• ถ้าเกิดความผิดพลาด..แก้ไขให้เร็ว..พยายาม...เท่าที่ทำได้ (อย่างเต็มกำลัง" สุดท้าย..ถ้ามันยังแก้ไขไม่ได้...ลองเปลี่ยน จากแก้ทั้งหมด ทุกอย่าง..เปลี่ยนเป็นทีละเล็กละน้อย...แต่ถ้ายังไม่ได้อีก..ก็ ทำใจยอมรับกับคำว่า #ช่างมัน...เพราะขีวิตไม่ได้สิ้นสุดตอนนี้เดี๋ยวนี้..ก็ต้องดำเนินต่อไป..จะในบทบาทที่ถูกตราหน้าว่า คนชั่ว คนเลว คนโกง..ก็ว่ากันไป....ถ้าคุณทำได้กับคำว่า ช่างมัน ...แต่ต้องผ่านกระบวนการข้างต้นอย่างเต็มที่ก่อนนะ...แสดงว่า คุณ ก้าวข้ามไปอีก 1 level แล้วและจงจำไว้ว่า ถ้าคุณกลับมาได้ในอนาคต ภาพจำในอดีต สิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย อาจไม่มีคนพูดถึง หรือถึงขั้น ลืมไปเลย..
    ถ้าเกิดความผิดพลาด..แก้ไขให้เร็ว..พยายาม...เท่าที่ทำได้ (อย่างเต็มกำลัง" สุดท้าย..ถ้ามันยังแก้ไขไม่ได้...ลองเปลี่ยน จากแก้ทั้งหมด ทุกอย่าง..เปลี่ยนเป็นทีละเล็กละน้อย...แต่ถ้ายังไม่ได้อีก..ก็ ทำใจยอมรับกับคำว่า #ช่างมัน...เพราะขีวิตไม่ได้สิ้นสุดตอนนี้เดี๋ยวนี้..ก็ต้องดำเนินต่อไป..จะในบทบาทที่ถูกตราหน้าว่า คนชั่ว คนเลว คนโกง..ก็ว่ากันไป....ถ้าคุณทำได้กับคำว่า ช่างมัน ...แต่ต้องผ่านกระบวนการข้างต้นอย่างเต็มที่ก่อนนะ...แสดงว่า คุณ ก้าวข้ามไปอีก 1 level แล้วและจงจำไว้ว่า ถ้าคุณกลับมาได้ในอนาคต ภาพจำในอดีต สิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย อาจไม่มีคนพูดถึง หรือถึงขั้น ลืมไปเลย..
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 รีวิว
  • Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta ได้คาดการณ์ว่า AI อาจเข้ามาแทนที่วิศวกรระดับกลางในปี 2025 และเปลี่ยนแปลงการเขียนโค้ดอย่างสิ้นเชิง ในการสัมภาษณ์กับ Joe Rogan Zuckerberg กล่าวถึงทิศทางของบริษัทและการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น โดยเขาได้วิจารณ์ Apple ว่าขาดนวัตกรรมและคาดการณ์ว่า AI จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเขียนโค้ด

    Zuckerberg กล่าวว่า AI จะสามารถทำหน้าที่เป็นวิศวกรระดับกลางที่สามารถเขียนโค้ดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้วิศวกรมีเวลามากขึ้นในการทำงานที่สร้างสรรค์และเชิงกลยุทธ์ แม้ว่าในช่วงแรกการนำ AI มาใช้จะมีค่าใช้จ่ายสูง แต่เมื่อเวลาผ่านไป AI จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นและสามารถพัฒนาโค้ดได้มากกว่ามนุษย์

    การคาดการณ์นี้สอดคล้องกับการพัฒนาในวงการเทคโนโลยีที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งอาจมีผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีโดยรวม นอกจากนี้ ซีอีโอของ Salesforce ยังได้กล่าวถึงการพิจารณาการจ้างวิศวกรซอฟต์แวร์ในปี 2025 และการใช้ AI ในการทำงานแทนมนุษย์

    การนำ AI มาใช้ในงานวิศวกรรมอาจทำให้บทบาทของวิศวกรเปลี่ยนแปลงไป และต้องใช้เวลาและความพยายามในการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงนี้

    https://wccftech.com/mark-zuckerberg-predicts-ai-might-replace-mid-level-engineers-in-2025-and-completely-reshape-coding/
    Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta ได้คาดการณ์ว่า AI อาจเข้ามาแทนที่วิศวกรระดับกลางในปี 2025 และเปลี่ยนแปลงการเขียนโค้ดอย่างสิ้นเชิง ในการสัมภาษณ์กับ Joe Rogan Zuckerberg กล่าวถึงทิศทางของบริษัทและการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น โดยเขาได้วิจารณ์ Apple ว่าขาดนวัตกรรมและคาดการณ์ว่า AI จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเขียนโค้ด Zuckerberg กล่าวว่า AI จะสามารถทำหน้าที่เป็นวิศวกรระดับกลางที่สามารถเขียนโค้ดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้วิศวกรมีเวลามากขึ้นในการทำงานที่สร้างสรรค์และเชิงกลยุทธ์ แม้ว่าในช่วงแรกการนำ AI มาใช้จะมีค่าใช้จ่ายสูง แต่เมื่อเวลาผ่านไป AI จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นและสามารถพัฒนาโค้ดได้มากกว่ามนุษย์ การคาดการณ์นี้สอดคล้องกับการพัฒนาในวงการเทคโนโลยีที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งอาจมีผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีโดยรวม นอกจากนี้ ซีอีโอของ Salesforce ยังได้กล่าวถึงการพิจารณาการจ้างวิศวกรซอฟต์แวร์ในปี 2025 และการใช้ AI ในการทำงานแทนมนุษย์ การนำ AI มาใช้ในงานวิศวกรรมอาจทำให้บทบาทของวิศวกรเปลี่ยนแปลงไป และต้องใช้เวลาและความพยายามในการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงนี้ https://wccftech.com/mark-zuckerberg-predicts-ai-might-replace-mid-level-engineers-in-2025-and-completely-reshape-coding/
    WCCFTECH.COM
    Mark Zuckerberg Predicts AI Might Replace Mid-Level Engineers In 2025 And Completely Reshape Coding
    Mark Zuckerberg recently shared his views on a podcast about the role of AI and how it might replace mid level engineers in 2025
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel Foundry ได้ประกาศการเข้าร่วมของลูกค้าใหม่ในโครงการ RAMP-C (Rapid Assured Microelectronics Prototypes - Commercial) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Trusted & Assured Microelectronics (T&AM) ภายใต้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ สำหรับการวิจัยและวิศวกรรม (OUSD (R&E)) ลูกค้าใหม่ที่เข้าร่วมโครงการนี้ได้แก่ Trusted Semiconductor Solutions และ Reliable MicroSystems

    โครงการ RAMP-C ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการผลิต Intel 18A และการบรรจุภัณฑ์ขั้นสูงสำหรับการผลิตต้นแบบและการผลิตในปริมาณมากของผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์และผลิตภัณฑ์สำหรับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ

    Kapil Wadhera รองประธานของ Intel Foundry และผู้จัดการทั่วไปของกลุ่มธุรกิจการบินและอวกาศ กลาโหม และรัฐบาล กล่าวว่า "เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ต้อนรับ Trusted Semiconductor Solutions และ Reliable MicroSystems เข้าร่วมโครงการ RAMP-C ความร่วมมือนี้จะช่วยขับเคลื่อนโซลูชันเซมิคอนดักเตอร์ที่ปลอดภัยและทันสมัย ซึ่งมีความสำคัญต่อความมั่นคงของชาติ การเติบโตทางเศรษฐกิจ และความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีของประเทศ เราภูมิใจในบทบาทสำคัญของ Intel Foundry ในการสนับสนุนการป้องกันประเทศของสหรัฐฯ และหวังว่าจะได้ทำงานร่วมกับลูกค้าใหม่ของเราเพื่อพัฒนานวัตกรรมด้วยเทคโนโลยี Intel 18A ของเรา"

    โครงการ RAMP-C ได้รับความสำเร็จอย่างมากตั้งแต่เปิดตัวในเดือนตุลาคม 2021 โดย Intel Foundry มีบทบาทสำคัญในทุกขั้นตอนของโครงการ ตั้งแต่การพัฒนาเทคโนโลยี การสร้างทรัพย์สินทางปัญญา และการเตรียมลูกค้าสำหรับการทดสอบชิปต้นแบบ จนถึงการขยายฐานลูกค้าและการผลิตต้นแบบขั้นสูง

    การขยายการผลิต Intel 18A ช่วยเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกด้วยแหล่งที่เชื่อถือได้และยั่งยืนของเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดสำหรับอุปกรณ์ไมโครอิเล็กทรอนิกส์

    https://www.techpowerup.com/331263/intel-foundry-adds-new-customers-to-ramp-c-project-for-us-defense
    Intel Foundry ได้ประกาศการเข้าร่วมของลูกค้าใหม่ในโครงการ RAMP-C (Rapid Assured Microelectronics Prototypes - Commercial) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Trusted & Assured Microelectronics (T&AM) ภายใต้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ สำหรับการวิจัยและวิศวกรรม (OUSD (R&E)) ลูกค้าใหม่ที่เข้าร่วมโครงการนี้ได้แก่ Trusted Semiconductor Solutions และ Reliable MicroSystems โครงการ RAMP-C ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการผลิต Intel 18A และการบรรจุภัณฑ์ขั้นสูงสำหรับการผลิตต้นแบบและการผลิตในปริมาณมากของผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์และผลิตภัณฑ์สำหรับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ Kapil Wadhera รองประธานของ Intel Foundry และผู้จัดการทั่วไปของกลุ่มธุรกิจการบินและอวกาศ กลาโหม และรัฐบาล กล่าวว่า "เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ต้อนรับ Trusted Semiconductor Solutions และ Reliable MicroSystems เข้าร่วมโครงการ RAMP-C ความร่วมมือนี้จะช่วยขับเคลื่อนโซลูชันเซมิคอนดักเตอร์ที่ปลอดภัยและทันสมัย ซึ่งมีความสำคัญต่อความมั่นคงของชาติ การเติบโตทางเศรษฐกิจ และความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีของประเทศ เราภูมิใจในบทบาทสำคัญของ Intel Foundry ในการสนับสนุนการป้องกันประเทศของสหรัฐฯ และหวังว่าจะได้ทำงานร่วมกับลูกค้าใหม่ของเราเพื่อพัฒนานวัตกรรมด้วยเทคโนโลยี Intel 18A ของเรา" โครงการ RAMP-C ได้รับความสำเร็จอย่างมากตั้งแต่เปิดตัวในเดือนตุลาคม 2021 โดย Intel Foundry มีบทบาทสำคัญในทุกขั้นตอนของโครงการ ตั้งแต่การพัฒนาเทคโนโลยี การสร้างทรัพย์สินทางปัญญา และการเตรียมลูกค้าสำหรับการทดสอบชิปต้นแบบ จนถึงการขยายฐานลูกค้าและการผลิตต้นแบบขั้นสูง การขยายการผลิต Intel 18A ช่วยเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกด้วยแหล่งที่เชื่อถือได้และยั่งยืนของเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดสำหรับอุปกรณ์ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ https://www.techpowerup.com/331263/intel-foundry-adds-new-customers-to-ramp-c-project-for-us-defense
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Intel Foundry Adds New Customers to RAMP-C Project for US Defense
    Intel Foundry has announced the onboarding of new defense industrial base (DIB) customers, Trusted Semiconductor Solutions and Reliable MicroSystems, as part of the third phase of the Rapid Assured Microelectronics Prototypes - Commercial (RAMP-C) efforts under the Trusted & Assured Microelectronics...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานว่า Intel อาจถูกเข้าซื้อกิจการ โดยมีการคาดการณ์ว่าบริษัทที่ไม่ระบุชื่อกำลังพิจารณาการเข้าซื้อกิจการของ Intel Corporation อย่างจริงจัง รายงานจาก SemiAccurate ระบุว่ามีการแชร์บันทึกภายในระหว่างกลุ่มผู้บริหารระดับสูงของบริษัทที่ไม่ระบุชื่อ ซึ่งบันทึกนี้ได้รับการยืนยันความถูกต้องจากแหล่งข่าวภายในระดับสูงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าการซื้อกิจการของ Intel อาจอยู่ในระหว่างการพิจารณาอย่างจริงจัง

    รายงานระบุว่าผู้ซื้อที่มีศักยภาพมีทรัพยากรทางการเงินเพียงพอที่จะซื้อ Intel ได้ทั้งหมด โดยพิจารณาจากมูลค่าตลาดปัจจุบันของบริษัท นอกจากนี้ ผู้ซื้อที่มีศักยภาพนี้ยังไม่เคยถูกระบุชื่อในบทสนทนาก่อนหน้านี้เกี่ยวกับอนาคตของ Intel ซึ่งบ่งชี้ว่าการวางแผนเกิดขึ้นเบื้องหลัง

    การพยายามซื้อ Intel จะต้องผ่านการตรวจสอบด้านกฎระเบียบอย่างละเอียด เนื่องจากบทบาทของบริษัทในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์สำหรับการใช้งานทั้งเชิงพาณิชย์และรัฐบาล หน่วยงานกำกับดูแลจะต้องประเมินประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ ความเสถียรของห่วงโซ่อุปทาน และผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาดชิปทั่วโลก

    แม้ว่า Intel และผู้ซื้อที่ไม่ระบุชื่อจะยังไม่ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับข่าวลือนี้ แต่เรากำลังจับตาดูสัญญาณของการเจรจาอย่างเป็นทางการ การเปลี่ยนแปลงความเป็นเจ้าของของ Intel จะต้องเป็นไปในประเทศ เนื่องจาก Intel เป็นแหล่งสำคัญของภาคเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ หากข้อตกลงเกิดขึ้นจริง จะเป็นหนึ่งในธุรกรรมที่ใหญ่ที่สุดในวงการเทคโนโลยี

    https://www.techpowerup.com/331264/report-intel-could-face-acquisition-units-to-remain-together
    มีรายงานว่า Intel อาจถูกเข้าซื้อกิจการ โดยมีการคาดการณ์ว่าบริษัทที่ไม่ระบุชื่อกำลังพิจารณาการเข้าซื้อกิจการของ Intel Corporation อย่างจริงจัง รายงานจาก SemiAccurate ระบุว่ามีการแชร์บันทึกภายในระหว่างกลุ่มผู้บริหารระดับสูงของบริษัทที่ไม่ระบุชื่อ ซึ่งบันทึกนี้ได้รับการยืนยันความถูกต้องจากแหล่งข่าวภายในระดับสูงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าการซื้อกิจการของ Intel อาจอยู่ในระหว่างการพิจารณาอย่างจริงจัง รายงานระบุว่าผู้ซื้อที่มีศักยภาพมีทรัพยากรทางการเงินเพียงพอที่จะซื้อ Intel ได้ทั้งหมด โดยพิจารณาจากมูลค่าตลาดปัจจุบันของบริษัท นอกจากนี้ ผู้ซื้อที่มีศักยภาพนี้ยังไม่เคยถูกระบุชื่อในบทสนทนาก่อนหน้านี้เกี่ยวกับอนาคตของ Intel ซึ่งบ่งชี้ว่าการวางแผนเกิดขึ้นเบื้องหลัง การพยายามซื้อ Intel จะต้องผ่านการตรวจสอบด้านกฎระเบียบอย่างละเอียด เนื่องจากบทบาทของบริษัทในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์สำหรับการใช้งานทั้งเชิงพาณิชย์และรัฐบาล หน่วยงานกำกับดูแลจะต้องประเมินประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ ความเสถียรของห่วงโซ่อุปทาน และผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาดชิปทั่วโลก แม้ว่า Intel และผู้ซื้อที่ไม่ระบุชื่อจะยังไม่ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับข่าวลือนี้ แต่เรากำลังจับตาดูสัญญาณของการเจรจาอย่างเป็นทางการ การเปลี่ยนแปลงความเป็นเจ้าของของ Intel จะต้องเป็นไปในประเทศ เนื่องจาก Intel เป็นแหล่งสำคัญของภาคเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ หากข้อตกลงเกิดขึ้นจริง จะเป็นหนึ่งในธุรกรรมที่ใหญ่ที่สุดในวงการเทคโนโลยี https://www.techpowerup.com/331264/report-intel-could-face-acquisition-units-to-remain-together
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Report: Intel Could Face Acquisition, Units to Remain Together
    Multiple sources say an unidentified corporation is exploring the complete acquisition of Intel Corporation, according to tech publication SemiAccurate. The report points to an internal memo shared among a small group of top executives at the unnamed firm. A high-level insider confirmed the memo's l...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • อังกฤษ-ยูเครนลงนามข้อตกลงการเป็นหุ้นส่วนด้านความมั่นคงและวัฒนธรรมกับยูเครนเป็นเวลา 100 ปี!!!

    สตาร์เมอร์เดินทางเยือนยูเครนครั้งแรกนับตั้งแต่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว มีกำหนดลงนามความเป็นหุ้นส่วน 100 ปีกับยูเครน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทั้งด้านความมั่นคงและวัฒนธรรม

    สำหรับข้อตกลงและปฏิญญาทางการเมืองดังกล่าว มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางการทหารเป็นสำคัญ เพื่อสนับสนุนงานด้านความมั่นคงในทะเลบอลติก ทะเลดำ และทะเลอาซอฟ รวมทั้งป้องกันการรุกรานของรัสเซียและประเด็นอื่นๆ เช่น ภาคพลังงาน แร่ธาตุสำคัญ และการผลิตเหล็กเขียว หรือการผลิตเหล็กกล้าโดยไม่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล

    เซเลนสกีและสตาร์เมอร์ มีความเห็นตรงกันว่าทั้งสองมีความปรารถนาที่จะให้มีกองกำลังรักษาสันติภาพของชาติตะวันตกประจำการในยูเครนเมื่อสงครามยูเครนกับรัสเซียยุติลง โดยอังกฤษพร้อมจะมีบทบาทที่สำคัญในเรื่องนี้อย่างเต็มที่


    อังกฤษ-ยูเครนลงนามข้อตกลงการเป็นหุ้นส่วนด้านความมั่นคงและวัฒนธรรมกับยูเครนเป็นเวลา 100 ปี!!! สตาร์เมอร์เดินทางเยือนยูเครนครั้งแรกนับตั้งแต่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว มีกำหนดลงนามความเป็นหุ้นส่วน 100 ปีกับยูเครน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทั้งด้านความมั่นคงและวัฒนธรรม สำหรับข้อตกลงและปฏิญญาทางการเมืองดังกล่าว มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางการทหารเป็นสำคัญ เพื่อสนับสนุนงานด้านความมั่นคงในทะเลบอลติก ทะเลดำ และทะเลอาซอฟ รวมทั้งป้องกันการรุกรานของรัสเซียและประเด็นอื่นๆ เช่น ภาคพลังงาน แร่ธาตุสำคัญ และการผลิตเหล็กเขียว หรือการผลิตเหล็กกล้าโดยไม่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เซเลนสกีและสตาร์เมอร์ มีความเห็นตรงกันว่าทั้งสองมีความปรารถนาที่จะให้มีกองกำลังรักษาสันติภาพของชาติตะวันตกประจำการในยูเครนเมื่อสงครามยูเครนกับรัสเซียยุติลง โดยอังกฤษพร้อมจะมีบทบาทที่สำคัญในเรื่องนี้อย่างเต็มที่
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 211 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายชื่อผู้สาธิตการจำลองเหตุการณ์ตกเรือของ “แตงโม” จำนวน 6 คน ในวันนี้ (16 ม.ค.)
    .
    ผู้สาธิตแสดงเป็นคุณแตงโม 5 คน ตกน้ำคนละ 1 ครั้ง ได้แก่
    1. น้องเฟ-ริน วีรินท์ แก้วปุก มิสแกรนด์นครสววรค์ ส่วนสูง 167 ซม., น้ำหนัก 50 กก.
    2. น้องปอย เฌอลินณ์ ไกรอารยะพัทธ์ มิสแกรนด์นครพนม ส่วนสูง 167 ซม., น้ำหนัก 50 กก.
    3. น้องนิวหยก สุพรรณิการ์ นพรัตน์ มิสแกรนด์ชุมพร ส่วนสูง 172 ซม., น้ำหนัก 50 กก.
    4. น้องฟ้าบาร์บี้ วิศัลย์ศยา ภคศุภกุล มิสแกรนด์เชียงใหม่ ส่วนสูง 166 ซม., น้ำหนัก 42 กก.
    5. ครูลิต้า วีรินดา อัครวานิช ครูว่ายน้ำสอนนางเงือก ส่วนสูง 165 ซม., น้ำหนัก 49 กก.
    .
    โดยผู้สาธิตแสดงเป็น แซน คือ น้องหนูวรรณ กัลยาวรรณ เพ็ชร์อินทร์ มิสแกรนด์ฉะเชิงเทรา
    .
    อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ระบุว่า จะมีการนำทุกคนขึ้นเรือเพื่อทบทวนกระแสน้ำ หลังจากนั้นจะส่งทุกคนขึ้นบนเรือ พอขึ้นบนเรือแล้วจะกระโดดทีละคน จนจบที่น้องหนูวรรณ และครูลิต้า ซึ่งจะสลับบทบาทกันเป็น "แตงโม และแซน" นอกจากนี้ในท้ายที่สุดจะมีการรับ นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ เป็นคนสุดท้าย เพื่อทำให้คลายสงสัยของท่าทางการตกน้ำที่หลายคนยังสงสัยอยู่
    .
    *หมายเหตุ : สำหรับ "แตงโม" ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ นั้นในช่วงที่เกิดเหตุและเสียชีวิตน่าจะมีส่วนสูง 168 ซม. และ น้ำหนักราว 45 กก.
    รายชื่อผู้สาธิตการจำลองเหตุการณ์ตกเรือของ “แตงโม” จำนวน 6 คน ในวันนี้ (16 ม.ค.) . ผู้สาธิตแสดงเป็นคุณแตงโม 5 คน ตกน้ำคนละ 1 ครั้ง ได้แก่ 1. น้องเฟ-ริน วีรินท์ แก้วปุก มิสแกรนด์นครสววรค์ ส่วนสูง 167 ซม., น้ำหนัก 50 กก. 2. น้องปอย เฌอลินณ์ ไกรอารยะพัทธ์ มิสแกรนด์นครพนม ส่วนสูง 167 ซม., น้ำหนัก 50 กก. 3. น้องนิวหยก สุพรรณิการ์ นพรัตน์ มิสแกรนด์ชุมพร ส่วนสูง 172 ซม., น้ำหนัก 50 กก. 4. น้องฟ้าบาร์บี้ วิศัลย์ศยา ภคศุภกุล มิสแกรนด์เชียงใหม่ ส่วนสูง 166 ซม., น้ำหนัก 42 กก. 5. ครูลิต้า วีรินดา อัครวานิช ครูว่ายน้ำสอนนางเงือก ส่วนสูง 165 ซม., น้ำหนัก 49 กก. . โดยผู้สาธิตแสดงเป็น แซน คือ น้องหนูวรรณ กัลยาวรรณ เพ็ชร์อินทร์ มิสแกรนด์ฉะเชิงเทรา . อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ระบุว่า จะมีการนำทุกคนขึ้นเรือเพื่อทบทวนกระแสน้ำ หลังจากนั้นจะส่งทุกคนขึ้นบนเรือ พอขึ้นบนเรือแล้วจะกระโดดทีละคน จนจบที่น้องหนูวรรณ และครูลิต้า ซึ่งจะสลับบทบาทกันเป็น "แตงโม และแซน" นอกจากนี้ในท้ายที่สุดจะมีการรับ นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ เป็นคนสุดท้าย เพื่อทำให้คลายสงสัยของท่าทางการตกน้ำที่หลายคนยังสงสัยอยู่ . *หมายเหตุ : สำหรับ "แตงโม" ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ นั้นในช่วงที่เกิดเหตุและเสียชีวิตน่าจะมีส่วนสูง 168 ซม. และ น้ำหนักราว 45 กก.
    Like
    9
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฐานะทางการเงินและบารมีในชีวิต

    1. ทานและศีล: กำลังหนุนจากกรรมเก่า

    การทำทานและรักษาศีลในอดีตชาติ เป็น “หัวรถจักร” ที่ส่งผลต่อพื้นฐานของชีวิตในปัจจุบัน

    แต่ในปัจจุบัน ทานที่ทำใหม่มักมาในรูปแบบ “กำลังหนุน” ไม่ได้เปลี่ยนแปลงฐานะทันตาเห็น

    ดังนั้น การทำบุญในชาตินี้คือการสะสมบารมีเพื่ออนาคต ขณะเดียวกันต้องพึ่งพากรรมดีในอดีตและความพยายามในปัจจุบัน


    2. ความฉลาดในปัจจุบัน: ตัวพลิกสถานการณ์

    ผลของกรรมเก่าให้ “ความน่าจะเป็น” หรือโอกาส แต่การใช้โอกาสเหล่านั้นอย่างมีประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับการใช้ปัญญาและความพยายาม

    หากกรรมเก่าไม่สนับสนุน ต้องเริ่มสร้างหัวรถจักรใหม่ด้วยการฝึกฝนตนเองให้มีทักษะและมุมมองที่เหมาะสม



    ---

    การสร้างบารมีของเจ้านาย: ไม่ได้เกิดจากโชค แต่เกิดจากความเพียร

    3. คุณสมบัติของผู้ที่เตรียมตัวเป็นเจ้านาย

    “เต็มใจ” ทำงานหนัก: ไม่มองงานเป็นภาระ แต่มองเป็นโอกาสในการเรียนรู้และพิสูจน์ตนเอง

    “มีหัวคิด” ก้าวหน้า: คิดหาทางปรับปรุงงานให้ดีขึ้น และมองเห็นโอกาสที่คนอื่นมองไม่เห็น

    “ไม่ยอมอยู่ที่เดิม”: มีแรงขับในตัวเองที่จะพัฒนาไปสู่บทบาทที่สูงขึ้น


    4. ความเป็นเจ้านายเกิดจากอะไร?

    ความเป็นเจ้านายไม่ได้มาจากการบังคับบัญชา แต่เกิดจากความสามารถในการนำและการเสียสละ

    ผู้ที่เคยเป็นลูกจ้างที่ดี ย่อมเข้าใจความลำบากของลูกจ้าง และใช้ความเข้าใจนี้สร้างบารมีในการเป็นผู้นำ



    ---

    5. การใช้ชีวิตในปัจจุบัน: กุญแจสำคัญในการสร้างฐานะ

    กรรมเก่า: เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการกำหนดโอกาส

    วิธีใช้ชีวิตในปัจจุบัน: เป็นตัวกำหนดว่าจะใช้โอกาสนั้นอย่างไรให้เกิดผลดี

    การขยันอดทน มีวินัย ใช้ทรัพยากรและโอกาสที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้


    6. สรุป: กรรมใหม่สร้างอนาคต

    ถ้าพื้นฐานชีวิตปัจจุบันยังไม่ดีพอ ให้เริ่มสร้างบารมีใหม่ด้วยความตั้งใจดี

    ไม่มีใครถูกกำหนดให้ติดอยู่ในฐานะเดิม หากลงมือเปลี่ยนแปลงด้วยความเพียรและปัญญา

    การเปลี่ยนฐานะและบารมี เริ่มต้นจากความคิดและการกระทำในวันนี้เอง.


    ฐานะทางการเงินและบารมีในชีวิต 1. ทานและศีล: กำลังหนุนจากกรรมเก่า การทำทานและรักษาศีลในอดีตชาติ เป็น “หัวรถจักร” ที่ส่งผลต่อพื้นฐานของชีวิตในปัจจุบัน แต่ในปัจจุบัน ทานที่ทำใหม่มักมาในรูปแบบ “กำลังหนุน” ไม่ได้เปลี่ยนแปลงฐานะทันตาเห็น ดังนั้น การทำบุญในชาตินี้คือการสะสมบารมีเพื่ออนาคต ขณะเดียวกันต้องพึ่งพากรรมดีในอดีตและความพยายามในปัจจุบัน 2. ความฉลาดในปัจจุบัน: ตัวพลิกสถานการณ์ ผลของกรรมเก่าให้ “ความน่าจะเป็น” หรือโอกาส แต่การใช้โอกาสเหล่านั้นอย่างมีประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับการใช้ปัญญาและความพยายาม หากกรรมเก่าไม่สนับสนุน ต้องเริ่มสร้างหัวรถจักรใหม่ด้วยการฝึกฝนตนเองให้มีทักษะและมุมมองที่เหมาะสม --- การสร้างบารมีของเจ้านาย: ไม่ได้เกิดจากโชค แต่เกิดจากความเพียร 3. คุณสมบัติของผู้ที่เตรียมตัวเป็นเจ้านาย “เต็มใจ” ทำงานหนัก: ไม่มองงานเป็นภาระ แต่มองเป็นโอกาสในการเรียนรู้และพิสูจน์ตนเอง “มีหัวคิด” ก้าวหน้า: คิดหาทางปรับปรุงงานให้ดีขึ้น และมองเห็นโอกาสที่คนอื่นมองไม่เห็น “ไม่ยอมอยู่ที่เดิม”: มีแรงขับในตัวเองที่จะพัฒนาไปสู่บทบาทที่สูงขึ้น 4. ความเป็นเจ้านายเกิดจากอะไร? ความเป็นเจ้านายไม่ได้มาจากการบังคับบัญชา แต่เกิดจากความสามารถในการนำและการเสียสละ ผู้ที่เคยเป็นลูกจ้างที่ดี ย่อมเข้าใจความลำบากของลูกจ้าง และใช้ความเข้าใจนี้สร้างบารมีในการเป็นผู้นำ --- 5. การใช้ชีวิตในปัจจุบัน: กุญแจสำคัญในการสร้างฐานะ กรรมเก่า: เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการกำหนดโอกาส วิธีใช้ชีวิตในปัจจุบัน: เป็นตัวกำหนดว่าจะใช้โอกาสนั้นอย่างไรให้เกิดผลดี การขยันอดทน มีวินัย ใช้ทรัพยากรและโอกาสที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้ 6. สรุป: กรรมใหม่สร้างอนาคต ถ้าพื้นฐานชีวิตปัจจุบันยังไม่ดีพอ ให้เริ่มสร้างบารมีใหม่ด้วยความตั้งใจดี ไม่มีใครถูกกำหนดให้ติดอยู่ในฐานะเดิม หากลงมือเปลี่ยนแปลงด้วยความเพียรและปัญญา การเปลี่ยนฐานะและบารมี เริ่มต้นจากความคิดและการกระทำในวันนี้เอง.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ยาลดกรด

    ถ้าคุณใช้ยาลดกรดไม่ว่าจะตามคำสั่งแพทย์หรือฟังจากโฆษณาแล้วเชื่อตามนั้น ลองอ่านให้จบว่าอาการเหล่านี้ได้เกิดกับตัวคุณแล้วหรือยัง

    จากการศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้ (1) การใช้สาร proton pump inhibitors ในระยะยาวอย่างเช่น Prilosec, Prevacid และ Nexium (ยาเม็ดสีม่วง) - ยาที่ช่วยลดปริมาณกรดในกระเพาะอาหาร - เกี่ยวข้องกับการขาดวิตามินบี 12

    ผู้เข้าร่วมที่กินยาลดกรดมานานกว่าสองปีมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นร้อยละ 65 ของการขาดวิตามินบี 12 ซึ่งอาจนำไปโรค :

    -โรคโลหิตจาง
    -ความเสียหายของเส้นประสาท
    -ปัญหาเกี่ยวกับจิต
    -สมองเสื่อม (Dementia)

    ยิ่งกินในปริมาณที่สูงกว่าก็มีความเสี่ยงที่สูงกว่า ตามที่อธิบายไว้โดยนักวิจัยอาวุโส Dr. Douglas Corley (2) Gastroenterologist ที่ Kaiser Permanente:

    "ยาลดกรดชนิดนี้อาจทำให้เกิดการขาดวิตามินบี 12 เนื่องจากเซลล์ที่สร้างกรดในกระเพาะอาหารยังสร้างโปรตีนที่ช่วยให้วิตามินบี 12 ถูกดูดซึมได้"

    การขาดวิตามินบี 12 จะทำให้สุขภาพของคุณแย่ลงได้อย่างไร

    เมื่อระดับวิตามินบี 12 ของคุณเริ่มลดลง ร่างกายจะส่งสัญญาณบางอย่างเริ่มให้เห็นรวมถึง การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์อาทิเช่นการขาดแรงจูงใจหรือความรู้สึกไม่แยแสและถ้าระดับต่ำมาก ๆ ยังสามารถนำไปสู่ความหดหู่ ปัญหาเกี่ยวกับความจำ ความอ่อนแอของกล้ามเนื้อและ – สัญญาณที่เด่นชัดที่สุดคือ- ความเมื่อยล้า

    วิตามินบี 12 เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นวิตามินแห่งพลังงานและร่างกายของคุณต้องการสำหรับกิจกรรมที่สำคัญหลายชนิดรวมทั้งการผลิตพลังงานและ :

    การย่อยอาหารที่เหมาะสม การดูดซึมอาหาร การใช้ธาตุเหล็ก การเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตและไขมัน การทำงานของระบบประสาทที่ดี มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเส้นประสาทตามปกติ ช่วยในการควบคุมการสร้างเม็ดเลือดแดง การก่อตัวของเซลล์และอายุการใช้งานที่ยาวนาน

    การผลิตฮอร์โมน เพิ่มการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง สนับสนุนความเป็นสตรีเพศและการตั้งครรภ์
    สร้างความรู้สึกให้พอใจกับความเป็นอยู่และการควบคุมอารมณ์ การมีสมาธิ ส่งเสริมความจำ เพิ่มความเข้มข้นในด้านสมรรถภาพทางกาย อารมณ์และจิตใจ

    การวิจัยล่าสุดยังชี้ให้เห็นว่าการมีวิตามินบี 12 ต่ำอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักในชายสูงวัย ความเสี่ยงนี้ยังคงอยู่แม้หลังจากคำนึงถึงปัจจัยที่สำคัญอื่น ๆ เช่นการสูบบุหรี่ สถานะของวิตามินดีและปริมาณแคลเซียม medicinenet.com: (3) กล่าวว่า :

    “ผู้ชายที่อยู่ในกลุ่มที่มีระดับ B-12 ต่ำสุดมีโอกาสเกิดการแตกหักของกระดูกมากกว่าร้อยละ 70 ในการศึกษานี้พบว่าความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นผลมาจากการแตกหักของกระดูกสันหลังส่วนเอวซึ่งมีโอกาสเกิดการแตกหักมากขึ้นถึงร้อยละ 120 เมื่อเทียบกับกระดูกส่วนอื่น "

    และถ้าหากขาดวิตามินบี 12 เรื้อรังในระยะยาวก็อาจทำให้เกิดภาวะร้ายแรงอื่น ๆ ได้แก่ :

    -โรคซึมเศร้า
    -ภาวะสมองเสื่อมและโรคอัลไซเมอร์
    -ความอุดมสมบูรณ์ของหญิงและปัญหาการคลอดบุตร
    -โรคหัวใจและมะเร็ง

    รูปแบบตามธรรมชาติของ B12 จะมีอยู่ในสัตว์และไม่จำเป็นต้องเป็นเนื้อ แต่อาจเป็นไข่และนมก็ได้ อาหารที่มี B12 สูงรวมถึง:

    -ไข่อินทรีย์
    -เนื้อวัวและตับวัวที่เลี้ยงดวยหญ้าอินทรีย์
    -ไก่อินทรีย์
    -ปลาแซลมอนอลาสก้าที่จับได้ในป่า
    -นมดิบของสัตว์ที่เลี้ยงแบบอินทรีย์และไม่ผ่านกระบวนการ

    ถ้าคุณมีอาการข้างต้นและไม่บริโภคสัตว์หรือสิ่งที่ได้จากสัตว์ ขอแนะนำให้หาวิตามินบี 12 มารับประทานตามความเหมาะสมของอายุและมวลกายรายการ หมอนอกกะลา

    ยาลดกรด 2

    ตอนที่ 1 ได้พูดถึงสองในสี่ผลกระทบหลักของยาลดกรด:
    คือแบคทีเรียเลว ๆ มากเกินไปและความบกพร่องในการดูดซึมสารอาหาร

    อีก 2 ผลกระทบที่เหลือ

    ลดความต้านทานต่อการติดเชื้อและเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งและโรคอื่น ๆ

    เบื้องแรกในการป้องกันร่างกายของเรา:

    ปาก หลอดอาหารและลำไส้เป็นบ้านของระหว่าง 400-1,000 สายพันธุ์ของเชื้อแบคทีเรีย แต่อย่างไรก็ตาม กระเพาะอาหารที่ดีจะมีการฆ่าเชื้ออยู่เสมอ ทำไมน่ะรึ !! เพราะกรดในกระเพาะอาหารฆ่าเชื้อแบคทีเรีย

    ในความเป็นจริง กรดคือบทบาทที่สำคัญที่สุดที่จะสร้างการขัดขวางสองทางที่ช่วยปกป้องกระเพาะอาหารจากเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรค ลำดับแรกแรก : กรดในกระเพาะอาหารจะป้องกันไม่ให้เชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายซึ่งอาจจะอยู่ในอาหารหรือเครื่องดื่มที่เรากินหรืออากาศที่เราหายใจเข้ามาในลำไส้และในเวลาเดียวกัน กรดในกระเพาะอาหารยังช่วยป้องกันเชื้อแบคทีเรียตามปกติจากลำไส้ซึ่งจะย้ายเข้าสู่กระเพาะอาหารและหลอดอาหารซึ่งพวกมันอาจทำให้เกิดปัญหา

    สภาพแวดล้อมของกระเพาะอาหารค่า pH ต่ำ (กรดสูง) เป็นหนึ่งในกลไกการป้องกันที่ไม่เฉพาะเจาะจงที่สำคัญของร่างกาย เมื่อค่าความเป็นกรดของกระเพาะอาหารมีค่าที่ 3 หรือต่ำกว่าถือว่าเป็นปรกติของช่วงท้องว่างหรือ "พักผ่อน" แบคทีเรียจะอยู่ได้ไม่เกินสิบห้านาที แต่ในขณะที่pH เพิ่มขึ้นถึง 5 หรือมากกว่า สายพันธุ์ต่าง ๆ ของแบคทีเรียสามารถหลีกเลี่ยงการกำจัดของกรดและเริ่มที่จะเจริญเติบโต

    แต่น่าเสียดาย มันจะเกิดอะไรขึ้นหากคุณกินยาลดกรด ทั้ง Tagamet และ Zantac จะเพิ่มค่า pHของกระเพาะอาหารจากประมาณ 1-2 ก่อนการรักษาเป็น 5.5-6.5 อย่างมีนัยสำคัญ ตามลำดับ

    Prilosec และ PPIs และอื่น ๆ จะยิ่งเลวร้ายเข้าไปใหญ่ เพียงหนึ่งเม็ดของยาเหล่านี้สามารถลดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารได้ถึงร้อยละ90 ถึง 95เพื่อส่วนที่ดีกว่าของวัน การกิน PPIs ในปริมาณที่สูงขึ้นหรือบ่อยมากขึ้น ซึ่งมักจะถูกแนะนำ จะทำให้เกิดภาวะ achlorydia (แทบไม่มีกรดในกระเพาะอาหารเลย) ในการศึกษาของผู้ชายที่มีสุขภาพดี10 คนอายุ 22-55 ปี การให้กิน Prilosec 20 หรือ 40 มิลลิกรัมลดระดับกรดในกระเพาะอาหารจนเกือบหมด

    กระเพาะอาหารที่เป็นกรดไม่มากพอเชื้อแบคทีเรียก่อโรคก็อุดมสมบูรณ์ สนุกสนาน เพราะมันมันทั้งมืดทั้งอบอุ่น ทั้งชื้นและเต็มไปด้วยสารอาหาร แบคทีเรียจะไม่ฆ่าเรา – อย่างน้อยก็ไม่ทันที- แต่บางส่วนของพวกมันสามารถ คนที่มีค่าความเป็นกรดด่างในกระเพาะอาหารสูงพอที่จะส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียจะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียร้ายแรงได้อย่างง่ายดาย

    การทบทวนที่ผ่านมาเกี่ยวกับยาลดกรดในกระเพาะอาหารชี้ให้เห็นว่าพวกมันเป็นต้นเหตุจริงของการเพิ่มความไวต่อการติดเชื้อ(PDF) ผู้เขียนพบหลักฐานยืนยันว่า การใช้ยาลดกรดสามารถเพิ่มโอกาสของการติดเชื้อต่อไปนี้:

    Salmonella
    Campylobacter
    อหิวาตกโรค
    Listeria
    Giardia
    C. difficile
    การศึกษาอื่น ๆ พบว่ายาลดกรดยังเพิ่มความเสี่ยงสำหรับ:
    โรคปอดบวม
    วัณโรค
    ไทฟอยด์
    บิด

    ยาลดกรดไม่เพียงแต่เพิ่มความไวต่อการติดเชื้อแต่มันยังไปลดลงความสามารถของระบบภูมิคุ้มกันของเราในการต่อสู้กับการติดเชื้อเมื่อเราได้รับเชื้อ จากการศึกษาในหลอดทดลองได้แสดงให้เห็นว่า PPIs ทำให้การทำหน้าที่ของเม็ดเลือดขาว nuetrophil ทำงานผิดพลาด ลดการยึดเกาะกับเซลล์ endothelial ลดการฆ่าเชื้อแบคทีเรียของจุลินทรีย์และยับยั้งเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ทำลายอย่าง neutrophil และเพิ่มกรดใน phagolysosome

    ประตูสู่โรคร้ายแรงอื่น ๆ

    อย่างที่เราได้กล่าวถึงในบทความแรกไว้ว่า การลดลงของการหลั่งกรดตามอายุเป็นเรื่องที่มีเอกสารยืนยัน เมื่อเร็ว ๆ นี้ในปี 1996 แพทย์ชาวอังกฤษตั้งข้อสังเกตว่า กระเพาะอาหารเกี่ยวข้องกับการลดลงของกรดตามอายุเนื่องจากการเสียหายของเซลล์ผลิตกรด สภาพนี้เรียกว่าโรคกระเพาะอาหารอักเสบ(atrophic gastritis)

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเนื้อหาต่อไปนี้ กระเพาะอาหารอักเสบ (สภาพที่กรดในกระเพาะอาหารอยู่ในระดับที่ต่ำมาก) มีความเกี่ยวข้องกับความหลากหลายของความผิดปกติร้ายแรงที่ไปไกลเกินกระเพาะอาหารและหลอดอาหาร ซึ่งรวมถึง:

    มะเร็งกระเพาะอาหาร
    โรคภูมิแพ้
    โรคหอบหืด
    อาการซึมเศร้า วิตกกังวล ความผิดปกติของอารมณ์
    โลหิตจาง
    โรคผิวหนังรวมทั้งการเกิดสิว, โรคผิวหนังกลากและลมพิษ
    โรคนิ่วในถุงน้ำดี
    โรคแพ้ภูมิเช่นโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์และโรคเกรฟส์
    อาการลำไส้แปรปรวน (IBS) โรค Crohn (CD), ลำไส้ใหญ่ (UC)
    โรคไวรัสตับอักเสบ
    โรคกระดูกพรุน
    โรคเบาหวานประเภท 1
    และอย่าลืมนะว่ากรดในกระเพาะอาหารต่ำอาจทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อนและแสบร้อนกลางอก!

    มะเร็งกระเพาะอาหาร

    โรคกระเพาะอาหารอักเสบเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญสำหรับโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร เชื้อ H. pylori เป็นสาเหตุหลักของโรคนี้ และยาลดกรดก็ยิ่งทำให้อาการเหล่านี้เลวลงและเพิ่มอัตราการติดเชื้อ

    ดังนั้นจึงไม่ได้เป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่อะไรนักหรอกที่จะสงสัยว่ายาลดกรดเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งกระเพาะอาหารในผู้ที่ติดเชื้อ H.pylori ในบทความที่ผ่านมาของ Julie Parsonnet, M.D. of Standford University Medical School เขียนไว้ว่า :
    โดยหลักการแล้ว การรักษาด้วยยาลดกรดในปัจจุบันนี้ อาจเป็นตัวเร่งโรคมะเร็งโดยการแปลงการอักเสบเพียงเล็กน้อยของกระเพาะอาหารเป็นทำลายขั้นรุนแรงในกระบวนการก่อมะเร็ง

    แผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น

    ประมาณ 90% ของลำไส้เล็กส่วนต้น (ลำไส้) และ 65% ของแผลในกระเพาะอาหารเกิดจากเชื้อ H. pylori
    ในการทดลองฉีดวัคซีนในมนุษย์ การติดเชื้อไม่สามารถเกิดขึ้นได้เว้นแต่ค่า pH ของกระเพาะอาหารสูงขึ้น(ลดความเป็นกรดลง) โดยการใช้สารต้านฮิสตามีนซึ่งไปลดกรดในกระเพาะอาหารและเพิ่มค่าความเป็นด่าง ยาลดกรดในกระเพาะอาหารจะไปเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ H. pylori และตามมาด้วยการพัฒนาไปเป็นแผลในลำไส้เล็กส่วนต้นหรือกระเพาะอาหาร

    อาการลำไส้แปรปรวน โรค Crohn และลำไส้ใหญ่อักเสบ

    สารอะดีโนซีน(Adenosine)เป็นตัวกลางหลักของการอักเสบในระบบทางเดินอาหารและสารอะดีโนซีนในระดับสูงจะไปกดและแก้ไขปัญหาการอักเสบเรื้อรังของทั้งโรค Crohn และลำไส้ใหญ่อักเสบ การใช้ PPIs อย่างต่อเนื่องได้รับการยืนยันว่าไปลดความเข้มข้นของสารอะดีโนซีน จึงส่งผลในการเพิ่มขึ้นของการอักเสบในระบบทางเดินอาหาร ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าการใช้งานยาลดกรดในระยะยาว อาจพัฒนาความผิดปกติของลำไส้ให้อักเสบอย่างรุนแรงได้

    ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวลและความผิดปกติทางอารมณ์

    ในขณะที่ยังไม่มีงานวิจัยที่ระบุ (เท่าที่ผมรู้) การเชื่อมโยงของยาลดกรดกับความผิดปกติทางอารมณ์หรือภาวะซึมเศร้า ความเข้าใจพื้นฐานในความสัมพันธ์ระหว่างการย่อยโปรตีนและสุขภาพจิตแสดงให้เห็นว่าอาจจะมีการเชื่อมกัน ในระหว่างการย่อยอาหาร การหลั่งกรดในกระเพาะอาหารจะปล่อยน้ำย่อยซึ่งเรียกว่า เพพซิน (pepsin) น้ำย่อยนี้เป็นเอนไซม์ที่มีความรับผิดชอบต่อการสลายพันธะโปรตีนไปเป็นกรดอะมิโนและเปปไทด์ กรดอะมิโนที่เรียกว่า "จำเป็น" ก็เพราะเราไม่สามารถผลิตได้เองในร่างกายของเรา เราจะต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น

    หากขาดน้ำย่อยโปรตีน (Pepsin) โปรตีนที่เรากินเข้าไปจะไม่ถูกทำลายไปเป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นและส่วนประกอบเปปไทด์ และเนื่องจากกรดอะมิโนจำเป็นเหล่านี้เช่น phenylalanine และ tryptophan มีบทบาทสำคัญในด้านสุขภาพจิตและพฤติกรรม กรดในกระเพาะอาหารที่ต่ำอาจเป็นตัวชักนำต่อการพัฒนาความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้าหรือความผิดปกติทางอารมณ์

    โรคแพ้ภูมิ

    กรดในกระเพาะอาหารต่ำและต่อมาก็มีแบคทีเรียมากเกินไปทำให้เกิดลำไส้ที่ซึมผ่านได้ง่ายแล้วปล่อยให้โปรตีนที่ไม่ได้รับการย่อยเข้าสู่กระแสเลือด ภาวะนี้มักจะถูกเรียกว่า "กลุ่มอาการของโรคลำไส้รั่ว" Salzman และเพื่อนได้แสดงให้เห็นว่า
    การซึมผ่านได้ง่ายของเซลล์ลำไส้ ทั้งtranscellular และ paracellular เพิ่มขึ้นอย่างมากในผู้เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบเมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่ควบคุม

    เมื่อโปรตีนที่ไม่ผ่านการย่อยไปเข้าอยู่ในกระแสเลือดพวกมันจะถูกถือว่าเป็น "ผู้รุกราน" โดยระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นคล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายระดมการป้องกันของมัน (อาทิ T เซลล์ Bเซลล์และแอนติบอดี ) เพื่อที่จะกำจัดการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย

    ประเภทของการตอบสนองจากภูมิคุ้มกันต่อโปรตีนที่เรากินนี้ก่อให้เกิดการแพ้อาหาร กลไกที่คล้ายกันนี้ที่ยังไม่เป็นที่เข้าใจในคนที่มีลำไส้รั่ว การพัฒนาโรคแพ้ภูมิรุนแรงมากขึ้นจนกลายไปเป็นอาทิ โรคลูปัส (พุ่มพวง เอสแอลอี), โรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์, โรคเบาหวานชนิดที่ 1 (เบาหวานแห้ง)โรคเกรฟส์และความผิดปกติของลำไส้อักเสบเช่น Crohn และลำไส้ใหญ่อักเสบ

    ความสัมพันธ์ระหว่างโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์ (RA) และกรดในกระเพาะอาหารยังมีรายงานไว้ในงานเขียนและงานวิจัยมากมาย การตรวจสอบปริมาณกรดในกระเพาะอาหารของผู้ป่วยโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์ RA 45 คน ของนักวิจัยชาวสวีเดนพบว่า 16 คน(36 เปอร์เซ็นต์) แทบจะไม่มีกรดในกระเพาะอาหารเลย คนที่ได้รับความทรมานจาก RA ที่ยาวที่สุดมีกรดในกระเพาะอาหารน้อยที่สุด กลุ่มนักวิจัยอิตาลียังพบอีกว่าคนที่มี RA มีอัตราของโรคกระเพาะอาหารอักเสบที่สูงมากด้วยค่าความเป็นกรดในกระเพาะอาหารที่ต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับบุคคลปกติ

    โรคหอบหืด

    ในรอบสิบปีที่ผ่านมา มากกว่าสี่ร้อยบทความทางวิทยาศาสตร์ให้กังวลเกี่ยวกับการเชื่อมโยงระหว่างโรคหอบหืดและความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร หนึ่งในคุณสมบัติที่พบบ่อยที่สุดของโรคหอบหืดนอกเหนือไปจากการหายใจก็คือเป็นกรดไหลย้อน เป็นที่คาดการณ์กันว่าร้อยละ 80 ของผู้ที่มีโรคหอบหืดยังมีโรคกรดไหลย้อนพ่วงท้ายอีกต่างหาก เมื่อเทียบกับคนที่มีสุขภาพดี และมีการระคายเคืองจากกรดเกินมากขึ้นในเยื่อบุหลอดอาหารของพวกเขา

    เมื่อกรดเข้าไปในหลอดลม จะทำให้ความสามารถของปอดในการหายใจเข้าออกลดลงเป็นสิบเท่า แพทย์ที่มีความตระหนักถึงสิ่งนี้ก็เริ่มจ่ายยาลดกรดให้กับผู้ป่วยโรคหอบหืดที่ทุกข์ทรมานจากโรคกรดไหลย้อน ในขณะที่ยาลดกรดนี้อาจช่วยบรรเทาอาการชั่วคราว แต่มันไม่ใช่การรักษาที่ต้นเหตุของความผิดปกติที่กรดไหลย้อนเข้าไปในหลอดอาหารในคราวแรก

    ในความเป็นจริง มีเหตุผลที่จะเชื่อได้ว่ายาลดกรดทำให้ทุกปัญหาพื้นฐานแย่ลง (กรดในกระเพาะอาหารน้อยเกินไปและเพิ่มแบคทีเรีย) ดังนั้นทำให้อาการยาวนานและรุนแรง

    สรุป

    อย่างที่เราได้อ่านจากบทความก่อนหน้านี้ในตอนที่ 1 แสบร้อนกลางอกและโรคกรดไหลย้อนมันเกิดจากการน้อยเกินไป - และไม่มากพอ – ของกรดในกระเพาะอาหาร แต่น่าเสียดายที่กรดในกระเพาะอาหารไม่เพียงพอนี้ยังไปเกี่ยวข้องกับการเพิ่มจำนวนแบคทีเรียมากจนเกินไป การดูดซึมสารอาหารด้อยคุณภาพลง การลดลงของความต้านทานต่อการติดเชื้อและเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร, แผลในกระเพาะอาหาร,ลำไส้แปรปรวน และโรคทางเดินอาหารอื่น ๆ ภาวะซึมเศร้าและความผิดปกติทางอารมณ์และโรคแพ้ภูมิตัวเองและโรคหอบหืด

    การบรรเทาอาการชั่วคราวของยาลดกรดเหล่านี้ให้ความคุ้มค่าต่อความเสี่ยงหรือไม่ นั่นคือสิ่งเดียวที่คุณสามารถตัดสินใจได้เอง

    Cr. Santi Manadee
    #ยาลดกรด ถ้าคุณใช้ยาลดกรดไม่ว่าจะตามคำสั่งแพทย์หรือฟังจากโฆษณาแล้วเชื่อตามนั้น ลองอ่านให้จบว่าอาการเหล่านี้ได้เกิดกับตัวคุณแล้วหรือยัง จากการศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้ (1) การใช้สาร proton pump inhibitors ในระยะยาวอย่างเช่น Prilosec, Prevacid และ Nexium (ยาเม็ดสีม่วง) - ยาที่ช่วยลดปริมาณกรดในกระเพาะอาหาร - เกี่ยวข้องกับการขาดวิตามินบี 12 ผู้เข้าร่วมที่กินยาลดกรดมานานกว่าสองปีมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นร้อยละ 65 ของการขาดวิตามินบี 12 ซึ่งอาจนำไปโรค : -โรคโลหิตจาง -ความเสียหายของเส้นประสาท -ปัญหาเกี่ยวกับจิต -สมองเสื่อม (Dementia) ยิ่งกินในปริมาณที่สูงกว่าก็มีความเสี่ยงที่สูงกว่า ตามที่อธิบายไว้โดยนักวิจัยอาวุโส Dr. Douglas Corley (2) Gastroenterologist ที่ Kaiser Permanente: "ยาลดกรดชนิดนี้อาจทำให้เกิดการขาดวิตามินบี 12 เนื่องจากเซลล์ที่สร้างกรดในกระเพาะอาหารยังสร้างโปรตีนที่ช่วยให้วิตามินบี 12 ถูกดูดซึมได้" การขาดวิตามินบี 12 จะทำให้สุขภาพของคุณแย่ลงได้อย่างไร เมื่อระดับวิตามินบี 12 ของคุณเริ่มลดลง ร่างกายจะส่งสัญญาณบางอย่างเริ่มให้เห็นรวมถึง การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์อาทิเช่นการขาดแรงจูงใจหรือความรู้สึกไม่แยแสและถ้าระดับต่ำมาก ๆ ยังสามารถนำไปสู่ความหดหู่ ปัญหาเกี่ยวกับความจำ ความอ่อนแอของกล้ามเนื้อและ – สัญญาณที่เด่นชัดที่สุดคือ- ความเมื่อยล้า วิตามินบี 12 เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นวิตามินแห่งพลังงานและร่างกายของคุณต้องการสำหรับกิจกรรมที่สำคัญหลายชนิดรวมทั้งการผลิตพลังงานและ : การย่อยอาหารที่เหมาะสม การดูดซึมอาหาร การใช้ธาตุเหล็ก การเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตและไขมัน การทำงานของระบบประสาทที่ดี มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเส้นประสาทตามปกติ ช่วยในการควบคุมการสร้างเม็ดเลือดแดง การก่อตัวของเซลล์และอายุการใช้งานที่ยาวนาน การผลิตฮอร์โมน เพิ่มการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง สนับสนุนความเป็นสตรีเพศและการตั้งครรภ์ สร้างความรู้สึกให้พอใจกับความเป็นอยู่และการควบคุมอารมณ์ การมีสมาธิ ส่งเสริมความจำ เพิ่มความเข้มข้นในด้านสมรรถภาพทางกาย อารมณ์และจิตใจ การวิจัยล่าสุดยังชี้ให้เห็นว่าการมีวิตามินบี 12 ต่ำอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักในชายสูงวัย ความเสี่ยงนี้ยังคงอยู่แม้หลังจากคำนึงถึงปัจจัยที่สำคัญอื่น ๆ เช่นการสูบบุหรี่ สถานะของวิตามินดีและปริมาณแคลเซียม medicinenet.com: (3) กล่าวว่า : “ผู้ชายที่อยู่ในกลุ่มที่มีระดับ B-12 ต่ำสุดมีโอกาสเกิดการแตกหักของกระดูกมากกว่าร้อยละ 70 ในการศึกษานี้พบว่าความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นผลมาจากการแตกหักของกระดูกสันหลังส่วนเอวซึ่งมีโอกาสเกิดการแตกหักมากขึ้นถึงร้อยละ 120 เมื่อเทียบกับกระดูกส่วนอื่น " และถ้าหากขาดวิตามินบี 12 เรื้อรังในระยะยาวก็อาจทำให้เกิดภาวะร้ายแรงอื่น ๆ ได้แก่ : -โรคซึมเศร้า -ภาวะสมองเสื่อมและโรคอัลไซเมอร์ -ความอุดมสมบูรณ์ของหญิงและปัญหาการคลอดบุตร -โรคหัวใจและมะเร็ง รูปแบบตามธรรมชาติของ B12 จะมีอยู่ในสัตว์และไม่จำเป็นต้องเป็นเนื้อ แต่อาจเป็นไข่และนมก็ได้ อาหารที่มี B12 สูงรวมถึง: -ไข่อินทรีย์ -เนื้อวัวและตับวัวที่เลี้ยงดวยหญ้าอินทรีย์ -ไก่อินทรีย์ -ปลาแซลมอนอลาสก้าที่จับได้ในป่า -นมดิบของสัตว์ที่เลี้ยงแบบอินทรีย์และไม่ผ่านกระบวนการ ถ้าคุณมีอาการข้างต้นและไม่บริโภคสัตว์หรือสิ่งที่ได้จากสัตว์ ขอแนะนำให้หาวิตามินบี 12 มารับประทานตามความเหมาะสมของอายุและมวลกายรายการ หมอนอกกะลา ยาลดกรด 2 ตอนที่ 1 ได้พูดถึงสองในสี่ผลกระทบหลักของยาลดกรด: คือแบคทีเรียเลว ๆ มากเกินไปและความบกพร่องในการดูดซึมสารอาหาร อีก 2 ผลกระทบที่เหลือ ลดความต้านทานต่อการติดเชื้อและเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งและโรคอื่น ๆ เบื้องแรกในการป้องกันร่างกายของเรา: ปาก หลอดอาหารและลำไส้เป็นบ้านของระหว่าง 400-1,000 สายพันธุ์ของเชื้อแบคทีเรีย แต่อย่างไรก็ตาม กระเพาะอาหารที่ดีจะมีการฆ่าเชื้ออยู่เสมอ ทำไมน่ะรึ !! เพราะกรดในกระเพาะอาหารฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ในความเป็นจริง กรดคือบทบาทที่สำคัญที่สุดที่จะสร้างการขัดขวางสองทางที่ช่วยปกป้องกระเพาะอาหารจากเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรค ลำดับแรกแรก : กรดในกระเพาะอาหารจะป้องกันไม่ให้เชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายซึ่งอาจจะอยู่ในอาหารหรือเครื่องดื่มที่เรากินหรืออากาศที่เราหายใจเข้ามาในลำไส้และในเวลาเดียวกัน กรดในกระเพาะอาหารยังช่วยป้องกันเชื้อแบคทีเรียตามปกติจากลำไส้ซึ่งจะย้ายเข้าสู่กระเพาะอาหารและหลอดอาหารซึ่งพวกมันอาจทำให้เกิดปัญหา สภาพแวดล้อมของกระเพาะอาหารค่า pH ต่ำ (กรดสูง) เป็นหนึ่งในกลไกการป้องกันที่ไม่เฉพาะเจาะจงที่สำคัญของร่างกาย เมื่อค่าความเป็นกรดของกระเพาะอาหารมีค่าที่ 3 หรือต่ำกว่าถือว่าเป็นปรกติของช่วงท้องว่างหรือ "พักผ่อน" แบคทีเรียจะอยู่ได้ไม่เกินสิบห้านาที แต่ในขณะที่pH เพิ่มขึ้นถึง 5 หรือมากกว่า สายพันธุ์ต่าง ๆ ของแบคทีเรียสามารถหลีกเลี่ยงการกำจัดของกรดและเริ่มที่จะเจริญเติบโต แต่น่าเสียดาย มันจะเกิดอะไรขึ้นหากคุณกินยาลดกรด ทั้ง Tagamet และ Zantac จะเพิ่มค่า pHของกระเพาะอาหารจากประมาณ 1-2 ก่อนการรักษาเป็น 5.5-6.5 อย่างมีนัยสำคัญ ตามลำดับ Prilosec และ PPIs และอื่น ๆ จะยิ่งเลวร้ายเข้าไปใหญ่ เพียงหนึ่งเม็ดของยาเหล่านี้สามารถลดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารได้ถึงร้อยละ90 ถึง 95เพื่อส่วนที่ดีกว่าของวัน การกิน PPIs ในปริมาณที่สูงขึ้นหรือบ่อยมากขึ้น ซึ่งมักจะถูกแนะนำ จะทำให้เกิดภาวะ achlorydia (แทบไม่มีกรดในกระเพาะอาหารเลย) ในการศึกษาของผู้ชายที่มีสุขภาพดี10 คนอายุ 22-55 ปี การให้กิน Prilosec 20 หรือ 40 มิลลิกรัมลดระดับกรดในกระเพาะอาหารจนเกือบหมด กระเพาะอาหารที่เป็นกรดไม่มากพอเชื้อแบคทีเรียก่อโรคก็อุดมสมบูรณ์ สนุกสนาน เพราะมันมันทั้งมืดทั้งอบอุ่น ทั้งชื้นและเต็มไปด้วยสารอาหาร แบคทีเรียจะไม่ฆ่าเรา – อย่างน้อยก็ไม่ทันที- แต่บางส่วนของพวกมันสามารถ คนที่มีค่าความเป็นกรดด่างในกระเพาะอาหารสูงพอที่จะส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียจะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียร้ายแรงได้อย่างง่ายดาย การทบทวนที่ผ่านมาเกี่ยวกับยาลดกรดในกระเพาะอาหารชี้ให้เห็นว่าพวกมันเป็นต้นเหตุจริงของการเพิ่มความไวต่อการติดเชื้อ(PDF) ผู้เขียนพบหลักฐานยืนยันว่า การใช้ยาลดกรดสามารถเพิ่มโอกาสของการติดเชื้อต่อไปนี้: Salmonella Campylobacter อหิวาตกโรค Listeria Giardia C. difficile การศึกษาอื่น ๆ พบว่ายาลดกรดยังเพิ่มความเสี่ยงสำหรับ: โรคปอดบวม วัณโรค ไทฟอยด์ บิด ยาลดกรดไม่เพียงแต่เพิ่มความไวต่อการติดเชื้อแต่มันยังไปลดลงความสามารถของระบบภูมิคุ้มกันของเราในการต่อสู้กับการติดเชื้อเมื่อเราได้รับเชื้อ จากการศึกษาในหลอดทดลองได้แสดงให้เห็นว่า PPIs ทำให้การทำหน้าที่ของเม็ดเลือดขาว nuetrophil ทำงานผิดพลาด ลดการยึดเกาะกับเซลล์ endothelial ลดการฆ่าเชื้อแบคทีเรียของจุลินทรีย์และยับยั้งเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ทำลายอย่าง neutrophil และเพิ่มกรดใน phagolysosome ประตูสู่โรคร้ายแรงอื่น ๆ อย่างที่เราได้กล่าวถึงในบทความแรกไว้ว่า การลดลงของการหลั่งกรดตามอายุเป็นเรื่องที่มีเอกสารยืนยัน เมื่อเร็ว ๆ นี้ในปี 1996 แพทย์ชาวอังกฤษตั้งข้อสังเกตว่า กระเพาะอาหารเกี่ยวข้องกับการลดลงของกรดตามอายุเนื่องจากการเสียหายของเซลล์ผลิตกรด สภาพนี้เรียกว่าโรคกระเพาะอาหารอักเสบ(atrophic gastritis) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเนื้อหาต่อไปนี้ กระเพาะอาหารอักเสบ (สภาพที่กรดในกระเพาะอาหารอยู่ในระดับที่ต่ำมาก) มีความเกี่ยวข้องกับความหลากหลายของความผิดปกติร้ายแรงที่ไปไกลเกินกระเพาะอาหารและหลอดอาหาร ซึ่งรวมถึง: มะเร็งกระเพาะอาหาร โรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด อาการซึมเศร้า วิตกกังวล ความผิดปกติของอารมณ์ โลหิตจาง โรคผิวหนังรวมทั้งการเกิดสิว, โรคผิวหนังกลากและลมพิษ โรคนิ่วในถุงน้ำดี โรคแพ้ภูมิเช่นโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์และโรคเกรฟส์ อาการลำไส้แปรปรวน (IBS) โรค Crohn (CD), ลำไส้ใหญ่ (UC) โรคไวรัสตับอักเสบ โรคกระดูกพรุน โรคเบาหวานประเภท 1 และอย่าลืมนะว่ากรดในกระเพาะอาหารต่ำอาจทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อนและแสบร้อนกลางอก! มะเร็งกระเพาะอาหาร โรคกระเพาะอาหารอักเสบเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญสำหรับโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร เชื้อ H. pylori เป็นสาเหตุหลักของโรคนี้ และยาลดกรดก็ยิ่งทำให้อาการเหล่านี้เลวลงและเพิ่มอัตราการติดเชื้อ ดังนั้นจึงไม่ได้เป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่อะไรนักหรอกที่จะสงสัยว่ายาลดกรดเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งกระเพาะอาหารในผู้ที่ติดเชื้อ H.pylori ในบทความที่ผ่านมาของ Julie Parsonnet, M.D. of Standford University Medical School เขียนไว้ว่า : โดยหลักการแล้ว การรักษาด้วยยาลดกรดในปัจจุบันนี้ อาจเป็นตัวเร่งโรคมะเร็งโดยการแปลงการอักเสบเพียงเล็กน้อยของกระเพาะอาหารเป็นทำลายขั้นรุนแรงในกระบวนการก่อมะเร็ง แผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น ประมาณ 90% ของลำไส้เล็กส่วนต้น (ลำไส้) และ 65% ของแผลในกระเพาะอาหารเกิดจากเชื้อ H. pylori ในการทดลองฉีดวัคซีนในมนุษย์ การติดเชื้อไม่สามารถเกิดขึ้นได้เว้นแต่ค่า pH ของกระเพาะอาหารสูงขึ้น(ลดความเป็นกรดลง) โดยการใช้สารต้านฮิสตามีนซึ่งไปลดกรดในกระเพาะอาหารและเพิ่มค่าความเป็นด่าง ยาลดกรดในกระเพาะอาหารจะไปเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ H. pylori และตามมาด้วยการพัฒนาไปเป็นแผลในลำไส้เล็กส่วนต้นหรือกระเพาะอาหาร อาการลำไส้แปรปรวน โรค Crohn และลำไส้ใหญ่อักเสบ สารอะดีโนซีน(Adenosine)เป็นตัวกลางหลักของการอักเสบในระบบทางเดินอาหารและสารอะดีโนซีนในระดับสูงจะไปกดและแก้ไขปัญหาการอักเสบเรื้อรังของทั้งโรค Crohn และลำไส้ใหญ่อักเสบ การใช้ PPIs อย่างต่อเนื่องได้รับการยืนยันว่าไปลดความเข้มข้นของสารอะดีโนซีน จึงส่งผลในการเพิ่มขึ้นของการอักเสบในระบบทางเดินอาหาร ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าการใช้งานยาลดกรดในระยะยาว อาจพัฒนาความผิดปกติของลำไส้ให้อักเสบอย่างรุนแรงได้ ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวลและความผิดปกติทางอารมณ์ ในขณะที่ยังไม่มีงานวิจัยที่ระบุ (เท่าที่ผมรู้) การเชื่อมโยงของยาลดกรดกับความผิดปกติทางอารมณ์หรือภาวะซึมเศร้า ความเข้าใจพื้นฐานในความสัมพันธ์ระหว่างการย่อยโปรตีนและสุขภาพจิตแสดงให้เห็นว่าอาจจะมีการเชื่อมกัน ในระหว่างการย่อยอาหาร การหลั่งกรดในกระเพาะอาหารจะปล่อยน้ำย่อยซึ่งเรียกว่า เพพซิน (pepsin) น้ำย่อยนี้เป็นเอนไซม์ที่มีความรับผิดชอบต่อการสลายพันธะโปรตีนไปเป็นกรดอะมิโนและเปปไทด์ กรดอะมิโนที่เรียกว่า "จำเป็น" ก็เพราะเราไม่สามารถผลิตได้เองในร่างกายของเรา เราจะต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น หากขาดน้ำย่อยโปรตีน (Pepsin) โปรตีนที่เรากินเข้าไปจะไม่ถูกทำลายไปเป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นและส่วนประกอบเปปไทด์ และเนื่องจากกรดอะมิโนจำเป็นเหล่านี้เช่น phenylalanine และ tryptophan มีบทบาทสำคัญในด้านสุขภาพจิตและพฤติกรรม กรดในกระเพาะอาหารที่ต่ำอาจเป็นตัวชักนำต่อการพัฒนาความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้าหรือความผิดปกติทางอารมณ์ โรคแพ้ภูมิ กรดในกระเพาะอาหารต่ำและต่อมาก็มีแบคทีเรียมากเกินไปทำให้เกิดลำไส้ที่ซึมผ่านได้ง่ายแล้วปล่อยให้โปรตีนที่ไม่ได้รับการย่อยเข้าสู่กระแสเลือด ภาวะนี้มักจะถูกเรียกว่า "กลุ่มอาการของโรคลำไส้รั่ว" Salzman และเพื่อนได้แสดงให้เห็นว่า การซึมผ่านได้ง่ายของเซลล์ลำไส้ ทั้งtranscellular และ paracellular เพิ่มขึ้นอย่างมากในผู้เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบเมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่ควบคุม เมื่อโปรตีนที่ไม่ผ่านการย่อยไปเข้าอยู่ในกระแสเลือดพวกมันจะถูกถือว่าเป็น "ผู้รุกราน" โดยระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นคล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายระดมการป้องกันของมัน (อาทิ T เซลล์ Bเซลล์และแอนติบอดี ) เพื่อที่จะกำจัดการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย ประเภทของการตอบสนองจากภูมิคุ้มกันต่อโปรตีนที่เรากินนี้ก่อให้เกิดการแพ้อาหาร กลไกที่คล้ายกันนี้ที่ยังไม่เป็นที่เข้าใจในคนที่มีลำไส้รั่ว การพัฒนาโรคแพ้ภูมิรุนแรงมากขึ้นจนกลายไปเป็นอาทิ โรคลูปัส (พุ่มพวง เอสแอลอี), โรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์, โรคเบาหวานชนิดที่ 1 (เบาหวานแห้ง)โรคเกรฟส์และความผิดปกติของลำไส้อักเสบเช่น Crohn และลำไส้ใหญ่อักเสบ ความสัมพันธ์ระหว่างโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์ (RA) และกรดในกระเพาะอาหารยังมีรายงานไว้ในงานเขียนและงานวิจัยมากมาย การตรวจสอบปริมาณกรดในกระเพาะอาหารของผู้ป่วยโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์ RA 45 คน ของนักวิจัยชาวสวีเดนพบว่า 16 คน(36 เปอร์เซ็นต์) แทบจะไม่มีกรดในกระเพาะอาหารเลย คนที่ได้รับความทรมานจาก RA ที่ยาวที่สุดมีกรดในกระเพาะอาหารน้อยที่สุด กลุ่มนักวิจัยอิตาลียังพบอีกว่าคนที่มี RA มีอัตราของโรคกระเพาะอาหารอักเสบที่สูงมากด้วยค่าความเป็นกรดในกระเพาะอาหารที่ต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับบุคคลปกติ โรคหอบหืด ในรอบสิบปีที่ผ่านมา มากกว่าสี่ร้อยบทความทางวิทยาศาสตร์ให้กังวลเกี่ยวกับการเชื่อมโยงระหว่างโรคหอบหืดและความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร หนึ่งในคุณสมบัติที่พบบ่อยที่สุดของโรคหอบหืดนอกเหนือไปจากการหายใจก็คือเป็นกรดไหลย้อน เป็นที่คาดการณ์กันว่าร้อยละ 80 ของผู้ที่มีโรคหอบหืดยังมีโรคกรดไหลย้อนพ่วงท้ายอีกต่างหาก เมื่อเทียบกับคนที่มีสุขภาพดี และมีการระคายเคืองจากกรดเกินมากขึ้นในเยื่อบุหลอดอาหารของพวกเขา เมื่อกรดเข้าไปในหลอดลม จะทำให้ความสามารถของปอดในการหายใจเข้าออกลดลงเป็นสิบเท่า แพทย์ที่มีความตระหนักถึงสิ่งนี้ก็เริ่มจ่ายยาลดกรดให้กับผู้ป่วยโรคหอบหืดที่ทุกข์ทรมานจากโรคกรดไหลย้อน ในขณะที่ยาลดกรดนี้อาจช่วยบรรเทาอาการชั่วคราว แต่มันไม่ใช่การรักษาที่ต้นเหตุของความผิดปกติที่กรดไหลย้อนเข้าไปในหลอดอาหารในคราวแรก ในความเป็นจริง มีเหตุผลที่จะเชื่อได้ว่ายาลดกรดทำให้ทุกปัญหาพื้นฐานแย่ลง (กรดในกระเพาะอาหารน้อยเกินไปและเพิ่มแบคทีเรีย) ดังนั้นทำให้อาการยาวนานและรุนแรง สรุป อย่างที่เราได้อ่านจากบทความก่อนหน้านี้ในตอนที่ 1 แสบร้อนกลางอกและโรคกรดไหลย้อนมันเกิดจากการน้อยเกินไป - และไม่มากพอ – ของกรดในกระเพาะอาหาร แต่น่าเสียดายที่กรดในกระเพาะอาหารไม่เพียงพอนี้ยังไปเกี่ยวข้องกับการเพิ่มจำนวนแบคทีเรียมากจนเกินไป การดูดซึมสารอาหารด้อยคุณภาพลง การลดลงของความต้านทานต่อการติดเชื้อและเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร, แผลในกระเพาะอาหาร,ลำไส้แปรปรวน และโรคทางเดินอาหารอื่น ๆ ภาวะซึมเศร้าและความผิดปกติทางอารมณ์และโรคแพ้ภูมิตัวเองและโรคหอบหืด การบรรเทาอาการชั่วคราวของยาลดกรดเหล่านี้ให้ความคุ้มค่าต่อความเสี่ยงหรือไม่ นั่นคือสิ่งเดียวที่คุณสามารถตัดสินใจได้เอง Cr. Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 318 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เปิดปมอาการวิปลาสเมื่อคืนพ่นกราดเคพาหุ่งเพราะอะไร
    ไม่จบง่ายๆ กับมหากาพย์นกสองหัว หรือตัวหาผลประโยชน์
    กับนางนิดา นางสกุลคุ๊กกี้ หญิงชราที่ชอบเรียกตัวเองว่าพี่
    กับการเข้ามาหาประโยชน์กับการแอบอ้างสถานะความเป็น
    แฟนคลับCL เป็นด้อมเกรดเบอร์หนึ่งของเมืองไทย
    ไลฟ์ไป ข๋ายของไป ละครด่าสาวเกาไป ก็ตัดเบรคข๋ายของต่อ
    ฟันรายได้เดือนหลักแสน
    - เอาจริงๆ ในวงการ ตต. แฟนคลับพระเอกเอง ก็มีไม่กี่คนหรอก ที่ยอมคบหากับนาง นอกจากสาวกนางที่ผ่านการเชื่อมจิต จนเชื่อทุกอย่างไม่ต่างจากทุย
    ที่คนรอบตัวเริ่มถอยห่าง ก็เพราะ SANDAN ของนางเอง ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มโปรเจค แก้ตัวแทนมิ๊จฉ๋าชีพเข้ามา อาการ อีโก้สูงระดับดาวอังคาร มั่นหน้า มั่นโหนก ต้องวางตัวเป็นผู้รู้ ผู้มากด้วยคอนเนคชั่น
    - และในขณะ ที่อ้างว่าตัวเองเป็นโนหนึ่งของฝั่งแฟนคลับพระเอก กลับมีพฤติกรรมแปลกประหลาดมานาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ผจก นางชวนสาวกนาง ปกป้องแม้ในวันที่ ผจก ออกมาให้ข่าวให้ร้ายพระเอกที่นางอ้างชื่อหาแดรก หรือจะเป็น 4 เฒ่าหญิง ที่ออกมาด่าพระเอก นางก็ยังชวนสาวกไปอุดหนุน
    - จนล่าสุด เอาแฝดพี่อิไผ่ มิ๊จฉ๋าชีพที่มีทั้งKADEE ฉ๊อโGงเยอะแยะ มันเองยังเผลอยอมรับเลย มาพรรณาแก้ตัวแทน ซึี่งพาเอาเมน CL งงกันเป็นแถม เพราะอิแฝด คือผู้ซัพพอตสาวเกา หลายสิบล้าน ถ้าสมมุติจะมีใครช่วยฟอกขาวให้ มันคนเป็นฝั่งสาวเกาหรือเปล่าฟรีะ แต่นางนิดา กลับเสนอตัวแบบถวายหัวอย่างน่าประหลาด หัวฟัดหัวเหวี่ยง จนถึงปัจจุบันแถมยังช่วยมิ๊จฉาชีพขายของด้วย และนางนิดาสกุลคุ๊กกี้ ก็จะมีเหตุผลบร้าบอคอแตกมาให้สาวกได้ดื่มด่ำเสมอ
    นี่คือสาเหตุที่ทำให้คนรอบตัว ที่เคยสนิท กลับไม่ไหวกับพฤติกรรม
    คำถาม เคพาหุ่งคือใคร
    เคพาหุ่ง คือคนที่อยู่ในโลก ตต ที่คอยยืนหยัด ปกป้องน้องพระเอกเสมอ จนเป็นหนึ่งในkadeeเดต ที่อิป้าศรีธัญญาจะฟ๊อง
    ซึ่ง เคพาหุ่ง คือหนึ่งในคนที่สามารถคุยกับพี่คิงส์แบบวงในได้ อาจจะพูดได้ว่า เคยเจอตัวจริงพี่คิงส์แล้วด้วยซ้ำ
    ในขณะที่อินังนิดา นางสกุลคุ๊กกี้ พ่นคำให้ร้ายเคพาหุ่ง มันกลับไม่รู้หรอกว่า เคพาหุ่ง ลับหลังนังนิดา ไม่เคยพูดจากก้าวร้าว หรือเอ่ยถึงนังนิดาในเชิงลบเลยแม้แต่ครั้งเดียว และไม่เคยเชื่อทันทีกับสิ่งที่พี่คิงส์นำเสนอข้อมูลที่พาดพิงหรือเกี่ยวข้องกับนางนิดา นางสกุลคุ๊กกี้ เคยพูดกับพี่คิงส์ว่า เรื่องอื่น ผมเชื่อพี่คิงส์หมด แต่เรื่องพี่นิดา คุ๊กกี้ ผมขอนะครับ เพราะผมรักเคารพแกมาก
    ซึ่งพี่คิงส์ก็ไม่มีปัญหา เรื่องเชื่อไม่เชื่อ มันก็เป็นอิสระที่ใครจะตัดสินใจแบบไหน
    แล้วถามว่า แล้วอิดามันวิปลาส คั่งเมื่อคืนเพราะอะไร
    เรื่องมันเป็นแบบนี้ คืออิดามันได้ข๋ายของแจกปีใหม่ นั่นหมายถึง ก่อนสิ้นปี 67 และเคพาหุ่ง เค้าก็สั่งไป 2 ชุด ชุดละ 999 เลยน๊ะ
    ปรากฏว่า ของที่ต้องการก็ไม่ส่ง เคพาหุ่งก็ทวงถาม นังนิดาก็เลยจะยัดอย่างอื่นให้แทน แต่เคพาหุ่งเค้าก็อยากได้ในสิ่งที่เค้าสั่ง มันก็เป็นเรื่องที่ตกลงกันไว้ เคพาหุ่งเลยบอกว่า กะจะรอพวกของกิน จะได้ให้เพื่อนๆในห้อง ตต.ของเค เพราะน้องมันแจกบ่อย มักเอาตังจากของขวัญที่ได้ ไปแจก ที่เหลือก็เอาไปทำบุญที่วัด
    เออ น้องมันก็จิตดีมากเนาะ
    ต่อนะ
    ถ้าทาร์มไล์ก็แบบนี้ รอของข้ามปีถึงวันที่ 4 มกราคม ซึ่งถ้าร่วมปีที่แล้วก็ราว 17 วันแล้วไมได้ซักที ก็เลยขอเงินคืน อิดาโอนให้คืน 2000 ไม่ต้องทอน เคพาหุ่งก็ห่วงความรู้สึกอีก บอกงั้นอุดหนุนเสื้อตัวละ 540 สามตัวแทน
    - แต่ด้วยความที่อิดา มันระแวง และพยายามหาว่าใครคือคนเอาข่าวมาบอกพี่คิงส์ มันกลับคิดไปเอง ว่าเคพาหุ่ง คือคนเอาข้อมูลที่มาให้พี่คิงส์ตีแผ่ แต่พี่บอกตรงนี้เลย ถ้าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอิดานามสกุลคุ๊กกี้ เคพาหุ่งไม่เปิดปากเลย ไม่เคยเลย กลับออกตัวปกป้องด้วยซ้ำ แต่ด้วยความที่อินิดา มันเป็นคนเชื่อมั่นในความคิดตัวเอง ก็เลยเกิดวิปลาส คิดว่าเคพาหุ่งไม่อยู่ในโอวาท ก็เลยแสดงบทบาท ไลฟ์ด่าและให้ร้ายเคพาหุ่งเมื่อคืน
    ถามว่าตอนนี้ เคพาหุ่งรู้สึกยังไง เค้ารู้สึกผิดหวัง กับคนที่เค้าเคยพูดว่ารัก เคารพ และออกตัวปกป้องเสมอมา และขอเงินค่าเสื้อคืน คือไม่เอาแล้ว พอกันที
    พอจะขอเงินค่าเสื้อคืน อิดาก็หน้าไม่มียาง บอกว่าที่เคยโอนทำบุญที่เคจะบวชพันนึงอะ คืนชั้นมาด้วยละกัน เคพาหุ่งเลยบอกว่า งั้นโอนให้ผมกลับมาส่วนที่เหลือสี่ร้อยกว่าก็พอ
    เนี่ย เรื่องมันก็แค่นี้แหละ อีโก้ เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของกาแลคซี่
    ต้องทำตัวเก่ง ทำตัวเหนือ และไม่พ้นเรื่องผลประโยชน์
    ยังไงน้องๆในตต. ก็ฝากดูแล เคพาหุ่งด้วยละกัน
    อย่าให้อิคั่งนี่ ไปรังควาน น้องมันจะบวชแล้ว สงสารน้องมัน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #เปิดปมอาการวิปลาสเมื่อคืนพ่นกราดเคพาหุ่งเพราะอะไร ไม่จบง่ายๆ กับมหากาพย์นกสองหัว หรือตัวหาผลประโยชน์ กับนางนิดา นางสกุลคุ๊กกี้ หญิงชราที่ชอบเรียกตัวเองว่าพี่ กับการเข้ามาหาประโยชน์กับการแอบอ้างสถานะความเป็น แฟนคลับCL เป็นด้อมเกรดเบอร์หนึ่งของเมืองไทย ไลฟ์ไป ข๋ายของไป ละครด่าสาวเกาไป ก็ตัดเบรคข๋ายของต่อ ฟันรายได้เดือนหลักแสน - เอาจริงๆ ในวงการ ตต. แฟนคลับพระเอกเอง ก็มีไม่กี่คนหรอก ที่ยอมคบหากับนาง นอกจากสาวกนางที่ผ่านการเชื่อมจิต จนเชื่อทุกอย่างไม่ต่างจากทุย ที่คนรอบตัวเริ่มถอยห่าง ก็เพราะ SANDAN ของนางเอง ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มโปรเจค แก้ตัวแทนมิ๊จฉ๋าชีพเข้ามา อาการ อีโก้สูงระดับดาวอังคาร มั่นหน้า มั่นโหนก ต้องวางตัวเป็นผู้รู้ ผู้มากด้วยคอนเนคชั่น - และในขณะ ที่อ้างว่าตัวเองเป็นโนหนึ่งของฝั่งแฟนคลับพระเอก กลับมีพฤติกรรมแปลกประหลาดมานาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ผจก นางชวนสาวกนาง ปกป้องแม้ในวันที่ ผจก ออกมาให้ข่าวให้ร้ายพระเอกที่นางอ้างชื่อหาแดรก หรือจะเป็น 4 เฒ่าหญิง ที่ออกมาด่าพระเอก นางก็ยังชวนสาวกไปอุดหนุน - จนล่าสุด เอาแฝดพี่อิไผ่ มิ๊จฉ๋าชีพที่มีทั้งKADEE ฉ๊อโGงเยอะแยะ มันเองยังเผลอยอมรับเลย มาพรรณาแก้ตัวแทน ซึี่งพาเอาเมน CL งงกันเป็นแถม เพราะอิแฝด คือผู้ซัพพอตสาวเกา หลายสิบล้าน ถ้าสมมุติจะมีใครช่วยฟอกขาวให้ มันคนเป็นฝั่งสาวเกาหรือเปล่าฟรีะ แต่นางนิดา กลับเสนอตัวแบบถวายหัวอย่างน่าประหลาด หัวฟัดหัวเหวี่ยง จนถึงปัจจุบันแถมยังช่วยมิ๊จฉาชีพขายของด้วย และนางนิดาสกุลคุ๊กกี้ ก็จะมีเหตุผลบร้าบอคอแตกมาให้สาวกได้ดื่มด่ำเสมอ นี่คือสาเหตุที่ทำให้คนรอบตัว ที่เคยสนิท กลับไม่ไหวกับพฤติกรรม คำถาม เคพาหุ่งคือใคร เคพาหุ่ง คือคนที่อยู่ในโลก ตต ที่คอยยืนหยัด ปกป้องน้องพระเอกเสมอ จนเป็นหนึ่งในkadeeเดต ที่อิป้าศรีธัญญาจะฟ๊อง ซึ่ง เคพาหุ่ง คือหนึ่งในคนที่สามารถคุยกับพี่คิงส์แบบวงในได้ อาจจะพูดได้ว่า เคยเจอตัวจริงพี่คิงส์แล้วด้วยซ้ำ ในขณะที่อินังนิดา นางสกุลคุ๊กกี้ พ่นคำให้ร้ายเคพาหุ่ง มันกลับไม่รู้หรอกว่า เคพาหุ่ง ลับหลังนังนิดา ไม่เคยพูดจากก้าวร้าว หรือเอ่ยถึงนังนิดาในเชิงลบเลยแม้แต่ครั้งเดียว และไม่เคยเชื่อทันทีกับสิ่งที่พี่คิงส์นำเสนอข้อมูลที่พาดพิงหรือเกี่ยวข้องกับนางนิดา นางสกุลคุ๊กกี้ เคยพูดกับพี่คิงส์ว่า เรื่องอื่น ผมเชื่อพี่คิงส์หมด แต่เรื่องพี่นิดา คุ๊กกี้ ผมขอนะครับ เพราะผมรักเคารพแกมาก ซึ่งพี่คิงส์ก็ไม่มีปัญหา เรื่องเชื่อไม่เชื่อ มันก็เป็นอิสระที่ใครจะตัดสินใจแบบไหน แล้วถามว่า แล้วอิดามันวิปลาส คั่งเมื่อคืนเพราะอะไร เรื่องมันเป็นแบบนี้ คืออิดามันได้ข๋ายของแจกปีใหม่ นั่นหมายถึง ก่อนสิ้นปี 67 และเคพาหุ่ง เค้าก็สั่งไป 2 ชุด ชุดละ 999 เลยน๊ะ ปรากฏว่า ของที่ต้องการก็ไม่ส่ง เคพาหุ่งก็ทวงถาม นังนิดาก็เลยจะยัดอย่างอื่นให้แทน แต่เคพาหุ่งเค้าก็อยากได้ในสิ่งที่เค้าสั่ง มันก็เป็นเรื่องที่ตกลงกันไว้ เคพาหุ่งเลยบอกว่า กะจะรอพวกของกิน จะได้ให้เพื่อนๆในห้อง ตต.ของเค เพราะน้องมันแจกบ่อย มักเอาตังจากของขวัญที่ได้ ไปแจก ที่เหลือก็เอาไปทำบุญที่วัด เออ น้องมันก็จิตดีมากเนาะ ต่อนะ ถ้าทาร์มไล์ก็แบบนี้ รอของข้ามปีถึงวันที่ 4 มกราคม ซึ่งถ้าร่วมปีที่แล้วก็ราว 17 วันแล้วไมได้ซักที ก็เลยขอเงินคืน อิดาโอนให้คืน 2000 ไม่ต้องทอน เคพาหุ่งก็ห่วงความรู้สึกอีก บอกงั้นอุดหนุนเสื้อตัวละ 540 สามตัวแทน - แต่ด้วยความที่อิดา มันระแวง และพยายามหาว่าใครคือคนเอาข่าวมาบอกพี่คิงส์ มันกลับคิดไปเอง ว่าเคพาหุ่ง คือคนเอาข้อมูลที่มาให้พี่คิงส์ตีแผ่ แต่พี่บอกตรงนี้เลย ถ้าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอิดานามสกุลคุ๊กกี้ เคพาหุ่งไม่เปิดปากเลย ไม่เคยเลย กลับออกตัวปกป้องด้วยซ้ำ แต่ด้วยความที่อินิดา มันเป็นคนเชื่อมั่นในความคิดตัวเอง ก็เลยเกิดวิปลาส คิดว่าเคพาหุ่งไม่อยู่ในโอวาท ก็เลยแสดงบทบาท ไลฟ์ด่าและให้ร้ายเคพาหุ่งเมื่อคืน ถามว่าตอนนี้ เคพาหุ่งรู้สึกยังไง เค้ารู้สึกผิดหวัง กับคนที่เค้าเคยพูดว่ารัก เคารพ และออกตัวปกป้องเสมอมา และขอเงินค่าเสื้อคืน คือไม่เอาแล้ว พอกันที พอจะขอเงินค่าเสื้อคืน อิดาก็หน้าไม่มียาง บอกว่าที่เคยโอนทำบุญที่เคจะบวชพันนึงอะ คืนชั้นมาด้วยละกัน เคพาหุ่งเลยบอกว่า งั้นโอนให้ผมกลับมาส่วนที่เหลือสี่ร้อยกว่าก็พอ เนี่ย เรื่องมันก็แค่นี้แหละ อีโก้ เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของกาแลคซี่ ต้องทำตัวเก่ง ทำตัวเหนือ และไม่พ้นเรื่องผลประโยชน์ ยังไงน้องๆในตต. ก็ฝากดูแล เคพาหุ่งด้วยละกัน อย่าให้อิคั่งนี่ ไปรังควาน น้องมันจะบวชแล้ว สงสารน้องมัน #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 270 มุมมอง 0 รีวิว
  • 718 ปี แห่งประวัติศาสตร์ ลอบปลงพระชนม์ "พระเจ้าฟ้ารั่ว" จากเด็กเลี้ยงช้าง สู่ปฐมกษัตริย์แห่งรัฐมอญ

    วันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 1850 หรือเมื่อ 718 ปี ที่ผ่านมา โลกได้จารึกเหตุการณ์สำคัญ ทางประวัติศาสตร์ ที่ยังคงถูกกล่าวถึง จนถึงปัจจุบัน นั่นคือ การลอบปลงพระชนม์ "พระเจ้าฟ้ารั่ว" หรือที่รู้จักในพระนาม "พระเจ้าวาเรรุ" กษัตริย์ผู้รวบรวมแผ่นดินมอญ ให้เป็นหนึ่งเดียว เหตุการณ์นี้ ไม่เพียงเป็นจุดสิ้นสุด แห่งยุคของพระองค์ แต่ยังสะท้อนถึง การเปลี่ยนผ่านของอำนาจ ในยุคที่แผ่นดินเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังเต็มไปด้วย การช่วงชิงราชบัลลังก์

    พระเจ้าฟ้ารั่ว หรือที่ชาวมอญเรียกพระองค์ว่า “พระเจ้าวาเรรุ” ทรงเป็นปฐมกษัตริย์ แห่งเมืองเมาะตะมะ (ปัจจุบันคือเมืองในประเทศเมียนมา) และทรงเป็นผู้นำ ที่รวบรวมชนชาติมอญ ให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ในยุคที่อาณาจักรพุกาม กำลังล่มสลาย พระองค์ทรงครองราชย์ ระหว่างปี พ.ศ. 1830 - 1850 ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญ ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และอำนาจในภูมิภาค

    พระเจ้าฟ้ารั่ว ประสูติเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 1796 ภายใต้ชื่อ มะกะโท (แมะกะตู) พระองค์เป็นบุตรของบิดาชาวไทยใหญ่ และมารดาชาวมอญ ณ เมืองสะโตง (บริเวณตอนล่างของพม่า ในปัจจุบัน) การเดินทางของพระองค์ เริ่มต้นเมื่ออายุ 19 พรรษา เมื่อมะกะโท เดินทางไปยังอาณาจักรสุโขทัย เพื่อค้าขาย ก่อนจะเริ่มชีวิตใหม่ ในราชสำนักสุโขทัย

    จากเด็กเลี้ยงช้าง สู่ตำแหน่งขุนวังแห่งสุโขทัย
    เมื่อมะกะโทเดินทางมายังสุโขทัย ในรัชสมัยพ่อขุนบานเมือง (พ.ศ. 1815) พระองค์เริ่มต้นชีวิตใหม่ ด้วยการเข้ารับราชการ ในตำแหน่งควาญช้าง ด้วยความขยันและเฉลียวฉลาด มะกะโทสามารถสร้างความประทับใจ แก่พระเจ้าแผ่นดิน และในที่สุด ได้รับตำแหน่งขุนวัง ในรัชสมัย พ่อขุนรามคำแหงมหาราช

    ช่วงเวลานี้เอง ที่พระองค์ได้พบรักกับ "เจ้านางสร้อยดาว" (หรือพระนามในพงศาวดารไทยว่า นางสุวรรณเทวี) ธิดาของพ่อขุนรามคำแหง ทั้งสองแอบมีใจ ผูกสมัครรักใคร่ต่อกัน จนกระทั่งตัดสินใจ
    ลอบหนีออกจากสุโขทัย พร้อมทั้งข้าราชบริพารจำนวนมาก

    การตัดสินใจครั้งนี้ ไม่เพียงเปลี่ยนแปลงชีวิตของมะกะโท แต่ยังส่งผลกระทบต่อประวัติศาสตร์ ของทั้งอาณาจักรมอญ และสุโขทัย

    ประกาศอิสรภาพจากพุกาม
    หลังจากที่มะกะโท หรือพระเจ้าฟ้ารั่ว กลับมายังเมืองเมาะตะมะ พระองค์ได้เผชิญหน้ากับ "อลิมามาง" เจ้าเมืองที่ได้รับการแต่งตั้งจากอาณาจักรพุกาม ในปี พ.ศ. 1828 มะกะโทสามารถโค่นล้มอำนาจ ของอลิมามางได้สำเร็จ และในปี พ.ศ. 1830 พระองค์ได้ประกาศอิสรภาพ จากพุกาม พร้อมทั้งสถาปนาตนเองเป็น กษัตริย์แห่งเมืองเมาะตะมะ

    ยุทธศาสตร์บริหารแผ่นดิน
    หลังจากขึ้นครองราชย์ พระเจ้าฟ้ารั่วใช้เวลากว่า 10 ปีในการรวบรวมแผ่นดินมอญ ให้เป็นหนึ่งเดียว โดยทรงจัดการศัตรูทางการเมือง จนหมดสิ้น รวมถึงสร้างพันธมิตรทางการทูต กับราชวงศ์หยวนแห่งจีน เพื่อป้องกันการรุกราน จากมหาอำนาจภายนอก

    พระองค์ยังทรงชำระ "ประมวลกฎหมายวาเรรุ" ซึ่งเป็นกฎหมายฉบับแรก ของอาณาจักรมอญ โดยมีเป้าหมาย เพื่อสร้างความเป็นธรรมในสังคม และปกครองประชาชนอย่างยุติธรรม

    ลอบปลงพระชนม์
    แม้พระเจ้าฟ้ารั่ว จะประสบความสำเร็จ ในการสร้างอาณาจักรมอญ แต่พระองค์ไม่สามารถหลีกเลี่ยง วัฏจักรแห่งการชิงอำนาจได้ ในวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 1850 พระองค์ถูกลอบปลงพระชนม์ โดยพระราชโอรส 2 พระองค์ ของพระเจ้าตะยาพยาแห่งหงสาวดี ซึ่งต้องการแก้แค้นให้กับพระบิดา ที่ถูกพระเจ้าฟ้ารั่วสำเร็จโทษ

    การสิ้นพระชนม์ ของพระเจ้าฟ้ารั่ว นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ของอาณาจักรมอญ ซึ่งภายหลัง ต้องเผชิญกับ ความแตกแยกทางการเมือง จนกระทั่งล่มสลาย

    ความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้าฟ้ารั่วและสุโขทัย
    หนึ่งในเหตุการณ์ ที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น ระหว่างอาณาจักรมอญ และสุโขทัยคือ การส่งพระราชสาสน์ ของพระเจ้าฟ้ารั่ว ไปยังพ่อขุนรามคำแหงมหาราช เพื่อขอขมาในสิ่งที่พระองค์ล่วงละเมิด และยอมเป็นประเทศราช พระราชสาสน์ฉบับนี้ ไม่เพียงเป็นการแสดงความเคารพ แต่ยังยืนยันถึงบทบาทของสุโขทัย ในฐานะมหาอำนาจ ที่มีอิทธิพลต่อภูมิภาค

    มรดกพระเจ้าฟ้ารั่ว
    พระเจ้าฟ้ารั่วไม่เพียงเป็น กษัตริย์ผู้สร้างความเป็นหนึ่งเดียว ให้กับแผ่นดินมอญ แต่ยังเป็นตัวแทนของยุคสมัย ที่การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีบทบาทสำคัญ ต่อประวัติศาสตร์โลก

    แม้ว่าพระองค์จะจากไป นานกว่า 718 ปี แต่เรื่องราวของพระเจ้าฟ้ารั่ว ยังคงสะท้อนถึงบทเรียน เกี่ยวกับความเป็นผู้นำ ความอดทนต่ออุปสรรค และความสำคัญของการรวมพลัง เพื่อสร้างความมั่นคง ให้แก่แผ่นดิน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 142006 ม.ค. 2568

    #ประวัติศาสตร์มอญ #พระเจ้าฟ้ารั่ว #วาเรรุ #พ่อขุนรามคำแหง #ประวัติศาสตร์ไทย #อาณาจักรพุกาม #การปฏิวัติมอญ #ความสัมพันธ์ไทยมอญ #กษัตริย์มอญ #ย้อนอดีต
    718 ปี แห่งประวัติศาสตร์ ลอบปลงพระชนม์ "พระเจ้าฟ้ารั่ว" จากเด็กเลี้ยงช้าง สู่ปฐมกษัตริย์แห่งรัฐมอญ วันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 1850 หรือเมื่อ 718 ปี ที่ผ่านมา โลกได้จารึกเหตุการณ์สำคัญ ทางประวัติศาสตร์ ที่ยังคงถูกกล่าวถึง จนถึงปัจจุบัน นั่นคือ การลอบปลงพระชนม์ "พระเจ้าฟ้ารั่ว" หรือที่รู้จักในพระนาม "พระเจ้าวาเรรุ" กษัตริย์ผู้รวบรวมแผ่นดินมอญ ให้เป็นหนึ่งเดียว เหตุการณ์นี้ ไม่เพียงเป็นจุดสิ้นสุด แห่งยุคของพระองค์ แต่ยังสะท้อนถึง การเปลี่ยนผ่านของอำนาจ ในยุคที่แผ่นดินเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังเต็มไปด้วย การช่วงชิงราชบัลลังก์ พระเจ้าฟ้ารั่ว หรือที่ชาวมอญเรียกพระองค์ว่า “พระเจ้าวาเรรุ” ทรงเป็นปฐมกษัตริย์ แห่งเมืองเมาะตะมะ (ปัจจุบันคือเมืองในประเทศเมียนมา) และทรงเป็นผู้นำ ที่รวบรวมชนชาติมอญ ให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ในยุคที่อาณาจักรพุกาม กำลังล่มสลาย พระองค์ทรงครองราชย์ ระหว่างปี พ.ศ. 1830 - 1850 ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญ ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และอำนาจในภูมิภาค พระเจ้าฟ้ารั่ว ประสูติเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 1796 ภายใต้ชื่อ มะกะโท (แมะกะตู) พระองค์เป็นบุตรของบิดาชาวไทยใหญ่ และมารดาชาวมอญ ณ เมืองสะโตง (บริเวณตอนล่างของพม่า ในปัจจุบัน) การเดินทางของพระองค์ เริ่มต้นเมื่ออายุ 19 พรรษา เมื่อมะกะโท เดินทางไปยังอาณาจักรสุโขทัย เพื่อค้าขาย ก่อนจะเริ่มชีวิตใหม่ ในราชสำนักสุโขทัย จากเด็กเลี้ยงช้าง สู่ตำแหน่งขุนวังแห่งสุโขทัย เมื่อมะกะโทเดินทางมายังสุโขทัย ในรัชสมัยพ่อขุนบานเมือง (พ.ศ. 1815) พระองค์เริ่มต้นชีวิตใหม่ ด้วยการเข้ารับราชการ ในตำแหน่งควาญช้าง ด้วยความขยันและเฉลียวฉลาด มะกะโทสามารถสร้างความประทับใจ แก่พระเจ้าแผ่นดิน และในที่สุด ได้รับตำแหน่งขุนวัง ในรัชสมัย พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ช่วงเวลานี้เอง ที่พระองค์ได้พบรักกับ "เจ้านางสร้อยดาว" (หรือพระนามในพงศาวดารไทยว่า นางสุวรรณเทวี) ธิดาของพ่อขุนรามคำแหง ทั้งสองแอบมีใจ ผูกสมัครรักใคร่ต่อกัน จนกระทั่งตัดสินใจ ลอบหนีออกจากสุโขทัย พร้อมทั้งข้าราชบริพารจำนวนมาก การตัดสินใจครั้งนี้ ไม่เพียงเปลี่ยนแปลงชีวิตของมะกะโท แต่ยังส่งผลกระทบต่อประวัติศาสตร์ ของทั้งอาณาจักรมอญ และสุโขทัย ประกาศอิสรภาพจากพุกาม หลังจากที่มะกะโท หรือพระเจ้าฟ้ารั่ว กลับมายังเมืองเมาะตะมะ พระองค์ได้เผชิญหน้ากับ "อลิมามาง" เจ้าเมืองที่ได้รับการแต่งตั้งจากอาณาจักรพุกาม ในปี พ.ศ. 1828 มะกะโทสามารถโค่นล้มอำนาจ ของอลิมามางได้สำเร็จ และในปี พ.ศ. 1830 พระองค์ได้ประกาศอิสรภาพ จากพุกาม พร้อมทั้งสถาปนาตนเองเป็น กษัตริย์แห่งเมืองเมาะตะมะ ยุทธศาสตร์บริหารแผ่นดิน หลังจากขึ้นครองราชย์ พระเจ้าฟ้ารั่วใช้เวลากว่า 10 ปีในการรวบรวมแผ่นดินมอญ ให้เป็นหนึ่งเดียว โดยทรงจัดการศัตรูทางการเมือง จนหมดสิ้น รวมถึงสร้างพันธมิตรทางการทูต กับราชวงศ์หยวนแห่งจีน เพื่อป้องกันการรุกราน จากมหาอำนาจภายนอก พระองค์ยังทรงชำระ "ประมวลกฎหมายวาเรรุ" ซึ่งเป็นกฎหมายฉบับแรก ของอาณาจักรมอญ โดยมีเป้าหมาย เพื่อสร้างความเป็นธรรมในสังคม และปกครองประชาชนอย่างยุติธรรม ลอบปลงพระชนม์ แม้พระเจ้าฟ้ารั่ว จะประสบความสำเร็จ ในการสร้างอาณาจักรมอญ แต่พระองค์ไม่สามารถหลีกเลี่ยง วัฏจักรแห่งการชิงอำนาจได้ ในวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 1850 พระองค์ถูกลอบปลงพระชนม์ โดยพระราชโอรส 2 พระองค์ ของพระเจ้าตะยาพยาแห่งหงสาวดี ซึ่งต้องการแก้แค้นให้กับพระบิดา ที่ถูกพระเจ้าฟ้ารั่วสำเร็จโทษ การสิ้นพระชนม์ ของพระเจ้าฟ้ารั่ว นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ของอาณาจักรมอญ ซึ่งภายหลัง ต้องเผชิญกับ ความแตกแยกทางการเมือง จนกระทั่งล่มสลาย ความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้าฟ้ารั่วและสุโขทัย หนึ่งในเหตุการณ์ ที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น ระหว่างอาณาจักรมอญ และสุโขทัยคือ การส่งพระราชสาสน์ ของพระเจ้าฟ้ารั่ว ไปยังพ่อขุนรามคำแหงมหาราช เพื่อขอขมาในสิ่งที่พระองค์ล่วงละเมิด และยอมเป็นประเทศราช พระราชสาสน์ฉบับนี้ ไม่เพียงเป็นการแสดงความเคารพ แต่ยังยืนยันถึงบทบาทของสุโขทัย ในฐานะมหาอำนาจ ที่มีอิทธิพลต่อภูมิภาค มรดกพระเจ้าฟ้ารั่ว พระเจ้าฟ้ารั่วไม่เพียงเป็น กษัตริย์ผู้สร้างความเป็นหนึ่งเดียว ให้กับแผ่นดินมอญ แต่ยังเป็นตัวแทนของยุคสมัย ที่การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีบทบาทสำคัญ ต่อประวัติศาสตร์โลก แม้ว่าพระองค์จะจากไป นานกว่า 718 ปี แต่เรื่องราวของพระเจ้าฟ้ารั่ว ยังคงสะท้อนถึงบทเรียน เกี่ยวกับความเป็นผู้นำ ความอดทนต่ออุปสรรค และความสำคัญของการรวมพลัง เพื่อสร้างความมั่นคง ให้แก่แผ่นดิน ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 142006 ม.ค. 2568 #ประวัติศาสตร์มอญ #พระเจ้าฟ้ารั่ว #วาเรรุ #พ่อขุนรามคำแหง #ประวัติศาสตร์ไทย #อาณาจักรพุกาม #การปฏิวัติมอญ #ความสัมพันธ์ไทยมอญ #กษัตริย์มอญ #ย้อนอดีต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 294 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ตับสัตว์

    ตับเป็นอาหารแคลอรี่ต่ำที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย อย่างไรก็ตาม อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีสำหรับทุกคน

    ตับคืออะไร

    ตับเป็นอวัยวะที่สำคัญในมนุษย์และสัตว์ โดยทั่วไปแล้วตับเป็นอวัยวะภายในที่ใหญ่ที่สุดและมีหน้าที่สำคัญหลายประการ รวมถึง:

    • ผลิตน้ำดีซึ่งช่วยในการย่อยอาหาร

    • จัดเก็บไกลโคเจน ธาตุเหล็ก วิตามิน และสารอาหารที่จำเป็นอื่นๆ

    • กรองและกำจัดยาและสารพิษออกจากเลือด

    ในสัตว์ที่ไม่ป่วย ตับคืออวัยวะที่ทำความสะอาดตัวเองทุกวัน จึงสามารถบริโภคได้อย่างปลอดภัย

    แม้ว่าตับจะได้รับความนิยมน้อยลง แต่ตับก็เป็นอาหารที่มีสารอาหารหนาแน่นสูง

    ตับ 100 กรัม ให้ :

    • พลังงาน 189 แคลอรี่

    • โปรตีน 29 กรัม

    • ไขมัน 5 กรัม

    • คาร์โบไฮเดรต 5 กรัม

    ตับมีราคาถูกและหาซื้อได้ง่าย ตับของสัตว์ส่วนใหญ่สามารถรับประทานได้ แหล่งที่พบได้ทั่วไปคือ ตับวัว ไก่ เป็ด เนื้อแกะ และหมู

    ตับเป็นแหล่งของสารอาหารหลายชนิด

    ต่อไปนี้คือสารอาหารที่พบในตับวัว 100 กรัม

    • วิตามินบี 12: 2,917% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน (DV) วิตามินบี 12 ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงและ DNA และยังเกี่ยวข้องกับการทำงานของสมองที่แข็งแรงอีกด้วย

    • วิตามินเอ: 104% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน วิตามินเอมีความสำคัญต่อการมองเห็น การทำงานของภูมิคุ้มกัน และการสืบพันธุ์ นอกจากนี้ยังช่วยให้หัวใจทำงานได้อย่างถูกต้อง

    • ไรโบฟลาวิน (B2): 261% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน ไรโบฟลาวินมีความสำคัญต่อการพัฒนาและการทำงานของเซลล์ นอกจากนี้ยังช่วยเปลี่ยนอาหารให้เป็นพลังงานอีกด้วย

    • โฟเลต (B9): 63% ของ DV โฟเลตเป็นสารอาหารจำเป็นที่มีบทบาทในการเจริญเติบโตของเซลล์และการสร้าง DNA

    • ธาตุเหล็ก: 36% ของ DV ธาตุเหล็กเป็นสารอาหารจำเป็นอีกชนิดหนึ่งที่ช่วยนำออกซิเจนไปทั่วร่างกาย ธาตุเหล็กในตับคือธาตุเหล็กในกลุ่มฮีม ซึ่งเป็นธาตุเหล็กที่ร่างกายดูดซึมได้ง่ายที่สุด

    • ทองแดง: 1,578% ของ DV ทองแดงทำหน้าที่เป็นกุญแจสำคัญในการกระตุ้นเอนไซม์หลายชนิด ซึ่งจะช่วยควบคุมการผลิตพลังงาน การเผาผลาญธาตุเหล็ก และการทำงานของสมอง

    • โคลีน: ตับให้โคลีน 77% ของ DV โคลีนมีความสำคัญต่อการพัฒนาสมองและการทำงานของตับ

    ตับเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูง

    โปรตีนมีความสำคัญต่อชีวิตและพบได้ในทุกเซลล์ของร่างกายมนุษย์ โปรตีนจำเป็นต่อการซ่อมแซมและสร้างเซลล์ใหม่ในร่างกาย

    ตับวัวมากกว่าหนึ่งในสี่ประกอบด้วยโปรตีน เนื่องจากเป็นโปรตีนจากสัตว์ จึงมีกรดอะมิโนที่จำเป็นทั้งหมด

    กรดอะมิโนเป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่ประกอบเป็นโปรตีน ร่างกายสามารถสร้างกรดอะมิโนบางชนิดได้ แต่กรดอะมิโนที่จำเป็นจะต้องมาจากอาหาร

    การรับประทานโปรตีนในปริมาณสูงได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยลดน้ำหนักได้ เนื่องจากช่วยลดความหิวและความอยากอาหาร นอกจากนี้ ยังพบว่าโปรตีนช่วยบรรเทาความหิวได้ดีกว่าไขมันหรือคาร์โบไฮเดรต

    ยิ่งไปกว่านั้น การรับประทานโปรตีนในปริมาณสูงยังช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญ หรือจำนวนแคลอรี่ที่ร่างกายใช้ในการทำงาน

    การที่มีอัตราการเผาผลาญที่สูงขึ้นหมายความว่าคุณใช้แคลอรี่มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อการลดน้ำหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากรับประทานร่วมกับการลดปริมาณแคลอรี่

    สุดท้ายการรับประทานโปรตีนในปริมาณสูงสามารถช่วยสร้างกล้ามเนื้อและป้องกันการสูญเสียกล้ามเนื้อในขณะที่ลดน้ำหนักได้

    ในขณะเดียวกัน การศึกษาบางกรณีเตือนว่าการบริโภคโปรตีนในระยะยาวมากเกินไป โดยเฉพาะจากโปรตีนจากสัตว์ มีความเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของไต กระดูก หรือตับ และโรคหัวใจและหลอดเลือด ดังนั้นจึงควรรับประทานให้เหมาะสมที่ร่างกายแต่ละคนต้องการ (อ่านตอนโปรตีนในหัวข้อ Fixx pro)

    ความกังวลทั่วไปเกี่ยวกับการรับประทานตับ

    หลายคนมีความกังวลเกี่ยวกับการรับประทานตับและสงสัยว่าตับไม่ดีต่อสุขภาพหรือไม่

    คำถามที่พบบ่อยที่สุดประการหนึ่งคือปริมาณคอเลสเตอรอลเป็นปัญหาหรือไม่

    แม้ว่าตับจะมีคอเลสเตอรอลสูง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนส่วนใหญ่

    ผู้คนเคยเชื่อว่าคอเลสเตอรอลในอาหารทำให้เกิดโรคหัวใจ อย่างไรก็ตาม การวิจัยล่าสุดแสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างคอเลสเตอรอลในอาหารและคอเลสเตอรอลในร่างกายนั้นไม่ตรงไปตรงมา

    คำแนะนำปัจจุบันยังคงแนะนำให้กินอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูงในปริมาณที่พอเหมาะ โดยอยู่ในบริบทของการรับประทานอาหารที่สมดุลและมีคุณค่าทางโภชนาการ

    ประชากรประมาณหนึ่งในสี่ดูเหมือนจะไวต่อคอเลสเตอรอลในอาหารมากกว่า สำหรับคนเหล่านี้ การกินอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูงอาจทำให้ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูงขึ้นได้

    นอกจากความกังวลอื่นๆ แล้ว การศึกษาเมื่อไม่นานมานี้ยังพบว่าการรับประทานอาหารที่มีเครื่องในสัตว์สูงมีความเสี่ยงเล็กน้อยที่จะเกิดโรคไขมันพอกตับที่ไม่ใช่แอลกอฮอล์ แต่การศึกษานี้ยังมีขอบเขตจำกัด และจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม
    ตับอาจไม่เหมาะกับทุกคน

    มีกลุ่มคนบางกลุ่มที่อาจต้องการหลีกเลี่ยงการรับประทานตับ

    หญิงตั้งครรภ์

    ความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของการรับประทานตับในระหว่างตั้งครรภ์ส่วนใหญ่มักเกิดจากปริมาณวิตามินเอ

    การรับประทานวิตามินเอที่ก่อตัวก่อนกำหนดในปริมาณมาก ซึ่งเป็นชนิดที่พบในตับ มีความเชื่อมโยงกับข้อบกพร่องแต่กำเนิดในการศึกษาวิจัยในปี 1995

    ปริมาณวิตามินเอสูงสุดที่ผู้ใหญ่สามารถรับประทานได้คือ 3,000 ไมโครกรัมของเรตินอลแอคทีฟเอควล (mcg RAE) ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรไม่ควรรับประทานวิตามินเอเสริมเกินปริมาณดังกล่าวต่อวัน

    อย่างไรก็ตาม ตับวัว 1 ออนซ์ (28.5 กรัม) มีวิตามินเอ 2,650 ไมโครกรัม ซึ่งใกล้เคียงกับระดับวิตามินเอสูงสุดที่ร่างกายสามารถรับประทานได้ในระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นปริมาณที่น้อยมาก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องติดตามปริมาณวิตามินเอ

    การปรึกษาหารือกับผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพเกี่ยวกับแผนการรับประทานอาหารที่ดีที่สุดสำหรับการตั้งครรภ์ของคุณเป็นสิ่งสำคัญ

    ผู้ที่เป็นโรคเกาต์

    โรคเกาต์เป็นโรคข้ออักเสบชนิดหนึ่งที่เกิดจากกรดยูริกในเลือดมีปริมาณสูง อาการของโรคได้แก่ ปวด ข้อแข็ง และบวม

    ตับมีสารพิวรีนสูง ซึ่งก่อให้เกิดกรดยูริกในร่างกาย ดังนั้นการหลีกเลี่ยงตับ เครื่องในสัตว์ และปลาดุกจึงเป็นสิ่งสำคัญหากคุณเป็นโรคเกาต์

    วิธีรวมตับไว้ในอาหารของคุณ

    ตับมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งบางคนชอบและบางคนไม่ชอบ

    ต่อไปนี้คือคำแนะนำบางประการเกี่ยวกับวิธีรวมตับไว้ในอาหารของคุณ:

    • การทอดในกระทะ: ตับจะได้ผลดีเมื่อทอดในกระทะพร้อมกับหัวหอม

    • การแช่ตับในน้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาวก่อนปรุงอาหาร: การทำเช่นนี้จะลดรสชาติที่เข้มข้นของตับได้

    สภาวะของร่างกายที่ควรรับประทานตับ

    -กำลังเจริญเติบโตและใช้สมอง
    -เป็นไข้หรือติดเชื้อไวรัส เนื่องจากเชื้อโรคจะทำลายเม็ดเลือดแดง
    -สูญเสียเลือด ไม่ว่าจะเป็นจากการมีประจำเดือน การผ่าตัด หรือประสบอุบัติเหตุ
    -มีภาวะโลหิตจาง
    - ผู้ที่มีอาการโคลงเคลงเหมือนอยู่ในเรือหรือบ้านหมุน
    - ผู้ที่มีความรู้สึกว่าหนาวง่ายเกินไป

    ปริมาณที่แนะนำ
    ถ้าเป็นตับวัวหรือตับหมู รับประทานประมาณ 2 ช้อนโต๊ะต่อมื้อต่อวัน
    ถ้าเป็นตับไก่หรือตับเป็ด รับประทานประมาณ 1 ไม้เสียบย่าง
    และควรรับประทานสัปดาห์ละ 3 ครั้ง

    ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง

    Cr.Santi Manadee
    #ตับสัตว์ ตับเป็นอาหารแคลอรี่ต่ำที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย อย่างไรก็ตาม อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีสำหรับทุกคน ตับคืออะไร ตับเป็นอวัยวะที่สำคัญในมนุษย์และสัตว์ โดยทั่วไปแล้วตับเป็นอวัยวะภายในที่ใหญ่ที่สุดและมีหน้าที่สำคัญหลายประการ รวมถึง: • ผลิตน้ำดีซึ่งช่วยในการย่อยอาหาร • จัดเก็บไกลโคเจน ธาตุเหล็ก วิตามิน และสารอาหารที่จำเป็นอื่นๆ • กรองและกำจัดยาและสารพิษออกจากเลือด ในสัตว์ที่ไม่ป่วย ตับคืออวัยวะที่ทำความสะอาดตัวเองทุกวัน จึงสามารถบริโภคได้อย่างปลอดภัย แม้ว่าตับจะได้รับความนิยมน้อยลง แต่ตับก็เป็นอาหารที่มีสารอาหารหนาแน่นสูง ตับ 100 กรัม ให้ : • พลังงาน 189 แคลอรี่ • โปรตีน 29 กรัม • ไขมัน 5 กรัม • คาร์โบไฮเดรต 5 กรัม ตับมีราคาถูกและหาซื้อได้ง่าย ตับของสัตว์ส่วนใหญ่สามารถรับประทานได้ แหล่งที่พบได้ทั่วไปคือ ตับวัว ไก่ เป็ด เนื้อแกะ และหมู ตับเป็นแหล่งของสารอาหารหลายชนิด ต่อไปนี้คือสารอาหารที่พบในตับวัว 100 กรัม • วิตามินบี 12: 2,917% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน (DV) วิตามินบี 12 ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงและ DNA และยังเกี่ยวข้องกับการทำงานของสมองที่แข็งแรงอีกด้วย • วิตามินเอ: 104% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน วิตามินเอมีความสำคัญต่อการมองเห็น การทำงานของภูมิคุ้มกัน และการสืบพันธุ์ นอกจากนี้ยังช่วยให้หัวใจทำงานได้อย่างถูกต้อง • ไรโบฟลาวิน (B2): 261% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน ไรโบฟลาวินมีความสำคัญต่อการพัฒนาและการทำงานของเซลล์ นอกจากนี้ยังช่วยเปลี่ยนอาหารให้เป็นพลังงานอีกด้วย • โฟเลต (B9): 63% ของ DV โฟเลตเป็นสารอาหารจำเป็นที่มีบทบาทในการเจริญเติบโตของเซลล์และการสร้าง DNA • ธาตุเหล็ก: 36% ของ DV ธาตุเหล็กเป็นสารอาหารจำเป็นอีกชนิดหนึ่งที่ช่วยนำออกซิเจนไปทั่วร่างกาย ธาตุเหล็กในตับคือธาตุเหล็กในกลุ่มฮีม ซึ่งเป็นธาตุเหล็กที่ร่างกายดูดซึมได้ง่ายที่สุด • ทองแดง: 1,578% ของ DV ทองแดงทำหน้าที่เป็นกุญแจสำคัญในการกระตุ้นเอนไซม์หลายชนิด ซึ่งจะช่วยควบคุมการผลิตพลังงาน การเผาผลาญธาตุเหล็ก และการทำงานของสมอง • โคลีน: ตับให้โคลีน 77% ของ DV โคลีนมีความสำคัญต่อการพัฒนาสมองและการทำงานของตับ ตับเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูง โปรตีนมีความสำคัญต่อชีวิตและพบได้ในทุกเซลล์ของร่างกายมนุษย์ โปรตีนจำเป็นต่อการซ่อมแซมและสร้างเซลล์ใหม่ในร่างกาย ตับวัวมากกว่าหนึ่งในสี่ประกอบด้วยโปรตีน เนื่องจากเป็นโปรตีนจากสัตว์ จึงมีกรดอะมิโนที่จำเป็นทั้งหมด กรดอะมิโนเป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่ประกอบเป็นโปรตีน ร่างกายสามารถสร้างกรดอะมิโนบางชนิดได้ แต่กรดอะมิโนที่จำเป็นจะต้องมาจากอาหาร การรับประทานโปรตีนในปริมาณสูงได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยลดน้ำหนักได้ เนื่องจากช่วยลดความหิวและความอยากอาหาร นอกจากนี้ ยังพบว่าโปรตีนช่วยบรรเทาความหิวได้ดีกว่าไขมันหรือคาร์โบไฮเดรต ยิ่งไปกว่านั้น การรับประทานโปรตีนในปริมาณสูงยังช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญ หรือจำนวนแคลอรี่ที่ร่างกายใช้ในการทำงาน การที่มีอัตราการเผาผลาญที่สูงขึ้นหมายความว่าคุณใช้แคลอรี่มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อการลดน้ำหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากรับประทานร่วมกับการลดปริมาณแคลอรี่ สุดท้ายการรับประทานโปรตีนในปริมาณสูงสามารถช่วยสร้างกล้ามเนื้อและป้องกันการสูญเสียกล้ามเนื้อในขณะที่ลดน้ำหนักได้ ในขณะเดียวกัน การศึกษาบางกรณีเตือนว่าการบริโภคโปรตีนในระยะยาวมากเกินไป โดยเฉพาะจากโปรตีนจากสัตว์ มีความเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของไต กระดูก หรือตับ และโรคหัวใจและหลอดเลือด ดังนั้นจึงควรรับประทานให้เหมาะสมที่ร่างกายแต่ละคนต้องการ (อ่านตอนโปรตีนในหัวข้อ Fixx pro) ความกังวลทั่วไปเกี่ยวกับการรับประทานตับ หลายคนมีความกังวลเกี่ยวกับการรับประทานตับและสงสัยว่าตับไม่ดีต่อสุขภาพหรือไม่ คำถามที่พบบ่อยที่สุดประการหนึ่งคือปริมาณคอเลสเตอรอลเป็นปัญหาหรือไม่ แม้ว่าตับจะมีคอเลสเตอรอลสูง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนส่วนใหญ่ ผู้คนเคยเชื่อว่าคอเลสเตอรอลในอาหารทำให้เกิดโรคหัวใจ อย่างไรก็ตาม การวิจัยล่าสุดแสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างคอเลสเตอรอลในอาหารและคอเลสเตอรอลในร่างกายนั้นไม่ตรงไปตรงมา คำแนะนำปัจจุบันยังคงแนะนำให้กินอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูงในปริมาณที่พอเหมาะ โดยอยู่ในบริบทของการรับประทานอาหารที่สมดุลและมีคุณค่าทางโภชนาการ ประชากรประมาณหนึ่งในสี่ดูเหมือนจะไวต่อคอเลสเตอรอลในอาหารมากกว่า สำหรับคนเหล่านี้ การกินอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูงอาจทำให้ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูงขึ้นได้ นอกจากความกังวลอื่นๆ แล้ว การศึกษาเมื่อไม่นานมานี้ยังพบว่าการรับประทานอาหารที่มีเครื่องในสัตว์สูงมีความเสี่ยงเล็กน้อยที่จะเกิดโรคไขมันพอกตับที่ไม่ใช่แอลกอฮอล์ แต่การศึกษานี้ยังมีขอบเขตจำกัด และจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม ตับอาจไม่เหมาะกับทุกคน มีกลุ่มคนบางกลุ่มที่อาจต้องการหลีกเลี่ยงการรับประทานตับ หญิงตั้งครรภ์ ความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของการรับประทานตับในระหว่างตั้งครรภ์ส่วนใหญ่มักเกิดจากปริมาณวิตามินเอ การรับประทานวิตามินเอที่ก่อตัวก่อนกำหนดในปริมาณมาก ซึ่งเป็นชนิดที่พบในตับ มีความเชื่อมโยงกับข้อบกพร่องแต่กำเนิดในการศึกษาวิจัยในปี 1995 ปริมาณวิตามินเอสูงสุดที่ผู้ใหญ่สามารถรับประทานได้คือ 3,000 ไมโครกรัมของเรตินอลแอคทีฟเอควล (mcg RAE) ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรไม่ควรรับประทานวิตามินเอเสริมเกินปริมาณดังกล่าวต่อวัน อย่างไรก็ตาม ตับวัว 1 ออนซ์ (28.5 กรัม) มีวิตามินเอ 2,650 ไมโครกรัม ซึ่งใกล้เคียงกับระดับวิตามินเอสูงสุดที่ร่างกายสามารถรับประทานได้ในระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นปริมาณที่น้อยมาก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องติดตามปริมาณวิตามินเอ การปรึกษาหารือกับผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพเกี่ยวกับแผนการรับประทานอาหารที่ดีที่สุดสำหรับการตั้งครรภ์ของคุณเป็นสิ่งสำคัญ ผู้ที่เป็นโรคเกาต์ โรคเกาต์เป็นโรคข้ออักเสบชนิดหนึ่งที่เกิดจากกรดยูริกในเลือดมีปริมาณสูง อาการของโรคได้แก่ ปวด ข้อแข็ง และบวม ตับมีสารพิวรีนสูง ซึ่งก่อให้เกิดกรดยูริกในร่างกาย ดังนั้นการหลีกเลี่ยงตับ เครื่องในสัตว์ และปลาดุกจึงเป็นสิ่งสำคัญหากคุณเป็นโรคเกาต์ วิธีรวมตับไว้ในอาหารของคุณ ตับมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งบางคนชอบและบางคนไม่ชอบ ต่อไปนี้คือคำแนะนำบางประการเกี่ยวกับวิธีรวมตับไว้ในอาหารของคุณ: • การทอดในกระทะ: ตับจะได้ผลดีเมื่อทอดในกระทะพร้อมกับหัวหอม • การแช่ตับในน้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาวก่อนปรุงอาหาร: การทำเช่นนี้จะลดรสชาติที่เข้มข้นของตับได้ สภาวะของร่างกายที่ควรรับประทานตับ -กำลังเจริญเติบโตและใช้สมอง -เป็นไข้หรือติดเชื้อไวรัส เนื่องจากเชื้อโรคจะทำลายเม็ดเลือดแดง -สูญเสียเลือด ไม่ว่าจะเป็นจากการมีประจำเดือน การผ่าตัด หรือประสบอุบัติเหตุ -มีภาวะโลหิตจาง - ผู้ที่มีอาการโคลงเคลงเหมือนอยู่ในเรือหรือบ้านหมุน - ผู้ที่มีความรู้สึกว่าหนาวง่ายเกินไป ปริมาณที่แนะนำ ถ้าเป็นตับวัวหรือตับหมู รับประทานประมาณ 2 ช้อนโต๊ะต่อมื้อต่อวัน ถ้าเป็นตับไก่หรือตับเป็ด รับประทานประมาณ 1 ไม้เสียบย่าง และควรรับประทานสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง Cr.Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 262 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายสุรชัย หรือเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ “เฮียฮ้อ” มีฐานะเป็นคนร่ำรวยคนหนึ่ง เช่นเดียวกับนายสมโภชน์ อาหุนัย อดีตผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA และไม่มีใครคิดว่า เฮียฮ้อจะถูกบังคับขายหุ้น RS จุดชนวนให้หุ้นดิ่งลงเหวลึก

    ผู้ถือหุ้นรายย่อย RS เจ็บตัวหนัก เช่นเดียวกับผู้ถือหุ้นรายย่อย EA ซึ่งได้รับผลกระทบจากการที่นายสมโภชน์ถูกบังคับขายหุ้น

    ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า นำหุ้น RS ไปจำนำไว้ที่ไหนอีกหรือไม่ ถูกบังคับขายหุ้นไปแล้วเท่าไหร่ และปัจจุบันเฮียฮ้อถือหุ้น RS เหลืออยู่มากน้อยเพียงใด

    แต่เป็นที่รู้กันในแวดวงตลาดหุ้นว่า เฮียฮ้อเล่นหุ้น RS ไม่น้อย และไม่เพียงซื้อๆ ขายๆ หุ้นสามัญเท่านั้น แต่ยังเล่น BLOCK TRADE หรือการจับคู่สัญญาซื้อหุ้นกับบริษัทหลักทรัพย์ด้วย

    BLOCK TRADE พัฒนามาจากการจับคู่สัญญาซื้อขายหุ้นรายตัวล่วงหน้า หรือซิงเกิล สต๊อก ฟิวเจอร์ แต่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่องในการซื้อขาย จึงไม่ได้รับความนิยมของนักลงทุน บริษัทหลักทรัพย์หรือโบรกเกอร์จึงเข้ามาเป็นบทบาทเป็นคู่สัญญาของนักลงทุน

    การซื้อหุ้นผ่านรายการ BLOCK TRADE จะใช้เงินลงทุนน้อยหรือประมาณ 10% ของมูลค่าหุ้นทั้งหมดที่จะซื้อ โดยเมื่อซื้อ 1 สัญญา ซึ่งเท่ากับ 1,000 หุ้น โบรกเกอร์จะต้องซื้อหุ้น 1,000 หุ้น เพื่อรองรับสัญญา BLOCK TRADE ที่ลูกค้าซื้อ ป้องกันความเสี่ยงของตัวเอง

    หุ้น 1,000 หุ้น อาจมีมูลค่า 100,000 บาท แต่นักลงทุนจะใช้เงินเพียง 10,000 บาท เพื่อซื้อ BLOCK TRADE จำนวน 1 สัญญา แต่เท่ากับมีหุ้นในมือ 1,000 หุ้นที่จะเก็งกำไรส่วนต่างจากราคาขึ้นหรือลง

    เพราะสัญญา BLOCK TRADE มีทั้งสัญญา SHORT หรือเล่นหุ้นขาลง และสัญญา LONG หรือเล่นหุ้นขาขึ้น

    มีข่าวว่า นายสุรชัย ซื้อสัญญา BLOCK TRADE ไว้หลายหมื่นสัญญา

    สัญญา BLOCK TRADE สิ้นสุดวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา มีจำนวนคงค้างทั้งสิ้น 78,250 สัญญา และไม่รู้ว่าส่วนใหญ่เป็นสัญญาของเฮียฮ้อหรือไม่

    ไม่มีกฎระเบียบหรือข้อกำหนดใด ห้ามผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทจดทะเบียนซื้อขายหุ้นหรือเล่นหุ้น แต่โดยหลักธรรมาภิบาลแล้ว ผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทจดทะเบียนไม่ควรเล่นหุ้น

    มีคำเตือนมาตั้งแต่หลายสิบปีก่อนแล้วว่า หุ้นที่มีเจ้ามือ หุ้นที่มีเจ้าของ หรือหุ้นที่ผู้บริหารและถือหุ้นใหญ่ลงมาเล่นด้วย นักลงทุนรายย่อยอย่าเข้าไปเล่น เพราะไม่มีวันสู้เจ้ามือ เจ้าของหุ้นได้ จึงมีแต่หมดตัว

    แต่นักเก็งกำไรจำนวนมากกลับโต้เถียงว่า หุ้นตัวใดถ้าไม่มีเจ้ามือหรือเจ้าของสร้างราคา หุ้นจะวิ่งขึ้นได้อย่างไร จึงต้องเล่นหุ้นที่มีเจ้ามือหรือเจ้าของ เพราะมีโอกาสทำกำไร

    นักเก็งกำไรที่ชอบเล่นหุ้นที่มีเจ้ามือหรือเจ้าของ วันนี้ทยอยล้มหายตายจากไปเกือบหมดแล้ว และวันนี้ได้พิสูจน์แล้วว่า การเล่นหุ้นที่มีเจ้ามือและเจ้าของ ผลลัพธ์เป็นอย่างไร

    นักลงทุนรายย่อยนับแสนๆ ขาดทุนกันยับเยิน ต้องรับเคราะห์ เมื่อเจ้ามือหรือเจ้าของหุ้นถูกบังคับขาย


    ราคาหุ้น RS ดิ่งลงสู่กันเหวตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้รอบนี้ลงมาลึกมาก แต่ไม่อาจคาดหมายว่า ราคาลงติดก้นเหวหรือยัง

    เช่นเดียวกัน ไม่อาจประเมินได้ว่า RS จะเกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ตามมาหรือไม่

    และ “เฮียฮ้อ” ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ยังมีหุ้นในสัดส่วนที่เพียงพอควบคุมอำนาจการบริหาร RS อยู่หรือไม่
    นายสุรชัย หรือเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ “เฮียฮ้อ” มีฐานะเป็นคนร่ำรวยคนหนึ่ง เช่นเดียวกับนายสมโภชน์ อาหุนัย อดีตผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA และไม่มีใครคิดว่า เฮียฮ้อจะถูกบังคับขายหุ้น RS จุดชนวนให้หุ้นดิ่งลงเหวลึก ผู้ถือหุ้นรายย่อย RS เจ็บตัวหนัก เช่นเดียวกับผู้ถือหุ้นรายย่อย EA ซึ่งได้รับผลกระทบจากการที่นายสมโภชน์ถูกบังคับขายหุ้น ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า นำหุ้น RS ไปจำนำไว้ที่ไหนอีกหรือไม่ ถูกบังคับขายหุ้นไปแล้วเท่าไหร่ และปัจจุบันเฮียฮ้อถือหุ้น RS เหลืออยู่มากน้อยเพียงใด แต่เป็นที่รู้กันในแวดวงตลาดหุ้นว่า เฮียฮ้อเล่นหุ้น RS ไม่น้อย และไม่เพียงซื้อๆ ขายๆ หุ้นสามัญเท่านั้น แต่ยังเล่น BLOCK TRADE หรือการจับคู่สัญญาซื้อหุ้นกับบริษัทหลักทรัพย์ด้วย BLOCK TRADE พัฒนามาจากการจับคู่สัญญาซื้อขายหุ้นรายตัวล่วงหน้า หรือซิงเกิล สต๊อก ฟิวเจอร์ แต่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่องในการซื้อขาย จึงไม่ได้รับความนิยมของนักลงทุน บริษัทหลักทรัพย์หรือโบรกเกอร์จึงเข้ามาเป็นบทบาทเป็นคู่สัญญาของนักลงทุน การซื้อหุ้นผ่านรายการ BLOCK TRADE จะใช้เงินลงทุนน้อยหรือประมาณ 10% ของมูลค่าหุ้นทั้งหมดที่จะซื้อ โดยเมื่อซื้อ 1 สัญญา ซึ่งเท่ากับ 1,000 หุ้น โบรกเกอร์จะต้องซื้อหุ้น 1,000 หุ้น เพื่อรองรับสัญญา BLOCK TRADE ที่ลูกค้าซื้อ ป้องกันความเสี่ยงของตัวเอง หุ้น 1,000 หุ้น อาจมีมูลค่า 100,000 บาท แต่นักลงทุนจะใช้เงินเพียง 10,000 บาท เพื่อซื้อ BLOCK TRADE จำนวน 1 สัญญา แต่เท่ากับมีหุ้นในมือ 1,000 หุ้นที่จะเก็งกำไรส่วนต่างจากราคาขึ้นหรือลง เพราะสัญญา BLOCK TRADE มีทั้งสัญญา SHORT หรือเล่นหุ้นขาลง และสัญญา LONG หรือเล่นหุ้นขาขึ้น มีข่าวว่า นายสุรชัย ซื้อสัญญา BLOCK TRADE ไว้หลายหมื่นสัญญา สัญญา BLOCK TRADE สิ้นสุดวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา มีจำนวนคงค้างทั้งสิ้น 78,250 สัญญา และไม่รู้ว่าส่วนใหญ่เป็นสัญญาของเฮียฮ้อหรือไม่ ไม่มีกฎระเบียบหรือข้อกำหนดใด ห้ามผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทจดทะเบียนซื้อขายหุ้นหรือเล่นหุ้น แต่โดยหลักธรรมาภิบาลแล้ว ผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทจดทะเบียนไม่ควรเล่นหุ้น มีคำเตือนมาตั้งแต่หลายสิบปีก่อนแล้วว่า หุ้นที่มีเจ้ามือ หุ้นที่มีเจ้าของ หรือหุ้นที่ผู้บริหารและถือหุ้นใหญ่ลงมาเล่นด้วย นักลงทุนรายย่อยอย่าเข้าไปเล่น เพราะไม่มีวันสู้เจ้ามือ เจ้าของหุ้นได้ จึงมีแต่หมดตัว แต่นักเก็งกำไรจำนวนมากกลับโต้เถียงว่า หุ้นตัวใดถ้าไม่มีเจ้ามือหรือเจ้าของสร้างราคา หุ้นจะวิ่งขึ้นได้อย่างไร จึงต้องเล่นหุ้นที่มีเจ้ามือหรือเจ้าของ เพราะมีโอกาสทำกำไร นักเก็งกำไรที่ชอบเล่นหุ้นที่มีเจ้ามือหรือเจ้าของ วันนี้ทยอยล้มหายตายจากไปเกือบหมดแล้ว และวันนี้ได้พิสูจน์แล้วว่า การเล่นหุ้นที่มีเจ้ามือและเจ้าของ ผลลัพธ์เป็นอย่างไร นักลงทุนรายย่อยนับแสนๆ ขาดทุนกันยับเยิน ต้องรับเคราะห์ เมื่อเจ้ามือหรือเจ้าของหุ้นถูกบังคับขาย ราคาหุ้น RS ดิ่งลงสู่กันเหวตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้รอบนี้ลงมาลึกมาก แต่ไม่อาจคาดหมายว่า ราคาลงติดก้นเหวหรือยัง เช่นเดียวกัน ไม่อาจประเมินได้ว่า RS จะเกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ตามมาหรือไม่ และ “เฮียฮ้อ” ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ยังมีหุ้นในสัดส่วนที่เพียงพอควบคุมอำนาจการบริหาร RS อยู่หรือไม่
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • 14/1/68

    เผยขั้นตอนจำลองเหตุการณ์ หาความจริงแตงโมตกเรือ ? เคาะ 6 สาวงาม สวมบทบาท ทั้ง "แซน" และ "แตงโม"
    cr:เปิดปาก โดย ภาคภมูิ
    https://youtu.be/V5B80CbL7hk?si=NtCfySS97qN2MrQk
    14/1/68 เผยขั้นตอนจำลองเหตุการณ์ หาความจริงแตงโมตกเรือ ? เคาะ 6 สาวงาม สวมบทบาท ทั้ง "แซน" และ "แตงโม" cr:เปิดปาก โดย ภาคภมูิ https://youtu.be/V5B80CbL7hk?si=NtCfySS97qN2MrQk
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • Grzegorz Braun นักการเมืองฝ่ายค้านของโปแลนด์ และเป็นสมาชิกรัฐสภายุโรปประกาศชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโปแลนด์ในปี 2025

    Braun เป็นนักการเมืองขวาจัด ที่ต่อต้านยิวและอเมริกาสุดขั้ว เขาเคยประกาศว่าชาวยิวในอิสราเอลและสหรัฐอเมริกา พวกเขาจะไม่ได้ควบคุมโลกใบนี้รวมทั้งรัฐบาลในยุโรปอีกต่อไป

    หากเขาได้รับเลือกตั้งจริงๆ ซึ่งไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ด้วยกระแสอนุรักษ์นิยมที่กำลังแพร่หลายไปทั่วยุโรปในขณะนี้ จะทำให้สถานการณ์ของนาโต้เปลี่ยนไปทันที เนื่องจากโปแลนด์คือตำแหน่งยุทธศาสตร์ที่นาโต้ใช้เป็นฐานที่มั่นในการโจมตีรัสเซียอีกแห่งหนึ่งรองจากโรมาเนีย

    นักการเมืองฝ่ายขวา หรือสายอนุรักษ์นิยมมีบทบาทและได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในยุโรป บางคนสมหวังได้เป็นผู้นำประเทศ บางคนพลาดท่าไปอย่างน่ากังขา และสำหรับคนที่ได้เป็นผู้นำ แน่นอนว่าจะถูกต่อต้านและโดดเดี่ยวจากยุโรปและอเมริกาอย่างเลี่ยงไม่ได้:

    - (ฝรั่งเศส) นางมารีน เลอ แปง จากพรรค NR (National Rally) ของฝรั่งเศส
    (เยอรมนี) อลิซ ไวเดล (Alice Weidel) ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีและหัวหน้าพรรค AfD (Alternative for Germany)

    - (โรมาเนีย) คอลิน จอร์เจสคู (Călin Georgescu) ผู้สมัครอิสระที่ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโรมาเนีย ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น แต่ถูกศาลตัดสินให้ผลการเลือกตั้งเป็นโมฆะ และกำลังมีความพยายามจากรัฐบาลรักษาการตั้งข้อกล่าวหาต่างๆ ขณะที่กำลังมีการประท้วงผลการตัดสินของศาลจากประชาชนอยู่ในขณะนี้

    - (จอร์เจีย) นายกรัฐมนตรี Kobakhidze จากพรรค Georgian Dream ซึ่งรวมถึง มิคาอิล คาเวลาชวิลี ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีด้วย

    - (สโลวาเกีย) โรเบิร์ต ฟิโก นายกรัฐมนตรีสโลวาเกีย

    - (ฮังการี) วิคเตอร์ ออร์บัน นายกรัฐมนตรีฮังการี

    - (มอลโดวา) สตออิอาโนกลู ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน การเลือกตั้งประธานาธิบดีมอลโดวาเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ตั้งแต่เริ่มต้นการนับคะแนนจนถึง 80% "สตออิอาโนกลู" มีคะแนนนำมาตลอด แต่หลังจากนับคะแนนจากการลงคะแนนผ่านระบบไปรษณีย์ ไมอา ซานดู ซึ่งเป็นผู้ที่ยุโรปสนับสนุนกลับเป็นฝายขึ้นนำและเอาชนะไปได้อย่างน่ากังขา จนเกิดเสียงวิจารณ์ไปทั่ว แต่ยุโรปรีบออกมาแสดงความยินดีต่อผลการเลือกตั้งทันที
    Grzegorz Braun นักการเมืองฝ่ายค้านของโปแลนด์ และเป็นสมาชิกรัฐสภายุโรปประกาศชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโปแลนด์ในปี 2025 Braun เป็นนักการเมืองขวาจัด ที่ต่อต้านยิวและอเมริกาสุดขั้ว เขาเคยประกาศว่าชาวยิวในอิสราเอลและสหรัฐอเมริกา พวกเขาจะไม่ได้ควบคุมโลกใบนี้รวมทั้งรัฐบาลในยุโรปอีกต่อไป หากเขาได้รับเลือกตั้งจริงๆ ซึ่งไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ด้วยกระแสอนุรักษ์นิยมที่กำลังแพร่หลายไปทั่วยุโรปในขณะนี้ จะทำให้สถานการณ์ของนาโต้เปลี่ยนไปทันที เนื่องจากโปแลนด์คือตำแหน่งยุทธศาสตร์ที่นาโต้ใช้เป็นฐานที่มั่นในการโจมตีรัสเซียอีกแห่งหนึ่งรองจากโรมาเนีย นักการเมืองฝ่ายขวา หรือสายอนุรักษ์นิยมมีบทบาทและได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในยุโรป บางคนสมหวังได้เป็นผู้นำประเทศ บางคนพลาดท่าไปอย่างน่ากังขา และสำหรับคนที่ได้เป็นผู้นำ แน่นอนว่าจะถูกต่อต้านและโดดเดี่ยวจากยุโรปและอเมริกาอย่างเลี่ยงไม่ได้: - (ฝรั่งเศส) นางมารีน เลอ แปง จากพรรค NR (National Rally) ของฝรั่งเศส (เยอรมนี) อลิซ ไวเดล (Alice Weidel) ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีและหัวหน้าพรรค AfD (Alternative for Germany) - (โรมาเนีย) คอลิน จอร์เจสคู (Călin Georgescu) ผู้สมัครอิสระที่ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโรมาเนีย ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น แต่ถูกศาลตัดสินให้ผลการเลือกตั้งเป็นโมฆะ และกำลังมีความพยายามจากรัฐบาลรักษาการตั้งข้อกล่าวหาต่างๆ ขณะที่กำลังมีการประท้วงผลการตัดสินของศาลจากประชาชนอยู่ในขณะนี้ - (จอร์เจีย) นายกรัฐมนตรี Kobakhidze จากพรรค Georgian Dream ซึ่งรวมถึง มิคาอิล คาเวลาชวิลี ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีด้วย - (สโลวาเกีย) โรเบิร์ต ฟิโก นายกรัฐมนตรีสโลวาเกีย - (ฮังการี) วิคเตอร์ ออร์บัน นายกรัฐมนตรีฮังการี - (มอลโดวา) สตออิอาโนกลู ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน การเลือกตั้งประธานาธิบดีมอลโดวาเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ตั้งแต่เริ่มต้นการนับคะแนนจนถึง 80% "สตออิอาโนกลู" มีคะแนนนำมาตลอด แต่หลังจากนับคะแนนจากการลงคะแนนผ่านระบบไปรษณีย์ ไมอา ซานดู ซึ่งเป็นผู้ที่ยุโรปสนับสนุนกลับเป็นฝายขึ้นนำและเอาชนะไปได้อย่างน่ากังขา จนเกิดเสียงวิจารณ์ไปทั่ว แต่ยุโรปรีบออกมาแสดงความยินดีต่อผลการเลือกตั้งทันที
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 308 มุมมอง 0 รีวิว
  • #HPylori มันคือสาเหตุการเกิด “โรคกระเพาะอาหาร” ทั้งยังสามารถแพร่ระบาดจากคนสู่คนได้ เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobacter Pylori) หรือ เอชไพโลไร (H.Pylori) เป็นแบคทีเรียประเภทที่พบได้บ่อยและใช่ มันเป็นโรคติดต่อที่ติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร โดยปกติแล้วแบคทีเรียจะเข้าสู่ปากและเข้าสู่ทางเดินอาหารเชื้อโรคอาจอาศัยอยู่ในน้ำลาย ซึ่งหมายความว่าผู้ที่ติดเชื้อสามารถแพร่เชื้อได้ผ่านการจูบ ออรัลเซ็กซ์ การพูดคุยขณะรับประทานอาหารร่วมกัน การพูดคุยกับแม่ค้าขณะตักอาหารให้ หรือแม้แต่การพูดคุยกับพนักงานเสิร์ฟถ้าพนักงานคนนั้นมีเชื้อนอกจากนี้ คุณสามารถติดเชื้อได้จากการปนเปื้อนอุจจาระในอาหารหรือน้ำดื่มแม้ว่าโดยทั่วไปแล้วการติดเชื้อ H. pylori จะไม่เป็นอันตราย แต่พวกมันมีส่วนทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารและทางเดินอาหารเป็นส่วนใหญ่ แผลเหล่านี้อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง เช่น มะเร็งกระเพาะอาหารH. Pylori พบได้บ่อยแค่ไหนเชื้อ H. pylori มีอยู่ประมาณร้อยละ 60 ของประชากรโลก การศึกษาในปี 2014 ในวารสาร Central European Journal of Urology แนะนำว่าผู้ที่ติดเชื้อ H. pylori มากถึง 90 เปอร์เซ็นต์อาจมีแบคทีเรียอยู่ในปากและน้ำลาย และอาจเป็นสาเหตุของโรคท่อปัสสาวะอักเสบ การวิจัยยังพบว่า เชื้อ H. pylori อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพร้ายแรงหลายอย่าง รวมถึงมะเร็งกระเพาะอาหารและแผลในกระเพาะอาหารบางชนิด ในปี 2018 นักวิจัยรายงานว่า H. pylori อาจมีบทบาทในการพัฒนาโรคพาร์กินสันรายงานปี 2018 ในวารสาร Gastroenterology ระบุข้อกังวลอื่น: การดื้อต่อยาปฏิชีวนะของ H. pylori ทั่วโลกอาจเพิ่มขึ้นอย่างมากป้องกันการติดเชื้อ H. pyloriสุขอนามัยส่วนบุคคลที่ดีคือวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อ การล้างมืออย่างทั่วถึงและบ่อยครั้งเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่ายิ่ง การรับประทานอาหารสุกใหม่ ไม่รับประทานอาหารค้างคืนหรือแม้แต่อาหารที่ปรุงตั้งไว้เกิน 3 ชั่วโมง ไม่ดื่มน้ำที่ไม่มั่นใจว่าสะอาดเพียงพออาการของผู้ติดเชื้อ H.Pyloriโดยปกติแล้ว ผู้ที่ติดเชื้อ H.Pylori มักจะไม่แสดงอาการ แต่ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการที่สังเกตได้ ดังนี้ปวดหรือแสบร้อนที่ท้องบริเวณเหนือสะดือปวดรุนแรงเมื่อท้องว่างหรือหลังจากรับประทานอาหารคลื่นไส้ อาเจียนจุกเสียดลิ้นปี่ท้องอืด เรอบ่อยเบื่ออาหารน้ำหนักลดผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่ในรายที่มีอาการอักเสบรุนแรง ควรรีบพบแพทย์เร่งด่วนซึ่งจะมีอาการ ดังนี้ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำคล้ายยางมะตอย หรือมีเลือดและกลิ่นรุนแรงปวดท้องรุนแรง เรื้อรังอาเจียนเป็นเลือดหรือมีสีน้ำตาลคล้ำ H.Pylori สามารถแฝงอยู่ในร่างกายนานเป็น 10 ปี โดยแทบไม่แสดงอาการ เสี่ยงเกิดมะเร็งกระเพาะอาหารมากถึง 2-6 เท่าเมื่อเทียบกับคนปกติที่ไม่มีการติดเชื้อ ซึ่งทางองค์การอนามัยโลกจัดให้เชื้อ เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobacter Pylori) เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของมะเร็งกระเพาะอาหารดังนั้นการกำจัดเชื้อ Helicobacter Pylori จึงเป็นการลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร การตรวจหาเชื้อ H.Pylori เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ทราบต้นตอก่อนเกิดอาการรุนแรง ซึ่งปัจจุบันสามารถทำการตรวจได้หลายวิธี การตรวจวินิจฉัยเชื้อทางลมหายใจที่เรียกว่า “Urea Breath Test หรือ การเป่าลมหายใจและวัดหาระดับยูเรีย” เป็นวิธีที่ง่าย รวดเร็ว ความแม่นยำสูง ( ความไว 88-95% ) และไม่ก่อให้เกิดการเจ็บตัว ช่วยให้แพทย์วางแผนการรักษาโรคแผลในกระเพาะอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดโอกาสการเกิดแผลในกระเพาะอาหารซ้ำ และการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหารโรคแผลในกระเพาะจากเชื้อเอชไพโลไร (H.Pylori) นับเป็นอีกหนึ่งภัยเงียบที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของใครหลายคน ในบางรายรักษาเท่าไหร่ก็ยังไม่หาย หรือบางรายก็ไม่ทราบว่าตัวเองได้รับเชื้อเอชไพโลไร (H. Pylori) ซึ่งความน่ากลัวของเชื้อเอชไพโลไร (H. Pylori) สามารถเกาะเกี่ยวตัวเองไว้กับเยื่อบุผิวกระเพาะอาหาร และสามารถอยู่ในกระเพาะอาหารนานนับ 10 ปี โดยไม่แสดงอาการใดๆสิ่งที่จะเสริมการรักษาโรคแผลในกระเพาะจากเชื้อเอชไพโลไร (H. Pylori) ที่ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินอาหารแนะนำ คือการเสริมโปรไบโอติกส์ (Probiotic) และพรีไบโอติกส์ (Prebiotic) ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินอาหารแนะนำว่า การใช้พรีไบโอติกส์และโปรไบโอติกส์ร่วมกัน สามารถให้ผลทั้งในแง่ของการป้องกันและรักษาโรคในทางเดินอาหารได้ ทั้งยังมีความความปลอดภัยสูง และรับประทานได้ในระยะยาวโดยไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย ในข้อมูลทางการแพทย์จุลินทรีย์สายพันธุ์เฉพาะอย่างโปรไบโอติกส์ ถูกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการดูแลสุขภาพและบำบัดรักษาผู้ป่วยโรคต่างๆ แบบเจาะจง โดยเฉพาะโรคแผลในกระเพาะอาหารจากแบคทีเรียโดยเฉพาะโปรไบโอติกส์สายพันธุ์เฉพาะอย่าง Lactobacillus acidophilus LA-5 และ Bifidobacterium lactis BB-12 สามารถช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไร (H.Pyroli) ซึ่งเป็นเชื้อก่อโรคในกระเพาะอาหารที่เป็นสาเหตุของโรคแผลในกระเพาะอาหารจากการติดเชื้อแบคทีเรีย และยังช่วยลดการอักเสบของกระเพาะอาหารและลำไส้ได้ รวมทั้งช่วยปรับความถี่และความรุนแรงของการบีบตัวของลำไส้เล็ก ส่งผลดีต่อผู้ที่มีอาการปวดท้อง นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในระบบทางเดินอาหาร และลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำของโรคแผลในกระเพาะอาหารจากแบคทีเรียได้อีกด้วยอาหารที่ดีในการบำบัดแผลในกระเพาะอาหารกล้วยดิบว่านหางจระเข้ทั้งสดและสกัดผักบุ้งสดมะละกอดิบ หรืออะไรก็ได้ที่มีความเป็นเมือกสูง ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแนะนำPaa villSynbcPaa easeเกลือหิมาลัยด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง Cr.Santi Manadee
    #HPylori มันคือสาเหตุการเกิด “โรคกระเพาะอาหาร” ทั้งยังสามารถแพร่ระบาดจากคนสู่คนได้ เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobacter Pylori) หรือ เอชไพโลไร (H.Pylori) เป็นแบคทีเรียประเภทที่พบได้บ่อยและใช่ มันเป็นโรคติดต่อที่ติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร โดยปกติแล้วแบคทีเรียจะเข้าสู่ปากและเข้าสู่ทางเดินอาหารเชื้อโรคอาจอาศัยอยู่ในน้ำลาย ซึ่งหมายความว่าผู้ที่ติดเชื้อสามารถแพร่เชื้อได้ผ่านการจูบ ออรัลเซ็กซ์ การพูดคุยขณะรับประทานอาหารร่วมกัน การพูดคุยกับแม่ค้าขณะตักอาหารให้ หรือแม้แต่การพูดคุยกับพนักงานเสิร์ฟถ้าพนักงานคนนั้นมีเชื้อนอกจากนี้ คุณสามารถติดเชื้อได้จากการปนเปื้อนอุจจาระในอาหารหรือน้ำดื่มแม้ว่าโดยทั่วไปแล้วการติดเชื้อ H. pylori จะไม่เป็นอันตราย แต่พวกมันมีส่วนทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารและทางเดินอาหารเป็นส่วนใหญ่ แผลเหล่านี้อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง เช่น มะเร็งกระเพาะอาหารH. Pylori พบได้บ่อยแค่ไหนเชื้อ H. pylori มีอยู่ประมาณร้อยละ 60 ของประชากรโลก การศึกษาในปี 2014 ในวารสาร Central European Journal of Urology แนะนำว่าผู้ที่ติดเชื้อ H. pylori มากถึง 90 เปอร์เซ็นต์อาจมีแบคทีเรียอยู่ในปากและน้ำลาย และอาจเป็นสาเหตุของโรคท่อปัสสาวะอักเสบ การวิจัยยังพบว่า เชื้อ H. pylori อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพร้ายแรงหลายอย่าง รวมถึงมะเร็งกระเพาะอาหารและแผลในกระเพาะอาหารบางชนิด ในปี 2018 นักวิจัยรายงานว่า H. pylori อาจมีบทบาทในการพัฒนาโรคพาร์กินสันรายงานปี 2018 ในวารสาร Gastroenterology ระบุข้อกังวลอื่น: การดื้อต่อยาปฏิชีวนะของ H. pylori ทั่วโลกอาจเพิ่มขึ้นอย่างมากป้องกันการติดเชื้อ H. pyloriสุขอนามัยส่วนบุคคลที่ดีคือวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อ การล้างมืออย่างทั่วถึงและบ่อยครั้งเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่ายิ่ง การรับประทานอาหารสุกใหม่ ไม่รับประทานอาหารค้างคืนหรือแม้แต่อาหารที่ปรุงตั้งไว้เกิน 3 ชั่วโมง ไม่ดื่มน้ำที่ไม่มั่นใจว่าสะอาดเพียงพออาการของผู้ติดเชื้อ H.Pyloriโดยปกติแล้ว ผู้ที่ติดเชื้อ H.Pylori มักจะไม่แสดงอาการ แต่ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการที่สังเกตได้ ดังนี้ปวดหรือแสบร้อนที่ท้องบริเวณเหนือสะดือปวดรุนแรงเมื่อท้องว่างหรือหลังจากรับประทานอาหารคลื่นไส้ อาเจียนจุกเสียดลิ้นปี่ท้องอืด เรอบ่อยเบื่ออาหารน้ำหนักลดผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่ในรายที่มีอาการอักเสบรุนแรง ควรรีบพบแพทย์เร่งด่วนซึ่งจะมีอาการ ดังนี้ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำคล้ายยางมะตอย หรือมีเลือดและกลิ่นรุนแรงปวดท้องรุนแรง เรื้อรังอาเจียนเป็นเลือดหรือมีสีน้ำตาลคล้ำ H.Pylori สามารถแฝงอยู่ในร่างกายนานเป็น 10 ปี โดยแทบไม่แสดงอาการ เสี่ยงเกิดมะเร็งกระเพาะอาหารมากถึง 2-6 เท่าเมื่อเทียบกับคนปกติที่ไม่มีการติดเชื้อ ซึ่งทางองค์การอนามัยโลกจัดให้เชื้อ เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobacter Pylori) เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของมะเร็งกระเพาะอาหารดังนั้นการกำจัดเชื้อ Helicobacter Pylori จึงเป็นการลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร การตรวจหาเชื้อ H.Pylori เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ทราบต้นตอก่อนเกิดอาการรุนแรง ซึ่งปัจจุบันสามารถทำการตรวจได้หลายวิธี การตรวจวินิจฉัยเชื้อทางลมหายใจที่เรียกว่า “Urea Breath Test หรือ การเป่าลมหายใจและวัดหาระดับยูเรีย” เป็นวิธีที่ง่าย รวดเร็ว ความแม่นยำสูง ( ความไว 88-95% ) และไม่ก่อให้เกิดการเจ็บตัว ช่วยให้แพทย์วางแผนการรักษาโรคแผลในกระเพาะอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดโอกาสการเกิดแผลในกระเพาะอาหารซ้ำ และการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหารโรคแผลในกระเพาะจากเชื้อเอชไพโลไร (H.Pylori) นับเป็นอีกหนึ่งภัยเงียบที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของใครหลายคน ในบางรายรักษาเท่าไหร่ก็ยังไม่หาย หรือบางรายก็ไม่ทราบว่าตัวเองได้รับเชื้อเอชไพโลไร (H. Pylori) ซึ่งความน่ากลัวของเชื้อเอชไพโลไร (H. Pylori) สามารถเกาะเกี่ยวตัวเองไว้กับเยื่อบุผิวกระเพาะอาหาร และสามารถอยู่ในกระเพาะอาหารนานนับ 10 ปี โดยไม่แสดงอาการใดๆสิ่งที่จะเสริมการรักษาโรคแผลในกระเพาะจากเชื้อเอชไพโลไร (H. Pylori) ที่ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินอาหารแนะนำ คือการเสริมโปรไบโอติกส์ (Probiotic) และพรีไบโอติกส์ (Prebiotic) ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินอาหารแนะนำว่า การใช้พรีไบโอติกส์และโปรไบโอติกส์ร่วมกัน สามารถให้ผลทั้งในแง่ของการป้องกันและรักษาโรคในทางเดินอาหารได้ ทั้งยังมีความความปลอดภัยสูง และรับประทานได้ในระยะยาวโดยไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย ในข้อมูลทางการแพทย์จุลินทรีย์สายพันธุ์เฉพาะอย่างโปรไบโอติกส์ ถูกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการดูแลสุขภาพและบำบัดรักษาผู้ป่วยโรคต่างๆ แบบเจาะจง โดยเฉพาะโรคแผลในกระเพาะอาหารจากแบคทีเรียโดยเฉพาะโปรไบโอติกส์สายพันธุ์เฉพาะอย่าง Lactobacillus acidophilus LA-5 และ Bifidobacterium lactis BB-12 สามารถช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไร (H.Pyroli) ซึ่งเป็นเชื้อก่อโรคในกระเพาะอาหารที่เป็นสาเหตุของโรคแผลในกระเพาะอาหารจากการติดเชื้อแบคทีเรีย และยังช่วยลดการอักเสบของกระเพาะอาหารและลำไส้ได้ รวมทั้งช่วยปรับความถี่และความรุนแรงของการบีบตัวของลำไส้เล็ก ส่งผลดีต่อผู้ที่มีอาการปวดท้อง นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในระบบทางเดินอาหาร และลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำของโรคแผลในกระเพาะอาหารจากแบคทีเรียได้อีกด้วยอาหารที่ดีในการบำบัดแผลในกระเพาะอาหารกล้วยดิบว่านหางจระเข้ทั้งสดและสกัดผักบุ้งสดมะละกอดิบ หรืออะไรก็ได้ที่มีความเป็นเมือกสูง ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแนะนำPaa villSynbcPaa easeเกลือหิมาลัยด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง Cr.Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่รู้จะตกใจอะไรก่อนดี ระหว่าง ความฉลาดของคนใช้ ChatGPT ที่สามารถหลบเลี่ยงและหลอกล่อ ChatGPT ให้ตอบคำถามแบบนี้ได้ -กับ- สิทธิและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ChatGPT

    ตำรวจลาสเวกัสได้เปิดเผยว่าชายที่ระเบิด Tesla Cybertruck นอกโรงแรม Trump ในลาสเวกัสเมื่อวันที่ 1 มกราคม ได้ใช้ ChatGPT ในการวางแผนการระเบิด ในการแถลงข่าวล่าสุด ตำรวจลาสเวกัสร่วมกับ ATF และ FBI ได้เปิดเผยคำถามที่ชายคนนี้ถาม ChatGPT ซึ่งรวมถึงการหาวัตถุระเบิดที่ใช้ในการระเบิด, ความมีประสิทธิภาพของวัตถุระเบิด, ความถูกต้องตามกฎหมายของดอกไม้ไฟในรัฐแอริโซนา, สถานที่ซื้อปืนในเดนเวอร์ และชนิดของปืนที่ต้องใช้ในการจุดชนวนวัตถุระเบิด

    รองนายอำเภอ Dori Koren ยืนยันว่า ChatGPT มีบทบาทสำคัญในการทำให้แผนการระเบิดสำเร็จ ChatGPT ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเร็วในการยิงของปืนที่จำเป็นในการจุดชนวนวัตถุระเบิดที่เลือกใช้ หากไม่มี ChatGPT เหตุการณ์นี้อาจไม่รุนแรงเท่าที่เกิดขึ้นจริง

    นายอำเภอ Kevin McMahill กล่าวว่า "เรารู้ว่า AI จะเปลี่ยนแปลงเกมในชีวิตของเราทุกคนในบางจุด นี่เป็นเหตุการณ์แรกที่ผมทราบว่ามีการใช้ ChatGPT ในการช่วยบุคคลสร้างอุปกรณ์เฉพาะและเรียนรู้ข้อมูลทั่วประเทศในขณะที่พวกเขากำลังดำเนินการไปข้างหน้า"

    การใช้ ChatGPT ในการวางแผนการระเบิดนี้ละเมิดนโยบายการใช้งานของ OpenAI และข้อตกลงการใช้งาน แต่ยังไม่ชัดเจนว่ามีการแจ้งเตือนหรือการละเมิดเนื้อหาที่เกิดขึ้นในระหว่างการใช้งานของชายคนนี้หรือไม่. OpenAI และตำรวจลาสเวกัสยังไม่ได้ตอบสนองต่อคำขอข้อมูลเพิ่มเติมจากสื่อ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/chatgpt-was-used-to-plan-cybertruck-explosion-outside-trump-hotel-in-las-vegas-police-release-details-on-prompts-used-to-decide-crucial-details
    ไม่รู้จะตกใจอะไรก่อนดี ระหว่าง ความฉลาดของคนใช้ ChatGPT ที่สามารถหลบเลี่ยงและหลอกล่อ ChatGPT ให้ตอบคำถามแบบนี้ได้ -กับ- สิทธิและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ChatGPT ตำรวจลาสเวกัสได้เปิดเผยว่าชายที่ระเบิด Tesla Cybertruck นอกโรงแรม Trump ในลาสเวกัสเมื่อวันที่ 1 มกราคม ได้ใช้ ChatGPT ในการวางแผนการระเบิด ในการแถลงข่าวล่าสุด ตำรวจลาสเวกัสร่วมกับ ATF และ FBI ได้เปิดเผยคำถามที่ชายคนนี้ถาม ChatGPT ซึ่งรวมถึงการหาวัตถุระเบิดที่ใช้ในการระเบิด, ความมีประสิทธิภาพของวัตถุระเบิด, ความถูกต้องตามกฎหมายของดอกไม้ไฟในรัฐแอริโซนา, สถานที่ซื้อปืนในเดนเวอร์ และชนิดของปืนที่ต้องใช้ในการจุดชนวนวัตถุระเบิด รองนายอำเภอ Dori Koren ยืนยันว่า ChatGPT มีบทบาทสำคัญในการทำให้แผนการระเบิดสำเร็จ ChatGPT ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเร็วในการยิงของปืนที่จำเป็นในการจุดชนวนวัตถุระเบิดที่เลือกใช้ หากไม่มี ChatGPT เหตุการณ์นี้อาจไม่รุนแรงเท่าที่เกิดขึ้นจริง นายอำเภอ Kevin McMahill กล่าวว่า "เรารู้ว่า AI จะเปลี่ยนแปลงเกมในชีวิตของเราทุกคนในบางจุด นี่เป็นเหตุการณ์แรกที่ผมทราบว่ามีการใช้ ChatGPT ในการช่วยบุคคลสร้างอุปกรณ์เฉพาะและเรียนรู้ข้อมูลทั่วประเทศในขณะที่พวกเขากำลังดำเนินการไปข้างหน้า" การใช้ ChatGPT ในการวางแผนการระเบิดนี้ละเมิดนโยบายการใช้งานของ OpenAI และข้อตกลงการใช้งาน แต่ยังไม่ชัดเจนว่ามีการแจ้งเตือนหรือการละเมิดเนื้อหาที่เกิดขึ้นในระหว่างการใช้งานของชายคนนี้หรือไม่. OpenAI และตำรวจลาสเวกัสยังไม่ได้ตอบสนองต่อคำขอข้อมูลเพิ่มเติมจากสื่อ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/chatgpt-was-used-to-plan-cybertruck-explosion-outside-trump-hotel-in-las-vegas-police-release-details-on-prompts-used-to-decide-crucial-details
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ แซนออกตัว พร้อมสวมบทบาทตัวเองในเหตุการณ์จำลองแตงโมตกเรือ หวั่นดีเอสไอเชื่อไม่ได้ตกน้ำ จึงขอไปแสดงเองเพื่อปิดโอกาสไปสู่พยานหลักฐานใหม่
    #7ดอกจิก
    ♣ แซนออกตัว พร้อมสวมบทบาทตัวเองในเหตุการณ์จำลองแตงโมตกเรือ หวั่นดีเอสไอเชื่อไม่ได้ตกน้ำ จึงขอไปแสดงเองเพื่อปิดโอกาสไปสู่พยานหลักฐานใหม่ #7ดอกจิก
    Like
    Haha
    4
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 240 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ เด็กเอาแต่ใจที่มีความรู้นิดหน่อย มีบทบาทขึ้นมาหน่อย ก็เผยเนื้อแท้ให้เห็น ว่าเอาความต้องการของตัวเองเป็นที่ตั้ง รอไม่เป็น เย็นไม่พอ
    #7ดอกจิก
    ♣ เด็กเอาแต่ใจที่มีความรู้นิดหน่อย มีบทบาทขึ้นมาหน่อย ก็เผยเนื้อแท้ให้เห็น ว่าเอาความต้องการของตัวเองเป็นที่ตั้ง รอไม่เป็น เย็นไม่พอ #7ดอกจิก
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 229 มุมมอง 0 รีวิว
  • Satya Nadella ซีอีโอของ Microsoft ขึ้นเวทีงาน CES 2025 เพื่อเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ที่เน้นด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และคลาวด์คอมพิวติ้ง โดยไฮไลต์สำคัญคือการเปิดตัว Copilot+ PCs หมวดหมู่ใหม่ของพีซีที่ใช้ Windows 11 ซึ่งออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การใช้งาน AI ที่ทรงพลัง

    Copilot+ PCs ใช้โปรเซสเซอร์ล่าสุดจาก Intel, AMD และ Qualcomm ซึ่งได้รับการกล่าวขานว่าเป็นพีซี Windows ที่เร็วที่สุด ฉลาดที่สุด และปลอดภัยที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยมาพร้อมฟีเจอร์ AI อัจฉริยะ เช่น Copilot ที่สามารถสรุปการประชุมใน Teams สร้างเอกสารด้วยข้อมูลเพียงเล็กน้อย และทำให้การค้นหาใน Windows Search มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

    Microsoft ยังนำเสนอความก้าวหน้าของแพลตฟอร์มคลาวด์ Azure โดยเน้นบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมยานยนต์ การคมนาคม และการผลิต บริษัทได้ประกาศความร่วมมือใหม่ ๆ เพื่อใช้ AI ในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและเพิ่มประสิทธิภาพในภาคส่วนเหล่านี้

    หนึ่งในจุดเด่นสำคัญคือการบูรณาการ Generative AI และ Agentic AI ในการออกแบบและผลิตยานยนต์ โดยแพลตฟอร์ม Azure ช่วยผู้ผลิตอุปกรณ์ OEM และซัพพลายเออร์ในการออกแบบ สร้าง ทดสอบ และตรวจสอบยานพาหนะรุ่นใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการพัฒนายานยนต์ที่ใช้ซอฟต์แวร์เป็นแกนหลัก (SDVs) ระบบช่วยขับขั้นสูง (ADAS) การขับเคลื่อนอัตโนมัติ (AD) และประสบการณ์ภายในรถยนต์

    ความอเนกประสงค์ของ SDVs และ AI ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ยกระดับประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และเปิดโอกาสใหม่ทางรายได้ การใช้แพลตฟอร์ม Azure ในการปรับปรุงระบบวิศวกรรมสามารถลดระยะเวลาพัฒนาผลิตภัณฑ์ ลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มคุณภาพกับความร่วมมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    Satya Nadella ซีอีโอของ Microsoft ขึ้นเวทีงาน CES 2025 เพื่อเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ที่เน้นด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และคลาวด์คอมพิวติ้ง โดยไฮไลต์สำคัญคือการเปิดตัว Copilot+ PCs หมวดหมู่ใหม่ของพีซีที่ใช้ Windows 11 ซึ่งออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การใช้งาน AI ที่ทรงพลัง Copilot+ PCs ใช้โปรเซสเซอร์ล่าสุดจาก Intel, AMD และ Qualcomm ซึ่งได้รับการกล่าวขานว่าเป็นพีซี Windows ที่เร็วที่สุด ฉลาดที่สุด และปลอดภัยที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยมาพร้อมฟีเจอร์ AI อัจฉริยะ เช่น Copilot ที่สามารถสรุปการประชุมใน Teams สร้างเอกสารด้วยข้อมูลเพียงเล็กน้อย และทำให้การค้นหาใน Windows Search มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น Microsoft ยังนำเสนอความก้าวหน้าของแพลตฟอร์มคลาวด์ Azure โดยเน้นบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมยานยนต์ การคมนาคม และการผลิต บริษัทได้ประกาศความร่วมมือใหม่ ๆ เพื่อใช้ AI ในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและเพิ่มประสิทธิภาพในภาคส่วนเหล่านี้ หนึ่งในจุดเด่นสำคัญคือการบูรณาการ Generative AI และ Agentic AI ในการออกแบบและผลิตยานยนต์ โดยแพลตฟอร์ม Azure ช่วยผู้ผลิตอุปกรณ์ OEM และซัพพลายเออร์ในการออกแบบ สร้าง ทดสอบ และตรวจสอบยานพาหนะรุ่นใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการพัฒนายานยนต์ที่ใช้ซอฟต์แวร์เป็นแกนหลัก (SDVs) ระบบช่วยขับขั้นสูง (ADAS) การขับเคลื่อนอัตโนมัติ (AD) และประสบการณ์ภายในรถยนต์ ความอเนกประสงค์ของ SDVs และ AI ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ยกระดับประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และเปิดโอกาสใหม่ทางรายได้ การใช้แพลตฟอร์ม Azure ในการปรับปรุงระบบวิศวกรรมสามารถลดระยะเวลาพัฒนาผลิตภัณฑ์ ลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มคุณภาพกับความร่วมมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • การปรับตัวเพื่อสร้างความรู้สึกเท่าเทียมในคู่ครอง

    1. ยอมรับว่า "ความรู้สึกไม่เท่าเทียม" อาจมาจากความเคยชินเดิม

    ความรู้สึกที่อีกฝ่ายเป็นบริวารเก่า หรือเราเป็นผู้นำ เกิดจาก พฤติกรรมสะสม ที่สะท้อนผ่านวิธีการปฏิบัติต่อกันในระยะยาว

    หากเราเคยชินกับการตัดสินใจ หรือรับบทบาทผู้นำ ความรู้สึกเท่าเทียมจะไม่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ

    ---

    2. ความรู้สึกเท่าเทียมต้องสร้างด้วยการเปลี่ยนวิธีคิดและวิธีทำ

    ลดทิฐิมานะ: ยอมรับว่าความรักและชีวิตคู่ไม่ได้วัดกันด้วยบทบาทสูงต่ำ แต่ด้วยความสมดุลในการให้และรับ

    แสดงความเคารพและสนับสนุน: ลดบทบาทของ “การควบคุม” และเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายแสดงตัวตน เช่น การฟังความคิดเห็น หรือให้เขาได้ตัดสินใจ

    ---

    3. วิธีปฏิบัติที่ช่วยสร้างความรู้สึกเท่าเทียม

    ลดอัตตา: หากเราเผลอแสดงบทบาทที่เหนือกว่า เช่น ตัดสินใจแทนหรือแสดงความเป็นผู้นำ ลองถอยกลับมาให้เขาเป็นผู้นำบ้าง

    เพิ่มความใส่ใจในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ: เช่น เตรียมน้ำให้ดื่ม ช่วยเหลือในเรื่องเล็กน้อยด้วยความเต็มใจ

    หยอดกระปุกความรู้สึกดี: เช่น ยอมให้เขาตัดสินใจในบางเรื่อง โดยไม่แทรกแซงหรือวิจารณ์

    ---

    4. ปรับมุมมองต่อ "ความรักที่เท่าเทียม"

    ความเท่าเทียมไม่ใช่การแบ่งบทบาทชัดเจนว่าใครเป็นเท้าหน้าหรือเท้าหลัง แต่คือ การเคารพซึ่งกันและกันในทุกบทบาท

    เรียนรู้ที่จะอยู่ในโลกของอีกฝ่ายบ้าง เพื่อสร้างความสมดุลในความสัมพันธ์

    ---

    5. ความสุขในความสัมพันธ์เริ่มต้นจากใจเรา

    เริ่มจากการทำให้ตัวเองทุกข์น้อยลง: เช่น ลดความคาดหวัง ลดความต้องการควบคุม

    ใส่ความสุขลงในสิ่งที่ทำ: ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือ การพูดคุย หรือการเปิดใจให้กัน

    ---

    สรุป

    หากต้องการสร้างความรู้สึกเท่าเทียมในชีวิตคู่ จงเริ่มจากตัวเอง ด้วยการลดทิฐิและใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่สร้างความรู้สึกดีให้กันและกัน อย่ามองว่าใครต้องนำหรือใครต้องตาม แต่ให้มองว่า เรากำลังเดินเคียงข้างกันเพื่อสร้างความสุขร่วมกัน.
    การปรับตัวเพื่อสร้างความรู้สึกเท่าเทียมในคู่ครอง 1. ยอมรับว่า "ความรู้สึกไม่เท่าเทียม" อาจมาจากความเคยชินเดิม ความรู้สึกที่อีกฝ่ายเป็นบริวารเก่า หรือเราเป็นผู้นำ เกิดจาก พฤติกรรมสะสม ที่สะท้อนผ่านวิธีการปฏิบัติต่อกันในระยะยาว หากเราเคยชินกับการตัดสินใจ หรือรับบทบาทผู้นำ ความรู้สึกเท่าเทียมจะไม่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ --- 2. ความรู้สึกเท่าเทียมต้องสร้างด้วยการเปลี่ยนวิธีคิดและวิธีทำ ลดทิฐิมานะ: ยอมรับว่าความรักและชีวิตคู่ไม่ได้วัดกันด้วยบทบาทสูงต่ำ แต่ด้วยความสมดุลในการให้และรับ แสดงความเคารพและสนับสนุน: ลดบทบาทของ “การควบคุม” และเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายแสดงตัวตน เช่น การฟังความคิดเห็น หรือให้เขาได้ตัดสินใจ --- 3. วิธีปฏิบัติที่ช่วยสร้างความรู้สึกเท่าเทียม ลดอัตตา: หากเราเผลอแสดงบทบาทที่เหนือกว่า เช่น ตัดสินใจแทนหรือแสดงความเป็นผู้นำ ลองถอยกลับมาให้เขาเป็นผู้นำบ้าง เพิ่มความใส่ใจในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ: เช่น เตรียมน้ำให้ดื่ม ช่วยเหลือในเรื่องเล็กน้อยด้วยความเต็มใจ หยอดกระปุกความรู้สึกดี: เช่น ยอมให้เขาตัดสินใจในบางเรื่อง โดยไม่แทรกแซงหรือวิจารณ์ --- 4. ปรับมุมมองต่อ "ความรักที่เท่าเทียม" ความเท่าเทียมไม่ใช่การแบ่งบทบาทชัดเจนว่าใครเป็นเท้าหน้าหรือเท้าหลัง แต่คือ การเคารพซึ่งกันและกันในทุกบทบาท เรียนรู้ที่จะอยู่ในโลกของอีกฝ่ายบ้าง เพื่อสร้างความสมดุลในความสัมพันธ์ --- 5. ความสุขในความสัมพันธ์เริ่มต้นจากใจเรา เริ่มจากการทำให้ตัวเองทุกข์น้อยลง: เช่น ลดความคาดหวัง ลดความต้องการควบคุม ใส่ความสุขลงในสิ่งที่ทำ: ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือ การพูดคุย หรือการเปิดใจให้กัน --- สรุป หากต้องการสร้างความรู้สึกเท่าเทียมในชีวิตคู่ จงเริ่มจากตัวเอง ด้วยการลดทิฐิและใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่สร้างความรู้สึกดีให้กันและกัน อย่ามองว่าใครต้องนำหรือใครต้องตาม แต่ให้มองว่า เรากำลังเดินเคียงข้างกันเพื่อสร้างความสุขร่วมกัน.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 248 มุมมอง 0 รีวิว
  • ละครเพลงสุดเหนือจริง Emilia Perez และดราม่าผู้อพยพสุดยิ่งใหญ่ The Brutalist คว้ารางวัลใหญ่ในงานลูกโลกทองคำเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ท่ามกลางการแบ่งปันรางวัลอย่างกว้างขวางในหมู่ภาพยนตร์นานาชาติ ณ งานประกาศรางวัลใหญ่ครั้งแรกของปี

    Emilia Perez ภาพยนตร์ที่ถ่ายทำในเม็กซิโกโดยผู้กำกับชาวฝรั่งเศส ฌาคส์ โอเดียร์ด กวาดไปถึง 4 รางวัล รวมถึงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประเภทตลกหรือเพลง ส่วน The Brutalist ได้รับรางวัลภาพยนตร์ดราม่ายอดเยี่ยม พร้อมรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากบทบาทของ เอเดรียน โบรดี ในบทผู้รอดชีวิตจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในฮังการี

    Emilia Perez ที่เล่าเรื่องราวของเจ้าพ่อค้ายาที่เปลี่ยนชีวิตตัวเองมาเป็นผู้หญิง เข้าชิงรางวัลสูงสุดถึง 10 สาขา และคว้ารางวัลภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมและเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม โดย โซอี้ ซัลดานา คว้ารางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม เอาชนะ เซเลนา โกเมซ นักแสดงร่วมในเรื่องเดียวกัน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000001347

    #MGROnline #EmiliaPérez #TheBrutalist #GoldenGlobes
    ละครเพลงสุดเหนือจริง Emilia Perez และดราม่าผู้อพยพสุดยิ่งใหญ่ The Brutalist คว้ารางวัลใหญ่ในงานลูกโลกทองคำเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ท่ามกลางการแบ่งปันรางวัลอย่างกว้างขวางในหมู่ภาพยนตร์นานาชาติ ณ งานประกาศรางวัลใหญ่ครั้งแรกของปี • Emilia Perez ภาพยนตร์ที่ถ่ายทำในเม็กซิโกโดยผู้กำกับชาวฝรั่งเศส ฌาคส์ โอเดียร์ด กวาดไปถึง 4 รางวัล รวมถึงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประเภทตลกหรือเพลง ส่วน The Brutalist ได้รับรางวัลภาพยนตร์ดราม่ายอดเยี่ยม พร้อมรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากบทบาทของ เอเดรียน โบรดี ในบทผู้รอดชีวิตจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในฮังการี • Emilia Perez ที่เล่าเรื่องราวของเจ้าพ่อค้ายาที่เปลี่ยนชีวิตตัวเองมาเป็นผู้หญิง เข้าชิงรางวัลสูงสุดถึง 10 สาขา และคว้ารางวัลภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมและเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม โดย โซอี้ ซัลดานา คว้ารางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม เอาชนะ เซเลนา โกเมซ นักแสดงร่วมในเรื่องเดียวกัน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000001347 • #MGROnline #EmiliaPérez #TheBrutalist #GoldenGlobes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 329 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายเดวิด เบอร์ริตต์( David B. Burritt )ประธานและ CEO ของ U.S. Steel เดือดจัดออกหนังสือด่าไบเดนยับข้อหาล้มดีลยักษ์มูลค่า14,900 ดอลลาร์สหรัฐ(480,000 ล้านบาท) กับบริษัท นิปปอนสตีล ของญี่ปุ่น

    บริษัท Nippon Steel และ U.S. Steel กล่าวว่าการตัดสินใจของ Biden แสดงให้เห็นว่าการขัดขวางข้อตกลงดังกล่าวนั้นทำเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองที่ทุจริต
    นายเดวิด เบอร์ริตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ U.S. Steel เรียกการกระทำของนายไบเดนว่า "น่าละอายและฉ้อฉล" และเสริมว่า นายไบเดนได้ดูหมิ่นญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติที่สำคัญยิ่งของสหรัฐ และทำให้ความสามารถในการแข่งขันของสหรัฐตกอยู่ในความเสี่ยง โดยแถลงการณ์ประณามไบเดน ข้อหาล้มดีลยักษ์กับบริษัทนิปปอน สตีล ของญี่ปุ่นว่า
    ”การกระทำของปธน.ไบเดนในวันนี้น่าละอายและฉ้อฉล เขาให้ผลตอบแทนทางการเมืองแก่หัวหน้าสหภาพแรงงาน ในขณะที่ทำร้ายอนาคตของบริษัท, คนงานของเราและความมั่นคงของชาติ เขาดูหมิ่นญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติที่สำคัญ และทำให้ความสามารถในการแข่งขันของอเมริกาตกอยู่ในความเสี่ยง ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปักกิ่งกำลังเต้นรำบนถนน และไบเดนทำทั้งหมดนี้โดยปฏิเสธที่จะพบกับเราเพื่อรับรู้ข้อเท็จจริง
    พนักงานและชุมชนของเราสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้ เราต้องการประธานาธิบดี. ซึ่งทำงานหนักและรู้วิธีทำข้อตกลงที่ดีที่สุดสำหรับอเมริกา อย่าเข้าใจผิด: การลงทุนนี้คือสิ่งที่รับประกันอนาคตที่ยิ่งใหญ่สำหรับ U. S. Steel พนักงานของเรา ชุมชนของเรา และประเทศของเรา เราตั้งใจที่จะต่อสู้กับการทุจริตทางการเมืองของประธานาธิบดีไบเดน“
    บริษัททั้งสองแห่งขู่ว่าจะฟ้องรัฐบาลหากข้อตกลงดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และได้กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่3มกราคมนี้ว่าจะ "ดำเนินการที่เหมาะสมเพื่อปกป้องสิทธิตามกฎหมายของพวกเขา" และระบุในแถลงการณ์ว่า "เราเชื่อว่าประธานาธิบดีไบเดนได้ทำลายอนาคตของคนงานโรงงานเหล็กชาวอเมริกันเพื่อวาระทางการเมืองของตัวเอง" และเสริมว่าการขัดขวางครั้งนี้ส่ง "ข้อความอันน่าสะพรึงกลัวไปยังบริษัทใดๆ ก็ตามที่มีฐานอยู่ในประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯ ที่กำลังพิจารณาลงทุนอย่างมีนัยสำคัญในสหรัฐฯ"
    ผลเสียหายที่ Nippon Steel อาจต้องเสียค่าธรรมเนียมการยกเลิกสัญญาจำนวน 565 ล้านดอลลาร์หรือราว 19,000 ล้านบาทให้กับ US Steel หากข้อตกลงดังกล่าวไม่ผ่าน นอกจากนี้ทางบริษัทยังต้องประเมินกลยุทธ์ในตลาดสหรัฐใหม่ ซึ่งคาดว่าอุปสงค์จะยังคงมีเสถียรภาพ
    เจ้าหน้าที่รัฐบาลญี่ปุ่นกล่าวว่าพวกเขาผิดหวังกับการตัดสินใจครั้งนี้ “มีความกังวลอย่างมากจากวงการเศรษฐกิจทั้งของญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น เกี่ยวกับการลงทุนในอนาคตระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา และรัฐบาลญี่ปุ่นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง” โยจิ มูโตะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของญี่ปุ่น กล่าวในแถลงการณ์ถึงรอยเตอร์
    การตัดสินใจของประธานาธิบดี โจ ไบเดนเกิดขึ้นหนึ่งปีหลังจากที่Nippon Steel ประกาศข้อตกลงมูลค่า 14.9 พันล้านดอลลาร์ (12 พันล้านปอนด์)เพื่อซื้อบริษัทคู่แข่งUSS Steel ที่มีขนาดเล็กกว่าและมีฐานอยู่ในเพนซิลเวเนีย เป็นครั้งแรก
    สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามสำคัญๆ เกี่ยวกับเส้นทางข้างหน้าของบริษัทUSS Steel  ซึ่งมีชื่อเสียงกว่า 124 ปี และครั้งหนึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์ของมหาอำนาจทางอุตสาหกรรมของอเมริกา แต่ปัจจุบันก็ความสำคัญลดน้อยลงไปมาก
    บริษัทUSS Steel ใช้เวลาหลายเดือนในการหาผู้ซื้อรายอื่นก่อนที่จะประกาศความร่วมมือกับบริษัท Nippon Steel ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก ในเดือนธันวาคม 2023
    บริษัท US Steel ได้เตือนว่าบริษัทอาจจำเป็นต้องปิดโรงงานโดยไม่ได้ผู้ร่วมลงทุนเจ้าของใหม่ ความกังวลนี้ได้รับการสะท้อนจากพนักงานบางส่วนและนักการเมืองท้องถิ่น
    บริษัททั้งสองแห่งให้คำมั่นว่าจะไม่เลิกจ้างพนักงานและยอมประนีประนอมในประเด็นอื่น ๆ เพื่อพยายามหาเสียงสนับสนุนข้อตกลงดังกล่าว เมื่อสัปดาห์นี้เอง บริษัททั้งสองแห่งเสนอที่จะให้ทุนสนับสนุนศูนย์ฝึกอบรมแรงงาน และมีรายงานว่าให้สิทธิ์รัฐบาลในการยับยั้งการลดการผลิตที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
    แต่ข้อเสนอดังกล่าวไม่สามารถโน้มน้าวใจไบเดน ซึ่งออกมาคัดค้านข้อตกลงดังกล่าวเมื่อต้นปีที่แล้ว เนื่องจากอยู่ระหว่างฤดูกาลเลือกตั้งที่กำลังเข้มข้นขึ้นในรัฐเพนซิลเวเนียซึ่งเป็นรัฐสำคัญที่จะมีบทบาท 
    ธุรกรรมดังกล่าวยังได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากประธานาธิบดีคนใหม่ โดนัลด์ ทรัมป์ และรองประธานาธิบดีคนใหม่ เจดี แวนซ์ ซึ่งการอุทธรณ์ต่อคนงานสหภาพแรงงานของเขาถือเป็นส่วนสำคัญของข้อความหาเสียงของพวกเขา
    คณะกรรมการรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ได้รับมอบหมายให้ทบทวนข้อตกลงและความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติ ไม่สามารถบรรลุฉันทามติได้ในช่วงปลายเดือนธันวาคม ส่งผลให้ไบเดนต้องตัดสินใจแทน โดยเขาต้องดำเนินการภายในระยะเวลา 15 วัน
    ในประกาศของประธานาธิบีไบเดนเมื่อวันศุกร์ที่ 3 มกราคมนี้  เขากล่าวว่าการเป็นเจ้าของUSS Steel โดยบริษัทชาวต่างชาตินั้นมีความเสี่ยงต่อความมั่นคง และสั่งให้บริษัททั้งสอง ยกเลิกข้อตกลงภายใน 30 วัน
    “อุตสาหกรรมเหล็กกล้าที่เป็นเจ้าของและดำเนินการในประเทศที่แข็งแกร่งถือเป็นสิ่งสำคัญลำดับแรกด้านความมั่นคงของชาติและมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อห่วงโซ่อุปทานที่มีความยืดหยุ่น” เขากล่าว
    “นั่นเป็นเพราะเหล็กกล้าเป็นกำลังขับเคลื่อนประเทศของเรา ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐาน อุตสาหกรรมยานยนต์ และฐานอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ หากไม่มีการผลิตเหล็กกล้าในประเทศและแรงงานจากเหล็กกล้าในประเทศ ประเทศของเราจะไม่แข็งแกร่งและปลอดภัย”
    สหภาพแรงงานคนงานเหล็กกล้าแห่งสหรัฐอเมริกา เรียกการตัดสินใจครั้งนี้ว่าเป็น "การตัดสินใจที่ถูกต้องสำหรับสมาชิกและความมั่นคงของชาติของเรา" และกล่าวว่าการคัดค้านของสหภาพฯ เกิดจากความกังวลเกี่ยวกับความยั่งยืนในระยะยาวของอุตสาหกรรมนี้
    “เรารู้สึกขอบคุณประธานาธิบดีไบเดนที่เต็มใจดำเนินการอันกล้าหาญเพื่อรักษาอุตสาหกรรมเหล็กกล้าในประเทศให้แข็งแกร่ง และสำหรับความมุ่งมั่นตลอดชีวิตของเขาที่มีต่อคนงานชาวอเมริกัน” เดวิด แมคคอลล์ประธานสหภาพUnited Steelworkers กล่าว
    ศาสตราจารย์สตีเฟน นาจี จากภาควิชาการเมืองและการศึกษาระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยคริสเตียนนานาชาติแห่งโตเกียว เรียกการตัดสินใจของไบเดนว่าเป็น "เรื่องการเมือง" โดยระบุว่ารัฐบาลตั้งแต่แรกเริ่มได้สัญญาไว้ถึงนโยบายต่างประเทศ "สำหรับชนชั้นกลาง"
    “นี่คือการตอบสนองโดยตรงและสานต่อแผนงาน MAGA ของทรัมป์ในการทำให้ประเทศอเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง” เขากล่าว “รัฐบาลของไบเดนไม่สามารถแสดงท่าทีอ่อนแอต่อธุรกิจต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรหรือศัตรูก็ตาม”
    จอห์น เคอร์บี้ โฆษกทำเนียบขาว ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับพันธมิตรญี่ปุ่น โดยกล่าวว่าไบเดนได้ชี้แจงชัดเจนว่าการตัดสินใจครั้งนี้ "ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลญี่ปุ่น"
    “นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการผลิตเหล็กกล้าของสหรัฐฯ และการรักษาให้ผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐฯ เป็นบริษัทที่เป็นเจ้าของโดยชาวอเมริกัน” เขากล่าวในการแถลงข่าว
    หุ้นของบริษัท US Steel ร่วงลงมากกว่า 5% ในวันศุกร์
    นักวิเคราะห์กล่าวว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจไม่ถือเป็นการสิ้นสุดข้อตกลง คำสั่งของไบเดนระบุว่าคณะกรรมการการลงทุนจากต่างประเทศในสหรัฐฯ สามารถขยายเวลา 30 วันในการยกเลิกธุรกรรมดังกล่าวได้
    ศาสตราจารย์ Nagy กล่าวว่าเขาคิดว่าบริษัทต่างๆ อาจตัดสินใจที่จะลองอีกครั้งภายใต้การนำของทรัมป์ โดยอาจเสนอเงื่อนไขที่แตกต่างออกไปซึ่งจะทำให้ประธานาธิบดีคนใหม่สามารถอ้างได้ว่าเขาเจรจาข้อตกลงที่ดีกว่าได้
    นักวิเคราะห์การเมือง Terry Haines จาก Pangaea Policy กล่าวด้วยเช่นกันว่า แม้ทรัมป์จะวิพากษ์วิจารณ์ข้อตกลงดังกล่าว แต่เขาอาจมีเหตุผลให้พิจารณาการตัดสินใจดังกล่าวอีกครั้ง
    “สิ่งหนึ่งที่ยากในการตัดสินใจครั้งนี้ก็คือ ญี่ปุ่นเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับสหรัฐฯ” เขากล่าว “รัฐบาลมีภาระทางหลักฐานมากมายในการพิสูจน์สิ่งที่กำลังทำอยู่ในปัจจุบัน และสิ่งนี้ยังส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีกับญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ทรัมป์ต้องการหลีกเลี่ยง”

    นายเดวิด เบอร์ริตต์( David B. Burritt )ประธานและ CEO ของ U.S. Steel เดือดจัดออกหนังสือด่าไบเดนยับข้อหาล้มดีลยักษ์มูลค่า14,900 ดอลลาร์สหรัฐ(480,000 ล้านบาท) กับบริษัท นิปปอนสตีล ของญี่ปุ่น บริษัท Nippon Steel และ U.S. Steel กล่าวว่าการตัดสินใจของ Biden แสดงให้เห็นว่าการขัดขวางข้อตกลงดังกล่าวนั้นทำเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองที่ทุจริต นายเดวิด เบอร์ริตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ U.S. Steel เรียกการกระทำของนายไบเดนว่า "น่าละอายและฉ้อฉล" และเสริมว่า นายไบเดนได้ดูหมิ่นญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติที่สำคัญยิ่งของสหรัฐ และทำให้ความสามารถในการแข่งขันของสหรัฐตกอยู่ในความเสี่ยง โดยแถลงการณ์ประณามไบเดน ข้อหาล้มดีลยักษ์กับบริษัทนิปปอน สตีล ของญี่ปุ่นว่า ”การกระทำของปธน.ไบเดนในวันนี้น่าละอายและฉ้อฉล เขาให้ผลตอบแทนทางการเมืองแก่หัวหน้าสหภาพแรงงาน ในขณะที่ทำร้ายอนาคตของบริษัท, คนงานของเราและความมั่นคงของชาติ เขาดูหมิ่นญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติที่สำคัญ และทำให้ความสามารถในการแข่งขันของอเมริกาตกอยู่ในความเสี่ยง ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปักกิ่งกำลังเต้นรำบนถนน และไบเดนทำทั้งหมดนี้โดยปฏิเสธที่จะพบกับเราเพื่อรับรู้ข้อเท็จจริง พนักงานและชุมชนของเราสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้ เราต้องการประธานาธิบดี. ซึ่งทำงานหนักและรู้วิธีทำข้อตกลงที่ดีที่สุดสำหรับอเมริกา อย่าเข้าใจผิด: การลงทุนนี้คือสิ่งที่รับประกันอนาคตที่ยิ่งใหญ่สำหรับ U. S. Steel พนักงานของเรา ชุมชนของเรา และประเทศของเรา เราตั้งใจที่จะต่อสู้กับการทุจริตทางการเมืองของประธานาธิบดีไบเดน“ บริษัททั้งสองแห่งขู่ว่าจะฟ้องรัฐบาลหากข้อตกลงดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และได้กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่3มกราคมนี้ว่าจะ "ดำเนินการที่เหมาะสมเพื่อปกป้องสิทธิตามกฎหมายของพวกเขา" และระบุในแถลงการณ์ว่า "เราเชื่อว่าประธานาธิบดีไบเดนได้ทำลายอนาคตของคนงานโรงงานเหล็กชาวอเมริกันเพื่อวาระทางการเมืองของตัวเอง" และเสริมว่าการขัดขวางครั้งนี้ส่ง "ข้อความอันน่าสะพรึงกลัวไปยังบริษัทใดๆ ก็ตามที่มีฐานอยู่ในประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯ ที่กำลังพิจารณาลงทุนอย่างมีนัยสำคัญในสหรัฐฯ" ผลเสียหายที่ Nippon Steel อาจต้องเสียค่าธรรมเนียมการยกเลิกสัญญาจำนวน 565 ล้านดอลลาร์หรือราว 19,000 ล้านบาทให้กับ US Steel หากข้อตกลงดังกล่าวไม่ผ่าน นอกจากนี้ทางบริษัทยังต้องประเมินกลยุทธ์ในตลาดสหรัฐใหม่ ซึ่งคาดว่าอุปสงค์จะยังคงมีเสถียรภาพ เจ้าหน้าที่รัฐบาลญี่ปุ่นกล่าวว่าพวกเขาผิดหวังกับการตัดสินใจครั้งนี้ “มีความกังวลอย่างมากจากวงการเศรษฐกิจทั้งของญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น เกี่ยวกับการลงทุนในอนาคตระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา และรัฐบาลญี่ปุ่นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง” โยจิ มูโตะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของญี่ปุ่น กล่าวในแถลงการณ์ถึงรอยเตอร์ การตัดสินใจของประธานาธิบดี โจ ไบเดนเกิดขึ้นหนึ่งปีหลังจากที่Nippon Steel ประกาศข้อตกลงมูลค่า 14.9 พันล้านดอลลาร์ (12 พันล้านปอนด์)เพื่อซื้อบริษัทคู่แข่งUSS Steel ที่มีขนาดเล็กกว่าและมีฐานอยู่ในเพนซิลเวเนีย เป็นครั้งแรก สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามสำคัญๆ เกี่ยวกับเส้นทางข้างหน้าของบริษัทUSS Steel  ซึ่งมีชื่อเสียงกว่า 124 ปี และครั้งหนึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์ของมหาอำนาจทางอุตสาหกรรมของอเมริกา แต่ปัจจุบันก็ความสำคัญลดน้อยลงไปมาก บริษัทUSS Steel ใช้เวลาหลายเดือนในการหาผู้ซื้อรายอื่นก่อนที่จะประกาศความร่วมมือกับบริษัท Nippon Steel ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก ในเดือนธันวาคม 2023 บริษัท US Steel ได้เตือนว่าบริษัทอาจจำเป็นต้องปิดโรงงานโดยไม่ได้ผู้ร่วมลงทุนเจ้าของใหม่ ความกังวลนี้ได้รับการสะท้อนจากพนักงานบางส่วนและนักการเมืองท้องถิ่น บริษัททั้งสองแห่งให้คำมั่นว่าจะไม่เลิกจ้างพนักงานและยอมประนีประนอมในประเด็นอื่น ๆ เพื่อพยายามหาเสียงสนับสนุนข้อตกลงดังกล่าว เมื่อสัปดาห์นี้เอง บริษัททั้งสองแห่งเสนอที่จะให้ทุนสนับสนุนศูนย์ฝึกอบรมแรงงาน และมีรายงานว่าให้สิทธิ์รัฐบาลในการยับยั้งการลดการผลิตที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต แต่ข้อเสนอดังกล่าวไม่สามารถโน้มน้าวใจไบเดน ซึ่งออกมาคัดค้านข้อตกลงดังกล่าวเมื่อต้นปีที่แล้ว เนื่องจากอยู่ระหว่างฤดูกาลเลือกตั้งที่กำลังเข้มข้นขึ้นในรัฐเพนซิลเวเนียซึ่งเป็นรัฐสำคัญที่จะมีบทบาท  ธุรกรรมดังกล่าวยังได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากประธานาธิบดีคนใหม่ โดนัลด์ ทรัมป์ และรองประธานาธิบดีคนใหม่ เจดี แวนซ์ ซึ่งการอุทธรณ์ต่อคนงานสหภาพแรงงานของเขาถือเป็นส่วนสำคัญของข้อความหาเสียงของพวกเขา คณะกรรมการรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ได้รับมอบหมายให้ทบทวนข้อตกลงและความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติ ไม่สามารถบรรลุฉันทามติได้ในช่วงปลายเดือนธันวาคม ส่งผลให้ไบเดนต้องตัดสินใจแทน โดยเขาต้องดำเนินการภายในระยะเวลา 15 วัน ในประกาศของประธานาธิบีไบเดนเมื่อวันศุกร์ที่ 3 มกราคมนี้  เขากล่าวว่าการเป็นเจ้าของUSS Steel โดยบริษัทชาวต่างชาตินั้นมีความเสี่ยงต่อความมั่นคง และสั่งให้บริษัททั้งสอง ยกเลิกข้อตกลงภายใน 30 วัน “อุตสาหกรรมเหล็กกล้าที่เป็นเจ้าของและดำเนินการในประเทศที่แข็งแกร่งถือเป็นสิ่งสำคัญลำดับแรกด้านความมั่นคงของชาติและมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อห่วงโซ่อุปทานที่มีความยืดหยุ่น” เขากล่าว “นั่นเป็นเพราะเหล็กกล้าเป็นกำลังขับเคลื่อนประเทศของเรา ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐาน อุตสาหกรรมยานยนต์ และฐานอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ หากไม่มีการผลิตเหล็กกล้าในประเทศและแรงงานจากเหล็กกล้าในประเทศ ประเทศของเราจะไม่แข็งแกร่งและปลอดภัย” สหภาพแรงงานคนงานเหล็กกล้าแห่งสหรัฐอเมริกา เรียกการตัดสินใจครั้งนี้ว่าเป็น "การตัดสินใจที่ถูกต้องสำหรับสมาชิกและความมั่นคงของชาติของเรา" และกล่าวว่าการคัดค้านของสหภาพฯ เกิดจากความกังวลเกี่ยวกับความยั่งยืนในระยะยาวของอุตสาหกรรมนี้ “เรารู้สึกขอบคุณประธานาธิบดีไบเดนที่เต็มใจดำเนินการอันกล้าหาญเพื่อรักษาอุตสาหกรรมเหล็กกล้าในประเทศให้แข็งแกร่ง และสำหรับความมุ่งมั่นตลอดชีวิตของเขาที่มีต่อคนงานชาวอเมริกัน” เดวิด แมคคอลล์ประธานสหภาพUnited Steelworkers กล่าว ศาสตราจารย์สตีเฟน นาจี จากภาควิชาการเมืองและการศึกษาระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยคริสเตียนนานาชาติแห่งโตเกียว เรียกการตัดสินใจของไบเดนว่าเป็น "เรื่องการเมือง" โดยระบุว่ารัฐบาลตั้งแต่แรกเริ่มได้สัญญาไว้ถึงนโยบายต่างประเทศ "สำหรับชนชั้นกลาง" “นี่คือการตอบสนองโดยตรงและสานต่อแผนงาน MAGA ของทรัมป์ในการทำให้ประเทศอเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง” เขากล่าว “รัฐบาลของไบเดนไม่สามารถแสดงท่าทีอ่อนแอต่อธุรกิจต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรหรือศัตรูก็ตาม” จอห์น เคอร์บี้ โฆษกทำเนียบขาว ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับพันธมิตรญี่ปุ่น โดยกล่าวว่าไบเดนได้ชี้แจงชัดเจนว่าการตัดสินใจครั้งนี้ "ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลญี่ปุ่น" “นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการผลิตเหล็กกล้าของสหรัฐฯ และการรักษาให้ผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐฯ เป็นบริษัทที่เป็นเจ้าของโดยชาวอเมริกัน” เขากล่าวในการแถลงข่าว หุ้นของบริษัท US Steel ร่วงลงมากกว่า 5% ในวันศุกร์ นักวิเคราะห์กล่าวว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจไม่ถือเป็นการสิ้นสุดข้อตกลง คำสั่งของไบเดนระบุว่าคณะกรรมการการลงทุนจากต่างประเทศในสหรัฐฯ สามารถขยายเวลา 30 วันในการยกเลิกธุรกรรมดังกล่าวได้ ศาสตราจารย์ Nagy กล่าวว่าเขาคิดว่าบริษัทต่างๆ อาจตัดสินใจที่จะลองอีกครั้งภายใต้การนำของทรัมป์ โดยอาจเสนอเงื่อนไขที่แตกต่างออกไปซึ่งจะทำให้ประธานาธิบดีคนใหม่สามารถอ้างได้ว่าเขาเจรจาข้อตกลงที่ดีกว่าได้ นักวิเคราะห์การเมือง Terry Haines จาก Pangaea Policy กล่าวด้วยเช่นกันว่า แม้ทรัมป์จะวิพากษ์วิจารณ์ข้อตกลงดังกล่าว แต่เขาอาจมีเหตุผลให้พิจารณาการตัดสินใจดังกล่าวอีกครั้ง “สิ่งหนึ่งที่ยากในการตัดสินใจครั้งนี้ก็คือ ญี่ปุ่นเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับสหรัฐฯ” เขากล่าว “รัฐบาลมีภาระทางหลักฐานมากมายในการพิสูจน์สิ่งที่กำลังทำอยู่ในปัจจุบัน และสิ่งนี้ยังส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีกับญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ทรัมป์ต้องการหลีกเลี่ยง”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 381 มุมมอง 0 รีวิว
  • อยากเขี่ยทิ้งแทบขาดใจ แต่ทำได้แค่ยิ้มสยาม
    เรื่องการยุบสภา สถานการณ์ตอนนี้ ทุกพรรคการเมืองยกเว้นพรรคประชาชนไม่มีใครพร้อมลงสนามเลือกตั้ง โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาล เพราะเรตติ้งไม่ค่อยดี ผลงานยังไม่มีเป็นชิ้นเป็นอัน
    ที่สําคัญพรรคเพื่อไทยยังไม่ได้แก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะปลดล็อกมรดกเผด็จการสร้างกติกาที่ตัวเองได้เปรียบและเปลี่ยนมาเป็นคนกําหนดเกมบ้าง ซึ่งดูแล้วก็คงไม่ยากเพราะกระดูกก้อนโตชิ้นสําคัญ ไม่ได้อยู่ที่ฝ่ายค้านแต่อยู่ที่ฝ่ายรัฐบาลด้วยกันเองโดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย กองกําลังสีน้ําเงินที่สวมบท ภูมิใจขวางอยู่
    พรรคภูมิใจไทยไม่ได้หวงมรดก คสช แต่บ้านใหญ่บุรีรัมย์อ่านขาดว่าถ้าปล่อยให้ทําประชามติกันง่ายง่ายปูทางให้พรรคเพื่อไทยแก้ไขรัฐธรรมนูญสําเร็จ พรรคเพื่อไทยได้ประโยชน์เต็มเต็มพรรคเดียวแน่นอนและที่อาจจะเป็นของร้อนบั่นทอนอายุรัฐบาลได้ก็คือสิ่งที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า อาจจะมีการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ให้ทักษิณกลับมาเล่นการเมืองได้อีกครั้ง จับอาการที่ แม้วเดินสายไฮปาร์ค ดูออกว่าคันไม้คันมืออยากจะลงสนามเองเพราะมันคล่องตัวกว่าการให้คนอื่นเป็น
    ถ้ามีการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่จริง โดยมีปมร้อนร้อนดังกล่าว จะกลายเป็นการหาเงื่อนไขให้ฝ่ายต้านระดมคนออกมาบนท้องถนนอีกครั้ง แต่ค่ายสีน้ําเงินยังต้องการเสวยสุขอยู่ในอํานาจ ฉะนั้นอะไรที่มันร้อนมันเสี่ยง ก็สวมบทภูมิใจขวางแบบเนียนเนียนทุกเรื่อง
    ขณะที่พรรคเพื่อไทยและนายใหญ่ ต่อให้จะอึดอัดกับบทบาทของพรรคภูมิใจไทยแค่ไหน ก็ยากที่จะเขี่ยทิ้งเหมือนในสิ่งที่ใจต้องการได้ สมการการเมืองในวันนี้ไม่มีทางเลือกให้พรรคเพื่อไทยมากนัก ถ้าไม่เอาพรรคภูมิใจไทย ไม่เอารวมไทยสร้างชาติ
    พรรคเพื่อไทยจะไปหาเสียงส.ส.ในสภามาจากไหน ในเมื่อไฟท์บังคับมาแล้วว่าจับกับใครก็ได้ แต่ห้ามจับกับพรรคประชาชนเด็ดขาด แค่สมการนี้ก็จบเห่
    ถึงอย่างไรก็ต้องอดทนอดกลั้นอยู่กันไปแบบตบหัวลูบหลังแบบนี้กันไปเรื่อยเรื่อยสิ่งที่พรรคเพื่อไทยทํากับพรรคภูมิใจไทยได้มากที่สุด มีแค่เพียงบีบ กดดันบั่นทอนอํานาจต่อรองไม่ให้สวมบทภูมิใจขวางได้มากนัก เช่นเดียวกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่แม้หัวหน้าพรรคจะทําตัวเป็นเอกเทศหลายเรื่องก็ขวางแบบเนียนเนียนตามประสาพรรคอนุรักษ์นิยมจ๋า แต่จะเขี่ยทิ้ง ก็ยากเพราะเป็นองคาพยพสําคัญที่ทําให้การจัดตั้งรัฐบาลพรรคเพื่อไทยสําเร็จ การไปเขี่ยทิ้งก็เท่ากับเปิดศึกกับผู้คุมดุลอํานาจในประเทศตอนนี้
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    อยากเขี่ยทิ้งแทบขาดใจ แต่ทำได้แค่ยิ้มสยาม เรื่องการยุบสภา สถานการณ์ตอนนี้ ทุกพรรคการเมืองยกเว้นพรรคประชาชนไม่มีใครพร้อมลงสนามเลือกตั้ง โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาล เพราะเรตติ้งไม่ค่อยดี ผลงานยังไม่มีเป็นชิ้นเป็นอัน ที่สําคัญพรรคเพื่อไทยยังไม่ได้แก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะปลดล็อกมรดกเผด็จการสร้างกติกาที่ตัวเองได้เปรียบและเปลี่ยนมาเป็นคนกําหนดเกมบ้าง ซึ่งดูแล้วก็คงไม่ยากเพราะกระดูกก้อนโตชิ้นสําคัญ ไม่ได้อยู่ที่ฝ่ายค้านแต่อยู่ที่ฝ่ายรัฐบาลด้วยกันเองโดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย กองกําลังสีน้ําเงินที่สวมบท ภูมิใจขวางอยู่ พรรคภูมิใจไทยไม่ได้หวงมรดก คสช แต่บ้านใหญ่บุรีรัมย์อ่านขาดว่าถ้าปล่อยให้ทําประชามติกันง่ายง่ายปูทางให้พรรคเพื่อไทยแก้ไขรัฐธรรมนูญสําเร็จ พรรคเพื่อไทยได้ประโยชน์เต็มเต็มพรรคเดียวแน่นอนและที่อาจจะเป็นของร้อนบั่นทอนอายุรัฐบาลได้ก็คือสิ่งที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า อาจจะมีการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ให้ทักษิณกลับมาเล่นการเมืองได้อีกครั้ง จับอาการที่ แม้วเดินสายไฮปาร์ค ดูออกว่าคันไม้คันมืออยากจะลงสนามเองเพราะมันคล่องตัวกว่าการให้คนอื่นเป็น ถ้ามีการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่จริง โดยมีปมร้อนร้อนดังกล่าว จะกลายเป็นการหาเงื่อนไขให้ฝ่ายต้านระดมคนออกมาบนท้องถนนอีกครั้ง แต่ค่ายสีน้ําเงินยังต้องการเสวยสุขอยู่ในอํานาจ ฉะนั้นอะไรที่มันร้อนมันเสี่ยง ก็สวมบทภูมิใจขวางแบบเนียนเนียนทุกเรื่อง ขณะที่พรรคเพื่อไทยและนายใหญ่ ต่อให้จะอึดอัดกับบทบาทของพรรคภูมิใจไทยแค่ไหน ก็ยากที่จะเขี่ยทิ้งเหมือนในสิ่งที่ใจต้องการได้ สมการการเมืองในวันนี้ไม่มีทางเลือกให้พรรคเพื่อไทยมากนัก ถ้าไม่เอาพรรคภูมิใจไทย ไม่เอารวมไทยสร้างชาติ พรรคเพื่อไทยจะไปหาเสียงส.ส.ในสภามาจากไหน ในเมื่อไฟท์บังคับมาแล้วว่าจับกับใครก็ได้ แต่ห้ามจับกับพรรคประชาชนเด็ดขาด แค่สมการนี้ก็จบเห่ ถึงอย่างไรก็ต้องอดทนอดกลั้นอยู่กันไปแบบตบหัวลูบหลังแบบนี้กันไปเรื่อยเรื่อยสิ่งที่พรรคเพื่อไทยทํากับพรรคภูมิใจไทยได้มากที่สุด มีแค่เพียงบีบ กดดันบั่นทอนอํานาจต่อรองไม่ให้สวมบทภูมิใจขวางได้มากนัก เช่นเดียวกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่แม้หัวหน้าพรรคจะทําตัวเป็นเอกเทศหลายเรื่องก็ขวางแบบเนียนเนียนตามประสาพรรคอนุรักษ์นิยมจ๋า แต่จะเขี่ยทิ้ง ก็ยากเพราะเป็นองคาพยพสําคัญที่ทําให้การจัดตั้งรัฐบาลพรรคเพื่อไทยสําเร็จ การไปเขี่ยทิ้งก็เท่ากับเปิดศึกกับผู้คุมดุลอํานาจในประเทศตอนนี้ ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 397 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ อีกเดือนกว่าถึงซักฟอกรัฐบาล แต่วิโรจน์ประกาศฟันสุริยะ ตามใบสั่งธนาธร แต่ละเส้นนักโทษชั้น14 และบทบาทครอบงำเพื่อไทย สะท้อนภาพ น้ำข้นกว่าเลือดในยุคพรรคประชาชน
    #7ดอกจิก
    ♣ อีกเดือนกว่าถึงซักฟอกรัฐบาล แต่วิโรจน์ประกาศฟันสุริยะ ตามใบสั่งธนาธร แต่ละเส้นนักโทษชั้น14 และบทบาทครอบงำเพื่อไทย สะท้อนภาพ น้ำข้นกว่าเลือดในยุคพรรคประชาชน #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 303 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sony และ AMD ร่วมมือกันพัฒนาเทคโนโลยี FSR 4 และสถาปัตยกรรม UDNA สำหรับ GPU ในปี 2026 และ PS6 โดย Sony มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยี PSSR ที่ช่วยให้ AMD พัฒนา FSR 4 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ Sony ยังมีส่วนร่วมในการพัฒนาสถาปัตยกรรม UDNA ที่จะใช้ใน PS6 ซึ่งเป็นการรวมสถาปัตยกรรมสำหรับเซิร์ฟเวอร์และการเล่นเกมเข้าด้วยกัน การร่วมมือระหว่าง Sony และ AMD นี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการพัฒนาเทคโนโลยี

    https://tech4gamers.com/sony-udna-architecture-ps6/
    Sony และ AMD ร่วมมือกันพัฒนาเทคโนโลยี FSR 4 และสถาปัตยกรรม UDNA สำหรับ GPU ในปี 2026 และ PS6 โดย Sony มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยี PSSR ที่ช่วยให้ AMD พัฒนา FSR 4 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ Sony ยังมีส่วนร่วมในการพัฒนาสถาปัตยกรรม UDNA ที่จะใช้ใน PS6 ซึ่งเป็นการรวมสถาปัตยกรรมสำหรับเซิร์ฟเวอร์และการเล่นเกมเข้าด้วยกัน การร่วมมือระหว่าง Sony และ AMD นี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการพัฒนาเทคโนโลยี https://tech4gamers.com/sony-udna-architecture-ps6/
    TECH4GAMERS.COM
    Sony Helped AMD With Development of FSR 4 & Future UDNA Architecture For 2026 GPUs and PS6
    Sony influenced development of FSR 4 and UDNA architecture by providing AMD with PSSR tech, the UDNA architecture will be used in the PS6.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts