• ..จริงๆคลิปนี้สามารถทำลายกำลังใจคนรุ่นต่อไปเพื่อพึ่งพาตนเอง สร้างรายได้ทางการเกษตรกันเลยก็ว่า,อาจภาพเกษตรพอเพียงเสียเลยด้วยเพื่อพอจะมีรายได้มีกำไรพอยังชีพ ทำเกษตรขาดทุนหมดตังหมดกำลังใจกันเลย พ่อแม่ด่าอีกแฟนเมียเหยียบซ้ำด้วย พอจะเท่จะซื้อของใช้ซื้อพืชผักอื่นๆมาต่อยอดปลูกทำอีก&ซื้อข้าวของสินค้าอื่นๆสนองวัตถุธาตุอารมณ์ความรู้สึกตนแบบมนุษย์คนธรรมดาสามัญทั่วไปแบบเราๆได้,ทำไปก็ขาดทุน ตังลงทุนไปจมหายทิ้งละลายหมด เวลาที่เสียไป ชีวิตที่สั้นลงอีกแก่ชราไปภายหน้า สังขารเสื่อมลง กับเงินกับตังเฉลี่ยไม่พอจ่ายในภาระต่างๆแต่ละวันเดือนปีรอตรึมที่ตั้งด่านรอรับตัง&ไถ่ตังไถ่เงินอยู่โดยเฉพาะยิ่งภาระหนี้นอกระบบ, พืชผลการเกษตรตายด้วยโรคด้วยภัยธรรมชาติอีก เสี่ยงสูงในการขาดทุน,บวกรายได้ประจำแบบกินเงินเดือนสไตล์ข้าราชการรัฐก็ไม่มี,พอรอเก็บผลผลิตได้ก็ไม่มีทุกๆเดือนด้วยพอหักกลบลบหนี้ขาดทุนได้หรือลุกสู้ใหม่ปรับปรุงขยายสายงานพืชผลตัวใหม่เสริมผสมผสานกันต่อได้แบบไร่นาสวนผสมนั้น,แต่เหี้ยทั้งหมดมันจ่ายด้วยตังด้วยเงินทั้งหมดนะอะไรๆต้องซื้อมาลงทุนทำเกษตรก็ว่าในสถานะการณ์เวลายุคปัจจุบันนี้.

    ..คนไทบ้านปกติไม่มีเงินไม่มีทุนไม่มีตังปกติอยู่บวกกู้ตังธกส.จ่ายต้นจ่ายดอกเบี้ยแบงค์อีก ไม่รวมนอกระบบอื่นๆอีกนะ จะขนาดไหน,วงจรคนชาวเกษตรจึงไม่ร่ำรวยไง บวกยุคนีัค่าใช้จ่ายรอบด้านต้นทุนแพงรอบทิศรอบตัวอีก ไม่พอกินพอใช้อะไรหรอก ส่วนน้อยมากจะยืนได้ที่ออกมาโชว์ออฟช่องต่างๆ แต่ส่วนที่ล้มเหลวมันใต้ภูเขาน้ำแข็งเลยล่ะ เห็นปลายยอดภูเขาเปรียบพวกนั่งอยู่หอคอยงาช้างก็ได้ อาทิเช่นพวกข้าราชการมีเงินเดือนประจำพอโยกตังนั้นนี้ทันจนเดินได้ก็ว่า,พวกได้รับทุนโครงการเงินทุนเบื้องต้นสนับสนุนสาระพัดด้านการเกษตรช่วยงานการเข้าร่วมโครงการหลวงโครงการรัฐได้ทันเช่นโคกหนองนาโมเดล ทุนขุดสระทุนขุดคลองคอดไก่คนละกว่าแสนสองแสนบาทโน้นในอดีตและทางเกษตรช่วยต่างๆจนยืนได้ ใครได้อีกฝันเลยจะไทบ้าน ส่วนมากผู้นำชุมชนคณะกรรมการชุมชนหรือข้าราชการรัฐหลวงชิงตัดหน้าลงทะเบียนได้โครงการไปก่อนหรือในเครือญาติพี่น้องพวกนี้เพราะรับรู้ข่าวสารข้อมูลก่อนชิงตัดหน้ารับไปทำก่อน,เนียนๆก็ว่า ทำให้ดูเป็นตัวอย่างชาวบ้านแต่เหี้ยแค่ตังขุดสระเป็นหมื่นเป็นแสนสไตล์โมเดลโคกหนองนา ชาวบ้านมีตังที่ไหน และพวกนี้ก็ใช้ตังเริ่มต้นจริงด้วยตังตนเองที่ไหน ก็โครงการช่วยเหลือหมดเช่นกันตอนเริ่มต้น,หรือผีบ้าบ้าคนมีตังหน่อย ร่ำรวยเกินชาวบ้านหน่อยโชว์สักหน่อยก็ว่ามีตังเหลือหลายจากการค้าการทำธุรกืจกิจการอื่นสำเร็จ ตังไร้หนี้บีบหลัง เงินเย็นๆรอผลผลิตได้ ทำสบายๆสไตล์คนเกษตรยุคโบราณไม่ดิ้นรนอะไรมากตามหนี้กดดันต้องใช้ให้เร็วก็ว่า.
    ..ปัญหาชาวเกษตรแก้ง่ายมาก คือลดต้นทุนคนเกษตรจากรัฐส่งเสริมจริงจัง น้ำมันแพงคือต้นทุนหลักไม่ต่างจากทุกๆภาคกิจการธุรกิจอุตสาหกรรมหรอก,ชาวเกษตรหากรัฐไม่ช่วยในการลดต้นทุนทางตรงจากพ่อค้าที่ขายอุปกรณ์วัตถุดิบทางการเกษตรต่างๆลงได้ ตลอดต้นทุนเครื่องจักรทุ่นแรงราคาต่ำจริงเข้าถึงง่าย ราคาเสรีไม่กดราคาปั่นราคา,สาระพัดวิถีเกษตรจะมีค่าใช้จ่ายทำเกษตรไม่แพงอะไรเลย,
    ..รถไถ่นาเติมน้ำมันลิตรละ1บาท เติมถัง20-50ลิตร ใช้ตลอด50-100ไร่ไถ่นาสบาย,ค่าจ้างจะไม่แพง,ราคารถไถไทยทำเองจากโรงงานรัฐบาลส่งเสริมผลทำช่วยนำเข้าเสรีไม่แพงอีกในวัตถุดิบผลิตรถไถนาหรือสาระพัดเครื่องจักรทุ่นแรงต่างๆอาจคันละไม่กี่4-5หมื่นบาทเลยจากรถไถราคาปกติที่คันละ4-5แสนบาทหรือรถไถเดินตามปกติ2-3หมื่นบาทอาจเหลือแค่2-3พันบาทเลย,เพราะรัฐส่งเสริมจัดหาเต็มที่ทำทุกๆวิถีทางลดต้นทุนช่วยชาวเกษตรไทย,หรือยึดบ่อน้ำมัน บ่อน้ำมันส่งเข้าโรงกลั่น กลั่นได้ปุ๋ยมา ก็แจกจ่ายฟรีๆแก่คนไทยหรือมุ่งตรงคนเกษตรให้ได้รับมากหน่อยคนละ1กระสอบต่อไร่ทุกๆปีฟรีๆก็ได้,หรือนำเข้าปุ๋ยเสรี ราคาอาจเหลือแค่กระสอบละ20-30บาทก็ได้,ต้นทุนเราถูก รวมตัวเป็นสมาคม ทั้งระดับชุมชนตำบลอำเภอจังหวัดสู่ระดับภาคระดับชาติส่งออกเป็นเครือข่ายตรงผ่านสมาคม ราคาส่งออกนอก มิใช่ราคาภายในประเทศ ข้าวปกติขายตันละ400-800$ก็ได้ที่ต่างประเทศราคาตลาดโลกก็ว่า,แต่ขายจริงในไทยแค่ตันละ2-3พันบาทกันเองจะเป็นอะไรหรือถุง5-10กก.ถุงละ5-10บาทเราก็ขายได้,ซึ่งสมาคมเราจัดสรรบริหารจัดการเอง ชาวนาส่งขายข้าวทั้งหมดเองแก่สมาคม เก็บไว้กินเองตามสบายใจ สมาคมรับซื้อเพื่อแปรรูปข้าวส่งนอกก็ให้ราคาสูงแก่ชาวนาทันทีได้ตามราคาตลาดโลกเลย,เช่น60%รับซื้อราคาตลาดโลกขายนอก,40%รับซื้อแปรรูปขายในไทยเองราคาถูกๆช่วยคนไทยเราด้านความมั่นคงทางอาหารเลี้ยงในชาติไทยเราเอง,ชาวบ้านขายข้าว10ตัน 6ตันคิดตันละ40,000บาท,4ตันคิดตันละ2,000บาท ก็ว่า,หากคลังสมดุลข้าวภายในประเทศมากก็ลดเป็น80:20 ,รับซื้อจากชาวนา8ตันส่งนอกละ40,000บาท=320,000บาท,รับซื้อขายในประเทศ2ตันๆละ2,000บาท=4,000บาท รวมชาวนาได้324,000บาทก็ยังกำไรดีกว่าเมื่อ เทียบตันละ15,000สูงสุดแบบมโนๆในยุคปัจจุบันคือ150,000บาทต่อ10ตัน มันก็คนละเรื่องเช่นกัน 2ตันคือเสียสละเฉลี่ยเลี้ยงคนไทยลูกหลานเราเองในการสร้างชาติพัฒนาชาติให้มีแรงกำลังกายด้านอาหารข้าวปลาสร้างชาติไทยร่วมกันต่อไปนั้นเองสนับสนุนสัมมาอาชีพอื่นร่วมกัน.
    ..ไม่ว่าจะอาชีพเกษตรด้านไหน นี้คือสงครามภายในประเทศไทยตนเองกับผู้ปกครองชาติไทยตนเองชัดเจน ที่กำลังมองคนเกษตรไทยคือภัยอันตรายของประเทศเอง ขัดขวางภาคเหล็กปูนอิฐเทคโนโลยีภาคอุตสาหกรรมต่างๆผลิตสินค้าที่สร้างกำไรน้อยมันว่า,พอเกษตรกรจะขายข้าวสักกก.ละแสนบาท อาจต้องมาควบคุมพะนะ,ทองคำบาทละ4-5หมื่นกินไม่ได้เสือกแพง,ข้าวกินได้เสือกถูก,พืชผักถั่วเสือกถูก,จริงๆวิธีแก้ตาแก้มัดพวกนี้ต้องผูกค่าอ้างอิงใส่มันเลย เช่นทองคำ1บาท ราคา50,000บาทคือฐาน,ข้าว1ตันราคา50,000บาทคือฐานด้วย,อนาคตราคาลดราคาลงหรือเพิ่มขึ้นให้ใช้ราคาทองคำเป็นฐานให้อ้างอิงกำหนดราคาข้าวขายในตลาดด้วยเรียลไทม์เลย,ทองคำราคาลงที่1บาท25,000บาท,ข้าวก็จะลดลงทันทีเช่นกันที่1ตัน ราคา25,000บาท.นี้ต้องแก้แบบนี้,สินค้าเกษตรจะไม่ถูกด้อยค่าอีก,มีฐานอ้างอิงด้วย,โลกเรามันผีบ้า หาว่าขายข้าวราคาต่ำๆเป็นจิตสำนึกรักกันเองในประเทศ สินค้าควบคุมป้องกันความเดือดร้อนแก่คนหมู่มากที่ต้องจำเป็นกินข้าวกันทุกๆวัน,แต่จิตสำนึกห่วงใยชาวนาผู้ผลิตข้าวให้คนกินกลับไม่สนใจในความทุกข์ยากเดือดร้อนจนยากจนในความเสียสละของชาวนานั้น เอาเปรียบตัวนำการเอาเปรียบเองด้วยซ้ำคือรัฐบาลเองไม่ข่วย ไม่ควบคุม ไม่ลดต้นทุนวัตถุดิบรอบด้านที่เกี่ยวข้องกับที่ชาวนาใช้ปลูกข้าวเพื่อผลิตข้าวให้คนทั้งประเทศกิน,อนาคตอวยนำเข้าข้าวจากต่างประเทศมากินเมื่อเจอวิกฤติเขาไม่ส่งข้าวมาให้ชาติไทยตนเองแดกจะเกิดอะไรขึ้น,ทั้งประเทศเลิกเป็นคนชาวนาชาวเกษตรอีกเพราะทำธุรกิจกิจการภาคอื่นๆอุตสาหกรรมอื่นที่มิใช้ภาคเกษตรย่อลงมาย่อยคือชาวนาก็ซวยบรรลัยไร้แดกทั้งประเทศ,ความมั่นคงทางอาหารไม่มีตัดเสบียงทางการรบเห็นๆแพ้ศึกสงครามแน่นอนเพราะผีบ้าตามแต่อุตสาหกรรมหรือเทคโนโลยีAIหุ่นยนต์ ตนเสือกคือคนแท้ๆต้อกแดกข้าวแดกอาหารมิใช่ไฟฟ้าแบบหุ่นยนต์หรือAIในเน็ตในออนไลน์ พินาศคือเราคนเป็นๆนี้ล่ะ,
    ..ผู้นำจึงสำคัญจริงๆ ปลดปล่อยอิสระวัตถุดิบสมบัติชาติทรัพยากรชาติที่มีค่ามากมายคืนสู่สามัญแผ่นดินไทยเราดั่งเดิม เราจะมีวิถีชีวิตที่ดีแน่นอน แม้จะสัมมาอาชีพใดๆก็ไม่ต้องแบกภาระต้นทุนสูงใดๆอีกต่อไป เพราะทุกๆคนช่วยกันคิดอ่านร่วมแก้ไขขจัดปัญหาต่างๆออกไป,กำไรแค่100-200บาทอาจมีความสุขโคตรมหาศาลก็ว่า เพราะไม่ต้องดิ้นรนหาตังมาใช้หนี้ ไม่ต้องดิ้นรนหาตังมาชำระค่าใช้จ่ายสาระพัดทาง อาทิเปิดเทอมลูกหลาน รัฐบาลส่งเสริมเรียนฟรีหมด ชุดนักเรียน อุปกรณ์การศึกษา ค่าใช้จ่ายใดๆผู้ปกครองไม่ต้องจ่าย,เรียนคอมฯเรียนภาษาเรียนAIนวัตกรรมล้ำไหนฟรีหมด อาหารที่พักฟรี รถรับส่งไปกลับฟรี,ใช้กายใจตั้งใจเรียนรู้องค์รู้ต่างๆแค่นั้น จบมามีตังมีทุนเริ่มต้นสร้างสัมมาอาชีพอิสระเสรีอีกฟรีเป็นต้น ค่างานศพใครตายก็ไม่ต้องเรี่ยไรจ่ายในแต่ละหมู่บ้าน รัฐรันระบบตรวจพบเจออำเภอคีย์แจ้งทราบ เคลมจ่ายศพมรณะทุกๆกรณีรายละ1ล้านบาทเรียลไทม์ก็ยังได้ ชาติไทยโคตรร่ำรวยจริงๆนะ แต่วิถีปกครองเรามันกาก&ผู้ปกครองกากเขลาโง่กระจอก,จนยกทรัพยากรมีค่ามากมายมหาศาลแก่คนอื่นชาติอื่นไปยึดครองแทนคนไทย.

    ..วิถีเกษตรเราล้มเหลวก็ได้ ดูหน่วยงานรัฐเราสิ ขี้ข้าคนเจ้าสัวตรึม,สมัยประท้วงพรบ.ผูกขาดเมล็ดพันธุ์ นักวิชการเกษตรต่างๆทั่วไทยกลับไม่เร่งรีบลุกนำประท้วงความอยุติธรรมให้แก่คนภาคชาวเกษตรจริงอะไร จนเขาต้องนำทัพประท้วงช่วยเหลือกันเอง การยุบทุบทิ้งกระทรวงทบวงกรมสายงานเกษตรของภาครัฐทั้งหมดถูกต้องที่สุด มันคือวิถีทางเดียวจะล้างทำลายเผาไหม้จริงในรากเหง้าอิทธิอำนาจหยั่งลึกทุกๆมิติในวงการนี้ทั้งแผ่นดินไทยได้จริงทั้งหมด ย้ำมันวางรากลึกกัดกันวงจรชาวเกษตรไทยจนพินาศถึงปัจจุบันนีัจริงๆ.

    ..https://youtube.com/watch?v=topV7JVUnmE&si=mhL49JRpZO7BJ7BR
    ..จริงๆคลิปนี้สามารถทำลายกำลังใจคนรุ่นต่อไปเพื่อพึ่งพาตนเอง สร้างรายได้ทางการเกษตรกันเลยก็ว่า,อาจภาพเกษตรพอเพียงเสียเลยด้วยเพื่อพอจะมีรายได้มีกำไรพอยังชีพ ทำเกษตรขาดทุนหมดตังหมดกำลังใจกันเลย พ่อแม่ด่าอีกแฟนเมียเหยียบซ้ำด้วย พอจะเท่จะซื้อของใช้ซื้อพืชผักอื่นๆมาต่อยอดปลูกทำอีก&ซื้อข้าวของสินค้าอื่นๆสนองวัตถุธาตุอารมณ์ความรู้สึกตนแบบมนุษย์คนธรรมดาสามัญทั่วไปแบบเราๆได้,ทำไปก็ขาดทุน ตังลงทุนไปจมหายทิ้งละลายหมด เวลาที่เสียไป ชีวิตที่สั้นลงอีกแก่ชราไปภายหน้า สังขารเสื่อมลง กับเงินกับตังเฉลี่ยไม่พอจ่ายในภาระต่างๆแต่ละวันเดือนปีรอตรึมที่ตั้งด่านรอรับตัง&ไถ่ตังไถ่เงินอยู่โดยเฉพาะยิ่งภาระหนี้นอกระบบ, พืชผลการเกษตรตายด้วยโรคด้วยภัยธรรมชาติอีก เสี่ยงสูงในการขาดทุน,บวกรายได้ประจำแบบกินเงินเดือนสไตล์ข้าราชการรัฐก็ไม่มี,พอรอเก็บผลผลิตได้ก็ไม่มีทุกๆเดือนด้วยพอหักกลบลบหนี้ขาดทุนได้หรือลุกสู้ใหม่ปรับปรุงขยายสายงานพืชผลตัวใหม่เสริมผสมผสานกันต่อได้แบบไร่นาสวนผสมนั้น,แต่เหี้ยทั้งหมดมันจ่ายด้วยตังด้วยเงินทั้งหมดนะอะไรๆต้องซื้อมาลงทุนทำเกษตรก็ว่าในสถานะการณ์เวลายุคปัจจุบันนี้. ..คนไทบ้านปกติไม่มีเงินไม่มีทุนไม่มีตังปกติอยู่บวกกู้ตังธกส.จ่ายต้นจ่ายดอกเบี้ยแบงค์อีก ไม่รวมนอกระบบอื่นๆอีกนะ จะขนาดไหน,วงจรคนชาวเกษตรจึงไม่ร่ำรวยไง บวกยุคนีัค่าใช้จ่ายรอบด้านต้นทุนแพงรอบทิศรอบตัวอีก ไม่พอกินพอใช้อะไรหรอก ส่วนน้อยมากจะยืนได้ที่ออกมาโชว์ออฟช่องต่างๆ แต่ส่วนที่ล้มเหลวมันใต้ภูเขาน้ำแข็งเลยล่ะ เห็นปลายยอดภูเขาเปรียบพวกนั่งอยู่หอคอยงาช้างก็ได้ อาทิเช่นพวกข้าราชการมีเงินเดือนประจำพอโยกตังนั้นนี้ทันจนเดินได้ก็ว่า,พวกได้รับทุนโครงการเงินทุนเบื้องต้นสนับสนุนสาระพัดด้านการเกษตรช่วยงานการเข้าร่วมโครงการหลวงโครงการรัฐได้ทันเช่นโคกหนองนาโมเดล ทุนขุดสระทุนขุดคลองคอดไก่คนละกว่าแสนสองแสนบาทโน้นในอดีตและทางเกษตรช่วยต่างๆจนยืนได้ ใครได้อีกฝันเลยจะไทบ้าน ส่วนมากผู้นำชุมชนคณะกรรมการชุมชนหรือข้าราชการรัฐหลวงชิงตัดหน้าลงทะเบียนได้โครงการไปก่อนหรือในเครือญาติพี่น้องพวกนี้เพราะรับรู้ข่าวสารข้อมูลก่อนชิงตัดหน้ารับไปทำก่อน,เนียนๆก็ว่า ทำให้ดูเป็นตัวอย่างชาวบ้านแต่เหี้ยแค่ตังขุดสระเป็นหมื่นเป็นแสนสไตล์โมเดลโคกหนองนา ชาวบ้านมีตังที่ไหน และพวกนี้ก็ใช้ตังเริ่มต้นจริงด้วยตังตนเองที่ไหน ก็โครงการช่วยเหลือหมดเช่นกันตอนเริ่มต้น,หรือผีบ้าบ้าคนมีตังหน่อย ร่ำรวยเกินชาวบ้านหน่อยโชว์สักหน่อยก็ว่ามีตังเหลือหลายจากการค้าการทำธุรกืจกิจการอื่นสำเร็จ ตังไร้หนี้บีบหลัง เงินเย็นๆรอผลผลิตได้ ทำสบายๆสไตล์คนเกษตรยุคโบราณไม่ดิ้นรนอะไรมากตามหนี้กดดันต้องใช้ให้เร็วก็ว่า. ..ปัญหาชาวเกษตรแก้ง่ายมาก คือลดต้นทุนคนเกษตรจากรัฐส่งเสริมจริงจัง น้ำมันแพงคือต้นทุนหลักไม่ต่างจากทุกๆภาคกิจการธุรกิจอุตสาหกรรมหรอก,ชาวเกษตรหากรัฐไม่ช่วยในการลดต้นทุนทางตรงจากพ่อค้าที่ขายอุปกรณ์วัตถุดิบทางการเกษตรต่างๆลงได้ ตลอดต้นทุนเครื่องจักรทุ่นแรงราคาต่ำจริงเข้าถึงง่าย ราคาเสรีไม่กดราคาปั่นราคา,สาระพัดวิถีเกษตรจะมีค่าใช้จ่ายทำเกษตรไม่แพงอะไรเลย, ..รถไถ่นาเติมน้ำมันลิตรละ1บาท เติมถัง20-50ลิตร ใช้ตลอด50-100ไร่ไถ่นาสบาย,ค่าจ้างจะไม่แพง,ราคารถไถไทยทำเองจากโรงงานรัฐบาลส่งเสริมผลทำช่วยนำเข้าเสรีไม่แพงอีกในวัตถุดิบผลิตรถไถนาหรือสาระพัดเครื่องจักรทุ่นแรงต่างๆอาจคันละไม่กี่4-5หมื่นบาทเลยจากรถไถราคาปกติที่คันละ4-5แสนบาทหรือรถไถเดินตามปกติ2-3หมื่นบาทอาจเหลือแค่2-3พันบาทเลย,เพราะรัฐส่งเสริมจัดหาเต็มที่ทำทุกๆวิถีทางลดต้นทุนช่วยชาวเกษตรไทย,หรือยึดบ่อน้ำมัน บ่อน้ำมันส่งเข้าโรงกลั่น กลั่นได้ปุ๋ยมา ก็แจกจ่ายฟรีๆแก่คนไทยหรือมุ่งตรงคนเกษตรให้ได้รับมากหน่อยคนละ1กระสอบต่อไร่ทุกๆปีฟรีๆก็ได้,หรือนำเข้าปุ๋ยเสรี ราคาอาจเหลือแค่กระสอบละ20-30บาทก็ได้,ต้นทุนเราถูก รวมตัวเป็นสมาคม ทั้งระดับชุมชนตำบลอำเภอจังหวัดสู่ระดับภาคระดับชาติส่งออกเป็นเครือข่ายตรงผ่านสมาคม ราคาส่งออกนอก มิใช่ราคาภายในประเทศ ข้าวปกติขายตันละ400-800$ก็ได้ที่ต่างประเทศราคาตลาดโลกก็ว่า,แต่ขายจริงในไทยแค่ตันละ2-3พันบาทกันเองจะเป็นอะไรหรือถุง5-10กก.ถุงละ5-10บาทเราก็ขายได้,ซึ่งสมาคมเราจัดสรรบริหารจัดการเอง ชาวนาส่งขายข้าวทั้งหมดเองแก่สมาคม เก็บไว้กินเองตามสบายใจ สมาคมรับซื้อเพื่อแปรรูปข้าวส่งนอกก็ให้ราคาสูงแก่ชาวนาทันทีได้ตามราคาตลาดโลกเลย,เช่น60%รับซื้อราคาตลาดโลกขายนอก,40%รับซื้อแปรรูปขายในไทยเองราคาถูกๆช่วยคนไทยเราด้านความมั่นคงทางอาหารเลี้ยงในชาติไทยเราเอง,ชาวบ้านขายข้าว10ตัน 6ตันคิดตันละ40,000บาท,4ตันคิดตันละ2,000บาท ก็ว่า,หากคลังสมดุลข้าวภายในประเทศมากก็ลดเป็น80:20 ,รับซื้อจากชาวนา8ตันส่งนอกละ40,000บาท=320,000บาท,รับซื้อขายในประเทศ2ตันๆละ2,000บาท=4,000บาท รวมชาวนาได้324,000บาทก็ยังกำไรดีกว่าเมื่อ เทียบตันละ15,000สูงสุดแบบมโนๆในยุคปัจจุบันคือ150,000บาทต่อ10ตัน มันก็คนละเรื่องเช่นกัน 2ตันคือเสียสละเฉลี่ยเลี้ยงคนไทยลูกหลานเราเองในการสร้างชาติพัฒนาชาติให้มีแรงกำลังกายด้านอาหารข้าวปลาสร้างชาติไทยร่วมกันต่อไปนั้นเองสนับสนุนสัมมาอาชีพอื่นร่วมกัน. ..ไม่ว่าจะอาชีพเกษตรด้านไหน นี้คือสงครามภายในประเทศไทยตนเองกับผู้ปกครองชาติไทยตนเองชัดเจน ที่กำลังมองคนเกษตรไทยคือภัยอันตรายของประเทศเอง ขัดขวางภาคเหล็กปูนอิฐเทคโนโลยีภาคอุตสาหกรรมต่างๆผลิตสินค้าที่สร้างกำไรน้อยมันว่า,พอเกษตรกรจะขายข้าวสักกก.ละแสนบาท อาจต้องมาควบคุมพะนะ,ทองคำบาทละ4-5หมื่นกินไม่ได้เสือกแพง,ข้าวกินได้เสือกถูก,พืชผักถั่วเสือกถูก,จริงๆวิธีแก้ตาแก้มัดพวกนี้ต้องผูกค่าอ้างอิงใส่มันเลย เช่นทองคำ1บาท ราคา50,000บาทคือฐาน,ข้าว1ตันราคา50,000บาทคือฐานด้วย,อนาคตราคาลดราคาลงหรือเพิ่มขึ้นให้ใช้ราคาทองคำเป็นฐานให้อ้างอิงกำหนดราคาข้าวขายในตลาดด้วยเรียลไทม์เลย,ทองคำราคาลงที่1บาท25,000บาท,ข้าวก็จะลดลงทันทีเช่นกันที่1ตัน ราคา25,000บาท.นี้ต้องแก้แบบนี้,สินค้าเกษตรจะไม่ถูกด้อยค่าอีก,มีฐานอ้างอิงด้วย,โลกเรามันผีบ้า หาว่าขายข้าวราคาต่ำๆเป็นจิตสำนึกรักกันเองในประเทศ สินค้าควบคุมป้องกันความเดือดร้อนแก่คนหมู่มากที่ต้องจำเป็นกินข้าวกันทุกๆวัน,แต่จิตสำนึกห่วงใยชาวนาผู้ผลิตข้าวให้คนกินกลับไม่สนใจในความทุกข์ยากเดือดร้อนจนยากจนในความเสียสละของชาวนานั้น เอาเปรียบตัวนำการเอาเปรียบเองด้วยซ้ำคือรัฐบาลเองไม่ข่วย ไม่ควบคุม ไม่ลดต้นทุนวัตถุดิบรอบด้านที่เกี่ยวข้องกับที่ชาวนาใช้ปลูกข้าวเพื่อผลิตข้าวให้คนทั้งประเทศกิน,อนาคตอวยนำเข้าข้าวจากต่างประเทศมากินเมื่อเจอวิกฤติเขาไม่ส่งข้าวมาให้ชาติไทยตนเองแดกจะเกิดอะไรขึ้น,ทั้งประเทศเลิกเป็นคนชาวนาชาวเกษตรอีกเพราะทำธุรกิจกิจการภาคอื่นๆอุตสาหกรรมอื่นที่มิใช้ภาคเกษตรย่อลงมาย่อยคือชาวนาก็ซวยบรรลัยไร้แดกทั้งประเทศ,ความมั่นคงทางอาหารไม่มีตัดเสบียงทางการรบเห็นๆแพ้ศึกสงครามแน่นอนเพราะผีบ้าตามแต่อุตสาหกรรมหรือเทคโนโลยีAIหุ่นยนต์ ตนเสือกคือคนแท้ๆต้อกแดกข้าวแดกอาหารมิใช่ไฟฟ้าแบบหุ่นยนต์หรือAIในเน็ตในออนไลน์ พินาศคือเราคนเป็นๆนี้ล่ะ, ..ผู้นำจึงสำคัญจริงๆ ปลดปล่อยอิสระวัตถุดิบสมบัติชาติทรัพยากรชาติที่มีค่ามากมายคืนสู่สามัญแผ่นดินไทยเราดั่งเดิม เราจะมีวิถีชีวิตที่ดีแน่นอน แม้จะสัมมาอาชีพใดๆก็ไม่ต้องแบกภาระต้นทุนสูงใดๆอีกต่อไป เพราะทุกๆคนช่วยกันคิดอ่านร่วมแก้ไขขจัดปัญหาต่างๆออกไป,กำไรแค่100-200บาทอาจมีความสุขโคตรมหาศาลก็ว่า เพราะไม่ต้องดิ้นรนหาตังมาใช้หนี้ ไม่ต้องดิ้นรนหาตังมาชำระค่าใช้จ่ายสาระพัดทาง อาทิเปิดเทอมลูกหลาน รัฐบาลส่งเสริมเรียนฟรีหมด ชุดนักเรียน อุปกรณ์การศึกษา ค่าใช้จ่ายใดๆผู้ปกครองไม่ต้องจ่าย,เรียนคอมฯเรียนภาษาเรียนAIนวัตกรรมล้ำไหนฟรีหมด อาหารที่พักฟรี รถรับส่งไปกลับฟรี,ใช้กายใจตั้งใจเรียนรู้องค์รู้ต่างๆแค่นั้น จบมามีตังมีทุนเริ่มต้นสร้างสัมมาอาชีพอิสระเสรีอีกฟรีเป็นต้น ค่างานศพใครตายก็ไม่ต้องเรี่ยไรจ่ายในแต่ละหมู่บ้าน รัฐรันระบบตรวจพบเจออำเภอคีย์แจ้งทราบ เคลมจ่ายศพมรณะทุกๆกรณีรายละ1ล้านบาทเรียลไทม์ก็ยังได้ ชาติไทยโคตรร่ำรวยจริงๆนะ แต่วิถีปกครองเรามันกาก&ผู้ปกครองกากเขลาโง่กระจอก,จนยกทรัพยากรมีค่ามากมายมหาศาลแก่คนอื่นชาติอื่นไปยึดครองแทนคนไทย. ..วิถีเกษตรเราล้มเหลวก็ได้ ดูหน่วยงานรัฐเราสิ ขี้ข้าคนเจ้าสัวตรึม,สมัยประท้วงพรบ.ผูกขาดเมล็ดพันธุ์ นักวิชการเกษตรต่างๆทั่วไทยกลับไม่เร่งรีบลุกนำประท้วงความอยุติธรรมให้แก่คนภาคชาวเกษตรจริงอะไร จนเขาต้องนำทัพประท้วงช่วยเหลือกันเอง การยุบทุบทิ้งกระทรวงทบวงกรมสายงานเกษตรของภาครัฐทั้งหมดถูกต้องที่สุด มันคือวิถีทางเดียวจะล้างทำลายเผาไหม้จริงในรากเหง้าอิทธิอำนาจหยั่งลึกทุกๆมิติในวงการนี้ทั้งแผ่นดินไทยได้จริงทั้งหมด ย้ำมันวางรากลึกกัดกันวงจรชาวเกษตรไทยจนพินาศถึงปัจจุบันนีัจริงๆ. ..https://youtube.com/watch?v=topV7JVUnmE&si=mhL49JRpZO7BJ7BR
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • สเป็คคอมพ์ วันนี้นำเสนอโปรต้อนรับเปิดเทอมของ ihavecpu ครับ
    ขอขอบคุณข้อมูลจากเวบ ihavecpu.com
    #spec #computer #ihavecpu
    สเป็คคอมพ์ วันนี้นำเสนอโปรต้อนรับเปิดเทอมของ ihavecpu ครับ ขอขอบคุณข้อมูลจากเวบ ihavecpu.com #spec #computer #ihavecpu
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sondhitalk EP291 : รอวันพิพากษา คดีชั้น14(Full)

    - ‘ทักษิณชั้น14’ ศาลฎีกาฯขอไต่สวนเอง
    - หมอเกศไม่รอด !
    - ขุดหลุมฝังขบวนโกง “พี่อ้อย”
    - เปิดเทอม แจกแท็บเลต
    - เชื้อชั่ว กยศ. หลอนลูกหนี้
    - เหตุผล “สหรัฐฯ” เปิดศึกสกัด “จีน”

    สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube : https://www.youtube.com/@sondhitalk/join
    • ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk
    Sondhitalk EP291 : รอวันพิพากษา คดีชั้น14(Full) - ‘ทักษิณชั้น14’ ศาลฎีกาฯขอไต่สวนเอง - หมอเกศไม่รอด ! - ขุดหลุมฝังขบวนโกง “พี่อ้อย” - เปิดเทอม แจกแท็บเลต - เชื้อชั่ว กยศ. หลอนลูกหนี้ - เหตุผล “สหรัฐฯ” เปิดศึกสกัด “จีน” สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube : https://www.youtube.com/@sondhitalk/join • ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk
    Like
    Love
    44
    3 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1708 มุมมอง 216 3 รีวิว
  • ..ไบเดนว่าไม่ดีหรือตัวหลอกขึ้นปกครอง,จะอย่างไรก็ตามแต่เขาทำจริงนะในปี65 ซึ่งแตกต่างจากสภาสส.&สว.ไทยอย่างมาก,ในช่วงเวลานั้น ไม่สนใจล้างหนี้ช่วยเหลือจริงแก่เยาวชนไทยของกยศ.บ้านเมืองเรา,ยังตามติดหนี้ไล่ล่าลูกหนี้ตรึม,เยาวชนไทยเราอยากเรียนต้องมีหนี้ ซึ่งแผ่นดินไทยร่ำรวยมากๆจากบ่อน้ำมันไทยตนเองหรือบ่อทองคำก็ว่า,คนไทยเยาวชนไทยสามารถเล่าเรียนฟรีๆสูงสุดถึง ป.เอกได้สบาย ประชาชนอยากฝึกทักษะอาชีพใดๆก็ส่งเสริมฟรีๆได้ กระทั่งตั้งทุนตังเริ่มต้นอาชีพแก่เยาวชนไทยที่จบใหม่ได้ในการมีอาชีพเป็นของตนเองไม่จำเป็นต้องจบมาค้าแรงงานฝ่ายเดียว,
    ..ไบเดน ล้างหนี้กยศ.ช่วยเยาวชนคนอเมริกกันขั้นต่ำคนละ10,000$ต่อคนหรือแปลงเป็นเงินไทยที่35฿/1$ คือ350,000บาทต่อคน,มันแตกต่างมากมายกับสภาสว.เราในเวลาที่เป็นข่าวลดเงื่อนไขสาระพัดและไม่ยอมยกมือล้างหนี้จริงอะไร,
    ..เปิดเทอมจะมาถึงเร็วๆนี้ สาระพัดค่าใช้จ่ายผู้ปกครองในการเล่าเรียนของลูกหลานตน ชุดนักเรียนนักศึกษา ค่านั้นนี้สาระพัดเรียกเก็บกับผู้ปกครอง,อยากเรียนสูงๆต้องเป็นหนี้,นี้ไม่รวมค่าใต้โต๊ะค่าซีต่างๆที่เกิดขึ้นในสังคมอดีตๆเพื่อเข้าทำงาน,วิ่งเต้นสาระพัดเพื่อตำแหน่งการงานเส้นใครมันคนของใครมันเดอะแก๊งใครมันอีก.,ประเทศไทยต้องล้างทั้งระบบอย่างจริงจัง.
    ..ไบเดนว่าไม่ดีหรือตัวหลอกขึ้นปกครอง,จะอย่างไรก็ตามแต่เขาทำจริงนะในปี65 ซึ่งแตกต่างจากสภาสส.&สว.ไทยอย่างมาก,ในช่วงเวลานั้น ไม่สนใจล้างหนี้ช่วยเหลือจริงแก่เยาวชนไทยของกยศ.บ้านเมืองเรา,ยังตามติดหนี้ไล่ล่าลูกหนี้ตรึม,เยาวชนไทยเราอยากเรียนต้องมีหนี้ ซึ่งแผ่นดินไทยร่ำรวยมากๆจากบ่อน้ำมันไทยตนเองหรือบ่อทองคำก็ว่า,คนไทยเยาวชนไทยสามารถเล่าเรียนฟรีๆสูงสุดถึง ป.เอกได้สบาย ประชาชนอยากฝึกทักษะอาชีพใดๆก็ส่งเสริมฟรีๆได้ กระทั่งตั้งทุนตังเริ่มต้นอาชีพแก่เยาวชนไทยที่จบใหม่ได้ในการมีอาชีพเป็นของตนเองไม่จำเป็นต้องจบมาค้าแรงงานฝ่ายเดียว, ..ไบเดน ล้างหนี้กยศ.ช่วยเยาวชนคนอเมริกกันขั้นต่ำคนละ10,000$ต่อคนหรือแปลงเป็นเงินไทยที่35฿/1$ คือ350,000บาทต่อคน,มันแตกต่างมากมายกับสภาสว.เราในเวลาที่เป็นข่าวลดเงื่อนไขสาระพัดและไม่ยอมยกมือล้างหนี้จริงอะไร, ..เปิดเทอมจะมาถึงเร็วๆนี้ สาระพัดค่าใช้จ่ายผู้ปกครองในการเล่าเรียนของลูกหลานตน ชุดนักเรียนนักศึกษา ค่านั้นนี้สาระพัดเรียกเก็บกับผู้ปกครอง,อยากเรียนสูงๆต้องเป็นหนี้,นี้ไม่รวมค่าใต้โต๊ะค่าซีต่างๆที่เกิดขึ้นในสังคมอดีตๆเพื่อเข้าทำงาน,วิ่งเต้นสาระพัดเพื่อตำแหน่งการงานเส้นใครมันคนของใครมันเดอะแก๊งใครมันอีก.,ประเทศไทยต้องล้างทั้งระบบอย่างจริงจัง.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 226 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดเทอม ภาระผู้ปกครองตรึมจริงๆ,ยิ่งภาวะเศรษฐกิจขนาดนี้,แถมบางโรงเรียนมีนโยบายตนเองเปิดหลักสูตรห้องพิเศษโปรแกรมต่างๆเก็บค่าเทอมอีกซึ่งภาระจริงๆคือรัฐ(คนยากจนไม่ต้องแห่ไปโรงเรียนเอกชนจ่ายค่าเล่าเรียนแพงๆเพื่อหวังเข้าทำงานดีๆในภาครัฐหรือภาคเอกชนเองแบบผู้ปกครองพ่อแม่ซึ่งส่วนใหญ่คือคนข้าราชการตำแหน่งดีๆมีตังใหญ่โตพอจ่ายค่าเทอมนั้นนั้นล่ะหรือคนค้าขายมำกิจการพอมีตังก็ว่า)ต้องเปิดหลักสูตรพื้นฐานเป็นหลักและเสริมอื่นๆเป็นรองในแบบฟรีๆเช่นกันจะภาษาจะการเล่าเรียนยุคAIต่างๆให้ทุกๆเยาวชนไทยเล่าเรียนสะดวกสบายเต็มที่หรือไร้กังวลค่าใช้จ่ายใดๆเกี่ยวกับการศึกษาของเยาวชน โดยเฉพาะอุปกรณ์การเรียนการศึกษา อาทิเครื่องเขียนแบบเรียนชุดนักเรียนต่างๆจะเป็นชุดนักเรียนธรรมดาชุดพละชุดลูกเสือใ้ดๆต้องฝ่ายรัฐจัดหาให้ทันทีเมื่อเยาวชนไทยเข้าศึกษาในสถาบันการเรียนของรัฐขั้นพื้นฐานคือจริงๆต้อง อนุบาลถึงม.ปลายหรือวิทยาลัยอาชีพ ปวช.ก็ว่า,เรามีบ่อทองคำ บ่อน้ำมันเต็มประเทศขายทำกำไรเองได้มหาศาล,มิใช่ยากจนเหมือนในอดีตก่อนขุดสำรวจเจอน้ำมันเลย,นี้คือการปกครองที่ผู้นำล้มเหลว วิถีปกครองที่ผิดพลาด ไม่ปรับปรุงใดๆในความล้มเหลวนั้น เช่นโมฆะสัมปาทานปิโตรเลียมทาสที่ถูกปล้นชิงไปจากคนไทยทั้งหมดแล้วคิดอ่านทำใหม่ทั้งไม่เปิดสัมปทานใดๆอีกแก่ต่างชาติต้องทำเอง แม้ยุคทหารที่ยึดอำนาจล่าสุดก็ยังเปิดสัมปทานต่างชาติในอ่าวไทยถึง2แปลงที่เป็นข่าวใหญ่โต จนประเทศซาอุฯแอ็คชั่นรับไม้ต่อหมายสร้างคลังน้ำมันขนาดใหญ่ยักษ์ที่ประเทศไทยเป็นฮับแหล่งคลังน้ำมันของเอเชียและอาจส่งออกทั่วโลก ทั้งยึดคลองคลองคอดกระหรือแลนด์บริดจ์ในตัวด้วย,ชาวนามีข้าวมากมายจึงสร้างคลังฉางข้าวกักเก็บไว้จากที่เหลือหรือมีมากมายในไร่นาประชาชน,อันเดียวกัน น้ำมันหรือเนื้อปิโตรเลียมเรามีมากมายมหาศาลเช่นกันจึงสามารถสร้างคลังแสงขนาดใหญ่รอรับเนื้อน้ำมันนี้ทั้งผีบ้าอะไร ไทยจะมีโรงกลั่นมากมายกว่า5-6โรง กลั่นน้ำมันอะไรบ้าคลั่งขนาดนั้น เพราะมีน้ำมันมากนั้นเอง,นี้คือการปกครองที่ผิดพลาด ไม่ยึดประโยชน์ประชาชนห่าอะไร กอบโกยโดยรัฐฐะที่ผิดจรรยาบรรณเสียเอง ไม่ซื่อสัตย์เสียเองจนนำพาประชาชนตนยากจนทั่วทั้งประเทศ ค่าครองชีพก็แพงจากต้นทุนพื้นฐานคือพลังงานแพง ขนส่งอ้างน้ำมันแพง ปรับราคาสินค้าขึ้น ร้านค้าอ้างน้ำมันแพงขนส่งแพงปรับราคาสินค้าขึ้น,โรงงานผู้ผลิตฮั่วกันทั้งประเทศอ้างน้ำมันแพงปรับราคาสินค้าขึ้น ซึ่งเราเห็นๆกันจริงชัดเจนจากอดีตถึงปัจจุบันตั้งพันธมิตรชุมนุมประท้วงขับไล่โทนี่หรือหลังปตท.เข้าตลาดหุ้นก็ด้วยจาก ร.9 ถึง ร.10 เราประเทศไทยเสียอธิปไตยบ่อปิโตรเลียมไปได้คืนมาจริงทั้งหมดกี่บ่อกี่หลุมเจาะ ,อิหร่านมีบ่อน้ำมันน้อยกว่าไทยทำไมขายถูกๆได้ที่ลิตรละ1-2บาทไม่ผสมเอทานอลอะไรด้วยทั้งเบนซินดีเชลก็ลิตรละ1-2บาท,วิถีการปกครองเราควรยุบทิ้งมั้ยแบบนี้,
    ..การศึกษาคือปัญญาสร้างชาติในอนาคต
    ..รัฐฐะเราทำลายการศึกษาตนเองคือทำลายชาติชัดเจน
    ..ประชาชนเติบโตมาจนเป็นชาติก็ผ่านกระบวนการเรียนผิดเรียนจากสถานศึกษาก่อน แม้การดำรงชีวิตคือระหว่างทางของการเรียนรู้ศึกษาจริงตลอดเวลา แต่ก้าวแรกต้องผ่านพื้นฐานนี้หมดร่วมกันจึงต่อยอดใครมันในอนาคตร่วมกันดำรงชาติไทยต่อไปได้.
    ..นี้อะไร บ้านเมืองถูกแทรกแซงการปกครองตลอด วุ่นวายโกลาหล ทำให้ประชาชนลำบากบวกยากจนลงต่ำตลอดเวลาถึงปัจจุบัน,จนเข้าสู่ยุคล้ำๆรุ่นAIหุ่นยนต์ก็ยังแบบเดิมๆไม่พัฒนาให้คนไทยร่ำรวยมั่งคั่งจนใครชาติไหนหรือนักการเมืองใดๆไม่สามารถเอาเศษตังมาซื้อเสียง เอาตังจากต่างประเทศมาซื้อคนไทยย่ำยีคนทั้งชาติง่ายดายแบบปัจจุบันขนาดนี้,สงครามตังสงครามเงินแท้ๆตังคืออาวุธของยุคนี้ เศรษฐกิจชื่อสมมุตินี้คือมุ่งหาทำตังทำเงินนี้ล่ะวลีบาลีบิดคำแค่นั้น,แต่วิถีปกครองคนนำปกครองเสือกไร้สมองคิดอ่านไปยกอาวุธตน ทิ้งอาวุธตนในการปกป้องตนเองทิ้งเสีย ทิ้งตังทิ้งความร่ำรวยมั่งคั่งของคนทั้งแผ่นดินไทย ปล่อยคนไทยพบเจอความยากจนแทนบนใต้ตีนคนปกครองที่เหยียบความจนเองในโคต,รเหง้าตระกูลบรมโคตรมันเองเสวยความร่ำรวยมั่งคั่งในโคตรเหง้าบรมตระกูลชนชั้นมันที่ผูกขาดความร่ำรวยมั่งคั่งเอง ทั้งมาในมุกเอกชนผูกขาดเอง&อ้างทำในนามกึ่งเอกชนหรือเอกชนเต็มๆทั้งสไตล์เอกชนไทย มุกสไตล์เอกชนต่างชาติก็ด้วยหรือคนไทยชั่วๆเลวๆตัวดีตัวเลวตัวชั่วของแท้เองนี้ล่ะทำทีเป็นต่างชาติ&มาในมุกคนต่างชาติเอกชนต่างชาติหรือนอมินีตัวแทนคนต่างชาติหรือเหี้ยถือหุ้นต่างชาติร่วมกับต่างชาติหรือของมันเองทั้งหมดมาในฟอร์มต่างชาติปลอมๆมายึดแดกครอบครองผูกขาดเองก็ด้วย จะบ่อน้ำมันบ่อทองคำ แหล่งแร่ทรัพยากรมีค่ามากมายอื่นๆหรือสัมปทานผูกขาดสไตล์มวลรวมมวลชนคนใช้มากๆทัังหมดของประเทศมันนี้ล่ะจะยึดครองก็ว่า อาทิราคาน้ำมันขึ้นลงตามใจมันก็ด้วยในอดีต,จนอะไรๆแพงทั้งแผ่นดิน ชุดนักเรียนแพง ค่าใช้จ่ายแพง เงินเฟ้อขึ้นไร้ค่า ก๋วยเตี๋ยวปกติชามละ10-20บาทปัจจุบัน50-80บาท ข้าวจานละ15-20บาท ปัจจุบัน45-80บาท
    ..ทั้งหมดคือวิถีปกครองในประเทศไทยเราเองที่ผิดพลาด จนนักเรียนแม้ผ่านการเล่าเรียนขั้นพื้นฐานจำเป็นต้องกู้กยศ.เป็นหนี้เป็นสินล้นพ้นตัวเป็นจำนวนมาก จบมาตกงานมหาศาลทั้งกิจการมากมายต่างด้าวเอาทดแทนเป็นอย่างมากแย่งงานคนไทยแม้ระดับโรงงานทั่วไปต่างด้าวยังเต็มโรงงาน ,กิจการมากมายถูกต่างชาติต่างด้าวกลืนกินยึดครองบวกผูกขาดทั้งทางตรงและทางอ้อมอีก,มันคือการปกครองที่ล้มเหลว เสี่ยงต่อภัยด้านความมั่นคงของประชาชนคนไทยภายในด้วย.ประชาชนถูกทอดทิ้งในระดับมหาภาคชัดเจนถึงระดับย่อย,พบเจอต่อปัญหาการเงินของทั้งส่วนตัวและระดับครอบครัวเป็นอันมาก รวมถึงคนของระบบราชการเองที่หนี้สินเงินกู้ยืมมีไม่น้อย หนี้บ้านหนี้รถคนพวกนี้หลายคนแทบไปรอดเช่นกัน ขับเคลื่อนด้วยหนี้ทั้งประเทศซึ่งเป็นการเติบโตที่ผิด&ไร้ความมั่นคง,เพียงสมดุลพัง ระบบราชการจะพังทันที เช่นรัฐบาลไม่มีตังจ่ายเงินเดือนคนราชการ คลังตังหมด ทุนสำรองประเทศหมดสิ้นหรือคิดใช้ซื้อBTCคริปโตฯต่างๆแทนตังทุนสำรองประเทศ นี้ก็เหี้ยแล้ว,ประชาชนเงินฝืดบวกหนี้ทั้งในระบบที่กู้ไปก็ใช้คืนไม่ทันไม่ได้เช่นพวกธกส.ชาวนาชาวไร่ชาวสวนต่างๆ ข้าว&พืชไร่พืชสวนพื้นฐานอื่นๆแบบข้าวราคาตันไม่กี่พัน มันคืออะไร,จนมาเทนมทิ้งเทน้ำมันพืชทิ้งประท้วงล่าสุด,
    ..การศึกษามันสำคัญและเดอะแก๊งไม่ดีมากมายหาประโยชน์ในระบบการศึกษานี้ทั้งมาในมุกล้างสมองทำลายเยาวชนไทยล้มสถาบันก็ว่า,ทัังกอบโกยรายได้จากการค้าระบบการศึกษาอีกผ่านช่องทางมากมายในกระบวนการศึกษาและกับสถานศึกษาเองต่างๆทั่วประเทศ,เม็ดเงินมหาศาลจริงๆที่ได้จากระบบการศึกษาของไทยเรา,ไม่ต่างจากเม็ดเงินมหาศาลที่ได้จากการขายยาตั้งแต่ยุคฉีดวัคซีนโควิดจนขายยามากมายสาระพัดต่อคนอักเสบและถึงตายจากคนไทยเราที่ต้องถูกบังคับฉีดวัคซีนทั้งทางตรงและทางอ้อมที่มาใช้มุกทัังเชิญชวนทั้งกึ่งบังคับ&บังคับในรูปแบบต่างๆที่ไม่เป็นทางการเพราะถ้าเป็นทางการและเปิดเผยจะถือว่าผิดกฎหมายสากลนูเร็มเบิร์กฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ตนภายในประเทศตนเองได้และทุกๆคนที่เกี่ยวข้องจะสามารถถูกตัดสินสากลให้มีความจริงชัดเจนได้ทันทีบวกสามารถจับลงโทษระดับโลกทันทีได้ที่กฎหมายในแต่ละประเทศนั้นๆไม่สามารถปกป้องพวกนี้ได้.,แม้กระนั้นถึงกลัวตายก็บังคับฉีดทางอ้อมทางกลไกสังคมมาอ้างชอบธรรมแก่พวกมันฉีดคนไทยครบกว่า60ล้านคน,ซึ่งคนพวกนี้สมควรถูกกวาดล้างแต่ก็ยังไม่เห็นใครที่เกี่ยวข้องโดนลงโทษจริงจังสักคนในไทยและทำให้เป็นข่าวจริงอย่างเปืดเผยผ่านสื่อหลักไทยเรา,ชาติไทยเราหากไม่พลิกจริงจัง ไม่เปลี่ยนแปลงจริงจัง ไม่นานสิ้นชาติไทยแน่นอน อาจเป็นสาขาหนึ่งของชาติพม่าสาขาหนึ่งของชาติเขมรหรือมลฑลหนึ่งของจีนในอนาคตที่deep state ไม่ต้องออกตัวออกหน้าโชว์ลงมือ,แบบเช่นblackrock vanguardไม่ต้องออกตัวออกหน้ายึดครองประเทศไทยทางเศรษฐกิจหรือการลงทุนใดๆให้สมุนขี้ข้ารับใช้กิจการเครือข่ายลูกหลานมันจัดการประเทศไทยก็จบแล้วเพราะเกือบทุกๆบริษัทใหญ่ๆแบรนด์ใหญ่ๆระดับโลกในประเทศไทยล้วนคือขี้ข้ากิจการทาสสมุนรับใช้ทุนใหญ่หลังฉากอย่างvanguardหรือblackrockที่ต้องการยึดภาคใต้ยึดครองแลนด์บริดจ์ไทยคลองคอดกระไทยหรืออ่าวไทยทะเลสองฝั่งไทยเราสิ้น.,แค่มันใช้มุกขนคนมาอยู่ไทยเช่นต่างชาติเอยพม่าเอยอยู่กระจายทั่วทั้งภาคใต้ก็อนาถแล้วและไร้มาตรการจริงจังผลักดันถีบออกจากประเทศไทยจริงจังเลย,แย่งพื้นที่การศึกษาเยาวชนไทยตนเองอีก,ต่างชาติใดอยากส่งเสริมสนับสนุนลูกหลานคนต่างด้าวต่างชาติก็พาคนต่างชาติต่างด้าวออกไปสร้างที่ประเทศตนเองส่งเสริมสนับสนุนกันที่ชาติมรึงเต็มที่อย่ามาใช้แผ่นดินไทยสร้างสถานที่ส่งเสริมนั้นนี้บนแผ่นดินไทยเราและมิได้ส่งเสริมสนับสนุนคนไทยเยาวชนไทยเราด้วย,นี้คือการช่วบเลี้ยงดูคนต่างชาติต่างด้าวในบ้านเราเองจากนั้นก็เริ่มขบวนการยึดบ้านเจ้าของคนนั้นๆเช่นมุกออกลูกออกหลานมากๆในบ้านหลังนั้นจากนั้นก็จะได้กรรมสิทธิ์เต็มที่ร่วมกันลูกหลานคนเจ้าของบ้านเดิมที่ตนถูกเลี้ยงดูจากพวกต่างชาติที่สนับสนุนตนก็ว่าตอนเริ่มต้น,พม่ามาอยู่ไทย เขมรลาวแกวมาอยู่ไทย แขกอินเดียแขกอาหรับยิวอิสราเอลมาอยู่ไทยออกลูกออกหลานเต็มแผ่นดินไทยได้สัญชาติไทยได้สิทธิในที่ดินแผ่นดินเต็มสมบูรณ์กว่า20-30ล้านคนใน20ปีข้างหน้าเป็น100-200ล้านคน ชาติไทยจะเหลือแผ่นดินไทยให้คนไทยจริงๆเท่าไร ,ดูแกวดูจีนสมัยก่อนมุกแบบสงครามพม่าปัจจุบันอพยพมาอยู่ไทยออกลูกออกหลานตรึมได้สัญชาติไทยยึดไทยไม่ต้องรบหรือใช้อาวุธอะไร,ส่งเสริมสนับสนุนช่วยเหลือลูกหลานแกวจีนยึดตำแหน่งปกครองใหญ่โตในระบบราชการไทยและกิจการใหญ่โตสายเลือดใหญ่ในไทย ไทยก็เสร็จนะสิ,เขาระดมทุนผ่านสมาคมจีนสมาคมแกวได้สบาย แกวจีนส่งตังมหาศาลให้สมาคมนี้เอาไปใช้ยึดกิจการไทยส่งลูกหลานคนจีนแกวเข้าทำงานในตำแหน่งใหญ่ให้ได้บนแผ่นดินไทยบอกว่ารักประเทศไทยรักสถาบันไทยก็จบแล้ว,ร้านทองเจ๊กจีนแกวยึดค้าขาย แบบพม่าในปัจจุบันยึดตลาดคนไทยค้าขายแทน ทวงหนี้นอกระบบก็ด้วย,สมาคมพลัดถิ่นรักบ้านเกิดเมืองนอนตนพะนะจีนเอยแกวเอยให้ตังสนับสนุนคนจีนแกวในไทยที่อพยพหนี้ตายมาไทยสมันสงครามก็ว่า,เหยียบย่ำคนไทยเนียนๆเชือดนิ่มๆยึดที่ดินผ่านร้านทองจำนองจำนำตรึม ยึดผ่านแบงค์ต่างๆอีกที่ค้ำประกันเงินกู้โดยใช้ที่ดินค้ำประกัน,ยุคนี้ถ้าผู้ปกครองยังโง่เขลากากกระจอกไม่ล้ำสมัยในสงครามตังนี้อันตรายมากๆ สงครามตังคือสงครามหลักโดยใช้AIเป็นทหารยิงกระสุนแทนอีก,เพราะไม่ว่าจะล้ำจะใช้AIล้ำๆขนาดไหน มันก็ขับเคลื่อนด้วยตังนี้ล่ะ,ตังกระดาษตังดิจิดัลก็คือตัง,เล่าเรียนก็ใช้ตังทุกๆขณะที่ดำเนินขณะภาคเรียนใดๆ.ประเทศไทยเราได้เปรียบมากมาย ตังมีมหาศาลผ่านทรัพยากรบนแผ่นดินไทยและไม่ใช่แค่บ่อน้ำมันหรือบ่อทองคำ เราต่อยอดต่างๆได้ตังมหาศาลแทบไม่แตะต้องทรัพยากรมีค่าอีกก็ได้ นำออกมาใช้ยามจำเป็นฉุกเฉินขาดแคลนก็ได้,เราสามารถสร้างประเทศไทยสร้างชาติสร้างคนไทยทั้งประเทศให้แข็งแกร่งพร้อมเข้าสนามรบสงครามพันทางกับศัตรูของชาติไทยได้อย่างสบายๆแม้มารอบด้านก็ได้,ข้าวปากอาหารเต็มประเทศอีก,แต่คนปกครองเรามันกาก&เหี้ยจริงๆนะ ,เราไม่สมควรดำรงรักษาคนแบบนี้ไว้เลย,นำพาประชาชนทั้งแผ่นดินไทยมั่นคงในความยากจนนานพอแล้ว.และการเล่าเรียนของเยาวชนรวมทั้งของคนไทยทุกๆคนสามารถเล่าเรียนฟรีๆถึงป.เอกได้หรือเรียนรู้ตลอดชีวิตแม้จบสถานศึกษาขั้นปกติก็ตาม ,ฝึกอบรมสัมมาอาชีพพร้อมทุนตั้งตัวตั้งตนเริ่มต้นเพื่อยืนด้วยขาตนเองใครมันคนไทยร่วมกันก็สามารถส่งเสริมได้,เราใช้ตังในชาติไทยเราช่วยเหลือคนไทยเราทำไมจะทำไม่ได้.,เพราะเหี้ยไปยกตังมหาศาลมากมายให้คนอื่นไง.,ตย.ง่ายๆแบบยกบ่อน้ำมันบ่อทองคำตัวทำตังของประเทศไทยให้คนอื่นยึดครอง,ตนไม่มีวัตถุดิบทำตังเลยบนแผ่นดินตนเองแท้ๆมันคือเหี้ยอะไรล่ะ,นี้ไงจึงต้องฉีกทิ้งสัญญาทั้งหมดที่ทำไว้ในอดีตกับต่างชาติและอยุติธรรมเอาเปรียบ&ปล้นชิงแย่งชิงเราในรูปแบบสัญญาต่างๆนั้น,โมฆะทั้งหมด,เราก็จะคืนธิปไตยเรามาทั้งหมด,จากนั้นจับมือจริงจังกับมิตรดีสหายดีทั่วโลกกันใหม่,ทำสัญญาดีๆไม่เอาเปรียบปล้นชิงแย่งชิงกันและกันใหม่,เป็นคู่ค้าคู่มิตรดีทั่วโลกใหม่,ใครเหี้ยก็เลิกคบจบ,ยุคนี้ต้องแบบนี้,ล้ำสมัยต้องแบบนี้,นี้เสือกมั่นคง คงไว้ในกฎหมายที่เอาเปรียบชาติตนเองปล้นตนเอง ล้ำสมัยห่าอะไร,แบบยึดอำนาจเสียของในอดีตนั้นล่ะรัฐประหารเสียของ,ฉลาดฉีกนักกฎหมายรัฐธรรมนูญเสือกไม่ฉีกกฎหมายทาสสัญญาทาสโมฆะมันทิังที่เอาเปรียบประชาชนตนไทยและชาติไทยตนเองแบบสัมปทานบ่อปิโตรเลียมนั้นล่ะที่เป็นตย.ชัดเจนมาก กูรูมากมายแฉในอดีตตรึม ทั้งปกปิดค่าจริงความจริงอีกว่าประเทศไทยไม่มีบ่อน้ำมัน มีแต่น้อย แล้วเสือกแย่งชิงการสัมปทานตรึมหรือต้องได้รับการต่ออายุสัมปทานเดิมให้ได้.,ยุคเราสมควรจบความระยำบัดสบนี้จริงๆ.
    https://youtube.com/live/-I_7Ne9jNvs?si=ZuGvcgZ3Ang7J3-_
    เปิดเทอม ภาระผู้ปกครองตรึมจริงๆ,ยิ่งภาวะเศรษฐกิจขนาดนี้,แถมบางโรงเรียนมีนโยบายตนเองเปิดหลักสูตรห้องพิเศษโปรแกรมต่างๆเก็บค่าเทอมอีกซึ่งภาระจริงๆคือรัฐ(คนยากจนไม่ต้องแห่ไปโรงเรียนเอกชนจ่ายค่าเล่าเรียนแพงๆเพื่อหวังเข้าทำงานดีๆในภาครัฐหรือภาคเอกชนเองแบบผู้ปกครองพ่อแม่ซึ่งส่วนใหญ่คือคนข้าราชการตำแหน่งดีๆมีตังใหญ่โตพอจ่ายค่าเทอมนั้นนั้นล่ะหรือคนค้าขายมำกิจการพอมีตังก็ว่า)ต้องเปิดหลักสูตรพื้นฐานเป็นหลักและเสริมอื่นๆเป็นรองในแบบฟรีๆเช่นกันจะภาษาจะการเล่าเรียนยุคAIต่างๆให้ทุกๆเยาวชนไทยเล่าเรียนสะดวกสบายเต็มที่หรือไร้กังวลค่าใช้จ่ายใดๆเกี่ยวกับการศึกษาของเยาวชน โดยเฉพาะอุปกรณ์การเรียนการศึกษา อาทิเครื่องเขียนแบบเรียนชุดนักเรียนต่างๆจะเป็นชุดนักเรียนธรรมดาชุดพละชุดลูกเสือใ้ดๆต้องฝ่ายรัฐจัดหาให้ทันทีเมื่อเยาวชนไทยเข้าศึกษาในสถาบันการเรียนของรัฐขั้นพื้นฐานคือจริงๆต้อง อนุบาลถึงม.ปลายหรือวิทยาลัยอาชีพ ปวช.ก็ว่า,เรามีบ่อทองคำ บ่อน้ำมันเต็มประเทศขายทำกำไรเองได้มหาศาล,มิใช่ยากจนเหมือนในอดีตก่อนขุดสำรวจเจอน้ำมันเลย,นี้คือการปกครองที่ผู้นำล้มเหลว วิถีปกครองที่ผิดพลาด ไม่ปรับปรุงใดๆในความล้มเหลวนั้น เช่นโมฆะสัมปาทานปิโตรเลียมทาสที่ถูกปล้นชิงไปจากคนไทยทั้งหมดแล้วคิดอ่านทำใหม่ทั้งไม่เปิดสัมปทานใดๆอีกแก่ต่างชาติต้องทำเอง แม้ยุคทหารที่ยึดอำนาจล่าสุดก็ยังเปิดสัมปทานต่างชาติในอ่าวไทยถึง2แปลงที่เป็นข่าวใหญ่โต จนประเทศซาอุฯแอ็คชั่นรับไม้ต่อหมายสร้างคลังน้ำมันขนาดใหญ่ยักษ์ที่ประเทศไทยเป็นฮับแหล่งคลังน้ำมันของเอเชียและอาจส่งออกทั่วโลก ทั้งยึดคลองคลองคอดกระหรือแลนด์บริดจ์ในตัวด้วย,ชาวนามีข้าวมากมายจึงสร้างคลังฉางข้าวกักเก็บไว้จากที่เหลือหรือมีมากมายในไร่นาประชาชน,อันเดียวกัน น้ำมันหรือเนื้อปิโตรเลียมเรามีมากมายมหาศาลเช่นกันจึงสามารถสร้างคลังแสงขนาดใหญ่รอรับเนื้อน้ำมันนี้ทั้งผีบ้าอะไร ไทยจะมีโรงกลั่นมากมายกว่า5-6โรง กลั่นน้ำมันอะไรบ้าคลั่งขนาดนั้น เพราะมีน้ำมันมากนั้นเอง,นี้คือการปกครองที่ผิดพลาด ไม่ยึดประโยชน์ประชาชนห่าอะไร กอบโกยโดยรัฐฐะที่ผิดจรรยาบรรณเสียเอง ไม่ซื่อสัตย์เสียเองจนนำพาประชาชนตนยากจนทั่วทั้งประเทศ ค่าครองชีพก็แพงจากต้นทุนพื้นฐานคือพลังงานแพง ขนส่งอ้างน้ำมันแพง ปรับราคาสินค้าขึ้น ร้านค้าอ้างน้ำมันแพงขนส่งแพงปรับราคาสินค้าขึ้น,โรงงานผู้ผลิตฮั่วกันทั้งประเทศอ้างน้ำมันแพงปรับราคาสินค้าขึ้น ซึ่งเราเห็นๆกันจริงชัดเจนจากอดีตถึงปัจจุบันตั้งพันธมิตรชุมนุมประท้วงขับไล่โทนี่หรือหลังปตท.เข้าตลาดหุ้นก็ด้วยจาก ร.9 ถึง ร.10 เราประเทศไทยเสียอธิปไตยบ่อปิโตรเลียมไปได้คืนมาจริงทั้งหมดกี่บ่อกี่หลุมเจาะ ,อิหร่านมีบ่อน้ำมันน้อยกว่าไทยทำไมขายถูกๆได้ที่ลิตรละ1-2บาทไม่ผสมเอทานอลอะไรด้วยทั้งเบนซินดีเชลก็ลิตรละ1-2บาท,วิถีการปกครองเราควรยุบทิ้งมั้ยแบบนี้, ..การศึกษาคือปัญญาสร้างชาติในอนาคต ..รัฐฐะเราทำลายการศึกษาตนเองคือทำลายชาติชัดเจน ..ประชาชนเติบโตมาจนเป็นชาติก็ผ่านกระบวนการเรียนผิดเรียนจากสถานศึกษาก่อน แม้การดำรงชีวิตคือระหว่างทางของการเรียนรู้ศึกษาจริงตลอดเวลา แต่ก้าวแรกต้องผ่านพื้นฐานนี้หมดร่วมกันจึงต่อยอดใครมันในอนาคตร่วมกันดำรงชาติไทยต่อไปได้. ..นี้อะไร บ้านเมืองถูกแทรกแซงการปกครองตลอด วุ่นวายโกลาหล ทำให้ประชาชนลำบากบวกยากจนลงต่ำตลอดเวลาถึงปัจจุบัน,จนเข้าสู่ยุคล้ำๆรุ่นAIหุ่นยนต์ก็ยังแบบเดิมๆไม่พัฒนาให้คนไทยร่ำรวยมั่งคั่งจนใครชาติไหนหรือนักการเมืองใดๆไม่สามารถเอาเศษตังมาซื้อเสียง เอาตังจากต่างประเทศมาซื้อคนไทยย่ำยีคนทั้งชาติง่ายดายแบบปัจจุบันขนาดนี้,สงครามตังสงครามเงินแท้ๆตังคืออาวุธของยุคนี้ เศรษฐกิจชื่อสมมุตินี้คือมุ่งหาทำตังทำเงินนี้ล่ะวลีบาลีบิดคำแค่นั้น,แต่วิถีปกครองคนนำปกครองเสือกไร้สมองคิดอ่านไปยกอาวุธตน ทิ้งอาวุธตนในการปกป้องตนเองทิ้งเสีย ทิ้งตังทิ้งความร่ำรวยมั่งคั่งของคนทั้งแผ่นดินไทย ปล่อยคนไทยพบเจอความยากจนแทนบนใต้ตีนคนปกครองที่เหยียบความจนเองในโคต,รเหง้าตระกูลบรมโคตรมันเองเสวยความร่ำรวยมั่งคั่งในโคตรเหง้าบรมตระกูลชนชั้นมันที่ผูกขาดความร่ำรวยมั่งคั่งเอง ทั้งมาในมุกเอกชนผูกขาดเอง&อ้างทำในนามกึ่งเอกชนหรือเอกชนเต็มๆทั้งสไตล์เอกชนไทย มุกสไตล์เอกชนต่างชาติก็ด้วยหรือคนไทยชั่วๆเลวๆตัวดีตัวเลวตัวชั่วของแท้เองนี้ล่ะทำทีเป็นต่างชาติ&มาในมุกคนต่างชาติเอกชนต่างชาติหรือนอมินีตัวแทนคนต่างชาติหรือเหี้ยถือหุ้นต่างชาติร่วมกับต่างชาติหรือของมันเองทั้งหมดมาในฟอร์มต่างชาติปลอมๆมายึดแดกครอบครองผูกขาดเองก็ด้วย จะบ่อน้ำมันบ่อทองคำ แหล่งแร่ทรัพยากรมีค่ามากมายอื่นๆหรือสัมปทานผูกขาดสไตล์มวลรวมมวลชนคนใช้มากๆทัังหมดของประเทศมันนี้ล่ะจะยึดครองก็ว่า อาทิราคาน้ำมันขึ้นลงตามใจมันก็ด้วยในอดีต,จนอะไรๆแพงทั้งแผ่นดิน ชุดนักเรียนแพง ค่าใช้จ่ายแพง เงินเฟ้อขึ้นไร้ค่า ก๋วยเตี๋ยวปกติชามละ10-20บาทปัจจุบัน50-80บาท ข้าวจานละ15-20บาท ปัจจุบัน45-80บาท ..ทั้งหมดคือวิถีปกครองในประเทศไทยเราเองที่ผิดพลาด จนนักเรียนแม้ผ่านการเล่าเรียนขั้นพื้นฐานจำเป็นต้องกู้กยศ.เป็นหนี้เป็นสินล้นพ้นตัวเป็นจำนวนมาก จบมาตกงานมหาศาลทั้งกิจการมากมายต่างด้าวเอาทดแทนเป็นอย่างมากแย่งงานคนไทยแม้ระดับโรงงานทั่วไปต่างด้าวยังเต็มโรงงาน ,กิจการมากมายถูกต่างชาติต่างด้าวกลืนกินยึดครองบวกผูกขาดทั้งทางตรงและทางอ้อมอีก,มันคือการปกครองที่ล้มเหลว เสี่ยงต่อภัยด้านความมั่นคงของประชาชนคนไทยภายในด้วย.ประชาชนถูกทอดทิ้งในระดับมหาภาคชัดเจนถึงระดับย่อย,พบเจอต่อปัญหาการเงินของทั้งส่วนตัวและระดับครอบครัวเป็นอันมาก รวมถึงคนของระบบราชการเองที่หนี้สินเงินกู้ยืมมีไม่น้อย หนี้บ้านหนี้รถคนพวกนี้หลายคนแทบไปรอดเช่นกัน ขับเคลื่อนด้วยหนี้ทั้งประเทศซึ่งเป็นการเติบโตที่ผิด&ไร้ความมั่นคง,เพียงสมดุลพัง ระบบราชการจะพังทันที เช่นรัฐบาลไม่มีตังจ่ายเงินเดือนคนราชการ คลังตังหมด ทุนสำรองประเทศหมดสิ้นหรือคิดใช้ซื้อBTCคริปโตฯต่างๆแทนตังทุนสำรองประเทศ นี้ก็เหี้ยแล้ว,ประชาชนเงินฝืดบวกหนี้ทั้งในระบบที่กู้ไปก็ใช้คืนไม่ทันไม่ได้เช่นพวกธกส.ชาวนาชาวไร่ชาวสวนต่างๆ ข้าว&พืชไร่พืชสวนพื้นฐานอื่นๆแบบข้าวราคาตันไม่กี่พัน มันคืออะไร,จนมาเทนมทิ้งเทน้ำมันพืชทิ้งประท้วงล่าสุด, ..การศึกษามันสำคัญและเดอะแก๊งไม่ดีมากมายหาประโยชน์ในระบบการศึกษานี้ทั้งมาในมุกล้างสมองทำลายเยาวชนไทยล้มสถาบันก็ว่า,ทัังกอบโกยรายได้จากการค้าระบบการศึกษาอีกผ่านช่องทางมากมายในกระบวนการศึกษาและกับสถานศึกษาเองต่างๆทั่วประเทศ,เม็ดเงินมหาศาลจริงๆที่ได้จากระบบการศึกษาของไทยเรา,ไม่ต่างจากเม็ดเงินมหาศาลที่ได้จากการขายยาตั้งแต่ยุคฉีดวัคซีนโควิดจนขายยามากมายสาระพัดต่อคนอักเสบและถึงตายจากคนไทยเราที่ต้องถูกบังคับฉีดวัคซีนทั้งทางตรงและทางอ้อมที่มาใช้มุกทัังเชิญชวนทั้งกึ่งบังคับ&บังคับในรูปแบบต่างๆที่ไม่เป็นทางการเพราะถ้าเป็นทางการและเปิดเผยจะถือว่าผิดกฎหมายสากลนูเร็มเบิร์กฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ตนภายในประเทศตนเองได้และทุกๆคนที่เกี่ยวข้องจะสามารถถูกตัดสินสากลให้มีความจริงชัดเจนได้ทันทีบวกสามารถจับลงโทษระดับโลกทันทีได้ที่กฎหมายในแต่ละประเทศนั้นๆไม่สามารถปกป้องพวกนี้ได้.,แม้กระนั้นถึงกลัวตายก็บังคับฉีดทางอ้อมทางกลไกสังคมมาอ้างชอบธรรมแก่พวกมันฉีดคนไทยครบกว่า60ล้านคน,ซึ่งคนพวกนี้สมควรถูกกวาดล้างแต่ก็ยังไม่เห็นใครที่เกี่ยวข้องโดนลงโทษจริงจังสักคนในไทยและทำให้เป็นข่าวจริงอย่างเปืดเผยผ่านสื่อหลักไทยเรา,ชาติไทยเราหากไม่พลิกจริงจัง ไม่เปลี่ยนแปลงจริงจัง ไม่นานสิ้นชาติไทยแน่นอน อาจเป็นสาขาหนึ่งของชาติพม่าสาขาหนึ่งของชาติเขมรหรือมลฑลหนึ่งของจีนในอนาคตที่deep state ไม่ต้องออกตัวออกหน้าโชว์ลงมือ,แบบเช่นblackrock vanguardไม่ต้องออกตัวออกหน้ายึดครองประเทศไทยทางเศรษฐกิจหรือการลงทุนใดๆให้สมุนขี้ข้ารับใช้กิจการเครือข่ายลูกหลานมันจัดการประเทศไทยก็จบแล้วเพราะเกือบทุกๆบริษัทใหญ่ๆแบรนด์ใหญ่ๆระดับโลกในประเทศไทยล้วนคือขี้ข้ากิจการทาสสมุนรับใช้ทุนใหญ่หลังฉากอย่างvanguardหรือblackrockที่ต้องการยึดภาคใต้ยึดครองแลนด์บริดจ์ไทยคลองคอดกระไทยหรืออ่าวไทยทะเลสองฝั่งไทยเราสิ้น.,แค่มันใช้มุกขนคนมาอยู่ไทยเช่นต่างชาติเอยพม่าเอยอยู่กระจายทั่วทั้งภาคใต้ก็อนาถแล้วและไร้มาตรการจริงจังผลักดันถีบออกจากประเทศไทยจริงจังเลย,แย่งพื้นที่การศึกษาเยาวชนไทยตนเองอีก,ต่างชาติใดอยากส่งเสริมสนับสนุนลูกหลานคนต่างด้าวต่างชาติก็พาคนต่างชาติต่างด้าวออกไปสร้างที่ประเทศตนเองส่งเสริมสนับสนุนกันที่ชาติมรึงเต็มที่อย่ามาใช้แผ่นดินไทยสร้างสถานที่ส่งเสริมนั้นนี้บนแผ่นดินไทยเราและมิได้ส่งเสริมสนับสนุนคนไทยเยาวชนไทยเราด้วย,นี้คือการช่วบเลี้ยงดูคนต่างชาติต่างด้าวในบ้านเราเองจากนั้นก็เริ่มขบวนการยึดบ้านเจ้าของคนนั้นๆเช่นมุกออกลูกออกหลานมากๆในบ้านหลังนั้นจากนั้นก็จะได้กรรมสิทธิ์เต็มที่ร่วมกันลูกหลานคนเจ้าของบ้านเดิมที่ตนถูกเลี้ยงดูจากพวกต่างชาติที่สนับสนุนตนก็ว่าตอนเริ่มต้น,พม่ามาอยู่ไทย เขมรลาวแกวมาอยู่ไทย แขกอินเดียแขกอาหรับยิวอิสราเอลมาอยู่ไทยออกลูกออกหลานเต็มแผ่นดินไทยได้สัญชาติไทยได้สิทธิในที่ดินแผ่นดินเต็มสมบูรณ์กว่า20-30ล้านคนใน20ปีข้างหน้าเป็น100-200ล้านคน ชาติไทยจะเหลือแผ่นดินไทยให้คนไทยจริงๆเท่าไร ,ดูแกวดูจีนสมัยก่อนมุกแบบสงครามพม่าปัจจุบันอพยพมาอยู่ไทยออกลูกออกหลานตรึมได้สัญชาติไทยยึดไทยไม่ต้องรบหรือใช้อาวุธอะไร,ส่งเสริมสนับสนุนช่วยเหลือลูกหลานแกวจีนยึดตำแหน่งปกครองใหญ่โตในระบบราชการไทยและกิจการใหญ่โตสายเลือดใหญ่ในไทย ไทยก็เสร็จนะสิ,เขาระดมทุนผ่านสมาคมจีนสมาคมแกวได้สบาย แกวจีนส่งตังมหาศาลให้สมาคมนี้เอาไปใช้ยึดกิจการไทยส่งลูกหลานคนจีนแกวเข้าทำงานในตำแหน่งใหญ่ให้ได้บนแผ่นดินไทยบอกว่ารักประเทศไทยรักสถาบันไทยก็จบแล้ว,ร้านทองเจ๊กจีนแกวยึดค้าขาย แบบพม่าในปัจจุบันยึดตลาดคนไทยค้าขายแทน ทวงหนี้นอกระบบก็ด้วย,สมาคมพลัดถิ่นรักบ้านเกิดเมืองนอนตนพะนะจีนเอยแกวเอยให้ตังสนับสนุนคนจีนแกวในไทยที่อพยพหนี้ตายมาไทยสมันสงครามก็ว่า,เหยียบย่ำคนไทยเนียนๆเชือดนิ่มๆยึดที่ดินผ่านร้านทองจำนองจำนำตรึม ยึดผ่านแบงค์ต่างๆอีกที่ค้ำประกันเงินกู้โดยใช้ที่ดินค้ำประกัน,ยุคนี้ถ้าผู้ปกครองยังโง่เขลากากกระจอกไม่ล้ำสมัยในสงครามตังนี้อันตรายมากๆ สงครามตังคือสงครามหลักโดยใช้AIเป็นทหารยิงกระสุนแทนอีก,เพราะไม่ว่าจะล้ำจะใช้AIล้ำๆขนาดไหน มันก็ขับเคลื่อนด้วยตังนี้ล่ะ,ตังกระดาษตังดิจิดัลก็คือตัง,เล่าเรียนก็ใช้ตังทุกๆขณะที่ดำเนินขณะภาคเรียนใดๆ.ประเทศไทยเราได้เปรียบมากมาย ตังมีมหาศาลผ่านทรัพยากรบนแผ่นดินไทยและไม่ใช่แค่บ่อน้ำมันหรือบ่อทองคำ เราต่อยอดต่างๆได้ตังมหาศาลแทบไม่แตะต้องทรัพยากรมีค่าอีกก็ได้ นำออกมาใช้ยามจำเป็นฉุกเฉินขาดแคลนก็ได้,เราสามารถสร้างประเทศไทยสร้างชาติสร้างคนไทยทั้งประเทศให้แข็งแกร่งพร้อมเข้าสนามรบสงครามพันทางกับศัตรูของชาติไทยได้อย่างสบายๆแม้มารอบด้านก็ได้,ข้าวปากอาหารเต็มประเทศอีก,แต่คนปกครองเรามันกาก&เหี้ยจริงๆนะ ,เราไม่สมควรดำรงรักษาคนแบบนี้ไว้เลย,นำพาประชาชนทั้งแผ่นดินไทยมั่นคงในความยากจนนานพอแล้ว.และการเล่าเรียนของเยาวชนรวมทั้งของคนไทยทุกๆคนสามารถเล่าเรียนฟรีๆถึงป.เอกได้หรือเรียนรู้ตลอดชีวิตแม้จบสถานศึกษาขั้นปกติก็ตาม ,ฝึกอบรมสัมมาอาชีพพร้อมทุนตั้งตัวตั้งตนเริ่มต้นเพื่อยืนด้วยขาตนเองใครมันคนไทยร่วมกันก็สามารถส่งเสริมได้,เราใช้ตังในชาติไทยเราช่วยเหลือคนไทยเราทำไมจะทำไม่ได้.,เพราะเหี้ยไปยกตังมหาศาลมากมายให้คนอื่นไง.,ตย.ง่ายๆแบบยกบ่อน้ำมันบ่อทองคำตัวทำตังของประเทศไทยให้คนอื่นยึดครอง,ตนไม่มีวัตถุดิบทำตังเลยบนแผ่นดินตนเองแท้ๆมันคือเหี้ยอะไรล่ะ,นี้ไงจึงต้องฉีกทิ้งสัญญาทั้งหมดที่ทำไว้ในอดีตกับต่างชาติและอยุติธรรมเอาเปรียบ&ปล้นชิงแย่งชิงเราในรูปแบบสัญญาต่างๆนั้น,โมฆะทั้งหมด,เราก็จะคืนธิปไตยเรามาทั้งหมด,จากนั้นจับมือจริงจังกับมิตรดีสหายดีทั่วโลกกันใหม่,ทำสัญญาดีๆไม่เอาเปรียบปล้นชิงแย่งชิงกันและกันใหม่,เป็นคู่ค้าคู่มิตรดีทั่วโลกใหม่,ใครเหี้ยก็เลิกคบจบ,ยุคนี้ต้องแบบนี้,ล้ำสมัยต้องแบบนี้,นี้เสือกมั่นคง คงไว้ในกฎหมายที่เอาเปรียบชาติตนเองปล้นตนเอง ล้ำสมัยห่าอะไร,แบบยึดอำนาจเสียของในอดีตนั้นล่ะรัฐประหารเสียของ,ฉลาดฉีกนักกฎหมายรัฐธรรมนูญเสือกไม่ฉีกกฎหมายทาสสัญญาทาสโมฆะมันทิังที่เอาเปรียบประชาชนตนไทยและชาติไทยตนเองแบบสัมปทานบ่อปิโตรเลียมนั้นล่ะที่เป็นตย.ชัดเจนมาก กูรูมากมายแฉในอดีตตรึม ทั้งปกปิดค่าจริงความจริงอีกว่าประเทศไทยไม่มีบ่อน้ำมัน มีแต่น้อย แล้วเสือกแย่งชิงการสัมปทานตรึมหรือต้องได้รับการต่ออายุสัมปทานเดิมให้ได้.,ยุคเราสมควรจบความระยำบัดสบนี้จริงๆ. https://youtube.com/live/-I_7Ne9jNvs?si=ZuGvcgZ3Ang7J3-_
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 498 มุมมอง 0 รีวิว
  • “คิดส์ ซีนีมา” เปิดสาขาใหม่ที่โคราช ซีนีเพล็กซ์ ตอกย้ำความสำเร็จโรงภาพยนตร์สำหรับครอบครัว เติบโตต่อเนื่อง พร้อมขยายอีกหลายสาขาทั่วประเทศ

    บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) พาโรงภาพยนตร์ คิดส์ ซีนีมา (Kids Cinema) เดินหน้าขยายฐาน ความสุขสู่ครอบครัวไทยอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดตัว สาขาที่ 20 ณ โคราช ซีนีเพล็กซ์ ชั้น 3 ศูนย์การค้า เดอะมอลล์ โคราช พร้อมโปรโมชั่นพิเศษฉลองเปิดสาขาใหม่ ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านประสบการณ์การชมภาพยนตร์สำหรับเด็กและ ครอบครัวที่แตกต่าง ด้วยแนวคิด “Creating happy memories through movies and play" ทีต้องการสร้างความสุขให้กับกลุ่มครอบครัว ผสมผสานความสนุกจากเครื่องเล่น และกิจกรรมต่างๆ กับการชมภาพยนตร์อย่างปลอดภัยและสบายใจ ไอคอน ซีเน

    ปัจจุบัน คิดส์ ซีนีมา มีทั้งหมด 19 สาขาในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ได้แก่ พารากอน ซีนีเพล็กซ์, คอนิค, ควอเทียร์ ซีนีอาร์ต, เมกา ซีนีเพล็กซ์, เวสต์เกต ซีนีเพล็กซ์, อีสต์วิลล์ ซีนีเพล็กซ์, พรอมานาด ซีนีเพล็กซ์, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน, เมเจอร์ เซ็นทรัล พระราม 3, เมเจอร์ บางแค, เมเจอร์ โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ลาดกระบัง, เมเจอร์ รังสิต, เอสพลานาด งามวงศ์วาน-แคราย, บางกะปิ ซีนีเพล็กซ์, เวสต์วิลล์ ซีนีเพล็กซ์, เมเจอร์ เซ็นทรัล เชียงใหม่ (เซ็นเฟส), เมเจอร์ เซ็นทรัล ระยอง, นครปฐม ซีนีเพล็กซ์, เมเจอร์ เซ็นทรัล อุดร โดยโคราช ซีนีเพล็กซ์ เป็น สาขาที่ 20

    โรงภาพยนตร์ คิดส์ ซีนีมา สาขา โคราช ซีนีเพล็กซ์ ตั้งอยู่บนชั้น 3 ศูนย์การค้า เดอะมอลล์ โคราช เปิดให้บริการทุกวัน เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ (ช่วงปิดเทอมเปิดให้บริการทุกวัน ถึงวันที่ 12 พฤษภาคม 2568) โดยจะเปิดให้บริการวัน แรก ในวันเสาร์ที่ 26 เมษายน 2568 สามารถรองรับลูกค้าได้ 183 ที่นั่ง มีที่นั่งพิเศษ Double Sofa Bed เหมาะสำหรับ ครอบครัวที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ ภายในโรงมีการเพิ่มแสงสว่างขึ้น 30% ปรับลดระดับเสียงลง 20% พร้อมพื้นที่กิจกรรม สันทนาการสำหรับเด็ก ๆ อาทิ สไลเดอร์ และ บ่อบอลหลากสีสัน นอกจากนี้ บริเวณด้านหน้าโรงภาพยนตร์ยังมีบริการเครื่อง เล่น Playland ดินแดนแห่งความสุขให้เด็กๆ ได้ทำกิจกรรมก่อนเข้าชมภาพยนตร์อีกด้วย

    พิเศษ...ช่วงแรกของการเปิดให้บริการโรงภาพยนตร์สำหรับเด็ก Kids Cinema โคราช ซีนีเพล็กซ์ พร้อม แจกความสุขความบันเทิงให้กับน้อง ๆ และคุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครอง ฉลองสาขาที่ 20 ให้ สมาชิก M GEN Kids (อายุ ไม่เกิน 12 ปี) รับสิทธิ์ดูหนังฟรี สำหรับที่ปกติ และ ฮันนีมูน สำหรับรอบ คิดส์ ซีนีมา ตลอดทั้งวัน และ ดูหนังฟรีทั้ง ครอบครัว เรื่อง ไมน์คราฟต์ มูฟวี่ และ โดราเอมอนเดอะมูฟวี่: ไดโนเสาร์ตัวใหม่ของโนบิตะ ในวันเสาร์ที่ 26 เมษายน 2568 - อาทิตย์ที่ 27 เมษายน 2568 เฉพาะรอบเวลา 11.00 น.เท่านั้น โดยคุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครอง สามารถ ลงทะเบียนรับบัตรชมภาพยนตร์บริเวณหน้าโรงภาพยนตร์สำหรับเด็ก Kids Cinema ตั้งแต่เวลา 10.30 น.
    .
    จำกัดจำนวนครอบครัวละไม่เกิน 4 ที่นั่ง ซึ่งครอบครัวที่ใช้สิทธิ์ชมภาพยนตร์ฟรีจะต้องมีน้องอายุไม่เกิน 12 ปี เข้าร่วมชมภาพยนตร์ด้วย สิทธิพิเศษนี้เพื่อน้อง ๆ อายุไม่เกิน 12 ปี สำหรับเด็กที่ไม่มีบัตรสมาชิก M GEN Kids รับสิทธิ์สมัครสมาชิกบัตร M GEN Kids ฟรี ถึง 31 พฤษภาคม 2568

    นอกจากนี้ ยังมีสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก M GEN Kids อีกมากมาย ให้ดูหนังสนุกพร้อมกัน อร่อยจุใจ ทั้งครอบครัว กับ Family Package เพียง 899.- สำหรับโรงภาพยนตร์คิดส์ ซีนีมา สาขาโคราช ซีนีเพล็กซ์ ประกอบด้วยที่นั่ง Double Sofa Bed หรือ Opera Chair 1 คู่ + Supersize Set (ป๊อปคอร์น 355 ออนซ์ จำนวน 1 ถัง และเครื่องดื่ม 32 ออนซ์ จำนวน 2 แก้ว)

    และดูหนังฉลองวันเกิด ได้ทั้งความสุขและความคุ้มในเวลาเดียวกัน! จากปกติราคา 1590.- ลดเหลือเพียง 690.- ตลอดเดือนพฤษภาคม (ประกอบด้วย ที่นั่งประเภท Double Sofa Bed 1 คู่ (สำหรับผู้ใหญ่ 2 ท่าน และเด็กเล็ก 1 ท่าน), Popcorn Supersize 355oz 1 ถัง + เครื่องดื่ม 32 oz. 2 แก้ว, Birthday Gift 1 ชิ้น, สิทธิ์ในการถ่ายภาพโพลา รอยด์ 1 ใบ) ระยะเวลาตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2568 – 31 พฤษภาคม 2568

    และพลาดไม่ได้กับกิจกรรมเอาใจนักสำรวจตัวน้อย อาทิ กิจกรรม Workshop ขุดฟอสซิลไดโนเสาร์ และ ระบายสีถุงผ้า ไดโนเสาร์ และหุ่นจำลองลมยักษ์ไดโนเสาร์ กิจกรรมเล่านิทาน กิจกรรมดีๆ แบบนี้ ที่คิดส์ ซีนีมา สาขา โคราช ซีนีเพล็กซ์ เท่านั้น

    การเปิดให้บริการโรงภาพยนตร์สำหรับเด็ก "Kids Cinema สาขาโคราช ซีนีเพล็กซ์ ครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญใน การสร้างพื้นที่แห่งความสุข ปลอดภัย และสร้างสรรค์ให้กับเด็กๆ และครอบครัว และสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการ ยกระดับประสบการณ์โรงภาพยนตร์ให้เป็นมากกว่าการดูหนัง แต่เป็นช่วงเวลาคุณภาพร่วมกันของทั้งครอบครัว
    .
    Factsheet: ข้อมูลโรงภาพยนตร์
    คิดส์ ซีนีมา โลกบันเทิงแห่งจินตนาการ และการเรียนรู้สำหรับเด็ก

    การเปิดโรงภาพยนตร์สำหรับเด็กเพื่อรองรับความต้องการของกลุ่ม Family ที่นิยมพาลูกไปสัมผัสประสบการณ์ นอกห้องเรียน ซึ่งการภาพยนตร์ก็นับเป็นกิจกรรมหนึ่งที่กลุ่ม Family อยากให้เด็กๆได้เรียนรู้ แต่ติดปัญหาเรื่องการเข้าชม ในโรงภาพยนตร์ปกติที่อาจไม่เอื้ออำนวย เช่น รบกวนลูกค้ากลุ่มอื่นๆ แสงสว่างไม่เพียงพอทำให้เด็กหวาดกลัวและ ยังไม่มี ภาพยนตร์เฉพาะสำหรับเด็ก จึงไม่สามารถตอบสนองความต้องการให้กับกลุ่ม Kids & Family ได้ Kids Cinema จึงเป็น ทางเลือกใหม่ในการใช้โรงภาพยนตร์สำหรับกลุ่ม Kids & Family เพื่อทำกิจกรรมสันทนาการร่วมกันภายในครอบครัวและ & เวิร์คช็อปที่หลากหลาย รวมทั้งเป็นแหล่งพบปะสังสรรค์ของเด็กๆและผู้ปกครอง เพื่อแลกเปลี่ยนและเพิ่มทักษะการเรียนรู้ สิ่งใหม่ๆและ สนับสนุนพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็กได้อีกด้วย ภายในโรง Kids Cinema ยังมีบริการเครื่องเล่น Play Land ดินแดนแห่งความสุขพร้อมบ่อบอลหลากสีสัน สไลด์เดอร์ไว้ให้เด็กๆและ เก้าอี้สีสันแนวลูกกวาดที่สร้างบรรยากาศความ สดใสให้กับโรงภาพยนตร์คิดส์ ซีนีมา

    จุดเด่นของโรงภาพยนตร์คิดส์ ซีนีมา
    สไลเดอร์และ บ่อบอลขนาดยักษ์กว่าหนึ่งหมื่นลูกภายในโรงภาพยนตร์ ให้เด็กๆ ได้สนุกพร้อมมีความสุขกับการ ชมภาพยนตร์

    ● ภายในโรงมีการเพิ่มแสงสว่างขึ้น 30 % และปรับลดงระดับเสียงลง 20 % เพื่อให้เหมาะกับเด็กๆ มากขึ้น % Double Sofa Bed ที่นั่งพิเศษ เหมาะสำหรับครอบครัว ที่ออกแบบมาเฉพาะโรงคิดส์ ซีนีมาเท่านั้น สนุกและเพลิดเพลินกับกิจกรรม workshop, mascot, ที่พร้อมสร้างความสุขให้เด็กๆ ทุกสัปดาห์ • เปิดให้บริการทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ โดยปัจจุบันมีทั้งหมด 19 สาขา สามารถติดต่อปิดรอบ เหมาโรงภาพยนตร์ เพื่อจัดกิจกรรมเพื่อน้องๆ ชมภาพยนตร์ หรือจัดปาร์ตี้วันเกิดแบบ Kids Cinema ได้

    Private ได้ที่โรงภาพยนตร์

    เงื่อนไขการให้บริการ คิดส์ ซีนีมา

    เด็กส่วนสูงไม่เกิน 70 ซม. เข้าชมฟรี (สงวนสิทธิ์เฉพาะสมาชิก M GEN Kids เท่านั้น)

    ● สำหรับที่นั่งประเภท Double Sofa Bed กรณีเด็กสูงไม่เกิน 120 ซม. สามารถนั่งกับผู้ปกครองได้ • สามารถเช็กรอบเวลาภาพยนตร์ก่อนเข้าใช้บริการ ได้ที่แอปพลิเคชัน Major APP หรือตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ (ETicket) ที่หน้าโรงภาพยนตร์ (โดยสังเกตได้จากไอคอน Kids Cinema)
    ● ไม่สามารถนำอาหารภายในโรงภาพยนตร์ได้ และเครื่องดื่มจากร้านค้าภายนอก เข้ามาเพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณางดใช้โทรศัพท์มือถือและกล้องถ่ายรูปภายในโรงภาพยนตร์ (ถ่ายบรรยากาศ โรงภาพยนตร์ได้ แต่ไม่สามารถถ่ายติดภาพยนตร์ที่ฉายอยู่บนจอได้)
    ● สงวนสิทธิ์ผู้ใช้บริการเครื่องเล่นภายใน KIDS CINEMA สำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 5-12 ขวบ และมีส่วนสูงไม่เกิน 120 ซม. เท่านั้น (กรณีไม่เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ต้องมีผู้ปกครองดูแลอย่างใกล้ชิด)
    ● เพื่อความปลอดภัย ผู้ใช้บริการเครื่องเล่นภายในโรงภาพยนตร์ KIDS CINEMA จะต้องอยู่ในความดูแลของ ผู้ปกครองตลอดเวลา
    ผู้ใช้บริการต้องเล่นเครื่องเล่นอย่างถูกวิธีตามเงื่อนไขของเครื่องเล่นนั้นๆ ไม่เล่นผาดโผน หรือกิจกรรมใดก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่น
    ผู้ใช้บริการจะต้องล้างมือทำความสะอาดทุกครั้งก่อนเล่นเครื่องเล่นเพื่อความสะอาดถูกหลักอนามัย กรุณาถอดรองเท้าและสวมถุงเท้าก่อนเข้าใช้บริการเครื่องเล่นทุกชนิด
    ปฏิบัติตามกฎระเบียบและคำแนะนำจากพนักงานอย่างเคร่งครัด ทางโรงภาพยนตร์คิดส์ ซีนีมาไม่รับผิดชอบในกรณีบาดเจ็บ หรือทรัพย์สินสูญหายใดๆทุกกรณี

    คิดส์ ซีนีมาดูแลและใส่ใจความสะอาด ทำความสะอาดบ่อบอล ลูกบอล และอุปกรณ์เครื่องเล่นด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ทุกวัน
    ● ดูดฝุ่น ทำความสะอาดเก้าอี้ และ พื้น พรม ทุกรอบฉาย ผ้าห่ม ทำความสะอาด และ เปลี่ยนใหม่ทุกรอบฉาย

    อบโอโซน ฆ่าเชื้อ ทุกวัน

    บัตร M GEN Next Kids พร้อมสิทธิพิเศษมากมาย
    ● ซื้อตั๋วหนังราคาเด็ก เริ่มต้น 100 บาท ดูหนังฟรีในสัปดาห์เกิด 1 ที่นั่ง
    ● รับสิทธิ์ซื้อป๊อปคอร์น คิดส์เซ็ท เพียง 50 บาท (ป๊อปคอร์น 26 ออนซ์ + น้ำอัดลม 12 ออนซ์)

    รายชื่อภาพยนตร์ที่เข้าฉาย ที่โรงภาพยนตร์ คิดส์ ซีนีมา
    24 เมษายน 2568 Doraemon the Movie 2020 : Nobita's New Dinosaur
    1 พฤษภาคม 2568 The Day The Earth Blew Up : A Looney Tunes Movie 1 พฤษภาคม 2568 Doraemon The Movie 2022 : Nobita's Little Star Wars
    8 พฤษภาคม 2568 Doraemon The Movie 2023 : Nobita's Sky Utopia
    15 พฤษภาคม 2568 Doraemon the Movie 2024 : Nobita's Earth Symphony
    22 พฤษภาคม 2568 Lilo & Stitch
    11 มิถุนายน 2568 How to train your dragon
    19 มิถุนายน 2568 Elio
    2 กรกฎาคม 2568 Jurassic World 4
    17 กรกฎาคม 2568 The Smurfs Movie
    7 สิงหาคม 2568 The Bed Guys 2
    9 ตุลาคม 2568 Gabby's Dollhouse: The Movie
    27 พฤษจิกายน 2568 Zootopia2
    18 ธันวาคม 2568 Avatar 3

    สนใจปิดรอบเหมาโรง สร้างบรรยากาศแห่งความสุขในวันสำคัญที่ #คิดส์ซีนีมา #KidsCinema โรงภาพยนตร์สำหรับเด็กและครอบครัว

    GROUP BOOKING ปิดรอบชมภาพยนตร์

    จัดกิจกรรม EVENT สำหรับเด็ก

    BIRTHDAY PARTIES

    ● PRIVATE PARTIES

    . CSR ACTIVITIES

    ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ผู้จัดการสาขา คุณเอ้ โทร. 095-601-3320
    .
    รายชื่อผู้บริหารร่วมถ่ายภาพ
    1. คุณดวงตา พงษ์วิไลย์ Vice President - Marketing The Mall Shopping Center
    2. คุณวุธรวี จารุวัฒนะ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารธุรกิจโรงภาพยนตร์ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน)
    3. ผู้ช่วยศาสตราจารย์เรขา อินทรกำแหง ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
    4. นายชุตินันท์ ทองคำ ตำแหน่ง รองผู้อำนวยการสำนักศิลปะและวัฒนธรรม ฝ่ายพัฒนาแหล่งเรียนรู้แลนวัตกรรมการสื่อสาร มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
    5. คุณวิชัย สถิตเดชกุญชร กรรมการหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา
    6. คุณปอ คุณสุพัธนี วินิจฉัยกุล - ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป (Assistant General Manager - Tenant)
    “คิดส์ ซีนีมา” เปิดสาขาใหม่ที่โคราช ซีนีเพล็กซ์ ตอกย้ำความสำเร็จโรงภาพยนตร์สำหรับครอบครัว เติบโตต่อเนื่อง พร้อมขยายอีกหลายสาขาทั่วประเทศ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) พาโรงภาพยนตร์ คิดส์ ซีนีมา (Kids Cinema) เดินหน้าขยายฐาน ความสุขสู่ครอบครัวไทยอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดตัว สาขาที่ 20 ณ โคราช ซีนีเพล็กซ์ ชั้น 3 ศูนย์การค้า เดอะมอลล์ โคราช พร้อมโปรโมชั่นพิเศษฉลองเปิดสาขาใหม่ ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านประสบการณ์การชมภาพยนตร์สำหรับเด็กและ ครอบครัวที่แตกต่าง ด้วยแนวคิด “Creating happy memories through movies and play" ทีต้องการสร้างความสุขให้กับกลุ่มครอบครัว ผสมผสานความสนุกจากเครื่องเล่น และกิจกรรมต่างๆ กับการชมภาพยนตร์อย่างปลอดภัยและสบายใจ ไอคอน ซีเน ปัจจุบัน คิดส์ ซีนีมา มีทั้งหมด 19 สาขาในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ได้แก่ พารากอน ซีนีเพล็กซ์, คอนิค, ควอเทียร์ ซีนีอาร์ต, เมกา ซีนีเพล็กซ์, เวสต์เกต ซีนีเพล็กซ์, อีสต์วิลล์ ซีนีเพล็กซ์, พรอมานาด ซีนีเพล็กซ์, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน, เมเจอร์ เซ็นทรัล พระราม 3, เมเจอร์ บางแค, เมเจอร์ โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ลาดกระบัง, เมเจอร์ รังสิต, เอสพลานาด งามวงศ์วาน-แคราย, บางกะปิ ซีนีเพล็กซ์, เวสต์วิลล์ ซีนีเพล็กซ์, เมเจอร์ เซ็นทรัล เชียงใหม่ (เซ็นเฟส), เมเจอร์ เซ็นทรัล ระยอง, นครปฐม ซีนีเพล็กซ์, เมเจอร์ เซ็นทรัล อุดร โดยโคราช ซีนีเพล็กซ์ เป็น สาขาที่ 20 โรงภาพยนตร์ คิดส์ ซีนีมา สาขา โคราช ซีนีเพล็กซ์ ตั้งอยู่บนชั้น 3 ศูนย์การค้า เดอะมอลล์ โคราช เปิดให้บริการทุกวัน เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ (ช่วงปิดเทอมเปิดให้บริการทุกวัน ถึงวันที่ 12 พฤษภาคม 2568) โดยจะเปิดให้บริการวัน แรก ในวันเสาร์ที่ 26 เมษายน 2568 สามารถรองรับลูกค้าได้ 183 ที่นั่ง มีที่นั่งพิเศษ Double Sofa Bed เหมาะสำหรับ ครอบครัวที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ ภายในโรงมีการเพิ่มแสงสว่างขึ้น 30% ปรับลดระดับเสียงลง 20% พร้อมพื้นที่กิจกรรม สันทนาการสำหรับเด็ก ๆ อาทิ สไลเดอร์ และ บ่อบอลหลากสีสัน นอกจากนี้ บริเวณด้านหน้าโรงภาพยนตร์ยังมีบริการเครื่อง เล่น Playland ดินแดนแห่งความสุขให้เด็กๆ ได้ทำกิจกรรมก่อนเข้าชมภาพยนตร์อีกด้วย พิเศษ...ช่วงแรกของการเปิดให้บริการโรงภาพยนตร์สำหรับเด็ก Kids Cinema โคราช ซีนีเพล็กซ์ พร้อม แจกความสุขความบันเทิงให้กับน้อง ๆ และคุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครอง ฉลองสาขาที่ 20 ให้ สมาชิก M GEN Kids (อายุ ไม่เกิน 12 ปี) รับสิทธิ์ดูหนังฟรี สำหรับที่ปกติ และ ฮันนีมูน สำหรับรอบ คิดส์ ซีนีมา ตลอดทั้งวัน และ ดูหนังฟรีทั้ง ครอบครัว เรื่อง ไมน์คราฟต์ มูฟวี่ และ โดราเอมอนเดอะมูฟวี่: ไดโนเสาร์ตัวใหม่ของโนบิตะ ในวันเสาร์ที่ 26 เมษายน 2568 - อาทิตย์ที่ 27 เมษายน 2568 เฉพาะรอบเวลา 11.00 น.เท่านั้น โดยคุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครอง สามารถ ลงทะเบียนรับบัตรชมภาพยนตร์บริเวณหน้าโรงภาพยนตร์สำหรับเด็ก Kids Cinema ตั้งแต่เวลา 10.30 น. . จำกัดจำนวนครอบครัวละไม่เกิน 4 ที่นั่ง ซึ่งครอบครัวที่ใช้สิทธิ์ชมภาพยนตร์ฟรีจะต้องมีน้องอายุไม่เกิน 12 ปี เข้าร่วมชมภาพยนตร์ด้วย สิทธิพิเศษนี้เพื่อน้อง ๆ อายุไม่เกิน 12 ปี สำหรับเด็กที่ไม่มีบัตรสมาชิก M GEN Kids รับสิทธิ์สมัครสมาชิกบัตร M GEN Kids ฟรี ถึง 31 พฤษภาคม 2568 นอกจากนี้ ยังมีสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก M GEN Kids อีกมากมาย ให้ดูหนังสนุกพร้อมกัน อร่อยจุใจ ทั้งครอบครัว กับ Family Package เพียง 899.- สำหรับโรงภาพยนตร์คิดส์ ซีนีมา สาขาโคราช ซีนีเพล็กซ์ ประกอบด้วยที่นั่ง Double Sofa Bed หรือ Opera Chair 1 คู่ + Supersize Set (ป๊อปคอร์น 355 ออนซ์ จำนวน 1 ถัง และเครื่องดื่ม 32 ออนซ์ จำนวน 2 แก้ว) และดูหนังฉลองวันเกิด ได้ทั้งความสุขและความคุ้มในเวลาเดียวกัน! จากปกติราคา 1590.- ลดเหลือเพียง 690.- ตลอดเดือนพฤษภาคม (ประกอบด้วย ที่นั่งประเภท Double Sofa Bed 1 คู่ (สำหรับผู้ใหญ่ 2 ท่าน และเด็กเล็ก 1 ท่าน), Popcorn Supersize 355oz 1 ถัง + เครื่องดื่ม 32 oz. 2 แก้ว, Birthday Gift 1 ชิ้น, สิทธิ์ในการถ่ายภาพโพลา รอยด์ 1 ใบ) ระยะเวลาตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2568 – 31 พฤษภาคม 2568 และพลาดไม่ได้กับกิจกรรมเอาใจนักสำรวจตัวน้อย อาทิ กิจกรรม Workshop ขุดฟอสซิลไดโนเสาร์ และ ระบายสีถุงผ้า ไดโนเสาร์ และหุ่นจำลองลมยักษ์ไดโนเสาร์ กิจกรรมเล่านิทาน กิจกรรมดีๆ แบบนี้ ที่คิดส์ ซีนีมา สาขา โคราช ซีนีเพล็กซ์ เท่านั้น การเปิดให้บริการโรงภาพยนตร์สำหรับเด็ก "Kids Cinema สาขาโคราช ซีนีเพล็กซ์ ครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญใน การสร้างพื้นที่แห่งความสุข ปลอดภัย และสร้างสรรค์ให้กับเด็กๆ และครอบครัว และสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการ ยกระดับประสบการณ์โรงภาพยนตร์ให้เป็นมากกว่าการดูหนัง แต่เป็นช่วงเวลาคุณภาพร่วมกันของทั้งครอบครัว . Factsheet: ข้อมูลโรงภาพยนตร์ คิดส์ ซีนีมา โลกบันเทิงแห่งจินตนาการ และการเรียนรู้สำหรับเด็ก การเปิดโรงภาพยนตร์สำหรับเด็กเพื่อรองรับความต้องการของกลุ่ม Family ที่นิยมพาลูกไปสัมผัสประสบการณ์ นอกห้องเรียน ซึ่งการภาพยนตร์ก็นับเป็นกิจกรรมหนึ่งที่กลุ่ม Family อยากให้เด็กๆได้เรียนรู้ แต่ติดปัญหาเรื่องการเข้าชม ในโรงภาพยนตร์ปกติที่อาจไม่เอื้ออำนวย เช่น รบกวนลูกค้ากลุ่มอื่นๆ แสงสว่างไม่เพียงพอทำให้เด็กหวาดกลัวและ ยังไม่มี ภาพยนตร์เฉพาะสำหรับเด็ก จึงไม่สามารถตอบสนองความต้องการให้กับกลุ่ม Kids & Family ได้ Kids Cinema จึงเป็น ทางเลือกใหม่ในการใช้โรงภาพยนตร์สำหรับกลุ่ม Kids & Family เพื่อทำกิจกรรมสันทนาการร่วมกันภายในครอบครัวและ & เวิร์คช็อปที่หลากหลาย รวมทั้งเป็นแหล่งพบปะสังสรรค์ของเด็กๆและผู้ปกครอง เพื่อแลกเปลี่ยนและเพิ่มทักษะการเรียนรู้ สิ่งใหม่ๆและ สนับสนุนพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็กได้อีกด้วย ภายในโรง Kids Cinema ยังมีบริการเครื่องเล่น Play Land ดินแดนแห่งความสุขพร้อมบ่อบอลหลากสีสัน สไลด์เดอร์ไว้ให้เด็กๆและ เก้าอี้สีสันแนวลูกกวาดที่สร้างบรรยากาศความ สดใสให้กับโรงภาพยนตร์คิดส์ ซีนีมา จุดเด่นของโรงภาพยนตร์คิดส์ ซีนีมา สไลเดอร์และ บ่อบอลขนาดยักษ์กว่าหนึ่งหมื่นลูกภายในโรงภาพยนตร์ ให้เด็กๆ ได้สนุกพร้อมมีความสุขกับการ ชมภาพยนตร์ ● ภายในโรงมีการเพิ่มแสงสว่างขึ้น 30 % และปรับลดงระดับเสียงลง 20 % เพื่อให้เหมาะกับเด็กๆ มากขึ้น % Double Sofa Bed ที่นั่งพิเศษ เหมาะสำหรับครอบครัว ที่ออกแบบมาเฉพาะโรงคิดส์ ซีนีมาเท่านั้น สนุกและเพลิดเพลินกับกิจกรรม workshop, mascot, ที่พร้อมสร้างความสุขให้เด็กๆ ทุกสัปดาห์ • เปิดให้บริการทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ โดยปัจจุบันมีทั้งหมด 19 สาขา สามารถติดต่อปิดรอบ เหมาโรงภาพยนตร์ เพื่อจัดกิจกรรมเพื่อน้องๆ ชมภาพยนตร์ หรือจัดปาร์ตี้วันเกิดแบบ Kids Cinema ได้ Private ได้ที่โรงภาพยนตร์ เงื่อนไขการให้บริการ คิดส์ ซีนีมา เด็กส่วนสูงไม่เกิน 70 ซม. เข้าชมฟรี (สงวนสิทธิ์เฉพาะสมาชิก M GEN Kids เท่านั้น) ● สำหรับที่นั่งประเภท Double Sofa Bed กรณีเด็กสูงไม่เกิน 120 ซม. สามารถนั่งกับผู้ปกครองได้ • สามารถเช็กรอบเวลาภาพยนตร์ก่อนเข้าใช้บริการ ได้ที่แอปพลิเคชัน Major APP หรือตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ (ETicket) ที่หน้าโรงภาพยนตร์ (โดยสังเกตได้จากไอคอน Kids Cinema) ● ไม่สามารถนำอาหารภายในโรงภาพยนตร์ได้ และเครื่องดื่มจากร้านค้าภายนอก เข้ามาเพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณางดใช้โทรศัพท์มือถือและกล้องถ่ายรูปภายในโรงภาพยนตร์ (ถ่ายบรรยากาศ โรงภาพยนตร์ได้ แต่ไม่สามารถถ่ายติดภาพยนตร์ที่ฉายอยู่บนจอได้) ● สงวนสิทธิ์ผู้ใช้บริการเครื่องเล่นภายใน KIDS CINEMA สำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 5-12 ขวบ และมีส่วนสูงไม่เกิน 120 ซม. เท่านั้น (กรณีไม่เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ต้องมีผู้ปกครองดูแลอย่างใกล้ชิด) ● เพื่อความปลอดภัย ผู้ใช้บริการเครื่องเล่นภายในโรงภาพยนตร์ KIDS CINEMA จะต้องอยู่ในความดูแลของ ผู้ปกครองตลอดเวลา ผู้ใช้บริการต้องเล่นเครื่องเล่นอย่างถูกวิธีตามเงื่อนไขของเครื่องเล่นนั้นๆ ไม่เล่นผาดโผน หรือกิจกรรมใดก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่น ผู้ใช้บริการจะต้องล้างมือทำความสะอาดทุกครั้งก่อนเล่นเครื่องเล่นเพื่อความสะอาดถูกหลักอนามัย กรุณาถอดรองเท้าและสวมถุงเท้าก่อนเข้าใช้บริการเครื่องเล่นทุกชนิด ปฏิบัติตามกฎระเบียบและคำแนะนำจากพนักงานอย่างเคร่งครัด ทางโรงภาพยนตร์คิดส์ ซีนีมาไม่รับผิดชอบในกรณีบาดเจ็บ หรือทรัพย์สินสูญหายใดๆทุกกรณี คิดส์ ซีนีมาดูแลและใส่ใจความสะอาด ทำความสะอาดบ่อบอล ลูกบอล และอุปกรณ์เครื่องเล่นด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ทุกวัน ● ดูดฝุ่น ทำความสะอาดเก้าอี้ และ พื้น พรม ทุกรอบฉาย ผ้าห่ม ทำความสะอาด และ เปลี่ยนใหม่ทุกรอบฉาย อบโอโซน ฆ่าเชื้อ ทุกวัน บัตร M GEN Next Kids พร้อมสิทธิพิเศษมากมาย ● ซื้อตั๋วหนังราคาเด็ก เริ่มต้น 100 บาท ดูหนังฟรีในสัปดาห์เกิด 1 ที่นั่ง ● รับสิทธิ์ซื้อป๊อปคอร์น คิดส์เซ็ท เพียง 50 บาท (ป๊อปคอร์น 26 ออนซ์ + น้ำอัดลม 12 ออนซ์) รายชื่อภาพยนตร์ที่เข้าฉาย ที่โรงภาพยนตร์ คิดส์ ซีนีมา 24 เมษายน 2568 Doraemon the Movie 2020 : Nobita's New Dinosaur 1 พฤษภาคม 2568 The Day The Earth Blew Up : A Looney Tunes Movie 1 พฤษภาคม 2568 Doraemon The Movie 2022 : Nobita's Little Star Wars 8 พฤษภาคม 2568 Doraemon The Movie 2023 : Nobita's Sky Utopia 15 พฤษภาคม 2568 Doraemon the Movie 2024 : Nobita's Earth Symphony 22 พฤษภาคม 2568 Lilo & Stitch 11 มิถุนายน 2568 How to train your dragon 19 มิถุนายน 2568 Elio 2 กรกฎาคม 2568 Jurassic World 4 17 กรกฎาคม 2568 The Smurfs Movie 7 สิงหาคม 2568 The Bed Guys 2 9 ตุลาคม 2568 Gabby's Dollhouse: The Movie 27 พฤษจิกายน 2568 Zootopia2 18 ธันวาคม 2568 Avatar 3 สนใจปิดรอบเหมาโรง สร้างบรรยากาศแห่งความสุขในวันสำคัญที่ #คิดส์ซีนีมา #KidsCinema โรงภาพยนตร์สำหรับเด็กและครอบครัว GROUP BOOKING ปิดรอบชมภาพยนตร์ จัดกิจกรรม EVENT สำหรับเด็ก BIRTHDAY PARTIES ● PRIVATE PARTIES . CSR ACTIVITIES ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ผู้จัดการสาขา คุณเอ้ โทร. 095-601-3320 . รายชื่อผู้บริหารร่วมถ่ายภาพ 1. คุณดวงตา พงษ์วิไลย์ Vice President - Marketing The Mall Shopping Center 2. คุณวุธรวี จารุวัฒนะ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารธุรกิจโรงภาพยนตร์ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) 3. ผู้ช่วยศาสตราจารย์เรขา อินทรกำแหง ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา 4. นายชุตินันท์ ทองคำ ตำแหน่ง รองผู้อำนวยการสำนักศิลปะและวัฒนธรรม ฝ่ายพัฒนาแหล่งเรียนรู้แลนวัตกรรมการสื่อสาร มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา 5. คุณวิชัย สถิตเดชกุญชร กรรมการหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา 6. คุณปอ คุณสุพัธนี วินิจฉัยกุล - ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป (Assistant General Manager - Tenant)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 586 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปิดเทอม หน้าร้อนวัดต่างๆทั่วประเทศไทย บวชเณรภาคฤดูร้อน ..ชาวพุทธก็ช่วยทำนุบำรุงพุทธศาสนา
    ปิดเทอม หน้าร้อนวัดต่างๆทั่วประเทศไทย บวชเณรภาคฤดูร้อน ..ชาวพุทธก็ช่วยทำนุบำรุงพุทธศาสนา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 235 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่วงนี้มีกระแสเรื่องหนังสือเรียนเด็กชั้นประถมบ้านเรา ทำให้ Storyฯ เกิด ‘เอ๊ะ’ ว่าแล้วในสมัยจีนโบราณ เด็กๆ เรียนอะไร ผ่านตาในซีรีส์ก็จะเห็นเด็กท่องกันไปยาวๆ อย่างเช่นใน <สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบลี้> ตอนที่พระเอกลงไปผ่านด่านเคราะห์ในโลกมนุษย์

    วันนี้เลยมาคุยกันคร่าวๆ เรื่องการศึกษาของเด็กในสมัยจีนโบราณ ซึ่งโดยรวมเรียกว่า ‘เหมิงเสวี๋ย’ (蒙学) หมายถึงการเรียนเพื่อปูพื้นฐานหรือก็คือการเรียนของเด็ก

    เริ่มกันจากที่ว่า เขาเริ่มเข้าเรียนกันตอนอายุเท่าไหร่? เรื่องอายุการเริ่มเรียนมีเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยพร้อมๆ กับการจัดระเบียบด้านการศึกษา เดิมเด็กๆ เริ่มเรียนกันได้ตั้งแต่สี่ขวบ เข้าเรียนได้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ใบไม้ร่วงและฤดูหนาว (ต่อมาในสมัยราชวงศ์เหนือใต้จึงเปลี่ยนมาเป็นเปิดเทอมตอนฤดูหนาวเป็นหลัก) ต่อมาในสมัยถังเริ่มเรียนกันที่ 6-7 ขวบ ต่อมาสมัยหมิงและชิงมีจัดตั้งโรงเรียนให้ประชาชนได้เรียนกันอย่างแพร่หลายโดยมีช่วงอายุ 8-15 ปี

    แล้วเขาเรียนอะไร? ตั้งแต่สมัยโบราณมีการแบ่งแยกการสอนเด็กเล็กและเด็กโตโดยจัดเนื้อหาแตกต่างกัน มีตัวอย่างให้เห็นจากการเรียนของราชนิกุลสมัยราชวงศ์เซี่ย ซังและโจว แม้แต่ในบทสอนของขงจื๊อก็มีการแยกระหว่างเด็กเล็กเด็กโต สำหรับเด็กเล็กเน้นให้อ่านออกเขียนได้ โตขึ้นอีกหน่อยก็เริ่มเรียนพวกบทกวีและบทความและปูพื้นฐานสำหรับเรียน ‘สี่หนังสือ’ (ซื่อซู/四书) ว่าด้วยปรัชญาต่างๆ ของขงจื้อเมื่อโตขึ้นอีกหน่อย

    แต่อย่าลืมว่าการเรียนหนังสือแต่เดิมเป็นเอกสิทธิ์ของราชนิกูลและลูกหลานตระกูลผู้ดีหรือลูกหลานข้าราชการ ต่อมาจึงมีการเปิดโรงเรียนทั้งของรัฐบาลและเอกชน และมีการพัฒนาเอกสารการเรียนการสอนมากขึ้น นับแต่สมัยซ่งมา หนังสือสำหรับเด็กเล็กที่สำคัญและใช้เป็นหลัก เดิมมีอยู่สามเล่ม เรียกรวมว่า ‘สามร้อยพัน’ (ซานป่ายเชียน/三百千) ต่อมาเพิ่มมาอีก ‘พัน’ เป็น ‘สามร้อยพันพัน’ (ซานป่ายเชียนเชียน/三百千千) สรุปได้ดังนี้

    - ‘สาม’ หมายถึง ‘คัมภีร์สามอักษร’ (ซานจื้อจิง /三字经) เป็นตำราที่มีขึ้นในสมัยซ่งใต้ มีทั้งหมด 1,722 อักษร (โอ้โห... สงสารเด็กเลย!) เนื้อหารวมความรู้พื้นฐานเช่น ประวัติศาสตร์สำคัญ ความรู้ทั่วไป (เช่นทิศ เวลา ฤดูกาล) และหลักคุณธรรม ลักษณะการเขียนแบ่งเป็นวรรคละสามอักษร ประโยคละสองวรรค วรรคแรกคือเนื้อหาที่ต้องการกล่าวถึง วรรคหลังคือคำอธิบายเหตุผลหรือสาระของมัน เช่น ตัวอย่างสองประโยคแรก อธิบายว่า อันคนเรานั้นแต่เดิมมีจิตใจดี นิสัยใจคอธรรมชาติให้มาใกล้เคียงกัน แต่เมื่อฝึกฝนกันไปความแตกต่างก็จะยิ่งมากขึ้น เป็นต้น มีเว็บไทยอธิบายไว้ ลองไปอ่านดูนะคะ (https://pasajeen.com/three-character-classic/)
    - ‘ร้อย’ หมายถึง ‘หนึ่งร้อยแซ่’ (ป่ายเจียซิ่ง / 百家姓) แต่จริงๆ รวมไว้ทั้งหมด 504 แซ่ มีมาแต่สมัยซ่งเหนือ ไว้ให้หัดจำตัวอักษร แฝงไว้ซึ่งความสำคัญของวงศ์ตระกูล (สงสารเด็กอีกแล้ว อักษรจีนจำยากนะ)
    - ‘พัน’ หมายถึง ‘บทความพันอักษร’ (เชียนจื้อเหวิน / 千字文) เป็นหนังสือโบราณตั้งแต่ยุคราชวงศ์ใต้ (ค.ศ. 502-549) โดยครั้งนั้นฮ่องเต้เหลียงอู่ตี้ให้ขุนนางเลือกอักษรออกมาหนึ่งพันตัว แล้วเอามาเรียงร้อยจนได้เป็นบทความ แบ่งเป็นวรรคละสี่อักษร Storyฯ ได้ลองอ่านแล้วถึงกับถอดใจว่าอ่านเข้าใจยากมาก ต้องไปอ่านที่เขาแปลมาให้เข้าใจง่ายๆ อีกที สรุปใจความประมาณว่าธาตุทั้งหลายก่อเกิดเป็นสรรพสิ่ง สอดแทรกความรู้ทั่วไปเข้าไปเช่นว่า น้ำทะเลนั้นเค็ม น้ำจืดนั้นรสจาง เล่าต่อเป็นเรื่องการปกครองแว่นแคว้นให้ประชาชนอยู่อย่างสงบสุข สอดแทรกหลักคุณธรรมของกษัตริย์ เล่าเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ สอดแทรกแนวปฏิบัติเช่น ความกตัญญูต่อพ่อแม่ การวางตัวให้มีจริยธรรม การแต่งกายอย่างสะอาดสุภาพ ฯลฯ
    - อีก ‘พัน’ สุดท้ายคือ ‘บทกวีพันเรือน’ (เชียนเจียซือ /千家诗) จัดทำขึ้นในสมัยชิง เป็นหนังสือที่รวบรวมบทกวีและวลีเด็ดของยุคสมัยถังและซ่ง (แม้จะมีของสมัยหยวนและหมิงปนมาบ้างแต่น้อยมาก) รวมทั้งสิ้น 226 ชิ้นงาน เน้นการสอนอ่านให้คล่อง ออกเสียงให้ชัด และมีจังหวะจะโคน

    หนังสือเรียนเด็กยังมีอีกไม่น้อย ใครท่องได้ไวเรียนเก่งก็พัฒนาไวไปจนอ่านบันทึกพิธีการโจวหลี่และซื่อซูของขงจื๊อได้แม้จะเป็นแค่เด็กตัวกะเปี๊ยก แต่แค่ที่เขียนมาข้างต้น Storyฯ ก็รู้สึกเหนื่อยแทนแล้ว มิน่าล่ะ เราถึงเห็นฉากในละครบ่อยๆ เวลาเด็กท่องหนังสือก็ร่ายกันไปยาวๆ หัวก็โคลงหมุนไปตามจังหวะการท่องด้วย แล้วเพื่อนเพจล่ะคะ รู้สึกยังไงกันบ้าง?

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    http://www.fakutownee.cn/wenti/yule/16786.html
    https://www.sohu.com/a/584299187_161835
    https://wang-tobeboss.com/archives/1449
    https://www.hrxfw.com/fjbk/fjdj/2682.html
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/323332934
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/三百千千/10984837
    https://www.lzs100.com/post/565.html
    https://www.sohu.com/a/584299187_161835
    https://baike.baidu.com/item/蒙学/5024354

    #หนังสือเรียนจีนโบราณ #เหมิงเสวี๋ย #คัมภีร์สามอักษร #ซานจื้อจิง #ร้อยตระกูล #ร้อยแซ่ #ป่ายเจียซิ่ง #พันอักษร #เชียนจื้อเหวิน #กวีพันเรือน #เชียนเจียซือ
    ช่วงนี้มีกระแสเรื่องหนังสือเรียนเด็กชั้นประถมบ้านเรา ทำให้ Storyฯ เกิด ‘เอ๊ะ’ ว่าแล้วในสมัยจีนโบราณ เด็กๆ เรียนอะไร ผ่านตาในซีรีส์ก็จะเห็นเด็กท่องกันไปยาวๆ อย่างเช่นใน <สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบลี้> ตอนที่พระเอกลงไปผ่านด่านเคราะห์ในโลกมนุษย์ วันนี้เลยมาคุยกันคร่าวๆ เรื่องการศึกษาของเด็กในสมัยจีนโบราณ ซึ่งโดยรวมเรียกว่า ‘เหมิงเสวี๋ย’ (蒙学) หมายถึงการเรียนเพื่อปูพื้นฐานหรือก็คือการเรียนของเด็ก เริ่มกันจากที่ว่า เขาเริ่มเข้าเรียนกันตอนอายุเท่าไหร่? เรื่องอายุการเริ่มเรียนมีเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยพร้อมๆ กับการจัดระเบียบด้านการศึกษา เดิมเด็กๆ เริ่มเรียนกันได้ตั้งแต่สี่ขวบ เข้าเรียนได้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ใบไม้ร่วงและฤดูหนาว (ต่อมาในสมัยราชวงศ์เหนือใต้จึงเปลี่ยนมาเป็นเปิดเทอมตอนฤดูหนาวเป็นหลัก) ต่อมาในสมัยถังเริ่มเรียนกันที่ 6-7 ขวบ ต่อมาสมัยหมิงและชิงมีจัดตั้งโรงเรียนให้ประชาชนได้เรียนกันอย่างแพร่หลายโดยมีช่วงอายุ 8-15 ปี แล้วเขาเรียนอะไร? ตั้งแต่สมัยโบราณมีการแบ่งแยกการสอนเด็กเล็กและเด็กโตโดยจัดเนื้อหาแตกต่างกัน มีตัวอย่างให้เห็นจากการเรียนของราชนิกุลสมัยราชวงศ์เซี่ย ซังและโจว แม้แต่ในบทสอนของขงจื๊อก็มีการแยกระหว่างเด็กเล็กเด็กโต สำหรับเด็กเล็กเน้นให้อ่านออกเขียนได้ โตขึ้นอีกหน่อยก็เริ่มเรียนพวกบทกวีและบทความและปูพื้นฐานสำหรับเรียน ‘สี่หนังสือ’ (ซื่อซู/四书) ว่าด้วยปรัชญาต่างๆ ของขงจื้อเมื่อโตขึ้นอีกหน่อย แต่อย่าลืมว่าการเรียนหนังสือแต่เดิมเป็นเอกสิทธิ์ของราชนิกูลและลูกหลานตระกูลผู้ดีหรือลูกหลานข้าราชการ ต่อมาจึงมีการเปิดโรงเรียนทั้งของรัฐบาลและเอกชน และมีการพัฒนาเอกสารการเรียนการสอนมากขึ้น นับแต่สมัยซ่งมา หนังสือสำหรับเด็กเล็กที่สำคัญและใช้เป็นหลัก เดิมมีอยู่สามเล่ม เรียกรวมว่า ‘สามร้อยพัน’ (ซานป่ายเชียน/三百千) ต่อมาเพิ่มมาอีก ‘พัน’ เป็น ‘สามร้อยพันพัน’ (ซานป่ายเชียนเชียน/三百千千) สรุปได้ดังนี้ - ‘สาม’ หมายถึง ‘คัมภีร์สามอักษร’ (ซานจื้อจิง /三字经) เป็นตำราที่มีขึ้นในสมัยซ่งใต้ มีทั้งหมด 1,722 อักษร (โอ้โห... สงสารเด็กเลย!) เนื้อหารวมความรู้พื้นฐานเช่น ประวัติศาสตร์สำคัญ ความรู้ทั่วไป (เช่นทิศ เวลา ฤดูกาล) และหลักคุณธรรม ลักษณะการเขียนแบ่งเป็นวรรคละสามอักษร ประโยคละสองวรรค วรรคแรกคือเนื้อหาที่ต้องการกล่าวถึง วรรคหลังคือคำอธิบายเหตุผลหรือสาระของมัน เช่น ตัวอย่างสองประโยคแรก อธิบายว่า อันคนเรานั้นแต่เดิมมีจิตใจดี นิสัยใจคอธรรมชาติให้มาใกล้เคียงกัน แต่เมื่อฝึกฝนกันไปความแตกต่างก็จะยิ่งมากขึ้น เป็นต้น มีเว็บไทยอธิบายไว้ ลองไปอ่านดูนะคะ (https://pasajeen.com/three-character-classic/) - ‘ร้อย’ หมายถึง ‘หนึ่งร้อยแซ่’ (ป่ายเจียซิ่ง / 百家姓) แต่จริงๆ รวมไว้ทั้งหมด 504 แซ่ มีมาแต่สมัยซ่งเหนือ ไว้ให้หัดจำตัวอักษร แฝงไว้ซึ่งความสำคัญของวงศ์ตระกูล (สงสารเด็กอีกแล้ว อักษรจีนจำยากนะ) - ‘พัน’ หมายถึง ‘บทความพันอักษร’ (เชียนจื้อเหวิน / 千字文) เป็นหนังสือโบราณตั้งแต่ยุคราชวงศ์ใต้ (ค.ศ. 502-549) โดยครั้งนั้นฮ่องเต้เหลียงอู่ตี้ให้ขุนนางเลือกอักษรออกมาหนึ่งพันตัว แล้วเอามาเรียงร้อยจนได้เป็นบทความ แบ่งเป็นวรรคละสี่อักษร Storyฯ ได้ลองอ่านแล้วถึงกับถอดใจว่าอ่านเข้าใจยากมาก ต้องไปอ่านที่เขาแปลมาให้เข้าใจง่ายๆ อีกที สรุปใจความประมาณว่าธาตุทั้งหลายก่อเกิดเป็นสรรพสิ่ง สอดแทรกความรู้ทั่วไปเข้าไปเช่นว่า น้ำทะเลนั้นเค็ม น้ำจืดนั้นรสจาง เล่าต่อเป็นเรื่องการปกครองแว่นแคว้นให้ประชาชนอยู่อย่างสงบสุข สอดแทรกหลักคุณธรรมของกษัตริย์ เล่าเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ สอดแทรกแนวปฏิบัติเช่น ความกตัญญูต่อพ่อแม่ การวางตัวให้มีจริยธรรม การแต่งกายอย่างสะอาดสุภาพ ฯลฯ - อีก ‘พัน’ สุดท้ายคือ ‘บทกวีพันเรือน’ (เชียนเจียซือ /千家诗) จัดทำขึ้นในสมัยชิง เป็นหนังสือที่รวบรวมบทกวีและวลีเด็ดของยุคสมัยถังและซ่ง (แม้จะมีของสมัยหยวนและหมิงปนมาบ้างแต่น้อยมาก) รวมทั้งสิ้น 226 ชิ้นงาน เน้นการสอนอ่านให้คล่อง ออกเสียงให้ชัด และมีจังหวะจะโคน หนังสือเรียนเด็กยังมีอีกไม่น้อย ใครท่องได้ไวเรียนเก่งก็พัฒนาไวไปจนอ่านบันทึกพิธีการโจวหลี่และซื่อซูของขงจื๊อได้แม้จะเป็นแค่เด็กตัวกะเปี๊ยก แต่แค่ที่เขียนมาข้างต้น Storyฯ ก็รู้สึกเหนื่อยแทนแล้ว มิน่าล่ะ เราถึงเห็นฉากในละครบ่อยๆ เวลาเด็กท่องหนังสือก็ร่ายกันไปยาวๆ หัวก็โคลงหมุนไปตามจังหวะการท่องด้วย แล้วเพื่อนเพจล่ะคะ รู้สึกยังไงกันบ้าง? (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: http://www.fakutownee.cn/wenti/yule/16786.html https://www.sohu.com/a/584299187_161835 https://wang-tobeboss.com/archives/1449 https://www.hrxfw.com/fjbk/fjdj/2682.html https://zhuanlan.zhihu.com/p/323332934 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/三百千千/10984837 https://www.lzs100.com/post/565.html https://www.sohu.com/a/584299187_161835 https://baike.baidu.com/item/蒙学/5024354 #หนังสือเรียนจีนโบราณ #เหมิงเสวี๋ย #คัมภีร์สามอักษร #ซานจื้อจิง #ร้อยตระกูล #ร้อยแซ่ #ป่ายเจียซิ่ง #พันอักษร #เชียนจื้อเหวิน #กวีพันเรือน #เชียนเจียซือ
    PASAJEEN.COM
    คัมภีร์ภาษาจีน สามอักษร 三字经 | ภาษาจีน.คอม "เปิดโลกอักษรจีน เปิดโลกภาษาจีน"
    เสน่ห์ของ 三字经 อยู่ที่การท่องทีละ 3 คำ และแม้มีการแบ่งคำ แบ่ง 3 คำๆก็จริง ยังแยกเป็นคู่ๆ สังเกตุจากเครื่องหมายวรรคตอน โดย 3 ตัวแรก อาจบอกสาเหตุ 3 ตัวหลังบอกผล หรือ 3 ตัวแรก อาจบอกอะไรสักอย่าง 3 ตัวหลังขยายความ คู่ ที่ 1 人之初,性本善。คู่ที่ 1 3 ตัวแรกบอกว่า กำเนิดของมนุษย์ หรือธรรมชาติดั้งเดิมของคน 3 ตัวหลังบอกว่า พื้นฐานจิตใจมีเมตตากรุณา คู่ ที่ 2 性相近,习相远。 3 ตัวแรกบอกว่า จิตใจอารมณ์มนุษย์ทุกคนธรรมชาติให้มาใกล้เคียง 3 ตัวหลังบอกว่า การฝึกหัด (อาจดีหรือเลว อยู่ที่สิ่งแวดล้อม) ทำให้คนห่างไกลกัน คนเราพื้นฐานล้วนคล้ายคลึงกันคือเป็นคนดี แต่สิ่งแวดล้อมที่ทำให้คนแตกต่างกัน อันนี้เป็นความเชื่อ ที่นำไปสู่ทัศนคติ การอบรม ลัทธิต่างๆอีกมากมาย บางระบบอย่างฝรั่ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1000 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผลตรวจผ้าผกก.โจ้ ไม่พบดีเอ็นเอคนอื่น : [NEWS UPDATE]
    พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง เผยผลตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์คดี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้ ออกแล้ว ซึ่งจะส่งผลทั้งหมดให้พนักงานสอบสวนดำเนินการต่อ
    ทั้งนี้ มีรายงานว่ามีการพิสูจน์หลักฐาน 2 ชิ้น คือ ผ้าขนหนูที่ใช้ผูกคอ จากการตรวจดีเอ็นเอไม่พบความผิดปกติ ไม่พบดีเอ็นเอบุคคลอื่น โดยผ้าขนหนูผืนนี้เป็นของใช้ส่วนตัวของอดีตผู้กำกับโจ้ ที่ใช้ตั้งแต่อยู่แดน 7 และเชื่อว่านำมาใช้ต่อเนื่อง ส่วนรอยหยดเลือดที่ปรากฏบนพื้นห้องขัง เชื่อว่าเป็นเลือดของอดีตผู้กำกับโจ้ เป็นบาดแผลคล้ายรอยสัตว์กัด


    หา รมต. วิญญูชนยาก

    ดักคออย่าขวางอภิปราย

    ห่วงเด็กจมน้ำช่วงปิดเทอม

    สงครามการค้าฉุดเศรษฐกิจ
    ผลตรวจผ้าผกก.โจ้ ไม่พบดีเอ็นเอคนอื่น : [NEWS UPDATE] พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง เผยผลตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์คดี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้ ออกแล้ว ซึ่งจะส่งผลทั้งหมดให้พนักงานสอบสวนดำเนินการต่อ ทั้งนี้ มีรายงานว่ามีการพิสูจน์หลักฐาน 2 ชิ้น คือ ผ้าขนหนูที่ใช้ผูกคอ จากการตรวจดีเอ็นเอไม่พบความผิดปกติ ไม่พบดีเอ็นเอบุคคลอื่น โดยผ้าขนหนูผืนนี้เป็นของใช้ส่วนตัวของอดีตผู้กำกับโจ้ ที่ใช้ตั้งแต่อยู่แดน 7 และเชื่อว่านำมาใช้ต่อเนื่อง ส่วนรอยหยดเลือดที่ปรากฏบนพื้นห้องขัง เชื่อว่าเป็นเลือดของอดีตผู้กำกับโจ้ เป็นบาดแผลคล้ายรอยสัตว์กัด หา รมต. วิญญูชนยาก ดักคออย่าขวางอภิปราย ห่วงเด็กจมน้ำช่วงปิดเทอม สงครามการค้าฉุดเศรษฐกิจ
    Like
    Love
    Haha
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1671 มุมมอง 50 0 รีวิว
  • ถกเดือดพิมพ์แบบเรียน สกสค. ส่อกีดกัน บ.รุ่งศิลป์ เสนอราคาต่ำสุด ไม่ได้สักรายการ
    .
    “กมธ.ป.ป.ช. สภาฯ” ถกเดือดโครงการพิมพ์แบบเรียนปี 68 งบฯพันล้าน “ก.บัญชีกลาง” จัดหนัก “องค์การค้าของ สกสค.” เจตนากีดกันแข่งขัน แถมส่อล็อกสเปกกระดาษ ส่อปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ทั้งที่เคยแจ้งว่าขัด กม.จัดซื้อฯ “รุ่งศิลป์ฯ” โอดไม่ได้งานแม้แต่รายการเดียว ทั้งที่เสนอราคาต่ำกว่าอื้อ “องค์การค้าฯ” ขยี้เหตุส่งหนังสือปี 67 ไม่ทัน จนถูกบอกเลิกสัญญา เจองัดหนังสือฝ่ายผลิต องค์การค้าฯ เซ็นยอมรับส่งปกไม่ครบสวน
    .
    เมื่อวันที่ 6 มี.ค.68 ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธาน กมธ.ป.ป.ช.เป็นประธานในที่ประชุม มีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนขอให้ตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างโครงการจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ งบประมาณ 1,060 ล้านบาท ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) ที่มีลักษณะกีดกันการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ซึ่ง บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (1997) จำกัด (บจ.รุ่งศิลป์ฯ) ที่เป็นผู้ร่วมเสนอราคายื่นร้องเรียนต่อ กมธ.ฯ
    .
    ในการประชุมได้เชิญ ผู้แทน บจ.รุ่งศิลป์ฯ หรือโรงพิมพ์รุ่งศิลป์ ในฐานะผู้ร้อง, ผู้แทนองค์การค้าของ สกสค. ในฐานะผู้ถูกร้อง และผู้แทนจากหน่วยงานสังกัดกระทรวงศึกษาธิการที่เกี่ยวข้อง รวมถึง ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ในฐานะกำกับดูแลระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เข้าร่วมชี้แจง
    .
    นายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธาน กมธ.ฯ คนที่ 1 ได้สอบถามถึงประเด็นที่ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ได้ร้องเรียนว่า ในขอบเขตงาน (ทีโออาร์) ของโครงการฯ ทั้งครั้งที่เปิดประกวดราคาโดยวิธี e-bidding ซึ่งยกเลิกไปแล้ว และการประกวดราคาโดยวิธีคัดเลือก มีการระบุถึงคุณสมบัติผู้เข้าร่วมเสนอราคาว่า ต้องไม่เป็นผู้ที่ถูกองค์การค้าของ สกสค.บอกเลิกสัญญาในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่ง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ระบุว่า ถูก องค์การค้าของ สกสค.บอกเลิกสัญญาบางรายการของโครงการจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2567 อย่างไม่เป็นธรรม และมีการเรียกร้องค่าเสียจากทางองค์การค้าของ สกสค. รวมทั้งคดีที่ฟ้องร้องต่อศาลปกครองก็ยังไม่สิ้นสุด จึงมองว่าเป็นการกีดกัน บจ.รุ่งศิลป์ฯ ในแข่งขันโครงการฯ ปี 2568 ซึ่ง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็ได้ร้องเรียนไปยัง กรมบัญชีกลาง รวมถึงยื่นคำร้องต่อ ศาลปกครองกลาง และอยู่ระหว่างการไต่สวนด้วย
    .
    ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ชี้แจงว่า กรณีกีดกันนี้ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ได้ร้องเรียนมายังกรมฯ 2 ครั้ง คือเมื่อวันที่ 2 ม.ค.68 ขณะมีการประกวดราคาโดยวิธี e-bidding ที่ได้ยกเลิกไปแล้ว ถือว่าคำร้องสิ้นสุด และเมื่อวันที่ 27 ก.พ.68 ช่วงประกวดราคาโดยวิธีการคัดเลือก ซึ่งอยู่ในระหว่างหาข้อมูลประกอบเพื่อพิจารณา จึงยังไม่ได้ตอบกลับข้อร้องเรียนกับทาง บจ.รุ่งศิลป์ฯ อย่างไรก็ตามเมื่อโครงการฯปี 2567 ทาง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็เคยได้หารือในกรณีถูกกีดกันมาเช่นกัน กรมฯ ก็เคยตอบกลับแล้วว่า การกำหนดคุณสมบัติผู้เสนอราคาว่า ต้องไม่เคยถูกบอกเลิกสัญญา หรือเคยทำให้หน่วยงานเสียหาย ไม่สามารถกำหนดในทีโออาร์ได้ เพราะขัดกับมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 (พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ)
    .
    “โดยหลักการ ไม่ว่าจะประกวดราคาด้วยวิธีการใด หากระบุในทีโออาร์เกี่ยวกับคุณสมบัติการถูกบอกเลิกสัญญา หรือทำให้หน่วยงานเสียหายในลักษณะนี้ ถือเป็นการกีดกันทั้งสิ้น ซึ่งกรมฯ ได้เคยตอบข้อหารือไปหมดแล้วว่าขัดกฎหมาย แต่หน่วยงานจะปรับแก้ไข หรือนำไปดำเนินการอย่างไร กรมฯ ไม่อาจรับรู้ได้ทุกรายการ แต่ยืนยันว่าการระบุคุณสมบัติเช่นนี้ไม่เป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย” ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ระบุ
    .
    ถึงช่วงนี้ นายธีรัจชัย ที่ผลัดทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมกล่าวสรุปว่า “กรณีที่ กรมบัญชีกลาง มีความเห็น หรือเคยเตือนแล้วว่า ขัดต่อกฎหมาย แต่หน่วยงานยังดำเนินการต่ออีก ก็ถือว่าเจตนาที่จะกีดกัน เข้าข่ายการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” ซึ่งในที่ประชุมไม่มีผู้คัดค้านถ้อยคำดังกล่าว
    .
    อย่างไรก็ตามในช่วงนี้ ผู้แทนองค์การค้าของ สกสค. รวมถึงผู้แทนหน่วยงานสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ยังไม่ได้รับเชิญเข้าห้องประชุม
    .
    นายนัทธพลพงศ์ จิวัจฉรานุกูล รองกรรมการผู้จัดการ บจ.รุ่งศิลป์ฯ กล่าวต่อประชุมเสริมว่า ในการประกวดราคาโครงการฯ ปี 2568 โดยวิธีการคัดเลือก บริษัทฯก็ได้เข้าร่วมเสนอราคาด้วย และหลังจากมีการประกาศผลการประกวดราคา ปรากฎว่า บริษัทฯ ไม่ได้รับการคัดเลือกแม้แต่รายการเดียว ทั้งที่มีอย่างน้อย 30 จาก 145 รายการ ที่บริษัทฯเสนอราคาต่ำกว่าผู้ชนะการประกวดราคาค่อนข้างมาก จึงเชื่อว่ามีการใช้เงื่อนไขที่ระบุในทีโออาร์ในเรื่องการถูกบอกเลิกสัญญา รวมถึงต้องเป็นผู้ที่ไม่เคยทำให้ องค์การค้าของ สกสค.เสียหาย มากีดกันโดยตัดคะแนน หรือตัดคุณสมบัติบริษัทฯ อย่างไม่เป็นธรรม
    .
    “เรายังไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริงว่า เหตุใดที่เราซึ่งเสนอราคาต่ำกว่าผู้ชนะในหลายรายการ แล้วแต่ละรายการก็ต่ำกว่าค่อนข้างมาก แต่กลับไม่ได้คัดเลือกเป็นผู้รับจ้างแม้แต่รายการเดียว เพราะประกาศของ องค์การค้าของ สกสค.มีเฉพาะรายชื่อผู้ชนะการประกวดราคา 145 รายการของโครงการฯ แต่ไม่ได้แนบแบบฟอร์มรายละเอียดการให้คะแนนแต่ละรายการตามที่ กรมบัญชีกลาง กำหนด อีกทั้งการประกวดราคาโดยการคัดเลือกครั้งนี้เลือกใช้ข้อ (ค.) ที่ใช้เหตุความจำเป็นเร่งด่วน ทำให้ไม่สามารถอุทธรณ์ผลการประกวดราคาได้ และทำได้เพียงร้องเรียนต่อ กรมบัญชีกลาง รวมถึงอาจจะยื่นฟ้องต่อศาลเท่านั้น“ นายนัทธพลพงศ์ กล่าว
    .
    นอกจากนี้ที่ประชุม กมธ.ฯ ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การที่หน่วยงานใช้เกณฑ์การประเมินค่าประสิทธิภาพต่อราคา (Price Performance) ในการประกวดราคาอาจเปิดช่องให้มีการกำหนดคุณสมบัติส่อไปในทางล็อกสเปกได้ โดยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้างที่มีความซับซ้อนทางเทคนิค อย่างโครงการจัดพิมพ์หนังสือแบบเรียนขององค์การค้าของ สกสค.ในช่วงหลัง ก็มีการกำหนดคุณสมบัติกระดาษ ที่มีข้อร้องเรียนว่า ไปตรงกับคุณสมบัติกระดาษของผู้นำเข้าเพียงรายเดียวในประเทศไทย
    .
    ผู้แทนกรมบัญชีกลาง กล่าวตอบว่า เป็นดุลพินิจของแต่ละหน่วยงานที่จะกำหนดใช้เกณฑ์ Price Performance หรือไม่ แต่เมื่อนำมาใช้ หน่วยงานต้องกำหนดเกณฑ์ให้ชัดเจนเพื่อให้มีการแข่งขันในด้านคุณภาพอย่างแท้จริง ซึ่งบางกรณี กรมบัญชีกลาง ก็ไม่อาจล่วงรู้ถึงเหตุผลความจำเป็นจริงๆ
    .
    “แต่ถ้าเป็นไปตามที่ กมธ.ระบุว่า กำหนดคุณสมบัติกระดาษแล้วไปตรงกับของรายใดรายหนึ่งในประเทศก็แบบนี้ถือว่า ล็อกสเปก เพราะตามกฎหมายต้องมีผู้ค้าอย่างน้อย 3 ราย” ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ระบุ
    .
    ขณะที่ ผู้แทนองค์การค้าของ สกสค.ซึ่งเข้าร่วมชี้แจงในช่วงท้าย ได้เน้นประเด็นคุณสมบัติของ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ว่า ในการรับจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปี 2567 นั้น บจ.รุ่งศิลป์ฯ ส่งหนังสือบางรายการไม่ทันตามกำหนดโดยอ้างว่าได้รับปกหนังสือจากองค์การค้าฯ ไม่ครบ ตามกระบวนการ องค์การค้าฯ ก็จำเป็นต้องบอกเลิกสัญญา และเรียกค่าเสียหายตามสัญญา เนื่องจากในความเป็นจริง องค์การค้าฯ ได้ส่งปกหนังสือให้ตามกำหนด และมีเกินจำนวนสำรองไปด้วย ทาง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็ลงนามรับปกหนังสือไปเป็นที่เรียบร้อย แต่กลับทำหนังสือโต้แย้งหลังผ่านไปเกินกว่า 20 วันว่า ได้รับปกหนังสือไม่ครบ จึงไม่ถือเป็นความผิดพลาดองค์การค้าฯ แต่เป็นความไม่พร้อมของ บจ.รุ่งศิลป์ฯ เอง อีกทั้ง องค์การค้าฯ ก็ได้สั่งผลิตปกหนังสือเพิ่มกลับไปให้ เพราะต้องการหนังสือให้กับเด็กนักเรียนทันเปิดเทอม นอกจากนี้ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็ได้ขอขยายระยะเวลาสัญญา เนื่องจากจัดส่งหนังสือได้ไม่ทันตามกำหนดด้วย
    .
    ด้าน ผู้แทน บจ.รุ่งศิลป์ฯ ชี้แจงว่า ปกหนังสือทั้งหมดตามรายการที่บริษัทฯ ได้รับว่าจ้างมีจำนวนมาก และแพ็คส่งมาในพาเลท มีการทยอยส่งมาเป็นระยะ คละกันหลายรายการ บริษัทฯ จึงไม่ได้ตรวจนับขณะได้รับจริงๆ ว่าครบถ้วนถูกต้องหรือไม่ ก่อนมาพบภายหลังว่าไม่ครบตามจำนวน และบางส่วนยังชำรุดด้วย เมื่อพบปัญหาก็ได้ทำการโต้แย้งไปยังองค์การค้าของ สกสค. และก็มีผู้รับผิดชอบขององค์การค้าของ สกสค.ลงนามรับทราบว่า ส่งปกหนังสือไม่ครบจริงๆ โดยจะขอนำส่งเอกสารดังกล่าวให้กับ กมธ.ฯ เพื่อรปะกอบการพิจารณากรณีนี้
    .
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเอกสารที่ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ยื่นเพิ่มเติมให้แก่ กมธ.ฯนั้น เป็นบันทึกข้อความที่ สำนักบริหารการผลิต ฝ่ายการผลิต องค์การค้าของ สกสค. ลงวันที่ 11 เม.ย.67 ลงนามโดย หัวหน้าฝ่ายการผลิต องค์การค้าของ สกสค. ทำถึง บจ.รุ่งศิลป์ฯ เรื่อง ขอยืนยันจะส่งปกเพิ่มให้ครบจำนวนสั่งผลิต โดยระบุข้อความตอนหนึ่งว่า ”ได้มีการตรวจนับปกแต่ละรายการ พบว่าจำนวนใบพิมพ์ในแต่ละพาเลทมีจำนวนน้อยกว่าในใบแจ้งสถานะ องค์การค้าฯ จึงขอแจ้งกับทางบริษัทฯ ว่า ทางองค์การค้าฯ จะติดตาม ประสานงาน นำปกที่ทางบริษัทฯ แจ้งขาดจำนวน ส่งเพิ่มให้ตามจำนวนที่ทางบริษัทฯ แจ้งมา”.
    ............
    Sondhi X
    ถกเดือดพิมพ์แบบเรียน สกสค. ส่อกีดกัน บ.รุ่งศิลป์ เสนอราคาต่ำสุด ไม่ได้สักรายการ . “กมธ.ป.ป.ช. สภาฯ” ถกเดือดโครงการพิมพ์แบบเรียนปี 68 งบฯพันล้าน “ก.บัญชีกลาง” จัดหนัก “องค์การค้าของ สกสค.” เจตนากีดกันแข่งขัน แถมส่อล็อกสเปกกระดาษ ส่อปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ทั้งที่เคยแจ้งว่าขัด กม.จัดซื้อฯ “รุ่งศิลป์ฯ” โอดไม่ได้งานแม้แต่รายการเดียว ทั้งที่เสนอราคาต่ำกว่าอื้อ “องค์การค้าฯ” ขยี้เหตุส่งหนังสือปี 67 ไม่ทัน จนถูกบอกเลิกสัญญา เจองัดหนังสือฝ่ายผลิต องค์การค้าฯ เซ็นยอมรับส่งปกไม่ครบสวน . เมื่อวันที่ 6 มี.ค.68 ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธาน กมธ.ป.ป.ช.เป็นประธานในที่ประชุม มีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนขอให้ตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างโครงการจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ งบประมาณ 1,060 ล้านบาท ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) ที่มีลักษณะกีดกันการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ซึ่ง บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (1997) จำกัด (บจ.รุ่งศิลป์ฯ) ที่เป็นผู้ร่วมเสนอราคายื่นร้องเรียนต่อ กมธ.ฯ . ในการประชุมได้เชิญ ผู้แทน บจ.รุ่งศิลป์ฯ หรือโรงพิมพ์รุ่งศิลป์ ในฐานะผู้ร้อง, ผู้แทนองค์การค้าของ สกสค. ในฐานะผู้ถูกร้อง และผู้แทนจากหน่วยงานสังกัดกระทรวงศึกษาธิการที่เกี่ยวข้อง รวมถึง ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ในฐานะกำกับดูแลระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เข้าร่วมชี้แจง . นายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธาน กมธ.ฯ คนที่ 1 ได้สอบถามถึงประเด็นที่ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ได้ร้องเรียนว่า ในขอบเขตงาน (ทีโออาร์) ของโครงการฯ ทั้งครั้งที่เปิดประกวดราคาโดยวิธี e-bidding ซึ่งยกเลิกไปแล้ว และการประกวดราคาโดยวิธีคัดเลือก มีการระบุถึงคุณสมบัติผู้เข้าร่วมเสนอราคาว่า ต้องไม่เป็นผู้ที่ถูกองค์การค้าของ สกสค.บอกเลิกสัญญาในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่ง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ระบุว่า ถูก องค์การค้าของ สกสค.บอกเลิกสัญญาบางรายการของโครงการจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2567 อย่างไม่เป็นธรรม และมีการเรียกร้องค่าเสียจากทางองค์การค้าของ สกสค. รวมทั้งคดีที่ฟ้องร้องต่อศาลปกครองก็ยังไม่สิ้นสุด จึงมองว่าเป็นการกีดกัน บจ.รุ่งศิลป์ฯ ในแข่งขันโครงการฯ ปี 2568 ซึ่ง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็ได้ร้องเรียนไปยัง กรมบัญชีกลาง รวมถึงยื่นคำร้องต่อ ศาลปกครองกลาง และอยู่ระหว่างการไต่สวนด้วย . ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ชี้แจงว่า กรณีกีดกันนี้ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ได้ร้องเรียนมายังกรมฯ 2 ครั้ง คือเมื่อวันที่ 2 ม.ค.68 ขณะมีการประกวดราคาโดยวิธี e-bidding ที่ได้ยกเลิกไปแล้ว ถือว่าคำร้องสิ้นสุด และเมื่อวันที่ 27 ก.พ.68 ช่วงประกวดราคาโดยวิธีการคัดเลือก ซึ่งอยู่ในระหว่างหาข้อมูลประกอบเพื่อพิจารณา จึงยังไม่ได้ตอบกลับข้อร้องเรียนกับทาง บจ.รุ่งศิลป์ฯ อย่างไรก็ตามเมื่อโครงการฯปี 2567 ทาง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็เคยได้หารือในกรณีถูกกีดกันมาเช่นกัน กรมฯ ก็เคยตอบกลับแล้วว่า การกำหนดคุณสมบัติผู้เสนอราคาว่า ต้องไม่เคยถูกบอกเลิกสัญญา หรือเคยทำให้หน่วยงานเสียหาย ไม่สามารถกำหนดในทีโออาร์ได้ เพราะขัดกับมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 (พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ) . “โดยหลักการ ไม่ว่าจะประกวดราคาด้วยวิธีการใด หากระบุในทีโออาร์เกี่ยวกับคุณสมบัติการถูกบอกเลิกสัญญา หรือทำให้หน่วยงานเสียหายในลักษณะนี้ ถือเป็นการกีดกันทั้งสิ้น ซึ่งกรมฯ ได้เคยตอบข้อหารือไปหมดแล้วว่าขัดกฎหมาย แต่หน่วยงานจะปรับแก้ไข หรือนำไปดำเนินการอย่างไร กรมฯ ไม่อาจรับรู้ได้ทุกรายการ แต่ยืนยันว่าการระบุคุณสมบัติเช่นนี้ไม่เป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย” ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ระบุ . ถึงช่วงนี้ นายธีรัจชัย ที่ผลัดทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมกล่าวสรุปว่า “กรณีที่ กรมบัญชีกลาง มีความเห็น หรือเคยเตือนแล้วว่า ขัดต่อกฎหมาย แต่หน่วยงานยังดำเนินการต่ออีก ก็ถือว่าเจตนาที่จะกีดกัน เข้าข่ายการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” ซึ่งในที่ประชุมไม่มีผู้คัดค้านถ้อยคำดังกล่าว . อย่างไรก็ตามในช่วงนี้ ผู้แทนองค์การค้าของ สกสค. รวมถึงผู้แทนหน่วยงานสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ยังไม่ได้รับเชิญเข้าห้องประชุม . นายนัทธพลพงศ์ จิวัจฉรานุกูล รองกรรมการผู้จัดการ บจ.รุ่งศิลป์ฯ กล่าวต่อประชุมเสริมว่า ในการประกวดราคาโครงการฯ ปี 2568 โดยวิธีการคัดเลือก บริษัทฯก็ได้เข้าร่วมเสนอราคาด้วย และหลังจากมีการประกาศผลการประกวดราคา ปรากฎว่า บริษัทฯ ไม่ได้รับการคัดเลือกแม้แต่รายการเดียว ทั้งที่มีอย่างน้อย 30 จาก 145 รายการ ที่บริษัทฯเสนอราคาต่ำกว่าผู้ชนะการประกวดราคาค่อนข้างมาก จึงเชื่อว่ามีการใช้เงื่อนไขที่ระบุในทีโออาร์ในเรื่องการถูกบอกเลิกสัญญา รวมถึงต้องเป็นผู้ที่ไม่เคยทำให้ องค์การค้าของ สกสค.เสียหาย มากีดกันโดยตัดคะแนน หรือตัดคุณสมบัติบริษัทฯ อย่างไม่เป็นธรรม . “เรายังไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริงว่า เหตุใดที่เราซึ่งเสนอราคาต่ำกว่าผู้ชนะในหลายรายการ แล้วแต่ละรายการก็ต่ำกว่าค่อนข้างมาก แต่กลับไม่ได้คัดเลือกเป็นผู้รับจ้างแม้แต่รายการเดียว เพราะประกาศของ องค์การค้าของ สกสค.มีเฉพาะรายชื่อผู้ชนะการประกวดราคา 145 รายการของโครงการฯ แต่ไม่ได้แนบแบบฟอร์มรายละเอียดการให้คะแนนแต่ละรายการตามที่ กรมบัญชีกลาง กำหนด อีกทั้งการประกวดราคาโดยการคัดเลือกครั้งนี้เลือกใช้ข้อ (ค.) ที่ใช้เหตุความจำเป็นเร่งด่วน ทำให้ไม่สามารถอุทธรณ์ผลการประกวดราคาได้ และทำได้เพียงร้องเรียนต่อ กรมบัญชีกลาง รวมถึงอาจจะยื่นฟ้องต่อศาลเท่านั้น“ นายนัทธพลพงศ์ กล่าว . นอกจากนี้ที่ประชุม กมธ.ฯ ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การที่หน่วยงานใช้เกณฑ์การประเมินค่าประสิทธิภาพต่อราคา (Price Performance) ในการประกวดราคาอาจเปิดช่องให้มีการกำหนดคุณสมบัติส่อไปในทางล็อกสเปกได้ โดยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้างที่มีความซับซ้อนทางเทคนิค อย่างโครงการจัดพิมพ์หนังสือแบบเรียนขององค์การค้าของ สกสค.ในช่วงหลัง ก็มีการกำหนดคุณสมบัติกระดาษ ที่มีข้อร้องเรียนว่า ไปตรงกับคุณสมบัติกระดาษของผู้นำเข้าเพียงรายเดียวในประเทศไทย . ผู้แทนกรมบัญชีกลาง กล่าวตอบว่า เป็นดุลพินิจของแต่ละหน่วยงานที่จะกำหนดใช้เกณฑ์ Price Performance หรือไม่ แต่เมื่อนำมาใช้ หน่วยงานต้องกำหนดเกณฑ์ให้ชัดเจนเพื่อให้มีการแข่งขันในด้านคุณภาพอย่างแท้จริง ซึ่งบางกรณี กรมบัญชีกลาง ก็ไม่อาจล่วงรู้ถึงเหตุผลความจำเป็นจริงๆ . “แต่ถ้าเป็นไปตามที่ กมธ.ระบุว่า กำหนดคุณสมบัติกระดาษแล้วไปตรงกับของรายใดรายหนึ่งในประเทศก็แบบนี้ถือว่า ล็อกสเปก เพราะตามกฎหมายต้องมีผู้ค้าอย่างน้อย 3 ราย” ผู้แทนกรมบัญชีกลาง ระบุ . ขณะที่ ผู้แทนองค์การค้าของ สกสค.ซึ่งเข้าร่วมชี้แจงในช่วงท้าย ได้เน้นประเด็นคุณสมบัติของ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ว่า ในการรับจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปี 2567 นั้น บจ.รุ่งศิลป์ฯ ส่งหนังสือบางรายการไม่ทันตามกำหนดโดยอ้างว่าได้รับปกหนังสือจากองค์การค้าฯ ไม่ครบ ตามกระบวนการ องค์การค้าฯ ก็จำเป็นต้องบอกเลิกสัญญา และเรียกค่าเสียหายตามสัญญา เนื่องจากในความเป็นจริง องค์การค้าฯ ได้ส่งปกหนังสือให้ตามกำหนด และมีเกินจำนวนสำรองไปด้วย ทาง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็ลงนามรับปกหนังสือไปเป็นที่เรียบร้อย แต่กลับทำหนังสือโต้แย้งหลังผ่านไปเกินกว่า 20 วันว่า ได้รับปกหนังสือไม่ครบ จึงไม่ถือเป็นความผิดพลาดองค์การค้าฯ แต่เป็นความไม่พร้อมของ บจ.รุ่งศิลป์ฯ เอง อีกทั้ง องค์การค้าฯ ก็ได้สั่งผลิตปกหนังสือเพิ่มกลับไปให้ เพราะต้องการหนังสือให้กับเด็กนักเรียนทันเปิดเทอม นอกจากนี้ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็ได้ขอขยายระยะเวลาสัญญา เนื่องจากจัดส่งหนังสือได้ไม่ทันตามกำหนดด้วย . ด้าน ผู้แทน บจ.รุ่งศิลป์ฯ ชี้แจงว่า ปกหนังสือทั้งหมดตามรายการที่บริษัทฯ ได้รับว่าจ้างมีจำนวนมาก และแพ็คส่งมาในพาเลท มีการทยอยส่งมาเป็นระยะ คละกันหลายรายการ บริษัทฯ จึงไม่ได้ตรวจนับขณะได้รับจริงๆ ว่าครบถ้วนถูกต้องหรือไม่ ก่อนมาพบภายหลังว่าไม่ครบตามจำนวน และบางส่วนยังชำรุดด้วย เมื่อพบปัญหาก็ได้ทำการโต้แย้งไปยังองค์การค้าของ สกสค. และก็มีผู้รับผิดชอบขององค์การค้าของ สกสค.ลงนามรับทราบว่า ส่งปกหนังสือไม่ครบจริงๆ โดยจะขอนำส่งเอกสารดังกล่าวให้กับ กมธ.ฯ เพื่อรปะกอบการพิจารณากรณีนี้ . ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเอกสารที่ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ยื่นเพิ่มเติมให้แก่ กมธ.ฯนั้น เป็นบันทึกข้อความที่ สำนักบริหารการผลิต ฝ่ายการผลิต องค์การค้าของ สกสค. ลงวันที่ 11 เม.ย.67 ลงนามโดย หัวหน้าฝ่ายการผลิต องค์การค้าของ สกสค. ทำถึง บจ.รุ่งศิลป์ฯ เรื่อง ขอยืนยันจะส่งปกเพิ่มให้ครบจำนวนสั่งผลิต โดยระบุข้อความตอนหนึ่งว่า ”ได้มีการตรวจนับปกแต่ละรายการ พบว่าจำนวนใบพิมพ์ในแต่ละพาเลทมีจำนวนน้อยกว่าในใบแจ้งสถานะ องค์การค้าฯ จึงขอแจ้งกับทางบริษัทฯ ว่า ทางองค์การค้าฯ จะติดตาม ประสานงาน นำปกที่ทางบริษัทฯ แจ้งขาดจำนวน ส่งเพิ่มให้ตามจำนวนที่ทางบริษัทฯ แจ้งมา”. ............ Sondhi X
    Like
    Haha
    Angry
    15
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2581 มุมมอง 0 รีวิว
  • สุขสันต์วันปิดเทอมจ้ะ😻😻
    สุขสันต์วันปิดเทอมจ้ะ😻😻
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 247 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • จับตาขาใหญ่ โรงพิมพ์ตำราเรียนว่า จะงัดวิทยายุทธ์ใดมาใช้ แบบเรียน 26.9 ล้านเล่ม ออกทันก่อนเปิดเทอม ต้นเดือนพฤษภาคมนี้

    #พิมพ์แบบเรียนพันล้าน #เดินหน้าบนความเสี่ยง #ประเคนให้เจ้าเดียวทำโรงพิมพ์ตำราเรียน #บริษัทวรรณชาติเพรส2020จำกัด #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    จับตาขาใหญ่ โรงพิมพ์ตำราเรียนว่า จะงัดวิทยายุทธ์ใดมาใช้ แบบเรียน 26.9 ล้านเล่ม ออกทันก่อนเปิดเทอม ต้นเดือนพฤษภาคมนี้ #พิมพ์แบบเรียนพันล้าน #เดินหน้าบนความเสี่ยง #ประเคนให้เจ้าเดียวทำโรงพิมพ์ตำราเรียน #บริษัทวรรณชาติเพรส2020จำกัด #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    Like
    Love
    Sad
    22
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2471 มุมมอง 51 0 รีวิว
  • ช่วงนี้มีกระแสเรื่องหนังสือเรียนเด็กชั้นประถมบ้านเรา ทำให้ Storyฯ เกิด ‘เอ๊ะ’ ว่าแล้วในสมัยจีนโบราณ เด็กๆ เรียนอะไร ผ่านตาในซีรีส์ก็จะเห็นเด็กท่องกันไปยาวๆ อย่างเช่นใน <สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบลี้> ตอนที่พระเอกลงไปผ่านด่านเคราะห์ในโลกมนุษย์

    วันนี้เลยมาคุยกันคร่าวๆ เรื่องการศึกษาของเด็กในสมัยจีนโบราณ ซึ่งโดยรวมเรียกว่า ‘เหมิงเสวี๋ย’ (蒙学) หมายถึงการเรียนเพื่อปูพื้นฐานหรือก็คือการเรียนของเด็ก

    เริ่มกันจากที่ว่า เขาเริ่มเข้าเรียนกันตอนอายุเท่าไหร่? เรื่องอายุการเริ่มเรียนมีเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยพร้อมๆ กับการจัดระเบียบด้านการศึกษา เดิมเด็กๆ เริ่มเรียนกันได้ตั้งแต่สี่ขวบ เข้าเรียนได้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ใบไม้ร่วงและฤดูหนาว (ต่อมาในสมัยราชวงศ์เหนือใต้จึงเปลี่ยนมาเป็นเปิดเทอมตอนฤดูหนาวเป็นหลัก) ต่อมาในสมัยถังเริ่มเรียนกันที่ 6-7 ขวบ ต่อมาสมัยหมิงและชิงมีจัดตั้งโรงเรียนให้ประชาชนได้เรียนกันอย่างแพร่หลายโดยมีช่วงอายุ 8-15 ปี

    แล้วเขาเรียนอะไร? ตั้งแต่สมัยโบราณมีการแบ่งแยกการสอนเด็กเล็กและเด็กโตโดยจัดเนื้อหาแตกต่างกัน มีตัวอย่างให้เห็นจากการเรียนของราชนิกุลสมัยราชวงศ์เซี่ย ซังและโจว แม้แต่ในบทสอนของขงจื๊อก็มีการแยกระหว่างเด็กเล็กเด็กโต สำหรับเด็กเล็กเน้นให้อ่านออกเขียนได้ โตขึ้นอีกหน่อยก็เริ่มเรียนพวกบทกวีและบทความและปูพื้นฐานสำหรับเรียน ‘สี่หนังสือ’ (ซื่อซู/四书) ว่าด้วยปรัชญาต่างๆ ของขงจื้อเมื่อโตขึ้นอีกหน่อย

    แต่อย่าลืมว่าการเรียนหนังสือแต่เดิมเป็นเอกสิทธิ์ของราชนิกูลและลูกหลานตระกูลผู้ดีหรือลูกหลานข้าราชการ ต่อมาจึงมีการเปิดโรงเรียนทั้งของรัฐบาลและเอกชน และมีการพัฒนาเอกสารการเรียนการสอนมากขึ้น นับแต่สมัยซ่งมา หนังสือสำหรับเด็กเล็กที่สำคัญและใช้เป็นหลัก เดิมมีอยู่สามเล่ม เรียกรวมว่า ‘สามร้อยพัน’ (ซานป่ายเชียน/三百千) ต่อมาเพิ่มมาอีก ‘พัน’ เป็น ‘สามร้อยพันพัน’ (ซานป่ายเชียนเชียน/三百千千) สรุปได้ดังนี้

    - ‘สาม’ หมายถึง ‘คัมภีร์สามอักษร’ (ซานจื้อจิง /三字经) เป็นตำราที่มีขึ้นในสมัยซ่งใต้ มีทั้งหมด 1,722 อักษร (โอ้โห... สงสารเด็กเลย!) เนื้อหารวมความรู้พื้นฐานเช่น ประวัติศาสตร์สำคัญ ความรู้ทั่วไป (เช่นทิศ เวลา ฤดูกาล) และหลักคุณธรรม ลักษณะการเขียนแบ่งเป็นวรรคละสามอักษร ประโยคละสองวรรค วรรคแรกคือเนื้อหาที่ต้องการกล่าวถึง วรรคหลังคือคำอธิบายเหตุผลหรือสาระของมัน เช่น ตัวอย่างสองประโยคแรก อธิบายว่า อันคนเรานั้นแต่เดิมมีจิตใจดี นิสัยใจคอธรรมชาติให้มาใกล้เคียงกัน แต่เมื่อฝึกฝนกันไปความแตกต่างก็จะยิ่งมากขึ้น เป็นต้น มีเว็บไทยอธิบายไว้ ลองไปอ่านดูนะคะ (https://pasajeen.com/three-character-classic/)
    - ‘ร้อย’ หมายถึง ‘หนึ่งร้อยแซ่’ (ป่ายเจียซิ่ง / 百家姓) แต่จริงๆ รวมไว้ทั้งหมด 504 แซ่ มีมาแต่สมัยซ่งเหนือ ไว้ให้หัดจำตัวอักษร แฝงไว้ซึ่งความสำคัญของวงศ์ตระกูล (สงสารเด็กอีกแล้ว อักษรจีนจำยากนะ)
    - ‘พัน’ หมายถึง ‘บทความพันอักษร’ (เชียนจื้อเหวิน / 千字文) เป็นหนังสือโบราณตั้งแต่ยุคราชวงศ์ใต้ (ค.ศ. 502-549) โดยครั้งนั้นฮ่องเต้เหลียงอู่ตี้ให้ขุนนางเลือกอักษรออกมาหนึ่งพันตัว แล้วเอามาเรียงร้อยจนได้เป็นบทความ แบ่งเป็นวรรคละสี่อักษร Storyฯ ได้ลองอ่านแล้วถึงกับถอดใจว่าอ่านเข้าใจยากมาก ต้องไปอ่านที่เขาแปลมาให้เข้าใจง่ายๆ อีกที สรุปใจความประมาณว่าธาตุทั้งหลายก่อเกิดเป็นสรรพสิ่ง สอดแทรกความรู้ทั่วไปเข้าไปเช่นว่า น้ำทะเลนั้นเค็ม น้ำจืดนั้นรสจาง เล่าต่อเป็นเรื่องการปกครองแว่นแคว้นให้ประชาชนอยู่อย่างสงบสุข สอดแทรกหลักคุณธรรมของกษัตริย์ เล่าเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ สอดแทรกแนวปฏิบัติเช่น ความกตัญญูต่อพ่อแม่ การวางตัวให้มีจริยธรรม การแต่งกายอย่างสะอาดสุภาพ ฯลฯ
    - อีก ‘พัน’ สุดท้ายคือ ‘บทกวีพันเรือน’ (เชียนเจียซือ /千家诗) จัดทำขึ้นในสมัยชิง เป็นหนังสือที่รวบรวมบทกวีและวลีเด็ดของยุคสมัยถังและซ่ง (แม้จะมีของสมัยหยวนและหมิงปนมาบ้างแต่น้อยมาก) รวมทั้งสิ้น 226 ชิ้นงาน เน้นการสอนอ่านให้คล่อง ออกเสียงให้ชัด และมีจังหวะจะโคน

    หนังสือเรียนเด็กยังมีอีกไม่น้อย ใครท่องได้ไวเรียนเก่งก็พัฒนาไวไปจนอ่านบันทึกพิธีการโจวหลี่และซื่อซูของขงจื๊อได้แม้จะเป็นแค่เด็กตัวกะเปี๊ยก แต่แค่ที่เขียนมาข้างต้น Storyฯ ก็รู้สึกเหนื่อยแทนแล้ว มิน่าล่ะ เราถึงเห็นฉากในละครบ่อยๆ เวลาเด็กท่องหนังสือก็ร่ายกันไปยาวๆ หัวก็โคลงหมุนไปตามจังหวะการท่องด้วย แล้วเพื่อนเพจล่ะคะ รู้สึกยังไงกันบ้าง?

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    http://www.fakutownee.cn/wenti/yule/16786.html
    https://www.sohu.com/a/584299187_161835
    https://wang-tobeboss.com/archives/1449
    https://www.hrxfw.com/fjbk/fjdj/2682.html
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/323332934
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/三百千千/10984837
    https://www.lzs100.com/post/565.html
    https://www.sohu.com/a/584299187_161835
    https://baike.baidu.com/item/蒙学/5024354

    #หนังสือเรียนจีนโบราณ #เหมิงเสวี๋ย #คัมภีร์สามอักษร #ซานจื้อจิง #ร้อยตระกูล #ร้อยแซ่ #ป่ายเจียซิ่ง #พันอักษร #เชียนจื้อเหวิน #กวีพันเรือน #เชียนเจียซือ
    ช่วงนี้มีกระแสเรื่องหนังสือเรียนเด็กชั้นประถมบ้านเรา ทำให้ Storyฯ เกิด ‘เอ๊ะ’ ว่าแล้วในสมัยจีนโบราณ เด็กๆ เรียนอะไร ผ่านตาในซีรีส์ก็จะเห็นเด็กท่องกันไปยาวๆ อย่างเช่นใน <สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบลี้> ตอนที่พระเอกลงไปผ่านด่านเคราะห์ในโลกมนุษย์ วันนี้เลยมาคุยกันคร่าวๆ เรื่องการศึกษาของเด็กในสมัยจีนโบราณ ซึ่งโดยรวมเรียกว่า ‘เหมิงเสวี๋ย’ (蒙学) หมายถึงการเรียนเพื่อปูพื้นฐานหรือก็คือการเรียนของเด็ก เริ่มกันจากที่ว่า เขาเริ่มเข้าเรียนกันตอนอายุเท่าไหร่? เรื่องอายุการเริ่มเรียนมีเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยพร้อมๆ กับการจัดระเบียบด้านการศึกษา เดิมเด็กๆ เริ่มเรียนกันได้ตั้งแต่สี่ขวบ เข้าเรียนได้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ใบไม้ร่วงและฤดูหนาว (ต่อมาในสมัยราชวงศ์เหนือใต้จึงเปลี่ยนมาเป็นเปิดเทอมตอนฤดูหนาวเป็นหลัก) ต่อมาในสมัยถังเริ่มเรียนกันที่ 6-7 ขวบ ต่อมาสมัยหมิงและชิงมีจัดตั้งโรงเรียนให้ประชาชนได้เรียนกันอย่างแพร่หลายโดยมีช่วงอายุ 8-15 ปี แล้วเขาเรียนอะไร? ตั้งแต่สมัยโบราณมีการแบ่งแยกการสอนเด็กเล็กและเด็กโตโดยจัดเนื้อหาแตกต่างกัน มีตัวอย่างให้เห็นจากการเรียนของราชนิกุลสมัยราชวงศ์เซี่ย ซังและโจว แม้แต่ในบทสอนของขงจื๊อก็มีการแยกระหว่างเด็กเล็กเด็กโต สำหรับเด็กเล็กเน้นให้อ่านออกเขียนได้ โตขึ้นอีกหน่อยก็เริ่มเรียนพวกบทกวีและบทความและปูพื้นฐานสำหรับเรียน ‘สี่หนังสือ’ (ซื่อซู/四书) ว่าด้วยปรัชญาต่างๆ ของขงจื้อเมื่อโตขึ้นอีกหน่อย แต่อย่าลืมว่าการเรียนหนังสือแต่เดิมเป็นเอกสิทธิ์ของราชนิกูลและลูกหลานตระกูลผู้ดีหรือลูกหลานข้าราชการ ต่อมาจึงมีการเปิดโรงเรียนทั้งของรัฐบาลและเอกชน และมีการพัฒนาเอกสารการเรียนการสอนมากขึ้น นับแต่สมัยซ่งมา หนังสือสำหรับเด็กเล็กที่สำคัญและใช้เป็นหลัก เดิมมีอยู่สามเล่ม เรียกรวมว่า ‘สามร้อยพัน’ (ซานป่ายเชียน/三百千) ต่อมาเพิ่มมาอีก ‘พัน’ เป็น ‘สามร้อยพันพัน’ (ซานป่ายเชียนเชียน/三百千千) สรุปได้ดังนี้ - ‘สาม’ หมายถึง ‘คัมภีร์สามอักษร’ (ซานจื้อจิง /三字经) เป็นตำราที่มีขึ้นในสมัยซ่งใต้ มีทั้งหมด 1,722 อักษร (โอ้โห... สงสารเด็กเลย!) เนื้อหารวมความรู้พื้นฐานเช่น ประวัติศาสตร์สำคัญ ความรู้ทั่วไป (เช่นทิศ เวลา ฤดูกาล) และหลักคุณธรรม ลักษณะการเขียนแบ่งเป็นวรรคละสามอักษร ประโยคละสองวรรค วรรคแรกคือเนื้อหาที่ต้องการกล่าวถึง วรรคหลังคือคำอธิบายเหตุผลหรือสาระของมัน เช่น ตัวอย่างสองประโยคแรก อธิบายว่า อันคนเรานั้นแต่เดิมมีจิตใจดี นิสัยใจคอธรรมชาติให้มาใกล้เคียงกัน แต่เมื่อฝึกฝนกันไปความแตกต่างก็จะยิ่งมากขึ้น เป็นต้น มีเว็บไทยอธิบายไว้ ลองไปอ่านดูนะคะ (https://pasajeen.com/three-character-classic/) - ‘ร้อย’ หมายถึง ‘หนึ่งร้อยแซ่’ (ป่ายเจียซิ่ง / 百家姓) แต่จริงๆ รวมไว้ทั้งหมด 504 แซ่ มีมาแต่สมัยซ่งเหนือ ไว้ให้หัดจำตัวอักษร แฝงไว้ซึ่งความสำคัญของวงศ์ตระกูล (สงสารเด็กอีกแล้ว อักษรจีนจำยากนะ) - ‘พัน’ หมายถึง ‘บทความพันอักษร’ (เชียนจื้อเหวิน / 千字文) เป็นหนังสือโบราณตั้งแต่ยุคราชวงศ์ใต้ (ค.ศ. 502-549) โดยครั้งนั้นฮ่องเต้เหลียงอู่ตี้ให้ขุนนางเลือกอักษรออกมาหนึ่งพันตัว แล้วเอามาเรียงร้อยจนได้เป็นบทความ แบ่งเป็นวรรคละสี่อักษร Storyฯ ได้ลองอ่านแล้วถึงกับถอดใจว่าอ่านเข้าใจยากมาก ต้องไปอ่านที่เขาแปลมาให้เข้าใจง่ายๆ อีกที สรุปใจความประมาณว่าธาตุทั้งหลายก่อเกิดเป็นสรรพสิ่ง สอดแทรกความรู้ทั่วไปเข้าไปเช่นว่า น้ำทะเลนั้นเค็ม น้ำจืดนั้นรสจาง เล่าต่อเป็นเรื่องการปกครองแว่นแคว้นให้ประชาชนอยู่อย่างสงบสุข สอดแทรกหลักคุณธรรมของกษัตริย์ เล่าเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ สอดแทรกแนวปฏิบัติเช่น ความกตัญญูต่อพ่อแม่ การวางตัวให้มีจริยธรรม การแต่งกายอย่างสะอาดสุภาพ ฯลฯ - อีก ‘พัน’ สุดท้ายคือ ‘บทกวีพันเรือน’ (เชียนเจียซือ /千家诗) จัดทำขึ้นในสมัยชิง เป็นหนังสือที่รวบรวมบทกวีและวลีเด็ดของยุคสมัยถังและซ่ง (แม้จะมีของสมัยหยวนและหมิงปนมาบ้างแต่น้อยมาก) รวมทั้งสิ้น 226 ชิ้นงาน เน้นการสอนอ่านให้คล่อง ออกเสียงให้ชัด และมีจังหวะจะโคน หนังสือเรียนเด็กยังมีอีกไม่น้อย ใครท่องได้ไวเรียนเก่งก็พัฒนาไวไปจนอ่านบันทึกพิธีการโจวหลี่และซื่อซูของขงจื๊อได้แม้จะเป็นแค่เด็กตัวกะเปี๊ยก แต่แค่ที่เขียนมาข้างต้น Storyฯ ก็รู้สึกเหนื่อยแทนแล้ว มิน่าล่ะ เราถึงเห็นฉากในละครบ่อยๆ เวลาเด็กท่องหนังสือก็ร่ายกันไปยาวๆ หัวก็โคลงหมุนไปตามจังหวะการท่องด้วย แล้วเพื่อนเพจล่ะคะ รู้สึกยังไงกันบ้าง? (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: http://www.fakutownee.cn/wenti/yule/16786.html https://www.sohu.com/a/584299187_161835 https://wang-tobeboss.com/archives/1449 https://www.hrxfw.com/fjbk/fjdj/2682.html https://zhuanlan.zhihu.com/p/323332934 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/三百千千/10984837 https://www.lzs100.com/post/565.html https://www.sohu.com/a/584299187_161835 https://baike.baidu.com/item/蒙学/5024354 #หนังสือเรียนจีนโบราณ #เหมิงเสวี๋ย #คัมภีร์สามอักษร #ซานจื้อจิง #ร้อยตระกูล #ร้อยแซ่ #ป่ายเจียซิ่ง #พันอักษร #เชียนจื้อเหวิน #กวีพันเรือน #เชียนเจียซือ
    PASAJEEN.COM
    คัมภีร์ภาษาจีน สามอักษร 三字经 | ภาษาจีน.คอม "เปิดโลกอักษรจีน เปิดโลกภาษาจีน"
    เสน่ห์ของ 三字经 อยู่ที่การท่องทีละ 3 คำ และแม้มีการแบ่งคำ แบ่ง 3 คำๆก็จริง ยังแยกเป็นคู่ๆ สังเกตุจากเครื่องหมายวรรคตอน โดย 3 ตัวแรก อาจบอกสาเหตุ 3 ตัวหลังบอกผล หรือ 3 ตัวแรก อาจบอกอะไรสักอย่าง 3 ตัวหลังขยายความ คู่ ที่ 1 人之初,性本善。คู่ที่ 1 3 ตัวแรกบอกว่า กำเนิดของมนุษย์ หรือธรรมชาติดั้งเดิมของคน 3 ตัวหลังบอกว่า พื้นฐานจิตใจมีเมตตากรุณา คู่ ที่ 2 性相近,习相远。 3 ตัวแรกบอกว่า จิตใจอารมณ์มนุษย์ทุกคนธรรมชาติให้มาใกล้เคียง 3 ตัวหลังบอกว่า การฝึกหัด (อาจดีหรือเลว อยู่ที่สิ่งแวดล้อม) ทำให้คนห่างไกลกัน คนเราพื้นฐานล้วนคล้ายคลึงกันคือเป็นคนดี แต่สิ่งแวดล้อมที่ทำให้คนแตกต่างกัน อันนี้เป็นความเชื่อ ที่นำไปสู่ทัศนคติ การอบรม ลัทธิต่างๆอีกมากมาย บางระบบอย่างฝรั่ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1273 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศธ.ล้มพิมพ์แบบเรียนปี 68 เหตุมีผู้ประมูลรายเดียว มั่นใจทันเปิดเทอมใหม่
    .
    ประเด็นปัญหาการจัดพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 ยังมีความคาราคาซังต่อเนื่อง ภายหลังสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.)ได้ประกาศยื่นประกวดราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ วงเงิน 1,016,914,750 บาทด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ หรืออี-บิดดิ้ง แต่เมื่อถึงเวลาปิดรับข้อเสนอราคาจ้างพิมพ์ปรากฎว่า มีผู้เสนอราคาเพียง 1 รายเท่านั้น
    .
    จากปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้กระทรวงศึกษาธิการเองไม่กล้าเดินหน้าต่อเพราะเสี่ยงที่จะผิดกฎหมาย จึงเลือกวิธีการให้ทบทวนและเริ่มต้นกระบวนการกันใหม่ โดยนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่าองค์การค้าฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้สอบถามไปยังกรมบัญชีกลาง ซึ่งก็พบว่า ไม่ได้เกิดจากข้อผิดพลาดของระบบ โดยได้รายงานเรื่องดังกล่าวให้ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการศธ. รับทราบ ดังนั้น เพื่อไม่ให้มีข้อสงสัย รัฐมนตรีว่าการศธ. จึงสั่งให้ยกเลิกและประกาศยื่นประกวดราคาใหม่
    .
    “ทางกรมบัญชีกลางยืนยันว่า ไม่ได้มีความผิดพลาดที่ระบบ แต่ถึงแม้ว่าจะถูกกฎหมาย ก็ยังมีข้อสงสัย ดังนั้น รัฐมนตรีว่าการศธ.จึงให้ดำเนินการเปิดให้ยื่นประกวดราคาใหม่ เพราะหากมีรายเดียวก็ไม่เกิดการแข่งขัน ทางศธ.เอง ก็ไม่สบายใจ การดำเนินการทุกอย่างต้องทำให้โปร่งใส เรื่องนี้ ไม่ใช่ปัญหาขององค์การค้าฯ แต่เป็นระบบของกรมบัญชีกลาง ซึ่งบางอย่างเราไม่สามารถควบคุมได้ ที่เป็นห่วงก็คือการจัดพิมพ์หนังสือเรียน ที่ต้องดำเนินการให้ทันเปิดเทอมในเดือนพฤษภาคมนี้”นายสุรศักดิ์ กล่าว
    .
    ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้ ที่ประชุมคณะกรรมาธิการ ติดตามการบริหารงบประมาณ วุฒิสภา ที่มีนายอลงกต วรกี เป็นประธารน ได้มีการพิจารณาข้อมูลเกี่ยวกับโครงการจัดพิมพ์แบบเรียนปีการศึกษา 2567 ขององค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) ที่มีข้อร้องเรียนว่าใช้งบประมาณอย่างไม่เกิดประสิทธิภาพ และมีข้อร้องเรียนว่าการจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่โปร่งใส จนก่อให้เกิดความเสียหายกับรัฐ
    .
    ทั้งนี้ เบื้องต้นที่ประชุมได้มีมติรับทราบว่า การจัดซื้อจัดจ้างโครงการจัดพิมพ์แบบเรียนปีการศึกษา 2567 ขององค์การค้าของ สกสค. ซึ่งใช้วิธีการคัดเลือก แทนการ ประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ขัดต่อมาตรา 8 วรรคหนึ่ง (2) แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 (พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ) ตามหนังสือกรมบัญชีกลางที่ตอบกลับโรงพิมพ์รุ่งศิลป์ เมื่อวันที่ 24 พ.ค.67 รวมทั้งรับทราบถึงอำนาจของ สตง.ในการตรวจสอบองค์การค้าของ สกสค. โดยปัจจุบันยังอยู่ระหว่างประสานเข้าการตรวจสอบ ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วเสร็จเป็นอำนาจของผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (ผู้ว่าการ สตง.) ในการเปิดเผยผลการตรวจสอบหรือไม่ต่อไป
    .
    ขณะเดียว ประธานกมธ.ยังได้สั่งการให้ กมธ.ส่งประเด็นไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), สตง. และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อดำเนินการต่อ ขณะที่ประเด็นที่การจัดซื้อจัดจ้างขัดต่อมาตรา 102-103 แห่ง พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ นั้นถือเป็นความผิดตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กรมบัญชีกลาง จึงไม่สามารถก้าวล่วงได้ เพราะเป็นเรื่องของกระบวนการทางศาลปกครอง ซึ่งทราบว่าทาง โรงพิมพ์รุ่งศิลป์ ได้ฟ้องต่อศาลปกครองไว้แล้ว
    ..............
    Sondhi X
    ศธ.ล้มพิมพ์แบบเรียนปี 68 เหตุมีผู้ประมูลรายเดียว มั่นใจทันเปิดเทอมใหม่ . ประเด็นปัญหาการจัดพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 ยังมีความคาราคาซังต่อเนื่อง ภายหลังสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.)ได้ประกาศยื่นประกวดราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ วงเงิน 1,016,914,750 บาทด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ หรืออี-บิดดิ้ง แต่เมื่อถึงเวลาปิดรับข้อเสนอราคาจ้างพิมพ์ปรากฎว่า มีผู้เสนอราคาเพียง 1 รายเท่านั้น . จากปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้กระทรวงศึกษาธิการเองไม่กล้าเดินหน้าต่อเพราะเสี่ยงที่จะผิดกฎหมาย จึงเลือกวิธีการให้ทบทวนและเริ่มต้นกระบวนการกันใหม่ โดยนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่าองค์การค้าฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้สอบถามไปยังกรมบัญชีกลาง ซึ่งก็พบว่า ไม่ได้เกิดจากข้อผิดพลาดของระบบ โดยได้รายงานเรื่องดังกล่าวให้ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการศธ. รับทราบ ดังนั้น เพื่อไม่ให้มีข้อสงสัย รัฐมนตรีว่าการศธ. จึงสั่งให้ยกเลิกและประกาศยื่นประกวดราคาใหม่ . “ทางกรมบัญชีกลางยืนยันว่า ไม่ได้มีความผิดพลาดที่ระบบ แต่ถึงแม้ว่าจะถูกกฎหมาย ก็ยังมีข้อสงสัย ดังนั้น รัฐมนตรีว่าการศธ.จึงให้ดำเนินการเปิดให้ยื่นประกวดราคาใหม่ เพราะหากมีรายเดียวก็ไม่เกิดการแข่งขัน ทางศธ.เอง ก็ไม่สบายใจ การดำเนินการทุกอย่างต้องทำให้โปร่งใส เรื่องนี้ ไม่ใช่ปัญหาขององค์การค้าฯ แต่เป็นระบบของกรมบัญชีกลาง ซึ่งบางอย่างเราไม่สามารถควบคุมได้ ที่เป็นห่วงก็คือการจัดพิมพ์หนังสือเรียน ที่ต้องดำเนินการให้ทันเปิดเทอมในเดือนพฤษภาคมนี้”นายสุรศักดิ์ กล่าว . ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้ ที่ประชุมคณะกรรมาธิการ ติดตามการบริหารงบประมาณ วุฒิสภา ที่มีนายอลงกต วรกี เป็นประธารน ได้มีการพิจารณาข้อมูลเกี่ยวกับโครงการจัดพิมพ์แบบเรียนปีการศึกษา 2567 ขององค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) ที่มีข้อร้องเรียนว่าใช้งบประมาณอย่างไม่เกิดประสิทธิภาพ และมีข้อร้องเรียนว่าการจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่โปร่งใส จนก่อให้เกิดความเสียหายกับรัฐ . ทั้งนี้ เบื้องต้นที่ประชุมได้มีมติรับทราบว่า การจัดซื้อจัดจ้างโครงการจัดพิมพ์แบบเรียนปีการศึกษา 2567 ขององค์การค้าของ สกสค. ซึ่งใช้วิธีการคัดเลือก แทนการ ประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ขัดต่อมาตรา 8 วรรคหนึ่ง (2) แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 (พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ) ตามหนังสือกรมบัญชีกลางที่ตอบกลับโรงพิมพ์รุ่งศิลป์ เมื่อวันที่ 24 พ.ค.67 รวมทั้งรับทราบถึงอำนาจของ สตง.ในการตรวจสอบองค์การค้าของ สกสค. โดยปัจจุบันยังอยู่ระหว่างประสานเข้าการตรวจสอบ ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วเสร็จเป็นอำนาจของผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (ผู้ว่าการ สตง.) ในการเปิดเผยผลการตรวจสอบหรือไม่ต่อไป . ขณะเดียว ประธานกมธ.ยังได้สั่งการให้ กมธ.ส่งประเด็นไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), สตง. และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อดำเนินการต่อ ขณะที่ประเด็นที่การจัดซื้อจัดจ้างขัดต่อมาตรา 102-103 แห่ง พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ นั้นถือเป็นความผิดตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กรมบัญชีกลาง จึงไม่สามารถก้าวล่วงได้ เพราะเป็นเรื่องของกระบวนการทางศาลปกครอง ซึ่งทราบว่าทาง โรงพิมพ์รุ่งศิลป์ ได้ฟ้องต่อศาลปกครองไว้แล้ว .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Sad
    Love
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2597 มุมมอง 0 รีวิว
  • พิลึก! ประมูลพิมพ์แบบเรียนปี 68 มีเอกชนยื่นราคาแค่รายเดียว
    สกสค.ถูกฟ้องกีดกัน-ล็อกสเปก
    .
    ประมูลพิมพ์แบบเรียนปี 68 งบฯกว่า 1 พันล้านบ.ของ “องค์การของ สกสค.” ส่อล่ม หลังมีเอกชนยื่นราคาแค่รายเดียว คาดต้องยกเลิกประกวดราคา ”พัฒนะ“ ยังมั่นใจเสร็จทันเปิดเทอม เผยมีคดีโดนฟ้องที่ศาล ปค.ฐานกีดกัน-ล็อกสเปก
    .
    รายงานข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการแจ้งว่า วันนี้ (28 ม.ค.68) มีการยื่นประกวดราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ วงเงินกว่า 1 พันล้านบาท ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding)
    .
    โดย นายพัฒนะ พัฒนะทวีดล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. เปิดเผยถึงการจัดพิมพ์แบบเรียนในปีการศึกษา 2568 ว่า กระบวนการสรรหาบริษัทที่จะเข้ามารับจ้างงานพิมพ์แบบเรียนปี 2568
    เปิดกว้างทุกสำนักพิมพ์ที่มีความพร้อม โดยในปีนี้ค้าดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ e–bidding ซึ่งทุกขั้นตอนมีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้
    .
    “คาดว่ากระบวนการสรรหาผู้รับจ้างพิมพ์แบบเรียนปีการศึกษา 2568 จะดำเนินการแล้วเสร็จภายในช่วงปลายเดือน ม.ค.หรือช่วงต้นเดือน ก.พ.นี้ ต่อจากนั้นก็จะเริ่มกระบวนการพิมพ์แบบเรียนทันที และจัดส่งแบบเรียนได้ในช่วงปลายเดือน เม.ย.หรือประมาณต้นเดือน พ.ค.” นายพัฒนะ ระบุ
    .
    นายพัฒนะ กล่าวต่อว่า สำหรับการจัดพิมพ์แบบเรียนปีการศึกษา 2568 นี้ จะสามารถจัดส่งแบบเรียนให้ถึงโรงเรียนก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1 แม้ว่า พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ จะ
    มีแนวทางที่จะขยับการเปิดและปิดภาคเรียนใหม่ จากเดิมเปิดภาคเรียนวันที่ 16 พ.ค.จะขยับเป็นวันที่ 1 พ.ค. ซึ่งเรื่องนี้อยู่ระหว่างการสำรวจความคิดเห็น และการประชุมร่วมกับสถานศึกษาสังกัดอื่นๆ แต่ไม่ว่าจะมีการขยับเปิดและปิดภาคเรียนตามหรือไม่ องค์การค้าของ สกสค.ขอยืนยันว่า จะไม่มีปัญหาเรื่องกระบวนการจัดพิมพ์แบบเรียนและการจัดส่งแบบเรียนอย่างแน่นอน
    .
    “การขยับการเปิดภาคเรียนใหม่ยังต้องดำเนินการอีกหลายส่วน มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกว่า 10 ฉบับที่จะต้องปรับแก้ เพราะเกี่ยวข้องกับการนับอายุเด็กตาม พ.ร.บ.การศึกษาภาคบังคับ พ.ศ.2545 ที่เด็กจะเข้าเรียนการศึกษาภาคบังคับได้ต้องมีอายุครบ 3 ปีในวันที่ 16 พ.ค. รวมถึงเกณฑ์การเบิกจ่ายรายหัว ซึ่งถือเป็นเงื่อนไขตามกฎหมายที่กำหนดไว้ แต่ข้อดีก็คือจะสะดวกต่อการบริหารงบประมาณและอัตรากำลังงานด้านบุคคลได้ลงตัว ทั้งนี้จึงต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง” นายพัฒนะ กล่าว
    .
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.00 น. ซึ่งเป็นเวลาปิดรับข้อเสนอราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ ของ สกสค. โดย กรมบัญชีกลาง ได้สรุปข้อมูลการเสนอราคาเบื้องต้น ปรากฎว่า มีผู้เสนอราคาเพียง 1 รายเท่านั้น ซึ่งตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ระบุว่า หากมีผู้ยื่นเสนอราคารายเดียว และคณะกรรมการพิจารณาผลฯ เห็นสมควรยกเลิกการประกวดราคาครั้งนั้น ให้เสนอหัวหน้าหน่วยงานโดยไม่ต้องพิจารณาในเสนอราคาและเอกสารของผู้เสนอราคารายเดียวนั้น หรือหากคณะกรรมการพิจารณาผลฯ เห็นสมควรดำเนินการต่อ ก็ต้องลงลายมือชื่อกำกับในเอกสารของผู้เสนอราคารายเดียวนั้น
    .
    ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้ได้มีบริษัทเอกชนยื่นฟ้องคณะกรรมการ สกสค.และพวก ต่อ ศาลปกครอง เพื่อให้พิจารณาโครงการจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ ของ สกสค.ว่า อาจเข้าข่ายกีดกัน และล็อกสเปก เป็นคดีดำที่ 27/2568 โดยเบื้องต้นศาลปกครองไม่ได้มีคำสั่งทุเลาโครงการตามที่เอกชนยื่นขอคุ้มครองชั่วคราวไป.
    ............
    Sondhi X
    พิลึก! ประมูลพิมพ์แบบเรียนปี 68 มีเอกชนยื่นราคาแค่รายเดียว สกสค.ถูกฟ้องกีดกัน-ล็อกสเปก . ประมูลพิมพ์แบบเรียนปี 68 งบฯกว่า 1 พันล้านบ.ของ “องค์การของ สกสค.” ส่อล่ม หลังมีเอกชนยื่นราคาแค่รายเดียว คาดต้องยกเลิกประกวดราคา ”พัฒนะ“ ยังมั่นใจเสร็จทันเปิดเทอม เผยมีคดีโดนฟ้องที่ศาล ปค.ฐานกีดกัน-ล็อกสเปก . รายงานข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการแจ้งว่า วันนี้ (28 ม.ค.68) มีการยื่นประกวดราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียน ปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ วงเงินกว่า 1 พันล้านบาท ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) . โดย นายพัฒนะ พัฒนะทวีดล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. เปิดเผยถึงการจัดพิมพ์แบบเรียนในปีการศึกษา 2568 ว่า กระบวนการสรรหาบริษัทที่จะเข้ามารับจ้างงานพิมพ์แบบเรียนปี 2568 เปิดกว้างทุกสำนักพิมพ์ที่มีความพร้อม โดยในปีนี้ค้าดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ e–bidding ซึ่งทุกขั้นตอนมีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ . “คาดว่ากระบวนการสรรหาผู้รับจ้างพิมพ์แบบเรียนปีการศึกษา 2568 จะดำเนินการแล้วเสร็จภายในช่วงปลายเดือน ม.ค.หรือช่วงต้นเดือน ก.พ.นี้ ต่อจากนั้นก็จะเริ่มกระบวนการพิมพ์แบบเรียนทันที และจัดส่งแบบเรียนได้ในช่วงปลายเดือน เม.ย.หรือประมาณต้นเดือน พ.ค.” นายพัฒนะ ระบุ . นายพัฒนะ กล่าวต่อว่า สำหรับการจัดพิมพ์แบบเรียนปีการศึกษา 2568 นี้ จะสามารถจัดส่งแบบเรียนให้ถึงโรงเรียนก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1 แม้ว่า พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ จะ มีแนวทางที่จะขยับการเปิดและปิดภาคเรียนใหม่ จากเดิมเปิดภาคเรียนวันที่ 16 พ.ค.จะขยับเป็นวันที่ 1 พ.ค. ซึ่งเรื่องนี้อยู่ระหว่างการสำรวจความคิดเห็น และการประชุมร่วมกับสถานศึกษาสังกัดอื่นๆ แต่ไม่ว่าจะมีการขยับเปิดและปิดภาคเรียนตามหรือไม่ องค์การค้าของ สกสค.ขอยืนยันว่า จะไม่มีปัญหาเรื่องกระบวนการจัดพิมพ์แบบเรียนและการจัดส่งแบบเรียนอย่างแน่นอน . “การขยับการเปิดภาคเรียนใหม่ยังต้องดำเนินการอีกหลายส่วน มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกว่า 10 ฉบับที่จะต้องปรับแก้ เพราะเกี่ยวข้องกับการนับอายุเด็กตาม พ.ร.บ.การศึกษาภาคบังคับ พ.ศ.2545 ที่เด็กจะเข้าเรียนการศึกษาภาคบังคับได้ต้องมีอายุครบ 3 ปีในวันที่ 16 พ.ค. รวมถึงเกณฑ์การเบิกจ่ายรายหัว ซึ่งถือเป็นเงื่อนไขตามกฎหมายที่กำหนดไว้ แต่ข้อดีก็คือจะสะดวกต่อการบริหารงบประมาณและอัตรากำลังงานด้านบุคคลได้ลงตัว ทั้งนี้จึงต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง” นายพัฒนะ กล่าว . ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.00 น. ซึ่งเป็นเวลาปิดรับข้อเสนอราคาจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ ของ สกสค. โดย กรมบัญชีกลาง ได้สรุปข้อมูลการเสนอราคาเบื้องต้น ปรากฎว่า มีผู้เสนอราคาเพียง 1 รายเท่านั้น ซึ่งตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ระบุว่า หากมีผู้ยื่นเสนอราคารายเดียว และคณะกรรมการพิจารณาผลฯ เห็นสมควรยกเลิกการประกวดราคาครั้งนั้น ให้เสนอหัวหน้าหน่วยงานโดยไม่ต้องพิจารณาในเสนอราคาและเอกสารของผู้เสนอราคารายเดียวนั้น หรือหากคณะกรรมการพิจารณาผลฯ เห็นสมควรดำเนินการต่อ ก็ต้องลงลายมือชื่อกำกับในเอกสารของผู้เสนอราคารายเดียวนั้น . ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้ได้มีบริษัทเอกชนยื่นฟ้องคณะกรรมการ สกสค.และพวก ต่อ ศาลปกครอง เพื่อให้พิจารณาโครงการจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปีการศึกษา 2568 จำนวน 145 รายการ ของ สกสค.ว่า อาจเข้าข่ายกีดกัน และล็อกสเปก เป็นคดีดำที่ 27/2568 โดยเบื้องต้นศาลปกครองไม่ได้มีคำสั่งทุเลาโครงการตามที่เอกชนยื่นขอคุ้มครองชั่วคราวไป. ............ Sondhi X
    Like
    Angry
    Sad
    Love
    14
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1855 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปิดเทอมนี้ เที่ยวเรือลำใหม่ 'Star Scorpio' 🚢
    ขึ้นแหลมฉบัง ประเทศไทย 5 รอบ💦 มีเส้นทางไหนบ้างมาดูกัน🎉

    🚢 รอบที่ 1
    🗓 6 วัน 4 คืน 📍 22 - 27 เม.ย. 68
    💦 แหลมฉบัง - สมุย - น่านน้ำสากล - สิงคโปร์ - น่านน้ำสากล - แหลมฉบัง

    🚢 รอบที่ 2
    🗓 6 วัน 4 คืน 📍 27 เม.ย. - 02 พ.ค. 68
    💦 แหลมฉบัง - สมุย - น่านน้ำสากล - สิงคโปร์ - น่านน้ำสากล - แหลมฉบัง

    🚢 รอบที่ 3
    🗓 6 วัน 4 คืน 📍 02 - 07 พ.ค. 68
    💦 แหลมฉบัง - สมุย - น่านน้ำสากล - สิงคโปร์ - น่านน้ำสากล - แหลมฉบัง

    🚢 รอบที่ 4
    🗓 6 วัน 4 คืน 📍 07 - 12 พ.ค. 68
    💦 แหลมฉบัง - สมุย - น่านน้ำสากล - สิงคโปร์ - น่านน้ำสากล - แหลมฉบัง

    🚢 รอบที่ 5
    🗓 4 วัน 3 คืน 📍 12 - 15 พ.ค. 68
    💦 แหลมฉบัง - สมุย - สิงคโปร์

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21ปี https://eTravelWay.com🔥
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8
    LINE ID: @etravelway.fire
    https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    ☎️: 021166395

    #ทัวร์เรือสำราญ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก
    #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    ปิดเทอมนี้ เที่ยวเรือลำใหม่ 'Star Scorpio' 🚢 ขึ้นแหลมฉบัง ประเทศไทย 5 รอบ💦 มีเส้นทางไหนบ้างมาดูกัน🎉 🚢 รอบที่ 1 🗓 6 วัน 4 คืน 📍 22 - 27 เม.ย. 68 💦 แหลมฉบัง - สมุย - น่านน้ำสากล - สิงคโปร์ - น่านน้ำสากล - แหลมฉบัง 🚢 รอบที่ 2 🗓 6 วัน 4 คืน 📍 27 เม.ย. - 02 พ.ค. 68 💦 แหลมฉบัง - สมุย - น่านน้ำสากล - สิงคโปร์ - น่านน้ำสากล - แหลมฉบัง 🚢 รอบที่ 3 🗓 6 วัน 4 คืน 📍 02 - 07 พ.ค. 68 💦 แหลมฉบัง - สมุย - น่านน้ำสากล - สิงคโปร์ - น่านน้ำสากล - แหลมฉบัง 🚢 รอบที่ 4 🗓 6 วัน 4 คืน 📍 07 - 12 พ.ค. 68 💦 แหลมฉบัง - สมุย - น่านน้ำสากล - สิงคโปร์ - น่านน้ำสากล - แหลมฉบัง 🚢 รอบที่ 5 🗓 4 วัน 3 คืน 📍 12 - 15 พ.ค. 68 💦 แหลมฉบัง - สมุย - สิงคโปร์ รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์เรือสำราญ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 917 มุมมอง 17 0 รีวิว
  • #ผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์
    พบว่า พบร่องรอยคราบเลลือด แตงโม
    บนกระโปรง กระติก
    คำถามสำหรับคนโตไม่ทัน
    รู้จักแตงโม แต่กระติกคือใคร
    กระติก คือคนที่แตงโมมองว่าคือเพื่อน
    แต่งตั้งให้เป็น ผจก ส่วนตัวดูแลคิวงาน
    ให้ทุกอย่างที่ให้ได้ แตงโม ช่วงคิวงานว่าง
    รายได้ไม่เข้า แต่ลูกของกระติกกำลังจะเปิดเทอม
    แตงโม ลงทุนเปิดท้าย ขายเสื้อผ้า เพื่อเป็นค่าเทอม
    ให้กับลูกของกระติก
    แต่กลับพบพิรุธหลายประการ ซึ่งจริงๆแล้ว
    กระติก เป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย ที่พฤติกรรม
    รวมถึงหลักฐาน มีแต่ความคุมเคลือ
    หวังว่าการรื้อคะดีกลับมาครั้งนี้
    หลายๆคน คงจะได้รับผลของกรรมที่ก่อไว้
    อิเพื่อนเฮี้ย อิเพื่อนจังงไร
    อิฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ พบว่า พบร่องรอยคราบเลลือด แตงโม บนกระโปรง กระติก คำถามสำหรับคนโตไม่ทัน รู้จักแตงโม แต่กระติกคือใคร กระติก คือคนที่แตงโมมองว่าคือเพื่อน แต่งตั้งให้เป็น ผจก ส่วนตัวดูแลคิวงาน ให้ทุกอย่างที่ให้ได้ แตงโม ช่วงคิวงานว่าง รายได้ไม่เข้า แต่ลูกของกระติกกำลังจะเปิดเทอม แตงโม ลงทุนเปิดท้าย ขายเสื้อผ้า เพื่อเป็นค่าเทอม ให้กับลูกของกระติก แต่กลับพบพิรุธหลายประการ ซึ่งจริงๆแล้ว กระติก เป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย ที่พฤติกรรม รวมถึงหลักฐาน มีแต่ความคุมเคลือ หวังว่าการรื้อคะดีกลับมาครั้งนี้ หลายๆคน คงจะได้รับผลของกรรมที่ก่อไว้ อิเพื่อนเฮี้ย อิเพื่อนจังงไร อิฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 344 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ยุวชนทหาร เปิดเทอมไปรบ"
    สหรัฐเรียกร้องให้ยูเครนลดอายุการสู้รบเป็น 18 ปี เพื่อเพิ่มกำลังพล!
    "ยุวชนทหาร เปิดเทอมไปรบ" สหรัฐเรียกร้องให้ยูเครนลดอายุการสู้รบเป็น 18 ปี เพื่อเพิ่มกำลังพล!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขอแสดงมุทิตาจิตกับสามเณรสกาย ในการสำเร็จการศึกษา “นักธรรมชั้นตรี” ขออนุโมทนาและเป็นกำลังใจให้สามเณรสกายได้สำเร็จบรรลุเป้าหมายเปรียญธรรม ๙ ประโยคสมปรารถนา เป็นศาสนทายาทสืบทอดพระธรรมสืบต่อไปผลสอบธรรมสนามหลวง จากสำนักงานแม่กองธรรมสนามหลวงโดยความเห็นของมหาเถรสมาคม#สามเณรปลูกปัญญาธรรมรม #บวชเณร #เณรน้อย #น่ารัก #กิจกรรม #ปิดเทอม #อนุโมทนาบุญ #สาธุ #ทรูปลูกปัญญา #truelittlemonk #dhamma
    ขอแสดงมุทิตาจิตกับสามเณรสกาย ในการสำเร็จการศึกษา “นักธรรมชั้นตรี” ขออนุโมทนาและเป็นกำลังใจให้สามเณรสกายได้สำเร็จบรรลุเป้าหมายเปรียญธรรม ๙ ประโยคสมปรารถนา เป็นศาสนทายาทสืบทอดพระธรรมสืบต่อไปผลสอบธรรมสนามหลวง จากสำนักงานแม่กองธรรมสนามหลวงโดยความเห็นของมหาเถรสมาคม#สามเณรปลูกปัญญาธรรมรม #บวชเณร #เณรน้อย #น่ารัก #กิจกรรม #ปิดเทอม #อนุโมทนาบุญ #สาธุ #ทรูปลูกปัญญา #truelittlemonk #dhamma
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 898 มุมมอง 0 รีวิว
  • ว้าวุ่นรับเปิดเทอมเมื่อนักเรียนน้อย จับกิ้งก่า เล่นแล้วโดนกัดเข้าที่คาง

    #News1 #Newsstory #แต่ละมื้อแต่ละday #กิ้งก่ากัดคาง
    ว้าวุ่นรับเปิดเทอมเมื่อนักเรียนน้อย จับกิ้งก่า เล่นแล้วโดนกัดเข้าที่คาง #News1 #Newsstory #แต่ละมื้อแต่ละday #กิ้งก่ากัดคาง
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1089 มุมมอง 99 0 รีวิว
  • วันนี้ไปศูนย์สิริกิติ์ ไปดูงาน SX Sustainability Expo ที่ปกติเน้นไปเดินกินข้าวที่ชั้นล่าง 😆

    แต่ปีนี้มีส่วนจัดแสดงบอร์ดโครงการ The Ten ของ วปอ. 66 เลยไปเดินดูงานด้านบนก่อน แล้วไปเจอ ส่วนจัดแสดงของโรงเรียนมีชัยพัฒนา (Meechai Bamboo School) ซึ่งมีเด็กนักเรียนยืนอยู่ 4-5 คน กับบอร์ดภาพเกี่ยวกับการเษตร และ ชุมชน

    ผมถามเด็กๆว่า ที่ร.ร.ทำอะไรกัน เพราะใจสงสัยว่าทำไมถึงมีร.ร.นี้แห่งเดียวที่มาออกงาน แถมชื่อก็แปลกๆ เกี่ยวอะไรกับไม้ไผ่

    น้อง ๆ เล่าว่า ร.ร.ของเขาตั้งอยู่ที่จ.บุรีรัมย์เป็นโรงเรียนประจำของเอกชน มีสอนทำเกษตร กับ มีกิจกรรมช่วยเหลือชุมชน นอกจากสอนวิชาทั่วไป

    ผมก็คิดว่า อ๋อ คงเป็นร.ร.เอกชนนานาชาติ เหมือนในกรุงเทพฯกระมัง เลยถามต่อว่าค่าเทอมเท่าไหร่?

    เด็กๆตอบว่าเรียนฟรีค่ะ! ผมก็งง ว่าทำไมถึงเรียนฟรี?

    น้องบอกว่า ร.ร.นี้ เปิดมา 15 ปีแล้ว ทั้งร.ร.สร้างด้วยไม้ไผ่ นักเรียนทุกคนต้องจ่ายค่าเทอมเป็นการทำดีให้กับชุมชน รวมถึงทำกิจกรรมต่าง ๆ ในโรงเรียนตามความรับผิดชอบของตัวเอง มีนักเรียน ม.1-ม.6 ระดับชั้นละ 20 กว่าคน มีครู 10 กว่าคน โดยให้นักเรียนกินนอนที่ร.ร. ไม่ให้กลับบ้านจนกว่าจะปิดเทอม และห้ามนักเรียนใช้โทรศัพท์

    ผมก็ถามว่า แล้วอยู่กันยังไง ไม่เหงาเหรอ?

    น้องตอบกลับว่า หนูมีหนังสือต่างๆให้อ่านเยอะแยะ และ แต่ละวันมีกิจกรรมให้ทำมากมาย และที่ร.ร.ก็กำหนดให้นักเรียนร่วมกันจัดการบริหารดูแลร.ร.กันเอง โดยมีคุณครูช่วยให้คำแนะนำ เรียกว่าทั้งฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายตรวจรับ และฝ่ายต่าง ๆ ของร.ร.ถูกดูแลโดยนักเรียนเอง มีแค่งานครัวที่มีแม่ครัวเป็นคนปรุงอาหารให้กิน

    น้อง ๆ เขาคิดว่า ชีวิตของเขามีกิจกรรมอื่นให้ทำมากกว่าจะมานั่งเล่นโทรศัพท์เลยไม่ติดเกม ติดซีรี่ส์แบบเด็กวัยเดียวกัน

    ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา พี่ ๆ ที่จบไปมักจะเรียนต่อมหาวิทยาลัยได้ทุกคน และมักจะติดตั้งแต่รอบ Portfolio และส่วนใหญ่จะเรียนต่อมหาวิทยาลัยใกล้บ้าน ทั้งด้านเกษตร หรือด้านบริหารก็มี เพราะนักเรียนจะมีทั้งเด็กในจังหวัดบุรีรัมย์ และ ใกล้เคียง แต่ก็มีบางคนที่มาจาก เวียดนาม หรือ เป็นเด็กชาติพันธุ์จากกาญจนบุรี / แม่ฮ่องสอน

    ฟังน้อง ๆ เล่าแล้วผมถึงกับอึ้งกับแนวคิดของ ผ.อ. ซึ่งก็คือ อ.มีชัย วีระไวทยะ แถมยังอยากเขกหัวตัวเองว่า ไม่รู้จักโรงเรียนนี้ได้ยังไง แต่ก็ได้คำตอบว่า ทำไม ผู้จัดงานถึงได้เลือกโรงเรียนนี้มาจัดนิทรรศการในงานนี้

    งานนี้น่าจะจัดถึงวันอาทิตย์ที่ 6 ต.ค. หากมีเวลาอยากชวนให้ไปดูงานนี้ แล้วไปฟังน้อง ๆ เล่าถึงโรงเรียนของเขากันนะครับ ❤️
    วันนี้ไปศูนย์สิริกิติ์ ไปดูงาน SX Sustainability Expo ที่ปกติเน้นไปเดินกินข้าวที่ชั้นล่าง 😆 แต่ปีนี้มีส่วนจัดแสดงบอร์ดโครงการ The Ten ของ วปอ. 66 เลยไปเดินดูงานด้านบนก่อน แล้วไปเจอ ส่วนจัดแสดงของโรงเรียนมีชัยพัฒนา (Meechai Bamboo School) ซึ่งมีเด็กนักเรียนยืนอยู่ 4-5 คน กับบอร์ดภาพเกี่ยวกับการเษตร และ ชุมชน ผมถามเด็กๆว่า ที่ร.ร.ทำอะไรกัน เพราะใจสงสัยว่าทำไมถึงมีร.ร.นี้แห่งเดียวที่มาออกงาน แถมชื่อก็แปลกๆ เกี่ยวอะไรกับไม้ไผ่ น้อง ๆ เล่าว่า ร.ร.ของเขาตั้งอยู่ที่จ.บุรีรัมย์เป็นโรงเรียนประจำของเอกชน มีสอนทำเกษตร กับ มีกิจกรรมช่วยเหลือชุมชน นอกจากสอนวิชาทั่วไป ผมก็คิดว่า อ๋อ คงเป็นร.ร.เอกชนนานาชาติ เหมือนในกรุงเทพฯกระมัง เลยถามต่อว่าค่าเทอมเท่าไหร่? เด็กๆตอบว่าเรียนฟรีค่ะ! ผมก็งง ว่าทำไมถึงเรียนฟรี? น้องบอกว่า ร.ร.นี้ เปิดมา 15 ปีแล้ว ทั้งร.ร.สร้างด้วยไม้ไผ่ นักเรียนทุกคนต้องจ่ายค่าเทอมเป็นการทำดีให้กับชุมชน รวมถึงทำกิจกรรมต่าง ๆ ในโรงเรียนตามความรับผิดชอบของตัวเอง มีนักเรียน ม.1-ม.6 ระดับชั้นละ 20 กว่าคน มีครู 10 กว่าคน โดยให้นักเรียนกินนอนที่ร.ร. ไม่ให้กลับบ้านจนกว่าจะปิดเทอม และห้ามนักเรียนใช้โทรศัพท์ ผมก็ถามว่า แล้วอยู่กันยังไง ไม่เหงาเหรอ? น้องตอบกลับว่า หนูมีหนังสือต่างๆให้อ่านเยอะแยะ และ แต่ละวันมีกิจกรรมให้ทำมากมาย และที่ร.ร.ก็กำหนดให้นักเรียนร่วมกันจัดการบริหารดูแลร.ร.กันเอง โดยมีคุณครูช่วยให้คำแนะนำ เรียกว่าทั้งฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายตรวจรับ และฝ่ายต่าง ๆ ของร.ร.ถูกดูแลโดยนักเรียนเอง มีแค่งานครัวที่มีแม่ครัวเป็นคนปรุงอาหารให้กิน น้อง ๆ เขาคิดว่า ชีวิตของเขามีกิจกรรมอื่นให้ทำมากกว่าจะมานั่งเล่นโทรศัพท์เลยไม่ติดเกม ติดซีรี่ส์แบบเด็กวัยเดียวกัน ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา พี่ ๆ ที่จบไปมักจะเรียนต่อมหาวิทยาลัยได้ทุกคน และมักจะติดตั้งแต่รอบ Portfolio และส่วนใหญ่จะเรียนต่อมหาวิทยาลัยใกล้บ้าน ทั้งด้านเกษตร หรือด้านบริหารก็มี เพราะนักเรียนจะมีทั้งเด็กในจังหวัดบุรีรัมย์ และ ใกล้เคียง แต่ก็มีบางคนที่มาจาก เวียดนาม หรือ เป็นเด็กชาติพันธุ์จากกาญจนบุรี / แม่ฮ่องสอน ฟังน้อง ๆ เล่าแล้วผมถึงกับอึ้งกับแนวคิดของ ผ.อ. ซึ่งก็คือ อ.มีชัย วีระไวทยะ แถมยังอยากเขกหัวตัวเองว่า ไม่รู้จักโรงเรียนนี้ได้ยังไง แต่ก็ได้คำตอบว่า ทำไม ผู้จัดงานถึงได้เลือกโรงเรียนนี้มาจัดนิทรรศการในงานนี้ งานนี้น่าจะจัดถึงวันอาทิตย์ที่ 6 ต.ค. หากมีเวลาอยากชวนให้ไปดูงานนี้ แล้วไปฟังน้อง ๆ เล่าถึงโรงเรียนของเขากันนะครับ ❤️
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 650 มุมมอง 0 รีวิว
  • #รีวิวทัวร์ #ทัวร์ดูไบ คุณจินตชา 2ท่าน เดินทาง 27ก.ย.-1ต.ค.67 ขอให้เที่ยวสนุก นะจ้ะ
    #รีวิว #review
    สอบถามรายละเอียด คลิก http://bit.ly/3XQPjEr

    ติดต่อ Office Line ID : @navarich
    เบอร์สำนักงาน : 083-6995654
    HOT LINE พนักงานขาย
    093-629-6354, 061-624-9254, 061-626-3249, 063-593-5142, 065-324-6951, 061-626-9236
    เลขทะเบียน ททท. : 11/08116

    #รวมทัวร์ #ทัวร์ราคาถูก #ทัวร์ต่างประเทศ #ทัวร์ถูก #hotseat #โปรไฟไหม้ #ที่หลุด #ทัวร์ด่วน #ทัวร์วันปิดเทอม #ทัวร์วันจักรี #ทัวร์วันสงกรานต์ #ทัวร์วันแรงงาน #โกเบ #ทัวร์ทตโทริ
    #เทียนสิน #ซัวเถา #แต้จิ๋ว #ฟ่งหวง #เฉินตู #ทัวร์จิ่วจ้ายโกว #หวงหลง #เล่อซาน #ง้อไบ๊ #อู่หลู่มูฉี #จางเย่ #นองปิง
    #รีวิวทัวร์ #ทัวร์ดูไบ คุณจินตชา 2ท่าน เดินทาง 27ก.ย.-1ต.ค.67 ขอให้เที่ยวสนุก นะจ้ะ #รีวิว #review สอบถามรายละเอียด คลิก http://bit.ly/3XQPjEr ติดต่อ Office Line ID : @navarich เบอร์สำนักงาน : 083-6995654 HOT LINE พนักงานขาย 093-629-6354, 061-624-9254, 061-626-3249, 063-593-5142, 065-324-6951, 061-626-9236 เลขทะเบียน ททท. : 11/08116 #รวมทัวร์ #ทัวร์ราคาถูก #ทัวร์ต่างประเทศ #ทัวร์ถูก #hotseat #โปรไฟไหม้ #ที่หลุด #ทัวร์ด่วน #ทัวร์วันปิดเทอม #ทัวร์วันจักรี #ทัวร์วันสงกรานต์ #ทัวร์วันแรงงาน #โกเบ #ทัวร์ทตโทริ #เทียนสิน #ซัวเถา #แต้จิ๋ว #ฟ่งหวง #เฉินตู #ทัวร์จิ่วจ้ายโกว #หวงหลง #เล่อซาน #ง้อไบ๊ #อู่หลู่มูฉี #จางเย่ #นองปิง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1659 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง! ‘ทีดีอาร์ไอ’ ชี้ 95% รถรับจ้างไม่ประจำทาง คือ ระเบิดเวลาบนท้องถนนไทย แนะรัฐตรวจเข้มกลุ่มรถที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมจัดงบฯ – สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หนุนผู้ประกอบการใช้วัสดุทนไฟ

    เหตุการณ์รถบัสนักเรียนไฟไหม้ ซึ่งนำไปสู่ความสูญเสียที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น สะท้อนความล้มเหลวในการป้องกัน และควบคุมการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนไทย ตอกย้ำสมญานามประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากการจราจรมากที่สุด สูงเป็นอันดับ 9 ของโลก และครองแชมป์อันดับ 1 ในอาเซียน
    อุบัติเหตุครั้งนี้ไม่เพียงชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยง ทั้งในด้านพฤติกรรมการขับขี่ ความรู้ในการเผชิญเหตุฉุกเฉิน ยังได้นำไปสู่การเปิดโปงข้อบกพร่องของ “ระบบตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย” โดยเฉพาะรถทัศนาจร หรือ “รถรับจ้างไม่ประจำทาง” ที่วิ่งให้บริการขวักไขว่ อันเป็นภาพคุ้นชินตาของคนไทย

    ‘ทีดีอาร์ไอ’ เผยมีรถรับจ้างไม่ประจำทางเพียง 5% ผ่าน “มาตรฐานลุกไหม้”
    ดร.สุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัย ด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า แม้ว่ากรมการขนส่งทางบก จะมีความพยายามในการปรับปรุงมาตรฐานรถโดยสารขนาดใหญ่ในหลายประเด็น รวมถึงมาตรฐานด้านการลุกไหม้มาตั้งแต่ปี 2559 โดยออกประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่องกำหนดคุณสมบัติด้านการลุกไหม้การลามไฟของวัสดุที่ใช้ตกแต่งภายในรถโดยสาร แต่ปรากฎว่าประกาศดังกล่าวถูกเลื่อนการบังคับใช้อยู่เรื่อย ๆ
    ด้วยเหตุผลเพราะผู้ประกอบการ ไม่มีความพร้อมในการแบกรับต้นทุน จากการเปลี่ยนไปใช้วัสดุกันไฟที่มีราคาแพง จนกระทั่งสุดท้ายเพิ่งบังคับใช้ได้จริงในปี 2565 แต่กลับไม่มีผลย้อนหลัง ซึ่งหมายความว่าใช้บังคับได้เฉพาะกับรถที่จดทะเบียนใหม่ หรือ มีการปรับปรุงตัวถังใหม่ในปี 2565 เท่านั้น “รถคันที่เกิดเหตุก็เป็นหนึ่งในกรณี ที่ไม่เข้าเงื่อนไขของประกาศฉบับนี้ เนื่องจากมีการจดเบียนใหม่ในปี 2561”

    ดร.สุเมธ ระบุว่าปัจจุบันรถทัศนาจรในกลุ่มมาตรฐาน 1 ซึ่งเป็นประเภทเดียวกับรถคันที่เกิดเหตุ มีจำนวน 5,896 คัน และรถมาตรฐาน 4 หรือรถ 2 ชั้น มีจำนวน 4,972 คน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าในจำนวนทั้งหมดกว่า 1 หมื่นคัน มีจำนวนเพียง 5% เท่านั้น ที่ผ่านมาตรฐานด้านการลุกไหม้ และอนุมานได้ว่าส่วนที่เหลืออีก 95% ที่เป็นรถจดทะเบียนก่อนประกาศดังกล่าวบังคับใช้ ยังไม่ถูกกำหนดให้มีมาตรฐานนี้ ขณะที่ในต่างประเทศเวลากำหนดมาตรฐานในเรื่องเหล่านี้ จะให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลังด้วย และต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1-2 ปี

    “คาดว่ามีรถที่ไม่ผ่านหรือไม่ได้มาตรฐานใหม่ ตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดเป็นหมื่นคัน แสดงให้เห็นถึงขนาดของปัญหาที่วิ่งอยู่บนท้องถนนตอนนี้ เสมือนกับเป็นระเบิดเวลาที่เราไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุขึ้นอีกเมื่อไหร่ ดังนั้น กรมการขนส่งทางบก ควรติดตามตรวจสอบรถในกลุ่มนี้ ที่ยังวิ่งอยู่ในระบบ เช่น ด้านมาตรฐานทนไฟ การชนด้านหน้า สภาพรถเป็นอย่างไร ติดก๊าซหรือไม่ ฯลฯ โดยเร่งกำหนดมาตรการอย่างเข้มข้นในรถกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงก่อน”

    จี้ ขบ.ตรวจเข้มรถเสี่ยงสูง – เสนอรัฐจัดงบฯหนุนผู้ประกอบการใช้วัสดุทนไฟ
    ดร.สุเมธ เน้นย้ำว่าเหตุที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงความสำคัญ ของมาตรฐานความปลอดภัยของรถทัศนาจร ซึ่งความเสี่ยงนี้กระทบต่อสวัสดิภาพของประชาชน โจทย์ใหญ่ของรัฐคือจะดำเนินการเปลี่ยนแปลงให้รถเหล่านี้มีมาตรฐานดีขึ้นได้อย่างไร ทั้งการเปลี่ยนวัสดุไวไฟ เช่น เบาะที่นั่ง ม่าน พรม ให้เป็นไปตามมาตรฐาน UNECE ซึ่งคือการใช้วัสดุที่ทนไฟได้ในระดับหนึ่ง เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟลุกไหม้จะไม่เร็วและแรง สามารถช่วยซื้อเวลาให้ผู้โดยสารหนีออกภายนอกตัวรถได้
    “ภาครัฐอาจจะต้องเข้ามาร่วมกับผู้ประกอบการ เพื่อปรับปรุงมาตรฐานให้ดีขึ้น โดยสร้างแรงจูงใจต่าง ๆ เช่น การให้เงินช่วยเหลือโดยตรงไปยังผู้ประกอบการ หรือ อาจมีเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ผู้ประกอบการมีทุนในการปรับปรุงมาตรฐานรถ”

    สำหรับกรณีระยะเวลาการใช้งานของรถคันเกิดเหตุ ที่พบว่ามีการจดทะเบียนมาตั้งแต่ปี 2513 นั้น ดร.สุเมธ กล่าวว่า องค์ประกอบหลักของรถจะมี 2 ส่วน คือ
    ส่วนที่ 1 : โครงหลัก หรือที่เรียกว่า “แชสซี” ที่เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของรถ ซึ่งอยู่ด้านใต้ตัวรถติดกับโครงล้อ ซึ่งปกติรถขนาดใหญ่จะจดทะเบียนครั้งแรกด้วยแชสซี ซึ่งส่วนนี้มีอายุการใช้งาน 70-80 ปี
    ส่วนที่ 2 : ตัวถังรถ ประกอบไปด้วย หลังคา ประตู เบาะที่นั่ง โดยตัวถังรถมีอายุการใช้งาน 8-10 ปีเท่านั้น จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนเป็นระยะ
    อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจว่าจะปรับปรุงตัวถังรถหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการเป็นหลักว่าต้องการเปลี่ยนหรือไม่ เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีมาตรการกำหนดอายุรถ หรือระยะเวลาการปรับปรุงสภาพรถ มีแต่การตรวจสอบตามมาตรฐานความปลอดภัย โดยกรมการขนส่งทางบก 2 ครั้งต่อปี

    “ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง จะมีการปรับปรุงความเสี่ยงเหล่านี้อย่างไร การตรวจสอบมีความเข้มงวดมากน้อยขนาดไหน ตรงนี้ล้วนเป็นประเด็น เพราะมาตรฐานการติดตั้ง ยังเป็นสิ่งที่มีความท้าทายในการตรวจสอบอยู่ หากการติดตั้งทำโดยช่างผู้ชำนาญการก็จะได้มาตรฐานสูง แต่ถ้าติดตั้งโดยไม่รัดกุมมากนัก ก็จะทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น ประกายไฟ ได้” ดร.สุเมธ ระบุ

    ยกระดับทัศนศึกษาปลอดภัย ซักซ้อม – วางแผน – ลงรายละเอียด รับมือเหตุไม่คาดคิด

    ด้าน นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) และอนุกรรมการด้านการขนส่งและยานพาหนะ สภาผู้บริโภค กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวถึงเวลาที่กระทรวงศึกษาธิการ ต้องทบทวนเชิงระบบ เพื่อสร้างแนวทางการไปทัศนศึกษาที่ปลอดภัย โดยปัจจุบันการไปทัศนศึกษาของเด็กมีอยู่ 2 รูปแบบ 1. ไปเช้า – เย็นกลับ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการทัศนศึกษาในช่วงปิดเทอมหนึ่ง ประมาณเดือนตุลาคม กับ 2. ทัศนศึกษาแบบพักค้างคืนจะอยู่ในช่วงเทอมสอง ซึ่งจะมีการเดินทางช่วงกลางคืน มีการใช้รถบัสสองชั้น การเกิดอุบัติเหตุจึงมักจะเกิดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม

    นพ.ธนะพงศ์ กล่าวว่า คณะผู้จัดกิจกรรมไปทัศนศึกษา ต้องวางแผนโดยการลงรายละเอียด ทั้งการเตรียมครูประจำรถกี่คนต่อจำนวนเด็ก ยิ่งเป็นเด็กเล็กยิ่งต้องให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ เช่น อาจจะต้องเป็นครูหนึ่งคนต่อ 10 คน เป็นต้น หรือหากเกิดอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ หรือเกิดเพลิงไหม้ คุณครูก็ต้องรู้จักการใช้ถังดับเพลิง และถ้าจำเป็นต้องอพยพ คุณครูจะต้องวางแผนอพยพออกทางไหน ประตูอยู่ตรงจุดไหน เป็นต้น

    เสนอยกเลิกรถสองชั้นเด็ดขาด – เพิ่มวงเงินประกันภัยภาคบังคับ

    นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวถึงข้อเสนอในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ โดยเน้นย้ำการยกเลิกการใช้รถสองชั้นในการรับจ้างแบบไม่ประจำทาง อันเป็นสิ่งที่องค์กรผู้บริโภคทั่วประเทศ ได้มีข้อเสนอเป็นระยะเวลาหลายปี แต่ยังไม่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลง รวมถึงรื้อระบบตรวจสภาพรถบริการขนส่งสาธารณะ ปัจจุบันตรวจสภาพปีละสองครั้ง แต่ในบางประเทศตรวจทุกไตรมาส ซึ่งจริง ๆ ควรจะดูตามจํานวนการใช้งาน หรือกำหนดเป็นระยะเวลาตายตัวเพียงอย่างเดียว

    นอกจากนี้ เสนอให้ขยายวงเงินประกันภัยภาคบังคับ ของรถโดยสารแบบไม่ประจำทาง โดยเพิ่มวงเงินประกันเป็น 30 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันการทำประกันภัยรถภาคบังคับตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 กำหนดความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง 500,000 บาทต่อคน แต่มีข้อกำหนดวงเงินเฉลี่ยจ่ายจากวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อครั้ง ซึ่งไม่ครอบคลุมความเสียหายเมื่อเกิดเหตุร้ายแรงและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

    “ความสูญเสียที่เกิดขึ้นต้องนำไปสู่การพัฒนากฎ ระเบียบ มาตรการต่าง ๆ และวิธีการทำงานที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของรถโดยสาร” เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าว

    จากอุบัติเหตุรถบัสนักเรียนไฟไหม้ สู่ปัญหา “รถโรงเรียนไทยไม่ปลอดภัย”

    ความไม่ปลอดภัยของรถรับส่งนักเรียนไทย ไม่ใช่ปัญหาที่เพิ่งถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึง และเปรียบเทียบมาตรฐานความปลอดภัยของไทยกับต่างประเทศ โดยล่าสุดในโซเชียลมีเดียมีการแชร์ข้อมูล รถรับส่งนักเรียนในสหรัฐ มีการควบคุมความปลอดภัยมากกว่ารถปกติถึง 70 เท่า ขณะที่ของญี่ปุ่นกรณีรถบัสทัศนศึกษา นอกจากการตรวจสอบมาตรฐานตัวรถที่เข้มงวด ยังมีการติดตั้ง GPS ควบคุมความเร็วในการขับขี่อีกด้วย

    สำหรับประเทศไทย หากย้อนกลับไปที่ข้อมูลของ ศวปถ. และสภาองค์กรของผู้บริโภค ซึ่งระบุในคู่มือการจัดระบบรถโรงเรียนให้ปลอดภัยและเป็นธรรม พบว่าระหว่างปี 2562 – 2564 เกิดอุบัติเหตุกับรถโรงเรียนมากถึง 38 ครั้ง มีนักเรียนได้รับบาดเจ็บรุนแรงถึงขึ้นเสียชีวิต 9 ราย บาดเจ็บ 431 ราย

    จากการสํารวจข้อมูลรถโรงเรียนทุกภูมิภาค ได้สะท้อนภาพปัญหาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง 3 ปมปัญหาใหญ่ที่รอเวลาเกิดเหตุ ได้แก่

    สภาพรถที่ไม่ได้มาตรฐาน : ดัดแปลงรถ ไม่มั่นคงแข็งแรง รวมถึงขาดอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ควรมี เช่น ค้อนทุบกระจก ถังดับเพลิง เป็นต้น

    ผู้ขับประมาทไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร : ใช้ประสบการณ์ความเคยชินขับเร็วเสี่ยงอันตราย ขาดความรู้ความเข้าใจบทบาทการขับรถส่งนักเรียน

    ขาดระบบจัดการรถที่ดี : ขาดระบบกำกับควบคุมผู้ขับขี่ รวมถึงกลไกสนับสนุนเพื่อให้เกิดระบบจัดการที่มีประสิทธิภาพ

    แม้การเพิ่มมาตรการและความเข้มงวดภายหลังเกิดเหตุ จะหนีไม่พ้นคำพูดที่ว่า “วัวหายล้อมคอก” แต่ในบริบทของประเทศไทย เมื่อเกิดบทเรียนขึ้นแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบทุกภาคส่วน ต้องร่วมมือกันล้อมคอกไม่ให้เกิดเหตุสลด เช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต

    ที่มา https://thaipublica.org/2024/10/tdri-reveals-95-of-non-regular-taxis-are-ticking-time-bombs-on-thai-roads/

    #Thaitimes
    ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง! ‘ทีดีอาร์ไอ’ ชี้ 95% รถรับจ้างไม่ประจำทาง คือ ระเบิดเวลาบนท้องถนนไทย แนะรัฐตรวจเข้มกลุ่มรถที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมจัดงบฯ – สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หนุนผู้ประกอบการใช้วัสดุทนไฟ เหตุการณ์รถบัสนักเรียนไฟไหม้ ซึ่งนำไปสู่ความสูญเสียที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น สะท้อนความล้มเหลวในการป้องกัน และควบคุมการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนไทย ตอกย้ำสมญานามประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากการจราจรมากที่สุด สูงเป็นอันดับ 9 ของโลก และครองแชมป์อันดับ 1 ในอาเซียน อุบัติเหตุครั้งนี้ไม่เพียงชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยง ทั้งในด้านพฤติกรรมการขับขี่ ความรู้ในการเผชิญเหตุฉุกเฉิน ยังได้นำไปสู่การเปิดโปงข้อบกพร่องของ “ระบบตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย” โดยเฉพาะรถทัศนาจร หรือ “รถรับจ้างไม่ประจำทาง” ที่วิ่งให้บริการขวักไขว่ อันเป็นภาพคุ้นชินตาของคนไทย ‘ทีดีอาร์ไอ’ เผยมีรถรับจ้างไม่ประจำทางเพียง 5% ผ่าน “มาตรฐานลุกไหม้” ดร.สุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัย ด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า แม้ว่ากรมการขนส่งทางบก จะมีความพยายามในการปรับปรุงมาตรฐานรถโดยสารขนาดใหญ่ในหลายประเด็น รวมถึงมาตรฐานด้านการลุกไหม้มาตั้งแต่ปี 2559 โดยออกประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่องกำหนดคุณสมบัติด้านการลุกไหม้การลามไฟของวัสดุที่ใช้ตกแต่งภายในรถโดยสาร แต่ปรากฎว่าประกาศดังกล่าวถูกเลื่อนการบังคับใช้อยู่เรื่อย ๆ ด้วยเหตุผลเพราะผู้ประกอบการ ไม่มีความพร้อมในการแบกรับต้นทุน จากการเปลี่ยนไปใช้วัสดุกันไฟที่มีราคาแพง จนกระทั่งสุดท้ายเพิ่งบังคับใช้ได้จริงในปี 2565 แต่กลับไม่มีผลย้อนหลัง ซึ่งหมายความว่าใช้บังคับได้เฉพาะกับรถที่จดทะเบียนใหม่ หรือ มีการปรับปรุงตัวถังใหม่ในปี 2565 เท่านั้น “รถคันที่เกิดเหตุก็เป็นหนึ่งในกรณี ที่ไม่เข้าเงื่อนไขของประกาศฉบับนี้ เนื่องจากมีการจดเบียนใหม่ในปี 2561” ดร.สุเมธ ระบุว่าปัจจุบันรถทัศนาจรในกลุ่มมาตรฐาน 1 ซึ่งเป็นประเภทเดียวกับรถคันที่เกิดเหตุ มีจำนวน 5,896 คัน และรถมาตรฐาน 4 หรือรถ 2 ชั้น มีจำนวน 4,972 คน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าในจำนวนทั้งหมดกว่า 1 หมื่นคัน มีจำนวนเพียง 5% เท่านั้น ที่ผ่านมาตรฐานด้านการลุกไหม้ และอนุมานได้ว่าส่วนที่เหลืออีก 95% ที่เป็นรถจดทะเบียนก่อนประกาศดังกล่าวบังคับใช้ ยังไม่ถูกกำหนดให้มีมาตรฐานนี้ ขณะที่ในต่างประเทศเวลากำหนดมาตรฐานในเรื่องเหล่านี้ จะให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลังด้วย และต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1-2 ปี “คาดว่ามีรถที่ไม่ผ่านหรือไม่ได้มาตรฐานใหม่ ตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดเป็นหมื่นคัน แสดงให้เห็นถึงขนาดของปัญหาที่วิ่งอยู่บนท้องถนนตอนนี้ เสมือนกับเป็นระเบิดเวลาที่เราไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุขึ้นอีกเมื่อไหร่ ดังนั้น กรมการขนส่งทางบก ควรติดตามตรวจสอบรถในกลุ่มนี้ ที่ยังวิ่งอยู่ในระบบ เช่น ด้านมาตรฐานทนไฟ การชนด้านหน้า สภาพรถเป็นอย่างไร ติดก๊าซหรือไม่ ฯลฯ โดยเร่งกำหนดมาตรการอย่างเข้มข้นในรถกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงก่อน” จี้ ขบ.ตรวจเข้มรถเสี่ยงสูง – เสนอรัฐจัดงบฯหนุนผู้ประกอบการใช้วัสดุทนไฟ ดร.สุเมธ เน้นย้ำว่าเหตุที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงความสำคัญ ของมาตรฐานความปลอดภัยของรถทัศนาจร ซึ่งความเสี่ยงนี้กระทบต่อสวัสดิภาพของประชาชน โจทย์ใหญ่ของรัฐคือจะดำเนินการเปลี่ยนแปลงให้รถเหล่านี้มีมาตรฐานดีขึ้นได้อย่างไร ทั้งการเปลี่ยนวัสดุไวไฟ เช่น เบาะที่นั่ง ม่าน พรม ให้เป็นไปตามมาตรฐาน UNECE ซึ่งคือการใช้วัสดุที่ทนไฟได้ในระดับหนึ่ง เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟลุกไหม้จะไม่เร็วและแรง สามารถช่วยซื้อเวลาให้ผู้โดยสารหนีออกภายนอกตัวรถได้ “ภาครัฐอาจจะต้องเข้ามาร่วมกับผู้ประกอบการ เพื่อปรับปรุงมาตรฐานให้ดีขึ้น โดยสร้างแรงจูงใจต่าง ๆ เช่น การให้เงินช่วยเหลือโดยตรงไปยังผู้ประกอบการ หรือ อาจมีเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ผู้ประกอบการมีทุนในการปรับปรุงมาตรฐานรถ” สำหรับกรณีระยะเวลาการใช้งานของรถคันเกิดเหตุ ที่พบว่ามีการจดทะเบียนมาตั้งแต่ปี 2513 นั้น ดร.สุเมธ กล่าวว่า องค์ประกอบหลักของรถจะมี 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 : โครงหลัก หรือที่เรียกว่า “แชสซี” ที่เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของรถ ซึ่งอยู่ด้านใต้ตัวรถติดกับโครงล้อ ซึ่งปกติรถขนาดใหญ่จะจดทะเบียนครั้งแรกด้วยแชสซี ซึ่งส่วนนี้มีอายุการใช้งาน 70-80 ปี ส่วนที่ 2 : ตัวถังรถ ประกอบไปด้วย หลังคา ประตู เบาะที่นั่ง โดยตัวถังรถมีอายุการใช้งาน 8-10 ปีเท่านั้น จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนเป็นระยะ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจว่าจะปรับปรุงตัวถังรถหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการเป็นหลักว่าต้องการเปลี่ยนหรือไม่ เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีมาตรการกำหนดอายุรถ หรือระยะเวลาการปรับปรุงสภาพรถ มีแต่การตรวจสอบตามมาตรฐานความปลอดภัย โดยกรมการขนส่งทางบก 2 ครั้งต่อปี “ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง จะมีการปรับปรุงความเสี่ยงเหล่านี้อย่างไร การตรวจสอบมีความเข้มงวดมากน้อยขนาดไหน ตรงนี้ล้วนเป็นประเด็น เพราะมาตรฐานการติดตั้ง ยังเป็นสิ่งที่มีความท้าทายในการตรวจสอบอยู่ หากการติดตั้งทำโดยช่างผู้ชำนาญการก็จะได้มาตรฐานสูง แต่ถ้าติดตั้งโดยไม่รัดกุมมากนัก ก็จะทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น ประกายไฟ ได้” ดร.สุเมธ ระบุ ยกระดับทัศนศึกษาปลอดภัย ซักซ้อม – วางแผน – ลงรายละเอียด รับมือเหตุไม่คาดคิด ด้าน นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) และอนุกรรมการด้านการขนส่งและยานพาหนะ สภาผู้บริโภค กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวถึงเวลาที่กระทรวงศึกษาธิการ ต้องทบทวนเชิงระบบ เพื่อสร้างแนวทางการไปทัศนศึกษาที่ปลอดภัย โดยปัจจุบันการไปทัศนศึกษาของเด็กมีอยู่ 2 รูปแบบ 1. ไปเช้า – เย็นกลับ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการทัศนศึกษาในช่วงปิดเทอมหนึ่ง ประมาณเดือนตุลาคม กับ 2. ทัศนศึกษาแบบพักค้างคืนจะอยู่ในช่วงเทอมสอง ซึ่งจะมีการเดินทางช่วงกลางคืน มีการใช้รถบัสสองชั้น การเกิดอุบัติเหตุจึงมักจะเกิดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม นพ.ธนะพงศ์ กล่าวว่า คณะผู้จัดกิจกรรมไปทัศนศึกษา ต้องวางแผนโดยการลงรายละเอียด ทั้งการเตรียมครูประจำรถกี่คนต่อจำนวนเด็ก ยิ่งเป็นเด็กเล็กยิ่งต้องให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ เช่น อาจจะต้องเป็นครูหนึ่งคนต่อ 10 คน เป็นต้น หรือหากเกิดอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ หรือเกิดเพลิงไหม้ คุณครูก็ต้องรู้จักการใช้ถังดับเพลิง และถ้าจำเป็นต้องอพยพ คุณครูจะต้องวางแผนอพยพออกทางไหน ประตูอยู่ตรงจุดไหน เป็นต้น เสนอยกเลิกรถสองชั้นเด็ดขาด – เพิ่มวงเงินประกันภัยภาคบังคับ นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวถึงข้อเสนอในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ โดยเน้นย้ำการยกเลิกการใช้รถสองชั้นในการรับจ้างแบบไม่ประจำทาง อันเป็นสิ่งที่องค์กรผู้บริโภคทั่วประเทศ ได้มีข้อเสนอเป็นระยะเวลาหลายปี แต่ยังไม่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลง รวมถึงรื้อระบบตรวจสภาพรถบริการขนส่งสาธารณะ ปัจจุบันตรวจสภาพปีละสองครั้ง แต่ในบางประเทศตรวจทุกไตรมาส ซึ่งจริง ๆ ควรจะดูตามจํานวนการใช้งาน หรือกำหนดเป็นระยะเวลาตายตัวเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ เสนอให้ขยายวงเงินประกันภัยภาคบังคับ ของรถโดยสารแบบไม่ประจำทาง โดยเพิ่มวงเงินประกันเป็น 30 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันการทำประกันภัยรถภาคบังคับตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 กำหนดความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง 500,000 บาทต่อคน แต่มีข้อกำหนดวงเงินเฉลี่ยจ่ายจากวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อครั้ง ซึ่งไม่ครอบคลุมความเสียหายเมื่อเกิดเหตุร้ายแรงและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก “ความสูญเสียที่เกิดขึ้นต้องนำไปสู่การพัฒนากฎ ระเบียบ มาตรการต่าง ๆ และวิธีการทำงานที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของรถโดยสาร” เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าว จากอุบัติเหตุรถบัสนักเรียนไฟไหม้ สู่ปัญหา “รถโรงเรียนไทยไม่ปลอดภัย” ความไม่ปลอดภัยของรถรับส่งนักเรียนไทย ไม่ใช่ปัญหาที่เพิ่งถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึง และเปรียบเทียบมาตรฐานความปลอดภัยของไทยกับต่างประเทศ โดยล่าสุดในโซเชียลมีเดียมีการแชร์ข้อมูล รถรับส่งนักเรียนในสหรัฐ มีการควบคุมความปลอดภัยมากกว่ารถปกติถึง 70 เท่า ขณะที่ของญี่ปุ่นกรณีรถบัสทัศนศึกษา นอกจากการตรวจสอบมาตรฐานตัวรถที่เข้มงวด ยังมีการติดตั้ง GPS ควบคุมความเร็วในการขับขี่อีกด้วย สำหรับประเทศไทย หากย้อนกลับไปที่ข้อมูลของ ศวปถ. และสภาองค์กรของผู้บริโภค ซึ่งระบุในคู่มือการจัดระบบรถโรงเรียนให้ปลอดภัยและเป็นธรรม พบว่าระหว่างปี 2562 – 2564 เกิดอุบัติเหตุกับรถโรงเรียนมากถึง 38 ครั้ง มีนักเรียนได้รับบาดเจ็บรุนแรงถึงขึ้นเสียชีวิต 9 ราย บาดเจ็บ 431 ราย จากการสํารวจข้อมูลรถโรงเรียนทุกภูมิภาค ได้สะท้อนภาพปัญหาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง 3 ปมปัญหาใหญ่ที่รอเวลาเกิดเหตุ ได้แก่ สภาพรถที่ไม่ได้มาตรฐาน : ดัดแปลงรถ ไม่มั่นคงแข็งแรง รวมถึงขาดอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ควรมี เช่น ค้อนทุบกระจก ถังดับเพลิง เป็นต้น ผู้ขับประมาทไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร : ใช้ประสบการณ์ความเคยชินขับเร็วเสี่ยงอันตราย ขาดความรู้ความเข้าใจบทบาทการขับรถส่งนักเรียน ขาดระบบจัดการรถที่ดี : ขาดระบบกำกับควบคุมผู้ขับขี่ รวมถึงกลไกสนับสนุนเพื่อให้เกิดระบบจัดการที่มีประสิทธิภาพ แม้การเพิ่มมาตรการและความเข้มงวดภายหลังเกิดเหตุ จะหนีไม่พ้นคำพูดที่ว่า “วัวหายล้อมคอก” แต่ในบริบทของประเทศไทย เมื่อเกิดบทเรียนขึ้นแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบทุกภาคส่วน ต้องร่วมมือกันล้อมคอกไม่ให้เกิดเหตุสลด เช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต ที่มา https://thaipublica.org/2024/10/tdri-reveals-95-of-non-regular-taxis-are-ticking-time-bombs-on-thai-roads/ #Thaitimes
    THAIPUBLICA.ORG
    ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง! ‘ทีดีอาร์ไอ’ ชี้ 95% รถรับจ้างไม่ประจำทาง คือ ระเบิดเวลาบนท้องถนนไทย
    ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง! ‘ทีดีอาร์ไอ’ ชี้ 95% รถรับจ้างไม่ประจำทาง คือ ระเบิดเวลาบนท้องถนนไทย แนะรัฐตรวจเข้มกลุ่มรถที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมจัดงบฯ - สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หนุนผู้ประกอบการใช้วัสดุทนไฟ
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1820 มุมมอง 0 รีวิว
  • เลือดย่อมเข้มกว่าน้ำ

    หลังจากที่สหรัฐฯ ไม่อนุญาตให้นักเรียนชาวจีนไปเรียนที่สหรัฐอเมริกาอีกต่อไป และไม่อนุญาตให้ชาวจีนไปเรียนในสถาบันวิจัยสำคัญๆ ในสหรัฐฯ อีกต่อไป สหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นประเทศไฮเทคของโลกอย่างสหราชอาณาจักร ก็ตัดสินใจไม่อนุญาตอีกต่อไป ภาษาจีนเพื่อศึกษาความรู้ไฮเทคในสถาบันวิจัยมหาวิทยาลัยของอังกฤษ

    ขณะนี้มีนักเรียนเกือบ 1,000 คนเข้ามาเรียนในสหราชอาณาจักรแล้ว และถูกจำกัดให้ออกจาก สหราชอาณาจักรภายในหนึ่งเดือน และกล่าวว่าเมื่อถูกไล่ออกจากโรงเรียนโดยรัฐบาลสหรัฐฯ สหราชอาณาจักรจะจำกัดไม่ให้นักเรียนเหล่านี้เข้าสหราชอาณาจักร

    บังเอิญญี่ปุ่นได้ประกาศข้อจำกัดที่เข้มงวดสำหรับนักเรียนชาวจีนจากการลงทะเบียนในวิชาที่มีเทคโนโลยีสูงของญี่ปุ่น ขับไล่นักเรียนชาวจีน 1,500 คนในโรงเรียน และนักเรียนชาวจีนที่มีประวัติการปฏิเสธวีซ่าจากสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นยังได้ติดตามและปฏิเสธที่จะให้วีซ่าเข้าประเทศแก่บุคคลเหล่านี้

    ในเวลาเดียวกัน กระทรวงศึกษาธิการของแคนาดาได้ประกาศขับไล่นักศึกษาชาวจีน 900 คน

    ออสเตรเลียขับไล่นักศึกษาชาวจีน 2,200 คน; นิวซีแลนด์ขับไล่นักเรียนชาวจีน 1,300 คน

    กระทรวงศึกษาธิการของฝรั่งเศสและเยอรมนีประกาศว่า การสมัครนักเรียนจีนเพื่อศึกษาต่อต่างประเทศจะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติการทบทวนอย่างเข้มงวดของสหรัฐอเมริกา

    จนถึงตอนนี้ มากกว่า 80% ของนักเรียนจีน 600,000 คนที่ต้องการสมัครเรียนต่อต่างประเทศจะถูกปฏิเสธวีซ่า นี่เป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวมากที่เกี่ยวข้องกับแผนพัฒนาในอนาคตของจีน

    ไบเดนสาบานที่จะป้องกันไม่ให้จีนมีอำนาจมากกว่าสหรัฐฯ

    เวลานี้เป็นช่วงของกระแสนักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้าหัวกะทิหลั่งไหลกลับสู่มาตุภูมิบ้านเกิด

    1. มหาเศรษฐี หลี่ ไค ฟู่ (李开复) เป็นคนนำหน้า ทิ้งกรีนการ์ดกลับสู่ประเทศจีน ทำให้สหรัฐฯเสียหายถึง 1 แสน 3 หมื่น ล้านเหรียญ พร้อมทั้งประกาศว่าจะออกจากตลาดสหรัฐฯตลอดไป โดยบริษัทใหญ่ที่ทำการวิจัยถอนตัวออกจากหุบเขาซิลิคอน (ซิลิคอนแวลลีย์ 硅谷)ของสหรัฐฯ นำเงินทุนของบริษัท 95 % พร้อมทั้งเทคโนโลยีทั้งหมดกลับสู่ประเทศจีน การกระทำเช่นนี้ยังเป็นการชักจูงแบบโดมิโนให้คนเชื้อชาติจีนชั้นนำทยอยกลับประเทศมากขึ้นเรื่อยๆพร้อมทั้งนำเงินทุนกลับประเทศ มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    2. หยิ่น จื้อ หย๋าว (尹志尧) เทพแห่ง ซิลิคอนแวลลี่ย์ แม้ว่าทางสหรัฐฯจะเสนอเงินทองเงื่อนไขที่ดีเลิศเพียงใดก็มิอาจยับยั้งให้เขาที่มีความตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะกลับสู่ประเทศจีนได้ เขาถูกขนานนามว่า เป็นหนึ่งในคนเชื้อชาติจีนที่มีความสามารถอย่างยอดเยี่ยมคนหนึ่ง เป็นคนจีนที่ทางสหรัฐฯไม่อยากให้จากไปอย่างยิ่ง เขาไม่เพียงแค่นำพานักวิทยาศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมทางด้านไมโครชิพ 30 กว่าคน กลับไปด้วย เมื่อกลับถึงประเทศจีนแล้วเขายังเป็นผู้นำกลุ่มเอาชนะการผูกขาดทางเทคโนโลยี โดยสามารถสร้าง 5 nm Etching machine ได้สำเร็จ เปิดตำนานไมโครชิพขึ้นมาใหม่

    3. เสิ่น เซี่ยง หยาง ( 沈向洋 ) ทำงานทางด้าน microsoft ผ่านไป 23 ปี ก็กลับสู่มาตุภูมิ เขาเป็นคนจีนที่อยู่ในระดับชั้นสูงสุดของงานทางด้านนี้ผู้นำทางด้าน AI Microsoft การกลับประเทศของเขาถึงกลับทำให้ประเทศหรัฐฯสั่นคลอนแม้แต่ Bill Gates ยังรู้สึกเสียดาย ปัจจุบันเขาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย ต้าชิง สร้างบุคลากรทางด้าน AI ให้กับประเทศจีน

    4. เซี่ย เสี่ยว เกา ( 谢小高 ) ศึกษาและทำงานที่ต่างประเทศ 30 กว่าปี สุดท้ายยอมสละทิ้งตำแหน่งอาจารย์ของมหาวิทยาลัย Harvard มาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง เขาเป็นคนจีนที่ใด้รับรางวัลโนเบลคนหนึ่ง เป็นบุคคลผู้นำระหว่างประเทศทางด้านชีววิทยา ฟิสิกส์ เคมี การวิจัยพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ สหรัฐฯใช้เงินรางวัลถึง 40 ล้านเหรียญก็ไม่สามารถรั้งเข้าไว้ได้ หลังกลับประเทศเขาก็เริ่มเสนอการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเกี่ยวการวิจัยหลายรายการ นำพานักเรียนสู่การวิจัยที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง นักวิทยาศาสตร์จีนที่เก่งๆจำนวนมากทะยอยกลับประเทศจีนไม่ขาดสาย จะเป็นผลดีต่อประเทศเร็วขึ้น

    Cr: Boonchu Chung (羅文娟)
    จีนปฏิรูปการศึกษาต่อทันทีหลังคุมโควิด19ได้เบ็ดเสร็จแล้ว

    - ห้ามการสอบข้อเขียนในเด็กเล็ก, ลดการสอบต่างๆ, ลดการบ้าน, ให้บริษัทกวดวิชาเอกชนเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร, เลิกการมีห้องเรียนพิเศษสำหรับเด็กอัจฉริยะ, ลดเวลาการเล่มเกมของเด็ก, ปรับให้ครูไปรับตำแหน่งในร.ร. อื่นๆทุก 6 ปีป้องกันครูที่มีความรู้ความสามารถกระจุกตัวอยู่ในร.ร.บางแห่ง
    การปฏิรูปการศึกษาที่จีน

    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดิฉันทึ่งกับการแก้ปัญหาเรื่องการศึกษาของเด็กและเยาวชนในประเทศจีนเป็นอย่างมาก หลังจากติดตามข่าวคราวมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนมีมาตรการทางด้านการศึกษามาโดยตลอด เพียงแต่มาสะดุดช่วงเกิดโรคระบาดโควิด-19 ที่ทำให้ต้องไปแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

    เมื่อโรคระบาดโควิด-19 ในจีนได้รับการบริหารจัดการแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในเวลาอันรวดเร็ว สถานการณ์ดีขึ้น รัฐบาลจีนก็เดินหน้าปฏิรูปการศึกษาต่อทันที

    ล่าสุดกระทรวงศึกษาธิการของจีนประกาศห้ามการสอบข้อเขียนสำหรับเด็กที่มีอายุ 6-7 ปี เพราะการสอบที่มากเกินไปส่งผลให้นักเรียนต้องรับภาระหนักและอยู่ภายใต้ความกดดัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตใจและร่างกายอย่างมาก

    กฎระเบียบใหม่ยังจำกัดการสอบในชั้นปีอื่น ๆ ของการศึกษาภาคบังคับ ไม่ให้เกินภาคการศึกษาละ 1 ครั้ง และห้ามท้องถิ่นจัดสอบระดับภูมิภาค หรือระหว่างโรงเรียน สำหรับชั้นประถมศึกษาทั้งหมด

    ส่วนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่ยังไม่จบการศึกษา ห้ามโรงเรียนจัดสอบย่อยรายสัปดาห์ สอบย่อยรายวิชา รวมถึงสอบรายเดือน และห้ามเลี่ยงไปเปิดการสอบในชื่ออื่น ๆ ด้วย

    ถือเป็นการเดินหน้าแผนปฏิรูปการศึกษาเพื่อลดความกดดันต่อนักเรียน และพ่อแม่ในระบบโรงเรียนที่มีการแข่งขันสูง

    ที่ผ่านมาระบบการศึกษาของจีนมุ่งเน้นที่ผลสอบ กำหนดให้นักเรียนต้องเข้าสอบตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนตั้งแต่ปีแรก ไปจนถึงการสอบเข้ามหาวิทยาลัยสำหรับนักเรียนอายุ 18 ปี ที่เรียกกันในภาษาจีนว่า “เกาเข่า” ทำให้เกิดการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ประมาณว่าถ้าพลาดไปเพียงคะแนนเดียว ก็สามารถชี้ขาดอนาคตได้ ทำให้เกิดการแข่งขันกันอย่างหนัก และแย่งกันกวดวิชาสุดฤทธิ์

    และนั่นหมายความว่าเมื่อกระทรวงศึกษาของจีนประกาศปฏิรูปการศึกษาในทุกระดับ ก็ต้องรวมถึงแนวทางการจัดการโรงเรียนกวดวิชาด้วย โดยเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จีนได้สั่งให้บรรดาบริษัทกวดวิชาของเอกชนทั้งหมดแปลงเป็นองค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร โดยให้สถาบันติวเตอร์เหล่านี้สอนบทเรียนได้เฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์วันละ 1 ชั่วโมง และห้ามสอนวิชาหลัก

    นี่ยังไม่นับรวมถึงนโยบายเรื่องครูในสถานศึกษา ที่ต้องให้สลับปรับเปลี่ยนกันไปรับตำแหน่งในโรงเรียนต่าง ๆ ทุก 6 ปี เพื่อป้องกันไม่ให้ครูที่มีความรู้ความสามารถกระจุกอยู่ในโรงเรียนระดับหัวกะทิบางแห่งเท่านั้น

    ที่สำคัญกว่านั้น ยังได้ออกตำเตือนไม่ให้โรงเรียนต่าง ๆ สร้างห้องเรียนพิเศษสำหรับเด็กที่มีพรสวรรค์ ประเภทห้องกิ๊ฟ(อัจฉริยะ) หรือห้องพิเศษใด ๆ

    และถ้าจำกันได้ เมื่อต้นปีกระทรวงศึกษาธิการบ้านเขาก็สั่งห้ามครูให้การบ้านแบบข้อเขียนสำหรับนักเรียนเกรด 1-2 รวมทั้งจำกัดการให้การบ้านนักเรียนมัธยมต้น ไม่ให้เกินวันละ 1.5 ชั่วโมง

    งานนี้เรียกว่าจีน “ยกเครื่อง” ปฏิรูปการศึกษาใหม่กันเลยทีเดียว โดยมีเป้าหมายเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาให้ได้

    เลิกการสอบข้อเขียนในเด็กเล็ก

    ลดการบ้านเด็ก

    ละ ไม่ให้มีห้องเรียนพิเศษ

    คุมร.ร.กวดวิชาไม่ให้แสวงผลกำไร

    ห้ามร.ร.จัดอันดับคะแนนสอบ

    ปรับครูทุก 6 ปี

    ล่าสุดทางการเมืองเซี่ยงไฮ้ประกาศยกเลิกการสอบปลายภาควิชาภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา เพื่อลดภาระของนักเรียนและผู้ปกครอง ตามเสียงเรียกร้องเพื่อลดการให้ความสำคัญกับการเรียนภาษาอังกฤษในโรงเรียนรัฐบาล หลังจากนี้นักเรียนประถมจะสอบปลายภาคเฉพาะวิชาภาษาจีนและคณิตศาสตร์ ส่วนวิชาอื่นรวมทั้งภาษาอังกฤษจะวัดผลจากการประเมินของครูผู้สอน โดยไม่มีคะแนนสอบ

    นี่ยังไม่นับเรื่องที่จีนออกกฎหมายบังคับให้เด็กและเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี เล่นเกมได้ไม่เกิน 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แค่ระหว่างเวลา 20.00-21.00 น. เฉพาะวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ในช่วงเปิดภาคเรียนเท่านั้น ส่วนช่วงปิดเทอม เด็กจะได้รับอนุญาตให้เล่นเกมออนไลน์ได้นานขึ้น แต่ยังจำกัดวันละ 60 นาที เป็นกฎใหม่ที่มีความพยายามเพื่อควบคุมพฤติกรรมเด็กติดเกมของจีน ที่ส่งผลต่อการศึกษาและชีวิตประจำวันของเด็กอย่างมาก

    ที่รวบรวมเรื่อง “ทึ่ง” เหล่านี้ขึ้นมา ก็เพราะ “อึ้ง” กับประเด็นปัญหาที่เหมือนในบ้านเราที่มีมาอย่างยาวนาน ซึ่งยังไม่ได้รับการชำระสะสาง แม้จะผ่านการปฏิรูปการศึกษาครั้งแรกตั้งแต่ปี 2542 และปัญหาเหล่านี้ก็ยังดำรงอยู่

    ภาพที่สะท้อนชัดในบ้านเขาก็คือ การจัดการที่เด็ดขาด ลงมือทำทันที และแก้ปัญหาที่มีลักษณะโดมิโน่และส่งผลสัมพันธ์กันในเวลาที่ไล่เลี่ยแบบสอดรับกัน แม้จะยังไม่เห็นผล แต่สิ่งเหล่านี้คือข้อเรียกร้องที่เกิดขึ้นในบ้านเรามาตลอด

    และถ้าเรายังแก้ปัญหาทีละอย่าง เงื้อง่าทีละเรื่อง สุดท้ายก็แก้ปัญหาไม่ได้ซะที

    เล่าสู่กันฟังเฉย ๆ ไม่ได้คิดไม่ได้ฝันว่าจะเกิดขึ้นในบ้านเรา
    #ดร.สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน
    เลือดย่อมเข้มกว่าน้ำ หลังจากที่สหรัฐฯ ไม่อนุญาตให้นักเรียนชาวจีนไปเรียนที่สหรัฐอเมริกาอีกต่อไป และไม่อนุญาตให้ชาวจีนไปเรียนในสถาบันวิจัยสำคัญๆ ในสหรัฐฯ อีกต่อไป สหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นประเทศไฮเทคของโลกอย่างสหราชอาณาจักร ก็ตัดสินใจไม่อนุญาตอีกต่อไป ภาษาจีนเพื่อศึกษาความรู้ไฮเทคในสถาบันวิจัยมหาวิทยาลัยของอังกฤษ ขณะนี้มีนักเรียนเกือบ 1,000 คนเข้ามาเรียนในสหราชอาณาจักรแล้ว และถูกจำกัดให้ออกจาก สหราชอาณาจักรภายในหนึ่งเดือน และกล่าวว่าเมื่อถูกไล่ออกจากโรงเรียนโดยรัฐบาลสหรัฐฯ สหราชอาณาจักรจะจำกัดไม่ให้นักเรียนเหล่านี้เข้าสหราชอาณาจักร บังเอิญญี่ปุ่นได้ประกาศข้อจำกัดที่เข้มงวดสำหรับนักเรียนชาวจีนจากการลงทะเบียนในวิชาที่มีเทคโนโลยีสูงของญี่ปุ่น ขับไล่นักเรียนชาวจีน 1,500 คนในโรงเรียน และนักเรียนชาวจีนที่มีประวัติการปฏิเสธวีซ่าจากสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นยังได้ติดตามและปฏิเสธที่จะให้วีซ่าเข้าประเทศแก่บุคคลเหล่านี้ ในเวลาเดียวกัน กระทรวงศึกษาธิการของแคนาดาได้ประกาศขับไล่นักศึกษาชาวจีน 900 คน ออสเตรเลียขับไล่นักศึกษาชาวจีน 2,200 คน; นิวซีแลนด์ขับไล่นักเรียนชาวจีน 1,300 คน กระทรวงศึกษาธิการของฝรั่งเศสและเยอรมนีประกาศว่า การสมัครนักเรียนจีนเพื่อศึกษาต่อต่างประเทศจะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติการทบทวนอย่างเข้มงวดของสหรัฐอเมริกา จนถึงตอนนี้ มากกว่า 80% ของนักเรียนจีน 600,000 คนที่ต้องการสมัครเรียนต่อต่างประเทศจะถูกปฏิเสธวีซ่า นี่เป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวมากที่เกี่ยวข้องกับแผนพัฒนาในอนาคตของจีน ไบเดนสาบานที่จะป้องกันไม่ให้จีนมีอำนาจมากกว่าสหรัฐฯ เวลานี้เป็นช่วงของกระแสนักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้าหัวกะทิหลั่งไหลกลับสู่มาตุภูมิบ้านเกิด 1. มหาเศรษฐี หลี่ ไค ฟู่ (李开复) เป็นคนนำหน้า ทิ้งกรีนการ์ดกลับสู่ประเทศจีน ทำให้สหรัฐฯเสียหายถึง 1 แสน 3 หมื่น ล้านเหรียญ พร้อมทั้งประกาศว่าจะออกจากตลาดสหรัฐฯตลอดไป โดยบริษัทใหญ่ที่ทำการวิจัยถอนตัวออกจากหุบเขาซิลิคอน (ซิลิคอนแวลลีย์ 硅谷)ของสหรัฐฯ นำเงินทุนของบริษัท 95 % พร้อมทั้งเทคโนโลยีทั้งหมดกลับสู่ประเทศจีน การกระทำเช่นนี้ยังเป็นการชักจูงแบบโดมิโนให้คนเชื้อชาติจีนชั้นนำทยอยกลับประเทศมากขึ้นเรื่อยๆพร้อมทั้งนำเงินทุนกลับประเทศ มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง 2. หยิ่น จื้อ หย๋าว (尹志尧) เทพแห่ง ซิลิคอนแวลลี่ย์ แม้ว่าทางสหรัฐฯจะเสนอเงินทองเงื่อนไขที่ดีเลิศเพียงใดก็มิอาจยับยั้งให้เขาที่มีความตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะกลับสู่ประเทศจีนได้ เขาถูกขนานนามว่า เป็นหนึ่งในคนเชื้อชาติจีนที่มีความสามารถอย่างยอดเยี่ยมคนหนึ่ง เป็นคนจีนที่ทางสหรัฐฯไม่อยากให้จากไปอย่างยิ่ง เขาไม่เพียงแค่นำพานักวิทยาศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมทางด้านไมโครชิพ 30 กว่าคน กลับไปด้วย เมื่อกลับถึงประเทศจีนแล้วเขายังเป็นผู้นำกลุ่มเอาชนะการผูกขาดทางเทคโนโลยี โดยสามารถสร้าง 5 nm Etching machine ได้สำเร็จ เปิดตำนานไมโครชิพขึ้นมาใหม่ 3. เสิ่น เซี่ยง หยาง ( 沈向洋 ) ทำงานทางด้าน microsoft ผ่านไป 23 ปี ก็กลับสู่มาตุภูมิ เขาเป็นคนจีนที่อยู่ในระดับชั้นสูงสุดของงานทางด้านนี้ผู้นำทางด้าน AI Microsoft การกลับประเทศของเขาถึงกลับทำให้ประเทศหรัฐฯสั่นคลอนแม้แต่ Bill Gates ยังรู้สึกเสียดาย ปัจจุบันเขาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย ต้าชิง สร้างบุคลากรทางด้าน AI ให้กับประเทศจีน 4. เซี่ย เสี่ยว เกา ( 谢小高 ) ศึกษาและทำงานที่ต่างประเทศ 30 กว่าปี สุดท้ายยอมสละทิ้งตำแหน่งอาจารย์ของมหาวิทยาลัย Harvard มาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง เขาเป็นคนจีนที่ใด้รับรางวัลโนเบลคนหนึ่ง เป็นบุคคลผู้นำระหว่างประเทศทางด้านชีววิทยา ฟิสิกส์ เคมี การวิจัยพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ สหรัฐฯใช้เงินรางวัลถึง 40 ล้านเหรียญก็ไม่สามารถรั้งเข้าไว้ได้ หลังกลับประเทศเขาก็เริ่มเสนอการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเกี่ยวการวิจัยหลายรายการ นำพานักเรียนสู่การวิจัยที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง นักวิทยาศาสตร์จีนที่เก่งๆจำนวนมากทะยอยกลับประเทศจีนไม่ขาดสาย จะเป็นผลดีต่อประเทศเร็วขึ้น Cr: Boonchu Chung (羅文娟) จีนปฏิรูปการศึกษาต่อทันทีหลังคุมโควิด19ได้เบ็ดเสร็จแล้ว - ห้ามการสอบข้อเขียนในเด็กเล็ก, ลดการสอบต่างๆ, ลดการบ้าน, ให้บริษัทกวดวิชาเอกชนเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร, เลิกการมีห้องเรียนพิเศษสำหรับเด็กอัจฉริยะ, ลดเวลาการเล่มเกมของเด็ก, ปรับให้ครูไปรับตำแหน่งในร.ร. อื่นๆทุก 6 ปีป้องกันครูที่มีความรู้ความสามารถกระจุกตัวอยู่ในร.ร.บางแห่ง การปฏิรูปการศึกษาที่จีน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดิฉันทึ่งกับการแก้ปัญหาเรื่องการศึกษาของเด็กและเยาวชนในประเทศจีนเป็นอย่างมาก หลังจากติดตามข่าวคราวมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนมีมาตรการทางด้านการศึกษามาโดยตลอด เพียงแต่มาสะดุดช่วงเกิดโรคระบาดโควิด-19 ที่ทำให้ต้องไปแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เมื่อโรคระบาดโควิด-19 ในจีนได้รับการบริหารจัดการแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในเวลาอันรวดเร็ว สถานการณ์ดีขึ้น รัฐบาลจีนก็เดินหน้าปฏิรูปการศึกษาต่อทันที ล่าสุดกระทรวงศึกษาธิการของจีนประกาศห้ามการสอบข้อเขียนสำหรับเด็กที่มีอายุ 6-7 ปี เพราะการสอบที่มากเกินไปส่งผลให้นักเรียนต้องรับภาระหนักและอยู่ภายใต้ความกดดัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตใจและร่างกายอย่างมาก กฎระเบียบใหม่ยังจำกัดการสอบในชั้นปีอื่น ๆ ของการศึกษาภาคบังคับ ไม่ให้เกินภาคการศึกษาละ 1 ครั้ง และห้ามท้องถิ่นจัดสอบระดับภูมิภาค หรือระหว่างโรงเรียน สำหรับชั้นประถมศึกษาทั้งหมด ส่วนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่ยังไม่จบการศึกษา ห้ามโรงเรียนจัดสอบย่อยรายสัปดาห์ สอบย่อยรายวิชา รวมถึงสอบรายเดือน และห้ามเลี่ยงไปเปิดการสอบในชื่ออื่น ๆ ด้วย ถือเป็นการเดินหน้าแผนปฏิรูปการศึกษาเพื่อลดความกดดันต่อนักเรียน และพ่อแม่ในระบบโรงเรียนที่มีการแข่งขันสูง ที่ผ่านมาระบบการศึกษาของจีนมุ่งเน้นที่ผลสอบ กำหนดให้นักเรียนต้องเข้าสอบตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนตั้งแต่ปีแรก ไปจนถึงการสอบเข้ามหาวิทยาลัยสำหรับนักเรียนอายุ 18 ปี ที่เรียกกันในภาษาจีนว่า “เกาเข่า” ทำให้เกิดการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ประมาณว่าถ้าพลาดไปเพียงคะแนนเดียว ก็สามารถชี้ขาดอนาคตได้ ทำให้เกิดการแข่งขันกันอย่างหนัก และแย่งกันกวดวิชาสุดฤทธิ์ และนั่นหมายความว่าเมื่อกระทรวงศึกษาของจีนประกาศปฏิรูปการศึกษาในทุกระดับ ก็ต้องรวมถึงแนวทางการจัดการโรงเรียนกวดวิชาด้วย โดยเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จีนได้สั่งให้บรรดาบริษัทกวดวิชาของเอกชนทั้งหมดแปลงเป็นองค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร โดยให้สถาบันติวเตอร์เหล่านี้สอนบทเรียนได้เฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์วันละ 1 ชั่วโมง และห้ามสอนวิชาหลัก นี่ยังไม่นับรวมถึงนโยบายเรื่องครูในสถานศึกษา ที่ต้องให้สลับปรับเปลี่ยนกันไปรับตำแหน่งในโรงเรียนต่าง ๆ ทุก 6 ปี เพื่อป้องกันไม่ให้ครูที่มีความรู้ความสามารถกระจุกอยู่ในโรงเรียนระดับหัวกะทิบางแห่งเท่านั้น ที่สำคัญกว่านั้น ยังได้ออกตำเตือนไม่ให้โรงเรียนต่าง ๆ สร้างห้องเรียนพิเศษสำหรับเด็กที่มีพรสวรรค์ ประเภทห้องกิ๊ฟ(อัจฉริยะ) หรือห้องพิเศษใด ๆ และถ้าจำกันได้ เมื่อต้นปีกระทรวงศึกษาธิการบ้านเขาก็สั่งห้ามครูให้การบ้านแบบข้อเขียนสำหรับนักเรียนเกรด 1-2 รวมทั้งจำกัดการให้การบ้านนักเรียนมัธยมต้น ไม่ให้เกินวันละ 1.5 ชั่วโมง งานนี้เรียกว่าจีน “ยกเครื่อง” ปฏิรูปการศึกษาใหม่กันเลยทีเดียว โดยมีเป้าหมายเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาให้ได้ เลิกการสอบข้อเขียนในเด็กเล็ก ลดการบ้านเด็ก ละ ไม่ให้มีห้องเรียนพิเศษ คุมร.ร.กวดวิชาไม่ให้แสวงผลกำไร ห้ามร.ร.จัดอันดับคะแนนสอบ ปรับครูทุก 6 ปี ล่าสุดทางการเมืองเซี่ยงไฮ้ประกาศยกเลิกการสอบปลายภาควิชาภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา เพื่อลดภาระของนักเรียนและผู้ปกครอง ตามเสียงเรียกร้องเพื่อลดการให้ความสำคัญกับการเรียนภาษาอังกฤษในโรงเรียนรัฐบาล หลังจากนี้นักเรียนประถมจะสอบปลายภาคเฉพาะวิชาภาษาจีนและคณิตศาสตร์ ส่วนวิชาอื่นรวมทั้งภาษาอังกฤษจะวัดผลจากการประเมินของครูผู้สอน โดยไม่มีคะแนนสอบ นี่ยังไม่นับเรื่องที่จีนออกกฎหมายบังคับให้เด็กและเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี เล่นเกมได้ไม่เกิน 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แค่ระหว่างเวลา 20.00-21.00 น. เฉพาะวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ในช่วงเปิดภาคเรียนเท่านั้น ส่วนช่วงปิดเทอม เด็กจะได้รับอนุญาตให้เล่นเกมออนไลน์ได้นานขึ้น แต่ยังจำกัดวันละ 60 นาที เป็นกฎใหม่ที่มีความพยายามเพื่อควบคุมพฤติกรรมเด็กติดเกมของจีน ที่ส่งผลต่อการศึกษาและชีวิตประจำวันของเด็กอย่างมาก ที่รวบรวมเรื่อง “ทึ่ง” เหล่านี้ขึ้นมา ก็เพราะ “อึ้ง” กับประเด็นปัญหาที่เหมือนในบ้านเราที่มีมาอย่างยาวนาน ซึ่งยังไม่ได้รับการชำระสะสาง แม้จะผ่านการปฏิรูปการศึกษาครั้งแรกตั้งแต่ปี 2542 และปัญหาเหล่านี้ก็ยังดำรงอยู่ ภาพที่สะท้อนชัดในบ้านเขาก็คือ การจัดการที่เด็ดขาด ลงมือทำทันที และแก้ปัญหาที่มีลักษณะโดมิโน่และส่งผลสัมพันธ์กันในเวลาที่ไล่เลี่ยแบบสอดรับกัน แม้จะยังไม่เห็นผล แต่สิ่งเหล่านี้คือข้อเรียกร้องที่เกิดขึ้นในบ้านเรามาตลอด และถ้าเรายังแก้ปัญหาทีละอย่าง เงื้อง่าทีละเรื่อง สุดท้ายก็แก้ปัญหาไม่ได้ซะที เล่าสู่กันฟังเฉย ๆ ไม่ได้คิดไม่ได้ฝันว่าจะเกิดขึ้นในบ้านเรา #ดร.สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 782 มุมมอง 0 รีวิว
  • #รีวิวทัวร์ #ทัวร์จิ่วจ้ายโกว #หวงหลง คุณณัฐพล 3ท่าน เดินทาง 22-27ก.ย.67 ขอให้เที่ยวสนุก นะจ้ะ
    #รีวิว #review
    สอบถามรายละเอียด คลิก http://bit.ly/3XQPjEr

    ติดต่อ Office Line ID : @navarich
    เบอร์สำนักงาน : 083-6995654
    HOT LINE พนักงานขาย
    093-629-6354, 061-624-9254, 061-626-3249, 063-593-5142, 065-324-6951, 061-626-9236
    เลขทะเบียน ททท. : 11/08116

    #รวมทัวร์ #ทัวร์ราคาถูก #ทัวร์ต่างประเทศ #ทัวร์ถูก #hotseat #โปรไฟไหม้ #ที่หลุด #ทัวร์ด่วน #ทัวร์วันปิดเทอม #ทัวร์วันจักรี #ทัวร์วันสงกรานต์ #ทัวร์วันแรงงาน #โกเบ #ทัวร์ทตโทริ
    #เทียนสิน #ซัวเถา #แต้จิ๋ว #ฟ่งหวง #เฉินตู #ทัวร์จิ่วจ้ายโกว #หวงหลง #เล่อซาน #ง้อไบ๊ #อู่หลู่มูฉี #จางเย่
    #รีวิวทัวร์ #ทัวร์จิ่วจ้ายโกว #หวงหลง คุณณัฐพล 3ท่าน เดินทาง 22-27ก.ย.67 ขอให้เที่ยวสนุก นะจ้ะ #รีวิว #review สอบถามรายละเอียด คลิก http://bit.ly/3XQPjEr ติดต่อ Office Line ID : @navarich เบอร์สำนักงาน : 083-6995654 HOT LINE พนักงานขาย 093-629-6354, 061-624-9254, 061-626-3249, 063-593-5142, 065-324-6951, 061-626-9236 เลขทะเบียน ททท. : 11/08116 #รวมทัวร์ #ทัวร์ราคาถูก #ทัวร์ต่างประเทศ #ทัวร์ถูก #hotseat #โปรไฟไหม้ #ที่หลุด #ทัวร์ด่วน #ทัวร์วันปิดเทอม #ทัวร์วันจักรี #ทัวร์วันสงกรานต์ #ทัวร์วันแรงงาน #โกเบ #ทัวร์ทตโทริ #เทียนสิน #ซัวเถา #แต้จิ๋ว #ฟ่งหวง #เฉินตู #ทัวร์จิ่วจ้ายโกว #หวงหลง #เล่อซาน #ง้อไบ๊ #อู่หลู่มูฉี #จางเย่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1537 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts