• ถุงดี คือ กำไรที่มองไม่เห็น… ถุง HD ตัดตรง…สีขุ่นเล็กน้อย …ถุงตราปู ถุงดี คือของติดตัวแม่ค้าพ่อค้า เลือกช้อปได้เลยค่า พ่อค้าแม่ค้ารู้...ถุงดีคือกำไรที่มองไม่เห็นขายของเยอะ ใช้ถุงเยอะ... ต้องหาถุงดี ๆ แล้วล่ะถุง HD ตัดตรง ถุงรุ่นนี้ เป็นที่นิยมอีกตัวของพ่อค้าแม่ค้าค่ะ จะมีความขุ่นเล็กน้อย ใช้ใส่ของร้อนก็ได้ ของเย็นก็ได้ เอนกประสงค์เลยค่าาาใช้ใส่ของแห้งใช้ใส่ของเปียกใช้ใส่ของร้อนใช้ใส่กำไรชีวิตก็ได้นะเธอยกเว้น ใช้ใส่ใจเธอ นี่ยังไม่ด้ายยยยนี่เลยค่ะ ถุงนี้ครึ่งโล ได้หลายใบ ใส่ของได้ยันลูกบวช (อ่ะล้อเล่นน) ถุง HD ตัดตรง ตราปู ใช้แล้วจบ! ไม่ต้องคิดเยอะ ทักมารัว ๆ ที่ KinJubJib Shop⭕️ กดดูรายละเอียดสินค้าถุง HD ตัดตรง สีขุ่นเล็กน้อย ตราปูใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZSS5jrA67/ถุง HD ตัดตรง สีขุ่นเล็กน้อย ตราปู ใน Shopee https://th.shp.ee/HXkKmfy https://th.shp.ee/e9DwVYbเลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก #ปลาซิวกรอบ #ปลาซิวกรอบ #ปลากระพงทุบ #ปลาเกล็ดขาว #ปลาข้างเหลือง #กิมสั่วงา #ถุงใส่กับข้าว #ถุงppหนา #ถุงพลาสติก #ถุงร้อน#ถุงเย็น #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #ปลาซิวกรอบ #ปลากระพงทุบ #ปลาข้างเหลือง #หอยลายอบกรอบ #ปลาข้างเหลือง #ปลาซิวทอดกรอบ #หมึกกระตอย #หมึกกะตอยตากแห้ง
    ถุงดี คือ กำไรที่มองไม่เห็น… ถุง HD ตัดตรง…สีขุ่นเล็กน้อย …ถุงตราปู ถุงดี คือของติดตัวแม่ค้าพ่อค้า เลือกช้อปได้เลยค่า พ่อค้าแม่ค้ารู้...ถุงดีคือกำไรที่มองไม่เห็นขายของเยอะ ใช้ถุงเยอะ... ต้องหาถุงดี ๆ แล้วล่ะถุง HD ตัดตรง ถุงรุ่นนี้ เป็นที่นิยมอีกตัวของพ่อค้าแม่ค้าค่ะ จะมีความขุ่นเล็กน้อย ใช้ใส่ของร้อนก็ได้ ของเย็นก็ได้ เอนกประสงค์เลยค่าาาใช้ใส่ของแห้งใช้ใส่ของเปียกใช้ใส่ของร้อนใช้ใส่กำไรชีวิตก็ได้นะเธอยกเว้น ใช้ใส่ใจเธอ นี่ยังไม่ด้ายยยยนี่เลยค่ะ ถุงนี้ครึ่งโล ได้หลายใบ ใส่ของได้ยันลูกบวช (อ่ะล้อเล่นน)📦 ถุง HD ตัดตรง ตราปู🎯 ใช้แล้วจบ! ไม่ต้องคิดเยอะ💬 ทักมารัว ๆ ที่ KinJubJib Shop🌶️♨️⭕️ กดดูรายละเอียดสินค้าถุง HD ตัดตรง สีขุ่นเล็กน้อย ตราปูใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZSS5jrA67/ถุง HD ตัดตรง สีขุ่นเล็กน้อย ตราปู ใน Shopee https://th.shp.ee/HXkKmfy https://th.shp.ee/e9DwVYbเลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก #ปลาซิวกรอบ #ปลาซิวกรอบ #ปลากระพงทุบ #ปลาเกล็ดขาว #ปลาข้างเหลือง #กิมสั่วงา #ถุงใส่กับข้าว #ถุงppหนา #ถุงพลาสติก #ถุงร้อน#ถุงเย็น #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #ปลาซิวกรอบ #ปลากระพงทุบ #ปลาข้างเหลือง #หอยลายอบกรอบ #ปลาข้างเหลือง #ปลาซิวทอดกรอบ #หมึกกระตอย #หมึกกะตอยตากแห้ง
    0 Comments 0 Shares 75 Views 0 0 Reviews
  • เหรียญหลวงพ่อทองคำ วัดไทรใหญ่ จ.นนทบุรี ปี2525
    เหรียญหลวงพ่อทองคำ วัดไทรใหญ่ จ.นนทบุรี ปี2525 //“หลวงพ่อทองคำ”เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อเสียง // พระสถาพสวย ผิวหิ้ง หายากกครับ >> //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณสูงทางด้านขอพรเกี่ยวกับโชคลาภ เสริมโชคลาภทางการเงิน การงาน ให้ชีวิตมั่นคง และสุขภาพมักสัมฤทธิ์ผล แคล้วคลาด คงกระพันชาตรีและคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายต่างๆ >>

    ** “หลวงพ่อทองคำ” มีการบอกเล่ากันมาว่า ได้อัญเชิญมาจากทางหัวเมืองเหนือ เป็นพระพุทธรูปที่มีความศักดิ์สิทธิ์มาก ใครมาขอพรหรือบนบานศาลกล่าวใดๆ มักจะสมหวังเสมอ สิ่งของที่นิยมนำมาแก้บนได้แก่ การรำละคร การถวายช้างไม้ การบวชแก้บน ฯลฯ

    ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง หายากกครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงพ่อทองคำ วัดไทรใหญ่ จ.นนทบุรี ปี2525 เหรียญหลวงพ่อทองคำ วัดไทรใหญ่ จ.นนทบุรี ปี2525 //“หลวงพ่อทองคำ”เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อเสียง // พระสถาพสวย ผิวหิ้ง หายากกครับ >> //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณสูงทางด้านขอพรเกี่ยวกับโชคลาภ เสริมโชคลาภทางการเงิน การงาน ให้ชีวิตมั่นคง และสุขภาพมักสัมฤทธิ์ผล แคล้วคลาด คงกระพันชาตรีและคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายต่างๆ >> ** “หลวงพ่อทองคำ” มีการบอกเล่ากันมาว่า ได้อัญเชิญมาจากทางหัวเมืองเหนือ เป็นพระพุทธรูปที่มีความศักดิ์สิทธิ์มาก ใครมาขอพรหรือบนบานศาลกล่าวใดๆ มักจะสมหวังเสมอ สิ่งของที่นิยมนำมาแก้บนได้แก่ การรำละคร การถวายช้างไม้ การบวชแก้บน ฯลฯ ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง หายากกครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 175 Views 0 Reviews
  • อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลาสิกขาทันควัน หลังถูกแจ้งความลักทรัพย์ระหว่างบวช ตัดสินใจแจ้งความกลับภรรยาและพวก ปมโฉนดที่ดิน 217 แปลงหายจากห้องนิรภัย เผยพฤติกรรมพิรุธไม่สามารถติดต่อได้ คาดมีเบื้องลึกซับซ้อน เตรียมขยายผลสอบสวนทุกมิติ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000068256

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลาสิกขาทันควัน หลังถูกแจ้งความลักทรัพย์ระหว่างบวช ตัดสินใจแจ้งความกลับภรรยาและพวก ปมโฉนดที่ดิน 217 แปลงหายจากห้องนิรภัย เผยพฤติกรรมพิรุธไม่สามารถติดต่อได้ คาดมีเบื้องลึกซับซ้อน เตรียมขยายผลสอบสวนทุกมิติ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000068256 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    4
    0 Comments 0 Shares 454 Views 0 Reviews
  • อดีตรอง ผบ.ตร. วิระชัย ห่มเหลืองก่อเหตุฉาว! บุกขโมยเอกสารบริษัทหมื่นล้านขณะบวช คาดชิงอำนาจธุรกิจครอบครัว อดีตภรรยา-ลูกยืนข้างเดียวกัน สุดท้ายโดนจับโป๊ะ แจ้งความเอาผิด

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000068186

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    อดีตรอง ผบ.ตร. วิระชัย ห่มเหลืองก่อเหตุฉาว! บุกขโมยเอกสารบริษัทหมื่นล้านขณะบวช คาดชิงอำนาจธุรกิจครอบครัว อดีตภรรยา-ลูกยืนข้างเดียวกัน สุดท้ายโดนจับโป๊ะ แจ้งความเอาผิด อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000068186 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    7
    1 Comments 0 Shares 461 Views 0 Reviews
  • ศาสนาไม่เคยฝากไว้ที่วัด...

    แต่ฝากไว้ในใจ "ชาวบ้าน"

    ไม่มีใครเกิดมาเป็นพระ
    ทุกคนเริ่มจาก “ฆราวาส”
    และ “พระจะเป็นอย่างไร”
    ก็ขึ้นอยู่กับ “ฆราวาสแบบไหน” ที่เขาเคยเป็นมา

    ในยุคที่ เราฝากความดีไว้กับพระไม่ได้
    เพราะมีชาวบ้านใจร้ายไปบวชเป็นพระ
    เราจึงต้องเริ่มฝากความดีไว้กับฆราวาส...ก่อน

    อยากให้พระมีวินัย
    อย่าถวายกิเลสให้ท่าน

    อยากให้พระสอนธรรม
    จงเลิกไถ่ถามเลขเด็ด

    อยากให้วัดร่มเย็น
    จงอย่าหอบเรื่องโลกไปวางในวัด

    อยากให้พระมีธรรม
    จงเป็นฆราวาสที่ฝึกธรรมไว้ในใจ

    เพราะพระพุทธเจ้าฝากพระศาสนา
    ไว้กับคนทั้งสี่ประเภท — ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา
    ไม่ใช่แค่ “ผ้าเหลือง”

    ถ้าอยากเห็นพระในอนาคต
    เป็นพระที่ดี...
    เราต้องเป็นฆราวาสที่ดี วันนี้

    ธรรมะไม่ใช่ของสูงบนหิ้ง
    แต่คือเครื่องมือประจำบ้าน
    ไว้แก้ทุกข์ เติมสุข
    ให้ชีวิตทุกวัน...ดีขึ้นเรื่อย ๆ

    วันนี้…คุณเลือกอยู่ใน “บริษัทพุทธ”

    เพื่อ “สร้างศาสนา” หรือ “ทำลายศาสนา”?
    หลักฐานมีอยู่ในมือถือคุณแล้วทั้งหมด...

    🪷 เพราะถ้าคุณไม่ดูแลศาสนา
    อย่าแปลกใจ…
    ถ้าต้องเผชิญวันตาย
    โดยไม่มี “หลัก” ให้ยึด
    ไม่มี “ธรรม” ให้เกาะ
    ไม่มีแม้แต่ “ฟางเส้นสุดท้าย” ให้ใจจับ!

    #ศาสนาในมือฆราวาส
    #ธรรมะในบ้าน
    #สร้างไม่ใช่แค่ด่า
    #ธรรมะไม่ใช่แค่ผ้าเหลือง
    #ชาวพุทธต้องมีส่วนร่วม
    🌿 ศาสนาไม่เคยฝากไว้ที่วัด... แต่ฝากไว้ในใจ "ชาวบ้าน" ไม่มีใครเกิดมาเป็นพระ ทุกคนเริ่มจาก “ฆราวาส” และ “พระจะเป็นอย่างไร” ก็ขึ้นอยู่กับ “ฆราวาสแบบไหน” ที่เขาเคยเป็นมา ในยุคที่ เราฝากความดีไว้กับพระไม่ได้ เพราะมีชาวบ้านใจร้ายไปบวชเป็นพระ เราจึงต้องเริ่มฝากความดีไว้กับฆราวาส...ก่อน อยากให้พระมีวินัย อย่าถวายกิเลสให้ท่าน อยากให้พระสอนธรรม จงเลิกไถ่ถามเลขเด็ด อยากให้วัดร่มเย็น จงอย่าหอบเรื่องโลกไปวางในวัด อยากให้พระมีธรรม จงเป็นฆราวาสที่ฝึกธรรมไว้ในใจ เพราะพระพุทธเจ้าฝากพระศาสนา ไว้กับคนทั้งสี่ประเภท — ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ไม่ใช่แค่ “ผ้าเหลือง” ✨ ถ้าอยากเห็นพระในอนาคต เป็นพระที่ดี... เราต้องเป็นฆราวาสที่ดี วันนี้ ธรรมะไม่ใช่ของสูงบนหิ้ง แต่คือเครื่องมือประจำบ้าน ไว้แก้ทุกข์ เติมสุข ให้ชีวิตทุกวัน...ดีขึ้นเรื่อย ๆ วันนี้…คุณเลือกอยู่ใน “บริษัทพุทธ” เพื่อ “สร้างศาสนา” หรือ “ทำลายศาสนา”? หลักฐานมีอยู่ในมือถือคุณแล้วทั้งหมด... 🪷 เพราะถ้าคุณไม่ดูแลศาสนา อย่าแปลกใจ… ถ้าต้องเผชิญวันตาย โดยไม่มี “หลัก” ให้ยึด ไม่มี “ธรรม” ให้เกาะ ไม่มีแม้แต่ “ฟางเส้นสุดท้าย” ให้ใจจับ! #ศาสนาในมือฆราวาส #ธรรมะในบ้าน #สร้างไม่ใช่แค่ด่า #ธรรมะไม่ใช่แค่ผ้าเหลือง #ชาวพุทธต้องมีส่วนร่วม
    0 Comments 0 Shares 181 Views 0 Reviews
  • เมื่อศรัทธาสั่นคลอน… จงเป็นแสงเทียนเองเสียเถิด
    แม้ข่าวพระแย่ ๆ จะเต็มฟีด
    แม้ใจเราจะตั้งคำถามว่า “ศาสนาเสื่อมแล้วหรือ”
    แต่ก่อนจะพยักหน้า ลองมองประวัติศาสตร์อินเดีย
    แผ่นดินเกิดของพระพุทธเจ้า… ก็เคยเสื่อมเพราะ "คนใน"

    วัดกลายเป็นองค์กรมั่งคั่ง
    พระบวชเพื่อ "รวย" มากกว่า "รู้"
    จีวรถูกใช้เป็นเครื่องมือ ไม่ใช่เครื่องหมายของการหลุดพ้น
    และไม่มีใครกล้าท้วง…

    แต่ในขณะเดียวกัน
    พระผู้เงียบงามในป่า
    พระที่เดินบิณฑบาตในอีสาน
    พระที่สอนเด็กๆ ในโรงเรียนวัด
    ก็ยังมีอยู่ — แต่อยู่ “นอกสปอตไลต์”

    อย่าลืมว่า
    พระศาสนาไม่ได้ขึ้นกับคนมีอำนาจ
    แต่ขึ้นกับคนธรรมดา ที่ไม่ยอมละความดี

    วันนี้… อย่ารอให้ข่าวดีเกิดก่อนศรัทธาจะกลับมา
    เพราะคุณเองก็ “จุดเทียน” ให้ศาสนาได้

    • อ่านหนังสือธรรมะแทนการแชร์ด่า
    • สอนลูกหลานไหว้พระ สวดมนต์เข้าใจความหมาย
    • ไปกราบพระดี ๆ ที่ไม่เคยเป็นข่าว
    • ถือศีลแบบตั้งใจ ไม่ใช่แค่ทอดผ้าป่า
    • เจริญภาวนา แม้วันละ 3 นาที

    🕯 ธรรมะไม่เคยริบหรี่ — แม้โลกจะมืดมนเพียงใด
    เพราะธรรมะอยู่ในใจ
    ไม่ใช่ที่จีวร
    ไม่ใช่ในคลิป
    ไม่ใช่ในข่าว
    แต่ใน "เจตนาดี" ที่เราตั้งไว้ทุกเช้า

    และผู้ที่ปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น
    คือ “สมณะที่แท้”
    ไม่ว่าจะห่มอะไร หรืออยู่ที่ใดในโลก

    ถึงเวลาที่ศรัทธาจะไม่ต้องรอใครฟื้นศาสนา
    แต่เริ่มต้นจากเรา… ผู้เป็นชาวพุทธตัวจริง
    ไม่ใช่แค่ในบัตรประชาชน
    แต่ใน “ความคิด คำพูด และการกระทำ” ในแต่ละวัน

    #แสงเทียนแห่งธรรมะ
    #ศรัทธาไม่ต้องรอใคร
    #ธรรมะอยู่ที่ใจ
    #พุทธแท้ไม่หวั่นข่าวปลอม
    #ชาวพุทธยุคใหม่
    🌘 เมื่อศรัทธาสั่นคลอน… จงเป็นแสงเทียนเองเสียเถิด แม้ข่าวพระแย่ ๆ จะเต็มฟีด แม้ใจเราจะตั้งคำถามว่า “ศาสนาเสื่อมแล้วหรือ” แต่ก่อนจะพยักหน้า ลองมองประวัติศาสตร์อินเดีย แผ่นดินเกิดของพระพุทธเจ้า… ก็เคยเสื่อมเพราะ "คนใน" วัดกลายเป็นองค์กรมั่งคั่ง พระบวชเพื่อ "รวย" มากกว่า "รู้" จีวรถูกใช้เป็นเครื่องมือ ไม่ใช่เครื่องหมายของการหลุดพ้น และไม่มีใครกล้าท้วง… 📜 แต่ในขณะเดียวกัน พระผู้เงียบงามในป่า พระที่เดินบิณฑบาตในอีสาน พระที่สอนเด็กๆ ในโรงเรียนวัด ก็ยังมีอยู่ — แต่อยู่ “นอกสปอตไลต์” อย่าลืมว่า พระศาสนาไม่ได้ขึ้นกับคนมีอำนาจ แต่ขึ้นกับคนธรรมดา ที่ไม่ยอมละความดี 🔥 วันนี้… อย่ารอให้ข่าวดีเกิดก่อนศรัทธาจะกลับมา เพราะคุณเองก็ “จุดเทียน” ให้ศาสนาได้ • อ่านหนังสือธรรมะแทนการแชร์ด่า • สอนลูกหลานไหว้พระ สวดมนต์เข้าใจความหมาย • ไปกราบพระดี ๆ ที่ไม่เคยเป็นข่าว • ถือศีลแบบตั้งใจ ไม่ใช่แค่ทอดผ้าป่า • เจริญภาวนา แม้วันละ 3 นาที 🕯 ธรรมะไม่เคยริบหรี่ — แม้โลกจะมืดมนเพียงใด เพราะธรรมะอยู่ในใจ ไม่ใช่ที่จีวร ไม่ใช่ในคลิป ไม่ใช่ในข่าว แต่ใน "เจตนาดี" ที่เราตั้งไว้ทุกเช้า และผู้ที่ปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น คือ “สมณะที่แท้” ไม่ว่าจะห่มอะไร หรืออยู่ที่ใดในโลก 💬 ถึงเวลาที่ศรัทธาจะไม่ต้องรอใครฟื้นศาสนา แต่เริ่มต้นจากเรา… ผู้เป็นชาวพุทธตัวจริง ไม่ใช่แค่ในบัตรประชาชน แต่ใน “ความคิด คำพูด และการกระทำ” ในแต่ละวัน #แสงเทียนแห่งธรรมะ #ศรัทธาไม่ต้องรอใคร #ธรรมะอยู่ที่ใจ #พุทธแท้ไม่หวั่นข่าวปลอม #ชาวพุทธยุคใหม่
    0 Comments 0 Shares 236 Views 0 Reviews
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.130 : “อาชีพพระ” ธุรกิจศาสนาในญี่ปุ่น ?
    .
    ที่พูดกันว่า “เมืองไทยเมืองพุทธ” แต่ก็มีเรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้นกับพระสงฆ์หลายครั้งหลายครา ทั้งเรื่องของ “สตรี” และ “สตางค์” คือ ผู้หญิงและทรัพย์สินเงินทอง นอกจากนี้ วัดหลายแห่ง ก็มีข้อครหาเรื่องของรายได้ และผลประโยชน์ที่มีมากมาย จนกลายเป็น “ธุรกิจศาสนา” ไปแล้ว
    .
    พระสงฆ์ในพุทธศาสนา นิกายเถรวาทของไทย ถือศีลทั้งหมด 227 ข้อ แต่ว่าในหลายประเทศที่มีพระสงฆ์เหมือนกัน ก็มีวัตรปฏิบัติที่แตกต่างกันไป ที่ชัดเจนที่สุดก็คือ “พระญี่ปุ่น” ซึ่งคุณผู้ฟังหลายคนอาจจะพอทราบมาบ้างว่า “พระญี่ปุ่น” สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ , ในญี่ปุ่นพระเป็น “อาชีพ” อย่างหนึ่ง โดยที่คนญี่ปุ่นก็ไม่ได้คิดว่าพระแบบนี้ ประพฤติผิดแต่อย่างใดเลย
    .
    พอดแคส บูรพาไม่แพ้ วันนี้ เราจะเล่าเรื่องของพุทธศาสนาในญี่ปุ่น ว่ามีความเปลี่ยนแปลงตามประวัติศาสตร์อย่างไร และทำไมพระญี่ปุ่นถึงมีชีวิตที่ใกล้เคียงกับฆราวาส ไม่ได้เป็นนักบวชที่เคร่งครัด แต่ว่าชาวญี่ปุ่นก็ยังนับถือพระพุทธศาสนา เป็นหนึ่งในศาสนาหลักอยู่ ?
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=dyBRBLwaw7M
    .
    #บูรพาไม่แพ้ #พระไทย #พระญี่ปุ่น #ธุรกิจศาสนา #พุทธพาณิชย์
    บูรพาไม่แพ้ Ep.130 : “อาชีพพระ” ธุรกิจศาสนาในญี่ปุ่น ? . ที่พูดกันว่า “เมืองไทยเมืองพุทธ” แต่ก็มีเรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้นกับพระสงฆ์หลายครั้งหลายครา ทั้งเรื่องของ “สตรี” และ “สตางค์” คือ ผู้หญิงและทรัพย์สินเงินทอง นอกจากนี้ วัดหลายแห่ง ก็มีข้อครหาเรื่องของรายได้ และผลประโยชน์ที่มีมากมาย จนกลายเป็น “ธุรกิจศาสนา” ไปแล้ว . พระสงฆ์ในพุทธศาสนา นิกายเถรวาทของไทย ถือศีลทั้งหมด 227 ข้อ แต่ว่าในหลายประเทศที่มีพระสงฆ์เหมือนกัน ก็มีวัตรปฏิบัติที่แตกต่างกันไป ที่ชัดเจนที่สุดก็คือ “พระญี่ปุ่น” ซึ่งคุณผู้ฟังหลายคนอาจจะพอทราบมาบ้างว่า “พระญี่ปุ่น” สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ , ในญี่ปุ่นพระเป็น “อาชีพ” อย่างหนึ่ง โดยที่คนญี่ปุ่นก็ไม่ได้คิดว่าพระแบบนี้ ประพฤติผิดแต่อย่างใดเลย . พอดแคส บูรพาไม่แพ้ วันนี้ เราจะเล่าเรื่องของพุทธศาสนาในญี่ปุ่น ว่ามีความเปลี่ยนแปลงตามประวัติศาสตร์อย่างไร และทำไมพระญี่ปุ่นถึงมีชีวิตที่ใกล้เคียงกับฆราวาส ไม่ได้เป็นนักบวชที่เคร่งครัด แต่ว่าชาวญี่ปุ่นก็ยังนับถือพระพุทธศาสนา เป็นหนึ่งในศาสนาหลักอยู่ ? . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=dyBRBLwaw7M . #บูรพาไม่แพ้ #พระไทย #พระญี่ปุ่น #ธุรกิจศาสนา #พุทธพาณิชย์
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 263 Views 0 Reviews
  • รูปหล่อหลวงปู่สุภา ฉลองอายุครบ 113 ปี วัดสีลสุภาราม ภูเก็ต ปี2550
    รูปหล่อหลวงปู่สุภา เนื้อกะไหล่ทอง ฉลองอายุครบ 113 ปี วัดสีลสุภาราม ภูเก็ต ปี2550 //พระดีพิธีขลัง !! มีเกจิขลังหลายท่านร่วมอธิฐานจิตปลุกเสก // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ >> //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณทางด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม และป้องกันภัย ค้าขายดี เจริญรุ่งเรือง ลูกค้าเข้ามาก และมีเงินทองไหลมาเทมา >>

    ** หลวงปู่สุภา กันตสีโล หลวงปู่บวชเณรตั้งแต่อายุ 9 ขวบ ปี 2463 ฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท จากนั้นได้ไปศึกษาทางด้านกสิณและฌานสมาบัติอยู่กับพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต หลังจากนั้นหลวงปู่สุภาได้ออกธุดงค์ไปในทุกภาคของประเทศ รวมไปถึงประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ท่านมีลูกศิษย์ลูกหาจำนวนมาก ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    รูปหล่อหลวงปู่สุภา ฉลองอายุครบ 113 ปี วัดสีลสุภาราม ภูเก็ต ปี2550 รูปหล่อหลวงปู่สุภา เนื้อกะไหล่ทอง ฉลองอายุครบ 113 ปี วัดสีลสุภาราม ภูเก็ต ปี2550 //พระดีพิธีขลัง !! มีเกจิขลังหลายท่านร่วมอธิฐานจิตปลุกเสก // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ >> //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณทางด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม และป้องกันภัย ค้าขายดี เจริญรุ่งเรือง ลูกค้าเข้ามาก และมีเงินทองไหลมาเทมา >> ** หลวงปู่สุภา กันตสีโล หลวงปู่บวชเณรตั้งแต่อายุ 9 ขวบ ปี 2463 ฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท จากนั้นได้ไปศึกษาทางด้านกสิณและฌานสมาบัติอยู่กับพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต หลังจากนั้นหลวงปู่สุภาได้ออกธุดงค์ไปในทุกภาคของประเทศ รวมไปถึงประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ท่านมีลูกศิษย์ลูกหาจำนวนมาก ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 167 Views 0 Reviews
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​การทำบุคคลให้รู้อริยสัจ จัดเป็นอนุศาสนีปาฏิหาริย์
    สัทธรรมลำดับที่ : 1054
    ชื่อบทธรรม :- การทำบุคคลให้รู้อริยสัจ จัดเป็นอนุศาสนีปาฏิหาริย์
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1054
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --การทำบุคคลให้รู้อริยสัจ จัดเป็นอนุศาสนีปาฏิหาริย์
    --เกวัฏฏะ ! นี่ปาฏิหาริย์สามอย่าง ที่เราได้ทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง
    แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้ได้.
    สามอย่างอะไรเล่า ? สามอย่างคือ
    อิทธปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์ และอนุศาสนีปาฏิหาริย์.
    http://etipitaka.com/read/pali/9/273/?keywords=ปาฏิหาริ

    (๑) เกวัฎฎะ ! อิทธิปาฏิหาริย์นั้นเป็นอย่างไรเล่า ?
    --เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ กระทำอิทธิวิธีมีอย่างต่างๆ
    : ผู้เดียวแปลงรูปเป็นหลายคน หลายคนเป็นคนเดียว,
    ทำที่กำบังให้เป็นที่แจ้ง ทำที่แจ้งให้เป็นที่กำบัง,
    ไปได้ไม่ขัดข้อง ผ่านทะลุฝา ทะลุกำแพง ทะลุภูเขา ดุจไปในอากาศว่างๆ,
    ผุดขึ้นและดำรงอยู่ในแผ่นดินได้เหมือนในน้ำ,
    เดินไปได้เหนือน้ำ เหมือนเดินบนแผ่นดิน,
    ไปได้ในอากาศเหมือนนกมีปีก ทั้งที่ยังนั่งสมาธิคู้บัลลังก์.
    ลูบคลำดวงจันทร์และดวงอาทิตย์อันมีฤทธิ์อานุภาพมาก ได้ด้วยฝ่ามือ.
    และแสดงอำนาจทางกายเป็นไปตลอดถึงพรหมโลกได้.
    --เกวัฏฏะ ! กุลบุตรผู้มีศรัทธาเลื่อมใสได้เห็นการแสดงนั้นแล้ว
    เขาบอกเล่าแก่กุลบุตรอื่นบางคน ที่ไม่ศรัทธาเลื่อมใสว่าน่าอัศจรรย์นัก.
    กุลบุตรผู้ไม่มีศรัทธาเลื่อมใสนั้น ก็จะพึงตอบว่า วิชา ชื่อ คันธารี*--๑ มีอยู่
    ภิกษุนั้นแสดงอิทธิวิธีด้วยวิชานั่นเท่านั้น (หาใช่มีปาฏิหาริย์ไม่),
    --เกวัฏฏะ ! ท่านจะเข้าใจว่าอย่างไร
    : ก็คนไม่เชื่อ ไม่เลื่อมใส ย่อมกล่าวตอบผู้เชื่อผู้เลื่อมใสได้อย่างนั้น มิใช่หรือ ?
    “พึงตอบได้ , พระองค์ !”
    --เกวัฏฏะ ! เราเห็นโทษในการแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ดังนี้แล
    จึงอึดอัด ขยะแขยง เกลียดชัง ต่ออิทธิปาฏิหาริย์.
    http://etipitaka.com/read/pali/9/273/?keywords=อิทฺธิปาฏิหาริ
    *--๑. คันธารี ชื่อมนต์ แต่งโดยฤษีมีนามคันธาระ, อีกอย่างหนึ่งว่าในแคว้นคันธาระ.

    (๒) เกวัฏฏะ ! อาเทสนาปาฏิหาริย์นั้น เป็นอย่างไรเล่า ?
    --เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมทายจิต ทายความรู้สึกของจิต
    ทายความตรึก ทายความตรอง ของสัตว์เหล่าอื่น ของบุคคลเหล่าอื่นได้ ว่า
    ใจของท่านเช่นนี้ ใจของท่านมีประการนี้ ใจของท่านมีด้วยอาการอย่างนี้.
    . . . . ฯลฯ . . . .
    กุลบุตรผู้ไม่เชื่อ ไม่เลื่อมใส ย่อมค้านกุลบุตรผู้เชื่อผู้เลื่อมใส ว่า วิชา ชื่อ มณิกา มีอยู่
    ภิกษุนั้น กล่าวทายใจได้เช่นนั้นๆ ก็ด้วยวิชานั้น (หาใช่มีปาฏิหาริย์ไม่),
    --เกวัฏฏะ ! ท่านจะเข้าใจว่าอย่างไร
    : ก็คนไม่เชื่อไม่ เลื่อมใส ย่อมกล่าวตอบผู้เชื่อผู้เลื่อมใสได้ อย่างนั้น มิใช่หรือ ?
    “พึงตอบได้ , พระองค์ !”
    --เกวัฏฏะ ! เราเห็นโทษในการแสดงอาเทสนาปาฏิหาริย์ดังนี้แล
    จึง อึดอัด ขยะแขยง เกลียดชัง ต่ออาเทสนาปาฏิหาริย์.
    http://etipitaka.com/read/pali/9/275/?keywords=อาเทสนาปาฏิหาริ

    (๓) เกวัฏฏะ ! อนุศาสนีปาฏิหาริย์ นั้น เป็นอย่างไรเล่า ?
    --เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมสั่งสอนว่า
    “ท่านจงตรึกอย่างนี้ๆ อย่าตรึกอย่างนั้นๆ,
    จงทำไว้ในใจอย่างนี้ๆ อย่าทำไว้ในใจอย่างนั้นๆ,
    จงละสิ่งนี้ๆ เสีย. จงเข้าถึง สิ่งนี้ๆ แล้วแลอยู่”
    ดังนี้.
    --เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า #อนุศาสนีปาฏิหาริย์.
    http://etipitaka.com/read/pali/9/276/?keywords=อนุศาสนีปาฏิหาริ

    --เกวัฏฏะ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ตถาคตเกิดขึ้นในโลกนี้ เป็นพระอรหันต์ตรัสรู้ชอบเอง
    สมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ ดำเนินไปดี รู้แจ้งโลก
    เป็นสารถีฝึกคนควรฝึกไม่มีใครยิ่งไปกว่า เป็นครูของเทวดาและมนุษย์
    เป็นผู้เบิกบานแล้ว จำแนกธรรมออกสอนสัตว์.
    ตถาคตนั้น ทำให้แจ้งซึ่งโลกนี้ กับทั้งเทวดา มาร พรหม หมู่สัตว์
    พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาพร้อมทั้งมนุษย์ ด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว
    สอนผู้อื่นให้รู้แจ้งตาม.
    ตถาคตนั้นแสดงธรรมไพเราะในเบื้องต้น – ท่ามกลาง – ที่สุด,
    ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถะและพยัญชนะบริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง.
    http://etipitaka.com/read/pali/9/276/?keywords=ตถาคโต
    : คหบดีหรือบุตรคหบดี หรือผู้เกิดในตระกูลใดตระกูลหนึ่งในภายหลังก็ดี ได้ฟังธรรมนั้นแล้ว เกิดศรัทธาในตถาคต.
    เขาผู้ประกอบด้วยศรัทธา ย่อมพิจารณาเห็นว่า
    “ฆราวาสคับแคบ เป็นทางมาแห่งธุลี, บรรพชาเป็นโอกาสว่าง;
    การที่คนอยู่ครองเรือน จะประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์โดยส่วนเดียวเหมือนสังข์ที่เขาขัดแล้วนั้น ไม่ทำได้โดยง่าย.
    ถ้ากระไร เราจะปลงผมและหนวด ครองผ้ากาสายะ ออกจากเรือนบวช
    เป็นผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนเถิด”, ดังนี้.
    โดยสมัยอื่นต่อมา เขาละกองสมบัติน้อยใหญ่ และวงศ์ญาติน้อยใหญ่ ปลงผมและหนวด ออกจากเรือนบวชเป็นผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนแล้ว.
    ภิกษุนั้น ผู้บวชแล้วอย่างนี้ สำรวมแล้วด้วยความสำรวมในปาติโมกข์
    ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจร,
    มีปกติเห็นเป็นภัยในโทษทั้งหลาย แม้ว่าเป็นโทษเล็กน้อย
    สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย,
    ประกอบแล้วด้วยกายกรรมวจีกรรมอันเป็นกุศล,
    มีอาชีวะบริสุทธิ์, ถึงพร้อมด้วยศีล, มีทวารอันคุ้มครองแล้วในอินทรีย์ทั้งหลาย,
    ประกอบด้วยสติสัมปปัญญะ, มีความสันโดษ.
    --เกวัฏฏะ ! ภิกษุถึงพร้อมด้วยศีล เป็นอย่างไรเล่า?
    --เกวัฏฏะ ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ละการทำสัตว์มีชีวิตให้ตกล่วงไป
    เป็นผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต วางท่อนไม้และศาสตราเสียแล้ว
    มีความละอาย ถึงความเอ็นดูกรุณา หวังประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงอยู่.
    --เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์.
    http://etipitaka.com/read/pali/9/276/?keywords=อนุศาสนีปาฏิหาริ

    --(ต่อไปนี้ ทรงแสดงด้วย
    จุลศีล – มัชฌิมศีล – มหาศีล – อินทรียสังวร –
    สติสัมปชัญญะ - การสันโดษด้วยปัจจัยสี่ –
    การชำระจิตจากนิวรณ์ในที่สงัดแล้วได้
    ปฐมฌาน – ทุติยฌาน – ตติยฌาน -- จตุตถฌาน –
    ญาณทัสสนะ – มโนมยิทธิ – อิทธิวิธี – ทิพพโสต –
    เจโตปริยญาณ – ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ – จุตูปปาตญาณ
    และตรัสเรียกความสำเร็จในการสอนแต่ละขั้นว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์
    อย่างหนึ่งๆ จนกระทั่งถึง
    #อาสวักขยญาณ ซึ่งมีข้อความว่า :- )​
    --เกวัฏฏะ ! ภิกษุนั้น
    ครั้นจิตตั้งมั่นบริสุทธิ์ผ่องใส ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส
    เป็นธรรมชาติอ่อนโยนควรแก่การงาน ตั้งอยู่ได้อย่างไม่หวั่นไหว เช่นนี้แล้ว,
    เธอก็น้อมจิตไปเฉพาะต่ออาสวักขยญาณ. เธอย่อมรู้ชัดตามที่เป็นจริงว่า
    “นี้ทุกข์,
    นี้เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์,
    นี้ความดับไม่เหลือ แห่งทุกข์,
    นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์”;
    และรู้ชัดตามที่ เป็นจริงว่า
    “เหล่านี้อาสวะ,
    นี้เหตุเกิดขึ้นแห่งอาสวะ,
    นี้ความดับไม่เหลือแห่งอาสวะ,
    นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งอาสวะ”.
    เมื่อเธอรู้อยู่อย่างนี้เห็นอยู่อย่างนี้ จิตก็พ้นจากกามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ.
    ครั้นจิต หลุดพ้นแล้วก็เกิดญาณหยั่งรู้ว่า “จิตพ้นแล้ว”.
    เธอรู้ชัดว่า “ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำสำเร็จแล้ว
    กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มีอีก”
    ดังนี้.
    --เกวัฏฏะ ! เปรียบเหมือนห้วงน้ำใสที่ไหล่เขา ไม่ขุ่นมัว,
    คนมีจักษุดียืนอยู่บนฝั่งในที่นั้น,
    เขาเห็นหอยต่างๆ บ้าง กรวด และหินบ้าง ฝูงปลาบ้าง อันหยุดอยู่และว่ายไปในห้วงน้ำนั้น,
    เขาจะสำเหนียก ใจอย่างนี้ว่า
    “ห้วงน้ำนี้ใส ไม่ขุ่นเลย หอย ก้อนกรวด ปลาทั้งหลายเหล่านี้
    หยุดอยู่บ้าง ว่ายไปบ้าง ในห้วงน้ำนั้น”
    ดังนี้;
    ฉันใดก็ฉันนั้น.
    --เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์.
    --เกวัฏฏะ ! เหล่านี้แล ปาฏิหาริย์ ๓ อย่าง ที่เราได้ทำให้แจ้งด้วย ปัญญาอันยิ่งเอง แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้ตามด้วย.-
    http://etipitaka.com/read/pali/9/273/?keywords=ปาฏิหาริยา

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สี. ที. 9/306 - 309/339 - 242.
    http://etipitaka.com/read/thai/9/306/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%99
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สี. ที. ๙/๒๗๓ - ๒๗๖/๓๓๙ - ๒๔๒.
    http://etipitaka.com/read/pali/9/273/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%99
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1054
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=92&id=1054
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=92
    ลำดับสาธยายธรรม : 92 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_92.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​การทำบุคคลให้รู้อริยสัจ จัดเป็นอนุศาสนีปาฏิหาริย์ สัทธรรมลำดับที่ : 1054 ชื่อบทธรรม :- การทำบุคคลให้รู้อริยสัจ จัดเป็นอนุศาสนีปาฏิหาริย์ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1054 เนื้อความทั้งหมด :- --การทำบุคคลให้รู้อริยสัจ จัดเป็นอนุศาสนีปาฏิหาริย์ --เกวัฏฏะ ! นี่ปาฏิหาริย์สามอย่าง ที่เราได้ทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้ได้. สามอย่างอะไรเล่า ? สามอย่างคือ อิทธปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์ และอนุศาสนีปาฏิหาริย์. http://etipitaka.com/read/pali/9/273/?keywords=ปาฏิหาริ (๑) เกวัฎฎะ ! อิทธิปาฏิหาริย์นั้นเป็นอย่างไรเล่า ? --เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ กระทำอิทธิวิธีมีอย่างต่างๆ : ผู้เดียวแปลงรูปเป็นหลายคน หลายคนเป็นคนเดียว, ทำที่กำบังให้เป็นที่แจ้ง ทำที่แจ้งให้เป็นที่กำบัง, ไปได้ไม่ขัดข้อง ผ่านทะลุฝา ทะลุกำแพง ทะลุภูเขา ดุจไปในอากาศว่างๆ, ผุดขึ้นและดำรงอยู่ในแผ่นดินได้เหมือนในน้ำ, เดินไปได้เหนือน้ำ เหมือนเดินบนแผ่นดิน, ไปได้ในอากาศเหมือนนกมีปีก ทั้งที่ยังนั่งสมาธิคู้บัลลังก์. ลูบคลำดวงจันทร์และดวงอาทิตย์อันมีฤทธิ์อานุภาพมาก ได้ด้วยฝ่ามือ. และแสดงอำนาจทางกายเป็นไปตลอดถึงพรหมโลกได้. --เกวัฏฏะ ! กุลบุตรผู้มีศรัทธาเลื่อมใสได้เห็นการแสดงนั้นแล้ว เขาบอกเล่าแก่กุลบุตรอื่นบางคน ที่ไม่ศรัทธาเลื่อมใสว่าน่าอัศจรรย์นัก. กุลบุตรผู้ไม่มีศรัทธาเลื่อมใสนั้น ก็จะพึงตอบว่า วิชา ชื่อ คันธารี*--๑ มีอยู่ ภิกษุนั้นแสดงอิทธิวิธีด้วยวิชานั่นเท่านั้น (หาใช่มีปาฏิหาริย์ไม่), --เกวัฏฏะ ! ท่านจะเข้าใจว่าอย่างไร : ก็คนไม่เชื่อ ไม่เลื่อมใส ย่อมกล่าวตอบผู้เชื่อผู้เลื่อมใสได้อย่างนั้น มิใช่หรือ ? “พึงตอบได้ , พระองค์ !” --เกวัฏฏะ ! เราเห็นโทษในการแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ดังนี้แล จึงอึดอัด ขยะแขยง เกลียดชัง ต่ออิทธิปาฏิหาริย์. http://etipitaka.com/read/pali/9/273/?keywords=อิทฺธิปาฏิหาริ *--๑. คันธารี ชื่อมนต์ แต่งโดยฤษีมีนามคันธาระ, อีกอย่างหนึ่งว่าในแคว้นคันธาระ. (๒) เกวัฏฏะ ! อาเทสนาปาฏิหาริย์นั้น เป็นอย่างไรเล่า ? --เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมทายจิต ทายความรู้สึกของจิต ทายความตรึก ทายความตรอง ของสัตว์เหล่าอื่น ของบุคคลเหล่าอื่นได้ ว่า ใจของท่านเช่นนี้ ใจของท่านมีประการนี้ ใจของท่านมีด้วยอาการอย่างนี้. . . . . ฯลฯ . . . . กุลบุตรผู้ไม่เชื่อ ไม่เลื่อมใส ย่อมค้านกุลบุตรผู้เชื่อผู้เลื่อมใส ว่า วิชา ชื่อ มณิกา มีอยู่ ภิกษุนั้น กล่าวทายใจได้เช่นนั้นๆ ก็ด้วยวิชานั้น (หาใช่มีปาฏิหาริย์ไม่), --เกวัฏฏะ ! ท่านจะเข้าใจว่าอย่างไร : ก็คนไม่เชื่อไม่ เลื่อมใส ย่อมกล่าวตอบผู้เชื่อผู้เลื่อมใสได้ อย่างนั้น มิใช่หรือ ? “พึงตอบได้ , พระองค์ !” --เกวัฏฏะ ! เราเห็นโทษในการแสดงอาเทสนาปาฏิหาริย์ดังนี้แล จึง อึดอัด ขยะแขยง เกลียดชัง ต่ออาเทสนาปาฏิหาริย์. http://etipitaka.com/read/pali/9/275/?keywords=อาเทสนาปาฏิหาริ (๓) เกวัฏฏะ ! อนุศาสนีปาฏิหาริย์ นั้น เป็นอย่างไรเล่า ? --เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมสั่งสอนว่า “ท่านจงตรึกอย่างนี้ๆ อย่าตรึกอย่างนั้นๆ, จงทำไว้ในใจอย่างนี้ๆ อย่าทำไว้ในใจอย่างนั้นๆ, จงละสิ่งนี้ๆ เสีย. จงเข้าถึง สิ่งนี้ๆ แล้วแลอยู่” ดังนี้. --เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า #อนุศาสนีปาฏิหาริย์. http://etipitaka.com/read/pali/9/276/?keywords=อนุศาสนีปาฏิหาริ --เกวัฏฏะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ตถาคตเกิดขึ้นในโลกนี้ เป็นพระอรหันต์ตรัสรู้ชอบเอง สมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ ดำเนินไปดี รู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกคนควรฝึกไม่มีใครยิ่งไปกว่า เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ เป็นผู้เบิกบานแล้ว จำแนกธรรมออกสอนสัตว์. ตถาคตนั้น ทำให้แจ้งซึ่งโลกนี้ กับทั้งเทวดา มาร พรหม หมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาพร้อมทั้งมนุษย์ ด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว สอนผู้อื่นให้รู้แจ้งตาม. ตถาคตนั้นแสดงธรรมไพเราะในเบื้องต้น – ท่ามกลาง – ที่สุด, ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถะและพยัญชนะบริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง. http://etipitaka.com/read/pali/9/276/?keywords=ตถาคโต : คหบดีหรือบุตรคหบดี หรือผู้เกิดในตระกูลใดตระกูลหนึ่งในภายหลังก็ดี ได้ฟังธรรมนั้นแล้ว เกิดศรัทธาในตถาคต. เขาผู้ประกอบด้วยศรัทธา ย่อมพิจารณาเห็นว่า “ฆราวาสคับแคบ เป็นทางมาแห่งธุลี, บรรพชาเป็นโอกาสว่าง; การที่คนอยู่ครองเรือน จะประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์โดยส่วนเดียวเหมือนสังข์ที่เขาขัดแล้วนั้น ไม่ทำได้โดยง่าย. ถ้ากระไร เราจะปลงผมและหนวด ครองผ้ากาสายะ ออกจากเรือนบวช เป็นผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนเถิด”, ดังนี้. โดยสมัยอื่นต่อมา เขาละกองสมบัติน้อยใหญ่ และวงศ์ญาติน้อยใหญ่ ปลงผมและหนวด ออกจากเรือนบวชเป็นผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนแล้ว. ภิกษุนั้น ผู้บวชแล้วอย่างนี้ สำรวมแล้วด้วยความสำรวมในปาติโมกข์ ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจร, มีปกติเห็นเป็นภัยในโทษทั้งหลาย แม้ว่าเป็นโทษเล็กน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย, ประกอบแล้วด้วยกายกรรมวจีกรรมอันเป็นกุศล, มีอาชีวะบริสุทธิ์, ถึงพร้อมด้วยศีล, มีทวารอันคุ้มครองแล้วในอินทรีย์ทั้งหลาย, ประกอบด้วยสติสัมปปัญญะ, มีความสันโดษ. --เกวัฏฏะ ! ภิกษุถึงพร้อมด้วยศีล เป็นอย่างไรเล่า? --เกวัฏฏะ ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ละการทำสัตว์มีชีวิตให้ตกล่วงไป เป็นผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต วางท่อนไม้และศาสตราเสียแล้ว มีความละอาย ถึงความเอ็นดูกรุณา หวังประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงอยู่. --เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์. http://etipitaka.com/read/pali/9/276/?keywords=อนุศาสนีปาฏิหาริ --(ต่อไปนี้ ทรงแสดงด้วย จุลศีล – มัชฌิมศีล – มหาศีล – อินทรียสังวร – สติสัมปชัญญะ - การสันโดษด้วยปัจจัยสี่ – การชำระจิตจากนิวรณ์ในที่สงัดแล้วได้ ปฐมฌาน – ทุติยฌาน – ตติยฌาน -- จตุตถฌาน – ญาณทัสสนะ – มโนมยิทธิ – อิทธิวิธี – ทิพพโสต – เจโตปริยญาณ – ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ – จุตูปปาตญาณ และตรัสเรียกความสำเร็จในการสอนแต่ละขั้นว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์ อย่างหนึ่งๆ จนกระทั่งถึง #อาสวักขยญาณ ซึ่งมีข้อความว่า :- )​ --เกวัฏฏะ ! ภิกษุนั้น ครั้นจิตตั้งมั่นบริสุทธิ์ผ่องใส ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส เป็นธรรมชาติอ่อนโยนควรแก่การงาน ตั้งอยู่ได้อย่างไม่หวั่นไหว เช่นนี้แล้ว, เธอก็น้อมจิตไปเฉพาะต่ออาสวักขยญาณ. เธอย่อมรู้ชัดตามที่เป็นจริงว่า “นี้ทุกข์, นี้เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์, นี้ความดับไม่เหลือ แห่งทุกข์, นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์”; และรู้ชัดตามที่ เป็นจริงว่า “เหล่านี้อาสวะ, นี้เหตุเกิดขึ้นแห่งอาสวะ, นี้ความดับไม่เหลือแห่งอาสวะ, นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งอาสวะ”. เมื่อเธอรู้อยู่อย่างนี้เห็นอยู่อย่างนี้ จิตก็พ้นจากกามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ. ครั้นจิต หลุดพ้นแล้วก็เกิดญาณหยั่งรู้ว่า “จิตพ้นแล้ว”. เธอรู้ชัดว่า “ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำสำเร็จแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มีอีก” ดังนี้. --เกวัฏฏะ ! เปรียบเหมือนห้วงน้ำใสที่ไหล่เขา ไม่ขุ่นมัว, คนมีจักษุดียืนอยู่บนฝั่งในที่นั้น, เขาเห็นหอยต่างๆ บ้าง กรวด และหินบ้าง ฝูงปลาบ้าง อันหยุดอยู่และว่ายไปในห้วงน้ำนั้น, เขาจะสำเหนียก ใจอย่างนี้ว่า “ห้วงน้ำนี้ใส ไม่ขุ่นเลย หอย ก้อนกรวด ปลาทั้งหลายเหล่านี้ หยุดอยู่บ้าง ว่ายไปบ้าง ในห้วงน้ำนั้น” ดังนี้; ฉันใดก็ฉันนั้น. --เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์. --เกวัฏฏะ ! เหล่านี้แล ปาฏิหาริย์ ๓ อย่าง ที่เราได้ทำให้แจ้งด้วย ปัญญาอันยิ่งเอง แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้ตามด้วย.- http://etipitaka.com/read/pali/9/273/?keywords=ปาฏิหาริยา #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สี. ที. 9/306 - 309/339 - 242. http://etipitaka.com/read/thai/9/306/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%99 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สี. ที. ๙/๒๗๓ - ๒๗๖/๓๓๙ - ๒๔๒. http://etipitaka.com/read/pali/9/273/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%99 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1054 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=92&id=1054 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=92 ลำดับสาธยายธรรม : 92 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_92.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - การทำบุคคลให้รู้อริยสัจ จัดเป็นอนุศาสนีปาฏิหาริย์
    -การทำบุคคลให้รู้อริยสัจ จัดเป็นอนุศาสนีปาฏิหาริย์ เกวัฏฏะ ! นี่ปาฏิหาริย์สามอย่าง ที่เราได้ทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้ได้. สามอย่างอะไรเล่า ? สามอย่างคือ อิทธปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์ และอนุศาสนีปาฏิหาริย์. (๑) เกวัฎฎะ ! อิทธิปาฏิหาริย์นั้นเป็นอย่างไรเล่า ? เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ กระทำอิทธิวิธีมีอย่างต่างๆ : ผู้เดียวแปลงรูปเป็นหลายคน, หลายคนเป็นคนเดียว, ทำที่กำบังให้เป็นที่แจ้ง ทำที่แจ้งให้เป็นที่กำบัง, ไปได้ไม่ขัดข้อง ผ่านทะลุฝา ทะลุกำแพง ทะลุภูเขา ดุจไปในอากาศว่างๆ, ผุดขึ้นและดำรงอยู่ในแผ่นดินได้เหมือนในน้ำ, เดินไปได้เหนือน้ำ เหมือนเดินบนแผ่นดิน, ไปได้ในอากาศเหมือนนกมีปีก ทั้งที่ยังนั่งสมาธิคู้บัลลังก์. ลูบคลำดวงจันทร์และดวงอาทิตย์อันมีฤทธิ์อานุภาพมาก ได้ด้วยฝ่ามือ. และแสดงอำนาจทางกายเป็นไปตลอดถึงพรหมโลกได้. เกวัฏฏะ ! กุลบุตรผู้มีศรัทธาเลื่อมใสได้เห็นการแสดงนั้นแล้ว เขาบอกเล่าแก่กุลบุตรอื่นบางคน ที่ไม่ศรัทธาเลื่อมใสว่าน่าอัศจรรย์นัก. กุลบุตรผู้ไม่มีศรัทธาเลื่อมใสนั้น ก็จะพึงตอบว่า วิชา ชื่อ คันธารี๑ มีอยู่ ภิกษุนั้นแสดงอิทธิวิธีด้วยวิชานั่นเท่านั้น (หาใช่มีปาฏิหาริย์ไม่), เกวัฏฏะ ! ท่านจะเข้าใจว่าอย่างไร : ก็คนไม่เชื่อ ไม่เลื่อมใส ย่อมกล่าวตอบผู้เชื่อผู้เลื่อมใสได้อย่างนั้น มิใช่หรือ ? “พึงตอบได้ , พระองค์ !” เกวัฏฏะ ! เราเห็นโทษในการแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ดังนี้แล จึงอึดอัด ขยะแขยง เกลียดชัง ต่ออิทธิปาฏิหาริย์. (๒) เกวัฏฏะ ! อาเทสนาปาฏิหาริย์นั้น เป็นอย่างไรเล่า ? เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมทายจิต ทายความรู้สึกของจิต ทายความตรึก ทายความตรอง ของสัตว์เหล่าอื่น ของบุคคลเหล่าอื่นได้ ว่า ใจของท่านเช่นนี้ ใจของท่านมีประการนี้ ใจของท่านมีด้วยอาการอย่างนี้. . . . . ฯลฯ . . . . กุลบุตรผู้ไม่เชื่อ ไม่เลื่อมใส ย่อมค้านกุลบุตรผู้เชื่อผู้เลื่อมใส ว่า วิชา ชื่อ มณิกา มีอยู่ ภิกษุนั้น กล่าวทายใจได้เช่นนั้นๆ ก็ด้วยวิชานั้น (หาใช่มีปาฏิหาริย์ไม่), เกวัฏฏะ ! ท่าน ๑. คันธารี ชื่อมนต์ แต่งโดยฤษีมีนามคันธาระ, อีกอย่างหนึ่งว่าในแคว้นคันธาระ. จะเข้าใจว่าอย่างไร : ก็คนไม่เชื่อไม่ เลื่อมใส ย่อมกล่าวตอบผู้เชื่อผู้เลื่อมใสได้ อย่างนั้น มิใช่หรือ ? “พึงตอบได้ , พระองค์ !” เกวัฏฏะ ! เราเห็นโทษในการแสดงอาเทสนาปาฏิหาริย์ดังนี้แล จึง อึดอัด ขยะแขยง เกลียดชัง ต่ออาเทสนาปาฏิหาริย์. (๓) เกวัฏฏะ ! อนุศาสนีปาฏิหาริย์ นั้น เป็นอย่างไรเล่า ? เกวัฏฏะ ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมสั่งสอนว่า “ท่านจงตรึกอย่างนี้ๆ อย่าตรึกอย่างนั้นๆ, จงทำไว้ในใจอย่างนี้ๆ อย่าทำไว้ในใจอย่างนั้นๆ, จงละสิ่งนี้ๆ เสีย. จงเข้าถึง สิ่งนี้ๆ แล้วแลอยู่” ดังนี้. เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์. เกวัฏฏะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ตถาคตเกิดขึ้นในโลกนี้ เป็นพระอรหันต์ตรัสรู้ชอบเอง สมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ ดำเนินไปดี รู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกคนควรฝึกไม่มีใครยิ่งไปกว่า เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ เป็นผู้เบิกบานแล้ว จำแนกธรรมออกสอนสัตว์. ตถาคตนั้น ทำให้แจ้งซึ่งโลกนี้ กับทั้งเทวดา มาร พรหม หมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาพร้อมทั้งมนุษย์ ด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว สอนผู้อื่นให้รู้แจ้งตาม. ตถาคตนั้นแสดงธรรมไพเราะในเบื้องต้น – ท่ามกลาง – ที่สุด, ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถะและพยัญชนะบริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง. คหบดีหรือบุตรคหบดี หรือผู้เกิดในตระกูลใดตระกูลหนึ่งในภายหลังก็ดี ได้ฟังธรรมนั้นแล้ว เกิดศรัทธาในตถาคต. เขาผู้ประกอบด้วยศรัทธา ย่อมพิจารณาเห็นว่า “ฆราวาสคับแคบ เป็นทางมาแห่งธุลี, บรรพชาเป็นโอกาสว่าง; การที่คนอยู่ครองเรือน จะประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์โดยส่วนเดียวเหมือนสังข์ที่เขาขัดแล้วนั้น ไม่ทำได้โดยง่าย. ถ้า กระไร เราจะปลงผมและหนวด ครองผ้ากาสายะ ออกจากเรือนบวช เป็นผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนเถิด”, ดังนี้. โดยสมัยอื่นต่อมา เขาละกองสมบัติน้อยใหญ่ และวงศ์ญาติน้อยใหญ่ ปลงผมและหนวด ออกจากเรือนบวชเป็นผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนแล้ว. ภิกษุนั้น ผู้บวชแล้วอย่างนี้ สำรวมแล้วด้วยความสำรวมในปาติโมกข์ ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจร, มีปกติเห็นเป็นภัยในโทษทั้งหลาย แม้ว่าเป็นโทษเล็กน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย, ประกอบแล้วด้วยกายกรรมวจีกรรมอันเป็นกุศล, มีอาชีวะบริสุทธิ์, ถึงพร้อมด้วยศีล, มีทวารอันคุ้มครองแล้วในอินทรีย์ทั้งหลาย, ประกอบด้วยสติสัมปปัญญะ, มีความสันโดษ. เกวัฏฏะ ! ภิกษุถึงพร้อมด้วยศีล เป็นอย่างไรเล่า? เกวัฏฏะ ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ละการทำสัตว์มีชีวิตให้ตกล่วงไป เป็นผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต วางท่อนไม้และศาสตราเสียแล้ว มีความละอาย ถึงความเอ็นดูกรุณา หวังประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงอยู่. เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์. (ต่อไปนี้ ทรงแสดงด้วยจุลศีล – มัชฌิมศีล – มหาศีล – อินทรียสังวร – สติสัมปชัญญะ - การสันโดษด้วยปัจจัยสี่ – การชำระจิตจากนิวรณ์ในที่สงัดแล้วได้ปฐมฌาน – ทุติยฌาน – ตติยฌาน - จตุตถฌาน – ญาณทัสสนะ – มโนมยิทธิ – อิทธิวิธี – ทิพพโสต – เจโตปริยญาณ – ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ – จุตูปปาตญาณ และตรัสเรียกความสำเร็จในการสอนแต่ละขั้นว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์ อย่างหนึ่งๆ จนกระทั่งถึงอาสวักขยญาณซึ่งมีข้อความว่า :-) เกวัฏฏะ ! ภิกษุนั้น ครั้นจิตตั้งมั่นบริสุทธิ์ผ่องใส ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส เป็นธรรมชาติอ่อนโยนควรแก่การงาน ตั้งอยู่ได้อย่างไม่หวั่น ไหว เช่นนี้แล้ว, เธอก็น้อมจิตไปเฉพาะต่ออาสวักขยญาณ. เธอย่อมรู้ชัดตามที่เป็นจริงว่า “นี้ทุกข์, นี้เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์, นี้ความดับไม่เหลือ แห่งทุกข์, นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์”; และรู้ชัดตามที่ เป็นจริงว่า “เหล่านี้อาสวะ, นี้เหตุเกิดขึ้นแห่งอาสวะ, นี้ความดับไม่เหลือแห่งอาสวะ, นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งอาสวะ”. เมื่อเธอรู้อยู่อย่างนี้เห็นอยู่อย่างนี้ จิตก็พ้นจากกามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ. ครั้นจิต หลุดพ้นแล้วก็เกิดญาณหยั่งรู้ว่า “จิตพ้นแล้ว”. เธอรู้ชัดว่า “ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำสำเร็จแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มีอีก” ดังนี้. เกวัฏฏะ ! เปรียบเหมือนห้วงน้ำใสที่ไหล่เขา ไม่ขุ่นมัว, คนมีจักษุดียืนอยู่บนฝั่งในที่นั้น, เขาเห็นหอยต่างๆ บ้าง กรวด และหินบ้าง ฝูงปลาบ้าง อันหยุดอยู่และว่ายไปในห้วงน้ำนั้น, เขาจะสำเหนียก ใจอย่างนี้ว่า “ห้วงน้ำนี้ใส ไม่ขุ่นเลย หอย ก้อนกรวด ปลาทั้งหลายเหล่านี้ หยุดอยู่บ้าง ว่ายไปบ้าง ในห้วงน้ำนั้น” ดังนี้; ฉันใดก็ฉันนั้น. เกวัฏฏะ ! นี้เราเรียกว่า อนุศาสนีปาฏิหาริย์. เกวัฏฏะ ! เหล่านี้แล ปาฏิหาริย์ ๓ อย่าง ที่เราได้ทำให้แจ้งด้วย ปัญญาอันยิ่งเอง แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้ตามด้วย.
    0 Comments 0 Shares 382 Views 0 Reviews
  • ปี 2550 ภาพจิตรกรรม “ภิกษุสันดานกา” เคยตกเป็นข่าวถกเถียงมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นผลงานของ “อนุพงษ์ จันทร “ใช้เทคนิคการวาดภาพด้วยสีอะคริลิกลงบนจีวรพระ ได้แรงบันดาลใจจากคติความเชื่อของไทยเรื่อง "เปรตภูมิ” และภาพ ”บรรพชิตทุศีล” ในสมุดภาพไตรภูมิ มีข้อความปรากฏเอาไว้ด้านล่างภาพว่า "บาปเป็นบรรพชิตทุศีลแลเลี้ยงชีพผิดมิชอบด้วยธรรม ตายไปต้องกลายเป็นเปรต มีไฟไหม้ลุกจีวรไหม้กาย"อนุพงษ์ ยืนยันว่า ”ภิกษุสันดานกา” ไม่ใช่ชื่อที่ตนตั้งขึ้นมาเอง แต่มีระบุในพระไตรปิฎก ในหนังสือคำพยากรณ์ของพระพุทธเจ้า ตำราดูพระภิกษุ และตนขอยืนยันว่า ภาพที่ตนเขียนขึ้นมา ไม่ใช่ภาพพระดีดีในสังคม แต่ตนเขียนเปรตที่แอบแฝงอยู่ในผ้ากาสาวพัสตร์ เพื่อเตือนสติคนในสังคม โดยสื่อภาพออกมาในเชิงสัญลักษณ์ ตามที่พระพุทธเจ้าได้ทรงเปรียบเทียบพระภิกษุลามกว่า มีนิสัยเหมือนกา 10 อย่าง“ภิกษุทั้งหลาย กาเป็นสัตว์ประกอบด้วยความเลวสิบประการ” สิบประการเป็นไฉน? สิบประการคือ1. กาเป็นสัตว์ทำลายความดี 2. กาเป็นสัตว์คะนอง 3. กาเป็นสัตว์ทะเยอทะยาน 4. กาเป็นสัตว์กินจุ 5. กาเป็นสัตว์หยาบคาย 6. กาเป็นสัตว์ไม่กรุณาปรานี 7. กาเป็นสัตว์ทุรพล 8. กาเป็นสัตว์เสียงอึง 9. กาเป็นสัตว์ปล่อยสติ 10. กาเป็นสัตว์สะสมของกินภิกษุทั้งหลาย! ภิกษุลามกก็เป็นเช่นเดียวกับกานั่นแหละ เป็นคนประกอบด้วยอสัทธรรมสิบประการ สิบประการเป็นไฉน? สิบประการคือ1. ภิกษุลามกเป็นคนทำลายความดี 2. ภิกษุลามกเป็นคนคะนอง 3. ภิกษุลามกเป็นคนทะเยอทะยาน 4. ภิกษุลามกเป็นคนกินจุ 5. ภิกษุลามกเป็นคนหยาบคาย 6. ภิกษุลามกเป็นคนไม่กรุณาปรานี 7. ภิกษุลามกเป็นคนทุรพล 8. ภิกษุลามกเป็นคนร้องเสียงอึง 9. ภิกษุลามกเป็นคนปล่อยสติ 10. ภิกษุลามกเป็นคนสะสมของกินโดยนัยแห่งพฤติกรรมของนกกา สิบประการดังกล่าวข้างต้น จะเห็นได้ว่าล้วนแล้วแต่เป็นความเลวที่ไม่เหมาะไม่ควรที่คนโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนมีศีล เช่น ภิกษุในพระพุทธศาสนาไม่ควรประพฤติ ไม่ควรปฏิบัติแต่ในความเป็นจริง ความเป็นปุถุชนคนมีกิเลส ถึงแม้ว่าจะมาบวชถือศีล 227 ข้อแล้วก็ยังมีภิกษุบางรูปในครั้งพุทธกาลมีพฤติกรรมเยี่ยงนี้ พระพุทธองค์จึงได้ตรัสสอนด้วยข้อวัตรปฏิบัติที่พระภิกษุที่เข้ามาบวชเพื่อการทำความดี โดยมุ่งความหลุดพ้น ควรงดเว้นอสัทธรรม 10 ประการ อันเป็นพฤติกรรมของกาดังกล่าวอ.สามารถ มังสัง เคยเสนอแนวทางแก้ปัญหาภิกษุสันดานกาไว้ว่า “แต่ในความเป็นจริงที่ปรากฏพฤติกรรมอันไม่เหมาะไม่ควรในวงการสงฆ์ยังไม่ได้รับการแก้ไขจากสงฆ์ด้วยกันเท่าที่ควรจะเป็น ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่มหาเถรสมาคม และสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ควรจะได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา และกำหนดมาตรการแก้ไขและป้องกันดังต่อไปนี้1. ทำการสำรวจสำมโนประชากรพระสงฆ์ในประเทศไทยให้แน่ชัดว่ามีอยู่เท่าใด และมีรายละเอียดลงลึกถึงเรื่องการศึกษา อายุพรรษา และภาระหน้าที่ต่อสังคมเท่าที่พระจะพึงกระทำได้ เช่น เป็นครูสอนศีลธรรม อบรมประชาชน และให้ความรู้แก่พระภิกษุสงฆ์ เป็นต้น2. เมื่อได้ข้อมูลแล้วให้จัดทำแผนฟื้นฟูพฤติกรรมพระสงฆ์ที่ไม่ได้รับการศึกษา และการอบรมอย่างทั่วถึง3. ให้นำพระภิกษุสงฆ์ที่มีความรู้ความสามารถในการสอนมาประชุมแลกเปลี่ยนความรู้ แนวทางการปรับองค์กรสงฆ์ แล้วมอบหมายให้แต่ละท่านกลับไปดำเนินการในถิ่นของตนเองเป็นระยะเวลา 1-3 ปี แล้วส่งคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานออกไปทำการประเมินในการดำเนินการ 3 ประการนี้ ทางรัฐบาลจะต้องให้การสนับสนุนทางด้านการเงิน และบุคลากรให้เพียงพอแก่การดำเนินงานในขณะเดียวกัน ถ้าพบว่าในท้องถิ่นใดดำเนินการไม่ได้ผล ก็ควรอย่างยิ่งที่ทางการปกครองจะต้องเข้ามาดูแลแก้ไขโดยใช้อำนาจบริหาร เช่น การโยกย้ายหรือปลดออกจากตำแหน่ง เป็นการลงโทษผู้รับผิดชอบในระดับเจ้าคณะจังหวัด อำเภอ และตำบลลงไปตามลำดับชั้นยิ่งกว่านี้ ทางมหาเถรสมาคมจะต้องไม่ปล่อยให้พระสงฆ์ในระดับปกครองเข้าไปมีส่วนได้เสียกับกิจกรรมใดๆ ทั้งนี้เพื่อป้องกันการช่วยกันปกปิดความผิดของผู้อยู่ใต้ปกครอง เพื่อแลกกับลาภสักการะที่ผู้กระทำผิดมอบให้ถ้าทุกหน่วยงานดำเนินการได้เยี่ยงนี้ เชื่อว่าพฤติกรรมอันไม่เหมาะไม่ควรของพระสงฆ์จะลดลง และหมดไปในที่สุด”https://www.facebook.com/share/1Cj37basD6/?mibextid=wwXIfr
    ปี 2550 ภาพจิตรกรรม “ภิกษุสันดานกา” เคยตกเป็นข่าวถกเถียงมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นผลงานของ “อนุพงษ์ จันทร “ใช้เทคนิคการวาดภาพด้วยสีอะคริลิกลงบนจีวรพระ ได้แรงบันดาลใจจากคติความเชื่อของไทยเรื่อง "เปรตภูมิ” และภาพ ”บรรพชิตทุศีล” ในสมุดภาพไตรภูมิ มีข้อความปรากฏเอาไว้ด้านล่างภาพว่า "บาปเป็นบรรพชิตทุศีลแลเลี้ยงชีพผิดมิชอบด้วยธรรม ตายไปต้องกลายเป็นเปรต มีไฟไหม้ลุกจีวรไหม้กาย"อนุพงษ์ ยืนยันว่า ”ภิกษุสันดานกา” ไม่ใช่ชื่อที่ตนตั้งขึ้นมาเอง แต่มีระบุในพระไตรปิฎก ในหนังสือคำพยากรณ์ของพระพุทธเจ้า ตำราดูพระภิกษุ และตนขอยืนยันว่า ภาพที่ตนเขียนขึ้นมา ไม่ใช่ภาพพระดีดีในสังคม แต่ตนเขียนเปรตที่แอบแฝงอยู่ในผ้ากาสาวพัสตร์ เพื่อเตือนสติคนในสังคม โดยสื่อภาพออกมาในเชิงสัญลักษณ์ ตามที่พระพุทธเจ้าได้ทรงเปรียบเทียบพระภิกษุลามกว่า มีนิสัยเหมือนกา 10 อย่าง“ภิกษุทั้งหลาย กาเป็นสัตว์ประกอบด้วยความเลวสิบประการ” สิบประการเป็นไฉน? สิบประการคือ1. กาเป็นสัตว์ทำลายความดี 2. กาเป็นสัตว์คะนอง 3. กาเป็นสัตว์ทะเยอทะยาน 4. กาเป็นสัตว์กินจุ 5. กาเป็นสัตว์หยาบคาย 6. กาเป็นสัตว์ไม่กรุณาปรานี 7. กาเป็นสัตว์ทุรพล 8. กาเป็นสัตว์เสียงอึง 9. กาเป็นสัตว์ปล่อยสติ 10. กาเป็นสัตว์สะสมของกินภิกษุทั้งหลาย! ภิกษุลามกก็เป็นเช่นเดียวกับกานั่นแหละ เป็นคนประกอบด้วยอสัทธรรมสิบประการ สิบประการเป็นไฉน? สิบประการคือ1. ภิกษุลามกเป็นคนทำลายความดี 2. ภิกษุลามกเป็นคนคะนอง 3. ภิกษุลามกเป็นคนทะเยอทะยาน 4. ภิกษุลามกเป็นคนกินจุ 5. ภิกษุลามกเป็นคนหยาบคาย 6. ภิกษุลามกเป็นคนไม่กรุณาปรานี 7. ภิกษุลามกเป็นคนทุรพล 8. ภิกษุลามกเป็นคนร้องเสียงอึง 9. ภิกษุลามกเป็นคนปล่อยสติ 10. ภิกษุลามกเป็นคนสะสมของกินโดยนัยแห่งพฤติกรรมของนกกา สิบประการดังกล่าวข้างต้น จะเห็นได้ว่าล้วนแล้วแต่เป็นความเลวที่ไม่เหมาะไม่ควรที่คนโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนมีศีล เช่น ภิกษุในพระพุทธศาสนาไม่ควรประพฤติ ไม่ควรปฏิบัติแต่ในความเป็นจริง ความเป็นปุถุชนคนมีกิเลส ถึงแม้ว่าจะมาบวชถือศีล 227 ข้อแล้วก็ยังมีภิกษุบางรูปในครั้งพุทธกาลมีพฤติกรรมเยี่ยงนี้ พระพุทธองค์จึงได้ตรัสสอนด้วยข้อวัตรปฏิบัติที่พระภิกษุที่เข้ามาบวชเพื่อการทำความดี โดยมุ่งความหลุดพ้น ควรงดเว้นอสัทธรรม 10 ประการ อันเป็นพฤติกรรมของกาดังกล่าวอ.สามารถ มังสัง เคยเสนอแนวทางแก้ปัญหาภิกษุสันดานกาไว้ว่า “แต่ในความเป็นจริงที่ปรากฏพฤติกรรมอันไม่เหมาะไม่ควรในวงการสงฆ์ยังไม่ได้รับการแก้ไขจากสงฆ์ด้วยกันเท่าที่ควรจะเป็น ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่มหาเถรสมาคม และสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ควรจะได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา และกำหนดมาตรการแก้ไขและป้องกันดังต่อไปนี้1. ทำการสำรวจสำมโนประชากรพระสงฆ์ในประเทศไทยให้แน่ชัดว่ามีอยู่เท่าใด และมีรายละเอียดลงลึกถึงเรื่องการศึกษา อายุพรรษา และภาระหน้าที่ต่อสังคมเท่าที่พระจะพึงกระทำได้ เช่น เป็นครูสอนศีลธรรม อบรมประชาชน และให้ความรู้แก่พระภิกษุสงฆ์ เป็นต้น2. เมื่อได้ข้อมูลแล้วให้จัดทำแผนฟื้นฟูพฤติกรรมพระสงฆ์ที่ไม่ได้รับการศึกษา และการอบรมอย่างทั่วถึง3. ให้นำพระภิกษุสงฆ์ที่มีความรู้ความสามารถในการสอนมาประชุมแลกเปลี่ยนความรู้ แนวทางการปรับองค์กรสงฆ์ แล้วมอบหมายให้แต่ละท่านกลับไปดำเนินการในถิ่นของตนเองเป็นระยะเวลา 1-3 ปี แล้วส่งคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานออกไปทำการประเมินในการดำเนินการ 3 ประการนี้ ทางรัฐบาลจะต้องให้การสนับสนุนทางด้านการเงิน และบุคลากรให้เพียงพอแก่การดำเนินงานในขณะเดียวกัน ถ้าพบว่าในท้องถิ่นใดดำเนินการไม่ได้ผล ก็ควรอย่างยิ่งที่ทางการปกครองจะต้องเข้ามาดูแลแก้ไขโดยใช้อำนาจบริหาร เช่น การโยกย้ายหรือปลดออกจากตำแหน่ง เป็นการลงโทษผู้รับผิดชอบในระดับเจ้าคณะจังหวัด อำเภอ และตำบลลงไปตามลำดับชั้นยิ่งกว่านี้ ทางมหาเถรสมาคมจะต้องไม่ปล่อยให้พระสงฆ์ในระดับปกครองเข้าไปมีส่วนได้เสียกับกิจกรรมใดๆ ทั้งนี้เพื่อป้องกันการช่วยกันปกปิดความผิดของผู้อยู่ใต้ปกครอง เพื่อแลกกับลาภสักการะที่ผู้กระทำผิดมอบให้ถ้าทุกหน่วยงานดำเนินการได้เยี่ยงนี้ เชื่อว่าพฤติกรรมอันไม่เหมาะไม่ควรของพระสงฆ์จะลดลง และหมดไปในที่สุด”https://www.facebook.com/share/1Cj37basD6/?mibextid=wwXIfr
    0 Comments 0 Shares 425 Views 0 Reviews
  • วันปาฏิโมกข์(วันพระใหญ่) ขึ้น ๑๕ เดือน ๘ ปีมะเส็ง เป็นวันอาสาฬหบูชา พระภิกษุสงฆ์ทำการสวดพระปาฏิโมกข์และนำพาประชาชนเวียนเทียนฯลฯ

    วันอาสาฬหบูชา ตรงกับวันเพ็ญ (วันขึ้น 15 ค่ำ) เดือน 8 เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่ระลึกถึงวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา (ธรรมเทศนากัณฑ์แรก) โปรดพระปัญจวัคคีย์ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี. การแสดงธรรมครั้งนี้ถือเป็นการประกาศพระพุทธศาสนาอย่างเป็นทางการ และยังเป็นวันที่เกิดพระรัตนตรัยครบองค์ 3 เป็นครั้งแรก คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์.
    เหตุการณ์สำคัญในวันอาสาฬหบูชา:
    การแสดงปฐมเทศนา:
    พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมที่ตรัสรู้เป็นครั้งแรกแก่ปัญจวัคคีย์ (กลุ่มพระภิกษุ 5 รูป) ชื่อว่า "ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร".
    การเกิดพระสงฆ์รูปแรก:
    หลังจากการแสดงธรรม พระอัญญาโกณฑัญญะได้บรรลุธรรมและขอบวชเป็นพระภิกษุรูปแรกในพระพุทธศาสนา.
    การเกิดพระรัตนตรัยครบองค์ 3:
    ด้วยเหตุการณ์ที่พระอัญญาโกณฑัญญะได้บรรลุธรรมและขอบวช ทำให้พระรัตนตรัย (พระพุทธ, พระธรรม, พระสงฆ์) ครบถ้วนบริบูรณ์เป็นครั้งแรก.
    ความสำคัญของวันอาสาฬหบูชา:
    เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่ชาวพุทธทั่วโลกให้ความสำคัญ.
    เป็นวันที่ชาวพุทธจะเข้าวัดทำบุญ ฟังธรรม รักษาศีล และเวียนเทียน เพื่อระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย.
    เป็นวันที่ระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในการประกาศพระพุทธศาสนา และการเกิดของพระรัตนตรัย.
    วันปาฏิโมกข์(วันพระใหญ่) ขึ้น ๑๕ เดือน ๘ ปีมะเส็ง เป็นวันอาสาฬหบูชา พระภิกษุสงฆ์ทำการสวดพระปาฏิโมกข์และนำพาประชาชนเวียนเทียนฯลฯ วันอาสาฬหบูชา ตรงกับวันเพ็ญ (วันขึ้น 15 ค่ำ) เดือน 8 เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่ระลึกถึงวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา (ธรรมเทศนากัณฑ์แรก) โปรดพระปัญจวัคคีย์ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี. การแสดงธรรมครั้งนี้ถือเป็นการประกาศพระพุทธศาสนาอย่างเป็นทางการ และยังเป็นวันที่เกิดพระรัตนตรัยครบองค์ 3 เป็นครั้งแรก คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์. เหตุการณ์สำคัญในวันอาสาฬหบูชา: การแสดงปฐมเทศนา: พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมที่ตรัสรู้เป็นครั้งแรกแก่ปัญจวัคคีย์ (กลุ่มพระภิกษุ 5 รูป) ชื่อว่า "ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร". การเกิดพระสงฆ์รูปแรก: หลังจากการแสดงธรรม พระอัญญาโกณฑัญญะได้บรรลุธรรมและขอบวชเป็นพระภิกษุรูปแรกในพระพุทธศาสนา. การเกิดพระรัตนตรัยครบองค์ 3: ด้วยเหตุการณ์ที่พระอัญญาโกณฑัญญะได้บรรลุธรรมและขอบวช ทำให้พระรัตนตรัย (พระพุทธ, พระธรรม, พระสงฆ์) ครบถ้วนบริบูรณ์เป็นครั้งแรก. ความสำคัญของวันอาสาฬหบูชา: เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่ชาวพุทธทั่วโลกให้ความสำคัญ. เป็นวันที่ชาวพุทธจะเข้าวัดทำบุญ ฟังธรรม รักษาศีล และเวียนเทียน เพื่อระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย. เป็นวันที่ระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในการประกาศพระพุทธศาสนา และการเกิดของพระรัตนตรัย.
    0 Comments 0 Shares 237 Views 0 Reviews
  • รูปหล่อพ่อท่านกลิ่น วัดพระพุทธบาท นครศรีธรรมราช
    รูปหล่อพ่อท่านกลิ่น (อุดกริ่ง) วัดพระพุทธบาท ต.เขาพระบาท อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช //พระดีพิธีใหญ่ รูปหล่อเป็นที่นิยมและหายาก //พระสถาพสวยมาก ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณเมตตามหานิยม จะได้รับความเมตตาจากผู้คนรอบข้าง แคล้วคลาดปลอดภัย ทำมาค้าขึ้น ช่วยให้การทำมาค้าขายเจริญรุ่งเรือง เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ โรคภัยไม่เบียดเบียน ความเจริญก้าวหน้า ช่วยให้ผู้บูชามีความเจริญก้าวหน้าในชีวิต >>

    ** พ่อท่านกลิ่น วัดพระพุทธบาท เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดนครศรีธรรมราช ท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีความเคร่งครัดในธรรมวินัย และมีศีลลาจาริยวัตรอันน่าเลื่อมใส พระผู้มีเมตตาธรรมสูง มีตบะบารมีอันสูงส่ง มีพรรษาอายุ ๑๐๘ ปี พ่อท่านกลิ่น บรรพชาครั้งแรกเมื่ออายุ ๑๘ ปี ที่วัดจันพอ ต.ดอนตะโก อ.ท่าศาลา เมื่อบิดาเสียชีวิต ได้ลาสิกขาและกลับมาบวชอีกครั้งที่วัดจันพอ ตำบลดอนตะโก อำเภอท่าศาลา จังหวัด นครศรีธรรมราชท่านอยู่ในร่มผ้ากาสาวพัตรยาวนานที่สุดของจังหวัดนครศรีธรรมราชในขณะนั้น และท่านเป็นศิษย์เพียงรูปเดียวของพระครูวิสุทธิจารี (พุ่มเฒ่า วัดจันพอ) เพื่อนสหธรรมมิกของพ่อท่านเอียดดำ วัดในเขียว >>


    ** พระสถาพสวยมาก ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    รูปหล่อพ่อท่านกลิ่น วัดพระพุทธบาท นครศรีธรรมราช รูปหล่อพ่อท่านกลิ่น (อุดกริ่ง) วัดพระพุทธบาท ต.เขาพระบาท อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช //พระดีพิธีใหญ่ รูปหล่อเป็นที่นิยมและหายาก //พระสถาพสวยมาก ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณเมตตามหานิยม จะได้รับความเมตตาจากผู้คนรอบข้าง แคล้วคลาดปลอดภัย ทำมาค้าขึ้น ช่วยให้การทำมาค้าขายเจริญรุ่งเรือง เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ โรคภัยไม่เบียดเบียน ความเจริญก้าวหน้า ช่วยให้ผู้บูชามีความเจริญก้าวหน้าในชีวิต >> ** พ่อท่านกลิ่น วัดพระพุทธบาท เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดนครศรีธรรมราช ท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีความเคร่งครัดในธรรมวินัย และมีศีลลาจาริยวัตรอันน่าเลื่อมใส พระผู้มีเมตตาธรรมสูง มีตบะบารมีอันสูงส่ง มีพรรษาอายุ ๑๐๘ ปี พ่อท่านกลิ่น บรรพชาครั้งแรกเมื่ออายุ ๑๘ ปี ที่วัดจันพอ ต.ดอนตะโก อ.ท่าศาลา เมื่อบิดาเสียชีวิต ได้ลาสิกขาและกลับมาบวชอีกครั้งที่วัดจันพอ ตำบลดอนตะโก อำเภอท่าศาลา จังหวัด นครศรีธรรมราชท่านอยู่ในร่มผ้ากาสาวพัตรยาวนานที่สุดของจังหวัดนครศรีธรรมราชในขณะนั้น และท่านเป็นศิษย์เพียงรูปเดียวของพระครูวิสุทธิจารี (พุ่มเฒ่า วัดจันพอ) เพื่อนสหธรรมมิกของพ่อท่านเอียดดำ วัดในเขียว >> ** พระสถาพสวยมาก ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 212 Views 0 Reviews
  • #อดีตชาติหลวงพ่อฤาษี 13 ชาติ..

    #ที่เกิดตั้งแต่สมัยโยนกนคร #จนถึงรัตนโกสินทร์

    ลงมาเกิดเพื่อรวมไทยให้เป็นปึกแผ่น และเพื่อช่วยเหลือคนไทย และช่วยให้พระพุทธศาสนามีอายุครบ 5000 ปี

    #วาระที่ 1 เกิดเป็นพระเจ้ามังราย รัชกาลที่ 2 แห่งโยนกนคร เป็นลูกชายพระเจ้าอชุตราช ในชาตินั้นท่านเป็นผู้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่ดอยตุง โดยการนำมาของพระมหากัสสปะพร้อมด้วยพระอรหันต์ 500 องค์

    #วาระที่ 2 เกิดสมัยโยนก เป็นเณรน้อยอายุ 7 ปีทรงฌานสมาบัติ แต่ได้ถูกขอมดำกระทำย่ำยี เวลานั้นขอมดำมายึดเมืองโยนกนครได้แล้ว แล้วทำการกดขี่ข่มเหงรังแกคนไทย
    เณรจึงเข้าฌานสมาบัติ ตั้งจิตอธิษฐานว่า เกิดคราวหน้าขอให้ได้เกิดมาเป็นคนไทย และได้ช่วยคนไทยทุกแง่ทุกมุม
    มิไม่ใช่เฉพาะการรบ การเศรษฐกิจ การปกครอง แม้แต่การรบทุกอย่างให้ครบถ้วน ให้คนไทยพ้นจากความเป็นทาส "พอตั้งจิตอธิษฐานก็ไม่ถอนจากฌานสมาบัติ ก็นั่งทรงฌานอย่างนั้นจนตาย แล้วไปเกิดเป็นพรหม ชั้นที่ 11

    #การเกิดครั้งที่3 หลังจากตายจากเณรน้อย ไปเป็นพรหมชั้นที่11ได้เพียง1ปีเศษ ก็ลงมาเกิดเป็น "พระเจ้าพรหม มหาราช" เป็นโอรสของพระเจ้าพังคราช รัชกาลที่ 37 ในสมัยโยนกนคร มีพี่ชายชื่อทุกภิขะ( บริเวณพระธาตุจอมกิตติ ดอยตุง เป็นเขตเมืองโยนกนคร) เกิดพร้อมสหชาติที่เป็นพรหม เทวดา ลงมาเกิดพร้อมกัน 250 คน ทั้ง 250 คน เกิดเป็นผู้ชายทั้งหมด พรหมอีกองค์นึงเกิดเป็นช้างประกายแก้ว ช้างคู่บารมีพระเจ้าพรหม ลงมาเกิดเพื่อกู้ชาติให้พ้นความเป็นทาสจากขอมดำ และทำสำเร็จด้วย ทุกวันนี้วันอาสาฬหบูชาที่วัดท่าซุงก็มีการแห่ชัยชนะพระเจ้าพรหมทุกๆปี

    #การเกิดในวาระที่4 หลังจากที่ตายจากการเป็นพระเจ้าพรหมสมัยโยนก แล้วเข้าฌาณตาย กลับไปเป็นพรหม เวลาผ่านไปอีก 800 ปีลงมาเกิดเป็นพระร่วงโรจนฤทธิ์ ตอนเด็กมีนามว่าอรุณกุมาร เป็นผู้ที่มีฤทธิ์มาก มีวิชาอาคม มีวาจาสิทธิ์ สามารถเสกขอมให้เป็นหินได้ และขยายอาณาเขตของประเทศไทย (ตอนนั้นยังไม่เป็นเทศไทย )กว้างใหญ่ไพศาล ยึดมอญ พม่าขอมไว้ได้หมด อาณาจักรยาวเหยียด เวลานั้นคือก่อนเมืองสุโขทัย 700 ปีเศษ ก่อนหน้าพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ 700ประมาณปีเศษ

    #วาระที่5 เกิดเป็น"พ่อขุนศรีเมืองมาน"( เป็นพ่อของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ แห่งอณาจักรสุโขทัย) ตายจากพระร่วงโรจนฤทธิ์ก็เข้าฌานตาย กลับไปเป็นพรหมเช่นเดิม กลับมาเกิดวาระที่5 เป็นพ่อขุนศรีเมืองมาน มีสหชาติเกิดมาด้วยคือ พ่อขุนน้าวนําถมลงมาช่วยกู้ชาติไทยจากขอมดำ ขยายอาณาเขตประเทศไทยไปถึงสิงคโปร์ มีภรรยาชื่อพรรณวดีศรีโสภาศ เป็นเมียเอก และมีเมียราษฏร์อีก 29 คน พอเมียเอกตาย ก็บวชไม่สึกอีกเลย เข้าฌานตายแล้วไปเกิดเป็นพรหมตามเดิม

    #วาระที่6 "ขุนหลวงพระงั่ว" รัชกาลที่ 3 แห่งกรุงศรีอยุธยา ต่อมาคนไทยเกิดแบ่งเป็น 2 พวก จึงต้องลงมาเกิดเพื่อรวมไทยให้เป็น1เดียว ลงมาเกิดในราชวงศ์อู่ทอง เป็น"ขุนหลวงพระงั่ว" มาปลุกจิตสำนึกคนไทยให้รู้จักบาปบุญคุณโทษ จึงนิมนต์พระสงฆ์มาร่าง"ไตรภูมิพระร่วง
    ไตรภูมิพระร่วง พระร่วงไม่ได้ทำ
    ท่านเป็นเพียงแต่ศาสนูปถัมภ์
    ไตรภูมิพระร่วง เป็นการร่วมมือกันระหว่างสุโขทัยและกรุงศรี
    และยังได้ร่วมกันสร้างพระพุทธชินราชพระพุทธชินสีห์ และพระศรีศากยมุนีขึ้นมาเป็นมิ่งขวัญของเมืองไทย เป็นการแสดงสัญลักษณ์ว่าประเทศไทยจะทรงตัวได้ด้วยเหตุ 3 อย่างด้วยกัน
    คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
    พระพุทธชินราช หมายถึง พระมหากษัตริย์ พระพุทธชินสีห์ หมายถึง พระศาสนา พระศากยมุนี หมายถึง ชาติ
    การสร้างครั้งนี้ก็เป็นหน้าที่ของท้าวโกสีย์สักกะเทวราชให้พระวิษณุกรรมมาช่วย ขุนหลวงพระงั่วได้มารวมสุโขทัยกับอยุธยาเป็นประเทศเดียวกัน

    #เกิดวาระที่7 ต่อมาลงมาเกิดในสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงศรีฯ ครั้งนี้เป็นลูกชาวบ้าน แต่เป็นลูกมหาเศรษฐี มีแม่ชื่อปิ่นทอง พ่อชื่อกองแก้ว ท่านเองเป็นลูกชายชื่ออำไพ ลงมาช่วยคน ให้เงินให้ทอง ให้ที่ทำกิน ช่วยการเกษตร ช่วยทุกสิ่งทุกอย่าง ให้การศึกษา จนคนไทยเป็นปึกแผ่นแน่นหนาพอ ประชาชนมีความสุข และท่านก็ตายไปเกิดเป็นพรหมตามเดิม

    #วาระที่ 8 เกิดมาในตระกูลของแม่ทัพสมเด็จพระพันวสา คือสมเด็จพระอินทราธิราช มีนามว่า "ขุนไกร" (#ขุนแผน) เป็นอันว่าชาตินี้ขุนแผนต้องรวบรวมไทยอาศัยที่มีวิชาการมาก เป็นนักรบเก่ง
    ล่องหนหายตัวได้ สะเดาะกลอนได้
    ทำหุ่นพยนต์ได้ ทำอะไรได้แปลกๆ
    การยกทัพไปก็ไม่ต้องใช้กำลังคนมาก
    ก็สามารถจะสู้ข้าศึกได้

    #วาระที่ 9 เกิดมาเป็นลูกกษัตริย์ มีนามว่าพระบรมไตรโลกนาถ เมื่อพระบรมไตรโลกนาสวรรนคตก็ไปเป็นพรหมตามเดิมไม่ช้าไม่นานก็ต้องเสด็จลงมาเกิดอีก

    #วาระที่10 เกิดสมัยพระนารายณ์ ท่านลงมาเกิดเป็น"ขุนเหล็ก"
    หรือพระยาโกษาเหล็ก เกิดควบคู่กับสมเด็จพระนารายณ์มหาราช รุ่นราวคราวเดียวกัน เป็นเพื่อนเล่นกัน ขุนเหล็กมีน้องชายชื่อว่าขุนปาน หรือพระยาโกษาปาน ทั้งสองพระองค์ เป็นที่ไว้วางใจของสมเด็จพระนารายณ์มาก
    #บั้นปลายชีวิตลากิจราชการไปจำศีลเจริญภาวนาวิปัสสนาญาณ ให้ทาน ตายจากเจ้าพระยาโกษาเหล็ก ก็เข้าฌานกลับไปเป็นพรหมตามเดิม
    (#ท่านไม่ได้ตายตามประวัติศาสตร์เขียนไว้หรอกนะ)

    #วาระที่11 ลงมาเกิดมาเป็นขุนดาบคู่ใจของพระเจ้าตากสินมหาราช คือพระยาศรีสิทธิสงคราม อยู่ในกองทัพหลวงประจำองค์พระเจ้าตากสินมหาราชสมัยกรุงธนบุรี ก่อนกรุงศรีจะแตก เป็นกำนันจัน ชื่อว่า #จันหนวดเขี้ยว เป็นที่รักของประชาชน ต่อมาค่ายบางระจันแตก
    #นายจันหนวดเขี้ยวไม่ได้ตายไปตามประวัติศาสตร์ที่เขียน
    นายจันหนวดเขี้ยวจึงมารวมกำลังกับพระเจ้าตากสินกู้ชาติ ต่อมาพระเจ้าตากสินจึงเปลี่ยนชื่อให้จากกำนันจัน มาเป็นพระยาศรีสิทธิสงคราม ประจำกองทัพหลวง (ด้วง- นายจันหนวดเขี้ยว- พระยาศรีสิทธิสงคราม -เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก-และ #สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก

    #วาระที่12 มาเกิดเป็น รัชกาลที่ 5 แห่ง กรุงรัตนโกสินทร์

    #วาระที่13 ชาติสุดท้ายเกิดมาเป็น
    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง

    หนังสือเรื่องจริงอิงนิทานพิเศษ
    พระราชพรหมยานเถระ (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)​
    คัดลอกแบ่งปันเป็นธรรมทานโดย
    จิตหนึ่งประภัสสร สุดยอดคือพระนิพพาน
    ⚜️ #อดีตชาติหลวงพ่อฤาษี 13 ชาติ..⚜️ 🔱#ที่เกิดตั้งแต่สมัยโยนกนคร #จนถึงรัตนโกสินทร์🔱 ลงมาเกิดเพื่อรวมไทยให้เป็นปึกแผ่น และเพื่อช่วยเหลือคนไทย และช่วยให้พระพุทธศาสนามีอายุครบ 5000 ปี ✴️ #วาระที่ 1 เกิดเป็นพระเจ้ามังราย รัชกาลที่ 2 แห่งโยนกนคร เป็นลูกชายพระเจ้าอชุตราช ในชาตินั้นท่านเป็นผู้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่ดอยตุง โดยการนำมาของพระมหากัสสปะพร้อมด้วยพระอรหันต์ 500 องค์ ✴️ #วาระที่ 2 เกิดสมัยโยนก เป็นเณรน้อยอายุ 7 ปีทรงฌานสมาบัติ แต่ได้ถูกขอมดำกระทำย่ำยี เวลานั้นขอมดำมายึดเมืองโยนกนครได้แล้ว แล้วทำการกดขี่ข่มเหงรังแกคนไทย เณรจึงเข้าฌานสมาบัติ ตั้งจิตอธิษฐานว่า เกิดคราวหน้าขอให้ได้เกิดมาเป็นคนไทย และได้ช่วยคนไทยทุกแง่ทุกมุม มิไม่ใช่เฉพาะการรบ การเศรษฐกิจ การปกครอง แม้แต่การรบทุกอย่างให้ครบถ้วน ให้คนไทยพ้นจากความเป็นทาส "พอตั้งจิตอธิษฐานก็ไม่ถอนจากฌานสมาบัติ ก็นั่งทรงฌานอย่างนั้นจนตาย แล้วไปเกิดเป็นพรหม ชั้นที่ 11 ✴️ #การเกิดครั้งที่3 หลังจากตายจากเณรน้อย ไปเป็นพรหมชั้นที่11ได้เพียง1ปีเศษ ก็ลงมาเกิดเป็น "พระเจ้าพรหม มหาราช" เป็นโอรสของพระเจ้าพังคราช รัชกาลที่ 37 ในสมัยโยนกนคร มีพี่ชายชื่อทุกภิขะ( บริเวณพระธาตุจอมกิตติ ดอยตุง เป็นเขตเมืองโยนกนคร) เกิดพร้อมสหชาติที่เป็นพรหม เทวดา ลงมาเกิดพร้อมกัน 250 คน ทั้ง 250 คน เกิดเป็นผู้ชายทั้งหมด พรหมอีกองค์นึงเกิดเป็นช้างประกายแก้ว ช้างคู่บารมีพระเจ้าพรหม ลงมาเกิดเพื่อกู้ชาติให้พ้นความเป็นทาสจากขอมดำ และทำสำเร็จด้วย ทุกวันนี้วันอาสาฬหบูชาที่วัดท่าซุงก็มีการแห่ชัยชนะพระเจ้าพรหมทุกๆปี ✴️ #การเกิดในวาระที่4 หลังจากที่ตายจากการเป็นพระเจ้าพรหมสมัยโยนก แล้วเข้าฌาณตาย กลับไปเป็นพรหม เวลาผ่านไปอีก 800 ปีลงมาเกิดเป็นพระร่วงโรจนฤทธิ์ ตอนเด็กมีนามว่าอรุณกุมาร เป็นผู้ที่มีฤทธิ์มาก มีวิชาอาคม มีวาจาสิทธิ์ สามารถเสกขอมให้เป็นหินได้ และขยายอาณาเขตของประเทศไทย (ตอนนั้นยังไม่เป็นเทศไทย )กว้างใหญ่ไพศาล ยึดมอญ พม่าขอมไว้ได้หมด อาณาจักรยาวเหยียด เวลานั้นคือก่อนเมืองสุโขทัย 700 ปีเศษ ก่อนหน้าพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ 700ประมาณปีเศษ ✴️ #วาระที่5 เกิดเป็น"พ่อขุนศรีเมืองมาน"( เป็นพ่อของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ แห่งอณาจักรสุโขทัย) ตายจากพระร่วงโรจนฤทธิ์ก็เข้าฌานตาย กลับไปเป็นพรหมเช่นเดิม กลับมาเกิดวาระที่5 เป็นพ่อขุนศรีเมืองมาน มีสหชาติเกิดมาด้วยคือ พ่อขุนน้าวนําถมลงมาช่วยกู้ชาติไทยจากขอมดำ ขยายอาณาเขตประเทศไทยไปถึงสิงคโปร์ มีภรรยาชื่อพรรณวดีศรีโสภาศ เป็นเมียเอก และมีเมียราษฏร์อีก 29 คน พอเมียเอกตาย ก็บวชไม่สึกอีกเลย เข้าฌานตายแล้วไปเกิดเป็นพรหมตามเดิม ✴️ #วาระที่6 "ขุนหลวงพระงั่ว" รัชกาลที่ 3 แห่งกรุงศรีอยุธยา ต่อมาคนไทยเกิดแบ่งเป็น 2 พวก จึงต้องลงมาเกิดเพื่อรวมไทยให้เป็น1เดียว ลงมาเกิดในราชวงศ์อู่ทอง เป็น"ขุนหลวงพระงั่ว" มาปลุกจิตสำนึกคนไทยให้รู้จักบาปบุญคุณโทษ จึงนิมนต์พระสงฆ์มาร่าง"ไตรภูมิพระร่วง ไตรภูมิพระร่วง พระร่วงไม่ได้ทำ ท่านเป็นเพียงแต่ศาสนูปถัมภ์ ไตรภูมิพระร่วง เป็นการร่วมมือกันระหว่างสุโขทัยและกรุงศรี และยังได้ร่วมกันสร้างพระพุทธชินราชพระพุทธชินสีห์ และพระศรีศากยมุนีขึ้นมาเป็นมิ่งขวัญของเมืองไทย เป็นการแสดงสัญลักษณ์ว่าประเทศไทยจะทรงตัวได้ด้วยเหตุ 3 อย่างด้วยกัน คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พระพุทธชินราช หมายถึง พระมหากษัตริย์ พระพุทธชินสีห์ หมายถึง พระศาสนา พระศากยมุนี หมายถึง ชาติ การสร้างครั้งนี้ก็เป็นหน้าที่ของท้าวโกสีย์สักกะเทวราชให้พระวิษณุกรรมมาช่วย ขุนหลวงพระงั่วได้มารวมสุโขทัยกับอยุธยาเป็นประเทศเดียวกัน ✴️ #เกิดวาระที่7 ต่อมาลงมาเกิดในสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงศรีฯ ครั้งนี้เป็นลูกชาวบ้าน แต่เป็นลูกมหาเศรษฐี มีแม่ชื่อปิ่นทอง พ่อชื่อกองแก้ว ท่านเองเป็นลูกชายชื่ออำไพ ลงมาช่วยคน ให้เงินให้ทอง ให้ที่ทำกิน ช่วยการเกษตร ช่วยทุกสิ่งทุกอย่าง ให้การศึกษา จนคนไทยเป็นปึกแผ่นแน่นหนาพอ ประชาชนมีความสุข และท่านก็ตายไปเกิดเป็นพรหมตามเดิม ✴️ #วาระที่ 8 เกิดมาในตระกูลของแม่ทัพสมเด็จพระพันวสา คือสมเด็จพระอินทราธิราช มีนามว่า "ขุนไกร" (#ขุนแผน) เป็นอันว่าชาตินี้ขุนแผนต้องรวบรวมไทยอาศัยที่มีวิชาการมาก เป็นนักรบเก่ง ล่องหนหายตัวได้ สะเดาะกลอนได้ ทำหุ่นพยนต์ได้ ทำอะไรได้แปลกๆ การยกทัพไปก็ไม่ต้องใช้กำลังคนมาก ก็สามารถจะสู้ข้าศึกได้ ✴️ #วาระที่ 9 เกิดมาเป็นลูกกษัตริย์ มีนามว่าพระบรมไตรโลกนาถ เมื่อพระบรมไตรโลกนาสวรรนคตก็ไปเป็นพรหมตามเดิมไม่ช้าไม่นานก็ต้องเสด็จลงมาเกิดอีก ✴️ #วาระที่10 เกิดสมัยพระนารายณ์ ท่านลงมาเกิดเป็น"ขุนเหล็ก" หรือพระยาโกษาเหล็ก เกิดควบคู่กับสมเด็จพระนารายณ์มหาราช รุ่นราวคราวเดียวกัน เป็นเพื่อนเล่นกัน ขุนเหล็กมีน้องชายชื่อว่าขุนปาน หรือพระยาโกษาปาน ทั้งสองพระองค์ เป็นที่ไว้วางใจของสมเด็จพระนารายณ์มาก #บั้นปลายชีวิตลากิจราชการไปจำศีลเจริญภาวนาวิปัสสนาญาณ ให้ทาน ตายจากเจ้าพระยาโกษาเหล็ก ก็เข้าฌานกลับไปเป็นพรหมตามเดิม (#ท่านไม่ได้ตายตามประวัติศาสตร์เขียนไว้หรอกนะ) ✴️ #วาระที่11 ลงมาเกิดมาเป็นขุนดาบคู่ใจของพระเจ้าตากสินมหาราช คือพระยาศรีสิทธิสงคราม อยู่ในกองทัพหลวงประจำองค์พระเจ้าตากสินมหาราชสมัยกรุงธนบุรี ก่อนกรุงศรีจะแตก เป็นกำนันจัน ชื่อว่า #จันหนวดเขี้ยว เป็นที่รักของประชาชน ต่อมาค่ายบางระจันแตก ✴️ #นายจันหนวดเขี้ยวไม่ได้ตายไปตามประวัติศาสตร์ที่เขียน นายจันหนวดเขี้ยวจึงมารวมกำลังกับพระเจ้าตากสินกู้ชาติ ต่อมาพระเจ้าตากสินจึงเปลี่ยนชื่อให้จากกำนันจัน มาเป็นพระยาศรีสิทธิสงคราม ประจำกองทัพหลวง (ด้วง- นายจันหนวดเขี้ยว- พระยาศรีสิทธิสงคราม -เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก-และ #สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ✴️ #วาระที่12 มาเกิดเป็น รัชกาลที่ 5 แห่ง กรุงรัตนโกสินทร์ ✴️ #วาระที่13 ชาติสุดท้ายเกิดมาเป็น หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง 🖋️📚หนังสือเรื่องจริงอิงนิทานพิเศษ ⚜️พระราชพรหมยานเถระ (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)​⚜️ 🖋️📚คัดลอกแบ่งปันเป็นธรรมทานโดย 🧘จิตหนึ่งประภัสสร สุดยอดคือพระนิพพาน
    0 Comments 0 Shares 549 Views 0 Reviews
  • ท่านชอบพุทธศาสนา ในเหลี่ยมไหน

    ทุกศาสนามีมูลเหตุมาจากความกลัว นับตั้งแต่ กลัวภัยธรรมชาติ จนถึงกลัว เกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือ กลัวกิเลส วิธีปฏิบัติเพื่อให้รอดพ้นจากความกลัวนั้นๆ เรียกว่า "ศาสนา" เช่นมีการบูชาบวงสรวงอ้อนวอน เป็นต้น

    พุทธศาสนา มีมูลมาจากกลัวความเกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือ กลัวกิเลส อันเป็นตัวทุกข์หรือเหตุให้เกิดทุกข์วิธีปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์ คือ การพิจารณาให้รู้แ เป็นจริงในสิ่งทั้งปวงตามเป็นจริงด้วยตนเองว่า "อะไร" อะไร" เมื่อเห็นจริงก็ปฏิบัติถูกต่อสิ่งทั้งปวง การปฏิบั ถูกนั่นเองเป็นทางดับทุกข์ การบูชา บวงสรวง อ้อน การรดน้ำมนต์ ตลอดจนการนับถือเทวดา หรือดวง มิใช่ทางดับทุกข์ ตามหลักแห่งพุทธศาสนา

    พุทธศาสนาดูได้หลายเหลี่ยม เช่นเดียวกับศาสน อื่นๆ ตามแต่สติปัญญาความรู้ความเข้าใจของผู้ดู คัม ของศาสนาต่างๆ หรือพระไตรปิฎกของพระพุทธศาส จึงมีการเพิ่มเติมเข้าไปอีกมาก ตามความเห็นของคน หลัง จนเกินขอบเขต โดยเฉพาะในพระพุทธศาสนา การหลงถือเอาพิธีต่างๆ เล็กๆ น้อยๆ เช่น พิธี วิญญาณของพระพุทธเจ้าเป็นต้นว่าเป็นพุทธศาสนา บางอย่างได้ห่อหุ้มความหมายเดิมให้สาบสูญไป เช่น บวชนาค" ได้มีการทำขวัญนาค มีการฉลองกันใน วชไม่กี่วัน สึกออกมายังเหมือนเดิม การบวชสมัย

    พระพุทธเจ้า ผู้ได้รับอนุญาตจากบิดามารดาแล้วปลีกตัว ออกจากเรือนไปหาพระ การบวชเป็นหน้าที่ของพระสงฆ์ ทางบ้านไม่มีหน้าที่ทำอะไรเลย พิธีที่เพิ่มขึ้นเหล่านั้นไม่ได้ ทำให้ผู้บวชดีขึ้น บางคนฝึกไปแล้วกลับเลวกว่าเก่าก็มี จึงเป็นการทำให้หมดเปลืองทรัพย์ และแรงงานไปเปล่าๆ

    เรื่อง "กฐิน" ก็เช่นกัน ความมุ่งหมายเดิมมีว่า ให้พระทุกรูปทำจีวรใช้เอง ให้พร้อมเพรียงกัน ทำด้วยมือ " คนให้หมดความถือตัว โดยให้ลดตัวเองมาเป็นกุลีเท่ากัน หมด แต่เดี๋ยวนี้กฐินกลายเป็นเรื่องมีไว้สำหรับประกอบ พิธีหรูหราหาเงิน เอิกเกริกเฮฮาสนุกสนานพักผ่อนหย่อนใจ โดยไม่ได้รับผลสมความมุ่งหมายอันแท้จริง

    สามารถอ่านเพิ่มเติมที่เว็บพระนิพพาน .com
    https://www.thenirvanalive.com/2023/03/12/%e0%b8%97%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%8a%e0%b8%ad%e0%b8%9a%e0%b8%9e%e0%b8%b8%e0%b8%97%e0%b8%98%e0%b8%a8%e0%b8%b2%e0%b8%aa%e0%b8%99%e0%b8%b2-%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%b5/
    ท่านชอบพุทธศาสนา ในเหลี่ยมไหน ทุกศาสนามีมูลเหตุมาจากความกลัว นับตั้งแต่ กลัวภัยธรรมชาติ จนถึงกลัว เกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือ กลัวกิเลส วิธีปฏิบัติเพื่อให้รอดพ้นจากความกลัวนั้นๆ เรียกว่า "ศาสนา" เช่นมีการบูชาบวงสรวงอ้อนวอน เป็นต้น พุทธศาสนา มีมูลมาจากกลัวความเกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือ กลัวกิเลส อันเป็นตัวทุกข์หรือเหตุให้เกิดทุกข์วิธีปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์ คือ การพิจารณาให้รู้แ เป็นจริงในสิ่งทั้งปวงตามเป็นจริงด้วยตนเองว่า "อะไร" อะไร" เมื่อเห็นจริงก็ปฏิบัติถูกต่อสิ่งทั้งปวง การปฏิบั ถูกนั่นเองเป็นทางดับทุกข์ การบูชา บวงสรวง อ้อน การรดน้ำมนต์ ตลอดจนการนับถือเทวดา หรือดวง มิใช่ทางดับทุกข์ ตามหลักแห่งพุทธศาสนา พุทธศาสนาดูได้หลายเหลี่ยม เช่นเดียวกับศาสน อื่นๆ ตามแต่สติปัญญาความรู้ความเข้าใจของผู้ดู คัม ของศาสนาต่างๆ หรือพระไตรปิฎกของพระพุทธศาส จึงมีการเพิ่มเติมเข้าไปอีกมาก ตามความเห็นของคน หลัง จนเกินขอบเขต โดยเฉพาะในพระพุทธศาสนา การหลงถือเอาพิธีต่างๆ เล็กๆ น้อยๆ เช่น พิธี วิญญาณของพระพุทธเจ้าเป็นต้นว่าเป็นพุทธศาสนา บางอย่างได้ห่อหุ้มความหมายเดิมให้สาบสูญไป เช่น บวชนาค" ได้มีการทำขวัญนาค มีการฉลองกันใน วชไม่กี่วัน สึกออกมายังเหมือนเดิม การบวชสมัย พระพุทธเจ้า ผู้ได้รับอนุญาตจากบิดามารดาแล้วปลีกตัว ออกจากเรือนไปหาพระ การบวชเป็นหน้าที่ของพระสงฆ์ ทางบ้านไม่มีหน้าที่ทำอะไรเลย พิธีที่เพิ่มขึ้นเหล่านั้นไม่ได้ ทำให้ผู้บวชดีขึ้น บางคนฝึกไปแล้วกลับเลวกว่าเก่าก็มี จึงเป็นการทำให้หมดเปลืองทรัพย์ และแรงงานไปเปล่าๆ เรื่อง "กฐิน" ก็เช่นกัน ความมุ่งหมายเดิมมีว่า ให้พระทุกรูปทำจีวรใช้เอง ให้พร้อมเพรียงกัน ทำด้วยมือ " คนให้หมดความถือตัว โดยให้ลดตัวเองมาเป็นกุลีเท่ากัน หมด แต่เดี๋ยวนี้กฐินกลายเป็นเรื่องมีไว้สำหรับประกอบ พิธีหรูหราหาเงิน เอิกเกริกเฮฮาสนุกสนานพักผ่อนหย่อนใจ โดยไม่ได้รับผลสมความมุ่งหมายอันแท้จริง สามารถอ่านเพิ่มเติมที่เว็บพระนิพพาน .com https://www.thenirvanalive.com/2023/03/12/%e0%b8%97%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%8a%e0%b8%ad%e0%b8%9a%e0%b8%9e%e0%b8%b8%e0%b8%97%e0%b8%98%e0%b8%a8%e0%b8%b2%e0%b8%aa%e0%b8%99%e0%b8%b2-%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%b5/
    WWW.THENIRVANALIVE.COM
    พุทธศาสนาดูได้หลายเหลี่ยม เช่นเดียวกับศาสน อื่นๆ ตามแต่สติปัญญาความรู้ความเข้าใจของผู้ดู คัม ของศาสนาต่างๆ หรือพระไตรปิฎกของพระพุทธศาส จึงมีการเพิ่มเติมเข้าไปอีกมาก ตามความเห็นของคน
    พุทธศาสนาดูได้หลายเหลี่ยม เช่นเดียวกับศาสน อื่นๆ ตามแต่สติปัญญาความรู้ความเข้าใจของผู้ดู คัม ของศาสนาต่างๆ หรือพระไตรปิฎกของพระพุทธศาส จึงมีการเพิ่มเติมเข้าไปอีกมาก ตามความเห็นของคน
    0 Comments 0 Shares 216 Views 0 Reviews
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ปฏิบัติเพื่อรู้อริยสัจ ต้องเป็นธัมมาธิปไตย
    สัทธรรมลำดับที่ : 1044
    ชื่อบทธรรม : -ปฏิบัติเพื่อรู้อริยสัจ ต้องเป็นธัมมาธิปไตย
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1044
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ปฏิบัติเพื่อรู้อริยสัจ ต้องเป็นธัมมาธิปไตย
    --ภิกษุ ท. ! ธัมมาธิปไตย (ความมีธรรมเป็นใหญ่) เป็นอย่างไรเล่า ?
    http://etipitaka.com/read/pali/20/188/?keywords=ธมฺมาธิปเตยฺ
    --ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุไปสู่ป่าก็ตาม โคนไม้ก็ตาม หรือเรือนว่างก็ตาม
    พิจารณาเห็นอยู่ว่า
    “เราออกจากเรือนบวชเป็นผู้ไม่มีเรือน
    เพราะเหตุจะได้จีวรก็หามิได้
    เพราะเหตุจะได้บิณฑบาตก็หามิได้
    เพราะเหตุจะได้เสนาสนะก็หามิได้
    เพราะเหตุจะได้เป็นอย่างนั้นจะได้เป็นอย่างนี้ก็หามิได้ ;
    แต่ว่า เราบวชแล้วโดยพิจารณาเห็นว่า
    “เราถูกชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส หยั่งเอาแล้ว เป็นผู้
    มีทุกข์หยั่งลงแล้ว มีทุกข์เป็นเบื้องหน้าแล้ว,
    ทำไฉนการทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ จะพึงปรากฏแก่เรา”
    ดังนี้. อนึ่ง
    พระธรรมเป็นธรรมที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ดีแล้ว
    เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติพึงเห็นได้ด้วยตนเอง
    เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล
    เป็นสิ่งที่ควรกล่าว กะผู้อื่นว่าท่านจงมาดูเถิด
    เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตน เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน
    http://etipitaka.com/read/pali/20/189/?keywords=สฺวากฺขาโต+ภควตา+ธมฺโม+สนฺทิฏฺฐิโก+อกาลิโก+เอหิปสฺสิโก+โอปนยิโก+ปจฺจตฺตํ+เวทิตพฺโพ+วิญฺญูหีติ
    : สพรหมจารีผู้รู้อยู่เห็นอยู่ซึ่งธรรมนั้น ว่าเป็นดังนี้ก็มีอยู่.
    "ก็ เราบวชแล้วในธรรมวินัยอันพระผู้มีพระภาคตรัสไว้ดีแล้วอย่างนี้
    จะเป็นผู้เกียจคร้าน ประมาทอยู่
    : ข้อนั้นไม่สมควรแก่เรา”
    ดังนี้.
    +--ภิกษุนั้นพิจารณาอยู่ว่า
    “ความเพียรที่เราปรารภแล้วจักเป็นความเพียรไม่ย่อหย่อน,
    สติที่เข้าไปตั้งไว้แล้วจักไม่หลงลืม,
    กายอันรำงับแล้ว ไม่กำเริบ, จิตตั้งมั่นแล้ว มีอารมณ์อันเดียว,”
    ดังนี้.
    +--ภิกษุนั้น กระทำพระธรรมให้เป็นใหญ่ ละอกุศลเจริญกุศล
    ละกรรมที่ มีโทษเจริญกรรมที่ไม่มีโทษ บริหารตนให้บริสุทธิ์อยู่.
    --ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า #ธัมมาธิปไตย.-
    http://etipitaka.com/read/pali/20/189/?keywords=ธมฺมาธิปเตยฺ

    (อธิปไตยอย่างอื่นก็มีอยู่ คือ
    ปรารภประโยชน์ตนแล้วประพฤติไม่ย่อหย่อน เรียกว่า &อัตตาธิปไตย; และ
    ปรารภการติเตียนของผู้อื่นแล้วประพฤติไม่ย่อหย่อน เรียกว่า &โลกาธิปไตย.
    ทั้งสองอย่างนี้ไม่ประกอบด้วยธรรม ไม่ควรถือเอาเป็นเครื่องเกื้อหนุนการปฏิบัติ;
    แต่ให้ถือเอา &ธัมมาธิปไตยดังที่กล่าวแล้วข้างบน เป็นเครื่องเกื้อหนุนการปฏิบัติ
    จึงจะถูกต้องตามหลักของการทำที่สุดทุกข์ในพระพุทธศาสนา
    หรือตรงตามพระพุทธประสงค์
    )
    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ติก. อํ. 20/140/479.
    http://etipitaka.com/read/thai/20/140/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%97%E0%B9%99
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ติก. อํ. ๒๐/๑๘๘/๔๗๙.
    http://etipitaka.com/read/pali/20/188/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%97%E0%B9%99
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1044
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=91&id=1044
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=91
    ลำดับสาธยายธรรม : 91 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_91.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ปฏิบัติเพื่อรู้อริยสัจ ต้องเป็นธัมมาธิปไตย สัทธรรมลำดับที่ : 1044 ชื่อบทธรรม : -ปฏิบัติเพื่อรู้อริยสัจ ต้องเป็นธัมมาธิปไตย https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1044 เนื้อความทั้งหมด :- --ปฏิบัติเพื่อรู้อริยสัจ ต้องเป็นธัมมาธิปไตย --ภิกษุ ท. ! ธัมมาธิปไตย (ความมีธรรมเป็นใหญ่) เป็นอย่างไรเล่า ? http://etipitaka.com/read/pali/20/188/?keywords=ธมฺมาธิปเตยฺ --ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุไปสู่ป่าก็ตาม โคนไม้ก็ตาม หรือเรือนว่างก็ตาม พิจารณาเห็นอยู่ว่า “เราออกจากเรือนบวชเป็นผู้ไม่มีเรือน เพราะเหตุจะได้จีวรก็หามิได้ เพราะเหตุจะได้บิณฑบาตก็หามิได้ เพราะเหตุจะได้เสนาสนะก็หามิได้ เพราะเหตุจะได้เป็นอย่างนั้นจะได้เป็นอย่างนี้ก็หามิได้ ; แต่ว่า เราบวชแล้วโดยพิจารณาเห็นว่า “เราถูกชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส หยั่งเอาแล้ว เป็นผู้ มีทุกข์หยั่งลงแล้ว มีทุกข์เป็นเบื้องหน้าแล้ว, ทำไฉนการทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ จะพึงปรากฏแก่เรา” ดังนี้. อนึ่ง พระธรรมเป็นธรรมที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ดีแล้ว เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติพึงเห็นได้ด้วยตนเอง เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล เป็นสิ่งที่ควรกล่าว กะผู้อื่นว่าท่านจงมาดูเถิด เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตน เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน http://etipitaka.com/read/pali/20/189/?keywords=สฺวากฺขาโต+ภควตา+ธมฺโม+สนฺทิฏฺฐิโก+อกาลิโก+เอหิปสฺสิโก+โอปนยิโก+ปจฺจตฺตํ+เวทิตพฺโพ+วิญฺญูหีติ : สพรหมจารีผู้รู้อยู่เห็นอยู่ซึ่งธรรมนั้น ว่าเป็นดังนี้ก็มีอยู่. "ก็ เราบวชแล้วในธรรมวินัยอันพระผู้มีพระภาคตรัสไว้ดีแล้วอย่างนี้ จะเป็นผู้เกียจคร้าน ประมาทอยู่ : ข้อนั้นไม่สมควรแก่เรา” ดังนี้. +--ภิกษุนั้นพิจารณาอยู่ว่า “ความเพียรที่เราปรารภแล้วจักเป็นความเพียรไม่ย่อหย่อน, สติที่เข้าไปตั้งไว้แล้วจักไม่หลงลืม, กายอันรำงับแล้ว ไม่กำเริบ, จิตตั้งมั่นแล้ว มีอารมณ์อันเดียว,” ดังนี้. +--ภิกษุนั้น กระทำพระธรรมให้เป็นใหญ่ ละอกุศลเจริญกุศล ละกรรมที่ มีโทษเจริญกรรมที่ไม่มีโทษ บริหารตนให้บริสุทธิ์อยู่. --ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า #ธัมมาธิปไตย.- http://etipitaka.com/read/pali/20/189/?keywords=ธมฺมาธิปเตยฺ (อธิปไตยอย่างอื่นก็มีอยู่ คือ ปรารภประโยชน์ตนแล้วประพฤติไม่ย่อหย่อน เรียกว่า &อัตตาธิปไตย; และ ปรารภการติเตียนของผู้อื่นแล้วประพฤติไม่ย่อหย่อน เรียกว่า &โลกาธิปไตย. ทั้งสองอย่างนี้ไม่ประกอบด้วยธรรม ไม่ควรถือเอาเป็นเครื่องเกื้อหนุนการปฏิบัติ; แต่ให้ถือเอา &ธัมมาธิปไตยดังที่กล่าวแล้วข้างบน เป็นเครื่องเกื้อหนุนการปฏิบัติ จึงจะถูกต้องตามหลักของการทำที่สุดทุกข์ในพระพุทธศาสนา หรือตรงตามพระพุทธประสงค์ ) #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ติก. อํ. 20/140/479. http://etipitaka.com/read/thai/20/140/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%97%E0%B9%99 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ติก. อํ. ๒๐/๑๘๘/๔๗๙. http://etipitaka.com/read/pali/20/188/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%97%E0%B9%99 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1044 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=91&id=1044 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=91 ลำดับสาธยายธรรม : 91 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_91.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ปฏิบัติเพื่อรู้อริยสัจ ต้องเป็นธัมมาธิปไตย
    -ปฏิบัติเพื่อรู้อริยสัจ ต้องเป็นธัมมาธิปไตย ภิกษุ ท. ! ธัมมาธิปไตย (ความมีธรรมเป็นใหญ่) เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุไปสู่ป่าก็ตาม โคนไม้ก็ตาม หรือเรือนว่างก็ตาม พิจารณาเห็นอยู่ว่า “เราออกจากเรือนบวชเป็นผู้ไม่มีเรือน เพราะเหตุจะได้จีวรก็หามิได้ เพราะเหตุจะได้บิณฑบาตก็หามิได้ เพราะเหตุจะได้เสนาสนะก็หามิได้ เพราะเหตุจะได้เป็นอย่างนั้นจะได้เป็นอย่างนี้ก็หามิได้ ; แต่ว่า เราบวชแล้วโดยพิจารณาเห็นว่า “เราถูกชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส หยั่งเอาแล้ว เป็นผู้มีทุกข์หยั่งลงแล้ว มีทุกข์เป็นเบื้องหน้าแล้ว, ทำไฉนการทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ จะพึงปรากฏแก่เรา” ดังนี้. อนึ่ง พระธรรมเป็นธรรมที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ดีแล้ว เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติพึงเห็นได้ด้วยตนเอง เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล เป็นสิ่งที่ควรกล่าว กะผู้อื่นว่าท่านจงมาดูเถิด เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตน เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน : สพรหมจารีผู้รู้อยู่เห็นอยู่ซึ่งธรรมนั้น ว่าเป็นดังนี้ก็มีอยู่. ก็ เราบวชแล้วในธรรมวินัยอันพระผู้มีพระภาคตรัสไว้ดีแล้วอย่างนี้ จะเป็นผู้เกียจคร้าน ประมาทอยู่ : ข้อนั้นไม่สมควรแก่เรา” ดังนี้. ภิกษุนั้นพิจารณาอยู่ว่า “ความเพียรที่เราปรารภแล้วจักเป็นความเพียรไม่ย่อหย่อน, สติที่เข้าไปตั้งไว้แล้วจักไม่ หลงลืม, กายอันรำงับแล้ว ไม่กำเริบ, จิตตั้งมั่นแล้ว มีอารมณ์อันเดียว,” ดังนี้. ภิกษุนั้น กระทำพระธรรมให้เป็นใหญ่ ละอกุศลเจริญกุศล ละกรรมที่ มีโทษเจริญกรรมที่ไม่มีโทษ บริหารตนให้บริสุทธิ์อยู่. ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า ธัมมาธิปไตย.
    0 Comments 0 Shares 212 Views 0 Reviews
  • อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ให้เห็นพระรัตนตรัยแท้จริง
    สัทธรรมลำดับที่ : 1043
    ชื่อบทธรรม : -เห็นพระรัตนตรัยแท้จริง-ก็ต่อเมื่อเห็นอริยสัจ และหลุดพ้นจากอาสวะแล้ว
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1043
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --เห็นพระรัตนตรัยแท้จริง-ก็ต่อเมื่อเห็นอริยสัจ และหลุดพ้นจากอาสวะแล้ว
    (ข้อปฏิบัติของกุลบุตรผู้บวชแล้ว ดำเนินมาตั้งแต่
    ถึงพร้อมด้วยศีล สันโดษ
    อินทรียสังวร สติสัมปชัญญะ เสพเสนาสนะสงัด
    ละนิวรณ์ห้า บรรลุปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน
    น้อมจิตไปเพื่อปุพเพนิวาสานุสสติญาณ เพื่อจุตูปปาตญาณ
    )​
    --ภิกษุนั้น ครั้นจิตตั้งมั่น บริสุทธิ์ผ่องใส ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส
    เป็นธรรมชาติอ่อนโยนควรแก่การงาน ถึงความไม่หวั่นไหว ตั้งอยู่เช่นนี้แล้ว
    น้อมจิตไปเพื่อ ญาณเป็นเครื่องสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย.
    เธอย่อม รู้ชัดตามที่เป็นจริงว่า

    “นี้ ทุกข์, นี้ เหตุให้เกิดทุกข์,
    นี้ ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์,
    นี้ หนทางให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ ;
    เหล่านี้ อาสวะ, นี้ เหตุให้เกิด อาสวะ,
    นี้ ความดับไม่เหลือแห่งอาสวะ,
    นี้ หนทางเข้าถึงความดับไม่เหลือ แห่งอาสวะ”
    ดังนี้

    : พราหมณ์ ! แม้ (อาสวักขยญาณ) นี้ เราก็เรียก
    ว่า “รอยเท้าแห่งตถาคต” บ้าง,
    ว่า “รอยสีตัวแห่งตถาคต” บ้าง,
    ว่า “รอยแซะงาแห่งตถาคต”*--๑ บ้าง;
    แต่อริยสาวกนั้น ก็ยังไม่ถึงซึ่งความแน่ใจก่อนอยู่นั่นเอง
    แต่ กำลังจะถึงความแน่ใจ ว่า
    “พระผู้มีพระภาค เป็นพระสัมมาสัมพุทธะ,
    พระธรรม เป็นส๎วากขาตะ,
    สาวกสงฆ์ของพระผู้มีพระภาค เป็นสุปฏิปันนะ”
    ดังนี้.
    *--๑. สูตร(มู. ม. ๑๒/๓๔๗/๓๓๒)​
    http://etipitaka.com/read/pali/12/347/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%92

    ตรัสเปรียบพระองค์เองด้วย #ช้างมหานาค ในป่า
    ซึ่งมีผู้ติดตามหาตามลำดับด้วยการปฏิบัติธรรมะมาตามลำดับ
    บรรลุธรรมตามลำดับ จนบรรลุอาสวักขยญาณ
    ซึ่งเปรียบด้วยการเห็นรอยเท้าที่พื้นดิน เห็นรอยสีตัวที่ต้นไม้ เห็นรอยแซะงาที่กิ่งไม้;
    และจะได้ พบตัวช้างคือพระองค์ในอันดับที่มีการหลุดพ้นจากอาสวะแล้ว เท่านั้น.
    --เมื่ออริยสาวกนั้น รู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
    จิตก็หลุดพ้นแม้จากกามาสวะ แม้จากภวาสวะ แม้จากอวิชชาสวะ;
    เมื่อหลุดพ้นแล้ว ก็มีญาณรู้ว่า “หลุดพ้นแล้ว”
    ดังนี้;

    ย่อมรู้ชัดว่า “ชาติสิ้นแล้ว, พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว,
    กิจที่ควรทำได้กระทำสำเร็จแล้ว,
    กิจอื่นที่ต้องกระทำเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มีอีก”
    ดังนี้.
    : พราหมณ์ ! แม้ (ความหลุดพ้น) นี้ เราก็เรียก
    ว่า “รอยเท้าแห่งตถาคต” บ้าง,
    ว่า “รอยสีตัวแห่งตถาคต” บ้าง,
    ว่า “รอยแซะงาแห่งตถาคต” บ้าง.
    : พราหมณ์ ! ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล
    อริยสาวกนั้นย่อมเป็นผู้ ถึงแล้วซึ่งความแน่ใจ ว่า
    “พระผู้มีพระภาค เป็นสัมมาสัมพุทธะ,
    http://etipitaka.com/read/pali/12/348/?keywords=สมฺมาสมฺพุทฺโธ+ภควา
    พระธรรม เป็นส๎วากขาตะ,
    http://etipitaka.com/read/pali/12/348/?keywords=สฺวากฺขาโต+ภควตา+ธมฺโม
    สาวกสงฆ์ของพระผู้มีพระภาค เป็นสุปฏิปันนะ”
    http://etipitaka.com/read/pali/12/348/?keywords=สุปฏิปนฺโน+ภควโต+สาวกสงฺโฆ
    ดังนี้.-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มู. ม. 12/243/338.
    http://etipitaka.com/read/thai/12/243/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%98
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มู. ม. ๑๒/๓๔๗/๓๓๘.
    http://etipitaka.com/read/pali/12/347/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%98
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1043
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=91&id=1043
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=91
    ลำดับสาธยายธรรม : 91 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_91.mp3
    อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ให้เห็นพระรัตนตรัยแท้จริง สัทธรรมลำดับที่ : 1043 ชื่อบทธรรม : -เห็นพระรัตนตรัยแท้จริง-ก็ต่อเมื่อเห็นอริยสัจ และหลุดพ้นจากอาสวะแล้ว https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1043 เนื้อความทั้งหมด :- --เห็นพระรัตนตรัยแท้จริง-ก็ต่อเมื่อเห็นอริยสัจ และหลุดพ้นจากอาสวะแล้ว (ข้อปฏิบัติของกุลบุตรผู้บวชแล้ว ดำเนินมาตั้งแต่ ถึงพร้อมด้วยศีล สันโดษ อินทรียสังวร สติสัมปชัญญะ เสพเสนาสนะสงัด ละนิวรณ์ห้า บรรลุปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน น้อมจิตไปเพื่อปุพเพนิวาสานุสสติญาณ เพื่อจุตูปปาตญาณ )​ --ภิกษุนั้น ครั้นจิตตั้งมั่น บริสุทธิ์ผ่องใส ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส เป็นธรรมชาติอ่อนโยนควรแก่การงาน ถึงความไม่หวั่นไหว ตั้งอยู่เช่นนี้แล้ว น้อมจิตไปเพื่อ ญาณเป็นเครื่องสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย. เธอย่อม รู้ชัดตามที่เป็นจริงว่า “นี้ ทุกข์, นี้ เหตุให้เกิดทุกข์, นี้ ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์, นี้ หนทางให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ ; เหล่านี้ อาสวะ, นี้ เหตุให้เกิด อาสวะ, นี้ ความดับไม่เหลือแห่งอาสวะ, นี้ หนทางเข้าถึงความดับไม่เหลือ แห่งอาสวะ” ดังนี้ : พราหมณ์ ! แม้ (อาสวักขยญาณ) นี้ เราก็เรียก ว่า “รอยเท้าแห่งตถาคต” บ้าง, ว่า “รอยสีตัวแห่งตถาคต” บ้าง, ว่า “รอยแซะงาแห่งตถาคต”*--๑ บ้าง; แต่อริยสาวกนั้น ก็ยังไม่ถึงซึ่งความแน่ใจก่อนอยู่นั่นเอง แต่ กำลังจะถึงความแน่ใจ ว่า “พระผู้มีพระภาค เป็นพระสัมมาสัมพุทธะ, พระธรรม เป็นส๎วากขาตะ, สาวกสงฆ์ของพระผู้มีพระภาค เป็นสุปฏิปันนะ” ดังนี้. *--๑. สูตร(มู. ม. ๑๒/๓๔๗/๓๓๒)​ http://etipitaka.com/read/pali/12/347/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%92 ตรัสเปรียบพระองค์เองด้วย #ช้างมหานาค ในป่า ซึ่งมีผู้ติดตามหาตามลำดับด้วยการปฏิบัติธรรมะมาตามลำดับ บรรลุธรรมตามลำดับ จนบรรลุอาสวักขยญาณ ซึ่งเปรียบด้วยการเห็นรอยเท้าที่พื้นดิน เห็นรอยสีตัวที่ต้นไม้ เห็นรอยแซะงาที่กิ่งไม้; และจะได้ พบตัวช้างคือพระองค์ในอันดับที่มีการหลุดพ้นจากอาสวะแล้ว เท่านั้น. --เมื่ออริยสาวกนั้น รู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ จิตก็หลุดพ้นแม้จากกามาสวะ แม้จากภวาสวะ แม้จากอวิชชาสวะ; เมื่อหลุดพ้นแล้ว ก็มีญาณรู้ว่า “หลุดพ้นแล้ว” ดังนี้; ย่อมรู้ชัดว่า “ชาติสิ้นแล้ว, พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว, กิจที่ควรทำได้กระทำสำเร็จแล้ว, กิจอื่นที่ต้องกระทำเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มีอีก” ดังนี้. : พราหมณ์ ! แม้ (ความหลุดพ้น) นี้ เราก็เรียก ว่า “รอยเท้าแห่งตถาคต” บ้าง, ว่า “รอยสีตัวแห่งตถาคต” บ้าง, ว่า “รอยแซะงาแห่งตถาคต” บ้าง. : พราหมณ์ ! ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล อริยสาวกนั้นย่อมเป็นผู้ ถึงแล้วซึ่งความแน่ใจ ว่า “พระผู้มีพระภาค เป็นสัมมาสัมพุทธะ, http://etipitaka.com/read/pali/12/348/?keywords=สมฺมาสมฺพุทฺโธ+ภควา พระธรรม เป็นส๎วากขาตะ, http://etipitaka.com/read/pali/12/348/?keywords=สฺวากฺขาโต+ภควตา+ธมฺโม สาวกสงฆ์ของพระผู้มีพระภาค เป็นสุปฏิปันนะ” http://etipitaka.com/read/pali/12/348/?keywords=สุปฏิปนฺโน+ภควโต+สาวกสงฺโฆ ดังนี้.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มู. ม. 12/243/338. http://etipitaka.com/read/thai/12/243/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%98 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มู. ม. ๑๒/๓๔๗/๓๓๘. http://etipitaka.com/read/pali/12/347/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%98 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1043 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=91&id=1043 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=91 ลำดับสาธยายธรรม : 91 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_91.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - เห็นพระรัตนตรัยแท้จริง--ก็ต่อเมื่อเห็นอริยสัจ และหลุดพ้นจากอาสวะแล้ว
    -(ในสูตรอื่น (๒๑/๑๓๘/๑๐๓) ตรัสเปรียบลักษณะอาการสี่อย่างแห่งข้อความข้างบนนี้ ด้วย หม้อสี่ชนิด คือหม้อเปล่า – ปิด เปรียบด้วยภิกษุไม่รู้อริยสัจแต่มีสมณสารูป ; หม้อเต็ม – เปิด คือรู้อริยสัจแต่ไม่มีสมณสารูป ; หม้อเปล่า – เปิด คือไม่รู้อริยสัจและไม่มีสมณสารูป ; หม้อเต็ม – ปิด คือรู้อริยสัจและมีสมณสารูป. ในสูตรอื่น (๒๑/๑๔๐/๑๐๔) ตรัสเปรียบด้วย ห้วงน้ำสี่ชนิด คือห้วงน้ำตื้น เงาลึก = ไม่รู้อริยสัจแต่มีสมณสารูป ; ห้วงน้ำลึก เงาตื้น = รู้อริยสัจ แต่ไม่มีสมณสารูป ; ห้วงน้ำตื้น เงาตื้น = ไม่รู้อริยสัจ และไม่มีสมณสารูป; ห้วงน้ำลึก เงาลึก = รู้อริยสัจและมีสมณสารูป. ในสูตรอื่น (๒๑/๑๔๒/๑๐๕) ตรัสเปรียบด้วย มะม่วงสี่ชนิด คือมะม่วงดิบ สีเหมือนสุก ได้แก่ ไม่ได้รู้อริยสัจ แต่มีสมณสารูป ; มะม่วงสุก สีเหมือนดิบ ได้แก่ รู้อริยสัจ แต่ไม่มีสมณสารูป; มะม่วงดิบ สีเหมือนดิบ ได้แก่ ไม่รู้อริยสัจและไม่มีสมณสารูป ; มะม่วงสุก สีเหมือนสุก ได้แก่ รู้อริยสัจและมีสมณสารูป. ผู้สนใจในส่วนรายละเอียด ดูได้จากที่มานั้นๆ ). เห็นพระรัตนตรัยแท้จริง ก็ต่อเมื่อเห็นอริยสัจ และหลุดพ้นจากอาสวะแล้ว (ข้อปฏิบัติของกุลบุตรผู้บวชแล้ว ดำเนินมาตั้งแต่ ถึงพร้อมด้วยศีล สันโดษ อินทรียสังวร สติสัมปชัญญะ เสพเสนาสนะสงัด ละนิวรณ์ห้า บรรลุปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน น้อมจิตไปเพื่อปุพเพนิวาสานุสสติญาณ เพื่อจุตูปปาตญาณ :-) ภิกษุนั้น ครั้นจิตตั้งมั่น บริสุทธิ์ผ่องใส ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส เป็นธรรมชาติอ่อนโยนควรแก่การงาน ถึงความไม่หวั่นไหว ตั้งอยู่เช่นนี้แล้ว น้อมจิตไปเพื่อ ญาณเป็นเครื่องสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย. เธอย่อม รู้ชัดตามที่เป็นจริงว่า “นี้ ทุกข์, นี้ เหตุให้เกิดทุกข์, นี้ ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์, นี้ หนทางให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ ; เหล่านี้ อาสวะ, นี้ เหตุให้เกิด อาสวะ, นี้ ความดับไม่เหลือแห่งอาสวะ, นี้ หนทางเข้าถึงความดับไม่เหลือ แห่งอาสวะ” ดังนี้ : พราหมณ์ ! แม้ (อาสวักขยญาณ) นี้ เราก็เรียกว่า “รอยเท้าแห่งตถาคต” บ้าง, ว่า “รอยสีตัวแห่งตถาคต” บ้าง, ว่า “รอยแซะงาแห่งตถาคต”๑ บ้าง; แต่อริยสาวกนั้น ก็ยังไม่ถึงซึ่งความแน่ใจก่อนอยู่นั่นเอง แต่ กำลังจะถึงความแน่ใจ ว่า “พระผู้มีพระภาค เป็นพระสัมมาสัมพุทธะ, พระธรรม เป็นส๎วากขาตะ, สาวกสงฆ์ของพระผู้มีพระภาค เป็นสุปฏิปันนะ” ดังนี้. เมื่ออริยสาวกนั้น รู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ จิตก็หลุดพ้นแม้จากกามาสวะ แม้จากภวาสวะ แม้จากอวิชชาสวะ; เมื่อหลุดพ้นแล้ว ก็มีญาณรู้ว่า “หลุดพ้นแล้ว” ดังนี้; ย่อมรู้ชัดว่า “ชาติสิ้นแล้ว, พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว, กิจที่ควรทำได้กระทำสำเร็จแล้ว, กิจอื่นที่ต้องกระทำเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มีอีก” ดังนี้. พราหมณ์ ! แม้ (ความหลุดพ้น) นี้ เราก็เรียกว่า “รอยเท้าแห่งตถาคต” บ้าง, ว่า “รอยสีตัวแห่งตถาคต” บ้าง, ว่า “รอยแซะ ๑. สูตรนี้ตรัสเปรียบพระองค์เองด้วยช้างมหานาคในป่า ซึ่งมีผู้ติดตามหาตามลำดับด้วยการปฏิบัติธรรมะมาตามลำดับ บรรลุธรรมตามลำดับ จนบรรลุอาสวักขยญาณ ซึ่งเปรียบด้วยการเห็นรอยเท้าที่พื้นดิน เห็นรอยสีตัวที่ต้นไม้ เห็นรอยแซะงาที่กิ่งไม้; และจะได้พบตัวช้างคือพระองค์ ในอันดับที่มีการหลุดพ้นจากอาสวะแล้วเท่านั้น. งาแห่งตถาคต” บ้าง. พราหมณ์ ! ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล อริยสาวกนั้นย่อมเป็นผู้ ถึงแล้วซึ่งความแน่ใจ ว่า “พระผู้มีพระภาค เป็นสัมมาสัมพุทธะ, พระธรรม เป็นส๎วากขาตะ, สาวกสงฆ์ของพระผู้มีพระภาค เป็นสุปฏิปันนะ” ดังนี้.
    0 Comments 0 Shares 274 Views 0 Reviews
  • เพจดังข้องใจแต่งตั้ง ‘ชัยชนะ‘ นั่ง รมช.สธ. ทั้งที่เพิ่งมีคดีทำร้ายร่างกายกลางงานบวช คนแบบนี้ผ่านจริยธรรมรัฐมนตรีได้อย่างไร
    https://www.thai-tai.tv/news/20008/
    .
    #ชัยชนะเดชเดโช #รมชสาธารณสุข #CSI_LA #รัฐบาลแพทองธาร #จริยธรรมรัฐมนตรี #การเมืองไทย #ข่าววันนี้ #ตั้งคำถามให้สังคมรู้ทัน
    เพจดังข้องใจแต่งตั้ง ‘ชัยชนะ‘ นั่ง รมช.สธ. ทั้งที่เพิ่งมีคดีทำร้ายร่างกายกลางงานบวช คนแบบนี้ผ่านจริยธรรมรัฐมนตรีได้อย่างไร https://www.thai-tai.tv/news/20008/ . #ชัยชนะเดชเดโช #รมชสาธารณสุข #CSI_LA #รัฐบาลแพทองธาร #จริยธรรมรัฐมนตรี #การเมืองไทย #ข่าววันนี้ #ตั้งคำถามให้สังคมรู้ทัน
    0 Comments 0 Shares 313 Views 0 Reviews
  • ♣ ขนาดงานบวชยังนำพวกรุมกระทืบนักธุรกิจได้ นับประสาอะไรกับงานแถลงข่าว สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล และสื่อสายสาธารณสุข โปรดระมัดระวังคำถาม ไอ้เถื่อนภูธรเมืองคอน อาจให้ลูกน้องตามลอบทำร้าย
    #7ดอกจิก
    ♣ ขนาดงานบวชยังนำพวกรุมกระทืบนักธุรกิจได้ นับประสาอะไรกับงานแถลงข่าว สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล และสื่อสายสาธารณสุข โปรดระมัดระวังคำถาม ไอ้เถื่อนภูธรเมืองคอน อาจให้ลูกน้องตามลอบทำร้าย #7ดอกจิก
    0 Comments 0 Shares 190 Views 0 Reviews
  • เราไม่ได้บวชเป็นพระก็แสวงหาธรรมของพระพุทธเจ้าได้ พระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมีมากมายในโลกนี้ เดินทางไปฟังเทศน์กับท่านปฏิบัติกับท่านบ้าง
    เราไม่ได้บวชเป็นพระก็แสวงหาธรรมของพระพุทธเจ้าได้ พระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมีมากมายในโลกนี้ เดินทางไปฟังเทศน์กับท่านปฏิบัติกับท่านบ้าง
    0 Comments 0 Shares 87 Views 0 Reviews
  • วันนี้ A CUP กลุ่มหาย ดีแล้ว เลิกตาม ตามไปมีแต่กิเลสล้วนๆ พอๆกับ Zerochan กับ Pixiv ก่อนหน้าก็ Sankaku ก็โดน DE สั่งปิดการเข้าถึงเว็บ ตอนนี้ขอโฟกัสกับการพัฒนาทักษะส่วนตัวดีกว่า เพราะกลุ่มที่รู้สึกว่ามีแต่สะสมกิเลสมา 5-6 ปี
    ตอนผมบวชไม่เข้า A CUP เลย เพราะเป็นตัวสร้างอกุศลกรรมชั้นดีเลยสำหรับพระ และตอนบวชผมไม่เคยดูหนังโป๊ และไม่คิดจะทำอสุจิเคลื่อน(ช่วยตัวเอง) ถ้าทำจริงผมคงต้องเลื่อนวันสึกเพื่อไปปริวาสกรรมนานแล้วครับ
    และวันนี้ไม่สนใจ A CUP มันแล้ว
    วันนี้ A CUP กลุ่มหาย ดีแล้ว เลิกตาม ตามไปมีแต่กิเลสล้วนๆ พอๆกับ Zerochan กับ Pixiv ก่อนหน้าก็ Sankaku ก็โดน DE สั่งปิดการเข้าถึงเว็บ ตอนนี้ขอโฟกัสกับการพัฒนาทักษะส่วนตัวดีกว่า เพราะกลุ่มที่รู้สึกว่ามีแต่สะสมกิเลสมา 5-6 ปี ตอนผมบวชไม่เข้า A CUP เลย เพราะเป็นตัวสร้างอกุศลกรรมชั้นดีเลยสำหรับพระ และตอนบวชผมไม่เคยดูหนังโป๊ และไม่คิดจะทำอสุจิเคลื่อน(ช่วยตัวเอง) ถ้าทำจริงผมคงต้องเลื่อนวันสึกเพื่อไปปริวาสกรรมนานแล้วครับ และวันนี้ไม่สนใจ A CUP มันแล้ว
    0 Comments 0 Shares 106 Views 0 Reviews
  • แฟชั่นทรงผมของจีนโบราณนั้นหลากหลาย โดยเฉพาะที่เพื่อนเพจได้เคยเห็นในละคร/หนังจีนพีเรียดที่ดูอลังการงานสร้างมาก (รูปประกอบจากเรื่อง <หงส์ขังรัก>) ทำให้ Storyฯ คิดสงสัยว่าเป็นไปได้หรือที่ทุกคนจะใช้ผมจริงทั้งหมด จึงเป็นคำถามว่า สมัยโบราณนั้นมีใช้วิกผมหรือผมปลอมหรือไม่?

    หาคำตอบมาแล้ว คือมีแน่นอนจ้า

    ว่ากันว่าการใช้ผมปลอมมีมาแต่ยุคสมัยจ้านกั๋ว (ประมาณ 475-403 ก่อนคริสต์ศักราช) แต่ไม่ใช่ใครๆ จะมีผมปลอมใส่เพราะเป็นของแพง เริ่มแรกจึงมีใช้กันเฉพาะในวัง ต่อมาในยุคสมัยราชวงศ์จิ้น (ค.ศ. 265–420) จึงมีการใช้กันในระดับสามัญชนในแวดวงคนมีอันจะกิน และมาเฟื่องฟูเป็นอย่างมากในยุคสมัยราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618–907)

    ผมปลอมที่ใช้กันนี้ก็มีทั้งที่ทำมาจากขนสัตว์ย้อมสีดำ หรือถ้าแพงหน่อยก็จะทำจากผมจากคนจริงๆ โดยมีที่มาจากสามแหล่งหลักคือ ก) นักโทษที่โดนลงทัณฑ์อย่างรุนแรงจะถูกโกนหัว ข) ผู้ที่ปลงผมเพื่อบวช และ ค) คนที่สิ้นไร้ไม้ตอกประกาศตัดผมขายเพื่อเอาเงินมาใช้

    เดิมวิธีใช้ผมปลอมก็คือเอามาทอรวมกับผมจริงตอนเกล้าผม ต่อมาเมื่อแฟชั่นทรงผมสตรีมีลูกเล่นมากขึ้น จึงเริ่มมีวิกผมสำเร็จรูปเกล้าเป็นทรงต่างๆ โดยใช้มวยปลอมสอดไส้ ซึ่งมวยปลอมก็จะทำจากวัสดุอื่นๆ เช่นไม้หรือหมอนผ้า จากนั้นก็ใช้ผมปลอมถักคลุมปกปิดให้ดูเนียน

    แต่เพื่อนเพจทราบหรือไม่ว่า คนที่ใช้ผมปลอมจำนวนไม่น้อยเป็นผู้ชาย!

    กวีชื่อดังสมัยราชวงศ์ถังนามว่าหลี่ไป๋เคยประพันธ์ไว้ถึงตนเองยามท้อแท้ว่า “ยามเมื่อชีวิตคนเราล้มเหลวมิได้ดั่งใจ จะทำอันใดได้นอกจากปล่อยผมรุงรังล่องเรือตามยถากรรม” เห็นได้ว่าการปล่อยผมสยายเป็นการแสดงออกถึงความไม่สำรวม ไม่สุภาพ

    ดังนั้น สุภาพชนชายชาตรีสมัยโบราณต้องเกล้าผมปักปิ่นหรือครอบมงกุฎผมให้เนี๊ยบ ตอนหนุ่มๆ คงไม่เป็นปัญหา แต่เมื่ออายุมากขึ้นและผมน้อยลงตามการเวลา การมีผมไม่พอเกล้าจึงเป็นเรื่องชวนทุกข์ใจนัก เลยต้องพึ่งพาผมปลอมเพื่อภาพลักษณ์ที่ดี

    ต่อมา สมัยราชวงศ์ชิงมีชายจีนไปเรียนต่างประเทศจำนวนไม่น้อย ล้วนแต่ตัดหางเปียออกเพื่อให้เข้ากับธรรมเนียมชาติตะวันตก เมื่อกลับมาจีนแผ่นดินใหญ่จึงต้องหาวิกหางเปียมาสวม บางคนใช้สวมหมวกที่มีหางเปียถักติดไว้เพื่อความสะดวก แบบที่เพื่อนเพจบางท่านอาจเคยเห็นในหนังเรื่องหวงเฟยหงนั่นเอง

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.jianshu.com/p/a042b95ee3ec
    https://www.163.com/ent/article/DD0TB8JN000380EO.html
    https://y.qichejiashi.com/tupian/1926174.html

    Credit ข้อมูลจาก:
    http://m.qulishi.com/article/201910/367225.html
    http://www.qulishi.com/article/202002/391814.html
    http://xn--fiq4m90j.com/Index/detail/catid/10/artid/04eb9650-68c6-44a2-897a-da8ebf712a5e/userid/bd2f4e82-9f87-452c-9f2d-7b290b6b006d
    https://www.guhanfu.com/60933.html

    #ทรงผมจีนโบราณ #ผมปลอม #วัฒนธรรมจีน
    แฟชั่นทรงผมของจีนโบราณนั้นหลากหลาย โดยเฉพาะที่เพื่อนเพจได้เคยเห็นในละคร/หนังจีนพีเรียดที่ดูอลังการงานสร้างมาก (รูปประกอบจากเรื่อง <หงส์ขังรัก>) ทำให้ Storyฯ คิดสงสัยว่าเป็นไปได้หรือที่ทุกคนจะใช้ผมจริงทั้งหมด จึงเป็นคำถามว่า สมัยโบราณนั้นมีใช้วิกผมหรือผมปลอมหรือไม่? หาคำตอบมาแล้ว คือมีแน่นอนจ้า ว่ากันว่าการใช้ผมปลอมมีมาแต่ยุคสมัยจ้านกั๋ว (ประมาณ 475-403 ก่อนคริสต์ศักราช) แต่ไม่ใช่ใครๆ จะมีผมปลอมใส่เพราะเป็นของแพง เริ่มแรกจึงมีใช้กันเฉพาะในวัง ต่อมาในยุคสมัยราชวงศ์จิ้น (ค.ศ. 265–420) จึงมีการใช้กันในระดับสามัญชนในแวดวงคนมีอันจะกิน และมาเฟื่องฟูเป็นอย่างมากในยุคสมัยราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618–907) ผมปลอมที่ใช้กันนี้ก็มีทั้งที่ทำมาจากขนสัตว์ย้อมสีดำ หรือถ้าแพงหน่อยก็จะทำจากผมจากคนจริงๆ โดยมีที่มาจากสามแหล่งหลักคือ ก) นักโทษที่โดนลงทัณฑ์อย่างรุนแรงจะถูกโกนหัว ข) ผู้ที่ปลงผมเพื่อบวช และ ค) คนที่สิ้นไร้ไม้ตอกประกาศตัดผมขายเพื่อเอาเงินมาใช้ เดิมวิธีใช้ผมปลอมก็คือเอามาทอรวมกับผมจริงตอนเกล้าผม ต่อมาเมื่อแฟชั่นทรงผมสตรีมีลูกเล่นมากขึ้น จึงเริ่มมีวิกผมสำเร็จรูปเกล้าเป็นทรงต่างๆ โดยใช้มวยปลอมสอดไส้ ซึ่งมวยปลอมก็จะทำจากวัสดุอื่นๆ เช่นไม้หรือหมอนผ้า จากนั้นก็ใช้ผมปลอมถักคลุมปกปิดให้ดูเนียน แต่เพื่อนเพจทราบหรือไม่ว่า คนที่ใช้ผมปลอมจำนวนไม่น้อยเป็นผู้ชาย! กวีชื่อดังสมัยราชวงศ์ถังนามว่าหลี่ไป๋เคยประพันธ์ไว้ถึงตนเองยามท้อแท้ว่า “ยามเมื่อชีวิตคนเราล้มเหลวมิได้ดั่งใจ จะทำอันใดได้นอกจากปล่อยผมรุงรังล่องเรือตามยถากรรม” เห็นได้ว่าการปล่อยผมสยายเป็นการแสดงออกถึงความไม่สำรวม ไม่สุภาพ ดังนั้น สุภาพชนชายชาตรีสมัยโบราณต้องเกล้าผมปักปิ่นหรือครอบมงกุฎผมให้เนี๊ยบ ตอนหนุ่มๆ คงไม่เป็นปัญหา แต่เมื่ออายุมากขึ้นและผมน้อยลงตามการเวลา การมีผมไม่พอเกล้าจึงเป็นเรื่องชวนทุกข์ใจนัก เลยต้องพึ่งพาผมปลอมเพื่อภาพลักษณ์ที่ดี ต่อมา สมัยราชวงศ์ชิงมีชายจีนไปเรียนต่างประเทศจำนวนไม่น้อย ล้วนแต่ตัดหางเปียออกเพื่อให้เข้ากับธรรมเนียมชาติตะวันตก เมื่อกลับมาจีนแผ่นดินใหญ่จึงต้องหาวิกหางเปียมาสวม บางคนใช้สวมหมวกที่มีหางเปียถักติดไว้เพื่อความสะดวก แบบที่เพื่อนเพจบางท่านอาจเคยเห็นในหนังเรื่องหวงเฟยหงนั่นเอง (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ) Credit รูปภาพจาก: https://www.jianshu.com/p/a042b95ee3ec https://www.163.com/ent/article/DD0TB8JN000380EO.html https://y.qichejiashi.com/tupian/1926174.html Credit ข้อมูลจาก: http://m.qulishi.com/article/201910/367225.html http://www.qulishi.com/article/202002/391814.html http://xn--fiq4m90j.com/Index/detail/catid/10/artid/04eb9650-68c6-44a2-897a-da8ebf712a5e/userid/bd2f4e82-9f87-452c-9f2d-7b290b6b006d https://www.guhanfu.com/60933.html #ทรงผมจีนโบราณ #ผมปลอม #วัฒนธรรมจีน
    WWW.JIANSHU.COM
    电视剧《凤囚凰》观看第一集和第二集之后的说说
    在看《凤囚凰》这部电视剧的之前。我是带着挑剔的眼光去看的。看看于正到底有多么烂。网上吐槽凤囚凰被于正拍槽点很多,好先来看一看有那些被吐槽的点。 第一点,缝纫机头。 网上说的缝...
    1 Comments 0 Shares 387 Views 0 Reviews
  • อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ภาวะบริสุทธิ์แห่งการประพฤติตบะพรหมจรรย์
    สัทธรรมลำดับที่ : 1031
    ชื่อบทธรรม :- ภาวะบริสุทธิ์แห่งการประพฤติตบะพรหมจรรย์
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1031
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ภาวะบริสุทธิ์แห่งการประพฤติตบะพรหมจรรย์ โดย ๑๖ ประการ

    ( ก. ภาวะไม่บริสุทธิ์สำหรับเปรียบเทียบ )

    --“ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! เมื่อการเกียดกันกิเลสด้วยตบะบริบูรณ์อย่างนี้แล้ว
    พระผู้มีพระภาคยังจะกล่าวถึงอุปกิเลสมีอย่างต่างๆ
    แห่งการบำเพ็ญตบะนั้นอย่างไรอีกเล่า ?”
    --๑. นิโค๎รธ ! ในกรณีนี้ คือ
    ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่
    เขาเป็นผู้พอใจด้วยตบะนั้น ว่าบริบูรณ์แล้วตามประสงค์
    (เป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์เพื่อตัวกู, มิใช่เพื่อธรรมะ).
    +--นิโค๎รธ ! ข้อที่เขา $พอใจด้วยตบะว่าบริบูรณ์แล้วตามประสงค์ นั้น
    แม้ข้อนี้ก็ยังเป็นอุปกิเลส (เครื่องเศร้าหมอง) ของผู้บำเพ็ญตบะ.
    --๒. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่
    เขายกตนข่มผู้อื่นด้วยตบะนั้น.
    +--นิโค๎รธ ! ข้อที่เขา @ยกตนข่มขู่ผู้อื่นด้วยตบะ นั้น
    แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ.
    --๓. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่
    เขาเมาตบะ หลงตบะ ถึงความมัวเมาด้วยตบะนั้น.
    +--นิโค๎รธ ! ข้อที่เขา เมาตบะ หลงตบะ $ถึงความมัวเมาด้วยตบะ นั้น
    แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ.
    --๔. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่
    เขาทำลาภสักการะและเสียงสรรเสริญให้เกิดขึ้นด้วยตบะนั้น
    เขาพอใจด้วยลาภสักการะและเสียงสรรเสริญนั้น ว่าบริบูรณ์แล้วตามประสงค์.
    +--นิโค๎รธ ! ข้อที่เขา $พอใจด้วยลาภสักการะและเสียงสรรเสริญ
    ว่าบริบูรณ์แล้วตามประสงค์ นั้น
    แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ.
    --๕. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่
    เขาทำลาภสักการะและเสียงสรรเสริญให้เกิดขึ้นด้วยตบะนั้น
    เขายกตนข่มผู้อื่นด้วยลาภสักการะและเสียงสรรเสริญนั้น.
    +--นิโค๎รธ ! ข้อที่เขา $ยกตนข่มผู้อื่นด้วยลาภสักการะและเสียงสรรเสริญ นั้น
    แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ.
    --๖.นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่
    เขาทำลาภสักการะและเสียงสรรเสริญให้เกิดขึ้นด้วยตบะนั้น
    เขาเมาลาภ หลงลาภ $ถึงความมัวเมาด้วยลาภสักการะและเสียงสรรเสริญนั้น
    +--นิโค๎รธ ! ข้อที่เขา เมาลาภ หลงลาภ ถึงความมัวเมาด้วยลาภสักการะ
    และเสียงสรรเสริญ นั้น
    แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ.
    --๗. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่
    เขาถึงการแบ่งแยกในโภชนะ ทั้งหลายว่า “นี้ควรแก่เรา นี้ไม่ควรแก่เรา”
    ดังนี้.
    เขาไม่ชอบสิ่งใด เขาสะบัดหน้าไม่สนใจ ละมันไปเสีย;
    เขา ชอบสิ่งใด เขาก็จดจ่อมัวเมา หมายมั่นซึ่งสิ่งนั้น ไม่มองเห็นโทษ
    $ไม่มีปัญญาเป็นเครื่องออก (จากอัสสาทะแห่งสิ่งนั้น) กินเอา ๆ.
    +--นิโค๎รธ ! แม้ข้อนี้ ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ.
    --๘. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่ด้วยคิดว่า
    พระราชา มหาอำมาตย์ กษัตริย์ พราหมณ์ คหบดี เดียรถีย์
    ทั้งหลายจักสักการะเรา เพราะเหตุแห่งความใคร่จะได้ลาภสักการะและเสียงสรรเสริญ.
    +--นิโค๎รธ ! แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ.
    --๙. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ผู้บำเพ็ญตบะ เป็นผู้ ที่เที่ยวรุกราน
    สมณะหรือพราหมณ์ใดๆ ไม่ว่าในที่ไหนๆ ว่า
    “อะไรกันนะ ท่านผู้นี้ มีอาชีพ (ดำรงชีพ) สำส่อน กินเสียหมดทุกอย่าง
    ไม่ว่าจะเป็นพืชเกิดจากราก พืชเกิดจากข้อ พืชเกิดจากผล พืชเกิดจากยอด
    และพืชเกิดจากลำต้นเป็นที่ห้า”
    ดังนี้
    $ด้วยวาทะย่ำยีสมณะราวกะว่ามีคมแห่งฟันดังสายฟ้า.
    +--นิโค๎รธ ! การกระทำแม้นี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ.
    --๑๐. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ผู้บำเพ็ญตบะ เห็นสมณะหรือพราหมณ์ใดๆ
    ที่คนพากันสักการะอยู่ เคารพอยู่ นับถืออยู่ บูชาอยู่ ในตระกูลทั้งหลาย
    ก็ มีความคิดว่า
    “คนทั้งหลายพากันสักการะเคารพนับถือบูชาซึ่งสมณพราหมณ์นี้ผู้มีอาชีพสำส่อนอยู่
    ในตระกูลทั้งหลาย แต่กลับไม่สักการะเคารพนับถือบูชาเราผู้บำเพ็ญตบะ
    ดำรงชีวิตอยู่อย่างมี ลูข*--๑ ปฏิปทา อยู่ในตระกูลทั้งหลาย”
    ดังนี้
    เขา $เกิดมีความริษยาและตระหนี่ในตระกูลทั้งหลายขึ้นมาด้วย อาการอย่างนี้.
    +--นิโค๎รธ ! แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ.
    [*--๑ ลูขะ คำนี้ แปลยากสำหรับคนไทย เคยแปลกันว่าเศร้าหมองบ้าง ปอนๆ บ้าง
    เป็นคำแปลที่อาจให้เกิดความเข้าใจผิดจากความหมายอันแท้จริง ซึ่งสูงหรือลึกไปกว่านั้น
    กล่าวคือ มีชีวิตอยู่ด้วยสิ่งที่ไร้ค่า ไร้ความสวยงาม
    ไร้ความสะดวกสบาย เป็นชีวิตแบบต่ำสุดสำหรับ นักบวช
    ซึ่งเราเรียกกันโดยทั่วไปว่าเคร่งครัดอย่างยิ่ง.
    ขอให้ใช้คำว่า ลูขะ นี้เป็นคำคำหนึ่ง ในภาษาไทยสืบไปในภายหน้าด้วย.]​
    --๑๑. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ผู้บำเพ็ญตบะ $ชอบนั่งแสดงตัวตามทางที่คนผ่าน (เพื่ออวดคน).
    +--นิโค๎รธ ! แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของ ผู้บำเพ็ญตบะ.
    --๑๒. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ผู้บำเพ็ญตบะ ไม่เปิดเผยตน (ตามที่เป็นจริง)
    เที่ยวไปในตระกูลทั้งหลาย ประกาศอยู่ว่า
    “อย่างนี้ๆ เป็นตบะของฉัน, มีในตบะของฉัน”
    ดังนี้ เป็นต้น.
    ±--นิโค๎รธ ! แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ.
    --๑๓. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ผู้บำเพ็ญตบะ มีปกตินิสัยทำสิ่งไรๆ ให้เป็นของปกปิด
    เมื่อถูกถามอยู่ว่า สิ่งนี้ควรแก่ท่านไหม
    ก็กล่าวสิ่งที่ไม่ควรว่าควร กล่าวสิ่งที่ควรว่าไม่ควร
    $เป็นผู้กล่าวมุสาทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ
    ดังนี้.
    +--นิโค๎รธ ! แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ.
    --๑๔. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ผู้บำเพ็ญตบะ, $เมื่อตถาคตหรือสาวกของตถาคตแสดงธรรมอยู่,
    เขาไม่ยอมรับ (ว่าถูกว่าจริง) ต่อปริยาย
    ที่ควรยอมรับ (ว่าถูกว่าจริง) แม้มีอยู่แท้.
    +--นิโค๎รธ ! แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ.
    --๑๕. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ผู้บำเพ็ญตบะ $เป็นคนขี้โกรธมักผูกโกรธ.
    +--นิโค๎รธ ! แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ.
    --๑๖. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ผู้บำเพ็ญตบะ
    เป็นคน ลบหลู่ คุณท่าน ตีตนเสมอท่าน
    เป็นคน ริษยา ตระหนี่
    เป็นคน โอ้อวด มีมายา
    เป็นคน หัวดื้อ ดูหมิ่นท่าน
    เป็นคน ปรารถนาลามก ตกอยู่ในอำนาจแห่งความ ปรารถนาลามก เป็นมิจฉาทิฏฐิ ประกอบอยู่ด้วยอันตคาหิกทิฏฐิ
    เป็นคนลูบคลำ สิ่งต่างๆ ตามทิฏฐิของตน ยึดถือไว้เหนียวแน่น สลัดคืนได้ยาก.
    +--นิโค๎รธ ! แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ.
    --นิโค๎รธ ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร
    : การเกียดกันกิเลส ด้วยตบะในรูปแบบอย่างที่ว่ามานี้ (ทุกข้อ)
    เป็นอุปกิเลส หรือไม่เป็นอุปกิเลสเล่า ?
    “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! การเกียดกันกิเลสด้วยตบะเหล่านี้
    เป็นอุปกิเลสแน่แท้ ไม่เป็นอุปกิเลส หามิได้.
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ข้อนี้เป็นฐานะที่มีอยู่ คือผู้ บำเพ็ญตบะบางคนในกรณีนี้
    ประกอบด้วยอุปกิเลสเหล่านี้ครบทุกอย่างแล้ว
    ทำไมจะไม่ ประกอบด้วยอุปกิเลสแต่ละอย่าง ๆ เล่า”.

    (ข. ภาวะบริสุทธิ์ที่สำหรับถือเป็นหลัก)

    --๑. นิโค๎รธ ! ในกรณีนี้
    ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่ $เขาไม่เป็นผู้พอใจไม่รู้สึกว่าบริบูรณ์แล้ว
    ตามประสงค์ด้วยตบะนั้น (ไม่ได้บำเพ็ญตบะเพื่อความพอใจแห่งตัวกู).
    +--นิโค๎รธ ! ข้อที่เขา ไม่ได้บำเพ็ญตบะเพื่อความพอใจแห่งตนนั้น
    นั่นแหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น.
    --๒. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่ $เขาไม่ยกตนไม่ข่มผู้อื่นด้วยตบะนั้น.
    +-+นิโค๎รธ ! ข้อที่เขาไม่ยกตนไม่ข่มผู้อื่นด้วยตบะนั้น
    ด้วยเหตุนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น
    --๓. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่เขาไม่เมาตบะไม่หลงตบะ $ไม่ถึงความมัวเมาด้วยตบนั้น.
    +--นิโค๎รธ ! ข้อที่ เขา ไม่เมาตบะ ไม่หลงตบะ ไม่ถึงความมัวเมาด้วยตบะ นั้น
    ด้วยเหตุผลนี้ แหละ เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น.
    --๔. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่ เขาทำลาภสักการะและเสียงสรรเสริญให้เกิดขึ้นด้วยตบะนั้น เขาไม่เป็นผู้พอใจ $ด้วยลาภสักการะและเสียงสรรเสริญนั้น ว่าบริบูรณ์แล้วตามประสงค์.
    +--นิโค๎รธ ! ข้อที่เขา
    ไม่เป็นผู้พอใจด้วยลาภสักการะและเสียงสรรเสริญ ว่าบริบูรณ์แล้วตามประสงค์ นั้น
    ด้วยเหตุผลนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น.
    --๕. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่
    $เขาทำลาภสักการะและเสียงสรรเสริญให้เกิดขึ้นด้วยตบะนั้น
    เขาไม่ยกตนไม่ข่มผู้อื่นด้วยลาภสักการะและเสียงสรรเสริญนั้น.
    +--นิโค๎รธ ! ข้อที่เขา
    ไม่ยกตน $ไม่ข่มผู้อื่นด้วยลาภสักการะและเสียงสรรเสริญ นั้น
    ด้วยเหตุนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น.
    --๖. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่
    $เขาทำลาภสักการะและเสียงสรรเสริญให้เกิดขึ้น
    เขาไม่เมาลาภ ไม่หลงลาภ ไม่ถึงความมัวเมาลาภสักการะและเสียงสรรเสริญนั้น.
    +--นิโค๎รธ ! ข้อที่เขา
    ไม่ เมาลาภไม่หลงลาภไม่ถึงความมัวเมาสักการะและเสียงสรรเสริญ นั้น
    ด้วยเหตุนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น.
    --๗. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่ $เขาไม่ถึงการแบ่งแยกในภาชนะ ทั้งหลาย
    ว่า “นี้ควรแก่เรา นี้ไม่ควรแก่เรา” ดังนี้
    เขา ไม่ชอบสิ่งใด เขาไม่ได้สะบัดหน้าแสดงความไม่สนใจ ละมันไปเสีย
    เขา ชอบสิ่งใด เขาก็ไม่จดจ่อ ไม่มัวเมา ไม่หมายมั่นสิ่งนั้น มองเห็นโทษ
    มีปัญญาเป็นเครื่องออก (จากอัสสาทะแห่งสิ่งนั้น) บริโภคอยู่.
    ด้วยเหตุนี้แหละ เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น.
    --๘. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่
    เขาไม่คิดอย่างนี้ว่า พระราชา มหาอำมาตย์ กษัตริย์ พราหมณ์ คหบดี เดียรถีย์ ทั้งหลาย
    จักสักการะเรา $เพราะเหตุแห่งความใคร่จะได้ลาภสักการะและเสียงสรรเสริญ.
    ด้วยเหตุนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น.
    --๙. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ผู้บำเพ็ญตบะ ไม่เป็นผู้เที่ยวรุกราน สมณะหรือพราหมณ์ใดๆ ว่า
    “อะไรกันนะ ท่านผู้นี้มีอาชีพ (ดำรงชีพ) สำส่อน กินเสียหมดทุกอย่าง
    ไม่ว่าจะเป็นพืชเกิดจากราก พืชเกิดจากข้อ พืชเกิดจากผล พืชเกิดจากยอด
    และพืชเกิดจากลำต้นเป็นที่ห้า”
    ดังนี้
    ด้วยวาทะย่ำยีสมณะราวกะว่ามีคมแห่งฟันดังสายฟ้า.
    ด้วยเหตุนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น.
    --๑๐. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ผู้บำเพ็ญตบะ เห็นสมณะหรือ พราหมณ์ใด ๆ
    ที่คนพากันสักการะอยู่ เคารพอยู่ นับถืออยู่ บูชาอยู่ ในตระกูลทั้งหลาย
    เขา ไม่มีความคิดอย่างนี้ ว่า
    “คนทั้งหลายพากันสักการะเคารพนับถือบูชาซึ่งสมณะพราหมณ์นี้
    ผู้มีอาชีวะสำส่อนอยู่ ในตระกูลทั้งหลาย
    แต่กลับไม่สักการะเคารพนับถือบูชาเราผู้ดำรงชีพอยู่อย่างมีลูขปฏิปทา
    อยู่ในตระกูลทั้งหลาย”
    ดังนี้
    เขา ไม่เกิดมีความริษยาและตระหนี่ ในตระกูลทั้งหลายขึ้นมา อย่างนี้.
    ด้วยเหตุนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น.
    --๑๑. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ผู้บำเพ็ญตบะ ไม่ชอบนั่งแสดง ตนตามทางที่คนผ่าน (เพื่ออวดคน).
    ด้วยเหตุนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น.
    --๑๒. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ผู้บำเพ็ญตบะ
    จะไม่เปิดเผยตน (ตามที่เป็นจริง)
    เที่ยวไปในตระกูลทั้งหลายก็หามิได้ (เขาเป็นคนจริงและเปิดเผย)
    ประกาศอยู่ ว่า
    “อย่างนี้ๆ เป็นตบะของฉัน, มีในตบะของฉัน”
    ดังนี้ เป็นต้น.
    ด้วยเหตุนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น.
    --๑๓. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ผู้บำเพ็ญตบะ ไม่มีปกตินิสัยทำ สิ่งไรๆ ให้เป็นของปกปิด
    เมื่อถูกถามอยู่ว่า สิ่งนี้ควรแก่ท่านไหม ก็ กล่าวสิ่งที่ ไม่ควรว่าไม่ควร
    กล่าวสิ่งที่ควรกล่าวว่าควร ไม่เป็นผู้กล่าวมุสาทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ
    ดังนี้.
    ด้วยเหตุนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น.
    --๑๔. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ผู้บำเพ็ญตบะ,
    เมื่อตถาคตหรือสาวกของตถาคตแสดงธรรมอยู่,
    เขายอมรับ (ว่าถูกว่าจริง) ต่อปริยายที่ควรยอมรับ (ว่าถูกว่าจริง) ซึ่งมีอยู่แท้.
    +--นิโค๎รธ ด้วยเหตุนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น.
    --๑๕. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ผู้บำเพ็ญตบะ
    ไม่เป็นคนขี้โกรธ ไม่ผูกโกรธ.
    +--นิโค๎รธ ! ข้อที่เขาเป็นคนไม่ขี้โกรธ ไม่ผูกโกรธนั้น
    ด้วยเหตุนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น.
    --๑๖. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : ผู้บำเพ็ญตบะ
    ไม่เป็นคนลบหลู่ คุณท่าน ตีตนเสมอท่าน ไม่เป็นคนริษยา ไม่ตระหนี่
    ไม่เป็นคนโอ้อวด ไม่มีมายา ไม่เป็นคนหัวดื้อ ไม่ดูหมิ่นท่าน ไม่เป็นคนปรารถนาลามก
    ไม่ตกอยู่ในอำนาจแห่งความปรารถนาลามก
    ไม่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ไม่ประกอบอยู่ด้วยอันคาหิกทิฏฐิ
    ไม่เป็นคนลูบคลำสิ่งต่างๆ ตามทิฏฐิของตน
    ไม่ยึดถือไว้เหนียวแน่น สลัด คืนได้ง่าย.
    ด้วยเหตุนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น.
    --นิโค๎รธ ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร
    : เมื่อเป็นอย่างนี้ มันเป็นการเกียดกันกิเลสด้วยตบะที่บริสุทธิ์ หรือไม่บริสุทธิ์เล่า ?
    --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! เมื่อเป็นอย่างนี้
    มันเป็นการเกียดกันกิเลสด้วยตบะที่บริสุทธิ์โดยแท้ หาใช่ไม่บริสุทธิ์ไม่
    ทั้งยังเป็นการบรรลุถึงยอดถึงแก่นอีกด้วย พระเจ้าข้า !”
    --นิโค๎รธเอ๋ย ! การเกียดกันกิเลสด้วยตบะเพียงเท่านี้ ยังไม่ถึงยอด ถึงแก่น
    เป็นเพียงถึงเปลือกแห้งๆ เท่านั้น.-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ปา. ที. 11/30 - 36/24 - 25.
    http://etipitaka.com/read/thai/11/30/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ปา. ที. ๑๑/๔๔ - ๕๐/๒๔ - ๒๕.
    http://etipitaka.com/read/pali/11/44/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1031
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=89&id=1031
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=89
    ลำดับสาธยายธรรม : 89 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_89.mp3
    อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ภาวะบริสุทธิ์แห่งการประพฤติตบะพรหมจรรย์ สัทธรรมลำดับที่ : 1031 ชื่อบทธรรม :- ภาวะบริสุทธิ์แห่งการประพฤติตบะพรหมจรรย์ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1031 เนื้อความทั้งหมด :- --ภาวะบริสุทธิ์แห่งการประพฤติตบะพรหมจรรย์ โดย ๑๖ ประการ ( ก. ภาวะไม่บริสุทธิ์สำหรับเปรียบเทียบ ) --“ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! เมื่อการเกียดกันกิเลสด้วยตบะบริบูรณ์อย่างนี้แล้ว พระผู้มีพระภาคยังจะกล่าวถึงอุปกิเลสมีอย่างต่างๆ แห่งการบำเพ็ญตบะนั้นอย่างไรอีกเล่า ?” --๑. นิโค๎รธ ! ในกรณีนี้ คือ ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่ เขาเป็นผู้พอใจด้วยตบะนั้น ว่าบริบูรณ์แล้วตามประสงค์ (เป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์เพื่อตัวกู, มิใช่เพื่อธรรมะ). +--นิโค๎รธ ! ข้อที่เขา $พอใจด้วยตบะว่าบริบูรณ์แล้วตามประสงค์ นั้น แม้ข้อนี้ก็ยังเป็นอุปกิเลส (เครื่องเศร้าหมอง) ของผู้บำเพ็ญตบะ. --๒. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่ เขายกตนข่มผู้อื่นด้วยตบะนั้น. +--นิโค๎รธ ! ข้อที่เขา @ยกตนข่มขู่ผู้อื่นด้วยตบะ นั้น แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ. --๓. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่ เขาเมาตบะ หลงตบะ ถึงความมัวเมาด้วยตบะนั้น. +--นิโค๎รธ ! ข้อที่เขา เมาตบะ หลงตบะ $ถึงความมัวเมาด้วยตบะ นั้น แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ. --๔. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่ เขาทำลาภสักการะและเสียงสรรเสริญให้เกิดขึ้นด้วยตบะนั้น เขาพอใจด้วยลาภสักการะและเสียงสรรเสริญนั้น ว่าบริบูรณ์แล้วตามประสงค์. +--นิโค๎รธ ! ข้อที่เขา $พอใจด้วยลาภสักการะและเสียงสรรเสริญ ว่าบริบูรณ์แล้วตามประสงค์ นั้น แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ. --๕. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่ เขาทำลาภสักการะและเสียงสรรเสริญให้เกิดขึ้นด้วยตบะนั้น เขายกตนข่มผู้อื่นด้วยลาภสักการะและเสียงสรรเสริญนั้น. +--นิโค๎รธ ! ข้อที่เขา $ยกตนข่มผู้อื่นด้วยลาภสักการะและเสียงสรรเสริญ นั้น แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ. --๖.นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่ เขาทำลาภสักการะและเสียงสรรเสริญให้เกิดขึ้นด้วยตบะนั้น เขาเมาลาภ หลงลาภ $ถึงความมัวเมาด้วยลาภสักการะและเสียงสรรเสริญนั้น +--นิโค๎รธ ! ข้อที่เขา เมาลาภ หลงลาภ ถึงความมัวเมาด้วยลาภสักการะ และเสียงสรรเสริญ นั้น แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ. --๗. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่ เขาถึงการแบ่งแยกในโภชนะ ทั้งหลายว่า “นี้ควรแก่เรา นี้ไม่ควรแก่เรา” ดังนี้. เขาไม่ชอบสิ่งใด เขาสะบัดหน้าไม่สนใจ ละมันไปเสีย; เขา ชอบสิ่งใด เขาก็จดจ่อมัวเมา หมายมั่นซึ่งสิ่งนั้น ไม่มองเห็นโทษ $ไม่มีปัญญาเป็นเครื่องออก (จากอัสสาทะแห่งสิ่งนั้น) กินเอา ๆ. +--นิโค๎รธ ! แม้ข้อนี้ ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ. --๘. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่ด้วยคิดว่า พระราชา มหาอำมาตย์ กษัตริย์ พราหมณ์ คหบดี เดียรถีย์ ทั้งหลายจักสักการะเรา เพราะเหตุแห่งความใคร่จะได้ลาภสักการะและเสียงสรรเสริญ. +--นิโค๎รธ ! แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ. --๙. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ เป็นผู้ ที่เที่ยวรุกราน สมณะหรือพราหมณ์ใดๆ ไม่ว่าในที่ไหนๆ ว่า “อะไรกันนะ ท่านผู้นี้ มีอาชีพ (ดำรงชีพ) สำส่อน กินเสียหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นพืชเกิดจากราก พืชเกิดจากข้อ พืชเกิดจากผล พืชเกิดจากยอด และพืชเกิดจากลำต้นเป็นที่ห้า” ดังนี้ $ด้วยวาทะย่ำยีสมณะราวกะว่ามีคมแห่งฟันดังสายฟ้า. +--นิโค๎รธ ! การกระทำแม้นี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ. --๑๐. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ เห็นสมณะหรือพราหมณ์ใดๆ ที่คนพากันสักการะอยู่ เคารพอยู่ นับถืออยู่ บูชาอยู่ ในตระกูลทั้งหลาย ก็ มีความคิดว่า “คนทั้งหลายพากันสักการะเคารพนับถือบูชาซึ่งสมณพราหมณ์นี้ผู้มีอาชีพสำส่อนอยู่ ในตระกูลทั้งหลาย แต่กลับไม่สักการะเคารพนับถือบูชาเราผู้บำเพ็ญตบะ ดำรงชีวิตอยู่อย่างมี ลูข*--๑ ปฏิปทา อยู่ในตระกูลทั้งหลาย” ดังนี้ เขา $เกิดมีความริษยาและตระหนี่ในตระกูลทั้งหลายขึ้นมาด้วย อาการอย่างนี้. +--นิโค๎รธ ! แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ. [*--๑ ลูขะ คำนี้ แปลยากสำหรับคนไทย เคยแปลกันว่าเศร้าหมองบ้าง ปอนๆ บ้าง เป็นคำแปลที่อาจให้เกิดความเข้าใจผิดจากความหมายอันแท้จริง ซึ่งสูงหรือลึกไปกว่านั้น กล่าวคือ มีชีวิตอยู่ด้วยสิ่งที่ไร้ค่า ไร้ความสวยงาม ไร้ความสะดวกสบาย เป็นชีวิตแบบต่ำสุดสำหรับ นักบวช ซึ่งเราเรียกกันโดยทั่วไปว่าเคร่งครัดอย่างยิ่ง. ขอให้ใช้คำว่า ลูขะ นี้เป็นคำคำหนึ่ง ในภาษาไทยสืบไปในภายหน้าด้วย.]​ --๑๑. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ $ชอบนั่งแสดงตัวตามทางที่คนผ่าน (เพื่ออวดคน). +--นิโค๎รธ ! แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของ ผู้บำเพ็ญตบะ. --๑๒. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ ไม่เปิดเผยตน (ตามที่เป็นจริง) เที่ยวไปในตระกูลทั้งหลาย ประกาศอยู่ว่า “อย่างนี้ๆ เป็นตบะของฉัน, มีในตบะของฉัน” ดังนี้ เป็นต้น. ±--นิโค๎รธ ! แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ. --๑๓. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ มีปกตินิสัยทำสิ่งไรๆ ให้เป็นของปกปิด เมื่อถูกถามอยู่ว่า สิ่งนี้ควรแก่ท่านไหม ก็กล่าวสิ่งที่ไม่ควรว่าควร กล่าวสิ่งที่ควรว่าไม่ควร $เป็นผู้กล่าวมุสาทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ ดังนี้. +--นิโค๎รธ ! แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ. --๑๔. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ, $เมื่อตถาคตหรือสาวกของตถาคตแสดงธรรมอยู่, เขาไม่ยอมรับ (ว่าถูกว่าจริง) ต่อปริยาย ที่ควรยอมรับ (ว่าถูกว่าจริง) แม้มีอยู่แท้. +--นิโค๎รธ ! แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ. --๑๕. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ $เป็นคนขี้โกรธมักผูกโกรธ. +--นิโค๎รธ ! แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ. --๑๖. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ เป็นคน ลบหลู่ คุณท่าน ตีตนเสมอท่าน เป็นคน ริษยา ตระหนี่ เป็นคน โอ้อวด มีมายา เป็นคน หัวดื้อ ดูหมิ่นท่าน เป็นคน ปรารถนาลามก ตกอยู่ในอำนาจแห่งความ ปรารถนาลามก เป็นมิจฉาทิฏฐิ ประกอบอยู่ด้วยอันตคาหิกทิฏฐิ เป็นคนลูบคลำ สิ่งต่างๆ ตามทิฏฐิของตน ยึดถือไว้เหนียวแน่น สลัดคืนได้ยาก. +--นิโค๎รธ ! แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ. --นิโค๎รธ ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร : การเกียดกันกิเลส ด้วยตบะในรูปแบบอย่างที่ว่ามานี้ (ทุกข้อ) เป็นอุปกิเลส หรือไม่เป็นอุปกิเลสเล่า ? “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! การเกียดกันกิเลสด้วยตบะเหล่านี้ เป็นอุปกิเลสแน่แท้ ไม่เป็นอุปกิเลส หามิได้. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ข้อนี้เป็นฐานะที่มีอยู่ คือผู้ บำเพ็ญตบะบางคนในกรณีนี้ ประกอบด้วยอุปกิเลสเหล่านี้ครบทุกอย่างแล้ว ทำไมจะไม่ ประกอบด้วยอุปกิเลสแต่ละอย่าง ๆ เล่า”. (ข. ภาวะบริสุทธิ์ที่สำหรับถือเป็นหลัก) --๑. นิโค๎รธ ! ในกรณีนี้ ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่ $เขาไม่เป็นผู้พอใจไม่รู้สึกว่าบริบูรณ์แล้ว ตามประสงค์ด้วยตบะนั้น (ไม่ได้บำเพ็ญตบะเพื่อความพอใจแห่งตัวกู). +--นิโค๎รธ ! ข้อที่เขา ไม่ได้บำเพ็ญตบะเพื่อความพอใจแห่งตนนั้น นั่นแหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น. --๒. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่ $เขาไม่ยกตนไม่ข่มผู้อื่นด้วยตบะนั้น. +-+นิโค๎รธ ! ข้อที่เขาไม่ยกตนไม่ข่มผู้อื่นด้วยตบะนั้น ด้วยเหตุนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น --๓. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่เขาไม่เมาตบะไม่หลงตบะ $ไม่ถึงความมัวเมาด้วยตบนั้น. +--นิโค๎รธ ! ข้อที่ เขา ไม่เมาตบะ ไม่หลงตบะ ไม่ถึงความมัวเมาด้วยตบะ นั้น ด้วยเหตุผลนี้ แหละ เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น. --๔. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่ เขาทำลาภสักการะและเสียงสรรเสริญให้เกิดขึ้นด้วยตบะนั้น เขาไม่เป็นผู้พอใจ $ด้วยลาภสักการะและเสียงสรรเสริญนั้น ว่าบริบูรณ์แล้วตามประสงค์. +--นิโค๎รธ ! ข้อที่เขา ไม่เป็นผู้พอใจด้วยลาภสักการะและเสียงสรรเสริญ ว่าบริบูรณ์แล้วตามประสงค์ นั้น ด้วยเหตุผลนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น. --๕. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่ $เขาทำลาภสักการะและเสียงสรรเสริญให้เกิดขึ้นด้วยตบะนั้น เขาไม่ยกตนไม่ข่มผู้อื่นด้วยลาภสักการะและเสียงสรรเสริญนั้น. +--นิโค๎รธ ! ข้อที่เขา ไม่ยกตน $ไม่ข่มผู้อื่นด้วยลาภสักการะและเสียงสรรเสริญ นั้น ด้วยเหตุนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น. --๖. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่ $เขาทำลาภสักการะและเสียงสรรเสริญให้เกิดขึ้น เขาไม่เมาลาภ ไม่หลงลาภ ไม่ถึงความมัวเมาลาภสักการะและเสียงสรรเสริญนั้น. +--นิโค๎รธ ! ข้อที่เขา ไม่ เมาลาภไม่หลงลาภไม่ถึงความมัวเมาสักการะและเสียงสรรเสริญ นั้น ด้วยเหตุนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น. --๗. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่ $เขาไม่ถึงการแบ่งแยกในภาชนะ ทั้งหลาย ว่า “นี้ควรแก่เรา นี้ไม่ควรแก่เรา” ดังนี้ เขา ไม่ชอบสิ่งใด เขาไม่ได้สะบัดหน้าแสดงความไม่สนใจ ละมันไปเสีย เขา ชอบสิ่งใด เขาก็ไม่จดจ่อ ไม่มัวเมา ไม่หมายมั่นสิ่งนั้น มองเห็นโทษ มีปัญญาเป็นเครื่องออก (จากอัสสาทะแห่งสิ่งนั้น) บริโภคอยู่. ด้วยเหตุนี้แหละ เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น. --๘. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่ เขาไม่คิดอย่างนี้ว่า พระราชา มหาอำมาตย์ กษัตริย์ พราหมณ์ คหบดี เดียรถีย์ ทั้งหลาย จักสักการะเรา $เพราะเหตุแห่งความใคร่จะได้ลาภสักการะและเสียงสรรเสริญ. ด้วยเหตุนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น. --๙. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ ไม่เป็นผู้เที่ยวรุกราน สมณะหรือพราหมณ์ใดๆ ว่า “อะไรกันนะ ท่านผู้นี้มีอาชีพ (ดำรงชีพ) สำส่อน กินเสียหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นพืชเกิดจากราก พืชเกิดจากข้อ พืชเกิดจากผล พืชเกิดจากยอด และพืชเกิดจากลำต้นเป็นที่ห้า” ดังนี้ ด้วยวาทะย่ำยีสมณะราวกะว่ามีคมแห่งฟันดังสายฟ้า. ด้วยเหตุนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น. --๑๐. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ เห็นสมณะหรือ พราหมณ์ใด ๆ ที่คนพากันสักการะอยู่ เคารพอยู่ นับถืออยู่ บูชาอยู่ ในตระกูลทั้งหลาย เขา ไม่มีความคิดอย่างนี้ ว่า “คนทั้งหลายพากันสักการะเคารพนับถือบูชาซึ่งสมณะพราหมณ์นี้ ผู้มีอาชีวะสำส่อนอยู่ ในตระกูลทั้งหลาย แต่กลับไม่สักการะเคารพนับถือบูชาเราผู้ดำรงชีพอยู่อย่างมีลูขปฏิปทา อยู่ในตระกูลทั้งหลาย” ดังนี้ เขา ไม่เกิดมีความริษยาและตระหนี่ ในตระกูลทั้งหลายขึ้นมา อย่างนี้. ด้วยเหตุนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น. --๑๑. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ ไม่ชอบนั่งแสดง ตนตามทางที่คนผ่าน (เพื่ออวดคน). ด้วยเหตุนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น. --๑๒. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ จะไม่เปิดเผยตน (ตามที่เป็นจริง) เที่ยวไปในตระกูลทั้งหลายก็หามิได้ (เขาเป็นคนจริงและเปิดเผย) ประกาศอยู่ ว่า “อย่างนี้ๆ เป็นตบะของฉัน, มีในตบะของฉัน” ดังนี้ เป็นต้น. ด้วยเหตุนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น. --๑๓. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ ไม่มีปกตินิสัยทำ สิ่งไรๆ ให้เป็นของปกปิด เมื่อถูกถามอยู่ว่า สิ่งนี้ควรแก่ท่านไหม ก็ กล่าวสิ่งที่ ไม่ควรว่าไม่ควร กล่าวสิ่งที่ควรกล่าวว่าควร ไม่เป็นผู้กล่าวมุสาทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ ดังนี้. ด้วยเหตุนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น. --๑๔. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ, เมื่อตถาคตหรือสาวกของตถาคตแสดงธรรมอยู่, เขายอมรับ (ว่าถูกว่าจริง) ต่อปริยายที่ควรยอมรับ (ว่าถูกว่าจริง) ซึ่งมีอยู่แท้. +--นิโค๎รธ ด้วยเหตุนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น. --๑๕. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ ไม่เป็นคนขี้โกรธ ไม่ผูกโกรธ. +--นิโค๎รธ ! ข้อที่เขาเป็นคนไม่ขี้โกรธ ไม่ผูกโกรธนั้น ด้วยเหตุนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น. --๑๖. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ ไม่เป็นคนลบหลู่ คุณท่าน ตีตนเสมอท่าน ไม่เป็นคนริษยา ไม่ตระหนี่ ไม่เป็นคนโอ้อวด ไม่มีมายา ไม่เป็นคนหัวดื้อ ไม่ดูหมิ่นท่าน ไม่เป็นคนปรารถนาลามก ไม่ตกอยู่ในอำนาจแห่งความปรารถนาลามก ไม่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ไม่ประกอบอยู่ด้วยอันคาหิกทิฏฐิ ไม่เป็นคนลูบคลำสิ่งต่างๆ ตามทิฏฐิของตน ไม่ยึดถือไว้เหนียวแน่น สลัด คืนได้ง่าย. ด้วยเหตุนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น. --นิโค๎รธ ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร : เมื่อเป็นอย่างนี้ มันเป็นการเกียดกันกิเลสด้วยตบะที่บริสุทธิ์ หรือไม่บริสุทธิ์เล่า ? --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! เมื่อเป็นอย่างนี้ มันเป็นการเกียดกันกิเลสด้วยตบะที่บริสุทธิ์โดยแท้ หาใช่ไม่บริสุทธิ์ไม่ ทั้งยังเป็นการบรรลุถึงยอดถึงแก่นอีกด้วย พระเจ้าข้า !” --นิโค๎รธเอ๋ย ! การเกียดกันกิเลสด้วยตบะเพียงเท่านี้ ยังไม่ถึงยอด ถึงแก่น เป็นเพียงถึงเปลือกแห้งๆ เท่านั้น.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ปา. ที. 11/30 - 36/24 - 25. http://etipitaka.com/read/thai/11/30/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ปา. ที. ๑๑/๔๔ - ๕๐/๒๔ - ๒๕. http://etipitaka.com/read/pali/11/44/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%94 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1031 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=89&id=1031 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=89 ลำดับสาธยายธรรม : 89 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_89.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ภาวะบริสุทธิ์แห่งการประพฤติตบะพรหมจรรย์
    -ภาวะบริสุทธิ์แห่งการประพฤติตบะพรหมจรรย์ โดย ๑๖ ประการ ( ก. ภาวะไม่บริสุทธิ์สำหรับเปรียบเทียบ ) “ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! เมื่อการเกียดกันกิเลสด้วยตบะบริบูรณ์อย่างนี้แล้ว พระผู้มีพระภาคยังจะกล่าวถึงอุปกิเลสมีอย่างต่างๆแห่งการบำเพ็ญตบะนั้นอย่างไรอีกเล่า ?” ๑. นิโค๎รธ ! ในกรณีนี้ คือ ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่ เขาเป็นผู้พอใจด้วยตบะนั้น ว่าบริบูรณ์แล้วตามประสงค์ (เป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์เพื่อตัวกู, มิใช่เพื่อธรรมะ). นิโค๎รธ ! ข้อที่เขา พอใจด้วยตบะว่า บริบูรณ์แล้วตามประสงค์ นั้น แม้ข้อนี้ก็ยังเป็นอุปกิเลส (เครื่องเศร้าหมอง) ของผู้บำเพ็ญตบะ. ๒. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่ เขายกตนข่มผู้อื่นด้วยตบะนั้น. นิโค๎รธ ! ข้อที่เขา ยกตนข่มขู่ผู้อื่นด้วยตบะ นั้น แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ. ๓. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่ เขาเมาตบะ หลงตบะ ถึงความมัวเมาด้วยตบะนั้น. นิโค๎รธ ! ข้อที่เขา เมาตบะ หลงตบะ ถึงความมัวเมาด้วยตบะ นั้น แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ. ๔. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่ เขาทำลาภสักการะและเสียงสรรเสริญให้เกิดขึ้นด้วยตบะนั้น เขาพอใจด้วยลาภสักการะและเสียงสรรเสริญนั้น ว่าบริบูรณ์แล้วตามประสงค์. นิโค๎รธ ! ข้อที่ เขา พอใจด้วยลาภสักการะและเสียงสรรเสริญ ว่าบริบูรณ์แล้วตามประสงค์ นั้น แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ. ๕. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่ เขาทำลาภสักการะและเสียงสรรเสริญให้เกิดขึ้นด้วยตบะนั้น เขายกตนข่มผู้อื่นด้วยลาภสักการะและเสียงสรรเสริญนั้น. นิโค๎รธ ! ข้อที่เขา ยกตนข่มผู้อื่นด้วยลาภสักการะและเสียงสรรเสริญ นั้น แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ. ๖.นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่ เขาทำลาภสักการะและเสียงสรรเสริญให้เกิดขึ้นด้วยตบะนั้น เขาเมาลาภ หลงลาภ ถึงความมัวเมาด้วยลาภสักการะและเสียงสรรเสริญนั้น นิโค๎รธ ! ข้อที่เขา เมาลาภ หลงลาภ ถึงความมัวเมาด้วยลาภสักการะและเสียงสรรเสริญ นั้น แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ. ๗. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่ เขาถึงการแบ่งแยกในโภชนะ ทั้งหลายว่า “นี้ควรแก่เรา นี้ไม่ควรแก่เรา” ดังนี้. เขาไม่ชอบสิ่งใด เขาสะบัดหน้าไม่สนใจ ละมันไปเสีย; เขา ชอบสิ่งใด เขาก็จดจ่อมัวเมา หมายมั่นซึ่งสิ่งนั้น ไม่มองเห็นโทษ ไม่มีปัญญาเป็นเครื่องออก (จากอัสสาทะแห่งสิ่งนั้น) กินเอา ๆ. นิโค๎รธ ! แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ. ๘. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่ด้วยคิดว่า พระราชา มหาอำมาตย์ กษัตริย์ พราหมณ์ คหบดี เดียรถีย์ ทั้งหลาย จักสักการะเรา เพราะเหตุแห่งความใคร่จะได้ลาภสักการะและเสียงสรรเสริญ. นิโค๎รธ ! แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ. ๙. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ เป็นผู้ ที่เที่ยวรุกราน สมณะหรือพราหมณ์ใดๆ ไม่ว่าในที่ไหนๆ ว่า “อะไรกันนะ ท่านผู้นี้ มีอาชีพ (ดำรงชีพ) สำส่อน กินเสียหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นพืชเกิดจากราก พืชเกิดจาก ข้อ พืชเกิดจากผล พืชเกิดจากยอด และพืชเกิดจากลำต้นเป็นที่ห้า” ดังนี้ ด้วยวาทะย่ำยีสมณะราวกะว่ามีคมแห่งฟันดังสายฟ้า. นิโค๎รธ ! การกระทำแม้นี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ. ๑๐. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ เห็นสมณะหรือพราหมณ์ใดๆ ที่คนพากันสักการะอยู่ เคารพอยู่ นับถืออยู่ บูชาอยู่ ในตระกูลทั้งหลาย ก็ มีความคิดว่า “คนทั้งหลายพากันสักการะเคารพนับถือบูชาซึ่งสมณพราหมณ์นี้ผู้มีอาชีพสำส่อนอยู่ ในตระกูลทั้งหลาย แต่กลับไม่สักการะเคารพนับถือบูชาเราผู้บำเพ็ญตบะ ดำรงชีวิตอยู่อย่างมี ลูข๑ ปฏิปทา อยู่ในตระกูลทั้งหลาย” ดังนี้ เขา เกิดมีความริษยาและตระหนี่ในตระกูลทั้งหลายขึ้นมาด้วย อาการอย่างนี้. นิโค๎รธ ! แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ. ๑๐. ลูขะ คำนี้ แปลยากสำหรับคนไทย เคยแปลกันว่าเศร้าหมองบ้าง ปอนๆ บ้าง เป็นคำแปลที่อาจให้เกิดความเข้าใจผิดจากความหมายอันแท้จริง ซึ่งสูงหรือลึกไปกว่านั้น กล่าวคือ มีชีวิตอยู่ด้วยสิ่งที่ไร้ค่า ไร้ความสวยงาม ไร้ความสะดวกสบาย เป็นชีวิตแบบต่ำสุดสำหรับ นักบวช ซึ่งเราเรียกกันโดยทั่วไปว่าเคร่งครัดอย่างยิ่ง. ขอให้ใช้คำว่า ลูขะ นี้เป็นคำคำหนึ่ง ในภาษาไทยสืบไปในภายหน้าด้วย. ๑๑. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ ชอบนั่งแสดงตัว ตามทางที่คนผ่าน (เพื่ออวดคน). นิโค๎รธ ! แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของ ผู้บำเพ็ญตบะ. ๑๒. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ ไม่เปิดเผยตน (ตามที่เป็นจริง) เที่ยวไปในตระกูลทั้งหลาย ประกาศอยู่ว่า “อย่างนี้ๆ เป็นตบะของฉัน, มีในตบะของฉัน” ดังนี้ เป็นต้น. นิโค๎รธ ! แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ. ๑๓. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ มีปกตินิสัยทำสิ่งไรๆ ให้เป็นของปกปิด เมื่อถูกถามอยู่ว่า สิ่งนี้ควรแก่ท่านไหม ก็กล่าวสิ่งที่ไม่ควรว่าควร กล่าวสิ่งที่ควรว่าไม่ควร เป็นผู้กล่าวมุสาทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ ดังนี้. นิโค๎รธ ! แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ. ๑๔. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ, เมื่อตถาคตหรือสาวกของตถาคตแสดงธรรมอยู่, เขาไม่ยอมรับ (ว่าถูกว่าจริง) ต่อปริยาย ที่ควรยอมรับ (ว่าถูกว่าจริง) แม้มีอยู่แท้. นิโค๎รธ ! แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ. ๑๕. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ เป็นคน ขี้โกรธ มักผูกโกรธ. นิโค๎รธ ! แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ. ๑๖. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ เป็นคน ลบหลู่ คุณท่าน ตีตนเสมอท่าน เป็นคน ริษยา ตระหนี่ เป็นคน โอ้อวด มีมายา เป็น คน หัวดื้อ ดูหมิ่นท่าน เป็นคน ปรารถนาลามก ตกอยู่ในอำนาจแห่งความ ปรารถนาลามก เป็นมิจฉาทิฏฐิ ประกอบอยู่ด้วยอันตคาหิกทิฏฐิ เป็นคนลูบคลำ สิ่งต่างๆ ตามทิฏฐิของตน ยึดถือไว้เหนียวแน่น สลัดคืนได้ยาก. นิโค๎รธ ! แม้ข้อนี้ก็เป็นอุปกิเลสของผู้บำเพ็ญตบะ. นิโค๎รธ ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร : การเกียดกันกิเลส ด้วยตบะในรูปแบบอย่างที่ว่ามานี้ (ทุกข้อ) เป็นอุปกิเลส หรือไม่เป็นอุปกิเลสเล่า ? “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! การเกียดกันกิเลสด้วยตบะเหล่านี้ เป็นอุปกิเลสแน่แท้ ไม่เป็นอุปกิเลส หามิได้. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ข้อนี้เป็นฐานะที่มีอยู่ คือผู้ บำเพ็ญตบะบางคนในกรณีนี้ ประกอบด้วยอุปกิเลสเหล่านี้ครบทุกอย่างแล้ว ทำไมจะไม่ ประกอบด้วยอุปกิเลสแต่ละอย่าง ๆ เล่า”. (ข. ภาวะบริสุทธิ์ที่สำหรับถือเป็นหลัก) ๑. นิโค๎รธ ! ในกรณีนี้ ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่ เขาไม่เป็นผู้พอใจไม่รู้สึกว่าบริบูรณ์แล้วตามประสงค์ด้วยตบะนั้น (ไม่ได้บำเพ็ญตบะเพื่อความพอใจแห่งตัวกู). นิโค๎รธ ! ข้อที่เขา ไม่ได้บำเพ็ญตบะเพื่อความพอใจแห่งตนนั้น นั่นแหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น. ๒. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่ เขาไม่ยกตนไม่ข่มผู้อื่นด้วยตบะนั้น. นิโค๎รธ ! ข้อที่เขาไม่ยกตนไม่ข่มผู้อื่นด้วยตบะนั้น ด้วยเหตุนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น ๓. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่เขาไม่เมาตบะ ไม่หลงตบะ ไม่ถึงความมัวเมาด้วยตบะนั้น. นิโค๎รธ ! ข้อที่ เขา ไม่เมาตบะ ไม่หลงตบะ ไม่ถึงความมัวเมาด้วยตบะ นั้น ด้วยเหตุผลนี้ แหละ เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น. ๔. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่ เขาทำลาภสักการะและเสียงสรรเสริญให้เกิดขึ้นด้วยตบะนั้น เขาไม่เป็นผู้พอใจ ด้วยลาภสักการะและเสียงสรรเสริญนั้น ว่าบริบูรณ์แล้วตามประสงค์. นิโค๎รธ ! ข้อที่เขา ไม่เป็นผู้พอใจด้วยลาภสักการะและเสียงสรรเสริญ ว่าบริบูรณ์แล้วตามประสงค์ นั้น ด้วยเหตุผลนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น. ๕. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่ เขาทำลาภสักการะและเสียงสรรเสริญให้เกิดขึ้นด้วยตบะนั้น เขาไม่ยกตนไม่ข่มผู้อื่นด้วยลาภสักการะและเสียงสรรเสริญนั้น. นิโค๎รธ ! ข้อที่เขา ไม่ยกตน ไม่ข่มผู้อื่นด้วยลาภสักการะและเสียงสรรเสริญ นั้น ด้วยเหตุนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น. ๖. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่ เขาทำลาภสักการะและเสียงสรรเสริญให้เกิดขึ้น เขาไม่เมาลาภ ไม่หลงลาภ ไม่ถึงความมัวเมาลาภสักการะและเสียงสรรเสริญนั้น. นิโค๎รธ ! ข้อที่เขา ไม่ เมาลาภไม่หลงลาภไม่ถึงความมัวเมาสักการะและเสียงสรรเสริญ นั้น ด้วยเหตุนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น. ๗. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่ เขา ไม่ถึงการแบ่งแยกในภาชนะ ทั้งหลาย ว่า “นี้ควรแก่เรา นี้ไม่ควรแก่เรา” ดังนี้ เขา ไม่ชอบสิ่งใด เขาไม่ได้สะบัดหน้าแสดงความไม่สนใจ ละมันไปเสีย เขา ชอบสิ่งใด เขาก็ไม่จดจ่อ ไม่มัวเมา ไม่หมายมั่นสิ่งนั้น มองเห็นโทษ มีปัญญาเป็นเครื่องออก (จากอัสสาทะแห่งสิ่งนั้น) บริโภคอยู่. ด้วยเหตุนี้แหละ เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น. ๘. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ สมาทานตบะอยู่ เขาไม่คิดอย่างนี้ว่า พระราชา มหาอำมาตย์ กษัตริย์ พราหมณ์ คหบดี เดียรถีย์ ทั้งหลาย จักสักการะเรา เพราะเหตุแห่งความใคร่จะได้ลาภสักการะและเสียงสรรเสริญ. ด้วยเหตุนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น. ๙. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ ไม่เป็นผู้เที่ยวรุกราน สมณะหรือพราหมณ์ใดๆ ว่า “อะไรกันนะ ท่านผู้นี้มีอาชีพ (ดำรงชีพ) สำส่อน กินเสียหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นพืชเกิดจากราก พืชเกิดจากข้อ พืชเกิดจากผล พืชเกิดจากยอด และพืชเกิดจากลำต้นเป็นที่ห้า” ดังนี้ ด้วยวาทะย่ำยีสมณะราวกะว่ามีคมแห่งฟันดังสายฟ้า. ด้วยเหตุนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น. ๑๐. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ เห็นสมณะหรือ พราหมณ์ใด ๆ ที่คนพากันสักการะอยู่ เคารพอยู่ นับถืออยู่ บูชาอยู่ ในตระกูลทั้งหลาย เขา ไม่มีความคิดอย่างนี้ ว่า “คนทั้งหลายพากันสักการะเคารพนับถือบูชาซึ่งสมณะพราหมณ์นี้ผู้มีอาชีวะสำส่อนอยู่ ในตระกูลทั้งหลาย แต่กลับไม่สักการะเคารพนับถือบูชาเราผู้ดำรงชีพอยู่อย่างมีลูขปฏิปทา อยู่ในตระกูล ทั้งหลาย” ดังนี้ เขา ไม่เกิดมีความริษยาและตระหนี่ ในตระกูลทั้งหลายขึ้นมา อย่างนี้. ด้วยเหตุนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น. ๑๑. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ ไม่ชอบนั่งแสดง ตนตามทางที่คนผ่าน (เพื่ออวดคน). ด้วยเหตุนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น. ๑๒. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ จะไม่เปิดเผยตน (ตามที่เป็นจริง) เที่ยวไปในตระกูลทั้งหลายก็หามิได้ (เขาเป็นคนจริงและเปิดเผย) ประกาศอยู่ ว่า “อย่างนี้ๆ เป็นตบะของฉัน, มีในตบะของฉัน” ดังนี้ เป็นต้น. ด้วยเหตุนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น. ๑๓. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ ไม่มีปกตินิสัยทำ สิ่งไรๆ ให้เป็นของปกปิด เมื่อถูกถามอยู่ว่า สิ่งนี้ควรแก่ท่านไหม ก็ กล่าวสิ่งที่ ไม่ควรว่าไม่ควร กล่าวสิ่งที่ควรกล่าวว่าควร ไม่เป็นผู้กล่าวมุสาทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ ดังนี้. ด้วยเหตุนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น. ๑๔. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ, เมื่อตถาคตหรือสาวกของตถาคตแสดงธรรมอยู่, เขายอมรับ (ว่าถูกว่าจริง) ต่อปริยายที่ควรยอมรับ (ว่าถูกว่าจริง) ซึ่งมีอยู่แท้. นิโค๎รธ ด้วยเหตุนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น. ๑๕. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ ไม่เป็นคนขี้โกรธ ไม่ผูกโกรธ. นิโค๎รธ ! ข้อที่เขาเป็นคนไม่ขี้โกรธ ไม่ผูกโกรธนั้น ด้วยเหตุนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น. ๑๖. นิโค๎รธ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ผู้บำเพ็ญตบะ ไม่เป็นคนลบหลู่ คุณท่าน ตีตนเสมอท่าน ไม่เป็นคนริษยา ไม่ตระหนี่ ไม่เป็นคนโอ้อวด ไม่มีมายา ไม่เป็นคนหัวดื้อ ไม่ดูหมิ่นท่าน ไม่เป็นคนปรารถนาลามก ไม่ตกอยู่ในอำนาจแห่งความปรารถนาลามก ไม่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ไม่ประกอบอยู่ด้วยอันคาหิกทิฏฐิ ไม่เป็นคนลูบคลำสิ่งต่างๆ ตามทิฏฐิของตน ไม่ยึดถือไว้เหนียวแน่น สลัด คืนได้ง่าย. ด้วยเหตุนี้แหละเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ในฐานะนั้น. นิโค๎รธ ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร : เมื่อเป็นอย่างนี้ มันเป็นการเกียดกันกิเลสด้วยตบะที่บริสุทธิ์ หรือไม่บริสุทธิ์เล่า ? “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! เมื่อเป็นอย่างนี้ มันเป็นการเกียดกันกิเลสด้วยตบะที่บริสุทธิ์โดยแท้ หาใช่ไม่บริสุทธิ์ไม่ ทั้งยังเป็นการบรรลุถึงยอดถึงแก่นอีกด้วย พระเจ้าข้า !” นิโค๎รธเอ๋ย ! การเกียดกันกิเลสด้วยตบะเพียงเท่านี้ ยังไม่ถึงยอด ถึงแก่น เป็นเพียงถึงเปลือกแห้งๆ เท่านั้น.
    0 Comments 0 Shares 228 Views 0 Reviews
  • Family Trip CHENGDU 4 วัน 3 คืน เส้นทางสายมู ไหว้พระเสริมเฮง เที่ยวครบ จบแบบปัง!

    เดินทางโดย Thai Airways
    วันนี้ - 31 ก.ค. 68
    พักดี 3 คืนที่ JINNIU EVEN HOTEL by IHG
    น้ำหนักกระเป๋า 23 กก.
    เริ่มต้นเพียง 26,888.-

    ไฮไลท์เสริมสิริมงคล & เที่ยวฟินๆ
    • วัดต้าสือ ขอพรโชคดี วัดที่ “พระถังซัมจั๋ง” เคยบวช
    • อารามเหวินซู ชมศิลปะโบราณราชวงศ์ถัง
    • ศาลเจ้าหลี่ปิง แห่งยุคสามก๊ก
    • ภูเขาชิงเฉิง สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ระดับ A5
    • เมืองโบราณเจียจือ & ถนนโบราณจินหลี่
    • ศูนย์อนุรักษ์หมีแพนด้า สุดน่ารัก
    • ถนนคนเดินควานจ๋าย & ถนนชุนหลี่
    • ลิ้มรสของอร่อยขึ้นชื่อ: เสี่ยวหลงเปา, หม่าล่า, เต้าหู้เหม็น
    • แวะจิบชา Hey Tea สุดชิค ถ่ายรูปปังลง IG
    เซลฟี่กับแพนด้าถือไม้เซลฟี่สีชมพู มุมห้ามพลาด!

    #เฉิงตู #สายมูต้องมา #FamilyTripChengdu #เที่ยวจีน2568 #ฟรีวีซ่าไต้หวัน #สายบุญเสริมดวง #แพนด้าเฉิงตู #เที่ยวจีนกับครอบครัว #กินเที่ยวไหว้ครบจบในทริปเดียว

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/e53048

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395

    #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    🎉 Family Trip CHENGDU 4 วัน 3 คืน ✈️ เส้นทางสายมู ไหว้พระเสริมเฮง เที่ยวครบ จบแบบปัง! 🐼 🛫 เดินทางโดย Thai Airways 📅 วันนี้ - 31 ก.ค. 68 🏨 พักดี 3 คืนที่ JINNIU EVEN HOTEL by IHG 💼 น้ำหนักกระเป๋า 23 กก. 💰 เริ่มต้นเพียง 26,888.- ไฮไลท์เสริมสิริมงคล & เที่ยวฟินๆ • วัดต้าสือ ขอพรโชคดี วัดที่ “พระถังซัมจั๋ง” เคยบวช • อารามเหวินซู ชมศิลปะโบราณราชวงศ์ถัง • ศาลเจ้าหลี่ปิง แห่งยุคสามก๊ก • ภูเขาชิงเฉิง สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ระดับ A5 • เมืองโบราณเจียจือ & ถนนโบราณจินหลี่ • ศูนย์อนุรักษ์หมีแพนด้า สุดน่ารัก • ถนนคนเดินควานจ๋าย & ถนนชุนหลี่ • ลิ้มรสของอร่อยขึ้นชื่อ: เสี่ยวหลงเปา, หม่าล่า, เต้าหู้เหม็น • แวะจิบชา Hey Tea สุดชิค ถ่ายรูปปังลง IG • 📸 เซลฟี่กับแพนด้าถือไม้เซลฟี่สีชมพู มุมห้ามพลาด! #เฉิงตู #สายมูต้องมา #FamilyTripChengdu #เที่ยวจีน2568 #ฟรีวีซ่าไต้หวัน #สายบุญเสริมดวง #แพนด้าเฉิงตู #เที่ยวจีนกับครอบครัว #กินเที่ยวไหว้ครบจบในทริปเดียว 🐼⛰🧧 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/e53048 LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    0 Comments 0 Shares 600 Views 0 Reviews
  • ..ยุคนี้ สิ่งชั่วเลวใดๆและอะไรที่เขมรไม่ทำไม่มี.
    ..deep state มากมายจากทั่วโลกถูกไล่ล่าเด็ดชีพไปมากมาย,พม่าคือคัวอย่างที่ดีเห็นภาพง่ายขึ้นหากจะเทียบยกมาอีกหลายๆชาติทั่วโลก ย้ายฐานมาเขมรมาอาเชียนมาเอเชียก็ว่า ตลอดซึ่งก่อนหน้านี้ไม่กี่ปีก็พวกก่อการร้ายจากทั่วโลกนั้นล่ะ แถวอาหรับทะเลทรายยิ่งตัวดี ดังยุคนั้นก็คงรู้,deep stateหล่อเลี้ยงส่งท่อเลี้ยงเพื่อปั่นป่วนในการแย่งชิงวัตถุดิบทรัพยากรมีค่าแร่หายากในแต่ละชาตินั้นๆล่ะจะยึดปกครองประเทศนั้นๆมั่นคงไปเลยก็ว่า,ไม่ต่างจากไทย ไทยเราตอนนี้เนื้อหอมด้วย,สารพัดทรัพยากรมากมายไหลมารวมที่ไทยก็มากปกติต่างจากยุคอดีตมากอาจเพราะสนามแม่เหล็กโลกกำลังเปลี่ยนแปลงและจุดสิ้นสุดคือไทยเป็นฮับสิ่งดีๆจากทั้งโลกนัันเอง,ทองคำก็จะไหลมาไทยสายแร่ทองคำก็ว่า,บ่อน้ำมันยิ่งไม่ต้องพูดถึงไหลเป็นสายเปลี่ยนทิศทางไหลมารวมที่ไทยเรานี้ ดูดมาใช้อีกหลายพันปีก็ไม่หมดหรือจนสิ้นยุครัตนโกสินทร์เราไปอีกก็ยังไม่หมดก็ว่า,และอื่นๆตรึมอาจแร่สุดยอดกว่าดาวอังคารอีกมาอยู่ที่ไทยเมื่อบารมีถึงจังหวะเวลาเหมาะสมจะเปิดเอง,ไม่รวมฮับพลังงานจักรวาลอีกแบบฐานพลังงานมหาศาลเชื่อมจักรวาลมหาจักรวาลต่างๆต่างจิตวิญญาณนี้ก็อยู่ที่ไทย ทั่วจักรวาลลงใจไว้วางใจที่ไทยเรา,ไทยเราอนาคตอันต่อไปพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปก็เกิดที่แผ่นดินไทยเรานี้แต่ชื่อประเทศไทยอาจเปลี่ยนแปลงไปแล้วเพราะกาลเวลาขึ้นลงจนพระองค์มาเกิดมาประสูติมันน้อยๆที่ไหน.,ยุคพระศรีอาริยะฯก็ว่า,คนมีบุญจริงๆโน้นมีศีลมีธรรมพิเศษบริสุทธิ์ระดับหนึ่งจึงมีโอกาสได้เกิดมาร่วมยุคสมัยพระองค์ท่าน,แต่ยุคปัจจุบันเรานี้ก็ไม่น้อยหน้านะ คนไทยเรามีบุญไม่น้อยยังทันเห็นพระพุทธศาสนาอยู่เห็นนักบวชพระเณรคนปฏิบัติธรรมรักษาศีลให้เห็นเป็นสมมุติประจำโลก,
    ..คนไทยเราโชคดีเห็นขยะติดพื้นที่บ้างจึงจะได้ไม่ลืมสถานะว่าไม่มีขยะมันดีกว่าอย่างไร,มีสิ่งดีงามสร้างสิ่งดีงามเจริญในสิ่งดีงามทั้งทางภายในและภายนอกมันดีกว่ามีขยะทั้งภายในและภายนอกแบบใด.,สามัคคีร่วมใจกำจัดขยะนี้ก็ผลดีจากมีขยะนี้อีกจึงเข้าใจว่าสามัคคีในเรามันดีจริงอย่างไร.
    ..#ทุกๆประเทศทั่วโลกต้องแบนเขมรภัยอันตรายของโลก

    https://youtu.be/j9soFF4WerU?si=5zC74J5EWFiEGAdK
    ..ยุคนี้ สิ่งชั่วเลวใดๆและอะไรที่เขมรไม่ทำไม่มี. ..deep state มากมายจากทั่วโลกถูกไล่ล่าเด็ดชีพไปมากมาย,พม่าคือคัวอย่างที่ดีเห็นภาพง่ายขึ้นหากจะเทียบยกมาอีกหลายๆชาติทั่วโลก ย้ายฐานมาเขมรมาอาเชียนมาเอเชียก็ว่า ตลอดซึ่งก่อนหน้านี้ไม่กี่ปีก็พวกก่อการร้ายจากทั่วโลกนั้นล่ะ แถวอาหรับทะเลทรายยิ่งตัวดี ดังยุคนั้นก็คงรู้,deep stateหล่อเลี้ยงส่งท่อเลี้ยงเพื่อปั่นป่วนในการแย่งชิงวัตถุดิบทรัพยากรมีค่าแร่หายากในแต่ละชาตินั้นๆล่ะจะยึดปกครองประเทศนั้นๆมั่นคงไปเลยก็ว่า,ไม่ต่างจากไทย ไทยเราตอนนี้เนื้อหอมด้วย,สารพัดทรัพยากรมากมายไหลมารวมที่ไทยก็มากปกติต่างจากยุคอดีตมากอาจเพราะสนามแม่เหล็กโลกกำลังเปลี่ยนแปลงและจุดสิ้นสุดคือไทยเป็นฮับสิ่งดีๆจากทั้งโลกนัันเอง,ทองคำก็จะไหลมาไทยสายแร่ทองคำก็ว่า,บ่อน้ำมันยิ่งไม่ต้องพูดถึงไหลเป็นสายเปลี่ยนทิศทางไหลมารวมที่ไทยเรานี้ ดูดมาใช้อีกหลายพันปีก็ไม่หมดหรือจนสิ้นยุครัตนโกสินทร์เราไปอีกก็ยังไม่หมดก็ว่า,และอื่นๆตรึมอาจแร่สุดยอดกว่าดาวอังคารอีกมาอยู่ที่ไทยเมื่อบารมีถึงจังหวะเวลาเหมาะสมจะเปิดเอง,ไม่รวมฮับพลังงานจักรวาลอีกแบบฐานพลังงานมหาศาลเชื่อมจักรวาลมหาจักรวาลต่างๆต่างจิตวิญญาณนี้ก็อยู่ที่ไทย ทั่วจักรวาลลงใจไว้วางใจที่ไทยเรา,ไทยเราอนาคตอันต่อไปพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปก็เกิดที่แผ่นดินไทยเรานี้แต่ชื่อประเทศไทยอาจเปลี่ยนแปลงไปแล้วเพราะกาลเวลาขึ้นลงจนพระองค์มาเกิดมาประสูติมันน้อยๆที่ไหน.,ยุคพระศรีอาริยะฯก็ว่า,คนมีบุญจริงๆโน้นมีศีลมีธรรมพิเศษบริสุทธิ์ระดับหนึ่งจึงมีโอกาสได้เกิดมาร่วมยุคสมัยพระองค์ท่าน,แต่ยุคปัจจุบันเรานี้ก็ไม่น้อยหน้านะ คนไทยเรามีบุญไม่น้อยยังทันเห็นพระพุทธศาสนาอยู่เห็นนักบวชพระเณรคนปฏิบัติธรรมรักษาศีลให้เห็นเป็นสมมุติประจำโลก, ..คนไทยเราโชคดีเห็นขยะติดพื้นที่บ้างจึงจะได้ไม่ลืมสถานะว่าไม่มีขยะมันดีกว่าอย่างไร,มีสิ่งดีงามสร้างสิ่งดีงามเจริญในสิ่งดีงามทั้งทางภายในและภายนอกมันดีกว่ามีขยะทั้งภายในและภายนอกแบบใด.,สามัคคีร่วมใจกำจัดขยะนี้ก็ผลดีจากมีขยะนี้อีกจึงเข้าใจว่าสามัคคีในเรามันดีจริงอย่างไร. ..#ทุกๆประเทศทั่วโลกต้องแบนเขมรภัยอันตรายของโลก https://youtu.be/j9soFF4WerU?si=5zC74J5EWFiEGAdK
    0 Comments 0 Shares 398 Views 0 Reviews
  • อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​หลักเกณฑ์การเลือกสถานที่และบุคคลที่ควรเสพไม่ควรเสพ
    สัทธรรมลำดับที่ : 1023
    ชื่อบทธรรม :- หลักเกณฑ์การเลือกสถานที่และบุคคลที่ควรเสพไม่ควรเสพ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1023
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --หลักเกณฑ์การเลือกสถานที่และบุคคลที่ควรเสพไม่ควรเสพ(อันเป็นอุปกรณ์แห่งมรรค)
    --การเลือกที่อยู่ในป่า (วนปัตถ์)
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้
    เข้าไปอาศัย วนปัตถ์ (ป่าทึบ) แห่งใดแห่งหนึ่งอยู่,
    สติที่ยังตั้งขึ้นไม่ได้ ก็ไม่ตั้งขึ้นได้,
    จิตที่ยังไม่ตั้งมั่น ก็ไม่ตั้งมั่น,
    อาสวะที่ยังไม่สิ้น ก็ไม่ถึงความสิ้น, และ
    อนุตตรโยคักเขมธรรมที่ยังไม่บรรลุ ก็ไม่บรรลุ,
    ทั้งจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานปัจจยเภสัชชบริขาร
    อันบรรพชิตพึงแสวงหามาเพื่อเป็นบริขารของชีวิต ก็หามาได้โดยยาก.
    +--ภิกษุ ท. ! ภิกษุนั้น พิจารณาเห็นโดยประจักษ์ดังนี้แล้ว
    ไม่ว่าจะเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน พึงหลีกไปเสียจากวนปัตถ์นั้น,
    อย่าอยู่เลย.

    --ภิกษุ ท. ! อนึ่ง ภิกษุในกรณีนี้
    เข้าไปอาศัย วนปัตถ์ แห่งใดแห่งหนึ่งอยู่,
    สติที่ยังตั้งขึ้นไม่ได้ ก็ไม่ตั้งขึ้นได้,
    จิตที่ยังไม่ตั้งมั่นก็ไม่ตั้งมั่น,
    อาสวะที่ยังไม่สิ้นก็ไม่ถึงความสิ้น, และ
    อนุตตรโยคักเขมธรรมที่ยังไม่บรรลุก็ไม่บรรลุ;
    แต่ว่า จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานปัจจยเภสัชชบริขาร
    อันบรรพชิตพึงแสวงหามาเพื่อเป็นบริขารของชีวิต ก็หามาได้โดยไม่ยาก.
    +--ภิกษุ ท. ! ภิกษุนั้น พิจารณาเห็นโดยประจักษ์ดังนี้แล้ว คิดว่า
    “เราเป็นผู้ออกจากเรือนบวชเพราะเหตุแห่งจีวรก็หามิได้
    เพราะเหตุแห่ง บิณฑบาตก็หามิได้
    เพราะเหตุแห่ง เสนาสนะก็หามิได้
    เพราะเหตุแห่ง คิลานปัจจยเภสัชชบริขารก็หามิได้”;
    ครั้นพิจารณาเห็นดังนี้แล้ว ภิกษุนั้น พึงหลีกไปจากวนปัตถ์นั้น,
    อย่าอยู่เลย.
    http://etipitaka.com/read/pali/12/212/?keywords=วนปตฺถา+ปกฺกมิตพฺพํ

    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้
    เข้าไปอาศัย วนปัตถ์ แห่งใดแห่งหนึ่งอยู่,
    สติที่ยังตั้งขึ้นไม่ได้ ก็ตั้งขึ้นได้,
    จิตที่ยัง ไม่ตั้งมั่น ก็ตั้งมั่น,
    อาสวะที่ยัง ไม่สิ้น ก็ถึงความสิ้น, และ
    อนุตตรโยคักเขมธรรมที่ยัง ไม่บรรลุ ก็บรรลุ;
    แต่ว่าจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานปัจจยเภสัชชบริขาร
    อันบรรพชิตพึงแสวงหามาเพื่อเป็นบริขารของชีวิตนั้น ก็หามาได้โดยยาก.
    +--ภิกษุ ท. ! ภิกษุนั้น พิจารณาเห็นโดยประจักษ์ดังนี้แล้ว คิดว่า
    “เรามิได้ ออกจากเรือนบวช
    เพราะเหตุแห่ง จีวร
    เพราะเหตุแห่ง บิณฑบาต
    เพราะเหตุแห่ง เสนาสนะ
    เพราะเหตุแห่ง คิลานปัจจยเภสัชชบริขาร”;
    ครั้นพิจารณาเห็นดังนี้แล้ว ภิกษุนั้น พึงอยู่ในวนปัตถ์นั้น
    อย่าหลีกไปเสียเลย.
    http://etipitaka.com/read/pali/12/213/?keywords=วนปตฺถา+ปกฺกมิตพฺพํ

    --ภิกษุ ท. ! อนึ่ง ภิกษุในกรณีนี้
    เข้าไปอาศัย วนปัตถ์ แห่งใดแห่งหนึ่งอยู่,
    สติที่ยังตั้งขึ้นไม่ได้ ก็ตั้งขึ้นได้,
    จิตที่ยังไม่ตั้งมั่น ก็ตั้งมั่น,
    อาสวะที่ยังไม่สิ้น ก็ถึงความสิ้น, และ
    อนุตตรโยคักเขมธรรมที่ยังไม่บรรลุ ก็บรรลุ;
    ทั้งจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานปัจจยเภสัชชบริขาร
    อันบรรพชิตจะแสวงหามาเพื่อเป็นบริขารของชีวิตนั้น ก็หามาได้โดยไม่ยาก.
    +--ภิกษุ ท. ! ภิกษุนั้น พิจารณาเห็นโดยประจักษ์ดังนี้,
    พึงอยู่ในวนปัตถ์นั้น จนตลอดชีวิต, อย่าหลีกไปเสียเลย.
    http://etipitaka.com/read/pali/12/214/?keywords=วนปตฺถา+ปกฺกมิตพฺพํ
    (ในกรณีแห่ง
    การเลือกหมู่บ้าน นิคม นคร ชนบท และบุคคล
    ที่ควรเสพหรือไม่ควรเสพ ก็ได้ตรัสไว้โดยหลักเกณฑ์อย่างเดียวกัน
    )

    (ในสูตรอื่น
    ถือเอา การเกิดแห่งกุศลและการไม่เกิดแห่งอกุศล
    เป็นหลักเกณฑ์สำหรับ การเลือก ว่าควรเสพหรือไม่ควรเสพ
    : ถ้าได้ผลเป็นบุญกุศลถือว่า ควรเสพ,
    ถ้าได้ผลเป็นอกุศล ถือว่าไม่ควรเสพ.
    และถือเอาหลักเกณฑ์นี้สำหรับการเลือกสิ่งเหล่านี้คือ
    กายสมาจาร วจีสมาจาร มโนสมาจาร
    จิตตุปบาท สัญญาปฏิลาภ ทิฏฐิปฏิลาภ อัตตภาวปฏิลาภ
    อารมณ์แต่ละอารมณ์ทางอายตนะทั้งหก
    จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คาม นิคม นคร ชนบท และ บุคคล.
    ผู้ปรารถนา รายละเอียดพึงดูจากที่มานั้น ๆ
    : -​ อุปริ. ม. ๑๔/๑๔๔ – ๑๖๔/๑๙๙ – ๒๓๒;
    http://etipitaka.com/read/pali/14/144/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%99
    หรือดูที่หัวข้อว่า
    “การเสพที่เป็นอุปกรณ์และไม่เป็นอุปกรณ์
    แก่ความเพียรละอกุศลและเจริญกุศล”
    ).

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มู. ม. 12/147 - 253/235 - 242.
    http://etipitaka.com/read/thai/12/147/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%93%E0%B9%95
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มู. ม. ๑๒/๒๑๒ - ๒๑๘/๒๓๕ - ๒๔๒.
    http://etipitaka.com/read/pali/12/212/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%93%E0%B9%95
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1023
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=88&id=1023
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=88
    ลำดับสาธยายธรรม : 88 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_88.mp3
    อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​หลักเกณฑ์การเลือกสถานที่และบุคคลที่ควรเสพไม่ควรเสพ สัทธรรมลำดับที่ : 1023 ชื่อบทธรรม :- หลักเกณฑ์การเลือกสถานที่และบุคคลที่ควรเสพไม่ควรเสพ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1023 เนื้อความทั้งหมด :- --หลักเกณฑ์การเลือกสถานที่และบุคคลที่ควรเสพไม่ควรเสพ(อันเป็นอุปกรณ์แห่งมรรค) --การเลือกที่อยู่ในป่า (วนปัตถ์) --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ เข้าไปอาศัย วนปัตถ์ (ป่าทึบ) แห่งใดแห่งหนึ่งอยู่, สติที่ยังตั้งขึ้นไม่ได้ ก็ไม่ตั้งขึ้นได้, จิตที่ยังไม่ตั้งมั่น ก็ไม่ตั้งมั่น, อาสวะที่ยังไม่สิ้น ก็ไม่ถึงความสิ้น, และ อนุตตรโยคักเขมธรรมที่ยังไม่บรรลุ ก็ไม่บรรลุ, ทั้งจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานปัจจยเภสัชชบริขาร อันบรรพชิตพึงแสวงหามาเพื่อเป็นบริขารของชีวิต ก็หามาได้โดยยาก. +--ภิกษุ ท. ! ภิกษุนั้น พิจารณาเห็นโดยประจักษ์ดังนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน พึงหลีกไปเสียจากวนปัตถ์นั้น, อย่าอยู่เลย. --ภิกษุ ท. ! อนึ่ง ภิกษุในกรณีนี้ เข้าไปอาศัย วนปัตถ์ แห่งใดแห่งหนึ่งอยู่, สติที่ยังตั้งขึ้นไม่ได้ ก็ไม่ตั้งขึ้นได้, จิตที่ยังไม่ตั้งมั่นก็ไม่ตั้งมั่น, อาสวะที่ยังไม่สิ้นก็ไม่ถึงความสิ้น, และ อนุตตรโยคักเขมธรรมที่ยังไม่บรรลุก็ไม่บรรลุ; แต่ว่า จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานปัจจยเภสัชชบริขาร อันบรรพชิตพึงแสวงหามาเพื่อเป็นบริขารของชีวิต ก็หามาได้โดยไม่ยาก. +--ภิกษุ ท. ! ภิกษุนั้น พิจารณาเห็นโดยประจักษ์ดังนี้แล้ว คิดว่า “เราเป็นผู้ออกจากเรือนบวชเพราะเหตุแห่งจีวรก็หามิได้ เพราะเหตุแห่ง บิณฑบาตก็หามิได้ เพราะเหตุแห่ง เสนาสนะก็หามิได้ เพราะเหตุแห่ง คิลานปัจจยเภสัชชบริขารก็หามิได้”; ครั้นพิจารณาเห็นดังนี้แล้ว ภิกษุนั้น พึงหลีกไปจากวนปัตถ์นั้น, อย่าอยู่เลย. http://etipitaka.com/read/pali/12/212/?keywords=วนปตฺถา+ปกฺกมิตพฺพํ --ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ เข้าไปอาศัย วนปัตถ์ แห่งใดแห่งหนึ่งอยู่, สติที่ยังตั้งขึ้นไม่ได้ ก็ตั้งขึ้นได้, จิตที่ยัง ไม่ตั้งมั่น ก็ตั้งมั่น, อาสวะที่ยัง ไม่สิ้น ก็ถึงความสิ้น, และ อนุตตรโยคักเขมธรรมที่ยัง ไม่บรรลุ ก็บรรลุ; แต่ว่าจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานปัจจยเภสัชชบริขาร อันบรรพชิตพึงแสวงหามาเพื่อเป็นบริขารของชีวิตนั้น ก็หามาได้โดยยาก. +--ภิกษุ ท. ! ภิกษุนั้น พิจารณาเห็นโดยประจักษ์ดังนี้แล้ว คิดว่า “เรามิได้ ออกจากเรือนบวช เพราะเหตุแห่ง จีวร เพราะเหตุแห่ง บิณฑบาต เพราะเหตุแห่ง เสนาสนะ เพราะเหตุแห่ง คิลานปัจจยเภสัชชบริขาร”; ครั้นพิจารณาเห็นดังนี้แล้ว ภิกษุนั้น พึงอยู่ในวนปัตถ์นั้น อย่าหลีกไปเสียเลย. http://etipitaka.com/read/pali/12/213/?keywords=วนปตฺถา+ปกฺกมิตพฺพํ --ภิกษุ ท. ! อนึ่ง ภิกษุในกรณีนี้ เข้าไปอาศัย วนปัตถ์ แห่งใดแห่งหนึ่งอยู่, สติที่ยังตั้งขึ้นไม่ได้ ก็ตั้งขึ้นได้, จิตที่ยังไม่ตั้งมั่น ก็ตั้งมั่น, อาสวะที่ยังไม่สิ้น ก็ถึงความสิ้น, และ อนุตตรโยคักเขมธรรมที่ยังไม่บรรลุ ก็บรรลุ; ทั้งจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานปัจจยเภสัชชบริขาร อันบรรพชิตจะแสวงหามาเพื่อเป็นบริขารของชีวิตนั้น ก็หามาได้โดยไม่ยาก. +--ภิกษุ ท. ! ภิกษุนั้น พิจารณาเห็นโดยประจักษ์ดังนี้, พึงอยู่ในวนปัตถ์นั้น จนตลอดชีวิต, อย่าหลีกไปเสียเลย. http://etipitaka.com/read/pali/12/214/?keywords=วนปตฺถา+ปกฺกมิตพฺพํ (ในกรณีแห่ง การเลือกหมู่บ้าน นิคม นคร ชนบท และบุคคล ที่ควรเสพหรือไม่ควรเสพ ก็ได้ตรัสไว้โดยหลักเกณฑ์อย่างเดียวกัน ) (ในสูตรอื่น ถือเอา การเกิดแห่งกุศลและการไม่เกิดแห่งอกุศล เป็นหลักเกณฑ์สำหรับ การเลือก ว่าควรเสพหรือไม่ควรเสพ : ถ้าได้ผลเป็นบุญกุศลถือว่า ควรเสพ, ถ้าได้ผลเป็นอกุศล ถือว่าไม่ควรเสพ. และถือเอาหลักเกณฑ์นี้สำหรับการเลือกสิ่งเหล่านี้คือ กายสมาจาร วจีสมาจาร มโนสมาจาร จิตตุปบาท สัญญาปฏิลาภ ทิฏฐิปฏิลาภ อัตตภาวปฏิลาภ อารมณ์แต่ละอารมณ์ทางอายตนะทั้งหก จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คาม นิคม นคร ชนบท และ บุคคล. ผู้ปรารถนา รายละเอียดพึงดูจากที่มานั้น ๆ : -​ อุปริ. ม. ๑๔/๑๔๔ – ๑๖๔/๑๙๙ – ๒๓๒; http://etipitaka.com/read/pali/14/144/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%99 หรือดูที่หัวข้อว่า “การเสพที่เป็นอุปกรณ์และไม่เป็นอุปกรณ์ แก่ความเพียรละอกุศลและเจริญกุศล” ). #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มู. ม. 12/147 - 253/235 - 242. http://etipitaka.com/read/thai/12/147/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%93%E0%B9%95 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มู. ม. ๑๒/๒๑๒ - ๒๑๘/๒๓๕ - ๒๔๒. http://etipitaka.com/read/pali/12/212/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%93%E0%B9%95 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1023 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=88&id=1023 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=88 ลำดับสาธยายธรรม : 88 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_88.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - หลักเกณฑ์การเลือกสถานที่และบุคคลที่ควรเสพไม่ควรเสพ--(อันเป็นอุปกรณ์แห่งมรรค)--การเลือกที่อยู่ในป่า (วนปัตถ์)
    -[ศีลอันเป็นที่ตั้งพื้นฐานในที่นี้ มิได้หมายถึงศีลที่มีรวมอยู่ในอัฏฐังคิกมรรค, หาก แต่เป็นศีลพื้นฐาน เช่นศีลห้า อุโบสถศีล อันยังมิได้ปรารภวิเวก – วิราค – นิโรธ – โวสสัคคะ. ลักษณะแห่งการเจริญอริยมรรคนั้น กล่าวไว้หลายวิธี : ในที่อื่น กล่าวว่า เจริญองค์แห่งมรรคแต่ละองค์ๆ อย่างที่ มีการนำออกซึ่งราคะเป็นที่สุดรอบ (ราควินยปริโยสาน) มีการนำออกซึ่งโทสะเป็นที่สุดรอบ (โทสวินยปริโยสาน) มีการนำออกซึ่งโมหะเป็นที่สุดรอบ (โมหวินย-ปริโยสาน) (๑๙/๖๘ – ๖๙/๒๖๖ - ๒๖๗) ; ในที่อื่นว่า เจริญองค์แห่งอริยมรรค อย่างที่ มีอมตะเป็นที่หยั่งลง (อมโตคธ) มีอมตะเป็นที่ไปในเบื้องหน้า (อมตปรายน) มีอมตะเป็นที่ สุดรอบ (อมตปริโยสาน) (๑๙/๖๙ /๒๖๘ - ๒๖๙) ; ในที่อื่นแสดงลักษณะแห่งองค์อริยมรรคว่า เอียงไปสู่นิพพาน (นิพฺพานนินฺน) น้อมไปสู่นิพพาน (นิพฺพานโปณ) ลาดลุ่มไปสู่นิพพาน (นิพฺพานปพฺภาร) (๑๙/๖๙ – ๗๐/๒๗๐ - ๒๗๑) ; ต่างกันอยู่เป็นสี่รูปแบบดังนี้ ล้านแต่เป็นที่ น่าสนใจนำไปพิจารณา. กิริยาที่ผู้ปฏิบัติต้องอาศัยศีลเป็นที่ตั้ง มีอุปมาเหมือนการทำงานต้องอาศัยเหยียบแผ่นดินเป็นที่ตั้ง นั้น ยังอุปมาแปลกออกไป เหมือนการที่พฤกษาชาติทั้งหลายต้องอาศัยแผ่นดิน เป็นที่งอกงาม ก็มี (๑๙/ ๗๐/๒๗๒ - ๒๗๓) และ เหมือนพวกนาคอาศัยซอกเขาหิมพานต์เป็นที่เกิดเป็นที่เจริญ ก็มี (๑๙/๗๑/๒๗๔ - ๒๗๕) ; ล้วนแต่มีความหมายอย่างเดียวกันว่า ว่าต้องมีที่ตั้ง ที่อาศัย]. หลักเกณฑ์การเลือกสถานที่และบุคคลที่ควรเสพไม่ควรเสพ (อันเป็นอุปกรณ์แห่งมรรค) การเลือกที่อยู่ในป่า (วนปัตถ์) ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ เข้าไปอาศัย วนปัตถ์ (ป่าทึบ) แห่งใดแห่งหนึ่งอยู่, สติที่ยังตั้งขึ้นไม่ได้ ก็ไม่ตั้งขึ้นได้, จิตที่ยังไม่ตั้งมั่นก็ไม่ตั้งมั่น, อาสวะที่ยังไม่สิ้นก็ไม่ถึงความสิ้น, และอนุตตรโยคักเขมธรรมที่ยังไม่บรรลุก็ไม่บรรลุ, ทั้งจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานปัจจยเภสัชชบริขาร อันบรรพชิตพึงแสวงหามาเพื่อเป็นบริขารของชีวิต ก็หามาได้โดยยาก. ภิกษุ ท. ! ภิกษุนั้น พิจารณาเห็นโดยประจักษ์ดังนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน พึงหลีกไปเสียจากวนปัตถ์นั้น, อย่าอยู่เลย. ภิกษุ ท. ! อนึ่ง ภิกษุในกรณีนี้ เข้าไปอาศัย วนปัตถ์ แห่งใดแห่งหนึ่งอยู่, สติที่ยังตั้งขึ้นไม่ได้ ก็ไม่ตั้งขึ้นได้, จิตที่ยังไม่ตั้งมั่นก็ไม่ตั้งมั่น, อาสวะที่ยังไม่สิ้นก็ไม่ถึงความสิ้น, และอนุตตรโยคักเขมธรรมที่ยังไม่บรรลุก็ไม่บรรลุ; แต่ว่า จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานปัจจยเภสัชชบริขาร อันบรรพชิตพึงแสวงหามาเพื่อเป็นบริขารของชีวิต ก็หามาได้โดยไม่ยาก. ภิกษุ ท. ! ภิกษุนั้น พิจารณาเห็นโดยประจักษ์ดังนี้แล้ว คิดว่า “เราเป็นผู้ออกจากเรือนบวชเพราะเหตุแห่งจีวรก็หามิได้ เพราะเหตุแห่งบิณฑบาตก็หามิได้ เพราะเหตุแห่งเสนาสนะก็หามิได้ เพราะเหตุแห่ง คิลานปัจจยเภสัชชบริขารก็หามิได้”; ครั้นพิจารณาเห็นดังนี้แล้ว ภิกษุนั้น พึงหลีกไปจากวนปัตถ์นั้น, อย่าอยู่เลย. ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ เข้าไปอาศัย วนปัตถ์ แห่งใดแห่งหนึ่งอยู่, สติที่ยังตั้งขึ้นไม่ได้ ก็ตั้งขึ้นได้, จิตที่ยังไม่ตั้งมั่นก็ตั้งมั่น, อาสวะที่ยังไม่สิ้น ก็ถึงความสิ้น, และอนุตตรโยคักเขมธรรมที่ยังไม่บรรลุก็บรรลุ; แต่ว่าจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานปัจจยเภสัชชบริขาร อันบรรพชิตพึงแสวงหามาเพื่อเป็นบริขารของชีวิตนั้น ก็หามาได้โดยยาก. ภิกษุ ท. ! ภิกษุนั้น พิจารณาเห็นโดยประจักษ์ดังนี้แล้ว คิดว่า “เรามิได้ ออกจากเรือนบวช เพราะเหตุแห่งจีวร เพราะเหตุแห่งบิณฑบาต เพราะเหตุแห่งเสนาสนะ เพราะเหตุแห่งคิลานปัจจยเภสัชชบริขาร”; ครั้นพิจารณาเห็นดังนี้แล้ว ภิกษุนั้น พึงอยู่ในวนปตถ์นั้นอย่าหลีกไปเสียเลย. ภิกษุ ท. ! อนึ่ง ภิกษุในกรณีนี้ เข้าไปอาศัย วนปัตถ์ แห่งใดแห่งหนึ่งอยู่, สติที่ยังตั้งขึ้นไม่ได้ ก็ตั้งขึ้นได้, จิตที่ยังไม่ตั้งมั่นก็ตั้งมั่น, อาสวะที่ยังไม่สิ้นก็ถึงความสิ้น, และอนุตตรโยคักเขมธรรมที่ยังไม่บรรลุก็บรรลุ; ทั้งจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานปัจจยเภสัชชบริขาร อันบรรพชิตจะแสวงหามาเพื่อเป็นบริขารของชีวิตนั้น ก็หามาได้โดยไม่ยาก. ภิกษุ ท. ! ภิกษุนั้น พิจารณาเห็นโดยประจักษ์ดังนี้ พึงอยู่ในวนปัตถ์นั้น จนตลอดชีวิต, อย่าหลีกไปเสียเลย. (ในกรณีแห่ง การเลือกหมู่บ้าน นิคม นคร ชนบท และบุคคล ที่ควรเสพหรือไม่ควรเสพ ก็ได้ตรัสไว้โดยหลักเกณฑ์อย่างเดียวกัน)-
    0 Comments 0 Shares 153 Views 0 Reviews
More Results