• ด่วน!
    กัมพูชาแถลงยัน ทุ่นระเบิดที่ทหารไทยเหยียบเป็นระเบิดเก่า ไม่ใช่ PMN-2

    หน่วยงานปฏิบัติการและช่วยเหลือเหยื่อทุ่นระเบิดแห่งกัมพูชา (CMAA) ออกแถลงการณ์เพื่อตอบโต้ข้อกล่าวหาล่าสุดของเจ้าหน้าที่ไทยที่กล่าวหาว่า กองกำลังกัมพูชาได้ติดตั้งทุ่นระเบิดลูกใหม่ตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย
    .
    หลังจากเกิดเหตุระเบิดทุ่นระเบิดเมื่อวันที่ 16 และ 23 ก.ค. 68 ซึ่งทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บใกล้ชายแดนจังหวัดพระวิหาร เจ้าหน้าที่ไทยกล่าวหาว่า ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 ที่เพิ่งติดตั้งใหม่เป็นสาเหตุ
    .
    CMAA ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้อย่างหนักแน่นและย้ำว่า กัมพูชาได้ปฏิบัติตามอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งกัมพูชาได้ให้สัตยาบันในปี พ.ศ. 2542 อย่างเต็มที่

    แถลงการณ์โดยละเอียด:

    CMAA ขอตอบโต้ข้อกล่าวหาของไทย: จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเขตทุ่นระเบิดที่ได้รับการบันทึกไว้ภายในเขตแดนกัมพูชา

    พนมเปญ — หน่วยงานช่วยเหลือเหยื่อและปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งกัมพูชา (CMAA) ออกแถลงการณ์ดังต่อไปนี้เพื่อตอบโต้ข้อกล่าวหาล่าสุดของเจ้าหน้าที่ไทยที่กล่าวหาว่ากองกำลังกัมพูชาได้ติดตั้งทุ่นระเบิดลูกใหม่ตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย

    หลังจากเกิดเหตุระเบิดจากทุ่นระเบิดเมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ซึ่งทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บใกล้ชายแดนในจังหวัดพระวิหาร เจ้าหน้าที่ไทยกล่าวหาว่าทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 เป็นระเบิดที่เพิ่งติดตั้งใหม่เป็นสาเหตุในครั้งนี้

    ทางหน่วยงาน CMAA ขอปฏิเสธข้อกล่าวหานี้อย่างหนักแน่น และย้ำว่ากัมพูชาได้ปฏิบัติตามอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Anti-Personnel Mine Ban Convention) อย่างเคร่งครัด ซึ่งกัมพูชาได้ให้สัตยาบันในปี พ.ศ. 2542

    การตรวจสอบทางเทคนิคโดยศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชา (CMAC) ยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายในเขตแดนของกัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่ทุ่นระเบิด BS/CMAA/16808 ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านเตโชโมโรโกต ตำบลโมโรโกต อำเภอจัมโบกสัน ทุ่นระเบิดนี้ได้รับการบันทึกอย่างเป็นทางการแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการเปิดเผย และเป็นส่วนหนึ่งของคลังทุ่นระเบิดเก่าของกัมพูชาที่สืบเนื่องมาจากความขัดแย้งในอดีต

    การประเมินทางนิติวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับรูปแบบการบาดเจ็บชี้ให้เห็นว่าการระเบิดน่าจะเกิดจากทุ่นระเบิดเก่าที่มีพลังทำลายต่ำ เช่น ประเภท 72A, 72B, M14, MN79 หรือ MD82B ซึ่งโดยทั่วไปแล้วแต่ละทุ่นระเบิดจะมีน้ำหนักประมาณ 30 กรัม ในทางตรงกันข้าม ทุ่นระเบิด PMN-2 มีวัตถุระเบิดมากกว่า 115 กรัม และมักส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บสาหัสมากกว่า ผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสังเกตว่าการบาดเจ็บที่ได้รับในเหตุการณ์นี้ไม่สอดคล้องกับการระเบิดของ PMN-2

    CMAA เน้นย้ำข้อเท็จจริงสำคัญดังต่อไปนี้:

    1. ยังไม่มีการวางทุ่นระเบิดใหม่ พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเป็นส่วนหนึ่งของทุ่นระเบิดที่มีมายาวนาน ซึ่งยังคงเป็นภัยคุกคามด้านมนุษยธรรมต่อชุมชนชายแดน

    2. การระเบิดเกิดขึ้นในเขตอันตรายที่ได้รับการบันทึกอย่างเป็นทางการ พื้นที่ระเบิดทั้งหมดอยู่ในอาณาเขตของกัมพูชาและยังไม่ได้รับการแก้ไข

    3. กัมพูชามีสถิติการปฏิบัติการทุ่นระเบิดที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 กัมพูชาได้ดำเนินการกวาดล้างทุ่นระเบิดไปแล้วกว่า 1.1 ล้านลูก และซากวัตถุระเบิดจากสงครามเกือบ 3 ล้านชิ้น ประเทศยังคงมีบทบาทสำคัญในความพยายามในการกำจัดทุ่นระเบิดทั่วโลก รวมถึงการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดเสียมเรียบ-อังกอร์ ปี พ.ศ. 2567 เพื่อลงนามสนธิสัญญาห้ามทุ่นระเบิด

    ข้อกล่าวอ้างเรื่องการติดตั้งทุ่นระเบิดใหม่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากหลักฐานภาคสนาม และมีความเสี่ยงที่จะบั่นทอนเจตนารมณ์แห่งความร่วมมือซึ่งเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอาวุโส ลี ธุช รองประธานคนแรกของ CMAA แสดงความเสียใจต่อข้อเท็จจริงที่ผู้นำไทยบางคนกำลังบิดเบือนความตึงเครียดบริเวณชายแดนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากประเด็นทางการเมืองภายในประเทศของไทย เขาโต้แย้งอย่างหนักแน่นต่อข้อเสนอของไทยที่ว่ากัมพูชาได้ติดตั้งทุ่นระเบิดใหม่ โดยระบุว่ากัมพูชาประสบปัญหาจากการปนเปื้อนของทุ่นระเบิดมานานหลายทศวรรษ และกำลังดำเนินการอย่างแข็งขันเพื่อกำจัดทุ่นระเบิดเหล่านี้

    “เราเหนื่อยล้าจากอันตรายของทุ่นระเบิด และใช้เวลากว่า 30 ปีในการกำจัดทุ่นระเบิด” เขากล่าว “กัมพูชายังคงยึดมั่นในสันติภาพ และเราขอเรียกร้องให้ไทยร่วมเจรจาหารือเกี่ยวกับปัญหาชายแดนและปฏิบัติการกำจัดทุ่นระเบิดร่วมกัน”

    เขายังกล่าวอีกว่า การกำจัดทุ่นระเบิดตามแนวชายแดนไทยยังคงเป็นความท้าทายที่ซับซ้อน เนื่องจากภูมิประเทศที่ยากลำบาก พืชพรรณที่หนาแน่น และพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนอย่างหนัก ซึ่งต้องใช้เวลาและทรัพยากรมากขึ้นในการกำจัด

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาวุโสยังย้ำว่าการขาดเจตนารมณ์อันดีและความไม่เต็มใจที่จะมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์กับกัมพูชาในการกำหนดเขตแดนเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายปลอดทุ่นระเบิดของกัมพูชา

    “ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ กองกำลังทหารไทยและนักการเมืองไทยบางคนได้ก่อให้เกิดข้อพิพาทกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา ลาว และเมียนมาหลายครั้ง”

    ท่านแสดงความกังวลอย่างยิ่งว่าองค์ประกอบบางส่วนในกองทัพและการเมืองของไทยยังคงแสดงความไม่พอใจในสิ่งที่ได้รับจากประเทศเพื่อนบ้านในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา แต่กลับแสดงให้เห็นถึงความโลภแบบจักรวรรดินิยม แม้ว่าจะได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากประเทศเพื่อนบ้านเหล่านั้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ก็ตาม

    https://web.facebook.com/share/p/16Ks7b33s6/
    ด่วน! กัมพูชาแถลงยัน ทุ่นระเบิดที่ทหารไทยเหยียบเป็นระเบิดเก่า ไม่ใช่ PMN-2 หน่วยงานปฏิบัติการและช่วยเหลือเหยื่อทุ่นระเบิดแห่งกัมพูชา (CMAA) ออกแถลงการณ์เพื่อตอบโต้ข้อกล่าวหาล่าสุดของเจ้าหน้าที่ไทยที่กล่าวหาว่า กองกำลังกัมพูชาได้ติดตั้งทุ่นระเบิดลูกใหม่ตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย . หลังจากเกิดเหตุระเบิดทุ่นระเบิดเมื่อวันที่ 16 และ 23 ก.ค. 68 ซึ่งทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บใกล้ชายแดนจังหวัดพระวิหาร เจ้าหน้าที่ไทยกล่าวหาว่า ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 ที่เพิ่งติดตั้งใหม่เป็นสาเหตุ . CMAA ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้อย่างหนักแน่นและย้ำว่า กัมพูชาได้ปฏิบัติตามอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งกัมพูชาได้ให้สัตยาบันในปี พ.ศ. 2542 อย่างเต็มที่ แถลงการณ์โดยละเอียด: CMAA ขอตอบโต้ข้อกล่าวหาของไทย: จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเขตทุ่นระเบิดที่ได้รับการบันทึกไว้ภายในเขตแดนกัมพูชา พนมเปญ — หน่วยงานช่วยเหลือเหยื่อและปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งกัมพูชา (CMAA) ออกแถลงการณ์ดังต่อไปนี้เพื่อตอบโต้ข้อกล่าวหาล่าสุดของเจ้าหน้าที่ไทยที่กล่าวหาว่ากองกำลังกัมพูชาได้ติดตั้งทุ่นระเบิดลูกใหม่ตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย หลังจากเกิดเหตุระเบิดจากทุ่นระเบิดเมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ซึ่งทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บใกล้ชายแดนในจังหวัดพระวิหาร เจ้าหน้าที่ไทยกล่าวหาว่าทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 เป็นระเบิดที่เพิ่งติดตั้งใหม่เป็นสาเหตุในครั้งนี้ ทางหน่วยงาน CMAA ขอปฏิเสธข้อกล่าวหานี้อย่างหนักแน่น และย้ำว่ากัมพูชาได้ปฏิบัติตามอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Anti-Personnel Mine Ban Convention) อย่างเคร่งครัด ซึ่งกัมพูชาได้ให้สัตยาบันในปี พ.ศ. 2542 การตรวจสอบทางเทคนิคโดยศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชา (CMAC) ยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายในเขตแดนของกัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่ทุ่นระเบิด BS/CMAA/16808 ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านเตโชโมโรโกต ตำบลโมโรโกต อำเภอจัมโบกสัน ทุ่นระเบิดนี้ได้รับการบันทึกอย่างเป็นทางการแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการเปิดเผย และเป็นส่วนหนึ่งของคลังทุ่นระเบิดเก่าของกัมพูชาที่สืบเนื่องมาจากความขัดแย้งในอดีต การประเมินทางนิติวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับรูปแบบการบาดเจ็บชี้ให้เห็นว่าการระเบิดน่าจะเกิดจากทุ่นระเบิดเก่าที่มีพลังทำลายต่ำ เช่น ประเภท 72A, 72B, M14, MN79 หรือ MD82B ซึ่งโดยทั่วไปแล้วแต่ละทุ่นระเบิดจะมีน้ำหนักประมาณ 30 กรัม ในทางตรงกันข้าม ทุ่นระเบิด PMN-2 มีวัตถุระเบิดมากกว่า 115 กรัม และมักส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บสาหัสมากกว่า ผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสังเกตว่าการบาดเจ็บที่ได้รับในเหตุการณ์นี้ไม่สอดคล้องกับการระเบิดของ PMN-2 CMAA เน้นย้ำข้อเท็จจริงสำคัญดังต่อไปนี้: 1. ยังไม่มีการวางทุ่นระเบิดใหม่ พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเป็นส่วนหนึ่งของทุ่นระเบิดที่มีมายาวนาน ซึ่งยังคงเป็นภัยคุกคามด้านมนุษยธรรมต่อชุมชนชายแดน 2. การระเบิดเกิดขึ้นในเขตอันตรายที่ได้รับการบันทึกอย่างเป็นทางการ พื้นที่ระเบิดทั้งหมดอยู่ในอาณาเขตของกัมพูชาและยังไม่ได้รับการแก้ไข 3. กัมพูชามีสถิติการปฏิบัติการทุ่นระเบิดที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 กัมพูชาได้ดำเนินการกวาดล้างทุ่นระเบิดไปแล้วกว่า 1.1 ล้านลูก และซากวัตถุระเบิดจากสงครามเกือบ 3 ล้านชิ้น ประเทศยังคงมีบทบาทสำคัญในความพยายามในการกำจัดทุ่นระเบิดทั่วโลก รวมถึงการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดเสียมเรียบ-อังกอร์ ปี พ.ศ. 2567 เพื่อลงนามสนธิสัญญาห้ามทุ่นระเบิด ข้อกล่าวอ้างเรื่องการติดตั้งทุ่นระเบิดใหม่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากหลักฐานภาคสนาม และมีความเสี่ยงที่จะบั่นทอนเจตนารมณ์แห่งความร่วมมือซึ่งเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอาวุโส ลี ธุช รองประธานคนแรกของ CMAA แสดงความเสียใจต่อข้อเท็จจริงที่ผู้นำไทยบางคนกำลังบิดเบือนความตึงเครียดบริเวณชายแดนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากประเด็นทางการเมืองภายในประเทศของไทย เขาโต้แย้งอย่างหนักแน่นต่อข้อเสนอของไทยที่ว่ากัมพูชาได้ติดตั้งทุ่นระเบิดใหม่ โดยระบุว่ากัมพูชาประสบปัญหาจากการปนเปื้อนของทุ่นระเบิดมานานหลายทศวรรษ และกำลังดำเนินการอย่างแข็งขันเพื่อกำจัดทุ่นระเบิดเหล่านี้ “เราเหนื่อยล้าจากอันตรายของทุ่นระเบิด และใช้เวลากว่า 30 ปีในการกำจัดทุ่นระเบิด” เขากล่าว “กัมพูชายังคงยึดมั่นในสันติภาพ และเราขอเรียกร้องให้ไทยร่วมเจรจาหารือเกี่ยวกับปัญหาชายแดนและปฏิบัติการกำจัดทุ่นระเบิดร่วมกัน” เขายังกล่าวอีกว่า การกำจัดทุ่นระเบิดตามแนวชายแดนไทยยังคงเป็นความท้าทายที่ซับซ้อน เนื่องจากภูมิประเทศที่ยากลำบาก พืชพรรณที่หนาแน่น และพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนอย่างหนัก ซึ่งต้องใช้เวลาและทรัพยากรมากขึ้นในการกำจัด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาวุโสยังย้ำว่าการขาดเจตนารมณ์อันดีและความไม่เต็มใจที่จะมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์กับกัมพูชาในการกำหนดเขตแดนเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายปลอดทุ่นระเบิดของกัมพูชา “ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ กองกำลังทหารไทยและนักการเมืองไทยบางคนได้ก่อให้เกิดข้อพิพาทกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา ลาว และเมียนมาหลายครั้ง” ท่านแสดงความกังวลอย่างยิ่งว่าองค์ประกอบบางส่วนในกองทัพและการเมืองของไทยยังคงแสดงความไม่พอใจในสิ่งที่ได้รับจากประเทศเพื่อนบ้านในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา แต่กลับแสดงให้เห็นถึงความโลภแบบจักรวรรดินิยม แม้ว่าจะได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากประเทศเพื่อนบ้านเหล่านั้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ก็ตาม https://web.facebook.com/share/p/16Ks7b33s6/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่วน! เช้านี้ (24 ก.ค.) - รัฐบาลกัมพูชาประกาศลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทยลงเหลือระดับต่ำสุด พร้อมขับไล่ทูตไทยประจำกัมพูชากลับประเทศไทย พร้อมเรียกทูตกัมพูชาในประเทศไทยกลับพนมเปญเช่นกัน เพื่อเป็นการตอบโต้ฝ่ายไทยที่ประกาศลดระดับความสัมพันธ์กับกัมพูชา และขับไล่ทูตกัมพูชาออกจากประเทศ
    ด่วน! เช้านี้ (24 ก.ค.) - รัฐบาลกัมพูชาประกาศลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทยลงเหลือระดับต่ำสุด พร้อมขับไล่ทูตไทยประจำกัมพูชากลับประเทศไทย พร้อมเรียกทูตกัมพูชาในประเทศไทยกลับพนมเปญเช่นกัน เพื่อเป็นการตอบโต้ฝ่ายไทยที่ประกาศลดระดับความสัมพันธ์กับกัมพูชา และขับไล่ทูตกัมพูชาออกจากประเทศ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 22 มุมมอง 0 รีวิว
  • สรุปมาตรการตอบโต้ของไทยที่ทำทันทีหลังเกิดเหตุทหารชุดลาดตระเวน พัน ร.14 (ลว.พัน ร.14) เหยียบกับระเบิดขาขาดอีกนาย ในพื้นที่ห้วยบอน ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี

    1. ปิด 4 ด่าน 2 ปราสาท ตามที่กองทัพเสนอ
    ช่องอานม้า ช่องสะงำ ช่องจอม ช่องสายตะกู ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย

    2.ลดระดับทางการทูต
    รัฐบาลไทยประกาศเรียกเอกอัครราชทูตไทยกลับจากพนมเปญ และขอให้เอกอัครราชทูตกัมพูชาเดินทางออกจากประเทศไทย ภายในเวลาที่กำหนด

    3.กองทัพประณามการกระทำของกัมพูชา
    กองทัพบกออกแถลงการณ์ประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำอันไร้มนุษยธรรม ซึ่งละเมิดต่อหลักมนุษยธรรมสากลและข้อตกลงระหว่างประเทศ อันเกิดขึ้นภายในเขตราชอาณาจักรไทย โดยเป็นการกระทำของฝ่ายกัมพูชา

    4.มีคำสั่งใช้มาตรการป้องกันและตอบโต้ทันที
    โดยกองทัพไทยเตรียมแผน ‘จักรพงษ์ภูวนาถ’ หลัง ‘กัมพูชา’ ลอบวาง ‘ทุ่นระเบิด’ ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพล บาดเจ็บ 5 นาย โดย 1 นาย ขาขวาเจ็บสาหัส ขณะเดินลาดตระเวน⁣
    สรุปมาตรการตอบโต้ของไทยที่ทำทันทีหลังเกิดเหตุทหารชุดลาดตระเวน พัน ร.14 (ลว.พัน ร.14) เหยียบกับระเบิดขาขาดอีกนาย ในพื้นที่ห้วยบอน ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี 1. ปิด 4 ด่าน 2 ปราสาท ตามที่กองทัพเสนอ ช่องอานม้า ช่องสะงำ ช่องจอม ช่องสายตะกู ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย 2.ลดระดับทางการทูต รัฐบาลไทยประกาศเรียกเอกอัครราชทูตไทยกลับจากพนมเปญ และขอให้เอกอัครราชทูตกัมพูชาเดินทางออกจากประเทศไทย ภายในเวลาที่กำหนด 3.กองทัพประณามการกระทำของกัมพูชา กองทัพบกออกแถลงการณ์ประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำอันไร้มนุษยธรรม ซึ่งละเมิดต่อหลักมนุษยธรรมสากลและข้อตกลงระหว่างประเทศ อันเกิดขึ้นภายในเขตราชอาณาจักรไทย โดยเป็นการกระทำของฝ่ายกัมพูชา 4.มีคำสั่งใช้มาตรการป้องกันและตอบโต้ทันที โดยกองทัพไทยเตรียมแผน ‘จักรพงษ์ภูวนาถ’ หลัง ‘กัมพูชา’ ลอบวาง ‘ทุ่นระเบิด’ ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพล บาดเจ็บ 5 นาย โดย 1 นาย ขาขวาเจ็บสาหัส ขณะเดินลาดตระเวน⁣
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงต่างประเทศกัมพูชาร่อนแถลงการณ์โต้ไทย ปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องทุ่นระเบิด เผยทหารไทยเข้ามาพื้นที่กัมพูชาโดยละเมิด แม้กัมพูชาจะเตือนถึงทุ่นระเบิดที่ยังไม่ระเบิด ซึ่งเป็นซากความขัดแย้งมาหลายทศวรรษ
    .
    แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา
    .
    กัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล
    .
    กระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาปฏิเสธอย่างหนักแน่นต่อแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เรื่อง “การประท้วงต่อต้านการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล” ซึ่งกล่าวหากัมพูชาว่าได้วางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลใหม่ ซึ่งเป็นการละเมิดอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (อนุสัญญาออตตาวา) ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บเมื่อเร็วๆ นี้
    .
    รัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ไร้เหตุผลและไร้เหตุผลเหล่านี้อย่างเด็ดขาด ในฐานะรัฐภาคีที่ยึดมั่นในหลักการและเจตนารมณ์ของอนุสัญญาออตตาวาอย่างเต็มที่ กัมพูชาขอปฏิเสธอย่างหนักแน่นต่อข้อกล่าวหาใดๆ ที่ว่ากัมพูชาได้ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญานี้ ความพยายามและความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของกัมพูชาในปฏิบัติการทุ่นระเบิดได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากประชาคมระหว่างประเทศ รวมถึงความก้าวหน้าที่สำคัญในการกำจัดเศษระเบิดจากสงครามในดินแดนของตน และการมีส่วนร่วมของกัมพูชาในปฏิบัติการกู้ระเบิดของสหประชาชาติในประเทศอื่นๆ หลังสงคราม
    .
    กระทรวงฯ ขอย้ำข้อเท็จจริงว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่หมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจัมโบะ จังหวัดพระวิหาร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ตั้งอยู่ในดินแดนที่กัมพูชายอมรับในระดับสากล ดินแดนนี้ถูกกำหนดโดยแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ที่จัดทำโดยคณะกรรมาธิการผสมฝรั่งเศส-สยาม ตามอนุสัญญา ค.ศ. 1904 และสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 แผนที่เหล่านี้ได้รับการยอมรับจากทั้งรัฐบาลกัมพูชาและไทยมาเป็นเวลานานในฐานะพื้นฐานที่เชื่อถือได้สำหรับการกำหนดเขตแดนของทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นแผนที่อ้างอิงสำหรับศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในคำพิพากษา ค.ศ. 1962 และการตีความเกี่ยวกับปราสาทพระวิหาร ค.ศ. 2013 อีกด้วย
    .
    เป็นเรื่องน่าเสียใจอย่างยิ่งที่ทหารไทยได้เข้ามาในพื้นที่นี้โดยละเมิดบันทึกความเข้าใจ ค.ศ. 2000 ซึ่งกำหนดเส้นแบ่งเขตแดนร่วมกันอย่างชัดเจน และห้ามมิให้มีกิจกรรมฝ่ายเดียวในพื้นที่ที่ไม่มีเส้นแบ่งเขต แม้ว่ากัมพูชาจะเตือนถึงอันตรายจากทุ่นระเบิดที่ยังไม่ระเบิด ซึ่งเป็นซากของความขัดแย้งทางอาวุธหลายทศวรรษ แต่กองทัพไทยกลับเบี่ยงเบนไปจากเส้นทางลาดตระเวนที่เคยประสานงานกันไว้ก่อนหน้านี้ระหว่างสองประเทศ และสร้างเส้นทางใหม่ผ่านดินแดนกัมพูชา การกระทำที่ขาดความรับผิดชอบนี้ถือเป็นการละเมิดความเข้าใจทวิภาคี ละเมิดดินแดนภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา เป็นอันตรายต่อชีวิต และบั่นทอนความไว้วางใจซึ่งกันและกัน นี่ยังไม่รวมถึงเจตนาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่ชอบด้วยกฎหมายที่กองทัพไทยประกาศใช้ในการบังคับใช้กฎเกณฑ์สำหรับการเข้ามา ของนักท่องเที่ยวและผู้แสวงบุญที่เข้าไปในวัดทาโมนธม (ปราสาทตาเมือนธม) โดยอ้างอำนาจอธิปไตยของไทยเหนือพื้นที่วัด
    .
    แม้จะมีข้อเท็จจริงที่ชัดเจนและไม่อาจปฏิเสธได้ แต่ไทยก็ยังคงออกแถลงการณ์ที่ขาดความระมัดระวังและทำให้เข้าใจผิด โดยกล่าวอ้างอย่างเท็จว่าได้กวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ที่ทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากการระเบิดทุ่นระเบิดแล้ว ในความเป็นจริง ทหารกัมพูชายังคงประจำการอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว และไม่มีกิจกรรมกวาดล้างทุ่นระเบิดตามที่ไทยอ้าง เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในอาณาเขตของกัมพูชา แทนที่จะยอมรับความจริงและรับผิดชอบ ไทยกลับยังคงเผยแพร่ข้อมูลเท็จต่อทั้งสาธารณชนและประชาคมระหว่างประเทศ กัมพูชาเรียกร้องให้ไทยยุติการดำเนินการดังกล่าวโดยทันที และดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสมเพื่อแก้ไขข้อมูลที่บิดเบือน
    .
    เหตุการณ์ข้างต้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความจำเป็นที่ทั้งสองประเทศต้องเร่งดำเนินการหาข้อยุติโดยสันติและมีผลผูกพันทางกฎหมายผ่านกลไกระหว่างประเทศที่เหมาะสม ดังนั้น กัมพูชาจึงขอย้ำจุดยืนที่มีมายาวนานว่าศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นองค์กรตุลาการหลักของสหประชาชาติ เป็นเวทีที่น่าเชื่อถือและเป็นกลางที่สุดในการแก้ไขข้อพิพาทเขตแดนที่เหลืออยู่ระหว่างสองประเทศ กัมพูชาขอเรียกร้องให้ประเทศไทยยอมรับอำนาจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในเรื่องนี้ด้วยความสุจริตใจ โดยปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้กฎบัตรสหประชาชาติ และด้วยความมุ่งมั่นอย่างจริงใจที่จะแก้ไขข้อพิพาทเขตแดนอย่างยุติธรรม เป็นธรรม และสันติ เพื่อประกันสันติภาพที่ยั่งยืน ป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่สมควรเกิดขึ้นอีก และส่งเสริมเสถียรภาพระยะยาวของทั้งสองประเทศและภูมิภาคโดยรวม
    .
    พนมเปญ 21 กรกฎาคม 2568
    กระทรวงต่างประเทศกัมพูชาร่อนแถลงการณ์โต้ไทย ปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องทุ่นระเบิด เผยทหารไทยเข้ามาพื้นที่กัมพูชาโดยละเมิด แม้กัมพูชาจะเตือนถึงทุ่นระเบิดที่ยังไม่ระเบิด ซึ่งเป็นซากความขัดแย้งมาหลายทศวรรษ . แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา . กัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล . กระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาปฏิเสธอย่างหนักแน่นต่อแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เรื่อง “การประท้วงต่อต้านการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล” ซึ่งกล่าวหากัมพูชาว่าได้วางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลใหม่ ซึ่งเป็นการละเมิดอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (อนุสัญญาออตตาวา) ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บเมื่อเร็วๆ นี้ . รัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ไร้เหตุผลและไร้เหตุผลเหล่านี้อย่างเด็ดขาด ในฐานะรัฐภาคีที่ยึดมั่นในหลักการและเจตนารมณ์ของอนุสัญญาออตตาวาอย่างเต็มที่ กัมพูชาขอปฏิเสธอย่างหนักแน่นต่อข้อกล่าวหาใดๆ ที่ว่ากัมพูชาได้ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญานี้ ความพยายามและความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของกัมพูชาในปฏิบัติการทุ่นระเบิดได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากประชาคมระหว่างประเทศ รวมถึงความก้าวหน้าที่สำคัญในการกำจัดเศษระเบิดจากสงครามในดินแดนของตน และการมีส่วนร่วมของกัมพูชาในปฏิบัติการกู้ระเบิดของสหประชาชาติในประเทศอื่นๆ หลังสงคราม . กระทรวงฯ ขอย้ำข้อเท็จจริงว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่หมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจัมโบะ จังหวัดพระวิหาร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ตั้งอยู่ในดินแดนที่กัมพูชายอมรับในระดับสากล ดินแดนนี้ถูกกำหนดโดยแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ที่จัดทำโดยคณะกรรมาธิการผสมฝรั่งเศส-สยาม ตามอนุสัญญา ค.ศ. 1904 และสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 แผนที่เหล่านี้ได้รับการยอมรับจากทั้งรัฐบาลกัมพูชาและไทยมาเป็นเวลานานในฐานะพื้นฐานที่เชื่อถือได้สำหรับการกำหนดเขตแดนของทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นแผนที่อ้างอิงสำหรับศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในคำพิพากษา ค.ศ. 1962 และการตีความเกี่ยวกับปราสาทพระวิหาร ค.ศ. 2013 อีกด้วย . เป็นเรื่องน่าเสียใจอย่างยิ่งที่ทหารไทยได้เข้ามาในพื้นที่นี้โดยละเมิดบันทึกความเข้าใจ ค.ศ. 2000 ซึ่งกำหนดเส้นแบ่งเขตแดนร่วมกันอย่างชัดเจน และห้ามมิให้มีกิจกรรมฝ่ายเดียวในพื้นที่ที่ไม่มีเส้นแบ่งเขต แม้ว่ากัมพูชาจะเตือนถึงอันตรายจากทุ่นระเบิดที่ยังไม่ระเบิด ซึ่งเป็นซากของความขัดแย้งทางอาวุธหลายทศวรรษ แต่กองทัพไทยกลับเบี่ยงเบนไปจากเส้นทางลาดตระเวนที่เคยประสานงานกันไว้ก่อนหน้านี้ระหว่างสองประเทศ และสร้างเส้นทางใหม่ผ่านดินแดนกัมพูชา การกระทำที่ขาดความรับผิดชอบนี้ถือเป็นการละเมิดความเข้าใจทวิภาคี ละเมิดดินแดนภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา เป็นอันตรายต่อชีวิต และบั่นทอนความไว้วางใจซึ่งกันและกัน นี่ยังไม่รวมถึงเจตนาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่ชอบด้วยกฎหมายที่กองทัพไทยประกาศใช้ในการบังคับใช้กฎเกณฑ์สำหรับการเข้ามา ของนักท่องเที่ยวและผู้แสวงบุญที่เข้าไปในวัดทาโมนธม (ปราสาทตาเมือนธม) โดยอ้างอำนาจอธิปไตยของไทยเหนือพื้นที่วัด . แม้จะมีข้อเท็จจริงที่ชัดเจนและไม่อาจปฏิเสธได้ แต่ไทยก็ยังคงออกแถลงการณ์ที่ขาดความระมัดระวังและทำให้เข้าใจผิด โดยกล่าวอ้างอย่างเท็จว่าได้กวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ที่ทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากการระเบิดทุ่นระเบิดแล้ว ในความเป็นจริง ทหารกัมพูชายังคงประจำการอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว และไม่มีกิจกรรมกวาดล้างทุ่นระเบิดตามที่ไทยอ้าง เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในอาณาเขตของกัมพูชา แทนที่จะยอมรับความจริงและรับผิดชอบ ไทยกลับยังคงเผยแพร่ข้อมูลเท็จต่อทั้งสาธารณชนและประชาคมระหว่างประเทศ กัมพูชาเรียกร้องให้ไทยยุติการดำเนินการดังกล่าวโดยทันที และดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสมเพื่อแก้ไขข้อมูลที่บิดเบือน . เหตุการณ์ข้างต้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความจำเป็นที่ทั้งสองประเทศต้องเร่งดำเนินการหาข้อยุติโดยสันติและมีผลผูกพันทางกฎหมายผ่านกลไกระหว่างประเทศที่เหมาะสม ดังนั้น กัมพูชาจึงขอย้ำจุดยืนที่มีมายาวนานว่าศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นองค์กรตุลาการหลักของสหประชาชาติ เป็นเวทีที่น่าเชื่อถือและเป็นกลางที่สุดในการแก้ไขข้อพิพาทเขตแดนที่เหลืออยู่ระหว่างสองประเทศ กัมพูชาขอเรียกร้องให้ประเทศไทยยอมรับอำนาจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในเรื่องนี้ด้วยความสุจริตใจ โดยปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้กฎบัตรสหประชาชาติ และด้วยความมุ่งมั่นอย่างจริงใจที่จะแก้ไขข้อพิพาทเขตแดนอย่างยุติธรรม เป็นธรรม และสันติ เพื่อประกันสันติภาพที่ยั่งยืน ป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่สมควรเกิดขึ้นอีก และส่งเสริมเสถียรภาพระยะยาวของทั้งสองประเทศและภูมิภาคโดยรวม . พนมเปญ 21 กรกฎาคม 2568
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปกป้องอริราชศัตรูทุกวิถีทาง ตกลงมึงทำงานให้ใคร รับใช้นายใหญ่ ปกป้องฮุนเซน ก็อย่ารับเงินเดือนฝั่งไทย ย้ายไปพนมเปญโน่นเลย ไอ้ปรูม ตะรัม
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #นายกไทยใจเขมร
    #หุ่นเชิดทักษิณ
    #ปรูมตะรัม
    ปกป้องอริราชศัตรูทุกวิถีทาง ตกลงมึงทำงานให้ใคร รับใช้นายใหญ่ ปกป้องฮุนเซน ก็อย่ารับเงินเดือนฝั่งไทย ย้ายไปพนมเปญโน่นเลย ไอ้ปรูม ตะรัม #คิงส์โพธิ์แดง #นายกไทยใจเขมร #หุ่นเชิดทักษิณ #ปรูมตะรัม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • “พระยาละแวก” นักตีท้ายครัวในประวัติศาสตร์! ถูกชำระแค้นจนเมืองละแวกหายไปทั้งเมือง!!

    “พระยาละแวก” เป็นคำที่พงศาวดารไทยเรียกกษัตริย์เขมรที่ครองราชย์เมืองละแวก ส่วนใหญ่แล้วเขมรจะตั้งเมืองหลวงอยู่ที่พนมเปญและอุดงมีชัย ในปี ๒๐๔๖ สมเด็จพระศรีสุคนธบท ครองราชย์อยู่เมืองพนมเปญ ถูกกบฏปลงพระชนม์ แต่ นักองค์จัน ผู้เป็นอนุชา หนีมาพึ่งกรุงศรีอยุธยาและได้กองทัพไทยไปช่วยปราบปรามจนได้ราชสมบัติคืนใน พ.ศ.๒๐๕๙ สถาปนานักองค์จันขึ้นครองราชย์ เป็น พระบรมราชาที่ ๓ และได้ย้ายเมืองหลวงมาอยู่เมืองละแวก เหนือกรุงพนมเปญขึ้นไป

    ใน พ.ศ.๒๑๐๙ นักพระสัตถา พระราชโอรส ขึ้นครองราชย์ต่อ เป็น พระบรมราชา ที่ ๔ ใน พ.ศ.๒๑๑๙ ทรงสถาปนา พระราชโองการ พระราชโอรสขึ้นเป็นพระบรมราชาที่ ๕

    จนถึง พ.ศ.๒๑๓๖ หลังจากสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงจัดการกับพม่าเรียบร้อยแล้ว ก็หันมาชำระแค้นกับพระยาละแวกที่แอบเข้ามาตีท้ายครัวมาตลอด เผาเมืองละแวกจนย่อยยับ กลายเป็นแค่อำเภอหนึ่งในจังหวัดกำปงชนังของกัมพูชาขณะนี้

    แม้ไทยจะช่วยกษัตริย์เขมรมาตลอด แต่ความไม่ไว้วางใจและความแค้นฝังใจที่ขอมเคยเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในย่านนี้มาก่อน แต่ถูกกรุงศรีอยุธยาทำลายจนย่อยยับมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าสามพระยา ซึ่งเขมรก็ไม่อาจแก้แค้นได้เพราะความเข้มแข็งต่างกันมาก จนเมื่อใดที่ไทยอ่อนแอลง เขมรจึงถือเป็นโอกาส อย่างสมัยที่เสียกรุงครั้งที่ ๑ ถูกพม่ายึดอาวุธไปหมด ผู้คนส่วนใหญ่หนีไปหลบซ่อนอยู่ในป่า ยังไม่ทันกลับเข้าเมือง จึงเป็นโอกาสดีของเขมร ในปี ๒๑๑๓ พระบรมราชาที่ ๔ ได้นำกำลัง ๓๐,๐๐๐ คนมุ่งมาตีกรุงศรีอยุธยา ฝ่ายไทยเห็นว่าไม่มีกำลังจะสู้เขมรได้ คิดจะถอยขึ้นไปเมืองพิษณุโลก แต่มาทราบว่าเจ้าเมืองเพชรบูรณ์คนเก่าตั้งกองโจรดักปล้นอยู่กลางทาง จึงต้องตัดสินใจปักหลักสู้พระยาละแวกที่กรุงศรีอยุธยา แต่พอสู้กันจริงๆ กองทัพพระยาละแวกก็แหยงฝีมือไทย ถอยกลับไปโดยกวาดต้อนผู้คนรายทางกลับไปมาก

    ต่อมาอีก ๕ ปี พระบรมราชที่ ๔ เจ้าเก่า ได้ข่าวว่าสมเด็จพระมหาธรรมราชายกกองทัพไปช่วยพระเจ้ากรุงหงสาวดีตีกรุงศรีสัตนาคนหุต จึงยกกองทัพเรือเข้ามาทางปากแม่น้ำเจ้าพระยาถึงวัดพนัญเชิง แต่เผอิญสมเด็จพระนเรศวรซึ่งติดตามพระราชบิดาไปทัพด้วย เกิดเป็นไข้ทรพิษกลางทาง พระเจ้าบุเรงนองเลยให้กองทัพไทยกลับมาก่อน มาเจอเอากองทัพของพระยาละแวกแอบเข้ามาตีท้ายครัวเข้าพอดี เลยตีเสียกระเจิง แต่ตอนถอยออกไปพระยาละแวกก็ถือโอกาสขนเอาเทวรูปสัมฤทธิ์ ๒ องค์ที่เมืองพระประแดงและกวาดต้อนราษฎรไทยตามหัวเมืองชายทะเลกลับไปอีก

    รุ่งขึ้นอีกปี ใน พ.ศ.๒๑๑๔ พระบรมราชาธิราชที่ ๕ ขึ้นครองราชย์เมืองละแวก ได้ยกกองทัพเรือมีกำลังถึง ๗๐,๐๐๐ คนข้ามทะเลมาตีเมืองเพชรบุรี ล้อมถึง ๓ วันก็ไม่สามารถเข้าเมืองได้ เสียทหารไปเป็นจำนวนมาก พระยาละแวกต้องถอยไปตั้งหลักใหม่ และตัดสินใจเข้าตีอีกครั้ง หากไม่สำเร็จก็จะกลับ แต่การตั้งรับศึกครั้งใหม่แม่ทัพไทยเกิดแตกคอกัน ต่างคนต่างตั้งรับด้านของตัวไม่ยอมประสานกัน พระยาละแวกเลยเข้าเมืองได้ ๓ แม่ทัพไทยที่แตกคอกันเองตายในที่รบ พระยาละแวกกวาดต้อนผู้คนไปอีกมาก

    ต่อมาอีก ๒ ปี เขมรก็เอาอีก เพราะช่วงนั้นไทยยังไม่พ้นความอ่อนแอ พระยาละแวกก็ส่งกองทัพม้าทัพช้าง ๕,๐๐๐ คนมาลาดตระเวนด้านตะวันออกของไทย สมเด็จพระนเรศวรทราบข่าวขณะประทับอยู่เมืองพิษณุโลก รับสั่งให้กองทัพเมืองชัยบุรีและเมืองถมอรัตน์ (เพชรบูรณ์) ป้องกันด้านในด่านไว้ ส่วนพระองค์นำทหาร ๓,๐๐๐ คนเข้าขับไล่กองทัพพระยาละแวกจนถอยกลับไป
    หลังการประกาศอิสรภาพ สมเด็จพระนเรศวรทรงปรับปรุงกองทัพไทยให้เข้มแข็ง เมื่อพระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงกรีฑาทัพมาปราบ ก็ต้องแตกพ่ายไป ในปี พ.ศ.๒๑๒๘ พระบรมราชาที่ ๕ ที่แอบเข้ามาตีท้ายครัวเป็นประจำ กลัวว่าจะถูกคิดบัญชีแค้น จึงแต่งราชทูตและถือศุภอักษรเข้ามาขอเป็นไมตรี สมเด็จพระนเรศวรทรงเห็นว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับพม่า หากสงบศึกกับเขมรได้ ก็ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง จึงทรงรับเป็นไมตรี

    เมื่อไทยเกิดศึกกับกรุงหงสาวดีครั้งที่ ๒ พระบรมราชาที่ ๕ ได้ส่งพระศรีสุพรรณมาธิราช พระอนุชา คุมกำลังเข้ามาช่วย แต่พระศรีสุพรรณมาธิราชกลับแสดงกิริยากระด้างกระเดื่อง ตอนพระนเรศวรทรงเรือพระที่นั่งกลับมาจากชนะศึกที่เชียงใหม่ ขณะที่ผ่านกองเรือเขมร พระศรีสุพรรณฯก็นั่งอยู่ในเรือทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ยอมแสดงความเคารพ ทำให้พระองค์ดำทรงพิโรธ รับสั่งให้ตัดศีรษะเชลยศึกที่จับมาไปเสียบไว้ที่กราบเรือพระศรีสุพรรณฯ

    ในปี พ.ศ.๒๑๓๐ ขณะพระเจ้ากรุงหงสาวดีส่งกำลังมาล้อมกรุงศรีอยุธยาอีก พระบรมราชาที่ ๕ ซึ่งเคยส่งกำลังมาช่วย ได้ส่งฟ้าทะละหะนำกำลังเข้ามาตีเมืองปราจีน สมเด็จพระนเรศวรทรงส่งพระยาศรีไสยณรงค์กับพระยาสีหราชเดโชชัยยกกองทัพไปป้องกัน พอถึงเมืองนครนายกก็ปะทะกับกองทัพเขมร จึงเข้าตีจนแตกพ่าย และตามตีจนพ้นเขตแดนไทย

    เมื่อสมเด็จพระนเรศวรขึ้นครองราชย์แล้ว ศึกทางพม่าว่างเว้น ทรงเห็นว่าจะต้องกำราบเขมรที่คอยตีท้ายครัวให้เข็ดหลาบเสียที ทรงร่วมกับสมเด็จพระเอกาทศรถยกกองทัพไป ให้พระราชมนูเป็นกองทัพหน้า พระยาละแวกยกมาสกัดที่เมืองโพธิสัตว์และพระตะบอง พระราชมนูถลำเข้าไปไม่รู้ตัว เลยถูกตีถอยมาถึงทัพหลวง สมเด็จพระนเรศวรทรงพิโรธจะให้ประหารชีวิตแม่ทัพเสีย แต่สมเด็จพระเอกาทศรถทูลขอชีวิตให้โอกาสแก้ตัว พระราชมนูจึงกลับไปตีเมืองโพธิสัตว์และพระตะบองได้ กองทัพหลวงเข้าล้อมเมืองละแวก แต่ก็ขาดเสบียงอาหาร จึงต้องยกกลับ

    ในปี พ.ศ.๒๑๓๖ สมเด็จพระนเรศวรทรงนำกองทัพไปตีเมืองละแวกเป็นครั้งที่ ๒ จับพระยาละแวกได้ แล้วทำพิธีกรรมให้ประหารชีวิตเอาโลหิตล้างพระบาท

    แต่มีบันทึกของบาทหลวงฝรั่งเศสกล่าวว่า พระบรมราชาที่ ๕ ไม่ได้ถูกสมเด็จพระนเรศวรประหาร แต่ได้หนีข้ามแดนไปอยู่ที่เมืองเชียงแตงในลาวพร้อมกับพระราชบุตร ๒ องค์ กองทัพไทยได้เผาเมืองละแวกวอดและกวาดต้อนผู้คนมา ต่อมาพระบรมราชาที่ ๕ พร้อมพระราชบุตรทั้ง ๒ ได้สิ้นพระชนม์ที่เมืองเชียงแตง

    การทำพิธีกรรมเอาโลหิตล้างพระบาท จึงอาจคลาดเคลื่อนมาจากพิธีกรรมอย่างอื่นก็เป็นได้ หรือเป็นรสชาติของประวัติศาสตร์ตามเจตนาของคนบันทึก

    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000124260
    “พระยาละแวก” นักตีท้ายครัวในประวัติศาสตร์! ถูกชำระแค้นจนเมืองละแวกหายไปทั้งเมือง!! “พระยาละแวก” เป็นคำที่พงศาวดารไทยเรียกกษัตริย์เขมรที่ครองราชย์เมืองละแวก ส่วนใหญ่แล้วเขมรจะตั้งเมืองหลวงอยู่ที่พนมเปญและอุดงมีชัย ในปี ๒๐๔๖ สมเด็จพระศรีสุคนธบท ครองราชย์อยู่เมืองพนมเปญ ถูกกบฏปลงพระชนม์ แต่ นักองค์จัน ผู้เป็นอนุชา หนีมาพึ่งกรุงศรีอยุธยาและได้กองทัพไทยไปช่วยปราบปรามจนได้ราชสมบัติคืนใน พ.ศ.๒๐๕๙ สถาปนานักองค์จันขึ้นครองราชย์ เป็น พระบรมราชาที่ ๓ และได้ย้ายเมืองหลวงมาอยู่เมืองละแวก เหนือกรุงพนมเปญขึ้นไป ใน พ.ศ.๒๑๐๙ นักพระสัตถา พระราชโอรส ขึ้นครองราชย์ต่อ เป็น พระบรมราชา ที่ ๔ ใน พ.ศ.๒๑๑๙ ทรงสถาปนา พระราชโองการ พระราชโอรสขึ้นเป็นพระบรมราชาที่ ๕ จนถึง พ.ศ.๒๑๓๖ หลังจากสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงจัดการกับพม่าเรียบร้อยแล้ว ก็หันมาชำระแค้นกับพระยาละแวกที่แอบเข้ามาตีท้ายครัวมาตลอด เผาเมืองละแวกจนย่อยยับ กลายเป็นแค่อำเภอหนึ่งในจังหวัดกำปงชนังของกัมพูชาขณะนี้ แม้ไทยจะช่วยกษัตริย์เขมรมาตลอด แต่ความไม่ไว้วางใจและความแค้นฝังใจที่ขอมเคยเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในย่านนี้มาก่อน แต่ถูกกรุงศรีอยุธยาทำลายจนย่อยยับมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าสามพระยา ซึ่งเขมรก็ไม่อาจแก้แค้นได้เพราะความเข้มแข็งต่างกันมาก จนเมื่อใดที่ไทยอ่อนแอลง เขมรจึงถือเป็นโอกาส อย่างสมัยที่เสียกรุงครั้งที่ ๑ ถูกพม่ายึดอาวุธไปหมด ผู้คนส่วนใหญ่หนีไปหลบซ่อนอยู่ในป่า ยังไม่ทันกลับเข้าเมือง จึงเป็นโอกาสดีของเขมร ในปี ๒๑๑๓ พระบรมราชาที่ ๔ ได้นำกำลัง ๓๐,๐๐๐ คนมุ่งมาตีกรุงศรีอยุธยา ฝ่ายไทยเห็นว่าไม่มีกำลังจะสู้เขมรได้ คิดจะถอยขึ้นไปเมืองพิษณุโลก แต่มาทราบว่าเจ้าเมืองเพชรบูรณ์คนเก่าตั้งกองโจรดักปล้นอยู่กลางทาง จึงต้องตัดสินใจปักหลักสู้พระยาละแวกที่กรุงศรีอยุธยา แต่พอสู้กันจริงๆ กองทัพพระยาละแวกก็แหยงฝีมือไทย ถอยกลับไปโดยกวาดต้อนผู้คนรายทางกลับไปมาก ต่อมาอีก ๕ ปี พระบรมราชที่ ๔ เจ้าเก่า ได้ข่าวว่าสมเด็จพระมหาธรรมราชายกกองทัพไปช่วยพระเจ้ากรุงหงสาวดีตีกรุงศรีสัตนาคนหุต จึงยกกองทัพเรือเข้ามาทางปากแม่น้ำเจ้าพระยาถึงวัดพนัญเชิง แต่เผอิญสมเด็จพระนเรศวรซึ่งติดตามพระราชบิดาไปทัพด้วย เกิดเป็นไข้ทรพิษกลางทาง พระเจ้าบุเรงนองเลยให้กองทัพไทยกลับมาก่อน มาเจอเอากองทัพของพระยาละแวกแอบเข้ามาตีท้ายครัวเข้าพอดี เลยตีเสียกระเจิง แต่ตอนถอยออกไปพระยาละแวกก็ถือโอกาสขนเอาเทวรูปสัมฤทธิ์ ๒ องค์ที่เมืองพระประแดงและกวาดต้อนราษฎรไทยตามหัวเมืองชายทะเลกลับไปอีก รุ่งขึ้นอีกปี ใน พ.ศ.๒๑๑๔ พระบรมราชาธิราชที่ ๕ ขึ้นครองราชย์เมืองละแวก ได้ยกกองทัพเรือมีกำลังถึง ๗๐,๐๐๐ คนข้ามทะเลมาตีเมืองเพชรบุรี ล้อมถึง ๓ วันก็ไม่สามารถเข้าเมืองได้ เสียทหารไปเป็นจำนวนมาก พระยาละแวกต้องถอยไปตั้งหลักใหม่ และตัดสินใจเข้าตีอีกครั้ง หากไม่สำเร็จก็จะกลับ แต่การตั้งรับศึกครั้งใหม่แม่ทัพไทยเกิดแตกคอกัน ต่างคนต่างตั้งรับด้านของตัวไม่ยอมประสานกัน พระยาละแวกเลยเข้าเมืองได้ ๓ แม่ทัพไทยที่แตกคอกันเองตายในที่รบ พระยาละแวกกวาดต้อนผู้คนไปอีกมาก ต่อมาอีก ๒ ปี เขมรก็เอาอีก เพราะช่วงนั้นไทยยังไม่พ้นความอ่อนแอ พระยาละแวกก็ส่งกองทัพม้าทัพช้าง ๕,๐๐๐ คนมาลาดตระเวนด้านตะวันออกของไทย สมเด็จพระนเรศวรทราบข่าวขณะประทับอยู่เมืองพิษณุโลก รับสั่งให้กองทัพเมืองชัยบุรีและเมืองถมอรัตน์ (เพชรบูรณ์) ป้องกันด้านในด่านไว้ ส่วนพระองค์นำทหาร ๓,๐๐๐ คนเข้าขับไล่กองทัพพระยาละแวกจนถอยกลับไป หลังการประกาศอิสรภาพ สมเด็จพระนเรศวรทรงปรับปรุงกองทัพไทยให้เข้มแข็ง เมื่อพระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงกรีฑาทัพมาปราบ ก็ต้องแตกพ่ายไป ในปี พ.ศ.๒๑๒๘ พระบรมราชาที่ ๕ ที่แอบเข้ามาตีท้ายครัวเป็นประจำ กลัวว่าจะถูกคิดบัญชีแค้น จึงแต่งราชทูตและถือศุภอักษรเข้ามาขอเป็นไมตรี สมเด็จพระนเรศวรทรงเห็นว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับพม่า หากสงบศึกกับเขมรได้ ก็ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง จึงทรงรับเป็นไมตรี เมื่อไทยเกิดศึกกับกรุงหงสาวดีครั้งที่ ๒ พระบรมราชาที่ ๕ ได้ส่งพระศรีสุพรรณมาธิราช พระอนุชา คุมกำลังเข้ามาช่วย แต่พระศรีสุพรรณมาธิราชกลับแสดงกิริยากระด้างกระเดื่อง ตอนพระนเรศวรทรงเรือพระที่นั่งกลับมาจากชนะศึกที่เชียงใหม่ ขณะที่ผ่านกองเรือเขมร พระศรีสุพรรณฯก็นั่งอยู่ในเรือทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ยอมแสดงความเคารพ ทำให้พระองค์ดำทรงพิโรธ รับสั่งให้ตัดศีรษะเชลยศึกที่จับมาไปเสียบไว้ที่กราบเรือพระศรีสุพรรณฯ ในปี พ.ศ.๒๑๓๐ ขณะพระเจ้ากรุงหงสาวดีส่งกำลังมาล้อมกรุงศรีอยุธยาอีก พระบรมราชาที่ ๕ ซึ่งเคยส่งกำลังมาช่วย ได้ส่งฟ้าทะละหะนำกำลังเข้ามาตีเมืองปราจีน สมเด็จพระนเรศวรทรงส่งพระยาศรีไสยณรงค์กับพระยาสีหราชเดโชชัยยกกองทัพไปป้องกัน พอถึงเมืองนครนายกก็ปะทะกับกองทัพเขมร จึงเข้าตีจนแตกพ่าย และตามตีจนพ้นเขตแดนไทย เมื่อสมเด็จพระนเรศวรขึ้นครองราชย์แล้ว ศึกทางพม่าว่างเว้น ทรงเห็นว่าจะต้องกำราบเขมรที่คอยตีท้ายครัวให้เข็ดหลาบเสียที ทรงร่วมกับสมเด็จพระเอกาทศรถยกกองทัพไป ให้พระราชมนูเป็นกองทัพหน้า พระยาละแวกยกมาสกัดที่เมืองโพธิสัตว์และพระตะบอง พระราชมนูถลำเข้าไปไม่รู้ตัว เลยถูกตีถอยมาถึงทัพหลวง สมเด็จพระนเรศวรทรงพิโรธจะให้ประหารชีวิตแม่ทัพเสีย แต่สมเด็จพระเอกาทศรถทูลขอชีวิตให้โอกาสแก้ตัว พระราชมนูจึงกลับไปตีเมืองโพธิสัตว์และพระตะบองได้ กองทัพหลวงเข้าล้อมเมืองละแวก แต่ก็ขาดเสบียงอาหาร จึงต้องยกกลับ ในปี พ.ศ.๒๑๓๖ สมเด็จพระนเรศวรทรงนำกองทัพไปตีเมืองละแวกเป็นครั้งที่ ๒ จับพระยาละแวกได้ แล้วทำพิธีกรรมให้ประหารชีวิตเอาโลหิตล้างพระบาท แต่มีบันทึกของบาทหลวงฝรั่งเศสกล่าวว่า พระบรมราชาที่ ๕ ไม่ได้ถูกสมเด็จพระนเรศวรประหาร แต่ได้หนีข้ามแดนไปอยู่ที่เมืองเชียงแตงในลาวพร้อมกับพระราชบุตร ๒ องค์ กองทัพไทยได้เผาเมืองละแวกวอดและกวาดต้อนผู้คนมา ต่อมาพระบรมราชาที่ ๕ พร้อมพระราชบุตรทั้ง ๒ ได้สิ้นพระชนม์ที่เมืองเชียงแตง การทำพิธีกรรมเอาโลหิตล้างพระบาท จึงอาจคลาดเคลื่อนมาจากพิธีกรรมอย่างอื่นก็เป็นได้ หรือเป็นรสชาติของประวัติศาสตร์ตามเจตนาของคนบันทึก https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000124260
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 262 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมศักดิ์ เจียมธีระสกุล เล่าถึงเหตุการณ์เจอมือยิงสนธิที่พนมเปญที่เป็นทหาร อยู่ในกลุ่มเดียวกับชายชุดดำที่ซุ่มยิงพลเอกร่มเกล้าโดยระยุว่าได้อาวุธสงครามจากฮุนเซน

    “ผมจะพาให้คนอ่าน อ่านบทความรำลึกความหลังเกี่ยวกับจักรภพ เพ็ญแข ของคุณ อาคม ซิดนี่ย์ บทความนี้เขียนเป็นตอนๆ ขณะนี้มี 3 ตอนด้วยกัน ผู้อ่านที่มีเวลา ควรอ่านหมด แต่ถ้าไม่มีเวลา ขอแนะนำให้อ่านตอนที่ 2 ซึ่งคุณอาคมได้เล่าการไปเยี่ยมจักรภพที่บ้านพักในพนมเปญ (ผมจำเป็นต้องเล่าว่าผมเคยพบจักรภพครั้งเดียวที่ที่พักผม เป็นการพบทีละหลายคน คือเขามาคนเดียวพบกับผมกับเพื่อนผู้ลี้ภัยหลายคน วันนั้นไม่ได้คุยอะไรมากโดยเฉพาะเรื่องความเป็นอยู่ของเขา แต่ผมมีโอกาสสอบถามเรื่องนี้จากเพื่อนบางคน ภาพโดยรวมไม่ต่างจากที่คุณอาคมเล่า แต่ให้ฟังจากคุณอาคมซึ่งได้ไปคุยด้วยโดยตรงดีกว่า)

    ตอนนั้นจักรภพพักอยู่กับ "มือปืน" ชาวไทย (ที่ผมทราบมามีอยู่ 4-5 คน) หรือที่คุณอาคมเรียกว่า "ชายชุดดำ" คนเหล่านี้เป็นคนไทย "เสื้อแดง" ที่ลี้ภัยไปอยู่ที่นั่น ตอนที่ผมคัดมานี้ เป็นตอนที่"ชายชุดดำ" คนหนึ่งเล่าเบื้องหลังการยิงสนธิ ลิ้ม ให้คุณอาคมฟัง ผมเห็นว่าน่าสนใจมาก และผมเองต้องบอกว่าไม่เคยรู้มาก่อน ผมรู้เรื่องที่คนเหล่านี้แอบซุ่มตีพลเอกร่มเกล้ามาก่อน แต่ไม่รู้เรื่องสนธิ ที่ผ่านมาผมเข้าใจมาโดยตลอดว่า กลุ่มที่ยิงสนธิ เป็นพวกลูกน้อง "พระบรมฯ"

    .........................................................

    - ดังที่ได้กล่าวไว้ในบทความที่แล้วว่าการไปหาจักรภพ สิ่งที่เหนือความคาดหมายของผมคือ จักรภพเปิดตัวชายชุดดำและมือปืนยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล ในค่ำคืนนั้น ทำให้เป็นที่สนใจของผู้คนที่ร่วมอยู่ในงานเลื้ยงสิบกว่าคน ที่ต่างก็พากันสอบถามด้วยความอยากรู้ที่มาของชายชุดดำ ก็นับว่าเป็นของแถมที่มีประ โยชน์อย่างยิ่ง ส่วนผมไม่ได้รีบร้อน ผมรอจนเป็นคนสุดท้ายจึงได้พูดคุยกับชายชุดดำอย่างใกล้ชิด กับคำถามแรก

    1. เป็นทหาร บก เรือ หรืออากาศ? ปรากฏว่าผิดหมดเขาเป็นสามัญชนที่อาสามาร่วมต่อสู้โดยไม่ได้เป็นทหารสังกัดเหล่าทัพใด

    2. เมื่อไม่ได้เป็นทหารแล้วเอาอาวุธมาจากไหน? คำตอบก็คือเวทีคนเสื้อแดง...เป็นคำตอบที่ทำให้ผมรู้สึกเหนือความคาดหมายมากยิ่งขึ้น

    3. ผมต้องถามย้ำเวทีคนเสื้อแดง แล้วเสื้อแดงทำไมจึงมีอาวุธสงครามให้ใช้....คำตอบสมเด็จฮุนเซนให้มาเพื่อการต่อสู้จำนวน 2 ตู้ คอนเทนเนอร์ ซึ่งจักรภพก็ยืนยันในข้อเท็จ จริง….ทำให้เชื่อสนิจใจจากที่เคยได้ยินมาบ้าง

    4. ต่อคำถามที่ว่า อาวุธมากมายขนาดนี้น่าจะเพียงพอสำหรับการต่อสู้แบบกองโจรหรือโจมตีแล้วพลางตัวเข้ากับมวลชน สร้างความระส่ำให้กับเจ้าหน้าที่.....คำตอบคือไม่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง เพราะแค่กระสุนหมด จะเบิกกระสุนรอบใหม่ยังต้องจ่ายตัง เลยถอดใจทิ้งอาวุธและหนีมาอยู่กัมพูชา

    5. ก็ไหนบอกว่าเป็นอาวุธที่ฮุนเซนให้มาเพื่อช่วยการต่อสู้ เหตุใดจึงต้องซื้อ....คำตอบคือใช่ฮุนเซนให้มาเพื่อการต่อสู้จริง แต่คนเสื้อแดงเอาไปขายเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองไม่ได้เก็บไว้สำหรับต่อสู้…..ผมหวังว่าพี่น้องเสื้อแดงที่ได้อ่านบทความนี้คงจะกระจ่างถึงสาเหตุแห่งความพ่ายแพ้

    - กว่าผมจะได้คุยกับมือปืนที่ยิงสนธิ ซึ่งเป็นทหารบก ผมตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดยิงกระสุนเข้าใส่จนรถพรุนทั้งคันทำไมโดนสนธิแค่ถากๆนัดเดียว.....คำตอบคือ “ผมนั่งอยู่ท้ายรถกระ บะเมื่อเข้าระยะหวังผลก็ลุกขึ้นยิง วิถีกระสุนจึงลงต่ำส่วนใหญ่ลงพื้นรถมากกว่า ซึ่งผมก็ยังคาใจและมีคำถามที่อยากจะถามต่อ ก็พอดีเพื่อนๆร่วมงานต่างก็เริ่มขยับจะกลับโรงแรมที่พักเพราะเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง ผมก็เลยไม่มีโอกาสได้สอบถามมากกว่านี้

    ที่มา : https://www.facebook.com/photo?fbid=2307139029757258&set=a.537421386729040
    สมศักดิ์ เจียมธีระสกุล เล่าถึงเหตุการณ์เจอมือยิงสนธิที่พนมเปญที่เป็นทหาร อยู่ในกลุ่มเดียวกับชายชุดดำที่ซุ่มยิงพลเอกร่มเกล้าโดยระยุว่าได้อาวุธสงครามจากฮุนเซน “ผมจะพาให้คนอ่าน อ่านบทความรำลึกความหลังเกี่ยวกับจักรภพ เพ็ญแข ของคุณ อาคม ซิดนี่ย์ บทความนี้เขียนเป็นตอนๆ ขณะนี้มี 3 ตอนด้วยกัน ผู้อ่านที่มีเวลา ควรอ่านหมด แต่ถ้าไม่มีเวลา ขอแนะนำให้อ่านตอนที่ 2 ซึ่งคุณอาคมได้เล่าการไปเยี่ยมจักรภพที่บ้านพักในพนมเปญ (ผมจำเป็นต้องเล่าว่าผมเคยพบจักรภพครั้งเดียวที่ที่พักผม เป็นการพบทีละหลายคน คือเขามาคนเดียวพบกับผมกับเพื่อนผู้ลี้ภัยหลายคน วันนั้นไม่ได้คุยอะไรมากโดยเฉพาะเรื่องความเป็นอยู่ของเขา แต่ผมมีโอกาสสอบถามเรื่องนี้จากเพื่อนบางคน ภาพโดยรวมไม่ต่างจากที่คุณอาคมเล่า แต่ให้ฟังจากคุณอาคมซึ่งได้ไปคุยด้วยโดยตรงดีกว่า) ตอนนั้นจักรภพพักอยู่กับ "มือปืน" ชาวไทย (ที่ผมทราบมามีอยู่ 4-5 คน) หรือที่คุณอาคมเรียกว่า "ชายชุดดำ" คนเหล่านี้เป็นคนไทย "เสื้อแดง" ที่ลี้ภัยไปอยู่ที่นั่น ตอนที่ผมคัดมานี้ เป็นตอนที่"ชายชุดดำ" คนหนึ่งเล่าเบื้องหลังการยิงสนธิ ลิ้ม ให้คุณอาคมฟัง ผมเห็นว่าน่าสนใจมาก และผมเองต้องบอกว่าไม่เคยรู้มาก่อน ผมรู้เรื่องที่คนเหล่านี้แอบซุ่มตีพลเอกร่มเกล้ามาก่อน แต่ไม่รู้เรื่องสนธิ ที่ผ่านมาผมเข้าใจมาโดยตลอดว่า กลุ่มที่ยิงสนธิ เป็นพวกลูกน้อง "พระบรมฯ" ......................................................... - ดังที่ได้กล่าวไว้ในบทความที่แล้วว่าการไปหาจักรภพ สิ่งที่เหนือความคาดหมายของผมคือ จักรภพเปิดตัวชายชุดดำและมือปืนยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล ในค่ำคืนนั้น ทำให้เป็นที่สนใจของผู้คนที่ร่วมอยู่ในงานเลื้ยงสิบกว่าคน ที่ต่างก็พากันสอบถามด้วยความอยากรู้ที่มาของชายชุดดำ ก็นับว่าเป็นของแถมที่มีประ โยชน์อย่างยิ่ง ส่วนผมไม่ได้รีบร้อน ผมรอจนเป็นคนสุดท้ายจึงได้พูดคุยกับชายชุดดำอย่างใกล้ชิด กับคำถามแรก 1. เป็นทหาร บก เรือ หรืออากาศ? ปรากฏว่าผิดหมดเขาเป็นสามัญชนที่อาสามาร่วมต่อสู้โดยไม่ได้เป็นทหารสังกัดเหล่าทัพใด 2. เมื่อไม่ได้เป็นทหารแล้วเอาอาวุธมาจากไหน? คำตอบก็คือเวทีคนเสื้อแดง...เป็นคำตอบที่ทำให้ผมรู้สึกเหนือความคาดหมายมากยิ่งขึ้น 3. ผมต้องถามย้ำเวทีคนเสื้อแดง แล้วเสื้อแดงทำไมจึงมีอาวุธสงครามให้ใช้....คำตอบสมเด็จฮุนเซนให้มาเพื่อการต่อสู้จำนวน 2 ตู้ คอนเทนเนอร์ ซึ่งจักรภพก็ยืนยันในข้อเท็จ จริง….ทำให้เชื่อสนิจใจจากที่เคยได้ยินมาบ้าง 4. ต่อคำถามที่ว่า อาวุธมากมายขนาดนี้น่าจะเพียงพอสำหรับการต่อสู้แบบกองโจรหรือโจมตีแล้วพลางตัวเข้ากับมวลชน สร้างความระส่ำให้กับเจ้าหน้าที่.....คำตอบคือไม่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง เพราะแค่กระสุนหมด จะเบิกกระสุนรอบใหม่ยังต้องจ่ายตัง เลยถอดใจทิ้งอาวุธและหนีมาอยู่กัมพูชา 5. ก็ไหนบอกว่าเป็นอาวุธที่ฮุนเซนให้มาเพื่อช่วยการต่อสู้ เหตุใดจึงต้องซื้อ....คำตอบคือใช่ฮุนเซนให้มาเพื่อการต่อสู้จริง แต่คนเสื้อแดงเอาไปขายเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองไม่ได้เก็บไว้สำหรับต่อสู้…..ผมหวังว่าพี่น้องเสื้อแดงที่ได้อ่านบทความนี้คงจะกระจ่างถึงสาเหตุแห่งความพ่ายแพ้ - กว่าผมจะได้คุยกับมือปืนที่ยิงสนธิ ซึ่งเป็นทหารบก ผมตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดยิงกระสุนเข้าใส่จนรถพรุนทั้งคันทำไมโดนสนธิแค่ถากๆนัดเดียว.....คำตอบคือ “ผมนั่งอยู่ท้ายรถกระ บะเมื่อเข้าระยะหวังผลก็ลุกขึ้นยิง วิถีกระสุนจึงลงต่ำส่วนใหญ่ลงพื้นรถมากกว่า ซึ่งผมก็ยังคาใจและมีคำถามที่อยากจะถามต่อ ก็พอดีเพื่อนๆร่วมงานต่างก็เริ่มขยับจะกลับโรงแรมที่พักเพราะเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง ผมก็เลยไม่มีโอกาสได้สอบถามมากกว่านี้ ที่มา : https://www.facebook.com/photo?fbid=2307139029757258&set=a.537421386729040
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 253 มุมมอง 0 รีวิว
  • กู่ไม่กลับ! 'ธนาธร' ชี้ทหารไม่ควรให้ความเห็นเรื่องชายแดน ต้องฟังรัฐบาลพลเรือน

    ///////////

    "ธนาธร" เชื่อยังไม่สายเกินไป แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ขอทั้งสองฝ่ายร่วมกันส่งเสียงดังๆ ต้องการความร่วมมือ-สันติภาพ แนะรัฐบาลต้องอดทน แม้ถูกยั่วยุ ย้ำโต๊ะเจรจา JBC ยังจำเป็น เพื่อทำให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ รับประชาชนเรียกร้องนายกฯที่เป็นทหาร เหตุรัฐบาลพลเรือนคุมสถานการณ์ไม่ได้

    18 กรกฎาคม 2568 - ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวผ่านรายการ Exclusive Talk : ผ่าทางตัน ซึ่งจัดโดยเครือเนชั่น ถึงปัญหาชายแดนไทย กัมพูชาในขณะนี้ คิดว่าจะบานปลายหรือไม่ หรือควรแก้ไขสถานการณ์อย่างไร ว่า ตนไม่กลัวเบื้องหลัง กลัวเบื้องหน้ามากกว่า ขอเกมของกัมพูชา คือต้องการสร้างความได้เปรียบในเวทีโลก ผ่านศาลโลก
    หรือกระบวนการของ UNGA UNHC ซึ่งเขาต้องการดันไปสู่จุดนั้น โดยใช้การสร้างความชอบธรรม

    ดังนั้น สิ่งที่เขาต้องการคือการยั่วยุให้เกิดความรุนแรงอยู่แล้ว ท่าทีของรัฐบาลไทย หรือกองทัพไทย จึงต้องอดทนอดกลั้น เป็นผู้ใหญ่ และไม่ไปตกหลุมเขา เราต้องไม่เริ่มก่อน ไม่เช่นนั้นจะทำให้ความขัดแย้งก่อตัวขึ้น มีการปะทะ จนนำมาสู่การบาดเจ็บล้นตาย เกิดการใช้ความรุนแรง ซึ่งก็จะเข้าทางเขา
    นายธนาธร มองว่า ความสำคัญของเรื่องนี้ ในวันนี้คือเบื้องหน้า ไม่ใช่เบื้องหลัง คือเราจะทำอย่างไร ให้สถานการณ์อ่อนลง ทำให้สถานการณ์กลับไปเป็นปกติได้เร็วที่สุด จึงจำเป็นต้องใช้รัฐบาลพลเรือน ผ่านกลไก JBC ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาพูดคุยกัน เพื่อทำให้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติ
    นายธนาธร ระบุว่า การที่สถานการณ์ตึงเครียด เป็นเพราะรัฐบาลพลาดในกรณีคลิปเสียง ดังนั้น เพื่อแก้ปัญหาทางการเมือง ซึ่งเป็นโจทย์ของตัวเอง จึงต้องทำท่าทีขึงขัง และนี่ก็เป็นสิ่งที่ตนกลัว เพราะถ้าทีขึงขังนี้ เกิดจากการที่ต้องการแก้ปัญหาทางการเมืองของตัวเอง แต่สิ่งที่เราต้องการคือต้องการลดความตึงเครียด ลดความรุนแรง ผ่านโต๊ะเจรจา เพราะหากเกิดอะไรขึ้น จะกลายเป็นข้ออ้าง ที่เขาสามารถใช้ในเวทีโลก และทำให้เราเสียเปรียบ ส่วนแปลกใจหรือไม่ ที่ผลโพลล่าสุด ออกมาว่านายกรัฐมนตรีที่ประชาชนต้องการ คือพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา องคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นทหาร นายธนาธร ระบุว่า ตนติดใจเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้องกัน มากกว่าเรื่องนี้ คือเรื่องการกลับเข้ามาไว้วางใจทหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนกังวล เนื่องจากประเทศไทยมีความหลากหลายเยอะมาก หลายชาติพันธุ์ วัฒนธรรมเต็มไปหมด สิ่งที่เราต้องการคือสันติภาพ การอยู่ร่วมกัน การเคารพในตัวตน และศรัทธาของกันและกัน เราไม่ได้ต้องการสงคราม
    ดังนั้น สิ่งที่ตนเป็นกังวลก็คือ การใช้ความรู้สึก หรือสถานการณ์มาสร้างอารมณ์ความรู้สึก ชาตินิยมที่ล้นเกิน ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างความเกลียดชังในสังคม เมื่อเมล็ดพันธุ์ของความเกลียดชังเบ่งบาน ก็จะเอาไม่ลง เพราะหากเมล็ดพันธุ์การแบ่งแยกผู้คน ที่ทำให้ผู้คนเกลียดกลัวกัน ระแวงกัน ด้วยการใช้ศาสนา ชาติพันธุ์ หรืออะไรก็ตาม มันนำมาสู่ ความเกลียดชังกันเอง ซึ่งไม่เป็นผลดีกับใคร และสิ่งที่สำคัญที่สุดคนที่เดือดร้อน คือคนตัวเล็กตัวน้อยหน้างานของทั้งสองฝั่ง แต่คนที่ปลูกฝังเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ และเก็บเกี่ยวผลประโยชน์
    จากการเบ่งบานของเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชัง ที่นั่งอยู่ที่กรุงพนมเปญ ที่กรุงเทพฯ ไม่ได้เสียอะไร

    เมื่อถามว่า ไม่ได้คิดบ้างหรือว่าเนื่องด้วยสถานการณ์ทางการเมืองที่ประชาชนพึ่งพาไม่ได้เช่นนี้ จึงทำให้คนโหยหาทหาร นายธนาธร กล่าวว่า แน่นอนที่สุดเราไม่ปฏิเสธว่า การที่รัฐบาลตอบโต้กัมพูชาในช่วงหลายเดือนก่อน น้อยเกินไป ช้าเกินไป แน่นอน แต่ก็ไม่ใช่ข้ออ้าง
    หากจะให้พูดกันตรงๆ คือทหารไม่สามารถออกมาให้ความเห็นเรื่องนี้ได้ และไม่ควรจะให้ความเห็น ต้องฟังรัฐบาลพลเรือน ซึ่งตนคิดว่าเรื่องนี้ สะท้อนปัญหาการเมืองไทย ว่ารัฐบาลพลเรือนไม่สามารถแก้ปัญหาสถานการณ์กองทัพได้ แม้ว่าขณะนี้ รัฐบาลพลเรือนจะแก้ข้อผิดพลาดด้วยการมอบอำนาจให้กับทหาร
    เรื่องนี้ยังไม่สายเกินไป ว่าเราต้องการสันติภาพ นี่คือพี่น้องกัน เดินข้ามถนน เดินข้ามพรมแดน ก็พี่น้องกันแล้ว ความร่วมมือจะนำมาซึ่งการสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงทางวัฒนธรรมที่ดีกว่า เราอยากเห็นความสัมพันธ์ของเรากับเพื่อนบ้านเป็นแบบนี้ ไม่ใช่เป็นความสัมพันธ์ที่เผชิญหน้ากัน ดังนั้น เราต้องส่งเสียงทั้งสองฝ่าย ว่าสิ่งที่เราแสวงหารร่วมกัน คือ ความร่วมมือ และสันติภาพ ไม่ใช่ความเกลียดชัง และ
    สงคราม ส่งเสียงให้ดังๆ" นายธนาธร กล่าว
    กู่ไม่กลับ! 'ธนาธร' ชี้ทหารไม่ควรให้ความเห็นเรื่องชายแดน ต้องฟังรัฐบาลพลเรือน /////////// "ธนาธร" เชื่อยังไม่สายเกินไป แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ขอทั้งสองฝ่ายร่วมกันส่งเสียงดังๆ ต้องการความร่วมมือ-สันติภาพ แนะรัฐบาลต้องอดทน แม้ถูกยั่วยุ ย้ำโต๊ะเจรจา JBC ยังจำเป็น เพื่อทำให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ รับประชาชนเรียกร้องนายกฯที่เป็นทหาร เหตุรัฐบาลพลเรือนคุมสถานการณ์ไม่ได้ 18 กรกฎาคม 2568 - ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวผ่านรายการ Exclusive Talk : ผ่าทางตัน ซึ่งจัดโดยเครือเนชั่น ถึงปัญหาชายแดนไทย กัมพูชาในขณะนี้ คิดว่าจะบานปลายหรือไม่ หรือควรแก้ไขสถานการณ์อย่างไร ว่า ตนไม่กลัวเบื้องหลัง กลัวเบื้องหน้ามากกว่า ขอเกมของกัมพูชา คือต้องการสร้างความได้เปรียบในเวทีโลก ผ่านศาลโลก หรือกระบวนการของ UNGA UNHC ซึ่งเขาต้องการดันไปสู่จุดนั้น โดยใช้การสร้างความชอบธรรม ดังนั้น สิ่งที่เขาต้องการคือการยั่วยุให้เกิดความรุนแรงอยู่แล้ว ท่าทีของรัฐบาลไทย หรือกองทัพไทย จึงต้องอดทนอดกลั้น เป็นผู้ใหญ่ และไม่ไปตกหลุมเขา เราต้องไม่เริ่มก่อน ไม่เช่นนั้นจะทำให้ความขัดแย้งก่อตัวขึ้น มีการปะทะ จนนำมาสู่การบาดเจ็บล้นตาย เกิดการใช้ความรุนแรง ซึ่งก็จะเข้าทางเขา นายธนาธร มองว่า ความสำคัญของเรื่องนี้ ในวันนี้คือเบื้องหน้า ไม่ใช่เบื้องหลัง คือเราจะทำอย่างไร ให้สถานการณ์อ่อนลง ทำให้สถานการณ์กลับไปเป็นปกติได้เร็วที่สุด จึงจำเป็นต้องใช้รัฐบาลพลเรือน ผ่านกลไก JBC ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาพูดคุยกัน เพื่อทำให้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติ นายธนาธร ระบุว่า การที่สถานการณ์ตึงเครียด เป็นเพราะรัฐบาลพลาดในกรณีคลิปเสียง ดังนั้น เพื่อแก้ปัญหาทางการเมือง ซึ่งเป็นโจทย์ของตัวเอง จึงต้องทำท่าทีขึงขัง และนี่ก็เป็นสิ่งที่ตนกลัว เพราะถ้าทีขึงขังนี้ เกิดจากการที่ต้องการแก้ปัญหาทางการเมืองของตัวเอง แต่สิ่งที่เราต้องการคือต้องการลดความตึงเครียด ลดความรุนแรง ผ่านโต๊ะเจรจา เพราะหากเกิดอะไรขึ้น จะกลายเป็นข้ออ้าง ที่เขาสามารถใช้ในเวทีโลก และทำให้เราเสียเปรียบ ส่วนแปลกใจหรือไม่ ที่ผลโพลล่าสุด ออกมาว่านายกรัฐมนตรีที่ประชาชนต้องการ คือพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา องคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นทหาร นายธนาธร ระบุว่า ตนติดใจเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้องกัน มากกว่าเรื่องนี้ คือเรื่องการกลับเข้ามาไว้วางใจทหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนกังวล เนื่องจากประเทศไทยมีความหลากหลายเยอะมาก หลายชาติพันธุ์ วัฒนธรรมเต็มไปหมด สิ่งที่เราต้องการคือสันติภาพ การอยู่ร่วมกัน การเคารพในตัวตน และศรัทธาของกันและกัน เราไม่ได้ต้องการสงคราม ดังนั้น สิ่งที่ตนเป็นกังวลก็คือ การใช้ความรู้สึก หรือสถานการณ์มาสร้างอารมณ์ความรู้สึก ชาตินิยมที่ล้นเกิน ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างความเกลียดชังในสังคม เมื่อเมล็ดพันธุ์ของความเกลียดชังเบ่งบาน ก็จะเอาไม่ลง เพราะหากเมล็ดพันธุ์การแบ่งแยกผู้คน ที่ทำให้ผู้คนเกลียดกลัวกัน ระแวงกัน ด้วยการใช้ศาสนา ชาติพันธุ์ หรืออะไรก็ตาม มันนำมาสู่ ความเกลียดชังกันเอง ซึ่งไม่เป็นผลดีกับใคร และสิ่งที่สำคัญที่สุดคนที่เดือดร้อน คือคนตัวเล็กตัวน้อยหน้างานของทั้งสองฝั่ง แต่คนที่ปลูกฝังเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ และเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ จากการเบ่งบานของเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชัง ที่นั่งอยู่ที่กรุงพนมเปญ ที่กรุงเทพฯ ไม่ได้เสียอะไร เมื่อถามว่า ไม่ได้คิดบ้างหรือว่าเนื่องด้วยสถานการณ์ทางการเมืองที่ประชาชนพึ่งพาไม่ได้เช่นนี้ จึงทำให้คนโหยหาทหาร นายธนาธร กล่าวว่า แน่นอนที่สุดเราไม่ปฏิเสธว่า การที่รัฐบาลตอบโต้กัมพูชาในช่วงหลายเดือนก่อน น้อยเกินไป ช้าเกินไป แน่นอน แต่ก็ไม่ใช่ข้ออ้าง หากจะให้พูดกันตรงๆ คือทหารไม่สามารถออกมาให้ความเห็นเรื่องนี้ได้ และไม่ควรจะให้ความเห็น ต้องฟังรัฐบาลพลเรือน ซึ่งตนคิดว่าเรื่องนี้ สะท้อนปัญหาการเมืองไทย ว่ารัฐบาลพลเรือนไม่สามารถแก้ปัญหาสถานการณ์กองทัพได้ แม้ว่าขณะนี้ รัฐบาลพลเรือนจะแก้ข้อผิดพลาดด้วยการมอบอำนาจให้กับทหาร เรื่องนี้ยังไม่สายเกินไป ว่าเราต้องการสันติภาพ นี่คือพี่น้องกัน เดินข้ามถนน เดินข้ามพรมแดน ก็พี่น้องกันแล้ว ความร่วมมือจะนำมาซึ่งการสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงทางวัฒนธรรมที่ดีกว่า เราอยากเห็นความสัมพันธ์ของเรากับเพื่อนบ้านเป็นแบบนี้ ไม่ใช่เป็นความสัมพันธ์ที่เผชิญหน้ากัน ดังนั้น เราต้องส่งเสียงทั้งสองฝ่าย ว่าสิ่งที่เราแสวงหารร่วมกัน คือ ความร่วมมือ และสันติภาพ ไม่ใช่ความเกลียดชัง และ สงคราม ส่งเสียงให้ดังๆ" นายธนาธร กล่าว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 310 มุมมอง 0 รีวิว
  • สื่อเขมรวอนชาวโลกอย่าตัดสินกัมพูชาจากปัญหาในอดีตว่าเป็นศูนย์กลางแก๊งสแกมเมอร์ ขอให้ดูการกระทำปัจจุบันและวิสัยทัศน์ในอนาคตของรัฐบาล ยันมุ่งมั่นกวาดล้างอาชญากรรมออนไลน์จริงจัง ไม่ใช่แค่สร้างภาพ กัมพูชาไม่ใช่ปัญหาแต่จะเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาระดับโลก

    ภายหลังจากนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ลงนามในคำสั่งกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในกัมพูชา เมื่อวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา ทำให้มีการจับกุมแก๊งอชญากรรมออนไลน์ในหลายจังหวัดทั่วประเทศ เช่น ในกรุงพนมเปญ เมืองสีหนุวิลล์ เมืองปอยเปต จังหวัดกระแจะ จังหวัดอุดรมีชัย จังหวัดกัมปงสปือ เป็นต้น ล่าสุด วันนี้(18 ก.ค.) สำนักข่าว Khmer Times เผยแพร่รายงานพิเศษในหัวข้อ “สงครามอันไม่หยุดยั้งของกัมพูชาต่อการฉ้อโกงออนไลน์: จากวิกฤตชาติสู่ความรับผิดชอบระดับโลก” มีใจความว่า ปัจจุบันกัมพูชากำลังมุ่งมั่นและเป็นกำลังสำคัญระดับแนวหน้าของการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ระดับโลก ในยุคที่กลุ่มอาชญากรใช้เครื่องมือดิจิทัลเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากกลุ่มเปราะบาง ฟอกเงินจากการกระทำที่ผิดกฎหมาย และลักลอบค้ามนุษย์ข้ามพรมแดน รัฐบาลกัมพูชา ภายใต้การนำอันเข้มแข็งของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ได้ริเริ่มการรณรงค์อย่างไม่ลดละและต่อเนื่องเพื่อกำจัดภัยร้ายนี้ให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินกัมพูชา

    นี่ไม่ใช่การแสดงออกทางการเมืองชั่วคราว แต่เป็นการระดมกำลังจากรัฐบาลทั้งหมด ซึ่งได้รับการประสานงาน การบังคับบัญชา และการหนุนหลังจากผู้มีอำนาจสูงสุด

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000067683

    #Thaitimes #MGROnline #ศูนย์กลางแก๊งสแกมเมอร์ #กัมพูชา
    สื่อเขมรวอนชาวโลกอย่าตัดสินกัมพูชาจากปัญหาในอดีตว่าเป็นศูนย์กลางแก๊งสแกมเมอร์ ขอให้ดูการกระทำปัจจุบันและวิสัยทัศน์ในอนาคตของรัฐบาล ยันมุ่งมั่นกวาดล้างอาชญากรรมออนไลน์จริงจัง ไม่ใช่แค่สร้างภาพ กัมพูชาไม่ใช่ปัญหาแต่จะเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาระดับโลก • ภายหลังจากนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ลงนามในคำสั่งกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในกัมพูชา เมื่อวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา ทำให้มีการจับกุมแก๊งอชญากรรมออนไลน์ในหลายจังหวัดทั่วประเทศ เช่น ในกรุงพนมเปญ เมืองสีหนุวิลล์ เมืองปอยเปต จังหวัดกระแจะ จังหวัดอุดรมีชัย จังหวัดกัมปงสปือ เป็นต้น ล่าสุด วันนี้(18 ก.ค.) สำนักข่าว Khmer Times เผยแพร่รายงานพิเศษในหัวข้อ “สงครามอันไม่หยุดยั้งของกัมพูชาต่อการฉ้อโกงออนไลน์: จากวิกฤตชาติสู่ความรับผิดชอบระดับโลก” มีใจความว่า ปัจจุบันกัมพูชากำลังมุ่งมั่นและเป็นกำลังสำคัญระดับแนวหน้าของการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ระดับโลก ในยุคที่กลุ่มอาชญากรใช้เครื่องมือดิจิทัลเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากกลุ่มเปราะบาง ฟอกเงินจากการกระทำที่ผิดกฎหมาย และลักลอบค้ามนุษย์ข้ามพรมแดน รัฐบาลกัมพูชา ภายใต้การนำอันเข้มแข็งของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ได้ริเริ่มการรณรงค์อย่างไม่ลดละและต่อเนื่องเพื่อกำจัดภัยร้ายนี้ให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินกัมพูชา • นี่ไม่ใช่การแสดงออกทางการเมืองชั่วคราว แต่เป็นการระดมกำลังจากรัฐบาลทั้งหมด ซึ่งได้รับการประสานงาน การบังคับบัญชา และการหนุนหลังจากผู้มีอำนาจสูงสุด • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000067683 • #Thaitimes #MGROnline #ศูนย์กลางแก๊งสแกมเมอร์ #กัมพูชา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 315 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตัวแทนทีมฟุตบอลกัมพูชาออลสตาร์ ที่สวมหมวกอีกใบเป็นเลขาฯ ครม.เขมร ประกาศจัดม็อบใหญ่ 19 ก.ค.ในกรุงพนมเปญ แสดงพลังต่อต้านการรุกรานของไทย ส่งกำลังใจให้ทหารแนวหน้า อ้างไทยคือศัตรูผู้บุกรุก ชายแดนไม่สงบลงง่ายๆ เขมรต้องสามัคคีกันปกป้องอธิปไตย

    วันนี้(12 ก.ค.) เฟซบุ๊กของ Kampuchea Thmey Daily ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอการแถลงข่าวของนายกุช เวงสรุน เลขาธิการคณะรัฐมนตรีกัมพูชา และตัวแทนของทีมฟุตบอลกัมพูชาออลสตาร์ โดยกล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยยังคงรุกรานดินแดนกัมพูชา ดังนั้นประชาชนกัมพูชาจึงต้องปลูกฝังความรักชาติ ปกป้องชาติและดินแดนของเราด้วย

    นายกุช กล่าวว่า สิ่งที่ยิ่งใหญ่การแข่งขันฟุตบอลก็คือจิตวิญญาณแห่งความรักชาติอยู่ เพราะเราต่างรู้ดีว่าความขัดแย้งระหว่างกัมพูชาและไทยจะไม่จบลงง่ายๆ ศัตรูของเรายังคงตั้งใจจะรุกรานดินแดนของเราต่อไป หากเราไม่พร้อม นั่นหมายความว่า เรายังไม่มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน และยังไม่มีสันติภาพที่แท้จริงร่วมกันบริเวณชายแดนทั้งสองฝั่ง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000065595

    #Thaitimes #MGROnline #ฟุตบอลกัมพูชาออลสตาร์ #กัมพูชา #กรุงพนมเปญ #ม็อบใหญ่
    ตัวแทนทีมฟุตบอลกัมพูชาออลสตาร์ ที่สวมหมวกอีกใบเป็นเลขาฯ ครม.เขมร ประกาศจัดม็อบใหญ่ 19 ก.ค.ในกรุงพนมเปญ แสดงพลังต่อต้านการรุกรานของไทย ส่งกำลังใจให้ทหารแนวหน้า อ้างไทยคือศัตรูผู้บุกรุก ชายแดนไม่สงบลงง่ายๆ เขมรต้องสามัคคีกันปกป้องอธิปไตย • วันนี้(12 ก.ค.) เฟซบุ๊กของ Kampuchea Thmey Daily ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอการแถลงข่าวของนายกุช เวงสรุน เลขาธิการคณะรัฐมนตรีกัมพูชา และตัวแทนของทีมฟุตบอลกัมพูชาออลสตาร์ โดยกล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยยังคงรุกรานดินแดนกัมพูชา ดังนั้นประชาชนกัมพูชาจึงต้องปลูกฝังความรักชาติ ปกป้องชาติและดินแดนของเราด้วย • นายกุช กล่าวว่า สิ่งที่ยิ่งใหญ่การแข่งขันฟุตบอลก็คือจิตวิญญาณแห่งความรักชาติอยู่ เพราะเราต่างรู้ดีว่าความขัดแย้งระหว่างกัมพูชาและไทยจะไม่จบลงง่ายๆ ศัตรูของเรายังคงตั้งใจจะรุกรานดินแดนของเราต่อไป หากเราไม่พร้อม นั่นหมายความว่า เรายังไม่มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน และยังไม่มีสันติภาพที่แท้จริงร่วมกันบริเวณชายแดนทั้งสองฝั่ง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000065595 • #Thaitimes #MGROnline #ฟุตบอลกัมพูชาออลสตาร์ #กัมพูชา #กรุงพนมเปญ #ม็อบใหญ่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 346 มุมมอง 0 รีวิว
  • สินค้าไทยในซูเปอร์มาร์เกตกรุงพนมเปญเริ่มขาดแคลน ขณะผู้บริโภคต้องปรับตัวให้คุ้นเคยกับสินค้ายี่ห้อท้องถิ่นหรือที่นำเข้าจากประเทศอื่น บางคนบอกเศร้าหาซื้อนมดัชมิลล์ไม่ได้แล้ว รสชาติอาหารเช้าคงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ขณะครูศรีลังกาที่มาสอนในกัมพูชาเผยยังนึกไม่ออกว่าจะอยู่ได้โดยไม่กิน “มาม่า” อย่างไร

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000064782

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    สินค้าไทยในซูเปอร์มาร์เกตกรุงพนมเปญเริ่มขาดแคลน ขณะผู้บริโภคต้องปรับตัวให้คุ้นเคยกับสินค้ายี่ห้อท้องถิ่นหรือที่นำเข้าจากประเทศอื่น บางคนบอกเศร้าหาซื้อนมดัชมิลล์ไม่ได้แล้ว รสชาติอาหารเช้าคงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ขณะครูศรีลังกาที่มาสอนในกัมพูชาเผยยังนึกไม่ออกว่าจะอยู่ได้โดยไม่กิน “มาม่า” อย่างไร อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000064782 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 564 มุมมอง 0 รีวิว
  • “อิ๊งค์” เสียเหลี่ยม วธ.กัมพูชา จี้ส่งคืนวัตถุโบราณ 20 ชิ้น ภายใน ส.ค. 68 ตามที่ตกลงตอนเยือนพนมเปญ ชี้ข้ออ้างขาดงบฟังไม่ขึ้น เขมรจะออกค่าใช้จ่ายเอง
    https://www.thai-tai.tv/news/20085/
    .
    #โบราณวัตถุ #กัมพูชา #แพทองธารชินวัตร #รมววัฒนธรรมกัมพูชา #การส่งคืนโบราณวัตถุ #พนมเปญ #ข้อตกลงไทยกัมพูชา #ขาดงบประมาณ #PhoeurngSackona #มรดกทางวัฒนธรรม
    “อิ๊งค์” เสียเหลี่ยม วธ.กัมพูชา จี้ส่งคืนวัตถุโบราณ 20 ชิ้น ภายใน ส.ค. 68 ตามที่ตกลงตอนเยือนพนมเปญ ชี้ข้ออ้างขาดงบฟังไม่ขึ้น เขมรจะออกค่าใช้จ่ายเอง https://www.thai-tai.tv/news/20085/ . #โบราณวัตถุ #กัมพูชา #แพทองธารชินวัตร #รมววัฒนธรรมกัมพูชา #การส่งคืนโบราณวัตถุ #พนมเปญ #ข้อตกลงไทยกัมพูชา #ขาดงบประมาณ #PhoeurngSackona #มรดกทางวัฒนธรรม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2 นายพล หน่วยอารักขา “ฮุน เซน” ถูกศาลฝรั่งเศสฟ้อง ฐานอยู่เบื้องหลังการสังหารหมู่กลางกรุงพนมเปญ12 มีนาคม 2568ศาลฝรั่งเศสเปิดคดี “ฆ่าหมู่ 1997” กลางกรุงพนมเปญ — 2 นายพลเขมร อดีตบอดี้การ์ดของ “ฮุน เซน” ถูกไต่สวน!ฆ่าหมู่กลางกรุงพนมเปญ 1997 — ไม่มีใครถูกจับแม้แต่คนเดียว!30 มีนาคม 1997 — ผู้ประท้วงรวมตัวที่สวนสาธารณะฝั่งตรงข้ามรัฐสภากัมพูชา เพื่อเรียกร้องให้ยุติ “ตุลาการใต้ตีน” ของระบอบฮุน เซนจู่ ๆ เกิดระเบิดหลายลูกปะทุใส่ฝูงชนเสียชีวิตอย่างน้อย 16 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 150 ราย — เลือดสาดทั่วสวนพยานหลายคนเล่าว่า “มือระเบิดวิ่งเข้าไปหาหน่วยอารักขาฮุน เซน” ที่ใส่ชุดปราบจลาจลครบมือ — แต่กลับปล่อยให้พวกเขาหลบหนี!รอน แอบนีย์ พลเมืองสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในผู้บาดเจ็บสาหัส ทำให้ FBI ส่งทีมสอบสวนทันทีรายงาน FBI ถูกเปิดเผยในปี 2009แต่…ไม่มีใครถูกจับแม้แต่คนเดียว!จนกระทั่งปี 2021 ศาลฝรั่งเศสออกหมายจับ:• ฮิง บุน เหียง — รองผู้บัญชาการกองทัพ และหัวหน้าหน่วยอารักขาครอบครัวฮุน เซน• ฮุย พิเซธ — รัฐมนตรีช่วยกลาโหม และรองหัวหน้าคณะที่ปรึกษาของ “ฮุน มาเนต” ลูกชายฮุน เซนคดีนี้เริ่มจากคำร้องของ “แซม เรนซี” และภรรยาในฝรั่งเศสศาลฝรั่งเศสเคยออกหมายเรียกตัว “ฮุน เซน” ด้วยแต่รัฐบาลฝรั่งเศสกลับบล็อก โดยอ้างว่า “ผู้นำรัฐบาลมีเอกสิทธิ์คุ้มกันตามกฎหมาย”Brad Adams อดีตเจ้าหน้าที่สิทธิมนุษยชนแห่ง UN เล่าว่า“ผมไปถึงสวนหลังเหตุระเบิดแค่ 10 นาที…ศพเกลื่อนพื้นทหารยังขัดขวางไม่ให้ช่วยคนเจ็บตำรวจมาถึงทีหลังก็ยืนดูเฉย ๆ…สุดท้าย คนธรรมดานั่นแหละที่ช่วยกันหามคนเจ็บ”ฮิง บุน เหียง ยืนยันกับ RFA ว่า “จะไม่ไปศาล และไม่ส่งทนาย”พร้อมท้าทายว่า: “ไม่มีรูปผมโยนระเบิด แล้วคุณจะจับผมได้ยังไง?”ปี 2018 สหรัฐฯ คว่ำบาตร “ฮิง บุน เหียง” จากเหตุการณ์นี้ รวมถึงอีกหลายคดีทำร้ายประชาชนมือเปล่าขณะที่ฮุย พิเซธ ยอมรับกับ FBI ว่าเขาคือคนสั่งส่งกำลังทหารจากกองพลที่ 70 มาล้อมสวนในวันเกิดเหตุ⸻ฆ่าหมู่ต่อหน้าประชาชน — แต่ไม่มีใครต้องรับผิดรัฐบาลฮุน เซนไม่เคยสอบสวนใคร — มีแต่ปิดปากแต่โลกไม่ลืม — และความจริงจะไม่ตาย#CSI_LA #ฆ่าหมู่1997 #ฝรั่งเศสลากขึ้นศาล #ฮุนเซน #หน่วยฆ่าประชาชน #CambodiaMassacre #GrenadeAttack2 Generals from Hun Sen’s Bodyguard Unit Indicted by French Court for Role in Phnom Penh MassacreMarch 12, 2025A French court has officially opened a case over the 1997 Phnom Penh massacre — putting two Cambodian generals, both former bodyguards of Hun Sen, on trial in absentia.Phnom Penh Massacre, 1997 — Not a Single Person Has Ever Been ArrestedMarch 30, 1997 — Protesters gathered at a park across from the Cambodian National Assembly to denounce Hun Sen’s authoritarian judiciary.Suddenly, several grenades were hurled into the crowd.At least 16 people were killed and more than 150 were injured — blood stained the ground.Eyewitnesses say the grenade-throwers ran toward Hun Sen’s fully equipped bodyguards, who allowed them to escape without pursuit.Ron Abney, a U.S. citizen, was among those seriously injured — prompting the FBI to send investigators to Cambodia.The FBI report was declassified in 2009.But no one was ever arrested.It wasn’t until 2021 that France issued arrest warrants for:• Hing Bun Hieng — Now Deputy Commander-in-Chief of the Armed Forces and head of Hun Sen’s family bodyguard unit• Huy Piseth — Secretary of State at the Ministry of Defense and Deputy Chief of Staff to Hun Manet, Hun Sen’s son→ The case was launched after a legal complaint by Sam Rainsy and his wife, both living in exile in France.The French court initially summoned Hun Sen himself — but the French government blocked the warrant, citing diplomatic immunity laws protecting heads of government.Brad Adams, a former U.N. human rights officer, recalled:“I arrived at the park about 10 minutes after the blast — bodies were everywhere.Soldiers interfered with rescue efforts.Police arrived later but just stood around.It was civilians who carried the injured to safety.”Hing Bun Hieng told RFA he will not appear in court or send a lawyer, saying:“Sam Rainsy has accused me for over 30 years with no real evidence.Are there any photos of me ordering the grenade attack?”In 2018, the U.S. government sanctioned Hing Bun Hieng over this attack and other incidents involving violence against unarmed civilians.Meanwhile, Huy Piseth admitted to the FBI that he had ordered the 70th Brigade to be deployed to the park on the day of the attack.⸻A massacre in broad daylight — and no one has been held accountable.The Hun Sen regime never investigated — only silenced.But the world has not forgotten — and the truth will not die.#CSI_LA #PhnomPenhMassacre1997 #FranceOpensTrial #HunSen #Impunity #Cambodia #GrenadeAttack #JusticeDelayed
    2 นายพล หน่วยอารักขา “ฮุน เซน” ถูกศาลฝรั่งเศสฟ้อง ฐานอยู่เบื้องหลังการสังหารหมู่กลางกรุงพนมเปญ12 มีนาคม 2568ศาลฝรั่งเศสเปิดคดี “ฆ่าหมู่ 1997” กลางกรุงพนมเปญ — 2 นายพลเขมร อดีตบอดี้การ์ดของ “ฮุน เซน” ถูกไต่สวน!ฆ่าหมู่กลางกรุงพนมเปญ 1997 — ไม่มีใครถูกจับแม้แต่คนเดียว!30 มีนาคม 1997 — ผู้ประท้วงรวมตัวที่สวนสาธารณะฝั่งตรงข้ามรัฐสภากัมพูชา เพื่อเรียกร้องให้ยุติ “ตุลาการใต้ตีน” ของระบอบฮุน เซนจู่ ๆ เกิดระเบิดหลายลูกปะทุใส่ฝูงชนเสียชีวิตอย่างน้อย 16 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 150 ราย — เลือดสาดทั่วสวนพยานหลายคนเล่าว่า “มือระเบิดวิ่งเข้าไปหาหน่วยอารักขาฮุน เซน” ที่ใส่ชุดปราบจลาจลครบมือ — แต่กลับปล่อยให้พวกเขาหลบหนี!รอน แอบนีย์ พลเมืองสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในผู้บาดเจ็บสาหัส ทำให้ FBI ส่งทีมสอบสวนทันทีรายงาน FBI ถูกเปิดเผยในปี 2009แต่…ไม่มีใครถูกจับแม้แต่คนเดียว!จนกระทั่งปี 2021 ศาลฝรั่งเศสออกหมายจับ:• ฮิง บุน เหียง — รองผู้บัญชาการกองทัพ และหัวหน้าหน่วยอารักขาครอบครัวฮุน เซน• ฮุย พิเซธ — รัฐมนตรีช่วยกลาโหม และรองหัวหน้าคณะที่ปรึกษาของ “ฮุน มาเนต” ลูกชายฮุน เซนคดีนี้เริ่มจากคำร้องของ “แซม เรนซี” และภรรยาในฝรั่งเศสศาลฝรั่งเศสเคยออกหมายเรียกตัว “ฮุน เซน” ด้วยแต่รัฐบาลฝรั่งเศสกลับบล็อก โดยอ้างว่า “ผู้นำรัฐบาลมีเอกสิทธิ์คุ้มกันตามกฎหมาย”Brad Adams อดีตเจ้าหน้าที่สิทธิมนุษยชนแห่ง UN เล่าว่า“ผมไปถึงสวนหลังเหตุระเบิดแค่ 10 นาที…ศพเกลื่อนพื้นทหารยังขัดขวางไม่ให้ช่วยคนเจ็บตำรวจมาถึงทีหลังก็ยืนดูเฉย ๆ…สุดท้าย คนธรรมดานั่นแหละที่ช่วยกันหามคนเจ็บ”ฮิง บุน เหียง ยืนยันกับ RFA ว่า “จะไม่ไปศาล และไม่ส่งทนาย”พร้อมท้าทายว่า: “ไม่มีรูปผมโยนระเบิด แล้วคุณจะจับผมได้ยังไง?”ปี 2018 สหรัฐฯ คว่ำบาตร “ฮิง บุน เหียง” จากเหตุการณ์นี้ รวมถึงอีกหลายคดีทำร้ายประชาชนมือเปล่าขณะที่ฮุย พิเซธ ยอมรับกับ FBI ว่าเขาคือคนสั่งส่งกำลังทหารจากกองพลที่ 70 มาล้อมสวนในวันเกิดเหตุ⸻ฆ่าหมู่ต่อหน้าประชาชน — แต่ไม่มีใครต้องรับผิดรัฐบาลฮุน เซนไม่เคยสอบสวนใคร — มีแต่ปิดปากแต่โลกไม่ลืม — และความจริงจะไม่ตาย#CSI_LA #ฆ่าหมู่1997 #ฝรั่งเศสลากขึ้นศาล #ฮุนเซน #หน่วยฆ่าประชาชน #CambodiaMassacre #GrenadeAttack2 Generals from Hun Sen’s Bodyguard Unit Indicted by French Court for Role in Phnom Penh MassacreMarch 12, 2025A French court has officially opened a case over the 1997 Phnom Penh massacre — putting two Cambodian generals, both former bodyguards of Hun Sen, on trial in absentia.Phnom Penh Massacre, 1997 — Not a Single Person Has Ever Been ArrestedMarch 30, 1997 — Protesters gathered at a park across from the Cambodian National Assembly to denounce Hun Sen’s authoritarian judiciary.Suddenly, several grenades were hurled into the crowd.At least 16 people were killed and more than 150 were injured — blood stained the ground.Eyewitnesses say the grenade-throwers ran toward Hun Sen’s fully equipped bodyguards, who allowed them to escape without pursuit.Ron Abney, a U.S. citizen, was among those seriously injured — prompting the FBI to send investigators to Cambodia.The FBI report was declassified in 2009.But no one was ever arrested.It wasn’t until 2021 that France issued arrest warrants for:• Hing Bun Hieng — Now Deputy Commander-in-Chief of the Armed Forces and head of Hun Sen’s family bodyguard unit• Huy Piseth — Secretary of State at the Ministry of Defense and Deputy Chief of Staff to Hun Manet, Hun Sen’s son→ The case was launched after a legal complaint by Sam Rainsy and his wife, both living in exile in France.The French court initially summoned Hun Sen himself — but the French government blocked the warrant, citing diplomatic immunity laws protecting heads of government.Brad Adams, a former U.N. human rights officer, recalled:“I arrived at the park about 10 minutes after the blast — bodies were everywhere.Soldiers interfered with rescue efforts.Police arrived later but just stood around.It was civilians who carried the injured to safety.”Hing Bun Hieng told RFA he will not appear in court or send a lawyer, saying:“Sam Rainsy has accused me for over 30 years with no real evidence.Are there any photos of me ordering the grenade attack?”In 2018, the U.S. government sanctioned Hing Bun Hieng over this attack and other incidents involving violence against unarmed civilians.Meanwhile, Huy Piseth admitted to the FBI that he had ordered the 70th Brigade to be deployed to the park on the day of the attack.⸻A massacre in broad daylight — and no one has been held accountable.The Hun Sen regime never investigated — only silenced.But the world has not forgotten — and the truth will not die.#CSI_LA #PhnomPenhMassacre1997 #FranceOpensTrial #HunSen #Impunity #Cambodia #GrenadeAttack #JusticeDelayed
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 631 มุมมอง 0 รีวิว
  • “พระสุจย์” ถึงกัมพูชา รองผู้ว่าฯ พนมเปญรอรับถึงสนามบิน ประกาศลั่นไม่ขอกลับไทย พร้อมอวย “ฮุน มาเนต” ที่จัดการต้อนรับให้อย่างอบอุ่น
    https://www.thai-tai.tv/news/19958/
    .
    #พระสุจย์ #หลวงตาสุจย์ #กัมพูชา #ฮุนมาเนต #ไม่กลับไทย #วัดนาควัน #พนมเปญ #ขแมร์ไทมส์ #เฟรชส์นิวส์ #พระนักเทศน์ #วัดป่าหนองแคร่ #บุรีรัมย์ #สุรินทร์ #ข้อพิพาทไทยกัมพูชา #ปัพพาชนียกรรม #เสื่อมเสียศาสนา #แตกแยกสังคม

    “พระสุจย์” ถึงกัมพูชา รองผู้ว่าฯ พนมเปญรอรับถึงสนามบิน ประกาศลั่นไม่ขอกลับไทย พร้อมอวย “ฮุน มาเนต” ที่จัดการต้อนรับให้อย่างอบอุ่น https://www.thai-tai.tv/news/19958/ . #พระสุจย์ #หลวงตาสุจย์ #กัมพูชา #ฮุนมาเนต #ไม่กลับไทย #วัดนาควัน #พนมเปญ #ขแมร์ไทมส์ #เฟรชส์นิวส์ #พระนักเทศน์ #วัดป่าหนองแคร่ #บุรีรัมย์ #สุรินทร์ #ข้อพิพาทไทยกัมพูชา #ปัพพาชนียกรรม #เสื่อมเสียศาสนา #แตกแยกสังคม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 267 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ฮุนเซน” เรียกร้องความสามัคคีของชาวกัมพูชา พร้อมสั่งเสริมกำลังป้องกันประเทศ เตรียมพร้อมรับมือผู้รุกราน หลังได้ฟังคำพูด “สนธิ” บนเวทีชุมนุม 28 มิ.ย. บอกถ้ามีอำนาจจะบุกยึดหลายจังหวัดของกัมพูชาจนถึงพนมเปญ ชี้เป็นคำพูดของนักการเมืองหัวรุนแรงทะเยอทะยานจะยึดดินแดนกัมพูชา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000061539

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    “ฮุนเซน” เรียกร้องความสามัคคีของชาวกัมพูชา พร้อมสั่งเสริมกำลังป้องกันประเทศ เตรียมพร้อมรับมือผู้รุกราน หลังได้ฟังคำพูด “สนธิ” บนเวทีชุมนุม 28 มิ.ย. บอกถ้ามีอำนาจจะบุกยึดหลายจังหวัดของกัมพูชาจนถึงพนมเปญ ชี้เป็นคำพูดของนักการเมืองหัวรุนแรงทะเยอทะยานจะยึดดินแดนกัมพูชา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000061539 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Love
    Wow
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 530 มุมมอง 0 รีวิว
  • (TOR) ปี 2546 ไทยยอมรับแผนที่ 1 : 200000 แล้วรัฐบาลไทยไปตกลงยินยอมตกลงตาม ใน JBC ครั้งล่าุด ตามข้อ (2) Approval of the Amendment of 2003 Terms of Reference and Master Plan for the Joint Survey and Demarcation of Land Boundary between Thailand and Cambodia, (TOR 2003) to incorporate LiDAR technology into the Orthophoto Maps production step.

    แปล (2)การอนุมัติการแก้ไขขอบเขตงานและแผนแม่บทการสำรวจและกำหนดแนวเขตร่วมระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา พ.ศ. 2546 (TOR 2003) เพื่อรวมเทคโนโลยี LiDAR เข้าในขั้นตอนการผลิตแผนที่ออร์โธโฟโต หมายถึงจะกำหนดเขตแดนดาวเทียมให้เป็นกับแผนที่ 1 : 200000 ใช่หรือไม่


    15 มิถุนายน 2568 ผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) เรื่องการกำหนดแนวเขตที่ดินและการวางหลักเขตชายแดน การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นเป็นเวลา 2 วัน ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 14-15 มิถุนายน

    สื่อท้องถิ่นของกัมพูชา รายงานว่า ทั้งสองฝ่ายยังคงหารือกันต่อในระหว่างการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) และเห็นพ้องที่จะอนุมัติวาระสำคัญ 4 ประเด็น ดังต่อไปนี้

    1. การอนุมัติบันทึกการประชุมคณะอนุกรรมการเทคนิคร่วมครั้งที่ 4 (JTSC) ที่จัดขึ้นที่เสียมเรียบ เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

    2. การอนุมัติการแก้ไขขอบเขตงานและแผนแม่บทการสำรวจและกำหนดแนวเขตร่วมระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา พ.ศ. 2546 (TOR 2003) เพื่อรวมเทคโนโลยี LiDAR เข้าในขั้นตอนการผลิตแผนที่ออร์โธโฟโต

    3. การอนุมัติการจัดวางคณะสำรวจร่วมเพื่อดำเนินการตรวจสอบภาคสนามและกำหนดเขตแดน

    4. การหารือแนวทางการสำรวจในเขตพื้นที่ 6
    (TOR) ปี 2546 ไทยยอมรับแผนที่ 1 : 200000 แล้วรัฐบาลไทยไปตกลงยินยอมตกลงตาม ใน JBC ครั้งล่าุด ตามข้อ (2) Approval of the Amendment of 2003 Terms of Reference and Master Plan for the Joint Survey and Demarcation of Land Boundary between Thailand and Cambodia, (TOR 2003) to incorporate LiDAR technology into the Orthophoto Maps production step. แปล (2)การอนุมัติการแก้ไขขอบเขตงานและแผนแม่บทการสำรวจและกำหนดแนวเขตร่วมระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา พ.ศ. 2546 (TOR 2003) เพื่อรวมเทคโนโลยี LiDAR เข้าในขั้นตอนการผลิตแผนที่ออร์โธโฟโต หมายถึงจะกำหนดเขตแดนดาวเทียมให้เป็นกับแผนที่ 1 : 200000 ใช่หรือไม่ 15 มิถุนายน 2568 ผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) เรื่องการกำหนดแนวเขตที่ดินและการวางหลักเขตชายแดน การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นเป็นเวลา 2 วัน ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 14-15 มิถุนายน สื่อท้องถิ่นของกัมพูชา รายงานว่า ทั้งสองฝ่ายยังคงหารือกันต่อในระหว่างการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) และเห็นพ้องที่จะอนุมัติวาระสำคัญ 4 ประเด็น ดังต่อไปนี้ 1. การอนุมัติบันทึกการประชุมคณะอนุกรรมการเทคนิคร่วมครั้งที่ 4 (JTSC) ที่จัดขึ้นที่เสียมเรียบ เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 2. การอนุมัติการแก้ไขขอบเขตงานและแผนแม่บทการสำรวจและกำหนดแนวเขตร่วมระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา พ.ศ. 2546 (TOR 2003) เพื่อรวมเทคโนโลยี LiDAR เข้าในขั้นตอนการผลิตแผนที่ออร์โธโฟโต 3. การอนุมัติการจัดวางคณะสำรวจร่วมเพื่อดำเนินการตรวจสอบภาคสนามและกำหนดเขตแดน 4. การหารือแนวทางการสำรวจในเขตพื้นที่ 6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 282 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ฮุนมาเนต” กล่าวปิดประชุมสหพันธ์เยาวชนกัมพูชา ปลุกเลือดรักชาติ ใส่ไฟไทยสร้างปัญหาชายแดน ใช้เศรษฐกิจกดดัน ส่งกำลังทหารรุกราน ลั่นกัมพูชาเหมือนงู อยู่เงียบๆ แต่ถ้าใครมายุ่งก็พร้อมกัดให้ตาย โวโดรนไทยล้ำดินโดนยิงตกหลายลำ เย้ยพวกหัวรุนแรงไทยขู่บุกพนมเปญดูความจริงหน่อย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000058948

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes

    “ฮุนมาเนต” กล่าวปิดประชุมสหพันธ์เยาวชนกัมพูชา ปลุกเลือดรักชาติ ใส่ไฟไทยสร้างปัญหาชายแดน ใช้เศรษฐกิจกดดัน ส่งกำลังทหารรุกราน ลั่นกัมพูชาเหมือนงู อยู่เงียบๆ แต่ถ้าใครมายุ่งก็พร้อมกัดให้ตาย โวโดรนไทยล้ำดินโดนยิงตกหลายลำ เย้ยพวกหัวรุนแรงไทยขู่บุกพนมเปญดูความจริงหน่อย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000058948 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    4
    3 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 465 มุมมอง 0 รีวิว
  • ห้องนอนแขก "บ้านฮุนเซน" ที่ปิดไว้ไม่ได้ใช้มีไว้สำหรับรองรับอดีตนายกเมืองไทยเท่านั้น

    กับ

    ห้องนั่งเล่นในบ้านมูลค่า 1.8 ล้าน usd (เกือบ 59 ล้านบาท) ในกรุงพนมเปญ

    ห้องนั่งเล่นบ้าน 60 ล้านยังเล็กกว่าห้องนอนแขกที่ปิดไว้ของบ้านฮุนเซน...

    คนกัมพูชาจะรู้สึกอะไรไหม?

    ‐-------‐-----------------------------

    ជាភាសากម្ពុជា៖
    បន្ទប់គេងភ្ញៀវ "ផ្ទះសម្តេចហ៊ុន សែន" ដែលបិទទុកមិនប្រើ គឺសម្រាប់តែទទួលអតីតនាយករដ្ឋមន្ត្រីថៃប៉ុណ្ណោះ។
    ជាមួយ៖
    បន្ទប់ទទួលភ្ញៀវក្នុងផ្ទះតម្លៃ ១,៨ លានដុល្លារ (ជិត ៥៩ លានបាត) នៅទីក្រុងភ្នំពេញ។
    បន្ទប់ទទួលភ្ញៀវផ្ទះ ៦០ លានបាត នៅតែតូចជាងបន្ទប់គេងភ្ញៀវដែលបិទទុករបស់ផ្ទះសម្តេចហ៊ុន សែន...
    តើប្រជាជនកម្ពុជានឹងមានអារម្មណ៍យ៉ាងណាដែរ?
    ห้องนอนแขก "บ้านฮุนเซน" ที่ปิดไว้ไม่ได้ใช้มีไว้สำหรับรองรับอดีตนายกเมืองไทยเท่านั้น กับ ห้องนั่งเล่นในบ้านมูลค่า 1.8 ล้าน usd (เกือบ 59 ล้านบาท) ในกรุงพนมเปญ ห้องนั่งเล่นบ้าน 60 ล้านยังเล็กกว่าห้องนอนแขกที่ปิดไว้ของบ้านฮุนเซน... คนกัมพูชาจะรู้สึกอะไรไหม? ‐-------‐----------------------------- ជាភាសากម្ពុជា៖ បន្ទប់គេងភ្ញៀវ "ផ្ទះសម្តេចហ៊ុន សែន" ដែលបិទទុកមិនប្រើ គឺសម្រាប់តែទទួលអតីតនាយករដ្ឋមន្ត្រីថៃប៉ុណ្ណោះ។ ជាមួយ៖ បន្ទប់ទទួលភ្ញៀវក្នុងផ្ទះតម្លៃ ១,៨ លានដុល្លារ (ជិត ៥៩ លានបាត) នៅទីក្រុងភ្នំពេញ។ បន្ទប់ទទួលភ្ញៀវផ្ទះ ៦០ លានបាត នៅតែតូចជាងបន្ទប់គេងភ្ញៀវដែលបិទទុករបស់ផ្ទះសម្តេចហ៊ុន សែន... តើប្រជាជនកម្ពុជានឹងមានអារម្មណ៍យ៉ាងណាដែរ?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักข่าว Al Jazeera แฉคลิปเสียงหลุด!ฮุนเซน สั่ง “นายฮวด” ไล่ล่าคนเห็นต่างในไทย — ไม่สนว่าจับได้จะ “เป็นหรือตาย”!นี่ไม่ใช่แค่ปัญหาภายในกัมพูชา —แต่คือคำสั่งจากผู้นำต่างชาติ ที่ล้ำเส้นเข้ามายัง “แผ่นดินไทย”!ในคลิปเสียงดังกล่าว ฮุนเซนได้สั่งตรงถึง “นายเคลียง ฮวด”ให้ดำเนินการ “ตามล่าคนที่วิพากษ์วิจารณ์ตน แม้จะอยู่ในประเทศไทย”พร้อมกำชับชัดเจนว่า“ไม่ต้องสนใจว่าจับมาได้จะ ‘เป็นหรือตาย’”การลอบสังหารนักการเมืองระดับสูงในกัมพูชา ในปี 2016 นายเขม ไลย์ นักวิจารณ์การเมืองซึ่งเป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์ฮุน เซน ชื่อดัง ถูกยิงเสียชีวิตในกรุงพนมเปญ และในปี 2012 นายจุ๊ต วุตติ นักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมก็ถูกสังหารด้วยเช่นกันล่าสุดเมื่อเดือนมกราคมปีนี้ กรณีสังหารนายลิม กิมยา อดีตสมาชิกรัฐสภาวัย 73 ปี ของพรรคแกนนำฝ่ายค้านของกัมพูชาที่ชื่อว่าพรรคกู้ชาติกัมพูชา หรือ ซีเอ็นอาร์พี (Cambodia National Rescue Party - CNRP) ซึ่งพรรคนี้ถูกแบนไปเมื่อปี 2017 จากรายงานของตำรวจไทย เขาถูกยิงด้วยกระสุน 2 นัดบริเวณหน้าอก ทั้งที่เพิ่งเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ ด้วยรถบัสจากกัมพูชา พร้อมกับภรรยาที่บริเวณหน้าวัดบวรนิเวศ บางลำพู เขตพระนคร กรุงเทพนายเอกลักษณ์ แพน้อย ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงนายลิม กิมยา อดีต สส. ฝ่ายค้านกัมพูชา ถูกจับตัวได้ที่ จ.พระตะบอง ประเทศกัมพูชา หลังหลบหนีออกจากไทย และถูกส่งตัวกลับมาดำเนินคดีที่ไทยแล้วเมื่อวันที่ 11 ม.ค.2568ที่ผ่านมาแล้วเรื่องก็เงียบhttps://youtu.be/FR39vs42N9I
    สำนักข่าว Al Jazeera แฉคลิปเสียงหลุด!ฮุนเซน สั่ง “นายฮวด” ไล่ล่าคนเห็นต่างในไทย — ไม่สนว่าจับได้จะ “เป็นหรือตาย”!นี่ไม่ใช่แค่ปัญหาภายในกัมพูชา —แต่คือคำสั่งจากผู้นำต่างชาติ ที่ล้ำเส้นเข้ามายัง “แผ่นดินไทย”!ในคลิปเสียงดังกล่าว ฮุนเซนได้สั่งตรงถึง “นายเคลียง ฮวด”ให้ดำเนินการ “ตามล่าคนที่วิพากษ์วิจารณ์ตน แม้จะอยู่ในประเทศไทย”พร้อมกำชับชัดเจนว่า“ไม่ต้องสนใจว่าจับมาได้จะ ‘เป็นหรือตาย’”การลอบสังหารนักการเมืองระดับสูงในกัมพูชา ในปี 2016 นายเขม ไลย์ นักวิจารณ์การเมืองซึ่งเป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์ฮุน เซน ชื่อดัง ถูกยิงเสียชีวิตในกรุงพนมเปญ และในปี 2012 นายจุ๊ต วุตติ นักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมก็ถูกสังหารด้วยเช่นกันล่าสุดเมื่อเดือนมกราคมปีนี้ กรณีสังหารนายลิม กิมยา อดีตสมาชิกรัฐสภาวัย 73 ปี ของพรรคแกนนำฝ่ายค้านของกัมพูชาที่ชื่อว่าพรรคกู้ชาติกัมพูชา หรือ ซีเอ็นอาร์พี (Cambodia National Rescue Party - CNRP) ซึ่งพรรคนี้ถูกแบนไปเมื่อปี 2017 จากรายงานของตำรวจไทย เขาถูกยิงด้วยกระสุน 2 นัดบริเวณหน้าอก ทั้งที่เพิ่งเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ ด้วยรถบัสจากกัมพูชา พร้อมกับภรรยาที่บริเวณหน้าวัดบวรนิเวศ บางลำพู เขตพระนคร กรุงเทพนายเอกลักษณ์ แพน้อย ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงนายลิม กิมยา อดีต สส. ฝ่ายค้านกัมพูชา ถูกจับตัวได้ที่ จ.พระตะบอง ประเทศกัมพูชา หลังหลบหนีออกจากไทย และถูกส่งตัวกลับมาดำเนินคดีที่ไทยแล้วเมื่อวันที่ 11 ม.ค.2568ที่ผ่านมาแล้วเรื่องก็เงียบhttps://youtu.be/FR39vs42N9I
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 438 มุมมอง 0 รีวิว
  • 19 มิถุนายน 2568 -รายงานข่าวเพจ The Better ระบุว่าสเตฟานี เจิ้ง อ้างว่า เจิ้งจื่อเจี้ยน พ่อของเธอถูกพาตัวไปโดยถูกบังคับที่สนามบินพนมเปญในกัมพูชา ขณะที่พ่อของเธอมีกำหนดเข้าพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของกัมพูชา เพื่อเปิดโปงการฉ้อโกงของเจ้าหน้าที่ระดับสูง เจีย โซทุน (Chea Sothun) เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยที่ถูกกล่าวหาว่าฉ้อโกงเงินจำนวนมากจาก เจิ้งจื่อเจี้ยน เธอมีเหตุผลที่จะสงสัยว่านี่เป็น "การกระทำทางการเมืองโดยเจตนา" เพื่อป้องกันไม่ให้พ่อของเธอเปิดโปงคดีทุจริต สเตฟานี เจิ้ง อ้างว่าพ่อของเธอถูกลักพาตัว และเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต แห่งกัมพูชา เปิดเผยข้อมูลของพ่อของเธอทางโซเชียลมีเดียติดตามรายละเอียดได้ที่นี่https://www.thebetter.co.th/news/world/31465
    19 มิถุนายน 2568 -รายงานข่าวเพจ The Better ระบุว่าสเตฟานี เจิ้ง อ้างว่า เจิ้งจื่อเจี้ยน พ่อของเธอถูกพาตัวไปโดยถูกบังคับที่สนามบินพนมเปญในกัมพูชา ขณะที่พ่อของเธอมีกำหนดเข้าพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของกัมพูชา เพื่อเปิดโปงการฉ้อโกงของเจ้าหน้าที่ระดับสูง เจีย โซทุน (Chea Sothun) เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยที่ถูกกล่าวหาว่าฉ้อโกงเงินจำนวนมากจาก เจิ้งจื่อเจี้ยน เธอมีเหตุผลที่จะสงสัยว่านี่เป็น "การกระทำทางการเมืองโดยเจตนา" เพื่อป้องกันไม่ให้พ่อของเธอเปิดโปงคดีทุจริต สเตฟานี เจิ้ง อ้างว่าพ่อของเธอถูกลักพาตัว และเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต แห่งกัมพูชา เปิดเผยข้อมูลของพ่อของเธอทางโซเชียลมีเดียติดตามรายละเอียดได้ที่นี่https://www.thebetter.co.th/news/world/31465
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 339 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่างนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร และสมเด็จ ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่เป็นประเด็นร้อนแรงถึงเนื้อหาและความเหมาะสมนั้น วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับบุคคลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการสื่อสารนี้ นั่นคือ "ล่ามปริศนา" ที่ทำหน้าที่แปลภาษาไทย-เขมร และเขมร-ไทย ให้ผู้นำทั้งสองเข้าใจกันได้อย่างลึกซึ้ง“พี่ฮวด” เขาคือใคร?จากการตรวจสอบของ "เนชั่นทีวี" ล่ามผู้นี้คือ นาย เคลียง ฮวด หรือที่คนใกล้ชิดในตระกูลชินวัตรเรียกขานอย่างสนิทสนมว่า "ผอ.ฮวด" หรือ "พี่ฮวด" ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีตำแหน่งปัจจุบันของเขาไม่ใช่ธรรมดา เพราะเป็นถึงนายกเทศมนตรีของเขตจรอย จองวา และรองผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญ นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้ช่วยคนสนิทของสมเด็จ ฮุน เซน ตั้งแต่สมัยที่ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชาแหล่งข่าวจากอดีตคนใกล้ชิดของตระกูลชินวัตรเล่าว่า "พี่ฮวด" ถือเป็นเหมือนเลขาฯ ส่วนตัวและผู้ช่วยใกล้ชิดของสมเด็จ ฮุน เซน มานานแล้ว โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย เนื่องจากเขาสามารถพูดและฟังภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่วมาก ทำให้เขารับหน้าที่เป็นผู้ประสานงานหลักระหว่างฮุน เซน และฝ่ายไทยมาโดยตลอด"พี่ฮวด" ไม่เพียงแค่สนิทสนมกับสมเด็จ ฮุน เซน เท่านั้น แต่เขายังรู้จักและสนิทกับอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เป็นอย่างดี เคยให้ความช่วยเหลืออดีตนายกฯ ทักษิณ ในช่วงที่หลบหนีคดีในต่างประเทศ คอยประสานงานต่างๆ ให้อย่างใกล้ชิด และรับบทบาทเป็นล่ามให้ทั้งสองฝ่าย คือทั้งของสมเด็จ ฮุน เซน และของตระกูลชินวัตรแสดงให้เห็นว่า "พี่ฮวด" หรือ "ผอ.ฮวด" เป็นบุคคลที่สมเด็จ ฮุน เซน ไว้วางใจอย่างมาก มักจะปรึกษาหารือและสอบถามในหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับประเทศไทย
    จากกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่างนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร และสมเด็จ ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่เป็นประเด็นร้อนแรงถึงเนื้อหาและความเหมาะสมนั้น วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับบุคคลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการสื่อสารนี้ นั่นคือ "ล่ามปริศนา" ที่ทำหน้าที่แปลภาษาไทย-เขมร และเขมร-ไทย ให้ผู้นำทั้งสองเข้าใจกันได้อย่างลึกซึ้ง“พี่ฮวด” เขาคือใคร?จากการตรวจสอบของ "เนชั่นทีวี" ล่ามผู้นี้คือ นาย เคลียง ฮวด หรือที่คนใกล้ชิดในตระกูลชินวัตรเรียกขานอย่างสนิทสนมว่า "ผอ.ฮวด" หรือ "พี่ฮวด" ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีตำแหน่งปัจจุบันของเขาไม่ใช่ธรรมดา เพราะเป็นถึงนายกเทศมนตรีของเขตจรอย จองวา และรองผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญ นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้ช่วยคนสนิทของสมเด็จ ฮุน เซน ตั้งแต่สมัยที่ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชาแหล่งข่าวจากอดีตคนใกล้ชิดของตระกูลชินวัตรเล่าว่า "พี่ฮวด" ถือเป็นเหมือนเลขาฯ ส่วนตัวและผู้ช่วยใกล้ชิดของสมเด็จ ฮุน เซน มานานแล้ว โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย เนื่องจากเขาสามารถพูดและฟังภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่วมาก ทำให้เขารับหน้าที่เป็นผู้ประสานงานหลักระหว่างฮุน เซน และฝ่ายไทยมาโดยตลอด"พี่ฮวด" ไม่เพียงแค่สนิทสนมกับสมเด็จ ฮุน เซน เท่านั้น แต่เขายังรู้จักและสนิทกับอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เป็นอย่างดี เคยให้ความช่วยเหลืออดีตนายกฯ ทักษิณ ในช่วงที่หลบหนีคดีในต่างประเทศ คอยประสานงานต่างๆ ให้อย่างใกล้ชิด และรับบทบาทเป็นล่ามให้ทั้งสองฝ่าย คือทั้งของสมเด็จ ฮุน เซน และของตระกูลชินวัตรแสดงให้เห็นว่า "พี่ฮวด" หรือ "ผอ.ฮวด" เป็นบุคคลที่สมเด็จ ฮุน เซน ไว้วางใจอย่างมาก มักจะปรึกษาหารือและสอบถามในหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับประเทศไทย
    3 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 265 มุมมอง 0 รีวิว
  • "สนธิ ลิ้มทองกุล" สวน "ฮุน เซน" แฉภาพอดีตพร้อมตำหนิ "ลืมตัว" ไม่เหมือนสมัยเพิ่งยึดพนมเปญ หลังถูกผู้นำกัมพูชาเตือนว่าเป็นศัตรูกัมพูชา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000057353

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    "สนธิ ลิ้มทองกุล" สวน "ฮุน เซน" แฉภาพอดีตพร้อมตำหนิ "ลืมตัว" ไม่เหมือนสมัยเพิ่งยึดพนมเปญ หลังถูกผู้นำกัมพูชาเตือนว่าเป็นศัตรูกัมพูชา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000057353 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Love
    Wow
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 489 มุมมอง 1 รีวิว
  • แผนปั่นหัวคนในชาติได้ผล!!! "ฮุนมานี" ลูกชายฮุนเซน นำม็อบเขมรเดินขบวนกลางพนมเปญ หนุนรัฐบาลกรณีพิพาทชายแดนกับไทย ย้ำไม่ใช่การข่มขู่
    https://www.thai-tai.tv/news/19499/
    แผนปั่นหัวคนในชาติได้ผล!!! "ฮุนมานี" ลูกชายฮุนเซน นำม็อบเขมรเดินขบวนกลางพนมเปญ หนุนรัฐบาลกรณีพิพาทชายแดนกับไทย ย้ำไม่ใช่การข่มขู่ https://www.thai-tai.tv/news/19499/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ ฮุน มานี น้องชายฮุน มาเนต ปลุกม็อบ
    เดินขบวนกลางกรุงพนมเปญ
    หวังยกระดับกระแสต่อต้านไทยเรื่องชายแดน เข้าเค้าอดีตที่เคยปลุกม็อบเผาทำลายสถานทูตและธุรกิจไทยในกัมพูชา
    #7ดอกจิก
    ♣ ฮุน มานี น้องชายฮุน มาเนต ปลุกม็อบ เดินขบวนกลางกรุงพนมเปญ หวังยกระดับกระแสต่อต้านไทยเรื่องชายแดน เข้าเค้าอดีตที่เคยปลุกม็อบเผาทำลายสถานทูตและธุรกิจไทยในกัมพูชา #7ดอกจิก
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 159 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตระกูลฮุน กดสูตร
    ยืมมือชาวเหมน
    ฮุน มานี ปลุกม็อบ
    เดินขบวนกลางพนมเปญ
    หนุนรัฐบาลพี่ชายงัดไทยเรื่องชายแดน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ตระกูลฮุน กดสูตร ยืมมือชาวเหมน ฮุน มานี ปลุกม็อบ เดินขบวนกลางพนมเปญ หนุนรัฐบาลพี่ชายงัดไทยเรื่องชายแดน #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 159 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts