• เรื่องเล่าจากฝั่ง Intel: Battlemage BMG-G31 มาแน่ พร้อมท้าชน RTX 5060 Ti

    หลังจาก Intel ได้เปิดตัว Arc B580 และ Arc B570 ซึ่งใช้ชิป BMG-G21 และประสบความสำเร็จในตลาด GPU ราคาไม่เกิน $250 ล่าสุดมีการพบข้อมูลจาก GitHub ว่า BMG-G31 ซึ่งเป็นชิปขนาดใหญ่กว่ากำลังจะมา โดยมีการเพิ่มใน Compute Runtime พร้อม device ID ใหม่ 4 รายการ ได้แก่ 0xE220–0xE223

    ตามรายงาน BMG-G31 จะมาพร้อมกับ:
    - 32 Xe2 Cores — มากกว่ารุ่น B580 ถึง 60%
    - หน่วยความจำ GDDR6 ขนาด 16GB กับ bus กว้าง 256-bit
    - Bandwidth ประมาณ 608GB/s สูงกว่า B580 อย่างชัดเจน

    เป้าหมายคือการชนกับการ์ดระดับกลางอย่าง RTX 5060 Ti และ RX 9060 XT โดยจะตั้งราคาไว้ราว $329–$349 ซึ่งถ้าออกมาจริงก็อาจกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในกลุ่มประสิทธิภาพต่อราคา

    ก่อนหน้านี้ Intel ได้โชว์ว่า Arc B580 ที่ขายเพียง $249 ยังสามารถให้ประสบการณ์เกม AAA ได้ดี ดังนั้น BMG-G31 อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการขยับเข้าสู่ GPU ระดับกลางที่มีการแข่งขันดุเดือดมากขึ้น

    Intel เพิ่มการรองรับ BMG-G31 GPU ใน Compute Runtime ล่าสุด
    พบรหัสอุปกรณ์ใหม่ 4 ตัว: 0xE220–0xE223

    BMG-G31 คาดว่าจะมี 32 Xe2 Cores และแรม GDDR6 ขนาด 16 GB
    ใช้ bus กว้าง 256-bit และ bandwidth สูงถึง 608 GB/s

    เทียบกับ B580 แล้วถือว่าเพิ่ม core count ถึง 60%
    B580 ใช้ 20 Xe2 Cores และ bus 192-bit เท่านั้น

    ตั้งเป้าแข่งขันกับ RTX 5060 Ti และ RX 9060 XT
    ซึ่งอยู่ในกลุ่มราคาประมาณ $350–$450

    ราคาที่คาดของ BMG-G31 คือ $329–$349 หาก Intel เปิดตัวตามแผน
    น่าจะเปิดตัวช่วงปลายปี 2025

    ใช้กระบวนการผลิต TSMC 5nm เช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้า
    สอดคล้องกับแนวโน้มการลดขนาดและเพิ่มประสิทธิภาพในยุค AI

    ข้อมูลทั้งหมดยังอยู่ในขั้น “การเพิ่มการรองรับ” เท่านั้น
    ยังไม่มีการยืนยันสเปกหรือวันเปิดตัวจาก Intel อย่างเป็นทางการ

    การเปรียบเทียบกับ RTX และ RX อิงจากการคาดการณ์ spec เท่านั้น
    ต้องรอผลการทดสอบจริงก่อนตัดสินประสิทธิภาพ

    ตลาด GPU ระดับกลางแข่งขันรุนแรงมาก
    ถ้า Intel ตั้งราคาสูงเกิน ความน่าสนใจอาจลดลงทันที

    ความคาดหวังของผู้ใช้ที่เห็นสเปก “แรง” อาจทำให้ผิดหวังถ้า software support ยังไม่ดี
    Intel ยังต้องพิสูจน์ด้าน driver และ game compatibility อย่างต่อเนื่อง

    https://wccftech.com/intel-adds-big-battlemage-bmg-g31-gpu-support-four-device-ids-spotted/
    🎙️ เรื่องเล่าจากฝั่ง Intel: Battlemage BMG-G31 มาแน่ พร้อมท้าชน RTX 5060 Ti หลังจาก Intel ได้เปิดตัว Arc B580 และ Arc B570 ซึ่งใช้ชิป BMG-G21 และประสบความสำเร็จในตลาด GPU ราคาไม่เกิน $250 ล่าสุดมีการพบข้อมูลจาก GitHub ว่า BMG-G31 ซึ่งเป็นชิปขนาดใหญ่กว่ากำลังจะมา โดยมีการเพิ่มใน Compute Runtime พร้อม device ID ใหม่ 4 รายการ ได้แก่ 0xE220–0xE223 ตามรายงาน BMG-G31 จะมาพร้อมกับ: - 32 Xe2 Cores — มากกว่ารุ่น B580 ถึง 60% - หน่วยความจำ GDDR6 ขนาด 16GB กับ bus กว้าง 256-bit - Bandwidth ประมาณ 608GB/s สูงกว่า B580 อย่างชัดเจน เป้าหมายคือการชนกับการ์ดระดับกลางอย่าง RTX 5060 Ti และ RX 9060 XT โดยจะตั้งราคาไว้ราว $329–$349 ซึ่งถ้าออกมาจริงก็อาจกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในกลุ่มประสิทธิภาพต่อราคา ก่อนหน้านี้ Intel ได้โชว์ว่า Arc B580 ที่ขายเพียง $249 ยังสามารถให้ประสบการณ์เกม AAA ได้ดี ดังนั้น BMG-G31 อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการขยับเข้าสู่ GPU ระดับกลางที่มีการแข่งขันดุเดือดมากขึ้น ✅ Intel เพิ่มการรองรับ BMG-G31 GPU ใน Compute Runtime ล่าสุด ➡️ พบรหัสอุปกรณ์ใหม่ 4 ตัว: 0xE220–0xE223 ✅ BMG-G31 คาดว่าจะมี 32 Xe2 Cores และแรม GDDR6 ขนาด 16 GB ➡️ ใช้ bus กว้าง 256-bit และ bandwidth สูงถึง 608 GB/s ✅ เทียบกับ B580 แล้วถือว่าเพิ่ม core count ถึง 60% ➡️ B580 ใช้ 20 Xe2 Cores และ bus 192-bit เท่านั้น ✅ ตั้งเป้าแข่งขันกับ RTX 5060 Ti และ RX 9060 XT ➡️ ซึ่งอยู่ในกลุ่มราคาประมาณ $350–$450 ✅ ราคาที่คาดของ BMG-G31 คือ $329–$349 หาก Intel เปิดตัวตามแผน ➡️ น่าจะเปิดตัวช่วงปลายปี 2025 ✅ ใช้กระบวนการผลิต TSMC 5nm เช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้า ➡️ สอดคล้องกับแนวโน้มการลดขนาดและเพิ่มประสิทธิภาพในยุค AI ‼️ ข้อมูลทั้งหมดยังอยู่ในขั้น “การเพิ่มการรองรับ” เท่านั้น ⛔ ยังไม่มีการยืนยันสเปกหรือวันเปิดตัวจาก Intel อย่างเป็นทางการ ‼️ การเปรียบเทียบกับ RTX และ RX อิงจากการคาดการณ์ spec เท่านั้น ⛔ ต้องรอผลการทดสอบจริงก่อนตัดสินประสิทธิภาพ ‼️ ตลาด GPU ระดับกลางแข่งขันรุนแรงมาก ⛔ ถ้า Intel ตั้งราคาสูงเกิน ความน่าสนใจอาจลดลงทันที ‼️ ความคาดหวังของผู้ใช้ที่เห็นสเปก “แรง” อาจทำให้ผิดหวังถ้า software support ยังไม่ดี ⛔ Intel ยังต้องพิสูจน์ด้าน driver และ game compatibility อย่างต่อเนื่อง https://wccftech.com/intel-adds-big-battlemage-bmg-g31-gpu-support-four-device-ids-spotted/
    WCCFTECH.COM
    Intel Adds Big Battlemage "BMG-G31" GPU Support To Compute Runtime, Four Device IDs Spotted
    Intel's big Battlemage GPU, BMG-G31, has received new support along with the addition of four Device IDs within the Compute Runtime.
    0 Comments 0 Shares 44 Views 0 Reviews
  • ทภ.2 แจงเหตุทหารเหยียบกับระเบิดที่ช่องบก "แม่ทัพกุ้ง" ส่งหน่วยเก็บกู้เก็บหลักฐานส่งผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์วัตถุระเบิดของเก่าหรือใหม่ วอนให้รอผลตรวจ 2-3 วันรู้ผล

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000067360

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ทภ.2 แจงเหตุทหารเหยียบกับระเบิดที่ช่องบก "แม่ทัพกุ้ง" ส่งหน่วยเก็บกู้เก็บหลักฐานส่งผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์วัตถุระเบิดของเก่าหรือใหม่ วอนให้รอผลตรวจ 2-3 วันรู้ผล อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000067360 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Love
    2
    0 Comments 0 Shares 403 Views 0 Reviews
  • ยิ่งเผยธาตุแท้ยิ่งตกต่ำ ดันทุรังโยนบาปให้ ม.112 เพราะกาลเวลาได้พิสูจน์แล้วว่า ม.112 ไม่ได้เกี่ยวข้องกับปัญหาอื่นๆ ที่พวกมันยัดเยียดความผิดให้สถาบันฯ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ธาตุแท้พรรคส้ม
    #เป็นเห้อะไรนักหนากับ112
    ยิ่งเผยธาตุแท้ยิ่งตกต่ำ ดันทุรังโยนบาปให้ ม.112 เพราะกาลเวลาได้พิสูจน์แล้วว่า ม.112 ไม่ได้เกี่ยวข้องกับปัญหาอื่นๆ ที่พวกมันยัดเยียดความผิดให้สถาบันฯ #คิงส์โพธิ์แดง #ธาตุแท้พรรคส้ม #เป็นเห้อะไรนักหนากับ112
    0 Comments 0 Shares 91 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลก AI: Agentic AI—เทคโนโลยีที่มาแรง แต่ยังไม่พร้อมสำหรับทุกองค์กร

    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา “Agentic AI” หรือ AI ที่สามารถตัดสินใจและดำเนินการได้เองโดยอัตโนมัติ กลายเป็นกระแสที่มาแรงในวงการเทคโนโลยี หลายองค์กรเริ่มทดลองใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างนวัตกรรมใหม่

    แต่ Gartner เตือนว่า ภายในปี 2570 โครงการ Agentic AI กว่า 40% จะถูกยกเลิก เนื่องจากหลายองค์กรยังไม่เข้าใจต้นทุนที่แท้จริง ความซับซ้อนในการใช้งาน และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะเมื่อระบบยังอยู่ในช่วงทดลองหรือพิสูจน์แนวคิด (Proof of Concept)

    นอกจากนี้ ยังมีปรากฏการณ์ “Agent Washing” ที่ผู้จำหน่ายบางรายนำผลิตภัณฑ์เดิม เช่น Chatbot หรือ RPA มารีแบรนด์ว่าเป็น Agentic AI ทั้งที่ไม่มีความสามารถจริง ทำให้ตลาดเต็มไปด้วยความสับสน

    อย่างไรก็ตาม Gartner ยังมองว่า Agentic AI มีศักยภาพสูง โดยคาดว่าในปี 2571:
    - 15% ของการตัดสินใจในงานประจำวันจะเป็นอัตโนมัติผ่าน Agentic AI
    - 33% ของแอปพลิเคชันองค์กรจะรวม Agentic AI ไว้ใช้งาน

    คำแนะนำคือ องค์กรควรเริ่มต้นจาก use case ที่มี ROI ชัดเจน และพิจารณาออกแบบเวิร์กโฟลว์ใหม่ตั้งแต่ต้น แทนที่จะพยายามฝัง AI agent เข้าไปในระบบเดิมที่อาจไม่รองรับ

    https://www.dailynews.co.th/news/4919128
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลก AI: Agentic AI—เทคโนโลยีที่มาแรง แต่ยังไม่พร้อมสำหรับทุกองค์กร ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา “Agentic AI” หรือ AI ที่สามารถตัดสินใจและดำเนินการได้เองโดยอัตโนมัติ กลายเป็นกระแสที่มาแรงในวงการเทคโนโลยี หลายองค์กรเริ่มทดลองใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างนวัตกรรมใหม่ แต่ Gartner เตือนว่า ภายในปี 2570 โครงการ Agentic AI กว่า 40% จะถูกยกเลิก เนื่องจากหลายองค์กรยังไม่เข้าใจต้นทุนที่แท้จริง ความซับซ้อนในการใช้งาน และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะเมื่อระบบยังอยู่ในช่วงทดลองหรือพิสูจน์แนวคิด (Proof of Concept) นอกจากนี้ ยังมีปรากฏการณ์ “Agent Washing” ที่ผู้จำหน่ายบางรายนำผลิตภัณฑ์เดิม เช่น Chatbot หรือ RPA มารีแบรนด์ว่าเป็น Agentic AI ทั้งที่ไม่มีความสามารถจริง ทำให้ตลาดเต็มไปด้วยความสับสน อย่างไรก็ตาม Gartner ยังมองว่า Agentic AI มีศักยภาพสูง โดยคาดว่าในปี 2571: - 15% ของการตัดสินใจในงานประจำวันจะเป็นอัตโนมัติผ่าน Agentic AI - 33% ของแอปพลิเคชันองค์กรจะรวม Agentic AI ไว้ใช้งาน คำแนะนำคือ องค์กรควรเริ่มต้นจาก use case ที่มี ROI ชัดเจน และพิจารณาออกแบบเวิร์กโฟลว์ใหม่ตั้งแต่ต้น แทนที่จะพยายามฝัง AI agent เข้าไปในระบบเดิมที่อาจไม่รองรับ https://www.dailynews.co.th/news/4919128
    WWW.DAILYNEWS.CO.TH
    “การ์ทเนอร์” เผยปี 70 โครงการ Agentic AI มากกว่า 40% จะถูกยกเลิก | เดลินิวส์
    การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่ากว่า 40% ของโครงการงานด้าน Agentic AI จะถูกยกเลิกไปในอีกสองปีข้างหน้า สาเหตุมาจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น คุณค่าทางธุรกิจที่ไม่ชัดเจน รวมถึงการควบคุมความเสี่ยงที่ไม่เพียงพอ
    0 Comments 0 Shares 155 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากรางรถไฟ: ช่องโหว่ที่ถูกละเลยในระบบสื่อสารรถไฟสหรัฐฯ

    ย้อนกลับไปปี 2012 นักวิจัยอิสระ Neil Smith ค้นพบช่องโหว่ในระบบสื่อสารระหว่างหัวและท้ายขบวนรถไฟ (Head-of-Train และ End-of-Train Remote Linking Protocol) ซึ่งใช้คลื่นวิทยุแบบไม่เข้ารหัสในการส่งข้อมูลสำคัญ เช่น คำสั่งเบรก

    Smith พบว่าแฮกเกอร์สามารถใช้เครื่องมือราคาถูก เช่น โมเด็มแบบ frequency shift keying และอุปกรณ์พกพาเล็ก ๆ เพื่อดักฟังและส่งคำสั่งปลอมไปยังระบบรถไฟได้ หากอยู่ในระยะไม่กี่ร้อยฟุต หรือแม้แต่จากเครื่องบินที่บินสูงก็ยังสามารถส่งสัญญาณได้ไกลถึง 150 ไมล์

    แม้จะมีการแจ้งเตือนต่อสมาคมรถไฟอเมริกัน (AAR) แต่กลับถูกเพิกเฉย โดยอ้างว่า “ต้องมีการพิสูจน์ในสถานการณ์จริง” จึงจะยอมรับว่าเป็นช่องโหว่

    จนกระทั่งปี 2016 ที่บทความใน Boston Review ทำให้เรื่องนี้ได้รับความสนใจอีกครั้ง แต่ AAR ก็ยังลดทอนความรุนแรงของปัญหา และจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีแผนแก้ไขที่ชัดเจน

    หน่วยงาน CISA ยอมรับว่าช่องโหว่นี้ “เป็นที่เข้าใจและถูกติดตามมานาน” แต่มองว่าการโจมตีต้องใช้ความรู้เฉพาะและการเข้าถึงทางกายภาพ จึงไม่น่าจะเกิดการโจมตีในวงกว้างได้ง่าย

    อย่างไรก็ตาม Smith โต้แย้งว่า ช่องโหว่นี้มี “ความซับซ้อนต่ำ” และ AI ก็สามารถสร้างโค้ดโจมตีได้จากข้อมูลที่มีอยู่บนอินเทอร์เน็ต เขายังวิจารณ์ว่าอุตสาหกรรมรถไฟใช้แนวทาง “delay, deny, defend” เหมือนบริษัทประกันภัยในการรับมือกับปัญหาความปลอดภัย

    ช่องโหว่ถูกค้นพบตั้งแต่ปี 2012 โดย Neil Smith
    เป็นช่องโหว่ในระบบสื่อสารระหว่างหัวและท้ายขบวนรถไฟ

    ใช้คลื่นวิทยุแบบไม่เข้ารหัสในการส่งข้อมูลสำคัญ
    เช่น คำสั่งเบรกและข้อมูลการทำงาน

    สามารถโจมตีได้ด้วยอุปกรณ์ราคาถูกและความรู้พื้นฐาน
    เช่น โมเด็ม FSK และการดักฟังสัญญาณในระยะไม่กี่ร้อยฟุต

    สมาคมรถไฟอเมริกัน (AAR) ปฏิเสธที่จะยอมรับช่องโหว่
    อ้างว่าต้องพิสูจน์ในสถานการณ์จริงก่อน

    CISA ยอมรับว่าช่องโหว่นี้เป็นที่รู้จักในวงการมานาน
    กำลังร่วมมือกับอุตสาหกรรมเพื่อปรับปรุงโปรโตคอล

    Smith ระบุว่า AI สามารถสร้างโค้ดโจมตีได้จากข้อมูลที่มีอยู่
    ทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในยุคปัญญาประดิษฐ์

    ช่องโหว่นี้ยังไม่มีการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม
    AAR ไม่ได้ให้ timeline สำหรับการอัปเดตระบบ

    การโจมตีสามารถเกิดขึ้นได้จากระยะไกลด้วยอุปกรณ์พลังสูง
    เช่น จากเครื่องบินที่บินสูงถึง 30,000 ฟุต

    การเพิกเฉยต่อปัญหาความปลอดภัยอาจนำไปสู่เหตุการณ์ร้ายแรง
    โดยเฉพาะในระบบขนส่งที่มีผู้โดยสารจำนวนมาก

    การพึ่งพาเทคโนโลยีเก่าที่ไม่มีการเข้ารหัสเป็นความเสี่ยง
    ระบบนี้ถูกออกแบบตั้งแต่ยุค 1980 และยังใช้งานอยู่ในปัจจุบัน

    https://www.techspot.com/news/108675-us-rail-industry-exposed-decade-old-hacking-threat.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากรางรถไฟ: ช่องโหว่ที่ถูกละเลยในระบบสื่อสารรถไฟสหรัฐฯ ย้อนกลับไปปี 2012 นักวิจัยอิสระ Neil Smith ค้นพบช่องโหว่ในระบบสื่อสารระหว่างหัวและท้ายขบวนรถไฟ (Head-of-Train และ End-of-Train Remote Linking Protocol) ซึ่งใช้คลื่นวิทยุแบบไม่เข้ารหัสในการส่งข้อมูลสำคัญ เช่น คำสั่งเบรก Smith พบว่าแฮกเกอร์สามารถใช้เครื่องมือราคาถูก เช่น โมเด็มแบบ frequency shift keying และอุปกรณ์พกพาเล็ก ๆ เพื่อดักฟังและส่งคำสั่งปลอมไปยังระบบรถไฟได้ หากอยู่ในระยะไม่กี่ร้อยฟุต หรือแม้แต่จากเครื่องบินที่บินสูงก็ยังสามารถส่งสัญญาณได้ไกลถึง 150 ไมล์ แม้จะมีการแจ้งเตือนต่อสมาคมรถไฟอเมริกัน (AAR) แต่กลับถูกเพิกเฉย โดยอ้างว่า “ต้องมีการพิสูจน์ในสถานการณ์จริง” จึงจะยอมรับว่าเป็นช่องโหว่ จนกระทั่งปี 2016 ที่บทความใน Boston Review ทำให้เรื่องนี้ได้รับความสนใจอีกครั้ง แต่ AAR ก็ยังลดทอนความรุนแรงของปัญหา และจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีแผนแก้ไขที่ชัดเจน หน่วยงาน CISA ยอมรับว่าช่องโหว่นี้ “เป็นที่เข้าใจและถูกติดตามมานาน” แต่มองว่าการโจมตีต้องใช้ความรู้เฉพาะและการเข้าถึงทางกายภาพ จึงไม่น่าจะเกิดการโจมตีในวงกว้างได้ง่าย อย่างไรก็ตาม Smith โต้แย้งว่า ช่องโหว่นี้มี “ความซับซ้อนต่ำ” และ AI ก็สามารถสร้างโค้ดโจมตีได้จากข้อมูลที่มีอยู่บนอินเทอร์เน็ต เขายังวิจารณ์ว่าอุตสาหกรรมรถไฟใช้แนวทาง “delay, deny, defend” เหมือนบริษัทประกันภัยในการรับมือกับปัญหาความปลอดภัย ✅ ช่องโหว่ถูกค้นพบตั้งแต่ปี 2012 โดย Neil Smith ➡️ เป็นช่องโหว่ในระบบสื่อสารระหว่างหัวและท้ายขบวนรถไฟ ✅ ใช้คลื่นวิทยุแบบไม่เข้ารหัสในการส่งข้อมูลสำคัญ ➡️ เช่น คำสั่งเบรกและข้อมูลการทำงาน ✅ สามารถโจมตีได้ด้วยอุปกรณ์ราคาถูกและความรู้พื้นฐาน ➡️ เช่น โมเด็ม FSK และการดักฟังสัญญาณในระยะไม่กี่ร้อยฟุต ✅ สมาคมรถไฟอเมริกัน (AAR) ปฏิเสธที่จะยอมรับช่องโหว่ ➡️ อ้างว่าต้องพิสูจน์ในสถานการณ์จริงก่อน ✅ CISA ยอมรับว่าช่องโหว่นี้เป็นที่รู้จักในวงการมานาน ➡️ กำลังร่วมมือกับอุตสาหกรรมเพื่อปรับปรุงโปรโตคอล ✅ Smith ระบุว่า AI สามารถสร้างโค้ดโจมตีได้จากข้อมูลที่มีอยู่ ➡️ ทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในยุคปัญญาประดิษฐ์ ‼️ ช่องโหว่นี้ยังไม่มีการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ⛔ AAR ไม่ได้ให้ timeline สำหรับการอัปเดตระบบ ‼️ การโจมตีสามารถเกิดขึ้นได้จากระยะไกลด้วยอุปกรณ์พลังสูง ⛔ เช่น จากเครื่องบินที่บินสูงถึง 30,000 ฟุต ‼️ การเพิกเฉยต่อปัญหาความปลอดภัยอาจนำไปสู่เหตุการณ์ร้ายแรง ⛔ โดยเฉพาะในระบบขนส่งที่มีผู้โดยสารจำนวนมาก ‼️ การพึ่งพาเทคโนโลยีเก่าที่ไม่มีการเข้ารหัสเป็นความเสี่ยง ⛔ ระบบนี้ถูกออกแบบตั้งแต่ยุค 1980 และยังใช้งานอยู่ในปัจจุบัน https://www.techspot.com/news/108675-us-rail-industry-exposed-decade-old-hacking-threat.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    US rail industry still exposed to decade-old hacking threat, experts warn
    The vulnerability was discovered in 2012 by independent researcher Neil Smith, who found that the communication protocol linking the front and rear of freight trains – technically...
    0 Comments 0 Shares 180 Views 0 Reviews
  • "สมชาย" ท้า "ฮุนเซน" งัดหลักฐาน! เปิดคลิปลับ-เอกสารลับพิสูจน์ข้อกล่าวหา "ทักษิณ" ทรยศชาติ
    https://www.thai-tai.tv/news/20275/
    .
    #สมชายแสวงการ #ฮุนเซน #ทักษิณ #เปิดโปงความจริง #เอกสารลับ #คลิปหลุด #ความมั่นคงของชาติ #การเมืองไทย #ข่าวร้อน
    "สมชาย" ท้า "ฮุนเซน" งัดหลักฐาน! เปิดคลิปลับ-เอกสารลับพิสูจน์ข้อกล่าวหา "ทักษิณ" ทรยศชาติ https://www.thai-tai.tv/news/20275/ . #สมชายแสวงการ #ฮุนเซน #ทักษิณ #เปิดโปงความจริง #เอกสารลับ #คลิปหลุด #ความมั่นคงของชาติ #การเมืองไทย #ข่าวร้อน
    0 Comments 0 Shares 71 Views 0 Reviews
  • HoloMem ริบบิ้นฮอโลกราฟิก – เก็บข้อมูล 200TB นาน 50 ปี ใช้พลังงานเป็นศูนย์

    HoloMem เปิดตัวเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลแบบใหม่ที่ใช้ริบบิ้นโพลีเมอร์บางเพียง 120 ไมครอน ซึ่งสามารถเขียนข้อมูลแบบฮอโลกราฟิกได้หลายชั้นในรูปแบบ WORM (Write Once, Read Many) โดยใช้เลเซอร์ไดโอดราคาถูกเพียง $5 เป็นหัวอ่าน/เขียน

    จุดเด่นของ HoloMem:
    - ความจุสูงถึง 200TB ต่อแผ่น (มากกว่า LTO-10 ถึง 11 เท่า)
    - อายุการใช้งาน 50 ปี (มากกว่าเทปแม่เหล็กถึง 10 เท่า)
    - ใช้พลังงานเป็นศูนย์เมื่อเก็บข้อมูลไว้เฉย ๆ
    - ขนาดแผ่นเท่ากับ LTO สามารถใช้กับหุ่นยนต์จัดการเทปเดิมได้ทันที
    - ใช้ชิ้นส่วนราคาถูกและผลิตง่าย เช่น โพลีเมอร์ไวแสงหนา 16 ไมครอน
    - ความยาวริบบิ้นเพียง 100 เมตร (เทียบกับเทปแม่เหล็กที่ยาว 1,000 เมตร)

    HoloMem ยังออกแบบให้สามารถติดตั้งร่วมกับระบบจัดเก็บข้อมูลเดิมได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์มากนัก ลดแรงเสียดทานในการเปลี่ยนผ่าน และได้รับการสนับสนุนจาก Intel Ignite และ Innovate UK

    แม้ยังไม่มีวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่ TechRe Consultants ในสหราชอาณาจักรจะเริ่มทดลองใช้งานจริงในศูนย์ข้อมูลเพื่อทดสอบความทนทานและประสิทธิภาพ

    ข้อมูลจากข่าว
    - HoloMem พัฒนาเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลแบบฮอโลกราฟิกบนริบบิ้นโพลีเมอร์
    - ความจุสูงถึง 200TB ต่อแผ่น และอายุการใช้งาน 50 ปี
    - ใช้พลังงานเป็นศูนย์เมื่อเก็บข้อมูลไว้เฉย ๆ
    - ขนาดเท่ากับ LTO สามารถใช้กับระบบจัดการเทปเดิมได้ทันที
    - ใช้เลเซอร์ไดโอดราคาถูก ($5) และวัสดุโพลีเมอร์ที่ผลิตง่าย
    - ความยาวริบบิ้นเพียง 100 เมตร เทียบกับเทปแม่เหล็ก 1,000 เมตร
    - ทำงานในรูปแบบ WORM (Write Once, Read Many)
    - ได้รับการสนับสนุนจาก Intel Ignite และ Innovate UK
    - TechRe Consultants จะเริ่มทดลองใช้งานในศูนย์ข้อมูลจริง

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - เทคโนโลยียังอยู่ในขั้นต้น ไม่มีวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
    - ต้องพิสูจน์ความทนทานและความเสถียรในสภาพแวดล้อมจริงก่อนใช้งานเชิงพาณิชย์
    - แม้จะใช้ร่วมกับระบบเดิมได้ แต่การเปลี่ยนผ่านต้องมีการฝึกอบรมและปรับกระบวนการ
    - การจัดเก็บแบบ WORM ไม่สามารถเขียนซ้ำได้ อาจไม่เหมาะกับงานที่ต้องแก้ไขข้อมูล
    - คู่แข่งอย่าง Cerabyte และ Microsoft Project Silica ยังมีแนวทางที่ต่างกันและอาจสร้างแรงกดดันด้านนวัตกรรม

    https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/holographic-ribbon-aims-to-oust-magnetic-tape-with-50-year-life-span-and-200tb-capacity-per-cartridge-holomem-says-optical-ribbon-based-carts-work-with-some-components-of-existing-systems-reducing-fricition
    HoloMem ริบบิ้นฮอโลกราฟิก – เก็บข้อมูล 200TB นาน 50 ปี ใช้พลังงานเป็นศูนย์ HoloMem เปิดตัวเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลแบบใหม่ที่ใช้ริบบิ้นโพลีเมอร์บางเพียง 120 ไมครอน ซึ่งสามารถเขียนข้อมูลแบบฮอโลกราฟิกได้หลายชั้นในรูปแบบ WORM (Write Once, Read Many) โดยใช้เลเซอร์ไดโอดราคาถูกเพียง $5 เป็นหัวอ่าน/เขียน จุดเด่นของ HoloMem: - ความจุสูงถึง 200TB ต่อแผ่น (มากกว่า LTO-10 ถึง 11 เท่า) - อายุการใช้งาน 50 ปี (มากกว่าเทปแม่เหล็กถึง 10 เท่า) - ใช้พลังงานเป็นศูนย์เมื่อเก็บข้อมูลไว้เฉย ๆ - ขนาดแผ่นเท่ากับ LTO สามารถใช้กับหุ่นยนต์จัดการเทปเดิมได้ทันที - ใช้ชิ้นส่วนราคาถูกและผลิตง่าย เช่น โพลีเมอร์ไวแสงหนา 16 ไมครอน - ความยาวริบบิ้นเพียง 100 เมตร (เทียบกับเทปแม่เหล็กที่ยาว 1,000 เมตร) HoloMem ยังออกแบบให้สามารถติดตั้งร่วมกับระบบจัดเก็บข้อมูลเดิมได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์มากนัก ลดแรงเสียดทานในการเปลี่ยนผ่าน และได้รับการสนับสนุนจาก Intel Ignite และ Innovate UK แม้ยังไม่มีวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่ TechRe Consultants ในสหราชอาณาจักรจะเริ่มทดลองใช้งานจริงในศูนย์ข้อมูลเพื่อทดสอบความทนทานและประสิทธิภาพ ✅ ข้อมูลจากข่าว - HoloMem พัฒนาเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลแบบฮอโลกราฟิกบนริบบิ้นโพลีเมอร์ - ความจุสูงถึง 200TB ต่อแผ่น และอายุการใช้งาน 50 ปี - ใช้พลังงานเป็นศูนย์เมื่อเก็บข้อมูลไว้เฉย ๆ - ขนาดเท่ากับ LTO สามารถใช้กับระบบจัดการเทปเดิมได้ทันที - ใช้เลเซอร์ไดโอดราคาถูก ($5) และวัสดุโพลีเมอร์ที่ผลิตง่าย - ความยาวริบบิ้นเพียง 100 เมตร เทียบกับเทปแม่เหล็ก 1,000 เมตร - ทำงานในรูปแบบ WORM (Write Once, Read Many) - ได้รับการสนับสนุนจาก Intel Ignite และ Innovate UK - TechRe Consultants จะเริ่มทดลองใช้งานในศูนย์ข้อมูลจริง ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - เทคโนโลยียังอยู่ในขั้นต้น ไม่มีวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ - ต้องพิสูจน์ความทนทานและความเสถียรในสภาพแวดล้อมจริงก่อนใช้งานเชิงพาณิชย์ - แม้จะใช้ร่วมกับระบบเดิมได้ แต่การเปลี่ยนผ่านต้องมีการฝึกอบรมและปรับกระบวนการ - การจัดเก็บแบบ WORM ไม่สามารถเขียนซ้ำได้ อาจไม่เหมาะกับงานที่ต้องแก้ไขข้อมูล - คู่แข่งอย่าง Cerabyte และ Microsoft Project Silica ยังมีแนวทางที่ต่างกันและอาจสร้างแรงกดดันด้านนวัตกรรม https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/holographic-ribbon-aims-to-oust-magnetic-tape-with-50-year-life-span-and-200tb-capacity-per-cartridge-holomem-says-optical-ribbon-based-carts-work-with-some-components-of-existing-systems-reducing-fricition
    0 Comments 0 Shares 200 Views 0 Reviews
  • #เหตุใดโจโฉจึงยืนกรานที่จะฆ่าหมอฮวาโถว(华佗)?
    #12ปีต่อมาเขาก็พบว่าการตัดสินใจของเขาถูกต้อง

    สามก๊ก หรือ ซานกั๋วเหยี่ยนอี้(Romance of the Three Kingdoms三国演义)เป็นผลงานชิ้นเอกในประวัติศาสตร์วรรณกรรมจีนที่ใครๆ ก็รู้จัก หนังสือเล่มนี้มีโครงเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากมายซึ่งชวนติดตาม ในงานนี้ ผู้เขียนไม่ได้แยกแยะระหว่างตัวเอกและตัวประกอบอย่างชัดเจน เพราะในใจของผู้อ่านที่ชื่นชอบผลงานชิ้นนี้ ตัวละครแต่ละตัวจะเปล่งประกายด้วยความเฉลียวฉลาดและเสน่ห์เฉพาะตัว

    เชื่อว่าหลายๆ คนคิดเหมือนกันว่าตัวละครที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งมากที่สุดคือโจโฉ(曹操) บางคนมองว่าเขาเป็นรัฐมนตรีที่ฉลาดและสามารถควบคุมสถานการณ์ในยามยากลำบากได้ ในขณะที่บางคนมองว่าเขาเป็นคนร้ายที่ทรยศและวางแผนร้าย

    บางทีในสายตาของโจโฉ(曹操) ความซื่อสัตย์ภักดีและการทรยศคตโกงอาจไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่เขาแสวงหาคือการรวมประเทศเป็นหนึ่ง และปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการบรรลุการรวมกันเป็นหนึ่งคือความแข็งแกร่งและความสามารถ ด้วยค่านิยมที่ว่า “ผู้มีความสามารถคือประมุข” เขาจึงให้ความสำคัญกับผลลัพธ์มากกว่าที่จะยึดติดกับข้อจำกัดทางศีลธรรมแบบเดิมๆ สิ่งนี้ยังทำให้วิธีการทำสิ่งต่างๆ (曹操) มีความพิเศษ มีเอกลักษณ์และมักจะผสมผสาน และไม่ยึดหลักเกณฑ์ธรรมดาด้วย

    จากมุมมองของผู้คนในปัจจุบัน เขาสามารถถูกมองว่าเป็นนักการเมืองที่มีแนวคิดก้าวหน้าและแนวคิดทางเลือกอีกแนวทางหนึ่ง หากต้องการเข้าใจความซับซ้อนของสามก๊ก(三国)อย่างแท้จริง ต้องเข้าใจความภายในใจของโจโฉ(曹操)และวิธีการจัดการกับผู้คนพร้อมกับการปฏิบัติวานของเขาเสียก่อน

    นอกจากนี้ บุคคลที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์จำนวนมากในช่วงยุคสามก๊ก(三国)มีปฏิสัมพันธ์สำคัญกับโจโฉ(曹操) และทั้งหมดนี้คนที่คลาสสิกที่สุดคือหมอฮวาโถว(华佗)ผู้โด่งดัง ดังที่เราทราบกันดีว่า ฮวาโถว(华佗)เสียชีวิตในท้ายที่สุดจากน้ำมือของโจโฉ(曹操) แต่หากเราหยุดอยู่แค่คำคร่ำครวญเรื่อง "หมอชื่อดังถูกฆ่า" เท่านั้น มันก็จะดูผิวเผินเกินไป ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์ของตัวละครที่อยู่เบื้องหลัง มันดูจะซับซ้อนกว่าการที่จะเอาแต่แค่ระบายอารมณ์เพียงอย่างเดียว แม้จากมุมมองบางประการ การตัดสินใจเช่นนี้อาจสมเหตุสมผลในสมัยขณะนั้น เพื่อที่จะชี้แจงประวัติศาสตร์เรื่องนี้ให้ชัดเจนขึ้น จำเป็นจะต้องเริ่มต้นจากฮวาโถว(华佗) ปราชญ์ทางการแพทย์

    ฮวาโถว(华佗) เป็นหนึ่งในสี่หมอผู้ยิ่งใหญ่ในจีนโบราณ ผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของฮฮวาโถว(华佗)ได้แก่ การออกกำลังกายห้าอย่างลอกเลียนท่าทางตามสัตว์ “อู๋ชินซี(Wuqinxi五禽戏)” “ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”และนิทานปรัมปราเรื่อง “กวนอู(关羽)ขูดกระดูกรักษาพิษ”

    การออกกำลังกายห้าอย่างลอกเลียนท่าทางตามสัตว์ “อู๋ชินซี(Wuqinxi五禽戏)” เป็นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่เก่าแก่ที่สุดที่คิดค้นโดยฮวาโถว(华佗)ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี ฮวาโถว(华佗)ทราบดีถึงความสำคัญของการออกกำลังกายของมนุษย์ต่อสุขภาพ และสนับสนุนให้การออกกำลังกายเป็นจังหวะและสอดประสานกัน และเน้นย้ำถึงการผสมผสานระหว่างการรับประทานอาหารที่เหมาะสมและการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง

    การออกกำลังกายชุดนี้จะช่วยยืดเหยียดและออกกำลังกายไหล่ คอ ท้อง หลัง และแขนขาได้อย่างเต็มที่ โดยเลียนแบบการเคลื่อนไหวของสัตว์ทั้ง 5 ชนิด ได้แก่ เสือ กวาง หมี ลิง และนก ฮวาโถว(华佗)สนับสนุนให้ “เดินตามธรรมชาติ เดินตามทางแห่งสวรรค์” ซึ่งไม่เพียงป้องกันโรคได้เท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้คนรู้สึกสบายกายและใจและเพิ่มความอยากอาหารอีกด้วย

    ศิษย์ของท่านอาจารย์หวู่ปู้(吴普)ยืนกรานที่จะฝึกท่าบริหารสัตว์ทั้งห้าทุกวัน และในที่สุดก็ได้มีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพดี โดยมีอายุยืนยาวถึง 90 ปี คงทราบดีว่าในสมัยโบราณ เมื่ออายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 40 หรือ 50 ปีเท่านั้น การมีชีวิตที่ยืนยาวและมีพลังมากขนาดนี้ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ท่าบริหารสัตว์ทั้งห้ายังคงได้รับความนิยมตลอดหลายปีที่ผ่านมา และยังคงได้รับการเคารพและสืบทอดโดยแพทย์แผนจีนแบบดั้งเดิมหลายคน

    อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของ“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”ยังคงเป็นที่ถกเถียงกัน

    “ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”ที่ฮวาโถว(华佗)คิดค้นขึ้นเป็นยาชาที่รับประทานร่วมกับแอลกอฮอล์ ซึ่งสามารถทำให้คนไข้หมดสติชั่วคราว ช่วยให้ทำการผ่าตัดรักษาผู้บาดเจ็บได้ง่ายขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับการรักษาด้วยยาแผนจีนแบบดั้งเดิม วิธีนี้ถือว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าและสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ และถือได้ว่าเป็นผลงานบุกเบิกของการผ่าตัดแบบจีนโบราณ

    อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่อง “กวนอู(关羽)ขูดกระดูกรักษาพิษ”เขาไม่ได้รับใช้“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)” ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ ฮวาโถว(华佗)และกวนอูกำลังดื่มเหล้าและเล่นหมากรุกเพื่อผ่อนคลายก่อนที่เขาจะกล้าขูดพิษลูกศรออกจากกระดูก หนังสือเล่มนี้บรรยายว่าใบมีดเสียดสีกับกระดูก ทำให้เกิดเสียง “เสียดสี” และเลือดออก แต่กวนอู(关羽)ไม่แสดงความกลัว ทำให้ฮวาโถว(华佗)อุทานออกมาว่า “ท่านแม่ทัพเป็นเทพเจ้าจริงๆ”

    แม้ว่า“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”จะไม่ได้ถูกใช้กับกวนอู(关羽) แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและกล้าหาญของเขา น่าเสียดายที่ปฏิบัติการนี้อาจเป็นเครื่องพิสูจน์ประสิทธิภาพที่ดีที่สุดของ“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”แต่ก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง

    นอกเหนือจากทักษะทางการแพทย์แล้ว ฮวาโถว(华佗)ยังเป็นบุคคลที่มีความรู้และความสามารถอีกด้วย

    ในช่วงต้นยุคสามก๊ก(三国) ผู้ที่ต้องการเข้าสู่ตำแหน่งทางการมักจะอาศัยระบบการแนะนำมากกว่าระบบการสอบของจักรพรรดิในยุคหลัง ระบบการแนะนำไม่เพียงแต่ประเมินระดับความรู้การศึกษาเท่านั้น แต่ยังกำหนดให้ต้องได้รับการแนะนำจากเจ้าหน้าที่ข้าราชการที่มีฐานะหรือบุคคลที่มีคุณธรรมสูง ยิ่งตำแหน่งทางการของผู้แนะนำสูงขึ้นเท่าใด ผู้ที่ได้รับการแนะนำก็จะได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้นตามไปด้วยเท่านั้น

    อย่างไรก็ตาม แพทย์ไม่ได้มีสถานะทางสังคมที่สูงส่งในสมัยนั้น ภายใต้แนวคิดดั้งเดิมที่ว่า นักวิชาการ ชาวนา พ่อค้า และช่างฝีมือ มีเพียงเจ้าหน้าที่ทางข้าราชการเท่านั้นที่ได้รับการเคารพนับถือ แพทย์ไม่ได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งในสี่ชนชั้น ได้แก่ นักวิชาการ เกษตรกร พ่อค้า และช่างฝีมือเสียด้วยซ้ำ และสถานะของพวกเขาก็คล้ายคลึงกับพ่อมดแม่มด นักแสดง และอาชีพบริการอื่นๆ

    ฮวาโถว(华佗)มีความขยันพรากเพียรเรียนหนักมาตั้งแต่เด็ก และมีความต้องการที่จะประกอบอาชีพข้าราชการ ครั้งหนึ่งเขาเคยทิ้งบันทึกไว้ใน "บันทึกซานกั๋วจื้อ(Records of the Three Kingdoms三国志)" ว่า "แต่ก่อนข้าเป็นนักวิชาการ แต่ข้าหาเลี้ยงชีพด้วยการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ และข้าก็มักจะรู้สึกผิดหวังเสียใจ" นั่นหมายความว่าเขาต้องการมีอาชีพทางข้าราชการที่ราบรื่น อย่างไรก็ตาม เขาพลาดโอกาสที่จะเข้าสู่ตำแหน่งทางข้าราชการเพราะมีอาชีพทางการแพทย์ของเขา

    ทักษะทางการแพทย์ของเขาทำให้เขามีชื่อเสียง ผู้คนมากมายต่างเข้ามาหาเขาราวกับว่าเขาเกิดมาเพื่อเป็นหมอ อย่างไรก็ตาม ฮวาโถว(华佗)ยังไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่ข้าราชการท้องถิ่นเหล่านั้นจะเป็นผู้แนะนำ โดยคิดว่าคำแนะนำเหล่านั้นจะไม่ช่วยให้เขาได้ไปสู่ตำแหน่งสูงได้ จึงละทิ้งโอกาสที่จะเป็นข้าราชการระดับล่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    ถึงกระนั้น เขาก็ยังคงปรารถนาที่จะประกอบอาชีพในสายข้าราชการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงจิตวิทยาที่ขัดแย้งกันในสมัยโบราณที่ว่า "หมอไม่รักษาให้ตัวเอง" แม้ว่าคนๆ หนึ่งจะประสบความสำเร็จก็ตาม มันเป็นเรื่องยากที่จะหลุดพ้นจากความคิดเรื่องลำดับชั้นของสังคมศักดินา

    เมื่อชื่อเสียงเลื่องลือแพร่กระจายออกไปทั่ว ระดับตำแหน่งคนไข้ของฮวาโถว(华佗)ก็กลายเป็นผู้มีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยรวมไปถึงผู้ปกครองสูงสุดอย่างโจโฉ(曹操)ด้วย

    แล้วฮวาโถว(华佗)ถูกโจโฉ(曹操)บังคับให้รักษาจริงหรือ? เขาเป็นคนริเริ่มสมยอมในเรื่องนี้หรือเปล่า?

    คำตอบอาจจะใช่ก็ได้ เพราะฮวาโถว(华佗)ก็หวังที่จะได้ทำงานในหน่วยงานรัฐบาล แต่เนื่องจากคนที่แนะนำเขามีฐานะต่ำต้อย เขาจึงหางานได้ยาก ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงขยายเครือข่ายด้วยการประกอบวิชาชีพแพทย์เท่านั้น

    ใครจะมีพลังอำนาจมากกว่าโจโฉในเวลานี้? ถ้าเขาได้รับการชื่นชมจากโจโฉ(曹操)นั่นไม่ใช่เหมือนกับว่าเขาจะต้องโด่งดังชั่วข้ามคืนใช่ไหม?

    นอกจากนี้ ฮวาโถว(华佗)ยังมั่นใจในทักษะทางการแพทย์ของตน และเชื่อว่าตนสามารถรักษาอาการปวดหัวของโจโฉ(曹操)ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยคำเชิญอย่างเป็นทางการของโจโฉ(曹操) ฮวาโถว(华佗)จึงอาสาไป

    โจโฉ(曹操)ต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง อันเนื่องมาจากการทำงานหนักในกิจการราชการและสงครามเป็นเวลานาน หลังจากที่ฮวาโถว(华佗)เดินทางมาถึง เขาได้ใช้การฝังเข็มเพื่อบรรเทาอาการป่วยลงอย่างมาก ซึ่งทำให้โจโฉ(曹操)มีความสุขมาก

    แต่โจโฉ(曹操)ต้องการการรักษาให้หายขาด ไม่ใช่แค่บรรเทาให้หายลงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อได้รับคำร้องขอนี้ ฮวาโถว(华佗)ยอมรับว่าเขาสามารถใช้การฝังเข็มเพื่อชะลอโรคลงเท่านั้น ถ้าต้องการรักษาให้หายขาด จำเป็นต้องทำการผ่าตัดกระโหลกศีรษะ

    โจโฉ(曹操)โกรธมากเมื่อฮวาโถว(华佗)พูดเช่นนี้ การผ่าตัดกระโหลกศีรษะถือเป็นเรื่องที่พบได้ยากและอันตรายมากในสมัยนั้น และไม่มีใครกล้าลองโดยง่าย นิสัยขี้ระแวงของโจโฉ(曹操)ทำให้เขาไม่อาจยอมรับข้อเสนอของฮวาโถว(华佗)ได้

    ใน "บันทึกซานกั๋วจื้อ(Records of the Three Kingdoms三国志)" ได้บันทึกไว้ในหลายตอนถึงลักษณะบุคลิกนิสัยขี้ระแวงของโจโฉ(曹操) ในช่วงแรกๆ เขาล้มเหลวในการลอบสังหารตั๋งโต๊ะ(Dong Zhuo董卓) ขณะที่กำลังหลบหนี เขาได้ฆ่า ลิแปะเฉีย หรือ ลฺหวี่โป๋เชอ (Lü Boshe呂伯奢) เพื่อนที่ดีของพ่อของเขาและครอบครัวทั้งหมดโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาอันโหดร้ายของเขาที่ว่า "ข้ายอมทรยศโลก ดีกว่าปล่อยให้โลกทรยศข้า"

    โจโฉ(曹操)ระมัดระวังชีวิตของตนเองอย่างมาก และถึงขั้นระแวงการกระทำอันดีงามขององครักษ์ ครั้งหนึ่งเขาเคยฆ่าองครักษ์ส่วนตัวเพราะความเข้าใจผิด

    ดังนั้นเขาจะไม่ยอมให้ใครมาคุกคามความปลอดภัยของเขา และการผ่าตัดกระโหลกศีรษะเป็นเพียงภัยคุกคามในสายตาของเขาและเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

    ในทางกลับกัน โจโฉ(曹操)ก็มีความสงสัยในนิสัยของฮวาโถว(华佗)เช่นกัน โดยคิดว่าเขาเป็นคนหยิ่งยโสและหลงตัวเอง และเขาอาจมีเจตนาอื่นใดที่เสนอวิธีการรักษาที่รุนแรงเช่นนี้ ดังนั้น โจโฉ(曹操)จึงเลือกการรักษาแบบประคับประคองและให้ฮวาโถว(华佗)ทำการฝังเข็มเป็นประจำเพื่อบรรเทาอาการ

    หลังจากเวลาผ่านไปนาน ฮวาโถว(华佗)เห็นว่าโจโฉไม่ยอมรับการผ่าตัด และไม่มีความตั้งใจที่จะให้เขาได้รับตำแหน่งสูงๆ และเงินเดือนที่สูง จึงขอลาและกลับบ้านโดยอ้างว่าภรรยาของเขาป่วยหนัก

    แม้ว่าโจโฉ(曹操)จะไม่เต็มใจ แต่เขาก็ยังคงเห็นชอบ

    ต่อมาอาการปวดหัวของโจโฉก็กลับมาอีก เขาจึงส่งคนไปขอให้ฮัวโต่วกลับมารักษาให้อีกหลายครั้ง แต่ฮวาโถว(华佗)กลับปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    ในที่สุดโจโฉ(曹操)ก็ส่งคนไปตรวจสอบและพบว่าภรรยาของฮวาโถว(华佗)ไม่ได้ป่วย แต่ฮวาโถว(华佗)ไม่เต็มใจที่จะกลับมา

    ด้วยความโกรธ โจโฉ(曹操)จึงให้ควบคุมตัวฮวาโถว(华佗)และจำคุกในข้อกล่าวหา "ไม่ให้ความเคารพอย่างยิ่ง" และ "ฝ่าฝืนคำสั่ง"

    คนใกล้ชิดของเขาได้แนะนำให้โจโฉ(曹操)เมตตา แต่โจโฉ(曹操)กลับมุ่งมั่นที่จะฆ่าเขา หมอผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้จึงได้เสียชีวิตลงอย่างน่าเศร้า

    หลังจากสังหารฮัวโตวแล้ว โจโฉเคยเสียใจบ้างไหม? อย่างไรก็ตาม อาการปวดหัวของเขาก็ยังไม่สามารถรักษาหายได้

    ความขี้ระแวงสงสัยและความโกรธในเรื่องทางจิตใจนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าความเจ็บปวดทางกายเสียอีก อาจจะบางทีเมื่อความเจ็บปวดกลับมาอีกครั้ง เขาอาจจะนึกถึงฮวาโถว(华佗) แต่เขาไม่เคยนึกเสียใจเลย

    ในสายตาของโจโฉ(曹操) หมอเป็นเพียงเครื่องมือและคนรับใช้ ไม่คู่ควรแก่การเคารพนับถือ หากฮวาโถว(华佗)กล้าคุกคามชีวิตตนเอง มันจะเป็นความท้าทายต่ออำนาจของเขา และจะไม่มีวันได้รับการยอมรับ

    การฆ่าฮวาโถว(华佗)เป็นเพียงการแสดงอำนาจและเป็นการเตือนทุกคนว่าไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครก็ไม่มีใครสามารถล่วงเกินเขาได้

    ในเวลานั้น โจโฉ(曹操)กำลังเตรียมตัวสำหรับการรบที่เซ็กเพ็ก ผาแดง (Red Cliffs or Chib赤壁之戰) และจำเป็นต้องรักษาขวัญกำลังใจของกองทหารของเขา เสริมสร้างชื่อเสียง และสร้างศักดิ์ศรีที่ไม่สามารถละเมิดได้ของเขา

    การไม่ควรปล่อยให้แพทย์ควบคุมร่างกายและชีวิตของตนเองโดยเด็ดขาด ดังนั้นการฆ่าฮวาโถว(华佗)จึงกลายเป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยาที่จำเป็น

    ขณะที่สงครามกำลังใกล้เข้ามา โจโฉ(曹操)ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ขอให้ฆ่าฮวาโถว(华佗)อยู่เคียงข้างเพื่อรับการรักษา แม้ภายนอกจะแสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจสุขภาพของตนเอง แต่แท้จริงแล้ว นี่ถือเป็นการประกาศถึงความแข็งแกร่งของเขาต่อโลกภายนอกด้วยเช่นกัน

    การสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)เป็นการส่งสัญญาณทางอ้อมว่า "ฉันไม่กลัว" ทำให้ขวัญกำลังใจของกองทัพมั่นคงและปราบปรามศัตรูได้

    แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะพ่ายแพ้ในยุทธการที่ผาแดง (Red Cliffs 赤壁之戰)แต่ก็ถือเป็นความผิดพลาดทางยุทธวิธี และไม่มีผลต่อเสถียรภาพของสงครามจิตวิทยาแต่อย่างใด

    จากมุมมองทางประวัติศาสตร์ การตัดสินใจของโจโฉ(曹操)ที่จะสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)นั้นถูกต้องหรือไม่นั้นเป็นคำถามที่ควรค่าแก่การหารือถกเถียง

    สิบสองปีต่อมา โจผี หรือ เฉาพี (Cao Pi曹丕)ได้สืบทอดบัลลังก์และสืบสานสไตล์ที่เด็ดขาดและเข้มแข็งของบิดาของเขา

    การกระทำของบิดาของเขาในการสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)แสดงให้โลกเห็นถึงการควบคุมที่แท้จริงของตระกูลเฉา(Cao曹)และสถานะการปกครองที่ไม่อาจท้าทายได้อย่างแน่นอน

    นอกจากนี้ยังกลายมาเป็นหลักสูตรเบื้องต้นของ เฉาพี (Cao Pi曹丕)ในหัวข้อ"ศิลปศาสตร์ของจักรพรรดิ(帝王学)" อีกด้วย

    เฉาพี (Cao Pi曹丕)สืบทอดเจตนารมณ์ และใช้การยับยั้งป้องปรามเพื่อปราบปราม สุมาอี้ หรือ ซือหม่าอี้(Sima Yi司马懿) เพื่อให้แน่ใจว่าการสืบทอดบัลลังก์ของตระกูลเฉา(Cao曹)จะมั่นคงและสืบสานราชวงศ์ต่อไปเป็นเวลาสามชั่วอายุคน

    โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า

    กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ
    🤠#เหตุใดโจโฉจึงยืนกรานที่จะฆ่าหมอฮวาโถว(华佗)?🤠 🤠#12ปีต่อมาเขาก็พบว่าการตัดสินใจของเขาถูกต้อง🤠 สามก๊ก หรือ ซานกั๋วเหยี่ยนอี้(Romance of the Three Kingdoms三国演义)เป็นผลงานชิ้นเอกในประวัติศาสตร์วรรณกรรมจีนที่ใครๆ ก็รู้จัก หนังสือเล่มนี้มีโครงเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากมายซึ่งชวนติดตาม ในงานนี้ ผู้เขียนไม่ได้แยกแยะระหว่างตัวเอกและตัวประกอบอย่างชัดเจน เพราะในใจของผู้อ่านที่ชื่นชอบผลงานชิ้นนี้ ตัวละครแต่ละตัวจะเปล่งประกายด้วยความเฉลียวฉลาดและเสน่ห์เฉพาะตัว เชื่อว่าหลายๆ คนคิดเหมือนกันว่าตัวละครที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งมากที่สุดคือโจโฉ(曹操) บางคนมองว่าเขาเป็นรัฐมนตรีที่ฉลาดและสามารถควบคุมสถานการณ์ในยามยากลำบากได้ ในขณะที่บางคนมองว่าเขาเป็นคนร้ายที่ทรยศและวางแผนร้าย บางทีในสายตาของโจโฉ(曹操) ความซื่อสัตย์ภักดีและการทรยศคตโกงอาจไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่เขาแสวงหาคือการรวมประเทศเป็นหนึ่ง และปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการบรรลุการรวมกันเป็นหนึ่งคือความแข็งแกร่งและความสามารถ ด้วยค่านิยมที่ว่า “ผู้มีความสามารถคือประมุข” เขาจึงให้ความสำคัญกับผลลัพธ์มากกว่าที่จะยึดติดกับข้อจำกัดทางศีลธรรมแบบเดิมๆ สิ่งนี้ยังทำให้วิธีการทำสิ่งต่างๆ (曹操) มีความพิเศษ มีเอกลักษณ์และมักจะผสมผสาน และไม่ยึดหลักเกณฑ์ธรรมดาด้วย จากมุมมองของผู้คนในปัจจุบัน เขาสามารถถูกมองว่าเป็นนักการเมืองที่มีแนวคิดก้าวหน้าและแนวคิดทางเลือกอีกแนวทางหนึ่ง หากต้องการเข้าใจความซับซ้อนของสามก๊ก(三国)อย่างแท้จริง ต้องเข้าใจความภายในใจของโจโฉ(曹操)และวิธีการจัดการกับผู้คนพร้อมกับการปฏิบัติวานของเขาเสียก่อน นอกจากนี้ บุคคลที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์จำนวนมากในช่วงยุคสามก๊ก(三国)มีปฏิสัมพันธ์สำคัญกับโจโฉ(曹操) และทั้งหมดนี้คนที่คลาสสิกที่สุดคือหมอฮวาโถว(华佗)ผู้โด่งดัง ดังที่เราทราบกันดีว่า ฮวาโถว(华佗)เสียชีวิตในท้ายที่สุดจากน้ำมือของโจโฉ(曹操) แต่หากเราหยุดอยู่แค่คำคร่ำครวญเรื่อง "หมอชื่อดังถูกฆ่า" เท่านั้น มันก็จะดูผิวเผินเกินไป ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์ของตัวละครที่อยู่เบื้องหลัง มันดูจะซับซ้อนกว่าการที่จะเอาแต่แค่ระบายอารมณ์เพียงอย่างเดียว แม้จากมุมมองบางประการ การตัดสินใจเช่นนี้อาจสมเหตุสมผลในสมัยขณะนั้น เพื่อที่จะชี้แจงประวัติศาสตร์เรื่องนี้ให้ชัดเจนขึ้น จำเป็นจะต้องเริ่มต้นจากฮวาโถว(华佗) ปราชญ์ทางการแพทย์ 🥰ฮวาโถว(华佗) เป็นหนึ่งในสี่หมอผู้ยิ่งใหญ่ในจีนโบราณ ผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของฮฮวาโถว(华佗)ได้แก่ การออกกำลังกายห้าอย่างลอกเลียนท่าทางตามสัตว์ “อู๋ชินซี(Wuqinxi五禽戏)” “ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”และนิทานปรัมปราเรื่อง “กวนอู(关羽)ขูดกระดูกรักษาพิษ”🥰 การออกกำลังกายห้าอย่างลอกเลียนท่าทางตามสัตว์ “อู๋ชินซี(Wuqinxi五禽戏)” เป็นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่เก่าแก่ที่สุดที่คิดค้นโดยฮวาโถว(华佗)ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี ฮวาโถว(华佗)ทราบดีถึงความสำคัญของการออกกำลังกายของมนุษย์ต่อสุขภาพ และสนับสนุนให้การออกกำลังกายเป็นจังหวะและสอดประสานกัน และเน้นย้ำถึงการผสมผสานระหว่างการรับประทานอาหารที่เหมาะสมและการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง การออกกำลังกายชุดนี้จะช่วยยืดเหยียดและออกกำลังกายไหล่ คอ ท้อง หลัง และแขนขาได้อย่างเต็มที่ โดยเลียนแบบการเคลื่อนไหวของสัตว์ทั้ง 5 ชนิด ได้แก่ เสือ กวาง หมี ลิง และนก ฮวาโถว(华佗)สนับสนุนให้ “เดินตามธรรมชาติ เดินตามทางแห่งสวรรค์” ซึ่งไม่เพียงป้องกันโรคได้เท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้คนรู้สึกสบายกายและใจและเพิ่มความอยากอาหารอีกด้วย ศิษย์ของท่านอาจารย์หวู่ปู้(吴普)ยืนกรานที่จะฝึกท่าบริหารสัตว์ทั้งห้าทุกวัน และในที่สุดก็ได้มีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพดี โดยมีอายุยืนยาวถึง 90 ปี คงทราบดีว่าในสมัยโบราณ เมื่ออายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 40 หรือ 50 ปีเท่านั้น การมีชีวิตที่ยืนยาวและมีพลังมากขนาดนี้ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ท่าบริหารสัตว์ทั้งห้ายังคงได้รับความนิยมตลอดหลายปีที่ผ่านมา และยังคงได้รับการเคารพและสืบทอดโดยแพทย์แผนจีนแบบดั้งเดิมหลายคน อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของ“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”ยังคงเป็นที่ถกเถียงกัน “ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”ที่ฮวาโถว(华佗)คิดค้นขึ้นเป็นยาชาที่รับประทานร่วมกับแอลกอฮอล์ ซึ่งสามารถทำให้คนไข้หมดสติชั่วคราว ช่วยให้ทำการผ่าตัดรักษาผู้บาดเจ็บได้ง่ายขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับการรักษาด้วยยาแผนจีนแบบดั้งเดิม วิธีนี้ถือว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าและสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ และถือได้ว่าเป็นผลงานบุกเบิกของการผ่าตัดแบบจีนโบราณ อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่อง “กวนอู(关羽)ขูดกระดูกรักษาพิษ”เขาไม่ได้รับใช้“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)” ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ ฮวาโถว(华佗)และกวนอูกำลังดื่มเหล้าและเล่นหมากรุกเพื่อผ่อนคลายก่อนที่เขาจะกล้าขูดพิษลูกศรออกจากกระดูก หนังสือเล่มนี้บรรยายว่าใบมีดเสียดสีกับกระดูก ทำให้เกิดเสียง “เสียดสี” และเลือดออก แต่กวนอู(关羽)ไม่แสดงความกลัว ทำให้ฮวาโถว(华佗)อุทานออกมาว่า “ท่านแม่ทัพเป็นเทพเจ้าจริงๆ” แม้ว่า“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”จะไม่ได้ถูกใช้กับกวนอู(关羽) แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและกล้าหาญของเขา น่าเสียดายที่ปฏิบัติการนี้อาจเป็นเครื่องพิสูจน์ประสิทธิภาพที่ดีที่สุดของ“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”แต่ก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง นอกเหนือจากทักษะทางการแพทย์แล้ว ฮวาโถว(华佗)ยังเป็นบุคคลที่มีความรู้และความสามารถอีกด้วย ในช่วงต้นยุคสามก๊ก(三国) ผู้ที่ต้องการเข้าสู่ตำแหน่งทางการมักจะอาศัยระบบการแนะนำมากกว่าระบบการสอบของจักรพรรดิในยุคหลัง ระบบการแนะนำไม่เพียงแต่ประเมินระดับความรู้การศึกษาเท่านั้น แต่ยังกำหนดให้ต้องได้รับการแนะนำจากเจ้าหน้าที่ข้าราชการที่มีฐานะหรือบุคคลที่มีคุณธรรมสูง ยิ่งตำแหน่งทางการของผู้แนะนำสูงขึ้นเท่าใด ผู้ที่ได้รับการแนะนำก็จะได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้นตามไปด้วยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม แพทย์ไม่ได้มีสถานะทางสังคมที่สูงส่งในสมัยนั้น ภายใต้แนวคิดดั้งเดิมที่ว่า นักวิชาการ ชาวนา พ่อค้า และช่างฝีมือ มีเพียงเจ้าหน้าที่ทางข้าราชการเท่านั้นที่ได้รับการเคารพนับถือ แพทย์ไม่ได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งในสี่ชนชั้น ได้แก่ นักวิชาการ เกษตรกร พ่อค้า และช่างฝีมือเสียด้วยซ้ำ และสถานะของพวกเขาก็คล้ายคลึงกับพ่อมดแม่มด นักแสดง และอาชีพบริการอื่นๆ ฮวาโถว(华佗)มีความขยันพรากเพียรเรียนหนักมาตั้งแต่เด็ก และมีความต้องการที่จะประกอบอาชีพข้าราชการ ครั้งหนึ่งเขาเคยทิ้งบันทึกไว้ใน "บันทึกซานกั๋วจื้อ(Records of the Three Kingdoms三国志)" ว่า "แต่ก่อนข้าเป็นนักวิชาการ แต่ข้าหาเลี้ยงชีพด้วยการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ และข้าก็มักจะรู้สึกผิดหวังเสียใจ" นั่นหมายความว่าเขาต้องการมีอาชีพทางข้าราชการที่ราบรื่น อย่างไรก็ตาม เขาพลาดโอกาสที่จะเข้าสู่ตำแหน่งทางข้าราชการเพราะมีอาชีพทางการแพทย์ของเขา ทักษะทางการแพทย์ของเขาทำให้เขามีชื่อเสียง ผู้คนมากมายต่างเข้ามาหาเขาราวกับว่าเขาเกิดมาเพื่อเป็นหมอ อย่างไรก็ตาม ฮวาโถว(华佗)ยังไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่ข้าราชการท้องถิ่นเหล่านั้นจะเป็นผู้แนะนำ โดยคิดว่าคำแนะนำเหล่านั้นจะไม่ช่วยให้เขาได้ไปสู่ตำแหน่งสูงได้ จึงละทิ้งโอกาสที่จะเป็นข้าราชการระดับล่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงกระนั้น เขาก็ยังคงปรารถนาที่จะประกอบอาชีพในสายข้าราชการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงจิตวิทยาที่ขัดแย้งกันในสมัยโบราณที่ว่า "หมอไม่รักษาให้ตัวเอง" แม้ว่าคนๆ หนึ่งจะประสบความสำเร็จก็ตาม มันเป็นเรื่องยากที่จะหลุดพ้นจากความคิดเรื่องลำดับชั้นของสังคมศักดินา เมื่อชื่อเสียงเลื่องลือแพร่กระจายออกไปทั่ว ระดับตำแหน่งคนไข้ของฮวาโถว(华佗)ก็กลายเป็นผู้มีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยรวมไปถึงผู้ปกครองสูงสุดอย่างโจโฉ(曹操)ด้วย 🥰แล้วฮวาโถว(华佗)ถูกโจโฉ(曹操)บังคับให้รักษาจริงหรือ? เขาเป็นคนริเริ่มสมยอมในเรื่องนี้หรือเปล่า?🥰 คำตอบอาจจะใช่ก็ได้ เพราะฮวาโถว(华佗)ก็หวังที่จะได้ทำงานในหน่วยงานรัฐบาล แต่เนื่องจากคนที่แนะนำเขามีฐานะต่ำต้อย เขาจึงหางานได้ยาก ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงขยายเครือข่ายด้วยการประกอบวิชาชีพแพทย์เท่านั้น 🥰ใครจะมีพลังอำนาจมากกว่าโจโฉในเวลานี้? ถ้าเขาได้รับการชื่นชมจากโจโฉ(曹操)นั่นไม่ใช่เหมือนกับว่าเขาจะต้องโด่งดังชั่วข้ามคืนใช่ไหม? 🥰 นอกจากนี้ ฮวาโถว(华佗)ยังมั่นใจในทักษะทางการแพทย์ของตน และเชื่อว่าตนสามารถรักษาอาการปวดหัวของโจโฉ(曹操)ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยคำเชิญอย่างเป็นทางการของโจโฉ(曹操) ฮวาโถว(华佗)จึงอาสาไป โจโฉ(曹操)ต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง อันเนื่องมาจากการทำงานหนักในกิจการราชการและสงครามเป็นเวลานาน หลังจากที่ฮวาโถว(华佗)เดินทางมาถึง เขาได้ใช้การฝังเข็มเพื่อบรรเทาอาการป่วยลงอย่างมาก ซึ่งทำให้โจโฉ(曹操)มีความสุขมาก แต่โจโฉ(曹操)ต้องการการรักษาให้หายขาด ไม่ใช่แค่บรรเทาให้หายลงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อได้รับคำร้องขอนี้ ฮวาโถว(华佗)ยอมรับว่าเขาสามารถใช้การฝังเข็มเพื่อชะลอโรคลงเท่านั้น ถ้าต้องการรักษาให้หายขาด จำเป็นต้องทำการผ่าตัดกระโหลกศีรษะ โจโฉ(曹操)โกรธมากเมื่อฮวาโถว(华佗)พูดเช่นนี้ การผ่าตัดกระโหลกศีรษะถือเป็นเรื่องที่พบได้ยากและอันตรายมากในสมัยนั้น และไม่มีใครกล้าลองโดยง่าย นิสัยขี้ระแวงของโจโฉ(曹操)ทำให้เขาไม่อาจยอมรับข้อเสนอของฮวาโถว(华佗)ได้ 🥰ใน "บันทึกซานกั๋วจื้อ(Records of the Three Kingdoms三国志)" ได้บันทึกไว้ในหลายตอนถึงลักษณะบุคลิกนิสัยขี้ระแวงของโจโฉ(曹操) ในช่วงแรกๆ เขาล้มเหลวในการลอบสังหารตั๋งโต๊ะ(Dong Zhuo董卓) ขณะที่กำลังหลบหนี เขาได้ฆ่า ลิแปะเฉีย หรือ ลฺหวี่โป๋เชอ (Lü Boshe呂伯奢) เพื่อนที่ดีของพ่อของเขาและครอบครัวทั้งหมดโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาอันโหดร้ายของเขาที่ว่า "ข้ายอมทรยศโลก ดีกว่าปล่อยให้โลกทรยศข้า"🥰 โจโฉ(曹操)ระมัดระวังชีวิตของตนเองอย่างมาก และถึงขั้นระแวงการกระทำอันดีงามขององครักษ์ ครั้งหนึ่งเขาเคยฆ่าองครักษ์ส่วนตัวเพราะความเข้าใจผิด ดังนั้นเขาจะไม่ยอมให้ใครมาคุกคามความปลอดภัยของเขา และการผ่าตัดกระโหลกศีรษะเป็นเพียงภัยคุกคามในสายตาของเขาและเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ในทางกลับกัน โจโฉ(曹操)ก็มีความสงสัยในนิสัยของฮวาโถว(华佗)เช่นกัน โดยคิดว่าเขาเป็นคนหยิ่งยโสและหลงตัวเอง และเขาอาจมีเจตนาอื่นใดที่เสนอวิธีการรักษาที่รุนแรงเช่นนี้ ดังนั้น โจโฉ(曹操)จึงเลือกการรักษาแบบประคับประคองและให้ฮวาโถว(华佗)ทำการฝังเข็มเป็นประจำเพื่อบรรเทาอาการ หลังจากเวลาผ่านไปนาน ฮวาโถว(华佗)เห็นว่าโจโฉไม่ยอมรับการผ่าตัด และไม่มีความตั้งใจที่จะให้เขาได้รับตำแหน่งสูงๆ และเงินเดือนที่สูง จึงขอลาและกลับบ้านโดยอ้างว่าภรรยาของเขาป่วยหนัก แม้ว่าโจโฉ(曹操)จะไม่เต็มใจ แต่เขาก็ยังคงเห็นชอบ ต่อมาอาการปวดหัวของโจโฉก็กลับมาอีก เขาจึงส่งคนไปขอให้ฮัวโต่วกลับมารักษาให้อีกหลายครั้ง แต่ฮวาโถว(华佗)กลับปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุดโจโฉ(曹操)ก็ส่งคนไปตรวจสอบและพบว่าภรรยาของฮวาโถว(华佗)ไม่ได้ป่วย แต่ฮวาโถว(华佗)ไม่เต็มใจที่จะกลับมา ด้วยความโกรธ โจโฉ(曹操)จึงให้ควบคุมตัวฮวาโถว(华佗)และจำคุกในข้อกล่าวหา "ไม่ให้ความเคารพอย่างยิ่ง" และ "ฝ่าฝืนคำสั่ง" คนใกล้ชิดของเขาได้แนะนำให้โจโฉ(曹操)เมตตา แต่โจโฉ(曹操)กลับมุ่งมั่นที่จะฆ่าเขา หมอผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้จึงได้เสียชีวิตลงอย่างน่าเศร้า 🥰หลังจากสังหารฮัวโตวแล้ว โจโฉเคยเสียใจบ้างไหม? อย่างไรก็ตาม อาการปวดหัวของเขาก็ยังไม่สามารถรักษาหายได้🥰 ความขี้ระแวงสงสัยและความโกรธในเรื่องทางจิตใจนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าความเจ็บปวดทางกายเสียอีก อาจจะบางทีเมื่อความเจ็บปวดกลับมาอีกครั้ง เขาอาจจะนึกถึงฮวาโถว(华佗) แต่เขาไม่เคยนึกเสียใจเลย ในสายตาของโจโฉ(曹操) หมอเป็นเพียงเครื่องมือและคนรับใช้ ไม่คู่ควรแก่การเคารพนับถือ หากฮวาโถว(华佗)กล้าคุกคามชีวิตตนเอง มันจะเป็นความท้าทายต่ออำนาจของเขา และจะไม่มีวันได้รับการยอมรับ การฆ่าฮวาโถว(华佗)เป็นเพียงการแสดงอำนาจและเป็นการเตือนทุกคนว่าไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครก็ไม่มีใครสามารถล่วงเกินเขาได้ 🥰ในเวลานั้น โจโฉ(曹操)กำลังเตรียมตัวสำหรับการรบที่เซ็กเพ็ก ผาแดง (Red Cliffs or Chib赤壁之戰) และจำเป็นต้องรักษาขวัญกำลังใจของกองทหารของเขา เสริมสร้างชื่อเสียง และสร้างศักดิ์ศรีที่ไม่สามารถละเมิดได้ของเขา🥰 การไม่ควรปล่อยให้แพทย์ควบคุมร่างกายและชีวิตของตนเองโดยเด็ดขาด ดังนั้นการฆ่าฮวาโถว(华佗)จึงกลายเป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยาที่จำเป็น ขณะที่สงครามกำลังใกล้เข้ามา โจโฉ(曹操)ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ขอให้ฆ่าฮวาโถว(华佗)อยู่เคียงข้างเพื่อรับการรักษา แม้ภายนอกจะแสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจสุขภาพของตนเอง แต่แท้จริงแล้ว นี่ถือเป็นการประกาศถึงความแข็งแกร่งของเขาต่อโลกภายนอกด้วยเช่นกัน การสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)เป็นการส่งสัญญาณทางอ้อมว่า "ฉันไม่กลัว" ทำให้ขวัญกำลังใจของกองทัพมั่นคงและปราบปรามศัตรูได้ แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะพ่ายแพ้ในยุทธการที่ผาแดง (Red Cliffs 赤壁之戰)แต่ก็ถือเป็นความผิดพลาดทางยุทธวิธี และไม่มีผลต่อเสถียรภาพของสงครามจิตวิทยาแต่อย่างใด 🥰จากมุมมองทางประวัติศาสตร์ การตัดสินใจของโจโฉ(曹操)ที่จะสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)นั้นถูกต้องหรือไม่นั้นเป็นคำถามที่ควรค่าแก่การหารือถกเถียง🥰 สิบสองปีต่อมา โจผี หรือ เฉาพี (Cao Pi曹丕)ได้สืบทอดบัลลังก์และสืบสานสไตล์ที่เด็ดขาดและเข้มแข็งของบิดาของเขา การกระทำของบิดาของเขาในการสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)แสดงให้โลกเห็นถึงการควบคุมที่แท้จริงของตระกูลเฉา(Cao曹)และสถานะการปกครองที่ไม่อาจท้าทายได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังกลายมาเป็นหลักสูตรเบื้องต้นของ เฉาพี (Cao Pi曹丕)ในหัวข้อ"ศิลปศาสตร์ของจักรพรรดิ(帝王学)" อีกด้วย เฉาพี (Cao Pi曹丕)สืบทอดเจตนารมณ์ และใช้การยับยั้งป้องปรามเพื่อปราบปราม สุมาอี้ หรือ ซือหม่าอี้(Sima Yi司马懿) เพื่อให้แน่ใจว่าการสืบทอดบัลลังก์ของตระกูลเฉา(Cao曹)จะมั่นคงและสืบสานราชวงศ์ต่อไปเป็นเวลาสามชั่วอายุคน 💓โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า💓 😍กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ😍
    0 Comments 0 Shares 350 Views 0 Reviews
  • เจ้าอาวาสวัดใหม่ยายแป้น เปิดแถลงข่าว แจง “ศ.ดร.พระมหาบุญเลิศ” พระลูกวัด ที่พัวพันสีกากอล์ฟ แสดงความรับผิดชอบลาสิกขาไปแล้ว ตนในฐานะเจ้าอาวาสแต่กำชับดูแลไม่ทั่วถึงจึงขอโทษพุทธศาสนิกชนและพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ด้านเจ้าตัวยันไม่ได้ถูกวางยา เป็นความผิดพลาดของตัวเอง ขอจบชีวิตพระเพียงแค่นี้

    จากกรณีข่าวอื้อฉาว “สีกากอล์ฟ” มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระผู้ใหญ่หลายรูป แบะมีข่าวพัวพันไปถึงเจ้าอาวาสวัดใหม่ยายแป้นนั้น ทำให้เมื่อวานที่ผ่านมา ทางวัดใหม่ยายแป้นได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข่าวดังกล่าวผ่านทางเฟซบุ๊ก “วัดใหม่ยายแป้น” โดยยืนยันว่า เจ้าวาสวัดใหม่ยายแป้นไม่เคยรู้จัก และไม่เคยเกี่ยวข้องกับสีกาคนดังกล่าวแต่ประการใด โดยทางวัดใหม่ยายแป้น พร้อมให้ความร่วมมือกับฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีการดำเนินการพิสูจน์ทราบข้อมูลและหลักฐานต่างๆ อย่างเที่ยงตรงและเป็นธรรมกับฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องต่อกรณีนี้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000065104

    #Thaitimes #MGROnline #สีกากอล์ฟ
    เจ้าอาวาสวัดใหม่ยายแป้น เปิดแถลงข่าว แจง “ศ.ดร.พระมหาบุญเลิศ” พระลูกวัด ที่พัวพันสีกากอล์ฟ แสดงความรับผิดชอบลาสิกขาไปแล้ว ตนในฐานะเจ้าอาวาสแต่กำชับดูแลไม่ทั่วถึงจึงขอโทษพุทธศาสนิกชนและพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ด้านเจ้าตัวยันไม่ได้ถูกวางยา เป็นความผิดพลาดของตัวเอง ขอจบชีวิตพระเพียงแค่นี้ • จากกรณีข่าวอื้อฉาว “สีกากอล์ฟ” มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระผู้ใหญ่หลายรูป แบะมีข่าวพัวพันไปถึงเจ้าอาวาสวัดใหม่ยายแป้นนั้น ทำให้เมื่อวานที่ผ่านมา ทางวัดใหม่ยายแป้นได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข่าวดังกล่าวผ่านทางเฟซบุ๊ก “วัดใหม่ยายแป้น” โดยยืนยันว่า เจ้าวาสวัดใหม่ยายแป้นไม่เคยรู้จัก และไม่เคยเกี่ยวข้องกับสีกาคนดังกล่าวแต่ประการใด โดยทางวัดใหม่ยายแป้น พร้อมให้ความร่วมมือกับฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีการดำเนินการพิสูจน์ทราบข้อมูลและหลักฐานต่างๆ อย่างเที่ยงตรงและเป็นธรรมกับฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องต่อกรณีนี้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000065104 • #Thaitimes #MGROnline #สีกากอล์ฟ
    0 Comments 0 Shares 189 Views 0 Reviews
  • “ฮุนเซน” ซัดนิด้าทำโพลสำรวจความเห็นผู้นำประเทศอื่นที่เป็นศัตรูกัน ทั่วโลกไม่มีที่ไหนทำ แนะไปสำรวจความเห็นต่อผู้นำไทยมากกว่า แต่โวเข้าทางตัวเอง เพราะสิ่งที่ตนกลัวมากที่สุดคือคนไทยรักฮุนเซน อยากให้คนไทยประเมินค่าฮุนเซนต่ำ เป็นการพิสูจน์ว่าตนเองทำถูกต้อง

    วันนี้(9 ก.ค.) ในเฟซบุ๊กSamdech Hun Sen of Cambodiaของนายฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา มีการโพสต์ข้อความแปลเป็นไทยได้ว่า “ผมอยากแนะนำนักการเมืองและกลุ่มการเมืองของไทยบ้าง!“เป็นเรื่องแปลกและหายากในโลก ที่ประเทศหนึ่งซึ่งกำลังเผชิญหน้ากัน จะทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนประเทศตัวเองต่อผู้นำประเทศที่เป็นศัตรูกัน มันเป็นเรื่องไร้สาระและไม่มีเหตุผลที่จะทำเช่นนั้น แต่ประเทศไทยสามารถทำได้

    “การสำรวจของสถาบัน NIDA เพื่อสอบถามความรู้สึกของคนไทยที่มีต่อผม ฮุนเซน แสดงให้เห็นว่า คนไทยสนใจและเห็นคุณค่าในตัวผมมาก แต่จะเป็นเรื่องดีกว่า ถ้าคนไทยทำการสำรวจความคิดเห็นต่อผู้นำของตนเอง ดังนั้นผมจึงอยากจะบอกว่า “สิ่งที่ผมกลัวที่สุดคือคนไทยรักฮุนเซน ซึ่งอาจแสดงให้เห็นว่าผมกำลังทรยศต่อประเทศและประชาชนของผม แต่สิ่งที่ผมต้องการมากที่สุดคือศัตรูประเมินฮุนเซนในระดับที่ต่ำที่สุด ซึ่งมันเป็นการพิสูจน์ว่า ผมกำลังทำสิ่งที่ถูกต้องสำหรับประเทศและประชาชนของผม”

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000064697

    #Thaitimes #MGROnline #ฮุนเซน #นิด้าโพล #โพล
    “ฮุนเซน” ซัดนิด้าทำโพลสำรวจความเห็นผู้นำประเทศอื่นที่เป็นศัตรูกัน ทั่วโลกไม่มีที่ไหนทำ แนะไปสำรวจความเห็นต่อผู้นำไทยมากกว่า แต่โวเข้าทางตัวเอง เพราะสิ่งที่ตนกลัวมากที่สุดคือคนไทยรักฮุนเซน อยากให้คนไทยประเมินค่าฮุนเซนต่ำ เป็นการพิสูจน์ว่าตนเองทำถูกต้อง • วันนี้(9 ก.ค.) ในเฟซบุ๊กSamdech Hun Sen of Cambodiaของนายฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา มีการโพสต์ข้อความแปลเป็นไทยได้ว่า “ผมอยากแนะนำนักการเมืองและกลุ่มการเมืองของไทยบ้าง!“เป็นเรื่องแปลกและหายากในโลก ที่ประเทศหนึ่งซึ่งกำลังเผชิญหน้ากัน จะทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนประเทศตัวเองต่อผู้นำประเทศที่เป็นศัตรูกัน มันเป็นเรื่องไร้สาระและไม่มีเหตุผลที่จะทำเช่นนั้น แต่ประเทศไทยสามารถทำได้ • “การสำรวจของสถาบัน NIDA เพื่อสอบถามความรู้สึกของคนไทยที่มีต่อผม ฮุนเซน แสดงให้เห็นว่า คนไทยสนใจและเห็นคุณค่าในตัวผมมาก แต่จะเป็นเรื่องดีกว่า ถ้าคนไทยทำการสำรวจความคิดเห็นต่อผู้นำของตนเอง ดังนั้นผมจึงอยากจะบอกว่า “สิ่งที่ผมกลัวที่สุดคือคนไทยรักฮุนเซน ซึ่งอาจแสดงให้เห็นว่าผมกำลังทรยศต่อประเทศและประชาชนของผม แต่สิ่งที่ผมต้องการมากที่สุดคือศัตรูประเมินฮุนเซนในระดับที่ต่ำที่สุด ซึ่งมันเป็นการพิสูจน์ว่า ผมกำลังทำสิ่งที่ถูกต้องสำหรับประเทศและประชาชนของผม” • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000064697 • #Thaitimes #MGROnline #ฮุนเซน #นิด้าโพล #โพล
    0 Comments 0 Shares 210 Views 0 Reviews
  • ตำรวจ ปปป. นำกำลังบุกวัดปากน้ำ - วัดโสธร ไล่จับสึก 2 ผู้ช่วยเจ้าอาวาสปรากฏในคลิปเริงกามกับสีกา ก. - ด้านเจ้าตัวชิงเผ่นออกนอกวัดไปก่อนหน้านี้

    วันนี้ (9 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีตำรวจ บก.ปปป. นำโทรศัพท์มือถือของ สีกา ก. มาตรวจสอบข้อมูลภายในเครื่อง ก่อนพบรูปภาพและคลิปลับสัมพันธ์ฉาวกับพระชั้นผู้ใหญ่วัดดังต่างๆ กว่า 80,000 ไฟล์ ซึ่งสามารถ พิสูจน์ทราบตัวบุคคลว่าเป็นพระรูปใดบ้างได้แล้วจำนวน 8 ราย โดยพบหลักฐานการกระทำผิดที่แน่ชัดถึงขั้นปาราชิกแล้ว 3 รายว่า ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. สั่งการ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. จัดกำลังลงพื้นที่เข้าพูดคุยกับพระขั้นผู้ใหญ่วัดดัง 2 รูป ที่ ปรากฎอยู่ในหลักฐานคลิปวิดีโอลับร่วมหลับนอนกับ สีกา ก. ทั้งนี้ก็เพื่อเจรจาพูดคุยกับพระทั้ง 2 ให้ยอมสึกจากความเป็นพระ เพื่อป้องกันไม่ให้ศาสนามัวหมอง เนื่องจากพฤติกรรมการกระทำของพระทั้ง 3 รูปดังกล่าวถือเป็นความผิดทางวินัยสงฆ์อย่างร้ายแรง

    โดยเป้าหมายจุดหมายแรกที่เจ้าหน้าที่เดินทางไปคือวัดปากน้ำภาษีเจริญ เพื่อขอเข้าเจรจาพูดคุยกับพระเทพวชิวธีรคุณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส แต่ในขณะที่เจ้าหน้าที่ไปถึงปรากฎว่าผู้ช่วยเจ้าอาวาสคนดังกล่าวไม่อยู่วัด โดยได้เดินทางออกจากวัดไปตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมา เบื้องต้นทราบว่าขณะนี้พระรูปดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานติดตามตัว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000064622

    #Thaitimes #MGROnline #วัดปากน้ำ #วัดโสธร
    ตำรวจ ปปป. นำกำลังบุกวัดปากน้ำ - วัดโสธร ไล่จับสึก 2 ผู้ช่วยเจ้าอาวาสปรากฏในคลิปเริงกามกับสีกา ก. - ด้านเจ้าตัวชิงเผ่นออกนอกวัดไปก่อนหน้านี้ • วันนี้ (9 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีตำรวจ บก.ปปป. นำโทรศัพท์มือถือของ สีกา ก. มาตรวจสอบข้อมูลภายในเครื่อง ก่อนพบรูปภาพและคลิปลับสัมพันธ์ฉาวกับพระชั้นผู้ใหญ่วัดดังต่างๆ กว่า 80,000 ไฟล์ ซึ่งสามารถ พิสูจน์ทราบตัวบุคคลว่าเป็นพระรูปใดบ้างได้แล้วจำนวน 8 ราย โดยพบหลักฐานการกระทำผิดที่แน่ชัดถึงขั้นปาราชิกแล้ว 3 รายว่า ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. สั่งการ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. จัดกำลังลงพื้นที่เข้าพูดคุยกับพระขั้นผู้ใหญ่วัดดัง 2 รูป ที่ ปรากฎอยู่ในหลักฐานคลิปวิดีโอลับร่วมหลับนอนกับ สีกา ก. ทั้งนี้ก็เพื่อเจรจาพูดคุยกับพระทั้ง 2 ให้ยอมสึกจากความเป็นพระ เพื่อป้องกันไม่ให้ศาสนามัวหมอง เนื่องจากพฤติกรรมการกระทำของพระทั้ง 3 รูปดังกล่าวถือเป็นความผิดทางวินัยสงฆ์อย่างร้ายแรง • โดยเป้าหมายจุดหมายแรกที่เจ้าหน้าที่เดินทางไปคือวัดปากน้ำภาษีเจริญ เพื่อขอเข้าเจรจาพูดคุยกับพระเทพวชิวธีรคุณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส แต่ในขณะที่เจ้าหน้าที่ไปถึงปรากฎว่าผู้ช่วยเจ้าอาวาสคนดังกล่าวไม่อยู่วัด โดยได้เดินทางออกจากวัดไปตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมา เบื้องต้นทราบว่าขณะนี้พระรูปดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานติดตามตัว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000064622 • #Thaitimes #MGROnline #วัดปากน้ำ #วัดโสธร
    0 Comments 0 Shares 195 Views 0 Reviews
  • บริษัทสัญชาติรัฐของจีน AECC (Aero Engine Corporation of China) ประสบความสำเร็จในการทดสอบ "เครื่องยนต์เทอร์โบเจ็ตขนาดจิ๋วที่พิมพ์สามมิติ" ได้จริง ไม่ใช่แค่ต้นแบบ แต่คือของจริงที่ “บินได้” และยังให้แรงขับสูงถึง 160 กิโลกรัม ที่ระดับความสูงกว่า 13,000 ฟุต ซึ่งถือเป็นการผสานวัสดุศาสตร์ วิศวกรรมการพิมพ์ 3 มิติ และการบินในแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน

    เครื่องยนต์เทอร์โบเจ็ตขนาดเล็ก (micro turbojet) ที่จีนทำได้นี้ ไม่ใช่แบบจำลองหรือต้นแบบที่โชว์ในงานนิทรรศการ → แต่มันคือเครื่องยนต์ที่ “ทำงานได้จริง” บินขึ้นจาก Inner Mongolia ด้วยตัวเอง → มีแรงขับถึง 160 กิโลกรัม และบินได้ที่ระดับความสูง 4,000 เมตร (~13,000 ฟุต)

    แม้ทาง AECC จะไม่เปิดเผยว่า “ส่วนไหนของเครื่องพิมพ์ 3 มิติ” แต่บอกว่าใช้หลัก "multidisciplinary topological optimization" ในการออกแบบ → ลดน้ำหนักลงอย่างแม่นยำ โดยปรับพารามิเตอร์การพิมพ์ให้เหมาะกับแต่ละชิ้นส่วน → ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น ทั้งแรงขับ–ความเบา–และความทนทาน

    แม้จะยังไม่เปิดเผยข้อมูลเรื่องเครื่องพิมพ์หรือวัสดุที่ใช้ แต่การที่สามารถพิมพ์และบินได้จริงแบบนี้ ทำให้ จีนกลายเป็นประเทศแรกของโลกที่ทดสอบเครื่องยนต์ jet พิมพ์ 3 มิติแบบสำเร็จเต็มรูปแบบ

    AECC ของจีนเป็นองค์กรแรกที่ทดสอบเครื่องยนต์ jet ขนาดจิ๋วแบบพิมพ์ 3 มิติได้สำเร็จ  
    • ไม่ใช่แค่จำลอง แต่ “บินได้จริง” ในภาคสนาม  
    • ทดสอบในเขต Inner Mongolia

    แรงขับสูงถึง 160 กิโลกรัม (≒ 350 ปอนด์)  
    • บินได้ที่ระดับความสูง 4,000 เมตร (~13,000 ฟุต)

    ออกแบบด้วยแนวคิด “multidisciplinary topological optimization”  
    • เน้นลดน้ำหนัก → เพิ่มแรงขับต่อมวล  
    • ปรับพารามิเตอร์พิมพ์แต่ละชิ้นให้เหมาะสมที่สุด

    ยังไม่ชัดว่าส่วนไหนของเครื่องยนต์ถูกพิมพ์ 3 มิติ, วัสดุที่ใช้ หรือประเภทเครื่องพิมพ์

    ถือเป็นก้าวสำคัญในการพิสูจน์ว่า 3D Printing ใช้งานได้จริงในด้าน aerospace ไม่ใช่แค่ต้นแบบ

    https://www.tomshardware.com/3d-printing/china-state-backed-firm-is-first-to-3d-print-a-micro-turbojet-engine-and-not-just-for-show-new-design-delivers-160-kg-of-thrust-successfully-tested-at-13-000-ft-altitude
    บริษัทสัญชาติรัฐของจีน AECC (Aero Engine Corporation of China) ประสบความสำเร็จในการทดสอบ "เครื่องยนต์เทอร์โบเจ็ตขนาดจิ๋วที่พิมพ์สามมิติ" ได้จริง ไม่ใช่แค่ต้นแบบ แต่คือของจริงที่ “บินได้” และยังให้แรงขับสูงถึง 160 กิโลกรัม ที่ระดับความสูงกว่า 13,000 ฟุต ซึ่งถือเป็นการผสานวัสดุศาสตร์ วิศวกรรมการพิมพ์ 3 มิติ และการบินในแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน 🛩️🧩 เครื่องยนต์เทอร์โบเจ็ตขนาดเล็ก (micro turbojet) ที่จีนทำได้นี้ ไม่ใช่แบบจำลองหรือต้นแบบที่โชว์ในงานนิทรรศการ → แต่มันคือเครื่องยนต์ที่ “ทำงานได้จริง” บินขึ้นจาก Inner Mongolia ด้วยตัวเอง → มีแรงขับถึง 160 กิโลกรัม และบินได้ที่ระดับความสูง 4,000 เมตร (~13,000 ฟุต) แม้ทาง AECC จะไม่เปิดเผยว่า “ส่วนไหนของเครื่องพิมพ์ 3 มิติ” แต่บอกว่าใช้หลัก "multidisciplinary topological optimization" ในการออกแบบ → ลดน้ำหนักลงอย่างแม่นยำ โดยปรับพารามิเตอร์การพิมพ์ให้เหมาะกับแต่ละชิ้นส่วน → ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น ทั้งแรงขับ–ความเบา–และความทนทาน แม้จะยังไม่เปิดเผยข้อมูลเรื่องเครื่องพิมพ์หรือวัสดุที่ใช้ แต่การที่สามารถพิมพ์และบินได้จริงแบบนี้ ทำให้ จีนกลายเป็นประเทศแรกของโลกที่ทดสอบเครื่องยนต์ jet พิมพ์ 3 มิติแบบสำเร็จเต็มรูปแบบ ✅ AECC ของจีนเป็นองค์กรแรกที่ทดสอบเครื่องยนต์ jet ขนาดจิ๋วแบบพิมพ์ 3 มิติได้สำเร็จ   • ไม่ใช่แค่จำลอง แต่ “บินได้จริง” ในภาคสนาม   • ทดสอบในเขต Inner Mongolia ✅ แรงขับสูงถึง 160 กิโลกรัม (≒ 350 ปอนด์)   • บินได้ที่ระดับความสูง 4,000 เมตร (~13,000 ฟุต) ✅ ออกแบบด้วยแนวคิด “multidisciplinary topological optimization”   • เน้นลดน้ำหนัก → เพิ่มแรงขับต่อมวล   • ปรับพารามิเตอร์พิมพ์แต่ละชิ้นให้เหมาะสมที่สุด ✅ ยังไม่ชัดว่าส่วนไหนของเครื่องยนต์ถูกพิมพ์ 3 มิติ, วัสดุที่ใช้ หรือประเภทเครื่องพิมพ์ ✅ ถือเป็นก้าวสำคัญในการพิสูจน์ว่า 3D Printing ใช้งานได้จริงในด้าน aerospace ไม่ใช่แค่ต้นแบบ https://www.tomshardware.com/3d-printing/china-state-backed-firm-is-first-to-3d-print-a-micro-turbojet-engine-and-not-just-for-show-new-design-delivers-160-kg-of-thrust-successfully-tested-at-13-000-ft-altitude
    0 Comments 0 Shares 193 Views 0 Reviews
  • ลองจินตนาการว่า...ทั่วโลกมีคลื่นแผ่นดินไหวขนาดเบา ๆ เด้งทุก 90 วินาที แบบนาฬิกาเดินตรงนานหลายวัน → มันเกิดขึ้นจริงในเดือนกันยายน 2023 และเกิดซ้ำอีกครั้งในอีก 1 เดือนต่อมา → โดยไม่มีแผ่นดินไหว, ไม่มีระเบิด, ไม่มีภูเขาไฟ — แต่เกิด “สัญญาณแผ่นดินไหว” (seismic wave) ทุก ๆ 90 วินาที บนความถี่ 10.88 mHz

    นักวิทยาศาสตร์งงอยู่นาน จนทีมจากอ็อกซ์ฟอร์ดนำข้อมูลจากดาวเทียม SWOT ซึ่งใช้เลเซอร์ราดาร์สแกนความสูงของผิวน้ำแบบละเอียด → พบว่ามี “คลื่นสะท้อน” (seiche) ขนาดใหญ่ใน Dickson Fjord ที่อยู่ฝั่งตะวันออกของกรีนแลนด์ → คลื่นนี้เกิดจาก “ดินถล่มขนาดยักษ์ในฟยอร์ด” ที่ทำให้เกิด “คลื่นสึนามิสองระลอก” ติดกัน → เมื่อคลื่นติดอยู่ในพื้นที่แคบแบบฟยอร์ด มันสะท้อนกลับไป–มา สร้างแรงกดบนเปลือกโลกจนเป็นคลื่นแผ่นดินไหวเบา ๆ ไปทั่วโลก!

    ทีมงานใช้เทคนิค Machine Learning แบบเบย์ (Bayesian ML) ผนวกกับข้อมูลแรงสั่นสะเทือนทั่วโลก → คำนวณได้ว่าคลื่นสึนามิต้นทางน่าจะสูงถึง 7.9 เมตร → นี่คือครั้งแรกที่มนุษย์สามารถ “จับภาพ–วิเคราะห์–ยืนยัน” ปรากฏการณ์ seiche ระดับสั่นสะเทือนโลกได้สำเร็จ → และยังแสดงให้เห็นว่า “ภาวะโลกร้อน” ทำให้เกิดสิ่งแปลกใหม่ในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งการวัดแบบดั้งเดิมเข้าไม่ถึง

    โลกเกิดแรงสั่นสะเทือนซ้ำ ๆ ทุก 90 วินาที นาน 9 วันใน ก.ย. 2023 และอีกครั้งใน ต.ค.  
    • เกิดแรงแผ่นดินไหวเบา ๆ ความถี่ 10.88 mHz ทั่วโลก  
    • สัญญาณตรวจพบทั่วทั้งโครงข่ายเซนเซอร์โลก

    ทีมมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดพบว่าเกิดจาก “seiche” คลื่นน้ำสะท้อนใน Dickson Fjord, Greenland  
    • สาเหตุคือดินถล่มขนาดยักษ์ ทำให้เกิดสึนามิ 2 ลูก  
    • คลื่นวิ่งไปมาภายในฟยอร์ด → สร้างแรงกดจนเกิดคลื่นแผ่นดินไหว

    ใช้ดาวเทียม SWOT ที่มีระบบ KaRIn radar วัดระดับน้ำแบบละเอียดในพื้นที่กว้างถึง 50 กม.  
    • พบว่าพื้นน้ำในฟยอร์ดมีความเอียงเปลี่ยนทิศอย่างชัดเจน (สูงสุด 2 เมตร)  
    • พิสูจน์ว่าคลื่นสะท้อนแบบ seiche เกิดขึ้นจริง

    ยืนยันด้วยข้อมูลลม–น้ำขึ้นน้ำลง และการเคลื่อนไหวเปลือกโลกขนาดเล็กจากจุดไกลหลายพันกิโลเมตร

    ทีมวิจัยใช้ Bayesian ML ช่วยประเมินขนาดคลื่นต้นเหตุ ~7.9 เมตร

    ถือเป็นการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมรุ่นใหม่ + เทคนิคข้อมูลขั้นสูงเพื่อไขปริศนาธรณีวิทยา

    https://www.neowin.net/news/oxford-explains-what-made-earth-shake-every-90-seconds-over-nine-days-in-2023/
    ลองจินตนาการว่า...ทั่วโลกมีคลื่นแผ่นดินไหวขนาดเบา ๆ เด้งทุก 90 วินาที แบบนาฬิกาเดินตรงนานหลายวัน → มันเกิดขึ้นจริงในเดือนกันยายน 2023 และเกิดซ้ำอีกครั้งในอีก 1 เดือนต่อมา → โดยไม่มีแผ่นดินไหว, ไม่มีระเบิด, ไม่มีภูเขาไฟ — แต่เกิด “สัญญาณแผ่นดินไหว” (seismic wave) ทุก ๆ 90 วินาที บนความถี่ 10.88 mHz นักวิทยาศาสตร์งงอยู่นาน จนทีมจากอ็อกซ์ฟอร์ดนำข้อมูลจากดาวเทียม SWOT ซึ่งใช้เลเซอร์ราดาร์สแกนความสูงของผิวน้ำแบบละเอียด → พบว่ามี “คลื่นสะท้อน” (seiche) ขนาดใหญ่ใน Dickson Fjord ที่อยู่ฝั่งตะวันออกของกรีนแลนด์ → คลื่นนี้เกิดจาก “ดินถล่มขนาดยักษ์ในฟยอร์ด” ที่ทำให้เกิด “คลื่นสึนามิสองระลอก” ติดกัน → เมื่อคลื่นติดอยู่ในพื้นที่แคบแบบฟยอร์ด มันสะท้อนกลับไป–มา สร้างแรงกดบนเปลือกโลกจนเป็นคลื่นแผ่นดินไหวเบา ๆ ไปทั่วโลก! ทีมงานใช้เทคนิค Machine Learning แบบเบย์ (Bayesian ML) ผนวกกับข้อมูลแรงสั่นสะเทือนทั่วโลก → คำนวณได้ว่าคลื่นสึนามิต้นทางน่าจะสูงถึง 7.9 เมตร → นี่คือครั้งแรกที่มนุษย์สามารถ “จับภาพ–วิเคราะห์–ยืนยัน” ปรากฏการณ์ seiche ระดับสั่นสะเทือนโลกได้สำเร็จ → และยังแสดงให้เห็นว่า “ภาวะโลกร้อน” ทำให้เกิดสิ่งแปลกใหม่ในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งการวัดแบบดั้งเดิมเข้าไม่ถึง ✅ โลกเกิดแรงสั่นสะเทือนซ้ำ ๆ ทุก 90 วินาที นาน 9 วันใน ก.ย. 2023 และอีกครั้งใน ต.ค.   • เกิดแรงแผ่นดินไหวเบา ๆ ความถี่ 10.88 mHz ทั่วโลก   • สัญญาณตรวจพบทั่วทั้งโครงข่ายเซนเซอร์โลก ✅ ทีมมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดพบว่าเกิดจาก “seiche” คลื่นน้ำสะท้อนใน Dickson Fjord, Greenland   • สาเหตุคือดินถล่มขนาดยักษ์ ทำให้เกิดสึนามิ 2 ลูก   • คลื่นวิ่งไปมาภายในฟยอร์ด → สร้างแรงกดจนเกิดคลื่นแผ่นดินไหว ✅ ใช้ดาวเทียม SWOT ที่มีระบบ KaRIn radar วัดระดับน้ำแบบละเอียดในพื้นที่กว้างถึง 50 กม.   • พบว่าพื้นน้ำในฟยอร์ดมีความเอียงเปลี่ยนทิศอย่างชัดเจน (สูงสุด 2 เมตร)   • พิสูจน์ว่าคลื่นสะท้อนแบบ seiche เกิดขึ้นจริง ✅ ยืนยันด้วยข้อมูลลม–น้ำขึ้นน้ำลง และการเคลื่อนไหวเปลือกโลกขนาดเล็กจากจุดไกลหลายพันกิโลเมตร ✅ ทีมวิจัยใช้ Bayesian ML ช่วยประเมินขนาดคลื่นต้นเหตุ ~7.9 เมตร ✅ ถือเป็นการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมรุ่นใหม่ + เทคนิคข้อมูลขั้นสูงเพื่อไขปริศนาธรณีวิทยา https://www.neowin.net/news/oxford-explains-what-made-earth-shake-every-90-seconds-over-nine-days-in-2023/
    WWW.NEOWIN.NET
    Oxford explains what made Earth shake "every 90 seconds over nine days" in 2023
    Back in September of 2023, the Earth shook for "every 90 seconds over nine days" and now in 2025, Oxford scientists have solved what caused it.
    0 Comments 0 Shares 186 Views 0 Reviews
  • ลองนึกภาพว่าในแร็กเซิร์ฟเวอร์เดียว เราสามารถวางชิป Xeon รุ่นใหม่ถึง 4 ซ็อกเก็ตได้ → รวมเป็น 768 คอร์เต็ม ๆ → ใช้พลังงานรวม 2,000W → พร้อมรัน LLM หรือ inference workload ได้เลย โดยไม่ต้องพึ่ง GPU

    นี่ยังไม่รวมระบบแรมที่รองรับได้ถึง 16 แชนแนล DDR5 ความเร็ว 12,800 MT/s ต่อ DIMM ด้วยมาตรฐาน MRDIMM Gen 2 → ช่วยระบายข้อมูลเข้า-ออกจากคอร์ระดับ “Panther Cove” ได้แบบไม่ติดขัด

    Intel ยังเพิ่มความสามารถด้าน AI แบบเนทีฟในซีพียูนี้ เช่น
    - รองรับ TF32 แบบของ NVIDIA
    - เพิ่ม support สำหรับ FP8
    - เพิ่มความสามารถของ APX และ AMX → เพื่อเร่ง inference ขนาดเล็กให้รันบนซีพียูได้เลย

    และนี่จะเป็นผลิตภัณฑ์ 18A node ตัวแรกของ Intel ในระดับ mass production → เชื่อมโยงกับการเปิดตัว AI accelerator ของค่าย Jaguar Shores ได้อย่างสมบูรณ์ในระบบเดียว

    Intel Diamond Rapids Xeon 7 จะมีสูงสุด 192 P-Core แท้ใน SKU รุ่นท็อป  
    • แบ่งเป็น 4 tile, tile ละ 48 คอร์  
    • ไม่มี E-Core แบบ Xeon 6

    TDP สูงสุดต่อซ็อกเก็ต = 500W  
    • รองรับระบบระบายความร้อนระดับองค์กร

    รองรับแรม DDR5 แบบ 8 หรือ 16 แชนแนล  
    • ใช้ MRDIMM Gen 2 → Bandwidth ระดับ 12,800 MT/s ต่อ DIMM  
    • ทำงานร่วมกับคอร์ Panther Cove ได้เต็มประสิทธิภาพ

    รองรับเทคโนโลยีใหม่ด้าน AI และคณิตศาสตร์ความละเอียดต่ำ  
    • TF32 (ของ NVIDIA)  
    • FP8 → ลด latency inference model  
    • AMX และ APX รุ่นใหม่

    รองรับ PCIe Gen 6 สำหรับเชื่อมต่อ accelerator ภายนอก

    วางจำหน่ายปี 2026 ควบคู่กับ AI accelerator รุ่น Jaguar Shores

    ระบบ 4 ซ็อกเก็ตสามารถรวมได้ถึง 768 คอร์ และใช้ไฟ 2,000W

    การผลักดันสู่ TDP 500W ต่อซ็อกเก็ตอาจสร้างความท้าทายให้กับระบบระบายความร้อนและพลังงานในดาต้าเซ็นเตอร์  
    • ต้องใช้ระบบระบายระดับของเหลว (liquid cooling) หรือ sub-ambient

    Intel จะต้องพิสูจน์ว่าประสิทธิภาพต่อวัตต์จะ “คุ้มพลังงาน” กว่า AMD EPYC รุ่น Zen 6/7 ที่กำลังจะเปิดตัว  
    • เพราะ AMD นำหน้าไปก่อนในประสิทธิภาพและ efficiency ตลาดเซิร์ฟเวอร์ช่วงหลัง

    https://www.techpowerup.com/338664/intel-diamond-rapids-xeon-cpu-to-feature-up-to-192-p-cores-and-500-w-tdp
    ลองนึกภาพว่าในแร็กเซิร์ฟเวอร์เดียว เราสามารถวางชิป Xeon รุ่นใหม่ถึง 4 ซ็อกเก็ตได้ → รวมเป็น 768 คอร์เต็ม ๆ → ใช้พลังงานรวม 2,000W → พร้อมรัน LLM หรือ inference workload ได้เลย โดยไม่ต้องพึ่ง GPU นี่ยังไม่รวมระบบแรมที่รองรับได้ถึง 16 แชนแนล DDR5 ความเร็ว 12,800 MT/s ต่อ DIMM ด้วยมาตรฐาน MRDIMM Gen 2 → ช่วยระบายข้อมูลเข้า-ออกจากคอร์ระดับ “Panther Cove” ได้แบบไม่ติดขัด Intel ยังเพิ่มความสามารถด้าน AI แบบเนทีฟในซีพียูนี้ เช่น - รองรับ TF32 แบบของ NVIDIA - เพิ่ม support สำหรับ FP8 - เพิ่มความสามารถของ APX และ AMX → เพื่อเร่ง inference ขนาดเล็กให้รันบนซีพียูได้เลย และนี่จะเป็นผลิตภัณฑ์ 18A node ตัวแรกของ Intel ในระดับ mass production → เชื่อมโยงกับการเปิดตัว AI accelerator ของค่าย Jaguar Shores ได้อย่างสมบูรณ์ในระบบเดียว ✅ Intel Diamond Rapids Xeon 7 จะมีสูงสุด 192 P-Core แท้ใน SKU รุ่นท็อป   • แบ่งเป็น 4 tile, tile ละ 48 คอร์   • ไม่มี E-Core แบบ Xeon 6 ✅ TDP สูงสุดต่อซ็อกเก็ต = 500W   • รองรับระบบระบายความร้อนระดับองค์กร ✅ รองรับแรม DDR5 แบบ 8 หรือ 16 แชนแนล   • ใช้ MRDIMM Gen 2 → Bandwidth ระดับ 12,800 MT/s ต่อ DIMM   • ทำงานร่วมกับคอร์ Panther Cove ได้เต็มประสิทธิภาพ ✅ รองรับเทคโนโลยีใหม่ด้าน AI และคณิตศาสตร์ความละเอียดต่ำ   • TF32 (ของ NVIDIA)   • FP8 → ลด latency inference model   • AMX และ APX รุ่นใหม่ ✅ รองรับ PCIe Gen 6 สำหรับเชื่อมต่อ accelerator ภายนอก ✅ วางจำหน่ายปี 2026 ควบคู่กับ AI accelerator รุ่น Jaguar Shores ✅ ระบบ 4 ซ็อกเก็ตสามารถรวมได้ถึง 768 คอร์ และใช้ไฟ 2,000W ‼️ การผลักดันสู่ TDP 500W ต่อซ็อกเก็ตอาจสร้างความท้าทายให้กับระบบระบายความร้อนและพลังงานในดาต้าเซ็นเตอร์   • ต้องใช้ระบบระบายระดับของเหลว (liquid cooling) หรือ sub-ambient ‼️ Intel จะต้องพิสูจน์ว่าประสิทธิภาพต่อวัตต์จะ “คุ้มพลังงาน” กว่า AMD EPYC รุ่น Zen 6/7 ที่กำลังจะเปิดตัว   • เพราะ AMD นำหน้าไปก่อนในประสิทธิภาพและ efficiency ตลาดเซิร์ฟเวอร์ช่วงหลัง https://www.techpowerup.com/338664/intel-diamond-rapids-xeon-cpu-to-feature-up-to-192-p-cores-and-500-w-tdp
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Intel "Diamond Rapids" Xeon CPU to Feature up to 192 P-Cores and 500 W TDP
    Intel's next-generation "Oak Stream" platform is preparing to accommodate the upcoming "Diamond Rapids" Xeon CPU generation, and we are receiving more interesting details about the top-end configurations Intel will offer. According to the HEPiX TechWatch working group, the Diamond Rapids Intel Xeon ...
    0 Comments 0 Shares 160 Views 0 Reviews
  • ลองนึกถึงเซิร์ฟเวอร์ที่สมัยก่อนต้องใช้ชิป 32 คอร์, แรม 8 แชนแนล เต็มแร็ก แต่ตอนนี้… AMD ออกรุ่นน้องใหม่ EPYC 4585PX ในซีรีส์ “Grado” ซึ่งใช้แค่ 2 แถวแรม DDR5 + ระบบจิ๋ว ๆ แบบ NAS ก็ยังแรงกว่า → ในการทดสอบโดย Phoronix บน Ubuntu 25.04 พบว่า:
    - ชิปรุ่นเล็กตัวนี้แรงกว่าชิปรุ่นท็อปดั้งเดิม EPYC 7601 ถึง 2.69 เท่า
    - แถมประสิทธิภาพต่อวัตต์ดีกว่า 2.85 เท่า
    - ใช้พลังงานรวมน้อยลง (จาก 238W → เหลือ 225W) ทั้งที่ CPU เปล่า ๆ กินไฟพอ ๆ กัน

    ถือว่าเป็นบทพิสูจน์ว่า “สถาปัตยกรรมใหม่เจ๋งกว่าการอัดจำนวน” → EPYC 4585PX บนบอร์ดเล็ก ๆ + DDR5 เพียง 2 แถว ยังชนะเซิร์ฟเวอร์ 8 แชนแนลในอดีต → เหมาะมากสำหรับ NAS, เซิร์ฟเวอร์ประหยัดพลังงาน หรือ infra ที่ต้องการพื้นที่–ความเย็นน้อย

    EPYC 4585PX (ซีรีส์ EPYC 4005 “Grado”) แรงกว่า EPYC 7601 ถึง 2.69 เท่า  
    • ทดสอบบน Ubuntu 25.04 กับ 200+ เวิร์กโหลด: HPC, คอมไพล์, วิดีโอ, สคริปต์ ฯลฯ

    ประสิทธิภาพต่อวัตต์ (Performance/Watt) ดีกว่า 2.85 เท่า  
    • สะท้อนประสิทธิภาพของสถาปัตยกรรมที่พัฒนาแล้ว

    วัดพลังงานทั้งระบบ: EPYC 4585PX ใช้ 225W vs EPYC 7601 ใช้ 238W  
    • แสดงให้เห็นว่าประหยัดขึ้นทั้งระบบ ไม่ใช่แค่ตัวชิป

    แม้มีแค่ 2 แถวแรม DDR5 แต่ยังชนะเซิร์ฟเวอร์ 8 แชนแนลในหลาย ๆ งาน  
    • ชี้ว่าความสามารถของแรมไม่ได้วัดแค่จากจำนวนแชนแนล

    ระบบทดสอบใช้ Supermicro board + RAM น้อย → เหมาะกับ NAS หรือ SOHO infra มาก

    Grado เป็นซีรีส์ประหยัดพลังงาน ราคาถูกกว่า EPYC 9005 สูงมาก แต่ประสิทธิภาพน่าประทับใจ

    https://www.techradar.com/pro/16-core-amd-epyc-4005-cpu-is-almost-3x-faster-than-amds-first-server-flagship-and-i-cant-believe-what-a-bargain-that-is
    ลองนึกถึงเซิร์ฟเวอร์ที่สมัยก่อนต้องใช้ชิป 32 คอร์, แรม 8 แชนแนล เต็มแร็ก แต่ตอนนี้… AMD ออกรุ่นน้องใหม่ EPYC 4585PX ในซีรีส์ “Grado” ซึ่งใช้แค่ 2 แถวแรม DDR5 + ระบบจิ๋ว ๆ แบบ NAS ก็ยังแรงกว่า → ในการทดสอบโดย Phoronix บน Ubuntu 25.04 พบว่า: - ชิปรุ่นเล็กตัวนี้แรงกว่าชิปรุ่นท็อปดั้งเดิม EPYC 7601 ถึง 2.69 เท่า - แถมประสิทธิภาพต่อวัตต์ดีกว่า 2.85 เท่า - ใช้พลังงานรวมน้อยลง (จาก 238W → เหลือ 225W) ทั้งที่ CPU เปล่า ๆ กินไฟพอ ๆ กัน ถือว่าเป็นบทพิสูจน์ว่า “สถาปัตยกรรมใหม่เจ๋งกว่าการอัดจำนวน” → EPYC 4585PX บนบอร์ดเล็ก ๆ + DDR5 เพียง 2 แถว ยังชนะเซิร์ฟเวอร์ 8 แชนแนลในอดีต → เหมาะมากสำหรับ NAS, เซิร์ฟเวอร์ประหยัดพลังงาน หรือ infra ที่ต้องการพื้นที่–ความเย็นน้อย ✅ EPYC 4585PX (ซีรีส์ EPYC 4005 “Grado”) แรงกว่า EPYC 7601 ถึง 2.69 เท่า   • ทดสอบบน Ubuntu 25.04 กับ 200+ เวิร์กโหลด: HPC, คอมไพล์, วิดีโอ, สคริปต์ ฯลฯ ✅ ประสิทธิภาพต่อวัตต์ (Performance/Watt) ดีกว่า 2.85 เท่า   • สะท้อนประสิทธิภาพของสถาปัตยกรรมที่พัฒนาแล้ว ✅ วัดพลังงานทั้งระบบ: EPYC 4585PX ใช้ 225W vs EPYC 7601 ใช้ 238W   • แสดงให้เห็นว่าประหยัดขึ้นทั้งระบบ ไม่ใช่แค่ตัวชิป ✅ แม้มีแค่ 2 แถวแรม DDR5 แต่ยังชนะเซิร์ฟเวอร์ 8 แชนแนลในหลาย ๆ งาน   • ชี้ว่าความสามารถของแรมไม่ได้วัดแค่จากจำนวนแชนแนล ✅ ระบบทดสอบใช้ Supermicro board + RAM น้อย → เหมาะกับ NAS หรือ SOHO infra มาก ✅ Grado เป็นซีรีส์ประหยัดพลังงาน ราคาถูกกว่า EPYC 9005 สูงมาก แต่ประสิทธิภาพน่าประทับใจ https://www.techradar.com/pro/16-core-amd-epyc-4005-cpu-is-almost-3x-faster-than-amds-first-server-flagship-and-i-cant-believe-what-a-bargain-that-is
    0 Comments 0 Shares 152 Views 0 Reviews
  • กองทัพอากาศเปิดตัว "โดรนพลีชีพ" (Kamikaze UAV) ที่วิจัยและพัฒนาโดยฝีมือคนไทย 100% โดรนพลีชีพนี้สามารถโจมตีเป้าหมายด้วยแรงระเบิดอย่างแม่นยำ พิสูจน์แล้วจากการทดสอบทำลายเป้าหมายระยะปานกลางด้วยหัวรบทำลายล้างสูง และมีค่าความคลาดเคลื่อนต่ำกว่า 5 เมตร ความสำเร็จนี้สะท้อนความมุ่งมั่นของกองทัพอากาศในการพึ่งพาตนเองเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการปกป้องอธิปไตยของชาติ และความสงบสุขของประชาชน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000063401

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    กองทัพอากาศเปิดตัว "โดรนพลีชีพ" (Kamikaze UAV) ที่วิจัยและพัฒนาโดยฝีมือคนไทย 100% โดรนพลีชีพนี้สามารถโจมตีเป้าหมายด้วยแรงระเบิดอย่างแม่นยำ พิสูจน์แล้วจากการทดสอบทำลายเป้าหมายระยะปานกลางด้วยหัวรบทำลายล้างสูง และมีค่าความคลาดเคลื่อนต่ำกว่า 5 เมตร ความสำเร็จนี้สะท้อนความมุ่งมั่นของกองทัพอากาศในการพึ่งพาตนเองเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการปกป้องอธิปไตยของชาติ และความสงบสุขของประชาชน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000063401 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Love
    Wow
    9
    0 Comments 0 Shares 487 Views 1 Reviews
  • “ลิณธิภรณ์” รมช.ศึกษาฯ ป้ายแดงยอมรับใช้ภาษาผิดเพี้ยนบนโซเชียลฯ ในอดีต เป็นเพราะใช้ระบบพิมพ์ด้วยเสียงพูด ไม่ได้พิมพ์ด้วยมือ ลั่นจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก ขอพิสูจน์ตัวเองจากการทำงานช่วยลดภาระครู-ยกระดับคุณภาพผู้เรียน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000062836

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    “ลิณธิภรณ์” รมช.ศึกษาฯ ป้ายแดงยอมรับใช้ภาษาผิดเพี้ยนบนโซเชียลฯ ในอดีต เป็นเพราะใช้ระบบพิมพ์ด้วยเสียงพูด ไม่ได้พิมพ์ด้วยมือ ลั่นจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก ขอพิสูจน์ตัวเองจากการทำงานช่วยลดภาระครู-ยกระดับคุณภาพผู้เรียน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000062836 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Haha
    4
    0 Comments 0 Shares 595 Views 0 Reviews
  • ผ่าดวง AI อุ๊งอิ๊งค์ไม่น่ารอด?

    1 ก.ค. ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ให้รับคำร้องกรณีที่สมาชิกวุฒิสภาขอให้วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ จากกรณีคลิปเสียงสนทนากับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา พร้อมกับมีมติ 7 ต่อ 2 ให้หยุดปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีจนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย ขณะที่เจ้าตัวกล่าวขอโทษคนไทยที่ไม่สบายใจหรือรู้สึกโกรธเคือง ยืนยันตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติจริงๆ

    เมื่อใช้ ChatGPT ทำนายดวงผู้หญิงที่เกิดวันที่ 21 ส.ค. 2529 ที่กรุงเทพมหานคร โดยไม่เจาะจงว่าเป็นใคร ใช้สถานการณ์สมมติว่าถูกฝ่ายตรวจสอบภายในบริษัทสั่งพักงานเพราะทำความผิดร้ายแรง มีคลิปเสียงที่ไปคุยกับบริษัทคู่แข่ง แต่บอกว่ามีเจตนาดี อยากช่วยบริษัท ไม่ได้ตั้งใจเป็นแบบนั้น พบว่าดาวเสาร์จร (Saturn transit) ซึ่งทำมุมตรงข้ามกับดวงอาทิตย์กำเนิดในราศีสิงห์ สะท้อนว่าเป็นช่วงที่ชีวิตโดนสอบสวนและต้องชดใช้ในสิ่งที่อาจทำไปโดยรู้หรือไม่รู้ตัว

    ส่วนคลิปเสียงเกี่ยวข้องกับดาวพุธ (Mercury) ซึ่งมักเกี่ยวกับหลักฐานทางการสื่อสาร หากพุธจรสัมพันธ์กับดาวมฤตยูหรือดาวเสาร์ ก็หมายถึงความลับที่ถูกเปิดเผย หรือคำพูดที่ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง ดาวพลูโตโคจรทำมุมกับดาวอังคารกำเนิดในราศีกันย์ ซึ่งดาวแห่งการกระทำเชิงงานสื่อถึงการถูกจับตา ถูกแฉ ถูกล้วงความลับ ซึ่งเกิดขึ้นกับคนที่มีอีโก้หรือเจตนาดี แต่ระบบไม่มองแบบนั้น ส่วนจะตกงานหรือไม่ มีโอกาสตกงานในตำแหน่งเดิม หรือต้องรีเซตใหม่สูง

    ปี 2568 เป็นปีที่ดาวเสาร์บีบตัวตนแรงที่สุดในรอบ 14 ปี ผู้หญิงรายนี้มีพลังอาทิตย์ในราศีสิงห์ ภาคภูมิใจในตัวเอง แต่ตอนนี้ถูกทำให้หมดศักดิ์ศรีแบบไม่เต็มใจ ซึ่งคลิปเสียงเป็นสิ่งที่ย้อนมาทำร้ายดาวพุธ กับอาทิตย์ หากสามารถพิสูจน์เจตนาดีและมีคนในองค์กรระดับสูงช่วยพูดแทน จะอาจได้โอกาสเปลี่ยนตำแหน่ง ลดบทบาท หรือย้าย มากกว่าถูกให้ออก แต่กลางปี 2569 ดาวพฤหัสเข้าสู่มุมดีกับงาน อาจมีหน่วยงานใหม่ หรือบริษัทใหม่ที่รับผู้หญิงรายนี้ไปด้วยมุมมองต่างจากองค์กรเดิม

    หากยังอยากอยู่ในที่เดิม ต้องยอมรับว่าเจตนาดีไม่เพียงพอในองค์กรระบบใหญ่ ต้องขอโทษแบบไม่มีข้อแม้ เพราะโหงวเฮ้งหรือดาวเสาร์ไม่เปิดรับข้ออ้าง อย่าปะทะกลับหรืออธิบายซ้ำซ้อนมากเกินไป คนไม่ชอบจะใช้เป็นเหตุขุดเพิ่ม และหาพยานบุคคลที่เคยเห็นความตั้งใจดี ขอให้พูดแทนแบบมืออาชีพ แต่หากพร้อมจะไปต่อที่ใหม่ ควรพักใจ รีเซตตัวเอง เลือกงานที่วางโครงสร้างชัดเจน ช่วงปลายปี 2568 ถึงต้นปี 2569 จะมีแสงสว่างจากผู้ใหญ่ใหม่ หรือโปรเจกต์ที่เคยมีบุญคุณไว้ หรือเคยช่วยไว้ในอดีต

    #Newskit
    ผ่าดวง AI อุ๊งอิ๊งค์ไม่น่ารอด? 1 ก.ค. ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ให้รับคำร้องกรณีที่สมาชิกวุฒิสภาขอให้วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ จากกรณีคลิปเสียงสนทนากับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา พร้อมกับมีมติ 7 ต่อ 2 ให้หยุดปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีจนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย ขณะที่เจ้าตัวกล่าวขอโทษคนไทยที่ไม่สบายใจหรือรู้สึกโกรธเคือง ยืนยันตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติจริงๆ เมื่อใช้ ChatGPT ทำนายดวงผู้หญิงที่เกิดวันที่ 21 ส.ค. 2529 ที่กรุงเทพมหานคร โดยไม่เจาะจงว่าเป็นใคร ใช้สถานการณ์สมมติว่าถูกฝ่ายตรวจสอบภายในบริษัทสั่งพักงานเพราะทำความผิดร้ายแรง มีคลิปเสียงที่ไปคุยกับบริษัทคู่แข่ง แต่บอกว่ามีเจตนาดี อยากช่วยบริษัท ไม่ได้ตั้งใจเป็นแบบนั้น พบว่าดาวเสาร์จร (Saturn transit) ซึ่งทำมุมตรงข้ามกับดวงอาทิตย์กำเนิดในราศีสิงห์ สะท้อนว่าเป็นช่วงที่ชีวิตโดนสอบสวนและต้องชดใช้ในสิ่งที่อาจทำไปโดยรู้หรือไม่รู้ตัว ส่วนคลิปเสียงเกี่ยวข้องกับดาวพุธ (Mercury) ซึ่งมักเกี่ยวกับหลักฐานทางการสื่อสาร หากพุธจรสัมพันธ์กับดาวมฤตยูหรือดาวเสาร์ ก็หมายถึงความลับที่ถูกเปิดเผย หรือคำพูดที่ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง ดาวพลูโตโคจรทำมุมกับดาวอังคารกำเนิดในราศีกันย์ ซึ่งดาวแห่งการกระทำเชิงงานสื่อถึงการถูกจับตา ถูกแฉ ถูกล้วงความลับ ซึ่งเกิดขึ้นกับคนที่มีอีโก้หรือเจตนาดี แต่ระบบไม่มองแบบนั้น ส่วนจะตกงานหรือไม่ มีโอกาสตกงานในตำแหน่งเดิม หรือต้องรีเซตใหม่สูง ปี 2568 เป็นปีที่ดาวเสาร์บีบตัวตนแรงที่สุดในรอบ 14 ปี ผู้หญิงรายนี้มีพลังอาทิตย์ในราศีสิงห์ ภาคภูมิใจในตัวเอง แต่ตอนนี้ถูกทำให้หมดศักดิ์ศรีแบบไม่เต็มใจ ซึ่งคลิปเสียงเป็นสิ่งที่ย้อนมาทำร้ายดาวพุธ กับอาทิตย์ หากสามารถพิสูจน์เจตนาดีและมีคนในองค์กรระดับสูงช่วยพูดแทน จะอาจได้โอกาสเปลี่ยนตำแหน่ง ลดบทบาท หรือย้าย มากกว่าถูกให้ออก แต่กลางปี 2569 ดาวพฤหัสเข้าสู่มุมดีกับงาน อาจมีหน่วยงานใหม่ หรือบริษัทใหม่ที่รับผู้หญิงรายนี้ไปด้วยมุมมองต่างจากองค์กรเดิม หากยังอยากอยู่ในที่เดิม ต้องยอมรับว่าเจตนาดีไม่เพียงพอในองค์กรระบบใหญ่ ต้องขอโทษแบบไม่มีข้อแม้ เพราะโหงวเฮ้งหรือดาวเสาร์ไม่เปิดรับข้ออ้าง อย่าปะทะกลับหรืออธิบายซ้ำซ้อนมากเกินไป คนไม่ชอบจะใช้เป็นเหตุขุดเพิ่ม และหาพยานบุคคลที่เคยเห็นความตั้งใจดี ขอให้พูดแทนแบบมืออาชีพ แต่หากพร้อมจะไปต่อที่ใหม่ ควรพักใจ รีเซตตัวเอง เลือกงานที่วางโครงสร้างชัดเจน ช่วงปลายปี 2568 ถึงต้นปี 2569 จะมีแสงสว่างจากผู้ใหญ่ใหม่ หรือโปรเจกต์ที่เคยมีบุญคุณไว้ หรือเคยช่วยไว้ในอดีต #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 390 Views 0 Reviews
  • ..มีเดือดแน่นอน,ภาคประชาชนเตรียมรับมือได้เลย,มือโกลาหลแทรกแซงจากภายนอก,ที่ฝ่ายทรยศได้รับการสนับสนุนเตรียมการไว้หมดแล้วแน่ๆ,
    ..นี้คือเกมส์อำนาจของโลกผ่านไทยก็ได้,agenda2030ตั้งไทยคือสาระพัดฮับแห่งยุคสมัยใหม่ไว้แล้วดูที่ยิวอพยพอยู่อ.ปายเป็นอันมากคือเครื่องพิสูจน์ว่าไทยคือเป้าหมายหลักแกนนำแกนกลางของโลกแล้วมิใช่อิสราเอลอีกต่อไป,ศูนย์กลางสนามแม่เหล็กโลกพลังงานจักรวาลที่จะพลิกมาที่โซนประเทศไทยด้วยตลอดแร่ธาตุสำคัญมากมายของโลกก็ขนมาใต้แผ่นดินไทยเป็นอันมาก,เมืองหลวงของโลกในอนาคตคือประเทศไทยเรานีัล่ะ,ใครๆก็อยากได้ประเทศไทย,แม้อีลิทdeep stateยึดครองได้ประเทศไทยก็เจริญแบบแนวทางdeep state,ฝ่ายแสงยึดครองได้ประเทศไทยก็เจริญในวิถีแบบฝ่ายแสง,แค่เราจะเลือกไปทางไหนแค่นั้นในยุคสมัยที่จะมาถึงนี้,เมืองอัจฉริยะเขาวางโครงสร้างไว้หมดแล้วนั้นเอง,ประกาศออกมาแล้วด้วยของagenda2030,ช่วงรัฐบาลยุคนึดอำนาจนั้นล่ะเห็นชัดเจนที่สุด ตังไหลหลั่งมาจากสาระพัดทิศเพื่อเริ่มโครงการต่างๆเช่นแลนด์บริดจ์ยึดภาคใต้ทัังภาคสามารถเขียนให้ภาคใต้ปกครองตนเองได้เลย,ใครสั่งเขียนก็deep stateนั้นล่ะ,ตระกูลรอธส์ไชลด์และตระกูลร็อกกี้เฟลเลอร์นั้นล่ะคือตัวพ่อตัวเปิดหลักๆ,อ่าวไทยทัังหมดอันดามันทั้งหมดภาคใต้ทัังหมดมันกะผ่านให้เสร็จให้ทัน เช่าที่ดิน99ปีคือตัวยืนยันให้แก่ต่างชาติ,ยึดอำนาจมาเพื่อนัยยะลักษณะนี้ล่ะ,ครม.พิมพ์เดียวกันกับครม.ทักษิณ,ยุคทักษิณทำไม่สำเร็จ สามารถสำเร็จเป็นอันมากในยุคทหารอีลิทdeep stateยึดอำนาจ,วัคซีนฉีดตายคนไทยลดประชากรไทยก็สำเร็จในยุคยึดอำนาจ,พรบ.เมล็ดพันธุ์คือตย.เด่นชัดอีกตัวถ้าผ่านไปได้,นั้นคือการล่มสลายของเกษตรกรรมประเทศไทยทันที เมล็ดพันธุ์บนแผ่นดินไทยจะผูกขาดทันทีโดยเอกชน นี้คือพรบ.ที่จะก่อเกิดในยุคยึดอำนาจล่ะในสมัยนั้น,มีมากมายนั้นเอง,จึงทำวิถีทางให้ตนอยู่ต่อให้ได้สะดวกง่ายดำเนินเนื้องานกว่าขี้ข้าสมุนdeep stateแบบนักเลือกตั้งเช่นในปัจจุบัน,สายต่อลำบาก เดินงานติดขัดได้ แบบจะเปิดบ่อนฮับคาสิโนออนไลน์โลกก็ลำบากติดขัดแบบที่เห็นในปัจจุบันนี้,แลนด์บริดจ์ก็รีบเร่งไม่ได้ มันประชาชนคนไทยไม่โง่กันทุกๆคนรู้ทันกูอีก,,สรุปคือพวกเหี้ยนีัในปัจจุบันคือขี้ข้าบ๋อนรับใช้deep stateโลกหมด,ยึดครองไทยไปด้วย ทำลายระบบกษัตริย์ไปด้วย ทำลายสถาบันกษัตริย์ทันทีเมื่อมีจังหวะโอกาสในตัว,ดูถวายสัตย์หลังยึดอำนาจเลย เศษกระดาษหยิบขึ้นมาอ่านชัดๆ,คนไทยลืมง่าย,ตอนนี้สถาบันนักการเมืองคือภัยคุกคามต่อสถาบันกษัตริย์เรา สถาบันศาสนาพุทธเราด้วย ประเทศไทยตั้งอยู่ได้เพราะสองอย่างสิ่งนี้ค้ำชูประเทศไทยเราไว้,แม้เราเสียบ่อน้ำมันบ่อทองคำที่พวกมันปล้นชิงไปแต่สถาบันกษัตริย์และศาสนาพุทธหลักเรายังอยู่,หากสิ้นสองสิ่งนี้ชาติไทยพังพินาศทันทีไม่ต้องสงสัย,มันจึงยุแยงพุทธกับอิสลามตีกัน,อิสลามดิบๆนั้นปกติดี,แต่อิสลามdeep stateควบคุมนี้อันตรายมาก,ตะวันออกกลางมีปัญหาไปทั่วเพราะอีลิทdeep stateทำเหยื่อคือหมากศาสนาความเชื่อเป็นเหตุแตกแยก,เหยื่อล่อที่ดีคือใช้อิสลามตนที่ก่อตั้งขึ้นควบคุมได้บุกในนามศาสนาอิสลามของdeep stateทำลายที่ต่างๆนั้นตะวันออกกลางคือตัวอย่าง,จะปล้นแร่ธาตุบ่อน้ำมันเข้าก็ใช้เหยื่อล่ออ้อมเสียไกลคือศาสนาอิสลามบังหน้าสู้กันเองบ้างสู้กับยิวบ้างแบบที่เห็นในตอนนี้คืออิสราเอลกับอิหร่านคือทำทีบุกชาติอื่นๆไปทั่ว เป้าหมายจริงคืออีรักประตูข้ามมิติอิหร่านบ่อน้ำมันมิให้จีนซื้อขายง่ายๆเพราะฐานน้ำมันจีนส่วนใหญ่ใข้ที่อิหร่าน รบกับจีนจึงตัดยุทธปัจจัยทางสงครามก่อนคือเชื้อเพลิงสงครามที่อิหร่านก็ว่าและนัยยะใต้ดินตรึม.,ไทยก็ไม่เว้นบ่อน้ำมันไทยมีมหาศาลกว่าซาอุฯอีกสัมปทาน2แปลงล่าสุดจึงแบ่งๆให้ไปสำเร็จก็ยึดต่อยอดอยากเป็นต่อของพวกยึดอำนาจในอดีตล่าสุดนั้นล่ะ,เสือกไปทำเอง,เปิดสัมปทานไปทำไม.เพราะนายสั่งคือdeep stateโลกสั่งขี้ข้าในไทยต้องปฏิบัติตามก็ว่า,ซาอุฯไม่กล้าคุยจะสร้างคลังแสงน้ำมันขนาดใหญ่ในไทยได้หรอกถ้าน้ำมันประเทศไทยมีน้อย,ไม่สร้างฉางข้าวเก็บข้าวหรอกหากข้าวไม่มีเยอะไม่มีมากมายเพราะมีข้าวมากเต็มท้องนาจึงต้องที่เก็บให้ใหญ่ๆไว้,แลนด์บริดจ์จริงๆระดมทุนให้คนไทยลงหุ้นเป็นเจ้าของร่วมจริงๆแก่คนไทยทุกๆคนได้ ให้เป็นหุ้นฟรีๆแก่คนไทย100หุ้นห้ามซื้อขายทุกๆกรณี,ipoอีกหุ้นละ10บาท คนไทยซื้อได้ไม่เกิน100หุ้นๆละ10บาทอีก,คนไทยก็จะเป็นเจ้าของแลนด์บริดจ์ร่วมกันจริงจับต้องได้,รัฐบาลนั้นจึงเชื่อว่าปราถนาให้คนไทยมั่งมีมีความสุขอยู่ดีมีกิน อยู่เฉยๆมีรายได้เข้ามาจากกำไรบริหารจัดการแลนด์บริดจ์จริงได้,มิใช่ตกแก่นักทุนหน้าไหนไม่รู้เฉพาะเดอะแก๊งต่างๆอีก คนไทยไม่ได้อะไรเลย อ้างว่าเข้าชาติเข้าประเทศแล้วไง อ้างแบบนั้นไม่ได้เลย แบบได้ค่าภาคหลวงแห่งบ่อน้ำมันนั้นก็ด้วยนี้คือเหี้ยหมด,แลนด์บริดจ์พื้นที่บริหารจัดการรอบข้างด้วยและรวมกันทั้งหมดต่อปี อาจกำไรเกินกว่า10ล้านล้านบาทต่อปีทีเดียว,อาจ100ล้านล้านบาทสบายเพราะสามารถเป็นพื้นทีสาระพัดฮับของโลกได้.,บ่อนคาสิโนอาจยุคอนาคตคนมีภูมิต้านทานเข้าใจดีเข้าใจชั่ว ไม่หลงล่อใดๆแล้วในส่วนของคนไทยคือเป็นผู้รู้มีองค์ภูมิรอบตัวแล้ว สามารถเป็นปกติได้ อาจเปิดเสรีได้สบายๆต่างจากยุคเวลานี้ก็ได้ deep stateโลภจึงอยากเปิดทำตังก่อนเพราะรายได้จากทั่วโลกถ้าประเทศเป็นฮับจริงๆทั้งออฟไลน์และออนไลน์อาจข้ามจักรวาลแบบเน็ตควอนตัมstarlinkควอนตัมข้ามจักรวาลได้ก็ว่า เล่นทั่วจักรวาลผ่านฮับออนไลน์ที่ไทยสร้างสรรค์อบายมุขรูปแบบพนันเป็นเลิศอาจตังโคตรมากมายมหาศาลกว่า1,000ล้านล้านบาทต่อปีได้สบายๆ,นี้ประเทศไทยเป็นฮับสาระพัดอีกอื่นตรึมนะ ยอมประเมินค่ามิได้จริงๆ,
    ..สรุปอีกครั้ง ประเทศไทยเราสมบูรณ์แบบจริงๆ,จึงผู้นำผู้ปกครองโคตรสำคัญโคตรๆ.

    ..https://youtu.be/MpgtmRbfTec?si=9n4z2ZlBqBx0tnuN
    ..มีเดือดแน่นอน,ภาคประชาชนเตรียมรับมือได้เลย,มือโกลาหลแทรกแซงจากภายนอก,ที่ฝ่ายทรยศได้รับการสนับสนุนเตรียมการไว้หมดแล้วแน่ๆ, ..นี้คือเกมส์อำนาจของโลกผ่านไทยก็ได้,agenda2030ตั้งไทยคือสาระพัดฮับแห่งยุคสมัยใหม่ไว้แล้วดูที่ยิวอพยพอยู่อ.ปายเป็นอันมากคือเครื่องพิสูจน์ว่าไทยคือเป้าหมายหลักแกนนำแกนกลางของโลกแล้วมิใช่อิสราเอลอีกต่อไป,ศูนย์กลางสนามแม่เหล็กโลกพลังงานจักรวาลที่จะพลิกมาที่โซนประเทศไทยด้วยตลอดแร่ธาตุสำคัญมากมายของโลกก็ขนมาใต้แผ่นดินไทยเป็นอันมาก,เมืองหลวงของโลกในอนาคตคือประเทศไทยเรานีัล่ะ,ใครๆก็อยากได้ประเทศไทย,แม้อีลิทdeep stateยึดครองได้ประเทศไทยก็เจริญแบบแนวทางdeep state,ฝ่ายแสงยึดครองได้ประเทศไทยก็เจริญในวิถีแบบฝ่ายแสง,แค่เราจะเลือกไปทางไหนแค่นั้นในยุคสมัยที่จะมาถึงนี้,เมืองอัจฉริยะเขาวางโครงสร้างไว้หมดแล้วนั้นเอง,ประกาศออกมาแล้วด้วยของagenda2030,ช่วงรัฐบาลยุคนึดอำนาจนั้นล่ะเห็นชัดเจนที่สุด ตังไหลหลั่งมาจากสาระพัดทิศเพื่อเริ่มโครงการต่างๆเช่นแลนด์บริดจ์ยึดภาคใต้ทัังภาคสามารถเขียนให้ภาคใต้ปกครองตนเองได้เลย,ใครสั่งเขียนก็deep stateนั้นล่ะ,ตระกูลรอธส์ไชลด์และตระกูลร็อกกี้เฟลเลอร์นั้นล่ะคือตัวพ่อตัวเปิดหลักๆ,อ่าวไทยทัังหมดอันดามันทั้งหมดภาคใต้ทัังหมดมันกะผ่านให้เสร็จให้ทัน เช่าที่ดิน99ปีคือตัวยืนยันให้แก่ต่างชาติ,ยึดอำนาจมาเพื่อนัยยะลักษณะนี้ล่ะ,ครม.พิมพ์เดียวกันกับครม.ทักษิณ,ยุคทักษิณทำไม่สำเร็จ สามารถสำเร็จเป็นอันมากในยุคทหารอีลิทdeep stateยึดอำนาจ,วัคซีนฉีดตายคนไทยลดประชากรไทยก็สำเร็จในยุคยึดอำนาจ,พรบ.เมล็ดพันธุ์คือตย.เด่นชัดอีกตัวถ้าผ่านไปได้,นั้นคือการล่มสลายของเกษตรกรรมประเทศไทยทันที เมล็ดพันธุ์บนแผ่นดินไทยจะผูกขาดทันทีโดยเอกชน นี้คือพรบ.ที่จะก่อเกิดในยุคยึดอำนาจล่ะในสมัยนั้น,มีมากมายนั้นเอง,จึงทำวิถีทางให้ตนอยู่ต่อให้ได้สะดวกง่ายดำเนินเนื้องานกว่าขี้ข้าสมุนdeep stateแบบนักเลือกตั้งเช่นในปัจจุบัน,สายต่อลำบาก เดินงานติดขัดได้ แบบจะเปิดบ่อนฮับคาสิโนออนไลน์โลกก็ลำบากติดขัดแบบที่เห็นในปัจจุบันนี้,แลนด์บริดจ์ก็รีบเร่งไม่ได้ มันประชาชนคนไทยไม่โง่กันทุกๆคนรู้ทันกูอีก,,สรุปคือพวกเหี้ยนีัในปัจจุบันคือขี้ข้าบ๋อนรับใช้deep stateโลกหมด,ยึดครองไทยไปด้วย ทำลายระบบกษัตริย์ไปด้วย ทำลายสถาบันกษัตริย์ทันทีเมื่อมีจังหวะโอกาสในตัว,ดูถวายสัตย์หลังยึดอำนาจเลย เศษกระดาษหยิบขึ้นมาอ่านชัดๆ,คนไทยลืมง่าย,ตอนนี้สถาบันนักการเมืองคือภัยคุกคามต่อสถาบันกษัตริย์เรา สถาบันศาสนาพุทธเราด้วย ประเทศไทยตั้งอยู่ได้เพราะสองอย่างสิ่งนี้ค้ำชูประเทศไทยเราไว้,แม้เราเสียบ่อน้ำมันบ่อทองคำที่พวกมันปล้นชิงไปแต่สถาบันกษัตริย์และศาสนาพุทธหลักเรายังอยู่,หากสิ้นสองสิ่งนี้ชาติไทยพังพินาศทันทีไม่ต้องสงสัย,มันจึงยุแยงพุทธกับอิสลามตีกัน,อิสลามดิบๆนั้นปกติดี,แต่อิสลามdeep stateควบคุมนี้อันตรายมาก,ตะวันออกกลางมีปัญหาไปทั่วเพราะอีลิทdeep stateทำเหยื่อคือหมากศาสนาความเชื่อเป็นเหตุแตกแยก,เหยื่อล่อที่ดีคือใช้อิสลามตนที่ก่อตั้งขึ้นควบคุมได้บุกในนามศาสนาอิสลามของdeep stateทำลายที่ต่างๆนั้นตะวันออกกลางคือตัวอย่าง,จะปล้นแร่ธาตุบ่อน้ำมันเข้าก็ใช้เหยื่อล่ออ้อมเสียไกลคือศาสนาอิสลามบังหน้าสู้กันเองบ้างสู้กับยิวบ้างแบบที่เห็นในตอนนี้คืออิสราเอลกับอิหร่านคือทำทีบุกชาติอื่นๆไปทั่ว เป้าหมายจริงคืออีรักประตูข้ามมิติอิหร่านบ่อน้ำมันมิให้จีนซื้อขายง่ายๆเพราะฐานน้ำมันจีนส่วนใหญ่ใข้ที่อิหร่าน รบกับจีนจึงตัดยุทธปัจจัยทางสงครามก่อนคือเชื้อเพลิงสงครามที่อิหร่านก็ว่าและนัยยะใต้ดินตรึม.,ไทยก็ไม่เว้นบ่อน้ำมันไทยมีมหาศาลกว่าซาอุฯอีกสัมปทาน2แปลงล่าสุดจึงแบ่งๆให้ไปสำเร็จก็ยึดต่อยอดอยากเป็นต่อของพวกยึดอำนาจในอดีตล่าสุดนั้นล่ะ,เสือกไปทำเอง,เปิดสัมปทานไปทำไม.เพราะนายสั่งคือdeep stateโลกสั่งขี้ข้าในไทยต้องปฏิบัติตามก็ว่า,ซาอุฯไม่กล้าคุยจะสร้างคลังแสงน้ำมันขนาดใหญ่ในไทยได้หรอกถ้าน้ำมันประเทศไทยมีน้อย,ไม่สร้างฉางข้าวเก็บข้าวหรอกหากข้าวไม่มีเยอะไม่มีมากมายเพราะมีข้าวมากเต็มท้องนาจึงต้องที่เก็บให้ใหญ่ๆไว้,แลนด์บริดจ์จริงๆระดมทุนให้คนไทยลงหุ้นเป็นเจ้าของร่วมจริงๆแก่คนไทยทุกๆคนได้ ให้เป็นหุ้นฟรีๆแก่คนไทย100หุ้นห้ามซื้อขายทุกๆกรณี,ipoอีกหุ้นละ10บาท คนไทยซื้อได้ไม่เกิน100หุ้นๆละ10บาทอีก,คนไทยก็จะเป็นเจ้าของแลนด์บริดจ์ร่วมกันจริงจับต้องได้,รัฐบาลนั้นจึงเชื่อว่าปราถนาให้คนไทยมั่งมีมีความสุขอยู่ดีมีกิน อยู่เฉยๆมีรายได้เข้ามาจากกำไรบริหารจัดการแลนด์บริดจ์จริงได้,มิใช่ตกแก่นักทุนหน้าไหนไม่รู้เฉพาะเดอะแก๊งต่างๆอีก คนไทยไม่ได้อะไรเลย อ้างว่าเข้าชาติเข้าประเทศแล้วไง อ้างแบบนั้นไม่ได้เลย แบบได้ค่าภาคหลวงแห่งบ่อน้ำมันนั้นก็ด้วยนี้คือเหี้ยหมด,แลนด์บริดจ์พื้นที่บริหารจัดการรอบข้างด้วยและรวมกันทั้งหมดต่อปี อาจกำไรเกินกว่า10ล้านล้านบาทต่อปีทีเดียว,อาจ100ล้านล้านบาทสบายเพราะสามารถเป็นพื้นทีสาระพัดฮับของโลกได้.,บ่อนคาสิโนอาจยุคอนาคตคนมีภูมิต้านทานเข้าใจดีเข้าใจชั่ว ไม่หลงล่อใดๆแล้วในส่วนของคนไทยคือเป็นผู้รู้มีองค์ภูมิรอบตัวแล้ว สามารถเป็นปกติได้ อาจเปิดเสรีได้สบายๆต่างจากยุคเวลานี้ก็ได้ deep stateโลภจึงอยากเปิดทำตังก่อนเพราะรายได้จากทั่วโลกถ้าประเทศเป็นฮับจริงๆทั้งออฟไลน์และออนไลน์อาจข้ามจักรวาลแบบเน็ตควอนตัมstarlinkควอนตัมข้ามจักรวาลได้ก็ว่า เล่นทั่วจักรวาลผ่านฮับออนไลน์ที่ไทยสร้างสรรค์อบายมุขรูปแบบพนันเป็นเลิศอาจตังโคตรมากมายมหาศาลกว่า1,000ล้านล้านบาทต่อปีได้สบายๆ,นี้ประเทศไทยเป็นฮับสาระพัดอีกอื่นตรึมนะ ยอมประเมินค่ามิได้จริงๆ, ..สรุปอีกครั้ง ประเทศไทยเราสมบูรณ์แบบจริงๆ,จึงผู้นำผู้ปกครองโคตรสำคัญโคตรๆ. ..https://youtu.be/MpgtmRbfTec?si=9n4z2ZlBqBx0tnuN
    0 Comments 0 Shares 438 Views 0 Reviews
  • ไม่ว่าเหตุการณ์ใดๆที่จะเกิดขึ้นบนโลกใบนี้
    ให้ประคองจิต ตั้งมั่นอย่างมีสติ
    คิดให้ได้ว่า อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
    โลกใบนี้คือเวทีที่พระเจ้าได้สร้างขึ้น เพื่อเป็นสนามทดสอบมนุษย์
    และมีมารร้ายเข้ามาร่วม
    สร้างบทพิสูจน์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
    ไม่ว่าเหตุการณ์ใดๆที่จะเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ให้ประคองจิต ตั้งมั่นอย่างมีสติ คิดให้ได้ว่า อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด โลกใบนี้คือเวทีที่พระเจ้าได้สร้างขึ้น เพื่อเป็นสนามทดสอบมนุษย์ และมีมารร้ายเข้ามาร่วม สร้างบทพิสูจน์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
    0 Comments 0 Shares 73 Views 0 Reviews
  • รวมพลังแผ่นดินยึดอำนาจโดยมวลมหาพลังชนคนแผ่นดินไทยเลย,วิจัยสัก10-20ปีว่ารูปแบบบริหารจัดการโดยภาคประชาชนเป็นผู้นำประเทศจะเป็นแบบใด,ดีกว่านักการเมืองบริหารราชการหรือภาคประชาชนบริหารราชการไทยดีกว่า,อนาคตกฎหมายอะไรที่ออกมาแล้วที่ผ่านๆมาจากกฎกระทรวงทบวงกรมเขียนออกเองแล้วเหี้ยๆมากมายสามารถฉีกทิ้งได้เลยด้วยทีมเฉพาะพิเศษของภาคประชาชนมาดูเรื่องนี้โดยเฉพาะ,เช่นกฎหมายที่ดินมากมายที่นายทุนทั้งในและต่างประเทศใช้กฎหมายบัดสบนั้นย่ำยีอธิปไตยในที่ดินชาติไทยมานานยึดครองแทนประชาชนคนไทยไปเป็นอันมากโดยอาศัยกฎหมายนั้นๆเขียนเอื้ออำนวยสร้างให้พวกมันจะจัดการใหม่ทั้งหมด เมื่อภาคประชาชนยึดอำนาจได้แล้ว สิ้นสุดสถาบันนักการเมือง มาเป็นสถาบันของประชาชนเลยปกครองเอง เขียนกฎหมายที่ดำรงไว้เพื่อประชาชนจริงมิใช่เพื่อคนต่างชาติต่างประเทศเพื่อนายทุนซึ่งส่วนใหญ่คืออีลิทdeep stateต้องการปกครองประชาชนคนไทยผ่านลักษณะภาคการเมืองและภาคกิจการบริษัทการยึดกิจการผูกขาดต่างๆภายในประเทศ ชาวไทยเรากำหนดราคาสินค้าที่เหมาะสมไม่ได้เลย,เช่นสินค้าทุกๆชนิดต้องขึ้นลงตามราคาทองคำเพราะทองคำยังอ้างอิงใช้เป็นหลักค้ำประกันการพิมพ์พันธบัตรได้หรือค้ำประกันตังดิจิดัลของรัฐบาลตนก็ว่า,สามารถควบคุมอัตราเงินเฟ้อทันทีได้,ตลอดเงินเดือนค่าแรงงานคนไทยต้องอ้างอิงราคาทองคำเรียลไทม์ด้วยเช่นกันเพื่อสามารถชนะค่าครองชีพให้ทันความเป็นจริง,ราคาสินค้า100บาทต่อชิ้น,เงินเดือนยัง9,000บาทต่อเดือนมันใข่เหรอ,จาก100บาทเคยซื้อของได้5-6ชิ้นหรือมากกว่า,หรือ15,000บาทต่อเดือนก็ตาม,แต่สถานะค่าดำรงชีพจริงและการใช้จ่ายไทบ้านประชาชนปกติธรรมดายังหาตังหารายได้ได้น้อยกว่าที่เป็นจริง,หรือสูงกว่ารายได้,หรือค่าใช้จ่ายต่างๆทั่วชุมชนส่งคมรอบๆตนแพงสูงขึ้นนั้นเอง,การปกครองหากแก้ต้นเหตุได้จะจบสิ้นทันที,ทุกๆอย่างหากควบคุมที่ต้นเหตุได้จริง คนไทยเราจะใช้ชีวิตไม่ลำบากมาถึงทุกๆวันนี้เพราะสถาบันภาคนักการเมืองเสื่อมสถานะแล้วขาดคุณสมบัติให้บริหารชาติปกครองประเทศอีกต่อไปโดยสิ้นเชิง,อบต.ต้องยุบทั่วประเทศสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดิน,เรามีข้าราชการมากเกินไปและเป็นระบบอุปถัมภ์เสียมาก,พี่น้องวงศ์ตระกูลทั้งสิ้นเสียมากต่างฝาดต่างให้คะแนนผ่านสอบกัน,หายุติธรรมลำบาก,เป็นไปด้วยการทุจริตใต้โต๊ะโดยมากโดยผู้หลักผู้ใหญ่ภายในองค์กรคัดเลือกนี้เอง,เงินกว่า60-70%ของงบประเทศจะเป็นไปเพื่อค่าสาระพัดต่างๆที่เสียไปแก่คนในระบบราชการนี้,เงินเดือนไม่พอ มีสวัสดิการ ค่าเบี้ยเลี้ยงเบี้ยประชุมสัมมนาอีกไม่รวมโบนัสค่าตำแหน่งค่าน้ำมันรถค่าบ้านค่าไฟเบิกหลวงทางอ้อมได้หมดนอกจากทางตรงแค่ตังเงินเดือน,ส่วนประชาชนกินแกลบเสียค่าปรับค่าธรรมเนียมค่าบำรุงคนของข้าราชการรัฐตรึมภาษีสาระพัดค่าใบอนุญาตจิปาถะ ,พื้นๆไปดูโรงเรียนเลย เก็บค่านั้นนี้กับผู้ปกครองเด็กๆสาระพัด ค่ากิจกรรมต่างๆอีก เรี่ยไรสร้างสาระพัดสิ่งในโรงเรียนอีก,เคสสถานศึกษาดูง่ายที่สุด.
    ..คือประเทศไทยต้องเปลี่ยนแปลงต้องพลิกประเทศจริงๆ,มีบ่อน้ำมันเต็มประเทศบ่อทองคำมากล้นเป็นสายทางแร่ แต่จากการปกครองผ่านมาหลายทศวรรษพิสูจน์แล้วว่าเหี้ยหมด,ตกประเมินก็ได้,ขาดคุณสมบัติก็ด้วย,ล้มเหลวทางการปกครองยิ่งชัด,ดูได้ชัดเจนจากสถาบันภาคการเมืองบริหารปกครองระบบราชการไม่ดี ปล่อยบ่อน้ำมันให้ตกไปแก่เอกชนต่างชาติและเอกชนภายในประเทศที่ถูกครอบงำจากคนไม่ดีไปตกแก่พวกนี้เกือบ100% รัฐบาลเองโดยสถาบันภาคนักการเมืองต้องบริหารอย่างซื่อสัตย์สุจริตใจต่อประชาชนต่อประเทศต่ออธิปไตยตนเองเพราะแน่นอนบ่อน้ำมันนั้นหากเขาได้ไปจะเสียสิทธิ์ทางอธิปไตยพื้นที่สัมปทานไปทันทีคือแปลงที่ดินนั้นเขาได้สิทธิเหนือกฎหมายอธิปไตยชาติไทยทันที,สะดวกต่อกิจกรรมใดๆเอกชนนั้นทันที,กว่าเสียอธิปไตยพรมแดนเขมรอีกที่เป็นเรื่องในตอนนี้,สัมปทานไปกว่า21ครั้งแล้ว เสียพื้นที่บริหารจัดการทางที่ดินไปกี่ล้านไร่แล้วทั่วประเทศ,ชาวบ้านขุดเจอน้ำมันบนที่ดินตนเองปกติสมควรเป็นของส่วนรวมแต่เหี้ยเอกชนนั้นๆมันมายึดครองทันที เช่นแปลงสัมปทานที่มันได้กินพื้นที่อุดร สกล หนองคาย หากชาวบ้านขุดบ่อบาดาลแล้วเจอน้ำมัน พวกมันมายึดไปขุดแทนที่ทันที,นี้คือกฎหมายและสัมปทานขายอธิปไตยความมั่นคงทางพลังงานและอธิปไตยเหนือที่ดินประชาชนชาวไทยเราทันที,ต้องฉีกทิ้งกฎหมายนี้ทั้งหมดทันทีเช่นกัน ,นี้คือหน้าที่ภาคประชาชนคนไทยต้องจบในรุ่นยุคเราให้ได้,มันบัดสบพอแล้ว,อิหร่านมีบ่อน้ำมันมีโรงกลั่นน้ำมันน้อยกว่าไทยเสือกขายน้ำมันภายในประเทศอิหร่านแค่ลิตรละ1-2บาทได้,นั้นแสดงว่าวิถีปกครองเรามีปัญหาและคือตัวถ่วงความอยู่ดีมีสุขของประชาชนคนไทยเราทั้งประเทศจริง,และตัวการใหญ่ที่ทำไมจึงตั้งใจปกครองให้ประชาชนโง่ไม่ให้รู้ความจริงตรงนีัและอัดสถานะเพิ่มบัตรคนจนให้มากๆคงความมั่นคงทางความยากจนความจนให้คนไทยมากๆ.
    ..เราต้องการเห็นภาคประชาชนชนะและยึดอำนาจรัฐบาลจริงจังได้เสียที,ไล่ออกรัฐบาลสมคบคิดต่อศัตรูภัยอธิปไตยชาติไทยตนเองภัยคุกคามแผ่นดินไทยตนเองทันทีแล้วทำให้สุดซอยยึดอำนาจโดยภาคประชาชนเลยเคียงคู่ทหารไทยเราที่ยืนเคียงข้างประชาชนคนไทยตนเองเพราะทหารทุกๆคนก็ประชาชนคนไทยเรานี้ไปเป็นทหารในชื่อว่าทหารแทนชื่ิอว่าประชาชนคนไทยคนหนึ่งเท่านั้น,ประเทศไทยถึงเวลาเปลี่ยนแปลงกันอย่างจริงจังครั่งใหญ่แล้ว,เพราะนี้คือสงครามย่อยบทท้าทายเบื้องต้นแค่นั่น,รัฐบาลที่มาจากภาคประชาชนยึดอำนาจปกครองเองที่มิใช่ทหาร ประเทศทั่วโลกไหนจะเหี้ยประนามเรา,เราสมควรเลิกชุมนุมแล้วให้ทหารรับกรรมว่ายึดอำนาจรัฐประหารเถอะ,เรา..ประชาชนยึดอำนาจเองเลย ทำให้สุดซอยเลย,ไม่มีใครผิดกฎหมายในกระบวนการยึดอำนาจจริงคืนมาจากตัวแทนที่เลวชั่วใช้อำนาจเราไปทางที่ชั่วเลวนั่นเองจนสู่ภัยคุกคามที่ร้ายแรงถึงอธิปไตยชาติไทยตนเองจะปล่อยไว้ทำซากอะไรให้เนินนานขนาดนี้.

    https://youtu.be/MGtFbJDl1lc?si=EXDyGbqUgRSqHBov
    รวมพลังแผ่นดินยึดอำนาจโดยมวลมหาพลังชนคนแผ่นดินไทยเลย,วิจัยสัก10-20ปีว่ารูปแบบบริหารจัดการโดยภาคประชาชนเป็นผู้นำประเทศจะเป็นแบบใด,ดีกว่านักการเมืองบริหารราชการหรือภาคประชาชนบริหารราชการไทยดีกว่า,อนาคตกฎหมายอะไรที่ออกมาแล้วที่ผ่านๆมาจากกฎกระทรวงทบวงกรมเขียนออกเองแล้วเหี้ยๆมากมายสามารถฉีกทิ้งได้เลยด้วยทีมเฉพาะพิเศษของภาคประชาชนมาดูเรื่องนี้โดยเฉพาะ,เช่นกฎหมายที่ดินมากมายที่นายทุนทั้งในและต่างประเทศใช้กฎหมายบัดสบนั้นย่ำยีอธิปไตยในที่ดินชาติไทยมานานยึดครองแทนประชาชนคนไทยไปเป็นอันมากโดยอาศัยกฎหมายนั้นๆเขียนเอื้ออำนวยสร้างให้พวกมันจะจัดการใหม่ทั้งหมด เมื่อภาคประชาชนยึดอำนาจได้แล้ว สิ้นสุดสถาบันนักการเมือง มาเป็นสถาบันของประชาชนเลยปกครองเอง เขียนกฎหมายที่ดำรงไว้เพื่อประชาชนจริงมิใช่เพื่อคนต่างชาติต่างประเทศเพื่อนายทุนซึ่งส่วนใหญ่คืออีลิทdeep stateต้องการปกครองประชาชนคนไทยผ่านลักษณะภาคการเมืองและภาคกิจการบริษัทการยึดกิจการผูกขาดต่างๆภายในประเทศ ชาวไทยเรากำหนดราคาสินค้าที่เหมาะสมไม่ได้เลย,เช่นสินค้าทุกๆชนิดต้องขึ้นลงตามราคาทองคำเพราะทองคำยังอ้างอิงใช้เป็นหลักค้ำประกันการพิมพ์พันธบัตรได้หรือค้ำประกันตังดิจิดัลของรัฐบาลตนก็ว่า,สามารถควบคุมอัตราเงินเฟ้อทันทีได้,ตลอดเงินเดือนค่าแรงงานคนไทยต้องอ้างอิงราคาทองคำเรียลไทม์ด้วยเช่นกันเพื่อสามารถชนะค่าครองชีพให้ทันความเป็นจริง,ราคาสินค้า100บาทต่อชิ้น,เงินเดือนยัง9,000บาทต่อเดือนมันใข่เหรอ,จาก100บาทเคยซื้อของได้5-6ชิ้นหรือมากกว่า,หรือ15,000บาทต่อเดือนก็ตาม,แต่สถานะค่าดำรงชีพจริงและการใช้จ่ายไทบ้านประชาชนปกติธรรมดายังหาตังหารายได้ได้น้อยกว่าที่เป็นจริง,หรือสูงกว่ารายได้,หรือค่าใช้จ่ายต่างๆทั่วชุมชนส่งคมรอบๆตนแพงสูงขึ้นนั้นเอง,การปกครองหากแก้ต้นเหตุได้จะจบสิ้นทันที,ทุกๆอย่างหากควบคุมที่ต้นเหตุได้จริง คนไทยเราจะใช้ชีวิตไม่ลำบากมาถึงทุกๆวันนี้เพราะสถาบันภาคนักการเมืองเสื่อมสถานะแล้วขาดคุณสมบัติให้บริหารชาติปกครองประเทศอีกต่อไปโดยสิ้นเชิง,อบต.ต้องยุบทั่วประเทศสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดิน,เรามีข้าราชการมากเกินไปและเป็นระบบอุปถัมภ์เสียมาก,พี่น้องวงศ์ตระกูลทั้งสิ้นเสียมากต่างฝาดต่างให้คะแนนผ่านสอบกัน,หายุติธรรมลำบาก,เป็นไปด้วยการทุจริตใต้โต๊ะโดยมากโดยผู้หลักผู้ใหญ่ภายในองค์กรคัดเลือกนี้เอง,เงินกว่า60-70%ของงบประเทศจะเป็นไปเพื่อค่าสาระพัดต่างๆที่เสียไปแก่คนในระบบราชการนี้,เงินเดือนไม่พอ มีสวัสดิการ ค่าเบี้ยเลี้ยงเบี้ยประชุมสัมมนาอีกไม่รวมโบนัสค่าตำแหน่งค่าน้ำมันรถค่าบ้านค่าไฟเบิกหลวงทางอ้อมได้หมดนอกจากทางตรงแค่ตังเงินเดือน,ส่วนประชาชนกินแกลบเสียค่าปรับค่าธรรมเนียมค่าบำรุงคนของข้าราชการรัฐตรึมภาษีสาระพัดค่าใบอนุญาตจิปาถะ ,พื้นๆไปดูโรงเรียนเลย เก็บค่านั้นนี้กับผู้ปกครองเด็กๆสาระพัด ค่ากิจกรรมต่างๆอีก เรี่ยไรสร้างสาระพัดสิ่งในโรงเรียนอีก,เคสสถานศึกษาดูง่ายที่สุด. ..คือประเทศไทยต้องเปลี่ยนแปลงต้องพลิกประเทศจริงๆ,มีบ่อน้ำมันเต็มประเทศบ่อทองคำมากล้นเป็นสายทางแร่ แต่จากการปกครองผ่านมาหลายทศวรรษพิสูจน์แล้วว่าเหี้ยหมด,ตกประเมินก็ได้,ขาดคุณสมบัติก็ด้วย,ล้มเหลวทางการปกครองยิ่งชัด,ดูได้ชัดเจนจากสถาบันภาคการเมืองบริหารปกครองระบบราชการไม่ดี ปล่อยบ่อน้ำมันให้ตกไปแก่เอกชนต่างชาติและเอกชนภายในประเทศที่ถูกครอบงำจากคนไม่ดีไปตกแก่พวกนี้เกือบ100% รัฐบาลเองโดยสถาบันภาคนักการเมืองต้องบริหารอย่างซื่อสัตย์สุจริตใจต่อประชาชนต่อประเทศต่ออธิปไตยตนเองเพราะแน่นอนบ่อน้ำมันนั้นหากเขาได้ไปจะเสียสิทธิ์ทางอธิปไตยพื้นที่สัมปทานไปทันทีคือแปลงที่ดินนั้นเขาได้สิทธิเหนือกฎหมายอธิปไตยชาติไทยทันที,สะดวกต่อกิจกรรมใดๆเอกชนนั้นทันที,กว่าเสียอธิปไตยพรมแดนเขมรอีกที่เป็นเรื่องในตอนนี้,สัมปทานไปกว่า21ครั้งแล้ว เสียพื้นที่บริหารจัดการทางที่ดินไปกี่ล้านไร่แล้วทั่วประเทศ,ชาวบ้านขุดเจอน้ำมันบนที่ดินตนเองปกติสมควรเป็นของส่วนรวมแต่เหี้ยเอกชนนั้นๆมันมายึดครองทันที เช่นแปลงสัมปทานที่มันได้กินพื้นที่อุดร สกล หนองคาย หากชาวบ้านขุดบ่อบาดาลแล้วเจอน้ำมัน พวกมันมายึดไปขุดแทนที่ทันที,นี้คือกฎหมายและสัมปทานขายอธิปไตยความมั่นคงทางพลังงานและอธิปไตยเหนือที่ดินประชาชนชาวไทยเราทันที,ต้องฉีกทิ้งกฎหมายนี้ทั้งหมดทันทีเช่นกัน ,นี้คือหน้าที่ภาคประชาชนคนไทยต้องจบในรุ่นยุคเราให้ได้,มันบัดสบพอแล้ว,อิหร่านมีบ่อน้ำมันมีโรงกลั่นน้ำมันน้อยกว่าไทยเสือกขายน้ำมันภายในประเทศอิหร่านแค่ลิตรละ1-2บาทได้,นั้นแสดงว่าวิถีปกครองเรามีปัญหาและคือตัวถ่วงความอยู่ดีมีสุขของประชาชนคนไทยเราทั้งประเทศจริง,และตัวการใหญ่ที่ทำไมจึงตั้งใจปกครองให้ประชาชนโง่ไม่ให้รู้ความจริงตรงนีัและอัดสถานะเพิ่มบัตรคนจนให้มากๆคงความมั่นคงทางความยากจนความจนให้คนไทยมากๆ. ..เราต้องการเห็นภาคประชาชนชนะและยึดอำนาจรัฐบาลจริงจังได้เสียที,ไล่ออกรัฐบาลสมคบคิดต่อศัตรูภัยอธิปไตยชาติไทยตนเองภัยคุกคามแผ่นดินไทยตนเองทันทีแล้วทำให้สุดซอยยึดอำนาจโดยภาคประชาชนเลยเคียงคู่ทหารไทยเราที่ยืนเคียงข้างประชาชนคนไทยตนเองเพราะทหารทุกๆคนก็ประชาชนคนไทยเรานี้ไปเป็นทหารในชื่อว่าทหารแทนชื่ิอว่าประชาชนคนไทยคนหนึ่งเท่านั้น,ประเทศไทยถึงเวลาเปลี่ยนแปลงกันอย่างจริงจังครั่งใหญ่แล้ว,เพราะนี้คือสงครามย่อยบทท้าทายเบื้องต้นแค่นั่น,รัฐบาลที่มาจากภาคประชาชนยึดอำนาจปกครองเองที่มิใช่ทหาร ประเทศทั่วโลกไหนจะเหี้ยประนามเรา,เราสมควรเลิกชุมนุมแล้วให้ทหารรับกรรมว่ายึดอำนาจรัฐประหารเถอะ,เรา..ประชาชนยึดอำนาจเองเลย ทำให้สุดซอยเลย,ไม่มีใครผิดกฎหมายในกระบวนการยึดอำนาจจริงคืนมาจากตัวแทนที่เลวชั่วใช้อำนาจเราไปทางที่ชั่วเลวนั่นเองจนสู่ภัยคุกคามที่ร้ายแรงถึงอธิปไตยชาติไทยตนเองจะปล่อยไว้ทำซากอะไรให้เนินนานขนาดนี้. https://youtu.be/MGtFbJDl1lc?si=EXDyGbqUgRSqHBov
    0 Comments 0 Shares 395 Views 0 Reviews
  • น้ำรั่วแค่ไหนก็เอาอยู่!
    เดินลุยฝนมา...เพื่อสิ่งนี้ M680 TPI WATER PLUG หยุดน้ำรั่วใน 5 นาที ด้วยคุณสมบัติ เซ็ตตัวได้ในน้ำ และ บนอากาศ

    ของจริงต้องมาพิสูจน์ที่ #บ้านและสวนShoppingWeek2025

    พิกัด : อิมแพ็ค เมืองทองธานี Hall 11
    บูธ G55-G57,G84-G86 Living Zone
    วันนี้-29 มิถุนายน 2568 เท่านั้น
    เวลา 10:00 - 21:00 น.
    💧 น้ำรั่วแค่ไหนก็เอาอยู่! ☔ เดินลุยฝนมา...เพื่อสิ่งนี้ M680 TPI WATER PLUG หยุดน้ำรั่วใน 5 นาที ด้วยคุณสมบัติ เซ็ตตัวได้ในน้ำ และ บนอากาศ ของจริงต้องมาพิสูจน์ที่ #บ้านและสวนShoppingWeek2025 พิกัด : อิมแพ็ค เมืองทองธานี Hall 11 บูธ G55-G57,G84-G86 Living Zone วันนี้-29 มิถุนายน 2568 เท่านั้น เวลา 10:00 - 21:00 น.
    0 Comments 0 Shares 214 Views 2 0 Reviews
  • ภูมิใจไทยลุยฝ่ายค้าน! จ่อซักฟอกนายกฯ 3 ก.ค. ชวนพรรคร่วมฝ่ายค้านลงชื่อครบ 99 เสียงตาม ม.151 มั่นใจคลิปเสียงเด็ด พิสูจน์นายกฯ ไร้ความน่าเชื่อถือ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000059630

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes

    ภูมิใจไทยลุยฝ่ายค้าน! จ่อซักฟอกนายกฯ 3 ก.ค. ชวนพรรคร่วมฝ่ายค้านลงชื่อครบ 99 เสียงตาม ม.151 มั่นใจคลิปเสียงเด็ด พิสูจน์นายกฯ ไร้ความน่าเชื่อถือ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000059630 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 450 Views 0 Reviews
  • ถ้าใครเคยตามข่าวสายการ์ดจอช่วง RTX 4090 จะรู้ว่า “หัวต่อ 12VHPWR” เคยมีปัญหาไฟไหม้ ละลายสายจากการเสียบไม่สุด, สายงอเกินไป หรือใช้หัวแปลงที่ไม่เหมาะสม ซึ่งพอเข้าสู่ยุค RTX 5090 ก็ยังมีคนเจอปัญหานี้อีก!

    Asus เลยโชว์การทดสอบด้วยการเอา RTX 5090 รุ่น BTF 2.5 ที่ใช้หัวเสียบ GC-HPWR บนเมนบอร์ด มาป้อนพลังไฟมากกว่าเดิม 3 เท่า พร้อมวัดอุณหภูมิหัวต่อ เปรียบเทียบกับหัว 16-pin เดิม — และผลลัพธ์ก็คือ…หัวใหม่เย็นกว่า ทนกว่า เสถียรกว่า

    การทดสอบนี้ทำให้เห็นว่า BTF + GC-HPWR อาจจะเป็นคำตอบของอนาคต ที่ไม่ต้องง้อสาย PCIe หนัก ๆ อีกต่อไป

    Asus ทดสอบ RTX 5090 รุ่น BTF โดยจ่ายไฟสูงสุดถึง 2,600W เพื่อพิสูจน์ความทนของหัวต่อใหม่ GC-HPWR  
    • ทดสอบแบบใช้ GC-HPWR คู่กับ 16-pin พร้อมกัน: แบ่งโหลดฝั่งละ 1,200–1,400W  
    • อุณหภูมิ GC-HPWR อยู่แค่ ~41°C แม้จะป้อนไฟเกิน 1,900W  
    • ฝั่ง 16-pin เดิมอุณหภูมิขึ้นไปถึง ~70°C

    GC-HPWR คือหัวต่อไฟที่อยู่บนเมนบอร์ด ไม่มีสายต่อออกจากการ์ดจอ  
    • รองรับพลังงานได้มากขึ้น พร้อมลดความเสี่ยงเรื่องสายหัก, เสียบไม่สุด  
    • ออกแบบมาสำหรับ BTF (Back To the Future) platform ของ Asus

    มาตรฐาน BTF 2.5 ยกระดับจาก 600W (รุ่นก่อน) เป็น 1,000W โดยยังคงอุณหภูมิต่ำ  
    • ขณะจ่าย 600–1,300W อุณหภูมิอยู่แค่ 35–38°C

    สามารถใช้งานคู่กับ 16-pin เดิมได้ หากต้องการโหลดมากกว่า 1 แหล่ง  
    • Asus ย้ำว่า “เสถียร แม้ใช้ร่วมกัน”

    การสาธิตนี้เกิดขึ้นในจีน และมีวิดีโอบน Bilibili ที่ชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของ GC-HPWR อย่างชัดเจน

    https://www.techspot.com/news/108436-asus-pushes-2600w-rtx-5090-prove-new-cableless.html
    ถ้าใครเคยตามข่าวสายการ์ดจอช่วง RTX 4090 จะรู้ว่า “หัวต่อ 12VHPWR” เคยมีปัญหาไฟไหม้ ละลายสายจากการเสียบไม่สุด, สายงอเกินไป หรือใช้หัวแปลงที่ไม่เหมาะสม ซึ่งพอเข้าสู่ยุค RTX 5090 ก็ยังมีคนเจอปัญหานี้อีก! Asus เลยโชว์การทดสอบด้วยการเอา RTX 5090 รุ่น BTF 2.5 ที่ใช้หัวเสียบ GC-HPWR บนเมนบอร์ด มาป้อนพลังไฟมากกว่าเดิม 3 เท่า พร้อมวัดอุณหภูมิหัวต่อ เปรียบเทียบกับหัว 16-pin เดิม — และผลลัพธ์ก็คือ…หัวใหม่เย็นกว่า ทนกว่า เสถียรกว่า การทดสอบนี้ทำให้เห็นว่า BTF + GC-HPWR อาจจะเป็นคำตอบของอนาคต ที่ไม่ต้องง้อสาย PCIe หนัก ๆ อีกต่อไป ✅ Asus ทดสอบ RTX 5090 รุ่น BTF โดยจ่ายไฟสูงสุดถึง 2,600W เพื่อพิสูจน์ความทนของหัวต่อใหม่ GC-HPWR   • ทดสอบแบบใช้ GC-HPWR คู่กับ 16-pin พร้อมกัน: แบ่งโหลดฝั่งละ 1,200–1,400W   • อุณหภูมิ GC-HPWR อยู่แค่ ~41°C แม้จะป้อนไฟเกิน 1,900W   • ฝั่ง 16-pin เดิมอุณหภูมิขึ้นไปถึง ~70°C ✅ GC-HPWR คือหัวต่อไฟที่อยู่บนเมนบอร์ด ไม่มีสายต่อออกจากการ์ดจอ   • รองรับพลังงานได้มากขึ้น พร้อมลดความเสี่ยงเรื่องสายหัก, เสียบไม่สุด   • ออกแบบมาสำหรับ BTF (Back To the Future) platform ของ Asus ✅ มาตรฐาน BTF 2.5 ยกระดับจาก 600W (รุ่นก่อน) เป็น 1,000W โดยยังคงอุณหภูมิต่ำ   • ขณะจ่าย 600–1,300W อุณหภูมิอยู่แค่ 35–38°C ✅ สามารถใช้งานคู่กับ 16-pin เดิมได้ หากต้องการโหลดมากกว่า 1 แหล่ง   • Asus ย้ำว่า “เสถียร แม้ใช้ร่วมกัน” ✅ การสาธิตนี้เกิดขึ้นในจีน และมีวิดีโอบน Bilibili ที่ชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของ GC-HPWR อย่างชัดเจน https://www.techspot.com/news/108436-asus-pushes-2600w-rtx-5090-prove-new-cableless.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Asus pushes 2,600W into RTX 5090 to prove new cableless GPU power connector works
    In a recent Bilibili video, translated by Tom's Hardware, Asus China GM Tony Yu pumped nearly 2 kilowatts into an Nvidia RTX 5090 to showcase the resilience...
    0 Comments 0 Shares 157 Views 0 Reviews
  • การล่มสลายไม่ได้ถูกแสดงทางโทรทัศน์ แต่ได้รับการวางแผนไว้แล้ว ฟอรัมเศรษฐกิจโลกซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นปราการที่ไม่มีใครแตะต้องได้ของการปกครองแบบเทคโนแครต ถูกแฮ็ก รื้อถอน และเปิดโปงจากภายใน ไม่มีเรื่องอื้อฉาวใดๆ เกิดขึ้น แต่เป็นเพียงการทำลายล้าง เจ้าหน้าที่หมวกขาวภายในเครื่องจักรของดาวอสได้ทำลายภาพลวงตาของความสามัคคีทั่วโลก และเปิดโปงว่าอาชญากรรมต่างๆ เช่น การแทรกแซงการเลือกตั้ง การบังคับให้ผู้คนเข้ารับการรักษาพยาบาล การยึดครองที่ดินภายใต้ข้ออ้างของนโยบายด้านสภาพอากาศ และการติดป้ายชื่อบุคคลแต่ละคนอย่างเงียบๆ เพื่อให้ตรวจสอบนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร

    ในช่วงต้นปี 2024 กลุ่มหมวกขาวได้ยึดเอกสารภายใน บันทึกเสียงลับ และการสื่อสารที่เป็นความลับ ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าผู้นำฟอรัมเศรษฐกิจโลก (WEF) มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินกองทุน "ด้านสภาพอากาศ" กว่า 400,000 ล้านดอลลาร์ผ่านองค์กรพัฒนาเอกชนปลอม กับดักหนี้ และการขโมยสินทรัพย์ดิจิทัล โลกไม่เคยเป็นเป้าหมายของพวกเขา เป้าหมายของพวกเขาคือที่ดิน อาหาร และพลังงาน ภายใต้หน้ากากของ "ความยุติธรรม" พวกเขากดขี่ชาวนา ลิดรอนสิทธิของชนพื้นเมือง และใช้องค์กรการกุศลปลอมเพื่อจัดการรัฐประหารทางการเมือง แต่มันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ไฟล์เซิร์ฟเวอร์ WEF ในยุค COVID-19 ซึ่งค้นพบในช่วงปลายปี 2024 แสดงให้เห็นว่ามีการวางแผนการล็อกดาวน์ไว้ล่วงหน้า มีเครือข่ายการทุจริตในสื่อ และมีแผนที่จะนำไบโอเมตริกส์มาใช้ตั้งแต่ปี 2017 วัคซีนเป็นเครื่องมือ วิกฤตได้รับการวางแผน

    ในช่วงต้นปี 2025 ผู้แจ้งเบาะแสเริ่มเปิดเผยด้านมืด: การทดสอบตัวตนดิจิทัลแบบลับในแคนาดา ออสเตรเลีย และเยอรมนี โปรแกรมนำร่องเหล่านี้ผสมผสานสถานะสุขภาพ พฤติกรรมเครดิต และการติดตามโซเชียลมีเดียโดยไม่ได้ขออนุญาต ผู้คนไม่ได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นบุคคล แต่เป็นหน่วยที่ตั้งโปรแกรมได้ บันทึกการวางแผนภายในของฟอรัมเศรษฐกิจโลกเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า "คลัสเตอร์พฤติกรรม" และ "โหนดการผลิตข้อมูล" คุกอัจฉริยะของชวาบมีอยู่จริงและเกือบจะพร้อมแล้ว

    ความเย่อหยิ่งครอบงำเมืองดาวอส เสียงจากการประชุมโต๊ะกลมในเดือนมกราคม 2024 เผยให้เห็นซีอีโอพูดเล่นเกี่ยวกับการล่มสลายของตลาด "ตามต้องการ" และการขู่กรรโชกเจ้าหน้าที่เพื่อให้ผ่านกฎหมายภาษีคาร์บอน ปัจจุบัน กลุ่มหมวกขาวมีหลักฐานว่า WEF ให้ทุนสนับสนุนการจลาจล การทุจริตการเลือกตั้ง และใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อปิดปากผู้เห็นต่าง กำแพงถูกพังทลายลงในเดือนมีนาคม 2025 การ "เกษียณอายุ" ของ Schwab เป็นการออกจากตำแหน่งโดยถูกบังคับ พันธมิตรที่สำคัญเปลี่ยนฝ่าย ประเทศต่างๆ มากกว่าสิบประเทศได้เริ่มการสอบสวนทางอาญา ภาพลักษณ์ของภูมิคุ้มกันของชนชั้นนำพังทลายลง

    ผลกระทบได้เริ่มขึ้นแล้วในวันที่ 21 มิถุนายน ข้อตกลงการค้าที่เชื่อมโยงกับเป้าหมายของฟอรัมเศรษฐกิจโลกกำลังล้มเหลว การหลอกลวง ESG กำลังล้มเหลว การสืบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์กำลังดำเนินการอยู่ที่ Deutsche Bank, HSBC และธนาคารใหญ่ๆ อื่นๆ ที่เชื่อมโยงกับ Davos ผู้ที่รับผิดชอบกำลังลาออก ระบบระบุตัวตนดิจิทัลกำลังปิดตัวลง ศูนย์กลางการประสานงานของกลุ่มลับสูญเสียไปแล้ว และความตื่นตระหนกกำลังแพร่กระจายไปทั่วห้องโถงของอำนาจระดับโลก

    นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ข้อมูลที่ได้มาหลังจากการยุบ WEF ถูกนำมาใช้โจมตี WHO, BIS และกลุ่มมนุษยธรรมปลอมทั้งหมดที่ร่วมมือกับ Davos เพื่อแสวงหากำไร การเปิดเผยนี้จะเกิดขึ้นในฤดูร้อนนี้ ซึ่งจะครอบคลุมทั่วโลกและไม่อาจปฏิเสธได้ และจะเป็นเครื่องหมายจุดจบของระบบเก่า เมื่อครั้งหนึ่งเคยทำงานในเงามืด ตอนนี้มันกลับถูกเผาไหม้ต่อหน้าต่อตา

    WEF ล่มสลาย ภาพลวงตาถูกทำลาย และจากเถ้าถ่านของมัน ยุคฟื้นฟูที่แท้จริงได้ถือกำเนิดขึ้น ยุคฟื้นฟูที่ไม่ได้เขียนโดยผู้เผด็จการ แต่เขียนโดยประชาชนที่เป็นอิสระ
    การล่มสลายไม่ได้ถูกแสดงทางโทรทัศน์ แต่ได้รับการวางแผนไว้แล้ว ฟอรัมเศรษฐกิจโลกซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นปราการที่ไม่มีใครแตะต้องได้ของการปกครองแบบเทคโนแครต ถูกแฮ็ก รื้อถอน และเปิดโปงจากภายใน ไม่มีเรื่องอื้อฉาวใดๆ เกิดขึ้น แต่เป็นเพียงการทำลายล้าง เจ้าหน้าที่หมวกขาวภายในเครื่องจักรของดาวอสได้ทำลายภาพลวงตาของความสามัคคีทั่วโลก และเปิดโปงว่าอาชญากรรมต่างๆ เช่น การแทรกแซงการเลือกตั้ง การบังคับให้ผู้คนเข้ารับการรักษาพยาบาล การยึดครองที่ดินภายใต้ข้ออ้างของนโยบายด้านสภาพอากาศ และการติดป้ายชื่อบุคคลแต่ละคนอย่างเงียบๆ เพื่อให้ตรวจสอบนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ในช่วงต้นปี 2024 กลุ่มหมวกขาวได้ยึดเอกสารภายใน บันทึกเสียงลับ และการสื่อสารที่เป็นความลับ ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าผู้นำฟอรัมเศรษฐกิจโลก (WEF) มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินกองทุน "ด้านสภาพอากาศ" กว่า 400,000 ล้านดอลลาร์ผ่านองค์กรพัฒนาเอกชนปลอม กับดักหนี้ และการขโมยสินทรัพย์ดิจิทัล โลกไม่เคยเป็นเป้าหมายของพวกเขา เป้าหมายของพวกเขาคือที่ดิน อาหาร และพลังงาน ภายใต้หน้ากากของ "ความยุติธรรม" พวกเขากดขี่ชาวนา ลิดรอนสิทธิของชนพื้นเมือง และใช้องค์กรการกุศลปลอมเพื่อจัดการรัฐประหารทางการเมือง แต่มันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ไฟล์เซิร์ฟเวอร์ WEF ในยุค COVID-19 ซึ่งค้นพบในช่วงปลายปี 2024 แสดงให้เห็นว่ามีการวางแผนการล็อกดาวน์ไว้ล่วงหน้า มีเครือข่ายการทุจริตในสื่อ และมีแผนที่จะนำไบโอเมตริกส์มาใช้ตั้งแต่ปี 2017 วัคซีนเป็นเครื่องมือ วิกฤตได้รับการวางแผน ในช่วงต้นปี 2025 ผู้แจ้งเบาะแสเริ่มเปิดเผยด้านมืด: การทดสอบตัวตนดิจิทัลแบบลับในแคนาดา ออสเตรเลีย และเยอรมนี โปรแกรมนำร่องเหล่านี้ผสมผสานสถานะสุขภาพ พฤติกรรมเครดิต และการติดตามโซเชียลมีเดียโดยไม่ได้ขออนุญาต ผู้คนไม่ได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นบุคคล แต่เป็นหน่วยที่ตั้งโปรแกรมได้ บันทึกการวางแผนภายในของฟอรัมเศรษฐกิจโลกเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า "คลัสเตอร์พฤติกรรม" และ "โหนดการผลิตข้อมูล" คุกอัจฉริยะของชวาบมีอยู่จริงและเกือบจะพร้อมแล้ว ความเย่อหยิ่งครอบงำเมืองดาวอส เสียงจากการประชุมโต๊ะกลมในเดือนมกราคม 2024 เผยให้เห็นซีอีโอพูดเล่นเกี่ยวกับการล่มสลายของตลาด "ตามต้องการ" และการขู่กรรโชกเจ้าหน้าที่เพื่อให้ผ่านกฎหมายภาษีคาร์บอน ปัจจุบัน กลุ่มหมวกขาวมีหลักฐานว่า WEF ให้ทุนสนับสนุนการจลาจล การทุจริตการเลือกตั้ง และใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อปิดปากผู้เห็นต่าง กำแพงถูกพังทลายลงในเดือนมีนาคม 2025 การ "เกษียณอายุ" ของ Schwab เป็นการออกจากตำแหน่งโดยถูกบังคับ พันธมิตรที่สำคัญเปลี่ยนฝ่าย ประเทศต่างๆ มากกว่าสิบประเทศได้เริ่มการสอบสวนทางอาญา ภาพลักษณ์ของภูมิคุ้มกันของชนชั้นนำพังทลายลง ผลกระทบได้เริ่มขึ้นแล้วในวันที่ 21 มิถุนายน ข้อตกลงการค้าที่เชื่อมโยงกับเป้าหมายของฟอรัมเศรษฐกิจโลกกำลังล้มเหลว การหลอกลวง ESG กำลังล้มเหลว การสืบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์กำลังดำเนินการอยู่ที่ Deutsche Bank, HSBC และธนาคารใหญ่ๆ อื่นๆ ที่เชื่อมโยงกับ Davos ผู้ที่รับผิดชอบกำลังลาออก ระบบระบุตัวตนดิจิทัลกำลังปิดตัวลง ศูนย์กลางการประสานงานของกลุ่มลับสูญเสียไปแล้ว และความตื่นตระหนกกำลังแพร่กระจายไปทั่วห้องโถงของอำนาจระดับโลก นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ข้อมูลที่ได้มาหลังจากการยุบ WEF ถูกนำมาใช้โจมตี WHO, BIS และกลุ่มมนุษยธรรมปลอมทั้งหมดที่ร่วมมือกับ Davos เพื่อแสวงหากำไร การเปิดเผยนี้จะเกิดขึ้นในฤดูร้อนนี้ ซึ่งจะครอบคลุมทั่วโลกและไม่อาจปฏิเสธได้ และจะเป็นเครื่องหมายจุดจบของระบบเก่า เมื่อครั้งหนึ่งเคยทำงานในเงามืด ตอนนี้มันกลับถูกเผาไหม้ต่อหน้าต่อตา WEF ล่มสลาย ภาพลวงตาถูกทำลาย และจากเถ้าถ่านของมัน ยุคฟื้นฟูที่แท้จริงได้ถือกำเนิดขึ้น ยุคฟื้นฟูที่ไม่ได้เขียนโดยผู้เผด็จการ แต่เขียนโดยประชาชนที่เป็นอิสระ
    0 Comments 0 Shares 468 Views 0 Reviews
More Results