• 🇮🇱 ⚔️ 🇱🇧 ภาพความพ่ายแพ้ของ IDF ทางตอนใต้ของเลบานอน
    .
    💀 🇮🇱 #ทหารอิสราเอล เสียชีวิต 8 ศพ ☠ เพียงแค่ 1 วัน ➡ ➡ หลังระบุในแถลงการณ์ว่า : ได้เริ่มการโจมตีกลุ่มฮิซบัลเลาะห์ในปฏิบัติการภาคพื้นดิน "ในวงจำกัด"😁
    .
    #IDF กองกำลังป้องกันประเทศอิสราเอล ประกาศเมื่อ 3 ต.ค. ว่า : ทหารอิสราเอล 8 นาย เสียชีวิตในเลบานอนตอนใต้
    .
    เบื้องต้น กองทัพอิสราเอลได้ระบุชื่อทหารที่เสียชีวิต 1 นาย คือ
    • ร้อยเอกอีตัน อิทซัค โอสเตอร์ อายุ 22 ปี

    ต่อมา กองทัพได้เผยแพร่รายชื่อทหารที่เสียชีวิตเพิ่มเติมอีก 7 นาย
    • ร้อยเอกฮาเรล เอทิงเกอร์ อายุ 23 ปี ผู้บัญชาการในหน่วยคอมมานโดเอโกซ Egoz
    • ร้อยเอกอิไต อาเรียล จิอาต อายุ 23 ปี จากหน่วยวิศวกรรมการรบยาฮาลอม Yahalom
    • จ่าสิบเอก โนอาม บาร์ซิเลย์ อายุ 22 ปี จากหน่วยคอมมานโด Egoz
    • จ่าสิบเอกออร์มันซูร์ อายุ 21 ปี จากหน่วยคอมมานโด Egoz
    • จ่าสิบเอก นาซาร์ อิทกิน อายุ 21 ปี จากหน่วยคอมมานโด Egoz
    • จ่าสิบเอก อัลม์เคน เทเรเฟ อายุ 21 ปี จากหน่วยลาดตระเวนกองพลน้อยโกลานี Golani
    • จ่าสิบเอก อิโด บรอยเออร์ อายุ 21 ปี จากกองพลน้อยโกลานี
    .
    👿 👻 หน่วยคอมมานโด Egoz ทั้งหมด ถูกสังหารระหว่างการยิงปะทะกับกลุ่ม Hezbollah ในหมู่บ้านทางตอนใต้ของเลบานอน
    • ทหารอีก 4 นาย และเจ้าหน้าที่อีก 1 นาย ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุการณ์เดียวกันนี้
    .
    ในเหตุการณ์ที่สาม
    • แพทย์ทหารจากกองพันที่ 51 ของกองพลน้อยโกลานี ได้รับบาดเจ็บสาหัส
    .
    ตามรายงานของกองทัพ #IDF ทหารบางส่วนถูกสังหารด้วย ATGM ขีปนาวุธต่อต้านรถถัง ที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยิงมา
    • ขณะที่บางนายถูกยิงด้วยปืนครก ระหว่างพยายามอพยพผู้ได้รับบาดเจ็บ
    .
    #Egoz : ชื่ออย่างเป็นทางการคือหน่วย 621 เป็นหน่วยรบพิเศษ คอมมานโดชั้นยอด ของกองกำลังป้องกันประเทศอิสราเอล (IDF)
    #บทบาท : เชี่ยวชาญในการต่อต้านการรบแบบกองโจร, การลาดตระเวนพิเศษ และการปฏิบัติภารกิจโดยตรง
    • มีความเชี่ยวชาญด้านการสู้รบในภูมิประเทศที่ซับซ้อน ภาคสนาม การอำพรางตัว
    .
    🇮🇱 🇮🇱 🇮🇱 🇮🇱 🇮🇱 นับตั้งแต่เริ่มต้นสงครามเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม
    💀 ทหารอิสราเอล เสียชีวิต 716 นาย
    💀 รวมถึงทหาร 346 นาย ที่เสียชีวิตในการปฏิบัติการภาคพื้นดินในฉนวนกาซา
    💀 ทหารที่เสียชีวิต 56 นาย จากอุบัติเหตุในการปฏิบัติการภายในฉนวนกาซา รวมถึงเหตุการณ์ยิงพวกเดียวกัน 33 ครั้ง
    💀 ทหาร ได้รับบาดเจ็บ 4,490 นาย

    https://www.timesofisrael.com/liveblog_entry/idf-announces-deaths-of-seven-soldiers-killed-during-fighting-in-southern-lebanon-today/

    https://www.haaretz.com/israel-news/2024-10-02/ty-article/israeli-soldier-killed-in-southern-lebanon-ground-offensive/00000192-4d76-d3f4-a3f3-fdfe60f90000
    .
    💥🚀 จากการโจมตี จากขีปนาวุธของอิหร่าน

    #ฐานทัพอากาศเนวาติม เป็นการยากที่จะประเมินความเสียหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่โรงเก็บเครื่องบินเสียหาย และยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นโรงเก็บ F-35

    Noraseth Tuntasiri
    🇮🇱 ⚔️ 🇱🇧 ภาพความพ่ายแพ้ของ IDF ทางตอนใต้ของเลบานอน . 💀 🇮🇱 #ทหารอิสราเอล เสียชีวิต 8 ศพ ☠ เพียงแค่ 1 วัน ➡ ➡ หลังระบุในแถลงการณ์ว่า : ได้เริ่มการโจมตีกลุ่มฮิซบัลเลาะห์ในปฏิบัติการภาคพื้นดิน "ในวงจำกัด"😁 . #IDF กองกำลังป้องกันประเทศอิสราเอล ประกาศเมื่อ 3 ต.ค. ว่า : ทหารอิสราเอล 8 นาย เสียชีวิตในเลบานอนตอนใต้ . เบื้องต้น กองทัพอิสราเอลได้ระบุชื่อทหารที่เสียชีวิต 1 นาย คือ • ร้อยเอกอีตัน อิทซัค โอสเตอร์ อายุ 22 ปี ต่อมา กองทัพได้เผยแพร่รายชื่อทหารที่เสียชีวิตเพิ่มเติมอีก 7 นาย • ร้อยเอกฮาเรล เอทิงเกอร์ อายุ 23 ปี ผู้บัญชาการในหน่วยคอมมานโดเอโกซ Egoz • ร้อยเอกอิไต อาเรียล จิอาต อายุ 23 ปี จากหน่วยวิศวกรรมการรบยาฮาลอม Yahalom • จ่าสิบเอก โนอาม บาร์ซิเลย์ อายุ 22 ปี จากหน่วยคอมมานโด Egoz • จ่าสิบเอกออร์มันซูร์ อายุ 21 ปี จากหน่วยคอมมานโด Egoz • จ่าสิบเอก นาซาร์ อิทกิน อายุ 21 ปี จากหน่วยคอมมานโด Egoz • จ่าสิบเอก อัลม์เคน เทเรเฟ อายุ 21 ปี จากหน่วยลาดตระเวนกองพลน้อยโกลานี Golani • จ่าสิบเอก อิโด บรอยเออร์ อายุ 21 ปี จากกองพลน้อยโกลานี . 👿 👻 หน่วยคอมมานโด Egoz ทั้งหมด ถูกสังหารระหว่างการยิงปะทะกับกลุ่ม Hezbollah ในหมู่บ้านทางตอนใต้ของเลบานอน • ทหารอีก 4 นาย และเจ้าหน้าที่อีก 1 นาย ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุการณ์เดียวกันนี้ . ในเหตุการณ์ที่สาม • แพทย์ทหารจากกองพันที่ 51 ของกองพลน้อยโกลานี ได้รับบาดเจ็บสาหัส . ตามรายงานของกองทัพ #IDF ทหารบางส่วนถูกสังหารด้วย ATGM ขีปนาวุธต่อต้านรถถัง ที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยิงมา • ขณะที่บางนายถูกยิงด้วยปืนครก ระหว่างพยายามอพยพผู้ได้รับบาดเจ็บ . #Egoz : ชื่ออย่างเป็นทางการคือหน่วย 621 เป็นหน่วยรบพิเศษ คอมมานโดชั้นยอด ของกองกำลังป้องกันประเทศอิสราเอล (IDF) • #บทบาท : เชี่ยวชาญในการต่อต้านการรบแบบกองโจร, การลาดตระเวนพิเศษ และการปฏิบัติภารกิจโดยตรง • มีความเชี่ยวชาญด้านการสู้รบในภูมิประเทศที่ซับซ้อน ภาคสนาม การอำพรางตัว . 🇮🇱 🇮🇱 🇮🇱 🇮🇱 🇮🇱 นับตั้งแต่เริ่มต้นสงครามเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 💀 ทหารอิสราเอล เสียชีวิต 716 นาย 💀 รวมถึงทหาร 346 นาย ที่เสียชีวิตในการปฏิบัติการภาคพื้นดินในฉนวนกาซา 💀 ทหารที่เสียชีวิต 56 นาย จากอุบัติเหตุในการปฏิบัติการภายในฉนวนกาซา รวมถึงเหตุการณ์ยิงพวกเดียวกัน 33 ครั้ง 💀 ทหาร ได้รับบาดเจ็บ 4,490 นาย https://www.timesofisrael.com/liveblog_entry/idf-announces-deaths-of-seven-soldiers-killed-during-fighting-in-southern-lebanon-today/ https://www.haaretz.com/israel-news/2024-10-02/ty-article/israeli-soldier-killed-in-southern-lebanon-ground-offensive/00000192-4d76-d3f4-a3f3-fdfe60f90000 . 💥🚀 จากการโจมตี จากขีปนาวุธของอิหร่าน #ฐานทัพอากาศเนวาติม เป็นการยากที่จะประเมินความเสียหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่โรงเก็บเครื่องบินเสียหาย และยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นโรงเก็บ F-35 Noraseth Tuntasiri
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง! ‘ทีดีอาร์ไอ’ ชี้ 95% รถรับจ้างไม่ประจำทาง คือ ระเบิดเวลาบนท้องถนนไทย แนะรัฐตรวจเข้มกลุ่มรถที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมจัดงบฯ – สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หนุนผู้ประกอบการใช้วัสดุทนไฟ

    เหตุการณ์รถบัสนักเรียนไฟไหม้ ซึ่งนำไปสู่ความสูญเสียที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น สะท้อนความล้มเหลวในการป้องกัน และควบคุมการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนไทย ตอกย้ำสมญานามประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากการจราจรมากที่สุด สูงเป็นอันดับ 9 ของโลก และครองแชมป์อันดับ 1 ในอาเซียน
    อุบัติเหตุครั้งนี้ไม่เพียงชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยง ทั้งในด้านพฤติกรรมการขับขี่ ความรู้ในการเผชิญเหตุฉุกเฉิน ยังได้นำไปสู่การเปิดโปงข้อบกพร่องของ “ระบบตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย” โดยเฉพาะรถทัศนาจร หรือ “รถรับจ้างไม่ประจำทาง” ที่วิ่งให้บริการขวักไขว่ อันเป็นภาพคุ้นชินตาของคนไทย

    ‘ทีดีอาร์ไอ’ เผยมีรถรับจ้างไม่ประจำทางเพียง 5% ผ่าน “มาตรฐานลุกไหม้”
    ดร.สุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัย ด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า แม้ว่ากรมการขนส่งทางบก จะมีความพยายามในการปรับปรุงมาตรฐานรถโดยสารขนาดใหญ่ในหลายประเด็น รวมถึงมาตรฐานด้านการลุกไหม้มาตั้งแต่ปี 2559 โดยออกประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่องกำหนดคุณสมบัติด้านการลุกไหม้การลามไฟของวัสดุที่ใช้ตกแต่งภายในรถโดยสาร แต่ปรากฎว่าประกาศดังกล่าวถูกเลื่อนการบังคับใช้อยู่เรื่อย ๆ
    ด้วยเหตุผลเพราะผู้ประกอบการ ไม่มีความพร้อมในการแบกรับต้นทุน จากการเปลี่ยนไปใช้วัสดุกันไฟที่มีราคาแพง จนกระทั่งสุดท้ายเพิ่งบังคับใช้ได้จริงในปี 2565 แต่กลับไม่มีผลย้อนหลัง ซึ่งหมายความว่าใช้บังคับได้เฉพาะกับรถที่จดทะเบียนใหม่ หรือ มีการปรับปรุงตัวถังใหม่ในปี 2565 เท่านั้น “รถคันที่เกิดเหตุก็เป็นหนึ่งในกรณี ที่ไม่เข้าเงื่อนไขของประกาศฉบับนี้ เนื่องจากมีการจดเบียนใหม่ในปี 2561”

    ดร.สุเมธ ระบุว่าปัจจุบันรถทัศนาจรในกลุ่มมาตรฐาน 1 ซึ่งเป็นประเภทเดียวกับรถคันที่เกิดเหตุ มีจำนวน 5,896 คัน และรถมาตรฐาน 4 หรือรถ 2 ชั้น มีจำนวน 4,972 คน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าในจำนวนทั้งหมดกว่า 1 หมื่นคัน มีจำนวนเพียง 5% เท่านั้น ที่ผ่านมาตรฐานด้านการลุกไหม้ และอนุมานได้ว่าส่วนที่เหลืออีก 95% ที่เป็นรถจดทะเบียนก่อนประกาศดังกล่าวบังคับใช้ ยังไม่ถูกกำหนดให้มีมาตรฐานนี้ ขณะที่ในต่างประเทศเวลากำหนดมาตรฐานในเรื่องเหล่านี้ จะให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลังด้วย และต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1-2 ปี

    “คาดว่ามีรถที่ไม่ผ่านหรือไม่ได้มาตรฐานใหม่ ตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดเป็นหมื่นคัน แสดงให้เห็นถึงขนาดของปัญหาที่วิ่งอยู่บนท้องถนนตอนนี้ เสมือนกับเป็นระเบิดเวลาที่เราไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุขึ้นอีกเมื่อไหร่ ดังนั้น กรมการขนส่งทางบก ควรติดตามตรวจสอบรถในกลุ่มนี้ ที่ยังวิ่งอยู่ในระบบ เช่น ด้านมาตรฐานทนไฟ การชนด้านหน้า สภาพรถเป็นอย่างไร ติดก๊าซหรือไม่ ฯลฯ โดยเร่งกำหนดมาตรการอย่างเข้มข้นในรถกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงก่อน”

    จี้ ขบ.ตรวจเข้มรถเสี่ยงสูง – เสนอรัฐจัดงบฯหนุนผู้ประกอบการใช้วัสดุทนไฟ
    ดร.สุเมธ เน้นย้ำว่าเหตุที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงความสำคัญ ของมาตรฐานความปลอดภัยของรถทัศนาจร ซึ่งความเสี่ยงนี้กระทบต่อสวัสดิภาพของประชาชน โจทย์ใหญ่ของรัฐคือจะดำเนินการเปลี่ยนแปลงให้รถเหล่านี้มีมาตรฐานดีขึ้นได้อย่างไร ทั้งการเปลี่ยนวัสดุไวไฟ เช่น เบาะที่นั่ง ม่าน พรม ให้เป็นไปตามมาตรฐาน UNECE ซึ่งคือการใช้วัสดุที่ทนไฟได้ในระดับหนึ่ง เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟลุกไหม้จะไม่เร็วและแรง สามารถช่วยซื้อเวลาให้ผู้โดยสารหนีออกภายนอกตัวรถได้
    “ภาครัฐอาจจะต้องเข้ามาร่วมกับผู้ประกอบการ เพื่อปรับปรุงมาตรฐานให้ดีขึ้น โดยสร้างแรงจูงใจต่าง ๆ เช่น การให้เงินช่วยเหลือโดยตรงไปยังผู้ประกอบการ หรือ อาจมีเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ผู้ประกอบการมีทุนในการปรับปรุงมาตรฐานรถ”

    สำหรับกรณีระยะเวลาการใช้งานของรถคันเกิดเหตุ ที่พบว่ามีการจดทะเบียนมาตั้งแต่ปี 2513 นั้น ดร.สุเมธ กล่าวว่า องค์ประกอบหลักของรถจะมี 2 ส่วน คือ
    ส่วนที่ 1 : โครงหลัก หรือที่เรียกว่า “แชสซี” ที่เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของรถ ซึ่งอยู่ด้านใต้ตัวรถติดกับโครงล้อ ซึ่งปกติรถขนาดใหญ่จะจดทะเบียนครั้งแรกด้วยแชสซี ซึ่งส่วนนี้มีอายุการใช้งาน 70-80 ปี
    ส่วนที่ 2 : ตัวถังรถ ประกอบไปด้วย หลังคา ประตู เบาะที่นั่ง โดยตัวถังรถมีอายุการใช้งาน 8-10 ปีเท่านั้น จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนเป็นระยะ
    อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจว่าจะปรับปรุงตัวถังรถหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการเป็นหลักว่าต้องการเปลี่ยนหรือไม่ เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีมาตรการกำหนดอายุรถ หรือระยะเวลาการปรับปรุงสภาพรถ มีแต่การตรวจสอบตามมาตรฐานความปลอดภัย โดยกรมการขนส่งทางบก 2 ครั้งต่อปี

    “ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง จะมีการปรับปรุงความเสี่ยงเหล่านี้อย่างไร การตรวจสอบมีความเข้มงวดมากน้อยขนาดไหน ตรงนี้ล้วนเป็นประเด็น เพราะมาตรฐานการติดตั้ง ยังเป็นสิ่งที่มีความท้าทายในการตรวจสอบอยู่ หากการติดตั้งทำโดยช่างผู้ชำนาญการก็จะได้มาตรฐานสูง แต่ถ้าติดตั้งโดยไม่รัดกุมมากนัก ก็จะทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น ประกายไฟ ได้” ดร.สุเมธ ระบุ

    ยกระดับทัศนศึกษาปลอดภัย ซักซ้อม – วางแผน – ลงรายละเอียด รับมือเหตุไม่คาดคิด

    ด้าน นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) และอนุกรรมการด้านการขนส่งและยานพาหนะ สภาผู้บริโภค กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวถึงเวลาที่กระทรวงศึกษาธิการ ต้องทบทวนเชิงระบบ เพื่อสร้างแนวทางการไปทัศนศึกษาที่ปลอดภัย โดยปัจจุบันการไปทัศนศึกษาของเด็กมีอยู่ 2 รูปแบบ 1. ไปเช้า – เย็นกลับ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการทัศนศึกษาในช่วงปิดเทอมหนึ่ง ประมาณเดือนตุลาคม กับ 2. ทัศนศึกษาแบบพักค้างคืนจะอยู่ในช่วงเทอมสอง ซึ่งจะมีการเดินทางช่วงกลางคืน มีการใช้รถบัสสองชั้น การเกิดอุบัติเหตุจึงมักจะเกิดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม

    นพ.ธนะพงศ์ กล่าวว่า คณะผู้จัดกิจกรรมไปทัศนศึกษา ต้องวางแผนโดยการลงรายละเอียด ทั้งการเตรียมครูประจำรถกี่คนต่อจำนวนเด็ก ยิ่งเป็นเด็กเล็กยิ่งต้องให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ เช่น อาจจะต้องเป็นครูหนึ่งคนต่อ 10 คน เป็นต้น หรือหากเกิดอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ หรือเกิดเพลิงไหม้ คุณครูก็ต้องรู้จักการใช้ถังดับเพลิง และถ้าจำเป็นต้องอพยพ คุณครูจะต้องวางแผนอพยพออกทางไหน ประตูอยู่ตรงจุดไหน เป็นต้น

    เสนอยกเลิกรถสองชั้นเด็ดขาด – เพิ่มวงเงินประกันภัยภาคบังคับ

    นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวถึงข้อเสนอในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ โดยเน้นย้ำการยกเลิกการใช้รถสองชั้นในการรับจ้างแบบไม่ประจำทาง อันเป็นสิ่งที่องค์กรผู้บริโภคทั่วประเทศ ได้มีข้อเสนอเป็นระยะเวลาหลายปี แต่ยังไม่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลง รวมถึงรื้อระบบตรวจสภาพรถบริการขนส่งสาธารณะ ปัจจุบันตรวจสภาพปีละสองครั้ง แต่ในบางประเทศตรวจทุกไตรมาส ซึ่งจริง ๆ ควรจะดูตามจํานวนการใช้งาน หรือกำหนดเป็นระยะเวลาตายตัวเพียงอย่างเดียว

    นอกจากนี้ เสนอให้ขยายวงเงินประกันภัยภาคบังคับ ของรถโดยสารแบบไม่ประจำทาง โดยเพิ่มวงเงินประกันเป็น 30 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันการทำประกันภัยรถภาคบังคับตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 กำหนดความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง 500,000 บาทต่อคน แต่มีข้อกำหนดวงเงินเฉลี่ยจ่ายจากวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อครั้ง ซึ่งไม่ครอบคลุมความเสียหายเมื่อเกิดเหตุร้ายแรงและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

    “ความสูญเสียที่เกิดขึ้นต้องนำไปสู่การพัฒนากฎ ระเบียบ มาตรการต่าง ๆ และวิธีการทำงานที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของรถโดยสาร” เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าว

    จากอุบัติเหตุรถบัสนักเรียนไฟไหม้ สู่ปัญหา “รถโรงเรียนไทยไม่ปลอดภัย”

    ความไม่ปลอดภัยของรถรับส่งนักเรียนไทย ไม่ใช่ปัญหาที่เพิ่งถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึง และเปรียบเทียบมาตรฐานความปลอดภัยของไทยกับต่างประเทศ โดยล่าสุดในโซเชียลมีเดียมีการแชร์ข้อมูล รถรับส่งนักเรียนในสหรัฐ มีการควบคุมความปลอดภัยมากกว่ารถปกติถึง 70 เท่า ขณะที่ของญี่ปุ่นกรณีรถบัสทัศนศึกษา นอกจากการตรวจสอบมาตรฐานตัวรถที่เข้มงวด ยังมีการติดตั้ง GPS ควบคุมความเร็วในการขับขี่อีกด้วย

    สำหรับประเทศไทย หากย้อนกลับไปที่ข้อมูลของ ศวปถ. และสภาองค์กรของผู้บริโภค ซึ่งระบุในคู่มือการจัดระบบรถโรงเรียนให้ปลอดภัยและเป็นธรรม พบว่าระหว่างปี 2562 – 2564 เกิดอุบัติเหตุกับรถโรงเรียนมากถึง 38 ครั้ง มีนักเรียนได้รับบาดเจ็บรุนแรงถึงขึ้นเสียชีวิต 9 ราย บาดเจ็บ 431 ราย

    จากการสํารวจข้อมูลรถโรงเรียนทุกภูมิภาค ได้สะท้อนภาพปัญหาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง 3 ปมปัญหาใหญ่ที่รอเวลาเกิดเหตุ ได้แก่

    สภาพรถที่ไม่ได้มาตรฐาน : ดัดแปลงรถ ไม่มั่นคงแข็งแรง รวมถึงขาดอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ควรมี เช่น ค้อนทุบกระจก ถังดับเพลิง เป็นต้น

    ผู้ขับประมาทไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร : ใช้ประสบการณ์ความเคยชินขับเร็วเสี่ยงอันตราย ขาดความรู้ความเข้าใจบทบาทการขับรถส่งนักเรียน

    ขาดระบบจัดการรถที่ดี : ขาดระบบกำกับควบคุมผู้ขับขี่ รวมถึงกลไกสนับสนุนเพื่อให้เกิดระบบจัดการที่มีประสิทธิภาพ

    แม้การเพิ่มมาตรการและความเข้มงวดภายหลังเกิดเหตุ จะหนีไม่พ้นคำพูดที่ว่า “วัวหายล้อมคอก” แต่ในบริบทของประเทศไทย เมื่อเกิดบทเรียนขึ้นแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบทุกภาคส่วน ต้องร่วมมือกันล้อมคอกไม่ให้เกิดเหตุสลด เช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต

    ที่มา https://thaipublica.org/2024/10/tdri-reveals-95-of-non-regular-taxis-are-ticking-time-bombs-on-thai-roads/

    #Thaitimes
    ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง! ‘ทีดีอาร์ไอ’ ชี้ 95% รถรับจ้างไม่ประจำทาง คือ ระเบิดเวลาบนท้องถนนไทย แนะรัฐตรวจเข้มกลุ่มรถที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมจัดงบฯ – สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หนุนผู้ประกอบการใช้วัสดุทนไฟ เหตุการณ์รถบัสนักเรียนไฟไหม้ ซึ่งนำไปสู่ความสูญเสียที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น สะท้อนความล้มเหลวในการป้องกัน และควบคุมการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนไทย ตอกย้ำสมญานามประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากการจราจรมากที่สุด สูงเป็นอันดับ 9 ของโลก และครองแชมป์อันดับ 1 ในอาเซียน อุบัติเหตุครั้งนี้ไม่เพียงชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยง ทั้งในด้านพฤติกรรมการขับขี่ ความรู้ในการเผชิญเหตุฉุกเฉิน ยังได้นำไปสู่การเปิดโปงข้อบกพร่องของ “ระบบตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย” โดยเฉพาะรถทัศนาจร หรือ “รถรับจ้างไม่ประจำทาง” ที่วิ่งให้บริการขวักไขว่ อันเป็นภาพคุ้นชินตาของคนไทย ‘ทีดีอาร์ไอ’ เผยมีรถรับจ้างไม่ประจำทางเพียง 5% ผ่าน “มาตรฐานลุกไหม้” ดร.สุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัย ด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า แม้ว่ากรมการขนส่งทางบก จะมีความพยายามในการปรับปรุงมาตรฐานรถโดยสารขนาดใหญ่ในหลายประเด็น รวมถึงมาตรฐานด้านการลุกไหม้มาตั้งแต่ปี 2559 โดยออกประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่องกำหนดคุณสมบัติด้านการลุกไหม้การลามไฟของวัสดุที่ใช้ตกแต่งภายในรถโดยสาร แต่ปรากฎว่าประกาศดังกล่าวถูกเลื่อนการบังคับใช้อยู่เรื่อย ๆ ด้วยเหตุผลเพราะผู้ประกอบการ ไม่มีความพร้อมในการแบกรับต้นทุน จากการเปลี่ยนไปใช้วัสดุกันไฟที่มีราคาแพง จนกระทั่งสุดท้ายเพิ่งบังคับใช้ได้จริงในปี 2565 แต่กลับไม่มีผลย้อนหลัง ซึ่งหมายความว่าใช้บังคับได้เฉพาะกับรถที่จดทะเบียนใหม่ หรือ มีการปรับปรุงตัวถังใหม่ในปี 2565 เท่านั้น “รถคันที่เกิดเหตุก็เป็นหนึ่งในกรณี ที่ไม่เข้าเงื่อนไขของประกาศฉบับนี้ เนื่องจากมีการจดเบียนใหม่ในปี 2561” ดร.สุเมธ ระบุว่าปัจจุบันรถทัศนาจรในกลุ่มมาตรฐาน 1 ซึ่งเป็นประเภทเดียวกับรถคันที่เกิดเหตุ มีจำนวน 5,896 คัน และรถมาตรฐาน 4 หรือรถ 2 ชั้น มีจำนวน 4,972 คน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าในจำนวนทั้งหมดกว่า 1 หมื่นคัน มีจำนวนเพียง 5% เท่านั้น ที่ผ่านมาตรฐานด้านการลุกไหม้ และอนุมานได้ว่าส่วนที่เหลืออีก 95% ที่เป็นรถจดทะเบียนก่อนประกาศดังกล่าวบังคับใช้ ยังไม่ถูกกำหนดให้มีมาตรฐานนี้ ขณะที่ในต่างประเทศเวลากำหนดมาตรฐานในเรื่องเหล่านี้ จะให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลังด้วย และต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1-2 ปี “คาดว่ามีรถที่ไม่ผ่านหรือไม่ได้มาตรฐานใหม่ ตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดเป็นหมื่นคัน แสดงให้เห็นถึงขนาดของปัญหาที่วิ่งอยู่บนท้องถนนตอนนี้ เสมือนกับเป็นระเบิดเวลาที่เราไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุขึ้นอีกเมื่อไหร่ ดังนั้น กรมการขนส่งทางบก ควรติดตามตรวจสอบรถในกลุ่มนี้ ที่ยังวิ่งอยู่ในระบบ เช่น ด้านมาตรฐานทนไฟ การชนด้านหน้า สภาพรถเป็นอย่างไร ติดก๊าซหรือไม่ ฯลฯ โดยเร่งกำหนดมาตรการอย่างเข้มข้นในรถกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงก่อน” จี้ ขบ.ตรวจเข้มรถเสี่ยงสูง – เสนอรัฐจัดงบฯหนุนผู้ประกอบการใช้วัสดุทนไฟ ดร.สุเมธ เน้นย้ำว่าเหตุที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงความสำคัญ ของมาตรฐานความปลอดภัยของรถทัศนาจร ซึ่งความเสี่ยงนี้กระทบต่อสวัสดิภาพของประชาชน โจทย์ใหญ่ของรัฐคือจะดำเนินการเปลี่ยนแปลงให้รถเหล่านี้มีมาตรฐานดีขึ้นได้อย่างไร ทั้งการเปลี่ยนวัสดุไวไฟ เช่น เบาะที่นั่ง ม่าน พรม ให้เป็นไปตามมาตรฐาน UNECE ซึ่งคือการใช้วัสดุที่ทนไฟได้ในระดับหนึ่ง เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟลุกไหม้จะไม่เร็วและแรง สามารถช่วยซื้อเวลาให้ผู้โดยสารหนีออกภายนอกตัวรถได้ “ภาครัฐอาจจะต้องเข้ามาร่วมกับผู้ประกอบการ เพื่อปรับปรุงมาตรฐานให้ดีขึ้น โดยสร้างแรงจูงใจต่าง ๆ เช่น การให้เงินช่วยเหลือโดยตรงไปยังผู้ประกอบการ หรือ อาจมีเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ผู้ประกอบการมีทุนในการปรับปรุงมาตรฐานรถ” สำหรับกรณีระยะเวลาการใช้งานของรถคันเกิดเหตุ ที่พบว่ามีการจดทะเบียนมาตั้งแต่ปี 2513 นั้น ดร.สุเมธ กล่าวว่า องค์ประกอบหลักของรถจะมี 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 : โครงหลัก หรือที่เรียกว่า “แชสซี” ที่เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของรถ ซึ่งอยู่ด้านใต้ตัวรถติดกับโครงล้อ ซึ่งปกติรถขนาดใหญ่จะจดทะเบียนครั้งแรกด้วยแชสซี ซึ่งส่วนนี้มีอายุการใช้งาน 70-80 ปี ส่วนที่ 2 : ตัวถังรถ ประกอบไปด้วย หลังคา ประตู เบาะที่นั่ง โดยตัวถังรถมีอายุการใช้งาน 8-10 ปีเท่านั้น จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนเป็นระยะ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจว่าจะปรับปรุงตัวถังรถหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการเป็นหลักว่าต้องการเปลี่ยนหรือไม่ เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีมาตรการกำหนดอายุรถ หรือระยะเวลาการปรับปรุงสภาพรถ มีแต่การตรวจสอบตามมาตรฐานความปลอดภัย โดยกรมการขนส่งทางบก 2 ครั้งต่อปี “ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง จะมีการปรับปรุงความเสี่ยงเหล่านี้อย่างไร การตรวจสอบมีความเข้มงวดมากน้อยขนาดไหน ตรงนี้ล้วนเป็นประเด็น เพราะมาตรฐานการติดตั้ง ยังเป็นสิ่งที่มีความท้าทายในการตรวจสอบอยู่ หากการติดตั้งทำโดยช่างผู้ชำนาญการก็จะได้มาตรฐานสูง แต่ถ้าติดตั้งโดยไม่รัดกุมมากนัก ก็จะทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น ประกายไฟ ได้” ดร.สุเมธ ระบุ ยกระดับทัศนศึกษาปลอดภัย ซักซ้อม – วางแผน – ลงรายละเอียด รับมือเหตุไม่คาดคิด ด้าน นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) และอนุกรรมการด้านการขนส่งและยานพาหนะ สภาผู้บริโภค กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวถึงเวลาที่กระทรวงศึกษาธิการ ต้องทบทวนเชิงระบบ เพื่อสร้างแนวทางการไปทัศนศึกษาที่ปลอดภัย โดยปัจจุบันการไปทัศนศึกษาของเด็กมีอยู่ 2 รูปแบบ 1. ไปเช้า – เย็นกลับ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการทัศนศึกษาในช่วงปิดเทอมหนึ่ง ประมาณเดือนตุลาคม กับ 2. ทัศนศึกษาแบบพักค้างคืนจะอยู่ในช่วงเทอมสอง ซึ่งจะมีการเดินทางช่วงกลางคืน มีการใช้รถบัสสองชั้น การเกิดอุบัติเหตุจึงมักจะเกิดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม นพ.ธนะพงศ์ กล่าวว่า คณะผู้จัดกิจกรรมไปทัศนศึกษา ต้องวางแผนโดยการลงรายละเอียด ทั้งการเตรียมครูประจำรถกี่คนต่อจำนวนเด็ก ยิ่งเป็นเด็กเล็กยิ่งต้องให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ เช่น อาจจะต้องเป็นครูหนึ่งคนต่อ 10 คน เป็นต้น หรือหากเกิดอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ หรือเกิดเพลิงไหม้ คุณครูก็ต้องรู้จักการใช้ถังดับเพลิง และถ้าจำเป็นต้องอพยพ คุณครูจะต้องวางแผนอพยพออกทางไหน ประตูอยู่ตรงจุดไหน เป็นต้น เสนอยกเลิกรถสองชั้นเด็ดขาด – เพิ่มวงเงินประกันภัยภาคบังคับ นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวถึงข้อเสนอในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ โดยเน้นย้ำการยกเลิกการใช้รถสองชั้นในการรับจ้างแบบไม่ประจำทาง อันเป็นสิ่งที่องค์กรผู้บริโภคทั่วประเทศ ได้มีข้อเสนอเป็นระยะเวลาหลายปี แต่ยังไม่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลง รวมถึงรื้อระบบตรวจสภาพรถบริการขนส่งสาธารณะ ปัจจุบันตรวจสภาพปีละสองครั้ง แต่ในบางประเทศตรวจทุกไตรมาส ซึ่งจริง ๆ ควรจะดูตามจํานวนการใช้งาน หรือกำหนดเป็นระยะเวลาตายตัวเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ เสนอให้ขยายวงเงินประกันภัยภาคบังคับ ของรถโดยสารแบบไม่ประจำทาง โดยเพิ่มวงเงินประกันเป็น 30 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันการทำประกันภัยรถภาคบังคับตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 กำหนดความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง 500,000 บาทต่อคน แต่มีข้อกำหนดวงเงินเฉลี่ยจ่ายจากวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อครั้ง ซึ่งไม่ครอบคลุมความเสียหายเมื่อเกิดเหตุร้ายแรงและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก “ความสูญเสียที่เกิดขึ้นต้องนำไปสู่การพัฒนากฎ ระเบียบ มาตรการต่าง ๆ และวิธีการทำงานที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของรถโดยสาร” เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าว จากอุบัติเหตุรถบัสนักเรียนไฟไหม้ สู่ปัญหา “รถโรงเรียนไทยไม่ปลอดภัย” ความไม่ปลอดภัยของรถรับส่งนักเรียนไทย ไม่ใช่ปัญหาที่เพิ่งถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึง และเปรียบเทียบมาตรฐานความปลอดภัยของไทยกับต่างประเทศ โดยล่าสุดในโซเชียลมีเดียมีการแชร์ข้อมูล รถรับส่งนักเรียนในสหรัฐ มีการควบคุมความปลอดภัยมากกว่ารถปกติถึง 70 เท่า ขณะที่ของญี่ปุ่นกรณีรถบัสทัศนศึกษา นอกจากการตรวจสอบมาตรฐานตัวรถที่เข้มงวด ยังมีการติดตั้ง GPS ควบคุมความเร็วในการขับขี่อีกด้วย สำหรับประเทศไทย หากย้อนกลับไปที่ข้อมูลของ ศวปถ. และสภาองค์กรของผู้บริโภค ซึ่งระบุในคู่มือการจัดระบบรถโรงเรียนให้ปลอดภัยและเป็นธรรม พบว่าระหว่างปี 2562 – 2564 เกิดอุบัติเหตุกับรถโรงเรียนมากถึง 38 ครั้ง มีนักเรียนได้รับบาดเจ็บรุนแรงถึงขึ้นเสียชีวิต 9 ราย บาดเจ็บ 431 ราย จากการสํารวจข้อมูลรถโรงเรียนทุกภูมิภาค ได้สะท้อนภาพปัญหาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง 3 ปมปัญหาใหญ่ที่รอเวลาเกิดเหตุ ได้แก่ สภาพรถที่ไม่ได้มาตรฐาน : ดัดแปลงรถ ไม่มั่นคงแข็งแรง รวมถึงขาดอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ควรมี เช่น ค้อนทุบกระจก ถังดับเพลิง เป็นต้น ผู้ขับประมาทไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร : ใช้ประสบการณ์ความเคยชินขับเร็วเสี่ยงอันตราย ขาดความรู้ความเข้าใจบทบาทการขับรถส่งนักเรียน ขาดระบบจัดการรถที่ดี : ขาดระบบกำกับควบคุมผู้ขับขี่ รวมถึงกลไกสนับสนุนเพื่อให้เกิดระบบจัดการที่มีประสิทธิภาพ แม้การเพิ่มมาตรการและความเข้มงวดภายหลังเกิดเหตุ จะหนีไม่พ้นคำพูดที่ว่า “วัวหายล้อมคอก” แต่ในบริบทของประเทศไทย เมื่อเกิดบทเรียนขึ้นแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบทุกภาคส่วน ต้องร่วมมือกันล้อมคอกไม่ให้เกิดเหตุสลด เช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต ที่มา https://thaipublica.org/2024/10/tdri-reveals-95-of-non-regular-taxis-are-ticking-time-bombs-on-thai-roads/ #Thaitimes
    THAIPUBLICA.ORG
    ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง! ‘ทีดีอาร์ไอ’ ชี้ 95% รถรับจ้างไม่ประจำทาง คือ ระเบิดเวลาบนท้องถนนไทย
    ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง! ‘ทีดีอาร์ไอ’ ชี้ 95% รถรับจ้างไม่ประจำทาง คือ ระเบิดเวลาบนท้องถนนไทย แนะรัฐตรวจเข้มกลุ่มรถที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมจัดงบฯ - สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หนุนผู้ประกอบการใช้วัสดุทนไฟ
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 672 มุมมอง 0 รีวิว
  • #สหพันธ์กีฬาฮอกกี้น้ำแข็งนานาชาติ หรือ International Ice Hockey Federation ได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย ตำแหน่ง "ฑูตกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งประเภททีมหญิงในระดับโลก" First Women’s Global Ambassador แด่ "สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี" #ซึ่งนับว่าเป็นสตรีคนแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้
    --
    ทั้งนี้ สมเด็จพระนางเเจ้าฯ พระบรมราชินี #ทรงมีบทบาทสำคัญ ในการส่งเสริมและสนับสนุนบทบาทสตรีในวงการกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งในระดับสากล ซึ่งนับเป็นเกียรติยศที่สำคัญและสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ประเทศไทย
    --
    #ทรงพระปรีชายิ่ง
    💜ทรงพระเจริญ💜

    @ประวัติศาสตร์ ราชวงศ์จักรี

    https://www.facebook.com/share/GYKG2Ksb7ymcUMGK/?mibextid=oFDknk
    #สหพันธ์กีฬาฮอกกี้น้ำแข็งนานาชาติ หรือ International Ice Hockey Federation ได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย ตำแหน่ง "ฑูตกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งประเภททีมหญิงในระดับโลก" First Women’s Global Ambassador แด่ "สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี" #ซึ่งนับว่าเป็นสตรีคนแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้ -- ทั้งนี้ สมเด็จพระนางเเจ้าฯ พระบรมราชินี #ทรงมีบทบาทสำคัญ ในการส่งเสริมและสนับสนุนบทบาทสตรีในวงการกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งในระดับสากล ซึ่งนับเป็นเกียรติยศที่สำคัญและสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ประเทศไทย -- #ทรงพระปรีชายิ่ง 💜ทรงพระเจริญ💜 @ประวัติศาสตร์ ราชวงศ์จักรี https://www.facebook.com/share/GYKG2Ksb7ymcUMGK/?mibextid=oFDknk
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวด่วน: ปรสิตร้ายแรงสี่ตัวที่พบในวัคซีน - มันคืออาชญากรรมแห่งศตวรรษ!

    ในเรื่องอื้อฉาวด้านสาธารณสุขที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา มีการพบปรสิตร้ายแรง 4 ชนิดในวัคซีน และไม่ใช่แค่การคาดเดาเท่านั้น แต่ยังเป็นข้อเท็จจริงอีกด้วย Big Pharma ได้ทำทุกอย่างที่เป็นไปได้เพื่อซ่อนมัน แต่ถามตัวเองว่า: วัคซีนมีไว้เพื่อช่วยชีวิตหรือไม่ ชีวิต ทำไมสิ่งมีชีวิตถึงตายถึงถูกฉีดเข้าไปในตัวเรา นี่เป็นเรื่องจริง และคุณไม่สามารถละสายตาจากไปได้

    ฝันร้ายถูกเปิดเผย เราได้รับแจ้งมานานหลายปีว่าวัคซีนนั้น “ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ” แต่นั่นยังไม่ใช่เรื่องราวทั้งหมด หากฉันบอกคุณว่าขวดเหล่านี้มีปรสิตที่มีชีวิตซึ่งสามารถทำร้ายหรือฆ่าคุณได้ ข้างในและเมื่อฉีดเข้าไปแล้วใครจะรู้ว่ามันจะทำให้เกิดความเสียหายอะไร นี่ไม่ใช่อันตรายที่ห่างไกล

    ดร.แคร์รี มาเดจทำการทดสอบขวดวัคซีนโดยอิสระและค้นพบบางสิ่งที่น่ากลัว นั่นคือปรสิตไฮดราที่มีชีวิตพยายามหลบหนีออกจากขวด ใช่แล้ว สิ่งมีชีวิต ไม่ใช่แค่สารเคมี กำลังถูกฉีดภายใต้หน้ากากของ "การป้องกัน" เป็นเพียงหนึ่งในสี่ปรสิตที่พบ

    บทบาทของ Big Pharma ในเรื่องอื้อฉาวนี้ อย่าคิดว่านี่เป็นความผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย Big Pharma ขึ้นชื่อเรื่องการทำกำไรต่อหน้าผู้คน ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ได้รับการปกป้องจากการถูกฟ้องร้อง และมีมูลค่านับพันล้าน อันตรายที่พวกเขากำลังแพร่กระจาย คำถามไม่ใช่ว่าพวกเขาจะทำเช่นนี้หรือไม่ แต่เมื่อพวกเขามีแล้ว

    การเก็บรักษาความเย็น—เหตุผลที่แท้จริง เหตุใดขวดเหล่านี้จึงถูกเก็บไว้ที่อุณหภูมิเยือกแข็ง ไม่ใช่แค่การเก็บรักษาวัคซีนเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ปรสิตเหล่านี้มีชีวิตอยู่ได้ สร้างความหายนะ

    ไฮดรา วัลการิส—ปรสิตอมตะนี้เกือบจะเป็นอมตะ พร้อมด้วยความสามารถในการงอกใหม่อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ลองนึกภาพสิ่งมีชีวิตภายในร่างกายของคุณที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ตลอดไปและขยายตัวเพิ่มขึ้นในกระแสเลือดของคุณ

    Trypanosoma Cruzi—ปรสิตนักฆ่า ปรสิตอีกชนิดหนึ่งที่พบในวัคซีนคือ Trypanosoma cruzi ซึ่งเป็นสาเหตุของโรค Chagas มันเป็นฆาตกรเงียบที่ทำลายหัวใจและระบบย่อยอาหารอย่างช้าๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

    Toxoplasma Gondii—ปรสิตควบคุมจิตใจ นักวิทยาศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่ามันสามารถเปลี่ยนแปลงเคมีในสมองของสัตว์ได้

    การปกปิด สื่อต่างนิ่งเงียบ เพราะเหตุใด? "

    สรุป: นี่คืออาชญากรรมแห่งศตวรรษ และมันก็กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ เรากำลังถูกฉีดยาด้วยสิ่งมีชีวิตร้ายแรง ทั้งหมดนี้เพื่อผลกำไร ถึงเวลาที่ต้องตื่นขึ้น อย่าปล่อยให้ปรสิตเหล่านี้เข้าครอบงำร่างกายหรือจิตใจของคุณ กลับ—ก่อนที่จะสายเกินไป

    ที่มา: WikiLeaks Secrets



    คุณได้รับคำเชิญให้เข้าร่วม "อัศวิน อัตแพทย์ ธรรมชาติฟื้นฟูเชลล์" โปรดแตะลิงก์ด้านล่างเพื่อเข้าร่วมโอเพนแชทนี้
    https://line.me/ti/g2/DwdLNww_qbNr3RAfMuSyJL0bcC0qExuoDpp_xg?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
    ข่าวด่วน: ปรสิตร้ายแรงสี่ตัวที่พบในวัคซีน - มันคืออาชญากรรมแห่งศตวรรษ! ในเรื่องอื้อฉาวด้านสาธารณสุขที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา มีการพบปรสิตร้ายแรง 4 ชนิดในวัคซีน และไม่ใช่แค่การคาดเดาเท่านั้น แต่ยังเป็นข้อเท็จจริงอีกด้วย Big Pharma ได้ทำทุกอย่างที่เป็นไปได้เพื่อซ่อนมัน แต่ถามตัวเองว่า: วัคซีนมีไว้เพื่อช่วยชีวิตหรือไม่ ชีวิต ทำไมสิ่งมีชีวิตถึงตายถึงถูกฉีดเข้าไปในตัวเรา นี่เป็นเรื่องจริง และคุณไม่สามารถละสายตาจากไปได้ ฝันร้ายถูกเปิดเผย เราได้รับแจ้งมานานหลายปีว่าวัคซีนนั้น “ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ” แต่นั่นยังไม่ใช่เรื่องราวทั้งหมด หากฉันบอกคุณว่าขวดเหล่านี้มีปรสิตที่มีชีวิตซึ่งสามารถทำร้ายหรือฆ่าคุณได้ ข้างในและเมื่อฉีดเข้าไปแล้วใครจะรู้ว่ามันจะทำให้เกิดความเสียหายอะไร นี่ไม่ใช่อันตรายที่ห่างไกล ดร.แคร์รี มาเดจทำการทดสอบขวดวัคซีนโดยอิสระและค้นพบบางสิ่งที่น่ากลัว นั่นคือปรสิตไฮดราที่มีชีวิตพยายามหลบหนีออกจากขวด ใช่แล้ว สิ่งมีชีวิต ไม่ใช่แค่สารเคมี กำลังถูกฉีดภายใต้หน้ากากของ "การป้องกัน" เป็นเพียงหนึ่งในสี่ปรสิตที่พบ บทบาทของ Big Pharma ในเรื่องอื้อฉาวนี้ อย่าคิดว่านี่เป็นความผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย Big Pharma ขึ้นชื่อเรื่องการทำกำไรต่อหน้าผู้คน ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ได้รับการปกป้องจากการถูกฟ้องร้อง และมีมูลค่านับพันล้าน อันตรายที่พวกเขากำลังแพร่กระจาย คำถามไม่ใช่ว่าพวกเขาจะทำเช่นนี้หรือไม่ แต่เมื่อพวกเขามีแล้ว การเก็บรักษาความเย็น—เหตุผลที่แท้จริง เหตุใดขวดเหล่านี้จึงถูกเก็บไว้ที่อุณหภูมิเยือกแข็ง ไม่ใช่แค่การเก็บรักษาวัคซีนเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ปรสิตเหล่านี้มีชีวิตอยู่ได้ สร้างความหายนะ ไฮดรา วัลการิส—ปรสิตอมตะนี้เกือบจะเป็นอมตะ พร้อมด้วยความสามารถในการงอกใหม่อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ลองนึกภาพสิ่งมีชีวิตภายในร่างกายของคุณที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ตลอดไปและขยายตัวเพิ่มขึ้นในกระแสเลือดของคุณ Trypanosoma Cruzi—ปรสิตนักฆ่า ปรสิตอีกชนิดหนึ่งที่พบในวัคซีนคือ Trypanosoma cruzi ซึ่งเป็นสาเหตุของโรค Chagas มันเป็นฆาตกรเงียบที่ทำลายหัวใจและระบบย่อยอาหารอย่างช้าๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Toxoplasma Gondii—ปรสิตควบคุมจิตใจ นักวิทยาศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่ามันสามารถเปลี่ยนแปลงเคมีในสมองของสัตว์ได้ การปกปิด สื่อต่างนิ่งเงียบ เพราะเหตุใด? " สรุป: นี่คืออาชญากรรมแห่งศตวรรษ และมันก็กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ เรากำลังถูกฉีดยาด้วยสิ่งมีชีวิตร้ายแรง ทั้งหมดนี้เพื่อผลกำไร ถึงเวลาที่ต้องตื่นขึ้น อย่าปล่อยให้ปรสิตเหล่านี้เข้าครอบงำร่างกายหรือจิตใจของคุณ กลับ—ก่อนที่จะสายเกินไป ที่มา: WikiLeaks Secrets คุณได้รับคำเชิญให้เข้าร่วม "อัศวิน อัตแพทย์ ธรรมชาติฟื้นฟูเชลล์" โปรดแตะลิงก์ด้านล่างเพื่อเข้าร่วมโอเพนแชทนี้ https://line.me/ti/g2/DwdLNww_qbNr3RAfMuSyJL0bcC0qExuoDpp_xg?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • รมว.วธ. เป็นประธานในพิธีบวงสรวง วันคล้ายวันสถาปนา ครบรอบ 22 ปี กระทรวงวัฒนธรรม

    วันที่ 3 ตุลาคม 2567 เวลา 07.30 น. นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้เป็นประธานในพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในกระทรวงวัฒนธรรม เนื่องในโอกาสวันครบรอบ 22 ปี ของการสถาปนากระทรวงวัฒนธรรม โดยมี ดร.ยุพา ทวีวัฒนกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของกระทรวงร่วมพิธีบวงสรวงในช่วงเช้าที่ผ่านมา บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความสงบและศรัทธา มีการจัดเตรียมสถานที่และสิ่งของบวงสรวงอย่างเป็นระเบียบ

    ในการเริ่มต้นพิธีในช่วงเช้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้สักการะพระพุทธสิริวัฒนธรรโมภาส พระสยามเทวาธิราช และศาลตา-ยาย ประจำกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อขอพรให้กระทรวงและบุคลากรมีความเจริญก้าวหน้า ปลอดภัย และประสบความสำเร็จในการทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน ทั้งนี้ การบวงสรวงยังได้รับการประกอบพิธีโดยพระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ เพื่อเสริมสร้างสิริมงคลให้กับกระทรวงวัฒนธรรม และเพื่อระลึกถึงบทบาทที่สำคัญของการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยและส่งเสริมค่านิยมที่ดีงามให้คงอยู่สืบไป

    ต่อมาในเวลา 09.20 น. ได้มีพิธีสวดพุทธชัยมงคลคาถา โดยพระสงฆ์จำนวน 10 รูป เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ภายในกระทรวงวัฒนธรรม การสวดพุทธชัยมงคลคาถาเป็นพิธีที่สำคัญและเป็นมงคลในการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ โดยเฉพาะในวาระพิเศษเช่นนี้ เพื่อให้เกิดความสบายใจและเป็นกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรที่ร่วมกันสร้างสรรค์และอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในพิธีทางศาสนายังได้มีการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ล่วงลับอีกด้วย

    นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล และผู้บริหารกระทรวงฯ ได้ร่วมกันทอดผ้าบังสกุล จำนวน 10 ผืน และกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญกุศลให้กับเด็กนักเรียนในจังหวัดอุทัยธานี ที่ประสบอุบัติเหตุจากเหตุการณ์รถบัสทัศนศึกษาที่เกิดเพลิงไหม้เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา การกระทำดังกล่าวเป็นการแสดงถึงความห่วงใยและความเอื้อเฟื้อของกระทรวงวัฒนธรรมต่อประชาชนทั่วไป อีกทั้งยังสะท้อนถึงบทบาทที่กระทรวงต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและสนับสนุนคุณภาพชีวิตของประชาชน การทำบุญให้กับเด็กนักเรียนที่เสียชีวิตเป็นการสร้างกำลังใจให้กับครอบครัวและผู้ได้รับผลกระทบ

    หลังจากเสร็จสิ้นพิธีทางศาสนาแล้ว นางสาวสุดาวรรณ และคณะผู้บริหารของกระทรวงวัฒนธรรม ได้ให้การต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานในครั้งนี้ ผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ได้เดินทางมาแสดงความยินดีและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงวัฒนธรรมครั้งที่ 22 ทั้งนี้ การเข้าร่วมพิธีครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองการก่อตั้งกระทรวงเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานราชการและประชาชนที่เข้ามาร่วมงาน การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและการร่วมมือกันในการส่งเสริมวัฒนธรรมเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้กระทรวงวัฒนธรรมสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    การถ่ายรูปร่วมกันและการมอบช่อดอกไม้และของที่ระลึกให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นับเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ร่วมงาน สื่อถึงความร่วมมือและความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง การแสดงความยินดีต่อการครบรอบ 22 ปี ของการสถาปนากระทรวงวัฒนธรรมเป็นการยืนยันถึงความสำคัญของงานที่กระทรวงวัฒนธรรมทำเพื่อสังคมและประเทศชาติ โดยมีเป้าหมายในการอนุรักษ์ ส่งเสริม และเผยแพร่วัฒนธรรมไทยให้คงอยู่และสืบทอดไปสู่คนรุ่นหลัง

    กระทรวงวัฒนธรรมก่อตั้งขึ้นเพื่อดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ ส่งเสริม และพัฒนาวัฒนธรรมไทยให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยและโลก กระทรวงวัฒนธรรมเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการรักษามรดกทางวัฒนธรรมทั้งที่เป็นวัตถุและไม่เป็นวัตถุ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลโบราณสถาน โบราณวัตถุ รวมถึงการส่งเสริมงานศิลปะและการแสดงต่างๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของเอกลักษณ์ไทย นอกจากนี้ กระทรวงยังทำหน้าที่ในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการอนุรักษ์วัฒนธรรม ผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การประกวด การอบรม และการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม

    ตลอดระยะเวลา 22 ปีที่ผ่านมา กระทรวงวัฒนธรรมได้สร้างผลงานที่โดดเด่นและเป็นที่ยอมรับทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ โดยมีเป้าหมายในการสร้างสังคมที่มีความสมานฉันท์และภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของตนเอง ทั้งนี้ กระทรวงได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมค่านิยมที่ดีในสังคมไทย เช่น การเคารพผู้ใหญ่ การช่วยเหลือกัน และการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างสังคมที่เข้มแข็งและยั่งยืน

    ในช่วงเวลาปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว กระทรวงวัฒนธรรมยังมีบทบาทในการนำวัฒนธรรมมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของโลกยุคใหม่ การใช้เทคโนโลยีเพื่อการเผยแพร่วัฒนธรรมและการสร้างความเข้าใจในวัฒนธรรมระหว่างประเทศถือเป็นสิ่งสำคัญ กระทรวงได้มีการจัดทำเนื้อหาด้านวัฒนธรรมในรูปแบบดิจิทัล เช่น การสร้างพิพิธภัณฑ์ออนไลน์ การจัดทำฐานข้อมูลวัฒนธรรม และการใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อเผยแพร่ความรู้และกิจกรรมด้านวัฒนธรรม

    กระทรวงวัฒนธรรมมีการดำเนินกิจกรรมและโครงการที่หลากหลายเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์และพัฒนาวัฒนธรรมไทย กิจกรรมที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เช่น โครงการฟื้นฟูและอนุรักษ์โบราณสถานทั่วประเทศ การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การสนับสนุนศิลปินพื้นบ้านและศิลปินแห่งชาติ รวมถึงการจัดงานเทศกาลทางวัฒนธรรมต่างๆ ที่มีเป้าหมายในการส่งเสริมความเข้าใจและความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมไทย

    อีกทั้งกระทรวงยังมีการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้วัฒนธรรมในกลุ่มเยาวชน โดยการนำวัฒนธรรมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนการสอน เพื่อให้เยาวชนได้เรียนรู้และเข้าใจถึงรากฐาน

    ภาพ/ข่าว​ โย​ ประเด็นรัฐ
    รมว.วธ. เป็นประธานในพิธีบวงสรวง วันคล้ายวันสถาปนา ครบรอบ 22 ปี กระทรวงวัฒนธรรม วันที่ 3 ตุลาคม 2567 เวลา 07.30 น. นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้เป็นประธานในพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในกระทรวงวัฒนธรรม เนื่องในโอกาสวันครบรอบ 22 ปี ของการสถาปนากระทรวงวัฒนธรรม โดยมี ดร.ยุพา ทวีวัฒนกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของกระทรวงร่วมพิธีบวงสรวงในช่วงเช้าที่ผ่านมา บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความสงบและศรัทธา มีการจัดเตรียมสถานที่และสิ่งของบวงสรวงอย่างเป็นระเบียบ ในการเริ่มต้นพิธีในช่วงเช้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้สักการะพระพุทธสิริวัฒนธรรโมภาส พระสยามเทวาธิราช และศาลตา-ยาย ประจำกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อขอพรให้กระทรวงและบุคลากรมีความเจริญก้าวหน้า ปลอดภัย และประสบความสำเร็จในการทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน ทั้งนี้ การบวงสรวงยังได้รับการประกอบพิธีโดยพระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ เพื่อเสริมสร้างสิริมงคลให้กับกระทรวงวัฒนธรรม และเพื่อระลึกถึงบทบาทที่สำคัญของการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยและส่งเสริมค่านิยมที่ดีงามให้คงอยู่สืบไป ต่อมาในเวลา 09.20 น. ได้มีพิธีสวดพุทธชัยมงคลคาถา โดยพระสงฆ์จำนวน 10 รูป เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ภายในกระทรวงวัฒนธรรม การสวดพุทธชัยมงคลคาถาเป็นพิธีที่สำคัญและเป็นมงคลในการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ โดยเฉพาะในวาระพิเศษเช่นนี้ เพื่อให้เกิดความสบายใจและเป็นกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรที่ร่วมกันสร้างสรรค์และอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในพิธีทางศาสนายังได้มีการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ล่วงลับอีกด้วย นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล และผู้บริหารกระทรวงฯ ได้ร่วมกันทอดผ้าบังสกุล จำนวน 10 ผืน และกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญกุศลให้กับเด็กนักเรียนในจังหวัดอุทัยธานี ที่ประสบอุบัติเหตุจากเหตุการณ์รถบัสทัศนศึกษาที่เกิดเพลิงไหม้เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา การกระทำดังกล่าวเป็นการแสดงถึงความห่วงใยและความเอื้อเฟื้อของกระทรวงวัฒนธรรมต่อประชาชนทั่วไป อีกทั้งยังสะท้อนถึงบทบาทที่กระทรวงต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและสนับสนุนคุณภาพชีวิตของประชาชน การทำบุญให้กับเด็กนักเรียนที่เสียชีวิตเป็นการสร้างกำลังใจให้กับครอบครัวและผู้ได้รับผลกระทบ หลังจากเสร็จสิ้นพิธีทางศาสนาแล้ว นางสาวสุดาวรรณ และคณะผู้บริหารของกระทรวงวัฒนธรรม ได้ให้การต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานในครั้งนี้ ผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ได้เดินทางมาแสดงความยินดีและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงวัฒนธรรมครั้งที่ 22 ทั้งนี้ การเข้าร่วมพิธีครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองการก่อตั้งกระทรวงเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานราชการและประชาชนที่เข้ามาร่วมงาน การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและการร่วมมือกันในการส่งเสริมวัฒนธรรมเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้กระทรวงวัฒนธรรมสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การถ่ายรูปร่วมกันและการมอบช่อดอกไม้และของที่ระลึกให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นับเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ร่วมงาน สื่อถึงความร่วมมือและความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง การแสดงความยินดีต่อการครบรอบ 22 ปี ของการสถาปนากระทรวงวัฒนธรรมเป็นการยืนยันถึงความสำคัญของงานที่กระทรวงวัฒนธรรมทำเพื่อสังคมและประเทศชาติ โดยมีเป้าหมายในการอนุรักษ์ ส่งเสริม และเผยแพร่วัฒนธรรมไทยให้คงอยู่และสืบทอดไปสู่คนรุ่นหลัง กระทรวงวัฒนธรรมก่อตั้งขึ้นเพื่อดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ ส่งเสริม และพัฒนาวัฒนธรรมไทยให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยและโลก กระทรวงวัฒนธรรมเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการรักษามรดกทางวัฒนธรรมทั้งที่เป็นวัตถุและไม่เป็นวัตถุ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลโบราณสถาน โบราณวัตถุ รวมถึงการส่งเสริมงานศิลปะและการแสดงต่างๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของเอกลักษณ์ไทย นอกจากนี้ กระทรวงยังทำหน้าที่ในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการอนุรักษ์วัฒนธรรม ผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การประกวด การอบรม และการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม ตลอดระยะเวลา 22 ปีที่ผ่านมา กระทรวงวัฒนธรรมได้สร้างผลงานที่โดดเด่นและเป็นที่ยอมรับทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ โดยมีเป้าหมายในการสร้างสังคมที่มีความสมานฉันท์และภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของตนเอง ทั้งนี้ กระทรวงได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมค่านิยมที่ดีในสังคมไทย เช่น การเคารพผู้ใหญ่ การช่วยเหลือกัน และการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างสังคมที่เข้มแข็งและยั่งยืน ในช่วงเวลาปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว กระทรวงวัฒนธรรมยังมีบทบาทในการนำวัฒนธรรมมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของโลกยุคใหม่ การใช้เทคโนโลยีเพื่อการเผยแพร่วัฒนธรรมและการสร้างความเข้าใจในวัฒนธรรมระหว่างประเทศถือเป็นสิ่งสำคัญ กระทรวงได้มีการจัดทำเนื้อหาด้านวัฒนธรรมในรูปแบบดิจิทัล เช่น การสร้างพิพิธภัณฑ์ออนไลน์ การจัดทำฐานข้อมูลวัฒนธรรม และการใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อเผยแพร่ความรู้และกิจกรรมด้านวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรมมีการดำเนินกิจกรรมและโครงการที่หลากหลายเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์และพัฒนาวัฒนธรรมไทย กิจกรรมที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เช่น โครงการฟื้นฟูและอนุรักษ์โบราณสถานทั่วประเทศ การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การสนับสนุนศิลปินพื้นบ้านและศิลปินแห่งชาติ รวมถึงการจัดงานเทศกาลทางวัฒนธรรมต่างๆ ที่มีเป้าหมายในการส่งเสริมความเข้าใจและความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมไทย อีกทั้งกระทรวงยังมีการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้วัฒนธรรมในกลุ่มเยาวชน โดยการนำวัฒนธรรมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนการสอน เพื่อให้เยาวชนได้เรียนรู้และเข้าใจถึงรากฐาน ภาพ/ข่าว​ โย​ ประเด็นรัฐ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ปฏิวัติยุคสมัยด้วยฟางเส้นเดียว” พศ.๒๕๓๐
    แปลจาก "The One Straw Revolution"
    หนังสือเล่มนี้แหละ จุดประกายความคิดให้ฉันเข้าใจได้อย่างถูกต้องในเรื่องการทำการเกษตรธรรมชาติ สรุปว่า

    ชาวนา เดินตามนักวิชาการในระบบทุนสามานย์ที่หวังครอบครองปัจจัยการผลิตสำคัญ คือ #ที่ดิน โดยสร้างงานทางวิชาการ(จอมปลอม)หลอกเกษตรกรทั่วโลก ให้นิยมทำการเกษตรแบบเคมี..สร้างความหวัง(ต้อง)พึ่งพิง สารเคมี ยาปราบวัชพืช ยาปราบศัตรูพืช..ฯลฯ
    อีกทั้ง..ชาวนายังเป็นแหล่งสร้างรายได้ให้อุตสาหกรรมเคมีทางการเกษตรเป็นจำนวนเงินมหาศาล เป็นน้ำเลี้ยงระบบอุบาทว์นี้ ยืดเยื้อ ยาวนาน มานานตลอดนับร้อยปี
    สิ่งที่บิดเบือนธรรมชาติ..มีดังนี้ คือ
    👉การไถหน้าดิน ซึ่งนักวิชาเกิน โม้..ว่าเป็นวิธีการทำให้ดินโปร่ง อากาศเข้าสู่รากพืชได้ดี..นั้น
    (ความจริง)เป็นหน้าที่ของระบบรากพืช ร่วมมือกับแมง แมลง ไส้เดือน และจุลินทรีย์ ทำหน้าที่ตามธรรมชาติอยู่แล้ว ค่ะ
    การไถยิ่งเป็นการหว่านรวมถึงการพลิกฟื้น(ช่วย)เมล็ดพันธุ์วัชพืชให้งอกได้ดีและมีจำนวนมากขึ้น. ➡ เคมีเกษตร(ขายดี)
    👉 ประสบการณ์ที่ผ่านมา..พิสูจน์ว่า การใช้ปุ๋ยเคมี ทำให้พืชอ่อนแอ..ไม่ต้านทานโรค ➡ เคมีเกษตร(ขายดี)
    เป็นสาเหตุสำคัญของการลดลงของสิ่งที่มีชีวิตในดิน รวมถึงการลดลงของจุลินทรีย์ นั่นคือ..ทุกชีวิตในดิน(ตายเรียบ) นะคะ
    👉สารเคมีฆ่าแมลง ทำให้สัตว์เล็กๆ คือ ตัวห้ำ ตัวเบียฬ ที่มีบทบาทในการควบคุมแมลง(ลดลง)และหอย หนู งู ปู ปลา สูญพันธุ์ไปด้วย
    ยิ่งใช้เคมี..แมลงยิ่งดื้อยาและเพิ่มจำนวนขึ้น เป็นซะ..ง๊าน ➡ เคมีเกษตร(ขายดี)
    👉มีการเผาฟางเป็นการทำลายดิน..ดินสิ่งมีชีวิตและนิเวศน์ธรรมชาติ(ตายเรียบ) ที่ยากจะกลับคืนเป็นเหมือนเดิม เปรียบเสมือนกับเปิดโลกแห่งสารเคมีให้เจริญเติบโตบนแผ่นดินนี้.➡ เคมีเกษตร(ขายดี)
    👉 การใช้ยากำจัดวัชพืช ทำให้วัชพืชตามธรรมชาติหายไป ซึ่งวัชพืชตามธรรมชาติเป็นพืชที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ดินและช่วยให้เกิดความ สมดุลในสิ่งแวดล้อมทางชีววิทยา (ตามหลักการพื้นฐาน) วัชพืชเป็นสิ่งที่ต้องควบคุม แต่ไม่ต้องกำจัด การใช้ฟางคลุม และปลูกพืชคลุมดินจำพวกถั่วปนไปกับพืชผล ตลอดจนการปล่อยน้ำเข้านาเป็นครั้งคราว เป็นวิธีควบคุมวัชพืชได้อย่างดีในนา..แว๊ว ค่ะ.
    👉ข้าวเป็นพืชครึ่งบกครึ่งน้ำ การปลูกข้าวในน้ำทำให้ต้นข้าวต้องเสียพลังงานในการปรับตัวดูดซึมและการหายใจทางราก วิธีการปลูกข้าวที่ถูกต้องน่าจะเป็นแบบเปียกสลับแห้ง น่าจะเป็นคำตอบที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตในทุกช่วงวัยของข้าว เพราะว่าพิสูจน์แล้วว่า..แตกกอได้ดี ลำต้นอวบแข็งแรง ข้าวไม่ล้ม และผลผลิตสูงที่สุด.
    👉 พันธุ์ข้าวดัดแปลง/ ลูกผสม จากบริษัทการเกษตรพันธสัญญายักษ์ใหญ่ ได้ถูกออกแบบให้สนองตอบต่อยาและสารเคมีที่กำหนดให้เท่านั้น ทำให้เกษตรกรถูกควบคุมเป็นตัวประกัน และแปรสภาพจากเจ้าของที่ดิน กลายเป็นลูกจ้างบนที่ดินเดิมนั้น.

    หากว่า..ชาวนา ไม่ปฏิวัติ หันมาผลิตข้าวนาเกษตรธรรมชาติ(ต้นทุนต่ำ) ร่วมกับทำสวนผสมให้มีรายได้เพิ่ม สม่ำเสมอทุกวัน ใช้จักรกลทางการเกษตรที่ลดค่าแรงงาน ลดความเสี่ยง เพิ่มรอบผลผลิต
    สุดท้าย..คือ สูญเสียที่ดินทำกิน.
    “ปฏิวัติยุคสมัยด้วยฟางเส้นเดียว” พศ.๒๕๓๐ แปลจาก "The One Straw Revolution" หนังสือเล่มนี้แหละ จุดประกายความคิดให้ฉันเข้าใจได้อย่างถูกต้องในเรื่องการทำการเกษตรธรรมชาติ สรุปว่า ชาวนา เดินตามนักวิชาการในระบบทุนสามานย์ที่หวังครอบครองปัจจัยการผลิตสำคัญ คือ #ที่ดิน โดยสร้างงานทางวิชาการ(จอมปลอม)หลอกเกษตรกรทั่วโลก ให้นิยมทำการเกษตรแบบเคมี..สร้างความหวัง(ต้อง)พึ่งพิง สารเคมี ยาปราบวัชพืช ยาปราบศัตรูพืช..ฯลฯ อีกทั้ง..ชาวนายังเป็นแหล่งสร้างรายได้ให้อุตสาหกรรมเคมีทางการเกษตรเป็นจำนวนเงินมหาศาล เป็นน้ำเลี้ยงระบบอุบาทว์นี้ ยืดเยื้อ ยาวนาน มานานตลอดนับร้อยปี สิ่งที่บิดเบือนธรรมชาติ..มีดังนี้ คือ 👉การไถหน้าดิน ซึ่งนักวิชาเกิน โม้..ว่าเป็นวิธีการทำให้ดินโปร่ง อากาศเข้าสู่รากพืชได้ดี..นั้น (ความจริง)เป็นหน้าที่ของระบบรากพืช ร่วมมือกับแมง แมลง ไส้เดือน และจุลินทรีย์ ทำหน้าที่ตามธรรมชาติอยู่แล้ว ค่ะ การไถยิ่งเป็นการหว่านรวมถึงการพลิกฟื้น(ช่วย)เมล็ดพันธุ์วัชพืชให้งอกได้ดีและมีจำนวนมากขึ้น. ➡ เคมีเกษตร(ขายดี) 👉 ประสบการณ์ที่ผ่านมา..พิสูจน์ว่า การใช้ปุ๋ยเคมี ทำให้พืชอ่อนแอ..ไม่ต้านทานโรค ➡ เคมีเกษตร(ขายดี) เป็นสาเหตุสำคัญของการลดลงของสิ่งที่มีชีวิตในดิน รวมถึงการลดลงของจุลินทรีย์ นั่นคือ..ทุกชีวิตในดิน(ตายเรียบ) นะคะ 👉สารเคมีฆ่าแมลง ทำให้สัตว์เล็กๆ คือ ตัวห้ำ ตัวเบียฬ ที่มีบทบาทในการควบคุมแมลง(ลดลง)และหอย หนู งู ปู ปลา สูญพันธุ์ไปด้วย ยิ่งใช้เคมี..แมลงยิ่งดื้อยาและเพิ่มจำนวนขึ้น เป็นซะ..ง๊าน ➡ เคมีเกษตร(ขายดี) 👉มีการเผาฟางเป็นการทำลายดิน..ดินสิ่งมีชีวิตและนิเวศน์ธรรมชาติ(ตายเรียบ) ที่ยากจะกลับคืนเป็นเหมือนเดิม เปรียบเสมือนกับเปิดโลกแห่งสารเคมีให้เจริญเติบโตบนแผ่นดินนี้.➡ เคมีเกษตร(ขายดี) 👉 การใช้ยากำจัดวัชพืช ทำให้วัชพืชตามธรรมชาติหายไป ซึ่งวัชพืชตามธรรมชาติเป็นพืชที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ดินและช่วยให้เกิดความ สมดุลในสิ่งแวดล้อมทางชีววิทยา (ตามหลักการพื้นฐาน) วัชพืชเป็นสิ่งที่ต้องควบคุม แต่ไม่ต้องกำจัด การใช้ฟางคลุม และปลูกพืชคลุมดินจำพวกถั่วปนไปกับพืชผล ตลอดจนการปล่อยน้ำเข้านาเป็นครั้งคราว เป็นวิธีควบคุมวัชพืชได้อย่างดีในนา..แว๊ว ค่ะ. 👉ข้าวเป็นพืชครึ่งบกครึ่งน้ำ การปลูกข้าวในน้ำทำให้ต้นข้าวต้องเสียพลังงานในการปรับตัวดูดซึมและการหายใจทางราก วิธีการปลูกข้าวที่ถูกต้องน่าจะเป็นแบบเปียกสลับแห้ง น่าจะเป็นคำตอบที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตในทุกช่วงวัยของข้าว เพราะว่าพิสูจน์แล้วว่า..แตกกอได้ดี ลำต้นอวบแข็งแรง ข้าวไม่ล้ม และผลผลิตสูงที่สุด. 👉 พันธุ์ข้าวดัดแปลง/ ลูกผสม จากบริษัทการเกษตรพันธสัญญายักษ์ใหญ่ ได้ถูกออกแบบให้สนองตอบต่อยาและสารเคมีที่กำหนดให้เท่านั้น ทำให้เกษตรกรถูกควบคุมเป็นตัวประกัน และแปรสภาพจากเจ้าของที่ดิน กลายเป็นลูกจ้างบนที่ดินเดิมนั้น. หากว่า..ชาวนา ไม่ปฏิวัติ หันมาผลิตข้าวนาเกษตรธรรมชาติ(ต้นทุนต่ำ) ร่วมกับทำสวนผสมให้มีรายได้เพิ่ม สม่ำเสมอทุกวัน ใช้จักรกลทางการเกษตรที่ลดค่าแรงงาน ลดความเสี่ยง เพิ่มรอบผลผลิต สุดท้าย..คือ สูญเสียที่ดินทำกิน.
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เปลี่ยนใจเพราะไปสัญญากับแฟนเพจ
    #ครบ1500ไลค์ก็จัดไป
    นิทาน ชาวนากับงูเหม็นจอมหงี่
    ตอน เปิดวังศรีธัญญ่ากับเทพหมา888
    กลางครั้งหนึ่ง ที่ไม่ย้อนในสามอีพีที่ผ่านมา
    วันนี้ เราไปเปิดวังศรีธัญญ่าที่ปัจุบัน เป็นที่รู้กันว่า มีเทพแม่เลี้ยงเดี่ยว
    ที่ไม่มีที่พึ่งพาทางใจอยู่ไม่ต่ำกว่า 70 เปอร์เซ็น
    หวังคำมโน จากเฒ่าจีมันทโน เพื่อชะโลมใจ โดยยอมแลกด้วย
    ด้วยพรที่มีแบบหมดหน้าตัก
    แต่ เทพตัวผู้ก็มี เช่น ไอ่ปี๋หน้าเห็ด ที่หลุดเข้าไปได้เพราะความกาก ความต่ำ เฒ่าจีมันทโน ดึงไปท่ามกลางเทพเป๋าหนัก เพื่อเป็นลูกมือในการทำอะไรก็ตามที่มันมีความเสี่ยง เพราะคนอย่างปี๋ พี่เหือ ทำได้ทุกอย่าง
    แต่วันนี้ เราจะพุ่งเป้ามาดูตัวละครลับ แต่เป็นตัวสำคัญในนิทานเรื่องนี้
    ที่ยังไม่มีใครเปิด แต่พี่คิงส์เปิดก่อนเลยไม่รอ เพราะตอนนี้ เทพตนนี้ใช้ทรัพยากรที่มี เล่นงานเพื่อนชาวนา ถึงกับบ้านปลิวไปหลายหลัง
    ขอให้แฟนเพจทุกท่าน ทำความรู้จักกับ เทพหมา888 เทพหมา เป็นการจำแลงกายมา จริงๆก็ไม่ได้อินอะไรกับบทบาทของอินังงูเหม็น แต่นี่คือช่องทางในการเปลี่ยนกงเต็กจากโลกแห่งความมืด ให้กลายเป็นเงินจริงในโลกมนุษย์
    -เทพหมา888 ก็คือมารหมา888 แค่เข้ามาฝังในวังศรีธัญญ่า เออ ออ ไปตามประสา และยังมีร่างทรงกองกอย ไว้ส่งของขวัญหนักๆ แบบไม่เปิดหน้า ในระหว่างการแข่งขันของนังงูพิษ
    -มารหมา888 เป็นเจ้าพ่อ ของโลกแห่งความมืด มีมารสีกากีอยู่เบื้องหลัง จึงรอดมาได้ถึงวันนี้ แต่ปัญหาก็คือ กงเต็กที่มี มันเอาออกมาไม่ได้ มีเป็นแสนล้าน ก็เหมือนไม่มี และช่วงที่ผ่านมา มีการสืบเส้นทางของกงเต็กหนักมาก ทำให้หลายธุรกิจที่สั่งให้ผีดิบเมืองมนุษ์ทำ เช่น การขายเกวียนมือสอง การซื้อวัง แม้กระทั่ง กลุ่มซุปเปอร์เกวียน ต้องเทกันจ้าระหวั่น เพื่อดึงเข้าสู่ระบบกงเต็กคืน ไม่งั้นบังลัย
    -เทพหมา888 ถึงจะยิ่งใหญ่ในโลกแห่งความมืด แต่ก็ยังมีจักรวาลแห่งความมืด ที่ยิ่งใหญ่กว่า โดยจักรวาลแห่งความมืด คือเจ้าของตัวจริงของวังศรีธัญญ่า โดยมีการสร้างบ้านหลังหนึ่ง ชื่อ เอเจนซ่า ไว้รวบรวมคนแบบ งูเหม็น เอาไว้สร้างการแข่งขัน เพื่อให้ ทั้งโลกและจักรวาลแห่งความมืด ใช้แทรกกงเต็กเข้าระบบ และเปลี่ยนเป็นเงินของโลกมนุษย์ให้สะอาด
    -มารหมา888 จึงวางโปรเจคใหญ่ ด้วยการเพิ่มปริมาณทรัพยากร ด้วยทุนทรัพย์ที่มหาศาลจากจักรวาลแห่งความมืด ระดมมารทั่วจักรวาลมาทำงานใหญ่ มีทั้งเครื่องมือเทพ ไว้สร้างผีกองกอย ได้จำนวนมหาศาล ไว้ปั่นป่วนทั้งภพเทพ และภพมนุษย์
    -ช่วงนี้ บ้านคนดีๆถูกพายุผี พัดบ้านปลิวไปทีละหลังสองหลัง
    โดยมี จีมันทโน นังเฒ่า สร้างวาทะกรรมว่า เพื่อนชาวนาหน้าหล่อ สงบปากสงบคำ ก็เพราะตาสว่าง แต่เบื้องหลัง ใช้ไอ่ปี๋หน้าเห็ด บัญชาการชั้นรอง ปักเป้านำผีนรกเป็นฝูงราว 500-2000 ตัว เข้าปะทะบ้านคนดีๆพร้อมกัน บ้านจึงปลิวไปอย่างน่าเสียดาย
    แต่ เรื่องนี้ ได้ถึงเง็กเซียน และได้ส่งทหารสวรรค์ เข้ามาตรวจสอบ
    แต่ความพยามอย่างไม่ลดละ ของจักรวาลแห่งความมืด มันก็อัดฉีดเต็มกำลัง เพราะทั้งทวีปมนุษย์สีขาว สีเหลือง สีดำ หรือหน้าคมเข้ม ต่างก็รู้แผนของโลกแห่งความมืด และขับไล่ออกจากดินแดน
    ดังนั้น โลกแห่งความอิสระนี่แหละ ที่เป็นเป้าหมาย
    เพราะเต็มไปด้วยจองหงวน และผู้มีอำนาจที่ช่อฉล
    พร้อมเปิดทางให้โลกและจักรวาลแห่งความมืด ได้ความง่ายดายในทุกแผน
    แต่ก็ยังมีจองหงวน และจอมยุทธทั่วหล้า ที่พร้อมจะยืนหยัด
    ไม่ใช่เพื่อช่วยเหลือชาวนาหน้าหล่อ 1 คนอีกต่อไป
    แต่มันคือการยืนหยัดเพื่อรักษาพิภพนี้
    เพราะเมื่อใด ที่โลกแห่งความอิสระ ถูกครอบด้วยวิถีมาร
    จากจักรวาลแห่งความมืด นั่นหมายถึงเราจะไม่สามารถย้อนเวลากลับไป
    จากจุดที่เคยอยู่กันอย่างผาสุขอีกเลย
    และนี่คือ อีพี 4
    ทั้งๆที่พี่คิงส์เอง ก็คิดว่าจะไม่ทำแล้ว อยากชนตรงๆ
    แต่มองดูสัญญา ที่ให้ไว้กับแฟนเพจ ก็ต้องทำ
    ไหนๆก็ทำแล้ว เพจคิงส์โพธิ์แดง
    ก็จะเปิดทั้งความจริงแบบตรงๆ
    และมีนิทานสนุกๆที่ไม่ได้อ้างอิงกับคนจริงๆ
    ไว้ให้แฟนเพจได้อ่านกัน
    ส่วนไอ่เฒ่าผู้คลั่งรักที่ฟันหน้าหายหมดแล้ว
    ปล่อยมันให้กลับคืนสู่ธรรมชาติ
    ระดับลิ่วล้อกากๆ ละไว้ก่อน ให้มันเพ้อไปว่ายิงแอดเป็นแล้ว
    ช่วงนี้ของเล่นหัวเท่านั้น รอติดตามอีพีห้าต่อไป
    เดี๋ยวหัวค่ำ จะทำเป็นนิทานเสียง ให้แฟนเพจที่ไม่ชอบอ่านยาวๆได้ฟังกัน
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #เปลี่ยนใจเพราะไปสัญญากับแฟนเพจ #ครบ1500ไลค์ก็จัดไป นิทาน ชาวนากับงูเหม็นจอมหงี่ ตอน เปิดวังศรีธัญญ่ากับเทพหมา888 กลางครั้งหนึ่ง ที่ไม่ย้อนในสามอีพีที่ผ่านมา วันนี้ เราไปเปิดวังศรีธัญญ่าที่ปัจุบัน เป็นที่รู้กันว่า มีเทพแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่ไม่มีที่พึ่งพาทางใจอยู่ไม่ต่ำกว่า 70 เปอร์เซ็น หวังคำมโน จากเฒ่าจีมันทโน เพื่อชะโลมใจ โดยยอมแลกด้วย ด้วยพรที่มีแบบหมดหน้าตัก แต่ เทพตัวผู้ก็มี เช่น ไอ่ปี๋หน้าเห็ด ที่หลุดเข้าไปได้เพราะความกาก ความต่ำ เฒ่าจีมันทโน ดึงไปท่ามกลางเทพเป๋าหนัก เพื่อเป็นลูกมือในการทำอะไรก็ตามที่มันมีความเสี่ยง เพราะคนอย่างปี๋ พี่เหือ ทำได้ทุกอย่าง แต่วันนี้ เราจะพุ่งเป้ามาดูตัวละครลับ แต่เป็นตัวสำคัญในนิทานเรื่องนี้ ที่ยังไม่มีใครเปิด แต่พี่คิงส์เปิดก่อนเลยไม่รอ เพราะตอนนี้ เทพตนนี้ใช้ทรัพยากรที่มี เล่นงานเพื่อนชาวนา ถึงกับบ้านปลิวไปหลายหลัง ขอให้แฟนเพจทุกท่าน ทำความรู้จักกับ เทพหมา888 เทพหมา เป็นการจำแลงกายมา จริงๆก็ไม่ได้อินอะไรกับบทบาทของอินังงูเหม็น แต่นี่คือช่องทางในการเปลี่ยนกงเต็กจากโลกแห่งความมืด ให้กลายเป็นเงินจริงในโลกมนุษย์ -เทพหมา888 ก็คือมารหมา888 แค่เข้ามาฝังในวังศรีธัญญ่า เออ ออ ไปตามประสา และยังมีร่างทรงกองกอย ไว้ส่งของขวัญหนักๆ แบบไม่เปิดหน้า ในระหว่างการแข่งขันของนังงูพิษ -มารหมา888 เป็นเจ้าพ่อ ของโลกแห่งความมืด มีมารสีกากีอยู่เบื้องหลัง จึงรอดมาได้ถึงวันนี้ แต่ปัญหาก็คือ กงเต็กที่มี มันเอาออกมาไม่ได้ มีเป็นแสนล้าน ก็เหมือนไม่มี และช่วงที่ผ่านมา มีการสืบเส้นทางของกงเต็กหนักมาก ทำให้หลายธุรกิจที่สั่งให้ผีดิบเมืองมนุษ์ทำ เช่น การขายเกวียนมือสอง การซื้อวัง แม้กระทั่ง กลุ่มซุปเปอร์เกวียน ต้องเทกันจ้าระหวั่น เพื่อดึงเข้าสู่ระบบกงเต็กคืน ไม่งั้นบังลัย -เทพหมา888 ถึงจะยิ่งใหญ่ในโลกแห่งความมืด แต่ก็ยังมีจักรวาลแห่งความมืด ที่ยิ่งใหญ่กว่า โดยจักรวาลแห่งความมืด คือเจ้าของตัวจริงของวังศรีธัญญ่า โดยมีการสร้างบ้านหลังหนึ่ง ชื่อ เอเจนซ่า ไว้รวบรวมคนแบบ งูเหม็น เอาไว้สร้างการแข่งขัน เพื่อให้ ทั้งโลกและจักรวาลแห่งความมืด ใช้แทรกกงเต็กเข้าระบบ และเปลี่ยนเป็นเงินของโลกมนุษย์ให้สะอาด -มารหมา888 จึงวางโปรเจคใหญ่ ด้วยการเพิ่มปริมาณทรัพยากร ด้วยทุนทรัพย์ที่มหาศาลจากจักรวาลแห่งความมืด ระดมมารทั่วจักรวาลมาทำงานใหญ่ มีทั้งเครื่องมือเทพ ไว้สร้างผีกองกอย ได้จำนวนมหาศาล ไว้ปั่นป่วนทั้งภพเทพ และภพมนุษย์ -ช่วงนี้ บ้านคนดีๆถูกพายุผี พัดบ้านปลิวไปทีละหลังสองหลัง โดยมี จีมันทโน นังเฒ่า สร้างวาทะกรรมว่า เพื่อนชาวนาหน้าหล่อ สงบปากสงบคำ ก็เพราะตาสว่าง แต่เบื้องหลัง ใช้ไอ่ปี๋หน้าเห็ด บัญชาการชั้นรอง ปักเป้านำผีนรกเป็นฝูงราว 500-2000 ตัว เข้าปะทะบ้านคนดีๆพร้อมกัน บ้านจึงปลิวไปอย่างน่าเสียดาย แต่ เรื่องนี้ ได้ถึงเง็กเซียน และได้ส่งทหารสวรรค์ เข้ามาตรวจสอบ แต่ความพยามอย่างไม่ลดละ ของจักรวาลแห่งความมืด มันก็อัดฉีดเต็มกำลัง เพราะทั้งทวีปมนุษย์สีขาว สีเหลือง สีดำ หรือหน้าคมเข้ม ต่างก็รู้แผนของโลกแห่งความมืด และขับไล่ออกจากดินแดน ดังนั้น โลกแห่งความอิสระนี่แหละ ที่เป็นเป้าหมาย เพราะเต็มไปด้วยจองหงวน และผู้มีอำนาจที่ช่อฉล พร้อมเปิดทางให้โลกและจักรวาลแห่งความมืด ได้ความง่ายดายในทุกแผน แต่ก็ยังมีจองหงวน และจอมยุทธทั่วหล้า ที่พร้อมจะยืนหยัด ไม่ใช่เพื่อช่วยเหลือชาวนาหน้าหล่อ 1 คนอีกต่อไป แต่มันคือการยืนหยัดเพื่อรักษาพิภพนี้ เพราะเมื่อใด ที่โลกแห่งความอิสระ ถูกครอบด้วยวิถีมาร จากจักรวาลแห่งความมืด นั่นหมายถึงเราจะไม่สามารถย้อนเวลากลับไป จากจุดที่เคยอยู่กันอย่างผาสุขอีกเลย และนี่คือ อีพี 4 ทั้งๆที่พี่คิงส์เอง ก็คิดว่าจะไม่ทำแล้ว อยากชนตรงๆ แต่มองดูสัญญา ที่ให้ไว้กับแฟนเพจ ก็ต้องทำ ไหนๆก็ทำแล้ว เพจคิงส์โพธิ์แดง ก็จะเปิดทั้งความจริงแบบตรงๆ และมีนิทานสนุกๆที่ไม่ได้อ้างอิงกับคนจริงๆ ไว้ให้แฟนเพจได้อ่านกัน ส่วนไอ่เฒ่าผู้คลั่งรักที่ฟันหน้าหายหมดแล้ว ปล่อยมันให้กลับคืนสู่ธรรมชาติ ระดับลิ่วล้อกากๆ ละไว้ก่อน ให้มันเพ้อไปว่ายิงแอดเป็นแล้ว ช่วงนี้ของเล่นหัวเท่านั้น รอติดตามอีพีห้าต่อไป เดี๋ยวหัวค่ำ จะทำเป็นนิทานเสียง ให้แฟนเพจที่ไม่ชอบอ่านยาวๆได้ฟังกัน #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 866 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเขียนข้อความยาว 1,000 คำถือเป็นวิธีที่ดีในการพัฒนาความคิดและการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ การเขียนไม่เพียงแต่ช่วยให้เราแสดงออกถึงความคิดของเราเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจในเรื่องราวหรือประเด็นที่เราต้องการสื่อสารด้วย

    ในบทความนี้ เราจะพูดถึงหัวข้อการเขียนที่น่าสนใจ โดยเราจะเลือกหัวข้อที่หลากหลายเพื่อให้คุณสามารถใช้เป็นแนวทางในการเขียนข้อความขนาดยาว

    ## การเขียนบทความเกี่ยวกับการพัฒนาตนเอง

    การพัฒนาตนเองเป็นหัวข้อที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคปัจจุบัน เราอยู่ในสังคมที่ต้องการพัฒนาและปรับปรุงตนเองอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการงาน การศึกษา หรือแม้แต่ในเรื่องส่วนตัว หากเราสามารถสร้างนิสัยที่ดีและมีวินัยในการดำเนินชีวิต เราก็จะสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน

    หนึ่งในวิธีการพัฒนาตนเองคือการตั้งเป้าหมายในชีวิตและพยายามทำตามเป้าหมายนั้นอย่างต่อเนื่อง การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้เรามีแรงจูงใจในการทำงานและมีทิศทางในการดำเนินชีวิต ซึ่งจะทำให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้น

    นอกจากนี้ การฝึกฝนความคิดเชิงบวกและการจัดการกับความเครียดก็เป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาตนเอง เราควรพยายามมองโลกในแง่ดีและเรียนรู้ที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาโดยไม่ท้อแท้ การคิดในแง่บวกจะช่วยให้เรามีสุขภาพจิตที่ดี และสามารถจัดการกับความเครียดในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ## การเขียนบทความเกี่ยวกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม

    ในยุคที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมมีบทบาทสำคัญต่อชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น เราสามารถเลือกเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจถึงความสำคัญของเทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน

    ตัวอย่างเช่น การพัฒนา AI (ปัญญาประดิษฐ์) ที่มีผลกระทบต่อการทำงานในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น การแพทย์ การศึกษา การผลิต และการบริการ AI สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลดข้อผิดพลาดจากมนุษย์ และทำให้การทำงานรวดเร็วขึ้น

    อีกหัวข้อหนึ่งที่น่าสนใจคือเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ที่มีบทบาทสำคัญในวงการการเงิน เทคโนโลยีนี้มีความโปร่งใส ปลอดภัย และสามารถใช้ในกระบวนการทำธุรกรรมต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องมีตัวกลาง เช่น ธนาคาร ทำให้บล็อกเชนได้รับความสนใจอย่างมากในวงการการเงินและการค้าทั่วโลก

    นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาของอินเทอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง (Internet of Things หรือ IoT) ที่ทำให้สิ่งของต่างๆ สามารถเชื่อมต่อกันผ่านอินเทอร์เน็ตได้ เช่น สมาร์ทโฮม (Smart Home) ที่สามารถควบคุมอุปกรณ์ในบ้านผ่านสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์เชื่อมต่ออื่นๆ การเชื่อมต่อที่ง่ายและสะดวกนี้ทำให้เราสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ## การเขียนบทความเกี่ยวกับสุขภาพและการออกกำลังกาย

    สุขภาพเป็นหัวข้อที่สำคัญไม่แพ้กันในยุคปัจจุบัน เราควรให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพทั้งกายและใจ การออกกำลังกายเป็นหนึ่งในวิธีการที่ดีที่สุดในการรักษาสุขภาพ การออกกำลังกายสม่ำเสมอไม่เพียงแต่ทำให้ร่างกายแข็งแรง แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และโรคอ้วน

    การออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องซับซ้อน เราสามารถเริ่มต้นด้วยการเดินหรือวิ่งเบาๆ ทุกวันเพียง 30 นาที นอกจากนี้ การทำโยคะหรือพิลาทิสก็เป็นทางเลือกที่ดีในการสร้างความยืดหยุ่นและเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ

    อาหารก็เป็นปัจจัยสำคัญในการดูแลสุขภาพ เราควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และสมดุล เช่น ผักผลไม้ โปรตีน และไขมันดี การลดการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูงจะช่วยให้เรามีสุขภาพดีขึ้นในระยะยาว

    ## การเขียนบทความเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกลายเป็นเรื่องที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) เป็นปัญหาที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และส่งผลกระทบต่อธรรมชาติและสภาพแวดล้อมทั่วโลก

    หนึ่งในวิธีการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งสามารถทำได้โดยการใช้พลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม หรือพลังงานจากน้ำ นอกจากนี้ การลดการใช้พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งก็เป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการลดปริมาณขยะและรักษาทรัพยากรธรรมชาติ

    การปลูกต้นไม้และการอนุรักษ์ป่าไม้ก็เป็นวิธีหนึ่งในการช่วยฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ต้นไม้สามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และปล่อยออกซิเจน ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญในการรักษาสมดุลของระบบนิเวศ

    ## การเขียนบทความเกี่ยวกับการศึกษาและการเรียนรู้

    การศึกษาเป็นสิ่งที่สำคัญมากในชีวิตของคนทุกคน การเรียนรู้ไม่จำกัดเพียงในห้องเรียนเท่านั้น แต่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดชีวิต เราสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ การอ่านหนังสือ หรือการฟังจากผู้รู้

    หนึ่งในหัวข้อที่น่าสนใจเกี่ยวกับการศึกษาคือการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ในยุคปัจจุบัน เช่น การเรียนออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังจากการระบาดของ COVID-19 การเรียนออนไลน์ทำให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้จากที่บ้าน และสามารถเข้าถึงแหล่งความรู้จากทั่วโลกได้ง่ายขึ้น

    อีกหัวข้อหนึ่งที่ควรกล่าวถึงคือการศึกษาด้านทักษะใหม่ๆ ในยุคดิจิทัล เช่น การเขียนโปรแกรม การวิเคราะห์ข้อมูล หรือการออกแบบกราฟิก ทักษะเหล่านี้เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานในยุคปัจจุบัน การเรียนรู้และพัฒนาทักษะเหล่านี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำงานและการพัฒนาตนเองในระยะยาว

    ## สรุป

    การเขียนข้อความ 1,000 คำอาจดูเหมือนเป็นงานที่ยาก แต่ถ้าเราแบ่งหัวข้อและวางแผนการเขียนอย่างดี ก็จะทำให้เราสามารถเขียนได้อย่างมีประสิทธิภาพและน่าสนใจ

    thaittimes
    #thaitimes #thai
    "thaitimes"
    การเขียนข้อความยาว 1,000 คำถือเป็นวิธีที่ดีในการพัฒนาความคิดและการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ การเขียนไม่เพียงแต่ช่วยให้เราแสดงออกถึงความคิดของเราเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจในเรื่องราวหรือประเด็นที่เราต้องการสื่อสารด้วย ในบทความนี้ เราจะพูดถึงหัวข้อการเขียนที่น่าสนใจ โดยเราจะเลือกหัวข้อที่หลากหลายเพื่อให้คุณสามารถใช้เป็นแนวทางในการเขียนข้อความขนาดยาว ## การเขียนบทความเกี่ยวกับการพัฒนาตนเอง การพัฒนาตนเองเป็นหัวข้อที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคปัจจุบัน เราอยู่ในสังคมที่ต้องการพัฒนาและปรับปรุงตนเองอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการงาน การศึกษา หรือแม้แต่ในเรื่องส่วนตัว หากเราสามารถสร้างนิสัยที่ดีและมีวินัยในการดำเนินชีวิต เราก็จะสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน หนึ่งในวิธีการพัฒนาตนเองคือการตั้งเป้าหมายในชีวิตและพยายามทำตามเป้าหมายนั้นอย่างต่อเนื่อง การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้เรามีแรงจูงใจในการทำงานและมีทิศทางในการดำเนินชีวิต ซึ่งจะทำให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ การฝึกฝนความคิดเชิงบวกและการจัดการกับความเครียดก็เป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาตนเอง เราควรพยายามมองโลกในแง่ดีและเรียนรู้ที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาโดยไม่ท้อแท้ การคิดในแง่บวกจะช่วยให้เรามีสุขภาพจิตที่ดี และสามารถจัดการกับความเครียดในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ## การเขียนบทความเกี่ยวกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม ในยุคที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมมีบทบาทสำคัญต่อชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น เราสามารถเลือกเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจถึงความสำคัญของเทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น การพัฒนา AI (ปัญญาประดิษฐ์) ที่มีผลกระทบต่อการทำงานในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น การแพทย์ การศึกษา การผลิต และการบริการ AI สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลดข้อผิดพลาดจากมนุษย์ และทำให้การทำงานรวดเร็วขึ้น อีกหัวข้อหนึ่งที่น่าสนใจคือเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ที่มีบทบาทสำคัญในวงการการเงิน เทคโนโลยีนี้มีความโปร่งใส ปลอดภัย และสามารถใช้ในกระบวนการทำธุรกรรมต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องมีตัวกลาง เช่น ธนาคาร ทำให้บล็อกเชนได้รับความสนใจอย่างมากในวงการการเงินและการค้าทั่วโลก นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาของอินเทอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง (Internet of Things หรือ IoT) ที่ทำให้สิ่งของต่างๆ สามารถเชื่อมต่อกันผ่านอินเทอร์เน็ตได้ เช่น สมาร์ทโฮม (Smart Home) ที่สามารถควบคุมอุปกรณ์ในบ้านผ่านสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์เชื่อมต่ออื่นๆ การเชื่อมต่อที่ง่ายและสะดวกนี้ทำให้เราสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ## การเขียนบทความเกี่ยวกับสุขภาพและการออกกำลังกาย สุขภาพเป็นหัวข้อที่สำคัญไม่แพ้กันในยุคปัจจุบัน เราควรให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพทั้งกายและใจ การออกกำลังกายเป็นหนึ่งในวิธีการที่ดีที่สุดในการรักษาสุขภาพ การออกกำลังกายสม่ำเสมอไม่เพียงแต่ทำให้ร่างกายแข็งแรง แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และโรคอ้วน การออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องซับซ้อน เราสามารถเริ่มต้นด้วยการเดินหรือวิ่งเบาๆ ทุกวันเพียง 30 นาที นอกจากนี้ การทำโยคะหรือพิลาทิสก็เป็นทางเลือกที่ดีในการสร้างความยืดหยุ่นและเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ อาหารก็เป็นปัจจัยสำคัญในการดูแลสุขภาพ เราควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และสมดุล เช่น ผักผลไม้ โปรตีน และไขมันดี การลดการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูงจะช่วยให้เรามีสุขภาพดีขึ้นในระยะยาว ## การเขียนบทความเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกลายเป็นเรื่องที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) เป็นปัญหาที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และส่งผลกระทบต่อธรรมชาติและสภาพแวดล้อมทั่วโลก หนึ่งในวิธีการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งสามารถทำได้โดยการใช้พลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม หรือพลังงานจากน้ำ นอกจากนี้ การลดการใช้พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งก็เป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการลดปริมาณขยะและรักษาทรัพยากรธรรมชาติ การปลูกต้นไม้และการอนุรักษ์ป่าไม้ก็เป็นวิธีหนึ่งในการช่วยฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ต้นไม้สามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และปล่อยออกซิเจน ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญในการรักษาสมดุลของระบบนิเวศ ## การเขียนบทความเกี่ยวกับการศึกษาและการเรียนรู้ การศึกษาเป็นสิ่งที่สำคัญมากในชีวิตของคนทุกคน การเรียนรู้ไม่จำกัดเพียงในห้องเรียนเท่านั้น แต่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดชีวิต เราสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ การอ่านหนังสือ หรือการฟังจากผู้รู้ หนึ่งในหัวข้อที่น่าสนใจเกี่ยวกับการศึกษาคือการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ในยุคปัจจุบัน เช่น การเรียนออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังจากการระบาดของ COVID-19 การเรียนออนไลน์ทำให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้จากที่บ้าน และสามารถเข้าถึงแหล่งความรู้จากทั่วโลกได้ง่ายขึ้น อีกหัวข้อหนึ่งที่ควรกล่าวถึงคือการศึกษาด้านทักษะใหม่ๆ ในยุคดิจิทัล เช่น การเขียนโปรแกรม การวิเคราะห์ข้อมูล หรือการออกแบบกราฟิก ทักษะเหล่านี้เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานในยุคปัจจุบัน การเรียนรู้และพัฒนาทักษะเหล่านี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำงานและการพัฒนาตนเองในระยะยาว ## สรุป การเขียนข้อความ 1,000 คำอาจดูเหมือนเป็นงานที่ยาก แต่ถ้าเราแบ่งหัวข้อและวางแผนการเขียนอย่างดี ก็จะทำให้เราสามารถเขียนได้อย่างมีประสิทธิภาพและน่าสนใจ thaittimes #thaitimes #thai "thaitimes"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 937 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาแล้วววว……ติ่งขา……อาลีนาที่หนูอยากได้……รบเป็นรบ รักเป็นรักนะ พี่ปูเนี่ยยย……!!!

    ตอนสิบแปด……ประวัติศาสตร์ที่ซ้ำแล้วซ้ำอีกเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ……รัสเซียทุบทุกงาน…!!!

    ในที่สุดปูตินแก้ความสงสัยให้กับทุกคน…หลังจากที่พรรคของเขาได้รับคะแนนถล่มทะลายในสภาตอนเลือกตั้งผู้แทนเข้าสภาในปลายปี ว่า…แคนดิเดทที่จะขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป คือ Dmitry Medvedev
    ส่วนตัวเขาจะไปนั่งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน……
    ซึ่งเป็นแผนงานที่รู้กันเพียงไม่กี่คน……
    แต่ในแวดวงข้างนอก……ไม่มีใครคาดคิดถึงเรื่องนี้ ทุกคนคิดว่า ปูตินจะต้องลงจากอำนาจ ……และ คนที่จะมาเป็นประธานาธิบดี น่าจะเป็นคนใดคนหนึ่ง เช่น Mikhail Fradkov (นายกรัฐมนตรี)

    ฝ่ายตรงข้ามเริ่มขุดคุ้ย โจมตีปูตินด้วยการลงข่าวดิสเครดิตรายวัน เช่นเมื่อ วันที่ 11 เมษายน 2008 สามอาทิตย์ก่อนที่เมดเดเวฟจะขึ้นทำพิธีสาบานตน
    หนังสือพิมพ์รายวันของมอสโคว์ ในคอลัมน์ของ Sergei Topol
    ได้กระแซะด้วยข้อความแบบซุบซิบเล็กๆเพียง 641 คำ……
    แต่มันเหมือนระเบิดลงในสนามข่าว ที่ไตเติ้ลเขียนว่า
    “The Sarkozy Syndrome” หรือ อาการโรคซาร์โกซี่ระบาด
    คือ นาย Nicholas Sarkozy คือประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่มากรัก
    เขาแต่งงาน แล้วหย่า แล้วแต่ง แล้วหย่า ที่เพิ่งหย่าไปกับภรรยาคนที่สาม ประธานาธิบดีปูตินของเรามั่นคงกับภรรยาเดียวมาตลอดการครองตำแหน่งผู้นำ……แต่เมื่อท่านจะไม่ได้เป็นประธานาธิบดีแล้ว……บางอย่างอาจเปลี่ยนไปก็ได้..”

    ข่าวนี้กระเทือนไปทั่ว ทั้งความอยากรู้ของประชาชนและคนในแวดวงการเมือง
    เพราะมันก็คือความจริง……ที่ปูตินได้หย่ากับลุดมิลาไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา……และที่เป็นรู้กันในวงในว่า เขามีแผนที่จะแต่งงานใหม่กับ Alina Kabayeva ยิมนาสติกเหรียญทองที่เป็นขวัญใจของประชาชนในเดือนมิถุนายน
    และได้เข้ามามีบทบาททางการเมืองมาตั้งแต่ปี 2002
    ในช่วงการหาเสียงของ 2007 เธอก็ยังปรากฎตัวในที่ต่างๆพร้อมๆกับกลุ่มแถวหน้าของพรรค

    ตั้งแต่ปี 2000 ที่ปูตินได้เป็นประธานาธิบดี เขาได้เก็บทุกอย่างเกี่ยวกับครอบครัวไว้เป็นความลับ
    ลูกสาวทั้งสองคนได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างส่วนตัว เงียบๆมีหน่วยอารักขาตลอดเวลา ไม่มีการออกข่าวใดๆ
    ทั้งคู่เรียนดนตรีที่ปูตินชอบ คือ ไวโอลินและเปียโน และได้ทำเพลงบรรจุซีดีให้พ่อไว้ฟัง……นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาเพลินเพลินในยามว่าง และก่อนนอน
    ลุดมิลา……ไม่เคยชอบชีวิตของการเป็นจุดสนใจ เธอทำหน้าที่ของสตรีหมายเลขหนึ่งในการเดินทางต่างประเทศกับปูติน
    แต่เมื่อกลับมาอยู่ในรัสเซีย เธอทำงานทางด้านการสอนภาษาให้กับโครงการชาวรัสเซียชนบทที่อยู่ชายแดนของประเทศที่ถูกเฉือนออกไปเมื่อโซเวียตล่มสลาย
    ทั้งคู่ใช้ชีวิตด้วยกันแบบความกลไกของครอบครัวรัสเชี่ยนทั่วไป……แต่นับวันยิ่งห่างเหิน……

    ปูตินตามที่ลุดมิลาเลยปรับทุกข์ให้เพื่อนฟัง คือ มีแอบเจ้าชู้
    เคยพานักข่าวสาวสวยไปทานอาหารกลางวันเมื่อครั้งที่เริ่มฉายแสงในการเมืองมอสโคว์
    แต่…ไม่มีใครกล้าลงในดีเทล เพราะในยุคนั้นท่านผู้นำจะต้องไม่มีเรื่องด่างพล้อยใดๆในชีวิตครอบครัว
    แต่มาถึงยุคที่เป็นข่าว……ตอนนั้นโลกเปลี่ยนไป เพราะผู้นำแต่ละคนล้วนแล้วแต่จี๊ดจ๊าด นอกจากซาร์โกซี่ แล้วยังมี
    บิล คลินตัน ตามด้วยสุดๆคือ Vaclav Havel ประธานาธิบดีแห่ง Czech Republic (ในตำแหน่ง 1993-2003) ที่พอเมียตายปุ๊บ ก็แต่งงานใหม่กับดาราแม่หม้ายที่มีบทหวือหวาโป๊เปลือยในปีต่อมาทันที แล้วเอามาปั้นแต่งให้เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งท่ามกลางความไม่พอใจของประชาชน……

    หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปของข่าวที่ร้อนแรง ปูตินได้ไปเยือนอิตาลี
    และนักข่าวอิตาเลี่ยนได้ยิงคำถามนี้ขึ้นมา ว่า จริงเท็จประการใด?
    ปูตินที่เคยปิดปากสนิทเลี่ยงที่จะไม่พูดต่อไปไม่ได้ เขาตอบว่า
    “ทุกอย่างที่คุณได้ข่าวมา ไม่ใช่ความจริง ในเรื่องที่ลูกๆผมได้ย้ายไปอยู่ที่เยอรมัน แล้วเรื่องผู้หญิง……ผมไม่ปฏิเสธว่าผมชอบผู้หญิงรัสเซีย เพราะผู้หญิงของเราเก่งกาจและสวยที่สุด..
    เรียกว่า เทียบได้กับสาวๆอิตาเลี่ยนได้เลย……”
    ตอนนี้นักข่าวสาวอิตาเลี่ยนปรบมือแบบถูกอกถูกใจ
    เขาพูดต่อไปว่า…
    “แต่ในเมื่อผมเป็นนักการเมือง ชีวิตก็เหมือนกับอยู่ในบ้านเรือนแก้ว ที่ใครๆก็มองเห็นได้ แต่มันก็ควรที่จะมีขอบเขตของ
    ความเป็นส่วนตัวบ้าง ในตรงนี้…ผมขอ……ขอมีชีวิตส่วนตัวที่เป็นอิสระเหมือนกับคนอื่นๆ…เรามาคุยเรื่องอื่นที่น่าสนใจดีกว่า เช่นสงครามในเชเชน…โอเค๊..!!!”

    ในวันเดียวกันนั้นที่เขากลับไปยังรัสเซีย…หนังสือพิมพ์เจ้ากรรมที่เป็นต้นตอข่าว ได้ประกาศปิดตัวลงเพราะสภาพคล่อง……
    แต่ไม่มีใครเชื่อว่านั่นคือสาเหตุ…!!!!

    ไม่มีใครรู้ว่า ความสัมพันธ์ของปูตินกับอาลีนานั้นลึกซึ้งขนาดไหน แต่ดูได้จากระดับที่เธอก้าวขึ้นมาจากนักยิมเหรียญทองสู่เส้นสายทางการเมืองที่รุ่งขึ้นไปทุกที ในการเข้าเป็นกรรมการบอร์ดในหลายที่ เช่นธนาคาร, สื่อโทรทัศน์และสิ่งพิมพ์
    และเป็นกำลังสำคัญในการประสานงานของกีฬาโอลิมปิคใน Sochi ที่จะมาถึง

    เมื่อ Medvedev ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี
    ปูตินก็เปรียบเสมือนเติ้งเสี่ยวผิงของจีน ที่เป็นมันสมองทั้งหมดของพรรคในช่วงห้าปีสุดท้ายของการอยู่ในตำแหน่งที่ได้พลิกผันประเทศจีนให้เจริญรุ่งเรืองอย่างที่เห็นในทุกวันนี้

    แต่ก่อนอื่น…ปูนินต้องจัดการกับเรื่องข่าวที่กวนใจก่อน โดยงานแรกของเมดเวเดพที่จะต้องทำคือ ออกกฎหมายเรื่องของการหมิ่นประมาทโดยสื่อที่ทำให้เสี่ยมเสียชื่อเสียง มีการเพิ่มโทษทั้งปรับทั้งจำขั้นสูงสุด

    ในวันที่ 7 สิงหาคม 2008 ที่ประธานาธิบดีคนใหม่หมาดๆเพียงสามอาทิตย์กำลังไปพักผ่อนล่องเรือที่ Volga River ในเขตเมือง Kazan
    ตอนตีหนึ่งของวันที่ 8 เขาได้รับโทรศัพท์ด่วนจากกลาโหมว่า
    Mikhail Saakachvili ประธานาธิบดีสาธารณรัฐ Georgia (โปรตะวันตก) ได้ส่งทหารทำการบุกพื้นที่ทางใต้ คือ South Ossetia ซึ่งอยู่ในเขตของจอร์เจียตามแผนที่ แต่ประกาศตัวเป็นเอกราชไม่ขึ้นกับจอร์เจีย เพราะโปรรัสเซีย
    รวมทั้ง เขต Abkhazia ทางฝั่งทะเลดำก็เช่นกัน ตามแผนที่ว

    เรื่องความขัดแย้งนี้เป็นมานานหลายปีแล้ว แต่มาประทุในตอนนี้เพราะ Mikhail Saakachvili (จะเรียกว่า MS) คิดว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะลงมือเพราะปูตินไม่ได้เป็นปธน. แล้ว
    และเมดเวเดพก็ไม่น่าจะมีน้ำยาอะไร……หนุ่มใสซื่อ ที่
    ฟังแต่เพลงร๊อค
    ทันที่ที่ทราบข่าว…เมดเวเดพรีบติดต่อถึงปูติน แต่เป็นช่วงที่ปูตินได้จากมอสโคว์ไปยังเบจิง เพื่อไปร่วมในงานเปิดกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน พร้อมๆกับผู้นำชาติอื่นๆเช่น บุช
    จึงยังติดต่อไม่ได้……เขาไม่กล้าที่จะตัดสินใจอะไรลงไป
    จนทางผู้บัญชาการทหารบกได้โทรมาบอกว่า ตอนนี้ค่ายทหารของเราได้ถูกโจมตีหนัก
    เขาจึงตัดสินใจตอบไปว่า…”ส่งกำลังเข้าบุกเดี๋ยวนี้…!!!”

    กองทัพรัสเซียที่รอฟังคำสั่งมาสองวัน จึงถาโถมเข้าพร้อมกันทั้งบกและอากาศเข้าตีทุกทาง…
    ข่าวได้ถึงปูตินหลังจากที่รัสเซียเคลื่อนทัพสู่จอร์เจีย
    สิ่งแรกคือ.……เขาโกรธ MS แบบหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่บังอาจใช้เวลาที่เขาเดินทางไกล……เข้าดำเนินการ
    และฉุนเมดเวเดฟที่ไม่ทำการวางแผนทำศึก สั่งบุกแบบสั้นๆ
    ปรากฏว่า กองทัพอากาศรัสเซียได้เข้าโจมตีถล่มไปถึงเขตอื่นๆในจอร์เจียเป็นวงกว้างเกินจำเป็น

    ประธานาธิบดีบุชก็ได้ข่าวการโจมตีเช่นกัน (ด้วยความยินดี เพราะอเมริกาอยู่เบื้องหลังในการนี้) รีบมากระซิบปูตินด้วยท่าทางอิ่มเอมใจว่า….เราจะอยู่เคียงข้างพวกเขา
    “พวกเขา” บุชหมายถึง จอร์เจีย……
    ที่รัสเซียรู้อยู่เต็มอกว่า อเมริกาได้อยู่เบื้องหลังของรัฐบาล MS
    มีการฝึกทหารร่วมกัน และ สัญญาในเรื่องเข้าสู่ NATO เพื่อที่จะเข้ามาแทรกแซงรัสเซีย

    แต่สิ่งที่ MS ไม่รู้ว่า การที่เอาอกเอาใจอเมริกาถึงขั้นส่งทหารไปช่วยรบในอิรักนั้น……เสียเปล่า……
    เรื่องที่ อเมริกาหรือนาโต้จะเข้ามาช่วยทำสงครามกับรัสเซียเพื่อจอร์เจียนั้น……เป็นความฝันล้วนๆ
    ในช่วงพิธีเปิดงานใน “ Bird Nest” สเตเดี้ยม……บุชและล่ามได้ขอเลื่อนตัวมานั่งใกล้ๆกับปูติน ทักทายกับตามปรกติ
    บุชเอียงหน้ามากระซิบว่า
    “ผมได้ข่าวมาว่า MS เป็นคนเลือดร้อน คราวนี้ถ้าจะเอาจริง”
    “เหรอ…งั้นก็เหมือนผมเลย เลือดร้อนเหมือนกัน ร้อนระเบิดเลย”
    “ใครบอก……นายเป็นคน “เลือดเย็น” ต่างหาก” บุชประชด……

    วันรุ่งขึ้น ปูตินบินกลับรัสเซีย แต่ไม่ใช่มอสโคว์ เขาไปที่ North Ossetia ที่กองทัพตั้งศูนย์บัญชาการอยู่ และคราวนี้คือการตัดสินใจขั้นเด็ดขาด คือ ยึดคืนดินแดนในส่วนนี้อย่างเด็ดขาด
    ทางจอร์เจียที่หวังว่า นาโต้และอเมริกาจะมาช่วย เพราะเคยได้ให้ความหวังไว้ถึงขั้นมาช่วยฝึกให้ ……ไม่เห็นมา..!!
    เลยต้องร้องขอไป.……
    สิ่งที่อเมริกาทำได้ คือ……จัดเที่ยวบินส่งทหารจอร์เจียสองพันคนที่ไปช่วยในอิรักกลับมา……และเพิ่มอาวุธแถมมาให้อีกนิดหน่อย
    และให้เที่ยวบินนั้น……รับทหารอเมริกันที่มาช่วยฝึกที่ตกค้างอยู่กลับไป.……โดยอ้างว่า……ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้ง
    กองทัพรัสเซียตีหนักไปถึงยังเมืองหลวง Tbilisi ที่ในที่สุด
    MD ต้องยอมขอเจรจาสงบศึก…
    ผลคือ จอร์เจียต้องรับรองเอกราชของสองเขต South Ossetia
    และ Abkhazia และต้องเอาโทษกับประธานาธิบดี MS
    โดยประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซาร์โกซี่มาเป็นตัวกลางเจรจา
    ในขณะที่คน “เลือดเย็น” กำลังกัดกราม ว่า……
    “มันจะต้องถูกแขวนคอสถานเดียว”

    ซาร์โกซี่รีบค้าน…
    “อย่าถึงขึ้นเอาโทษกับ MS เลย เพราะเขาได้รับเลือกตั้งมา ประชาชนชาวโลกจะคิดอย่างไร?
    ปูตินย้อนทันทีว่า……
    “ก็แล้วไง……อเมริกายังแขวนคอซัดดัม ฮุสเซนได้เลยนี่…!!!”
    แต่ทางฝรั่งเศสได้มีลิ้นเจรจาทางการทูต ได้สยบอารมณ์ของปูตินว่า……
    “แล้วนายอยากจะให้ชื่อมีจดจำในประวัติศาสตร์แบบบุชพ่อ
    บุชลูกหรือ..?!!

    สรุปว่า ดินแดนทั้งสองส่วนนี้ เป็นเอกราชจากจอร์เจีย มีประธานาธิบดีของตัวเอง (แต่ในความสนับสนุนของรัสเซีย) รัสเซียถอนทหารออกจากพื้นที่……
    ทั้งหมดใช้เวลารบเพียง ห้าวัน……(รวมเจรจาด้วย 12 วัน คือ 1-12 สิงหาคม 2008)

    ~~เรื่องราวของจอร์เจีย คือ หนังที่ฉายซ้ำกับยูเครนในตอนนี้ และถ้าอเมริกาได้สร้างตัวอย่างว่าช่วยเหลือจริงจังกับจอร์เจียถึงขึ้นทำสงครามกับรัสเซีย……หลายคนเชื่อว่า ปูตินคงต้องคิดหนักในการยึดไครเมีย……

    ในช่วงปลายปีนั้น ทางอเมริกาได้มีประธานาธิบดีคนใหม่ คือ Barack Obama อันเป็นสิ้นสุดของบุช
    ซึ่งทางเมดเวเดฟ……ได้ออกแถลงการณ์อย่างหนักแน่นว่า
    สงครามในจอร์เจียคือผลพวงของการแทรกแซงของอเมริกาที่พยายามจะเข้ามาตั้งฐานทัพในพื้นที่รอบรัสเซีย และ มันเป็นการผลักดันที่รัสเซียจะต้องตอบโต้ด้วยการสร้างฐานนิวเคลียร์ที่ Kaliningrad

    หลังจากสงครามจอร์เจีย……เศรษฐกิจของรัสเซียบูมขึ้นมาในทุกอย่าง พลังงานราคาขึ้น ส่งออกทุกชนิดตั้งแต่โลหะ อาหารจนถึงเฟอร์นิเจอร์ จนรัสเซียได้จ่ายหนี้ได้หมด รวมทั้งมีเงินในคลังเป็นแสนๆล้าน และเงินคงคลังอีกจำนวนมหาศาล

    แต่นั่นคือ….แสงสว่างก่อนที่พายุมืดคล้ำกำลังจะเข้ามา…ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน….!!!

    Wiwanda W. Vichit
    มาแล้วววว……ติ่งขา……อาลีนาที่หนูอยากได้……รบเป็นรบ รักเป็นรักนะ พี่ปูเนี่ยยย……!!! ตอนสิบแปด……ประวัติศาสตร์ที่ซ้ำแล้วซ้ำอีกเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ……รัสเซียทุบทุกงาน…!!! ในที่สุดปูตินแก้ความสงสัยให้กับทุกคน…หลังจากที่พรรคของเขาได้รับคะแนนถล่มทะลายในสภาตอนเลือกตั้งผู้แทนเข้าสภาในปลายปี ว่า…แคนดิเดทที่จะขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป คือ Dmitry Medvedev ส่วนตัวเขาจะไปนั่งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน…… ซึ่งเป็นแผนงานที่รู้กันเพียงไม่กี่คน…… แต่ในแวดวงข้างนอก……ไม่มีใครคาดคิดถึงเรื่องนี้ ทุกคนคิดว่า ปูตินจะต้องลงจากอำนาจ ……และ คนที่จะมาเป็นประธานาธิบดี น่าจะเป็นคนใดคนหนึ่ง เช่น Mikhail Fradkov (นายกรัฐมนตรี) ฝ่ายตรงข้ามเริ่มขุดคุ้ย โจมตีปูตินด้วยการลงข่าวดิสเครดิตรายวัน เช่นเมื่อ วันที่ 11 เมษายน 2008 สามอาทิตย์ก่อนที่เมดเดเวฟจะขึ้นทำพิธีสาบานตน หนังสือพิมพ์รายวันของมอสโคว์ ในคอลัมน์ของ Sergei Topol ได้กระแซะด้วยข้อความแบบซุบซิบเล็กๆเพียง 641 คำ…… แต่มันเหมือนระเบิดลงในสนามข่าว ที่ไตเติ้ลเขียนว่า “The Sarkozy Syndrome” หรือ อาการโรคซาร์โกซี่ระบาด คือ นาย Nicholas Sarkozy คือประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่มากรัก เขาแต่งงาน แล้วหย่า แล้วแต่ง แล้วหย่า ที่เพิ่งหย่าไปกับภรรยาคนที่สาม ประธานาธิบดีปูตินของเรามั่นคงกับภรรยาเดียวมาตลอดการครองตำแหน่งผู้นำ……แต่เมื่อท่านจะไม่ได้เป็นประธานาธิบดีแล้ว……บางอย่างอาจเปลี่ยนไปก็ได้..” ข่าวนี้กระเทือนไปทั่ว ทั้งความอยากรู้ของประชาชนและคนในแวดวงการเมือง เพราะมันก็คือความจริง……ที่ปูตินได้หย่ากับลุดมิลาไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา……และที่เป็นรู้กันในวงในว่า เขามีแผนที่จะแต่งงานใหม่กับ Alina Kabayeva ยิมนาสติกเหรียญทองที่เป็นขวัญใจของประชาชนในเดือนมิถุนายน และได้เข้ามามีบทบาททางการเมืองมาตั้งแต่ปี 2002 ในช่วงการหาเสียงของ 2007 เธอก็ยังปรากฎตัวในที่ต่างๆพร้อมๆกับกลุ่มแถวหน้าของพรรค ตั้งแต่ปี 2000 ที่ปูตินได้เป็นประธานาธิบดี เขาได้เก็บทุกอย่างเกี่ยวกับครอบครัวไว้เป็นความลับ ลูกสาวทั้งสองคนได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างส่วนตัว เงียบๆมีหน่วยอารักขาตลอดเวลา ไม่มีการออกข่าวใดๆ ทั้งคู่เรียนดนตรีที่ปูตินชอบ คือ ไวโอลินและเปียโน และได้ทำเพลงบรรจุซีดีให้พ่อไว้ฟัง……นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาเพลินเพลินในยามว่าง และก่อนนอน ลุดมิลา……ไม่เคยชอบชีวิตของการเป็นจุดสนใจ เธอทำหน้าที่ของสตรีหมายเลขหนึ่งในการเดินทางต่างประเทศกับปูติน แต่เมื่อกลับมาอยู่ในรัสเซีย เธอทำงานทางด้านการสอนภาษาให้กับโครงการชาวรัสเซียชนบทที่อยู่ชายแดนของประเทศที่ถูกเฉือนออกไปเมื่อโซเวียตล่มสลาย ทั้งคู่ใช้ชีวิตด้วยกันแบบความกลไกของครอบครัวรัสเชี่ยนทั่วไป……แต่นับวันยิ่งห่างเหิน…… ปูตินตามที่ลุดมิลาเลยปรับทุกข์ให้เพื่อนฟัง คือ มีแอบเจ้าชู้ เคยพานักข่าวสาวสวยไปทานอาหารกลางวันเมื่อครั้งที่เริ่มฉายแสงในการเมืองมอสโคว์ แต่…ไม่มีใครกล้าลงในดีเทล เพราะในยุคนั้นท่านผู้นำจะต้องไม่มีเรื่องด่างพล้อยใดๆในชีวิตครอบครัว แต่มาถึงยุคที่เป็นข่าว……ตอนนั้นโลกเปลี่ยนไป เพราะผู้นำแต่ละคนล้วนแล้วแต่จี๊ดจ๊าด นอกจากซาร์โกซี่ แล้วยังมี บิล คลินตัน ตามด้วยสุดๆคือ Vaclav Havel ประธานาธิบดีแห่ง Czech Republic (ในตำแหน่ง 1993-2003) ที่พอเมียตายปุ๊บ ก็แต่งงานใหม่กับดาราแม่หม้ายที่มีบทหวือหวาโป๊เปลือยในปีต่อมาทันที แล้วเอามาปั้นแต่งให้เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งท่ามกลางความไม่พอใจของประชาชน…… หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปของข่าวที่ร้อนแรง ปูตินได้ไปเยือนอิตาลี และนักข่าวอิตาเลี่ยนได้ยิงคำถามนี้ขึ้นมา ว่า จริงเท็จประการใด? ปูตินที่เคยปิดปากสนิทเลี่ยงที่จะไม่พูดต่อไปไม่ได้ เขาตอบว่า “ทุกอย่างที่คุณได้ข่าวมา ไม่ใช่ความจริง ในเรื่องที่ลูกๆผมได้ย้ายไปอยู่ที่เยอรมัน แล้วเรื่องผู้หญิง……ผมไม่ปฏิเสธว่าผมชอบผู้หญิงรัสเซีย เพราะผู้หญิงของเราเก่งกาจและสวยที่สุด.. เรียกว่า เทียบได้กับสาวๆอิตาเลี่ยนได้เลย……” ตอนนี้นักข่าวสาวอิตาเลี่ยนปรบมือแบบถูกอกถูกใจ เขาพูดต่อไปว่า… “แต่ในเมื่อผมเป็นนักการเมือง ชีวิตก็เหมือนกับอยู่ในบ้านเรือนแก้ว ที่ใครๆก็มองเห็นได้ แต่มันก็ควรที่จะมีขอบเขตของ ความเป็นส่วนตัวบ้าง ในตรงนี้…ผมขอ……ขอมีชีวิตส่วนตัวที่เป็นอิสระเหมือนกับคนอื่นๆ…เรามาคุยเรื่องอื่นที่น่าสนใจดีกว่า เช่นสงครามในเชเชน…โอเค๊..!!!” ในวันเดียวกันนั้นที่เขากลับไปยังรัสเซีย…หนังสือพิมพ์เจ้ากรรมที่เป็นต้นตอข่าว ได้ประกาศปิดตัวลงเพราะสภาพคล่อง…… แต่ไม่มีใครเชื่อว่านั่นคือสาเหตุ…!!!! ไม่มีใครรู้ว่า ความสัมพันธ์ของปูตินกับอาลีนานั้นลึกซึ้งขนาดไหน แต่ดูได้จากระดับที่เธอก้าวขึ้นมาจากนักยิมเหรียญทองสู่เส้นสายทางการเมืองที่รุ่งขึ้นไปทุกที ในการเข้าเป็นกรรมการบอร์ดในหลายที่ เช่นธนาคาร, สื่อโทรทัศน์และสิ่งพิมพ์ และเป็นกำลังสำคัญในการประสานงานของกีฬาโอลิมปิคใน Sochi ที่จะมาถึง เมื่อ Medvedev ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ปูตินก็เปรียบเสมือนเติ้งเสี่ยวผิงของจีน ที่เป็นมันสมองทั้งหมดของพรรคในช่วงห้าปีสุดท้ายของการอยู่ในตำแหน่งที่ได้พลิกผันประเทศจีนให้เจริญรุ่งเรืองอย่างที่เห็นในทุกวันนี้ แต่ก่อนอื่น…ปูนินต้องจัดการกับเรื่องข่าวที่กวนใจก่อน โดยงานแรกของเมดเวเดพที่จะต้องทำคือ ออกกฎหมายเรื่องของการหมิ่นประมาทโดยสื่อที่ทำให้เสี่ยมเสียชื่อเสียง มีการเพิ่มโทษทั้งปรับทั้งจำขั้นสูงสุด ในวันที่ 7 สิงหาคม 2008 ที่ประธานาธิบดีคนใหม่หมาดๆเพียงสามอาทิตย์กำลังไปพักผ่อนล่องเรือที่ Volga River ในเขตเมือง Kazan ตอนตีหนึ่งของวันที่ 8 เขาได้รับโทรศัพท์ด่วนจากกลาโหมว่า Mikhail Saakachvili ประธานาธิบดีสาธารณรัฐ Georgia (โปรตะวันตก) ได้ส่งทหารทำการบุกพื้นที่ทางใต้ คือ South Ossetia ซึ่งอยู่ในเขตของจอร์เจียตามแผนที่ แต่ประกาศตัวเป็นเอกราชไม่ขึ้นกับจอร์เจีย เพราะโปรรัสเซีย รวมทั้ง เขต Abkhazia ทางฝั่งทะเลดำก็เช่นกัน ตามแผนที่ว เรื่องความขัดแย้งนี้เป็นมานานหลายปีแล้ว แต่มาประทุในตอนนี้เพราะ Mikhail Saakachvili (จะเรียกว่า MS) คิดว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะลงมือเพราะปูตินไม่ได้เป็นปธน. แล้ว และเมดเวเดพก็ไม่น่าจะมีน้ำยาอะไร……หนุ่มใสซื่อ ที่ ฟังแต่เพลงร๊อค ทันที่ที่ทราบข่าว…เมดเวเดพรีบติดต่อถึงปูติน แต่เป็นช่วงที่ปูตินได้จากมอสโคว์ไปยังเบจิง เพื่อไปร่วมในงานเปิดกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน พร้อมๆกับผู้นำชาติอื่นๆเช่น บุช จึงยังติดต่อไม่ได้……เขาไม่กล้าที่จะตัดสินใจอะไรลงไป จนทางผู้บัญชาการทหารบกได้โทรมาบอกว่า ตอนนี้ค่ายทหารของเราได้ถูกโจมตีหนัก เขาจึงตัดสินใจตอบไปว่า…”ส่งกำลังเข้าบุกเดี๋ยวนี้…!!!” กองทัพรัสเซียที่รอฟังคำสั่งมาสองวัน จึงถาโถมเข้าพร้อมกันทั้งบกและอากาศเข้าตีทุกทาง… ข่าวได้ถึงปูตินหลังจากที่รัสเซียเคลื่อนทัพสู่จอร์เจีย สิ่งแรกคือ.……เขาโกรธ MS แบบหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่บังอาจใช้เวลาที่เขาเดินทางไกล……เข้าดำเนินการ และฉุนเมดเวเดฟที่ไม่ทำการวางแผนทำศึก สั่งบุกแบบสั้นๆ ปรากฏว่า กองทัพอากาศรัสเซียได้เข้าโจมตีถล่มไปถึงเขตอื่นๆในจอร์เจียเป็นวงกว้างเกินจำเป็น ประธานาธิบดีบุชก็ได้ข่าวการโจมตีเช่นกัน (ด้วยความยินดี เพราะอเมริกาอยู่เบื้องหลังในการนี้) รีบมากระซิบปูตินด้วยท่าทางอิ่มเอมใจว่า….เราจะอยู่เคียงข้างพวกเขา “พวกเขา” บุชหมายถึง จอร์เจีย…… ที่รัสเซียรู้อยู่เต็มอกว่า อเมริกาได้อยู่เบื้องหลังของรัฐบาล MS มีการฝึกทหารร่วมกัน และ สัญญาในเรื่องเข้าสู่ NATO เพื่อที่จะเข้ามาแทรกแซงรัสเซีย แต่สิ่งที่ MS ไม่รู้ว่า การที่เอาอกเอาใจอเมริกาถึงขั้นส่งทหารไปช่วยรบในอิรักนั้น……เสียเปล่า…… เรื่องที่ อเมริกาหรือนาโต้จะเข้ามาช่วยทำสงครามกับรัสเซียเพื่อจอร์เจียนั้น……เป็นความฝันล้วนๆ ในช่วงพิธีเปิดงานใน “ Bird Nest” สเตเดี้ยม……บุชและล่ามได้ขอเลื่อนตัวมานั่งใกล้ๆกับปูติน ทักทายกับตามปรกติ บุชเอียงหน้ามากระซิบว่า “ผมได้ข่าวมาว่า MS เป็นคนเลือดร้อน คราวนี้ถ้าจะเอาจริง” “เหรอ…งั้นก็เหมือนผมเลย เลือดร้อนเหมือนกัน ร้อนระเบิดเลย” “ใครบอก……นายเป็นคน “เลือดเย็น” ต่างหาก” บุชประชด…… วันรุ่งขึ้น ปูตินบินกลับรัสเซีย แต่ไม่ใช่มอสโคว์ เขาไปที่ North Ossetia ที่กองทัพตั้งศูนย์บัญชาการอยู่ และคราวนี้คือการตัดสินใจขั้นเด็ดขาด คือ ยึดคืนดินแดนในส่วนนี้อย่างเด็ดขาด ทางจอร์เจียที่หวังว่า นาโต้และอเมริกาจะมาช่วย เพราะเคยได้ให้ความหวังไว้ถึงขั้นมาช่วยฝึกให้ ……ไม่เห็นมา..!! เลยต้องร้องขอไป.…… สิ่งที่อเมริกาทำได้ คือ……จัดเที่ยวบินส่งทหารจอร์เจียสองพันคนที่ไปช่วยในอิรักกลับมา……และเพิ่มอาวุธแถมมาให้อีกนิดหน่อย และให้เที่ยวบินนั้น……รับทหารอเมริกันที่มาช่วยฝึกที่ตกค้างอยู่กลับไป.……โดยอ้างว่า……ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้ง กองทัพรัสเซียตีหนักไปถึงยังเมืองหลวง Tbilisi ที่ในที่สุด MD ต้องยอมขอเจรจาสงบศึก… ผลคือ จอร์เจียต้องรับรองเอกราชของสองเขต South Ossetia และ Abkhazia และต้องเอาโทษกับประธานาธิบดี MS โดยประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซาร์โกซี่มาเป็นตัวกลางเจรจา ในขณะที่คน “เลือดเย็น” กำลังกัดกราม ว่า…… “มันจะต้องถูกแขวนคอสถานเดียว” ซาร์โกซี่รีบค้าน… “อย่าถึงขึ้นเอาโทษกับ MS เลย เพราะเขาได้รับเลือกตั้งมา ประชาชนชาวโลกจะคิดอย่างไร? ปูตินย้อนทันทีว่า…… “ก็แล้วไง……อเมริกายังแขวนคอซัดดัม ฮุสเซนได้เลยนี่…!!!” แต่ทางฝรั่งเศสได้มีลิ้นเจรจาทางการทูต ได้สยบอารมณ์ของปูตินว่า…… “แล้วนายอยากจะให้ชื่อมีจดจำในประวัติศาสตร์แบบบุชพ่อ บุชลูกหรือ..?!! สรุปว่า ดินแดนทั้งสองส่วนนี้ เป็นเอกราชจากจอร์เจีย มีประธานาธิบดีของตัวเอง (แต่ในความสนับสนุนของรัสเซีย) รัสเซียถอนทหารออกจากพื้นที่…… ทั้งหมดใช้เวลารบเพียง ห้าวัน……(รวมเจรจาด้วย 12 วัน คือ 1-12 สิงหาคม 2008) ~~เรื่องราวของจอร์เจีย คือ หนังที่ฉายซ้ำกับยูเครนในตอนนี้ และถ้าอเมริกาได้สร้างตัวอย่างว่าช่วยเหลือจริงจังกับจอร์เจียถึงขึ้นทำสงครามกับรัสเซีย……หลายคนเชื่อว่า ปูตินคงต้องคิดหนักในการยึดไครเมีย…… ในช่วงปลายปีนั้น ทางอเมริกาได้มีประธานาธิบดีคนใหม่ คือ Barack Obama อันเป็นสิ้นสุดของบุช ซึ่งทางเมดเวเดฟ……ได้ออกแถลงการณ์อย่างหนักแน่นว่า สงครามในจอร์เจียคือผลพวงของการแทรกแซงของอเมริกาที่พยายามจะเข้ามาตั้งฐานทัพในพื้นที่รอบรัสเซีย และ มันเป็นการผลักดันที่รัสเซียจะต้องตอบโต้ด้วยการสร้างฐานนิวเคลียร์ที่ Kaliningrad หลังจากสงครามจอร์เจีย……เศรษฐกิจของรัสเซียบูมขึ้นมาในทุกอย่าง พลังงานราคาขึ้น ส่งออกทุกชนิดตั้งแต่โลหะ อาหารจนถึงเฟอร์นิเจอร์ จนรัสเซียได้จ่ายหนี้ได้หมด รวมทั้งมีเงินในคลังเป็นแสนๆล้าน และเงินคงคลังอีกจำนวนมหาศาล แต่นั่นคือ….แสงสว่างก่อนที่พายุมืดคล้ำกำลังจะเข้ามา…ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน….!!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇰🇵🇺🇦 เกาหลีเหนือกล่าวว่า 🤣ประธานาธิบดีเซเลนสกีของยูเครนเป็นนักแสดงที่รับบทบาทของเขาได้ดี ในบทภาพยนตร์ที่เขียนโดยสหรัฐฯ🤣
    .
    🇰🇵🇺🇦 North Korea says Ukrainian President Zelensky is an actor who plays his role well in the US-written screenplay.
    .
    8:58 AM · Sep 28, 2024 · 167.1K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1839847048645927200
    🇰🇵🇺🇦 เกาหลีเหนือกล่าวว่า 🤣ประธานาธิบดีเซเลนสกีของยูเครนเป็นนักแสดงที่รับบทบาทของเขาได้ดี ในบทภาพยนตร์ที่เขียนโดยสหรัฐฯ🤣 . 🇰🇵🇺🇦 North Korea says Ukrainian President Zelensky is an actor who plays his role well in the US-written screenplay. . 8:58 AM · Sep 28, 2024 · 167.1K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1839847048645927200
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ขอแก้ไขข้อมูลเพื่อความเป็นธรรมแด่โจมณฑนี
    #โจมณฑนีจบวุฒิมอห้านั่นไม่เป็นความจริง
    จากเมื่อวานนี้ เพจคิงส์โพธิ์แดงได้นำเสนอข้อมูล
    ที่มีความผิดพลาด กรณี โจ มณฑนี จบเพียงวุฒิม.5
    ซึ่งข้อมูลลักษณะนี้ มีความจำเป็นต้องถูกต้องและแม่นยำ
    เพราะที่ผ่านมา โจ มักอ้างว่าข้อมูลทางเพจ ไม่จริง
    ด้วยบทบาทของคุณ โจ มณฑนี ที่ผู้เป็นแฟนคลับ
    ของ กามิน นักแสดงตต.ชาวเกาหลี ให้ความเคารพนับถืออย่างยิ่ง
    ทางเพจคิงส์โพธิ์แดง จึงมีข้อมูลส่วนสำคัญที่ต้องแก้ไขคือ
    จากการที่ทางเพจ ได้ให้ข้อมูลว่า
    โจมณฑนี จบวุฒิการศึกษาม.5 นั้น เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
    เนื่องจาก ประวัติการศึกษาของ โจ
    โจเรียนถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งเรียนไม่จบเทอมแรก
    และการออกวุฒิการศึกษา ไม่มีวุฒิม.5
    หากจะให้ข้อมูลนี้ถูกต้องจริงๆก็
    คือ
    #โจมณฑนี
    #ไม่ได้จบวุฒิมอห้า
    #แต่โจได้รับวุฒิการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่3เท่านั้น
    จึงเรียนมาเพื่อทราบ
    และแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง
    ขออภัยในความผิดพลาด
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ขอแก้ไขข้อมูลเพื่อความเป็นธรรมแด่โจมณฑนี #โจมณฑนีจบวุฒิมอห้านั่นไม่เป็นความจริง จากเมื่อวานนี้ เพจคิงส์โพธิ์แดงได้นำเสนอข้อมูล ที่มีความผิดพลาด กรณี โจ มณฑนี จบเพียงวุฒิม.5 ซึ่งข้อมูลลักษณะนี้ มีความจำเป็นต้องถูกต้องและแม่นยำ เพราะที่ผ่านมา โจ มักอ้างว่าข้อมูลทางเพจ ไม่จริง ด้วยบทบาทของคุณ โจ มณฑนี ที่ผู้เป็นแฟนคลับ ของ กามิน นักแสดงตต.ชาวเกาหลี ให้ความเคารพนับถืออย่างยิ่ง ทางเพจคิงส์โพธิ์แดง จึงมีข้อมูลส่วนสำคัญที่ต้องแก้ไขคือ จากการที่ทางเพจ ได้ให้ข้อมูลว่า โจมณฑนี จบวุฒิการศึกษาม.5 นั้น เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจาก ประวัติการศึกษาของ โจ โจเรียนถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งเรียนไม่จบเทอมแรก และการออกวุฒิการศึกษา ไม่มีวุฒิม.5 หากจะให้ข้อมูลนี้ถูกต้องจริงๆก็ คือ #โจมณฑนี #ไม่ได้จบวุฒิมอห้า #แต่โจได้รับวุฒิการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่3เท่านั้น จึงเรียนมาเพื่อทราบ และแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง ขออภัยในความผิดพลาด #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1195 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอนสิบห้า……พี่ปูเค้าเหมือนมีสิบมือ…รับได้หมดทุกงาน……ติ่งว่ามะ………!!!!!!!

    หลังจากที่ปูตินได้กล่าวแสดงความเสียใจกับโศกนาฏกรรมที่ ได้เกิดขึ้นที่ Beslan ในวันที่ 4 กันยายน (2004)

    ค่ำคืนของวันที่ 5 Viktor Yushchenko ตัวเต็งในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดียูเครนได้เดินทางไปแบบอำพรางตัว
    ไปนัดเจรจากับ นายพล Igor Smeshko ผู้อำนวยการ SBU
    (เทียบเท่ากับ FSB ของรัสเซีย)
    เจ้าภาพที่เป็นทั้งเชฟเตรียมอาหาร คือ รองผู้อำนวยการ SBU
    Volodymyr Satsyuk ที่มีเมนูคือ สลัดกุ้ง พร้อม เบียร์ วอดก้า คอนยัค
    ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย วิตเตอร์กลับถึงบ้านเวลาตีสองของวันต่อมา
    พอสายๆ……เขารู้สึกตัวว่าไม่สบาย ปวดหัวปานระเบิด ไล่ลงมาถึงไขสันหลัง หน้าตาหล่อๆของเขาเริ่มเปลี่ยนสี และมีตุ่มขึ้นเหมือนฝีดาษไปทั่วไปหน้า เจ็บปวดไปทั้งตัว
    วิคเตอร์รู้ได้ทันทีว่าเขาโดนยาพิษ จึงรีบบินไปออสเตรีย ในวันที่ 10 เพื่อเข้ารับการรักษา
    ซึ่งยืนยันแน่นอนว่า เขาได้รับสาร Dioxin เข้าไปเป็นจำนวนมาก จากอาหารอย่างแน่นอน

    การเลือกตั้งจะมีขึ้นในวันที่ 31 ตุลาคม ที่ประชาชนล้วนแต่อยากจะเปลี่ยนประธานาธิบดีเต็มที่ เพราะนาย Leonid Kuchma ได้นั่งอยู่ในตำแหน่งมานานนับสิบปี เพราะตั้งแต่ 1994 ที่ได้รับเลือกมาเพื่อที่จะจัดระเบียบให้กับยูเครนที่ถือว่าเป็นประเทศใหม่เอี่ยม
    แต่ที่ไหนได้……ยูเครนได้กลายมาเป็นแหล่งคอร์รัปชั่นที่ใหญ่ที่สุด ตามมาด้วย อาชญากรรม และ การค้าของเถื่อน
    ยูเครนเป็นพื้นที่ที่ใหญ่เป็นที่สองของโซเวียต เป็นแหล่งเพาะปลูก แหล่งอุตสาหกรรม ที่บอบช้ำมาตั้งแต่สมัยสตาลิน
    เพราะเพียงแค่แสดงความจำนงค์ว่าอยากจะเป็นเอกเทศเพียงเบาๆ
    สตาลินได้สั่งสอนด้วยวิธียึดอาหารออกไปจากพื้นที่ทั้งหมด จนเกิดเป็นการล้างเผ่าพันธุ์ด้วยวิธีให้อดตาย (Holodomor)
    พอสงครามโลกครั้งที่สอง ยูเครนก็คือสนามรบหน้าด่านในการต้านนาซี ที่สูญเสียทหารไปกว่าสามล้านนาย (หนึ่งในหกของประชากร)
    นี่คือ……ความเจ็บฝังใจของชาวยูเครน

    แต่……นั่นก็คือส่วนหนึ่ง เพราะในพื้นที่ตามภูมิศาสตร์พร้อมประวัติศาสตร์แล้ว ยูเครนก็คือสลาพเผ่าพันธุ์เดียวกันกับรัสเซีย ที่ประชาชนยังถือเป็นพี่เป็นน้องกัน ฝั่งที่ใกล้กับรัสเซียก็ยังสวามิภักดิ์กับรัสเซีย
    ส่วนยูเครเนี่ยนสมัยประชาธิปไตยเบิกบาน ก็มองไกลไปถึงตะวันตก และ ยิ่งเห็นเพื่อนบ้านอย่าง Lithuania, Latvia, Estonia เดินตบแถวเข้าเป็นสมาชิกนาโต้
    และได้เป็นสมาชิกอียูที่แสนโก้หรูอีกเล่า………
    นั่นน่าจะเป็นอนาคตที่สดใสกว่า……ดีไม่ดี……สักวันหนึ่งอาจจะล้มช้างอย่างรัสเซียได้ด้วย

    ประธานาธิบดี Kuchma รู้ดีว่าการเมืองของยูเครนมีทั้งสองฝั่ง
    เขาจึงพยายามเหยียบไว้ทั้งสองแคม เอาใจรัสเซีย และ เป็นมิตรกับนาโต้ ถึงขนาดส่งทหารไปช่วยรบในอิรัค เพื่อล้มล้างซัดดัม ฮุดเซน
    แต่คุชมา……ทำได้แค่หันไปทางทิศทางลม เขาไม่มีความมุ่งมั่นและความสามารถในการที่ควบคุมคน
    ดังนั้น รัฐบาลของคุชมา จึงกลายเป็นสนามเล่นของเหล่ามาเฟียการเมืองที่เข้ามากอบโกยแบบแบ่งกันกิน แบ่งกันใช้

    ดังนั้น จากฐานทางการเมืองที่อ่อนยวบยาบ ประชาธิปไตยที่ยูเครนอยากได้ จึงแทบเป็นไปไม่ได้ ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งเข้ามา
    ฝ่ายตรงข้ามได้ตีกระหน่ำในเรื่องคดีฆาตกรรมนักข่าวคนสำคัญ Georgy Gongadez ที่ถูกอุ้มฆ่าเพราะตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับรัฐบาล เป็นการฆาตกรรมที่มีหลักฐานทิ้งไว้ให้สาวถึงตัวได้มากมาย
    ถึงแม้ว่าคุชมาจะปฎิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ความนิยมของเขาได้ลดลงฮวบฮาบ
    ทุกคนได้เกรงว่า……เขาอาจเปลี่ยนรัฐธรรมนูญหาช่องว่างเพื่อที่จะนั่งในตำแหน่งต่อไป
    การเมืองยูเครนในช่วงนั้น จึงต้องเล่นงานประธานาธิบดีคุชมาแบบถาโถมในทุกเม็ด……จนเขาขยับตัวทำอะไรอื่นไม่ได้
    นอกจากที่จะต้องยอมรับสภาพ……

    ปูตินเฝ้าดูการเป็นไปของยูเครนอย่างใกล้ชิด และไม่ใช่ยูเครนอย่างเดียว เขาได้เกาะติดกับการเมืองที่ Georgia ด้วย
    Georgia เป็นประเทศที่แตกออกไปจากการล่มสลายของโซเวียต (1991) อยู่ทางชายคอเคซัส ที่มีประชากรเพียงห้าล้านคน Eduard Shevardnadze
    เป็นประธานาธิบดี ที่เคยเป็นอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของโซเวียตมาก่อน เขาเป็นหนึ่งในคนสนิทของกอร์บาเชฟ ที่กว่าจะมาเป็นประธานาธิบดีได้ ในปี 1995 ก็ผ่านการลอบสังหารมาถึงสามครั้ง
    ประธานาธิบดี เอดวารด์ กำลังจะหมดวาระในปี 2003
    เดือนพฤศจิกายน มีการก่อหวอดต่อต้าน (ด้วยเกรงว่าจะมีการสืบทอดอำนาจจากรัสเซีย) กลุ่มผู้ต่อต้านออกมาเนืองแน่นบนท้องถนน
    และบุกเข้าไปในสถานที่ราชการ นำโดย Mikhail Saakashvili
    (ที่มี George Soros สนับสนุนทุนอยู่เบื้องหลัง)
    เอดวารด์ ได้โทรหาปูตินเพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งปูตินได้ส่ง
    ให้ Igor Ivanov บินไปที่เมืองหลวง Tbilisi เพื่อไปดูไม่ให้เกิดเป็นสงครามกลางเมือง
    แต่……ปูตินไม่ต้องการโศกนาฏกรรมติดๆกันหลายรายการจนเกินไป เขาจึงสั่งให้แค่สังเกตุการณ์อย่างใกล้ชิด
    ในที่สุด……เอดวารด์ จึงยอมลาออกเพื่อรักษาความสงบ

    ในเดือนมกราคม 2004 จอร์เจียจึงมีประธานาธิบดีคนใหม่ คือ Mikhail Saakashvili ที่คิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตยที่ใหญ่คับฟ้า สิ่งแรกที่เขาทำคือ บินไปมอสโคว์เพื่อที่จะเจรจาหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องการเมืองกับปูติน
    ซึ่ง……เขาไม่รู้เลยว่า ทางรัสเซียได้จัดอันดับ จอร์เจีย เทียบเท่ากับยูเครน
    อันดับนั้นคือ……พวกสวามิภักดิ์ตะวันตก

    แต่ปูตินไม่ได้เห็นว่า จอร์เจียเป็นสิ่งที่กังวล(ในตอนนั้น) เพราะเขาพุ่งเป้าไปที่ยูเครนมากกว่า เพราะยูเครนเป็นพื้นที่ที่ก่อเกิดของเลือดเนื้อรัสเซียในปัจจุบัน เมื่อครั้งสมัย Vladimir the Great ที่รับศาสนาคริสเตียนเข้ามาในปี 988
    ซาร์วลาดิเมียร์ ได้ตั้งชื่อดินแดนส่วนนี้ว่า Ukraine ที่แปลว่า
    ขอบเขตแดน
    ขอบเขตแดนนี้ได้เปลี่ยนไปมาตามสถานการณ์โลก โปแลนด์เคยล้ำเข้ามาในสมัย Austro-Hungarian , สตาลินได้นำกลับคืนในการทำสนธิสัญญากับฮิตเลอร์ (1939) และยูเครนก็คือส่วนหนึ่งของโซเวียต (Ukraine Soviet Socialist) เป็นเช่นนั้นจน ประธานาธิบดี ครุสเชพ ได้มอบดินแดนเพิ่มให้ คือ ไครเมีย
    ในปี 1954
    ไม่มีใครเคยคาดคิดว่า……สักวันหนึ่ง ยูเครน พร้อมด้วยไครเมียจะหลุดลอยไปจากความเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย

    ในเดือน กรกฎาคม 2004 สามเดือนก่อนที่ยูเครนจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี
    ปูตินได้บินไปที่Yalta (ไครเมีย) เพื่อพบปะกับ Kuchma (ประธานาธิบดี) และ Viktor Yanukovych (นายกรัฐมนตรี)
    ที่พระราชวัง Livadia (ที่เคยเป็นที่พบปะ ระหว่าง เชอร์ชิลล์,
    สตาลิน และ รูสเวลส์)
    ปูตินได้เตือนและกดดันให้คุชมาเลิกทำตัวสอพลอกับพวกตะวันตก โดยเฉพาะกับ NATO ที่ค่อยๆก้าวล่วงเข้ามาทุกที จากที่เป็นชาติสมาชิก 19 ตอนนี้มาเป็น 26 นอกจากจะเก็บกลุ่มยุโรปตะวันออกแล้ว ยังคืบมากวาดเอาฝั่งบอลติกไปด้วย
    ที่ปูตินคิดว่า……น่าจะหยุดได้เพียงแค่นั้น……แต่นี่กำลังมุ่งหน้ามาที่จอร์เจียและยูเครน….ที่เขาจะจะไม่ทนอีกต่อไป!!
    และถ้าจะหมายถึงสงคราม………เขาก็ยินดี………!!!
    ปูตินยังย้ำเสมอว่า ในสัญญาของลูกผู้ชาย ที่กลุ่มนาโต้ได้บอกกับกอร์บาเชพในปี 1989 ว่า นาโต้จะไม่ก้าวคืบเข้าไปในอาณาจักรที่เป็นของโซเวียตแม้แต่คืบเดียว

    มันเป็นคำสั่งที่เป็นการตบหัวทิ่ม แต่ก็มีการลูบหลัง นั่นคือ
    รัสเซีย-ยูเครนจะตั้งบริษัทพลังงานขึ้นมา ชื่อว่า RosUkrEnergo ที่ไม่ชี้แจงชัดว่าใครคือเข้าของ แต่ Gazprom
    จะเป็นเจ้าของครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่ง เป็นเจ้าของโดยผ่านนอมินี
    คือ Raiffeisen International Bank (อยู่ที่ Switzerland)
    ในการดำเนินงานส่งก๊าสผ่านท่อไปขายที่ยุโรปผ่านยูเครน……

    เมื่อคุชมากำลังจะหมดสิ้นวาระ ตัวเต็ง Viktor Andriyovych Yushchenko (จะเรียกว่า VAY เขาเป็นฝ่ายโปรตะวันตก) ก็มาโดนยาพิษที่เร่งทำการรักษากันแบบพลิกตำรา
    เขาได้ประกาศให้ทั่วโลกได้รับรู้ว่า เขาได้รับการประทุษร้ายจากฝ่ายตรงข้ามที่เป็นฝ่ายอำนาจเก่า นั่นคือ พุ่งตรงไปที่คุชมา
    การหาเสียงของเขา มีสัญญลักษณ์เป็น “สีส้ม” และมีฝ่ายทุนที่หนุนหลังคือ Yulia Tymoshenko อภิมหาเศรษฐีสาว เธอมีบทบาทเด่นในทางการเมืองของยูเครน ในการต่อสู้เพื่อตะวันตก โปรนาโต้ ทำหน้าที่หาเสียงอย่างแข็งขันให้กับ VAY ในขณะที่รักษาตัว
    ถ้าจะเทียบเธอ……ก็ใกล้เคียงกับเป็น อองซาน ซูจี แห่งยูเครน

    การเลือกตั้งใกล้เข้ามา ความนิยมในตัว VAY ได้เพิ่มขึ้น
    มันเป็นสัญญาณที่บอกกับปูตินว่า อิทธิพลของตะวันตกกำลังจะล้อมกรอบ บีบรัสเซียให้แคบเข้าไปทุกวัน
    ตั้งแต่โซเวียตล่มสลายไป กลุ่มทุนตะวันตกได้เข้ามามีอิทธิพลในฝั่งตะวันออกหนาตาขึ้น โดยเฉพาะองค์กร NGO ที่ได้มีสาขาในทุกแห่งหน

    ทางรัสเซียได้หนุนหลัง Viktor Yanukovych ( Viktor Fedorovych Yanukovych นายกรัฐมนตรี จะใช้ชื่อย่อว่า VFY)
    ในการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีด้วย
    การหาเสียงเป็นไปอย่างดุเดือด เหมือนกับว่าประชาชนจะเลือก
    บุช หรือ ปูติน
    ปูตินได้ทำทีไปเยี่ยมเยียนถึงเคียฟ เพราะมีเด็กคนหนึ่ง ได้เขียนจดหมายว่า มีความฝันว่าอยากจะถ่ายรูปกับ Vladimir Vladimirovich……ชาตินี้จะมีโอกาสไหมหนอ?
    ผลคือ เด็กน้อย Andrei ได้ถูกเชิญไปที่ทำเนียบ ไปพบกับปูติน
    ที่ได้ยื่นของขวัญเป็นแลปท๊อปให้ด้วยสีหน้าชื่นมื่น

    การหาเสียงเป็นไปอย่างดุเดือดและสูสี ปูตินบินไปเคียฟบ่อยกว่าปรกติ
    ผลออกมาคือ VFY (โปรรัสเซีย) ได้ 49% และ VAY (โปรตะวันตก) ได้ 46%
    แต่.……ความไม่สงบได้ก่อตัวขึ้น ฝ่ายสีส้มได้ทำการต่อต้านในทุกรูปแบบ มีการนัดชุมนุมที่เข้าขั้นปฏิวัติ ถนนได้เปลี่ยนเป็นทะเลสีส้มแสบตาไปทั้งเมือง
    กลุ่มต่อต้านไม่ยอมรับคะแนนเลือกตั้ง
    ปูตินบินกลับจากจากอเมริกาใต้ เข้าสู่กรุงบลัสเซลส์โดยด่วน เพื่อพบปะกับกลุ่มอียู……ที่ตัวแทนทุกคนได้ลงมติว่าการเลือกตั้งในยูเครนไม่โปร่งใส ……แต่ไม่สนใจที่จะให้มีการตรวจสอบ
    ความสัมพันธ์ทางการค้าพลังงานที่ปูตินพยายามที่จะประสานกับอียูนั้น เหลือริบหรี่…;
    เขาประกาศว่า……เราไม่เคยไปยุ่งกับเรื่องภายในของพวกอียู
    แต่ตอนนี้มันชัดเจนแล้วว่า……พวกคุณได้เข้ามาเสี้ยม แทรกแซงกับการเมืองในประเทศที่อยู่นอกระบบ เพื่อสร้างความร้าวฉานให้พวกเรา……!!

    สภายูเครนเริ่มเห็นแล้วว่าน่าจะรักษาความสงบไว้ไม่ได้
    จึงได้ลงมติให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ
    VFY ได้หลบความวุ่นวายที่อาจนำไปสู่ความเป็นอันตรายต่อตัวเองไปอยู่ที่ Luhansk

    วันที่ 2 ธันวาคม ปูตินได้เรียกคุชมาเข้าไปพบที่มอสโคว์
    ก่อนที่ปูตินจะเดินทางอินเดียในไม่กี่ชั่วโมง เพื่อปรึกษาในเรื่องของการที่จะมีการเลือกตั้งใหม่ ที่เขาเชื่อว่า ทางฝ่าย VAY น่าจะมาแรง และจะปล่อยไปตามนั้น เพราะไม่เช่นนั้นก็จะต้องมีม็อบชนม็อบ เลือกตั้งกันครั้งที่สาม ที่สี่ ไม่จบไม่สิ้น เสียเวลาเปล่าๆ……ปล่อยไปก่อน……เรายังมีเวลา!!

    ซึ่งก็เป็นไปตามนั้น VAY ชนะด้วยคะแนน 52% ส่วน VFY 44%
    ที่มีการเฉลิมฉลองกันใหญ่โต
    ชาวสีส้มทุกคนต่างยินดีปรีดาที่จะได้เข้าไปสู่อ้อมอกของตะวันตก เป็นอารยะประเทศ มีที่นั่งในสภายูโรเปี้ยน และ เป็นหนึ่งสมาชิกนาโต้
    และที่สำคัญที่สุด…..คือ ได้เอาชนะปูติน………!!!

    ใครจะไปรู้เล่าว่า……นั่นคือเกมที่ปูตินจะลากมาสับทีละคนเมื่อถึงเวลา………!!

    Wiwanda W. Vichit
    ตอนสิบห้า……พี่ปูเค้าเหมือนมีสิบมือ…รับได้หมดทุกงาน……ติ่งว่ามะ………!!!!!!! หลังจากที่ปูตินได้กล่าวแสดงความเสียใจกับโศกนาฏกรรมที่ ได้เกิดขึ้นที่ Beslan ในวันที่ 4 กันยายน (2004) ค่ำคืนของวันที่ 5 Viktor Yushchenko ตัวเต็งในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดียูเครนได้เดินทางไปแบบอำพรางตัว ไปนัดเจรจากับ นายพล Igor Smeshko ผู้อำนวยการ SBU (เทียบเท่ากับ FSB ของรัสเซีย) เจ้าภาพที่เป็นทั้งเชฟเตรียมอาหาร คือ รองผู้อำนวยการ SBU Volodymyr Satsyuk ที่มีเมนูคือ สลัดกุ้ง พร้อม เบียร์ วอดก้า คอนยัค ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย วิตเตอร์กลับถึงบ้านเวลาตีสองของวันต่อมา พอสายๆ……เขารู้สึกตัวว่าไม่สบาย ปวดหัวปานระเบิด ไล่ลงมาถึงไขสันหลัง หน้าตาหล่อๆของเขาเริ่มเปลี่ยนสี และมีตุ่มขึ้นเหมือนฝีดาษไปทั่วไปหน้า เจ็บปวดไปทั้งตัว วิคเตอร์รู้ได้ทันทีว่าเขาโดนยาพิษ จึงรีบบินไปออสเตรีย ในวันที่ 10 เพื่อเข้ารับการรักษา ซึ่งยืนยันแน่นอนว่า เขาได้รับสาร Dioxin เข้าไปเป็นจำนวนมาก จากอาหารอย่างแน่นอน การเลือกตั้งจะมีขึ้นในวันที่ 31 ตุลาคม ที่ประชาชนล้วนแต่อยากจะเปลี่ยนประธานาธิบดีเต็มที่ เพราะนาย Leonid Kuchma ได้นั่งอยู่ในตำแหน่งมานานนับสิบปี เพราะตั้งแต่ 1994 ที่ได้รับเลือกมาเพื่อที่จะจัดระเบียบให้กับยูเครนที่ถือว่าเป็นประเทศใหม่เอี่ยม แต่ที่ไหนได้……ยูเครนได้กลายมาเป็นแหล่งคอร์รัปชั่นที่ใหญ่ที่สุด ตามมาด้วย อาชญากรรม และ การค้าของเถื่อน ยูเครนเป็นพื้นที่ที่ใหญ่เป็นที่สองของโซเวียต เป็นแหล่งเพาะปลูก แหล่งอุตสาหกรรม ที่บอบช้ำมาตั้งแต่สมัยสตาลิน เพราะเพียงแค่แสดงความจำนงค์ว่าอยากจะเป็นเอกเทศเพียงเบาๆ สตาลินได้สั่งสอนด้วยวิธียึดอาหารออกไปจากพื้นที่ทั้งหมด จนเกิดเป็นการล้างเผ่าพันธุ์ด้วยวิธีให้อดตาย (Holodomor) พอสงครามโลกครั้งที่สอง ยูเครนก็คือสนามรบหน้าด่านในการต้านนาซี ที่สูญเสียทหารไปกว่าสามล้านนาย (หนึ่งในหกของประชากร) นี่คือ……ความเจ็บฝังใจของชาวยูเครน แต่……นั่นก็คือส่วนหนึ่ง เพราะในพื้นที่ตามภูมิศาสตร์พร้อมประวัติศาสตร์แล้ว ยูเครนก็คือสลาพเผ่าพันธุ์เดียวกันกับรัสเซีย ที่ประชาชนยังถือเป็นพี่เป็นน้องกัน ฝั่งที่ใกล้กับรัสเซียก็ยังสวามิภักดิ์กับรัสเซีย ส่วนยูเครเนี่ยนสมัยประชาธิปไตยเบิกบาน ก็มองไกลไปถึงตะวันตก และ ยิ่งเห็นเพื่อนบ้านอย่าง Lithuania, Latvia, Estonia เดินตบแถวเข้าเป็นสมาชิกนาโต้ และได้เป็นสมาชิกอียูที่แสนโก้หรูอีกเล่า……… นั่นน่าจะเป็นอนาคตที่สดใสกว่า……ดีไม่ดี……สักวันหนึ่งอาจจะล้มช้างอย่างรัสเซียได้ด้วย ประธานาธิบดี Kuchma รู้ดีว่าการเมืองของยูเครนมีทั้งสองฝั่ง เขาจึงพยายามเหยียบไว้ทั้งสองแคม เอาใจรัสเซีย และ เป็นมิตรกับนาโต้ ถึงขนาดส่งทหารไปช่วยรบในอิรัค เพื่อล้มล้างซัดดัม ฮุดเซน แต่คุชมา……ทำได้แค่หันไปทางทิศทางลม เขาไม่มีความมุ่งมั่นและความสามารถในการที่ควบคุมคน ดังนั้น รัฐบาลของคุชมา จึงกลายเป็นสนามเล่นของเหล่ามาเฟียการเมืองที่เข้ามากอบโกยแบบแบ่งกันกิน แบ่งกันใช้ ดังนั้น จากฐานทางการเมืองที่อ่อนยวบยาบ ประชาธิปไตยที่ยูเครนอยากได้ จึงแทบเป็นไปไม่ได้ ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งเข้ามา ฝ่ายตรงข้ามได้ตีกระหน่ำในเรื่องคดีฆาตกรรมนักข่าวคนสำคัญ Georgy Gongadez ที่ถูกอุ้มฆ่าเพราะตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับรัฐบาล เป็นการฆาตกรรมที่มีหลักฐานทิ้งไว้ให้สาวถึงตัวได้มากมาย ถึงแม้ว่าคุชมาจะปฎิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ความนิยมของเขาได้ลดลงฮวบฮาบ ทุกคนได้เกรงว่า……เขาอาจเปลี่ยนรัฐธรรมนูญหาช่องว่างเพื่อที่จะนั่งในตำแหน่งต่อไป การเมืองยูเครนในช่วงนั้น จึงต้องเล่นงานประธานาธิบดีคุชมาแบบถาโถมในทุกเม็ด……จนเขาขยับตัวทำอะไรอื่นไม่ได้ นอกจากที่จะต้องยอมรับสภาพ…… ปูตินเฝ้าดูการเป็นไปของยูเครนอย่างใกล้ชิด และไม่ใช่ยูเครนอย่างเดียว เขาได้เกาะติดกับการเมืองที่ Georgia ด้วย Georgia เป็นประเทศที่แตกออกไปจากการล่มสลายของโซเวียต (1991) อยู่ทางชายคอเคซัส ที่มีประชากรเพียงห้าล้านคน Eduard Shevardnadze เป็นประธานาธิบดี ที่เคยเป็นอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของโซเวียตมาก่อน เขาเป็นหนึ่งในคนสนิทของกอร์บาเชฟ ที่กว่าจะมาเป็นประธานาธิบดีได้ ในปี 1995 ก็ผ่านการลอบสังหารมาถึงสามครั้ง ประธานาธิบดี เอดวารด์ กำลังจะหมดวาระในปี 2003 เดือนพฤศจิกายน มีการก่อหวอดต่อต้าน (ด้วยเกรงว่าจะมีการสืบทอดอำนาจจากรัสเซีย) กลุ่มผู้ต่อต้านออกมาเนืองแน่นบนท้องถนน และบุกเข้าไปในสถานที่ราชการ นำโดย Mikhail Saakashvili (ที่มี George Soros สนับสนุนทุนอยู่เบื้องหลัง) เอดวารด์ ได้โทรหาปูตินเพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งปูตินได้ส่ง ให้ Igor Ivanov บินไปที่เมืองหลวง Tbilisi เพื่อไปดูไม่ให้เกิดเป็นสงครามกลางเมือง แต่……ปูตินไม่ต้องการโศกนาฏกรรมติดๆกันหลายรายการจนเกินไป เขาจึงสั่งให้แค่สังเกตุการณ์อย่างใกล้ชิด ในที่สุด……เอดวารด์ จึงยอมลาออกเพื่อรักษาความสงบ ในเดือนมกราคม 2004 จอร์เจียจึงมีประธานาธิบดีคนใหม่ คือ Mikhail Saakashvili ที่คิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตยที่ใหญ่คับฟ้า สิ่งแรกที่เขาทำคือ บินไปมอสโคว์เพื่อที่จะเจรจาหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องการเมืองกับปูติน ซึ่ง……เขาไม่รู้เลยว่า ทางรัสเซียได้จัดอันดับ จอร์เจีย เทียบเท่ากับยูเครน อันดับนั้นคือ……พวกสวามิภักดิ์ตะวันตก แต่ปูตินไม่ได้เห็นว่า จอร์เจียเป็นสิ่งที่กังวล(ในตอนนั้น) เพราะเขาพุ่งเป้าไปที่ยูเครนมากกว่า เพราะยูเครนเป็นพื้นที่ที่ก่อเกิดของเลือดเนื้อรัสเซียในปัจจุบัน เมื่อครั้งสมัย Vladimir the Great ที่รับศาสนาคริสเตียนเข้ามาในปี 988 ซาร์วลาดิเมียร์ ได้ตั้งชื่อดินแดนส่วนนี้ว่า Ukraine ที่แปลว่า ขอบเขตแดน ขอบเขตแดนนี้ได้เปลี่ยนไปมาตามสถานการณ์โลก โปแลนด์เคยล้ำเข้ามาในสมัย Austro-Hungarian , สตาลินได้นำกลับคืนในการทำสนธิสัญญากับฮิตเลอร์ (1939) และยูเครนก็คือส่วนหนึ่งของโซเวียต (Ukraine Soviet Socialist) เป็นเช่นนั้นจน ประธานาธิบดี ครุสเชพ ได้มอบดินแดนเพิ่มให้ คือ ไครเมีย ในปี 1954 ไม่มีใครเคยคาดคิดว่า……สักวันหนึ่ง ยูเครน พร้อมด้วยไครเมียจะหลุดลอยไปจากความเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ในเดือน กรกฎาคม 2004 สามเดือนก่อนที่ยูเครนจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี ปูตินได้บินไปที่Yalta (ไครเมีย) เพื่อพบปะกับ Kuchma (ประธานาธิบดี) และ Viktor Yanukovych (นายกรัฐมนตรี) ที่พระราชวัง Livadia (ที่เคยเป็นที่พบปะ ระหว่าง เชอร์ชิลล์, สตาลิน และ รูสเวลส์) ปูตินได้เตือนและกดดันให้คุชมาเลิกทำตัวสอพลอกับพวกตะวันตก โดยเฉพาะกับ NATO ที่ค่อยๆก้าวล่วงเข้ามาทุกที จากที่เป็นชาติสมาชิก 19 ตอนนี้มาเป็น 26 นอกจากจะเก็บกลุ่มยุโรปตะวันออกแล้ว ยังคืบมากวาดเอาฝั่งบอลติกไปด้วย ที่ปูตินคิดว่า……น่าจะหยุดได้เพียงแค่นั้น……แต่นี่กำลังมุ่งหน้ามาที่จอร์เจียและยูเครน….ที่เขาจะจะไม่ทนอีกต่อไป!! และถ้าจะหมายถึงสงคราม………เขาก็ยินดี………!!! ปูตินยังย้ำเสมอว่า ในสัญญาของลูกผู้ชาย ที่กลุ่มนาโต้ได้บอกกับกอร์บาเชพในปี 1989 ว่า นาโต้จะไม่ก้าวคืบเข้าไปในอาณาจักรที่เป็นของโซเวียตแม้แต่คืบเดียว มันเป็นคำสั่งที่เป็นการตบหัวทิ่ม แต่ก็มีการลูบหลัง นั่นคือ รัสเซีย-ยูเครนจะตั้งบริษัทพลังงานขึ้นมา ชื่อว่า RosUkrEnergo ที่ไม่ชี้แจงชัดว่าใครคือเข้าของ แต่ Gazprom จะเป็นเจ้าของครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่ง เป็นเจ้าของโดยผ่านนอมินี คือ Raiffeisen International Bank (อยู่ที่ Switzerland) ในการดำเนินงานส่งก๊าสผ่านท่อไปขายที่ยุโรปผ่านยูเครน…… เมื่อคุชมากำลังจะหมดสิ้นวาระ ตัวเต็ง Viktor Andriyovych Yushchenko (จะเรียกว่า VAY เขาเป็นฝ่ายโปรตะวันตก) ก็มาโดนยาพิษที่เร่งทำการรักษากันแบบพลิกตำรา เขาได้ประกาศให้ทั่วโลกได้รับรู้ว่า เขาได้รับการประทุษร้ายจากฝ่ายตรงข้ามที่เป็นฝ่ายอำนาจเก่า นั่นคือ พุ่งตรงไปที่คุชมา การหาเสียงของเขา มีสัญญลักษณ์เป็น “สีส้ม” และมีฝ่ายทุนที่หนุนหลังคือ Yulia Tymoshenko อภิมหาเศรษฐีสาว เธอมีบทบาทเด่นในทางการเมืองของยูเครน ในการต่อสู้เพื่อตะวันตก โปรนาโต้ ทำหน้าที่หาเสียงอย่างแข็งขันให้กับ VAY ในขณะที่รักษาตัว ถ้าจะเทียบเธอ……ก็ใกล้เคียงกับเป็น อองซาน ซูจี แห่งยูเครน การเลือกตั้งใกล้เข้ามา ความนิยมในตัว VAY ได้เพิ่มขึ้น มันเป็นสัญญาณที่บอกกับปูตินว่า อิทธิพลของตะวันตกกำลังจะล้อมกรอบ บีบรัสเซียให้แคบเข้าไปทุกวัน ตั้งแต่โซเวียตล่มสลายไป กลุ่มทุนตะวันตกได้เข้ามามีอิทธิพลในฝั่งตะวันออกหนาตาขึ้น โดยเฉพาะองค์กร NGO ที่ได้มีสาขาในทุกแห่งหน ทางรัสเซียได้หนุนหลัง Viktor Yanukovych ( Viktor Fedorovych Yanukovych นายกรัฐมนตรี จะใช้ชื่อย่อว่า VFY) ในการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีด้วย การหาเสียงเป็นไปอย่างดุเดือด เหมือนกับว่าประชาชนจะเลือก บุช หรือ ปูติน ปูตินได้ทำทีไปเยี่ยมเยียนถึงเคียฟ เพราะมีเด็กคนหนึ่ง ได้เขียนจดหมายว่า มีความฝันว่าอยากจะถ่ายรูปกับ Vladimir Vladimirovich……ชาตินี้จะมีโอกาสไหมหนอ? ผลคือ เด็กน้อย Andrei ได้ถูกเชิญไปที่ทำเนียบ ไปพบกับปูติน ที่ได้ยื่นของขวัญเป็นแลปท๊อปให้ด้วยสีหน้าชื่นมื่น การหาเสียงเป็นไปอย่างดุเดือดและสูสี ปูตินบินไปเคียฟบ่อยกว่าปรกติ ผลออกมาคือ VFY (โปรรัสเซีย) ได้ 49% และ VAY (โปรตะวันตก) ได้ 46% แต่.……ความไม่สงบได้ก่อตัวขึ้น ฝ่ายสีส้มได้ทำการต่อต้านในทุกรูปแบบ มีการนัดชุมนุมที่เข้าขั้นปฏิวัติ ถนนได้เปลี่ยนเป็นทะเลสีส้มแสบตาไปทั้งเมือง กลุ่มต่อต้านไม่ยอมรับคะแนนเลือกตั้ง ปูตินบินกลับจากจากอเมริกาใต้ เข้าสู่กรุงบลัสเซลส์โดยด่วน เพื่อพบปะกับกลุ่มอียู……ที่ตัวแทนทุกคนได้ลงมติว่าการเลือกตั้งในยูเครนไม่โปร่งใส ……แต่ไม่สนใจที่จะให้มีการตรวจสอบ ความสัมพันธ์ทางการค้าพลังงานที่ปูตินพยายามที่จะประสานกับอียูนั้น เหลือริบหรี่…; เขาประกาศว่า……เราไม่เคยไปยุ่งกับเรื่องภายในของพวกอียู แต่ตอนนี้มันชัดเจนแล้วว่า……พวกคุณได้เข้ามาเสี้ยม แทรกแซงกับการเมืองในประเทศที่อยู่นอกระบบ เพื่อสร้างความร้าวฉานให้พวกเรา……!! สภายูเครนเริ่มเห็นแล้วว่าน่าจะรักษาความสงบไว้ไม่ได้ จึงได้ลงมติให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ VFY ได้หลบความวุ่นวายที่อาจนำไปสู่ความเป็นอันตรายต่อตัวเองไปอยู่ที่ Luhansk วันที่ 2 ธันวาคม ปูตินได้เรียกคุชมาเข้าไปพบที่มอสโคว์ ก่อนที่ปูตินจะเดินทางอินเดียในไม่กี่ชั่วโมง เพื่อปรึกษาในเรื่องของการที่จะมีการเลือกตั้งใหม่ ที่เขาเชื่อว่า ทางฝ่าย VAY น่าจะมาแรง และจะปล่อยไปตามนั้น เพราะไม่เช่นนั้นก็จะต้องมีม็อบชนม็อบ เลือกตั้งกันครั้งที่สาม ที่สี่ ไม่จบไม่สิ้น เสียเวลาเปล่าๆ……ปล่อยไปก่อน……เรายังมีเวลา!! ซึ่งก็เป็นไปตามนั้น VAY ชนะด้วยคะแนน 52% ส่วน VFY 44% ที่มีการเฉลิมฉลองกันใหญ่โต ชาวสีส้มทุกคนต่างยินดีปรีดาที่จะได้เข้าไปสู่อ้อมอกของตะวันตก เป็นอารยะประเทศ มีที่นั่งในสภายูโรเปี้ยน และ เป็นหนึ่งสมาชิกนาโต้ และที่สำคัญที่สุด…..คือ ได้เอาชนะปูติน………!!! ใครจะไปรู้เล่าว่า……นั่นคือเกมที่ปูตินจะลากมาสับทีละคนเมื่อถึงเวลา………!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 870 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ทุยหน้ากระนูยแปลว่าทุยน่ารัก
    จากการหาข้อมูลถึงกระบวนการฟอกให้ขาวกับกลุ่มทุนดาร์คในประเทศ
    ต้องยอมรับในกลอุบายของกลุ่มนี้จริงๆ
    ปั้นนางเอกตกงานให้กลายเป็นขวัญใจคนไทย
    จากสตอรี่และการแสดง ที่เข้าถึงบทบาทสุดๆ
    และถึงแม้ว่า จะสร้างวีรกรรม จนดาราชายไทย
    ไม่สามารถให้ไปต่อได้ เพื่อปกป้องคนไทย
    จากกลุ่มเงินดาร์ค ที่อาศัยช่องโหว่ในการพีเคบิ๊กแม๊ต
    ตามที่ปรากฏเป็นข่าวทั้งฝั่งยุโรป และเอเชียรวมถึงตะวันออกกลาง
    เป็นข่าวโด่งดังที่ทั่วโลกต่างตื่นตัว
    แต่ก็มิวาย ด้วยพลังงบประมาณทุนดาร์ผ่านเอเจนซี่
    และมีคนอย่างโจมณฑนี ที่ยอมแลกทุกอย่างได้
    เพียงเพื่อผลประโยชน์ โดยไม่สนใจชะตากรรมของคนไทย
    และตัวเองต้องไปร่วมสร้างกรรมบาป จากที่มาของเงินดาร์ค
    แต่ข้อมูลส่วนหนึ่ง ที่ต้องพูดถึงก็คือ
    มีคำถามที่พี่คิงส์ตั้งโจทย์ไว้แต่แรก
    ว่าโจ เอเจนซี่ และกามิจ ใช้วิธีการไหน
    ที่ทำให้ทุย ยอมที่จะให้จูงจมูก
    หัวๆทำแบบได้ค่าตอบแทนแบบฉ่ำๆ
    แต่ไอ่พวกทุย008นี่ ไม่ได้ห่านอะไรเลย
    แต่ออกแรงเล่นงานแน๊กได้ทุกวี่วัน
    ไม่ว่าหัวดำหัวหงอก งานการไม่ทำหาแต่เรื่องให้แน๊กชาลี
    ยิ่งขุด ยิ่งพบว่า โจมณฑนี ใช้วิธีการกำหนดเป้า
    โดยจะส่ง 3 สิ่ง ให้ทุยที่ทุ่มเทในการเล่นงานแน๊กชาลี
    1. ให้ข้อมูลที่ผ่านการบิดเบือน และให้ร้าย โดยให้ทุกคนโพส
    เป็นเสียงเดียวกัน
    2. ให้ทีมยูซผี เข้ามาร่วมคอมเม้นซัพพอต เพื่อให้เพจ หรือช่องดูมีความน่าเชื่อถือ ซึ่งถ้ากดเข้าไปดูโปรไฟล์ จะเห็นชัดเจนว่า ทิพย์
    และข้อที่ 3 คือคำตอบของคำถามว่าทำไม ทุยยอมพลี เพื่อ
    เพียงแค่สก็อยกิมจิไร้ค่า ที่วันนี้รู้นะ ว่าที่ผ่านมาคือการแสดง
    อิเหวิงไปออกทีวีที่เกาหลี ก็พูดชัดเจน เอเจนซี่ก็นั่งข้างๆ
    แต่ที่ยอม มาจากการสร้างทุย ให้น่ากระนูย
    จริงๆแล้ว มันเริ่มเทคนิคนี้จากห้อง DC
    โดย โจจะกำหนดเป้า MVp ที่กระเป๋าหนัก รู้พื้นเพว่าคนนี้ มีศักยภาพในการเปย์หนักๆ เมื่อกำหนดเป้าได้แล้ว และสร้างสถานการณ์จากเชียร์ชาลี และกามิจ มาดูความน่ารักของสองคน แต่เมื่อชาลี เบรคเรื่องบิ๊กแม็ต และไม่อยากให้แฟนคลับของเค้า ต้องเสียเงินมากมาย ให้พอได้สนุกๆกัน
    ซึ่งจุดนี้ ถือเป็นความขุ่นเคืองให้กับทั้งโจ เอเจนซี่ รวมถึงทุนดาร์ค ที่เวลานั้น พีเค อิเหวิงจัดบิ๊กแม็ตบ่อยมาก การฟอกที่สอดแทรกเข้ามาและทำการตกแต่งบัญชี กำลังไปได้สวย
    เมื่อโจ ได้คุยกับเอเจนซี่ จึงจะต้องแก้เกมส์ ด้วยการสร้างสตอรี่ใหม่
    ให้เป็นการบอกเล่าฉีกไปอีกทาง ว่าอิเหวิง เป็นเ..ยื่อ และชาลี เป็นตัวร้าย เป็นโ..คจิต
    หลังจากนั้น โจจะทำการชี้เป้าให้อิเหวิงทักเข้าไปในช่องแชทส่วนตัวของ Mvp คนนั้น แล้วส่งข้อความถึงลักษณะที่อ่อย "ฉันอยู่กับชาลีไม่มีความสุขเลย ฉันขอบคุณคุณมากๆที่อยู่เคียงข้างฉันเสมอ" แฟนเพจลองคิดดู ทั้งการปั้นแต่งสตอรี่ของโจ ที่ทำให้อิเหวิง หรืออิเหม็น เป็นดังเทพธิดา
    แล้วเธอคนนั้นทักส่วนตัวมาถึงฉัน ซึ่งเปย์ได้แทบไม่อั้น จะเกิดอะไรขึ้น
    นั่นไง ไม่มีการแสดงความรักใดที่ชัดไปกว่าการส่งของขวัญ ความบังลัยจึงเกิดกับหลายครอบครัว
    และวิธีการเดียวกันนี้นี่เอง
    ทั้งๆที่อิเหวิงเอง อ่านภาษาไทยไม่ออก ฟังก็ไม่รู้เรื่อง ทั้งๆที่คนเกาหลี หรือคนต่างชาติ มาอยู่ประเทศไทยที่เค้าอยากเรียนรู้ภาษาไทยจริงๆ แค่ไม่เกินสามเดือน ก็พูดได้แล้ว แต่นี่ มาเจ็ดแปดเดือน ภาษาไทยยังไม่ได้เท่าเด็กอนุบาลสามเลย ตอนมารู้แค่ไหน ตอนนี้แม่มรู้เท่าเดิม ไม่มีพัฒนาการห่านอะไรส่วนทางกับที่ซุยว่าเรียนได้เอบวก สรุปเอบวกที่ทุยเป็นซุยขรี้สิงอะ
    มันเกรดการเรียน หรือเป็นผลเลือดไม่แน่ใจ
    มาต่อกันที่ สรุปว่า มันก็ยังอ่านภาษาไทยฟังภาษาไทยไม่ออก
    แต่สามารถรู้เป้าว่า ทุยพลี ที่ไม่ได้สะตุ้งสะตางค์
    แต่เล่นแน๊กแรงๆ แบบไม่กลัวกฏมงกฏหะมายอะไรเลย
    แล้วทำยังไงครับ "ส่งติ๊กเกอร์ ดอกไม้ ของขวัญ" เป็นการส่งกำลังใจ
    อย่างที่ไอ่โจ มันให้สัมภาษณ์ ก็ไม่ผิดหรอกที่บอกว่า
    อิเหวิง ไม่เคยทำอะไรไม่เคยพูดถึงชาลีไม่ดีเลย
    ก็ใช่ ก็ถูก ก็เมิงอยู่เบื้องหลัง ในการเชียร์นี่ไง
    ใช้ปากทุยพลีพูด แล้วทุยพลีที่ไม่ตังค์อะนะ
    พออิเหวิงทักมาเท่านั้นแหละ โอ๊ย โพสโชว์กันใหญ่
    หารู้ไม่ นั่นแหละหลักฐานตัวดีเลย ฟังภาษาไทยไม่ออก
    อ่านภาษาไทยไม่ได้ แล้วเมิงรู้ได้ไง ว่าคนไทยพิมพ์ห่านอะไร
    ถูกเป้าทุยพลีทุกตัว ไม่พลาดแม้แต่ตัวเดียว
    จนบางคน ทนไม่ไหว ควักตังค์เก็บ ที่กำลังร่อยหรอ
    เพราะวันๆไม่ทำงานทำการ ไปเข้าร้านสติ๊กเกอร์
    สั่งปริ๊นไวนิลรูปอิเหวิง 2 พีช ไว้ในห้องน้ำ
    เอาไว้สำเร็จโทษตัวเอง โครตไปกันใหญ่เลย
    เชื่อมั๊ย แม้กระทั่ง วัยรุ่นทรงเอ ที่ออกอาการพูดแบบคลั่งๆอะ
    ยังได้เลย ไอ่สติ๊กเกอร์จากแชทส่วนตัวอิเหวิง
    หรือลุงแก่ๆ ที่ชื่อเพจ ต้องสอนให้คนประดิษฐ์นั่นนี่
    แต่เอามาใช่ให้ร้ายแน๊ก แบบรัวๆ ทุกวันอีกตะหาก
    หรือจะคนหน้าลอยที่เหมือนทางแป้งผิดเบอร์
    คิวขมวดตลอดเวลา ที่พูดวนไปวนมา
    ทำเหมือนมีของ แต่ไม่มีห่านอะไรเลยอะนะ
    ยังได้ติ๊กเกอร์ ได้ของขวัญส่วนตัวจากอิเหวิงเลย
    เป็นไง ถ้าโจมณฑนีไม่ชี้เป้า จะไม่มีทางที่อิเหวิง
    จะส่งแชทส่วนตัวแบบนี้ไปแน่นอน เพราะมันฟังม่ายออก อิฉัด
    อย่างบาปเลย ล้อเล่นกับหัวใจทุย
    พี่คิงส์ จึงต้องไปหาข้อมูลเพื่อปลอบใจทุยทุกคน
    โดยเฉพาะทุยพลี ที่อาลาวาด เสี่ยงซึ่งซังเตอย่างมาก
    แล้วจะมีเดินเข้าคอกเป็นทิวแถวอีกไม่นาน
    คำนั้น เป็นภาษาไทย+ภาษาขแมร์
    ซึ่งตรงกับบุคลิกที่มีความจริงใจต่อน้องกามินอย่างมาก
    เทิดทูนขนาด เรียกนายหญิงกันตลอดว่า
    ทุยหน้ากระนูย ก็เอาไว้เรียกกันทักกันระหว่าง
    ทุยกับทุยครับ มันแปลว่า
    "ทุยน่ารัก" ครับ
    ราตรีสวัสดิ์ ทุยหน้ากระนูย
    ราตรีสวัสดิ์ แฟนเพจที่พี่คิงส์รักสุดใจ
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ทุยหน้ากระนูยแปลว่าทุยน่ารัก จากการหาข้อมูลถึงกระบวนการฟอกให้ขาวกับกลุ่มทุนดาร์คในประเทศ ต้องยอมรับในกลอุบายของกลุ่มนี้จริงๆ ปั้นนางเอกตกงานให้กลายเป็นขวัญใจคนไทย จากสตอรี่และการแสดง ที่เข้าถึงบทบาทสุดๆ และถึงแม้ว่า จะสร้างวีรกรรม จนดาราชายไทย ไม่สามารถให้ไปต่อได้ เพื่อปกป้องคนไทย จากกลุ่มเงินดาร์ค ที่อาศัยช่องโหว่ในการพีเคบิ๊กแม๊ต ตามที่ปรากฏเป็นข่าวทั้งฝั่งยุโรป และเอเชียรวมถึงตะวันออกกลาง เป็นข่าวโด่งดังที่ทั่วโลกต่างตื่นตัว แต่ก็มิวาย ด้วยพลังงบประมาณทุนดาร์ผ่านเอเจนซี่ และมีคนอย่างโจมณฑนี ที่ยอมแลกทุกอย่างได้ เพียงเพื่อผลประโยชน์ โดยไม่สนใจชะตากรรมของคนไทย และตัวเองต้องไปร่วมสร้างกรรมบาป จากที่มาของเงินดาร์ค แต่ข้อมูลส่วนหนึ่ง ที่ต้องพูดถึงก็คือ มีคำถามที่พี่คิงส์ตั้งโจทย์ไว้แต่แรก ว่าโจ เอเจนซี่ และกามิจ ใช้วิธีการไหน ที่ทำให้ทุย ยอมที่จะให้จูงจมูก หัวๆทำแบบได้ค่าตอบแทนแบบฉ่ำๆ แต่ไอ่พวกทุย008นี่ ไม่ได้ห่านอะไรเลย แต่ออกแรงเล่นงานแน๊กได้ทุกวี่วัน ไม่ว่าหัวดำหัวหงอก งานการไม่ทำหาแต่เรื่องให้แน๊กชาลี ยิ่งขุด ยิ่งพบว่า โจมณฑนี ใช้วิธีการกำหนดเป้า โดยจะส่ง 3 สิ่ง ให้ทุยที่ทุ่มเทในการเล่นงานแน๊กชาลี 1. ให้ข้อมูลที่ผ่านการบิดเบือน และให้ร้าย โดยให้ทุกคนโพส เป็นเสียงเดียวกัน 2. ให้ทีมยูซผี เข้ามาร่วมคอมเม้นซัพพอต เพื่อให้เพจ หรือช่องดูมีความน่าเชื่อถือ ซึ่งถ้ากดเข้าไปดูโปรไฟล์ จะเห็นชัดเจนว่า ทิพย์ และข้อที่ 3 คือคำตอบของคำถามว่าทำไม ทุยยอมพลี เพื่อ เพียงแค่สก็อยกิมจิไร้ค่า ที่วันนี้รู้นะ ว่าที่ผ่านมาคือการแสดง อิเหวิงไปออกทีวีที่เกาหลี ก็พูดชัดเจน เอเจนซี่ก็นั่งข้างๆ แต่ที่ยอม มาจากการสร้างทุย ให้น่ากระนูย จริงๆแล้ว มันเริ่มเทคนิคนี้จากห้อง DC โดย โจจะกำหนดเป้า MVp ที่กระเป๋าหนัก รู้พื้นเพว่าคนนี้ มีศักยภาพในการเปย์หนักๆ เมื่อกำหนดเป้าได้แล้ว และสร้างสถานการณ์จากเชียร์ชาลี และกามิจ มาดูความน่ารักของสองคน แต่เมื่อชาลี เบรคเรื่องบิ๊กแม็ต และไม่อยากให้แฟนคลับของเค้า ต้องเสียเงินมากมาย ให้พอได้สนุกๆกัน ซึ่งจุดนี้ ถือเป็นความขุ่นเคืองให้กับทั้งโจ เอเจนซี่ รวมถึงทุนดาร์ค ที่เวลานั้น พีเค อิเหวิงจัดบิ๊กแม็ตบ่อยมาก การฟอกที่สอดแทรกเข้ามาและทำการตกแต่งบัญชี กำลังไปได้สวย เมื่อโจ ได้คุยกับเอเจนซี่ จึงจะต้องแก้เกมส์ ด้วยการสร้างสตอรี่ใหม่ ให้เป็นการบอกเล่าฉีกไปอีกทาง ว่าอิเหวิง เป็นเ..ยื่อ และชาลี เป็นตัวร้าย เป็นโ..คจิต หลังจากนั้น โจจะทำการชี้เป้าให้อิเหวิงทักเข้าไปในช่องแชทส่วนตัวของ Mvp คนนั้น แล้วส่งข้อความถึงลักษณะที่อ่อย "ฉันอยู่กับชาลีไม่มีความสุขเลย ฉันขอบคุณคุณมากๆที่อยู่เคียงข้างฉันเสมอ" แฟนเพจลองคิดดู ทั้งการปั้นแต่งสตอรี่ของโจ ที่ทำให้อิเหวิง หรืออิเหม็น เป็นดังเทพธิดา แล้วเธอคนนั้นทักส่วนตัวมาถึงฉัน ซึ่งเปย์ได้แทบไม่อั้น จะเกิดอะไรขึ้น นั่นไง ไม่มีการแสดงความรักใดที่ชัดไปกว่าการส่งของขวัญ ความบังลัยจึงเกิดกับหลายครอบครัว และวิธีการเดียวกันนี้นี่เอง ทั้งๆที่อิเหวิงเอง อ่านภาษาไทยไม่ออก ฟังก็ไม่รู้เรื่อง ทั้งๆที่คนเกาหลี หรือคนต่างชาติ มาอยู่ประเทศไทยที่เค้าอยากเรียนรู้ภาษาไทยจริงๆ แค่ไม่เกินสามเดือน ก็พูดได้แล้ว แต่นี่ มาเจ็ดแปดเดือน ภาษาไทยยังไม่ได้เท่าเด็กอนุบาลสามเลย ตอนมารู้แค่ไหน ตอนนี้แม่มรู้เท่าเดิม ไม่มีพัฒนาการห่านอะไรส่วนทางกับที่ซุยว่าเรียนได้เอบวก สรุปเอบวกที่ทุยเป็นซุยขรี้สิงอะ มันเกรดการเรียน หรือเป็นผลเลือดไม่แน่ใจ มาต่อกันที่ สรุปว่า มันก็ยังอ่านภาษาไทยฟังภาษาไทยไม่ออก แต่สามารถรู้เป้าว่า ทุยพลี ที่ไม่ได้สะตุ้งสะตางค์ แต่เล่นแน๊กแรงๆ แบบไม่กลัวกฏมงกฏหะมายอะไรเลย แล้วทำยังไงครับ "ส่งติ๊กเกอร์ ดอกไม้ ของขวัญ" เป็นการส่งกำลังใจ อย่างที่ไอ่โจ มันให้สัมภาษณ์ ก็ไม่ผิดหรอกที่บอกว่า อิเหวิง ไม่เคยทำอะไรไม่เคยพูดถึงชาลีไม่ดีเลย ก็ใช่ ก็ถูก ก็เมิงอยู่เบื้องหลัง ในการเชียร์นี่ไง ใช้ปากทุยพลีพูด แล้วทุยพลีที่ไม่ตังค์อะนะ พออิเหวิงทักมาเท่านั้นแหละ โอ๊ย โพสโชว์กันใหญ่ หารู้ไม่ นั่นแหละหลักฐานตัวดีเลย ฟังภาษาไทยไม่ออก อ่านภาษาไทยไม่ได้ แล้วเมิงรู้ได้ไง ว่าคนไทยพิมพ์ห่านอะไร ถูกเป้าทุยพลีทุกตัว ไม่พลาดแม้แต่ตัวเดียว จนบางคน ทนไม่ไหว ควักตังค์เก็บ ที่กำลังร่อยหรอ เพราะวันๆไม่ทำงานทำการ ไปเข้าร้านสติ๊กเกอร์ สั่งปริ๊นไวนิลรูปอิเหวิง 2 พีช ไว้ในห้องน้ำ เอาไว้สำเร็จโทษตัวเอง โครตไปกันใหญ่เลย เชื่อมั๊ย แม้กระทั่ง วัยรุ่นทรงเอ ที่ออกอาการพูดแบบคลั่งๆอะ ยังได้เลย ไอ่สติ๊กเกอร์จากแชทส่วนตัวอิเหวิง หรือลุงแก่ๆ ที่ชื่อเพจ ต้องสอนให้คนประดิษฐ์นั่นนี่ แต่เอามาใช่ให้ร้ายแน๊ก แบบรัวๆ ทุกวันอีกตะหาก หรือจะคนหน้าลอยที่เหมือนทางแป้งผิดเบอร์ คิวขมวดตลอดเวลา ที่พูดวนไปวนมา ทำเหมือนมีของ แต่ไม่มีห่านอะไรเลยอะนะ ยังได้ติ๊กเกอร์ ได้ของขวัญส่วนตัวจากอิเหวิงเลย เป็นไง ถ้าโจมณฑนีไม่ชี้เป้า จะไม่มีทางที่อิเหวิง จะส่งแชทส่วนตัวแบบนี้ไปแน่นอน เพราะมันฟังม่ายออก อิฉัด อย่างบาปเลย ล้อเล่นกับหัวใจทุย พี่คิงส์ จึงต้องไปหาข้อมูลเพื่อปลอบใจทุยทุกคน โดยเฉพาะทุยพลี ที่อาลาวาด เสี่ยงซึ่งซังเตอย่างมาก แล้วจะมีเดินเข้าคอกเป็นทิวแถวอีกไม่นาน คำนั้น เป็นภาษาไทย+ภาษาขแมร์ ซึ่งตรงกับบุคลิกที่มีความจริงใจต่อน้องกามินอย่างมาก เทิดทูนขนาด เรียกนายหญิงกันตลอดว่า ทุยหน้ากระนูย ก็เอาไว้เรียกกันทักกันระหว่าง ทุยกับทุยครับ มันแปลว่า "ทุยน่ารัก" ครับ ราตรีสวัสดิ์ ทุยหน้ากระนูย ราตรีสวัสดิ์ แฟนเพจที่พี่คิงส์รักสุดใจ #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 637 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤠#สหรัฐฯ ค่อยๆ เข้ามาแทนที่อังกฤษและกลายเป็นเจ้าโลกได้อย่างไร? #การรื้ออำนาจเจ้าโลกจะมีผลกระทบอะไรบ้าง ตอน 02.🤠

    🤯สาม การพลิกกลับ🤯

    สถานการณ์สงครามโลกที่ไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้างโลกทำให้ทางการสหรัฐฯไม่พอใจอย่างมาก หลังจากที่ประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน(Woodrow Wilson伍德罗·威尔逊) ลาออกจากตำแหน่ง นโยบายต่างประเทศของรัฐบาลสหรัฐฯ ก็กลับเข้าสู่ลัทธิโดดเดี่ยวอย่างเดิม

    เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 1935 เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดซ้ำในสงครามโลกครั้งที่ 1 สภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกาจึงผ่านกฎหมายความเป็นกลาง ซึ่งกำหนดให้มีการคว่ำบาตร "อาวุธ กระสุน และยุทโธปกรณ์" ไปยังประเทศคู่สงครามทั้งหมด และห้ามเรือค้าขายของสหรัฐฯ จากการขนส่งอาวุธไปยังประเทศคู่สงคราม ขบวนการโดดเดี่ยวในสหรัฐอเมริกาถึงจุดสูงสุด

    ในเวลานี้ ท้องฟ้าเหนือยุโรปเต็มไปด้วยเมฆหมอกแห่งสงคราม นโยบายการโอนอ่อนผ่อนตามของอังกฤษและฝรั่งเศสมีส่วนทำให้เกิดความหยิ่งลำพองของเยอรมนีมีความเป็นฟาสซิสต์มากขึ้น ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1939 นาซีเยอรมนีเปิดการโจมตีแบบสายฟ้าแลบต่อโปแลนด์ และสงครามโลกครั้งที่สองก็ปะทุขึ้น

    ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1940 ฝรั่งเศสซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะมหาอำนาจโดยมีกองทัพที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปยอมจำนน ในเดือนพฤศจิกายนของปีถัดมา ญี่ปุ่นซึ่งเป็นหนึ่งในมหาอำนาจฝ่ายอักษะได้เปิดฉากโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ต่อสหรัฐอเมริกา และลากสหรัฐอเมริกาเข้าสู่วังวนแห่งสงคราม สงครามโลกครั้งที่สองและสงครามโลกครั้งที่ 1 แตกต่างกันออกไป ในเวลานี้ สหรัฐฯมีบทบาทเป็นผู้นำ โดยควบคุมในแอฟริกาเหนือ แนวรบด้านตะวันตก และสนามรบในมหาสมุทรแปซิฟิก

    ในช่วงสงคราม รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ลืมวางแผนสำหรับรูปแบบโลกหลังสงคราม และไม่ต้องการทำผิดพลาดแบบในสงครามโลกครั้งที่ 1 ซ้ำอีก

    สิ่งแรกที่ต้องจัดการคือเรื่องการครอบงำทางการเงินของโลกที่อังกฤษโดยก่อตั้งขึ้นตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรม

    ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1942 ไวท์( White) ซึ่งในขณะนั้นเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ได้เปิดตัวแผนของไวท์( White) ซึ่งเป็นแผนเศรษฐกิจในช่วงสงคราม

    แผนดังกล่าวรวมถึงการจัดตั้งสถาบันสองแห่ง ได้แก่ กองทุนรักษาเสถียรภาพแห่งชาติ (National Stabilization Fund) และธนาคารเพื่อการบูรณะและพัฒนา (Bank for Reconstruction and Development.) ทั้งสองสถาบันนี้เป็นสถาบันก่อนหน้าของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund)และธนาคารโลก (World Bank.)ในอนาคต

    เพื่อป้องกันอิทธิพลอำนาจทางการเงินของสหรัฐอเมริกาหลังสงครามและปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง สหราชอาณาจักรยังเสนอให้จัดตั้งศูนย์หักบัญชีระหว่างประเทศ (international clearing center) ตาม "ลัทธิเคนส์ (Keynesianism)" และออกแบบระบบการเงินที่มีทองคำเป็นหน่วยการชำระหนี้

    อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้สหราชอาณาจักรมีแรงใจมากล้นแต่ไม่มีกำลังกายเพียงพอ และความแข็งแกร่งทางการทหารและเศรษฐกิจทำให้อังกฤษไม่สามารถแข่งขันกับสหรัฐอเมริกาเพื่อครอบงำทางการเงินได้

    เพียงสองปีหลังจากการเสนอแผนของไวท์( White) ทางการสหรัฐฯ ได้จัดการประชุมการเงินและการเงินแห่งสหประชาชาติ (United Nations Monetary and Financial Conference)ที่เบรตตันวูดส์ (Bretton Woods) ทางการสหรัฐฯมีอำนาจเหนือการเจรจาอย่างท่วมท้น และในที่สุดประเทศต่างๆ ก็ลงนามใน "ข้อตกลงเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods Agreement)" อันโด่งดัง

    ข้อตกลงดังกล่าวเชื่อมโยงสกุลเงินของประเทศต่างๆ อย่างเป็นทางการกับดอลลาร์สหรัฐ และสร้างระบบมาตรฐานทองคำที่ดอลลาร์สหรัฐเชื่อมโยงกับทองคำ สำนักงานใหญ่ของกองทุนการเงินแห่งชาติ (National Monetary Fund)ตั้งอยู่ในวอชิงตัน (Washington) เห็นได้ชัดว่าระบบเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods system)เป็นข้อตกลงที่ลงนามโดยสหรัฐอเมริกาที่มีอำนาจมากที่สุดและเหล่าบริวารอื่น ๆ ในสภาพแวดล้อมสงครามในขณะนั้น

    แม้ว่าอังกฤษไม่เต็มใจที่จะมอบอำนาจทางการเงินของตนให้กับผู้อื่น แต่ความรุ่งโรจน์ของจักรวรรดิที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดินก็สูญสิ้นไปนานแล้ว สหรัฐฯ ขู่ว่าจะปฏิเสธคำขอกู้ยืมของอังกฤษและบังคับให้ทางการอังกฤษยอมรับข้อตกลงดังกล่าว ขณะเดียวกันพวกเขาก็ใช้การล่มสลายของระบบอาณานิคมในอนาคตเป็นข้อแก้ตัวด้วย บังคับให้ฝ่ายอังกฤษละทิ้งระบบจักรวรรดิดั้งเดิมที่ให้การปฏิบัติเระบบสิทธิพิเศษ และใช้เงินปอนด์ที่แปลงสภาพอย่างเสรี

    ในท้ายที่สุด อังกฤษก็ยอมสละอำนาจทางการเงินของตน และสหรัฐฯ ได้ขจัดอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการก้าวไปสู่อำนาจอำนาจของโลก

    🤯4. บทสรุปและการรู้แจ้ง🤯

    อารยธรรมของมนุษย์ดำรงอยู่มานานนับพันปี ในประวัติศาสตร์อันยาวนาน ประเทศที่มีอำนาจเหนือกว่าจำนวนนับไม่ถ้วนได้ถือกำเนิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่มีระบอบการปกครองใดที่สามารถรักษาความได้เปรียบของตนไว้ได้ตลอดไปในสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ซับซ้อน

    ตัวแทนของยุคอาณานิคมตอนต้น - สเปนและโปรตุเกส สเปนใช้ประโยชน์จากยุคแห่งการค้นพบ และยึดครองดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ขนาดใหญ่ในทวีปอเมริกา แต่เขาสูญเสียเรือรบทั้งหมดในการรบทางเรือกับอังกฤษ ผู้ครองอำนาจเจ้าโลกรุ่นแรกจึงจำต้องสละสิทธิทางทะเลแก่สหราชอาณาจักรด้วยประการฉะนี้นี้

    บนพื้นฐานของลัทธิล่าอาณานิคมสเปน อังกฤษได้ก่อตั้งกลุ่มอาณานิคมขึ้น เช่น บริษัทอินเดียตะวันออก และดำเนินกิจกรรมปล้นสะดมขนาดใหญ่ในแอฟริกา เอเชีย และอเมริกา ถือเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับการปฏิวัติอุตสาหกรรมในเวลาต่อมา

    ในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สอง บรรดาสุภาพบุรุษผู้สูงศักดิ์ชาวอังกฤษคอยกินบุญเก่าซึ่งมีรายชื่อในสมุดความดีความชอบมุ่งมั่นที่จะรักษาระบบอาณานิคมของตนไว้ โดยไม่สนใจการเพิ่มทวีขึ้นของจิตสำนึกแห่งชาติเผ่าของอาณานิคม และพยายามใช้วิธีการที่ต่ำทรามน่ารังเกียจต่างๆ เพื่อรักษาสถานะที่ว่าอาณาจักรที่ดวงอาทิตย์ไม่เคยตกดินของตนไว้

    ด้วยการผงาดรุ่งเรืองขึ้นของประเทศทุนนิยมเกิดใหม่ และการทำลายล้างเศรษฐกิจของอังกฤษโดยสงครามโลกครั้งที่สอง ในที่สุดอังกฤษก็ถูกบังคับให้สละอำนาจเจ้าโลกของตนในที่สุด สหรัฐฯ ผ่านการปฏิบัติการหลายประการมีการสถาปนาอำนาจนำในหลายแง่มุมซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศตน

    😎ในกระบวนการแย่งชิงอำนาจของอังกฤษโดยสหรัฐอเมริกา การรวมอำนาจทางการเมือง การขยายอาณาเขต การรักษาความสามัคคี และการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นพื้นฐานของการได้รับอำนาจเป็นเจ้าโลก😎

    เมื่อความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและความแข็งแกร่งทางการทหารมีมากกว่าประเทศอื่นๆ มาก การโอนอำนาจก็สามารถเกิดขึ้นได้ในทันที ในช่วงแรกของสงครามโลกครั้งที่สอง การเก็บตัวและสังเกตการณ์อยู่ข้างสนามและการแทรกแซงสงครามในเวลาที่เหมาะสม ล้วนแสดงให้เห็นถึงความเฉียบแหลมทางการเมืองอันยอดเยี่ยมของกลุ่มนักคิดของรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อประเทศในยุโรปไม่สามารถทำได้หากปราศจากการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา การโอนอำนาจเจ้าโลกจะเป็นเรื่องที่สำเร็จแน่นอน

    ในปัจจุบัน ขณะที่การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีครั้งที่สามกำลังจะสิ้นสุดลง และการปฏิวัติอุตสาหกรรมรอบใหม่กำลังจะแตกออก อำนาจของอเมริกาก็มาถึงทางแยกแห่งโชคชะตาเนื่องจากมีเหตุการณ์เป็นตัวเร่งคือเรื่องของการเสริมกำลังทหารและความขัดแย้งภายในของตัวเอง

    สหรัฐฯ ไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้จีนดำเนินตามขั้นตอนเดิมพัฒนาในลักษณะที่ไม่สำคัญต่อไป จากยุทธศาสตร์ปิดล้อมด้วย“สายโซ่แห่งดินแดนวงล้อมชั้นแรก” (First Island Chain)รวมกับเครือข่ายพื้นที่แผ่นดินใหญ่ในยุคโอบามา ไปจนถึงสงครามการค้ากับจีนในยุคทรัมป์ และการโจมตีจีนโดยรัฐบริวารในเอเชียในเรื่องต่างๆ จะเห็นได้ว่าความพยายามของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการรักษาสิ่งที่เรียกว่าอำนาจเป็นใหญ่นั้นเปรียบเสมือนนักรบที่ติดอยู่ในสนามประลอง

    ในยุคแห่งความขัดแย้งครั้งใหญ่นี้ การยืนหยัดบนเส้นทางของตัวเองและระวังการแทรกซึมของกองกำลังศัตรูเป็นหนทางที่จะทำลายแผนการสมรู้ร่วมคิดของสหรัฐฯ และอำนาจเจ้าโลกของสหรัฐฯ

    🤯โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🤯

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    🤠#สหรัฐฯ ค่อยๆ เข้ามาแทนที่อังกฤษและกลายเป็นเจ้าโลกได้อย่างไร? #การรื้ออำนาจเจ้าโลกจะมีผลกระทบอะไรบ้าง ตอน 02.🤠 🤯สาม การพลิกกลับ🤯 สถานการณ์สงครามโลกที่ไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้างโลกทำให้ทางการสหรัฐฯไม่พอใจอย่างมาก หลังจากที่ประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน(Woodrow Wilson伍德罗·威尔逊) ลาออกจากตำแหน่ง นโยบายต่างประเทศของรัฐบาลสหรัฐฯ ก็กลับเข้าสู่ลัทธิโดดเดี่ยวอย่างเดิม เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 1935 เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดซ้ำในสงครามโลกครั้งที่ 1 สภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกาจึงผ่านกฎหมายความเป็นกลาง ซึ่งกำหนดให้มีการคว่ำบาตร "อาวุธ กระสุน และยุทโธปกรณ์" ไปยังประเทศคู่สงครามทั้งหมด และห้ามเรือค้าขายของสหรัฐฯ จากการขนส่งอาวุธไปยังประเทศคู่สงคราม ขบวนการโดดเดี่ยวในสหรัฐอเมริกาถึงจุดสูงสุด ในเวลานี้ ท้องฟ้าเหนือยุโรปเต็มไปด้วยเมฆหมอกแห่งสงคราม นโยบายการโอนอ่อนผ่อนตามของอังกฤษและฝรั่งเศสมีส่วนทำให้เกิดความหยิ่งลำพองของเยอรมนีมีความเป็นฟาสซิสต์มากขึ้น ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1939 นาซีเยอรมนีเปิดการโจมตีแบบสายฟ้าแลบต่อโปแลนด์ และสงครามโลกครั้งที่สองก็ปะทุขึ้น ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1940 ฝรั่งเศสซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะมหาอำนาจโดยมีกองทัพที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปยอมจำนน ในเดือนพฤศจิกายนของปีถัดมา ญี่ปุ่นซึ่งเป็นหนึ่งในมหาอำนาจฝ่ายอักษะได้เปิดฉากโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ต่อสหรัฐอเมริกา และลากสหรัฐอเมริกาเข้าสู่วังวนแห่งสงคราม สงครามโลกครั้งที่สองและสงครามโลกครั้งที่ 1 แตกต่างกันออกไป ในเวลานี้ สหรัฐฯมีบทบาทเป็นผู้นำ โดยควบคุมในแอฟริกาเหนือ แนวรบด้านตะวันตก และสนามรบในมหาสมุทรแปซิฟิก ในช่วงสงคราม รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ลืมวางแผนสำหรับรูปแบบโลกหลังสงคราม และไม่ต้องการทำผิดพลาดแบบในสงครามโลกครั้งที่ 1 ซ้ำอีก สิ่งแรกที่ต้องจัดการคือเรื่องการครอบงำทางการเงินของโลกที่อังกฤษโดยก่อตั้งขึ้นตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรม ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1942 ไวท์( White) ซึ่งในขณะนั้นเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ได้เปิดตัวแผนของไวท์( White) ซึ่งเป็นแผนเศรษฐกิจในช่วงสงคราม แผนดังกล่าวรวมถึงการจัดตั้งสถาบันสองแห่ง ได้แก่ กองทุนรักษาเสถียรภาพแห่งชาติ (National Stabilization Fund) และธนาคารเพื่อการบูรณะและพัฒนา (Bank for Reconstruction and Development.) ทั้งสองสถาบันนี้เป็นสถาบันก่อนหน้าของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund)และธนาคารโลก (World Bank.)ในอนาคต เพื่อป้องกันอิทธิพลอำนาจทางการเงินของสหรัฐอเมริกาหลังสงครามและปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง สหราชอาณาจักรยังเสนอให้จัดตั้งศูนย์หักบัญชีระหว่างประเทศ (international clearing center) ตาม "ลัทธิเคนส์ (Keynesianism)" และออกแบบระบบการเงินที่มีทองคำเป็นหน่วยการชำระหนี้ อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้สหราชอาณาจักรมีแรงใจมากล้นแต่ไม่มีกำลังกายเพียงพอ และความแข็งแกร่งทางการทหารและเศรษฐกิจทำให้อังกฤษไม่สามารถแข่งขันกับสหรัฐอเมริกาเพื่อครอบงำทางการเงินได้ เพียงสองปีหลังจากการเสนอแผนของไวท์( White) ทางการสหรัฐฯ ได้จัดการประชุมการเงินและการเงินแห่งสหประชาชาติ (United Nations Monetary and Financial Conference)ที่เบรตตันวูดส์ (Bretton Woods) ทางการสหรัฐฯมีอำนาจเหนือการเจรจาอย่างท่วมท้น และในที่สุดประเทศต่างๆ ก็ลงนามใน "ข้อตกลงเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods Agreement)" อันโด่งดัง ข้อตกลงดังกล่าวเชื่อมโยงสกุลเงินของประเทศต่างๆ อย่างเป็นทางการกับดอลลาร์สหรัฐ และสร้างระบบมาตรฐานทองคำที่ดอลลาร์สหรัฐเชื่อมโยงกับทองคำ สำนักงานใหญ่ของกองทุนการเงินแห่งชาติ (National Monetary Fund)ตั้งอยู่ในวอชิงตัน (Washington) เห็นได้ชัดว่าระบบเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods system)เป็นข้อตกลงที่ลงนามโดยสหรัฐอเมริกาที่มีอำนาจมากที่สุดและเหล่าบริวารอื่น ๆ ในสภาพแวดล้อมสงครามในขณะนั้น แม้ว่าอังกฤษไม่เต็มใจที่จะมอบอำนาจทางการเงินของตนให้กับผู้อื่น แต่ความรุ่งโรจน์ของจักรวรรดิที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดินก็สูญสิ้นไปนานแล้ว สหรัฐฯ ขู่ว่าจะปฏิเสธคำขอกู้ยืมของอังกฤษและบังคับให้ทางการอังกฤษยอมรับข้อตกลงดังกล่าว ขณะเดียวกันพวกเขาก็ใช้การล่มสลายของระบบอาณานิคมในอนาคตเป็นข้อแก้ตัวด้วย บังคับให้ฝ่ายอังกฤษละทิ้งระบบจักรวรรดิดั้งเดิมที่ให้การปฏิบัติเระบบสิทธิพิเศษ และใช้เงินปอนด์ที่แปลงสภาพอย่างเสรี ในท้ายที่สุด อังกฤษก็ยอมสละอำนาจทางการเงินของตน และสหรัฐฯ ได้ขจัดอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการก้าวไปสู่อำนาจอำนาจของโลก 🤯4. บทสรุปและการรู้แจ้ง🤯 อารยธรรมของมนุษย์ดำรงอยู่มานานนับพันปี ในประวัติศาสตร์อันยาวนาน ประเทศที่มีอำนาจเหนือกว่าจำนวนนับไม่ถ้วนได้ถือกำเนิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่มีระบอบการปกครองใดที่สามารถรักษาความได้เปรียบของตนไว้ได้ตลอดไปในสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ซับซ้อน ตัวแทนของยุคอาณานิคมตอนต้น - สเปนและโปรตุเกส สเปนใช้ประโยชน์จากยุคแห่งการค้นพบ และยึดครองดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ขนาดใหญ่ในทวีปอเมริกา แต่เขาสูญเสียเรือรบทั้งหมดในการรบทางเรือกับอังกฤษ ผู้ครองอำนาจเจ้าโลกรุ่นแรกจึงจำต้องสละสิทธิทางทะเลแก่สหราชอาณาจักรด้วยประการฉะนี้นี้ บนพื้นฐานของลัทธิล่าอาณานิคมสเปน อังกฤษได้ก่อตั้งกลุ่มอาณานิคมขึ้น เช่น บริษัทอินเดียตะวันออก และดำเนินกิจกรรมปล้นสะดมขนาดใหญ่ในแอฟริกา เอเชีย และอเมริกา ถือเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับการปฏิวัติอุตสาหกรรมในเวลาต่อมา ในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สอง บรรดาสุภาพบุรุษผู้สูงศักดิ์ชาวอังกฤษคอยกินบุญเก่าซึ่งมีรายชื่อในสมุดความดีความชอบมุ่งมั่นที่จะรักษาระบบอาณานิคมของตนไว้ โดยไม่สนใจการเพิ่มทวีขึ้นของจิตสำนึกแห่งชาติเผ่าของอาณานิคม และพยายามใช้วิธีการที่ต่ำทรามน่ารังเกียจต่างๆ เพื่อรักษาสถานะที่ว่าอาณาจักรที่ดวงอาทิตย์ไม่เคยตกดินของตนไว้ ด้วยการผงาดรุ่งเรืองขึ้นของประเทศทุนนิยมเกิดใหม่ และการทำลายล้างเศรษฐกิจของอังกฤษโดยสงครามโลกครั้งที่สอง ในที่สุดอังกฤษก็ถูกบังคับให้สละอำนาจเจ้าโลกของตนในที่สุด สหรัฐฯ ผ่านการปฏิบัติการหลายประการมีการสถาปนาอำนาจนำในหลายแง่มุมซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศตน 😎ในกระบวนการแย่งชิงอำนาจของอังกฤษโดยสหรัฐอเมริกา การรวมอำนาจทางการเมือง การขยายอาณาเขต การรักษาความสามัคคี และการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นพื้นฐานของการได้รับอำนาจเป็นเจ้าโลก😎 เมื่อความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและความแข็งแกร่งทางการทหารมีมากกว่าประเทศอื่นๆ มาก การโอนอำนาจก็สามารถเกิดขึ้นได้ในทันที ในช่วงแรกของสงครามโลกครั้งที่สอง การเก็บตัวและสังเกตการณ์อยู่ข้างสนามและการแทรกแซงสงครามในเวลาที่เหมาะสม ล้วนแสดงให้เห็นถึงความเฉียบแหลมทางการเมืองอันยอดเยี่ยมของกลุ่มนักคิดของรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อประเทศในยุโรปไม่สามารถทำได้หากปราศจากการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา การโอนอำนาจเจ้าโลกจะเป็นเรื่องที่สำเร็จแน่นอน ในปัจจุบัน ขณะที่การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีครั้งที่สามกำลังจะสิ้นสุดลง และการปฏิวัติอุตสาหกรรมรอบใหม่กำลังจะแตกออก อำนาจของอเมริกาก็มาถึงทางแยกแห่งโชคชะตาเนื่องจากมีเหตุการณ์เป็นตัวเร่งคือเรื่องของการเสริมกำลังทหารและความขัดแย้งภายในของตัวเอง สหรัฐฯ ไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้จีนดำเนินตามขั้นตอนเดิมพัฒนาในลักษณะที่ไม่สำคัญต่อไป จากยุทธศาสตร์ปิดล้อมด้วย“สายโซ่แห่งดินแดนวงล้อมชั้นแรก” (First Island Chain)รวมกับเครือข่ายพื้นที่แผ่นดินใหญ่ในยุคโอบามา ไปจนถึงสงครามการค้ากับจีนในยุคทรัมป์ และการโจมตีจีนโดยรัฐบริวารในเอเชียในเรื่องต่างๆ จะเห็นได้ว่าความพยายามของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการรักษาสิ่งที่เรียกว่าอำนาจเป็นใหญ่นั้นเปรียบเสมือนนักรบที่ติดอยู่ในสนามประลอง ในยุคแห่งความขัดแย้งครั้งใหญ่นี้ การยืนหยัดบนเส้นทางของตัวเองและระวังการแทรกซึมของกองกำลังศัตรูเป็นหนทางที่จะทำลายแผนการสมรู้ร่วมคิดของสหรัฐฯ และอำนาจเจ้าโลกของสหรัฐฯ 🤯โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🤯 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔹️แพ็กคู่ซีรีส์ชุด พิกัดต่อไปใครเป็นศพ❗

    คำเตือน เนื้อหายาวมากถึงมากที่สุด

    1 #พิกัดต่อไปใครเป็นศพ #masqueradehotel

    อ่านจนจบในวันเดียว หนาถึง 547 หน้า ดีที่ขนาดไม่เทอะทะแม้หนาแต่ไม่หนัก ตอนตัดสินใจเลือกยืมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยชมที่สร้างเป็นหนังมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน พออ่านไปได้ไม่กี่หน้าเริ่มรู้สึกฉากช่างคุ้นเคย เนื้อเรื่องเหมือนเคยรู้มาก่อน ทบทวนความทรงจำตนเองจึงค่อยจำได้ว่าคือเรื่องเดียวกับหนังที่ดูจบแล้วชอบมากนั่นเอง แต่ห้วงเวลาที่ชมนั้นไม่เคยทราบว่าสร้างจากนิยายเล่มนี้ ดูเพราะชอบนักแสดงหลักทั้งสองคนเลยคือ ทาคูยะ และมาซามิ และก็ไม่ผิดหวังทั้งคู่แสดงในบทบาทที่ได้รับได้ดีมาก พระนางมีการขัดแย้งในความเห็นอย่างที่เรียกว่าคู่กัด แต่ก็ห่วงใยช่วยเหลือกันมีความน่ารักปนน่าหมั่นไส้ โรงแรมที่ใช้เป็นฉากก็หรูหราโอ่โถงงดงามน่าใช้บริการอย่างมากครับ

    📚วกกลับมาเข้าเรื่องในหนังสือ

    สำนักพิมพ์น้ำพุ ปี พ.ศ.2023 /ราคา 425 บาท
    ฮิงาชิโนะ เคโงะ เขียน
    อภิญญา เตชะบุญไพศาล แปล

    เนื้อหาในเล่มกล่าวถึงชีวิตของพนักงานโรงแรมคอร์เทเชียโตเกียวสุดหรูที่มีนามว่า ยามางิชิ นาโอมิ ซึ่งเป็นตัวเอกที่ดำเนินเรื่องหลักของนิยายเล่มนี้ ที่ฉากแรกปรากฏก็เปิดตัวอย่างสง่างามสมกับความเป็นพนักงานต้อนรับมืออาชีพยิ่ง เพราะมีลูกค้าชายประเภทที่จงใจก่อปัญหาเพื่อหวังจะได้เข้าพักในห้องราคาสูงกว่าที่ตนได้เลือกจองไว้ จนพนักงานยกกระเป๋าที่เข็นของไปให้ ต้องโทร.ลงมาปรึกษาว่าจะทำอย่างไรดี ซึ่งเธอสามารถบริหารจัดการให้ผ่านพ้นสิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าลงได้อย่างสวยงาม

    จากนั้นเรื่องจึงนำพาผู้อ่านเข้าสู่ประเด็นของที่มาอันกลายเป็นชื่อเรื่องคือ ทางผู้จัดการใหญ่ที่รับผิดชอบดูแลพนักงานในโรงแรมทั้งหมด ได้รับการติดต่อขอความร่วมมือจากกรมตำรวจนครบาลโตเกียว ในการสืบสวนคดีที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานนี้ ที่มีแนวโน้มเป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่องโดยคนร้ายรายเดียวกัน

    🏨

    รายละเอียดของคดีคือ มีการพบศพผู้ตาย 3 ราย ในระยะเวลาห่างกันประมาณ 6-7 วันนับจากศพแรก ทราบชื่อผู้ตายทั้งสาม เป็นชาย2หญิง1 สาเหตุเสียชีวิตจากการถูกทำร้ายด้วยการตีจากด้านหลังบ้าง รัดคอบ้าง ทุกรายพบตัวเลขปริศนา2ชุดในจุดเกิดเหตุ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าเกี่ยวข้องกับการตายของเหยื่อหรือไม่อย่างไร แต่ตำรวจมั่นใจว่าคนร้ายหมายตาที่จะก่อเหตุในครั้งต่อไป โดยเล็งเป้าหมายคือโรงแรมที่นาโอมิทำงานอยู่ ปัญหาใหญ่คือไม่ทราบว่าใครที่คนร้ายหมายจะฆ่า ทำไมถึงเลือกที่นี่ และคนร้ายคือใคร ซึ่งรายละเอียดปลีกย่อยพวกนี้ ฝ่ายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ได้คุยตกลงกันกับผู้จัดการใหญ่ของโรงแรมแล้ว ดังนั้นจึงเรียกตัว หัวหน้าจากหลายฝ่ายให้มาร่วมประชุม ไม่ว่าฝ่ายห้องพัก ฝ่ายเข็นสัมภาระลูกค้าไปส่งห้อง ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และในการนี้นาโอมิยังถูกระบุให้เข้าร่วมประชุมแม้จะเป็นแค่เพียง พนักงานระดับปฏิบัติการณ์ฝ่ายต้อนรับเท่านั้น

    🏨

    เหตุผลเพราะหัวหน้างานไว้วางใจ เชื่อมั่นในคุณสมบัติและประสบการณ์ของเธอจะสามารถเป็นพี่เลี้ยงให้กับตำรวจ ที่จะปลอมเข้ามาเป็นพนักงานเพื่อเฝ้าสังเกตบุคคลที่มาใช้บริการโรงแรม ซึ่งแผนกต้อนรับเองนาโอมิถูกเลือกให้จับคู่กับรองสารวัตรนิตตะ ส่วนแผนกอื่นก็มีตำรวจปลอมตัวเข้าไปด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นก็มีตำรวจส่วนหนึ่งที่ถูกสั่งการให้ปะปนเข้ามาเป็นคนใช้บริการหรือจับตาความเคลื่อนไหวบริเวณโถงรับแขก ห้องอาหาร และอื่นๆ

    🏨

    นั่นคือจุดเริ่มแห่งความหรรษา เพราะนิตตะไม่ชอบอะไรที่เป็นพิธีการ แต่จำใจต้องเชื่อฟังนาโอมิที่อายุน้อยกว่า ตั้งแต่เรื่องชุดพนักงาน ท่าทีการพูดจา บุคลิกภายนอกที่ต้องถูกปรับให้กลายจากความเป็นตำรวจมาเป็นพนักงานต้อนรับให้สมจริงมากที่สุด ทั้งคู่จึงมีการกระทบกระทั่งทางความคิดที่ไม่ตรงกัน จนมีการโต้เถียงบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นความบันเทิงประการหนึ่ง ด้วยคู่นี้มีความน่ารัก น่าลุ้น ที่จะกลายมาเป็นคู่ใจในอนาคตได้

    🏨

    ระหว่างนั้น นาโอมิมีข้อสงสัยมากมายหลายประการ เธอมักถามนิตตะที่ทราบรายละเอียดของคดีมากกว่าที่พนักงานโรงแรมทราบ แต่นิตตะไม่บอกเล่าโดยให้เหตุผลว่าเป็นความลับของทางราชการไม่อาจให้คนนอกทราบได้

    งานบริการของนาโอมิยังคงต้องดำเนินต่อไป เกิดปัญหาจากความต้องการของลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาพักเป็นระยะ ซึ่งเธอและนิตตะต้องพยายามแก้ไขสถานการณ์ให้ผ่านพ้น ทำให้ทั้งสองเริ่มมีความเข้าใจและยอมรับในตัวตนและงานของอีกฝ่ายได้ดีขึ้นกว่าเมื่อแรกพบหน้า ลูกค้าบางคนดูไม่น่าไว้ใจและมีท่าทางแปลกจนนิตตะจับตามองเป็นพิเศษ ด้วยสัญชาตญาณของนักสืบ

    🏨

    ขณะที่มีตำรวจวัยเลยกลางคนไปแล้ว ซึ่งเป็นตำรวจในท้องที่เกิดเหตุคนหนึ่งที่รู้จักกับนิตตะ และได้รับการมอบหมายให้เป็นคู่หูสืบคดีก่อนที่นิตตะจะต้องปลอมตัวมาเป็นพนักงานต้อนรับนั้น มีน้ำใจที่อยากจะช่วยเหลือ จึงมักอาสาช่วยสืบเรื่องราวต่าง ๆ จากด้านนอก ตามที่นิตตะมีความสงสัยด้วยอีกทางหนึ่ง

    ในที่สุดนิตตะก็ทนรบเร้าจากนาโอมิไม่ไหว อีกทั้งเริ่มมีความไว้ใจเธอมากขึ้น จนยอมเล่าให้ทราบถึงปริศนาของชุดตัวเลขที่ปรากฏทุกครั้งในสถานที่พบศพอันเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ตำรวจตัดสินใจปะปนเข้ามาในโรงแรม ทำให้เธอเริ่มเกิดความตื่นตัวและทึ่งในความสามารถของเขา รวมถึงมีความกังวลถึงเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้จนส่งผลต่อสุขภาพและงานในหน้าที่ความรับผิดชอบ

    🏨

    อย่างไรก็ตาม สุดท้ายตัวคนร้ายคือคนที่คิดไม่ถึง ซึ่งไม่น่าเชื่อจริง ๆ ว่าจะวางแผนการณ์ได้อย่างแยบยลขนาดนั้น แต่แรงจูงใจในการก่อคดียังรู้สึกว่ามีน้ำหนักน้อยไปสักหน่อย คงเพราะความที่คนร้ายเป็นคนประเภทมีจิตรุนแรงในพื้นนิสัย ทำให้ต้องลุ้นเอาใจช่วยนิตตะและนาโอมิในตอนที่เนื้อเรื่องเปิดเผยให้คนอ่านทราบแล้วว่าเป็นใคร ทั้งสองจะปลอดภัยหรือไม่ จะจับตัวคนร้ายได้ไหม ใครจะถูกฆ่าเป็นรายถัดไปหรือเปล่า ต้องตามอ่านต่อในพิกัดต่อไปใครเป็นศพครับ

    🖋วิจารณ์หลังจบเรื่อง

    เป็นการเล่าในมุมมองบุคคลที่สามคือมุมมองพระเจ้า ฉากหลักตลอดทั้งเรื่องเกิดขึ้นภายในโรงแรม ตัวละครที่มีการเอ่ยชื่อและมีบทบาทสำคัญไม่เยอะจนเกินไป จึงทำให้คนอ่านจดจำและรู้สึกใกล้ชิดกับตัวเอก ไปจนตัวรองที่ถูกกล่าวถึงบ่อย ๆ ได้ไม่ยาก ความจริงในส่วนของคดีที่เกิดในเล่มนี้นั้น พูดตามจริงแล้วไม่ได้มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนอะไร รูปแบบการฆ่าก็ธรรมดาเกินกว่าจะดูน่ากลัวหรือลึกลับ เพียงแต่มีจุดเด่นตรงชุดตัวเลขปริศนาว่าหมายถึงอะไร และชวนน่าสงสัยเล็กน้อยว่าคนร้ายจะฆ่าคนไปทำไม เพราะดูเหมือนตำรวจมีข้อมูลน้อยมาก จนการสืบสวนแทบไม่เดินหน้าไปไหนเลย

    🏨

    เป็นความตั้งใจของผู้เขียนที่คงจะต้องการให้โทนของเรื่องออกมาในลักษณะนี้ คือไม่เน้นที่การสืบสวนคลี่คลายปมเป็นพิเศษ จึงไม่จำเป็นต้องผูกเรื่องราวของคดีที่เกิดขึ้นให้มีความอลังการ จนดึงดูดความสนใจกระหายใคร่รู้ และกระตุ้มต่อมนักสืบของคนอ่านจนพุ่งสูงด้วยความเข้มข้นของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเหยื่อ แต่กลับเลือกที่จะให้ดูเป็นคดีทั่วไป ไม่มีความโชกเลือดหรือบ้าคลั่งของฆาตกรเป็นที่ปรากฏออกมาในบรรยากาศ ซึ่งในแง่นี้ถือว่านักอ่านหลายคนอาจถูกภาพปกของหนังสือหลอกเอาได้ เพราะโทนสีดำแดง กับเลือดเปรอะกระจายบนแผนที่ อีกทั้งชื่อเรื่องชวนค้นหาว่าคงจะดำเนินไปในแนวทางน่าตื่นเต้นกับการตามสืบอะไรทำนองนั้น ซึ่งใครที่คาดหวังมากก็อาจผิดหวังเมื่อพบว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เป็นไปในทิศทางที่ตนคาดว่าจะได้พบเจอ

    🏨

    แต่นี่ไม่มีปัญหากับผม ส่วนตัวชอบมาก แทบไม่ได้สนใจในคดีด้วยซ้ำว่าใครจะเป็นคนร้าย ใครเป็นเป้าหมายที่กำลังจะถูกฆ่า และทำไมต้องฆ่า คืออ่านไปได้เรื่อย ๆ อย่างเพลิดเพลิน ชอบในความที่เนื้อหาเจาะลึกถึงวงการคนโรงแรม ทำให้เราได้รู้ข้อมูลหลายอย่าง สิ่งที่พนักงานต้องแบกรับและพบเจอที่เป็นเรื่องเบื้องลึกเบื้องหลัง ซึ่งคนทั่วไปไม่ค่อยได้คำนึงถึงและไม่เคยมองในมุมของคนทำงานเหล่านั้น จึงเป็นความบันเทิงที่สามารถได้รู้เรื่องราวอินไซด์โดยผ่านการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของนาโอมิ กับประเด็นต่าง ๆ ที่เข้ามามากมาย คล้ายกำลังได้ติดตามดูซีรีส์ชีวิตการทำงานในอาชีพด้านการบริหารโรงแรมดี ๆ สักเรื่องหนึ่ง ซึ่งอดีตเมื่อ 30 กว่าปีก่อน เคยได้รับชมมาบ้างทั้งของญี่ปุ่นและเกาหลี

    🏨

    จุดเด่นในการดำเนินเรื่องคือเราจะได้เห็นพัฒนาการความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นของสองตัวละครหลัก ในระหว่างร่วมกันแก้ไขปัญหา แม้มีความขัดแย้งจากความเห็นมุมมองที่ต่างสถานะบ้างก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ดีเสียอีกทำให้ต่างฝ่ายได้เรียนรู้เพิ่ม เป็นประสบการณ์ใหม่และเปิดมุมมองอีกด้านที่ตนไม่เคยใส่ใจ จนเกิดเป็นความเห็นอกเห็นใจ และเชื่อใจกันโดยไม่รู้ตัว แม้นภายนอกเหมือนไม่ชอบหน้ากันก็ตาม ที่สำคัญคือแม้เรื่องแนวทางการสืบหาตัวคนร้ายเหมือนไม่คืบหน้าไปไหน แต่เมื่อนาโอมิแก้ปัญหาลูกค้าไปทีละเรื่องต่อเนื่องไป ทำให้นิตตะเองสะดุดคิดได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่จะเกี่ยวโยงไปถึงคดีได้อย่างไม่ตั้งใจ บางครั้งคำพูดของนาโอมิเองช่วงสนทนากับนิตตะ ไปจุดประกายให้เขาพลันนึกอะไรได้ขึ้นมาอย่างกะทันหันก็มี รวมถึงคู่หูนายตำรวจท้องที่ผู้มีอายุมากกว่าเขา ก็ยังมีส่วนช่วยอย่างคาดไม่ถึงเช่นกัน ทำให้เห็นถึงพลังของความช่วยเหลือกันและกันของความเป็นเพื่อน แม้เพิ่งทำความรู้จักกันชั่วระยะเวลาไม่นาน นี่จึงไม่ใช่นิยายสืบสวนที่เน้นความเก่งฉกาจของนักสืบที่รับผิดชอบคดีแบบฉายเดี่ยว แต่ต้องอาศัยความเชื่อใจระหว่างกันในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ความเห็นที่มีของตนคนเดียวอาจจะไม่เพียงพอ

    หากพิจารณาให้ดี จะได้เห็นถึงความสำคัญของบุคคลแวดล้อมที่ดูราวกับไม่มีส่วนสำคัญ แต่แท้จริงถ้าไม่ได้ความคิดเห็นหรือความช่วยเหลือของเขา พระเอกของเราก็ยังคงไม่อาจฉุกใจได้คิด จนนำไปสู่การรู้ตัวคนร้ายในช่วงท้ายของเรื่อง

    บทสรุปก่อนจบ มีแนวโน้มให้คนอ่านได้ลุ้นว่านิตตะกับนาโอมิ จะมีความเป็นไปได้ในการเป็นคู่รักหรือไม่ แต่ที่มั่นใจคือน่าจะมีเล่มต่อให้ได้ติดตามกันอย่างแน่นอน.

    .........................................

    2. #พิกัดต่อไปใครเป็นศพตอนลางร้ายใต้หน้ากาก #masqueradeeve

    เล่มที่สองของซีรีส์ ที่ยังคงความสนุกได้ไม่แพ้เล่มแรก แต่ความหนาน้อยลงเหลือ 352 หน้า

    สำนักพิมพ์น้ำพุ ปี พ.ศ.2023 /ราคา 345 บาท
    ฮิงาชิโนะ เคโงะ เขียน
    อภิญญา เตชะบุญไพศาล แปล

    เนื้อหาย่อของเล่มนี้

    ถึงจะออกมาเป็นเล่มที่สองของชุด แต่เหตุการณ์เป็นเรื่องก่อนหน้าคดีในเล่มแรก คือย้อนไปเล่าสมัยที่นาโอมิเพิ่งจะเข้าทำงานใน คอร์เทเชียโตเกียวได้แค่สี่ปี และย้ายแผนกมาอยู่ฝ่ายต้อนรับไม่นาน ยังเห็นถึงความผิดพลาดบกพร่องที่ไม่คล่องตัว ยังไม่มีความเชื่อมั่นในประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญดังภาพที่ปรากฏในเล่มก่อนหน้า ทว่าก็ยังคงบุคลิกที่มุ่งมั่นในการให้บริการ และมีหัวใจในการคิดถึงและเอาใจใส่ต่อลูกค้าทุกคนอย่างซื่อสัตย์

    🏨

    เริ่มต้นมา นาโอมิก็ได้แสดงความสามารถที่ทำให้เห็นถึงความมีไหวพริบปฏิภาณ และช่างสังเกต อันเป็นคุณสมบัติที่ควรต้องมีในคนที่ทำอาชีพเช่นเธอ โดยมีชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งนาโอมิจดจำได้ว่าเป็นอดีตแฟนที่เคยคบหากันชั่วเวลาหนึ่งสมัยที่เธอเรียนมหาวิทยาลัย แต่มีเหตุให้ต้องเลิกราแยกย้ายกันไปคนละเส้นทาง เขามากับชายอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นนักกีฬาเบสบอลอาชีพที่มีชื่อเสียงมาก โดยทำหน้าที่เป็นผจก.ส่วนตัวนักกีฬาชาย แล้วได้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้นในขณะที่ทั้งสองมาพักอยู่ในโรงแรม จนเป็นเหตุให้แฟนเก่าคนนี้โทร.ตามตัวนาโอมิจากหน้าฟรอนต์ให้มาช่วยแก้ไขปัญหา ซึ่งเธอไม่เต็มใจนักแต่ต้องตัดความรู้สึกส่วนตัวออก แล้วสวมหัวใจพนักงานฝ่ายต้อนรับที่ต้องช่วยเหลือบริการแก่ลูกค้าอย่างดีที่สุด ซึ่งสุดท้ายเธอก็สามารถจัดการกับปัญหาให้จบลงด้วยดี

    🏨

    ทางด้านนิตตะนั้น เพิ่งเริ่มต้นอาชีพด้วยการเข้าเป็นน้องใหม่ในสังกัดกรมตำรวจหลังกลับมาจากต่างประเทศไม่นาน โดยมีรุ่นพี่โมโตมิยะ(ปรากฏตัวในเล่มแรกด้วย โดยเป็นหนึ่งที่ปลอมตัวเข้าไปในโรงแรม) ที่เป็นคู่หูและพี่เลี้ยง ซึ่งคดีแรกที่เขาต้องคลี่คลายคือ คดีฆาตกรรมวันไวต์เดย์ โดยตำรวจได้รับแจ้งจากหญิงสาวคนหนึ่งว่าสามีของตนออกไปวิ่งออกกำลังตอนกลางดึกแต่ยังไม่กลับถึงบ้านตามเวลา สุดท้ายมีการพบว่าสามีของเธอกลายเป็นศพอยู่ในสวน ซึ่งเสียชีวิตจากการถูกแทงที่ท้องและหลัง มีอะไรหลายอย่างที่พบในที่เกิดเหตุ รวมถึงข้อมูลที่ตำรวจได้สืบทราบมา ที่รบกวนใจของนิตตะ เขาได้แสดงความสามารถออกมาเป็นที่ปรากฏจนรุ่นพี่ออกจะไม่พอใจและหมั่นไส้อยู่บ้าง ด้วยสิ่งที่นิตตะคาดคะเนและวิเคราะห์ทำให้ตำรวจสามารถพบตัวของผู้ก่อเหตุได้ในเวลาไม่นาน แต่คดีนี้มีอะไรที่ซับซ้อนยิ่งกว่าสิ่งที่ตำรวจรู้

    🏨

    ตัดมาที่การปฏิบัติงานของนาโอมิ ในเหตุการณ์ที่มีกลุ่มชายหลายคน มาจองห้องพักและมีพฤติการณ์ที่ทำให้เธอรู้สึกว่าแปลกพิกล ต่อมาทราบว่าที่แท้คนกลุ่มนี้หวังที่จะมาเฝ้ารอเพื่อจะได้พบเจอกับนักเขียนนิยายที่โด่งดังนามว่า ทาจิบานะ ซากุระซึ่งเขียนแนวประโลมโลก และจะเข้ามาพักที่โรงแรมเพื่อเขียนงานใหม่ เนื่องจากเหล่าสาวกที่ชื่นชอบงานเขียนของซากุระ ไปเห็นรูปที่ถูกระบุว่าเป็นนักเขียนหญิงคนดังในโซเชียลมีเดีย พอเห็นว่าเป็นสาวสวยจึงหาวิธีที่จะได้พบเจอตัวจริงให้ได้ จึงเป็นหน้าที่ของนาโอมิ ที่จะต้องรักษาความเป็นส่วนตัวรวมถึงความปลอดภัยให้แก่ลูกค้าที่มาใช้บริการ ความยุ่งยากจึงเกิดขึ้น

    🏨

    ตอนสุดท้าย นาโอมิได้รับการขอจากผู้จัดการให้ช่วยไปสอนงานให้กับพนักงานแผนกต้อนรับที่สาขาโอซาก้า ซึ่งเพิ่งเปิดโรงแรมได้ไม่นาน เธอจึงต้องไปทำงานอยู่ที่นั่นชั่วระยะเวลาหนึ่งแต่ไม่เกินครึ่งปี ในขณะที่นิตตะมีคดีใหม่ที่ต้องรับผิดชอบกับรุ่นพี่โมโตมิยะ คือการตายของอาจารย์มหาวิทยาลัย ที่กำลังทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องทางสิทยาศาสตร์ โดยพบศพในห้องทำงาน คดีนี้มีผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะเป็นบุคคลคนหนึ่ง แต่ทว่าเขากลับมีหลักฐานยืนยันที่อยู่ชัดเจนในช่วงเวลาที่คาดว่าเหยื่อถูกฆ่าตาย ซึ่งเจ้าตัวเข้าใจว่าตนเองรอดพ้นแน่แต่แท้จริงเบื้องหลังยังมีอะไรที่ไม่เป็นดังที่คิด ที่มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากกว่า

    ในกรณีทีมสืบสวนเอง ผู้ใหญ่ได้สั่งการลงมาให้นิตตะจับคู่กันกับตำรวจหญิงวัยละอ่อน ที่เป็นตำรวจท้องที่มีนามว่า ริสะ ที่ถูกย้ายมาจากแผนกความปลอดภัยชุมชน ให้มาร่วมในทีมเป็นครั้งแรก นิตตะไม่พอใจนักแต่จำใจต้องทำตาม แม้จะดูเหมือนเป็นตำรวจหญิงที่อ่อนต่อโลก พูดเป็นต่อยหอย และขาดไหวพริบม แต่ริสะก็ถือเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีความกระตือรือร้น มุ่งมั่นใส่ใจในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการที่เธอได้รับคำสั่งจากนิตตะให้ไปสืบเช็กข้อมูลจากโรงแรมคอร์เทเชียโอซาก้า เพื่อยืนยันคำพูดจากปากของชายผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดี ทำให้ริสะได้พบกับนาโอมิ อันก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากมาถึงผลลัพธ์ในภายหลัง

    🖋วิเคราะห์หลังอ่านจบ

    เล่มนี้เล่าเรื่องโดยแยกเนื้อหาระหว่างการแก้ปัญหาในโรงแรมของนาโอมิ กับการไขคดีของนิตตะออกจากกันชัดเจนเป็นตอนที่จบในตัว เริ่มจากตอนของนาโอมิก่อน จากนั้นสลับไปเล่าฝั่งนิตตะ แต่ในตอนสุดท้ายจะผนวกสองฝั่งให้เชื่อมถึงกันในคดีที่มีผู้เกี่ยวข้องได้ไปเข้าพักที่โรงแรมคอร์เทเชียโอซาก้าซึ่งนาโอมิกำลังอยู่ในช่วงที่สอนงานให้พนักงานที่นั่น

    ทั้งคู่ไม่ได้พบกันเลย เพราะการพบกันครั้งแรกเกิดขึ้นในเล่มแรก แต่ผู้เขียนมีความสามารถในการผูกโยงเรื่องราวให้คนอ่านรู้สึกเหมือนว่าได้เห็นคนทั้งสองอย่างใกล้ชิด และได้เห็นบุคลิกกับอุปนิสัยส่วนตัวของนาโอมิกับนิตตะมากขึ้น

    นิตตะในเล่มนี้ มีโอกาสได้แสดงฝีมือในการคิดวิเคราะห์ และประเมินสถานการณ์กับข้อมูลที่ใช้หาตัวคนร้าย ได้เด่นชัดกว่าเล่มแรก สมกับที่เป็นระดับหัวกะทิที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ แต่เราก็จะได้เห็นถึงข้อเสียใหญ่ของเขาที่ไม่น่ารักเช่นกัน คือเป็นคนมั่นใจในความฉลาดของตนมากจนเหมือนดูถูกคนที่ด้อยกว่า โดยเฉพาะความคิดที่เห็นว่าผู้หญิงเป็นตัวถ่วง สู้ผู้ชายไม่ได้ ดังที่นิตตะแสดงออกทางสีหน้าท่าทางและคำพูดต่อเด็กใหม่อย่างริสะ ที่เหมือนเป็นได้แค่ลูกไล่ไร้ประโยชน์ ซึ่งต่างจากนาโอมิ ที่แม้จะมองออกว่าริสะเป็นตำรวจที่ความสามารถไม่ถึงขั้น แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีรำคาญ กลับมองเห็นถึงมุมที่เป็นความอดทน ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใดของตำรวจหญิงในการพยายามค้นหาความจริงให้ได้ ความมุ่งมั่นของริสะจึงเอาชนะใจของนาโอมิ จนยอมช่วยเหลือด้วยการเปิดเผยเรื่องราวบางส่วนให้ริสะทราบ

    ในส่วนของการคลี่คลายคดี ไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อนจนเกินไป แต่เล่มนี้จะเน้นไปที่คดีที่น่าจะเป็นที่มาของชื่อตอน (ลางร้ายใต้หน้ากาก) ถึงสองคดีด้วยกันครับ ถ้าได้อ่านแล้วจะเข้าใจ และน่าจะเห็นตรงกันว่าภายใต้หน้ากากที่ภายนอกดูไม่ได้รู้เลยว่าจะกลายเป็นคนร้ายได้ สุดท้ายก็แอบซ่อนความบิดเบี้ยวของใจที่โดนกิเลสเข้าครอบงำได้อย่างน่ากลัว

    ตัวละครในเรื่อง สำหรับเล่มนี้ รู้สึกว่าริสะที่แม้จะมีบทบาทเพียงแค่ช่วงคดีสุดท้ายนั้น เป็นตัวละครที่เขียนมาได้น่าสนใจมาก โผล่มาทีไรก็ทำให้คนอ่านอย่างผมอดขำไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ไปต่อในเล่มอื่น ๆ ของชุดนี้หรือไม่ ส่วนนาโอมินั้นยังคงเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์เช่นเดิม เทียบกับนิตตะแล้วส่วนตัวมีความรู้สึกชอบนาโอมิมากกว่า

    นอกจากนี้ยังชอบตอนจบของเรื่อง ที่มีการโยงถึงเหตุการณ์ที่เป็นต้นตอนำไปสู่ความอาฆาตแค้นของฆาตกรในคดีที่เกิดขึ้นในเล่มแรก สรุปว่าอ่านจบเล่มสองแล้วก็จะไปต่อเหตุการณ์ของเล่มแรกพอดี

    ใครเริ่มอ่านจากเล่มนี้ก่อน สามารถอ่านเล่มแรกต่อเนื่องได้เลย

    📌คำเตือน : สำหรับคนที่ชอบการสืบคดีแบบเข้มข้น มีวิธีการฆ่าที่ค่อนข้างแปลกพิสดารหรือโหดสยอง และมีกลวิธีในการอำพรางซ่อนเร้นที่ไม่ธรรมดา ซีรีส์ชุดนี้อาจไม่ตอบโจทย์ แล้วเลยพาลจะไม่ชอบหรือหมดสนุกได้ง่าย แต่ถ้าชอบแนวได้ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับอาชีพของตัวเอกควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และการไขคดีที่ไม่โลดโผน ชุดนี้น่าจะเป็นที่ชื่นชอบของคุณได้ไม่ยากครับ

    ป.ล. มีปกใหม่ออกมาที่คิดว่าทำได้ดีตรงกับแนวเรื่องและชื่อตอนมากกว่าปกฉบับตีพิมพ์ครั้งแรกด้วย เพราะปกของเล่มสองนี้ดูเหมือนน่าจะโหดมาก แต่เนื้อในไม่ใช่อย่างที่คิด

    ใครอ่านตั้งแต่ต้นมาจนถึงบรรทัดสุดท้ายนี้ได้ขอได้รับความขอบคุณจากผมด้วยครับ

    #thaitimes
    #หนังสือ
    #หนังสือน่าอ่าน
    #นิยายแปล
    #นิยายญี่ปุ่น
    #นิยายสืบสวน
    #สืบสวน
    #คดีฆาตกรรม
    #งานโรงแรม
    #พนักงานต้อนรับ
    #ตำรวจ
    #นักสืบ
    #ลูกค้า
    #งานบริการ
    #อาชีพ
    #ฮิงาชิโนะเคโงะ
    🔹️แพ็กคู่ซีรีส์ชุด พิกัดต่อไปใครเป็นศพ❗ คำเตือน เนื้อหายาวมากถึงมากที่สุด 1 #พิกัดต่อไปใครเป็นศพ #masqueradehotel อ่านจนจบในวันเดียว หนาถึง 547 หน้า ดีที่ขนาดไม่เทอะทะแม้หนาแต่ไม่หนัก ตอนตัดสินใจเลือกยืมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยชมที่สร้างเป็นหนังมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน พออ่านไปได้ไม่กี่หน้าเริ่มรู้สึกฉากช่างคุ้นเคย เนื้อเรื่องเหมือนเคยรู้มาก่อน ทบทวนความทรงจำตนเองจึงค่อยจำได้ว่าคือเรื่องเดียวกับหนังที่ดูจบแล้วชอบมากนั่นเอง แต่ห้วงเวลาที่ชมนั้นไม่เคยทราบว่าสร้างจากนิยายเล่มนี้ ดูเพราะชอบนักแสดงหลักทั้งสองคนเลยคือ ทาคูยะ และมาซามิ และก็ไม่ผิดหวังทั้งคู่แสดงในบทบาทที่ได้รับได้ดีมาก พระนางมีการขัดแย้งในความเห็นอย่างที่เรียกว่าคู่กัด แต่ก็ห่วงใยช่วยเหลือกันมีความน่ารักปนน่าหมั่นไส้ โรงแรมที่ใช้เป็นฉากก็หรูหราโอ่โถงงดงามน่าใช้บริการอย่างมากครับ 📚วกกลับมาเข้าเรื่องในหนังสือ สำนักพิมพ์น้ำพุ ปี พ.ศ.2023 /ราคา 425 บาท ฮิงาชิโนะ เคโงะ เขียน อภิญญา เตชะบุญไพศาล แปล เนื้อหาในเล่มกล่าวถึงชีวิตของพนักงานโรงแรมคอร์เทเชียโตเกียวสุดหรูที่มีนามว่า ยามางิชิ นาโอมิ ซึ่งเป็นตัวเอกที่ดำเนินเรื่องหลักของนิยายเล่มนี้ ที่ฉากแรกปรากฏก็เปิดตัวอย่างสง่างามสมกับความเป็นพนักงานต้อนรับมืออาชีพยิ่ง เพราะมีลูกค้าชายประเภทที่จงใจก่อปัญหาเพื่อหวังจะได้เข้าพักในห้องราคาสูงกว่าที่ตนได้เลือกจองไว้ จนพนักงานยกกระเป๋าที่เข็นของไปให้ ต้องโทร.ลงมาปรึกษาว่าจะทำอย่างไรดี ซึ่งเธอสามารถบริหารจัดการให้ผ่านพ้นสิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าลงได้อย่างสวยงาม จากนั้นเรื่องจึงนำพาผู้อ่านเข้าสู่ประเด็นของที่มาอันกลายเป็นชื่อเรื่องคือ ทางผู้จัดการใหญ่ที่รับผิดชอบดูแลพนักงานในโรงแรมทั้งหมด ได้รับการติดต่อขอความร่วมมือจากกรมตำรวจนครบาลโตเกียว ในการสืบสวนคดีที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานนี้ ที่มีแนวโน้มเป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่องโดยคนร้ายรายเดียวกัน 🏨 รายละเอียดของคดีคือ มีการพบศพผู้ตาย 3 ราย ในระยะเวลาห่างกันประมาณ 6-7 วันนับจากศพแรก ทราบชื่อผู้ตายทั้งสาม เป็นชาย2หญิง1 สาเหตุเสียชีวิตจากการถูกทำร้ายด้วยการตีจากด้านหลังบ้าง รัดคอบ้าง ทุกรายพบตัวเลขปริศนา2ชุดในจุดเกิดเหตุ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าเกี่ยวข้องกับการตายของเหยื่อหรือไม่อย่างไร แต่ตำรวจมั่นใจว่าคนร้ายหมายตาที่จะก่อเหตุในครั้งต่อไป โดยเล็งเป้าหมายคือโรงแรมที่นาโอมิทำงานอยู่ ปัญหาใหญ่คือไม่ทราบว่าใครที่คนร้ายหมายจะฆ่า ทำไมถึงเลือกที่นี่ และคนร้ายคือใคร ซึ่งรายละเอียดปลีกย่อยพวกนี้ ฝ่ายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ได้คุยตกลงกันกับผู้จัดการใหญ่ของโรงแรมแล้ว ดังนั้นจึงเรียกตัว หัวหน้าจากหลายฝ่ายให้มาร่วมประชุม ไม่ว่าฝ่ายห้องพัก ฝ่ายเข็นสัมภาระลูกค้าไปส่งห้อง ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และในการนี้นาโอมิยังถูกระบุให้เข้าร่วมประชุมแม้จะเป็นแค่เพียง พนักงานระดับปฏิบัติการณ์ฝ่ายต้อนรับเท่านั้น 🏨 เหตุผลเพราะหัวหน้างานไว้วางใจ เชื่อมั่นในคุณสมบัติและประสบการณ์ของเธอจะสามารถเป็นพี่เลี้ยงให้กับตำรวจ ที่จะปลอมเข้ามาเป็นพนักงานเพื่อเฝ้าสังเกตบุคคลที่มาใช้บริการโรงแรม ซึ่งแผนกต้อนรับเองนาโอมิถูกเลือกให้จับคู่กับรองสารวัตรนิตตะ ส่วนแผนกอื่นก็มีตำรวจปลอมตัวเข้าไปด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นก็มีตำรวจส่วนหนึ่งที่ถูกสั่งการให้ปะปนเข้ามาเป็นคนใช้บริการหรือจับตาความเคลื่อนไหวบริเวณโถงรับแขก ห้องอาหาร และอื่นๆ 🏨 นั่นคือจุดเริ่มแห่งความหรรษา เพราะนิตตะไม่ชอบอะไรที่เป็นพิธีการ แต่จำใจต้องเชื่อฟังนาโอมิที่อายุน้อยกว่า ตั้งแต่เรื่องชุดพนักงาน ท่าทีการพูดจา บุคลิกภายนอกที่ต้องถูกปรับให้กลายจากความเป็นตำรวจมาเป็นพนักงานต้อนรับให้สมจริงมากที่สุด ทั้งคู่จึงมีการกระทบกระทั่งทางความคิดที่ไม่ตรงกัน จนมีการโต้เถียงบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นความบันเทิงประการหนึ่ง ด้วยคู่นี้มีความน่ารัก น่าลุ้น ที่จะกลายมาเป็นคู่ใจในอนาคตได้ 🏨 ระหว่างนั้น นาโอมิมีข้อสงสัยมากมายหลายประการ เธอมักถามนิตตะที่ทราบรายละเอียดของคดีมากกว่าที่พนักงานโรงแรมทราบ แต่นิตตะไม่บอกเล่าโดยให้เหตุผลว่าเป็นความลับของทางราชการไม่อาจให้คนนอกทราบได้ งานบริการของนาโอมิยังคงต้องดำเนินต่อไป เกิดปัญหาจากความต้องการของลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาพักเป็นระยะ ซึ่งเธอและนิตตะต้องพยายามแก้ไขสถานการณ์ให้ผ่านพ้น ทำให้ทั้งสองเริ่มมีความเข้าใจและยอมรับในตัวตนและงานของอีกฝ่ายได้ดีขึ้นกว่าเมื่อแรกพบหน้า ลูกค้าบางคนดูไม่น่าไว้ใจและมีท่าทางแปลกจนนิตตะจับตามองเป็นพิเศษ ด้วยสัญชาตญาณของนักสืบ 🏨 ขณะที่มีตำรวจวัยเลยกลางคนไปแล้ว ซึ่งเป็นตำรวจในท้องที่เกิดเหตุคนหนึ่งที่รู้จักกับนิตตะ และได้รับการมอบหมายให้เป็นคู่หูสืบคดีก่อนที่นิตตะจะต้องปลอมตัวมาเป็นพนักงานต้อนรับนั้น มีน้ำใจที่อยากจะช่วยเหลือ จึงมักอาสาช่วยสืบเรื่องราวต่าง ๆ จากด้านนอก ตามที่นิตตะมีความสงสัยด้วยอีกทางหนึ่ง ในที่สุดนิตตะก็ทนรบเร้าจากนาโอมิไม่ไหว อีกทั้งเริ่มมีความไว้ใจเธอมากขึ้น จนยอมเล่าให้ทราบถึงปริศนาของชุดตัวเลขที่ปรากฏทุกครั้งในสถานที่พบศพอันเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ตำรวจตัดสินใจปะปนเข้ามาในโรงแรม ทำให้เธอเริ่มเกิดความตื่นตัวและทึ่งในความสามารถของเขา รวมถึงมีความกังวลถึงเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้จนส่งผลต่อสุขภาพและงานในหน้าที่ความรับผิดชอบ 🏨 อย่างไรก็ตาม สุดท้ายตัวคนร้ายคือคนที่คิดไม่ถึง ซึ่งไม่น่าเชื่อจริง ๆ ว่าจะวางแผนการณ์ได้อย่างแยบยลขนาดนั้น แต่แรงจูงใจในการก่อคดียังรู้สึกว่ามีน้ำหนักน้อยไปสักหน่อย คงเพราะความที่คนร้ายเป็นคนประเภทมีจิตรุนแรงในพื้นนิสัย ทำให้ต้องลุ้นเอาใจช่วยนิตตะและนาโอมิในตอนที่เนื้อเรื่องเปิดเผยให้คนอ่านทราบแล้วว่าเป็นใคร ทั้งสองจะปลอดภัยหรือไม่ จะจับตัวคนร้ายได้ไหม ใครจะถูกฆ่าเป็นรายถัดไปหรือเปล่า ต้องตามอ่านต่อในพิกัดต่อไปใครเป็นศพครับ 🖋วิจารณ์หลังจบเรื่อง เป็นการเล่าในมุมมองบุคคลที่สามคือมุมมองพระเจ้า ฉากหลักตลอดทั้งเรื่องเกิดขึ้นภายในโรงแรม ตัวละครที่มีการเอ่ยชื่อและมีบทบาทสำคัญไม่เยอะจนเกินไป จึงทำให้คนอ่านจดจำและรู้สึกใกล้ชิดกับตัวเอก ไปจนตัวรองที่ถูกกล่าวถึงบ่อย ๆ ได้ไม่ยาก ความจริงในส่วนของคดีที่เกิดในเล่มนี้นั้น พูดตามจริงแล้วไม่ได้มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนอะไร รูปแบบการฆ่าก็ธรรมดาเกินกว่าจะดูน่ากลัวหรือลึกลับ เพียงแต่มีจุดเด่นตรงชุดตัวเลขปริศนาว่าหมายถึงอะไร และชวนน่าสงสัยเล็กน้อยว่าคนร้ายจะฆ่าคนไปทำไม เพราะดูเหมือนตำรวจมีข้อมูลน้อยมาก จนการสืบสวนแทบไม่เดินหน้าไปไหนเลย 🏨 เป็นความตั้งใจของผู้เขียนที่คงจะต้องการให้โทนของเรื่องออกมาในลักษณะนี้ คือไม่เน้นที่การสืบสวนคลี่คลายปมเป็นพิเศษ จึงไม่จำเป็นต้องผูกเรื่องราวของคดีที่เกิดขึ้นให้มีความอลังการ จนดึงดูดความสนใจกระหายใคร่รู้ และกระตุ้มต่อมนักสืบของคนอ่านจนพุ่งสูงด้วยความเข้มข้นของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเหยื่อ แต่กลับเลือกที่จะให้ดูเป็นคดีทั่วไป ไม่มีความโชกเลือดหรือบ้าคลั่งของฆาตกรเป็นที่ปรากฏออกมาในบรรยากาศ ซึ่งในแง่นี้ถือว่านักอ่านหลายคนอาจถูกภาพปกของหนังสือหลอกเอาได้ เพราะโทนสีดำแดง กับเลือดเปรอะกระจายบนแผนที่ อีกทั้งชื่อเรื่องชวนค้นหาว่าคงจะดำเนินไปในแนวทางน่าตื่นเต้นกับการตามสืบอะไรทำนองนั้น ซึ่งใครที่คาดหวังมากก็อาจผิดหวังเมื่อพบว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เป็นไปในทิศทางที่ตนคาดว่าจะได้พบเจอ 🏨 แต่นี่ไม่มีปัญหากับผม ส่วนตัวชอบมาก แทบไม่ได้สนใจในคดีด้วยซ้ำว่าใครจะเป็นคนร้าย ใครเป็นเป้าหมายที่กำลังจะถูกฆ่า และทำไมต้องฆ่า คืออ่านไปได้เรื่อย ๆ อย่างเพลิดเพลิน ชอบในความที่เนื้อหาเจาะลึกถึงวงการคนโรงแรม ทำให้เราได้รู้ข้อมูลหลายอย่าง สิ่งที่พนักงานต้องแบกรับและพบเจอที่เป็นเรื่องเบื้องลึกเบื้องหลัง ซึ่งคนทั่วไปไม่ค่อยได้คำนึงถึงและไม่เคยมองในมุมของคนทำงานเหล่านั้น จึงเป็นความบันเทิงที่สามารถได้รู้เรื่องราวอินไซด์โดยผ่านการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของนาโอมิ กับประเด็นต่าง ๆ ที่เข้ามามากมาย คล้ายกำลังได้ติดตามดูซีรีส์ชีวิตการทำงานในอาชีพด้านการบริหารโรงแรมดี ๆ สักเรื่องหนึ่ง ซึ่งอดีตเมื่อ 30 กว่าปีก่อน เคยได้รับชมมาบ้างทั้งของญี่ปุ่นและเกาหลี 🏨 จุดเด่นในการดำเนินเรื่องคือเราจะได้เห็นพัฒนาการความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นของสองตัวละครหลัก ในระหว่างร่วมกันแก้ไขปัญหา แม้มีความขัดแย้งจากความเห็นมุมมองที่ต่างสถานะบ้างก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ดีเสียอีกทำให้ต่างฝ่ายได้เรียนรู้เพิ่ม เป็นประสบการณ์ใหม่และเปิดมุมมองอีกด้านที่ตนไม่เคยใส่ใจ จนเกิดเป็นความเห็นอกเห็นใจ และเชื่อใจกันโดยไม่รู้ตัว แม้นภายนอกเหมือนไม่ชอบหน้ากันก็ตาม ที่สำคัญคือแม้เรื่องแนวทางการสืบหาตัวคนร้ายเหมือนไม่คืบหน้าไปไหน แต่เมื่อนาโอมิแก้ปัญหาลูกค้าไปทีละเรื่องต่อเนื่องไป ทำให้นิตตะเองสะดุดคิดได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่จะเกี่ยวโยงไปถึงคดีได้อย่างไม่ตั้งใจ บางครั้งคำพูดของนาโอมิเองช่วงสนทนากับนิตตะ ไปจุดประกายให้เขาพลันนึกอะไรได้ขึ้นมาอย่างกะทันหันก็มี รวมถึงคู่หูนายตำรวจท้องที่ผู้มีอายุมากกว่าเขา ก็ยังมีส่วนช่วยอย่างคาดไม่ถึงเช่นกัน ทำให้เห็นถึงพลังของความช่วยเหลือกันและกันของความเป็นเพื่อน แม้เพิ่งทำความรู้จักกันชั่วระยะเวลาไม่นาน นี่จึงไม่ใช่นิยายสืบสวนที่เน้นความเก่งฉกาจของนักสืบที่รับผิดชอบคดีแบบฉายเดี่ยว แต่ต้องอาศัยความเชื่อใจระหว่างกันในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ความเห็นที่มีของตนคนเดียวอาจจะไม่เพียงพอ หากพิจารณาให้ดี จะได้เห็นถึงความสำคัญของบุคคลแวดล้อมที่ดูราวกับไม่มีส่วนสำคัญ แต่แท้จริงถ้าไม่ได้ความคิดเห็นหรือความช่วยเหลือของเขา พระเอกของเราก็ยังคงไม่อาจฉุกใจได้คิด จนนำไปสู่การรู้ตัวคนร้ายในช่วงท้ายของเรื่อง บทสรุปก่อนจบ มีแนวโน้มให้คนอ่านได้ลุ้นว่านิตตะกับนาโอมิ จะมีความเป็นไปได้ในการเป็นคู่รักหรือไม่ แต่ที่มั่นใจคือน่าจะมีเล่มต่อให้ได้ติดตามกันอย่างแน่นอน. ......................................... 2. #พิกัดต่อไปใครเป็นศพตอนลางร้ายใต้หน้ากาก #masqueradeeve เล่มที่สองของซีรีส์ ที่ยังคงความสนุกได้ไม่แพ้เล่มแรก แต่ความหนาน้อยลงเหลือ 352 หน้า สำนักพิมพ์น้ำพุ ปี พ.ศ.2023 /ราคา 345 บาท ฮิงาชิโนะ เคโงะ เขียน อภิญญา เตชะบุญไพศาล แปล เนื้อหาย่อของเล่มนี้ ถึงจะออกมาเป็นเล่มที่สองของชุด แต่เหตุการณ์เป็นเรื่องก่อนหน้าคดีในเล่มแรก คือย้อนไปเล่าสมัยที่นาโอมิเพิ่งจะเข้าทำงานใน คอร์เทเชียโตเกียวได้แค่สี่ปี และย้ายแผนกมาอยู่ฝ่ายต้อนรับไม่นาน ยังเห็นถึงความผิดพลาดบกพร่องที่ไม่คล่องตัว ยังไม่มีความเชื่อมั่นในประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญดังภาพที่ปรากฏในเล่มก่อนหน้า ทว่าก็ยังคงบุคลิกที่มุ่งมั่นในการให้บริการ และมีหัวใจในการคิดถึงและเอาใจใส่ต่อลูกค้าทุกคนอย่างซื่อสัตย์ 🏨 เริ่มต้นมา นาโอมิก็ได้แสดงความสามารถที่ทำให้เห็นถึงความมีไหวพริบปฏิภาณ และช่างสังเกต อันเป็นคุณสมบัติที่ควรต้องมีในคนที่ทำอาชีพเช่นเธอ โดยมีชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งนาโอมิจดจำได้ว่าเป็นอดีตแฟนที่เคยคบหากันชั่วเวลาหนึ่งสมัยที่เธอเรียนมหาวิทยาลัย แต่มีเหตุให้ต้องเลิกราแยกย้ายกันไปคนละเส้นทาง เขามากับชายอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นนักกีฬาเบสบอลอาชีพที่มีชื่อเสียงมาก โดยทำหน้าที่เป็นผจก.ส่วนตัวนักกีฬาชาย แล้วได้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้นในขณะที่ทั้งสองมาพักอยู่ในโรงแรม จนเป็นเหตุให้แฟนเก่าคนนี้โทร.ตามตัวนาโอมิจากหน้าฟรอนต์ให้มาช่วยแก้ไขปัญหา ซึ่งเธอไม่เต็มใจนักแต่ต้องตัดความรู้สึกส่วนตัวออก แล้วสวมหัวใจพนักงานฝ่ายต้อนรับที่ต้องช่วยเหลือบริการแก่ลูกค้าอย่างดีที่สุด ซึ่งสุดท้ายเธอก็สามารถจัดการกับปัญหาให้จบลงด้วยดี 🏨 ทางด้านนิตตะนั้น เพิ่งเริ่มต้นอาชีพด้วยการเข้าเป็นน้องใหม่ในสังกัดกรมตำรวจหลังกลับมาจากต่างประเทศไม่นาน โดยมีรุ่นพี่โมโตมิยะ(ปรากฏตัวในเล่มแรกด้วย โดยเป็นหนึ่งที่ปลอมตัวเข้าไปในโรงแรม) ที่เป็นคู่หูและพี่เลี้ยง ซึ่งคดีแรกที่เขาต้องคลี่คลายคือ คดีฆาตกรรมวันไวต์เดย์ โดยตำรวจได้รับแจ้งจากหญิงสาวคนหนึ่งว่าสามีของตนออกไปวิ่งออกกำลังตอนกลางดึกแต่ยังไม่กลับถึงบ้านตามเวลา สุดท้ายมีการพบว่าสามีของเธอกลายเป็นศพอยู่ในสวน ซึ่งเสียชีวิตจากการถูกแทงที่ท้องและหลัง มีอะไรหลายอย่างที่พบในที่เกิดเหตุ รวมถึงข้อมูลที่ตำรวจได้สืบทราบมา ที่รบกวนใจของนิตตะ เขาได้แสดงความสามารถออกมาเป็นที่ปรากฏจนรุ่นพี่ออกจะไม่พอใจและหมั่นไส้อยู่บ้าง ด้วยสิ่งที่นิตตะคาดคะเนและวิเคราะห์ทำให้ตำรวจสามารถพบตัวของผู้ก่อเหตุได้ในเวลาไม่นาน แต่คดีนี้มีอะไรที่ซับซ้อนยิ่งกว่าสิ่งที่ตำรวจรู้ 🏨 ตัดมาที่การปฏิบัติงานของนาโอมิ ในเหตุการณ์ที่มีกลุ่มชายหลายคน มาจองห้องพักและมีพฤติการณ์ที่ทำให้เธอรู้สึกว่าแปลกพิกล ต่อมาทราบว่าที่แท้คนกลุ่มนี้หวังที่จะมาเฝ้ารอเพื่อจะได้พบเจอกับนักเขียนนิยายที่โด่งดังนามว่า ทาจิบานะ ซากุระซึ่งเขียนแนวประโลมโลก และจะเข้ามาพักที่โรงแรมเพื่อเขียนงานใหม่ เนื่องจากเหล่าสาวกที่ชื่นชอบงานเขียนของซากุระ ไปเห็นรูปที่ถูกระบุว่าเป็นนักเขียนหญิงคนดังในโซเชียลมีเดีย พอเห็นว่าเป็นสาวสวยจึงหาวิธีที่จะได้พบเจอตัวจริงให้ได้ จึงเป็นหน้าที่ของนาโอมิ ที่จะต้องรักษาความเป็นส่วนตัวรวมถึงความปลอดภัยให้แก่ลูกค้าที่มาใช้บริการ ความยุ่งยากจึงเกิดขึ้น 🏨 ตอนสุดท้าย นาโอมิได้รับการขอจากผู้จัดการให้ช่วยไปสอนงานให้กับพนักงานแผนกต้อนรับที่สาขาโอซาก้า ซึ่งเพิ่งเปิดโรงแรมได้ไม่นาน เธอจึงต้องไปทำงานอยู่ที่นั่นชั่วระยะเวลาหนึ่งแต่ไม่เกินครึ่งปี ในขณะที่นิตตะมีคดีใหม่ที่ต้องรับผิดชอบกับรุ่นพี่โมโตมิยะ คือการตายของอาจารย์มหาวิทยาลัย ที่กำลังทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องทางสิทยาศาสตร์ โดยพบศพในห้องทำงาน คดีนี้มีผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะเป็นบุคคลคนหนึ่ง แต่ทว่าเขากลับมีหลักฐานยืนยันที่อยู่ชัดเจนในช่วงเวลาที่คาดว่าเหยื่อถูกฆ่าตาย ซึ่งเจ้าตัวเข้าใจว่าตนเองรอดพ้นแน่แต่แท้จริงเบื้องหลังยังมีอะไรที่ไม่เป็นดังที่คิด ที่มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากกว่า ในกรณีทีมสืบสวนเอง ผู้ใหญ่ได้สั่งการลงมาให้นิตตะจับคู่กันกับตำรวจหญิงวัยละอ่อน ที่เป็นตำรวจท้องที่มีนามว่า ริสะ ที่ถูกย้ายมาจากแผนกความปลอดภัยชุมชน ให้มาร่วมในทีมเป็นครั้งแรก นิตตะไม่พอใจนักแต่จำใจต้องทำตาม แม้จะดูเหมือนเป็นตำรวจหญิงที่อ่อนต่อโลก พูดเป็นต่อยหอย และขาดไหวพริบม แต่ริสะก็ถือเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีความกระตือรือร้น มุ่งมั่นใส่ใจในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการที่เธอได้รับคำสั่งจากนิตตะให้ไปสืบเช็กข้อมูลจากโรงแรมคอร์เทเชียโอซาก้า เพื่อยืนยันคำพูดจากปากของชายผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดี ทำให้ริสะได้พบกับนาโอมิ อันก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากมาถึงผลลัพธ์ในภายหลัง 🖋วิเคราะห์หลังอ่านจบ เล่มนี้เล่าเรื่องโดยแยกเนื้อหาระหว่างการแก้ปัญหาในโรงแรมของนาโอมิ กับการไขคดีของนิตตะออกจากกันชัดเจนเป็นตอนที่จบในตัว เริ่มจากตอนของนาโอมิก่อน จากนั้นสลับไปเล่าฝั่งนิตตะ แต่ในตอนสุดท้ายจะผนวกสองฝั่งให้เชื่อมถึงกันในคดีที่มีผู้เกี่ยวข้องได้ไปเข้าพักที่โรงแรมคอร์เทเชียโอซาก้าซึ่งนาโอมิกำลังอยู่ในช่วงที่สอนงานให้พนักงานที่นั่น ทั้งคู่ไม่ได้พบกันเลย เพราะการพบกันครั้งแรกเกิดขึ้นในเล่มแรก แต่ผู้เขียนมีความสามารถในการผูกโยงเรื่องราวให้คนอ่านรู้สึกเหมือนว่าได้เห็นคนทั้งสองอย่างใกล้ชิด และได้เห็นบุคลิกกับอุปนิสัยส่วนตัวของนาโอมิกับนิตตะมากขึ้น นิตตะในเล่มนี้ มีโอกาสได้แสดงฝีมือในการคิดวิเคราะห์ และประเมินสถานการณ์กับข้อมูลที่ใช้หาตัวคนร้าย ได้เด่นชัดกว่าเล่มแรก สมกับที่เป็นระดับหัวกะทิที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ แต่เราก็จะได้เห็นถึงข้อเสียใหญ่ของเขาที่ไม่น่ารักเช่นกัน คือเป็นคนมั่นใจในความฉลาดของตนมากจนเหมือนดูถูกคนที่ด้อยกว่า โดยเฉพาะความคิดที่เห็นว่าผู้หญิงเป็นตัวถ่วง สู้ผู้ชายไม่ได้ ดังที่นิตตะแสดงออกทางสีหน้าท่าทางและคำพูดต่อเด็กใหม่อย่างริสะ ที่เหมือนเป็นได้แค่ลูกไล่ไร้ประโยชน์ ซึ่งต่างจากนาโอมิ ที่แม้จะมองออกว่าริสะเป็นตำรวจที่ความสามารถไม่ถึงขั้น แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีรำคาญ กลับมองเห็นถึงมุมที่เป็นความอดทน ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใดของตำรวจหญิงในการพยายามค้นหาความจริงให้ได้ ความมุ่งมั่นของริสะจึงเอาชนะใจของนาโอมิ จนยอมช่วยเหลือด้วยการเปิดเผยเรื่องราวบางส่วนให้ริสะทราบ ในส่วนของการคลี่คลายคดี ไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อนจนเกินไป แต่เล่มนี้จะเน้นไปที่คดีที่น่าจะเป็นที่มาของชื่อตอน (ลางร้ายใต้หน้ากาก) ถึงสองคดีด้วยกันครับ ถ้าได้อ่านแล้วจะเข้าใจ และน่าจะเห็นตรงกันว่าภายใต้หน้ากากที่ภายนอกดูไม่ได้รู้เลยว่าจะกลายเป็นคนร้ายได้ สุดท้ายก็แอบซ่อนความบิดเบี้ยวของใจที่โดนกิเลสเข้าครอบงำได้อย่างน่ากลัว ตัวละครในเรื่อง สำหรับเล่มนี้ รู้สึกว่าริสะที่แม้จะมีบทบาทเพียงแค่ช่วงคดีสุดท้ายนั้น เป็นตัวละครที่เขียนมาได้น่าสนใจมาก โผล่มาทีไรก็ทำให้คนอ่านอย่างผมอดขำไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ไปต่อในเล่มอื่น ๆ ของชุดนี้หรือไม่ ส่วนนาโอมินั้นยังคงเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์เช่นเดิม เทียบกับนิตตะแล้วส่วนตัวมีความรู้สึกชอบนาโอมิมากกว่า นอกจากนี้ยังชอบตอนจบของเรื่อง ที่มีการโยงถึงเหตุการณ์ที่เป็นต้นตอนำไปสู่ความอาฆาตแค้นของฆาตกรในคดีที่เกิดขึ้นในเล่มแรก สรุปว่าอ่านจบเล่มสองแล้วก็จะไปต่อเหตุการณ์ของเล่มแรกพอดี ใครเริ่มอ่านจากเล่มนี้ก่อน สามารถอ่านเล่มแรกต่อเนื่องได้เลย 📌คำเตือน : สำหรับคนที่ชอบการสืบคดีแบบเข้มข้น มีวิธีการฆ่าที่ค่อนข้างแปลกพิสดารหรือโหดสยอง และมีกลวิธีในการอำพรางซ่อนเร้นที่ไม่ธรรมดา ซีรีส์ชุดนี้อาจไม่ตอบโจทย์ แล้วเลยพาลจะไม่ชอบหรือหมดสนุกได้ง่าย แต่ถ้าชอบแนวได้ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับอาชีพของตัวเอกควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และการไขคดีที่ไม่โลดโผน ชุดนี้น่าจะเป็นที่ชื่นชอบของคุณได้ไม่ยากครับ ป.ล. มีปกใหม่ออกมาที่คิดว่าทำได้ดีตรงกับแนวเรื่องและชื่อตอนมากกว่าปกฉบับตีพิมพ์ครั้งแรกด้วย เพราะปกของเล่มสองนี้ดูเหมือนน่าจะโหดมาก แต่เนื้อในไม่ใช่อย่างที่คิด ใครอ่านตั้งแต่ต้นมาจนถึงบรรทัดสุดท้ายนี้ได้ขอได้รับความขอบคุณจากผมด้วยครับ #thaitimes #หนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #นิยายแปล #นิยายญี่ปุ่น #นิยายสืบสวน #สืบสวน #คดีฆาตกรรม #งานโรงแรม #พนักงานต้อนรับ #ตำรวจ #นักสืบ #ลูกค้า #งานบริการ #อาชีพ #ฮิงาชิโนะเคโงะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 964 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤠#สหรัฐฯค่อยๆเข้ามาแทนที่อังกฤษและกลายเป็นเจ้าโลกได้อย่างไร #การรื้ออำนาจเจ้าโลกจะมีผลกระทบอะไรบ้าง ตอน 01.🤠

    ตั้งแต่สมัยโบราณมา การถ่ายโอนและการส่งมอบอำนาจจากฝ่ายหนึ่งไปยังอีกฝ่ายนั้นจะมาพร้อมกับสงครามที่ดุเดือดเสมอ ตัวอย่างเช่น การต่อสู้เพื่อชิงอำนาจทางทะเลระหว่างอังกฤษและสเปน และการต่อสู้เพื่อชิงอำนาจทางทวีประหว่างจักรวรรดิเยอรมันและจักรวรรดิไรช์ที่ 3 ของฝรั่งเศส

    อย่างไรก็ตาม ในการเปลี่ยนแปลงอำนาจเจ้าโลกและในการถ่ายโอนอำนาจครั้งล่าสุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ กล่าวคือ การถ่ายโอนอำนาจระหว่างอังกฤษและสหรัฐอเมริกาไม่ได้เกิดขึ้นในความขัดแย้งโดยตรงขนาดใหญ่ ยกเว้นสงครามระดับภูมิภาคขนาดเล็กระหว่างทั้งสองประเทศ และการส่งมอบอย่างสันติก็บรรลุผลสำเร็จในระดับหนึ่ง

    😎แล้วสหรัฐฯ เข้ามาแทนที่อังกฤษในฐานะผู้นำอันดับหนึ่งของโลกโดยวิธีใด และสิ่งนี้มีผลกระทบอย่างไรต่อการสลายอำนาจนำ?😎

    🤯หนึ่ง จุดเริ่มต้นของอำนาจครอบงำของอังกฤษและความเสื่อมถอย🤯

    ในปีค.ศ. 1815 นโปเลียนพ่ายแพ้ต่อพันธมิตรของยุโรปซึ่งนำโดยนายพลเวลลิงตัน(Wellington)แห่งอังกฤษที่วอเตอร์ลู(Waterloo) นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อังกฤษได้ขจัดอุปสรรคทั้งหมดในทวีปยุโรปและทั่วโลก

    ในช่วงกลางถึงปลายศตวรรษที่ 19 อำนาจของอังกฤษถึงจุดสูงสุด ซึ่งเห็นได้จากการตระหนักถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมในระดับสูงในบริเตนและการขยายอาณานิคมขนาดใหญ่ของจักรวรรดิอังกฤษ

    😎สิ่งที่เรียกว่าอำนาจนำของอังกฤษคือสันติภาพภายใต้จักรวรรดิอังกฤษ ความได้เปรียบประการแรกที่เกิดจากการปฏิวัติทางเทคโนโลยีและการปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้สหราชอาณาจักรมีบทบาทในการลดมิติในสงคราม โดยมีรากฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและอำนาจทางเรือ เป็นการรับประกันที่มั่นคงสำหรับอำนาจเจ้าโลกของอังกฤษ😎

    😎หน่วยงานของจักรวรรดิได้นำประเด็นสำคัญสามประการมาใช้: นโยบายการตรวจสอบและถ่วงดุลของยุโรป การขยายอาณานิคม และความเหนือกว่าทางเรือ ในที่สุดก็กลายเป็นอาณาจักรที่อยู่ยงคงกระพันซึ่งดวงอาทิตย์ไม่เคยตกดิน😎

    ด้วยการพัฒนาด้านการผลิตอย่างต่อเนื่อง ความสำเร็จที่เกิดจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรกไม่สามารถตอบสนองความต้องการในปัจจุบันขององค์กรได้อีกต่อไป และการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สองก็เกิดขึ้น คราวนี้พระเจ้าไม่ทรงโปรดปรานเช้าช้างสหราชอาณาจักร แต่ทรงนำการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สองให้เกิดขึ้นในโลก โดยมอบให้กับเยอรมนีในทวีปยุโรปและสหรัฐอเมริกาที่อยู่อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร

    อาศัยการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สองเยอรมนีและสหรัฐอเมริกาได้สร้างแบบจำลองของอเมริกันและแบบของเยอรมันที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รัฐบาลของทั้งสองประเทศพัฒนาเศรษฐกิจทุนนิยมอย่างแข็งขัน และสร้างพื้นฐานความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจเพื่อแข่งขันกับอังกฤษเพื่อชิงอำนาจ

    😎อย่างไรก็ตาม ทั้งสองโมเดลมีความแตกต่างกันในนโยบายต่างประเทศ คนเยอรมันกระตือรือร้นที่จะแก้ไขปัญหาด้วยการใช้กำลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของอำนาจทางทะเล เพื่อทำลายการปิดล้อมทางเรือของอังกฤษ กองทัพเรือเยอรมันจึงเปิดการแข่งขันด้านอาวุธทางเรือกับอังกฤษ😎

    😎สหรัฐอเมริกาอยู่ในทวีปอเมริกาและไม่มีแรงกดดันทางภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงเท่ากับเยอรมนี นอกจากนี้ สหรัฐฯ ก็ไม่เต็มใจที่จะทำสงครามกับอังกฤษอีกเช่นกัน เมื่อเทียบผลประโยชน์กับอำนาจเจ้าโลก ทางการสหรัฐฯ จึงสนใจเปิดสวนหลังบ้านในอเมริกาเป็นของตนเองเพื่อแสวงผลประโยชน์มากขึ้น😎

    อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ที่แท้จริงคืออังกฤษสูญเสียความได้เปรียบทางเศรษฐกิจในการรักษาอำนาจอำนาจเมื่อปลายศตวรรษที่ 19 เยอรมนีและสหรัฐอเมริกาได้แซงหน้าอังกฤษอย่างต่อเนื่องในเชิงเศรษฐกิจ ซึ่งยังเป็นการวางรากฐานทางเศรษฐกิจสำหรับการถ่ายโอนอำนาจในอนาคตด้วย

    🤯สอง ทางตัน🤯

    ในตอนต้นของศตวรรษที่ 20 ความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาอยู่ในอันดับที่ 1 ของโลก ในแง่ของการทหาร แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะไม่ใช่อันดับหนึ่งของโลก แต่ก็ได้เอาชนะสเปนผู้เป็นอาณานิคมเก่าในสงครามสเปน-อเมริกา

    ชัยชนะในสงครามสเปน-อเมริกาทำให้ทางการสหรัฐฯ มั่นใจ ซึ่งทำให้สหรัฐฯ เปลี่ยนยุทธศาสตร์ทางการทูตทั้งหมด อดีตยุทธศาสตร์แผ่นดินใหญ่ของอเมริกาและนโยบายความเป็นกลางในกิจการระหว่างประเทศไม่สามารถตอบสนองความต้องการด้านการพัฒนาของสหรัฐฯ ได้อีกต่อไป และลัทธิเจ้าโลกก็ค่อยๆผงาดสูงขึ้น

    ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1914 เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 รัฐบาลสหรัฐฯ เนื่องจากภายในประเทศมีการแพร่หลายลัทธิโดดเดี่ยวอย่างมาก รัฐบาลสหรัฐฯ จึงแสดงจุดยืนที่เป็นกลางทันที

    อย่างไรก็ตาม สงครามในยุโรปไม่ได้ปล่อยให้สหรัฐอเมริกาอยู่ตามลำพัง การห้ามการค้าของประเทศต่างๆ และการโจมตีตามอำเภอใจต่างๆ ได้ก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างร้ายแรงต่อสหรัฐอเมริกา

    ประธานาธิบดีวิลสัน (Wilson)ของสหรัฐอเมริกาในขณะนั้นตระหนักว่าสหรัฐอเมริกาไม่สามารถปกป้องผลประโยชน์ของยุโรปได้หากปราศจากการแทรกแซงในสนามรบของยุโรป และพฤติกรรมซึ่งดูแล้วชวนทำให้เกิดความสิ้นหวังของทางการเยอรมันได้เร่งการแทรกแซงของสหรัฐฯ ในสงครามให้เร็วขึ้น

    ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1917 หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ สกัดกั้นจดหมายลับสุดยอดที่ส่งจากเยอรมนีไปยังเม็กซิโก เนื้อหาของจดหมายประกอบด้วยเรื่องราวยุทธศาสตร์ระดับโลกในอนาคตของเยอรมนี ซึ่งรวมถึงแผนการจัดวางกำลังในอเมริกาเพื่อช่วยเม็กซิโกฟื้นฟูดินแดนที่ถูกผนวกโดยสหรัฐอเมริกา หลังจากเหตุการณ์นี้ถูกเปิดเผย ความคิดเห็นของสาธารณชนในสหรัฐอเมริกาก็เกิดความโกลาหล และกลุ่มซึ่งแต่เดิมมีความคิดนโยบายโดดเดี่ยวไม่เข้ากับฝ่ายใดก็เริ่มโน้มเข้าหาฝ่ายต้องการทำสงครามมากขึ้น

    เมื่อวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1917 รัฐสภาสหรัฐฯ อนุมัติการทำสงครามกับเยอรมนี แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วสหรัฐฯจะชนะ อย่างไรก็ตาม ข้อเรียกร้องของทางการสหรัฐฯ และแผนสำหรับระเบียบโลกใหม่ล้มเหลว และอำนาจนำแบบดั้งเดิมยังคงยึดครองอย่างมั่นคงโดยกลุ่มประเทศอาณานิคมเก่า

    🤯โปรดติดตามบทความ#สหรัฐฯ ค่อยๆ เข้ามาแทนที่อังกฤษและกลายเป็นเจ้าโลกได้อย่างไร? #การรื้ออำนาจเจ้าโลกจะมีผลกระทบอะไรบ้าง? ตอน 02. ที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🤯

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    🤠#สหรัฐฯค่อยๆเข้ามาแทนที่อังกฤษและกลายเป็นเจ้าโลกได้อย่างไร #การรื้ออำนาจเจ้าโลกจะมีผลกระทบอะไรบ้าง ตอน 01.🤠 ตั้งแต่สมัยโบราณมา การถ่ายโอนและการส่งมอบอำนาจจากฝ่ายหนึ่งไปยังอีกฝ่ายนั้นจะมาพร้อมกับสงครามที่ดุเดือดเสมอ ตัวอย่างเช่น การต่อสู้เพื่อชิงอำนาจทางทะเลระหว่างอังกฤษและสเปน และการต่อสู้เพื่อชิงอำนาจทางทวีประหว่างจักรวรรดิเยอรมันและจักรวรรดิไรช์ที่ 3 ของฝรั่งเศส อย่างไรก็ตาม ในการเปลี่ยนแปลงอำนาจเจ้าโลกและในการถ่ายโอนอำนาจครั้งล่าสุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ กล่าวคือ การถ่ายโอนอำนาจระหว่างอังกฤษและสหรัฐอเมริกาไม่ได้เกิดขึ้นในความขัดแย้งโดยตรงขนาดใหญ่ ยกเว้นสงครามระดับภูมิภาคขนาดเล็กระหว่างทั้งสองประเทศ และการส่งมอบอย่างสันติก็บรรลุผลสำเร็จในระดับหนึ่ง 😎แล้วสหรัฐฯ เข้ามาแทนที่อังกฤษในฐานะผู้นำอันดับหนึ่งของโลกโดยวิธีใด และสิ่งนี้มีผลกระทบอย่างไรต่อการสลายอำนาจนำ?😎 🤯หนึ่ง จุดเริ่มต้นของอำนาจครอบงำของอังกฤษและความเสื่อมถอย🤯 ในปีค.ศ. 1815 นโปเลียนพ่ายแพ้ต่อพันธมิตรของยุโรปซึ่งนำโดยนายพลเวลลิงตัน(Wellington)แห่งอังกฤษที่วอเตอร์ลู(Waterloo) นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อังกฤษได้ขจัดอุปสรรคทั้งหมดในทวีปยุโรปและทั่วโลก ในช่วงกลางถึงปลายศตวรรษที่ 19 อำนาจของอังกฤษถึงจุดสูงสุด ซึ่งเห็นได้จากการตระหนักถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมในระดับสูงในบริเตนและการขยายอาณานิคมขนาดใหญ่ของจักรวรรดิอังกฤษ 😎สิ่งที่เรียกว่าอำนาจนำของอังกฤษคือสันติภาพภายใต้จักรวรรดิอังกฤษ ความได้เปรียบประการแรกที่เกิดจากการปฏิวัติทางเทคโนโลยีและการปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้สหราชอาณาจักรมีบทบาทในการลดมิติในสงคราม โดยมีรากฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและอำนาจทางเรือ เป็นการรับประกันที่มั่นคงสำหรับอำนาจเจ้าโลกของอังกฤษ😎 😎หน่วยงานของจักรวรรดิได้นำประเด็นสำคัญสามประการมาใช้: นโยบายการตรวจสอบและถ่วงดุลของยุโรป การขยายอาณานิคม และความเหนือกว่าทางเรือ ในที่สุดก็กลายเป็นอาณาจักรที่อยู่ยงคงกระพันซึ่งดวงอาทิตย์ไม่เคยตกดิน😎 ด้วยการพัฒนาด้านการผลิตอย่างต่อเนื่อง ความสำเร็จที่เกิดจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรกไม่สามารถตอบสนองความต้องการในปัจจุบันขององค์กรได้อีกต่อไป และการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สองก็เกิดขึ้น คราวนี้พระเจ้าไม่ทรงโปรดปรานเช้าช้างสหราชอาณาจักร แต่ทรงนำการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สองให้เกิดขึ้นในโลก โดยมอบให้กับเยอรมนีในทวีปยุโรปและสหรัฐอเมริกาที่อยู่อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร อาศัยการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สองเยอรมนีและสหรัฐอเมริกาได้สร้างแบบจำลองของอเมริกันและแบบของเยอรมันที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รัฐบาลของทั้งสองประเทศพัฒนาเศรษฐกิจทุนนิยมอย่างแข็งขัน และสร้างพื้นฐานความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจเพื่อแข่งขันกับอังกฤษเพื่อชิงอำนาจ 😎อย่างไรก็ตาม ทั้งสองโมเดลมีความแตกต่างกันในนโยบายต่างประเทศ คนเยอรมันกระตือรือร้นที่จะแก้ไขปัญหาด้วยการใช้กำลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของอำนาจทางทะเล เพื่อทำลายการปิดล้อมทางเรือของอังกฤษ กองทัพเรือเยอรมันจึงเปิดการแข่งขันด้านอาวุธทางเรือกับอังกฤษ😎 😎สหรัฐอเมริกาอยู่ในทวีปอเมริกาและไม่มีแรงกดดันทางภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงเท่ากับเยอรมนี นอกจากนี้ สหรัฐฯ ก็ไม่เต็มใจที่จะทำสงครามกับอังกฤษอีกเช่นกัน เมื่อเทียบผลประโยชน์กับอำนาจเจ้าโลก ทางการสหรัฐฯ จึงสนใจเปิดสวนหลังบ้านในอเมริกาเป็นของตนเองเพื่อแสวงผลประโยชน์มากขึ้น😎 อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ที่แท้จริงคืออังกฤษสูญเสียความได้เปรียบทางเศรษฐกิจในการรักษาอำนาจอำนาจเมื่อปลายศตวรรษที่ 19 เยอรมนีและสหรัฐอเมริกาได้แซงหน้าอังกฤษอย่างต่อเนื่องในเชิงเศรษฐกิจ ซึ่งยังเป็นการวางรากฐานทางเศรษฐกิจสำหรับการถ่ายโอนอำนาจในอนาคตด้วย 🤯สอง ทางตัน🤯 ในตอนต้นของศตวรรษที่ 20 ความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาอยู่ในอันดับที่ 1 ของโลก ในแง่ของการทหาร แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะไม่ใช่อันดับหนึ่งของโลก แต่ก็ได้เอาชนะสเปนผู้เป็นอาณานิคมเก่าในสงครามสเปน-อเมริกา ชัยชนะในสงครามสเปน-อเมริกาทำให้ทางการสหรัฐฯ มั่นใจ ซึ่งทำให้สหรัฐฯ เปลี่ยนยุทธศาสตร์ทางการทูตทั้งหมด อดีตยุทธศาสตร์แผ่นดินใหญ่ของอเมริกาและนโยบายความเป็นกลางในกิจการระหว่างประเทศไม่สามารถตอบสนองความต้องการด้านการพัฒนาของสหรัฐฯ ได้อีกต่อไป และลัทธิเจ้าโลกก็ค่อยๆผงาดสูงขึ้น ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1914 เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 รัฐบาลสหรัฐฯ เนื่องจากภายในประเทศมีการแพร่หลายลัทธิโดดเดี่ยวอย่างมาก รัฐบาลสหรัฐฯ จึงแสดงจุดยืนที่เป็นกลางทันที อย่างไรก็ตาม สงครามในยุโรปไม่ได้ปล่อยให้สหรัฐอเมริกาอยู่ตามลำพัง การห้ามการค้าของประเทศต่างๆ และการโจมตีตามอำเภอใจต่างๆ ได้ก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างร้ายแรงต่อสหรัฐอเมริกา ประธานาธิบดีวิลสัน (Wilson)ของสหรัฐอเมริกาในขณะนั้นตระหนักว่าสหรัฐอเมริกาไม่สามารถปกป้องผลประโยชน์ของยุโรปได้หากปราศจากการแทรกแซงในสนามรบของยุโรป และพฤติกรรมซึ่งดูแล้วชวนทำให้เกิดความสิ้นหวังของทางการเยอรมันได้เร่งการแทรกแซงของสหรัฐฯ ในสงครามให้เร็วขึ้น ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1917 หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ สกัดกั้นจดหมายลับสุดยอดที่ส่งจากเยอรมนีไปยังเม็กซิโก เนื้อหาของจดหมายประกอบด้วยเรื่องราวยุทธศาสตร์ระดับโลกในอนาคตของเยอรมนี ซึ่งรวมถึงแผนการจัดวางกำลังในอเมริกาเพื่อช่วยเม็กซิโกฟื้นฟูดินแดนที่ถูกผนวกโดยสหรัฐอเมริกา หลังจากเหตุการณ์นี้ถูกเปิดเผย ความคิดเห็นของสาธารณชนในสหรัฐอเมริกาก็เกิดความโกลาหล และกลุ่มซึ่งแต่เดิมมีความคิดนโยบายโดดเดี่ยวไม่เข้ากับฝ่ายใดก็เริ่มโน้มเข้าหาฝ่ายต้องการทำสงครามมากขึ้น เมื่อวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1917 รัฐสภาสหรัฐฯ อนุมัติการทำสงครามกับเยอรมนี แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วสหรัฐฯจะชนะ อย่างไรก็ตาม ข้อเรียกร้องของทางการสหรัฐฯ และแผนสำหรับระเบียบโลกใหม่ล้มเหลว และอำนาจนำแบบดั้งเดิมยังคงยึดครองอย่างมั่นคงโดยกลุ่มประเทศอาณานิคมเก่า 🤯โปรดติดตามบทความ#สหรัฐฯ ค่อยๆ เข้ามาแทนที่อังกฤษและกลายเป็นเจ้าโลกได้อย่างไร? #การรื้ออำนาจเจ้าโลกจะมีผลกระทบอะไรบ้าง? ตอน 02. ที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🤯 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ภาพกับเนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด
    เนื้อหาได้มาจากที่นึง
    ส่วนภาพ เป็นภาพของ ตต.เกอร์ ไอดอล
    ชื่อดับ ชาวเกาหลี เป็นภาพก่อนที่เธอมาทำการแสดง
    ให้คนไทยได้เอ็นดู
    ประวัติ เธอเรียนป.โท การแสดง
    เนื่องจากอายุขึ้นเลข 3 ทำให้ การเป็นตัวประกอบ
    และแดนเซอร์ปลายแถว ไม่สมหวัง
    ภาพนี้อยู่ในไอจีของเธอ เมื่อกพ.ปีที่แล้ว
    ตอนนั้นเธอไปญี่ปุ่นเป็นเดือนๆ
    ค่าเทอมไม่มีจ่าย แต่ไปอยู่ญี่ปุ่นยังไม่ไม่ทราบได้
    เป็นเดือนๆ แถมติด ปาจิงโกะงอมแงม
    จนตัดสินใจว่า จะไม่เป็นละ นักสะดงนักแสดง นักเต้น
    เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ คือการสักสัญลักษณ์
    ของปากจิงโกะลงบนตัว เพื่อโชคลาภ
    แล้วตอนหลัง เห็นช่องทางมาไลฟ์หากินในตต.
    ก็จะคล้ายๆคะหรี่ตกเกรด ที่ต้องหาทางออกของชีวิตให้ได้
    และด้วยการเรียนการแสดง จึงทำให้เข้าถึงบทบาท
    จากสาวสก็อย แปลงร่างเป็น สาวน้อยแบ๊วๆ
    จนบางทีหลุดไปถึงกับ ปญอ.เหมือนฉาบขวบก็มีซีนให้เห็น
    มีเอเจนซี่คอยกำกับการแสดง
    แต่เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เพจคิงส์โพธิ์แดง
    มาจากไหนไม่ทราบได้ ออกมาขุดเรื่องของเธอ
    ทำให้คนไทยส่วนใหญ่ ได้ตื่นรู้
    แต่ก็ยังคงมีทุยไทยจำนวนไม่น้อย
    รู้นะ มีเอเจนซี่ รู้นะว่าเป็นการแสดง
    แต่ก็ยังไม่อยากตื่นมาเผชิญโลกแห่งความจริง
    มีหัวหน้าทุยชื่อ โจมณฑานี
    จบข่าว
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง รายงาน
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ภาพกับเนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด เนื้อหาได้มาจากที่นึง ส่วนภาพ เป็นภาพของ ตต.เกอร์ ไอดอล ชื่อดับ ชาวเกาหลี เป็นภาพก่อนที่เธอมาทำการแสดง ให้คนไทยได้เอ็นดู ประวัติ เธอเรียนป.โท การแสดง เนื่องจากอายุขึ้นเลข 3 ทำให้ การเป็นตัวประกอบ และแดนเซอร์ปลายแถว ไม่สมหวัง ภาพนี้อยู่ในไอจีของเธอ เมื่อกพ.ปีที่แล้ว ตอนนั้นเธอไปญี่ปุ่นเป็นเดือนๆ ค่าเทอมไม่มีจ่าย แต่ไปอยู่ญี่ปุ่นยังไม่ไม่ทราบได้ เป็นเดือนๆ แถมติด ปาจิงโกะงอมแงม จนตัดสินใจว่า จะไม่เป็นละ นักสะดงนักแสดง นักเต้น เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ คือการสักสัญลักษณ์ ของปากจิงโกะลงบนตัว เพื่อโชคลาภ แล้วตอนหลัง เห็นช่องทางมาไลฟ์หากินในตต. ก็จะคล้ายๆคะหรี่ตกเกรด ที่ต้องหาทางออกของชีวิตให้ได้ และด้วยการเรียนการแสดง จึงทำให้เข้าถึงบทบาท จากสาวสก็อย แปลงร่างเป็น สาวน้อยแบ๊วๆ จนบางทีหลุดไปถึงกับ ปญอ.เหมือนฉาบขวบก็มีซีนให้เห็น มีเอเจนซี่คอยกำกับการแสดง แต่เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เพจคิงส์โพธิ์แดง มาจากไหนไม่ทราบได้ ออกมาขุดเรื่องของเธอ ทำให้คนไทยส่วนใหญ่ ได้ตื่นรู้ แต่ก็ยังคงมีทุยไทยจำนวนไม่น้อย รู้นะ มีเอเจนซี่ รู้นะว่าเป็นการแสดง แต่ก็ยังไม่อยากตื่นมาเผชิญโลกแห่งความจริง มีหัวหน้าทุยชื่อ โจมณฑานี จบข่าว #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง รายงาน #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 679 มุมมอง 0 รีวิว
  • #แฟนเพจคิงส์ขอมาเรื่องดอกไม้สีทองอยากรู้ว่าสรุปยังไง
    เรื่องดอกไม้สีทองของแยกเป็น 2 เรื่อง
    เรื่องแรก ดอกไม้สีทองจากร้านที่เรียกตัวเองว่า แม่ตั๊ก
    แม่ใครไม่รู้แต่ไม่ใช่แม่กรรรูละกัน
    แม่ตั๊ก แม่ค้าออนไลน์ ที่ไลฟ์มาหลายปี
    เรียกได้ว่ามีคนเชื่อถือไม่น้อย จึงเอฟกันรัวๆ
    ดอกไม้สีทองนี้ ถ้าสังเกตุดีๆ จะมีใบรับประกัน
    เป็นภาษาจีน สรุปคือ ดอกไม้สีทองนี้
    มีอยู่ในแอพดัง ไม่ลอกไม่ดำ แต่จำนำไม่ได้เพราะอะไร
    นั่นก็เพราะมันไม่ใช่ทอง บางรุ่นด้านในคล้ายพลาสติก
    บางรุ่นด้านในเป็นส่วนผสมของทองแดง เงิน และชุบด้วยทอง
    แต่ตั๊กก็รับคืน
    แต่ฉันคืนในเรทที่ประมาณ 33% ของเรทที่ระบายออกไป
    ดังนั้น นี่คือข้อมูลนะครับนะ
    ส่วน ดอกสีทองที่สอง
    คือนางสุวรรณมาลี คชสารสมสู่
    อย่างที่เห็นในภาพ นี่ก็ไม่แท้
    ทั้งความแบ๊ว ความใส่ ความเรียบร้อยและความโก๊ะ
    ที่บรรดาทุยจินตนาการ มโนกันไป
    โดยหารู้ไม่ เราทุกคนต่างเห็นซีนแรกของนาง
    คือการแสดงการกินมาม่า และซีเรียล
    ต้องอดๆ อยากๆ และไลฟ์ 23 ชม.
    เพื่อหาทุนเรียน
    แม้จะเอ๊ะ ในรอยสักแปลกๆ
    แต่ บรรดา โจ และทีมก็มักจะมี
    คำบรรยายอันสวยหรูไว้ให้
    ทำให้คนไทยต่างมองข้ามไป
    เห็นเพียงบทบาทที่นางแสดง
    แต่ภาพที่คุณเห็น อาจมีคำถามว่า ถ่ายตอนไหนนะ
    ทำไม มีท่าทีแบบนี้นะ
    อันนี้พี่คิงส์บอกเลย เพราะได้โพสดักทุยให้มาคอนเฟิร์ม
    กันเถียงไว้ โดยเค้ายืนยันว่า มันคือภาพเมื่อวันที่ 22 กุมพาพันธ์ ปี 2023
    นั่นแปลว่า เป็นภาพที่โพสไว้ในไอจี ปีที่แล้ว ก่อนที่จะมานั่งแสดง
    ละคร ที่เราเห็นเมื่อต้นปี
    ในระยะเวลานั้น ก่อนหน้าภาพนี้ อิเหวิง
    หรือสุวรรณมาลี คชสารสมสู่ ไปอยู่ที่ญี่ปุ่นเป็นแรมเดือน
    ในฐานะนักแสดงตกงาน ที่ไม่มีใครจ้าง
    สนุกสนานหลงอยู่กับสล็อทญี่ปุ่น หรือปาจิงโกะ
    ถึงขนาดไปสักสัญลัษณ์ปาจิงโกะเต็มตัว
    เชื่อว่า ณ เวลานั้น คงไม่คิดกลับมาเป็นแดนเซอร์
    หรือ ดาราตัวประกอบอีกแล้ว ด้วยอายุสามสิบ
    ซึ่งมีดาราตัวประกอบรุ่นใหม่ๆที่ใสกว่า เก่งกว่าเกิดขึ้นมากมาย
    แต่ไม่รู้ จังหวะนรกภูมิยังไง ที่กำลังขุดอยู่
    มารู้จักการไลฟ์ตต. มีเอเจนซี่คอยกำกับดูแล
    และสุดท้ายกลายเป็นตัวแสดงหลัก
    ให้บรรดาเงินดาร์คเข้ามาใช้ในการผ่านในการฟอก
    ด้วยการพีเคบิ๊กแม็ต โดยแน๊กชาลีห้ามอย่างไร นางไม่เคยฟัง
    เพราะทุกอย่างถูกวางแผนโดยระบบ
    ที่กลุ่มทุนดาร์คสร้างไว้
    เหมือนกับที่ได้ทำในสหรัฐ ไต้หวัน จีน ตุรกี ที่ขณะนี้
    มีการกวาดบ้านกันขนานใหญ่ดังที่พี่คิงส์ได้ให้ข้อมูล
    ไปอ่านตามที่แปะไว้ใต้โพส เรื่องทุนดาร์คและการกวาดเรียบ
    ในประเทศที่พี่คิงส์แจ้งไว้
    ดังนั้น ทุยไทย เลิกมโนได้แล้ว
    อย่าให้ โจมณฑานี สร้างโลกที่บิดเบี้ยว
    เห็นผิดเป็นชอบ ทำตัวระรานคนไทยด้วยกัน
    โจหวังเพียงงบที่จะมาสร้างกระแส ผ่านยูซผี ผ่านเทรนทิพย์
    และลูกค้าโรงเรียนเถี่อน ที่สอนความงมงาย
    ผลประโยชน์ตัวเองล้วนๆ
    ส่วนทุย บางตัวก็ได้เศษกระดูก
    และหลายตัว ก็ได้แค่อิสุวรรณมาลีคชสาร
    ส่งดอกไม้ให้ ชมเลยว่า ให้ร้ายแน๊กชาลีเก่งมาก
    แค่นี้ พวกนี้ก็ถวายหัวให้ อันนี้ดูหลักต๋านที่พี่คิงส์โพสไปก่อนหน้า
    ดังนั้นนี่คือข้อสรุป ของสุวรรณมาลี
    ที่ไม่แท้ทั้งคู่ จะได้ตามข่าวกันทันนะ
    และเรื่องสำคัญที่แฟนเพจร้องกันลั่นคือ
    วันนี้ กดไลค์ไม่ทัน อ่านไม่ทัน
    พี่คิงส์ก็ต้องขอโทษที่รัวจริงๆแหละ
    ทำไงได้ เครื่องขุดมันทำงาน
    ท่ามกลางความท้าทายของ โจ มณฑานี
    ชอบนัก อะไรที่เป็นคำขู่วว
    กรรูขุดยันก้นเหว
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #แฟนเพจคิงส์ขอมาเรื่องดอกไม้สีทองอยากรู้ว่าสรุปยังไง เรื่องดอกไม้สีทองของแยกเป็น 2 เรื่อง เรื่องแรก ดอกไม้สีทองจากร้านที่เรียกตัวเองว่า แม่ตั๊ก แม่ใครไม่รู้แต่ไม่ใช่แม่กรรรูละกัน แม่ตั๊ก แม่ค้าออนไลน์ ที่ไลฟ์มาหลายปี เรียกได้ว่ามีคนเชื่อถือไม่น้อย จึงเอฟกันรัวๆ ดอกไม้สีทองนี้ ถ้าสังเกตุดีๆ จะมีใบรับประกัน เป็นภาษาจีน สรุปคือ ดอกไม้สีทองนี้ มีอยู่ในแอพดัง ไม่ลอกไม่ดำ แต่จำนำไม่ได้เพราะอะไร นั่นก็เพราะมันไม่ใช่ทอง บางรุ่นด้านในคล้ายพลาสติก บางรุ่นด้านในเป็นส่วนผสมของทองแดง เงิน และชุบด้วยทอง แต่ตั๊กก็รับคืน แต่ฉันคืนในเรทที่ประมาณ 33% ของเรทที่ระบายออกไป ดังนั้น นี่คือข้อมูลนะครับนะ ส่วน ดอกสีทองที่สอง คือนางสุวรรณมาลี คชสารสมสู่ อย่างที่เห็นในภาพ นี่ก็ไม่แท้ ทั้งความแบ๊ว ความใส่ ความเรียบร้อยและความโก๊ะ ที่บรรดาทุยจินตนาการ มโนกันไป โดยหารู้ไม่ เราทุกคนต่างเห็นซีนแรกของนาง คือการแสดงการกินมาม่า และซีเรียล ต้องอดๆ อยากๆ และไลฟ์ 23 ชม. เพื่อหาทุนเรียน แม้จะเอ๊ะ ในรอยสักแปลกๆ แต่ บรรดา โจ และทีมก็มักจะมี คำบรรยายอันสวยหรูไว้ให้ ทำให้คนไทยต่างมองข้ามไป เห็นเพียงบทบาทที่นางแสดง แต่ภาพที่คุณเห็น อาจมีคำถามว่า ถ่ายตอนไหนนะ ทำไม มีท่าทีแบบนี้นะ อันนี้พี่คิงส์บอกเลย เพราะได้โพสดักทุยให้มาคอนเฟิร์ม กันเถียงไว้ โดยเค้ายืนยันว่า มันคือภาพเมื่อวันที่ 22 กุมพาพันธ์ ปี 2023 นั่นแปลว่า เป็นภาพที่โพสไว้ในไอจี ปีที่แล้ว ก่อนที่จะมานั่งแสดง ละคร ที่เราเห็นเมื่อต้นปี ในระยะเวลานั้น ก่อนหน้าภาพนี้ อิเหวิง หรือสุวรรณมาลี คชสารสมสู่ ไปอยู่ที่ญี่ปุ่นเป็นแรมเดือน ในฐานะนักแสดงตกงาน ที่ไม่มีใครจ้าง สนุกสนานหลงอยู่กับสล็อทญี่ปุ่น หรือปาจิงโกะ ถึงขนาดไปสักสัญลัษณ์ปาจิงโกะเต็มตัว เชื่อว่า ณ เวลานั้น คงไม่คิดกลับมาเป็นแดนเซอร์ หรือ ดาราตัวประกอบอีกแล้ว ด้วยอายุสามสิบ ซึ่งมีดาราตัวประกอบรุ่นใหม่ๆที่ใสกว่า เก่งกว่าเกิดขึ้นมากมาย แต่ไม่รู้ จังหวะนรกภูมิยังไง ที่กำลังขุดอยู่ มารู้จักการไลฟ์ตต. มีเอเจนซี่คอยกำกับดูแล และสุดท้ายกลายเป็นตัวแสดงหลัก ให้บรรดาเงินดาร์คเข้ามาใช้ในการผ่านในการฟอก ด้วยการพีเคบิ๊กแม็ต โดยแน๊กชาลีห้ามอย่างไร นางไม่เคยฟัง เพราะทุกอย่างถูกวางแผนโดยระบบ ที่กลุ่มทุนดาร์คสร้างไว้ เหมือนกับที่ได้ทำในสหรัฐ ไต้หวัน จีน ตุรกี ที่ขณะนี้ มีการกวาดบ้านกันขนานใหญ่ดังที่พี่คิงส์ได้ให้ข้อมูล ไปอ่านตามที่แปะไว้ใต้โพส เรื่องทุนดาร์คและการกวาดเรียบ ในประเทศที่พี่คิงส์แจ้งไว้ ดังนั้น ทุยไทย เลิกมโนได้แล้ว อย่าให้ โจมณฑานี สร้างโลกที่บิดเบี้ยว เห็นผิดเป็นชอบ ทำตัวระรานคนไทยด้วยกัน โจหวังเพียงงบที่จะมาสร้างกระแส ผ่านยูซผี ผ่านเทรนทิพย์ และลูกค้าโรงเรียนเถี่อน ที่สอนความงมงาย ผลประโยชน์ตัวเองล้วนๆ ส่วนทุย บางตัวก็ได้เศษกระดูก และหลายตัว ก็ได้แค่อิสุวรรณมาลีคชสาร ส่งดอกไม้ให้ ชมเลยว่า ให้ร้ายแน๊กชาลีเก่งมาก แค่นี้ พวกนี้ก็ถวายหัวให้ อันนี้ดูหลักต๋านที่พี่คิงส์โพสไปก่อนหน้า ดังนั้นนี่คือข้อสรุป ของสุวรรณมาลี ที่ไม่แท้ทั้งคู่ จะได้ตามข่าวกันทันนะ และเรื่องสำคัญที่แฟนเพจร้องกันลั่นคือ วันนี้ กดไลค์ไม่ทัน อ่านไม่ทัน พี่คิงส์ก็ต้องขอโทษที่รัวจริงๆแหละ ทำไงได้ เครื่องขุดมันทำงาน ท่ามกลางความท้าทายของ โจ มณฑานี ชอบนัก อะไรที่เป็นคำขู่วว กรรูขุดยันก้นเหว #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 596 มุมมอง 0 รีวิว
  • 22-09-67/01 : หมี CNN / "ตีแสกหน้า" EP.9

    01. มติ UN ท่วมท้น สั่งอียิวคืนแผ่นดิน พร้อมชดใช้หนัก คิดว่ามันจะฟังมุย?
    02. อีทรัมปป์คลั่งสั่งล้างบาง DEEP STATE โดนเก็บชัวร์ แต่งานนี้ อาจพลิก
    03. หมดสภาพ อียิวยอมรับสกัดไฮเปอร์โซนิคไม่ได้เลย รอรับเละท่าเดียว!
    04. อีกลมาแค่หมากหลอก ชี้แผนอีตาเพนปฎิวัติ ดึงสงครามกลางเมืองเข้า
    05. อีเสี้ยนยาหาทางรอด! ถีบส่งตะวันตก แอบดอดคุยรัสเซีย หวังรอดตาย
    06. อีเรืองไกรแค่ตัวเปิด ละครปาหี่ มาเพื่อชงให้ทหารตบ อีแดงรอดยาก!
    07. ทหารนาโต้ตายห่าเกลี้ยง ปูตินสั่งเพิ่มโดรน 1.4 ล้าน หวังปูพรมทั่วยุโรป
    08. อิหร่านโชว์ โดรนบินไกล 4000 กม. ส่งสัญญานถึงวอชิงตัน มรึงไม่รอด!
    09. เหี้ยชง สั่งขี้ข้าอีสวิงกิ้ง ปิดสถานฑูตในขะแมร์ โอนใช้ไทยแทน เสี้ยมดิ
    10. อยากได้ 10000 กันจังน่ะมรึง คุกเป็นของผู้เซ็นต์ บาปเป็นของผู้รับ สัส!
    11. อั๊ยยะ! เรตติ้งระดับจักรวาล บัตร VIP จาก F1 ถึงหมูเด้ง ไทย SOFT สุด
    12. ตกผลึกกันได้แล้ว นโยบายไม่มีจริง ทุกอย่างทำตามใบสั่ง ทำลายไทย
    13. ส้มเน่า กบฎพม่า CIA ล้มเจ้า แยกดินแดน แตกอาเซียน คือเรื่องเดียวกัน
    14. PROPAGANDA เสี้ยมอาเซียนกลัวจีน เหมือนที่เสี้ยมยุโรปกลัวรัสเซีย
    15. ยิวหมดท่า ฝูงบินถูกสอยเละเทะ บุกเวสต์แบงค์ปิดสถานีอัลจาซีร่า หมา
    16. รถถังนาโต้หายวับ 2 ใน 3 ดอนบาส FREE ชัวร์ รัสเซียไล่ฆ่าเพิ่ม สะสม
    17. ยื้อแล้วชนะขาด ยื้อแล้ว WWIII ไม่มา ยื้อแล้ว ได้แผ่นดินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
    18. สึนามิสูง 200 เมตร ถล่มกรีนแลนด์ 9 วันติด หน้าฉากอ้างโลกร้อน จริงดิ
    19. อีสก็อต ไอร์เหนือ รู้ทัน อังกฤษหนี้ท้วมหัวแล้ว ทะลุ 100% GDP ชิ่งสิจ๊ะ
    20. หัวเว่ย MATE XT ฆ่าอีไอโฟนตายห่า เปิดนวตกรรมใหม่ ล้ำนอกโลก!

    หมายเหตุ : หยุดสงคราม ด้วย สงคราม หากเคยได้ยิน และเข้าใจถ่องแท้ เหตุผลเดียวคือ ฝ่ายนึงต้องการฆ่าล้างบางโลก อีกฝ่ายคือรักษาความเป็นอยู่ของโลก มรึงหยุด เค้าไม่หยุด แล้วใครฉิบหาย? โลกด้วยด้วยตรีนเรา เคยได้ยินมุย? ประเด็นมันไม่ใช่ปลายเหตุที่ว่าสงครามมันเลวร้าย แต่จุดเริ่มต้น ต้นตอต่างหาก ที่ทำให้มันไปสู่สงคราม ไม่เข้าใจแก่นแท้ของการเปลี่ยนแปลง ก็จะไม่มีวันเข้าใจความเป็นไปของจักรวาล ตัวมรึงไม่ใช่คนกำหนด ผู้กำหนด เค้าวางมาเป็น 1000 ปีแล้ว แค่ถึงเวลา และบทบาทที่ต้องเดินไปให้สุดทาง เพื่อให้ผลลัพธ์เป็นไปตามผู้กำหนด หรือวิถีจักรวาล โลกเป็นแค่เศษเสี้ยวของจักรวาล ใยต้องกังวลอะไรให้เยอะ คนดูแลมันมี?

    หมี CNN(ศรีธนญชัยฯ การละคร ปาหี่ไม่เว้นวัน อะไรที่บัดซบ ฝ่ายเหี้ยทำหมด เพื่อสิ่งเดียวที่นายใหญ่มันต้องการ คือบั่นทอนความมั่นคงชาติ นโยบายห่าเหวมันไม่มีดอก ทำอะไรก็ได้ ที่จะทำให้ไทยอ่อนแอลงแล้วเหี้ยจะได้เข้ามาเขมือบ ดูภาพใหญ่ก็รู้ ทหารเค้าพร้อมนานแล้ว ถึงเวลาเปิด ก็ต้องเปิด ไม่มีเกรงใจหน้าอินทร์ หน้าพรหมไหนอีกต่อไป ไม่สู้ก็ยกแผ่นดินให้เหี้ยไปเหอะ เค้ามีวิธีการของเค้าพร้อม แค่ดูให้สบายใจ และเชียร์ก็พอ! เรื่องบางเรื่อง มันเกินอำนาจที่มรึงจะทำได้ เบื้องบนไม่ได้อยู่เฉย แค่รอสุกงอม)
    22 กันยายน 67
    16.15 น.

    https://linevoom.line.me/post/1172705724183046224
    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ :
    https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    22-09-67/01 : หมี CNN / "ตีแสกหน้า" EP.9 01. มติ UN ท่วมท้น สั่งอียิวคืนแผ่นดิน พร้อมชดใช้หนัก คิดว่ามันจะฟังมุย? 02. อีทรัมปป์คลั่งสั่งล้างบาง DEEP STATE โดนเก็บชัวร์ แต่งานนี้ อาจพลิก 03. หมดสภาพ อียิวยอมรับสกัดไฮเปอร์โซนิคไม่ได้เลย รอรับเละท่าเดียว! 04. อีกลมาแค่หมากหลอก ชี้แผนอีตาเพนปฎิวัติ ดึงสงครามกลางเมืองเข้า 05. อีเสี้ยนยาหาทางรอด! ถีบส่งตะวันตก แอบดอดคุยรัสเซีย หวังรอดตาย 06. อีเรืองไกรแค่ตัวเปิด ละครปาหี่ มาเพื่อชงให้ทหารตบ อีแดงรอดยาก! 07. ทหารนาโต้ตายห่าเกลี้ยง ปูตินสั่งเพิ่มโดรน 1.4 ล้าน หวังปูพรมทั่วยุโรป 08. อิหร่านโชว์ โดรนบินไกล 4000 กม. ส่งสัญญานถึงวอชิงตัน มรึงไม่รอด! 09. เหี้ยชง สั่งขี้ข้าอีสวิงกิ้ง ปิดสถานฑูตในขะแมร์ โอนใช้ไทยแทน เสี้ยมดิ 10. อยากได้ 10000 กันจังน่ะมรึง คุกเป็นของผู้เซ็นต์ บาปเป็นของผู้รับ สัส! 11. อั๊ยยะ! เรตติ้งระดับจักรวาล บัตร VIP จาก F1 ถึงหมูเด้ง ไทย SOFT สุด 12. ตกผลึกกันได้แล้ว นโยบายไม่มีจริง ทุกอย่างทำตามใบสั่ง ทำลายไทย 13. ส้มเน่า กบฎพม่า CIA ล้มเจ้า แยกดินแดน แตกอาเซียน คือเรื่องเดียวกัน 14. PROPAGANDA เสี้ยมอาเซียนกลัวจีน เหมือนที่เสี้ยมยุโรปกลัวรัสเซีย 15. ยิวหมดท่า ฝูงบินถูกสอยเละเทะ บุกเวสต์แบงค์ปิดสถานีอัลจาซีร่า หมา 16. รถถังนาโต้หายวับ 2 ใน 3 ดอนบาส FREE ชัวร์ รัสเซียไล่ฆ่าเพิ่ม สะสม 17. ยื้อแล้วชนะขาด ยื้อแล้ว WWIII ไม่มา ยื้อแล้ว ได้แผ่นดินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 18. สึนามิสูง 200 เมตร ถล่มกรีนแลนด์ 9 วันติด หน้าฉากอ้างโลกร้อน จริงดิ 19. อีสก็อต ไอร์เหนือ รู้ทัน อังกฤษหนี้ท้วมหัวแล้ว ทะลุ 100% GDP ชิ่งสิจ๊ะ 20. หัวเว่ย MATE XT ฆ่าอีไอโฟนตายห่า เปิดนวตกรรมใหม่ ล้ำนอกโลก! หมายเหตุ : หยุดสงคราม ด้วย สงคราม หากเคยได้ยิน และเข้าใจถ่องแท้ เหตุผลเดียวคือ ฝ่ายนึงต้องการฆ่าล้างบางโลก อีกฝ่ายคือรักษาความเป็นอยู่ของโลก มรึงหยุด เค้าไม่หยุด แล้วใครฉิบหาย? โลกด้วยด้วยตรีนเรา เคยได้ยินมุย? ประเด็นมันไม่ใช่ปลายเหตุที่ว่าสงครามมันเลวร้าย แต่จุดเริ่มต้น ต้นตอต่างหาก ที่ทำให้มันไปสู่สงคราม ไม่เข้าใจแก่นแท้ของการเปลี่ยนแปลง ก็จะไม่มีวันเข้าใจความเป็นไปของจักรวาล ตัวมรึงไม่ใช่คนกำหนด ผู้กำหนด เค้าวางมาเป็น 1000 ปีแล้ว แค่ถึงเวลา และบทบาทที่ต้องเดินไปให้สุดทาง เพื่อให้ผลลัพธ์เป็นไปตามผู้กำหนด หรือวิถีจักรวาล โลกเป็นแค่เศษเสี้ยวของจักรวาล ใยต้องกังวลอะไรให้เยอะ คนดูแลมันมี? หมี CNN(ศรีธนญชัยฯ การละคร ปาหี่ไม่เว้นวัน อะไรที่บัดซบ ฝ่ายเหี้ยทำหมด เพื่อสิ่งเดียวที่นายใหญ่มันต้องการ คือบั่นทอนความมั่นคงชาติ นโยบายห่าเหวมันไม่มีดอก ทำอะไรก็ได้ ที่จะทำให้ไทยอ่อนแอลงแล้วเหี้ยจะได้เข้ามาเขมือบ ดูภาพใหญ่ก็รู้ ทหารเค้าพร้อมนานแล้ว ถึงเวลาเปิด ก็ต้องเปิด ไม่มีเกรงใจหน้าอินทร์ หน้าพรหมไหนอีกต่อไป ไม่สู้ก็ยกแผ่นดินให้เหี้ยไปเหอะ เค้ามีวิธีการของเค้าพร้อม แค่ดูให้สบายใจ และเชียร์ก็พอ! เรื่องบางเรื่อง มันเกินอำนาจที่มรึงจะทำได้ เบื้องบนไม่ได้อยู่เฉย แค่รอสุกงอม) 22 กันยายน 67 16.15 น. https://linevoom.line.me/post/1172705724183046224 ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 317 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข้อคิดเห็นใดของเลขาธิการนาโต้ สตอลเทนเบิร์ก จะถูกจดจำบ้าง?

    เลขาธิการนาโต้ เยนส์ สตอลเทนเบิร์ก จะส่งมอบอำนาจให้กับ มาร์ก รุตเต้ อดีตนายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ ในวันที่ ๑ ตุลาคม

    สปุตนิกได้เล่าถึงคำพูดที่น่าจดจำบางส่วนของสตอลเทนเบิร์กที่กล่าวระหว่างดำรงตำแหน่งนาโต้:

    ◻️ ชัยชนะของรัสเซียในความขัดแย้งกับยูเครน "จะไม่เพียงแต่เป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ของชาวยูเครนเท่านั้น, แต่ยังเป็นความพ่ายแพ้และอันตรายสำหรับเราทุกคนด้วย," สตอลเทนเบิร์ก เน้นย้ำในเดือนตุลาคม ๒๐๒๒ คำแถลงดังกล่าวอาจถือเป็นการยอมรับความจริงที่ว่านาโต้กำลังสู้รบในยูเครน, ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกเครมลินกล่าวในขณะนั้น

    ◻️ สตอลเทนเบิร์ก เริ่มต้นปี 2024 ด้วยการกล่าวว่า การสนับสนุนยูเครน "ไม่ใช่การกุศล, แต่เป็นการลงทุนเพื่อความมั่นคงของเราเอง,"

    ◻️ หัวหน้า NATO เรียกร้องให้พันธมิตรปล่อยให้เคียฟใช้อาวุธระยะไกลจากชาติตะวันตกโจมตีลึกเข้าไปในรัสเซีย "ก่อนหน้านี้ เขาได้กำหนดเส้นแบ่งไว้หลายเส้นโดย [ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย] และเขาไม่ได้เพิ่มระดับความรุนแรง," สโตลเทนเบิร์ก กล่าวกับผู้สื่อข่าว

    ◻️ สโตลเทนเบิร์กปฏิเสธที่จะยอมรับว่ายูเครนได้ประสานงานการโจมตีพื้นที่ชายแดนรัสเซียที่เมืองเคิร์สก์กับตัวแทนจากชาติตะวันตก "ในเรื่องนี้, นาโต้ไม่ได้มีบทบาทใดๆ," สโตลเทนเบิร์ก กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสื่อของเยอรมนี

    ◻️ สโตลเทนเบิร์กกล่าวหาอย่างโด่งดังว่ารัสเซีย "พยายามแทรกแซงและทำลายความไว้วางใจของสถาบันประชาธิปไตยในประเทศพันธมิตรนาโตหลายแห่งและที่อื่นๆ" ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่ศูนย์การศึกษากลยุทธ์ในนิวซีแลนด์ในปี ๒๐๑๙ 🤣ในความเป็นจริง, สหรัฐฯและนาโตต่างก็อวดอ้างประวัติการทำสงครามที่ไร้เหตุผลและนองเลือด🤣

    ◻️ คาบสมุทรไครเมียได้กลับมารวมกับรัสเซียอีกครั้งอันเป็นผลจาก "การแข่งขันของมหาอำนาจ," ที่เพิ่มขึ้น สโตลเทนเบิร์กกล่าว 📌ในทางปฏิบัติ, ไครเมียลงคะแนนเสียงเพื่อกลับเข้าร่วมกับรัสเซียในการลงประชามติในปี ๒๐๑๔ หลังจากการรัฐประหารที่สหรัฐฯยุยงให้โค่นล้มรัฐบาลเคียฟที่ถูกต้องตามกฎหมาย และกลายเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับความขัดแย้งในยูเครน📌

    ◻️ สโตลเทนเบิร์กย้ำว่า "ประตูของนาโตเปิดอยู่ ยูเครนจะเข้าร่วม," ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่เบอร์ลินเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน
    .
    What remarks will NATO’s outgoing chief Stoltenberg be remembered for?

    NATO Secretary General Jens Stoltenberg is to hand over the reins to former Dutch Prime Minister Mark Rutte on October 1.

    Sputnik has recalled some of the memorable remarks Stoltenberg made during his NATO stint:

    ◻️ Russia’s victory in the Ukraine conflict would be “not only a big defeat for Ukrainians, but it will be a defeat and dangerous for all of us," Stoltenberg stressed in October 2022. The statement could be considered recognition of the fact that NATO is fighting in Ukraine, Kremlin spokesman Dmitry Peskov said at the time.

    ◻️ Supporting Ukraine “is not a charity, it is an investment in our own security," Stoltenberg started out 2024 by saying.

    ◻️ The NATO chief egged on allies to let Kiev use long-range Western weapons to strike deep inside Russia. "There have been many red lines declared by him [Russia’s President Vladimir Putin] before, and he has not escalated," Stoltenberg told reporters.

    ◻️ Stoltenberg refused to admit that Ukraine had coordinated its attack on the Russian border region of Kursk with its Western proxies. "In this respect, NATO played no role," Stoltenberg said in a German media interview.

    ◻️ Stoltenberg famously accused Russia of "trying to meddle in and undermining the trust of democratic institutions in several NATO allied countries and also elsewhere” during a speech at the Center for Strategic Studies in New Zealand in 2019. In fact, the US and NATO boast a track record of senseless and bloody wars.

    ◻️ The Crimean Peninsula was reunited with Russia as a result of increased "great power competition," Stoltenberg said. In effect, Crimea voted to rejoin Russia in a 2014 referendum after a US-instigated coup ousted the legitimate Kiev government and became a catalyst for the Ukraine conflagration.

    ◻️ Stoltenberg doubled down on the fact that “NATO’s door is open. Ukraine will join,” during a speech in Berlin on September 19.
    .
    1:31 AM · Sep 21, 2024 · 3,210 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1837197843531968526
    ข้อคิดเห็นใดของเลขาธิการนาโต้ สตอลเทนเบิร์ก จะถูกจดจำบ้าง? เลขาธิการนาโต้ เยนส์ สตอลเทนเบิร์ก จะส่งมอบอำนาจให้กับ มาร์ก รุตเต้ อดีตนายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ ในวันที่ ๑ ตุลาคม สปุตนิกได้เล่าถึงคำพูดที่น่าจดจำบางส่วนของสตอลเทนเบิร์กที่กล่าวระหว่างดำรงตำแหน่งนาโต้: ◻️ ชัยชนะของรัสเซียในความขัดแย้งกับยูเครน "จะไม่เพียงแต่เป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ของชาวยูเครนเท่านั้น, แต่ยังเป็นความพ่ายแพ้และอันตรายสำหรับเราทุกคนด้วย," สตอลเทนเบิร์ก เน้นย้ำในเดือนตุลาคม ๒๐๒๒ คำแถลงดังกล่าวอาจถือเป็นการยอมรับความจริงที่ว่านาโต้กำลังสู้รบในยูเครน, ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกเครมลินกล่าวในขณะนั้น ◻️ สตอลเทนเบิร์ก เริ่มต้นปี 2024 ด้วยการกล่าวว่า การสนับสนุนยูเครน "ไม่ใช่การกุศล, แต่เป็นการลงทุนเพื่อความมั่นคงของเราเอง," ◻️ หัวหน้า NATO เรียกร้องให้พันธมิตรปล่อยให้เคียฟใช้อาวุธระยะไกลจากชาติตะวันตกโจมตีลึกเข้าไปในรัสเซีย "ก่อนหน้านี้ เขาได้กำหนดเส้นแบ่งไว้หลายเส้นโดย [ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย] และเขาไม่ได้เพิ่มระดับความรุนแรง," สโตลเทนเบิร์ก กล่าวกับผู้สื่อข่าว ◻️ สโตลเทนเบิร์กปฏิเสธที่จะยอมรับว่ายูเครนได้ประสานงานการโจมตีพื้นที่ชายแดนรัสเซียที่เมืองเคิร์สก์กับตัวแทนจากชาติตะวันตก "ในเรื่องนี้, นาโต้ไม่ได้มีบทบาทใดๆ," สโตลเทนเบิร์ก กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสื่อของเยอรมนี ◻️ สโตลเทนเบิร์กกล่าวหาอย่างโด่งดังว่ารัสเซีย "พยายามแทรกแซงและทำลายความไว้วางใจของสถาบันประชาธิปไตยในประเทศพันธมิตรนาโตหลายแห่งและที่อื่นๆ" ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่ศูนย์การศึกษากลยุทธ์ในนิวซีแลนด์ในปี ๒๐๑๙ 🤣ในความเป็นจริง, สหรัฐฯและนาโตต่างก็อวดอ้างประวัติการทำสงครามที่ไร้เหตุผลและนองเลือด🤣 ◻️ คาบสมุทรไครเมียได้กลับมารวมกับรัสเซียอีกครั้งอันเป็นผลจาก "การแข่งขันของมหาอำนาจ," ที่เพิ่มขึ้น สโตลเทนเบิร์กกล่าว 📌ในทางปฏิบัติ, ไครเมียลงคะแนนเสียงเพื่อกลับเข้าร่วมกับรัสเซียในการลงประชามติในปี ๒๐๑๔ หลังจากการรัฐประหารที่สหรัฐฯยุยงให้โค่นล้มรัฐบาลเคียฟที่ถูกต้องตามกฎหมาย และกลายเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับความขัดแย้งในยูเครน📌 ◻️ สโตลเทนเบิร์กย้ำว่า "ประตูของนาโตเปิดอยู่ ยูเครนจะเข้าร่วม," ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่เบอร์ลินเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน . What remarks will NATO’s outgoing chief Stoltenberg be remembered for? NATO Secretary General Jens Stoltenberg is to hand over the reins to former Dutch Prime Minister Mark Rutte on October 1. Sputnik has recalled some of the memorable remarks Stoltenberg made during his NATO stint: ◻️ Russia’s victory in the Ukraine conflict would be “not only a big defeat for Ukrainians, but it will be a defeat and dangerous for all of us," Stoltenberg stressed in October 2022. The statement could be considered recognition of the fact that NATO is fighting in Ukraine, Kremlin spokesman Dmitry Peskov said at the time. ◻️ Supporting Ukraine “is not a charity, it is an investment in our own security," Stoltenberg started out 2024 by saying. ◻️ The NATO chief egged on allies to let Kiev use long-range Western weapons to strike deep inside Russia. "There have been many red lines declared by him [Russia’s President Vladimir Putin] before, and he has not escalated," Stoltenberg told reporters. ◻️ Stoltenberg refused to admit that Ukraine had coordinated its attack on the Russian border region of Kursk with its Western proxies. "In this respect, NATO played no role," Stoltenberg said in a German media interview. ◻️ Stoltenberg famously accused Russia of "trying to meddle in and undermining the trust of democratic institutions in several NATO allied countries and also elsewhere” during a speech at the Center for Strategic Studies in New Zealand in 2019. In fact, the US and NATO boast a track record of senseless and bloody wars. ◻️ The Crimean Peninsula was reunited with Russia as a result of increased "great power competition," Stoltenberg said. In effect, Crimea voted to rejoin Russia in a 2014 referendum after a US-instigated coup ousted the legitimate Kiev government and became a catalyst for the Ukraine conflagration. ◻️ Stoltenberg doubled down on the fact that “NATO’s door is open. Ukraine will join,” during a speech in Berlin on September 19. . 1:31 AM · Sep 21, 2024 · 3,210 Views https://x.com/SputnikInt/status/1837197843531968526
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 929 มุมมอง 175 0 รีวิว
  • Ray Dalio ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ผู้ทรงอิทธิพลของโลก หวั่นเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเสี่ยงเจอวิกฤตหนัก 5 ประการ ปัญหาหนี้ที่เพิ่มขึ้นรุมเร้าและการเมืองภายในแตกแยก ขณะที่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีนทวีความรุนแรงเป็นสงครามการค้าตั้งกำแพงภาษี ท่ามกลางภัยธรรมชาติรุนแรงสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินยิ่งกว่าสงคราม

    ในการประชุมสุดยอดเอเชียของ Milken Institute ที่สิงคโปร์ เรย์ ดาลิโอ ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ระดับมหาเศรษฐี ได้ระบุถึงแรงขับเคลื่อนสำคัญ 5 ประการที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน โดยระบุถึงลักษณะเป็นวัฏจักรและเชื่อมโยงกัน ตามรายงานของลี อิง ชาน นักข่าว CNBC

    ในการพูดก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่ทุกคนรอคอยมานาน ดาลิโอได้เน้นย้ำถึงความกังวลเกี่ยวกับวิธีการที่สหรัฐฯ จะจัดการหนี้ที่เพิ่มขึ้น โดยที่อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ทศวรรษ ปัจจุบันรัฐบาลสหรัฐฯ ใช้จ่ายเงิน 1.049 ล้านล้านดอลลาร์ในการชำระหนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบเป็นรายปี ดาลิโอตั้งคำถามว่าหนี้ที่เพิ่มขึ้นนี้จะส่งผลกระทบต่อมูลค่าทรัพย์สินของสหรัฐฯ และบทบาทของสินทรัพย์ของสหรัฐฯ ในฐานะแหล่งเก็บความมั่งคั่งที่เชื่อถือได้อย่างไร

    ตามรายงานของ CNBC ดาลิโอยังได้ดึงความสนใจไปที่สิ่งที่เขาเรียกว่า "ความไม่สงบภายใน" ในสหรัฐฯ โดยเฉพาะความแตกแยกทางการเมืองที่ขยายตัวก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2024 เขาเตือนว่าความแตกต่างที่ไม่อาจปรองดองได้ระหว่างฝ่ายขวาและฝ่ายซ้ายทางการเมือง ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นจากความไม่เท่าเทียมกันของความมั่งคั่ง อาจขัดขวางการถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ แม้ว่ารองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริสจะถูกมองว่าเป็นผู้นำ แต่ดาลิโอแนะนำว่าความไม่มั่นคงทางการเมืองอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจของประเทศมากกว่านโยบายของผู้สมัครคนใด ๆ

    บนเวทีระหว่างประเทศ ดาลิโออ้างถึงความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และจีนว่าเป็นแหล่งความกังวลที่สำคัญ ดาลิโอกล่าวว่าปัญหาเช่นสถานะทางการเมืองของไต้หวันและภาษีศุลกากรทางเศรษฐกิจได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างมหาอำนาจทั้งสองตึงเครียด ในขณะที่ดาลิโอตั้งข้อสังเกตว่าความกลัวต่อการทำลายล้างซึ่งกันและกันอาจป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งโดยตรง เขากล่าวว่าความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์เหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความวุ่นวายทั่วโลก

    ดาลิโอเน้นย้ำถึงผลกระทบที่เพิ่มมากขึ้นของปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยระบุว่า "ภัยธรรมชาติ" เช่น ภัยแล้ง น้ำท่วม และโรคระบาด มักก่อให้เกิดการหยุดชะงักทางสังคมมากกว่าสงคราม CNBC เน้นย้ำถึงคำเตือนของเขาว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจสร้างต้นทุนทางเศรษฐกิจที่สูงกว่าในไม่ช้านี้ โดยคาดว่า GDP ทั่วโลกจะหดตัวลง 12% ต่ออุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น 1 องศาเซลเซียส

    สุดท้าย Dalio เน้นย้ำถึงพลังการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี เขาแนะนำว่าผู้ที่สามารถใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพจะได้รับประโยชน์อย่างมาก ในขณะเดียวกันก็เตือนด้วยว่าเทคโนโลยีอาจทำให้ความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจรุนแรงขึ้น การประเมินโดยรวมของ Dalio นั้นระมัดระวัง โดยคำพูดสุดท้ายของเขาบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจโลกเผชิญกับความเสี่ยงด้านลบมากกว่าโอกาสด้านบวก

    ที่มา : https://www.cryptoglobe.com/latest/2024/09/billionaire-ray-dalio-warns-of-soaring-u-s-debt-geopolitical-tensions-and-tech-wars-between-nations/

    #Thaitimes
    Ray Dalio ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ผู้ทรงอิทธิพลของโลก หวั่นเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเสี่ยงเจอวิกฤตหนัก 5 ประการ ปัญหาหนี้ที่เพิ่มขึ้นรุมเร้าและการเมืองภายในแตกแยก ขณะที่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีนทวีความรุนแรงเป็นสงครามการค้าตั้งกำแพงภาษี ท่ามกลางภัยธรรมชาติรุนแรงสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินยิ่งกว่าสงคราม ในการประชุมสุดยอดเอเชียของ Milken Institute ที่สิงคโปร์ เรย์ ดาลิโอ ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ระดับมหาเศรษฐี ได้ระบุถึงแรงขับเคลื่อนสำคัญ 5 ประการที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน โดยระบุถึงลักษณะเป็นวัฏจักรและเชื่อมโยงกัน ตามรายงานของลี อิง ชาน นักข่าว CNBC ในการพูดก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่ทุกคนรอคอยมานาน ดาลิโอได้เน้นย้ำถึงความกังวลเกี่ยวกับวิธีการที่สหรัฐฯ จะจัดการหนี้ที่เพิ่มขึ้น โดยที่อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ทศวรรษ ปัจจุบันรัฐบาลสหรัฐฯ ใช้จ่ายเงิน 1.049 ล้านล้านดอลลาร์ในการชำระหนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบเป็นรายปี ดาลิโอตั้งคำถามว่าหนี้ที่เพิ่มขึ้นนี้จะส่งผลกระทบต่อมูลค่าทรัพย์สินของสหรัฐฯ และบทบาทของสินทรัพย์ของสหรัฐฯ ในฐานะแหล่งเก็บความมั่งคั่งที่เชื่อถือได้อย่างไร ตามรายงานของ CNBC ดาลิโอยังได้ดึงความสนใจไปที่สิ่งที่เขาเรียกว่า "ความไม่สงบภายใน" ในสหรัฐฯ โดยเฉพาะความแตกแยกทางการเมืองที่ขยายตัวก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2024 เขาเตือนว่าความแตกต่างที่ไม่อาจปรองดองได้ระหว่างฝ่ายขวาและฝ่ายซ้ายทางการเมือง ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นจากความไม่เท่าเทียมกันของความมั่งคั่ง อาจขัดขวางการถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ แม้ว่ารองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริสจะถูกมองว่าเป็นผู้นำ แต่ดาลิโอแนะนำว่าความไม่มั่นคงทางการเมืองอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจของประเทศมากกว่านโยบายของผู้สมัครคนใด ๆ บนเวทีระหว่างประเทศ ดาลิโออ้างถึงความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และจีนว่าเป็นแหล่งความกังวลที่สำคัญ ดาลิโอกล่าวว่าปัญหาเช่นสถานะทางการเมืองของไต้หวันและภาษีศุลกากรทางเศรษฐกิจได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างมหาอำนาจทั้งสองตึงเครียด ในขณะที่ดาลิโอตั้งข้อสังเกตว่าความกลัวต่อการทำลายล้างซึ่งกันและกันอาจป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งโดยตรง เขากล่าวว่าความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์เหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความวุ่นวายทั่วโลก ดาลิโอเน้นย้ำถึงผลกระทบที่เพิ่มมากขึ้นของปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยระบุว่า "ภัยธรรมชาติ" เช่น ภัยแล้ง น้ำท่วม และโรคระบาด มักก่อให้เกิดการหยุดชะงักทางสังคมมากกว่าสงคราม CNBC เน้นย้ำถึงคำเตือนของเขาว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจสร้างต้นทุนทางเศรษฐกิจที่สูงกว่าในไม่ช้านี้ โดยคาดว่า GDP ทั่วโลกจะหดตัวลง 12% ต่ออุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น 1 องศาเซลเซียส สุดท้าย Dalio เน้นย้ำถึงพลังการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี เขาแนะนำว่าผู้ที่สามารถใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพจะได้รับประโยชน์อย่างมาก ในขณะเดียวกันก็เตือนด้วยว่าเทคโนโลยีอาจทำให้ความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจรุนแรงขึ้น การประเมินโดยรวมของ Dalio นั้นระมัดระวัง โดยคำพูดสุดท้ายของเขาบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจโลกเผชิญกับความเสี่ยงด้านลบมากกว่าโอกาสด้านบวก ที่มา : https://www.cryptoglobe.com/latest/2024/09/billionaire-ray-dalio-warns-of-soaring-u-s-debt-geopolitical-tensions-and-tech-wars-between-nations/ #Thaitimes
    WWW.CRYPTOGLOBE.COM
    Ray Dalio Reveals the Top Five Forces Influencing the Global Economy
    Ray Dalio foresees a dangerous convergence of forces that could reshape the global order.
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1441 มุมมอง 0 รีวิว
  • #วิมานลอย

    วันนี้ขออนุญาตแนะนำหนังสือที่เคยอ่าน เป็นวรรณกรรมคลาสสิกฝั่งอเมริกา และคิดว่าอย่างน้อยผู้ที่สามารถอ่านหนังสือได้ และมีโอกาส ควรหามาอ่านให้ได้สักครั้งในชีวิต แม้ส่วนตัวจะตอบได้ไม่เต็มปากนักว่าชื่นชอบเล่มนี้ แต่ยืนยันได้ว่าคือหนังสือดีมีค่าที่คู่ควรกับการสละเวลาจริง

    เชื่อว่าคุ้นหูทุกคนอยู่แล้ว แต่ไม่ทุกคนที่จะได้อ่าน เพราะด้วยความยาวของแถวอักษรยาวเหยียด ความหนาของจำนวนหน้า พาให้รู้สึกท้อต่อการที่จะหยิบมาอ่านอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเล่มที่ผมอ่านนั้น เป็นฉบับพิมพ์ครั้งที่ 7 ในไทย ของ สนพ.แพรว ปี พ.ศ. 2550 หนา 1,184 หน้า แปลโดย รอย โรจนานนท์ ซึ่งทำสวยงามเลอค่าน่าสะสมมาก ปกแข็งมีปกนอกหุ้ม เย็บกี่ ซึ่งเรื่องนี้ยืมจากห้องสมุดประชาชนมาอ่าน เพราะต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น จึงจะกระตุ้นตัวเองให้มีความเพียรพอที่จะตั้งใจอ่านจนจบเรื่องได้ ไม่อย่างนั้นคงซื้อมาแล้วก็วางไว้ก่อน แต่ต้องใช้เวลาในการอ่านและยืมต่ออยู่หลายครั้ง ถ้าจำไม่ผิดก็ 3-4 หนต่อเนื่อง

    และขอยืนยันว่าฉบับพิมพ์นี้ไม่เหมาะกับการถืออ่านขณะนอนหงาย เพราะอาจหน้าแหก ดั้งยุบ หรือสลบเหมือดคาที่ได้ ขนาดนั่งอ่านยังต้องวางหนังสือกับโต๊ะ ยกอ่านได้ไม่นานเกิดอาการล้ามาก

    เรื่องที่กล่าวถึงนี้คือ Gone With The Wind หรือชื่อไทย วิมานลอย โดยผู้เขียนนาม มาร์กาเร็ต มิตเชลล์ รู้สึกชอบชื่อเรื่องมากทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่ให้ความหมายชัดเจนดีมาก ยิ่งอ่านจบแล้วยิ่งย้ำยืนยันว่าเป็นชื่อเรื่องที่เหมาะสมที่สุด ความจริงได้ยินเสียงล่ำลือถึงเรื่องนี้มานานมากตั้งแต่เด็ก แต่ได้สัมผัสครั้งแรกจากภาพยนตร์ก่อน เมื่อช่วงเรียนจบใหม่ๆ พอได้ชมแล้วชอบจึงเริ่มอยากอ่านฉบับหนังสือว่าจะแตกต่างอย่างไรบ้าง นั่นคือจุดเริ่มต้น

    เนื้อหาของเรื่องนี้ ถูกวางฉากหลังไว้ในช่วงสงครามกลางเมืองของอเมริกา ในยุคที่มีการใช้แรงงานทาสผิวดำ การทำกสิกรรมปลูกไร่ฝ้าย ไปจนถึงความขัดแย้งของคนชาติเดียวกัน แต่ต่างที่มา ซึ่งแบ่งเป็นฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ ต่อเนื่องยาวไปจนถึงเริ่มสงคราม และสงครามสิ้นสุด รวมถึงพิษภัยจากไฟสงครามที่ลามเลียต่อเนื่อง ผลกระทบทางการเมือง สังคม เศรษฐกิจ ของฝ่ายผู้ชนะที่กระทำต่อผู้แพ้ ที่แม้คือชาติเดียวกันอย่างโหดร้าย แล้งน้ำใจ การเลิกทาส ความชุลมุน จราจลทั่วทุกหย่อมหญ้า ผ่านความคิด มุมมองและการเลือกกระทำของตัวเอกที่เป็นตัวดำเนินเรื่องหลักอย่างนางเอก คือ สการ์เลตต์ โอฮารา และตัวเดินเรื่องเสริมคือพระเอก หรือ เรตต์ บัตเลอร์

    ความจริงผมไม่ชอบสการ์เลตต์ และยิ่งไม่ชอบเรตต์ บัตเลอร์เลยจากใจจริง ออกจะเหม็นเบื่อ หมั่นไส้ และรู้สึกทุเรศทุรังกับอุปนิสัยของตัวละครทั้งสอง โดยเฉพาะช่วงแรกเริ่มได้ทำความรู้จักกันผ่านหน้าหนังสือ ด้วยเหตุที่นางเอกนั้น ช่วงต้นเป็นหญิงที่ใช้ชีวิตอย่างลูกคุณหนู สมองกลวงไปวันๆ ไม่คิดทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน คำนึงถึงแต่เรื่องผู้ชาย การได้แต่งงานกับลูกชายบ้านโน้นบ้านนี้ การแวดล้อมไปด้วยเพื่อนสาวที่มีค่านิยม แนวคิด ฝักใฝ่ความหรูหรา ติดสบาย ต้องมีคนคอยรับใช้ เกียรติยศ ความหลงใหลยึดติดกับศักดินา ข้าทาส บริวาร ชื่อเสียงตระกูล ความฟุ่มเฟือย สารพัดที่ผู้หญิงใฝ่สุขนิยมมักเป็นกัน

    ส่วนฝ่ายชายนั้นเล่าก็แบดบอย ยโสโอหัง กวนบาทา พูดจายียวน ชอบยั่วโมโห หน้าเลือด นิสัยพ่อค้าที่ทำอย่างไรตนจึงจะมีเงินไหลเข้ากระเป๋าได้เยอะสุดในภาวะสงคราม ที่คนจำนวนมากเดือดร้อนอดอยาก อายุมากกว่านางเอกหลายปี อยู่ในวัยหนุ่มใหญ่ผู้มีสายตาและประสบการณ์ที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน

    เริ่มต้นนางเอกนั้นเกลียดขี้หน้าพระเอก และก็รู้สึกอย่างนั้นในแทบทุกครั้งที่ได้พบเจอ แต่ก็แปลกที่ในยามวิกฤตกลับนึกถึงเขา เพราะใจลึกๆนั้นรู้ดีว่าชายคนนี้เชื่อถือได้ว่าสามารถนำพาเธอให้พ้นจากสถานการณ์ร้ายต่างๆอย่างแน่นอน

    ส่วนใหญ่เวลาเจอหน้ากัน มักจะเป็นการสนทนาวิวาทะ ประคารมอย่างถึงพริกถึงขิง แม้นภายในใจจะรู้สึกต่างชอบกันอยู่บ้าง แต่โชคชะตานำพาให้พลาดกันไปพลาดกันมา กว่าจะได้มาเป็นคู่ชีวิตกัน นางเอกต้องผ่านการแต่งงานมาแล้วถึง 2ครั้ง

    ผู้อ่านจะได้เห็นถึงความเติบโตของสการ์เลตต์ผ่านประสบการณ์ชีวิตซึ่ง การศึกสงครามจากด่านหน้าที่สู้รบกันของฝ่ายสมาพันธรัฐชาวใต้ที่หยิ่งผยองในเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และต้องการความเป็นอิสระในการถือครองทาส กับฝ่ายเหนือที่เป็นสหภาพซี่งยึดรัฐธรรมนูญเหนืออื่นใด ได้ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อแนวหลังที่รอคอยด้วยใจกระวนกระวายอยู่กับบ้าน ผลการแพ้ชนะแต่ละครั้ง ได้สร้างรอยแผลไว้ในใจอย่างฝังลึกยากถอดถอน

    จนถึงวันที่รู้ว่าฝ่ายของตน ดินแดนอันเป็นที่รัก เชิดชูและศรัทธา ได้แพ้พ่ายอย่างราบคาบ คนรักและรู้จัก พลเมืองจำนวนมากต่างตายไปในสงคราม ที่เหลือรอดกลับมาก็สภาพน่าอเนจอนาถ รวมถึงผลพวงหลังจากรัฐบาลกลางเข้ามากุมอำนาจ มีบทบาทตั้งกฎระเบียบต่างๆ ที่เป็นการขูดรีด เอาเปรียบ เหยียบย่ำ ฉีกทึ้ง เกียรติยศ ศักดิ์ศรีความเป็นคน การฉ้อฉลคดโกง ใช้อำนาจโดยมิชอบ รีดนาทาเล้น ปล้นฆ่า โกงสมบัติชาติเป็นของตน ของผู้มีอำนาจที่ได้รับเลือกจากรัฐบาลกลางมาปกครองดูแลชาวใต้ สมาพันธรัฐล่มสลาย ประชาชนเดือดร้อน อดอยาก แร้นแค้น เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยส่งเสริม และเปลี่ยนแปลงให้นางเอกต้องกลายสภาพจากคุณหนูผู้ไร้เดียงสา ไปเป็นผู้ทำทุกทางเพื่อจะอยู่รอดให้ได้ในยามวิกฤต เพื่อประคับประคองข้าทาสผิวดำที่ซื่อสัตย์ เพื่อรักษาบ้านและที่ดินของพ่อเอาไว้ เพราะเธอต้องขึ้นมาเป็นหัวหน้าครอบครัวแทนหลังสูญเสียพ่อไป

    ยอมกระทั่งให้คนใต้ด้วยกันหยามเหยียด รังเกียจเดียดฉันท์ เพราะเธอตัดสินใจเลือกคบค้าสมาคม ทำธุรกิจกับพวกพ่อค้า ผู้มีอำนาจ ที่มาปกครองบ้านเมืองของตน ซึ่งครั้งหนึ่งเธอรังเกียจและเจ็บแค้น เพื่อจะดำรงสถานะของครอบครัวให้ไปต่อได้

    การเติบโตทางอารมณ์ และความเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องชั่งใจเลือก ในสิ่งซึ่งขัดแย้งกับอุดมการณ์ ความศรัทธา ภาคภูมิที่ตนเชื่อมั่นมาตลอด กับความจริงตรงหน้าที่บีบคั้นให้กระทำสวนทางก็ตาม

    สการ์เลตต์ โอฮารา รวมถึง เรตต์ บัตเลอร์ จึงเป็นตัวละครที่มีความเรียลริสติก มีบุคลิกที่ใกล้เคียงความเป็นมนุษย์ปุถุชน ที่มีทั้งดีชั่วปะปน และดิ้นรนเพื่อหาทางเอาชีวิตรอดไปตามสถานการณ์ ไม่ใช่ตัวละครที่พาฝัน ภาพลักษณ์สวยงาม เป็นคนดีพร้อม ทั้งรูปสมบัติและคุณสมบัติ ที่มักพบได้ในตัวพระนางทั่วไป หากกล่าวอย่างตรงๆแล้ว ทั้งสองออกจะมีด้านที่เป็นสีเทาดำ มากกว่าสีขาวด้วยซ้ำ แต่นี่อาจเป็นเสน่ห์ที่ทำให้เรื่องนี้ยังคงอยู่ในใจของนักอ่านทั่วโลกมาอย่างยาวนานจนปัจจุบัน ถึงกับได้รับการยกย่องมากมายจากหลายสถาบัน ให้เป็นหนึ่งในวรรณกรรมคลาสสิกชิ้นเยี่ยม

    ทว่าสำหรับส่วนตัวแล้ว ไม่ได้สนใจในเรื่องนั้นเลย ยังคงยืนยันเช่นเดิมว่าไม่ชอบนางเอก และพระเอก รวมถึงไม่อาจบอกได้ว่านี่คือเรื่องที่รักชอบหลังอ่านจบ แต่สิ่งหนึ่งที่กล้ายืนยันอย่างมั่นใจอีกครั้งคือ

    นี่คือหนังสือที่ดี มีค่าเพียงพอต่อเวลาที่ต้องสละไปในการอ่าน

    ใครอ่านเรื่องนี้จบเกินกว่า 1 รอบ ขอยอมรับนับถือเลย
    สุดท้ายที่จะบอกคือ นี่เป็นหนังสือที่ดูดพลังอย่างมาก เหนื่อยที่สุดในชีวิตการเป็นนักอ่าน แม้นอ่านนิยายไทยยาวๆอย่างเพชรพระอุมา หรือนิยายจีนกำลังภายในที่ยาว 20-30 เล่ม ก็ยังไม่เคยเหนื่อยเท่า

    ป.ล. เนื่องจากไม่มีหนังสือเป็นของตน จึงขอใช้ภาพจากอินเตอร์เน็ตมาประกอบครับ

    #นิยายแปล
    #วรรณกรรมคลาสสิก
    #วิมานลอย
    #gonewiththewind
    #หนังสือน่าอ่าน
    #สงครามกลางเมือง
    #สหรัฐอเมริกา
    #ชนชั้น
    #แรงงาน
    #บริวาร
    #ทาส
    #คนผิวดำ
    #thaitimes
    #นิยาย
    #หนังสือ
    #วิมานลอย วันนี้ขออนุญาตแนะนำหนังสือที่เคยอ่าน เป็นวรรณกรรมคลาสสิกฝั่งอเมริกา และคิดว่าอย่างน้อยผู้ที่สามารถอ่านหนังสือได้ และมีโอกาส ควรหามาอ่านให้ได้สักครั้งในชีวิต แม้ส่วนตัวจะตอบได้ไม่เต็มปากนักว่าชื่นชอบเล่มนี้ แต่ยืนยันได้ว่าคือหนังสือดีมีค่าที่คู่ควรกับการสละเวลาจริง เชื่อว่าคุ้นหูทุกคนอยู่แล้ว แต่ไม่ทุกคนที่จะได้อ่าน เพราะด้วยความยาวของแถวอักษรยาวเหยียด ความหนาของจำนวนหน้า พาให้รู้สึกท้อต่อการที่จะหยิบมาอ่านอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเล่มที่ผมอ่านนั้น เป็นฉบับพิมพ์ครั้งที่ 7 ในไทย ของ สนพ.แพรว ปี พ.ศ. 2550 หนา 1,184 หน้า แปลโดย รอย โรจนานนท์ ซึ่งทำสวยงามเลอค่าน่าสะสมมาก ปกแข็งมีปกนอกหุ้ม เย็บกี่ ซึ่งเรื่องนี้ยืมจากห้องสมุดประชาชนมาอ่าน เพราะต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น จึงจะกระตุ้นตัวเองให้มีความเพียรพอที่จะตั้งใจอ่านจนจบเรื่องได้ ไม่อย่างนั้นคงซื้อมาแล้วก็วางไว้ก่อน แต่ต้องใช้เวลาในการอ่านและยืมต่ออยู่หลายครั้ง ถ้าจำไม่ผิดก็ 3-4 หนต่อเนื่อง และขอยืนยันว่าฉบับพิมพ์นี้ไม่เหมาะกับการถืออ่านขณะนอนหงาย เพราะอาจหน้าแหก ดั้งยุบ หรือสลบเหมือดคาที่ได้ ขนาดนั่งอ่านยังต้องวางหนังสือกับโต๊ะ ยกอ่านได้ไม่นานเกิดอาการล้ามาก เรื่องที่กล่าวถึงนี้คือ Gone With The Wind หรือชื่อไทย วิมานลอย โดยผู้เขียนนาม มาร์กาเร็ต มิตเชลล์ รู้สึกชอบชื่อเรื่องมากทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่ให้ความหมายชัดเจนดีมาก ยิ่งอ่านจบแล้วยิ่งย้ำยืนยันว่าเป็นชื่อเรื่องที่เหมาะสมที่สุด ความจริงได้ยินเสียงล่ำลือถึงเรื่องนี้มานานมากตั้งแต่เด็ก แต่ได้สัมผัสครั้งแรกจากภาพยนตร์ก่อน เมื่อช่วงเรียนจบใหม่ๆ พอได้ชมแล้วชอบจึงเริ่มอยากอ่านฉบับหนังสือว่าจะแตกต่างอย่างไรบ้าง นั่นคือจุดเริ่มต้น เนื้อหาของเรื่องนี้ ถูกวางฉากหลังไว้ในช่วงสงครามกลางเมืองของอเมริกา ในยุคที่มีการใช้แรงงานทาสผิวดำ การทำกสิกรรมปลูกไร่ฝ้าย ไปจนถึงความขัดแย้งของคนชาติเดียวกัน แต่ต่างที่มา ซึ่งแบ่งเป็นฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ ต่อเนื่องยาวไปจนถึงเริ่มสงคราม และสงครามสิ้นสุด รวมถึงพิษภัยจากไฟสงครามที่ลามเลียต่อเนื่อง ผลกระทบทางการเมือง สังคม เศรษฐกิจ ของฝ่ายผู้ชนะที่กระทำต่อผู้แพ้ ที่แม้คือชาติเดียวกันอย่างโหดร้าย แล้งน้ำใจ การเลิกทาส ความชุลมุน จราจลทั่วทุกหย่อมหญ้า ผ่านความคิด มุมมองและการเลือกกระทำของตัวเอกที่เป็นตัวดำเนินเรื่องหลักอย่างนางเอก คือ สการ์เลตต์ โอฮารา และตัวเดินเรื่องเสริมคือพระเอก หรือ เรตต์ บัตเลอร์ ความจริงผมไม่ชอบสการ์เลตต์ และยิ่งไม่ชอบเรตต์ บัตเลอร์เลยจากใจจริง ออกจะเหม็นเบื่อ หมั่นไส้ และรู้สึกทุเรศทุรังกับอุปนิสัยของตัวละครทั้งสอง โดยเฉพาะช่วงแรกเริ่มได้ทำความรู้จักกันผ่านหน้าหนังสือ ด้วยเหตุที่นางเอกนั้น ช่วงต้นเป็นหญิงที่ใช้ชีวิตอย่างลูกคุณหนู สมองกลวงไปวันๆ ไม่คิดทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน คำนึงถึงแต่เรื่องผู้ชาย การได้แต่งงานกับลูกชายบ้านโน้นบ้านนี้ การแวดล้อมไปด้วยเพื่อนสาวที่มีค่านิยม แนวคิด ฝักใฝ่ความหรูหรา ติดสบาย ต้องมีคนคอยรับใช้ เกียรติยศ ความหลงใหลยึดติดกับศักดินา ข้าทาส บริวาร ชื่อเสียงตระกูล ความฟุ่มเฟือย สารพัดที่ผู้หญิงใฝ่สุขนิยมมักเป็นกัน ส่วนฝ่ายชายนั้นเล่าก็แบดบอย ยโสโอหัง กวนบาทา พูดจายียวน ชอบยั่วโมโห หน้าเลือด นิสัยพ่อค้าที่ทำอย่างไรตนจึงจะมีเงินไหลเข้ากระเป๋าได้เยอะสุดในภาวะสงคราม ที่คนจำนวนมากเดือดร้อนอดอยาก อายุมากกว่านางเอกหลายปี อยู่ในวัยหนุ่มใหญ่ผู้มีสายตาและประสบการณ์ที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน เริ่มต้นนางเอกนั้นเกลียดขี้หน้าพระเอก และก็รู้สึกอย่างนั้นในแทบทุกครั้งที่ได้พบเจอ แต่ก็แปลกที่ในยามวิกฤตกลับนึกถึงเขา เพราะใจลึกๆนั้นรู้ดีว่าชายคนนี้เชื่อถือได้ว่าสามารถนำพาเธอให้พ้นจากสถานการณ์ร้ายต่างๆอย่างแน่นอน ส่วนใหญ่เวลาเจอหน้ากัน มักจะเป็นการสนทนาวิวาทะ ประคารมอย่างถึงพริกถึงขิง แม้นภายในใจจะรู้สึกต่างชอบกันอยู่บ้าง แต่โชคชะตานำพาให้พลาดกันไปพลาดกันมา กว่าจะได้มาเป็นคู่ชีวิตกัน นางเอกต้องผ่านการแต่งงานมาแล้วถึง 2ครั้ง ผู้อ่านจะได้เห็นถึงความเติบโตของสการ์เลตต์ผ่านประสบการณ์ชีวิตซึ่ง การศึกสงครามจากด่านหน้าที่สู้รบกันของฝ่ายสมาพันธรัฐชาวใต้ที่หยิ่งผยองในเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และต้องการความเป็นอิสระในการถือครองทาส กับฝ่ายเหนือที่เป็นสหภาพซี่งยึดรัฐธรรมนูญเหนืออื่นใด ได้ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อแนวหลังที่รอคอยด้วยใจกระวนกระวายอยู่กับบ้าน ผลการแพ้ชนะแต่ละครั้ง ได้สร้างรอยแผลไว้ในใจอย่างฝังลึกยากถอดถอน จนถึงวันที่รู้ว่าฝ่ายของตน ดินแดนอันเป็นที่รัก เชิดชูและศรัทธา ได้แพ้พ่ายอย่างราบคาบ คนรักและรู้จัก พลเมืองจำนวนมากต่างตายไปในสงคราม ที่เหลือรอดกลับมาก็สภาพน่าอเนจอนาถ รวมถึงผลพวงหลังจากรัฐบาลกลางเข้ามากุมอำนาจ มีบทบาทตั้งกฎระเบียบต่างๆ ที่เป็นการขูดรีด เอาเปรียบ เหยียบย่ำ ฉีกทึ้ง เกียรติยศ ศักดิ์ศรีความเป็นคน การฉ้อฉลคดโกง ใช้อำนาจโดยมิชอบ รีดนาทาเล้น ปล้นฆ่า โกงสมบัติชาติเป็นของตน ของผู้มีอำนาจที่ได้รับเลือกจากรัฐบาลกลางมาปกครองดูแลชาวใต้ สมาพันธรัฐล่มสลาย ประชาชนเดือดร้อน อดอยาก แร้นแค้น เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยส่งเสริม และเปลี่ยนแปลงให้นางเอกต้องกลายสภาพจากคุณหนูผู้ไร้เดียงสา ไปเป็นผู้ทำทุกทางเพื่อจะอยู่รอดให้ได้ในยามวิกฤต เพื่อประคับประคองข้าทาสผิวดำที่ซื่อสัตย์ เพื่อรักษาบ้านและที่ดินของพ่อเอาไว้ เพราะเธอต้องขึ้นมาเป็นหัวหน้าครอบครัวแทนหลังสูญเสียพ่อไป ยอมกระทั่งให้คนใต้ด้วยกันหยามเหยียด รังเกียจเดียดฉันท์ เพราะเธอตัดสินใจเลือกคบค้าสมาคม ทำธุรกิจกับพวกพ่อค้า ผู้มีอำนาจ ที่มาปกครองบ้านเมืองของตน ซึ่งครั้งหนึ่งเธอรังเกียจและเจ็บแค้น เพื่อจะดำรงสถานะของครอบครัวให้ไปต่อได้ การเติบโตทางอารมณ์ และความเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องชั่งใจเลือก ในสิ่งซึ่งขัดแย้งกับอุดมการณ์ ความศรัทธา ภาคภูมิที่ตนเชื่อมั่นมาตลอด กับความจริงตรงหน้าที่บีบคั้นให้กระทำสวนทางก็ตาม สการ์เลตต์ โอฮารา รวมถึง เรตต์ บัตเลอร์ จึงเป็นตัวละครที่มีความเรียลริสติก มีบุคลิกที่ใกล้เคียงความเป็นมนุษย์ปุถุชน ที่มีทั้งดีชั่วปะปน และดิ้นรนเพื่อหาทางเอาชีวิตรอดไปตามสถานการณ์ ไม่ใช่ตัวละครที่พาฝัน ภาพลักษณ์สวยงาม เป็นคนดีพร้อม ทั้งรูปสมบัติและคุณสมบัติ ที่มักพบได้ในตัวพระนางทั่วไป หากกล่าวอย่างตรงๆแล้ว ทั้งสองออกจะมีด้านที่เป็นสีเทาดำ มากกว่าสีขาวด้วยซ้ำ แต่นี่อาจเป็นเสน่ห์ที่ทำให้เรื่องนี้ยังคงอยู่ในใจของนักอ่านทั่วโลกมาอย่างยาวนานจนปัจจุบัน ถึงกับได้รับการยกย่องมากมายจากหลายสถาบัน ให้เป็นหนึ่งในวรรณกรรมคลาสสิกชิ้นเยี่ยม ทว่าสำหรับส่วนตัวแล้ว ไม่ได้สนใจในเรื่องนั้นเลย ยังคงยืนยันเช่นเดิมว่าไม่ชอบนางเอก และพระเอก รวมถึงไม่อาจบอกได้ว่านี่คือเรื่องที่รักชอบหลังอ่านจบ แต่สิ่งหนึ่งที่กล้ายืนยันอย่างมั่นใจอีกครั้งคือ นี่คือหนังสือที่ดี มีค่าเพียงพอต่อเวลาที่ต้องสละไปในการอ่าน ใครอ่านเรื่องนี้จบเกินกว่า 1 รอบ ขอยอมรับนับถือเลย สุดท้ายที่จะบอกคือ นี่เป็นหนังสือที่ดูดพลังอย่างมาก เหนื่อยที่สุดในชีวิตการเป็นนักอ่าน แม้นอ่านนิยายไทยยาวๆอย่างเพชรพระอุมา หรือนิยายจีนกำลังภายในที่ยาว 20-30 เล่ม ก็ยังไม่เคยเหนื่อยเท่า ป.ล. เนื่องจากไม่มีหนังสือเป็นของตน จึงขอใช้ภาพจากอินเตอร์เน็ตมาประกอบครับ #นิยายแปล #วรรณกรรมคลาสสิก #วิมานลอย #gonewiththewind #หนังสือน่าอ่าน #สงครามกลางเมือง #สหรัฐอเมริกา #ชนชั้น #แรงงาน #บริวาร #ทาส #คนผิวดำ #thaitimes #นิยาย #หนังสือ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1493 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ต้องฟูมฟายไปนะคะ ติ่งขา………พี่ปูคมทั้งในฝักและนอกฝักเชียว……!!!

    ตอนเจ็ด………ตำแหน่งที่ได้รับ……ไม่ได้มาจากโชคหรือการจับฉลาก……แต่ด้วยความสามารถและความอุตสาหะล้วนๆ

    ที่ปูตินลังเลนั้น……เขาเพียงแต่ห่วงว่าครอบครัวจะปรับชีวิตและความเป็นอยู่ได้มากน้อยแค่ไหน เพราะสังคมที่มอสโคว์กับกรุงเซนต์ต่างกันมากมาย
    แต่เมื่อได้คุยกับลุดมิลา เธอและลูกๆไม่มีปัญหาอะไร ไปไหนก็ได้เพราะอำนาจในการตัดสินก็อยู่ที่ช้างเท้าหน้าคือปูตินอยู่แล้ว และตัวเธอเองก็จะได้มีอิสระกับสายตาของแม่สามีไปเสียบ้าง

    สาเหตุก็เพราะรัฐบาลของเยลซินต้องการ”น้ำใหม่”มาแทนที่น้ำเสียที่รวมกันกันเป็นกระจุกอยู่ในเครมลิน เพราะความผิดพลาดในเรื่องการทำสงครามปราบปรามที่ Chechen ในปี 1994 ที่ทุกคนคิดว่า
    วันสองวันก็คงจบ……แต่ที่ไหนได้ มาลากถ่วงยาวมาจนตอนนี้
    รวมทั้งสุขภาพที่ลดถอยของเยลซินเอง ที่เป็นโรคหัวใจกำเริบในตอนต้นปี 1995 ที่ทำให้เขาไม่ได้ปรากฏตัวออกสู่สายตาของประชาชน

    นี่คือเหตุผลที่ปูตินได้เข้ามาเป็นน้ำใหม่ในมอสโคว์ ในเดือนกันยายน 1996 และได้รับบ้านประจำตำแหน่งที่ค่อนข้างหรูหราอยู่ใกล้ๆกับเครมลิน
    เขาได้นำเพื่อนคู่ใจมาช่วยงานด้วยสองคน จากเซนต์ ปีเตอร์เบอร์ก คือ Sergei Chemezov**และ Igor Sechin***

    เจ้านายของเขา ปาเวล ได้มอบหมายงานให้เป็นฝ่ายดูแลอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด จะต้องมีการคัดกรอง บริหารที่ดิน ตึกอาคารกันใหม่ เพราะในยุคของโซเวียต ทุกอย่างเป็นของรัฐบาล แต่ตอนนี้ก่อนที่จะมีการจำหน่าย หรือ จัดสรร ออกโฉนดจะต้องทำการประเมิน
    ซึ่งมันหมายถึงงานที่มากมายมหาศาล เพราะพื้นที่ที่จะต้องดูแลทั้งหมด คือ 78 เขตจังหวัด และ ต่างประเทศ(ในความควบคุมของโซเวียต) อื่นๆ เช่น อาคารที่ตั้งสถานทูต โรงเรียน
    รวมทั้งที่ยูเครน

    เรียกได้ว่า งานนี้ ทำให้ปูตินได้รู้หมดถึงทรัพย์สินของรัสเซียว่าอยู่ที่ไหน และ มีค่าเท่าใด
    และยิ่งค้นไป……เขาได้เห็นความไม่ชอบมาพากลหลายๆอย่าง เช่นพื้นที่สำคัญหลายแห่งถูกปล่อยให้เช่า แม้แต่ทรัพย์สินที่มีในสวิสเซอร์แลนด์ก็เช่นกัน ที่ขายไปในราคาที่เหมือนจะให้ฟรี จากชื่อบริษัท หรือ องค์กรประหลาดๆ
    ยิ่งค้นไปก็เจอว่าเป็นการ”ลักไก่” จากในหมู่ข้าราชการด้วยกัน

    เขาได้ทำรายงานให้กับทางต้นสังกัดให้ทราบเป็นเอกสารอย่างครบถ้วน เพื่อที่จะจัดการกันต่อไป เพราะเขาถือว่า
    หน้าที่ของเขา คือ การรวบรวมเอกสารและข้อมูล
    ส่วนการพิจารณาโทษ……เป็นหน้าที่ของหน่วยที่เกี่ยวข้อง

    แต่การดำเนินการล่าช้าจนเกินเหตุเพราะในช่วงนั้น มีสงครามที่เชเชน ที่มีแม่ทัพผู้อำนวยการ คือ นายพล Alexandr Lebed จอมยะโสคนนั้น
    ที่ได้สร้างผลงานให้อับอายไปทั่ว คือ แทนที่จะสยบเชเชน ดินแดนชายแดนขนาดเล็กแค่นั้น แต่ทำไม่สำเร็จ (สิงหาคม 1996)
    แถมจะยอมเจรจาสงบศึกทำสนธิสัญญาที่เสียเปรียบเข้าไปอีก
    งานนี้ทำให้เกิดกระแสที่เสียหายกับรัฐบาลของเยลซิน
    เหล่าคณะมนตรีเริ่มลุกขึ้นมาทะเลาะกันลั่นสภา
    หลายคนเรียก นายพล Alexandr Lebed ว่าเป็น “Little Napoleon” (คือ ปากดี ทีเหลว) หรือ “ไอ้กองทัพไม่มีน้ำยา”
    กระแสโกรธแค้นของประชาชนเริ่มทวีขึ้น
    จนไม่กี่วันต่อมา เยลซินต้องทำการปลดท่านนายพลออกจากตำแหน่ง

    การปรับเปลี่ยนตำแน่งได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง ปูตินได้ขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการแห่งองค์กรรวม ( Chief of Staff) ที่เทียบเท่ากับ
    อธิบดี ที่ไม่กี่วันต่อมาหลังจากที่ได้รับตำแหน่ง สภาได้ออกกฏหมายใหม่ เพิ่มอำนาจให้กับเขาอีก ในการขยายวงสอบสวนการทุจริต ยักยอก รวมไปถึงการคอร์รัปชั่นที่ทำให้ประเทศสูญเสียรายได้ ไม่ว่าจะเป็น ข้าราชการ, พนักงานลูกจ้าง และการสัมปทานต่างๆ
    งานนี้ ปูตินได้เจอะเจองานช้างเข้าหลายงาน เช่น อดีตนายพล Paval Grachev คนสนิทของเยลซิน ที่ควบคุมกองทัพในคอร์เคซัส ตั้งแต่ปี 1993-1996 ได้นำรถถังและอาวุธต่างๆที่มีมูลค่ากว่า หนึ่งพันล้านดอลล่าร์ ไปให้กับกองทัพของอาร์เมเนี่ยน ในสงครามกับ อาร์เซอร์ไบจาน
    ซึ่งเป็นการกระทำที่ถือว่าขายชาติ เพราะ รัสเซียอยู่ฝ่ายสนับสนุนอาเซอร์ไบจาน

    แต่…ทุกอย่างได้ผ่านไปก่อนที่ปูตินจะก้าวเข้ามา เขาจะไปทำอะไรได้ นอกจากจะต้องเลี้ยงนายพลคนนี้ต่อไป เนื่องจากว่าเป็นนายพลระดับวงในของเยลซที่เปรียบเหมือนตัวอันตราย ถ้าบีบคั้น……
    ก็อาจจะตกไปอยู่ในมือของชาติอื่นที่ต้องการล้วงความลับ
    ดังนั้น จึงต้องใช้วิธีเลี้ยงเอาไว้ แล้วใส่ปลอกคอล่ามโซ่ให้สั้น
    โดยที่เขาใช้วิธีให้สัมภาษณ์กับนักข่าว
    ในเวลาที่ถูกถามถึงเรื่อง
    “นายพล เมอร์ซิเดส” เพราะนายพลคนนี้ชอบใช้รถหรูเกินฐานะ
    ว่า เรื่องการตรวจสอบคอร์รัปชั่นค้าอาวุธกับฝ่ายตรงข้ามนั้นไปถึงไหนแล้ว
    ปูตินตอบเรียบๆว่า “เราได้เอกสารพร้อมทุกอย่างแล้ว ข้อมูลครบ จะส่งขึ้นไปให้ฝ่ายกฎหมายต่อไป”
    นักข่าวถามต่อว่า
    “นายพลเมอร์ซิเดสได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่..??”
    “ก็ไม่มีนะ ไม่มีชื่อของ Gen. Pavel Grachev มาเกี่ยวข้องด้วย “

    นี่คือการทำงานของปูตินที่ต้องรักษาภาพลักษณ์ให้กับเยลซิน
    แต่มืออีกข้างหนึ่งเขาได้จัดการไปตามกฏหมายเอาผิด ใช้เวลาถึงสิบปี ที่ได้เอานายพลและคณะออกจากตำแหน่งได้สำเร็จ (2007)
    หรืองานคอร์รัปชั่นในหน่วยสร้างทางที่เป็นเงินมหาศาลที่มีข้าราชการเกี่ยวข้องทำผิดถึง 260 คน (ในเมษายน ปี 1997)
    หรือใน Stavropol เชือดไปอีก 450 คน (ในกันยายน 1997)

    เรื่องนายพลที่ต้องล่าช้านานขนาดนั้น เพราะปูตินไม่มีอำนาจในบทลงโทษที่เป็นงานส่วนตุลาการ
    เขาทำได้แค่ชี้มูลความผิดพร้อมหลักฐานที่หนาแน่น

    เพราะการทำงานไล่บี้การยักยอกนั้น ทำให้ปูตินต้องเข้าติดต่อกับงานเดิมอีก คือ KGB ที่ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น FSB (แต่อาคารที่ทำงานยังอยู่ที่เดิม) อยู่บ่อยๆ เท่ากับว่าเขาได้กลับไปเยือนบรรยากาศเก่าๆอีกครั้ง

    และจากงานที่ต้องมาดูพื้นที่และทรัพยากรของชาติ ที่เขาได้ทำงานอย่างไหลลื่นนั้น ก็ไม่ใช่ว่าเขาเหนือมนุษย์……
    หากแต่มันเป็นเรื่องบังเอิญอย่างที่สุด ที่เขาเกิดความสนใจในเรื่องเศรษฐศาสตร์ เพราะจากงานที่ทำอยู่ในสภาเทศบาลที่กรุงเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ในช่วงที่อนาโตลีได้แพ้เลือกตั้ง
    ปูตินเริ่มมีเวลาว่าง เพราะมีหน้าที่เพียงแต่อำนวยความสะดวกให้กับทีมใหม่
    เขาใช้เวลานั้น ไปลงเรียนวิชาบริหารเหมืองแร่และทรัพยากรน้ำมัน ที่ Georgi Plekhanov Mining Institute
    แทนที่จะไปเรียนต่อทางด้านกฎหมาย
    และไม่ได้ไปเรียนคนเดียว เขาเอาเพื่อนรักทั้งสอง Viktor Zubkov กับ Igor Sechin ไปนั่งเรียนกันด้วย

    ปลายปี 1996 (เข้าเรียนกลางปี 1995) ที่ปูตินสามารถส่งแฟ้ม Thesis ที่หนากว่า 250 หน้า ในเรื่องทรัพยากรแร่ธาตุที่เปรียบเสมือนทองคำของประเทศ
    ได้สำเร็จสวยงาม เพราะเขาได้ติวเตอร์คนสำคัญมาช่วย
    นั่นคือ Vladimir Litvenenko ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญเหมืองแร่ ที่ไปค้นคว้าหาตำราจากยุโรปมาแปลให้เป็นภาษารัสเซีย
    เรื่องนี้ ปูตินและเพื่อนๆที่พากันไปเรียนก็ไม่ได้ไปโอ้อวดที่ไหน ตอนนั้นที่ไปลงเรียน ก็เพราะมีเวลาว่าง
    เขาเพียงแต่คิดว่า……ในสายงานทางกฎหมายของเขาควรจะต้องรู้เรื่องทรัพยาการที่เป็นธุรกิจหลักของประเทศให้ดีขึ้น

    และเขาก็ได้ใช้มันจริงๆที่มอสโคว์ เพราะเขาได้รู้ทันเจ้ากรมพลังงานที่มีการเล่นตลกกับใบสัมปทาน……แต่ก็พูดมากไปไม่ได้ เพราะนั่นคือกลุ่มคนในวงในของเยลซิน

    แต่ทีนี้ความไม่เป็นธรรมได้เกิดขึ้นกับคดีของอนาโตลี เจ้านายเก่า
    เพราะหลังจากที่อะนาโตลี ถูกกลุ่มวงในมอสโคว์”เท”จนไม่ได้รับการสนับสนุนเลือกตั้งนั้น เขาได้” โวย” กับเยลซิน
    ที่ได้รับการตอบสนอง คือ เยลซินเอาพวกนั้นออกไปเป็นแผงก็จริง ………แต่คนกลุ่มนั้นก็ไม่ได้ไปไหน หรือ รับโทษอะไร
    ยังวนเวียนเป็นที่ปรึกษาอยู่รอบตัวเยลซินเหมือนเดิม
    แถมอนาโตลี ได้มีศัตรูเพิ่มอย่างออกหน้าออกตาอีกต่างหาก
    การกลั่นแกล้งจึงได้เกิดขึ้น แบบชนิดให้ได้อาย
    เช่นอนาโตลีมีการประชุมกับคณะมนตรีจาก UNESCO
    จู่ๆก็มีตำรวจบุกไปกลางงาน ขอควบคุมตัวไปสอบสวนในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง เขากลายเป็นผู้ต้องหาที่มีหมายจับ
    จนเขาเครียดถึงกับล้มป่วย เข้าโรงพยาบาล
    ครอบครัวต้องการให้แพทย์จากมอสโคว์มารักษา

    ปูตินบินด่วนไปเยี่ยมทันที และจัดการส่งเขาเข้าโรงพยาบาลทหาร จัดการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาพร้อม
    และที่เขาทำมากกว่านั้น มากเกินอำนาจเขาไปอีก คือ จัดเช่าเครื่องบินส่วนตัวจากฟินแลนด์นำตัวเขาออกนอกประเทศไปยังกรุงปารีส
    โดยให้เหล่า KGB นำขบวนรถฉุกเฉินไปยังสนามบิน
    หมายจับอะไรก็ไม่สำคัญทั้งนั้น ทุกอย่างผ่านตลอด พาสปอร์ต
    ประทับตรา ผ่านศุลกากร

    การกล้าทำแบบนี้ ถือว่าเป็นการฉีกกฎหมายทิ้ง และเสี่ยงต่อการเสียอนาคตของปูตินที่กำลังจะไปได้สวย
    แต่……สำหรับอนาโตลีแล้ว ปูตินพร้อมแลกเพื่อที่จะช่วยเหลือตอบแทนผู้ที่เคยมีพระคุณ
    เพราะเขาได้เห็นมาตลอดว่า เรื่องราวนั้นเป็นอย่างไร ในประเทศที่กฎหมายไม่สามารถบังคับใช้อะไรได้ ความผิดของอนาโตลีนั้นเทียบเท่ากับเมล็ดทรายของคนหลายๆคนในเครมลิน

    คนที่ชื่นชมกับความกตัญญูและการกล้าตัดสินใจของปูติน ในครั้งนี้ คือ ท่านประธานธิบดี Boris Yentsin เพราะท่านว่า
    ถ้าเกิดขึ้นกับเรา…จะมีใครที่ไหนที่จะกล้ามาช่วยเราขนาดนี้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย……?!!!

    ปูตินเริ่มเป็นที่จับตามองจากคณะท่านผู้นำ ในวันที่ 21 มีนาคม 1998 เยลซินได้เรียกให้นายกรัฐมนตรี Viktor Chernomydrin
    เข้ามาพบที่บ้านพักส่วนตัว เพื่อที่จะบอกว่า วิคเตอร์ทำหน้าที่นี้มานานถึงห้าปีแล้ว แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น ทุกอย่างยังกวาดเข้าไปซุกอยู่ใต้พรม……เขาต้องการคนที่จะมา”ยกพรมขึ้น” แล้ว “กวาดขยะออกให้หมด” เพื่อบ้านจะได้น่าอยู่
    ฉะนั้น……ที่ให้มาพบในครั้งนี้ คือการไล่ออก……

    เยลซินได้เสนอชื่อ Sergei Kiriyenko อดีตนายธนาคารที่เป็นนักการเมืองหนุ่มวัย 35 ปี ต่อสภา……สภาไม่ผ่านทั้งสองครั้ง
    แต่ต่อมา……ด้วยแรงผลักดันของเยลซิน……ก็ผ่านฉลุย
    ส่วนอดีตนายกฯที่ถูกไล่ออกไป ก็ฮึ่มๆ ประกาศว่าเขาจะลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในสมัยหน้า จะได้รู้หมู่รู้จ่ากันไป.…

    นายทุนกระเป๋าหนัก Boris Berezovsky ที่สนับสนุนเยลซิน
    เพราะมีผลประโยชน์มหาศาลนั้น เริ่มเข้ามามีบทบาทช่วยเลือก
    เพราะกลุ่มคนวงในเก่าๆเท่าที่เห็น ต่างก็จะเข้ามาขวางทางการค้าของเขาทั้งสิ้น เพราะทุกคนต่างมีเส้นสายในกิจการสารพัดอยู่แล้ว

    ไม่ทันที่ใครจะคิดอ่านทำอะไร กระดานหุ้นรัสเซียตกฮวบ
    หุ้นบริษัทพลังงาน Rosneft ที่รัฐบาลถือหุ้นใหญ่ ตกดิ่ง
    บริษัทลงทุนจากต่างชาติได้พากันถอนหุ้น เงินรูเบิ้ลสูญเสียมูลค่าที่รัฐบาลก็เอาไม่อยู่
    การแทรกแซงจากต่างชาติเริ่มเข้ามา ทั้งจากภาคการเมือง
    และเศรษฐกิจ
    เยลซินเริ่มเห็นแล้วว่า สาเหตุที่เกิดเช่นนั้น เพราะฝีมือของกลุ่มพ่อมดทางการเงิน จากคนรอบตัว (Oligarchs) ของเขาเองที่ส่วนใหญ่แล้ว คือยิว ที่มาปั่นกระแสขาขึ้นให้ แล้วก็ถีบหัว ตบคว่ำ……

    เยลซินเริ่มโดดเดี่ยว เขาต้องหาคนที่จะคอยพิทักษ์ปกป้อง และจะเข้ามาช่วยขจัดเหลือบไรพวกนี้ให้ออกไปให้พ้นจากชาติบ้านเมืองได้ ก็มีอยู่องค์กรเดียว คือ FSB (KGB) ที่เขาไม่ได้สนใจ ใส่ใจดูแลมานานแสนนาน
    ซึ่งเข้าทาง Boris Berezovsky (ยิวหนึ่งใน Oligarchs) ได้เสนอชื่อ ปูติน เพราะเขาเล่าว่า ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดที่จะเปิดบริษัทขายรถยนตร์ในเลนินกราด ได้ไปติดต่อกับปูตินเพื่อขอใบอนุญาตการค้า และได้ยื่นซองใต้โต๊ะให้
    แต่ถูกปฏิเสธ……ไม่รับ……!!!
    เยลซินเห็นด้วย (จากเรื่องของอนาโตลี) เขาบอกว่า……”ตอนแรกเราเห็นว่าปูตินเขาเป็นคนเฉยๆ เพราะเห็นเขาเงียบๆ ไม่ค่อยพูดอะไร แต่เพิ่งรู้เหมือนกัน ว่า เป็นคนที่คมในฝัก”

    นายกรัฐมนตรีคนใหม่หมาดๆ Sergei Kiriyenko ได้รับคำสั่งให้ที่มอสโคว์ เพื่อแจ้งข่าวกับปูติน
    ปูตินจึงไปรอรับท่านนายกฯ ที่สนามบิน ที่เขาคิดว่า เรื่องด่วนแบบนี้ ไม่น่าที่จะเป็นข่าวมงคล
    ทันทีที่ได้พบหน้ากัน ท่านนายกฯ ได้ปรี่เข้ามาจับมือขอแสดงความยินดี พร้อมกับบอกว่า “ดีใจด้วยนะ”
    “ดีใจอะไรหรือครับ..?”
    “ท่านประธานาธิบดีได้ทำการแต่งตั้งและลงนามให้นายเป็นผู้อำนวยการ FSB (KGB) น่ะซิ”

    ปูตินงงนิดหน่อย แต่เขาพอรู้มาบ้างแล้วว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงงานของเขาให้กลับไปอยู่ในสายงานเดิม แต่ไม่คิดว่า จะก้าวขึ้นไปเป็นผู้อำนวยการเลย…
    สิ่งแรกที่เขาทำ นั้นคือ ติดต่อไปยังลุดมิลาที่พาลูกๆไปพักผ่อน
    ที่ชายฝั่งทะเลบอลติด
    ด้วยข้อความที่ส่งแบบสายลับ คือ……
    “ฟังให้ดีนะ……ผมกำลังจะกลับไปในที่ที่ผมจากมา..”
    ลุดมิลาก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ……
    เขาจึงย้ำประโยคเดิมถึงสามครั้ง…ก่อนที่จะวางสายไป

    ลุดมิลาทำท่าเหนื่อยใจ……เธอบอกกับตัวเองว่า
    “ชั้นจะไปรู้เรื่องกับเธอไหม……ก็เปลี่ยนงานมานับสิบครั้งแล้วเนี่ยยย……?!!!

    ~~~ขยายความ

    Sergei Chemezov** เพื่อนรักของปูติน จากสถาบัน KGB
    ต่อมาคือ CEO ของบริษัท Rostec ที่สร้างอาวุธ และยุทโธปกรณ์ให้กับกองทัพของรัสเซีย

    Igor Sechin*** อีกหนึ่งศิษย์ร่วมสถาบัน KGB ปัจจุบัน คือ CEO ของ บริษัทน้ำมันและพลังงาน Rosneft

    ทั้งสองคนได้ถูกทางตะวันตกยึดเรือหรูมูลค่าพันล้านไปในทะเลเมติเตอเรเนียน พร้อมทั้งเป็นบุคคลที่โดนแซงชั่นในธนาคาร
    เมื่อถูกถามถึงความเห็น เขาสองคนหัวเราะ บอกว่า จิ๊บๆ
    แต่รอเขาจะฟ้องกลับเรียกค่าเสียหาย เพราะนั่นคือทรัพย์สินส่วนตัว และไม่ได้ล่วงล้ำในน่านน้ำเพราะมีเอกสารสิทธิ์ และมีการจ่ายค่าการท่าและภาษีอย่างถูกต้อง

    Viktor Zubkov**** เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรีเมื่อปูตินเป็นนายกฯ ปัจจุบันนี้เป็นประธานบอร์ดของ บริษัท Gazprom
    คนนี้ก็โดนยึดเรือหรูไป ก็จิ๊บๆอีกเหมือนกัน

    ปูตินมีระบบดูแลคนใกล้ตัวที่ดียิ่ง เขาเลือกคนที่มีความสามารถเข้าไปนั่งในตำแหน่งบริหาร บอกว่า ไม่ต้องคอร์รัปชั่น
    เพราะแค่โบนัสหนึ่งเปอร์เซ็นต์ต่อปี ชาตินี้ก็ใช้ไม่หมด………

    แหม……………ก้อ…แต่ละบริษัทที่เอ่ยมากำไรปีละเป็นแสนล้าน ต่อให้ชาติหน้าชาติโน้นก็ใช้ไม่หมด………!!

    Wiwanda W. Vichit
    ไม่ต้องฟูมฟายไปนะคะ ติ่งขา………พี่ปูคมทั้งในฝักและนอกฝักเชียว……!!! ตอนเจ็ด………ตำแหน่งที่ได้รับ……ไม่ได้มาจากโชคหรือการจับฉลาก……แต่ด้วยความสามารถและความอุตสาหะล้วนๆ ที่ปูตินลังเลนั้น……เขาเพียงแต่ห่วงว่าครอบครัวจะปรับชีวิตและความเป็นอยู่ได้มากน้อยแค่ไหน เพราะสังคมที่มอสโคว์กับกรุงเซนต์ต่างกันมากมาย แต่เมื่อได้คุยกับลุดมิลา เธอและลูกๆไม่มีปัญหาอะไร ไปไหนก็ได้เพราะอำนาจในการตัดสินก็อยู่ที่ช้างเท้าหน้าคือปูตินอยู่แล้ว และตัวเธอเองก็จะได้มีอิสระกับสายตาของแม่สามีไปเสียบ้าง สาเหตุก็เพราะรัฐบาลของเยลซินต้องการ”น้ำใหม่”มาแทนที่น้ำเสียที่รวมกันกันเป็นกระจุกอยู่ในเครมลิน เพราะความผิดพลาดในเรื่องการทำสงครามปราบปรามที่ Chechen ในปี 1994 ที่ทุกคนคิดว่า วันสองวันก็คงจบ……แต่ที่ไหนได้ มาลากถ่วงยาวมาจนตอนนี้ รวมทั้งสุขภาพที่ลดถอยของเยลซินเอง ที่เป็นโรคหัวใจกำเริบในตอนต้นปี 1995 ที่ทำให้เขาไม่ได้ปรากฏตัวออกสู่สายตาของประชาชน นี่คือเหตุผลที่ปูตินได้เข้ามาเป็นน้ำใหม่ในมอสโคว์ ในเดือนกันยายน 1996 และได้รับบ้านประจำตำแหน่งที่ค่อนข้างหรูหราอยู่ใกล้ๆกับเครมลิน เขาได้นำเพื่อนคู่ใจมาช่วยงานด้วยสองคน จากเซนต์ ปีเตอร์เบอร์ก คือ Sergei Chemezov**และ Igor Sechin*** เจ้านายของเขา ปาเวล ได้มอบหมายงานให้เป็นฝ่ายดูแลอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด จะต้องมีการคัดกรอง บริหารที่ดิน ตึกอาคารกันใหม่ เพราะในยุคของโซเวียต ทุกอย่างเป็นของรัฐบาล แต่ตอนนี้ก่อนที่จะมีการจำหน่าย หรือ จัดสรร ออกโฉนดจะต้องทำการประเมิน ซึ่งมันหมายถึงงานที่มากมายมหาศาล เพราะพื้นที่ที่จะต้องดูแลทั้งหมด คือ 78 เขตจังหวัด และ ต่างประเทศ(ในความควบคุมของโซเวียต) อื่นๆ เช่น อาคารที่ตั้งสถานทูต โรงเรียน รวมทั้งที่ยูเครน เรียกได้ว่า งานนี้ ทำให้ปูตินได้รู้หมดถึงทรัพย์สินของรัสเซียว่าอยู่ที่ไหน และ มีค่าเท่าใด และยิ่งค้นไป……เขาได้เห็นความไม่ชอบมาพากลหลายๆอย่าง เช่นพื้นที่สำคัญหลายแห่งถูกปล่อยให้เช่า แม้แต่ทรัพย์สินที่มีในสวิสเซอร์แลนด์ก็เช่นกัน ที่ขายไปในราคาที่เหมือนจะให้ฟรี จากชื่อบริษัท หรือ องค์กรประหลาดๆ ยิ่งค้นไปก็เจอว่าเป็นการ”ลักไก่” จากในหมู่ข้าราชการด้วยกัน เขาได้ทำรายงานให้กับทางต้นสังกัดให้ทราบเป็นเอกสารอย่างครบถ้วน เพื่อที่จะจัดการกันต่อไป เพราะเขาถือว่า หน้าที่ของเขา คือ การรวบรวมเอกสารและข้อมูล ส่วนการพิจารณาโทษ……เป็นหน้าที่ของหน่วยที่เกี่ยวข้อง แต่การดำเนินการล่าช้าจนเกินเหตุเพราะในช่วงนั้น มีสงครามที่เชเชน ที่มีแม่ทัพผู้อำนวยการ คือ นายพล Alexandr Lebed จอมยะโสคนนั้น ที่ได้สร้างผลงานให้อับอายไปทั่ว คือ แทนที่จะสยบเชเชน ดินแดนชายแดนขนาดเล็กแค่นั้น แต่ทำไม่สำเร็จ (สิงหาคม 1996) แถมจะยอมเจรจาสงบศึกทำสนธิสัญญาที่เสียเปรียบเข้าไปอีก งานนี้ทำให้เกิดกระแสที่เสียหายกับรัฐบาลของเยลซิน เหล่าคณะมนตรีเริ่มลุกขึ้นมาทะเลาะกันลั่นสภา หลายคนเรียก นายพล Alexandr Lebed ว่าเป็น “Little Napoleon” (คือ ปากดี ทีเหลว) หรือ “ไอ้กองทัพไม่มีน้ำยา” กระแสโกรธแค้นของประชาชนเริ่มทวีขึ้น จนไม่กี่วันต่อมา เยลซินต้องทำการปลดท่านนายพลออกจากตำแหน่ง การปรับเปลี่ยนตำแน่งได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง ปูตินได้ขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการแห่งองค์กรรวม ( Chief of Staff) ที่เทียบเท่ากับ อธิบดี ที่ไม่กี่วันต่อมาหลังจากที่ได้รับตำแหน่ง สภาได้ออกกฏหมายใหม่ เพิ่มอำนาจให้กับเขาอีก ในการขยายวงสอบสวนการทุจริต ยักยอก รวมไปถึงการคอร์รัปชั่นที่ทำให้ประเทศสูญเสียรายได้ ไม่ว่าจะเป็น ข้าราชการ, พนักงานลูกจ้าง และการสัมปทานต่างๆ งานนี้ ปูตินได้เจอะเจองานช้างเข้าหลายงาน เช่น อดีตนายพล Paval Grachev คนสนิทของเยลซิน ที่ควบคุมกองทัพในคอร์เคซัส ตั้งแต่ปี 1993-1996 ได้นำรถถังและอาวุธต่างๆที่มีมูลค่ากว่า หนึ่งพันล้านดอลล่าร์ ไปให้กับกองทัพของอาร์เมเนี่ยน ในสงครามกับ อาร์เซอร์ไบจาน ซึ่งเป็นการกระทำที่ถือว่าขายชาติ เพราะ รัสเซียอยู่ฝ่ายสนับสนุนอาเซอร์ไบจาน แต่…ทุกอย่างได้ผ่านไปก่อนที่ปูตินจะก้าวเข้ามา เขาจะไปทำอะไรได้ นอกจากจะต้องเลี้ยงนายพลคนนี้ต่อไป เนื่องจากว่าเป็นนายพลระดับวงในของเยลซที่เปรียบเหมือนตัวอันตราย ถ้าบีบคั้น…… ก็อาจจะตกไปอยู่ในมือของชาติอื่นที่ต้องการล้วงความลับ ดังนั้น จึงต้องใช้วิธีเลี้ยงเอาไว้ แล้วใส่ปลอกคอล่ามโซ่ให้สั้น โดยที่เขาใช้วิธีให้สัมภาษณ์กับนักข่าว ในเวลาที่ถูกถามถึงเรื่อง “นายพล เมอร์ซิเดส” เพราะนายพลคนนี้ชอบใช้รถหรูเกินฐานะ ว่า เรื่องการตรวจสอบคอร์รัปชั่นค้าอาวุธกับฝ่ายตรงข้ามนั้นไปถึงไหนแล้ว ปูตินตอบเรียบๆว่า “เราได้เอกสารพร้อมทุกอย่างแล้ว ข้อมูลครบ จะส่งขึ้นไปให้ฝ่ายกฎหมายต่อไป” นักข่าวถามต่อว่า “นายพลเมอร์ซิเดสได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่..??” “ก็ไม่มีนะ ไม่มีชื่อของ Gen. Pavel Grachev มาเกี่ยวข้องด้วย “ นี่คือการทำงานของปูตินที่ต้องรักษาภาพลักษณ์ให้กับเยลซิน แต่มืออีกข้างหนึ่งเขาได้จัดการไปตามกฏหมายเอาผิด ใช้เวลาถึงสิบปี ที่ได้เอานายพลและคณะออกจากตำแหน่งได้สำเร็จ (2007) หรืองานคอร์รัปชั่นในหน่วยสร้างทางที่เป็นเงินมหาศาลที่มีข้าราชการเกี่ยวข้องทำผิดถึง 260 คน (ในเมษายน ปี 1997) หรือใน Stavropol เชือดไปอีก 450 คน (ในกันยายน 1997) เรื่องนายพลที่ต้องล่าช้านานขนาดนั้น เพราะปูตินไม่มีอำนาจในบทลงโทษที่เป็นงานส่วนตุลาการ เขาทำได้แค่ชี้มูลความผิดพร้อมหลักฐานที่หนาแน่น เพราะการทำงานไล่บี้การยักยอกนั้น ทำให้ปูตินต้องเข้าติดต่อกับงานเดิมอีก คือ KGB ที่ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น FSB (แต่อาคารที่ทำงานยังอยู่ที่เดิม) อยู่บ่อยๆ เท่ากับว่าเขาได้กลับไปเยือนบรรยากาศเก่าๆอีกครั้ง และจากงานที่ต้องมาดูพื้นที่และทรัพยากรของชาติ ที่เขาได้ทำงานอย่างไหลลื่นนั้น ก็ไม่ใช่ว่าเขาเหนือมนุษย์…… หากแต่มันเป็นเรื่องบังเอิญอย่างที่สุด ที่เขาเกิดความสนใจในเรื่องเศรษฐศาสตร์ เพราะจากงานที่ทำอยู่ในสภาเทศบาลที่กรุงเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ในช่วงที่อนาโตลีได้แพ้เลือกตั้ง ปูตินเริ่มมีเวลาว่าง เพราะมีหน้าที่เพียงแต่อำนวยความสะดวกให้กับทีมใหม่ เขาใช้เวลานั้น ไปลงเรียนวิชาบริหารเหมืองแร่และทรัพยากรน้ำมัน ที่ Georgi Plekhanov Mining Institute แทนที่จะไปเรียนต่อทางด้านกฎหมาย และไม่ได้ไปเรียนคนเดียว เขาเอาเพื่อนรักทั้งสอง Viktor Zubkov กับ Igor Sechin ไปนั่งเรียนกันด้วย ปลายปี 1996 (เข้าเรียนกลางปี 1995) ที่ปูตินสามารถส่งแฟ้ม Thesis ที่หนากว่า 250 หน้า ในเรื่องทรัพยากรแร่ธาตุที่เปรียบเสมือนทองคำของประเทศ ได้สำเร็จสวยงาม เพราะเขาได้ติวเตอร์คนสำคัญมาช่วย นั่นคือ Vladimir Litvenenko ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญเหมืองแร่ ที่ไปค้นคว้าหาตำราจากยุโรปมาแปลให้เป็นภาษารัสเซีย เรื่องนี้ ปูตินและเพื่อนๆที่พากันไปเรียนก็ไม่ได้ไปโอ้อวดที่ไหน ตอนนั้นที่ไปลงเรียน ก็เพราะมีเวลาว่าง เขาเพียงแต่คิดว่า……ในสายงานทางกฎหมายของเขาควรจะต้องรู้เรื่องทรัพยาการที่เป็นธุรกิจหลักของประเทศให้ดีขึ้น และเขาก็ได้ใช้มันจริงๆที่มอสโคว์ เพราะเขาได้รู้ทันเจ้ากรมพลังงานที่มีการเล่นตลกกับใบสัมปทาน……แต่ก็พูดมากไปไม่ได้ เพราะนั่นคือกลุ่มคนในวงในของเยลซิน แต่ทีนี้ความไม่เป็นธรรมได้เกิดขึ้นกับคดีของอนาโตลี เจ้านายเก่า เพราะหลังจากที่อะนาโตลี ถูกกลุ่มวงในมอสโคว์”เท”จนไม่ได้รับการสนับสนุนเลือกตั้งนั้น เขาได้” โวย” กับเยลซิน ที่ได้รับการตอบสนอง คือ เยลซินเอาพวกนั้นออกไปเป็นแผงก็จริง ………แต่คนกลุ่มนั้นก็ไม่ได้ไปไหน หรือ รับโทษอะไร ยังวนเวียนเป็นที่ปรึกษาอยู่รอบตัวเยลซินเหมือนเดิม แถมอนาโตลี ได้มีศัตรูเพิ่มอย่างออกหน้าออกตาอีกต่างหาก การกลั่นแกล้งจึงได้เกิดขึ้น แบบชนิดให้ได้อาย เช่นอนาโตลีมีการประชุมกับคณะมนตรีจาก UNESCO จู่ๆก็มีตำรวจบุกไปกลางงาน ขอควบคุมตัวไปสอบสวนในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง เขากลายเป็นผู้ต้องหาที่มีหมายจับ จนเขาเครียดถึงกับล้มป่วย เข้าโรงพยาบาล ครอบครัวต้องการให้แพทย์จากมอสโคว์มารักษา ปูตินบินด่วนไปเยี่ยมทันที และจัดการส่งเขาเข้าโรงพยาบาลทหาร จัดการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาพร้อม และที่เขาทำมากกว่านั้น มากเกินอำนาจเขาไปอีก คือ จัดเช่าเครื่องบินส่วนตัวจากฟินแลนด์นำตัวเขาออกนอกประเทศไปยังกรุงปารีส โดยให้เหล่า KGB นำขบวนรถฉุกเฉินไปยังสนามบิน หมายจับอะไรก็ไม่สำคัญทั้งนั้น ทุกอย่างผ่านตลอด พาสปอร์ต ประทับตรา ผ่านศุลกากร การกล้าทำแบบนี้ ถือว่าเป็นการฉีกกฎหมายทิ้ง และเสี่ยงต่อการเสียอนาคตของปูตินที่กำลังจะไปได้สวย แต่……สำหรับอนาโตลีแล้ว ปูตินพร้อมแลกเพื่อที่จะช่วยเหลือตอบแทนผู้ที่เคยมีพระคุณ เพราะเขาได้เห็นมาตลอดว่า เรื่องราวนั้นเป็นอย่างไร ในประเทศที่กฎหมายไม่สามารถบังคับใช้อะไรได้ ความผิดของอนาโตลีนั้นเทียบเท่ากับเมล็ดทรายของคนหลายๆคนในเครมลิน คนที่ชื่นชมกับความกตัญญูและการกล้าตัดสินใจของปูติน ในครั้งนี้ คือ ท่านประธานธิบดี Boris Yentsin เพราะท่านว่า ถ้าเกิดขึ้นกับเรา…จะมีใครที่ไหนที่จะกล้ามาช่วยเราขนาดนี้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย……?!!! ปูตินเริ่มเป็นที่จับตามองจากคณะท่านผู้นำ ในวันที่ 21 มีนาคม 1998 เยลซินได้เรียกให้นายกรัฐมนตรี Viktor Chernomydrin เข้ามาพบที่บ้านพักส่วนตัว เพื่อที่จะบอกว่า วิคเตอร์ทำหน้าที่นี้มานานถึงห้าปีแล้ว แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น ทุกอย่างยังกวาดเข้าไปซุกอยู่ใต้พรม……เขาต้องการคนที่จะมา”ยกพรมขึ้น” แล้ว “กวาดขยะออกให้หมด” เพื่อบ้านจะได้น่าอยู่ ฉะนั้น……ที่ให้มาพบในครั้งนี้ คือการไล่ออก…… เยลซินได้เสนอชื่อ Sergei Kiriyenko อดีตนายธนาคารที่เป็นนักการเมืองหนุ่มวัย 35 ปี ต่อสภา……สภาไม่ผ่านทั้งสองครั้ง แต่ต่อมา……ด้วยแรงผลักดันของเยลซิน……ก็ผ่านฉลุย ส่วนอดีตนายกฯที่ถูกไล่ออกไป ก็ฮึ่มๆ ประกาศว่าเขาจะลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในสมัยหน้า จะได้รู้หมู่รู้จ่ากันไป.… นายทุนกระเป๋าหนัก Boris Berezovsky ที่สนับสนุนเยลซิน เพราะมีผลประโยชน์มหาศาลนั้น เริ่มเข้ามามีบทบาทช่วยเลือก เพราะกลุ่มคนวงในเก่าๆเท่าที่เห็น ต่างก็จะเข้ามาขวางทางการค้าของเขาทั้งสิ้น เพราะทุกคนต่างมีเส้นสายในกิจการสารพัดอยู่แล้ว ไม่ทันที่ใครจะคิดอ่านทำอะไร กระดานหุ้นรัสเซียตกฮวบ หุ้นบริษัทพลังงาน Rosneft ที่รัฐบาลถือหุ้นใหญ่ ตกดิ่ง บริษัทลงทุนจากต่างชาติได้พากันถอนหุ้น เงินรูเบิ้ลสูญเสียมูลค่าที่รัฐบาลก็เอาไม่อยู่ การแทรกแซงจากต่างชาติเริ่มเข้ามา ทั้งจากภาคการเมือง และเศรษฐกิจ เยลซินเริ่มเห็นแล้วว่า สาเหตุที่เกิดเช่นนั้น เพราะฝีมือของกลุ่มพ่อมดทางการเงิน จากคนรอบตัว (Oligarchs) ของเขาเองที่ส่วนใหญ่แล้ว คือยิว ที่มาปั่นกระแสขาขึ้นให้ แล้วก็ถีบหัว ตบคว่ำ…… เยลซินเริ่มโดดเดี่ยว เขาต้องหาคนที่จะคอยพิทักษ์ปกป้อง และจะเข้ามาช่วยขจัดเหลือบไรพวกนี้ให้ออกไปให้พ้นจากชาติบ้านเมืองได้ ก็มีอยู่องค์กรเดียว คือ FSB (KGB) ที่เขาไม่ได้สนใจ ใส่ใจดูแลมานานแสนนาน ซึ่งเข้าทาง Boris Berezovsky (ยิวหนึ่งใน Oligarchs) ได้เสนอชื่อ ปูติน เพราะเขาเล่าว่า ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดที่จะเปิดบริษัทขายรถยนตร์ในเลนินกราด ได้ไปติดต่อกับปูตินเพื่อขอใบอนุญาตการค้า และได้ยื่นซองใต้โต๊ะให้ แต่ถูกปฏิเสธ……ไม่รับ……!!! เยลซินเห็นด้วย (จากเรื่องของอนาโตลี) เขาบอกว่า……”ตอนแรกเราเห็นว่าปูตินเขาเป็นคนเฉยๆ เพราะเห็นเขาเงียบๆ ไม่ค่อยพูดอะไร แต่เพิ่งรู้เหมือนกัน ว่า เป็นคนที่คมในฝัก” นายกรัฐมนตรีคนใหม่หมาดๆ Sergei Kiriyenko ได้รับคำสั่งให้ที่มอสโคว์ เพื่อแจ้งข่าวกับปูติน ปูตินจึงไปรอรับท่านนายกฯ ที่สนามบิน ที่เขาคิดว่า เรื่องด่วนแบบนี้ ไม่น่าที่จะเป็นข่าวมงคล ทันทีที่ได้พบหน้ากัน ท่านนายกฯ ได้ปรี่เข้ามาจับมือขอแสดงความยินดี พร้อมกับบอกว่า “ดีใจด้วยนะ” “ดีใจอะไรหรือครับ..?” “ท่านประธานาธิบดีได้ทำการแต่งตั้งและลงนามให้นายเป็นผู้อำนวยการ FSB (KGB) น่ะซิ” ปูตินงงนิดหน่อย แต่เขาพอรู้มาบ้างแล้วว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงงานของเขาให้กลับไปอยู่ในสายงานเดิม แต่ไม่คิดว่า จะก้าวขึ้นไปเป็นผู้อำนวยการเลย… สิ่งแรกที่เขาทำ นั้นคือ ติดต่อไปยังลุดมิลาที่พาลูกๆไปพักผ่อน ที่ชายฝั่งทะเลบอลติด ด้วยข้อความที่ส่งแบบสายลับ คือ…… “ฟังให้ดีนะ……ผมกำลังจะกลับไปในที่ที่ผมจากมา..” ลุดมิลาก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ…… เขาจึงย้ำประโยคเดิมถึงสามครั้ง…ก่อนที่จะวางสายไป ลุดมิลาทำท่าเหนื่อยใจ……เธอบอกกับตัวเองว่า “ชั้นจะไปรู้เรื่องกับเธอไหม……ก็เปลี่ยนงานมานับสิบครั้งแล้วเนี่ยยย……?!!! ~~~ขยายความ Sergei Chemezov** เพื่อนรักของปูติน จากสถาบัน KGB ต่อมาคือ CEO ของบริษัท Rostec ที่สร้างอาวุธ และยุทโธปกรณ์ให้กับกองทัพของรัสเซีย Igor Sechin*** อีกหนึ่งศิษย์ร่วมสถาบัน KGB ปัจจุบัน คือ CEO ของ บริษัทน้ำมันและพลังงาน Rosneft ทั้งสองคนได้ถูกทางตะวันตกยึดเรือหรูมูลค่าพันล้านไปในทะเลเมติเตอเรเนียน พร้อมทั้งเป็นบุคคลที่โดนแซงชั่นในธนาคาร เมื่อถูกถามถึงความเห็น เขาสองคนหัวเราะ บอกว่า จิ๊บๆ แต่รอเขาจะฟ้องกลับเรียกค่าเสียหาย เพราะนั่นคือทรัพย์สินส่วนตัว และไม่ได้ล่วงล้ำในน่านน้ำเพราะมีเอกสารสิทธิ์ และมีการจ่ายค่าการท่าและภาษีอย่างถูกต้อง Viktor Zubkov**** เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรีเมื่อปูตินเป็นนายกฯ ปัจจุบันนี้เป็นประธานบอร์ดของ บริษัท Gazprom คนนี้ก็โดนยึดเรือหรูไป ก็จิ๊บๆอีกเหมือนกัน ปูตินมีระบบดูแลคนใกล้ตัวที่ดียิ่ง เขาเลือกคนที่มีความสามารถเข้าไปนั่งในตำแหน่งบริหาร บอกว่า ไม่ต้องคอร์รัปชั่น เพราะแค่โบนัสหนึ่งเปอร์เซ็นต์ต่อปี ชาตินี้ก็ใช้ไม่หมด……… แหม……………ก้อ…แต่ละบริษัทที่เอ่ยมากำไรปีละเป็นแสนล้าน ต่อให้ชาติหน้าชาติโน้นก็ใช้ไม่หมด………!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2748 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตระกูลธนาคาร Rothschild ใช้ความมั่งคั่งมหาศาลของตนเพื่อมีอิทธิพลต่อเหตุการณ์ต่างๆของโลกและควบคุมรัฐบาลได้อย่างไร (ตอนที่ ๑)

    บริษัทธนาคาร Rothschild & Co ที่ไม่ค่อยสนใจสื่อได้ปรากฏตัวขึ้นในข่าวเมื่อไม่นานนี้ เมื่อมีการเปิดเผยว่าบริษัทมีบทบาทสำคัญในการปรับโครงสร้างหนี้ของยูเครนกว่า ๒ หมื่นล้านดอลลาร์ รวมถึงการจัดการประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่เคียฟและกองทุนแร้ง เช่น Black Rock และ Amundi ตระกูล Rothschild เป็นที่รู้จักในการแบ่งทรัพย์สินของยูเครนตั้งแต่ปี ๒๐๑๔ เป็นต้นมา และเหตุการณ์รัฐประหารที่ยูโรไมดาน

    ตระกูลธนาคาร Rothschild เป็นที่รู้จักในเรื่องอะไร?

    🌏 ตระกูล Rothschild ถือกำเนิดขึ้นในยุครุ่งเรืองของอาณาจักรอาณานิคมในยุโรป, โดยใช้ประโยชน์จากความมั่งคั่งมหาศาลที่ไหลเข้าสู่ทวีปนี้เพื่อสร้างธนาคารเพื่อการพาณิชย์และธนาคารส่วนตัว, การจัดการสินทรัพย์, การลงทุนเสี่ยง, การประกันภัย, สื่อ, และธุรกิจพลังงาน

    🌏 สร้างความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับราชวงศ์อังกฤษ, เมเยอร์ โรธส์ไชลด์ และลูกชายของเขาได้ให้เงินทุนสนับสนุนโครงการขนาดใหญ่ของอาณานิคม, ตั้งแต่เส้นทางการค้าคลองสุเอซไปจนถึงบริษัทอินเดียตะวันออก

    🌏 ตระกูลนี้มีบทบาทอย่างมากในแวดวงการเมืองระหว่างประเทศในศตวรรษที่ ๑๙ และ ๒๐, โดยเดิมพันระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศสในช่วงสงครามนโปเลียน โดยให้เงินทุนสนับสนุนทหารรับจ้างชาวเฮสเซียนและให้เงินกู้แก่ราชวงศ์, และใช้ข้อมูลวงในจากการพิจารณาของรัฐบาล

    ตระกูลโรธส์ไชลด์ร่ำรวยแค่ไหน?

    🔶 เครื่องหมายคำถามใหญ่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินสุทธิของพวกเขา, โดยมีข้อมูลที่เปิดเผยตั้งแต่ ๑ พันล้านดอลลาร์ไปจนถึง ๑.๒ ล้านล้านดอลลาร์ – ซึ่งจะทำให้ตระกูลนี้อยู่เหนือรายชื่อ "เศรษฐีที่สุดในโลก" ที่สื่อกระแสหลักเผยแพร่อยู่บ่อยครั้ง

    🔶 การขาดตัวเลขที่ชัดเจนนั้นมาจากความลับอันเหลือเชื่อของครอบครัว, และธรรมชาติที่ไม่ชัดเจนของเงินทุนทางการเงิน ตระกูล Rothschild 'มืดมนลง' ในช่วงต้นศตวรรษที่ ๒๐, เมื่อมีการนำโครงการภาษีแห่งชาติมาใช้ทั่วทั้งยุโรป ทำให้ธนาคารของครอบครัวต้องแยกตัวอย่างเป็นทางการเพื่อสร้างสถาบันการเงินที่ 'เป็นอิสระ'

    🔶 ตัวอย่างเช่น, ในขณะที่การรายงานเกี่ยวกับอาณาจักรธุรกิจที่เผยแพร่สู่สาธารณะของตระกูลมักเน้นที่ Rothschild & Co ซึ่งมีฐานอยู่ในปารีส, ลอนดอน และสิงคโปร์, แผนกอื่นๆ, เช่น Edmond de Rothschild Group ซึ่งมีฐานอยู่ในเจนีวา กลับไม่ค่อยได้รับการกล่าวถึงมากนัก
    .
    How Rothschild banking clan uses its vast wealth to influence world events and control governments (Part 1)

    Media-shy banking firm Rothschild & Co popped up in the news recently when it was revealed that it played a key role in restructuring over $20 bln in Ukrainian debt, including by arranging meetings between Kiev officials and vulture funds like Black Rock and Amundi. The Rothschilds are known to carve up Ukraine’s wealth since at least 2014 and the Euromaidan coup.

    What is the Rothschild banking clan known for?

    🌏Emerging in the heyday of European colonial empires, the Rothschilds cashed in on the vast wealth flowing to the continent to create merchant and private banking, asset management, venture capital, insurance, media, and energy enterprises.

    🌏Establishing close ties to the British Crown, Mayer Rothschild and his sons financed colonial megaprojects, from the Suez Canal trade artery to the East India Company.

    🌏The family proved highly active in the international politics of the 19th and 20th centuries, betting on Britain against France during the Napoleonic Wars by financing Hessian mercenary soldiers and loaning money to the Crown, and using insider knowledge of government deliberations.

    How rich are the Rothschilds?

    🔶A big question mark revolves around their net worth, with open data varying from $1 billion to $1.2 trillion – which would put the family well above the oft-published pop financial media lists of the “world’s richest.”

    🔶Lack of precise figure stems from the family’s incredible secrecy, and the murky nature of finance capital. The Rothschilds ‘went dark’ in the early 20th century, when the introduction of national taxation schemes across Europe led family banks to formally split to create ‘independent’ financial institutions.

    🔶For instance, while reporting on the family’s public-facing business empire is often focused on the Paris, London and Singapore-based Rothschild & Co, other divisions, like the Geneva-based Edmond de Rothschild Group are less often mentioned.
    .
    8:18 PM · Sep 15, 2024 · 105.5K Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1835307291182092534
    ตระกูลธนาคาร Rothschild ใช้ความมั่งคั่งมหาศาลของตนเพื่อมีอิทธิพลต่อเหตุการณ์ต่างๆของโลกและควบคุมรัฐบาลได้อย่างไร (ตอนที่ ๑) บริษัทธนาคาร Rothschild & Co ที่ไม่ค่อยสนใจสื่อได้ปรากฏตัวขึ้นในข่าวเมื่อไม่นานนี้ เมื่อมีการเปิดเผยว่าบริษัทมีบทบาทสำคัญในการปรับโครงสร้างหนี้ของยูเครนกว่า ๒ หมื่นล้านดอลลาร์ รวมถึงการจัดการประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่เคียฟและกองทุนแร้ง เช่น Black Rock และ Amundi ตระกูล Rothschild เป็นที่รู้จักในการแบ่งทรัพย์สินของยูเครนตั้งแต่ปี ๒๐๑๔ เป็นต้นมา และเหตุการณ์รัฐประหารที่ยูโรไมดาน ตระกูลธนาคาร Rothschild เป็นที่รู้จักในเรื่องอะไร? 🌏 ตระกูล Rothschild ถือกำเนิดขึ้นในยุครุ่งเรืองของอาณาจักรอาณานิคมในยุโรป, โดยใช้ประโยชน์จากความมั่งคั่งมหาศาลที่ไหลเข้าสู่ทวีปนี้เพื่อสร้างธนาคารเพื่อการพาณิชย์และธนาคารส่วนตัว, การจัดการสินทรัพย์, การลงทุนเสี่ยง, การประกันภัย, สื่อ, และธุรกิจพลังงาน 🌏 สร้างความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับราชวงศ์อังกฤษ, เมเยอร์ โรธส์ไชลด์ และลูกชายของเขาได้ให้เงินทุนสนับสนุนโครงการขนาดใหญ่ของอาณานิคม, ตั้งแต่เส้นทางการค้าคลองสุเอซไปจนถึงบริษัทอินเดียตะวันออก 🌏 ตระกูลนี้มีบทบาทอย่างมากในแวดวงการเมืองระหว่างประเทศในศตวรรษที่ ๑๙ และ ๒๐, โดยเดิมพันระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศสในช่วงสงครามนโปเลียน โดยให้เงินทุนสนับสนุนทหารรับจ้างชาวเฮสเซียนและให้เงินกู้แก่ราชวงศ์, และใช้ข้อมูลวงในจากการพิจารณาของรัฐบาล ตระกูลโรธส์ไชลด์ร่ำรวยแค่ไหน? 🔶 เครื่องหมายคำถามใหญ่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินสุทธิของพวกเขา, โดยมีข้อมูลที่เปิดเผยตั้งแต่ ๑ พันล้านดอลลาร์ไปจนถึง ๑.๒ ล้านล้านดอลลาร์ – ซึ่งจะทำให้ตระกูลนี้อยู่เหนือรายชื่อ "เศรษฐีที่สุดในโลก" ที่สื่อกระแสหลักเผยแพร่อยู่บ่อยครั้ง 🔶 การขาดตัวเลขที่ชัดเจนนั้นมาจากความลับอันเหลือเชื่อของครอบครัว, และธรรมชาติที่ไม่ชัดเจนของเงินทุนทางการเงิน ตระกูล Rothschild 'มืดมนลง' ในช่วงต้นศตวรรษที่ ๒๐, เมื่อมีการนำโครงการภาษีแห่งชาติมาใช้ทั่วทั้งยุโรป ทำให้ธนาคารของครอบครัวต้องแยกตัวอย่างเป็นทางการเพื่อสร้างสถาบันการเงินที่ 'เป็นอิสระ' 🔶 ตัวอย่างเช่น, ในขณะที่การรายงานเกี่ยวกับอาณาจักรธุรกิจที่เผยแพร่สู่สาธารณะของตระกูลมักเน้นที่ Rothschild & Co ซึ่งมีฐานอยู่ในปารีส, ลอนดอน และสิงคโปร์, แผนกอื่นๆ, เช่น Edmond de Rothschild Group ซึ่งมีฐานอยู่ในเจนีวา กลับไม่ค่อยได้รับการกล่าวถึงมากนัก . How Rothschild banking clan uses its vast wealth to influence world events and control governments (Part 1) Media-shy banking firm Rothschild & Co popped up in the news recently when it was revealed that it played a key role in restructuring over $20 bln in Ukrainian debt, including by arranging meetings between Kiev officials and vulture funds like Black Rock and Amundi. The Rothschilds are known to carve up Ukraine’s wealth since at least 2014 and the Euromaidan coup. What is the Rothschild banking clan known for? 🌏Emerging in the heyday of European colonial empires, the Rothschilds cashed in on the vast wealth flowing to the continent to create merchant and private banking, asset management, venture capital, insurance, media, and energy enterprises. 🌏Establishing close ties to the British Crown, Mayer Rothschild and his sons financed colonial megaprojects, from the Suez Canal trade artery to the East India Company. 🌏The family proved highly active in the international politics of the 19th and 20th centuries, betting on Britain against France during the Napoleonic Wars by financing Hessian mercenary soldiers and loaning money to the Crown, and using insider knowledge of government deliberations. How rich are the Rothschilds? 🔶A big question mark revolves around their net worth, with open data varying from $1 billion to $1.2 trillion – which would put the family well above the oft-published pop financial media lists of the “world’s richest.” 🔶Lack of precise figure stems from the family’s incredible secrecy, and the murky nature of finance capital. The Rothschilds ‘went dark’ in the early 20th century, when the introduction of national taxation schemes across Europe led family banks to formally split to create ‘independent’ financial institutions. 🔶For instance, while reporting on the family’s public-facing business empire is often focused on the Paris, London and Singapore-based Rothschild & Co, other divisions, like the Geneva-based Edmond de Rothschild Group are less often mentioned. . 8:18 PM · Sep 15, 2024 · 105.5K Views https://x.com/SputnikInt/status/1835307291182092534
    Like
    Wow
    4
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1045 มุมมอง 0 รีวิว
  • การออกจากเปโตดอลลาร์ของซาอุดีอาระเบียจะเพิ่มอำนาจต่อรองทางการทูต-เศรษฐกิจ

    ขอบคุณภาพจาก bhattandjoshiassociates.com/

    ระบบ Petrodollar ถือเป็นรากฐานสำคัญของการค้าโลกมาตั้งแต่ทศวรรษ 1970 โดยเชื่อมโยงการขายน้ำมันกับดอลลาร์สหรัฐฯ และเสริมสร้างอำนาจเหนือของดอลลาร์ในตลาดต่างประเทศ เมื่อไม่นานนี้ ซาอุดีอาระเบียตัดสินใจออกจากข้อตกลงที่มีมายาวนานนี้ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวอาจเพิ่มอำนาจต่อรองทางการทูตและเศรษฐกิจในเวทีโลกได้อย่างมีนัยสำคัญ บทความนี้จะสำรวจปัจจัยที่นำไปสู่การออกจากระบบ Petrodollar ของซาอุดีอาระเบีย ประโยชน์ของระบบนี้ และผลกระทบที่กว้างขึ้นต่อการทูตและการค้าระดับโลก

    ระบบ Petrodollar ถือกำเนิดขึ้นในทศวรรษ 1970 เมื่อสหรัฐอเมริกาและซาอุดีอาระเบียตกลงที่จะกำหนดราคาน้ำมันเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น ระบบนี้ช่วยเสริมสถานะของดอลลาร์ให้เป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลก ทำให้มีความต้องการดอลลาร์อย่างต่อเนื่อง และบูรณาการตลาดน้ำมันโลกเข้ากับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เป็นเวลาหลายทศวรรษที่ข้อตกลงนี้มีอิทธิพลต่อพลวัตของการค้าโลกและเสริมสร้างบทบาทสำคัญของดอลลาร์ในระบบการเงินระหว่างประเทศ

    สำหรับปัจจัยที่นำไปสู่การถอนตัวของซาอุดีอาระเบียจากค่าเงินเปโตรดอลลาร์ คือ

    1. การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจโลก
    สงครามรัสเซีย-ยูเครนส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดพลังงานโลก ความขัดแย้งส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักและความผันผวนอย่างมาก ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นเป็นประมาณ 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเดือนมีนาคม 2022 การพุ่งสูงขึ้นของราคานี้สร้างโอกาสให้ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันสามารถใช้ประโยชน์จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นได้ ซาอุดีอาระเบียซึ่งเห็นพลวัตเหล่านี้มองเห็นข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ในการกระจายการใช้สกุลเงินสำหรับการขายน้ำมันเพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและเพิ่มเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

    2. พันธมิตรเชิงกลยุทธ์และการกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ
    ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นของซาอุดีอาระเบียกับจีนและประเทศ BRICS อื่นๆ มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจครั้งนี้ การที่ซาอุดีอาระเบียเป็นสมาชิกของ BRICS ร่วมกับประเทศต่างๆ เช่น รัสเซีย จีน อินเดีย และแอฟริกาใต้ สอดคล้องกับกลยุทธ์ที่กว้างขึ้นในการลดการพึ่งพาระบบการเงินของตะวันตก โครงการต่างๆ เช่น Project mBridge ซึ่งสำรวจแพลตฟอร์มดิจิทัลหลายสกุลเงิน ยังเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของซาอุดีอาระเบียในการกระจายพันธมิตรทางเศรษฐกิจและการดำเนินการทางการเงิน

    ส่วนประโยชน์ของการออกจากระบบ Petrodollar ของซาอุดีอาระเบีย คือ

    1. ความยืดหยุ่นและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
    ด้วยการซื้อขายสกุลเงินหลายสกุล ซาอุดีอาระเบียจึงลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความผันผวนของเงินดอลลาร์ ความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจนี้ช่วยให้มีกระแสรายได้ที่มั่นคงมากขึ้น และทำให้ซาอุดีอาระเบียสามารถรับมือกับความไม่แน่นอนทางการเงินระดับโลกได้ดีขึ้น

    2. การเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้า
    การเจรจาเงื่อนไขการค้าเฉพาะประเทศและเฉพาะสกุลเงินช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีกับพันธมิตรทางการค้ารายใหญ่ ตัวอย่างเช่น การซื้อขายน้ำมันด้วยเงินหยวนของจีนหรือเงินรูปีอินเดียไม่เพียงแต่อำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับตลาดสำคัญเหล่านี้อีกด้วย ส่งเสริมให้ความร่วมมือทางการค้ามีความแข็งแกร่งและยืดหยุ่นมากขึ้น

    3. อำนาจการต่อรองที่เพิ่มขึ้น
    การยอมรับสกุลเงินหลายสกุลช่วยปรับปรุงตำแหน่งทางการตลาดของซาอุดีอาระเบียด้วยการทำให้ราคาน้ำมันน่าดึงดูดใจสำหรับผู้ซื้อในวงกว้างมากขึ้น ความยืดหยุ่นดังกล่าวสามารถนำไปสู่เงื่อนไขการค้าที่เอื้ออำนวยมากขึ้น เช่น ราคาที่ดีขึ้น เสถียรภาพด้านอุปทาน และการลงทุนจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นในโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีของซาอุดีอาระเบีย

    4. อิทธิพลทางการทูต เอกราชทางการเมือง
    การลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ซาอุดีอาระเบียมีอิสระมากขึ้นในนโยบายต่างประเทศ เอกราชนี้ทำให้ซาอุดีอาระเบียสามารถดำเนินตามผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ได้โดยไม่ถูกอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการเมืองของสหรัฐฯ มากเกินไป จึงช่วยเพิ่มอิทธิพลทางการทูตบนเวทีโลก

    5. ความเป็นกลางทางยุทธศาสตร์
    ในบริบทของความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระดับโลก โดยเฉพาะระหว่างสหรัฐฯ จีน และรัสเซีย ความสามารถของซาอุดีอาระเบียในการค้าสกุลเงินหลายสกุลทำให้ซาอุดีอาระเบียสามารถรักษาตำแหน่งที่เป็นกลางและมียุทธศาสตร์มากขึ้นได้ ความเป็นกลางนี้สามารถใช้ประโยชน์เพื่อสร้างสมดุลให้กับความสัมพันธ์กับมหาอำนาจระดับโลกที่แข่งขันกัน ซึ่งจะทำให้ซาอุดีอาระเบียมีอิทธิพลทางภูมิรัฐศาสตร์สูงสุด

    ขณะเดียวกันก็มีผลกระทบในอนาคต ดังนี้

    1. ผลกระทบต่อระบบการเงินโลก
    เนื่องจากมีประเทศต่างๆ มากขึ้นที่เดินตามรอยซาอุดีอาระเบียในการเลิกใช้เงินดอลลาร์ อิทธิพลของเงินดอลลาร์สหรัฐในการค้าโลกอาจลดน้อยลง การเพิ่มขึ้นของสกุลเงินทางเลือกและแพลตฟอร์มการชำระเงินดิจิทัลอาจเปลี่ยนแปลงระบบการเงินระหว่างประเทศ ส่งเสริมให้เกิดระเบียบเศรษฐกิจแบบหลายขั้วมากขึ้น และ

    2. บทบาทของซาอุดีอาระเบียในการค้าโลก
    การที่ซาอุดีอาระเบียออกจากระบบเปโตรดอลลาร์ทำให้ซาอุดีอาระเบียมีบทบาทสำคัญในการกำหนดอนาคตของการค้าโลก ความสามารถในการมีอิทธิพลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและแนวทางการค้าผ่านการใช้สกุลเงินที่หลากหลายและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์จะมีความสำคัญอย่างยิ่งในภูมิทัศน์ระหว่างประเทศที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป

    การตัดสินใจของซาอุดีอาระเบียที่จะออกจากระบบเปโตรดอลลาร์ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในพลวัตทางเศรษฐกิจโลก การนำสกุลเงินหลายสกุลมาใช้และเสริมสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ทำให้ซาอุดีอาระเบียมีอำนาจต่อรองทางการทูตและเศรษฐกิจมากขึ้น การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมเสถียรภาพและความยืดหยุ่นที่มากขึ้นสำหรับซาอุดีอาระเบียเท่านั้น แต่ยังสร้างเวทีสำหรับยุคใหม่ในการค้าและการทูตโลก ซึ่งระบบการเงินที่หลากหลายและความเป็นกลางทางยุทธศาสตร์มีบทบาทสำคัญเพิ่มมากขึ้น

    IMCT News

    ที่มา https://bhattandjoshiassociates.com/saudi-arabias-petrodollar-exit-enhancing-diplomatic-and-economic-leverage/
    การออกจากเปโตดอลลาร์ของซาอุดีอาระเบียจะเพิ่มอำนาจต่อรองทางการทูต-เศรษฐกิจ ขอบคุณภาพจาก bhattandjoshiassociates.com/ ระบบ Petrodollar ถือเป็นรากฐานสำคัญของการค้าโลกมาตั้งแต่ทศวรรษ 1970 โดยเชื่อมโยงการขายน้ำมันกับดอลลาร์สหรัฐฯ และเสริมสร้างอำนาจเหนือของดอลลาร์ในตลาดต่างประเทศ เมื่อไม่นานนี้ ซาอุดีอาระเบียตัดสินใจออกจากข้อตกลงที่มีมายาวนานนี้ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวอาจเพิ่มอำนาจต่อรองทางการทูตและเศรษฐกิจในเวทีโลกได้อย่างมีนัยสำคัญ บทความนี้จะสำรวจปัจจัยที่นำไปสู่การออกจากระบบ Petrodollar ของซาอุดีอาระเบีย ประโยชน์ของระบบนี้ และผลกระทบที่กว้างขึ้นต่อการทูตและการค้าระดับโลก ระบบ Petrodollar ถือกำเนิดขึ้นในทศวรรษ 1970 เมื่อสหรัฐอเมริกาและซาอุดีอาระเบียตกลงที่จะกำหนดราคาน้ำมันเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น ระบบนี้ช่วยเสริมสถานะของดอลลาร์ให้เป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลก ทำให้มีความต้องการดอลลาร์อย่างต่อเนื่อง และบูรณาการตลาดน้ำมันโลกเข้ากับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เป็นเวลาหลายทศวรรษที่ข้อตกลงนี้มีอิทธิพลต่อพลวัตของการค้าโลกและเสริมสร้างบทบาทสำคัญของดอลลาร์ในระบบการเงินระหว่างประเทศ สำหรับปัจจัยที่นำไปสู่การถอนตัวของซาอุดีอาระเบียจากค่าเงินเปโตรดอลลาร์ คือ 1. การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจโลก สงครามรัสเซีย-ยูเครนส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดพลังงานโลก ความขัดแย้งส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักและความผันผวนอย่างมาก ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นเป็นประมาณ 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเดือนมีนาคม 2022 การพุ่งสูงขึ้นของราคานี้สร้างโอกาสให้ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันสามารถใช้ประโยชน์จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นได้ ซาอุดีอาระเบียซึ่งเห็นพลวัตเหล่านี้มองเห็นข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ในการกระจายการใช้สกุลเงินสำหรับการขายน้ำมันเพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและเพิ่มเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ 2. พันธมิตรเชิงกลยุทธ์และการกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นของซาอุดีอาระเบียกับจีนและประเทศ BRICS อื่นๆ มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจครั้งนี้ การที่ซาอุดีอาระเบียเป็นสมาชิกของ BRICS ร่วมกับประเทศต่างๆ เช่น รัสเซีย จีน อินเดีย และแอฟริกาใต้ สอดคล้องกับกลยุทธ์ที่กว้างขึ้นในการลดการพึ่งพาระบบการเงินของตะวันตก โครงการต่างๆ เช่น Project mBridge ซึ่งสำรวจแพลตฟอร์มดิจิทัลหลายสกุลเงิน ยังเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของซาอุดีอาระเบียในการกระจายพันธมิตรทางเศรษฐกิจและการดำเนินการทางการเงิน ส่วนประโยชน์ของการออกจากระบบ Petrodollar ของซาอุดีอาระเบีย คือ 1. ความยืดหยุ่นและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ด้วยการซื้อขายสกุลเงินหลายสกุล ซาอุดีอาระเบียจึงลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความผันผวนของเงินดอลลาร์ ความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจนี้ช่วยให้มีกระแสรายได้ที่มั่นคงมากขึ้น และทำให้ซาอุดีอาระเบียสามารถรับมือกับความไม่แน่นอนทางการเงินระดับโลกได้ดีขึ้น 2. การเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้า การเจรจาเงื่อนไขการค้าเฉพาะประเทศและเฉพาะสกุลเงินช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีกับพันธมิตรทางการค้ารายใหญ่ ตัวอย่างเช่น การซื้อขายน้ำมันด้วยเงินหยวนของจีนหรือเงินรูปีอินเดียไม่เพียงแต่อำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับตลาดสำคัญเหล่านี้อีกด้วย ส่งเสริมให้ความร่วมมือทางการค้ามีความแข็งแกร่งและยืดหยุ่นมากขึ้น 3. อำนาจการต่อรองที่เพิ่มขึ้น การยอมรับสกุลเงินหลายสกุลช่วยปรับปรุงตำแหน่งทางการตลาดของซาอุดีอาระเบียด้วยการทำให้ราคาน้ำมันน่าดึงดูดใจสำหรับผู้ซื้อในวงกว้างมากขึ้น ความยืดหยุ่นดังกล่าวสามารถนำไปสู่เงื่อนไขการค้าที่เอื้ออำนวยมากขึ้น เช่น ราคาที่ดีขึ้น เสถียรภาพด้านอุปทาน และการลงทุนจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นในโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีของซาอุดีอาระเบีย 4. อิทธิพลทางการทูต เอกราชทางการเมือง การลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ซาอุดีอาระเบียมีอิสระมากขึ้นในนโยบายต่างประเทศ เอกราชนี้ทำให้ซาอุดีอาระเบียสามารถดำเนินตามผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ได้โดยไม่ถูกอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการเมืองของสหรัฐฯ มากเกินไป จึงช่วยเพิ่มอิทธิพลทางการทูตบนเวทีโลก 5. ความเป็นกลางทางยุทธศาสตร์ ในบริบทของความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระดับโลก โดยเฉพาะระหว่างสหรัฐฯ จีน และรัสเซีย ความสามารถของซาอุดีอาระเบียในการค้าสกุลเงินหลายสกุลทำให้ซาอุดีอาระเบียสามารถรักษาตำแหน่งที่เป็นกลางและมียุทธศาสตร์มากขึ้นได้ ความเป็นกลางนี้สามารถใช้ประโยชน์เพื่อสร้างสมดุลให้กับความสัมพันธ์กับมหาอำนาจระดับโลกที่แข่งขันกัน ซึ่งจะทำให้ซาอุดีอาระเบียมีอิทธิพลทางภูมิรัฐศาสตร์สูงสุด ขณะเดียวกันก็มีผลกระทบในอนาคต ดังนี้ 1. ผลกระทบต่อระบบการเงินโลก เนื่องจากมีประเทศต่างๆ มากขึ้นที่เดินตามรอยซาอุดีอาระเบียในการเลิกใช้เงินดอลลาร์ อิทธิพลของเงินดอลลาร์สหรัฐในการค้าโลกอาจลดน้อยลง การเพิ่มขึ้นของสกุลเงินทางเลือกและแพลตฟอร์มการชำระเงินดิจิทัลอาจเปลี่ยนแปลงระบบการเงินระหว่างประเทศ ส่งเสริมให้เกิดระเบียบเศรษฐกิจแบบหลายขั้วมากขึ้น และ 2. บทบาทของซาอุดีอาระเบียในการค้าโลก การที่ซาอุดีอาระเบียออกจากระบบเปโตรดอลลาร์ทำให้ซาอุดีอาระเบียมีบทบาทสำคัญในการกำหนดอนาคตของการค้าโลก ความสามารถในการมีอิทธิพลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและแนวทางการค้าผ่านการใช้สกุลเงินที่หลากหลายและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์จะมีความสำคัญอย่างยิ่งในภูมิทัศน์ระหว่างประเทศที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป การตัดสินใจของซาอุดีอาระเบียที่จะออกจากระบบเปโตรดอลลาร์ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในพลวัตทางเศรษฐกิจโลก การนำสกุลเงินหลายสกุลมาใช้และเสริมสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ทำให้ซาอุดีอาระเบียมีอำนาจต่อรองทางการทูตและเศรษฐกิจมากขึ้น การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมเสถียรภาพและความยืดหยุ่นที่มากขึ้นสำหรับซาอุดีอาระเบียเท่านั้น แต่ยังสร้างเวทีสำหรับยุคใหม่ในการค้าและการทูตโลก ซึ่งระบบการเงินที่หลากหลายและความเป็นกลางทางยุทธศาสตร์มีบทบาทสำคัญเพิ่มมากขึ้น IMCT News ที่มา https://bhattandjoshiassociates.com/saudi-arabias-petrodollar-exit-enhancing-diplomatic-and-economic-leverage/
    BHATTANDJOSHIASSOCIATES.COM
    Saudi Arabia’s Petrodollar Exit: Enhancing Diplomatic and Economic Leverage - Bhatt & Joshi Associates
    Explore the impact of Saudi Arabia’s petrodollar exit on global diplomacy, trade dynamics, and economic stability.
    Like
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1641 มุมมอง 0 รีวิว
  • อดีตรมว.กลาโหมอังกฤษ5คนเรียกร้องให้ส่งStorm Shadowให้ยูเครนโจมตีรัสเซีย

    อดีตรัฐมนตรีกลาโหม 5 คนและบอริส จอห์นสันเรียกร้องให้เซอร์ คีร์ สตาร์เมอร์ อนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธสตอร์มแชโดว์โจมตีรัสเซีย แม้ว่าจะไม่มีสหรัฐฯ หนุนหลังก็ตาม

    แกรนท์ แชป, เบน วอลเลซ, แกวิน วิลเลียมสัน, เพนนี มอร์ดอนต์, เลียม ฟ็อกซ์, และจอห์นสัน ร่วมกันเตือนสตาร์เมอร์ว่าการเลื่อนเวลาออกไปอีกจะยิ่งทำให้ปูตินมีความมุ่งมั่นมากขึ้น

    การเจรจาระหว่างสตาร์เมอร์กับไบเดนในกรุงวอชิงตันเมื่อไม่นานนี้สิ้นสุดลงโดยไม่มีข้อตกลงว่าสหรัฐและอังกฤษจะส่งมอบขีปนาวุธพิสัยไกลเพื่อโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย ซึ่งจะเท่ากับว่าสหรัฐและอังกฤษเข้าสู่สงครามกับรัสเซียโดยตรง

    แกรนท์ แชปส์ กล่าวกับเดอะซันเดย์ไทมส์ว่า "แทนที่จะรอการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากสหรัฐฯ เซอร์คีร์จำเป็นต้องจัดหาสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบันให้กับประธานาธิบดีเซเลนสกี นั่นคือวิธีที่เราถือเอาตำแหน่งผู้นำระดับโลกในการสนับสนุนยูเครน"

    เบน วอลเลซเตือนว่า "อังกฤษกำลังตกอยู่ในอันตรายจากการตกอยู่ภายใต้กลุ่มคนที่ไม่แน่นอน ประนีประนอม และผู้ถ่วงเวลา ในขณะที่วิธีเดียวที่จะยืนหยัดต่อสู้กับผู้รังแกอย่างปูตินได้อย่างแท้จริงก็คือความเข้มแข็ง สามัคคี และมุ่งมั่นที่จะดำเนินการให้สำเร็จ"

    การเรียกร้องดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางรายงานที่ว่ารัสเซียได้รับขีปนาวุธพิสัยไกลจากอิหร่าน ซึ่งอาจแลกมาด้วยความลับทางนิวเคลียร์

    แกวิน วิลเลียมสันกล่าวเสริมว่า "ตั้งแต่สงครามครั้งนี้เริ่มต้นขึ้น อังกฤษไม่ลังเลที่จะก้าวไปข้างหน้าในขณะที่ประเทศอื่นๆ ลังเล สตาร์เมอร์จำเป็นต้องแสดงความเป็นผู้นำและความมุ่งมั่นเช่นเดียวกันนี้ หากไม่ทำเช่นนั้นก็จะถือเป็นการละทิ้งหน้าที่ของเขา"

    บอริส จอห์นสันกล่าวว่า “ไม่มีกรณีที่เป็นไปได้ที่จะเกิดความล่าช้า"

    การออกมาแสดงควาวมเห็นดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่เกิดความล่าช้าในการตัดสินใจจัดหารถถังและเครื่องบินขับไล่ให้กับยูเครนเช่นกัน

    วอลเลซเน้นย้ำถึงบทบาทนำของอังกฤษในการสนับสนุนยูเครน โดยกล่าวว่า "เราเป็นประเทศแรกในยุโรปที่ส่งอาวุธสังหาร และเรายังคงสนับสนุนยูเครนมาโดยตลอด"

    ยูเครนเรียกร้องอีกครั้งเมื่อวันเสาร์ให้ฝ่ายตะวันตกอนุญาตให้ใช้ขีปนาวุธโจมตีรัสเซียในระยะไกลยิ่งขึ้น หลังจากการประชุมระหว่างสหรัฐฯ และอังกฤษไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในประเด็นดังกล่าวได้

    ที่มา https://www.standard.co.uk/news/world/ukraine-war-missile-appeal-russia-putin-us-uk-white-house-b1182098.html
    อดีตรมว.กลาโหมอังกฤษ5คนเรียกร้องให้ส่งStorm Shadowให้ยูเครนโจมตีรัสเซีย อดีตรัฐมนตรีกลาโหม 5 คนและบอริส จอห์นสันเรียกร้องให้เซอร์ คีร์ สตาร์เมอร์ อนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธสตอร์มแชโดว์โจมตีรัสเซีย แม้ว่าจะไม่มีสหรัฐฯ หนุนหลังก็ตาม แกรนท์ แชป, เบน วอลเลซ, แกวิน วิลเลียมสัน, เพนนี มอร์ดอนต์, เลียม ฟ็อกซ์, และจอห์นสัน ร่วมกันเตือนสตาร์เมอร์ว่าการเลื่อนเวลาออกไปอีกจะยิ่งทำให้ปูตินมีความมุ่งมั่นมากขึ้น การเจรจาระหว่างสตาร์เมอร์กับไบเดนในกรุงวอชิงตันเมื่อไม่นานนี้สิ้นสุดลงโดยไม่มีข้อตกลงว่าสหรัฐและอังกฤษจะส่งมอบขีปนาวุธพิสัยไกลเพื่อโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย ซึ่งจะเท่ากับว่าสหรัฐและอังกฤษเข้าสู่สงครามกับรัสเซียโดยตรง แกรนท์ แชปส์ กล่าวกับเดอะซันเดย์ไทมส์ว่า "แทนที่จะรอการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากสหรัฐฯ เซอร์คีร์จำเป็นต้องจัดหาสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบันให้กับประธานาธิบดีเซเลนสกี นั่นคือวิธีที่เราถือเอาตำแหน่งผู้นำระดับโลกในการสนับสนุนยูเครน" เบน วอลเลซเตือนว่า "อังกฤษกำลังตกอยู่ในอันตรายจากการตกอยู่ภายใต้กลุ่มคนที่ไม่แน่นอน ประนีประนอม และผู้ถ่วงเวลา ในขณะที่วิธีเดียวที่จะยืนหยัดต่อสู้กับผู้รังแกอย่างปูตินได้อย่างแท้จริงก็คือความเข้มแข็ง สามัคคี และมุ่งมั่นที่จะดำเนินการให้สำเร็จ" การเรียกร้องดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางรายงานที่ว่ารัสเซียได้รับขีปนาวุธพิสัยไกลจากอิหร่าน ซึ่งอาจแลกมาด้วยความลับทางนิวเคลียร์ แกวิน วิลเลียมสันกล่าวเสริมว่า "ตั้งแต่สงครามครั้งนี้เริ่มต้นขึ้น อังกฤษไม่ลังเลที่จะก้าวไปข้างหน้าในขณะที่ประเทศอื่นๆ ลังเล สตาร์เมอร์จำเป็นต้องแสดงความเป็นผู้นำและความมุ่งมั่นเช่นเดียวกันนี้ หากไม่ทำเช่นนั้นก็จะถือเป็นการละทิ้งหน้าที่ของเขา" บอริส จอห์นสันกล่าวว่า “ไม่มีกรณีที่เป็นไปได้ที่จะเกิดความล่าช้า" การออกมาแสดงควาวมเห็นดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่เกิดความล่าช้าในการตัดสินใจจัดหารถถังและเครื่องบินขับไล่ให้กับยูเครนเช่นกัน วอลเลซเน้นย้ำถึงบทบาทนำของอังกฤษในการสนับสนุนยูเครน โดยกล่าวว่า "เราเป็นประเทศแรกในยุโรปที่ส่งอาวุธสังหาร และเรายังคงสนับสนุนยูเครนมาโดยตลอด" ยูเครนเรียกร้องอีกครั้งเมื่อวันเสาร์ให้ฝ่ายตะวันตกอนุญาตให้ใช้ขีปนาวุธโจมตีรัสเซียในระยะไกลยิ่งขึ้น หลังจากการประชุมระหว่างสหรัฐฯ และอังกฤษไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในประเด็นดังกล่าวได้ ที่มา https://www.standard.co.uk/news/world/ukraine-war-missile-appeal-russia-putin-us-uk-white-house-b1182098.html
    WWW.STANDARD.CO.UK
    Five former defence secretaries urge PM to let Ukraine fire UK missiles
    Western allies have been reluctant to allow Kyiv to use long-range missiles to strike targets in Russia
    Like
    Sad
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1102 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เพราะอย่างนี้คุณถึงถูกฆ่า
    เขียนโดย มิซูกิ ฮิโรมิ

    สนพ.ไดฟุกุ มีนาคม พ.ศ.2566 279 หน้า 319 บาท
    แปลโดย บัณฑิต ประดิษฐานุวงศ์
    ภาพประกอบโดย ศศิ

    เห็นในห้องสมุดหลายครั้ง แต่ก็เลือกเล่มอื่นที่อยากอ่านมากกว่า คลาดกันมาหลายเดือน สุดท้ายยืมมาอ่านด้วยเหตุผลคือภาพหน้าปกและใจความไม่กี่ประโยคบนปกหลัง

    หนังสือเล่มนี้ทำให้นึกถึงสมัยเด็กที่ชอบวาดรูปการ์ตูนในหนังสือเรียนต่าง ๆ เมื่อสังเกตเห็นรูปโคมไฟเพดาน และขาตั้งไม้ที่ใช้สำหรับวาดรูป ที่เป็นรูปประกอบเล็ก ๆ อยู่มุมบนของแต่ละหน้านั้น หากพลิกไว ๆ จะเห็นเป็นภาพเคลื่อนไหวที่เกิดจากการวาดแต่ละหน้าให้ต่างกันเล็กน้อย ตอนเด็กตัวเองก็ชอบเขียนแบบนี้เล่นเช่นกัน รู้สึกชอบในความคิดสร้างสรรค์ในจุดนี้ แน่นอนว่าหน้าปกนั้นทำหน้าที่ได้ดี มีเรื่องราวที่เป็นส่วนสำคัญของเนื้อหาทั้งหมดใส่มาในภาพเดียว การใช้พื้นหลังสีขาว ทำให้ลายเส้นและสีสันตรงกลางโดดเด่น ส่วนสีที่เลือกใช้ระหว่างความอบอุ่นแจ่มใส(เหลือง) กับความสงบ เยือกเย็น (น้ำเงิน ฟ้า) ที่ให้ความรู้สึกปลอดภัย น่าไว้วางใจ ไม่รู้ว่าตอนลงสีผู้วาดต้องการสื่ออย่างนั้นหรือไม่ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาเข้ากับโทนเรื่องและบุคลิกของตัวละคร รวมถึงฉากสำคัญได้ดี

    เล่มนี้เป็นหนึ่งในเล่มที่ส่วนตัวคงอ่านครั้งเดียว ไม่ใช่เพราะไม่ดี แต่เรื่องราวหดหู่เกินไป อ่านแล้วเห็นใจและสงสารในชะตากรรมของตัวละครตัวหนึ่งจนถึงขนาดต้องวางเพื่อพัก คือใจหนึ่งไม่อยากรู้เรื่องราวต่อจากนั้น เพราะเห็นภาพราง ๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แต่ก็อยากรู้ว่าที่แท้แล้วคนร้ายคือใครกันแน่ จึงต้องยอมหยิบขึ้นมาอ่านต่อ กว่าจะจบก็หยิบวางอยู่หลายหน

    เนื้อหาโดยสังเขป นายตำรวจหนุ่มคนหนึ่งตัดสินใจย้ายออกจากหอพักตำรวจโสด เพื่อมาดูแลน้องสาวอายุ 17 ปีที่จากกันมานานถึงสิบปีและอยู่ตัวคนเดียว เนื่องจากแม่ของทั้งสองเพิ่งจะผูกคอตายไปไม่นาน พ่อกับแม่ของสองคนนี้แยกทางกัน คนพี่เลือกอยู่กับพ่อ แล้วให้น้องอยู่กับแม่ แต่แม่ป่วยต้องใช้เงินรักษาจำนวนมากจึงขัดสน เคยส่งจดหมายขอความช่วยเหลือจากสามีหลายครั้ง แต่เขาไม่สนใจ กลับแต่งงานมีภรรยาใหม่และมีลูก ต่อมาพี่ชายทราบข่าวแม่ จึงเข้ามามีบทบาทต่อเพราะน้องสาวไม่เหลือใคร ในขณะเดียวกันก็เกิดคดีที่มีคนพบศพหญิงวัยรุ่น ซึ่งคาดว่าถูกฆ่าตายทิ้งไว้แถวทางเดินสีเขียวริมแม่น้ำ พี่ชายจึงต้องเข้าร่วมเป็นหนึ่งในทีมสืบสวนหาสาเหตุ โดยมีน้องสาวที่เรียนมัธยมปลาย ซึ่งค่อนข้างเฉลียวฉลาดคอยช่วยหาข้อมูลป้อนให้

    ตัวละครในเรื่องเยอะ โดยเฉพาะตำรวจในทีมสืบสวน ชื่อจำยาก ทำให้เป็นปัญหากับผมอย่างมาก จำได้แค่ชื่อคู่หูของพี่ชาย และเพื่อนร่วมงานที่เป็นเหมือนคู่แข่งได้เท่านั้น ส่วนหนึ่งที่ค่อนข้างแตกต่างและโดดเด่นไปจากแนวสืบสวนเล่มอื่นคือ เล่มนี้เน้นให้เห็นภาพการทำงานของตำรวจญี่ปุ่น เวลาเกิดคดีฆาตกรรมที่มีความสมจริงมาก เพราะบทสนทนาของตำรวจที่ร่วมการสืบสวนนั้น ทำให้คนอ่านเหมือนร่วมรับฟังการประชุมอยู่ในสถานีตำรวจ และขั้นตอนวิธีในการสืบสวนของวงการนี้แบบละเอียด นี่เองที่เป็นส่วนที่ทำให้ช่วงต้นถึงเกือบครึ่งค่อนเล่มนั้น เรื่องดำเนินไปแบบเฉิบ ๆ เนิบ ๆ ออกเนือยจนอาจทำให้บางคนที่ไม่ค่อยอดทนพอ จะยอมแพ้เลิกอ่านไปก่อนได้

    การเล่าเรื่องนั้นใช้วิธี แบ่งเป็นส่วน ๆ โดยการแยกเป็นบทย่อย กล่าวถึงตัวละครหลักตัวใด ก็จะเป็นมุมมองความคิดของตัวละครนั้นต่อคนรอบข้าง ซึ่งหลัก ๆ ก็มีอยู่ 5-6 คน ผู้เขียนมีความฉลาดในการสร้างปมให้กับตัวละครบางตัวที่ทำให้เกิดความน่าสงสัย จนต้องอ่านไปเรื่อย ๆ ด้วยอยากรู้ว่าคนที่น่าสงสัยนี้ จะใช่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมหรือไม่

    แท้จริงเรื่องราวของการไขคดีนั้นเป็นไปอย่างเชื่องช้ายิ่ง เพราะไปเน้นเหตุการณ์แวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของตัวละครหลักในเรื่อง ซึ่งดูเหมือนไม่น่าจะมีอะไร แต่เรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้งหลายนั้น ล้วนเป็นส่วนสำคัญที่ไม่ใช่เกิดขึ้นจากความบังเอิญ ทว่าอยู่ในแผนการที่ถูกเตรียมจัดวางไว้อย่างดีของคนร้ายตัวจริง

    ที่ต้องบอกแบบนี้เพราะ คนร้ายคนแรกนั้นไม่ได้ร้ายเพราะมีจิตใจอยากทำ ส่วนคนร้ายแฝงซึ่งคือตัวจริงที่ถูกเปิดเผยในตอนท้ายสุดนี้สิ.. ที่น่ากลัว เพราะร้ายด้วยจิตเจตนาอันแน่วแน่ต่อการกระทำอันร้ายกาจของตนโดยไม่ได้รู้สึกผิด

    เรื่องนี้ค่อนข้างมีความรุนแรงอยู่มาก ทั้งในเรื่องทางเพศที่มีความเบี่ยงเบนไปในทางผิด การใช้กำลังทำร้ายในครอบครัว การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น เพื่อหวังความก้าวหน้าโดยไม่คำนึงถึงความควรไม่ควร ความปลิ้นปล้อน ยอกย้อนของจิตใจคน ที่ซ่อนตัวตนอันร้ายกาจไว้ภายใน

    ตัวละครที่ควรจะเป็นตัวหลักในการไขคดีนั้น ถูกสร้างมาเพื่อหลอกคนอ่านโดยแท้ และใครกันคือคนที่สมควรแล้วกับความตายที่ได้รับ ดังที่ชื่อเรื่องได้เกริ่นนำไว้ สำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านเล่มนี้ ขอให้หยุดได้ตั้งแต่บรรทัดนี้ เพราะย่อหน้าถัดไปคุณยังไม่ควรทราบ เพื่อจะไม่เสียอรรถรสก่อน ส่วนคนที่อ่านจบแล้วสามารถอ่านต่อเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้สึก ความเห็นได้ตามอัธยาศัยครับ

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    นึกสงสัยพฤติกรรมและคำพูดหลายอย่างของน้องสาวตั้งแต่ช่วงต้น ๆ เล่มแล้วเชียว ยังคิดอยู่เลยว่าการผูกคอตายของแม่ จะใช่ความต้องการของเจ้าตัวจริงหรือ อาจถูกลูกสาวฆ่าหรือเปล่า แต่ก็คิดไม่ถึงว่านางจะร้ายลึกขนาดมีส่วนต่อการทำให้เกิดคดีและมีคนเสียชีวิตในภายหลัง ช่างเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นจนน่าขนลุก โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงคำเรียกพี่ชายว่า พี่จ๋า..ทั้งที่ห่างเหินไม่ได้เจอกันเลยเป็นสิบปี ดูจะพยายามทำความสนิทสนม และปฏิบัติเอาใจจนเกินไปจากความปกติพอดีของคนทั่วไปที่ควรจะเป็น

    แต่ช่วงต้นก็ถูกผู้เขียนสับขาหลอกให้ไขว้เขวและสงสัยในตัวของหญิงสาวที่อาศัยอยู่กับพ่อและปู่ เพราะการไม่บอกสิ่งที่รู้เกี่ยวกับคดีแรกกับตำรวจ สุดท้ายเธอคือคนที่น่าสงสารที่สุด มีจิตใจอ่อนโยน ใสซื่อ และเป็นผู้ถูกกระทำตั้งแต่ต้นจนจบ ความคิดที่ว่าขอเพียงมีที่ซุกหัวนอน มีอาหารกินอิ่มท้อง มีคนคอยปกป้อง แม้คนนั้นจะทำไม่ดีกับเธอจนถึงขั้นล่วงเกินต่อร่างกายก็ยอม แสดงให้เห็นว่าเป็นคนหัวอ่อน ตกเป็นเหยื่อง่าย ต่างจากน้องสาวนายตำรวจราวขาวกับดำ คนนั้นก็ภายนอกสดใส ยิ้มแย้ม เป็นกันเอง เข้ากับใครง่าย เหมือนจะหวังดีให้ความช่วยเหลือคนอื่นด้วยน้ำใสใจจริง แต่ตัวตนแท้กลับกลอกกลิ้งจนกลมเกลี้ยง ทำร้ายทุกคนได้ไม่ว่าใครแม้แต่คนในครอบครัว เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ

    อดคิดต่อหลังจบเล่มไม่ได้ ที่ตอนท้ายเนื้อหาระบุว่าพ่อรับเธอไปอยู่ด้วยหลังพี่ชายตาย นางคงจะวางแผนจัดการกับพ่อของตัวเอง และภรรยาของพ่อรวมถึงลูกที่เกิดจากภรรยาใหม่ด้วย เพื่อที่สุดท้ายทุกอย่างของพ่อจะได้ตกเป็นของเธอทั้งหมด

    ต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน ดูจากพฤติกรรมในเรื่องแล้ว แนวโน้มความเป็นไปได้สูงมาก

    สรุปว่าเป็นอีกเล่มที่เขียนได้ดีและน่าสนใจครับ แต่ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าชื่นชอบ ด้วยความแรงของเนื้อหาที่มืดมนนั่นเอง

    #นิยายแปล
    #นิยายญี่ปุ่น
    #สืบสวน
    #ฆาตกรรม
    #สำนักพิมพ์ไดฟุกุ
    #หนังสือแนะนำ
    #18+
    #ความรุนแรง
    #เนื้อหาทางเพศ
    #thaitimes
    #เพราะอย่างนี้คุณถึงถูกฆ่า เขียนโดย มิซูกิ ฮิโรมิ สนพ.ไดฟุกุ มีนาคม พ.ศ.2566 279 หน้า 319 บาท แปลโดย บัณฑิต ประดิษฐานุวงศ์ ภาพประกอบโดย ศศิ เห็นในห้องสมุดหลายครั้ง แต่ก็เลือกเล่มอื่นที่อยากอ่านมากกว่า คลาดกันมาหลายเดือน สุดท้ายยืมมาอ่านด้วยเหตุผลคือภาพหน้าปกและใจความไม่กี่ประโยคบนปกหลัง หนังสือเล่มนี้ทำให้นึกถึงสมัยเด็กที่ชอบวาดรูปการ์ตูนในหนังสือเรียนต่าง ๆ เมื่อสังเกตเห็นรูปโคมไฟเพดาน และขาตั้งไม้ที่ใช้สำหรับวาดรูป ที่เป็นรูปประกอบเล็ก ๆ อยู่มุมบนของแต่ละหน้านั้น หากพลิกไว ๆ จะเห็นเป็นภาพเคลื่อนไหวที่เกิดจากการวาดแต่ละหน้าให้ต่างกันเล็กน้อย ตอนเด็กตัวเองก็ชอบเขียนแบบนี้เล่นเช่นกัน รู้สึกชอบในความคิดสร้างสรรค์ในจุดนี้ แน่นอนว่าหน้าปกนั้นทำหน้าที่ได้ดี มีเรื่องราวที่เป็นส่วนสำคัญของเนื้อหาทั้งหมดใส่มาในภาพเดียว การใช้พื้นหลังสีขาว ทำให้ลายเส้นและสีสันตรงกลางโดดเด่น ส่วนสีที่เลือกใช้ระหว่างความอบอุ่นแจ่มใส(เหลือง) กับความสงบ เยือกเย็น (น้ำเงิน ฟ้า) ที่ให้ความรู้สึกปลอดภัย น่าไว้วางใจ ไม่รู้ว่าตอนลงสีผู้วาดต้องการสื่ออย่างนั้นหรือไม่ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาเข้ากับโทนเรื่องและบุคลิกของตัวละคร รวมถึงฉากสำคัญได้ดี เล่มนี้เป็นหนึ่งในเล่มที่ส่วนตัวคงอ่านครั้งเดียว ไม่ใช่เพราะไม่ดี แต่เรื่องราวหดหู่เกินไป อ่านแล้วเห็นใจและสงสารในชะตากรรมของตัวละครตัวหนึ่งจนถึงขนาดต้องวางเพื่อพัก คือใจหนึ่งไม่อยากรู้เรื่องราวต่อจากนั้น เพราะเห็นภาพราง ๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แต่ก็อยากรู้ว่าที่แท้แล้วคนร้ายคือใครกันแน่ จึงต้องยอมหยิบขึ้นมาอ่านต่อ กว่าจะจบก็หยิบวางอยู่หลายหน เนื้อหาโดยสังเขป นายตำรวจหนุ่มคนหนึ่งตัดสินใจย้ายออกจากหอพักตำรวจโสด เพื่อมาดูแลน้องสาวอายุ 17 ปีที่จากกันมานานถึงสิบปีและอยู่ตัวคนเดียว เนื่องจากแม่ของทั้งสองเพิ่งจะผูกคอตายไปไม่นาน พ่อกับแม่ของสองคนนี้แยกทางกัน คนพี่เลือกอยู่กับพ่อ แล้วให้น้องอยู่กับแม่ แต่แม่ป่วยต้องใช้เงินรักษาจำนวนมากจึงขัดสน เคยส่งจดหมายขอความช่วยเหลือจากสามีหลายครั้ง แต่เขาไม่สนใจ กลับแต่งงานมีภรรยาใหม่และมีลูก ต่อมาพี่ชายทราบข่าวแม่ จึงเข้ามามีบทบาทต่อเพราะน้องสาวไม่เหลือใคร ในขณะเดียวกันก็เกิดคดีที่มีคนพบศพหญิงวัยรุ่น ซึ่งคาดว่าถูกฆ่าตายทิ้งไว้แถวทางเดินสีเขียวริมแม่น้ำ พี่ชายจึงต้องเข้าร่วมเป็นหนึ่งในทีมสืบสวนหาสาเหตุ โดยมีน้องสาวที่เรียนมัธยมปลาย ซึ่งค่อนข้างเฉลียวฉลาดคอยช่วยหาข้อมูลป้อนให้ ตัวละครในเรื่องเยอะ โดยเฉพาะตำรวจในทีมสืบสวน ชื่อจำยาก ทำให้เป็นปัญหากับผมอย่างมาก จำได้แค่ชื่อคู่หูของพี่ชาย และเพื่อนร่วมงานที่เป็นเหมือนคู่แข่งได้เท่านั้น ส่วนหนึ่งที่ค่อนข้างแตกต่างและโดดเด่นไปจากแนวสืบสวนเล่มอื่นคือ เล่มนี้เน้นให้เห็นภาพการทำงานของตำรวจญี่ปุ่น เวลาเกิดคดีฆาตกรรมที่มีความสมจริงมาก เพราะบทสนทนาของตำรวจที่ร่วมการสืบสวนนั้น ทำให้คนอ่านเหมือนร่วมรับฟังการประชุมอยู่ในสถานีตำรวจ และขั้นตอนวิธีในการสืบสวนของวงการนี้แบบละเอียด นี่เองที่เป็นส่วนที่ทำให้ช่วงต้นถึงเกือบครึ่งค่อนเล่มนั้น เรื่องดำเนินไปแบบเฉิบ ๆ เนิบ ๆ ออกเนือยจนอาจทำให้บางคนที่ไม่ค่อยอดทนพอ จะยอมแพ้เลิกอ่านไปก่อนได้ การเล่าเรื่องนั้นใช้วิธี แบ่งเป็นส่วน ๆ โดยการแยกเป็นบทย่อย กล่าวถึงตัวละครหลักตัวใด ก็จะเป็นมุมมองความคิดของตัวละครนั้นต่อคนรอบข้าง ซึ่งหลัก ๆ ก็มีอยู่ 5-6 คน ผู้เขียนมีความฉลาดในการสร้างปมให้กับตัวละครบางตัวที่ทำให้เกิดความน่าสงสัย จนต้องอ่านไปเรื่อย ๆ ด้วยอยากรู้ว่าคนที่น่าสงสัยนี้ จะใช่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมหรือไม่ แท้จริงเรื่องราวของการไขคดีนั้นเป็นไปอย่างเชื่องช้ายิ่ง เพราะไปเน้นเหตุการณ์แวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของตัวละครหลักในเรื่อง ซึ่งดูเหมือนไม่น่าจะมีอะไร แต่เรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้งหลายนั้น ล้วนเป็นส่วนสำคัญที่ไม่ใช่เกิดขึ้นจากความบังเอิญ ทว่าอยู่ในแผนการที่ถูกเตรียมจัดวางไว้อย่างดีของคนร้ายตัวจริง ที่ต้องบอกแบบนี้เพราะ คนร้ายคนแรกนั้นไม่ได้ร้ายเพราะมีจิตใจอยากทำ ส่วนคนร้ายแฝงซึ่งคือตัวจริงที่ถูกเปิดเผยในตอนท้ายสุดนี้สิ.. ที่น่ากลัว เพราะร้ายด้วยจิตเจตนาอันแน่วแน่ต่อการกระทำอันร้ายกาจของตนโดยไม่ได้รู้สึกผิด เรื่องนี้ค่อนข้างมีความรุนแรงอยู่มาก ทั้งในเรื่องทางเพศที่มีความเบี่ยงเบนไปในทางผิด การใช้กำลังทำร้ายในครอบครัว การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น เพื่อหวังความก้าวหน้าโดยไม่คำนึงถึงความควรไม่ควร ความปลิ้นปล้อน ยอกย้อนของจิตใจคน ที่ซ่อนตัวตนอันร้ายกาจไว้ภายใน ตัวละครที่ควรจะเป็นตัวหลักในการไขคดีนั้น ถูกสร้างมาเพื่อหลอกคนอ่านโดยแท้ และใครกันคือคนที่สมควรแล้วกับความตายที่ได้รับ ดังที่ชื่อเรื่องได้เกริ่นนำไว้ สำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านเล่มนี้ ขอให้หยุดได้ตั้งแต่บรรทัดนี้ เพราะย่อหน้าถัดไปคุณยังไม่ควรทราบ เพื่อจะไม่เสียอรรถรสก่อน ส่วนคนที่อ่านจบแล้วสามารถอ่านต่อเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้สึก ความเห็นได้ตามอัธยาศัยครับ . . . . . . . . . . . . . . นึกสงสัยพฤติกรรมและคำพูดหลายอย่างของน้องสาวตั้งแต่ช่วงต้น ๆ เล่มแล้วเชียว ยังคิดอยู่เลยว่าการผูกคอตายของแม่ จะใช่ความต้องการของเจ้าตัวจริงหรือ อาจถูกลูกสาวฆ่าหรือเปล่า แต่ก็คิดไม่ถึงว่านางจะร้ายลึกขนาดมีส่วนต่อการทำให้เกิดคดีและมีคนเสียชีวิตในภายหลัง ช่างเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นจนน่าขนลุก โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงคำเรียกพี่ชายว่า พี่จ๋า..ทั้งที่ห่างเหินไม่ได้เจอกันเลยเป็นสิบปี ดูจะพยายามทำความสนิทสนม และปฏิบัติเอาใจจนเกินไปจากความปกติพอดีของคนทั่วไปที่ควรจะเป็น แต่ช่วงต้นก็ถูกผู้เขียนสับขาหลอกให้ไขว้เขวและสงสัยในตัวของหญิงสาวที่อาศัยอยู่กับพ่อและปู่ เพราะการไม่บอกสิ่งที่รู้เกี่ยวกับคดีแรกกับตำรวจ สุดท้ายเธอคือคนที่น่าสงสารที่สุด มีจิตใจอ่อนโยน ใสซื่อ และเป็นผู้ถูกกระทำตั้งแต่ต้นจนจบ ความคิดที่ว่าขอเพียงมีที่ซุกหัวนอน มีอาหารกินอิ่มท้อง มีคนคอยปกป้อง แม้คนนั้นจะทำไม่ดีกับเธอจนถึงขั้นล่วงเกินต่อร่างกายก็ยอม แสดงให้เห็นว่าเป็นคนหัวอ่อน ตกเป็นเหยื่อง่าย ต่างจากน้องสาวนายตำรวจราวขาวกับดำ คนนั้นก็ภายนอกสดใส ยิ้มแย้ม เป็นกันเอง เข้ากับใครง่าย เหมือนจะหวังดีให้ความช่วยเหลือคนอื่นด้วยน้ำใสใจจริง แต่ตัวตนแท้กลับกลอกกลิ้งจนกลมเกลี้ยง ทำร้ายทุกคนได้ไม่ว่าใครแม้แต่คนในครอบครัว เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ อดคิดต่อหลังจบเล่มไม่ได้ ที่ตอนท้ายเนื้อหาระบุว่าพ่อรับเธอไปอยู่ด้วยหลังพี่ชายตาย นางคงจะวางแผนจัดการกับพ่อของตัวเอง และภรรยาของพ่อรวมถึงลูกที่เกิดจากภรรยาใหม่ด้วย เพื่อที่สุดท้ายทุกอย่างของพ่อจะได้ตกเป็นของเธอทั้งหมด ต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน ดูจากพฤติกรรมในเรื่องแล้ว แนวโน้มความเป็นไปได้สูงมาก สรุปว่าเป็นอีกเล่มที่เขียนได้ดีและน่าสนใจครับ แต่ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าชื่นชอบ ด้วยความแรงของเนื้อหาที่มืดมนนั่นเอง #นิยายแปล #นิยายญี่ปุ่น #สืบสวน #ฆาตกรรม #สำนักพิมพ์ไดฟุกุ #หนังสือแนะนำ #18+ #ความรุนแรง #เนื้อหาทางเพศ #thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 848 มุมมอง 0 รีวิว
  • #นิยายไทย
    #คู่กรรม2
    #ทมยันตี
    #หนังสือน่าอ่าน
    #thaitimes
    #14ตุลา



    อ่านจบเดือนครึ่งเกือบสองเดือนแล้วสำหรับคู่กรรม2 ของทมยันตี สองเล่ม 702 หน้า สนพ. ณ บ้านวรรณกรรม พิมพ์ที่อ่านนี้เป็นครั้งที่ 9 ปี 2552 (ยืมจากห้องสมุด) ในอดีตเคยอ่านแค่ตอนเดียวสมัยเรื่องนี้พิมพ์ลงในนิตยสาร โลกวลี ช่วงสมัยอยู่มัธยม

    เมื่อดูจากปกในที่ระบุว่ามีการรวมเล่มครั้งแรกปี 2534 เท่ากับว่าเรื่องนี้ปรากฏโฉมสู่สายตานักอ่านมาถึงปัจจุบันรวมเวลา 33 ปีล่วงแล้ว

    เคยชมภาพยนตร์ที่นำแสดงโดย คุณพล ตัณฑเสถียร และคุณศิริลักษณ์ ผ่องโชค เมื่อปี 2539 รู้สึกตอนจบรันทดหดหู่เนื่องจากลูกชายของอังศุมาลินตายเพราะช่วยลูกศิษย์ เลยไม่อยากอ่านหนังสือ แต่เพิ่งจะรู้ข้อมูลเมื่อไม่นานมานี้เองว่าบทสรุปในหนังสือนั้นต่างไปจากที่ถูกสร้างเป็นหนัง ดังนั้นจึงเกิดแรงใจในการหามาอ่านให้จบสมบูรณ์ หลังจากที่เคยอ่านภาคแรกจบตั้งแต่สามสิบกว่าปีก่อน

    พบคำผิดประปรายในการพิมพ์ครั้งที่ 9 บางคำก็ได้ความรู้เพิ่มเติมว่าสามารถเขียนได้สองแบบ เช่นคำว่า กระแหนะกระแหน ซึ่งเขียนว่า กระแนะกระแหน ก็ได้ ที่ผ่านมาตัวเองคุ้นชินกับการเขียนแบบมี ห นำหน้ามาตลอด พอเห็นว่าในหนังสือใช้เป็นแบบไม่มี ห นำ ยังคิดว่าน่าจะพิมพ์ผิด เมื่อลองค้นจึงค่อยทราบว่าไม่ผิด ซึ่งในเล่มช่วงแรก ก็ไม่มี ห แต่พอช่วงหลังมี ห โผล่มาซะงั้น อดคิดไม่ได้ว่าตกลงจะเลือกใช้แบบไหนก็น่าจะเอาสักทาง ให้เหมือนกันตลอดทั้งเรื่อง

    จากนี้ไปจะยาวมากครับ คงมีคนอ่านไม่มาก ถ้าใครอ่านต่อจนจบได้ขอโปรดรับคำขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วย

    ในส่วนเนื้อเรื่องของภาคนี้ ดำเนินต่อจากความตายของโกโบริ คืออังศุมาลินท้องแก่และคลอดลูกชาย ให้ชื่อว่ากลินท์ที่หมายถึงพระอาทิตย์ ชื่อญี่ปุ่น โยอิจิ โยหมายถึงดวงอาทิตย์ อิจิคือลูกคนแรก พ่อของอังศุมาลินยังคงห่วงใยคนรักเก่าและลูกสาวที่บ้านสวน จึงมาบอกข่าวว่าอีกไม่นานญี่ปุ่นคงจะแพ้สงคราม ซึ่งจะส่งผลกระทบมาสู่แม่อร อังศุมาลินและลูกโดยตรง จึงอยากจะช่วยเหลือ แต่แม่อรปฏิเสธ ไม่ใช่แค่คนเป็นพ่อที่ห่วงใย แม้ตาผลตาบัวสองคู่หูคู่หอย ก็หมั่นนำข่าวมาบอกว่าอีกไม่นานพลพรรคจะนัดกันลุกฮือต่อสู้ญี่ปุ่น รวมถึงวนัสที่ได้รับอิสระจากความช่วยเหลือของโกโบริก่อนตาย จึงกลับมาหาอังศุมาลินเพื่อบอกข่าวและถามเธอว่าจะยอมแต่งงานกับเขาไหม เพื่อจะได้แก้ไขปัญหาที่กำลังจะเกิด แต่อังศุมาลินปฏิเสธ เธอยินดีที่จะอยู่ดูแลลูกต่อไปในบ้านสวน ไม่ย้ายหนีไปไหนทั้งนั้น แล้วคุณยายแม่ของแม่อร และยายของอังศุมาลิน ก็จากไปเป็นคนแรกของภาคนี้ แต่เป็นการจากอย่างสงบ เตรียมตัวตายอย่างดี ไปถือศีลอยู่วัดไม่ต้องลำบากลูกหลาน

    เวลาผ่านไป ในที่สุดญี่ปุ่นแพ้สงครามพ่อของอังศุมาลินมาบอกทุกคนที่บ้านสวนว่าจะเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ช่วงบั้นปลายชีวิต ทุกคนร่วมอนุโมทนา หลังบวชท่านต่างจากพระอื่นในวัด ไปอยู่กุฏิเล็กโทรมเพียงรูปเดียว ฉันวันละมื้อ และปฏิบัติเคร่งครัดจนชาวบ้านพากันโจษจันไปทั่วคุ้งน้ำ ด้านเด็กชายกลินท์เจริญวัยขึ้น ได้รับความเอาใจใส่จากแม่ และปู่คือตาผลตาบัวที่อุปโลกน์ตนเอง โดยเล่าเรื่องราวต่างๆของแม่และโกโบริให้กับเด็กชายฟัง ก่อนที่ทั้งคู่จะทยอยตายจากไปเช่นกัน จึงเหลือเพียงแม่อร ที่มักไปอยู่วัดบ่อยเหมือนเช่นทวดของกลินท์ นาน ๆ ครั้งกลินท์จึงได้ติดตามยายกับแม่ไปกราบท่าน กาลล่วงเลยจนเด็กชายเติบใหญ่เป็นหนุ่มวัย 27 ปี ดีกรีอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์ที่ ม.ธรรมศาสตร์ เป็นที่ชื่นชอบในบรรดาเหล่าลูกศิษย์โดยเฉพาะนักศึกษาหญิง

    ขณะที่เมืองไทยเข้าสู่ช่วงปีที่ในกรุงเทพกำลังเกิดกระแสตื่นตัวต่อต้านสินค้าและอื่นใดที่มาจากญี่ปุ่น ซึ่งสร้างชาติอย่างรวดเร็วภายหลังแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง โดยเน้นทางด้านเศรษฐกิจ ทำให้โยอิจิที่มีปมเป็นลูกที่มีเลือดญี่ปุ่นครึ่งหนึ่ง นึกรังเกียจไม่พอใจชาติกำเนิดตนเอง ต่อต้านพ่อที่ตายไปแล้ว และไม่เข้าใจแม่ จึงกลายเป็นคนที่ให้คำแนะนำแก่บรรดาศิษย์หัวรุนแรง ก้าวหน้า ฝักใฝ่ปลดแอกประชาชนจากการเป็นทาสทุนนิยมบริโภคและทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับญี่ปุ่น โดยไม่มีใครรู้ความจริงของพ่ออาจารย์

    ทางบ้านสวน แม้โยอิจิจะรักแม่มาก แต่ขณะเดียวกันใจก็ยังไม่ยอมรับพ่อ กลายเป็นเหมือนเด็กน้อยที่เอาแต่ใจ รั้น และดื้อเงียบ แต่เขาเข้ากันได้อย่างดีกับลุงวนัสที่สนิทสนมมาแต่เด็ก เข้าออกบ้านลุงบ่อย ตั้งแต่กำนันพ่อของวนัสยังมีชีวิตอยู่จนตายไปในเวลาต่อมา วนัสทำธุรกิจหลายอย่าง รวมถึงการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงบ้านเรือนไทยของตนให้เป็นที่ทำงานด้วย วนัสไม่ยอมแต่งงานสักทีตั้งแต่อกหักจากอังศุมาลิน แม้โยอิจิจะรู้ว่าวนัสมีการคบหาทำธุรกิจกับพวกคนญี่ปุ่น เขาไม่เห็นด้วยแต่ก็ยังรักชอบในฐานะลุงเช่นเดิม

    ส่วนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ซึ่งเขาเป็นอาจารย์สอนอยู่นั้น เขาคอยเป็นที่ปรึกษาให้กับกลุ่มนิสิตนักศึกษาระดับผู้นำหลายคนที่เรียกร้องรัฐบาลให้บอยคอตคนญี่ปุ่นรวมถึงธุรกิจ สินค้าทุกชนิด โดยที่ไม่มีใครรู้ความจริงว่าเขามีพ่อเป็นใคร ขณะที่มีอาจารย์สาวคนหนึ่งชื่อ ชิตาภา หน้าตาดี ครอบครัวเป็นชาวจีนมีอันจะกินที่มาตั้งรกรากสร้างตัวจนกลายเป็นมีกิจการค้ารุ่งเรือง มักชอบเข้าหามาชวนเขาสนทนาอยู่บ่อยครั้ง ดูเหมือนเธอจะพึงใจในตัวโยอิจิอยู่บ้าง และน่าจะมีอะไรที่มากกว่านั้น แต่เขาไม่สนใจ มักคุยด้วยไม่นาน และสร้างขอบเขตส่วนตัวที่กันคนอื่นออกไปอยู่วงนอกเสมอ ไม่ยอมให้ใครเข้าถึงความในใจตนได้

    แล้ววันหนึ่งนักศึกษาสาวปีสามรัฐศาสตร์นามว่า ศราวณี ผู้เป็นแกนนำหัวรุนแรงที่ต่อต้านคนญี่ปุ่นและสินค้าญี่ปุ่น รวมถึงต่อต้านรัฐบาลทหารในช่วงนั้น ซึ่งรู้ความจริงเรื่องของพ่อโยอิจิ และมีความคับแค้นจากปมในครอบครัวตนซึ่งแม่ตายตั้งแต่เด็ก ถูกเลี้ยงดูมาจากยายและป้าที่เป็นพี่สาวของแม่ และเข้าใจผิดฝังหัวมาตลอดเกี่ยวกับครอบครัวบ้านสวนของอังศุมาลิน ที่มาแย่งชิงความรักไปจากคุณตาของเธอ เพราะทั้งยายและป้ามักเล่าความหลังโดยบิดความจริงแล้วใส่สีตีไข่ บริภาษแม่อรว่าคือผู้เป็นเมียน้อยที่แย่งความรักไป ทำให้ครอบครัวฝั่งยายลำบาก และโดนแย่งสมบัติไปหมด แม่และป้าจึงโตมาอย่างยากแค้นจนแม่ตายไปและป้าต้องรับเลี้ยงศราวณีต่อมาอย่างลุ่ม ๆ ดอน ๆ ทำให้ป้ามักอารมณ์เสียใส่เธอเสมอตั้งแต่เด็กจนโต เพาะเป็นความเกลียดชังต่อครอบครัวฝั่งบ้านสวน ทั้งที่ตัวเองไม่เคยพบหน้าอีกฝ่าย จนเมื่อเข้ามาเป็นนักศึกษาและพบว่าโยอิจิสอนหนังสืออยู่ที่ธรรมศาสตร์ จึงพุ่งความโกรธเกลียดที่ตนเคยได้รับจากป้ามารวมอยู่ที่อาจารย์ทั้งหมด จนกระทั่งบอกความลับเรื่องพ่อของโยอิจิออกไปให้พวกเพื่อนกลุ่มหัวรุนแรงด้วยกันรับรู้

    วันที่พวกเธอและเพื่อนตามตัวให้โยอิจิมาที่ห้องซึ่งเป็นที่รวมพลเพื่อพูดคุยเรื่องจะทำอะไรต่อไป แล้วใครคนหนึ่งได้กล่าวเปิดโปงเรื่องโกโบริ และพูดจาดูถูกเหยียดหยามเชื้อชาติของพ่อ วินาทีนั้นเองโยอิจิกลับเพิ่งเข้าใจหัวใจตนเองเป็นครั้งแรกในชีวิต 27 ปีที่ผ่านมา ว่าแท้จริงเขารักพ่อและเทิดทูนในเกียรติยศของทหารหาญมากแค่ไหน เขายอมรับอย่างตรงไปตรงมาด้วยท่าทีแสดงออกถึงความภูมิใจในสายเลือดแห่งตนด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมพลัง ที่สามารถสยบเสียงโห่ฮาขับไล่ของเหล่านักศึกษาให้สงบลงได้ นั่นคือครั้งแรกเช่นกันที่สร้างความประหลาดใจแกมรู้สึกผิดอยู่เบื้องลึกให้เกิดขึ้นในหัวใจของศราวณี ที่ไม่นึกฝันว่าโยอิจิจะกล้ายอมรับอย่างไม่สะทกสะท้าน

    นับตั้งแต่วันนั้น โยอิจิเหมือนได้รับการปลดล็อกออกจากห้องขังที่ตนเองสร้างขึ้นเพื่อหนีความจริงสุดลึกที่เก็บกดไว้ เขาเข้าใจถึงความรักของแม่อันเป็นที่รักที่มีต่อพ่อชาวญี่ปุ่นอย่างท่วมท้นหัวใจแล้ว พ่อไม่เคยทำสิ่งไม่ดี มีแต่ทำตามหน้าที่ของชายชาติทหารที่ได้รับมอบหมาย ไม่ได้ทำไปด้วยความจงเกลียดจงชัง โยอิจิกลับไปที่บ้านสวนในเย็นวันนั้นอย่างคนที่บาดเจ็บสาหัส ไม่ใช่ทางกาย แต่ได้รับความกระทบกระเทือนทางใจอย่างรุนแรง อังศุมาลินรับรู้ได้ด้วยสายตาและหัวใจของคนเป็นแม่ แม้ไม่รู้ว่าลูกชายพบเจอเรื่องใดมาทำได้แค่ยกสองมือขึ้นโอบกอดถ่ายเทความรักความอบอุ่นที่มีให้กับลูกชายด้วยความเข้าใจอย่างสงบ

    โยอิจิไม่รู้ความจริงว่าศราวณีคือน้องสาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้อง เกิดจากน้องสาวต่างมารดาของอังศุมาลิน มีเพียงอาจารย์ชิตาภาที่ทราบ เพราะเธอเป็นญาติที่มีศักดิ์เป็นคุณน้าของศราวณี แต่ยังไม่อาจเล่าให้เขาฟัง โยอิจิยังคงสงสัยและเคลือบแคลงว่าชิตาภาประสงค์สิ่งใดแน่จึงมักหาเหตุมาใกล้ชิดชวนสนทนากับตน

    ด้วยความรู้สึกผิดเกาะกินจากภายใน รวมถึงปัญหาต่าง ๆ รุมเร้า แม้ใจจะต่อต้านพี่ชายอย่างอาจารย์กลินท์ แต่เบื้องลึกเธอกลับมีความรู้สึกที่ดี รักเคารพในชายคนนี้อย่างไม่รู้ตัว วันหนึ่งโยอิจิพบเธอนั่งซึมอยู่ที่ท่าเรือ เหมือนรอคอยจะพบเขาและตามลงเรือมาที่บ้านสวนด้วย ศราวณีจึงได้พบกับสรวงสวรรค์บ้านเรือนไทยหลังเดียวในย่านนั้นที่ยังคงสภาพเหมือนเดิมกับช่วงเกิดสงคราม ในขณะที่บ้านหลังอื่นเปลี่ยนแปลงไปสร้างตามอย่างต่างชาติหมด เธอพบบรรยากาศที่ร่มรื่นชื่นเย็น สงบสุขอย่างไม่เคยได้รับยามเมื่อกลับถึงบ้านที่อยู่กับป้า ยิ่งเมื่อได้พบเจออังศุมาลิน ภาพที่เคยคิดไว้กลับตรงข้ามกับสิ่งที่เห็นและได้ยินทุกอย่างต่างจากที่ยายและป้าได้พูดใส่หูเธอมาตลอด เธอรู้สึกได้รับความสุข สงบ สบายใจและผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเกิด และเริ่มเปลี่ยนความคิดที่มีต่อครอบครัวของโยอิจิ

    ทางด้านหลวงพ่อ หลังจากบวชเพื่อปฏิบัติอย่างเอาจริงอยู่จนล่วงเข้าสู่ปัจฉิมวัย ที่สุดก็มรณภาพอย่างสงบในท่านั่งสมาธิอยู่ในกุฏิ ทำให้ชาวบ้านโจษจันต่างศรัทธานับถือ จนเจ้าอาวาสและทางกรรมการวัดเห็นเป็นโอกาสในการสร้างเรื่องเรียกคนเข้ามาทำบุญเพิ่ม ด้วยการยกให้หลวงพ่อเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาทันที ทั้งที่ตอนมีชีวิต ไม่ใคร่สนใจ

    ที่บ้านสวนส่วนใหญ่อังศุมาลินอยู่บ้านคนเดียว ทำงานบ้านดูแลอาหารการกินเตรียมไว้ให้ลูกชาย ทว่าเริ่มมีอาการป่วยที่ค่อย ๆ รุนแรงมากขึ้นจนต้องแอบไปที่ศิริราช โดยมีเจ้าโก๊ะเด็กชายตัวน้อย ลูกของคนจรจัดหญิงชายที่มาขออาศัยอยู่ในสวนด้านหลังบ้านตามไปเป็นเพื่อน พ่อแม่ของโก๊ะนั้นเป็นประเภทไม่ชอบทำมาหากิน ขี้เหล้าเมายา เล่นพนันไปตามเรื่อง อังศุมาลินเคยหวังดีเอ่ยปากแนะนำให้ตั้งตัวขยันทำกินหลายครั้ง แต่ทั้งสองไม่สนใจ เอาแต่เก็บผักผลไม้จากในสวนของแม่อรและอังศุมาลิน มากินและขายด้วยถือวิสาสะว่าเหมือนของตน และมักใช้ให้โก๊ะมาขอเงินจากอังศุมาลินบ่อย ๆ

    ส่วนเหตุการณ์ทางด้านการบ้านการเมืองกลับทวีความรุนแรง คุกรุ่นขึ้นเรื่อย ๆ บรรดานักศึกษาต่างรวมตัวกันในสถาบันหลายแห่ง รวมถึงขึ้นเวทีพูดปลุกระดมให้ชาวบ้านฟังและเข้าร่วมสนับสนุนฝ่ายตนมากขึ้น ขณะที่ยื่นคำขาดต่อรัฐบาลให้ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องที่ร่างขึ้น เหตุการณ์ช่วงปี พ.ศ. 2516 เริ่มขมวดปมความขัดแย้งระหว่างฝ่ายผู้บริหารกับฝ่ายนักศึกษา ผ่านสายตาของโยอิจิและชิตาภาที่คอยเฝ้ามองอย่างห่าง ๆ ด้วยความเป็นห่วงในตัวศิษย์ แม้เคยกล่าวเตือนในหลายครั้งให้ศราวณีระมัดระวัง อย่าทำอะไรที่ผลีผลาม หุนหันพลันแล่น แต่อย่างไรเด็กก็คือเด็ก เมื่อเขามีความเชื่อฝังหัวไปทางด้านหนึ่ง ก็ขาดความใคร่ครวญพิจารณาอย่างรอบถ้วน และมองไม่เห็นถึงภัยร้ายที่จะบังเกิดขึ้นในเมื่อทุกสิ่งถูกปลุกเร้าเข้าสู่ห้วงวิกฤต

    สุดท้ายถึงวันแตกหักอันเป็นเหตุการณ์วิปโยคของคนไทยทุกคน จะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับโยอิจิ ชิตาภา และศราวณี ในขณะที่อังศุมาลินนั้นก็มีอาการเจ็บป่วยที่มักเหนื่อยง่าย หน้าซีดจะเป็นลมบ่อย แต่ปิดไว้ไม่ให้ลูกชายรู้ ดูเหมือนเวลาชีวิตของเธอจะเหลืออีกไม่มากก่อนจะได้ตามไปอยู่กับโกโบริ สรุปสุดท้ายของนิยายจะลงเอยอย่างไรไปอ่านต่อได้ในคู่กรรม 2 ครับ

    🖋วิเคราะห์หลังอ่านจบ

    มีทั้งส่วนที่ชอบและไม่ชอบ ภาคนี้ต่างไปจากภาคแรกอย่างชนิดเหมือนเป็นนิยายคนละเรื่อง คนละแนวทาง คือภาคแรกมีความเป็นนิยายรักระหว่างรบ ที่มีทั้งปมความรัก ความขัดแย้งในตัวตนกับคนที่คิดว่าคือศัตรูเป็นแกนหลัก เน้นไปทางอารมณ์ความรู้สึกของอังศุมาลินและโกโบริ โดยมีเหตุการณ์น้อยใหญ่ที่เข้ามาสร้างให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างกันของทั้งสองเพิ่มขึ้นทีละน้อยจนถึงขั้นรัก แต่ไม่อาจเปิดใจเพราะติดที่กรอบซึ่งถูกสร้างขึ้นจากทั้งอังศุมาลินเอง และสังคมสร้างให้กลายเป็นขื่อคาที่ตรึงรั้งใจไว้ให้มิอาจแสดงออกถึงความรักได้ดังเช่นคู่สามีภรรยาปกติ จนนำไปสู่บทสรุปอันเจ็บปวดและขมขื่นในตอนท้ายเรื่องที่สร้างความจดจำและสะเทือนใจให้กับคนอ่านอย่างยิ่ง กลายเป็นอมตะนิยายรักแห่งโศกนาฏกรรมที่คนไทยรู้จักมากที่สุดเรื่องหนึ่ง

    มาในภาคนี้ เนื้อหาโครงสร้างหลักกลับเน้นไปที่ความมองโลกของคนเป็นแม่อย่างคนที่ผ่านประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตมาแล้ว และจะเลือกเดินหน้าต่อไปอย่างไรในสถานการณ์ที่คนไทยส่วนใหญ่เกลียดชังญี่ปุ่น ในขณะที่เธอคือภรรยาหม้ายและมีลูกชายสายเลือดที่เกิดจากทหารญี่ปุ่น ตลอดทั้งเล่มนี้ในความรู้สึกส่วนตัว ผมมองว่านี่คือนิยายธรรมะเล่มหนึ่งทีเดียว เพียงแต่ไม่ใช่ธรรมะที่เป็นคำบรรยายเทศน์ของพระผู้เป็นองค์ธรรมกถึก หากแต่เป็นหนังสือธรรมะที่นำพล็อตของนิยายมาสวม จึงพบได้ในหลายย่อหน้า แทบทุกตอนที่ผู้เขียนสอดแทรกแนวคิดหลักธรรมทางพุทธตามแนวที่ท่านเชื่อเป็นทางที่ถูกตรงลอยอบอวลอยู่ในการบรรยาย เหมือนตัวละครและฉากเหล่านั้นคือตัวแทนหรือเครื่องมือที่ต้องการสื่อสอนธรรมะไปสู่ผู้อ่านอยู่ตลอด โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องราวของความตาย ดังจะเห็นได้จากมีการจากไปของตัวละครเดิมที่มีบทบาทจากภาคแรก คนแล้วคนเล่า เริ่มตั้งแต่คุณยาย ตาผลตาบัว หลวงพ่อ และกำลังใกล้ตายอย่างอังศุมาลิน ทำนองแสดงสัจธรรมชีวิต

    หลายช่วงตอนที่มีการหยิบยกบทกลอนร้อยกรองจากในวรรณคดีไทย หรือที่ผู้เขียนแต่งขึ้น รวมถึงวลี ประโยคภาษาอังกฤษจากบทเพลง บทกวีต่าง ๆ ของทางตะวันตกมาใช้เพื่อสื่อแสดงถึงความรู้สึกของผู้เขียนที่ต้องการสะท้อนผ่านเรื่องราวของเหตุการณ์แวดล้อมรอบตัวโยอิจิ และตัวละครสำคัญ จนบางทีก็ดูมากไป อ่านไปเรื่อย ๆ อดที่จะคิดไม่ได้ว่าเล่มนี้ มีความคล้ายกันกับอีกเล่มของทมยันตีที่มีชื่อว่า จดหมายถึงลูก(ผู้)ชาย ที่เน้นสอนลูกของผู้เขียนเองและคนเป็นลูกชายทุกคน ด้วยการแทรกแนวคิดคำสุภาษิตไว้ในเนื้อหาตลอดเล่ม

    แล้วการเขียนลักษณะนี้ดีหรือไม่อย่างไร?

    คงขึ้นกับความชื่นชอบส่วนบุคคลของผู้อ่านที่มีรสนิยมแตกต่าง ส่วนผมเองนั้นไม่ถึงกับเรียกได้ว่าชอบทว่าก็ไม่ขัดใจมากมาย แต่ยอมรับว่าทมยันตีเป็นหนึ่งในนักเขียนที่มีความไม่ธรรมดาในด้านศึกษาธรรมะในพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งหาตัวจับยาก แล้วนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการเขียนได้เก่งมากคนหนึ่งในเหล่านักเขียนรุ่นเก่า หากจะติบ้างก็คงเป็นความเข้าใจในทางหลักธรรมที่นำมาสอดแทรกไว้ในคู่กรรม2 นั้น ยังเป็นความเข้าใจที่เหมือนเช่นคนปฏิบัติธรรมทั่วไปในไทยเข้าใจกันว่าถูกต้อง คือเน้นการนั่งสมาธิเดินจงกรมว่าคือวิธีที่จะนำไปสู่การลดละกิเลสจนนำไปสู่ความหลุดพ้นได้ ดังที่ตัวละครหลวงพ่อในเรื่องได้ปฏิบัติและพูดคุยสอนธรรมกับโยอิจิ หรือแม่อร อังศุมาลิน ซึ่งโดยแท้จริงการปฏิบัติควรเน้นไปที่การมีสติอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกที่จะจับอาการกิเลสแล้วกำจัดทิ้ง ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใด ไม่ว่ายืน เดิน นั่ง นอน หรืออิริยาบถย่อยอื่น ไม่ใช่เพียงแค่ตอนนั่งสมาธิเดินจงกรมเพียงเท่านั้น เพราะในชีวิตจริงมนุษย์ไม่อาจจะบังคับตนให้อยู่เพียงแค่ท่านั่งสมาธิต่อเนื่องยาวนานไปจนชั่วชีวิต

    นอกจากประเด็นที่กล่าวถึงนี้แล้วที่มีความเห็นไม่ตรงกับผู้เขียน ทางด้านอื่นถือว่าผมชอบนิยายเรื่องนี้ไม่น้อยทีเดียว โดยเฉพาะการมองโลกที่มองทะลุถึงความเป็นจริงของสังคมไทย ลักษณะนิสัย ที่เจาะลึกให้เห็นว่าแม้นในอดีตสมัยสงครามคนไทยเป็นอย่างไร ปัจจุบันในยุคนี้ก็ยังคงพบเห็นได้ว่าไม่แตกต่างกันนัก จึงถือว่านิยายเล่มนี้ไม่ล้าสมัย โดยเฉพาะด้านการบ้านการเมืองที่ผู้มีอำนาจในฝ่ายรัฐ มักเลือกใช้วิถีทางแห่งความรุนแรงในการสยบปัญหาอยู่เสมอ โดยมีมือที่สามที่คอยฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ ยั่วยุ ปลุกปั่น และล่อลวงให้คู่กรณีระหว่างรัฐกับนักศึกษาและประชาชนปะทะแตกหัก จนเกิดความสูญเสีย อันมีแต่หายนะต่อประเทศชาติ

    ศราวณี คือตัวแทนที่เปรียบให้เห็นเด่นชัด ไม่ว่ายุคใด เหล่าเด็กหนุ่มสาวอนาคตชาติ มักถูกกระตุ้น ให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน และปลุกเร้าจุดไฟติดได้โดยง่าย ด้วยพวกเขามีพลังงานล้นเหลือ เมื่อเลือกเชื่อไปทางใดทางหนึ่งแล้ว บางทีก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างสุดกำลังโดยไม่ทันได้ใคร่ครวญ ยั้งคิด หรือพิจารณาทัศนียภาพรอบข้างระหว่างทางที่มุ่งไปให้ถี่ถ้วนรอบคอบ จึงมักตกเป็นฝ่ายที่ถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือให้ไปตายแทนคนบงการแท้จริงเบื้องหลังเสมอ

    และเมื่อเกิดความสูญเสียแล้วก็เป็นเช่นดังอะไหล่เลวที่โดนใช้แล้วทิ้งโดยไร้ความเสียดาย หรือจำเป็นต้องดูแลอย่างใดต่อไป กว่าพวกเขาจะรู้ตัว ความผิดพลาดพลั้งเผลอก็เกิดขึ้นและไปไกลเกินกว่าตนเองจะหยุดยั้ง ควบคุมและแก้ไขสถานการณ์ได้เสียแล้ว ดังจุดจบของตัวละครในเรื่องนี้หลังเหตุการณ์วันที่ 14 ตุลาคม 2516 ความเก่งกล้า ไม่ยอมใคร ไม่ฟังอาจารย์ ความร้อนเร่าเอาแต่ใจ รั้นจะทำในสิ่งที่ตนคิดให้จงได้ ทว่าสุดท้ายกลับกลายพาเพื่อน คนที่ไม่รู้อะไรแต่ก็ตามกันไป ไปพบกับการบาดเจ็บล้มตายต่อหน้าต่อตา ถึงกับกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง หลบหนีตายจ้าละหวั่น กระทบกระเทือนถึงสภาพจิตใจอย่างรุนแรงจนแทบจะกลายเป็นบ้าไป เธอจึงได้รับบาดแผลลึกที่เสียใจก็ไม่ทันแล้ว กับไฟที่ตอนแรกเพียงแค่เหมือนไฟจากปลายก้านไม้ขีดในมือที่ขยับนิดเดียวก็ดับ สุดท้ายมันกลับกลายเป็นไฟกองใหญ่ที่โหมไหม้รวดเร็ว ลามเลียทำลายทุกสิ่งอย่างไม่อาจดับได้ด้วยแค่กำลังตนเอง

    นอกจากนี้ที่ชอบก็มีในส่วนของการใช้ภาพตัวละครในเรื่องอย่างครอบครัวของเจ้าโก๊ะ ที่สะท้อนภาพตัวแทนของชนชั้นล่างได้ชัดเจน ความเหลื่อมล้ำที่เหล่านักศึกษามักนำมาเป็นคำขวัญ ชูประเด็นเพื่อเรียกร้อง และรังเกียจเคียดแค้นเหล่าชนชั้นศักดินา ดังเช่นอาจารย์ชิตาภาที่ครอบครัวเป็นชาวจีนโพ้นทะเลที่มาไทยอย่างเสื่อผืนหมอนใบ แต่ขยันขันแข็งและสร้างตัวจนมีทรัพย์ ร่ำรวยมีอันจะกินและสร้างธุรกิจด้วยการค้าขายขยับขยายฐานะ จนเลื่อนจากชนชั้นแรงงานต่างด้าวมาเป็นพ่อค้าวาณิชย์ที่มีกิจการมากมายและถูกแปะป้ายให้กลายเป็นศักดินาไป จนถูกมองว่าเป็นความผิดความเลวที่เข้ามากอบโกยนั้น หรือแม้แต่วนัสที่เป็นคนไทยแต่มีหัวในทางธุรกิจการค้า จึงติดต่อซื้อขายกับคนต่างชาติอย่างญี่ปุ่นหรือชาวตะวันตกจนมีฐานะเข้าขั้นเศรษฐี ทั้งที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นพวกเสรีไทย แต่ในภาคนี้เรียกได้ว่าแปะป้ายศักดินาตามความหมายของเหล่านักศึกษาได้เช่นกัน

    หากมองความจริงในอีกแง่มุม ย่อมเห็นได้ว่าคนไทยเองที่เป็นชนชั้นกรรมาชีพจำนวนมากนั้นมีสันดานเป็นอย่างพ่อและแม่ของเจ้าโก๊ะ ที่เอาแต่ชื่นชอบอยู่อย่างสบายไม่ต้องทำการทำงาน วันทั้งวันเอาแต่เมาหัวราน้ำ แม้นมีคนหยิบยื่นความช่วยเหลือหวังให้สร้างตัวเพื่อตั้งตนได้ แต่ก็ไม่กระตือรือร้นสนใจ หนักไม่เอาเบาไม่สู้ อยากแต่จะขอเขากินไปเรื่อย ๆ อาศัยความเมตตาและมีน้ำใจของครอบครัวแม่อรและอังศุมาลินเป็นเครื่องมือ เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างคนขี้เกียจ รักสบายได้ต่อไป มีเงินก็หมดไปกับเหล้ายาและการพนัน เงินหมดก็ใช้ให้โก๊ะไปไถขอเอาใหม่ ด้วยรู้จุดว่าถ้าให้เด็กมาขออย่างไรก็ได้ นี่ไม่อาจยอมรับว่าไม่ว่าจะในนิยายซึ่งอยู่ในยุคหลังสงคราม หรือปัจจุบันที่ล่วงเลยมาอีกหลายสิบปี ก็ยังมีคนไทยที่เป็นเช่นนี้อีกเป็นจำนวนมาก แล้วจะไปโทษว่าแต่ความเหลื่อมล้ำเพราะชนชั้นได้เช่นไร ในเมื่อตนเองยินดีทำตนให้เป็นไปเช่นนั้น

    อังศุมาลินและโยอิชิคือตัวแทนของชนชั้นกลางที่น่าสนใจ ทั้งสองมีความรู้ตามทันยุคสมัยของความเปลี่ยนแปลง แต่ไม่หลงใหลปล่อยให้กระแสเชี่ยวแห่งคลื่นทุนนิยมเข้าครอบงำ ยังคงดำเนินชีวิตทั้งรูปแบบ และวิถีตามอย่างวัฒนธรรมอันดีงามในอดีตที่บรรพบุรุษสร้างไว้ ไม่ว่าจะเรือนพักอาศัยที่ไม่รื้อทิ้งหลังเก่าแล้วสร้างใหม่ และพยายามสงวนที่ดินสวนหลังบ้านไว้ปลูกผักปลูกไม้ผลให้พอเก็บกินไม่เดือดร้อน ในขณะครอบครัวอื่นขายที่ให้นายทุน และสร้างบ้านปูนกันไปเกือบหมด

    ภาพความขัดแย้งที่เห็นได้ชัดเจนนี้เองที่เป็นความงดงาม แม้นลำคลองจะไม่เหมือนเดิม คนไทยทิ้งขยะสิ่งปฏิกูลลงน้ำ ทำลายต้นกำเนิดรากเหง้าสายธารแห่งชีวิตของตนเอง ทำให้ปลา กุ้ง หอย สัตว์น้ำที่เคยมีลดน้อยจนกระทั่งหายไปไม่เหมือนก่อน เมื่อมาถึงยุคสมัยที่เรามีชีวิตอยู่นี้ เราจึงต้องแบกรับผลพวงที่ตามมาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เราไม่ชอบ เราบ่นหรืออาจถึงขั้นก่นด่าคนรุ่นก่อน แต่เราเองก็ละเลยไม่ได้มองกลับเข้ามาในตน ว่าในแต่ละวันได้ทำอะไรที่เป็นไปในทางที่ทำร้าย ทำลายวิถีไทย สิ่งแวดล้อม สังคม วัฒนธรรมและประเพณีอันดีมากน้อยขนาดไหนอย่างไรบ้าง
    #นิยายไทย #คู่กรรม2 #ทมยันตี #หนังสือน่าอ่าน #thaitimes #14ตุลา อ่านจบเดือนครึ่งเกือบสองเดือนแล้วสำหรับคู่กรรม2 ของทมยันตี สองเล่ม 702 หน้า สนพ. ณ บ้านวรรณกรรม พิมพ์ที่อ่านนี้เป็นครั้งที่ 9 ปี 2552 (ยืมจากห้องสมุด) ในอดีตเคยอ่านแค่ตอนเดียวสมัยเรื่องนี้พิมพ์ลงในนิตยสาร โลกวลี ช่วงสมัยอยู่มัธยม เมื่อดูจากปกในที่ระบุว่ามีการรวมเล่มครั้งแรกปี 2534 เท่ากับว่าเรื่องนี้ปรากฏโฉมสู่สายตานักอ่านมาถึงปัจจุบันรวมเวลา 33 ปีล่วงแล้ว เคยชมภาพยนตร์ที่นำแสดงโดย คุณพล ตัณฑเสถียร และคุณศิริลักษณ์ ผ่องโชค เมื่อปี 2539 รู้สึกตอนจบรันทดหดหู่เนื่องจากลูกชายของอังศุมาลินตายเพราะช่วยลูกศิษย์ เลยไม่อยากอ่านหนังสือ แต่เพิ่งจะรู้ข้อมูลเมื่อไม่นานมานี้เองว่าบทสรุปในหนังสือนั้นต่างไปจากที่ถูกสร้างเป็นหนัง ดังนั้นจึงเกิดแรงใจในการหามาอ่านให้จบสมบูรณ์ หลังจากที่เคยอ่านภาคแรกจบตั้งแต่สามสิบกว่าปีก่อน พบคำผิดประปรายในการพิมพ์ครั้งที่ 9 บางคำก็ได้ความรู้เพิ่มเติมว่าสามารถเขียนได้สองแบบ เช่นคำว่า กระแหนะกระแหน ซึ่งเขียนว่า กระแนะกระแหน ก็ได้ ที่ผ่านมาตัวเองคุ้นชินกับการเขียนแบบมี ห นำหน้ามาตลอด พอเห็นว่าในหนังสือใช้เป็นแบบไม่มี ห นำ ยังคิดว่าน่าจะพิมพ์ผิด เมื่อลองค้นจึงค่อยทราบว่าไม่ผิด ซึ่งในเล่มช่วงแรก ก็ไม่มี ห แต่พอช่วงหลังมี ห โผล่มาซะงั้น อดคิดไม่ได้ว่าตกลงจะเลือกใช้แบบไหนก็น่าจะเอาสักทาง ให้เหมือนกันตลอดทั้งเรื่อง จากนี้ไปจะยาวมากครับ คงมีคนอ่านไม่มาก ถ้าใครอ่านต่อจนจบได้ขอโปรดรับคำขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วย ในส่วนเนื้อเรื่องของภาคนี้ ดำเนินต่อจากความตายของโกโบริ คืออังศุมาลินท้องแก่และคลอดลูกชาย ให้ชื่อว่ากลินท์ที่หมายถึงพระอาทิตย์ ชื่อญี่ปุ่น โยอิจิ โยหมายถึงดวงอาทิตย์ อิจิคือลูกคนแรก พ่อของอังศุมาลินยังคงห่วงใยคนรักเก่าและลูกสาวที่บ้านสวน จึงมาบอกข่าวว่าอีกไม่นานญี่ปุ่นคงจะแพ้สงคราม ซึ่งจะส่งผลกระทบมาสู่แม่อร อังศุมาลินและลูกโดยตรง จึงอยากจะช่วยเหลือ แต่แม่อรปฏิเสธ ไม่ใช่แค่คนเป็นพ่อที่ห่วงใย แม้ตาผลตาบัวสองคู่หูคู่หอย ก็หมั่นนำข่าวมาบอกว่าอีกไม่นานพลพรรคจะนัดกันลุกฮือต่อสู้ญี่ปุ่น รวมถึงวนัสที่ได้รับอิสระจากความช่วยเหลือของโกโบริก่อนตาย จึงกลับมาหาอังศุมาลินเพื่อบอกข่าวและถามเธอว่าจะยอมแต่งงานกับเขาไหม เพื่อจะได้แก้ไขปัญหาที่กำลังจะเกิด แต่อังศุมาลินปฏิเสธ เธอยินดีที่จะอยู่ดูแลลูกต่อไปในบ้านสวน ไม่ย้ายหนีไปไหนทั้งนั้น แล้วคุณยายแม่ของแม่อร และยายของอังศุมาลิน ก็จากไปเป็นคนแรกของภาคนี้ แต่เป็นการจากอย่างสงบ เตรียมตัวตายอย่างดี ไปถือศีลอยู่วัดไม่ต้องลำบากลูกหลาน เวลาผ่านไป ในที่สุดญี่ปุ่นแพ้สงครามพ่อของอังศุมาลินมาบอกทุกคนที่บ้านสวนว่าจะเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ช่วงบั้นปลายชีวิต ทุกคนร่วมอนุโมทนา หลังบวชท่านต่างจากพระอื่นในวัด ไปอยู่กุฏิเล็กโทรมเพียงรูปเดียว ฉันวันละมื้อ และปฏิบัติเคร่งครัดจนชาวบ้านพากันโจษจันไปทั่วคุ้งน้ำ ด้านเด็กชายกลินท์เจริญวัยขึ้น ได้รับความเอาใจใส่จากแม่ และปู่คือตาผลตาบัวที่อุปโลกน์ตนเอง โดยเล่าเรื่องราวต่างๆของแม่และโกโบริให้กับเด็กชายฟัง ก่อนที่ทั้งคู่จะทยอยตายจากไปเช่นกัน จึงเหลือเพียงแม่อร ที่มักไปอยู่วัดบ่อยเหมือนเช่นทวดของกลินท์ นาน ๆ ครั้งกลินท์จึงได้ติดตามยายกับแม่ไปกราบท่าน กาลล่วงเลยจนเด็กชายเติบใหญ่เป็นหนุ่มวัย 27 ปี ดีกรีอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์ที่ ม.ธรรมศาสตร์ เป็นที่ชื่นชอบในบรรดาเหล่าลูกศิษย์โดยเฉพาะนักศึกษาหญิง ขณะที่เมืองไทยเข้าสู่ช่วงปีที่ในกรุงเทพกำลังเกิดกระแสตื่นตัวต่อต้านสินค้าและอื่นใดที่มาจากญี่ปุ่น ซึ่งสร้างชาติอย่างรวดเร็วภายหลังแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง โดยเน้นทางด้านเศรษฐกิจ ทำให้โยอิจิที่มีปมเป็นลูกที่มีเลือดญี่ปุ่นครึ่งหนึ่ง นึกรังเกียจไม่พอใจชาติกำเนิดตนเอง ต่อต้านพ่อที่ตายไปแล้ว และไม่เข้าใจแม่ จึงกลายเป็นคนที่ให้คำแนะนำแก่บรรดาศิษย์หัวรุนแรง ก้าวหน้า ฝักใฝ่ปลดแอกประชาชนจากการเป็นทาสทุนนิยมบริโภคและทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับญี่ปุ่น โดยไม่มีใครรู้ความจริงของพ่ออาจารย์ ทางบ้านสวน แม้โยอิจิจะรักแม่มาก แต่ขณะเดียวกันใจก็ยังไม่ยอมรับพ่อ กลายเป็นเหมือนเด็กน้อยที่เอาแต่ใจ รั้น และดื้อเงียบ แต่เขาเข้ากันได้อย่างดีกับลุงวนัสที่สนิทสนมมาแต่เด็ก เข้าออกบ้านลุงบ่อย ตั้งแต่กำนันพ่อของวนัสยังมีชีวิตอยู่จนตายไปในเวลาต่อมา วนัสทำธุรกิจหลายอย่าง รวมถึงการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงบ้านเรือนไทยของตนให้เป็นที่ทำงานด้วย วนัสไม่ยอมแต่งงานสักทีตั้งแต่อกหักจากอังศุมาลิน แม้โยอิจิจะรู้ว่าวนัสมีการคบหาทำธุรกิจกับพวกคนญี่ปุ่น เขาไม่เห็นด้วยแต่ก็ยังรักชอบในฐานะลุงเช่นเดิม ส่วนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ซึ่งเขาเป็นอาจารย์สอนอยู่นั้น เขาคอยเป็นที่ปรึกษาให้กับกลุ่มนิสิตนักศึกษาระดับผู้นำหลายคนที่เรียกร้องรัฐบาลให้บอยคอตคนญี่ปุ่นรวมถึงธุรกิจ สินค้าทุกชนิด โดยที่ไม่มีใครรู้ความจริงว่าเขามีพ่อเป็นใคร ขณะที่มีอาจารย์สาวคนหนึ่งชื่อ ชิตาภา หน้าตาดี ครอบครัวเป็นชาวจีนมีอันจะกินที่มาตั้งรกรากสร้างตัวจนกลายเป็นมีกิจการค้ารุ่งเรือง มักชอบเข้าหามาชวนเขาสนทนาอยู่บ่อยครั้ง ดูเหมือนเธอจะพึงใจในตัวโยอิจิอยู่บ้าง และน่าจะมีอะไรที่มากกว่านั้น แต่เขาไม่สนใจ มักคุยด้วยไม่นาน และสร้างขอบเขตส่วนตัวที่กันคนอื่นออกไปอยู่วงนอกเสมอ ไม่ยอมให้ใครเข้าถึงความในใจตนได้ แล้ววันหนึ่งนักศึกษาสาวปีสามรัฐศาสตร์นามว่า ศราวณี ผู้เป็นแกนนำหัวรุนแรงที่ต่อต้านคนญี่ปุ่นและสินค้าญี่ปุ่น รวมถึงต่อต้านรัฐบาลทหารในช่วงนั้น ซึ่งรู้ความจริงเรื่องของพ่อโยอิจิ และมีความคับแค้นจากปมในครอบครัวตนซึ่งแม่ตายตั้งแต่เด็ก ถูกเลี้ยงดูมาจากยายและป้าที่เป็นพี่สาวของแม่ และเข้าใจผิดฝังหัวมาตลอดเกี่ยวกับครอบครัวบ้านสวนของอังศุมาลิน ที่มาแย่งชิงความรักไปจากคุณตาของเธอ เพราะทั้งยายและป้ามักเล่าความหลังโดยบิดความจริงแล้วใส่สีตีไข่ บริภาษแม่อรว่าคือผู้เป็นเมียน้อยที่แย่งความรักไป ทำให้ครอบครัวฝั่งยายลำบาก และโดนแย่งสมบัติไปหมด แม่และป้าจึงโตมาอย่างยากแค้นจนแม่ตายไปและป้าต้องรับเลี้ยงศราวณีต่อมาอย่างลุ่ม ๆ ดอน ๆ ทำให้ป้ามักอารมณ์เสียใส่เธอเสมอตั้งแต่เด็กจนโต เพาะเป็นความเกลียดชังต่อครอบครัวฝั่งบ้านสวน ทั้งที่ตัวเองไม่เคยพบหน้าอีกฝ่าย จนเมื่อเข้ามาเป็นนักศึกษาและพบว่าโยอิจิสอนหนังสืออยู่ที่ธรรมศาสตร์ จึงพุ่งความโกรธเกลียดที่ตนเคยได้รับจากป้ามารวมอยู่ที่อาจารย์ทั้งหมด จนกระทั่งบอกความลับเรื่องพ่อของโยอิจิออกไปให้พวกเพื่อนกลุ่มหัวรุนแรงด้วยกันรับรู้ วันที่พวกเธอและเพื่อนตามตัวให้โยอิจิมาที่ห้องซึ่งเป็นที่รวมพลเพื่อพูดคุยเรื่องจะทำอะไรต่อไป แล้วใครคนหนึ่งได้กล่าวเปิดโปงเรื่องโกโบริ และพูดจาดูถูกเหยียดหยามเชื้อชาติของพ่อ วินาทีนั้นเองโยอิจิกลับเพิ่งเข้าใจหัวใจตนเองเป็นครั้งแรกในชีวิต 27 ปีที่ผ่านมา ว่าแท้จริงเขารักพ่อและเทิดทูนในเกียรติยศของทหารหาญมากแค่ไหน เขายอมรับอย่างตรงไปตรงมาด้วยท่าทีแสดงออกถึงความภูมิใจในสายเลือดแห่งตนด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมพลัง ที่สามารถสยบเสียงโห่ฮาขับไล่ของเหล่านักศึกษาให้สงบลงได้ นั่นคือครั้งแรกเช่นกันที่สร้างความประหลาดใจแกมรู้สึกผิดอยู่เบื้องลึกให้เกิดขึ้นในหัวใจของศราวณี ที่ไม่นึกฝันว่าโยอิจิจะกล้ายอมรับอย่างไม่สะทกสะท้าน นับตั้งแต่วันนั้น โยอิจิเหมือนได้รับการปลดล็อกออกจากห้องขังที่ตนเองสร้างขึ้นเพื่อหนีความจริงสุดลึกที่เก็บกดไว้ เขาเข้าใจถึงความรักของแม่อันเป็นที่รักที่มีต่อพ่อชาวญี่ปุ่นอย่างท่วมท้นหัวใจแล้ว พ่อไม่เคยทำสิ่งไม่ดี มีแต่ทำตามหน้าที่ของชายชาติทหารที่ได้รับมอบหมาย ไม่ได้ทำไปด้วยความจงเกลียดจงชัง โยอิจิกลับไปที่บ้านสวนในเย็นวันนั้นอย่างคนที่บาดเจ็บสาหัส ไม่ใช่ทางกาย แต่ได้รับความกระทบกระเทือนทางใจอย่างรุนแรง อังศุมาลินรับรู้ได้ด้วยสายตาและหัวใจของคนเป็นแม่ แม้ไม่รู้ว่าลูกชายพบเจอเรื่องใดมาทำได้แค่ยกสองมือขึ้นโอบกอดถ่ายเทความรักความอบอุ่นที่มีให้กับลูกชายด้วยความเข้าใจอย่างสงบ โยอิจิไม่รู้ความจริงว่าศราวณีคือน้องสาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้อง เกิดจากน้องสาวต่างมารดาของอังศุมาลิน มีเพียงอาจารย์ชิตาภาที่ทราบ เพราะเธอเป็นญาติที่มีศักดิ์เป็นคุณน้าของศราวณี แต่ยังไม่อาจเล่าให้เขาฟัง โยอิจิยังคงสงสัยและเคลือบแคลงว่าชิตาภาประสงค์สิ่งใดแน่จึงมักหาเหตุมาใกล้ชิดชวนสนทนากับตน ด้วยความรู้สึกผิดเกาะกินจากภายใน รวมถึงปัญหาต่าง ๆ รุมเร้า แม้ใจจะต่อต้านพี่ชายอย่างอาจารย์กลินท์ แต่เบื้องลึกเธอกลับมีความรู้สึกที่ดี รักเคารพในชายคนนี้อย่างไม่รู้ตัว วันหนึ่งโยอิจิพบเธอนั่งซึมอยู่ที่ท่าเรือ เหมือนรอคอยจะพบเขาและตามลงเรือมาที่บ้านสวนด้วย ศราวณีจึงได้พบกับสรวงสวรรค์บ้านเรือนไทยหลังเดียวในย่านนั้นที่ยังคงสภาพเหมือนเดิมกับช่วงเกิดสงคราม ในขณะที่บ้านหลังอื่นเปลี่ยนแปลงไปสร้างตามอย่างต่างชาติหมด เธอพบบรรยากาศที่ร่มรื่นชื่นเย็น สงบสุขอย่างไม่เคยได้รับยามเมื่อกลับถึงบ้านที่อยู่กับป้า ยิ่งเมื่อได้พบเจออังศุมาลิน ภาพที่เคยคิดไว้กลับตรงข้ามกับสิ่งที่เห็นและได้ยินทุกอย่างต่างจากที่ยายและป้าได้พูดใส่หูเธอมาตลอด เธอรู้สึกได้รับความสุข สงบ สบายใจและผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเกิด และเริ่มเปลี่ยนความคิดที่มีต่อครอบครัวของโยอิจิ ทางด้านหลวงพ่อ หลังจากบวชเพื่อปฏิบัติอย่างเอาจริงอยู่จนล่วงเข้าสู่ปัจฉิมวัย ที่สุดก็มรณภาพอย่างสงบในท่านั่งสมาธิอยู่ในกุฏิ ทำให้ชาวบ้านโจษจันต่างศรัทธานับถือ จนเจ้าอาวาสและทางกรรมการวัดเห็นเป็นโอกาสในการสร้างเรื่องเรียกคนเข้ามาทำบุญเพิ่ม ด้วยการยกให้หลวงพ่อเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาทันที ทั้งที่ตอนมีชีวิต ไม่ใคร่สนใจ ที่บ้านสวนส่วนใหญ่อังศุมาลินอยู่บ้านคนเดียว ทำงานบ้านดูแลอาหารการกินเตรียมไว้ให้ลูกชาย ทว่าเริ่มมีอาการป่วยที่ค่อย ๆ รุนแรงมากขึ้นจนต้องแอบไปที่ศิริราช โดยมีเจ้าโก๊ะเด็กชายตัวน้อย ลูกของคนจรจัดหญิงชายที่มาขออาศัยอยู่ในสวนด้านหลังบ้านตามไปเป็นเพื่อน พ่อแม่ของโก๊ะนั้นเป็นประเภทไม่ชอบทำมาหากิน ขี้เหล้าเมายา เล่นพนันไปตามเรื่อง อังศุมาลินเคยหวังดีเอ่ยปากแนะนำให้ตั้งตัวขยันทำกินหลายครั้ง แต่ทั้งสองไม่สนใจ เอาแต่เก็บผักผลไม้จากในสวนของแม่อรและอังศุมาลิน มากินและขายด้วยถือวิสาสะว่าเหมือนของตน และมักใช้ให้โก๊ะมาขอเงินจากอังศุมาลินบ่อย ๆ ส่วนเหตุการณ์ทางด้านการบ้านการเมืองกลับทวีความรุนแรง คุกรุ่นขึ้นเรื่อย ๆ บรรดานักศึกษาต่างรวมตัวกันในสถาบันหลายแห่ง รวมถึงขึ้นเวทีพูดปลุกระดมให้ชาวบ้านฟังและเข้าร่วมสนับสนุนฝ่ายตนมากขึ้น ขณะที่ยื่นคำขาดต่อรัฐบาลให้ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องที่ร่างขึ้น เหตุการณ์ช่วงปี พ.ศ. 2516 เริ่มขมวดปมความขัดแย้งระหว่างฝ่ายผู้บริหารกับฝ่ายนักศึกษา ผ่านสายตาของโยอิจิและชิตาภาที่คอยเฝ้ามองอย่างห่าง ๆ ด้วยความเป็นห่วงในตัวศิษย์ แม้เคยกล่าวเตือนในหลายครั้งให้ศราวณีระมัดระวัง อย่าทำอะไรที่ผลีผลาม หุนหันพลันแล่น แต่อย่างไรเด็กก็คือเด็ก เมื่อเขามีความเชื่อฝังหัวไปทางด้านหนึ่ง ก็ขาดความใคร่ครวญพิจารณาอย่างรอบถ้วน และมองไม่เห็นถึงภัยร้ายที่จะบังเกิดขึ้นในเมื่อทุกสิ่งถูกปลุกเร้าเข้าสู่ห้วงวิกฤต สุดท้ายถึงวันแตกหักอันเป็นเหตุการณ์วิปโยคของคนไทยทุกคน จะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับโยอิจิ ชิตาภา และศราวณี ในขณะที่อังศุมาลินนั้นก็มีอาการเจ็บป่วยที่มักเหนื่อยง่าย หน้าซีดจะเป็นลมบ่อย แต่ปิดไว้ไม่ให้ลูกชายรู้ ดูเหมือนเวลาชีวิตของเธอจะเหลืออีกไม่มากก่อนจะได้ตามไปอยู่กับโกโบริ สรุปสุดท้ายของนิยายจะลงเอยอย่างไรไปอ่านต่อได้ในคู่กรรม 2 ครับ 🖋วิเคราะห์หลังอ่านจบ มีทั้งส่วนที่ชอบและไม่ชอบ ภาคนี้ต่างไปจากภาคแรกอย่างชนิดเหมือนเป็นนิยายคนละเรื่อง คนละแนวทาง คือภาคแรกมีความเป็นนิยายรักระหว่างรบ ที่มีทั้งปมความรัก ความขัดแย้งในตัวตนกับคนที่คิดว่าคือศัตรูเป็นแกนหลัก เน้นไปทางอารมณ์ความรู้สึกของอังศุมาลินและโกโบริ โดยมีเหตุการณ์น้อยใหญ่ที่เข้ามาสร้างให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างกันของทั้งสองเพิ่มขึ้นทีละน้อยจนถึงขั้นรัก แต่ไม่อาจเปิดใจเพราะติดที่กรอบซึ่งถูกสร้างขึ้นจากทั้งอังศุมาลินเอง และสังคมสร้างให้กลายเป็นขื่อคาที่ตรึงรั้งใจไว้ให้มิอาจแสดงออกถึงความรักได้ดังเช่นคู่สามีภรรยาปกติ จนนำไปสู่บทสรุปอันเจ็บปวดและขมขื่นในตอนท้ายเรื่องที่สร้างความจดจำและสะเทือนใจให้กับคนอ่านอย่างยิ่ง กลายเป็นอมตะนิยายรักแห่งโศกนาฏกรรมที่คนไทยรู้จักมากที่สุดเรื่องหนึ่ง มาในภาคนี้ เนื้อหาโครงสร้างหลักกลับเน้นไปที่ความมองโลกของคนเป็นแม่อย่างคนที่ผ่านประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตมาแล้ว และจะเลือกเดินหน้าต่อไปอย่างไรในสถานการณ์ที่คนไทยส่วนใหญ่เกลียดชังญี่ปุ่น ในขณะที่เธอคือภรรยาหม้ายและมีลูกชายสายเลือดที่เกิดจากทหารญี่ปุ่น ตลอดทั้งเล่มนี้ในความรู้สึกส่วนตัว ผมมองว่านี่คือนิยายธรรมะเล่มหนึ่งทีเดียว เพียงแต่ไม่ใช่ธรรมะที่เป็นคำบรรยายเทศน์ของพระผู้เป็นองค์ธรรมกถึก หากแต่เป็นหนังสือธรรมะที่นำพล็อตของนิยายมาสวม จึงพบได้ในหลายย่อหน้า แทบทุกตอนที่ผู้เขียนสอดแทรกแนวคิดหลักธรรมทางพุทธตามแนวที่ท่านเชื่อเป็นทางที่ถูกตรงลอยอบอวลอยู่ในการบรรยาย เหมือนตัวละครและฉากเหล่านั้นคือตัวแทนหรือเครื่องมือที่ต้องการสื่อสอนธรรมะไปสู่ผู้อ่านอยู่ตลอด โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องราวของความตาย ดังจะเห็นได้จากมีการจากไปของตัวละครเดิมที่มีบทบาทจากภาคแรก คนแล้วคนเล่า เริ่มตั้งแต่คุณยาย ตาผลตาบัว หลวงพ่อ และกำลังใกล้ตายอย่างอังศุมาลิน ทำนองแสดงสัจธรรมชีวิต หลายช่วงตอนที่มีการหยิบยกบทกลอนร้อยกรองจากในวรรณคดีไทย หรือที่ผู้เขียนแต่งขึ้น รวมถึงวลี ประโยคภาษาอังกฤษจากบทเพลง บทกวีต่าง ๆ ของทางตะวันตกมาใช้เพื่อสื่อแสดงถึงความรู้สึกของผู้เขียนที่ต้องการสะท้อนผ่านเรื่องราวของเหตุการณ์แวดล้อมรอบตัวโยอิจิ และตัวละครสำคัญ จนบางทีก็ดูมากไป อ่านไปเรื่อย ๆ อดที่จะคิดไม่ได้ว่าเล่มนี้ มีความคล้ายกันกับอีกเล่มของทมยันตีที่มีชื่อว่า จดหมายถึงลูก(ผู้)ชาย ที่เน้นสอนลูกของผู้เขียนเองและคนเป็นลูกชายทุกคน ด้วยการแทรกแนวคิดคำสุภาษิตไว้ในเนื้อหาตลอดเล่ม แล้วการเขียนลักษณะนี้ดีหรือไม่อย่างไร? คงขึ้นกับความชื่นชอบส่วนบุคคลของผู้อ่านที่มีรสนิยมแตกต่าง ส่วนผมเองนั้นไม่ถึงกับเรียกได้ว่าชอบทว่าก็ไม่ขัดใจมากมาย แต่ยอมรับว่าทมยันตีเป็นหนึ่งในนักเขียนที่มีความไม่ธรรมดาในด้านศึกษาธรรมะในพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งหาตัวจับยาก แล้วนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการเขียนได้เก่งมากคนหนึ่งในเหล่านักเขียนรุ่นเก่า หากจะติบ้างก็คงเป็นความเข้าใจในทางหลักธรรมที่นำมาสอดแทรกไว้ในคู่กรรม2 นั้น ยังเป็นความเข้าใจที่เหมือนเช่นคนปฏิบัติธรรมทั่วไปในไทยเข้าใจกันว่าถูกต้อง คือเน้นการนั่งสมาธิเดินจงกรมว่าคือวิธีที่จะนำไปสู่การลดละกิเลสจนนำไปสู่ความหลุดพ้นได้ ดังที่ตัวละครหลวงพ่อในเรื่องได้ปฏิบัติและพูดคุยสอนธรรมกับโยอิจิ หรือแม่อร อังศุมาลิน ซึ่งโดยแท้จริงการปฏิบัติควรเน้นไปที่การมีสติอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกที่จะจับอาการกิเลสแล้วกำจัดทิ้ง ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใด ไม่ว่ายืน เดิน นั่ง นอน หรืออิริยาบถย่อยอื่น ไม่ใช่เพียงแค่ตอนนั่งสมาธิเดินจงกรมเพียงเท่านั้น เพราะในชีวิตจริงมนุษย์ไม่อาจจะบังคับตนให้อยู่เพียงแค่ท่านั่งสมาธิต่อเนื่องยาวนานไปจนชั่วชีวิต นอกจากประเด็นที่กล่าวถึงนี้แล้วที่มีความเห็นไม่ตรงกับผู้เขียน ทางด้านอื่นถือว่าผมชอบนิยายเรื่องนี้ไม่น้อยทีเดียว โดยเฉพาะการมองโลกที่มองทะลุถึงความเป็นจริงของสังคมไทย ลักษณะนิสัย ที่เจาะลึกให้เห็นว่าแม้นในอดีตสมัยสงครามคนไทยเป็นอย่างไร ปัจจุบันในยุคนี้ก็ยังคงพบเห็นได้ว่าไม่แตกต่างกันนัก จึงถือว่านิยายเล่มนี้ไม่ล้าสมัย โดยเฉพาะด้านการบ้านการเมืองที่ผู้มีอำนาจในฝ่ายรัฐ มักเลือกใช้วิถีทางแห่งความรุนแรงในการสยบปัญหาอยู่เสมอ โดยมีมือที่สามที่คอยฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ ยั่วยุ ปลุกปั่น และล่อลวงให้คู่กรณีระหว่างรัฐกับนักศึกษาและประชาชนปะทะแตกหัก จนเกิดความสูญเสีย อันมีแต่หายนะต่อประเทศชาติ ศราวณี คือตัวแทนที่เปรียบให้เห็นเด่นชัด ไม่ว่ายุคใด เหล่าเด็กหนุ่มสาวอนาคตชาติ มักถูกกระตุ้น ให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน และปลุกเร้าจุดไฟติดได้โดยง่าย ด้วยพวกเขามีพลังงานล้นเหลือ เมื่อเลือกเชื่อไปทางใดทางหนึ่งแล้ว บางทีก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างสุดกำลังโดยไม่ทันได้ใคร่ครวญ ยั้งคิด หรือพิจารณาทัศนียภาพรอบข้างระหว่างทางที่มุ่งไปให้ถี่ถ้วนรอบคอบ จึงมักตกเป็นฝ่ายที่ถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือให้ไปตายแทนคนบงการแท้จริงเบื้องหลังเสมอ และเมื่อเกิดความสูญเสียแล้วก็เป็นเช่นดังอะไหล่เลวที่โดนใช้แล้วทิ้งโดยไร้ความเสียดาย หรือจำเป็นต้องดูแลอย่างใดต่อไป กว่าพวกเขาจะรู้ตัว ความผิดพลาดพลั้งเผลอก็เกิดขึ้นและไปไกลเกินกว่าตนเองจะหยุดยั้ง ควบคุมและแก้ไขสถานการณ์ได้เสียแล้ว ดังจุดจบของตัวละครในเรื่องนี้หลังเหตุการณ์วันที่ 14 ตุลาคม 2516 ความเก่งกล้า ไม่ยอมใคร ไม่ฟังอาจารย์ ความร้อนเร่าเอาแต่ใจ รั้นจะทำในสิ่งที่ตนคิดให้จงได้ ทว่าสุดท้ายกลับกลายพาเพื่อน คนที่ไม่รู้อะไรแต่ก็ตามกันไป ไปพบกับการบาดเจ็บล้มตายต่อหน้าต่อตา ถึงกับกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง หลบหนีตายจ้าละหวั่น กระทบกระเทือนถึงสภาพจิตใจอย่างรุนแรงจนแทบจะกลายเป็นบ้าไป เธอจึงได้รับบาดแผลลึกที่เสียใจก็ไม่ทันแล้ว กับไฟที่ตอนแรกเพียงแค่เหมือนไฟจากปลายก้านไม้ขีดในมือที่ขยับนิดเดียวก็ดับ สุดท้ายมันกลับกลายเป็นไฟกองใหญ่ที่โหมไหม้รวดเร็ว ลามเลียทำลายทุกสิ่งอย่างไม่อาจดับได้ด้วยแค่กำลังตนเอง นอกจากนี้ที่ชอบก็มีในส่วนของการใช้ภาพตัวละครในเรื่องอย่างครอบครัวของเจ้าโก๊ะ ที่สะท้อนภาพตัวแทนของชนชั้นล่างได้ชัดเจน ความเหลื่อมล้ำที่เหล่านักศึกษามักนำมาเป็นคำขวัญ ชูประเด็นเพื่อเรียกร้อง และรังเกียจเคียดแค้นเหล่าชนชั้นศักดินา ดังเช่นอาจารย์ชิตาภาที่ครอบครัวเป็นชาวจีนโพ้นทะเลที่มาไทยอย่างเสื่อผืนหมอนใบ แต่ขยันขันแข็งและสร้างตัวจนมีทรัพย์ ร่ำรวยมีอันจะกินและสร้างธุรกิจด้วยการค้าขายขยับขยายฐานะ จนเลื่อนจากชนชั้นแรงงานต่างด้าวมาเป็นพ่อค้าวาณิชย์ที่มีกิจการมากมายและถูกแปะป้ายให้กลายเป็นศักดินาไป จนถูกมองว่าเป็นความผิดความเลวที่เข้ามากอบโกยนั้น หรือแม้แต่วนัสที่เป็นคนไทยแต่มีหัวในทางธุรกิจการค้า จึงติดต่อซื้อขายกับคนต่างชาติอย่างญี่ปุ่นหรือชาวตะวันตกจนมีฐานะเข้าขั้นเศรษฐี ทั้งที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นพวกเสรีไทย แต่ในภาคนี้เรียกได้ว่าแปะป้ายศักดินาตามความหมายของเหล่านักศึกษาได้เช่นกัน หากมองความจริงในอีกแง่มุม ย่อมเห็นได้ว่าคนไทยเองที่เป็นชนชั้นกรรมาชีพจำนวนมากนั้นมีสันดานเป็นอย่างพ่อและแม่ของเจ้าโก๊ะ ที่เอาแต่ชื่นชอบอยู่อย่างสบายไม่ต้องทำการทำงาน วันทั้งวันเอาแต่เมาหัวราน้ำ แม้นมีคนหยิบยื่นความช่วยเหลือหวังให้สร้างตัวเพื่อตั้งตนได้ แต่ก็ไม่กระตือรือร้นสนใจ หนักไม่เอาเบาไม่สู้ อยากแต่จะขอเขากินไปเรื่อย ๆ อาศัยความเมตตาและมีน้ำใจของครอบครัวแม่อรและอังศุมาลินเป็นเครื่องมือ เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างคนขี้เกียจ รักสบายได้ต่อไป มีเงินก็หมดไปกับเหล้ายาและการพนัน เงินหมดก็ใช้ให้โก๊ะไปไถขอเอาใหม่ ด้วยรู้จุดว่าถ้าให้เด็กมาขออย่างไรก็ได้ นี่ไม่อาจยอมรับว่าไม่ว่าจะในนิยายซึ่งอยู่ในยุคหลังสงคราม หรือปัจจุบันที่ล่วงเลยมาอีกหลายสิบปี ก็ยังมีคนไทยที่เป็นเช่นนี้อีกเป็นจำนวนมาก แล้วจะไปโทษว่าแต่ความเหลื่อมล้ำเพราะชนชั้นได้เช่นไร ในเมื่อตนเองยินดีทำตนให้เป็นไปเช่นนั้น อังศุมาลินและโยอิชิคือตัวแทนของชนชั้นกลางที่น่าสนใจ ทั้งสองมีความรู้ตามทันยุคสมัยของความเปลี่ยนแปลง แต่ไม่หลงใหลปล่อยให้กระแสเชี่ยวแห่งคลื่นทุนนิยมเข้าครอบงำ ยังคงดำเนินชีวิตทั้งรูปแบบ และวิถีตามอย่างวัฒนธรรมอันดีงามในอดีตที่บรรพบุรุษสร้างไว้ ไม่ว่าจะเรือนพักอาศัยที่ไม่รื้อทิ้งหลังเก่าแล้วสร้างใหม่ และพยายามสงวนที่ดินสวนหลังบ้านไว้ปลูกผักปลูกไม้ผลให้พอเก็บกินไม่เดือดร้อน ในขณะครอบครัวอื่นขายที่ให้นายทุน และสร้างบ้านปูนกันไปเกือบหมด ภาพความขัดแย้งที่เห็นได้ชัดเจนนี้เองที่เป็นความงดงาม แม้นลำคลองจะไม่เหมือนเดิม คนไทยทิ้งขยะสิ่งปฏิกูลลงน้ำ ทำลายต้นกำเนิดรากเหง้าสายธารแห่งชีวิตของตนเอง ทำให้ปลา กุ้ง หอย สัตว์น้ำที่เคยมีลดน้อยจนกระทั่งหายไปไม่เหมือนก่อน เมื่อมาถึงยุคสมัยที่เรามีชีวิตอยู่นี้ เราจึงต้องแบกรับผลพวงที่ตามมาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เราไม่ชอบ เราบ่นหรืออาจถึงขั้นก่นด่าคนรุ่นก่อน แต่เราเองก็ละเลยไม่ได้มองกลับเข้ามาในตน ว่าในแต่ละวันได้ทำอะไรที่เป็นไปในทางที่ทำร้าย ทำลายวิถีไทย สิ่งแวดล้อม สังคม วัฒนธรรมและประเพณีอันดีมากน้อยขนาดไหนอย่างไรบ้าง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1182 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก่อนหน้านี้หากมีใครถามให้ช่วยแนะนำหนังสือสักเล่มที่เป็นแนวจิตวิทยา หรือแนะนำเรื่องเกี่ยวกับการเสริมสร้างพลังใจ ให้มีไฟในการดำเนินชีวิตที่จะสู้กับอุปสรรคต่าง ๆ หรือหนังสือที่เหมาะมากกับวัยต่อต้านที่กำลังไม่รู้จะเลือกเดินไปในเส้นทางชีวิตแบบใดให้กับตน ผมยังนึกไม่ออกว่าเล่มใดที่จะเหมาะมากที่สุด ทว่าเมื่อได้อ่านเล่มนี้จบลงแล้ว ก็เป็นที่แน่ชัดกับตนเองทันทีว่า ฉันพบเจอหนังสือที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมตรงตามโจทย์แล้วนั่นคือ

    #หนังสือเล่มหนึ่งซึ่งไม่มีวางขาย

    สนพ.piccolo พิมพ์ปลายปี 2564
    เขียนโดย ยาสึชิ คิตากาวะ
    แปลโดย หนึ่งฤทัย ปราดเปรียว
    หนังสือเล่มไม่หนา ขนาดกำลังดีเบามือถือไปไหนง่าย หนาประมาณ 160 หน้า อ่านไม่กี่ชม.ก็จบ

    เรื่องย่อ

    ชายหนุ่มวัยกลางคนนามว่าโยสุเกะ กำลังมีผลงานภาพวาดจัดแสดงอยู่ในห้องแสดงภาพ หญิงสาวสูงวัยนางหนึ่งยืนชมภาพวาดรูปนั้นอยู่นานด้วยอารมณ์ความรู้สึกเปี่ยมล้น เด็กหญิงตัวน้อยวัย 5 ขวบซึ่งเป็นลูกสาวของโยสุเกะ ได้ทำหน้าที่แนะนำภาพวาดของพ่อและชวนเธอสนทนาอย่างน่ารัก จนทราบว่าเธอชื่อฟุจิโกะ เมื่อลูกสาวได้เล่าเรื่องนี้ให้คนเป็นพ่อฟัง เขาถึงกับงุนงงชั่วขณะ ด้วยไม่ได้ยินชื่อนี้มานาน 20 ปีแล้ว บัดดลภาพความทรงจำในอดีตสมัยที่เขายังอายุแค่ 17 ปี ก็หลั่งไหลเข้ามา นั่นคือบทนำก่อนเข้าเรื่องที่เป็นการเล่าย้อนของตัวละครเอกในเรื่องที่เล่าผ่านมุมมองบุคคลที่1

    โยสุเกะในวัย 17 ปีนั้น อยู่ในช่วงที่กำลังต้องตั้งใจอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบ แต่เขากลับยังไม่รู้ว่าตัวเองควรเลือกเดินหน้าชีวิตต่อไปในเส้นทางไหน ผู้ใหญ่ชอบถามเด็ก ๆ ว่าโตขึ้นไปอยากเป็นอะไร ประกอบอาชีพอะไร เขารู้สึกลึกลงไปว่าต้องรีบตัดสินใจจริงละหรือ ทำไมจึงไม่สามารถอยู่ไปเรื่อย ๆ โดยถ้ายังไม่มีแรงบันดาลใจอะไรเกิดขึ้น เขาก็ไม่อยากเสียเวลาเปล่าไปกับการต้องเลือกเรียนที่ไหน เพื่อจะกลายไปเป็นอะไรที่ตนไม่แน่ใจว่าใช่สิ่งที่ชอบหรืออยากทำจริงหรือไม่

    จึงคล้ายกับเขาปล่อยวันเวลาให้ผ่านไปอย่างหมดเปลืองเปล่าดาย ได้แต่นั่งเฝ้าร้านหนังสือเก่าของพ่อ ที่ตนเองก็ไม่มีนิสัยรักการอ่าน และไม่ค่อยแตะหนังสือมาแต่เล็ก

    แต่แล้ววันหนึ่งซึ่งปรากฏเด็กสาววัยเดียวกับโยสุเกะ ที่สวยเก๋ในความรู้สึกแรกพบสำหรับเขา ณ ร้านหนังสือของพ่อนั้น มันได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาครั้งใหญ่ไปตลอดกาล เธอคนนั้นรู้จักและเรียกชื่อของโยสุเกะอย่างถูกต้อง โดยที่เขานึกไม่ออกว่าเคยพบเจอสาวสวยน่ารักคนนี้ที่ไหนมาก่อนหรือไม่

    เธอบอกกับเขาว่ามาหาซื้อหนังสือที่ไม่มีขายที่ร้านอื่น จนพบเจอเล่มที่ต้องการ และยังวานให้เขาช่วยหาหนังสือเล่มหนึ่ง อีกสัปดาห์จะมาใหม่แล้วก็จากไป โยสุเกะหงุดหงิดตัวเองที่ไม่ทันได้ถามชื่อและเบอร์ติดต่อไว้ เขาเล่าให้พ่อฟัง เมื่อพ่อทราบชื่อหนังสือจึงพูดขึ้นว่า ไม่เป็นไรนี่เป็นหนังสือที่ดีเล่มหนึ่ง พ่อจะสั่งมาขายและเผื่อไว้สักหลายเล่ม

    ด้วยความที่โยสุเกะอยากจะคุยและทำคววามรู้จักกับเธอคนนั้น แต่เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ได้แค่คิดวุ่นวายภายในหัว แต่ตัวตนจริงนั้นไร้ซึ่งความกล้า สิ่งที่เขาคิดออกมีเพียงอย่างเดียวคือ ต้องอ่านหนังสือเล่มที่เธอถามหา เพื่ออยากเข้าใจว่าเธอเป็นคนเช่นไร

    นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาก้าวข้ามความไม่ชอบอ่านหนังสือมาได้ และน่าแปลกที่อ่านไปได้สักพัก เขากลับพบว่านี่เป็นหนังสือที่ดีจริง ๆ ต่อมาเขาสามารถอ่านหนังสือเล่มดังกล่าวจนจบได้ ไม่ใช่แค่เกิดจากความรู้สึกแรก แต่เพราะเนื้อหาในนั้นได้สร้างแรงกระเพื่อมให้เกิดขึ้นแก่โยสุเกะอย่างไม่น่าเชื่อ

    เขารอวันที่จะได้พบเธอด้วยใจจดจ่อ เพื่อจะเล่าให้ทราบว่าเขาได้อ่านหนังสือเล่มนั้นจบแล้ว จนเกือบหมดหวังว่าเธอจะกลับมา ในวันสุดท้ายก่อนสิ้นสัปดาห์ตามที่เธอเคยระบุ เด็กสาวก็ปรากฏกายขึ้นอีกครั้งในชุดผ้าสีขาวทั้งตัว เปล่งประกายจนโยสุเกะรับรู้ได้ เขาดีใจมาก จากที่ไม่กล้าจะเอ่ยปากก่อน สุดท้ายสามารถพูดกับเธอ หญิงสาวดีใจที่เขามีหนังสือที่ร้าน แต่เธอไม่ทันได้พกเงินมา จึงบอกวันหลังจะแวะมาใหม่ แต่มันช้าเกินไปสำหรับเขา โยสุเกะจึงเอ่ยปากให้เธอนำหนังสือกลับไปอ่านก่อน เพราะเขาอยากให้เธอได้อ่าน เขาจะออกให้เอง เธอยิ้มอย่างงดงามในน้ำใจของเขา ยินดีรับหนังสือไปแต่บอกว่าจะนำเงินมาคืนให้ภายหลัง จากนั้นก็ขบคิดด้วยความเอียงอายชั่วครู่ ก่อนจะให้ที่อยู่เบอร์โทรติดต่อไว้แล้วบอกว่าเราน่าจะนัดเจอกันอีก

    ความสดใสของวัยหนุ่มสาวจึงถึงคราวที่ได้โบยบินยังท้องฟ้ากว้าง ทั้งสองใช้เวลากว่าสองเกือบสามสัปดาห์ที่ออกมาพบเจอกันตามที่นัดพบต่าง ๆ เพื่อพูดคุยกันอย่างออกรสเกี่ยวกับเนื้อหาในหนังสือ และเรื่องที่พ่อของเธอสอนไว้ ซึ่งโยสุเกะพบว่าเป็นคำสอนอันทรงคุณค่าและมีประโยชน์อย่างมากกับตัวเขา จนกระทั่งเกิดแรงบันดาลใจที่จะลุกขึ้นเปลี่ยนแปลงตัวเองจากภายในให้ต่างไปจากเดิม เหมือนเขาได้ค้นพบขุมทรัพย์มหาศาลที่ประเมินค่าไม่ได้

    ในแต่ละวันโยสุเกะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่ตนไม่เคยคิดมาก่อน จากคำสอนของพ่อที่ถูกเล่าผ่านตัวเธอและมอบเครื่องบินพับจากกระดาษหลากสีให้ไว้กับโยสุเกะทุกครั้ง แต่เขาไม่เคยถามและไม่รู้จักชื่อของเธอเลย ดูเหมือนเด็กสาวมีบางอย่างที่ยังไม่สามารถเล่าให้เขาฟัง เขารู้เพียงอีกไม่นานเธออาจจะต้องไปอยู่กับพ่อ แม้ปัจจุบันเธออยู่กับแม่คนเดียวก็ตาม ความสัมพันธ์ของครอบครัวอันคลุมเครือที่เธอไม่ได้พูดถึง กลับปริศนาอีกหลายข้อที่ค้างคาใจเขาซึ่งยังไม่กล้าเอ่ยปากถาม ความจริงจะปรากฏในช่วงท้ายเล่ม ที่คงต้องให้เพื่อน ๆ ไปตามหาอ่านกันต่อ แม้นอยากเล่ามากเพียงใดต้องยั้งใจไว้ รอให้คนอ่านได้พบด้วยตัวเองไม่อย่างนั้นความแปลกใหม่และความสนุกสนานอาจลดลง

    ผมเคยอ่านโลกของโซฟีเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อนแล้วชื่นชอบมาก แม้หนังสือจะหนากับเนื้อหาแนวสอนเชิงจิตวิทยา ที่มีความแปลกใหม่ในการใช้กลวิธีเล่าเรื่องที่น่าสนใจผ่านรูปแบบนิยายมาแล้ว สำหรับเล่มนี้ทำให้อดนึกถึงโลกของโซฟีไม่ได้ แม้นจะมีความคล้ายบางประการในการนำเสนอ แต่หนังสือเล่มหนึ่งซึ่งไม่มีวางขาย ก็มีอัตลักษณ์ที่เป็นแบบฉบับเฉพาะตนที่น่าสนใจ กับความหนาเพียงไม่ถึง 200 หน้า ทำให้การอ่านจนจบไม่ใช่เรื่องลำบากจนเกินไปสำหรับคนที่อาจจะไม่ใช่สายรักการอ่านมาก่อน

    หนังสือเล่มนี้ดีงามอย่างละเมียดละไม ละมุนละม่อม อ่อนโยนงดงามตลอดเล่ม ไปเรื่อย ๆ ชวนติดตามไปกับการเอาใจช่วยในความสัมพันธ์ของตัวเอกทั้งสอง ว่าเขากับเธอจะมีบทสรุปอย่างไร

    ผู้เขียนมีความชาญฉลาดในการวางโครงเรื่อง และแก่นที่แน่นหนาน่าสนใจช่วนให้ใคร่ครวญอย่างพินิจพิเคราะห์ กับสิ่งที่ต้องพบเจอทุกผู้คนไม่ว่าชายหรือหญิง ในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย ในช่วงหัวเลี้ยวสำคัญอันคือทางเลือกที่ชีวิตสามารถหักเหไปได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับความหมายในความฝันที่เขายังค้นไม่พบ กับการตัดสินใจทั้งจากตนเองและคนรอบข้างโดยเฉพาะคนที่มีความหมายมากในชีวิตของเขา

    หนังสือเล่มนี้เป็นได้ทั้งพ่อ เป็นทั้งแม่ แม้แต่เป็นเพื่อน หรือพี่ที่อบอุ่น ให้พลังใจไฟฝัน กับวันวานอันเยาว์วัย แม้นใครหลายคนอาจอยู่ในช่วงวัยที่ล่วงเลยจุดนั้นมานานแล้ว แต่ขอให้เชื่อเถิดครับว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่แค่เพียงวัยรุ่นที่ควรได้อ่าน หากแต่สมควรอย่างยิ่งที่ผู้ที่กำลังจะมีลูก หรือมีแล้ว หรือแม้ยังไม่มีครอบครัวก็ไม่ควรพลาด เพราะนี่เปรียบได้กับคัมภีร์ชีวิต ที่บอกเล่าได้อย่างมีอรรถรสครบทั้งด้านให้ความบันเทิงแก่ผู้อ่าน ทั้งยังมอบคุณค่าสาระอันชวนให้ได้ทบทวนถึงช่วงวันที่แล้วมาในอดีต และวันในปัจจุบัน รวมถึงวันในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง

    บนความงดงามที่ร้อยเรียงด้วยภาษาเรียบง่าย คล้ายกับจะเป็นหนังสือฮาวทูแต่แปลงกายมาในรูปแบบของนิยายวัยใส แทรกสอนแนวคิดที่เป็นทั้งปรัชญา จิตวิทยา และหลักการทางธรรมะในศาสนาพุทธ ได้อย่างสอดประสานกลมกลืนกับเนื้อหาเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวละคร ที่มีปริศนาชวนให้กระหายใคร่รู้ โดยใช้ฉากและตัวละครน้อยมาก ความดีเด่นในด้านนี้เองที่ทำให้คนอ่านสามารถเข้าใจ เข้าถึง สิ่งที่ผู้เขียนต้องการนำเสนอได้อย่างรวดเร็ว ง่ายดาย และตรงไปตรงมาที่สุด อาจมีจุดจี๊ดในใจบ้างตอนช่วงท้ายของบทสรุป ขึ้นกับว่าผู้อ่านคนนั้นรับสารที่มีการเผยปริศนาของตัวละครไว้ในรายทางเป็นระยะได้มากน้อยแค่ไหน ในย่อหน้าสุดท้ายนี้ ใครที่ยังไม่ได้อ่านมาก่อนไม่จำเป็นต้องอ่านต่อก็ได้ เพราะอาจจะทำให้คุณคิดไปต่าง ๆ เกี่ยวกับตอนจบของเรื่อง อันจะทำให้สูญเสียความรู้สึกแรกที่พบ ณ ชั่วเวลานั้นไปอย่างน่าเสียดาย

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    เพราะถ้ามองเห็นเร็ว ก็พอจะคาดเดาทิศทางของบทบาทตัวละครหลักในตอนท้ายได้ว่าจะมีผลลัพธ์เช่นไร และจะไม่กระทบกระแทกกับอารมณ์ความรู้สึกมากนัก แต่ถ้าอ่านไป ๆ แต่ไม่ทันได้สังเกตคำใบ้ที่ถูกเปิดขึ้นทีละน้อย ก็อาจได้พบกับความรู้สึกที่สะกิดสะเกาให้หัวใจได้สะท้อนสะท้าน และอาจถึงขั้นสั่นสะเทือนอย่างที่อดตาแฉะไม่ได้

    #นิยายแปล
    #นิยายญี่ปุ่น
    #จิตวิทยา
    #โตขึ้นจะเป็นอะไร
    #ร้านหนังสือ
    #รักการอ่าน
    #พรุ่งนี้ที่มาไม่ถึง
    #หนังสือดีที่ควรอ่าน
    #thaitimes
    #หนังสือน่าอ่าน
    #การพัฒนาตนเอง
    ก่อนหน้านี้หากมีใครถามให้ช่วยแนะนำหนังสือสักเล่มที่เป็นแนวจิตวิทยา หรือแนะนำเรื่องเกี่ยวกับการเสริมสร้างพลังใจ ให้มีไฟในการดำเนินชีวิตที่จะสู้กับอุปสรรคต่าง ๆ หรือหนังสือที่เหมาะมากกับวัยต่อต้านที่กำลังไม่รู้จะเลือกเดินไปในเส้นทางชีวิตแบบใดให้กับตน ผมยังนึกไม่ออกว่าเล่มใดที่จะเหมาะมากที่สุด ทว่าเมื่อได้อ่านเล่มนี้จบลงแล้ว ก็เป็นที่แน่ชัดกับตนเองทันทีว่า ฉันพบเจอหนังสือที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมตรงตามโจทย์แล้วนั่นคือ #หนังสือเล่มหนึ่งซึ่งไม่มีวางขาย สนพ.piccolo พิมพ์ปลายปี 2564 เขียนโดย ยาสึชิ คิตากาวะ แปลโดย หนึ่งฤทัย ปราดเปรียว หนังสือเล่มไม่หนา ขนาดกำลังดีเบามือถือไปไหนง่าย หนาประมาณ 160 หน้า อ่านไม่กี่ชม.ก็จบ เรื่องย่อ ชายหนุ่มวัยกลางคนนามว่าโยสุเกะ กำลังมีผลงานภาพวาดจัดแสดงอยู่ในห้องแสดงภาพ หญิงสาวสูงวัยนางหนึ่งยืนชมภาพวาดรูปนั้นอยู่นานด้วยอารมณ์ความรู้สึกเปี่ยมล้น เด็กหญิงตัวน้อยวัย 5 ขวบซึ่งเป็นลูกสาวของโยสุเกะ ได้ทำหน้าที่แนะนำภาพวาดของพ่อและชวนเธอสนทนาอย่างน่ารัก จนทราบว่าเธอชื่อฟุจิโกะ เมื่อลูกสาวได้เล่าเรื่องนี้ให้คนเป็นพ่อฟัง เขาถึงกับงุนงงชั่วขณะ ด้วยไม่ได้ยินชื่อนี้มานาน 20 ปีแล้ว บัดดลภาพความทรงจำในอดีตสมัยที่เขายังอายุแค่ 17 ปี ก็หลั่งไหลเข้ามา นั่นคือบทนำก่อนเข้าเรื่องที่เป็นการเล่าย้อนของตัวละครเอกในเรื่องที่เล่าผ่านมุมมองบุคคลที่1 โยสุเกะในวัย 17 ปีนั้น อยู่ในช่วงที่กำลังต้องตั้งใจอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบ แต่เขากลับยังไม่รู้ว่าตัวเองควรเลือกเดินหน้าชีวิตต่อไปในเส้นทางไหน ผู้ใหญ่ชอบถามเด็ก ๆ ว่าโตขึ้นไปอยากเป็นอะไร ประกอบอาชีพอะไร เขารู้สึกลึกลงไปว่าต้องรีบตัดสินใจจริงละหรือ ทำไมจึงไม่สามารถอยู่ไปเรื่อย ๆ โดยถ้ายังไม่มีแรงบันดาลใจอะไรเกิดขึ้น เขาก็ไม่อยากเสียเวลาเปล่าไปกับการต้องเลือกเรียนที่ไหน เพื่อจะกลายไปเป็นอะไรที่ตนไม่แน่ใจว่าใช่สิ่งที่ชอบหรืออยากทำจริงหรือไม่ จึงคล้ายกับเขาปล่อยวันเวลาให้ผ่านไปอย่างหมดเปลืองเปล่าดาย ได้แต่นั่งเฝ้าร้านหนังสือเก่าของพ่อ ที่ตนเองก็ไม่มีนิสัยรักการอ่าน และไม่ค่อยแตะหนังสือมาแต่เล็ก แต่แล้ววันหนึ่งซึ่งปรากฏเด็กสาววัยเดียวกับโยสุเกะ ที่สวยเก๋ในความรู้สึกแรกพบสำหรับเขา ณ ร้านหนังสือของพ่อนั้น มันได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาครั้งใหญ่ไปตลอดกาล เธอคนนั้นรู้จักและเรียกชื่อของโยสุเกะอย่างถูกต้อง โดยที่เขานึกไม่ออกว่าเคยพบเจอสาวสวยน่ารักคนนี้ที่ไหนมาก่อนหรือไม่ เธอบอกกับเขาว่ามาหาซื้อหนังสือที่ไม่มีขายที่ร้านอื่น จนพบเจอเล่มที่ต้องการ และยังวานให้เขาช่วยหาหนังสือเล่มหนึ่ง อีกสัปดาห์จะมาใหม่แล้วก็จากไป โยสุเกะหงุดหงิดตัวเองที่ไม่ทันได้ถามชื่อและเบอร์ติดต่อไว้ เขาเล่าให้พ่อฟัง เมื่อพ่อทราบชื่อหนังสือจึงพูดขึ้นว่า ไม่เป็นไรนี่เป็นหนังสือที่ดีเล่มหนึ่ง พ่อจะสั่งมาขายและเผื่อไว้สักหลายเล่ม ด้วยความที่โยสุเกะอยากจะคุยและทำคววามรู้จักกับเธอคนนั้น แต่เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ได้แค่คิดวุ่นวายภายในหัว แต่ตัวตนจริงนั้นไร้ซึ่งความกล้า สิ่งที่เขาคิดออกมีเพียงอย่างเดียวคือ ต้องอ่านหนังสือเล่มที่เธอถามหา เพื่ออยากเข้าใจว่าเธอเป็นคนเช่นไร นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาก้าวข้ามความไม่ชอบอ่านหนังสือมาได้ และน่าแปลกที่อ่านไปได้สักพัก เขากลับพบว่านี่เป็นหนังสือที่ดีจริง ๆ ต่อมาเขาสามารถอ่านหนังสือเล่มดังกล่าวจนจบได้ ไม่ใช่แค่เกิดจากความรู้สึกแรก แต่เพราะเนื้อหาในนั้นได้สร้างแรงกระเพื่อมให้เกิดขึ้นแก่โยสุเกะอย่างไม่น่าเชื่อ เขารอวันที่จะได้พบเธอด้วยใจจดจ่อ เพื่อจะเล่าให้ทราบว่าเขาได้อ่านหนังสือเล่มนั้นจบแล้ว จนเกือบหมดหวังว่าเธอจะกลับมา ในวันสุดท้ายก่อนสิ้นสัปดาห์ตามที่เธอเคยระบุ เด็กสาวก็ปรากฏกายขึ้นอีกครั้งในชุดผ้าสีขาวทั้งตัว เปล่งประกายจนโยสุเกะรับรู้ได้ เขาดีใจมาก จากที่ไม่กล้าจะเอ่ยปากก่อน สุดท้ายสามารถพูดกับเธอ หญิงสาวดีใจที่เขามีหนังสือที่ร้าน แต่เธอไม่ทันได้พกเงินมา จึงบอกวันหลังจะแวะมาใหม่ แต่มันช้าเกินไปสำหรับเขา โยสุเกะจึงเอ่ยปากให้เธอนำหนังสือกลับไปอ่านก่อน เพราะเขาอยากให้เธอได้อ่าน เขาจะออกให้เอง เธอยิ้มอย่างงดงามในน้ำใจของเขา ยินดีรับหนังสือไปแต่บอกว่าจะนำเงินมาคืนให้ภายหลัง จากนั้นก็ขบคิดด้วยความเอียงอายชั่วครู่ ก่อนจะให้ที่อยู่เบอร์โทรติดต่อไว้แล้วบอกว่าเราน่าจะนัดเจอกันอีก ความสดใสของวัยหนุ่มสาวจึงถึงคราวที่ได้โบยบินยังท้องฟ้ากว้าง ทั้งสองใช้เวลากว่าสองเกือบสามสัปดาห์ที่ออกมาพบเจอกันตามที่นัดพบต่าง ๆ เพื่อพูดคุยกันอย่างออกรสเกี่ยวกับเนื้อหาในหนังสือ และเรื่องที่พ่อของเธอสอนไว้ ซึ่งโยสุเกะพบว่าเป็นคำสอนอันทรงคุณค่าและมีประโยชน์อย่างมากกับตัวเขา จนกระทั่งเกิดแรงบันดาลใจที่จะลุกขึ้นเปลี่ยนแปลงตัวเองจากภายในให้ต่างไปจากเดิม เหมือนเขาได้ค้นพบขุมทรัพย์มหาศาลที่ประเมินค่าไม่ได้ ในแต่ละวันโยสุเกะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่ตนไม่เคยคิดมาก่อน จากคำสอนของพ่อที่ถูกเล่าผ่านตัวเธอและมอบเครื่องบินพับจากกระดาษหลากสีให้ไว้กับโยสุเกะทุกครั้ง แต่เขาไม่เคยถามและไม่รู้จักชื่อของเธอเลย ดูเหมือนเด็กสาวมีบางอย่างที่ยังไม่สามารถเล่าให้เขาฟัง เขารู้เพียงอีกไม่นานเธออาจจะต้องไปอยู่กับพ่อ แม้ปัจจุบันเธออยู่กับแม่คนเดียวก็ตาม ความสัมพันธ์ของครอบครัวอันคลุมเครือที่เธอไม่ได้พูดถึง กลับปริศนาอีกหลายข้อที่ค้างคาใจเขาซึ่งยังไม่กล้าเอ่ยปากถาม ความจริงจะปรากฏในช่วงท้ายเล่ม ที่คงต้องให้เพื่อน ๆ ไปตามหาอ่านกันต่อ แม้นอยากเล่ามากเพียงใดต้องยั้งใจไว้ รอให้คนอ่านได้พบด้วยตัวเองไม่อย่างนั้นความแปลกใหม่และความสนุกสนานอาจลดลง ผมเคยอ่านโลกของโซฟีเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อนแล้วชื่นชอบมาก แม้หนังสือจะหนากับเนื้อหาแนวสอนเชิงจิตวิทยา ที่มีความแปลกใหม่ในการใช้กลวิธีเล่าเรื่องที่น่าสนใจผ่านรูปแบบนิยายมาแล้ว สำหรับเล่มนี้ทำให้อดนึกถึงโลกของโซฟีไม่ได้ แม้นจะมีความคล้ายบางประการในการนำเสนอ แต่หนังสือเล่มหนึ่งซึ่งไม่มีวางขาย ก็มีอัตลักษณ์ที่เป็นแบบฉบับเฉพาะตนที่น่าสนใจ กับความหนาเพียงไม่ถึง 200 หน้า ทำให้การอ่านจนจบไม่ใช่เรื่องลำบากจนเกินไปสำหรับคนที่อาจจะไม่ใช่สายรักการอ่านมาก่อน หนังสือเล่มนี้ดีงามอย่างละเมียดละไม ละมุนละม่อม อ่อนโยนงดงามตลอดเล่ม ไปเรื่อย ๆ ชวนติดตามไปกับการเอาใจช่วยในความสัมพันธ์ของตัวเอกทั้งสอง ว่าเขากับเธอจะมีบทสรุปอย่างไร ผู้เขียนมีความชาญฉลาดในการวางโครงเรื่อง และแก่นที่แน่นหนาน่าสนใจช่วนให้ใคร่ครวญอย่างพินิจพิเคราะห์ กับสิ่งที่ต้องพบเจอทุกผู้คนไม่ว่าชายหรือหญิง ในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย ในช่วงหัวเลี้ยวสำคัญอันคือทางเลือกที่ชีวิตสามารถหักเหไปได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับความหมายในความฝันที่เขายังค้นไม่พบ กับการตัดสินใจทั้งจากตนเองและคนรอบข้างโดยเฉพาะคนที่มีความหมายมากในชีวิตของเขา หนังสือเล่มนี้เป็นได้ทั้งพ่อ เป็นทั้งแม่ แม้แต่เป็นเพื่อน หรือพี่ที่อบอุ่น ให้พลังใจไฟฝัน กับวันวานอันเยาว์วัย แม้นใครหลายคนอาจอยู่ในช่วงวัยที่ล่วงเลยจุดนั้นมานานแล้ว แต่ขอให้เชื่อเถิดครับว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่แค่เพียงวัยรุ่นที่ควรได้อ่าน หากแต่สมควรอย่างยิ่งที่ผู้ที่กำลังจะมีลูก หรือมีแล้ว หรือแม้ยังไม่มีครอบครัวก็ไม่ควรพลาด เพราะนี่เปรียบได้กับคัมภีร์ชีวิต ที่บอกเล่าได้อย่างมีอรรถรสครบทั้งด้านให้ความบันเทิงแก่ผู้อ่าน ทั้งยังมอบคุณค่าสาระอันชวนให้ได้ทบทวนถึงช่วงวันที่แล้วมาในอดีต และวันในปัจจุบัน รวมถึงวันในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง บนความงดงามที่ร้อยเรียงด้วยภาษาเรียบง่าย คล้ายกับจะเป็นหนังสือฮาวทูแต่แปลงกายมาในรูปแบบของนิยายวัยใส แทรกสอนแนวคิดที่เป็นทั้งปรัชญา จิตวิทยา และหลักการทางธรรมะในศาสนาพุทธ ได้อย่างสอดประสานกลมกลืนกับเนื้อหาเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวละคร ที่มีปริศนาชวนให้กระหายใคร่รู้ โดยใช้ฉากและตัวละครน้อยมาก ความดีเด่นในด้านนี้เองที่ทำให้คนอ่านสามารถเข้าใจ เข้าถึง สิ่งที่ผู้เขียนต้องการนำเสนอได้อย่างรวดเร็ว ง่ายดาย และตรงไปตรงมาที่สุด อาจมีจุดจี๊ดในใจบ้างตอนช่วงท้ายของบทสรุป ขึ้นกับว่าผู้อ่านคนนั้นรับสารที่มีการเผยปริศนาของตัวละครไว้ในรายทางเป็นระยะได้มากน้อยแค่ไหน ในย่อหน้าสุดท้ายนี้ ใครที่ยังไม่ได้อ่านมาก่อนไม่จำเป็นต้องอ่านต่อก็ได้ เพราะอาจจะทำให้คุณคิดไปต่าง ๆ เกี่ยวกับตอนจบของเรื่อง อันจะทำให้สูญเสียความรู้สึกแรกที่พบ ณ ชั่วเวลานั้นไปอย่างน่าเสียดาย . . . . . . . . เพราะถ้ามองเห็นเร็ว ก็พอจะคาดเดาทิศทางของบทบาทตัวละครหลักในตอนท้ายได้ว่าจะมีผลลัพธ์เช่นไร และจะไม่กระทบกระแทกกับอารมณ์ความรู้สึกมากนัก แต่ถ้าอ่านไป ๆ แต่ไม่ทันได้สังเกตคำใบ้ที่ถูกเปิดขึ้นทีละน้อย ก็อาจได้พบกับความรู้สึกที่สะกิดสะเกาให้หัวใจได้สะท้อนสะท้าน และอาจถึงขั้นสั่นสะเทือนอย่างที่อดตาแฉะไม่ได้ #นิยายแปล #นิยายญี่ปุ่น #จิตวิทยา #โตขึ้นจะเป็นอะไร #ร้านหนังสือ #รักการอ่าน #พรุ่งนี้ที่มาไม่ถึง #หนังสือดีที่ควรอ่าน #thaitimes #หนังสือน่าอ่าน #การพัฒนาตนเอง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 812 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ผู้นำหรือนักแสดง#ไหวพริบผู้นำเรียนรู้​ได้ด้วยการหล่อหลอมและตนเอง#นักแสดงที่ดีสวมบทบาทผู้นำได้ตามบท#นักแสดงไม่มีบท
    ผมเห็นคลิปผู้นำไปดูหน้างาน​ แต่ไม่ได้มีเสียง​ ทำท่าทำทางให้กับคนรายงาน​ ผมคิดในใจว่าพอเราฟังเขาพูดเราก็รู้ว่ามีกึ๋นไหม​ อีกภาพคือสุมหัวคุยปิดม่านบนเครื่องบินผมถือเป็นโอกาสที่เราคิดต่างจากผู้นำคือ​ ควรฟังคนอธิบายคู่กับแผนที่​ เห็นสภาพภูมิประเทศ​ ที่ลุ่มที่ดอน​ ทิศทางของน้ำำ​ ใครขวางทางน้ำหรือคิดอะไรออก​ ผ่านมาหนึ่งวันมีคนทำติ๊กต๊อก​ ได้ความรู้วึกที่คล้ายกับที่ผมสังเกต​ ดร.มัลลิกายังสังเกตเห็นทีมเจ็ทสกี​ และจำนวนผู้ติดตาม​ เราคงไม่ต้องการผู้นำไปตักข้าวกล่องเงินเดือนเป็นแสน​ หรือรวยแล้ว​ไม่รับเงินเดือน​ ก็ไม่เอา

    ลุงเบ็นของสไปเดอร์แมน​สอนว่า​ พลังอำนาจที่มี​ มากับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่

    https://vt.tiktok.com/ZS2H3eEq2/
    #ผู้นำหรือนักแสดง#ไหวพริบผู้นำเรียนรู้​ได้ด้วยการหล่อหลอมและตนเอง#นักแสดงที่ดีสวมบทบาทผู้นำได้ตามบท#นักแสดงไม่มีบท ผมเห็นคลิปผู้นำไปดูหน้างาน​ แต่ไม่ได้มีเสียง​ ทำท่าทำทางให้กับคนรายงาน​ ผมคิดในใจว่าพอเราฟังเขาพูดเราก็รู้ว่ามีกึ๋นไหม​ อีกภาพคือสุมหัวคุยปิดม่านบนเครื่องบินผมถือเป็นโอกาสที่เราคิดต่างจากผู้นำคือ​ ควรฟังคนอธิบายคู่กับแผนที่​ เห็นสภาพภูมิประเทศ​ ที่ลุ่มที่ดอน​ ทิศทางของน้ำำ​ ใครขวางทางน้ำหรือคิดอะไรออก​ ผ่านมาหนึ่งวันมีคนทำติ๊กต๊อก​ ได้ความรู้วึกที่คล้ายกับที่ผมสังเกต​ ดร.มัลลิกายังสังเกตเห็นทีมเจ็ทสกี​ และจำนวนผู้ติดตาม​ เราคงไม่ต้องการผู้นำไปตักข้าวกล่องเงินเดือนเป็นแสน​ หรือรวยแล้ว​ไม่รับเงินเดือน​ ก็ไม่เอา ลุงเบ็นของสไปเดอร์แมน​สอนว่า​ พลังอำนาจที่มี​ มากับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ https://vt.tiktok.com/ZS2H3eEq2/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 242 มุมมอง 0 รีวิว
  • สิ้นแล้ว! " ฉีเส้าเฉียง" (徐少强)ดารานักแสดงเจ้าบทบาท“ฮุนโปยเฮี้ยง”หนังซีรีส์ละครกำลังภายในที่โด่งดังยุค80 เรื่องกระบี่ไร้เทียมทาน( Reincarnated ) เสียชีวิตจากโรคมะเร็งในหลอดอาหาร สิริอายุ73ปี

    15 กันยายน 2567 -รายงานข่าวจากสื่อฮ่องกงอย่าง HK01 และ 东网今日 ระบุว่า เถียนฉีเหวิน-田启文 ผู้อำนวยการสร้างและเพื่อนของ สวีเส้าเฉียง ยืนยันถึงการเสียชีวิตของฉีเส้าเฉียงจริงจากโรคมะเร็งหลอดอาหารขณะอยู่ที่ปักกิ่งเมื่อต้นเดือนกันยายนนี้

    สวีเส้าเฉียง ดารานักแสดงขวัญใจที่แฟนๆหนังจีนทั้งประเทศไทยและจีนในยุค 1970-1980 ที่ประทับใจและ เคยมาแสดงหนังไทยเรื่องเพชรตัดหยก(2525) คู่กับสรพงศ์ ชาตรี

    https://youtu.be/rKtspK3dsWg?si=Ubt1awvSl5NFOlti

    #Thaitimes
    สิ้นแล้ว! " ฉีเส้าเฉียง" (徐少强)ดารานักแสดงเจ้าบทบาท“ฮุนโปยเฮี้ยง”หนังซีรีส์ละครกำลังภายในที่โด่งดังยุค80 เรื่องกระบี่ไร้เทียมทาน( Reincarnated ) เสียชีวิตจากโรคมะเร็งในหลอดอาหาร สิริอายุ73ปี 15 กันยายน 2567 -รายงานข่าวจากสื่อฮ่องกงอย่าง HK01 และ 东网今日 ระบุว่า เถียนฉีเหวิน-田启文 ผู้อำนวยการสร้างและเพื่อนของ สวีเส้าเฉียง ยืนยันถึงการเสียชีวิตของฉีเส้าเฉียงจริงจากโรคมะเร็งหลอดอาหารขณะอยู่ที่ปักกิ่งเมื่อต้นเดือนกันยายนนี้ สวีเส้าเฉียง ดารานักแสดงขวัญใจที่แฟนๆหนังจีนทั้งประเทศไทยและจีนในยุค 1970-1980 ที่ประทับใจและ เคยมาแสดงหนังไทยเรื่องเพชรตัดหยก(2525) คู่กับสรพงศ์ ชาตรี https://youtu.be/rKtspK3dsWg?si=Ubt1awvSl5NFOlti #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 469 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซาอุฯแอบซื้อทอง160ตันจากสวิตเซอปร์แลนดืตั้งแต่ปี2022

    ซาอุดิ อาระเบียได้เข้าร่วมกับประเทศอื่นๆ ในเอเชียในการมองข้ามความอ่อนไหวต่อราคาทองคำในระยะยาว Jan Nieuwenhuijs แห่งMoney Metals Exchangeรายงานว่า มีหลักฐานบ่งชี้ว่าธนาคารกลางซาอุดิอาระเบียแอบซื้อทองคำจำนวน 160 ตันในสวิตเซอร์แลนด์ตั้งแต่ต้นปี 2565 ซึ่งมีส่วนสนับสนุนตลาดกระทิงของทองคำในปัจจุบัน

    แม้ว่าซาอุดิ อาระเบียจะมีบทบาทสำคัญในการให้กำเนิดมาตรฐานดอลลาร์โลกในช่วงต้นทศวรรษ 1970 แต่คราวนี้พวกเขาอาจกลายเป็นแกนหลักในการยกเลิกเปโตรดอลล่าร์ หรือการขายน้ำมันเป็นเงินสกุลดอลล่าร์อย่างเดียว อันเห็นได้จากการที่ซาอุดิ ได้รับเชิญให้เข้าร่วมกับกลุ่มBRICSซึ่งมีนโยบายต้องการออกจากระบบดอลล่าร์ (de-dollarization)

    จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ความต้องการทองคำของซาอุดิอาระเบียจะลดลงเมื่อราคาทองคำสูงขึ้นและความต้องการเพิ่มขึ้นเมื่อราคาลง ทำให้สร้างความผันผวนในตลาดทองคำ ซึ่งอยู่ภายใต้อิทธิพลของตะวันตกมานานหลายทศวรรษ

    นับตั้งแต่ตะวันตกยึดทรัพย์สินดอลลาร์ของรัสเซียในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ผู้ที่มีความขัดแย้งทางการทูตกับชาติตะวันตกก็เริ่มแลกเปลี่ยนดอลลาร์ของตนเป็นทองคำมากขึ้น

    ซาอุดิอาระเบียเป็นประเทศล่าสุด รองจากจีนและไทย ซึ่งมีสถิติการค้าข้ามพรมแดนที่แสดงว่าซาอุดีอาระเบียเปลี่ยนจากปัจจัยความอ่อนไหวด้านราคามาเป็นปัจจัยขับเคลื่อนราคา


    Trading Economicsรายงานว่า ทองคำสำรองในซาอุดีอาระเบียยังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ 323.07 ตันในไตรมาสแรกของปี 2024 จาก 323.07 ตันในไตรมาสที่สี่ของปี 2023 ทองคำสำรองในซาอุดิอาระเบียเฉลี่ย 263.59 ตันในช่วงปี 2000 ถึงปี 2024 ซึ่งแตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 323.07 ตันในไตรมาสแรกของปี 2016 และต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 142.95 ตันในไตรมาสที่สองของปี 2000

    อย่างไรก็ตาม Nieuwenhuijsเชื่อว่า ซาอุดิ อาราเบียมีทองคำสำรองมากกว่าที่ประกาศอย่างเป็นทางการ

    ที่มา https://www.linkedin.com/pulse/saudi-central-bank-caught-secretly-buying-160-tonnes-gold-bv3ue
    ซาอุฯแอบซื้อทอง160ตันจากสวิตเซอปร์แลนดืตั้งแต่ปี2022 ซาอุดิ อาระเบียได้เข้าร่วมกับประเทศอื่นๆ ในเอเชียในการมองข้ามความอ่อนไหวต่อราคาทองคำในระยะยาว Jan Nieuwenhuijs แห่งMoney Metals Exchangeรายงานว่า มีหลักฐานบ่งชี้ว่าธนาคารกลางซาอุดิอาระเบียแอบซื้อทองคำจำนวน 160 ตันในสวิตเซอร์แลนด์ตั้งแต่ต้นปี 2565 ซึ่งมีส่วนสนับสนุนตลาดกระทิงของทองคำในปัจจุบัน แม้ว่าซาอุดิ อาระเบียจะมีบทบาทสำคัญในการให้กำเนิดมาตรฐานดอลลาร์โลกในช่วงต้นทศวรรษ 1970 แต่คราวนี้พวกเขาอาจกลายเป็นแกนหลักในการยกเลิกเปโตรดอลล่าร์ หรือการขายน้ำมันเป็นเงินสกุลดอลล่าร์อย่างเดียว อันเห็นได้จากการที่ซาอุดิ ได้รับเชิญให้เข้าร่วมกับกลุ่มBRICSซึ่งมีนโยบายต้องการออกจากระบบดอลล่าร์ (de-dollarization) จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ความต้องการทองคำของซาอุดิอาระเบียจะลดลงเมื่อราคาทองคำสูงขึ้นและความต้องการเพิ่มขึ้นเมื่อราคาลง ทำให้สร้างความผันผวนในตลาดทองคำ ซึ่งอยู่ภายใต้อิทธิพลของตะวันตกมานานหลายทศวรรษ นับตั้งแต่ตะวันตกยึดทรัพย์สินดอลลาร์ของรัสเซียในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ผู้ที่มีความขัดแย้งทางการทูตกับชาติตะวันตกก็เริ่มแลกเปลี่ยนดอลลาร์ของตนเป็นทองคำมากขึ้น ซาอุดิอาระเบียเป็นประเทศล่าสุด รองจากจีนและไทย ซึ่งมีสถิติการค้าข้ามพรมแดนที่แสดงว่าซาอุดีอาระเบียเปลี่ยนจากปัจจัยความอ่อนไหวด้านราคามาเป็นปัจจัยขับเคลื่อนราคา Trading Economicsรายงานว่า ทองคำสำรองในซาอุดีอาระเบียยังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ 323.07 ตันในไตรมาสแรกของปี 2024 จาก 323.07 ตันในไตรมาสที่สี่ของปี 2023 ทองคำสำรองในซาอุดิอาระเบียเฉลี่ย 263.59 ตันในช่วงปี 2000 ถึงปี 2024 ซึ่งแตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 323.07 ตันในไตรมาสแรกของปี 2016 และต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 142.95 ตันในไตรมาสที่สองของปี 2000 อย่างไรก็ตาม Nieuwenhuijsเชื่อว่า ซาอุดิ อาราเบียมีทองคำสำรองมากกว่าที่ประกาศอย่างเป็นทางการ ที่มา https://www.linkedin.com/pulse/saudi-central-bank-caught-secretly-buying-160-tonnes-gold-bv3ue
    WWW.LINKEDIN.COM
    Saudi Central Bank Caught Secretly Buying 160 Tonnes of Gold in Switzerland
    Money Metals Exchange By Jan Nieuwenhuijs The Saudis have joined other Asian countries in ditching their long-term sensitivity to the gold price. Evidence suggests the Saudi central bank has been covertly buying 160 tonnes of gold in Switzerland since early 2022, contributing to the current gold bul
    Like
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1170 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหล่าติ่งทั้งหลาย…………มาช่วยส่งกำลังใจให้พี่ปูหน่อยเร้วววว……!!!

    ตอนสี่……เข้ามาจนใกล้……แต่ยังไปไม่ถึง……!!!

    และแล้ว ปูตินก็ได้ดินทางมาสู่ Dresden เยอรมันตะวันออกเพียงลำพังในเดือนสิงหาคม 1985 เพราะลุดมิลายังต้องเลี้ยงดูลูกเล็ก มาเรีย (หรือ มาช่า) จนกว่าจะโตอีกนิดนึง
    เขาเข้าเริ่มงานในสำนักงานฝ่ายความมั่นคงของโซเวียต
    ที่เป็นที่ทำงานเดียวกับ KGB
    ปูตินกลายเป็น “Little Volodya” ในหมู่ของเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชา เพราะในหน่วยได้มีชื่อ Vladimir อยู่แล้วสองคน
    คนหนึ่งในหนวด ก็เป็น Mustahios Volodya
    อีกคนหนึ่งร่างยักษ์ ก็เป็น “Big Volodya”
    เขาเริ่มสับสนกับการทำงานในที่นี้ เพราะ เขาไม่ใช่ “Comrade Platov” อย่างควรจะเป็นในระบบของ KGB
    แต่กลายมาเป็น นายทหารธรรมดา ยศพันตรี แปะอกหรา…
    แล้วนี่มันเป็นสายลับชนิดไหนในโลก………!!!

    ต่อมาหลังจากที่เรียนรู้งาน เขาจึงทราบว่า การทำงานแบบอินเตอร์นี้ เขามาอย่างเปิดเผยพร้อมโปรไฟล์ พร้อมพาสปอร์ต
    ก็ต้องเล่นไปตามเกมส์
    งานใต้ดิน……จะแยกออกไปอีกสายหนึ่ง เรียกว่า Stasi (The Ministry for State Security หรือ Staatsischerheitdiest)
    ที่เป็นหน่วยงานของเยอรมันฝ่ายคอมมิวนิสต์ ก่อตั้งในปี 1950
    สำนักงานใหญ่อยู่ที่ Lichtenberg, East Germany
    ที่ทางรัสเซียจะสั่งการลงไปอีกชั้นหนึ่ง ปูตินจึงกลายมาเป็นทหารนั่งออฟฟิศ คอยประสานกับหน่วยสตาซี
    สำนักงานของ Stasi, Dresden ก็อยู่บนชั้นสองในอาคารเดียวกัน หัวหน้าหน่วย ชื่อว่า Horst Böhm
    วันดีคืนดีก็กวักมือชวนกันไปเล่นฟุตบอล แมช ระหว่าง Stasi vs KGB

    การประสานงานนี้ แม้ว่าพันตรีปูตินจะเชี่ยวชาญในภาษาเยอรมัน แต่ปัญหาอื่นๆก็ตามมาคือการสื่อสารภาษาชาวบ้านในชีวิตประจำวัน ศัพท์แสลง ที่เขาไม่คุ้นเคย
    ทางหน่วยสตาซี จึงส่งเจ้าหน้าที่มาเปิดทำการสอนอย่างติวเข้ม
    และอีกปัญหาหนึ่ง คือ เหล่าทหารเกณฑ์โซเวียตที่ได้มาประจำการในเยอรมัน ต่างกันหลุดวินัย เพราะเปรียบเทียบได้ว่า
    มาสู่เมืองสวรรค์ ดื่มเหล้า ดื่มเบียร์ นุ่กางเกงยีนส์ ดูหนังโป๊
    หรือแม้แต่เหล่านายทหารอีลีทที่มาอยู่ทั้งครอบครัว ก็ใช้จ่ายแบบฟุ้งเฟ้อ เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าสารพัด บางคนก็ส่งกลับไปขายในตลาดมืดที่โซเวียต

    ปูตินจึงเปรียบเสมือนกับได้เข้ามาอยู่ในโลกใหม่ เขาเองได้รับเงินเดือนเป็นเงินสดเทียบเท่า หนึ่งร้อยยูเอสดอลล่าร์ (นับว่ามากโข)
    ใครต่อใครบอกเขาว่า การที่ได้มาประจำการที่นี่ คือ สุดยอดของความสุข แต่สำหรับเขานั้น……มันไม่ใช่..!!

    ลุดมิลาและลูกน้อยได้มาถึงในช่วงปลายปี เธอเปิดประตูอพาร์ตเมนต์เข้ามา พบกับตะกร้าใส่กล้วยหอมวางอยู่บนโต๊ะอาหารโด่เด่………ไม่มีแม้แต่ช่อดอกไม้……!!!
    เพียงแค่นั้น เธอก็พอที่จะรู้แล้วว่า……ทุกอย่างจะไม่ใช่เป็นอย่างที่เคยคิด……!!

    เจ้านายสายตรงของปูติน คือ Colonel Lazar Matveyev ที่เข้ากันได้ดีกับปูตินเป็นปี่เป็นขลุ่ย เพราะมีประวัติการเป็นมาคล้ายๆกัน และชื่นชมในตัวลุดมิลา ที่เป็นหญิงฉลาด คล่องแคล่ว ไหวพริบดี
    ปูตินใช้ชีวิตอย่างง่ายๆสบายๆในเดรสเดน และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาไม่ได้ซ้อมยูโดอย่างที่ทำเป็นประจำ อีกทั้งไม่เคยหยิบจับอะไรในเรื่องงานบ้าน ลุดมิลาได้ตั้งครรภ์ที่สอง
    เธอทำทุกอย่างในบ้าน
    รวมทั้งต้องเอาใจสามีที่ค่อนข้าง”เยอะ” ในเรื่องอาการการกิน
    อะไรที่ไม่ชอบ เขาจะไม่แตะเลย
    พอเธอบ่นเข้า……เขางัดเอาคติของรัสเซียโบราณขึ้นมาพูดลอยๆ……ว่า……ผู้หญิงยิ่งเอาใจ ยิ่งเคยตัว..!!!!
    และเขาไม่เคยจำวันครบรอบแต่งงานได้……
    ตอนที่ลุดมิลาจะต้องไปคลอดลูกคนเล็กนอนโรงพยาบาลต่อด้วยการพักฟื้นหลายวัน
    ปูตินจะต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งเลี้ยงลูก ทำความสะอาด หุงหา ที่เขาบอกว่าเป็นงานที่หนักที่สุดในชีวิต
    ทั้งนี้ทั้งนั้น หลายคนจับในน้ำเสียงได้ว่า เขาผิดหวังมากที่ไม่ได้ลูกชาย……
    ทั้งคู่ใช้ชีวิตอย่างสบายเพราะได้ออกไปเที่ยวในวันหยุด มีเครื่องซักผ้า มีสเตอริโอ และมีเกมส์ทีวี (รุ่น Atari) เล่น
    แต่ลุดมิลาไม่มีความสุขเท่าที่ควร เพราะเธอไม่มีเพื่อน
    คบคุยกับใครเป็นเรื่องเป็นราวไม่ได้ เหมือนมีคนคอยจับจ้องอยู่ตลอดเวลา สามีก็ไม่เคยเล่าเรื่องอะไรให้ฟังเลย
    แต่ปูตินก็มีเหตุผล……เพราะในหน่วยของเขาก็มีสายลับจากเยอรมันตะวันตกแฝงเข้ามา เท่าที่รู้คือ ล่ามที่เข้ามาทำการแปลให้ เป็นผู้หญิง (จาก BND = Bundesnachrichtendient) ที่มีโค้ดของตัวเองว่า BALCONY ที่เข้ามาทำตัวสนิทสนมกับลุดมิลา จนเธอเชื่อใจ ยอมนินทาสามีให้ฟังว่า เป็นคนเข้มระเบียบ
    มีแอบเจ้าชู้ และชีวิตครอบครัวเริ่มมีปัญหา

    ปี 1986 ที่โซเวียตเริ่มมีปัญหาภายในเพราะสภาพเศรษฐกิจ
    ส่วนภายนอกคือความกดดันจากองค์กร NATO จนท่านผู้นำ
    Mikhail Gorbachev ยอมอ่อนข้อให้ในเรื่องเครียดๆของสงครามเย็น
    ปี 1987 ปูตินได้เลื่อนยศเป็น พันโท และเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการ นั่นหมายถึงเป็นเบอร์สองขององค์กร ใน Dresden ที่ต้องคอยควบคุมพฤติกรรมทุกย่างก้าวของผู้ใต้บังคับบัญชา ที่เข้มถึงขนาดห้ามมีการถ่ายรูปภายในบริเวณ
    สถานการณ์เริ่มอึมครึมในระหว่างกลุ่ม KGB และ Stasi
    เพราะกลุ่มสายลับตะวันตกเริ่มมีบทบาทเข้ามาเกี่ยวข้องทางตะวันออกมากขึ้น มันบ่งบอกถึงสัญญาณอะไรบางอย่าง
    และ……นั่นคือ การลงนามระหว่างโรนัล รีแกน กับ กอร์บาเชฟ ในเรื่องสนธิสัญญาสันติภาพในขีปนาวุธนิวเคลียร์ในยุโรป
    (จำกัดจำนวน ถ้ามีเกิน ทำลายทิ้ง) ที่เกิดขึ้นในเดือนต่อมา

    สัญญาณนั้นชี้ไปในทางทิศที่ว่า สงครามเย็นอาจจะจบสิ้นในไม่ช้า เพราะกอร์บาเชฟได้เห็นแล้วว่าโซเวียตยังล้าหลังจากยุโรปไปมาก ควรจะต้องเปิดใจปรับปรุงให้เป็นคอมมิวนิสต์ที่พัฒนาและยอมรับความจริง
    เพียงแต่……เหล่าสีแดงเข้ม ไม่เข้าใจ และไม่พอใจ เห็นต่างกับนโยบายของท่านผู้นำ
    เมื่อโซเวียตเริ่มอ่อนกำลัง ปี 1989 ฮังการีได้เปิดพรมแดนที่ติดกับออสเตรีย ให้คนต่างเดินทางไปมาหาสู่ได้
    นั่นคือที่มาของความระส่ำระสายในเยอรมันตะวันออก ที่ต่างเรียกร้องให้เปิดพรมแดน รวมทั้งเบอร์ลิน
    มีการเดินขบวนเรียกร้อง มีการลุกฮือก่อการวุ่นวายที่นั่นที่นี่
    ผู้พันปูตินเริ่มรู้สึกว่า หน่วยของเขาเริ่มถูกตัดรอนไปจากมอสโคว์ เพราะไม่ว่าจะส่งรายงานอะไรไปก็ไม่ได้รับคำตอบกลับมา
    อ่านบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้…?!!

    ในที่สุดกำแพงเบอร์ลินได้ถูกทะลายลงในคืนวันที่ 9 พฤศจิกายน 1989 เกิดการชุมนุมขึ้นในทุกหย่อมหญ้าของแผ่นดิน
    ใน Dresden วันที่ 5 ธันวาคม ที่คนจำนวนร้อยๆได้มุ่งหน้ามาที่สำนักงาน KGB ผู้พันปูตินได้มองเห็นการเคลื่อนตัวมาจากชั้นบนของอาคาร
    จากนั้นไม่กี่ชั่วโมงต่อมา…มวลชนเพิ่มเป็นจำนวนพัน……เมื่อถึงหน้าประตู ทุกคนอยู่ในสภาพคลั่ง โกรธแค้น ขว้างปา ด่าทอ
    เสียงคนตะโกนว่า ……ในอาคารมีช่องทางลับที่จะมุ่งไปสู่โรเมเนีย…มีคุกที่ทรมานนักโทษให้จมน้ำอยู่ครึ่งตัว…
    ตอนนั้น……ผู้พันปูตินขำไม่ออก……กับเรื่องเพ้อเจ้อที่แต่งกันขึ้นมาเพื่อที่จะเกลียดชังโซเวียต
    ที่ขำไม่ออก……เพราะเขาทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากมอสโคว์
    ซึ่ง……ไม่ว่าจะส่งโทรเลขไปกี่ครั้ง แต่……ไม่มีคำตอบใดๆกลับมา……!!
    ณ. นาทีนั้น เขาได้รู้ได้ทันทีว่า…ไม่มีโซเวียตอีกต่อไป ระบอบระบบทุกอย่างได้ล่มลงหมดแล้ว

    เขาตัดสินใจแต่งเครื่องแบบออกไป ไม่มีอาวุธ (เขาเอาปืนและบัตรประจำตัวสายลับไว้ในเซฟ) ออกพบกับฝูงชนเมื่อเวลาเที่ยงคืน พร้อมกับทหารอีกหยิบมือ เป็นการเจรจาที่มีรั้วเหล็กกั้น
    ฝ่ายมวลชนพยายามที่จะผลักประตูเข้ามา……
    ผู้พันปูตินประกาศด้วยภาษาเยอรมันที่ชัดเจน จนทุกคนประหลาดใจ ว่า…
    “สถานที่นี้เป็นของรัฐบาลโซเวียต ที่ฝ่ายมั่นคงข้างในได้มีการเตรียมพร้อมรับมือด้วยอาวุธ…หากว่ามีการล่วงล้ำเข้ามา
    ทุกคนรอฟังคำสั่งและสัญญาณจากผมเท่านั้น……กรุณารักษาความสงบ……”
    ได้ผลเกินร้อย……ทุกคนสงบลง เสียงโห่ร้องกลายเป็นการสนทนาสู่กันเบาๆ
    แล้ว……ผู้พันปูตินก็เดินหันหลังกลับเข้าไป…!!!

    ทุกอย่างที่ว่ามา……ไม่มีทั้งสิ้น ไม่มีกำลังพล ไม่มีอาวุธ มีแต่เจ้าหน้าที่เด็กๆที่ช่วยกันทำลายเผาเอกสารสำคัญกันทั้งวันทั้งคืน
    แต่……การที่ไม่ได้รับคำตอบใดๆจากมอสโคว์………ยังเป็นฝันร้ายของผู้พันปูตินจนถึงทุกวันนี้……!!!

    เดือนกุมภาพันธ์ 1990 ผู้พันปูตินและลุดมิลาได้เตรียมตัวจัดกระเป๋า หีบห่อสัมภาระกลับสู่โซเวียต เขามีเงินเก็บไม่มากนักจากเงินเดือนที่ได้รับ ข้าวของจะถูกส่งกลับไปทางเรือ ส่วนเขา ลุดมิลาและลูกทั้งสองจะกลับทางรถไฟสู่มอสโคว์
    ระหว่างเดินทางกลับ เสื้อโค้ดและกระเป๋าถือของลุดมิลาถูกขโมยในระหว่างทาง……

    การกลับเข้าสู่ดินแดนของโซเวียตในครั้งนี้ ที่เขาต้องเจอกับความขาดแคลนไปในทุกสิ่ง ผู้คนที่ต้องใช้คูปองสงเคราะห์ในการซื้ออาหาร ข้าวของขาดตลาด การว่างงาน……
    แม้แต่ตัวผู้พันปูตินเอง ตั้งแต่ต้นปี 1990 จนผ่านมาสามเดือนก็ยังไม่ได้รับเงินเดือน……ส่วนอาคารสงเคราะห์ที่จะเป็นที่อยู่อาศัยก็ยังไม่มี เพราะทุกแห่งเต็มไปหมด ถ้าจะรอก็ต้องใช้เวลาเป็นปี
    แต่ตัวปูตินเอง……เขาหมดความมั่นใจในการบริหารงานของรัฐบาลโซเวียต แม้ว่าจะถูกเสนองานใหม่ให้ในมอสโคว์
    ก็ยังปฏิเสธ……เขาอยากกลับไปที่เลนินกราดบ้านเกิด อย่างน้อยก็ไปอยู่กับพ่อแม่ได้…

    ที่เลนินกราด……เขาได้งานใหม่ (แต่ยังเป็น KGB) ในหน้าที่คณบดี ฝ่ายการเมืองต่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัย
    เลนินกราด (ที่เขาจบมา) หน้าที่ของเขาคือ ส่ายตาสอดส่องนักศึกษาและคนแปลกหน้า เท่ากับว่า เขาทำหน้าที่เช่นเดียวกับ Oleg Kalugin คนที่เคยนำเขาเข้าสู่ KGB เมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษากฎหมายเมื่อปี 1975
    ปูตินเคยบ่นปรับทุกข์กับเพื่อนรัก Sergei Roldugin ว่าเขาอยากลาออกจากการเป็น KGB
    แต่คำตอบที่ได้รับคือ ……”นายเคยเห็นหรือได้ยินคำว่า อดีตสายลับบ้างไหม……ไม่เคยละซิ เพราะถ้านายเป็น KGB แล้ว นายก็จะเป็นตลอดไป ต่อให้ไม่ได้อยู่ในองค์กร แต่นายก็ยังเป็น……เพราะ……มันคือจิตวิญญาณ……!!!”

    ที่มหาวิทยาลัย มีนักกฎหมายรุ่นพี่ที่จบจากที่เดียวกัน Anatoly Sobchak ที่เป็นผู้ที่เลื่อมใสระบอบประชาธิปไตยโดยใช้กฎหมายบังคับ เขาชอบเล่นการเมือง (เป็นฝ่ายตรงข้ามกับคอมมิวนิสต์)
    อนาโตลี มีความเลื่อมใสในกลุ่มนักกฏหมายไฟแรงที่หนึ่งในนั้น คือ Boris Yeltzin ที่ได้เป็นถึงหนึ่งคณะมนตรีในมอสโคว์
    อนาโตลี ต้องการใช้กฎหมายแบบระบบสากล คือ ไม่ว่าทหาร หรือ KGB ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเช่นคนอื่นๆ หากว่ามีความผิด ดังที่เขาพยายามที่จะขัดค้นในเรื่องการสังหารหมู่ในชนกลุ่มน้อยที่เกิดขึ้นในลิธัวเนีย, อาร์เมเนีย และ อาเซอร์ไบจาน

    อนาโตลี ได้รับเลือกตั้งให้เป็นนายกเทศมนตรี เลนินกราด……
    เขามีความรู้ มีความสามารถทางด้านวิชาการ เป็นนักพูดที่ดี
    แต่ไม่มีประสบการณ์กับชาวบ้าน และ การเป็นนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยในบ้านเมืองที่ยังถูกควบคุมในระบอบคอมมิวนิสต์นั้น มันไม่น่าจะง่าย……
    เขาจึงติดต่อไปที่ Oleg Kalugin หัวหน้าหน่วยสายลับผู้เป็นเพื่อนรัก เพื่อช่วยหาคนที่ไว้ใจได้ รอบรู้ ให้มาช่วยงาน
    โอเลก……ได้ให้รายชื่อไปสองสามคน แต่ อนาโตลี บอกว่า
    มันชัดเจนไปเพราะผู้คนรู้จักแล้ว เขาอยากได้คนที่โนเนม และเป็นคนธรรมดาๆมากกว่า
    ชื่อของ Vladimir Putin จึงถูกเสนอขึ้นไป
    อนาโตลี……รับข้อเสนอนี้ทันที เพราะนอกจากคุณสมบัติล้นเหลือแล้ว ยังเป็นรุ่นน้องที่จบมาจากที่เดียวกันด้วย

    ในเดือนพฤษภาคม ปูตินไปพบกับอนาโตลี ในที่ทำงานที่
    Mariinsky Palace ที่อนาโตลีได้บอกให้เขาเข้ามาทำงานในวันจันทร์ได้เลย……
    ปูติน……ตอบว่า……
    “เดี๋ยวก่อนครับ……ก่อนที่ท่านจะตัดสินใจ ผมต้องขอเรียนให้ทราบก่อนว่า นอกจากจะเป็นคณบดีที่มหาวิทยาลัยแล้ว……
    งานหลัก……ผมยังเป็น KGB อีกด้วย”

    เป็นการประจันหน้ากันระหว่าง อนาโตลี ผู้ใฝ่ประชาธิปไตย กับ
    วลาดิเมียร์ ปูติน สายลับใต้ดินตัวเก่งของโซเวียต…!!!

    ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบงัน……แต่เพียงอึดใจเดียว
    อนาโตลีได้เข้ามาตบบ่าปูติน และบอกว่า…
    “KGB ก็ KGB ซิวะ………ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลยนี่………!!!!

    Wiwanda W. Vichit
    เหล่าติ่งทั้งหลาย…………มาช่วยส่งกำลังใจให้พี่ปูหน่อยเร้วววว……!!! ตอนสี่……เข้ามาจนใกล้……แต่ยังไปไม่ถึง……!!! และแล้ว ปูตินก็ได้ดินทางมาสู่ Dresden เยอรมันตะวันออกเพียงลำพังในเดือนสิงหาคม 1985 เพราะลุดมิลายังต้องเลี้ยงดูลูกเล็ก มาเรีย (หรือ มาช่า) จนกว่าจะโตอีกนิดนึง เขาเข้าเริ่มงานในสำนักงานฝ่ายความมั่นคงของโซเวียต ที่เป็นที่ทำงานเดียวกับ KGB ปูตินกลายเป็น “Little Volodya” ในหมู่ของเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชา เพราะในหน่วยได้มีชื่อ Vladimir อยู่แล้วสองคน คนหนึ่งในหนวด ก็เป็น Mustahios Volodya อีกคนหนึ่งร่างยักษ์ ก็เป็น “Big Volodya” เขาเริ่มสับสนกับการทำงานในที่นี้ เพราะ เขาไม่ใช่ “Comrade Platov” อย่างควรจะเป็นในระบบของ KGB แต่กลายมาเป็น นายทหารธรรมดา ยศพันตรี แปะอกหรา… แล้วนี่มันเป็นสายลับชนิดไหนในโลก………!!! ต่อมาหลังจากที่เรียนรู้งาน เขาจึงทราบว่า การทำงานแบบอินเตอร์นี้ เขามาอย่างเปิดเผยพร้อมโปรไฟล์ พร้อมพาสปอร์ต ก็ต้องเล่นไปตามเกมส์ งานใต้ดิน……จะแยกออกไปอีกสายหนึ่ง เรียกว่า Stasi (The Ministry for State Security หรือ Staatsischerheitdiest) ที่เป็นหน่วยงานของเยอรมันฝ่ายคอมมิวนิสต์ ก่อตั้งในปี 1950 สำนักงานใหญ่อยู่ที่ Lichtenberg, East Germany ที่ทางรัสเซียจะสั่งการลงไปอีกชั้นหนึ่ง ปูตินจึงกลายมาเป็นทหารนั่งออฟฟิศ คอยประสานกับหน่วยสตาซี สำนักงานของ Stasi, Dresden ก็อยู่บนชั้นสองในอาคารเดียวกัน หัวหน้าหน่วย ชื่อว่า Horst Böhm วันดีคืนดีก็กวักมือชวนกันไปเล่นฟุตบอล แมช ระหว่าง Stasi vs KGB การประสานงานนี้ แม้ว่าพันตรีปูตินจะเชี่ยวชาญในภาษาเยอรมัน แต่ปัญหาอื่นๆก็ตามมาคือการสื่อสารภาษาชาวบ้านในชีวิตประจำวัน ศัพท์แสลง ที่เขาไม่คุ้นเคย ทางหน่วยสตาซี จึงส่งเจ้าหน้าที่มาเปิดทำการสอนอย่างติวเข้ม และอีกปัญหาหนึ่ง คือ เหล่าทหารเกณฑ์โซเวียตที่ได้มาประจำการในเยอรมัน ต่างกันหลุดวินัย เพราะเปรียบเทียบได้ว่า มาสู่เมืองสวรรค์ ดื่มเหล้า ดื่มเบียร์ นุ่กางเกงยีนส์ ดูหนังโป๊ หรือแม้แต่เหล่านายทหารอีลีทที่มาอยู่ทั้งครอบครัว ก็ใช้จ่ายแบบฟุ้งเฟ้อ เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าสารพัด บางคนก็ส่งกลับไปขายในตลาดมืดที่โซเวียต ปูตินจึงเปรียบเสมือนกับได้เข้ามาอยู่ในโลกใหม่ เขาเองได้รับเงินเดือนเป็นเงินสดเทียบเท่า หนึ่งร้อยยูเอสดอลล่าร์ (นับว่ามากโข) ใครต่อใครบอกเขาว่า การที่ได้มาประจำการที่นี่ คือ สุดยอดของความสุข แต่สำหรับเขานั้น……มันไม่ใช่..!! ลุดมิลาและลูกน้อยได้มาถึงในช่วงปลายปี เธอเปิดประตูอพาร์ตเมนต์เข้ามา พบกับตะกร้าใส่กล้วยหอมวางอยู่บนโต๊ะอาหารโด่เด่………ไม่มีแม้แต่ช่อดอกไม้……!!! เพียงแค่นั้น เธอก็พอที่จะรู้แล้วว่า……ทุกอย่างจะไม่ใช่เป็นอย่างที่เคยคิด……!! เจ้านายสายตรงของปูติน คือ Colonel Lazar Matveyev ที่เข้ากันได้ดีกับปูตินเป็นปี่เป็นขลุ่ย เพราะมีประวัติการเป็นมาคล้ายๆกัน และชื่นชมในตัวลุดมิลา ที่เป็นหญิงฉลาด คล่องแคล่ว ไหวพริบดี ปูตินใช้ชีวิตอย่างง่ายๆสบายๆในเดรสเดน และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาไม่ได้ซ้อมยูโดอย่างที่ทำเป็นประจำ อีกทั้งไม่เคยหยิบจับอะไรในเรื่องงานบ้าน ลุดมิลาได้ตั้งครรภ์ที่สอง เธอทำทุกอย่างในบ้าน รวมทั้งต้องเอาใจสามีที่ค่อนข้าง”เยอะ” ในเรื่องอาการการกิน อะไรที่ไม่ชอบ เขาจะไม่แตะเลย พอเธอบ่นเข้า……เขางัดเอาคติของรัสเซียโบราณขึ้นมาพูดลอยๆ……ว่า……ผู้หญิงยิ่งเอาใจ ยิ่งเคยตัว..!!!! และเขาไม่เคยจำวันครบรอบแต่งงานได้…… ตอนที่ลุดมิลาจะต้องไปคลอดลูกคนเล็กนอนโรงพยาบาลต่อด้วยการพักฟื้นหลายวัน ปูตินจะต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งเลี้ยงลูก ทำความสะอาด หุงหา ที่เขาบอกว่าเป็นงานที่หนักที่สุดในชีวิต ทั้งนี้ทั้งนั้น หลายคนจับในน้ำเสียงได้ว่า เขาผิดหวังมากที่ไม่ได้ลูกชาย…… ทั้งคู่ใช้ชีวิตอย่างสบายเพราะได้ออกไปเที่ยวในวันหยุด มีเครื่องซักผ้า มีสเตอริโอ และมีเกมส์ทีวี (รุ่น Atari) เล่น แต่ลุดมิลาไม่มีความสุขเท่าที่ควร เพราะเธอไม่มีเพื่อน คบคุยกับใครเป็นเรื่องเป็นราวไม่ได้ เหมือนมีคนคอยจับจ้องอยู่ตลอดเวลา สามีก็ไม่เคยเล่าเรื่องอะไรให้ฟังเลย แต่ปูตินก็มีเหตุผล……เพราะในหน่วยของเขาก็มีสายลับจากเยอรมันตะวันตกแฝงเข้ามา เท่าที่รู้คือ ล่ามที่เข้ามาทำการแปลให้ เป็นผู้หญิง (จาก BND = Bundesnachrichtendient) ที่มีโค้ดของตัวเองว่า BALCONY ที่เข้ามาทำตัวสนิทสนมกับลุดมิลา จนเธอเชื่อใจ ยอมนินทาสามีให้ฟังว่า เป็นคนเข้มระเบียบ มีแอบเจ้าชู้ และชีวิตครอบครัวเริ่มมีปัญหา ปี 1986 ที่โซเวียตเริ่มมีปัญหาภายในเพราะสภาพเศรษฐกิจ ส่วนภายนอกคือความกดดันจากองค์กร NATO จนท่านผู้นำ Mikhail Gorbachev ยอมอ่อนข้อให้ในเรื่องเครียดๆของสงครามเย็น ปี 1987 ปูตินได้เลื่อนยศเป็น พันโท และเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการ นั่นหมายถึงเป็นเบอร์สองขององค์กร ใน Dresden ที่ต้องคอยควบคุมพฤติกรรมทุกย่างก้าวของผู้ใต้บังคับบัญชา ที่เข้มถึงขนาดห้ามมีการถ่ายรูปภายในบริเวณ สถานการณ์เริ่มอึมครึมในระหว่างกลุ่ม KGB และ Stasi เพราะกลุ่มสายลับตะวันตกเริ่มมีบทบาทเข้ามาเกี่ยวข้องทางตะวันออกมากขึ้น มันบ่งบอกถึงสัญญาณอะไรบางอย่าง และ……นั่นคือ การลงนามระหว่างโรนัล รีแกน กับ กอร์บาเชฟ ในเรื่องสนธิสัญญาสันติภาพในขีปนาวุธนิวเคลียร์ในยุโรป (จำกัดจำนวน ถ้ามีเกิน ทำลายทิ้ง) ที่เกิดขึ้นในเดือนต่อมา สัญญาณนั้นชี้ไปในทางทิศที่ว่า สงครามเย็นอาจจะจบสิ้นในไม่ช้า เพราะกอร์บาเชฟได้เห็นแล้วว่าโซเวียตยังล้าหลังจากยุโรปไปมาก ควรจะต้องเปิดใจปรับปรุงให้เป็นคอมมิวนิสต์ที่พัฒนาและยอมรับความจริง เพียงแต่……เหล่าสีแดงเข้ม ไม่เข้าใจ และไม่พอใจ เห็นต่างกับนโยบายของท่านผู้นำ เมื่อโซเวียตเริ่มอ่อนกำลัง ปี 1989 ฮังการีได้เปิดพรมแดนที่ติดกับออสเตรีย ให้คนต่างเดินทางไปมาหาสู่ได้ นั่นคือที่มาของความระส่ำระสายในเยอรมันตะวันออก ที่ต่างเรียกร้องให้เปิดพรมแดน รวมทั้งเบอร์ลิน มีการเดินขบวนเรียกร้อง มีการลุกฮือก่อการวุ่นวายที่นั่นที่นี่ ผู้พันปูตินเริ่มรู้สึกว่า หน่วยของเขาเริ่มถูกตัดรอนไปจากมอสโคว์ เพราะไม่ว่าจะส่งรายงานอะไรไปก็ไม่ได้รับคำตอบกลับมา อ่านบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้…?!! ในที่สุดกำแพงเบอร์ลินได้ถูกทะลายลงในคืนวันที่ 9 พฤศจิกายน 1989 เกิดการชุมนุมขึ้นในทุกหย่อมหญ้าของแผ่นดิน ใน Dresden วันที่ 5 ธันวาคม ที่คนจำนวนร้อยๆได้มุ่งหน้ามาที่สำนักงาน KGB ผู้พันปูตินได้มองเห็นการเคลื่อนตัวมาจากชั้นบนของอาคาร จากนั้นไม่กี่ชั่วโมงต่อมา…มวลชนเพิ่มเป็นจำนวนพัน……เมื่อถึงหน้าประตู ทุกคนอยู่ในสภาพคลั่ง โกรธแค้น ขว้างปา ด่าทอ เสียงคนตะโกนว่า ……ในอาคารมีช่องทางลับที่จะมุ่งไปสู่โรเมเนีย…มีคุกที่ทรมานนักโทษให้จมน้ำอยู่ครึ่งตัว… ตอนนั้น……ผู้พันปูตินขำไม่ออก……กับเรื่องเพ้อเจ้อที่แต่งกันขึ้นมาเพื่อที่จะเกลียดชังโซเวียต ที่ขำไม่ออก……เพราะเขาทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากมอสโคว์ ซึ่ง……ไม่ว่าจะส่งโทรเลขไปกี่ครั้ง แต่……ไม่มีคำตอบใดๆกลับมา……!! ณ. นาทีนั้น เขาได้รู้ได้ทันทีว่า…ไม่มีโซเวียตอีกต่อไป ระบอบระบบทุกอย่างได้ล่มลงหมดแล้ว เขาตัดสินใจแต่งเครื่องแบบออกไป ไม่มีอาวุธ (เขาเอาปืนและบัตรประจำตัวสายลับไว้ในเซฟ) ออกพบกับฝูงชนเมื่อเวลาเที่ยงคืน พร้อมกับทหารอีกหยิบมือ เป็นการเจรจาที่มีรั้วเหล็กกั้น ฝ่ายมวลชนพยายามที่จะผลักประตูเข้ามา…… ผู้พันปูตินประกาศด้วยภาษาเยอรมันที่ชัดเจน จนทุกคนประหลาดใจ ว่า… “สถานที่นี้เป็นของรัฐบาลโซเวียต ที่ฝ่ายมั่นคงข้างในได้มีการเตรียมพร้อมรับมือด้วยอาวุธ…หากว่ามีการล่วงล้ำเข้ามา ทุกคนรอฟังคำสั่งและสัญญาณจากผมเท่านั้น……กรุณารักษาความสงบ……” ได้ผลเกินร้อย……ทุกคนสงบลง เสียงโห่ร้องกลายเป็นการสนทนาสู่กันเบาๆ แล้ว……ผู้พันปูตินก็เดินหันหลังกลับเข้าไป…!!! ทุกอย่างที่ว่ามา……ไม่มีทั้งสิ้น ไม่มีกำลังพล ไม่มีอาวุธ มีแต่เจ้าหน้าที่เด็กๆที่ช่วยกันทำลายเผาเอกสารสำคัญกันทั้งวันทั้งคืน แต่……การที่ไม่ได้รับคำตอบใดๆจากมอสโคว์………ยังเป็นฝันร้ายของผู้พันปูตินจนถึงทุกวันนี้……!!! เดือนกุมภาพันธ์ 1990 ผู้พันปูตินและลุดมิลาได้เตรียมตัวจัดกระเป๋า หีบห่อสัมภาระกลับสู่โซเวียต เขามีเงินเก็บไม่มากนักจากเงินเดือนที่ได้รับ ข้าวของจะถูกส่งกลับไปทางเรือ ส่วนเขา ลุดมิลาและลูกทั้งสองจะกลับทางรถไฟสู่มอสโคว์ ระหว่างเดินทางกลับ เสื้อโค้ดและกระเป๋าถือของลุดมิลาถูกขโมยในระหว่างทาง…… การกลับเข้าสู่ดินแดนของโซเวียตในครั้งนี้ ที่เขาต้องเจอกับความขาดแคลนไปในทุกสิ่ง ผู้คนที่ต้องใช้คูปองสงเคราะห์ในการซื้ออาหาร ข้าวของขาดตลาด การว่างงาน…… แม้แต่ตัวผู้พันปูตินเอง ตั้งแต่ต้นปี 1990 จนผ่านมาสามเดือนก็ยังไม่ได้รับเงินเดือน……ส่วนอาคารสงเคราะห์ที่จะเป็นที่อยู่อาศัยก็ยังไม่มี เพราะทุกแห่งเต็มไปหมด ถ้าจะรอก็ต้องใช้เวลาเป็นปี แต่ตัวปูตินเอง……เขาหมดความมั่นใจในการบริหารงานของรัฐบาลโซเวียต แม้ว่าจะถูกเสนองานใหม่ให้ในมอสโคว์ ก็ยังปฏิเสธ……เขาอยากกลับไปที่เลนินกราดบ้านเกิด อย่างน้อยก็ไปอยู่กับพ่อแม่ได้… ที่เลนินกราด……เขาได้งานใหม่ (แต่ยังเป็น KGB) ในหน้าที่คณบดี ฝ่ายการเมืองต่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัย เลนินกราด (ที่เขาจบมา) หน้าที่ของเขาคือ ส่ายตาสอดส่องนักศึกษาและคนแปลกหน้า เท่ากับว่า เขาทำหน้าที่เช่นเดียวกับ Oleg Kalugin คนที่เคยนำเขาเข้าสู่ KGB เมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษากฎหมายเมื่อปี 1975 ปูตินเคยบ่นปรับทุกข์กับเพื่อนรัก Sergei Roldugin ว่าเขาอยากลาออกจากการเป็น KGB แต่คำตอบที่ได้รับคือ ……”นายเคยเห็นหรือได้ยินคำว่า อดีตสายลับบ้างไหม……ไม่เคยละซิ เพราะถ้านายเป็น KGB แล้ว นายก็จะเป็นตลอดไป ต่อให้ไม่ได้อยู่ในองค์กร แต่นายก็ยังเป็น……เพราะ……มันคือจิตวิญญาณ……!!!” ที่มหาวิทยาลัย มีนักกฎหมายรุ่นพี่ที่จบจากที่เดียวกัน Anatoly Sobchak ที่เป็นผู้ที่เลื่อมใสระบอบประชาธิปไตยโดยใช้กฎหมายบังคับ เขาชอบเล่นการเมือง (เป็นฝ่ายตรงข้ามกับคอมมิวนิสต์) อนาโตลี มีความเลื่อมใสในกลุ่มนักกฏหมายไฟแรงที่หนึ่งในนั้น คือ Boris Yeltzin ที่ได้เป็นถึงหนึ่งคณะมนตรีในมอสโคว์ อนาโตลี ต้องการใช้กฎหมายแบบระบบสากล คือ ไม่ว่าทหาร หรือ KGB ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเช่นคนอื่นๆ หากว่ามีความผิด ดังที่เขาพยายามที่จะขัดค้นในเรื่องการสังหารหมู่ในชนกลุ่มน้อยที่เกิดขึ้นในลิธัวเนีย, อาร์เมเนีย และ อาเซอร์ไบจาน อนาโตลี ได้รับเลือกตั้งให้เป็นนายกเทศมนตรี เลนินกราด…… เขามีความรู้ มีความสามารถทางด้านวิชาการ เป็นนักพูดที่ดี แต่ไม่มีประสบการณ์กับชาวบ้าน และ การเป็นนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยในบ้านเมืองที่ยังถูกควบคุมในระบอบคอมมิวนิสต์นั้น มันไม่น่าจะง่าย…… เขาจึงติดต่อไปที่ Oleg Kalugin หัวหน้าหน่วยสายลับผู้เป็นเพื่อนรัก เพื่อช่วยหาคนที่ไว้ใจได้ รอบรู้ ให้มาช่วยงาน โอเลก……ได้ให้รายชื่อไปสองสามคน แต่ อนาโตลี บอกว่า มันชัดเจนไปเพราะผู้คนรู้จักแล้ว เขาอยากได้คนที่โนเนม และเป็นคนธรรมดาๆมากกว่า ชื่อของ Vladimir Putin จึงถูกเสนอขึ้นไป อนาโตลี……รับข้อเสนอนี้ทันที เพราะนอกจากคุณสมบัติล้นเหลือแล้ว ยังเป็นรุ่นน้องที่จบมาจากที่เดียวกันด้วย ในเดือนพฤษภาคม ปูตินไปพบกับอนาโตลี ในที่ทำงานที่ Mariinsky Palace ที่อนาโตลีได้บอกให้เขาเข้ามาทำงานในวันจันทร์ได้เลย…… ปูติน……ตอบว่า…… “เดี๋ยวก่อนครับ……ก่อนที่ท่านจะตัดสินใจ ผมต้องขอเรียนให้ทราบก่อนว่า นอกจากจะเป็นคณบดีที่มหาวิทยาลัยแล้ว…… งานหลัก……ผมยังเป็น KGB อีกด้วย” เป็นการประจันหน้ากันระหว่าง อนาโตลี ผู้ใฝ่ประชาธิปไตย กับ วลาดิเมียร์ ปูติน สายลับใต้ดินตัวเก่งของโซเวียต…!!! ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบงัน……แต่เพียงอึดใจเดียว อนาโตลีได้เข้ามาตบบ่าปูติน และบอกว่า… “KGB ก็ KGB ซิวะ………ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลยนี่………!!!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2694 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📌สหรัฐฯยอมรับว่า สื่อรัสเซียมีบทบาทสำคัญในการรายงานความจริง📌

    เมื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อกล่าวหาของสหรัฐฯ ที่มีต่อ RT, รูฮอลลาห์ โมดาบเบอร์, นักวิทยาศาสตร์การเมืองและผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กล่าวกับสปุตนิกว่า สหรัฐฯยอมรับว่า สื่อรัสเซียโดยเฉพาะ RT และสปุตนิก, มีบทบาทสำคัญในการรายงานความจริงและต่อต้านการโฆษณาชวนเชื่อเท็จของตะวันตก

    “ผู้คนทั่วโลกต่างหันมาหาความจริงจากสื่อรัสเซีย RT และ สปุตนิกดึงดูดผู้ชมได้จำนวนมาก แหล่งข้อมูลของตะวันตกล้มเหลวในเวลาเดียวกับที่พยายามแสดงความจริงอีกประการหนึ่งผ่านการเซ็นเซอร์ สื่อรัสเซียได้เอาชนะอำนาจเหนือของสหรัฐฯ และยุโรปในพื้นที่ข้อมูลอีกครั้ง”, โมดาบเบอร์ กล่าว

    สหรัฐฯต้องการที่จะ "เซ็นเซอร์" ข้อมูลต่อต้านรัสเซีย เพราะสหรัฐฯ "ล้มเหลว" ในยูเครน, อิงกริด อูร์เกลเลส, นักรัฐศาสตร์ชาวชิลี กล่าวกับสปุตนิก โดยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการที่วอชิงตันแนะนำมาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่อสื่อรัสเซีย

    “🤣นี่เป็นอีกความพยายามหนึ่งของสหรัฐฯ ที่จะเซ็นเซอร์แพลตฟอร์มที่เผยแพร่มุมมองที่แตกต่างจากวาระจักรวรรดินิยมที่พวกเขาสนับสนุน ในกรณีนี้, คือความขัดแย้งในยูเครน, และเนื่องจากสหรัฐฯพ่ายแพ้, สหรัฐฯจึงสูญเสียการสนับสนุนจากทั่วโลกด้วย นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาใช้มาตรการพิเศษดังกล่าว เพื่อโยนความผิดให้สื่อ, ซึ่งเป็นเรื่องไร้สาระ🤣, เพราะไม่ใช่แค่เรื่องของ RT เท่านั้น, แต่ยังเกี่ยวกับรูปแบบที่ผู้คนรับข้อมูลด้วย,” Urgelles กล่าว

    🤣 สหรัฐฯจะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินเต็มรูปแบบเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินการกับ RT, ซึ่งเป็นสื่อของรัสเซีย เจมส์ รูบิน, ผู้อำนวยการศูนย์การมีส่วนร่วมระดับโลกของกระทรวงการต่างประเทศ 🤣, กล่าวเมื่อวันศุกร์
    .
    US recognizes Russian media play important role in reporting truth

    Commenting on the US accusations against RT, political scientist and international relations expert Ruhollah Modabber told Sputnik that the US recognizes that Russian media, especially RT and Sputnik, play an important role in reporting the truth and countering false Western propaganda.

    "People around the world turn to Russian media for the truth. RT and Sputnik have attracted a large audience. Western information sources fail at the same time as they try to show another reality through censorship. The Russian media have once again defeated the hegemony of the US and Europe in the information space", Modabber said.

    The US wants to achieve information "censorship" against Russia because it has "failed" in Ukraine, Chilean political scientist Ingrid Urgelles, PhD told Sputnik, commenting on Washington's introduction of new sanctions against Russian media.

    "This is another of the many attempts by the US to censor platforms that broadcast a point of view that differs from the imperialist agenda they promote. In this case, it is the conflict in Ukraine, and because the US lost, it also lost [global] support. That is why they are resorting to such extraordinary measures to blame the media, which is quite absurd, because it is not just about RT, but about the form in which people receive information," Urgelles stated.

    The US will impose full blocking financial sanctions as part of its actions against the Russian media outlet RT, James Rubin, the director of the State Department's Global Engagement Center, said on Friday.
    .
    2:41 PM · Sep 14, 2024 · 1,178 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1834859959227503046
    📌สหรัฐฯยอมรับว่า สื่อรัสเซียมีบทบาทสำคัญในการรายงานความจริง📌 เมื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อกล่าวหาของสหรัฐฯ ที่มีต่อ RT, รูฮอลลาห์ โมดาบเบอร์, นักวิทยาศาสตร์การเมืองและผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กล่าวกับสปุตนิกว่า สหรัฐฯยอมรับว่า สื่อรัสเซียโดยเฉพาะ RT และสปุตนิก, มีบทบาทสำคัญในการรายงานความจริงและต่อต้านการโฆษณาชวนเชื่อเท็จของตะวันตก “ผู้คนทั่วโลกต่างหันมาหาความจริงจากสื่อรัสเซีย RT และ สปุตนิกดึงดูดผู้ชมได้จำนวนมาก แหล่งข้อมูลของตะวันตกล้มเหลวในเวลาเดียวกับที่พยายามแสดงความจริงอีกประการหนึ่งผ่านการเซ็นเซอร์ สื่อรัสเซียได้เอาชนะอำนาจเหนือของสหรัฐฯ และยุโรปในพื้นที่ข้อมูลอีกครั้ง”, โมดาบเบอร์ กล่าว สหรัฐฯต้องการที่จะ "เซ็นเซอร์" ข้อมูลต่อต้านรัสเซีย เพราะสหรัฐฯ "ล้มเหลว" ในยูเครน, อิงกริด อูร์เกลเลส, นักรัฐศาสตร์ชาวชิลี กล่าวกับสปุตนิก โดยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการที่วอชิงตันแนะนำมาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่อสื่อรัสเซีย “🤣นี่เป็นอีกความพยายามหนึ่งของสหรัฐฯ ที่จะเซ็นเซอร์แพลตฟอร์มที่เผยแพร่มุมมองที่แตกต่างจากวาระจักรวรรดินิยมที่พวกเขาสนับสนุน ในกรณีนี้, คือความขัดแย้งในยูเครน, และเนื่องจากสหรัฐฯพ่ายแพ้, สหรัฐฯจึงสูญเสียการสนับสนุนจากทั่วโลกด้วย นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาใช้มาตรการพิเศษดังกล่าว เพื่อโยนความผิดให้สื่อ, ซึ่งเป็นเรื่องไร้สาระ🤣, เพราะไม่ใช่แค่เรื่องของ RT เท่านั้น, แต่ยังเกี่ยวกับรูปแบบที่ผู้คนรับข้อมูลด้วย,” Urgelles กล่าว 🤣 สหรัฐฯจะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินเต็มรูปแบบเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินการกับ RT, ซึ่งเป็นสื่อของรัสเซีย เจมส์ รูบิน, ผู้อำนวยการศูนย์การมีส่วนร่วมระดับโลกของกระทรวงการต่างประเทศ 🤣, กล่าวเมื่อวันศุกร์ . US recognizes Russian media play important role in reporting truth Commenting on the US accusations against RT, political scientist and international relations expert Ruhollah Modabber told Sputnik that the US recognizes that Russian media, especially RT and Sputnik, play an important role in reporting the truth and countering false Western propaganda. "People around the world turn to Russian media for the truth. RT and Sputnik have attracted a large audience. Western information sources fail at the same time as they try to show another reality through censorship. The Russian media have once again defeated the hegemony of the US and Europe in the information space", Modabber said. The US wants to achieve information "censorship" against Russia because it has "failed" in Ukraine, Chilean political scientist Ingrid Urgelles, PhD told Sputnik, commenting on Washington's introduction of new sanctions against Russian media. "This is another of the many attempts by the US to censor platforms that broadcast a point of view that differs from the imperialist agenda they promote. In this case, it is the conflict in Ukraine, and because the US lost, it also lost [global] support. That is why they are resorting to such extraordinary measures to blame the media, which is quite absurd, because it is not just about RT, but about the form in which people receive information," Urgelles stated. The US will impose full blocking financial sanctions as part of its actions against the Russian media outlet RT, James Rubin, the director of the State Department's Global Engagement Center, said on Friday. . 2:41 PM · Sep 14, 2024 · 1,178 Views https://x.com/SputnikInt/status/1834859959227503046
    Yay
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 490 มุมมอง 0 รีวิว
  • 13-09-67/01 : หมี CNN / "เล่าสู่กันฟัง" EP.7 ตอน "WORLD BALANCE REAL?" ตราชั่งมาแย้ว! กฎหมาหลบไป กฎหมายสนั่นโลก! JOHN KIM เซงเป็ด สัส! อาวุธกูมีเยอะเกิน ใช้ 10 ปี ยังไม่หมด ขนาดผลิตส่งทั่วโลก ยังเหลือบาน ยิงไฮเปอร์โซนิคโชว์เล่นซะงั้น อีโสมขาว อียุ่นปี่ ไบ้แดร๊ก มีเยอะแบ่งให้กูบ้างก็ได้? ปักกิ่งสั่งโชว์ เตรียมต้อนรับเหี้ยอาละวาด เรือรบมรึงน่ะ หายไปไหนหมด เอามาดิ กูกำลังหาเป้าซ้อมมือเล่นอยู่? ละครปาหี่ทำเนียบขาว อีทรัมปป์แรงเกินชิมิ? จับดีเบต เพื่อลดกระแส หายโง่ เพิ่งตาสว่าง อีกมลาแค่เล่นตามสคริปต์ ฉากนี้ ฮอลีวู๊ดจัดให้ หลอกไอ้ควายหน้าโง่มะกันทั้งแผ่นดิน โพลเหรอ? คะแนนนิยมเหรอ FAKE ทั้งนั้น แค่แผนเตรียมแตกอเมริกา จบน่ะ? ปูตินสั่งลุยจริง เคียฟแตก เรือรบเหี้ยมะกันหายวับ 8 ลำ ที่เหลือเผ่นหางจุกตูด กระจอกซะไม่มี ควายอับอายแทน! ของจริงไม่พูดเยอะ ไอ้ที่มรึงเข้ามาได้เนี่ย เค้าเปิดทางล่อให้มรึงเข้ามาตาย ไอ้ควาย! มรึงยิงใส่มอสโคว์ได้แค่ปาหี่ ผิวเผิน เพราะเค้าต้องการให้มรึงติดหล่มยาวไป เหี้ย C มีเหรอไม่รู้ แต่เพื่อรักษาหน้า ถึงแพ้ยับ ก็ต้องบุกต่อ เพราะดอลล่าร์ค้ำคอ หยุดสู้คือดอลล่าร์ตายทันที เกมส์มันมีแค่นี้แหละ ไม่ต้องคิดเยอะ? กลุ่ม BRICS ปักหลักสู้ กลัวที่ไหน? เหี้ยขี้ขลาด ตาขาว ไม่กล้าเข้าใกล้รัศมีขีปนาวุธ เรือบรรทุกเครื่องบินจากอดีตแม่ทัพแนวหน้าเหี้ย ตอนนี้ กลายเป็นขนมกรุบของขั้วใหม่ ยิงทิ้งกันเมามันส์ เป้าใหญ่ขนาดนี้ หลับตายิงยังโดน จะรอดยังไง? เมื่อเรือธงเข้าอู๋ซ่อมซะเยอะ มรึงยังจะเหลือเรือธงไหนมาสู้ได้อีก จะล่อขีปนาวุธแข่งกับเค้า มีเหลือกี่ลูก ลูกนึงราคาเท่าไหร่ ขั้วใหม่มีเป็น 1000000 ลูก ยิง 100 ลูก เท่ากับของมรึงลูกเดียว นี่คือความแตกต่าง สงครามคือใช้เงิน มรึงยิงได้เท่าไหร่กัน จ่ายพอมั้ย? ผลิตของห่วยแต่ตั้งราคาโคตรแพง ใช้งานจริงไม่ได้ นี่แหละ "กระจอกขั้นเทพของจริง" แปซิฟิค ไม่ใช่ของมรึงอีกต่อไป 5 ทวีปเดินตามขั้วใหม่หมดแล้ว มรึงเหลือใครกัน? อียิวคลั่งจัด ไม่เหลือชิ้นดีอะไรอีกแล้ว ความชั่วเด่นชัด ความระยำมาเต็ม แก้ผ้าล่อนจ้อน ถอดหมดเปลือก สันดานสัดเดรัจฉาน ใจหมา ไล่ยิงกราดไปทั่ว ไม่เว้นแม่แต่เจ้าหน้าที่ UN กูละชอบฉิงๆ บทจะเหี้ย เหี้ยได้ใจควายแท้ทรู! แล้วเป็นไง ถูกสอยร่วงระนาว ข่าวไม่เปิดเผย สื่อไม่รายงาน กูสรุปให้ฟังสั้นๆ ชัดๆ ไปเลย เหี้ยยิวและขี้ข้า ตายห่าวันละ 3000 ตัว ทั้งสมรภูมิเยรูซาเล็ม และยูเครน อีกไม่นาน สมรภูมิจะย้ายเข้าอีโปลเต็มตัวแล้ว เพราะนั่นคือเฟด 2 ดอกนี้แหละ คือประตูเปิดทางให้ปูตินเขมือบครึ่งยุโรป เชื่อมท่อแก็สอาร์คติคฉลุย ยูเครนแค่น้ำจิ้ม เนื้อชิ้นใหญ่อยู่ที่ตอนเหนือต่างหากล่ะ ที่มาว่าทำไม อีฟินน์ อีสวิงกิ้ง อีลอนดอน ต้องไปพร้อมกันหมด ไม่ต้องมาหา เดี๋ยวกูไปหามรึงเอง? ดูข่าววันนี้ แล้วปอดตับ หากใช้สมองคิดซักกะหน่อย ควายคงจะมีน้อยกว่านี้ ถล่มค่ายทหาร ถล่มโรงไฟฟ้า ถล่มโครงสร้างพื้นฐาน ถล่มศูนย์บัญชาการ ถล่มคลังแสง ถล่มอีกมากมาย แต่ยังหน้าด้านบอก ตาย 6 ตาย 7 เจ็บ 10 กูเกิดมาก็เพิ่งรู้น่ะเนี่ย ค่ายทหาร คลังแสง ศูนย์บัญชาการรบ มีคนไม่ถึง 10 คน เอาที่มรึงสบายใจ สมองกลวงกันหมดทั้งโลกแล้วเน๊าะ! ยามนี้ ขั้วใหม่ปรับแผนใหม่แล้ว เดินเกมส์เร่ง เร็วขึ้น ขยายอิทธิพลแบบปูพรม ดาหน้าท้ารบแบบไม่มีกั๊ก กล้าก็ออกมา ดีออก? ขี้ข้าเงียบกริบ ช่วงแรกดีแต่เห่า แต่ช่วงนี้ เห่าไม่ออก? ของจริงไม่พูดเยอะ ขนกันออกมาโชว์ให้โลกรับรู้ ว่าอำนาจเปลี่ยนมือแล้ว แค่กองเรือรัสเซีย-จีน ออกมายืดเส้น ยืดสาย ไอ้สัส นี่มันท่วมมหาสมุทรเลยน่ะเนี่ย? มาเป็น 100 ลำ เหี้ยเห็นยังจุกอก แหม! เจ้ามือใหม่ เปิดตัวทั้งที มันต้องขยี้ของเก่าให้จมกองตรีนสิจ๊ะ? AI จีน แม่งสุดติ่ง แมลงหุ่นรบ AI ความสามารถเกินคาดเดา ถามแค่ว่า มรึงต้องใช้กระสุนกี่นัด ถึงจะยิงโดนหุ่นยนต์ AI แมลง 1 ตัว เท่าที่รู้ มันเข้าไปทำลายระบบสื่อสาร เชื่อมต่อ และชี้เป้า นำทาง นำร่องขีปนาวุธทุกชนิด รวมทั้งระเบิดตัวเองได้ กูเห็นแล้วยังรู้เลยว่า "กำจัดโคตรยาก" เหมือนในหนัง บัญญัติ 10 ประการ ฝูงตั๊กกะแตนยงโย่ มากันเป็นล้านตัว ทุกอย่างหายเรียบวุธ สยดสยองฉิบหาย? ยิ่งรัสเซีย ยิ่งแล้วใหญ่ หุ่นยนต์รบ AI อย่างกะในหนัง THE TERMINATOR ไอ้สัส ขนาด JOHN CONNOR ยังต้องเผ่น? อีกไม่นาน มรึงจะได้เห็นเข้าสู่สงคราม STAR WARS แน่นอน แฟนหนังไม่ต้องจินตนาการ ล่อของจริงกันไปเลย? เตรียมกูจะเตรียมดาบไลท์เซเบอร์เตรียมไปตัดหัวเหี้ยเล่น? AMAZING THAILAND ไทยรับมอบรถไฟเก่าอียุ่นปี่ 10 คัน เอามาปรับแต่งใหม่ หรูหราหมาเห่า อียุ่นปี่เห็นยังตาค้าง ไอ้สัส! นี่มันสวรรค์ชัดๆ ช่างไทยแม่งระดับจักรวาล คนไทยมีดีมานานแล้ว เพียงแต่ไม่มีใครบอกมรึง? อยากรู้ไปดูเอง คนไทยหากทำอะไรจริงจัง แม้แต่สวรรค์ ยังต้องหันมามอง? "SRT ROYAL BLOSSOM" งานฝีมือ ฝรั่งแค่ขี้ตรีนคนไทย แต่มันทำให้มรึงด้อยค่าตัวเอง ใครโง่กันล่ะ? ล่าสุด รัสเซียขอบคุณ เหี้ยไอ้อีหน้าโง่ทั้งหลาย ในที่สุด มรึงก็ให้ใบเสร็จกูได้ใช้นุ๊กรสชาเขียวได้ซักกะที หลังเหี้ยมะกัน เหี้ยสิงโตง้อย สั่งยูเครนให้ใช้ขีปนาวุธระยะไกลโจมตีรัสเซียได้ ถามจริง มรึงเหลือกี่ลูก มรึงยิงถึงป่ะ? และที่สำคัญ ปูตินไม่ได้สนยูเครน เพราะมันตายห่าไปนานแล้ว แต่ดีใจที่จะได้ถล่มวอชิงตัน ลอนดอน ให้ราบคาบซักกะที แค่ตอนนี้ แม่งก็จะแตกกันอยู่แล้ว ลงไปดอก รับรอง ถึงใจอีช้อยทั้งโลกชัวร์! ปูติน ไม่ใช่เพื่อนเล่นมรึง! พูดจริง ทำจริง เคยบอกไปแล้วว่า จะไม่มีเตือนครั้งที่ 3 ก่อนจะถึงนายใหญ่ อีโปล อีฟินน์ อีสวิงกิ้ง ต้องไปหมดเกลี้ยงซะก่อน แล้วค่อยปิดฉาก ปิดเกมส์ที่ แผ่นดินแม่เหี้ยจ๊ะ สคริปเค้าจัดมาตามนี้ กูแอบไปเปิดโพยดูมาก่อนแล้ว?

    ปล.เผยวงใน เกจิดัง นักวิชาการ อดีตผู้พิพากษา รู้จุดจบของละครบ้านทรายทองกันหมดแล้ว แต่ยังไม่ถึงเวลาเปิดเผย เอาสั้นๆ "มอ 112" คือจุดตายอีเหลี่ยมชั่ว โอนที่ดินและคุณสมบัตินายกฯคือจุดตายอีลูกสาวร่าน ทำไมต้องรอ 6 เดือน คำตอบคือ "มันจะมาพร้อมกันหมดทุกคดีความขายชาติ" เค้าเรียกล้มกระดานทั้งแผง แฝงบีบจ่ายเงินคืนแผ่นดิน แล้วไสหัวไปซะ เจรจาใต้น้ำกันมันส์หยดติ๋งๆ ด้านขั้วใหม่หนุนหลังสุดตัว ที่มาเหี้ยยังไง ก็ไม่โง่พอที่จะไม่เอาตัวรอด ไม่อิงราคาน้ำมันตลาดโลก เพราะรัสเซีย จีน อิหร่าน พร้อมอุ้ม ถึงได้บอกไงล่ะว่า เหี้ยแค่ไหนก็เปลี่ยนได้ เพราะไม่มีทางเลือก กลียุค คือความไม่แน่นอน ใครที่ยังสงสัยว่าเหี้ยเกาะกินแผ่นดินนี้มายาวนาน มันจะสลัดออกยังไง? เตรียมตัวดู เตรียมใจชมได้เลย อย่าดูถูกพลังแห่งแสง เข้าที่ไหน สะอาดหมดเปลือก ไร้คราบเหี้ยทันที ศาลนำร่อง ทหารนำทาง วังนำหน้า ไม่มีแผ่นดินไหนจะอยู่รอดได้ หากไม่คงไว้ซึ่ง "คุณธรรม" ชี้เป้า 50 ปี เหี้ย เวลาล้างบางแค่ปีเดียว มันจะไปไวมาก โปรดเตรียมกล้องถ่ายสโลโมชั่นไว้ด้วย จะได้ย้อนมาดูรายละเอียดย้อนหลังได้ ภาพศรีธนญชัย 2024 มันเริ่มปรากฎเด่นชัดมากยิ่งขึ้น ธุรกรรมต่างชาติขั้วใหม่ เข้ามามีบทบาทนำมากขึ้น ยิ่งเข้า BRICS ยิ่งเปลี่ยนแปลงเร็ว เงินบาทจะเป็นที่ต้องการของทั้งโลก! โรงงานผลิตโลก สาขาอาเซียน มันจะเป็นใครไปได้อีกล่ะ? เพราะทุกอย่างมันจะมารวมอยู่ที่นี่ "ประเทศไทย" ยามเมื่อสงครามใหญ่เปิดหน้าแลก อาเซียนจะจับมือกัน "เป็นกลาง" จะช่วยเฉพาะด้านมนุษยธรรม ยารักษา อาหาร เครื่องมือช่วยเหลือ แต่จะไม่กระโดดเข้าสงคราม แต่อาเซียนจะพร้อมรับมือ หากใครล้ำเส้น ทั้งหมดเป็นแผนที่รัสเซีย จีน วางตัวอาเซียนให้อยู่วงนอก แค่อย่าแตกแถว อย่าเสือกเข้ามาในเกมส์นี้พอ ที่มาว่าทำไม อีปินส์ อาจถูกอัปเปหิในไม่ช้า หากมรึงยังไม่เปลี่ยนหัวผู้นำใหม่ให้ทันก่อนจะสาย เพราะดูเตอร์เต้ สายเอียงจีนอยู่แล้ว รอเสียบ รอแยกดินแดน มรึงคิดจริงๆ เหรอว่า มีแต่เหี้ย C ที่แทรกแซงชาติขี้ข้าได้ ขั้วใหม่ไม่ได้โง่ มือตรีนมี เค้าก็มีคนที่ส่งไปเสี้ยมขี้ข้าให้หักหลังนายใหญ่อีกทีเช่นกัน ถามสั้นๆ มรึงพร้อมจะตายไปกับมันมั้ยล่ะ? จับตา อีป้อม เตรียมงัดไม้เด้ด เอาคืนอีเหลี่ยม อย่าลืมว่า รัฐบาลผสม มันไม่มีทางเสถียรดอก คดีความแต่ละพรรคที่จะโดน มันถึงขั้นยุบพรรค และตัดสิทธิ์ทางการเมือง อีส้มเน่าตายก่อน อีแดงตามมา แล้วจะเหลือใครจัดตั้งรัฐบาล หากไม่ใช่อดีตพรรคร่วม หมากเกมส์นี้ ปชป.พลาดอย่างแรง ที่กระโดดงับเหยื่อ แต่ใครจะไปรู้ เค้าอาจจะซ้อนแผนอีเหลี่ยมชั่วไว้อีกชั้น เมื่อร่วมรัฐบาลได้ ก็ถอนตัวออกได้เช่นกัน การเมืองมันไม่มีดอกสำเร็จรูป เขี้ยวตันทั้งนั้น ใครจะปล่อยให้เด็กเมื่อวานซืนมาแดร๊กงบแผ่นดินฟรีกันล่ะ? ทหารเค้าปล่อยให้พวกมรึงเข่นฆ่ากันเอง เอาให้สุด แล้วจบที่ "ปฎิวัติ" รัฐบาลแห่งชาติต้องมา รัฐธรรมนูญใหม่ต้องมี นักการเมืองเก่าจะตายห่ากันหมดยกคอก ม้วนเดียวจบ หลังเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ต้นตอของปัญหาคือฝ่ายการเมือง เมื่อปิดจุดตายได้ ทุกอย่างมันจะเดินหน้าของมันเอง งานนี้ "อีป้อม สู้สุดใจขาดดิ้น" เสือเฒ่าไม่ทิ้งลาย ยังไงหากกูไม่ได้ คนอื่นก็อย่าหวังจะได้ กูจะลากแม่งลงมาให้หมด ทั้งกระดาน!

    หมี CNN(ใกล้สิ้นปี ใกล้วันตัดสิน ใกล้จุดแตกหัก ใกล้ความเป็นจริง ผู้ที่จะอยู่รอดได้ หากไม่รักษามั่นในคุณงามความดี จะถูกแสงชำระล้างไปจนหมดสิ้น แสงไม่เลือกว่ามรึงเป็นใคร แสงเลือกที่มรึงทำอะไรเอาไว้? เหี้ยกลับใจ จะได้เห็น เหี้ยสุดติ่ง แต่ย้ายขั้วจะได้ชม ไม่มีทางรอดอื่น นอกจากย้ายขั้ว ไม่ว่าเกมส์ไทย เกมส์โลก คีย์เดียวกัน เลือกข้างผิด ชีวิตเปลี่ยนทันที วัดสิ)
    13 กย. 67
    11.48 น.

    https://linevoom.line.me/post/1172620400552978014

    https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u
    13-09-67/01 : หมี CNN / "เล่าสู่กันฟัง" EP.7 ตอน "WORLD BALANCE REAL?" ตราชั่งมาแย้ว! กฎหมาหลบไป กฎหมายสนั่นโลก! JOHN KIM เซงเป็ด สัส! อาวุธกูมีเยอะเกิน ใช้ 10 ปี ยังไม่หมด ขนาดผลิตส่งทั่วโลก ยังเหลือบาน ยิงไฮเปอร์โซนิคโชว์เล่นซะงั้น อีโสมขาว อียุ่นปี่ ไบ้แดร๊ก มีเยอะแบ่งให้กูบ้างก็ได้? ปักกิ่งสั่งโชว์ เตรียมต้อนรับเหี้ยอาละวาด เรือรบมรึงน่ะ หายไปไหนหมด เอามาดิ กูกำลังหาเป้าซ้อมมือเล่นอยู่? ละครปาหี่ทำเนียบขาว อีทรัมปป์แรงเกินชิมิ? จับดีเบต เพื่อลดกระแส หายโง่ เพิ่งตาสว่าง อีกมลาแค่เล่นตามสคริปต์ ฉากนี้ ฮอลีวู๊ดจัดให้ หลอกไอ้ควายหน้าโง่มะกันทั้งแผ่นดิน โพลเหรอ? คะแนนนิยมเหรอ FAKE ทั้งนั้น แค่แผนเตรียมแตกอเมริกา จบน่ะ? ปูตินสั่งลุยจริง เคียฟแตก เรือรบเหี้ยมะกันหายวับ 8 ลำ ที่เหลือเผ่นหางจุกตูด กระจอกซะไม่มี ควายอับอายแทน! ของจริงไม่พูดเยอะ ไอ้ที่มรึงเข้ามาได้เนี่ย เค้าเปิดทางล่อให้มรึงเข้ามาตาย ไอ้ควาย! มรึงยิงใส่มอสโคว์ได้แค่ปาหี่ ผิวเผิน เพราะเค้าต้องการให้มรึงติดหล่มยาวไป เหี้ย C มีเหรอไม่รู้ แต่เพื่อรักษาหน้า ถึงแพ้ยับ ก็ต้องบุกต่อ เพราะดอลล่าร์ค้ำคอ หยุดสู้คือดอลล่าร์ตายทันที เกมส์มันมีแค่นี้แหละ ไม่ต้องคิดเยอะ? กลุ่ม BRICS ปักหลักสู้ กลัวที่ไหน? เหี้ยขี้ขลาด ตาขาว ไม่กล้าเข้าใกล้รัศมีขีปนาวุธ เรือบรรทุกเครื่องบินจากอดีตแม่ทัพแนวหน้าเหี้ย ตอนนี้ กลายเป็นขนมกรุบของขั้วใหม่ ยิงทิ้งกันเมามันส์ เป้าใหญ่ขนาดนี้ หลับตายิงยังโดน จะรอดยังไง? เมื่อเรือธงเข้าอู๋ซ่อมซะเยอะ มรึงยังจะเหลือเรือธงไหนมาสู้ได้อีก จะล่อขีปนาวุธแข่งกับเค้า มีเหลือกี่ลูก ลูกนึงราคาเท่าไหร่ ขั้วใหม่มีเป็น 1000000 ลูก ยิง 100 ลูก เท่ากับของมรึงลูกเดียว นี่คือความแตกต่าง สงครามคือใช้เงิน มรึงยิงได้เท่าไหร่กัน จ่ายพอมั้ย? ผลิตของห่วยแต่ตั้งราคาโคตรแพง ใช้งานจริงไม่ได้ นี่แหละ "กระจอกขั้นเทพของจริง" แปซิฟิค ไม่ใช่ของมรึงอีกต่อไป 5 ทวีปเดินตามขั้วใหม่หมดแล้ว มรึงเหลือใครกัน? อียิวคลั่งจัด ไม่เหลือชิ้นดีอะไรอีกแล้ว ความชั่วเด่นชัด ความระยำมาเต็ม แก้ผ้าล่อนจ้อน ถอดหมดเปลือก สันดานสัดเดรัจฉาน ใจหมา ไล่ยิงกราดไปทั่ว ไม่เว้นแม่แต่เจ้าหน้าที่ UN กูละชอบฉิงๆ บทจะเหี้ย เหี้ยได้ใจควายแท้ทรู! แล้วเป็นไง ถูกสอยร่วงระนาว ข่าวไม่เปิดเผย สื่อไม่รายงาน กูสรุปให้ฟังสั้นๆ ชัดๆ ไปเลย เหี้ยยิวและขี้ข้า ตายห่าวันละ 3000 ตัว ทั้งสมรภูมิเยรูซาเล็ม และยูเครน อีกไม่นาน สมรภูมิจะย้ายเข้าอีโปลเต็มตัวแล้ว เพราะนั่นคือเฟด 2 ดอกนี้แหละ คือประตูเปิดทางให้ปูตินเขมือบครึ่งยุโรป เชื่อมท่อแก็สอาร์คติคฉลุย ยูเครนแค่น้ำจิ้ม เนื้อชิ้นใหญ่อยู่ที่ตอนเหนือต่างหากล่ะ ที่มาว่าทำไม อีฟินน์ อีสวิงกิ้ง อีลอนดอน ต้องไปพร้อมกันหมด ไม่ต้องมาหา เดี๋ยวกูไปหามรึงเอง? ดูข่าววันนี้ แล้วปอดตับ หากใช้สมองคิดซักกะหน่อย ควายคงจะมีน้อยกว่านี้ ถล่มค่ายทหาร ถล่มโรงไฟฟ้า ถล่มโครงสร้างพื้นฐาน ถล่มศูนย์บัญชาการ ถล่มคลังแสง ถล่มอีกมากมาย แต่ยังหน้าด้านบอก ตาย 6 ตาย 7 เจ็บ 10 กูเกิดมาก็เพิ่งรู้น่ะเนี่ย ค่ายทหาร คลังแสง ศูนย์บัญชาการรบ มีคนไม่ถึง 10 คน เอาที่มรึงสบายใจ สมองกลวงกันหมดทั้งโลกแล้วเน๊าะ! ยามนี้ ขั้วใหม่ปรับแผนใหม่แล้ว เดินเกมส์เร่ง เร็วขึ้น ขยายอิทธิพลแบบปูพรม ดาหน้าท้ารบแบบไม่มีกั๊ก กล้าก็ออกมา ดีออก? ขี้ข้าเงียบกริบ ช่วงแรกดีแต่เห่า แต่ช่วงนี้ เห่าไม่ออก? ของจริงไม่พูดเยอะ ขนกันออกมาโชว์ให้โลกรับรู้ ว่าอำนาจเปลี่ยนมือแล้ว แค่กองเรือรัสเซีย-จีน ออกมายืดเส้น ยืดสาย ไอ้สัส นี่มันท่วมมหาสมุทรเลยน่ะเนี่ย? มาเป็น 100 ลำ เหี้ยเห็นยังจุกอก แหม! เจ้ามือใหม่ เปิดตัวทั้งที มันต้องขยี้ของเก่าให้จมกองตรีนสิจ๊ะ? AI จีน แม่งสุดติ่ง แมลงหุ่นรบ AI ความสามารถเกินคาดเดา ถามแค่ว่า มรึงต้องใช้กระสุนกี่นัด ถึงจะยิงโดนหุ่นยนต์ AI แมลง 1 ตัว เท่าที่รู้ มันเข้าไปทำลายระบบสื่อสาร เชื่อมต่อ และชี้เป้า นำทาง นำร่องขีปนาวุธทุกชนิด รวมทั้งระเบิดตัวเองได้ กูเห็นแล้วยังรู้เลยว่า "กำจัดโคตรยาก" เหมือนในหนัง บัญญัติ 10 ประการ ฝูงตั๊กกะแตนยงโย่ มากันเป็นล้านตัว ทุกอย่างหายเรียบวุธ สยดสยองฉิบหาย? ยิ่งรัสเซีย ยิ่งแล้วใหญ่ หุ่นยนต์รบ AI อย่างกะในหนัง THE TERMINATOR ไอ้สัส ขนาด JOHN CONNOR ยังต้องเผ่น? อีกไม่นาน มรึงจะได้เห็นเข้าสู่สงคราม STAR WARS แน่นอน แฟนหนังไม่ต้องจินตนาการ ล่อของจริงกันไปเลย? เตรียมกูจะเตรียมดาบไลท์เซเบอร์เตรียมไปตัดหัวเหี้ยเล่น? AMAZING THAILAND ไทยรับมอบรถไฟเก่าอียุ่นปี่ 10 คัน เอามาปรับแต่งใหม่ หรูหราหมาเห่า อียุ่นปี่เห็นยังตาค้าง ไอ้สัส! นี่มันสวรรค์ชัดๆ ช่างไทยแม่งระดับจักรวาล คนไทยมีดีมานานแล้ว เพียงแต่ไม่มีใครบอกมรึง? อยากรู้ไปดูเอง คนไทยหากทำอะไรจริงจัง แม้แต่สวรรค์ ยังต้องหันมามอง? "SRT ROYAL BLOSSOM" งานฝีมือ ฝรั่งแค่ขี้ตรีนคนไทย แต่มันทำให้มรึงด้อยค่าตัวเอง ใครโง่กันล่ะ? ล่าสุด รัสเซียขอบคุณ เหี้ยไอ้อีหน้าโง่ทั้งหลาย ในที่สุด มรึงก็ให้ใบเสร็จกูได้ใช้นุ๊กรสชาเขียวได้ซักกะที หลังเหี้ยมะกัน เหี้ยสิงโตง้อย สั่งยูเครนให้ใช้ขีปนาวุธระยะไกลโจมตีรัสเซียได้ ถามจริง มรึงเหลือกี่ลูก มรึงยิงถึงป่ะ? และที่สำคัญ ปูตินไม่ได้สนยูเครน เพราะมันตายห่าไปนานแล้ว แต่ดีใจที่จะได้ถล่มวอชิงตัน ลอนดอน ให้ราบคาบซักกะที แค่ตอนนี้ แม่งก็จะแตกกันอยู่แล้ว ลงไปดอก รับรอง ถึงใจอีช้อยทั้งโลกชัวร์! ปูติน ไม่ใช่เพื่อนเล่นมรึง! พูดจริง ทำจริง เคยบอกไปแล้วว่า จะไม่มีเตือนครั้งที่ 3 ก่อนจะถึงนายใหญ่ อีโปล อีฟินน์ อีสวิงกิ้ง ต้องไปหมดเกลี้ยงซะก่อน แล้วค่อยปิดฉาก ปิดเกมส์ที่ แผ่นดินแม่เหี้ยจ๊ะ สคริปเค้าจัดมาตามนี้ กูแอบไปเปิดโพยดูมาก่อนแล้ว? ปล.เผยวงใน เกจิดัง นักวิชาการ อดีตผู้พิพากษา รู้จุดจบของละครบ้านทรายทองกันหมดแล้ว แต่ยังไม่ถึงเวลาเปิดเผย เอาสั้นๆ "มอ 112" คือจุดตายอีเหลี่ยมชั่ว โอนที่ดินและคุณสมบัตินายกฯคือจุดตายอีลูกสาวร่าน ทำไมต้องรอ 6 เดือน คำตอบคือ "มันจะมาพร้อมกันหมดทุกคดีความขายชาติ" เค้าเรียกล้มกระดานทั้งแผง แฝงบีบจ่ายเงินคืนแผ่นดิน แล้วไสหัวไปซะ เจรจาใต้น้ำกันมันส์หยดติ๋งๆ ด้านขั้วใหม่หนุนหลังสุดตัว ที่มาเหี้ยยังไง ก็ไม่โง่พอที่จะไม่เอาตัวรอด ไม่อิงราคาน้ำมันตลาดโลก เพราะรัสเซีย จีน อิหร่าน พร้อมอุ้ม ถึงได้บอกไงล่ะว่า เหี้ยแค่ไหนก็เปลี่ยนได้ เพราะไม่มีทางเลือก กลียุค คือความไม่แน่นอน ใครที่ยังสงสัยว่าเหี้ยเกาะกินแผ่นดินนี้มายาวนาน มันจะสลัดออกยังไง? เตรียมตัวดู เตรียมใจชมได้เลย อย่าดูถูกพลังแห่งแสง เข้าที่ไหน สะอาดหมดเปลือก ไร้คราบเหี้ยทันที ศาลนำร่อง ทหารนำทาง วังนำหน้า ไม่มีแผ่นดินไหนจะอยู่รอดได้ หากไม่คงไว้ซึ่ง "คุณธรรม" ชี้เป้า 50 ปี เหี้ย เวลาล้างบางแค่ปีเดียว มันจะไปไวมาก โปรดเตรียมกล้องถ่ายสโลโมชั่นไว้ด้วย จะได้ย้อนมาดูรายละเอียดย้อนหลังได้ ภาพศรีธนญชัย 2024 มันเริ่มปรากฎเด่นชัดมากยิ่งขึ้น ธุรกรรมต่างชาติขั้วใหม่ เข้ามามีบทบาทนำมากขึ้น ยิ่งเข้า BRICS ยิ่งเปลี่ยนแปลงเร็ว เงินบาทจะเป็นที่ต้องการของทั้งโลก! โรงงานผลิตโลก สาขาอาเซียน มันจะเป็นใครไปได้อีกล่ะ? เพราะทุกอย่างมันจะมารวมอยู่ที่นี่ "ประเทศไทย" ยามเมื่อสงครามใหญ่เปิดหน้าแลก อาเซียนจะจับมือกัน "เป็นกลาง" จะช่วยเฉพาะด้านมนุษยธรรม ยารักษา อาหาร เครื่องมือช่วยเหลือ แต่จะไม่กระโดดเข้าสงคราม แต่อาเซียนจะพร้อมรับมือ หากใครล้ำเส้น ทั้งหมดเป็นแผนที่รัสเซีย จีน วางตัวอาเซียนให้อยู่วงนอก แค่อย่าแตกแถว อย่าเสือกเข้ามาในเกมส์นี้พอ ที่มาว่าทำไม อีปินส์ อาจถูกอัปเปหิในไม่ช้า หากมรึงยังไม่เปลี่ยนหัวผู้นำใหม่ให้ทันก่อนจะสาย เพราะดูเตอร์เต้ สายเอียงจีนอยู่แล้ว รอเสียบ รอแยกดินแดน มรึงคิดจริงๆ เหรอว่า มีแต่เหี้ย C ที่แทรกแซงชาติขี้ข้าได้ ขั้วใหม่ไม่ได้โง่ มือตรีนมี เค้าก็มีคนที่ส่งไปเสี้ยมขี้ข้าให้หักหลังนายใหญ่อีกทีเช่นกัน ถามสั้นๆ มรึงพร้อมจะตายไปกับมันมั้ยล่ะ? จับตา อีป้อม เตรียมงัดไม้เด้ด เอาคืนอีเหลี่ยม อย่าลืมว่า รัฐบาลผสม มันไม่มีทางเสถียรดอก คดีความแต่ละพรรคที่จะโดน มันถึงขั้นยุบพรรค และตัดสิทธิ์ทางการเมือง อีส้มเน่าตายก่อน อีแดงตามมา แล้วจะเหลือใครจัดตั้งรัฐบาล หากไม่ใช่อดีตพรรคร่วม หมากเกมส์นี้ ปชป.พลาดอย่างแรง ที่กระโดดงับเหยื่อ แต่ใครจะไปรู้ เค้าอาจจะซ้อนแผนอีเหลี่ยมชั่วไว้อีกชั้น เมื่อร่วมรัฐบาลได้ ก็ถอนตัวออกได้เช่นกัน การเมืองมันไม่มีดอกสำเร็จรูป เขี้ยวตันทั้งนั้น ใครจะปล่อยให้เด็กเมื่อวานซืนมาแดร๊กงบแผ่นดินฟรีกันล่ะ? ทหารเค้าปล่อยให้พวกมรึงเข่นฆ่ากันเอง เอาให้สุด แล้วจบที่ "ปฎิวัติ" รัฐบาลแห่งชาติต้องมา รัฐธรรมนูญใหม่ต้องมี นักการเมืองเก่าจะตายห่ากันหมดยกคอก ม้วนเดียวจบ หลังเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ต้นตอของปัญหาคือฝ่ายการเมือง เมื่อปิดจุดตายได้ ทุกอย่างมันจะเดินหน้าของมันเอง งานนี้ "อีป้อม สู้สุดใจขาดดิ้น" เสือเฒ่าไม่ทิ้งลาย ยังไงหากกูไม่ได้ คนอื่นก็อย่าหวังจะได้ กูจะลากแม่งลงมาให้หมด ทั้งกระดาน! หมี CNN(ใกล้สิ้นปี ใกล้วันตัดสิน ใกล้จุดแตกหัก ใกล้ความเป็นจริง ผู้ที่จะอยู่รอดได้ หากไม่รักษามั่นในคุณงามความดี จะถูกแสงชำระล้างไปจนหมดสิ้น แสงไม่เลือกว่ามรึงเป็นใคร แสงเลือกที่มรึงทำอะไรเอาไว้? เหี้ยกลับใจ จะได้เห็น เหี้ยสุดติ่ง แต่ย้ายขั้วจะได้ชม ไม่มีทางรอดอื่น นอกจากย้ายขั้ว ไม่ว่าเกมส์ไทย เกมส์โลก คีย์เดียวกัน เลือกข้างผิด ชีวิตเปลี่ยนทันที วัดสิ) 13 กย. 67 11.48 น. https://linevoom.line.me/post/1172620400552978014 https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 744 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลี่ เฉียง : จีนยกสัมพันธ์ 'ซาอุดีอาระเบีย'
    พันธกิจการทูตสำคัญในตะวันออกกลาง
    .
    ซินหัว - หลี่เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนประเทศซาอุดีอาระเบียเมื่อวันพุธ (11 ก.ย.) กล่าวว่าการพัฒนาความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียเป็นพันธกิจสำคัญในการทูตโดยรวมของจีน โดยเฉพาะการทูตในตะวันออกกลาง
    .
    นายหลี่กล่าวคำข้างต้นขณะพบปะหารือกับโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน อัล ซาอุด มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย และร่วมเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมระดับสูงจีน-ซาอุดีอาระเบีย ครั้งที่ 4 โดยหลี่ส่งสารทักทายอันอบอุ่นจากสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน แก่ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัล ซาอุด กษัตริย์ซาอุดีอาระเบีย และมกุฎราชกุมาร เป็นลำดับแรก
    .
    นายหลี่เน้นย้ำว่าจีนและซาอุดีอาระเบียได้รักษาไว้ซึ่งความเคารพ ความไว้วางใจ และผลประโยชน์ร่วมกัน รวมถึงการเรียนรู้และความเข้าใจซึ่งกันและกัน ภายใต้การชี้นำเชิงยุทธศาสตร์ของผู้นำสองประเทศ โดยความสัมพันธ์ทวิภาคีได้พัฒนาอย่างรอบด้าน รวดเร็ว และลึกซึ้ง ส่งผลลัพธ์ความร่วมมือด้านต่างๆ
    .
    จีนยินดีจะสนับสนุนซาอุดีอาระเบียและทำงานเพื่อบรรลุผลสำเร็จร่วมกัน มองการพัฒนาของอีกฝ่ายเป็นโอกาสสำคัญ และเสริมสร้างบทบาทของคณะกรรมการร่วมระดับสูงจีน-ซาอุดีอาระเบีย ด้วยเป้าหมายเดินหน้าความสัมพันธ์ทวิภาคีสู่ระดับสูงครั้งใหม่ และยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนสองประเทศอย่างต่อเนื่อง
    .
    จีนและซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่สำคัญ มีผลประโยชน์ร่วมกันในวงกว้าง โดยจีนพร้อมทำงานร่วมกับซาอุดีอาระเบียอย่างใกล้ชิดและเดินหน้าบนวิถีทางการพัฒนาไปด้วยกัน
    .
    นายหลี่เรียกร้องทั้งสองฝ่ายขยับขยายการค้าทวิภาคี กระชับความร่วมมือดั้งเดิมในด้านน้ำมันและก๊าซ ปิโตรเคมีและโครงสร้างพื้นฐาน สำรวจความร่วมมือใหม่ในด้านพลังงานใหม่ สารสนเทศและการสื่อสาร เศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียว พร้อมกระตุ้นบริษัทลงทุนในอีกประเทศและทำงานร่วมกันเพื่อรักษาเสถียรภาพของห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
    .
    นอกจากนั้น นายหลี่ส่งเสริมทั้งสองฝ่ายจัดงานปีแห่งวัฒนธรรมจีน-ซาอุดีอาระเบีย ในปี 2025 ให้ประสบผลสำเร็จ เดินหน้าความร่วมมือด้านวัฒนธรรม คลังสมอง การศึกษา สื่อมวลชน การแลกเปลี่ยนนอกภาครัฐและระหว่างประชาชน และยกระดับความเข้าใจซึ่งกันและกันและมิตรภาพระหว่างประชาชนสองประเทศอย่างต่อเนื่อง
    .
    จีนสนับสนุนซาอุดีอาระเบียในการมีบทบาทในกิจการระหว่างประเทศและระดับภูมิภาคเพิ่มขึ้น และพร้อมยกระดับการประสานงานพหุภาคีกับซาอุดีอาระเบีย บ่มเพาะความสามัคคีและความร่วมมือในกลุ่มประเทศเอเชีย ร่วมยึดมั่นความยุติธรรมและความเป็นธรรมสากล และส่งเสริมธรรมาภิบาลโลกในทิศทางที่เที่ยงธรรมและสมเหตุสมผลยิ่งขึ้น
    .
    ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามเอกสารความร่วมมือทวิภาคีเกี่ยวกับการฝึกอบรมทางเทคนิคและอาชีวศึกษา อุตุนิยมวิทยา และอื่นๆ จำนวนหลายฉบับระหว่างการเยือนของหลี่ด้วย
    .
    แฟ้มภาพซินหัว : นายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน พบปะกับโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน อัล ซาอุด มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย และร่วมเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมระดับสูงจีน-ซาอุดีอาระเบีย ครั้งที่ 4 ณ พระราชวังอัลยามามะฮ์ ในกรุงริยาดของซาอุดีอาระเบีย วันที่ 11 ก.ย. 2567)
    หลี่ เฉียง : จีนยกสัมพันธ์ 'ซาอุดีอาระเบีย' พันธกิจการทูตสำคัญในตะวันออกกลาง . ซินหัว - หลี่เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนประเทศซาอุดีอาระเบียเมื่อวันพุธ (11 ก.ย.) กล่าวว่าการพัฒนาความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียเป็นพันธกิจสำคัญในการทูตโดยรวมของจีน โดยเฉพาะการทูตในตะวันออกกลาง . นายหลี่กล่าวคำข้างต้นขณะพบปะหารือกับโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน อัล ซาอุด มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย และร่วมเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมระดับสูงจีน-ซาอุดีอาระเบีย ครั้งที่ 4 โดยหลี่ส่งสารทักทายอันอบอุ่นจากสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน แก่ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัล ซาอุด กษัตริย์ซาอุดีอาระเบีย และมกุฎราชกุมาร เป็นลำดับแรก . นายหลี่เน้นย้ำว่าจีนและซาอุดีอาระเบียได้รักษาไว้ซึ่งความเคารพ ความไว้วางใจ และผลประโยชน์ร่วมกัน รวมถึงการเรียนรู้และความเข้าใจซึ่งกันและกัน ภายใต้การชี้นำเชิงยุทธศาสตร์ของผู้นำสองประเทศ โดยความสัมพันธ์ทวิภาคีได้พัฒนาอย่างรอบด้าน รวดเร็ว และลึกซึ้ง ส่งผลลัพธ์ความร่วมมือด้านต่างๆ . จีนยินดีจะสนับสนุนซาอุดีอาระเบียและทำงานเพื่อบรรลุผลสำเร็จร่วมกัน มองการพัฒนาของอีกฝ่ายเป็นโอกาสสำคัญ และเสริมสร้างบทบาทของคณะกรรมการร่วมระดับสูงจีน-ซาอุดีอาระเบีย ด้วยเป้าหมายเดินหน้าความสัมพันธ์ทวิภาคีสู่ระดับสูงครั้งใหม่ และยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนสองประเทศอย่างต่อเนื่อง . จีนและซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่สำคัญ มีผลประโยชน์ร่วมกันในวงกว้าง โดยจีนพร้อมทำงานร่วมกับซาอุดีอาระเบียอย่างใกล้ชิดและเดินหน้าบนวิถีทางการพัฒนาไปด้วยกัน . นายหลี่เรียกร้องทั้งสองฝ่ายขยับขยายการค้าทวิภาคี กระชับความร่วมมือดั้งเดิมในด้านน้ำมันและก๊าซ ปิโตรเคมีและโครงสร้างพื้นฐาน สำรวจความร่วมมือใหม่ในด้านพลังงานใหม่ สารสนเทศและการสื่อสาร เศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียว พร้อมกระตุ้นบริษัทลงทุนในอีกประเทศและทำงานร่วมกันเพื่อรักษาเสถียรภาพของห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก . นอกจากนั้น นายหลี่ส่งเสริมทั้งสองฝ่ายจัดงานปีแห่งวัฒนธรรมจีน-ซาอุดีอาระเบีย ในปี 2025 ให้ประสบผลสำเร็จ เดินหน้าความร่วมมือด้านวัฒนธรรม คลังสมอง การศึกษา สื่อมวลชน การแลกเปลี่ยนนอกภาครัฐและระหว่างประชาชน และยกระดับความเข้าใจซึ่งกันและกันและมิตรภาพระหว่างประชาชนสองประเทศอย่างต่อเนื่อง . จีนสนับสนุนซาอุดีอาระเบียในการมีบทบาทในกิจการระหว่างประเทศและระดับภูมิภาคเพิ่มขึ้น และพร้อมยกระดับการประสานงานพหุภาคีกับซาอุดีอาระเบีย บ่มเพาะความสามัคคีและความร่วมมือในกลุ่มประเทศเอเชีย ร่วมยึดมั่นความยุติธรรมและความเป็นธรรมสากล และส่งเสริมธรรมาภิบาลโลกในทิศทางที่เที่ยงธรรมและสมเหตุสมผลยิ่งขึ้น . ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามเอกสารความร่วมมือทวิภาคีเกี่ยวกับการฝึกอบรมทางเทคนิคและอาชีวศึกษา อุตุนิยมวิทยา และอื่นๆ จำนวนหลายฉบับระหว่างการเยือนของหลี่ด้วย . แฟ้มภาพซินหัว : นายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน พบปะกับโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน อัล ซาอุด มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย และร่วมเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมระดับสูงจีน-ซาอุดีอาระเบีย ครั้งที่ 4 ณ พระราชวังอัลยามามะฮ์ ในกรุงริยาดของซาอุดีอาระเบีย วันที่ 11 ก.ย. 2567)
    Like
    Love
    14
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 654 มุมมอง 0 รีวิว
  • 12-09-67/01 : หมี CNN / หมี CNN / "ตีแสกหน้า" EP.7

    01. เพิ่งคิดได้ไอ้สัส! ไทยเตรียมเลิกอิงราคาน้ำมันตลาดโลก อย่าเพิ่งรีบดีใจ แค่สลับร่าง สั่งของถูก มากินส่วนต่างอีกที ใครล่ะ ก็จีน รัสเซีย? แปลว่า?
    02. รัสเซีย จีน อิหร่าน ผนึกกำลังซ้อมรบ 5 ทวีป มรึงเห็นภาพชัดพอยังล่ะ?
    03. เป็นไปตามเนื้อผ้า รัสเซียไล่ยึดสบายตรีน อียูเครน หมอบแล้ว จะสู้เพื่อ?
    04. กูล่ะชอบ ตรรกะอีทรัมปป์ เก็บภาษีเพิ่ม 100% คือโดดเดี่ยวอเมริกา โง่ดี
    05. ฉิบหายแล้ว แม้แต่ชาติเล็กๆ ในตะวันออกกลางยังมีไฮเปอร์โซนิค ยิวอึ้ง
    06. EU ช่างหัวแม่งแล้ว ตัวใครตัวมัน แยกย้าย หนาวมา กอดรัสเซียแน่นขึ้น?
    07. จุดจบกาลกิณี อัยกวยช่วยไม่ไหว พ่อโดนมอ112 ยาวเป็นหางว่าว พ่วงทูลเท็จ ลูกโดนที่ดิน โกงสอบกับคุณสมบัติต่ำตมไม่ผ่าน ศาลสะสมแต้มอยู่
    08. ล่าสุดสนามบินโซล ร้างนักท่องเที่ยว บทเรียนราคาแพง อีกามินถูกถอด
    09. กูบอกแล้วไง เหี้ยมันเก่งแต่ฆ่าเด็ก สตรี คนชรา คนท้อง คนพิการ สู้กับทหารแพ้อย่างหมา ตามสูตร ถล่มโรงเรียน ทำได้แค่นี้ แต่เยเมนจัดหนักกว่า
    10. แบนมาแบนกลับไม่มีโกง อียุ่นปี่เสี้ยนแบนชิปจีน จีนสวนหมัดกลับทันที กูไม่ส่งแร่ให้มรึง เชิญไปหาเองนอกโลก ดีออก? ชะตาขาดยังไม่รู้ตัวอีก สัส
    11. อีแคนเสี้ยนต่อ ขึ้นภาษีรถ EV จีน จีนสั่งตัดนำเข้าคาโนลา รายได้หลักอีแคน วัตถุดิบผลิตน้ำมันพืชปรุงอาหาร ภาคเกษตรอีแคนดิ้น ใครจะสั่งกูเนี่ย?
    12. ไอ้สัส! เอากันให้ตายไปข้าง? BYD เตรียมนำแบตเจนใหม่ ฆ่าคู่แข่งตาย
    13. การละครเหี้ยมะกัน อีลา อีช้าง แค่ตัวหมาก แผนแตกอเมริกาเกิดภายใน
    14. น้ำท่วม นักการเมืองเคยช่วยมรึงได้จริงมุย? จ้องจะเบิกงบหาแดร๊ก ถึงปล่อยให้ท่วมไงล่ะ? มันรู้ล่วงหน้าด้วยซ้ำ แต่ปล่อย ประชาธิปไตยหอมหวล
    15. มรึงดู ข่าวเหี้ยปล่อย อีลอน มัสก์ จะรวยล้านล้าน แต่เทสล่ากำลังจะเจ๊ง
    16. ผบ.หน่วยตายเกลื่อน นายพลสิ้นชื่อ อียิว กำลังจนตรอก โดนทุกชั่วโมง
    17. ไอ้สัส! แค่ซ้อมรบ แคตตาล็อกมาเต็ม ทั้งโลกแห่จอง งวดนี้ ใหม่ ดุ เข้ม
    18. จริงดิ! จีนเตรียมกองทัพ AI ทั้งนักรบ และแมลงหลากสายพันธุ์ ล้ำเกิน
    19. หมายังดูออก แผนเสี้ยมไทยแตกขะแมร์ เหยียบธนบัตร ทหารรู้ทัน โดน
    20. 14 ล้านเสียงควายบัดซบ อับอายขายขี้หน้า อีส้มโชว์โง่ไม่เว้นวัน ควาย

    หมายเหตุ : โมเมตั่มมันนำไปสู่สงครามเต็มรูปแบบ เจ้าเก่าไม่มีทางเลือก ตายคือตาย ไม่ตายก็แตกไม่ได้ ไม่ตายก็ปลดล็อคไม่ได้ สันติสุขคือเรื่องตอแหล จินตหราสิของจริง! เหี้ยยังมีเขี้ยวเล็บอยู่ แพ้แต่ไม่ยอมตายฟรี ต้องสาหัสทั้งโลก นี่คือใบสั่งเยรูซาเล็ม เกมส์จะแรงขึ้นไปเรื่อยๆ ขยายวงกว้างมากขึ้น เพื่อนำไปสู่จุดจบ นั่นคือ "มินิคุ๊กกี้รสชาเขียว" ทำไมรัสเซีย จีน อิหร่าน จะมองไม่ออก ว่าเหี้ยมันจ้องจะทำอะไร? อีทรัมปป์มาเพื่อโดดเดี่ยวอเมริกา มันถึงจะรอดจากอียิวได้แท้จริง คือแยกดินแดน แบ่งกันไปเลย ย่ออเมริกา อังกฤษ ให้เล็กลง เพื่อทางรอดเดียวที่เหลืออยู่ ก่อนสิ้นชาติสูญพันธุ์ ด้านเอเซีย แปซิฟิคต้องระอุ จีนพร้อม แต่เหี้ยยังไม่พร้อม ยิ่งนานวัน จีนกลืนหมดทุกสรรพสิ่ง งานนี้ อีแพะบูชายันต์คงไม่รอด อีปินส์ อีลอดช่อง หาทางลงอยู่ ขืนเข้าเกมส์นี้ ตายสิ้นชาติชัวร์ อาเซียนคือเกราะกำบัง จำคีย์ตรงนี้เอาไว้ แหกด่าน แหกกลุ่มคือสิ้นชาติ! สุดท้าย ขั้วใหม่ได้ไปทั้งหมด

    หมี CNN(ละครบ้านทรายทองจะจบยังไง ขึ้นอยู่กับเกมส์โลกกำหนดบทบาท แสงส่องเข้ามาแล้ว อะไรก็หยุดไม่อยู่ การเปลี่ยนแปลงแบบพลิกขั้วจะเกิดขึ้น เหี้ยจะหนีตาย เพราะแสงทำงานไวมาก ศาลไคฟงคือทางรอดของชาติ วังคือสิ่งยึดเหนี่ยว กองทัพคือหัวใจ ประชาชนและควาย คือตัวแปร แสงจะล้างสิ่งโสมมออกจนหมดเกลี้ยง ใครคิดว่าอะไรที่เป็นไปไม่ได้ จะเกิดขึ้น คอรัปชั่นจะกลายเป็นตราบาปคนชั่ว ยุคใหม่ เปลี่ยนแนวคิดใหม่หมด มันเริ่มขึ้นมาแล้ว มันจะเดินหน้าต่อไป ไม่มีหยุดยั้ง อำนาจคู่กับศรัทธา นี่คือคีย์)
    12 กันยายน 67
    09.50 น.
    https://linevoom.line.me/post/1172610929449175909
    https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u
    12-09-67/01 : หมี CNN / หมี CNN / "ตีแสกหน้า" EP.7 01. เพิ่งคิดได้ไอ้สัส! ไทยเตรียมเลิกอิงราคาน้ำมันตลาดโลก อย่าเพิ่งรีบดีใจ แค่สลับร่าง สั่งของถูก มากินส่วนต่างอีกที ใครล่ะ ก็จีน รัสเซีย? แปลว่า? 02. รัสเซีย จีน อิหร่าน ผนึกกำลังซ้อมรบ 5 ทวีป มรึงเห็นภาพชัดพอยังล่ะ? 03. เป็นไปตามเนื้อผ้า รัสเซียไล่ยึดสบายตรีน อียูเครน หมอบแล้ว จะสู้เพื่อ? 04. กูล่ะชอบ ตรรกะอีทรัมปป์ เก็บภาษีเพิ่ม 100% คือโดดเดี่ยวอเมริกา โง่ดี 05. ฉิบหายแล้ว แม้แต่ชาติเล็กๆ ในตะวันออกกลางยังมีไฮเปอร์โซนิค ยิวอึ้ง 06. EU ช่างหัวแม่งแล้ว ตัวใครตัวมัน แยกย้าย หนาวมา กอดรัสเซียแน่นขึ้น? 07. จุดจบกาลกิณี อัยกวยช่วยไม่ไหว พ่อโดนมอ112 ยาวเป็นหางว่าว พ่วงทูลเท็จ ลูกโดนที่ดิน โกงสอบกับคุณสมบัติต่ำตมไม่ผ่าน ศาลสะสมแต้มอยู่ 08. ล่าสุดสนามบินโซล ร้างนักท่องเที่ยว บทเรียนราคาแพง อีกามินถูกถอด 09. กูบอกแล้วไง เหี้ยมันเก่งแต่ฆ่าเด็ก สตรี คนชรา คนท้อง คนพิการ สู้กับทหารแพ้อย่างหมา ตามสูตร ถล่มโรงเรียน ทำได้แค่นี้ แต่เยเมนจัดหนักกว่า 10. แบนมาแบนกลับไม่มีโกง อียุ่นปี่เสี้ยนแบนชิปจีน จีนสวนหมัดกลับทันที กูไม่ส่งแร่ให้มรึง เชิญไปหาเองนอกโลก ดีออก? ชะตาขาดยังไม่รู้ตัวอีก สัส 11. อีแคนเสี้ยนต่อ ขึ้นภาษีรถ EV จีน จีนสั่งตัดนำเข้าคาโนลา รายได้หลักอีแคน วัตถุดิบผลิตน้ำมันพืชปรุงอาหาร ภาคเกษตรอีแคนดิ้น ใครจะสั่งกูเนี่ย? 12. ไอ้สัส! เอากันให้ตายไปข้าง? BYD เตรียมนำแบตเจนใหม่ ฆ่าคู่แข่งตาย 13. การละครเหี้ยมะกัน อีลา อีช้าง แค่ตัวหมาก แผนแตกอเมริกาเกิดภายใน 14. น้ำท่วม นักการเมืองเคยช่วยมรึงได้จริงมุย? จ้องจะเบิกงบหาแดร๊ก ถึงปล่อยให้ท่วมไงล่ะ? มันรู้ล่วงหน้าด้วยซ้ำ แต่ปล่อย ประชาธิปไตยหอมหวล 15. มรึงดู ข่าวเหี้ยปล่อย อีลอน มัสก์ จะรวยล้านล้าน แต่เทสล่ากำลังจะเจ๊ง 16. ผบ.หน่วยตายเกลื่อน นายพลสิ้นชื่อ อียิว กำลังจนตรอก โดนทุกชั่วโมง 17. ไอ้สัส! แค่ซ้อมรบ แคตตาล็อกมาเต็ม ทั้งโลกแห่จอง งวดนี้ ใหม่ ดุ เข้ม 18. จริงดิ! จีนเตรียมกองทัพ AI ทั้งนักรบ และแมลงหลากสายพันธุ์ ล้ำเกิน 19. หมายังดูออก แผนเสี้ยมไทยแตกขะแมร์ เหยียบธนบัตร ทหารรู้ทัน โดน 20. 14 ล้านเสียงควายบัดซบ อับอายขายขี้หน้า อีส้มโชว์โง่ไม่เว้นวัน ควาย หมายเหตุ : โมเมตั่มมันนำไปสู่สงครามเต็มรูปแบบ เจ้าเก่าไม่มีทางเลือก ตายคือตาย ไม่ตายก็แตกไม่ได้ ไม่ตายก็ปลดล็อคไม่ได้ สันติสุขคือเรื่องตอแหล จินตหราสิของจริง! เหี้ยยังมีเขี้ยวเล็บอยู่ แพ้แต่ไม่ยอมตายฟรี ต้องสาหัสทั้งโลก นี่คือใบสั่งเยรูซาเล็ม เกมส์จะแรงขึ้นไปเรื่อยๆ ขยายวงกว้างมากขึ้น เพื่อนำไปสู่จุดจบ นั่นคือ "มินิคุ๊กกี้รสชาเขียว" ทำไมรัสเซีย จีน อิหร่าน จะมองไม่ออก ว่าเหี้ยมันจ้องจะทำอะไร? อีทรัมปป์มาเพื่อโดดเดี่ยวอเมริกา มันถึงจะรอดจากอียิวได้แท้จริง คือแยกดินแดน แบ่งกันไปเลย ย่ออเมริกา อังกฤษ ให้เล็กลง เพื่อทางรอดเดียวที่เหลืออยู่ ก่อนสิ้นชาติสูญพันธุ์ ด้านเอเซีย แปซิฟิคต้องระอุ จีนพร้อม แต่เหี้ยยังไม่พร้อม ยิ่งนานวัน จีนกลืนหมดทุกสรรพสิ่ง งานนี้ อีแพะบูชายันต์คงไม่รอด อีปินส์ อีลอดช่อง หาทางลงอยู่ ขืนเข้าเกมส์นี้ ตายสิ้นชาติชัวร์ อาเซียนคือเกราะกำบัง จำคีย์ตรงนี้เอาไว้ แหกด่าน แหกกลุ่มคือสิ้นชาติ! สุดท้าย ขั้วใหม่ได้ไปทั้งหมด หมี CNN(ละครบ้านทรายทองจะจบยังไง ขึ้นอยู่กับเกมส์โลกกำหนดบทบาท แสงส่องเข้ามาแล้ว อะไรก็หยุดไม่อยู่ การเปลี่ยนแปลงแบบพลิกขั้วจะเกิดขึ้น เหี้ยจะหนีตาย เพราะแสงทำงานไวมาก ศาลไคฟงคือทางรอดของชาติ วังคือสิ่งยึดเหนี่ยว กองทัพคือหัวใจ ประชาชนและควาย คือตัวแปร แสงจะล้างสิ่งโสมมออกจนหมดเกลี้ยง ใครคิดว่าอะไรที่เป็นไปไม่ได้ จะเกิดขึ้น คอรัปชั่นจะกลายเป็นตราบาปคนชั่ว ยุคใหม่ เปลี่ยนแนวคิดใหม่หมด มันเริ่มขึ้นมาแล้ว มันจะเดินหน้าต่อไป ไม่มีหยุดยั้ง อำนาจคู่กับศรัทธา นี่คือคีย์) 12 กันยายน 67 09.50 น. https://linevoom.line.me/post/1172610929449175909 https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1783 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🖍️รวมหัวข้อใน stopthaicontrol.com
    👉ความจริงของ โควิด-19 (ฉบับเต็ม)
    https://stopthaicontrol.com/%e0%b9%81%e0%b8%a2%e0.../1644/
    👉วาระ | Social Credit System (Vaccine Passport) | ระบบทาส ควบคุมประชากรโลก ด้วยเทคโนโลยี
    https://stopthaicontrol.com/uncategorized/123456/
    👉อะไรกำลังเกิดขึ้น
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8.../
    👉บทความที่ 1: การล้างสมองมวลชน | ใครครองสื่อ?
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%9a%e0%b8%97%e0%b8.../
    👉อ.ทวีสุข ธรรมศักดิ์ |ตระกูล Rothschild เบื้องหลังแนวคิดการปกครองโลก
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%ad-%e0%b8%97%e0.../
    👉ความลับของวัคซีน mRNA (ฉบับที่ 1)
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8.../
    👉ความลับของวัคซีน mRNA (ฉบับที่ 2)
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8.../
    👉“PCR ควรถูกนำไปทิ้งโดยทันที” – ดร. สุจริต ภักดี
    https://stopthaicontrol.com/.../pcr-%e0%b8%84%e0%b8%a7.../
    👉PCR – ผลิกตัวเลขผู้ติดเชื้อเท็จ​
    https://stopthaicontrol.com/.../pcr-%e0%b8%9c%e0%b8%a5.../
    👉ศาสตราจารย์ นพ. สุจริต ภักดี | วัคซีนในเด็ก 1/2
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%a8%e0%b8%b2%e0%b8.../
    👉ศาสตราจารย์ นพ. สุจริต ภักดี | วัคซีนในเด็ก 2/2
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%84%e0%b8%b3%e0%b9.../
    👉รวมคลิป ศาสตราจารย์ ดร. สุจริต ภักดี
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%a3%e0%b8%a7%e0%b8.../
    👉แพทย์จุฬาฯ ออกโรงแล้วเตือนภัยวัคซีน
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b9%81%e0%b8%9e%e0%b8.../
    👉นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง | การหลอกลวงเรื่อง ‘วัคซีน’
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%99%e0%b8%9e-%e0.../
    👉ความจริงของโควิด 19 – นพ. อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8.../
    👉นพ. อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง – เทคนิคการหลอกลวงทางจิตวิทยา
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%99%e0%b8%9e-%e0.../
    👉ข้อเท็จจริง mRNA – นพ. อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8.../
    👉ยาฉีดไฟเซอร์ที่เอามาฉีดให้เด็กอายุ 5-11 ปียังอยู่ระหว่างการทดลองไม่สามารถกันการติดเชื้อได้ไม่มีข้อมูลว่ากัน MIS-C ได้
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%a2%e0%b8%b2%e0%b8.../
    👉คำแนะนำสำหรับผู้ปกครอง จากผู้สร้าง mRNA
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%84%e0%b8%b3%e0%b9.../
    👉Pandemic Baby – เด็กยุคใหม่ที่ คุณพ่อ คุณแม่ฉีด mRNA วัคซีน
    https://stopthaicontrol.com/uncategorized/pandemic-baby/
    👉David Icke | โครงสร้างการควบคุมรัฐบาลทั่วโลก
    https://stopthaicontrol.com/.../david-icke-%e0%b9%82%e0.../
    👉A Timeline To Tyranny
    https://stopthaicontrol.com/uncate.../a-timeline-to-tyranny/
    👉ไทม์ไลน์ สู่ทรราช
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b9%84%e0%b8%97%e0%b8.../
    👉ADE ที่เกิดจากวัคซีน คืออะไร?​ (สำคัญ)
    https://stopthaicontrol.com/.../cytokine-storm-%e0%b8%ab.../
    👉ภัยเงียบของแมสก์
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%a0%e0%b8%b1%e0%b8.../
    👉มาตรการโควิด ทำให้มีผู้เสียชีวิต เพิ่มมากขึ้น
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%a1%e0%b8%b2%e0%b8.../
    👉CDC ยอมรับผู้ที่ฉีดวัคซีน มีความเสียงโรคสูง
    https://stopthaicontrol.com/.../cdc-%e0%b8%a2%e0%b8%ad.../
    👉เสียงของพ่อ : เรื่องความยุติธรรม
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b8.../
    👉เข้าใจโควิด | รักษาถูก คนรอดชีวิต
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b9%80%e0%b8%82%e0%b9.../
    👉สิทธิบัตรการควบคุมจิตประสาท Mind Control – US Patent 601732 A
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8.../
    👉ไต้หวันระงับฉีดเข็ม 2 วัคซีนโควิด ‘ไฟเซอร์’ เด็ก 12-17 ปี กังวลเสี่ยงหัวใจอักเสบ
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b9%84%e0%b8%95%e0%b9.../
    👉จดหมายจากผู้ปกครอง
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%88%e0%b8%94%e0%b8.../
    👉ทุจริตใน FDA
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%97%e0%b8%b8%e0%b8.../
    👉“ความบังเอิญ” ของการหัวใจวายในนักกิฬา/ดารา ทั่วโลก ปีนี้
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8.../
    👉สไปค์โปรตีนของโคโรน่าไวรัสมีบทบาทสำคัญในการเจ็บป่วย
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%aa%e0%b9%84%e0%b8.../
    👉นักวิทยาศาสตร์วิศวกรรม ‘Magneto’ โปรตีนที่สามารถควบคุมสมองและพฤติกรรมคนจากระยะไกลได้
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b8.../
    👉นิทานว่าด้วย สุนัขบ้าโควิด กับยามประจำหมู่บ้าน
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%99%e0%b8%b4%e0%b8.../
    👉ความรู้โดยแพทย์ – ทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งต้นที่ “ความกลัว”
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8.../
    👉วัคซีนในเด็ก โดยคุณแม่ที่เป็นแพทย์
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8.../
    👉องค์การอาหารและยา FDA หลุดแสดงผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ของวัคซีนโควิด-19 ในสไลด์โชว์
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8.../
    👉แจ้งเตือนการเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง วัคซีนโควิด-19 สามารถทำให้อาการของโรคร้ายแรงขึ้นจากภาวะ Antibody-dependent enhancement (ADE)
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b9%81%e0%b8%88%e0%b9.../
    👉ฉีดแล้วบาดเจ็บ? ฟ้องร้องที่นี้
    https://stopthaicontrol.com/uncategorized/draft/
    👉เครือข่ายผสานภูมิปัญญารับมือ COVID-19
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b9%80%e0%b8%84%e0%b8.../
    👉ความรู้โดยแพทย์
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8.../
    และ https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%9a%e0%b8%97%e0%b8.../
    👉CDC ยอมรับคนที่ฉีดกำลังมีอาการรุนแรง
    https://stopthaicontrol.com/.../cdc-%e0%b8%a2%e0%b8%ad.../
    👉วัคซีนเสร็จก่อนที่โควิดจะระบาด
    https://stopthaicontrol.com/.../ep-1-%e0%b8%a1%e0%b8%99.../
    👉สิทธิบัตร WO/2020/060606 – “ระบบ สกุลเงินดิจิตอล โดยใช้ข้อมูลกิจกรรมของร่างกาย”
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8.../
    👉วัคซีนอันตรายต่อเด็ก มากกว่า โควิด 7 เท่า
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8.../
    👉ออสเตรเลีย ไม่เอาวัคซีน
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%ad%e0%b8%ad%e0%b8.../
    👉ลอนดอน เดินกระบวนเสรีภาพ 24 กรกฎาคม 2021
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%a5%e0%b8%ad%e0%b8.../
    👉เตรียมตัวก่อนฉีดวัคซีน (ต้องรู้อะไรบ้าง)
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b8.../
    👉FACT CHECKED: สรุป mRNA เปลี่ยน DNA มนุษย์หรือไม่?
    https://stopthaicontrol.com/.../fact-checked-%e0%b8%aa.../
    👉CEO ของมอเดอร์น่า – เราใช้เวลา 2 วันในการพัฒนาวัคซีน
    https://stopthaicontrol.com/.../ceo-%e0%b8%82%e0%b8%ad.../
    👉วัคซีนแพร่กระจายตัวเอง
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8.../
    👉สถิติทางการ: ฉีดวัคซีนโควิด 19 แท้ง 82%
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9.../
    👉พ.ญ. เชลลีย์ โคล สูตินรีแพทย์ – วัคซีนเป็นภัยต่อสตรีมีครรภ์
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b9%81%e0%b8%9e%e0%b8.../
    👉มอเดอร์น่า มีวัคซีนโควิดก่อนโรคระบาด
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%a1%e0%b8%ad%e0%b9.../
    👉CDC | ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (คลิปสั้น)
    https://stopthaicontrol.com/.../cdc-%e0%b8%a8%e0%b8%b9.../
    👉สื่อ รัฐบาล | ใครเป็นคนควบคุมข้อมูล และ ความคิดของเรา? (คลิปสั้น)
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%aa%e0%b8%b7%e0%b9.../
    👉วิธีการหลอกลวงของสื่อและการตรวจสอบข้อเท็จจริง | Fact Check (คลิปสั้น)
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8.../
    👉จอห์น ดี. ร็อกเกอะเฟลเลอร์ – การเกิดของยาขนาดใหญ่ บิกฟาร์ม่า (คลิปสั้น)​
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%88%e0%b8%ad%e0%b8.../
    👉 | แผนโรคระบาดใหญ่ – (เวอร์ชั่นเต็ม)
    https://stopthaicontrol.com/.../plandemic-%e0%b9%81%e0.../
    👉บิล เกตส์ ตัวจริงคือใคร? | Plandemic (คลิปสั้น)
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%9a%e0%b8%b4%e0%b8.../
    👉ความจริงของ องค์การอนามัยโลก WHO
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8.../
    👉คลิปหลุด ความลับแตก – วัคซีน mRNA เปลี่ยนพันธุกรรมมนุษย์
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%84%e0%b8%a5%e0%b8.../
    👉ได้ยินแต่ไม่ฟัง – การประชุมของ FDA การอนุมัติ กฏหมายวัคซีนฉุกเฉิน
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b9%84%e0%b8%94%e0%b9.../
    👉ทำไมเราถูกแยกออกจากกัน?
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%97%e0%b8%b3%e0%b9.../
    👉วัคซีน mRNA เปลี่ยนแปลงพันธุกรรมมนุษย์?
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8.../
    👉สตรี 4,000 คนรายงานปัญหาประจำเดือน หลังรับวัคซีน
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9.../
    👉คุณหมอ วิชัย เอกทักษิณ: วิธีการป้องกันการติดเชื้อ
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%84%e0%b8%b8%e0%b8.../
    👉การประชุมของ FDA การอนุมัติ กฏหมายวัคซีนฉุกเฉิน
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8.../
    👉David Icke – อะไรอยู่ในวัคซีน?
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%ad%e0%b8%b0%e0%b9.../
    👉ดร. แอนดริว คอฟแมน – ข้อความถึงผู้เดินกระบวน 24/7/2021 ลอนดอน
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%94%e0%b8%a3-%e0.../
    👉ดร. ไรเนอร์ ฟูเอลมิช – โควิด อาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%94%e0%b8%a3-%e0.../
    👉น.พ. ปีเตอร์ แม็คคัลลูห์ พูดถึงการเสียชีวิตจากวัคซีน
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8.../
    👉นี้คือการเมืองในวงการแพทย์​ – ดร. ฮอดคินสัน พูดถึงโควิด
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%99%e0%b8%b5%e0%b9.../
    👉ดร. ไมค์ ยีดัน – นี้คือโอกาสสุดท้าย
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%94%e0%b8%a3-%e0.../
    👉เราถูกล้างสมอง (นี่คือวิธีที่พวกเขาทำ) – Dr. Vernon Coleman
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8.../
    👉ศาสตราจารย์ สุจริต ภักดี – Over Reaction และ Immune Dependent Enhancement
    https://stopthaicontrol.com/.../over-reaction-%e0%b9%81.../
    👉สร้างภูมิคุ้มกันง่ายๆ
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8.../
    👉แม่เหล็กในวัคซีน ตกลงมันจริงหรือไม่?
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b9%81%e0%b8%a1%e0%b9.../
    👉การสอบสวนสถิติโควิด (ซับไทย)
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8.../
    👉คลิปแอนนีเมชั่น วันซีน mRNA
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8.../
    👉นักวิทยาศาสตร์สเปนพบ ‘กราฟีนออกไซด์’ ในวัคซีน
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8.../
    👉สรุปผลจากประเทศที่ฉีดแล้ว
    https://stopthaicontrol.com/uncategorized/5332/
    👉อัตราการรอดของพวกเราคือ 99.9%
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8.../
    👉บิล เกตส์: วัคซีนเพื่อลดประชากรโลก
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%9a%e0%b8%b4%e0%b8.../
    👉ข่าวดีและข่าวหนักใจบางส่วนจาก ศาสตราจารย์ สุจริต ภักดี
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%82%e0%b9%88%e0%b8.../
    👉บิล เกตส์ ”วัคซีนใหม่สามารถลดประชากร 10-15%”
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%9a%e0%b8%b4%e0%b8.../
    👉การสอบสวนสถิติโควิด (ซับไทย)
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8.../
    👉โลกตื่นแล้ว…
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b9%82%e0%b8%a5%e0%b8.../
    👉คุณหมอ วิชัย แสดงความคิดเห็นเรื่องการฉีดวัคซีน
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b8.../
    👉วัคซีนไม่เปลี่ยนแปลงพันธุกรรมมนุษย์ จริงหรือไม่?
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8.../
    👉Dr. Stoian Alexov – ประธาน สมาคมพยาธิวิทยา ประเทศ บัลแกเรีย
    https://stopthaicontrol.com/.../dr-stoian-alexov-%e0%b8.../
    น้องใหม่วิทยาลัยอายุ 19 ปีเสียชีวิตจากปัญหาหัวใจหนึ่งเดือนหลังจากฉีด👉วัคซีน Moderna ครั้งที่สอง
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8.../
    👉คุณพ่อ: ชีวิต ‘ไม่เหมือนเดิม’ สำหรับนักเรียนอายุ 21 ปี ‘ล้ามเนื้อหัวใจตาย’ หลังฉีด Moderna เข็มที่สอง
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%84%e0%b8%b8%e0%b8.../
    👉ทำไมเราถูกแยกออกจากกัน?
    https://stopthaicontrol.com/.../coronavirus-%e0%b9%81%e0.../
    👉แคนาดา: คลินิกป๊อปอัพแจกไอศกรีมให้เด็กเพื่อรับวัคซีนโควิด | ไม่ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ปกครอง
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b9%81%e0%b8%84%e0%b8.../
    👉วัยรุ่นคอนเนตทิคัต 18 คนเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเนื่องจากปัญหาหัวใจหลังได้รับวัคซีน COVID ทำเนียบขาวกล่าวว่าคนหนุ่มสาวยังควรฉีด
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8.../
    👉ก่อนที่จะฉีด ‘วัคซีนโควิด’ ลูกชายของเธอเป็นนักกีฬาที่มีสุขภาพดี แต่ตอนนี้เขา ‘เดินแทบไม่ได้’ คุณแม่กล่าว
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%81%e0%b9%88%e0%b8.../
    👉ลิซ่าชอว์ผู้จัดรายการ BBC เสียชีวิตหลังได้รับ “วัคซีน”
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%a5%e0%b8%b4%e0%b8.../
    👉CDC ตรวจสอบปัญหาหัวใจในวัยรุ่นหลังฉีดวัคซีน COVID
    https://stopthaicontrol.com/.../cdc-%e0%b8%95%e0%b8%a3.../
    👉CDC ตรวจสอบรายงานปัญหาหัวใจ ‘อ่อน’ ในวัยรุ่น หลังได้รับวัคซีน COVID
    https://stopthaicontrol.com/.../cdc-%e0%b8%95%e0%b8%a3.../
    👉อัปเดตครั้งที่ 17 เกี่ยวกับปฏิกิริยาที่ไม่พึงประสงค์ต่อวัคซีนโควิดที่ออกโดยรัฐบาลสหราชอาณาจักร / MHRA
    https://stopthaicontrol.com/%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0.../1811/
    👉แพทย์ในสหราชอาณาจักรส่งจดหมายเปิดผนึกถึง ‘หน่วยงานกำกับดูแล’ ของปลอมโดยเน้นย้ำถึงข้อกังวลอย่างหนักเกี่ยวกับข้อเสนอที่จะให้เด็ก ๆ ได้รับวัคซีน ‘โควิด -19’
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b9%81%e0%b8%9e%e0%b8.../
    👉เบื้องหลังของ PCR เครื่องตรวจโควิด|ดร. สุจริต ภักดี – “PCR ควรถูกนำไปทิ้งโดยทันที”
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%89%e0%b9%89%e0%b8.../
    👉It’s Here: First Court Case Against Mandatory Vaccination | Attorney Interview
    https://stopthaicontrol.com/.../its-here-first-court.../
    👉Dr. Kaufman Explains The PCR Test And Why It’s Not Suitable For Covid 19 Testing
    https://stopthaicontrol.com/.../dr-kaufman-explains-the.../
    👉SUCHARIT BHAKDI, PHD | COVID VACCINE OPEN LETTER TO THE GERMAN CHANCELLOR
    https://stopthaicontrol.com/.../sucharit-bhakdi-phd.../
    👉Dr. Michael Yeadon, PHD Former Chief Scientist of Pfizer
    https://stopthaicontrol.com/.../dr-michael-yeadon-phd.../
    👉SCOTT JENSON, MD | IMMUNITY PASSPORT WARNING
    https://stopthaicontrol.com/.../scott-jenson-md-immunity.../
    👉PRESIDENT JOHN MAGUFULI OF TANZANIA SENDS FAKE COVID-19 TEST SAMPLES TO THE LAB THAT TEST POSITIVE
    https://stopthaicontrol.com/.../president-john-magufuli.../
    👉Proof That RT-PCR Test Doesn’t Test For Covid 19
    https://stopthaicontrol.com/.../proof-that-rt-pcr-test.../
    👉German Medical Professional For Humanity to Oust CV19 Globalist Sinister Agenda
    https://stopthaicontrol.com/.../german-medical.../
    👉PATRIOT DROPS “TRUTH 💣 BOMB” SLAYING NWO CV19
    https://stopthaicontrol.com/.../patriot-drops-truth-%f0.../
    👉Let’s Open Our Eyes
    https://stopthaicontrol.com/5/lets-open-our-eyes/
    👉Who Controls The Media
    https://stopthaicontrol.com/uncat.../who-controls-the-media/
    👉5G MIND CONTROL
    https://stopthaicontrol.com/10/5g-mind-control/
    👉MEET BILL GATE$ —- FULL DOCUMENTARY
    https://stopthaicontrol.com/.../meet-bill-gate-full.../
    👉SILENCED FRONTLINE DOCTORS HOLD CAPITOL HILL PRESS CONFERENCE TO CHALLENGE BIG TECH
    https://stopthaicontrol.com/.../silenced-frontline.../
    👉DAVID ICKE AND DR. KAUFMAN – RT-PCR TEST IS IDENTIFYING CHROMOSOME 8 WHICH IS IN ALL HUMANS
    https://stopthaicontrol.com/.../david-icke-and-dr.../
    👉HUMAN 2.0 A WAKE-UP CALL TO THE WORLD – DR. CARRIE MADEJ
    https://stopthaicontrol.com/.../human-2-0-a-wake-up-call.../
    👉HEAVILY CENSORED VIDEO – THE CORONA VACCINE IS PLANNED POPULATION REDUCTION
    https://stopthaicontrol.com/.../heavily-censored-video.../
    👉BOMBSHELL EVIDENCE THAT COVID RT-PCR TESTS FOR CHROMOSOME 8 HUMAN DNA PRIMARY ASSEMBLY
    https://stopthaicontrol.com/.../bombshell-evidence-that.../
    👉PCR IS A TOOL OF CRIMINAL REGIMES
    https://stopthaicontrol.com/.../pcr-is-a-tool-of.../
    👉PROF. DR. KÄMMERER & DR. WODARG: PCR-TEST WEIST KEINE INFEKTION NACH (CORONA AUSSCHUSS)
    https://stopthaicontrol.com/.../prof-dr-kammerer-dr.../
    👉ATTENTION ABOUT PCR TESTING [2021-05-07] – DR. RASHID BUTTAR & DR. LORRAINE DAY (VIDEO)
    https://stopthaicontrol.com/.../attention-about-pcr.../
    👉UK GOVERNMENT ESTIMATES THE FALSE-POSITIVE RATE OF COVID-19 TESTING AS 2.3% (OR ALL EXISTING CASES)
    https://stopthaicontrol.com/.../uk-government-estimates.../
    👉UNMASKING THE LIES OF COVID-19 – THE PCR TEST Unmasking The Lies of Covid 19 – The PCR Test by Dr. Kaufman.
    https://stopthaicontrol.com/.../unmasking-the-lies-of.../
    👉Dr. Thomas Cowan, MD | How The RE-PCR Covid 19 Test Works
    https://stopthaicontrol.com/.../dr-thomas-cowan-md-how.../
    👉BOMBSHELL EVIDENCE THAT COVID IS CHROMOSOME 8 HUMAN DNA – FAULTY PCR TEST ¦ AMANDHA VOLLMER
    https://stopthaicontrol.com/.../bombshell-evidence-that.../
    👉DR. KAUFMAN – CHROMOSOME 8 AND THE SARS-COV2 PCR TEST
    https://stopthaicontrol.com/.../dr-kaufman-chromosome-8.../
    👉DR. LEE MERRIT: BIO-WARFARE, VACCINE DANGER, & WEAPONIZATION OF COVID19
    https://stopthaicontrol.com/.../dr-lee-merrit-bio.../
    👉A Manufactured Illusion: Dr. David Martin with Dr. Reiner Fuellmuch, July 2021
    https://stopthaicontrol.com/.../a-manufactured-illusion.../
    👉EVERY ‘COVID VARIANT’ IS JUST A FIGMENT OF SOME CORRUPT GOVERNMENT SCIENTIST’S WILD IMAGINATION
    https://stopthaicontrol.com/.../every-covid-variant-is.../
    👉PCR FRAUD
    https://stopthaicontrol.com/1/pcr-fraud/
    👉PCR test from the inventor himself.
    https://stopthaicontrol.com/.../pcr-test-from-the.../
    👉David Icke: PCR Test With Dr. Andrew Kaufman
    https://stopthaicontrol.com/.../david-icke-pcr-test-with.../
    👉Cellular and molecular biologist Judy Mikovits, Ph.D. – WHY PCR TESTING IS A BAD IDEA
    https://stopthaicontrol.com/.../cellular-and-molecular.../
    👉Dr. Lorraine Day: It’s time to be candid! Covid is nothing.
    https://stopthaicontrol.com/.../dr-lorraine-day-its-time.../
    👉Dr. Roger Hodkinson on Covid Hoax: “UTTERLY RIDICULOUS… IT’S SIMPLY OUTRAGEOUS!”
    https://stopthaicontrol.com/.../dr-roger-hodkinson-on.../
    👉Dr. Francis Boyle: ‘Bioweapon’ mRNA Vaccines Violate Nuremberg Code
    https://stopthaicontrol.com/.../dr-francis-boyle.../
    👉HEALTH EXPERT: “STOP COVID VAX EXPERIMENTS”
    https://stopthaicontrol.com/.../health-expert-stop-covid.../
    👉PCR: POSITIVE COUNT RISING
    https://stopthaicontrol.com/1/pcr-positive-count-rising/
    👉STILL THINK A VACCINE IS SAFE?
    https://stopthaicontrol.com/6/still-think-a-vaccine-is-safe/
    👉WARNING: 30 DOCTORS/EXPERTS FROM ALL OVER THE WORLD WARN ABOUT ‘COVID’ VACCINE!
    https://stopthaicontrol.com/.../warning-30-doctors.../
    👉‘THE BIGGEST EXPERIMENT EVER DONE’ (AWARD-WINNING VIROLOGIST, DR. SUCHARIT BHAKDI)
    https://stopthaicontrol.com/.../the-biggest-experiment.../
    👉DR. PETRELLA PREFERS DEATH OVER THE COVID-19 VACCINE – PAY ATTENTION!
    https://stopthaicontrol.com/.../dr-petrella-prefers.../
    👉Dr. Mike Yeadon: Government are using a Covid -19 Test with undeclared False Positive Rates
    https://stopthaicontrol.com/.../dr-mike-yeadon.../
    👉Zero Evidence That Covid Fulfills KOCH’S 4 Germ Theory Postulates – Dr. Andrew Kaufman & Sayer Ji
    https://stopthaicontrol.com/.../zero-evidence-that-covid.../
    👉Crimes Against Humanity – Dr. Reiner Fuellmich
    https://stopthaicontrol.com/.../crimes-against-humanity.../
    👉Over Reaction และ Immune Dependent Enhancement
    https://stopthaicontrol.com/.../over-reaction-%e0%b9%81.../
    👉Dr. med. Thomas Binder, Internist and Cardiologist (FMH), Switzerland
    https://stopthaicontrol.com/.../dr-med-thomas-binder.../
    👉Dr. Fabio Franchi, Former Dirigente Medico (M.D) in an Infectious Disease Ward, specialized in “Infectious Diseases”
    https://stopthaicontrol.com/.../dr-fabio-franchi-former.../
    👉Dr. Lidiya Angelova – PhD in microbiology
    https://stopthaicontrol.com/.../dr-lidiya-angelova-phd.../
    👉Dr. Paul McSheehy (BSc, PhD), Biochemist & Industry Pharmacologist, Loerrach, Germany
    https://stopthaicontrol.com/.../dr-paul-mcsheehy-bsc-phd.../
    👉Dr. Kevin McKernan, BS Emory University, Chief Scientific Officer
    https://stopthaicontrol.com/.../dr-kevin-mckernan-bs.../
    👉Dr. Clare Craig MA, (Cantab) BM, BCh (Oxon), FRCPath, United Kingdom
    https://stopthaicontrol.com/.../dr-clare-craig-ma-cantab.../
    👉P. Borger (MSc, PhD)- Molecular Genetics Expert. Science writer and author.
    https://stopthaicontrol.com/.../p-borger-msc-phd.../
    👉Elon Musk
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%aa%e0.../elon-musk/
    👉 AgendaLegal EvidencesProtestRT-PCR TestVaccineVirus Isolation
    The Truth of Covid-19
    https://stopthaicontrol.com/travel/the-truth-of-covid-19/
    👉Dorian Yates – Six Time Mr. Olympia Winner
    https://stopthaicontrol.com/.../dorian-yates-six-time-mr.../
    👉Dave Rubin – American political commentator, YouTube personality, and talk show host.
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%aa%e0.../dave-rubin/
    👉General Robert S. Spalding III – Special Assistant To The U.S. Air Force Vice Chief Of Staff
    https://stopthaicontrol.com/.../general-robert-s.../
    👉Dr. Judy Mikovits
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b9.../dr-judy-mikovits/
    👉Charlie Kirk – Founder Of Turning Point USA
    https://stopthaicontrol.com/.../charlie-kirk-founder-of.../
    👉สนับสนุนเวปไซด์
    https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%aa%e0%b8%99%e0%b8.../
    ข้อมูลโดย อดิเทพ จาวลาห์
    🖍️รวมหัวข้อใน stopthaicontrol.com 👉ความจริงของ โควิด-19 (ฉบับเต็ม) https://stopthaicontrol.com/%e0%b9%81%e0%b8%a2%e0.../1644/ 👉วาระ | Social Credit System (Vaccine Passport) | ระบบทาส ควบคุมประชากรโลก ด้วยเทคโนโลยี https://stopthaicontrol.com/uncategorized/123456/ 👉อะไรกำลังเกิดขึ้น https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8.../ 👉บทความที่ 1: การล้างสมองมวลชน | ใครครองสื่อ? https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%9a%e0%b8%97%e0%b8.../ 👉อ.ทวีสุข ธรรมศักดิ์ |ตระกูล Rothschild เบื้องหลังแนวคิดการปกครองโลก https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%ad-%e0%b8%97%e0.../ 👉ความลับของวัคซีน mRNA (ฉบับที่ 1) https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8.../ 👉ความลับของวัคซีน mRNA (ฉบับที่ 2) https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8.../ 👉“PCR ควรถูกนำไปทิ้งโดยทันที” – ดร. สุจริต ภักดี https://stopthaicontrol.com/.../pcr-%e0%b8%84%e0%b8%a7.../ 👉PCR – ผลิกตัวเลขผู้ติดเชื้อเท็จ​ https://stopthaicontrol.com/.../pcr-%e0%b8%9c%e0%b8%a5.../ 👉ศาสตราจารย์ นพ. สุจริต ภักดี | วัคซีนในเด็ก 1/2 https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%a8%e0%b8%b2%e0%b8.../ 👉ศาสตราจารย์ นพ. สุจริต ภักดี | วัคซีนในเด็ก 2/2 https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%84%e0%b8%b3%e0%b9.../ 👉รวมคลิป ศาสตราจารย์ ดร. สุจริต ภักดี https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%a3%e0%b8%a7%e0%b8.../ 👉แพทย์จุฬาฯ ออกโรงแล้วเตือนภัยวัคซีน https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b9%81%e0%b8%9e%e0%b8.../ 👉นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง | การหลอกลวงเรื่อง ‘วัคซีน’ https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%99%e0%b8%9e-%e0.../ 👉ความจริงของโควิด 19 – นพ. อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8.../ 👉นพ. อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง – เทคนิคการหลอกลวงทางจิตวิทยา https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%99%e0%b8%9e-%e0.../ 👉ข้อเท็จจริง mRNA – นพ. อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8.../ 👉ยาฉีดไฟเซอร์ที่เอามาฉีดให้เด็กอายุ 5-11 ปียังอยู่ระหว่างการทดลองไม่สามารถกันการติดเชื้อได้ไม่มีข้อมูลว่ากัน MIS-C ได้ https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%a2%e0%b8%b2%e0%b8.../ 👉คำแนะนำสำหรับผู้ปกครอง จากผู้สร้าง mRNA https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%84%e0%b8%b3%e0%b9.../ 👉Pandemic Baby – เด็กยุคใหม่ที่ คุณพ่อ คุณแม่ฉีด mRNA วัคซีน https://stopthaicontrol.com/uncategorized/pandemic-baby/ 👉David Icke | โครงสร้างการควบคุมรัฐบาลทั่วโลก https://stopthaicontrol.com/.../david-icke-%e0%b9%82%e0.../ 👉A Timeline To Tyranny https://stopthaicontrol.com/uncate.../a-timeline-to-tyranny/ 👉ไทม์ไลน์ สู่ทรราช https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b9%84%e0%b8%97%e0%b8.../ 👉ADE ที่เกิดจากวัคซีน คืออะไร?​ (สำคัญ) https://stopthaicontrol.com/.../cytokine-storm-%e0%b8%ab.../ 👉ภัยเงียบของแมสก์ https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%a0%e0%b8%b1%e0%b8.../ 👉มาตรการโควิด ทำให้มีผู้เสียชีวิต เพิ่มมากขึ้น https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%a1%e0%b8%b2%e0%b8.../ 👉CDC ยอมรับผู้ที่ฉีดวัคซีน มีความเสียงโรคสูง https://stopthaicontrol.com/.../cdc-%e0%b8%a2%e0%b8%ad.../ 👉เสียงของพ่อ : เรื่องความยุติธรรม https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b8.../ 👉เข้าใจโควิด | รักษาถูก คนรอดชีวิต https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b9%80%e0%b8%82%e0%b9.../ 👉สิทธิบัตรการควบคุมจิตประสาท Mind Control – US Patent 601732 A https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8.../ 👉ไต้หวันระงับฉีดเข็ม 2 วัคซีนโควิด ‘ไฟเซอร์’ เด็ก 12-17 ปี กังวลเสี่ยงหัวใจอักเสบ https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b9%84%e0%b8%95%e0%b9.../ 👉จดหมายจากผู้ปกครอง https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%88%e0%b8%94%e0%b8.../ 👉ทุจริตใน FDA https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%97%e0%b8%b8%e0%b8.../ 👉“ความบังเอิญ” ของการหัวใจวายในนักกิฬา/ดารา ทั่วโลก ปีนี้ https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8.../ 👉สไปค์โปรตีนของโคโรน่าไวรัสมีบทบาทสำคัญในการเจ็บป่วย https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%aa%e0%b9%84%e0%b8.../ 👉นักวิทยาศาสตร์วิศวกรรม ‘Magneto’ โปรตีนที่สามารถควบคุมสมองและพฤติกรรมคนจากระยะไกลได้ https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b8.../ 👉นิทานว่าด้วย สุนัขบ้าโควิด กับยามประจำหมู่บ้าน https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%99%e0%b8%b4%e0%b8.../ 👉ความรู้โดยแพทย์ – ทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งต้นที่ “ความกลัว” https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8.../ 👉วัคซีนในเด็ก โดยคุณแม่ที่เป็นแพทย์ https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8.../ 👉องค์การอาหารและยา FDA หลุดแสดงผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ของวัคซีนโควิด-19 ในสไลด์โชว์ https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8.../ 👉แจ้งเตือนการเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง วัคซีนโควิด-19 สามารถทำให้อาการของโรคร้ายแรงขึ้นจากภาวะ Antibody-dependent enhancement (ADE) https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b9%81%e0%b8%88%e0%b9.../ 👉ฉีดแล้วบาดเจ็บ? ฟ้องร้องที่นี้ https://stopthaicontrol.com/uncategorized/draft/ 👉เครือข่ายผสานภูมิปัญญารับมือ COVID-19 https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b9%80%e0%b8%84%e0%b8.../ 👉ความรู้โดยแพทย์ https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8.../ และ https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%9a%e0%b8%97%e0%b8.../ 👉CDC ยอมรับคนที่ฉีดกำลังมีอาการรุนแรง https://stopthaicontrol.com/.../cdc-%e0%b8%a2%e0%b8%ad.../ 👉วัคซีนเสร็จก่อนที่โควิดจะระบาด https://stopthaicontrol.com/.../ep-1-%e0%b8%a1%e0%b8%99.../ 👉สิทธิบัตร WO/2020/060606 – “ระบบ สกุลเงินดิจิตอล โดยใช้ข้อมูลกิจกรรมของร่างกาย” https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8.../ 👉วัคซีนอันตรายต่อเด็ก มากกว่า โควิด 7 เท่า https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8.../ 👉ออสเตรเลีย ไม่เอาวัคซีน https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%ad%e0%b8%ad%e0%b8.../ 👉ลอนดอน เดินกระบวนเสรีภาพ 24 กรกฎาคม 2021 https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%a5%e0%b8%ad%e0%b8.../ 👉เตรียมตัวก่อนฉีดวัคซีน (ต้องรู้อะไรบ้าง) https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b8.../ 👉FACT CHECKED: สรุป mRNA เปลี่ยน DNA มนุษย์หรือไม่? https://stopthaicontrol.com/.../fact-checked-%e0%b8%aa.../ 👉CEO ของมอเดอร์น่า – เราใช้เวลา 2 วันในการพัฒนาวัคซีน https://stopthaicontrol.com/.../ceo-%e0%b8%82%e0%b8%ad.../ 👉วัคซีนแพร่กระจายตัวเอง https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8.../ 👉สถิติทางการ: ฉีดวัคซีนโควิด 19 แท้ง 82% https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9.../ 👉พ.ญ. เชลลีย์ โคล สูตินรีแพทย์ – วัคซีนเป็นภัยต่อสตรีมีครรภ์ https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b9%81%e0%b8%9e%e0%b8.../ 👉มอเดอร์น่า มีวัคซีนโควิดก่อนโรคระบาด https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%a1%e0%b8%ad%e0%b9.../ 👉CDC | ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (คลิปสั้น) https://stopthaicontrol.com/.../cdc-%e0%b8%a8%e0%b8%b9.../ 👉สื่อ รัฐบาล | ใครเป็นคนควบคุมข้อมูล และ ความคิดของเรา? (คลิปสั้น) https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%aa%e0%b8%b7%e0%b9.../ 👉วิธีการหลอกลวงของสื่อและการตรวจสอบข้อเท็จจริง | Fact Check (คลิปสั้น) https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8.../ 👉จอห์น ดี. ร็อกเกอะเฟลเลอร์ – การเกิดของยาขนาดใหญ่ บิกฟาร์ม่า (คลิปสั้น)​ https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%88%e0%b8%ad%e0%b8.../ 👉 | แผนโรคระบาดใหญ่ – (เวอร์ชั่นเต็ม) https://stopthaicontrol.com/.../plandemic-%e0%b9%81%e0.../ 👉บิล เกตส์ ตัวจริงคือใคร? | Plandemic (คลิปสั้น) https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%9a%e0%b8%b4%e0%b8.../ 👉ความจริงของ องค์การอนามัยโลก WHO https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8.../ 👉คลิปหลุด ความลับแตก – วัคซีน mRNA เปลี่ยนพันธุกรรมมนุษย์ https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%84%e0%b8%a5%e0%b8.../ 👉ได้ยินแต่ไม่ฟัง – การประชุมของ FDA การอนุมัติ กฏหมายวัคซีนฉุกเฉิน https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b9%84%e0%b8%94%e0%b9.../ 👉ทำไมเราถูกแยกออกจากกัน? https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%97%e0%b8%b3%e0%b9.../ 👉วัคซีน mRNA เปลี่ยนแปลงพันธุกรรมมนุษย์? https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8.../ 👉สตรี 4,000 คนรายงานปัญหาประจำเดือน หลังรับวัคซีน https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9.../ 👉คุณหมอ วิชัย เอกทักษิณ: วิธีการป้องกันการติดเชื้อ https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%84%e0%b8%b8%e0%b8.../ 👉การประชุมของ FDA การอนุมัติ กฏหมายวัคซีนฉุกเฉิน https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8.../ 👉David Icke – อะไรอยู่ในวัคซีน? https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%ad%e0%b8%b0%e0%b9.../ 👉ดร. แอนดริว คอฟแมน – ข้อความถึงผู้เดินกระบวน 24/7/2021 ลอนดอน https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%94%e0%b8%a3-%e0.../ 👉ดร. ไรเนอร์ ฟูเอลมิช – โควิด อาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%94%e0%b8%a3-%e0.../ 👉น.พ. ปีเตอร์ แม็คคัลลูห์ พูดถึงการเสียชีวิตจากวัคซีน https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8.../ 👉นี้คือการเมืองในวงการแพทย์​ – ดร. ฮอดคินสัน พูดถึงโควิด https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%99%e0%b8%b5%e0%b9.../ 👉ดร. ไมค์ ยีดัน – นี้คือโอกาสสุดท้าย https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%94%e0%b8%a3-%e0.../ 👉เราถูกล้างสมอง (นี่คือวิธีที่พวกเขาทำ) – Dr. Vernon Coleman https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8.../ 👉ศาสตราจารย์ สุจริต ภักดี – Over Reaction และ Immune Dependent Enhancement https://stopthaicontrol.com/.../over-reaction-%e0%b9%81.../ 👉สร้างภูมิคุ้มกันง่ายๆ https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8.../ 👉แม่เหล็กในวัคซีน ตกลงมันจริงหรือไม่? https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b9%81%e0%b8%a1%e0%b9.../ 👉การสอบสวนสถิติโควิด (ซับไทย) https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8.../ 👉คลิปแอนนีเมชั่น วันซีน mRNA https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8.../ 👉นักวิทยาศาสตร์สเปนพบ ‘กราฟีนออกไซด์’ ในวัคซีน https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8.../ 👉สรุปผลจากประเทศที่ฉีดแล้ว https://stopthaicontrol.com/uncategorized/5332/ 👉อัตราการรอดของพวกเราคือ 99.9% https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8.../ 👉บิล เกตส์: วัคซีนเพื่อลดประชากรโลก https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%9a%e0%b8%b4%e0%b8.../ 👉ข่าวดีและข่าวหนักใจบางส่วนจาก ศาสตราจารย์ สุจริต ภักดี https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%82%e0%b9%88%e0%b8.../ 👉บิล เกตส์ ”วัคซีนใหม่สามารถลดประชากร 10-15%” https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%9a%e0%b8%b4%e0%b8.../ 👉การสอบสวนสถิติโควิด (ซับไทย) https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8.../ 👉โลกตื่นแล้ว… https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b9%82%e0%b8%a5%e0%b8.../ 👉คุณหมอ วิชัย แสดงความคิดเห็นเรื่องการฉีดวัคซีน https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b8.../ 👉วัคซีนไม่เปลี่ยนแปลงพันธุกรรมมนุษย์ จริงหรือไม่? https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8.../ 👉Dr. Stoian Alexov – ประธาน สมาคมพยาธิวิทยา ประเทศ บัลแกเรีย https://stopthaicontrol.com/.../dr-stoian-alexov-%e0%b8.../ น้องใหม่วิทยาลัยอายุ 19 ปีเสียชีวิตจากปัญหาหัวใจหนึ่งเดือนหลังจากฉีด👉วัคซีน Moderna ครั้งที่สอง https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8.../ 👉คุณพ่อ: ชีวิต ‘ไม่เหมือนเดิม’ สำหรับนักเรียนอายุ 21 ปี ‘ล้ามเนื้อหัวใจตาย’ หลังฉีด Moderna เข็มที่สอง https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%84%e0%b8%b8%e0%b8.../ 👉ทำไมเราถูกแยกออกจากกัน? https://stopthaicontrol.com/.../coronavirus-%e0%b9%81%e0.../ 👉แคนาดา: คลินิกป๊อปอัพแจกไอศกรีมให้เด็กเพื่อรับวัคซีนโควิด | ไม่ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ปกครอง https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b9%81%e0%b8%84%e0%b8.../ 👉วัยรุ่นคอนเนตทิคัต 18 คนเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเนื่องจากปัญหาหัวใจหลังได้รับวัคซีน COVID ทำเนียบขาวกล่าวว่าคนหนุ่มสาวยังควรฉีด https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8.../ 👉ก่อนที่จะฉีด ‘วัคซีนโควิด’ ลูกชายของเธอเป็นนักกีฬาที่มีสุขภาพดี แต่ตอนนี้เขา ‘เดินแทบไม่ได้’ คุณแม่กล่าว https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%81%e0%b9%88%e0%b8.../ 👉ลิซ่าชอว์ผู้จัดรายการ BBC เสียชีวิตหลังได้รับ “วัคซีน” https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%a5%e0%b8%b4%e0%b8.../ 👉CDC ตรวจสอบปัญหาหัวใจในวัยรุ่นหลังฉีดวัคซีน COVID https://stopthaicontrol.com/.../cdc-%e0%b8%95%e0%b8%a3.../ 👉CDC ตรวจสอบรายงานปัญหาหัวใจ ‘อ่อน’ ในวัยรุ่น หลังได้รับวัคซีน COVID https://stopthaicontrol.com/.../cdc-%e0%b8%95%e0%b8%a3.../ 👉อัปเดตครั้งที่ 17 เกี่ยวกับปฏิกิริยาที่ไม่พึงประสงค์ต่อวัคซีนโควิดที่ออกโดยรัฐบาลสหราชอาณาจักร / MHRA https://stopthaicontrol.com/%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0.../1811/ 👉แพทย์ในสหราชอาณาจักรส่งจดหมายเปิดผนึกถึง ‘หน่วยงานกำกับดูแล’ ของปลอมโดยเน้นย้ำถึงข้อกังวลอย่างหนักเกี่ยวกับข้อเสนอที่จะให้เด็ก ๆ ได้รับวัคซีน ‘โควิด -19’ https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b9%81%e0%b8%9e%e0%b8.../ 👉เบื้องหลังของ PCR เครื่องตรวจโควิด|ดร. สุจริต ภักดี – “PCR ควรถูกนำไปทิ้งโดยทันที” https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%89%e0%b9%89%e0%b8.../ 👉It’s Here: First Court Case Against Mandatory Vaccination | Attorney Interview https://stopthaicontrol.com/.../its-here-first-court.../ 👉Dr. Kaufman Explains The PCR Test And Why It’s Not Suitable For Covid 19 Testing https://stopthaicontrol.com/.../dr-kaufman-explains-the.../ 👉SUCHARIT BHAKDI, PHD | COVID VACCINE OPEN LETTER TO THE GERMAN CHANCELLOR https://stopthaicontrol.com/.../sucharit-bhakdi-phd.../ 👉Dr. Michael Yeadon, PHD Former Chief Scientist of Pfizer https://stopthaicontrol.com/.../dr-michael-yeadon-phd.../ 👉SCOTT JENSON, MD | IMMUNITY PASSPORT WARNING https://stopthaicontrol.com/.../scott-jenson-md-immunity.../ 👉PRESIDENT JOHN MAGUFULI OF TANZANIA SENDS FAKE COVID-19 TEST SAMPLES TO THE LAB THAT TEST POSITIVE https://stopthaicontrol.com/.../president-john-magufuli.../ 👉Proof That RT-PCR Test Doesn’t Test For Covid 19 https://stopthaicontrol.com/.../proof-that-rt-pcr-test.../ 👉German Medical Professional For Humanity to Oust CV19 Globalist Sinister Agenda https://stopthaicontrol.com/.../german-medical.../ 👉PATRIOT DROPS “TRUTH 💣 BOMB” SLAYING NWO CV19 https://stopthaicontrol.com/.../patriot-drops-truth-%f0.../ 👉Let’s Open Our Eyes https://stopthaicontrol.com/5/lets-open-our-eyes/ 👉Who Controls The Media https://stopthaicontrol.com/uncat.../who-controls-the-media/ 👉5G MIND CONTROL https://stopthaicontrol.com/10/5g-mind-control/ 👉MEET BILL GATE$ —- FULL DOCUMENTARY https://stopthaicontrol.com/.../meet-bill-gate-full.../ 👉SILENCED FRONTLINE DOCTORS HOLD CAPITOL HILL PRESS CONFERENCE TO CHALLENGE BIG TECH https://stopthaicontrol.com/.../silenced-frontline.../ 👉DAVID ICKE AND DR. KAUFMAN – RT-PCR TEST IS IDENTIFYING CHROMOSOME 8 WHICH IS IN ALL HUMANS https://stopthaicontrol.com/.../david-icke-and-dr.../ 👉HUMAN 2.0 A WAKE-UP CALL TO THE WORLD – DR. CARRIE MADEJ https://stopthaicontrol.com/.../human-2-0-a-wake-up-call.../ 👉HEAVILY CENSORED VIDEO – THE CORONA VACCINE IS PLANNED POPULATION REDUCTION https://stopthaicontrol.com/.../heavily-censored-video.../ 👉BOMBSHELL EVIDENCE THAT COVID RT-PCR TESTS FOR CHROMOSOME 8 HUMAN DNA PRIMARY ASSEMBLY https://stopthaicontrol.com/.../bombshell-evidence-that.../ 👉PCR IS A TOOL OF CRIMINAL REGIMES https://stopthaicontrol.com/.../pcr-is-a-tool-of.../ 👉PROF. DR. KÄMMERER & DR. WODARG: PCR-TEST WEIST KEINE INFEKTION NACH (CORONA AUSSCHUSS) https://stopthaicontrol.com/.../prof-dr-kammerer-dr.../ 👉ATTENTION ABOUT PCR TESTING [2021-05-07] – DR. RASHID BUTTAR & DR. LORRAINE DAY (VIDEO) https://stopthaicontrol.com/.../attention-about-pcr.../ 👉UK GOVERNMENT ESTIMATES THE FALSE-POSITIVE RATE OF COVID-19 TESTING AS 2.3% (OR ALL EXISTING CASES) https://stopthaicontrol.com/.../uk-government-estimates.../ 👉UNMASKING THE LIES OF COVID-19 – THE PCR TEST Unmasking The Lies of Covid 19 – The PCR Test by Dr. Kaufman. https://stopthaicontrol.com/.../unmasking-the-lies-of.../ 👉Dr. Thomas Cowan, MD | How The RE-PCR Covid 19 Test Works https://stopthaicontrol.com/.../dr-thomas-cowan-md-how.../ 👉BOMBSHELL EVIDENCE THAT COVID IS CHROMOSOME 8 HUMAN DNA – FAULTY PCR TEST ¦ AMANDHA VOLLMER https://stopthaicontrol.com/.../bombshell-evidence-that.../ 👉DR. KAUFMAN – CHROMOSOME 8 AND THE SARS-COV2 PCR TEST https://stopthaicontrol.com/.../dr-kaufman-chromosome-8.../ 👉DR. LEE MERRIT: BIO-WARFARE, VACCINE DANGER, & WEAPONIZATION OF COVID19 https://stopthaicontrol.com/.../dr-lee-merrit-bio.../ 👉A Manufactured Illusion: Dr. David Martin with Dr. Reiner Fuellmuch, July 2021 https://stopthaicontrol.com/.../a-manufactured-illusion.../ 👉EVERY ‘COVID VARIANT’ IS JUST A FIGMENT OF SOME CORRUPT GOVERNMENT SCIENTIST’S WILD IMAGINATION https://stopthaicontrol.com/.../every-covid-variant-is.../ 👉PCR FRAUD https://stopthaicontrol.com/1/pcr-fraud/ 👉PCR test from the inventor himself. https://stopthaicontrol.com/.../pcr-test-from-the.../ 👉David Icke: PCR Test With Dr. Andrew Kaufman https://stopthaicontrol.com/.../david-icke-pcr-test-with.../ 👉Cellular and molecular biologist Judy Mikovits, Ph.D. – WHY PCR TESTING IS A BAD IDEA https://stopthaicontrol.com/.../cellular-and-molecular.../ 👉Dr. Lorraine Day: It’s time to be candid! Covid is nothing. https://stopthaicontrol.com/.../dr-lorraine-day-its-time.../ 👉Dr. Roger Hodkinson on Covid Hoax: “UTTERLY RIDICULOUS… IT’S SIMPLY OUTRAGEOUS!” https://stopthaicontrol.com/.../dr-roger-hodkinson-on.../ 👉Dr. Francis Boyle: ‘Bioweapon’ mRNA Vaccines Violate Nuremberg Code https://stopthaicontrol.com/.../dr-francis-boyle.../ 👉HEALTH EXPERT: “STOP COVID VAX EXPERIMENTS” https://stopthaicontrol.com/.../health-expert-stop-covid.../ 👉PCR: POSITIVE COUNT RISING https://stopthaicontrol.com/1/pcr-positive-count-rising/ 👉STILL THINK A VACCINE IS SAFE? https://stopthaicontrol.com/6/still-think-a-vaccine-is-safe/ 👉WARNING: 30 DOCTORS/EXPERTS FROM ALL OVER THE WORLD WARN ABOUT ‘COVID’ VACCINE! https://stopthaicontrol.com/.../warning-30-doctors.../ 👉‘THE BIGGEST EXPERIMENT EVER DONE’ (AWARD-WINNING VIROLOGIST, DR. SUCHARIT BHAKDI) https://stopthaicontrol.com/.../the-biggest-experiment.../ 👉DR. PETRELLA PREFERS DEATH OVER THE COVID-19 VACCINE – PAY ATTENTION! https://stopthaicontrol.com/.../dr-petrella-prefers.../ 👉Dr. Mike Yeadon: Government are using a Covid -19 Test with undeclared False Positive Rates https://stopthaicontrol.com/.../dr-mike-yeadon.../ 👉Zero Evidence That Covid Fulfills KOCH’S 4 Germ Theory Postulates – Dr. Andrew Kaufman & Sayer Ji https://stopthaicontrol.com/.../zero-evidence-that-covid.../ 👉Crimes Against Humanity – Dr. Reiner Fuellmich https://stopthaicontrol.com/.../crimes-against-humanity.../ 👉Over Reaction และ Immune Dependent Enhancement https://stopthaicontrol.com/.../over-reaction-%e0%b9%81.../ 👉Dr. med. Thomas Binder, Internist and Cardiologist (FMH), Switzerland https://stopthaicontrol.com/.../dr-med-thomas-binder.../ 👉Dr. Fabio Franchi, Former Dirigente Medico (M.D) in an Infectious Disease Ward, specialized in “Infectious Diseases” https://stopthaicontrol.com/.../dr-fabio-franchi-former.../ 👉Dr. Lidiya Angelova – PhD in microbiology https://stopthaicontrol.com/.../dr-lidiya-angelova-phd.../ 👉Dr. Paul McSheehy (BSc, PhD), Biochemist & Industry Pharmacologist, Loerrach, Germany https://stopthaicontrol.com/.../dr-paul-mcsheehy-bsc-phd.../ 👉Dr. Kevin McKernan, BS Emory University, Chief Scientific Officer https://stopthaicontrol.com/.../dr-kevin-mckernan-bs.../ 👉Dr. Clare Craig MA, (Cantab) BM, BCh (Oxon), FRCPath, United Kingdom https://stopthaicontrol.com/.../dr-clare-craig-ma-cantab.../ 👉P. Borger (MSc, PhD)- Molecular Genetics Expert. Science writer and author. https://stopthaicontrol.com/.../p-borger-msc-phd.../ 👉Elon Musk https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%aa%e0.../elon-musk/ 👉 AgendaLegal EvidencesProtestRT-PCR TestVaccineVirus Isolation The Truth of Covid-19 https://stopthaicontrol.com/travel/the-truth-of-covid-19/ 👉Dorian Yates – Six Time Mr. Olympia Winner https://stopthaicontrol.com/.../dorian-yates-six-time-mr.../ 👉Dave Rubin – American political commentator, YouTube personality, and talk show host. https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%aa%e0.../dave-rubin/ 👉General Robert S. Spalding III – Special Assistant To The U.S. Air Force Vice Chief Of Staff https://stopthaicontrol.com/.../general-robert-s.../ 👉Dr. Judy Mikovits https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b9.../dr-judy-mikovits/ 👉Charlie Kirk – Founder Of Turning Point USA https://stopthaicontrol.com/.../charlie-kirk-founder-of.../ 👉สนับสนุนเวปไซด์ https://stopthaicontrol.com/.../%e0%b8%aa%e0%b8%99%e0%b8.../ ข้อมูลโดย อดิเทพ จาวลาห์
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1061 มุมมอง 0 รีวิว
  • CIA, MI6เตือนว่าจีนรัสเซียเป็นภัยต่อระเบียบโลก 9/9/2024

    หัวหน้าหน่วยข่าวกรองต่างประเทศของอเมริกาและอังกฤษอย่าง CIA และ MI6 กล่าวอ้างในบทบรรณาธิการร่วมที่ตีพิมพ์โดย Financial Times เมื่อวันเสาร์ว่า ระเบียบโลกกำลังถูกคุกคามจากรัฐต่างๆ

    ในบทความดังกล่าว บิล เบิร์นส์ และ ริชาร์ด มัวร์ ให้คำมั่นว่า วอชิงตันและลอนดอนจะทำงานควบคู่กันเพื่อรักษาสถานะเดิมในโลกที่เทคโนโลยีได้เร่งให้แนวโน้มทางภูมิรัฐศาสตร์เร่งตัวขึ้นอย่างมาก

    หลังจากความขัดแย้งในยูเครนปะทุขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 และความสัมพันธ์ที่ตกต่ำลงอย่างรวดเร็วกับตะวันตก เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซีย รวมถึงประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ได้ประกาศซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะความเป็นจ้าวโลกของสหรัฐฯได้สิ้นสุดลงแล้ว และโลกกำลังเปลี่ยนไปสู่การระบอบมหาอำนาจหลายขั้ว

    ในบทบรรณาธิการ เบิร์นส์และมัวร์ตั้งข้อสังเกตว่า "ไม่ต้องสงสัยเลยว่าระเบียบโลกระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นระบบที่สมดุลซึ่งนำไปสู่สันติภาพและเสถียรภาพในระดับหนึ่ง และเสริมสร้างมาตรฐานการครองชีพ โอกาส และความเจริญรุ่งเรืองที่สูงขึ้นตกอยู่ภายใต้ภัยคุกคามในรูปแบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนนับตั้งแต่สงครามเย็น"

    “วันนี้ เราร่วมมือกันในระบบระหว่างประเทศที่มีการแข่งขันกัน ซึ่งทั้งสองประเทศของเรากำลังเผชิญกับภัยคุกคามที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” หัวหน้าสายลับระดับสูงทั้งสองเขียนไว้

    บทความดังกล่าวเน้นย้ำถึง “รัสเซียที่กล้าแสดงออก” ในบริบทของความขัดแย้งในยูเครน ซึ่งทั้ง CIA และ MI6 “มองเห็น… ว่ากำลังจะเกิดขึ้น” หัวหน้าหน่วยงานข่าวกรองระบุว่าการสู้รบได้แสดงให้เห็นถึงบทบาทที่เพิ่มมากขึ้นของเทคโนโลยีในสงครามสมัยใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบไร้คนควบคุมและการลาดตระเวนผ่านดาวเทียม

    นอกจากนี้ เบิร์นส์และมัวร์ยังกล่าวหาว่ามอสโกว่า “มีแคมเปญที่จะบ่อนทำลายทั่วทั้งยุโรป” ตลอดจนเผยแพร่ “คำโกหกและข้อมูลบิดเบือนที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความแตกแยกระหว่างเรา”

    อย่างไรก็ตาม ตามบทบรรณาธิการ ในสายตาของ CIA และ MI6 “ความท้าทายด้านข่าวกรองและภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในศตวรรษที่ 21” คือ “การเติบโตของจีน” หน่วยงานทั้งสองได้ปรับกระบวนการของตนใหม่เพื่อ “สะท้อนถึงลำดับความสำคัญนั้น” แล้ว

    โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย มาเรีย ซาคาโรวา กล่าวที่การประชุมเศรษฐกิจระหว่างประเทศเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (SPIEF) เมื่อต้นเดือนมิถุนายนว่า “เรากำลังพูดถึงแนวคิดพหุศูนย์กลาง ซึ่งเป็นการเบี่ยงเบนจากบรรทัดฐานเดิม และเราเห็นการต่อต้านอย่างสิ้นหวังของชาติตะวันตกโดยรวม... พวกเขาเห็นบรรทัดฐานนี้แตกต่างออกไป โดยมองว่าเป็นอำนาจเหนือกว่าผู้อื่นของพวกเขาเอง เป็นระเบียบโลกที่มีพื้นฐานอยู่บนกฎเดียว พวกเขาต้องครอบงำเหมือนเช่นก่อน และทุกคนต้องทำเฉพาะสิ่งที่มหาอำนาจที่มีอำนาจเหนือกว่าอนุญาตให้พวกเขาทำได้”

    นักการทูตคนดังกล่าวยืนกรานว่าวาทะกรรมของชาติตะวันตกไม่ได้เป็นที่ยอมรับโดยประเทศใหญ่ในโลก ซึ่งน้อมรับแนวคิดของอำนาจหลายขั้ว
    ซาคาโรวาเน้นย้ำในขณะนั้นว่า “เราไม่ควรลืมว่าชาติตะวันตกโดยรวมเป็นชนกลุ่มน้อย”


    CIA, MI6เตือนว่าจีนรัสเซียเป็นภัยต่อระเบียบโลก 9/9/2024 หัวหน้าหน่วยข่าวกรองต่างประเทศของอเมริกาและอังกฤษอย่าง CIA และ MI6 กล่าวอ้างในบทบรรณาธิการร่วมที่ตีพิมพ์โดย Financial Times เมื่อวันเสาร์ว่า ระเบียบโลกกำลังถูกคุกคามจากรัฐต่างๆ ในบทความดังกล่าว บิล เบิร์นส์ และ ริชาร์ด มัวร์ ให้คำมั่นว่า วอชิงตันและลอนดอนจะทำงานควบคู่กันเพื่อรักษาสถานะเดิมในโลกที่เทคโนโลยีได้เร่งให้แนวโน้มทางภูมิรัฐศาสตร์เร่งตัวขึ้นอย่างมาก หลังจากความขัดแย้งในยูเครนปะทุขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 และความสัมพันธ์ที่ตกต่ำลงอย่างรวดเร็วกับตะวันตก เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซีย รวมถึงประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ได้ประกาศซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะความเป็นจ้าวโลกของสหรัฐฯได้สิ้นสุดลงแล้ว และโลกกำลังเปลี่ยนไปสู่การระบอบมหาอำนาจหลายขั้ว ในบทบรรณาธิการ เบิร์นส์และมัวร์ตั้งข้อสังเกตว่า "ไม่ต้องสงสัยเลยว่าระเบียบโลกระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นระบบที่สมดุลซึ่งนำไปสู่สันติภาพและเสถียรภาพในระดับหนึ่ง และเสริมสร้างมาตรฐานการครองชีพ โอกาส และความเจริญรุ่งเรืองที่สูงขึ้นตกอยู่ภายใต้ภัยคุกคามในรูปแบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนนับตั้งแต่สงครามเย็น" “วันนี้ เราร่วมมือกันในระบบระหว่างประเทศที่มีการแข่งขันกัน ซึ่งทั้งสองประเทศของเรากำลังเผชิญกับภัยคุกคามที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” หัวหน้าสายลับระดับสูงทั้งสองเขียนไว้ บทความดังกล่าวเน้นย้ำถึง “รัสเซียที่กล้าแสดงออก” ในบริบทของความขัดแย้งในยูเครน ซึ่งทั้ง CIA และ MI6 “มองเห็น… ว่ากำลังจะเกิดขึ้น” หัวหน้าหน่วยงานข่าวกรองระบุว่าการสู้รบได้แสดงให้เห็นถึงบทบาทที่เพิ่มมากขึ้นของเทคโนโลยีในสงครามสมัยใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบไร้คนควบคุมและการลาดตระเวนผ่านดาวเทียม นอกจากนี้ เบิร์นส์และมัวร์ยังกล่าวหาว่ามอสโกว่า “มีแคมเปญที่จะบ่อนทำลายทั่วทั้งยุโรป” ตลอดจนเผยแพร่ “คำโกหกและข้อมูลบิดเบือนที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความแตกแยกระหว่างเรา” อย่างไรก็ตาม ตามบทบรรณาธิการ ในสายตาของ CIA และ MI6 “ความท้าทายด้านข่าวกรองและภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในศตวรรษที่ 21” คือ “การเติบโตของจีน” หน่วยงานทั้งสองได้ปรับกระบวนการของตนใหม่เพื่อ “สะท้อนถึงลำดับความสำคัญนั้น” แล้ว โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย มาเรีย ซาคาโรวา กล่าวที่การประชุมเศรษฐกิจระหว่างประเทศเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (SPIEF) เมื่อต้นเดือนมิถุนายนว่า “เรากำลังพูดถึงแนวคิดพหุศูนย์กลาง ซึ่งเป็นการเบี่ยงเบนจากบรรทัดฐานเดิม และเราเห็นการต่อต้านอย่างสิ้นหวังของชาติตะวันตกโดยรวม... พวกเขาเห็นบรรทัดฐานนี้แตกต่างออกไป โดยมองว่าเป็นอำนาจเหนือกว่าผู้อื่นของพวกเขาเอง เป็นระเบียบโลกที่มีพื้นฐานอยู่บนกฎเดียว พวกเขาต้องครอบงำเหมือนเช่นก่อน และทุกคนต้องทำเฉพาะสิ่งที่มหาอำนาจที่มีอำนาจเหนือกว่าอนุญาตให้พวกเขาทำได้” นักการทูตคนดังกล่าวยืนกรานว่าวาทะกรรมของชาติตะวันตกไม่ได้เป็นที่ยอมรับโดยประเทศใหญ่ในโลก ซึ่งน้อมรับแนวคิดของอำนาจหลายขั้ว ซาคาโรวาเน้นย้ำในขณะนั้นว่า “เราไม่ควรลืมว่าชาติตะวันตกโดยรวมเป็นชนกลุ่มน้อย”
    Like
    Haha
    29
    1 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 1870 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ตื่นเถิดชาวไทยก็แค่สก็อยเกาหลี
    เมื่อวานที่หลายคนพยายามหาข่าว
    เรื่องชาลี กับอิเหวิงกาฝากจากเพจคิงส์ฯ
    แต่พี่คิงส์ก็ไม่ได้ให้ข้อมูลอะไร
    เพราะพี่คิงส์ฯก็ได้เล่ารายละเอียดไปครบตั้งแต่
    น้องชาลีจะไลฟ์แล้ว แต่วันนี้ก็จะมาขยายประเด็น
    ที่เป็นข้อมูลอัพเดทเพิ่มให้แฟนเพจที่ติดตามเรื่องนี้
    ได้รู้ก่อนใครละกัน จะได้มองอิเหวิงถูก และมองชาลีถูกต้อง
    ก่อนอื่นต้องขอชมชาลี แม้อายุไม่มาก แต่สามารถอดทน
    และระงับอารมณ์ได้มากจนน่าตกใจ
    เพราะข้อมูลที่พี่คิงส์มีบอกเลยว่า ถ้าเป็นพี่คงวีนแตกไปแล้ว
    พี่คิงส์จะเอาข้อมูลบางส่วนที่น้องชาลีไลฟ์มาประกอบดังนี้นะ
    1. อิเหวิงกาฝาก ที่มันทำตัวน่าสงสาร อ้างว่าจะหาค่าเทอมเรียนต่อ จริงๆแล้วคือการแสดง มันมีเอเจนซี่ ที่ค่อยวางแผนให้สร้างสตอรี่ต่างๆ ในแอพ ตต. โดยได้ส่วนแบ่งจากรางวัลจากสติ๊กเกอร์ในแอพ เดิมทีมันไลฟ์ทั้งวันทั้งคืน ก็ได้ประมาณ 7 หมื่นกว่าต่อเดือน แต่น้องเน็ก กับคนไทย อินกับบทบาท เลยอากช่วยเหลือตามประสาน้ำใจคนไทย
    2. ที่อิเหวิงกาฝาก ไปให้ร้ายว่าเน็กไม่ให้ออกไปไหน ความจริงคือ อิเหวิงมันติดเหล้า อยากออกไปแ-ร-ด ตามผับ ซึ่งเน็กเองก็ห่วงภาพลักษณ์มัน
    3. บ้านเน็ก ไม่มีใครกินเหล้า ก็เลยไม่มีของพวกนี้ในบ้าน ด้วยความที่อิเหวิงติดหนักมากเน็กก็ต้องแก้ปัญหาด้วยการซื้อมาไว้ให้มันแดรกจนเต็มตู้ กันลงแดง อิเวงเอ๊ย
    4. จากที่พี่คิงส์คาดเดาว่า อิเหวิงกาฝาก ต้องมีผัวแล้วแน่นวล สรุปจากข้อมูลที่พี่คิงส์ได้ตอนนี้ อันนี้ฟันธง ผัวรู้เห็นกับการแสดงของอิเหวิงกาฝากทุกประการ มันทำงานกันเป็นทีม
    5. ที่ดราม่าว่ามาเพราะรัก ตอนที่มาถึงไทย เน็กได้ให้อิเหวิงกามินทุกครั้งที่มันขึ้นไลฟ์คู่ ชม.ละ 2แสน - 1 ล. แต่อิเหวิงกาฝากก็ยังไม่พอ ยังถามว่า ค่าสติ๊กเกอร์ของช่องเน็ก มันได้ด้วยมั๊ย อิเวง ไม่ได้มาเพื่อผลประโยชน์เลยนะ
    6. อิเหวิงกามินที่เห็นมันน่ารักงุงิ แบบนี้ ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง ด้วยความที่เน็กก็รักมันไปแล้ว จึงพยายามปรับให้มันน่ารักในสายตาคนอื่น อย่างที่มันเต้นเร้งเต้นกาเยาะเย้ยเน็กกับคนไทย อันนั้นแหละ ส ด ที่แท้จริง ดิบ ถ่อย สก็อยกิมจิของแทร่ แถมในอุปนิสัยไม่รักษาสุขะอนามัย ถามคนรอบตัวที่เป็นคนไทยได้ ตัวเหม็นมาก จนชาลีต้องออกปากให้ไปอาบน้ำทุกวัน
    7. จริงๆแล้ว อิเหวิงกาฝาก มันไม่ได้อยากอยู่บ้านชาลีนะ เค้าเปิดโรงแรมให้นอน แต่มันก็แสดงความลำยอง จนเน็กต้องเอากลับมาอยู่ในสายตา เพราะเน็กก็ตั้งใจพากามินให้มีชีวิตที่สุขสบาย เอาจริงๆตอนี้ อิเหวิงกาฝากรวยกว่าชาลีเยอะ แดรกทั้งชาติก็ไม่หมด
    8. อิเหวิงมันจะกลับก่อนหน้าที่หลายเดือนแต่พอรู้ว่าตัวเองต้องเสียภาษี เลยกลับลำทำต่อ เพราะเป้าที่วางไว้ก็จะไม่ถึง
    9. มีพยานยืนยันว่าอิเหวิงกาฝากพูด ว่าคนไทยหลอกง่าย เปย์ง่าย
    10. รอบนี้ ทางเอเจนซี่เกาหลีที่เห็นว่า อิเหวิงกระแสดี รอบนี้ที่กลับไป ก็จะทำสัญญามันอิเหวิงยาวๆ แต่อิเหวิงดันเจอเปิดความจริง และที่ออกมาประกาศความมั่นว่า ข้ายิ่งใหญ่ได้เพราะข้าเอง ฮ่าๆๆๆ จนยอดฟอลลดฮวบๆๆๆๆ ล่าสุด เอเจนซี่เกาหลีเองก็เริ่มถอยละ เพราะดูท่าจะดันไม่ไหว
    11. ด้วยผลประโยชน์จากสติ๊กเกอร์ ตต. อิเหวิงกามิจ ตอนอยู่ไทยรอบสุดท้ายนี้ สั่งห้ามเน็ก ไปเข้าไลฟ์กับใคร แม้แต่ คนเกาหลีที่เป็นผู้ชายที่ปกป้องอิกาฝากมาโดยตลอด ก็ไม่ให้เข้า
    และส่วนสุดท้ายนี้นะ
    จากที่พี่คิงส์เคยเดาว่า มันมีผัว
    และวันนี้ก็มีข้อมูลยืนยันว่ามันมีผัวที่เกาหลีของแทร่
    พี่คิงส์ขอเดาอีกว่า นอกจากผัว ก็มีลูกอีกด้วย
    นี่แหละ กาฝากการแสดง กามิจสตูดิโอ
    ก็แค่สก็อยไร้ค่า ลำยองไร้เกียรติ ไม่ต้องไปเสียดาย
    เงินที่มันสูบจากคนไทยที่มันบอกว่ามันห-ล-อ-กง่าย
    เดี๋ยวมันก็โดนผัวมันสูบต่อไปอีกทอด ไม่ต้องห่วงเลย
    การกลับไปครั้งนี้ เหตุผลสำคัญที่ไม่มีใครรู้ก็คือ
    มันได้เงินเป็นร้อยล้าน ตามที่มันตั้งเป้า
    รีบกลับไปเพื่อได้ใช้ชีวิตถ่อยๆ สก็อยเหมือนเดิม
    แดรกเหล้าเป็นน้ำ หยำเป และกลับไปซั่มกับผัว หิวมานาน
    กระซิบนะ ที่มันเต้นแร้งเต้นกาอะ เพิ่งได้ซั่มกับผัว
    หายคันแล้วก็จะโล่งๆนิดนึง เลยเก็บอาการไม่อยู่
    เพราะอยู่ที่ไทยทำไม่ได้
    ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ตื่นเถิดชาวไทยก็แค่สก็อยเกาหลี เมื่อวานที่หลายคนพยายามหาข่าว เรื่องชาลี กับอิเหวิงกาฝากจากเพจคิงส์ฯ แต่พี่คิงส์ก็ไม่ได้ให้ข้อมูลอะไร เพราะพี่คิงส์ฯก็ได้เล่ารายละเอียดไปครบตั้งแต่ น้องชาลีจะไลฟ์แล้ว แต่วันนี้ก็จะมาขยายประเด็น ที่เป็นข้อมูลอัพเดทเพิ่มให้แฟนเพจที่ติดตามเรื่องนี้ ได้รู้ก่อนใครละกัน จะได้มองอิเหวิงถูก และมองชาลีถูกต้อง ก่อนอื่นต้องขอชมชาลี แม้อายุไม่มาก แต่สามารถอดทน และระงับอารมณ์ได้มากจนน่าตกใจ เพราะข้อมูลที่พี่คิงส์มีบอกเลยว่า ถ้าเป็นพี่คงวีนแตกไปแล้ว พี่คิงส์จะเอาข้อมูลบางส่วนที่น้องชาลีไลฟ์มาประกอบดังนี้นะ 1. อิเหวิงกาฝาก ที่มันทำตัวน่าสงสาร อ้างว่าจะหาค่าเทอมเรียนต่อ จริงๆแล้วคือการแสดง มันมีเอเจนซี่ ที่ค่อยวางแผนให้สร้างสตอรี่ต่างๆ ในแอพ ตต. โดยได้ส่วนแบ่งจากรางวัลจากสติ๊กเกอร์ในแอพ เดิมทีมันไลฟ์ทั้งวันทั้งคืน ก็ได้ประมาณ 7 หมื่นกว่าต่อเดือน แต่น้องเน็ก กับคนไทย อินกับบทบาท เลยอากช่วยเหลือตามประสาน้ำใจคนไทย 2. ที่อิเหวิงกาฝาก ไปให้ร้ายว่าเน็กไม่ให้ออกไปไหน ความจริงคือ อิเหวิงมันติดเหล้า อยากออกไปแ-ร-ด ตามผับ ซึ่งเน็กเองก็ห่วงภาพลักษณ์มัน 3. บ้านเน็ก ไม่มีใครกินเหล้า ก็เลยไม่มีของพวกนี้ในบ้าน ด้วยความที่อิเหวิงติดหนักมากเน็กก็ต้องแก้ปัญหาด้วยการซื้อมาไว้ให้มันแดรกจนเต็มตู้ กันลงแดง อิเวงเอ๊ย 4. จากที่พี่คิงส์คาดเดาว่า อิเหวิงกาฝาก ต้องมีผัวแล้วแน่นวล สรุปจากข้อมูลที่พี่คิงส์ได้ตอนนี้ อันนี้ฟันธง ผัวรู้เห็นกับการแสดงของอิเหวิงกาฝากทุกประการ มันทำงานกันเป็นทีม 5. ที่ดราม่าว่ามาเพราะรัก ตอนที่มาถึงไทย เน็กได้ให้อิเหวิงกามินทุกครั้งที่มันขึ้นไลฟ์คู่ ชม.ละ 2แสน - 1 ล. แต่อิเหวิงกาฝากก็ยังไม่พอ ยังถามว่า ค่าสติ๊กเกอร์ของช่องเน็ก มันได้ด้วยมั๊ย อิเวง ไม่ได้มาเพื่อผลประโยชน์เลยนะ 6. อิเหวิงกามินที่เห็นมันน่ารักงุงิ แบบนี้ ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง ด้วยความที่เน็กก็รักมันไปแล้ว จึงพยายามปรับให้มันน่ารักในสายตาคนอื่น อย่างที่มันเต้นเร้งเต้นกาเยาะเย้ยเน็กกับคนไทย อันนั้นแหละ ส ด ที่แท้จริง ดิบ ถ่อย สก็อยกิมจิของแทร่ แถมในอุปนิสัยไม่รักษาสุขะอนามัย ถามคนรอบตัวที่เป็นคนไทยได้ ตัวเหม็นมาก จนชาลีต้องออกปากให้ไปอาบน้ำทุกวัน 7. จริงๆแล้ว อิเหวิงกาฝาก มันไม่ได้อยากอยู่บ้านชาลีนะ เค้าเปิดโรงแรมให้นอน แต่มันก็แสดงความลำยอง จนเน็กต้องเอากลับมาอยู่ในสายตา เพราะเน็กก็ตั้งใจพากามินให้มีชีวิตที่สุขสบาย เอาจริงๆตอนี้ อิเหวิงกาฝากรวยกว่าชาลีเยอะ แดรกทั้งชาติก็ไม่หมด 8. อิเหวิงมันจะกลับก่อนหน้าที่หลายเดือนแต่พอรู้ว่าตัวเองต้องเสียภาษี เลยกลับลำทำต่อ เพราะเป้าที่วางไว้ก็จะไม่ถึง 9. มีพยานยืนยันว่าอิเหวิงกาฝากพูด ว่าคนไทยหลอกง่าย เปย์ง่าย 10. รอบนี้ ทางเอเจนซี่เกาหลีที่เห็นว่า อิเหวิงกระแสดี รอบนี้ที่กลับไป ก็จะทำสัญญามันอิเหวิงยาวๆ แต่อิเหวิงดันเจอเปิดความจริง และที่ออกมาประกาศความมั่นว่า ข้ายิ่งใหญ่ได้เพราะข้าเอง ฮ่าๆๆๆ จนยอดฟอลลดฮวบๆๆๆๆ ล่าสุด เอเจนซี่เกาหลีเองก็เริ่มถอยละ เพราะดูท่าจะดันไม่ไหว 11. ด้วยผลประโยชน์จากสติ๊กเกอร์ ตต. อิเหวิงกามิจ ตอนอยู่ไทยรอบสุดท้ายนี้ สั่งห้ามเน็ก ไปเข้าไลฟ์กับใคร แม้แต่ คนเกาหลีที่เป็นผู้ชายที่ปกป้องอิกาฝากมาโดยตลอด ก็ไม่ให้เข้า และส่วนสุดท้ายนี้นะ จากที่พี่คิงส์เคยเดาว่า มันมีผัว และวันนี้ก็มีข้อมูลยืนยันว่ามันมีผัวที่เกาหลีของแทร่ พี่คิงส์ขอเดาอีกว่า นอกจากผัว ก็มีลูกอีกด้วย นี่แหละ กาฝากการแสดง กามิจสตูดิโอ ก็แค่สก็อยไร้ค่า ลำยองไร้เกียรติ ไม่ต้องไปเสียดาย เงินที่มันสูบจากคนไทยที่มันบอกว่ามันห-ล-อ-กง่าย เดี๋ยวมันก็โดนผัวมันสูบต่อไปอีกทอด ไม่ต้องห่วงเลย การกลับไปครั้งนี้ เหตุผลสำคัญที่ไม่มีใครรู้ก็คือ มันได้เงินเป็นร้อยล้าน ตามที่มันตั้งเป้า รีบกลับไปเพื่อได้ใช้ชีวิตถ่อยๆ สก็อยเหมือนเดิม แดรกเหล้าเป็นน้ำ หยำเป และกลับไปซั่มกับผัว หิวมานาน กระซิบนะ ที่มันเต้นแร้งเต้นกาอะ เพิ่งได้ซั่มกับผัว หายคันแล้วก็จะโล่งๆนิดนึง เลยเก็บอาการไม่อยู่ เพราะอยู่ที่ไทยทำไม่ได้ ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Haha
    Sad
    4
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1489 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💥💥ศูนย์วิจัยไทยพาณิชย์ SCBEIC
    เผยแพร่ข้อมูล SME ไทย กำลังเผชิญ
    กับความท้าทาย 4 ด้าน ได้แก่

    🚩1. มุมมองความเชื่อมั่นของธุรกิจ SME
    ของไทยในปัจจุบัน อยู่ในระดับต่ำ
    ความกังวลต่อกำลังซื้อในประเทศที่เปราะบาง
    กอปรกับปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง
    ทำให้ SME ไทย มีมุมมองความเชื่อมั่นของธุรกิจ
    อยู่ในระดับต่ำ

    นอกจากนี้ เรายังเริ่มเห็นสัญญาณความกังวลใจ
    ต่อปัจจัยเชิงโครงสร้าง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์
    ที่สูญเสียความสามารถทางการแข่งขันให้กับสินค้านำเข้า

    ทั้งนี้การเรียกคืนความเชื่อมั่นให้แก่เหล่าธุรกิจ SME
    ควรเริ่มจากการเพิ่มบทบาทของภาครัฐและภาคการเงิน
    ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งนโยบายส่งเสริมการใช้จ่าย
    และท่องเที่ยว เร่ง/เพิ่มการลงทุนภาครัฐ ลดความเข้มงวด
    การปล่อยสินเชื่อ รวมถึงการดำเนินนโยบายการเงิน
    ที่ผ่อนคลายลง ขณะที่ในระยะยาว ควรมีมาตรการสนับสนุน
    การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการดำเนินธุรกิจ
    ควบคู่กับการส่งเสริมการส่งออกเพิ่มเติมสำหรับอุตสาหกรรม
    การผลิต เพื่อขยายฐานลูกค้าสู่ตลาดใหม่ ๆ

    🚩2. การดำเนินธุรกิจ SME ไทย กำลังเผชิญ
    กับความท้าทายรอบด้าน
    จากต้นทุนการผลิต/การดำเนินงานสูงและผันผวน
    กอปรกับปัญหากลยุทธ์การตลาดและกระบวนการผลิตล้าสมัย
    ทำให้การดำเนินธุรกิจของ SME ไทย กำลังเผชิญความท้าทาย

    อีกทั้ง ยังขาดความสามารถในการรักษาฐานลูกค้า เพราะเผชิญ
    กับการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง จากคู่แข่งทั้งในและต่างประเทศ

    อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการในแต่ละขนาดวิสาหกิจมีการรับมือ
    กับความท้าทายต่าง ๆ เหล่านี้ในรูปแบบที่แตกต่างกัน
    โดยธุรกิจขนาดย่อม (Micro) จะเน้นมาตรการลดค่าใช้จ่ายเป็นหลัก
    ขณะที่ธุรกิจขนาดเล็กและกลางส่วนใหญ่จะหันมายกระดับธุรกิจ
    ผ่านการพัฒนาสินค้า กระบวนการผลิต และการตลาดให้ทันสมัยยิ่งขึ้น

    🚩3. SME ไทย เริ่มหันมาให้ความสำคัญ กับการยกระดับ
    ศักยภาพธุรกิจในระยะยาว
    โดย SME ไทย จะเน้นการลงทุนเพื่อพัฒนาฝีมือแรงงาน
    การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) และการพัฒนาสินค้า
    และบริการให้มีคุณภาพสูง ซึ่งแนวโน้มการพัฒนาธุรกิจเหล่านี้
    เกิดขึ้นเพื่อรับมือกับปัญหาด้านต้นทุน ความล้าสมัย
    ของกระบวนการทำงาน และการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงจากรอบด้าน
    ซึ่งพบว่าอุตสาหกรรมที่มีความตื่นตัวมากที่สุด คือ กลุ่มผู้ผลิตอาหาร
    และเครื่องดื่ม รวมถึงธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก

    ทั้งนี้แหล่งเงินทุนหลักสำหรับธุรกิจ SME ยังคงพึ่งพาสินเชื่อ
    จากสถาบันการเงินเป็นหลัก จะมีเพียงวิสาหกิจขนาดย่อม (Micro)
    ที่จำเป็นต้องอาศัยแหล่งเงินทุน จากกำไรสะสมของธุรกิจ
    และทรัพย์สินของผู้ประกอบการ เนื่องจากส่วนใหญ่เผชิญปัญหา
    ความสามารถในการเข้าถึงสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์
    เพราะขาดหลักทรัพย์ค้ำประกัน และการจัดทำบัญชียังไม่เป็นระบบ

    🚩4. SME มีมุมมองเชิงบวก และ กำลังเตรียมพร้อมรับมือ
    กับกระแส ESG
    SME ไทยส่วนใหญ่ได้กำหนดแผนการดำเนินงานภายใต้เป้าหมาย
    ความยั่งยืนแล้ว ทั้งนี้กลุ่มตัวอย่างในอุตฯ ปั๊มน้ำมัน จำหน่ายเคมีภัณฑ์
    รับเหมาและขายวัสดุก่อสร้าง นับว่าตื่นตัวกับกระแสดังกล่าวมากที่สุด
    โดยการปรับตัวจะเน้นความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก

    ทั้งนี้การปรับตัวของ SME ให้สอดรับกับกระแส ESG จำเป็นต้องอาศัย
    โครงการจัดอบรมให้ความรู้ และโครงการมีที่ปรึกษาที่กระจายตัว
    อย่างทั่วถึงทุกพื้นที่ เนื่องจากผู้ประกอบการขนาดย่อมและธุรกิจ
    ในจังหวัดเมืองรอง ยังเข้าถึงมาตรการความช่วยเหลือเหล่านี้
    ได้ค่อนข้างจำกัด จนมีส่วนทำให้การปรับตัวทำได้ค่อนข้างยาก
    และมีต้นทุนสูง

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #SME #เอสเอมอี #SCBEIC
    #ศูนย์วิจัยไทยพาณิชย์ #thaitimes
    💥💥ศูนย์วิจัยไทยพาณิชย์ SCBEIC เผยแพร่ข้อมูล SME ไทย กำลังเผชิญ กับความท้าทาย 4 ด้าน ได้แก่ 🚩1. มุมมองความเชื่อมั่นของธุรกิจ SME ของไทยในปัจจุบัน อยู่ในระดับต่ำ ความกังวลต่อกำลังซื้อในประเทศที่เปราะบาง กอปรกับปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ทำให้ SME ไทย มีมุมมองความเชื่อมั่นของธุรกิจ อยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ เรายังเริ่มเห็นสัญญาณความกังวลใจ ต่อปัจจัยเชิงโครงสร้าง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ ที่สูญเสียความสามารถทางการแข่งขันให้กับสินค้านำเข้า ทั้งนี้การเรียกคืนความเชื่อมั่นให้แก่เหล่าธุรกิจ SME ควรเริ่มจากการเพิ่มบทบาทของภาครัฐและภาคการเงิน ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งนโยบายส่งเสริมการใช้จ่าย และท่องเที่ยว เร่ง/เพิ่มการลงทุนภาครัฐ ลดความเข้มงวด การปล่อยสินเชื่อ รวมถึงการดำเนินนโยบายการเงิน ที่ผ่อนคลายลง ขณะที่ในระยะยาว ควรมีมาตรการสนับสนุน การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการดำเนินธุรกิจ ควบคู่กับการส่งเสริมการส่งออกเพิ่มเติมสำหรับอุตสาหกรรม การผลิต เพื่อขยายฐานลูกค้าสู่ตลาดใหม่ ๆ 🚩2. การดำเนินธุรกิจ SME ไทย กำลังเผชิญ กับความท้าทายรอบด้าน จากต้นทุนการผลิต/การดำเนินงานสูงและผันผวน กอปรกับปัญหากลยุทธ์การตลาดและกระบวนการผลิตล้าสมัย ทำให้การดำเนินธุรกิจของ SME ไทย กำลังเผชิญความท้าทาย อีกทั้ง ยังขาดความสามารถในการรักษาฐานลูกค้า เพราะเผชิญ กับการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง จากคู่แข่งทั้งในและต่างประเทศ อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการในแต่ละขนาดวิสาหกิจมีการรับมือ กับความท้าทายต่าง ๆ เหล่านี้ในรูปแบบที่แตกต่างกัน โดยธุรกิจขนาดย่อม (Micro) จะเน้นมาตรการลดค่าใช้จ่ายเป็นหลัก ขณะที่ธุรกิจขนาดเล็กและกลางส่วนใหญ่จะหันมายกระดับธุรกิจ ผ่านการพัฒนาสินค้า กระบวนการผลิต และการตลาดให้ทันสมัยยิ่งขึ้น 🚩3. SME ไทย เริ่มหันมาให้ความสำคัญ กับการยกระดับ ศักยภาพธุรกิจในระยะยาว โดย SME ไทย จะเน้นการลงทุนเพื่อพัฒนาฝีมือแรงงาน การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) และการพัฒนาสินค้า และบริการให้มีคุณภาพสูง ซึ่งแนวโน้มการพัฒนาธุรกิจเหล่านี้ เกิดขึ้นเพื่อรับมือกับปัญหาด้านต้นทุน ความล้าสมัย ของกระบวนการทำงาน และการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงจากรอบด้าน ซึ่งพบว่าอุตสาหกรรมที่มีความตื่นตัวมากที่สุด คือ กลุ่มผู้ผลิตอาหาร และเครื่องดื่ม รวมถึงธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก ทั้งนี้แหล่งเงินทุนหลักสำหรับธุรกิจ SME ยังคงพึ่งพาสินเชื่อ จากสถาบันการเงินเป็นหลัก จะมีเพียงวิสาหกิจขนาดย่อม (Micro) ที่จำเป็นต้องอาศัยแหล่งเงินทุน จากกำไรสะสมของธุรกิจ และทรัพย์สินของผู้ประกอบการ เนื่องจากส่วนใหญ่เผชิญปัญหา ความสามารถในการเข้าถึงสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ เพราะขาดหลักทรัพย์ค้ำประกัน และการจัดทำบัญชียังไม่เป็นระบบ 🚩4. SME มีมุมมองเชิงบวก และ กำลังเตรียมพร้อมรับมือ กับกระแส ESG SME ไทยส่วนใหญ่ได้กำหนดแผนการดำเนินงานภายใต้เป้าหมาย ความยั่งยืนแล้ว ทั้งนี้กลุ่มตัวอย่างในอุตฯ ปั๊มน้ำมัน จำหน่ายเคมีภัณฑ์ รับเหมาและขายวัสดุก่อสร้าง นับว่าตื่นตัวกับกระแสดังกล่าวมากที่สุด โดยการปรับตัวจะเน้นความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก ทั้งนี้การปรับตัวของ SME ให้สอดรับกับกระแส ESG จำเป็นต้องอาศัย โครงการจัดอบรมให้ความรู้ และโครงการมีที่ปรึกษาที่กระจายตัว อย่างทั่วถึงทุกพื้นที่ เนื่องจากผู้ประกอบการขนาดย่อมและธุรกิจ ในจังหวัดเมืองรอง ยังเข้าถึงมาตรการความช่วยเหลือเหล่านี้ ได้ค่อนข้างจำกัด จนมีส่วนทำให้การปรับตัวทำได้ค่อนข้างยาก และมีต้นทุนสูง #หุ้นติดดอย #การลงทุน #SME #เอสเอมอี #SCBEIC #ศูนย์วิจัยไทยพาณิชย์ #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 812 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน คูเลบา ถูกบังคับให้ลาออกไม่กี่วันหลังจากที่เขายอมรับว่ายูเครนกำลังแพ้สงครามและชาติตะวันตกต้องรับผิดชอบต่อเรื่องนี้

    4 กันยายน 2567- รายงานข่าวต่างประเทศระบุว่า Ruslan Stefanchuk ประธานรัฐสภายูเครน รายงานว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ดิมิโตร คูเลบา(Dmytro Kuleba)ได้ยื่นจดหมายลาออกแล้ว หลังจากเมื่ออังคาร3 กันยายน ที่ผ่านมา มีรัฐมนตรี 5 คนลาออก คือ Oleksandr Kamyshin รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเชิงยุทธศาสตร์, Olha Stefanishyna รองนายกรัฐมนตรี และDenys Maliuska รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม Ruslan Strilets รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม Olha Stefanishyna รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายบูรณาการยุโรปและยูโร-แอตแลนติก และ Iryna Vereshchuk. รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงบูรณาการยุโรป

    ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโครงสร้างพื้นฐานและรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายบูรณะOleksandr Kubrakov และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรMykola Solskyiถูกไล่ออกไปแล้วในเดือนพฤษภาคมนี้เอง

    สำหรับKuleba ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศตั้งแต่ปี 2020 โดยเขามีบทบาทนำในความพยายามของยูเครนในการร่วมมือกับพันธมิตรระหว่างประเทศและสร้างความร่วมมือใหม่นับตั้งแต่เริ่มต้นสงครามเต็มรูปแบบ

    หลังจากมีข่าวลือมาก่อนหน้านี้ว่าเขาจะถูกไล่ออกในเดือนสิงหาคม 2023คูเลบากล่าวทางโทรทัศน์ระดับประเทศว่าเขาไม่กังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ดังกล่าว “ผมทำงาน ไม่มีงานไหนถาวร และผมใจเย็นมากกับทุกๆ เรื่อง”

    เขากล่าวในตอนนั้น “ผมบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าผมจะลาออกภายใต้สถานการณ์สองสถานการณ์: สถานการณ์แรกคือถ้าประธานาธิบดีขอให้ผมทำ และสถานการณ์ที่สองคือถ้าผมขัดแย้งกับนโยบายต่างประเทศในระดับพื้นฐานและไม่คิดว่าจะทำงานกับมันได้” คูเลบากล่าวเสริม

    หนังสือพิมพ์ยูเครนปราฟดารายงานเมื่อวันที่ 3 กันยายน โดยอ้างแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อ ว่านายคูเลบาจะถูกปลดออกจากตำแหน่ง และยังคงมีการพิจารณาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งแทนอยู่ ผู้ที่มีแนวโน้มมากที่สุดที่จะดำรงตำแหน่งนี้คือนายอันดรี ซิบีฮา รองรัฐมนตรีต่างประเทศ แหล่งข่าวกล่าว

    หลังจากรัฐมนตรี 5 รายลาออกเมื่อวันอังคาร ซึ่งพันธมิตรระดับสูงของ Zelenskyy มองว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการ "รีเซ็ต" รัฐบาลก่อนฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวที่อากาศหนาวเย็น

    เซเลนสกีกล่าวว่าจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลเพื่อบรรลุผลตามที่ยูเครนต้องการ
    “ฤดูใบไม้ร่วงจะเป็นช่วงที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับยูเครน และสถาบันของรัฐของเราควรได้รับการจัดการเพื่อให้ยูเครนบรรลุผลสำเร็จตามที่เราต้องการสำหรับเราทุกคน”

    ปลายเดือนนี้ เซเลนสกีจะเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อขอพบประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรคนสำคัญ

    ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมารัสเซียได้เพิ่มการโจมตีด้วยโดรนขีปนาวุธถล่มยูเครนหนัก

    #Thaitimes
    รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน คูเลบา ถูกบังคับให้ลาออกไม่กี่วันหลังจากที่เขายอมรับว่ายูเครนกำลังแพ้สงครามและชาติตะวันตกต้องรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ 4 กันยายน 2567- รายงานข่าวต่างประเทศระบุว่า Ruslan Stefanchuk ประธานรัฐสภายูเครน รายงานว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ดิมิโตร คูเลบา(Dmytro Kuleba)ได้ยื่นจดหมายลาออกแล้ว หลังจากเมื่ออังคาร3 กันยายน ที่ผ่านมา มีรัฐมนตรี 5 คนลาออก คือ Oleksandr Kamyshin รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเชิงยุทธศาสตร์, Olha Stefanishyna รองนายกรัฐมนตรี และDenys Maliuska รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม Ruslan Strilets รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม Olha Stefanishyna รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายบูรณาการยุโรปและยูโร-แอตแลนติก และ Iryna Vereshchuk. รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงบูรณาการยุโรป ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโครงสร้างพื้นฐานและรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายบูรณะOleksandr Kubrakov และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรMykola Solskyiถูกไล่ออกไปแล้วในเดือนพฤษภาคมนี้เอง สำหรับKuleba ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศตั้งแต่ปี 2020 โดยเขามีบทบาทนำในความพยายามของยูเครนในการร่วมมือกับพันธมิตรระหว่างประเทศและสร้างความร่วมมือใหม่นับตั้งแต่เริ่มต้นสงครามเต็มรูปแบบ หลังจากมีข่าวลือมาก่อนหน้านี้ว่าเขาจะถูกไล่ออกในเดือนสิงหาคม 2023คูเลบากล่าวทางโทรทัศน์ระดับประเทศว่าเขาไม่กังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ดังกล่าว “ผมทำงาน ไม่มีงานไหนถาวร และผมใจเย็นมากกับทุกๆ เรื่อง” เขากล่าวในตอนนั้น “ผมบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าผมจะลาออกภายใต้สถานการณ์สองสถานการณ์: สถานการณ์แรกคือถ้าประธานาธิบดีขอให้ผมทำ และสถานการณ์ที่สองคือถ้าผมขัดแย้งกับนโยบายต่างประเทศในระดับพื้นฐานและไม่คิดว่าจะทำงานกับมันได้” คูเลบากล่าวเสริม หนังสือพิมพ์ยูเครนปราฟดารายงานเมื่อวันที่ 3 กันยายน โดยอ้างแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อ ว่านายคูเลบาจะถูกปลดออกจากตำแหน่ง และยังคงมีการพิจารณาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งแทนอยู่ ผู้ที่มีแนวโน้มมากที่สุดที่จะดำรงตำแหน่งนี้คือนายอันดรี ซิบีฮา รองรัฐมนตรีต่างประเทศ แหล่งข่าวกล่าว หลังจากรัฐมนตรี 5 รายลาออกเมื่อวันอังคาร ซึ่งพันธมิตรระดับสูงของ Zelenskyy มองว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการ "รีเซ็ต" รัฐบาลก่อนฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวที่อากาศหนาวเย็น เซเลนสกีกล่าวว่าจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลเพื่อบรรลุผลตามที่ยูเครนต้องการ “ฤดูใบไม้ร่วงจะเป็นช่วงที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับยูเครน และสถาบันของรัฐของเราควรได้รับการจัดการเพื่อให้ยูเครนบรรลุผลสำเร็จตามที่เราต้องการสำหรับเราทุกคน” ปลายเดือนนี้ เซเลนสกีจะเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อขอพบประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรคนสำคัญ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมารัสเซียได้เพิ่มการโจมตีด้วยโดรนขีปนาวุธถล่มยูเครนหนัก #Thaitimes
    Like
    Yay
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 932 มุมมอง 0 รีวิว
  • ห้าองค์กรแกนนำ.……ที่เป็นเข็มทิศของอนาคตโลก..!!!

    วันนี้นอกจากงานในบ้าน นอกบ้าน ดิฉันใช้เวลาอ่านข้อความที่กำลังฮิตในตอนนี้ คือเรื่องเสื้อสวัสดิกะ ที่สร้างความตื่นตัวให้กับเยาวชนไทยเป็นอย่างมาก ต้องขอขอบคุณน้องนำ้ใสจริงๆ
    เพราะไม่เคยเห็นมาก่อนเลยว่า เพจทุกเพจต่างแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้อย่างเอาจริงเอาจัง...
    ความคิดเห็นที่มาแสดง...มีทั้งน่าหมั่นไส้ น่าสมเพช น่าขำและ…
    น่าทึ่ง...
    จึงหวังว่า คงไม่ใช่ไฟลามทุ่ง...

    แต่สถานทูตอิสราเอลก็ได้ออกมารับคำขอโทษ และเสนอให้คณะเข้ามาศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ แบบ work shop
    เลยรู้สึกสงสารกระทรวงศึกษาธิการยังไงก็ไม่รู้...
    จะบอกให้ว่า...เด็กฝรั่ง (อเมริกา) เขาเรียนเรื่องนี้ตั้งแต่ขึ้นมัธยมต้น
    มีการพาไปดูพิพิธภัณฑ์ เข้าไปเรียนเป็นกลุ่มในห้องสมุด
    ฉายภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้อง...และบางทีก็เชิญวิทยากรจากกองทัพมาบรรยาย...
    อย่างที่ดิฉันได้พร่ำบอกหนักหนาว่า ถ้าไม่เข้าใจในเรื่องของสงครามโลก และผลกระทบที่ตามมาแล้ว เราจะไม่รู้เรื่องของโลกปัจจุบัน และ ไม่สามารถคาดคะเนได้เลยสำหรับโลกในอนาคต

    ยิ่งตอนนี้ก็ยิ่งน่าหวั่นใจ เพราะจากเมื่อวานที่เล่าเรื่องของ องค์กรลับ
    Illuminati ไป ว่าเขาสลายตัวไปก็จริง แต่รากได้หยั่งลึกไปแล้ว
    ทันทีที่อเมริกาได้ถือกำเนิดขึ้นมา...เหล่ายูโรเปี้ยนก็ล่องเรืออพยพไปสู่ดินแดนใหม่ ที่ว่ากันว่า ถือเสรีภาพเป็นหัวใจในการปกครอง

    และ เหล่านักปรัชญา นักปฏิบัติ ต่างก็พากันไปปักหลัก..ทำให้เกิดองค์กรต่างๆมากมาย รวมทั้งกลุ่มแรงงานที่พยายามรวมตัวกันเป็นสหภาพ

    แต่ใครเล่าจะรู้ว่า ทฤษฎีของอิลลุมินาติ นั้น...ยังไม่หายไปไหน
    เขากลับเกิดขึ้นมาอีกครั้ง รวมทั้งไม่โดดเดี่ยว เดียวดาย เพราะมีผู้ร่วมอุดมการณ์ในรูปแวบขององค์กรลับอื่นๆขึ้นตามมาอีก
    ในปัจจุบันนี้ โลกมีด้วยกันถึง 5 องค์กร(ลับ) ที่สำคัญ
    เริ่มจาก พี่เต้ยที่ทุกคนเกรงกลัวก่อนไปก่อน คือ

    1 Bilderberg Group

    ก่อตั้งเมื่อปี 1954 โดยพระราชวงค์ของเนเธอร์แลนด์ ที่ใช้ชื่อนี้ เพราะตั้งตามชื่อของสถานที่ที่มีการประชุมสมาชิกที่ โรงแรม Bilderberg
    วัตถุประสงค์และเป้าหมายคือ เพื่อที่จะผนวกยุโรปเข้ากับอเมริกาทั้งทางด้านเศรษฐกิจ
    และการเมืองรวมไปถึงการร่วมมือกันต้านภัย
    (จากรัสเซีย)
    สมาชิกคนสำคัญคือ Angela Merkel, Bill Clinton, Henry Kissinger, Tony Blair, David Cameron และ Margaret Thatcher
    ประชุมปีละครั้งทุกครั้งที่มีการประชุม ไม่อนุญาตให้นักข่าวเข้าไป และถ้านักข่าวพยายามที่จะเข้าใกล้สมาชิก จะถูกดำเนินคดีทุกราย

    ข้อติติงหรือกระแสตีกลับว่า กลุ่มนี้พยายามที่จะครองโลกทางด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยี่ โดยใช้การเมืองเป็นเครื่องมือ

    ลับมากหรือลับน้อย ไม่มีใครรู้ได้เพราะข้อมูลในการประชุมไม่มีการเสนอต่อสื่อ แต่เครือข่ายเขากว้างไกลมากคลุมได้เกือบหมดโลก
    ส่วนเรื่องสมาชิกนั้น มีทุกสาขาวิชาชีพในระดับท๊อป
    ซึ่งกล่าวกันว่า ในยุคนี้...มีเงินเท่าไหร่หรือรวยแค่ไหน ไม่สำคัญ
    สำคัญที่ว่า คุณมาจากองค์กร(ลับ) ไหน และถ้าใช่...
    จากนั้นจะไม่มีการถามอะไรกันอีก เพราะเขารู้โปรไฟล์ของคุณหมดแล้ว
    ถ้าไม่มี...ไม่ใช่....ไม่ได้เป็น..ก็ถือว่าเป็นแค่ นักการเมือง หรือเศรษฐีหางแถว (ต่อให้รวยล้นฟ้า)
    และนี่คือ สิ่งที่เราจะเห็นในการซื้อทีมฟุตบอล, ประมูลภาพวาด,
    ซื้อสายการบิน และ ซื้อกิจการพลังงาน
    มีกิจการเท่านั้นไม่พอนะคะ....จะต้องเคยมีบทบาทในการสนับสนุนพรรคการเมืองนอกประเทศของตัวเองด้วย
    ก็ไปเลือกเอา...ว่า อยากจะอยู่สายไหน รีพับลิกัน หรือเดโมแครต...

    กลุ่มนี้ได้ขยายตัวเร็วมาก ตอนนี้เป็นที่เข้าข่ายหน้าสิ่วหน้าขวานกับเรื่องของ Brexit ถึงขนาด จอร์จ โซรอส (สมาชิกระดับฝังเพชร) ได้ออกมาเขียนจดหมายเปิดผนึกขู่อังกฤษฟ่อว่า
    “จะได้เห็นดีกัน เงินปอนด์จะแหลกสลาย ผู้คนจะต้องลำบากไปยิ่งกว่าเดิม คนที่รวยอยู่แล้ว จะกลายเป็นยาจกในชั่วข้ามคืน”

    นี่คือสิ่งที่ทุกคนจับตาดูกันว่า ในปลายเดือนมีนาคม...อะไรจะเกิดขึ้นกับอังกฤษ....หากว่ายังแก้ไขสถานการณ์ว่าจะออกให้”สวย”ไม่ได้...?!!

    ตาข่ายคลุมโลกในนามนี้....กลุ่ม Rothschild คือผู้วางกลไกทั้งหมด....

    2. Bohemian Grove

    ก่อตั้งในปี 1872 สถานที่ คือ Bohemian Avenue, Monte Rio, California
    เป็นที่พบปะชุมนุมแบบหลุดโลกๆของเหล่ามหาเศรษฐี นักการเมืองอเมริกัน ที่อยากปลดปล่อยความเครียดในการสังสรรแบบชิวๆแต่ทุกอย่างคือเรื่องระดับโลกที่แฝงด้วยการเอาจริง ทำจริง
    เช่นการประชุมเกี่ยวกับเรื่อง Manhattan Project (ทดลองระเบิดนิวเคลียร์)

    3 The Freemasons

    ก่อตั้งในปี 1717 สถานที่ คือ Four English Lodges, London
    เป็นองค์กรที่มุ่งหน้าสนับสนุนให้สมาชิกเกิดความรู้ต่อความเป็นไปในบ้านเมือง พัฒนาอาชีพ ไม่ก้มหัวให้กับความไม่เท่าเทียม
    สนับสนุนสหภาพแรงงาน...ตื่นตัวต่อการเรียกร้องสิทธิ
    สมาชิกที่โดดเด่นในอดีต คือ
    George Washington, Benjamin Franklin, Winston Churchill, Mozart, Harry Houdini

    องค์กรนี้ มีขนาดใหญ่มาก เพราะสมาชิกร่วม หกล้านคน
    ซ้ำยังแตกย่อยออกไปเป็นสมาคมอื่นๆอีก เช่น โรตารี่, ไลอ้อนส์,
    Elfs Club...ไปถึงบรรเทาสาธารณภัย...ในชื่อต่างๆกัน

    4 Illuminati เกิดขึ้นใน ปี 1776 ที่ รัฐ Bavaria, Germany

    ที่ได้เกิดการรวมตัวขึ้นมาใหม่ในอเมริกา...จากทฤษฎีของ Professor Adam Weishaupt ที่ยังออกแนวซ้ายในทางเสมอภาค และไม่ยอมรับชนชั้นที่จะให้มามีอำนาจ
    สมาชิกที่เป็นคนดังคือ Barack Obama, Jay Z, Madonna, and Beyonce
    กลุ่มนี้จะใช้สื่อทางเอนเตอร์เทนเม้นต์ ในการเผยแพร่ลัทธิ
    ดูได้จากอิทธิพลในฮอลลีวู๊ด ที่สามารถทำให้ Mel Gibson ดาราและผู้กำกับภาพยนตร์ที่กำลังรุ่งๆในยุค 2004-2006 ร่วงลงไปดับสนิท
    เพียงแต่เผลอตัว “ด่ายิว” ออกสื่อ ว่า...
    “ไม่ว่าสงครามไหน....ก็เกิดจากไอ้พวกยิว ห่...นี่ทั้งนั้น....”

    ผลคือ ชื่อ เมล กิบสัน ก็หายไปจากโลกมายาราวกับถูกเสก.....

    5. Skull and Bones

    เกิดขึ้นในปี 1832 ที่ Yale University
    ที่มีวัตถุประสงค์คือการสานความสัมพันธ์ของศิษย์เก่าในทุกสาย
    ตำแหน่ง และ สถานที่คือ ตึกที่อยู่ติดกับบริเวณมหาวิทยาลัย เรียกว่า “Tomb” (อันแปลว่า สุสาน)
    สมาคม(ลับ) หัวกะโหลก กระดูกไขว้นี้ ถือว่าเล็กตามจำนวนสมาชิก แต่ยิ่งใหญ่มากทางการเมืองอเมริกา เพราะสมาชิกนั้นคือ
    อดีตสามประธานาธิบดี William Taft, George H.W. Bush และ George W. Bush
    ที่เกือบจะเป็นประธานาธิบดี ก็คือ John Kerry ที่ลงแข่งหาเสียงพร้อมกับเพื่อนซี้ร่วมสมาคมลับ จอร์จ บุช (ลูก) จนสื่อไล่จี้ให้ตอบว่า
    มาจากที่เดียวกัน เป็นเพื่อนร่วมน้ำสาบานกัน แล้วจะมาไล่บี้ตำแหน่งประธานาธิบดีกันได้ยังไง...ใครจะมาเชื่อในเรื่องดีเบต!!

    ทั้งสองคนได้แต่ยิ้มแหะๆ ไม่ตอบอะไรไปมากกว่า เรื่อง
    งานกับเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกัน
    แต่...ใครๆก็รู้ว่า...นายทุนที่ให้เงินสนับสนุนทั้งสองคน คือ จอร์จ โซรอส
    สมาคมนี้...ทุกอย่างระหว่างสมาชิกคือความลับที่ยิ่งยวด
    ไม่มีใครเคยได้ยินหรือได้ฟังอะไรจากกลุ่มนี้ทั้งสิ้น
    และ Yale เกือบจะได้ประธานาธิบดีคนที่สี่ คือ ฮิลลารี่ คลินตัน
    แต่เพราะเธอเป็นหญิง……ไม่ใช่สมาชิกของสมาคมหัวกะโหลกกระดูกไขว้ จึงไม่มีการผลักดันอย่างเต็มที่
    อีกทั้งดูเหมือนจะชัวร์เป้ง……ว่า เธอจะต้องได้คะแนนนำโต่ง ทุกคนเชื่อในกองทุนหนุนหลัง ซึ่งก็คือ จอร์จ โซรอส เจ้าเก่า

    แต่ในโค้งสุดท้าย ที่เกิด Wikileaks จากการแฮคข้อมูลของรัสเซีย(ตามข้อกล่าวหา) ว่า ฮิลลารี่ได้รับเงินใครมาบ้าง และ ปลุกปั่นสงครามซีเรีย...คะแนนหล่นวูบ..
    ตำแหน่งประธานาธิบดีจึงตกลงสู่ Donald Trump ผู้ซึ่ง จอร์จ โซรอส
    ได้เคยบอกกับใครๆว่า “เป็นเด็กที่พ่อแม่ไม่สั่งสอน”

    สมาคมหัวกะโหลกกระดูกไขว้ จึงได้จัดพิธีมอบรางวัลปลอบใจให้กับฮิลลารี่ ในฐานะศิษย์เก่าร่วมสถาบัน คือ การเข้ารับเป็นสมาชิก”หญิง” คนแรก
    ในวันพิธี ตอนที่เธอขึ้นไปกล่าวขอบคุณ มีการ”ตัดพ้อ” เล็กๆว่า
    สมาคมนี้สามารถทำให้ใครต่อใครเป็นประธานาธิบดีได้...แต่ทำไมไม่ทำให้ฉันมั่ง...?!!

    แล้วเราก็มาดูกันนะคะ ว่า การเลือกตั้งครั้งต่อไป เธอจะลงสมัครอีก
    และคราวนี้ก็เป็นสมาชิกสมาคมแล้ว...
    จะได้หรือไม่ได้.....?!!

    Wiwanda W. Vichit
    ห้าองค์กรแกนนำ.……ที่เป็นเข็มทิศของอนาคตโลก..!!! วันนี้นอกจากงานในบ้าน นอกบ้าน ดิฉันใช้เวลาอ่านข้อความที่กำลังฮิตในตอนนี้ คือเรื่องเสื้อสวัสดิกะ ที่สร้างความตื่นตัวให้กับเยาวชนไทยเป็นอย่างมาก ต้องขอขอบคุณน้องนำ้ใสจริงๆ เพราะไม่เคยเห็นมาก่อนเลยว่า เพจทุกเพจต่างแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้อย่างเอาจริงเอาจัง... ความคิดเห็นที่มาแสดง...มีทั้งน่าหมั่นไส้ น่าสมเพช น่าขำและ… น่าทึ่ง... จึงหวังว่า คงไม่ใช่ไฟลามทุ่ง... แต่สถานทูตอิสราเอลก็ได้ออกมารับคำขอโทษ และเสนอให้คณะเข้ามาศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ แบบ work shop เลยรู้สึกสงสารกระทรวงศึกษาธิการยังไงก็ไม่รู้... จะบอกให้ว่า...เด็กฝรั่ง (อเมริกา) เขาเรียนเรื่องนี้ตั้งแต่ขึ้นมัธยมต้น มีการพาไปดูพิพิธภัณฑ์ เข้าไปเรียนเป็นกลุ่มในห้องสมุด ฉายภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้อง...และบางทีก็เชิญวิทยากรจากกองทัพมาบรรยาย... อย่างที่ดิฉันได้พร่ำบอกหนักหนาว่า ถ้าไม่เข้าใจในเรื่องของสงครามโลก และผลกระทบที่ตามมาแล้ว เราจะไม่รู้เรื่องของโลกปัจจุบัน และ ไม่สามารถคาดคะเนได้เลยสำหรับโลกในอนาคต ยิ่งตอนนี้ก็ยิ่งน่าหวั่นใจ เพราะจากเมื่อวานที่เล่าเรื่องของ องค์กรลับ Illuminati ไป ว่าเขาสลายตัวไปก็จริง แต่รากได้หยั่งลึกไปแล้ว ทันทีที่อเมริกาได้ถือกำเนิดขึ้นมา...เหล่ายูโรเปี้ยนก็ล่องเรืออพยพไปสู่ดินแดนใหม่ ที่ว่ากันว่า ถือเสรีภาพเป็นหัวใจในการปกครอง และ เหล่านักปรัชญา นักปฏิบัติ ต่างก็พากันไปปักหลัก..ทำให้เกิดองค์กรต่างๆมากมาย รวมทั้งกลุ่มแรงงานที่พยายามรวมตัวกันเป็นสหภาพ แต่ใครเล่าจะรู้ว่า ทฤษฎีของอิลลุมินาติ นั้น...ยังไม่หายไปไหน เขากลับเกิดขึ้นมาอีกครั้ง รวมทั้งไม่โดดเดี่ยว เดียวดาย เพราะมีผู้ร่วมอุดมการณ์ในรูปแวบขององค์กรลับอื่นๆขึ้นตามมาอีก ในปัจจุบันนี้ โลกมีด้วยกันถึง 5 องค์กร(ลับ) ที่สำคัญ เริ่มจาก พี่เต้ยที่ทุกคนเกรงกลัวก่อนไปก่อน คือ 1 Bilderberg Group ก่อตั้งเมื่อปี 1954 โดยพระราชวงค์ของเนเธอร์แลนด์ ที่ใช้ชื่อนี้ เพราะตั้งตามชื่อของสถานที่ที่มีการประชุมสมาชิกที่ โรงแรม Bilderberg วัตถุประสงค์และเป้าหมายคือ เพื่อที่จะผนวกยุโรปเข้ากับอเมริกาทั้งทางด้านเศรษฐกิจ และการเมืองรวมไปถึงการร่วมมือกันต้านภัย (จากรัสเซีย) สมาชิกคนสำคัญคือ Angela Merkel, Bill Clinton, Henry Kissinger, Tony Blair, David Cameron และ Margaret Thatcher ประชุมปีละครั้งทุกครั้งที่มีการประชุม ไม่อนุญาตให้นักข่าวเข้าไป และถ้านักข่าวพยายามที่จะเข้าใกล้สมาชิก จะถูกดำเนินคดีทุกราย ข้อติติงหรือกระแสตีกลับว่า กลุ่มนี้พยายามที่จะครองโลกทางด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยี่ โดยใช้การเมืองเป็นเครื่องมือ ลับมากหรือลับน้อย ไม่มีใครรู้ได้เพราะข้อมูลในการประชุมไม่มีการเสนอต่อสื่อ แต่เครือข่ายเขากว้างไกลมากคลุมได้เกือบหมดโลก ส่วนเรื่องสมาชิกนั้น มีทุกสาขาวิชาชีพในระดับท๊อป ซึ่งกล่าวกันว่า ในยุคนี้...มีเงินเท่าไหร่หรือรวยแค่ไหน ไม่สำคัญ สำคัญที่ว่า คุณมาจากองค์กร(ลับ) ไหน และถ้าใช่... จากนั้นจะไม่มีการถามอะไรกันอีก เพราะเขารู้โปรไฟล์ของคุณหมดแล้ว ถ้าไม่มี...ไม่ใช่....ไม่ได้เป็น..ก็ถือว่าเป็นแค่ นักการเมือง หรือเศรษฐีหางแถว (ต่อให้รวยล้นฟ้า) และนี่คือ สิ่งที่เราจะเห็นในการซื้อทีมฟุตบอล, ประมูลภาพวาด, ซื้อสายการบิน และ ซื้อกิจการพลังงาน มีกิจการเท่านั้นไม่พอนะคะ....จะต้องเคยมีบทบาทในการสนับสนุนพรรคการเมืองนอกประเทศของตัวเองด้วย ก็ไปเลือกเอา...ว่า อยากจะอยู่สายไหน รีพับลิกัน หรือเดโมแครต... กลุ่มนี้ได้ขยายตัวเร็วมาก ตอนนี้เป็นที่เข้าข่ายหน้าสิ่วหน้าขวานกับเรื่องของ Brexit ถึงขนาด จอร์จ โซรอส (สมาชิกระดับฝังเพชร) ได้ออกมาเขียนจดหมายเปิดผนึกขู่อังกฤษฟ่อว่า “จะได้เห็นดีกัน เงินปอนด์จะแหลกสลาย ผู้คนจะต้องลำบากไปยิ่งกว่าเดิม คนที่รวยอยู่แล้ว จะกลายเป็นยาจกในชั่วข้ามคืน” นี่คือสิ่งที่ทุกคนจับตาดูกันว่า ในปลายเดือนมีนาคม...อะไรจะเกิดขึ้นกับอังกฤษ....หากว่ายังแก้ไขสถานการณ์ว่าจะออกให้”สวย”ไม่ได้...?!! ตาข่ายคลุมโลกในนามนี้....กลุ่ม Rothschild คือผู้วางกลไกทั้งหมด.... 2. Bohemian Grove ก่อตั้งในปี 1872 สถานที่ คือ Bohemian Avenue, Monte Rio, California เป็นที่พบปะชุมนุมแบบหลุดโลกๆของเหล่ามหาเศรษฐี นักการเมืองอเมริกัน ที่อยากปลดปล่อยความเครียดในการสังสรรแบบชิวๆแต่ทุกอย่างคือเรื่องระดับโลกที่แฝงด้วยการเอาจริง ทำจริง เช่นการประชุมเกี่ยวกับเรื่อง Manhattan Project (ทดลองระเบิดนิวเคลียร์) 3 The Freemasons ก่อตั้งในปี 1717 สถานที่ คือ Four English Lodges, London เป็นองค์กรที่มุ่งหน้าสนับสนุนให้สมาชิกเกิดความรู้ต่อความเป็นไปในบ้านเมือง พัฒนาอาชีพ ไม่ก้มหัวให้กับความไม่เท่าเทียม สนับสนุนสหภาพแรงงาน...ตื่นตัวต่อการเรียกร้องสิทธิ สมาชิกที่โดดเด่นในอดีต คือ George Washington, Benjamin Franklin, Winston Churchill, Mozart, Harry Houdini องค์กรนี้ มีขนาดใหญ่มาก เพราะสมาชิกร่วม หกล้านคน ซ้ำยังแตกย่อยออกไปเป็นสมาคมอื่นๆอีก เช่น โรตารี่, ไลอ้อนส์, Elfs Club...ไปถึงบรรเทาสาธารณภัย...ในชื่อต่างๆกัน 4 Illuminati เกิดขึ้นใน ปี 1776 ที่ รัฐ Bavaria, Germany ที่ได้เกิดการรวมตัวขึ้นมาใหม่ในอเมริกา...จากทฤษฎีของ Professor Adam Weishaupt ที่ยังออกแนวซ้ายในทางเสมอภาค และไม่ยอมรับชนชั้นที่จะให้มามีอำนาจ สมาชิกที่เป็นคนดังคือ Barack Obama, Jay Z, Madonna, and Beyonce กลุ่มนี้จะใช้สื่อทางเอนเตอร์เทนเม้นต์ ในการเผยแพร่ลัทธิ ดูได้จากอิทธิพลในฮอลลีวู๊ด ที่สามารถทำให้ Mel Gibson ดาราและผู้กำกับภาพยนตร์ที่กำลังรุ่งๆในยุค 2004-2006 ร่วงลงไปดับสนิท เพียงแต่เผลอตัว “ด่ายิว” ออกสื่อ ว่า... “ไม่ว่าสงครามไหน....ก็เกิดจากไอ้พวกยิว ห่...นี่ทั้งนั้น....” ผลคือ ชื่อ เมล กิบสัน ก็หายไปจากโลกมายาราวกับถูกเสก..... 5. Skull and Bones เกิดขึ้นในปี 1832 ที่ Yale University ที่มีวัตถุประสงค์คือการสานความสัมพันธ์ของศิษย์เก่าในทุกสาย ตำแหน่ง และ สถานที่คือ ตึกที่อยู่ติดกับบริเวณมหาวิทยาลัย เรียกว่า “Tomb” (อันแปลว่า สุสาน) สมาคม(ลับ) หัวกะโหลก กระดูกไขว้นี้ ถือว่าเล็กตามจำนวนสมาชิก แต่ยิ่งใหญ่มากทางการเมืองอเมริกา เพราะสมาชิกนั้นคือ อดีตสามประธานาธิบดี William Taft, George H.W. Bush และ George W. Bush ที่เกือบจะเป็นประธานาธิบดี ก็คือ John Kerry ที่ลงแข่งหาเสียงพร้อมกับเพื่อนซี้ร่วมสมาคมลับ จอร์จ บุช (ลูก) จนสื่อไล่จี้ให้ตอบว่า มาจากที่เดียวกัน เป็นเพื่อนร่วมน้ำสาบานกัน แล้วจะมาไล่บี้ตำแหน่งประธานาธิบดีกันได้ยังไง...ใครจะมาเชื่อในเรื่องดีเบต!! ทั้งสองคนได้แต่ยิ้มแหะๆ ไม่ตอบอะไรไปมากกว่า เรื่อง งานกับเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกัน แต่...ใครๆก็รู้ว่า...นายทุนที่ให้เงินสนับสนุนทั้งสองคน คือ จอร์จ โซรอส สมาคมนี้...ทุกอย่างระหว่างสมาชิกคือความลับที่ยิ่งยวด ไม่มีใครเคยได้ยินหรือได้ฟังอะไรจากกลุ่มนี้ทั้งสิ้น และ Yale เกือบจะได้ประธานาธิบดีคนที่สี่ คือ ฮิลลารี่ คลินตัน แต่เพราะเธอเป็นหญิง……ไม่ใช่สมาชิกของสมาคมหัวกะโหลกกระดูกไขว้ จึงไม่มีการผลักดันอย่างเต็มที่ อีกทั้งดูเหมือนจะชัวร์เป้ง……ว่า เธอจะต้องได้คะแนนนำโต่ง ทุกคนเชื่อในกองทุนหนุนหลัง ซึ่งก็คือ จอร์จ โซรอส เจ้าเก่า แต่ในโค้งสุดท้าย ที่เกิด Wikileaks จากการแฮคข้อมูลของรัสเซีย(ตามข้อกล่าวหา) ว่า ฮิลลารี่ได้รับเงินใครมาบ้าง และ ปลุกปั่นสงครามซีเรีย...คะแนนหล่นวูบ.. ตำแหน่งประธานาธิบดีจึงตกลงสู่ Donald Trump ผู้ซึ่ง จอร์จ โซรอส ได้เคยบอกกับใครๆว่า “เป็นเด็กที่พ่อแม่ไม่สั่งสอน” สมาคมหัวกะโหลกกระดูกไขว้ จึงได้จัดพิธีมอบรางวัลปลอบใจให้กับฮิลลารี่ ในฐานะศิษย์เก่าร่วมสถาบัน คือ การเข้ารับเป็นสมาชิก”หญิง” คนแรก ในวันพิธี ตอนที่เธอขึ้นไปกล่าวขอบคุณ มีการ”ตัดพ้อ” เล็กๆว่า สมาคมนี้สามารถทำให้ใครต่อใครเป็นประธานาธิบดีได้...แต่ทำไมไม่ทำให้ฉันมั่ง...?!! แล้วเราก็มาดูกันนะคะ ว่า การเลือกตั้งครั้งต่อไป เธอจะลงสมัครอีก และคราวนี้ก็เป็นสมาชิกสมาคมแล้ว... จะได้หรือไม่ได้.....?!! Wiwanda W. Vichit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 689 มุมมอง 0 รีวิว
  • รีโพสต์จากคอลัมน์ มันเป็นเช่นนั้นเอง โดยทับทิม พญาไท ในผู้จัดการออนไลน์ 1 กันยายน 2567

    “สำหรับ “แนวรบทะเลจีนใต้” นั้น...แม้ลักษณะภายนอก อาจดูผิดแผก แตกต่างไปจากทั้งสองแนวรบอยู่มั่ง แต่ถ้ามองลึกลงไปถึงไส้ในความร้อนเร่า ร้อนผ่าวๆ หรือ “ความไวไฟ” ก็ไม่น่าจะผิดไปจากกันสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเมื่อมองถึงการเดินทางไปเยือนจีนของที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาว “นายJake Sullivan”

    เมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา (27-29 ส.ค.) เพราะการเดินทางไปเยือนจีนของที่ปรึกษาความมั่นคงอเมริกันรายนี้ เอาเข้าจริงๆ แล้ว...อาจต่างไปจากการเดินทางไปเยี่ยมเยือนประเทศแต่ละประเทศตามปกติธรรมดา หรือตามขนบธรรมเนียมประเพณีโดยทั่วๆ ไป แต่ถือเป็นการเดินทางไปเยือนตาม “คำเชื้อเชิญ” ของคณะกรรมการกลางและโปลิตบูโรของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เพื่อให้มีโอกาส “รับฟัง...สิ่งที่ควรได้ยิน” ดังที่บทบรรณาธิการ “Global Times” เขาว่าเอาไว้เมื่อไม่กี่วันมานี้นั่นแหละทั่น...

    และการพูดคุยเจ๊าะแจ๊ะเจรจาของ 2 มหาอำนาจในคราวนี้...อาจแทบไม่ต้องเสียเวลาประดิษฐ์คิดค้นคำพูดประเภทสวยๆ หรูๆ แบบพวกนักการทูตที่ชอบวกไป-วนมาแต่อย่างใด เพราะถือเป็นการพูดคุยสื่อสารแบบ “ทหาร-ต่อ-ทหาร” (military-to-military communications) อะไรประมาณนั้น โดยผลสรุปของการพูดคุยเจรจา ถ้าฟังจากคำแถลงของกระทรวงกลาโหมจีน หรือจากคำประกาศของตัวแทนฝ่ายจีน อย่างรองประธานคณะกรรมาธิการทหารกลาง “พลเอกZhang Youxia” ต้องเรียกว่า...เผลอๆอาจต้อง “หรี่แอร์” ในระหว่างการประชุมหรือไม่? อย่างไร? ก็แล้วแต่จะว่ากันไป เพราะออกจะเป็นอะไรที่ “หนาวว์ว์ว์ยะเยือก” อยู่พอสมควรทีเดียว หรืออย่างที่สำนักข่าวต่างประเทศบางสำนักเขาถึงกับหยิบไปพาดหัวไว้ว่า...ปักกิ่งแสดงความต้องการที่จะให้วอชิงตัน “หยุดสมคบคิดทางทหาร” กับไต้หวัน เอาเลยถึงขั้นนั้น!!!

    คือ “พลเอกZhang Youxia” รายที่ว่านี้...แม้ว่าโดยฐานะ ตำแหน่ง จะเป็นแค่ “รองประธาน” ของคณะกรรมาธิการกลางทางทหารกองทัพจีนก็เถอะ แต่โดยความสนิทชิดเชื้อกับผู้นำสูงสุดของจีน อย่างประธานาธิบดี “สี ทนได้” หรือ “สี จิ้นผิง” นั้นว่ากันว่าสนิทกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อของทั้งคู่ และนอกจากเคยผ่านศึกสมรภูมิสงครามอย่าง “สงครามสั่งสอนเวียดนาม” เมื่อช่วงปี ค.ศ. 1979 แล้ว ยังมีสถานะเป็นหนึ่งในคณะกรรมการโปลิตบูโรของพรรคคอมมิวนิสต์จีนอีกด้วย ด้วยเหตุนี้คำพูด คำจาในแต่ละวรรค แต่ละประโยค ของบุคคลผู้นี้ คงต้อง “ฟัง” และฟังแบบต้อง “ได้ยิน” อีกต่างหาก โดยเฉพาะคำพูดที่ว่า “ปมประเด็นปัญหาไต้หวันอันเป็นส่วนหนึ่งของจีนที่มิอาจแบ่งแยกได้นั้น ถือเป็นรากฐานความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ และเป็นหมายเลขหนึ่งของ...เส้นตาย (Red Line) ที่ไม่อาจก้าวข้ามได้โดยเด็ดขาด แม้ว่าจีนจะพยายามรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในบริเวณช่องแคบไต้หวันมาโดยตลอด แต่ก็ต้องขอเตือนเอาไว้ด้วยว่า...สิ่งเหล่านี้อาจเป็นไปไม่ได้ถ้าหากยังมีความพยายามแบ่งแยกไต้หวันออกจากจีน!!!”

    นี่...ฟังแล้วต้องหรี่แอร์-ไม่หรี่แอร์ คงต้องไปคิดๆ เอาเองก็แล้วกัน ยิ่งเป็นคำพูดระหว่าง “ทหาร-ต่อ-ทหาร” ไม่ใช่คำพูดหวานๆ แบบบรรดานักการทูตทั้งหลาย ก็คงต้องคิดหน้า-คิดหลังยิ่งขึ้นไปใหญ่ โดยเฉพาะเมื่อรองประธานคณะกรรมาธิการทหารรายนี้ได้เน้นย้ำไว้ด้วยว่า “อเมริกาควรจะมียุทธศาสตร์ที่ถูกต้องในมุมมองที่มีต่อจีน และควรที่จะกลับมาสู่ความมีเหตุมีผลและนโยบายที่สอดคล้องกับความเป็นจริงต่อประเทศของเรา เคารพในผลประโยชน์หลักของจีนในทางปฏิบัติและพร้อมที่จะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกองทัพทั้งสองประเทศ ร่วมกันแบกรับภาระความรับผิดชอบในฐานะประเทศมหาอำนาจ” อันถือเป็นคำพูดที่สอดคล้องต้องกันกับผู้นำจีนอย่างประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ที่บอกกับ “นายJake Sullivan” เอาไว้ก่อนหน้านั้นประมาณว่า... “จีนและสหรัฐฯ ควรจะมีความรับผิดชอบต่อประวัติศาสตร์ ต่อประชาชนและต่อโลก” อีกด้วย...

    ดังนั้น...คำพูดที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาวได้รับฟังแบบชนิดเต็มรูหู ตลอดช่วงระยะเวลาประมาณ 11 ชั่วโมงในการพูดคุยหัวข้อต่างๆ ประมาณ 6 วาระ ระหว่างวันอังคารที่ 27 และพุธที่ 28 ส.ค. ถ้าหากจะสรุปย่อๆ แบบสั้นๆ-ง่ายๆ ตามสำบัดสำนวนของ “พลเอกZhang Youxia” ก็คือ... “หยุดสมคบคิดทางทหารกับไต้หวัน-หยุดติดอาวุธ-หยุดสร้างข่าวลือแบบผิดๆ” หรือเลิกกระตุ้น เลิกยุแยงตะแคงรั่ว ให้เกิดความคิดความทะเยอทะยานของบรรดาชาวไต้หวันบางกลุ่ม-บางราย ที่จะแยกไต้หวันออกจากจีนโดยเด็ดขาด!!!

    ด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้การพบปะระหว่างที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาวกับฝ่ายจีนคราวนี้ ในสายตานักคิด-นักเขียนและนักวิชาการด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเอเชีย-แปซิฟิกโดยเฉพาะ อย่าง “K.J. Noh” ถึงได้สรุปว่า นี่ไม่ใช่การพบปะเพื่อกระชับความสัมพันธ์ หรือปรับปรุงความสัมพันธ์ใดๆ อีกต่อไป แต่ถือเป็นการตอกย้ำ “ข้อสงสัย” ของจีนต่อบทบาทของอเมริการในเอเชีย-แปซิฟิก ที่ควรจะต้องเป็นไปตาม “ข้อตกลงที่บาหลี” (Bali Agreement) หรือระหว่างการประชุมสุดยอดของผู้นำจีนและผู้นำอเมริกันที่นครซานฟรานซิสโก เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนปี ค.ศ. 2023 นั่นก็คือข้อห้าม 5 ข้อ (Five Nos) ที่อเมริกาเคยสัญญิง-สัญญาไว้กับจีนว่าไม่คิดจะก่อสงครามเย็น-สงครามร้อน-ไม่คิดเปลี่ยนแปลงระบบปกครองจีน-ไม่ขัดขวางกิจกรรมของกันและกันและไม่สนับสนุนการแบ่งแยกดินแดน...

    ดังนั้น...การที่คุณพ่ออเมริกายังไม่หยุดขายอาวุธไม่รู้จะกี่ต่อกี่พันล้าน-หมื่นล้านให้กับไต้หวัน ยังเปิดช่อง เปิดโอกาส ให้รัฐมนตรีต่างประเทศไต้หวันและที่ปรึกษาความมั่นคง ดอดเข้าไป “ประชุมลับ” กับอเมริกากันถึงที่ เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาแถมยังพยายามหันไปสร้าง “ดาวยั่วดวงใหม่”

    อย่างฟิลิปปินส์ ชนิดถึงกับยอมทุ่มเทเงินทองถึง 1.894 ล้านล้านเปโซ หรือ 1.1 ล้านล้านบาท (33,740 ล้านดอลลาร์) เพื่อซื้ออาวุธ ซื้อเครื่องบินโจมตีมารับมือกับจีน โดยยังไม่นับรวมไปถึงการคิดจะนำเอาขีปนาวุธพิสัยกลางของอเมริกามาติดตั้งไว้ในฟิลิปปินส์อีกต่างหาก ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่เอง ที่น่าจะทำให้ “แนวรบในทะเลจีนใต้” นับแต่นี้ น่าจะยิ่งร้อนเร่า ร้อนแรง ยิ่งขึ้นไปตามลำดับ โดยเฉพาะเมื่อมหาอำนาจอันดับ 2 ของโลกอย่างจีน ไม่ได้คิดจะเอาแต่ลอดเลื้อย โอบกระหวัดรัดพันแบบแต่ก่อน แต่กล้าที่จะพูดจาแบบตรงไป-ตรงมา หรือแบบ “ทหาร-ต่อ-ทหาร” กับอเมริกา ให้ต้อง “ฟัง...แล้วได้ยิน” อย่างมิอาจเอาหูไปนา-เอาตาไปไร่ได้อีกต่อไป...

    อันนี้นี่แหละ...ที่มันเลยทำให้ “แนวรบ” ทุกแนวรบ กลายเป็นสิ่งที่สอดประสานซึ่งกันและกันอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ ไม่ว่าจะแนวรบยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลางและทะเลจีนใต้ ที่ได้กลายเป็นตัวสร้าง “แรงกดดัน” ให้กับมหาอำนาจสูงสุดอย่างคุณพ่ออเมริกาและบรรดาพันธมิตรตะวันตกทั้งหลาย ที่เพียงแค่เจอกับรัสเซียในแนวรบยุโรปตะวันออกเท่านั้นก็แทบ “ไปไม่เป็น” กันไปทั้งแผง ไม่ใช่ “เสาหลักทางเศรษฐกิจ” อย่างเยอรมนีเท่านั้น ที่ต้องออกมาสารภาพว่าชักจะ “บ่อจี๊” ไม่เหลือเงิน-เหลือทองพอที่จะไปช่วย “ตัวตลก-ตัวแทน” อย่างยูเครนได้อีกต่อไปแล้ว แต่กระทั่งโปแลนด์ที่อยู่หน้าปากประตูบ้านของรัสเซีย เมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมา ก็ยังต้องออกมาสารภาพว่าแทบไม่เหลืออาวุธที่จะส่งไปให้ยูเครนอีกต่อไป ส่วนในแนวรบตะวันออกกลาง การตระเตรียมรับมือกับ “สงครามใหญ่” อันอาจเกิดจากการแก้แค้น-เอาคืนของอิหร่าน ถึงกับทำให้เรือบรรทุกเครื่องบิน 2 ลำของอเมริกาไม่สามารถถอนสมอไปไหน-มาไหนได้อีก แถมจรวดราคาลูกละเป็นล้านๆ ดอลลาร์ที่ต้องเอาไว้สกัดกั้นจรวดหรือเครื่องบินโดรนราคาถูกๆ ของพวกนักรบเยเมนอย่าง “กบฏฮูตี” ก็ชักจะร่อยหรอแทบไม่เหลือติดคลังเอาไว้เลยก็ว่าได้...

    ด้วยเหตุนี้...ถ้าหากต้องมาเจอกับแนวรบอีกแนวรบ นั่นคือแนวรบทะเลจีนใต้ขึ้นมาเมื่อไหร่ โอกาสที่มหาอำนาจสูงสุดอย่างคุณพ่ออเมริกา รวมทั้งบรรดาพันธมิตรในโลกตะวันตกทั้งหลาย ที่ต่างก็ “กรอบเป็นข้าวเกรียบเมืองเพชร” ไปด้วยกันทั้งสิ้นจะยังคงยืนหยัด ยืนยัน ถึงความเป็น “โลกขั้วอำนาจเดียว” ไม่ยอมเปิดโอกาส ไม่ยอมรับข้อเท็จจริงว่าโลกทุกวันนี้ ได้กลายเป็น “โลกหลายขั้วอำนาจ” ไปเรียบร้อยแล้ว ก็คงเป็นได้แค่คำคุยโม้ คุยโต ไปวันๆ เท่านั้นเอง!!!”

    ที่มา : คอลัมน์มันเป็นเช่นนั้นเอง/ทับทิม พญาไท
    https://mgronline.com/daily/detail/9670000080996

    #Thaitimes
    รีโพสต์จากคอลัมน์ มันเป็นเช่นนั้นเอง โดยทับทิม พญาไท ในผู้จัดการออนไลน์ 1 กันยายน 2567 “สำหรับ “แนวรบทะเลจีนใต้” นั้น...แม้ลักษณะภายนอก อาจดูผิดแผก แตกต่างไปจากทั้งสองแนวรบอยู่มั่ง แต่ถ้ามองลึกลงไปถึงไส้ในความร้อนเร่า ร้อนผ่าวๆ หรือ “ความไวไฟ” ก็ไม่น่าจะผิดไปจากกันสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเมื่อมองถึงการเดินทางไปเยือนจีนของที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาว “นายJake Sullivan” เมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา (27-29 ส.ค.) เพราะการเดินทางไปเยือนจีนของที่ปรึกษาความมั่นคงอเมริกันรายนี้ เอาเข้าจริงๆ แล้ว...อาจต่างไปจากการเดินทางไปเยี่ยมเยือนประเทศแต่ละประเทศตามปกติธรรมดา หรือตามขนบธรรมเนียมประเพณีโดยทั่วๆ ไป แต่ถือเป็นการเดินทางไปเยือนตาม “คำเชื้อเชิญ” ของคณะกรรมการกลางและโปลิตบูโรของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เพื่อให้มีโอกาส “รับฟัง...สิ่งที่ควรได้ยิน” ดังที่บทบรรณาธิการ “Global Times” เขาว่าเอาไว้เมื่อไม่กี่วันมานี้นั่นแหละทั่น... และการพูดคุยเจ๊าะแจ๊ะเจรจาของ 2 มหาอำนาจในคราวนี้...อาจแทบไม่ต้องเสียเวลาประดิษฐ์คิดค้นคำพูดประเภทสวยๆ หรูๆ แบบพวกนักการทูตที่ชอบวกไป-วนมาแต่อย่างใด เพราะถือเป็นการพูดคุยสื่อสารแบบ “ทหาร-ต่อ-ทหาร” (military-to-military communications) อะไรประมาณนั้น โดยผลสรุปของการพูดคุยเจรจา ถ้าฟังจากคำแถลงของกระทรวงกลาโหมจีน หรือจากคำประกาศของตัวแทนฝ่ายจีน อย่างรองประธานคณะกรรมาธิการทหารกลาง “พลเอกZhang Youxia” ต้องเรียกว่า...เผลอๆอาจต้อง “หรี่แอร์” ในระหว่างการประชุมหรือไม่? อย่างไร? ก็แล้วแต่จะว่ากันไป เพราะออกจะเป็นอะไรที่ “หนาวว์ว์ว์ยะเยือก” อยู่พอสมควรทีเดียว หรืออย่างที่สำนักข่าวต่างประเทศบางสำนักเขาถึงกับหยิบไปพาดหัวไว้ว่า...ปักกิ่งแสดงความต้องการที่จะให้วอชิงตัน “หยุดสมคบคิดทางทหาร” กับไต้หวัน เอาเลยถึงขั้นนั้น!!! คือ “พลเอกZhang Youxia” รายที่ว่านี้...แม้ว่าโดยฐานะ ตำแหน่ง จะเป็นแค่ “รองประธาน” ของคณะกรรมาธิการกลางทางทหารกองทัพจีนก็เถอะ แต่โดยความสนิทชิดเชื้อกับผู้นำสูงสุดของจีน อย่างประธานาธิบดี “สี ทนได้” หรือ “สี จิ้นผิง” นั้นว่ากันว่าสนิทกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อของทั้งคู่ และนอกจากเคยผ่านศึกสมรภูมิสงครามอย่าง “สงครามสั่งสอนเวียดนาม” เมื่อช่วงปี ค.ศ. 1979 แล้ว ยังมีสถานะเป็นหนึ่งในคณะกรรมการโปลิตบูโรของพรรคคอมมิวนิสต์จีนอีกด้วย ด้วยเหตุนี้คำพูด คำจาในแต่ละวรรค แต่ละประโยค ของบุคคลผู้นี้ คงต้อง “ฟัง” และฟังแบบต้อง “ได้ยิน” อีกต่างหาก โดยเฉพาะคำพูดที่ว่า “ปมประเด็นปัญหาไต้หวันอันเป็นส่วนหนึ่งของจีนที่มิอาจแบ่งแยกได้นั้น ถือเป็นรากฐานความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ และเป็นหมายเลขหนึ่งของ...เส้นตาย (Red Line) ที่ไม่อาจก้าวข้ามได้โดยเด็ดขาด แม้ว่าจีนจะพยายามรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในบริเวณช่องแคบไต้หวันมาโดยตลอด แต่ก็ต้องขอเตือนเอาไว้ด้วยว่า...สิ่งเหล่านี้อาจเป็นไปไม่ได้ถ้าหากยังมีความพยายามแบ่งแยกไต้หวันออกจากจีน!!!” นี่...ฟังแล้วต้องหรี่แอร์-ไม่หรี่แอร์ คงต้องไปคิดๆ เอาเองก็แล้วกัน ยิ่งเป็นคำพูดระหว่าง “ทหาร-ต่อ-ทหาร” ไม่ใช่คำพูดหวานๆ แบบบรรดานักการทูตทั้งหลาย ก็คงต้องคิดหน้า-คิดหลังยิ่งขึ้นไปใหญ่ โดยเฉพาะเมื่อรองประธานคณะกรรมาธิการทหารรายนี้ได้เน้นย้ำไว้ด้วยว่า “อเมริกาควรจะมียุทธศาสตร์ที่ถูกต้องในมุมมองที่มีต่อจีน และควรที่จะกลับมาสู่ความมีเหตุมีผลและนโยบายที่สอดคล้องกับความเป็นจริงต่อประเทศของเรา เคารพในผลประโยชน์หลักของจีนในทางปฏิบัติและพร้อมที่จะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกองทัพทั้งสองประเทศ ร่วมกันแบกรับภาระความรับผิดชอบในฐานะประเทศมหาอำนาจ” อันถือเป็นคำพูดที่สอดคล้องต้องกันกับผู้นำจีนอย่างประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ที่บอกกับ “นายJake Sullivan” เอาไว้ก่อนหน้านั้นประมาณว่า... “จีนและสหรัฐฯ ควรจะมีความรับผิดชอบต่อประวัติศาสตร์ ต่อประชาชนและต่อโลก” อีกด้วย... ดังนั้น...คำพูดที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาวได้รับฟังแบบชนิดเต็มรูหู ตลอดช่วงระยะเวลาประมาณ 11 ชั่วโมงในการพูดคุยหัวข้อต่างๆ ประมาณ 6 วาระ ระหว่างวันอังคารที่ 27 และพุธที่ 28 ส.ค. ถ้าหากจะสรุปย่อๆ แบบสั้นๆ-ง่ายๆ ตามสำบัดสำนวนของ “พลเอกZhang Youxia” ก็คือ... “หยุดสมคบคิดทางทหารกับไต้หวัน-หยุดติดอาวุธ-หยุดสร้างข่าวลือแบบผิดๆ” หรือเลิกกระตุ้น เลิกยุแยงตะแคงรั่ว ให้เกิดความคิดความทะเยอทะยานของบรรดาชาวไต้หวันบางกลุ่ม-บางราย ที่จะแยกไต้หวันออกจากจีนโดยเด็ดขาด!!! ด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้การพบปะระหว่างที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาวกับฝ่ายจีนคราวนี้ ในสายตานักคิด-นักเขียนและนักวิชาการด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเอเชีย-แปซิฟิกโดยเฉพาะ อย่าง “K.J. Noh” ถึงได้สรุปว่า นี่ไม่ใช่การพบปะเพื่อกระชับความสัมพันธ์ หรือปรับปรุงความสัมพันธ์ใดๆ อีกต่อไป แต่ถือเป็นการตอกย้ำ “ข้อสงสัย” ของจีนต่อบทบาทของอเมริการในเอเชีย-แปซิฟิก ที่ควรจะต้องเป็นไปตาม “ข้อตกลงที่บาหลี” (Bali Agreement) หรือระหว่างการประชุมสุดยอดของผู้นำจีนและผู้นำอเมริกันที่นครซานฟรานซิสโก เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนปี ค.ศ. 2023 นั่นก็คือข้อห้าม 5 ข้อ (Five Nos) ที่อเมริกาเคยสัญญิง-สัญญาไว้กับจีนว่าไม่คิดจะก่อสงครามเย็น-สงครามร้อน-ไม่คิดเปลี่ยนแปลงระบบปกครองจีน-ไม่ขัดขวางกิจกรรมของกันและกันและไม่สนับสนุนการแบ่งแยกดินแดน... ดังนั้น...การที่คุณพ่ออเมริกายังไม่หยุดขายอาวุธไม่รู้จะกี่ต่อกี่พันล้าน-หมื่นล้านให้กับไต้หวัน ยังเปิดช่อง เปิดโอกาส ให้รัฐมนตรีต่างประเทศไต้หวันและที่ปรึกษาความมั่นคง ดอดเข้าไป “ประชุมลับ” กับอเมริกากันถึงที่ เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาแถมยังพยายามหันไปสร้าง “ดาวยั่วดวงใหม่” อย่างฟิลิปปินส์ ชนิดถึงกับยอมทุ่มเทเงินทองถึง 1.894 ล้านล้านเปโซ หรือ 1.1 ล้านล้านบาท (33,740 ล้านดอลลาร์) เพื่อซื้ออาวุธ ซื้อเครื่องบินโจมตีมารับมือกับจีน โดยยังไม่นับรวมไปถึงการคิดจะนำเอาขีปนาวุธพิสัยกลางของอเมริกามาติดตั้งไว้ในฟิลิปปินส์อีกต่างหาก ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่เอง ที่น่าจะทำให้ “แนวรบในทะเลจีนใต้” นับแต่นี้ น่าจะยิ่งร้อนเร่า ร้อนแรง ยิ่งขึ้นไปตามลำดับ โดยเฉพาะเมื่อมหาอำนาจอันดับ 2 ของโลกอย่างจีน ไม่ได้คิดจะเอาแต่ลอดเลื้อย โอบกระหวัดรัดพันแบบแต่ก่อน แต่กล้าที่จะพูดจาแบบตรงไป-ตรงมา หรือแบบ “ทหาร-ต่อ-ทหาร” กับอเมริกา ให้ต้อง “ฟัง...แล้วได้ยิน” อย่างมิอาจเอาหูไปนา-เอาตาไปไร่ได้อีกต่อไป... อันนี้นี่แหละ...ที่มันเลยทำให้ “แนวรบ” ทุกแนวรบ กลายเป็นสิ่งที่สอดประสานซึ่งกันและกันอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ ไม่ว่าจะแนวรบยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลางและทะเลจีนใต้ ที่ได้กลายเป็นตัวสร้าง “แรงกดดัน” ให้กับมหาอำนาจสูงสุดอย่างคุณพ่ออเมริกาและบรรดาพันธมิตรตะวันตกทั้งหลาย ที่เพียงแค่เจอกับรัสเซียในแนวรบยุโรปตะวันออกเท่านั้นก็แทบ “ไปไม่เป็น” กันไปทั้งแผง ไม่ใช่ “เสาหลักทางเศรษฐกิจ” อย่างเยอรมนีเท่านั้น ที่ต้องออกมาสารภาพว่าชักจะ “บ่อจี๊” ไม่เหลือเงิน-เหลือทองพอที่จะไปช่วย “ตัวตลก-ตัวแทน” อย่างยูเครนได้อีกต่อไปแล้ว แต่กระทั่งโปแลนด์ที่อยู่หน้าปากประตูบ้านของรัสเซีย เมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมา ก็ยังต้องออกมาสารภาพว่าแทบไม่เหลืออาวุธที่จะส่งไปให้ยูเครนอีกต่อไป ส่วนในแนวรบตะวันออกกลาง การตระเตรียมรับมือกับ “สงครามใหญ่” อันอาจเกิดจากการแก้แค้น-เอาคืนของอิหร่าน ถึงกับทำให้เรือบรรทุกเครื่องบิน 2 ลำของอเมริกาไม่สามารถถอนสมอไปไหน-มาไหนได้อีก แถมจรวดราคาลูกละเป็นล้านๆ ดอลลาร์ที่ต้องเอาไว้สกัดกั้นจรวดหรือเครื่องบินโดรนราคาถูกๆ ของพวกนักรบเยเมนอย่าง “กบฏฮูตี” ก็ชักจะร่อยหรอแทบไม่เหลือติดคลังเอาไว้เลยก็ว่าได้... ด้วยเหตุนี้...ถ้าหากต้องมาเจอกับแนวรบอีกแนวรบ นั่นคือแนวรบทะเลจีนใต้ขึ้นมาเมื่อไหร่ โอกาสที่มหาอำนาจสูงสุดอย่างคุณพ่ออเมริกา รวมทั้งบรรดาพันธมิตรในโลกตะวันตกทั้งหลาย ที่ต่างก็ “กรอบเป็นข้าวเกรียบเมืองเพชร” ไปด้วยกันทั้งสิ้นจะยังคงยืนหยัด ยืนยัน ถึงความเป็น “โลกขั้วอำนาจเดียว” ไม่ยอมเปิดโอกาส ไม่ยอมรับข้อเท็จจริงว่าโลกทุกวันนี้ ได้กลายเป็น “โลกหลายขั้วอำนาจ” ไปเรียบร้อยแล้ว ก็คงเป็นได้แค่คำคุยโม้ คุยโต ไปวันๆ เท่านั้นเอง!!!” ที่มา : คอลัมน์มันเป็นเช่นนั้นเอง/ทับทิม พญาไท https://mgronline.com/daily/detail/9670000080996 #Thaitimes
    MGRONLINE.COM
    สมรภูมิใหม่...ในแนวรบทะเลจีนใต้???
    เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องขออนุญาตชวนไปแวะดู “แนวรบทะเลจีนใต้” เป็นการเฉพาะ เพราะสำหรับแนวรบอีก 2 แนวคือยุโรปตะวันออกกับตะวันออกกลางนั้น แทบไม่ต้องเสียเวลาวิเคราะห์เจาะลึกอะไรกันมาก ด้วยเหตุเพราะโดยสภาพ
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 856 มุมมอง 0 รีวิว
  • ”วิว“ กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักแบตมินตันเหรียญเงิน โอลิมปิกปารีส2024 เริ่มรับงานนายแบบ เมื่อเจ้าตัวได้โพสต์ภาพที่ได้ถ่ายแฟชั่นให้กับแบรนด์ดังลงในอินสตาแกรมส่วนตัว พร้อมเผยความรู้สึกว่า
    .
    “มันก็จะเขินๆ หน่อย 🤭ฝากติดตามผลงานครั้งแรกของผมในบทบาทใหม่”
    .
    งานนี้ทำเอาแฟนคลับเข้าไปคอมเมนต์ชื่นชมกันแบบรัวๆ เช่น หล่อเลยครับ, ฮยอนบิน อปป้ามากกก โอ่ยยย หล่อเท่สุด ๆ เลยค้าบบบบ,เป็นนายแบบท่านหนึ่งที่ตีแบดได้นิดหน่อย,นักกีฬางานเสิรม งานหลักนายแบบ,ลุคส์นี้ดีงามมากกกกก ไม่เว้นแม้กระทั่งคนในวงการบันเทิง เช่น ดีเจเป้ วิศวะ ที่เข้ามาคอมเมนต์ว่า “โว๊ะ อย่างหล่อ 🔥🔥🔥” รวมถึงแวดวงกีฬาอย่างผู้ประกาศข่าวกีฬาอดีตนักว่ายน้ำทีมชาติ อาย ศรสวรรค์ ก็เข้ามา “กรี๊ดดดดดดด😍” และนักกีฬาแบดมินตันทีมชาติ ครีม บุศนันทน์ ก็เข้ามาคอมเมนต์แซว “เท่เกิ้นนนน” เรียกว่างานนี้ได้ใจแฟน ๆ ไปเต็มๆ โดยเฉพาะ สาว ๆ คริๆ

    ที่มา : ไนน์เอ็นเตอร์เทน

    #Thaitimes
    ”วิว“ กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักแบตมินตันเหรียญเงิน โอลิมปิกปารีส2024 เริ่มรับงานนายแบบ เมื่อเจ้าตัวได้โพสต์ภาพที่ได้ถ่ายแฟชั่นให้กับแบรนด์ดังลงในอินสตาแกรมส่วนตัว พร้อมเผยความรู้สึกว่า . “มันก็จะเขินๆ หน่อย 🤭ฝากติดตามผลงานครั้งแรกของผมในบทบาทใหม่” . งานนี้ทำเอาแฟนคลับเข้าไปคอมเมนต์ชื่นชมกันแบบรัวๆ เช่น หล่อเลยครับ, ฮยอนบิน อปป้ามากกก โอ่ยยย หล่อเท่สุด ๆ เลยค้าบบบบ,เป็นนายแบบท่านหนึ่งที่ตีแบดได้นิดหน่อย,นักกีฬางานเสิรม งานหลักนายแบบ,ลุคส์นี้ดีงามมากกกกก ไม่เว้นแม้กระทั่งคนในวงการบันเทิง เช่น ดีเจเป้ วิศวะ ที่เข้ามาคอมเมนต์ว่า “โว๊ะ อย่างหล่อ 🔥🔥🔥” รวมถึงแวดวงกีฬาอย่างผู้ประกาศข่าวกีฬาอดีตนักว่ายน้ำทีมชาติ อาย ศรสวรรค์ ก็เข้ามา “กรี๊ดดดดดดด😍” และนักกีฬาแบดมินตันทีมชาติ ครีม บุศนันทน์ ก็เข้ามาคอมเมนต์แซว “เท่เกิ้นนนน” เรียกว่างานนี้ได้ใจแฟน ๆ ไปเต็มๆ โดยเฉพาะ สาว ๆ คริๆ ที่มา : ไนน์เอ็นเตอร์เทน #Thaitimes
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 570 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔥🔥ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics
    ได้เผยแพร่ข้อมูล อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทย
    กำลังเข้าสู่โหมดขาลงในอัตราเร่ง

    🚩โดยอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทย
    กำลังถูกท้าทายด้วยต้นทุนค่าแรงที่เพิ่มขึ้น
    กับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่สามารถตอบสนองตลาด
    ในปัจจุบันได้เร็วกว่า และมีต้นทุนการผลิตต่อหน่วยที่ต่ำกว่า

    🚩หากไทยไม่เร่งพัฒนาศักยภาพการผลิตจากแบบดั้งเดิม
    (Traditional) ที่เป็นอยู่ พร้อมกับวางกลยุทธ์ทางการตลาด
    ให้เหมาะสมเพื่อกีดกันการแข่งขันด้านราคาจากผู้ประกอบการ
    ต่างชาติ และยังขาดการสนับสนุนจากภาครัฐ
    บทบาทของสินค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มต่อเศรษฐกิจไทยคง
    จะลดลงอย่างต่อเนื่อง

    แนะ 3 ทางรอด ได้แก่
    🚩1. กำหนดกลุ่มลูกค้าให้มีความชัดเจน
    🚩2. พัฒนาศักยภาพการผลิต
    🚩3. ขับเอกลักษณ์ประจำชาติ

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีทีบี
    #อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทย #thaitimes
    🔥🔥ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ได้เผยแพร่ข้อมูล อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทย กำลังเข้าสู่โหมดขาลงในอัตราเร่ง 🚩โดยอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทย กำลังถูกท้าทายด้วยต้นทุนค่าแรงที่เพิ่มขึ้น กับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่สามารถตอบสนองตลาด ในปัจจุบันได้เร็วกว่า และมีต้นทุนการผลิตต่อหน่วยที่ต่ำกว่า 🚩หากไทยไม่เร่งพัฒนาศักยภาพการผลิตจากแบบดั้งเดิม (Traditional) ที่เป็นอยู่ พร้อมกับวางกลยุทธ์ทางการตลาด ให้เหมาะสมเพื่อกีดกันการแข่งขันด้านราคาจากผู้ประกอบการ ต่างชาติ และยังขาดการสนับสนุนจากภาครัฐ บทบาทของสินค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มต่อเศรษฐกิจไทยคง จะลดลงอย่างต่อเนื่อง แนะ 3 ทางรอด ได้แก่ 🚩1. กำหนดกลุ่มลูกค้าให้มีความชัดเจน 🚩2. พัฒนาศักยภาพการผลิต 🚩3. ขับเอกลักษณ์ประจำชาติ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีทีบี #อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทย #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 682 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “บทบาทอดีตนายกฯ ทักษิณ ในรัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 20-21 สิงหาคม 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับบทบาททางการเมืองของคุณทักษิณ ชินวัตร ในรัฐบาลนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

    จากการสำรวจเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนถึงความเป็นไปได้ที่นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร จะบริหารประเทศโดยปราศจากคุณทักษิณ ชินวัตร พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 59.01 ระบุว่า เป็นไปไม่ได้เลย รองลงมา ร้อยละ 15.42 ระบุว่า ไม่น่าเป็นไปได้ ร้อยละ 14.96 ระบุว่า ค่อนข้างเป็นไปได้ ร้อยละ 9.77 ระบุว่า เป็นไปได้แน่นอน และร้อยละ 0.84 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

    ด้านบทบาทที่คุณทักษิณ ชินวัตร ควรมีในรัฐบาลนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 37.79 ระบุว่า ไม่ดำรงตำแหน่งใด ๆ ไม่อยู่หลังฉาก แต่อาจให้คำปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการในฐานะพ่อ-ลูก รองลงมา ร้อยละ 28.85 ระบุว่า ไม่ดำรงตำแหน่งใด ๆ แต่อยู่หลังฉากในการช่วย หรือให้คำปรึกษาในการบริหารประเทศแก่นายกฯ แพทองธาร ร้อยละ 26.95 ระบุว่า ไม่ดำรงตำแหน่งใด ๆ ไม่อยู่หลังฉาก และปล่อยให้นายกฯ แพทองธาร เป็นอิสระในการบริหารประเทศ ร้อยละ 6.03 ระบุว่า ดำรงตำแหน่งที่เป็นทางการในการช่วย หรือให้คำปรึกษาในการบริหารประเทศแก่นายกฯ แพทองธาร และร้อยละ 0.38 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

    ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงบทบาทของ คุณทักษิณ ชินวัตร ในความเป็นจริงที่ประชาชนจะได้เห็นในรัฐบาลนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตรพบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 39.39 ระบุว่า ไม่ดำรงตำแหน่งใด ๆ แต่อยู่หลังฉากในการช่วย หรือให้คำปรึกษาในการบริหารประเทศแก่นายกฯ แพทองธารรองลงมา ร้อยละ 31.91 ระบุว่า ไม่ดำรงตำแหน่งใด ๆ ไม่อยู่หลังฉาก แต่อาจให้คำปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการในฐานะพ่อ-ลูก ร้อยละ 18.70 ระบุว่า ไม่ดำรงตำแหน่งใด ๆ ไม่อยู่หลังฉาก และปล่อยให้นายกฯ แพทองธาร เป็นอิสระในการบริหารประเทศ ร้อยละ 9.08 ระบุว่าดำรงตำแหน่งที่เป็นทางการในการช่วย หรือให้คำปรึกษาในการบริหารประเทศแก่นายกฯ แพทองธาร และร้อยละ 0.92 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

    เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 8.55 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ร้อยละ 18.63 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคกลาง ร้อยละ 17.86 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 33.35 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 13.82 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคใต้ และร้อยละ 7.79 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออก ตัวอย่าง ร้อยละ 48.09 เป็นเพศชาย และร้อยละ 51.91 เป็นเพศหญิง

    ตัวอย่าง ร้อยละ 12.37 อายุ 18-25 ปี ร้อยละ 17.94 อายุ 26-35 ปี ร้อยละ 18.24 อายุ 36-45 ปี ร้อยละ 26.64 อายุ 46-59 ปี และร้อยละ 24.81 อายุ 60 ปีขึ้นไป ตัวอย่าง ร้อยละ 96.26 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 2.75 นับถือศาสนาอิสลาม และร้อยละ 0.99 นับถือศาสนาคริสต์ และศาสนาอื่น ๆ

    ตัวอย่าง ร้อยละ 35.42 สถานภาพโสด ร้อยละ 62.75 สมรส และร้อยละ 1.83 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ ตัวอย่าง ร้อยละ 12.83 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 27.63 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 11.22 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 39.16 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 9.16 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า

    ตัวอย่าง ร้อยละ 12.90 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 16.34 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 23.83 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 6.79 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 14.50 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 20.53 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน และร้อยละ 5.11 เป็นนักเรียน/นักศึกษา

    ตัวอย่าง ร้อยละ 17.71 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 13.74 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ร้อยละ 29.54 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 14.20 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 6.95 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท ร้อยละ 8.32 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 9.54 ไม่ระบุรายได้

    ที่มา : นิด้าโพล

    #Thaitimes
    ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “บทบาทอดีตนายกฯ ทักษิณ ในรัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 20-21 สิงหาคม 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับบทบาททางการเมืองของคุณทักษิณ ชินวัตร ในรัฐบาลนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0 จากการสำรวจเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนถึงความเป็นไปได้ที่นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร จะบริหารประเทศโดยปราศจากคุณทักษิณ ชินวัตร พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 59.01 ระบุว่า เป็นไปไม่ได้เลย รองลงมา ร้อยละ 15.42 ระบุว่า ไม่น่าเป็นไปได้ ร้อยละ 14.96 ระบุว่า ค่อนข้างเป็นไปได้ ร้อยละ 9.77 ระบุว่า เป็นไปได้แน่นอน และร้อยละ 0.84 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ ด้านบทบาทที่คุณทักษิณ ชินวัตร ควรมีในรัฐบาลนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 37.79 ระบุว่า ไม่ดำรงตำแหน่งใด ๆ ไม่อยู่หลังฉาก แต่อาจให้คำปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการในฐานะพ่อ-ลูก รองลงมา ร้อยละ 28.85 ระบุว่า ไม่ดำรงตำแหน่งใด ๆ แต่อยู่หลังฉากในการช่วย หรือให้คำปรึกษาในการบริหารประเทศแก่นายกฯ แพทองธาร ร้อยละ 26.95 ระบุว่า ไม่ดำรงตำแหน่งใด ๆ ไม่อยู่หลังฉาก และปล่อยให้นายกฯ แพทองธาร เป็นอิสระในการบริหารประเทศ ร้อยละ 6.03 ระบุว่า ดำรงตำแหน่งที่เป็นทางการในการช่วย หรือให้คำปรึกษาในการบริหารประเทศแก่นายกฯ แพทองธาร และร้อยละ 0.38 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงบทบาทของ คุณทักษิณ ชินวัตร ในความเป็นจริงที่ประชาชนจะได้เห็นในรัฐบาลนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตรพบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 39.39 ระบุว่า ไม่ดำรงตำแหน่งใด ๆ แต่อยู่หลังฉากในการช่วย หรือให้คำปรึกษาในการบริหารประเทศแก่นายกฯ แพทองธารรองลงมา ร้อยละ 31.91 ระบุว่า ไม่ดำรงตำแหน่งใด ๆ ไม่อยู่หลังฉาก แต่อาจให้คำปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการในฐานะพ่อ-ลูก ร้อยละ 18.70 ระบุว่า ไม่ดำรงตำแหน่งใด ๆ ไม่อยู่หลังฉาก และปล่อยให้นายกฯ แพทองธาร เป็นอิสระในการบริหารประเทศ ร้อยละ 9.08 ระบุว่าดำรงตำแหน่งที่เป็นทางการในการช่วย หรือให้คำปรึกษาในการบริหารประเทศแก่นายกฯ แพทองธาร และร้อยละ 0.92 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 8.55 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ร้อยละ 18.63 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคกลาง ร้อยละ 17.86 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 33.35 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 13.82 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคใต้ และร้อยละ 7.79 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออก ตัวอย่าง ร้อยละ 48.09 เป็นเพศชาย และร้อยละ 51.91 เป็นเพศหญิง ตัวอย่าง ร้อยละ 12.37 อายุ 18-25 ปี ร้อยละ 17.94 อายุ 26-35 ปี ร้อยละ 18.24 อายุ 36-45 ปี ร้อยละ 26.64 อายุ 46-59 ปี และร้อยละ 24.81 อายุ 60 ปีขึ้นไป ตัวอย่าง ร้อยละ 96.26 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 2.75 นับถือศาสนาอิสลาม และร้อยละ 0.99 นับถือศาสนาคริสต์ และศาสนาอื่น ๆ ตัวอย่าง ร้อยละ 35.42 สถานภาพโสด ร้อยละ 62.75 สมรส และร้อยละ 1.83 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ ตัวอย่าง ร้อยละ 12.83 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 27.63 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 11.22 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 39.16 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 9.16 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ตัวอย่าง ร้อยละ 12.90 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 16.34 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 23.83 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 6.79 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 14.50 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 20.53 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน และร้อยละ 5.11 เป็นนักเรียน/นักศึกษา ตัวอย่าง ร้อยละ 17.71 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 13.74 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ร้อยละ 29.54 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 14.20 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 6.95 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท ร้อยละ 8.32 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 9.54 ไม่ระบุรายได้ ที่มา : นิด้าโพล #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 539 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ สร้างภาพช่วงว่างงานทางการเมือง เป็นได้แค่ "สหายจอมปลอม" ที่หากินกับคำว่า ประชาธิปไตย
    #7ดอกจิก
    #พิธา
    #บทบาทใหม่
    ♣ สร้างภาพช่วงว่างงานทางการเมือง เป็นได้แค่ "สหายจอมปลอม" ที่หากินกับคำว่า ประชาธิปไตย #7ดอกจิก #พิธา #บทบาทใหม่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 212 มุมมอง 0 รีวิว
  • ย้ำเป็นครั้งที่ 45 ว่า
    #หลังจากนี้มีงูเห่าโดดเพียบ
    สาเหตุสำคัญเพราะพรรคยังเถื่อน
    ถ้าไม่รีบโดด รอพรรคประกาศราชกิจจา
    อาจไม่ทัน ถ้ามียุบสภาขึ้นมา เท้งเต้งตามชื่อหัวหน้าพรรค
    และอีกหลายๆตัว อยากโดดมานาน แต่ไม่มีใครเอา
    ให้จับตา พวกที่ไม่ค่อยมีบทบาท ที่เงียบๆเจียมเนื้อเจียมตัวในพรรค
    นั่นแหละ ที่ดูเชื่องๆ ที่พรรคใหญ่เค้าจะเมตตา
    จะบอกอะไรให้นะ ล่าสุด ที่คุยสร้างราคาไว้ว่า
    คนละสามสิบล้าน ไม่มีจริงหรอก
    ล่าสุด เสนอพรรคใหญ่เองเล๊ย เอา 5 ล้านก็ไปแล้วจ่ะพี่
    ถถถถถ เวทนา หลุดรอบนี้ แปลงร่างเป็นงูเห่าไม่ต่ำกว่า
    40 สส. ฟันธง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ย้ำเป็นครั้งที่ 45 ว่า #หลังจากนี้มีงูเห่าโดดเพียบ สาเหตุสำคัญเพราะพรรคยังเถื่อน ถ้าไม่รีบโดด รอพรรคประกาศราชกิจจา อาจไม่ทัน ถ้ามียุบสภาขึ้นมา เท้งเต้งตามชื่อหัวหน้าพรรค และอีกหลายๆตัว อยากโดดมานาน แต่ไม่มีใครเอา ให้จับตา พวกที่ไม่ค่อยมีบทบาท ที่เงียบๆเจียมเนื้อเจียมตัวในพรรค นั่นแหละ ที่ดูเชื่องๆ ที่พรรคใหญ่เค้าจะเมตตา จะบอกอะไรให้นะ ล่าสุด ที่คุยสร้างราคาไว้ว่า คนละสามสิบล้าน ไม่มีจริงหรอก ล่าสุด เสนอพรรคใหญ่เองเล๊ย เอา 5 ล้านก็ไปแล้วจ่ะพี่ ถถถถถ เวทนา หลุดรอบนี้ แปลงร่างเป็นงูเห่าไม่ต่ำกว่า 40 สส. ฟันธง #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 267 มุมมอง 0 รีวิว
  • พี่คิงส์โพธิ์แดงก็เห็นข่าวนี้มานานมากแล้ว
    เห็นบทบาทที่ปูแสดง รวมถึงสามีที่รักเมียมากมาย
    มีคำถามในใจดังนี้
    1. หาญผู้เป็นผัว ขึงขังว่าตระกูลหิมะทองคำเสียหาย
    คือ เมียเมิงไปเหลี่ยมเอาเงินคนอื่นมาแล้วไม่คืน พอคนไปทวงบอกหิมะทองคำเสียหาย นั่นผิดที่เมิงเลยนะน่ะ เมียต้องบากหน้าไปยืมเงินคนอื่นแม้กระทั่งค่าอินเตอร์เน็ตลูก นั่นแปลว่าเมิงไม่ดูแลค่าใช้จ่ายครอบครัว นี่ยังสงสัยนะว่า ที่เมียต้องไปเหลี่ยมกับตังค์ชาวบ้าน คือเอามาช่วยผัวหรือเปล่า มันไม่สมเหตุสมผลว่า ผัวไม่รู้เรื่องห่านอะไรเลย
    2. ปูหนีบผัว แถลงข่าวหลายต่อหลายรอบ ยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ถังแตก ปากเบี้ยวปากเบินคุยรวย ตรงนั้นร้อยล้าน ตรงนี้พันล้านของพี่น้องผัว เอาจริงๆนะปู สภาพแล้ว เธอถังแตกจริงๆแหละ เจอใครยืมหมดหลักฐานมีเพียบ อันนี้ถือว่าไม่คุ้มค่าเน็ตเลย
    3. หาญผู้ผัว อันนี้น่าสนใจ กรณีบอกว่ามีตังคืนนะตอนนี้ก็ได้ แต่อ้างความเสียหายต่างๆนาๆ กะเจ๊า ว่างั้น คือไม่คืน ถั่วๆเจ๊าๆกันไป
    ทำให้ถึงเวลานี้ ญาติพี่น้องของหาญผู้ผัวเอง ต้องตั้งคำถามแล้ว
    ว่าน้องหรือพี่ตัวเอง ตอนนี้กำลังประสบปัญหาอะไร มันชัดเจนขนาดนี้ และควรเอื้อมมือเข้ามาช่วยเหลือโดยด่วน ด้วยการเยียวยาลูกหนี้ทุกราย
    ดีกว่าปล่อยให้หาญและเมีย พ่นน้ำลายหวังเจ๊าไม่ต้องชดใช้
    เอาจริงๆ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เฉพาะคิงส์โพธิ์แดงหรอกที่ดูออก
    ชาวบ้าน ชาวช่อง เค้าดูออกกันหมดแหละ
    ถ้ายังดื้อดึงกับยอดหนี้นี้ไม่คืน
    ทั้งหาญผู้หัว ปูผู้เมีย รับรอง จบ
    หาญควรกล้าหาญตามชื่อ บอกกับครอบครัวถึงความจริง
    ว่าตัวเองไปมีอะไรที่ต้องให้เมียไปช่วยหาเงินมามากมายไม่จบไม่สิ้น
    เพราะลำพังตัวปูเอง ถ้าผัวดูแลอย่างดีสมฐานะ คงไม่ต้องบากหน้าไปพึ่งพาไปขอร้องหรือไปเหลี่ยมเอาเงินของใครมา
    ท่าทีของปู กับวิธีการให้ได้มาซึ่งเงินชาวบ้านนั้น บอกตรงๆ ไม่ต่างจาก ค-อ-ล เซ็นเตอร์เลย
    หวังว่า คงได้สติ ได้คิดไม่เปลืองพื้นที่ข่าว
    น้ำเอาน้ำลายที่สองผัวเมียพ่นเปลี่ยนเป็นเงินได้
    ป่านนี้ใช้หนี้ครบละ
    อ้อ แล้วไอที่บอกว่า ลูกหนี้ดังเพราะชื่อเสียงตัวเองอะนะ
    พี่คิงส์บอกปูไว้นิดนึง เธอแก่แล้ว เธอถูกลืมจากวงการไปแล้ว
    ถ้าคนรุ่นปัจจุบันมารู้จักปูไม่ใช่ในฐานะดารานะ
    แต่รู้จักปูในฐานะนี่แหละ
    ดาราเหนียวหนี้อันดับ 1 ของประเทศ
    หรือ ดาราหน้าด้านอันดับ 1 ของประเทศ
    ไม่ใช่ ไปถามร้านขายของใกล้บ้านเอานะ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ปูมัณฑนา
    พี่คิงส์โพธิ์แดงก็เห็นข่าวนี้มานานมากแล้ว เห็นบทบาทที่ปูแสดง รวมถึงสามีที่รักเมียมากมาย มีคำถามในใจดังนี้ 1. หาญผู้เป็นผัว ขึงขังว่าตระกูลหิมะทองคำเสียหาย คือ เมียเมิงไปเหลี่ยมเอาเงินคนอื่นมาแล้วไม่คืน พอคนไปทวงบอกหิมะทองคำเสียหาย นั่นผิดที่เมิงเลยนะน่ะ เมียต้องบากหน้าไปยืมเงินคนอื่นแม้กระทั่งค่าอินเตอร์เน็ตลูก นั่นแปลว่าเมิงไม่ดูแลค่าใช้จ่ายครอบครัว นี่ยังสงสัยนะว่า ที่เมียต้องไปเหลี่ยมกับตังค์ชาวบ้าน คือเอามาช่วยผัวหรือเปล่า มันไม่สมเหตุสมผลว่า ผัวไม่รู้เรื่องห่านอะไรเลย 2. ปูหนีบผัว แถลงข่าวหลายต่อหลายรอบ ยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ถังแตก ปากเบี้ยวปากเบินคุยรวย ตรงนั้นร้อยล้าน ตรงนี้พันล้านของพี่น้องผัว เอาจริงๆนะปู สภาพแล้ว เธอถังแตกจริงๆแหละ เจอใครยืมหมดหลักฐานมีเพียบ อันนี้ถือว่าไม่คุ้มค่าเน็ตเลย 3. หาญผู้ผัว อันนี้น่าสนใจ กรณีบอกว่ามีตังคืนนะตอนนี้ก็ได้ แต่อ้างความเสียหายต่างๆนาๆ กะเจ๊า ว่างั้น คือไม่คืน ถั่วๆเจ๊าๆกันไป ทำให้ถึงเวลานี้ ญาติพี่น้องของหาญผู้ผัวเอง ต้องตั้งคำถามแล้ว ว่าน้องหรือพี่ตัวเอง ตอนนี้กำลังประสบปัญหาอะไร มันชัดเจนขนาดนี้ และควรเอื้อมมือเข้ามาช่วยเหลือโดยด่วน ด้วยการเยียวยาลูกหนี้ทุกราย ดีกว่าปล่อยให้หาญและเมีย พ่นน้ำลายหวังเจ๊าไม่ต้องชดใช้ เอาจริงๆ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เฉพาะคิงส์โพธิ์แดงหรอกที่ดูออก ชาวบ้าน ชาวช่อง เค้าดูออกกันหมดแหละ ถ้ายังดื้อดึงกับยอดหนี้นี้ไม่คืน ทั้งหาญผู้หัว ปูผู้เมีย รับรอง จบ หาญควรกล้าหาญตามชื่อ บอกกับครอบครัวถึงความจริง ว่าตัวเองไปมีอะไรที่ต้องให้เมียไปช่วยหาเงินมามากมายไม่จบไม่สิ้น เพราะลำพังตัวปูเอง ถ้าผัวดูแลอย่างดีสมฐานะ คงไม่ต้องบากหน้าไปพึ่งพาไปขอร้องหรือไปเหลี่ยมเอาเงินของใครมา ท่าทีของปู กับวิธีการให้ได้มาซึ่งเงินชาวบ้านนั้น บอกตรงๆ ไม่ต่างจาก ค-อ-ล เซ็นเตอร์เลย หวังว่า คงได้สติ ได้คิดไม่เปลืองพื้นที่ข่าว น้ำเอาน้ำลายที่สองผัวเมียพ่นเปลี่ยนเป็นเงินได้ ป่านนี้ใช้หนี้ครบละ อ้อ แล้วไอที่บอกว่า ลูกหนี้ดังเพราะชื่อเสียงตัวเองอะนะ พี่คิงส์บอกปูไว้นิดนึง เธอแก่แล้ว เธอถูกลืมจากวงการไปแล้ว ถ้าคนรุ่นปัจจุบันมารู้จักปูไม่ใช่ในฐานะดารานะ แต่รู้จักปูในฐานะนี่แหละ ดาราเหนียวหนี้อันดับ 1 ของประเทศ หรือ ดาราหน้าด้านอันดับ 1 ของประเทศ ไม่ใช่ ไปถามร้านขายของใกล้บ้านเอานะ #คิงส์โพธิ์แดง #ปูมัณฑนา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 402 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts