• เก็บตกภาพประทับใจ งานกฐิน30,000วัด ธุดงคสถานชลบุรี

    ผลงานเป็นของทุกท่าน ผลบุญเป็นของทุกคน

    กราบอนุโมทนาบุญกับพระอาจารย์ ท่านเจ้าภาพมหาเศรษฐี ราชินีที่ดิน ทะนุบำรุงพระพุทธศาสนา อาสาสมัคร เจ้าหน้าที่ทุกท่านด้วยนะครับ

    #ตัวแทนพลังบุญ
    #ที่ปรึกษาประกันชีวิตและประกันวินาศภัย
    #ประกันชีวิตควบการลงทุน
    #ที่ปรึกษาการลงทุน
    #ประสบการณ์ด้านการประกันกว่า20ปี
    #ThaiTimes
    เก็บตกภาพประทับใจ งานกฐิน30,000วัด ธุดงคสถานชลบุรี ผลงานเป็นของทุกท่าน ผลบุญเป็นของทุกคน กราบอนุโมทนาบุญกับพระอาจารย์ ท่านเจ้าภาพมหาเศรษฐี ราชินีที่ดิน ทะนุบำรุงพระพุทธศาสนา อาสาสมัคร เจ้าหน้าที่ทุกท่านด้วยนะครับ #ตัวแทนพลังบุญ #ที่ปรึกษาประกันชีวิตและประกันวินาศภัย #ประกันชีวิตควบการลงทุน #ที่ปรึกษาการลงทุน #ประสบการณ์ด้านการประกันกว่า20ปี #ThaiTimes
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ปีนเสาเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา
    #แดรกหมูกระทะมื้อเย็นได้
    #เถียงได้ทุกดอกด้วยปัญญาอันอ่อนด้อย
    #ไม่เว้นปีนเกรียวแม้กระทั่งพระพยอม
    #จำเค้ามาถามกลางโหนกระแสอยู่นั่นแหละธรรมะคืออะไร
    พี่คิงส์ขอบตอบให้เป็นตัวแทนคนไทยทั้งชาติเลยนะ
    ธรรมะนั่นคือ สิ่งที่เมิงไม่มี
    ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ปีนเสาเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา #แดรกหมูกระทะมื้อเย็นได้ #เถียงได้ทุกดอกด้วยปัญญาอันอ่อนด้อย #ไม่เว้นปีนเกรียวแม้กระทั่งพระพยอม #จำเค้ามาถามกลางโหนกระแสอยู่นั่นแหละธรรมะคืออะไร พี่คิงส์ขอบตอบให้เป็นตัวแทนคนไทยทั้งชาติเลยนะ ธรรมะนั่นคือ สิ่งที่เมิงไม่มี ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    Love
    Yay
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 377 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ในวันเทโวโรหนะ #พระพุทธเจ้า #พุทธศาสนา #วันเทโวโรหนะ #นิทาน #นิทานธรรมะ #sightseeingaroundus935
    พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ในวันเทโวโรหนะ #พระพุทธเจ้า #พุทธศาสนา #วันเทโวโรหนะ #นิทาน #นิทานธรรมะ #sightseeingaroundus935
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 46 0 รีวิว
  • ในมุมมองพุทธศาสนา การตัดสินว่าสิ่งใดดีหรือไม่ดี มักเกิดจากการปรุงแต่งทางใจที่สร้างเกณฑ์และมาตรฐานขึ้นมา ซึ่งแต่ละคนอาจมีความพอใจ ความพึงพอใจ และความชอบที่แตกต่างกัน ไม่มีมาตรฐานเดียวที่จะใช้วัดความดีงามหรือความสุขอย่างเป็นสากลได้จริง ๆ ความคิด ความรู้สึก หรือความพอใจเหล่านี้มีผลต่อการกระทำ พูด หรือคิด ซึ่งจะส่งผลต่อวิถีชีวิตและอนาคตของตนในระดับต่างๆ ตามกรรมที่สะสม

    พุทธศาสนาเน้นให้เข้าใจว่าการทำลายต้นเหตุของทุกข์ คือหนทางสู่ความสุขที่แท้จริง โดยถือว่าความสงบจากการไม่ยึดติด ไม่เบียดเบียนกัน และไม่ผูกพันกับสิ่งที่ปรุงแต่งต่าง ๆ คือบรมสุข การตัดสินความดีความชั่วในทางพุทธ จึงไม่ได้วัดจากมาตรฐานของสังคมใด ๆ แต่พิจารณาจากเจตนาที่เกื้อกูลหรือเบียดเบียน และการลดละกิเลสเพื่อความสงบสุขของตนเอง
    ในมุมมองพุทธศาสนา การตัดสินว่าสิ่งใดดีหรือไม่ดี มักเกิดจากการปรุงแต่งทางใจที่สร้างเกณฑ์และมาตรฐานขึ้นมา ซึ่งแต่ละคนอาจมีความพอใจ ความพึงพอใจ และความชอบที่แตกต่างกัน ไม่มีมาตรฐานเดียวที่จะใช้วัดความดีงามหรือความสุขอย่างเป็นสากลได้จริง ๆ ความคิด ความรู้สึก หรือความพอใจเหล่านี้มีผลต่อการกระทำ พูด หรือคิด ซึ่งจะส่งผลต่อวิถีชีวิตและอนาคตของตนในระดับต่างๆ ตามกรรมที่สะสม พุทธศาสนาเน้นให้เข้าใจว่าการทำลายต้นเหตุของทุกข์ คือหนทางสู่ความสุขที่แท้จริง โดยถือว่าความสงบจากการไม่ยึดติด ไม่เบียดเบียนกัน และไม่ผูกพันกับสิ่งที่ปรุงแต่งต่าง ๆ คือบรมสุข การตัดสินความดีความชั่วในทางพุทธ จึงไม่ได้วัดจากมาตรฐานของสังคมใด ๆ แต่พิจารณาจากเจตนาที่เกื้อกูลหรือเบียดเบียน และการลดละกิเลสเพื่อความสงบสุขของตนเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
  • แรงศรัทธาล้นหลาม ยอดกฐินสูงลิ่วถึง 108,355,519.60 บาทในงานมหากฐินล้านกอง ล้านดวงใจ ล้านความดี เพื่อพระพุทธศาสนา ปีที่ 6 ณ วัดพุทธพรหมยานประจำปี 2567

    https://youtu.be/lBvxiIE65S0
    แรงศรัทธาล้นหลาม ยอดกฐินสูงลิ่วถึง 108,355,519.60 บาทในงานมหากฐินล้านกอง ล้านดวงใจ ล้านความดี เพื่อพระพุทธศาสนา ปีที่ 6 ณ วัดพุทธพรหมยานประจำปี 2567 https://youtu.be/lBvxiIE65S0
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
  • การปล่อยวางในแบบที่แท้จริงตามพุทธศาสนา ไม่ใช่แค่การนึกเอาหรือทำให้ตัวเองรู้สึกเบาลงชั่วคราว แต่เป็นการฝึกจิตให้เกิดความเข้าใจในธรรมชาติของความไม่เที่ยง ความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องที่เกิดขึ้นในกายและจิต เมื่อเราสังเกตลมหายใจ อารมณ์ ความคิด หรือความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ จนเห็นว่าทุกอย่างไม่คงที่ ไม่ใช่ตัวตนที่ถาวร การปล่อยวางที่แท้จริงจึงเกิดขึ้นจากการเจริญสติรู้ชัดในกายใจ ไม่ใช่จากการแกล้งทำให้รู้สึกดีชั่วคราวด้วยความคิด

    การฝึกจิตในทางนี้ คือการค่อยๆ เจริญสติอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งจิตเกิดความเข้าใจในความไม่เที่ยงจนถึงจุดที่สามารถปล่อยวางได้จริง ไม่ใช่ปล่อยวางชั่วคราวแล้วกลับไปหนักอกอีกครั้งเมื่อเจอปัญหาใหม่ แต่เป็นการปล่อยวางแบบถาวรที่เกิดจากการเห็นความจริงในกายใจโดยไม่ยึดติดในสิ่งใด
    การปล่อยวางในแบบที่แท้จริงตามพุทธศาสนา ไม่ใช่แค่การนึกเอาหรือทำให้ตัวเองรู้สึกเบาลงชั่วคราว แต่เป็นการฝึกจิตให้เกิดความเข้าใจในธรรมชาติของความไม่เที่ยง ความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องที่เกิดขึ้นในกายและจิต เมื่อเราสังเกตลมหายใจ อารมณ์ ความคิด หรือความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ จนเห็นว่าทุกอย่างไม่คงที่ ไม่ใช่ตัวตนที่ถาวร การปล่อยวางที่แท้จริงจึงเกิดขึ้นจากการเจริญสติรู้ชัดในกายใจ ไม่ใช่จากการแกล้งทำให้รู้สึกดีชั่วคราวด้วยความคิด การฝึกจิตในทางนี้ คือการค่อยๆ เจริญสติอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งจิตเกิดความเข้าใจในความไม่เที่ยงจนถึงจุดที่สามารถปล่อยวางได้จริง ไม่ใช่ปล่อยวางชั่วคราวแล้วกลับไปหนักอกอีกครั้งเมื่อเจอปัญหาใหม่ แต่เป็นการปล่อยวางแบบถาวรที่เกิดจากการเห็นความจริงในกายใจโดยไม่ยึดติดในสิ่งใด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • จะไปด่าเทพ เทวดา นาค ยักษ์ คนธรรพ์ ไปทำไหมละ เพราะเขาเหล่าต่างเคยเป็นมนุษย์และทำบุญในพระพุทธศาสนามาก่อนเราอีก เขามาอยู่วัดเฝ้าวัดก็เขาตั้งจิตอธิษฐานขอสร้างต่อในพระพุทธศาสนานั้นเอง
    .
    จะไปด่าเทพ เทวดา นาค ยักษ์ คนธรรพ์ ไปทำไหมละ เพราะเขาเหล่าต่างเคยเป็นมนุษย์และทำบุญในพระพุทธศาสนามาก่อนเราอีก เขามาอยู่วัดเฝ้าวัดก็เขาตั้งจิตอธิษฐานขอสร้างต่อในพระพุทธศาสนานั้นเอง .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมตตาธรรมหมายถึงอะไร
    เมตตาธรรมในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถรวาท หมายถึงการแผ่และการเจริญความรักด้วยจิตเสมอ กันใน สัตว์ทั้งหลายในที่ทั้งปวง มีวิธีแสดงออก ๓ ประการ ๑) การแผ่และเจริญความรักทางกาย ๒) การแผ่ และการเจริญความรักทางวาจา ๓) การแผ่และการเจริญความรักทางใจ พระพุทธเจ้าทรงย้ําให้มนุษย์เรา นั้นมีความรักต่อสัตว์ ทั้งหลายให้เราเห็นทุกชีวิตมีคํา
    เมตตาธรรมหมายถึงอะไร เมตตาธรรมในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถรวาท หมายถึงการแผ่และการเจริญความรักด้วยจิตเสมอ กันใน สัตว์ทั้งหลายในที่ทั้งปวง มีวิธีแสดงออก ๓ ประการ ๑) การแผ่และเจริญความรักทางกาย ๒) การแผ่ และการเจริญความรักทางวาจา ๓) การแผ่และการเจริญความรักทางใจ พระพุทธเจ้าทรงย้ําให้มนุษย์เรา นั้นมีความรักต่อสัตว์ ทั้งหลายให้เราเห็นทุกชีวิตมีคํา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิหารทาน คือการทำบุญถวายหรือร่วมสร้างเสนาสนะต่างๆ ถวายไว้เป็นสมบัติพระพุทธศาสนา เช่น การสร้างพระอุโบสถ (โบสถ์) วิหาร เจดีย์ กุฏิ ศาลา วิหาร หอฉัน หอระฆัง ห้องน้ำ เป็นต้น
    วิหารทาน คือการทำบุญถวายหรือร่วมสร้างเสนาสนะต่างๆ ถวายไว้เป็นสมบัติพระพุทธศาสนา เช่น การสร้างพระอุโบสถ (โบสถ์) วิหาร เจดีย์ กุฏิ ศาลา วิหาร หอฉัน หอระฆัง ห้องน้ำ เป็นต้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • การปกป้องพุทธศาสนาที่ดี คือสงเสริมกันทำดีต่อพุทธศาสนา ส่งเสริมกิจกรรมทางพุทธศาสนา ส่งเสริมการสวดมนต์ ปฏิบัติและถือศิล และทำนุบำรุงพุทธศาสนา
    .
    การปกป้องพุทธศาสนาที่ดี คือสงเสริมกันทำดีต่อพุทธศาสนา ส่งเสริมกิจกรรมทางพุทธศาสนา ส่งเสริมการสวดมนต์ ปฏิบัติและถือศิล และทำนุบำรุงพุทธศาสนา .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว
  • การให้ทาน รักษาศีล และการเจริญสติ เป็นแนวทางพัฒนาตนเองตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา ซึ่งแต่ละแนวทางมีคุณค่าและความหมายเฉพาะตัวที่สนับสนุนซึ่งกันและกัน และเมื่อปฏิบัติควบคู่กัน ก็จะช่วยส่งเสริมให้จิตใจเป็นสุข สมดุล และเข้าถึงความสงบอย่างแท้จริง

    1. การให้ทาน เป็นการฝึกจิตใจให้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การให้ไม่เพียงทำให้เกิดความสุขในปัจจุบัน แต่ยังสะสมเป็นพื้นฐานแห่งความมั่งคั่งในอนาคต หากเรามีใจที่เอื้อเฟื้อ ไม่หวังสิ่งตอบแทน ก็ย่อมมีความสุขใจ น้ำใจที่ขยายออกทำให้เรารู้สึกเบิกบาน ซึ่งเป็นคุณค่าแท้ของการให้

    2. การรักษาศีล ช่วยให้จิตใจสะอาดบริสุทธิ์ หากเพียงให้ทานแต่ไม่รักษาศีล ก็เหมือนการสร้างความดีแต่ไม่มีเกราะป้องกันตัวเอง การรักษาศีลจะช่วยให้เรามีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ป้องกันจากการกระทำผิด ซึ่งเป็นหนทางของความมั่นคงทางใจและเป็นเสาหลักในการเติบโตทางจิตวิญญาณ

    3. การเจริญสติ เป็นวิถีที่ช่วยให้เรามองเห็นความจริงของชีวิต การเจริญสติไม่ได้เป็นเพียงการฝึกสมาธิ แต่เป็นการสังเกตและเข้าใจว่า ทุกสิ่งไม่เที่ยง และไม่มีสิ่งใดเป็นตัวตนถาวร การที่เรามีทานและศีลเป็นพื้นฐาน ทำให้จิตใจสะอาดและพร้อมเปิดกว้างต่อการเจริญสติ การเห็นความจริงในความไม่เที่ยงนี้จะช่วยให้เราปลดปล่อยจากทุกข์ได้อย่างแท้จริง

    สรุปได้ว่า ทาน ศีล และภาวนา คือการเสริมซึ่งกันและกัน ให้เกิดความสมดุลของจิตใจและเข้าถึงความสุขที่ไม่ขึ้นกับปัจจัยภายนอก

    การให้ทาน รักษาศีล และการเจริญสติ เป็นแนวทางพัฒนาตนเองตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา ซึ่งแต่ละแนวทางมีคุณค่าและความหมายเฉพาะตัวที่สนับสนุนซึ่งกันและกัน และเมื่อปฏิบัติควบคู่กัน ก็จะช่วยส่งเสริมให้จิตใจเป็นสุข สมดุล และเข้าถึงความสงบอย่างแท้จริง 1. การให้ทาน เป็นการฝึกจิตใจให้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การให้ไม่เพียงทำให้เกิดความสุขในปัจจุบัน แต่ยังสะสมเป็นพื้นฐานแห่งความมั่งคั่งในอนาคต หากเรามีใจที่เอื้อเฟื้อ ไม่หวังสิ่งตอบแทน ก็ย่อมมีความสุขใจ น้ำใจที่ขยายออกทำให้เรารู้สึกเบิกบาน ซึ่งเป็นคุณค่าแท้ของการให้ 2. การรักษาศีล ช่วยให้จิตใจสะอาดบริสุทธิ์ หากเพียงให้ทานแต่ไม่รักษาศีล ก็เหมือนการสร้างความดีแต่ไม่มีเกราะป้องกันตัวเอง การรักษาศีลจะช่วยให้เรามีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ป้องกันจากการกระทำผิด ซึ่งเป็นหนทางของความมั่นคงทางใจและเป็นเสาหลักในการเติบโตทางจิตวิญญาณ 3. การเจริญสติ เป็นวิถีที่ช่วยให้เรามองเห็นความจริงของชีวิต การเจริญสติไม่ได้เป็นเพียงการฝึกสมาธิ แต่เป็นการสังเกตและเข้าใจว่า ทุกสิ่งไม่เที่ยง และไม่มีสิ่งใดเป็นตัวตนถาวร การที่เรามีทานและศีลเป็นพื้นฐาน ทำให้จิตใจสะอาดและพร้อมเปิดกว้างต่อการเจริญสติ การเห็นความจริงในความไม่เที่ยงนี้จะช่วยให้เราปลดปล่อยจากทุกข์ได้อย่างแท้จริง สรุปได้ว่า ทาน ศีล และภาวนา คือการเสริมซึ่งกันและกัน ให้เกิดความสมดุลของจิตใจและเข้าถึงความสุขที่ไม่ขึ้นกับปัจจัยภายนอก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • ⚜️ #อดีตชาติหลวงพ่อฤาษี 13 ชาติ..⚜️

    🔱#ที่เกิดตั้งแต่สมัยโยนกนคร #จนถึงรัตนโกสินทร์🔱

    ลงมาเกิดเพื่อรวมไทยให้เป็นปึกแผ่น และเพื่อช่วยเหลือคนไทย และช่วยให้พระพุทธศาสนามีอายุครบ 5000 ปี

    ✴️ #วาระที่ 1 เกิดเป็นพระเจ้ามังราย รัชกาลที่ 2 แห่งโยนกนคร เป็นลูกชายพระเจ้าอชุตราช ในชาตินั้นท่านเป็นผู้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่ดอยตุง โดยการนำมาของพระมหากัสสปะพร้อมด้วยพระอรหันต์ 500 องค์

    ✴️ #วาระที่ 2 เกิดสมัยโยนก เป็นเณรน้อยอายุ 7 ปีทรงฌานสมาบัติ แต่ได้ถูกขอมดำกระทำย่ำยี เวลานั้นขอมดำมายึดเมืองโยนกนครได้แล้ว แล้วทำการกดขี่ข่มเหงรังแกคนไทย
    เณรจึงเข้าฌานสมาบัติ ตั้งจิตอธิษฐานว่า เกิดคราวหน้าขอให้ได้เกิดมาเป็นคนไทย และได้ช่วยคนไทยทุกแง่ทุกมุม
    มิไม่ใช่เฉพาะการรบ การเศรษฐกิจ การปกครอง แม้แต่การรบทุกอย่างให้ครบถ้วน ให้คนไทยพ้นจากความเป็นทาส "พอตั้งจิตอธิษฐานก็ไม่ถอนจากฌานสมาบัติ ก็นั่งทรงฌานอย่างนั้นจนตาย แล้วไปเกิดเป็นพรหม ชั้นที่ 11

    ✴️ #การเกิดครั้งที่3 หลังจากตายจากเณรน้อย ไปเป็นพรหมชั้นที่11ได้เพียง1ปีเศษ ก็ลงมาเกิดเป็น "พระเจ้าพรหม มหาราช" เป็นโอรสของพระเจ้าพังคราช รัชกาลที่ 37 ในสมัยโยนกนคร มีพี่ชายชื่อทุกภิขะ( บริเวณพระธาตุจอมกิตติ ดอยตุง เป็นเขตเมืองโยนกนคร) เกิดพร้อมสหชาติที่เป็นพรหม เทวดา ลงมาเกิดพร้อมกัน 250 คน ทั้ง 250 คน เกิดเป็นผู้ชายทั้งหมด พรหมอีกองค์นึงเกิดเป็นช้างประกายแก้ว ช้างคู่บารมีพระเจ้าพรหม ลงมาเกิดเพื่อกู้ชาติให้พ้นความเป็นทาสจากขอมดำ และทำสำเร็จด้วย ทุกวันนี้วันอาสาฬหบูชาที่วัดท่าซุงก็มีการแห่ชัยชนะพระเจ้าพรหมทุกๆปี

    ✴️ #การเกิดในวาระที่4 หลังจากที่ตายจากการเป็นพระเจ้าพรหมสมัยโยนก แล้วเข้าฌาณตาย กลับไปเป็นพรหม เวลาผ่านไปอีก 800 ปีลงมาเกิดเป็นพระร่วงโรจนฤทธิ์ ตอนเด็กมีนามว่าอรุณกุมาร เป็นผู้ที่มีฤทธิ์มาก มีวิชาอาคม มีวาจาสิทธิ์ สามารถเสกขอมให้เป็นหินได้ และขยายอาณาเขตของประเทศไทย (ตอนนั้นยังไม่เป็นเทศไทย )กว้างใหญ่ไพศาล ยึดมอญ พม่าขอมไว้ได้หมด อาณาจักรยาวเหยียด เวลานั้นคือก่อนเมืองสุโขทัย 700 ปีเศษ ก่อนหน้าพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ 700ประมาณปีเศษ

    ✴️ #วาระที่5 เกิดเป็น"พ่อขุนศรีเมืองมาน"( เป็นพ่อของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ แห่งอณาจักรสุโขทัย) ตายจากพระร่วงโรจนฤทธิ์ก็เข้าฌานตาย กลับไปเป็นพรหมเช่นเดิม กลับมาเกิดวาระที่5 เป็นพ่อขุนศรีเมืองมาน มีสหชาติเกิดมาด้วยคือ พ่อขุนน้าวนําถมลงมาช่วยกู้ชาติไทยจากขอมดำ ขยายอาณาเขตประเทศไทยไปถึงสิงคโปร์ มีภรรยาชื่อพรรณวดีศรีโสภาศ เป็นเมียเอก และมีเมียราษฏร์อีก 29 คน พอเมียเอกตาย ก็บวชไม่สึกอีกเลย เข้าฌานตายแล้วไปเกิดเป็นพรหมตามเดิม

    ✴️ #วาระที่6 "ขุนหลวงพระงั่ว" รัชกาลที่ 3 แห่งกรุงศรีอยุธยา ต่อมาคนไทยเกิดแบ่งเป็น 2 พวก จึงต้องลงมาเกิดเพื่อรวมไทยให้เป็น1เดียว ลงมาเกิดในราชวงศ์อู่ทอง เป็น"ขุนหลวงพระงั่ว" มาปลุกจิตสำนึกคนไทยให้รู้จักบาปบุญคุณโทษ จึงนิมนต์พระสงฆ์มาร่าง"ไตรภูมิพระร่วง
    ไตรภูมิพระร่วง พระร่วงไม่ได้ทำ
    ท่านเป็นเพียงแต่ศาสนูปถัมภ์
    ไตรภูมิพระร่วง เป็นการร่วมมือกันระหว่างสุโขทัยและกรุงศรี
    และยังได้ร่วมกันสร้างพระพุทธชินราชพระพุทธชินสีห์ และพระศรีศากยมุนีขึ้นมาเป็นมิ่งขวัญของเมืองไทย เป็นการแสดงสัญลักษณ์ว่าประเทศไทยจะทรงตัวได้ด้วยเหตุ 3 อย่างด้วยกัน
    คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
    พระพุทธชินราช หมายถึง พระมหากษัตริย์ พระพุทธชินสีห์ หมายถึง พระศาสนา พระศากยมุนี หมายถึง ชาติ
    การสร้างครั้งนี้ก็เป็นหน้าที่ของท้าวโกสีย์สักกะเทวราชให้พระวิษณุกรรมมาช่วย ขุนหลวงพระงั่วได้มารวมสุโขทัยกับอยุธยาเป็นประเทศเดียวกัน

    ✴️ #เกิดวาระที่7 ต่อมาลงมาเกิดในสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงศรีฯ ครั้งนี้เป็นลูกชาวบ้าน แต่เป็นลูกมหาเศรษฐี มีแม่ชื่อปิ่นทอง พ่อชื่อกองแก้ว ท่านเองเป็นลูกชายชื่ออำไพ ลงมาช่วยคน ให้เงินให้ทอง ให้ที่ทำกิน ช่วยการเกษตร ช่วยทุกสิ่งทุกอย่าง ให้การศึกษา จนคนไทยเป็นปึกแผ่นแน่นหนาพอ ประชาชนมีความสุข และท่านก็ตายไปเกิดเป็นพรหมตามเดิม

    ✴️ #วาระที่ 8 เกิดมาในตระกูลของแม่ทัพสมเด็จพระพันวสา คือสมเด็จพระอินทราธิราช มีนามว่า "ขุนไกร" (#ขุนแผน) เป็นอันว่าชาตินี้ขุนแผนต้องรวบรวมไทยอาศัยที่มีวิชาการมาก เป็นนักรบเก่ง
    ล่องหนหายตัวได้ สะเดาะกลอนได้
    ทำหุ่นพยนต์ได้ ทำอะไรได้แปลกๆ
    การยกทัพไปก็ไม่ต้องใช้กำลังคนมาก
    ก็สามารถจะสู้ข้าศึกได้

    ✴️ #วาระที่ 9 เกิดมาเป็นลูกกษัตริย์ มีนามว่าพระบรมไตรโลกนาถ เมื่อพระบรมไตรโลกนาสวรรนคตก็ไปเป็นพรหมตามเดิมไม่ช้าไม่นานก็ต้องเสด็จลงมาเกิดอีก

    ✴️ #วาระที่10 เกิดสมัยพระนารายณ์ ท่านลงมาเกิดเป็น"ขุนเหล็ก"
    หรือพระยาโกษาเหล็ก เกิดควบคู่กับสมเด็จพระนารายณ์มหาราช รุ่นราวคราวเดียวกัน เป็นเพื่อนเล่นกัน ขุนเหล็กมีน้องชายชื่อว่าขุนปาน หรือพระยาโกษาปาน ทั้งสองพระองค์ เป็นที่ไว้วางใจของสมเด็จพระนารายณ์มาก
    #บั้นปลายชีวิตลากิจราชการไปจำศีลเจริญภาวนาวิปัสสนาญาณ ให้ทาน ตายจากเจ้าพระยาโกษาเหล็ก ก็เข้าฌานกลับไปเป็นพรหมตามเดิม
    (#ท่านไม่ได้ตายตามประวัติศาสตร์เขียนไว้หรอกนะ)

    ✴️ #วาระที่11 ลงมาเกิดมาเป็นขุนดาบคู่ใจของพระเจ้าตากสินมหาราช คือพระยาศรีสิทธิสงคราม อยู่ในกองทัพหลวงประจำองค์พระเจ้าตากสินมหาราชสมัยกรุงธนบุรี ก่อนกรุงศรีจะแตก เป็นกำนันจัน ชื่อว่า #จันหนวดเขี้ยว เป็นที่รักของประชาชน ต่อมาค่ายบางระจันแตก
    ✴️ #นายจันหนวดเขี้ยวไม่ได้ตายไปตามประวัติศาสตร์ที่เขียน
    นายจันหนวดเขี้ยวจึงมารวมกำลังกับพระเจ้าตากสินกู้ชาติ ต่อมาพระเจ้าตากสินจึงเปลี่ยนชื่อให้จากกำนันจัน มาเป็นพระยาศรีสิทธิสงคราม ประจำกองทัพหลวง (ด้วง- นายจันหนวดเขี้ยว- พระยาศรีสิทธิสงคราม -เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก-และ #สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก

    ✴️ #วาระที่12 มาเกิดเป็น รัชกาลที่ 5 แห่ง กรุงรัตนโกสินทร์

    ✴️ #วาระที่13 ชาติสุดท้ายเกิดมาเป็น
    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง

    🖋️📚หนังสือเรื่องจริงอิงนิทานพิเศษ
    ⚜️พระราชพรหมยานเถระ (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)​⚜️
    🖋️📚คัดลอกแบ่งปันเป็นธรรมทานโดย
    🧘จิตหนึ่งประภัสสร สุดยอดคือพระนิพพาน
    ⚜️ #อดีตชาติหลวงพ่อฤาษี 13 ชาติ..⚜️ 🔱#ที่เกิดตั้งแต่สมัยโยนกนคร #จนถึงรัตนโกสินทร์🔱 ลงมาเกิดเพื่อรวมไทยให้เป็นปึกแผ่น และเพื่อช่วยเหลือคนไทย และช่วยให้พระพุทธศาสนามีอายุครบ 5000 ปี ✴️ #วาระที่ 1 เกิดเป็นพระเจ้ามังราย รัชกาลที่ 2 แห่งโยนกนคร เป็นลูกชายพระเจ้าอชุตราช ในชาตินั้นท่านเป็นผู้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่ดอยตุง โดยการนำมาของพระมหากัสสปะพร้อมด้วยพระอรหันต์ 500 องค์ ✴️ #วาระที่ 2 เกิดสมัยโยนก เป็นเณรน้อยอายุ 7 ปีทรงฌานสมาบัติ แต่ได้ถูกขอมดำกระทำย่ำยี เวลานั้นขอมดำมายึดเมืองโยนกนครได้แล้ว แล้วทำการกดขี่ข่มเหงรังแกคนไทย เณรจึงเข้าฌานสมาบัติ ตั้งจิตอธิษฐานว่า เกิดคราวหน้าขอให้ได้เกิดมาเป็นคนไทย และได้ช่วยคนไทยทุกแง่ทุกมุม มิไม่ใช่เฉพาะการรบ การเศรษฐกิจ การปกครอง แม้แต่การรบทุกอย่างให้ครบถ้วน ให้คนไทยพ้นจากความเป็นทาส "พอตั้งจิตอธิษฐานก็ไม่ถอนจากฌานสมาบัติ ก็นั่งทรงฌานอย่างนั้นจนตาย แล้วไปเกิดเป็นพรหม ชั้นที่ 11 ✴️ #การเกิดครั้งที่3 หลังจากตายจากเณรน้อย ไปเป็นพรหมชั้นที่11ได้เพียง1ปีเศษ ก็ลงมาเกิดเป็น "พระเจ้าพรหม มหาราช" เป็นโอรสของพระเจ้าพังคราช รัชกาลที่ 37 ในสมัยโยนกนคร มีพี่ชายชื่อทุกภิขะ( บริเวณพระธาตุจอมกิตติ ดอยตุง เป็นเขตเมืองโยนกนคร) เกิดพร้อมสหชาติที่เป็นพรหม เทวดา ลงมาเกิดพร้อมกัน 250 คน ทั้ง 250 คน เกิดเป็นผู้ชายทั้งหมด พรหมอีกองค์นึงเกิดเป็นช้างประกายแก้ว ช้างคู่บารมีพระเจ้าพรหม ลงมาเกิดเพื่อกู้ชาติให้พ้นความเป็นทาสจากขอมดำ และทำสำเร็จด้วย ทุกวันนี้วันอาสาฬหบูชาที่วัดท่าซุงก็มีการแห่ชัยชนะพระเจ้าพรหมทุกๆปี ✴️ #การเกิดในวาระที่4 หลังจากที่ตายจากการเป็นพระเจ้าพรหมสมัยโยนก แล้วเข้าฌาณตาย กลับไปเป็นพรหม เวลาผ่านไปอีก 800 ปีลงมาเกิดเป็นพระร่วงโรจนฤทธิ์ ตอนเด็กมีนามว่าอรุณกุมาร เป็นผู้ที่มีฤทธิ์มาก มีวิชาอาคม มีวาจาสิทธิ์ สามารถเสกขอมให้เป็นหินได้ และขยายอาณาเขตของประเทศไทย (ตอนนั้นยังไม่เป็นเทศไทย )กว้างใหญ่ไพศาล ยึดมอญ พม่าขอมไว้ได้หมด อาณาจักรยาวเหยียด เวลานั้นคือก่อนเมืองสุโขทัย 700 ปีเศษ ก่อนหน้าพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ 700ประมาณปีเศษ ✴️ #วาระที่5 เกิดเป็น"พ่อขุนศรีเมืองมาน"( เป็นพ่อของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ แห่งอณาจักรสุโขทัย) ตายจากพระร่วงโรจนฤทธิ์ก็เข้าฌานตาย กลับไปเป็นพรหมเช่นเดิม กลับมาเกิดวาระที่5 เป็นพ่อขุนศรีเมืองมาน มีสหชาติเกิดมาด้วยคือ พ่อขุนน้าวนําถมลงมาช่วยกู้ชาติไทยจากขอมดำ ขยายอาณาเขตประเทศไทยไปถึงสิงคโปร์ มีภรรยาชื่อพรรณวดีศรีโสภาศ เป็นเมียเอก และมีเมียราษฏร์อีก 29 คน พอเมียเอกตาย ก็บวชไม่สึกอีกเลย เข้าฌานตายแล้วไปเกิดเป็นพรหมตามเดิม ✴️ #วาระที่6 "ขุนหลวงพระงั่ว" รัชกาลที่ 3 แห่งกรุงศรีอยุธยา ต่อมาคนไทยเกิดแบ่งเป็น 2 พวก จึงต้องลงมาเกิดเพื่อรวมไทยให้เป็น1เดียว ลงมาเกิดในราชวงศ์อู่ทอง เป็น"ขุนหลวงพระงั่ว" มาปลุกจิตสำนึกคนไทยให้รู้จักบาปบุญคุณโทษ จึงนิมนต์พระสงฆ์มาร่าง"ไตรภูมิพระร่วง ไตรภูมิพระร่วง พระร่วงไม่ได้ทำ ท่านเป็นเพียงแต่ศาสนูปถัมภ์ ไตรภูมิพระร่วง เป็นการร่วมมือกันระหว่างสุโขทัยและกรุงศรี และยังได้ร่วมกันสร้างพระพุทธชินราชพระพุทธชินสีห์ และพระศรีศากยมุนีขึ้นมาเป็นมิ่งขวัญของเมืองไทย เป็นการแสดงสัญลักษณ์ว่าประเทศไทยจะทรงตัวได้ด้วยเหตุ 3 อย่างด้วยกัน คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พระพุทธชินราช หมายถึง พระมหากษัตริย์ พระพุทธชินสีห์ หมายถึง พระศาสนา พระศากยมุนี หมายถึง ชาติ การสร้างครั้งนี้ก็เป็นหน้าที่ของท้าวโกสีย์สักกะเทวราชให้พระวิษณุกรรมมาช่วย ขุนหลวงพระงั่วได้มารวมสุโขทัยกับอยุธยาเป็นประเทศเดียวกัน ✴️ #เกิดวาระที่7 ต่อมาลงมาเกิดในสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงศรีฯ ครั้งนี้เป็นลูกชาวบ้าน แต่เป็นลูกมหาเศรษฐี มีแม่ชื่อปิ่นทอง พ่อชื่อกองแก้ว ท่านเองเป็นลูกชายชื่ออำไพ ลงมาช่วยคน ให้เงินให้ทอง ให้ที่ทำกิน ช่วยการเกษตร ช่วยทุกสิ่งทุกอย่าง ให้การศึกษา จนคนไทยเป็นปึกแผ่นแน่นหนาพอ ประชาชนมีความสุข และท่านก็ตายไปเกิดเป็นพรหมตามเดิม ✴️ #วาระที่ 8 เกิดมาในตระกูลของแม่ทัพสมเด็จพระพันวสา คือสมเด็จพระอินทราธิราช มีนามว่า "ขุนไกร" (#ขุนแผน) เป็นอันว่าชาตินี้ขุนแผนต้องรวบรวมไทยอาศัยที่มีวิชาการมาก เป็นนักรบเก่ง ล่องหนหายตัวได้ สะเดาะกลอนได้ ทำหุ่นพยนต์ได้ ทำอะไรได้แปลกๆ การยกทัพไปก็ไม่ต้องใช้กำลังคนมาก ก็สามารถจะสู้ข้าศึกได้ ✴️ #วาระที่ 9 เกิดมาเป็นลูกกษัตริย์ มีนามว่าพระบรมไตรโลกนาถ เมื่อพระบรมไตรโลกนาสวรรนคตก็ไปเป็นพรหมตามเดิมไม่ช้าไม่นานก็ต้องเสด็จลงมาเกิดอีก ✴️ #วาระที่10 เกิดสมัยพระนารายณ์ ท่านลงมาเกิดเป็น"ขุนเหล็ก" หรือพระยาโกษาเหล็ก เกิดควบคู่กับสมเด็จพระนารายณ์มหาราช รุ่นราวคราวเดียวกัน เป็นเพื่อนเล่นกัน ขุนเหล็กมีน้องชายชื่อว่าขุนปาน หรือพระยาโกษาปาน ทั้งสองพระองค์ เป็นที่ไว้วางใจของสมเด็จพระนารายณ์มาก #บั้นปลายชีวิตลากิจราชการไปจำศีลเจริญภาวนาวิปัสสนาญาณ ให้ทาน ตายจากเจ้าพระยาโกษาเหล็ก ก็เข้าฌานกลับไปเป็นพรหมตามเดิม (#ท่านไม่ได้ตายตามประวัติศาสตร์เขียนไว้หรอกนะ) ✴️ #วาระที่11 ลงมาเกิดมาเป็นขุนดาบคู่ใจของพระเจ้าตากสินมหาราช คือพระยาศรีสิทธิสงคราม อยู่ในกองทัพหลวงประจำองค์พระเจ้าตากสินมหาราชสมัยกรุงธนบุรี ก่อนกรุงศรีจะแตก เป็นกำนันจัน ชื่อว่า #จันหนวดเขี้ยว เป็นที่รักของประชาชน ต่อมาค่ายบางระจันแตก ✴️ #นายจันหนวดเขี้ยวไม่ได้ตายไปตามประวัติศาสตร์ที่เขียน นายจันหนวดเขี้ยวจึงมารวมกำลังกับพระเจ้าตากสินกู้ชาติ ต่อมาพระเจ้าตากสินจึงเปลี่ยนชื่อให้จากกำนันจัน มาเป็นพระยาศรีสิทธิสงคราม ประจำกองทัพหลวง (ด้วง- นายจันหนวดเขี้ยว- พระยาศรีสิทธิสงคราม -เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก-และ #สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ✴️ #วาระที่12 มาเกิดเป็น รัชกาลที่ 5 แห่ง กรุงรัตนโกสินทร์ ✴️ #วาระที่13 ชาติสุดท้ายเกิดมาเป็น หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง 🖋️📚หนังสือเรื่องจริงอิงนิทานพิเศษ ⚜️พระราชพรหมยานเถระ (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)​⚜️ 🖋️📚คัดลอกแบ่งปันเป็นธรรมทานโดย 🧘จิตหนึ่งประภัสสร สุดยอดคือพระนิพพาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 54 มุมมอง 0 รีวิว
  • วัดเทพพิทักษ์ ปุณณาราม อีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่โดดเด่น ริมถนนมิตรภาพช่วงกลางดงโคราช สำหรับคนที่มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาต้องหาโอกาศเดินขึ้นไปกราบ(หลวงพ่อขาว)ส้กครั้ง หรือคู่หนุ่มสาวที่ต้องการพิสูตรรักแท้ ก็ต้องมาเดินขึ้นบันไดที่มีความชันหลายร้อยขั้นไปด้วยกัน แต่ถ้าหากท่านใดไม่สะดวกที่จะขึ้นไป ก็สามารถกราบสการะข้างล่างได้ครับ
    #เที่ยวไทย#เที่ยววันธรรมดา#THAITIMES
    วัดเทพพิทักษ์ ปุณณาราม อีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่โดดเด่น ริมถนนมิตรภาพช่วงกลางดงโคราช สำหรับคนที่มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาต้องหาโอกาศเดินขึ้นไปกราบ(หลวงพ่อขาว)ส้กครั้ง หรือคู่หนุ่มสาวที่ต้องการพิสูตรรักแท้ ก็ต้องมาเดินขึ้นบันไดที่มีความชันหลายร้อยขั้นไปด้วยกัน แต่ถ้าหากท่านใดไม่สะดวกที่จะขึ้นไป ก็สามารถกราบสการะข้างล่างได้ครับ #เที่ยวไทย#เที่ยววันธรรมดา#THAITIMES
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 290 มุมมอง 108 1 รีวิว
  • ท่านก็นับถือว่ากฐินเป็นใหญ่ (บางคนก็พยายามทำลายพุทธศาสนา พูดไปทางลบ)

    กฐิน (บาลี: กฐิน) เป็นศัพท์ในพระวินัยปิฎกเถรวาท เป็นชื่อเรียกผ้าไตรจีวรที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ภิกษุผู้อยู่จำพรรษาครบ 3 เดือนแล้ว สามารถรับมานุ่งห่มได้ โดยคำว่าการทอดกฐินหรือการกรานกฐิน จัดเป็นสังฆกรรมประเภทหนึ่งตามพระวินัยบัญญัติเถรวาทที่มีกำหนดเวลา คือพระสงฆ์สามารถกระทำสังฆกรรมนี้ได้นับแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ไป
    ท่านก็นับถือว่ากฐินเป็นใหญ่ (บางคนก็พยายามทำลายพุทธศาสนา พูดไปทางลบ) กฐิน (บาลี: กฐิน) เป็นศัพท์ในพระวินัยปิฎกเถรวาท เป็นชื่อเรียกผ้าไตรจีวรที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ภิกษุผู้อยู่จำพรรษาครบ 3 เดือนแล้ว สามารถรับมานุ่งห่มได้ โดยคำว่าการทอดกฐินหรือการกรานกฐิน จัดเป็นสังฆกรรมประเภทหนึ่งตามพระวินัยบัญญัติเถรวาทที่มีกำหนดเวลา คือพระสงฆ์สามารถกระทำสังฆกรรมนี้ได้นับแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • จนก็แค่มีน้อย.
    จิตเราไม่จนมีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ก็เร่งรีบปฏิบัติ สร้างบุญ ใครจะมองจะหัวเราะช่างเขา บุญที่เราสร้างนั้นยิ่งใหญ่มากในจิตของเรา
    จนก็แค่มีน้อย. จิตเราไม่จนมีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ก็เร่งรีบปฏิบัติ สร้างบุญ ใครจะมองจะหัวเราะช่างเขา บุญที่เราสร้างนั้นยิ่งใหญ่มากในจิตของเรา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • การผ่านพ้นช่วงชีวิตที่เหมือนหล่นลงสู่จุดต่ำสุด บ่อยครั้งเราเผชิญเหตุการณ์ที่เหมือนทั้งโลกต่อต้าน ทำให้เกิดความรู้สึกอึดอัด สับสน และหาทางออกไม่เจอ แนวทางหนึ่งที่มักจะใช้ในการระบายออกคือการหาคนผิดมาลงโทษ แต่ในทางพระพุทธศาสนา สอนให้เรายอมรับว่าความทุกข์ที่เกิดขึ้นเป็นผลจากกรรมที่สะสมมา คนอื่นๆ เป็นเพียง "แรงกระทบ" ที่ทำให้เราสะดุ้งหรือรู้สึกเจ็บปวด

    ธรรมะในใจเป็นแสงสว่างที่ช่วยให้เรารับรู้ว่า ความเศร้า ความโกรธ และความมืดมน ล้วนชั่วคราว แม้ทุกอย่างดูเหมือนมืดมน แต่หากมีสติอยู่เสมอ จะทำให้เราไม่หลุดจากเส้นทางธรรม จนในที่สุดก็จะพบทางออกของปัญหาที่เคยมองไม่เห็น เพราะสติเป็นสิ่งสูงค่า ช่วยให้เรารับรู้ว่าเรายังสามารถสร้างจิตใจที่ประกอบด้วยความสงบและไม่พ่ายแพ้ต่อความโง่เขลา

    ในยามทุกข์ จึงควรหันหาสติ เพื่อเตือนตัวเองว่า ทุกข์นั้นเกิดขึ้นได้แต่ไม่คงทน และที่สำคัญคือ ความมืดมิดนี้เป็นแค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น เมื่อมีธรรมะคอยประคับประคอง เราจะค่อยๆ พบทางออกจากความทุกข์นี้ได้ในที่สุด
    การผ่านพ้นช่วงชีวิตที่เหมือนหล่นลงสู่จุดต่ำสุด บ่อยครั้งเราเผชิญเหตุการณ์ที่เหมือนทั้งโลกต่อต้าน ทำให้เกิดความรู้สึกอึดอัด สับสน และหาทางออกไม่เจอ แนวทางหนึ่งที่มักจะใช้ในการระบายออกคือการหาคนผิดมาลงโทษ แต่ในทางพระพุทธศาสนา สอนให้เรายอมรับว่าความทุกข์ที่เกิดขึ้นเป็นผลจากกรรมที่สะสมมา คนอื่นๆ เป็นเพียง "แรงกระทบ" ที่ทำให้เราสะดุ้งหรือรู้สึกเจ็บปวด ธรรมะในใจเป็นแสงสว่างที่ช่วยให้เรารับรู้ว่า ความเศร้า ความโกรธ และความมืดมน ล้วนชั่วคราว แม้ทุกอย่างดูเหมือนมืดมน แต่หากมีสติอยู่เสมอ จะทำให้เราไม่หลุดจากเส้นทางธรรม จนในที่สุดก็จะพบทางออกของปัญหาที่เคยมองไม่เห็น เพราะสติเป็นสิ่งสูงค่า ช่วยให้เรารับรู้ว่าเรายังสามารถสร้างจิตใจที่ประกอบด้วยความสงบและไม่พ่ายแพ้ต่อความโง่เขลา ในยามทุกข์ จึงควรหันหาสติ เพื่อเตือนตัวเองว่า ทุกข์นั้นเกิดขึ้นได้แต่ไม่คงทน และที่สำคัญคือ ความมืดมิดนี้เป็นแค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น เมื่อมีธรรมะคอยประคับประคอง เราจะค่อยๆ พบทางออกจากความทุกข์นี้ได้ในที่สุด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศรัทธาในบุญ ในพุทธศาสนา ก็ได้ตามนั้น
    ศรัทธาในบุญ ในพุทธศาสนา ก็ได้ตามนั้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทนี้แสดงถึงการมอง "ความทุกข์ทางใจ" ในแง่พุทธศาสนา ซึ่งมองว่า มนุษย์ล้วนมีอาการป่วยทางจิตจากการยึดติดในสิ่งที่ไม่เที่ยง ไม่สามารถคงอยู่ในสภาพเดิมได้ แต่เรากลับไม่เห็นความจริงนี้อย่างแจ่มชัด จึงตกอยู่ในความทุกข์ที่เกิดจากความเข้าใจผิด หรือที่เรียกว่า "อุปาทาน" ซึ่งเป็นความยึดมั่นในสิ่งที่คิดว่าเป็นตนเองหรือเป็นของเรา

    การรักษา "อาการป่วยทางใจ" นี้ ไม่ใช่แค่การหลีกหนีความทุกข์ชั่วคราว แต่คือการเปลี่ยนแปลงจิตใจอย่างถาวร ด้วยการปฏิบัติธรรมให้จิตสงบ ไม่ยึดติดอยู่กับทุกข์หรือความสุข เมื่อเราฝึกใจให้สว่าง มีสติ และตั้งมั่นในความดี ก็จะไม่ถูกครอบงำด้วยอารมณ์เชิงลบ และเห็นความไม่เที่ยงแท้ของทุกสิ่งในชีวิต

    จิตที่สว่างและมั่นคง จะนำมาซึ่งกรรมดี พาชีวิตไปสู่ทางที่ประเสริฐกว่า ขณะที่การปฏิบัติธรรมทุกวันก็เปรียบเสมือนการทำความสะอาดจิตให้ชุ่มชื่นและสงบอยู่เสมอ เมื่อเราฝึกฝนไปเรื่อยๆ วันหนึ่งจิตจะเปิดรับและเข้าใจธรรมะอย่างแท้จริง

    การเข้าถึงความจริงว่า "ทุกสิ่งไม่ใช่ตัวเรา ไม่เที่ยงแท้" เป็นรากของการดับทุกข์ทางใจอย่างสิ้นเชิง ซึ่งหากจิตใจถึงระดับนั้น ทุกข์ทางใจจะหายไปหมดสิ้น เรียกได้ว่าเป็นการ "หายป่วยทางใจ" อย่างแท้จริงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

    บทนี้แสดงถึงการมอง "ความทุกข์ทางใจ" ในแง่พุทธศาสนา ซึ่งมองว่า มนุษย์ล้วนมีอาการป่วยทางจิตจากการยึดติดในสิ่งที่ไม่เที่ยง ไม่สามารถคงอยู่ในสภาพเดิมได้ แต่เรากลับไม่เห็นความจริงนี้อย่างแจ่มชัด จึงตกอยู่ในความทุกข์ที่เกิดจากความเข้าใจผิด หรือที่เรียกว่า "อุปาทาน" ซึ่งเป็นความยึดมั่นในสิ่งที่คิดว่าเป็นตนเองหรือเป็นของเรา การรักษา "อาการป่วยทางใจ" นี้ ไม่ใช่แค่การหลีกหนีความทุกข์ชั่วคราว แต่คือการเปลี่ยนแปลงจิตใจอย่างถาวร ด้วยการปฏิบัติธรรมให้จิตสงบ ไม่ยึดติดอยู่กับทุกข์หรือความสุข เมื่อเราฝึกใจให้สว่าง มีสติ และตั้งมั่นในความดี ก็จะไม่ถูกครอบงำด้วยอารมณ์เชิงลบ และเห็นความไม่เที่ยงแท้ของทุกสิ่งในชีวิต จิตที่สว่างและมั่นคง จะนำมาซึ่งกรรมดี พาชีวิตไปสู่ทางที่ประเสริฐกว่า ขณะที่การปฏิบัติธรรมทุกวันก็เปรียบเสมือนการทำความสะอาดจิตให้ชุ่มชื่นและสงบอยู่เสมอ เมื่อเราฝึกฝนไปเรื่อยๆ วันหนึ่งจิตจะเปิดรับและเข้าใจธรรมะอย่างแท้จริง การเข้าถึงความจริงว่า "ทุกสิ่งไม่ใช่ตัวเรา ไม่เที่ยงแท้" เป็นรากของการดับทุกข์ทางใจอย่างสิ้นเชิง ซึ่งหากจิตใจถึงระดับนั้น ทุกข์ทางใจจะหายไปหมดสิ้น เรียกได้ว่าเป็นการ "หายป่วยทางใจ" อย่างแท้จริงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • ธรรม.... ที่เกิดจากการกระ... ทำ
    ส่วนมวลพลังจะเกิดได้
    ก็ต้องทำ ธรรม จึงจะเกิดเป็นนิจ
    ไม่ทำเป็นนิจ มวลพลัง จะไม่เกิด

    มวลพลังปาฎิหารย์ จะทำให้บรรลุ
    จนรู้จักกฎของธรรมชาติ
    ดูได้ ที่อาจารย์ เบียร์

    #ตอบคำถามได้ทุกคำถาม

    จึงเรียกว่า ผู้บรรลุธรรมชาติ
    เพราะหลักของพุทธศาสนา
    ทุกคำสอน สอนเรื่อง กฎของธรรมชาติ

    ส่วนเรื่อง อภินิหาร หรือมวลพลัง
    มันไม่ จีรังยั่งยืน
    เหมือนพลังของธรรมชาติ

    คลิกลิ้งค์ก่อน ซิ ฟังอาจารย์เบียร์ ตอบคำถามจากคนติดคุก ได้ใจจริง ๆ ไม่เชื่อก็คลิก...
    https://youtu.be/OtsH277wDAE?si=mS7OGVjfa_MrgzJQ
    ธรรม.... ที่เกิดจากการกระ... ทำ ส่วนมวลพลังจะเกิดได้ ก็ต้องทำ ธรรม จึงจะเกิดเป็นนิจ ไม่ทำเป็นนิจ มวลพลัง จะไม่เกิด มวลพลังปาฎิหารย์ จะทำให้บรรลุ จนรู้จักกฎของธรรมชาติ ดูได้ ที่อาจารย์ เบียร์ #ตอบคำถามได้ทุกคำถาม จึงเรียกว่า ผู้บรรลุธรรมชาติ เพราะหลักของพุทธศาสนา ทุกคำสอน สอนเรื่อง กฎของธรรมชาติ ส่วนเรื่อง อภินิหาร หรือมวลพลัง มันไม่ จีรังยั่งยืน เหมือนพลังของธรรมชาติ คลิกลิ้งค์ก่อน ซิ ฟังอาจารย์เบียร์ ตอบคำถามจากคนติดคุก ได้ใจจริง ๆ ไม่เชื่อก็คลิก... https://youtu.be/OtsH277wDAE?si=mS7OGVjfa_MrgzJQ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผลงานชิ้นเอก ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตฺโต)

    เป็นหนังสือเกี่ยวกับพุทธศาสนา ที่ดีที่สุดในยุคแผ่นดินรัชกาลที่ ๙

    เป็นหนังสือที่เป็นแรงบันดาลใจ ให้พระไพศาล วิสาโล บวชไม่คิดสึก

    ‘พุทธธรรม’ ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์. (พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต)) คือ หนังสือที่พระไพศาลยกย่อง ถึงขั้นที่ว่าถ้ามีหนังสือเพียงเล่มเดียวที่สามารถติดตัวไปได้ในชีวิต ‘พุทธธรรม’ คือ เล่มที่ท่านเลือก...

    “หนังสือเล่มนี้อาตมาอ่านจบช่วงเข้าพรรษาสมัยที่เป็นฆราวาส เมื่อ พ.ศ. 2525 ตั้งใจว่าอ่านให้ได้วันละ 10 หน้า ก็อ่านได้ทุกวัน พรรษาหนึ่งประมาณ 90 กว่าวัน หนังสือมีความหนาประมาณพันกว่าหน้า อ่านตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายก็พอดี เป็นการฝึกความเพียรและวินัยด้วย บางทีเราเดินทางไปต่างจังหวัดก่อนหน้านั้นวันหนึ่งจะต้องอ่านเพิ่มอีก 10 หน้าเพื่อชดเชยกับวันที่ต้องเดินทาง”

    นอกจากความเพียรในการอ่านแล้ว ช่วงนั้นพระไพศาลซึ่งเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่เพิ่งจบมหาวิทยาลัยยังได้รับความเมตตาจากพระราชวรมุนี (สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์) อนุญาตให้เข้าพบเป็นประจำทุกเดือน เพื่อสนทนาธรรมสอบถามข้อสงสัยจากหนังสืออีกด้วย

    “อ่านหนังสือแล้วไปถามท่านเราก็ได้ความกระจ่างเยอะ ถือเป็นความโชคดีในฐานะนักอ่าน ยิ่งได้คุยกับท่านยิ่งรู้ว่า ท่านเป็นผู้มีสติปัญญาล้ำเลิศ ถ้าจัดเรตให้ต้องถือว่าเฟิร์สตเรต อัศจรรย์มาก”

    พุทธธรรมเป็นวรรณกรรมพุทธศาสนา ที่ได้รับการยอมรับว่าแสดงหลักธรรมของพระพุทธศาสนาเถรวาทอย่างซื่อตรงต่อพระ ไตรปิฎกเป็นอย่างยิ่ง นำเสนอหลักการและสาระสำคัญของพระพุทธศาสนาอย่างครบถ้วน และเป็นระบบอย่างชัดเจน พิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2514 ต่อมาในปี พ.ศ. 2525 ผู้เขียนได้ปรับปรุงและขยายความเพิ่มขึ้น จนกลายเป็นหนังสือเล่มใหญ่หนาเป็นพันหน้า

    “อ่านไปก็อดทึ่งคนเขียนไม่ได้ว่าทั้งฉลาดทั้งมีความเพียรสูง ค้นข้อมูลมามากทีเดียวกว่าจะเขียนได้อย่างนี้ คือไม่ใช่แค่สรุปความย่อความเหมือนหนังสือบางเล่ม แต่เป็นการเขียนขึ้นมาใหม่ โดยมีพระไตรปิฎก เป็นพื้นฐาน นำเสนอด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ด้วยวิธีคิดของคนสมัยใหม่ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เราจะไม่เจอแบบนี้ในงานเขียนพระพุทธศาสนา บางทีเคยไปเจอหนังสือเกี่ยวกับสาระพระไตรปิฎก เขียนโดยฆราวาสที่เคยบวชพระมาจะเห็นว่าลีลาสไตล์การเขียนแตกต่างกัน บางทีก็แค่ย่อความมาให้เราดู การย่อความก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ท่านเจ้าประคุณทำได้มากกว่านั้น จึงนำมาเสนอใหม่ ด้วยชนิดที่เรียกว่าสามารถจะสื่อสารกับเราด้วยภาษาของเราได้ และพยายามโยงให้เข้าถึงปัญหาสังคมสมัยใหม่โดยใช้มุมมองแบบพุทธ ซึ่งสมควรแล้วที่คนจะพูดว่าเป็นเล่มที่ดีที่สุดในยุครัชกาลที่ 9 และถือว่าเป็นเล่มที่ดีที่สุดเล่มหนึ่งของรัตนโกสินทร์”

    อาตมายกให้หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือดีของชีวิต ประการที่หนึ่งเพราะนำเสนอพุทธธรรมอย่างเป็นระบบและรอบด้านที่สุดภายในเล่มเดียว คือมีหลายท่านพูดถึงพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งแต่พูดเป็นบางแง่ อย่างท่านพุทธทาสก็พูดเป็นบางแง่ เช่น ปฏิจจสมุปบาท อิทัปปัจจยตา แต่เล่มนี้พูดครบทุกแง่อย่างเป็นระบบ ทุกแง่ทุกมุมอยู่ในหนังสือเล่มนี้แล้ว ขอให้ค้นให้เป็น อาตมาเคยพูดนะว่าหนังสือเล่มนี้มี 3 มิติ ทั้งลึก กว้าง ไกล ลึกคือทำให้เราเข้าใจความจริงที่ลึกซึ้งของตัวเอง และทำให้เราเห็นกว้าง เห็นโลกและสังคมได้อย่างกว้าง เล่มนี้จะพูดถึงสังคมสมัยใหม่ไว้พอสมควร ทำให้เราได้เห็นมิติด้านไกล นั่นคือได้เห็นว่าการสอนพุทธศาสนานี้ผ่านการตีความมายังไงบ้าง ประการต่อมาคือใช้ภาษาที่งดงามสละสลวย ภาษาท่านงดงามมาก และสามารถสื่อได้ตรงใจผู้เขียน แม้ว่าเนื้อหาจะลึกซึ้ง คือทุกวันนี้แม้ตัวเองจะอ่านงานท่านเจ้าประคุณมาเยอะ เวลาจะสื่ออะไรบางอย่าง เรารู้สึกว่าเราจนต่อถ้อยคำ ไม่สามารถจะเขียนให้สุดความคิดได้ แต่หนังสือเล่มนี้ท่านเจ้าประคุณสามารถบรรยายให้สุดความคิดได้ อาตมาคิดว่าเป็นแบบอย่างของงานเขียนในทางศาสนาและงานวิชาการได้ คือมีทั้งอรรถและรส อรรถคือเนื้อหา รสคือรสของภาษา”

    ซึ่งพระไพศาลยอมรับว่าได้รับอิทธิพลจากสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต) และท่านพุทธทาส ในการใช้ชีวิตและเขียนหนังสือพอสมควร โดยเฉพาะจากหนังสือพุทธธรรมนั้นมีอิทธิพลต่องานเขียน และการค้นคว้าทางพุทธศาสนาอย่างมาก

    “ถ้ามีเล่มเดียวที่สามารถติดไปได้ในชีวิตก็เล่มนี้แหละ ถึงแม้จะหนักหน่อยก็ตาม อาตมายังรู้สึกเลยนะว่าหนังสือเล่มนี้ทำให้เราภูมิใจที่เป็นคนไทย การที่คุณเป็นคนไทยแล้วได้อ่านหนังสือเล่มนี้ถือว่าโชคดีและคุ้มค่าในการที่ได้เป็นคนไทยแล้ว บางทีเราก็รู้สึกว่าเป็นฝรั่งโชคดีนะ ได้อ่านหนังสือที่ลึกซึ้ง หนังสือเยอะแยะหลากหลาย แต่พุทธธรรมนี่แหละที่ทำให้เราสามารถเป็นที่อิจฉาของฝรั่งได้ เพราะฝรั่งอ่านเล่มนี้ไม่ได้ แต่คนไทยอ่านได้ ฉะนั้นถ้าในแง่ชาวพุทธและในแง่ความเป็นคนไทย หนังสือเล่มนี้จะทำให้เราภูมิใจและรู้สึกโชคดีที่ได้เป็นคนไทย ที่อ่านภาษาไทยออก”

    และถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มีหนังสือพุทธธรรมในครอบครอง แต่ยังไม่เคยเปิดอ่าน พระไพศาลบอกว่าเป็นสิ่งที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง เพราะรสชาติของหนังสือเล่มนี้แตกต่างจากหนังสือทั่ว ๆ ไป

    “อ่านแล้วจะทำให้เกิดความพิศวงและความปีติเมื่อได้พบความจริง”
    นั่นคือพุทธธรรม...

    Save เก็บได้เลย... 1360 หน้า อัพเดทล่าสุด เป็นฉบับปรับขยายครับ อ่านวันละ 10 หน้าแป๊บเดี๋ยวก็จบแล้ว
    https://www.watnyanaves.net/uploads/File/books/pdf/buddhadhamma_extended_edition.pdf?fbclid=IwAR1WFAHlZSqoUQa01X13IvZno7o9FgFuHC450ktPmxfQAxLyUtGOl9ndrSY

    ท่านสามารถดาวโหลดเสียงอ่านหนังสือ
    "พุทธธรรม ฉบับปรับขยาย"
    ของ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต))

    เสียงอ่านโดย..พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล

    ได้ที่ Link เสียงอ่าน พุทธธรรม
    http://bit.ly/1nZnfef

    Link สำหรับพุทธธรรม ๒๓ บท ตามนี้ครับ

    ๐๑. ขันธ์5
    http://bit.ly/1qih1Xj

    ๐๒. อายตนะ ๖
    http://bit.ly/1Xq7tVe

    ๐๓.ไตรลักษณ์
    http://bit.ly/1VhCuNd

    ๐๔. ปฏิจสุปบาท
    http://bit.ly/1SYJnj1

    ๐๕. กรรม
    http://bit.ly/20u0M6t

    ๐๖. นิพพาน
    http://bit.ly/1Q2AZKF

    ๐๗. ประเภทนิพพาน
    http://bit.ly/1qIMFOI

    ๐๘. สมถะ-วิปัสสนา
    http://bit.ly/1UUvg1A

    ๐๙. หลักการสำคัญของการบรรลุนิพพาน
    http://bit.ly/1VLTVUU

    ๑๐. บทสรุปเรื่องนิพพาน
    http://bit.ly/23wfOdI

    ๑๑. บทนำมัชฌิมาปฏิปทา
    http://bit.ly/1S4wT9r

    ๑๒. ปรโตโฆสะที่ดี_กัลยาณมิตร
    http://bit.ly/1S0ftIV

    ๑๓. โยนิโสมนสิการ
    http://bit.ly/1RNTVlX

    ๑๔. ปัญญา
    http://bit.ly/1RNU211

    ๑๕. ศีล
    http://bit.ly/23nRiid

    ๑๖. สมาธิ
    http://bit.ly/1MoRbve

    ๑๗. บทสรุปอริยสัจ
    http://bit.ly/1qihTv3

    ๑๘. โสดาบัน
    http://bit.ly/1MoRfeq

    ๑๙. วินัย
    http://bit.ly/1SYK63G

    ๒๐. ปาฏิหาริย์
    http://bit.ly/1VLUY7z

    ๒๑. ปัญหาแรงจูงใจ
    http://bit.ly/1N3oUKE

    ๒๒. ความสุข ๑ ฉบับแบบแผน
    http://bit.ly/1VLV3rJ

    ๒๓. ความสุข ๒ ฉบับประมวลความ
    http://bit.ly/1SYK9g0

    เครดิต Kanlayanatam
    ผลงานชิ้นเอก ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตฺโต) เป็นหนังสือเกี่ยวกับพุทธศาสนา ที่ดีที่สุดในยุคแผ่นดินรัชกาลที่ ๙ เป็นหนังสือที่เป็นแรงบันดาลใจ ให้พระไพศาล วิสาโล บวชไม่คิดสึก ‘พุทธธรรม’ ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์. (พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต)) คือ หนังสือที่พระไพศาลยกย่อง ถึงขั้นที่ว่าถ้ามีหนังสือเพียงเล่มเดียวที่สามารถติดตัวไปได้ในชีวิต ‘พุทธธรรม’ คือ เล่มที่ท่านเลือก... “หนังสือเล่มนี้อาตมาอ่านจบช่วงเข้าพรรษาสมัยที่เป็นฆราวาส เมื่อ พ.ศ. 2525 ตั้งใจว่าอ่านให้ได้วันละ 10 หน้า ก็อ่านได้ทุกวัน พรรษาหนึ่งประมาณ 90 กว่าวัน หนังสือมีความหนาประมาณพันกว่าหน้า อ่านตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายก็พอดี เป็นการฝึกความเพียรและวินัยด้วย บางทีเราเดินทางไปต่างจังหวัดก่อนหน้านั้นวันหนึ่งจะต้องอ่านเพิ่มอีก 10 หน้าเพื่อชดเชยกับวันที่ต้องเดินทาง” นอกจากความเพียรในการอ่านแล้ว ช่วงนั้นพระไพศาลซึ่งเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่เพิ่งจบมหาวิทยาลัยยังได้รับความเมตตาจากพระราชวรมุนี (สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์) อนุญาตให้เข้าพบเป็นประจำทุกเดือน เพื่อสนทนาธรรมสอบถามข้อสงสัยจากหนังสืออีกด้วย “อ่านหนังสือแล้วไปถามท่านเราก็ได้ความกระจ่างเยอะ ถือเป็นความโชคดีในฐานะนักอ่าน ยิ่งได้คุยกับท่านยิ่งรู้ว่า ท่านเป็นผู้มีสติปัญญาล้ำเลิศ ถ้าจัดเรตให้ต้องถือว่าเฟิร์สตเรต อัศจรรย์มาก” พุทธธรรมเป็นวรรณกรรมพุทธศาสนา ที่ได้รับการยอมรับว่าแสดงหลักธรรมของพระพุทธศาสนาเถรวาทอย่างซื่อตรงต่อพระ ไตรปิฎกเป็นอย่างยิ่ง นำเสนอหลักการและสาระสำคัญของพระพุทธศาสนาอย่างครบถ้วน และเป็นระบบอย่างชัดเจน พิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2514 ต่อมาในปี พ.ศ. 2525 ผู้เขียนได้ปรับปรุงและขยายความเพิ่มขึ้น จนกลายเป็นหนังสือเล่มใหญ่หนาเป็นพันหน้า “อ่านไปก็อดทึ่งคนเขียนไม่ได้ว่าทั้งฉลาดทั้งมีความเพียรสูง ค้นข้อมูลมามากทีเดียวกว่าจะเขียนได้อย่างนี้ คือไม่ใช่แค่สรุปความย่อความเหมือนหนังสือบางเล่ม แต่เป็นการเขียนขึ้นมาใหม่ โดยมีพระไตรปิฎก เป็นพื้นฐาน นำเสนอด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ด้วยวิธีคิดของคนสมัยใหม่ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เราจะไม่เจอแบบนี้ในงานเขียนพระพุทธศาสนา บางทีเคยไปเจอหนังสือเกี่ยวกับสาระพระไตรปิฎก เขียนโดยฆราวาสที่เคยบวชพระมาจะเห็นว่าลีลาสไตล์การเขียนแตกต่างกัน บางทีก็แค่ย่อความมาให้เราดู การย่อความก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ท่านเจ้าประคุณทำได้มากกว่านั้น จึงนำมาเสนอใหม่ ด้วยชนิดที่เรียกว่าสามารถจะสื่อสารกับเราด้วยภาษาของเราได้ และพยายามโยงให้เข้าถึงปัญหาสังคมสมัยใหม่โดยใช้มุมมองแบบพุทธ ซึ่งสมควรแล้วที่คนจะพูดว่าเป็นเล่มที่ดีที่สุดในยุครัชกาลที่ 9 และถือว่าเป็นเล่มที่ดีที่สุดเล่มหนึ่งของรัตนโกสินทร์” อาตมายกให้หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือดีของชีวิต ประการที่หนึ่งเพราะนำเสนอพุทธธรรมอย่างเป็นระบบและรอบด้านที่สุดภายในเล่มเดียว คือมีหลายท่านพูดถึงพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งแต่พูดเป็นบางแง่ อย่างท่านพุทธทาสก็พูดเป็นบางแง่ เช่น ปฏิจจสมุปบาท อิทัปปัจจยตา แต่เล่มนี้พูดครบทุกแง่อย่างเป็นระบบ ทุกแง่ทุกมุมอยู่ในหนังสือเล่มนี้แล้ว ขอให้ค้นให้เป็น อาตมาเคยพูดนะว่าหนังสือเล่มนี้มี 3 มิติ ทั้งลึก กว้าง ไกล ลึกคือทำให้เราเข้าใจความจริงที่ลึกซึ้งของตัวเอง และทำให้เราเห็นกว้าง เห็นโลกและสังคมได้อย่างกว้าง เล่มนี้จะพูดถึงสังคมสมัยใหม่ไว้พอสมควร ทำให้เราได้เห็นมิติด้านไกล นั่นคือได้เห็นว่าการสอนพุทธศาสนานี้ผ่านการตีความมายังไงบ้าง ประการต่อมาคือใช้ภาษาที่งดงามสละสลวย ภาษาท่านงดงามมาก และสามารถสื่อได้ตรงใจผู้เขียน แม้ว่าเนื้อหาจะลึกซึ้ง คือทุกวันนี้แม้ตัวเองจะอ่านงานท่านเจ้าประคุณมาเยอะ เวลาจะสื่ออะไรบางอย่าง เรารู้สึกว่าเราจนต่อถ้อยคำ ไม่สามารถจะเขียนให้สุดความคิดได้ แต่หนังสือเล่มนี้ท่านเจ้าประคุณสามารถบรรยายให้สุดความคิดได้ อาตมาคิดว่าเป็นแบบอย่างของงานเขียนในทางศาสนาและงานวิชาการได้ คือมีทั้งอรรถและรส อรรถคือเนื้อหา รสคือรสของภาษา” ซึ่งพระไพศาลยอมรับว่าได้รับอิทธิพลจากสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต) และท่านพุทธทาส ในการใช้ชีวิตและเขียนหนังสือพอสมควร โดยเฉพาะจากหนังสือพุทธธรรมนั้นมีอิทธิพลต่องานเขียน และการค้นคว้าทางพุทธศาสนาอย่างมาก “ถ้ามีเล่มเดียวที่สามารถติดไปได้ในชีวิตก็เล่มนี้แหละ ถึงแม้จะหนักหน่อยก็ตาม อาตมายังรู้สึกเลยนะว่าหนังสือเล่มนี้ทำให้เราภูมิใจที่เป็นคนไทย การที่คุณเป็นคนไทยแล้วได้อ่านหนังสือเล่มนี้ถือว่าโชคดีและคุ้มค่าในการที่ได้เป็นคนไทยแล้ว บางทีเราก็รู้สึกว่าเป็นฝรั่งโชคดีนะ ได้อ่านหนังสือที่ลึกซึ้ง หนังสือเยอะแยะหลากหลาย แต่พุทธธรรมนี่แหละที่ทำให้เราสามารถเป็นที่อิจฉาของฝรั่งได้ เพราะฝรั่งอ่านเล่มนี้ไม่ได้ แต่คนไทยอ่านได้ ฉะนั้นถ้าในแง่ชาวพุทธและในแง่ความเป็นคนไทย หนังสือเล่มนี้จะทำให้เราภูมิใจและรู้สึกโชคดีที่ได้เป็นคนไทย ที่อ่านภาษาไทยออก” และถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มีหนังสือพุทธธรรมในครอบครอง แต่ยังไม่เคยเปิดอ่าน พระไพศาลบอกว่าเป็นสิ่งที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง เพราะรสชาติของหนังสือเล่มนี้แตกต่างจากหนังสือทั่ว ๆ ไป “อ่านแล้วจะทำให้เกิดความพิศวงและความปีติเมื่อได้พบความจริง” นั่นคือพุทธธรรม... Save เก็บได้เลย... 1360 หน้า อัพเดทล่าสุด เป็นฉบับปรับขยายครับ อ่านวันละ 10 หน้าแป๊บเดี๋ยวก็จบแล้ว https://www.watnyanaves.net/uploads/File/books/pdf/buddhadhamma_extended_edition.pdf?fbclid=IwAR1WFAHlZSqoUQa01X13IvZno7o9FgFuHC450ktPmxfQAxLyUtGOl9ndrSY ท่านสามารถดาวโหลดเสียงอ่านหนังสือ "พุทธธรรม ฉบับปรับขยาย" ของ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)) เสียงอ่านโดย..พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล ได้ที่ Link เสียงอ่าน พุทธธรรม http://bit.ly/1nZnfef Link สำหรับพุทธธรรม ๒๓ บท ตามนี้ครับ ๐๑. ขันธ์5 http://bit.ly/1qih1Xj ๐๒. อายตนะ ๖ http://bit.ly/1Xq7tVe ๐๓.ไตรลักษณ์ http://bit.ly/1VhCuNd ๐๔. ปฏิจสุปบาท http://bit.ly/1SYJnj1 ๐๕. กรรม http://bit.ly/20u0M6t ๐๖. นิพพาน http://bit.ly/1Q2AZKF ๐๗. ประเภทนิพพาน http://bit.ly/1qIMFOI ๐๘. สมถะ-วิปัสสนา http://bit.ly/1UUvg1A ๐๙. หลักการสำคัญของการบรรลุนิพพาน http://bit.ly/1VLTVUU ๑๐. บทสรุปเรื่องนิพพาน http://bit.ly/23wfOdI ๑๑. บทนำมัชฌิมาปฏิปทา http://bit.ly/1S4wT9r ๑๒. ปรโตโฆสะที่ดี_กัลยาณมิตร http://bit.ly/1S0ftIV ๑๓. โยนิโสมนสิการ http://bit.ly/1RNTVlX ๑๔. ปัญญา http://bit.ly/1RNU211 ๑๕. ศีล http://bit.ly/23nRiid ๑๖. สมาธิ http://bit.ly/1MoRbve ๑๗. บทสรุปอริยสัจ http://bit.ly/1qihTv3 ๑๘. โสดาบัน http://bit.ly/1MoRfeq ๑๙. วินัย http://bit.ly/1SYK63G ๒๐. ปาฏิหาริย์ http://bit.ly/1VLUY7z ๒๑. ปัญหาแรงจูงใจ http://bit.ly/1N3oUKE ๒๒. ความสุข ๑ ฉบับแบบแผน http://bit.ly/1VLV3rJ ๒๓. ความสุข ๒ ฉบับประมวลความ http://bit.ly/1SYK9g0 เครดิต Kanlayanatam
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ฟังๆไปเถอะ ถูกใจบ้าง ไม่ถูกใจบ้าง ผิดบ้าง ถูกบ้าง เข้าใจในแบบเราชัด ไม่เข้าใจในแบบเราชัด แบบบางที่เจอกับตัวใครมันที่พระเครื่องมีพุทธคุณใส่คอคนถูกผีสิงผีเข้าคน คนนั้นตื่นคืนสติจริงก็ชัดเจนในตัวเราท่านเธอที่ประสบเจอจริง อ.เบียร์อาจหมายไปทางดีอื่น ไม่เคยเจอกับตัวด้านนี้จึงว่าพระเครื่องนั้นนี้ไม่มีพุทธคุณ แต่หมายทางคำสอนถึงคุณพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ก็ว่าไป,ข้ามๆส่วนผิดน้อยๆไปเถอะ,คนเราเก่งรู้ต่างกัน ใช่เข้าใจจริงถึงธรรมหมด,อย่างน้อยก็มาร่วมปกป้องพระพุทธศาสนาให้ทรงทางสายปกติก็ดีแล้วร่วมกัน,หายากที่จะอยู่กลางแสง ถูกอีแร้งรอบทิศสะกัดดาวรุ้ง ,ทางนี้ยังงๆในการท้าทายอ.เบียร์เลย กระทบวาทะวลีคำกันหลายความเลย,สรุปอ.มาดีหรือมาร้ายในช่วงเปิดตัวใหม่ๆเลย จนอาจารย์สายดีงามรับรองว่า อย่างถือสาท่าน ถูกผิดกรรมใดๆตกแก่ผู้กระทำเองล่ะ,เราผู้ไปฟังก็ไตร่ตรองอย่างมีสติปัญญาเอง แยกแยะวิเคราะห์ธรรมฝ่ายดีฝ่ายชั่วเองก่อนกินดื่มเข้าไปได้,อย่าพึ่งเชื่อแม้ท่านคืออาจารย์ของเราก็ว่า,ยุคนี้สมัยนี้คนเราหยาบหนานักด้วยฝ่ายปกครองดึงตำราเรียนของทางพระพุทธศาสนาออกไปจากกระทรวงศึกษาในการสอนเด็กๆก็ย้อนกลับมาอีลิทสายซาตานท่านลอร์ดยิวอีกล่ะจะล้างสมองเยาวชนไทยมิให้รู้ดีรู้ชั่วทั้งตำราศีลธรรมจริยธรรมออกจากหลักสูตรการเรียนการสอนของโรงเรียนไทยเรา,หน้าที่พลเรือนพลเมืองไทยก็ด้วย,ต้องไปคุยสายต่อต้านลัทธิทะเลทรายยิวแรปทีเลี่ยนเขา คนไทยจึงขาดการศึกษาศีลธรรมจริยธรรม&หน้าที่พลเมืองของชาติการรักชาติบ้านเมืองตนออกไป,สส.สว.นักการเมืองจึงสะดวกในการคตโกงเพราะคนไทยไม่ว่าเรื่องจริยธรรมแล้วด้วยไม่ได้เรียนได้รู้ว่าถ้านักการเมืองทำแบบนี้ผิดจริยธรรมตามตำราที่เล่าเรียนมาร่วมกันนะ ต้องสำเนียงพึ่งระวังละอายใจตนเองในฐานะสส.สว.ด้วย ต้องละอาย&เกรงกลัวในบาปในชั่วด้วยเป็นแบบอย่างเยี่ยงอย่างเยาวชนที่ดีด้วย,มันเห็นตรงนี้จึงถอดออกจากการเรียนการสอนในอดีตเลย เพื่อจะได้พูดให้นักการเมืองนักปกครองแบบพวกมันไม่ได้ จนกระอักเลือดตายแบบหนังจีนได้เพราะรับคำด่าตำหนิไม่ได้ด้วยคนไทยเหล่าเรียนจนมีวิชาแกร่งกล้าเต็มภูมิกันทุกๆคน ซวยต่อการโกง&ลำบากต่อการทำชั่ว,
    ..อ.เบียร์ในช่วงนี้จึงเหมาะแก่ยุคสมัยคนหยาบๆหนาๆออกหูซ้ายทะลุหัวขวาจึงโดนกระโถนแก่ตีเข้าก็ว่า,
    ..เยาวชนไทยเราหลายคนมาหันฟังสิ่งดีๆสู่ประตูทางธรรม เดินขึ้นสู่ทางที่ถูกที่ควรร่วมกันดำรงชาติไทยพัฒนาชาติเรามิให้หลงทางตามฝรั่งซาตานมารปีศาจได้นะดีแล้ว.
    ..ฟังๆไปเถอะ ถูกใจบ้าง ไม่ถูกใจบ้าง ผิดบ้าง ถูกบ้าง เข้าใจในแบบเราชัด ไม่เข้าใจในแบบเราชัด แบบบางที่เจอกับตัวใครมันที่พระเครื่องมีพุทธคุณใส่คอคนถูกผีสิงผีเข้าคน คนนั้นตื่นคืนสติจริงก็ชัดเจนในตัวเราท่านเธอที่ประสบเจอจริง อ.เบียร์อาจหมายไปทางดีอื่น ไม่เคยเจอกับตัวด้านนี้จึงว่าพระเครื่องนั้นนี้ไม่มีพุทธคุณ แต่หมายทางคำสอนถึงคุณพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ก็ว่าไป,ข้ามๆส่วนผิดน้อยๆไปเถอะ,คนเราเก่งรู้ต่างกัน ใช่เข้าใจจริงถึงธรรมหมด,อย่างน้อยก็มาร่วมปกป้องพระพุทธศาสนาให้ทรงทางสายปกติก็ดีแล้วร่วมกัน,หายากที่จะอยู่กลางแสง ถูกอีแร้งรอบทิศสะกัดดาวรุ้ง ,ทางนี้ยังงๆในการท้าทายอ.เบียร์เลย กระทบวาทะวลีคำกันหลายความเลย,สรุปอ.มาดีหรือมาร้ายในช่วงเปิดตัวใหม่ๆเลย จนอาจารย์สายดีงามรับรองว่า อย่างถือสาท่าน ถูกผิดกรรมใดๆตกแก่ผู้กระทำเองล่ะ,เราผู้ไปฟังก็ไตร่ตรองอย่างมีสติปัญญาเอง แยกแยะวิเคราะห์ธรรมฝ่ายดีฝ่ายชั่วเองก่อนกินดื่มเข้าไปได้,อย่าพึ่งเชื่อแม้ท่านคืออาจารย์ของเราก็ว่า,ยุคนี้สมัยนี้คนเราหยาบหนานักด้วยฝ่ายปกครองดึงตำราเรียนของทางพระพุทธศาสนาออกไปจากกระทรวงศึกษาในการสอนเด็กๆก็ย้อนกลับมาอีลิทสายซาตานท่านลอร์ดยิวอีกล่ะจะล้างสมองเยาวชนไทยมิให้รู้ดีรู้ชั่วทั้งตำราศีลธรรมจริยธรรมออกจากหลักสูตรการเรียนการสอนของโรงเรียนไทยเรา,หน้าที่พลเรือนพลเมืองไทยก็ด้วย,ต้องไปคุยสายต่อต้านลัทธิทะเลทรายยิวแรปทีเลี่ยนเขา คนไทยจึงขาดการศึกษาศีลธรรมจริยธรรม&หน้าที่พลเมืองของชาติการรักชาติบ้านเมืองตนออกไป,สส.สว.นักการเมืองจึงสะดวกในการคตโกงเพราะคนไทยไม่ว่าเรื่องจริยธรรมแล้วด้วยไม่ได้เรียนได้รู้ว่าถ้านักการเมืองทำแบบนี้ผิดจริยธรรมตามตำราที่เล่าเรียนมาร่วมกันนะ ต้องสำเนียงพึ่งระวังละอายใจตนเองในฐานะสส.สว.ด้วย ต้องละอาย&เกรงกลัวในบาปในชั่วด้วยเป็นแบบอย่างเยี่ยงอย่างเยาวชนที่ดีด้วย,มันเห็นตรงนี้จึงถอดออกจากการเรียนการสอนในอดีตเลย เพื่อจะได้พูดให้นักการเมืองนักปกครองแบบพวกมันไม่ได้ จนกระอักเลือดตายแบบหนังจีนได้เพราะรับคำด่าตำหนิไม่ได้ด้วยคนไทยเหล่าเรียนจนมีวิชาแกร่งกล้าเต็มภูมิกันทุกๆคน ซวยต่อการโกง&ลำบากต่อการทำชั่ว, ..อ.เบียร์ในช่วงนี้จึงเหมาะแก่ยุคสมัยคนหยาบๆหนาๆออกหูซ้ายทะลุหัวขวาจึงโดนกระโถนแก่ตีเข้าก็ว่า, ..เยาวชนไทยเราหลายคนมาหันฟังสิ่งดีๆสู่ประตูทางธรรม เดินขึ้นสู่ทางที่ถูกที่ควรร่วมกันดำรงชาติไทยพัฒนาชาติเรามิให้หลงทางตามฝรั่งซาตานมารปีศาจได้นะดีแล้ว.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 23 0 รีวิว
  • การยอมรับความจริงของการสูญเสียเป็นกระบวนการที่สำคัญในพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตนี้ล้วนไม่เที่ยง ไม่มีสิ่งใดที่เป็นของเราอย่างแท้จริง การที่เราพยายามยึดติดกับสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรือทรัพย์สิน เป็นเพียงการสร้างความทุกข์ให้กับตัวเราเอง เมื่อใดที่เราสูญเสียสิ่งเหล่านั้น จึงเกิดความทุกข์ใจอย่างลึกซึ้ง

    พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญการยอมรับความจริงของสังขาร ความไม่เที่ยง และการฝึกจิตใจให้ยอมรับว่า ไม่มีสิ่งใดที่เป็นของเราจริง การที่เรารู้และยอมรับสิ่งเหล่านี้จะทำให้เราหายจากความกระวนกระวาย และสามารถมีชีวิตที่สงบสุขมากขึ้น

    1. การสูญเสียเป็นนิมิตหมายที่ดี:
    พระพุทธเจ้าทรงสอนให้มองการสูญเสียเป็นโอกาสในการเรียนรู้ความจริงของชีวิต มันเป็นเครื่องเตือนให้เรารู้ว่าไม่มีอะไรที่เราจะสามารถยึดถือไว้ได้ตลอดไป แม้แต่ชีวิตของเราเอง ดังนั้น การยอมรับและเข้าใจถึงความไม่เที่ยงนี้จะช่วยให้เราผ่อนคลายจากความทุกข์และความกังวล

    2. การยึดติดทำให้เกิดทุกข์:
    ยิ่งเราพยายามดิ้นรนเพื่อยึดติดกับสิ่งที่ไม่เที่ยง เรายิ่งเจ็บปวดและทุกข์ใจ การที่เราปล่อยวางและยอมรับว่า ทุกสิ่งเป็นไปตามกรรมและธรรมชาติ จะช่วยให้เรารู้สึกสบายใจและไม่ต้องทุกข์จากการสูญเสีย

    3. กรรมเป็นสิ่งที่เราพกติดตัวไป:
    สิ่งเดียวที่เราจะนำติดตัวไปได้หลังจากชีวิตนี้คือกรรมที่เราทำไว้ ดังนั้น การฝึกใจให้เข้าใจและยอมรับความจริง จะเป็นกรรมดีที่ช่วยให้เราเดินทางผ่านชีวิตนี้ไปด้วยความสงบ และไม่หลงอยู่กับความทุกข์จากการสูญเสีย

    ในที่สุด การฝึกใจให้ยอมรับความไม่เที่ยงและการปล่อยวางจะทำให้เราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีสติและสงบสุข ไม่ว่าการสูญเสียจะเกิดขึ้นในรูปแบบใดก็ตาม

    การยอมรับความจริงของการสูญเสียเป็นกระบวนการที่สำคัญในพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตนี้ล้วนไม่เที่ยง ไม่มีสิ่งใดที่เป็นของเราอย่างแท้จริง การที่เราพยายามยึดติดกับสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรือทรัพย์สิน เป็นเพียงการสร้างความทุกข์ให้กับตัวเราเอง เมื่อใดที่เราสูญเสียสิ่งเหล่านั้น จึงเกิดความทุกข์ใจอย่างลึกซึ้ง พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญการยอมรับความจริงของสังขาร ความไม่เที่ยง และการฝึกจิตใจให้ยอมรับว่า ไม่มีสิ่งใดที่เป็นของเราจริง การที่เรารู้และยอมรับสิ่งเหล่านี้จะทำให้เราหายจากความกระวนกระวาย และสามารถมีชีวิตที่สงบสุขมากขึ้น 1. การสูญเสียเป็นนิมิตหมายที่ดี: พระพุทธเจ้าทรงสอนให้มองการสูญเสียเป็นโอกาสในการเรียนรู้ความจริงของชีวิต มันเป็นเครื่องเตือนให้เรารู้ว่าไม่มีอะไรที่เราจะสามารถยึดถือไว้ได้ตลอดไป แม้แต่ชีวิตของเราเอง ดังนั้น การยอมรับและเข้าใจถึงความไม่เที่ยงนี้จะช่วยให้เราผ่อนคลายจากความทุกข์และความกังวล 2. การยึดติดทำให้เกิดทุกข์: ยิ่งเราพยายามดิ้นรนเพื่อยึดติดกับสิ่งที่ไม่เที่ยง เรายิ่งเจ็บปวดและทุกข์ใจ การที่เราปล่อยวางและยอมรับว่า ทุกสิ่งเป็นไปตามกรรมและธรรมชาติ จะช่วยให้เรารู้สึกสบายใจและไม่ต้องทุกข์จากการสูญเสีย 3. กรรมเป็นสิ่งที่เราพกติดตัวไป: สิ่งเดียวที่เราจะนำติดตัวไปได้หลังจากชีวิตนี้คือกรรมที่เราทำไว้ ดังนั้น การฝึกใจให้เข้าใจและยอมรับความจริง จะเป็นกรรมดีที่ช่วยให้เราเดินทางผ่านชีวิตนี้ไปด้วยความสงบ และไม่หลงอยู่กับความทุกข์จากการสูญเสีย ในที่สุด การฝึกใจให้ยอมรับความไม่เที่ยงและการปล่อยวางจะทำให้เราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีสติและสงบสุข ไม่ว่าการสูญเสียจะเกิดขึ้นในรูปแบบใดก็ตาม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีใครสนใจฟังธรรมะและมีเวลามากพอจะพิมพ์เอกสารส่งไหมคะ
    ทาง Pagoda ซึ่งเป็นความร่วมมือทางพุทธศาสนาจากวัดสวนโมกข์และอื่นๆ รับสมัครอาสาถอดเสียงธรรมอยู่ค่ะ
    .
    มีงานหลายงาน แต่คนอาสาไม่มาก ทางนี้เลยช่วยประชาสัมพันธ์ให้
    .
    ผู้สนใจสามารถเข้าไปศึกษารายละเอียดได้ที่
    https://docs.google.com/spreadsheets/d/14A7C8FKCtnlHp2CKG5PTkXowT3fuckZHDhSoqXCfe90/edit?gid=1231328801#gid=1231328801
    .
    อนุโมทนานะคะ
    มีใครสนใจฟังธรรมะและมีเวลามากพอจะพิมพ์เอกสารส่งไหมคะ ทาง Pagoda ซึ่งเป็นความร่วมมือทางพุทธศาสนาจากวัดสวนโมกข์และอื่นๆ รับสมัครอาสาถอดเสียงธรรมอยู่ค่ะ . มีงานหลายงาน แต่คนอาสาไม่มาก ทางนี้เลยช่วยประชาสัมพันธ์ให้ . ผู้สนใจสามารถเข้าไปศึกษารายละเอียดได้ที่ https://docs.google.com/spreadsheets/d/14A7C8FKCtnlHp2CKG5PTkXowT3fuckZHDhSoqXCfe90/edit?gid=1231328801#gid=1231328801 . อนุโมทนานะคะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • #หนึ่งในร้อย

    ก่อนหน้าละครฉายไม่นาน ผมเคยพูดถึงเรื่องนี้ไปหนหนึ่ง มาบัดนี้ละครออกอากาศได้ประมาณครึ่งทางแล้วกระมัง อยากพูดถึงอีกครั้งด้วยเป็นนิยายของดอกไม้สดที่เป็นเรื่องในดวงใจมาตั้งแต่เด็ก

    ละครทำออกมาได้ทั้งเป็นที่ต้องใจ และติดใจ ต้องใจในที่นี้หมายถึงมีส่วนที่ชื่นชอบ ติดใจในที่นี้หมายถึงมีส่วนที่แปลงไปเยอะพอสมควร ที่โดยส่วนตัวอดคิดไม่ได้ว่ามีความจำเป็นเพียงใด จึงต้องเปลี่ยนไปในลักษณะนั้น

    แต่เอาเถิด เข้าใจว่าต้นฉบับเรื่องหนึ่งในร้อยนี้ เป็นนิยายซึ่งยากมากที่จะสร้างขึ้นมาเป็นละคร เพราะโดยความเป็นจริงนั้นถูกเขียนมาเพื่อเหมาะกับเป็นเรื่องสำหรับอ่านมากที่สุด ทว่าแน่นอน คนที่อ่านแล้วชื่นชอบในนิยายเรื่องนี้ เชื่อว่าโดยมากต้องมีภาพในจินตนาการโลดแล่นอยู่ในหัว ที่เป็นไปได้ก็อยากเห็นภาพเคลื่อนไหวหรือคนที่เป็นตัวตนจริง และรอมาอย่างยาวนานว่าจะมีโอกาสได้เห็นอนงค์และคุณพระอรรถคดี โลดแล่นอยู่ในจอให้ชมในสักวันหนึ่ง(ไม่ได้ดูเวอร์ชันคุณภิญโญ ทองเจือ เพราะยังเด็กเกินที่จะสนใจดูละคร) ซึ่งต้องขอขอบคุณผู้จัดในข้อนี้ที่เห็นคุณค่าบทประพันธ์ของดอกไม้สด จนนำมาสู่การทำฝันในวัยเยาว์ของผมให้กลายเป็นจริง

    .

    ด้วยความที่ถูกนำมาสร้าง ณ ปี พ.ศ. 2567 แม้นจะยังคงยุคสมัยตามช่วงเวลาในนิยายก็ตาม แน่นอนว่าคนรุ่นใหม่ที่เกิดไม่ทันได้อ่านหนึ่งในร้อยมาก่อนย่อมมีอยู่เป็นจำนวนมาก และคนในรุ่นนี้เองที่เติบโตมากับเทคโนโลยีต่าง ๆ และโลกในชีวิตประจำวันที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายแทบทุกอย่าง ทำให้โดยพื้นฐานแล้วส่วนใหญ่พวกเขามักไม่ทนกับอะไรที่ค่อยเป็นค่อยไป ดำเนินเรื่องอย่างเชื่องช้า เนิบ ๆ ดังเช่นความรักของคนในยุคที่นิยายหนึ่งในร้อยถือกำเนิด ด้วยความอดทนอันจำกัดนี้เอง คงเป็นเหตุผลสำคัญที่คนเขียนบทมีโจทย์สำคัญเป็นการบ้านว่าทำอย่างไร จะให้ละครในแต่ละตอนดึงดูดคนดูกลุ่มนี้ ที่ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญให้ตรึงสายตาไว้กับอนงค์และคุณพระอรรถคดีได้ตลอด ตั้งแต่เริ่มฉายจนจบฉากสุดท้ายในแต่ละตอน โดยไม่เปลี่ยนช่องหรือหันเหความสนใจไปทำอย่างอื่นเสีย จึงปรากฏเป็นหนึ่งในร้อยที่มีอนงค์และคุณพระอรรถซึ่งถูกใส่จริตและเสริมบุคลิกให้มีความเป็นไปได้มากที่สุดเพื่อดึงดูดใจ ให้คนดูหลงรักในตัวละครทั้งสองตั้งแต่ตอนแรก

    .

    หลายเหตุการณ์หลายตัวละครที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ ซึ่งไม่มีในต้นฉบับเดิม หรือแม้นกระทั่งอนงค์ที่ได้รับการปรับให้เก่งกล้าเกินงามในบางสถานการณ์ อีกทั้งมั่นใจในตัวเองสูงมาก จนเหมือนจะเป็นอนงค์ขั้นสุด ที่ไม่ใช่แค่ขั้นกว่า เรียกว่ามีความเข้มข้นของพลังงานชีวิตเปี่ยมล้นจนแสดงออกมาเกินขีดอยู่บ้าง แต่เพราะเป็นญาญ่าแสดง จึงพอให้อภัยทำเป็นมองข้ามไปไม่ติดใจมาก ด้วยว่าสวมบทอนงค์ได้อย่างน่าเอ็นดูยิ่ง หากเป็นคนอื่นมารับบทนี้ ยังนึกไม่ออกเช่นกันว่าจะรอดหรือไม่ อาจจะได้ภาพของอนงค์ที่น่าเกลียดน่าชังไปเลยก็เป็นได้ และเพราะบทบาทของอนงค์ในนิยายนั้นถูกกล่าวถึงน้อยมาก รายละเอียดของเรื่องส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่ตัวของคุณพระฯ ที่เป็นหัวใจหลักของนิยาย ส่วนมากเนื้อหาบอกเล่าประวัติความเป็นมาแต่หนหลังเชื่อมต่อมาถึงปัจจุบัน ที่คุณพระฯ มีความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น ๆ ในทางไหนอย่างไรบ้าง ส่วนอนงค์เพียงถูกกล่าวถึงแบบโฉบไปเฉี่ยวมา ฉากที่พบกันระหว่างพระนางมีอยู่แค่ไม่กี่หนตลอดทั้งเรื่อง โดยมากอนงค์จะรับรู้เรื่องของคุณพระฯ ผ่านการบอกเล่าของแม่ช้อยมากกว่า ด้วยเหตุนี้จึงเข้าใจได้ว่าทำไมผู้เขียนบทจึงต้องทำงานหนักมาก ในการเปลี่ยนให้อนงค์ในนิยายกลายเป็นตัวละครที่ถูกดึงขึ้นมาให้ได้รับบทบาทที่เด่นพอ ๆ กันหรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียงกับตัวเอกของเรื่อง ไม่อย่างนั้นคนดูคงจะไม่ติดตามและทิ้งละครไปอย่างรวดเร็วเป็นแน่

    .

    แต่ส่วนที่น่าเสียดายที่ดูเหมือนจะหายไปคือนิสัยรักการจดบันทึกหรือเขียนไดอารีของอนงค์ ที่ต้นฉบับหากรับรู้เรื่องราวใดมาจากปากแม่ช้อย เธอจะรีบนำมาเขียนใส่ไว้ในสมุดบันทึกประจำตัว เพื่อเก็บไว้อ่านคนเดียว ซึ่งคนอ่านก็จะสามารถทราบถึงจิตใจของเธอที่มีต่อคุณพระฯ จากสิ่งที่เธอเขียนนั่นเอง ซึ่งเป็นส่วนที่ดีมากและแทบจะไม่พบเลยในเวอร์ชันละคร นอกจากแค่ตอนที่อนงค์ทำเป็นสมุดเล่มเล็กที่มีภาพและคำแนะนำตัวเองแล้วมอบให้คุณพระฯ ซึ่งออกจะเป็นการกระทำที่ค่อนข้างเสี่ยงต่อภาพพจน์ที่ถูกมองจากคนอย่างคุณพระฯได้เหมือนกัน

    .

    จากนี้ต่อไปในอีกครึ่งทางที่เหลือนั้น ไม่แน่ใจว่าเรื่องราวที่ถูกเขียนขึ้นใหม่จะเป็นไปในทิศทางไหน คุณพระฯเองก็ถูกปรับให้คล้ายจะกลายเป็นโฮล์มส์ ที่ขยายการงานให้กว้างออกไปจากในหนังสือเพื่อจะได้มีอะไรให้เล่นกับบทละครมากขึ้น จึงเป็นคุณพระฯ ที่เหมือนอยู่กันคนละโลกกับคุณพระฯในนิยาย ส่วนชัดก็กลายเป็นคนที่อ่อนแอจนปวกเปียกไม่สมกับที่เป็นทหารสักนิด และเห็นแก่ตัวเองอย่างร้ายกาจจนน่ารังเกียจไปเลย เพราะต้นฉบับนิยายนั้นชัดเปลี่ยนใจจากอนงค์มาหาจันทร ด้วยความที่ไม่ระแคะระคายมาก่อนว่าพี่ชายนั้นรักจันทรอยู่ก่อนแล้ว จึงได้ขอร้องให้พี่ช่วยไปสู่ขอจันทรแทนแม่

    ส่วนด้านอื่นที่ดีงามนั้นมีคนพูดกันไปมากแล้ว จึงไม่ขอพูดซ้ำ แต่สิ่งที่อยากจะกล่าวถึงอย่างมาก ที่เป็นหัวใจสำคัญของเรื่องนี้เลยก็คือ ความหมายของชื่อเรื่อง "หนึ่งในร้อย"

    .

    หนึ่งในร้อย เป็นคำเปรียบถึงคนอย่างคุณพระฯ เรื่องนี้ชัดเจนแน่นอน ความดีของตัวละครนี้ สำหรับคนที่ดูละครอย่างเดียวอาจเห็นภาพได้ไม่ตรงและใสเท่าในบทประพันธ์ เพราะหนังสือมีเวลาให้ผู้เขียนได้ใส่รายละเอียด และเล่าให้คนอ่านสามารถรู้ชัดเจนถึงที่มาที่ไปแห่งความเป็นคน ซึ่งมีความเป็นสัตบุรุษคือไม่ใช่แค่ดีอย่างทั่วไปหรือดีแบบโลก ๆ เท่านั้น แต่มีความดำรงตนอยู่ในศีลและตั้งตนให้ดำรงมั่นในธรรมะที่เป็นเครื่องหล่อเลี้ยง ให้ใจไม่ไหลไปตามกระแสแห่งความต้องการที่เป็นอำนาจฝ่ายต่ำ จึงไม่ถูกชักจูงโดยง่ายจากแรงเร้าภายนอกที่มากระทบ ด้วยเหตุนี้คุณพระฯ จึงมีคุณธรรมอยู่ประจำใจเสมอ อันจะคอยคัดท้ายไม่ให้หลุดออกนอกเส้นทางดีงาม แม้นมีบางคราวที่ต้องผจญคลื่นลมพายุโหมกระหน่ำจนถึงขั้นแทบอับปาง เกือบจะไม่สามารถนำพานาวาชีวิตล่องฝ่าภัยต่อไปเหนือลำน้ำได้ แต่สุดท้ายก็รอดพ้นจากวิกฤตและได้รับผลแห่งความดีที่ทำมาด้วยความสุขใจในเบื้องปลาย

    .

    ทว่าคุณพระฯ เองก็ยังมีข้อเสียที่เด่นชัดมาก หากจะมองให้ลึกลงไป นั่นคือการที่เขาช่วยคนโดยเน้นไปที่การอนุเคราะห์ เติมเต็มความต้องการทางด้านปัจจัยสี่ให้แก่แม่และน้อง ๆ หรือคนที่รู้จัก และแม้นในคนทั่วไปเท่าที่อาชีพการงานและฐานะแห่งตนจะพอทำได้ แต่ไม่ได้ช่วยด้วยการฝึกให้คนเหล่านั้นรู้จักการช่วยเหลือตนเอง ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าถึงคราวที่คุณพระฯ อยู่ในสถานะอันลำบากในทางใดทางหนึ่ง ที่ไม่อาจจะให้ความช่วยเหลือหรือจำต้องปฏิเสธคำขอร้อง บรรดาคนซึ่งเคยได้รับเป็นประจำจากเขามาโดยตลอด จึงเกิดความไม่พอใจ กลายเป็นความโกรธ จนหลุดแสดงอำนาจและกิเลสในใจตนให้ระเบิดออกมาอย่างกับคนเสียจริต เห็นได้จากแม่และชัดเป็นต้น

    .

    ดังนั้นการช่วยคนที่ประเสริฐเลิศยอดที่สุด ที่จะไม่กลับเป็นภัยย้อนมาทำร้ายตัวของคนซึ่งเป็นผู้ให้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งต้องเน้นช่วยคนด้วยการให้เขารู้จักการช่วยเหลือตัวเองให้อยู่รอดได้ โดยไม่เป็นเพียงผู้ขอร่ำไปตลอดไป นั่นคือสิ่งที่ผมได้ฟังอยู่เสมอจากคำสอนของพระอาจารย์ที่เคารพศรัทธา ด้วยพรหมวิหาร 4 นั้นมีความสำคัญอย่างมากสำหรับคนผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้ใหญ่ คือต้องมีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา แต่ถ้าเมตตาไม่มีประมาณแล้วขาดซึ่งปัญญากำกับ เมตตานั้นจะเป็นเช่นอาวุธที่หันกลับสู่ตนหากไม่ระวัง

    .

    คุณพระฯ เองมีเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลกเป็นที่ตั้ง โดยเฉพาะกับญาติจนถึงขั้นให้ความช่วยเหลือคือความกรุณาดังแสดงออกให้เห็น และมีจิตพลอยยินดีในเมื่อผู้อื่นได้รับความเจริญหรือผลแห่งความสำเร็จ ไม่เกิดอิจฉาริษยาประทุษร้ายกับใครแม้นเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่คุณพระฯ ยังสอบไม่ผ่านในข้ออุเบกขา คือไม่รู้จักที่จะตัดรอบ ช่วยได้เท่าที่ช่วยไหว สัตว์โลกล้วนมีวิบากแห่งตนซึ่งได้สั่งสมมาไม่ว่าทางร้ายหรือดี ไม่ใช่ต้องเอาชีวิตของเขาขึ้นมาแบกหามไว้ราวกับเป็นเรื่องของตนเองไปเสียทั้งหมด คือช่วยแล้วปล่อยวางไม่ลง แม่ก็แล้ว น้อง ๆ หลายคนและครอบครัวของน้องก็อีก จึงต้องตกที่นั่งถูกคนที่ตนให้ความช่วยเหลือนั้นวกกลับมาทำร้ายตนจนสาหัสแทบจะสิ้นลมหายใจ เป็นการเบียดเบียนตนเองซึ่งทางพุทธศาสนาไม่สรรเสริญ

    .

    ดังนั้น คนอย่างคุณพระฯ อาจหาได้ยาก ดังเช่นคำว่า "หนึ่งในร้อย" แต่คนที่หาได้ยากกว่าอาจถึงขั้น "หนึ่งในล้าน" คือคนที่เข้าใจ และเข้าถึง หลักธรรมในหมวด 4 ของพุทธศาสนาอย่างแท้จริงและนำมาปฏิบัติได้คือ เมตตาได้ทุกผู้แม้เป็นศัตรูของตัวเอง ช่วยเหลือได้ทุกคนเท่าที่ช่วยไหวโดยไม่เดือดร้อน มีใจร่วมยินดีเมื่อเห็นว่าเขาได้ดี ปราศจากความคิดมุ่งร้ายอยากทำลาย สุดท้ายคือไม่อนาทรร้อนใจแม้นไม่สามารถช่วยได้ ด้วยเห็นแล้วว่าไม่อาจช่วย หรือช่วยต่อไปจะเป็นโทษต่อเขาและต่อเรามากกว่า ก็ต้องปล่อยเขาไปตามทางที่เขาสร้างมา

    .

    ตอนล่าสุดเมื่อคืนยังไม่ว่างดูสดแบบเต็ม ๆ เลย แค่ผ่านตาแวบ ๆ บางฉาก แต่ก็พอเดาทิศทางได้เลา ๆ ว่าบทดัดแปลงคงจะพาอนงค์และคุณพระฯ ทะลุมิติท่องไปไกลในดินแดนอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นคนละโลกกับเรื่องที่เกิดขึ้นในนิยาย ถ้าเรียกภาษาคนรุ่นใหม่คงจะใช้คำว่า ตัวละครเดียวกันแต่อยู่คนละมัลติเวิร์ส(ไม่แน่ใจสะกดเช่นนี้หรือไม่)กระมัง

    นี่คือส่วนที่หวั่นใจมาตลอด เพราะในสัปดาห์ก่อนที่เห็นว่าฉากสำคัญที่อยู่ตอนท้ายในนิยาย คือคุณพระล้มเจ็บ ถูกร่นขึ้นมาตั้งแต่กลางเรื่อง อีกทั้งความดราม่าที่ถูกผูกขึ้นใหม่ระหว่างตัวละคร 3-4 ตัว ก็ทำให้พอจะคาดการณ์ได้ว่า ต่อจากนี้ไปคงจะเป็นการด้นใส่อะไรต่อมิอะไรเข้ามาอีกมาก และไม่รู้ว่าจะไปจบลงที่ตรงไหน ก็ได้แต่ละเหี่ยใจ

    .

    ความดีงามของอนงค์ในหนังสือ ที่แม้นเป็นสาวสมัยใหม่ในยุคนั้น แต่ยังมีความรู้รักในเกียรติและศักดิ์ศรีของกุลสตรี ฉลาดและมีเฉลียว อีกทั้งมองคนออกอย่างเลิศ วางตัวเหมาะสมไม่ทำอะไรที่จะไปสะกิดให้คุณพระฯ นึกหยามหรือดูแคลนเอาได้

    จนกระทั่งถึงเวลาที่ทุกอย่างดำเนินไปจนถึงที่สุด จึงกล้าเผยหัวใจตนให้คนที่แอบเทิดทูนบูชารับรู้ ทั้งที่ทราบอยู่แก่ใจว่าอาจทำให้คุณพระฯ มองเธอไปในแง่ไม่ดี แต่ใจที่นึกเวทนาสงสารบวกความรักที่งอกเงยมานานมันเปี่ยมล้นพ้นใจ เกินกว่าจะเก็บกลั้นไว้ภายใน จึงได้ปลดปล่อยไหลทะลักไปในครานั้น แต่แม้จะหลุดคำพูดฝากรัก หากถ้อยคำที่สื่อสารก็ยังเปี่ยมด้วยมธุรส และงดงามในภาษาที่ช่างสรรคำมาเจรจาอย่างน่าทึ่ง ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้นคงจะไม่อาจคาดหวังว่าจะได้พบเจอเสียแล้ว เพราะได้ถูกแปรเปลี่ยนไปเป็นอนงค์ในแบบฉบับที่เหมือนปล่อยให้อำนาจความรัก ชักจูงเธอไปให้คิดและทำในสิ่งซึ่งอนงค์ในนิยายจะไม่มีวันทำเป็นอันขาด

    น่าเสียดาย...

    ภาพประกอบขอยืมจากในเน็ต

    #thaitimes
    #ดอกไม้สด
    #ละคร
    #mycherieamour
    #วิเคราะห์ตัวละคร
    #วิจารณ์ละคร
    #หนึ่งในร้อย ก่อนหน้าละครฉายไม่นาน ผมเคยพูดถึงเรื่องนี้ไปหนหนึ่ง มาบัดนี้ละครออกอากาศได้ประมาณครึ่งทางแล้วกระมัง อยากพูดถึงอีกครั้งด้วยเป็นนิยายของดอกไม้สดที่เป็นเรื่องในดวงใจมาตั้งแต่เด็ก ละครทำออกมาได้ทั้งเป็นที่ต้องใจ และติดใจ ต้องใจในที่นี้หมายถึงมีส่วนที่ชื่นชอบ ติดใจในที่นี้หมายถึงมีส่วนที่แปลงไปเยอะพอสมควร ที่โดยส่วนตัวอดคิดไม่ได้ว่ามีความจำเป็นเพียงใด จึงต้องเปลี่ยนไปในลักษณะนั้น แต่เอาเถิด เข้าใจว่าต้นฉบับเรื่องหนึ่งในร้อยนี้ เป็นนิยายซึ่งยากมากที่จะสร้างขึ้นมาเป็นละคร เพราะโดยความเป็นจริงนั้นถูกเขียนมาเพื่อเหมาะกับเป็นเรื่องสำหรับอ่านมากที่สุด ทว่าแน่นอน คนที่อ่านแล้วชื่นชอบในนิยายเรื่องนี้ เชื่อว่าโดยมากต้องมีภาพในจินตนาการโลดแล่นอยู่ในหัว ที่เป็นไปได้ก็อยากเห็นภาพเคลื่อนไหวหรือคนที่เป็นตัวตนจริง และรอมาอย่างยาวนานว่าจะมีโอกาสได้เห็นอนงค์และคุณพระอรรถคดี โลดแล่นอยู่ในจอให้ชมในสักวันหนึ่ง(ไม่ได้ดูเวอร์ชันคุณภิญโญ ทองเจือ เพราะยังเด็กเกินที่จะสนใจดูละคร) ซึ่งต้องขอขอบคุณผู้จัดในข้อนี้ที่เห็นคุณค่าบทประพันธ์ของดอกไม้สด จนนำมาสู่การทำฝันในวัยเยาว์ของผมให้กลายเป็นจริง . ด้วยความที่ถูกนำมาสร้าง ณ ปี พ.ศ. 2567 แม้นจะยังคงยุคสมัยตามช่วงเวลาในนิยายก็ตาม แน่นอนว่าคนรุ่นใหม่ที่เกิดไม่ทันได้อ่านหนึ่งในร้อยมาก่อนย่อมมีอยู่เป็นจำนวนมาก และคนในรุ่นนี้เองที่เติบโตมากับเทคโนโลยีต่าง ๆ และโลกในชีวิตประจำวันที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายแทบทุกอย่าง ทำให้โดยพื้นฐานแล้วส่วนใหญ่พวกเขามักไม่ทนกับอะไรที่ค่อยเป็นค่อยไป ดำเนินเรื่องอย่างเชื่องช้า เนิบ ๆ ดังเช่นความรักของคนในยุคที่นิยายหนึ่งในร้อยถือกำเนิด ด้วยความอดทนอันจำกัดนี้เอง คงเป็นเหตุผลสำคัญที่คนเขียนบทมีโจทย์สำคัญเป็นการบ้านว่าทำอย่างไร จะให้ละครในแต่ละตอนดึงดูดคนดูกลุ่มนี้ ที่ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญให้ตรึงสายตาไว้กับอนงค์และคุณพระอรรถคดีได้ตลอด ตั้งแต่เริ่มฉายจนจบฉากสุดท้ายในแต่ละตอน โดยไม่เปลี่ยนช่องหรือหันเหความสนใจไปทำอย่างอื่นเสีย จึงปรากฏเป็นหนึ่งในร้อยที่มีอนงค์และคุณพระอรรถซึ่งถูกใส่จริตและเสริมบุคลิกให้มีความเป็นไปได้มากที่สุดเพื่อดึงดูดใจ ให้คนดูหลงรักในตัวละครทั้งสองตั้งแต่ตอนแรก . หลายเหตุการณ์หลายตัวละครที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ ซึ่งไม่มีในต้นฉบับเดิม หรือแม้นกระทั่งอนงค์ที่ได้รับการปรับให้เก่งกล้าเกินงามในบางสถานการณ์ อีกทั้งมั่นใจในตัวเองสูงมาก จนเหมือนจะเป็นอนงค์ขั้นสุด ที่ไม่ใช่แค่ขั้นกว่า เรียกว่ามีความเข้มข้นของพลังงานชีวิตเปี่ยมล้นจนแสดงออกมาเกินขีดอยู่บ้าง แต่เพราะเป็นญาญ่าแสดง จึงพอให้อภัยทำเป็นมองข้ามไปไม่ติดใจมาก ด้วยว่าสวมบทอนงค์ได้อย่างน่าเอ็นดูยิ่ง หากเป็นคนอื่นมารับบทนี้ ยังนึกไม่ออกเช่นกันว่าจะรอดหรือไม่ อาจจะได้ภาพของอนงค์ที่น่าเกลียดน่าชังไปเลยก็เป็นได้ และเพราะบทบาทของอนงค์ในนิยายนั้นถูกกล่าวถึงน้อยมาก รายละเอียดของเรื่องส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่ตัวของคุณพระฯ ที่เป็นหัวใจหลักของนิยาย ส่วนมากเนื้อหาบอกเล่าประวัติความเป็นมาแต่หนหลังเชื่อมต่อมาถึงปัจจุบัน ที่คุณพระฯ มีความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น ๆ ในทางไหนอย่างไรบ้าง ส่วนอนงค์เพียงถูกกล่าวถึงแบบโฉบไปเฉี่ยวมา ฉากที่พบกันระหว่างพระนางมีอยู่แค่ไม่กี่หนตลอดทั้งเรื่อง โดยมากอนงค์จะรับรู้เรื่องของคุณพระฯ ผ่านการบอกเล่าของแม่ช้อยมากกว่า ด้วยเหตุนี้จึงเข้าใจได้ว่าทำไมผู้เขียนบทจึงต้องทำงานหนักมาก ในการเปลี่ยนให้อนงค์ในนิยายกลายเป็นตัวละครที่ถูกดึงขึ้นมาให้ได้รับบทบาทที่เด่นพอ ๆ กันหรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียงกับตัวเอกของเรื่อง ไม่อย่างนั้นคนดูคงจะไม่ติดตามและทิ้งละครไปอย่างรวดเร็วเป็นแน่ . แต่ส่วนที่น่าเสียดายที่ดูเหมือนจะหายไปคือนิสัยรักการจดบันทึกหรือเขียนไดอารีของอนงค์ ที่ต้นฉบับหากรับรู้เรื่องราวใดมาจากปากแม่ช้อย เธอจะรีบนำมาเขียนใส่ไว้ในสมุดบันทึกประจำตัว เพื่อเก็บไว้อ่านคนเดียว ซึ่งคนอ่านก็จะสามารถทราบถึงจิตใจของเธอที่มีต่อคุณพระฯ จากสิ่งที่เธอเขียนนั่นเอง ซึ่งเป็นส่วนที่ดีมากและแทบจะไม่พบเลยในเวอร์ชันละคร นอกจากแค่ตอนที่อนงค์ทำเป็นสมุดเล่มเล็กที่มีภาพและคำแนะนำตัวเองแล้วมอบให้คุณพระฯ ซึ่งออกจะเป็นการกระทำที่ค่อนข้างเสี่ยงต่อภาพพจน์ที่ถูกมองจากคนอย่างคุณพระฯได้เหมือนกัน . จากนี้ต่อไปในอีกครึ่งทางที่เหลือนั้น ไม่แน่ใจว่าเรื่องราวที่ถูกเขียนขึ้นใหม่จะเป็นไปในทิศทางไหน คุณพระฯเองก็ถูกปรับให้คล้ายจะกลายเป็นโฮล์มส์ ที่ขยายการงานให้กว้างออกไปจากในหนังสือเพื่อจะได้มีอะไรให้เล่นกับบทละครมากขึ้น จึงเป็นคุณพระฯ ที่เหมือนอยู่กันคนละโลกกับคุณพระฯในนิยาย ส่วนชัดก็กลายเป็นคนที่อ่อนแอจนปวกเปียกไม่สมกับที่เป็นทหารสักนิด และเห็นแก่ตัวเองอย่างร้ายกาจจนน่ารังเกียจไปเลย เพราะต้นฉบับนิยายนั้นชัดเปลี่ยนใจจากอนงค์มาหาจันทร ด้วยความที่ไม่ระแคะระคายมาก่อนว่าพี่ชายนั้นรักจันทรอยู่ก่อนแล้ว จึงได้ขอร้องให้พี่ช่วยไปสู่ขอจันทรแทนแม่ ส่วนด้านอื่นที่ดีงามนั้นมีคนพูดกันไปมากแล้ว จึงไม่ขอพูดซ้ำ แต่สิ่งที่อยากจะกล่าวถึงอย่างมาก ที่เป็นหัวใจสำคัญของเรื่องนี้เลยก็คือ ความหมายของชื่อเรื่อง "หนึ่งในร้อย" . หนึ่งในร้อย เป็นคำเปรียบถึงคนอย่างคุณพระฯ เรื่องนี้ชัดเจนแน่นอน ความดีของตัวละครนี้ สำหรับคนที่ดูละครอย่างเดียวอาจเห็นภาพได้ไม่ตรงและใสเท่าในบทประพันธ์ เพราะหนังสือมีเวลาให้ผู้เขียนได้ใส่รายละเอียด และเล่าให้คนอ่านสามารถรู้ชัดเจนถึงที่มาที่ไปแห่งความเป็นคน ซึ่งมีความเป็นสัตบุรุษคือไม่ใช่แค่ดีอย่างทั่วไปหรือดีแบบโลก ๆ เท่านั้น แต่มีความดำรงตนอยู่ในศีลและตั้งตนให้ดำรงมั่นในธรรมะที่เป็นเครื่องหล่อเลี้ยง ให้ใจไม่ไหลไปตามกระแสแห่งความต้องการที่เป็นอำนาจฝ่ายต่ำ จึงไม่ถูกชักจูงโดยง่ายจากแรงเร้าภายนอกที่มากระทบ ด้วยเหตุนี้คุณพระฯ จึงมีคุณธรรมอยู่ประจำใจเสมอ อันจะคอยคัดท้ายไม่ให้หลุดออกนอกเส้นทางดีงาม แม้นมีบางคราวที่ต้องผจญคลื่นลมพายุโหมกระหน่ำจนถึงขั้นแทบอับปาง เกือบจะไม่สามารถนำพานาวาชีวิตล่องฝ่าภัยต่อไปเหนือลำน้ำได้ แต่สุดท้ายก็รอดพ้นจากวิกฤตและได้รับผลแห่งความดีที่ทำมาด้วยความสุขใจในเบื้องปลาย . ทว่าคุณพระฯ เองก็ยังมีข้อเสียที่เด่นชัดมาก หากจะมองให้ลึกลงไป นั่นคือการที่เขาช่วยคนโดยเน้นไปที่การอนุเคราะห์ เติมเต็มความต้องการทางด้านปัจจัยสี่ให้แก่แม่และน้อง ๆ หรือคนที่รู้จัก และแม้นในคนทั่วไปเท่าที่อาชีพการงานและฐานะแห่งตนจะพอทำได้ แต่ไม่ได้ช่วยด้วยการฝึกให้คนเหล่านั้นรู้จักการช่วยเหลือตนเอง ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าถึงคราวที่คุณพระฯ อยู่ในสถานะอันลำบากในทางใดทางหนึ่ง ที่ไม่อาจจะให้ความช่วยเหลือหรือจำต้องปฏิเสธคำขอร้อง บรรดาคนซึ่งเคยได้รับเป็นประจำจากเขามาโดยตลอด จึงเกิดความไม่พอใจ กลายเป็นความโกรธ จนหลุดแสดงอำนาจและกิเลสในใจตนให้ระเบิดออกมาอย่างกับคนเสียจริต เห็นได้จากแม่และชัดเป็นต้น . ดังนั้นการช่วยคนที่ประเสริฐเลิศยอดที่สุด ที่จะไม่กลับเป็นภัยย้อนมาทำร้ายตัวของคนซึ่งเป็นผู้ให้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งต้องเน้นช่วยคนด้วยการให้เขารู้จักการช่วยเหลือตัวเองให้อยู่รอดได้ โดยไม่เป็นเพียงผู้ขอร่ำไปตลอดไป นั่นคือสิ่งที่ผมได้ฟังอยู่เสมอจากคำสอนของพระอาจารย์ที่เคารพศรัทธา ด้วยพรหมวิหาร 4 นั้นมีความสำคัญอย่างมากสำหรับคนผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้ใหญ่ คือต้องมีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา แต่ถ้าเมตตาไม่มีประมาณแล้วขาดซึ่งปัญญากำกับ เมตตานั้นจะเป็นเช่นอาวุธที่หันกลับสู่ตนหากไม่ระวัง . คุณพระฯ เองมีเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลกเป็นที่ตั้ง โดยเฉพาะกับญาติจนถึงขั้นให้ความช่วยเหลือคือความกรุณาดังแสดงออกให้เห็น และมีจิตพลอยยินดีในเมื่อผู้อื่นได้รับความเจริญหรือผลแห่งความสำเร็จ ไม่เกิดอิจฉาริษยาประทุษร้ายกับใครแม้นเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่คุณพระฯ ยังสอบไม่ผ่านในข้ออุเบกขา คือไม่รู้จักที่จะตัดรอบ ช่วยได้เท่าที่ช่วยไหว สัตว์โลกล้วนมีวิบากแห่งตนซึ่งได้สั่งสมมาไม่ว่าทางร้ายหรือดี ไม่ใช่ต้องเอาชีวิตของเขาขึ้นมาแบกหามไว้ราวกับเป็นเรื่องของตนเองไปเสียทั้งหมด คือช่วยแล้วปล่อยวางไม่ลง แม่ก็แล้ว น้อง ๆ หลายคนและครอบครัวของน้องก็อีก จึงต้องตกที่นั่งถูกคนที่ตนให้ความช่วยเหลือนั้นวกกลับมาทำร้ายตนจนสาหัสแทบจะสิ้นลมหายใจ เป็นการเบียดเบียนตนเองซึ่งทางพุทธศาสนาไม่สรรเสริญ . ดังนั้น คนอย่างคุณพระฯ อาจหาได้ยาก ดังเช่นคำว่า "หนึ่งในร้อย" แต่คนที่หาได้ยากกว่าอาจถึงขั้น "หนึ่งในล้าน" คือคนที่เข้าใจ และเข้าถึง หลักธรรมในหมวด 4 ของพุทธศาสนาอย่างแท้จริงและนำมาปฏิบัติได้คือ เมตตาได้ทุกผู้แม้เป็นศัตรูของตัวเอง ช่วยเหลือได้ทุกคนเท่าที่ช่วยไหวโดยไม่เดือดร้อน มีใจร่วมยินดีเมื่อเห็นว่าเขาได้ดี ปราศจากความคิดมุ่งร้ายอยากทำลาย สุดท้ายคือไม่อนาทรร้อนใจแม้นไม่สามารถช่วยได้ ด้วยเห็นแล้วว่าไม่อาจช่วย หรือช่วยต่อไปจะเป็นโทษต่อเขาและต่อเรามากกว่า ก็ต้องปล่อยเขาไปตามทางที่เขาสร้างมา . ตอนล่าสุดเมื่อคืนยังไม่ว่างดูสดแบบเต็ม ๆ เลย แค่ผ่านตาแวบ ๆ บางฉาก แต่ก็พอเดาทิศทางได้เลา ๆ ว่าบทดัดแปลงคงจะพาอนงค์และคุณพระฯ ทะลุมิติท่องไปไกลในดินแดนอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นคนละโลกกับเรื่องที่เกิดขึ้นในนิยาย ถ้าเรียกภาษาคนรุ่นใหม่คงจะใช้คำว่า ตัวละครเดียวกันแต่อยู่คนละมัลติเวิร์ส(ไม่แน่ใจสะกดเช่นนี้หรือไม่)กระมัง นี่คือส่วนที่หวั่นใจมาตลอด เพราะในสัปดาห์ก่อนที่เห็นว่าฉากสำคัญที่อยู่ตอนท้ายในนิยาย คือคุณพระล้มเจ็บ ถูกร่นขึ้นมาตั้งแต่กลางเรื่อง อีกทั้งความดราม่าที่ถูกผูกขึ้นใหม่ระหว่างตัวละคร 3-4 ตัว ก็ทำให้พอจะคาดการณ์ได้ว่า ต่อจากนี้ไปคงจะเป็นการด้นใส่อะไรต่อมิอะไรเข้ามาอีกมาก และไม่รู้ว่าจะไปจบลงที่ตรงไหน ก็ได้แต่ละเหี่ยใจ . ความดีงามของอนงค์ในหนังสือ ที่แม้นเป็นสาวสมัยใหม่ในยุคนั้น แต่ยังมีความรู้รักในเกียรติและศักดิ์ศรีของกุลสตรี ฉลาดและมีเฉลียว อีกทั้งมองคนออกอย่างเลิศ วางตัวเหมาะสมไม่ทำอะไรที่จะไปสะกิดให้คุณพระฯ นึกหยามหรือดูแคลนเอาได้ จนกระทั่งถึงเวลาที่ทุกอย่างดำเนินไปจนถึงที่สุด จึงกล้าเผยหัวใจตนให้คนที่แอบเทิดทูนบูชารับรู้ ทั้งที่ทราบอยู่แก่ใจว่าอาจทำให้คุณพระฯ มองเธอไปในแง่ไม่ดี แต่ใจที่นึกเวทนาสงสารบวกความรักที่งอกเงยมานานมันเปี่ยมล้นพ้นใจ เกินกว่าจะเก็บกลั้นไว้ภายใน จึงได้ปลดปล่อยไหลทะลักไปในครานั้น แต่แม้จะหลุดคำพูดฝากรัก หากถ้อยคำที่สื่อสารก็ยังเปี่ยมด้วยมธุรส และงดงามในภาษาที่ช่างสรรคำมาเจรจาอย่างน่าทึ่ง ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้นคงจะไม่อาจคาดหวังว่าจะได้พบเจอเสียแล้ว เพราะได้ถูกแปรเปลี่ยนไปเป็นอนงค์ในแบบฉบับที่เหมือนปล่อยให้อำนาจความรัก ชักจูงเธอไปให้คิดและทำในสิ่งซึ่งอนงค์ในนิยายจะไม่มีวันทำเป็นอันขาด น่าเสียดาย... ภาพประกอบขอยืมจากในเน็ต #thaitimes #ดอกไม้สด #ละคร #mycherieamour #วิเคราะห์ตัวละคร #วิจารณ์ละคร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 299 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในพระพุทธศาสนา กรรมเป็นสิ่งสำคัญที่กำหนดชีวิตของมนุษย์ สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นแดนเกิด การที่เราเกิดมาในครอบครัวกับพ่อแม่แบบใด เป็นผลจากกรรมเก่าที่เราทำไว้ เมื่อเรารู้ว่าเราไม่สามารถเลือกกำเนิดได้ แต่สามารถเลือกปฏิบัติได้ พระพุทธเจ้าทรงสอนให้เราเข้าใจถึงกรรมที่เชื่อมโยงกับพ่อแม่ และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราสามารถทำเพื่อตอบแทนพ่อแม่ ไม่ใช่เพียงแค่ดูแลท่านทางกายเท่านั้น แต่ยังต้องช่วยท่านให้เข้าใจธรรมะด้วย

    1. การตอบแทนด้วยการเลี้ยงดู:
    การเลี้ยงดูพ่อแม่ให้มีความสุขทั้งกายและใจเป็นการตอบแทนพื้นฐาน แม้ว่าในบางครั้งการกระทำของเราจะไม่ตรงกับความคาดหวังของท่าน เราก็ควรตั้งใจทำด้วยความกตัญญูโดยไม่มีเงื่อนไข

    2. การตอบแทนด้วยธรรมะ:
    การช่วยให้พ่อแม่เข้าใจในเรื่องกรรมและผลของกรรม เป็นการช่วยให้ท่านมีที่พึ่งทางใจที่แท้จริง เพราะกรรมดีและธรรมะเป็นสิ่งที่ช่วยให้ท่านมีความสุขในปัจจุบันและอนาคต หากท่านสามารถเข้าใจเรื่องทาน ศีล และธรรมะได้ ท่านจะมีทางพ้นจากทุกข์ในที่สุด

    3. การให้อภัยและลดโทสะ:
    การที่เราสามารถอภัยพ่อแม่ได้ เป็นการแสดงถึงความมีจิตใจที่สูงพอและเป็นกุศล โทสะและการทะเลาะกับท่านไม่ได้ช่วยให้ท่านเปลี่ยนแปลงหรือเข้าใจธรรมะได้ ตรงกันข้าม มันกลับทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง

    สรุป:
    การตอบแทนพ่อแม่ที่ดีที่สุดคือการนำพาท่านสู่ธรรมะและกรรมดี เมื่อเราทำหน้าที่ของลูกด้วยจิตที่ปรารถนาดีต่อท่าน จิตใจเราก็จะดีขึ้น โทสะจะลดลง และเราจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับพ่อแม่ได้

    ในพระพุทธศาสนา กรรมเป็นสิ่งสำคัญที่กำหนดชีวิตของมนุษย์ สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นแดนเกิด การที่เราเกิดมาในครอบครัวกับพ่อแม่แบบใด เป็นผลจากกรรมเก่าที่เราทำไว้ เมื่อเรารู้ว่าเราไม่สามารถเลือกกำเนิดได้ แต่สามารถเลือกปฏิบัติได้ พระพุทธเจ้าทรงสอนให้เราเข้าใจถึงกรรมที่เชื่อมโยงกับพ่อแม่ และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราสามารถทำเพื่อตอบแทนพ่อแม่ ไม่ใช่เพียงแค่ดูแลท่านทางกายเท่านั้น แต่ยังต้องช่วยท่านให้เข้าใจธรรมะด้วย 1. การตอบแทนด้วยการเลี้ยงดู: การเลี้ยงดูพ่อแม่ให้มีความสุขทั้งกายและใจเป็นการตอบแทนพื้นฐาน แม้ว่าในบางครั้งการกระทำของเราจะไม่ตรงกับความคาดหวังของท่าน เราก็ควรตั้งใจทำด้วยความกตัญญูโดยไม่มีเงื่อนไข 2. การตอบแทนด้วยธรรมะ: การช่วยให้พ่อแม่เข้าใจในเรื่องกรรมและผลของกรรม เป็นการช่วยให้ท่านมีที่พึ่งทางใจที่แท้จริง เพราะกรรมดีและธรรมะเป็นสิ่งที่ช่วยให้ท่านมีความสุขในปัจจุบันและอนาคต หากท่านสามารถเข้าใจเรื่องทาน ศีล และธรรมะได้ ท่านจะมีทางพ้นจากทุกข์ในที่สุด 3. การให้อภัยและลดโทสะ: การที่เราสามารถอภัยพ่อแม่ได้ เป็นการแสดงถึงความมีจิตใจที่สูงพอและเป็นกุศล โทสะและการทะเลาะกับท่านไม่ได้ช่วยให้ท่านเปลี่ยนแปลงหรือเข้าใจธรรมะได้ ตรงกันข้าม มันกลับทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง สรุป: การตอบแทนพ่อแม่ที่ดีที่สุดคือการนำพาท่านสู่ธรรมะและกรรมดี เมื่อเราทำหน้าที่ของลูกด้วยจิตที่ปรารถนาดีต่อท่าน จิตใจเราก็จะดีขึ้น โทสะจะลดลง และเราจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับพ่อแม่ได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts