• "อวสาน" รถญี่ปุ่นในไทย
    จากมุมมองของ Nikkei Asia
    .
    ในวาระส่งท้ายปีเก่า 2567 ต้อนรับปีใหม่ 2568 สื่อยักษ์ใหญ่ชื่อดังของญี่ปุ่นคือ นิคเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) ได้เผยแพร่สารคดีข่าว NIKKEI Film : The sound of engines vanishing in Thailand (นิคเคอิ ฟิล์ม : เสียงของเครื่องยนต์ที่กำลังหายไปจากประเทศไทย) ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับสถานการณ์ของบรรดารถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่นที่ครั้งหนึ่งเคยครอบครองตลาดรถยนต์ในประเทศไทยมากกว่า 90% แต่ในห้วงระยะเวลาเพียง 2 ปีเท่านั้นกลับถูกรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนรุกไล่ ทำให้ในปี 2567 เหลือส่วนแบ่งยอดขายรถยนต์ในตลาดรถใหม่เพียง 76%
    .
    แม้ว่าในปัจจุบันรถยนต์ค่ายญี่ปุ่นจะยังคงสามารถครอบครองตลาดรถใหม่ในประเทศไทยได้มากกว่า 3 ใน 4 แต่เมื่อพิจารณาปัจจัยจากรอบด้านแล้วไม่ว่าจะเป็น แนวโน้มความต้องการของผู้บริโภค พลวัตรของเหล่าดีลเลอร์ผู้ขายรถยนต์ทั่วประเทศไทย การทยอยปิดโรงงาน การไหลออกของบุคลากร-พนักงาน-ผู้บริหารจากค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นไปสู่ค่ายรถจีน รวมไปถึงการคาดการณ์ตลาดรถยนต์ในอนาคตแล้วรถยนต์ญี่ปุ่นหนีไม่พ้นอาจต้องสูญพันธุ์จากประเทศไทยในอนาคตอันใกล้ หากไม่เร่งปรับตัวให้เร็วกว่านี้
    .
    "ผมเพิ่งซื้อรถยนต์บีวายดีรุ่นใหม่ล่าสุด แล้วผมก็เปรียบเทียบรถอีวี กับ รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบดั้งเดิมเพื่อศึกษาความแตกต่าง ... ฟังก์ชันในรถอีวีของจีนนั้นครบครันมาก อัตราการเร่งก็ฉับไวมาก" คุณบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ ให้สัมภาษณ์กับนิคเคอิเป็นภาษาญี่ปุ่นอันคล่องแคล่ว และเปรียบเทียบต่อว่า
    .
    "ผมมองญี่ปุ่นจากหลาย ๆ มุม ด้วยความที่สำเร็จมาตั้งแต่ในยุคอะนาล็อก ญี่ปุ่นกลับไม่สามารถปรับตัวได้รวดเร็วพอในยุคของเทคโนโลยีดิจิทัล เทียบกับจีนที่ไม่ได้มีความสำเร็จมากนักในยุคของอะนาล็อก แต่พอยุคสมัยของเทคโนโลยีดิจิทัลมาถึง จีนจึงพยายามอย่างมากที่จะดิสรัปอุตสาหกรรมรถยนต์"
    .
    นิคเคอิอธิบายว่า ประเทศไทยซึ่งมีประชากรราว 66 ล้านคน และเป็นระบบเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของอาเซียน นั้นได้ชื่อเล่นว่าเป็น "ดีทรอยต์แห่งเอเชีย (Detroit of Asia)" ด้วยบรรดาบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นที่เข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศก่อนหน้านี้นานหลายทศวรรษ แต่จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นในปี 2566 ที่บริษัทรถยนต์จากจีนรุกเข้่ามาทำตลาด และย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยอย่างจริงจัง
    .
    "เกือบครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา รถยนต์ญี่ปุ่นสามารถครอบครองยอดขายรถยนต์ใหม่ในประเทศไทยได้มากเกือบ 90% แต่จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อ รถอีวีจากจีนบุกตลาดประเทศไทยในปี 2566 ส่งผลให้ยอดขายรถใหม่ในประเทศไทยของบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นลดลงต่ำกว่า 80% (เหลือ 77.8% ในปี 2566 และ เหลือ 76.2% ในปี 2567)" นิคเคอิระบุ
    .
    จากนั้นจึงกล่าวกว่า บีวายดี (BYD) คือ หัวหอกของบริษัทรถยนต์จีนที่เข้ามาแย่งชิงตลาดในประเทศไทยจากบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่น โดยนิคเคอิได้ดำเนินการสำรวจการขยายตัวของจำนวนดีลเลอร์รถบีวายดีในไทยพบว่า เกือบ 50% ของดีลเลอร์รถบีวายดีนั้นก่อนหน้านั้นเคยเป็นดีลเลอร์ของรถยนต์ค่ายญี่ปุ่น โดยบีวายดีขยายสาขาไปทั่วประเทศ โดยไม่เพียงกวาดดีลเลอร์จากค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นให้เข้ามาซุกใต้ปีก แต่รวมถึงค่ายรถยนต์จากตะวันตกด้วยเช่นกัน
    .
    การรุกไล่ของค่ายรถยนต์จากจีนไม่หยุดอยู่แค่ในระดับการส่งรถยนต์จากจีนมาขายยังเมืองไทย แต่ยังมีการขยายโรงงานผลิตมายังประเทศไทยอย่างต่อเนื่องด้วย ยกตัวอย่างเช่น บีวายดีที่เพิ่งเริ่มเดินสายพานโรงงานผลิตรถยนต์แบบเต็มระบบแห่งแรกในต่างแดนที่ จ.ระยอง เมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ทำให้บุคลากรในแวดวงรถยนต์คนไทยที่มีความสามารถตั้งแต่ระดับฝ่ายผลิต จนถึงผู้บริหารที่เคยสังกัดอยู่กับค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น ไหลไปอยู่กับบริษัทรถยนต์จีนจำนวนมาก
    .
    ด้วยแรงจูงใจสำคัญเป็นค่าตอบแทนที่มากกว่าเดิม 30% 50% 80% หรือกระทั่งเพิ่มขึ้นเท่าตัว!
    .
    นายสื่อ ชิงเคอ (史青科) หรือ Parker Shi ประธานของเกรท วอลล์ มอเตอร์ อินเตอร์เนชันแนล เจ้าของแบรนด์รถยนต์จีน GWM ให้สัมภาษณ์กับสื่อถึงคู่แข่งค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น และการดึงตัวผู้บริหารระดับสูงจากโตโยต้ามาทำงานกับเกรทวอลล์ฯ โดยระบุว่า
    .
    "ด้วยความสัตย์จริง และความเคารพต่อโตโยต้า และรถแบรนด์จากใจ เพราะพวกเขานั้นยอดเยี่ยมจริง ๆ (excellent) คุณวุฒิกร (สุริยะฉันทนานนท์) นั้นเคยทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมที่โตโยต้า และนี่คือเหตุผลที่เขามาอยู่กับเรา" และกล่าวต่อว่า "ถ้าหากคุณไม่มีความกล้าหาญที่จะสู้ ที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง คุณก็ตาย ถ้าหากคุณไม่มีอาวุธที่ดีพอ ผลิตภัณฑ์ที่ดี รูปแบบธุรกิจที่ดี กลยุทธ์ที่ดี คุณก็ตาย ถ้าคุณไม่มีทีมเวิร์คที่ดี คุณก็ตาย ... มันไม่มีคนอยู่รอดหรอก เพราะที่กำลังเป็นอยู่นี้คือคือสงคราม ที่เกิดขึ้นในตลาดที่แข่งขันกันอย่างรุนแรง"
    .
    นิคเคอิ เอเชียยังมีโอกาสได้สัมภาษณ์ผู้บริหารบริษัทรถยนต์ชาวญี่ปุ่นในไทยที่ไม่ยอมเปิดเผยชื่อเสียงเรียงนาม โดยผู้บริหารชาวญี่ปุ่นคนนี้ยอมรับว่า บริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นละเลยความต้องการของผู้บริโภคไทยไปมาก รวมถึงนำเสนอสินค้าที่เทคโนโลยีล้าหลังไปแล้วให้กับตลาดในประเทศกำลังพัฒนาอย่างไทย ซึ่งแตกต่างจากค่ายรถจากจีน
    .
    "มันเป็นความจริงที่ว่าแบรนด์รถญี่ปุ่นนั้นมัวแต่มุ่งเน้นไปที่ตลาดใหญ่ ๆ อย่างในยุโรป สหรัฐฯ และญี่ปุ่น โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับตลาดนั้น ๆ นอกจากนี้สิ่งที่เราตัดสินใจผิดพลาดมากที่สุดก็คือ ความรวดเร็วของการเปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า
    .
    "และมันเป็นเรื่องจริงที่ค่ายรถญี่ปุ่นนำเสนอสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีค่อนข้างล้าหลัง ซึ่งวางขายอยู่แล้วในประเทศกำลังพัฒนามาขายให้ (ตลาดไทย) ผมคิดว่า นี่เองเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้บริโภคชาวไทยไม่พอใจ และความไม่พอใจนั้นยิ่งนานวันก็สะสมเพิ่มขึ้น ๆ" ผู้บริหารค่ายรถญี่ปุ่นในไทยกล่าวเปิดอก
    .
    ทั้งนี้จากข้อมูลการสำรวจของ LiB Consulting ระบุว่า ภายในปี 2578 (ค.ศ.2035) หรืออีก 10 ปีข้างหน้า ยอดขายรถใหม่ในเมืองไทยจะเปลี่ยนโฉมไปอย่างสิ้นเชิง โดยรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในจะลดปริมาณลงจากปัจจุบันที่ราว 78.5% เหลือเพียง 15% โดยรถอีวี และรถยนต์พลังงานใหม่จะกินส่วนแบ่งการตลาดที่เหลือ จะถูกแบ่งให้รถอีวี (50.7%) และ รถยนต์เทคโนโลยีไฮบริด-อื่นๆ (34.3%)
    .
    ด้วยสถานการณ์และแนวโน้มเช่นนี้ทำให้ ณ ปัจจุบันถือเป็นโอกาสสุดท้ายของค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่นในการขยับขับเคลื่อนเพื่อไล่ตามรถอีวีจากจีนให้ทัน และกอบกู้สถานการณ์ด้วยการอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง และตัดสินใจให้เร็ว และฉับไวมากขึ้น
    .
    ทั้งนี้ทั้งนั้น ในเรื่องนี้คุณบุณยสิทธิ์ ประธานเครือสหพัฒน์วัย 87 ที่คร่ำหวอดทั้งในตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค แวดวงอุตสาหกรรม และมีสายสัมพันธ์อันล้ำลึกกับแวดวงอุตสาหกรรมไทย ญี่ปุ่น และจีน กล่าวทิ้งท้ายสารคดีข่าวชิ้นนี้เป็นคำแนะนำให้กับบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นที่กำลังเพลี่ยงพล้ำในประเทศไทยไว้อย่างน่าสนใจว่า
    .
    ในมุมของคุณบุญยสิทธิ์ เดิมทีประธานบริษัทญี่ปุ่นเกือบทั้งหมดนั้นเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท โดยคนเหล่านี้มีจิตวิญญาณของการบุกเบิกและก่อตั้ง แต่เมื่อมาถึงวันนี้ที่ประธานบริษัทกลายเป็นคนรุ่นใหม่ ๆ ที่เติบโตมาภายในกรอบของบริษัท คนเหล่านี้เวลาตัดสินใจอะไรจึงกระทำด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง ซึ่งหากผู้บริหารรุ่นใหม่เล่านี้ไม่ได้ตัดสินใจเรื่องราวต่าง ๆ ด้วยตัวเอง การตัดสินใจก็จะล่าช้า ไม่ทันการณ์
    .
    อย่างไรก็ตาม ประธานเครือสหพัฒน์ยังกล่าวให้ความหวังด้วยว่า ในสายตาของชาวไทยแบรนด์ญี่ปุ่นยังได้รับความน่าเชื่อถืออย่างสูงอยู่ คนไทยยังมีความเชื่อว่ารถญี่ปุ่นนั้นดีกว่ารถจีน รถยนต์จีนนั้นมีดีเฉพาะเรื่องของแบตเตอรี่ และรถอีวี ซึ่งเมื่อไหร่ที่ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นเปิดตัวรถที่เป็นรถยนต์อีวีบ้าง ตนก็เชื่อว่าคนไทยจะกลับมานิยมรถยนต์ญี่ปุ่นเหมือนเดิม ซึ่งตนก็คาดหวังว่าบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นจะสามารถแข่งขันกับบริษัทรถยนต์จากจีนได้
    .
    สารคดีข่าวชิ้นนี้ของนิคเคอิ สื่อธุรกิจยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นทิ้งท้ายเอาไว้ว่า ด้วยการรุกคืบอย่างไม่หยุดหย่อนของค่ายรถยนต์จีน เวลาของค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นในไทยนั้นคงเหลือน้อยลงทุกที พร้อมกับทิ้งฉากหลังเป็นภาพพระปรางค์วัดอรุณยามดวงอาทิตย์อัสดง
    .
    แล้วท่านผู้อ่านบูรพาไม่แพ้ละครับ มองว่า ค่ายรถญี่ปุ่นใกล้ถึงคราอวสานจากตลาดไทยหรือยัง? หรือ คิดว่าค่ายรถญี่ปุ่นยังมีโอกาสที่จะกู้สถานการณ์ ช่วงชิงตลาดรถยนต์ไทยกลับคืนมาได้ หากมีการปรับเปลี่ยนวิธีคิด และวิธีทำดังที่นิคเคอิ เอเชียรายงานเอาไว้?
    .
    เนื่องวาระดิถีขึ้นปีใหม่ ๒๕๖๘ ทีมงานเพจบูรพาไม่แพ้ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่าน และครอบครัวมีความสุข สมหวังในสิ่งที่ปรารถนาทุกประการ สวัสดีปีใหม่ครับ 😄 🙏 🎊 🇹🇭 🇯🇵 🇨🇳
    .
    .
    อ้างอิง :
    NIKKEI Film : The sound of engines vanishing in Thailand
    https://www.youtube.com/watch?v=w7ldtHt6Mn4
    "อวสาน" รถญี่ปุ่นในไทย จากมุมมองของ Nikkei Asia . ในวาระส่งท้ายปีเก่า 2567 ต้อนรับปีใหม่ 2568 สื่อยักษ์ใหญ่ชื่อดังของญี่ปุ่นคือ นิคเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) ได้เผยแพร่สารคดีข่าว NIKKEI Film : The sound of engines vanishing in Thailand (นิคเคอิ ฟิล์ม : เสียงของเครื่องยนต์ที่กำลังหายไปจากประเทศไทย) ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับสถานการณ์ของบรรดารถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่นที่ครั้งหนึ่งเคยครอบครองตลาดรถยนต์ในประเทศไทยมากกว่า 90% แต่ในห้วงระยะเวลาเพียง 2 ปีเท่านั้นกลับถูกรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนรุกไล่ ทำให้ในปี 2567 เหลือส่วนแบ่งยอดขายรถยนต์ในตลาดรถใหม่เพียง 76% . แม้ว่าในปัจจุบันรถยนต์ค่ายญี่ปุ่นจะยังคงสามารถครอบครองตลาดรถใหม่ในประเทศไทยได้มากกว่า 3 ใน 4 แต่เมื่อพิจารณาปัจจัยจากรอบด้านแล้วไม่ว่าจะเป็น แนวโน้มความต้องการของผู้บริโภค พลวัตรของเหล่าดีลเลอร์ผู้ขายรถยนต์ทั่วประเทศไทย การทยอยปิดโรงงาน การไหลออกของบุคลากร-พนักงาน-ผู้บริหารจากค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นไปสู่ค่ายรถจีน รวมไปถึงการคาดการณ์ตลาดรถยนต์ในอนาคตแล้วรถยนต์ญี่ปุ่นหนีไม่พ้นอาจต้องสูญพันธุ์จากประเทศไทยในอนาคตอันใกล้ หากไม่เร่งปรับตัวให้เร็วกว่านี้ . "ผมเพิ่งซื้อรถยนต์บีวายดีรุ่นใหม่ล่าสุด แล้วผมก็เปรียบเทียบรถอีวี กับ รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบดั้งเดิมเพื่อศึกษาความแตกต่าง ... ฟังก์ชันในรถอีวีของจีนนั้นครบครันมาก อัตราการเร่งก็ฉับไวมาก" คุณบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ ให้สัมภาษณ์กับนิคเคอิเป็นภาษาญี่ปุ่นอันคล่องแคล่ว และเปรียบเทียบต่อว่า . "ผมมองญี่ปุ่นจากหลาย ๆ มุม ด้วยความที่สำเร็จมาตั้งแต่ในยุคอะนาล็อก ญี่ปุ่นกลับไม่สามารถปรับตัวได้รวดเร็วพอในยุคของเทคโนโลยีดิจิทัล เทียบกับจีนที่ไม่ได้มีความสำเร็จมากนักในยุคของอะนาล็อก แต่พอยุคสมัยของเทคโนโลยีดิจิทัลมาถึง จีนจึงพยายามอย่างมากที่จะดิสรัปอุตสาหกรรมรถยนต์" . นิคเคอิอธิบายว่า ประเทศไทยซึ่งมีประชากรราว 66 ล้านคน และเป็นระบบเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของอาเซียน นั้นได้ชื่อเล่นว่าเป็น "ดีทรอยต์แห่งเอเชีย (Detroit of Asia)" ด้วยบรรดาบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นที่เข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศก่อนหน้านี้นานหลายทศวรรษ แต่จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นในปี 2566 ที่บริษัทรถยนต์จากจีนรุกเข้่ามาทำตลาด และย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยอย่างจริงจัง . "เกือบครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา รถยนต์ญี่ปุ่นสามารถครอบครองยอดขายรถยนต์ใหม่ในประเทศไทยได้มากเกือบ 90% แต่จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อ รถอีวีจากจีนบุกตลาดประเทศไทยในปี 2566 ส่งผลให้ยอดขายรถใหม่ในประเทศไทยของบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นลดลงต่ำกว่า 80% (เหลือ 77.8% ในปี 2566 และ เหลือ 76.2% ในปี 2567)" นิคเคอิระบุ . จากนั้นจึงกล่าวกว่า บีวายดี (BYD) คือ หัวหอกของบริษัทรถยนต์จีนที่เข้ามาแย่งชิงตลาดในประเทศไทยจากบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่น โดยนิคเคอิได้ดำเนินการสำรวจการขยายตัวของจำนวนดีลเลอร์รถบีวายดีในไทยพบว่า เกือบ 50% ของดีลเลอร์รถบีวายดีนั้นก่อนหน้านั้นเคยเป็นดีลเลอร์ของรถยนต์ค่ายญี่ปุ่น โดยบีวายดีขยายสาขาไปทั่วประเทศ โดยไม่เพียงกวาดดีลเลอร์จากค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นให้เข้ามาซุกใต้ปีก แต่รวมถึงค่ายรถยนต์จากตะวันตกด้วยเช่นกัน . การรุกไล่ของค่ายรถยนต์จากจีนไม่หยุดอยู่แค่ในระดับการส่งรถยนต์จากจีนมาขายยังเมืองไทย แต่ยังมีการขยายโรงงานผลิตมายังประเทศไทยอย่างต่อเนื่องด้วย ยกตัวอย่างเช่น บีวายดีที่เพิ่งเริ่มเดินสายพานโรงงานผลิตรถยนต์แบบเต็มระบบแห่งแรกในต่างแดนที่ จ.ระยอง เมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ทำให้บุคลากรในแวดวงรถยนต์คนไทยที่มีความสามารถตั้งแต่ระดับฝ่ายผลิต จนถึงผู้บริหารที่เคยสังกัดอยู่กับค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น ไหลไปอยู่กับบริษัทรถยนต์จีนจำนวนมาก . ด้วยแรงจูงใจสำคัญเป็นค่าตอบแทนที่มากกว่าเดิม 30% 50% 80% หรือกระทั่งเพิ่มขึ้นเท่าตัว! . นายสื่อ ชิงเคอ (史青科) หรือ Parker Shi ประธานของเกรท วอลล์ มอเตอร์ อินเตอร์เนชันแนล เจ้าของแบรนด์รถยนต์จีน GWM ให้สัมภาษณ์กับสื่อถึงคู่แข่งค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น และการดึงตัวผู้บริหารระดับสูงจากโตโยต้ามาทำงานกับเกรทวอลล์ฯ โดยระบุว่า . "ด้วยความสัตย์จริง และความเคารพต่อโตโยต้า และรถแบรนด์จากใจ เพราะพวกเขานั้นยอดเยี่ยมจริง ๆ (excellent) คุณวุฒิกร (สุริยะฉันทนานนท์) นั้นเคยทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมที่โตโยต้า และนี่คือเหตุผลที่เขามาอยู่กับเรา" และกล่าวต่อว่า "ถ้าหากคุณไม่มีความกล้าหาญที่จะสู้ ที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง คุณก็ตาย ถ้าหากคุณไม่มีอาวุธที่ดีพอ ผลิตภัณฑ์ที่ดี รูปแบบธุรกิจที่ดี กลยุทธ์ที่ดี คุณก็ตาย ถ้าคุณไม่มีทีมเวิร์คที่ดี คุณก็ตาย ... มันไม่มีคนอยู่รอดหรอก เพราะที่กำลังเป็นอยู่นี้คือคือสงคราม ที่เกิดขึ้นในตลาดที่แข่งขันกันอย่างรุนแรง" . นิคเคอิ เอเชียยังมีโอกาสได้สัมภาษณ์ผู้บริหารบริษัทรถยนต์ชาวญี่ปุ่นในไทยที่ไม่ยอมเปิดเผยชื่อเสียงเรียงนาม โดยผู้บริหารชาวญี่ปุ่นคนนี้ยอมรับว่า บริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นละเลยความต้องการของผู้บริโภคไทยไปมาก รวมถึงนำเสนอสินค้าที่เทคโนโลยีล้าหลังไปแล้วให้กับตลาดในประเทศกำลังพัฒนาอย่างไทย ซึ่งแตกต่างจากค่ายรถจากจีน . "มันเป็นความจริงที่ว่าแบรนด์รถญี่ปุ่นนั้นมัวแต่มุ่งเน้นไปที่ตลาดใหญ่ ๆ อย่างในยุโรป สหรัฐฯ และญี่ปุ่น โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับตลาดนั้น ๆ นอกจากนี้สิ่งที่เราตัดสินใจผิดพลาดมากที่สุดก็คือ ความรวดเร็วของการเปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า . "และมันเป็นเรื่องจริงที่ค่ายรถญี่ปุ่นนำเสนอสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีค่อนข้างล้าหลัง ซึ่งวางขายอยู่แล้วในประเทศกำลังพัฒนามาขายให้ (ตลาดไทย) ผมคิดว่า นี่เองเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้บริโภคชาวไทยไม่พอใจ และความไม่พอใจนั้นยิ่งนานวันก็สะสมเพิ่มขึ้น ๆ" ผู้บริหารค่ายรถญี่ปุ่นในไทยกล่าวเปิดอก . ทั้งนี้จากข้อมูลการสำรวจของ LiB Consulting ระบุว่า ภายในปี 2578 (ค.ศ.2035) หรืออีก 10 ปีข้างหน้า ยอดขายรถใหม่ในเมืองไทยจะเปลี่ยนโฉมไปอย่างสิ้นเชิง โดยรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในจะลดปริมาณลงจากปัจจุบันที่ราว 78.5% เหลือเพียง 15% โดยรถอีวี และรถยนต์พลังงานใหม่จะกินส่วนแบ่งการตลาดที่เหลือ จะถูกแบ่งให้รถอีวี (50.7%) และ รถยนต์เทคโนโลยีไฮบริด-อื่นๆ (34.3%) . ด้วยสถานการณ์และแนวโน้มเช่นนี้ทำให้ ณ ปัจจุบันถือเป็นโอกาสสุดท้ายของค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่นในการขยับขับเคลื่อนเพื่อไล่ตามรถอีวีจากจีนให้ทัน และกอบกู้สถานการณ์ด้วยการอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง และตัดสินใจให้เร็ว และฉับไวมากขึ้น . ทั้งนี้ทั้งนั้น ในเรื่องนี้คุณบุณยสิทธิ์ ประธานเครือสหพัฒน์วัย 87 ที่คร่ำหวอดทั้งในตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค แวดวงอุตสาหกรรม และมีสายสัมพันธ์อันล้ำลึกกับแวดวงอุตสาหกรรมไทย ญี่ปุ่น และจีน กล่าวทิ้งท้ายสารคดีข่าวชิ้นนี้เป็นคำแนะนำให้กับบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นที่กำลังเพลี่ยงพล้ำในประเทศไทยไว้อย่างน่าสนใจว่า . ในมุมของคุณบุญยสิทธิ์ เดิมทีประธานบริษัทญี่ปุ่นเกือบทั้งหมดนั้นเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท โดยคนเหล่านี้มีจิตวิญญาณของการบุกเบิกและก่อตั้ง แต่เมื่อมาถึงวันนี้ที่ประธานบริษัทกลายเป็นคนรุ่นใหม่ ๆ ที่เติบโตมาภายในกรอบของบริษัท คนเหล่านี้เวลาตัดสินใจอะไรจึงกระทำด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง ซึ่งหากผู้บริหารรุ่นใหม่เล่านี้ไม่ได้ตัดสินใจเรื่องราวต่าง ๆ ด้วยตัวเอง การตัดสินใจก็จะล่าช้า ไม่ทันการณ์ . อย่างไรก็ตาม ประธานเครือสหพัฒน์ยังกล่าวให้ความหวังด้วยว่า ในสายตาของชาวไทยแบรนด์ญี่ปุ่นยังได้รับความน่าเชื่อถืออย่างสูงอยู่ คนไทยยังมีความเชื่อว่ารถญี่ปุ่นนั้นดีกว่ารถจีน รถยนต์จีนนั้นมีดีเฉพาะเรื่องของแบตเตอรี่ และรถอีวี ซึ่งเมื่อไหร่ที่ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นเปิดตัวรถที่เป็นรถยนต์อีวีบ้าง ตนก็เชื่อว่าคนไทยจะกลับมานิยมรถยนต์ญี่ปุ่นเหมือนเดิม ซึ่งตนก็คาดหวังว่าบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นจะสามารถแข่งขันกับบริษัทรถยนต์จากจีนได้ . สารคดีข่าวชิ้นนี้ของนิคเคอิ สื่อธุรกิจยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นทิ้งท้ายเอาไว้ว่า ด้วยการรุกคืบอย่างไม่หยุดหย่อนของค่ายรถยนต์จีน เวลาของค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นในไทยนั้นคงเหลือน้อยลงทุกที พร้อมกับทิ้งฉากหลังเป็นภาพพระปรางค์วัดอรุณยามดวงอาทิตย์อัสดง . แล้วท่านผู้อ่านบูรพาไม่แพ้ละครับ มองว่า ค่ายรถญี่ปุ่นใกล้ถึงคราอวสานจากตลาดไทยหรือยัง? หรือ คิดว่าค่ายรถญี่ปุ่นยังมีโอกาสที่จะกู้สถานการณ์ ช่วงชิงตลาดรถยนต์ไทยกลับคืนมาได้ หากมีการปรับเปลี่ยนวิธีคิด และวิธีทำดังที่นิคเคอิ เอเชียรายงานเอาไว้? . เนื่องวาระดิถีขึ้นปีใหม่ ๒๕๖๘ ทีมงานเพจบูรพาไม่แพ้ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่าน และครอบครัวมีความสุข สมหวังในสิ่งที่ปรารถนาทุกประการ สวัสดีปีใหม่ครับ 😄 🙏 🎊 🇹🇭 🇯🇵 🇨🇳 . . อ้างอิง : NIKKEI Film : The sound of engines vanishing in Thailand https://www.youtube.com/watch?v=w7ldtHt6Mn4
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 791 มุมมอง 1 รีวิว
  • ศึกชิงเคานต์ดาวน์ 2025 เทศกาลความสุขรอบกรุงฯ

    เทศกาลเคานต์ดาวน์ปีใหม่ 2025 ในวันที่ 31 ธ.ค. 2567 มีหลายสถานที่ประกาศความพร้อมจัดงานนับถอยหลังสู่ศักราชใหม่ ในกรุงเทพมหานคร งาน Amazing Thailand Countdown 2025 จัดขึ้นที่สวนนาคราภิรมย์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา จัดแสดงแสง สี เสียง และสื่อประสมบนพระปรางค์วัดอรุณราชวราราม

    จุดใหญ่ที่สุดก็คือลานริเวอร์พาร์ค ไอคอนสยาม กับการแสดงพลุรักษ์โลกที่ยาวถึง 1,400 เมตร ยาวที่สุดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ภายใต้แนวคิด “Celebrating the Everlasting Legacy of Siam เฉลิมฉลองมรดกไทยอันรุ่งโรจน์นิรันดร์” ไฮไลต์คือการแสดงจาก ลิซ่า ลลิษา มโนบาล นอกนั้นเป็นคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง 3 วัน 29 ถึง 31 ธ.ค. 2567 อาทิ เว่ยเจ๋อหมิง (30 ธ.ค.), เป็ก ผลิตโชค, นนท์ ธนนท์, PROXIE, 4EVE, BUS because of you I shine แต่ยังไม่ประกาศไลน์อัพออกมาว่าใครมาวันไหนบ้าง

    ด้านเซ็นทรัลเวิลด์ ที่พรีเซนต์ว่าเป็นไทม์สแควร์ออฟเอเชีย ประกาศไลน์อัพศิลปินคืนวันส่งท้ายปี อาทิ บิวกิ้น-พีพี, Jaylerr, Ice Paris, ซี-นุนิว, PROXIE, PiXXiE, 4EVE, นนท์ ธนนท์, URBOYTJ, BUS because of you I shine, Three Man Down และ Tattoo Colour และเผยโฉม โอปอล สุชาตา Miss Universe Thailand 2024 รองอันดับ 3 Miss Universe ถ่ายทอดสดทางช่อง 3 แต่พบว่ามีหลายศิลปินที่จะได้เจอทั้งไอคอนสยามและเซ็นทรัลเวิลด์ แต่ยังไม่ได้ระบุว่าวันเดียวกันหรือคนละวัน

    ส่วนศูนย์การค้าอื่นๆ อาทิ สยามพารากอน มีศิลปินที่คอนเฟิร์มแล้วคือ PALMY เอ็มควอเทียร์ที่คอนเฟิร์มแล้วมี Bowkylion, No One Else และ Ink Waruntorn โครงการวัน แบงค็อก มี The Toys, Ling & Orm, Jeff Satur, Ink Waruntorn, Bowkylion, Daou & Offroad, และ BUS โครงการเอเชียทีค มี BIG ASS, COCKTAIL, GETSUNOVA พร้อมการแสดงพิเศษจากศิลปิน OneN’Only จากญี่ปุ่น Calypso และ Siam Fantasy และการแสดงพลุริมแม่น้ำเจ้าพระยาในธีม “Chao Phraya Jump Up!

    ออกไปยังชานเมือง ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ มี FOOL STEP, SILLY FOOLS, TILLY BIRDS, และ PALMY เมกาบางนา มี THREE MAN DOWN, POTATO, URBOY TJ, INK - WARUNTORN, JOEY - PHUWASIT, วง ATLAS และ D GERRARD ถ่ายทอดสดทางช่องเวิร์คพอยต์ 23 และฟิวเจอร์พาร์ครังสิต เวลา 21.00 น. YOUR MOOD, 22.00 น. LYKN, 23.00 น. PIXXIE และ 23.50 น. BUS because of you I shine

    ส่วนศูนย์การค้าเซ็นทรัลในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้แก่ เซ็นทรัล เวสต์เกต จ.นนทบุรี พบกับ โอ๊ต ปราโมทย์, เซ็นทรัล ศาลายา จ.นครปฐม พบกับ EBOLA และเซ็นทรัล มหาชัย จ.สมุทรสาคร พบกับ The Richman Toy

    #Newskit
    ศึกชิงเคานต์ดาวน์ 2025 เทศกาลความสุขรอบกรุงฯ เทศกาลเคานต์ดาวน์ปีใหม่ 2025 ในวันที่ 31 ธ.ค. 2567 มีหลายสถานที่ประกาศความพร้อมจัดงานนับถอยหลังสู่ศักราชใหม่ ในกรุงเทพมหานคร งาน Amazing Thailand Countdown 2025 จัดขึ้นที่สวนนาคราภิรมย์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา จัดแสดงแสง สี เสียง และสื่อประสมบนพระปรางค์วัดอรุณราชวราราม จุดใหญ่ที่สุดก็คือลานริเวอร์พาร์ค ไอคอนสยาม กับการแสดงพลุรักษ์โลกที่ยาวถึง 1,400 เมตร ยาวที่สุดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ภายใต้แนวคิด “Celebrating the Everlasting Legacy of Siam เฉลิมฉลองมรดกไทยอันรุ่งโรจน์นิรันดร์” ไฮไลต์คือการแสดงจาก ลิซ่า ลลิษา มโนบาล นอกนั้นเป็นคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง 3 วัน 29 ถึง 31 ธ.ค. 2567 อาทิ เว่ยเจ๋อหมิง (30 ธ.ค.), เป็ก ผลิตโชค, นนท์ ธนนท์, PROXIE, 4EVE, BUS because of you I shine แต่ยังไม่ประกาศไลน์อัพออกมาว่าใครมาวันไหนบ้าง ด้านเซ็นทรัลเวิลด์ ที่พรีเซนต์ว่าเป็นไทม์สแควร์ออฟเอเชีย ประกาศไลน์อัพศิลปินคืนวันส่งท้ายปี อาทิ บิวกิ้น-พีพี, Jaylerr, Ice Paris, ซี-นุนิว, PROXIE, PiXXiE, 4EVE, นนท์ ธนนท์, URBOYTJ, BUS because of you I shine, Three Man Down และ Tattoo Colour และเผยโฉม โอปอล สุชาตา Miss Universe Thailand 2024 รองอันดับ 3 Miss Universe ถ่ายทอดสดทางช่อง 3 แต่พบว่ามีหลายศิลปินที่จะได้เจอทั้งไอคอนสยามและเซ็นทรัลเวิลด์ แต่ยังไม่ได้ระบุว่าวันเดียวกันหรือคนละวัน ส่วนศูนย์การค้าอื่นๆ อาทิ สยามพารากอน มีศิลปินที่คอนเฟิร์มแล้วคือ PALMY เอ็มควอเทียร์ที่คอนเฟิร์มแล้วมี Bowkylion, No One Else และ Ink Waruntorn โครงการวัน แบงค็อก มี The Toys, Ling & Orm, Jeff Satur, Ink Waruntorn, Bowkylion, Daou & Offroad, และ BUS โครงการเอเชียทีค มี BIG ASS, COCKTAIL, GETSUNOVA พร้อมการแสดงพิเศษจากศิลปิน OneN’Only จากญี่ปุ่น Calypso และ Siam Fantasy และการแสดงพลุริมแม่น้ำเจ้าพระยาในธีม “Chao Phraya Jump Up! ออกไปยังชานเมือง ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ มี FOOL STEP, SILLY FOOLS, TILLY BIRDS, และ PALMY เมกาบางนา มี THREE MAN DOWN, POTATO, URBOY TJ, INK - WARUNTORN, JOEY - PHUWASIT, วง ATLAS และ D GERRARD ถ่ายทอดสดทางช่องเวิร์คพอยต์ 23 และฟิวเจอร์พาร์ครังสิต เวลา 21.00 น. YOUR MOOD, 22.00 น. LYKN, 23.00 น. PIXXIE และ 23.50 น. BUS because of you I shine ส่วนศูนย์การค้าเซ็นทรัลในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้แก่ เซ็นทรัล เวสต์เกต จ.นนทบุรี พบกับ โอ๊ต ปราโมทย์, เซ็นทรัล ศาลายา จ.นครปฐม พบกับ EBOLA และเซ็นทรัล มหาชัย จ.สมุทรสาคร พบกับ The Richman Toy #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 728 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เล่าเรื่อง# #วัดวรเชษฐ นอกเกาะ ...ประสบการณ์ตรงของผู้เขียนเอง...เริ่มจาก 10 ปีก่อน ผู้เขียนได้อ่านหนังสือ ของ ริชชี่ และบทความของ ดร .พระมหาสิงทน...ว่า ที่นี่คือที่ บรรจุพระบรมอัฐิ ของพระนเรศวรจริง...จึงเดินทางไป..ครั้งแรก มุ่งหน้าไปกุฏิพระมหาสิงทนก่อน ไปสนทนากับท่าน...ท่านเล่าว่า ผู้มีญาณ ไม่ใช่แค่คนไทย มาจากหลายประเทศเลย ..มาพิสูจน์ และนืนยันว่า จริง ..ดังที่กล่าว...ครั้งแรกผู้เขียนก็สักการะปกติ ได้แต่เอา 2 มือ สัมผัสองค์พระปรางค์ในภาพ แล้วตั้งจิตว่า ถ้าข้าพเจ้าเคยเป็นบริวารของท่าน ช่วยสื่อสารให้ข้าพเจ้ารับทราบมีด้วย...พอเอามือออก..ลมพัดแรงซะงั้น...ซึ่งก่อนหน้านี้เงียบสงบ..เป็นสักประมาณครึ่งนาที..แล้วก็สงบ...ก็ไม่ได้คิดอะไร....ครั้งที่ 2 มาหา พระมหาอีก ท่านแนะนำว่า ใบเสมาหน้าวิหารนะ มีพลัง ไปขอเอาสิ....พอลงจากกุฏิ..กำลังจะเดินขึ้นพระปรางค์ ก่อนเดินเข้า ยกมือไหว้..บอกท่านครับ ลูกมาแล้วครับ...ลมจากสงบ..พัดแรงขึ้นมาแบบคราวที่แล้วเลย...แล้วขนเราก็ลุกแบบไม่มีสาเหตุ...สักไม่เกินครึ่งนาที ลมก็สงบ...ก็เดินไปขึ้นพระปรางค์ในภาพแบบเดิม ก็สักการะปกติ ...ลงมา ไปหน้าพระวิหารร้าง..ที่ พระมหาบอก...ให้ไปขอพลัง....เราก็จุดธูป เอาพวงมาลัยวาง ...และเอามือ 2 มือ จับที่ใบเสมาหินทรายนั้น...แล้วตั้งจิตว่า ขอให้มือคู่นี้ ทำอะไรก็สำเร็จ ถ้าไม่ผิดศีลธรรม...สิ่งที่ไม่น่าเชื่อเกิดขึ้น....ไฟดูด...!! ..ชักมือกลับอย่างเร็ว...ตั้งสติได้ เอ ไฟมันรั่วตรงไหน ก้มเงยหายสายไฟ...จนทั่ว...ไม่มี....แล้วเมื่อครู่คืออ่ะไร? ...ข้ามไปครั้งต่อมาเลย ผู้เขียนมีนิสัยที่ดี หรือแย่ ก็ไม่ทราบ แต่ชอบชาเล้นจ์แทบทุกอย่างในชีวิต...อยุธยาผีดุเหรอ..มาๆ อยากรู้...ไปกลางคืนเลย..ไปนั่งสมาธิในวิหารร้างมืดๆ.ผี.มาสิ อยากเจอ...อ้อ สักพักภรรยา เลื่อนรถเอาไฟหน้าส่องมา บอกกลัวงู.เราก็บอกไม่เป็นไรหรอกนั่งรอในรถนั่นแหละ...ผ่านไปสัก 30 นาที ก็เข้าสมาธิไม่ได้ เนื่องจากเสียงเครื่องยนต์..ทำให้ไม่สงบ...ภรรยาจึงเดินมาบอก กลับเถอะ ...กลัวงูกัด...เราก็ไปก็ไป ..และผู้เขียนก็แวะเวียนไปตลอด ..และคำบอกกล่าวก่อนเข้าก็ทำแบบเดิม ลมก็มาแบบเดิม แปลกดีไหม?..ท่านผู้อ่านสนใจ เชิญครับ วัดวรเชษฐมีในเกาะ กับนอกเกาะ ..ที่เขียนคือ นอกเกาะครับ.
    #เล่าเรื่อง# #วัดวรเชษฐ นอกเกาะ ...ประสบการณ์ตรงของผู้เขียนเอง...เริ่มจาก 10 ปีก่อน ผู้เขียนได้อ่านหนังสือ ของ ริชชี่ และบทความของ ดร .พระมหาสิงทน...ว่า ที่นี่คือที่ บรรจุพระบรมอัฐิ ของพระนเรศวรจริง...จึงเดินทางไป..ครั้งแรก มุ่งหน้าไปกุฏิพระมหาสิงทนก่อน ไปสนทนากับท่าน...ท่านเล่าว่า ผู้มีญาณ ไม่ใช่แค่คนไทย มาจากหลายประเทศเลย ..มาพิสูจน์ และนืนยันว่า จริง ..ดังที่กล่าว...ครั้งแรกผู้เขียนก็สักการะปกติ ได้แต่เอา 2 มือ สัมผัสองค์พระปรางค์ในภาพ แล้วตั้งจิตว่า ถ้าข้าพเจ้าเคยเป็นบริวารของท่าน ช่วยสื่อสารให้ข้าพเจ้ารับทราบมีด้วย...พอเอามือออก..ลมพัดแรงซะงั้น...ซึ่งก่อนหน้านี้เงียบสงบ..เป็นสักประมาณครึ่งนาที..แล้วก็สงบ...ก็ไม่ได้คิดอะไร....ครั้งที่ 2 มาหา พระมหาอีก ท่านแนะนำว่า ใบเสมาหน้าวิหารนะ มีพลัง ไปขอเอาสิ....พอลงจากกุฏิ..กำลังจะเดินขึ้นพระปรางค์ ก่อนเดินเข้า ยกมือไหว้..บอกท่านครับ ลูกมาแล้วครับ...ลมจากสงบ..พัดแรงขึ้นมาแบบคราวที่แล้วเลย...แล้วขนเราก็ลุกแบบไม่มีสาเหตุ...สักไม่เกินครึ่งนาที ลมก็สงบ...ก็เดินไปขึ้นพระปรางค์ในภาพแบบเดิม ก็สักการะปกติ ...ลงมา ไปหน้าพระวิหารร้าง..ที่ พระมหาบอก...ให้ไปขอพลัง....เราก็จุดธูป เอาพวงมาลัยวาง ...และเอามือ 2 มือ จับที่ใบเสมาหินทรายนั้น...แล้วตั้งจิตว่า ขอให้มือคู่นี้ ทำอะไรก็สำเร็จ ถ้าไม่ผิดศีลธรรม...สิ่งที่ไม่น่าเชื่อเกิดขึ้น....ไฟดูด...!! ..ชักมือกลับอย่างเร็ว...ตั้งสติได้ เอ ไฟมันรั่วตรงไหน ก้มเงยหายสายไฟ...จนทั่ว...ไม่มี....แล้วเมื่อครู่คืออ่ะไร? ...ข้ามไปครั้งต่อมาเลย ผู้เขียนมีนิสัยที่ดี หรือแย่ ก็ไม่ทราบ แต่ชอบชาเล้นจ์แทบทุกอย่างในชีวิต...อยุธยาผีดุเหรอ..มาๆ อยากรู้...ไปกลางคืนเลย..ไปนั่งสมาธิในวิหารร้างมืดๆ.ผี.มาสิ อยากเจอ...อ้อ สักพักภรรยา เลื่อนรถเอาไฟหน้าส่องมา บอกกลัวงู.เราก็บอกไม่เป็นไรหรอกนั่งรอในรถนั่นแหละ...ผ่านไปสัก 30 นาที ก็เข้าสมาธิไม่ได้ เนื่องจากเสียงเครื่องยนต์..ทำให้ไม่สงบ...ภรรยาจึงเดินมาบอก กลับเถอะ ...กลัวงูกัด...เราก็ไปก็ไป ..และผู้เขียนก็แวะเวียนไปตลอด ..และคำบอกกล่าวก่อนเข้าก็ทำแบบเดิม ลมก็มาแบบเดิม แปลกดีไหม?..ท่านผู้อ่านสนใจ เชิญครับ วัดวรเชษฐมีในเกาะ กับนอกเกาะ ..ที่เขียนคือ นอกเกาะครับ.
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 488 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เล่าเรื่อง# #วัดวรเชษฐ นอกเกาะ ...ประสบการณ์ตรงของผู้เขียนเอง...เริ่มจาก 10 ปีก่อน ผู้เขียนได้อ่านหนังสือ ของ ริชชี่ และบทความของ ดร .พระมหาสิงทน...ว่า ที่นี่คือที่ บรรจุพระบรมอัฐิ ของพระนเรศวรจริง...จึงเดินทางไป..ครั้งแรก มุ่งหน้าไปกุฏิพระมหาสิงทนก่อน ไปสนทนากับท่าน...ท่านเล่าว่า ผู้มีญาณ ไม่ใช่แค่คนไทย มาจากหลายประเทศเลย ..มาพิสูจน์ และนืนยันว่า จริง ..ดังที่กล่าว...ครั้งแรกผู้เขียนก็สักการะปกติ ได้แต่เอา 2 มือ สัมผัสองค์พระปรางค์ในภาพ แล้วตั้งจิตว่า ถ้าข้าพเจ้าเคยเป็นบริวารของท่าน ช่วยสื่อสารให้ข้าพเจ้ารับทราบมีด้วย...พอเอามือออก..ลมพัดแรงซะงั้น...ซึ่งก่อนหน้านี้เงียบสงบ..เป็นสักประมาณครึ่งนาที..แล้วก็สงบ...ก็ไม่ได้คิดอะไร....ครั้งที่ 2 มาหา พระมหาอีก ท่านแนะนำว่า ใบเสมาหน้าวิหารนะ มีพลัง ไปขอเอาสิ....พอลงจากกุฏิ..กำลังจะเดินขึ้นพระปรางค์ ก่อนเดินเข้า ยกมือไหว้..บอกท่านครับ ลูกมาแล้วครับ...ลมจากสงบ..พัดแรงขึ้นมาแบบคราวที่แล้วเลย...แล้วขนเราก็ลุกแบบไม่มีสาเหตุ...สักไม่เกินครึ่งนาที ลมก็สงบ...ก็เดินไปขึ้นพระปรางค์ในภาพแบบเดิม ก็สักการะปกติ ...ลงมา ไปหน้าพระวิหารร้าง..ที่ พระมหาบอก...ให้ไปขอพลัง....เราก็จุดธูป เอาพวงมาลัยวาง ...และเอามือ 2 มือ จับที่ใบเสมาหินทรายนั้น...แล้วตั้งจิตว่า ขอให้มือคู่นี้ ทำอะไรก็สำเร็จ ถ้าไม่ผิดศีลธรรม...สิ่งที่ไม่น่าเชื่อเกิดขึ้น....ไฟดูด...!! ..ชักมือกลับอย่างเร็ว...ตั้งสติได้ เอ ไฟมันรั่วตรงไหน ก้มเงยหายสายไฟ...จนทั่ว...ไม่มี....แล้วเมื่อครู่คืออ่ะไร? ...ข้ามไปครั้งต่อมาเลย ผู้เขียนมีนิสัยที่ดี หรือแย่ ก็ไม่ทราบ แต่ชอบชาเล้นจ์แทบทุกอย่างในชีวิต...อยุธยาผีดุเหรอ..มาๆ อยากรู้...ไปกลางคืนเลย..ไปนั่งสมาธิในวิหารร้างมืดๆ.ผี.มาสิ อยากเจอ...อ้อ สักพักภรรยา เลื่อนรถเอาไฟหน้าส่องมา บอกกลัวงู.เราก็บอกไม่เป็นไรหรอกนั่งรอในรถนั่นแหละ...ผ่านไปสัก 30 นาที ก็เข้าสมาธิไม่ได้ เนื่องจากเสียงเครื่องยนต์..ทำให้ไม่สงบ...ภรรยาจึงเดินมาบอก กลับเถอะ ...กลัวงูกัด...เราก็ไปก็ไป ..และผู้เขียนก็แวะเวียนไปตลอด ..และคำบอกกล่าวก่อนเข้าก็ทำแบบเดิม ลมก็มาแบบเดิม แปลกดีไหม?..ท่านผู้อ่านสนใจ เชิญครับ วัดวรเชษฐมีในเกาะ กับนอกเกาะ ..ที่เขียนคือ นอกเกาะครับ.
    #เล่าเรื่อง# #วัดวรเชษฐ นอกเกาะ ...ประสบการณ์ตรงของผู้เขียนเอง...เริ่มจาก 10 ปีก่อน ผู้เขียนได้อ่านหนังสือ ของ ริชชี่ และบทความของ ดร .พระมหาสิงทน...ว่า ที่นี่คือที่ บรรจุพระบรมอัฐิ ของพระนเรศวรจริง...จึงเดินทางไป..ครั้งแรก มุ่งหน้าไปกุฏิพระมหาสิงทนก่อน ไปสนทนากับท่าน...ท่านเล่าว่า ผู้มีญาณ ไม่ใช่แค่คนไทย มาจากหลายประเทศเลย ..มาพิสูจน์ และนืนยันว่า จริง ..ดังที่กล่าว...ครั้งแรกผู้เขียนก็สักการะปกติ ได้แต่เอา 2 มือ สัมผัสองค์พระปรางค์ในภาพ แล้วตั้งจิตว่า ถ้าข้าพเจ้าเคยเป็นบริวารของท่าน ช่วยสื่อสารให้ข้าพเจ้ารับทราบมีด้วย...พอเอามือออก..ลมพัดแรงซะงั้น...ซึ่งก่อนหน้านี้เงียบสงบ..เป็นสักประมาณครึ่งนาที..แล้วก็สงบ...ก็ไม่ได้คิดอะไร....ครั้งที่ 2 มาหา พระมหาอีก ท่านแนะนำว่า ใบเสมาหน้าวิหารนะ มีพลัง ไปขอเอาสิ....พอลงจากกุฏิ..กำลังจะเดินขึ้นพระปรางค์ ก่อนเดินเข้า ยกมือไหว้..บอกท่านครับ ลูกมาแล้วครับ...ลมจากสงบ..พัดแรงขึ้นมาแบบคราวที่แล้วเลย...แล้วขนเราก็ลุกแบบไม่มีสาเหตุ...สักไม่เกินครึ่งนาที ลมก็สงบ...ก็เดินไปขึ้นพระปรางค์ในภาพแบบเดิม ก็สักการะปกติ ...ลงมา ไปหน้าพระวิหารร้าง..ที่ พระมหาบอก...ให้ไปขอพลัง....เราก็จุดธูป เอาพวงมาลัยวาง ...และเอามือ 2 มือ จับที่ใบเสมาหินทรายนั้น...แล้วตั้งจิตว่า ขอให้มือคู่นี้ ทำอะไรก็สำเร็จ ถ้าไม่ผิดศีลธรรม...สิ่งที่ไม่น่าเชื่อเกิดขึ้น....ไฟดูด...!! ..ชักมือกลับอย่างเร็ว...ตั้งสติได้ เอ ไฟมันรั่วตรงไหน ก้มเงยหายสายไฟ...จนทั่ว...ไม่มี....แล้วเมื่อครู่คืออ่ะไร? ...ข้ามไปครั้งต่อมาเลย ผู้เขียนมีนิสัยที่ดี หรือแย่ ก็ไม่ทราบ แต่ชอบชาเล้นจ์แทบทุกอย่างในชีวิต...อยุธยาผีดุเหรอ..มาๆ อยากรู้...ไปกลางคืนเลย..ไปนั่งสมาธิในวิหารร้างมืดๆ.ผี.มาสิ อยากเจอ...อ้อ สักพักภรรยา เลื่อนรถเอาไฟหน้าส่องมา บอกกลัวงู.เราก็บอกไม่เป็นไรหรอกนั่งรอในรถนั่นแหละ...ผ่านไปสัก 30 นาที ก็เข้าสมาธิไม่ได้ เนื่องจากเสียงเครื่องยนต์..ทำให้ไม่สงบ...ภรรยาจึงเดินมาบอก กลับเถอะ ...กลัวงูกัด...เราก็ไปก็ไป ..และผู้เขียนก็แวะเวียนไปตลอด ..และคำบอกกล่าวก่อนเข้าก็ทำแบบเดิม ลมก็มาแบบเดิม แปลกดีไหม?..ท่านผู้อ่านสนใจ เชิญครับ วัดวรเชษฐมีในเกาะ กับนอกเกาะ ..ที่เขียนคือ นอกเกาะครับ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 479 มุมมอง 0 รีวิว
  • อนาคตสถานีลพบุรี

    โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ระยะทาง 145 กิโลเมตร มูลค่าโครงการ 21,467 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างตั้งแต่กลางปี 2561 ในที่สุดสัญญาที่ 1 ช่วงบ้านกลับ-โคกกะเทียม (ทางรถไฟยกระดับ) ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อเดือน ก.ย. 2567 ส่วนสัญญาที่ 2 ท่าแค-ปากน้ำโพ คืบหน้า 98.26% คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน พ.ย. 2567 และสัญญาที่ 3 งานระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม (ST8) คืบหน้า 49.59% คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ก.ค. 2568

    สำหรับไฮไลต์ของโครงการอยู่ที่สัญญาที่ 1 เป็นการก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ใหม่ ระยะทาง 29 กิโลเมตร เพื่อป้องกันผลกระทบต่อโบราณสถานอย่างพระปรางค์สามยอด มีจุดเริ่มต้นทางทิศใต้ของสถานีบ้านกลับ เบี่ยงออกทางด้านทิศตะวันตกของเมืองลพบุรี และยกระดับบนแนวเกาะกลางถนนของทางหลวงหมายเลข 366 (ถนนเลี่ยงเมืองลพบุรี) ระยะทาง 19 กิโลเมตร ก่อนลดระดับลง บรรจบแนวเส้นทางรถไฟเดิม ระหว่างสถานีท่าแค และสถานีโคกกะเทียม

    พร้อมปรับปรุงสถานีรถไฟบ้านกลับ โดยอนุรักษ์อาคารเดิมไว้ และก่อสร้างสถานีรถไฟลพบุรี 2 บริเวณถนนเลี่ยงเมืองลพบุรี ก่อนถึงแยกสนามไชย ต.โพลาดแก้ว อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี เป็นโครงสร้างขนาดใหญ่ 3 ชั้น ประกอบด้วยชั้น 1 ที่จอดรถ ชั้น 2 พื้นที่จำหน่ายตั๋วและรองรับผู้โดยสาร ชั้น 3 ชานชาลา

    อย่างไรก็ตาม เนื่องจากที่ตั้งสถานีรถไฟลพบุรี 2 อยู่ห่างจากสถานีรถไฟลพบุรี ต.ท่าหิน อ.เมืองฯ จ.ลพบุรี ประมาณ 9 กิโลเมตร ตามแผนของกระทรวงคมนาคม จะให้รถไฟชานเมือง กรุงเทพ (หัวลำโพง)-ลพบุรี และรถไฟท้องถิ่น พิษณุโลก-ลพบุรี ทั้งไปและกลับ จอดที่สถานีเดิม นอกนั้นทั้งรถไฟธรรมดา รถเร็ว รถด่วน รถด่วนพิเศษ ย้ายไปให้บริการที่สถานีลพบุรี 2 แห่งใหม่

    แน่นอนว่าย่อมมีผู้ไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปที่ต้องอาศัยรถไฟธรรมดา สายพิษณุโลก สายตะพานหิน สายนครสวรรค์ และสายบ้านตาคลี มายังสถานีลพบุรี ไม่นับรวมกรณีรถไฟทางไกลสายเหนือ ต้องไปใช้บริการที่สถานีลพบุรี 2 มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียงพอหรือไม่ มีรถรับส่งผู้โดยสารไปยังตัวเมืองลพบุรีหรือไม่ บริการฟรีหรือเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม ภาระตกอยู่กับผู้โดยสารเพิ่มขึ้น

    ขณะนี้สถานีรถไฟลพบุรี ได้ทำทำแบบสำรวจเพื่อประกอบการจัดทำแผนในการเดินขบวนรถไฟโดยสาร ที่ให้บริการระหว่างสถานีลพบุรี (เดิม) และสถานีลพบุรี 2 เพื่อรับทราบถึงความคิดเห็น ความต้องการ ข้อดีข้อเสีย และผลกระทบที่ได้รับ สามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่ Google Form https://forms.gle/8HG7zhG7gheZBaSW6 หรือที่ช่องจำหน่ายตั๋วโดยสาร สถานีรถไฟลพบุรี

    #Newskit #สถานีลพบุรี #รถไฟทางคู่
    อนาคตสถานีลพบุรี โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ระยะทาง 145 กิโลเมตร มูลค่าโครงการ 21,467 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างตั้งแต่กลางปี 2561 ในที่สุดสัญญาที่ 1 ช่วงบ้านกลับ-โคกกะเทียม (ทางรถไฟยกระดับ) ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อเดือน ก.ย. 2567 ส่วนสัญญาที่ 2 ท่าแค-ปากน้ำโพ คืบหน้า 98.26% คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน พ.ย. 2567 และสัญญาที่ 3 งานระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม (ST8) คืบหน้า 49.59% คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ก.ค. 2568 สำหรับไฮไลต์ของโครงการอยู่ที่สัญญาที่ 1 เป็นการก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ใหม่ ระยะทาง 29 กิโลเมตร เพื่อป้องกันผลกระทบต่อโบราณสถานอย่างพระปรางค์สามยอด มีจุดเริ่มต้นทางทิศใต้ของสถานีบ้านกลับ เบี่ยงออกทางด้านทิศตะวันตกของเมืองลพบุรี และยกระดับบนแนวเกาะกลางถนนของทางหลวงหมายเลข 366 (ถนนเลี่ยงเมืองลพบุรี) ระยะทาง 19 กิโลเมตร ก่อนลดระดับลง บรรจบแนวเส้นทางรถไฟเดิม ระหว่างสถานีท่าแค และสถานีโคกกะเทียม พร้อมปรับปรุงสถานีรถไฟบ้านกลับ โดยอนุรักษ์อาคารเดิมไว้ และก่อสร้างสถานีรถไฟลพบุรี 2 บริเวณถนนเลี่ยงเมืองลพบุรี ก่อนถึงแยกสนามไชย ต.โพลาดแก้ว อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี เป็นโครงสร้างขนาดใหญ่ 3 ชั้น ประกอบด้วยชั้น 1 ที่จอดรถ ชั้น 2 พื้นที่จำหน่ายตั๋วและรองรับผู้โดยสาร ชั้น 3 ชานชาลา อย่างไรก็ตาม เนื่องจากที่ตั้งสถานีรถไฟลพบุรี 2 อยู่ห่างจากสถานีรถไฟลพบุรี ต.ท่าหิน อ.เมืองฯ จ.ลพบุรี ประมาณ 9 กิโลเมตร ตามแผนของกระทรวงคมนาคม จะให้รถไฟชานเมือง กรุงเทพ (หัวลำโพง)-ลพบุรี และรถไฟท้องถิ่น พิษณุโลก-ลพบุรี ทั้งไปและกลับ จอดที่สถานีเดิม นอกนั้นทั้งรถไฟธรรมดา รถเร็ว รถด่วน รถด่วนพิเศษ ย้ายไปให้บริการที่สถานีลพบุรี 2 แห่งใหม่ แน่นอนว่าย่อมมีผู้ไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปที่ต้องอาศัยรถไฟธรรมดา สายพิษณุโลก สายตะพานหิน สายนครสวรรค์ และสายบ้านตาคลี มายังสถานีลพบุรี ไม่นับรวมกรณีรถไฟทางไกลสายเหนือ ต้องไปใช้บริการที่สถานีลพบุรี 2 มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียงพอหรือไม่ มีรถรับส่งผู้โดยสารไปยังตัวเมืองลพบุรีหรือไม่ บริการฟรีหรือเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม ภาระตกอยู่กับผู้โดยสารเพิ่มขึ้น ขณะนี้สถานีรถไฟลพบุรี ได้ทำทำแบบสำรวจเพื่อประกอบการจัดทำแผนในการเดินขบวนรถไฟโดยสาร ที่ให้บริการระหว่างสถานีลพบุรี (เดิม) และสถานีลพบุรี 2 เพื่อรับทราบถึงความคิดเห็น ความต้องการ ข้อดีข้อเสีย และผลกระทบที่ได้รับ สามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่ Google Form https://forms.gle/8HG7zhG7gheZBaSW6 หรือที่ช่องจำหน่ายตั๋วโดยสาร สถานีรถไฟลพบุรี #Newskit #สถานีลพบุรี #รถไฟทางคู่
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 743 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใบสมัครกิจกรรมถ่ายภาพ Phojam Thailand ร่วมกับ Malaysia and Singarproe พระปรางค์สามยอด จ,ลพบุรี จ.สระบุรี รถไฟลอยน้ำ เขื่อนป่าศักชลสิทธิ์ ทุ่งทานตะวัน 2 วัน หนึ่งคืน อาหาร 3 มื้อ พร้อมนางแบบสาวสวย กว่า 10 คน จัดหลายแบบ หลายสไตล์ โดย อ.วิเชษ รุญเจริญ พร้มทีมงาน อุปกรณ์ ประกอบ และไฟแสงสีครบ
    https://forms.gle/rkdWYfneecvx1tLf9
    ใบสมัครกิจกรรมถ่ายภาพ Phojam Thailand ร่วมกับ Malaysia and Singarproe พระปรางค์สามยอด จ,ลพบุรี จ.สระบุรี รถไฟลอยน้ำ เขื่อนป่าศักชลสิทธิ์ ทุ่งทานตะวัน 2 วัน หนึ่งคืน อาหาร 3 มื้อ พร้อมนางแบบสาวสวย กว่า 10 คน จัดหลายแบบ หลายสไตล์ โดย อ.วิเชษ รุญเจริญ พร้มทีมงาน อุปกรณ์ ประกอบ และไฟแสงสีครบ https://forms.gle/rkdWYfneecvx1tLf9
    FORMS.GLE
    ใบสมัครภ่ายภาพ Photojam Thailand
    สำหรับช่างภาพไทย ประสงค์จะร่วมถ่ายภาพ ร่วมคณะ Photojam จากประเทศ มาเลเซ๊ย และ สิงค์โปร ในส่วน 2 วันแรกของโปรแกรมซึ่งจะเป็นการถ่าย พระปรางค์สามยอด รถไฟลอยน้ำและทุ่งทานตะวัน 2 วัน 1 คืน อาหาร 3 มื้อ นางแบบมากกว่า 10 คน ค่าใช้จ่ายต่อท่านละ 2,900.- บาทโดยโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาพัทยาใต้ เลขบัญชี 221-1-15276-7 ชื่อ นายวิเชียร ตั้งธรรมสถิตย์ แล้วส่งสลิปเข้าที่ไลน์ กลุ่ม Photojam Thailand
    2 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 272 มุมมอง 0 รีวิว
  • โครงการ “เรารักษ์พระปรางค์”
    พระพรหมวัชรเมธี เจ้าอาวาสวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร และ กองงานเลขานุการวัดอรุณฯ
    ร่วมกับประชาชนประชาชน และ พุทธศาสนิกชน ร่วมโครงการ “เรารักษ์พระปรางค์” ด้วยการทำความสะอาดล้างพระปรางค์ และบริเวณโดยรอบ รวมถึงรอบพระอุโบสถโดยรอบ รวมทั้งล้างห้องน้ำวัด
    ซึ่งจะทำทุกๆ วันที่ 15 ของทุกเดือน

    ด้วยนโยบายของพระพรหมวัชรเมธี เจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม ในการทำความสะอาดวัด ฟื้นฟูระบบสาธารณูปโภคทั้งพระอาราม รวมทั้งงานบูรณปฏิสังขรณ์ ฌาปนสถาน วัดอรุณราชวราราม เพื่อธำรงรักษาโบราณสถานของพระอาราม ให้สวยงาม และมั่นคงถาวรอยู่คู่กับชาติ คู่กับพระศาสนาสืบไป

    #จิตอาสา #วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร #พระปรางค์ #ทําความสะอาด #thaitimes #thaitimesอาสา #สยามโสภา
    โครงการ “เรารักษ์พระปรางค์” พระพรหมวัชรเมธี เจ้าอาวาสวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร และ กองงานเลขานุการวัดอรุณฯ ร่วมกับประชาชนประชาชน และ พุทธศาสนิกชน ร่วมโครงการ “เรารักษ์พระปรางค์” ด้วยการทำความสะอาดล้างพระปรางค์ และบริเวณโดยรอบ รวมถึงรอบพระอุโบสถโดยรอบ รวมทั้งล้างห้องน้ำวัด ซึ่งจะทำทุกๆ วันที่ 15 ของทุกเดือน ด้วยนโยบายของพระพรหมวัชรเมธี เจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม ในการทำความสะอาดวัด ฟื้นฟูระบบสาธารณูปโภคทั้งพระอาราม รวมทั้งงานบูรณปฏิสังขรณ์ ฌาปนสถาน วัดอรุณราชวราราม เพื่อธำรงรักษาโบราณสถานของพระอาราม ให้สวยงาม และมั่นคงถาวรอยู่คู่กับชาติ คู่กับพระศาสนาสืบไป #จิตอาสา #วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร #พระปรางค์ #ทําความสะอาด #thaitimes #thaitimesอาสา #สยามโสภา
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1895 มุมมอง 726 0 รีวิว
  • “อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย” อีกหนึ่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมของไทย

    อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ตั้งอยู่ในเขตตำบลศรีสัชนาลัย ตำบลสารจิตร ตำบลหนองอ้อ และตำบลท่าชัย อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ตัวเมืองโบราณศรีสัชนาลัย อยู่ในเขตหมู่บ้านพระปรางค์ ตำบลศรีสัชนาลัย โดยอยู่ไม่สุภาพงจากกรุงเทพมหานครไปทางทิศเหนือ ประมาณ 550 กิโลเมตร เมืองโบราณศรีสัชนาลัยมีสภาพภูมิประเทศที่ตั้งของเมืองเป็นที่ราบเชิงเขาพระศรี และ เขาใหญ่ ทางด้านทิศตะวันตก และมี ลำน้ำยมอยู่ทางด้านทิศตะวันออก กรมศิลปากรได้กำหนดเขตที่ดินโบราณสถานอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ประมาณ 28,217 ไร่

    ความสำคัญทางประวัติศาสตร์😍
    เนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่ตั้งของเมืองศรีสัชนาลัย มีความเหมาะสมต่อการตั้งถิ่นฐาน คือมีทั้งที่ราบลุ่มริมแม่น้ำยมและที่ลาด เชิงเขาพระศรี และเขาใหญ่ ทำให้มีทั้งความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่และสิ่งป้องกันทางธรรมชาติที่ใช้ในการป้องกันข้าศึกศัตรู ได้อย่างดีด้วย จากหลักฐานที่สำรวจพบ พวกขวานหินขัด (เครื่องมือ เครื่องใช้ ของคนสมัยโบราณ) ที่พบที่ตำบลท่าชัย อำเภอศรีสัชนาลัย รวมทั้งจาก หลักฐานการขุดค้นทางโบราณคดีที่วัดชมชื่น แสดงว่ามีชุมชน เข้ามาอยู่อาศัยตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 9 (พ.ศ.800) เป็นต้นมาเป็นชุมชนร่วมสมัย ทวารวดีในภาคกลางถัด ขึ้นมาเป็นหลักฐานของวัฒนธรรมร่วมสมัยลพบุรี (พุทธศตวรรษที่ 18, พ.ศ. 1700) ปรากฏหลักฐานที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุเชลียง ในระยะนั้นเมืองศรีสัชนาลัยมีชื่อว่าเมืองเชลียง ตามหลักฐานที่ปรากฏ ในศิลาจารึก ตำนานและพงศาวดารที่ยืนยันว่ามีเมืองโบราณ 2 เมือง อยู่ในลุ่มน้ำยมก่อนแล้ว คือ เมืองสุโขทัย และเมืองเชลียง ต่อมาได้มีการก่อสร้างเมืองศรีสัชนาลัยขึ้นทางด้านทิศเหนือของเมืองเชลียงไม่สุภาพงออกไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร เมืองศรีสัชนาลัย มีความสำคัญควบคู่กันมากับเมือง สุโขทัย โดยจากหลักฐานได้กล่าวถึงพ่อขุนศรีนาวนำถม ว่าเป็นกษัตริย์ครอง 2 นคร คือ เสวยราชย์ ทั้งเมืองสุโขทัยและเมืองศรีสัชนาลัย (ก่อน พ.ศ. 1781) ต่อมาจนถึงพ่อขุนศรีอินทราทิตย์เป็นกษัตริย์ปกครองอาณาจักรสุโขทัย (พ.ศ.1781 - 1822) ทรงโปรดให้พ่อขุนบาลเมือง ไปครองเมืองศรีสัชนาลัย ส่วนพ่อขุนรามคำแหง พระยาลิไทก็เคยครองเมืองศรีสัชนาลัย ก่อนขึ้นเสวยราชย์เป็นกษัตริย์ปกครอง อาณาจักรสุโขทัย เมืองศรีสัชนาลัยมีฐานะเป็นเมืองลูกหลวงของสุโขทัย ต่อมาจนแม้กระทั่งสุโขทัยตกอยู่ภายใต้อำนาจของกรุงศรีอยุธยา และได้ เปลี่ยนชื่อเรียกว่า เมืองสวรรคโลก เมืองศรีสัชนาลัยหรือเมืองสวรรคโลกในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น เป็นเมืองสำคัญที่ผลิตภาชนะเครื่องเคลือบสังคโลกให้แก่ กรุงศรีอยุธยา ในสมัยต่อมาเมื่อมีการจัดระบบการปกครองปรับปรุงเรื่องเชื้อสายราชวงศ์ให้เข้าอยู่ในระบบราชการเรียบร้อยแล้ว กรุงศรี อยุธยา ได้เป็นผู้แต่งตั้งเจ้าเมืองเข้ามา ปกครองเมืองสวรรคโลกมีฐานะเป็นหัวเมืองชั้นนอกระดับเมืองโท หลังเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่า ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2310 เมืองศรีสัชนาลัยหรือ สวรรคโลกถูก ทิ้งร้าง ต่อมาเมืองสวรรคโลกได้จัดตั้ง ขึ้นใหม่ ที่บ้านท่าชัยอยู่ด้านทิศใต้ของเมืองเดิม และในสมัยรัตนโกสินทร์ได้ย้ายไปอยู่ที่บ้านวังไม้ขอน ซึ่งคือที่ตั้งของอำเภอ สวรรคโลกในปัจจุบัน ส่วนชื่อเมืองศรีสัชนาลัยถูกนำไปตั้งเป็นชื่อของอำเภอศรีสัชนาลัย ซึ่งได้รวมเอาเขตพื้นที่เมืองศรีสัชนาลัย โบราณไว้ด้วย อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของโลก ร่วมกับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย และอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรใน พ.ศ.2534 เนื่องจากหลักฐานที่ปรากฏแสดงให้เห็นถึงผลงานทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น นับเป็นตัวแทนของศิลปกรรมไทยยุคแรกและเป็นต้นกำเนิดของการสร้างประเทศ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2533

    โบราณสถานที่สำคัญ😇
    เมืองโบราณศรีสัชนาลัย มีขอบเขตของผังเมืองที่ก่อสร้างทับซ้อนอยู่บนบริเวณ เมืองเชลียงเดิม กล่าวคือ แนวกำแพงเมืองเชลียง เดิม ทำเป็นคันดินยาวขนานไปตามลำน้ำยมโดยเริ่มจาก บริเวณวัดมหาธาตุเชลียงขนานลำน้ำยมเลยผ่านเขาพนมเพลิงออกไป ซึ่งยังคงปรากฎหลักฐานคันดินให้เห็นอยู่เป็นระยะ ๆ ต่อมาเมื่อมีการก่อสร้างเมืองศรีสัชนาลัยขึ้น จึงได้พิจารณาเลือกบริเวณที่มีสภาพ ภูมิประเทศเป็นที่ราบเชิงเขา กำหนดขอบเขต การก่อสร้างกำแพงเมืองจากศิลาแลง ลักษณะผังเมืองเป็น รูปหลายเหลี่ยมไม่สม่ำเสมอตามทิศทางของแม่น้ำยม ในช่วงนี้ ลักษณะของกำแพงเมืองศรีสัชนาลัยมี หลายแนวเพราะคงมีการผสมผสานเอาแนวกำแพงคันดินในสมัยที่เป็นเมืองเชลียงเข้ามา ใช้ประโยชน์ด้วย โบราณสถานในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย มีทั้งภายในและภายนอกกำแพงเมือง ซึ่งรวมทั้งหมดมีไม่น้อย กว่า 215 แห่งโบราณสถานที่สำคัญมีดังนี้
    -โบราณสถานภายในกำแพงเมือง สำรวจพบแล้วมีทั้งสิ้น 28 แห่ง ที่สำคัญคือ วัดช้างล้อม วัดเจดีย์เจ็ดแถว วัดนางพญา วัดสวนแก้วอุทยานใหญ่ วัดสวนแก้ว เป็นต้น
    -โบราณสถานนอกกำแพงเมืองด้านทิศเหนือ สำรวจพบแล้วมีจำนวนทั้งสิ้น 35 แห่ง ที่สำคัญคือ วัดกุฎีราย เตาทุเรียงบ้านป่ายาง เตา ทุเรียงบ้านเกาะน้อย ซึ่งเป็น แหล่งผลิต ภาชนะดินเผา “เครื่องสังคโลก” ที่สำคัญของเมืองศรีสัชนาลัย
    -โบราณสถานนอกกำแพงเมืองด้านทิศตะวันออก สำรวจพบแล้วมีจำนวนทั้งสิ้น 10 แห่ง ที่สำคัญคือ วัดสวนสัก วัดป่าแก้ว เป็นต้น
    -โบราณสถานนอกกำแพงเมืองด้านทิศใต้ สำรวจพบแล้วมีจำนวนทั้งสิ้น 24 แห่ง ที่สำคัญคือ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วัดชมชื่น วัดเจ้าจันทร์ และวัดโคกสิงคาราม เป็นต้น
    -โบราณสถานนอกกำแพงเมืองด้านทิศตะวันตก สำรวจพบแล้วมีจำนวนทั้งสิ้น 19 แห่ง ที่สำคัญ คือ วัดพญาดำ วัดราหู วัดสระประทุม วัดพรหมสี่หน้า วัดยายตา เป็นต้น
    -โบราณสถานนอกกำแพงเมืองบนภูเขา สำรวจพบแล้วมีจำนวนทั้งสิ้น 15 แห่ง ที่สำคัญคือ วัดเขาใหญ่บน วัดเจดีย์เจ็ดยอด วัดเจดีย์รอบ และวัดเขาใหญ่ล่าง เป็นต้น อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของโลก ร่วมกันกับ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย และอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ในปี พ.ศ. 2534 เนื่องจากหลักฐานที่ปรากฎแสดงให้เห็นถึงผลงานทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น นับเป็นตัวแทนของศิลปกรรมไทย ยุคแรก และเป็นต้นกำเนิดของการสร้างประเทศ

    บทความหน้า เพจเทพชวนเที่ยว จะพาไปเที่ยวที่ไหน กดติดตาม กดไลค์กดแชร์เป็นกำลังใจให้แอดมินด้วยนะครับ🥰
    “อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย” อีกหนึ่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมของไทย อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ตั้งอยู่ในเขตตำบลศรีสัชนาลัย ตำบลสารจิตร ตำบลหนองอ้อ และตำบลท่าชัย อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ตัวเมืองโบราณศรีสัชนาลัย อยู่ในเขตหมู่บ้านพระปรางค์ ตำบลศรีสัชนาลัย โดยอยู่ไม่สุภาพงจากกรุงเทพมหานครไปทางทิศเหนือ ประมาณ 550 กิโลเมตร เมืองโบราณศรีสัชนาลัยมีสภาพภูมิประเทศที่ตั้งของเมืองเป็นที่ราบเชิงเขาพระศรี และ เขาใหญ่ ทางด้านทิศตะวันตก และมี ลำน้ำยมอยู่ทางด้านทิศตะวันออก กรมศิลปากรได้กำหนดเขตที่ดินโบราณสถานอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ประมาณ 28,217 ไร่ ความสำคัญทางประวัติศาสตร์😍 เนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่ตั้งของเมืองศรีสัชนาลัย มีความเหมาะสมต่อการตั้งถิ่นฐาน คือมีทั้งที่ราบลุ่มริมแม่น้ำยมและที่ลาด เชิงเขาพระศรี และเขาใหญ่ ทำให้มีทั้งความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่และสิ่งป้องกันทางธรรมชาติที่ใช้ในการป้องกันข้าศึกศัตรู ได้อย่างดีด้วย จากหลักฐานที่สำรวจพบ พวกขวานหินขัด (เครื่องมือ เครื่องใช้ ของคนสมัยโบราณ) ที่พบที่ตำบลท่าชัย อำเภอศรีสัชนาลัย รวมทั้งจาก หลักฐานการขุดค้นทางโบราณคดีที่วัดชมชื่น แสดงว่ามีชุมชน เข้ามาอยู่อาศัยตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 9 (พ.ศ.800) เป็นต้นมาเป็นชุมชนร่วมสมัย ทวารวดีในภาคกลางถัด ขึ้นมาเป็นหลักฐานของวัฒนธรรมร่วมสมัยลพบุรี (พุทธศตวรรษที่ 18, พ.ศ. 1700) ปรากฏหลักฐานที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุเชลียง ในระยะนั้นเมืองศรีสัชนาลัยมีชื่อว่าเมืองเชลียง ตามหลักฐานที่ปรากฏ ในศิลาจารึก ตำนานและพงศาวดารที่ยืนยันว่ามีเมืองโบราณ 2 เมือง อยู่ในลุ่มน้ำยมก่อนแล้ว คือ เมืองสุโขทัย และเมืองเชลียง ต่อมาได้มีการก่อสร้างเมืองศรีสัชนาลัยขึ้นทางด้านทิศเหนือของเมืองเชลียงไม่สุภาพงออกไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร เมืองศรีสัชนาลัย มีความสำคัญควบคู่กันมากับเมือง สุโขทัย โดยจากหลักฐานได้กล่าวถึงพ่อขุนศรีนาวนำถม ว่าเป็นกษัตริย์ครอง 2 นคร คือ เสวยราชย์ ทั้งเมืองสุโขทัยและเมืองศรีสัชนาลัย (ก่อน พ.ศ. 1781) ต่อมาจนถึงพ่อขุนศรีอินทราทิตย์เป็นกษัตริย์ปกครองอาณาจักรสุโขทัย (พ.ศ.1781 - 1822) ทรงโปรดให้พ่อขุนบาลเมือง ไปครองเมืองศรีสัชนาลัย ส่วนพ่อขุนรามคำแหง พระยาลิไทก็เคยครองเมืองศรีสัชนาลัย ก่อนขึ้นเสวยราชย์เป็นกษัตริย์ปกครอง อาณาจักรสุโขทัย เมืองศรีสัชนาลัยมีฐานะเป็นเมืองลูกหลวงของสุโขทัย ต่อมาจนแม้กระทั่งสุโขทัยตกอยู่ภายใต้อำนาจของกรุงศรีอยุธยา และได้ เปลี่ยนชื่อเรียกว่า เมืองสวรรคโลก เมืองศรีสัชนาลัยหรือเมืองสวรรคโลกในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น เป็นเมืองสำคัญที่ผลิตภาชนะเครื่องเคลือบสังคโลกให้แก่ กรุงศรีอยุธยา ในสมัยต่อมาเมื่อมีการจัดระบบการปกครองปรับปรุงเรื่องเชื้อสายราชวงศ์ให้เข้าอยู่ในระบบราชการเรียบร้อยแล้ว กรุงศรี อยุธยา ได้เป็นผู้แต่งตั้งเจ้าเมืองเข้ามา ปกครองเมืองสวรรคโลกมีฐานะเป็นหัวเมืองชั้นนอกระดับเมืองโท หลังเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่า ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2310 เมืองศรีสัชนาลัยหรือ สวรรคโลกถูก ทิ้งร้าง ต่อมาเมืองสวรรคโลกได้จัดตั้ง ขึ้นใหม่ ที่บ้านท่าชัยอยู่ด้านทิศใต้ของเมืองเดิม และในสมัยรัตนโกสินทร์ได้ย้ายไปอยู่ที่บ้านวังไม้ขอน ซึ่งคือที่ตั้งของอำเภอ สวรรคโลกในปัจจุบัน ส่วนชื่อเมืองศรีสัชนาลัยถูกนำไปตั้งเป็นชื่อของอำเภอศรีสัชนาลัย ซึ่งได้รวมเอาเขตพื้นที่เมืองศรีสัชนาลัย โบราณไว้ด้วย อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของโลก ร่วมกับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย และอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรใน พ.ศ.2534 เนื่องจากหลักฐานที่ปรากฏแสดงให้เห็นถึงผลงานทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น นับเป็นตัวแทนของศิลปกรรมไทยยุคแรกและเป็นต้นกำเนิดของการสร้างประเทศ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2533 โบราณสถานที่สำคัญ😇 เมืองโบราณศรีสัชนาลัย มีขอบเขตของผังเมืองที่ก่อสร้างทับซ้อนอยู่บนบริเวณ เมืองเชลียงเดิม กล่าวคือ แนวกำแพงเมืองเชลียง เดิม ทำเป็นคันดินยาวขนานไปตามลำน้ำยมโดยเริ่มจาก บริเวณวัดมหาธาตุเชลียงขนานลำน้ำยมเลยผ่านเขาพนมเพลิงออกไป ซึ่งยังคงปรากฎหลักฐานคันดินให้เห็นอยู่เป็นระยะ ๆ ต่อมาเมื่อมีการก่อสร้างเมืองศรีสัชนาลัยขึ้น จึงได้พิจารณาเลือกบริเวณที่มีสภาพ ภูมิประเทศเป็นที่ราบเชิงเขา กำหนดขอบเขต การก่อสร้างกำแพงเมืองจากศิลาแลง ลักษณะผังเมืองเป็น รูปหลายเหลี่ยมไม่สม่ำเสมอตามทิศทางของแม่น้ำยม ในช่วงนี้ ลักษณะของกำแพงเมืองศรีสัชนาลัยมี หลายแนวเพราะคงมีการผสมผสานเอาแนวกำแพงคันดินในสมัยที่เป็นเมืองเชลียงเข้ามา ใช้ประโยชน์ด้วย โบราณสถานในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย มีทั้งภายในและภายนอกกำแพงเมือง ซึ่งรวมทั้งหมดมีไม่น้อย กว่า 215 แห่งโบราณสถานที่สำคัญมีดังนี้ -โบราณสถานภายในกำแพงเมือง สำรวจพบแล้วมีทั้งสิ้น 28 แห่ง ที่สำคัญคือ วัดช้างล้อม วัดเจดีย์เจ็ดแถว วัดนางพญา วัดสวนแก้วอุทยานใหญ่ วัดสวนแก้ว เป็นต้น -โบราณสถานนอกกำแพงเมืองด้านทิศเหนือ สำรวจพบแล้วมีจำนวนทั้งสิ้น 35 แห่ง ที่สำคัญคือ วัดกุฎีราย เตาทุเรียงบ้านป่ายาง เตา ทุเรียงบ้านเกาะน้อย ซึ่งเป็น แหล่งผลิต ภาชนะดินเผา “เครื่องสังคโลก” ที่สำคัญของเมืองศรีสัชนาลัย -โบราณสถานนอกกำแพงเมืองด้านทิศตะวันออก สำรวจพบแล้วมีจำนวนทั้งสิ้น 10 แห่ง ที่สำคัญคือ วัดสวนสัก วัดป่าแก้ว เป็นต้น -โบราณสถานนอกกำแพงเมืองด้านทิศใต้ สำรวจพบแล้วมีจำนวนทั้งสิ้น 24 แห่ง ที่สำคัญคือ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วัดชมชื่น วัดเจ้าจันทร์ และวัดโคกสิงคาราม เป็นต้น -โบราณสถานนอกกำแพงเมืองด้านทิศตะวันตก สำรวจพบแล้วมีจำนวนทั้งสิ้น 19 แห่ง ที่สำคัญ คือ วัดพญาดำ วัดราหู วัดสระประทุม วัดพรหมสี่หน้า วัดยายตา เป็นต้น -โบราณสถานนอกกำแพงเมืองบนภูเขา สำรวจพบแล้วมีจำนวนทั้งสิ้น 15 แห่ง ที่สำคัญคือ วัดเขาใหญ่บน วัดเจดีย์เจ็ดยอด วัดเจดีย์รอบ และวัดเขาใหญ่ล่าง เป็นต้น อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของโลก ร่วมกันกับ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย และอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ในปี พ.ศ. 2534 เนื่องจากหลักฐานที่ปรากฎแสดงให้เห็นถึงผลงานทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น นับเป็นตัวแทนของศิลปกรรมไทย ยุคแรก และเป็นต้นกำเนิดของการสร้างประเทศ บทความหน้า เพจเทพชวนเที่ยว จะพาไปเที่ยวที่ไหน กดติดตาม กดไลค์กดแชร์เป็นกำลังใจให้แอดมินด้วยนะครับ🥰
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 994 มุมมอง 0 รีวิว