• Silicon Motion เปิดตัวคอนโทรลเลอร์ SSD PCIe Gen6 – เร็วกว่าเดิมเท่าตัว รองรับ 512 TB

    Silicon Motion เปิดตัวคอนโทรลเลอร์ SSD รุ่นใหม่ SM8466 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ MonTitan ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานในระดับองค์กรและศูนย์ข้อมูล โดยใช้เทคโนโลยี PCIe Gen6 ที่ให้ความเร็วสูงสุดถึง 28 GB/s และรองรับ IOPS สูงถึง 7 ล้านครั้งต่อวินาที—มากกว่ารุ่นก่อนถึงเท่าตัว

    ตัวคอนโทรลเลอร์ผลิตบนเทคโนโลยี 4nm ของ TSMC และรองรับมาตรฐานใหม่ NVMe 2.0+, OCP NVMe SSD Spec 2.5 พร้อมฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยครบครัน เช่น Secure Boot, AES-256, TCG Opal และ End-to-End Data Protection

    เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน SM8366 (Gen5):
    - ความเร็ว: 28 GB/s vs 14.2 GB/s
    - ความจุ: 512 TB vs 128 TB
    - IOPS: 7 ล้าน vs 3.5 ล้าน
    - เทคโนโลยีการผลิต: 4nm vs 12nm

    อย่างไรก็ตาม คอนโทรลเลอร์นี้ยังอยู่ในขั้นตอนการเปิดตัวเทคโนโลยีเท่านั้น และผลิตภัณฑ์จริงจะเริ่มใช้งานในตลาดช่วงปี 2026–2027 โดยเฉพาะในศูนย์ข้อมูลยุคใหม่ ส่วนตลาดผู้บริโภคทั่วไปอาจต้องรอถึงปี 2030 กว่าจะได้ใช้ SSD ที่รองรับ PCIe Gen6

    ข้อมูลจากข่าว
    - Silicon Motion เปิดตัวคอนโทรลเลอร์ SSD รุ่น SM8466 รองรับ PCIe Gen6
    - ความเร็วสูงสุด 28 GB/s และรองรับความจุสูงสุด 512 TB
    - รองรับมาตรฐาน NVMe 2.0+, OCP Spec 2.5 และฟีเจอร์ความปลอดภัยหลายรายการ
    - ผลิตบนเทคโนโลยี 4nm ของ TSMC
    - IOPS สูงสุด 7 ล้านครั้งต่อวินาที
    - เปรียบเทียบกับรุ่นก่อน SM8366: เร็วขึ้น 2 เท่า, ความจุเพิ่ม 4 เท่า
    - คาดว่าจะเริ่มใช้งานจริงในปี 2026–2027 สำหรับตลาดองค์กร
    - ตลาดผู้บริโภคทั่วไปอาจได้ใช้ PCIe Gen6 SSD หลังปี 2030

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - คอนโทรลเลอร์ SM8466 ยังไม่พร้อมใช้งานในตลาดทั่วไป ต้องรออีกหลายปี
    - PCIe Gen5 SSD ยังไม่เป็นที่แพร่หลายในตลาดผู้บริโภค ทำให้ Gen6 ยิ่งห่างไกล
    - การเปลี่ยนไปใช้ Gen6 ต้องอัปเกรดทั้งเมนบอร์ด, CPU และระบบจัดเก็บข้อมูล
    - ความเร็วสูงอาจมาพร้อมกับความร้อนและการใช้พลังงานที่มากขึ้น
    - องค์กรควรวางแผนล่วงหน้าในการเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับ Gen6

    https://wccftech.com/silicon-motion-first-pcie-gen6-ssd-controller-enterprise-sm8466-up-to-28-gbps-speeds-512-tb-capacities/
    Silicon Motion เปิดตัวคอนโทรลเลอร์ SSD PCIe Gen6 – เร็วกว่าเดิมเท่าตัว รองรับ 512 TB Silicon Motion เปิดตัวคอนโทรลเลอร์ SSD รุ่นใหม่ SM8466 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ MonTitan ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานในระดับองค์กรและศูนย์ข้อมูล โดยใช้เทคโนโลยี PCIe Gen6 ที่ให้ความเร็วสูงสุดถึง 28 GB/s และรองรับ IOPS สูงถึง 7 ล้านครั้งต่อวินาที—มากกว่ารุ่นก่อนถึงเท่าตัว ตัวคอนโทรลเลอร์ผลิตบนเทคโนโลยี 4nm ของ TSMC และรองรับมาตรฐานใหม่ NVMe 2.0+, OCP NVMe SSD Spec 2.5 พร้อมฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยครบครัน เช่น Secure Boot, AES-256, TCG Opal และ End-to-End Data Protection เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน SM8366 (Gen5): - ความเร็ว: 28 GB/s vs 14.2 GB/s - ความจุ: 512 TB vs 128 TB - IOPS: 7 ล้าน vs 3.5 ล้าน - เทคโนโลยีการผลิต: 4nm vs 12nm อย่างไรก็ตาม คอนโทรลเลอร์นี้ยังอยู่ในขั้นตอนการเปิดตัวเทคโนโลยีเท่านั้น และผลิตภัณฑ์จริงจะเริ่มใช้งานในตลาดช่วงปี 2026–2027 โดยเฉพาะในศูนย์ข้อมูลยุคใหม่ ส่วนตลาดผู้บริโภคทั่วไปอาจต้องรอถึงปี 2030 กว่าจะได้ใช้ SSD ที่รองรับ PCIe Gen6 ✅ ข้อมูลจากข่าว - Silicon Motion เปิดตัวคอนโทรลเลอร์ SSD รุ่น SM8466 รองรับ PCIe Gen6 - ความเร็วสูงสุด 28 GB/s และรองรับความจุสูงสุด 512 TB - รองรับมาตรฐาน NVMe 2.0+, OCP Spec 2.5 และฟีเจอร์ความปลอดภัยหลายรายการ - ผลิตบนเทคโนโลยี 4nm ของ TSMC - IOPS สูงสุด 7 ล้านครั้งต่อวินาที - เปรียบเทียบกับรุ่นก่อน SM8366: เร็วขึ้น 2 เท่า, ความจุเพิ่ม 4 เท่า - คาดว่าจะเริ่มใช้งานจริงในปี 2026–2027 สำหรับตลาดองค์กร - ตลาดผู้บริโภคทั่วไปอาจได้ใช้ PCIe Gen6 SSD หลังปี 2030 ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - คอนโทรลเลอร์ SM8466 ยังไม่พร้อมใช้งานในตลาดทั่วไป ต้องรออีกหลายปี - PCIe Gen5 SSD ยังไม่เป็นที่แพร่หลายในตลาดผู้บริโภค ทำให้ Gen6 ยิ่งห่างไกล - การเปลี่ยนไปใช้ Gen6 ต้องอัปเกรดทั้งเมนบอร์ด, CPU และระบบจัดเก็บข้อมูล - ความเร็วสูงอาจมาพร้อมกับความร้อนและการใช้พลังงานที่มากขึ้น - องค์กรควรวางแผนล่วงหน้าในการเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับ Gen6 https://wccftech.com/silicon-motion-first-pcie-gen6-ssd-controller-enterprise-sm8466-up-to-28-gbps-speeds-512-tb-capacities/
    WCCFTECH.COM
    Silicon Motion Unveils Its First PCIe Gen6 SSD Controller For Enterprise: SM8466 With Up To 28 GB/s Speeds & 512 TB Capacities
    Silicon Motion has unveiled its next-gen PCIe Gen6 SSD controller which will be used to power the high-end enterprise level storage products.
    0 Comments 0 Shares 65 Views 0 Reviews
  • จัดสเป็คคอมพ์วันนี้ ลองจัดชุด Intel + Nvidia RTX5050 ตัวใหม่ที่เพิ่งออกเลยครับ
    ครบชุดเหมือนเดิม รวมจอ รวม Windows 11 Home ของแท้

    ขอขอบคุณร้าน Advice สำหรับข้อมูลราคา
    #spec #computer #advice #สเป็คลุง
    จัดสเป็คคอมพ์วันนี้ ลองจัดชุด Intel + Nvidia RTX5050 ตัวใหม่ที่เพิ่งออกเลยครับ ครบชุดเหมือนเดิม รวมจอ รวม Windows 11 Home ของแท้ ขอขอบคุณร้าน Advice สำหรับข้อมูลราคา #spec #computer #advice #สเป็คลุง
    0 Comments 0 Shares 39 Views 0 Reviews
  • AMD พบช่องโหว่ใหม่คล้าย Spectre – รวมกันแล้วอาจเจาะข้อมูลลับจาก CPU ได้

    AMD เปิดเผยช่องโหว่ใหม่ 4 รายการที่สามารถถูกนำมาใช้ร่วมกันเพื่อโจมตีแบบ side-channel ซึ่งเรียกว่า Transient Scheduler Attack (TSA) โดยอาศัยการสังเกตพฤติกรรมการจัดลำดับคำสั่งของ CPU เพื่อดึงข้อมูลลับออกมา เช่น ข้อมูลจาก OS kernel, แอปพลิเคชัน หรือแม้แต่ virtual machines

    ช่องโหว่ที่พบ ได้แก่:
    - CVE-2024-36349 (คะแนน CVSS 3.8)
    - CVE-2024-36348 (3.8)
    - CVE-2024-36357 (5.6)
    - CVE-2024-36350 (5.6)

    แม้แต่ละช่องโหว่จะมีระดับความรุนแรงต่ำ แต่เมื่อใช้ร่วมกันแล้วสามารถสร้างการโจมตีที่มีประสิทธิภาพได้ โดยเฉพาะหากเครื่องถูกติดมัลแวร์หรือถูกเข้าถึงทางกายภาพมาก่อน

    AMD ระบุว่า TSA ต้องถูกเรียกใช้หลายครั้งเพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีความหมาย และมีแพตช์ออกมาแล้วสำหรับ Windows โดยแนะนำให้ผู้ดูแลระบบอัปเดตทันที หากไม่สามารถอัปเดตได้เร็วพอ ยังมีวิธีแก้ชั่วคราวด้วยคำสั่ง VERW แต่ AMD ไม่แนะนำ เพราะอาจลดประสิทธิภาพของระบบ

    ชิปที่ได้รับผลกระทบมีหลายรุ่น เช่น EPYC, Ryzen, Instinct และ Athlon ซึ่งครอบคลุมทั้งเซิร์ฟเวอร์และเครื่องผู้ใช้ทั่วไป

    ข้อมูลจากข่าว
    - AMD พบช่องโหว่ใหม่ 4 รายการที่สามารถใช้ร่วมกันโจมตีแบบ Transient Scheduler Attack (TSA)
    - TSA เป็นการโจมตีแบบ side-channel ที่คล้ายกับ Spectre และ Meltdown
    - ช่องโหว่มีคะแนน CVSS อยู่ระหว่าง 3.8–5.6 แต่เมื่อรวมกันแล้วอันตรายมากขึ้น
    - การโจมตีต้องเกิดหลังจากเครื่องถูกเข้าถึงหรือถูกติดมัลแวร์
    - ข้อมูลที่อาจรั่วไหลได้ ได้แก่ OS kernel, แอปพลิเคชัน และ VM
    - AMD ออกแพตช์สำหรับ Windows แล้ว และแนะนำให้อัปเดตทันที
    - มีวิธีแก้ชั่วคราวด้วยคำสั่ง VERW แต่ไม่แนะนำเพราะลดประสิทธิภาพ
    - ชิปที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ EPYC, Ryzen, Instinct, Athlon และอื่น ๆ

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - แม้ช่องโหว่แต่ละรายการจะดูไม่รุนแรง แต่เมื่อรวมกันแล้วสามารถเจาะข้อมูลลับได้
    - การโจมตี TSA ต้องใช้เวลานานและความซับซ้อนสูง แต่ก็เป็นไปได้ในทางปฏิบัติ
    - หากไม่อัปเดตแพตช์ อุปกรณ์อาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตีแบบเงียบ ๆ โดยไม่รู้ตัว
    - วิธีแก้ชั่วคราวด้วย VERW อาจทำให้ระบบช้าลงอย่างมีนัยสำคัญ
    - ผู้ดูแลระบบควรตรวจสอบรายการชิปที่ได้รับผลกระทบจาก AMD advisory และวางแผนอัปเดตทันที

    https://www.techradar.com/pro/security/amd-uncovers-new-spectre-meltdown-esque-flaw-affecting-cpus-heres-what-we-know
    AMD พบช่องโหว่ใหม่คล้าย Spectre – รวมกันแล้วอาจเจาะข้อมูลลับจาก CPU ได้ AMD เปิดเผยช่องโหว่ใหม่ 4 รายการที่สามารถถูกนำมาใช้ร่วมกันเพื่อโจมตีแบบ side-channel ซึ่งเรียกว่า Transient Scheduler Attack (TSA) โดยอาศัยการสังเกตพฤติกรรมการจัดลำดับคำสั่งของ CPU เพื่อดึงข้อมูลลับออกมา เช่น ข้อมูลจาก OS kernel, แอปพลิเคชัน หรือแม้แต่ virtual machines ช่องโหว่ที่พบ ได้แก่: - CVE-2024-36349 (คะแนน CVSS 3.8) - CVE-2024-36348 (3.8) - CVE-2024-36357 (5.6) - CVE-2024-36350 (5.6) แม้แต่ละช่องโหว่จะมีระดับความรุนแรงต่ำ แต่เมื่อใช้ร่วมกันแล้วสามารถสร้างการโจมตีที่มีประสิทธิภาพได้ โดยเฉพาะหากเครื่องถูกติดมัลแวร์หรือถูกเข้าถึงทางกายภาพมาก่อน AMD ระบุว่า TSA ต้องถูกเรียกใช้หลายครั้งเพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีความหมาย และมีแพตช์ออกมาแล้วสำหรับ Windows โดยแนะนำให้ผู้ดูแลระบบอัปเดตทันที หากไม่สามารถอัปเดตได้เร็วพอ ยังมีวิธีแก้ชั่วคราวด้วยคำสั่ง VERW แต่ AMD ไม่แนะนำ เพราะอาจลดประสิทธิภาพของระบบ ชิปที่ได้รับผลกระทบมีหลายรุ่น เช่น EPYC, Ryzen, Instinct และ Athlon ซึ่งครอบคลุมทั้งเซิร์ฟเวอร์และเครื่องผู้ใช้ทั่วไป ✅ ข้อมูลจากข่าว - AMD พบช่องโหว่ใหม่ 4 รายการที่สามารถใช้ร่วมกันโจมตีแบบ Transient Scheduler Attack (TSA) - TSA เป็นการโจมตีแบบ side-channel ที่คล้ายกับ Spectre และ Meltdown - ช่องโหว่มีคะแนน CVSS อยู่ระหว่าง 3.8–5.6 แต่เมื่อรวมกันแล้วอันตรายมากขึ้น - การโจมตีต้องเกิดหลังจากเครื่องถูกเข้าถึงหรือถูกติดมัลแวร์ - ข้อมูลที่อาจรั่วไหลได้ ได้แก่ OS kernel, แอปพลิเคชัน และ VM - AMD ออกแพตช์สำหรับ Windows แล้ว และแนะนำให้อัปเดตทันที - มีวิธีแก้ชั่วคราวด้วยคำสั่ง VERW แต่ไม่แนะนำเพราะลดประสิทธิภาพ - ชิปที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ EPYC, Ryzen, Instinct, Athlon และอื่น ๆ ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - แม้ช่องโหว่แต่ละรายการจะดูไม่รุนแรง แต่เมื่อรวมกันแล้วสามารถเจาะข้อมูลลับได้ - การโจมตี TSA ต้องใช้เวลานานและความซับซ้อนสูง แต่ก็เป็นไปได้ในทางปฏิบัติ - หากไม่อัปเดตแพตช์ อุปกรณ์อาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตีแบบเงียบ ๆ โดยไม่รู้ตัว - วิธีแก้ชั่วคราวด้วย VERW อาจทำให้ระบบช้าลงอย่างมีนัยสำคัญ - ผู้ดูแลระบบควรตรวจสอบรายการชิปที่ได้รับผลกระทบจาก AMD advisory และวางแผนอัปเดตทันที https://www.techradar.com/pro/security/amd-uncovers-new-spectre-meltdown-esque-flaw-affecting-cpus-heres-what-we-know
    0 Comments 0 Shares 54 Views 0 Reviews
  • ลองนึกภาพการ์ดจอที่มีหน่วยความจำแค่ 4MB SGRAM จากปี 1996…วันนี้กลับกลายเป็น ROG รุ่นล่าสุดที่ใช้ dual-GPU และระบบระบายความร้อนแบบไฮบริด!

    ASUS เริ่มสร้างชื่อในตลาด GPU จากรุ่น Asus 375 (S3 ViRGE/DX) ที่เน้นกลุ่มผู้ใช้เชิงธุรกิจ → ก่อนจะจับมือกับ Nvidia ในปี 1997 เพื่อเปิดตัว AGP-V3000 (ใช้ชิป Riva 128) รองรับ Direct3D เต็มรูปแบบ → จุดเปลี่ยนสำคัญคือ การตั้งแบรนด์ Republic of Gamers (ROG) ในปี 2006 ที่ผลักดันให้เกิดการ์ดจอสายเกมระดับตำนาน เช่น  • ROG Mars GTX 295 (dual-GPU บน PCB เดียว!)  • ROG Poseidon (ระบบระบายความร้อนไฮบริด)  • และล่าสุดคือ ROG Astral RTX 5080 Doom Edition ที่ราคาแรงทะลุ RTX 5090

    งานนี้ ASUS ไม่ได้แจกแค่ของสะสม → แต่จัดแคมเปญแจกของ “ใหญ่” ตั้งแต่ ProArt RTX 5080 ไปจนถึง ROG Strix RTX 5070 Ti → พร้อมเล่นมินิเกมออนไลน์อย่างนั่งชิงช้าเฟอร์ริส–โรลเลอร์โคสเตอร์ชมวิวของตำนานการ์ดแต่ละรุ่น!

    ASUS ฉลองครบรอบ 30 ปีในวงการ GPU ตั้งแต่ปี 1996 → 2025  
    • เริ่มจาก Asus 375 (S3 ViRGE/DX)  
    • จุดเปลี่ยนในปี 1997: AGP-V3000 (Riva 128) รองรับ Direct3D  
    • ก่อตั้งแบรนด์ ROG ในปี 2006 → นำไปสู่ Mars GTX 295, Poseidon, และซีรีส์ ROG Astral

    แคมเปญแจกของใหญ่จาก ASUS เริ่มตั้งแต่วันนี้จนถึง 7 ต.ค. 2025  
    • ของรางวัลรวมถึง ProArt RTX 5080, ROG Strix RTX 5070 Ti และ TUF Gaming RTX 5070  
    • พร้อมพาวเวอร์ซัพพลาย ASUS รุ่นใหม่  
    • กิจกรรมรวมทั้งมินิเกม, คลิปวิดีโอจากอินฟลูเอนเซอร์ และการโพสต์ประสบการณ์ของผู้ใช้งาน

    วิดีโอจาก Justin (J Custom) เล่าย้อนความหลังสมัยรอซื้อ ROG Mars GTX 295 หน้าร้านด้วยความคลั่งเกม

    มีการจัดภาพ–ธีมครบชุดแบบ Evangelion Build ที่จับทุกชิ้นส่วนของพีซีให้เป็น aesthetic เดียวกัน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/asus-celebrates-30-years-in-the-graphics-card-business-with-epic-rtx-50-prizes-and-a-retrospective-video
    ลองนึกภาพการ์ดจอที่มีหน่วยความจำแค่ 4MB SGRAM จากปี 1996…วันนี้กลับกลายเป็น ROG รุ่นล่าสุดที่ใช้ dual-GPU และระบบระบายความร้อนแบบไฮบริด! ASUS เริ่มสร้างชื่อในตลาด GPU จากรุ่น Asus 375 (S3 ViRGE/DX) ที่เน้นกลุ่มผู้ใช้เชิงธุรกิจ → ก่อนจะจับมือกับ Nvidia ในปี 1997 เพื่อเปิดตัว AGP-V3000 (ใช้ชิป Riva 128) รองรับ Direct3D เต็มรูปแบบ → จุดเปลี่ยนสำคัญคือ การตั้งแบรนด์ Republic of Gamers (ROG) ในปี 2006 ที่ผลักดันให้เกิดการ์ดจอสายเกมระดับตำนาน เช่น  • ROG Mars GTX 295 (dual-GPU บน PCB เดียว!)  • ROG Poseidon (ระบบระบายความร้อนไฮบริด)  • และล่าสุดคือ ROG Astral RTX 5080 Doom Edition ที่ราคาแรงทะลุ RTX 5090 งานนี้ ASUS ไม่ได้แจกแค่ของสะสม → แต่จัดแคมเปญแจกของ “ใหญ่” ตั้งแต่ ProArt RTX 5080 ไปจนถึง ROG Strix RTX 5070 Ti → พร้อมเล่นมินิเกมออนไลน์อย่างนั่งชิงช้าเฟอร์ริส–โรลเลอร์โคสเตอร์ชมวิวของตำนานการ์ดแต่ละรุ่น! ✅ ASUS ฉลองครบรอบ 30 ปีในวงการ GPU ตั้งแต่ปี 1996 → 2025   • เริ่มจาก Asus 375 (S3 ViRGE/DX)   • จุดเปลี่ยนในปี 1997: AGP-V3000 (Riva 128) รองรับ Direct3D   • ก่อตั้งแบรนด์ ROG ในปี 2006 → นำไปสู่ Mars GTX 295, Poseidon, และซีรีส์ ROG Astral ✅ แคมเปญแจกของใหญ่จาก ASUS เริ่มตั้งแต่วันนี้จนถึง 7 ต.ค. 2025   • ของรางวัลรวมถึง ProArt RTX 5080, ROG Strix RTX 5070 Ti และ TUF Gaming RTX 5070   • พร้อมพาวเวอร์ซัพพลาย ASUS รุ่นใหม่   • กิจกรรมรวมทั้งมินิเกม, คลิปวิดีโอจากอินฟลูเอนเซอร์ และการโพสต์ประสบการณ์ของผู้ใช้งาน ✅ วิดีโอจาก Justin (J Custom) เล่าย้อนความหลังสมัยรอซื้อ ROG Mars GTX 295 หน้าร้านด้วยความคลั่งเกม ✅ มีการจัดภาพ–ธีมครบชุดแบบ Evangelion Build ที่จับทุกชิ้นส่วนของพีซีให้เป็น aesthetic เดียวกัน https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/asus-celebrates-30-years-in-the-graphics-card-business-with-epic-rtx-50-prizes-and-a-retrospective-video
    0 Comments 0 Shares 70 Views 0 Reviews
  • หากหุ่นยนต์กำลังหาไขควงที่อยู่ในลิ้นชักรก ๆ หรือของที่ซุกอยู่ในกล่องปิดมิดชิด โดยปกติอาจต้องใช้กล้องหรือจับดูเอง → แต่เทคโนโลยีใหม่นี้จาก MIT ที่ชื่อ mmNorm ช่วยให้หุ่นยนต์ “มองทะลุสิ่งของ” ด้วย คลื่นมิลลิเมตรเวฟ (mmWave) ซึ่งใกล้เคียงกับความถี่ Wi-Fi

    จุดสำคัญคือ มันไม่แค่วัด “ตำแหน่งที่คลื่นสะท้อนกลับมา” → แต่สามารถประเมินได้ว่า พื้นผิวด้านใน “เอียง” หรือ “โค้ง” ยังไง ด้วยเทคนิคที่เรียกว่า specularity-based surface normal estimation → ทำให้หุ่นยนต์สร้าง “ภาพสามมิติ” ของสิ่งที่ซ่อนอยู่ เช่น แยกได้ระหว่างช้อนกับมีดที่อยู่ในกล่อง

    แม่นขนาดไหน? → ทดสอบกับของ 60 ชิ้น พบว่าแม่นยำ 96% เทียบกับเรดาร์เดิมที่ได้แค่ 78% → ใช้ได้กับไม้, พลาสติก, แก้ว, ยาง — ยกเว้นโลหะหนา ๆ ยังมีปัญหาบ้าง

    นักวิจัยมองว่าเทคโนโลยีนี้จะใช้ได้ในหลายวงการ เช่น
    - หุ่นยนต์ค้นหาผู้รอดชีวิต (ค้นใต้ซาก)
    - หุ่นยนต์ดูแลบ้านผู้สูงอายุ (หาของหาย)
    - เครื่องสแกนความปลอดภัย (สแกนในกระเป๋าโดยไม่ต้องเปิด)

    MIT พัฒนาเทคนิคชื่อ mmNorm ใช้คลื่น mmWave (ระดับ Wi-Fi) ช่วยให้หุ่นยนต์มองเห็นวัตถุที่ถูกปิดบัง  
    • เช่น เห็นของในกล่อง, ลิ้นชัก, หรือหลังกำแพง  
    • ใช้ได้โดยไม่ต้องสัมผัสวัตถุ

    วิธีใหม่ไม่ใช้ back-projection แบบเก่า → แต่ใช้การคำนวณ surface normal แบบสะท้อนกระจก (specular reflection)  
    • รวมสัญญาณจากหลายเสาอากาศ  
    • เหมือนให้ทุกเสา “โหวต” ว่าพื้นผิวนั้นน่าจะหันไปทางไหน

    ทำความแม่นยำได้ 96% (จากการทดสอบกับของ 60 ชิ้น)  
    • ดีกว่าเทคโนโลยีก่อนหน้า 18%  
    • แยกวัตถุคล้ายกันได้ เช่น แยกช้อน–ส้อม–มีดในกล่องเดียวกัน

    ใช้งานได้กับวัสดุต่าง ๆ เช่น พลาสติก, แก้ว, ยาง, ไม้

    มีศักยภาพใช้ในหุ่นยนต์ AI สาย logistics, กู้ภัย, ผู้ช่วยส่วนตัว, และระบบสแกนความปลอดภัย

    https://www.techradar.com/pro/security/wi-fi-signals-could-be-used-by-ai-driven-robots-to-identify-objects-inside-boxes-or-even-tools-hidden-in-a-drawer
    หากหุ่นยนต์กำลังหาไขควงที่อยู่ในลิ้นชักรก ๆ หรือของที่ซุกอยู่ในกล่องปิดมิดชิด โดยปกติอาจต้องใช้กล้องหรือจับดูเอง → แต่เทคโนโลยีใหม่นี้จาก MIT ที่ชื่อ mmNorm ช่วยให้หุ่นยนต์ “มองทะลุสิ่งของ” ด้วย คลื่นมิลลิเมตรเวฟ (mmWave) ซึ่งใกล้เคียงกับความถี่ Wi-Fi จุดสำคัญคือ มันไม่แค่วัด “ตำแหน่งที่คลื่นสะท้อนกลับมา” → แต่สามารถประเมินได้ว่า พื้นผิวด้านใน “เอียง” หรือ “โค้ง” ยังไง ด้วยเทคนิคที่เรียกว่า specularity-based surface normal estimation → ทำให้หุ่นยนต์สร้าง “ภาพสามมิติ” ของสิ่งที่ซ่อนอยู่ เช่น แยกได้ระหว่างช้อนกับมีดที่อยู่ในกล่อง แม่นขนาดไหน? → ทดสอบกับของ 60 ชิ้น พบว่าแม่นยำ 96% เทียบกับเรดาร์เดิมที่ได้แค่ 78% → ใช้ได้กับไม้, พลาสติก, แก้ว, ยาง — ยกเว้นโลหะหนา ๆ ยังมีปัญหาบ้าง นักวิจัยมองว่าเทคโนโลยีนี้จะใช้ได้ในหลายวงการ เช่น - หุ่นยนต์ค้นหาผู้รอดชีวิต (ค้นใต้ซาก) - หุ่นยนต์ดูแลบ้านผู้สูงอายุ (หาของหาย) - เครื่องสแกนความปลอดภัย (สแกนในกระเป๋าโดยไม่ต้องเปิด) ✅ MIT พัฒนาเทคนิคชื่อ mmNorm ใช้คลื่น mmWave (ระดับ Wi-Fi) ช่วยให้หุ่นยนต์มองเห็นวัตถุที่ถูกปิดบัง   • เช่น เห็นของในกล่อง, ลิ้นชัก, หรือหลังกำแพง   • ใช้ได้โดยไม่ต้องสัมผัสวัตถุ ✅ วิธีใหม่ไม่ใช้ back-projection แบบเก่า → แต่ใช้การคำนวณ surface normal แบบสะท้อนกระจก (specular reflection)   • รวมสัญญาณจากหลายเสาอากาศ   • เหมือนให้ทุกเสา “โหวต” ว่าพื้นผิวนั้นน่าจะหันไปทางไหน ✅ ทำความแม่นยำได้ 96% (จากการทดสอบกับของ 60 ชิ้น)   • ดีกว่าเทคโนโลยีก่อนหน้า 18%   • แยกวัตถุคล้ายกันได้ เช่น แยกช้อน–ส้อม–มีดในกล่องเดียวกัน ✅ ใช้งานได้กับวัสดุต่าง ๆ เช่น พลาสติก, แก้ว, ยาง, ไม้ ✅ มีศักยภาพใช้ในหุ่นยนต์ AI สาย logistics, กู้ภัย, ผู้ช่วยส่วนตัว, และระบบสแกนความปลอดภัย https://www.techradar.com/pro/security/wi-fi-signals-could-be-used-by-ai-driven-robots-to-identify-objects-inside-boxes-or-even-tools-hidden-in-a-drawer
    0 Comments 0 Shares 108 Views 0 Reviews
  • รองนายกรัฐมนตรี และ รมต. ดีอี ไม่ สนับสนุนให้ NT ร่วมประมูลคลื่นโทรศัพท์ แทนที่จะให้จัดสรรคลื่นเลย เพื่อเป็นทางเลือกของพนักงานรัฐ และประชาชนที่มีรายได้น้อย ได้มีโอกาสใช้เน็ตราคาถูก แม้มันแค่ 4G ก็ยังดี ขอให้คุณภาพดี เข้าถึง และ ราคาถูก แต่ผู้ไม่มีปัญญาสาธารณะ คิดไม่เป็น

    https://www.tcc.or.th/stop-spectrum-auction/
    รองนายกรัฐมนตรี และ รมต. ดีอี ไม่ สนับสนุนให้ NT ร่วมประมูลคลื่นโทรศัพท์ แทนที่จะให้จัดสรรคลื่นเลย เพื่อเป็นทางเลือกของพนักงานรัฐ และประชาชนที่มีรายได้น้อย ได้มีโอกาสใช้เน็ตราคาถูก แม้มันแค่ 4G ก็ยังดี ขอให้คุณภาพดี เข้าถึง และ ราคาถูก แต่ผู้ไม่มีปัญญาสาธารณะ คิดไม่เป็น https://www.tcc.or.th/stop-spectrum-auction/
    WWW.TCC.OR.TH
    หยุด! ประมูลคลื่น 29 มิ.ย. ชี้ทางออกให้ NT ใช้เพื่อประโยชน์สังคม - สภาองค์กรของผู้บริโภค
    สภาผู้บริโภคเสนอทางออกรัฐบาล จัดสรรคลื่นความถี่เพื่อประโยชน์สาธารณะ ให้ NT ใช้ประโยชน์ได้ และหากให้บริษัทเช่าต้องส่งเงินทั้งหมดเข้า ก.คลัง
    0 Comments 0 Shares 74 Views 0 Reviews
  • ถ้าคุณเคยชอบ Game Boy หรือ Palm Pilot สมัยก่อน ลองนึกภาพว่าตอนนี้มีเครื่องเกมที่...

    - เล็กเท่าบัตรของขวัญ
    - บางแค่ 6.5 มิลลิเมตร
    - น้ำหนักแค่ 100 กรัม → แต่เล่นเกม Arcade ได้จริง พร้อมหน้าจอ IPS สีสดคมชัด 4 นิ้ว ความหนาแน่นพิกเซล 254 PPI

    GamerCard ใช้บอร์ด Raspberry Pi Zero 2W ซึ่งไม่ธรรมดาเลย เพราะ...
    - มี CPU Quad-core ARM Cortex-A53
    - มาพร้อมพื้นที่จัดเก็บในตัว 128GB
    - เล่นเกมแนว PICO-8, Arcade และเกมจาก Emulator ได้หลากหลาย
    - รองรับการเขียนโค้ดด้วย MicroPython, C/C++, BASIC ฯลฯ

    นอกจากเกมคลาสสิก ยังแถมเกมอินดี้สุดเก๋อย่าง Bloo Kid 2 และ AstroBlaze DX ที่ปกติอยู่บน Nintendo Switch มาให้ด้วย พร้อมพอร์ต USB-C, HDMI และ Qwiic connector สำหรับต่อกับเซนเซอร์หรือจอเสริมได้เลย

    อย่างไรก็ตาม ราคา £125 (~170 ดอลลาร์) อาจทำให้หลายคนลังเล เพราะในตลาดมีเครื่องเล่นอื่นที่แรงกว่าแต่ถูกกว่า เช่น Retroid, Anbernic หรือแม้แต่เครื่องพับได้ Miyoo Flip ที่ราคาถูกลงเหลือไม่ถึง $100

    https://www.tomshardware.com/video-games/handheld-gaming/nephew-of-the-zx-spectrum-inventor-has-created-a-handheld-raspberry-pi-console-the-size-of-a-gift-card-gamercard-features-4-square-ips-screen-and-pre-loaded-arcade-games
    ถ้าคุณเคยชอบ Game Boy หรือ Palm Pilot สมัยก่อน ลองนึกภาพว่าตอนนี้มีเครื่องเกมที่... - เล็กเท่าบัตรของขวัญ - บางแค่ 6.5 มิลลิเมตร - น้ำหนักแค่ 100 กรัม → แต่เล่นเกม Arcade ได้จริง พร้อมหน้าจอ IPS สีสดคมชัด 4 นิ้ว ความหนาแน่นพิกเซล 254 PPI GamerCard ใช้บอร์ด Raspberry Pi Zero 2W ซึ่งไม่ธรรมดาเลย เพราะ... - มี CPU Quad-core ARM Cortex-A53 - มาพร้อมพื้นที่จัดเก็บในตัว 128GB - เล่นเกมแนว PICO-8, Arcade และเกมจาก Emulator ได้หลากหลาย - รองรับการเขียนโค้ดด้วย MicroPython, C/C++, BASIC ฯลฯ นอกจากเกมคลาสสิก ยังแถมเกมอินดี้สุดเก๋อย่าง Bloo Kid 2 และ AstroBlaze DX ที่ปกติอยู่บน Nintendo Switch มาให้ด้วย พร้อมพอร์ต USB-C, HDMI และ Qwiic connector สำหรับต่อกับเซนเซอร์หรือจอเสริมได้เลย อย่างไรก็ตาม ราคา £125 (~170 ดอลลาร์) อาจทำให้หลายคนลังเล เพราะในตลาดมีเครื่องเล่นอื่นที่แรงกว่าแต่ถูกกว่า เช่น Retroid, Anbernic หรือแม้แต่เครื่องพับได้ Miyoo Flip ที่ราคาถูกลงเหลือไม่ถึง $100 https://www.tomshardware.com/video-games/handheld-gaming/nephew-of-the-zx-spectrum-inventor-has-created-a-handheld-raspberry-pi-console-the-size-of-a-gift-card-gamercard-features-4-square-ips-screen-and-pre-loaded-arcade-games
    0 Comments 0 Shares 132 Views 0 Reviews
  • ห่างเหินการจัด Spec คอมพ์มานาน วันนี้ลองไปจัดที่เวบ ihavecpu ครับ
    #spec #computer #ihavecpu
    ห่างเหินการจัด Spec คอมพ์มานาน วันนี้ลองไปจัดที่เวบ ihavecpu ครับ #spec #computer #ihavecpu
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 44 Views 0 Reviews
  • Lorde ปล่อยอัลบั้มใหม่ Virgin เมื่อ 27 มิ.ย. 2025 และเพื่อความสวยแบบรักษ์โลก แผ่น CD รุ่นพิเศษ (special edition) ถูกทำเป็น แผ่นใสล้วน ๆ (translucent CD) ที่ทั้งตัวแผ่น, booklet 20 หน้า, และกล่อง jewel case ทำจากวัสดุรีไซเคิล 100%

    ปัญหาคืออะไร? หลายคนซื้อมาแล้วพบว่า เครื่องเล่น CD มองไม่เห็นแผ่นเลย บางเครื่องขึ้น “No Disc” บางเครื่องไม่แม้แต่จะเริ่มโหลด → เพราะแผ่นใสเกินไป จนเซนเซอร์ optical drive (โดยเฉพาะรุ่นเก่า) ไม่สามารถตรวจจับแผ่นได้ → ไม่มีเวอร์ชันซีดีธรรมดาจำหน่าย มีแค่แผ่นใสเท่านั้น ณ เวลานี้ → ทำให้ตอนนี้คนจำนวนมากต้องหันไปฟังเวอร์ชันดิจิทัล หรือซื้อแผ่นเสียง (vinyl)

    ผู้สื่อข่าว TechSpot ยังเสนอแนวคิดว่า “ถ้าติดสติกเกอร์ทึบบนแผ่น จะช่วยให้เครื่องอ่านเจอไหม” — แม้มันจะทำลายความสวยของแผ่นก็ตาม

    แผ่นพิเศษนี้วางขายเฉพาะในเว็บของ Lorde เท่านั้น และตอนนี้ “หมดเกลี้ยง” แล้ว แต่ยังมีหลุดไปขายมือสองบน eBay ราว $20

    https://www.techspot.com/news/108553-lorde-new-cd-clear-stereo-might-think-invisible.html
    Lorde ปล่อยอัลบั้มใหม่ Virgin เมื่อ 27 มิ.ย. 2025 และเพื่อความสวยแบบรักษ์โลก แผ่น CD รุ่นพิเศษ (special edition) ถูกทำเป็น แผ่นใสล้วน ๆ (translucent CD) ที่ทั้งตัวแผ่น, booklet 20 หน้า, และกล่อง jewel case ทำจากวัสดุรีไซเคิล 100% 📀 ปัญหาคืออะไร? หลายคนซื้อมาแล้วพบว่า เครื่องเล่น CD มองไม่เห็นแผ่นเลย บางเครื่องขึ้น “No Disc” บางเครื่องไม่แม้แต่จะเริ่มโหลด → เพราะแผ่นใสเกินไป จนเซนเซอร์ optical drive (โดยเฉพาะรุ่นเก่า) ไม่สามารถตรวจจับแผ่นได้ → ไม่มีเวอร์ชันซีดีธรรมดาจำหน่าย มีแค่แผ่นใสเท่านั้น ณ เวลานี้ → ทำให้ตอนนี้คนจำนวนมากต้องหันไปฟังเวอร์ชันดิจิทัล หรือซื้อแผ่นเสียง (vinyl) ผู้สื่อข่าว TechSpot ยังเสนอแนวคิดว่า “ถ้าติดสติกเกอร์ทึบบนแผ่น จะช่วยให้เครื่องอ่านเจอไหม” — แม้มันจะทำลายความสวยของแผ่นก็ตาม 😅 แผ่นพิเศษนี้วางขายเฉพาะในเว็บของ Lorde เท่านั้น และตอนนี้ “หมดเกลี้ยง” แล้ว แต่ยังมีหลุดไปขายมือสองบน eBay ราว $20 https://www.techspot.com/news/108553-lorde-new-cd-clear-stereo-might-think-invisible.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Lorde's new CD is so clear, your stereo might think it's invisible
    The clear disc, along with the 20-page full-color booklet and jewel case, are meant to be fully recyclable. Visually, the CD is absolutely stunning and would look...
    0 Comments 0 Shares 110 Views 0 Reviews
  • หลายคนลองใช้ AI แล้วเจอว่า “ก็ตอบโอเคนะ แต่ไม่ว้าว” → ซึ่งจริง ๆ ไม่ใช่เพราะ AI ไม่เก่ง แต่เป็นเพราะ เราอาจยังไม่ได้สื่อสารให้มันเข้าใจเราชัดพอ

    เหมือนคุณไปขอให้เพื่อนช่วยออกแบบโลโก้ แล้วพูดแค่ว่า “ทำโลโก้ให้หน่อย” → ผลลัพธ์ก็คงจินตนาการคนละเรื่องกันเลย

    เพราะงั้น AI ถึงต้องการ “prompt” ที่ไม่ใช่แค่ถาม...แต่ต้องเล่าให้ฟังแบบเข้าใจ → ว่าคุณต้องการอะไร แค่ไหน ในน้ำเสียงแบบไหน และเพื่อใคร → ข่าวนี้เลยรวบรวมเทคนิคหลายมุมมาจากผู้สร้าง AI รุ่นท็อป เพื่อให้คุณ สื่อสารกับ AI แบบไม่เสียเวลา – ได้คำตอบฉลาดแบบที่คุณต้องการ ครับ

    เขียนให้ชัดและเฉพาะเจาะจงที่สุด (Be specific)  
    • อย่าบอกแค่ “ออกแบบโลโก้” → ให้เพิ่ม: ชื่อแบรนด์, อุตสาหกรรม, อารมณ์ที่ต้องการ, กลุ่มเป้าหมาย  
    • ลองใช้โครงสร้าง: “ช่วย __ สำหรับ __ ในแบบที่ __ โดยไม่ต้อง __”

    ถามแบบต่อเนื่อง ไม่ใช่จบที่คำถามแรก (Refine & Follow up)  
    • คิดว่า AI คือเพื่อนที่คุยได้ยาว ๆ → คำตอบแรกอาจไม่สุด แต่คำถามถัดไปทำให้ดีขึ้นมาก  
    • ปรับคำถาม, ขออธิบายเพิ่ม, ขอตัวอย่างใหม่ได้เรื่อย ๆ

    ระบุ “บุคลิก” และ “ผู้ฟัง” ที่ต้องการ (Voice & Audience)  
    • เช่น: “เขียนแบบเป็นกันเอง สำหรับคนอายุ 50 ที่ไม่ใช้ศัพท์เทคนิคเยอะ”  
    • หรือ “สรุปแบบจริงจัง ให้เหมือนผู้เชี่ยวชาญอธิบายให้ CEO ฟัง”

    ให้บริบทเพิ่ม พร้อมตัวอย่างถ้ามี (Context helps!)
    • อย่าบอกว่า “ช่วยวางแผนเที่ยวลอนดอน”  
    • ให้เพิ่มเช่น: “สำหรับครอบครัว 4 คน, ไม่เน้นพิพิธภัณฑ์, ชอบมิวสิคัล, งบกลาง ๆ”  
    • ยิ่งเล่าเหมือนเพื่อนยิ่งได้คำตอบแม่น

    จำกัดคำตอบให้เหมาะสม (Limit the output)  
    • สั่งได้เลยว่า “ตอบใน 150 คำ” หรือ “สรุปใน 5 bullet”  
    • ดีมากถ้าอยากให้เข้าใจง่าย หรือใช้ในพื้นที่จำกัด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/04/one-tech-tip-get-the-most-out-of-chatgpt-and-other-ai-chatbots-with-better-prompts
    หลายคนลองใช้ AI แล้วเจอว่า “ก็ตอบโอเคนะ แต่ไม่ว้าว” → ซึ่งจริง ๆ ไม่ใช่เพราะ AI ไม่เก่ง แต่เป็นเพราะ เราอาจยังไม่ได้สื่อสารให้มันเข้าใจเราชัดพอ เหมือนคุณไปขอให้เพื่อนช่วยออกแบบโลโก้ แล้วพูดแค่ว่า “ทำโลโก้ให้หน่อย” → ผลลัพธ์ก็คงจินตนาการคนละเรื่องกันเลย เพราะงั้น AI ถึงต้องการ “prompt” ที่ไม่ใช่แค่ถาม...แต่ต้องเล่าให้ฟังแบบเข้าใจ → ว่าคุณต้องการอะไร แค่ไหน ในน้ำเสียงแบบไหน และเพื่อใคร → ข่าวนี้เลยรวบรวมเทคนิคหลายมุมมาจากผู้สร้าง AI รุ่นท็อป เพื่อให้คุณ สื่อสารกับ AI แบบไม่เสียเวลา – ได้คำตอบฉลาดแบบที่คุณต้องการ ครับ ✅ เขียนให้ชัดและเฉพาะเจาะจงที่สุด (Be specific)   • อย่าบอกแค่ “ออกแบบโลโก้” → ให้เพิ่ม: ชื่อแบรนด์, อุตสาหกรรม, อารมณ์ที่ต้องการ, กลุ่มเป้าหมาย   • ลองใช้โครงสร้าง: “ช่วย __ สำหรับ __ ในแบบที่ __ โดยไม่ต้อง __” ✅ ถามแบบต่อเนื่อง ไม่ใช่จบที่คำถามแรก (Refine & Follow up)   • คิดว่า AI คือเพื่อนที่คุยได้ยาว ๆ → คำตอบแรกอาจไม่สุด แต่คำถามถัดไปทำให้ดีขึ้นมาก   • ปรับคำถาม, ขออธิบายเพิ่ม, ขอตัวอย่างใหม่ได้เรื่อย ๆ ✅ ระบุ “บุคลิก” และ “ผู้ฟัง” ที่ต้องการ (Voice & Audience)   • เช่น: “เขียนแบบเป็นกันเอง สำหรับคนอายุ 50 ที่ไม่ใช้ศัพท์เทคนิคเยอะ”   • หรือ “สรุปแบบจริงจัง ให้เหมือนผู้เชี่ยวชาญอธิบายให้ CEO ฟัง” ✅ ให้บริบทเพิ่ม พร้อมตัวอย่างถ้ามี (Context helps!) • อย่าบอกว่า “ช่วยวางแผนเที่ยวลอนดอน”   • ให้เพิ่มเช่น: “สำหรับครอบครัว 4 คน, ไม่เน้นพิพิธภัณฑ์, ชอบมิวสิคัล, งบกลาง ๆ”   • ยิ่งเล่าเหมือนเพื่อนยิ่งได้คำตอบแม่น ✅ จำกัดคำตอบให้เหมาะสม (Limit the output)   • สั่งได้เลยว่า “ตอบใน 150 คำ” หรือ “สรุปใน 5 bullet”   • ดีมากถ้าอยากให้เข้าใจง่าย หรือใช้ในพื้นที่จำกัด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/04/one-tech-tip-get-the-most-out-of-chatgpt-and-other-ai-chatbots-with-better-prompts
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Get the most out of ChatGPT and other AI chatbots with better prompts
    If you're using ChatGPT but getting mediocre results, don't blame the chatbot. Instead, try sharpening up your prompts.
    0 Comments 0 Shares 161 Views 0 Reviews
  • openSUSE Tumbleweed เป็นดิสโทรแนว rolling release นะครับ — นั่นคือไม่ต้องรอเวอร์ชันใหม่รายปีเหมือน Ubuntu หรือ Fedora แต่มีของใหม่ไหลมาเรื่อย ๆ เดือนมิถุนายนนี้คือรอบใหญ่ที่แฟน KDE รอคอย เพราะได้อัปเกรดเป็น KDE Plasma 6.4 ตัวเต็ม พร้อม UI ลื่นขึ้น ดีไซน์ใหม่ และมีฟีเจอร์ที่คอ productivity น่าจะชอบ:

    - ระบบ จัดหน้าต่างแบบ Tiling (เหมือน BSPWM หรือ Win+Arrow ใน Windows)
    - ปรับระบบแจ้งเตือนใหม่: ติดตั้งอัปเดตตรงจากโนติ, มี Do Not Disturb เต็มจอ, บอกเมื่อ mute ไมค์
    - KRunner รองรับโค้ดสีแบบเห็นภาพ
    - System Monitor เพิ่มกราฟ GPU
    - Spectacle ถ่ายภาพหน้าจอแบบใหม่
    - Accessibility ดีขึ้นทั้งทางแป้นพิมพ์และ Wayland

    แต่ไม่ได้มีแค่ Plasma — ด้านล่างยังมีของใหม่อีก:

    - Linux kernel 6.15 → 6.15.3 → รองรับ PCIe hotplug, Wi-Fi ชิปใหม่ และ I/O scheduler ที่ดีขึ้น
    - GCC 15 เพิ่มภาษา Modula-2, COBOL (!), และประสิทธิภาพดีขึ้น
    - Mesa 25.1.3 แก้ปัญหาเกม DOOM: The Dark Ages กับไดรเวอร์
    - PipeWire 1.4.6 ลดดีเลย์เสียง, แก้ ALSA crash
    - Python 3.13.5 และ 3.11 (ความปลอดภัย+เสถียรภาพ), พร้อมบอกลา Python 2.7

    และที่สำคัญมาก — มีการอุดช่องโหว่ความปลอดภัย (CVE) หลายตัวใน Firefox, Python, libssh, ClamAV, gdm ฯลฯ เรียกได้ว่าเป็น “เดือนที่ควรอัปเดตทันที” เลยครับ

    https://www.neowin.net/news/opensuse-tumbleweeds-june-update-brings-kde-plasma-64-and-critical-security-fixes/
    openSUSE Tumbleweed เป็นดิสโทรแนว rolling release นะครับ — นั่นคือไม่ต้องรอเวอร์ชันใหม่รายปีเหมือน Ubuntu หรือ Fedora แต่มีของใหม่ไหลมาเรื่อย ๆ เดือนมิถุนายนนี้คือรอบใหญ่ที่แฟน KDE รอคอย เพราะได้อัปเกรดเป็น KDE Plasma 6.4 ตัวเต็ม พร้อม UI ลื่นขึ้น ดีไซน์ใหม่ และมีฟีเจอร์ที่คอ productivity น่าจะชอบ: - ระบบ จัดหน้าต่างแบบ Tiling (เหมือน BSPWM หรือ Win+Arrow ใน Windows) - ปรับระบบแจ้งเตือนใหม่: ติดตั้งอัปเดตตรงจากโนติ, มี Do Not Disturb เต็มจอ, บอกเมื่อ mute ไมค์ - KRunner รองรับโค้ดสีแบบเห็นภาพ - System Monitor เพิ่มกราฟ GPU - Spectacle ถ่ายภาพหน้าจอแบบใหม่ - Accessibility ดีขึ้นทั้งทางแป้นพิมพ์และ Wayland แต่ไม่ได้มีแค่ Plasma — ด้านล่างยังมีของใหม่อีก: - Linux kernel 6.15 → 6.15.3 → รองรับ PCIe hotplug, Wi-Fi ชิปใหม่ และ I/O scheduler ที่ดีขึ้น - GCC 15 เพิ่มภาษา Modula-2, COBOL (!), และประสิทธิภาพดีขึ้น - Mesa 25.1.3 แก้ปัญหาเกม DOOM: The Dark Ages กับไดรเวอร์ - PipeWire 1.4.6 ลดดีเลย์เสียง, แก้ ALSA crash - Python 3.13.5 และ 3.11 (ความปลอดภัย+เสถียรภาพ), พร้อมบอกลา Python 2.7 และที่สำคัญมาก — มีการอุดช่องโหว่ความปลอดภัย (CVE) หลายตัวใน Firefox, Python, libssh, ClamAV, gdm ฯลฯ เรียกได้ว่าเป็น “เดือนที่ควรอัปเดตทันที” เลยครับ https://www.neowin.net/news/opensuse-tumbleweeds-june-update-brings-kde-plasma-64-and-critical-security-fixes/
    WWW.NEOWIN.NET
    openSUSE Tumbleweed's June update brings KDE Plasma 6.4 and critical security fixes
    If you're looking to try out the new KDE Plasma 6.4, you can check out openSUSE Tumbleweed, as it was one of many bleeding-edge updates the distribution got in June.
    0 Comments 0 Shares 123 Views 0 Reviews
  • TerraMar เกาะ Epstein การค้ามนุษย์เด็ก การกินเนื้อคน และเพชร

    อย่าลืมเหตุผลที่เราเริ่มต้น
    มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กเสมอมา และยังคงเกี่ยวกับเด็ก

    อาชญากรรมต่อเด็กของเรา

    การทหารเป็นหนทางเดียว

    ไม่มีข้อตกลง

    เราทุกคนมีความรับผิดชอบในการปกป้องเด็กทั่วโลก

    #SpecialQForces
    #EXPOSEthePEDOSendoftheCABAL

    NCSWIC 🕊

    https://rumble.com/v2powy6-terramar-epstein-island-they-eat-our-children-and-after-melt-child-down-int.html

    https://www.memetrunk.com/save-the-children/post/terramar-epstien-island-child-trafficking-cannibalism-and-diamonds-BH7nuB6ANqHaDH4
    TerraMar เกาะ Epstein การค้ามนุษย์เด็ก การกินเนื้อคน และเพชร อย่าลืมเหตุผลที่เราเริ่มต้น มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กเสมอมา และยังคงเกี่ยวกับเด็ก อาชญากรรมต่อเด็กของเรา การทหารเป็นหนทางเดียว ไม่มีข้อตกลง เราทุกคนมีความรับผิดชอบในการปกป้องเด็กทั่วโลก #SpecialQForces #EXPOSEthePEDOSendoftheCABAL NCSWIC 💞🌹🕊🌍💫 https://rumble.com/v2powy6-terramar-epstein-island-they-eat-our-children-and-after-melt-child-down-int.html https://www.memetrunk.com/save-the-children/post/terramar-epstien-island-child-trafficking-cannibalism-and-diamonds-BH7nuB6ANqHaDH4
    0 Comments 0 Shares 145 Views 0 Reviews
  • ทุกวันนี้ AI model อย่าง ChatGPT, Claude หรือ Gemini ต้องไต่ (crawl) ข้อมูลจากเว็บไซต์ทั่วอินเทอร์เน็ตไปฝึกความรู้ ซึ่งเว็บไซต์เจ้าของเนื้อหาก็ไม่เคยได้เงิน — แถมยังเสียปริมาณผู้เข้าชม เพราะผู้ใช้ไปเสิร์ชในแชตบอตเลย ไม่คลิกเว็บต้นทาง

    Cloudflare ซึ่งให้บริการ CDN และความปลอดภัยเว็บให้กว่า 20% ของเว็บไซต์ทั้งหมด จึงเสนอแผนใหม่:

    “ถ้า AI จะเข้ามาไต่เว็บ ก็ต้องจ่ายเงินให้เจ้าของเว็บ”

    โดยใช้อะไร? ใช้ HTTP code 402 ที่แต่เดิมสงวนไว้ (Payment Required) แต่ไม่เคยใช้จริง กลับมาใช้ใหม่ โดย Cloudflare จะทำตัวเป็น “Merchant of Record” ให้ — แปลว่าเป็นคนกลางช่วยจัดการจ่ายเงินให้เว็บไซต์

    เจ้าของเว็บจะสามารถ:
    - ตั้งราคาแบบ “คิดค่าคลิก” สำหรับ AI agent ที่ไต่เข้ามา
    - อนุญาตเฉพาะบางบอตให้ใช้ฟรี (เช่น บอตที่มีพาร์ตเนอร์กันหรือไม่ใช่ AI)
    - ปฏิเสธ crawler ที่ไม่ปฏิบัติตามระบบใหม่นี้ได้โดยอัตโนมัติ

    ตอนนี้ยังอยู่ในระยะ private beta เท่านั้น แต่ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะเปลี่ยนวิธีที่ AI เข้าถึงข้อมูลของโลก!

    Cloudflare เปิดระบบใหม่ให้เว็บไซต์คิดเงิน AI agent ที่มา crawl ข้อมูล  
    • ใช้ HTTP response code 402 (Payment Required)  
    • Cloudflare ทำหน้าที่เป็นตัวกลางธุรกรรม (Merchant of Record)

    เจ้าของเว็บไซต์ตั้ง rate ได้เองว่า “ขอเก็บเท่าไหร่ต่อการ crawl”  
    • จะกำหนดแบบ domain-wide หรือ custom ก็ได้  
    • เลือกได้ว่าใครเข้าฟรี ใครต้องจ่าย

    Cloudflare เตรียมระบบรองรับ: security policy, payment header, access control  
    • นักพัฒนาเริ่มใช้งานผ่าน Cloudflare account ได้แล้ว  
    • ใช้ร่วมกับ privacy policy เดิมหรือ partner-specific term ได้

    ปัจจุบันยังเป็น “private beta” สำหรับกลุ่มเล็กเท่านั้น  
    • ผู้สนใจต้องติดต่อผ่านพอร์ทัลของ Cloudflare หรือแอคเคานต์เอ็กเซกคิวทีฟ

    https://www.neowin.net/news/cloudflare-has-a-plan-to-make-ai-agents-pay-for-crawling-websites/
    ทุกวันนี้ AI model อย่าง ChatGPT, Claude หรือ Gemini ต้องไต่ (crawl) ข้อมูลจากเว็บไซต์ทั่วอินเทอร์เน็ตไปฝึกความรู้ ซึ่งเว็บไซต์เจ้าของเนื้อหาก็ไม่เคยได้เงิน — แถมยังเสียปริมาณผู้เข้าชม เพราะผู้ใช้ไปเสิร์ชในแชตบอตเลย ไม่คลิกเว็บต้นทาง Cloudflare ซึ่งให้บริการ CDN และความปลอดภัยเว็บให้กว่า 20% ของเว็บไซต์ทั้งหมด จึงเสนอแผนใหม่: “ถ้า AI จะเข้ามาไต่เว็บ ก็ต้องจ่ายเงินให้เจ้าของเว็บ” โดยใช้อะไร? ใช้ HTTP code 402 ที่แต่เดิมสงวนไว้ (Payment Required) แต่ไม่เคยใช้จริง กลับมาใช้ใหม่ โดย Cloudflare จะทำตัวเป็น “Merchant of Record” ให้ — แปลว่าเป็นคนกลางช่วยจัดการจ่ายเงินให้เว็บไซต์ เจ้าของเว็บจะสามารถ: - ตั้งราคาแบบ “คิดค่าคลิก” สำหรับ AI agent ที่ไต่เข้ามา - อนุญาตเฉพาะบางบอตให้ใช้ฟรี (เช่น บอตที่มีพาร์ตเนอร์กันหรือไม่ใช่ AI) - ปฏิเสธ crawler ที่ไม่ปฏิบัติตามระบบใหม่นี้ได้โดยอัตโนมัติ ตอนนี้ยังอยู่ในระยะ private beta เท่านั้น แต่ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะเปลี่ยนวิธีที่ AI เข้าถึงข้อมูลของโลก! ✅ Cloudflare เปิดระบบใหม่ให้เว็บไซต์คิดเงิน AI agent ที่มา crawl ข้อมูล   • ใช้ HTTP response code 402 (Payment Required)   • Cloudflare ทำหน้าที่เป็นตัวกลางธุรกรรม (Merchant of Record) ✅ เจ้าของเว็บไซต์ตั้ง rate ได้เองว่า “ขอเก็บเท่าไหร่ต่อการ crawl”   • จะกำหนดแบบ domain-wide หรือ custom ก็ได้   • เลือกได้ว่าใครเข้าฟรี ใครต้องจ่าย ✅ Cloudflare เตรียมระบบรองรับ: security policy, payment header, access control   • นักพัฒนาเริ่มใช้งานผ่าน Cloudflare account ได้แล้ว   • ใช้ร่วมกับ privacy policy เดิมหรือ partner-specific term ได้ ✅ ปัจจุบันยังเป็น “private beta” สำหรับกลุ่มเล็กเท่านั้น   • ผู้สนใจต้องติดต่อผ่านพอร์ทัลของ Cloudflare หรือแอคเคานต์เอ็กเซกคิวทีฟ https://www.neowin.net/news/cloudflare-has-a-plan-to-make-ai-agents-pay-for-crawling-websites/
    WWW.NEOWIN.NET
    Cloudflare has a plan to make AI agents pay for crawling websites
    Cloudflare is currently testing a solution that paywalls content specifically for AI web crawlers. The company has resurrected HTTP response code 402 for this purpose.
    0 Comments 0 Shares 167 Views 0 Reviews
  • Hertz ประกาศว่ากำลังยกระดับงานตรวจเช็ครถเช่าด้วย “AI อัจฉริยะ” โดยร่วมมือกับบริษัท UVeye เพื่อใช้ อุโมงค์กล้องอัตโนมัติ ที่จะสแกนรถแบบ 360 องศาเมื่อส่งคืน แล้วเทียบภาพก่อน–หลังเพื่อตรวจจับรอยต่าง ๆ

    ฟังดูดีใช่ไหมครับ? แต่ลูกค้าหลายคนกลับพบว่า:
    - ได้รับแจ้งรอยขีดเล็กจิ๋วพร้อม “บิลเรียกเก็บทันที” ผ่านแอป
    - แค่แผล 1 นิ้ว กลับมีค่าซ่อม + ค่าประเมิน + ค่าดำเนินการรวมแล้วกว่า $400
    - ไม่สามารถโทรหาเจ้าหน้าที่โดยตรง ต้องคุยกับบ็อต → รอคำตอบหลายวัน
    - ถ้าอยากลดราคา ต้อง “จ่ายก่อน 2 วัน” ทำให้เหมือนถูกบีบให้รีบจ่าย

    ผู้ใช้งานบางคนบอกว่า "ความแม่นของ AI คือสิ่งที่ทำให้แย่ — เพราะมนุษย์อาจปล่อยผ่านรอยขนาดเล็กไป แต่ AI ไม่ยอม"

    แม้ Hertz ยืนยันว่ามีลูกค้าส่วนใหญ่นำรถมาคืนโดยไม่มีปัญหา และระบบใหม่นี้ช่วยให้ “ตรวจสอบเร็ว + โปร่งใส” แต่เสียงสะท้อนจากผู้ใช้ดูเหมือนจะยังไม่คลิกกับประสบการณ์จริง

    Hertz ติดตั้งระบบตรวจรถด้วย AI โดยร่วมมือกับ UVeye แล้วในหลายสนามบินใหญ่ เช่น Atlanta  
    • สแกนทั้งตัวถัง ล้อ กระจก และใต้ท้องรถ  
    • ใช้ machine learning ตรวจจับ “รอยใหม่” จากการเปรียบเทียบก่อน–หลัง

    ลูกค้าได้รับรายงานผ่านแอปทันทีหลังส่งรถคืน  
    • หากพบความเสียหาย → ระบบสร้างใบแจ้งหนี้ทันที พร้อมรูปประกอบ

    ค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บประกอบด้วย:  
    • ค่าซ่อมจริง (เช่น ล้อเป็นรอย $250)  
    • ค่าประเมินความเสียหาย $125  
    • ค่าดำเนินการระบบเรียกเก็บ $65  
    • รวมเบ็ดเสร็จ $440 แม้รอยจะมีขนาดเพียง 1 นิ้ว

    Hertz เสนอส่วนลดถ้าจ่ายภายใน 2 วัน (~$50)  
    • แต่หากสอบถามผ่านแชตบ็อตอาจต้องรอคำตอบถึง 10 วัน — มีโอกาสเสียสิทธิ์ส่วนลด

    ลูกค้าหลายรายแสดงความไม่พอใจบน Reddit และเว็บไซต์ข่าว  
    • บางคนเลิกใช้บริการ Hertz เพราะรู้สึกถูกเรียกเก็บไม่ยุติธรรม

    https://www.techspot.com/news/108471-hertz-turns-ai-rental-car-inspections-faces-backlash.html
    Hertz ประกาศว่ากำลังยกระดับงานตรวจเช็ครถเช่าด้วย “AI อัจฉริยะ” โดยร่วมมือกับบริษัท UVeye เพื่อใช้ อุโมงค์กล้องอัตโนมัติ ที่จะสแกนรถแบบ 360 องศาเมื่อส่งคืน แล้วเทียบภาพก่อน–หลังเพื่อตรวจจับรอยต่าง ๆ ฟังดูดีใช่ไหมครับ? แต่ลูกค้าหลายคนกลับพบว่า: - ได้รับแจ้งรอยขีดเล็กจิ๋วพร้อม “บิลเรียกเก็บทันที” ผ่านแอป - แค่แผล 1 นิ้ว กลับมีค่าซ่อม + ค่าประเมิน + ค่าดำเนินการรวมแล้วกว่า $400 - ไม่สามารถโทรหาเจ้าหน้าที่โดยตรง ต้องคุยกับบ็อต → รอคำตอบหลายวัน - ถ้าอยากลดราคา ต้อง “จ่ายก่อน 2 วัน” ทำให้เหมือนถูกบีบให้รีบจ่าย ผู้ใช้งานบางคนบอกว่า "ความแม่นของ AI คือสิ่งที่ทำให้แย่ — เพราะมนุษย์อาจปล่อยผ่านรอยขนาดเล็กไป แต่ AI ไม่ยอม" แม้ Hertz ยืนยันว่ามีลูกค้าส่วนใหญ่นำรถมาคืนโดยไม่มีปัญหา และระบบใหม่นี้ช่วยให้ “ตรวจสอบเร็ว + โปร่งใส” แต่เสียงสะท้อนจากผู้ใช้ดูเหมือนจะยังไม่คลิกกับประสบการณ์จริง ✅ Hertz ติดตั้งระบบตรวจรถด้วย AI โดยร่วมมือกับ UVeye แล้วในหลายสนามบินใหญ่ เช่น Atlanta   • สแกนทั้งตัวถัง ล้อ กระจก และใต้ท้องรถ   • ใช้ machine learning ตรวจจับ “รอยใหม่” จากการเปรียบเทียบก่อน–หลัง ✅ ลูกค้าได้รับรายงานผ่านแอปทันทีหลังส่งรถคืน   • หากพบความเสียหาย → ระบบสร้างใบแจ้งหนี้ทันที พร้อมรูปประกอบ ✅ ค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บประกอบด้วย:   • ค่าซ่อมจริง (เช่น ล้อเป็นรอย $250)   • ค่าประเมินความเสียหาย $125   • ค่าดำเนินการระบบเรียกเก็บ $65   • รวมเบ็ดเสร็จ $440 แม้รอยจะมีขนาดเพียง 1 นิ้ว ✅ Hertz เสนอส่วนลดถ้าจ่ายภายใน 2 วัน (~$50)   • แต่หากสอบถามผ่านแชตบ็อตอาจต้องรอคำตอบถึง 10 วัน — มีโอกาสเสียสิทธิ์ส่วนลด ✅ ลูกค้าหลายรายแสดงความไม่พอใจบน Reddit และเว็บไซต์ข่าว   • บางคนเลิกใช้บริการ Hertz เพราะรู้สึกถูกเรียกเก็บไม่ยุติธรรม https://www.techspot.com/news/108471-hertz-turns-ai-rental-car-inspections-faces-backlash.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Hertz turns to AI for rental car inspections, faces backlash over fees
    The company's new system, developed in partnership with Israeli firm UVeye, is already operational at major hubs such as Hartsfield-Jackson Atlanta International Airport and is expected to...
    0 Comments 0 Shares 126 Views 0 Reviews
  • ก่อนหน้านี้เรามักเห็นจีนใช้ชิป Intel หรือ AMD เป็นหลักในดาต้าเซ็นเตอร์ หรือหน่วยงานวิจัย แต่ รัฐบาลจีนก็กระตุ้นอย่างหนักให้พัฒนา “ชิปพื้นบ้าน (homegrown)” ขึ้นมาใช้เองในระยะยาว โดย Loongson คือหนึ่งในบริษัทที่ถือธงนำทัพด้านนี้

    ล่าสุดพวกเขาเปิดตัว Loongson 3E6000 ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม LoongArch 6000 พร้อมแกนประมวลผล LA664 รวมทั้งหมด 64 คอร์ 128 เธรด, ความเร็วสูงสุด 2.2 GHz, แคช 32MB และรองรับ DDR4-3200 แบบ quad-channel

    จุดน่าสนใจคือ ตัวชิปนี้ใช้เทคนิค “quad-chiplet” คือรวม 4 ชิปย่อยเชื่อมกันด้วยเทคโนโลยีที่ชื่อ LoongLink (คล้ายกับ Infinity Fabric หรือ NVLink) — ทำให้สร้างชิป 64 คอร์ได้แม้กระบวนการผลิตของจีนจะยังตามหลังตะวันตก

    แม้ยังมีจุดอ่อนด้าน floating-point แต่ผลการทดสอบใน Spec CPU 2017 ระบุว่า Loongson 3E6000 ทำคะแนน integer ได้สูงกว่า Xeon 8380 ถึง 35% (แต่แพ้ในด้าน floating-point อยู่ 14%)

    และที่สำคัญ…Loongson ยังพัฒนาแผนถัดไปไว้แล้ว เช่นรุ่น 3B6600 (8 คอร์, 3GHz) และ 3B7000 (แรงกว่านี้อีก) ที่ใช้คอร์รุ่นใหม่ LA864 ซึ่งหวังว่าจะชน Intel Raptor Lake หรือ AMD Zen 4 ได้เลยครับ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/new-homegrown-china-server-chips-unveiled-with-impressive-specs-loongsons-3c6000-cpu-comes-armed-with-64-cores-128-threads-and-performance-to-rival-xeon-8380
    ก่อนหน้านี้เรามักเห็นจีนใช้ชิป Intel หรือ AMD เป็นหลักในดาต้าเซ็นเตอร์ หรือหน่วยงานวิจัย แต่ รัฐบาลจีนก็กระตุ้นอย่างหนักให้พัฒนา “ชิปพื้นบ้าน (homegrown)” ขึ้นมาใช้เองในระยะยาว โดย Loongson คือหนึ่งในบริษัทที่ถือธงนำทัพด้านนี้ ล่าสุดพวกเขาเปิดตัว Loongson 3E6000 ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม LoongArch 6000 พร้อมแกนประมวลผล LA664 รวมทั้งหมด 64 คอร์ 128 เธรด, ความเร็วสูงสุด 2.2 GHz, แคช 32MB และรองรับ DDR4-3200 แบบ quad-channel จุดน่าสนใจคือ ตัวชิปนี้ใช้เทคนิค “quad-chiplet” คือรวม 4 ชิปย่อยเชื่อมกันด้วยเทคโนโลยีที่ชื่อ LoongLink (คล้ายกับ Infinity Fabric หรือ NVLink) — ทำให้สร้างชิป 64 คอร์ได้แม้กระบวนการผลิตของจีนจะยังตามหลังตะวันตก แม้ยังมีจุดอ่อนด้าน floating-point แต่ผลการทดสอบใน Spec CPU 2017 ระบุว่า Loongson 3E6000 ทำคะแนน integer ได้สูงกว่า Xeon 8380 ถึง 35% (แต่แพ้ในด้าน floating-point อยู่ 14%) และที่สำคัญ…Loongson ยังพัฒนาแผนถัดไปไว้แล้ว เช่นรุ่น 3B6600 (8 คอร์, 3GHz) และ 3B7000 (แรงกว่านี้อีก) ที่ใช้คอร์รุ่นใหม่ LA864 ซึ่งหวังว่าจะชน Intel Raptor Lake หรือ AMD Zen 4 ได้เลยครับ https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/new-homegrown-china-server-chips-unveiled-with-impressive-specs-loongsons-3c6000-cpu-comes-armed-with-64-cores-128-threads-and-performance-to-rival-xeon-8380
    0 Comments 0 Shares 217 Views 0 Reviews
  • เรื่องราวเริ่มจาก Chetal และพวก 2 คน ใช้เทคนิค social engineering ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ Google/Yahoo หลอกเหยื่อจากวอชิงตัน ดี.ซี. จนสามารถขโมย Bitcoin จำนวน 4,100 เหรียญ มูลค่าราว $245 ล้าน (และตอนนี้ขึ้นมาเกือบ $440 ล้านแล้ว!)

    จากนั้นเขาใช้เงินที่ได้ไปใช้ชีวิตหรูหราทั้งซื้อรถ, เช่าคฤหาสน์, ปาร์ตี้ไนต์คลับ และเครื่องเพชร — จนกลายเป็นเป้าสายตาแบบเต็ม ๆ

    และเรื่องดันบานปลาย เมื่อ พ่อแม่ของ Chetal ถูกกลุ่มอาชญากรจากฟลอริดารุมทำร้าย-ลักพาตัว แบบกลางวันแสก ๆ ด้วยการเอารถชน, มัดมือ, ยัดใส่รถตู้ — แต่โชคดีที่มีเจ้าหน้าที่ FBI นอกเครื่องแบบอยู่ใกล้ ๆ และช่วยได้ทัน

    ต่อมา FBI บุกค้นบ้าน พบเงินสด $500,000 และคริปโตอีก $39 ล้าน ซ้ำยังพบว่า Chetal เคยก่อเหตุแบบเดียวกันอีกเกือบ 50 ครั้ง รวมรายได้อีก $3 ล้าน

    ตอนนี้ Chetal ยอมรับผิดและให้ความร่วมมือกับทางการ เพื่อแลกกับโทษที่เบาลง — แต่อาจต้องติดคุก 19–24 ปี, ถูกปรับสูงสุด $500,000 และอาจ ถูกเนรเทศกลับอินเดีย เพราะเป็นผู้ย้ายถิ่นตั้งแต่ยังเด็ก

    ข้อมูลจากข่าว:
    Veer Chetal และพรรคพวกขโมย Bitcoin จำนวน 4,100 BTC มูลค่า $245 ล้าน ในเดือนส.ค. 2024  
    • ใช้การหลอกลวงแบบ social engineering ด้วยการปลอมเป็นเจ้าหน้าที่บริการเว็บชื่อดัง

    หลังการขโมย Chetal ใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย  
    • ซื้อรถหรู, เครื่องเพชร, เช่าคฤหาสน์ และปาร์ตี้อย่างรื่นเริง

    พ่อแม่ของเขาถูกกลุ่มชายจากฟลอริดาลักพาตัวกลางวันแสก ๆ ด้วยความรุนแรง  
    • โชคดีที่มี FBI อยู่ในเหตุการณ์ ทำให้ช่วยไว้ได้ทัน

    FBI ค้นบ้านพบ $500,000 เงินสด และ crypto อีก $39 ล้าน  
    • ตรวจพบว่ามีคดีคล้ายกันอีก 50 ครั้ง รวมเงิน $3 ล้าน

    Chetal ยอมรับผิดข้อหาฉ้อโกงและฟอกเงิน  
    • เตรียมรับโทษจำคุก 19–24 ปี และปรับ $50,000–$500,000 พร้อมชดใช้เหยื่อ  
    • อาจถูกเนรเทศกลับอินเดีย เพราะไม่ใช่พลเมืองสหรัฐฯ

    พ่อของเขาถูกไล่ออกจาก Morgan Stanley จากเหตุผลเกี่ยวกับคดีนี้

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/man-behind-usd245m-bitcoin-theft-has-bizarre-tale-that-includes-kidnapped-parents-fraud-and-money-laundering-suspect-now-faces-up-to-24-years-in-prison-half-million-dollar-fine-and-possible-deportation-to-india
    เรื่องราวเริ่มจาก Chetal และพวก 2 คน ใช้เทคนิค social engineering ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ Google/Yahoo หลอกเหยื่อจากวอชิงตัน ดี.ซี. จนสามารถขโมย Bitcoin จำนวน 4,100 เหรียญ มูลค่าราว $245 ล้าน (และตอนนี้ขึ้นมาเกือบ $440 ล้านแล้ว!) จากนั้นเขาใช้เงินที่ได้ไปใช้ชีวิตหรูหราทั้งซื้อรถ, เช่าคฤหาสน์, ปาร์ตี้ไนต์คลับ และเครื่องเพชร — จนกลายเป็นเป้าสายตาแบบเต็ม ๆ และเรื่องดันบานปลาย เมื่อ พ่อแม่ของ Chetal ถูกกลุ่มอาชญากรจากฟลอริดารุมทำร้าย-ลักพาตัว แบบกลางวันแสก ๆ ด้วยการเอารถชน, มัดมือ, ยัดใส่รถตู้ — แต่โชคดีที่มีเจ้าหน้าที่ FBI นอกเครื่องแบบอยู่ใกล้ ๆ และช่วยได้ทัน ต่อมา FBI บุกค้นบ้าน พบเงินสด $500,000 และคริปโตอีก $39 ล้าน ซ้ำยังพบว่า Chetal เคยก่อเหตุแบบเดียวกันอีกเกือบ 50 ครั้ง รวมรายได้อีก $3 ล้าน ตอนนี้ Chetal ยอมรับผิดและให้ความร่วมมือกับทางการ เพื่อแลกกับโทษที่เบาลง — แต่อาจต้องติดคุก 19–24 ปี, ถูกปรับสูงสุด $500,000 และอาจ ถูกเนรเทศกลับอินเดีย เพราะเป็นผู้ย้ายถิ่นตั้งแต่ยังเด็ก ✅ ข้อมูลจากข่าว: ✅ Veer Chetal และพรรคพวกขโมย Bitcoin จำนวน 4,100 BTC มูลค่า $245 ล้าน ในเดือนส.ค. 2024   • ใช้การหลอกลวงแบบ social engineering ด้วยการปลอมเป็นเจ้าหน้าที่บริการเว็บชื่อดัง ✅ หลังการขโมย Chetal ใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย   • ซื้อรถหรู, เครื่องเพชร, เช่าคฤหาสน์ และปาร์ตี้อย่างรื่นเริง ✅ พ่อแม่ของเขาถูกกลุ่มชายจากฟลอริดาลักพาตัวกลางวันแสก ๆ ด้วยความรุนแรง   • โชคดีที่มี FBI อยู่ในเหตุการณ์ ทำให้ช่วยไว้ได้ทัน ✅ FBI ค้นบ้านพบ $500,000 เงินสด และ crypto อีก $39 ล้าน   • ตรวจพบว่ามีคดีคล้ายกันอีก 50 ครั้ง รวมเงิน $3 ล้าน ✅ Chetal ยอมรับผิดข้อหาฉ้อโกงและฟอกเงิน   • เตรียมรับโทษจำคุก 19–24 ปี และปรับ $50,000–$500,000 พร้อมชดใช้เหยื่อ   • อาจถูกเนรเทศกลับอินเดีย เพราะไม่ใช่พลเมืองสหรัฐฯ ✅ พ่อของเขาถูกไล่ออกจาก Morgan Stanley จากเหตุผลเกี่ยวกับคดีนี้ https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/man-behind-usd245m-bitcoin-theft-has-bizarre-tale-that-includes-kidnapped-parents-fraud-and-money-laundering-suspect-now-faces-up-to-24-years-in-prison-half-million-dollar-fine-and-possible-deportation-to-india
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Man behind $245m Bitcoin theft has bizarre tale that includes kidnapped parents, fraud, and money laundering — suspect now faces up to 24 years in prison, half-million-dollar fine, and possible deportation to India
    Connecticut man’s parents were kidnapped shortly after the BTC theft. The father allegedly lost his job at Morgan Stanley due to his son’s nefarious activities.
    0 Comments 0 Shares 327 Views 0 Reviews
  • เรามักได้ยินว่าเวลาเปิดฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย ระบบจะช้าลงนิดหน่อยใช่ไหมครับ? บน CPU ของ Intel เองนี่ก็เป็นแบบนั้นมานาน เพราะหลังการค้นพบช่องโหว่ Spectre/Meltdown เขาต้องเปิด mitigations ต่าง ๆ ซึ่งบางตัวลากประสิทธิภาพลงไป 30–40% เลยทีเดียว

    ล่าสุดมีรายงานว่า GPU ของ Intel ก็มีปัญหาแบบเดียวกัน โดยเฉพาะเวลาใช้งานด้าน compute เช่นงาน OpenCL หรือ Level Zero บน Linux — ถ้า “ปิด” ระบบรักษาความปลอดภัยบางตัวลงไป ประสิทธิภาพจะดีขึ้น 20% ทันที!

    Canonical ถึงกับออกมายืนยันว่า Ubuntu เตรียมปิด mitigations พวกนี้โดยดีฟอลต์ เพราะเห็นว่า:
    - Intel เอง ก็แจกโค้ด OpenCL / Level Zero ที่ไม่มี mitigations มาด้วยอยู่แล้ว
    - บน CPU มีการป้องกันอยู่แล้วใน Kernel ทำให้ GPU ไม่จำเป็นต้องมีซ้ำซ้อน
    - ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยใน GPU ต่ำกว่า CPU เพราะไม่ได้รัน OS โดยตรง

    แม้จะไม่รู้ชัดว่าช่องโหว่คืออะไร (เพราะ Intel ไม่เปิดเผยแบบละเอียด) แต่ “ผลลัพธ์จากการปิด = ประสิทธิภาพเพิ่มแรง” ก็ทำให้คนเริ่มพิจารณาทำตาม

    การปิด security mitigations บน GPU ของ Intel ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ compute ได้มากถึง 20%  
    • โดยเฉพาะการใช้ OpenCL และ Level Zero บน Linux

    Canonical (Ubuntu) เตรียมปิด mitigations พวกนี้ในเวอร์ชันของตัวเองโดยดีฟอลต์  
    • หลังทดลองแล้วว่า “ความเสี่ยงน้อยกว่าประสิทธิภาพที่ได้”

    Intel เองก็เผยแพร่ compute stack แบบไม่มี mitigations โดยดีฟอลต์บน GitHub แล้ว  
    • ช่วยยืนยันว่า “การปิด” ยังอยู่ในกรอบที่ยอมรับได้

    โค้ดปัจจุบันบน Ubuntu Kernel ฝั่ง CPU ยังคงมี security mitigations ครบตามมาตรฐาน Intel  
    • ทำให้ฝั่ง GPU สามารถลดซ้ำซ้อนได้

    Mitigations ฝั่ง GPU มีผลทั้งกับชิปกราฟิกแบบ Integrated (iGPU) และ Dedicated GPU ของ Intel (Arc)

    สาเหตุของการลดประสิทธิภาพบน CPU มักมาจาก mitigations ที่กระทบกับหน่วย branch predictor และ cache  
    • บน GPU แม้ไม่รัน OS แต่ก็มีหน่วยความจำร่วมที่อาจถูกโจมตีในบางวิธีได้

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/disabling-intel-graphics-security-mitigations-boosts-compute-performance-20-percent-uplift-from-setting-change-that-even-intel-employs-despite-unknown-security-risk
    เรามักได้ยินว่าเวลาเปิดฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย ระบบจะช้าลงนิดหน่อยใช่ไหมครับ? บน CPU ของ Intel เองนี่ก็เป็นแบบนั้นมานาน เพราะหลังการค้นพบช่องโหว่ Spectre/Meltdown เขาต้องเปิด mitigations ต่าง ๆ ซึ่งบางตัวลากประสิทธิภาพลงไป 30–40% เลยทีเดียว ล่าสุดมีรายงานว่า GPU ของ Intel ก็มีปัญหาแบบเดียวกัน โดยเฉพาะเวลาใช้งานด้าน compute เช่นงาน OpenCL หรือ Level Zero บน Linux — ถ้า “ปิด” ระบบรักษาความปลอดภัยบางตัวลงไป ประสิทธิภาพจะดีขึ้น 20% ทันที! Canonical ถึงกับออกมายืนยันว่า Ubuntu เตรียมปิด mitigations พวกนี้โดยดีฟอลต์ เพราะเห็นว่า: - Intel เอง ก็แจกโค้ด OpenCL / Level Zero ที่ไม่มี mitigations มาด้วยอยู่แล้ว - บน CPU มีการป้องกันอยู่แล้วใน Kernel ทำให้ GPU ไม่จำเป็นต้องมีซ้ำซ้อน - ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยใน GPU ต่ำกว่า CPU เพราะไม่ได้รัน OS โดยตรง แม้จะไม่รู้ชัดว่าช่องโหว่คืออะไร (เพราะ Intel ไม่เปิดเผยแบบละเอียด) แต่ “ผลลัพธ์จากการปิด = ประสิทธิภาพเพิ่มแรง” ก็ทำให้คนเริ่มพิจารณาทำตาม ✅ การปิด security mitigations บน GPU ของ Intel ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ compute ได้มากถึง 20%   • โดยเฉพาะการใช้ OpenCL และ Level Zero บน Linux ✅ Canonical (Ubuntu) เตรียมปิด mitigations พวกนี้ในเวอร์ชันของตัวเองโดยดีฟอลต์   • หลังทดลองแล้วว่า “ความเสี่ยงน้อยกว่าประสิทธิภาพที่ได้” ✅ Intel เองก็เผยแพร่ compute stack แบบไม่มี mitigations โดยดีฟอลต์บน GitHub แล้ว   • ช่วยยืนยันว่า “การปิด” ยังอยู่ในกรอบที่ยอมรับได้ ✅ โค้ดปัจจุบันบน Ubuntu Kernel ฝั่ง CPU ยังคงมี security mitigations ครบตามมาตรฐาน Intel   • ทำให้ฝั่ง GPU สามารถลดซ้ำซ้อนได้ ✅ Mitigations ฝั่ง GPU มีผลทั้งกับชิปกราฟิกแบบ Integrated (iGPU) และ Dedicated GPU ของ Intel (Arc) ✅ สาเหตุของการลดประสิทธิภาพบน CPU มักมาจาก mitigations ที่กระทบกับหน่วย branch predictor และ cache   • บน GPU แม้ไม่รัน OS แต่ก็มีหน่วยความจำร่วมที่อาจถูกโจมตีในบางวิธีได้ https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/disabling-intel-graphics-security-mitigations-boosts-compute-performance-20-percent-uplift-from-setting-change-that-even-intel-employs-despite-unknown-security-risk
    0 Comments 0 Shares 206 Views 0 Reviews
  • ก่อนหน้านี้การ์ด RTX 4090 เคยตกเป็นข่าวใหญ่เรื่องหัวต่อ 16-pin (12VHPWR) ละลาย — จนหลายค่ายต้องออกแบบสายไฟใหม่หรือทำวิธี DIY กันให้วุ่น และ NVIDIA ก็ได้เปิดตัวพอร์ตเวอร์ชันปรับปรุงที่ชื่อว่า 12V-2x6 ซึ่งหวังว่าจะลดปัญหานี้

    แต่ล่าสุด RTX 5090D ซึ่งเป็นรุ่นเฉพาะสำหรับจีน (ใช้ชิป Blackwell) ก็ยังเจอปัญหาเดิม! มีผู้ใช้ในฟอรั่ม Baidu รายงานว่า หัวต่อ 16-pin ละลายทั้งฝั่งการ์ดและ PSU ในขณะที่ใช้งานตามปกติ — บางคนใช้ PSU ยี่ห้อ Segotep รุ่น KL-1250G (80+ Gold, ATX 3.0) และอีกคนใช้ Asus ROG Loki ซึ่งเป็น PSU คุณภาพสูง ก็ยังเกิดเหตุการณ์เหมือนกัน

    ประเด็นนี้ทำให้คนเริ่มตั้งคำถามว่า จริง ๆ แล้ว ปัญหาอยู่ที่สายไฟหรือการ์ดจอเอง? นักวิเคราะห์บางคนชี้ว่า สาเหตุอาจมาจากการที่ NVIDIA ปรับ PCB ของ Blackwell ให้ไม่มีระบบ load balancing เหมือน RTX 3090 Ti ซึ่งอาจทำให้โหลดไม่กระจายดีพอ และเกิดความร้อนเฉพาะจุดจนละลายได้ในที่สุด

    RTX 5090D รุ่นจีนเจอปัญหาหัวต่อ 16-pin (12V-2x6) ละลายซ้ำรอย RTX 4090  
    • ทั้งฝั่งสายและพอร์ต GPU มีร่องรอยไหม้  
    • บางรายใช้ PSU จากแบรนด์ดังอย่าง Asus ROG ก็ยังเกิดปัญหา

    ใช้ PSU ตามสเปก ATX 3.0 และสายไฟตรงจากผู้ผลิต (native cable)  
    • เช่น Segotep KL-1250G และ Asus ROG Loki

    ปัญหาไม่เกิดทันที แต่อาจแสดงหลังใช้งานไปหลายสัปดาห์–เดือน  
    • บางรายรายงานว่าใช้ได้ 2 เดือนก่อนจะมีปัญหา

    มีทฤษฎีว่า PCB ของซีรีส์ RTX 50 Blackwell ไม่มีระบบ load sensing เหมือน RTX 3090 Ti
    • อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดความร้อนสะสมที่จุดเชื่อมต่อ

    แม้จะมีการปรับปรุงหัวต่อใหม่ (12V-2x6) แต่ก็ยังไม่หมดปัญหาหัวละลาย  
    • ทำให้ผู้ใช้บางกลุ่มกลับไปใช้การ์ดรุ่นก่อน หรือยอมเปลี่ยนหัวเอง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-rtx-5090d-falls-victim-to-infamous-16-pin-melting-issue-saga-continues-with-china-specific-chip
    ก่อนหน้านี้การ์ด RTX 4090 เคยตกเป็นข่าวใหญ่เรื่องหัวต่อ 16-pin (12VHPWR) ละลาย — จนหลายค่ายต้องออกแบบสายไฟใหม่หรือทำวิธี DIY กันให้วุ่น และ NVIDIA ก็ได้เปิดตัวพอร์ตเวอร์ชันปรับปรุงที่ชื่อว่า 12V-2x6 ซึ่งหวังว่าจะลดปัญหานี้ แต่ล่าสุด RTX 5090D ซึ่งเป็นรุ่นเฉพาะสำหรับจีน (ใช้ชิป Blackwell) ก็ยังเจอปัญหาเดิม! มีผู้ใช้ในฟอรั่ม Baidu รายงานว่า หัวต่อ 16-pin ละลายทั้งฝั่งการ์ดและ PSU ในขณะที่ใช้งานตามปกติ — บางคนใช้ PSU ยี่ห้อ Segotep รุ่น KL-1250G (80+ Gold, ATX 3.0) และอีกคนใช้ Asus ROG Loki ซึ่งเป็น PSU คุณภาพสูง ก็ยังเกิดเหตุการณ์เหมือนกัน ประเด็นนี้ทำให้คนเริ่มตั้งคำถามว่า จริง ๆ แล้ว ปัญหาอยู่ที่สายไฟหรือการ์ดจอเอง? นักวิเคราะห์บางคนชี้ว่า สาเหตุอาจมาจากการที่ NVIDIA ปรับ PCB ของ Blackwell ให้ไม่มีระบบ load balancing เหมือน RTX 3090 Ti ซึ่งอาจทำให้โหลดไม่กระจายดีพอ และเกิดความร้อนเฉพาะจุดจนละลายได้ในที่สุด ✅ RTX 5090D รุ่นจีนเจอปัญหาหัวต่อ 16-pin (12V-2x6) ละลายซ้ำรอย RTX 4090   • ทั้งฝั่งสายและพอร์ต GPU มีร่องรอยไหม้   • บางรายใช้ PSU จากแบรนด์ดังอย่าง Asus ROG ก็ยังเกิดปัญหา ✅ ใช้ PSU ตามสเปก ATX 3.0 และสายไฟตรงจากผู้ผลิต (native cable)   • เช่น Segotep KL-1250G และ Asus ROG Loki ✅ ปัญหาไม่เกิดทันที แต่อาจแสดงหลังใช้งานไปหลายสัปดาห์–เดือน   • บางรายรายงานว่าใช้ได้ 2 เดือนก่อนจะมีปัญหา ✅ มีทฤษฎีว่า PCB ของซีรีส์ RTX 50 Blackwell ไม่มีระบบ load sensing เหมือน RTX 3090 Ti • อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดความร้อนสะสมที่จุดเชื่อมต่อ ✅ แม้จะมีการปรับปรุงหัวต่อใหม่ (12V-2x6) แต่ก็ยังไม่หมดปัญหาหัวละลาย   • ทำให้ผู้ใช้บางกลุ่มกลับไปใช้การ์ดรุ่นก่อน หรือยอมเปลี่ยนหัวเอง https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-rtx-5090d-falls-victim-to-infamous-16-pin-melting-issue-saga-continues-with-china-specific-chip
    0 Comments 0 Shares 213 Views 0 Reviews
  • เครื่องมือ GitHub Actions คือพระเอกของ DevOps ยุคใหม่ เพราะช่วยให้เรารัน CI/CD pipeline ได้อัตโนมัติ เช่น build, test, deploy โดยไม่ต้องเซ็ตเซิร์ฟเวอร์เอง แต่...ความสะดวกนี้ก็แอบซ่อน "กับดักความปลอดภัย" ไว้เช่นกัน

    ทีมวิจัยจาก Sysdig พบว่าฟีเจอร์ pull_request_target ของ GitHub Actions ถูกใช้แบบผิดพลาดในหลายโปรเจกต์ดัง เช่น MITRE, Splunk และ Spotipy — ทำให้แฮกเกอร์สามารถส่ง Pull Request จาก fork แล้วสั่งให้รันโค้ดอันตรายได้ภายใต้สิทธิ์ของ repo หลัก

    เพราะ pull_request_target จะรัน workflow ใน context ของ branch หลัก เช่น main — ซึ่งแปลว่าแฮกเกอร์สามารถเข้าถึง token หรือ secrets ได้เลย หากไม่มีการป้องกันเพิ่มเติม

    ในกรณี MITRE แฮกเกอร์สามารถรันโค้ดอันตรายผ่านการปรับ dependency ได้ ขณะที่ Splunk เผย secrets เช่น APPINSPECTUSERNAME/PASSWORD ออกไปผ่าน workflow ที่ไม่ปลอดภัย และใน Spotipy ก็ใช้ setup.py ที่แอบรันโค้ดได้ทันที

    ข่าวนี้เตือนว่า...ภัยคุกคามใน open source ไม่ได้มาแบบ “ยิงตรง” แต่แฝงผ่าน supply chain ซ่อนอยู่ใน workflow ที่ดูปกติ!

    พบช่องโหว่การตั้งค่า GitHub Actions (pull_request_target) ในหลายโปรเจกต์ดัง  
    • MITRE, Splunk, Spotipy ถูกใช้เป็นตัวอย่างการโจมตี  
    • แฮกเกอร์สามารถรันโค้ดใน context ของ branch หลัก (main) ได้จาก PR

    ฟีเจอร์ pull_request_target ทำให้โค้ดจาก fork มีสิทธิ์เข้าถึง token หรือ secrets ได้  
    • เพราะ workflow จะรันด้วย GITHUB_TOKEN และ access ของ repo ต้นทาง

    โค้ดโจมตีอาจมาแบบไร้พิษภัย เช่น setup.py หรือ dependency ปลอม  
    • Spotipy ใช้ setup.py ฝังคำสั่ง  • MITRE แก้ dependency ให้รันโค้ดฝังใน workflow

    Sysdig แนะนำแนวทางป้องกันเบื้องต้น:  
    • แยก workflow เป็น 2 ส่วน: ส่วนตรวจสอบ PR แบบ read-only และส่วน sensitive สำหรับ merged เท่านั้น  
    • ไม่ให้ PR จาก fork เข้าถึง token  
    • ใช้ Falco Actions หรือระบบ real-time detection ช่วยตรวจ

    การตั้งค่า GitHub Actions ผิดพลาดเพียงบรรทัดเดียว อาจเปิดทางให้แฮกเกอร์เข้ายึด repo ได้  
    • โดยเฉพาะหากใช้ pull_request_target โดยไม่มี guard

    แฮกเกอร์สามารถขโมย secrets หรือครองสิทธิ์ repo ผ่านการ merge PR อันตรายได้ทันที  
    • หากไม่มีการแยกสิทธิ์หรือใช้ token แบบจำกัดขอบเขต

    แม้โค้ดจะผ่าน PR review ได้ดี แต่ workflows จะรัน “ก่อน” ที่ reviewer ได้ดูไฟล์  
    • เปิดโอกาสให้โค้ดฝัง payload มาได้ก่อน merge

    โปรเจกต์โอเพ่นซอร์สที่เปิดรับ Pull Request ต้องเพิ่มมาตรการตรวจสอบ workflow  
    • ไม่ควรใช้ค่า default โดยไม่เข้าใจ scope และสิทธิของ GitHub Actions

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/jaw-dropping-flaws-found-in-open-source-projects-could-allow-hackers-to-take-away-entire-projects-heres-what-devs-need-to-know
    เครื่องมือ GitHub Actions คือพระเอกของ DevOps ยุคใหม่ เพราะช่วยให้เรารัน CI/CD pipeline ได้อัตโนมัติ เช่น build, test, deploy โดยไม่ต้องเซ็ตเซิร์ฟเวอร์เอง แต่...ความสะดวกนี้ก็แอบซ่อน "กับดักความปลอดภัย" ไว้เช่นกัน ทีมวิจัยจาก Sysdig พบว่าฟีเจอร์ pull_request_target ของ GitHub Actions ถูกใช้แบบผิดพลาดในหลายโปรเจกต์ดัง เช่น MITRE, Splunk และ Spotipy — ทำให้แฮกเกอร์สามารถส่ง Pull Request จาก fork แล้วสั่งให้รันโค้ดอันตรายได้ภายใต้สิทธิ์ของ repo หลัก 😨 เพราะ pull_request_target จะรัน workflow ใน context ของ branch หลัก เช่น main — ซึ่งแปลว่าแฮกเกอร์สามารถเข้าถึง token หรือ secrets ได้เลย หากไม่มีการป้องกันเพิ่มเติม ในกรณี MITRE แฮกเกอร์สามารถรันโค้ดอันตรายผ่านการปรับ dependency ได้ ขณะที่ Splunk เผย secrets เช่น APPINSPECTUSERNAME/PASSWORD ออกไปผ่าน workflow ที่ไม่ปลอดภัย และใน Spotipy ก็ใช้ setup.py ที่แอบรันโค้ดได้ทันที ข่าวนี้เตือนว่า...ภัยคุกคามใน open source ไม่ได้มาแบบ “ยิงตรง” แต่แฝงผ่าน supply chain ซ่อนอยู่ใน workflow ที่ดูปกติ! ✅ พบช่องโหว่การตั้งค่า GitHub Actions (pull_request_target) ในหลายโปรเจกต์ดัง   • MITRE, Splunk, Spotipy ถูกใช้เป็นตัวอย่างการโจมตี   • แฮกเกอร์สามารถรันโค้ดใน context ของ branch หลัก (main) ได้จาก PR ✅ ฟีเจอร์ pull_request_target ทำให้โค้ดจาก fork มีสิทธิ์เข้าถึง token หรือ secrets ได้   • เพราะ workflow จะรันด้วย GITHUB_TOKEN และ access ของ repo ต้นทาง ✅ โค้ดโจมตีอาจมาแบบไร้พิษภัย เช่น setup.py หรือ dependency ปลอม   • Spotipy ใช้ setup.py ฝังคำสั่ง  • MITRE แก้ dependency ให้รันโค้ดฝังใน workflow ✅ Sysdig แนะนำแนวทางป้องกันเบื้องต้น:   • แยก workflow เป็น 2 ส่วน: ส่วนตรวจสอบ PR แบบ read-only และส่วน sensitive สำหรับ merged เท่านั้น   • ไม่ให้ PR จาก fork เข้าถึง token   • ใช้ Falco Actions หรือระบบ real-time detection ช่วยตรวจ ‼️ การตั้งค่า GitHub Actions ผิดพลาดเพียงบรรทัดเดียว อาจเปิดทางให้แฮกเกอร์เข้ายึด repo ได้   • โดยเฉพาะหากใช้ pull_request_target โดยไม่มี guard ‼️ แฮกเกอร์สามารถขโมย secrets หรือครองสิทธิ์ repo ผ่านการ merge PR อันตรายได้ทันที   • หากไม่มีการแยกสิทธิ์หรือใช้ token แบบจำกัดขอบเขต ‼️ แม้โค้ดจะผ่าน PR review ได้ดี แต่ workflows จะรัน “ก่อน” ที่ reviewer ได้ดูไฟล์   • เปิดโอกาสให้โค้ดฝัง payload มาได้ก่อน merge ‼️ โปรเจกต์โอเพ่นซอร์สที่เปิดรับ Pull Request ต้องเพิ่มมาตรการตรวจสอบ workflow   • ไม่ควรใช้ค่า default โดยไม่เข้าใจ scope และสิทธิของ GitHub Actions https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/jaw-dropping-flaws-found-in-open-source-projects-could-allow-hackers-to-take-away-entire-projects-heres-what-devs-need-to-know
    0 Comments 0 Shares 250 Views 0 Reviews
  • หลายคนอาจคิดว่า Cybersecurity คือแค่คนป้องกันไวรัส แต่จริง ๆ แล้วงานนี้แตกแขนงเป็นหลายสาย และแต่ละตำแหน่งก็มีค่าตอบแทนต่างกันมาก

    จากรายงาน Cybersecurity Staff Compensation Benchmark 2025 ระบุว่า “ชื่อตำแหน่ง” ไม่ได้บอกเสมอว่าใครทำอะไรมากน้อยแค่ไหน เพราะในความจริง 61% ของคนทำงานสายนี้ต้องทำหลายบทบาทควบกัน แต่ถ้าจะดูว่า “ใครได้เงินเดือนสูงที่สุด” ก็ยังพอแยกได้เป็นลำดับแบบนี้:

    1️⃣ Security Architect — ค่าตัวอันดับ 1 ฐานเงินเดือนเฉลี่ย $179,000 รวมโบนัส $206,000  
    • ต้องรู้ลึกทั้งเครือข่าย ระบบ การออกแบบนโยบายการป้องกัน  
    • 34% ได้หุ้นประจำปีอีกด้วย

    2️⃣ Security Engineer — รองแชมป์ รับเฉลี่ย $168,000 รวมโบนัสเป็น $191,000  
    • เน้นลงมือจริงกับระบบ เช่น firewall, IDS/IPS, pentest, EDR  
    • หลายคนมาจากสาย network หรือ sysadmin มาก่อน

    3️⃣ Risk/GRC Specialist — มือวางด้านการจัดการความเสี่ยงและ compliance  
    • เงินเดือน $146,000 รวมโบนัส $173,000  
    • เน้น policy, audit, risk register, ISO, NIST, GDPR ฯลฯ

    4️⃣ Security Analyst (เช่น SOC analyst) — มือ frontline จับภัยคุกคาม  
    • รับเฉลี่ย $124,000 รวมโบนัส $133,000  
    • คอยตรวจจับเหตุการณ์ ปรับ signature ดู log และ SIEM

    ทุกตำแหน่งต่างมีเส้นทางเฉพาะ เช่น Security Analyst → Engineer → Architect หรือ Risk Analyst → GRC Lead → CISO ก็ได้ ขึ้นกับสายที่ชอบและทักษะที่ฝึกต่อ

    รายได้สูงสุด: Security Architect ครองแชมป์แบบครบเครื่อง  
    • เงินเดือน $179K / รายได้รวม $206K / หุ้น 34%  
    • งานหลากหลาย: ออกแบบ, IAM, AppSec, Product Security

    Security Engineer มาเป็นอันดับสอง  
    • เงินเดือน $168K / รายได้รวม $191K / หุ้น 31%  
    • ต้องมีพื้นฐาน Network/IT แน่น ชำนาญอุปกรณ์/ระบบ

    สาย GRC ก็มาแรง  
    • เงินเดือน $146K / รายได้รวม $173K / หุ้น 26%  
    • ทักษะพิเศษ: Risk, Compliance, NIST, AI-policy

    Security Analyst รายได้เริ่มต้นดี และเป็นฐานสร้างอาชีพอื่น  
    • เงินเดือน $124K / รายได้รวม $133K / หุ้น 20%  
    • เหมาะสำหรับเริ่มต้นในสาย Cybersecurity

    แต่ละสายมีใบรับรองที่ช่วย boost เงินเดือน  
    • Architect: CISSP, CCSP  
    • Engineer: Security+, CCNP Sec, CEH  
    • GRC: CRISC, CGRC  
    • Analyst: CySA+, SOC certs

    สายงานมีความซ้อนทับสูง — หลายคนทำหลายบทบาทพร้อมกัน  
    • เช่น คนใน SecOps อาจทำ GRC, IAM, Product Security ด้วย

    คำเตือนและข้อควรระวัง:
    ชื่อตำแหน่งอาจไม่สะท้อนงานที่ทำจริงในแต่ละองค์กร  
    • ควรดูรายละเอียดงานจริง ไม่ใช่ดูแค่ title เวลาสมัครหรือเปรียบเทียบรายได้

    เงินเดือนสูงมาพร้อมกับ skill ที่ลึกและการสื่อสารกับทีมหลากหลายฝ่าย  
    • สาย Architect และ GRC ต้องสื่อสารกับผู้บริหารและทีมเทคนิคได้ดี

    บางสายมีการแข่งขันสูงโดยเฉพาะระดับต้น เช่น Analyst และ Engineer  
    • ต้องมีจุดแข็ง เช่น cert, ผลงาน side project, หรือ soft skill

    สายงานด้านความเสี่ยงและ compliance ต้องตามกฎระเบียบเปลี่ยนตลอดเวลา  
    • เช่น กฎหมาย AI, ความเป็นส่วนตัว, cloud compliance

    https://www.csoonline.com/article/4006364/the-highest-paying-jobs-in-cybersecurity-today.html
    หลายคนอาจคิดว่า Cybersecurity คือแค่คนป้องกันไวรัส แต่จริง ๆ แล้วงานนี้แตกแขนงเป็นหลายสาย และแต่ละตำแหน่งก็มีค่าตอบแทนต่างกันมาก จากรายงาน Cybersecurity Staff Compensation Benchmark 2025 ระบุว่า “ชื่อตำแหน่ง” ไม่ได้บอกเสมอว่าใครทำอะไรมากน้อยแค่ไหน เพราะในความจริง 61% ของคนทำงานสายนี้ต้องทำหลายบทบาทควบกัน แต่ถ้าจะดูว่า “ใครได้เงินเดือนสูงที่สุด” ก็ยังพอแยกได้เป็นลำดับแบบนี้: 1️⃣ Security Architect — ค่าตัวอันดับ 1 ฐานเงินเดือนเฉลี่ย $179,000 รวมโบนัส $206,000   • ต้องรู้ลึกทั้งเครือข่าย ระบบ การออกแบบนโยบายการป้องกัน   • 34% ได้หุ้นประจำปีอีกด้วย 2️⃣ Security Engineer — รองแชมป์ รับเฉลี่ย $168,000 รวมโบนัสเป็น $191,000   • เน้นลงมือจริงกับระบบ เช่น firewall, IDS/IPS, pentest, EDR   • หลายคนมาจากสาย network หรือ sysadmin มาก่อน 3️⃣ Risk/GRC Specialist — มือวางด้านการจัดการความเสี่ยงและ compliance   • เงินเดือน $146,000 รวมโบนัส $173,000   • เน้น policy, audit, risk register, ISO, NIST, GDPR ฯลฯ 4️⃣ Security Analyst (เช่น SOC analyst) — มือ frontline จับภัยคุกคาม   • รับเฉลี่ย $124,000 รวมโบนัส $133,000   • คอยตรวจจับเหตุการณ์ ปรับ signature ดู log และ SIEM ทุกตำแหน่งต่างมีเส้นทางเฉพาะ เช่น Security Analyst → Engineer → Architect หรือ Risk Analyst → GRC Lead → CISO ก็ได้ ขึ้นกับสายที่ชอบและทักษะที่ฝึกต่อ ✅ รายได้สูงสุด: Security Architect ครองแชมป์แบบครบเครื่อง   • เงินเดือน $179K / รายได้รวม $206K / หุ้น 34%   • งานหลากหลาย: ออกแบบ, IAM, AppSec, Product Security ✅ Security Engineer มาเป็นอันดับสอง   • เงินเดือน $168K / รายได้รวม $191K / หุ้น 31%   • ต้องมีพื้นฐาน Network/IT แน่น ชำนาญอุปกรณ์/ระบบ ✅ สาย GRC ก็มาแรง   • เงินเดือน $146K / รายได้รวม $173K / หุ้น 26%   • ทักษะพิเศษ: Risk, Compliance, NIST, AI-policy ✅ Security Analyst รายได้เริ่มต้นดี และเป็นฐานสร้างอาชีพอื่น   • เงินเดือน $124K / รายได้รวม $133K / หุ้น 20%   • เหมาะสำหรับเริ่มต้นในสาย Cybersecurity ✅ แต่ละสายมีใบรับรองที่ช่วย boost เงินเดือน   • Architect: CISSP, CCSP   • Engineer: Security+, CCNP Sec, CEH   • GRC: CRISC, CGRC   • Analyst: CySA+, SOC certs ✅ สายงานมีความซ้อนทับสูง — หลายคนทำหลายบทบาทพร้อมกัน   • เช่น คนใน SecOps อาจทำ GRC, IAM, Product Security ด้วย ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง: ‼️ ชื่อตำแหน่งอาจไม่สะท้อนงานที่ทำจริงในแต่ละองค์กร   • ควรดูรายละเอียดงานจริง ไม่ใช่ดูแค่ title เวลาสมัครหรือเปรียบเทียบรายได้ ‼️ เงินเดือนสูงมาพร้อมกับ skill ที่ลึกและการสื่อสารกับทีมหลากหลายฝ่าย   • สาย Architect และ GRC ต้องสื่อสารกับผู้บริหารและทีมเทคนิคได้ดี ‼️ บางสายมีการแข่งขันสูงโดยเฉพาะระดับต้น เช่น Analyst และ Engineer   • ต้องมีจุดแข็ง เช่น cert, ผลงาน side project, หรือ soft skill ‼️ สายงานด้านความเสี่ยงและ compliance ต้องตามกฎระเบียบเปลี่ยนตลอดเวลา   • เช่น กฎหมาย AI, ความเป็นส่วนตัว, cloud compliance https://www.csoonline.com/article/4006364/the-highest-paying-jobs-in-cybersecurity-today.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    The highest-paying jobs in cybersecurity today
    According to a recent survey by IANS and Artico Search, risk/GRC specialists, along with security architects, analysts, and engineers, report the highest average annual cash compensation in cybersecurity.
    0 Comments 0 Shares 287 Views 0 Reviews
  • AMD อัปเดต AGESA 1.2.0.3e: รองรับ Ryzen 9000F และแก้ไขช่องโหว่ TPM
    AMD กำลังเตรียมปล่อย AGESA microcode update 1.2.0.3e ซึ่งมีข่าวลือว่าอาจรองรับ Ryzen 9000F-series โดยเฉพาะ Ryzen 7 9700F ที่ไม่มีกราฟิกในตัว นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัยของ Pluton TPM และ fTPM ที่อาจถูกใช้โจมตีเพื่อเข้าถึงข้อมูลสำคัญ.

    รายละเอียดการอัปเดต
    AGESA 1.2.0.3e อาจรองรับ Ryzen 9000F-series ซึ่งเป็นซีพียูที่ไม่มีกราฟิกในตัว.
    Ryzen 7 9700F อาจเป็นรุ่นที่สูงสุดของ F-series โดยมี 8 คอร์ Zen 5 และ 32MB L3 Cache.
    AMD ใช้โมเดล F-series เพื่อรีไซเคิลชิปที่มีกราฟิกเสียหาย ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต.
    การอัปเดตนี้ยังแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัยของ TPM ที่อาจถูกใช้โจมตีเพื่อเข้าถึงข้อมูลสำคัญ.

    ผลกระทบและข้อควรระวัง
    Ryzen 9000F อาจไม่มีประสิทธิภาพด้านกราฟิก ทำให้ต้องใช้ GPU แยกสำหรับการเล่นเกมหรือทำงานด้านกราฟิก.
    ช่องโหว่ TPM อาจถูกใช้เพื่อโจมตีระบบ หากไม่ได้รับการอัปเดตอย่างเหมาะสม.
    การอัปเดต BIOS อาจมีความเสี่ยง หากไม่ได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง อาจทำให้ระบบไม่สามารถบูตได้.

    แนวทางการอัปเดตและการใช้งาน
    ตรวจสอบว่าเมนบอร์ดรองรับ AGESA 1.2.0.3e ก่อนทำการอัปเดต.
    ใช้ GPU แยกหากต้องการประสิทธิภาพด้านกราฟิก เนื่องจาก Ryzen 9000F ไม่มีกราฟิกในตัว.
    ติดตามการอัปเดตด้านความปลอดภัยของ TPM เพื่อป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์.

    ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Ryzen 9000 และ AGESA
    AMD อาจเปิดตัว Ryzen 9000G-series ในไตรมาส 4 ปี 2025 สำหรับเมนบอร์ด AM5.
    Zen 6 Ryzen ถูกพบในฐานข้อมูล AIDA64 ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการพัฒนา CPU รุ่นใหม่.
    การอัปเดต BIOS ควรทำด้วยความระมัดระวัง และสำรองข้อมูลก่อนดำเนินการ.

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/gpu-disabled-ryzen-9000f-support-suspected-in-agesa-firmware-update
    AMD อัปเดต AGESA 1.2.0.3e: รองรับ Ryzen 9000F และแก้ไขช่องโหว่ TPM AMD กำลังเตรียมปล่อย AGESA microcode update 1.2.0.3e ซึ่งมีข่าวลือว่าอาจรองรับ Ryzen 9000F-series โดยเฉพาะ Ryzen 7 9700F ที่ไม่มีกราฟิกในตัว นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัยของ Pluton TPM และ fTPM ที่อาจถูกใช้โจมตีเพื่อเข้าถึงข้อมูลสำคัญ. รายละเอียดการอัปเดต ✅ AGESA 1.2.0.3e อาจรองรับ Ryzen 9000F-series ซึ่งเป็นซีพียูที่ไม่มีกราฟิกในตัว. ✅ Ryzen 7 9700F อาจเป็นรุ่นที่สูงสุดของ F-series โดยมี 8 คอร์ Zen 5 และ 32MB L3 Cache. ✅ AMD ใช้โมเดล F-series เพื่อรีไซเคิลชิปที่มีกราฟิกเสียหาย ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต. ✅ การอัปเดตนี้ยังแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัยของ TPM ที่อาจถูกใช้โจมตีเพื่อเข้าถึงข้อมูลสำคัญ. ผลกระทบและข้อควรระวัง ‼️ Ryzen 9000F อาจไม่มีประสิทธิภาพด้านกราฟิก ทำให้ต้องใช้ GPU แยกสำหรับการเล่นเกมหรือทำงานด้านกราฟิก. ‼️ ช่องโหว่ TPM อาจถูกใช้เพื่อโจมตีระบบ หากไม่ได้รับการอัปเดตอย่างเหมาะสม. ‼️ การอัปเดต BIOS อาจมีความเสี่ยง หากไม่ได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง อาจทำให้ระบบไม่สามารถบูตได้. แนวทางการอัปเดตและการใช้งาน ✅ ตรวจสอบว่าเมนบอร์ดรองรับ AGESA 1.2.0.3e ก่อนทำการอัปเดต. ✅ ใช้ GPU แยกหากต้องการประสิทธิภาพด้านกราฟิก เนื่องจาก Ryzen 9000F ไม่มีกราฟิกในตัว. ✅ ติดตามการอัปเดตด้านความปลอดภัยของ TPM เพื่อป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์. ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Ryzen 9000 และ AGESA ✅ AMD อาจเปิดตัว Ryzen 9000G-series ในไตรมาส 4 ปี 2025 สำหรับเมนบอร์ด AM5. ✅ Zen 6 Ryzen ถูกพบในฐานข้อมูล AIDA64 ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการพัฒนา CPU รุ่นใหม่. ‼️ การอัปเดต BIOS ควรทำด้วยความระมัดระวัง และสำรองข้อมูลก่อนดำเนินการ. https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/gpu-disabled-ryzen-9000f-support-suspected-in-agesa-firmware-update
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    GPU-disabled Ryzen 9000F support suspected in AGESA firmware update
    The upcoming 1.2.0.3e AGESA microcode update also rectifies a TPM security vulnerability
    0 Comments 0 Shares 209 Views 0 Reviews
  • ภัยคุกคามใหม่: มัลแวร์ที่ซ่อนตัวใน URL ของ Google
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยค้นพบมัลแวร์ชนิดใหม่ที่ใช้ Google OAuth URL เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับจากโปรแกรมแอนตี้ไวรัส โดยมัลแวร์นี้จะทำงานเฉพาะเมื่อผู้ใช้ทำธุรกรรมออนไลน์ เช่น การชำระเงินผ่านเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ

    กลไกการโจมตี
    มัลแวร์ถูกฝังในเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่ใช้ Magento และอ้างอิง URL ที่ดูเหมือนไม่มีอันตราย เช่น https://accounts.google.com/o/oauth2/revoke.
    ใช้เทคนิคการเข้ารหัสและการเรียกใช้โค้ดแบบไดนามิก เพื่อซ่อนตัวจากระบบรักษาความปลอดภัย.
    เปิด WebSocket เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ของแฮกเกอร์ ทำให้สามารถควบคุมเบราว์เซอร์ของเหยื่อแบบเรียลไทม์.

    ผลกระทบและความเสี่ยง
    มัลแวร์นี้สามารถขโมยข้อมูลการชำระเงินได้โดยไม่ถูกตรวจจับ เนื่องจากใช้โดเมนของ Google ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากระบบรักษาความปลอดภัย.
    โปรแกรมแอนตี้ไวรัสทั่วไปไม่สามารถตรวจจับได้ เพราะมัลแวร์จะทำงานเฉพาะเมื่อพบคำว่า "checkout" ใน URL.
    DNS และไฟร์วอลล์ไม่สามารถบล็อกการโจมตีนี้ได้ เนื่องจากการร้องขอเริ่มต้นมาจากโดเมนที่ถูกต้องตามกฎหมาย.

    แนวทางป้องกัน
    หลีกเลี่ยงการใช้เบราว์เซอร์เดียวกันสำหรับธุรกรรมทางการเงินและการท่องเว็บทั่วไป เพื่อจำกัดความเสี่ยง.
    ใช้เครื่องมือวิเคราะห์พฤติกรรมของเว็บไซต์ เช่น Content Inspection Proxy เพื่อช่วยตรวจจับโค้ดที่น่าสงสัย.
    ตรวจสอบความผิดปกติของเว็บไซต์ก่อนทำธุรกรรม เช่น การโหลดหน้าเว็บที่ช้ากว่าปกติ หรือการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดในหน้าชำระเงิน.

    ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภัยคุกคามไซเบอร์
    การโจมตีแบบฟิชชิ่งที่ใช้ Google Apps Script เพื่อหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลส่วนตัว.
    การแฮ็กโดเมนย่อยของแบรนด์ดัง เช่น Bose และ Panasonic เพื่อแพร่กระจายมัลแวร์.
    มัลแวร์ที่สามารถขโมยบัญชีภาษีและข้อความเข้ารหัส โดยใช้เทคนิคที่ซับซ้อน

    https://www.techradar.com/pro/security/hackers-are-using-google-com-to-deliver-malware-by-bypassing-antivirus-software-heres-how-to-stay-safe
    ภัยคุกคามใหม่: มัลแวร์ที่ซ่อนตัวใน URL ของ Google นักวิจัยด้านความปลอดภัยค้นพบมัลแวร์ชนิดใหม่ที่ใช้ Google OAuth URL เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับจากโปรแกรมแอนตี้ไวรัส โดยมัลแวร์นี้จะทำงานเฉพาะเมื่อผู้ใช้ทำธุรกรรมออนไลน์ เช่น การชำระเงินผ่านเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ กลไกการโจมตี ✅ มัลแวร์ถูกฝังในเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่ใช้ Magento และอ้างอิง URL ที่ดูเหมือนไม่มีอันตราย เช่น https://accounts.google.com/o/oauth2/revoke. ✅ ใช้เทคนิคการเข้ารหัสและการเรียกใช้โค้ดแบบไดนามิก เพื่อซ่อนตัวจากระบบรักษาความปลอดภัย. ✅ เปิด WebSocket เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ของแฮกเกอร์ ทำให้สามารถควบคุมเบราว์เซอร์ของเหยื่อแบบเรียลไทม์. ผลกระทบและความเสี่ยง ‼️ มัลแวร์นี้สามารถขโมยข้อมูลการชำระเงินได้โดยไม่ถูกตรวจจับ เนื่องจากใช้โดเมนของ Google ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากระบบรักษาความปลอดภัย. ‼️ โปรแกรมแอนตี้ไวรัสทั่วไปไม่สามารถตรวจจับได้ เพราะมัลแวร์จะทำงานเฉพาะเมื่อพบคำว่า "checkout" ใน URL. ‼️ DNS และไฟร์วอลล์ไม่สามารถบล็อกการโจมตีนี้ได้ เนื่องจากการร้องขอเริ่มต้นมาจากโดเมนที่ถูกต้องตามกฎหมาย. แนวทางป้องกัน ✅ หลีกเลี่ยงการใช้เบราว์เซอร์เดียวกันสำหรับธุรกรรมทางการเงินและการท่องเว็บทั่วไป เพื่อจำกัดความเสี่ยง. ✅ ใช้เครื่องมือวิเคราะห์พฤติกรรมของเว็บไซต์ เช่น Content Inspection Proxy เพื่อช่วยตรวจจับโค้ดที่น่าสงสัย. ✅ ตรวจสอบความผิดปกติของเว็บไซต์ก่อนทำธุรกรรม เช่น การโหลดหน้าเว็บที่ช้ากว่าปกติ หรือการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดในหน้าชำระเงิน. ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภัยคุกคามไซเบอร์ ✅ การโจมตีแบบฟิชชิ่งที่ใช้ Google Apps Script เพื่อหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลส่วนตัว. ✅ การแฮ็กโดเมนย่อยของแบรนด์ดัง เช่น Bose และ Panasonic เพื่อแพร่กระจายมัลแวร์. ‼️ มัลแวร์ที่สามารถขโมยบัญชีภาษีและข้อความเข้ารหัส โดยใช้เทคนิคที่ซับซ้อน https://www.techradar.com/pro/security/hackers-are-using-google-com-to-deliver-malware-by-bypassing-antivirus-software-heres-how-to-stay-safe
    0 Comments 0 Shares 188 Views 0 Reviews
  • SSD MonTitan: ประสิทธิภาพสูงสำหรับ AI และ HPC
    Silicon Motion ได้เปิดตัว SSD MonTitan ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อรองรับ AI, Edge Computing และ HPC โดยใช้ คอนโทรลเลอร์ SM8366 PCIe Gen5 ที่มีประสิทธิภาพสูง

    คุณสมบัติเด่นของ MonTitan SSD
    - ความจุ 7.68TB รองรับ TLC และ QLC
    - ความเร็ว 3.4 ล้าน IOPS และ 14.2GB/s
    - ใช้ NVMe 2.0b และรองรับ OCP Data Center specs
    - มี PerformaShape Algorithm ที่ช่วยปรับแต่ง QoS ตามการใช้งาน
    - ใช้พลังงานต่ำ ต่ำกว่า 5W ขณะ idle
    - รองรับ 1 DWPD ซึ่งสามารถเขียนข้อมูลใหม่ได้เกือบ 2,000 ครั้ง ตลอดอายุการใช้งาน

    ข้อควรระวัง
    - การแข่งขันกับผู้ผลิต NAND รายใหญ่ เช่น Samsung และ SK Hynix อาจทำให้ MonTitan ต้องดิ้นรนเพื่อหาตลาด
    - การเปิดตัวล่าช้าอาจทำให้เสียโอกาสในตลาด AI ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
    - ต้องมีการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อดูว่าประสิทธิภาพจริงตรงกับที่โฆษณาหรือไม่

    แนวโน้มตลาด SSD และการแข่งขัน
    การพัฒนา SSD ในตลาด
    - Western Digital และ Teamgroup กำลังเปิดตัว PCIe Gen5 SSD ความจุ 64TB
    - Intel SSD รุ่นเก่า 4 ปี ยังคงเป็นหนึ่งใน SSD ที่เร็วที่สุดในตลาด
    - Kioxia เปิดตัว SSD 61.44TB ที่ใช้เทคโนโลยีใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเขียนข้อมูล

    ข้อควรระวังเกี่ยวกับตลาด SSD
    - ต้องจับตาดูการพัฒนาเทคโนโลยี NAND เพราะอาจส่งผลต่อราคาของ SSD รุ่นใหม่
    - การเปลี่ยนไปใช้ PCIe Gen5 อาจต้องอัปเกรดฮาร์ดแวร์ เพื่อให้รองรับมาตรฐานใหม่
    - ต้องตรวจสอบความเข้ากันได้ของ SSD กับระบบที่ใช้งาน เพื่อป้องกันปัญหาด้านประสิทธิภาพ

    อนาคตของ SSD และเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูล
    แนวโน้มการพัฒนา
    - SSD ความจุสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยมีการพัฒนา 128TB SSD ที่กำลังเข้าสู่ตลาด
    - AI และ HPC กำลังผลักดันให้ SSD มีความเร็วสูงขึ้น เพื่อรองรับการประมวลผลที่ซับซ้อน
    - เทคโนโลยีใหม่ เช่น Computational Storage อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ SSD ในอนาคต

    ข้อควรระวังเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่
    - ต้องมีการทดสอบความเสถียรของ SSD รุ่นใหม่ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาด้านความเข้ากันได้
    - ต้องพิจารณาค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดระบบ เนื่องจาก SSD รุ่นใหม่อาจมีราคาสูง
    - ต้องติดตามการพัฒนาเทคโนโลยี NAND เพื่อให้แน่ใจว่า SSD มีความทนทานและประสิทธิภาพสูง

    https://www.techradar.com/pro/silicon-motion-montitan-ssd-can-be-rewritten-over-almost-2000-times-but-i-fear-that-in-the-battle-against-nand-vendors-like-samsung-its-just-too-little-too-late
    🚀 SSD MonTitan: ประสิทธิภาพสูงสำหรับ AI และ HPC Silicon Motion ได้เปิดตัว SSD MonTitan ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อรองรับ AI, Edge Computing และ HPC โดยใช้ คอนโทรลเลอร์ SM8366 PCIe Gen5 ที่มีประสิทธิภาพสูง ✅ คุณสมบัติเด่นของ MonTitan SSD - ความจุ 7.68TB รองรับ TLC และ QLC - ความเร็ว 3.4 ล้าน IOPS และ 14.2GB/s - ใช้ NVMe 2.0b และรองรับ OCP Data Center specs - มี PerformaShape Algorithm ที่ช่วยปรับแต่ง QoS ตามการใช้งาน - ใช้พลังงานต่ำ ต่ำกว่า 5W ขณะ idle - รองรับ 1 DWPD ซึ่งสามารถเขียนข้อมูลใหม่ได้เกือบ 2,000 ครั้ง ตลอดอายุการใช้งาน ‼️ ข้อควรระวัง - การแข่งขันกับผู้ผลิต NAND รายใหญ่ เช่น Samsung และ SK Hynix อาจทำให้ MonTitan ต้องดิ้นรนเพื่อหาตลาด - การเปิดตัวล่าช้าอาจทำให้เสียโอกาสในตลาด AI ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว - ต้องมีการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อดูว่าประสิทธิภาพจริงตรงกับที่โฆษณาหรือไม่ 🔍 แนวโน้มตลาด SSD และการแข่งขัน ✅ การพัฒนา SSD ในตลาด - Western Digital และ Teamgroup กำลังเปิดตัว PCIe Gen5 SSD ความจุ 64TB - Intel SSD รุ่นเก่า 4 ปี ยังคงเป็นหนึ่งใน SSD ที่เร็วที่สุดในตลาด - Kioxia เปิดตัว SSD 61.44TB ที่ใช้เทคโนโลยีใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเขียนข้อมูล ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับตลาด SSD - ต้องจับตาดูการพัฒนาเทคโนโลยี NAND เพราะอาจส่งผลต่อราคาของ SSD รุ่นใหม่ - การเปลี่ยนไปใช้ PCIe Gen5 อาจต้องอัปเกรดฮาร์ดแวร์ เพื่อให้รองรับมาตรฐานใหม่ - ต้องตรวจสอบความเข้ากันได้ของ SSD กับระบบที่ใช้งาน เพื่อป้องกันปัญหาด้านประสิทธิภาพ 🌍 อนาคตของ SSD และเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูล ✅ แนวโน้มการพัฒนา - SSD ความจุสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยมีการพัฒนา 128TB SSD ที่กำลังเข้าสู่ตลาด - AI และ HPC กำลังผลักดันให้ SSD มีความเร็วสูงขึ้น เพื่อรองรับการประมวลผลที่ซับซ้อน - เทคโนโลยีใหม่ เช่น Computational Storage อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ SSD ในอนาคต ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ - ต้องมีการทดสอบความเสถียรของ SSD รุ่นใหม่ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาด้านความเข้ากันได้ - ต้องพิจารณาค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดระบบ เนื่องจาก SSD รุ่นใหม่อาจมีราคาสูง - ต้องติดตามการพัฒนาเทคโนโลยี NAND เพื่อให้แน่ใจว่า SSD มีความทนทานและประสิทธิภาพสูง https://www.techradar.com/pro/silicon-motion-montitan-ssd-can-be-rewritten-over-almost-2000-times-but-i-fear-that-in-the-battle-against-nand-vendors-like-samsung-its-just-too-little-too-late
    0 Comments 0 Shares 219 Views 0 Reviews
  • เรื่องราวของ Plasma 6.4 และอนาคตของ 6.5
    ทีม KDE กำลังเพิ่มประสิทธิภาพและเสริมฟีเจอร์ใหม่ให้กับ Plasma 6.4 ก่อนเปิดตัววันที่ 17 มิถุนายน 2025 หลังจากที่สัปดาห์ก่อนมีการปรับปรุงเรื่องความเร็วในการโหลด ตอนนี้พวกเขาเดินหน้าต่อด้วยการเพิ่ม Picture-in-Picture (PiP) บน Wayland ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่หลายคนรอคอย นี่เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ Wayland ทัดเทียมกับ X11 มากขึ้น

    นอกจากนี้ การปรับปรุงอื่นๆ ได้แก่:
    ปรับปรุง Blur effect โดยรวม Background Contrast effect เข้าไป
    สามารถจัดเรียง Virtual desktops จาก Pager widget ได้แล้ว
    ตั้งค่าการ Invert และ Zoom ถูกย้ายไปที่หน้า Accessibility
    ปรับปรุง Breeze application style ให้มีแอนิเมชันในเช็คบ็อกซ์และปุ่มตัวเลือกในแอปที่ใช้ QtQuick
    แก้ไขปัญหาผู้ใช้ไม่รู้วิธีหยุดบันทึกหน้าจอใน Spectacle ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

    ปรับปรุงเสถียรภาพใน Plasma 6.4
    การเพิ่มวิดเจ็ตไปที่ oversized panels ไม่ทำให้ shell ค้างอีกต่อไป
    แก้ปัญหา Discover ที่เคยแครชเมื่อแนะนำแอปแทนที่สำหรับ Flatpak ที่ไม่รองรับ
    ลากไฟล์ไปวางใน Folder View widget ไม่ทำให้เกิดภาพกระตุก
    กล่องบันทึกไฟล์จาก Flatpak browsers อนุญาตให้เปิดหน้า preview แล้ว
    การพิมพ์จาก Flatpak GTK apps แสดงขนาดที่ถูกต้อง

    ฟีเจอร์ที่กำลังพัฒนาสำหรับ Plasma 6.5
    Picture-in-Picture (PiP) บน Wayland— ใช้ Wayland PiP protocol เวอร์ชันทดลอง ทำให้แอปอย่าง Firefox สามารถแสดงหน้าต่าง PiP ได้อย่างถูกต้อง
    แก้ไขปัญหา UI เพื่อปรับปรุง ความคมชัดของข้อความ ในเมนูและป้ายกำกับต่างๆ
    Kicker Application Menu สามารถเลื่อนแนวนอนได้เมื่อมีผลค้นหาจำนวนมาก

    ถึงแม้จะมีการแก้ไขหลายจุด แต่ยังมี 3 บั๊กระดับสูง ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
    ปัญหา "15-minute bugs" เพิ่มขึ้นถึง 23 จุด ซึ่งยังต้องแก้ไขต่อไป

    โดยรวมแล้ว Plasma 6.4 ดูจะเป็นอัปเดตที่ช่วยเพิ่มเสถียรภาพและปรับปรุงประสบการณ์ใช้งาน ส่วน Plasma 6.5 กำลังเตรียมตัวกับฟีเจอร์ใหม่ที่ผู้ใช้รอคอย

    https://www.neowin.net/news/kde-brings-wayland-pip-to-plasma-65-adds-finishing-touches-to-64-as-release-nears/
    เรื่องราวของ Plasma 6.4 และอนาคตของ 6.5 ทีม KDE กำลังเพิ่มประสิทธิภาพและเสริมฟีเจอร์ใหม่ให้กับ Plasma 6.4 ก่อนเปิดตัววันที่ 17 มิถุนายน 2025 หลังจากที่สัปดาห์ก่อนมีการปรับปรุงเรื่องความเร็วในการโหลด ตอนนี้พวกเขาเดินหน้าต่อด้วยการเพิ่ม Picture-in-Picture (PiP) บน Wayland ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่หลายคนรอคอย นี่เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ Wayland ทัดเทียมกับ X11 มากขึ้น นอกจากนี้ การปรับปรุงอื่นๆ ได้แก่: ✅ ปรับปรุง Blur effect โดยรวม Background Contrast effect เข้าไป ✅ สามารถจัดเรียง Virtual desktops จาก Pager widget ได้แล้ว ✅ ตั้งค่าการ Invert และ Zoom ถูกย้ายไปที่หน้า Accessibility ✅ ปรับปรุง Breeze application style ให้มีแอนิเมชันในเช็คบ็อกซ์และปุ่มตัวเลือกในแอปที่ใช้ QtQuick ✅ แก้ไขปัญหาผู้ใช้ไม่รู้วิธีหยุดบันทึกหน้าจอใน Spectacle ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ปรับปรุงเสถียรภาพใน Plasma 6.4 ✅ การเพิ่มวิดเจ็ตไปที่ oversized panels ไม่ทำให้ shell ค้างอีกต่อไป ✅ แก้ปัญหา Discover ที่เคยแครชเมื่อแนะนำแอปแทนที่สำหรับ Flatpak ที่ไม่รองรับ ✅ ลากไฟล์ไปวางใน Folder View widget ไม่ทำให้เกิดภาพกระตุก ✅ กล่องบันทึกไฟล์จาก Flatpak browsers อนุญาตให้เปิดหน้า preview แล้ว ✅ การพิมพ์จาก Flatpak GTK apps แสดงขนาดที่ถูกต้อง ฟีเจอร์ที่กำลังพัฒนาสำหรับ Plasma 6.5 ✅ Picture-in-Picture (PiP) บน Wayland— ใช้ Wayland PiP protocol เวอร์ชันทดลอง ทำให้แอปอย่าง Firefox สามารถแสดงหน้าต่าง PiP ได้อย่างถูกต้อง ✅ แก้ไขปัญหา UI เพื่อปรับปรุง ความคมชัดของข้อความ ในเมนูและป้ายกำกับต่างๆ ✅ Kicker Application Menu สามารถเลื่อนแนวนอนได้เมื่อมีผลค้นหาจำนวนมาก ‼️ ถึงแม้จะมีการแก้ไขหลายจุด แต่ยังมี 3 บั๊กระดับสูง ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ‼️ ปัญหา "15-minute bugs" เพิ่มขึ้นถึง 23 จุด ซึ่งยังต้องแก้ไขต่อไป โดยรวมแล้ว Plasma 6.4 ดูจะเป็นอัปเดตที่ช่วยเพิ่มเสถียรภาพและปรับปรุงประสบการณ์ใช้งาน ส่วน Plasma 6.5 กำลังเตรียมตัวกับฟีเจอร์ใหม่ที่ผู้ใช้รอคอย https://www.neowin.net/news/kde-brings-wayland-pip-to-plasma-65-adds-finishing-touches-to-64-as-release-nears/
    WWW.NEOWIN.NET
    KDE brings Wayland PiP to Plasma 6.5, adds finishing touches to 6.4 as release nears
    In the latest "This Week in Plasma", the KDE team outlined key updates coming to Plasma 6.4 and 6.5, including critical bug fixes and new features like Wayland Picture-in-Picture.
    0 Comments 0 Shares 228 Views 0 Reviews
  • From Trainee To Bias: The Big 16 K-Pop Slang Terms To Know

    K-pop is the name of a pop music sensation that originated in South Korea and is sweeping the globe. From its energetic choreography and music to the beauty of its idols, K-pop (or K for Korea combined with pop) has entranced international and Korean fans alike—and chances are you’ve heard it, hummed it, or danced to it. (Did you catch BTS’ “Friends” playing in the Marvel movie Eternals? And who knew Clifford the Dog was also a K-pop stan? At least, his trailer made it seem so.)

    Emerging from the 1990s, K-pop has created a unique fandom culture along the way. Fans have indulged fully in this media, creating their own celebrations, traditions, and—of course—slang. All of this can overwhelm the casual listener trying out K-pop sounds, and I have to admit, I once thought this fandom was a little over the top. But I’ve since been won over—after all, being a fan of a group like Red Velvet is no different from being a fan of Ariana Grande.

    To get you started, I am providing a short guide to K-pop’s complex terminology. Whether you’re interested in K-pop, saw BTS on the news, or have friends who listen to all of the above, here are a few terms to know.

    Please note: these words are used mainly by English-speaking international fans and are found across fan Twitters, Instagrams, TikToks and Tumblrs.

    bias
    In K-pop slang, a bias is a member in a group that you like or relate to the most. K-pop fans collect merchandise—for example, photocards (more on that later)—of their biases. Fans use this term to learn more about other fans.

    Example: Who is your Twice bias? (And you’d answer with your favorite.)

    biaswrecker
    Although fans have their fundamental biases, it doesn’t mean that a bias is monogamous. Most fans with biases will have their biaswreckers, too. These wreckers are members in a group that make you question who your true bias is.

    sasaeng
    One group of people widely looked down upon are sasaengs (사생팬) or sasaeng fans. This slang derives from a Korean word (sa for “private” and saeng for “life”) that refers to an obsessive fan who stalks or otherwise violates the privacy of a Korean idol. Sasaengs tend to own fan pages, and some say they operate much like the American tabloids of the 2000s.

    comeback
    When an idol group releases new music, it’s called a comeback. Comebacks usually take place every few months and include new promotions, hair colors, styles, music, etc. Era is another word used in this fandom to describe a comeback.

    Example: Did you hear that BTS are having a comeback in June?

    nugu
    This word literally means “Who?” in Korean, and is used by fans to describe small and relatively unknown idol groups. A group like IVE would not be described as a nugu (누구) but the girl group Weki Meki would.

    visual
    In K-pop, there are roles for each idol in a group, including a role as visual. The visual role is assigned by the company to the member or members in a group who best fit a strict Korean beauty standard. Fans also debate who they believe the visual to be in each group. For example, Jin is the official visual of the group BTS, but many consider Taehyung to fit the role. This harsh beauty standard prizes small facial features, cuteness, and specific measurements of the face, body, eyes, and much more.

    aegyo
    Aegyo (애교) can be used to describe K-pop idols (both male and female) who are acting cute and childlike. Aegyo moves require specific word choices, vocal tones, and both facial and body gestures. Aegyo (often translated as “cuteness”) is usually meant to show a flirtatious side of idols and is also used by the general Korean population.

    Example: The judges made Felix do aegyo as a punishment for losing the game.

    maknae
    Another Korean word that has been adopted into international fan spaces is maknae (막내) or “youngest person.” This slang is used to describe the youngest member of a group. The term maknae, much like visual, is a role a member takes on.

    trainee
    When an idol is training before they debut, they are considered a trainee. These trainees usually take part in promotions, trying to gain popularity before their debut. Trainees typically are under contract and fulfill years of rigorous training to be able to match the abilities of many idols you see today.

    subunit
    In some idol groups subunits are formed. These units comprise a few members in a group who create their own music or albums. Some groups, such as LOONA and NCT, use subunits as their concept. This term can also describe two or three members in a group who have a similar skill or talent (like a vocal or dance unit).

    antis
    Anti or anti-fan is used to describe people who hate an artist or group so much that they seem to follow their activities and content as much or more than a fan would. Some of these antis display sasaeng behavior, dedicating themselves completely to taking down or hate speech idols. These hate campaigns contain criticizing and insulting language. Shockingly, some antis have gone so far as hurting idols in real life.

    delulu
    This term is short for delusional, and it’s used to mock fans who believe they’ll date, marry, or befriend their favorite idol. The word can describe a fan who devotes an unhealthy amount of time and energy to an idol. You could say becoming a delulu is a first step on the pipeline towards sasaeng and usually includes behavior similar to said sasaeng.

    Example: Did you see that guy talking about how he and Nayeon are dating? He’s such a delulu.

    solo stan
    When a fan of an idol group only stans a single member, they are a self-proclaimed solo stan or are labeled as such by others in the community. A solo stan might hate other members in a group, which is why the term has a negative connotation in the community. The word solo stan also can describe someone who’s a fan of a singular idol (like Sunmi or IU) who does not participate in idol groups.

    photocard
    Photocards (or pocas or PCs) are typically 3” by 2” pieces of glossy paper photos included in a K-pop albums and prized by fans. They may not sound like much to the average joe, but to the average Jimin fan, these pictures are worth hundreds to thousands of dollars.

    the Big 3
    In Korea, idols are contracted under companies. The Big 3 describes the main three corporations that famous idols usually sign under. These three companies are HYBE Entertainment (previously known as BigHit Entertainment), with groups like BTS and TXT; SM Entertainment, with groups like Girls Generation and Aespa; and YG Entertainment, producing groups like BLACKPINK and iKON. The Big 3 not only produce idols but also sign and manage actors. JYP Entertainment can also be considered as part of the Big 3 (HYBE is a relative newcomer to the list), leading some to use the term “Big 4.”

    netizen
    The term netizen does generally mean an internet user, but it’s used in K-pop to refer to Korean fans who are online intensively. These fans or anti-fans are internet sleuths and usually the ones to create scandals and/or help in proving rumors wrong or right about specific idols. Netizens (or also K-netizens) hold power in the idol industry; companies want these internet personas to view their idols in a positive light and do their best to prevent scandals that might mobilize netizens.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    From Trainee To Bias: The Big 16 K-Pop Slang Terms To Know K-pop is the name of a pop music sensation that originated in South Korea and is sweeping the globe. From its energetic choreography and music to the beauty of its idols, K-pop (or K for Korea combined with pop) has entranced international and Korean fans alike—and chances are you’ve heard it, hummed it, or danced to it. (Did you catch BTS’ “Friends” playing in the Marvel movie Eternals? And who knew Clifford the Dog was also a K-pop stan? At least, his trailer made it seem so.) Emerging from the 1990s, K-pop has created a unique fandom culture along the way. Fans have indulged fully in this media, creating their own celebrations, traditions, and—of course—slang. All of this can overwhelm the casual listener trying out K-pop sounds, and I have to admit, I once thought this fandom was a little over the top. But I’ve since been won over—after all, being a fan of a group like Red Velvet is no different from being a fan of Ariana Grande. To get you started, I am providing a short guide to K-pop’s complex terminology. Whether you’re interested in K-pop, saw BTS on the news, or have friends who listen to all of the above, here are a few terms to know. Please note: these words are used mainly by English-speaking international fans and are found across fan Twitters, Instagrams, TikToks and Tumblrs. bias In K-pop slang, a bias is a member in a group that you like or relate to the most. K-pop fans collect merchandise—for example, photocards (more on that later)—of their biases. Fans use this term to learn more about other fans. Example: Who is your Twice bias? (And you’d answer with your favorite.) biaswrecker Although fans have their fundamental biases, it doesn’t mean that a bias is monogamous. Most fans with biases will have their biaswreckers, too. These wreckers are members in a group that make you question who your true bias is. sasaeng One group of people widely looked down upon are sasaengs (사생팬) or sasaeng fans. This slang derives from a Korean word (sa for “private” and saeng for “life”) that refers to an obsessive fan who stalks or otherwise violates the privacy of a Korean idol. Sasaengs tend to own fan pages, and some say they operate much like the American tabloids of the 2000s. comeback When an idol group releases new music, it’s called a comeback. Comebacks usually take place every few months and include new promotions, hair colors, styles, music, etc. Era is another word used in this fandom to describe a comeback. Example: Did you hear that BTS are having a comeback in June? nugu This word literally means “Who?” in Korean, and is used by fans to describe small and relatively unknown idol groups. A group like IVE would not be described as a nugu (누구) but the girl group Weki Meki would. visual In K-pop, there are roles for each idol in a group, including a role as visual. The visual role is assigned by the company to the member or members in a group who best fit a strict Korean beauty standard. Fans also debate who they believe the visual to be in each group. For example, Jin is the official visual of the group BTS, but many consider Taehyung to fit the role. This harsh beauty standard prizes small facial features, cuteness, and specific measurements of the face, body, eyes, and much more. aegyo Aegyo (애교) can be used to describe K-pop idols (both male and female) who are acting cute and childlike. Aegyo moves require specific word choices, vocal tones, and both facial and body gestures. Aegyo (often translated as “cuteness”) is usually meant to show a flirtatious side of idols and is also used by the general Korean population. Example: The judges made Felix do aegyo as a punishment for losing the game. maknae Another Korean word that has been adopted into international fan spaces is maknae (막내) or “youngest person.” This slang is used to describe the youngest member of a group. The term maknae, much like visual, is a role a member takes on. trainee When an idol is training before they debut, they are considered a trainee. These trainees usually take part in promotions, trying to gain popularity before their debut. Trainees typically are under contract and fulfill years of rigorous training to be able to match the abilities of many idols you see today. subunit In some idol groups subunits are formed. These units comprise a few members in a group who create their own music or albums. Some groups, such as LOONA and NCT, use subunits as their concept. This term can also describe two or three members in a group who have a similar skill or talent (like a vocal or dance unit). antis Anti or anti-fan is used to describe people who hate an artist or group so much that they seem to follow their activities and content as much or more than a fan would. Some of these antis display sasaeng behavior, dedicating themselves completely to taking down or hate speech idols. These hate campaigns contain criticizing and insulting language. Shockingly, some antis have gone so far as hurting idols in real life. delulu This term is short for delusional, and it’s used to mock fans who believe they’ll date, marry, or befriend their favorite idol. The word can describe a fan who devotes an unhealthy amount of time and energy to an idol. You could say becoming a delulu is a first step on the pipeline towards sasaeng and usually includes behavior similar to said sasaeng. Example: Did you see that guy talking about how he and Nayeon are dating? He’s such a delulu. solo stan When a fan of an idol group only stans a single member, they are a self-proclaimed solo stan or are labeled as such by others in the community. A solo stan might hate other members in a group, which is why the term has a negative connotation in the community. The word solo stan also can describe someone who’s a fan of a singular idol (like Sunmi or IU) who does not participate in idol groups. photocard Photocards (or pocas or PCs) are typically 3” by 2” pieces of glossy paper photos included in a K-pop albums and prized by fans. They may not sound like much to the average joe, but to the average Jimin fan, these pictures are worth hundreds to thousands of dollars. the Big 3 In Korea, idols are contracted under companies. The Big 3 describes the main three corporations that famous idols usually sign under. These three companies are HYBE Entertainment (previously known as BigHit Entertainment), with groups like BTS and TXT; SM Entertainment, with groups like Girls Generation and Aespa; and YG Entertainment, producing groups like BLACKPINK and iKON. The Big 3 not only produce idols but also sign and manage actors. JYP Entertainment can also be considered as part of the Big 3 (HYBE is a relative newcomer to the list), leading some to use the term “Big 4.” netizen The term netizen does generally mean an internet user, but it’s used in K-pop to refer to Korean fans who are online intensively. These fans or anti-fans are internet sleuths and usually the ones to create scandals and/or help in proving rumors wrong or right about specific idols. Netizens (or also K-netizens) hold power in the idol industry; companies want these internet personas to view their idols in a positive light and do their best to prevent scandals that might mobilize netizens. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 Comments 0 Shares 551 Views 0 Reviews
More Results