เรื่องเล่าจาก Sharpie ถึง TTF: เมื่อความพยายามสร้างฟอนต์จากลายมือกลายเป็นบทเรียนเรื่องเครื่องมือและความอดทน
Chris Smith เจ้าของเว็บไซต์ Chameth.com อยากให้เว็บของเขาดู “เป็นตัวเขา” มากขึ้น ไม่ใช่แค่เว็บทั่วไปที่ดูเหมือนถูกผลิตจากแม่พิมพ์เดียวกัน เขาเริ่มจากการตกแต่งเล็ก ๆ เช่นภาพลอยที่ดูเหมือนติดด้วยเทป และขอบลิงก์ที่ขยับได้เมื่อเลื่อนเมาส์ ก่อนจะมาถึงไอเดียใหญ่—เปลี่ยนฟอนต์หัวข้อให้เป็นลายมือของตัวเอง
เขาเริ่มด้วยความหวังว่า “มันคงไม่ยาก” และเลือกใช้เครื่องมือโอเพ่นซอร์สอย่าง Inkscape และ FontForge เพื่อสร้างฟอนต์จาก SVG ที่วาดด้วยแท็บเล็ต แต่พบว่า FontForge มี UI ที่ชวนให้หงุดหงิดอย่างมาก ทั้งการนำเข้าไฟล์ที่ซับซ้อน การจัดการ Bézier curve ที่ไม่แม่นยำ และการทำงานที่ขัดกับความคุ้นเคยของผู้ใช้ทั่วไป
หลังจากพยายามกับ Inkscape และ FontForge แล้วไม่สำเร็จ เขาหันไปใช้ Calligraphr ซึ่งเป็นเครื่องมือออนไลน์ที่ให้ผู้ใช้พิมพ์เทมเพลต เขียนตัวอักษรด้วยปากกา (เขาใช้ Sharpie เพื่อให้ได้ลายเส้นชัดเจน) แล้วสแกนกลับเข้าไปในระบบ Calligraphr จะประมวลผลและสร้างฟอนต์ TTF ให้โดยอัตโนมัติ
เขาเลือกจ่ายแบบครั้งเดียว £8 เพื่อใช้เวอร์ชันโปร 1 เดือน ซึ่งให้ฟีเจอร์เพิ่ม เช่น ligature และการปรับแต่ง glyph ได้ละเอียดขึ้น เขาเติมเทมเพลตทั้งหมดสองรอบเพื่อให้มีตัวเลือกหลายแบบ และเพิ่ม ligature พิเศษสำหรับคำที่ใช้บ่อยในบล็อก เช่น “Re”, “To”, “ey”, “ty” เพื่อให้ฟอนต์ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
หลังจากนั้นเขาใช้เครื่องมือใน Calligraphr ปรับตำแหน่งตัวอักษรให้ตรง baseline และลดระยะห่างระหว่างตัวอักษรเพื่อให้ดูเหมือนลายมือจริงมากขึ้น เขาพบปัญหาเล็ก ๆ เช่น glyph ที่มีพิกเซลหลงเหลือจากเส้นเทมเพลต ทำให้เกิดช่องว่างใหญ่ในคำ ซึ่งเขาแก้ด้วยการลบพิกเซลเหล่านั้นออก
สุดท้าย เขาใช้ฟอนต์นี้ในเว็บไซต์ของตัวเอง และพบว่ามันสะท้อนตัวตนได้ดี แม้จะไม่เหมือนลายมือจริง 100% แต่ก็มี “น้ำเสียง” ที่เป็นเอกลักษณ์ และที่สำคัญคือ เขารู้สึกว่าการจ่ายเงินให้ Calligraphr นั้นคุ้มค่า เพราะบริการตรงไปตรงมา ไม่บังคับสมัครรายเดือน และยังส่งไฟล์สำรองให้เขาเมื่อบัญชีหมดอายุ
จุดเริ่มต้นของโปรเจกต์ฟอนต์ลายมือ
ต้องการให้เว็บไซต์ดูเป็นตัวเองมากขึ้น
เริ่มจากตกแต่งเล็ก ๆ ก่อนมาถึงการเปลี่ยนฟอนต์หัวข้อ
ตั้งใจใช้ลายมือจริงเพื่อสร้างฟอนต์ที่มีเอกลักษณ์
ความพยายามกับเครื่องมือโอเพ่นซอร์ส
ใช้ Inkscape วาดตัวอักษรเป็น SVG
พยายามนำเข้า SVG ไปยัง FontForge แต่เจอปัญหา UI และการจัดการ curve
ล้มเลิกการใช้ FontForge เพราะความซับซ้อนและไม่เป็นมิตร
การเปลี่ยนมาใช้ Calligraphr
พิมพ์เทมเพลต เขียนด้วย Sharpie แล้วสแกนกลับ
ใช้เวอร์ชันโปร 1 เดือนเพื่อเพิ่ม ligature และปรับแต่ง glyph
เพิ่ม ligature พิเศษเพื่อให้ฟอนต์ดูเป็นธรรมชาติ
การปรับแต่งและแก้ไข
ปรับ baseline และระยะห่างระหว่างตัวอักษร
ลบพิกเซลหลงเหลือจากเทมเพลตเพื่อแก้ช่องว่างในคำ
ใช้ฟอนต์จริงในเว็บไซต์เพื่อทดสอบและปรับปรุง
ความประทับใจต่อ Calligraphr
ระบบไม่บังคับสมัครรายเดือน
ส่งไฟล์สำรองให้เมื่อบัญชีหมดอายุ
UI เป็นมิตรและกระบวนการสร้างฟอนต์มีความชัดเจน
https://chameth.com/making-a-font-of-my-handwriting/
Chris Smith เจ้าของเว็บไซต์ Chameth.com อยากให้เว็บของเขาดู “เป็นตัวเขา” มากขึ้น ไม่ใช่แค่เว็บทั่วไปที่ดูเหมือนถูกผลิตจากแม่พิมพ์เดียวกัน เขาเริ่มจากการตกแต่งเล็ก ๆ เช่นภาพลอยที่ดูเหมือนติดด้วยเทป และขอบลิงก์ที่ขยับได้เมื่อเลื่อนเมาส์ ก่อนจะมาถึงไอเดียใหญ่—เปลี่ยนฟอนต์หัวข้อให้เป็นลายมือของตัวเอง
เขาเริ่มด้วยความหวังว่า “มันคงไม่ยาก” และเลือกใช้เครื่องมือโอเพ่นซอร์สอย่าง Inkscape และ FontForge เพื่อสร้างฟอนต์จาก SVG ที่วาดด้วยแท็บเล็ต แต่พบว่า FontForge มี UI ที่ชวนให้หงุดหงิดอย่างมาก ทั้งการนำเข้าไฟล์ที่ซับซ้อน การจัดการ Bézier curve ที่ไม่แม่นยำ และการทำงานที่ขัดกับความคุ้นเคยของผู้ใช้ทั่วไป
หลังจากพยายามกับ Inkscape และ FontForge แล้วไม่สำเร็จ เขาหันไปใช้ Calligraphr ซึ่งเป็นเครื่องมือออนไลน์ที่ให้ผู้ใช้พิมพ์เทมเพลต เขียนตัวอักษรด้วยปากกา (เขาใช้ Sharpie เพื่อให้ได้ลายเส้นชัดเจน) แล้วสแกนกลับเข้าไปในระบบ Calligraphr จะประมวลผลและสร้างฟอนต์ TTF ให้โดยอัตโนมัติ
เขาเลือกจ่ายแบบครั้งเดียว £8 เพื่อใช้เวอร์ชันโปร 1 เดือน ซึ่งให้ฟีเจอร์เพิ่ม เช่น ligature และการปรับแต่ง glyph ได้ละเอียดขึ้น เขาเติมเทมเพลตทั้งหมดสองรอบเพื่อให้มีตัวเลือกหลายแบบ และเพิ่ม ligature พิเศษสำหรับคำที่ใช้บ่อยในบล็อก เช่น “Re”, “To”, “ey”, “ty” เพื่อให้ฟอนต์ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
หลังจากนั้นเขาใช้เครื่องมือใน Calligraphr ปรับตำแหน่งตัวอักษรให้ตรง baseline และลดระยะห่างระหว่างตัวอักษรเพื่อให้ดูเหมือนลายมือจริงมากขึ้น เขาพบปัญหาเล็ก ๆ เช่น glyph ที่มีพิกเซลหลงเหลือจากเส้นเทมเพลต ทำให้เกิดช่องว่างใหญ่ในคำ ซึ่งเขาแก้ด้วยการลบพิกเซลเหล่านั้นออก
สุดท้าย เขาใช้ฟอนต์นี้ในเว็บไซต์ของตัวเอง และพบว่ามันสะท้อนตัวตนได้ดี แม้จะไม่เหมือนลายมือจริง 100% แต่ก็มี “น้ำเสียง” ที่เป็นเอกลักษณ์ และที่สำคัญคือ เขารู้สึกว่าการจ่ายเงินให้ Calligraphr นั้นคุ้มค่า เพราะบริการตรงไปตรงมา ไม่บังคับสมัครรายเดือน และยังส่งไฟล์สำรองให้เขาเมื่อบัญชีหมดอายุ
จุดเริ่มต้นของโปรเจกต์ฟอนต์ลายมือ
ต้องการให้เว็บไซต์ดูเป็นตัวเองมากขึ้น
เริ่มจากตกแต่งเล็ก ๆ ก่อนมาถึงการเปลี่ยนฟอนต์หัวข้อ
ตั้งใจใช้ลายมือจริงเพื่อสร้างฟอนต์ที่มีเอกลักษณ์
ความพยายามกับเครื่องมือโอเพ่นซอร์ส
ใช้ Inkscape วาดตัวอักษรเป็น SVG
พยายามนำเข้า SVG ไปยัง FontForge แต่เจอปัญหา UI และการจัดการ curve
ล้มเลิกการใช้ FontForge เพราะความซับซ้อนและไม่เป็นมิตร
การเปลี่ยนมาใช้ Calligraphr
พิมพ์เทมเพลต เขียนด้วย Sharpie แล้วสแกนกลับ
ใช้เวอร์ชันโปร 1 เดือนเพื่อเพิ่ม ligature และปรับแต่ง glyph
เพิ่ม ligature พิเศษเพื่อให้ฟอนต์ดูเป็นธรรมชาติ
การปรับแต่งและแก้ไข
ปรับ baseline และระยะห่างระหว่างตัวอักษร
ลบพิกเซลหลงเหลือจากเทมเพลตเพื่อแก้ช่องว่างในคำ
ใช้ฟอนต์จริงในเว็บไซต์เพื่อทดสอบและปรับปรุง
ความประทับใจต่อ Calligraphr
ระบบไม่บังคับสมัครรายเดือน
ส่งไฟล์สำรองให้เมื่อบัญชีหมดอายุ
UI เป็นมิตรและกระบวนการสร้างฟอนต์มีความชัดเจน
https://chameth.com/making-a-font-of-my-handwriting/
🎙️ เรื่องเล่าจาก Sharpie ถึง TTF: เมื่อความพยายามสร้างฟอนต์จากลายมือกลายเป็นบทเรียนเรื่องเครื่องมือและความอดทน
Chris Smith เจ้าของเว็บไซต์ Chameth.com อยากให้เว็บของเขาดู “เป็นตัวเขา” มากขึ้น ไม่ใช่แค่เว็บทั่วไปที่ดูเหมือนถูกผลิตจากแม่พิมพ์เดียวกัน เขาเริ่มจากการตกแต่งเล็ก ๆ เช่นภาพลอยที่ดูเหมือนติดด้วยเทป และขอบลิงก์ที่ขยับได้เมื่อเลื่อนเมาส์ ก่อนจะมาถึงไอเดียใหญ่—เปลี่ยนฟอนต์หัวข้อให้เป็นลายมือของตัวเอง
เขาเริ่มด้วยความหวังว่า “มันคงไม่ยาก” และเลือกใช้เครื่องมือโอเพ่นซอร์สอย่าง Inkscape และ FontForge เพื่อสร้างฟอนต์จาก SVG ที่วาดด้วยแท็บเล็ต แต่พบว่า FontForge มี UI ที่ชวนให้หงุดหงิดอย่างมาก ทั้งการนำเข้าไฟล์ที่ซับซ้อน การจัดการ Bézier curve ที่ไม่แม่นยำ และการทำงานที่ขัดกับความคุ้นเคยของผู้ใช้ทั่วไป
หลังจากพยายามกับ Inkscape และ FontForge แล้วไม่สำเร็จ เขาหันไปใช้ Calligraphr ซึ่งเป็นเครื่องมือออนไลน์ที่ให้ผู้ใช้พิมพ์เทมเพลต เขียนตัวอักษรด้วยปากกา (เขาใช้ Sharpie เพื่อให้ได้ลายเส้นชัดเจน) แล้วสแกนกลับเข้าไปในระบบ Calligraphr จะประมวลผลและสร้างฟอนต์ TTF ให้โดยอัตโนมัติ
เขาเลือกจ่ายแบบครั้งเดียว £8 เพื่อใช้เวอร์ชันโปร 1 เดือน ซึ่งให้ฟีเจอร์เพิ่ม เช่น ligature และการปรับแต่ง glyph ได้ละเอียดขึ้น เขาเติมเทมเพลตทั้งหมดสองรอบเพื่อให้มีตัวเลือกหลายแบบ และเพิ่ม ligature พิเศษสำหรับคำที่ใช้บ่อยในบล็อก เช่น “Re”, “To”, “ey”, “ty” เพื่อให้ฟอนต์ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
หลังจากนั้นเขาใช้เครื่องมือใน Calligraphr ปรับตำแหน่งตัวอักษรให้ตรง baseline และลดระยะห่างระหว่างตัวอักษรเพื่อให้ดูเหมือนลายมือจริงมากขึ้น เขาพบปัญหาเล็ก ๆ เช่น glyph ที่มีพิกเซลหลงเหลือจากเส้นเทมเพลต ทำให้เกิดช่องว่างใหญ่ในคำ ซึ่งเขาแก้ด้วยการลบพิกเซลเหล่านั้นออก
สุดท้าย เขาใช้ฟอนต์นี้ในเว็บไซต์ของตัวเอง และพบว่ามันสะท้อนตัวตนได้ดี แม้จะไม่เหมือนลายมือจริง 100% แต่ก็มี “น้ำเสียง” ที่เป็นเอกลักษณ์ และที่สำคัญคือ เขารู้สึกว่าการจ่ายเงินให้ Calligraphr นั้นคุ้มค่า เพราะบริการตรงไปตรงมา ไม่บังคับสมัครรายเดือน และยังส่งไฟล์สำรองให้เขาเมื่อบัญชีหมดอายุ
✅ จุดเริ่มต้นของโปรเจกต์ฟอนต์ลายมือ
➡️ ต้องการให้เว็บไซต์ดูเป็นตัวเองมากขึ้น
➡️ เริ่มจากตกแต่งเล็ก ๆ ก่อนมาถึงการเปลี่ยนฟอนต์หัวข้อ
➡️ ตั้งใจใช้ลายมือจริงเพื่อสร้างฟอนต์ที่มีเอกลักษณ์
✅ ความพยายามกับเครื่องมือโอเพ่นซอร์ส
➡️ ใช้ Inkscape วาดตัวอักษรเป็น SVG
➡️ พยายามนำเข้า SVG ไปยัง FontForge แต่เจอปัญหา UI และการจัดการ curve
➡️ ล้มเลิกการใช้ FontForge เพราะความซับซ้อนและไม่เป็นมิตร
✅ การเปลี่ยนมาใช้ Calligraphr
➡️ พิมพ์เทมเพลต เขียนด้วย Sharpie แล้วสแกนกลับ
➡️ ใช้เวอร์ชันโปร 1 เดือนเพื่อเพิ่ม ligature และปรับแต่ง glyph
➡️ เพิ่ม ligature พิเศษเพื่อให้ฟอนต์ดูเป็นธรรมชาติ
✅ การปรับแต่งและแก้ไข
➡️ ปรับ baseline และระยะห่างระหว่างตัวอักษร
➡️ ลบพิกเซลหลงเหลือจากเทมเพลตเพื่อแก้ช่องว่างในคำ
➡️ ใช้ฟอนต์จริงในเว็บไซต์เพื่อทดสอบและปรับปรุง
✅ ความประทับใจต่อ Calligraphr
➡️ ระบบไม่บังคับสมัครรายเดือน
➡️ ส่งไฟล์สำรองให้เมื่อบัญชีหมดอายุ
➡️ UI เป็นมิตรและกระบวนการสร้างฟอนต์มีความชัดเจน
https://chameth.com/making-a-font-of-my-handwriting/
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
6 มุมมอง
0 รีวิว