดตระเวน "Kurvits";
    เฮลิคอปเตอร์ขึ้นบก;
    เครื่องบิน PZL M28;
    และสิ่งที่คาดไม่ถึงคือ เครื่องบิน MiG-29 ของกองทัพอากาศโปแลนด์ได้เข้าไปเกี่ยวข้องในเหตุการณ์นี้ด้วย!

    ขณะเดียวกัน กองทัพอากาศรัสเซียได้ส่งเครื่องบิน SU-35S เข้ามาเพื่อสนับสนุนเรือบรรทุกน้ำมันลำดังกล่าว ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นการละเมิดน่านฟ้าของเอสโตเนีย แต่ก็ส่งผลให้ความพยายามสกัดกั้นเรือล้มเหลวไปในที่สุด
    ภาพช่วงเวลาที่กองทัพเรือเอสโตเนียพยายามยึดเรือบรรทุกน้ำมันดิบของกองเรือเงาของรัสเซียในทะเลบอลติก ขณะที่เรือ JAGUAR ภายใต้ธงกาบอง กำลังแล่นผ่านน่านน้ำสากลในอ่าวฟินแลนด์เพื่อมุ่งหน้าไปยังท่าเรือพรีมอร์สค์ของรัสเซีย (Russian port of Primorsk) กองทัพเอสโตเนียพยายามบังคับให้เรือตามเข้าไปในน่านน้ำอาณาเขตของเอสโตเนีย เพื่อพวกเขาจะได้มีสิทธิ์กักเรือไว้เรือ ภาพวิดีโอแสดงให้เห็นกองกำลังเอสโตเนียออกคำสั่งให้เรือเปลี่ยนเส้นทาง โดยมีเฮลิคอปเตอร์ AgustaWestland AW139 เครื่องบิน M28 Skytruck และเรือตรวจการณ์ EML Raju (P6732) ของกองทัพเรือเอสโตเนียเข้าใกล้เรือเพื่อบังคับกดดัน มีรายงานเพิ่มเติมว่ากองกำลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของเอสโตเนียประกอบด้วย: 🔻เรือลาดตระเวน "Rayu"; 🔻เรือลาดตระเวน "Kurvits"; 🔻เฮลิคอปเตอร์ขึ้นบก; 🔻เครื่องบิน PZL M28; 🔻และสิ่งที่คาดไม่ถึงคือ เครื่องบิน MiG-29 ของกองทัพอากาศโปแลนด์ได้เข้าไปเกี่ยวข้องในเหตุการณ์นี้ด้วย! ขณะเดียวกัน กองทัพอากาศรัสเซียได้ส่งเครื่องบิน SU-35S เข้ามาเพื่อสนับสนุนเรือบรรทุกน้ำมันลำดังกล่าว ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นการละเมิดน่านฟ้าของเอสโตเนีย แต่ก็ส่งผลให้ความพยายามสกัดกั้นเรือล้มเหลวไปในที่สุด
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 520 Views 0 Reviews
  • การพัฒนาควอนตัมคอมพิพิวติ้ง (Quantum Computing) เป็นหนึ่งในความท้าทายทางเทคโนโลยีที่สำคัญของโลกในปัจจุบัน และสภาพอากาศที่หนาวเย็นอาจมีบทบาทในการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีนี้ เนื่องจาก:

    ### 1. **ความต้องการสภาพแวดล้อมที่เย็นจัด**
    - ควอนตัมคอมพิวเตอร์บางประเภท โดยเฉพาะ **ซูเปอร์คอนดักติ้งควอนตัมบิต (Superconducting Qubits)** จำเป็นต้องทำงานที่อุณหภูมิใกล้ศูนย์สัมบูรณ์ (−273.15°C หรือ 0 เคลวิน) เพื่อลดสัญญาณรบกวนทางความร้อน (Thermal Noise) ที่อาจรบกวนสถานะควอนตัม (Quantum State) ของคิวบิต
    - ประเทศที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นโดยธรรมชาติอาจช่วยลดต้นทุนและความซับซ้อนของระบบทำความเย็น (Cryogenic Systems) ที่ใช้ในห้องปฏิบัติการ

    ### 2. **ประเทศที่มีศักยภาพจากสภาพอากาศหนาวเย็น**
    - **แคนาดา, รัสเซีย, สแกนดิเนเวีย (นอร์เวย์, สวีเดน, ฟินแลนด์), ไอซ์แลนด์** และบางส่วนของ **สหรัฐอเมริกา (อลาสกา)** มีภูมิอากาศที่หนาวเย็น ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อการทดลองควอนตัมบางประเภท
    - ตัวอย่างเช่น:
    - **แคนาดา** มีบริษัทและสถาบันวิจัยชั้นนำด้านควอนตัม เช่น **D-Wave Systems** (บริษัทแรกของโลกที่ขายควอนตัมคอมพิวเตอร์เชิงพาณิชย์) และ **University of Waterloo** ซึ่งเป็นศูนย์กลางของ **Quantum Valley**
    - **สวีเดนและฟินแลนด์** มีโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ที่แข็งแกร่งและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการวิจัย

    ### 3. **แต่...สภาพอากาศหนาวไม่ใช่ปัจจัยหลัก**
    - เทคโนโลยีควอนตัมคอมพิวติ้งยังต้องพึ่งพา **ระบบทำความเย็นขั้นสูง** (เช่น Dilution Refrigerators) อยู่ดี แม้ในประเทศที่หนาวเย็น ดังนั้น ข้อได้เปรียบทางภูมิอากาศอาจมีจำกัด
    - ปัจจัยที่สำคัญกว่าคือ:
    - **การลงทุนในวิจัยและพัฒนา** (เช่น จีน, สหรัฐอเมริกา, สหภาพยุโรป)
    - **ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและอุตสาหกรรม**
    - **โครงสร้างพื้นฐานด้านวิศวกรรมและวัสดุศาสตร์**

    ### 4. **ประเทศที่นำด้านควอนตัมคอมพิวติ้งในปัจจุบัน**
    - **สหรัฐอเมริกา** (Google, IBM, Microsoft)
    - **จีน** (ความก้าวหน้าด้วยควอนตัมคอมพิวเตอร์เช่น **Jiuzhang** และ **Zuchongzhi**)
    - **สหภาพยุโรป** (โปรแกรม Quantum Flagship)
    - **แคนาดา** (D-Wave, Xanadu)
    - **ออสเตรเลีย** (Silicon Quantum Computing)

    ### สรุป
    แม้สภาพอากาศหนาวเย็นอาจช่วยในบางแง่มุม (เช่น ลดพลังงานในการทำความเย็น) แต่ความสำเร็จของควอนตัมคอมพิวติ้งขึ้นอยู่กับ **ความสามารถทางวิศวกรรม, การลงทุน, และการพัฒนาอัลกอริธึมควอนตัม** มากกว่า ประเทศที่มีอากาศหนาวอาจได้เปรียบในบางกรณี แต่ไม่ใช่ปัจจัยชี้ขาดที่ทำให้ควอนตัมคอมพิวติ้งประสบความสำเร็จในระดับโลก
    การพัฒนาควอนตัมคอมพิพิวติ้ง (Quantum Computing) เป็นหนึ่งในความท้าทายทางเทคโนโลยีที่สำคัญของโลกในปัจจุบัน และสภาพอากาศที่หนาวเย็นอาจมีบทบาทในการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีนี้ เนื่องจาก: ### 1. **ความต้องการสภาพแวดล้อมที่เย็นจัด** - ควอนตัมคอมพิวเตอร์บางประเภท โดยเฉพาะ **ซูเปอร์คอนดักติ้งควอนตัมบิต (Superconducting Qubits)** จำเป็นต้องทำงานที่อุณหภูมิใกล้ศูนย์สัมบูรณ์ (−273.15°C หรือ 0 เคลวิน) เพื่อลดสัญญาณรบกวนทางความร้อน (Thermal Noise) ที่อาจรบกวนสถานะควอนตัม (Quantum State) ของคิวบิต - ประเทศที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นโดยธรรมชาติอาจช่วยลดต้นทุนและความซับซ้อนของระบบทำความเย็น (Cryogenic Systems) ที่ใช้ในห้องปฏิบัติการ ### 2. **ประเทศที่มีศักยภาพจากสภาพอากาศหนาวเย็น** - **แคนาดา, รัสเซีย, สแกนดิเนเวีย (นอร์เวย์, สวีเดน, ฟินแลนด์), ไอซ์แลนด์** และบางส่วนของ **สหรัฐอเมริกา (อลาสกา)** มีภูมิอากาศที่หนาวเย็น ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อการทดลองควอนตัมบางประเภท - ตัวอย่างเช่น: - **แคนาดา** มีบริษัทและสถาบันวิจัยชั้นนำด้านควอนตัม เช่น **D-Wave Systems** (บริษัทแรกของโลกที่ขายควอนตัมคอมพิวเตอร์เชิงพาณิชย์) และ **University of Waterloo** ซึ่งเป็นศูนย์กลางของ **Quantum Valley** - **สวีเดนและฟินแลนด์** มีโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ที่แข็งแกร่งและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการวิจัย ### 3. **แต่...สภาพอากาศหนาวไม่ใช่ปัจจัยหลัก** - เทคโนโลยีควอนตัมคอมพิวติ้งยังต้องพึ่งพา **ระบบทำความเย็นขั้นสูง** (เช่น Dilution Refrigerators) อยู่ดี แม้ในประเทศที่หนาวเย็น ดังนั้น ข้อได้เปรียบทางภูมิอากาศอาจมีจำกัด - ปัจจัยที่สำคัญกว่าคือ: - **การลงทุนในวิจัยและพัฒนา** (เช่น จีน, สหรัฐอเมริกา, สหภาพยุโรป) - **ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและอุตสาหกรรม** - **โครงสร้างพื้นฐานด้านวิศวกรรมและวัสดุศาสตร์** ### 4. **ประเทศที่นำด้านควอนตัมคอมพิวติ้งในปัจจุบัน** - **สหรัฐอเมริกา** (Google, IBM, Microsoft) - **จีน** (ความก้าวหน้าด้วยควอนตัมคอมพิวเตอร์เช่น **Jiuzhang** และ **Zuchongzhi**) - **สหภาพยุโรป** (โปรแกรม Quantum Flagship) - **แคนาดา** (D-Wave, Xanadu) - **ออสเตรเลีย** (Silicon Quantum Computing) ### สรุป แม้สภาพอากาศหนาวเย็นอาจช่วยในบางแง่มุม (เช่น ลดพลังงานในการทำความเย็น) แต่ความสำเร็จของควอนตัมคอมพิวติ้งขึ้นอยู่กับ **ความสามารถทางวิศวกรรม, การลงทุน, และการพัฒนาอัลกอริธึมควอนตัม** มากกว่า ประเทศที่มีอากาศหนาวอาจได้เปรียบในบางกรณี แต่ไม่ใช่ปัจจัยชี้ขาดที่ทำให้ควอนตัมคอมพิวติ้งประสบความสำเร็จในระดับโลก
    0 Comments 0 Shares 560 Views 0 Reviews
  • อลันด์ วัย 20 ปี ลูกชายของนักการเมืองฟินแลนด์อาสาไปรบในยูเครนได้ 4 เดือนก็ถูกสังหารเสียชีวิต แม้ว่าครอบครัวของเขาจะคัดค้านอย่างหนักก็ตาม

    จากรายงานของสำนักข่าวในฟินแลนด์ "Yle" อลันต้องประจำการในกองทัพยูเครนตามสัญญาผูกมัดเป็นเวลา 6 เดือน

    ที่ผ่านมากระทรวงต่างประเทศฟินแลนด์เตือนประชาชนมาตลอดว่าใครก็ตามที่ดึงดันที่ทำสัญญา เป็นไปไม่ได้เลยที่จะยกเลิกมัน

    แต่อลันด์กลับดื้อรั้น และเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าหลังจากเขาทำสัญญา กองทัพยูเครนจะยึดหนังสือเดินทางของเขาและจำกัดการใช้โทรศัพท์ของเขา

    หลังจากผ่านไปเพียงสี่เดือน เมื่อวันที่ 13 เมษายน ที่ผ่านมา บิดาของอลันด์ได้รับแจ้งว่าเขาเสียชีวิตแล้ว

    สื่อฟินแลนด์ยังรายงานข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า ตามรายงานของกระทรวงต่างประเทศฟินแลนด์ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีชาวฟินแลนด์ราว 10 คนที่ต้องเผชิญชะตากรรมอันน่าสลดใจจากการสู้รบในยูเครน
    อลันด์ วัย 20 ปี ลูกชายของนักการเมืองฟินแลนด์อาสาไปรบในยูเครนได้ 4 เดือนก็ถูกสังหารเสียชีวิต แม้ว่าครอบครัวของเขาจะคัดค้านอย่างหนักก็ตาม จากรายงานของสำนักข่าวในฟินแลนด์ "Yle" อลันต้องประจำการในกองทัพยูเครนตามสัญญาผูกมัดเป็นเวลา 6 เดือน ที่ผ่านมากระทรวงต่างประเทศฟินแลนด์เตือนประชาชนมาตลอดว่าใครก็ตามที่ดึงดันที่ทำสัญญา เป็นไปไม่ได้เลยที่จะยกเลิกมัน แต่อลันด์กลับดื้อรั้น และเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าหลังจากเขาทำสัญญา กองทัพยูเครนจะยึดหนังสือเดินทางของเขาและจำกัดการใช้โทรศัพท์ของเขา หลังจากผ่านไปเพียงสี่เดือน เมื่อวันที่ 13 เมษายน ที่ผ่านมา บิดาของอลันด์ได้รับแจ้งว่าเขาเสียชีวิตแล้ว สื่อฟินแลนด์ยังรายงานข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า ตามรายงานของกระทรวงต่างประเทศฟินแลนด์ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีชาวฟินแลนด์ราว 10 คนที่ต้องเผชิญชะตากรรมอันน่าสลดใจจากการสู้รบในยูเครน
    0 Comments 0 Shares 408 Views 0 Reviews
  • Windscribe ได้รับชัยชนะในคดีความเกี่ยวกับ VPN แบบไม่บันทึกข้อมูล (No-Log VPN) ในประเทศกรีซ หลังจากที่ Yegor Sak ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของบริษัทถูกตั้งข้อหา "การเข้าถึงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยผิดกฎหมาย" เนื่องจากมีผู้ใช้ที่ไม่เปิดเผยตัวตนใช้เซิร์ฟเวอร์ของ Windscribe ในฟินแลนด์เพื่อโจมตีเว็บไซต์ในกรีซ

    ศาลในกรุงเอเธนส์ตัดสินให้ ยกฟ้องคดี เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2025 เนื่องจากไม่มีหลักฐานที่แสดงว่า Windscribe หรือ Sak มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด

    Sak ระบุว่าคดีนี้เป็นตัวอย่างที่น่ากังวลเกี่ยวกับ ความรับผิดชอบของผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านความเป็นส่วนตัว โดยหากคำตัดสินนี้ถูกยกเลิก อาจทำให้เจ้าของเซิร์ฟเวอร์ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของผู้ใช้ที่ไม่เปิดเผยตัวตน

    การตั้งข้อหาและการพิจารณาคดี
    - Yegor Sak ถูกตั้งข้อหา "การเข้าถึงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยผิดกฎหมาย"
    - ผู้ใช้ที่ไม่เปิดเผยตัวตนใช้เซิร์ฟเวอร์ของ Windscribe ในฟินแลนด์เพื่อโจมตีเว็บไซต์ในกรีซ
    - ศาลในกรุงเอเธนส์ตัดสินให้ ยกฟ้องคดี เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2025

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม VPN
    - คดีนี้เป็นชัยชนะสำหรับ VPN แบบไม่บันทึกข้อมูล (No-Log VPN)
    - Windscribe ยืนยันว่า ไม่มีบันทึกข้อมูลผู้ใช้ จึงไม่สามารถให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ได้

    ตัวอย่างจากบริษัทอื่น
    - Mullvad เคยพิสูจน์ความถูกต้องของนโยบาย No-Log หลังจากถูกตำรวจบุกค้นในปี 2023
    - Private Internet Access (PIA) เคยพิสูจน์นโยบาย No-Log ในศาลถึงสองครั้ง

    บทบาทของ VPN ในความเป็นส่วนตัวออนไลน์
    - VPN ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ท่องเว็บโดยไม่เปิดเผยตัวตน
    - นักวิจัยในสหภาพยุโรปมองว่า VPN เป็น "ความท้าทายสำคัญ" ต่อการบังคับใช้กฎหมาย

    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/case-dismissed-windscribe-wins-landmark-no-log-vpn-lawsuit-in-greece
    Windscribe ได้รับชัยชนะในคดีความเกี่ยวกับ VPN แบบไม่บันทึกข้อมูล (No-Log VPN) ในประเทศกรีซ หลังจากที่ Yegor Sak ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของบริษัทถูกตั้งข้อหา "การเข้าถึงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยผิดกฎหมาย" เนื่องจากมีผู้ใช้ที่ไม่เปิดเผยตัวตนใช้เซิร์ฟเวอร์ของ Windscribe ในฟินแลนด์เพื่อโจมตีเว็บไซต์ในกรีซ ศาลในกรุงเอเธนส์ตัดสินให้ ยกฟ้องคดี เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2025 เนื่องจากไม่มีหลักฐานที่แสดงว่า Windscribe หรือ Sak มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด Sak ระบุว่าคดีนี้เป็นตัวอย่างที่น่ากังวลเกี่ยวกับ ความรับผิดชอบของผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านความเป็นส่วนตัว โดยหากคำตัดสินนี้ถูกยกเลิก อาจทำให้เจ้าของเซิร์ฟเวอร์ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของผู้ใช้ที่ไม่เปิดเผยตัวตน ✅ การตั้งข้อหาและการพิจารณาคดี - Yegor Sak ถูกตั้งข้อหา "การเข้าถึงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยผิดกฎหมาย" - ผู้ใช้ที่ไม่เปิดเผยตัวตนใช้เซิร์ฟเวอร์ของ Windscribe ในฟินแลนด์เพื่อโจมตีเว็บไซต์ในกรีซ - ศาลในกรุงเอเธนส์ตัดสินให้ ยกฟ้องคดี เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2025 ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม VPN - คดีนี้เป็นชัยชนะสำหรับ VPN แบบไม่บันทึกข้อมูล (No-Log VPN) - Windscribe ยืนยันว่า ไม่มีบันทึกข้อมูลผู้ใช้ จึงไม่สามารถให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ได้ ✅ ตัวอย่างจากบริษัทอื่น - Mullvad เคยพิสูจน์ความถูกต้องของนโยบาย No-Log หลังจากถูกตำรวจบุกค้นในปี 2023 - Private Internet Access (PIA) เคยพิสูจน์นโยบาย No-Log ในศาลถึงสองครั้ง ✅ บทบาทของ VPN ในความเป็นส่วนตัวออนไลน์ - VPN ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ท่องเว็บโดยไม่เปิดเผยตัวตน - นักวิจัยในสหภาพยุโรปมองว่า VPN เป็น "ความท้าทายสำคัญ" ต่อการบังคับใช้กฎหมาย https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/case-dismissed-windscribe-wins-landmark-no-log-vpn-lawsuit-in-greece
    WWW.TECHRADAR.COM
    Case dismissed – Windscribe wins landmark no-log VPN lawsuit in Greece
    Windscribe's Co-Founder and CEO was charged in June 2023 on behalf of an anonymous user
    0 Comments 0 Shares 338 Views 0 Reviews
  • ประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ สตับบ์ (Alexander Stubb) ประธานาธิบดีฟินแลนด์ แนะเซเลนสกีว่า ถึงเวลาอาจต้องยอมสูญเสียดินแดน เพื่อรับประกันความอยู่รอดของยูเครน และเพื่อต่อรองกับการแลกการสนับสนุนทางทหารจากยุโรป

    สตับบ์ได้ยกตัวอย่างประวัติศาสตร์อันแสนเศร้าของฟินแลนด์ เขาเท้าความซึ่งเข้าร่วมนาซีเยอรมนี รุกรานสหภาพโซเวียตในปี 1941 เพื่อทวงคืนดินแดนที่พวกเขาสูญเสียไปในช่วงสงครามฤดูหนาวก่อนหน้านั้น แต่ผลลัพธ์ไม่เป็นดังหวัง พวกเขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้สงครามอีกครั้ง ทำให้ฟินแลนด์ต้องเผชิญกับข้อจำกัดด้านการทหารต่างๆนานา และต้องวางตัวเป็นกลางระหว่างสงครามเย็น จนกระทั่งเพิ่งเข้าเป็นสมาชิกนาโตในปี 2023

    สตับบ์ พยายามชี้ให้เห็นว่า เงื่อนไขของข้อตกลงหยุดยังที่ได้จากรัสเซีย นับว่าดีกว่าฟินแลนด์มาก โดยกล่าวว่า "ถ้าเราได้อย่างน้อยๆ 2 ใน 3 สำหรับยูเครน ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เยี่ยมแล้ว"
    ประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ สตับบ์ (Alexander Stubb) ประธานาธิบดีฟินแลนด์ แนะเซเลนสกีว่า ถึงเวลาอาจต้องยอมสูญเสียดินแดน เพื่อรับประกันความอยู่รอดของยูเครน และเพื่อต่อรองกับการแลกการสนับสนุนทางทหารจากยุโรป สตับบ์ได้ยกตัวอย่างประวัติศาสตร์อันแสนเศร้าของฟินแลนด์ เขาเท้าความซึ่งเข้าร่วมนาซีเยอรมนี รุกรานสหภาพโซเวียตในปี 1941 เพื่อทวงคืนดินแดนที่พวกเขาสูญเสียไปในช่วงสงครามฤดูหนาวก่อนหน้านั้น แต่ผลลัพธ์ไม่เป็นดังหวัง พวกเขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้สงครามอีกครั้ง ทำให้ฟินแลนด์ต้องเผชิญกับข้อจำกัดด้านการทหารต่างๆนานา และต้องวางตัวเป็นกลางระหว่างสงครามเย็น จนกระทั่งเพิ่งเข้าเป็นสมาชิกนาโตในปี 2023 สตับบ์ พยายามชี้ให้เห็นว่า เงื่อนไขของข้อตกลงหยุดยังที่ได้จากรัสเซีย นับว่าดีกว่าฟินแลนด์มาก โดยกล่าวว่า "ถ้าเราได้อย่างน้อยๆ 2 ใน 3 สำหรับยูเครน ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เยี่ยมแล้ว"
    0 Comments 0 Shares 561 Views 0 Reviews
  • การดูแสงเหนือ (Aurora Borealis) ที่แถบ สแกนดิเนเวีย (โดยเฉพาะ นอร์เวย์,สวีเดน, และ ฟินแลนด์) ควรไปในช่วง:

    เดือนกันยายน - มีนาคม
    โดยเฉพาะช่วง พฤศจิกายน - กุมภาพันธ์ ที่จะมีโอกาสเห็นแสงเหนือได้ชัดเจนที่สุด เพราะ...

    กลางคืนยาวนาน (มืดเร็วและนาน)
    ท้องฟ้าเปิดมากกว่า
    ความมืดของฤดูหนาวทำให้เห็นแสงเหนือชัดเจนขึ้น

    จุดแนะนำ:
    - นอร์เวย์: Tromsø, Alta
    - สวีเดน: Abisko (ที่นี่ได้ชื่อว่าเห็นแสงเหนือได้บ่อยที่สุดแห่งหนึ่ง)
    - ฟินแลนด์: Rovaniemi, Ivalo

    #แสงเหนือ #Aurora #สแกนดิเนเวีย #เที่ยวฟินแลนด์ #เที่ยวนอร์เวย์ #เที่ยวสวีเดน #ล่าแสงเหนือ #ดูแสงเหนือ

    ดูทัวร์สแกนดิเนเวียทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/c15f96

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395
    การดูแสงเหนือ (Aurora Borealis) ที่แถบ สแกนดิเนเวีย (โดยเฉพาะ นอร์เวย์,สวีเดน, และ ฟินแลนด์) ควรไปในช่วง: 🗓️ เดือนกันยายน - มีนาคม โดยเฉพาะช่วง พฤศจิกายน - กุมภาพันธ์ ที่จะมีโอกาสเห็นแสงเหนือได้ชัดเจนที่สุด เพราะ... ✨ กลางคืนยาวนาน (มืดเร็วและนาน) ☁️ ท้องฟ้าเปิดมากกว่า 🌌 ความมืดของฤดูหนาวทำให้เห็นแสงเหนือชัดเจนขึ้น 📍จุดแนะนำ: - นอร์เวย์: Tromsø, Alta - สวีเดน: Abisko (ที่นี่ได้ชื่อว่าเห็นแสงเหนือได้บ่อยที่สุดแห่งหนึ่ง) - ฟินแลนด์: Rovaniemi, Ivalo #แสงเหนือ #Aurora #สแกนดิเนเวีย #เที่ยวฟินแลนด์ #เที่ยวนอร์เวย์ #เที่ยวสวีเดน #ล่าแสงเหนือ #ดูแสงเหนือ ดูทัวร์สแกนดิเนเวียทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/c15f96 LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395
    0 Comments 0 Shares 712 Views 0 Reviews
More Results