• 25 ปี "โคบอลต์-60" รั่วไหล สมุทรปราการผวา รังสีที่คร่าชีวิต 3 ศพ เจ็บ 7 ราย หายนะร้านรับซื้อของเก่า

    📅 วันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2543 เป็นวันที่สร้างความตื่นตระหนก ให้กับประเทศไทย เมื่อเกิดอุบัติเหตุรังสีรั่วไหล จากสารโคบอลต์-60 ที่สมุทรปราการ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บอีก 7 ราย หลายคนได้รับผลกระทบ จากรังสีแกมมาที่ร้ายแรงที่สุด ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของประเทศ

    แม้เหตุการณ์นี้จะผ่านมา 25 ปี แต่ยังเป็นบทเรียนสำคัญ เกี่ยวกับความปลอดภัยในการจัดเก็บ และกำจัดสารกัมมันตรังสี 🛑

    🔥 จุดเริ่มต้นของหายนะ สารรังสีหลุดจากการควบคุม
    เหตุการณ์เริ่มต้นจากการที่ บริษัทกมลสุโกศล อิเล็คทริค จำกัด ได้รับซื้อเครื่องฉายรังสี "โคบอลต์-60" ที่หมดอายุ จากโรงพยาบาลรามาธิบดี เมื่อปี 2537 โดยเก็บไว้ที่โกดังของบริษัท

    ต่อมาในปี 2542 บริษัทได้เคลื่อนย้ายเครื่องฉายรังสี ไปยังลานจอดรถร้าง ย่านซอยอ่อนนุช กรุงเทพฯ โดยไม่มีมาตรการ รักษาความปลอดภัยอย่างเพียงพอ 😱

    นี่กลายเป็นช่องโหว่สำคัญ ที่ทำให้มีคนลักลอบ นำเครื่องฉายรังสีไปขายเป็นเศษเหล็ก โดยไม่รู้ว่าภายในนั้นมี "โคบอลต์-60" ซึ่งเป็นสารกัมมันตรังสี ที่สามารถปล่อยรังสีแกมมา ในระดับอันตราย 🚨

    🚨 เส้นทางของสารกัมมันตรังสี จากซาเล้งสู่ร้านรับซื้อของเก่า
    🛒 24 มกราคม 2543 นายจิตรเสน จันทร์สาขา ซึ่งมีอาชีพเก็บของเก่า ได้รับซื้อเศษเหล็กปริศนา มาจากกลุ่มที่ลักลอบนำไปขาย

    📍 1 กุมภาพันธ์ 2543 นายจิตรเสนนำชิ้นส่วนโลหะ ไปขายให้ ร้านรับซื้อของเก่า "สมจิตร" ในซอยวัดมหาวงษ์ ตำบลสำโรง อำเภอพระประแดง สมุทรปราการ

    🔧 ขณะที่พยายามตัดแยกชิ้นส่วน ลูกจ้าง 2 คนของร้านรับซื้อของเก่า ใช้เครื่องตัดเหล็กแบบแก๊ส ผ่าออก พบแท่งโลหะ 2 ชิ้น และมีควันสีเหลือง ที่มีกลิ่นเหม็นออกมา โดยไม่รู้เลยว่านั่นคือ สารกัมมันตรังสี ที่เป็นอันตรายถึงชีวิต! ☢️

    ☢️ ผลกระทบจากรังสี โรครังสีเฉียบพลัน
    🔬 15-17 กุมภาพันธ์ 2543 ผู้ที่สัมผัสรังสีเริ่มมีอาการรุนแรง เช่น
    ✅ อ่อนเพลีย
    ✅ มือบวมพอง
    ✅ แผลไหม้พุพอง
    ✅ เม็ดเลือดขาวต่ำ
    ✅ ผมร่วง

    18 กุมภาพันธ์ 2543 เมื่อแพทย์พบว่า ผู้ป่วยทั้งหมดมีอาการคล้ายกัน จึงสันนิษฐานว่า น่าจะเกิดจากการได้รับรังสีรุนแรง และแจ้งไปยัง สำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ (พปส.)

    🏥 การเสียชีวิตจากรังสีแกมมา
    📅 9 มีนาคม 2543 นายนิพนธ์ พันธุ์ขันธ์ ลูกจ้างร้านรับซื้อของเก่า เสียชีวิตเป็นรายแรก จากการติดเชื้อในกระแสเลือด เนื่องจากเม็ดเลือดขาว ถูกทำลายจากรังสี

    📅 18 มีนาคม 2543 นายสุดใจ ใจเร็ว ลูกจ้างอีกคน เสียชีวิตจากภาวะเดียวกัน

    📅 24 มีนาคม 2543 สามีของนางสมจิตร เจ้าของร้านรับซื้อของเก่า เสียชีวิตเป็นรายที่ 3

    📌 แม้นายจิตรเสน จะรอดชีวิตมาได้ แต่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในไอซียู และถูกตัดนิ้วมือ ที่ได้รับรังสีสูง

    นอกจากนี้ หญิงตั้งครรภ์รายหนึ่งที่ได้รับรังสี ต้องทำแท้ง เนื่องจากความเสี่ยงที่รังสี จะส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์

    ⚖️ คดีความ
    ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ได้รวมตัวกันฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย จากรัฐและเอกชน

    📌 คดีศาลปกครอง ศาลสูงสุดพิพากษา ให้สำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ (พปส.) จ่ายค่าสินไหมทดแทน 5.2 ล้านบาท

    📌 คดีศาลแพ่ง ศาลฎีกาพิพากษาให้ บริษัทกมลสุโกศล อิเล็คทริค จำกัด จ่ายค่าเสียหาย 529,276 บาท

    แต่ท้ายที่สุด บริษัทไม่ได้รับผิดชอบต่อประชาชน ตามที่กล่าวอ้าง

    ❗ บทเรียนจากโศกนาฏกรรม
    🔹 การขาดมาตรการจัดเก็บที่ปลอดภัย ทำให้สารกัมมันตรังสี รั่วไหลออกจากการควบคุม

    🔹 การขาดความรู้ของประชาชน ทำให้มีคนสัมผัสสารรังสีโดยไม่รู้ตัว

    🔹 ความล่าช้าในการจัดการของรัฐ ทำให้เกิดผลกระทบรุนแรง

    แม้ว่าประเทศไทยจะมี สำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ เป็นหน่วยงานกำกับดูแล แต่การขาดการบังคับใช้กฎหมาย อย่างเคร่งครัด ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น

    📌 เหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้นอีก
    25 ปีผ่านไป เหตุการณ์ โคบอลต์-60 รั่วไหล ยังคงเป็นบทเรียนสำคัญ ที่แสดงให้เห็นว่า ความประมาท และการละเลยมาตรฐานความปลอดภัย ด้านกัมมันตรังสี อาจนำไปสู่หายนะร้ายแรง

    📢 มาตรการป้องกันที่ควรมี
    ✅ การจัดเก็บสารกัมมันตรังสี ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
    ✅ การตรวจสอบของหน่วยงานรัฐ ที่เคร่งครัด
    ✅ การให้ความรู้เกี่ยวกับ อันตรายของสารรังสีแก่ประชาชน
    ✅ การจัดการกากกัมมันตรังสีที่ถูกต้อง

    หากไม่มีการปฏิบัติตามมาตรการเหล่านี้ อุบัติเหตุจากรังสี อาจเกิดขึ้นซ้ำได้ทุกเมื่อ ☢️

    📢 คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
    1. โคบอลต์-60 คืออะไร?
    โคบอลต์-60 เป็นสารกัมมันตรังสี ที่ใช้ในทางการแพทย์ และอุตสาหกรรม แต่สามารถปล่อยรังสีแกมมา ที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์

    2. รังสีแกมมา ทำอันตรายต่อร่างกายอย่างไร?
    รังสีแกมมา สามารถทำลายเซลล์ในร่างกาย ส่งผลให้เกิดมะเร็ง ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ ผิวหนังไหม้ และอวัยวะล้มเหลว

    3. เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบ ต่อกฎหมายไทยอย่างไร?
    เหตุการณ์นี้ นำไปสู่การปรับปรุง มาตรการควบคุมสารกัมมันตรังสี ให้เข้มงวดมากขึ้น แต่ยังมีข้อบกพร่อง ในการบังคับใช้

    4. ประเทศไทยมีมาตรการป้องกัน อุบัติเหตุรังสีหรือไม่?
    มีสำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ (พปส.) กำกับดูแล แต่การบังคับใช้กฎหมาย ยังขาดความเข้มงวด

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 181220 ก.พ. 2568

    #️⃣ #โคบอลต์60 #สมุทรปราการ #รังสีรั่วไหล #ภัยรังสี #ความปลอดภัย #พลังงานปรมาณู #อันตรายจากรังสี #รังสีแกมมา #ข่าวดัง #บทเรียนจากอดีต 🚨
    25 ปี "โคบอลต์-60" รั่วไหล สมุทรปราการผวา รังสีที่คร่าชีวิต 3 ศพ เจ็บ 7 ราย หายนะร้านรับซื้อของเก่า 📅 วันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2543 เป็นวันที่สร้างความตื่นตระหนก ให้กับประเทศไทย เมื่อเกิดอุบัติเหตุรังสีรั่วไหล จากสารโคบอลต์-60 ที่สมุทรปราการ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บอีก 7 ราย หลายคนได้รับผลกระทบ จากรังสีแกมมาที่ร้ายแรงที่สุด ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของประเทศ แม้เหตุการณ์นี้จะผ่านมา 25 ปี แต่ยังเป็นบทเรียนสำคัญ เกี่ยวกับความปลอดภัยในการจัดเก็บ และกำจัดสารกัมมันตรังสี 🛑 🔥 จุดเริ่มต้นของหายนะ สารรังสีหลุดจากการควบคุม เหตุการณ์เริ่มต้นจากการที่ บริษัทกมลสุโกศล อิเล็คทริค จำกัด ได้รับซื้อเครื่องฉายรังสี "โคบอลต์-60" ที่หมดอายุ จากโรงพยาบาลรามาธิบดี เมื่อปี 2537 โดยเก็บไว้ที่โกดังของบริษัท ต่อมาในปี 2542 บริษัทได้เคลื่อนย้ายเครื่องฉายรังสี ไปยังลานจอดรถร้าง ย่านซอยอ่อนนุช กรุงเทพฯ โดยไม่มีมาตรการ รักษาความปลอดภัยอย่างเพียงพอ 😱 นี่กลายเป็นช่องโหว่สำคัญ ที่ทำให้มีคนลักลอบ นำเครื่องฉายรังสีไปขายเป็นเศษเหล็ก โดยไม่รู้ว่าภายในนั้นมี "โคบอลต์-60" ซึ่งเป็นสารกัมมันตรังสี ที่สามารถปล่อยรังสีแกมมา ในระดับอันตราย 🚨 🚨 เส้นทางของสารกัมมันตรังสี จากซาเล้งสู่ร้านรับซื้อของเก่า 🛒 24 มกราคม 2543 นายจิตรเสน จันทร์สาขา ซึ่งมีอาชีพเก็บของเก่า ได้รับซื้อเศษเหล็กปริศนา มาจากกลุ่มที่ลักลอบนำไปขาย 📍 1 กุมภาพันธ์ 2543 นายจิตรเสนนำชิ้นส่วนโลหะ ไปขายให้ ร้านรับซื้อของเก่า "สมจิตร" ในซอยวัดมหาวงษ์ ตำบลสำโรง อำเภอพระประแดง สมุทรปราการ 🔧 ขณะที่พยายามตัดแยกชิ้นส่วน ลูกจ้าง 2 คนของร้านรับซื้อของเก่า ใช้เครื่องตัดเหล็กแบบแก๊ส ผ่าออก พบแท่งโลหะ 2 ชิ้น และมีควันสีเหลือง ที่มีกลิ่นเหม็นออกมา โดยไม่รู้เลยว่านั่นคือ สารกัมมันตรังสี ที่เป็นอันตรายถึงชีวิต! ☢️ ☢️ ผลกระทบจากรังสี โรครังสีเฉียบพลัน 🔬 15-17 กุมภาพันธ์ 2543 ผู้ที่สัมผัสรังสีเริ่มมีอาการรุนแรง เช่น ✅ อ่อนเพลีย ✅ มือบวมพอง ✅ แผลไหม้พุพอง ✅ เม็ดเลือดขาวต่ำ ✅ ผมร่วง 18 กุมภาพันธ์ 2543 เมื่อแพทย์พบว่า ผู้ป่วยทั้งหมดมีอาการคล้ายกัน จึงสันนิษฐานว่า น่าจะเกิดจากการได้รับรังสีรุนแรง และแจ้งไปยัง สำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ (พปส.) 🏥 การเสียชีวิตจากรังสีแกมมา 📅 9 มีนาคม 2543 นายนิพนธ์ พันธุ์ขันธ์ ลูกจ้างร้านรับซื้อของเก่า เสียชีวิตเป็นรายแรก จากการติดเชื้อในกระแสเลือด เนื่องจากเม็ดเลือดขาว ถูกทำลายจากรังสี 📅 18 มีนาคม 2543 นายสุดใจ ใจเร็ว ลูกจ้างอีกคน เสียชีวิตจากภาวะเดียวกัน 📅 24 มีนาคม 2543 สามีของนางสมจิตร เจ้าของร้านรับซื้อของเก่า เสียชีวิตเป็นรายที่ 3 📌 แม้นายจิตรเสน จะรอดชีวิตมาได้ แต่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในไอซียู และถูกตัดนิ้วมือ ที่ได้รับรังสีสูง นอกจากนี้ หญิงตั้งครรภ์รายหนึ่งที่ได้รับรังสี ต้องทำแท้ง เนื่องจากความเสี่ยงที่รังสี จะส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ ⚖️ คดีความ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ได้รวมตัวกันฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย จากรัฐและเอกชน 📌 คดีศาลปกครอง ศาลสูงสุดพิพากษา ให้สำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ (พปส.) จ่ายค่าสินไหมทดแทน 5.2 ล้านบาท 📌 คดีศาลแพ่ง ศาลฎีกาพิพากษาให้ บริษัทกมลสุโกศล อิเล็คทริค จำกัด จ่ายค่าเสียหาย 529,276 บาท แต่ท้ายที่สุด บริษัทไม่ได้รับผิดชอบต่อประชาชน ตามที่กล่าวอ้าง ❗ บทเรียนจากโศกนาฏกรรม 🔹 การขาดมาตรการจัดเก็บที่ปลอดภัย ทำให้สารกัมมันตรังสี รั่วไหลออกจากการควบคุม 🔹 การขาดความรู้ของประชาชน ทำให้มีคนสัมผัสสารรังสีโดยไม่รู้ตัว 🔹 ความล่าช้าในการจัดการของรัฐ ทำให้เกิดผลกระทบรุนแรง แม้ว่าประเทศไทยจะมี สำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ เป็นหน่วยงานกำกับดูแล แต่การขาดการบังคับใช้กฎหมาย อย่างเคร่งครัด ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น 📌 เหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้นอีก 25 ปีผ่านไป เหตุการณ์ โคบอลต์-60 รั่วไหล ยังคงเป็นบทเรียนสำคัญ ที่แสดงให้เห็นว่า ความประมาท และการละเลยมาตรฐานความปลอดภัย ด้านกัมมันตรังสี อาจนำไปสู่หายนะร้ายแรง 📢 มาตรการป้องกันที่ควรมี ✅ การจัดเก็บสารกัมมันตรังสี ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ✅ การตรวจสอบของหน่วยงานรัฐ ที่เคร่งครัด ✅ การให้ความรู้เกี่ยวกับ อันตรายของสารรังสีแก่ประชาชน ✅ การจัดการกากกัมมันตรังสีที่ถูกต้อง หากไม่มีการปฏิบัติตามมาตรการเหล่านี้ อุบัติเหตุจากรังสี อาจเกิดขึ้นซ้ำได้ทุกเมื่อ ☢️ 📢 คำถามที่พบบ่อย (FAQs) 1. โคบอลต์-60 คืออะไร? โคบอลต์-60 เป็นสารกัมมันตรังสี ที่ใช้ในทางการแพทย์ และอุตสาหกรรม แต่สามารถปล่อยรังสีแกมมา ที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ 2. รังสีแกมมา ทำอันตรายต่อร่างกายอย่างไร? รังสีแกมมา สามารถทำลายเซลล์ในร่างกาย ส่งผลให้เกิดมะเร็ง ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ ผิวหนังไหม้ และอวัยวะล้มเหลว 3. เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบ ต่อกฎหมายไทยอย่างไร? เหตุการณ์นี้ นำไปสู่การปรับปรุง มาตรการควบคุมสารกัมมันตรังสี ให้เข้มงวดมากขึ้น แต่ยังมีข้อบกพร่อง ในการบังคับใช้ 4. ประเทศไทยมีมาตรการป้องกัน อุบัติเหตุรังสีหรือไม่? มีสำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ (พปส.) กำกับดูแล แต่การบังคับใช้กฎหมาย ยังขาดความเข้มงวด ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 181220 ก.พ. 2568 #️⃣ #โคบอลต์60 #สมุทรปราการ #รังสีรั่วไหล #ภัยรังสี #ความปลอดภัย #พลังงานปรมาณู #อันตรายจากรังสี #รังสีแกมมา #ข่าวดัง #บทเรียนจากอดีต 🚨
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 628 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีปูตินลงนาม "ถอนตัว" จากข้อตกลงเกี่ยวกับโครงการสิ่งแวดล้อมนิวเคลียร์พหุภาคี (MNEPR)

    ข้อตกลงและพิธีสารว่าด้วยโครงการสิ่งแวดล้อมนิวเคลียร์พหุภาคีในสหพันธรัฐรัสเซีย (MNEPR - Multilateral Nuclear Environmental Programme in the Russian Federation) ซึ่งลงนามโดยประเทศสมาชิก OECD หลายประเทศและสหพันธรัฐรัสเซียในกรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2546 (2003)

    โดยกรอบข้อตกลงดังกล่าว ถูกออกแบบมาเพื่อส่งเสริมเและอำนวยความสะดวกในการร่วมมือและความช่วยเหลือแก่สหพันธรัฐรัสเซียในด้านความปลอดภัยของเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้วและการจัดการขยะกัมมันตภาพรังสี

    ซึ่งครอบคลุมการรักษาความปลอดภัยและการทำความสะอาดสถานที่จัดเก็บเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้วและการรื้อถอนเรือดำน้ำนิวเคลียร์เก่าที่ปลดประจำการ

    แต่คาดว่าการที่ปูตินถอนตัวออกจากข้อตกลง MNEPR นี้ เนื่องจากเงื่อนไขบางส่วนระบุไว้ถึงการดำเนินคดีทางกฎหมาย และการชดใช้ค่าเสียหายตามข้อตกลง MNEPR ซึ่งอาจบ่งชี้ได้ถึงการยกระดับด้านอาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซียไปอีกขั้น

    ผู้ลงนามในข้อตกลงเมื่อปี 2546 (2003) ได้แก่ เบลเยียม เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ สหพันธรัฐรัสเซีย สวีเดน สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา ประชาคมยุโรป และประชาคมพลังงานปรมาณูยุโรป
    ประธานาธิบดีปูตินลงนาม "ถอนตัว" จากข้อตกลงเกี่ยวกับโครงการสิ่งแวดล้อมนิวเคลียร์พหุภาคี (MNEPR) ข้อตกลงและพิธีสารว่าด้วยโครงการสิ่งแวดล้อมนิวเคลียร์พหุภาคีในสหพันธรัฐรัสเซีย (MNEPR - Multilateral Nuclear Environmental Programme in the Russian Federation) ซึ่งลงนามโดยประเทศสมาชิก OECD หลายประเทศและสหพันธรัฐรัสเซียในกรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2546 (2003) โดยกรอบข้อตกลงดังกล่าว ถูกออกแบบมาเพื่อส่งเสริมเและอำนวยความสะดวกในการร่วมมือและความช่วยเหลือแก่สหพันธรัฐรัสเซียในด้านความปลอดภัยของเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้วและการจัดการขยะกัมมันตภาพรังสี ซึ่งครอบคลุมการรักษาความปลอดภัยและการทำความสะอาดสถานที่จัดเก็บเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้วและการรื้อถอนเรือดำน้ำนิวเคลียร์เก่าที่ปลดประจำการ แต่คาดว่าการที่ปูตินถอนตัวออกจากข้อตกลง MNEPR นี้ เนื่องจากเงื่อนไขบางส่วนระบุไว้ถึงการดำเนินคดีทางกฎหมาย และการชดใช้ค่าเสียหายตามข้อตกลง MNEPR ซึ่งอาจบ่งชี้ได้ถึงการยกระดับด้านอาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซียไปอีกขั้น ผู้ลงนามในข้อตกลงเมื่อปี 2546 (2003) ได้แก่ เบลเยียม เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ สหพันธรัฐรัสเซีย สวีเดน สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา ประชาคมยุโรป และประชาคมพลังงานปรมาณูยุโรป
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 473 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา อิหร่านเพิ่งประกาศเดินเครื่องหมุนเหวี่ยง (Centrifuge) แบบใหม่เพื่อเพิ่มผลผลิตยูเรเนียมเสริมสมรรถนะที่ใช้สำหรับการผลิตเชื้อเพลิงให้กับระเบิดนิวเคลียร์เป็นครั้งแรก

    บางส่วนของแถลงการณ์ร่วมของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานพลังงานปรมาณูของอิหร่าน:

    "เนื่องด้วยการกระทำที่ผิดกฏหมายของประเทศตะวันตกและตามกฎหมายระหว่างประเทศ และเพื่อตอบโต้ต่อการรับรองมติต่อต้านอิหร่านของ IAEA เราจึงได้ออกคำสั่งให้เปิดใช้งานเครื่องหมุนเหวี่ยงแบบใหม่ที่ล้ำหน้าเพื่อเพิ่มผลผลิตยูเรเนียมเสริมสมรรถนะอีกครั้ง"

    ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน อิหร่านเพิ่งประกาศยุติการผลิตยูเรเนียมเสริมสมรรถนะซึ่งซึ่งเป็นระดับที่ใช้ผลิตอาวุธนิวเคลียร์ตามคำร้องขอของ IAEA
    เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา อิหร่านเพิ่งประกาศเดินเครื่องหมุนเหวี่ยง (Centrifuge) แบบใหม่เพื่อเพิ่มผลผลิตยูเรเนียมเสริมสมรรถนะที่ใช้สำหรับการผลิตเชื้อเพลิงให้กับระเบิดนิวเคลียร์เป็นครั้งแรก บางส่วนของแถลงการณ์ร่วมของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานพลังงานปรมาณูของอิหร่าน: "เนื่องด้วยการกระทำที่ผิดกฏหมายของประเทศตะวันตกและตามกฎหมายระหว่างประเทศ และเพื่อตอบโต้ต่อการรับรองมติต่อต้านอิหร่านของ IAEA เราจึงได้ออกคำสั่งให้เปิดใช้งานเครื่องหมุนเหวี่ยงแบบใหม่ที่ล้ำหน้าเพื่อเพิ่มผลผลิตยูเรเนียมเสริมสมรรถนะอีกครั้ง" ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน อิหร่านเพิ่งประกาศยุติการผลิตยูเรเนียมเสริมสมรรถนะซึ่งซึ่งเป็นระดับที่ใช้ผลิตอาวุธนิวเคลียร์ตามคำร้องขอของ IAEA
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 427 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิหร่านเตือนว่าพวกเขาจะปกป้องตนเองหลังอิสราเอลโจมตีทางทหารสังหารทหารไป 4 นาย และโหมกระพือความกังวลเกี่ยวกับสงครามเต็มรูปแบบในตะวันออกกลาง
    .
    อิสราเอลเตือนอิหรานว่าจะ "ต้องชดใช้ราคาแพง" หากว่าตอบโต้การโจมตี ในขณะที่สหรัฐฯ เยอรมนี และสหราชอาณาจักรเรียกร้องเตหะรานอย่าได้ขยายความขัดแย้งให้ลุกลามบานปลายไปมากกว่านี้
    .
    ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แสดงความหวังว่า "เรื่องนี้จบลง" ตามหลังอิสราเอลปฏิบัติการโจมตีช่วงรุ่งสางของวันเสาร์ (26 ต.ค.) เน้นย้ำว่า "มันดูเหมือนพวกเขาไม่ได้โจมตีเป้าหมายอื่นใดนอกเหนือไปจากเป้าหมายด้านการทหาร"
    .
    ไบเดน เคยเรียกร้องอิสราเอลให้ละเว้นเล่นงานที่ตั้งทางนิวเคลียร์และน้ำมันในการโจมตีแก้แค้น และทบวงพลังงานปรมาณูสากลยืนยันว่าไม่มีที่ตั้งทางนิวเคลียร์ถูกโจมตี
    .
    สหภาพยุโรปเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอดทนอดกลั้นอย่างที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ลุกลามบายปลายจนไม่อาจควบคุมได้ ส่วนประเทศอื่นๆ ในนั้นรวมถึงบรรดาชาติเพื่อนบ้านของอิหร่าน ประณามการโจมตีของอิสราเอล และบางชาติอย่างเช่นรัสเซีย เรียกร้องทั้ง 2 ฝ่ายอดทนอดกลั้น และหลีกเลี่ยงในสิ่งที่มอสโกเรียกว่า "สถานการณ์หายนะ"
    .
    อิหร่านยืนยันว่าพวกเขา "มีสิทธิและหน้าที่" ในการปกป้องตนเอง ขณะเดียวกัน ทางฮิซบอลเลาะห์ พันธมิตรของเตหะราน เปิดเผยว่าได้ยิงจรวด 5 ลูก ใส่เป้าหมายพื้นที่ชุมชน 5 แห่ง ทางเหนือของอิสราเอล
    .
    กองทัพอิสราเอลระบุว่า มีจรวดทั้งหมด 80 ลูก ถูกยิงข้ามชายแดนเข้ามาในวันเสาร์ (26 ต.ค.) ก่อนที่ในเวลาต่อมา พวกฮิซบอลเลาะห์จะออกประกาศเตือนอพยพ ครอบคลุมที่ตั้งหลายสิบแห่งที่อยู่ในอิสราเอล ในความเคลื่อนไหวย้อนศรกองทัพอิสราเอลที่ดำเนินการมานานแล้ว ในการประกาศเตือนล่วงหน้าว่าพื้นที่ใดในกาซาและเลบานอนจะอยู่ภายใต้ปฏิบัติการของพวกเขา
    .
    ในการยืนยันการโจมตีของตนเอง หลังเสียงระเบิดและอาวุธต่อต้านอากาศยานดังสนั่นหวั่นไหวทั่งกรุงเตหะราน ทางกองทัพอิสราเอลเผยว่าพวกเขาเล็งเป้าโจมตีโรงงานขีปนาวุธและที่ตั้งทางทหารของอิหร่านหลายแห่ง ในหลายจังหวัด
    .
    "การโจมตีแก้แค้นเสร็จสิ้นแล้ว และภารกิจทำได้ตามเป้าหมาย เครื่องบินรบของอิสราเอลกลับมาอย่างปลอดภัย" โฆษกของกองทัพระบุ พร้อมยืนยันว่าอิสราเอลเล็งเป้าหมายเล่นงานที่ตั้งทางทหารแถวๆ เมืองหลวงและในจังหวัดอื่นๆ ซึ่งก่อความเสียหายเล็กน้อย แต่ปลิดชีพทหารอิหร่านไป 4 นาย
    .
    เสนาธิการทหารแห่งกองทัพอิหร่าน ระบุว่ามีเพียงระบบเรดาร์เท่านั้นที่ได้รับความเสียหายในเหตุโจมตี และยังไม่ถึงขั้นขู่โจมตีแก้แค้นในทันที "ในขณะที่เราขอสงวนสิทธิและความชอบทางกฎหมายในการตอบโต้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม อิหร่านให้ความสำคัญลำดับต้นๆ ในการสถาปนาข้อตกลงหยุดยิงที่ยั่งยืนในกาซาและเลบานอน"
    .
    อิสราเอลประกาศแก้แค้น หลังถูกอิหร่านรัวยิงขปานาวุธกว่า 200 ลูกเข้าใส่เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ถือเป็นเพียงครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ ที่เตหะรานโจมตีเล่นงานศัตรูตัวฉกาจโดยตรง ขีปนาวุธส่วนใหญ่ถูกสกัดไว้ได้ แต่มีบางส่วนเล็ดลอดไปและปลิดชีพผู้คนไป 1 ราย
    .
    การแก้แค้นของอิสราเอลเรียกเสียงประณามจากตุรกี อิรัก ปากีสถาน ซีเรีย และซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเตือนเกี่ยวกับสถานการณ์ลุกลามบานปลาย ส่วนจอร์แดนออกมาชี้แจงว่าเครื่องบินรบของอิสราเอลไม่ได้ใช้น่านฟ้าของพวกเขา
    .
    การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นในณะที่อิหร่านกำลังพัวพันในศึกการสู้รบ 2 แนวหน้า โดยนับตั้งแต่เดือนที่แล้ว พวกเขายกระดับทำสงครามกับฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ในนั้นรวมถึงปฏิบัติการโจมตีพวกผู้นำระดับสูงของกลุ่ม และรุกรานทางภาคพื้นเพื่อทำลายที่ตั้งขีปนาวุธ
    .
    นับตั้งแต่ถูกฮามาสบุกจู่โจมไม่คาดคิดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 อิสราเอลเปิดฉากสู้รบกับพวกนักรบกลุ่มนี้ในฉนวนกาซามานานกว่า 1 ปี ที่ทำให้มีพลเรือนเสียชีวิตจำนวนมากในฉนวนปาเลสไตน์ที่มีประชาชนพักอาศัยอยู่หนาแน่น
    .
    สหประชาชาติเคยเตือนว่าช่วงเวลาที่มืดมิดที่สุดของความขัดแย้งกำลังปรากฏออกมา ด้วยชาวปาเลสไตน์กำลังเผชิญกับวิกฤตด้านมนุษยธรรมเลวร้าย ท่ามกลางปฏิบัติการทิ้งบอมบ์ของอิสราเอลที่เกิดขึ้นในทุกวัน
    .
    เจ้าหน้าที่กลาโหมของอเมริการายหนึ่ง ชี้แจงว่า "สหรัฐฯ ไม่มีความเกี่ยวข้อง" กับปฏิบัติการโจมตีเล่นงานอิหร่าน แต่หลังจากนั้นประธานาธิบดีไอแซก เฮอร์ซอก ของอิสราเอล ได้กล่าวยกย่อง "เพื่อนที่ดีที่สุดของเรา อเมริกา สำหรับการเป็นพันธมิตรที่แท้จริง และสำหรับความร่วมมือลับๆ" แต่เขาไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ
    .
    ฌอน ซาเวตต์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุว่าการตอบโต้ของอิสราเอลเป็นการป้องกันตนเอง พร้อมเรียกร้องอิหร่าน "หยุดโจมตีอิสราเอล เพื่อที่วงจรแห่งการสู้รบนี้จะสามารถยุติลงได้ โดยที่สถานการณ์ไม่ลุกลามบานปลาย"
    .
    กองทัพอิสราเอล กล่าวโทษ "อิหร่านและบรรดากลุ่มตัวแทน" ในภูมิภาคสำหรับการโจมตีเล่นงานอิสราเอลอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม ตามหลังฮามาสจู่โจมเล่นงานอิสราเอลแบบไม่คาดคิด โหมกระพือสงครามในกาซา
    .
    การบุกจู่โจมของฮามาสได้สังหารผู้คนในอิสราเอลไป 1,206 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน และจับตัวประกันกลับไปหลายร้อยคน ซึ่งปัจจุบันยังมีอีกหลายสิบคนที่ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมตัวของนักรบกลุ่มนี้ในกาซา
    .
    ปฏิบัติการทิ้งบอมบ์ทางอากาศและรุกรานทางภาคพื้นแก้แค้นของอิสราเอลในกาซา ได้สังหารผู้คนไปแล้วกว่า 42,924 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ก่อนที่ในช่วงปลายเดือนกันยายน อิสราเอลได้เบนเป้าเข้าหาเลบานอน โจมตีเป้าหมายต่างๆ ของฮิซบอลเลาะห์และบรรดาผู้นำกลุ่ม จากนั้นก็ส่งทหารรุกรานทางภาคพื้นเช่นกัน
    .
    อิสราเอลบอกว่ามีเป้าหมายเพื่อทำให้ทางเหนือของประเทศมีความปลอดภัยมากขึ้น เปิดทางให้พลเมืองหลายหมื่นที่อพยพหลบหนีการสู้รบเดินทางกลับสู่บ้านเกิดเมืองนอน
    .
    ในเดือนเมษายน อิหร่านทำการปล่อยโดรนและยิงขีปนาวุธมากกว่า 300 ลูก เข้าเล่นงานอิสราเอล ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เตหะรานโจมตีถล่มดินแดนของอิสราเอล ศัตรูตัวฉกาจ
    .
    เตหะรานบอกว่าห่าการโจมตีดังกล่าว เป็นการแก้แค้นอิสราเอลต่อกรณีที่โจมตีสถานกงสุลอิหร่านในกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย ทำให้บรรดาผู้บัญชาการของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน เสียชีวิตไปหลายคน
    .
    อิหร่านระบุว่าปฏิบัติการยิงขีปนาวุธโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม เป็นการแก้แค้นปฏิบัติการโจมตีทางอากาศหนึ่งของอิสราเอล ที่สังหารฮัสซัน นัสรัลเลาะห์ ผู้นำฮิซบอลเลาะห์ เช่นเดียวกับเหตุลอบสังหาร อิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำทางการเมืองของฮามาสในเตหะราน ที่พวกเขากล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของอิสราเอล
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000103351
    ..............
    Sondhi X
    อิหร่านเตือนว่าพวกเขาจะปกป้องตนเองหลังอิสราเอลโจมตีทางทหารสังหารทหารไป 4 นาย และโหมกระพือความกังวลเกี่ยวกับสงครามเต็มรูปแบบในตะวันออกกลาง . อิสราเอลเตือนอิหรานว่าจะ "ต้องชดใช้ราคาแพง" หากว่าตอบโต้การโจมตี ในขณะที่สหรัฐฯ เยอรมนี และสหราชอาณาจักรเรียกร้องเตหะรานอย่าได้ขยายความขัดแย้งให้ลุกลามบานปลายไปมากกว่านี้ . ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แสดงความหวังว่า "เรื่องนี้จบลง" ตามหลังอิสราเอลปฏิบัติการโจมตีช่วงรุ่งสางของวันเสาร์ (26 ต.ค.) เน้นย้ำว่า "มันดูเหมือนพวกเขาไม่ได้โจมตีเป้าหมายอื่นใดนอกเหนือไปจากเป้าหมายด้านการทหาร" . ไบเดน เคยเรียกร้องอิสราเอลให้ละเว้นเล่นงานที่ตั้งทางนิวเคลียร์และน้ำมันในการโจมตีแก้แค้น และทบวงพลังงานปรมาณูสากลยืนยันว่าไม่มีที่ตั้งทางนิวเคลียร์ถูกโจมตี . สหภาพยุโรปเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอดทนอดกลั้นอย่างที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ลุกลามบายปลายจนไม่อาจควบคุมได้ ส่วนประเทศอื่นๆ ในนั้นรวมถึงบรรดาชาติเพื่อนบ้านของอิหร่าน ประณามการโจมตีของอิสราเอล และบางชาติอย่างเช่นรัสเซีย เรียกร้องทั้ง 2 ฝ่ายอดทนอดกลั้น และหลีกเลี่ยงในสิ่งที่มอสโกเรียกว่า "สถานการณ์หายนะ" . อิหร่านยืนยันว่าพวกเขา "มีสิทธิและหน้าที่" ในการปกป้องตนเอง ขณะเดียวกัน ทางฮิซบอลเลาะห์ พันธมิตรของเตหะราน เปิดเผยว่าได้ยิงจรวด 5 ลูก ใส่เป้าหมายพื้นที่ชุมชน 5 แห่ง ทางเหนือของอิสราเอล . กองทัพอิสราเอลระบุว่า มีจรวดทั้งหมด 80 ลูก ถูกยิงข้ามชายแดนเข้ามาในวันเสาร์ (26 ต.ค.) ก่อนที่ในเวลาต่อมา พวกฮิซบอลเลาะห์จะออกประกาศเตือนอพยพ ครอบคลุมที่ตั้งหลายสิบแห่งที่อยู่ในอิสราเอล ในความเคลื่อนไหวย้อนศรกองทัพอิสราเอลที่ดำเนินการมานานแล้ว ในการประกาศเตือนล่วงหน้าว่าพื้นที่ใดในกาซาและเลบานอนจะอยู่ภายใต้ปฏิบัติการของพวกเขา . ในการยืนยันการโจมตีของตนเอง หลังเสียงระเบิดและอาวุธต่อต้านอากาศยานดังสนั่นหวั่นไหวทั่งกรุงเตหะราน ทางกองทัพอิสราเอลเผยว่าพวกเขาเล็งเป้าโจมตีโรงงานขีปนาวุธและที่ตั้งทางทหารของอิหร่านหลายแห่ง ในหลายจังหวัด . "การโจมตีแก้แค้นเสร็จสิ้นแล้ว และภารกิจทำได้ตามเป้าหมาย เครื่องบินรบของอิสราเอลกลับมาอย่างปลอดภัย" โฆษกของกองทัพระบุ พร้อมยืนยันว่าอิสราเอลเล็งเป้าหมายเล่นงานที่ตั้งทางทหารแถวๆ เมืองหลวงและในจังหวัดอื่นๆ ซึ่งก่อความเสียหายเล็กน้อย แต่ปลิดชีพทหารอิหร่านไป 4 นาย . เสนาธิการทหารแห่งกองทัพอิหร่าน ระบุว่ามีเพียงระบบเรดาร์เท่านั้นที่ได้รับความเสียหายในเหตุโจมตี และยังไม่ถึงขั้นขู่โจมตีแก้แค้นในทันที "ในขณะที่เราขอสงวนสิทธิและความชอบทางกฎหมายในการตอบโต้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม อิหร่านให้ความสำคัญลำดับต้นๆ ในการสถาปนาข้อตกลงหยุดยิงที่ยั่งยืนในกาซาและเลบานอน" . อิสราเอลประกาศแก้แค้น หลังถูกอิหร่านรัวยิงขปานาวุธกว่า 200 ลูกเข้าใส่เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ถือเป็นเพียงครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ ที่เตหะรานโจมตีเล่นงานศัตรูตัวฉกาจโดยตรง ขีปนาวุธส่วนใหญ่ถูกสกัดไว้ได้ แต่มีบางส่วนเล็ดลอดไปและปลิดชีพผู้คนไป 1 ราย . การแก้แค้นของอิสราเอลเรียกเสียงประณามจากตุรกี อิรัก ปากีสถาน ซีเรีย และซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเตือนเกี่ยวกับสถานการณ์ลุกลามบานปลาย ส่วนจอร์แดนออกมาชี้แจงว่าเครื่องบินรบของอิสราเอลไม่ได้ใช้น่านฟ้าของพวกเขา . การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นในณะที่อิหร่านกำลังพัวพันในศึกการสู้รบ 2 แนวหน้า โดยนับตั้งแต่เดือนที่แล้ว พวกเขายกระดับทำสงครามกับฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ในนั้นรวมถึงปฏิบัติการโจมตีพวกผู้นำระดับสูงของกลุ่ม และรุกรานทางภาคพื้นเพื่อทำลายที่ตั้งขีปนาวุธ . นับตั้งแต่ถูกฮามาสบุกจู่โจมไม่คาดคิดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 อิสราเอลเปิดฉากสู้รบกับพวกนักรบกลุ่มนี้ในฉนวนกาซามานานกว่า 1 ปี ที่ทำให้มีพลเรือนเสียชีวิตจำนวนมากในฉนวนปาเลสไตน์ที่มีประชาชนพักอาศัยอยู่หนาแน่น . สหประชาชาติเคยเตือนว่าช่วงเวลาที่มืดมิดที่สุดของความขัดแย้งกำลังปรากฏออกมา ด้วยชาวปาเลสไตน์กำลังเผชิญกับวิกฤตด้านมนุษยธรรมเลวร้าย ท่ามกลางปฏิบัติการทิ้งบอมบ์ของอิสราเอลที่เกิดขึ้นในทุกวัน . เจ้าหน้าที่กลาโหมของอเมริการายหนึ่ง ชี้แจงว่า "สหรัฐฯ ไม่มีความเกี่ยวข้อง" กับปฏิบัติการโจมตีเล่นงานอิหร่าน แต่หลังจากนั้นประธานาธิบดีไอแซก เฮอร์ซอก ของอิสราเอล ได้กล่าวยกย่อง "เพื่อนที่ดีที่สุดของเรา อเมริกา สำหรับการเป็นพันธมิตรที่แท้จริง และสำหรับความร่วมมือลับๆ" แต่เขาไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ . ฌอน ซาเวตต์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุว่าการตอบโต้ของอิสราเอลเป็นการป้องกันตนเอง พร้อมเรียกร้องอิหร่าน "หยุดโจมตีอิสราเอล เพื่อที่วงจรแห่งการสู้รบนี้จะสามารถยุติลงได้ โดยที่สถานการณ์ไม่ลุกลามบานปลาย" . กองทัพอิสราเอล กล่าวโทษ "อิหร่านและบรรดากลุ่มตัวแทน" ในภูมิภาคสำหรับการโจมตีเล่นงานอิสราเอลอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม ตามหลังฮามาสจู่โจมเล่นงานอิสราเอลแบบไม่คาดคิด โหมกระพือสงครามในกาซา . การบุกจู่โจมของฮามาสได้สังหารผู้คนในอิสราเอลไป 1,206 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน และจับตัวประกันกลับไปหลายร้อยคน ซึ่งปัจจุบันยังมีอีกหลายสิบคนที่ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมตัวของนักรบกลุ่มนี้ในกาซา . ปฏิบัติการทิ้งบอมบ์ทางอากาศและรุกรานทางภาคพื้นแก้แค้นของอิสราเอลในกาซา ได้สังหารผู้คนไปแล้วกว่า 42,924 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ก่อนที่ในช่วงปลายเดือนกันยายน อิสราเอลได้เบนเป้าเข้าหาเลบานอน โจมตีเป้าหมายต่างๆ ของฮิซบอลเลาะห์และบรรดาผู้นำกลุ่ม จากนั้นก็ส่งทหารรุกรานทางภาคพื้นเช่นกัน . อิสราเอลบอกว่ามีเป้าหมายเพื่อทำให้ทางเหนือของประเทศมีความปลอดภัยมากขึ้น เปิดทางให้พลเมืองหลายหมื่นที่อพยพหลบหนีการสู้รบเดินทางกลับสู่บ้านเกิดเมืองนอน . ในเดือนเมษายน อิหร่านทำการปล่อยโดรนและยิงขีปนาวุธมากกว่า 300 ลูก เข้าเล่นงานอิสราเอล ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เตหะรานโจมตีถล่มดินแดนของอิสราเอล ศัตรูตัวฉกาจ . เตหะรานบอกว่าห่าการโจมตีดังกล่าว เป็นการแก้แค้นอิสราเอลต่อกรณีที่โจมตีสถานกงสุลอิหร่านในกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย ทำให้บรรดาผู้บัญชาการของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน เสียชีวิตไปหลายคน . อิหร่านระบุว่าปฏิบัติการยิงขีปนาวุธโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม เป็นการแก้แค้นปฏิบัติการโจมตีทางอากาศหนึ่งของอิสราเอล ที่สังหารฮัสซัน นัสรัลเลาะห์ ผู้นำฮิซบอลเลาะห์ เช่นเดียวกับเหตุลอบสังหาร อิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำทางการเมืองของฮามาสในเตหะราน ที่พวกเขากล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของอิสราเอล . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000103351 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    Angry
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1821 มุมมอง 0 รีวิว