• สเป็กคอมวันนี้ครับ
    ขอขอบคุณข้อมูลจากเวบร้าน Compute and More https://computeandmore.com/
    #spec #computer #computeandmore
    สเป็กคอมวันนี้ครับ ขอขอบคุณข้อมูลจากเวบร้าน Compute and More https://computeandmore.com/ #spec #computer #computeandmore
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • *พัฒนาเซ็นเซอร์ตรวจวัดแก๊สมีเทนประสิทธิภาพสูงด้วยเทคโนโลยีซินโครตรอน*

    “มีเทน” เป็นองค์ประกอบหลักของแก๊สธรรมชาติโดยมีสัดส่วนประมาณ 75% แก๊สมีเทนมีคุณสมบัติไวไฟ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาหรือดมกลิ่น จึงต้องใช้อุปกรณ์จำเพาะที่เรียกว่า “แก๊สเซ็นเซอร์” ตรวจสอบการมีอยู่ของแก๊สชนิดนี้ โดยเฉพาะเมื่อเกิดการรั่วไหล ซึ่งแก๊สเซ็นเซอร์คืออุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจสอบและวัดระดับของแก๊สในอากาศหรือในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ โดยเซ็นเซอร์จะทำการตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของความเข้มข้นของก๊าซที่ต้องการวัด ซึ่งมักใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกัน เช่น การวัดด้วยไฟฟ้า ความร้อน หรือการเปลี่ยนแปลงทางเคมี การวิจัยและพัฒนาเซ็นเซอร์ให้มีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือจึงมีความจำเป็น

    ปัจจุบันแก๊สเซ็นเซอร์ชนิดสารกึ่งตัวนำโลหะออกไซด์ได้ถูกพัฒนาอย่างกว้างขวาง เนื่องจากมีการตอบสนองต่อแก๊สที่สูง มีความคุ้มค่า สามารถใช้งานในระยะยาว และง่ายต่อการขึ้นรูป

    งานวิจัยโดย ดร.ยิ่งยศ ภู่อาภรณ์ ส่วนวิจัยด้านพลังงาน ยานยนต์ไฟฟ้า และสิ่งแวดล้อม สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน และคณะ ได้ใช้เทคโนโลยีสปัตเตอริง* และไฮโดรเทอมอล ผลิตฟิล์มซิงค์ออกไซด์แท่งนาโนสำหรับประกอบเป็นวัสดุเซนเซอร์ตรวจวัดแก๊สมีเทน และใช้แสงซินโครตรอนประกอบขึ้นเป็นเซ็นเซอร์ด้วยกระบวนการลิโทกราฟี** โดยภาพจากล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแสดงให้เห็นซิงค์ออกไซด์ที่ผลิตได้มีรูปร่างเป็นแท่งหกเหลี่ยมวางตัวตามแนวตั้ง ซึ่งแต่ละแท่งมีความสูงเฉลี่ยประมาณ 1 ไมโครเมตร และมีขนาดหน้าตัดประมาณ 50 นาโนเมตร

    คณะวิจัยศึกษาประสิทธิการตอบสนองของเซ็นเซอร์ที่ผลิตได้สำหรับแก๊สมีเทนที่อุณหภูมิต่างๆ โดยเทคนิคการวัดการดูดกลืนรังสีเอกซ์แบบอินซิทู (in-situ X-ray absorption spectroscopy) ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าเซ็นเซอร์ที่ผลิตขึ้นสามารถตรวจวัดแก๊สมีเทนที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ที่ความเข้มข้นแก๊สสูงสุด 10% โดยปริมาตร ใช้เวลาในการตอบสนองต่อแก๊สมีเทน 4 วินาที และใช้เวลาในการฟื้นฟูพื้นผิว 6 วินาที

    งานวิจัยนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า เซ็นเซอร์ที่เตรียมขึ้นได้นี้มีค่าการตอบสนองต่อแก๊สมีเทนได้ดี และสามารถส่งสัญญาณการตอบสนองของแก๊สมีเทนได้ในเวลาไม่กี่วินาที ซึ่งสามารถต่อยอดสู่เซนเซอร์ประสิทธิภาพสูงที่ใช้งานได้จริง เพื่อตรวจจับแก๊สมีเทนแบบเรียลไทม์ต่อไปในอนาคต

    หมายเหตุ
    * เทคนิคสปัตเตอริง (Sputtering) เป็นวิธีการหนึ่งที่นิยมนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในการเคลือบฟิล์มบาง เนื่องจากจะได้ฟิล์มที่มีความสม่ำเสมอ
    ** ลิโธกราฟี (Lithography) เป็นหนึ่งในเทคนิคที่สามารถใช้แสงซินโครตรอนในการสร้างลวดลายเซนเซอร์
    *พัฒนาเซ็นเซอร์ตรวจวัดแก๊สมีเทนประสิทธิภาพสูงด้วยเทคโนโลยีซินโครตรอน* “มีเทน” เป็นองค์ประกอบหลักของแก๊สธรรมชาติโดยมีสัดส่วนประมาณ 75% แก๊สมีเทนมีคุณสมบัติไวไฟ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาหรือดมกลิ่น จึงต้องใช้อุปกรณ์จำเพาะที่เรียกว่า “แก๊สเซ็นเซอร์” ตรวจสอบการมีอยู่ของแก๊สชนิดนี้ โดยเฉพาะเมื่อเกิดการรั่วไหล ซึ่งแก๊สเซ็นเซอร์คืออุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจสอบและวัดระดับของแก๊สในอากาศหรือในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ โดยเซ็นเซอร์จะทำการตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของความเข้มข้นของก๊าซที่ต้องการวัด ซึ่งมักใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกัน เช่น การวัดด้วยไฟฟ้า ความร้อน หรือการเปลี่ยนแปลงทางเคมี การวิจัยและพัฒนาเซ็นเซอร์ให้มีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือจึงมีความจำเป็น ปัจจุบันแก๊สเซ็นเซอร์ชนิดสารกึ่งตัวนำโลหะออกไซด์ได้ถูกพัฒนาอย่างกว้างขวาง เนื่องจากมีการตอบสนองต่อแก๊สที่สูง มีความคุ้มค่า สามารถใช้งานในระยะยาว และง่ายต่อการขึ้นรูป งานวิจัยโดย ดร.ยิ่งยศ ภู่อาภรณ์ ส่วนวิจัยด้านพลังงาน ยานยนต์ไฟฟ้า และสิ่งแวดล้อม สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน และคณะ ได้ใช้เทคโนโลยีสปัตเตอริง* และไฮโดรเทอมอล ผลิตฟิล์มซิงค์ออกไซด์แท่งนาโนสำหรับประกอบเป็นวัสดุเซนเซอร์ตรวจวัดแก๊สมีเทน และใช้แสงซินโครตรอนประกอบขึ้นเป็นเซ็นเซอร์ด้วยกระบวนการลิโทกราฟี** โดยภาพจากล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแสดงให้เห็นซิงค์ออกไซด์ที่ผลิตได้มีรูปร่างเป็นแท่งหกเหลี่ยมวางตัวตามแนวตั้ง ซึ่งแต่ละแท่งมีความสูงเฉลี่ยประมาณ 1 ไมโครเมตร และมีขนาดหน้าตัดประมาณ 50 นาโนเมตร คณะวิจัยศึกษาประสิทธิการตอบสนองของเซ็นเซอร์ที่ผลิตได้สำหรับแก๊สมีเทนที่อุณหภูมิต่างๆ โดยเทคนิคการวัดการดูดกลืนรังสีเอกซ์แบบอินซิทู (in-situ X-ray absorption spectroscopy) ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าเซ็นเซอร์ที่ผลิตขึ้นสามารถตรวจวัดแก๊สมีเทนที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ที่ความเข้มข้นแก๊สสูงสุด 10% โดยปริมาตร ใช้เวลาในการตอบสนองต่อแก๊สมีเทน 4 วินาที และใช้เวลาในการฟื้นฟูพื้นผิว 6 วินาที งานวิจัยนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า เซ็นเซอร์ที่เตรียมขึ้นได้นี้มีค่าการตอบสนองต่อแก๊สมีเทนได้ดี และสามารถส่งสัญญาณการตอบสนองของแก๊สมีเทนได้ในเวลาไม่กี่วินาที ซึ่งสามารถต่อยอดสู่เซนเซอร์ประสิทธิภาพสูงที่ใช้งานได้จริง เพื่อตรวจจับแก๊สมีเทนแบบเรียลไทม์ต่อไปในอนาคต หมายเหตุ * เทคนิคสปัตเตอริง (Sputtering) เป็นวิธีการหนึ่งที่นิยมนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในการเคลือบฟิล์มบาง เนื่องจากจะได้ฟิล์มที่มีความสม่ำเสมอ ** ลิโธกราฟี (Lithography) เป็นหนึ่งในเทคนิคที่สามารถใช้แสงซินโครตรอนในการสร้างลวดลายเซนเซอร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • Elon Musk กำลังวางแผนระดมทุนมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์เพื่อสร้าง Colossus 2 ซึ่งเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่มี GPU จำนวน 1 ล้านตัว โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาโมเดล AI ที่ล้ำสมัยและสร้างรายได้จากการใช้งาน AI ในระดับสูง การระดมทุนครั้งนี้อาจมีมูลค่าถึง 25 พันล้านดอลลาร์ และทำให้มูลค่าของบริษัท xAI อยู่ระหว่าง 150 ถึง 200 พันล้านดอลลาร์

    ✅ Elon Musk วางแผนสร้าง Colossus 2 ด้วย GPU จำนวน 1 ล้านตัว
    - ซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี้จะใช้ GPU Nvidia Hopper H100 และ H100
    - Colossus 2 จะมีประสิทธิภาพสูงกว่า Colossus รุ่นแรกที่มี GPU จำนวน 200,000 ตัว

    ✅ การระดมทุนครั้งนี้อาจมีมูลค่าถึง 25 พันล้านดอลลาร์
    - Musk คาดว่าจะใช้เงินประมาณ 100 ถึง 125 พันล้านดอลลาร์ ในการสร้าง Colossus 2
    - รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านอาคาร เซิร์ฟเวอร์ อุปกรณ์เครือข่าย และระบบระบายความร้อน

    ✅ xAI มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาโมเดล AI ที่ล้ำสมัย
    - โมเดล AI ที่พัฒนาจะถูกนำไปใช้สร้างรายได้ในระดับสูง

    ✅ การลงทุนใน AI Data Centers กำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลก
    - Broadcom คาดว่า Data Centers รุ่นใหม่จะมี AI Processors จำนวน 1 ล้านตัวภายในปี 2027

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/speculation-mounts-that-musk-will-raise-tens-of-billions-for-ai-supercomputer-with-1-million-gpus-report
    Elon Musk กำลังวางแผนระดมทุนมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์เพื่อสร้าง Colossus 2 ซึ่งเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่มี GPU จำนวน 1 ล้านตัว โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาโมเดล AI ที่ล้ำสมัยและสร้างรายได้จากการใช้งาน AI ในระดับสูง การระดมทุนครั้งนี้อาจมีมูลค่าถึง 25 พันล้านดอลลาร์ และทำให้มูลค่าของบริษัท xAI อยู่ระหว่าง 150 ถึง 200 พันล้านดอลลาร์ ✅ Elon Musk วางแผนสร้าง Colossus 2 ด้วย GPU จำนวน 1 ล้านตัว - ซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี้จะใช้ GPU Nvidia Hopper H100 และ H100 - Colossus 2 จะมีประสิทธิภาพสูงกว่า Colossus รุ่นแรกที่มี GPU จำนวน 200,000 ตัว ✅ การระดมทุนครั้งนี้อาจมีมูลค่าถึง 25 พันล้านดอลลาร์ - Musk คาดว่าจะใช้เงินประมาณ 100 ถึง 125 พันล้านดอลลาร์ ในการสร้าง Colossus 2 - รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านอาคาร เซิร์ฟเวอร์ อุปกรณ์เครือข่าย และระบบระบายความร้อน ✅ xAI มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาโมเดล AI ที่ล้ำสมัย - โมเดล AI ที่พัฒนาจะถูกนำไปใช้สร้างรายได้ในระดับสูง ✅ การลงทุนใน AI Data Centers กำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลก - Broadcom คาดว่า Data Centers รุ่นใหม่จะมี AI Processors จำนวน 1 ล้านตัวภายในปี 2027 https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/speculation-mounts-that-musk-will-raise-tens-of-billions-for-ai-supercomputer-with-1-million-gpus-report
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • HP ได้ตกลงที่จะจ่ายเงินจำนวน 4 ล้านดอลลาร์ เพื่อยุติคดีฟ้องร้องแบบกลุ่มที่กล่าวหาว่าบริษัทใช้ ราคาที่หลอกลวง บนเว็บไซต์ของตน โดยคดีนี้เริ่มต้นในปี 2021 และเกี่ยวข้องกับการแสดงราคาที่สูงเกินจริงเพื่อสร้างภาพลวงตาว่ามีส่วนลดพิเศษ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วราคาที่แสดงเป็นราคาปกติที่ไม่ได้ลดลง

    ✅ HP ถูกกล่าวหาว่าใช้ราคาที่หลอกลวงเพื่อดึงดูดลูกค้า
    - HP ใช้ "strike-through pricing" โดยแสดงราคาที่สูงกว่าจริงและขีดฆ่าออกเพื่อแสดงส่วนลด
    - ตัวอย่างเช่น คอมพิวเตอร์ HP All-in-One ถูกโฆษณาว่าลดราคาจาก $999.99 เหลือ $899.99 แต่ราคาที่สูงกว่านั้นแทบไม่เคยถูกใช้จริง

    ✅ การยุติคดีด้วยการจ่ายเงิน 4 ล้านดอลลาร์
    - HP จะจัดตั้งกองทุนเพื่อชดเชยลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ โดยลูกค้าสามารถยื่นคำร้องเพื่อรับเงินชดเชยระหว่าง $10 ถึง $100 ต่อผลิตภัณฑ์
    - ผลิตภัณฑ์ที่มีราคาสูง เช่น HP Spectre และ Envy laptops จะได้รับเงินชดเชยที่สูงกว่า

    ✅ HP ไม่ยอมรับว่ามีความผิด แต่ตกลงยุติคดีเพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี
    - การพิจารณาคดีสุดท้ายจะมีขึ้นในวันที่ 21 สิงหาคม 2025

    ✅ คดีนี้สะท้อนถึงปัญหาในอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซ
    - การใช้ราคาที่หลอกลวงเป็นปัญหาที่พบในผู้ค้ารายใหญ่อื่นๆ เช่น Amazon และ Dell

    https://www.techspot.com/news/107604-hp-accused-fake-discounts-lawsuit-agrees-4-million.html
    HP ได้ตกลงที่จะจ่ายเงินจำนวน 4 ล้านดอลลาร์ เพื่อยุติคดีฟ้องร้องแบบกลุ่มที่กล่าวหาว่าบริษัทใช้ ราคาที่หลอกลวง บนเว็บไซต์ของตน โดยคดีนี้เริ่มต้นในปี 2021 และเกี่ยวข้องกับการแสดงราคาที่สูงเกินจริงเพื่อสร้างภาพลวงตาว่ามีส่วนลดพิเศษ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วราคาที่แสดงเป็นราคาปกติที่ไม่ได้ลดลง ✅ HP ถูกกล่าวหาว่าใช้ราคาที่หลอกลวงเพื่อดึงดูดลูกค้า - HP ใช้ "strike-through pricing" โดยแสดงราคาที่สูงกว่าจริงและขีดฆ่าออกเพื่อแสดงส่วนลด - ตัวอย่างเช่น คอมพิวเตอร์ HP All-in-One ถูกโฆษณาว่าลดราคาจาก $999.99 เหลือ $899.99 แต่ราคาที่สูงกว่านั้นแทบไม่เคยถูกใช้จริง ✅ การยุติคดีด้วยการจ่ายเงิน 4 ล้านดอลลาร์ - HP จะจัดตั้งกองทุนเพื่อชดเชยลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ โดยลูกค้าสามารถยื่นคำร้องเพื่อรับเงินชดเชยระหว่าง $10 ถึง $100 ต่อผลิตภัณฑ์ - ผลิตภัณฑ์ที่มีราคาสูง เช่น HP Spectre และ Envy laptops จะได้รับเงินชดเชยที่สูงกว่า ✅ HP ไม่ยอมรับว่ามีความผิด แต่ตกลงยุติคดีเพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี - การพิจารณาคดีสุดท้ายจะมีขึ้นในวันที่ 21 สิงหาคม 2025 ✅ คดีนี้สะท้อนถึงปัญหาในอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซ - การใช้ราคาที่หลอกลวงเป็นปัญหาที่พบในผู้ค้ารายใหญ่อื่นๆ เช่น Amazon และ Dell https://www.techspot.com/news/107604-hp-accused-fake-discounts-lawsuit-agrees-4-million.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    HP agrees to $4 million settlement over inflated PC prices on its website
    The lawsuit accused HP of using "strike-through" pricing – showing a higher, crossed-out price next to a lower sale price – to suggest that shoppers were getting...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
  • 18 เมษายน 2568 -อดีต รมว.คลัง สมหมาย ภาษี ได้เขียนบทความเรื่องนี้ “สตง. กับพระพิโรธของพระสยามเทวาธิราช” การพังทลายของอาคารสูงเหยียดฟ้าของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือที่เรียกว่า สตง. ตอนเกิดแผ่นดินไหวที่รุนแรงมากที่สุดในรอบกว่าร้อยปีของประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 จนมีผู้เสียชีวิตถึงร่วม 100 คน จนเกิดเป็นข่าวถึงขั้นดราม่าของสื่อทุกประเภทต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้.ข่าวที่พรั่งพรูออกมานั้นเป็นที่สนใจของผู้คนทุกคนระดับแม้ว่าจะยังเป็นเรื่องราวที่ยังไม่ได้พิสูจน์ให้เห็นชัดได้ในขณะนี้ แต่ก็เป็นเรื่องที่คละคลุ้งเกี่ยวกับสารพัดทุจริตคอร์รัปชั่นที่คนไทยไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนเลย.สตง. สำหรับประเทศไทย คือหน่วยงานอิสระที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนเป็นรายปีเหมือนส่วนราชการอื่นๆ และเป็นหน่วยงานที่ทั้งสำนักงบประมาณและส่วนราชการอื่นๆ ให้ความเกรงใจมากเป็นพิเศษ.โดยศักดิ์ศรีของงานที่ต้องรับผิดชอบดูแลหน่วยงานรัฐของประเทศให้ดูบริสุทธิ์ ยุติธรรม มีธรรมาภิบาลสูง และเป็นหน่วยงานที่ไม่ประพฤติผิดประพฤติชั่ว สตง.จึงถือเป็นฟางสีทองเส้นสุดท้ายที่คอยแยกแยะกันความดีของหน่วยงานราชการทั้งหลายที่หาได้ยากขึ้นทุกวันในประเทศนี้ออกมาให้ประชาชนเห็น.ในช่วง 20 กว่าปีที่ผ่านมาประเทศไทยเราถูกตราหน้าจากหน่วยงานระดับนานาชาติที่เป็นผู้วัดความมากน้อยของการคอร์รัปชั่นของ 180 ประเทศทั่วโลกเป็นประจำปี ที่ได้ให้ดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชั่น (Corruption Perspective Index หรือ CPI) แก่ไทยสูงกว่าลำดับ 100 เป็นส่วนใหญ่ โดยในปีล่าสุดที่ผ่านมานี้ ไทยเราได้ถึงลำดับ 107 ดีกว่าประเทศลาวแค่ลำดับเดียวเท่านั้น ถือได้ว่าเป็นการตกต่ำสุดๆของรัฐบาลไทยในการดูแลการคอร์รัปชั่นของประเทศ.ถ้าหากดราม่าเกี่ยวกับคอร์รัปชั่นของ สตง. ต้องจบลงอย่างที่เป็นข่าว นั่นก็หมายถึงความมอดไหม้ของฟางสีทองเส้นสุดท้ายของประเทศชาติอย่างน่าอเนจอนาถที่สุด แล้วประเทศไทยเราจะเอาเรื่องธรรมาภิบาลไปพูดกับนานาชาติในเวทีข้างนอกได้อย่างไรหรือ.ในฐานะที่ผมเป็นคนประเภทที่ชอบ “ตื่นรู้สู้โกง” ตามคำขวัญขององค์กรต่อสู้คอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) หรือ Anti-Corruption Organization of Thailand – ACT คนหนึ่ง ก็ได้พยายามที่จะนำเรื่องนี้มาคิดหลายตลบว่ามันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร และเหตุของแผ่นดินไหวครั้งนี้มีจุดศูนย์กลางเกิดที่ประเทศเพื่อนบ้านห่างออกไปร่วม 1,000 กม. ทำไมหายนะจึงเกิดกับอาคารสูงของ สตง. เพียงแห่งเดียว.ในที่สุดถึงวันที่ผมได้เขียนบทความชิ้นนี้ ผมได้คิดว่าสิ่งอันน่าอับอายของ สตง. ที่ทำให้คนไทยจำนวนมากแทบไม่อยากพูดคุยกับชาวต่างชาติอื่นใด ดูเหมือนจะเป็นอาการ “พระพิโรธของพระสยามเทวาธิราชอันเป็นที่เคารพนับถือของคนไทยค่อนประเทศ” ที่ได้เฝ้าดูความเป็นไปของบ้านเมืองเรื่องการคอร์รัปชั่นของส่วนราชการที่ขยายวงไปแทบทั่วทุกหน่วยงานเป็นแน่แท้ มันไม่ใช่เป็นเหตุบังเอิญใดๆ ทั้งสิ้น .ผมคิดไปเรื่อย ติดตามเรื่องไปเรื่อย เรื่องดราม่าของการประพฤติมิชอบของ สตง.นี้ ไม่ใช่ความผิดของรัฐบาลนี้ มันเป็นเรื่องสืบเนื่องตั้งแต่รัฐบาลที่แล้วๆมาอย่างน้อยก็ตั้ง 7 - 8 ปีที่ผ่านมา และก็โยงใยกับผู้ว่าการและคณะกรรมการของ สตง. ตั้งแต่สมัยโน้นเป็นลำดับมา.สำหรับรัฐบาลปัจจุบันของไทยขณะนี้ ก็ขอให้เร่งการสอบสวนความผิดต่างๆให้เร็วที่สุด และควรคิดหาหนทางปรับการกำกับดูแล สตง. ในอนาคตให้กลับมาขาวสะอาดเป็นเส้นฟางสีทองให้ได้ ทั้งนี้ ขออย่าได้ย่ามใจว่าพฤติกรรมของผู้หลักผู้ใหญ่ตั้งแต่คณะรัฐมนตรีลงมาจะเป็นข่าวใหญ่โตในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นแบบดราม่านี้จะไม่เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้นะครับ.ท่านต้องไม่ละเลยต่อการตื่นตัวของคนไทยระดับปัญญาชนจำนวนมากที่เพิ่มขึ้นล้วนเป็นผู้ตื่นรู้สู้โกงกันทั้งนั้น ตราบใดที่ยังเป็นคลื่นโต้น้ำอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบ่อนคาสิโนหรือเรื่องโครงการใหญ่โตอื่นๆที่มีการเตรียมให้เกิดในรัฐบาลนี้ หากถึงฤดูน้ำลดเมื่อไหร่ ขอได้โปรดระวังตอที่มันจะผุดขึ้นมาด้วยก็แล้วกัน
    18 เมษายน 2568 -อดีต รมว.คลัง สมหมาย ภาษี ได้เขียนบทความเรื่องนี้ “สตง. กับพระพิโรธของพระสยามเทวาธิราช” การพังทลายของอาคารสูงเหยียดฟ้าของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือที่เรียกว่า สตง. ตอนเกิดแผ่นดินไหวที่รุนแรงมากที่สุดในรอบกว่าร้อยปีของประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 จนมีผู้เสียชีวิตถึงร่วม 100 คน จนเกิดเป็นข่าวถึงขั้นดราม่าของสื่อทุกประเภทต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้.ข่าวที่พรั่งพรูออกมานั้นเป็นที่สนใจของผู้คนทุกคนระดับแม้ว่าจะยังเป็นเรื่องราวที่ยังไม่ได้พิสูจน์ให้เห็นชัดได้ในขณะนี้ แต่ก็เป็นเรื่องที่คละคลุ้งเกี่ยวกับสารพัดทุจริตคอร์รัปชั่นที่คนไทยไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนเลย.สตง. สำหรับประเทศไทย คือหน่วยงานอิสระที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนเป็นรายปีเหมือนส่วนราชการอื่นๆ และเป็นหน่วยงานที่ทั้งสำนักงบประมาณและส่วนราชการอื่นๆ ให้ความเกรงใจมากเป็นพิเศษ.โดยศักดิ์ศรีของงานที่ต้องรับผิดชอบดูแลหน่วยงานรัฐของประเทศให้ดูบริสุทธิ์ ยุติธรรม มีธรรมาภิบาลสูง และเป็นหน่วยงานที่ไม่ประพฤติผิดประพฤติชั่ว สตง.จึงถือเป็นฟางสีทองเส้นสุดท้ายที่คอยแยกแยะกันความดีของหน่วยงานราชการทั้งหลายที่หาได้ยากขึ้นทุกวันในประเทศนี้ออกมาให้ประชาชนเห็น.ในช่วง 20 กว่าปีที่ผ่านมาประเทศไทยเราถูกตราหน้าจากหน่วยงานระดับนานาชาติที่เป็นผู้วัดความมากน้อยของการคอร์รัปชั่นของ 180 ประเทศทั่วโลกเป็นประจำปี ที่ได้ให้ดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชั่น (Corruption Perspective Index หรือ CPI) แก่ไทยสูงกว่าลำดับ 100 เป็นส่วนใหญ่ โดยในปีล่าสุดที่ผ่านมานี้ ไทยเราได้ถึงลำดับ 107 ดีกว่าประเทศลาวแค่ลำดับเดียวเท่านั้น ถือได้ว่าเป็นการตกต่ำสุดๆของรัฐบาลไทยในการดูแลการคอร์รัปชั่นของประเทศ.ถ้าหากดราม่าเกี่ยวกับคอร์รัปชั่นของ สตง. ต้องจบลงอย่างที่เป็นข่าว นั่นก็หมายถึงความมอดไหม้ของฟางสีทองเส้นสุดท้ายของประเทศชาติอย่างน่าอเนจอนาถที่สุด แล้วประเทศไทยเราจะเอาเรื่องธรรมาภิบาลไปพูดกับนานาชาติในเวทีข้างนอกได้อย่างไรหรือ.ในฐานะที่ผมเป็นคนประเภทที่ชอบ “ตื่นรู้สู้โกง” ตามคำขวัญขององค์กรต่อสู้คอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) หรือ Anti-Corruption Organization of Thailand – ACT คนหนึ่ง ก็ได้พยายามที่จะนำเรื่องนี้มาคิดหลายตลบว่ามันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร และเหตุของแผ่นดินไหวครั้งนี้มีจุดศูนย์กลางเกิดที่ประเทศเพื่อนบ้านห่างออกไปร่วม 1,000 กม. ทำไมหายนะจึงเกิดกับอาคารสูงของ สตง. เพียงแห่งเดียว.ในที่สุดถึงวันที่ผมได้เขียนบทความชิ้นนี้ ผมได้คิดว่าสิ่งอันน่าอับอายของ สตง. ที่ทำให้คนไทยจำนวนมากแทบไม่อยากพูดคุยกับชาวต่างชาติอื่นใด ดูเหมือนจะเป็นอาการ “พระพิโรธของพระสยามเทวาธิราชอันเป็นที่เคารพนับถือของคนไทยค่อนประเทศ” ที่ได้เฝ้าดูความเป็นไปของบ้านเมืองเรื่องการคอร์รัปชั่นของส่วนราชการที่ขยายวงไปแทบทั่วทุกหน่วยงานเป็นแน่แท้ มันไม่ใช่เป็นเหตุบังเอิญใดๆ ทั้งสิ้น .ผมคิดไปเรื่อย ติดตามเรื่องไปเรื่อย เรื่องดราม่าของการประพฤติมิชอบของ สตง.นี้ ไม่ใช่ความผิดของรัฐบาลนี้ มันเป็นเรื่องสืบเนื่องตั้งแต่รัฐบาลที่แล้วๆมาอย่างน้อยก็ตั้ง 7 - 8 ปีที่ผ่านมา และก็โยงใยกับผู้ว่าการและคณะกรรมการของ สตง. ตั้งแต่สมัยโน้นเป็นลำดับมา.สำหรับรัฐบาลปัจจุบันของไทยขณะนี้ ก็ขอให้เร่งการสอบสวนความผิดต่างๆให้เร็วที่สุด และควรคิดหาหนทางปรับการกำกับดูแล สตง. ในอนาคตให้กลับมาขาวสะอาดเป็นเส้นฟางสีทองให้ได้ ทั้งนี้ ขออย่าได้ย่ามใจว่าพฤติกรรมของผู้หลักผู้ใหญ่ตั้งแต่คณะรัฐมนตรีลงมาจะเป็นข่าวใหญ่โตในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นแบบดราม่านี้จะไม่เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้นะครับ.ท่านต้องไม่ละเลยต่อการตื่นตัวของคนไทยระดับปัญญาชนจำนวนมากที่เพิ่มขึ้นล้วนเป็นผู้ตื่นรู้สู้โกงกันทั้งนั้น ตราบใดที่ยังเป็นคลื่นโต้น้ำอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบ่อนคาสิโนหรือเรื่องโครงการใหญ่โตอื่นๆที่มีการเตรียมให้เกิดในรัฐบาลนี้ หากถึงฤดูน้ำลดเมื่อไหร่ ขอได้โปรดระวังตอที่มันจะผุดขึ้นมาด้วยก็แล้วกัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 371 มุมมอง 0 รีวิว
  • Spec คอมพ์ วันนี้ นำเสนอตัวแพงสุดของ Advice ครับ สำหรับคนเงินเหลือ
    ขอขอบคุณข้อมูลจากร้าน Advice ครับ
    #spec #computer #advice
    Spec คอมพ์ วันนี้ นำเสนอตัวแพงสุดของ Advice ครับ สำหรับคนเงินเหลือ ขอขอบคุณข้อมูลจากร้าน Advice ครับ #spec #computer #advice
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD กำลังเตรียมเปิดตัว RX 9070 GRE ซึ่งอาจเป็นคู่แข่งสำคัญของ Nvidia RTX 5060 Ti โดยมีรายงานว่า RX 9070 GRE จะมี 48 Compute Units (CUs) หรือ 3,072 Stream Processors และใช้ Navi 48 XT die

    ✅ RX 9070 GRE อาจมีประสิทธิภาพเหนือกว่า RTX 5060 Ti
    - มี 48 CUs และ 3,072 Stream Processors ซึ่งสูงกว่า RTX 5060 Ti
    - ใช้ Navi 48 XT die และมี Core Clock 2.79 GHz ต่ำกว่ารุ่น XT ที่ 2.97 GHz

    ✅ หน่วยความจำของ RX 9070 GRE มีความเร็วต่ำกว่ารุ่น XT
    - ใช้ Memory Clock 18 Gbps เทียบกับ 20 Gbps ของ RX 9070 XT
    - มี Memory Bandwidth ประมาณ 67.5% ของ RX 9070 XT

    ✅ ผลการทดสอบเบื้องต้นใน 3DMark Speed Way และ Steel Nomad
    - RX 9070 GRE มี ประสิทธิภาพในการเรนเดอร์สูงกว่า RTX 5060 Ti ถึง 34%
    - ในการทดสอบ Ray Tracing ประสิทธิภาพของ RX 9070 GRE ใกล้เคียงกับ RTX 5060 Ti

    ✅ ราคาที่คาดการณ์ของ RX 9070 GRE
    - อาจอยู่ที่ $449 ซึ่งสูงกว่า RTX 5060 Ti 16GB เพียง $20
    - อย่างไรก็ตาม RX 9070 GRE อาจเป็น รุ่นที่วางจำหน่ายเฉพาะในจีน

    https://www.neowin.net/news/alleged-amd-9070-gre-specs-and-performance-suggest-it-could-utterly-destroy-nvidia-5060-ti/
    AMD กำลังเตรียมเปิดตัว RX 9070 GRE ซึ่งอาจเป็นคู่แข่งสำคัญของ Nvidia RTX 5060 Ti โดยมีรายงานว่า RX 9070 GRE จะมี 48 Compute Units (CUs) หรือ 3,072 Stream Processors และใช้ Navi 48 XT die ✅ RX 9070 GRE อาจมีประสิทธิภาพเหนือกว่า RTX 5060 Ti - มี 48 CUs และ 3,072 Stream Processors ซึ่งสูงกว่า RTX 5060 Ti - ใช้ Navi 48 XT die และมี Core Clock 2.79 GHz ต่ำกว่ารุ่น XT ที่ 2.97 GHz ✅ หน่วยความจำของ RX 9070 GRE มีความเร็วต่ำกว่ารุ่น XT - ใช้ Memory Clock 18 Gbps เทียบกับ 20 Gbps ของ RX 9070 XT - มี Memory Bandwidth ประมาณ 67.5% ของ RX 9070 XT ✅ ผลการทดสอบเบื้องต้นใน 3DMark Speed Way และ Steel Nomad - RX 9070 GRE มี ประสิทธิภาพในการเรนเดอร์สูงกว่า RTX 5060 Ti ถึง 34% - ในการทดสอบ Ray Tracing ประสิทธิภาพของ RX 9070 GRE ใกล้เคียงกับ RTX 5060 Ti ✅ ราคาที่คาดการณ์ของ RX 9070 GRE - อาจอยู่ที่ $449 ซึ่งสูงกว่า RTX 5060 Ti 16GB เพียง $20 - อย่างไรก็ตาม RX 9070 GRE อาจเป็น รุ่นที่วางจำหน่ายเฉพาะในจีน https://www.neowin.net/news/alleged-amd-9070-gre-specs-and-performance-suggest-it-could-utterly-destroy-nvidia-5060-ti/
    WWW.NEOWIN.NET
    Alleged AMD 9070 GRE specs and performance suggest it could utterly destroy Nvidia 5060 Ti
    AMD RX 9070 GRE specs have allegedly leaked, and we have estimated how the card performs. As it turns out, Nvidia's newly released 5060 Ti could have a truly hard time standing up to it.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้าง วิดีโอ AI ผ่าน Gemini chatbot และ Whisk ซึ่งเป็นเครื่องมือทดลองที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว โดยใช้โมเดล Veo 2 ที่พัฒนาโดย Google DeepMind

    ✅ Google เปิดตัวฟีเจอร์สร้างวิดีโอ AI ผ่าน Gemini และ Whisk
    - ใช้โมเดล Veo 2 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล่าสุดของ Google DeepMind
    - สามารถสร้างวิดีโอ 8 วินาที ในความละเอียด 720p (16:9 aspect ratio)

    ✅ การใช้งานผ่าน Gemini Advanced
    - ผู้ใช้สามารถเลือก Veo 2 จากเมนูโมเดลใน Gemini
    - พิมพ์คำอธิบายฉากที่ต้องการ และ AI จะสร้างวิดีโอให้

    ✅ Whisk Animate: ฟีเจอร์ใหม่สำหรับการสร้างวิดีโอจากภาพ
    - ใช้ Veo 2 ในการแปลงภาพนิ่งเป็นวิดีโอ 8 วินาที
    - เปิดให้ใช้งานสำหรับ Google One AI Premium subscribers

    ✅ การแชร์วิดีโอไปยังแพลตฟอร์มต่างๆ
    - Google มีตัวเลือกให้แชร์วิดีโอไปยัง YouTube Shorts และ TikTok ได้โดยตรง

    ✅ มาตรการป้องกันการใช้ AI ในทางที่ผิด
    - วิดีโอที่สร้างด้วย Veo 2 จะมี SynthID watermark ฝังอยู่ในทุกเฟรม เพื่อระบุว่าเป็นวิดีโอที่สร้างโดย AI

    ℹ️ ข้อจำกัดในการสร้างวิดีโอ
    - Google จำกัดจำนวนวิดีโอที่สามารถสร้างได้ต่อเดือน เพื่อป้องกันการใช้ทรัพยากร GPU มากเกินไป

    ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมวิดีโอและครีเอเตอร์
    - เทคโนโลยีนี้อาจส่งผลต่อ ผู้ผลิตวิดีโอและนักสร้างคอนเทนต์ ที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับ AI

    ℹ️ แนวโน้มของ AI ในการสร้างวิดีโอ
    - Google อาจพัฒนา Veo 3 ในอนาคตเพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างวิดีโอที่ซับซ้อนขึ้น

    https://www.neowin.net/news/you-can-now-generate-ai-videos-in-google-gemini-and-whisk/
    Google ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้าง วิดีโอ AI ผ่าน Gemini chatbot และ Whisk ซึ่งเป็นเครื่องมือทดลองที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว โดยใช้โมเดล Veo 2 ที่พัฒนาโดย Google DeepMind ✅ Google เปิดตัวฟีเจอร์สร้างวิดีโอ AI ผ่าน Gemini และ Whisk - ใช้โมเดล Veo 2 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล่าสุดของ Google DeepMind - สามารถสร้างวิดีโอ 8 วินาที ในความละเอียด 720p (16:9 aspect ratio) ✅ การใช้งานผ่าน Gemini Advanced - ผู้ใช้สามารถเลือก Veo 2 จากเมนูโมเดลใน Gemini - พิมพ์คำอธิบายฉากที่ต้องการ และ AI จะสร้างวิดีโอให้ ✅ Whisk Animate: ฟีเจอร์ใหม่สำหรับการสร้างวิดีโอจากภาพ - ใช้ Veo 2 ในการแปลงภาพนิ่งเป็นวิดีโอ 8 วินาที - เปิดให้ใช้งานสำหรับ Google One AI Premium subscribers ✅ การแชร์วิดีโอไปยังแพลตฟอร์มต่างๆ - Google มีตัวเลือกให้แชร์วิดีโอไปยัง YouTube Shorts และ TikTok ได้โดยตรง ✅ มาตรการป้องกันการใช้ AI ในทางที่ผิด - วิดีโอที่สร้างด้วย Veo 2 จะมี SynthID watermark ฝังอยู่ในทุกเฟรม เพื่อระบุว่าเป็นวิดีโอที่สร้างโดย AI ℹ️ ข้อจำกัดในการสร้างวิดีโอ - Google จำกัดจำนวนวิดีโอที่สามารถสร้างได้ต่อเดือน เพื่อป้องกันการใช้ทรัพยากร GPU มากเกินไป ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมวิดีโอและครีเอเตอร์ - เทคโนโลยีนี้อาจส่งผลต่อ ผู้ผลิตวิดีโอและนักสร้างคอนเทนต์ ที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับ AI ℹ️ แนวโน้มของ AI ในการสร้างวิดีโอ - Google อาจพัฒนา Veo 3 ในอนาคตเพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างวิดีโอที่ซับซ้อนขึ้น https://www.neowin.net/news/you-can-now-generate-ai-videos-in-google-gemini-and-whisk/
    WWW.NEOWIN.NET
    You can now generate AI videos in Google Gemini and Whisk
    Google is rolling out new video generation capabilities to the Gemini chatbot and the Labs experiment Whisk.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 258 มุมมอง 0 รีวิว
  • Blood Gold เจาะขุมทรัพย์ใต้ภิภพเมียนมาร์ความมั่งคั่งที่มืดมนอนธการ
    .
    ใต้ภิภพเมียนมาร์ นับเป็นรัฐที่มีทรัพยากรมูลค่าสูงฝังอยู่มหาศาล ที่สามารถแปลงเป็นสินทรัพย์ในการพัฒนาประเทศได้อันดับต้น ๆ ของอาเซียน
    ทว่า รัฐสภาพแห่งนี้เหมือนถูกครอบงำ และตกอยู่ภายใต้ความลำบาก ความขัดแย้งไม่ลงรอย ในประวัติศาสตร์การเมืองที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศโดยตรง
    รอยเลื่อนสะกาย (Sagaing Fault) “ยักษ์หลับแห่งเมียนมา” ที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ตื่นขึ้น 28 มีนาคม 2568 ที่ ขนาด 8.2 แมกนิจูด ได้ส่งพลังพาดผ่านเมืองหลวงสำคัญของพม่า ตั้งแต่มัณฑะเลย์ เนปิดอว์ ย่างกุ้ง ดูเหมือนว่าเมืองแห่งอารยธรรมและศูนย์กลางอำนาจ ตั้งอยู่บนหลังมังกรที่หลับ ขยับทีก็ทำให้เมืองศูนย์กลางสำคัญได้ได้ผลกระทบสูงการฟื้นตัวครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนสถานการณ์เริ่มต้นใหม่หลายรอบ หมุนวน
    โครงสร้างทางธรณีวิทยาของเมียนมาร์ค่อนข้างซับซ้อน ภูมิสัณฐานและธรณีโครงสร้างได้เป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ คือพื้นที่ราบสูงตะวันออก (Sino Burman Ranges) พื้นที่ลุ่มต่ำตอนกลาง (Inner Burman Tertiary Zone) ดินแดนเทือกเขาตะวันตก (Indo Burman Ranges) และ ที่ราบฝั่งยะไข่ - คะฉิ่น Rakhine (Arakan) Coastal Plain
    ชั้นหินที่มีอายุอ่อนที่สุดจะอยู่ใน พื้นที่ลุ่มต่ำตอนกลาง ไล่ถัดไปทางด้านตะวันตกของประเทศ จะเป็นชั้นหินที่มีอายุแก่ขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงที่ราบแถบยะไข่ ด้านตะวันออกของประเทศ ส่วนของ Sino Burman เป็นชั้นหินที่มีอายุแก่ที่สุด มีรอยเลื่อนรัฐฉาน แนวรอยต่อเชื่อมรอยเลื่อนสะกาย
    อุตสาหกรรมเหมืองแร่ในเมียนมาร์ มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงหลังรัฐประหารปี 2021 ซึ่งมีการขยายตัวของการทำเหมืองแร่หายาก (Rare Earth Elements: REEs) อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม การเติบโตนี้มาพร้อมกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อน มีมูลค่าสูงถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023
    นับว่าแร่หายากกลุ่มหนัก heavy rare earth elements: HREE คิดเป็นสัดส่วนหลักของมูลค่าการส่งออกของเมียนมาร์ โดยส่วนใหญ่ส่งไปจีนเพื่อผลิตแม่เหล็กถาวรสำหรับรถไฟฟ้าและกังหันลมการส่งออก อัตราเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าในปี 2023 เมื่อเทียบกับปี 2021 จาก 19,500 ตัน เป็น 41,700 ตัน
    แน่นอนแร่หายากกลุ่ม China Rare Earths Group (REGCC) เป็นผู้ลงทุนหลัก ควบคุมทั้งเทคโนโลยี การประมวลผล และห่วงโซ่อุปทาน ภายใต้การดูแลพื้นที่ของกองทัพเมียนมาร์ (SAC) และมิลิเชียพันธมิตรควบคุมพื้นที่พิเศษ Kachin 1 และกองกำลัง Kachin Independence Army (KIA) ควบคุมพื้นที่ Momauk และแนวชายแดน
    แร่หายากเป็นแหล่งเงินสำคัญสำหรับทั้งรัฐบาลทหารและกลุ่มกบฎ แต่ 70% ของประชากรในพื้นที่ยังพึ่งพาการเกษตรที่ได้รับความเสียหาย ขณะที่ค่าแรงงานในเหมืองสูงถึง 600 ดอลลาร์สหรัฐ/เดือน (สูงกว่าเฉลี่ยประเทศ 2 เท่า) แต่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพ โรคปอด ปัญหาหายใจลำบาก โรคผิวหนัง และไตวายจากสารเคมี เช่น แอมโมเนียมซัลเฟตและออกซาลิกแอซิด
    ไม่รวมถึงมลพิษน้ำ 96% ของครัวเรือนในเขต Chipwi ไม่มีน้ำดื่มสะอาดเนื่องจากสารเคมีปนเปื้อน ดวงตาสวรรค์ได้ส่องพื้นที่การขยายตัวของเหมืองกว่า 40% ใน Kachin Special Region 1 และ Momauk ระหว่างปี 2021-2023 ที่สลายระบบนิเวศในพื้นที่ยากจะทวงคืนสภาพเดิมกลับมาในอนาคต
    อีกแร่ธาตุหนึ่งคือเหล็กที่เมียนมาร์ เป็นเบอร์หนึ่งของโลก ที่แหล่ง Pong Pet ซึ่งอยู่ห่างจาก Taunggyi ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นระยะทาง 10 กิโลเมตร ปรากฏเป็นแหล่งเฮมาไทต์ (Hematite) และยังพบแหล่งแร่เหล็ก 393 แหล่ง ปริมาณสารองทรัพยากรแร่ประมาณ 495 ล้านตัน และพบแหล่งแร่เหล็กที่มีศักยภาพ 14 แหล่ง ในรัฐ Kachin, Mandalay, Bago, Tanintharyi และรัฐShan ได้แก่ แหล่งแร่เหล็กสำคัญพบที่รัฐ Tanintharyi บริเวณตอนเหนือของรัฐ Shan
    โดยในรัฐคะฉิ่น คือศูนย์รวมแร่ธาตุความมั่งคั่งสมบูรณ์อุตสาหกรรมเหมืองแร่ นอกจากหยกแล้วยังมีแหล่งแร่เหล็กในรัฐ Kachin มีปริมาณสารองประมาณ 223 ล้านตันที่ 50.56%Fe องค์ประกอบหลักของแร่ คือ Goethite/Limonite 75%, Hematite 15% และ Magnetite 2%
    แน่นอนเมียนมาร์เป็นผู้ผลิตหยกรายใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในประเทศเดียวที่ผลิตหยกเจไดต์คุณภาพสูง อุตสาหกรรมหยกมีมูลค่าประมาณ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของ GDP ของประเทศ โดยเมืองผะกัน (Hpakan) เป็นที่ตั้งของเหมืองหยกที่ใหญ่ที่สุดในโลก เมืองที่มีข่าวของเหมืองถล่ม ดินโคลนโถมทับหมู่บ้านถี่มากและต้นปี 2568 ก็ได้เกิดเหตุการณ์โศกนาฎกรรมที่ซ้ำซาก สูญเสียชีวิตของผู้คนไปอย่างมาก
    Global Witness ประเมินไว้ว่ารายได้จากหยกได้เข้าพกเข้าห่อของผู้นำของเมียนมาไปแล้วราว 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมา
    หากประมวลประเทศที่มีบริษัทลงทุนในเหมืองแร่ในภาพรวมในเมียนมาร์ ได้แก่
    1.) จีน: เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมเหมืองแร่เมียนมาร์ โดยเฉพาะในเหมืองทองแดง (เช่น โครงการ Letpadaung, S&K, Tagaung Taung) และแร่หายาก มีทั้งบริษัทขนาดใหญ่ของรัฐ เช่น China Nonferrous Metal Mining (CNMC), Wanbao Mining Co., Ltd. รวมถึงนักลงทุนรายย่อยจากมณฑลยูนนานและเสฉวน
    2.) ไทย: มีบริษัท Myanmar-Pongpipat Co., Ltd. ร่วมลงทุนในเหมืองดีบุกและโลหะอื่น
    3.) เวียดนาม: บริษัท Simco Songda มีการลงทุนในเหมืองแร่ร่วมกับเมียนมาร์
    4.) ออสเตรเลีย: บริษัท PanAust ได้รับอนุญาตให้ศึกษาความเป็นไปได้ในพื้นที่เหมือง Wuntho
    5.) ญี่ปุ่น: มีบริษัทญี่ปุ่นบางแห่งยื่นขออนุญาตลงทุนในเหมืองแร่เมียนมาร์
    6.) สิงคโปร์: แม้จะเน้นลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์และพลังงาน แต่ก็มีการลงทุนในเหมืองแร่บางส่วน
    7.) มาเลเซีย, เกาหลีใต้, เนเธอร์แลนด์, สหราชอาณาจักร: มีการลงทุนในเมียนมาร์ในหลายภาคส่วน รวมถึงเหมืองแร่ในบางโครงการ
    ในส่วนแร่ทองคำ Blood Gold บริบทไม่แตกต่างจากพื้นที่คะฉิ่น แต่รายงานจาก EarthRights International (2567) ระบุว่าในรัฐกะฉิ่นมีการขุดทองคำเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีจุดขุดนับร้อยแห่ง ส่วนใหญ่เป็นการขุดขนาดเล็กและใช้เครื่องจักรหนัก
    ผู้สัมปทาน ก่อนการรัฐประหาร (2564): เหมืองทองคำขนาดใหญ่บางแห่ง เช่น ในเขตเบ็งเมาก์ (Bemauk), กานิ (Kani), และเคาก์ปาดอง (Kyaukpadaung) ดำเนินการโดยบริษัทร่วมทุนระหว่างกองทัพเมียนมาร์และบริษัทต่างชาติ เช่น บริษัทจากจีนและไทย อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเฉพาะเจาะจงในปัจจุบันหายาก
    พื้นที่การขุดทองคำในรัฐกะฉิ่นส่วนใหญ่ควบคุมโดย Kachin Independence Army (KIA) และกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ ซึ่งเก็บค่าธรรมเนียมจากบริษัทหรือนักขุดท้องถิ่น บริษัทจีน มีรายงานว่าได้รับสัมปทานในพื้นที่ เช่น บริเวณแม่น้ำโขงและแม่น้ำกก โดยได้รับการอนุมัติจาก United Wa State Army (UWSA) บริษัทท้องถิ่นและกองทัพเมียนมาร์: Myanmar Economic Holdings Limited (MEHL) และ Myanmar Economic Corporation (MEC) ยังคงมีส่วนในเหมืองบางแห่ง
    ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ไม่มีการออกใบอนุญาตขุดอย่างเป็นทางการในหลายพื้นที่ เช่น Hpakant แต่การขุดยังดำเนินต่อไปโดยผิดกฎหมาย
    ปัจจุบันหลังจาก การรัฐประหารในปี 2564 ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจและกฎหมาย ส่งผลให้การขุดทองคำเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีการควบคุม โดยเฉพาะในรัฐกะฉิ่นและสะกาย เพิ่มขึ้น 10 เท่าหลังการรัฐประหาร ซึ่งเป็นแหล่งทองคำสำคัญ เรียกว่าเกิดการขุดแบบทำลายล้าง ใช้เครื่องจักรกลหนักและการขุดในแม่น้ำในพื้นที่ และลุกลามขยายยังพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง แม่น้ำกก และแม่น้ำสายใกล้ชายแดนไทย
    แน่นอนความระส่ำระสายในพื้นที่คือการกอบโกยความมั่งคั่งในพื้นที่ที่ไม่ได้มองไกลถึงอนาคตว่าผลกระทบของผู้คน ประชาชนจะเป็นอย่างไร ระยะเวลาการฟื้นตัวความอ่อนเปียกของรัฐชาติที่ถูกสูบทรัพยากรที่มีความมั่งคั่งออกไปอย่างไร้ข้อจำกัด โดยมีอำนาจภายในควบคุม กองทัพเมียนมาร์ ควบคุมเหมืองขนาดใหญ่บางแห่งเพื่อหารายได้ กลุ่มชาติพันธุ์ เช่น KIA เก็บส่วนแบ่งจากเหมืองในพื้นที่ของตน บริษัทต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน มีบทบาทในพื้นที่รัฐที่อุดมด้วยแร่ธาตุโดยเฉพาะฉาน และพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขงที่สัญญาณได้ส่งผลแล้วกรณีที่แม่สาย ลุ่มแม่น้ำกก เชียงราย ที่ต้องเกาะติดอย่างใกล้ชิด


    อ้างอิง :
    • โครงการ การส่งเสริมการจัดหาวัตถุดิบและการลงทุนด้านเหมืองแร่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
    https://www.bbc.com/thai/international-53264790
    • EarthRights International, Global Witness
    Blood Gold เจาะขุมทรัพย์ใต้ภิภพเมียนมาร์ความมั่งคั่งที่มืดมนอนธการ . ใต้ภิภพเมียนมาร์ นับเป็นรัฐที่มีทรัพยากรมูลค่าสูงฝังอยู่มหาศาล ที่สามารถแปลงเป็นสินทรัพย์ในการพัฒนาประเทศได้อันดับต้น ๆ ของอาเซียน ทว่า รัฐสภาพแห่งนี้เหมือนถูกครอบงำ และตกอยู่ภายใต้ความลำบาก ความขัดแย้งไม่ลงรอย ในประวัติศาสตร์การเมืองที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศโดยตรง รอยเลื่อนสะกาย (Sagaing Fault) “ยักษ์หลับแห่งเมียนมา” ที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ตื่นขึ้น 28 มีนาคม 2568 ที่ ขนาด 8.2 แมกนิจูด ได้ส่งพลังพาดผ่านเมืองหลวงสำคัญของพม่า ตั้งแต่มัณฑะเลย์ เนปิดอว์ ย่างกุ้ง ดูเหมือนว่าเมืองแห่งอารยธรรมและศูนย์กลางอำนาจ ตั้งอยู่บนหลังมังกรที่หลับ ขยับทีก็ทำให้เมืองศูนย์กลางสำคัญได้ได้ผลกระทบสูงการฟื้นตัวครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนสถานการณ์เริ่มต้นใหม่หลายรอบ หมุนวน โครงสร้างทางธรณีวิทยาของเมียนมาร์ค่อนข้างซับซ้อน ภูมิสัณฐานและธรณีโครงสร้างได้เป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ คือพื้นที่ราบสูงตะวันออก (Sino Burman Ranges) พื้นที่ลุ่มต่ำตอนกลาง (Inner Burman Tertiary Zone) ดินแดนเทือกเขาตะวันตก (Indo Burman Ranges) และ ที่ราบฝั่งยะไข่ - คะฉิ่น Rakhine (Arakan) Coastal Plain ชั้นหินที่มีอายุอ่อนที่สุดจะอยู่ใน พื้นที่ลุ่มต่ำตอนกลาง ไล่ถัดไปทางด้านตะวันตกของประเทศ จะเป็นชั้นหินที่มีอายุแก่ขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงที่ราบแถบยะไข่ ด้านตะวันออกของประเทศ ส่วนของ Sino Burman เป็นชั้นหินที่มีอายุแก่ที่สุด มีรอยเลื่อนรัฐฉาน แนวรอยต่อเชื่อมรอยเลื่อนสะกาย อุตสาหกรรมเหมืองแร่ในเมียนมาร์ มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงหลังรัฐประหารปี 2021 ซึ่งมีการขยายตัวของการทำเหมืองแร่หายาก (Rare Earth Elements: REEs) อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม การเติบโตนี้มาพร้อมกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อน มีมูลค่าสูงถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 นับว่าแร่หายากกลุ่มหนัก heavy rare earth elements: HREE คิดเป็นสัดส่วนหลักของมูลค่าการส่งออกของเมียนมาร์ โดยส่วนใหญ่ส่งไปจีนเพื่อผลิตแม่เหล็กถาวรสำหรับรถไฟฟ้าและกังหันลมการส่งออก อัตราเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าในปี 2023 เมื่อเทียบกับปี 2021 จาก 19,500 ตัน เป็น 41,700 ตัน แน่นอนแร่หายากกลุ่ม China Rare Earths Group (REGCC) เป็นผู้ลงทุนหลัก ควบคุมทั้งเทคโนโลยี การประมวลผล และห่วงโซ่อุปทาน ภายใต้การดูแลพื้นที่ของกองทัพเมียนมาร์ (SAC) และมิลิเชียพันธมิตรควบคุมพื้นที่พิเศษ Kachin 1 และกองกำลัง Kachin Independence Army (KIA) ควบคุมพื้นที่ Momauk และแนวชายแดน แร่หายากเป็นแหล่งเงินสำคัญสำหรับทั้งรัฐบาลทหารและกลุ่มกบฎ แต่ 70% ของประชากรในพื้นที่ยังพึ่งพาการเกษตรที่ได้รับความเสียหาย ขณะที่ค่าแรงงานในเหมืองสูงถึง 600 ดอลลาร์สหรัฐ/เดือน (สูงกว่าเฉลี่ยประเทศ 2 เท่า) แต่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพ โรคปอด ปัญหาหายใจลำบาก โรคผิวหนัง และไตวายจากสารเคมี เช่น แอมโมเนียมซัลเฟตและออกซาลิกแอซิด ไม่รวมถึงมลพิษน้ำ 96% ของครัวเรือนในเขต Chipwi ไม่มีน้ำดื่มสะอาดเนื่องจากสารเคมีปนเปื้อน ดวงตาสวรรค์ได้ส่องพื้นที่การขยายตัวของเหมืองกว่า 40% ใน Kachin Special Region 1 และ Momauk ระหว่างปี 2021-2023 ที่สลายระบบนิเวศในพื้นที่ยากจะทวงคืนสภาพเดิมกลับมาในอนาคต อีกแร่ธาตุหนึ่งคือเหล็กที่เมียนมาร์ เป็นเบอร์หนึ่งของโลก ที่แหล่ง Pong Pet ซึ่งอยู่ห่างจาก Taunggyi ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นระยะทาง 10 กิโลเมตร ปรากฏเป็นแหล่งเฮมาไทต์ (Hematite) และยังพบแหล่งแร่เหล็ก 393 แหล่ง ปริมาณสารองทรัพยากรแร่ประมาณ 495 ล้านตัน และพบแหล่งแร่เหล็กที่มีศักยภาพ 14 แหล่ง ในรัฐ Kachin, Mandalay, Bago, Tanintharyi และรัฐShan ได้แก่ แหล่งแร่เหล็กสำคัญพบที่รัฐ Tanintharyi บริเวณตอนเหนือของรัฐ Shan โดยในรัฐคะฉิ่น คือศูนย์รวมแร่ธาตุความมั่งคั่งสมบูรณ์อุตสาหกรรมเหมืองแร่ นอกจากหยกแล้วยังมีแหล่งแร่เหล็กในรัฐ Kachin มีปริมาณสารองประมาณ 223 ล้านตันที่ 50.56%Fe องค์ประกอบหลักของแร่ คือ Goethite/Limonite 75%, Hematite 15% และ Magnetite 2% แน่นอนเมียนมาร์เป็นผู้ผลิตหยกรายใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในประเทศเดียวที่ผลิตหยกเจไดต์คุณภาพสูง อุตสาหกรรมหยกมีมูลค่าประมาณ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของ GDP ของประเทศ โดยเมืองผะกัน (Hpakan) เป็นที่ตั้งของเหมืองหยกที่ใหญ่ที่สุดในโลก เมืองที่มีข่าวของเหมืองถล่ม ดินโคลนโถมทับหมู่บ้านถี่มากและต้นปี 2568 ก็ได้เกิดเหตุการณ์โศกนาฎกรรมที่ซ้ำซาก สูญเสียชีวิตของผู้คนไปอย่างมาก Global Witness ประเมินไว้ว่ารายได้จากหยกได้เข้าพกเข้าห่อของผู้นำของเมียนมาไปแล้วราว 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมา หากประมวลประเทศที่มีบริษัทลงทุนในเหมืองแร่ในภาพรวมในเมียนมาร์ ได้แก่ 1.) จีน: เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมเหมืองแร่เมียนมาร์ โดยเฉพาะในเหมืองทองแดง (เช่น โครงการ Letpadaung, S&K, Tagaung Taung) และแร่หายาก มีทั้งบริษัทขนาดใหญ่ของรัฐ เช่น China Nonferrous Metal Mining (CNMC), Wanbao Mining Co., Ltd. รวมถึงนักลงทุนรายย่อยจากมณฑลยูนนานและเสฉวน 2.) ไทย: มีบริษัท Myanmar-Pongpipat Co., Ltd. ร่วมลงทุนในเหมืองดีบุกและโลหะอื่น 3.) เวียดนาม: บริษัท Simco Songda มีการลงทุนในเหมืองแร่ร่วมกับเมียนมาร์ 4.) ออสเตรเลีย: บริษัท PanAust ได้รับอนุญาตให้ศึกษาความเป็นไปได้ในพื้นที่เหมือง Wuntho 5.) ญี่ปุ่น: มีบริษัทญี่ปุ่นบางแห่งยื่นขออนุญาตลงทุนในเหมืองแร่เมียนมาร์ 6.) สิงคโปร์: แม้จะเน้นลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์และพลังงาน แต่ก็มีการลงทุนในเหมืองแร่บางส่วน 7.) มาเลเซีย, เกาหลีใต้, เนเธอร์แลนด์, สหราชอาณาจักร: มีการลงทุนในเมียนมาร์ในหลายภาคส่วน รวมถึงเหมืองแร่ในบางโครงการ ในส่วนแร่ทองคำ Blood Gold บริบทไม่แตกต่างจากพื้นที่คะฉิ่น แต่รายงานจาก EarthRights International (2567) ระบุว่าในรัฐกะฉิ่นมีการขุดทองคำเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีจุดขุดนับร้อยแห่ง ส่วนใหญ่เป็นการขุดขนาดเล็กและใช้เครื่องจักรหนัก ผู้สัมปทาน ก่อนการรัฐประหาร (2564): เหมืองทองคำขนาดใหญ่บางแห่ง เช่น ในเขตเบ็งเมาก์ (Bemauk), กานิ (Kani), และเคาก์ปาดอง (Kyaukpadaung) ดำเนินการโดยบริษัทร่วมทุนระหว่างกองทัพเมียนมาร์และบริษัทต่างชาติ เช่น บริษัทจากจีนและไทย อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเฉพาะเจาะจงในปัจจุบันหายาก พื้นที่การขุดทองคำในรัฐกะฉิ่นส่วนใหญ่ควบคุมโดย Kachin Independence Army (KIA) และกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ ซึ่งเก็บค่าธรรมเนียมจากบริษัทหรือนักขุดท้องถิ่น บริษัทจีน มีรายงานว่าได้รับสัมปทานในพื้นที่ เช่น บริเวณแม่น้ำโขงและแม่น้ำกก โดยได้รับการอนุมัติจาก United Wa State Army (UWSA) บริษัทท้องถิ่นและกองทัพเมียนมาร์: Myanmar Economic Holdings Limited (MEHL) และ Myanmar Economic Corporation (MEC) ยังคงมีส่วนในเหมืองบางแห่ง ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ไม่มีการออกใบอนุญาตขุดอย่างเป็นทางการในหลายพื้นที่ เช่น Hpakant แต่การขุดยังดำเนินต่อไปโดยผิดกฎหมาย ปัจจุบันหลังจาก การรัฐประหารในปี 2564 ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจและกฎหมาย ส่งผลให้การขุดทองคำเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีการควบคุม โดยเฉพาะในรัฐกะฉิ่นและสะกาย เพิ่มขึ้น 10 เท่าหลังการรัฐประหาร ซึ่งเป็นแหล่งทองคำสำคัญ เรียกว่าเกิดการขุดแบบทำลายล้าง ใช้เครื่องจักรกลหนักและการขุดในแม่น้ำในพื้นที่ และลุกลามขยายยังพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง แม่น้ำกก และแม่น้ำสายใกล้ชายแดนไทย แน่นอนความระส่ำระสายในพื้นที่คือการกอบโกยความมั่งคั่งในพื้นที่ที่ไม่ได้มองไกลถึงอนาคตว่าผลกระทบของผู้คน ประชาชนจะเป็นอย่างไร ระยะเวลาการฟื้นตัวความอ่อนเปียกของรัฐชาติที่ถูกสูบทรัพยากรที่มีความมั่งคั่งออกไปอย่างไร้ข้อจำกัด โดยมีอำนาจภายในควบคุม กองทัพเมียนมาร์ ควบคุมเหมืองขนาดใหญ่บางแห่งเพื่อหารายได้ กลุ่มชาติพันธุ์ เช่น KIA เก็บส่วนแบ่งจากเหมืองในพื้นที่ของตน บริษัทต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน มีบทบาทในพื้นที่รัฐที่อุดมด้วยแร่ธาตุโดยเฉพาะฉาน และพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขงที่สัญญาณได้ส่งผลแล้วกรณีที่แม่สาย ลุ่มแม่น้ำกก เชียงราย ที่ต้องเกาะติดอย่างใกล้ชิด อ้างอิง : • โครงการ การส่งเสริมการจัดหาวัตถุดิบและการลงทุนด้านเหมืองแร่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ • https://www.bbc.com/thai/international-53264790 • EarthRights International, Global Witness
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 695 มุมมอง 0 รีวิว
  • “โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเข้าถึงง่าย”: กระจกบานใหญ่จาก Bundestag สู่สภาไทย

    ในขณะที่การเมืองไทยยังคงติดหล่มแห่งความไม่โปร่งใส การซื้อเสียง ความไม่รับผิดชอบ และการลอยตัวของผู้มีอำนาจเหนือประชาชน ประเทศเยอรมนีกลับสร้างต้นแบบของความซื่อสัตย์สุจริตไว้ตรงกลางกรุงเบอร์ลิน

    Bundestag หรือรัฐสภาเยอรมัน ที่สะท้อนหลักประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

    ตัวอาคาร Reichstag ไม่ได้มีดีแค่ความอลังการทางสถาปัตยกรรม แต่คือคำประกาศเจตนารมณ์แห่งความโปร่งใส โดมแก้วเหนือห้องประชุมคือการบอกกับประชาชนว่า “พวกคุณมีสิทธิ์รู้ เห็น และตรวจสอบได้ทุกการเคลื่อนไหวของเรา” ผู้แทนราษฎรที่นั่งอยู่ภายใต้แสงธรรมชาติจากโดมแก้วนั้น จึงไม่มีที่ให้ซ่อน ไม่มีเงามืดให้แอบแฝง

    ขณะที่เมืองไทยกลับเต็มไปด้วย "โดมทึบ" ที่ประชาชนไม่มีวันมองผ่านได้ ห้องประชุมที่ถูกใช้เป็นเวทีลิเก ผลาญงบประมาณและโต้เถียงกันเพื่อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม มากกว่าจะออกกฎหมายที่ตอบสนองต่อเสียงของประชาชน

    นักการเมืองไทยบางคนกลัวความโปร่งใสเหมือนผีเห็นแสงแดด กลัวการตรวจสอบเหมือนขโมยกลัวกล้องวงจรปิด เพราะพวกเขาไม่ได้มองว่าตัวเองเป็น "ผู้รับใช้ประชาชน" แต่เป็นเจ้าของอำนาจ

    ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ประเทศไทยจะสร้าง "Reichstag ทางจิตวิญญาณ" — ที่ไม่ต้องใช้กระจกจริงมาติด แต่ใช้หลักคิดแห่งความโปร่งใส เปิดเผย และเคารพประชาชนอย่างแท้จริง

    ความโปร่งใสไม่ใช่แค่เครื่องประดับของระบอบประชาธิปไตย แต่มันคือหัวใจของมัน ถ้าไม่มีหัวใจนี้ สภาก็ไม่ต่างอะไรจากโรงละครที่แสดงละครซ้ำซากเรื่องเดียว — “อำนาจเป็นของข้า ประชาชนจงเงียบ”

    #thawornboonyawan
    #คนไทยต้องรอด
    #คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง
    Credit image : Twontrot Boon

    “Transparency, Accountability, and Accessibility”: A Giant Mirror from the Bundestag to Thailand’s Parliament

    While Thai politics remains mired in a culture of opacity, vote-buying, irresponsibility, and the detachment of power from the people, Germany has built a powerful symbol of integrity in the heart of Berlin — the Bundestag, or German federal parliament, which embodies the true essence of democracy.

    The Reichstag building is more than an architectural marvel; it is a declaration of transparency. The glass dome above the parliamentary chamber sends a clear message to the public: “You have the right to see, know, and scrutinize every action we take.” Lawmakers sit beneath natural light, visible from above — there is nowhere to hide, no shadow to scheme in.

    In contrast, Thailand is shrouded in “opaque domes” through which the people can never see. Parliamentary halls have become theatrical stages — wasting public funds and bickering over special interests rather than legislating in the people's best interest.

    Some Thai politicians fear transparency like ghosts fear daylight. They fear scrutiny the way thieves fear surveillance cameras. Because deep down, they don't see themselves as public servants — but as power-holders.

    Isn’t it time for Thailand to build its own “spiritual Reichstag”? Not with physical glass, but with a mindset rooted in openness, honesty, and deep respect for the people.

    Transparency is not a decorative feature of democracy — it is its heart. Without that heart, the parliament is nothing more than a stage for a tired play, endlessly repeating the same act: “Power belongs to us; the people must stay silent.”
    “โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเข้าถึงง่าย”: กระจกบานใหญ่จาก Bundestag สู่สภาไทย ในขณะที่การเมืองไทยยังคงติดหล่มแห่งความไม่โปร่งใส การซื้อเสียง ความไม่รับผิดชอบ และการลอยตัวของผู้มีอำนาจเหนือประชาชน ประเทศเยอรมนีกลับสร้างต้นแบบของความซื่อสัตย์สุจริตไว้ตรงกลางกรุงเบอร์ลิน Bundestag หรือรัฐสภาเยอรมัน ที่สะท้อนหลักประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ตัวอาคาร Reichstag ไม่ได้มีดีแค่ความอลังการทางสถาปัตยกรรม แต่คือคำประกาศเจตนารมณ์แห่งความโปร่งใส โดมแก้วเหนือห้องประชุมคือการบอกกับประชาชนว่า “พวกคุณมีสิทธิ์รู้ เห็น และตรวจสอบได้ทุกการเคลื่อนไหวของเรา” ผู้แทนราษฎรที่นั่งอยู่ภายใต้แสงธรรมชาติจากโดมแก้วนั้น จึงไม่มีที่ให้ซ่อน ไม่มีเงามืดให้แอบแฝง ขณะที่เมืองไทยกลับเต็มไปด้วย "โดมทึบ" ที่ประชาชนไม่มีวันมองผ่านได้ ห้องประชุมที่ถูกใช้เป็นเวทีลิเก ผลาญงบประมาณและโต้เถียงกันเพื่อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม มากกว่าจะออกกฎหมายที่ตอบสนองต่อเสียงของประชาชน นักการเมืองไทยบางคนกลัวความโปร่งใสเหมือนผีเห็นแสงแดด กลัวการตรวจสอบเหมือนขโมยกลัวกล้องวงจรปิด เพราะพวกเขาไม่ได้มองว่าตัวเองเป็น "ผู้รับใช้ประชาชน" แต่เป็นเจ้าของอำนาจ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ประเทศไทยจะสร้าง "Reichstag ทางจิตวิญญาณ" — ที่ไม่ต้องใช้กระจกจริงมาติด แต่ใช้หลักคิดแห่งความโปร่งใส เปิดเผย และเคารพประชาชนอย่างแท้จริง ความโปร่งใสไม่ใช่แค่เครื่องประดับของระบอบประชาธิปไตย แต่มันคือหัวใจของมัน ถ้าไม่มีหัวใจนี้ สภาก็ไม่ต่างอะไรจากโรงละครที่แสดงละครซ้ำซากเรื่องเดียว — “อำนาจเป็นของข้า ประชาชนจงเงียบ” #thawornboonyawan #คนไทยต้องรอด #คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Credit image : Twontrot Boon “Transparency, Accountability, and Accessibility”: A Giant Mirror from the Bundestag to Thailand’s Parliament While Thai politics remains mired in a culture of opacity, vote-buying, irresponsibility, and the detachment of power from the people, Germany has built a powerful symbol of integrity in the heart of Berlin — the Bundestag, or German federal parliament, which embodies the true essence of democracy. The Reichstag building is more than an architectural marvel; it is a declaration of transparency. The glass dome above the parliamentary chamber sends a clear message to the public: “You have the right to see, know, and scrutinize every action we take.” Lawmakers sit beneath natural light, visible from above — there is nowhere to hide, no shadow to scheme in. In contrast, Thailand is shrouded in “opaque domes” through which the people can never see. Parliamentary halls have become theatrical stages — wasting public funds and bickering over special interests rather than legislating in the people's best interest. Some Thai politicians fear transparency like ghosts fear daylight. They fear scrutiny the way thieves fear surveillance cameras. Because deep down, they don't see themselves as public servants — but as power-holders. Isn’t it time for Thailand to build its own “spiritual Reichstag”? Not with physical glass, but with a mindset rooted in openness, honesty, and deep respect for the people. Transparency is not a decorative feature of democracy — it is its heart. Without that heart, the parliament is nothing more than a stage for a tired play, endlessly repeating the same act: “Power belongs to us; the people must stay silent.”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 527 มุมมอง 0 รีวิว
  • The genius behind Eternal Genesis lies in its seamless integration of several tracks into one cohesive whole. Each section flows effortlessly into the next, and together, they create a piece that’s much more than just music; it’s an experience. The production is rich, layering lush synths over gentle vocals that, when combined, feel like an atmospheric embrace.

    @kindlinemagazine.com

    https://kindlinemagazine.com/sweet-nation-shines-bright-with-new-single-eternal-genesis/

    Kindline Magazine highlights the "lush, immersive soundscape" and "emotional depth" of Sweet Nation's "Eternal Genesis." Want to explore the influences and artistic perspectives that contribute to such powerful music? Discover more about the author's insights on my Amazon Author Page: 📚— Ekarach Chandon

    https://www.amazon.com/stores/Ekarach-Chandon/author/B0C72VBBMZ?ccs_id=72a6ccc5-c11e-46af-a506-2c08e49d3e3a

    #EternalGenesis #SweetNation #NewMusic #AmazonBooks
    The genius behind Eternal Genesis lies in its seamless integration of several tracks into one cohesive whole. Each section flows effortlessly into the next, and together, they create a piece that’s much more than just music; it’s an experience. The production is rich, layering lush synths over gentle vocals that, when combined, feel like an atmospheric embrace. @kindlinemagazine.com https://kindlinemagazine.com/sweet-nation-shines-bright-with-new-single-eternal-genesis/ Kindline Magazine highlights the "lush, immersive soundscape" and "emotional depth" of Sweet Nation's "Eternal Genesis." Want to explore the influences and artistic perspectives that contribute to such powerful music? Discover more about the author's insights on my Amazon Author Page: 📚— Ekarach Chandon https://www.amazon.com/stores/Ekarach-Chandon/author/B0C72VBBMZ?ccs_id=72a6ccc5-c11e-46af-a506-2c08e49d3e3a #EternalGenesis #SweetNation #NewMusic #AmazonBooks
    KINDLINEMAGAZINE.COM
    Sweet Nation Shines Bright with New Single "Eternal Genesis" - Kindline Magazine
    Sweet Nation, the family-born collective made up of a father, mother, daughter, and son, has unveiled their latest single, "Eternal Genesis", a hauntingly
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 292 มุมมอง 0 รีวิว
  • Ways To Stop Saying “Sorry” All The Time

    How many times have you said the word sorry today? If you’re like most people, the answer is probably: a lot.

    Sorry means “feeling regret, compunction, sympathy, pity, etc.” The only problem is, we don’t always use it that way. Sorry has become a sort of anchor that people attach to all kinds of phrases, whether they’re asking a question, asking for help, or even just moving about in a crowded space. In those instances, we aren’t feeling regret or pity, so why are we apologizing?

    Research shows that women tend to over-apologize more often than men, but no matter your identity, psychologists caution that saying sorry all the time can undermine your authority and even impact your self-esteem. If you’re a chronic over-apologizer, it’s time to switch it up. Here are 10 ways to stop saying sorry and start saying what you really mean.

    1. Catch yourself in the act.
    Before you change your habit of over-apologizing, you have to become aware of when you apologize and why. Is it anytime you feel you’re in someone’s way? Or maybe whenever you want to ask a question during a meeting? Start to notice when sorry comes out of your mouth during times when you haven’t actually done anything wrong. Try asking a trusted friend or colleague to point it out to you or even having a day where you write down a tick mark every time you say it.

    2. Think about why you apologize.
    Has sorry become a filler word? Maybe it gives you something to say when you aren’t sure what else to say, or maybe it’s a way of dealing with anxiety or a lack of confidence in certain situations. Understanding why you apologize all the time will help you identify situations for which you could brainstorm some other words and phrases to have in your arsenal instead.

    3. Say “thank you,” not “sorry.”
    When you’re ready to start replacing the word sorry in your vocabulary, here’s an easy trick: say “thank you” instead. This is especially helpful at work or in other places where saying sorry might come off as less authoritative. Thank you turns an apologetic statement into one that exudes confidence. Here are some examples:

    - Instead of Sorry for being late, try Thanks for waiting.
    - Instead of Sorry for the late notice, try I’m so glad you could make it.
    - Instead of Sorry for complaining, try Thanks for listening.
    - Instead of Sorry for the mistake, try Thank you for catching that.

    4. Use a different word.
    Are you using sorry in place of a word or phrase that might work better? For example, when you need something at a restaurant or want to reach in front of someone at the grocery store to grab an item, do you automatically apologize? If so, you may be using sorry as a default, so try to choose some replacement words. Here are some ideas:

    - pardon
    - excuse me
    - after you
    - oops

    5. Focus on solutions.
    We all make mistakes, and apologizing when we really mess up is a good idea. But you don’t need to jump straight to sorry every time there is a minor mishap. In situations at work or even in conversations with friends and loved ones, it can be helpful and more proactive to lead with what you’re going to do to fix the problem. In these situations, try one of these alternatives:

    - I hear you, and I’m going to [list actions you plan to take].
    - Thank you for bringing this to my attention. I’m going to work on it.
    - This didn’t go as planned, but I’m going to make it right.
    - Can you give me feedback on how I can do this differently?

    6. Ask a question.
    Sometimes we use sorry as a way of getting someone’s attention, as in, “Sorry, but I have a question.” The only problem is that beginning your sentence with an apology has the potential to make you sound more passive or make others see you as less authoritative. Instead of defaulting to apologizing whenever you have something to say, try these alternatives:

    - Instead of Sorry to bother you, try Is now a good time to talk?
    - Instead of Sorry for interrupting, try Can I expand on that?
    - Instead of Sorry for getting in the way, try Can I squeeze past you?
    - Instead of Sorry, but I have a question, try Is now a good time for questions?

    7. Ban sorry from your emails.
    In person, the word sorry can slip out without notice. But over email you have the opportunity of more time to think about what you really want to say. Take advantage of that by banning the word sorry from all communications. After you write an email, read through it quickly and delete every instance of sorry or other passive language, and replace it with some of the words or phrases above. It’s a small step that can go a long way towards making you sound more self-assured.

    8. Practice empathy, not sympathy.
    Sorry is a go-to word when something bad happens to someone else, but it isn’t always the best word. Sorry conveys sympathy, and it focuses on how the speaker feels rather than the recipient. Plus, because the word is so overused, it can sometimes sound insincere. Instead of jumping right to sorry in these situations, practice empathy by acknowledging the other person’s feelings over yours. Some examples include:

    - That must have been really difficult.
    - I know you’re really hurting right now.
    - Thank you for trusting me with this.
    - What can I do to make this easier for you?

    9. Prep before important conversations.
    If you know ahead of time that you’re going into a tough conversation where you might be tempted to over-apologize, rehearse some other lines to use instead. For example, if you need to talk to a boss about a problem at work, think about how the conversation might go and choose a few sorry alternatives from earlier on this list. Practice what you’ll say ahead of time. When alternative words and phrases are fresh in your mind, they’ll be easier to remember and work into the conversation naturally.

    10. Get an accountability partner.
    It might be easier to change your habits if you have a little help. If you have a friend, partner, or colleague that you trust, let them know you’re trying to delete sorry from your vocabulary, and see if they’re willing to help by privately pointing out when they hear you over-apologizing. They may notice times when you apologize that you’ve overlooked, and knowing they’re on the lookout might motivate you to change your ways even more. After a while, your sorry habit will be a thing of the past. Sorry, not sorry.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    Ways To Stop Saying “Sorry” All The Time How many times have you said the word sorry today? If you’re like most people, the answer is probably: a lot. Sorry means “feeling regret, compunction, sympathy, pity, etc.” The only problem is, we don’t always use it that way. Sorry has become a sort of anchor that people attach to all kinds of phrases, whether they’re asking a question, asking for help, or even just moving about in a crowded space. In those instances, we aren’t feeling regret or pity, so why are we apologizing? Research shows that women tend to over-apologize more often than men, but no matter your identity, psychologists caution that saying sorry all the time can undermine your authority and even impact your self-esteem. If you’re a chronic over-apologizer, it’s time to switch it up. Here are 10 ways to stop saying sorry and start saying what you really mean. 1. Catch yourself in the act. Before you change your habit of over-apologizing, you have to become aware of when you apologize and why. Is it anytime you feel you’re in someone’s way? Or maybe whenever you want to ask a question during a meeting? Start to notice when sorry comes out of your mouth during times when you haven’t actually done anything wrong. Try asking a trusted friend or colleague to point it out to you or even having a day where you write down a tick mark every time you say it. 2. Think about why you apologize. Has sorry become a filler word? Maybe it gives you something to say when you aren’t sure what else to say, or maybe it’s a way of dealing with anxiety or a lack of confidence in certain situations. Understanding why you apologize all the time will help you identify situations for which you could brainstorm some other words and phrases to have in your arsenal instead. 3. Say “thank you,” not “sorry.” When you’re ready to start replacing the word sorry in your vocabulary, here’s an easy trick: say “thank you” instead. This is especially helpful at work or in other places where saying sorry might come off as less authoritative. Thank you turns an apologetic statement into one that exudes confidence. Here are some examples: - Instead of Sorry for being late, try Thanks for waiting. - Instead of Sorry for the late notice, try I’m so glad you could make it. - Instead of Sorry for complaining, try Thanks for listening. - Instead of Sorry for the mistake, try Thank you for catching that. 4. Use a different word. Are you using sorry in place of a word or phrase that might work better? For example, when you need something at a restaurant or want to reach in front of someone at the grocery store to grab an item, do you automatically apologize? If so, you may be using sorry as a default, so try to choose some replacement words. Here are some ideas: - pardon - excuse me - after you - oops 5. Focus on solutions. We all make mistakes, and apologizing when we really mess up is a good idea. But you don’t need to jump straight to sorry every time there is a minor mishap. In situations at work or even in conversations with friends and loved ones, it can be helpful and more proactive to lead with what you’re going to do to fix the problem. In these situations, try one of these alternatives: - I hear you, and I’m going to [list actions you plan to take]. - Thank you for bringing this to my attention. I’m going to work on it. - This didn’t go as planned, but I’m going to make it right. - Can you give me feedback on how I can do this differently? 6. Ask a question. Sometimes we use sorry as a way of getting someone’s attention, as in, “Sorry, but I have a question.” The only problem is that beginning your sentence with an apology has the potential to make you sound more passive or make others see you as less authoritative. Instead of defaulting to apologizing whenever you have something to say, try these alternatives: - Instead of Sorry to bother you, try Is now a good time to talk? - Instead of Sorry for interrupting, try Can I expand on that? - Instead of Sorry for getting in the way, try Can I squeeze past you? - Instead of Sorry, but I have a question, try Is now a good time for questions? 7. Ban sorry from your emails. In person, the word sorry can slip out without notice. But over email you have the opportunity of more time to think about what you really want to say. Take advantage of that by banning the word sorry from all communications. After you write an email, read through it quickly and delete every instance of sorry or other passive language, and replace it with some of the words or phrases above. It’s a small step that can go a long way towards making you sound more self-assured. 8. Practice empathy, not sympathy. Sorry is a go-to word when something bad happens to someone else, but it isn’t always the best word. Sorry conveys sympathy, and it focuses on how the speaker feels rather than the recipient. Plus, because the word is so overused, it can sometimes sound insincere. Instead of jumping right to sorry in these situations, practice empathy by acknowledging the other person’s feelings over yours. Some examples include: - That must have been really difficult. - I know you’re really hurting right now. - Thank you for trusting me with this. - What can I do to make this easier for you? 9. Prep before important conversations. If you know ahead of time that you’re going into a tough conversation where you might be tempted to over-apologize, rehearse some other lines to use instead. For example, if you need to talk to a boss about a problem at work, think about how the conversation might go and choose a few sorry alternatives from earlier on this list. Practice what you’ll say ahead of time. When alternative words and phrases are fresh in your mind, they’ll be easier to remember and work into the conversation naturally. 10. Get an accountability partner. It might be easier to change your habits if you have a little help. If you have a friend, partner, or colleague that you trust, let them know you’re trying to delete sorry from your vocabulary, and see if they’re willing to help by privately pointing out when they hear you over-apologizing. They may notice times when you apologize that you’ve overlooked, and knowing they’re on the lookout might motivate you to change your ways even more. After a while, your sorry habit will be a thing of the past. Sorry, not sorry. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 393 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้เผยแพร่บทความที่ชื่อว่า "7 Tips to Get the Most Out of Windows 11" โดยมีเป้าหมายเพื่อโน้มน้าวให้ผู้ใช้ Windows 10 อัปเกรดเป็น Windows 11 บทความนี้ชี้ให้เห็นถึงฟีเจอร์ที่น่าสนใจ เช่น การปรับแต่ง Start Menu, Snap Layouts, Virtual Desktops, Widgets และ Focus Sessions อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์เหล่านี้ถูกวิจารณ์ว่าไม่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้ใช้ได้มากพอ

    นอกจากนี้ Microsoft ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการอัปเกรด เนื่องจากการสนับสนุน Windows 10 จะสิ้นสุดในเดือนตุลาคม 2025 แต่บทความนี้กลับไม่ได้กล่าวถึงฟีเจอร์ที่สำคัญ เช่น ความปลอดภัยที่ดีขึ้นและประสิทธิภาพที่ราบรื่นกว่าเดิม

    ✅ บทความเพื่อกระตุ้นการอัปเกรด
    - Microsoft เผยแพร่บทความ "7 Tips to Get the Most Out of Windows 11"
    - มีเป้าหมายเพื่อโน้มน้าวให้ผู้ใช้ Windows 10 อัปเกรด

    ✅ ฟีเจอร์ที่นำเสนอในบทความ
    - การปรับแต่ง Start Menu
    - Snap Layouts และ Virtual Desktops
    - Widgets และ Focus Sessions

    ✅ การสิ้นสุดการสนับสนุน Windows 10
    - Microsoft เน้นย้ำว่าการสนับสนุน Windows 10 จะสิ้นสุดในเดือนตุลาคม 2025

    ℹ️ ข้อวิจารณ์ต่อบทความ
    - ฟีเจอร์ที่นำเสนอไม่ได้ดึงดูดความสนใจของผู้ใช้มากพอ
    - บทความไม่ได้กล่าวถึงฟีเจอร์สำคัญ เช่น ความปลอดภัยและประสิทธิภาพ

    ℹ️ ผลกระทบต่อผู้ใช้ Windows 10
    - ผู้ใช้ต้องตัดสินใจว่าจะอัปเกรดหรือจ่ายเงินเพื่อรักษาการสนับสนุน Windows 10
    - การสิ้นสุดการสนับสนุนอาจสร้างแรงกดดันให้ผู้ใช้ต้องเปลี่ยนระบบปฏิบัติการ

    https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-latest-attempt-to-persuade-upgrades-to-windows-11-falls-spectacularly-flat-on-its-face
    Microsoft ได้เผยแพร่บทความที่ชื่อว่า "7 Tips to Get the Most Out of Windows 11" โดยมีเป้าหมายเพื่อโน้มน้าวให้ผู้ใช้ Windows 10 อัปเกรดเป็น Windows 11 บทความนี้ชี้ให้เห็นถึงฟีเจอร์ที่น่าสนใจ เช่น การปรับแต่ง Start Menu, Snap Layouts, Virtual Desktops, Widgets และ Focus Sessions อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์เหล่านี้ถูกวิจารณ์ว่าไม่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้ใช้ได้มากพอ นอกจากนี้ Microsoft ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการอัปเกรด เนื่องจากการสนับสนุน Windows 10 จะสิ้นสุดในเดือนตุลาคม 2025 แต่บทความนี้กลับไม่ได้กล่าวถึงฟีเจอร์ที่สำคัญ เช่น ความปลอดภัยที่ดีขึ้นและประสิทธิภาพที่ราบรื่นกว่าเดิม ✅ บทความเพื่อกระตุ้นการอัปเกรด - Microsoft เผยแพร่บทความ "7 Tips to Get the Most Out of Windows 11" - มีเป้าหมายเพื่อโน้มน้าวให้ผู้ใช้ Windows 10 อัปเกรด ✅ ฟีเจอร์ที่นำเสนอในบทความ - การปรับแต่ง Start Menu - Snap Layouts และ Virtual Desktops - Widgets และ Focus Sessions ✅ การสิ้นสุดการสนับสนุน Windows 10 - Microsoft เน้นย้ำว่าการสนับสนุน Windows 10 จะสิ้นสุดในเดือนตุลาคม 2025 ℹ️ ข้อวิจารณ์ต่อบทความ - ฟีเจอร์ที่นำเสนอไม่ได้ดึงดูดความสนใจของผู้ใช้มากพอ - บทความไม่ได้กล่าวถึงฟีเจอร์สำคัญ เช่น ความปลอดภัยและประสิทธิภาพ ℹ️ ผลกระทบต่อผู้ใช้ Windows 10 - ผู้ใช้ต้องตัดสินใจว่าจะอัปเกรดหรือจ่ายเงินเพื่อรักษาการสนับสนุน Windows 10 - การสิ้นสุดการสนับสนุนอาจสร้างแรงกดดันให้ผู้ใช้ต้องเปลี่ยนระบบปฏิบัติการ https://www.techradar.com/computing/windows/microsofts-latest-attempt-to-persuade-upgrades-to-windows-11-falls-spectacularly-flat-on-its-face
    WWW.TECHRADAR.COM
    Microsoft’s latest attempt to persuade upgrades to Windows 11 falls spectacularly flat on its face
    I don’t know what Microsoft’s thinking, but this is the oddest attempt I’ve ever seen to prod folks to upgrade to Windows 11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • MediaTek ได้เปิดตัว Dimensity 9400+ ซึ่งเป็นชิปสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ล้ำสมัยและการปรับปรุงในหลายด้าน โดยเฉพาะในเรื่องของ Bluetooth และ AI

    == ฟีเจอร์สำคัญของ Dimensity 9400+ ==
    ✅ ระยะ Bluetooth ที่ยาวที่สุด:
    - รองรับ Bluetooth 6.0 พร้อม ระยะการเชื่อมต่อสูงสุดถึง 10 กิโลเมตร เมื่ออยู่ในสายตาโดยตรง
    - มีอัตราการส่งข้อมูลสูงสุดที่ 12 Mbps ซึ่งมากกว่ารุ่นก่อนถึง 6 เท่า

    ✅ ประสิทธิภาพ CPU และ AI:
    - ใช้ Cortex-X925 CPU ที่มีความเร็ว 3.73 GHz ซึ่งสูงกว่ารุ่นก่อน
    - รองรับ Speculative Decoding+ (SpD+) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ AI ได้ถึง 20%

    ✅ การประมวลผล AI และ LLMs:
    - รองรับโมเดลภาษาใหญ่ (LLMs) เช่น DeepSeek-R1-Distill ที่มีพารามิเตอร์ตั้งแต่ 1.5 พันล้านถึง 8 พันล้าน
    - ประมวลผลได้บนอุปกรณ์โดยตรง

    ✅ การปรับปรุงด้านกราฟิกและพลังงาน:
    - ใช้ MediaTek Frame Rate Converter 2.0+ (MFRC 2.0+) ที่ช่วยเพิ่ม FPS และลดการใช้พลังงานได้ถึง 40%

    ✅ การเชื่อมต่อและความยืดหยุ่น:
    - รองรับ Wi-Fi 7 แบบ tri-band concurrency และ 5G/4G Dual SIM Dual Active

    == ข้อเสนอแนะและคำเตือน ==
    ⚠️ ความปลอดภัยของ Bluetooth:
    - ระยะ Bluetooth ที่ยาวขึ้นอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีทางไซเบอร์

    ⚠️ การใช้พลังงาน:
    - แม้จะมีการปรับปรุงด้านพลังงาน แต่การใช้งานฟีเจอร์ขั้นสูงอาจเพิ่มการใช้พลังงานในบางกรณี

    https://www.neowin.net/news/mediatek-dimensity-9400-smartphone-chip-offers-10km-bluetooth-range/
    MediaTek ได้เปิดตัว Dimensity 9400+ ซึ่งเป็นชิปสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ล้ำสมัยและการปรับปรุงในหลายด้าน โดยเฉพาะในเรื่องของ Bluetooth และ AI == ฟีเจอร์สำคัญของ Dimensity 9400+ == ✅ ระยะ Bluetooth ที่ยาวที่สุด: - รองรับ Bluetooth 6.0 พร้อม ระยะการเชื่อมต่อสูงสุดถึง 10 กิโลเมตร เมื่ออยู่ในสายตาโดยตรง - มีอัตราการส่งข้อมูลสูงสุดที่ 12 Mbps ซึ่งมากกว่ารุ่นก่อนถึง 6 เท่า ✅ ประสิทธิภาพ CPU และ AI: - ใช้ Cortex-X925 CPU ที่มีความเร็ว 3.73 GHz ซึ่งสูงกว่ารุ่นก่อน - รองรับ Speculative Decoding+ (SpD+) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ AI ได้ถึง 20% ✅ การประมวลผล AI และ LLMs: - รองรับโมเดลภาษาใหญ่ (LLMs) เช่น DeepSeek-R1-Distill ที่มีพารามิเตอร์ตั้งแต่ 1.5 พันล้านถึง 8 พันล้าน - ประมวลผลได้บนอุปกรณ์โดยตรง ✅ การปรับปรุงด้านกราฟิกและพลังงาน: - ใช้ MediaTek Frame Rate Converter 2.0+ (MFRC 2.0+) ที่ช่วยเพิ่ม FPS และลดการใช้พลังงานได้ถึง 40% ✅ การเชื่อมต่อและความยืดหยุ่น: - รองรับ Wi-Fi 7 แบบ tri-band concurrency และ 5G/4G Dual SIM Dual Active == ข้อเสนอแนะและคำเตือน == ⚠️ ความปลอดภัยของ Bluetooth: - ระยะ Bluetooth ที่ยาวขึ้นอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีทางไซเบอร์ ⚠️ การใช้พลังงาน: - แม้จะมีการปรับปรุงด้านพลังงาน แต่การใช้งานฟีเจอร์ขั้นสูงอาจเพิ่มการใช้พลังงานในบางกรณี https://www.neowin.net/news/mediatek-dimensity-9400-smartphone-chip-offers-10km-bluetooth-range/
    WWW.NEOWIN.NET
    MediaTek Dimensity 9400+ smartphone chip offers 10km Bluetooth range
    MediaTek has launched an upgraded flagship smartphone chip with a Bluetooth range 6.6 times that of Dimensity 9400.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
  • UALink กำลังสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมการเชื่อมต่อสำหรับ AI Accelerator ด้วยการเผยแพร่สเปคสุดท้ายของ UALink 1.0 ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ผลิต เช่น AMD, Intel, และ Google พัฒนาโซลูชันที่สามารถแข่งขันกับเทคโนโลยี NVLink ของ Nvidia ได้อย่างเต็มตัว

    ✅ ความเร็วและประสิทธิภาพที่สูง:
    - รองรับการส่งข้อมูลแบบสองทิศทางถึง 200 GT/s ต่อเลน และสามารถรองรับการเชื่อมต่อ GPU หรือ AI Accelerator ได้สูงสุด 1,024 หน่วย ต่อระบบ
    - มี Latency ต่ำกว่า 1 ไมโครวินาที และรองรับการทำงานร่วมกับหน่วยความจำแบบ Remote และ Local

    ✅ มาตรฐานแบบเปิด (Open Standard):
    - แทนการใช้เทคโนโลยีเฉพาะของ Nvidia UALink ช่วยให้ทุกบริษัทสามารถพัฒนาอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อได้ด้วยต้นทุนที่ลดลง

    ✅ การรองรับการทำงานหลายผู้ใช้งาน (Multi-Tenancy):
    - มีฟีเจอร์ Virtual Pod Partitioning ช่วยแยกการใช้งานกลุ่ม Accelerator โดยไม่กระทบกัน ทำให้รองรับการใช้งานหลายองค์กรบนโครงสร้างพื้นฐานเดียวกัน

    ในขณะที่ Nvidia NVLink มีระบบที่แข็งแกร่งและเป็นที่นิยมอยู่แล้ว UALink มาพร้อมความตั้งใจที่จะ สร้างมาตรฐานใหม่ในวงการศูนย์ข้อมูล ด้วยต้นทุนที่ลดลงและการเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตอื่นเข้ามามีส่วนร่วม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/ualink-has-nvidias-nvlink-in-the-crosshairs-final-specs-support-up-to-1-024-gpus-with-200-gt-s-bandwidth
    UALink กำลังสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมการเชื่อมต่อสำหรับ AI Accelerator ด้วยการเผยแพร่สเปคสุดท้ายของ UALink 1.0 ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ผลิต เช่น AMD, Intel, และ Google พัฒนาโซลูชันที่สามารถแข่งขันกับเทคโนโลยี NVLink ของ Nvidia ได้อย่างเต็มตัว ✅ ความเร็วและประสิทธิภาพที่สูง: - รองรับการส่งข้อมูลแบบสองทิศทางถึง 200 GT/s ต่อเลน และสามารถรองรับการเชื่อมต่อ GPU หรือ AI Accelerator ได้สูงสุด 1,024 หน่วย ต่อระบบ - มี Latency ต่ำกว่า 1 ไมโครวินาที และรองรับการทำงานร่วมกับหน่วยความจำแบบ Remote และ Local ✅ มาตรฐานแบบเปิด (Open Standard): - แทนการใช้เทคโนโลยีเฉพาะของ Nvidia UALink ช่วยให้ทุกบริษัทสามารถพัฒนาอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อได้ด้วยต้นทุนที่ลดลง ✅ การรองรับการทำงานหลายผู้ใช้งาน (Multi-Tenancy): - มีฟีเจอร์ Virtual Pod Partitioning ช่วยแยกการใช้งานกลุ่ม Accelerator โดยไม่กระทบกัน ทำให้รองรับการใช้งานหลายองค์กรบนโครงสร้างพื้นฐานเดียวกัน ในขณะที่ Nvidia NVLink มีระบบที่แข็งแกร่งและเป็นที่นิยมอยู่แล้ว UALink มาพร้อมความตั้งใจที่จะ สร้างมาตรฐานใหม่ในวงการศูนย์ข้อมูล ด้วยต้นทุนที่ลดลงและการเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตอื่นเข้ามามีส่วนร่วม https://www.tomshardware.com/tech-industry/ualink-has-nvidias-nvlink-in-the-crosshairs-final-specs-support-up-to-1-024-gpus-with-200-gt-s-bandwidth
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sunbird คือจรวดที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์ฟิวชันซึ่งสามารถลดระยะเวลาเดินทางในอวกาศได้อย่างมหาศาล เช่น การเดินทางไปดาวพลูโตในเวลาเพียง 4 ปี เทียบกับกว่า 10 ปีของจรวดเคมีทั่วไป แม้โครงการนี้จะเผชิญความท้าทายในด้านการจัดหา Helium-3 และข้อกำหนดด้านความปลอดภัย แต่หากสำเร็จ Sunbird อาจเป็นจรวดที่เปลี่ยนแปลงอนาคตของการสำรวจอวกาศ

    ✅ ขับเคลื่อนด้วย Dual Direct Fusion Drive (DDFD)
    - DDFD คือเครื่องยนต์นิวเคลียร์ฟิวชันขนาดกะทัดรัดที่ให้พลังงานทั้งในรูปแบบ แรงขับเคลื่อน (Thrust) และ พลังงานไฟฟ้า
    - ระบบนี้ใช้การหลอมรวม Helium-3 และ Deuterium เพื่อปล่อยพลังงาน และแตกต่างจากระบบฟิวชันทั่วไปที่แปลงพลังงานเป็นไฟฟ้าก่อนจะสร้างแรงขับ

    ✅ ประสิทธิภาพที่เหนือกว่าเทคโนโลยีปัจจุบัน
    - Sunbird มีค่า specific impulse สูงถึง 10,000–15,000 วินาที ซึ่งแสดงถึงการใช้เชื้อเพลิงที่ประหยัดกว่าและรองรับภารกิจระยะยาว
    - ตัวเครื่องยังสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ถึง 2 เมกะวัตต์ เพื่อใช้สำหรับระบบบนยานอวกาศหรือเครื่องมือวิทยาศาสตร์

    ✅ ลดเวลาเดินทางในอวกาศได้อย่างมหาศาล
    - จรวด Sunbird สามารถนำยานน้ำหนักประมาณ 1,000 กิโลกรัม (เทียบเท่าผู้ใหญ่ 12 คน) ไปยังดาวพลูโตได้ใน 4 ปี
    - ยังสามารถลดเวลาเดินทางไปดาวอังคารลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งอาจมีบทบาทสำคัญต่อภารกิจสำรวจในอนาคต

    == ความท้าทายของโครงการ ==
    ✅ การควบคุมปฏิกิริยาฟิวชัน
    - การทำให้นิวเคลียร์ฟิวชันเกิดขึ้นอย่างยั่งยืนและควบคุมได้ในสภาพแวดล้อมที่มีแรงดันต่ำของอวกาศยังเป็นเรื่องซับซ้อน

    ✅ การจัดหา Helium-3
    - Helium-3 เป็นธาตุหายากบนโลกและต้องสกัดจากดินผิวดวงจันทร์หรือแหล่งในอวกาศ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงมาก

    ✅ ความปลอดภัยและกฎระเบียบ
    - การใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์ในอวกาศต้องมีการกำกับดูแลด้านความปลอดภัยที่เข้มงวด และต้องผ่านข้อกำหนดทางกฎหมายระหว่างประเทศ

    Pulsar Fusion มีแผนจะเริ่มทดสอบเทคโนโลยีหลักในปี 2025 และอาจมีการสาธิตการใช้งานในวงโคจร (in-orbit) ภายในปี 2027 ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดสำคัญว่าจรวดนี้สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับการสำรวจอวกาศได้จริงหรือไม่

    https://www.neowin.net/news/nuclear-rocket-pulsar-fusion-sunbird-could-fly-12-grown-men-to-pluto-in-just-four-years/
    Sunbird คือจรวดที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์ฟิวชันซึ่งสามารถลดระยะเวลาเดินทางในอวกาศได้อย่างมหาศาล เช่น การเดินทางไปดาวพลูโตในเวลาเพียง 4 ปี เทียบกับกว่า 10 ปีของจรวดเคมีทั่วไป แม้โครงการนี้จะเผชิญความท้าทายในด้านการจัดหา Helium-3 และข้อกำหนดด้านความปลอดภัย แต่หากสำเร็จ Sunbird อาจเป็นจรวดที่เปลี่ยนแปลงอนาคตของการสำรวจอวกาศ ✅ ขับเคลื่อนด้วย Dual Direct Fusion Drive (DDFD) - DDFD คือเครื่องยนต์นิวเคลียร์ฟิวชันขนาดกะทัดรัดที่ให้พลังงานทั้งในรูปแบบ แรงขับเคลื่อน (Thrust) และ พลังงานไฟฟ้า - ระบบนี้ใช้การหลอมรวม Helium-3 และ Deuterium เพื่อปล่อยพลังงาน และแตกต่างจากระบบฟิวชันทั่วไปที่แปลงพลังงานเป็นไฟฟ้าก่อนจะสร้างแรงขับ ✅ ประสิทธิภาพที่เหนือกว่าเทคโนโลยีปัจจุบัน - Sunbird มีค่า specific impulse สูงถึง 10,000–15,000 วินาที ซึ่งแสดงถึงการใช้เชื้อเพลิงที่ประหยัดกว่าและรองรับภารกิจระยะยาว - ตัวเครื่องยังสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ถึง 2 เมกะวัตต์ เพื่อใช้สำหรับระบบบนยานอวกาศหรือเครื่องมือวิทยาศาสตร์ ✅ ลดเวลาเดินทางในอวกาศได้อย่างมหาศาล - จรวด Sunbird สามารถนำยานน้ำหนักประมาณ 1,000 กิโลกรัม (เทียบเท่าผู้ใหญ่ 12 คน) ไปยังดาวพลูโตได้ใน 4 ปี - ยังสามารถลดเวลาเดินทางไปดาวอังคารลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งอาจมีบทบาทสำคัญต่อภารกิจสำรวจในอนาคต == ความท้าทายของโครงการ == ✅ การควบคุมปฏิกิริยาฟิวชัน - การทำให้นิวเคลียร์ฟิวชันเกิดขึ้นอย่างยั่งยืนและควบคุมได้ในสภาพแวดล้อมที่มีแรงดันต่ำของอวกาศยังเป็นเรื่องซับซ้อน ✅ การจัดหา Helium-3 - Helium-3 เป็นธาตุหายากบนโลกและต้องสกัดจากดินผิวดวงจันทร์หรือแหล่งในอวกาศ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงมาก ✅ ความปลอดภัยและกฎระเบียบ - การใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์ในอวกาศต้องมีการกำกับดูแลด้านความปลอดภัยที่เข้มงวด และต้องผ่านข้อกำหนดทางกฎหมายระหว่างประเทศ Pulsar Fusion มีแผนจะเริ่มทดสอบเทคโนโลยีหลักในปี 2025 และอาจมีการสาธิตการใช้งานในวงโคจร (in-orbit) ภายในปี 2027 ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดสำคัญว่าจรวดนี้สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับการสำรวจอวกาศได้จริงหรือไม่ https://www.neowin.net/news/nuclear-rocket-pulsar-fusion-sunbird-could-fly-12-grown-men-to-pluto-in-just-four-years/
    WWW.NEOWIN.NET
    Nuclear rocket Pulsar Fusion Sunbird could fly 12 grown men to Pluto in just four years
    Pulsar Fusion's Sunbird project was shown off recently, which will be a nuclear-powered rocket concept capable of carrying up to 12 grown men to Pluto in just four years.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • “จิรายุ” ชี้คำแนะนำฝ่ายค้านบางพรรคให้เร่งตั้ง กก.แก้ปัญหาภาษีสหรัฐฯ รัฐบาลเกรงว่าจะไม่ทันการณ์เพราะนายกฯ สั่งตั้งและขับเคลื่อนมาตั้งแต่เดือนมกราคมแล้ว ก่อน "โดนัลด์ ทรัมป์" เข้ารับตำแหน่ง เชื่อฝ่ายค้านคงตกข่าว ล่าสุดนายกฯ เรียกประชุม กก.สรุปทั้งหมดอังคารนี้ที่ทำเนียบฯ เพื่อหาทางออกในการเจรจา

    วันนี้ (5 เม.ย 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีที่พรรคฝ่ายค้านบางพรรคออกแถลงการณ์เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเร่งตั้งคณะทำงานพิเศษ (Special Task Force) โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อรับมือกรณีสหรัฐอเมริกาประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยในอัตราสูงนั้น

    ขอยืนยันว่ารัฐบาลภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามมาตรการด้านการค้ากับสหรัฐอเมริกา มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่แล้วก่อนการรับตำแหน่งของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เสียด้วยซ้ำ

    สำหรับข้อเสนอของพรรคฝ่ายค้านบางพรรค ที่เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเร่งตั้งคณะทำงานพิเศษ (Special Task Force) นั้น คงล่าช้าไม่ทันการอย่างแน่นอนอาจเป็นเพราะพรรคฝ่ายค้านบางพรรคไม่ได้ติดตามข่าวสาร ว่ารัฐบาลมีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง อย่างเป็นระบบแล้ว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9680000032625

    #MGROnline #จิรายุ
    “จิรายุ” ชี้คำแนะนำฝ่ายค้านบางพรรคให้เร่งตั้ง กก.แก้ปัญหาภาษีสหรัฐฯ รัฐบาลเกรงว่าจะไม่ทันการณ์เพราะนายกฯ สั่งตั้งและขับเคลื่อนมาตั้งแต่เดือนมกราคมแล้ว ก่อน "โดนัลด์ ทรัมป์" เข้ารับตำแหน่ง เชื่อฝ่ายค้านคงตกข่าว ล่าสุดนายกฯ เรียกประชุม กก.สรุปทั้งหมดอังคารนี้ที่ทำเนียบฯ เพื่อหาทางออกในการเจรจา • วันนี้ (5 เม.ย 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีที่พรรคฝ่ายค้านบางพรรคออกแถลงการณ์เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเร่งตั้งคณะทำงานพิเศษ (Special Task Force) โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อรับมือกรณีสหรัฐอเมริกาประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยในอัตราสูงนั้น • ขอยืนยันว่ารัฐบาลภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามมาตรการด้านการค้ากับสหรัฐอเมริกา มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่แล้วก่อนการรับตำแหน่งของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เสียด้วยซ้ำ • สำหรับข้อเสนอของพรรคฝ่ายค้านบางพรรค ที่เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเร่งตั้งคณะทำงานพิเศษ (Special Task Force) นั้น คงล่าช้าไม่ทันการอย่างแน่นอนอาจเป็นเพราะพรรคฝ่ายค้านบางพรรคไม่ได้ติดตามข่าวสาร ว่ารัฐบาลมีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง อย่างเป็นระบบแล้ว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9680000032625 • #MGROnline #จิรายุ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 319 มุมมอง 0 รีวิว
  • Ways To Say You’re Sorry

    You may have been friends with someone for years, but it only takes a second to damage that friendship with the wrong word or two. Now that you’ve made the mess, it’s time to clean it up with a well chosen apology. There are different ways to say you’re sorry, of course.

    Let’s examine the words and a few of the situations they’re most suited for. Hopefully you won’t find yourself in too many of these jams, but let’s face it. We’re all human, and we all make mistakes—whether it’s breaking a window or forgetting you were supposed to meet someone for that Valentine’s Day lunch. Whoops. Pro Tip: don’t forget to be sincere when saying you’re sorry.

    I’m Sorry
    You’re expressing regret for your actions. Sorry means “feeling regret, compunction, sympathy, pity.” Emotion comes into play with this one when it’s used as a verbal cue. If you just backed into someone’s car, you hop out and say it with a lot of emphasis. Or, if you merely bump someone on the subway as you head for the door, proper etiquette dictates you simply nod and give a quick sorry as you exit. No need to belabor that one. Depending on the situation, adding words extremely or sincerely may help (and if you’re using those additional words, then yes—get flowers or candy on the speed dial, it’s better late than never).

    Elton John thinks this word is a tough one.

    I Apologize
    Pretty much in line with number one on our list, when you apologize, you “offer an apology or excuse for some fault, insult, failure, or injury.” This word is used in formal situations, but is equally at home in an informal context.

    It’s All My Fault
    You’re drawing deep from the well of sincerity here. You’re taking all the blame; you’re all in. You’re confessing one’s faults.

    I Regret
    If you use the word regret in an apology statement, it sounds a bit too formal and seems rather, oh what’s the word—insincere? Then again, inflection and circumstance come into play. In the World Wars, the military would send telegrams to families who lost loved ones, using this phrase. There’s no doubt they were sincere, and it brought them straight to the point.

    Beg Pardon
    We cite beg pardon as “an expression of apology (used especially in the phrase with no beg-pardons).” However, this one seems a bit off the mark, does it not? The phrase I beg your pardon seems more useful when used as a statement of indignation when someone cuts in front of you in the movie line. So…maybe you’re not actually sorry (ending the phrase with an upward inflection is key). 1960s singer Lynn Anderson never promised anyone a rose garden, so she went on begging people’s pardon’s all the way to the top of the pops.

    I’m Sorry (Textspeak Version)
    This being 2017 and all, we’re adding some versions you can use in phone messenger form. If you’d like to tap something appropriate (you’re still too scared or too busy to meet them face to face) SMSTXTs suggests: apologies r in order and then add whatever transgression has been committed: 4 ruining ur day, 4 making u feel bad, 4 always being late, 4 not showing up, etc.

    My Bad
    Quite popular as an informal way of getting yourself off the hook, my bad works wonders. You admit it, it’s done, let’s move on, not a big deal.

    Forgive Me
    You’ve really gone and done it. You’re not even in the doghouse anymore—Fido kicked you out of there, too. Our top reference to forgive is “to grant pardon for or remission of (an offense, debt, etc.); absolve.”

    Thank You
    Throwing you a curve with this one, of course. Try it sometime, maybe in something like the following situation. According to The Muse, “If someone points out a small typo in the rough draft of a presentation you put together or helps you wipe up some coffee you spilled on the conference table, a ‘thanks’ is more in order than a ‘sorry.’ Neither situation is dire, and showing someone you appreciate the help is better than having his or her confidence in you diminished.”

    I’m Sorry (Emoji Version)
    If you just can’t find the right words (even after reading the rest of this list) maybe firing off a few choice emoji would work better for you. Be our guest.
    emojis

    ©2025 AAKKHRA All Rights Reserved.
    Ways To Say You’re Sorry You may have been friends with someone for years, but it only takes a second to damage that friendship with the wrong word or two. Now that you’ve made the mess, it’s time to clean it up with a well chosen apology. There are different ways to say you’re sorry, of course. Let’s examine the words and a few of the situations they’re most suited for. Hopefully you won’t find yourself in too many of these jams, but let’s face it. We’re all human, and we all make mistakes—whether it’s breaking a window or forgetting you were supposed to meet someone for that Valentine’s Day lunch. Whoops. Pro Tip: don’t forget to be sincere when saying you’re sorry. I’m Sorry You’re expressing regret for your actions. Sorry means “feeling regret, compunction, sympathy, pity.” Emotion comes into play with this one when it’s used as a verbal cue. If you just backed into someone’s car, you hop out and say it with a lot of emphasis. Or, if you merely bump someone on the subway as you head for the door, proper etiquette dictates you simply nod and give a quick sorry as you exit. No need to belabor that one. Depending on the situation, adding words extremely or sincerely may help (and if you’re using those additional words, then yes—get flowers or candy on the speed dial, it’s better late than never). Elton John thinks this word is a tough one. I Apologize Pretty much in line with number one on our list, when you apologize, you “offer an apology or excuse for some fault, insult, failure, or injury.” This word is used in formal situations, but is equally at home in an informal context. It’s All My Fault You’re drawing deep from the well of sincerity here. You’re taking all the blame; you’re all in. You’re confessing one’s faults. I Regret If you use the word regret in an apology statement, it sounds a bit too formal and seems rather, oh what’s the word—insincere? Then again, inflection and circumstance come into play. In the World Wars, the military would send telegrams to families who lost loved ones, using this phrase. There’s no doubt they were sincere, and it brought them straight to the point. Beg Pardon We cite beg pardon as “an expression of apology (used especially in the phrase with no beg-pardons).” However, this one seems a bit off the mark, does it not? The phrase I beg your pardon seems more useful when used as a statement of indignation when someone cuts in front of you in the movie line. So…maybe you’re not actually sorry (ending the phrase with an upward inflection is key). 1960s singer Lynn Anderson never promised anyone a rose garden, so she went on begging people’s pardon’s all the way to the top of the pops. I’m Sorry (Textspeak Version) This being 2017 and all, we’re adding some versions you can use in phone messenger form. If you’d like to tap something appropriate (you’re still too scared or too busy to meet them face to face) SMSTXTs suggests: apologies r in order and then add whatever transgression has been committed: 4 ruining ur day, 4 making u feel bad, 4 always being late, 4 not showing up, etc. My Bad Quite popular as an informal way of getting yourself off the hook, my bad works wonders. You admit it, it’s done, let’s move on, not a big deal. Forgive Me You’ve really gone and done it. You’re not even in the doghouse anymore—Fido kicked you out of there, too. Our top reference to forgive is “to grant pardon for or remission of (an offense, debt, etc.); absolve.” Thank You Throwing you a curve with this one, of course. Try it sometime, maybe in something like the following situation. According to The Muse, “If someone points out a small typo in the rough draft of a presentation you put together or helps you wipe up some coffee you spilled on the conference table, a ‘thanks’ is more in order than a ‘sorry.’ Neither situation is dire, and showing someone you appreciate the help is better than having his or her confidence in you diminished.” I’m Sorry (Emoji Version) If you just can’t find the right words (even after reading the rest of this list) maybe firing off a few choice emoji would work better for you. Be our guest. emojis ©2025 AAKKHRA All Rights Reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 559 มุมมอง 0 รีวิว
  • สเป็กคอมฯ วันนี้
    ขอขอบคุณข้อมูลจากเวบ Advice ครับ
    #spec #computer #advice
    สเป็กคอมฯ วันนี้ ขอขอบคุณข้อมูลจากเวบ Advice ครับ #spec #computer #advice
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft เผยว่าการออกแบบ Windows 8 ไม่ได้อิงจากความเห็นของผู้ใช้เพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากแนวคิดและสัญชาตญาณของนักออกแบบ พวกเขาต้องการสร้าง Metro UI ที่แตกต่าง โดยเน้นข้อมูลและการเคลื่อนไหวในระบบ อย่างไรก็ตาม การลบปุ่ม Start ใน Windows 8 เคยสร้างกระแสวิจารณ์หนัก และ Microsoft ต้องนำกลับมาใน Windows 8.1 ปัจจุบันบริษัทมุ่งเน้นการปรับดีไซน์ที่สมดุลระหว่างความต้องการของผู้ใช้และแนวคิดภายใน

    ✅ Metro UI ใน Windows 8 เกิดจากการทดลองด้านดีไซน์
    - Harold Gomez อดีตนักออกแบบ UI ของ Microsoft เผยว่า ทีมไม่ได้พึ่งพาความเห็นของลูกค้าเพียงอย่างเดียว
    - การออกแบบ Metro UI มุ่งเน้น การจัดวางข้อมูล, รูปแบบตัวอักษร และการเคลื่อนไหวใน UI

    ✅ Windows 8 เคยถูกวิจารณ์หนักเรื่องการลบปุ่ม Start
    - การทดลองปรับดีไซน์ครั้งใหญ่ส่งผลให้ ผู้ใช้ไม่พอใจเรื่องการไม่มีปุ่ม Start
    - Microsoft ต้องนำปุ่ม Start กลับมาใน Windows 8.1 หลังเกิดกระแสวิจารณ์

    ✅ นักออกแบบของ Microsoft เชื่อว่าการสร้าง UI ที่ดีต้องผสานแนวคิดของทีมเข้ากับข้อมูลผู้ใช้
    - พวกเขาต้อง คำนึงถึงความต้องการของลูกค้า แต่ก็ต้องมีวิสัยทัศน์ของตัวเอง เพื่อสร้างสิ่งใหม่ที่แตกต่าง

    ✅ Microsoft ฉลองครบรอบ 50 ปี—ย้อนรอยวิวัฒนาการของ Windows
    - งานนี้ยังได้พูดถึง การเปลี่ยนแปลงดีไซน์จาก Windows XP, Windows 7 ไปจนถึง Windows 11
    - บิล เกตส์ก็ร่วมฉลองด้วยการเผยโค้ดต้นฉบับของ Altair BASIC

    https://www.neowin.net/news/microsoft-says-user-feedback-alone-would-have-never-made-modern-windows-design-as-special/
    Microsoft เผยว่าการออกแบบ Windows 8 ไม่ได้อิงจากความเห็นของผู้ใช้เพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากแนวคิดและสัญชาตญาณของนักออกแบบ พวกเขาต้องการสร้าง Metro UI ที่แตกต่าง โดยเน้นข้อมูลและการเคลื่อนไหวในระบบ อย่างไรก็ตาม การลบปุ่ม Start ใน Windows 8 เคยสร้างกระแสวิจารณ์หนัก และ Microsoft ต้องนำกลับมาใน Windows 8.1 ปัจจุบันบริษัทมุ่งเน้นการปรับดีไซน์ที่สมดุลระหว่างความต้องการของผู้ใช้และแนวคิดภายใน ✅ Metro UI ใน Windows 8 เกิดจากการทดลองด้านดีไซน์ - Harold Gomez อดีตนักออกแบบ UI ของ Microsoft เผยว่า ทีมไม่ได้พึ่งพาความเห็นของลูกค้าเพียงอย่างเดียว - การออกแบบ Metro UI มุ่งเน้น การจัดวางข้อมูล, รูปแบบตัวอักษร และการเคลื่อนไหวใน UI ✅ Windows 8 เคยถูกวิจารณ์หนักเรื่องการลบปุ่ม Start - การทดลองปรับดีไซน์ครั้งใหญ่ส่งผลให้ ผู้ใช้ไม่พอใจเรื่องการไม่มีปุ่ม Start - Microsoft ต้องนำปุ่ม Start กลับมาใน Windows 8.1 หลังเกิดกระแสวิจารณ์ ✅ นักออกแบบของ Microsoft เชื่อว่าการสร้าง UI ที่ดีต้องผสานแนวคิดของทีมเข้ากับข้อมูลผู้ใช้ - พวกเขาต้อง คำนึงถึงความต้องการของลูกค้า แต่ก็ต้องมีวิสัยทัศน์ของตัวเอง เพื่อสร้างสิ่งใหม่ที่แตกต่าง ✅ Microsoft ฉลองครบรอบ 50 ปี—ย้อนรอยวิวัฒนาการของ Windows - งานนี้ยังได้พูดถึง การเปลี่ยนแปลงดีไซน์จาก Windows XP, Windows 7 ไปจนถึง Windows 11 - บิล เกตส์ก็ร่วมฉลองด้วยการเผยโค้ดต้นฉบับของ Altair BASIC https://www.neowin.net/news/microsoft-says-user-feedback-alone-would-have-never-made-modern-windows-design-as-special/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft says user feedback alone would have never made modern Windows design as "special"
    Microsoft recently discussed the evolution of Windows design over time, and it made some interesting remarks along the way.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 236 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานจาก Igor’s Lab พบว่าการ์ดจอ PowerColor RX 9070 XT Hellhound บางตัวมี พื้นผิวชิปที่เป็นหลุมเล็ก ๆ (pitted silicon surface) ส่งผลให้เกิดอุณหภูมิสูงผิดปกติ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าปัญหานี้เป็นกรณีเฉพาะ หรือเกิดจากสายการผลิตที่มีข้อบกพร่อง

    ✅ พื้นผิวชิปมีรอยผิดปกติจากกระบวนการขัดหลัง (Backgrinding Process)
    - พบ รอยหลุมกว่า 1,934 จุดบนพื้นผิวชิป ซึ่งมากกว่ามาตรฐานที่ยอมรับได้
    - มีบางจุดที่ลึกถึง 12.59 µm และกว้าง 212.36 µm ซึ่งอยู่นอกมาตรฐานอุตสาหกรรม

    ✅ GPU เกิดอุณหภูมิสูงถึง 113°C และทำให้เกิด Thermal Throttling
    - อุณหภูมิเฉลี่ยของชิปอยู่ที่ 67°C แต่มีจุดร้อนที่สูงถึง 113°C
    - อุณหภูมิสูงสุดที่ RDNA 4 รองรับคือ 110°C ทำให้การ์ดถูกจำกัดความเร็ว (Throttling) และใช้งานไม่ได้

    ✅ PowerColor, AMD และ TSMC ไม่ตรวจพบปัญหานี้ก่อนปล่อยสินค้า
    - คาดว่าระบบตรวจสอบคุณภาพอาจพลาดไปเนื่องจาก AI Inspection Algorithm ขาดการฝึกฝนในจุดนี้

    ✅ AMD ระบุว่าเป็นกรณีเฉพาะ ไม่ใช่ปัญหาที่พบในทุกการ์ด RX 9070 XT
    - แหล่งข่าวจาก AMD ยืนยันว่าการ์ดที่มีปัญหานี้เป็น กรณีเฉพาะ และไม่ใช่ปัญหาที่แพร่หลาย
    - ผู้ใช้ที่พบปัญหาควรขอ เคลมสินค้า (RMA) กับผู้ผลิต

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/defective-rx-9070-xt-card-with-pitted-silicon-gpu-surface-runs-extremely-hot-report-indicates-its-unclear-if-this-was-an-isolated-incident
    รายงานจาก Igor’s Lab พบว่าการ์ดจอ PowerColor RX 9070 XT Hellhound บางตัวมี พื้นผิวชิปที่เป็นหลุมเล็ก ๆ (pitted silicon surface) ส่งผลให้เกิดอุณหภูมิสูงผิดปกติ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าปัญหานี้เป็นกรณีเฉพาะ หรือเกิดจากสายการผลิตที่มีข้อบกพร่อง ✅ พื้นผิวชิปมีรอยผิดปกติจากกระบวนการขัดหลัง (Backgrinding Process) - พบ รอยหลุมกว่า 1,934 จุดบนพื้นผิวชิป ซึ่งมากกว่ามาตรฐานที่ยอมรับได้ - มีบางจุดที่ลึกถึง 12.59 µm และกว้าง 212.36 µm ซึ่งอยู่นอกมาตรฐานอุตสาหกรรม ✅ GPU เกิดอุณหภูมิสูงถึง 113°C และทำให้เกิด Thermal Throttling - อุณหภูมิเฉลี่ยของชิปอยู่ที่ 67°C แต่มีจุดร้อนที่สูงถึง 113°C - อุณหภูมิสูงสุดที่ RDNA 4 รองรับคือ 110°C ทำให้การ์ดถูกจำกัดความเร็ว (Throttling) และใช้งานไม่ได้ ✅ PowerColor, AMD และ TSMC ไม่ตรวจพบปัญหานี้ก่อนปล่อยสินค้า - คาดว่าระบบตรวจสอบคุณภาพอาจพลาดไปเนื่องจาก AI Inspection Algorithm ขาดการฝึกฝนในจุดนี้ ✅ AMD ระบุว่าเป็นกรณีเฉพาะ ไม่ใช่ปัญหาที่พบในทุกการ์ด RX 9070 XT - แหล่งข่าวจาก AMD ยืนยันว่าการ์ดที่มีปัญหานี้เป็น กรณีเฉพาะ และไม่ใช่ปัญหาที่แพร่หลาย - ผู้ใช้ที่พบปัญหาควรขอ เคลมสินค้า (RMA) กับผู้ผลิต https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/defective-rx-9070-xt-card-with-pitted-silicon-gpu-surface-runs-extremely-hot-report-indicates-its-unclear-if-this-was-an-isolated-incident
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 334 มุมมอง 0 รีวิว
  • Samsung Germany ประสบเหตุการณ์ข้อมูลลูกค้ารั่วไหลกว่า 270,000 รายการ โดยแฮกเกอร์ GHNA อ้างว่าขโมยข้อมูลจากระบบสนับสนุนของบริษัท สาเหตุเกิดจากรหัสล็อกอินที่ถูกขโมยตั้งแต่ปี 2021 ซึ่งไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงมานานหลายปี นักวิจัยชี้ว่าการละเลยมาตรการด้านรหัสผ่านทำให้เกิดช่องโหว่ที่แฮกเกอร์สามารถใช้โจมตีในภายหลังได้ Samsung ยืนยันเหตุการณ์นี้ แต่ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม

    ✅ ข้อมูลที่ถูกขโมยมีอะไรบ้าง?
    - ชื่อ, ที่อยู่, อีเมล, ข้อมูลการสั่งซื้อ และการติดต่อภายในบริษัท
    - ข้อมูลเหล่านี้สามารถใช้ในการ โจมตีแบบฟิชชิ่ง หรือปลอมแปลงตัวตน

    ✅ แฮกเกอร์ใช้รหัสล็อกอินที่ถูกขโมยตั้งแต่ปี 2021
    - นักวิจัยจาก Hudson Rock ค้นพบว่าแฮกเกอร์ได้เข้าถึงระบบผ่านรหัสล็อกอินที่ถูกขโมยตั้งแต่ ปี 2021
    - รหัสนี้ถูกขโมยจาก พนักงานของบริษัท IT Spectos ซึ่งให้บริการระบบสนับสนุนของ Samsung

    ✅ บัญชีที่ไม่ได้เปลี่ยนรหัสผ่านเป็นเวลานานเป็นช่องโหว่สำคัญ
    - แม้จะมีการโจมตีไซเบอร์เพิ่มขึ้น แต่บางองค์กร ยังคงใช้รหัสผ่านเก่าที่ไม่ได้เปลี่ยนมานานหลายปี
    - กรณีของ Samsung แสดงให้เห็นว่า รหัสผ่านที่หลุดไปในอดีต อาจกลายเป็นช่องทางโจมตีที่มีประสิทธิภาพแม้เวลาจะผ่านไปหลายปี

    ✅ Samsung Germany ยืนยันว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้น แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด
    - Samsung ระบุว่า การเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาตเกิดขึ้นในระบบของพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ
    - อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการชี้แจงอย่างละเอียดเกี่ยวกับ ขอบเขตของการโจรกรรมข้อมูลและแผนรับมือ

    ✅ ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Samsung ประสบปัญหาด้านความปลอดภัยไซเบอร์
    - ในปี 2022 Samsung US เคยถูกเจาะระบบ และข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าถูกขโมยไป
    - เหตุการณ์เหล่านี้ตอกย้ำว่า องค์กรใหญ่ ๆ ต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้น

    https://www.csoonline.com/article/3952979/hacker-steals-customer-data-from-samsung-germany.html
    Samsung Germany ประสบเหตุการณ์ข้อมูลลูกค้ารั่วไหลกว่า 270,000 รายการ โดยแฮกเกอร์ GHNA อ้างว่าขโมยข้อมูลจากระบบสนับสนุนของบริษัท สาเหตุเกิดจากรหัสล็อกอินที่ถูกขโมยตั้งแต่ปี 2021 ซึ่งไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงมานานหลายปี นักวิจัยชี้ว่าการละเลยมาตรการด้านรหัสผ่านทำให้เกิดช่องโหว่ที่แฮกเกอร์สามารถใช้โจมตีในภายหลังได้ Samsung ยืนยันเหตุการณ์นี้ แต่ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม ✅ ข้อมูลที่ถูกขโมยมีอะไรบ้าง? - ชื่อ, ที่อยู่, อีเมล, ข้อมูลการสั่งซื้อ และการติดต่อภายในบริษัท - ข้อมูลเหล่านี้สามารถใช้ในการ โจมตีแบบฟิชชิ่ง หรือปลอมแปลงตัวตน ✅ แฮกเกอร์ใช้รหัสล็อกอินที่ถูกขโมยตั้งแต่ปี 2021 - นักวิจัยจาก Hudson Rock ค้นพบว่าแฮกเกอร์ได้เข้าถึงระบบผ่านรหัสล็อกอินที่ถูกขโมยตั้งแต่ ปี 2021 - รหัสนี้ถูกขโมยจาก พนักงานของบริษัท IT Spectos ซึ่งให้บริการระบบสนับสนุนของ Samsung ✅ บัญชีที่ไม่ได้เปลี่ยนรหัสผ่านเป็นเวลานานเป็นช่องโหว่สำคัญ - แม้จะมีการโจมตีไซเบอร์เพิ่มขึ้น แต่บางองค์กร ยังคงใช้รหัสผ่านเก่าที่ไม่ได้เปลี่ยนมานานหลายปี - กรณีของ Samsung แสดงให้เห็นว่า รหัสผ่านที่หลุดไปในอดีต อาจกลายเป็นช่องทางโจมตีที่มีประสิทธิภาพแม้เวลาจะผ่านไปหลายปี ✅ Samsung Germany ยืนยันว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้น แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด - Samsung ระบุว่า การเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาตเกิดขึ้นในระบบของพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ - อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการชี้แจงอย่างละเอียดเกี่ยวกับ ขอบเขตของการโจรกรรมข้อมูลและแผนรับมือ ✅ ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Samsung ประสบปัญหาด้านความปลอดภัยไซเบอร์ - ในปี 2022 Samsung US เคยถูกเจาะระบบ และข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าถูกขโมยไป - เหตุการณ์เหล่านี้ตอกย้ำว่า องค์กรใหญ่ ๆ ต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้น https://www.csoonline.com/article/3952979/hacker-steals-customer-data-from-samsung-germany.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Years-old login credential leads to leak of 270,000 Samsung customer records
    A cybercriminal is offering hundreds of thousands of data records on the dark web that are said to come from Samsung Germany.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google กำลังผลักดันมาตรฐานความปลอดภัยใหม่สำหรับการเข้ารหัส HTTPS โดยมุ่งเน้นไปที่ TLS Certificates ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการรักษาความปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ต ล่าสุดได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ Multi-Perspective Issuance Corroboration (MPIC) และระบบตรวจสอบอัตโนมัติ Linting เพื่อป้องกัน การออกใบรับรองปลอมและจุดอ่อนในการเข้ารหัสข้อมูล

    ✅ MPIC: เพิ่มการตรวจสอบก่อนออกใบรับรอง
    - MPIC ช่วยให้ระบบตรวจสอบ ความถูกต้องของโดเมน ก่อนออก TLS Certificate
    - ลดความเสี่ยงที่แฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่ Domain Control Validation เพื่อขอใบรับรองปลอม

    ✅ Linting: ตรวจสอบความถูกต้องของใบรับรองก่อนใช้งาน
    - Linting ช่วยวิเคราะห์ X.509 Certificates เพื่อป้องกันปัญหาความเข้ากันไม่ได้
    - ตรวจจับ การเข้ารหัสที่ล้าสมัยและไม่ปลอดภัย เพื่อป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์

    ✅ Google ได้รับการสนับสนุนจาก CA/Browser Forum
    - องค์กรที่กำหนดมาตรฐาน TLS Certificates ลงมติรับรอง MPIC และ Linting
    - Linting กลายเป็นมาตรฐานบังคับสำหรับใบรับรองที่ออกตั้งแต่ 15 มีนาคม 2025

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเว็บ
    - Certificate Authorities (CAs) ต้องปรับระบบให้รองรับ MPIC และ Linting
    - ระบบเข้ารหัสเว็บจะมีความ น่าเชื่อถือมากขึ้น และลดความเสี่ยงจากใบรับรองปลอม

    https://www.techspot.com/news/107378-google-promotes-new-security-requirements-https-encryption-providers.html
    Google กำลังผลักดันมาตรฐานความปลอดภัยใหม่สำหรับการเข้ารหัส HTTPS โดยมุ่งเน้นไปที่ TLS Certificates ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการรักษาความปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ต ล่าสุดได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ Multi-Perspective Issuance Corroboration (MPIC) และระบบตรวจสอบอัตโนมัติ Linting เพื่อป้องกัน การออกใบรับรองปลอมและจุดอ่อนในการเข้ารหัสข้อมูล ✅ MPIC: เพิ่มการตรวจสอบก่อนออกใบรับรอง - MPIC ช่วยให้ระบบตรวจสอบ ความถูกต้องของโดเมน ก่อนออก TLS Certificate - ลดความเสี่ยงที่แฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่ Domain Control Validation เพื่อขอใบรับรองปลอม ✅ Linting: ตรวจสอบความถูกต้องของใบรับรองก่อนใช้งาน - Linting ช่วยวิเคราะห์ X.509 Certificates เพื่อป้องกันปัญหาความเข้ากันไม่ได้ - ตรวจจับ การเข้ารหัสที่ล้าสมัยและไม่ปลอดภัย เพื่อป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ ✅ Google ได้รับการสนับสนุนจาก CA/Browser Forum - องค์กรที่กำหนดมาตรฐาน TLS Certificates ลงมติรับรอง MPIC และ Linting - Linting กลายเป็นมาตรฐานบังคับสำหรับใบรับรองที่ออกตั้งแต่ 15 มีนาคม 2025 ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเว็บ - Certificate Authorities (CAs) ต้องปรับระบบให้รองรับ MPIC และ Linting - ระบบเข้ารหัสเว็บจะมีความ น่าเชื่อถือมากขึ้น และลดความเสี่ยงจากใบรับรองปลอม https://www.techspot.com/news/107378-google-promotes-new-security-requirements-https-encryption-providers.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google promotes new security requirements for HTTPS encryption providers
    Google recently announced two major initiatives aimed at enhancing web security, with the ultimate goal of making encryption and certificate management more reliable and resilient against cybercrime....
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 247 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ปิดการใช้งาน uBlock Origin บน Chrome เนื่องจากการลบ Manifest V2 แต่ยังมีวิธีเปิดใช้งานและติดตั้งใหม่ เช่น ปรับแต่งโค้ดจาก Chrome Web Store หรือดาวน์โหลดจาก GitHub ขณะที่ Microsoft Edge ยังคงรองรับอยู่ แต่มีแนวโน้มว่าจะค่อย ๆ ลบออกในอนาคต ผู้ใช้บางส่วนอาจต้องเปลี่ยนไปใช้ Firefox หรือ uBlock Origin Lite แทน

    การเปิดใช้งาน uBlock Origin ที่ถูกปิดไป
    - ไปที่ chrome://extensions
    - ค้นหา uBlock Origin ในรายการส่วนขยายที่ติดตั้งแล้ว
    - กดเปิดใช้งานที่ปุ่มเล็ก ๆ ด้านล่างขวาของส่วนขยาย แม้ว่าจะมีข้อความแจ้งว่า "ถูกปิดใช้งาน"

    วิธีติดตั้ง uBlock Origin ใน Chrome แม้ว่า Google จะบล็อกการดาวน์โหลด
    - วิธีที่ 1 (ปรับแต่งจาก Chrome Web Store)
    ->> ไปที่ Chrome Web Store และค้นหา uBlock Origin
    ->> ปุ่ม "Add to Chrome" จะถูกปิดใช้งาน
    ->> คลิกขวาที่ปุ่มและเลือก Inspect
    ->> ค้นหาคำว่า "disabled" ในโค้ด และเปลี่ยนเป็น "enabled"
    ->> กดปุ่มเพื่อดาวน์โหลดและติดตั้ง

    - วิธีที่ 2 (ติดตั้งด้วย GitHub)
    ->> ดาวน์โหลดเวอร์ชันล่าสุดจาก GitHub Repository ของ uBlock Origin
    ->> เปิด chrome://extensions และเปิดโหมดนักพัฒนา (Developer mode)
    ->> กด Load unpacked และเลือกโฟลเดอร์ที่แตกไฟล์ไว้
    ->> ส่วนขยายจะปรากฏใน Chrome แม้ว่าจะมีข้อความแจ้งข้อผิดพลาด

    การเปลี่ยนแปลงของ Microsoft Edge
    - Microsoft Edge ยังคงเปิดให้เปิดใช้งาน uBlock Origin แม้ว่ากำลังทยอยลบ Manifest V2 ออกไป
    - ผู้ใช้ Edge อาจต้องเตรียมหาวิธีอื่นในอนาคต

    ทางเลือกหาก Manifest V2 ถูกบล็อกทั้งหมด
    - Firefox ยืนยันว่าจะยังรองรับส่วนขยายที่ใช้ Manifest V2
    - uBlock Origin Lite เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับ Chrome และ Edge

    https://www.neowin.net/guides/google-turned-off-ublock-in-chrome-but-you-can-still-enable-it-here-is-how/
    Google ปิดการใช้งาน uBlock Origin บน Chrome เนื่องจากการลบ Manifest V2 แต่ยังมีวิธีเปิดใช้งานและติดตั้งใหม่ เช่น ปรับแต่งโค้ดจาก Chrome Web Store หรือดาวน์โหลดจาก GitHub ขณะที่ Microsoft Edge ยังคงรองรับอยู่ แต่มีแนวโน้มว่าจะค่อย ๆ ลบออกในอนาคต ผู้ใช้บางส่วนอาจต้องเปลี่ยนไปใช้ Firefox หรือ uBlock Origin Lite แทน การเปิดใช้งาน uBlock Origin ที่ถูกปิดไป - ไปที่ chrome://extensions - ค้นหา uBlock Origin ในรายการส่วนขยายที่ติดตั้งแล้ว - กดเปิดใช้งานที่ปุ่มเล็ก ๆ ด้านล่างขวาของส่วนขยาย แม้ว่าจะมีข้อความแจ้งว่า "ถูกปิดใช้งาน" วิธีติดตั้ง uBlock Origin ใน Chrome แม้ว่า Google จะบล็อกการดาวน์โหลด - วิธีที่ 1 (ปรับแต่งจาก Chrome Web Store) ->> ไปที่ Chrome Web Store และค้นหา uBlock Origin ->> ปุ่ม "Add to Chrome" จะถูกปิดใช้งาน ->> คลิกขวาที่ปุ่มและเลือก Inspect ->> ค้นหาคำว่า "disabled" ในโค้ด และเปลี่ยนเป็น "enabled" ->> กดปุ่มเพื่อดาวน์โหลดและติดตั้ง - วิธีที่ 2 (ติดตั้งด้วย GitHub) ->> ดาวน์โหลดเวอร์ชันล่าสุดจาก GitHub Repository ของ uBlock Origin ->> เปิด chrome://extensions และเปิดโหมดนักพัฒนา (Developer mode) ->> กด Load unpacked และเลือกโฟลเดอร์ที่แตกไฟล์ไว้ ->> ส่วนขยายจะปรากฏใน Chrome แม้ว่าจะมีข้อความแจ้งข้อผิดพลาด การเปลี่ยนแปลงของ Microsoft Edge - Microsoft Edge ยังคงเปิดให้เปิดใช้งาน uBlock Origin แม้ว่ากำลังทยอยลบ Manifest V2 ออกไป - ผู้ใช้ Edge อาจต้องเตรียมหาวิธีอื่นในอนาคต ทางเลือกหาก Manifest V2 ถูกบล็อกทั้งหมด - Firefox ยืนยันว่าจะยังรองรับส่วนขยายที่ใช้ Manifest V2 - uBlock Origin Lite เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับ Chrome และ Edge https://www.neowin.net/guides/google-turned-off-ublock-in-chrome-but-you-can-still-enable-it-here-is-how/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google turned off uBlock in Chrome, but you can still enable it, here is how
    Google recently disabled uBlock Origin and other MV2-based extensions in Chrome, but a simple trick lets you enable them again.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 232 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google กำลังพัฒนา ดีไซน์ใหม่ สำหรับแอป Google Photos โดยเน้น การค้นหารูปภาพให้แม่นยำขึ้น และ ปรับปรุงฟังก์ชัน Memories ให้ใหญ่ขึ้นพร้อมขอบภาพที่โค้งมนมากขึ้น รายงานจาก Android Authority เผยว่า Google ได้ทำ แบบสำรวจดีไซน์ใหม่ กับผู้ใช้ โดยเปรียบเทียบระหว่างเลย์เอาต์ปัจจุบันกับเวอร์ชันใหม่ เพื่อวัดระดับความทันสมัย

    ปรับรูปแบบการค้นหาให้ใช้งานง่ายขึ้น
    - หน้าตาของ Google Photos อาจมีการเปลี่ยนแปลงใน ส่วน Today heading โดยแทนที่เครื่องหมายติ๊กถูกด้วย ไอคอนตัวกรอง ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถกรองภาพตามสถานที่หรือบุคคลที่อยู่ในภาพได้ง่ายขึ้น

    ดีไซน์ของแท็บเปลี่ยนไป
    - แท็บ Photos, Collections และ Search อาจถูกแทนที่ด้วย แถบค้นหาลอยตัว และ ไอคอนใหม่ ที่นำไปสู่หน้า Collections

    เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน AI Search
    - Google Photos กำลังพัฒนา AI Search ให้สามารถเข้าใจคำสั่งได้แม่นยำยิ่งขึ้น เช่น ค้นหารูปภาพเฉพาะที่มีสัตว์เลี้ยง หรือภาพจากสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง

    การเปลี่ยนแปลงนี้ยังไม่แน่นอน
    - แม้จะมีการเปิดเผยดีไซน์ใหม่ในแบบสำรวจ แต่ Google อาจไม่ใช้แบบเดียวกันในการเปิดตัวจริง

    https://www.techradar.com/phones/android/google-photos-tipped-to-get-a-major-design-overhaul-and-itll-make-the-app-much-better-for-finding-specific-images
    Google กำลังพัฒนา ดีไซน์ใหม่ สำหรับแอป Google Photos โดยเน้น การค้นหารูปภาพให้แม่นยำขึ้น และ ปรับปรุงฟังก์ชัน Memories ให้ใหญ่ขึ้นพร้อมขอบภาพที่โค้งมนมากขึ้น รายงานจาก Android Authority เผยว่า Google ได้ทำ แบบสำรวจดีไซน์ใหม่ กับผู้ใช้ โดยเปรียบเทียบระหว่างเลย์เอาต์ปัจจุบันกับเวอร์ชันใหม่ เพื่อวัดระดับความทันสมัย ปรับรูปแบบการค้นหาให้ใช้งานง่ายขึ้น - หน้าตาของ Google Photos อาจมีการเปลี่ยนแปลงใน ส่วน Today heading โดยแทนที่เครื่องหมายติ๊กถูกด้วย ไอคอนตัวกรอง ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถกรองภาพตามสถานที่หรือบุคคลที่อยู่ในภาพได้ง่ายขึ้น ดีไซน์ของแท็บเปลี่ยนไป - แท็บ Photos, Collections และ Search อาจถูกแทนที่ด้วย แถบค้นหาลอยตัว และ ไอคอนใหม่ ที่นำไปสู่หน้า Collections เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน AI Search - Google Photos กำลังพัฒนา AI Search ให้สามารถเข้าใจคำสั่งได้แม่นยำยิ่งขึ้น เช่น ค้นหารูปภาพเฉพาะที่มีสัตว์เลี้ยง หรือภาพจากสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง การเปลี่ยนแปลงนี้ยังไม่แน่นอน - แม้จะมีการเปิดเผยดีไซน์ใหม่ในแบบสำรวจ แต่ Google อาจไม่ใช้แบบเดียวกันในการเปิดตัวจริง https://www.techradar.com/phones/android/google-photos-tipped-to-get-a-major-design-overhaul-and-itll-make-the-app-much-better-for-finding-specific-images
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 322 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts