• บทความกฎหมาย EP.39

    คำว่า "บิดา" ในบริบททางกฎหมายนั้นมีความสำคัญและมีความหมายที่เจาะจงอย่างยิ่ง ไม่ได้จำกัดเพียงแค่ความสัมพันธ์ทางสายเลือดหรือทางชีววิทยาเท่านั้น แต่ยังหมายถึง "ผู้ชายที่เป็นพ่อตามกฎหมาย" ซึ่งเป็นสถานะที่ได้รับการรับรองและกำหนดสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ และความสัมพันธ์ตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของประเทศไทยบัญญัติไว้เป็นสำคัญ การจะเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายนั้น มีหลักการที่ชัดเจนซึ่งมุ่งเน้นไปที่การคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของบุตรเป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นเรื่องการรับมรดก การใช้อำนาจปกครอง และการได้รับการอุปการะเลี้ยงดู การเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับบุตรที่เกิดจากการสมรส ถือว่าง่ายที่สุด เพราะกฎหมายสันนิษฐานไว้ก่อนว่าสามีของผู้เป็นมารดาย่อมเป็นบิดาของบุตรที่เกิดในระหว่างการสมรสหรือภายในสามร้อยสิบวันนับแต่วันที่การสมรสสิ้นสุดลง ซึ่งเป็นหลักการที่เรียกว่าการสันนิษฐานว่าเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย แต่สำหรับบุตรที่เกิดนอกสมรส กฎหมายไทยไม่ได้สันนิษฐานให้ผู้ให้กำเนิดเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายโดยอัตโนมัติ การที่บิดาผู้ให้กำเนิดจะได้รับการรับรองสถานะทางกฎหมายเป็น "บิดา" ของบุตรนอกสมรสได้นั้น จะต้องดำเนินการตามวิธีการที่กฎหมายกำหนดไว้เป็นการเฉพาะเจาะจง ซึ่งได้แก่ การจดทะเบียนสมรสกับมารดาภายหลังการเกิดของบุตร การจดทะเบียนรับรองบุตร หรือการที่ศาลมีคำพิพากษาว่าเป็นบิดา การจดทะเบียนรับรองบุตรถือเป็นกระบวนการที่สำคัญยิ่งและเป็นทางออกหลักสำหรับกรณีนี้ โดยต้องได้รับความยินยอมจากบุตรและมารดาหากบุตรบรรลุนิติภาวะแล้ว หรือมารดาและผู้มีอำนาจปกครองในกรณีที่บุตรยังเป็นผู้เยาว์ ทั้งนี้เพื่อป้องกันการสวมสิทธิ หรือการรับรองบุตรโดยไม่สุจริต ขณะเดียวกัน บทบาทของศาลก็มีความสำคัญอย่างยิ่งในการพิจารณาคดีพิสูจน์ความเป็นบิดา เมื่อมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้น หากศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าผู้ใดเป็นบิดาของบุตร คำพิพากษานั้นย่อมมีผลให้บุคคลนั้นเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายนับตั้งแต่วันที่บุตรเกิด และก่อให้เกิดความสัมพันธ์ทางกฎหมายในทันทีทันใด ทั้งสิทธิและหน้าที่ผูกพันระหว่างกันและกันโดยสมบูรณ์ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายบัญญัติไว้ อำนาจปกครองบุตรเป็นอีกประเด็นที่ต้องกล่าวถึง เมื่อบุคคลใดได้รับการรับรองสถานะเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ย่อมมีสิทธิในการใช้อำนาจปกครองร่วมกับมารดาตามหลักที่กฎหมายกำหนด เว้นแต่จะมีเหตุผลพิเศษอื่นที่ศาลสั่งเป็นอย่างอื่น อำนาจปกครองนี้ครอบคลุมถึงการกำหนดที่อยู่ของบุตร การดูแลสุขภาพและการศึกษาของบุตร รวมถึงการจัดการทรัพย์สินของบุตรภายใต้กรอบของกฎหมาย ดังนั้น ความหมายของ "บิดา" จึงเป็นยิ่งกว่าคำเรียกทางเครือญาติ แต่เป็นสถานะที่มีผลผูกพันทางกฎหมายอย่างแน่นแฟ้น ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการธำรงไว้ซึ่งสิทธิ หน้าที่ และความมั่นคงของสถาบันครอบครัวตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย

    ดังนั้น สถานะ "บิดา" ในความหมายทางกฎหมายจึงเป็นสถานะที่มิได้เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติในทุกกรณี แต่ต้องเกิดจากการยอมรับหรือการรับรองตามหลักเกณฑ์ที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กำหนดไว้เป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการสันนิษฐานจากผลของการสมรส หรือการดำเนินการตามขั้นตอนที่เข้มงวดสำหรับการรับรองบุตรนอกสมรส สถานะดังกล่าวนี้เป็นเครื่องมือทางกฎหมายที่สร้างความชัดเจนและมั่นคงในความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูก ทำให้เกิดสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบต่อกันและกันอย่างสมบูรณ์ เช่น สิทธิในการรับมรดก สิทธิในการได้รับการอุปการะเลี้ยงดู รวมถึงการมีส่วนร่วมในการใช้อำนาจปกครองบุตร ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนมีเป้าหมายหลักในการคุ้มครองสิทธิและสวัสดิภาพของบุตรในฐานะพลเมืองคนหนึ่งของสังคม โดยเน้นย้ำว่าความเป็นพ่อแม่ที่แท้จริงในทางกฎหมายนั้นคือการมีภาระผูกพันและความรับผิดชอบตามกรอบของกฎหมายที่ชัดเจน

    สรุปได้ว่า คำว่า "บิดา" คือ "ผู้ชายที่เป็นพ่อตามกฎหมาย" นั้นไม่ใช่เพียงคำนิยามสั้น ๆ แต่เป็นบทสรุปของกระบวนการทางกฎหมายอันซับซ้อนที่มุ่งมั่นในการสร้างความผูกพันทางกฎหมายระหว่างผู้ให้กำเนิดกับบุตรอย่างเป็นทางการ โดยมีหลักเกณฑ์และวิธีการที่แตกต่างกันไปตามสถานะการสมรสของบิดาและมารดา ซึ่งไม่ว่าจะมาด้วยวิธีการใด เป้าหมายสุดท้ายคือการทำให้บุตรได้รับความคุ้มครอง สิทธิ และความมั่นคงในชีวิตจากบุคคลที่กฎหมายรับรองว่าเป็นบิดาอย่างสมบูรณ์และไม่มีข้อสงสัยในทางนิตินัย ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการบัญญัติกฎหมายครอบครัวในประเด็นนี้.
    บทความกฎหมาย EP.39 คำว่า "บิดา" ในบริบททางกฎหมายนั้นมีความสำคัญและมีความหมายที่เจาะจงอย่างยิ่ง ไม่ได้จำกัดเพียงแค่ความสัมพันธ์ทางสายเลือดหรือทางชีววิทยาเท่านั้น แต่ยังหมายถึง "ผู้ชายที่เป็นพ่อตามกฎหมาย" ซึ่งเป็นสถานะที่ได้รับการรับรองและกำหนดสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ และความสัมพันธ์ตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของประเทศไทยบัญญัติไว้เป็นสำคัญ การจะเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายนั้น มีหลักการที่ชัดเจนซึ่งมุ่งเน้นไปที่การคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของบุตรเป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นเรื่องการรับมรดก การใช้อำนาจปกครอง และการได้รับการอุปการะเลี้ยงดู การเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับบุตรที่เกิดจากการสมรส ถือว่าง่ายที่สุด เพราะกฎหมายสันนิษฐานไว้ก่อนว่าสามีของผู้เป็นมารดาย่อมเป็นบิดาของบุตรที่เกิดในระหว่างการสมรสหรือภายในสามร้อยสิบวันนับแต่วันที่การสมรสสิ้นสุดลง ซึ่งเป็นหลักการที่เรียกว่าการสันนิษฐานว่าเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย แต่สำหรับบุตรที่เกิดนอกสมรส กฎหมายไทยไม่ได้สันนิษฐานให้ผู้ให้กำเนิดเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายโดยอัตโนมัติ การที่บิดาผู้ให้กำเนิดจะได้รับการรับรองสถานะทางกฎหมายเป็น "บิดา" ของบุตรนอกสมรสได้นั้น จะต้องดำเนินการตามวิธีการที่กฎหมายกำหนดไว้เป็นการเฉพาะเจาะจง ซึ่งได้แก่ การจดทะเบียนสมรสกับมารดาภายหลังการเกิดของบุตร การจดทะเบียนรับรองบุตร หรือการที่ศาลมีคำพิพากษาว่าเป็นบิดา การจดทะเบียนรับรองบุตรถือเป็นกระบวนการที่สำคัญยิ่งและเป็นทางออกหลักสำหรับกรณีนี้ โดยต้องได้รับความยินยอมจากบุตรและมารดาหากบุตรบรรลุนิติภาวะแล้ว หรือมารดาและผู้มีอำนาจปกครองในกรณีที่บุตรยังเป็นผู้เยาว์ ทั้งนี้เพื่อป้องกันการสวมสิทธิ หรือการรับรองบุตรโดยไม่สุจริต ขณะเดียวกัน บทบาทของศาลก็มีความสำคัญอย่างยิ่งในการพิจารณาคดีพิสูจน์ความเป็นบิดา เมื่อมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้น หากศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าผู้ใดเป็นบิดาของบุตร คำพิพากษานั้นย่อมมีผลให้บุคคลนั้นเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายนับตั้งแต่วันที่บุตรเกิด และก่อให้เกิดความสัมพันธ์ทางกฎหมายในทันทีทันใด ทั้งสิทธิและหน้าที่ผูกพันระหว่างกันและกันโดยสมบูรณ์ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายบัญญัติไว้ อำนาจปกครองบุตรเป็นอีกประเด็นที่ต้องกล่าวถึง เมื่อบุคคลใดได้รับการรับรองสถานะเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ย่อมมีสิทธิในการใช้อำนาจปกครองร่วมกับมารดาตามหลักที่กฎหมายกำหนด เว้นแต่จะมีเหตุผลพิเศษอื่นที่ศาลสั่งเป็นอย่างอื่น อำนาจปกครองนี้ครอบคลุมถึงการกำหนดที่อยู่ของบุตร การดูแลสุขภาพและการศึกษาของบุตร รวมถึงการจัดการทรัพย์สินของบุตรภายใต้กรอบของกฎหมาย ดังนั้น ความหมายของ "บิดา" จึงเป็นยิ่งกว่าคำเรียกทางเครือญาติ แต่เป็นสถานะที่มีผลผูกพันทางกฎหมายอย่างแน่นแฟ้น ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการธำรงไว้ซึ่งสิทธิ หน้าที่ และความมั่นคงของสถาบันครอบครัวตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ดังนั้น สถานะ "บิดา" ในความหมายทางกฎหมายจึงเป็นสถานะที่มิได้เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติในทุกกรณี แต่ต้องเกิดจากการยอมรับหรือการรับรองตามหลักเกณฑ์ที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กำหนดไว้เป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการสันนิษฐานจากผลของการสมรส หรือการดำเนินการตามขั้นตอนที่เข้มงวดสำหรับการรับรองบุตรนอกสมรส สถานะดังกล่าวนี้เป็นเครื่องมือทางกฎหมายที่สร้างความชัดเจนและมั่นคงในความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูก ทำให้เกิดสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบต่อกันและกันอย่างสมบูรณ์ เช่น สิทธิในการรับมรดก สิทธิในการได้รับการอุปการะเลี้ยงดู รวมถึงการมีส่วนร่วมในการใช้อำนาจปกครองบุตร ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนมีเป้าหมายหลักในการคุ้มครองสิทธิและสวัสดิภาพของบุตรในฐานะพลเมืองคนหนึ่งของสังคม โดยเน้นย้ำว่าความเป็นพ่อแม่ที่แท้จริงในทางกฎหมายนั้นคือการมีภาระผูกพันและความรับผิดชอบตามกรอบของกฎหมายที่ชัดเจน สรุปได้ว่า คำว่า "บิดา" คือ "ผู้ชายที่เป็นพ่อตามกฎหมาย" นั้นไม่ใช่เพียงคำนิยามสั้น ๆ แต่เป็นบทสรุปของกระบวนการทางกฎหมายอันซับซ้อนที่มุ่งมั่นในการสร้างความผูกพันทางกฎหมายระหว่างผู้ให้กำเนิดกับบุตรอย่างเป็นทางการ โดยมีหลักเกณฑ์และวิธีการที่แตกต่างกันไปตามสถานะการสมรสของบิดาและมารดา ซึ่งไม่ว่าจะมาด้วยวิธีการใด เป้าหมายสุดท้ายคือการทำให้บุตรได้รับความคุ้มครอง สิทธิ และความมั่นคงในชีวิตจากบุคคลที่กฎหมายรับรองว่าเป็นบิดาอย่างสมบูรณ์และไม่มีข้อสงสัยในทางนิตินัย ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการบัญญัติกฎหมายครอบครัวในประเด็นนี้.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 84 มุมมอง 0 รีวิว
  • Second IC: Homemade Silicon Chips โดย Sam Zeloof

    บทความนี้เล่าเรื่องการสร้างชิปทรานซิสเตอร์กว่า 1,000 ตัวด้วยกระบวนการ DIY โดย Sam Zeloof ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของการทำ Integrated Circuit (IC) แบบโฮมเมด

    Sam Zeloof นักทดลองด้านอิเล็กทรอนิกส์ที่เริ่มทำชิปตั้งแต่สมัยมัธยม ได้เผยแพร่ผลงานใหม่ชื่อ Z2 ซึ่งเป็นชิปที่มีทรานซิสเตอร์กว่า 1,200 ตัว ผลิตขึ้นด้วยกระบวนการ DIY ในโรงงานเล็กๆ ที่บ้าน โดยใช้เทคนิค polysilicon gate process ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับที่ Intel ใช้ในโปรเซสเซอร์รุ่นแรกๆ อย่าง Intel 4004

    ก่อนหน้านี้ Sam เคยสร้าง Z1 amplifier ที่มีเพียง 6 ทรานซิสเตอร์เพื่อทดสอบกระบวนการ แต่ครั้งนี้เขาสามารถเพิ่มจำนวนทรานซิสเตอร์ได้มหาศาล ทำให้เข้าใกล้การสร้างวงจรที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่นหน่วยความจำหรือวงจรดิจิทัลเต็มรูปแบบ

    สิ่งที่โดดเด่นคือการเปลี่ยนจาก metal gate ไปเป็น polysilicon gate ทำให้ชิปใหม่มี threshold voltage (Vth) ต่ำลง และสามารถทำงานร่วมกับแรงดันมาตรฐาน 2.5V–3.3V ได้ ต่างจากรุ่นก่อนที่ต้องใช้แบตเตอรี่แรงดันสูงถึง 9V เพื่อให้ทำงานได้ นอกจากนี้ยังพบว่า leakage current ต่ำมาก ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดีเกินคาดสำหรับการผลิตแบบโฮมเมด

    Sam ใช้เครื่องมือพื้นฐาน เช่น microscope, hotplate, tube furnace และ photoresist รวมถึงการซื้อเวเฟอร์ที่มีการเคลือบชั้น polysilicon และ SiO₂ มาแล้วจากโรงงาน เพื่อลดขั้นตอนที่อันตรายและซับซ้อน เขายังใช้ซอฟต์แวร์ง่ายๆ อย่าง Photoshop ในการออกแบบ layout ของชิป

    แม้ผลลัพธ์ยังมีข้อจำกัด เช่น yield ต่ำและความผิดพลาดในการจัดเรียงเลเยอร์ แต่การที่สามารถสร้างชิปที่มีทรานซิสเตอร์มากกว่า 1,000 ตัวได้ด้วยอุปกรณ์พื้นฐาน ถือเป็นการพิสูจน์ว่า DIY IC fabrication สามารถก้าวไปไกลกว่าการทดลองเล็กๆ และอาจเปิดทางให้ผู้สนใจทั่วโลกได้ลองทำสิ่งที่เคยเป็นไปไม่ได้มาก่อน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Z2 Chip
    มีทรานซิสเตอร์กว่า 1,200 ตัว ผลิตด้วยกระบวนการ DIY

    Polysilicon Gate Process
    ทำให้ threshold voltage ต่ำลงและรองรับแรงดันมาตรฐาน 2.5–3.3V

    คุณสมบัติเด่น
    leakage current ต่ำมาก, rise/fall time < 10 ns

    เครื่องมือที่ใช้
    อุปกรณ์พื้นฐาน เช่น microscope, hotplate, tube furnace และ photoresist

    ข้อจำกัดของกระบวนการ DIY
    yield ต่ำ, alignment ของเลเยอร์ไม่สมบูรณ์ และยังไม่รองรับ CMOS เต็มรูปแบบ

    https://sam.zeloof.xyz/second-ic/
    🔬 Second IC: Homemade Silicon Chips โดย Sam Zeloof บทความนี้เล่าเรื่องการสร้างชิปทรานซิสเตอร์กว่า 1,000 ตัวด้วยกระบวนการ DIY โดย Sam Zeloof ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของการทำ Integrated Circuit (IC) แบบโฮมเมด Sam Zeloof นักทดลองด้านอิเล็กทรอนิกส์ที่เริ่มทำชิปตั้งแต่สมัยมัธยม ได้เผยแพร่ผลงานใหม่ชื่อ Z2 ซึ่งเป็นชิปที่มีทรานซิสเตอร์กว่า 1,200 ตัว ผลิตขึ้นด้วยกระบวนการ DIY ในโรงงานเล็กๆ ที่บ้าน โดยใช้เทคนิค polysilicon gate process ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับที่ Intel ใช้ในโปรเซสเซอร์รุ่นแรกๆ อย่าง Intel 4004 ก่อนหน้านี้ Sam เคยสร้าง Z1 amplifier ที่มีเพียง 6 ทรานซิสเตอร์เพื่อทดสอบกระบวนการ แต่ครั้งนี้เขาสามารถเพิ่มจำนวนทรานซิสเตอร์ได้มหาศาล ทำให้เข้าใกล้การสร้างวงจรที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่นหน่วยความจำหรือวงจรดิจิทัลเต็มรูปแบบ สิ่งที่โดดเด่นคือการเปลี่ยนจาก metal gate ไปเป็น polysilicon gate ทำให้ชิปใหม่มี threshold voltage (Vth) ต่ำลง และสามารถทำงานร่วมกับแรงดันมาตรฐาน 2.5V–3.3V ได้ ต่างจากรุ่นก่อนที่ต้องใช้แบตเตอรี่แรงดันสูงถึง 9V เพื่อให้ทำงานได้ นอกจากนี้ยังพบว่า leakage current ต่ำมาก ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดีเกินคาดสำหรับการผลิตแบบโฮมเมด Sam ใช้เครื่องมือพื้นฐาน เช่น microscope, hotplate, tube furnace และ photoresist รวมถึงการซื้อเวเฟอร์ที่มีการเคลือบชั้น polysilicon และ SiO₂ มาแล้วจากโรงงาน เพื่อลดขั้นตอนที่อันตรายและซับซ้อน เขายังใช้ซอฟต์แวร์ง่ายๆ อย่าง Photoshop ในการออกแบบ layout ของชิป แม้ผลลัพธ์ยังมีข้อจำกัด เช่น yield ต่ำและความผิดพลาดในการจัดเรียงเลเยอร์ แต่การที่สามารถสร้างชิปที่มีทรานซิสเตอร์มากกว่า 1,000 ตัวได้ด้วยอุปกรณ์พื้นฐาน ถือเป็นการพิสูจน์ว่า DIY IC fabrication สามารถก้าวไปไกลกว่าการทดลองเล็กๆ และอาจเปิดทางให้ผู้สนใจทั่วโลกได้ลองทำสิ่งที่เคยเป็นไปไม่ได้มาก่อน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Z2 Chip ➡️ มีทรานซิสเตอร์กว่า 1,200 ตัว ผลิตด้วยกระบวนการ DIY ✅ Polysilicon Gate Process ➡️ ทำให้ threshold voltage ต่ำลงและรองรับแรงดันมาตรฐาน 2.5–3.3V ✅ คุณสมบัติเด่น ➡️ leakage current ต่ำมาก, rise/fall time < 10 ns ✅ เครื่องมือที่ใช้ ➡️ อุปกรณ์พื้นฐาน เช่น microscope, hotplate, tube furnace และ photoresist ‼️ ข้อจำกัดของกระบวนการ DIY ⛔ yield ต่ำ, alignment ของเลเยอร์ไม่สมบูรณ์ และยังไม่รองรับ CMOS เต็มรูปแบบ https://sam.zeloof.xyz/second-ic/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel เพิ่มการรองรับ Big Battlemage

    ข่าวนี้กล่าวถึงการที่ Intel เพิ่มการรองรับ Arc Battlemage BMG-G31 GPU ในซอฟต์แวร์ VTune Profiler ล่าสุด ซึ่งเป็นสัญญาณว่า “Big Battlemage” กำลังเข้าใกล้การเปิดตัวจริง อาจเกิดขึ้นในงาน CES 2026 ควบคู่กับซีพียู Panther Lake

    Intel ได้อัปเดต VTune Profiler (เวอร์ชัน 2025.7) โดยเพิ่มการรองรับ GPU รุ่น Arc Battlemage BMG-G31 และซีพียู Core Ultra 3 Panther Lake การเคลื่อนไหวนี้ถูกมองว่าเป็นสัญญาณชัดเจนว่า Big Battlemage กำลังจะเปิดตัวในเร็ว ๆ นี้ หลังจากที่มีข่าวลือมานานกว่าหนึ่งปี

    สเปกที่คาดการณ์
    Arc BMG-G31 คาดว่าจะมีสูงสุด 32 Xe2 Cores, หน่วยความจำ 16GB GDDR6, และบัส 256-bit ที่ให้แบนด์วิดท์ถึง 608 GB/s หากตั้งราคาในช่วง 300–400 ดอลลาร์สหรัฐ จะสามารถแข่งขันกับ NVIDIA RTX 5060 และ AMD RX 9060 ได้อย่างสูสี

    ความคืบหน้าและความล่าช้า
    เดิมที Intel มีแผนเปิดตัวรุ่น Arc B770 เร็วกว่านี้ แต่ถูกเลื่อนออกไปหลายครั้ง จนถึงปลายปี 2025 จึงยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ การเพิ่มการรองรับใน VTune จึงถูกตีความว่าเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวในงาน CES 2026

    ผลกระทบต่อการแข่งขันตลาด GPU
    หาก Big Battlemage เปิดตัวจริงในช่วงต้นปีหน้า จะเป็นการกลับมาท้าทาย NVIDIA และ AMD อีกครั้ง โดยเฉพาะในตลาดระดับกลางที่มีการแข่งขันสูง และอาจช่วยให้ Intel ขยายส่วนแบ่งตลาด GPU ได้มากขึ้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Intel เพิ่มการรองรับ Arc BMG-G31 ใน VTune Profiler
    สัญญาณว่า Big Battlemage ใกล้เปิดตัว

    สเปกที่คาดการณ์ของ BMG-G31
    32 Xe2 Cores, 16GB GDDR6, 256-bit bus, 608 GB/s

    ราคาที่คาดว่าจะอยู่ราว 300–400 ดอลลาร์
    แข่งขันกับ RTX 5060 และ RX 9060

    คาดว่าจะเปิดตัว CES 2026
    พร้อมกับซีพียู Panther Lake

    การเลื่อนเปิดตัวหลายครั้งในปี 2025
    ทำให้ตลาดยังไม่มั่นใจในแผน GPU ของ Intel

    การแข่งขันกับ NVIDIA และ AMD ยังเข้มข้น
    Intel ต้องพิสูจน์ความเสถียรและประสิทธิภาพจริง

    https://wccftech.com/intel-arc-battlemage-bmg-g31-gpu-brand-new-support-big-battlemage-finally-ready/
    🖥️ Intel เพิ่มการรองรับ Big Battlemage ข่าวนี้กล่าวถึงการที่ Intel เพิ่มการรองรับ Arc Battlemage BMG-G31 GPU ในซอฟต์แวร์ VTune Profiler ล่าสุด ซึ่งเป็นสัญญาณว่า “Big Battlemage” กำลังเข้าใกล้การเปิดตัวจริง อาจเกิดขึ้นในงาน CES 2026 ควบคู่กับซีพียู Panther Lake Intel ได้อัปเดต VTune Profiler (เวอร์ชัน 2025.7) โดยเพิ่มการรองรับ GPU รุ่น Arc Battlemage BMG-G31 และซีพียู Core Ultra 3 Panther Lake การเคลื่อนไหวนี้ถูกมองว่าเป็นสัญญาณชัดเจนว่า Big Battlemage กำลังจะเปิดตัวในเร็ว ๆ นี้ หลังจากที่มีข่าวลือมานานกว่าหนึ่งปี ⚡ สเปกที่คาดการณ์ Arc BMG-G31 คาดว่าจะมีสูงสุด 32 Xe2 Cores, หน่วยความจำ 16GB GDDR6, และบัส 256-bit ที่ให้แบนด์วิดท์ถึง 608 GB/s หากตั้งราคาในช่วง 300–400 ดอลลาร์สหรัฐ จะสามารถแข่งขันกับ NVIDIA RTX 5060 และ AMD RX 9060 ได้อย่างสูสี 🔍 ความคืบหน้าและความล่าช้า เดิมที Intel มีแผนเปิดตัวรุ่น Arc B770 เร็วกว่านี้ แต่ถูกเลื่อนออกไปหลายครั้ง จนถึงปลายปี 2025 จึงยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ การเพิ่มการรองรับใน VTune จึงถูกตีความว่าเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวในงาน CES 2026 🌍 ผลกระทบต่อการแข่งขันตลาด GPU หาก Big Battlemage เปิดตัวจริงในช่วงต้นปีหน้า จะเป็นการกลับมาท้าทาย NVIDIA และ AMD อีกครั้ง โดยเฉพาะในตลาดระดับกลางที่มีการแข่งขันสูง และอาจช่วยให้ Intel ขยายส่วนแบ่งตลาด GPU ได้มากขึ้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Intel เพิ่มการรองรับ Arc BMG-G31 ใน VTune Profiler ➡️ สัญญาณว่า Big Battlemage ใกล้เปิดตัว ✅ สเปกที่คาดการณ์ของ BMG-G31 ➡️ 32 Xe2 Cores, 16GB GDDR6, 256-bit bus, 608 GB/s ✅ ราคาที่คาดว่าจะอยู่ราว 300–400 ดอลลาร์ ➡️ แข่งขันกับ RTX 5060 และ RX 9060 ✅ คาดว่าจะเปิดตัว CES 2026 ➡️ พร้อมกับซีพียู Panther Lake ‼️ การเลื่อนเปิดตัวหลายครั้งในปี 2025 ⛔ ทำให้ตลาดยังไม่มั่นใจในแผน GPU ของ Intel ‼️ การแข่งขันกับ NVIDIA และ AMD ยังเข้มข้น ⛔ Intel ต้องพิสูจน์ความเสถียรและประสิทธิภาพจริง https://wccftech.com/intel-arc-battlemage-bmg-g31-gpu-brand-new-support-big-battlemage-finally-ready/
    WCCFTECH.COM
    Intel Arc Battlemage "BMG-G31" GPU Receives Brand New Support By The Chipmaker Itself, Is Big Battlemage Finally Ready For Launch?
    Intel has just added the latest support for its Arc Battlemage "BMG-G31" GPU, hinting that the launch should be closer than we think.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251206 #securityonline

    เก้าอี้ออฟฟิศที่พับครึ่งได้ – Hinomi H2 Pro
    เรื่องราวเริ่มจากการรีวิวเก้าอี้ทำงานรุ่นใหม่ Hinomi H2 Pro ที่ถูกออกแบบมาให้แตกต่างจากเก้าอี้ทั่วไป จุดเด่นคือสามารถพับครึ่งได้ ทำให้จัดเก็บง่ายขึ้น อีกทั้งยังมีระบบรองรับหลังส่วนล่างที่แข็งแรงและปรับได้หลายระดับ เหมาะกับคนที่ต้องการการนั่งที่ถูกสุขลักษณะ ตัววัสดุทำจากเฟรมอะลูมิเนียมและผ้าตาข่ายที่ระบายอากาศได้ดี ใช้งานต่อเนื่องทั้งวันก็ยังสบาย แม้จะมีข้อสังเกตว่าการรองรับหลังอาจแรงไปสำหรับบางคน แต่โดยรวมถือว่าเป็นเก้าอี้ที่คุ้มค่าและมีลูกเล่นที่ไม่เหมือนใคร
    https://www.techradar.com/pro/hinomi-h2-pro-office-chair-review

    การกลับมาของเครื่องเล่น SACD – Shanling SCD3.3
    ย้อนบรรยากาศยุค 90s กับเครื่องเล่นซีดีรุ่นใหม่ Shanling SCD3.3 ที่มาพร้อมหลอดแอมป์ในตัวและ DAC คุณภาพสูง จุดขายคือการรองรับแผ่น SACD และการออกแบบที่ผสมผสานความคลาสสิกกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ตัวเครื่องหนักแน่นด้วยโครงอะลูมิเนียมหนา มีหน้าจอสัมผัสและแอปควบคุมผ่านมือถือได้ เสียงที่ได้ถูกบรรยายว่าอบอุ่นและทรงพลัง เหมาะกับนักฟังเพลงที่ต้องการประสบการณ์เสียงระดับอ้างอิง แม้ราคาจะสูงถึงเกือบ 4,000 ดอลลาร์ แต่ก็เป็นการประกาศว่าแผ่นซีดียังไม่ตาย และยังมีเสน่ห์สำหรับสายเครื่องเสียงจริงจัง
    https://www.techradar.com/audio/sacd-is-back-baby-this-beefy-new-audiophile-cd-player-is-deliciously-90s-and-has-built-in-tube-amplification-as-a-bonus

    เครือข่ายมือถือแบบไม่ต้องเปิดเผยตัว – Phreeli
    นี่คือผู้ให้บริการมือถือรายใหม่ที่ชื่อว่า Phreeli จุดเด่นคือการสมัครใช้งานโดยไม่ต้องใช้ชื่อหรือข้อมูลส่วนตัวใด ๆ นอกจากรหัสไปรษณีย์และวิธีการชำระเงิน ซึ่งสามารถใช้คริปโตได้ ทำให้ไม่สามารถเชื่อมโยงเบอร์โทรกับตัวตนจริงได้ ระบบยังมีการป้องกันสแปมและการโทรกวน เหมาะกับคนที่กังวลเรื่องข้อมูลส่วนตัวจะถูกขายต่อให้บริษัทโฆษณาหรือหน่วยงานรัฐ แม้บางคนอาจสงสัยว่าใครจะใช้บริการแบบนี้ แต่ผู้ก่อตั้งยืนยันว่ามุ่งเน้นไปที่ผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่ใช่กลุ่มที่มีเจตนาไม่ดี
    https://www.techradar.com/phones/this-new-anonymous-phone-carrier-doesnt-even-need-your-name-here-are-5-things-you-should-know-about-it

    Intel เปลี่ยนใจไม่ขายธุรกิจ NEX
    เดิมที Intel มีแผนจะขายหรือแยกธุรกิจ Networking and Communications (NEX) ออกไป แต่ล่าสุดบริษัทประกาศว่าจะเก็บไว้ในพอร์ตโฟลิโอ เพราะมองว่าเป็นส่วนสำคัญต่อกลยุทธ์ด้าน AI ศูนย์ข้อมูล และ Edge Computing การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากสถานะทางการเงินของ Intel ดีขึ้นจากการลงทุนและการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ รวมถึงพันธมิตรอย่าง SoftBank และ Nvidia การเก็บ NEX ไว้ในบริษัทจะช่วยให้การพัฒนาซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และระบบทำงานร่วมกันได้แนบแน่นมากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/intel-drops-plans-to-sell-networking-and-communication-division

    Windscribe เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้จัดการ IP ได้เอง
    บริการ VPN อย่าง Windscribe เปิดตัวสองฟีเจอร์ใหม่คือ IP Pinning และ IP Rotation เพื่อให้ผู้ใช้ควบคุม IP ได้สะดวกขึ้น โดย IP Pinning ช่วยล็อก IP ที่ใช้งานได้ดีเพื่อความเสถียร เช่น ใช้กับแอปธนาคาร ส่วน IP Rotation ช่วยเปลี่ยน IP ได้ทันทีโดยไม่ต้องตัดการเชื่อมต่อ เหมาะกับการแก้ปัญหา CAPTCHA หรือการบล็อกจากเว็บไซต์ ฟีเจอร์เหล่านี้ยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวด้วยระบบ API แบบ zero-knowledge ทำให้แม้แต่ Windscribe เองก็ไม่สามารถบันทึกข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้ได้
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/windscribe-rolls-out-new-tools-to-let-you-manage-your-vpn-ip-address-your-way

    AI ถูกส่งขึ้นอวกาศ – Google, Amazon และ xAI
    สามบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีคือ Google, Amazon และ xAI กำลังร่วมมือกันเพื่อผลักดันโครงการนำ AI ขึ้นไปใช้งานในอวกาศ แนวคิดนี้คือการสร้างระบบประมวลผลที่สามารถทำงานได้โดยตรงบนดาวเทียมหรือสถานีอวกาศ เพื่อลดการพึ่งพาการส่งข้อมูลกลับมายังโลก ซึ่งจะช่วยให้การสื่อสารและการวิเคราะห์ข้อมูลจากอวกาศมีความรวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น โครงการนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันในตลาด AI ที่ขยายไปไกลเกินกว่าพื้นโลก และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ AI ในการสำรวจจักรวาลอย่างจริงจัง
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/google-amazon-and-xai-want-to-launch-ai-into-space

    หุ่นยนต์ดูดฝุ่นพร้อมระบบถูพื้นขั้นเทพ – Dreame Robovac
    Dreame เปิดตัวหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นใหม่ที่มาพร้อมระบบถูพื้นซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา จุดเด่นคือแท่นเก็บผ้าแบบ jukebox ที่สามารถเปลี่ยนผ้าเช็ดถูได้อัตโนมัติ ทำให้การทำความสะอาดต่อเนื่องโดยไม่ต้องคอยเปลี่ยนผ้าเอง หุ่นยนต์ยังมีระบบตรวจจับคราบและปรับแรงกดในการถูพื้นให้เหมาะสมกับสภาพพื้นผิว นอกจากนั้นยังสามารถเชื่อมต่อกับแอปเพื่อควบคุมและตั้งค่าการทำงานได้อย่างละเอียด ถือเป็นการยกระดับหุ่นยนต์ทำความสะอาดบ้านให้ฉลาดและสะดวกสบายยิ่งขึ้น
    https://www.techradar.com/home/vacuums/dreames-new-robovac-has-the-most-advanced-mop-setup-ive-seen-and-the-jukebox-style-mop-dispenser-is-just-the-start-of-it

    Windows 11 ปรับโฉม Run Prompt
    เรื่องที่ดูเหมือนเล็กแต่จริง ๆ แล้วสำคัญมากสำหรับผู้ใช้ Windows 11 กำลังจะเกิดขึ้น นั่นคือการปรับโฉมหน้าต่าง Run ที่เราคุ้นเคยกันมาตั้งแต่ยุค Windows 95 ให้เข้ากับดีไซน์ Fluent ของยุคใหม่ หน้าต่างนี้จะดูทันสมัยขึ้น ใหญ่ขึ้น และยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยแสดงคำสั่งที่เคยใช้ไปแล้ว ทำให้เรียกใช้งานซ้ำได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งแสดงไอคอนของแอปที่เราจะเปิดอีกด้วย แม้ยังไม่เปิดให้ใช้งานจริง แต่ก็มีการค้นพบในเวอร์ชันทดสอบแล้ว หลายคนก็แอบกังวลว่าจะทำให้การเปิด Run ช้าลง แต่โดยรวมถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่รอคอยกันมานาน
    https://www.techradar.com/computing/windows/windows-11s-run-prompt-is-getting-a-makeover-and-a-handy-extra-power-but-already-there-are-worries-microsoft-will-ruin-it

    Microsoft 365 เตรียมขึ้นราคา
    ข่าวนี้อาจทำให้หลายองค์กรต้องขยับงบประมาณ เพราะ Microsoft ประกาศว่าจะปรับขึ้นราคาของแพ็กเกจ Microsoft 365 และ Office 365 สำหรับธุรกิจและหน่วยงานรัฐตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2026 โดยขึ้นระหว่าง 5% ถึง 33% ขึ้นอยู่กับแพ็กเกจ แต่ก็มีการเพิ่มฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและ AI เข้ามา เช่น Microsoft Defender และ Security Copilot เพื่อช่วยป้องกันภัยไซเบอร์และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แม้ราคาจะสูงขึ้น แต่ Microsoft ยืนยันว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่เพิ่มเข้ามา
    https://www.techradar.com/pro/microsoft-365-is-hiking-prices-for-businesses-heres-how-much-it-will-cost-you

    Samsung Ballie Robot เลื่อนเปิดตัวอีกครั้ง
    หุ่นยนต์กลมสีเหลืองที่ชื่อ Ballie จาก Samsung ซึ่งเคยโชว์ตัวตั้งแต่ปี 2020 และถูกนำกลับมาเปิดตัวใหม่ใน CES 2025 พร้อมสัญญาว่าจะวางขายในช่วงซัมเมอร์ปีนั้น แต่จนถึงปลายปี 2025 ก็ยังไม่พร้อมวางจำหน่าย Samsung บอกว่ากำลังปรับปรุงเทคโนโลยีเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่า Ballie ถูกออกแบบให้เป็นผู้ช่วยในบ้าน สามารถฉายภาพยนตร์หรือข้อมูลบนผนัง และตอบคำถามได้ แต่ยังต้องรอการพัฒนาเพิ่มเติม คาดว่าอาจมีความคืบหน้าที่ CES 2026
    https://www.techradar.com/home/smart-home/samsungs-ballie-robot-is-delayed-again-and-now-we-know-why

    การโจมตีไซเบอร์ด้วย Brickworm Malware
    หน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐฯ และแคนาดาออกมาเตือนว่าแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐจีนใช้มัลแวร์ชื่อ Brickworm เจาะเข้าไปในระบบโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของสหรัฐฯ และองค์กรด้านไอทีทั่วโลก มัลแวร์นี้สามารถฝังตัวในระบบ VMware และ Windows เพื่อเข้าถึงไฟล์ ควบคุม Active Directory และคงการเข้าถึงระยะยาวได้ ทำให้เสี่ยงต่อการสอดแนมและการก่อวินาศกรรมในอนาคต แม้จีนจะปฏิเสธข้อกล่าวหา แต่รายงานนี้สะท้อนถึงภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อความมั่นคงไซเบอร์
    https://www.techradar.com/pro/security/chinese-hackers-used-brickworm-malware-to-breach-critical-us-infrastructure

    Ofcom เตรียมเข้มงวดการตรวจสอบไฟล์ในปี 2026
    หน่วยงานกำกับดูแลด้านการสื่อสารของสหราชอาณาจักร (Ofcom) มีแผนจะเพิ่มมาตรการตรวจสอบไฟล์ดิจิทัลในปี 2026 โดยจะขยายการเฝ้าระวังและการตรวจสอบข้อมูลที่ถูกแชร์ผ่านบริการออนไลน์ เพื่อป้องกันการละเมิดและการใช้งานที่ผิดกฎหมาย แม้จะมีเสียงวิจารณ์ว่าการตรวจสอบนี้อาจกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ แต่ Ofcom ยืนยันว่ามีความจำเป็นเพื่อความปลอดภัยทางดิจิทัลในอนาคต
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/ofcom-wants-to-double-down-on-file-monitoring-in-2026

    DAC ตัวใหม่เล็กแต่ทรงพลัง
    อุปกรณ์ DAC ขนาดเล็กที่เพิ่งเปิดตัวสามารถเปลี่ยนสมาร์ทโฟน โน้ตบุ๊ก หรือเครื่องเล่นเกม ให้มีคุณภาพเสียงระดับเดียวกับเครื่องเล่นเพลง hi-res ชั้นนำของโลก แม้จะมีขนาดกะทัดรัด แต่สามารถมอบประสบการณ์เสียงที่คมชัดและทรงพลัง เหมาะสำหรับคนที่รักการฟังเพลงคุณภาพสูงโดยไม่ต้องลงทุนกับอุปกรณ์ราคาแพง
    https://www.techradar.com/audio/dacs/this-tiny-new-dac-gives-your-phone-laptop-or-games-console-the-audio-skills-of-the-worlds-best-hi-res-music-player

    Netflix ซื้อกิจการ Warner Bros. Discovery มูลค่า 82.7 พันล้านดอลลาร์
    Netflix ประกาศดีลครั้งใหญ่ในการเข้าซื้อ Warner Bros. Discovery ด้วยมูลค่า 82.7 พันล้านดอลลาร์ โดยอ้างว่าจะทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกและความคุ้มค่ามากขึ้น ดีลนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการสตรีมมิ่ง เพราะจะรวมคอนเทนต์จาก HBO, Discovery และแบรนด์ดังอื่น ๆ เข้ากับ Netflix ซึ่งอาจทำให้การแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง Disney+ และ Amazon Prime เข้มข้นยิ่งขึ้น
    https://www.techradar.com/streaming/netflix/its-official-netflix-is-buying-warner-bros-discovery-claiming-the-deal-means-more-choice-and-greater-value-for-consumers

    Logitech CEO วิจารณ์อุปกรณ์ AI
    ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Logitech ออกมาแสดงความเห็นว่าอุปกรณ์ AI หลายอย่างในตลาดตอนนี้เป็น “การหาทางแก้ปัญหาที่ไม่มีอยู่จริง” ซึ่งสะท้อนถึงความสงสัยว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีคุณค่าแท้จริงต่อผู้ใช้หรือไม่ ความเห็นนี้ได้รับการตอบรับจากหลายฝ่ายที่เห็นว่าอุปกรณ์ AI ยังไม่สามารถพิสูจน์ประโยชน์ที่ชัดเจน แต่ก็มีบางคนมองว่าเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีที่ต้องใช้เวลาเพื่อให้เห็นผลจริง
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/a-solution-looking-for-a-problem-that-doesnt-exist-logitech-ceo-blasts-ai-gadgets-and-most-people-think-thats-being-generous

    EU เดินหน้ากฎหมาย Chat Control แบบเจาะจงเป้าหมาย
    เรื่องนี้เป็นการถกเถียงใหญ่ในยุโรปเกี่ยวกับกฎหมาย Child Sexual Abuse Regulation (CSAR) ที่ถูกเรียกติดปากว่า “Chat Control” ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าจะกลายเป็นการสอดส่องประชาชนแบบกว้างขวาง แต่ Magnus Brunner กรรมาธิการสหภาพยุโรปด้านกิจการภายในกลับยืนยันว่า เขาเลือกสนับสนุนแนวทางของรัฐสภายุโรปที่เน้นการสแกนแบบเจาะจงเป้าหมาย มากกว่าการสแกนแบบครอบคลุมโดยสมัครใจตามที่สภายุโรปเสนอ เขาย้ำว่า “นี่ไม่ใช่เรื่อง Chat Control แต่เป็นการปกป้องเด็ก” อย่างไรก็ตาม หลายประเทศและผู้เชี่ยวชาญยังคงคัดค้านเพราะมองว่าอาจเป็นภัยต่อความเป็นส่วนตัว การเจรจารอบสุดท้ายระหว่างสภา คณะกรรมาธิการ และรัฐสภาจะเริ่มขึ้นในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งจะเป็นตัวชี้ชะตาว่ากฎหมายนี้จะออกมาในรูปแบบใด
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/chat-control-eu-commissioner-backs-parliament-line-on-targeted-monitoring

    ปัญหาการเชื่อมต่อที่ซ่อนอยู่ใน IoT
    เมื่อพูดถึงอุปกรณ์อัจฉริยะ เช่น ถังขยะที่ส่งสัญญาณเมื่อเต็ม หรือเครื่องตรวจหัวใจในบ้านพักคนชรา หลายคนมักคิดว่าการเชื่อมต่อเครือข่ายเป็นเรื่องที่ “มีอยู่แล้ว” แต่แท้จริงแล้วการออกแบบระบบเชื่อมต่อคือหัวใจสำคัญ หากการเลือกซิมหรือการจัดการสัญญาณไม่ดี อุปกรณ์อาจเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่ไม่เสถียร ทำให้ข้อมูลสะดุดหรือเสี่ยงต่อการถูกโจมตี ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าเทคโนโลยีซิมแบบ Dual IMSI ที่มีการจัดการสัญญาณและ IP แบบคงที่ จะช่วยให้ระบบทำงานได้ราบรื่นและปลอดภัยกว่า การออกแบบโครงสร้างการเชื่อมต่อที่ดีจึงเป็นสิ่งที่ทำให้ IoT ใช้งานได้จริงในระดับใหญ่ ไม่ใช่แค่การมีอุปกรณ์ที่ฉลาด แต่ต้องมีเครือข่ายที่ฉลาดด้วย
    https://www.techradar.com/pro/the-connectivity-problem-hiding-in-smart-bins-and-heart-monitors

    แฮกเกอร์ปลอมแอปธนาคารเพื่อขโมยข้อมูล
    นักวิจัยจาก Group-IB เปิดเผยว่า กลุ่มแฮกเกอร์ที่ชื่อ GoldFactory กำลังใช้วิธีใหม่ในการโจมตี โดยนำแอปธนาคารจริงมาดัดแปลงใส่โค้ดอันตราย แล้วเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ปลอมและการหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง แอปที่ถูกปลอมแปลงยังคงทำงานเหมือนจริง ทำให้ผู้ใช้ไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกขโมยข้อมูล ขณะเดียวกันมัลแวร์ที่ซ่อนอยู่สามารถเข้าควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ ทั้งดึงข้อมูล ล็อกอิน หรือแม้แต่สั่งการจากระยะไกล ปัจจุบันมีผู้ใช้หลายหมื่นรายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ตกเป็นเหยื่อ และแนวโน้มอาจขยายไปยังประเทศอื่น ๆ นี่ถือเป็นการโจมตีที่ซับซ้อนและอันตรายมากในโลกการเงินดิจิทัล
    https://www.techradar.com/pro/security/hackers-observed-injecting-legitimate-banking-apps-with-malicious-code

    Verizon แจก iPhone 17 Pro ฟรีแบบไม่ต้องเทรดเครื่อง
    Verizon สร้างความฮือฮาด้วยโปรโมชันใหม่ที่ให้ iPhone 17 Pro ฟรีถึง 4 เครื่อง โดยไม่ต้องนำเครื่องเก่ามาแลก เพียงสมัครแพ็กเกจ Welcome Unlimited ที่ราคา 100 ดอลลาร์ต่อเดือนสำหรับ 4 ไลน์ เท่ากับจ่ายเพียง 25 ดอลลาร์ต่อเครื่องต่อเดือน ซึ่งถ้าคิดเป็นมูลค่ารวมแล้ว ผู้ใช้สามารถประหยัดได้มากกว่า 4,000 ดอลลาร์ ดีลนี้ถือว่าคุ้มค่ามากสำหรับครอบครัวที่ต้องการหลายเครื่อง และแม้แต่ผู้ใช้รายเดียวก็ยังสามารถรับเครื่องฟรีได้เมื่อเปิดไลน์ใหม่ ถือเป็นหนึ่งในดีลที่ดีที่สุดของ Verizon ในปีนี้
    https://www.techradar.com/phones/iphone/verizon-just-surprised-us-with-one-of-its-best-deals-of-the-entire-year-get-four-iphone-17-pro-for-free-without-a-trade-in

    CEO Logitech มองว่าอุปกรณ์ AI เป็น “คำตอบที่ไม่มีคำถาม”
    Hanneke Faber ซีอีโอของ Logitech ให้สัมภาษณ์ว่า อุปกรณ์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ AI โดยเฉพาะ เช่น Humane AI Pin หรือ Rabbit R1 เป็นเพียง “การแก้ปัญหาที่ไม่มีอยู่จริง” เพราะสิ่งที่ทำได้ก็ไม่ต่างจากสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่แล้ว เธอเชื่อว่าทางที่ถูกต้องคือการฝัง AI เข้าไปในผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่ เช่น กล้องเว็บแคมที่ปรับภาพอัตโนมัติ หรือเมาส์ MX Master 4 ที่มีปุ่มเรียก Copilot หรือ ChatGPT ได้ทันที แนวคิดนี้ต่างจากบางบริษัทที่พยายามสร้างอุปกรณ์ใหม่ขึ้นมาโดยเฉพาะ เช่น แว่นตาอัจฉริยะของ Ray-Ban หรือเครื่องบันทึกเสียง AI ของ Plaud ซึ่งอนาคตจะพิสูจน์ว่าแนวทางใดจะอยู่รอด แต่สิ่งที่แน่นอนคือ AI จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของทุกอุปกรณ์ในอนาคต
    https://www.techradar.com/pro/security/logitech-ceo-says-ai-devices-are-just-solutions-looking-for-a-problem

    ทำไมซีอีโอที่เข้าใจการพัฒนาซอฟต์แวร์ถึงนำหน้าในยุค AI
    บทความนี้เล่าถึงข้อได้เปรียบของซีอีโอที่มีพื้นฐานด้านการเขียนโปรแกรมหรือเข้าใจการพัฒนาซอฟต์แวร์ เพราะพวกเขาสามารถมองเห็นศักยภาพของ AI ได้ลึกกว่า และรู้ว่าควรนำไปใช้ตรงไหนเพื่อสร้างคุณค่า ไม่ใช่แค่ตามกระแส ตัวอย่างเช่น การเข้าใจโครงสร้างข้อมูลและการทำงานของโมเดล ทำให้สามารถตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้แม่นยำกว่า และยังช่วยให้ทีมงานเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของผู้นำมากขึ้น ในการแข่งขัน AI ที่รุนแรง การมีผู้นำที่เข้าใจเทคโนโลยีจึงเป็นเหมือนการมี “หัวเรือที่รู้เส้นทาง”
    https://www.techradar.com/pro/why-ceos-who-understand-software-development-have-a-head-start-in-the-ai-race

    ปัญหาการถอดเสียงแก้ได้ด้วย Gemini แต่ไม่ใช่ ChatGPT
    ผู้เขียนเล่าประสบการณ์ตรงว่าเจอปัญหาใหญ่ในการถอดเสียงไฟล์เสียงยาว ๆ ที่มีหลายสำเนียงและเสียงรบกวน เมื่อทดลองใช้ ChatGPT ผลลัพธ์ออกมาไม่แม่นยำ แต่เมื่อเปลี่ยนไปใช้ Gemini กลับได้ผลลัพธ์ที่ตรงและจัดการไฟล์ได้ดีกว่า จุดเด่นคือ Gemini สามารถทำงานกับไฟล์เสียงที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังให้ผลลัพธ์ที่พร้อมใช้งานทันที เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้ AI หลายเจ้าแข่งกัน แต่แต่ละระบบก็มีจุดแข็งและจุดอ่อนต่างกันไป
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/i-had-a-big-audio-transcription-problem-gemini-solved-it-and-chatgpt-didnt

    ปี 2025 ไม่ได้เป็นปีที่น่าเบื่อของสมาร์ทโฟน
    หลายคนอาจบ่นว่าโทรศัพท์มือถือเริ่มหมดความตื่นเต้น แต่จริง ๆ แล้วปีนี้กลับเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ เริ่มจาก Apple ที่กล้าลองสิ่งใหม่ ๆ ทั้ง iPhone 16e ที่มาพร้อมโมเด็ม C1 และ iPhone Air ที่ออกแบบให้บางและทนทานขึ้น แม้ไม่ใช่รุ่นที่ดีที่สุด แต่ก็สะท้อนความกล้าในการทดลอง ส่วน iPhone 17 Pro ก็พลิกโฉมดีไซน์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Apple พร้อมเพิ่มเลนส์ซูมและหน้าจอ 120Hz ให้ทันสมัยขึ้น ขณะเดียวกัน Qualcomm ก็สร้างความฮือฮาด้วย Snapdragon 8 Elite ที่แรงและประหยัดพลังงานกว่า ทำให้มือถือ Android ใช้งานได้ยาวนานกว่าสองวันเต็ม อีกด้านหนึ่ง OnePlus 15 กลายเป็นมือถือที่ถูกยกให้เป็น “ตัวเลือกของคนวงใน” ด้วยความทนทานและแบตเตอรี่ที่เหลือเชื่อ สุดท้าย Google ก็เพิ่มฟีเจอร์แม่เหล็กใน Pixel 10 Pro ทำให้ชีวิตประจำวันสะดวกขึ้นอย่างมาก ทั้งการชาร์จ การติดตั้งอุปกรณ์เสริม และการใช้งานร่วมกับกระเป๋าสตางค์แม่เหล็ก เรื่องทั้งหมดนี้บอกได้เลยว่า โทรศัพท์ปี 2025 ไม่ได้เงียบเหงาเลย
    https://www.techradar.com/phones/think-phones-are-boring-here-are-4-reasons-why-2025-was-a-big-year-for-smartphones-and-none-of-them-are-ai

    หน่วยงานความมั่นคงสหรัฐเตือน หยุดใช้ VPN ส่วนตัว
    CISA หรือหน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์ของสหรัฐออกคำเตือนแรงว่า “อย่าใช้ VPN ส่วนตัว” เพราะแทนที่จะปลอดภัยขึ้น กลับเพิ่มความเสี่ยงมากกว่าเดิม เหตุผลคือ VPN หลายเจ้า โดยเฉพาะที่ฟรีหรือไม่น่าเชื่อถือ อาจเก็บข้อมูลหรือแฝงมัลแวร์มาเอง ทำให้ผู้ใช้ตกอยู่ในความเสี่ยงจากการโจมตีขั้นสูง แม้ VPN จะช่วยซ่อนกิจกรรมจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต แต่ก็เหมือนย้ายความเสี่ยงไปอยู่กับผู้ให้บริการ VPN ที่อาจไม่น่าไว้ใจ ทางออกคือเลือกผู้ให้บริการที่มีการตรวจสอบนโยบายไม่เก็บข้อมูลจริง มีการเข้ารหัสมาตรฐานสูง และมีฟีเจอร์เสริมอย่าง kill switch หรือ multi-hop เพื่อเพิ่มความปลอดภัย คำเตือนนี้สะท้อนว่าการหาทางลัดเพื่อความเป็นส่วนตัว อาจกลายเป็นดาบสองคมได้
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/us-security-agency-urges-android-and-iphone-users-to-stop-using-personal-vpns

    งานวิจัยใหม่เผย คนรุ่นใหญ่ไม่ค่อยเห็นว่า AI มีประโยชน์
    Cisco เปิดเผยผลสำรวจที่ชี้ให้เห็นความแตกต่างชัดเจนระหว่างวัย คนอายุต่ำกว่า 35 ปีมีการใช้งาน AI สูงถึงครึ่งหนึ่ง และกว่า 75% มองว่า AI มีประโยชน์ต่อชีวิตและงาน แต่เมื่อมองไปที่คนอายุเกิน 45 ครึ่งหนึ่งไม่เคยใช้ AI เลย โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 55 ปีขึ้นไปที่บอกว่าไม่คุ้นเคยมากกว่าการปฏิเสธโดยตรง นอกจากนี้ยังพบว่าประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น อินเดีย บราซิล และเม็กซิโก มีการนำ AI มาใช้มากที่สุด ขณะที่ยุโรปกลับมีความไม่มั่นใจสูงกว่า ผลวิจัยยังชี้ว่าการใช้ AI มากเกินไปอาจสัมพันธ์กับการใช้หน้าจอมากและความพึงพอใจในชีวิตที่ลดลง ทำให้คำแนะนำคือควรสร้างทักษะดิจิทัลให้ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม เพื่อให้ “Generation AI” รวมทุกคนจริง ๆ
    https://www.techradar.com/pro/new-research-reveals-older-users-less-likely-to-find-ai-useful

    EU เปิดการสอบสวน Meta เรื่องนโยบาย AI ใน WhatsApp
    คณะกรรมาธิการยุโรปเริ่มการสอบสวนเชิงลึกต่อ Meta หลังจากมีข้อกล่าวหาว่านโยบายใหม่ของ WhatsApp อาจกีดกันคู่แข่ง โดย Meta ได้ปรับเงื่อนไข API ของ WhatsApp Business ห้ามไม่ให้แชทบอทจากผู้ให้บริการอื่นที่เน้น AI เป็นหลักถูกเผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์ม ซึ่งทำให้ผู้เล่นรายใหญ่อย่าง OpenAI และ Microsoft ต้องถอนบอทออกไปแล้ว EU กังวลว่า Meta กำลังใช้ความได้เปรียบทางตลาดเพื่อผลักดัน Meta AI ของตัวเองและปิดกั้นนวัตกรรม หากพบว่ามีความผิด Meta อาจถูกปรับสูงถึง 10% ของรายได้ทั่วโลก หรือประมาณ 16.5 พันล้านดอลลาร์ เรื่องนี้สะท้อนการต่อสู้ระหว่างการเปิดเสรีการแข่งขันกับการควบคุมอำนาจของบริษัทยักษ์ใหญ่ในยุค AI
    https://www.techradar.com/pro/eu-launches-antitrust-investigation-into-metas-whatsapp-ai-access-policy

    ช่องโหว่ React ระดับวิกฤติ เสี่ยงถูกโจมตีทันที
    React ซึ่งเป็นไลบรารี JavaScript ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-55182 ที่ได้คะแนนความรุนแรงเต็ม 10/10 ช่องโหว่นี้อยู่ใน React Server Components และกระทบหลายเฟรมเวิร์ก เช่น Next, React Router, Vite ทำให้แม้แต่แฮกเกอร์ที่มีทักษะต่ำก็สามารถรันโค้ดอันตรายได้ ทีม React ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 19.0.1, 19.1.2 และ 19.2.1 พร้อมเตือนให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันที เพราะการโจมตีมีโอกาสสำเร็จเกือบ 100% และคาดว่าจะเกิดขึ้นจริงในเวลาอันใกล้ เนื่องจาก React ถูกใช้ในบริการใหญ่ ๆ อย่าง Facebook, Instagram, Netflix และ Shopify ทำให้พื้นที่เสี่ยงมีขนาดมหาศาล เรื่องนี้จึงเป็นสัญญาณเตือนแรงสำหรับนักพัฒนาและองค์กรที่ใช้ React ว่าต้องไม่ชะล่าใจ
    https://www.techradar.com/pro/security/experts-warn-this-worst-case-scenario-react-vulnerability-could-soon-be-exploited-so-patch-now

    Europol ทลายเครือข่ายฟอกเงินและคริปโตมูลค่า 700 ล้านยูโร
    หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายยุโรป (Europol) ประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่ในการปิดเครือข่ายอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและคริปโต โดยมีมูลค่าการเคลื่อนไหวสูงถึง 700 ล้านยูโร เครือข่ายนี้ใช้วิธีซับซ้อนในการเคลื่อนย้ายเงินผ่านหลายประเทศและใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อปกปิดเส้นทางการเงิน การปฏิบัติการครั้งนี้มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยหลายรายและยึดทรัพย์สินจำนวนมาก ถือเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่าองค์กรอาชญากรรมที่พยายามใช้คริปโตเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ กำลังถูกจับตามองอย่างเข้มงวด
    ​​​​​​​ https://www.techradar.com/pro/security/europol-takes-down-crypto-and-laundering-network-worth-700-million
    📌📡🟣 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟣📡📌 #รวมข่าวIT #20251206 #securityonline 🪑 เก้าอี้ออฟฟิศที่พับครึ่งได้ – Hinomi H2 Pro เรื่องราวเริ่มจากการรีวิวเก้าอี้ทำงานรุ่นใหม่ Hinomi H2 Pro ที่ถูกออกแบบมาให้แตกต่างจากเก้าอี้ทั่วไป จุดเด่นคือสามารถพับครึ่งได้ ทำให้จัดเก็บง่ายขึ้น อีกทั้งยังมีระบบรองรับหลังส่วนล่างที่แข็งแรงและปรับได้หลายระดับ เหมาะกับคนที่ต้องการการนั่งที่ถูกสุขลักษณะ ตัววัสดุทำจากเฟรมอะลูมิเนียมและผ้าตาข่ายที่ระบายอากาศได้ดี ใช้งานต่อเนื่องทั้งวันก็ยังสบาย แม้จะมีข้อสังเกตว่าการรองรับหลังอาจแรงไปสำหรับบางคน แต่โดยรวมถือว่าเป็นเก้าอี้ที่คุ้มค่าและมีลูกเล่นที่ไม่เหมือนใคร 🔗 https://www.techradar.com/pro/hinomi-h2-pro-office-chair-review 💿 การกลับมาของเครื่องเล่น SACD – Shanling SCD3.3 ย้อนบรรยากาศยุค 90s กับเครื่องเล่นซีดีรุ่นใหม่ Shanling SCD3.3 ที่มาพร้อมหลอดแอมป์ในตัวและ DAC คุณภาพสูง จุดขายคือการรองรับแผ่น SACD และการออกแบบที่ผสมผสานความคลาสสิกกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ตัวเครื่องหนักแน่นด้วยโครงอะลูมิเนียมหนา มีหน้าจอสัมผัสและแอปควบคุมผ่านมือถือได้ เสียงที่ได้ถูกบรรยายว่าอบอุ่นและทรงพลัง เหมาะกับนักฟังเพลงที่ต้องการประสบการณ์เสียงระดับอ้างอิง แม้ราคาจะสูงถึงเกือบ 4,000 ดอลลาร์ แต่ก็เป็นการประกาศว่าแผ่นซีดียังไม่ตาย และยังมีเสน่ห์สำหรับสายเครื่องเสียงจริงจัง 🔗 https://www.techradar.com/audio/sacd-is-back-baby-this-beefy-new-audiophile-cd-player-is-deliciously-90s-and-has-built-in-tube-amplification-as-a-bonus 📱 เครือข่ายมือถือแบบไม่ต้องเปิดเผยตัว – Phreeli นี่คือผู้ให้บริการมือถือรายใหม่ที่ชื่อว่า Phreeli จุดเด่นคือการสมัครใช้งานโดยไม่ต้องใช้ชื่อหรือข้อมูลส่วนตัวใด ๆ นอกจากรหัสไปรษณีย์และวิธีการชำระเงิน ซึ่งสามารถใช้คริปโตได้ ทำให้ไม่สามารถเชื่อมโยงเบอร์โทรกับตัวตนจริงได้ ระบบยังมีการป้องกันสแปมและการโทรกวน เหมาะกับคนที่กังวลเรื่องข้อมูลส่วนตัวจะถูกขายต่อให้บริษัทโฆษณาหรือหน่วยงานรัฐ แม้บางคนอาจสงสัยว่าใครจะใช้บริการแบบนี้ แต่ผู้ก่อตั้งยืนยันว่ามุ่งเน้นไปที่ผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่ใช่กลุ่มที่มีเจตนาไม่ดี 🔗 https://www.techradar.com/phones/this-new-anonymous-phone-carrier-doesnt-even-need-your-name-here-are-5-things-you-should-know-about-it 💻 Intel เปลี่ยนใจไม่ขายธุรกิจ NEX เดิมที Intel มีแผนจะขายหรือแยกธุรกิจ Networking and Communications (NEX) ออกไป แต่ล่าสุดบริษัทประกาศว่าจะเก็บไว้ในพอร์ตโฟลิโอ เพราะมองว่าเป็นส่วนสำคัญต่อกลยุทธ์ด้าน AI ศูนย์ข้อมูล และ Edge Computing การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากสถานะทางการเงินของ Intel ดีขึ้นจากการลงทุนและการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ รวมถึงพันธมิตรอย่าง SoftBank และ Nvidia การเก็บ NEX ไว้ในบริษัทจะช่วยให้การพัฒนาซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และระบบทำงานร่วมกันได้แนบแน่นมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/intel-drops-plans-to-sell-networking-and-communication-division 🌐 Windscribe เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้จัดการ IP ได้เอง บริการ VPN อย่าง Windscribe เปิดตัวสองฟีเจอร์ใหม่คือ IP Pinning และ IP Rotation เพื่อให้ผู้ใช้ควบคุม IP ได้สะดวกขึ้น โดย IP Pinning ช่วยล็อก IP ที่ใช้งานได้ดีเพื่อความเสถียร เช่น ใช้กับแอปธนาคาร ส่วน IP Rotation ช่วยเปลี่ยน IP ได้ทันทีโดยไม่ต้องตัดการเชื่อมต่อ เหมาะกับการแก้ปัญหา CAPTCHA หรือการบล็อกจากเว็บไซต์ ฟีเจอร์เหล่านี้ยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวด้วยระบบ API แบบ zero-knowledge ทำให้แม้แต่ Windscribe เองก็ไม่สามารถบันทึกข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้ได้ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/windscribe-rolls-out-new-tools-to-let-you-manage-your-vpn-ip-address-your-way 🚀 AI ถูกส่งขึ้นอวกาศ – Google, Amazon และ xAI สามบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีคือ Google, Amazon และ xAI กำลังร่วมมือกันเพื่อผลักดันโครงการนำ AI ขึ้นไปใช้งานในอวกาศ แนวคิดนี้คือการสร้างระบบประมวลผลที่สามารถทำงานได้โดยตรงบนดาวเทียมหรือสถานีอวกาศ เพื่อลดการพึ่งพาการส่งข้อมูลกลับมายังโลก ซึ่งจะช่วยให้การสื่อสารและการวิเคราะห์ข้อมูลจากอวกาศมีความรวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น โครงการนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันในตลาด AI ที่ขยายไปไกลเกินกว่าพื้นโลก และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ AI ในการสำรวจจักรวาลอย่างจริงจัง 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/google-amazon-and-xai-want-to-launch-ai-into-space 🤖 หุ่นยนต์ดูดฝุ่นพร้อมระบบถูพื้นขั้นเทพ – Dreame Robovac Dreame เปิดตัวหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นใหม่ที่มาพร้อมระบบถูพื้นซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา จุดเด่นคือแท่นเก็บผ้าแบบ jukebox ที่สามารถเปลี่ยนผ้าเช็ดถูได้อัตโนมัติ ทำให้การทำความสะอาดต่อเนื่องโดยไม่ต้องคอยเปลี่ยนผ้าเอง หุ่นยนต์ยังมีระบบตรวจจับคราบและปรับแรงกดในการถูพื้นให้เหมาะสมกับสภาพพื้นผิว นอกจากนั้นยังสามารถเชื่อมต่อกับแอปเพื่อควบคุมและตั้งค่าการทำงานได้อย่างละเอียด ถือเป็นการยกระดับหุ่นยนต์ทำความสะอาดบ้านให้ฉลาดและสะดวกสบายยิ่งขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/home/vacuums/dreames-new-robovac-has-the-most-advanced-mop-setup-ive-seen-and-the-jukebox-style-mop-dispenser-is-just-the-start-of-it 🖥️ Windows 11 ปรับโฉม Run Prompt เรื่องที่ดูเหมือนเล็กแต่จริง ๆ แล้วสำคัญมากสำหรับผู้ใช้ Windows 11 กำลังจะเกิดขึ้น นั่นคือการปรับโฉมหน้าต่าง Run ที่เราคุ้นเคยกันมาตั้งแต่ยุค Windows 95 ให้เข้ากับดีไซน์ Fluent ของยุคใหม่ หน้าต่างนี้จะดูทันสมัยขึ้น ใหญ่ขึ้น และยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยแสดงคำสั่งที่เคยใช้ไปแล้ว ทำให้เรียกใช้งานซ้ำได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งแสดงไอคอนของแอปที่เราจะเปิดอีกด้วย แม้ยังไม่เปิดให้ใช้งานจริง แต่ก็มีการค้นพบในเวอร์ชันทดสอบแล้ว หลายคนก็แอบกังวลว่าจะทำให้การเปิด Run ช้าลง แต่โดยรวมถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่รอคอยกันมานาน 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/windows-11s-run-prompt-is-getting-a-makeover-and-a-handy-extra-power-but-already-there-are-worries-microsoft-will-ruin-it 💼 Microsoft 365 เตรียมขึ้นราคา ข่าวนี้อาจทำให้หลายองค์กรต้องขยับงบประมาณ เพราะ Microsoft ประกาศว่าจะปรับขึ้นราคาของแพ็กเกจ Microsoft 365 และ Office 365 สำหรับธุรกิจและหน่วยงานรัฐตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2026 โดยขึ้นระหว่าง 5% ถึง 33% ขึ้นอยู่กับแพ็กเกจ แต่ก็มีการเพิ่มฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและ AI เข้ามา เช่น Microsoft Defender และ Security Copilot เพื่อช่วยป้องกันภัยไซเบอร์และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แม้ราคาจะสูงขึ้น แต่ Microsoft ยืนยันว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่เพิ่มเข้ามา 🔗 https://www.techradar.com/pro/microsoft-365-is-hiking-prices-for-businesses-heres-how-much-it-will-cost-you 🤖 Samsung Ballie Robot เลื่อนเปิดตัวอีกครั้ง หุ่นยนต์กลมสีเหลืองที่ชื่อ Ballie จาก Samsung ซึ่งเคยโชว์ตัวตั้งแต่ปี 2020 และถูกนำกลับมาเปิดตัวใหม่ใน CES 2025 พร้อมสัญญาว่าจะวางขายในช่วงซัมเมอร์ปีนั้น แต่จนถึงปลายปี 2025 ก็ยังไม่พร้อมวางจำหน่าย Samsung บอกว่ากำลังปรับปรุงเทคโนโลยีเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่า Ballie ถูกออกแบบให้เป็นผู้ช่วยในบ้าน สามารถฉายภาพยนตร์หรือข้อมูลบนผนัง และตอบคำถามได้ แต่ยังต้องรอการพัฒนาเพิ่มเติม คาดว่าอาจมีความคืบหน้าที่ CES 2026 🔗 https://www.techradar.com/home/smart-home/samsungs-ballie-robot-is-delayed-again-and-now-we-know-why ⚠️ การโจมตีไซเบอร์ด้วย Brickworm Malware หน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐฯ และแคนาดาออกมาเตือนว่าแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐจีนใช้มัลแวร์ชื่อ Brickworm เจาะเข้าไปในระบบโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของสหรัฐฯ และองค์กรด้านไอทีทั่วโลก มัลแวร์นี้สามารถฝังตัวในระบบ VMware และ Windows เพื่อเข้าถึงไฟล์ ควบคุม Active Directory และคงการเข้าถึงระยะยาวได้ ทำให้เสี่ยงต่อการสอดแนมและการก่อวินาศกรรมในอนาคต แม้จีนจะปฏิเสธข้อกล่าวหา แต่รายงานนี้สะท้อนถึงภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อความมั่นคงไซเบอร์ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/chinese-hackers-used-brickworm-malware-to-breach-critical-us-infrastructure 📡 Ofcom เตรียมเข้มงวดการตรวจสอบไฟล์ในปี 2026 หน่วยงานกำกับดูแลด้านการสื่อสารของสหราชอาณาจักร (Ofcom) มีแผนจะเพิ่มมาตรการตรวจสอบไฟล์ดิจิทัลในปี 2026 โดยจะขยายการเฝ้าระวังและการตรวจสอบข้อมูลที่ถูกแชร์ผ่านบริการออนไลน์ เพื่อป้องกันการละเมิดและการใช้งานที่ผิดกฎหมาย แม้จะมีเสียงวิจารณ์ว่าการตรวจสอบนี้อาจกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ แต่ Ofcom ยืนยันว่ามีความจำเป็นเพื่อความปลอดภัยทางดิจิทัลในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/ofcom-wants-to-double-down-on-file-monitoring-in-2026 🎶 DAC ตัวใหม่เล็กแต่ทรงพลัง อุปกรณ์ DAC ขนาดเล็กที่เพิ่งเปิดตัวสามารถเปลี่ยนสมาร์ทโฟน โน้ตบุ๊ก หรือเครื่องเล่นเกม ให้มีคุณภาพเสียงระดับเดียวกับเครื่องเล่นเพลง hi-res ชั้นนำของโลก แม้จะมีขนาดกะทัดรัด แต่สามารถมอบประสบการณ์เสียงที่คมชัดและทรงพลัง เหมาะสำหรับคนที่รักการฟังเพลงคุณภาพสูงโดยไม่ต้องลงทุนกับอุปกรณ์ราคาแพง 🔗 https://www.techradar.com/audio/dacs/this-tiny-new-dac-gives-your-phone-laptop-or-games-console-the-audio-skills-of-the-worlds-best-hi-res-music-player 📺 Netflix ซื้อกิจการ Warner Bros. Discovery มูลค่า 82.7 พันล้านดอลลาร์ Netflix ประกาศดีลครั้งใหญ่ในการเข้าซื้อ Warner Bros. Discovery ด้วยมูลค่า 82.7 พันล้านดอลลาร์ โดยอ้างว่าจะทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกและความคุ้มค่ามากขึ้น ดีลนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการสตรีมมิ่ง เพราะจะรวมคอนเทนต์จาก HBO, Discovery และแบรนด์ดังอื่น ๆ เข้ากับ Netflix ซึ่งอาจทำให้การแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง Disney+ และ Amazon Prime เข้มข้นยิ่งขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/streaming/netflix/its-official-netflix-is-buying-warner-bros-discovery-claiming-the-deal-means-more-choice-and-greater-value-for-consumers 🤔 Logitech CEO วิจารณ์อุปกรณ์ AI ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Logitech ออกมาแสดงความเห็นว่าอุปกรณ์ AI หลายอย่างในตลาดตอนนี้เป็น “การหาทางแก้ปัญหาที่ไม่มีอยู่จริง” ซึ่งสะท้อนถึงความสงสัยว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีคุณค่าแท้จริงต่อผู้ใช้หรือไม่ ความเห็นนี้ได้รับการตอบรับจากหลายฝ่ายที่เห็นว่าอุปกรณ์ AI ยังไม่สามารถพิสูจน์ประโยชน์ที่ชัดเจน แต่ก็มีบางคนมองว่าเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีที่ต้องใช้เวลาเพื่อให้เห็นผลจริง 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/a-solution-looking-for-a-problem-that-doesnt-exist-logitech-ceo-blasts-ai-gadgets-and-most-people-think-thats-being-generous 🛡️ EU เดินหน้ากฎหมาย Chat Control แบบเจาะจงเป้าหมาย เรื่องนี้เป็นการถกเถียงใหญ่ในยุโรปเกี่ยวกับกฎหมาย Child Sexual Abuse Regulation (CSAR) ที่ถูกเรียกติดปากว่า “Chat Control” ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าจะกลายเป็นการสอดส่องประชาชนแบบกว้างขวาง แต่ Magnus Brunner กรรมาธิการสหภาพยุโรปด้านกิจการภายในกลับยืนยันว่า เขาเลือกสนับสนุนแนวทางของรัฐสภายุโรปที่เน้นการสแกนแบบเจาะจงเป้าหมาย มากกว่าการสแกนแบบครอบคลุมโดยสมัครใจตามที่สภายุโรปเสนอ เขาย้ำว่า “นี่ไม่ใช่เรื่อง Chat Control แต่เป็นการปกป้องเด็ก” อย่างไรก็ตาม หลายประเทศและผู้เชี่ยวชาญยังคงคัดค้านเพราะมองว่าอาจเป็นภัยต่อความเป็นส่วนตัว การเจรจารอบสุดท้ายระหว่างสภา คณะกรรมาธิการ และรัฐสภาจะเริ่มขึ้นในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งจะเป็นตัวชี้ชะตาว่ากฎหมายนี้จะออกมาในรูปแบบใด 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/chat-control-eu-commissioner-backs-parliament-line-on-targeted-monitoring 📡 ปัญหาการเชื่อมต่อที่ซ่อนอยู่ใน IoT เมื่อพูดถึงอุปกรณ์อัจฉริยะ เช่น ถังขยะที่ส่งสัญญาณเมื่อเต็ม หรือเครื่องตรวจหัวใจในบ้านพักคนชรา หลายคนมักคิดว่าการเชื่อมต่อเครือข่ายเป็นเรื่องที่ “มีอยู่แล้ว” แต่แท้จริงแล้วการออกแบบระบบเชื่อมต่อคือหัวใจสำคัญ หากการเลือกซิมหรือการจัดการสัญญาณไม่ดี อุปกรณ์อาจเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่ไม่เสถียร ทำให้ข้อมูลสะดุดหรือเสี่ยงต่อการถูกโจมตี ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าเทคโนโลยีซิมแบบ Dual IMSI ที่มีการจัดการสัญญาณและ IP แบบคงที่ จะช่วยให้ระบบทำงานได้ราบรื่นและปลอดภัยกว่า การออกแบบโครงสร้างการเชื่อมต่อที่ดีจึงเป็นสิ่งที่ทำให้ IoT ใช้งานได้จริงในระดับใหญ่ ไม่ใช่แค่การมีอุปกรณ์ที่ฉลาด แต่ต้องมีเครือข่ายที่ฉลาดด้วย 🔗 https://www.techradar.com/pro/the-connectivity-problem-hiding-in-smart-bins-and-heart-monitors 💻 แฮกเกอร์ปลอมแอปธนาคารเพื่อขโมยข้อมูล นักวิจัยจาก Group-IB เปิดเผยว่า กลุ่มแฮกเกอร์ที่ชื่อ GoldFactory กำลังใช้วิธีใหม่ในการโจมตี โดยนำแอปธนาคารจริงมาดัดแปลงใส่โค้ดอันตราย แล้วเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ปลอมและการหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง แอปที่ถูกปลอมแปลงยังคงทำงานเหมือนจริง ทำให้ผู้ใช้ไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกขโมยข้อมูล ขณะเดียวกันมัลแวร์ที่ซ่อนอยู่สามารถเข้าควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ ทั้งดึงข้อมูล ล็อกอิน หรือแม้แต่สั่งการจากระยะไกล ปัจจุบันมีผู้ใช้หลายหมื่นรายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ตกเป็นเหยื่อ และแนวโน้มอาจขยายไปยังประเทศอื่น ๆ นี่ถือเป็นการโจมตีที่ซับซ้อนและอันตรายมากในโลกการเงินดิจิทัล 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/hackers-observed-injecting-legitimate-banking-apps-with-malicious-code 📱 Verizon แจก iPhone 17 Pro ฟรีแบบไม่ต้องเทรดเครื่อง Verizon สร้างความฮือฮาด้วยโปรโมชันใหม่ที่ให้ iPhone 17 Pro ฟรีถึง 4 เครื่อง โดยไม่ต้องนำเครื่องเก่ามาแลก เพียงสมัครแพ็กเกจ Welcome Unlimited ที่ราคา 100 ดอลลาร์ต่อเดือนสำหรับ 4 ไลน์ เท่ากับจ่ายเพียง 25 ดอลลาร์ต่อเครื่องต่อเดือน ซึ่งถ้าคิดเป็นมูลค่ารวมแล้ว ผู้ใช้สามารถประหยัดได้มากกว่า 4,000 ดอลลาร์ ดีลนี้ถือว่าคุ้มค่ามากสำหรับครอบครัวที่ต้องการหลายเครื่อง และแม้แต่ผู้ใช้รายเดียวก็ยังสามารถรับเครื่องฟรีได้เมื่อเปิดไลน์ใหม่ ถือเป็นหนึ่งในดีลที่ดีที่สุดของ Verizon ในปีนี้ 🔗 https://www.techradar.com/phones/iphone/verizon-just-surprised-us-with-one-of-its-best-deals-of-the-entire-year-get-four-iphone-17-pro-for-free-without-a-trade-in 🤖 CEO Logitech มองว่าอุปกรณ์ AI เป็น “คำตอบที่ไม่มีคำถาม” Hanneke Faber ซีอีโอของ Logitech ให้สัมภาษณ์ว่า อุปกรณ์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ AI โดยเฉพาะ เช่น Humane AI Pin หรือ Rabbit R1 เป็นเพียง “การแก้ปัญหาที่ไม่มีอยู่จริง” เพราะสิ่งที่ทำได้ก็ไม่ต่างจากสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่แล้ว เธอเชื่อว่าทางที่ถูกต้องคือการฝัง AI เข้าไปในผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่ เช่น กล้องเว็บแคมที่ปรับภาพอัตโนมัติ หรือเมาส์ MX Master 4 ที่มีปุ่มเรียก Copilot หรือ ChatGPT ได้ทันที แนวคิดนี้ต่างจากบางบริษัทที่พยายามสร้างอุปกรณ์ใหม่ขึ้นมาโดยเฉพาะ เช่น แว่นตาอัจฉริยะของ Ray-Ban หรือเครื่องบันทึกเสียง AI ของ Plaud ซึ่งอนาคตจะพิสูจน์ว่าแนวทางใดจะอยู่รอด แต่สิ่งที่แน่นอนคือ AI จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของทุกอุปกรณ์ในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/logitech-ceo-says-ai-devices-are-just-solutions-looking-for-a-problem 🚀 ทำไมซีอีโอที่เข้าใจการพัฒนาซอฟต์แวร์ถึงนำหน้าในยุค AI บทความนี้เล่าถึงข้อได้เปรียบของซีอีโอที่มีพื้นฐานด้านการเขียนโปรแกรมหรือเข้าใจการพัฒนาซอฟต์แวร์ เพราะพวกเขาสามารถมองเห็นศักยภาพของ AI ได้ลึกกว่า และรู้ว่าควรนำไปใช้ตรงไหนเพื่อสร้างคุณค่า ไม่ใช่แค่ตามกระแส ตัวอย่างเช่น การเข้าใจโครงสร้างข้อมูลและการทำงานของโมเดล ทำให้สามารถตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้แม่นยำกว่า และยังช่วยให้ทีมงานเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของผู้นำมากขึ้น ในการแข่งขัน AI ที่รุนแรง การมีผู้นำที่เข้าใจเทคโนโลยีจึงเป็นเหมือนการมี “หัวเรือที่รู้เส้นทาง” 🔗 https://www.techradar.com/pro/why-ceos-who-understand-software-development-have-a-head-start-in-the-ai-race 🎙️ ปัญหาการถอดเสียงแก้ได้ด้วย Gemini แต่ไม่ใช่ ChatGPT ผู้เขียนเล่าประสบการณ์ตรงว่าเจอปัญหาใหญ่ในการถอดเสียงไฟล์เสียงยาว ๆ ที่มีหลายสำเนียงและเสียงรบกวน เมื่อทดลองใช้ ChatGPT ผลลัพธ์ออกมาไม่แม่นยำ แต่เมื่อเปลี่ยนไปใช้ Gemini กลับได้ผลลัพธ์ที่ตรงและจัดการไฟล์ได้ดีกว่า จุดเด่นคือ Gemini สามารถทำงานกับไฟล์เสียงที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังให้ผลลัพธ์ที่พร้อมใช้งานทันที เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้ AI หลายเจ้าแข่งกัน แต่แต่ละระบบก็มีจุดแข็งและจุดอ่อนต่างกันไป 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/i-had-a-big-audio-transcription-problem-gemini-solved-it-and-chatgpt-didnt 📱 ปี 2025 ไม่ได้เป็นปีที่น่าเบื่อของสมาร์ทโฟน หลายคนอาจบ่นว่าโทรศัพท์มือถือเริ่มหมดความตื่นเต้น แต่จริง ๆ แล้วปีนี้กลับเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ เริ่มจาก Apple ที่กล้าลองสิ่งใหม่ ๆ ทั้ง iPhone 16e ที่มาพร้อมโมเด็ม C1 และ iPhone Air ที่ออกแบบให้บางและทนทานขึ้น แม้ไม่ใช่รุ่นที่ดีที่สุด แต่ก็สะท้อนความกล้าในการทดลอง ส่วน iPhone 17 Pro ก็พลิกโฉมดีไซน์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Apple พร้อมเพิ่มเลนส์ซูมและหน้าจอ 120Hz ให้ทันสมัยขึ้น ขณะเดียวกัน Qualcomm ก็สร้างความฮือฮาด้วย Snapdragon 8 Elite ที่แรงและประหยัดพลังงานกว่า ทำให้มือถือ Android ใช้งานได้ยาวนานกว่าสองวันเต็ม อีกด้านหนึ่ง OnePlus 15 กลายเป็นมือถือที่ถูกยกให้เป็น “ตัวเลือกของคนวงใน” ด้วยความทนทานและแบตเตอรี่ที่เหลือเชื่อ สุดท้าย Google ก็เพิ่มฟีเจอร์แม่เหล็กใน Pixel 10 Pro ทำให้ชีวิตประจำวันสะดวกขึ้นอย่างมาก ทั้งการชาร์จ การติดตั้งอุปกรณ์เสริม และการใช้งานร่วมกับกระเป๋าสตางค์แม่เหล็ก เรื่องทั้งหมดนี้บอกได้เลยว่า โทรศัพท์ปี 2025 ไม่ได้เงียบเหงาเลย 🔗 https://www.techradar.com/phones/think-phones-are-boring-here-are-4-reasons-why-2025-was-a-big-year-for-smartphones-and-none-of-them-are-ai 🛡️ หน่วยงานความมั่นคงสหรัฐเตือน หยุดใช้ VPN ส่วนตัว CISA หรือหน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์ของสหรัฐออกคำเตือนแรงว่า “อย่าใช้ VPN ส่วนตัว” เพราะแทนที่จะปลอดภัยขึ้น กลับเพิ่มความเสี่ยงมากกว่าเดิม เหตุผลคือ VPN หลายเจ้า โดยเฉพาะที่ฟรีหรือไม่น่าเชื่อถือ อาจเก็บข้อมูลหรือแฝงมัลแวร์มาเอง ทำให้ผู้ใช้ตกอยู่ในความเสี่ยงจากการโจมตีขั้นสูง แม้ VPN จะช่วยซ่อนกิจกรรมจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต แต่ก็เหมือนย้ายความเสี่ยงไปอยู่กับผู้ให้บริการ VPN ที่อาจไม่น่าไว้ใจ ทางออกคือเลือกผู้ให้บริการที่มีการตรวจสอบนโยบายไม่เก็บข้อมูลจริง มีการเข้ารหัสมาตรฐานสูง และมีฟีเจอร์เสริมอย่าง kill switch หรือ multi-hop เพื่อเพิ่มความปลอดภัย คำเตือนนี้สะท้อนว่าการหาทางลัดเพื่อความเป็นส่วนตัว อาจกลายเป็นดาบสองคมได้ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/us-security-agency-urges-android-and-iphone-users-to-stop-using-personal-vpns 🤖 งานวิจัยใหม่เผย คนรุ่นใหญ่ไม่ค่อยเห็นว่า AI มีประโยชน์ Cisco เปิดเผยผลสำรวจที่ชี้ให้เห็นความแตกต่างชัดเจนระหว่างวัย คนอายุต่ำกว่า 35 ปีมีการใช้งาน AI สูงถึงครึ่งหนึ่ง และกว่า 75% มองว่า AI มีประโยชน์ต่อชีวิตและงาน แต่เมื่อมองไปที่คนอายุเกิน 45 ครึ่งหนึ่งไม่เคยใช้ AI เลย โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 55 ปีขึ้นไปที่บอกว่าไม่คุ้นเคยมากกว่าการปฏิเสธโดยตรง นอกจากนี้ยังพบว่าประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น อินเดีย บราซิล และเม็กซิโก มีการนำ AI มาใช้มากที่สุด ขณะที่ยุโรปกลับมีความไม่มั่นใจสูงกว่า ผลวิจัยยังชี้ว่าการใช้ AI มากเกินไปอาจสัมพันธ์กับการใช้หน้าจอมากและความพึงพอใจในชีวิตที่ลดลง ทำให้คำแนะนำคือควรสร้างทักษะดิจิทัลให้ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม เพื่อให้ “Generation AI” รวมทุกคนจริง ๆ 🔗 https://www.techradar.com/pro/new-research-reveals-older-users-less-likely-to-find-ai-useful ⚖️ EU เปิดการสอบสวน Meta เรื่องนโยบาย AI ใน WhatsApp คณะกรรมาธิการยุโรปเริ่มการสอบสวนเชิงลึกต่อ Meta หลังจากมีข้อกล่าวหาว่านโยบายใหม่ของ WhatsApp อาจกีดกันคู่แข่ง โดย Meta ได้ปรับเงื่อนไข API ของ WhatsApp Business ห้ามไม่ให้แชทบอทจากผู้ให้บริการอื่นที่เน้น AI เป็นหลักถูกเผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์ม ซึ่งทำให้ผู้เล่นรายใหญ่อย่าง OpenAI และ Microsoft ต้องถอนบอทออกไปแล้ว EU กังวลว่า Meta กำลังใช้ความได้เปรียบทางตลาดเพื่อผลักดัน Meta AI ของตัวเองและปิดกั้นนวัตกรรม หากพบว่ามีความผิด Meta อาจถูกปรับสูงถึง 10% ของรายได้ทั่วโลก หรือประมาณ 16.5 พันล้านดอลลาร์ เรื่องนี้สะท้อนการต่อสู้ระหว่างการเปิดเสรีการแข่งขันกับการควบคุมอำนาจของบริษัทยักษ์ใหญ่ในยุค AI 🔗 https://www.techradar.com/pro/eu-launches-antitrust-investigation-into-metas-whatsapp-ai-access-policy ⚠️ ช่องโหว่ React ระดับวิกฤติ เสี่ยงถูกโจมตีทันที React ซึ่งเป็นไลบรารี JavaScript ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-55182 ที่ได้คะแนนความรุนแรงเต็ม 10/10 ช่องโหว่นี้อยู่ใน React Server Components และกระทบหลายเฟรมเวิร์ก เช่น Next, React Router, Vite ทำให้แม้แต่แฮกเกอร์ที่มีทักษะต่ำก็สามารถรันโค้ดอันตรายได้ ทีม React ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 19.0.1, 19.1.2 และ 19.2.1 พร้อมเตือนให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันที เพราะการโจมตีมีโอกาสสำเร็จเกือบ 100% และคาดว่าจะเกิดขึ้นจริงในเวลาอันใกล้ เนื่องจาก React ถูกใช้ในบริการใหญ่ ๆ อย่าง Facebook, Instagram, Netflix และ Shopify ทำให้พื้นที่เสี่ยงมีขนาดมหาศาล เรื่องนี้จึงเป็นสัญญาณเตือนแรงสำหรับนักพัฒนาและองค์กรที่ใช้ React ว่าต้องไม่ชะล่าใจ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/experts-warn-this-worst-case-scenario-react-vulnerability-could-soon-be-exploited-so-patch-now 💰 Europol ทลายเครือข่ายฟอกเงินและคริปโตมูลค่า 700 ล้านยูโร หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายยุโรป (Europol) ประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่ในการปิดเครือข่ายอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและคริปโต โดยมีมูลค่าการเคลื่อนไหวสูงถึง 700 ล้านยูโร เครือข่ายนี้ใช้วิธีซับซ้อนในการเคลื่อนย้ายเงินผ่านหลายประเทศและใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อปกปิดเส้นทางการเงิน การปฏิบัติการครั้งนี้มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยหลายรายและยึดทรัพย์สินจำนวนมาก ถือเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่าองค์กรอาชญากรรมที่พยายามใช้คริปโตเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ กำลังถูกจับตามองอย่างเข้มงวด ​​​​​​​🔗 https://www.techradar.com/pro/security/europol-takes-down-crypto-and-laundering-network-worth-700-million
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 426 มุมมอง 0 รีวิว
  • Deep Blue จุดเริ่มต้นของ AI ในเกมหมากรุก

    ครบรอบ 30 ปีการเปิดตัว Deep Blue ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของ IBM ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเล่นหมากรุก และสามารถเอาชนะ Garry Kasparov แชมป์โลกในปี 1997 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการคอมพิวเตอร์และ AI

    IBM เปิดตัวต้นแบบ Deep Blue ครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 1995 โดยใช้เวิร์กสเตชัน RS/6000 พร้อม 14 โปรเซสเซอร์สำหรับค้นหาตำแหน่งหมากรุก สามารถวิเคราะห์ได้ 3-5 ล้านตำแหน่งต่อวินาที แม้จะยังไม่สามารถเอาชนะโปรแกรมหมากรุกชั้นนำในยุคนั้น แต่ถือเป็นก้าวสำคัญของการใช้ “พลังประมวลผลมหาศาล” เพื่อแข่งขันกับมนุษย์

    การเผชิญหน้ากับ Kasparov
    ปี 1996 Deep Blue พบกับ Kasparov เป็นครั้งแรก และสามารถชนะเกมเปิดได้ แต่สุดท้าย Kasparov เอาชนะไปด้วยคะแนน 4-2 อย่างไรก็ตาม IBM ไม่ยอมแพ้ และในปี 1997 ได้ปรับปรุงระบบใหม่ ใช้ 30 เวิร์กสเตชัน PowerPC ควบคุมชิปหมากรุก 16 ตัวต่อเครื่อง สามารถวิเคราะห์ได้ถึง 200 ล้านตำแหน่งต่อวินาที และในที่สุดก็เอาชนะ Kasparov ด้วยคะแนน 3.5-2.5

    ผลกระทบต่อวงการเทคโนโลยี
    ชัยชนะของ Deep Blue ไม่เพียงแต่เป็นการพิสูจน์ว่าคอมพิวเตอร์สามารถเอาชนะมนุษย์ในเกมที่ซับซ้อน แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการมอง AI ว่าเป็น “คู่แข่งทางความคิด” ของมนุษย์ IBM ใช้ชัยชนะนี้สร้างภาพลักษณ์ใหม่จากบริษัทที่ถูกมองว่า “ล้าหลัง” ให้กลับมาเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม และยังเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการพัฒนา AI ในหลายสาขา

    มุมมองจากปัจจุบัน
    แม้ Deep Blue จะใช้วิธี brute force ที่แตกต่างจาก AI ยุคใหม่ซึ่งเน้นการเรียนรู้เชิงสถิติ แต่เหตุการณ์นี้ยังคงเป็นสัญลักษณ์สำคัญของการที่เครื่องจักรสามารถท้าทายความคิดมนุษย์ได้ และเป็นรากฐานให้เกิดการพัฒนา AI ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นในปัจจุบัน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    IBM เปิดตัว Deep Blue ปี 1995
    วิเคราะห์ได้ 3-5 ล้านตำแหน่งต่อวินาที

    การแข่งกับ Kasparov ปี 1996 และ 1997
    ปีแรกแพ้ 4-2 แต่ปีถัดมาชนะ 3.5-2.5

    ผลกระทบต่อ IBM และวงการ AI
    สร้างภาพลักษณ์ใหม่และเป็นแรงบันดาลใจให้การพัฒนา AI

    คำเตือนจากบทเรียน Deep Blue
    วิธี brute force ไม่ใช่แนวทางเดียวของ AI
    ความสำเร็จในเกมไม่ได้หมายถึงการเข้าใจเชิงลึกแบบมนุษย์

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/ibm-unveiled-its-deep-blue-chess-supercomputer-prototype-30-years-ago-today-two-years-later-in-its-second-attempt-it-defeated-grandmaster-garry-kasparov
    ♟️ Deep Blue จุดเริ่มต้นของ AI ในเกมหมากรุก ครบรอบ 30 ปีการเปิดตัว Deep Blue ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของ IBM ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเล่นหมากรุก และสามารถเอาชนะ Garry Kasparov แชมป์โลกในปี 1997 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการคอมพิวเตอร์และ AI IBM เปิดตัวต้นแบบ Deep Blue ครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 1995 โดยใช้เวิร์กสเตชัน RS/6000 พร้อม 14 โปรเซสเซอร์สำหรับค้นหาตำแหน่งหมากรุก สามารถวิเคราะห์ได้ 3-5 ล้านตำแหน่งต่อวินาที แม้จะยังไม่สามารถเอาชนะโปรแกรมหมากรุกชั้นนำในยุคนั้น แต่ถือเป็นก้าวสำคัญของการใช้ “พลังประมวลผลมหาศาล” เพื่อแข่งขันกับมนุษย์ 🏆 การเผชิญหน้ากับ Kasparov ปี 1996 Deep Blue พบกับ Kasparov เป็นครั้งแรก และสามารถชนะเกมเปิดได้ แต่สุดท้าย Kasparov เอาชนะไปด้วยคะแนน 4-2 อย่างไรก็ตาม IBM ไม่ยอมแพ้ และในปี 1997 ได้ปรับปรุงระบบใหม่ ใช้ 30 เวิร์กสเตชัน PowerPC ควบคุมชิปหมากรุก 16 ตัวต่อเครื่อง สามารถวิเคราะห์ได้ถึง 200 ล้านตำแหน่งต่อวินาที และในที่สุดก็เอาชนะ Kasparov ด้วยคะแนน 3.5-2.5 🌍 ผลกระทบต่อวงการเทคโนโลยี ชัยชนะของ Deep Blue ไม่เพียงแต่เป็นการพิสูจน์ว่าคอมพิวเตอร์สามารถเอาชนะมนุษย์ในเกมที่ซับซ้อน แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการมอง AI ว่าเป็น “คู่แข่งทางความคิด” ของมนุษย์ IBM ใช้ชัยชนะนี้สร้างภาพลักษณ์ใหม่จากบริษัทที่ถูกมองว่า “ล้าหลัง” ให้กลับมาเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม และยังเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการพัฒนา AI ในหลายสาขา ⚠️ มุมมองจากปัจจุบัน แม้ Deep Blue จะใช้วิธี brute force ที่แตกต่างจาก AI ยุคใหม่ซึ่งเน้นการเรียนรู้เชิงสถิติ แต่เหตุการณ์นี้ยังคงเป็นสัญลักษณ์สำคัญของการที่เครื่องจักรสามารถท้าทายความคิดมนุษย์ได้ และเป็นรากฐานให้เกิดการพัฒนา AI ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นในปัจจุบัน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ IBM เปิดตัว Deep Blue ปี 1995 ➡️ วิเคราะห์ได้ 3-5 ล้านตำแหน่งต่อวินาที ✅ การแข่งกับ Kasparov ปี 1996 และ 1997 ➡️ ปีแรกแพ้ 4-2 แต่ปีถัดมาชนะ 3.5-2.5 ✅ ผลกระทบต่อ IBM และวงการ AI ➡️ สร้างภาพลักษณ์ใหม่และเป็นแรงบันดาลใจให้การพัฒนา AI ‼️ คำเตือนจากบทเรียน Deep Blue ⛔ วิธี brute force ไม่ใช่แนวทางเดียวของ AI ⛔ ความสำเร็จในเกมไม่ได้หมายถึงการเข้าใจเชิงลึกแบบมนุษย์ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/ibm-unveiled-its-deep-blue-chess-supercomputer-prototype-30-years-ago-today-two-years-later-in-its-second-attempt-it-defeated-grandmaster-garry-kasparov
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • Logitech วิจารณ์กระแสอุปกรณ์ AI

    Hanneke Faber ซีอีโอของ Logitech ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg เนื่องในโอกาสครบรอบ 2 ปีการดำรงตำแหน่ง เธอชี้ว่า อุปกรณ์ AI-first ที่เปิดตัวในปีที่ผ่านมา เช่น Humane AI Pin และ Rabbit R1 ไม่สามารถสร้างตลาดที่ชัดเจนได้ เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านความเร็ว ฟีเจอร์ และราคาที่ต้องพึ่งพาการสมัครสมาชิก ทำให้ผู้ใช้ตั้งคำถามว่า “จำเป็นจริงหรือไม่”

    กลยุทธ์ของ Logitech
    แทนที่จะสร้างอุปกรณ์ใหม่รอบ AI Logitech เลือกที่จะ ฝังฟีเจอร์ AI เข้าไปในผลิตภัณฑ์เดิม เช่น กล้องเว็บแคมที่มีระบบจัดเฟรมอัตโนมัติและกรองเสียงรบกวน หรือเมาส์ MX Master 4 ที่มีช็อตคัตเชื่อมต่อกับ ChatGPT และ Microsoft Copilot กลยุทธ์นี้สะท้อนถึงแนวคิดว่า AI ควรเสริมการทำงานในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่สร้างอุปกรณ์ใหม่ที่ผู้ใช้ยังไม่เห็นคุณค่า

    มุมมองต่ออุตสาหกรรม
    Faber ระบุว่า สมาร์ทโฟนและพีซี กำลังพัฒนาโมเดล AI บนเครื่องที่ทรงพลังขึ้นเรื่อย ๆ และมีการเชื่อมต่อกับผู้ช่วยบนคลาวด์อยู่แล้ว ทำให้การสร้างอุปกรณ์ AI แยกออกมาไม่ใช่สิ่งจำเป็น ขณะเดียวกัน Logitech ยังคงรักษาเสถียรภาพด้านซัพพลายเชน โดยกระจายการผลิตไปกว่า 5 ประเทศ และฟื้นยอดขายกลับสู่ระดับก่อนโควิด-19

    ความท้าทายของตลาด AI-first gadgets
    แม้จะมีการลงทุนจากบริษัทใหญ่ เช่น HP ที่ซื้อกิจการ Humane แต่กระแสตอบรับยังไม่ดีนัก หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า ผู้ช่วยอัจฉริยะควรอยู่ในอุปกรณ์ที่ใช้งานอยู่แล้ว มากกว่าการสร้างฮาร์ดแวร์ใหม่ที่มีต้นทุนสูงและเสี่ยงต่อการล้มเหลว

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ซีอีโอ Logitech วิจารณ์อุปกรณ์ AI-first
    มองว่าแก้ปัญหาที่ไม่มีอยู่จริง

    กลยุทธ์ Logitech เน้นฝัง AI ในผลิตภัณฑ์เดิม
    เช่น เว็บแคมอัจฉริยะ และเมาส์ MX Master 4

    สมาร์ทโฟนและพีซีมีศักยภาพเพียงพอ
    ไม่จำเป็นต้องสร้างอุปกรณ์ AI แยกออกมา

    คำเตือนต่อผู้ผลิต AI gadgets
    ตลาดยังไม่พิสูจน์ว่ามีความต้องการจริง
    ต้นทุนสูงและเสี่ยงต่อการล้มเหลวทางธุรกิจ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/logitech-ceo-says-ai-gadget-makers-are-chasing-problems-that-dont-exist
    📰 Logitech วิจารณ์กระแสอุปกรณ์ AI Hanneke Faber ซีอีโอของ Logitech ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg เนื่องในโอกาสครบรอบ 2 ปีการดำรงตำแหน่ง เธอชี้ว่า อุปกรณ์ AI-first ที่เปิดตัวในปีที่ผ่านมา เช่น Humane AI Pin และ Rabbit R1 ไม่สามารถสร้างตลาดที่ชัดเจนได้ เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านความเร็ว ฟีเจอร์ และราคาที่ต้องพึ่งพาการสมัครสมาชิก ทำให้ผู้ใช้ตั้งคำถามว่า “จำเป็นจริงหรือไม่” 🔧 กลยุทธ์ของ Logitech แทนที่จะสร้างอุปกรณ์ใหม่รอบ AI Logitech เลือกที่จะ ฝังฟีเจอร์ AI เข้าไปในผลิตภัณฑ์เดิม เช่น กล้องเว็บแคมที่มีระบบจัดเฟรมอัตโนมัติและกรองเสียงรบกวน หรือเมาส์ MX Master 4 ที่มีช็อตคัตเชื่อมต่อกับ ChatGPT และ Microsoft Copilot กลยุทธ์นี้สะท้อนถึงแนวคิดว่า AI ควรเสริมการทำงานในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่สร้างอุปกรณ์ใหม่ที่ผู้ใช้ยังไม่เห็นคุณค่า 🌍 มุมมองต่ออุตสาหกรรม Faber ระบุว่า สมาร์ทโฟนและพีซี กำลังพัฒนาโมเดล AI บนเครื่องที่ทรงพลังขึ้นเรื่อย ๆ และมีการเชื่อมต่อกับผู้ช่วยบนคลาวด์อยู่แล้ว ทำให้การสร้างอุปกรณ์ AI แยกออกมาไม่ใช่สิ่งจำเป็น ขณะเดียวกัน Logitech ยังคงรักษาเสถียรภาพด้านซัพพลายเชน โดยกระจายการผลิตไปกว่า 5 ประเทศ และฟื้นยอดขายกลับสู่ระดับก่อนโควิด-19 ⚠️ ความท้าทายของตลาด AI-first gadgets แม้จะมีการลงทุนจากบริษัทใหญ่ เช่น HP ที่ซื้อกิจการ Humane แต่กระแสตอบรับยังไม่ดีนัก หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า ผู้ช่วยอัจฉริยะควรอยู่ในอุปกรณ์ที่ใช้งานอยู่แล้ว มากกว่าการสร้างฮาร์ดแวร์ใหม่ที่มีต้นทุนสูงและเสี่ยงต่อการล้มเหลว 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ซีอีโอ Logitech วิจารณ์อุปกรณ์ AI-first ➡️ มองว่าแก้ปัญหาที่ไม่มีอยู่จริง ✅ กลยุทธ์ Logitech เน้นฝัง AI ในผลิตภัณฑ์เดิม ➡️ เช่น เว็บแคมอัจฉริยะ และเมาส์ MX Master 4 ✅ สมาร์ทโฟนและพีซีมีศักยภาพเพียงพอ ➡️ ไม่จำเป็นต้องสร้างอุปกรณ์ AI แยกออกมา ‼️ คำเตือนต่อผู้ผลิต AI gadgets ⛔ ตลาดยังไม่พิสูจน์ว่ามีความต้องการจริง ⛔ ต้นทุนสูงและเสี่ยงต่อการล้มเหลวทางธุรกิจ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/logitech-ceo-says-ai-gadget-makers-are-chasing-problems-that-dont-exist
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    AI gadget makers are chasing problems that don't exist, Logitech CEO says — also details supply chain and pricing strategy
    Hanneke Faber argues that dedicated AI devices have yet to justify themselves as Logitech focuses on practical integrations.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • แผนชั่ว ตอนที่ 6

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว”
    ตอน 6
    ในที่สุด เดือนตุลาคม ปี ค.ศ.2007 CNPC หน่วยงานที่ดูแลด้านน้ำมัน ของรัฐบาลจีน ก็ตกลงทำสัญญากับรัฐบาลของชาด Chad ในการสร้างท่อส่งน้ำมัน หลังจากนั้น 2 ปี การก่อสร้างท่อส่งน้ำมันก็เริ่มดำเนินการ มันเป็นท่อส่งสำหรับน้ำมันบ่อใหม่ ที่จีน (แอบ) ไปลงทุนขุดใหม่ทางใต้ของชาด ห่างไปอีก 300 กิโลเมตร หลังจากนั้น กลุ่มเอ็นจีโอ ที่พวกตะวันตกสนับสนุน ก็ออกมาโว้ยว่า เป็นการทำลาย สิ่งแวดล้อม มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ และเมื่อตอน Chevron ขุดน้ำมันแถวนั้น ในปี ค.ศ.2003 เอ็นจีโอกลุ่มเดียวกันนี้ ไม่ออกมาโวย ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องน่าแปลกใจเช่นเดียวกัน
    แล้วเดือนกรกฏาคม ค.ศ.2011 ชาดและจีน ก็ฉลองการเปิดดำเนินการของโรงกลั่นน้ำมัน ที่อยู่ใกล้กับเมืองหลวงของชาด ที่ทั้ง 2 ฝ่ายร่วมทุนกัน โรงกลั่นนี้ ว่าไปแล้ว ก็อยู่ไม่ไกลจากแหล่งสำรวจที่จีนไปลงทุนไว้ตอนแรก ในบริเวณดาร์ฟูที่ติดกับชาด และจีนถูกไม้กั้น ไม่เสี้ยม จนยังกินแห้วอยู่นั่นเอง แม้จะกินแห้วของดาร์ฟู แต่แหล่งที่จีนได้ใหม่ ที่ชาดก็น่าจะชดเชยของเดิม ที่ถูกถีบออกมาได้อย่างน่าทึ่ง
    จากการประเมินทางภูมิศาสตร์ สายน้ำมันน่าจะไหลมาจากดาร์ฟู ผ่านมาที่ชาด และต่อไปถึงแคเมอรูน ขนาดของแหล่งน้ำมันนี้ประเมินกันว่า ใหญ่มหาศาลนัก อาจจะเท่ากับแหล่งน้ำมันที่ซาอุดิอารเบียเสียด้วยซ้ำ การควบคุมซูดานใต้ ชาดและแคเมอรูน จึงเป็นยุทธศาสตร์สำคัญรายการใหม่ ของสภาความมั่นคงของอเมริกา คราวนี้เป็น “ยุทธศาสตร์ขวางจีน” เต็มรูปแบบ เพื่อไม่ให้จีน เข้าไปสู่แหล่งพลังงานทุกแห่งในโลก โดยเฉพาะที่อาฟริกา
    หมากตัวสำคัญ ที่จะทำให้ยุทธศาสตร์ขวางจีนในอาฟริกา เป็นผลสำเร็จหรือไม่ คือ กัดดาฟี แห่งลิเบีย เป็นกัดดาฟีที่ไม่ยอมก้มหัวให้กับตะวันตก และต่อสู้ทุกเม็ด ทุกหมากกับอเมริกา และอังกฤษ เพื่อที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับประเทศตนและอาฟริกา รวมไปถีงประเทศในตะวันออกกลาง กัดดาฟี พยายามตั้งสถาบันการเงิน เหมือนธนาคารโลก เพื่อช่วยเหลือประเทศในกลุ่มอาฟริกา จะได้ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของก๊วนหน้าเลือด ใจร้าย World Bank, IMF และที่สำคัญ กัดดาฟี ไม่ปฏิเสธ ที่จะคบ และค้าขายกับรัสเซียและจีน
    เขาจึงเป็นบุคคลที่อเมริกา และอังกฤษรังเกียจยิ่งนัก
    ลิเบีย เป็นประเทศในอาฟริกา ที่ด้านเหนือ ติดกับทะเลเมดิเตอเรเนียน ข้ามทะเลไปก็เป็นอิตาลี ซึ่งบริษัทน้ำมัน ENI ของอิตาลี เป็นผู้มาร่วมงานขุดเจาะน้ำมัน กับลิเบียอยู่นาน ตะวันตกของลิเบียติดกับ ตูนีเซีย และอัลจีเรีย ทางด้านใต้ ติดกับชาด ส่วนตะวันออกติดกับซูดาน ทั้งเหนือและใต้ และอียิปต์ ที่ตั้งของลิเบียจึงเหมือนอยู่กลางดงน้ำมัน คงมีใครมองว่า ลิเบียเหมาะที่จะใช้เป็นศูนย์กลาง ในการควบคุมดงน้ำมันอย่างยิ่ง
    ลิเบีย ไม่ให้ใครมาเป็นเจ้าของปั้มลิเบีย ลิเบียเป็นเจ้าของปั้มเอง ขายเอง ดูแลแหล่งน้ำมันที่มีคุณภาพสูงเอง ในปี ค.ศ.2006 ลิเบียเป็นเจ้าของแหล่งน้ำมัน ที่ได้รับการสำรวจและพิสูจน์ว่า มีน้ำมันแล้วถึง 35% ของน้ำมันทั้งหมดในอาฟริกา มีมากกว่าไนจีเรีย ที่อเมริกาคว้าคออยู่หมัดเสียอีก
    นอกจากนี้ ลิเบียยังให้สัมปทานน้ำมัน แก่รัฐบาลจีนด้วย ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เป็นเรื่องระหว่างรัฐบาล กับ รัฐบาล
    แบบนี้ อเมริกาจะทนดู ลิเบีย ทำอะไรตามใจตัวเองอยู่ในกลางดงน้ำมัน (ที่อเมริกาอยากครอบครอง) ได้หรือ อเมริกามองว่า ตราบใดที่รัฐบาลกัดดาฟีเข้มแข็ง มีอำนาจอยู่ที่เมืองทริโปลี และควบคุมแหล่งน้ำมันใหญ่ที่สุดในอาฟริกา แผนการของอเมริกา ตามยุทธศาสตร์ขวางจีน คงสำเร็จยาก การแบ่งแยกซูดานเป็น 2 ประเทศ และการยุ การเสี้ยมให้เกิดการกบฏในลิเบียต้องทำพร้อมกัน จึงพอจะมีทางเอากัดดาฟี่มาขึงพืดได้
    นี่จึงเป็นภาระกิจสำคัญและเป็น “งาน” ของจริง สำหรับ AFRICOM ที่คงไม่ได้แถลงกันในรัฐสภาให้คนอเมริกันรู้
    AFRICOM รับหน้าที่เป็นกองกำลังหลัก ในปฏิบัติการทำลายกัดดาฟีและลิเบีย รวมทั้งในการสร้างกบฏ เปลี่ยนแปลงรัฐบาล ในตูนีเซีย อียิปต์ และสร้างรัฐซูดานใต้ทั้งหมด เพื่อให้แหล่งน้ำมันใหญ่ ในประเทศเหล่านี้ ไม่มีเจ้าของดูแลควบคุม อเมริกาและพวก จะได้เข้าไปควบคุมแทน
    มันเป็นปฏิบัติการเก็บเจ้าของปั้ม แล้วปล้นเอาปั้มเขามา นั่นเอง
    แต่อเมริกาไม่กล้ารบเดี่ยว อยากจะปล้น แต่ก็คงปอดแหกเหมือนกัน กัดดาฟีไม่ได้เคี้ยวง่ายเหมือนซูดาน กัดดาฟี มีทั้งเขี้ยวยาว และอาวุธทันสมัยที่ซื้อจากอเมริกาและรัสเซีย เก็บเงียบอยู่เต็มลิเบีย คราวนี้ อเมริกาจะใช้พระเอกหนังไปเดินทำหน้าเศร้า ก็คงไม่สำเร็จ อเมริกาจึงดึงนาโต้เข้ามาเล่นเต็มอัตรา
    ปี ค.ศ.2010 นาโต้ ไปกวาดต้อนเอาสาระพัดพันธ์ุ ตั้งแต่อดีตนักการเมืองที่เคยอยู่กับกัดดาฟี แต่บัดนี้ขัดใจกันแล้ว อดีตนักธุรกิจขี้โกงที่หนีคดี ไปอยู่ต่างประเทศ ส่วนประกอบแบบนี้ คุ้นไหมครับ ส่วนประกอบที่สำคัญอีก 2 ส่วนคือ เด็กในกระเป๋า ซีไอเอ ที่ได้รับการฝึก รับเงินและก็ไปร่วมรบกับ ซีไอเอ หลายที่ เช่น อาฟกานิสถาน อิรัค เป็นต้น อีกส่วนหนึ่งคือ ทหารรับจ้าง หรือที่สมัยใหม่นี้ เรียกว่า ผู้รับเหมา contractor รับเหมาทำอะไรบ้าง ก็คงพอเดากันออก มันเป็นการผสมพันธุ์โหด ที่เตรียมเอาไว้เชือดกัดดาฟี
    กลุ่มสาระพัดพันธ์ุนี่ เรียกตัวเองว่า กลุ่ม TNC Transitional Nation Council
    กลุ่ม TNC ออกมาด่าว่า กัดดาฟี่เป็นเผด็จการรวบอำนาจ กดขี่ ประชาชน ต้องการให้ กัดดาฟีลาออก มีการเลือกตั้งใหม่ และปกครองตามระบอบประชาธิปไตย แหม โรเนียวนี้ใช้จนเก่าเน่าแล้ว ไม่เปลี่ยนเลยหรือพี่
    กัดดาฟี เป็นเผด็จการจริง มีทั้งพวกที่บอกว่า เขาทำประโยชน์ให้กับชาวลิเบีย และก็มีพวกที่บอกว่า เขาข่มขู่บังคับชาวลิเบีย จึงคงมีทั้งพวกที่รักเขา และพวกที่เกลียดเขา แต่ลองดูจากหลายสิ่งที่เขาทำให้กับชาวลิเบีย มันก็พอบอกได้ว่า เขาดี เลวอย่างไรกับลิเบีย
    – ชาวลิเบีย ได้รับการรักษาพยาบาล และเรียนหนังสือฟรี ( อย่าบอกนะว่า เหมือน 30 บาท รักษาทุกโรค)
    – ชาวลิเบียไม่ต้องเสียค่าไฟฟ้า
    – ชาวลิเบียกู้เงินไม่เสียดอกเบี้ยจากธนาคารของรัฐ ซึ่งใหญ่มาก และกัดดาฟีมีแผนจะสร้าง ให้มีเงินทุนมากกว่า World Bank เพื่อให้ ชาวอาฟริกันกู้ด้วย
    – รัฐบาลกัดดาฟี สร้างระบบชลประทานที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยการสร้างแม่น้ำทั่วประเทศ ชาวลิเบีย ไม่มีการขาดน้ำตลอดปี
    – ถ้าชาวลิเบียต้องการทำฟาร์มเพาะ ปลูก และเลี้ยงสัตว์ รัฐจะยกที่ดินให้ฟรี แถมปลูกบ้านให้ พร้อมแจกพันธ์ุพืชและสัตว์ ฟรีหมด เพราะรัฐสนับสนุนให้สร้าง “อาหาร” จะได้ไม่อดตาย
    – เมื่อหญิงชาวลิเบียคลอดลูก จะได้รับเงินช่วยจากรัฐ จำนวน 5 พันเหรียญ เขาสนับสนุนให้มีชาวลิเบียอยู่ในโลก ไม่ใช่ถูกตอนพันธ์
    – รัฐบาลกัดดาฟี ยืนราคาน้ำมันขายในลิเบีย ที่ลิตรละ 14 เซ็นต์ (ประมาณ 5 บาท)
    – รัฐบาลกัดดาฟีส่งเสริมการศึกษา ก่อนเขาปกครอง มีคนอ่านหนังสือออกเพียง 25% ช่วง 40 ปี ที่กัดดาฟี ปกครองลิเบีย จำนวนคนอ่านหนังสือออก เพิ่มเป็นเกือบ 90% และมีคนศึกษาจบระดับปริญญา 25%
    TNC เป็นแนวหน้าที่นาโต้เตรียมไว้ให้ไปสู้ และตายแทนกองกำลังนาโต้ ส่วนทหารนาโต้ นั่งคอยดูผลงาน TNC ไปก่อน นี่เป็นเพียงก๊อก 1
    ก๊อก 1 เริ่มงานด้วยการ ออกมาประท้วงกัดดาฟีตามเมืองต่างๆว่า เป็นเผด็จการ พวกเขาต้องการประชาธิปไตย และการประท้วงครั้งแรกในลืเบีย ก็เกิดขึ้นที่เมือง Cyrenaica เมืองที่เป็นแหล่งน้ำมันใหญ่ ทางตะวันออกของลิเบีย หลังจากนั้น การประท้วงก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และขยายตัวออกไป และในที่สุดก็ยึดเมืองสำคัญอย่าง เบงกาซี Benghazi ได้
    หลังจากนั้น กระป๋องสีย้อมข่าวใบใหญ่ ซีเอนเอน ก็รับช่วงรายงานข่าวทุกวันว่า กัดดาฟี ชั่วช้า กระทำรุนแรง ตั้งใจฆ่าประชาชน ด้วยการเอาเครื่องบินมาถล่มพวกกบฏมือเปล่า แบบนี้นานาชาติใจบุญ จะทนดูชาวลิเบียโดนระเบิดทุกวันไหวยังไง
    อังกฤษกับฝรั่งเศส รีบถลาไปเอาหน้าเกือบไม่ทัน บอกว่าไม่ได้นะ แบบนี่มันละเมิดกฏ “No Fly Zone” ของสหประชาชาติ ว่าเข้าไปโน่น สหประชาชาติ เลยมีมติกำหนดเขตห้ามบิน No Fly Zone ตามเมืองต่างๆในลิเบีย เครื่องบินของฝ่ายรัฐบาลหรือกัดดาฟี บินไม่ได้ แต่ของกองกำลังผสมของนานาชาติบินได้ ทิ้งระเบิดได้ มีปัญหาไหม ไม่มีคร้าบ… พวกเอ็งมันใหญ่ค้ำโลกแล้ว ใครจะกล้ามีปัญหาด้วย
    ก๊อก 2 คือ กองกำลังผสมของนานาชาติ ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อร่วมกันเชือด กัดดาฟี ทรัพยากรลิเบียแยะนัก กองกำลังร่วมเชือด เลยแยะตามไปด้วย หวังได้แบ่งส่วนบุญ กองกำลังผสม นำโดยอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส แคนาดา และลูกกระเป๋ง อย่าง กาต้าร์ สหรัฐเอมิเรต เบลเยี่ยม อิตาลี เดนมาร์ค นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์และสเปญ เอาชื่อมาโชว์ให้ดูหมด จะได้รู้ว่าใคร อยู่ตรงไหน… โถ นึกว่ารวยแล้วไม่ตะกระ …แถวบ้านผมเคยมี ที่รวยแล้ว ทั้งตะกระ ทั้งโกง….
    ช่วงแรก กองกำลังผสมบัญชาการโดยอเมริกา ช่วงหลัง บัญชาการโดยนาโต้ ไม่รู้จะดัดจริต เปลี่ยนทำไม ยังไงอเมริกาก็คุมนาโต้อยู่แล้ว
    จริงๆ ช่วงแรก อเมริกานำ ก็เพราะต้องการจะเข้าลิเบียไปก่อนใคร เพื่อค้นหาสมบัติของกัดดาฟี โดยเฉพาะ พวกอาวุธที่แอบเก็บตามโกดังนั่นแหละ ใครๆ ก็อยากงาบต่อทั้งนั้น
    แล้วกองกำลังผสมของชาติต่างๆ บวกกองกำลังของนาโต้เอง บวกกองกำลังฝ่ายกบฏ บวกกองกำลังของผู้รับเหมา บวกกองกำลังทหารของอเมริกา (เอะ นี่ผมตกกองอะไร ของใครอีกไหม มันแยะ เละไปหมด) ก็ไล่ล่ากัดดาฟีอยู่ 8 เดือน กัดดาฟีหนีไปเมืองไหน ยิงกันอย่างไร บ้านเรือนพังฉิบหายขนาดไหน คนเจ็บคนตายนอนน่าสมเพชเกลื่อน ถนนเท่าไหร่ ไอ้กระป๋องใส่สีย้อมข่าว ซีเอนเอน รายงานข่าวละเอียดละออ ชาวบ้านได้ดูข่าวการไล่ล่า และไล่ฆ่า เป็นรายการสดทางทีวี ทุกวัน ทุกคืน
    เดือนมีนาคม ปี ค.ศ.2011 นาโต้ประกาศว่า ได้ทิ้งระเบิด ที่บริเวณบ้านใหญ่ ของกัดดาฟี ที่ทริโปลีรอบใหญ่ บ้านพังฉิบหายยับ แต่ยังไม่เจอกัดดาฟี ไม่ว่าเป็นหรือตาย แต่มีคนอื่นตายแทน เป็นลูกชายคนเล็กของกัดดาฟี และหลานปู่เล็กๆ อีก 3 คน เวร…..
    แล้วในเดือนตุลาคม ปี ค.ศ.2011 กัดดาฟี ก็ถูกฆ่าตายที่เมืองบ้านเกิดของเขา Sirte ขณะที่อยู่กับกองกำลังของตัว ที่ล้อมหน้า ล้อมหลัง แต่มันมาทางจากข้างบน เป็นจรวดไล่ยิง จะไปคุ้มกันยังไงไหว เล่นยิงใส่ขบวนรถของพวกกัดดาฟี ที่กำลังขับหนีออกจาก Sirte รถกระเด็นพลิกคว่ำ บ้านเรือนแถบนั้นพังเป็นแถบ คนจะรอดหรือ แล้วกัดดาฟีพร้อมลูกชาย 2 คน และลูกน้องคนสนิทหลายคน ก็ตายเรียบ
    หลังจากนั้น เขาว่าพวกกบฏก็บุกเขาไปเอาร่างกัดดาฟีออกมา ลากไปตามถนนโห่ร้องยินดี บางข่าว บอกว่าเขาตายตั้งแต่โดนจรวด บางข่าวบอก เขายังไม่ตาย แค่เกือบ เขาหลุดออกมาจากรถ ไปแอบซ่อนตัวอยู่ในท่อ แต่มาตายตอนที่พวกกบฏลากตัวขึ้น มาจากท่อ ไปตามถนน ก่อนลาก ทุบเสียละเอียด ก่อน ทุบ จับแก้ผ้า และชำเราทางทวารหนักก่อน บางสื่อลงภาพเขานอนตาย หัวเป็นรู จากรอยกระสุน
    2 วัน ก่อนที่กัดดาฟีจะถูกจับ คุณนายคลินตัน สตรีหน้าโหด ( ผมเห็นหน้าคุณนายในทีวีทีไร ฝันร้ายทุกที ผู้หญิงอะไร น่ากลัวชะมัด) ในตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ เดินทางไปที่เมือง ทริโปลี Tripoli ด้วยเครื่องบินทหาร ที่มีการคุ้มกันหลายชั้น แม้แต่แมลงวันที่คุ้นเคยกัน ก็คงเข้าไปตอมคุณนายไม่ถึง คุณนายประกาศเสียงดังฟังชัดว่า เราจะต้องจับตัวกัดดาฟี มาให้ได้ ไม่ว่า จับตาย หรือจับเป็น “dead or alive”
    นี่! มันยิ่งกว่าบทพระเอก ไปทำหน้าเศร้าที่ซูดานอีกนะ บทนี้มันเป็นบทนางสิงห์สั่งฆ่าเลย
    กัดดาฟี จะอย่างไรก็เป็นประมุขประเทศ เป็นประเทศเอกราช ไม่ได้เป็นขี้ข้าใคร ทำดี ทำชั่ว ศาลระหว่างประเทศมี อเมริกา และรัฐมนตรีต่างประเทศของตน ใช้สิทธิอะไร เที่ยวประกาศ ตัดสินว่า ประเทศไหน ต้องมีนโยบายอย่างไร ประมุขประเทศ ต้องทำตัวอย่างไร ตามใจอเมริกาอย่างไร ถ้าไม่ถูกใจนี่ อเมริกา สั่งฆ่าได้เลยหรือ เรื่องนี้ผมรับไม่ได้จริงๆ และสะอิดสะเอียนที่สุด
    เรื่องนี้ สำนักข่าว Associated Press รายงานข่าวว่า
    … นางคลินตันพูดแบบไม่อ้อมค้อมเป็นพิเศษว่า อเมริกา ต้องการเห็น อดีตเผด็จการ มูอัมมาร์ กัดดาฟี ถึงแก่ความตาย….
    … เราหวังว่า เขาจะถูกจับ หรือถูก ฆ่า เพื่อพวกคุณจะได้ไม่ต้องกลัวเขาอีกต่อไป
    .. Clinton declared in unusually blunt terms that the United States would like to see former dictator Muammar Gaddafi dead..
    …We hope he can be captured or killed soon so that you don’t have to fear him any longer…
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    19 ก.ย. 2558
    แผนชั่ว ตอนที่ 6 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว” ตอน 6 ในที่สุด เดือนตุลาคม ปี ค.ศ.2007 CNPC หน่วยงานที่ดูแลด้านน้ำมัน ของรัฐบาลจีน ก็ตกลงทำสัญญากับรัฐบาลของชาด Chad ในการสร้างท่อส่งน้ำมัน หลังจากนั้น 2 ปี การก่อสร้างท่อส่งน้ำมันก็เริ่มดำเนินการ มันเป็นท่อส่งสำหรับน้ำมันบ่อใหม่ ที่จีน (แอบ) ไปลงทุนขุดใหม่ทางใต้ของชาด ห่างไปอีก 300 กิโลเมตร หลังจากนั้น กลุ่มเอ็นจีโอ ที่พวกตะวันตกสนับสนุน ก็ออกมาโว้ยว่า เป็นการทำลาย สิ่งแวดล้อม มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ และเมื่อตอน Chevron ขุดน้ำมันแถวนั้น ในปี ค.ศ.2003 เอ็นจีโอกลุ่มเดียวกันนี้ ไม่ออกมาโวย ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องน่าแปลกใจเช่นเดียวกัน แล้วเดือนกรกฏาคม ค.ศ.2011 ชาดและจีน ก็ฉลองการเปิดดำเนินการของโรงกลั่นน้ำมัน ที่อยู่ใกล้กับเมืองหลวงของชาด ที่ทั้ง 2 ฝ่ายร่วมทุนกัน โรงกลั่นนี้ ว่าไปแล้ว ก็อยู่ไม่ไกลจากแหล่งสำรวจที่จีนไปลงทุนไว้ตอนแรก ในบริเวณดาร์ฟูที่ติดกับชาด และจีนถูกไม้กั้น ไม่เสี้ยม จนยังกินแห้วอยู่นั่นเอง แม้จะกินแห้วของดาร์ฟู แต่แหล่งที่จีนได้ใหม่ ที่ชาดก็น่าจะชดเชยของเดิม ที่ถูกถีบออกมาได้อย่างน่าทึ่ง จากการประเมินทางภูมิศาสตร์ สายน้ำมันน่าจะไหลมาจากดาร์ฟู ผ่านมาที่ชาด และต่อไปถึงแคเมอรูน ขนาดของแหล่งน้ำมันนี้ประเมินกันว่า ใหญ่มหาศาลนัก อาจจะเท่ากับแหล่งน้ำมันที่ซาอุดิอารเบียเสียด้วยซ้ำ การควบคุมซูดานใต้ ชาดและแคเมอรูน จึงเป็นยุทธศาสตร์สำคัญรายการใหม่ ของสภาความมั่นคงของอเมริกา คราวนี้เป็น “ยุทธศาสตร์ขวางจีน” เต็มรูปแบบ เพื่อไม่ให้จีน เข้าไปสู่แหล่งพลังงานทุกแห่งในโลก โดยเฉพาะที่อาฟริกา หมากตัวสำคัญ ที่จะทำให้ยุทธศาสตร์ขวางจีนในอาฟริกา เป็นผลสำเร็จหรือไม่ คือ กัดดาฟี แห่งลิเบีย เป็นกัดดาฟีที่ไม่ยอมก้มหัวให้กับตะวันตก และต่อสู้ทุกเม็ด ทุกหมากกับอเมริกา และอังกฤษ เพื่อที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับประเทศตนและอาฟริกา รวมไปถีงประเทศในตะวันออกกลาง กัดดาฟี พยายามตั้งสถาบันการเงิน เหมือนธนาคารโลก เพื่อช่วยเหลือประเทศในกลุ่มอาฟริกา จะได้ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของก๊วนหน้าเลือด ใจร้าย World Bank, IMF และที่สำคัญ กัดดาฟี ไม่ปฏิเสธ ที่จะคบ และค้าขายกับรัสเซียและจีน เขาจึงเป็นบุคคลที่อเมริกา และอังกฤษรังเกียจยิ่งนัก ลิเบีย เป็นประเทศในอาฟริกา ที่ด้านเหนือ ติดกับทะเลเมดิเตอเรเนียน ข้ามทะเลไปก็เป็นอิตาลี ซึ่งบริษัทน้ำมัน ENI ของอิตาลี เป็นผู้มาร่วมงานขุดเจาะน้ำมัน กับลิเบียอยู่นาน ตะวันตกของลิเบียติดกับ ตูนีเซีย และอัลจีเรีย ทางด้านใต้ ติดกับชาด ส่วนตะวันออกติดกับซูดาน ทั้งเหนือและใต้ และอียิปต์ ที่ตั้งของลิเบียจึงเหมือนอยู่กลางดงน้ำมัน คงมีใครมองว่า ลิเบียเหมาะที่จะใช้เป็นศูนย์กลาง ในการควบคุมดงน้ำมันอย่างยิ่ง ลิเบีย ไม่ให้ใครมาเป็นเจ้าของปั้มลิเบีย ลิเบียเป็นเจ้าของปั้มเอง ขายเอง ดูแลแหล่งน้ำมันที่มีคุณภาพสูงเอง ในปี ค.ศ.2006 ลิเบียเป็นเจ้าของแหล่งน้ำมัน ที่ได้รับการสำรวจและพิสูจน์ว่า มีน้ำมันแล้วถึง 35% ของน้ำมันทั้งหมดในอาฟริกา มีมากกว่าไนจีเรีย ที่อเมริกาคว้าคออยู่หมัดเสียอีก นอกจากนี้ ลิเบียยังให้สัมปทานน้ำมัน แก่รัฐบาลจีนด้วย ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เป็นเรื่องระหว่างรัฐบาล กับ รัฐบาล แบบนี้ อเมริกาจะทนดู ลิเบีย ทำอะไรตามใจตัวเองอยู่ในกลางดงน้ำมัน (ที่อเมริกาอยากครอบครอง) ได้หรือ อเมริกามองว่า ตราบใดที่รัฐบาลกัดดาฟีเข้มแข็ง มีอำนาจอยู่ที่เมืองทริโปลี และควบคุมแหล่งน้ำมันใหญ่ที่สุดในอาฟริกา แผนการของอเมริกา ตามยุทธศาสตร์ขวางจีน คงสำเร็จยาก การแบ่งแยกซูดานเป็น 2 ประเทศ และการยุ การเสี้ยมให้เกิดการกบฏในลิเบียต้องทำพร้อมกัน จึงพอจะมีทางเอากัดดาฟี่มาขึงพืดได้ นี่จึงเป็นภาระกิจสำคัญและเป็น “งาน” ของจริง สำหรับ AFRICOM ที่คงไม่ได้แถลงกันในรัฐสภาให้คนอเมริกันรู้ AFRICOM รับหน้าที่เป็นกองกำลังหลัก ในปฏิบัติการทำลายกัดดาฟีและลิเบีย รวมทั้งในการสร้างกบฏ เปลี่ยนแปลงรัฐบาล ในตูนีเซีย อียิปต์ และสร้างรัฐซูดานใต้ทั้งหมด เพื่อให้แหล่งน้ำมันใหญ่ ในประเทศเหล่านี้ ไม่มีเจ้าของดูแลควบคุม อเมริกาและพวก จะได้เข้าไปควบคุมแทน มันเป็นปฏิบัติการเก็บเจ้าของปั้ม แล้วปล้นเอาปั้มเขามา นั่นเอง แต่อเมริกาไม่กล้ารบเดี่ยว อยากจะปล้น แต่ก็คงปอดแหกเหมือนกัน กัดดาฟีไม่ได้เคี้ยวง่ายเหมือนซูดาน กัดดาฟี มีทั้งเขี้ยวยาว และอาวุธทันสมัยที่ซื้อจากอเมริกาและรัสเซีย เก็บเงียบอยู่เต็มลิเบีย คราวนี้ อเมริกาจะใช้พระเอกหนังไปเดินทำหน้าเศร้า ก็คงไม่สำเร็จ อเมริกาจึงดึงนาโต้เข้ามาเล่นเต็มอัตรา ปี ค.ศ.2010 นาโต้ ไปกวาดต้อนเอาสาระพัดพันธ์ุ ตั้งแต่อดีตนักการเมืองที่เคยอยู่กับกัดดาฟี แต่บัดนี้ขัดใจกันแล้ว อดีตนักธุรกิจขี้โกงที่หนีคดี ไปอยู่ต่างประเทศ ส่วนประกอบแบบนี้ คุ้นไหมครับ ส่วนประกอบที่สำคัญอีก 2 ส่วนคือ เด็กในกระเป๋า ซีไอเอ ที่ได้รับการฝึก รับเงินและก็ไปร่วมรบกับ ซีไอเอ หลายที่ เช่น อาฟกานิสถาน อิรัค เป็นต้น อีกส่วนหนึ่งคือ ทหารรับจ้าง หรือที่สมัยใหม่นี้ เรียกว่า ผู้รับเหมา contractor รับเหมาทำอะไรบ้าง ก็คงพอเดากันออก มันเป็นการผสมพันธุ์โหด ที่เตรียมเอาไว้เชือดกัดดาฟี กลุ่มสาระพัดพันธ์ุนี่ เรียกตัวเองว่า กลุ่ม TNC Transitional Nation Council กลุ่ม TNC ออกมาด่าว่า กัดดาฟี่เป็นเผด็จการรวบอำนาจ กดขี่ ประชาชน ต้องการให้ กัดดาฟีลาออก มีการเลือกตั้งใหม่ และปกครองตามระบอบประชาธิปไตย แหม โรเนียวนี้ใช้จนเก่าเน่าแล้ว ไม่เปลี่ยนเลยหรือพี่ กัดดาฟี เป็นเผด็จการจริง มีทั้งพวกที่บอกว่า เขาทำประโยชน์ให้กับชาวลิเบีย และก็มีพวกที่บอกว่า เขาข่มขู่บังคับชาวลิเบีย จึงคงมีทั้งพวกที่รักเขา และพวกที่เกลียดเขา แต่ลองดูจากหลายสิ่งที่เขาทำให้กับชาวลิเบีย มันก็พอบอกได้ว่า เขาดี เลวอย่างไรกับลิเบีย – ชาวลิเบีย ได้รับการรักษาพยาบาล และเรียนหนังสือฟรี ( อย่าบอกนะว่า เหมือน 30 บาท รักษาทุกโรค) – ชาวลิเบียไม่ต้องเสียค่าไฟฟ้า – ชาวลิเบียกู้เงินไม่เสียดอกเบี้ยจากธนาคารของรัฐ ซึ่งใหญ่มาก และกัดดาฟีมีแผนจะสร้าง ให้มีเงินทุนมากกว่า World Bank เพื่อให้ ชาวอาฟริกันกู้ด้วย – รัฐบาลกัดดาฟี สร้างระบบชลประทานที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยการสร้างแม่น้ำทั่วประเทศ ชาวลิเบีย ไม่มีการขาดน้ำตลอดปี – ถ้าชาวลิเบียต้องการทำฟาร์มเพาะ ปลูก และเลี้ยงสัตว์ รัฐจะยกที่ดินให้ฟรี แถมปลูกบ้านให้ พร้อมแจกพันธ์ุพืชและสัตว์ ฟรีหมด เพราะรัฐสนับสนุนให้สร้าง “อาหาร” จะได้ไม่อดตาย – เมื่อหญิงชาวลิเบียคลอดลูก จะได้รับเงินช่วยจากรัฐ จำนวน 5 พันเหรียญ เขาสนับสนุนให้มีชาวลิเบียอยู่ในโลก ไม่ใช่ถูกตอนพันธ์ – รัฐบาลกัดดาฟี ยืนราคาน้ำมันขายในลิเบีย ที่ลิตรละ 14 เซ็นต์ (ประมาณ 5 บาท) – รัฐบาลกัดดาฟีส่งเสริมการศึกษา ก่อนเขาปกครอง มีคนอ่านหนังสือออกเพียง 25% ช่วง 40 ปี ที่กัดดาฟี ปกครองลิเบีย จำนวนคนอ่านหนังสือออก เพิ่มเป็นเกือบ 90% และมีคนศึกษาจบระดับปริญญา 25% TNC เป็นแนวหน้าที่นาโต้เตรียมไว้ให้ไปสู้ และตายแทนกองกำลังนาโต้ ส่วนทหารนาโต้ นั่งคอยดูผลงาน TNC ไปก่อน นี่เป็นเพียงก๊อก 1 ก๊อก 1 เริ่มงานด้วยการ ออกมาประท้วงกัดดาฟีตามเมืองต่างๆว่า เป็นเผด็จการ พวกเขาต้องการประชาธิปไตย และการประท้วงครั้งแรกในลืเบีย ก็เกิดขึ้นที่เมือง Cyrenaica เมืองที่เป็นแหล่งน้ำมันใหญ่ ทางตะวันออกของลิเบีย หลังจากนั้น การประท้วงก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และขยายตัวออกไป และในที่สุดก็ยึดเมืองสำคัญอย่าง เบงกาซี Benghazi ได้ หลังจากนั้น กระป๋องสีย้อมข่าวใบใหญ่ ซีเอนเอน ก็รับช่วงรายงานข่าวทุกวันว่า กัดดาฟี ชั่วช้า กระทำรุนแรง ตั้งใจฆ่าประชาชน ด้วยการเอาเครื่องบินมาถล่มพวกกบฏมือเปล่า แบบนี้นานาชาติใจบุญ จะทนดูชาวลิเบียโดนระเบิดทุกวันไหวยังไง อังกฤษกับฝรั่งเศส รีบถลาไปเอาหน้าเกือบไม่ทัน บอกว่าไม่ได้นะ แบบนี่มันละเมิดกฏ “No Fly Zone” ของสหประชาชาติ ว่าเข้าไปโน่น สหประชาชาติ เลยมีมติกำหนดเขตห้ามบิน No Fly Zone ตามเมืองต่างๆในลิเบีย เครื่องบินของฝ่ายรัฐบาลหรือกัดดาฟี บินไม่ได้ แต่ของกองกำลังผสมของนานาชาติบินได้ ทิ้งระเบิดได้ มีปัญหาไหม ไม่มีคร้าบ… พวกเอ็งมันใหญ่ค้ำโลกแล้ว ใครจะกล้ามีปัญหาด้วย ก๊อก 2 คือ กองกำลังผสมของนานาชาติ ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อร่วมกันเชือด กัดดาฟี ทรัพยากรลิเบียแยะนัก กองกำลังร่วมเชือด เลยแยะตามไปด้วย หวังได้แบ่งส่วนบุญ กองกำลังผสม นำโดยอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส แคนาดา และลูกกระเป๋ง อย่าง กาต้าร์ สหรัฐเอมิเรต เบลเยี่ยม อิตาลี เดนมาร์ค นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์และสเปญ เอาชื่อมาโชว์ให้ดูหมด จะได้รู้ว่าใคร อยู่ตรงไหน… โถ นึกว่ารวยแล้วไม่ตะกระ …แถวบ้านผมเคยมี ที่รวยแล้ว ทั้งตะกระ ทั้งโกง…. ช่วงแรก กองกำลังผสมบัญชาการโดยอเมริกา ช่วงหลัง บัญชาการโดยนาโต้ ไม่รู้จะดัดจริต เปลี่ยนทำไม ยังไงอเมริกาก็คุมนาโต้อยู่แล้ว จริงๆ ช่วงแรก อเมริกานำ ก็เพราะต้องการจะเข้าลิเบียไปก่อนใคร เพื่อค้นหาสมบัติของกัดดาฟี โดยเฉพาะ พวกอาวุธที่แอบเก็บตามโกดังนั่นแหละ ใครๆ ก็อยากงาบต่อทั้งนั้น แล้วกองกำลังผสมของชาติต่างๆ บวกกองกำลังของนาโต้เอง บวกกองกำลังฝ่ายกบฏ บวกกองกำลังของผู้รับเหมา บวกกองกำลังทหารของอเมริกา (เอะ นี่ผมตกกองอะไร ของใครอีกไหม มันแยะ เละไปหมด) ก็ไล่ล่ากัดดาฟีอยู่ 8 เดือน กัดดาฟีหนีไปเมืองไหน ยิงกันอย่างไร บ้านเรือนพังฉิบหายขนาดไหน คนเจ็บคนตายนอนน่าสมเพชเกลื่อน ถนนเท่าไหร่ ไอ้กระป๋องใส่สีย้อมข่าว ซีเอนเอน รายงานข่าวละเอียดละออ ชาวบ้านได้ดูข่าวการไล่ล่า และไล่ฆ่า เป็นรายการสดทางทีวี ทุกวัน ทุกคืน เดือนมีนาคม ปี ค.ศ.2011 นาโต้ประกาศว่า ได้ทิ้งระเบิด ที่บริเวณบ้านใหญ่ ของกัดดาฟี ที่ทริโปลีรอบใหญ่ บ้านพังฉิบหายยับ แต่ยังไม่เจอกัดดาฟี ไม่ว่าเป็นหรือตาย แต่มีคนอื่นตายแทน เป็นลูกชายคนเล็กของกัดดาฟี และหลานปู่เล็กๆ อีก 3 คน เวร….. แล้วในเดือนตุลาคม ปี ค.ศ.2011 กัดดาฟี ก็ถูกฆ่าตายที่เมืองบ้านเกิดของเขา Sirte ขณะที่อยู่กับกองกำลังของตัว ที่ล้อมหน้า ล้อมหลัง แต่มันมาทางจากข้างบน เป็นจรวดไล่ยิง จะไปคุ้มกันยังไงไหว เล่นยิงใส่ขบวนรถของพวกกัดดาฟี ที่กำลังขับหนีออกจาก Sirte รถกระเด็นพลิกคว่ำ บ้านเรือนแถบนั้นพังเป็นแถบ คนจะรอดหรือ แล้วกัดดาฟีพร้อมลูกชาย 2 คน และลูกน้องคนสนิทหลายคน ก็ตายเรียบ หลังจากนั้น เขาว่าพวกกบฏก็บุกเขาไปเอาร่างกัดดาฟีออกมา ลากไปตามถนนโห่ร้องยินดี บางข่าว บอกว่าเขาตายตั้งแต่โดนจรวด บางข่าวบอก เขายังไม่ตาย แค่เกือบ เขาหลุดออกมาจากรถ ไปแอบซ่อนตัวอยู่ในท่อ แต่มาตายตอนที่พวกกบฏลากตัวขึ้น มาจากท่อ ไปตามถนน ก่อนลาก ทุบเสียละเอียด ก่อน ทุบ จับแก้ผ้า และชำเราทางทวารหนักก่อน บางสื่อลงภาพเขานอนตาย หัวเป็นรู จากรอยกระสุน 2 วัน ก่อนที่กัดดาฟีจะถูกจับ คุณนายคลินตัน สตรีหน้าโหด ( ผมเห็นหน้าคุณนายในทีวีทีไร ฝันร้ายทุกที ผู้หญิงอะไร น่ากลัวชะมัด) ในตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ เดินทางไปที่เมือง ทริโปลี Tripoli ด้วยเครื่องบินทหาร ที่มีการคุ้มกันหลายชั้น แม้แต่แมลงวันที่คุ้นเคยกัน ก็คงเข้าไปตอมคุณนายไม่ถึง คุณนายประกาศเสียงดังฟังชัดว่า เราจะต้องจับตัวกัดดาฟี มาให้ได้ ไม่ว่า จับตาย หรือจับเป็น “dead or alive” นี่! มันยิ่งกว่าบทพระเอก ไปทำหน้าเศร้าที่ซูดานอีกนะ บทนี้มันเป็นบทนางสิงห์สั่งฆ่าเลย กัดดาฟี จะอย่างไรก็เป็นประมุขประเทศ เป็นประเทศเอกราช ไม่ได้เป็นขี้ข้าใคร ทำดี ทำชั่ว ศาลระหว่างประเทศมี อเมริกา และรัฐมนตรีต่างประเทศของตน ใช้สิทธิอะไร เที่ยวประกาศ ตัดสินว่า ประเทศไหน ต้องมีนโยบายอย่างไร ประมุขประเทศ ต้องทำตัวอย่างไร ตามใจอเมริกาอย่างไร ถ้าไม่ถูกใจนี่ อเมริกา สั่งฆ่าได้เลยหรือ เรื่องนี้ผมรับไม่ได้จริงๆ และสะอิดสะเอียนที่สุด เรื่องนี้ สำนักข่าว Associated Press รายงานข่าวว่า … นางคลินตันพูดแบบไม่อ้อมค้อมเป็นพิเศษว่า อเมริกา ต้องการเห็น อดีตเผด็จการ มูอัมมาร์ กัดดาฟี ถึงแก่ความตาย…. … เราหวังว่า เขาจะถูกจับ หรือถูก ฆ่า เพื่อพวกคุณจะได้ไม่ต้องกลัวเขาอีกต่อไป .. Clinton declared in unusually blunt terms that the United States would like to see former dictator Muammar Gaddafi dead.. …We hope he can be captured or killed soon so that you don’t have to fear him any longer… สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 19 ก.ย. 2558
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 326 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251205 #securityonline

    Google ทดลองให้ AI เขียนหัวข้อข่าวใหม่ แต่กลับทำให้ข้อมูลผิดเพี้ยน
    Google กำลังทดสอบระบบที่ให้ AI เขียนหัวข้อข่าวใหม่ในบริการ Google Discover โดยตั้งใจให้ผู้ใช้เข้าใจเนื้อหาได้เร็วขึ้นและกดเข้าไปอ่าน แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามที่หวัง เพราะหลายครั้งหัวข้อที่ AI เขียนขึ้นมาเกิดการบิดเบือนความหมายเดิมจนทำให้เข้าใจผิด ตัวอย่างเช่น ข่าวเกี่ยวกับเครื่องเกม Steam Machine ที่ยังไม่เปิดเผยราคา แต่ AI กลับเขียนหัวข้อว่า “Steam Machine price revealed” ซึ่งผิดไปจากข้อเท็จจริงอย่างสิ้นเชิง เรื่องนี้ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่า หากปล่อยให้ AI เขียนหัวข้อข่าวโดยไม่มีการควบคุม อาจทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดและลดความน่าเชื่อถือของสื่อ รวมถึงกระทบต่อจำนวนคนที่คลิกเข้าไปอ่านเนื้อหาจริง แม้ Google จะบอกว่าทดลองกับผู้ใช้เพียงส่วนน้อย แต่สำนักข่าวหลายแห่งก็เริ่มเห็นผลกระทบต่อทราฟฟิกของตนแล้ว
    https://securityonline.info/misleading-ai-headlines-google-discover-testing-rewrites-that-distort-news-facts

    AWS ดันชิป Trainium สร้างรายได้หลายพันล้าน ท้าชน NVIDIA
    Amazon ผ่าน AWS กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนในตลาดชิป AI ที่ NVIDIA ครองอยู่ ด้วยการพัฒนา Trainium ซึ่งตอนนี้ทำรายได้ระดับหลายพันล้านดอลลาร์แล้ว โดยรุ่น Trainium2 ถูกใช้งานมากกว่า 100,000 บริษัท และผลิตไปแล้วกว่า 1 ล้านชิป จุดเด่นคือราคาถูกกว่า GPU ของ NVIDIA แต่ยังคงให้ประสิทธิภาพสูง ทำให้หลายองค์กรเลือกใช้ โดยเฉพาะ Anthropic ที่ใช้ชิป Trainium2 กว่า 500,000 ตัวในการสร้างโมเดลใหม่ของ Claude ล่าสุด AWS เปิดตัว Trainium3 ที่แรงขึ้น 4 เท่าและประหยัดพลังงานมากขึ้น พร้อมแผนพัฒนา Trainium4 ที่สามารถทำงานร่วมกับ GPU ของ NVIDIA ได้อย่างลื่นไหล ถือเป็นการเปลี่ยนกลยุทธ์จากการแข่งตรง ๆ ไปสู่การสร้างระบบไฮบริดที่ยืดหยุ่นกว่า
    https://securityonline.info/aws-trainium-chip-business-hits-multi-billion-revenue-challenging-nvidias-pricing

    Meta ดึงตัวดีไซน์เนอร์ระดับตำนานจาก Apple มาสร้างสตูดิโอใหม่
    Mark Zuckerberg ประกาศว่า Meta ได้ดึง Alan Dye อดีตหัวหน้าฝ่าย Human Interface Design ของ Apple มานำทีม Creative Studio ใหม่ใน Reality Labs Alan Dye เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังงานออกแบบสำคัญของ Apple เช่น Apple Watch, iPhone X และ Vision Pro การเข้ามาของเขาถูกมองว่าเป็นการยกระดับงานดีไซน์ของ Meta ให้มีความโดดเด่นและผสมผสานระหว่างแฟชั่น เทคโนโลยี และ AI โดย Dye จะทำงานร่วมกับทีมดีไซน์ที่มีทั้ง Billy Sorrentino และ Joshua To เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นสัญลักษณ์ใหม่ของ Meta การดึงตัวบุคลากรจาก Apple ครั้งนี้สะท้อนการแข่งขันที่ดุเดือดระหว่างสองยักษ์ใหญ่ที่กำลังแย่งชิงอนาคตของอุปกรณ์ AI และสมาร์ทแกดเจ็ต
    https://securityonline.info/design-wars-meta-hires-apple-veteran-alan-dye-to-lead-new-reality-labs-creative-studio

    ปฏิบัติการ DUPEHIKE: มัลแวร์เจาะฝ่าย HR ของรัสเซีย
    เรื่องนี้เป็นการโจมตีแบบเจาะจงที่ถูกตั้งชื่อว่า Operation DUPEHIKE โดยกลุ่มแฮกเกอร์ใช้วิธีส่งอีเมลหลอกล่อพนักงานฝ่ายบุคคลและเงินเดือน ด้วยไฟล์ที่ดูเหมือนเอกสารโบนัสสิ้นปี แต่แท้จริงแล้วเป็นไฟล์ลัด (LNK) ที่เมื่อเปิดขึ้นจะไปดาวน์โหลดมัลแวร์ชื่อ DUPERUNNER ผ่าน PowerShell ทำงานเบื้องหลังอย่างแนบเนียน มัลแวร์นี้สามารถฉีดโค้ดเข้าไปในโปรเซสที่ใช้บ่อย เช่น explorer.exe หรือ notepad.exe เพื่อให้ฝังตัวถาวร และสุดท้ายจะติดตั้ง Adaptix C2 ซึ่งเป็นเครื่องมือควบคุมจากระยะไกล เป้าหมายคือการสอดแนมและควบคุมระบบขององค์กรที่ตกเป็นเหยื่อ
    https://securityonline.info/operation-dupehike-hits-russian-hr-bonus-lure-delivers-duperunner-and-adaptix-c2-via-process-injection

    ช่องโหว่ Splunk บน Windows เสี่ยงถูกยกระดับสิทธิ์
    Splunk ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลชื่อดัง พบช่องโหว่ร้ายแรงสองรายการ (CVE-2025-20386 และ CVE-2025-20387) ที่ทำให้การติดตั้งบน Windows กำหนดสิทธิ์ไฟล์ผิดพลาด เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ที่ไม่ใช่แอดมินเข้าถึงไฟล์และโฟลเดอร์สำคัญได้ หากแฮกเกอร์ได้สิทธิ์ผู้ใช้ระดับต่ำ ก็สามารถแก้ไขไฟล์หรือเข้าถึงข้อมูลที่ควรจะถูกป้องกันไว้ได้ทันที ทาง Splunk ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว และแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อปิดช่องโหว่โดยเร็ว
    https://securityonline.info/high-severity-splunk-flaw-allows-local-privilege-escalation-via-incorrect-file-permissions-on-windows

    ช่องโหว่ Cacti เสี่ยงถูกสั่งรันโค้ดจากระยะไกล
    Cacti ซึ่งเป็นเครื่องมือโอเพ่นซอร์สสำหรับทำกราฟเครือข่าย พบช่องโหว่ร้ายแรง (CVE-2025-66399) ที่เกี่ยวกับการจัดการค่า SNMP Community String หากผู้ใช้ใส่ค่าที่มีตัวอักษรพิเศษหรือบรรทัดใหม่ ระบบจะไม่กรองออก ทำให้แฮกเกอร์สามารถแทรกคำสั่งอันตรายเข้าไปได้ เมื่อระบบนำค่าเหล่านี้ไปใช้กับเครื่องมือ SNMP ภายนอก คำสั่งที่ถูกแทรกก็จะถูกรันทันที ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถเข้าควบคุมเซิร์ฟเวอร์ได้เต็มรูปแบบ ทีมพัฒนาได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 1.2.29 และแนะนำให้อัปเดตทันที
    https://securityonline.info/high-severity-cacti-flaw-cve-2025-66399-risks-remote-code-execution-via-snmp-community-string-injection

    กลุ่ม Calisto APT รัสเซียโจมตี NGO ด้วยฟิชชิ่งแบบใหม่
    กลุ่มแฮกเกอร์ Calisto ที่เชื่อมโยงกับหน่วยงานความมั่นคงรัสเซีย ได้พุ่งเป้าโจมตีองค์กร Reporters Without Borders (RSF) โดยใช้เทคนิคฟิชชิ่งที่ซับซ้อน พวกเขาส่งอีเมลแสร้งเป็นคนรู้จัก พร้อมไฟล์ที่ “หายไป” หรือไฟล์ที่เปิดไม่ได้ เพื่อให้เหยื่อขอไฟล์ใหม่ เมื่อเหยื่อตอบกลับก็จะได้รับลิงก์ไปยังไฟล์ที่แท้จริงซึ่งเป็นมัลแวร์ ฟิชชิ่งนี้ยังใช้เทคนิค AiTM (Adversary-in-the-Middle) เพื่อดักข้อมูลการเข้าสู่ระบบและรหัส 2FA แบบเรียลไทม์ ถือเป็นการโจมตีที่เจาะจง NGO ที่เกี่ยวข้องกับยูเครนและเสรีภาพสื่อโดยตรง
    https://securityonline.info/russian-calisto-apt-targets-reporters-without-borders-with-custom-aitm-phishing-and-missing-file-lure

    NVIDIA Triton Server พบช่องโหว่ DoS ร้ายแรง
    NVIDIA ได้ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับ Triton Inference Server ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการรันโมเดล AI พบช่องโหว่สองรายการ (CVE-2025-33211 และ CVE-2025-33201) ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูลที่ผิดรูปแบบหรือใหญ่เกินไปจนทำให้เซิร์ฟเวอร์ล่มได้ ผลคือบริการ AI inference จะหยุดทำงานทันที ซึ่งอาจกระทบต่อองค์กรที่พึ่งพา AI ในการประมวลผลขนาดใหญ่ NVIDIA ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว และแนะนำให้ผู้ใช้อัปเดตเป็นเวอร์ชัน r25.10 เพื่อป้องกันการโจมตี
    https://securityonline.info/nvidia-triton-server-patches-two-high-severity-dos-flaws-risking-critical-ai-inference-disruption

    Patchwork APT ใช้ StreamSpy Trojan ซ่อนคำสั่งใน WebSocket
    กลุ่มแฮกเกอร์ Patchwork APT ถูกพบว่ากำลังใช้มัลแวร์ใหม่ชื่อ StreamSpy Trojan ที่มีความสามารถในการซ่อนคำสั่งควบคุม (C2) ภายในทราฟฟิก WebSocket ทำให้การสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมดูเหมือนเป็นการใช้งานเว็บตามปกติ เทคนิคนี้ช่วยให้การสอดแนมดำเนินไปโดยไม่ถูกตรวจจับง่าย ๆ และยังสามารถดึงข้อมูลหรือสั่งการเครื่องเหยื่อได้อย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการพัฒนาแนวทางโจมตีที่เน้นความลับและการพรางตัวสูง
    https://securityonline.info/patchwork-apt-deploys-streamspy-trojan-hiding-c2-commands-in-websocket-traffic-for-stealth-espionage

    ความต้องการ AI ลดลง Microsoft ปรับลดโควตายอดขาย
    มีรายงานว่า Microsoft ได้ปรับลดโควตายอดขายของทีม Enterprise AI ลงมากถึง 50% เนื่องจากความต้องการใช้งาน AI ในระดับองค์กรไม่เติบโตตามที่คาดไว้ สาเหตุหลักมาจากลูกค้าหลายรายยังลังเลที่จะลงทุนในโซลูชัน AI ขนาดใหญ่ ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายและความไม่แน่ใจในผลลัพธ์ที่แท้จริง การปรับลดนี้สะท้อนถึงความท้าทายของตลาด AI ที่แม้จะถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง แต่การนำไปใช้จริงในองค์กรยังต้องใช้เวลาและการพิสูจน์คุณค่า
    https://securityonline.info/ai-demand-struggles-microsoft-slashes-enterprise-ai-sales-quotas-by-up-to-50

    Telegram เตรียมใช้ Passkey แทน SMS สำหรับการล็อกอิน
    Telegram กำลังพัฒนาระบบการยืนยันตัวตนแบบใหม่ โดยจะใช้ Passkey Authentication แทนการส่งรหัสผ่านทาง SMS เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากการดักข้อความ ระบบ Passkey จะทำงานร่วมกับมาตรฐาน FIDO2 และ WebAuthn ทำให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินได้ด้วยการยืนยันจากอุปกรณ์ที่เชื่อถือ เช่น ลายนิ้วมือหรือ Face ID การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้การใช้งาน Telegram ปลอดภัยขึ้นและลดการพึ่งพา SMS ที่มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย
    https://securityonline.info/no-more-sms-telegram-is-developing-passkey-authentication-for-secure-login

    SpyCloud เผยผู้ใช้บริษัทเสี่ยงฟิชชิ่งมากกว่ามัลแวร์ 3 เท่า
    ข้อมูลจาก SpyCloud ระบุว่าผู้ใช้ในองค์กรมีโอกาสถูกโจมตีด้วยฟิชชิ่งมากกว่ามัลแวร์ถึง 3 เท่า โดยการโจมตีฟิชชิ่งมักใช้วิธีหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลเข้าสู่ระบบหรือคลิกลิงก์ที่เป็นอันตราย ซึ่งง่ายต่อการดำเนินการและได้ผลเร็วกว่า การศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่าบริษัทต่าง ๆ ควรให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมพนักงานและการใช้ระบบตรวจจับฟิชชิ่งมากขึ้น เพื่อป้องกันการสูญเสียข้อมูลและการเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต
    https://securityonline.info/spycloud-data-shows-corporate-users-3x-more-likely-to-be-targeted-by-phishing-than-by-malware

    อินเดียยกเลิกบังคับใช้แอป Sanchar Saathi หลังถูกต่อต้าน
    รัฐบาลอินเดียประกาศยกเลิกข้อบังคับที่ให้ประชาชนต้องใช้แอป Sanchar Saathi ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อช่วยตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ที่ถูกหลอกลวง หลังจากประชาชนและองค์กรต่าง ๆ ออกมาคัดค้านอย่างหนัก โดยมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและเสรีภาพดิจิทัล การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงแรงกดดันจากสังคมที่ไม่ยอมรับการควบคุมที่เข้มงวดเกินไป และเป็นการปรับท่าทีของรัฐบาลต่อการใช้งานเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล
    ​​​​​​​ https://securityonline.info/policy-u-turn-india-drops-mandatory-sanchar-saathi-app-after-fierce-opposition
    📌🔐🔵 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🔵🔐📌 #รวมข่าวIT #20251205 #securityonline 📰 Google ทดลองให้ AI เขียนหัวข้อข่าวใหม่ แต่กลับทำให้ข้อมูลผิดเพี้ยน Google กำลังทดสอบระบบที่ให้ AI เขียนหัวข้อข่าวใหม่ในบริการ Google Discover โดยตั้งใจให้ผู้ใช้เข้าใจเนื้อหาได้เร็วขึ้นและกดเข้าไปอ่าน แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามที่หวัง เพราะหลายครั้งหัวข้อที่ AI เขียนขึ้นมาเกิดการบิดเบือนความหมายเดิมจนทำให้เข้าใจผิด ตัวอย่างเช่น ข่าวเกี่ยวกับเครื่องเกม Steam Machine ที่ยังไม่เปิดเผยราคา แต่ AI กลับเขียนหัวข้อว่า “Steam Machine price revealed” ซึ่งผิดไปจากข้อเท็จจริงอย่างสิ้นเชิง เรื่องนี้ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่า หากปล่อยให้ AI เขียนหัวข้อข่าวโดยไม่มีการควบคุม อาจทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดและลดความน่าเชื่อถือของสื่อ รวมถึงกระทบต่อจำนวนคนที่คลิกเข้าไปอ่านเนื้อหาจริง แม้ Google จะบอกว่าทดลองกับผู้ใช้เพียงส่วนน้อย แต่สำนักข่าวหลายแห่งก็เริ่มเห็นผลกระทบต่อทราฟฟิกของตนแล้ว 🔗 https://securityonline.info/misleading-ai-headlines-google-discover-testing-rewrites-that-distort-news-facts 💻 AWS ดันชิป Trainium สร้างรายได้หลายพันล้าน ท้าชน NVIDIA Amazon ผ่าน AWS กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนในตลาดชิป AI ที่ NVIDIA ครองอยู่ ด้วยการพัฒนา Trainium ซึ่งตอนนี้ทำรายได้ระดับหลายพันล้านดอลลาร์แล้ว โดยรุ่น Trainium2 ถูกใช้งานมากกว่า 100,000 บริษัท และผลิตไปแล้วกว่า 1 ล้านชิป จุดเด่นคือราคาถูกกว่า GPU ของ NVIDIA แต่ยังคงให้ประสิทธิภาพสูง ทำให้หลายองค์กรเลือกใช้ โดยเฉพาะ Anthropic ที่ใช้ชิป Trainium2 กว่า 500,000 ตัวในการสร้างโมเดลใหม่ของ Claude ล่าสุด AWS เปิดตัว Trainium3 ที่แรงขึ้น 4 เท่าและประหยัดพลังงานมากขึ้น พร้อมแผนพัฒนา Trainium4 ที่สามารถทำงานร่วมกับ GPU ของ NVIDIA ได้อย่างลื่นไหล ถือเป็นการเปลี่ยนกลยุทธ์จากการแข่งตรง ๆ ไปสู่การสร้างระบบไฮบริดที่ยืดหยุ่นกว่า 🔗 https://securityonline.info/aws-trainium-chip-business-hits-multi-billion-revenue-challenging-nvidias-pricing 🎨 Meta ดึงตัวดีไซน์เนอร์ระดับตำนานจาก Apple มาสร้างสตูดิโอใหม่ Mark Zuckerberg ประกาศว่า Meta ได้ดึง Alan Dye อดีตหัวหน้าฝ่าย Human Interface Design ของ Apple มานำทีม Creative Studio ใหม่ใน Reality Labs Alan Dye เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังงานออกแบบสำคัญของ Apple เช่น Apple Watch, iPhone X และ Vision Pro การเข้ามาของเขาถูกมองว่าเป็นการยกระดับงานดีไซน์ของ Meta ให้มีความโดดเด่นและผสมผสานระหว่างแฟชั่น เทคโนโลยี และ AI โดย Dye จะทำงานร่วมกับทีมดีไซน์ที่มีทั้ง Billy Sorrentino และ Joshua To เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นสัญลักษณ์ใหม่ของ Meta การดึงตัวบุคลากรจาก Apple ครั้งนี้สะท้อนการแข่งขันที่ดุเดือดระหว่างสองยักษ์ใหญ่ที่กำลังแย่งชิงอนาคตของอุปกรณ์ AI และสมาร์ทแกดเจ็ต 🔗 https://securityonline.info/design-wars-meta-hires-apple-veteran-alan-dye-to-lead-new-reality-labs-creative-studio 🕵️‍♂️ ปฏิบัติการ DUPEHIKE: มัลแวร์เจาะฝ่าย HR ของรัสเซีย เรื่องนี้เป็นการโจมตีแบบเจาะจงที่ถูกตั้งชื่อว่า Operation DUPEHIKE โดยกลุ่มแฮกเกอร์ใช้วิธีส่งอีเมลหลอกล่อพนักงานฝ่ายบุคคลและเงินเดือน ด้วยไฟล์ที่ดูเหมือนเอกสารโบนัสสิ้นปี แต่แท้จริงแล้วเป็นไฟล์ลัด (LNK) ที่เมื่อเปิดขึ้นจะไปดาวน์โหลดมัลแวร์ชื่อ DUPERUNNER ผ่าน PowerShell ทำงานเบื้องหลังอย่างแนบเนียน มัลแวร์นี้สามารถฉีดโค้ดเข้าไปในโปรเซสที่ใช้บ่อย เช่น explorer.exe หรือ notepad.exe เพื่อให้ฝังตัวถาวร และสุดท้ายจะติดตั้ง Adaptix C2 ซึ่งเป็นเครื่องมือควบคุมจากระยะไกล เป้าหมายคือการสอดแนมและควบคุมระบบขององค์กรที่ตกเป็นเหยื่อ 🔗 https://securityonline.info/operation-dupehike-hits-russian-hr-bonus-lure-delivers-duperunner-and-adaptix-c2-via-process-injection ⚠️ ช่องโหว่ Splunk บน Windows เสี่ยงถูกยกระดับสิทธิ์ Splunk ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลชื่อดัง พบช่องโหว่ร้ายแรงสองรายการ (CVE-2025-20386 และ CVE-2025-20387) ที่ทำให้การติดตั้งบน Windows กำหนดสิทธิ์ไฟล์ผิดพลาด เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ที่ไม่ใช่แอดมินเข้าถึงไฟล์และโฟลเดอร์สำคัญได้ หากแฮกเกอร์ได้สิทธิ์ผู้ใช้ระดับต่ำ ก็สามารถแก้ไขไฟล์หรือเข้าถึงข้อมูลที่ควรจะถูกป้องกันไว้ได้ทันที ทาง Splunk ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว และแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อปิดช่องโหว่โดยเร็ว 🔗 https://securityonline.info/high-severity-splunk-flaw-allows-local-privilege-escalation-via-incorrect-file-permissions-on-windows 🖥️ ช่องโหว่ Cacti เสี่ยงถูกสั่งรันโค้ดจากระยะไกล Cacti ซึ่งเป็นเครื่องมือโอเพ่นซอร์สสำหรับทำกราฟเครือข่าย พบช่องโหว่ร้ายแรง (CVE-2025-66399) ที่เกี่ยวกับการจัดการค่า SNMP Community String หากผู้ใช้ใส่ค่าที่มีตัวอักษรพิเศษหรือบรรทัดใหม่ ระบบจะไม่กรองออก ทำให้แฮกเกอร์สามารถแทรกคำสั่งอันตรายเข้าไปได้ เมื่อระบบนำค่าเหล่านี้ไปใช้กับเครื่องมือ SNMP ภายนอก คำสั่งที่ถูกแทรกก็จะถูกรันทันที ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถเข้าควบคุมเซิร์ฟเวอร์ได้เต็มรูปแบบ ทีมพัฒนาได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 1.2.29 และแนะนำให้อัปเดตทันที 🔗 https://securityonline.info/high-severity-cacti-flaw-cve-2025-66399-risks-remote-code-execution-via-snmp-community-string-injection 🎯 กลุ่ม Calisto APT รัสเซียโจมตี NGO ด้วยฟิชชิ่งแบบใหม่ กลุ่มแฮกเกอร์ Calisto ที่เชื่อมโยงกับหน่วยงานความมั่นคงรัสเซีย ได้พุ่งเป้าโจมตีองค์กร Reporters Without Borders (RSF) โดยใช้เทคนิคฟิชชิ่งที่ซับซ้อน พวกเขาส่งอีเมลแสร้งเป็นคนรู้จัก พร้อมไฟล์ที่ “หายไป” หรือไฟล์ที่เปิดไม่ได้ เพื่อให้เหยื่อขอไฟล์ใหม่ เมื่อเหยื่อตอบกลับก็จะได้รับลิงก์ไปยังไฟล์ที่แท้จริงซึ่งเป็นมัลแวร์ ฟิชชิ่งนี้ยังใช้เทคนิค AiTM (Adversary-in-the-Middle) เพื่อดักข้อมูลการเข้าสู่ระบบและรหัส 2FA แบบเรียลไทม์ ถือเป็นการโจมตีที่เจาะจง NGO ที่เกี่ยวข้องกับยูเครนและเสรีภาพสื่อโดยตรง 🔗 https://securityonline.info/russian-calisto-apt-targets-reporters-without-borders-with-custom-aitm-phishing-and-missing-file-lure 🤖 NVIDIA Triton Server พบช่องโหว่ DoS ร้ายแรง NVIDIA ได้ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับ Triton Inference Server ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการรันโมเดล AI พบช่องโหว่สองรายการ (CVE-2025-33211 และ CVE-2025-33201) ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูลที่ผิดรูปแบบหรือใหญ่เกินไปจนทำให้เซิร์ฟเวอร์ล่มได้ ผลคือบริการ AI inference จะหยุดทำงานทันที ซึ่งอาจกระทบต่อองค์กรที่พึ่งพา AI ในการประมวลผลขนาดใหญ่ NVIDIA ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว และแนะนำให้ผู้ใช้อัปเดตเป็นเวอร์ชัน r25.10 เพื่อป้องกันการโจมตี 🔗 https://securityonline.info/nvidia-triton-server-patches-two-high-severity-dos-flaws-risking-critical-ai-inference-disruption 🕶️ Patchwork APT ใช้ StreamSpy Trojan ซ่อนคำสั่งใน WebSocket กลุ่มแฮกเกอร์ Patchwork APT ถูกพบว่ากำลังใช้มัลแวร์ใหม่ชื่อ StreamSpy Trojan ที่มีความสามารถในการซ่อนคำสั่งควบคุม (C2) ภายในทราฟฟิก WebSocket ทำให้การสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมดูเหมือนเป็นการใช้งานเว็บตามปกติ เทคนิคนี้ช่วยให้การสอดแนมดำเนินไปโดยไม่ถูกตรวจจับง่าย ๆ และยังสามารถดึงข้อมูลหรือสั่งการเครื่องเหยื่อได้อย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการพัฒนาแนวทางโจมตีที่เน้นความลับและการพรางตัวสูง 🔗 https://securityonline.info/patchwork-apt-deploys-streamspy-trojan-hiding-c2-commands-in-websocket-traffic-for-stealth-espionage 📉 ความต้องการ AI ลดลง Microsoft ปรับลดโควตายอดขาย มีรายงานว่า Microsoft ได้ปรับลดโควตายอดขายของทีม Enterprise AI ลงมากถึง 50% เนื่องจากความต้องการใช้งาน AI ในระดับองค์กรไม่เติบโตตามที่คาดไว้ สาเหตุหลักมาจากลูกค้าหลายรายยังลังเลที่จะลงทุนในโซลูชัน AI ขนาดใหญ่ ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายและความไม่แน่ใจในผลลัพธ์ที่แท้จริง การปรับลดนี้สะท้อนถึงความท้าทายของตลาด AI ที่แม้จะถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง แต่การนำไปใช้จริงในองค์กรยังต้องใช้เวลาและการพิสูจน์คุณค่า 🔗 https://securityonline.info/ai-demand-struggles-microsoft-slashes-enterprise-ai-sales-quotas-by-up-to-50 🔐 Telegram เตรียมใช้ Passkey แทน SMS สำหรับการล็อกอิน Telegram กำลังพัฒนาระบบการยืนยันตัวตนแบบใหม่ โดยจะใช้ Passkey Authentication แทนการส่งรหัสผ่านทาง SMS เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากการดักข้อความ ระบบ Passkey จะทำงานร่วมกับมาตรฐาน FIDO2 และ WebAuthn ทำให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินได้ด้วยการยืนยันจากอุปกรณ์ที่เชื่อถือ เช่น ลายนิ้วมือหรือ Face ID การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้การใช้งาน Telegram ปลอดภัยขึ้นและลดการพึ่งพา SMS ที่มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย 🔗 https://securityonline.info/no-more-sms-telegram-is-developing-passkey-authentication-for-secure-login 🎣 SpyCloud เผยผู้ใช้บริษัทเสี่ยงฟิชชิ่งมากกว่ามัลแวร์ 3 เท่า ข้อมูลจาก SpyCloud ระบุว่าผู้ใช้ในองค์กรมีโอกาสถูกโจมตีด้วยฟิชชิ่งมากกว่ามัลแวร์ถึง 3 เท่า โดยการโจมตีฟิชชิ่งมักใช้วิธีหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลเข้าสู่ระบบหรือคลิกลิงก์ที่เป็นอันตราย ซึ่งง่ายต่อการดำเนินการและได้ผลเร็วกว่า การศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่าบริษัทต่าง ๆ ควรให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมพนักงานและการใช้ระบบตรวจจับฟิชชิ่งมากขึ้น เพื่อป้องกันการสูญเสียข้อมูลและการเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต 🔗 https://securityonline.info/spycloud-data-shows-corporate-users-3x-more-likely-to-be-targeted-by-phishing-than-by-malware 🇮🇳 อินเดียยกเลิกบังคับใช้แอป Sanchar Saathi หลังถูกต่อต้าน รัฐบาลอินเดียประกาศยกเลิกข้อบังคับที่ให้ประชาชนต้องใช้แอป Sanchar Saathi ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อช่วยตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ที่ถูกหลอกลวง หลังจากประชาชนและองค์กรต่าง ๆ ออกมาคัดค้านอย่างหนัก โดยมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและเสรีภาพดิจิทัล การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงแรงกดดันจากสังคมที่ไม่ยอมรับการควบคุมที่เข้มงวดเกินไป และเป็นการปรับท่าทีของรัฐบาลต่อการใช้งานเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล ​​​​​​​🔗 https://securityonline.info/policy-u-turn-india-drops-mandatory-sanchar-saathi-app-after-fierce-opposition
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 398 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมาร์ทโฟนกับสุขภาพเด็ก

    การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Pediatrics เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2025 วิเคราะห์ข้อมูลจากเด็กกว่า 10,500 คน ในโครงการ Adolescent Brain Cognitive Development Study ซึ่งเป็นการติดตามพัฒนาการสมองระยะยาวที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ พบว่า เด็กที่ได้รับสมาร์ทโฟนก่อนอายุ 12 ปี มีแนวโน้มเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า, โรคอ้วน และการนอนหลับไม่เพียงพอ มากกว่าเด็กที่ยังไม่มีโทรศัพท์

    ผลกระทบต่อพัฒนาการวัยรุ่น
    นักวิจัยชี้ว่า วัยรุ่นเป็นช่วงอ่อนไหว แม้การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในด้านการนอนหรือสุขภาพจิตก็อาจส่งผลลึกและยาวนาน เด็กที่ใช้สมาร์ทโฟนมากเกินไปมักใช้เวลาน้อยลงในการออกกำลังกาย, พบปะเพื่อนแบบตัวต่อตัว และพักผ่อน ซึ่งทั้งหมดเป็นกิจกรรมสำคัญต่อสุขภาพและพัฒนาการ

    ความสำคัญของการนอนหลับ
    การศึกษายังพบว่า 63% ของเด็กอายุ 11–12 ปีมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในห้องนอน และเกือบ 17% ถูกปลุกด้วยการแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา การมีสมาร์ทโฟนในห้องนอนจึงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เด็กนอนหลับไม่เพียงพอ ซึ่งส่งผลต่อทั้งสุขภาพกายและจิตใจ

    ข้อควรระวังสำหรับผู้ปกครอง
    แม้งานวิจัยจะไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าสมาร์ทโฟนเป็น “สาเหตุโดยตรง” ของปัญหาสุขภาพ แต่ผลลัพธ์ชี้ชัดว่า การให้เด็กเข้าถึงสมาร์ทโฟนเร็วเกินไปมีความเสี่ยงสูง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าผู้ปกครองควร เลื่อนการให้สมาร์ทโฟนออกไป และหากจำเป็นต้องให้ ควรมีการกำหนดกฎเกณฑ์ เช่น ไม่อนุญาตให้นำโทรศัพท์เข้าห้องนอนตอนกลางคืน

    สรุปสาระสำคัญ
    ผลการศึกษาใหม่
    เด็กที่มีสมาร์ทโฟนก่อนอายุ 12 ปี เสี่ยงซึมเศร้า, โรคอ้วน, นอนหลับไม่เพียงพอ

    ข้อมูลจากโครงการใหญ่
    วิเคราะห์เด็กกว่า 10,500 คนในสหรัฐฯ

    ผลกระทบต่อการนอนหลับ
    63% มีอุปกรณ์ในห้องนอน, 17% ถูกปลุกด้วยการแจ้งเตือน

    ความเสี่ยงหากให้เร็วเกินไป
    อาจกระทบพัฒนาการด้านสุขภาพจิตและร่างกาย

    ข้อแนะนำสำหรับผู้ปกครอง
    เลื่อนการให้สมาร์ทโฟนออกไป และควบคุมการใช้งานโดยเฉพาะช่วงกลางคืน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/04/a-smartphone-before-age-12-could-carry-health-risks-study-says
    📱 สมาร์ทโฟนกับสุขภาพเด็ก การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Pediatrics เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2025 วิเคราะห์ข้อมูลจากเด็กกว่า 10,500 คน ในโครงการ Adolescent Brain Cognitive Development Study ซึ่งเป็นการติดตามพัฒนาการสมองระยะยาวที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ พบว่า เด็กที่ได้รับสมาร์ทโฟนก่อนอายุ 12 ปี มีแนวโน้มเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า, โรคอ้วน และการนอนหลับไม่เพียงพอ มากกว่าเด็กที่ยังไม่มีโทรศัพท์ 🧠 ผลกระทบต่อพัฒนาการวัยรุ่น นักวิจัยชี้ว่า วัยรุ่นเป็นช่วงอ่อนไหว แม้การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในด้านการนอนหรือสุขภาพจิตก็อาจส่งผลลึกและยาวนาน เด็กที่ใช้สมาร์ทโฟนมากเกินไปมักใช้เวลาน้อยลงในการออกกำลังกาย, พบปะเพื่อนแบบตัวต่อตัว และพักผ่อน ซึ่งทั้งหมดเป็นกิจกรรมสำคัญต่อสุขภาพและพัฒนาการ 🛌 ความสำคัญของการนอนหลับ การศึกษายังพบว่า 63% ของเด็กอายุ 11–12 ปีมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในห้องนอน และเกือบ 17% ถูกปลุกด้วยการแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา การมีสมาร์ทโฟนในห้องนอนจึงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เด็กนอนหลับไม่เพียงพอ ซึ่งส่งผลต่อทั้งสุขภาพกายและจิตใจ ⚠️ ข้อควรระวังสำหรับผู้ปกครอง แม้งานวิจัยจะไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าสมาร์ทโฟนเป็น “สาเหตุโดยตรง” ของปัญหาสุขภาพ แต่ผลลัพธ์ชี้ชัดว่า การให้เด็กเข้าถึงสมาร์ทโฟนเร็วเกินไปมีความเสี่ยงสูง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าผู้ปกครองควร เลื่อนการให้สมาร์ทโฟนออกไป และหากจำเป็นต้องให้ ควรมีการกำหนดกฎเกณฑ์ เช่น ไม่อนุญาตให้นำโทรศัพท์เข้าห้องนอนตอนกลางคืน 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ผลการศึกษาใหม่ ➡️ เด็กที่มีสมาร์ทโฟนก่อนอายุ 12 ปี เสี่ยงซึมเศร้า, โรคอ้วน, นอนหลับไม่เพียงพอ ✅ ข้อมูลจากโครงการใหญ่ ➡️ วิเคราะห์เด็กกว่า 10,500 คนในสหรัฐฯ ✅ ผลกระทบต่อการนอนหลับ ➡️ 63% มีอุปกรณ์ในห้องนอน, 17% ถูกปลุกด้วยการแจ้งเตือน ‼️ ความเสี่ยงหากให้เร็วเกินไป ⛔ อาจกระทบพัฒนาการด้านสุขภาพจิตและร่างกาย ‼️ ข้อแนะนำสำหรับผู้ปกครอง ⛔ เลื่อนการให้สมาร์ทโฟนออกไป และควบคุมการใช้งานโดยเฉพาะช่วงกลางคืน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/04/a-smartphone-before-age-12-could-carry-health-risks-study-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    A smartphone before age 12 could carry health risks, study says
    Researchers found higher rates of depression, poor sleep and obesity among tweens who had early access to a cellphone.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • สรุป เทากันหมด
    แดงเทา ส้มเทา
    น้ำเงินเทา กล้าเทา ที่เหลือยังอยากเทา เหลือสีเดียวที่ต้องรอพิสูจน์ "รังษี"
    #คิงส์โพธิ์แดง
    สรุป เทากันหมด แดงเทา ส้มเทา น้ำเงินเทา กล้าเทา ที่เหลือยังอยากเทา เหลือสีเดียวที่ต้องรอพิสูจน์ "รังษี" #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • “HPE จับมือ AMD ใช้ Helios Rack Architecture สำหรับระบบ AI ปี 2026”

    Hewlett Packard Enterprise (HPE) ได้ประกาศความร่วมมือกับ AMD เพื่อนำสถาปัตยกรรม Helios rack-scale AI เข้ามาใช้ในผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ Helios ได้รับการสนับสนุนจาก OEM รายใหญ่ โดยระบบจะประกอบด้วย 72 GPU Instinct MI455X, CPU EPYC รุ่น “Venice” และสวิตช์ HPE Juniper ที่รองรับ Ultra Accelerator Link over Ethernet (UALoE) ซึ่งพัฒนาโดย Broadcom

    Helios ถูกออกแบบให้เป็นแพลตฟอร์ม AI แบบเปิด โดยใช้มาตรฐาน Open Rack Wide ของ Meta และรองรับการเชื่อมต่อ GPU ทั้งหมดใน rack ให้ทำงานร่วมกันเป็น pod เดียว จุดเด่นคือการใช้ Ethernet fabric แทน NVLink ของ Nvidia ทำให้ระบบมีความยืดหยุ่นและเข้ากับมาตรฐานอุตสาหกรรมได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งมีหน่วยความจำ HBM4 ขนาด 31TB ต่อ rack และพลังประมวลผล FP4 สูงสุดถึง 2.9 exaFLOPS

    นอกจากการนำ Helios มาใช้ในเชิงพาณิชย์แล้ว HPE ยังได้รับเลือกจาก High-Performance Computing Center Stuttgart (HLRS) ให้สร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ชื่อ “Herder” โดยใช้ GPU MI430X และ CPU Venice บนแพลตฟอร์ม Cray GX5000 ซึ่งจะส่งมอบในปี 2027 และใช้พลังงานความร้อนจากระบบระบายความร้อนเหลวไปทำความร้อนอาคารในมหาวิทยาลัย Stuttgart

    การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงการแข่งขันที่รุนแรงในตลาด AI infrastructure ระหว่าง AMD และ Nvidia โดย Helios จะเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Nvidia GB200 NVL72 rack ที่ใช้ NVLink และ InfiniBand ในการเชื่อมต่อ GPU และ CPU ภายในระบบ

    สรุปเป็นหัวข้อ
    รายละเอียดสถาปัตยกรรม Helios
    ใช้มาตรฐาน Open Rack Wide ของ Meta
    72 GPU Instinct MI455X + CPU EPYC Venice
    Ethernet fabric (UALoE) แทน NVLink

    สมรรถนะ
    FP4 compute สูงสุด 2.9 exaFLOPS ต่อ rack
    หน่วยความจำ HBM4 ขนาด 31TB
    ทุก GPU เชื่อมต่อเป็น pod เดียว

    โครงการสำคัญ
    HPE Juniper switch พัฒนาโดย Broadcom
    HLRS เลือก HPE Cray GX5000 สำหรับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ “Herder”
    ใช้พลังงานความร้อนเหลือทิ้งเพื่อทำความร้อนอาคาร

    ข้อควรระวังและการแข่งขัน
    Nvidia GB200 NVL72 rack ยังครองตลาดด้วย NVLink + InfiniBand
    Helios ต้องพิสูจน์ความเสถียรและการรองรับซอฟต์แวร์ AI ecosystem
    การแข่งขันด้านพลังงานและต้นทุนอาจเป็นตัวแปรสำคัญ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/hpe-adopts-amd-helios-rack-architecture-for-2026-ai-systems
    🖥️ “HPE จับมือ AMD ใช้ Helios Rack Architecture สำหรับระบบ AI ปี 2026” Hewlett Packard Enterprise (HPE) ได้ประกาศความร่วมมือกับ AMD เพื่อนำสถาปัตยกรรม Helios rack-scale AI เข้ามาใช้ในผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ Helios ได้รับการสนับสนุนจาก OEM รายใหญ่ โดยระบบจะประกอบด้วย 72 GPU Instinct MI455X, CPU EPYC รุ่น “Venice” และสวิตช์ HPE Juniper ที่รองรับ Ultra Accelerator Link over Ethernet (UALoE) ซึ่งพัฒนาโดย Broadcom Helios ถูกออกแบบให้เป็นแพลตฟอร์ม AI แบบเปิด โดยใช้มาตรฐาน Open Rack Wide ของ Meta และรองรับการเชื่อมต่อ GPU ทั้งหมดใน rack ให้ทำงานร่วมกันเป็น pod เดียว จุดเด่นคือการใช้ Ethernet fabric แทน NVLink ของ Nvidia ทำให้ระบบมีความยืดหยุ่นและเข้ากับมาตรฐานอุตสาหกรรมได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งมีหน่วยความจำ HBM4 ขนาด 31TB ต่อ rack และพลังประมวลผล FP4 สูงสุดถึง 2.9 exaFLOPS นอกจากการนำ Helios มาใช้ในเชิงพาณิชย์แล้ว HPE ยังได้รับเลือกจาก High-Performance Computing Center Stuttgart (HLRS) ให้สร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ชื่อ “Herder” โดยใช้ GPU MI430X และ CPU Venice บนแพลตฟอร์ม Cray GX5000 ซึ่งจะส่งมอบในปี 2027 และใช้พลังงานความร้อนจากระบบระบายความร้อนเหลวไปทำความร้อนอาคารในมหาวิทยาลัย Stuttgart การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงการแข่งขันที่รุนแรงในตลาด AI infrastructure ระหว่าง AMD และ Nvidia โดย Helios จะเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Nvidia GB200 NVL72 rack ที่ใช้ NVLink และ InfiniBand ในการเชื่อมต่อ GPU และ CPU ภายในระบบ 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ รายละเอียดสถาปัตยกรรม Helios ➡️ ใช้มาตรฐาน Open Rack Wide ของ Meta ➡️ 72 GPU Instinct MI455X + CPU EPYC Venice ➡️ Ethernet fabric (UALoE) แทน NVLink ✅ สมรรถนะ ➡️ FP4 compute สูงสุด 2.9 exaFLOPS ต่อ rack ➡️ หน่วยความจำ HBM4 ขนาด 31TB ➡️ ทุก GPU เชื่อมต่อเป็น pod เดียว ✅ โครงการสำคัญ ➡️ HPE Juniper switch พัฒนาโดย Broadcom ➡️ HLRS เลือก HPE Cray GX5000 สำหรับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ “Herder” ➡️ ใช้พลังงานความร้อนเหลือทิ้งเพื่อทำความร้อนอาคาร ‼️ ข้อควรระวังและการแข่งขัน ⛔ Nvidia GB200 NVL72 rack ยังครองตลาดด้วย NVLink + InfiniBand ⛔ Helios ต้องพิสูจน์ความเสถียรและการรองรับซอฟต์แวร์ AI ecosystem ⛔ การแข่งขันด้านพลังงานและต้นทุนอาจเป็นตัวแปรสำคัญ https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/hpe-adopts-amd-helios-rack-architecture-for-2026-ai-systems
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
  • Amazon เร่งเครื่องในสนาม ASIC

    Amazon ประกาศเปิดตัว Trainium3 UltraServers ที่สามารถรวมชิปได้สูงสุดถึง 144 ตัวในคลัสเตอร์เดียว ทำให้ได้ ประสิทธิภาพสูงขึ้น 4.4 เท่า และ ประสิทธิภาพพลังงานมากขึ้น 4 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า พร้อมทั้งเพิ่มแบนด์วิดท์หน่วยความจำเกือบ 4 เท่า ถือเป็นการยกระดับครั้งใหญ่ในตลาดชิป AI

    เทคโนโลยีใหม่ใน Trainium3 และ Trainium4
    Trainium3 UltraServers มาพร้อม NeuronSwitch-v1 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเชื่อมต่อใหม่ที่คล้ายกับ NVLink ของ NVIDIA แต่พัฒนาโดย Amazon เอง โดยสามารถขยายการเชื่อมต่อไปถึง 1 ล้านชิปในคลัสเตอร์เดียว เพื่อรองรับการฝึกโมเดลขนาด “trillion-token datasets” ในขณะเดียวกัน Amazon ยังเผยข้อมูลของ Trainium4 ASICs ที่มี ประสิทธิภาพ FP4 สูงขึ้น 6 เท่า และเพิ่มสเปกหน่วยความจำอย่างมหาศาล อีกทั้งยังรองรับ NVIDIA NVLink เพื่อให้ลูกค้าสามารถผสมผสานการใช้งานกับระบบของ NVIDIA ได้ง่ายขึ้น

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    การเปิดตัวนี้ทำให้ Amazon กลายเป็นคู่แข่งที่จริงจังในตลาดชิป AI ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกครองโดย NVIDIA และ Google TPU การที่ Amazonสามารถเชื่อมต่อระบบเข้ากับ NVLink ได้ ทำให้ลูกค้าที่มีโครงสร้างพื้นฐานเดิมสามารถขยายระบบโดยไม่ต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด นอกจากนี้บริษัทอย่าง Anthropic รายงานว่าต้นทุนการฝึกโมเดลลดลงอย่างมากเมื่อใช้ Trainium

    มุมมองในอนาคต
    Amazon แสดงให้เห็นว่า “all in” กับการพัฒนา ASIC เพื่อรองรับความต้องการด้าน AI ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว หาก Trainium4 สามารถพิสูจน์ประสิทธิภาพได้จริง อาจทำให้ตลาดชิป AI มีการแข่งขันที่ดุเดือดมากขึ้น และลดการพึ่งพา NVIDIA ในระยะยาว

    สรุปสาระสำคัญ
    Trainium3 UltraServers เปิดตัวพร้อมประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม 4.4 เท่า
    รวมได้สูงสุด 144 ชิปในคลัสเตอร์เดียว

    NeuronSwitch-v1 เชื่อมต่อได้ถึง 1 ล้านชิป
    รองรับการฝึกโมเดล trillion-token datasets

    Trainium4 ASICs มี FP4 performance สูงขึ้น 6 เท่า
    เพิ่มสเปกหน่วยความจำและรองรับ NVIDIA NVLink

    Anthropic รายงานว่าต้นทุนการฝึกโมเดลลดลง
    แสดงถึงความคุ้มค่าของ Trainium

    การแข่งขันในตลาดชิป AI รุนแรงขึ้น
    NVIDIA และ Google TPU ต้องเผชิญแรงกดดันจาก Amazon

    ลูกค้าที่ไม่ปรับตัวอาจเสียโอกาสในการลดต้นทุน
    การไม่ใช้ระบบที่รองรับ NVLink อาจทำให้ขยายโครงสร้างยากขึ้น

    https://wccftech.com/amazon-is-all-in-in-the-race-for-a-competitive-asic-portfolio/
    ⚡ Amazon เร่งเครื่องในสนาม ASIC Amazon ประกาศเปิดตัว Trainium3 UltraServers ที่สามารถรวมชิปได้สูงสุดถึง 144 ตัวในคลัสเตอร์เดียว ทำให้ได้ ประสิทธิภาพสูงขึ้น 4.4 เท่า และ ประสิทธิภาพพลังงานมากขึ้น 4 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า พร้อมทั้งเพิ่มแบนด์วิดท์หน่วยความจำเกือบ 4 เท่า ถือเป็นการยกระดับครั้งใหญ่ในตลาดชิป AI 🔧 เทคโนโลยีใหม่ใน Trainium3 และ Trainium4 Trainium3 UltraServers มาพร้อม NeuronSwitch-v1 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเชื่อมต่อใหม่ที่คล้ายกับ NVLink ของ NVIDIA แต่พัฒนาโดย Amazon เอง โดยสามารถขยายการเชื่อมต่อไปถึง 1 ล้านชิปในคลัสเตอร์เดียว เพื่อรองรับการฝึกโมเดลขนาด “trillion-token datasets” ในขณะเดียวกัน Amazon ยังเผยข้อมูลของ Trainium4 ASICs ที่มี ประสิทธิภาพ FP4 สูงขึ้น 6 เท่า และเพิ่มสเปกหน่วยความจำอย่างมหาศาล อีกทั้งยังรองรับ NVIDIA NVLink เพื่อให้ลูกค้าสามารถผสมผสานการใช้งานกับระบบของ NVIDIA ได้ง่ายขึ้น 🌍 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม การเปิดตัวนี้ทำให้ Amazon กลายเป็นคู่แข่งที่จริงจังในตลาดชิป AI ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกครองโดย NVIDIA และ Google TPU การที่ Amazonสามารถเชื่อมต่อระบบเข้ากับ NVLink ได้ ทำให้ลูกค้าที่มีโครงสร้างพื้นฐานเดิมสามารถขยายระบบโดยไม่ต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด นอกจากนี้บริษัทอย่าง Anthropic รายงานว่าต้นทุนการฝึกโมเดลลดลงอย่างมากเมื่อใช้ Trainium 📊 มุมมองในอนาคต Amazon แสดงให้เห็นว่า “all in” กับการพัฒนา ASIC เพื่อรองรับความต้องการด้าน AI ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว หาก Trainium4 สามารถพิสูจน์ประสิทธิภาพได้จริง อาจทำให้ตลาดชิป AI มีการแข่งขันที่ดุเดือดมากขึ้น และลดการพึ่งพา NVIDIA ในระยะยาว 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Trainium3 UltraServers เปิดตัวพร้อมประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม 4.4 เท่า ➡️ รวมได้สูงสุด 144 ชิปในคลัสเตอร์เดียว ✅ NeuronSwitch-v1 เชื่อมต่อได้ถึง 1 ล้านชิป ➡️ รองรับการฝึกโมเดล trillion-token datasets ✅ Trainium4 ASICs มี FP4 performance สูงขึ้น 6 เท่า ➡️ เพิ่มสเปกหน่วยความจำและรองรับ NVIDIA NVLink ✅ Anthropic รายงานว่าต้นทุนการฝึกโมเดลลดลง ➡️ แสดงถึงความคุ้มค่าของ Trainium ‼️ การแข่งขันในตลาดชิป AI รุนแรงขึ้น ⛔ NVIDIA และ Google TPU ต้องเผชิญแรงกดดันจาก Amazon ‼️ ลูกค้าที่ไม่ปรับตัวอาจเสียโอกาสในการลดต้นทุน ⛔ การไม่ใช้ระบบที่รองรับ NVLink อาจทำให้ขยายโครงสร้างยากขึ้น https://wccftech.com/amazon-is-all-in-in-the-race-for-a-competitive-asic-portfolio/
    WCCFTECH.COM
    Amazon Is ‘All-In’ in the Race for a Competitive ASIC Portfolio, Showcasing New Trainium3 Servers and Next-Gen Trainium4 Chips
    Amazon has ramped up the ASIC race by showcasing Trainium3 server configurations and next-generation Trainium4 chips.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ หนุน xLight พัฒนาเทคโนโลยี EUV รุ่นใหม่

    กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ลงนามใน Letter of Intent (LOI) เพื่อสนับสนุนเงินทุน 150 ล้านดอลลาร์แก่บริษัท xLight ที่ตั้งอยู่ใน Albany Nanotech Complex โดยมีเป้าหมายสร้างระบบ FEL-based EUV light source ซึ่งจะช่วยยกระดับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ และลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ

    เทคโนโลยี Free-Electron Laser (FEL)
    ต่างจากแหล่งกำเนิดแสง EUV แบบ Laser-Produced Plasma (LPP) ที่ใช้เลเซอร์ CO₂ ยิงไปยังดีบุกเพื่อสร้างพลาสมา FEL ใช้เครื่องเร่งอนุภาคเพื่อเร่งอิเล็กตรอน แล้วส่งผ่าน “undulators” ที่สร้างสนามแม่เหล็กเป็นระยะ ทำให้เกิดแสง EUV ที่มีความเข้มสูงและความยาวคลื่นที่แม่นยำกว่า ข้อดีคือสามารถส่งแสงไปยังเครื่องสแกนเนอร์ ASML ได้โดยตรง และรองรับการใช้งานหลายเครื่องพร้อมกัน

    ผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์
    หาก xLight ประสบความสำเร็จ สหรัฐฯ จะมีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของเครื่อง EUV lithography ซึ่งปัจจุบันถูกครองโดย ASML จากเนเธอร์แลนด์ การพัฒนา FEL อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตชิป ลดต้นทุน และสร้างความมั่นคงทางเทคโนโลยีในประเทศ

    ความท้าทายที่ยังต้องพิสูจน์
    แม้เทคโนโลยี FEL มีศักยภาพสูง แต่ยังต้องพิสูจน์ว่าใช้งานได้จริงในระดับการผลิตเชิงพาณิชย์ เนื่องจากเครื่องสแกนเนอร์ EUV มีราคาสูงถึง 200–400 ล้านดอลลาร์ต่อเครื่อง และการทดสอบต้องใช้พันธมิตรที่มีเครื่องหลายตัวเพื่อทดลองใช้งาน นอกจากนี้ บางส่วนของเทคโนโลยีอาจถูกจัดเป็นข้อมูลลับ ทำให้การส่งออกไปต่างประเทศมีข้อจำกัด

    สรุปสาระสำคัญ
    รัฐบาลสหรัฐฯ สนับสนุน xLight ด้วยเงิน 150 ล้านดอลลาร์
    ลงนาม LOI ภายใต้ CHIPS and Science Act

    xLight พัฒนา FEL-based EUV light source
    ใช้เครื่องเร่งอนุภาคแทนเลเซอร์พลาสมา

    เทคโนโลยีใหม่สามารถส่งแสงไปยังหลายเครื่องสแกนเนอร์ได้
    เพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตชิป

    เทคโนโลยี FEL ยังไม่พิสูจน์ในระดับการผลิตจริง
    ต้องใช้เครื่อง EUV มูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ในการทดสอบ

    บางส่วนของเทคโนโลยีอาจถูกจัดเป็นข้อมูลลับ
    อาจจำกัดการส่งออกและการใช้งานในต่างประเทศ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/u-s-government-awards-gelsinger-backed-euv-developer-xlight-with-usd150-million-in-federal-incentives-company-to-develop-new-electron-based-light-source-for-lithography-tools
    💡 สหรัฐฯ หนุน xLight พัฒนาเทคโนโลยี EUV รุ่นใหม่ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ลงนามใน Letter of Intent (LOI) เพื่อสนับสนุนเงินทุน 150 ล้านดอลลาร์แก่บริษัท xLight ที่ตั้งอยู่ใน Albany Nanotech Complex โดยมีเป้าหมายสร้างระบบ FEL-based EUV light source ซึ่งจะช่วยยกระดับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ และลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ⚙️ เทคโนโลยี Free-Electron Laser (FEL) ต่างจากแหล่งกำเนิดแสง EUV แบบ Laser-Produced Plasma (LPP) ที่ใช้เลเซอร์ CO₂ ยิงไปยังดีบุกเพื่อสร้างพลาสมา FEL ใช้เครื่องเร่งอนุภาคเพื่อเร่งอิเล็กตรอน แล้วส่งผ่าน “undulators” ที่สร้างสนามแม่เหล็กเป็นระยะ ทำให้เกิดแสง EUV ที่มีความเข้มสูงและความยาวคลื่นที่แม่นยำกว่า ข้อดีคือสามารถส่งแสงไปยังเครื่องสแกนเนอร์ ASML ได้โดยตรง และรองรับการใช้งานหลายเครื่องพร้อมกัน 🌍 ผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์ หาก xLight ประสบความสำเร็จ สหรัฐฯ จะมีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของเครื่อง EUV lithography ซึ่งปัจจุบันถูกครองโดย ASML จากเนเธอร์แลนด์ การพัฒนา FEL อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตชิป ลดต้นทุน และสร้างความมั่นคงทางเทคโนโลยีในประเทศ 📊 ความท้าทายที่ยังต้องพิสูจน์ แม้เทคโนโลยี FEL มีศักยภาพสูง แต่ยังต้องพิสูจน์ว่าใช้งานได้จริงในระดับการผลิตเชิงพาณิชย์ เนื่องจากเครื่องสแกนเนอร์ EUV มีราคาสูงถึง 200–400 ล้านดอลลาร์ต่อเครื่อง และการทดสอบต้องใช้พันธมิตรที่มีเครื่องหลายตัวเพื่อทดลองใช้งาน นอกจากนี้ บางส่วนของเทคโนโลยีอาจถูกจัดเป็นข้อมูลลับ ทำให้การส่งออกไปต่างประเทศมีข้อจำกัด 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ รัฐบาลสหรัฐฯ สนับสนุน xLight ด้วยเงิน 150 ล้านดอลลาร์ ➡️ ลงนาม LOI ภายใต้ CHIPS and Science Act ✅ xLight พัฒนา FEL-based EUV light source ➡️ ใช้เครื่องเร่งอนุภาคแทนเลเซอร์พลาสมา ✅ เทคโนโลยีใหม่สามารถส่งแสงไปยังหลายเครื่องสแกนเนอร์ได้ ➡️ เพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตชิป ‼️ เทคโนโลยี FEL ยังไม่พิสูจน์ในระดับการผลิตจริง ⛔ ต้องใช้เครื่อง EUV มูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ในการทดสอบ ‼️ บางส่วนของเทคโนโลยีอาจถูกจัดเป็นข้อมูลลับ ⛔ อาจจำกัดการส่งออกและการใช้งานในต่างประเทศ https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/u-s-government-awards-gelsinger-backed-euv-developer-xlight-with-usd150-million-in-federal-incentives-company-to-develop-new-electron-based-light-source-for-lithography-tools
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • โมเลกุลธรรมชาติ “Spermine” อาจช่วยเคลียร์โปรตีนสะสมในสมองที่เกี่ยวข้องกับอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน

    นักวิจัยจากสถาบัน Paul Scherrer Institute (PSI) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พบว่า spermine ซึ่งเป็นโมเลกุลเล็ก ๆ ที่ร่างกายสร้างขึ้นตามธรรมชาติ อาจช่วยป้องกันการสะสมของโปรตีนผิดปกติในสมองที่เกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน โดยการทดลองในหนอนที่มีอาการคล้ายโรคเหล่านี้ พบว่าสุขภาพของเซลล์ดีขึ้นและมีการเสื่อมสภาพน้อยลงเมื่อได้รับ spermine

    กลไกที่น่าสนใจคือ spermine ทำให้โปรตีน tau และ alpha-synuclein ซึ่งมักจะจับตัวเป็นก้อนแข็งและเป็นพิษต่อเซลล์สมอง กลายเป็นหยดของเหลวที่นุ่มและเคลื่อนที่ได้ง่ายขึ้น ทำให้ระบบกำจัดขยะของร่างกาย (autophagy) สามารถจัดการได้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ผลลัพธ์นี้เปรียบเสมือน “ชีสที่เชื่อมเส้นพาสต้าให้ย่อยง่ายขึ้น” ตามคำอธิบายของนักวิจัย

    แม้ผลการทดลองในหนอนและหลอดทดลองจะให้ความหวัง แต่ยังต้องใช้เวลาอีกมากในการพิสูจน์ว่า spermine จะมีผลเช่นเดียวกันในสมองมนุษย์ที่ซับซ้อนกว่า การวิจัยเพิ่มเติมอาจเปิดทางให้ spermine หรือโมเลกุลที่คล้ายกันถูกนำมาใช้เป็นแนวทางใหม่ในการรักษาโรคทางระบบประสาท รวมถึงโรคมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับการสะสมโปรตีนผิดปกติ

    สิ่งที่น่าสนใจคือ spermine ไม่ได้เข้าไปแทรกแซงการทำงานของโปรตีนโดยตรง แต่จะทำงานเฉพาะเมื่อโปรตีนอยู่ในระดับที่สูงเกินไปและมีแนวโน้มผิดรูป ซึ่งหมายความว่ามันอาจช่วยรักษาสมดุลของระบบสมองโดยไม่รบกวนการทำงานปกติของโปรตีนที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การค้นพบใหม่
    Spermine ช่วยลดการสะสมโปรตีน tau และ alpha-synuclein
    การทดลองในหนอนพบว่าสุขภาพเซลล์ดีขึ้นและเสื่อมช้าลง

    กลไกการทำงาน
    เปลี่ยนโปรตีนที่แข็งเป็นหยดของเหลวที่กำจัดง่าย
    กระตุ้นระบบ autophagy ให้ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ความเป็นไปได้ทางการแพทย์
    อาจนำไปสู่การรักษาโรคอัลไซเมอร์ พาร์กินสัน และโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโปรตีนผิดปกติ
    เปิดแนวทางใหม่ในการใช้โมเลกุลธรรมชาติเป็น “ยาชีวภาพ”

    ข้อควรระวัง
    ผลการทดลองยังอยู่ในระดับหนอนและหลอดทดลอง ไม่สามารถสรุปผลในมนุษย์ได้
    ต้องมีการศึกษาทางคลินิกเพิ่มเติมก่อนนำมาใช้จริง
    การใช้โมเลกุลในมนุษย์อาจมีผลข้างเคียงที่ยังไม่ทราบแน่ชัด

    https://www.sciencealert.com/a-natural-molecule-may-help-clear-buildup-of-alzheimers-proteins-study-finds
    ✨ โมเลกุลธรรมชาติ “Spermine” อาจช่วยเคลียร์โปรตีนสะสมในสมองที่เกี่ยวข้องกับอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน นักวิจัยจากสถาบัน Paul Scherrer Institute (PSI) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พบว่า spermine ซึ่งเป็นโมเลกุลเล็ก ๆ ที่ร่างกายสร้างขึ้นตามธรรมชาติ อาจช่วยป้องกันการสะสมของโปรตีนผิดปกติในสมองที่เกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน โดยการทดลองในหนอนที่มีอาการคล้ายโรคเหล่านี้ พบว่าสุขภาพของเซลล์ดีขึ้นและมีการเสื่อมสภาพน้อยลงเมื่อได้รับ spermine กลไกที่น่าสนใจคือ spermine ทำให้โปรตีน tau และ alpha-synuclein ซึ่งมักจะจับตัวเป็นก้อนแข็งและเป็นพิษต่อเซลล์สมอง กลายเป็นหยดของเหลวที่นุ่มและเคลื่อนที่ได้ง่ายขึ้น ทำให้ระบบกำจัดขยะของร่างกาย (autophagy) สามารถจัดการได้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ผลลัพธ์นี้เปรียบเสมือน “ชีสที่เชื่อมเส้นพาสต้าให้ย่อยง่ายขึ้น” ตามคำอธิบายของนักวิจัย แม้ผลการทดลองในหนอนและหลอดทดลองจะให้ความหวัง แต่ยังต้องใช้เวลาอีกมากในการพิสูจน์ว่า spermine จะมีผลเช่นเดียวกันในสมองมนุษย์ที่ซับซ้อนกว่า การวิจัยเพิ่มเติมอาจเปิดทางให้ spermine หรือโมเลกุลที่คล้ายกันถูกนำมาใช้เป็นแนวทางใหม่ในการรักษาโรคทางระบบประสาท รวมถึงโรคมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับการสะสมโปรตีนผิดปกติ สิ่งที่น่าสนใจคือ spermine ไม่ได้เข้าไปแทรกแซงการทำงานของโปรตีนโดยตรง แต่จะทำงานเฉพาะเมื่อโปรตีนอยู่ในระดับที่สูงเกินไปและมีแนวโน้มผิดรูป ซึ่งหมายความว่ามันอาจช่วยรักษาสมดุลของระบบสมองโดยไม่รบกวนการทำงานปกติของโปรตีนที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การค้นพบใหม่ ➡️ Spermine ช่วยลดการสะสมโปรตีน tau และ alpha-synuclein ➡️ การทดลองในหนอนพบว่าสุขภาพเซลล์ดีขึ้นและเสื่อมช้าลง ✅ กลไกการทำงาน ➡️ เปลี่ยนโปรตีนที่แข็งเป็นหยดของเหลวที่กำจัดง่าย ➡️ กระตุ้นระบบ autophagy ให้ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ✅ ความเป็นไปได้ทางการแพทย์ ➡️ อาจนำไปสู่การรักษาโรคอัลไซเมอร์ พาร์กินสัน และโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโปรตีนผิดปกติ ➡️ เปิดแนวทางใหม่ในการใช้โมเลกุลธรรมชาติเป็น “ยาชีวภาพ” ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ผลการทดลองยังอยู่ในระดับหนอนและหลอดทดลอง ไม่สามารถสรุปผลในมนุษย์ได้ ⛔ ต้องมีการศึกษาทางคลินิกเพิ่มเติมก่อนนำมาใช้จริง ⛔ การใช้โมเลกุลในมนุษย์อาจมีผลข้างเคียงที่ยังไม่ทราบแน่ชัด https://www.sciencealert.com/a-natural-molecule-may-help-clear-buildup-of-alzheimers-proteins-study-finds
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    A Natural Molecule May Help Clear Buildup of Alzheimer's Proteins, Study Finds
    The small molecule spermine has the potential to stop the toxic build-up of proteins in the brain that characterizes diseases like Alzheimer's and Parkinson's, researchers have found – and it works a bit like melting cheese on spaghetti.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 151 มุมมอง 0 รีวิว
  • Samsung พัฒนา NAND รุ่นใหม่ ลดพลังงานได้ 96%

    Samsung ได้ตีพิมพ์งานวิจัยในวารสาร Nature เกี่ยวกับสถาปัตยกรรม NAND แบบใหม่ที่ใช้ Ferroelectric Field-Effect Transistor (FeFET) โดยผสมผสานวัสดุ hafnia-based ferroelectric เข้ากับช่องสัญญาณออกไซด์เซมิคอนดักเตอร์ จุดเด่นคือการทำงานที่ near-zero pass voltage ซึ่งช่วยลดพลังงานที่ใช้ในการอ่านและเขียนข้อมูลได้อย่างมหาศาล

    ใน NAND แบบดั้งเดิม การเพิ่มจำนวนเลเยอร์ทำให้ต้องใช้แรงดันไฟฟ้า (Vpass) สูงขึ้นเพื่อป้องกันการรบกวนข้อมูล แต่สถาปัตยกรรมใหม่ของ Samsung สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องใช้แรงดันสูง ทำให้ลดภาระของวงจร charge pump และลดการใช้พลังงานรวมได้ถึง 94–96% ในอุปกรณ์ที่มี 286–1024 เลเยอร์

    นักวิจัยได้ทดสอบทั้งในรูปแบบ planar arrays และโครงสร้าง 3D NAND ขนาดเล็ก พบว่าสามารถรองรับการเขียนข้อมูลได้ถึง 5 บิตต่อเซลล์ (PLC-class) แม้ความทนทานยังจำกัดอยู่ที่หลักร้อยถึงพันรอบการเขียน แต่ถือเป็นการพิสูจน์ศักยภาพของเทคโนโลยีนี้สำหรับอนาคต

    แม้ยังไม่มีแผนผลิตเชิงพาณิชย์ในตอนนี้ แต่ Samsung มองว่านี่คือ งานวิจัยพื้นฐาน ที่จะนำไปสู่ NAND รุ่นใหม่ที่ใช้พลังงานต่ำและมีความหนาแน่นสูง เหมาะสำหรับการใช้งานใน AI accelerators, ดาต้าเซ็นเตอร์ และอุปกรณ์ความจุสูง ที่ต้องการประสิทธิภาพและความยั่งยืนด้านพลังงาน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สถาปัตยกรรม NAND แบบใหม่จาก Samsung
    ใช้ Ferroelectric Field-Effect Transistor (FeFET)
    ทำงานที่ near-zero pass voltage ลดพลังงาน

    ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า NAND เดิม
    ลดการใช้พลังงานได้ 94–96% ในอุปกรณ์ 286–1024 เลเยอร์
    รองรับการเขียนข้อมูลได้ถึง 5 บิตต่อเซลล์

    การทดสอบและผลลัพธ์
    ทดสอบทั้ง planar arrays และโครงสร้าง 3D NAND
    ความทนทานอยู่ที่หลักร้อยถึงพันรอบการเขียน

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    ความทนทานของเซลล์ยังต่ำเมื่อเทียบกับ NAND เชิงพาณิชย์
    ต้องพัฒนาระบบ program-inhibit และ negative-voltage generation เพิ่มเติม
    พฤติกรรมของช่องสัญญาณออกไซด์ภายใต้ความร้อนสูงยังต้องศึกษาเพิ่มเติม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/samsung-researchers-publish-96percent-lower-power-nand-design-based-on-ferroelectric-transistors
    🔋 Samsung พัฒนา NAND รุ่นใหม่ ลดพลังงานได้ 96% Samsung ได้ตีพิมพ์งานวิจัยในวารสาร Nature เกี่ยวกับสถาปัตยกรรม NAND แบบใหม่ที่ใช้ Ferroelectric Field-Effect Transistor (FeFET) โดยผสมผสานวัสดุ hafnia-based ferroelectric เข้ากับช่องสัญญาณออกไซด์เซมิคอนดักเตอร์ จุดเด่นคือการทำงานที่ near-zero pass voltage ซึ่งช่วยลดพลังงานที่ใช้ในการอ่านและเขียนข้อมูลได้อย่างมหาศาล ใน NAND แบบดั้งเดิม การเพิ่มจำนวนเลเยอร์ทำให้ต้องใช้แรงดันไฟฟ้า (Vpass) สูงขึ้นเพื่อป้องกันการรบกวนข้อมูล แต่สถาปัตยกรรมใหม่ของ Samsung สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องใช้แรงดันสูง ทำให้ลดภาระของวงจร charge pump และลดการใช้พลังงานรวมได้ถึง 94–96% ในอุปกรณ์ที่มี 286–1024 เลเยอร์ นักวิจัยได้ทดสอบทั้งในรูปแบบ planar arrays และโครงสร้าง 3D NAND ขนาดเล็ก พบว่าสามารถรองรับการเขียนข้อมูลได้ถึง 5 บิตต่อเซลล์ (PLC-class) แม้ความทนทานยังจำกัดอยู่ที่หลักร้อยถึงพันรอบการเขียน แต่ถือเป็นการพิสูจน์ศักยภาพของเทคโนโลยีนี้สำหรับอนาคต แม้ยังไม่มีแผนผลิตเชิงพาณิชย์ในตอนนี้ แต่ Samsung มองว่านี่คือ งานวิจัยพื้นฐาน ที่จะนำไปสู่ NAND รุ่นใหม่ที่ใช้พลังงานต่ำและมีความหนาแน่นสูง เหมาะสำหรับการใช้งานใน AI accelerators, ดาต้าเซ็นเตอร์ และอุปกรณ์ความจุสูง ที่ต้องการประสิทธิภาพและความยั่งยืนด้านพลังงาน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สถาปัตยกรรม NAND แบบใหม่จาก Samsung ➡️ ใช้ Ferroelectric Field-Effect Transistor (FeFET) ➡️ ทำงานที่ near-zero pass voltage ลดพลังงาน ✅ ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า NAND เดิม ➡️ ลดการใช้พลังงานได้ 94–96% ในอุปกรณ์ 286–1024 เลเยอร์ ➡️ รองรับการเขียนข้อมูลได้ถึง 5 บิตต่อเซลล์ ✅ การทดสอบและผลลัพธ์ ➡️ ทดสอบทั้ง planar arrays และโครงสร้าง 3D NAND ➡️ ความทนทานอยู่ที่หลักร้อยถึงพันรอบการเขียน ‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย ⛔ ความทนทานของเซลล์ยังต่ำเมื่อเทียบกับ NAND เชิงพาณิชย์ ⛔ ต้องพัฒนาระบบ program-inhibit และ negative-voltage generation เพิ่มเติม ⛔ พฤติกรรมของช่องสัญญาณออกไซด์ภายใต้ความร้อนสูงยังต้องศึกษาเพิ่มเติม https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/samsung-researchers-publish-96percent-lower-power-nand-design-based-on-ferroelectric-transistors
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Samsung touts 96% lower-power NAND design — researchers investigate design based on ferroelectric transistors
    Researchers demonstrate FeFET-based 3D NAND cells with near-zero pass voltage and up to five bits per cell.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 171 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศึกชิปขั้นสูง Apple ปะทะ NVIDIA แย่งชิงกำลังผลิต TSMC A16

    ความต้องการด้านการประมวลผล AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ทำให้กำลังการผลิตชิปขั้นสูงของ TSMC กลายเป็นสมรภูมิแข่งขันที่ร้อนแรงที่สุดในโลกเทคโนโลยี โดยเฉพาะ A16 และ A14 nodes ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการประมวลผลระดับ Angstrom-class ซึ่งมีความหนาแน่นทรานซิสเตอร์สูงและประสิทธิภาพเหนือกว่า 3nm รุ่นปัจจุบัน

    Apple ในฐานะลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของ TSMC ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ไม่เคยมีมาก่อนจาก NVIDIA ซึ่งกำลังเร่งขยายกำลังผลิตเพื่อรองรับความต้องการ GPU สำหรับ AI และ Data Center ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นยังมีคู่แข่งรายอื่นอย่าง AMD และ MediaTek ที่พร้อมเข้าร่วมแย่งชิงกำลังผลิตเช่นกัน

    นักวิเคราะห์ชื่อดัง Ming-Chi Kuo ระบุว่า Apple กำลังพิจารณาความร่วมมือกับ Intel Foundry โดยใช้กระบวนการผลิต 18AP สำหรับชิป M-series ระดับเริ่มต้น เช่น iPad และ MacBook Air เพื่อกระจายความเสี่ยงด้านซัพพลายเชน และสงวนกำลังผลิต A16 ของ TSMC สำหรับสินค้าระดับพรีเมียมอย่าง iPhone Pro และ MacBook รุ่นสูง

    การเคลื่อนไหวนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ Apple ลดความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์และการพึ่งพา TSMC แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญของ Intel ที่จะพิสูจน์ความสามารถในการกลับมาแข่งขันในตลาด Foundry อีกครั้ง หาก Intel สามารถตอบโจทย์ Apple ได้ จะเป็นการยกระดับความน่าเชื่อถือและสร้างแรงกดดันต่อ TSMC ในระยะยาว

    สรุปสาระสำคัญ
    การแข่งขันกำลังผลิตชิปขั้นสูง
    Apple และ NVIDIA แย่งชิงกำลังผลิต A16 และ A14 ของ TSMC
    AMD และ MediaTek ก็เข้าร่วมแข่งขันเช่นกัน

    กลยุทธ์ของ Apple
    พิจารณาความร่วมมือกับ Intel Foundry ใช้ 18AP สำหรับชิป M-series ระดับเริ่มต้น
    สงวนกำลังผลิต A16 ของ TSMC สำหรับ iPhone Pro และ MacBook รุ่นสูง

    โอกาสของ Intel
    หากร่วมมือกับ Apple จะเป็นการยืนยันศักยภาพ Foundry ของ Intel
    เพิ่มแรงกดดันต่อ TSMC ในตลาดโลก

    ความเสี่ยงและคำเตือน
    ความต้องการ AI อาจทำให้ซัพพลายเชนตึงตัวและราคาชิปสูงขึ้น
    การแข่งขันรุนแรงอาจส่งผลกระทบต่อการจัดหาชิปของผู้ผลิตรายเล็ก

    https://securityonline.info/semiconductor-showdown-apple-and-nvidia-battle-for-tsmcs-a16-capacity/
    ⚔️ ศึกชิปขั้นสูง Apple ปะทะ NVIDIA แย่งชิงกำลังผลิต TSMC A16 ความต้องการด้านการประมวลผล AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ทำให้กำลังการผลิตชิปขั้นสูงของ TSMC กลายเป็นสมรภูมิแข่งขันที่ร้อนแรงที่สุดในโลกเทคโนโลยี โดยเฉพาะ A16 และ A14 nodes ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการประมวลผลระดับ Angstrom-class ซึ่งมีความหนาแน่นทรานซิสเตอร์สูงและประสิทธิภาพเหนือกว่า 3nm รุ่นปัจจุบัน Apple ในฐานะลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของ TSMC ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ไม่เคยมีมาก่อนจาก NVIDIA ซึ่งกำลังเร่งขยายกำลังผลิตเพื่อรองรับความต้องการ GPU สำหรับ AI และ Data Center ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นยังมีคู่แข่งรายอื่นอย่าง AMD และ MediaTek ที่พร้อมเข้าร่วมแย่งชิงกำลังผลิตเช่นกัน นักวิเคราะห์ชื่อดัง Ming-Chi Kuo ระบุว่า Apple กำลังพิจารณาความร่วมมือกับ Intel Foundry โดยใช้กระบวนการผลิต 18AP สำหรับชิป M-series ระดับเริ่มต้น เช่น iPad และ MacBook Air เพื่อกระจายความเสี่ยงด้านซัพพลายเชน และสงวนกำลังผลิต A16 ของ TSMC สำหรับสินค้าระดับพรีเมียมอย่าง iPhone Pro และ MacBook รุ่นสูง การเคลื่อนไหวนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ Apple ลดความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์และการพึ่งพา TSMC แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญของ Intel ที่จะพิสูจน์ความสามารถในการกลับมาแข่งขันในตลาด Foundry อีกครั้ง หาก Intel สามารถตอบโจทย์ Apple ได้ จะเป็นการยกระดับความน่าเชื่อถือและสร้างแรงกดดันต่อ TSMC ในระยะยาว 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การแข่งขันกำลังผลิตชิปขั้นสูง ➡️ Apple และ NVIDIA แย่งชิงกำลังผลิต A16 และ A14 ของ TSMC ➡️ AMD และ MediaTek ก็เข้าร่วมแข่งขันเช่นกัน ✅ กลยุทธ์ของ Apple ➡️ พิจารณาความร่วมมือกับ Intel Foundry ใช้ 18AP สำหรับชิป M-series ระดับเริ่มต้น ➡️ สงวนกำลังผลิต A16 ของ TSMC สำหรับ iPhone Pro และ MacBook รุ่นสูง ✅ โอกาสของ Intel ➡️ หากร่วมมือกับ Apple จะเป็นการยืนยันศักยภาพ Foundry ของ Intel ➡️ เพิ่มแรงกดดันต่อ TSMC ในตลาดโลก ‼️ ความเสี่ยงและคำเตือน ⛔ ความต้องการ AI อาจทำให้ซัพพลายเชนตึงตัวและราคาชิปสูงขึ้น ⛔ การแข่งขันรุนแรงอาจส่งผลกระทบต่อการจัดหาชิปของผู้ผลิตรายเล็ก https://securityonline.info/semiconductor-showdown-apple-and-nvidia-battle-for-tsmcs-a16-capacity/
    SECURITYONLINE.INFO
    Semiconductor Showdown: Apple and NVIDIA Battle for TSMC's A16 Capacity
    Apple and NVIDIA are fiercely competing for TSMC's next-gen A16/A14 capacity. To mitigate risk, Apple is exploring using Intel's 18AP process for entry-level M-series chips.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
  • O.P.K.
    คดีแห่งแสง: ศึกเทพ-มารที่กระทบมนุษย์

    โลกที่แสงและความมืดปะทะกัน

    ในยามที่มนุษย์คิดว่าตนเองก้าวเข้าสู่ยุคทองของเทคโนโลยี ความขัดแย้งอันเป็นนิรันดร์ระหว่าง "เทพแห่งแสง" และ "มารแห่งความมืด" กำลังถึงจุดวิกฤติ ผลพวงของสงครามศักดิ์สิทธิ์เริ่มกระทบโลกมนุษย์อย่างจับต้องได้

    ```mermaid
    graph TB
    A[สงครามเทพ-มาร<br>ขยายสู่โลกมนุษย์] --> B[มนุษย์เริ่ม<br>แสดงอาการผิดปกติ]
    B --> C[ผู้ที่สัมผัสแสงมาก<br>เกินไปกลายเป็นสุดโต่ง]
    B --> D[ผู้ที่อยู่ในความมืด<br>นานเกินสูญเสีย]
    C --> E[มนุษย์แสง: พัฒนาพลัง<br>แต่สูญเสียความเห็นอกเห็นใจ]
    D --> F[มนุษย์มืด: แข็งแกร่ง<br>แต่โหดร้าย]
    E --> G[สงครามกลางเมือง<br>ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน]
    F --> G
    ```

    เคสปริศนาที่ปรากฏ

    กรณีผู้หายตัวไปสามประเภท

    1. ผู้ศรัทธาสุดโต่ง - หายไปพร้อมกับแสงจ้าปริศนา
    2. ผู้สิ้นหวังเรื้อรัง - หายไปในความมืดมิด
    3. คนกลางทั่วไป - เริ่มแสดงพลังประหลาดโดยไม่รู้ตัว

    ลักษณะคดีที่น่าสงสัย

    ```python
    class StrangeCases:
    def __init__(self):
    self.light_abductions = {
    "สถานที่": "แหล่งเทคโนโลยีสูง, วัด, ห้องสมุด",
    "เวลา": "เที่ยงวันพอดี",
    "พยาน": "รายงานเห็นแสงสีขาวจ้า",
    "หลักฐาน": "เหลือแต่เสื้อผ้าไร้ร่องรอยการต่อสู้"
    }

    self.dark_abductions = {
    "สถานที่": "โรงงานร้าง, ซอยมืด, ท้องถนนยามดึก",
    "เวลา": "เที่ยงคืนตรง",
    "พยาน": "รู้สึกหนาวเหน็บและได้ยินเสียงกระซิบ",
    "หลักฐาน": "รอยเท้าที่หายไปกลางอากาศ"
    }

    self.awakenings = {
    "อาการ": "ควบคุมแสง/ความมืดได้โดยไม่รู้ตัว",
    "ผลกระทบ": "สร้างความเสียหายโดยไม่ตั้งใจ",
    "จิตใต้สำนึก: "สับสนระหว่างความเป็นมนุษย์และพลังเหนือธรรมชาติ"
    }ล
    ```

    การค้นพบความจริงที่น่าตกใจ

    การสืบสวนของหนูดี

    หนูดีได้รับมอบหมายคดีจากหน่วยงานพิเศษ หลังพบว่า โอปปาติกะหลายคนเริ่มเลือกข้าง ในสงครามนี้โดยไม่รู้ตัว

    ธรรมบาลเทพ ปรากฏตัวพร้อมคำเตือน:
    "หนูดี... นี่ไม่ใช่สงครามที่เจ้าคิด
    นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของจักรวาล
    และมนุษย์กำลังจะกลายเป็นเหยื่อและนักรบไปพร้อมกัน"

    สมดุลที่แตกสลาย

    ```mermaid
    graph LR
    A[สมดุลเดิม<br>เทพ-มาร-มนุษย์] --> B[มนุษย์พัฒนา<br>เทคโนโลยีและจิตวิญญาณ]
    B --> C[เทพแห่งแสง<br>ต้องการมนุษย์เป็นทหาร]
    B --> D[มารแห่งความมืด<br>ต้องการมนุษย์เป็นเชื้อเพลิง]
    C --> E[สมดุลพังทลาย<br>มนุษย์ตกอยู่กลางศึก]
    D --> E
    ```

    ความลับที่ถูกเปิดเผย

    ที่มาที่แท้จริงของมนุษย์

    ธรรมบาลเทพเปิดเผยความจริงอันน่าตกใจ:

    "มนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้...
    พวกเจ้าเป็นผลงานชิ้นเอกที่เทพและมารร่วมกันสร้าง
    เพื่อพิสูจน์ว่าแสงหรือความมืดมีคุณค่ากว่ากัน"

    "และตอนนี้... เวลาสำหรับการตัดสินได้มาถึงแล้ว
    มนุษย์แต่ละคนต้องเลือกว่าจะอยู่ฝั่งใด
    หรือจะพยายามรักษาสมดุลแบบที่เป็นอยู่"

    บทบาทของโอปปาติกะ

    หนูดีค้นพบว่า:

    · โอปปาติกะคือ มนุษย์รุ่นดัดแปลงพิเศษ
    · ถูกสร้างมาให้เป็น ตัวกลางระหว่างสามฝ่าย
    · แต่หลายคนเริ่ม เอียงข้าง เนื่องจากพลังที่ได้รับ

    ```python
    class OpapatikaRevelation:
    def __init__(self):
    self.true_origin = {
    "วัตถุประสงค์เดิม": "เป็นสะพานเชื่อมระหว่างเทพ-มาร-มนุษย์",
    "ความสามารถพิเศษ": "เข้าใจและสื่อสารกับทั้งสามฝ่ายได้",
    "พันธสัญญา": "ต้องรักษาความเป็นกลางเพื่อความสมดุล",
    "ภัยคุกคาม": "พลังที่เพิ่มขึ้นทำให้ยากต่อการควบคุมตนเอง"
    }

    self.current_crisis = {
    "ฝ่ายแสง": "โอปปาติกะบางคนถูกเทพแห่งแสงชักจูง",
    "ฝ่ายมืด": "โอปปาติกะบางคนถูกมารแห่งความมืดครอบงำ",
    "ฝ่ายกลาง": "เหลือน้อยลงทุกทีและกำลังถูกโจมตีจากทั้งสองฝ่าย",
    "หนูดี": "ถูกทั้งสองฝ่ายจับตามองเพราะพลังบริสุทธิ์ที่ยังไม่เลือกข้าง"
    }
    ```

    การเผชิญหน้าครั้งใหม่

    การปรากฏตัวของเทพแห่งแสง

    สุริยเทพ ปรากฏตัวต่อหน้ากลุ่มหนูดี:
    "โอปปาติกะผู้ยิ่งใหญ่... มาร่วมมือกับเรา
    มนุษย์ควรก้าวสู่ความสว่างไสวอย่างสมบูรณ์
    เราจะลบล้างความมืดและความไม่สมบูรณ์ทั้งหมด
    สร้างโลกใหม่ที่ปราศจากความทุกข์ทรมาน"

    การปรากฏตัวของมารแห่งความมืด

    ราตรีมาร ปรากฏจากเงามืด:
    "อย่าเชื่อคำสัญญาโกหกของแสง...
    ในความมืดมีอิสระที่แท้จริง
    มนุษย์ควรปลดปล่อยตนเองจากพันธะกรรม
    ยอมรับธรรมชาติที่แท้จริงซึ่งไม่ใช่แสงสว่างเสมอไป"

    ทางเลือกที่สาม

    หนูดีเริ่มเข้าใจบทเรียนจากพ่อที่ลึกซึ้งขึ้น:
    "พ่อเคยบอกว่า... ความจริงมักไม่ใช่สีขาวหรือดำ
    แต่คือเฉดสีเทาที่ต้องเข้าใจด้วยหัวใจ"

    ยุทธศาสตร์ใหม่

    การค้นพบจุดอ่อนของสงคราม

    หนูดีวิเคราะห์ว่า:

    1. เทพแห่งแสง ต้องการศรัทธาและความเชื่ออย่างblind
    2. มารแห่งความมืด ต้องการความสิ้นหวังและความกลัว
    3. มนุษย์มีสิ่งที่ทั้งสองขาด - อิสระในการเลือก

    ยุทธวิธี "ความเป็นมนุษย์"

    หนูดีพัฒนายุทธศาสตร์ที่ไม่พึ่งพาพลังเหนือธรรมชาติเพียงอย่างเดียว:

    ```python
    class HumanStrategy:
    def __init__(self):
    self.weapons = {
    "การตั้งคำถาม": "ทำให้ทั้งเทพและมารอ่อนแอเพราะพวกเขาไม่คุ้นเคย",
    "อารมณ์ที่ซับซ้อน": "ความรักที่ทั้งแสงและความมืดเข้าใจไม่หมด",
    "ความคิดสร้างสรรค์": "สร้างสิ่งที่ไม่เคยมีในแผนการของเทพหรือมาร",
    "ความไม่แน่นอน": "มนุษย์เปลี่ยนแปลงได้เสมอไม่ติดตรึงแบบพลังเหนือธรรมชาติ"
    }

    self.allies = [
    "โอปปาติกะที่ยังเป็นกลาง",
    "มนุษย์ธรรมดาที่ไม่ยอมถูกควบคุม",
    "สิ่งมีชีวิตอื่นที่ได้รับผลกระทบ",
    "เทพ/มารบางส่วนที่เริ่มตั้งคำถาม"
    ]
    ```

    การปฏิบัติการพิเศษ

    ปฏิบัติการ "แสงเทียนในความมืด"

    หนูดีและทีมเริ่มปฏิบัติการเพื่อ:

    1. ช่วยเหลือมนุษย์ที่ถูกบังคับให้เลือกข้าง
    2. เปิดโปงแผนการของทั้งสองฝ่าย
    3. สร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับมนุษย์ที่ต้องการเป็นกลาง
    4. ค้นหาวิธียุติสงครามโดยไม่ทำลายสมดุล

    การสร้างพันธมิตรที่คาดไม่ถึง

    ในระหว่างปฏิบัติการ หนูดีพบว่า:

    · มีเทพบางองค์ ที่เห็นว่าการบังคับมนุษย์เป็นสิ่งผิด
    · มีมารบางตน ที่เชื่อในอิสระของการเลือกของมนุษย์
    · มนุษย์ธรรมดาหลายคน พร้อมต่อสู้เพื่อสิทธิในการกำหนดชะตาตนเอง

    จุดแตกหัก

    การพิพากษาครั้งใหญ่

    เทพแห่งแสงและมารแห่งความมืดประกาศว่า:
    "ในคืนจันทรคราสที่จะมาถึง...
    มนุษย์ทุกคนต้องเลือกว่าจะอยู่ฝั่งใด
    ผู้ที่ยังคงเป็นกลางจะถูกกำจัดทั้งสองฝ่าย"

    คำประกาศของหนูดี

    หนูดีปรากฏตัวต่อหน้าทั้งสองฝ่ายพร้อมคำประกาศ:

    "พวกท่านลืมไปหรือไม่ว่า...
    มนุษย์คือผลงานที่ท่านร่วมกันสร้าง
    การบังคับให้เราเลือกข้าง
    คือการปฏิเสธความเป็นพ่อแม่ของท่านเอง

    และเราขอประกาศว่า...
    มนุษย์จะเลือกทางที่สาม
    ทางของเราเอง

    เราจะไม่เป็นทาสของแสง
    และจะไม่เป็นเชื้อเพลิงของความมืด
    เราจะเป็น... มนุษย์อย่างสมบูรณ์"

    การต่อสู้ครั้งสำคัญ

    ศึกสามฝ่ายที่จุดสมดุล

    หนูดีนำทั้ง มนุษย์ โอปปาติกะ เทพและมารที่เป็นกลาง ต่อสู้เพื่อรักษาสิทธิในการกำหนดชะตากรรม

    ```mermaid
    graph TB
    A[หนูดีและฝ่ายกลาง] --> B[ต่อสู้เพื่อสิทธิ<br>ในการกำหนดชะตากรรม]
    C[เทพแห่งแสง] --> D[ต้องการควบคุม<br>มนุษย์เพื่อ'ความสมบูรณ์แบบ']
    E[มารแห่งความมืด] --> F[ต้องการมนุษย์<br>เป็นแหล่งพลังงาน]
    D --> G[ศึกตัดสินที่<br>จุดสมดุลแห่งจักรวาล]
    F --> G
    B --> G
    ```

    พลังใหม่ที่กำเนิดขึ้น

    ในยามคับขัน หนูดีค้นพบว่า:
    "พลังที่แท้จริงของโอปปาติกะ...
    ไม่ใช่การควบคุมแสงหรือความมืด
    แต่คือการเข้าใจว่าทั้งสองเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน
    และมนุษย์คือผู้ที่สามารถรวมทั้งสองเข้าด้วยกันได้"

    บทสรุปแห่งการเปลี่ยนแปลง

    โลกใหม่ที่เกิดจากทางเลือก

    หลังจากการต่อสู้อันยาวนาน:

    1. เทพแห่งแสงและมารแห่งความมืด ยอมรับสิทธิของมนุษย์
    2. สนธิสัญญาใหม่ ถูกเซ็น - มนุษย์มีสิทธิกำหนดวิถีตนเอง
    3. โอปปาติกะ กลายเป็นผู้รักษาสมดุลอย่างเป็นทางการ
    4. มนุษย์เรียนรู้ ที่จะใช้ทั้งแสงและความมืดอย่างชาญฉลาด

    พันธสัญญาสามฝ่าย

    ```python
    class NewCovenant:
    def __init__(self):
    self.agreements = {
    "เทพแห่งแสง": [
    "เคารพการเลือกของมนุษย์",
    "ให้ความรู้แต่ไม่บังคับ",
    "ยอมรับว่าความไม่สมบูรณ์คือความงามอย่างหนึ่ง"
    ],
    "มารแห่งความมืด": [
    "ไม่ใช้มนุษย์เป็นทรัพยากร",
    "เคารพอิสระในการเลือก",
    "ยอมรับว่าความมืดไม่ใช่ทางออกเดียว"
    ],
    "มนุษย์": [
    "รับผิดชอบต่อการเลือกของตนเอง",
    "ไม่ใช้พลังในทางที่ทำลายสมดุล",
    "เป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลกต่างๆ"
    ]
    }

    self.guardians = [
    "โอปปาติกะเป็นผู้ดูแลสนธิสัญญา",
    "หนูดีเป็นประธานคณะกรรมการสมดุล",
    "มนุษย์เทพและมนุษย์มารร่วมทำงานกัน"
    ]
    ```

    คำสอนใหม่ของหนูดี

    การเติบโตอีกขั้น

    หนูดีเรียนรู้ว่า:

    "การเป็นโอปปาติกะไม่ใช่การควบคุมพลังเหนือธรรมชาติ...
    แต่คือการเข้าใจว่าพลังทุกชนิดมีที่มาและจุดหมาย

    และการเป็นมนุษย์ที่แท้...
    คือการมีอิสระที่จะเลือก
    พร้อมกับความรับผิดชอบต่อการเลือกนั้น"

    คำคมสรุปคดี

    "ในสงครามระหว่างแสงและความมืด...
    มนุษย์ค้นพบว่าเรามีทั้งสองอย่างในตนเอง

    และทางออกไม่ใช่การเลือกข้าง...
    แต่คือการเรียนรู้ที่จะเป็นทั้งคู่
    ในเวลาที่เหมาะสม

    เพราะมนุษย์ที่สมบูรณ์...
    คือผู้ที่เข้าใจว่าแสงส่องสว่างเมื่อจำเป็น
    และความมืดให้ความสงบเมื่อต้องการ

    และนี่คือบทเรียนที่เทพและมาร...
    ต้องเรียนรู้จากลูกหลานของพวกเขาเอง"

    ---

    บทส่งท้าย:
    สงครามแห่งแสงจบลง แต่การเดินทางของมนุษย์เพิ่งเริ่มต้น
    หนูดีและโอปปาติกะกลายเป็นผู้พิทักษ์สมดุลใหม่
    ในโลกที่มนุษย์ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับพลังที่ได้รับมาอย่างรับผิดชอบ

    และบางที... นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่
    ที่เทพ มาร และมนุษย์ เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน
    ไม่ใช่ผ่านการทำสงคราม
    แต่ผ่านการเข้าใจในความแตกต่าง
    O.P.K. 🔥 คดีแห่งแสง: ศึกเทพ-มารที่กระทบมนุษย์ 🌌 โลกที่แสงและความมืดปะทะกัน ในยามที่มนุษย์คิดว่าตนเองก้าวเข้าสู่ยุคทองของเทคโนโลยี ความขัดแย้งอันเป็นนิรันดร์ระหว่าง "เทพแห่งแสง" และ "มารแห่งความมืด" กำลังถึงจุดวิกฤติ ผลพวงของสงครามศักดิ์สิทธิ์เริ่มกระทบโลกมนุษย์อย่างจับต้องได้ ```mermaid graph TB A[สงครามเทพ-มาร<br>ขยายสู่โลกมนุษย์] --> B[มนุษย์เริ่ม<br>แสดงอาการผิดปกติ] B --> C[ผู้ที่สัมผัสแสงมาก<br>เกินไปกลายเป็นสุดโต่ง] B --> D[ผู้ที่อยู่ในความมืด<br>นานเกินสูญเสีย] C --> E[มนุษย์แสง: พัฒนาพลัง<br>แต่สูญเสียความเห็นอกเห็นใจ] D --> F[มนุษย์มืด: แข็งแกร่ง<br>แต่โหดร้าย] E --> G[สงครามกลางเมือง<br>ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน] F --> G ``` 🚨 เคสปริศนาที่ปรากฏ 👥 กรณีผู้หายตัวไปสามประเภท 1. ผู้ศรัทธาสุดโต่ง - หายไปพร้อมกับแสงจ้าปริศนา 2. ผู้สิ้นหวังเรื้อรัง - หายไปในความมืดมิด 3. คนกลางทั่วไป - เริ่มแสดงพลังประหลาดโดยไม่รู้ตัว 🔍 ลักษณะคดีที่น่าสงสัย ```python class StrangeCases: def __init__(self): self.light_abductions = { "สถานที่": "แหล่งเทคโนโลยีสูง, วัด, ห้องสมุด", "เวลา": "เที่ยงวันพอดี", "พยาน": "รายงานเห็นแสงสีขาวจ้า", "หลักฐาน": "เหลือแต่เสื้อผ้าไร้ร่องรอยการต่อสู้" } self.dark_abductions = { "สถานที่": "โรงงานร้าง, ซอยมืด, ท้องถนนยามดึก", "เวลา": "เที่ยงคืนตรง", "พยาน": "รู้สึกหนาวเหน็บและได้ยินเสียงกระซิบ", "หลักฐาน": "รอยเท้าที่หายไปกลางอากาศ" } self.awakenings = { "อาการ": "ควบคุมแสง/ความมืดได้โดยไม่รู้ตัว", "ผลกระทบ": "สร้างความเสียหายโดยไม่ตั้งใจ", "จิตใต้สำนึก: "สับสนระหว่างความเป็นมนุษย์และพลังเหนือธรรมชาติ" }ล ``` 🌓 การค้นพบความจริงที่น่าตกใจ 🕵️ การสืบสวนของหนูดี หนูดีได้รับมอบหมายคดีจากหน่วยงานพิเศษ หลังพบว่า โอปปาติกะหลายคนเริ่มเลือกข้าง ในสงครามนี้โดยไม่รู้ตัว ธรรมบาลเทพ ปรากฏตัวพร้อมคำเตือน: "หนูดี... นี่ไม่ใช่สงครามที่เจ้าคิด นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของจักรวาล และมนุษย์กำลังจะกลายเป็นเหยื่อและนักรบไปพร้อมกัน" ⚖️ สมดุลที่แตกสลาย ```mermaid graph LR A[สมดุลเดิม<br>เทพ-มาร-มนุษย์] --> B[มนุษย์พัฒนา<br>เทคโนโลยีและจิตวิญญาณ] B --> C[เทพแห่งแสง<br>ต้องการมนุษย์เป็นทหาร] B --> D[มารแห่งความมืด<br>ต้องการมนุษย์เป็นเชื้อเพลิง] C --> E[สมดุลพังทลาย<br>มนุษย์ตกอยู่กลางศึก] D --> E ``` 👁️ ความลับที่ถูกเปิดเผย 🧬 ที่มาที่แท้จริงของมนุษย์ ธรรมบาลเทพเปิดเผยความจริงอันน่าตกใจ: "มนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้... พวกเจ้าเป็นผลงานชิ้นเอกที่เทพและมารร่วมกันสร้าง เพื่อพิสูจน์ว่าแสงหรือความมืดมีคุณค่ากว่ากัน" "และตอนนี้... เวลาสำหรับการตัดสินได้มาถึงแล้ว มนุษย์แต่ละคนต้องเลือกว่าจะอยู่ฝั่งใด หรือจะพยายามรักษาสมดุลแบบที่เป็นอยู่" 💔 บทบาทของโอปปาติกะ หนูดีค้นพบว่า: · โอปปาติกะคือ มนุษย์รุ่นดัดแปลงพิเศษ · ถูกสร้างมาให้เป็น ตัวกลางระหว่างสามฝ่าย · แต่หลายคนเริ่ม เอียงข้าง เนื่องจากพลังที่ได้รับ ```python class OpapatikaRevelation: def __init__(self): self.true_origin = { "วัตถุประสงค์เดิม": "เป็นสะพานเชื่อมระหว่างเทพ-มาร-มนุษย์", "ความสามารถพิเศษ": "เข้าใจและสื่อสารกับทั้งสามฝ่ายได้", "พันธสัญญา": "ต้องรักษาความเป็นกลางเพื่อความสมดุล", "ภัยคุกคาม": "พลังที่เพิ่มขึ้นทำให้ยากต่อการควบคุมตนเอง" } self.current_crisis = { "ฝ่ายแสง": "โอปปาติกะบางคนถูกเทพแห่งแสงชักจูง", "ฝ่ายมืด": "โอปปาติกะบางคนถูกมารแห่งความมืดครอบงำ", "ฝ่ายกลาง": "เหลือน้อยลงทุกทีและกำลังถูกโจมตีจากทั้งสองฝ่าย", "หนูดี": "ถูกทั้งสองฝ่ายจับตามองเพราะพลังบริสุทธิ์ที่ยังไม่เลือกข้าง" } ``` ⚡ การเผชิญหน้าครั้งใหม่ 🌟 การปรากฏตัวของเทพแห่งแสง สุริยเทพ ปรากฏตัวต่อหน้ากลุ่มหนูดี: "โอปปาติกะผู้ยิ่งใหญ่... มาร่วมมือกับเรา มนุษย์ควรก้าวสู่ความสว่างไสวอย่างสมบูรณ์ เราจะลบล้างความมืดและความไม่สมบูรณ์ทั้งหมด สร้างโลกใหม่ที่ปราศจากความทุกข์ทรมาน" 🌑 การปรากฏตัวของมารแห่งความมืด ราตรีมาร ปรากฏจากเงามืด: "อย่าเชื่อคำสัญญาโกหกของแสง... ในความมืดมีอิสระที่แท้จริง มนุษย์ควรปลดปล่อยตนเองจากพันธะกรรม ยอมรับธรรมชาติที่แท้จริงซึ่งไม่ใช่แสงสว่างเสมอไป" 🕊️ ทางเลือกที่สาม หนูดีเริ่มเข้าใจบทเรียนจากพ่อที่ลึกซึ้งขึ้น: "พ่อเคยบอกว่า... ความจริงมักไม่ใช่สีขาวหรือดำ แต่คือเฉดสีเทาที่ต้องเข้าใจด้วยหัวใจ" 🛡️ ยุทธศาสตร์ใหม่ 🔮 การค้นพบจุดอ่อนของสงคราม หนูดีวิเคราะห์ว่า: 1. เทพแห่งแสง ต้องการศรัทธาและความเชื่ออย่างblind 2. มารแห่งความมืด ต้องการความสิ้นหวังและความกลัว 3. มนุษย์มีสิ่งที่ทั้งสองขาด - อิสระในการเลือก 💡 ยุทธวิธี "ความเป็นมนุษย์" หนูดีพัฒนายุทธศาสตร์ที่ไม่พึ่งพาพลังเหนือธรรมชาติเพียงอย่างเดียว: ```python class HumanStrategy: def __init__(self): self.weapons = { "การตั้งคำถาม": "ทำให้ทั้งเทพและมารอ่อนแอเพราะพวกเขาไม่คุ้นเคย", "อารมณ์ที่ซับซ้อน": "ความรักที่ทั้งแสงและความมืดเข้าใจไม่หมด", "ความคิดสร้างสรรค์": "สร้างสิ่งที่ไม่เคยมีในแผนการของเทพหรือมาร", "ความไม่แน่นอน": "มนุษย์เปลี่ยนแปลงได้เสมอไม่ติดตรึงแบบพลังเหนือธรรมชาติ" } self.allies = [ "โอปปาติกะที่ยังเป็นกลาง", "มนุษย์ธรรมดาที่ไม่ยอมถูกควบคุม", "สิ่งมีชีวิตอื่นที่ได้รับผลกระทบ", "เทพ/มารบางส่วนที่เริ่มตั้งคำถาม" ] ``` 🌈 การปฏิบัติการพิเศษ 🎯 ปฏิบัติการ "แสงเทียนในความมืด" หนูดีและทีมเริ่มปฏิบัติการเพื่อ: 1. ช่วยเหลือมนุษย์ที่ถูกบังคับให้เลือกข้าง 2. เปิดโปงแผนการของทั้งสองฝ่าย 3. สร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับมนุษย์ที่ต้องการเป็นกลาง 4. ค้นหาวิธียุติสงครามโดยไม่ทำลายสมดุล 🤝 การสร้างพันธมิตรที่คาดไม่ถึง ในระหว่างปฏิบัติการ หนูดีพบว่า: · มีเทพบางองค์ ที่เห็นว่าการบังคับมนุษย์เป็นสิ่งผิด · มีมารบางตน ที่เชื่อในอิสระของการเลือกของมนุษย์ · มนุษย์ธรรมดาหลายคน พร้อมต่อสู้เพื่อสิทธิในการกำหนดชะตาตนเอง 💥 จุดแตกหัก ⚖️ การพิพากษาครั้งใหญ่ เทพแห่งแสงและมารแห่งความมืดประกาศว่า: "ในคืนจันทรคราสที่จะมาถึง... มนุษย์ทุกคนต้องเลือกว่าจะอยู่ฝั่งใด ผู้ที่ยังคงเป็นกลางจะถูกกำจัดทั้งสองฝ่าย" 🛡️ คำประกาศของหนูดี หนูดีปรากฏตัวต่อหน้าทั้งสองฝ่ายพร้อมคำประกาศ: "พวกท่านลืมไปหรือไม่ว่า... มนุษย์คือผลงานที่ท่านร่วมกันสร้าง การบังคับให้เราเลือกข้าง คือการปฏิเสธความเป็นพ่อแม่ของท่านเอง และเราขอประกาศว่า... มนุษย์จะเลือกทางที่สาม ทางของเราเอง เราจะไม่เป็นทาสของแสง และจะไม่เป็นเชื้อเพลิงของความมืด เราจะเป็น... มนุษย์อย่างสมบูรณ์" 🌟 การต่อสู้ครั้งสำคัญ 🔥 ศึกสามฝ่ายที่จุดสมดุล หนูดีนำทั้ง มนุษย์ โอปปาติกะ เทพและมารที่เป็นกลาง ต่อสู้เพื่อรักษาสิทธิในการกำหนดชะตากรรม ```mermaid graph TB A[หนูดีและฝ่ายกลาง] --> B[ต่อสู้เพื่อสิทธิ<br>ในการกำหนดชะตากรรม] C[เทพแห่งแสง] --> D[ต้องการควบคุม<br>มนุษย์เพื่อ'ความสมบูรณ์แบบ'] E[มารแห่งความมืด] --> F[ต้องการมนุษย์<br>เป็นแหล่งพลังงาน] D --> G[ศึกตัดสินที่<br>จุดสมดุลแห่งจักรวาล] F --> G B --> G ``` ✨ พลังใหม่ที่กำเนิดขึ้น ในยามคับขัน หนูดีค้นพบว่า: "พลังที่แท้จริงของโอปปาติกะ... ไม่ใช่การควบคุมแสงหรือความมืด แต่คือการเข้าใจว่าทั้งสองเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน และมนุษย์คือผู้ที่สามารถรวมทั้งสองเข้าด้วยกันได้" 🕊️ บทสรุปแห่งการเปลี่ยนแปลง 🌍 โลกใหม่ที่เกิดจากทางเลือก หลังจากการต่อสู้อันยาวนาน: 1. เทพแห่งแสงและมารแห่งความมืด ยอมรับสิทธิของมนุษย์ 2. สนธิสัญญาใหม่ ถูกเซ็น - มนุษย์มีสิทธิกำหนดวิถีตนเอง 3. โอปปาติกะ กลายเป็นผู้รักษาสมดุลอย่างเป็นทางการ 4. มนุษย์เรียนรู้ ที่จะใช้ทั้งแสงและความมืดอย่างชาญฉลาด 📜 พันธสัญญาสามฝ่าย ```python class NewCovenant: def __init__(self): self.agreements = { "เทพแห่งแสง": [ "เคารพการเลือกของมนุษย์", "ให้ความรู้แต่ไม่บังคับ", "ยอมรับว่าความไม่สมบูรณ์คือความงามอย่างหนึ่ง" ], "มารแห่งความมืด": [ "ไม่ใช้มนุษย์เป็นทรัพยากร", "เคารพอิสระในการเลือก", "ยอมรับว่าความมืดไม่ใช่ทางออกเดียว" ], "มนุษย์": [ "รับผิดชอบต่อการเลือกของตนเอง", "ไม่ใช้พลังในทางที่ทำลายสมดุล", "เป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลกต่างๆ" ] } self.guardians = [ "โอปปาติกะเป็นผู้ดูแลสนธิสัญญา", "หนูดีเป็นประธานคณะกรรมการสมดุล", "มนุษย์เทพและมนุษย์มารร่วมทำงานกัน" ] ``` 💫 คำสอนใหม่ของหนูดี 🌱 การเติบโตอีกขั้น หนูดีเรียนรู้ว่า: "การเป็นโอปปาติกะไม่ใช่การควบคุมพลังเหนือธรรมชาติ... แต่คือการเข้าใจว่าพลังทุกชนิดมีที่มาและจุดหมาย และการเป็นมนุษย์ที่แท้... คือการมีอิสระที่จะเลือก พร้อมกับความรับผิดชอบต่อการเลือกนั้น" 🕯️ คำคมสรุปคดี "ในสงครามระหว่างแสงและความมืด... มนุษย์ค้นพบว่าเรามีทั้งสองอย่างในตนเอง และทางออกไม่ใช่การเลือกข้าง... แต่คือการเรียนรู้ที่จะเป็นทั้งคู่ ในเวลาที่เหมาะสม เพราะมนุษย์ที่สมบูรณ์... คือผู้ที่เข้าใจว่าแสงส่องสว่างเมื่อจำเป็น และความมืดให้ความสงบเมื่อต้องการ และนี่คือบทเรียนที่เทพและมาร... ต้องเรียนรู้จากลูกหลานของพวกเขาเอง"✨ --- 📖 บทส่งท้าย: สงครามแห่งแสงจบลง แต่การเดินทางของมนุษย์เพิ่งเริ่มต้น หนูดีและโอปปาติกะกลายเป็นผู้พิทักษ์สมดุลใหม่ ในโลกที่มนุษย์ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับพลังที่ได้รับมาอย่างรับผิดชอบ และบางที... นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ ที่เทพ มาร และมนุษย์ เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน ไม่ใช่ผ่านการทำสงคราม แต่ผ่านการเข้าใจในความแตกต่าง🌈
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 361 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าววิทยาศาสตร์: “เชื้อราจากเชอร์โนบิลอาจใช้รังสีเป็นพลังงานได้”

    นักวิทยาศาสตร์ค้นพบเชื้อราสีดำชนิดหนึ่งชื่อ Cladosporium sphaerospermum ที่เติบโตได้ดีภายในเขตเชอร์โนบิล ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีรังสีสูงที่สุดในโลก เชื้อรานี้มีเม็ดสีเมลานินเข้มที่อาจทำหน้าที่คล้ายคลอโรฟิลล์ในพืช โดยมีสมมติฐานว่าเมลานินสามารถ “เก็บเกี่ยว” พลังงานจากรังสีไอออไนซ์ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า radiosynthesis ซึ่งเปรียบเสมือนการสังเคราะห์แสง แต่ใช้รังสีแทนแสงอาทิตย์

    การค้นพบเริ่มต้นตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1990 เมื่อทีมนักวิจัยยูเครนพบชุมชนเชื้อรามากถึง 37 สายพันธุ์ในบริเวณรอบเตาปฏิกรณ์ที่เสียหาย โดย C. sphaerospermum เป็นสายพันธุ์ที่โดดเด่นที่สุดและทนต่อการปนเปื้อนรังสีสูงอย่างน่าประหลาดใจ ต่อมาในปี 2008 นักวิทยาศาสตร์จากสหรัฐฯ พบว่าเชื้อรานี้ไม่เพียงทนต่อรังสี แต่ยังเจริญเติบโตได้ดีกว่าเมื่อสัมผัสรังสีไอออไนซ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ปกติจะทำลาย DNA ของสิ่งมีชีวิตอื่นๆ

    การทดลองล่าสุดในปี 2022 ที่นำเชื้อรานี้ไปติดตั้งบนผิวด้านนอกของสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) พบว่าเชื้อราสามารถลดปริมาณรังสีที่ทะลุผ่านได้จริง ทำให้เกิดแนวคิดว่าอาจใช้เชื้อรานี้เป็น เกราะชีวภาพป้องกันรังสีในภารกิจอวกาศ อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ชัดเจนว่าเชื้อรานี้เปลี่ยนรังสีเป็นพลังงานทางชีวภาพจริงหรือไม่ หรือเพียงแค่ใช้เมลานินเป็นเกราะป้องกัน

    แม้ยังเป็นปริศนา แต่การค้นพบนี้แสดงให้เห็นว่า ชีวิตสามารถหาทางอยู่รอดแม้ในสภาพแวดล้อมที่เป็นอันตรายที่สุดต่อมนุษย์ และอาจเปิดประตูสู่การใช้สิ่งมีชีวิตเป็นเครื่องมือใหม่ในการป้องกันรังสีทั้งบนโลกและในอวกาศ

    สรุปสาระสำคัญ
    การค้นพบเชื้อราที่เชอร์โนบิล
    พบเชื้อรา Cladosporium sphaerospermum เจริญเติบโตในพื้นที่รังสีสูง
    มีเม็ดสีเมลานินที่อาจใช้รังสีเป็นพลังงาน

    หลักฐานการทดลอง
    เชื้อรานี้เติบโตได้ดีกว่าเมื่อสัมผัสรังสีไอออไนซ์
    การทดลองบน ISS พบว่าสามารถลดปริมาณรังสีที่ทะลุผ่านได้

    ความเป็นไปได้ในอนาคต
    อาจใช้เป็นเกราะชีวภาพป้องกันรังสีในภารกิจอวกาศ
    เป็นตัวอย่างของการปรับตัวของสิ่งมีชีวิตในสภาพแวดล้อมสุดขั้ว

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าเชื้อรานี้เปลี่ยนรังสีเป็นพลังงานจริง
    พฤติกรรมนี้ไม่พบในเชื้อรามีเมลานินทุกชนิด จึงไม่ใช่คุณสมบัติทั่วไป

    https://www.sciencealert.com/chernobyl-fungus-appears-to-have-evolved-an-incredible-ability
    ☢️ ข่าววิทยาศาสตร์: “เชื้อราจากเชอร์โนบิลอาจใช้รังสีเป็นพลังงานได้” นักวิทยาศาสตร์ค้นพบเชื้อราสีดำชนิดหนึ่งชื่อ Cladosporium sphaerospermum ที่เติบโตได้ดีภายในเขตเชอร์โนบิล ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีรังสีสูงที่สุดในโลก เชื้อรานี้มีเม็ดสีเมลานินเข้มที่อาจทำหน้าที่คล้ายคลอโรฟิลล์ในพืช โดยมีสมมติฐานว่าเมลานินสามารถ “เก็บเกี่ยว” พลังงานจากรังสีไอออไนซ์ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า radiosynthesis ซึ่งเปรียบเสมือนการสังเคราะห์แสง แต่ใช้รังสีแทนแสงอาทิตย์ การค้นพบเริ่มต้นตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1990 เมื่อทีมนักวิจัยยูเครนพบชุมชนเชื้อรามากถึง 37 สายพันธุ์ในบริเวณรอบเตาปฏิกรณ์ที่เสียหาย โดย C. sphaerospermum เป็นสายพันธุ์ที่โดดเด่นที่สุดและทนต่อการปนเปื้อนรังสีสูงอย่างน่าประหลาดใจ ต่อมาในปี 2008 นักวิทยาศาสตร์จากสหรัฐฯ พบว่าเชื้อรานี้ไม่เพียงทนต่อรังสี แต่ยังเจริญเติบโตได้ดีกว่าเมื่อสัมผัสรังสีไอออไนซ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ปกติจะทำลาย DNA ของสิ่งมีชีวิตอื่นๆ การทดลองล่าสุดในปี 2022 ที่นำเชื้อรานี้ไปติดตั้งบนผิวด้านนอกของสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) พบว่าเชื้อราสามารถลดปริมาณรังสีที่ทะลุผ่านได้จริง ทำให้เกิดแนวคิดว่าอาจใช้เชื้อรานี้เป็น เกราะชีวภาพป้องกันรังสีในภารกิจอวกาศ อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ชัดเจนว่าเชื้อรานี้เปลี่ยนรังสีเป็นพลังงานทางชีวภาพจริงหรือไม่ หรือเพียงแค่ใช้เมลานินเป็นเกราะป้องกัน แม้ยังเป็นปริศนา แต่การค้นพบนี้แสดงให้เห็นว่า ชีวิตสามารถหาทางอยู่รอดแม้ในสภาพแวดล้อมที่เป็นอันตรายที่สุดต่อมนุษย์ และอาจเปิดประตูสู่การใช้สิ่งมีชีวิตเป็นเครื่องมือใหม่ในการป้องกันรังสีทั้งบนโลกและในอวกาศ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การค้นพบเชื้อราที่เชอร์โนบิล ➡️ พบเชื้อรา Cladosporium sphaerospermum เจริญเติบโตในพื้นที่รังสีสูง ➡️ มีเม็ดสีเมลานินที่อาจใช้รังสีเป็นพลังงาน ✅ หลักฐานการทดลอง ➡️ เชื้อรานี้เติบโตได้ดีกว่าเมื่อสัมผัสรังสีไอออไนซ์ ➡️ การทดลองบน ISS พบว่าสามารถลดปริมาณรังสีที่ทะลุผ่านได้ ✅ ความเป็นไปได้ในอนาคต ➡️ อาจใช้เป็นเกราะชีวภาพป้องกันรังสีในภารกิจอวกาศ ➡️ เป็นตัวอย่างของการปรับตัวของสิ่งมีชีวิตในสภาพแวดล้อมสุดขั้ว ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าเชื้อรานี้เปลี่ยนรังสีเป็นพลังงานจริง ⛔ พฤติกรรมนี้ไม่พบในเชื้อรามีเมลานินทุกชนิด จึงไม่ใช่คุณสมบัติทั่วไป https://www.sciencealert.com/chernobyl-fungus-appears-to-have-evolved-an-incredible-ability
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Chernobyl Fungus Appears to Have Evolved an Incredible Ability
    The Chernobyl exclusion zone may be off-limits to humans, but ever since the Unit Four reactor at the Chernobyl Nuclear Power Plant exploded nearly 40 years ago, other forms of life have not only moved in but survived, adapted, and appeared to thrive.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 227 มุมมอง 0 รีวิว
  • “จีนโชว์ GPU รุ่นแรกบนสถาปัตยกรรม Imagination DXD – รองรับ Ray Tracing”

    บริษัท Xiang Di Xian ได้เปิดตัวการ์ดจอที่ใช้สถาปัตยกรรม Imagination DXD ในงาน ICCAD 2025 ที่เมืองเฉิงตู โดยระบุว่าเป็นการ์ดจอเชิงพาณิชย์รุ่นแรกที่ผลิตจำนวนมากในตลาด GPU ของจีน จุดเด่นคือการรองรับ DirectX Feature Level 11_0, Vulkan และ OpenGL รวมถึงการออกแบบแบบ multicore decentralized ที่สามารถขยายไปยังเวิร์กสเตชันและโครงสร้างพื้นฐาน cloud gaming ได้

    บริษัทอ้างว่า GPU รุ่นนี้มี ประสิทธิภาพการเรนเดอร์มากกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า (BXT family) และสามารถทำงานกับ digital twin workloads และ 3D simulation ได้อย่างราบรื่น พร้อมสาธิตการใช้งาน ray tracing และ super resolution ในงานเปิดตัว แม้จะยังไม่เปิดเผยชื่อรุ่นหรือสเปกเต็ม แต่มีการกล่าวถึงตัวเลขเช่น 2.3 TFLOPS และ 72 GTexel/s ต่อคอร์

    สิ่งที่น่าสนใจคือ DXD ถูกออกแบบเป็น “raster-first architecture” แต่ยังสามารถผสานการทำงานกับ DXT mobile IP ที่มี hardware ray tracing ทำให้เกิดคำถามว่าการ์ดที่เปิดตัวนี้ใช้การปรับแต่งพิเศษหรือเป็นเวอร์ชันขยายของ DXD เพื่อรองรับ ray tracing โดยตรง

    อย่างไรก็ตาม บทความชี้ว่า ยังไม่มีการทดสอบอิสระ และการ์ดยังไม่ถูกส่งออกนอกจีน ทำให้ไม่สามารถยืนยันได้ว่าประสิทธิภาพจริงตรงตามที่บริษัทเคลมไว้หรือไม่ นักวิเคราะห์มองว่านี่เป็นก้าวสำคัญของจีนในการพัฒนา GPU ภายในประเทศ แต่ยังต้องรอการพิสูจน์ในตลาดโลก

    สรุปสาระสำคัญ
    การเปิดตัว GPU DXD
    เปิดตัวโดย Xiang Di Xian ในงาน ICCAD 2025
    เป็นการ์ดจอเชิงพาณิชย์รุ่นแรกที่ใช้สถาปัตยกรรม Imagination DXD

    คุณสมบัติเด่น
    รองรับ DirectX, Vulkan, OpenGL
    Multicore decentralized design ขยายสู่ cloud gaming
    Ray Tracing และ Super Resolution

    ประสิทธิภาพที่เคลม
    เรนเดอร์เร็วกว่าเดิม 2 เท่า
    2.3 TFLOPS และ 72 GTexel/s ต่อคอร์

    ข้อควรระวัง
    ยังไม่มีการทดสอบอิสระนอกจีน
    ไม่เปิดเผยสเปกเต็มและชื่อรุ่น ทำให้ข้อมูลยังไม่ชัดเจน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/chinese-vendor-showcases-first-mass-produced-imagination-dxd-gpu-with-ray-tracing
    🎮 “จีนโชว์ GPU รุ่นแรกบนสถาปัตยกรรม Imagination DXD – รองรับ Ray Tracing” บริษัท Xiang Di Xian ได้เปิดตัวการ์ดจอที่ใช้สถาปัตยกรรม Imagination DXD ในงาน ICCAD 2025 ที่เมืองเฉิงตู โดยระบุว่าเป็นการ์ดจอเชิงพาณิชย์รุ่นแรกที่ผลิตจำนวนมากในตลาด GPU ของจีน จุดเด่นคือการรองรับ DirectX Feature Level 11_0, Vulkan และ OpenGL รวมถึงการออกแบบแบบ multicore decentralized ที่สามารถขยายไปยังเวิร์กสเตชันและโครงสร้างพื้นฐาน cloud gaming ได้ บริษัทอ้างว่า GPU รุ่นนี้มี ประสิทธิภาพการเรนเดอร์มากกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า (BXT family) และสามารถทำงานกับ digital twin workloads และ 3D simulation ได้อย่างราบรื่น พร้อมสาธิตการใช้งาน ray tracing และ super resolution ในงานเปิดตัว แม้จะยังไม่เปิดเผยชื่อรุ่นหรือสเปกเต็ม แต่มีการกล่าวถึงตัวเลขเช่น 2.3 TFLOPS และ 72 GTexel/s ต่อคอร์ สิ่งที่น่าสนใจคือ DXD ถูกออกแบบเป็น “raster-first architecture” แต่ยังสามารถผสานการทำงานกับ DXT mobile IP ที่มี hardware ray tracing ทำให้เกิดคำถามว่าการ์ดที่เปิดตัวนี้ใช้การปรับแต่งพิเศษหรือเป็นเวอร์ชันขยายของ DXD เพื่อรองรับ ray tracing โดยตรง อย่างไรก็ตาม บทความชี้ว่า ยังไม่มีการทดสอบอิสระ และการ์ดยังไม่ถูกส่งออกนอกจีน ทำให้ไม่สามารถยืนยันได้ว่าประสิทธิภาพจริงตรงตามที่บริษัทเคลมไว้หรือไม่ นักวิเคราะห์มองว่านี่เป็นก้าวสำคัญของจีนในการพัฒนา GPU ภายในประเทศ แต่ยังต้องรอการพิสูจน์ในตลาดโลก 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเปิดตัว GPU DXD ➡️ เปิดตัวโดย Xiang Di Xian ในงาน ICCAD 2025 ➡️ เป็นการ์ดจอเชิงพาณิชย์รุ่นแรกที่ใช้สถาปัตยกรรม Imagination DXD ✅ คุณสมบัติเด่น ➡️ รองรับ DirectX, Vulkan, OpenGL ➡️ Multicore decentralized design ขยายสู่ cloud gaming ➡️ Ray Tracing และ Super Resolution ✅ ประสิทธิภาพที่เคลม ➡️ เรนเดอร์เร็วกว่าเดิม 2 เท่า ➡️ 2.3 TFLOPS และ 72 GTexel/s ต่อคอร์ ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ยังไม่มีการทดสอบอิสระนอกจีน ⛔ ไม่เปิดเผยสเปกเต็มและชื่อรุ่น ทำให้ข้อมูลยังไม่ชัดเจน https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/chinese-vendor-showcases-first-mass-produced-imagination-dxd-gpu-with-ray-tracing
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • “วัยรุ่นนิวยอร์กสร้างเว็บหาบ้านราคาถูก – แก้ปัญหาที่ผู้ใหญ่ทำไม่สำเร็จ”

    ในนิวยอร์กซิตี้ที่ค่าเช่าบ้านเฉลี่ยพุ่งสูงถึงราว 4,000 ดอลลาร์ต่อเดือน การหาที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยาเป็นเรื่องยากเย็น เด็กนักเรียนมัธยมปลายสองคน Beckett Zahedi และ Derrick Webster Jr. จึงตัดสินใจสร้างเว็บไซต์ชื่อ Realer Estate เพื่อช่วยให้ผู้คนค้นหาอพาร์ตเมนต์ที่มีค่าเช่าต่ำกว่าตลาดและห้องพักที่อยู่ในโครงการ rent-stabilized ได้ง่ายขึ้น

    Zahedi ได้แรงบันดาลใจจากประสบการณ์ส่วนตัวที่ครอบครัวต้องดิ้นรนหาบ้านเช่า เขาจึงสอนตัวเองเขียนโค้ดจาก YouTube และ AI ตลอดช่วงฤดูร้อน ก่อนจะร่วมมือกับ Webster ในการสร้างระบบอีเมลแจ้งเตือนผู้ใช้เมื่อมีห้องพักใหม่ที่ตรงกับเงื่อนไข เว็บไซต์นี้ใช้ อัลกอริทึมสแกนประกาศเช่าและขาย แล้วเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลอาคารที่มีห้อง rent-stabilized เพื่อคำนวณว่าอพาร์ตเมนต์ใด “ต่ำกว่าราคาตลาด” อย่างน้อย 15%

    โครงการนี้ได้รับความสนใจอย่างมาก มีผู้เข้าใช้งานกว่า 27,000 คน และได้รับคำชื่นชมจาก Adrienne Adams ประธานสภาเมืองนิวยอร์ก ที่กล่าวว่า “ประทับใจในความมุ่งมั่นของ Beckett ที่ช่วยเหลือชาวนิวยอร์กให้หาที่อยู่อาศัยได้” นอกจากนี้ยังมีนักลงทุนสตาร์ทอัพอย่าง Audos ที่สนับสนุนเงินทุนสูงสุดถึง 25,000 ดอลลาร์เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มต่อไป

    แม้จะยังมีข้อจำกัด เช่น บางย่านมีข้อมูลน้อย และระบบคำนวณความคุ้มค่าอาจไม่ครอบคลุมทุกงบประมาณ แต่ Realer Estate ได้พิสูจน์ว่า เยาวชนก็สามารถสร้างนวัตกรรมแก้ปัญหาสังคมที่ผู้ใหญ่ยังทำไม่สำเร็จ และอาจเป็นต้นแบบให้เมืองอื่น ๆ ที่เผชิญวิกฤติค่าเช่าบ้านสูงเช่นกัน

    สรุปสาระสำคัญ
    การสร้าง Realer Estate
    พัฒนาโดยนักเรียนมัธยมปลาย Beckett Zahedi และ Derrick Webster Jr.
    ใช้อัลกอริทึมสแกนประกาศเช่าและฐานข้อมูลอาคาร rent-stabilized

    แรงบันดาลใจและการทำงาน
    Zahedi ได้แรงบันดาลใจจากประสบการณ์ครอบครัวหาบ้านเช่ายาก
    สอนตัวเองเขียนโค้ดจาก YouTube และ AI

    ผลตอบรับและการสนับสนุน
    มีผู้เข้าใช้งานกว่า 27,000 คน
    ได้รับคำชื่นชมจากประธานสภาเมืองนิวยอร์ก
    นักลงทุน Audos สนับสนุนเงินทุนสูงสุด 25,000 ดอลลาร์

    ข้อจำกัดและคำเตือน
    บางย่านมีข้อมูลน้อย ทำให้การค้นหาไม่ครอบคลุม
    ระบบคำนวณความคุ้มค่าอาจไม่เหมาะกับทุกงบประมาณ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/01/new-york-lacked-an-affordable-housing-portal-so-these-teenagers-made-one
    🏙️ “วัยรุ่นนิวยอร์กสร้างเว็บหาบ้านราคาถูก – แก้ปัญหาที่ผู้ใหญ่ทำไม่สำเร็จ” ในนิวยอร์กซิตี้ที่ค่าเช่าบ้านเฉลี่ยพุ่งสูงถึงราว 4,000 ดอลลาร์ต่อเดือน การหาที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยาเป็นเรื่องยากเย็น เด็กนักเรียนมัธยมปลายสองคน Beckett Zahedi และ Derrick Webster Jr. จึงตัดสินใจสร้างเว็บไซต์ชื่อ Realer Estate เพื่อช่วยให้ผู้คนค้นหาอพาร์ตเมนต์ที่มีค่าเช่าต่ำกว่าตลาดและห้องพักที่อยู่ในโครงการ rent-stabilized ได้ง่ายขึ้น Zahedi ได้แรงบันดาลใจจากประสบการณ์ส่วนตัวที่ครอบครัวต้องดิ้นรนหาบ้านเช่า เขาจึงสอนตัวเองเขียนโค้ดจาก YouTube และ AI ตลอดช่วงฤดูร้อน ก่อนจะร่วมมือกับ Webster ในการสร้างระบบอีเมลแจ้งเตือนผู้ใช้เมื่อมีห้องพักใหม่ที่ตรงกับเงื่อนไข เว็บไซต์นี้ใช้ อัลกอริทึมสแกนประกาศเช่าและขาย แล้วเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลอาคารที่มีห้อง rent-stabilized เพื่อคำนวณว่าอพาร์ตเมนต์ใด “ต่ำกว่าราคาตลาด” อย่างน้อย 15% โครงการนี้ได้รับความสนใจอย่างมาก มีผู้เข้าใช้งานกว่า 27,000 คน และได้รับคำชื่นชมจาก Adrienne Adams ประธานสภาเมืองนิวยอร์ก ที่กล่าวว่า “ประทับใจในความมุ่งมั่นของ Beckett ที่ช่วยเหลือชาวนิวยอร์กให้หาที่อยู่อาศัยได้” นอกจากนี้ยังมีนักลงทุนสตาร์ทอัพอย่าง Audos ที่สนับสนุนเงินทุนสูงสุดถึง 25,000 ดอลลาร์เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มต่อไป แม้จะยังมีข้อจำกัด เช่น บางย่านมีข้อมูลน้อย และระบบคำนวณความคุ้มค่าอาจไม่ครอบคลุมทุกงบประมาณ แต่ Realer Estate ได้พิสูจน์ว่า เยาวชนก็สามารถสร้างนวัตกรรมแก้ปัญหาสังคมที่ผู้ใหญ่ยังทำไม่สำเร็จ และอาจเป็นต้นแบบให้เมืองอื่น ๆ ที่เผชิญวิกฤติค่าเช่าบ้านสูงเช่นกัน 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การสร้าง Realer Estate ➡️ พัฒนาโดยนักเรียนมัธยมปลาย Beckett Zahedi และ Derrick Webster Jr. ➡️ ใช้อัลกอริทึมสแกนประกาศเช่าและฐานข้อมูลอาคาร rent-stabilized ✅ แรงบันดาลใจและการทำงาน ➡️ Zahedi ได้แรงบันดาลใจจากประสบการณ์ครอบครัวหาบ้านเช่ายาก ➡️ สอนตัวเองเขียนโค้ดจาก YouTube และ AI ✅ ผลตอบรับและการสนับสนุน ➡️ มีผู้เข้าใช้งานกว่า 27,000 คน ➡️ ได้รับคำชื่นชมจากประธานสภาเมืองนิวยอร์ก ➡️ นักลงทุน Audos สนับสนุนเงินทุนสูงสุด 25,000 ดอลลาร์ ‼️ ข้อจำกัดและคำเตือน ⛔ บางย่านมีข้อมูลน้อย ทำให้การค้นหาไม่ครอบคลุม ⛔ ระบบคำนวณความคุ้มค่าอาจไม่เหมาะกับทุกงบประมาณ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/01/new-york-lacked-an-affordable-housing-portal-so-these-teenagers-made-one
    WWW.THESTAR.COM.MY
    New York lacked an affordable housing portal. So these teenagers made one.
    Two "children of the pandemic" did something the grown-ups who run the city have never managed to do.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 201 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Cybathlon – เมื่อเกมสมองกลายเป็นสนามแข่งขันจริง”

    การแข่งขัน Cybathlon จัดขึ้นทุก 4 ปีโดย ETH Zurich ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นเวทีที่นักวิจัยและผู้พิการที่เรียกว่า “pilots” ร่วมกันทดสอบเทคโนโลยีช่วยเหลือใหม่ ๆ ตั้งแต่แขนขาเทียมไปจนถึงระบบการมองเห็น และที่โดดเด่นที่สุดคือ brain-computer interface (BCI) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ด้วยความคิดเพียงอย่างเดียว

    หนึ่งในผู้เข้าร่วมคือ Owen Collumb ชายชาวไอริชที่เป็นอัมพาตตั้งแต่อายุ 21 ปี เขาเข้าร่วมการแข่งขันตั้งแต่ปี 2016 และใช้ BCI ที่พัฒนาโดยทีมของ Prof. Damien Coyle จาก University of Bath ผ่านการวัดสัญญาณ EEG บนศีรษะ Collumb สามารถสั่งการคอมพิวเตอร์ให้ทำงาน เช่น ขยับเคอร์เซอร์ หรือเล่นเกม แม้ร่างกายจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้มากนัก

    การแข่งขันนี้ไม่ใช่เพียงการโชว์เทคโนโลยี แต่เป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้เห็นว่า คนพิการสามารถเป็น “เจ้านายของเทคโนโลยี” ไม่ใช่ผู้ถูกจำกัดโดยมัน อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังมีอยู่มาก เช่น ความแม่นยำของ EEG ที่ยังต่ำกว่าการใช้ brain implant แบบฝังในสมอง ซึ่งแม้จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า แต่ก็มีความเสี่ยงสูงและค่าใช้จ่ายแพง

    บทความยังสะท้อนคำถามเชิงสังคมว่า การผสานสมองกับเทคโนโลยีลึกขึ้นเรื่อย ๆ จะทำให้ชีวิตดีขึ้นจริงหรือไม่ และเราควรยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้ในระดับไหน แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ Cybathlon ได้พิสูจน์ว่า เทคโนโลยีช่วยเหลือสามารถเปลี่ยนชีวิตผู้พิการให้มีอิสระและศักดิ์ศรีในการแข่งขัน

    สรุปสาระสำคัญ
    การแข่งขัน Cybathlon
    จัดทุก 4 ปีโดย ETH Zurich
    มีการแข่งแขนขาเทียม, ระบบการมองเห็น และ BCI

    กรณีของ Owen Collumb
    เป็นอัมพาตตั้งแต่อายุ 21 ปี
    ใช้ EEG-based BCI ควบคุมคอมพิวเตอร์และเข้าร่วมแข่งขัน

    ความหมายของการแข่งขัน
    แสดงให้เห็นว่าคนพิการสามารถเป็น “เจ้านายของเทคโนโลยี”
    สร้างแรงบันดาลใจและความหวังใหม่

    ข้อท้าทายและคำเตือน
    EEG ยังไม่แม่นยำเท่าการใช้ brain implant
    การฝังอุปกรณ์ในสมองมีความเสี่ยงสูงและค่าใช้จ่ายแพง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/01/let-the-mind-games-begin
    🧠 “Cybathlon – เมื่อเกมสมองกลายเป็นสนามแข่งขันจริง” การแข่งขัน Cybathlon จัดขึ้นทุก 4 ปีโดย ETH Zurich ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นเวทีที่นักวิจัยและผู้พิการที่เรียกว่า “pilots” ร่วมกันทดสอบเทคโนโลยีช่วยเหลือใหม่ ๆ ตั้งแต่แขนขาเทียมไปจนถึงระบบการมองเห็น และที่โดดเด่นที่สุดคือ brain-computer interface (BCI) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ด้วยความคิดเพียงอย่างเดียว หนึ่งในผู้เข้าร่วมคือ Owen Collumb ชายชาวไอริชที่เป็นอัมพาตตั้งแต่อายุ 21 ปี เขาเข้าร่วมการแข่งขันตั้งแต่ปี 2016 และใช้ BCI ที่พัฒนาโดยทีมของ Prof. Damien Coyle จาก University of Bath ผ่านการวัดสัญญาณ EEG บนศีรษะ Collumb สามารถสั่งการคอมพิวเตอร์ให้ทำงาน เช่น ขยับเคอร์เซอร์ หรือเล่นเกม แม้ร่างกายจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้มากนัก การแข่งขันนี้ไม่ใช่เพียงการโชว์เทคโนโลยี แต่เป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้เห็นว่า คนพิการสามารถเป็น “เจ้านายของเทคโนโลยี” ไม่ใช่ผู้ถูกจำกัดโดยมัน อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังมีอยู่มาก เช่น ความแม่นยำของ EEG ที่ยังต่ำกว่าการใช้ brain implant แบบฝังในสมอง ซึ่งแม้จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า แต่ก็มีความเสี่ยงสูงและค่าใช้จ่ายแพง บทความยังสะท้อนคำถามเชิงสังคมว่า การผสานสมองกับเทคโนโลยีลึกขึ้นเรื่อย ๆ จะทำให้ชีวิตดีขึ้นจริงหรือไม่ และเราควรยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้ในระดับไหน แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ Cybathlon ได้พิสูจน์ว่า เทคโนโลยีช่วยเหลือสามารถเปลี่ยนชีวิตผู้พิการให้มีอิสระและศักดิ์ศรีในการแข่งขัน 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การแข่งขัน Cybathlon ➡️ จัดทุก 4 ปีโดย ETH Zurich ➡️ มีการแข่งแขนขาเทียม, ระบบการมองเห็น และ BCI ✅ กรณีของ Owen Collumb ➡️ เป็นอัมพาตตั้งแต่อายุ 21 ปี ➡️ ใช้ EEG-based BCI ควบคุมคอมพิวเตอร์และเข้าร่วมแข่งขัน ✅ ความหมายของการแข่งขัน ➡️ แสดงให้เห็นว่าคนพิการสามารถเป็น “เจ้านายของเทคโนโลยี” ➡️ สร้างแรงบันดาลใจและความหวังใหม่ ‼️ ข้อท้าทายและคำเตือน ⛔ EEG ยังไม่แม่นยำเท่าการใช้ brain implant ⛔ การฝังอุปกรณ์ในสมองมีความเสี่ยงสูงและค่าใช้จ่ายแพง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/01/let-the-mind-games-begin
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Let the mind games begin
    Every four years at the Cybathlon, teams of researchers and technology "pilots" compete to see whose brain-computer interface holds the most promise.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 171 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Quttera เปิดตัว Evidence-as-Code API – พลิกโฉมการตรวจสอบความปลอดภัยและการทำ Compliance”

    Quttera ประกาศเปิดตัว Evidence-as-Code API ที่ช่วยให้องค์กรสามารถทำการตรวจสอบและเตรียมหลักฐานสำหรับการทำ SOC 2, PCI DSS v4.0, ISO 27001 และ GDPR ได้แบบอัตโนมัติ โดยไม่ต้องเสียเวลาทำงานเอกสารหรือจับภาพหน้าจอเหมือนเดิมอีกต่อไป ระบบนี้สามารถแปลงผลการตรวจจับมัลแวร์เป็น structured JSON พร้อม metadata ที่เชื่อมโยงกับข้อกำหนดด้าน compliance ได้ทันที

    สิ่งที่โดดเด่นคือการทำงานแบบ Real-Time Evidence Streaming ที่ส่งข้อมูลการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องเข้าสู่ระบบ GRC (Governance, Risk, and Compliance) เช่น Drata หรือ Vanta ทำให้ทีมงานมีหลักฐานการตรวจสอบที่สดใหม่ตลอดเวลา และสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องจริง ไม่ใช่เพียงรายงานแบบ snapshot ที่อาจล้าสมัย

    นอกจากนี้ Quttera ยังเปิดตัว Threat Encyclopedia ที่ใช้ AI ในการให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภัยคุกคาม เช่น การจัดประเภทความเสี่ยง ผลกระทบทางธุรกิจ และแนวทางแก้ไขทีละขั้นตอน ปัจจุบันมีการบันทึกภัยคุกคามกว่า 80 ประเภท และจะขยายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามภัยคุกคามใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกไซเบอร์

    การอัปเดตนี้ยังตอบโจทย์ข้อกำหนดใหม่ของ PCI DSS v4.0 ที่บังคับใช้ตั้งแต่มีนาคม 2025 โดยเฉพาะ Requirement 6.4.3 (การอนุญาตสคริปต์บนหน้าเพย์เมนต์) และ Requirement 11.6.1 (การตรวจสอบความสมบูรณ์ของไฟล์) ซึ่งต้องการระบบตรวจจับแบบอัตโนมัติและต่อเนื่อง ซึ่ง Quttera API สามารถให้หลักฐานที่มี timestamp ยืนยันได้ว่ามีการตรวจสอบตลอดเวลา

    สรุปสาระสำคัญ
    การเปิดตัว Evidence-as-Code API
    แปลงผลตรวจจับมัลแวร์เป็น JSON พร้อม metadata สำหรับ compliance
    ลดภาระการทำเอกสารและการเตรียมหลักฐานแบบ manual

    คุณสมบัติเด่น
    Real-Time Evidence Streaming ส่งข้อมูลตรวจสอบต่อเนื่อง
    Threat Encyclopedia ให้ข้อมูลเชิงลึกและแนวทางแก้ไข

    การรองรับ Compliance หลายมาตรฐาน
    SOC 2, PCI DSS v4.0, ISO 27001 และ GDPR
    เชื่อมต่อกับ GRC systems เช่น Drata และ Vanta

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    หากไม่ปรับใช้ระบบตรวจสอบอัตโนมัติ อาจไม่ผ่านข้อกำหนด PCI DSS v4.0
    การพึ่งพารายงานแบบ snapshot เสี่ยงต่อการใช้หลักฐานที่ล้าสมัย

    https://hackread.com/quttera-evidence-as-code-api-soc-pci-dss/
    🛡️ “Quttera เปิดตัว Evidence-as-Code API – พลิกโฉมการตรวจสอบความปลอดภัยและการทำ Compliance” Quttera ประกาศเปิดตัว Evidence-as-Code API ที่ช่วยให้องค์กรสามารถทำการตรวจสอบและเตรียมหลักฐานสำหรับการทำ SOC 2, PCI DSS v4.0, ISO 27001 และ GDPR ได้แบบอัตโนมัติ โดยไม่ต้องเสียเวลาทำงานเอกสารหรือจับภาพหน้าจอเหมือนเดิมอีกต่อไป ระบบนี้สามารถแปลงผลการตรวจจับมัลแวร์เป็น structured JSON พร้อม metadata ที่เชื่อมโยงกับข้อกำหนดด้าน compliance ได้ทันที สิ่งที่โดดเด่นคือการทำงานแบบ Real-Time Evidence Streaming ที่ส่งข้อมูลการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องเข้าสู่ระบบ GRC (Governance, Risk, and Compliance) เช่น Drata หรือ Vanta ทำให้ทีมงานมีหลักฐานการตรวจสอบที่สดใหม่ตลอดเวลา และสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องจริง ไม่ใช่เพียงรายงานแบบ snapshot ที่อาจล้าสมัย นอกจากนี้ Quttera ยังเปิดตัว Threat Encyclopedia ที่ใช้ AI ในการให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภัยคุกคาม เช่น การจัดประเภทความเสี่ยง ผลกระทบทางธุรกิจ และแนวทางแก้ไขทีละขั้นตอน ปัจจุบันมีการบันทึกภัยคุกคามกว่า 80 ประเภท และจะขยายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามภัยคุกคามใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกไซเบอร์ การอัปเดตนี้ยังตอบโจทย์ข้อกำหนดใหม่ของ PCI DSS v4.0 ที่บังคับใช้ตั้งแต่มีนาคม 2025 โดยเฉพาะ Requirement 6.4.3 (การอนุญาตสคริปต์บนหน้าเพย์เมนต์) และ Requirement 11.6.1 (การตรวจสอบความสมบูรณ์ของไฟล์) ซึ่งต้องการระบบตรวจจับแบบอัตโนมัติและต่อเนื่อง ซึ่ง Quttera API สามารถให้หลักฐานที่มี timestamp ยืนยันได้ว่ามีการตรวจสอบตลอดเวลา 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเปิดตัว Evidence-as-Code API ➡️ แปลงผลตรวจจับมัลแวร์เป็น JSON พร้อม metadata สำหรับ compliance ➡️ ลดภาระการทำเอกสารและการเตรียมหลักฐานแบบ manual ✅ คุณสมบัติเด่น ➡️ Real-Time Evidence Streaming ส่งข้อมูลตรวจสอบต่อเนื่อง ➡️ Threat Encyclopedia ให้ข้อมูลเชิงลึกและแนวทางแก้ไข ✅ การรองรับ Compliance หลายมาตรฐาน ➡️ SOC 2, PCI DSS v4.0, ISO 27001 และ GDPR ➡️ เชื่อมต่อกับ GRC systems เช่น Drata และ Vanta ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง ⛔ หากไม่ปรับใช้ระบบตรวจสอบอัตโนมัติ อาจไม่ผ่านข้อกำหนด PCI DSS v4.0 ⛔ การพึ่งพารายงานแบบ snapshot เสี่ยงต่อการใช้หลักฐานที่ล้าสมัย https://hackread.com/quttera-evidence-as-code-api-soc-pci-dss/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าว: Intel อาจกลับมาผลิตชิปให้ Apple

    รายงานล่าสุดเผยว่า Apple ได้ลงนาม NDA กับ Intel และเริ่มทดสอบ PDK (Process Design Kit) ของกระบวนการผลิต 18A โดยผลการจำลองใกล้เคียงกับที่คาดไว้ ทำให้ Apple อาจเลือก Intel เป็น ผู้ผลิตสำรอง (second source) สำหรับชิป M-series รุ่นเริ่มต้น เช่น MacBook Air และ iPad Pro ซึ่งมียอดขายรวมกว่า 20 ล้านเครื่องต่อปี

    ความหมายต่อ Intel และอุตสาหกรรม
    นี่จะเป็นครั้งแรกที่ Intel กลับมาผลิตชิปให้ Apple หลังจากถูกแทนที่โดย TSMC ในปี 2020 หากสำเร็จ Intel จะได้ลูกค้ารายใหญ่ที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการผลิต 18A ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงที่บริษัทพยายามผลักดันให้เป็น แพลตฟอร์ม foundry ระดับโลก การมี Apple เป็นลูกค้าจะช่วยให้ Intel มีจุดยืนแข็งแกร่งขึ้นในการแข่งขันกับ TSMC และ Samsung

    บริบทการแข่งขันและความเสี่ยง
    แม้การทดสอบจะเป็นไปตามแผน แต่ Intel ต้องพิสูจน์ว่า 18A สามารถผลิตได้ในปริมาณมากและมี yield ที่เสถียร ก่อนปี 2027 หากล่าช้า Apple อาจยังคงพึ่งพา TSMC ต่อไป นอกจากนี้ การลงทุนในโรงงานและการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ยังมีความเสี่ยงด้านต้นทุนและกำไรในระยะสั้น

    มุมมองจากตลาดโลก
    การที่ Appleพิจารณา Intel เป็นผู้ผลิตสำรองสะท้อนถึง กลยุทธ์ลดการพึ่งพา TSMC เพียงรายเดียว และสอดคล้องกับนโยบายของสหรัฐฯ ที่ต้องการเพิ่มการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ หาก Intel สามารถผลิตชิป M-series ได้จริง จะเป็นการเสริมความมั่นคงของซัพพลายเชนและลดความเสี่ยงจากภูมิรัฐศาสตร์ในเอเชีย

    สรุปเป็นหัวข้อ
    เหตุการณ์ในข่าว
    Apple ลงนาม NDA กับ Intel เพื่อทดสอบกระบวนการผลิต 18A
    คาดว่า Intel จะเริ่มผลิตชิป M-series รุ่นเริ่มต้นได้ในปี 2027
    ถือเป็นครั้งแรกที่ Intel กลับมาผลิตชิปให้ Apple หลังปี 2020

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    MacBook Air และ iPad Pro มียอดขายรวมกว่า 20 ล้านเครื่องต่อปี
    Intel พยายามผลักดัน 18A ให้เป็นแพลตฟอร์ม foundry ระดับโลก
    Apple ต้องการลดการพึ่งพา TSMC และสอดคล้องกับนโยบายสหรัฐฯ

    คำเตือนสำหรับอุตสาหกรรม
    Intel ต้องพิสูจน์ yield และความเสถียรของ 18A ก่อนปี 2027
    หากล่าช้า Apple อาจยังคงพึ่งพา TSMC ต่อไป
    การลงทุนขนาดใหญ่มีความเสี่ยงด้านต้นทุนและกำไรในระยะสั้น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/intel-moves-closer-to-building-apples-entry-level-m-series-chips-on-18a
    🍏 ข่าว: Intel อาจกลับมาผลิตชิปให้ Apple รายงานล่าสุดเผยว่า Apple ได้ลงนาม NDA กับ Intel และเริ่มทดสอบ PDK (Process Design Kit) ของกระบวนการผลิต 18A โดยผลการจำลองใกล้เคียงกับที่คาดไว้ ทำให้ Apple อาจเลือก Intel เป็น ผู้ผลิตสำรอง (second source) สำหรับชิป M-series รุ่นเริ่มต้น เช่น MacBook Air และ iPad Pro ซึ่งมียอดขายรวมกว่า 20 ล้านเครื่องต่อปี 🏭 ความหมายต่อ Intel และอุตสาหกรรม นี่จะเป็นครั้งแรกที่ Intel กลับมาผลิตชิปให้ Apple หลังจากถูกแทนที่โดย TSMC ในปี 2020 หากสำเร็จ Intel จะได้ลูกค้ารายใหญ่ที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการผลิต 18A ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงที่บริษัทพยายามผลักดันให้เป็น แพลตฟอร์ม foundry ระดับโลก การมี Apple เป็นลูกค้าจะช่วยให้ Intel มีจุดยืนแข็งแกร่งขึ้นในการแข่งขันกับ TSMC และ Samsung ⚡ บริบทการแข่งขันและความเสี่ยง แม้การทดสอบจะเป็นไปตามแผน แต่ Intel ต้องพิสูจน์ว่า 18A สามารถผลิตได้ในปริมาณมากและมี yield ที่เสถียร ก่อนปี 2027 หากล่าช้า Apple อาจยังคงพึ่งพา TSMC ต่อไป นอกจากนี้ การลงทุนในโรงงานและการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ยังมีความเสี่ยงด้านต้นทุนและกำไรในระยะสั้น 🌍 มุมมองจากตลาดโลก การที่ Appleพิจารณา Intel เป็นผู้ผลิตสำรองสะท้อนถึง กลยุทธ์ลดการพึ่งพา TSMC เพียงรายเดียว และสอดคล้องกับนโยบายของสหรัฐฯ ที่ต้องการเพิ่มการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ หาก Intel สามารถผลิตชิป M-series ได้จริง จะเป็นการเสริมความมั่นคงของซัพพลายเชนและลดความเสี่ยงจากภูมิรัฐศาสตร์ในเอเชีย 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ เหตุการณ์ในข่าว ➡️ Apple ลงนาม NDA กับ Intel เพื่อทดสอบกระบวนการผลิต 18A ➡️ คาดว่า Intel จะเริ่มผลิตชิป M-series รุ่นเริ่มต้นได้ในปี 2027 ➡️ ถือเป็นครั้งแรกที่ Intel กลับมาผลิตชิปให้ Apple หลังปี 2020 ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ MacBook Air และ iPad Pro มียอดขายรวมกว่า 20 ล้านเครื่องต่อปี ➡️ Intel พยายามผลักดัน 18A ให้เป็นแพลตฟอร์ม foundry ระดับโลก ➡️ Apple ต้องการลดการพึ่งพา TSMC และสอดคล้องกับนโยบายสหรัฐฯ ‼️ คำเตือนสำหรับอุตสาหกรรม ⛔ Intel ต้องพิสูจน์ yield และความเสถียรของ 18A ก่อนปี 2027 ⛔ หากล่าช้า Apple อาจยังคงพึ่งพา TSMC ต่อไป ⛔ การลงทุนขนาดใหญ่มีความเสี่ยงด้านต้นทุนและกำไรในระยะสั้น https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/intel-moves-closer-to-building-apples-entry-level-m-series-chips-on-18a
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Apple เตรียมแก้จุดอ่อนใหญ่ด้วย iOS 27 และอัปเดต Siri”

    รายงานล่าสุดเผยว่า iOS 27 จะเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาคุณภาพและเสถียรภาพ หลังจากผู้ใช้จำนวนมากบ่นว่า iOS 26 มีปัญหา เช่น เครื่องร้อนผิดปกติ แบตเตอรี่หมดเร็ว คีย์บอร์ดล้มเหลว และแอปเด้งบ่อย Apple จึงวางแผนให้ iOS 27 เป็นการอัปเดตเชิง “Snow Leopard” ที่มุ่งเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพมากกว่าการเพิ่มฟีเจอร์派

    Siri และ AI Features
    หนึ่งในจุดอ่อนใหญ่ของ Apple คือการพัฒนา AI ที่ล่าช้าและไม่โดดเด่นเมื่อเทียบกับคู่แข่ง รายงานระบุว่า Apple จะปล่อย อัปเดต Siri ครั้งใหญ่ ก่อน iOS 27 โดย Siri จะสามารถเชื่อมต่อและทำงานกับ ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ ได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการพัฒนา AI-powered Health app และ AI search ร่วมกับ Google เพื่อเพิ่มความสามารถด้านการวิเคราะห์และการค้นหา

    ฟีเจอร์ใหม่ใน iOS 26
    แม้ iOS 26 จะถูกวิจารณ์เรื่องบั๊ก แต่ก็มีการเปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่ด้วยดีไซน์ใหม่ที่เรียกว่า Liquid Glass พร้อมฟีเจอร์อย่างปุ่มบันทึกการโทร การทำโพลในข้อความ และ “Visual Intelligence” ที่ให้ผู้ใช้ถามคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่บนหน้าจอ รวมถึงการแปลข้อความในตัว

    ผลกระทบต่ออนาคต Apple
    การมุ่งเน้นแก้ไขคุณภาพใน iOS 27 และการเสริม Siri ด้วย AI ถือเป็นการตอบโจทย์จุดอ่อนที่ Apple ถูกวิจารณ์มานาน หากทำได้สำเร็จ อาจช่วยให้ Apple กลับมาแข่งขันกับคู่แข่งในตลาด AI ได้อย่างจริงจัง และสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ใช้มากขึ้นในระยะยาว

    สรุปสาระสำคัญ
    iOS 27 เน้นคุณภาพ
    แก้ปัญหาเครื่องร้อน แบตหมดเร็ว และแอปเด้ง
    แนวทางคล้าย Snow Leopard ที่เน้นเสถียรภาพ

    อัปเดต Siri และ AI
    Siri จะทำงานกับข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้ได้ลึกขึ้น
    พัฒนา Health app และ AI search ร่วมกับ Google

    ฟีเจอร์ใหม่ใน iOS 26
    ดีไซน์ Liquid Glass
    ปุ่มบันทึกการโทร, โพลในข้อความ, Visual Intelligence

    ความเสี่ยงและข้อควรระวัง
    หากแก้บั๊กไม่สำเร็จ อาจกระทบความเชื่อมั่นผู้ใช้
    การพัฒนา AI ยังตามหลังคู่แข่ง อาจเสียโอกาสทางตลาด

    ผลกระทบระยะยาว
    Apple ต้องพิสูจน์ว่า AI ของตนมีคุณภาพจริง
    ความสำเร็จของ iOS 27 จะเป็นตัวชี้วัดความแข็งแกร่งของแบรนด์

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/29/apples-next-ios-updates-will-address-one-of-the-companys-biggest-weaknesses
    📰 “Apple เตรียมแก้จุดอ่อนใหญ่ด้วย iOS 27 และอัปเดต Siri” รายงานล่าสุดเผยว่า iOS 27 จะเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาคุณภาพและเสถียรภาพ หลังจากผู้ใช้จำนวนมากบ่นว่า iOS 26 มีปัญหา เช่น เครื่องร้อนผิดปกติ แบตเตอรี่หมดเร็ว คีย์บอร์ดล้มเหลว และแอปเด้งบ่อย Apple จึงวางแผนให้ iOS 27 เป็นการอัปเดตเชิง “Snow Leopard” ที่มุ่งเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพมากกว่าการเพิ่มฟีเจอร์派 🤖 Siri และ AI Features หนึ่งในจุดอ่อนใหญ่ของ Apple คือการพัฒนา AI ที่ล่าช้าและไม่โดดเด่นเมื่อเทียบกับคู่แข่ง รายงานระบุว่า Apple จะปล่อย อัปเดต Siri ครั้งใหญ่ ก่อน iOS 27 โดย Siri จะสามารถเชื่อมต่อและทำงานกับ ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ ได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการพัฒนา AI-powered Health app และ AI search ร่วมกับ Google เพื่อเพิ่มความสามารถด้านการวิเคราะห์และการค้นหา 🎨 ฟีเจอร์ใหม่ใน iOS 26 แม้ iOS 26 จะถูกวิจารณ์เรื่องบั๊ก แต่ก็มีการเปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่ด้วยดีไซน์ใหม่ที่เรียกว่า Liquid Glass พร้อมฟีเจอร์อย่างปุ่มบันทึกการโทร การทำโพลในข้อความ และ “Visual Intelligence” ที่ให้ผู้ใช้ถามคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่บนหน้าจอ รวมถึงการแปลข้อความในตัว 🌍 ผลกระทบต่ออนาคต Apple การมุ่งเน้นแก้ไขคุณภาพใน iOS 27 และการเสริม Siri ด้วย AI ถือเป็นการตอบโจทย์จุดอ่อนที่ Apple ถูกวิจารณ์มานาน หากทำได้สำเร็จ อาจช่วยให้ Apple กลับมาแข่งขันกับคู่แข่งในตลาด AI ได้อย่างจริงจัง และสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ใช้มากขึ้นในระยะยาว 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ iOS 27 เน้นคุณภาพ ➡️ แก้ปัญหาเครื่องร้อน แบตหมดเร็ว และแอปเด้ง ➡️ แนวทางคล้าย Snow Leopard ที่เน้นเสถียรภาพ ✅ อัปเดต Siri และ AI ➡️ Siri จะทำงานกับข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้ได้ลึกขึ้น ➡️ พัฒนา Health app และ AI search ร่วมกับ Google ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน iOS 26 ➡️ ดีไซน์ Liquid Glass ➡️ ปุ่มบันทึกการโทร, โพลในข้อความ, Visual Intelligence ‼️ ความเสี่ยงและข้อควรระวัง ⛔ หากแก้บั๊กไม่สำเร็จ อาจกระทบความเชื่อมั่นผู้ใช้ ⛔ การพัฒนา AI ยังตามหลังคู่แข่ง อาจเสียโอกาสทางตลาด ‼️ ผลกระทบระยะยาว ⛔ Apple ต้องพิสูจน์ว่า AI ของตนมีคุณภาพจริง ⛔ ความสำเร็จของ iOS 27 จะเป็นตัวชี้วัดความแข็งแกร่งของแบรนด์ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/29/apples-next-ios-updates-will-address-one-of-the-companys-biggest-weaknesses
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Apple’s next iOS updates will address one of the company’s biggest weaknesses
    iPhone users can look forward to bug fixes and some badly needed improvements to Siri and AI, according to a new report.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 218 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายกแป้น ทำหาดใหญ่พังคามือ

    เหตุการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ปี 2568 เป็นบทพิสูจน์การทำงานของนายกแป้น ณรงค์พร ณ พัทลุง นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ จ.สงขลา จากความประมาทและความมั่นหน้ามั่นใจในตัวเอง คิดว่าการบริหารจัดการน้ำท่วมของตัวเองนั้น "เอาอยู่" แต่สุดท้ายมวลน้ำจำนวนมหาศาล พัดพาเมืองเศรษฐกิจหลักภาคใต้ ให้พังทลายราวกับวันสิ้นโลก ผู้เสียชีวิตมากกว่า 110 ศพ การบริหารจัดการที่ย่ำแย่ของรัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล ประชาชนต้องดูแลกันเอง ท่ามกลางกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก และความป่าเถื่อนของชาวบ้านบางคนในเขต 8 ยิงปืนใส่เจ้าหน้าที่กู้ภัยจนล่าถอย ความวุ่นวายจากการที่ชาวบ้านบางคนลักทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ ขบวนรถไฟ คลังสินค้าเหล้าเบียร์ และคนทำมาหากินจำนวนมากสิ้นเนื้อประดาตัว จากข้าวของเครื่องใช้ถูกน้ำพัดพังเสียหาย

    จากความฉิบหายของเมืองหาดใหญ่ในวันนั้น เขาหายไปจากพื้นที่โซเชียลมีเดีย ของเทศบาลนครหาดใหญ่ ที่เขาคุ้นเคยในการทำคอนเทนต์วีดีโอ 3 วัน ก่อนกลับมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนด้วยสารพัดข้ออ้าง ระบุว่า ผมเพิ่งเข้ามาแค่ 4 เดือน เรือสภาพเก่าและพังหมด ไม่ได้ซื้อมาเป็นสิบปี มีอยู่แค่ 4-5 ลำ ก็เลยต้องสู้เท่าที่สู้ได้ ส่วนการแจ้งเตือนที่ว่ายังปักธงเขียว อ้างว่ามีคนดึงธงไป ตนประกาศยกธงเองไม่ได้ ต้องมีคณะกรรมการอนุมัติ อีกทั้งชลประทานมั่นใจว่ามวลน้ำจาก อ.สะเดา (คลองอู่ตะเภา) ห่างจากตลิ่งกว่า 3 เมตร แต่กลับมีน้ำจากเขาคอหงส์มาด้วย ก่อนจะขอโทษและจะฟื้นฟูบ้านเมืองให้กลับมาเหมือนเดิมเร็วที่สุด

    แต่เสียงสะท้อนจากชาวหาดใหญ่ ส่วนใหญ่ไม่ต้องการข้ออ้างและคำแก้ตัว แต่ต้องการสปิริตทางการเมือง เรียกร้องให้เขาลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อผู้เสียชีวิต และความสูญเสียแบบประเมินค่าไม่ได้ พร้อมขุดดิจิทัลฟุตพรินท์เก่าๆ ที่เคยหาเสียงไว้ อ้างว่าการทำงานของนักปกครอง ระหว่างเกิดเหตุต้องเตรียมรถ เตรียมเรือ อุปกรณ์ เตรียมของกินให้พี่น้องประชาชน ... แต่สุดท้ายทำไม่ได้จริง

    ในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่เมื่อเดือน พ.ค. 2568 ที่ผ่านมา นายกแป้นเอาชนะ "พี่หลวงคร" พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี นายกเทศมนตรีคนก่อนหน้า ด้วยคะแนน 23,595 ต่อ 21,577 คะแนน หรือห่างกันแค่ 2,000 คะแนนเศษ โดยมีรายงานว่า ปลัดแป้น ถือเป็นข้าราชการนักปกครอง เคยเป็นนายอำเภอในหลายพื้นที่ของจังหวัดสงขลา และปลัดจังหวัดอีกหลายจังหวัด อีกทั้งมีความใกล้ชิดกับเครือข่ายพรรคสีน้ำเงิน ซึ่งเหตุการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ครั้งนี้ พี่หลวงครยังคงช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมตามกำลังที่มี แม้บ้านพี่หลวงครจะถูกน้ำท่วม และรถยนต์พังขณะแจกถุงยังชีพ กลายเป็นผู้ประสบภัยพร้อมกับชาวบ้านก็ตาม

    #Newskit
    นายกแป้น ทำหาดใหญ่พังคามือ เหตุการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ปี 2568 เป็นบทพิสูจน์การทำงานของนายกแป้น ณรงค์พร ณ พัทลุง นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ จ.สงขลา จากความประมาทและความมั่นหน้ามั่นใจในตัวเอง คิดว่าการบริหารจัดการน้ำท่วมของตัวเองนั้น "เอาอยู่" แต่สุดท้ายมวลน้ำจำนวนมหาศาล พัดพาเมืองเศรษฐกิจหลักภาคใต้ ให้พังทลายราวกับวันสิ้นโลก ผู้เสียชีวิตมากกว่า 110 ศพ การบริหารจัดการที่ย่ำแย่ของรัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล ประชาชนต้องดูแลกันเอง ท่ามกลางกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก และความป่าเถื่อนของชาวบ้านบางคนในเขต 8 ยิงปืนใส่เจ้าหน้าที่กู้ภัยจนล่าถอย ความวุ่นวายจากการที่ชาวบ้านบางคนลักทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ ขบวนรถไฟ คลังสินค้าเหล้าเบียร์ และคนทำมาหากินจำนวนมากสิ้นเนื้อประดาตัว จากข้าวของเครื่องใช้ถูกน้ำพัดพังเสียหาย จากความฉิบหายของเมืองหาดใหญ่ในวันนั้น เขาหายไปจากพื้นที่โซเชียลมีเดีย ของเทศบาลนครหาดใหญ่ ที่เขาคุ้นเคยในการทำคอนเทนต์วีดีโอ 3 วัน ก่อนกลับมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนด้วยสารพัดข้ออ้าง ระบุว่า ผมเพิ่งเข้ามาแค่ 4 เดือน เรือสภาพเก่าและพังหมด ไม่ได้ซื้อมาเป็นสิบปี มีอยู่แค่ 4-5 ลำ ก็เลยต้องสู้เท่าที่สู้ได้ ส่วนการแจ้งเตือนที่ว่ายังปักธงเขียว อ้างว่ามีคนดึงธงไป ตนประกาศยกธงเองไม่ได้ ต้องมีคณะกรรมการอนุมัติ อีกทั้งชลประทานมั่นใจว่ามวลน้ำจาก อ.สะเดา (คลองอู่ตะเภา) ห่างจากตลิ่งกว่า 3 เมตร แต่กลับมีน้ำจากเขาคอหงส์มาด้วย ก่อนจะขอโทษและจะฟื้นฟูบ้านเมืองให้กลับมาเหมือนเดิมเร็วที่สุด แต่เสียงสะท้อนจากชาวหาดใหญ่ ส่วนใหญ่ไม่ต้องการข้ออ้างและคำแก้ตัว แต่ต้องการสปิริตทางการเมือง เรียกร้องให้เขาลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อผู้เสียชีวิต และความสูญเสียแบบประเมินค่าไม่ได้ พร้อมขุดดิจิทัลฟุตพรินท์เก่าๆ ที่เคยหาเสียงไว้ อ้างว่าการทำงานของนักปกครอง ระหว่างเกิดเหตุต้องเตรียมรถ เตรียมเรือ อุปกรณ์ เตรียมของกินให้พี่น้องประชาชน ... แต่สุดท้ายทำไม่ได้จริง ในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่เมื่อเดือน พ.ค. 2568 ที่ผ่านมา นายกแป้นเอาชนะ "พี่หลวงคร" พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี นายกเทศมนตรีคนก่อนหน้า ด้วยคะแนน 23,595 ต่อ 21,577 คะแนน หรือห่างกันแค่ 2,000 คะแนนเศษ โดยมีรายงานว่า ปลัดแป้น ถือเป็นข้าราชการนักปกครอง เคยเป็นนายอำเภอในหลายพื้นที่ของจังหวัดสงขลา และปลัดจังหวัดอีกหลายจังหวัด อีกทั้งมีความใกล้ชิดกับเครือข่ายพรรคสีน้ำเงิน ซึ่งเหตุการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ครั้งนี้ พี่หลวงครยังคงช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมตามกำลังที่มี แม้บ้านพี่หลวงครจะถูกน้ำท่วม และรถยนต์พังขณะแจกถุงยังชีพ กลายเป็นผู้ประสบภัยพร้อมกับชาวบ้านก็ตาม #Newskit
    Like
    2
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 432 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts